เสพติดอันตราย...รักผู้ชายพันธุ์โหด
ตอนที่ 2 (ครึ่งหลัง)
ร่างสูงได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างระอา ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านอาหารใกล้ๆ ตึกที่สุด เพื่อจะได้ไม่เสียเวลา ยังไงเขาก็ไม่มีทางจะไปทานข้าวร้านเดียวกับธีร์แน่ๆ เพราะนอกจากจะทานไม่ลง คงจะไม่ได้ทานเพราะมัวแต่ทะเลาะกัน แม้จะนั่งกันคนละที่ แต่ก็ไม่มีอารมณ์ที่จะกิน
ปล่อยมันไป ถ้ามันช้า ก็คงจะต้องสั่งสอน
“เวรกรรมของกู หรือของมึงกันแน่!” ร่างสูงพึมพำเบาๆ ก่อนจะสั่งอาหารง่ายๆ กับพนักงานสาวไป เธอมองผู้ชายที่เป็นลูกค้า
อย่างเขาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง
ผู้ชายที่หน้าตาดี ดูเงียบๆ นิ่งๆ และแบดบอยตามที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบ กำลังนั่งไขว่ห้างแบบเท่ห์ๆ อยู่ตรงหน้าแบบนี้ ใครไม่
ละลายก็ให้มันรู้ไป
“เอ่อ” เธออ้ำอึ้งเหมือนมีอะไรจะพูด
“มีอะไร?” ถามนิ่งๆ
“คือว่า...เอ่อ ขอเบอร์ได้หรือเปล่าคะ” พนักงานสาวใจกล้าขอเบอร์ไป อย่างไม่เกรงกลัว
“...” พัฒน์หันไปมองทางอื่นอย่างรำคาญ แต่เธอก็ยังที่จะไม่ยอมแพ้
“เฟสบุ๊คหรือไลน์ก็ได้ค่ะ”
“ไม่ได้เล่น เมียดุ” สิ้นประโยคสั้นๆ เธอก็รีบโค้งแล้วเดินหนีอย่างเสียความรู้สึก
ที่จริงแล้วเขาจะเอาเรื่องจากพนักงานก็ได้ ว่าทำตัวไม่เหมาะสม แต่ช่างเถอะ ใครๆ เขาก็เป็นกัน ถ้าเขาคิดจะทำแบบนี้ คงจะต้อง
เหนื่อยเลยทีเดียว
เพราะไม่ได้มีแค่คนเดียวที่สนใจคนอย่างเขา
“เมีย! หึ หน้าอย่างมึงนี่นะมีเมีย” ธีร์ที่แอบฟังอยู่ห่างๆ ถึงกับพึมพำอย่างหมั่นไส้ คิดในใจว่ายังไงก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
คนอย่างมันไม่มีทางเป็นสองรองใคร เมียดุจริงหรือไง ไม่มีทาง
ถามว่าร่างโปร่งมาอยู่ร้านเดียวกับร่างสูงได้ยังไง ทั้งๆ ที่ก่อนที่พัฒน์จะเข้าร้านนี้ ธีร์ก็เดินไปอีกทางหนึ่ง คำตอบก็คือ ร้านที่ธีร์
เข้าไปเป็นร้านอาหารต่างชาติ อาหารไทยไม่มีเลยสักนิด เลยต้องหาร้านอื่นทานเอา บวกกับเวลาที่เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทำ
ให้ธีร์ต้องเลิกร้านที่ใกล้ๆ กับบริษัทที่สุด โดยไม่รู้เลยว่าพัฒน์ก็อยู่ร้านนี้
สาบานให้ตายเลยว่าเขาไม่ได้ตามมาจริงๆ
“แค่บังเอิญมาเจอเท่านั้น เฮอะ!!”
แล้วมันเป็นอะไรของธีร์กันแน่ ถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนได้นั่งโต๊ะใกล้ๆ กับพัฒน์อีก เพราะเข้ามามันก็เหลืออยู่ที่เดียว แต่โชคดี
หน่อยที่พัฒน์นั่งหันหลังให้
เลยไม่รู้ว่าเขาอยู่ร้านเดียวกับมัน
“เสน่ห์แรงนักนะ อะไรวะ! กูก็หน้าตาดีไม่แพ้มัน ทำไมสาวๆ ไม่มาขอเบอร์บ้าง” บ่นพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อคิดว่าตัวเอง
หน้าตาสู้พัฒน์ไม่ได้
เขายอมรับว่ามันหน้าตาดี หล่อ มาดแมน แต่กูก็ตี๋อินเทรนไม่ต่างกันนะเว้ย! มันหล่อเข้มๆ แบบผู้ชายมาดแมน ส่วนกูเองก็หล่อตี๋
ขาวไม่แพ้ใครเว้ย! (ไม่ค่อยจะหลงตัวเอง)
“ป๊ากับม๊าก็ให้กูมาเยอะเหมือนกัน”
บ่นได้ไม่เท่าไหร่ อาหารที่สั่งก็มาเสิร์ฟก่อนที่ร่างโปร่งจะลงมือทานอาหารนั้นไปอย่างไม่รีรอด้วยความหิวอย่างมาก เรื่องเกี่ยวกับ
พัฒน์ที่เคยอยู่ในหัวก็หายไปจากสมองโดยฉับพลันเมื่อได้ลิ้มรสของอาหารอันแสนอร่อยตรงหน้า
แต่สุดท้าย...
ก็ทานได้แค่ไม่กี่คำ ก็สำลักเมื่อมีเสียงหนึ่งที่เขาจำได้ดีว่ามาจากคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าสักเท่าไหร่
มันจะเป็นมารขัดคอกูไปถึงไหนวะ!!
“ไหนบอกทางใครทางมัน มึงตามกูมาทำไม” พัฒน์ที่กำลังจะไป
“แค่กๆ” มือขาวรีบคว้าน้ำมาดื่มทันที เงยหน้าคนที่ทักเขาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียงอย่างหาเรื่อง
“อะไรของมึงวะ”
“หึ!”
“อย่ามาหัวเราะแบบนี้ ก็แค่ร้านที่กูไปมันไม่มีของที่กูจะกิน กูเลยมาที่นี่ กูไม่เห็นจะรู้ว่ามึงอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ” ธีร์รีบอธิบายให้มันเข้าใจ เพราะกลัวว่าร่างสูงจะเข้าใจผิดคิดว่าตัวเขาพิศวาส ถึงได้ตามมา
“หึ!” ร่างสูงได้แค่ส่งเสียงในลำคอพร้อมกับยิ้มมุมปากที่ธีร์ไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง
แต่ก็ตีความหมายไปเองแล้วล่ะว่า...
“นี่มึง...หัวเราะเยาะกูหรือวะ! มึงจะหลงตัวเองคิดว่ากูพิศวาสมึงเลยตามมางั้นสิ” ร่างโปร่งลุกขึ้นเต็มความสูง เผชิญหน้ากับอีกคนอย่างไม่ลดละ พร้อมกับพูดออกมาอย่างหาเรื่อง
“ยังไม่ได้พูดอะไร มึงร้อนตัวเอง” ร่างสูงตอบนิ่งๆ
“ไอ้เหี้ย!! กูเริ่มหมดความอดทนจากมึงละ”
“หัดอายคนอื่นบ้างเถอะ” พัฒน์บอก
ร่างโปร่งบางหันมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าลูกค้าของแต่ละโต๊ะหันมามองที่พวกเขาทั้งสองคนเป็นตาเดียว บ้างก็หันไปซุบซิบนินทา
กัน บ้างก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาอัดคลิปอย่างสนใจ
ท่องไว้ไอ้ธีร์ ถ้ามึงมีเรื่อง เจ้านายมึง ซึ่งก็คือคุณเพลิงจะเดือดร้อนเอา แล้วเจ้านายก็อาจจะมาลงโทษมึงก็ได้... ธีร์ได้แต่เตือน
ตัวเองในใจ
“โว้ย! อารมณ์เสีย ไม่กินแม่งแล้ว ไม่ต้องทอน!!” ร่างโปร่งโวยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะวางแบงค์สีม่วงไว้ที่โต๊ะพร้อม
กับพูดประโยคสุดท้ายออกไปกับพนักงานแถวนั้น แล้วเดินหนีออกไปจากร้านทันที
“หิวก็หิว เสือกมาแดกไม่ลงเพราะไอ้บ้านั่น” บ่นไปด้วยความหงุดหงิด เดินเข้าไปยังตึกบริษัทอย่างไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น
กูไม่อยากจะเห็นหน้ามึงแล้วนะไอ้พัฒน์!!!
…
…
…
ทางด้านพัฒน์ที่ถูกอีกคนเดินหนีออกจากร้านไป ก็ได้แต่มองตามอย่างสะใจที่ได้เอาคืนมัน ให้มันหงุดหงิดเล่น แต่ทำอะไรเขาไม่
ได้ เป็นการเอาคืนที่ถูกต่อยไปอย่างหนึ่ง
แน่นอนว่ายังมีอีกหลายอย่างแน่นอน ที่คนอย่างธีร์จะต้องเจอ
“มึงมันเด็กว่ะ”
“เอ่อ...คุณลูกค้าครับ” พนักงานผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาเรียกอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ว่า?”
“เอ่อ อาหารที่คุณลูกค้าสั่งได้แล้วนะครับ วางอยู่ที่โต๊ะแล้ว”
“อืม...ฉันไม่กิน เอานี่ไป ไม่ต้องทอน” พัฒน์ตอบพลางยื่นแบงค์สีเทาใบหนึ่งไปให้กับพนักงานแล้วเดินตามธีร์ออกจากร้านไป
อันนี้ก็อีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อเอาชนะธีร์
“กูจ่ายไปพันหนึ่ง มึงจ่ายห้าร้อย กูชนะ!” พึมพำกับตัวเองด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
หารู้ไม่ว่าการกระทำของตัวเองที่ทำอยู่ตอนนี้ ก็ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่มากกว่าธีร์เสียเท่าไหร่ ร่างสูงอาจจะยังไม่รู้ตัว ว่าเขากำลังจะสูญ
เสียความเป็นตัวของตัวเองไป
เพราะคนอย่างธีร์นี่แหละ เป็นตัวอันตรายเลยล่ะ ถ้าไม่ระวังตัวเองไว้ให้ดี...
“เจ้านาย กินด้วย!” ร่างโปร่งเปิดประตูห้องทำงานของอัคนีไปโดยไม่ต้องรอให้ใครอนุญาตเพราะเลขาหน้าห้องก็ไม่อยู่ เขาก็เลย
ถือวิสาสะเข้ามาเองโดยไม่บอกใคร
เห็นอัคนีกำลังทานอาหารอยู่บนโต๊ะทำงานของตัวเองอย่างเงียบๆ มือก็มองโทรศัพท์ไปด้วย
“ไอ้เวร! ตกใจหมด มานี่ให้เสียงกันบ้าง” อัคนีบ่น
“แล้วไม่หาอะไรกินเอง มาแย่งฉันทำไม”
“เบื่อหน้ามันอ่ะ”
“ไอ้พัฒน์?”
“แล้วจะมีใครอีกล่ะเจ้านายก็ สรุปอันนี้ผมกินด้วยนะ” มือขาวคว้าหยิบแซนวิชจากจานเจ้านายอย่างเสียมารยาท แต่อัคนีก็ไม่ได้
ว่าอะไร
เพราะคนแบบนี้หายาก
คนที่คิดอะไร ก็แสดงออกมาอย่างนั้น...
“กินไปเถอะ ฉันอิ่มแล้ว” อัคนีบอกก่อนจะเลื่อนอาหารตรงหน้าให้ธีร์จัดการ ซึ่งร่างโปร่งก็หางตั้งหูกระดิก หยิบอันนั้น อันนี้มา
ทานอย่างอารมณ์ดี
ราวกับเมื่อกี้นี้ไม่ได้อารมณ์เสียจากใครมาก่อน
“แกก็อย่าทำตัวเป็นเด็กนักเลยไอ้ธีร์” อัคนีเริ่มสอน
“ผมก็ไม่ได้ทำตัวเด็กเสียหน่อย” ตอบทั้งๆ ที่สองแก้มเต็มไปด้วยแซนวิช
“เออๆ ไม่เด็กก็ไม่เด็ก” พูดตัดรำคาญ
เพราะอัคนีรู้ดีว่า เถียงลูกน้องคนนี้ไปก็เหนื่อยเปล่าๆ
“หมดเวลาพัก!!” เสียงของพัฒน์ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ร่างโปร่งถึงกับสำลักอีกครั้งด้วยความตกใจ รีบดื่มน้ำแล้วกลืนอาหาร
ลงคอไป ลุกขึ้นหันมามองหน้าพัฒน์อย่างโกรธ
“นี่มึงขัดกูเวลากินอีกแล้วนะ”
“ก็มันหมดเวลาพักแล้ว ถึงเวลาทำงาน”
“ทำอะไรอีกวะ!”
“อ่านกฎบริษัท แล้วจำให้ได้ สองชั่วโมงมาท่องกับกู” พัฒน์สั่งเสียงเข้ม แฝงไปด้วยความสะใจเล็กๆ
“เฮอะ! มันจะกี่ข้อกันวะ” กอดอกแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างอวดดี
“300 ข้อ รวมหมดของทุกฝ่ายงาน” อัคนีเป็นคนตอบ
“เจ้านาย! นี่มันกฎบริษัทหรือศีลของพระ ทำไมมันเยอะแบบนี้” หันมาเอาคำตอบจากผู้เป็นนาย
“ไม่รู้ดิ มันมีมาตั้งนานแล้ว”
“เจ้านายจำได้หรือ”
“จำได้ดิวะ!”
“งั้นผมก็ไม่ต้องจำดิ เจ้านายจำได้แล้วอ่ะ”
“ไอ้ธีร์!” อัคนีขึ้นเสียงใส่ จนร่างโปร่งต้องยอมให้อย่างเสียไม่ได้
“เออๆ ไปก็ไป จำก็จำ อ่านก็อ่านวะ”
“อย่าทำเหมือนไม่เต็มใจ ทั้งๆ ที่มันเป็นงานของมึง” พัฒน์สอน
“อย่ามาสอนกู”
“แต่กูเป็นคนฝึกงานให้มึง ถ้ากูไม่สอน จะให้กูสวดหรือไง” ถามอย่างกวนๆ
“นำไปดิวะ!!” ในเมื่อเถียงอะไรต่อไปไม่ได้ ก็เลยต้องสั่งให้ร่างสูงนำไปยังสถานที่ที่เขาจะต้องนั่งอ่านกฎทันที เพราะไม่อยากจะ
แพ้ใคร
ร่างสูงออกตัวเดินนำคนตัวเล็กกว่าไปยังนอกห้องทำงาน แล้วตรงดิ่งไปยังห้องเก็บเอกสารของชั้นทันที ห้องนี้มันก็คล้ายๆ กับ
ห้องสมุด แต่เก็บเอกสารเสียส่วนใหญ่มากกว่า
ร่างโปร่งเดินไปทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินไปหาแฟ้มเอกสารที่เป็นกฎของบริษัทมาให้กับธีร์อ่าน ซึ่งเมื่อร่างโปร่งบาง
เห็นมันแล้ว
ก็แทบจะร้องไห้ด้วยความเหนื่อยทันที
“ทำไมข้อแต่ละข้อมันยาวจังวะ”
“ทำไม? ทำไม่ได้”
พัฒน์นี่ถือเป็นตัวกระตุ้นของธีร์ได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อธีร์ได้ยินแบบนั้นก็ตั้งใจอ่านกฎตรงหน้าทันทีด้วยคว่ามไม่ยอมแพ้
เขาจะไม่ยอมให้มันมาดูถูกได้
ส่วนพัฒน์ก็ได้แต่ยกยิ้มอย่างชอบใจ ที่ทำให้อีกคนหัวปั่นได้ขนาดนี้ พัฒน์ยอมรับว่าการต่อปากต่อคำกับธีร์ก็สนุกดี แต่บางคำก็
ไม่ชอบเท่าไหร่
พัฒน์ก็คนนะ...ใครจะไม่โกรธล่ะ เวลามีคนมาด่าแบบนี้
แต่เขาไม่เอาคืนด้วยอารมณ์หรอก...
มันมีอะไรอย่างอื่นที่สนุกกว่านี้แน่!!
...
...
...
2 ชั่วโมงผ่านไป
“เอาล่ะ จำได้ถึงไหนแล้ว” พัฒน์เดินจากอีกมุมหนึ่งมาถามร่างโปร่งที่ทำหน้าเครียดๆ อยู่ที่เดิมตั้งแต่ 2 ชั่วโมงที่แล้ว ที่เขาไม่
สามารถรู้เลยว่าอีกคนทำได้หรือไม่ได้
“เฮอะ ระดับกูแล้ว” อีกคนตอบ
“งั้นก็ว่ามา” พัฒน์สั่งพร้อมกับทิ้งตัวนั่งเก้ากี้ฝั่งตรงกันข้ามกับอีกคน แล้วกอดอกมองอีกคนนิ่งๆ ส่วนธีร์ก็สบตาอีกคนอย่างไม่
ทุกข์ร้อน
“ห้ามทำผิดกฎ” ร่างโปร่งบอกสั้นๆ
“แล้ว?”
“ก็อ่านมันทั้งหมดแล้ว ก็มีแต่อะไรเดิมๆ สรุปสั้นๆ ก็คือห้ามทำผิดกฎ” ลอบหน้าตอบกวนๆ จนพัฒน์ใช้เท้าเตะอีกคนที่นั่งตรงข้าม
อย่างทนไม่ไหว
ไม่ได้โมโหหรืออะไรนะ แค่รู้สึกหมั่นเขี้ยวแปลกๆ
“ไอ้!” อีกคนทำท่าจะลุกขึ้น แต่ก็ต้องนั่งลงเมื่อเห็นสายตาคาดโทษจากร่างสูงที่มองอย่างโกรธๆ
ก็ยอมรับว่าตัวเองผิด
“ทำไมถึงจำไม่ได้”
“กูเป็นพวกความจำไม่ดีนี่หว่า”
“อย่าอ้าง”
“กูพูดจริง! แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะจำไม่ได้ทุกข้อที่ไหนล่ะ กูจำได้บ้างเถอะ” ร่างบางเถียง
“แต่มึงจำเป็นต้องจำให้หมด” พัฒน์พูดอย่างไม่ยอมแพ้
“เออน่า 2 ชั่วโมงกูจะไปจำอะไรได้วะ”
“แล้วมึงจะเอาวันไหนไปจำ” ยักคิ้วถาม
“เดี๋ยวกูเอากลับไปอ่าน”
“หึ! พรุ่งนี้มึงจะต้องรับอะไรอีกเยอะนะ สมองน้อยๆ อย่างมึงจะไปทำได้หรือวะ” พัฒน์พูดจาดูถูกและสบประมาทอีกคนออกไป
ธีร์กำหมัดตัวเองแน่นอย่างโกรธๆ
“อย่ามาดูถูกกู ความจำกูไม่ดี ไม่ได้หมายความว่ากูโง่”
“จำไม่ค่อยได้ นั่นมันก็หมายความว่าสมองมึงน้อย”
“ไอ้พัฒน์!!”
“เรียกทำไม กูจำชื่อตัวเองได้” ตอบกวนๆ
“เออ! กูจะจำมันทั้งหมดให้ได้ในวันนี้ พรุ่งนี้มึงรอฟังกูท่องให้ฟังได้เลย” ธีร์พูดออกมาด้วยความโกรธ ไม่ได้คิดเลยว่าตัวเอง
ทำได้หรือเปล่า
“หึ! จะได้หรือวะ”
“ได้!!”
“กูจะรอดูก็แล้วกัน”
“มึงน่ะเตรียมหน้าแตกเอาไว้เลย เพราะถ้ากูทำได้ มึงจะต้องฟังกูวันหนึ่ง” ธีร์ต่อรอง
“ทำไมต้องต่อรอง”
“หรือว่ามึงไม่แน่ใจล่ะ กลัวหรือไง” ธีร์ถามยิ้มๆ
“ใครว่า กูกลัวมึงจะต้องแพ้มากกว่า”
“เฮอะ!! มึงรอดูก็แล้วกันไอ้พัฒน์ 300 ข้อ จิ๊บๆ”
ท่าทางอวดดีนี่มันอะไร เมื่อกี้ยังทำเป็นบอกว่าทำไม่ได้อยู่เลย พัฒน์จะจำเอาไว้ในสมองว่าคนอย่างธีร์ไม่ชอบให้ใครดูถูกและ
ท้าทาย
เพราะอะไรที่อีกคนทำไม่ได้ มันก็จะพยายามทำให้ตัวเองทำได้
“โอ๊ย! ไอ้ธีร์ แล้วมึงจะทำยังไงเนี่ย ใครจะไปทำได้วะ 300 ข้อ จำให้ได้ในวันเดียว” ธีร์ที่เดินออกมาเพื่อเข้าห้องน้ำถึงกับขยี้ผม
ตัวเองอย่างเครียดๆ ที่ความไม่ยอมของตัวเองจะนำความลำบากมาให้ตัวเองแบบนี้
แล้วทีนี้ เขาจะได้นอนไหม!!
ใครก็ได้ ช่วยเอาความจำดีๆ มาใส่สมองเขาหน่อย ไอ้ธีร์กำลังจะคราย...
100%

สวัสดีค่า ต้องขอโทษที่หายไปนาน แต่อย่างที่บอกในครึ่งแรกนะคะ งานยูกิยุ่งมาก ไหนจะปัญหาทางครอบครัวอีก เลยทำให้มาช้าไปหน่อย ตอนนี้ไม่สนุกจริงๆ ยูกิยอมรับ ^_^
ฝากคอมเม้นท์ ให้กำลังใจและติชมได้เสมอนะคะ ยูกิเองก็ยังมือใหม่ ยังไงก็ต้องพัฒนาต่อไป และคำแนะนำจากนักอ่านจะทำให้
ยูกิพัฒนาขึ้นค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมานะคะ
แนะนำ พูดคุย ทวงนิยายได้ที่แฟนเพจเลยค่ะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki