101250
ตอนที่ 41.2
“อาบน้ำเลยมั้ย เดี๋ยวผมเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้”รามิเรสถามธนพัฒน์ที่นั่งรออยู่ที่โซฟา หลังจากกินข้าวเย็นกับครอบครัวนั้นของกุ้ยช่าย รามิเรสก็พามาบ้านของตัวเอง
ใบหน้าเรียบนิ่งก้มลงมองพื้นไม่กล้าสบตา นึกถึงตอนที่ตัวเองเถียงกับพ่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโมโหหรืออะไรถึงได้บอกว่ารักรามิเรสออกไปอย่างนั้น
พอกลับมาคิดดูอีกทีก็อายจนไม่กล้ามองหน้า ส่วนรามิเรสก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักอย่าง ไม่แน่บางทามิเรสอาจจะจำไม่ได้ ธนพัฒน์นั่งครุ่นคิด ไม่ได้ฟังรามิเรสพูด
“อาบน้ำเลยมั้ย คิดอะไรอยู่เหรอครับ”รามิเรสมาหยุดยืนข้างหน้าช้อนเอาใบหน้าที่ก้มมองพื้นขึ้นมาจ้องตา
“อะ อะไร”
“ก็อาบน้ำเลยมั้ย จะได้เตรียมเสื้อผ้าให้”รามิเรสยิ้ม มองแก้มเนียนสองข้างขึ้นสีจางๆ
“อะ อืม ขอบคุณ”
“เดี๋ยวผมจะขึ้นไปเตรียมห้องนอนไว้ด้วย คงจะใช้เวลานานหน่อย ไม่เคยมีแขกมาน่ะ”
“จะดีเหรอ ไม่อยากรบกวน”ธนพัฒน์ช้อนตามอง ถามด้วยเสียงแผ่วเบา
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้ ผมไม่อยากให้พัฒน์อยู่คนเดียว”รามิเรสยิ้ม
“คือว่า”ธนพัฒน์ถาม แต่ก็นิ่งไป
“มีอะไรเหรอ”
“คือ”ธนพัฒน์กำชายเสื้อตัวเองแน่น
“หืม?”รามิเรสเลิกคิ้วถามจ้องมองใบหน้าแดงเรื่อ ตาคมเสหลบไปมองทางอื่น
“นะ นอนด้วยกันก็ได้”
“ได้สิ เดี๋ยวผมขึ้นไปเตรียมเสื้อผ้าให้”รามมิเรสรีบรับปาก ดวงตาสีน้ำทะเลเป็นประกายทันทีที่ได้ยิน ต้องรีบรับปาก ไม่งั้นกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ
วิ่งขึ้นบันไดตึงตังไปอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้ธนพัฒน์นั่งหน้าแดงอยู่คนเดียว
รามิเรสเปิดประตูห้องนอนเข้ามาด้วยความดีใจ คิดวางแผนอยู่ในใจไว้ค่อยให้ธนพัฒน์เผลอก่อน ค่อยแอบกอดเอาแบบเนียนๆ
แต่ทว่า ไม่รู้ว่ารามี่น้อยจะอดทนได้ดีแค่ไหนกัน คนที่รักนักรักหนามานอนอยู่ใกล้ๆขนาดนี้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วันรุ่งขึ้น
“สวัสดีครับคุณมาติเนซ ยินดีที่ได้พบครับ”
“ดีใจที่มานะครับคุณกวิน เชิญนั่ง”มาตินเชิญให้ทนายของครอบครัวเข้ามาในบ้าน
กวินทนายประจำตระกูลที่เหมือนกับญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งในครอบครัวเดินเข้ามา ตาเหลือบมองไปเห็นครึ่งหนึ่งของโซนรับแขกถูกกั้นเป็นคอก ข้างในมีวัสดุโฟมรองพื้นกันกระแทก กับของเล่นวางเกลื่อนมากมาย มองเห็นเด็กร่างจ้ำม่ำกำลังเล่นของเล่นอยู่กับ
ตั้งโอ๋เด็กตัวกลมอ้วนผิวขาวส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากก็ถึงกับยิ้มมุมปากตาม
นานมากแล้วที่กวินรับใช้รุ่นพ่อของมาติน เห็นมาตินมาตั้งแต่ยังเด็ก พอจะได้ยินข่าวเสียหายมามาก แค่ข่าวมีลูกโดยที่ไม่รู้ว่าคนเป็นแม่คือใครก็พอทนแล้ว แต่จู่ๆก็ดันหันไปแต่งงานกับผู้ชาย เป็นข่าวให้นินทากันครึกโครม
พอวันนี้มาได้เห็นกับตาก็ถึงกับเข้าใจ บางทีคนเรา ต้องมีปัจจัยอะไรบางอย่าง ถึงจะเกิดแรงกระตุ้นเพื่อให้เปลี่ยนแปลง จากคนที่ดูไม่เอาไหนกลับกลายเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีได้
“เฮ้ย ไม่คิดจะเชิญกันเข้าบ้านเลยเหรอวะ”รามิเรสโวยวายเสียงดังอยู่หน้าประตูบ้าน
“เคยเชิญด้วยเหรอ เห็นทุกทีก็เข้ามาเอง”มาติมองค้อนไปที่เพื่อนสนิท เห็นว่ายืนอยู่นานแล้ว แต่ก็ไม่เข้ามา เลยทำเป็นไม่สนใจ
“แต่วันนี้คุณธนพัฒน์ก็มาด้วยนะเว้ย”รามิเรสอ้าง
“เออๆ เข้ามา”มาตินบอกปัดๆ ปกติก็เดินเข้ามาเลย พอมีแฟนล่ะเป็นอะไรนักหนา กะจะมาปักหลักที่ไทยเลยรึไง
“อ่าวพี่พัฒน์กับคุณรามิเรสมาด้วยเหรอ”กุ้ยช่ายทัก มือถือถาดใส่แก้วชามะลิมาให้แขก
“ชามะลิครับ”กุ้ยช่ายบอกกวินยกแก้ววางที่โต๊ะกลาง
“ขอบคุณครับ”กวินทนายวัยกลางคนตอบรับ จ้ององใบหน้าขาวของกุ้ยช่าย ภายนอกดูเหมือนจะไม่โดดเด่นอะไรมากนัก แต่คงจะต้องมีอะไรสักอย่างที่ดึงดูดทำให้คนอย่างมาตินเปลี่ยนไปขนาดนี้
“เดี๋ยวช่ายไปเอาชามะลิมาเพิ่มนะ พี่พัฒน์กับคุณรามิเรสนั่งกันก่อนครับ”
“ขอบคุณครับ”รามิเรสดึงธนพัฒฯให้นั่งที่โซฟาอีกฟากข้างๆกัน
ไม่นานกุ้ยช่ายก็ยกชามะลิมาเสริฟครบคน แล้วไปนั่งข้างมาติน
“ผมจะเริ่มเลยนะครับ ก่อนอื่นผมต้องบอกว่าเปอร์เซ็นต์ที่เราจะชนะมีอยู่สูงมาก แต่ว่าจุดอ่อนของทางเราที่เขาจะยกขึ้นมาอ้าง
เพื่อเรียกร้องสิทธิมันก็ค่อนข้างนะหนักพอควร เพราะสังคมประเทศไทยค่อนข้างจะยังไม่ยอมรับคู่แต่งงานเพศเดียวกัน ข้อนี้เป็นประเด็นหลัก”
“แล้วเราต้องทำยังไงบ้างครับ”กุ้ยช่ายถามด้วยความกังวล บีบมือมาตินที่กระชับแน่น
“เราต้องแสดงหลักฐานให้ศาลได้เห็นว่าเราสามารถเลี้ยงเด็กคนนี้ไดดีแค่ไหน”
“ยังไง แกติกุ้ยช่ายก็เลี้ยงตั้งโอ๋มาด้วยตัวคนเดียวตลอดนี่ครับ”มาตินแย้ง
“มันก็จริงอยู่ แต่เราไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะแสดงถึงข้อเท็จจริงข้อนั้นได้”กวินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“แล้วจุดอ่อนของฝั่งนั้นมีบ้างมั้ย”มาตินถาม
“จะว่ามีมันก็มี แต่หลักฐานฝั่งเราก็ไม่มีเหมือนกัน เราสามารถจะอ้างได้ว่างฝ่ายนั้นไม่เคยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแล้วไม่ได้เข้ามาเรียกร้องสิทธิตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เราขาดหลักฐานที่ว่า”
“เราเอาคำยืนยันจากกุ้ยช่ายเป็นหลักฐานไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่ได้ครับ คุณกุ้ยช่ายคือคู่กรณี ทางศาลไม่เอาคำให้การของคู่กรณีขึ้นมาเป็นหลักฐาน”
“งั้นเราจะทำยังไงเพื่อให้มีหลักฐาน”
“ข้อนี้คือปัญหาของทางเราครับ ที่ต้องมาช่วยกันคิดหาหลักฐาน”
“แล้วเราจะเอาหลัฐานมาจากไหน”มาตินถาม
“นั่นสิ แล้วเราจะหาหลักฐานมาจากไหนได้”รามิเรสพึมพำยกมือขึ้นจับคางอย่างใช้ความคิดรู้สึกถึงแรงกระตุกชายเสื้อด้านข้างจึงหันไปมองธนพัฒน์
มีต่อ