『 ปรสิต ☤ บทส่งท้าย 』 | horror thriller (17-03-15) | จบแล้วค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 『 ปรสิต ☤ บทส่งท้าย 』 | horror thriller (17-03-15) | จบแล้วค่ะ  (อ่าน 197767 ครั้ง)

ออฟไลน์ zoochi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 06 』 | horror thriller (26-02-15)
«ตอบ #120 เมื่อ26-02-2015 18:19:35 »

ไม่มีอะไรมาก แค่อยากบอกว่า ชอบเฟ่ออออออออออ
คนเขียนแต่งดี ชอบคู่แรกมากกว่า มันหวานแบบขมๆ กิกิ
อัพถี่ๆเลยนะค่ะ จะติดตาม

#หนูน้อยใจ

ออฟไลน์ pim-lovemj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 06 』 | horror thriller (26-02-15)
«ตอบ #121 เมื่อ26-02-2015 19:06:31 »

 o13 สนุกปนหลอน แต่ก้อต้องติดตามคร่า
คนเขียนเขียนได้สนุกมากๆๆค่ะ

ออฟไลน์ elieanna

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 06 』 | horror thriller (26-02-15)
«ตอบ #122 เมื่อ26-02-2015 19:47:31 »

อะฮะ เหมือนจะได้เงื่อนงำบางอย่าง :ling3:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: 『 ปรสิต ☤ 06 』 | horror thriller (26-02-15)
«ตอบ #123 เมื่อ26-02-2015 19:59:31 »

คิดไปแล้วว่าแพรพลอยนี่ผีแหงๆ o22
กันต์หายกลัวบ้างยัง มีหมออธิศกอดไว้ด้วยอ่ะ อิอิ :impress2:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: 『 ปรสิต ☤ 06 』 | horror thriller (26-02-15)
«ตอบ #124 เมื่อ26-02-2015 20:59:26 »

แล้วกันต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง   :serius2:

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: 『 ปรสิต ☤ 06 』 | horror thriller (26-02-15)
«ตอบ #125 เมื่อ26-02-2015 21:02:41 »

รามิล น่าสงสัยมากอ่ะ ทำไมถึงมั่นใจว่าแพรพลอยไม่น่าจะโทรมาหาได้
แล้วที่ตามน้องกันต์อยู่นี่ ใช่แพรพลอยหรือเปล่า ทำไมไปตามน้องกันต์ไม่ตามเก้าอ่ะ
พี่หมออธิศ อบอุ่นจังเลย  :o8: อย่างน้อยก็คืนนี้แหละ ที่น้องกันต์จะได้หลับเต็มอิ่มกับเขาบ้าง
น้องน่าสงสารมาก ดีนะที่พี่หมอ ก็ได้เห็นอะไร ๆ กับเขาบ้าง จะได้ไม่หาว่าน้องกันต์บ้าอยู่คนเดียว

ลึกลับซ่อนเงื่อน สยองขวัญดีแท้ สนุกมากเลยค่ะ รอติดตามน้า
อ่านตอนกลางคืนอีกแล้ว แงงงง  :ling3:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: 『 ปรสิต ☤ 06 』 | horror thriller (26-02-15)
«ตอบ #126 เมื่อ26-02-2015 21:58:36 »

รอให้ปมต่างๆค่อยๆคลายออกมา ตอนนี้รามิลน่าสงสัยจริงๆแหละ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ LAFIA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 06 』 | horror thriller (26-02-15)
«ตอบ #127 เมื่อ26-02-2015 23:01:15 »

หลอนนนน  :katai1:
แต่ถ้าตัดความหลอนไปนี่เขิลตอนเค้าจูบ เค้ากอดกัน เอร้ยยย  :-[ คนเขียนแอบซ่อนมุมหวานๆในมุมหลอนๆนะเนี่ย 5555
อีกเรื่องคือ มานั่งคิดดู รามิลกับศรัณย์พอเข้าใจว่าทำไมพลอยถึงหลอก (ถ้าเข้าใจไม่ผิดว่าผีโคลนนั่นคือพลอย?)
แต่อธิศกับชนกันย์น่ะ? ไปทำอะไรให้เธอตั้งแต่เมื่อใดดด เค้ารู้จักเธอกันด้วยหรือนี่  :katai1:
ก็จะติดตามต่อไปจ้า คนเขียนแต่งได้สุดยอดมากค่ะ ทำให้คนอ่านเข้าถึงอารมณ์ได้ ยิ่งเรื่องหลอนๆนี่แต่งดึงอารมณ์ยากมาก นับถือ  o13
จะติดตามต่อไปจ้า +ให้เบยย สู้ๆ  :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ ben

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-3
Re: 『 ปรสิต ☤ 06 』 | horror thriller (26-02-15)
«ตอบ #128 เมื่อ26-02-2015 23:14:07 »

อย่าบอกว่าเก้าสั่งคนไปฆ่าปิดปากพลอยนะ !!! แล้วเรื่องนี้เกี่ยวกับกันต์ยังไงอ่ะ ต่ออีกวันละ3ตอนหลังอาหารได้ป้ะ55555

ออฟไลน์ FiZZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 06 』 | horror thriller (26-02-15)
«ตอบ #129 เมื่อ26-02-2015 23:30:37 »

สงสัยว่าน้องกันต์เกี่ยวข้องะไรกับเรื่องนี้ เพราะน้องโดนหลอกคนแรกแถมโดนหนักสุดด้วย
ถ้าศพที่น้องจ้องตาด้วยใช่แพรพลอยจริง ทำไมจนป่านนี้ยังบอกว่าหายตัวไปอยู่ ก็น่าจะเป็นพบศพแล้วอะไรงี้มากกว่านี่นา
หรือว่าถ้าเป็นศพที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร แล้วตอนนั้นก็มีคนตามหาลูกสาวที่หายไป ปกติจะมีการให้ตรวจดูมั้ยว่านี่ลูกสาวคุณรึเปล่า
อะไรงี้ โอ้ย อยากรู้เรื่องไวๆค่ะ ต่อมขี้สงสัยกำเริบ 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 『 ปรสิต ☤ 06 』 | horror thriller (26-02-15)
« ตอบ #129 เมื่อ: 26-02-2015 23:30:37 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เกสรทอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 06 』 | horror thriller (26-02-15)
«ตอบ #130 เมื่อ26-02-2015 23:37:36 »

โอ้ย ตอนนี้ดีงาม ไม่มีผี มีแต่ฟิน 5555555 อัพบ่อยๆนะครับ แต่อย่าอัพดึกๆนะเตง รัก

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: 『 ปรสิต ☤ 06 』 | horror thriller (26-02-15)
«ตอบ #131 เมื่อ27-02-2015 01:15:59 »

หลอนมากกกกก สนุก รออ่านตอนต่อไปค่ะ รีบมาต่อไวๆ นะ  :call:

ออฟไลน์ zaszaq

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
Re: 『 ปรสิต ☤ 06 』 | horror thriller (26-02-15)
«ตอบ #132 เมื่อ27-02-2015 07:11:01 »

 :เฮ้อ:  แพรพลอยนี้ท่าจะตายแล้วแน่ๆๆ

แล้วใครฆ่าละ  :m28: ปมเยอะ


สนุกมากๆๆค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
Re: 『 ปรสิต ☤ 06 』 | horror thriller (26-02-15)
«ตอบ #133 เมื่อ27-02-2015 14:31:32 »

 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:หลอนดีขอบรอติดตามตอนต่อไปจ้า :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
«ตอบ #134 เมื่อ27-02-2015 21:54:53 »



ปรสิต | 07







รับเอาแก้วกาแฟร้อนออกมาจากตู้อัตโนมัติ มือหนึ่งล้วงอยู่ในเสื้อกาวน์ขณะที่อีกมือยกแก้วขึ้นจรดปาก ดวงตากลมโตวันนี้ไม่มีแววของความสดใส มันทั้งหมองคล้ำ อิดโรย และผิดปกติเกินกว่าที่พยาบาลหลายคนจะกล้าเอ่ยทักทาย


ศรัณย์รู้สึกว่าน้ำกาแฟร้อนน้อยกว่าปกติด้วยซ้ำในตอนที่เขาถือมันเดินกลับไปยังห้องตรวจ ทั้งที่ทำงานมาค่อนวันแล้ว แต่กลับนึกโมโหตัวเองที่ยังปล่อยให้หัวสมองคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องเหมือนคนไร้สติ ในตอนนี้เขาแทบท่องชื่อกระดูกได้ไม่ครบทุกส่วนด้วยซ้ำถ้าถูกถาม โชคดีว่าในตอนเช้าไม่มีผู้ป่วยหนัก


ยกปลายนิ้วขึ้นนวดขมับเบา ๆ ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบเตียงคนไข้แล้วรื้อฟื้นเรื่องเมื่อวานขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ศรัณย์นอนไม่หลับ แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกทีก็เช้าแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เขาต้องขอบคุณความอ่อนเพลียในการเป็นยานอนหลับชั้นเลิศ ครั้นก้นถึงเก้าอี้ก็ได้แต่ปล่อยตัวพิงพนักแล้วหลับพักสายตาอยู่ครึ่งนาที มีแฟ้มคนไข้กองอยู่เต็มโต๊ะ เห็นอย่างนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ ถึงได้หยิบเลือกแฟ้มแต่ละแฟ้มมาเปิดดูผ่าน ๆ


เดินออกไปทางเคาน์เตอร์ด้านหน้าด้วยคิ้วขมวดมุ่น แฟ้มสีส้มจากมือถูกยื่นให้พยาบาลวัยกลางคนในชุดกางเกงสีขาว หล่อนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “มีอะไรคะหมอ”


“คนไข้ไม่มาตามนัดเจาะเลือดสองอาทิตย์แล้วนะครับ รบกวนโทรเช็กญาติผู้ป่วยให้ที” ขณะที่พูดก็นึกหน้าคุณยายรูปร่างท้วม ผมดำแซมอยู่ตามผมหงอกที่ขึ้นครบทั้งหัว ทั้งยังสีหน้าหวาด ๆ จากการเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนที่แล้วอีก


“นางจำเนียร จันทร์โสภา” พยาบาลทวนชื่อในแฟ้มก่อนจะเสิร์ชข้อมูลในคอมพิวเตอร์เพื่อหาเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ หันไปหยิบโทรศัพท์และพูดคุยกับปลายสายไม่ถึงสองนาที คิ้วเธอก็ขมวดปมตามเขาไปอีกคนหนึ่ง “เอ่อ หมอคะ”


“ว่าไงครับ” ศรัณย์รู้สึกว่าการรอคอยคำตอบช่างยาวนานเหลือเกิน


“คนไข้ชื่อจำเนียร อายุเจ็ดสิบสี่ใช่ไหมคะ”


“คิดว่าใช่”


“คือ --” เธอดูอึกอัก อาจเพราะยังเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก “ญาติบอกว่าคนไข้เสียชีวิตไปตั้งแต่สามวันที่แล้วค่ะ”


“ว่าไงนะ?”


ถึงนี่จะเป็นเรื่องสุดแสนปกติของการเป็นแพทย์ แต่ถึงอย่างนั้นศรัณย์ก็ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเท่าไรนัก เขารีบเดินอ้อมไปทางด้านข้างก่อนถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปด้านในห้องระเบียน หยุดยืนอยู่หน้านางพยาบาลคนเดิมแล้วว่า “ขอผมคุยกับญาติคนไข้เอง”


เอี้ยวตัวไปดูหมายเลขบนจอคอมพิวเตอร์ก่อนจะกดเบอร์ลงไปบนโทรศัพท์ เสียงรอสายดังเข้ามาในหู ไม่ถึงสิบวินาทีเสียงจากปลายสายก็ตอบรับ







--------------------------------------------------







ช่วงบ่ายวันนี้แผนกจิตเวชมีคนไข้น้อยกว่าทุกที รายสุดท้ายที่มาปรึกษาอาการนอนไม่หลับกลับไปตั้งแต่เมื่อชั่วโมงก่อน แพทย์หนุ่มพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นจนถึงศอก ถอดแว่นออกพักสายตาแล้วก้มมองนาฬิกาข้อมือ จากที่นัดกันไว้ เขายังต้องรอชนกันต์ออกเวรในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า


ข้างนอกฟ้ามืดแล้ว อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนในช่วงนี้ส่งผลให้กลางคืนดูยาวนานกว่าปกติ ถึงใจอยากจะออกไปยืดเส้นยืดสายสักหน่อย แต่อธิศก็ตัดสินใจใส่แว่น  แล้วจับจ้องอักษรภาษาอังกฤษละลานตาบนหน้าจอแล็ปท็อปต่อ ค่อยรอออกไปทีเดียวตอนชนกันต์เลิกงานแล้วกัน


นึกถึงเรื่องจูบนั่นขึ้นมาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ เขาเลือกไม่พูดถึงมันเพราะคงแลกมาด้วยการทำตัวไม่ถูกและอึดอัดยิ่งกว่าเดิมแน่ พอมาคิดดูตอนนี้ นั่นเป็นการกระทำที่สิ้นคิดมาก ซึ่งเขาคงทำได้แค่โมโหตัวเองอยู่อย่างนี้และขอบคุณชนกันต์ที่ไม่พูดถึงมันขึ้นมาอีก ในเวลาทำงานทั้งคู่ไม่ได้ก้าวก่ายกัน มีบ้างที่เดินผ่านในตอนเที่ยงแล้วแอบมองเข้าไปเห็นว่ายังทำงานได้ปกติดี ข้างกันมีเภสัชกรอีกคนคอยคุยเป็นเพื่อน เพราะอย่างนั้นอธิศถึงไม่ห่วงอะไร


แต่ถึงจะบอกตัวเองให้จดจ่ออยู่กับกรณีศึกษาที่หาข้อมูลมาได้ ทว่าเขารู้ตัวดี ในหัวเอาแต่พะว้าพะวงอยู่กับภาพผู้หญิงผมยาวในห้องคนนั้น ไม่รู้ว่านี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง ถึงอยากบอกตัวเองว่ามันเป็นภาพหลอน แต่หลังจากลำดับความคิดตามขั้นตอนแล้วมันก็ไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี


‘พอลืมตาผมก็เห็นผู้หญิง เป็นผู้หญิงตัวซีด ๆ ใส่ชุดสีขาว กำลังมองมาที่ผมแล้วก็อ้วกโคลนออกมาเต็มไปหมด’


ทั้งที่เคยคิดจะสรุปว่าชนกันต์นั้นมีอาการจิตหลงผิดไปแล้วแท้ ๆ แต่อธิศกลับไม่คิดว่าเขาเกิดภาวะประสาทหลอนจากสิ่งที่อีกฝ่ายเล่าให้ฟังตามไปด้วย นี่มันน่าโมโห สิ้นดี จะให้เชื่อว่าผีสางวิญญาณมีจริงนี่มันดูถูกคนเป็นจิตแพทย์ชัด ๆ อธิศทำได้แค่พยายามหาเหตุผล แต่พอหาได้แล้วเขาก็รู้ว่ากำลังหลอกตัวเอง


เพ่งมองไปยังบานประตูสีไข่และห้องที่ว่างเปล่า ตอนนี้อธิศอยากเห็นผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง อยากให้มีสิ่งปกติเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเพื่อย้ำเตือนว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นเป็นเรื่องจริงและสมควรแก่การเชื่อ


ถ้ามีอยู่จริงก็ออกมาสิ


ทันทีที่คำพูดในใจมันผุดขึ้นมาอย่างนั้น อธิศก็รู้ตัวแล้วว่าเขาควรยอมจำนนต่ออีโก้ได้แล้ว


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงเคาะประตูสามทีดังขึ้นก่อนมันจะถูกเปิดออก นี่เป็นเรื่องแปลกอีกเรื่องที่เพื่อนอายุรแพทย์มาเยือนแผนกจิตเวชถึงสองวันติด


“ว่าไง” อธิศยิ้มทักทาย มองคนตรงหน้าเลื่อนเก้าอี้ออกจากโต๊ะแล้วนั่งลงอย่างช้า ๆ ศรัณย์อยู่ในชุดเสื้อสีเข้มและกางเกงผ้าสุภาพไม่มีสวมกาวน์ทับ ซึ่งนั่นไม่ได้ดูแปลกตาเท่าไรนักถ้าไม่ติดว่ามันกอปรเข้ากับสีหน้าอิดโรยของเจ้าตัว วันนี้ศรัณย์ไม่ได้ยิ้มแบบคนอารมณ์ดีนัก มันติดจะฝืน ๆ และดูออกว่าทำไปตามมารยาท


“เห็นพยาบาลข้างหน้าบอกว่านายยังไม่กลับ ก็เลยเข้ามา”


อธิศพยักหน้ารับ พับจอแล็ปท็อปปิดลงเพราะรู้ตัวดีกว่าคงอ่านต่อไปไม่รู้เรื่อง วันนี้ทั้งวันเขาเองก็ไม่ได้ใส่เสื้อกาวน์และสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีฟ้า เกินครึ่งของเสื้อเชิ้ตในตู้เสื้อผ้าของอธิศเป็นสีโทนอ่อน มันช่วยให้คนไข้รู้สึกสบายใจขึ้นในตอนที่พูดคุยกัน


พอไม่ได้รับคำตอบใด ๆ กลับเป็นเสียงพูด ศรัณย์ก็เริ่มรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาอีกครั้งในการคิดคำพูดดี ๆ ขึ้นมาสักประโยคเพื่อเริ่มต้นบทสนทนา


“คือว่า... ฉันไม่ได้อยากให้นายมองว่าฉันเป็นคนไข้หรืออะไร ช่วยคิดเสียว่านี่คือการที่เพื่อนคุยกันได้ไหม”


“พูดมาสิ” ทั้งคู่ไม่ได้เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ต้น ว่ากันจริง ๆ แล้วอธิศกับศรัณย์ก็ไม่ต่างอะไรจากเพื่อนร่วมงานที่มารู้จักกันในวันอบรมตอนเข้าบรรจุเป็นหมอโรงพยาบาลนี้ ใหม่ ๆ ถึงจะสนิทกันในระดับหนึ่ง แต่จากคำพูดของคนตรงหน้าร่างสูงคิดว่าเขาคงทำได้แค่แกล้งทำตามคำขอ ศรัณย์รู้สึกไม่ดีนักกับการเป็นคนไข้เสียเอง


“ฉันทำคนไข้ตายอีกแล้ว


“....” ขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีที่ได้ฟังคำพูดร้ายแรงออกมาจากปาก เขาเคยคุยเรื่องนี้กับคนตรงหน้าไปสองสามครั้งเมื่อตอนเกิดเรื่องนั้นใหม่ ๆ “ช่วยเล่าอย่างละเอียดได้ไหม”


ศรัณย์สูดลมหายใจลึก ดูไม่สบายใจนักแต่ก็ตัดสินใจเล่า “ครั้งนี้ฉันคงไม่โดนเรียกไปสอบ เพราะคนไข้ไม่มาตามนัดเอง”


“แล้วทำไมนายถึงพูดว่าทำคนไข้ตายล่ะ”


“ยายแกเป็นคนไข้ในความดูแลของฉัน” เหตุผลนี้ดูฟังไม่ขึ้นนักถ้ากอปรกับประโยคข้างต้น “เบาหวานกับความดันโลหิตสูง อยู่ในระยะรักษาและประเมินอาการ”


“....”


“ครั้งล่าสุดที่เจอแกคือเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนั้นฉันเผลอดุไปเรื่องผิดนัดไปเป็นสัปดาห์ แกดูท่าทางกลัวมาก แต่ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร”


“....”


“จนเลยนัดตรวจของเดือนนี้มาเป็นสัปดาห์อีก ฉันถึงได้ให้ฝ่ายระเบียนโทรตาม แต่ลูกแกบอกว่าแกช็อกตายไปเมื่อสี่วันก่อน”


“....”


“ภาวะคีโตซิส” ศรัณย์ดูลำบากเหลือเกินในการกลืนน้ำลายลงคอ ราวกับมีก้อนเหนียว ๆ ติดอยู่จนทำให้หายใจไม่ออก “แกไม่ยอมบอกลูกว่าอินซูลินหมดแล้วไปหาซื้อยาเอาเอง พอรู้ว่าเป็นความดันสูงด้วย เภสัช ฯ ก็สั่งจ่ายคลอโรทาลิโดน”


“....” ไม่ต้องพูดอะไรชัดเจนนัก อธิศก็พอเข้าใจได้จากพื้นฐานการเป็นแพทย์ที่ผ่านมาว่าผู้ป่วยคงช็อกตายในที่สุด เขาเข้าใจดีถึงสิ่งที่ศรัณย์ต้องการสื่อ แม้ว่าจะเจ้าตัวจะเริ่มพูดมันออกด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ ก็ตาม


“ถ้าฉันไม่เผลอขึ้นเสียงใส่แกไปครั้งนั้น แกคง --”


ยกมือขึ้นลูบหน้าแรง ๆ โดยไม่สนใจว่ามันจะเป็นปื้นแดงจนเหมือนคนร้องไห้ จิตแพทย์อย่างเขาเข้าใจดีถึงสภาพจิตใจของศรัณย์หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อเกือบสามสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถูกเรียกสอบเสียยกใหญ่ แม้สุดท้ายแล้วผู้อำนวยการจะลงความเห็นว่านั่นเป็นเรื่องสุดวิสัยก็ตามที แต่การที่ศรัณย์กลับมาทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั้นเทียบไม่ได้เลยกับเรื่องที่เจ้าตัวระงับการขอทุนเพื่อเรียนต่ออนุสาขาด้านระบบหายใจอย่างที่คิดไว้มาตลอดระยะเวลาการเป็นแพทย์


“นายก็เลยโทษว่าเป็นความผิดตัวเองเหมือนกับเรื่องครั้งนั้น?”
 

“...”


คนถูกถามไม่ตอบ แต่นี่คือสิ่งยืนยันคำตอบที่อยู่ในใจของอธิศได้เป็นอย่างดี ร่างสูงโน้มตัวมาข้างหน้าแล้วยกมือขึ้นวางประสานกันบนโต๊ะอย่างหลวม ๆ ใช้เวลาคิดไม่นานนักก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่โอนอ่อนลง


“ฉันเข้าใจว่านายกำลังรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ แต่ -- เสือ นี่มันคนละเรื่องกัน” ใช้ปลายนิ้วดันแว่นขึ้นให้เข้าที่ก่อนจะพูดต่อ “หรือแม้แต่เรื่องในครั้งนั้นก็ไม่มีใครโทษว่าเป็นความผิดของนาย”


“ฉันรู้ดีแก่ใจ” ศรัณย์เถียง


“เราทุกคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่าการเป็นหมอต้องแบกรับอะไรไว้บ้าง เราช่วยพวกเขาเท่าที่เราจะช่วยได้ แต่ถ้าพูดแบบมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง”


“....”


“นายได้ทำอย่างสุดความสามารถแล้ว”


“....”


“หรือแม้แต่เรื่องของผู้หญิงคนนั้น ในฐานะเพื่อนแล้วฉันขอพูดเหมือนกับคนอื่น ๆ เธอมาช้าไป”


ภาพการเจาะน้ำออกจากปอดในคืนที่ฝนตกหนักผุดขึ้นมาในหัวของอายุรแพทย์หนุ่มราวกับการฉายซ้ำ คืนนั้นเขาต้องเวียนมาเข้าเวรเสริมที่แผนกฉุกเฉิน เสียงชีพจรที่ค่อย ๆ เบาลง เสียงพยาบาลตะโกนบอกค่าความดันและค่าออกซิเจนดังเข้าหูไม่ขาด เขาทำอินเทิร์นคนหนึ่งร้องไห้ และเรื่องก็จบด้วยเสียงแหลมลากยาวจากเครื่องวัดชีพจร


คืนนั้นศรัณย์ใช้เวลาทั้งคืนอยู่ที่ม้านั่งหน้าห้องฉุกเฉิน ในตอนนั้นเขาไม่ได้ใส่แม้แต่ชุดสครับ ไม่ได้คิดว่าเป็นวันที่ต้องทำให้คนไข้สักคนตาย แม้ว่าการถูกเรียกไปสอบสวนในวันรุ่งขึ้นจะผ่านไปด้วยดีเพราะเหตุผลว่าคนไข้มาถึงโรงพยาบาลช้าไปก็ตาม


ศรัณย์เจียดเวลาทั้งอาทิตย์เพื่อมาปรึกษาเพื่อนจิตแพทย์จนคิดว่าตัวเองมีสภาพจิตใจดีขึ้น หรือแม้แต่รามิลที่เป็นห่วงจนยอมใจอ่อนย้ายมาอยู่ด้วยหลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด เขาคิดว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ก็ตลกดีที่สองสัปดาห์ต่อมากลับต้องมานั่งเป็นคนไข้ของเพื่อนคนนี้อีกครั้ง


“ฉันคงวิตกจริตไปเอง” ศรัณย์พูดหลังจากตั้งสติได้ พยายามใจเย็นลงถึงแม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะยังส่งผลต่อจิตใจไม่ปกติก็ตามที “คงจะประสาทไปเองจริง ๆ”


ประโยคพึมพำนั้นทำเอาอธิศขมวดคิ้วน้อย ๆ เขาคิดจะถามต่อ ถ้าไม่เพียงแต่ว่าเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง


“อ่า...”


ชนกันต์นั่นเอง ร่างเล็กเก้อไปเมื่อถูกศรัณย์หันไปมองอีกคน นั่นทำให้อธิศนึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่เขาผิดสังเกตเมื่อวานในตอนที่ชนกันต์เดินเข้ามายังโต๊ะเขา ถึงได้พยายามสังเกตท่าทีของศรัณย์เป็นพิเศษ น่าแปลกว่าครั้งนี้อายุรแพทย์หนุ่มไม่ได้รู้สึกเหม็นสาบดินโคลนเช่นตอนเจอเด็กคนนี้ครั้งก่อน ครั้นหันสีหน้าแปลกใจกลับมาก็ต้องสบเข้ากับเพื่อนหมอที่นั่งประสานมือมองอยู่ก่อนแล้ว มีอีกเรื่องที่ศรัณย์อยากระบาย แต่การมีบุคคลที่สามอยู่ร่วมห้องจึงทำให้เขาตัดสินใจเก็บมันไว้ในใจก่อน ถ้าพูดต่อหน้าคนอื่นคงมีหวังถูกเรียกว่าหมอบ้าแน่ ๆ


“ผมเข้ามากวนหรือเปล่าครับ” ชนกันต์ถาม นั่นทำให้ศรัณย์ฝืนยิ้มและหยัดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้


“ไม่เป็นไร ผมคุยธุระเสร็จพอดี”


หลังจากชั่งใจว่าเด็กคนนี้หน้าคุ้น ๆ ในที่สุดศรัณย์ก็นึกออกว่าคงเป็นนักศึกษาฝึกงานที่ประจำอยู่ห้องยาจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก แต่หันไปคุยกับอธิศแทน


“ขอบคุณมากนะอธิศ จริง ๆ แล้วถ้านายว่างก็ว่าจะชวนไปดื่มสักหน่อย”


คำชวนนี้ไม่ได้ทำให้คนฟังรังเกียจอะไร ศรัณย์เป็นเพื่อนดื่มที่ดีและกำลังมีสภาพจิตใจย่ำแย่ แต่หันไปเห็นพันธะกำลังยืนปั้นหน้าไม่ถูกอยู่ด้านหลัง อธิศก็คิดปฏิเสธ


“เอ่อ...” ชนกันต์โพล่งขึ้นมาก่อนที่ผู้ปกครองชั่วคราวจะทันได้พูดอะไร “หมอไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ผมไม่เป็นไร”


ได้ยินอย่างนั้นศรัณย์ก็เลิกคิ้วกับประโยคสนทนาระหว่างคนทั้งคู่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอธิศไปสนิทกับเด็กคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ “ติดธุระเหรอ” เขาถาม และคนถูกถามขยับมือซึ่งประสานกันเล็กน้อยก่อนจะตอบ


“กันต์เพิ่งมาพักอยู่กับฉันชั่วคราวน่ะ” หันไปเห็นบุคคลที่สามยืนยิ้มแห้ง ๆ แล้วศรัณย์ก็เข้าใจขึ้นมา แต่ไม่อยากเสียมารยาทถามรายละเอียด


“ถ้าไม่รังเกียจ จะไปดื่มด้วยกันก็ได้นะ” ประโยคนี้ศรัณย์พูดกับชนกันต์ ก่อนจะหันไปหาอธิศในประโยคต่อมา “หรือถ้าไม่สะดวก ไว้โอกาสหน้าก็ได้”







--------------------------------------------------







โชคดีที่รามิลยังศึกษาดูคนไข้เพื่อเตรียมสอบในสัปดาห์หน้า ศรัณย์ถึงได้สะดวกในการพามาด้วยกันโดยไม่ต้องแวะกลับไปรับที่คอนโดมิเนียม สีหน้าของเด็กหนุ่มไม่สดใสนัก เขาคิดว่าคงมาจากการที่เจ้าตัวอ่านหนังสือจนเกือบเช้า


“แน่ใจนะว่าจะไม่กลับไปนอนห้อง”


ถามย้ำอีกครั้งในขณะที่เลี้ยวรถเข้าจอดยังที่จอดรถหลังร้านอาหารกึ่งคลับเจ้าประจำ ซึ่งคนถูกถามก็รับคำด้วยรอยยิ้ม “แน่ใจครับ ผมอยากดื่มด้วย”


เห็นรถของอธิศกำลังเลี้ยวเข้ามาจอดเช่นกัน จึงตัดสินใจบอกคนรักให้ยืนรอจนจิตแพทย์กับว่าที่เภสัชกรเดินมาสมทบ วันนี้คนเยอะกว่าปกติเพราะเป็นวันทำงานสุดสัปดาห์ เป็นเรื่องดีที่ชนกันต์ก็ออกตัวว่าดื่มเป็น ศรัณย์จึงไม่ต้องลำบากใจในการเลือกเมนูนัก สั่งอาหารเบา ๆ และเหล้าหนึ่งกลมพอเป็นกระสัย เมื่อได้รับออเดอร์แล้วพนักงานก็เดินแยกไปทางหลังร้าน


“เหมือนผมเคยเห็นคุณในวอร์ดเลย” เป็นรามิลที่เปิดบทขึ้นก่อน นั่นทำให้นายแพทย์ทั้งสองคนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แนะนำคนทั้งคู่


“ผมฝึกงานบริบาลเภสัช ฯ น่ะ บางทีก็ต้องขึ้นวอร์ดไปดูพี่เขา แต่ส่วนใหญ่ต้องอยู่ห้องยา” ชนกันต์ตอบ เขาเพิ่งมาฝึกงานที่โรงพยาบาลได้ไม่ถึงสามเดือน ทั้งยังรู้สึกผิดที่ไม่คุ้นหน้าอีกฝ่ายเอาเสียเลย


“นี่เก้า รุ่นน้องผม” ศรัณย์แนะนำ แล้วรามิลก็ยิ้มรับ


“คลินิกปีสี่ครับ”


ได้ยินอย่างนั้นร่างเล็กจึงเข้าใจว่ารามิลเด็กกว่าเขาปีสองปี เพราะนักศึกษาเภสัชศาสตร์จะฝึกงานในปีสุดท้ายก็คือปีที่หก ชนกันต์จึงกลายเป็นพี่อย่างไม่ต้องสงสัย


“แล้วนี่ไปสนิทกันตอนไหน” อายุรแพทย์เพียงคนเดียวบนโต๊ะเปิดบทสนทนาใหม่หลังจากที่ทั้งโต๊ะเงียบไปจนน่าอึดอัด นี่เป็นการสังสรรค์ที่ไม่ได้มีเรื่องอะไรให้ยกขึ้นมาพูดคุยมากนัก เพราะนอกจากเขาและอธิศแล้ว ระหว่างคนที่เหลือก็แทบจะเรียกได้ว่าแปลกหน้า


“ไม่นานนี้ครับ” ชนกันต์ยิ้มเก้อรับคำถามนั้น อธิศไม่ตอบอะไร เขาไม่เคยชี้หน้าบอกว่าใครคือคนไข้ต่อหน้าผู้อื่น “ผมเป็นคนไข้ของหมออธิศ”


แต่ชนกันต์พูดออกมาเสียเอง ได้ยินอย่างนั้น ทั้งศรัณย์และรามิลก็รู้ตัวว่าไม่ควรถามต่อ แผนกจิตเวชนั้นมีแต่เรื่องละเอียดอ่อน พวกเขาไม่มีสิทธิ์รู้ว่าชนกันต์ป่วยทางจิตหรือแค่มีปัญหาชีวิตในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง


สุดท้ายการร่วมดื่มด้วยกันครั้งนี้ก็มีแต่เรื่องสัพเพเหระอย่างที่ทั้งสี่คนจะร่วมวงเข้าใจได้เหมือนกัน ศรัณย์ไม่พูดเรื่องที่เขาเกือบร้องไห้ในห้องตรวจ ชนกันต์และอธิศไม่พูดเรื่องเหลือเชื่อที่ติดค้างอยู่ในใจ และแม้จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเป็นพัก ๆ แต่รามิลก็ยังคงร่วมดื่มและพูดคุยได้ปกติดี


รามิลเริ่มรู้สึกร้อน ๆ แล้ว เขาไม่แน่ใจนักว่าหน้าแดงหรือได้ออกอาการอะไรไป ศรัณย์ถึงได้แย่งแก้วของเขาไปดื่มแล้วสั่งให้พอ ทั้งที่ตัวเองก็เพิ่งจะสั่งเหล้าเพิ่มไปอีกหนึ่งแบน หมออธิศดื่มน้อยที่สุดเพราะอ้างว่าต้องขับรถ แล้วดูคนข้าง ๆ นี่สิ เสียงอ้อแอ้แล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด


“พี่เมาแล้วนะ” เขากระซิบ เห็นว่าอธิศกำลังหัวเราะน้อย ๆ


“คุณเองก็ดื่มไปเยอะนะ”


คนถูกแซวหัวเราะเบา ๆ แล้วหาพวกด้วยการหันไปแซวชนกันต์ซึ่งเพิ่งจะกระดกเหล้าเข้าปากหมดไปอีกแก้ว “พี่กันต์ก็ดื่มเก่งนะครับ”


“ไม่ได้ดื่มนานน่ะ พอมาฝึกงานก็ไม่มีเพื่อนเที่ยวเลย”


“เขาไม่ได้ขับรถ กลับไปคงจะหลับสบาย” อธิศพูดเสริมหลังจากคนข้างตัวเอ่ยตอบไปแล้ว ได้ยินอย่างนั้น ชนกันต์จึงตอบแทนด้วยการหยิบแก้วของหมอมาชงให้อีก


“สงสัยผมคงต้องนอนร้านเหล้าถ้าหมอเสือคอพับกลางร้าน” ไม่วายหันไปค้อนใส่คนที่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มทั้งตาเชื่อม ๆ ถึงห้ามไปศรัณย์ก็คงไม่ฟัง เขาคิดแต่แรกแล้วว่าวันนี้คงได้กลับแท็กซี่


เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกแล้ว ถึงรู้ตัวว่าหมออธิศมองเห็น แต่รามิลกลับไม่ได้สนใจอะไร นี่มันค่อนข้างปกติที่วัยรุ่นจะติดโทรศัพท์ และตราบใดที่เขาไม่พาตัวเองเข้าไปเป็นคนไข้ของจิตแพทย์ อธิศก็คงไม่สนใจจะอยากรู้นักหรอก


ครู่หนึ่งรามิลเลือกเก็บโทรศัพท์ลงเพราะไม่อยากเสียมารยาทจนเกินไป เขาคิดว่าควรชงเหล้าอีกแก้วเพราะปากว่าง ศรัณย์เอาแต่ดื่มไม่หยุด ถ้าไหน ๆ จะต้องกลับแท็กซี่ การดื้อเงียบคงไม่เลวร้ายเท่าไรนัก


“....!!”


หากแต่เสี้ยวหน้าขาวของใครบางคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะห่างออกไปกลับทำให้ร่างโปร่งรู้สึกสร่างขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้น รามิลวางแก้วที่เพิ่งมีแต่น้ำแข็งลงบนโต๊ะแล้วรีบลุกขึ้น มีแค่หมออธิศที่ละจากแก้วแล้วมองทางเขา เด็กหนุ่มจึงขออนุญาตแบบส่ง ๆ


“เดี๋ยวผมมานะครับ”


แทรกตัวผ่านผู้คนที่เริ่มลุกขึ้นมาเต้นกันสนุกสนานหลังจากดึกได้ที่ สายตาพยายามจับจ้องโต๊ะตัวนั้นตลอด แต่ก็ต้องคลาดไปทุกครั้งที่มีคนเดินผ่าน


ไม่ผิด


ไม่ผิดแน่ ๆ เมื่อครู่เขาเห็นแพรพลอย


ขมวดคิ้วเมื่อหยุดยืนตรงหน้าโต๊ะตัวนั้นในที่สุด มันทั้งว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่แก้วหรือก้นบุหรี่สักตัว รามิลเมาแล้วแน่ ๆ ที่เห็นผู้หญิงคนนั้นทั้งที่ไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำ เขาคงประสาทหลอนไปเองเพราะเอาแต่คิดเรื่องนี้ พอคิดได้อย่างนั้น ร่างโปร่งกลับต้องเบิกตาโพลงขึ้นมาอีกเมื่อเห็นคนในความคิดเดินลับไปอีกทาง


รามิลรีบพาตัวเองแทรกผู้คนในร้านไปจนถึงจุดที่เห็นเธอเมื่อครู่ นอกจากห้องน้ำชายหญิงแล้วก็เป็นทางที่เชื่อมออกไปยังหลังร้าน บางคนเพิ่งกลับออกมาทั้งกลิ่นบุหรี่เหม็นหึ่ง พอเลือกไม่ถูก เขาก็เห็นชายกระโปรงของเธอเลี้ยวไปทางตรงข้ามห้องน้ำราวกับจะนำทาง กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ในขณะที่ยกขาหนัก ๆ ก้าวไปข้างหน้าคล้ายคนมีตุ้มถ่วง เหงื่อกาฬไหลซึมลงมาตามขมับชื้น ทั้งเวลาผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่วินาที แต่ทั้งสมองของรามิลขาวโพลน หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ มันเหมือนมีกลองดรัมใหญ่ ๆ กำลังทุบอยู่ข้างในจนรู้สึกปวดหนึบไปหมด


“....”


รามิลไม่เห็นใครเลยที่ประตูทางออกเปิดโล่ง ไม่มีแม้แต่คนกำลังยืนสูบบุหรี่หรือพูดคุยกันด้วยซ้ำ ขายาวค่อย ๆ ก้าวไปจนถึงธรณีประตู พื้นดินขรุขระสีน้ำตาลเข้ม จนกระทั่งมองเห็นพระจันทร์เสี้ยวเมื่อสายตาแหงนมองพ้นแนวกันสาด


แหมะ


หยดน้ำบนหน้าและกลิ่นชื้นลอยเตะจมูก สมองรามิลประมวลผลช้ากว่าทุกที จนกระทั่งสายฝนเทลงมาจนเสื้อเขาเปียกเป็นด่างดวงนั่นแหละร่างโปร่งถึงได้รีบพาตัวเองถอยเข้ามาหลบในแนวกันสาด ค่อย ๆ ยกเท้าขึ้นและเดินกลับเข้าไปเหยียบพื้นปูนภายในธรณีประตูหลังรู้สึกถึงแรงยวบ ยกเท้าขึ้นมองด้วยความหัวเสียทันทีที่เห็นว่าชายกางเกงสแล็คสีดำเปื้อนดินโคลนเข้าให้เสียแล้ว


ไม่วายจะหันกลับไปมองทางด้านนอกร้านอีกรอบ เขาคงตาฝาดไปเองอย่างนั้นสินะ


เมาแล้ว รามิลบอกกับตัวเองในใจ






------------------------------------------------------


( มีต่อ )





ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
«ตอบ #135 เมื่อ27-02-2015 21:56:29 »

( ต่อ )





“เก้าไปไหน”


ศรัณย์ถามขึ้นเสียงยานคาง มือซึ่งกำลังถือแก้วโงนเงนไปมาแต่ก็ยังพอพูดรู้เรื่อง อธิศกะว่าเต็มที่เขาคงดื่มเป็นเพื่อนได้อีกแค่สองสามแก้ว ชนกันต์ก็ดูมึน ๆ แล้วเหมือนกัน คืนนี้ควรพอเท่านี้ก่อน


“คงไปเข้าห้องน้ำ”


ได้ยินอย่างนั้นจึงไม่ได้ติดใจอะไรนัก ศรัณย์รู้ว่าวันนี้เขาดื่มเกินลิมิตมากไปแล้ว รู้สึกผิดที่จะต้องพารามิลกลับแท็กซี่ แต่จะให้ขับรถเอาตอนนี้ชายหนุ่มมั่นใจว่าคงไม่มีทางถึงห้องโดยสวัสดิภาพแน่


ชนกันต์เริ่มเอนตัวพิงเบาะด้านหลัง นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ดื่มหนักขนาดนี้ ในตอนแรกก็คิดแค่ว่าอยากดื่มให้เมาจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องน่ากลัวพวกนั้น แต่พอเห็นว่าหมออธิศใส่ใจกับการพาเขากลับโดยยอมไม่ดื่มเยอะแล้ว ชนกันต์ก็รู้สึกว่าความเกรงใจมันค้ำคอขึ้นมาจนต้องดื่มช้าลงเพื่อให้ตัวเองประคองสติไว้ได้


อธิศเทเหล้าก้นขวดสุดท้ายใส่แก้วตัวเองก่อนจะคีบน้ำแข็งและตามด้วยมิกเซอร์ ดื่มเพิ่มอีกแก้วเดียวคงไม่เป็นไร แลกกับที่ศรัณย์จะดื่มครึ่งแก้วนั้นให้หมดและพอเหลือสติไว้กลับที่พักบ้าง


“....!!”


เซไปเล็กน้อยหลังจากโดนแขกโต๊ะอื่นเดินชนข้อศอกจนเหล้าเต็มแก้วในมือกระฉอกเลอะเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเปียกเป็นวง


“ขอโทษครับ ขอโทษจริง ๆ”


เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้ติดใจอะไรคนต้นเรื่องก็เดินกลับไปโต๊ะ ชนกันต์ดึงเอากระดาษทิชชู่ซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะด้านในยื่นให้เช็ดมือและเสื้อ ในจังหวะที่รับเอาทิชชู่มาจากมืออีกคน จิตแพทย์หนุ่มก็เห็นว่าร่างเล็กดูชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด


“ไม่มีอะไร”


จับมือของชนกันต์เอาไว้แล้วโน้มตัวไปกระซิบเบา ๆ ให้พอได้ยินกันสองคน ก้มลงมองรอยเปียกบนเสื้อตัวเองก่อนจะเช็ดอย่างลวก ๆ สีหน้าของชนกันต์ดูไม่สู้ดีแล้ว จะว่าไป อธิศยังไม่มีโอกาสได้คุยกับคนข้างตัวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานด้วยซ้ำ กอปรกับนี่ก็ดึกมากแล้ว เป็นเวลาสมควรแก่การแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน ต่อให้พรุ่งนี้จะมีงานหรือไม่ก็ตาม


“เช็คบิลด้วยครับ”


ส่งเสียงเรียกพนักงานซึ่งเพิ่งคิดเงินจากโต๊ะข้าง ๆ เสร็จ หล่อนพยักหน้ารับก่อนเดินหายไปเพื่อนำใบเสร็จมารับชำระเงิน พอดีกับที่รามิลเดินกลับมา


“ไปไหนมาเก้า” ศรัณย์เอ่ยถาม ชนกันต์ดูไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่เห็นเสื้อเปียกน้ำเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง


“เข้าห้องน้ำครับ”


“แล้วทำไมถึงได้เปียกขนาดนั้น”


“อ่า...” รามิลใช้เวลาคิด เขาทำท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ และเอื้อมตัวไปหยิบเอากระดาษทิชชู่มาเช็ดคราบโคลนที่ชายกางเกงอย่างลวก ๆ “บังเอิญเจอคนรู้จักน่ะครับ คุย ๆ กันอยู่ฝนก็ตกลงมา”


อธิศรู้สึกได้ถึงแรงรั้งน้อย ๆ ที่แขนเสื้อ เขาเห็นชนกันต์จ้องมองรอยโคลนเพียงครู่เดียวก่อนจะหลับตาลงราวกับเจอเรื่องน่ากลัวเสียเต็มประดา “ไม่มีอะไร” เพราะรู้ อธิศถึงได้กระซิบบอกแบบนั้นอีกครั้ง หากแต่ร่างเล็กกลับส่ายหน้าพรืด ซ้ำยังพูดเสียงสั่นเหมือนคนจะร้องไห้ไม่มีผิด


“ผมยังพูดไม่ได้”


หลังจากกระซิบกระซาบกันอยู่สองคน อธิศก็ตัดสินใจตัดบทด้วยการหันไปเรียกศรัณย์เพื่อขอตัวแยกกลับก่อน เรียกอยู่สองครั้งอีกฝ่ายถึงจะหันมาพร้อมกับอาการสะดุ้ง พอดีกันกับที่รามิลทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม แม้แต่ศรัณย์ก็มองไปที่ชายกางเกงนั้นเหมือนคนตกอยู่ในภวังค์ อธิศไม่เข้าใจว่าทำไม


“ฉันขอตัวกลับก่อนก็แล้วกัน”


“ขอบคุณที่มาดื่มเป็นเพื่อนนะ” ศรัณย์ยิ้ม เริ่มเห็นคนตรงหน้าแยกออกเป็นสี่


หยิบเอากระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเพื่อจ่ายให้กับพนักงานก่อน นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับผู้ชายซึ่งอยู่ตัวคนเดียวและใช้เงินไม่มากอย่างเขา พอเด็กสองคนทำท่าจะหยิบเอากระเป๋าสตางค์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง ชายหนุ่มก็รีบปรามทันที “ไม่เป็นไร”


ถึงอย่างนั้นศรัณย์ก็เป็นคนที่ยัดเงินส่วนของตัวเองใส่มือของอธิศได้สำเร็จ เพราะอายุและหน้าที่การงานซึ่งพอ ๆ กัน ทำให้ชายหนุ่มไม่ดื้อดึงปฏิเสธ


“กลับได้ไหม ฉันไปส่ง”


ถึงจะเป็นประโยคที่พูดกับเพื่อน หากแต่สายตาของจิตแพทย์หนุ่มกลับหันไปมองรามิลคล้ายจะให้ตอบคำถามแทน เด็กหนุ่มทำเพียงยิ้มรับแล้วประคองรุ่นพี่ให้ยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล “ขอบคุณครับ แต่เดี๋ยวเรากลับแท็กซี่ก็ได้”


“ขอโทษทีนะ” ศรัณย์กระซิบบอกคนข้าง ๆ รามิลยิ้มรับแบบไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะประคองอีกฝ่ายออกมาจากด้านในของโต๊ะเพื่อให้อธิศช่วยพาไปขึ้นรถแท็กซี่ได้สะดวก ข้างนอกเหลือเพียงฝนปรอย ๆ แล้วหลังจากตกลงมาห่าใหญ่เมื่อครู่ อธิศอาสาออกไปเรียกแท็กซี่ให้แล้วเดินกลับมาช่วยประคองศรัณย์ไปขึ้นรถ ระหว่างนั้นต้องคอยมองชนกันต์ที่ได้แต่รออยู่ใต้ร่มกันสาดอย่างอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ด้วยความเป็นห่วง เสื้อบนตัวเปียกเป็นด่างดวงตามเม็ดฝน คนเรียนหมออย่างรามิลน่ะเขาไม่ห่วงเท่าไหร่ แต่พอคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องคอยดูแลหรือเช็ดตัวให้ศรัณย์แล้วก็อดจะร่ำลาเป็นคำแซวเล็ก ๆ ไม่ได้


“ลำบากหน่อยนะ”


คนถูกแซวหัวเราะแล้วปิดประตูรถ เห็นอย่างนั้นจึงเดินกลับมาเพื่อพาชนกันต์ไปยังลานจอดรถเล็ก ๆ ทางด้านข้าง







พอขับรถออกมาจากคลับได้สักพัก ชนกันต์ถึงได้ดูสงบลงจนสามารถผ่อนลมหายใจยาว ๆ ได้ อธิศปรับระดับความแรงของแอร์ลงเพราะฝนทำให้อากาศในรถเย็นกว่าปกติ มันคงไม่ดีแน่ถ้าเด็กคนนี้จะไม่สบายหลังจากต้องตากฝนถึงสองวันติด


“ผมขอโทษนะ” ชนกันต์ว่า ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวปัญหา “หมอมาดื่มกับเพื่อนแท้ ๆ”


“ไม่เป็นไร เสือเองก็เมามากแล้ว” ตอบทั้งที่สายตายังมองถนนเบื้องหน้า แสงไฟจากท้ายรถในคืนวันหยุดนั้นเหมือนโบเก้สวย ๆ ในรูปถ่ายไม่มีผิด


“....”


“....”


หลังจากเงียบไปพักใหญ่ อธิศคิดว่าบรรยากาศที่เป็นอยู่มันไม่ได้กดดันหรือเลวร้ายอะไร ถึงได้โพล่งคำถามในใจออกไปเสียงเรียบ “คุณดีขึ้นหรือยัง”


การใช้ความคิดในคำถามง่าย ๆ แบบนี้มันดูงี่เง่า ถึงอย่างนั้นชนกันต์ก็รู้ว่าหมออธิศกำลังรอคำตอบจากเขาอยู่ “ครับ คิดว่านะ”


“....”


“หมอจะถามใช่ไหมว่าผมเห็นอะไร”


ในดวงตาเรียวรีนั้นมีแต่ความหวาดระแวง กลัวที่จะต้องพูด แต่ก็รู้อีกนั่นแหละว่าอีกฝ่ายต้องถามขึ้นมาแน่ ๆ แล้วเขาก็ต้องเล่าให้คนข้าง ๆ ฟังอยู่ดีไม่ว่าจะเป็นในรถหรือเมื่อถึงห้อง


“คุณกลัวโคลน” อธิศเดา แต่คนถูกเดาไม่ได้หัวเราะชอบอกชอบใจแม้ว่ามันจะถูกเผงก็ตาม


“ผมเห็นรอยเท้าอยู่ตรงพื้นข้างหลังเก้า” เสียงของชนกันต์สั่นแต่ยังแข็งใจพูดต่อ “รอยเท้าเปื้อนโคลน”


“....”


“แค่คู่เดียว แต่ว่าเป็นเท้าเปล่า”


พูดดักทางไว้เพราะเขาเข็ดกับการโดนหาว่าเป็นบ้า อธิศตอบรับด้วยความเงียบ ค่อย ๆ ชะลอรถและหยุดลงเมื่อไฟจราจรสีแดงฉายอยู่ตรงหน้า


“หมอไม่เชื่อผมอีกแล้วสิ” ชนกันต์คิดว่าเขาสร่างเมาตั้งแต่เห็นรอยเท้านั่น


“ผมพูดอย่างนั้นเหรอ”


“ไม่พูดก็เหมือนพูด” ถึงจะอยู่ในความหวาดระแวง แต่การต่อปากต่อคำกับจิตแพทย์ก็กลายเป็นเรื่องที่รู้สึกเฉย ๆ ไปเสียแล้ว การที่อธิศยอมให้เขาอยู่ด้วยนั่นไม่ได้หมายความว่าเชื่อกันแล้วสักหน่อย


“เล่ามาเถอะครับ ยังไม่หมดไม่ใช่เหรอ”


“....”


คนฟังรู้ว่ามันหมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองสติแตกเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะนึกถึงเรื่องไหนก่อนเป็นอันดับแรก ยกมือขึ้นป้องริมฝีปากแล้วกระแอมไอเบา ๆ ในลำคอแห้งผาก


หมออธิศไม่พูดอะไร เพราะอย่างนั้นชนกันต์ก็ควรมองข้ามเรื่องจูบนั่นไปเหมือนกัน


“หมอรู้ไหมว่าผมกลัวที่จะต้องเล่าแค่ไหน”


คนฟังยิ้ม หันมามองทางเขาทั้งที่มือยังจับพวงมาลัยไว้หลวม ๆ “ผมรู้ แต่คุณจะไม่เล่าก็ได้นะ”


มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น แต่ชนกันต์คิดว่าผู้ชายคนนี้กวนประสาทเก่งเอาเรื่องตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้คุยกัน มือเล็กหยิบเอาเสื้อคลุมในกระเป๋าขึ้นมาคลุมร่างกายเอาไว้ มันไม่ได้หนาวอะไรหรอก แต่เขาก็แค่อุ่นใจขึ้น


“ตอนนั้นหมอเห็นแล้วว่าผมอยู่ตรงระเบียง” เริ่มพูดด้วยเสียงพร่า มือซึ่งอยู่ใต้เสื้อคลุมนั้นบีบแขนตัวเองเบา ๆ ราวกับจะปลอบโยนเหตุการณ์ฝันร้าย “ผมไม่ได้ปิดประตูตอนที่ออกไปด้วยซ้ำ”


“....” อธิศออกรถเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว เสียงหายใจของชนกันต์ยังเชื่องช้าในระดับเดิม


“พอไฟดับ ผมพยายามจะกลับเข้าไป แต่ว่าประตูมันเปิดไม่ได้ ตอนนั้นผมคิดแล้วว่าผมคงไม่ได้เผลอปิดไปแน่ ๆ” คนพูดหลุดเสียงหัวเราะฝืน ๆ เหมือนนี่เป็นตลกร้าย เขาอาจจะใกล้บ้าไปแล้วก็ได้ “หมอว่าผมบ้าไปเองหรือเปล่า”


“ไม่หรอกครับ” อธิศตอบ รถยังคงขับไปข้างหน้าด้วยความเร็วสม่ำเสมอ “เพราะมันล็อกจากข้างใน”


ดวงหน้าขาวหันไปมองคนข้าง ๆ ราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง สีหน้านั้นยังสงบนิ่ง ชนกันต์ไม่เห็นตอนที่หมออธิศเปิดประตูออกมารั้งไว้ไม่ให้ตกลงไปเพราะมัวแต่หลับตา ครั้นคิดถึงตอนนั้น ภาพผู้หญิงผมดำยาวก็เด่นชัดขึ้นมาในความคิดราวกับกำลังนั่งซ้อนอยู่ข้างอีกคนไม่มีผิด


เขาชักจะฟุ้งซ่านเกินไปแล้ว


หลุบสายตาลงมองเสื้อคลุมสีดำบนร่างตัวเอง ยอมมองเศษฝุ่นสีขาวนี่ดีกว่าจะต้องหลอนด้วยการนึกภาพสิ่งที่กลัว “ผมเห็นผู้หญิงคนนั้น”


“....”


“คนเดียวกับที่ข่วนขาผมเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว”


“....”


“เธอนั่งอยู่ข้างหมอ เดินตามหมอ ตอนนั้นผมก็เลยกลัวจนอยากตกตึกลงไปจริง ๆ”


มือเรียวบีบแขนตัวเองภายใต้เสื้อคลุมจนรู้สึกเจ็บ ชนกันต์ปิดเปลือกตาตัวเองหลังจากเห็นฝุ่นบนเสื้อกลายเป็นชายกระโปรงเปื้อนโคลน เขาไม่ได้กำลังร้องไห้ฟูมฟาย แต่ก็กลัวเสียจนไม่อยากรับรู้อะไรอีก


“ผมว่าผมไม่ไหวแล้วหมอ...”


รู้สึกได้ถึงการหักเลี้ยวก่อนจะสงบนิ่งลง ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมอง มือของอธิศก็วางลงบนหัว รถกำลังจอดอยู่ข้างทาง ดวงตานั้นทอประกายอบอุ่น ทุกครั้งที่ใส่แว่น คิ้วของอธิศจะดูเหมือนขมวดอยู่ตลอดเวลา แล้วชนกันต์ก็เห็นแววสะท้อนบนแว่นก่อนแววตาของหมอด้วยซ้ำ


“คุณจะต้องผ่านมันไปได้”


“....”


“ผมอาจไม่ใช่คนสำคัญอะไรในชีวิตคุณ แต่อย่าคิดฆ่าตัวตายเป็นอันขาด”


“....”


“ถือว่าผมขอร้อง”


มือแกร่งผละออกไปแล้ว ตอนนี้ทั้งรถมีเพียงแค่เสียงแอร์หึ่ง ๆ ดังแทรกความเงียบขึ้นมา ชนกันต์ยิ้มออกหลังจากได้ยินประโยคเมื่อครู่ เขาไม่ได้ใจชื้นขึ้นนักหรอก แค่รู้สึกสมเพชตัวเองขึ้นมาที่เกิดอยากตายด้วยเหตุผลว่าโดนผีหลอกก็เท่านั้น


ก็นั่นแหละ ไม่มีใครเชื่อในเรื่องที่เขาเจอหรอก แม้แต่หมออธิศก็เถอะ


“ขอบคุณครับหมอ”


ตัดบทออกไปเสียงอ่อน รู้สึกว่าใจมันเบาโหวงเสียจนกลัวว่าจะเล็กกว่ากำปั้น การที่อธิศยอมให้เขามาอาศัยด้วยชั่วคราว ปลอบใจ หรือแม้แต่อยู่เป็นเพื่อนและทำเหมือนเชื่อกัน แต่สุดท้ายแล้วก็ตัวคนเดียวมาตั้งแต่แรก


“กันต์”


เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง รถยังไม่เคลื่อนตัวออกไปเสียที ครั้นหันไปมองก็สบเข้ากับนัยน์ตาคมซึ่งกำลังจับจ้องมาคล้ายหยั่งเชิง “ครับ?”


อธิศดูใช้ความคิด แต่ในที่สุดก็พูดมันออกมา “ผมขอทรมานคุณด้วยคำถามอีกแค่ข้อเดียว”


“....”


“ช่วยบอกลักษณะของผู้หญิงคนนั้นอีกทีได้ไหม”


น่าแปลกใจที่ถามเรื่องนี้ขึ้นมา บางทีมันอาจจะตามด้วยคำถามที่ว่า คุณเคยมีแฟนไหม ฝังใจกับอะไรหรือเปล่า ก็เป็นได้


“ผมยาวสีดำ ผิวออกขาวซีด”


“สวมชุดเดรสสีขาวเปื้อนโคลน”


อีกครั้งที่เขาพยายามจ้องลึกลงไปในแววตาของจิตแพทย์หนุ่มตรงหน้า พอคิดว่าอธิศเพียงแค่ทวนสิ่งที่เขาอาจเคยพูดไป เสียงหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นเมื่อครู่ก็กลับช้าลงมา ชนกันต์ไม่เคยคิดว่าเสียงแอร์มันจะน่าตลกขนาดนี้มาก่อน แต่น้อยกว่าตัวเขา กำลังหวังให้คนอื่นมาเจออย่างตัวเองหรือไงกัน


“ครับ”


ตอบรับเสียงเรียบก่อนจะหลุบสายตาลงมองเสื้อคลุมสีดำอีกครั้ง มือที่จับอยู่ตรงเรียวแขนทั้งสองข้างขยุ้มแขนเสื้อจนยับยู่


อธิศเปลี่ยนเกียร์รถในขณะที่อีกมือกระชับพวงมาลัยไว้แน่น เขากำลังจะเลี้ยวกลับเข้าสู่เลนส์สองเพื่อแล่นไปต่อ ชนกันต์คิดว่าบทสนทนานี้จบลงแล้ว ถ้าไม่เพียงแต่เสียงทุ้มนั้นเอื้อยเอ่ยประโยคต่อไปออกมา


“ผมเจอเธอแล้ว”







--------------------------------------------------







“ขอบคุณนะครับ”


กล่าวขอบคุณยามประจำคอนโดมิเนียมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปิดประตูล็อกและแบกร่างเหม็นกลิ่นแอลกอฮอล์มาที่เตียงอย่างทุลักทุเล รามิลโน้มตัวให้ศรัณย์นอนลงบนเตียงได้ เอื้อมไปเปิดโคมไฟตรงหัวเตียงก่อนจะย้อนไปปิดสวิทช์ไฟบริเวณประตูห้อง


มองร่างผอมของอายุรแพทย์ที่นอนแผ่หมดสภาพ นี่ถ้าไม่ได้ลุงยามช่วยแบกขึ้นมาจนถึงหน้าห้องเขาก็แทบนึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะทุลักทุเลขนาดไหน ถอนหายใจแล้วเข้าไปจัดแจงท่าทางให้อีกฝ่ายนอนดี ๆ ถอดรองเท้าถุงเท้าให้จนเรียบร้อย คิดว่าหลังจากเช็ดตัวให้เสร็จเขาก็จะไปอาบน้ำบ้าง เหม็นกลิ่นเหล้า


“เก้า...”


รู้อยู่ว่าศรัณย์ไม่ได้หมดสติไปเสียทีเดียวหรอก แต่อ้อแอ้จนไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะตื่นไปทำงานไหวหรือเปล่า ต้องเข้าเวรหรือเป็นวันหยุด อันนี้รามิลก็ไม่รู้อีก เขาพลาดแล้วที่ลืมถามตั้งแต่เจ้าตัวยังไม่เมา


“ไปอดอยากจากไหนมาครับ แล้วมาห้ามไม่ให้ผมดื่มหนัก” บ่นแล้วจึงนั่งแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตให้ เขาเองก็เหนื่อย แต่ปล่อยให้ศรัณย์นอนตัวชื้นทั้งอย่างนี้ไม่ได้


“เก้า...” รั้งเอาเอวคนที่นั่งอยู่เอาไว้ ลืมตาได้มากขึ้นกว่าตอนอยู่บนรถแท็กซี่ อันที่จริงแล้วยังพอมีสติอยู่ แค่ประคองตัวเองเดินไม่ไหวเท่านั้นเอง


“พี่เสือ”


ส่งเสียงปรามแล้วหยิบเอากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงอีกคนออกมาวางไว้หัวเตียง ศรัณย์ไม่ยอมนอน รามิลคิดว่าเขาอาจต้องเสียเวลากล่อมให้คนเมาหลับเสียก่อน


“พี่นี่เหมือนเด็กเลย” แกะมือเรียวออกจากเอวแล้วเอนตัวลงนอนท้าวแขน ตั้งใจว่าไว้คนรักหลับค่อยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ก็แล้วกัน แบบนั้นคงง่ายกว่ากันเยอะ


“แก่ไปไม่ดีหรอก”


เสียงยานคางตอบกลับมาก่อนรั้งศีรษะอีกคนลงมากดจูบหนัก ๆ อย่างที่ชอบทำ แรก ๆ รามิลพยายามฝืนยกหัวขึ้น แต่ท้ายแล้วเขาก็ปล่อยให้เลยตามเลยด้วยการแลกลิ้นแล้วใช้มือประคองใบหน้าคนรักเอาไว้ จูบอย่างนั้นซ้ำ ๆ จนศรัณย์กลายเป็นฝ่ายพลิกขึ้นมาอยู่ด้านบนเสียเอง มีอยู่สองสิ่งที่ทำให้คนสองคนมีความสุขกับเซ็กส์มากขึ้น หนึ่งคือแอลกอฮอล์ และสองคือความมืด


หงุดหงิดตัวเองที่เมาจนแกะกระดุมเสื้อของร่างข้างใต้ไม่เสร็จสักที รามิลหัวเราะน้อย ๆ ให้กับชัยชนะ เขาแกะกระดุมเสื้อของศรัณย์ออกหมดก่อน


“เก้า ช่วยพี่เร็ว” ศรัณย์สั่ง เพราะถ้าหวังพึ่งตัวเองในสภาพแบบนี้คงหงุดหงิดตายแน่ ๆ ร่างโปร่งยิ้มขำออกมาก่อนจะยอมแกะกระดุมเสื้อของตัวเองแต่โดยดี ในขณะที่ศรัณย์พยายามถอดเข็มขัดออก รามิลคิดว่าตลกดีเหมือนกัน


แต่ทันทีที่ถอดเสื้อเสร็จคนแก่กว่าก็โถมตัวเองลงมาทั้งที่เข็มขัดยังถอดสุรุ่ยสุร่ายไว้แบบนั้น นัวเนียกันพลางพยายามปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกอย่างใจร้อน ถึงย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วก็ใช่ว่าเซ็กส์จะเกิดขึ้นบ่อย ศรัณย์ทำงานกลับมาเหนื่อย ๆ ย่อมเห็นคุณค่าของการนอนมากกว่ารอเขาอ่านหนังสือจนเสร็จ แล้วต่อให้เจียดเวลามามีเซ็กส์กันก่อน รามิลก็รู้ว่าเขาคงขี้เกียจและอยากนอนกอดพี่เสือไปทั้งคืนนั้นแน่ ๆ


Rrrr


หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังมาจากในกระเป๋าสะพายทำเอาเด็กหนุ่มดีดตัวลุกขึ้นทันที เขาผลักศรัณย์ออกไปข้าง ๆ แล้วรีบถลาลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่สวมแค่กางเกงตัวเดียว ควานหาโทรศัพท์ด้วยใจกระวนกระวาย แล้วก็อย่างที่คิด พอหยิบโทรศัพท์ได้ หน้าจอก็ขึ้นสายที่ไม่ได้รับจากพลอยอีกแล้ว


มองไปยังศรัณย์ซึ่งนอนรออยู่แล้วรามิลก็ยังตัดใจไม่ได้ เขาหยิบเอาโทรศัพท์แล้วแยกเดินออกไปตรงระเบียงซึ่งมีเพียงกลิ่นอายชื้น ๆ จากฝนที่เพิ่งหยุดตก พยายามโทรออกหลายต่อหลายครั้งเหมือนอย่างทุกทีแต่ก็ไม่ติดอย่างเดิม


ศรัณย์ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังหรืออะไรเลย


เหตุผลนี้มันมากพอให้โกรธรามิลซึ่งลุกหนีเขาไปดื้อ ๆ ได้หรือเปล่า ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเป็นบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้ทำอย่างนั้น ใส่ใจโทรศัพท์มากเกินความจำเป็นแล้ว ถ้าลุกไปดูแล้วเห็นว่าหูแว่วไปเองก็น่าจะกลับมานี่ได้แล้วสิ


พอนอนเฉย ๆ ก็เกิดรู้สึกง่วงขึ้นมาจากอาการเมาซึ่งยังไม่สร่างดี จากที่หัวเสีย ศรัณย์ก็พยายามเฝ้ารอ รามิลยังคงยืนอยู่ที่ระเบียงข้างนอกและไม่มีทีท่าว่าจะกลับเข้ามา เขาพยายามนับเลข หรือบางทีควรจะลุกขึ้นนั่งเพื่อไม่ให้หลับ แต่ห้องมืด ๆ และอากาศเย็น ๆ นี่มันมีอิทธิพลพอ ๆ กับเตียงดูดเลยด้วยซ้ำ ยกมือขึ้นนวดขมับเบา ๆ เพื่อคลายอาการง่วงงุน สุดท้ายก็ยอมแพ้เปลือกตาซึ่งหนักอึ้งได้ที่


“เก้า ถ้าไม่กลับมาพี่จะหลับแล้วนะ”








ศรัณย์จำไม่ได้อีกนั่นแหละว่าเขาเผลอหลับไปจริง ๆ ตอนไหน ห้องทั้งห้องเงียบสงัด หันไปข้าง ๆ ก็เจอรามิลกำลังนอนตะแคงหันหน้ามาทางนี้ ตลกตัวเองสิ้นดีที่เมาหลับไปทั้งอย่างนั้น ทั้งที่คิดว่านี่เป็นโอกาสดีเพราะจะได้ปลดปล่อยด้วยกันแท้ ๆ แต่ก็ดันเป็นคนหมดสภาพไปก่อนเสียได้ มีหวังเด็กนี่คงขำแล้วล้อเลียนไปทั้งชาติแน่


หยัดตัวขึ้นท้าวแขนกับหมอนหวังจะเข้าไปลักหลับคนที่นอนอยู่ ความคิดแย่ ๆ ในหัวบอกให้ทำจนรามิลตื่นขึ้นมาต่อกับเขาให้ได้ และเสือตัวนี้จะได้เป็นผู้ชนะ


“....”


ชะงักไปเมื่อเห็นเรือนผมสีดำขลับภายใต้แสงสลัวนอนอยู่อีกฝั่งของเตียง เขาหยัดตัวขึ้นสูงอีกเพื่อให้เห็นภาพนั้นได้ชัดขึ้น ศรัณย์ไม่เคยคิดว่าอาการตาฝาดจะเด่นชัดขนาดนี้ เมื่อสายตาพ้นหัวไหล่ ภาพตรงหน้ายิ่งเด่นชัดว่ามีผู้หญิงนอนกอดคนรักของเขาอยู่ เธอกำลังจ้องมองต้นคอรามิลด้วยแววตาดำด้าน ผมสีดำยาวสยายตัดกับผ้าปูเตียงสีอ่อน ดูแล้วราวกับว่าร่างของเธอจะฝังลงไปบนแผ่นหลังของเด็กหนุ่มเหมือนกาฝากก็ไม่ปาน


ศรัณย์กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ภาวนาให้เธอไม่รู้สึกตัวว่ากำลังถูกจับจ้องอยู่


แต่แล้วดวงตาดำด้านนั้นก็ตวัดมองขึ้นมา







“....!!”


เปลือกตาเบิกโพลงในความมืดสลัว และเป็นเรื่องดีที่ศรัณย์รู้ตัวเองว่าเขากำลังมองเห็นแค่เพดานว่างเปล่า เหงื่อกาฬไหลซึมจนรู้สึกร้อนวาบขึ้นมาทั้งที่อีกใจก็คิดว่าแอร์นั้นเย็นจนหนาว ถอนหายใจออกมาเมื่อหันไปมองข้าง ๆ เห็นว่ารามิลนอนหลับสนิทด้วยลมหายใจสม่ำเสมอและนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาเขา


ภาพในความฝันเมื่อครู่ติดตาจนศรัณย์ต้องชั่งใจกับตัวเองอยู่พักใหญ่ว่าควรจะมองดูอีกฝั่งของเตียงเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่มีอะไรจริงหรือไม่


ใช่ เขาควรทำอย่างนั้น


กลืนน้ำลายเหนียวลงคอในขณะที่ปล่อยให้ความคิดตบตีกันเองในหัว ค่อย ๆ หยัดตัวขึ้นเล็กน้อยและท้าวข้อศอกไว้กับหมอนซึ่งหนุนอยู่ ทั้งที่บอกตัวเองว่าภาพเมื่อครู่เป็นแค่ความฝัน แต่หัวใจของแพทย์หนุ่มกลับเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อส่วนลึกในใจบอกว่ามันเหมือนจริงเกินไป


“....”


ท้ายแล้วคืนนั้นศรัณย์ไม่แม้แต่จะนอนกอดรามิลด้วยซ้ำ เขาพลิกตัวนอนตะแคงอีกด้านเพื่อหันหลังให้กับความหวาดหวั่นที่กำลังสั่นคลอนความรู้สึกข้างใน ต่อให้ตัดสินใจมองให้รู้ชัด มันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้


ศรัณย์โกรธตัวเองที่เลือกหันหลังให้รามิล






TBC





----------------------------------------------------


ยาวจัง






ออฟไลน์ pedpilin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
«ตอบ #136 เมื่อ27-02-2015 22:19:44 »

หรือว่ายัยพลอยนั่นจะเคยเป็นคนรักเก่าของรามิลมาก่อน? แล้วรามิลฆ่าเธอ? หรือไม่ใช่??

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคู่ของอธิศกันต์ด้วยน้าาาา

ป.ล. ขอเซอรวิสคู่อธิศกันต์เยอะๆ  :hao7:  เอาแบบปลอบให้หายกลัวโดยจูบแบบครั้งที่แล้วก็ได้ :mew1: :mew1: ขอแบบแลกลิ้-- ด้วยก็ดี 55555
ไรต์มาต่อเร็วๆ น้าาาา


ออฟไลน์ parn11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
Re: 『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
«ตอบ #137 เมื่อ27-02-2015 22:23:05 »

ตื่นเต้น ลุ้นนมาก
เดินเรื่องเก่งมากเลยค่ะ เนิบๆแต่น่ากลัวยกกำลังสิบ

ออฟไลน์ bluelatte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
«ตอบ #138 เมื่อ27-02-2015 22:39:06 »

เรื่องนี้ควรจะสงสารใครดี ระหว่าง ผี,คนที่มีผีเกาะหลัง หรือ คนที่เห็นผีดี  :ling2:
ไม่สิ น่าสงสารตัวเอง นิยายหลอนแบบนี้ยังติดหนึบได้อีก จะลงแดงอยู่แล้ว ขอตอนใหม่ด้วยยย  :ling1:

ออฟไลน์ ben

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-3
Re: 『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
«ตอบ #139 เมื่อ27-02-2015 23:12:05 »

เก้าต้องฆ่าพลอยแน่ๆเลยอะ เพราะกลัวพลอยจะมาบอกพี่เสือเรื่องของของพลอยกับเก้า แต่สงสัย กันต์เกี่ยวอะไรด้วย งง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
« ตอบ #139 เมื่อ: 27-02-2015 23:12:05 »





ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: 『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
«ตอบ #140 เมื่อ27-02-2015 23:19:15 »

หลอนแทนหมอศรัณย์ แบบนี้ก็น่าแคลงใจในตัวรามิลอยู่นะ
กันต์จะรู้สึกว่าหมออธิศเข้าใจกันต์มากขึ้นมั้ยนะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: 『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
«ตอบ #141 เมื่อ27-02-2015 23:23:09 »

กันต์ยังเจอหนักสุดอยู่ดี รองมาก็ศรันย์เลย  แพรพลอยเป็นอะไรกับรามิล สงสัยว่ารามิลฆ่านาง = ='  ส่วนหมออธิศ ดีงามมากค่ะ

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
Re: 『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
«ตอบ #142 เมื่อ27-02-2015 23:25:23 »

แล้วเกี่ยวอะไรกับเภสัชกรหนุ่มน้อยของเราละเนี่ยย
ยิ่งลามไปถึงจิตแพทย์สุดหล่อของเราอีกด้วย
คุณผีนี่มีตนเดียวใช่มั้ย  แต่หลอกเขาไปทั่วเลยนะเนี่ย สุดยอดจริงๆ
เป็นคุณผีที่ขยันมาก
+1+เป็ด

ออฟไลน์ zoochi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
«ตอบ #143 เมื่อ27-02-2015 23:39:15 »

เข้ามาอ่านก่อนนอน จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว คนเขียนจะรู้มั้ยว่า
คนอ่าน อ่านไปเกร็งไป อะไรมันจะหลอนขนาดนั้น
แล้วคืนนี้จะหลับมั้ยเนี่ย  :katai1:   นัเขียนทำร้ายยยย
ทำไมไม่มาอัพให้เร็วกว่าเน้!!!!  :ling3:
ขอเซอร์วิสหน่อยค่าาาาา

@หนูน้อยใจ

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
Re: 『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
«ตอบ #144 เมื่อ28-02-2015 03:10:03 »

ใช่...หมอมันเห็นแล้ว นายไม่ได้ผจญอยู่กับสิ่งนั้นคนเดียวแล้วนะน้องกันต์ :hao5:

ออฟไลน์ ShiRaZ_Prime

  • ก็แค่สาวน้อยที่หลงใหลนิทานปรัมปรา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
    • Misora_Sky
Re: 『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
«ตอบ #145 เมื่อ28-02-2015 06:21:20 »

กำลังอ่านตอนดีๆตอนตีห้า คนอื่นก็หลับกันหมดแล้ว ฉากกำลังสยองเลย จู่ๆเสียงโทรศัพท์ดัง! อิชั้นแทบช็อค ใครแม่มโทรมาตอนนี้ฟระ! ใจจะวาย

ตอนนี้แต่ละคนน่าสงสัยไปหมด เดาเนื้อเรื่องต่อไปไม่ถูก  :ling3: แต่นางหลอนยิ่งกว่าจูออนอีกนะ ฮือ ที่แน่ๆหลงรักหมอเรียบร้อยแล้วค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: 『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
«ตอบ #146 เมื่อ28-02-2015 08:12:43 »

โดนหลอกทั้งกลางวัน กลางคืน เป็นเรานี่ประสาทตาย  :ling3:

ออฟไลน์ cherilnatcha

  • การเดินทางของความคิด. ชาร์ลี (c)
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
«ตอบ #147 เมื่อ28-02-2015 08:25:05 »

ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียเท่านั้น!



 :katai5:

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
Re: 『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
«ตอบ #148 เมื่อ28-02-2015 10:28:47 »

ปัญหาน่าจะอยู่ที่รามิล แต่กันต์โดนหลอกไปด้วยเพราะอะไรหว่า?

ออฟไลน์ Viewonohm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 844
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-5
Re: 『 ปรสิต ☤ 07 』 | horror thriller (27-02-15)
«ตอบ #149 เมื่อ28-02-2015 13:09:16 »

เหมือนรามิลเป็นชู้กับพี่เสือ แล้วแพรพลอยรู้เลยเสียใจร้องไห้หนักมาก ขับรถออกไปด้วยความเร็วสูง รถคว่ำตาย พี่เสือเป็นคนรักษาแต่แพรพลอยตาย  5555555555 พิมพ์เองยังงงเอง  :m20:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด