『 ปรสิต ☤ บทส่งท้าย 』 | horror thriller (17-03-15) | จบแล้วค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 『 ปรสิต ☤ บทส่งท้าย 』 | horror thriller (17-03-15) | จบแล้วค่ะ  (อ่าน 197762 ครั้ง)

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


------------------------------------------------

นิยายของ เข่งสะพานปลา

ปรสิต | HORROR THRILLER (จบแล้ว)
WRONG พื้นผิดเบอร์ | ROMANTIC COMEDY
ว ร ร ค | ANGST DRAMA
HUMAN FARM | DYSTOPIA DRAMA
DARK HORSE | ROMANTIC DRAMA
(เรื่องสั้น) NOAH | METAPHOR ROMANCE (จบแล้ว)
(เรื่องสั้น) BEDFAST | ROMANCE (จบแล้ว)
(เรื่องสั้น) ก่อร่าง • สร้างตัว | THRILLER (จบแล้ว)

------------------------------------------------


------------------------------------------------







ปรสิต | PROLOGUE




ผมไม่ได้บ้า

นั่นคือสิ่งที่ผมพอจะบอกกับคุณได้ และเขาเองก็ไม่เชื่อนักหรอก

 

ผมรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

มีบางสิ่งบางอย่างกำลังเกาะติดผม

และนานวันเข้า... หัวใจผมก็ยิ่งถูกความกลัวกัดกินจนไร้เรี่ยวแรงที่จะมีชีวิตอยู่
 


 

ผมไม่สามารถไปไหนมาไหน หรือแม้แต่จะอยู่ตามลำพัง

เพราะ มัน จะมา
 

 
' คนไข้ของผมส่วนใหญ่ก็พูดว่าตัวเองไม่ได้บ้ากันทั้งนั้น... คุณชนกันต์ '






เคยทำอะไรเอาไว้ . ให้ระวังตัว






------------------------------------------------





ฝากนิยายผีแฝงความกุ๊กกิ๊กของบรรดาหนุ่มโรง'บาลไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
เป็นแนว Horror ที่มีความเป็น Thriller และ Drama เบา ๆ (อย่างหลังนี่น่าจะ)
ใครที่ชอบแนวนี้ หรืออ่านแล้วถูกใจบ้างสักนิด ก็อยู่เป็นเพื่อนกันไปนาน ๆ นะคะ >_<

เรื่องนี้เราแปลงมาจากฟิคชันที่ได้แต่งไว้ แต่ขอให้ลืมมันไปค่ะ 55555555555
เพราะสำหรับที่นี่ เราจะสร้างตัวตนของตัวละครทั้งหมดขึ้นมาใหม่เลย ; )
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2015 11:05:22 โดย เข่งสะพานปลา »

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
『 ปรสิต ☤ 01 』 | horror thriller (UPDATE 20-02-15)
«ตอบ #1 เมื่อ20-02-2015 17:12:39 »



ปรสิต | 01







ตึก... ตึก... ตึก...




ตึก





อีกแล้ว

เป็นแบบนี้มาเกือบทั้งสัปดาห์


สมองสั่งให้หันหลังกลับไปมองเหมือนครั้งก่อน ๆ ซึ่งร่างเล็กก็ทำตามแต่โดยดีแม้ว่าจะใช้เวลาทำใจลำบากถึงห้าวินาทีเต็ม ๆ ถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นว่าเบื้องหลังของเขานั้นยังว่างเปล่าและไม่มีร่องรอยของใครคนอื่นอย่างที่รู้สึกระแวงอยู่เสมอ


ชนกันต์ต้องใช้เวลากลั้นหายใจอีกรอบกับการหันกลับมา ก่อนจะรู้สึกโล่งใจเป็นครั้งที่สองเมื่อสายตาของเขายังคงมองเห็นแค่แถบตู้ยาที่ทอดยาวไปเหมือนชั้นหนังสือในห้องสมุด ผนังห้องอยู่เลือนรางยังปลายสายตาเพราะไฟที่ถูกหรี่ลงจนสลัว


ใช่... ไม่มีอะไรเลย มีแค่เขาคนเดียวในห้องนี้


แต่พอขาเรียวออกก้าวเดินต่อ ข้อสันนิษฐานเดิม ๆ ก็ร่ำให้ถูกพิสูจน์อีกครั้ง




ตึก... ตึก... ตึก...


ตึก




เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคือสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะทุกครั้งที่หยุดเดินเสียงฝีเท้าก็มักจะเกินมาก้าวหนึ่งเสมอ โดยเฉพาะในเวลาที่เขาอยู่เพียงลำพังและห้องทั้งห้องเงียบกริบจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจและเสียงแอร์ดังหึ่ง ๆ


ประสาทจะกินอยู่แล้ว


ชนกันต์บอกกับตัวเองอย่างติดตลก หากแต่มันคือความจริง ตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองไม่ต่างจากคนบ้าซึ่งต้องคอยเงี่ยหูฟังเสียงทุกครั้งที่ก้าวเดิน หลายครั้งก็ได้แต่หัวเราะเพื่อกลบเกลื่อน แต่ลึก ๆ แล้วนั้นรู้ดีแก่ใจว่าในช่วงเกือบสัปดาห์ผ่านมานั้น –


เขาไม่ได้อยู่คนเดียว


ไม่ว่าจะเป็นก๊อกในห้องน้ำที่เปิดเอง เสียงฝักบัวอาบน้ำตอนตีสาม หรือแม้แต่ไฟที่ชอบกระพริบถี่แม้ว่าจะซื้อหลอดไฟมาเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม


ชนกันต์กลัวผีเข้าไส้ แล้วสองวันมานี้เขาก็เป็นฝ่ายหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กับเจตน์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท จริงอยู่ว่าชวนให้อุ่นใจขึ้น แต่กลับไม่มีอะไรดีขึ้นเลยในเวลาที่จำเป็นต้องอยู่คนเดียวเฉกเช่นตอนนี้ ชนกันต์ไม่มีสิทธิ์เอาตัวเองไปผูกติดกับใคร เจตน์มีงานที่ต้องทำ และเขาเองก็เช่นกัน


ค่อย ๆ นับจำนวนยาในกล่องที่วางอยู่ระดับเอวสลับกับเอกสารในมือ บ่อยครั้งที่คิ้วเรียวขมวดมุ่นเพราะตัวอักษรภาษาอังกฤษเล็ก ๆ ซึ่งพากันอัดแน่นอยู่ในช่องตาราง แต่แล้วก็คลายออกก่อนจะค่อย ๆ หยิบยาเรียงเข้าไปบนชั้นอย่างระมัดระวัง อย่างน้อยการมีอะไรให้ทำมันก็ขจัดความกลัวได้อย่างดีเยี่ยมทีเดียว


“....”


หากแต่เสียงกึก ๆ ที่ดังแว่วมานั้นกลับเรียกให้หัวใจกระตุกวูบ คิ้วนั้นม่วนเข้าหากันจนเหมือนปมตายเล็ก ๆ ชนกันต์หลับตาลงเพื่อตั้งสติ โดยนับไล่ตั้งแต่เลขหนึ่งไปจนถึงสิบ นี่เขาพยายามมากแล้ว... พยายามที่จะข่มความกลัวและเอาชนะมันให้ได้


“....!!”


สัมผัสปลายนิ้วที่ค่อย ๆ ไล้ขึ้นมาจนหยุดอยู่บนบ่านั้นมันเกินกว่าที่คาดคิดไว้มาก ต่อให้เจอเหตุการณ์แปลก ๆ มาแค่ไหน แต่ไม่มีสักครั้งที่จะประชิดตัวขนาดนี้


จะ –


จะทำยังไงดี


มือที่ถือแผ่นรองเอกสารนั้นสั่นเสียจนจะหมดแรงปล่อยให้ตกไปอยู่รอมร่อ แต่เขากลับไม่กล้าขยับเพียงเพราะกลัวว่าจะต้องหันไปเห็นอะไรที่ไม่อยากเห็น สักพักมันก็คงหายไป เด็กหนุ่มเชื่ออย่างนั้น ได้แต่หลับตาปี๋จนกระทั่งเสียงลมหายใจนั้นดังเคลียใกล้ใบหู มันกำลังพูดอะไรบางอย่าง


“ไอ้กันต์...”


ทันทีที่ได้ยินเสียง ร่างทั้งร่างก็สะดุ้งพลางเบิกตาโพลง คิ้วที่ขมวดเข้าหากันนั้นผูกเป็นโบว์ แถมด้วยมือเล็ก ๆ ที่ตบไปบนต้นแขนของหนุ่มรุ่นพี่ซึ่งยืนหัวเราะคล้ายจะเป็นจะตายอยู่ตรงหน้า


“พี่ตอง! ไม่ตลกเลย!”


“ก็ว่าอยู่ เห็นแกหลับตาปี๋” ปรัชญา เจ้าหน้าที่บริบาลทางเภสัชกรรมประจำโรงพยาบาลยิ้มทะเล้น เขาแกล้งเอามือมาไล้บนหัวไหล่ตัวเองบ้างพลางว่าด้วยน้ำเสียงล้อเลียน “หลอนจริงว่ะ ขอโทษที่แกล้งแล้วกัน ไม่คิดว่าจะขวัญอ่อนขนาดนี้”


ถึงจะน่าเตะคว่ำแค่ไหน แต่ตรงกันข้ามแล้ว ชนกันต์กลับรู้สึกยินดีเสียยิ่งกว่าอะไรในโลกที่มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนเขาสักที แต่ที่ไม่น่ายินดีก็คือมันได้เวลาออกเวรแล้วนี่สิ ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ดีใจจนวิ่งออกไปแทบไม่ทัน แต่ตอนนี้กลับรู้สึกอยากยื้ออยู่กับใครก็ตามให้นานขึ้นอีกหน่อย เพราะเมื่อไรก็ตามที่อยู่คนเดียว เขากลับไม่รู้สึกลำพังอย่างที่ควรจะเป็น


“ไป ๆๆ กลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวพี่ทำต่อเอง” ว่าพลางแย่งเอกสารในมือไปเช็กสต็อกยาอย่างคล่องแคล่วแล้วเรียงขึ้นชั้นโดยไม่ลืมดูฉลากและสภาพโดยรอบของแต่ละขวด คนถูกไล่เบ้หน้าน้อย ๆ ก่อนจะเดินกลับไปยังทางที่เพิ่งเดินผ่านมาด้วยสีหน้าไม่เต็มใจนัก กระเป๋าสัมภาระของเขาถูกเก็บไว้ในตู้เก็บของขนาดเล็กใกล้กับเคาน์เตอร์จ่ายยา ซึ่งมีกฎว่าหลังเที่ยงคืนไปแล้วเภสัชกรหรือพนักงานจ่ายยาไม่จำเป็นต้องนั่งประจำหน้าเคาน์เตอร์ก็ได้หากอยู่คนเดียว แต่จะมีออดสำหรับให้กดเรียกเจ้าหน้าที่เมื่อมีคนไข้ต้องการติดต่อแทน


ชนกันต์ถอดเสื้อกาวน์สีขาวแขนสั้นออกแขวนไว้บนผนังเหนือตู้เก็บสัมภาระ พอไม่มีมันแล้วเขาก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาที่สวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ออกไปไหนมาไหน แต่ว่าก็ว่าเถอะ โรงพยาบาลรัฐน่ะไม่เจ้ากี้เจ้าการเรื่องการแต่งตัวเหมือนโรงพยาบาลเอกชนราคาแพง ๆ หรอก


นาฬิกาบนผนังบอกเวลาตีหนึ่งห้านาที เป็นเรื่องปกติสำหรับนักศึกษาปีสุดท้ายอย่างเขาอีกนั่นแหละที่จะถูกจัดตารางให้อยู่เวรรอบดึก และชนกันต์ก็ไม่เข้าใจสักนิดเดียวว่าทำไมเขาถึงมาติดฝึกงานที่โรงพยาบาลนี้เพียงคนเดียวในสาขา


“เฮ้ยเดี๋ยว ๆ”


ยังไม่ทันจะได้คว้ากระเป๋าเดินออกไป ปรัชญาก็รีบปรี่มาทางนี้เสียก่อน ถึงตอนนี้ชนกันต์เพิ่งสังเกตเห็นกระดาษใบหนึ่งที่มีลายมือหวัด ๆ ของใครบางคนเขียนอยู่ตรงมุมด้านล่าง แถมยังใส่รูปยิ้มมาให้อีกแน่ะ


“อ่านไม่ออกอย่างนี้ ลายมือหมออธิศใช่ไหมเนี่ย ช่วยแกะที”


คนที่ปรัชญากำลังพูดถึงนั้น ชนกันต์จำได้ดีว่าเคยเดินสวนกันอยู่เป็นครั้งคราว หมออธิศที่ว่าก็คือนายแพทย์อธิศ จิตแพทย์คนดังประจำแผนกจิตเวช ใคร ๆ ก็บอกว่าใจดีมาก... มากเสียจนพยาบาลค่อนโรงอยากจะแปรสภาพไปเป็นคนไข้ให้รู้แล้วรู้รอด


“แกบอกว่าสั่งยารอบหน้าขอไดอะซีแพมกับเมโปรบาเมทมาเพิ่มด้วย”


ทั้งที่หวังใจว่าปรัชญาจะชวนอยู่คุยนานกว่านี้อีกสักหน่อย หากแต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อหนุ่มรุ่นพี่เพียงแค่พยักหน้ารับแล้วโน้มตัวไปเขียนอะไรขยุกขยิกกำกับข้อความนั้นอีกที ครั้นเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าเขายังอยู่ก็ยกมือขึ้นโบกไล่หยอย ๆ ให้รีบกลับไปพักผ่อนเสีย หากแต่ในหัวของชนกันต์นั้นกลับกำลังลังเลอะไรบางอย่าง ไดอะซีแพมที่เขาเพิ่งออกปากเรียกชื่อไปเมื่อครู่นั้นเป็นยากล่อมประสาทชนิดหนึ่ง มีฤทธิ์คลายเครียดและอาจทำให้นอนหลับหากกินในปริมาณที่สูงขึ้น “พี่ตอง”


ใช่ เขาอยากได้มัน


“หืม?”


“ถ้าผมจะขอจิ๊กยากลับไปสักแผงสองแผง พี่จะว่าอะไรไหม” ถามไปทั้งที่รู้ว่าจะต้องถูกอีกฝ่ายแหวกลับเข้าให้ แล้วก็จริงดังว่า ปรัชญาหยัดตัวตรงแทบจะทันที มองเขาด้วยสายตาราวกับกำลังครุ่นคิดว่าจะหาคำไหนมาตำหนิมากกว่า


“ยาอะไร”


ตาเรียวรีเสมองไปที่คำว่าแวเลียมตรงชั้นด้านใน “พวกไดอะซีแพมครับพี่ หรือไม่งั้นเป็นยานอนหลับก็ดี”


“ไม่ได้ ยาในควบคุมของแพทย์จะให้สุ่มสี่ห้าไม่ได้แกก็รู้ ถ้าเป็นพาราแคปก็ว่าไปอย่าง” เคาะปากกากับฝ่ามืออยู่สองสามที ทำท่าจะเดินไปจัดยาเข้าตู้ต่อก็ยังไม่วายหันกลับมาชี้หน้าคาดโทษจนชนกันต์ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ตอบกลับไป “พูดแบบนี้อีกไม่ให้ผ่านงานนะเว้ย เสียจรรยาบรรณหมด”


“ผมก็พูดเล่นเฉย ๆ น่า แต่ถ้าอยากได้ต้องทำไงครับ”


“ไปให้หมอสั่งจ่ายให้ไป”


ปรัชญาโผล่หน้ามาร้องตอบส่ง ๆ ก่อนจะหายเข้าไปในหลืบตู้ยาอย่างเคย ถึงมันจะเป็นคำถามโง่ ๆ ที่เขารู้ดีอยู่แล้วก็ตาม แต่คงคาดการณ์ผิดไปว่าจะอะลุ่มอล่วยให้กันบ้าง ซึ่งไม่เลย


ขนคอตั้งชันเมื่อรู้สึกได้ถึงลมเย็น ๆ ที่วูบผ่านไปข้างหลัง กลั้นใจเพียงอึดใจหนึ่งแล้วจึงหันไปดูทว่าไม่พบอะไร แต่ชนกันต์มั่นใจว่านี่ไม่ใช่การนอนน้อยแน่ เพียงแต่เขายังไม่แน่ใจนักว่าจะด่วนสรุปเกินไปหรือเปล่า


ร่างเล็กเร่งฝีเท้าเดินไปตามทางซึ่งเริ่มคุ้นเคยจนแทบเป็นบ้านหลังที่สอง เขายอมเดินอ้อมผ่านโถงใหญ่ ห้องพักนางพยาบาล หรือที่ไหนก็ตามที่คิดว่ายังคงมีคนอยู่ในตอนตีหนึ่ง


ใช่แล้ว ไม่มีทางที่เขาจะเดินไปไหนมาไหนคนเดียวอย่างเด็ดขาดถ้ามีทางเลือก


ล้วงหาบางอย่างในกระเป๋าตามความเคยชิน ควานอยู่สองสามทีก็เจอพวงกุญแจที่ห้อยติดกับลูกกุญแจสี่ห้าดอก จับเอาดอกใหญ่ที่สุดกระชับไว้ให้ถนัดมือแล้วกวาดสายตามองหาเจ้ารถสีดำคันเก่งที่จำได้ว่าจอดอยู่ตรงไหนสักที่ รู้สึกขอบคุณที่มีบุรุษพยาบาลสองคนกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ลานจอดรถโรงพยาบาลในตอนตีหนึ่งนั้นวังเวงยิ่งกว่าอะไรดี เสียบกุญแจเข้าไปที่รถก่อนจะไขโดยขณะที่ตายังคงจับจ้องเพื่อนร่วมโรงพยาบาลอย่างอุ่นใจ ดึงประตูรถเปิดออกพร้อมกับหันกลับมาทางเดิม


ทว่าแวบหนึ่งที่สายตามองเห็น




“เฮ้ย!”




ตกใจจนต้องผงะถอยไปชนกับรถอีกคันหนึ่งจนบุรุษพยาบาลต้องวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ ประตูรถของเขาในตอนนี้อยู่ในสภาพเปิดค้างไว้ชนกับรถอีกคันหนึ่งจนน่ากลัวว่าจะเกิดรอยถลอก แต่ก็ช่างเถอะ ถ้าเจ้าของรถไม่มาเห็นก็คงไม่เป็นไร


ชนกันต์สูดลมหายใจลึก เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง หลังจากตั้งสติได้เขาก็พยายามเค้นรอยยิ้มแห้ง ๆ ออกมาก่อนจะหันไปโค้งให้ผู้มาใหม่


“ขอโทษนะครับ พอดีผมหน้ามืดนิดหน่อย”


หลังจากที่บุรุษพยาบาลเดินกลับไปยังที่สูบบุหรี่เดิมแล้วร่างเล็กก็รีบแทรกตัวเข้า ไปนั่งในรถทันที จัดการปิดประตู หลับตาลงและนับหนึ่งถึงสิบ ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อลืมตาแล้วพบว่ามันไม่มีอะไรปรากฏในกระจกหน้ารถอย่างหนังสยองขวัญ


แต่เมื่อกี้น่ะ...


ไม่... ไม่เอา... ไม่คิด...




มันจะมีผู้หญิงมายืนอยู่หลังเขาได้ยังไงกัน




แต่ก็เพราะเป็นไปไม่ได้ไม่ใช่หรือไงถึงต้องมานั่งกลัวอยู่อย่างนี้ ให้ตายเถอะ!


นึกภาพเงาสะท้อนบนกระจกรถแล้วก็รู้สึกขนลุกวาบเสียจนต้องสตาร์ทรถแล้วเปิดเพลงดัง ๆ ปลุกใจ ถอยรถออกมาจากที่จอด แล้วจึงมุ่งหน้ากลับสู่แมนชั่นของตัวเองอย่างไม่เต็มใจ แหงล่ะ ถ้าวันนี้ไอ้เจตน์มันสะดวกล่ะก็ เขาไม่มีทางยอมกลับไปนอนคนเดียวทั้งแบบนี้แน่







--------------------------------------







ทางเดินในแมนชั่นยามนี้เงียบเชียบยิ่งกว่าอะไรดี ชนกันต์หวังให้มีคนจากสักห้องเปิดประตูออกมาเดินสวนเขาสักหน่อย แต่จนแล้วจนรอดเด็กหนุ่มก็ยังต้องพึ่งตัวเองโดยการใส่หูฟังแล้วเปิดเพลงรักสดใสเสียงดังให้ไม่ได้ยินอะไร กระเบื้องสีขาวเหมือนตึกเก่าในโรงพยาบาลนี่ก็ช่างน่าขนลุกสิ้นดี


ฝีเท้ายังคงก้าวต่อไปหลังจากเห็นประตูห้องอยู่ไม่ไกล พอทำอย่างนี้แล้วจึงไม่ต้องกลัวว่าจะได้ยินเสียงเท้าเกินมาอีก มันได้ผลดีทีเดียว ถ้าหากว่าไฟตรงทางเดินไม่ได้กำลังกระพริบถี่จนรู้สึกปวดตาไปหมด


จริงอยู่ที่ไฟมันไม่ค่อยจะดี แต่ก็ไม่น่าเป็นพร้อมกันแทบทุกดวงอย่างนี้สิ


ชนกันต์เร่งฝีเท้าเดินไปให้ถึงประตูห้อง พอรู้สึกว่ายังได้ยินเสียงก๊องแก๊งจากพวงกุญแจก็ล้วงไปในกระเป๋าเพื่อเปิดเสียงเพลงในโทรศัพท์ให้ดังขึ้นอีก เข้ามาในห้องได้ก็รีบปิดประตูโดยไม่แม้แต่จะหันไปมองด้านนอก มือเล็กรีบควานหาสวิตซ์เปิดไฟก่อนอะไรอื่น


ไม่เคยเกลียดการอยู่คนเดียวมากเท่านี้มาก่อน


ไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่ความกลัวเริ่มเข้าเกาะกินหัวใจตั้งแต่ครั้งแรกที่สังเกตได้ว่าเสียงฝีเท้าสุดท้ายนั้นมักจะช้ากว่าตัวเขาเสมอ หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือมันเกินมาก้าวหนึ่ง ถ้าอาการเป็นบ้าแบบเฉียบพลันมันเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ล่ะก็ ขอเวลาอีกไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ เขามั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี่มันทำให้เขาประสาทเสียได้แน่ ๆ เพราะตอนนี้ก็แทบไม่ต่างอะไรจากคนแปลก ๆ สักคนในแผนกจิตเวชแล้ว


เอื้อมมือไปหยิบขวดยาแก้แพ้มาเทใส่มือสองสามเม็ดแล้วเปิดตู้เย็นเอาน้ำมาดื่มเพื่อฝืนกลืนลงไป เอาเข้าจริง ๆ มันก็ช่วยได้แค่นิดหน่อย แต่ไม่มากพอจะทำให้หลับได้ทันทีแบบที่เขาอยากได้เลยสักนิด ว่าแล้วก็ไปรื้อหาเอายาคลายกล้ามเนื้อมากินอีกสองเม็ด อะไรก็ได้ที่มันจะทำให้เขาง่วงและหลับยาวไปได้จนถึงเวรเข้างานวันพรุ่งนี้


ถอดกางเกงออกจนเหลือแต่บ็อกเซอร์แล้วทิ้งตัวลงนอนทั้งอย่างนั้น ชนกันต์ยินดีจะหลับไปทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำและไฟยังเปิดอยู่ ซึ่งถ้าเทียบกันแล้วมันเป็นทางเลือกที่ดีกว่าให้ไปกลัวอะไรไม่เข้าท่าในห้องน้ำนั่น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คและดูนู่นอ่านนี่อีกนิดหน่อยเรียวปากบางก็หาวหวอด รีบเอาโทรศัพท์วางไว้หัวเตียงและยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปงทันที เพราะกลัวว่าถ้าขืนยังเล่นโทรศัพท์ต่อไป ฤทธิ์ง่วงอ่อน ๆ นี่จะหายไป


หลังจากพลิกตัวไปมาเพื่อหาท่าที่สบาย ในที่สุดสติก็เริ่มหลุดลอยจนคิดว่าคงผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ไม่ยาก


“....”


Rrrr


เสียงโทรศัพท์เครื่องโปรดที่แผดเสียงดังลั่นส่งผลให้ร่างทั้งร่างสะดุ้งโหยงแล้วตื่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ชนกันต์โผล่หน้าออกมาพ้นผ้าห่มอย่างไม่สบอารมณ์นัก ส่วนหนึ่งก็เพราะเริ่มหายใจไม่ออกหลังจากเอาแต่อุดอู้อยู่ใต้ผ้าห่ม เอื้อมมือไปคว้าเอาโทรศัพท์ตรงหัวเตียงมากดดูท่ามกลางแสงจันทร์ที่ทำให้ทั้งห้องพอมีแสงสลัว แต่พอกดเจ้าเครื่องมือสื่อสารดูก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเพราะมันไม่มีใครโทรเข้ามาสักคน ไม่มีแม้แต่ข้อความโฆษณาหรืออะไรเลยด้วยซ้ำไป


ซ่า


จำต้องตื่นเต็มตาเมื่อเพิ่งสังเกตเห็นว่าโทรทัศน์ถูกเปิดทิ้งไว้ ภาพการตัดขาดสัญญาณซึ่งแสดงเพียงเส้นสั่น ๆ เต็มเฟรมจอนั้นไม่ได้ทำให้ชนกันต์แปลกใจมากไปกว่าการที่เขาลืมปิดโทรทัศน์ก่อนนอน ซ้ำยังหลับไปพร้อมเสียงซ่า ๆ นั่นด้วยน่ะนะ?


แต่เดี๋ยวก่อน


“....”


ตั้งแต่กลับมา เขาก็แค่กินยาแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนเลยไม่ใช่หรือไง


หนำซ้ำวันนี้ยังเปิดไฟนอนด้วย


คิดได้อย่างนั้นก็ไม่อยู่ให้สายตามองเห็นอะไรในความมืดอีกต่อไป ร่างเล็กรีบฝังหัวลงกับหมอนแล้วยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปงปิดจนมิดศีรษะอีกครั้ง เสียงซ่าจากจอโทรทัศน์ยังคงดังต่อไป และชนกันต์ก็แทบจะรู้ตัวดีว่าคืนนี้ยาของเขาคงช่วยอะไรไม่ได้อีกแล้ว


หลับ


หลับสิวะ



พยายามบอกตัวเองเป็นครั้งที่ร้อยในขณะที่ข่มตาหลับไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจก็ยังคงเต้นแรงเสียจนไม่เปิดโอกาสให้ความง่วงมาเยือนเป็นครั้งที่สอง


พรึ่บ


เสียงโทรทัศน์เงียบไปแล้ว ชนกันต์ไม่กล้าแม้แต่จะโผล่หน้าออกไปพ้นผืนผ้าห่มแม้ว่าใจมันร่ำจะอยากรู้แค่ไหน โทรทัศน์ปิดตัวเองไปแล้วจริง ๆ น่ะเหรอ มันไม่มีระบบตั้งเวลาปิดอัตโนมัติสักหน่อย


บ้าเอ๊ย


ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่านเพราะรู้ว่านี่มันชักจะผิดปกติไปกันใหญ่ ช่วงแรกก็คิดว่าคงหลง ๆ ลืม ๆ ไปเอง แต่นี่มันชัดเจนเกินไป บางทีเขาอาจจะไม่ได้ขี้หลงลืมมาตั้งแต่แรก ยังไม่ทันที่จะทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ทั้งหมดความรู้สึกแปลก ๆ ก็บังเกิดขึ้นจนขนลุกวาบ แอร์ในห้องดูจะเย็นเยือกขึ้นอย่างประหลาด แต่เขารู้ตัวดียิ่งกว่าอะไร ว่าที่ตัวกำลังสั่นเทานี่ไม่ได้มีต้นเหตุจากความหนาวเลยสักนิด


ร่างทั้งร่างชาวาบเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงยวบข้างกาย มันยวบลึกลงไปราวกับจะบอกให้รู้ถึงการมีตัวตน ทั้งที่อยากรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่จะให้เปิดตาเปิดผ้าออกไปมองก็ไม่กล้าพอ บางทีอาจเป็นของตกหรือหนังสือสักเล่มก็ได้


ท้ายแล้วความอยากรู้ก็เอาชนะความกลัวด้วยการเลื่อนมือออกไปนอกผ้าห่มเพื่อควานหาหนังสือที่ตกมาจากหัวเตียง ใช่ มันควรจะต้องเป็นอย่างนั้น นี่คือคำปลอบใจที่เข้าท่าที่สุดในตอนนี้


“....”


แล้วก็จริงดังที่คิด ได้แต่ถอนหายใจโล่งอกเมื่อจับโดนหนังสือเล่มหนาในตำแหน่งที่รู้สึกถึงแรงยวบ หากแต่ยังไม่ทันจะได้เอามือกลับ ปลายนิ้วก้อยก็สัมผัสเข้ากับอะไรเย็นเยียบใกล้เล่มหนังสือ


บางทีมันอาจจะตกลงมาสองเล่ม


เพียงแต่มันไม่ได้แข็งเหมือนหนังสือ ชนกันต์รีบชักมือกลับเข้ามาใต้ผ้าห่มทันทีที่ลองวางมือลงไปบนวัตถุนั้น


มันทั้งเย็นเยียบ มีความนุ่ม และที่สำคัญ...




มันคือเท้า




ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่น้ำตาคลอหน่วงขึ้นมา ความยาวนานของราตรีนำมาซึ่งความสิ้นหวังและหวาดกลัวเพียงแค่คิดว่ามีบางสิ่งบางอย่างอยู่บนเตียงเดียวกัน ซ้ำยังวางเท้าห่างจากหัวเขาไปเพียงแค่ฟุตเศษ


และเพราะว่ามันเหมือนเท้าคน ชนกันต์จึงมั่นใจว่ามันไม่ใช่คน


“ไม่ไหวแล้ว...”


น้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสายมันทำให้รู้สึกหายไม่ออก ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยอมที่จะฝังตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่มและปิดปากกลั้นสะอื้นไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะเมื่อไหร่ที่หลุดเสียงร้องออกไป เสียงสะท้อนก้องภายในห้องกลับไม่ใช่ของเขาเพียงคนเดียว


กว่าสี่ชั่วโมงที่ทนทรมานอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเสียงนกร้องในตอนเช้าดังขึ้นพร้อมกับไอแดดอ่อน ๆ ชนกันต์จึงย่อมโผล่หน้าออกมาเหนือผืนผ้าห่มทีละนิด




เช้าแล้ว




ห้องทั้งห้องว่างเปล่า โทรทัศน์ถูกปิดสนิท หรือจะพูดให้ถูกคือมันไม่ได้ถูกเสียบปลั๊กไว้ตั้งแต่แรก ร่างเล็กรีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินสะโหลสะเหลไปหยิบเอาเสื้อและกางเกงมาเปลี่ยนใส่เป็นชุดใหม่ทันที ถ้าจะให้มานอนเอาเวลานี้ล่ะก็ ยังไงก็ต้องไม่ใช่บนเตียงที่เพิ่งควานเจอเท้าคนเมื่อคืนนี้แน่ ๆ


ชนกันต์ยอมเป็นคนซกมกที่ไม่อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน และสองอย่างหลังเขาคิดว่าจะแวะซื้อที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อไปจัดการธุระที่โรงพยาบาล อย่างน้อยก็ยังขอให้ใครไปอยู่เป็นเพื่อนได้ และถ้าไปตั้งแต่ตอนนี้ บางทีอาจไปดักพบหมออธิศได้ทันก่อนจะมีคนไข้ รีบพรวดพราดออกไปทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตูของห้องอื่น เขาไม่มีทางลงลิฟท์คนเดียวเด็ดขาด และแน่นอน ไม่เดินคนเดียวด้วย


เพื่อนห้องอื่นดูจะแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นเด็กหนุ่มใต้ตาหมองคล้ำเดินสะโหลสะเหลเหมือนคนอดหลับอดนอนติดลิฟท์ลงไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นชนกันต์ก็ไม่สนใจหรอก เขายอมเป็นไอ้บ้าห้าร้อยดีกว่าเจอเรื่องแบบเมื่อคืนเป็นไหน ๆ


ครั้นเดินผ่านเคาน์เตอร์ของฝ่ายนิติบุคคลก็อดไม่ได้ต้องก้าวฉับเข้าไปแล้วหยุดยืนละล้าละลังถาม เรื่องที่เขากำลังเจออยู่นี่มันควรต้องมีที่มาที่ไป


“พี่ครับ”


“คะ?”


“ที่แมนชั่นเรา... เคยมีคนตายไหมครับ”


ทันทีที่ถามออกไปชายหนุ่มก็รู้สึกได้ว่าเขากลายเป็นตัวประหลาดขึ้นมาในชั่วพริบตา หล่อนดูจะตกใจนิดหน่อย แล้วจึงหันไปเรียกป้าอีกคนที่ทำงานในฝ่ายนิติบุคคลออกมาพลางทวนคำถามให้อย่างเสร็จสรรพ


ชนกันต์นึกภาวนาในใจให้มันไม่ใช่ห้องของเขา แต่ถึงอย่างนั้นคุณป้าข้างหน้าก็พูดเสียงแข็ง “ไม่มีหรอกค่ะ” คิ้วเรียวขมวดมุ่นกับสิ่งที่ได้ยิน ถึงอย่างนั้นก็ยังออกปากยืนยันสิ่งที่ต้องการรู้ไปอีกครั้ง


“จริงเหรอครับ ไม่มีเลยเหรอ”


“เห็นน้องอยู่มาตั้งเป็นปีแล้วไม่ใช่เหรอคะ มีอะไรหรือเปล่า ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงมาถามแบบนี้” หญิงสาวคนก่อนหน้าถามขึ้นน้ำเสียงจริงจัง ซึ่งสิ่งที่เธอพูดก็มีมูลมากทีเดียว เพราะถ้าเป็นผีในแมนชั่นนี่จริง แล้วทำไมถึงเพิ่งจะมาแสดงตัวเอาป่านนี้


ชนกันต์เอ่ยขอบคุณแล้วเลี่ยงเดินออกมาพลางขบคิดตามไปด้วย จะยังไงก็ช่าง วันนี้เขาต้องได้แวเลียมมาให้ได้ และอย่างดีที่สุดก็ต้องได้ไปนอนค้างกับเจตน์ด้วย


คิดแล้วก็ยังรู้สึกกลัวไม่หาย ใจมันสั่นจนเหมือนจะหลุดออกมาจากอก ไม่เคยต้องเจออะไรอย่างนี้มาก่อน และแทบไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าช่วงอาทิตย์นี้มามันเป็นวันซวยหรือยังไง


แล้วทำไมต้องเป็นชนกันต์คนนี้


มันต้องการอะไรกันแน่





TBC





----------------------------------------------------


ก็รอให้ถึงเวลา ใครกันหนอ พระเอกของชนกันต์




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-02-2015 18:18:13 โดย เข่งสะพานปลา »

ออฟไลน์ fran23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 01 』 | horror thriller (20-02-15)
«ตอบ #2 เมื่อ20-02-2015 18:08:07 »

หลอนดีคะ ชอบบบบบ #บรึ้ยๆ มาต่อไวๆนะคะ :mew3:

ออฟไลน์ JuDaZz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 01 』 | horror thriller (20-02-15)
«ตอบ #3 เมื่อ20-02-2015 18:09:25 »

อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงหนังจีนเรื่องหนึ่ง ที่นางเอกมีอาการทางจิตจนปฏิเสธการมีตัวตนของคนรัก น่าติดตามมากค่ะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: 『 ปรสิต ☤ 01 』 | horror thriller (20-02-15)
«ตอบ #4 เมื่อ20-02-2015 18:41:04 »

พลังงานลึกลับผู้นี้ (เรียกงี้ละกันเพราะเจ้าตัวไม่อยากให้เรียกว่า ผี 55) ดูท่าทางจะเป็นคนตลกนะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: 『 ปรสิต ☤ 01 』 | horror thriller (20-02-15)
«ตอบ #5 เมื่อ20-02-2015 18:50:41 »

น่ากลัวมาก คุณพระเอกจะเป็นใครล่ะเนี่ย  :katai1:

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
Re: 『 ปรสิต ☤ 01 』 | horror thriller (20-02-15)
«ตอบ #6 เมื่อ20-02-2015 20:18:28 »

พระเอกใช่คุณหมอติตแพทย์ใจดีคนนั้นหรือเปล่าเอ่ย  ช่วยชนกันต์ด้วยยยย
รับชนกันต์ไปอยู่ด้วยเลย  หลอนนนนนนนน

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: 『 ปรสิต ☤ 01 』 | horror thriller (20-02-15)
«ตอบ #7 เมื่อ20-02-2015 20:42:27 »

อ่านไปนี่ผวาไปด้วยนะเนี่ยยยยย  :katai1: :katai1: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ ไป๋ไป๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 01 』 | horror thriller (20-02-15)
«ตอบ #8 เมื่อ20-02-2015 21:12:22 »

ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกก มาต่อบ่อยๆนะ :L2: :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ toey-yyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 01 』 | horror thriller (20-02-15)
«ตอบ #9 เมื่อ20-02-2015 21:49:24 »

หลอนอ่า เป็นผีจริงใช่ไหม?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 『 ปรสิต ☤ 01 』 | horror thriller (20-02-15)
« ตอบ #9 เมื่อ: 20-02-2015 21:49:24 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ parn11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
Re: 『 ปรสิต ☤ 01 』 | horror thriller (20-02-15)
«ตอบ #10 เมื่อ20-02-2015 22:00:03 »

โคดของความน่ากลัว

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
Re: 『 ปรสิต ☤ 01 』 | horror thriller (20-02-15)
«ตอบ #11 เมื่อ20-02-2015 23:28:59 »

พอดีอ่านในโทรศัพท์...ในบ้านเหลือคนเดียวที่ยังไม่นอน...ปิดไฟเตรียมเข้านอน...อ่านนิยายก่อนนอนหลับฝันดี...
.
.
.
เท้า........ฮือออเค้าจะไม่อ่านนิยายตัวแบบปิดไฟอีกแล้ว :o12:อ่านถึงตอนเท้านี้ขนลุกเลยครัช

ออฟไลน์ ShiRaZ_Prime

  • ก็แค่สาวน้อยที่หลงใหลนิทานปรัมปรา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
    • Misora_Sky
Re: 『 ปรสิต ☤ 01 』 | horror thriller (20-02-15)
«ตอบ #12 เมื่อ21-02-2015 03:34:55 »

แปะไว้ก่อนค่ะ
เป็นแนวที่ชอบพอดีเลย :mew1:

ออฟไลน์ RedQueen

  • Memois Of A Calamity Queen
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 01 』 | horror thriller (20-02-15)
«ตอบ #13 เมื่อ21-02-2015 05:03:18 »

กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดด :katai5:

ออฟไลน์ nimfadora

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: 『 ปรสิต ☤ 01 』 | horror thriller (20-02-15)
«ตอบ #14 เมื่อ21-02-2015 05:12:34 »

โอ้โห......
นี่อ่านตอนตีสี่ครับ อ่านบนเตียงด้วยครับ   
ตาค้างไม่กล้านอนเลยครับ....TT
แล้วตกลงมันคืออะไรกนแน่

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
『 ปรสิต ☤ 02 』 | horror thriller (21-02-15)
«ตอบ #15 เมื่อ21-02-2015 15:17:18 »



ปรสิต | 02







“เข้างานตั้งสี่โมงเย็น แล้วแกมาทำไมตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า”


ชนกันต์เท้าตัวเข้ากับเคาน์เตอร์จ่ายยาพลางมองหน้ารุ่นพี่คนสนิทราวกับเป็นแสงสว่างของชีวิต ภายในโรงพยาบาลมีเสียงจอแจต่างจากกะกลางคืนที่เขาทำงานลิบลับ คนไข้เริ่มทยอยมาโรงพยาบาลกันแล้ว เพราะในการตรวจเฉพาะทางหมอจะลงแค่เวลาราชการ เพราะอย่างนั้นการมารอรับบัตรคิวแต่เช้าตรู่นั้นจึงถือเป็นเรื่องปกติ


“ผมนอนไม่หลับ”


ใบหน้าอิดโรยที่แทบจะฟุบหลับอยู่รอมร่อดูเหมือนจะเล่าเหตุการณ์เมื่อคืนได้เป็นอย่างดี ปรัชญาได้แต่หัวเราะเบา ๆ ก่อนชี้พื้นที่ว่างซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเคาน์เตอร์ให้อีกฝ่ายดู “จะเข้ามานอนในนี้ไหมล่ะ มินท์กับโจ้มันเข้างานแปดโมง แกคงได้งีบสักชั่วโมงหนึ่ง”


อันที่จริงก็อยากทำแบบนั้นใจจะขาด แต่ชนกันต์รู้ตัวดีว่าที่เขามาโรงพยาบาลแต่เช้าเพราะเรื่องอะไร ยกมือขึ้นโบกปัด ๆ ก่อนจะกลั้นใจเหยียดตัวตรง บิดขี้เกียจน้อย ๆ แล้วว่าเสียงยานคาง “ไม่เป็นไรครับ”


“ตามใจแล้วกัน”


“ว่าแต่...”


“หืม?”


“หมออธิศนี่ใจดีจริง ๆ ใช่ไหมพี่”


พอได้ยินประโยคนี้ดวงหน้าขาวอวบก็เงยขึ้นมองเด็กฝึกงานตรงหน้าอีกครั้ง คิดว่าอยู่ดี ๆ ก็เล่นมุกไปตามประสา แต่พอมองหน้าถึงได้รู้ว่านายชนกันต์คงจะจริงจังกับสิ่งที่ถามออกมาจริง ๆ “ทำไม จะเอาอะไร”


“ผมถามพี่ก็ตอบสิครับ” เท้าตัวลงมากับเคาน์เตอร์อีกครั้ง คนเป็นพี่หรี่มองดวงตาเรียวเล็กตรงหน้า เขาแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าได้พูดอะไรเกี่ยวกับหมออธิศให้หมอนี่ฟัง


“ไม่รู้สิ แต่เห็นเขาว่ากันอย่างนั้น”   


ทั้งที่อยากจะซักไซ้ไล่เรียงต่ออีกสักหน่อย แต่ชนกันต์ก็รู้งานและเดินลิ่วไปอีกทางทันทีหลังจากฟังคำตอบนั้นจบ ปรัชญาถอนหายใจเบา ๆ โดยไม่ได้ติดใจอะไรนักแล้วก้มหน้าลงเขียนใบสั่งยารอบหน้าโดยไม่ลืมที่จะสั่งไดอะซีแพมและเมโปรบาเมทซึ่งถูกกำชับมาด้วย


ไม่รู้ทำไมพอเดินเลี่ยงมาทางห้องน้ำที่แทบไม่มีใครแล้วถึงได้รู้สึกขนลุกขนพองนัก อาจจะเพราะเมื่อคืนเขาเจอเรื่องหนัก ๆ กว่าคืนไหนที่เคยเจอมากระมัง นึกแล้วก็ยังกลัวไม่หาย ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าชีวิตต้องมาพบเจออะไรแบบนี้ ทั้งโดนผู้ป่วยไอซียูจ้องก่อนตาย ถูกวิ่งตัดหน้ารถ ได้ยินเสียงแปลก ๆ รู้สึกเหมือนมีใครตาม แล้วยังต้องมาอดหลับอดนอนอีก


ดวงตก ดวงซวย จะเรียกอะไรก็แย่ทั้งนั้น


“เคยได้ยินไหม ที่ว่าดวงวิญญาณจะผูกจิตกับบางอย่างที่ฝังใจก่อนตายน่ะ”


เสียงนางพยาบาลเดินคุยกันสวนเขาไปชวนให้รู้สึกขนลุกซู่อย่างประหลาด ชนกันต์ชะงักฝีเท้าแล้วเอี้ยวหลังกลับไปมองทั้งสองคน ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาเองก็อยากได้ยินต่อเหมือนกัน เผื่อว่ามันจะเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเจออยู่นี่


“จริงเหรอ น่ากลัวจัง”


ทว่าพวกเธอก็เดินห่างออกไปจนเกินกว่าที่เขาจะแอบฟังได้ชัดเจน เด็กหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินทอดน่องตรงไปยังห้องน้ำตรงสุดทางเดินตามที่ตั้งใจไว้แต่ทีแรก พลันความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาอย่างดื้อ ๆ อะไรที่ไม่เคยนึกถึง และคิดว่ามันไม่มีเหตุผล


เหตุการณ์เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่เตียงฉุกเฉินเข็นผ่านหน้าห้องจ่ายยาไป ดวงตาเหลือกโลนซึ่งอาบไปด้วยเลือดนั้นจ้องมองเขา สบตาเพียงครู่หนึ่ง แล้วก็เห็นว่ามีเตียงคลุมผ้าสีขาวถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉินหลังจากนั้นไม่นาน


“....”


ถึงอย่างนั้นมันก็ดูไร้เหตุผลสิ้นดี


ชนกันต์แทบจะตัดเรื่องนี้ทิ้งไปจากหัว ถ้าไม่ติดที่เขานึกขึ้นได้ว่าได้ยินเสียงฝีเท้าเกินมาครั้งแรกนับจากนั้นสองวัน


เสียงแปรงฟันดังอยู่ภายในห้องน้ำเล็ก ๆ ที่แบ่งเป็นห้องสำหรับถ่ายสองห้อง เหตุผลที่เขาไม่ใช้ห้องน้ำใหญ่ทางโถงด้านนอกก็เพราะมันคงจะดูไม่ดีแน่ที่มีคนไปยืนแปรงฟังต่อหน้าคนไข้แบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมพอเขามาใช้ห้องน้ำแบบนี้ ข้างนอกถึงแทบไม่มีใครผ่านไปมาอย่างตอนก่อนหน้าเลย


‘เคยได้ยินไหม ที่ว่าดวงวิญญาณจะผูกจิตกับบางอย่างที่ฝังใจก่อนตายน่ะ’


ส่องกระจกมองดูหน้าตาอิดโรยของตัวเองไปใจก็คิดถึงเรื่องก่อนหน้าไม่หาย เขายังจำสายตาของผู้หญิงคนนั้นได้ดี สายตาที่มองมาตราบจนกระทั่งหายลับไปในห้องไอซียู


และถ้าใช่ เธอต้องการอะไรกันล่ะ?


สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวแล้วก้มลงกวักน้ำล้างหน้า สายน้ำเย็น ๆ ไหลผ่านมือพร้อมกับความรู้สึกเย็นวาบที่แผ่ไปทั่วแผ่นหลัง


“เฮ้ย!”


ชนกันต์กระโดดถอยหลังจนตัวโยนเมื่อน้ำที่เขาเห็นเมื่อครู่มันเป็นสีโคลนอย่างที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ครั้นลองขยี้ตาแล้วเพ่งมองอีกที ใจสั่น ๆ ก็แทบชวนให้ประสาทเสียเมื่อน้ำที่ไหลจากก๊อกนั้นเป็นสีใสปกติอย่างเช่นน้ำประปาทั่วไป


บ้าไปแล้ว


จะเป็นไปได้ไงกัน


เมื่อครู่เขาคงตาฝาดไปจริง ๆ ชนกันต์อาจจะคิดแบบนั้นหากว่าไม่เคยพบเจอความแปลกประหลาดใด ๆ มาก่อน ร่างเล็กกลั้นใจอีกอึดหนึ่งก่อนจะเดินกลับเข้าไปล้างหน้าบ้วนปากให้เสร็จ ๆ แล้วออกจากที่นี่ไปเสีย


แต่ว่ามันหนาว... หนาวชะมัดเลย


หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กในกระเป๋ามาซับหน้าซับตาให้เรียบร้อย อดไม่ได้ที่จะถูมันลงไปแรง ๆ เพื่อเรียกสติให้ตื่นเต็มตา สูดลมหายใจลึกราวกับจะบอกตัวเองให้อดทนต่อไปแม้ว่าความกล้าในใจเขานั้นมันจะถูกกลบจนมิดแล้วก็ตามที


ใช่ อดทน


อดทนต่อความกลัวที่เข้าครอบงำ


‘ . . . . ’


“....!!”


อีกครั้งที่ร่างทั้งร่างสะดุ้งโหยงเพราะความรู้สึกเย็นเยือกคล้ายมีใครกระซิบกระซาบอยู่ข้างหู ลดผ้าลงจากใบหน้าทั้งมือสั่นเทา ชนกันต์มองภาพภายในห้องน้ำผ่านกระจกเห็นเพียงความว่างเปล่า


ไม่มีใครเลย


ไม่มีใครอยู่ในนี้นอกจากเขาเพียงคนเดียว แล้วเสียงเมื่อกี้เป็นของใครกัน ใครที่สายตามองไม่เห็นและไม่อยากจะเห็น


เจออย่างนั้นก็รีบยัดผ้าเช็ดหน้าลงในกระเป๋าเป้อย่างลวก ๆ แล้วเร่งผีเท้าออกจากห้องน้ำทันที ทั้งสมองและหัวใจสั่งการตรงกันว่าให้รีบไปจากที่นี่ก่อนจะมีอะไรชวนขนลุกเกิดขึ้นซ้ำ


พอเริ่มเห็นคนอื่น ๆ ทยอยเข้ามาในกรอบสายตาก็เผลอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ยกมือขึ้นกอดตัวอย่างหลวม ๆ พลางบีบกระชับต้นแขนเพื่อเรียกสติ


นี่มันมากเกินไปแล้ว


ขาสองข้างสั่นเทาจนแทบยืนไม่ไหว ครู่หนึ่งที่ชนกันต์จำต้องหยุดเอนร่างกายที่ข้างเสาเพื่อย้ำเตือนตัวเองว่าต้องมีแรงใจมากกว่านี้ ให้มาใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่กลัวที่สุด สาบานได้ว่ามันทรมานเสียยิ่งกว่าต้องอดข้าวเป็นอาทิตย์ ๆ


เมื่อไหร่ที่รู้ตัว ก็รู้สึกถึงเพียงความกลัวที่แล่นไปทุกอณูในร่าง


ครู่หนึ่งที่เขาอยู่อย่างนั้นโดยไม่แคร์สายตาคนเดินผ่านไปมา เมื่อลืมตาขึ้นมองภาพตรงหน้า ชายหนุ่มก็ตัดสินใจก้าวเดินต่อไป อย่างน้อยก็ด้วยความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่ว่าสักวันเขาอาจจะหลุดพ้นจากเรื่องนี้ไปได้และกลับไปมีชีวิตปกติสุขสักที


ผ่านผู้คนมากมายทั้งคนไข้และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล แม้แต่นักศึกษาแพทย์ที่ยืนดื่มกาแฟกันอยู่ตรงตู้กดน้ำ การอยู่ท่ามกลางคนมาก ๆ มันทำให้เขารู้สึกอุ่นใจ อย่างน้อยในตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าก็ยังพอปลอบใจตัวเองได้ว่ามันเป็นของใครสักคนในนี้ แต่แล้วผู้คนก็ค่อย ๆ ซาลงเรื่อย ๆ จวบจนเข้ามาเหยียบถึงแผนกจิตเวช


ชนกันต์ทอดสายตามองผนังอาคารและพื้นกระเบื้องสีขาวที่ไม่ต่างอะไรจากแผนกอื่น ๆ เพียงแต่มันกลับดูโล่งและนึกสภาพในยามพลุกพล่านไม่ออก ทางขวามือมีเคาน์เตอร์พยาบาลสำหรับติดต่อสอบถามและบริการ ไม่รอช้า เด็กหนุ่มเดินดุ่ม ๆ ไปทางนั้นทันที


“หมออธิศมาหรือยังครับ”


อาจเพราะว่าตอนนี้เขาไม่ได้ใส่เครื่องแบบจึงดูไม่ต่างอะไรจากคนไข้ธรรมดา ทั้งยังหน้าตาอิดโรยและเสียงทุ้มพร่าที่ถามออกไปโต้ง ๆ นางพยาบาลจึงทอดรอยยิ้มให้ไม่ต่างอะไรจากคนไข้คนหนึ่ง และสาบานได้ว่ามันไม่ชวนให้รู้สึกดีนักหรอกที่ได้เป็นคนไข้ของแผนกจิตเวช “หมออธิศเหรอคะ”


“ครับ” ชนกันต์มองนาฬิกาแขวนผนังก่อนจะเห็นว่าเป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่ง ปกติหมอเฉพาะทางจะเข้าเวรในตอนแปดหรือเก้าโมง เพราะอย่างนั้นคำตอบที่ได้รับจึงถือว่าไม่น่าแปลกใจนัก


“คุณหมอยังไม่มาเลยค่ะ มีใบนัดหรือเปล่าคะ”


“เอ่อ...”


“คะ?”


“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่มีธุระกับหมอนิดหน่อย”


พอถูกถามอย่างนั้นก็อึกอักไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ แล้วถอยหลังเดินกลับออกมาจนถึงที่นั่งรอสำหรับคนไข้ เป็นม้านั่งยาว ๆ ตั้งเรียงกันประมาณสี่ถึงห้าแถว แถวละสองตัว ห่างออกไปมีแม่ลูกคู่หนึ่งกำลังนั่งรอกันอยู่เงียบ ๆ นอกเหนือจากนั้นก็มีคุณลุงแก่ ๆ อีกคนหนึ่งที่กำลังนั่งแคะเล็บพลางบ่นพึมพำอะไรบางอย่างไปด้วย


แค่เห็นก็ชวนให้รู้สึกหดหู่แล้ว


ชนกันต์วางกระเป๋าเป้บนที่นั่งแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ พอได้ทิ้งร่างกายในท่าที่สบายแล้วเขาก็รู้สึกอ่อนเพลียขึ้นมาจนแทบอยากทิ้งตัวลงนอนให้รู้แล้วรู้รอด ค้อมตัวลงฝังใบหน้าลงกับฝ่ามือด้วยความรู้สึกที่ไม่สู้ดีนัก เปลือกตาบางค่อย ๆ ปิดลงพักสายตาอย่างที่เคยทำเมื่อต้องอ่านหนังสือตลอดทั้งคืน แอร์ในแผนกนี้มันเย็นเสียจนทำให้รู้สึกหนาวขึ้นมา แต่ก็ใจชื้นขึ้นมาบ้างเมื่อรู้สึกได้ถึงคนที่เริ่มเดินผ่านไปมาอยู่รอบตัว บ้างก็นั่งลงถัดจากเขาไปเพียงหนึ่งที่นั่ง อย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ต้องอยู่คนเดียว ราวกับผู้คนกลายเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวเดียวที่ทำให้ปิดตาหลับลงได้


ทั้งที่กำลังจะปล่อยหัวสมองให้ขาวโพลนและฟุบหลับสักตื่น หากแต่สัมผัสอุ่น ๆ บนบ่านั้นกลับเรียกให้ต้องเงยหน้าขึ้นมอง ใจหนึ่งก็ไม่สบอารมณ์นิดหน่อยที่ถูกปลุก แต่พอเห็นผู้ชายร่างสูงผมสั้นในชุดกาวน์ยืนมองเขาด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ เรียวปากบางของชนกันต์ก็แทบจะคลี่ยิ้มได้ทันที


ชื่อบนป้ายที่หน้าอกนั้นอ่านได้ว่า นพ.อธิศ ศินท์พิรัช


“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”


มือที่อยู่บนบ่าเขาถูกดึงกลับไปซ่อนอยู่ใต้กระเป๋าเสื้อกาวน์ดังเดิมแล้ว ส่วนอีกมือนั้น ชนกันต์เห็นเป็นแก้วกาแฟร้อน ๆ อย่างที่พวกหมอชอบดื่ม ทั้งตอนเช้า กลางวัน เย็น ก็เห็นดื่มแต่กาแฟมากกว่าข้าวด้วยซ้ำ


“เปล่าครับ ผมกำลังรอหมอน่ะ” ยิ้มตอบกลับไปแล้วยกมือขึ้นขยี้ตาสองสามที นี่เขาเผลอหลับไปนานเท่าไหร่กันนะ ถ้าให้เดาล่ะก็คงจะแปดโมงกว่าแล้วแน่ ๆ “นี่กี่โมงแล้วครับ แปดโมงหรือยังคนถึงมากันเต็ม --”


ยังพูดไม่ทันเต็มปากเต็มคำดีก็ต้องชะงักหยุดอยู่อย่างนั้นเมื่อความรู้สึกพลุกพล่านเมื่อครู่มันหลอกลวงทั้งเพ เขาหันหลังไปเห็นแม่ลูกคู่เดิม คุณลุงคนเดิม แต่ไม่มีใครเพิ่มขึ้นมาสักคนอย่างที่รู้สึกตอนหลับตา


ไม่มีเลย


ไม่มีใครสักคนเพิ่มขึ้นมา


ไม่มีคนที่นั่งถัดไปหนึ่งที่นั่ง หรือคนที่เดินผ่านหน้าเขาเลยสักคน


“....”


“ตอนนี้เจ็ดโมงสามสิบห้าครับ พยาบาลบอกว่าคุณเพิ่งมาได้ครู่เดียว”


“....”


“มีอะไรกับผมหรือเปล่า”


“....”


“....”


“ครับ”


ร่างผอมสูงเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แต่เพียงครู่เดียวก็ทำสีหน้ากลับเป็นปกติแล้วเอื้อมมือมาช่วยพยุงแขนอีกคนให้ลุกขึ้นยืนสะโหลสะเหล ก้มลงมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้งหนึ่งแล้วจึงว่าเสียงทุ้มนุ่ม “ถ้าอย่างนั้นไปคุยกันในห้องผมก็แล้วกัน ยังพอมีเวลาอีกหน่อย”


เป็นที่รู้กันว่าพอแปดโมงตรงแล้วแพทย์ต้องเริ่มตรวจคนไข้คิวแรกอย่างตรงเวลา นายแพทย์อธิศเดินนำอีกคนไปพร้อมแก้วกาแฟในมือ ห้องตรวจของเขาอยู่ทางขวามือเยื้องกับเคาน์เตอร์พยาบาลไปไม่ไกล มือแกร่งเลื่อนเปิดประตูสีไข่ รอให้ใครอีกคนเดินนำเข้าไปแล้วจึงเลื่อนปิด ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนั่งลงยังด้านในของโต๊ะประจำ


เท่าที่ชนกันต์สังเกต ห้องนี้เป็นห้องสีครีมสว่างที่ดูโล่งสบาย รวมถึงเหลี่ยมมุมส่วนใหญ่ก็ถูกลบออกจนเหลือแต่ส่วนเว้าโค้งมน ๆ แปลกตา มันไม่เหมือนห้องตรวจของหมอแผนกอื่นสักเท่าไหร่ อาจจะคล้าย ๆ กันตรงที่อีกฝั่งของห้องซึ่งถูกกั้นไว้ด้วยผ้าม่านแบบทึบนั้นมีเตียงเอนหลังสีขาวสะอาดตั้งอยู่ และไฟตั้งพื้นที่สามารถปรับระดับได้คล้าย ๆ กับที่เห็นในภาพยนตร์ ดูแล้วก็ชวนให้รู้สึกแปลก ๆ ดีเหมือนกัน


“ว่าไงครับ”


พอได้มองใกล้ ๆ ชนกันต์ก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าหมออธิศอายุเท่าไหร่กันแน่ ดวงหน้าใต้กรอบแว่นนั้นดูอ่อนวัยทั้งยังชวนให้รู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด แต่ช่างเถอะ เขาไม่ได้มาในฐานะคนไข้ แต่มาเพราะมีจุดประสงค์อยู่แล้วต่างหาก


“งั้นเข้าเรื่องเลยนะหมอ”


“....”


“ผมอยากจะรบกวนให้หมอช่วยเขียนใบจ่ายยาให้ เอาเป็นพวกยากล่อมประสาทหรือว่าจะยานอนหลับก็ได้ทั้งนั้น”


หลังจากพูดจบ อธิศไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบกลับมานอกเหนือจากอาการนิ่งเงียบ ตากลมโตสีนิลสนิทนั้นเลือกที่จะก้มลงไปจดจ่อกับเอกสารบนโต๊ะ เปลี่ยนท่าทีไปอย่างสิ้นเชิง “ไม่ได้ครับ”


“ทำไมไม่ได้ล่ะครับ ผมรู้น่าว่ามันเป็นยาอะไร” ชนกันต์เถียงหัวชนฝา เขาคือนักศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ปีสุดท้ายแล้ว เพราะอย่างนั้นเขารู้เรื่องยาดี... ดีพอที่จะไม่ต้องให้ใครมาบอกย้ำอะไรให้มากความ


“มันเป็นยาอันตราย”


“โธ่หมอ ผมเรียนเภสัช ฯ นะครับ แล้วผมก็ทำงานที่นี่ด้วย”


ใช่ อธิศรู้ดีว่าเด็กหนุ่มทำงานที่นี่ เพราะอย่างนั้นเขาถึงอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้คนซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต้องแจ้นมาหาหมอเองแบบนี้ แพทย์หนุ่มลอบสังเกตใต้ตาหมองคล้ำ มือที่วางบนโต๊ะนั้นสั่นน้อย ๆ และท่าทีที่ดูลุกลนอยู่ตลอดเวลามันทำให้เขาปล่อยผ่านไปเฉย ๆ ไม่ได้


“เพราะอย่างนั้นคุณก็ยิ่งต้องรู้ ว่าผมจ่ายยาให้คุณเฉย ๆ ไม่ได้”


“แต่ --”


“ถ้าอยากได้ยา คุณก็ต้องผ่านการตรวจ”


เงยหน้าขึ้นยิ้มให้ในประโยคสุดท้ายจนร่างเล็กนิ่งไป ชนกันต์กระฟัดกระเฟียดแต่ก็ไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะพูดจาขึ้นเสียงออกมาอีก


“ผมไม่ได้บ้านะหมอ”


“....”


“คือผมหมายความว่า ผมไม่ได้มีอาการทางจิต หรือ --”


“จิตแพทย์ก็ไม่ได้มีเพื่อรักษาคนบ้าอย่างเดียว ผมว่าคุณรู้นะ”


ใช้เวลาสงบสติอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง เสียงนั้นก็แผ่วลงก่อนจะว่า “หมอจ่ายยาให้ผมมาเถอะครับ เรื่องนี้หมอช่วยอะไรผมไม่ได้หรอก”


“แต่คุณก็มาเพื่อให้ผมช่วยไม่ใช่หรือไงครับ”


คนตัวเล็กกว่าถอนหายใจคล้ายกับว่ามันเป็นเรื่องยุ่งยากเสียเต็มประดา จริงอยู่ที่เขาอ่านลายมือหมออธิศเก่งอย่างที่พี่ตองว่า แต่พอมาได้คุยกันจริง ๆ กลับอ่านใจอีกฝ่ายไม่ออกเลยสักนิด ดวงตาใต้กรอบแว่นนั้นละจากเอกสารบนโต๊ะแล้ว ตอนนี้นายแพทย์กำลังทอดสายตามองคนตรงหน้าพลางพินิจไปในที สองมือวางประสานกันบนโต๊ะอย่างหลวม ๆ ก่อนจะแย้มรอยยิ้มชวนคุยด้วยท่าทางสบาย


“คุณชื่ออะไร”


“ชนกันต์” คนถูกถามตอบกลับแทบจะทันที และถ้าเขามองไม่ผิด ไม่ว่ายังไงชนกันต์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหันไปทางผ้าม่านห้องตรวจเลยตราบที่ยังรู้ตัวเอง


“โอเคครับคุณชนกันต์ ช่วงนี้คุณได้นอนบ้างหรือเปล่า”


“หา... ครับ?” ต้องใช้เวลาประมวลผลกับคำถามอยู่สองสามวินาทีถึงได้คิดคำตอบออกมาได้ ในหัวเขามีแต่เรื่องที่เพิ่งพบเจอมาเต็มไปหมด เหมือนกับทฤษฎีที่ว่าสมองจะทำงานช้าลงหลังจากการเกิดตื่นตัวอะไรแบบนั้น “เอ้อ... ก็ไม่ค่อยครับ ผมถึงต้องมาขอยาหมอนี่ไง”


อธิศเอนกายลงกับพนักเก้าอี้พลางกอดอกหลวม ๆ ถ้าเขาสันนิษฐานเบื้องต้นไม่ผิดล่ะก็ ชนกันต์ดูหวาดกลัวกับอะไรบางอย่างจนเกิดอาการเครียดอย่างรุนแรง แต่ก็เป็นแค่ข้อสันนิษฐานเบื้องต้น และไอ้อะไรบางอย่างที่ว่านี่แหละที่เป็นปัญหา


“ทำไมถึงนอนไม่หลับล่ะครับ คุณเครียดเรื่องอะไรอยู่หรือเปล่า”


“ก็ประมาณนั้นครับ”


“เรื่องอะไร พอจะเล่าให้ผมฟังได้ไหม”


คนตัวเล็กนิ่งไปอึดใจหนึ่ง เขาดูครุ่นคิดเสียจนชวนให้คิดว่าคงเป็นเรื่องสำคัญอะไรบางอย่าง ถึงอย่างนั้นอธิศก็มั่นใจว่าเขาเจออาการแบบนี้มาเยอะ เยอะจนไม่คิดว่าสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังจะพูดออกมานั้นเป็นเรื่องน่าเชื่อเพียงใด


“ถ้าผมเล่า หมอก็จะหาว่าผมบ้าอีก”


“ผมไม่พูดอย่างนั้นหรอก มีเรื่องอะไรก็ระบายมาเถอะครับ”


“แล้วถ้าผมเล่า หมอจะจ่ายยาให้ผมใช่ไหม”


“....”







( มีต่อ )




ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
『 ปรสิต ☤ 02 』 | horror thriller (21-02-15)
«ตอบ #16 เมื่อ21-02-2015 15:18:18 »

( ต่อ )




“มันก็... ประมาณอาทิตย์หนึ่งมาแล้วครับ” ทั้งที่คิดว่าพูดไปยังไงก็คงไม่ยอมเชื่อ แต่ถึงอย่างนั้นชนกันต์ก็คิดว่าเขาคงต้องยอมเป็นคนบ้าเพื่อจะได้ยากล่อมประสาทนั่นมาให้ได้ ไม่จำเป็นต้องเล่าเกินจริงเลย


มือที่ประสานกันนั้นบีบแน่น เพียงแค่นึกถึงก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก มันจะอยู่ที่นี่หรือเปล่า จะกำลังนั่งฟังเขาพูดถึงมันอยู่ไหม เป็นความรู้สึกที่ว่ากลัวจนไม่กล้าเปล่งออกมาเป็นคำพูด แต่พอได้สบตากับนายแพทย์ตรงหน้า ชนกันต์ก็ตัดสินใจให้สิ่งอัดอั้นอยู่ในอกพรั่งพรูออกมาพร้อมกับความรู้สึกคล้ายกับจะร้องไห้


“ในตอนแรกผมก็คิดว่าผมคงแค่เบลอ ๆ เพราะนอนน้อยหรือว่าทำงานหนักอะไรเทือกนั้น แต่ผมก็เริ่มมั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากสังเกตได้ว่ามันมีเสียงฝีเท้าเกินมาก้าวหนึ่งทุกครั้งที่ผมหยุดเดิน”


“....”


“แต่มันไม่ใช่แค่นั้นนะหมอ... บางทีผมก็รู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว มันเริ่มมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้น ทีแรกก๊อกน้ำในห้องน้ำมันเปิดเอง ผมพยายามบอกตัวเองว่าก็แค่ลืมปิด”


“....”


“แต่บางทีผมก็ตื่นเพราะเสียงฝักบัวในห้องน้ำบ้างล่ะ ทีวีเปิดเองบ้างล่ะ แล้วผมก็มั่นใจนะว่าคงไม่ลืมปิดมันแทบทุกวันอย่างนั้นหรอก เพราะผมจะต้องนอนไม่หลับแน่ ๆ”


ถึงตรงนี้ชนกันต์แทบไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตามันซึมออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เสียงของเขาเริ่มสั่นเครือจนกระทั่งฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วก็ได้แต่ก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างหยุดไม่อยู่


ความกลัวเข้ากัดกินใจเขาโดยสมบูรณ์แล้ว


ครู่เดียว เพียงครู่เดียวที่เขารู้สึกเหมือนจะตายลงไปให้ได้ มันทั้งอ่อนล้าและไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะพูดคำใดออกไปได้อีก


“หมอ... ผม... ผม --”


“ใจเย็น ๆ”


หากแต่สัมผัสอุ่นที่บีบลงมาเบา ๆ บนท่อนแขนนั้นคล้ายกับจะปลอบประโลมและเรียกสติให้กลับคืนมา เพียงแค่คำสั้น ๆ ที่ลอยเข้าหูแต่กลับทำให้เขารู้สึกสงบลงอย่างประหลาด เงยหน้าขึ้นเห็นสายตาซึ่งกำลังจับจ้อง จิตแพทย์หนุ่มไม่ได้ยิ้มอย่างเคย แต่กำลังส่งสายตาอ่อนโยนมาอยู่เคียงข้างเขาแทน


เกือบ ๆ นาทีที่เขายังคงปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจนหมด จนเมื่อเริ่มหายใจคล่องขึ้น ชนกันต์ก็ตัดสินใจเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองต่อจนหมดเปลือก เขาแทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าที่นี่คือแผนกจิตเวช ลืมไปแล้วว่าเขากลัวที่จะต้องเป็นคนบ้า ลืมไปแล้วว่าคนตรงหน้าคือจิตแพทย์ที่ใจร้ายเหลือเกิน


แค่เหมือนอยู่กับใครสักคนที่ชวนให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก็เท่านั้นเอง


“เมื่อคืน”


“....”


“ผมรู้สึกเพลียมากก็เลยกินยาแก้แพ้กับยาคลายกล้ามเนื้อเข้าไปเพื่อจะให้หลับ ผมมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรเลย ผมเปิดไฟนอนเฉย ๆ จนเริ่มง่วง แต่พอกำลังจะหลับก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ทั้งที่ไม่มีใครโทรเข้า ผมเห็นทีวีถูกเปิดอยู่ แล้วไฟที่เปิดทิ้งไว้ก็ถูกปิด”


“....”


“ตอนนั้นผมกลัวมาก... พยายามข่มตาหลับแต่มันก็ไม่ยอมหลับ จนรู้สึกได้ว่ามีอะไรยวบ ๆ อยู่ข้างตัวก็เลยลองควานมือไปจับดู”


“....”


“หมอต้องหาว่าผมบ้าแน่ ๆ แต่ผมมั่นใจว่าผมจับโดนเท้าคน”


ครู่หนึ่งที่ห้องทั้งห้องเงียบไปอึดใจ อธิศยังคงมองอีกฝ่ายนิ่งราวกับจะพินิจพิเคราะห์และตีความเรื่องเล่านั้นไปในตัว ชนกันต์กำลังบอกเขาว่ามีผีสักตนที่กำลังปั่นป่วนและสร้างความหวาดกลัวให้จนเจ้าตัวมีสภาพแบบนี้


“แล้วคุณทำยังไงต่อไปครับ”


“ผมนอนคลุมโปงยันเช้า ไม่กล้าเปิดผ้าห่มออกไปดูด้วยซ้ำ จนผมมั่นใจว่าสว่างแล้วนั่นแหละถึงได้กลั้นใจลุกขึ้นมาแล้วก็รีบขับรถตรงมานี่เลย”


ท้ายเสียงที่ทอดยาวทำให้คนฟังรู้ว่าชนกันต์เล่ามันออกมาจนหมดแล้ว ความคิดในหัวกำลังประมวลผล ถึงจะเป็นจิตแพทย์เต็มตัวมาได้ไม่นาน แต่จากการที่ต้องพบเจอคนไข้หลากหลายรูปแบบมันทำให้เขาไม่อยากด่วนสรุปเร็วเกินไป


“คุณอยู่กับครอบครัวหรือเปล่า”


“อยู่คนเดียวตั้งแต่เรียนมหา’ลัยครับ”


“แล้วคุณกลัวผีไหม”


ทันทีที่อีกฝ่ายพูดประโยคนี้ออกมา ชนกันต์ก็รู้สึกเหมือนโดนต่อยหน้าไม่มีผิด ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง ความรู้สึกในตอนนี้คล้ายว่ากำลังเปลี่ยนไปเป็นความโกรธ เป็นความรู้สึกที่คล้าย ๆ กับคำว่าผิดหวัง


“หมอจะหาว่าผมคิดไปเองใช่ไหม”


“....”


“ผมบอกแล้วว่าผมไม่ได้บ้า”


“คนไข้ของผมส่วนใหญ่ก็พูดว่าตัวเองไม่ได้บ้ากันทั้งนั้น”


ถึงแม้จะพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หากแต่ชนกันต์กลับรู้สึกว่าคำพูดนั้นมันกรีดแทงใจเขาเหลือเกิน พูดอะไรไปอีกก็คงสูญเปล่า


“งั้นผมขอตัว” ร่างเล็กผุดลุกขึ้นยืนทันทีที่ตัดสินใจได้ ผลุนผลันจะเดินออกไปจากห้อง หากแต่เสียงทุ้มนุ่นที่ไล่หลังมากลับทำเอาเรียวขาชะงักกึก


“คุณยังไม่ได้นอนเลยไม่ใช่เหรอ”


เอี้ยวหน้าหันกลับมาตาขวาง โกรธ เคือง โมโห หรือคำไหนก็ได้มันใช้แทนความรู้สึกในตอนนี้ได้หมด คนที่กลัวแทบตายแต่ก็ยอมระบายความในใจออกไปหมดเปลือก กับอีกคนที่ยอมรับฟังจนจบแต่กลับหาว่าเขาบ้า บ้าคิดไปเองว่ามีผีตามรังควาน


“ผมจะนอนหรือไม่มันก็ไม่ใช่เรื่องของหมอ”


อธิศได้แต่ระบายยิ้มบาง ๆ พลางโน้มตัวมาท้าวแขนกับโต๊ะทำงานตัวใหญ่ พยักเพยิดไปทางโซฟายาวสีครีมที่อยู่ใกล้ตัวอีกฝ่ายก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ


“ถ้าคุณยอมนอนที่โซฟานั่นให้ผมดู บางทีผมอาจจะให้ยาคุณก็ได้”


หากแต่มันเป็นข้อต่อรองชั้นเยี่ยม


ดวงหน้าขาวส่ายไปมาน้อย ๆ ราวกับกำลังหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่าง อาการคล้าย ๆ คนที่กลัวฝันร้าย แต่คงต่างออกไปนิดหน่อย


ชนกันต์ไม่ยอมอยู่คนเดียว


“ผมอยู่ตรงนี้”


พูดแล้วพยักหน้ายืนยันเสียทีหนึ่ง ค่อย ๆ เลื่อนหยิบแฟ้มเอกสารออกมาเปิดอ่านแล้วจดบันทึกลงไปอย่างที่ทำก่อนหน้าราวกับจะยืนยันกลาย ๆ ว่าเขาไม่ไปไหน เห็นอย่างนั้นชนกันต์ใช้เวลาครุ่นคิดอีกราว ๆ เกือบสิบวินาที สุดท้ายแล้วร่างเล็กก็ยอมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาก่อนจะหันมาหาจิตแพทย์หนุ่มทั้งที่ยังนั่งไม่เต็มก้นดี


“ถ้าผมยอมนอน หมอจะจ่ายยาให้ผมจริงนะ”


ได้แต่ยิ้มรับทั้งที่ไม่เงยหน้าขึ้นมอง ถึงมันจะเป็นคำตอบที่ไม่ชัดเพียงไร หากชนกันต์ก็คิดว่าเขาไม่มีทางเลือก และอย่างน้อยถ้ามองในแง่ดีคือเขาอาจจะได้นอนหลับ  สักตื่นพอให้ร่างกายยังเดินต่อได้ ค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนอนหนุนหมอนอิงใบเล็ก พลิกตัวไปมาอยู่สองสามทีเปลือกตาก็เริ่มหนักอึ้งและปิดลงในที่สุด ภาพในหัวของเขากำลังจะเป็นสีดำสนิท เสียงรอบตัวเริ่มเงียบงัน แล้วสติก็หลุดลอยออกไปแสนไกล


อธิศละสายตาจากตัวอักษรเต็มแผ่นกระดาษที่กำลังจับจ้องแล้วเบนสายตาไปยังบนโซฟา เขาแกล้งเคาะโต๊ะสองทีหากแต่แผ่นอกนั้นก็ยังดูกระเพื่อมเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกาก่อนจะเห็นว่าเขาเบี้ยวนัดตรวจสายไปพอสมควรแล้ว ร่างสูงค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบ เดินไปหยุดมองคนที่กำลังอยู่ในนิทรา ชนกันต์ในตอนนี้ดูผ่อนคลายกว่าตอนที่ขึ้นเสียงขอยาเป็นไหน ๆ


เลื่อนบานประตูสีไข่เปิดออกก่อนจะจัดการปิดให้ตามเดิมอย่างเบาที่สุด มองเห็นพยาบาลประจำแผนกกำลังถือแฟ้มคนไข้รออยู่แล้ว มีคนตรงม้านั่งเพิ่มมาอีกสองสามคนซึ่งทำเอาจิตแพทย์หนุ่มรู้สึกผิดขึ้นมา เขาไม่ใช่คนผิดเวลาบ่อยนัก


“คุณโอ๋ เดี๋ยวผมขอย้ายไปใช้ห้องตรวจสี่ชั่วคราวนะครับ” พูดในขณะที่เดินมาถึงเคาน์เตอร์พยาบาลและเจอแต่คนหน้าคุ้นเคย พยาบาลสาวทำสีหน้าแปลกใจนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยถามเสียงสุภาพ


“ทำไมล่ะคะคุณหมอ เอ๊ะ แล้วผู้ชายคนนั้น?” หล่อนพูดถึงชนกันต์ที่หายเข้าไปในห้องกับเขาตั้งแต่เมื่อราว ๆ ครึ่งชั่วโมงก่อนนั่นเอง นายแพทย์หนุ่มได้ยิ้มเป็นเชิงขอโทษ ขอโพยแล้วรับแฟ้มคนไข้จากมืออีกฝ่ายมาเปิดดูคร่าว ๆ


“คนไข้พร้อมแล้วใช่ --”


“อ๊ากกกกก”


หากแต่เสียงที่ดังออกมาจากหลังประตูห้องนายแพทย์อธิศนั้นทำเอาเจ้าของห้องต้องเบิกตาโพลง อธิศรีบส่งแฟ้มคนไข้ให้พยาบาลสาวตรงหน้าแล้ววิ่งกลับเข้าไปอย่างเป็นห่วง จนกระทั่งเปิดบานประตูเลื่อนเข้าไปพบคนที่เพิ่งนอนหลับสนิทไปเมื่อครู่กำลังนั่งขดตัวถอยไปจนติดพนักโซฟา ดวงหน้าขาวฉายแววตื่นตระหนก และที่น่าแปลกคือขาข้างหนึ่งของชนกันต์นั้นอยู่ในท่าเหยียดออกมาเพียงข้างเดียวในขณะที่ส่วนอื่นของร่างกายขดอยู่กับลำตัวแน่นิ่ง


และทันทีที่เห็นหน้าเขา ดวงตาเรียวเล็กก็รื้นไปด้วยน้ำตาอีกรอบ


“หมอครับ”


“เป็นอะไรหรือเปล่า”


“มัน --”


“....”


มันเกิดขึ้นอีกแล้ว”






TBC





----------------------------------------------------


ดีใจที่ชอบกันนะคะ จะพยายามมาอัพอย่างสม่ำเสมอ อิอิ

ออฟไลน์ parn11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
Re: 『 ปรสิต ☤ 02 』 | horror thriller (21-02-15)
«ตอบ #17 เมื่อ21-02-2015 16:05:38 »

ขอเป็นตอนกลางวัน แดดดีๆแรงๆนะคะ
อ่านตอนกลางคืนคง นอนไม่หลับเป็นเพื่อนชนกันต์แน่ๆ

ออฟไลน์ fran23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 02 』 | horror thriller (21-02-15)
«ตอบ #18 เมื่อ21-02-2015 16:14:42 »

อ้ากกกกกก
หลอน 
คนอ่านจะหลอนกว่าแล้วค่า
เด๋วเท้า เด๋วมือรึป่าว
เจองี้ไปถึงกับบ้าได้เลย
วานหมอช่วยด้วยนะคะ.

#อัพไวๆน้า สู้ๆคะ

ออฟไลน์ elieanna

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 02 』 | horror thriller (21-02-15)
«ตอบ #19 เมื่อ21-02-2015 16:42:16 »

 :ling3:
อ่านแล้วหลอน แต่ก็อยากอ่านต่ออ่ะ
แต่มันหลอน ฮือ ฮือ แต่อยากอ่านนนนน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: 『 ปรสิต ☤ 02 』 | horror thriller (21-02-15)
« ตอบ #19 เมื่อ: 21-02-2015 16:42:16 »





ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: 『 ปรสิต ☤ 02 』 | horror thriller (21-02-15)
«ตอบ #20 เมื่อ21-02-2015 17:06:36 »

น่าแอบตั้งกล้องวีดีโอไว้จัง เผื่อจะได้เห็นอะไรรางๆ
น่าเห็นใจกันต์มากอ่ะ การอยู่กับความกลัว ความหวาดระแวง ถึงขั้นนอนไม่ได้(เพราะถูกรบกวนจากปัจจัยลึกลับ)นี่ทรมานจริงๆนะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ปล.ตอนแรกแอบคิดว่าเป็นอาการอย่างหนึ่งที่เกิดจากจิตใจ อ่านไปอ่านมาชักจะไม่ใช่ละ

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
Re: 『 ปรสิต ☤ 02 』 | horror thriller (21-02-15)
«ตอบ #21 เมื่อ21-02-2015 19:47:19 »

คือ...ไม่รู้เป็นอะไร อ่านนิยายเรื่องนี้เเล้วร้องไห้!! o22
#ฉันบ้าไปแล้ววว...เพราะงั้น หมอขาตรวจอาการหนูที ฮ่าๆๆๆๆ :hao7:

ช่นช๊น นายไปหาพี่ริวกับพี่เจนเถอะไป :katai1: :mew4:

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
Re: 『 ปรสิต ☤ 02 』 | horror thriller (21-02-15)
«ตอบ #22 เมื่อ21-02-2015 19:55:48 »

อ๊ากกกกกกกกกกกก  หมอช่วยชนกันต์ทีสงสาร  TT
เราเข้าใจชนกันต์เลยละ  ปกติเราอ่านแนวๆนี้ไม่ค่อยได้เพราะป๊อดมากๆ
แต่เรื่องนี้อยากให้คนเขียนอัพทุกชั่วโมงเลยละ
เป็นกำลังใจให้นะคะ ชอบบบบ

ออฟไลน์ ไป๋ไป๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 02 』 | horror thriller (21-02-15)
«ตอบ #23 เมื่อ21-02-2015 21:34:46 »

มาต่อเถอะคร๊าฟฟฟฟ กำลังสนุกเลย :katai1:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
Re: 『 ปรสิต ☤ 02 』 | horror thriller (21-02-15)
«ตอบ #24 เมื่อ21-02-2015 23:05:45 »

ชีวิตชั่งน่าเศร้า จะระทึกไปไหนนี่ ฮื่ออออ ยังไม่ทันๆด้นอนเลยยย จะเป็นปรสิตหรือผีดี :ling3: :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ bluelatte

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 02 』 | horror thriller (21-02-15)
«ตอบ #25 เมื่อ22-02-2015 00:32:32 »

นี่มันปรสิตหรือผีกันแน่เนี่ย บรื๋อว์
คลาดสายตาแปบเดียวงานงอกเลย
พี่หมอดูแลน้องหน่อย :ling3:

ออฟไลน์ actionmarks

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-44
Re: 『 ปรสิต ☤ 02 』 | horror thriller (21-02-15)
«ตอบ #26 เมื่อ22-02-2015 00:46:07 »

เคยลงแล้ว เขียนใหม่หรือเปล่า ตัวละครมันคุ้นมาก เหมือนเคยอ่านมาแล้วเลย

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 814
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 02 』 | horror thriller (21-02-15)
«ตอบ #27 เมื่อ22-02-2015 12:10:40 »

'เสียงลมเป่าฟู่ข้างหู'
ทำเอาย่นคอเหลียวหลังกลับไปมองเลยทีเดียว
นี่กุก็อยู่คนเดียวนี่หว่า
แถมเหตุการณ์แบบน้ัน  ดันเคยเกิดขึ้นกับเราด้วยนี่แหละ
ทำเอาหลอนเข้าไปใหญ่
เหมือนวันนั้นจะเป็นวันพระมั้ง บ้านเราก็อยู่ใกล้ๆวัดด้วย ได้ยินเสียงพระสวดมนต์เลยล่ะ แต่ก็ยังนอนต่อไป
แม่เราก็น่าจะไปวัดมั้ง ตอนนั้นสลึมสลือ แต่ก็รู้สึกตัวนะว่าตื่นแล้ว แค่ไม่ได้ลืมตา เรานอนคลุมโปง
อยู่ดีๆ ก็มีเหมือนมือ คนแก่มาจับมือเรา เราก็คิด ว่าบนเตียงเราก็นอนคนเดียว ก็ไม่น่าจะมีใคร
เราก็เลยคลำไปใหม่ คราวนี้เราไปจับมือเค้า พอแบบนั้น เราก็โดนจับคืนซะแน่น รีบสะบัดมือออกทันที
ใจนี่เต้น ตุบ ตุบ เลย
เราก็อยากรู้ว่าใครมานอนด้วย ก็เลยลองเอามือเลื่อนขึ้นไปข้างบน เจอท้อง
สัมผัสได้ถึงเสื้อ เสื้อแบบลื่นๆ เหมือนคนแก่จีนๆใส่อะ
แค่นั้นแหละ ก็เลยลองใจกล้า เปิดผ้าห่มออกมาดูหน้ามันไปเลย ว่าแม่งเป็นใคร
เปิดปุ๊ป
แล้วอยู่ดีๆ เราก็ตื่น งง มาก ตอนนั้น เรารู้ ว่าเราไม่ได้ฝันแน่ๆ
สัมผัสนั่น  มันยังคามืออยู่ แต่ก็ไม่รู้ยังไง
เฮ้ย เล่ายาว จริงๆเราเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่า ยายมาปลุกมั้ง มั่วจริงๆแม่ ยายอะไรมาปลุกวะ
เอิ่ม จนตอนนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร แล้วเหตุการณ์คล้ายๆแบบนั้น ก็เกิดกันเรา มาประมาณ
สี่ถึงห้าครั้งได้ เราก็เลยแน่ใจว่า เราคงไม่ได้ฝันแล้วล่ะ
พอมาอ่านเรื่องนี้แล้วแบบ แอบหลอนเบาๆ  นี่เราไม่ได้บ้าใช่ป่ะวะ
ไม่นะ
เราไม่ได้คลุ้มคลั่ง ไม่ได้กลัวขนาดน้านนน
#รู้สึกเวิ่นยาว
#พึ่งรู้ตัวเหรอวะ 555
#คุณหมออธิศคะ รับหนูเป็นคนไข้สักคนมั้ย อิอิ
#กันต์ ก็อย่าได้แคร์มันค่ะ ไปหาพระสวดมนต์ทำบุญทำทานก็หายแล้ว เชื่อเรา เราเคย 55
#เราไม่ได้บ้าหรอกค่ะ
#ทำหน้าจริงจัง
ปล.1 เมนต์อะไรมันจะยาวขนาดนี้วะ
ปล.2 มันเป็นรีเอกชั่นจากตอนนี้ล้วนๆเลยค่ะ #เวิ่นยาวชิป
ปล.3 รอตอนต่อไปค้าาาาาาาาาาาาาาาา
ปล.4 มาทุกวันยิ่งดีนะคะ
(คนเขียน:อินี่ไม่เกรงสิ่งมีชีวิตลึกลับเลยรึไงฟร่ะ==')
 :hao7:

ออฟไลน์ KilluaZoaldyeck

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: 『 ปรสิต ☤ 02 』 | horror thriller (21-02-15)
«ตอบ #28 เมื่อ22-02-2015 12:58:21 »

เดี๋ยวเค้ามาอ่านนะ o22

ออฟไลน์ เข่งสะพานปลา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-0
    • FACEBOOK
『 ปรสิต ☤ 03 』 | horror thriller (22-02-15)
«ตอบ #29 เมื่อ22-02-2015 19:19:33 »



ปรสิต | 03







นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายอย่างนี้ ราวกับความโดดเดี่ยว หนาวเหน็บ และหวาดกลัวนั้นถูกโยนทิ้งไปชั่วครู่ ชนกันต์ปล่อยตัวเองเข้าสู่ภวังค์สีดำมืดก่อนทุกอย่างจะจางหายไป เหลือเพียงลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ โสตประสาทไม่รับรู้อะไรอีก แม้ว่าใครบางคนจะกำลังยืนจ้องมองและเปิดบานประตูเลื่อนออกไป ทิ้งให้เขานอนอยู่ภายในห้องตามลำพังแล้วก็ตาม


เขากำลังหลับสนิท


และพอตื่นขึ้นมาอะไร ๆ ก็จะดีขึ้น


ใช่ หวังไว้เช่นนั้น และหากเขาได้ยินเสียงประตูนั่นสักนิดล่ะก็ –


อากาศเย็นเยือกขึ้นเสียจนต้องขดกายเข้าหากันเพื่อคลายความหนาว สองมือนั้นบีบกระชับหัวไหล่โดยที่ไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมองโดยรอบ ความง่วงทำให้เขาเลือกที่จะไม่สนใจสิ่งอื่นใด ยังคงข่มตาต่อไปเพราะหวังเข้าสู่ช่วงนิทราอย่างเต็มอิ่มบ้าง


ไม่เป็นไร ยังไงหมออธิศก็ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น


หากแต่เสียงสวบสาบที่ดังเข้ามาเต็มสองหูและความรู้สึกรุงรังราวกับมีอะไรมารบกวนใบหน้านั้นทำให้ชายหนุ่มยากที่จะข่มตาหลับต่อไปได้ น้ำตาแทบจะไหลออกมาเมื่อรับรู้ได้ว่าตัวเองถูกดึงขึ้นจากนิทราอีกครั้ง


ยิ่งรู้ว่าสิ่งที่กำลังสร้างความรำคาญอยู่คืออะไร ทั้งร่างก็ยิ่งเกร็งสะท้าน ทำไมเสียงขีดเขียนของหมอถึงได้เงียบไป ทำไมมีแค่เสียงลมหายใจของเขาที่กำลังเด่นชัดอยู่ตามลำพัง


ทำไม


“หมอ...”


ส่งเสียงเรียกออกไปเบาหวิวหวังจะให้ใครอีกคนเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ อย่างน้อยการได้เห็นสายตาใต้กรอบแว่นนั่นก็ยังดีกว่าจะต้องเห็นอะไรที่สู้ทนหนีมาตลอดหลายวัน


“หมอ...”


กลัว


ชนกันต์กลัวจับใจ หากแต่เขาก็ยังเลือกที่จะแนบสองมือไว้ข้างลำตัวมากกว่าจะยกขึ้นปัดสิ่งชวนรำคาญบนใบหน้า


“หมออธิ -- แค่ก ๆ”


ต้องสำลักออกมาด้วยความรู้สึกที่ชวนอาเจียนเมื่อสิ่งน่ารำคาญนั้นระลงมาอัดแน่นอยู่ภายในปาก กลิ่นสาบโคลนเหม็นคละคลุ้งเสียจนชนกันต์ต้องยกมือขึ้นปัดสิ่งนั้นออกด้วยอาการคลื่นเหียนและหวาดกลัว


เส้นผม


“แค่ก แค่ก”


ต้องลืมตาตื่นพลางล้วงเอาสิ่งที่อยู่ในปากออกมาจนเต็มกำมือ เป็นเส้นผมเปียกชุ่มที่ชวนให้อาเจียนเมื่อคิดว่าเมื่อครู่นี้มันอยู่ในปากเขา หัวใจกระตุกวูบขึ้นอีกคราเมื่อเห็นรอยที่เปียกเป็นวงอยู่ตรงชายเสื้อ จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังคงมีน้ำหยดลงมา


กลิ่นสาบโคลนที่ลอยอบอวลกำลังเตือนให้เขารีบหลับตาลงเพื่อหยุดการรับรู้ทางสายตาเสีย ทว่าร่างกายไม่ได้เชื่อฟังคำสั่งนั้นเลย ชนกันต์ช้อนสายตาขึ้น เห็นชายกระโปรงสีขาวเปรอะโคลนและปลายผมสีดำสนิทซึ่งระลงมา


หยุด ควรหยุดสายตาไว้แค่นี้แล้วหนีไปเสีย


หากแต่ก็ยังคงมองขึ้นไปจนสบเข้ากับดวงตาโหลลึกที่แทบจะกลืนไปกับดวงหน้าขาวซีดของหญิงสาว หล่อนมองด้วยสายตาเฉยชาและปล่อยให้น้ำสาบโคลนไหลลู่ลงมาตามเรือนผม


“อะ...”


หล่อนยังคงมองเขา บนใบหน้านั้นปรากฏเส้นเลือดปูดโปนสีเขียวชวนให้รู้สึกขนลุกจนร้องไม่ออก เรียวปากเขียวคล้ำนั้นอ้าขึ้นราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง


เพียงแต่สิ่งที่ออกมานั้นไม่ใช่คำพูด แต่กลับเป็นน้ำโคลนมากมายที่ไหลทะลักออกมาเสียจนเส้นสติของคนได้มองขาดผึง


“อะ -- อ๊ากกกกกก”


เสียงโคลนดังก้องเต็มสองหูเสียจนร่างบางต้องหลับตาปี๋แล้วยกมือขึ้นปิดใบหู จนกระทั่งเสียงนั้นเงียบหายไปพร้อมกับสัมผัสชื้นที่ค่อย ๆ แห้งเหือด เขาได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังวิ่งเข้ามา


หมออธิศใช่ไหม?


ค่อย ๆ ขดตัวเข้าหากันเพื่อรอให้ใครอีกคนมาถึง ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาคลอเต็มสองเบ้า ขาซ้ายยังคงอยู่ในท่าเดิม เหยียดอยู่ดังเดิม เพราะสัมผัสเย็นที่จับรั้งมันไว้ราวกับจะเชิญชวนให้เขาเบิกสายตาขึ้นมอง


“อึก...”


ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าสะอื้นไห้ และดูเหมือนว่าเธอจะอยากให้เขาลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง ชายหนุ่มค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นก่อนจะแทบหยุดหายใจเมื่อเห็นเจ้าของมือนั้น


“อ๊าาาาาาาาาา”


ความรู้สึกเจ็บแปลบที่ขาซ้ายทำให้เขาต้องร้องออกมาอย่างสุดกลั้น บานประตูเลื่อนเปิดออกพร้อมกับใบหน้าตื่นตระหนกของอธิศที่รีบเข้ามาดูอาการ ชนกันต์รีบคว้าเสื้อกาวน์นั้นไว้พลางปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาราวกับเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวสุดท้าย


“หมอครับ”


“เป็นอะไรหรือเปล่า”


“มัน --”


“….”


มันเกิดขึ้นอีกแล้ว”


พูดจบก็ปล่อยโฮออกมาเสียจนอธิศต้องบีบไหล่เขาไว้เพื่อเรียกสติ สายตาใต้กรอบแว่นนั่นกำลังลดลงเพื่อให้อยู่ระดับเดียวกับเขา “คุณชนกันต์”


“หมอ... ผมไม่ไหวแล้ว”


บีบเสื้อกาวน์สีขาวในมือจนยับยู่แล้วฟูมฟายอย่างไม่อายใคร ไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเห็นในสิ่งที่กลัว สิ่งที่คงไม่มีใครยอมเชื่อและหาว่ามันไร้สาระอย่างถึงที่สุด


“ขาคุณเป็นอะไร” จิตแพทย์หนุ่มดูเหมือนจะสังเกตเห็นเรียวขาที่เหยียดยาวในท่าเดิมนับตั้งแต่เขาเข้ามา ชนกันต์ได้แต่ส่ายหน้า เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างหายไปหมดยกเว้นเพียงอาการเจ็บแปลบที่เรียวขา


ไวเท่าความคิด อธิศค่อย ๆ เลื่อนตัวไปประคองขาข้างนั้นไว้แล้วถกชายกางเกงขึ้นจนเห็นรอยข่วนเด่นชัดที่หน้าแข้ง เลือดสีแดงสดไหลซิบจนดูรู้ว่าเพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ ถึงอยากจะวินิจฉัยว่าคนตรงหน้านี้ทำร้ายตัวเองเพราะอาการประสาทหลอน แต่รอยแผลที่ทอดยาวไปทางปลายเท้านี่ดูยังไงก็ไม่มีทางทำตัวเองได้ ครั้นจะคิดว่าบังเอิญไปข่วนอะไรเข้า แต่ที่กางเกงดันไม่มีรอยขาด อีกทั้งเมื่อไม่ถึงห้านาทีก่อนเขายังมั่นใจว่าชนกันต์หลับสนิทดีอยู่ ถึงอย่างนั้นอธิศก็ยังรักษาอาการสงบนิ่งไว้ได้และหันไปพูดกับอีกฝ่ายเสียงเรียบ


“เดี๋ยวคุณไปทำบัตรผู้ป่วยให้เรียบร้อย แล้วติดต่อพยาบาลที่หน้าเคาน์เตอร์”


“หมอจะจ่ายยาให้ผมแล้วใช่ไหม”


ถามออกไปอย่างมีความหวัง แล้วก็ยิ้มออกมาได้ทั้งน้ำตาเมื่อนายแพทย์พยักหน้ารับก่อนจะลุกเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานประจำ ถึงจะน่าผิดหวังอยู่นิดหน่อย เอาเถอะ เขาเองก็ไม่คิดว่าจะมีใครช่วยอะไรได้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่อย่างน้อย ๆ ก็ได้ยากล่อมประสาทกลับไป เขาต้องการจากหมออธิศแค่นี้เอง


ดึงขากางเกงตัวเองลงทั้งน้ำตา ยิ่งเห็นรอยข่วนนั้นก็ยิ่งไม่อยากจะเชื่อว่ากำลังโดนคุกคามด้วยสิ่งที่ไม่มีชีวิตอยู่จริง


ถึงกลัวแทบตาย แต่จะทำอะไรได้?


“....”


มองคนที่ลุกจากโซฟาบุหนังอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา นายแพทย์หนุ่มได้แต่ถอดแว่นออกแล้วนวดหัวตาตัวเองก่อนจะเลยไปถึงขมับด้วยความรู้สึกไม่สู้ดีนัก เขาคงนอนน้อยเกินไป ถึงได้เห็นรอยยวบข้างกายชนกันต์ค่อย ๆ หายไปราวกับมีคนลุกตามติด


พาตัวเองออกไปจากห้องตรวจของนายแพทย์ทั้งขากะเผลกอย่างนั้น เพราะว่าเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เขาถึงไม่ต้องเสียเวลาตามขั้นตอนมากมายนัก หลังจากได้บัตรผู้ป่วยก็นำไปยื่นให้พยาบาลประจำเคาน์เตอร์อย่างที่ถูกสั่งมา


“นี่เป็นใบนัดการตรวจครั้งต่อไปนะคะ กรุณามาตามนัดด้วย เชิญชำระเงินและรับยาที่เคาน์เตอร์จ่ายยาค่ะ” เธอยื่นกระดาษสองใบมาให้เขาพลางพูดชัดถ้อยชัดคำไม่ต่างจากที่พูดกับผู้ป่วยคนอื่น ชนกันต์โค้งศีรษะน้อย ๆ ก่อนจะทอดสายตาอ่านตัวหนังสือบนกระดาษสีขาวแผ่นล่างอย่างแปลกใจ


นัดตรวจอาการสัปดาห์หน้า?


“เหอะ...”


แค่นยิ้มสมเพชกับตัวเองเป็นครั้งที่สอง ให้ตายเถอะ นี่ใจคอจะหาว่าเขาบ้าให้ได้ใช่ไหม ป่านนี้คงนั่งคิดอยู่กระมังว่าคนบ้าอะไรจะข่วนขาตัวเองจนเป็นแผลแบบนี้


ตอนนี้เป็นเวลาประมาณแปดโมงครึ่ง เผลอ ๆ เวลาหนึ่งชั่วโมงก็ผ่านไปไวเสียจนน่าใจหาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้รู้สึกหิวแทบแย่ แต่พอนึกถึงภาพในห้องหมอแล้วร่างทั้งร่างก็แทบจะทรุดลงอาเจียนออกมา ทั้งความรู้สึกที่มีเส้นผมอยู่ในปาก กลิ่นสาบโคลนเหม็นคละคลุ้ง   ทุกอย่างมันดูจะติดอยู่ตรงลิ้นตรงจมูกจนกินอะไรไม่ลงอีก


ทั้งสะอิดสะเอียนแล้วก็ขนลุก


เดินกลับมาที่ห้องจ่ายยาก็ยังเห็นปรัชญากำลังนั่งเช็กรายการยาอยู่ในท่าเดิม ชนกันต์กระชับสายสะพายเป้แน่นขึ้นก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์แล้วยื่นใบเสร็จให้หนุ่มรุ่นพี่ ครั้นเงยหน้าขึ้นเห็นว่าคนไข้ใหม่เป็นใคร ปรัชญาก็ต้องเบิกตาโพลง เขาพักจากงานเอกสารก่อนจะเรียกให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาคุยกันข้างใน


“หายไปเป็นชั่วโมงนี่เป็นไรมา” ว่าพลางรับเอาใบเสร็จมาคีย์ข้อมูลในคอมพิวเตอร์จอแอลซีดีรุ่นเก่ากึกแล้วก็ตะโกนเรียกหญิงสาวซึ่งกำลังจัดยาอยู่ด้านในให้หยิบยาตามสั่งแพทย์ติดมือมาให้ด้วย “มินท์ครับ เดี๋ยวขอคลอกซาซิลลิน 500 มิลลิกรัมสิบห้าเม็ด แล้วก็ไอบูโพรเฟน 200 มิลลิกรัมสิบเม็ดด้วยครับ”


หญิงสาวตอบรับมาอย่างว่าง่ายในขณะที่ใครอีกคนอ้าปากค้าง ชนกันต์วางมือลงกับโต๊ะแล้วตัดสินใจพูดสิ่งที่ข้องใจออกมาเสียงแข็ง “เมื่อกี้ยาของผมเหรอครับ”


“เออสิ ว่าแต่แกเป็นไรมายังไม่ตอบพี่เลย”


ขมวดคิ้วมุ่นจนผูกเป็นโบว์เมื่อแน่ใจว่าเขาเองจำชื่อยาไม่ผิด เภสัชกรสาวเดินเอายาในถาดมาวางไว้ให้ก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ปรัชญาจัดการเอาแผงยาใส่ถุงซิปล็อคที่เพิ่งแปะกระดาษใบเล็ก ๆ เสร็จเมื่อครู่


ให้ตายเถอะ


จำต้องอุทานคำนี้ขึ้นมาในใจอีกครั้ง นายแพทย์อธิศสั่งจ่ายยาฆ่าเชื้อกับยาแก้อักเสบให้เขา และนักศึกษาเภสัชศาสตร์อย่างชนกันต์เข้าใจได้ทันทีว่ามันไม่ได้มีไว้ช่วยด้านจิตใจ แต่มีไว้รักษาแผลที่ขา!


“หมอบ้าเอ๊ย”







--------------------------------------------------







 “หมอศรัณย์คะ ผลตรวจความดันคนไข้ค่ะ”


“ขอบคุณครับ”


ร่างผอมโปร่งในชุดกาวน์สีขาวแย้มยิ้มก่อนจะรับเอาแฟ้มคนไข้มาถือไว้แนบลำตัว เขายืนคุยกับพยาบาลหญิงวัยกลางคนอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะขอตัวเลี่ยงออกมาเพราะกลัวว่ากาแฟดำในมือจะเย็นชืดไปเสียก่อน พยาบาลสาวตามทางเอ่ยทักเรื่องเนคไทเส้นใหม่กันไม่หยุด ซึ่งนายแพทย์หนุ่มก็ทำเพียงยิ้มรับแล้วเดินร่อนไปตามอัธยาศัย ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง แต่เขาเองก็ไม่ชอบข้าวกลางวันสักเท่าไหร่ ถ้าหมอนั่นมาเห็นล่ะก็คงจะบ่นแล้วขู่เรื่องเอากาแฟนี่ไปเททิ้งแน่


“จะกินข้าวกลางวันหรือกาแฟดี”


“กูหิวข้าวว่ะ”


“ฮ่า ๆ วันนี้เหนื่อยเอาการเลย”


คิดยังไม่ทันขาดช่วงก็เห็นกลุ่มนักศึกษาแพทย์ในชุดกาวน์เดินสวนมา เจ้าของชื่อศรัณย์ได้แต่ลอบอมยิ้มกับตัวเองเมื่อเห็นใครบางคนเดินรั้งท้ายมาแต่ไกล เอาแต่ทำหน้าตาง่วงนอนแบบนั้นไม่ถูกบ่นเอาหรือไงนะ


ดูเหมือนเด็กหนุ่มร่างสูงที่ได้แต่หนีบแฟ้มตรวจเดินตามเพื่อนต้อย ๆ จะสังเกตเห็นเขาเสียแล้ว เรียวปากรูปกระจับนั้นถึงได้หยักยิ้มออกมาราวกับเป็นการทักทายครั้งแรกของวัน


“....”


ชั่วนาทีที่เดินสวนกันคนแก่กว่าก็จงใจสัมผัสปลายนิ้วเข้ากับหลังมือนั้นแล้วกระซิบเสียงพร่าให้พอได้ยินกันสองคน เลยจากกันไม่นานนักก็ได้ยินเสียงรามิลพูดกับเพื่อน ๆ ภายในกลุ่มดังแว่วมา


“พอดีนึกขึ้นได้ว่าลืมของ พวกมึงกินกันก่อนเลยแล้วกัน”


สิ้นเสียงทุ้มร่างสูงระหงของนักศึกษาแพทย์ปีสี่ก็ย้อนเดินกลับมาทางเดิม หรือจะพูดให้ถูกก็คือตามหลังเขามาติด ๆ







--------------------------------------------------








“พี่ไปคิดถึงผมมาจากไหนเนี่ย”


พูดกลั้วหัวเราะในขณะที่ปล่อยให้อีกคนดันร่างของตัวเองลงกับเตียงตรวจภายในห้องประจำ อดไม่ได้ที่จะชะเง้อมองให้แน่ใจว่าเจ้าของห้องได้ล็อกประตูไว้ดีแล้ว อย่าให้มีพยาบาลเข้ามาตอนนี้แล้วกัน ไม่งั้นล่ะเป็นเรื่อง


“คิดถึงสิ” คนถูกถามตอบหน้าตายก่อนจะแขวนเสื้อกาวน์ไว้กับผนังแล้วตรงเข้ามานั่งบริเวณข้างเตียง แก้วกาแฟดำที่ซื้อมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะทั้งที่ค่อนไปไม่ถึงครึ่งแก้ว สองมือบรรจงช่วยเด็กตรงหน้าถอดเสื้อกาวน์ออกแล้วลุกเอามันไปแขวนไว้อีกรอบ “ระวังยับ”


หากแต่ครั้งนี้เขาเลือกที่จะเอาตัวเองขึ้นไปอยู่บนเตียงเดียวกันกับเด็กหนุ่มแล้วคร่อมตัวจูบจนรามิลต้องดันร่างคุณหมอขวัญใจสาว ๆ ออกด้วยแรงเพียงแผ่วเบา ก็รู้อยู่ว่าช่วงก่อนที่เขาติดสอบทำให้แทบไม่ได้เจอกันเลย แต่ศรัณย์ก็มีเวลาพักเที่ยงอีกแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มันเสี่ยงเกินไป


“ไว้วันนี้ผมไปค้างกับพี่ โอเคไหมครับ”


“ดีเลย”


“แต่ไม่ใช่ตอนนี้”


พูดจบก็ดันร่างคนแก่กว่าออกทั้งรอยยิ้มรู้ทัน คนข้างบนได้แต่ยอมแพ้ ก่อนจะผละตัวเองออกมานั่งเฉย ๆ แล้วกลั้วหัวเราะในลำคอ


“มาอยู่ด้วยกันดีกว่า”


“ผมรู้ว่าช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอกัน แต่พี่อย่าพูดเล่นอย่างนี้”


“พี่พูดจริง”


“....”


“เราไม่ได้คุยเรื่องนี้กันครั้งแรกนะเก้า”


สวนขึ้นเสียงเรียบก่อนจะหันไประบายรอยยิ้มให้อีกคน รู้ว่ามันคงเป็นเรื่องไม่ดีนักถ้าเพื่อนของรามิลจะรู้ว่าเจ้าตัวคบกับหมอรุ่นพี่ แต่ถึงอย่างนั้นทุกวันนี้ก็ตัวคนเดียวอยู่แล้ว อย่างไหนก็คงค่าเท่ากันนั่นแหละ


“พี่เป็นพี่ชายให้เราได้ ใครถามก็บอกไปอย่างนั้น”


“พี่เสือ...”


เอื้อมตัวไปกดจูบหนัก ๆ แล้วลุกขึ้นไปหยิบเสื้อกาวน์มาคืนให้อย่างว่าง่าย ถึงจะดูเอาแต่ใจก็เถอะ แต่ศรัณย์มั่นใจว่าเขามั่นคงพอที่จะดูแลคนรักได้ ด้วยหน้าที่ การงาน วุฒิภาวะ และความรู้สึกที่บ่มเพาะมาตลอดหลายปีนี้ “คุยกับเพื่อนให้เรียบร้อย ไปอาศัยเขาอยู่นาน ๆ มันไม่ดี เดี๋ยววันศุกร์พี่ไปช่วยย้าย”


รามิลถอนหายใจยอมแพ้ อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้เก็บเรื่องนี้ไปคิด อย่างน้อยถ้าการได้อยู่ด้วยกันมันทำให้ศรัณย์มีกำลังใจขึ้นแล้วล่ะก็ “พี่ครับ วันศุกร์มันฉุกละหุกไป ไอ้นิลด่าผมตายพอดี”


“แล้ว?”


“ผมมีสอบด้วย”


พูดจบนายแพทย์ก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะรูดม่านไปอีกทางแล้วเดินไปนั่งพิงโต๊ะทำงานตัวเก่ง มือก็หยิบเอาปฏิทินมาเปิดดูผ่านตา “งั้นวันเสาร์เป็นไง หลังจากนี้พี่เข้าเวรยาวอีกแทบทั้งอาทิตย์ คงย้ายลำบากแน่”


“งั้นพี่เอาคีย์การ์ดไว้ให้ผม เดี๋ยวผมขนของไปเอง” รามิลยื่นข้อเสนอที่ดีที่สุด รู้ว่าศรัณย์น่ะงานยุ่งยังกับอะไรดี การเป็นอายุรแพทย์ในโรงพยาบาลรัฐไม่ใช่งานสบาย ๆ ต่อให้เขาไม่มีสอบหรือติวหนังสือ ศรัณย์ก็ต้องอยู่เวรจนดึกดื่น เรื่องเวลาก็นับเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง


“ไม่ได้ จะขนของด้วยรถแท็กซี่หรือไง”


“ก็มีแค่เสื้อผ้า --”


“เก้า”


ยังยื่นคำขาดไปเสียงแข็งประสาคนโตกว่า เด็กหนุ่มรู้ดีว่าไม่ควรให้เขาต้องพูดหลายรอบ แค่นั้นรามิลจึงพยักหน้าตกลงแล้วกลอกตาขึ้นมองเพดานราวกับจะคิดว่าควรหาข้ออ้างอะไรไปเบี้ยวนัดเพื่อนดี


“โอเคครับ งั้นอีกสี่วันเจอกัน” แต่สุดท้ายแล้วร่างโปร่งก็หัวเราะ ให้ตายเถอะ เขาแพ้ทางพี่เสือตลอดเลย


ทุกอย่างดูราบรื่น สวยงาม และคงทำให้อะไรดีขึ้นได้แน่ ๆ







--------------------------------------------------









ล่วงเข้าวันที่สี่แล้วที่อธิศใช้เวลาหลังออกเวรนั่งง่วนอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์และตั้งหนังสือมหึมาซึ่งเขาเป็นคนไปทำเรื่องขอยืมจากคณะแพทยศาสตร์ของทางมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ตึกข้าง ๆ ห้องสมุดไม่ได้ใหญ่มาก ทว่ามีหนังสือที่ต้องการมากพอสมควร แต่สิ่งที่ฉงนมาตลอดสามสี่วันนี่ยังหาคำตอบไม่ได้เลยสักนิด


ถึงจะแสดงท่าทีไม่สนใจออกไป แต่หลังจากนั้นจิตแพทย์หนุ่มก็เลือกที่จะไปขอตารางการเข้างานของนักศึกษาฝึกงานชนกันต์เป็นการส่วนตัวกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคลากร หากมีเวลาว่าง เขาเองก็อาจจะถือแก้วกาแฟเดินผ่านหรือเลียบเคียงถามเจ้าหน้าที่ในห้องยาคนอื่นบ้าง ซึ่งคำตอบที่ได้เป็นเสียงเดียวกันทั้งหมด


ชนกันต์เป็นเด็กน่ารักสดใส เพียงแต่ช่วงอาทิตย์หลังมานี้ ปรัชญาแอบให้ข้อมูลว่าเด็กหนุ่มมักจะใช้ชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลเสียเป็นส่วนใหญ่ ยอมอยู่ช่วยจัดสต็อกยาโดยไม่ลงเวลางานบ้างล่ะ หรือแม้แต่ชวนไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนบ้างเวลาที่เข้าเวรด้วยกันเหมือนเด็กผู้หญิงบ้างล่ะ


เด็กนั่นไม่ยอมอยู่คนเดียว ถ้าเลือกได้


ก็ตรงกับอาการที่เจ้าตัวแสดงกับเขาในวันนั้น แต่ไม่ว่าจะหาข้อมูลมาประกอบอาการยังไง อธิศก็ลงความเห็นเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากภาวะประสาทหลอนหรืออาจจะเข้าขั้นจิตเภทเบื้องต้น ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อยากด่วนสรุปเพราะไม่มีใครเป็นโรคจิตได้อย่างเฉียบพลันขนาดนี้หรอก


ปมครอบครัวไม่มีอะไร ที่บ้านฐานะดี ไม่มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งให้ผู้อื่นเห็น พอขึ้นมหาวิทยาลัยซึ่งไกลบ้านก็เลยย้ายออกมาอยู่แมนชั่นและคงกลับไปอยู่บ้านหลังจากเรียนจบ มีรถขับ เงินไม่ขาดมือ ผลการเรียนใช้ได้ จะให้คิดว่าเป็นเพราะต้องอยู่คนเดียวมาห้าปีก็ดูจะไม่เข้าเค้าเท่าไหร่นัก เพราะชนกันต์กลับบ้านแทบทุกสัปดาห์ถ้ามีโอกาส ในเมื่ออาทิตย์ก่อนยังดูปกติดีทุกอย่าง แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้มีท่าทีหวาดกลัวขนาดนั้นกัน


เว้นแต่ว่าจะได้เจอกับเหตุการณ์บางอย่าง


ร่างสูงเอนกายลงกับพนักก้าวอี้ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาอย่างตึงเครียด นึกไปถึงรอยข่วนตรงขาที่เขาเห็นในวันนั้นแล้วมันก็พาให้ทุกอย่างดูทึบไปหมด รอยแผลแบบนั้นยังไงก็คงทำตัวเองไม่ได้ ที่เล็บนิ้วมือไม่มีรอยเลือด แล้วเหตุการณ์ก็เกิดคล้อยหลังเขาไปแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง


ยกสองมือขึ้นนวดขมับตัวเองแล้วหยิบเอาสมุดบันทึกเล่มเล็กในลิ้นชักออกมาเปิดดู หน้าหนึ่งในเล่มเป็นลายมือบันทึกหวัด ๆ ที่เขาเฝ้าสังเกตอาการอีกฝ่ายห่าง ๆ มาตลอดสามสี่วัน อาการที่เด่นชัดที่สุดก็คงจะเป็นการที่ชนกันต์เอาแต่เดิน ๆ หยุด ๆ บ้างก็หันกลับไปมองข้างหลังแล้วเร่งฝีเท้าเดินต่อ ทว่าไม่ทันไรกลับหยุดตัวเองเอาไว้อีก


‘ในตอนแรกผมก็คิดว่าผมคงแค่เบลอ ๆ เพราะนอนน้อย หรือว่าทำงานหนักอะไรเทือกนั้น แต่ผมก็เริ่มมั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากสังเกตได้ว่ามันมีเสียงฝีเท้าเกินมาก้าวหนึ่งทุกครั้งที่ผมหยุดเดิน’


แล้วยังอาการย้ำคิดย้ำทำประเภทที่ว่า กดเปิดสวิทช์ไฟซ้ำ ๆ หรือการเตือนคนอื่นให้ช่วยจำในสิ่งที่ทำไปแล้วนั่นอีก


‘แต่มันไม่ใช่แค่นั้นนะหมอ... บางทีผมก็รู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว มันเริ่มมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนแรกก็แค่ก๊อกน้ำในห้องน้ำมันเปิดเอง ผมพยายามบอกตัวเองว่าก็แค่ลืมปิด แต่บางทีผมก็ตื่นเพราะเสียงฝักบัวในห้องน้ำบ้างล่ะ ทีวีเปิดเองบ้างล่ะ แล้วผมก็มั่นใจนะว่าคงไม่ลืมปิดมันแทบทุกวันอย่างนั้นหรอก เพราะผมจะต้องนอนไม่หลับแน่ ๆ’


ถึงคำพูดคำจาในตอนนั้นจะดูสับสนอยู่บ้าง แต่พอมานั่งทบทวนดูแล้ว อธิศก็ไม่เห็นนัยยะผิดปกติในคำพูดพวกนั้นสักเท่าไหร่ เขายังได้ข้อมูลไม่พอ บางทีนัดครั้งหน้าอาจจะต้องสังเกตอาการของชนกันต์ให้มากขึ้นอีก


เหลือบไปเห็นตารางเวรของคนในความคิดแล้วก็นึกขึ้นได้ ตอนนี้เด็กนั่นคงเข้าเวรอยู่ที่ห้องจ่ายยาคนเดียว ตอนนี้สามทุ่ม เขาเองก็อยากได้กาแฟสักแก้วเหมือนกัน


หยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะหยิบเอากระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือติดมือไปด้วย พอไม่ใช่เวลาราชการ อธิศก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา เขาไม่ได้สวมชุดกาวน์สีขาว แว่นสายตาถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตสีสุภาพเพราะไม่ต้องใช้สายตาเพ่งอะไรมากนัก ดันเก้าอี้ล้อเลื่อนเข้าไปในโต๊ะอย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินออกไป หากแต่เรียวขายาวต้องหยุดชะงักไว้แค่นั้น


“....”


หันกลับมาตามเสียงก็เห็นเก้าอี้ที่เขาเพิ่งดันเก็บกำลังเลื่อนถอยหลังไปจนชนกับตู้จนส่งเสียงดังกึงเบา ๆ ร้อยวันพันปีมันไม่เคยเกิดขึ้น แต่ก็เพราะเป็นเก้าอี้ล้อเลื่อน อธิศถึงได้คิดว่าวันนี้เขาอาจจะผลักเก็บมันแรงเกินไป


เดินออกไปจากห้องอย่างไม่ใส่ใจนักโดยไม่ลืมที่จะล็อกประตูห้องไว้ด้วย เพราะว่าใช้ชีวิตอยู่คอนโดมิเนียมเพียงคนเดียว หมอหนุ่มจึงไม่มีพันธะอะไรให้ต้องรีบกลับนัก ร้านกาแฟในโรงพยาบาลเปิดแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง และนั่นถือเป็นเรื่องดี


“อ้าว คุณหมอยังไม่กลับอีกเหรอคะ”


ยิ้มรับให้พยาบาลที่อยู่เวรตอนกลางคืนอย่างเป็นมิตร ร้านกาแฟอยู่ใกล้ ๆ กับโรงอาหารที่ชั้นสอง ดูจากเวลาแล้วป่านนี้คงเงียบพอสมควร แล้วก็เป็นดังที่คิด ร้านอาหารปิดไปจนเกือบหมดแล้ว มีบ้างที่ยังอยู่ขายให้ญาติที่มาอยู่เฝ้าผู้ป่วยอย่างประปราย ร่างสูงเลี่ยงเดินเข้าไปในร้านกาแฟก่อนจะออกปากสั่งเมนูเดิมด้วยรอยยิ้มอย่างที่รู้กันกับบาริสต้า


“คาปูชิโนร้อนครับ”


“ทำไมวันนี้กลับดึกจังล่ะคะคุณหมอ”


บาริสต้าหญิงชวนคุยในขณะที่อัดกาแฟไปด้วย คนถูกถามได้แต่ยิ้มรับก่อนจะหยิบเอานิตยสารบนโต๊ะมาเปิดดูผ่าน ๆ ฆ่าเวลา รอราว ๆ สามนาทีก็ได้กลิ่นกาแฟร้อนหอมฉุยอย่างที่ชอบ หยิบเอาธนบัตรในกระเป๋าเสื้อจ่ายออกไปโดยเอาเงินทอนหยอดกล่องทิปพนักงานอย่างทุกที


เดินทอดน่องผ่านโถงกลางหน้าห้องฉุกเฉินแล้วก็เห็นว่ายังมีพอมีผู้ป่วยอยู่บ้าง แผนกจิตเวชนั้นมักจะได้ทำงานเป็นเวลา ต่างจากแพทย์ส่วนใหญ่ มีบ้างที่อาจจะถูกเรียกตัวมากลางดึกเพื่อช่วยแทนแพทย์ระบบประสาทเพราะอยู่ในสายที่คาบเกี่ยวกันหรืออาจจะด้วยเหตุฉุกเฉินบางประการเช่นคนไข้ที่ประสบเหตุกระทบทางจิตใจ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นถี่นัก


ไม่ลืมที่จะเหลือบมองไปทางห้องจ่ายยาซึ่งเห็นใครบางคนกำลังจัดยาเข้าชั้นอย่างขะมักเขม้น แต่แล้วอธิศก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อชนกันต์เหมือนจะพยายามหยิบล้วงเอาอะไรออกจากปากด้วยสีหน้าคลื่นเหียนแล้วตัดใจทำงานต่อ บางทีเขาควรต้องบันทึกนี่ลงไปเป็นอีกหนึ่งในการผิดปกติของผู้ป่วยคนนี้ด้วย


เพราะสายตาที่สั้นหรืออะไรก็ตามแต่ ร่างของชนกันต์เดินไปยังตู้ยาแถวต่อไปแล้ว หากแต่กลับเผยให้เห็นใครบางคนซึ่งอาจจะถูกยืนบังไว้เมื่อครู่ อธิศพยายามเพ่งสายตามองหญิงสาวผมยาวซึ่งกำลังยืนมองเขาแทนที่จะเดินตามชนกันต์ไป ใช่ ความรู้สึกมันบอกว่าหล่อนมองมาทางนี้ หากแต่เพียงละสายตาไปเพื่อหยิบแว่นในกระเป๋าขึ้นมาสวม ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมเสียแล้ว


ถ้าจำไม่ผิดล่ะก็ วันนี้ เวลานี้ มีชนกันต์ประจำห้องยาแค่คนเดียวไม่ใช่หรือไง แล้วห้องยาก็ไม่ใช่ที่ที่จะให้ใครเข้าไปยุ่มย่ามได้ง่าย ๆ อธิศมั่นใจว่าเขาไม่ได้ตาฝาด และมันไม่ใช่เงาสะท้อนในกระจกแน่ ๆ


หากแต่พอจะยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ กลิ่นดินโคลนก็ลอยมาแตะจมูกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แพทย์หนุ่มก้มลงมองแก้วคาปูชิโนร้อนในมือแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเป็นปมอีกรอบเมื่อเห็นเศษดินที่ลอยขึ้นมาจนดื่มต่อไปไม่ลง


ดินอาจจะติดมากับกากกาแฟอย่างไม่น่าเป็นไปได้ แต่ที่น่าคิดยิ่งกว่าคือเขาดื่มมันเข้าไปค่อนแก้วแล้วนี่สิ


คิดติดตลกเอาว่าดินคงไม่ร่วงมาจากเพดานเมื่อครู่นี้หรอกกระมัง






TBC





----------------------------------------------------


เปิดตัวตัวละครใหม่ หมอเสือ กับนศพ.เก้า
ทั้งหมดจะเข้ามาเกี่ยวข้องกันยังไง นี่เป็นเหมือนแค่บทเกริ่นนำเท่านั้น
ตอนต่อจากนี้ ทุกอย่างจะเริ่มขมวดเข้ามาสู่เรื่องราวที่แท้จริงค่ะ


ตอบคุณ actionmarks ค่ะ


อ้างถึง
เคยลงแล้ว เขียนใหม่หรือเปล่า ตัวละครมันคุ้นมาก เหมือนเคยอ่านมาแล้วเลย

เรื่องนี้ เราเขียนไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และลงแค่ในลักษณะฟิคชัน
นี่เป็นที่ที่สองที่เราเอามาลงค่ะ เพราะงั้นไม่มีของเราแน่นอน 555555555555







 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด