ข่ม ขืน ฝืน รัก
ตอนที่33
“เดินทางปลอดภัยนะมิน” มัตถ์สวมกอดน้องชายก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่าย
“มินถึงแล้วจะโทรหานะครับ” มินยิ้มตอบพร้อมกันไปหาพี่ชายอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
“พี่มนต์ มินฝากดูแลพ่อด้วยนะ”
“สบายมากมิน อยู่นู้นดูแลตัวเองดีดีนะ พร้อมเมื่อไหร่ก็กลับมา” มนต์พูดจบตบไหล่น้องชายเบาๆ
มินพยักหน้าตอบรับก่อนจะหันไปจับมือทั้งสองข้างของลูกชายในอ้อมแขนขึ้นมาไหว้ลุงๆทั้งสอง
“สวัสดีลุงสิลูก”
น้องซันที่ไม่รู้เรื่องได้แต่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากตามประสาเด็ก
“มินไปละครับ” มินพูดจบก่อนจะลากกระเป๋าเข้าไปในสนามบิน วันนี้เขาตัดสินใจไปหาเพื่อนที่อังกฤษ ตัดสินใจไปเริ่มชีวิตใหม่ที่นู้น และลืมเหตุการณ์ที่เลวร้ายในอดีตที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่เขาต้องใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่รู้ว่าจะลืมลงหรือเปล่า
มินกอดน้องซันบนตักแน่นขณะนั่งรอขึ้นเครื่อง มินก้มลงไปมองลูกชายที่นั่งเล่นของเล่นในมือตัวเองไม่สนใจตอะไร เป็นเด็กมันก็ดีแบบนี้สินะ ไม่ต้องสนใจอะไรมากมาย ของแค่มีความสุข และสนุกไปวันวันก็พอแล้ว
“หลังจากนี้จะมีแค่เราสามคนแม่ลูกนะลูก” มินกระชับกอดน้องซันแน่นขึ้นจนน้องซันต้องเงยหน้ามองผู้เป็นแม่
“แอ๊ แอ๊” น้องซันวางของเล่นในมือและพยายามปีนผู้เป็นแม่และปาดน้ำตาไหลลงมาของมิน โยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวสักนิด
มินยิ้มหวานให้ลูกชายของเขา
“แม่ไม่เป็นอะไรครับ” มินพูดจบปาดน้ำตาที่ไหลลงมาก่อนจะหอมแก้มหนุ่มน้อยฟอดใหญ่
มินถึงสนามบินที่ลอนดอน เขากระชับน้องซันที่หันหน้าไปมาอย่างตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่ตัวเองไม่เคยเจอมาก่อน
“อย่าดิ้นไปมาสิลูก เดี๋ยวก็หล่นหรอก” มินดุน้องซันเบาๆ หนุ่มน้อยรู้ตัวก็นิ่งขึ้นแต่อดไม่ได้ที่หันไปมา
“มิน อยู่นี่ๆๆๆ” เสียงเรียกดังจนเขาต้องหันไปมอง ก็เจอนพและวุ้นเตนโบกมือให้เขาสองคนไปมา
มินยิ้มกว้างเมื่อเห็นเพื่อนสนิททั้งสอง พวกเขาสามคนกอดกันกลมอย่างไม่อายใครที่สนามบิน นอกจากครอบครัวก็มี นพและวุ้นนี่แหล่ะที่อยู่ข้างๆเขามาเสมอ
“กูคิดถึงมึงมากเลยมิน” นพพูดขึ้นพร้อมยิ้มทั้งน้ำตรา น้ำตาแห่งความดีใจ
“กูก็เหมือนกัน” วุ้นพูดด้วยพร้อมบีบมือมินอย่างให้กำลังใจ
“กูขอบคุณพวกมึงมากๆนะที่ช่วยกู”
“เพื่อนกันนะมึง พูดยังกะคนอื่นคนไกล” นพพูขึ้นพร้อมยู่ปากใส่อีกฝ่าย
“กูรู้สึกผิด เวลากูมีความสุข กูไม่เคยจะคิดถึงพวกมึง แต่เวลากูต้องการความช่วยเหลือ กูกลับคิดถึงพวกมึงทุกที” มินยิ้มขึ้นทั้งน้ำตา น้ำตาที่บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร
“ไม่ว่ามึงจะคิดถึงกูเวลาไหน แค่มึงคิดถึงพวกกูและยังรู้ว่ากูอยู่ข้างๆมึงเสมอกูก็ดีใจแล้ว” วุ้นพูดขึ้นพร้อมพูดต่อ “โอ๊ย อย่ามาดราม่าร้องไห้ ตั้งแต่มีลูกนี่เจ้าน้ำตานะมึง” วุ้นพูดติดตลกและพยายามปรับโหมดให้ไม่ดูเครียดจนเกินไป
“กูสองคนรู้ว่ามึงไม่ได้มีความสุขหรอก ตลอดเวลาที่มึงหายไป” นพพูดสอดขึ้นก่อนที่เพื่อนรักทั้งสามจะมองหน้ากันและยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ
ไม่นานักพวกเขาก็มาถึงที่บ้านพักของนพใจกลางเมืองลอนดอน เดินเข้ามานพก็แนะนำให้มินได้รู้จักกับเจฟ แฟนของอีกฝ่ายที่คบหาดูใจกันมานานพอสมควร
“เจฟนี่มิน เพื่อนสนิทอีกคนของนพ” นพผายมือแนะนำมินให้รู้จักกับเจฟ
“สวัสดีครับมิน” เจฟก้มหัวให้พร้อมพูดภาษาไทยออกมา แม้ว่าจะไม่ค่อยชัดก็ตาม
“ยินดีที่ได้รู้จักครับเจฟ รบกวนหน่อยนะ”
“ไม่รบกวนหรอกครับ อยู่กันหลายคนสนุกจะตาย แถมมีเด็กๆมาวิ่งเล่นด้วย ฮ่าๆ” เจฟพูดติดตลกทำเอาทุกคนหัวเราะออกมาเบาๆ
“น้องซันครับชอบบ้านอานพไหม สวยเนอะลูก” นพพูดกับน้องซันก่อนจะจับอีกฝ่ายมาอุ้มแทนมิน
“คืนนี้ปาร์ตี้กันเถอะ ต้อนรับคุณหนูมินสู่มาหานครลอนดอน เย้!” วุ้นพูดขึ้นเสียงดังทุกคนก็ยิ้มกว้างออกมา
มินยืนมองบรรยากาศรอบๆแล้วยิ้มตาม เขาไม่ได้ยิ้มกว้างแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ
ค่ำคืนนั้นสามคนเพื่อนซี้นั่งคุยกับสัพเพเหระ รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆมากมายที่เขาเจอมาหลังจากเรียนจบ บนโต๊ะมีอาหารมากมาย แต่มีอย่างนึงที่วุ้นสงสัยเลยอดที่จะถามเพื่อนไม่ได้
“ทำไมมึงไม่แตะไวน์เลยมิน” วุ้นถามขึ้น เอาอุส่าห์เปิดไวน์อย่างดีให้เพื่อน แต่อีกฝ่ายกลับไม่แตะมันซะงั้น
“กูไม่อยากกินแอลกอฮอล์”
“ทำไมวะ”
มินยิ้มน้อยๆให้เพื่อนๆทั้งสองคน และอดจะหันไปมองน้องซันที่นั่งเล่นกับเจฟบนโซฟาใกล้ๆไม่ได้
“กูท้องอยู่”
“ห้ะ!!” วุ้นและนพอุทานออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ
“เดี๋ยวนะ มึงท้องกับใคร” นพถามขึ้นอย่างสงสัย
“กับคนที่กูเล่าให้มึงฟังเมื่อกี้ไงละ”
“พี่หรือน้องวะ”
“คนพี่” มินพูดเสียงแผ่วก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ เขาเหม่อมองไปที่หน้าต่างก็อดคิดถึงไม่ได้ คิดถึงคนที่เขาอุส่าห์หนีมา
“ชีวิตมึงโครตดราม่าเลยวะ ลูกคนแรกท้องกับคนน้อง คนที่สองท้องกับคนพี่” วุ้นพูดขึ้นก่อนจะมองเพื่อนรักอย่างสงสาร มินดูนิ่งขึ้นและโตขึ้นมาก เหตุการณ์ที่ผ่านมาคงสอนอะไรเพื่อนเขาไม่น้อย
“มึงเลยหนีมานี่เพื่อไม่อยากให้เขารู้ว่ามึงท้องใช่ไหม” นพพูดขึ้นอย่างรู้ทันอีกฝ่าย
“ใช่ กูไม่อยากให้ทุกอย่างมันพัวพันธ์กันไปมากกว่านี้”
“แต่เท่าที่มึงเล่าให้กูฟัง เขาก็รักมึงนะ”
“ใช่ เขารักกู แต่มึงจะตอบลูกยังไงละว่าทำไมพี่คนโตถึงเป็นลูกของอา แล้วทำไมคนเล็กถึงเป็นลูกของลุง”
“เห้อ สับสนซับซ้อนฉิบ” นพพูดพร้อมกับทิ้งตัวลงบนพนักพิงอย่างเหนื่อยหน่าย
“กูว่านะ มึงไม่ควรคิดมากถึงอนาคต ขอแค่ทุกวันนี้เรามีความสุขก็พอไม่ใช่เหรอ เมื่อถึงเวลาทุกอย่างมีทางออกของมันทั้งนั้น” วุ้นพูดขึ้น เขามองออกว่ามินก็รู้สึกดีกับอีกฝ่ายไม่น้อยเลย
มินได้แต่ยิ้มตอบไม่พูดอะไรต่อ
“มึงเหนื่อยที่ต้องเป็นหมากในเกมส์บ้าๆนั้น กุว่ามึงควรทำให้ตัวเองมีความสุขบ้าง” วุ้นพูดต่อ
“นี่ไงความสุขของกู คือการมาอยู่นี่กับพวกมึงไง” มินตอบพร้อมยิ้มกว้าง
นพและวุ้นมองหน้ากันก่อนถอนหายใจ เขาทั้งสองมองออกมาว่าไม่ได้มีความสุขจริงอย่างที่พูดหรอก แม้ว่าปากจะยิ้มกว้างขนาดไหน แต่สายตากลับไม่ยิ้มตามสักนิด
มินเดินทอดน่องไปในสวนสาธารณะไปเรื่อยๆ วันนี้เขาออกมาเดินเล่นคนเดียว เพราะวุ้นพาน้องซันไปเดินช้อปปิ้ง แต่เขาขี้เกียจเลยตัดสินใจมาเดินเล่นในสวนสาธาณะคนเดียว เขามองไปที่ข้างหน้าเห็นกลุ่มเด็กน่าจะประมาณมอปลายเล่นบาสกันอยู่ ทุกคนดูสูงใหญ่ตามฉบับเชื้อสายของตัวเอง แต่มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ดูแปลกไปกว่าคนอื่นเล็กน้อย เพราะดูเหมือนจะมีเชื้อสายของทางเอเชีย
เขาจ้องเด็กหนุ่มคนนั้นมากเกินไปจนอีกฝ่ายรู้ตัว ทั้งสองคนสบตากับจนมีรู้สึกตัวและหลบตาและเดินต่อไป เขาตัดสินใจมานั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่ อากาศช่วงนี้กำลังดี ไม่หนาวและร้อนจนเกินไป
“สวัสดีจ้ะหนู” มินหันไปมองข้างๆ เขาเจอกับผู้หญิงเอเชียคนหนึ่งที่ดูมีอายุแต่ยังสวยอยู่มาก และหน้าตาของอีกฝ่ายเขาคุ้นมาก เหมือนใครบางคน
“สวัสดีครับ” มินพูดพร้อมกับก้มหัวให้
“น้าคิดไว้แล้วเชียวว่าหนูต้องเป็นคนไทย”
“ใช่ครับ คุณน้าก็คนไทยใช่มั้ย”
“ใช่จ้ะ ว่าแต่หนูมาอยู่ลอนดอนนานหรือยัง”
“เพิ่งมาเองครับ” มินตอบด้วยรอยยิ้มมองผู้หญิงตรงหน้า คุ้น คุ้นมากจริงๆ
“น้าอยู่นี่มานานแล้วละ เกือบ20ปีแล้ว” ผู้หญิงคนข้างหน้าผู้ขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“คุณน้าได้กลับไทยบ้างไหมครับ”
“ไม่เลย น้าไม่เคยได้กลับหรอก ตอนนี้น้ามีครอบครัวที่นี้แล้ว”
มินพยักหน้าเข้าใจ และอีกฝ่ายก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น
“ไม่รู้ทำไม น้าเห็นหน้าหนูแล้วอดคิดถึงใครบางคนที่อยู่ที่ไทยไม่ได้” แววตาของคุณน้าดูเศร้าลงเล็กน้อยแต่ก็ดูอบอุ่นเหมือนกัน
“มีอะไรเล่าให้ผมฟังได้นะครับ” มินถามขึ้น แม้ว่าใจนึงอย่างรู้ แต่ก็กลัวเสียมารยาท
การะเกดหันมามองเด็กหนุ่มตรงหน้าเต็มๆก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่ายและเล่าเรื่องที่เขาคิดถึงให้อีกฝ่ายฟัง
“เมื่อก่อนน้าจนมาก ที่บ้านล้มละลาย อยู่ดีดีก็มีผู้ชายคนหนึ่งยื่นมือเข้ามาช่วยพร้อมยื่นข้อเสนอให้น้าอุ้มบุญลูกให้เขา เพราะเขาไม่สามารถมีลูกกับผู้หญิงได้ น้าเลยตัดสินใจยอมเพื่อช่วยครอบครัว และน้าก็อุ้มบุญให้กับเขาสองรอบเป็นเด็กสองคน ลูกน้าสองคนนั้นก็คงอายุรุ่นราวครามเดียวกับหนู น้าก็เลยคิดถึง”
“แล้วน้ายังติดต่อกับเขาสองคนบ้างไหมครับ”
“ติดต่อบ้าง คุยกันบ้าง แต่หลังๆก็ไม่ค่อยได้คุยเลย เหมือนพ่อของเขาจะสั่งห้ามไม่ให้คุยกับน้ามั้ง” การะเกดพูดขึ้นด้วยเสียงเศร้า แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้เลี้ยงดูทั้งสองคน แต่ทั้งสองคนก็คือลูกของเขาเหมือนกัน
“แต่ตอนนี้คุณน้าก็มีครอบครัวที่นี้นะคัรบ อย่าเศร้าไปเลย” มินพูดพร้อมบีบมือให้กำลังใจอีกฝ่าย
“ขอบคุณนะหนูที่นั่งฟังเรื่องไร้สาระของคนแก่”
“ยินดีครับ” มินยิ้มหวานให้อีกฝ่าย
อยู่ดีดีก็มีเสียงดังขัดขึ้นมา
“แม่ครับ มาตั้งแต่เมื่อไหร่” การะเกดหันไปมองเจอปีเตอร์ ลูกชายของเขาเดินเข้ามาตัวชุ่มเพราะเพิ่งเล่นบาสเสร็จ
“อ้าว” ปีเตอร์พูดขึ้นพร้อมหันไปมองผู้ชายตัวขาว หน้าเอเชียที่เผลอสบตากับเขาที่สนามบาส ผู้ชายที่กระชากใจเขาทำให้เขาเล่นบาสไม่ดีจนเพื่อนด่า เพรามัวแต่มองหาอีกฝ่ายว่าหายไปไหน
“ปีเตอร์นี่หนู เอ่อ ว่าแต่หนูชื่ออะไร ตายจริงนั่งคุยตั้งนานน้ายังไม่ถามชื่อเลย” การะเกดพูดขึ้นอย่างอายๆ
“ชื่อมินครับ” มินยิ้มให้ พร้อมมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่เขาเห็นที่สนามบาส
“ปีเตอร์นี่หนูมิน เป็นคนไทยเหมือนกับแม่”
ปีเตอร์ก้มหัวให้อีกฝ่ายก่อนจะมองอีกฝ่ายเต็มตา ใบหน้าเรียวหวาน ตากลมโตจนเขาอดที่จะหลงใหลไม่ได้ ริมฝีปากอิ่มสีสดที่เขาเห็นแล้วต้องกลืนน้ำลาย
“จ้องอะไรขนาดนั้นปีเตอร์ เสียมารยาท” การะเกดอดที่จะตีลูกไม่ได้
“อะ ขอโทษครับ สวัสดีครับคุณมิน”
“สวัสดีครับคุณปีเตอร์” มินมองลูกครึ่งหนุ่มหน้าหล่อที่ผสมผสานระหว่างความเป็นเอเชียและยุโรปได้อย่าลงตัว รูปร่างสูงใหญ่ เสื้อที่ชุ่มเหงื่อทำให้เขารับรู้ได้ถึงมัดกล้ามที่อยู่ภายใน
มินยกมือมองนาฬิกา ใกล้เวลาวุ้นและน้องซันกลับมาแล้วเขาจึงหันไปหาการะเกด
“มินขอตัวกลับก่อนนะครับคุณน้า ไว้โอกาสหน้าคุยกัน”
ปีเตอร์สะกิดผู้เป็นแม่แรงๆ จนการะเกดอดที่จะขำไม่ได้ เขามองออกว่าลูกชายของเขาสนใจอีกฝ่าย
“เอ่อ หนูมินจ้ะ น้าขอเบอร์ติดต่อได้มั้ย เผื่อว่างๆไปทานข้าวบ้านน้า”
“เอ่อ คือ...”
การะเกดเห็นมินอึกอักจึงพูดขึ้นต่อ
“น้ารู้สึกถูกชะตากับหนูนะ น้าขอเบอร์ได้มั้ย”
“ก็ได้ครับ” มินยิ้มกว้างตอบก่อนบอกเบอร์ติดต่อ เขาก็รู้สึกถูกชะตากับอีกฝ่ายแต่ก็อดกลัวไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็คนไทยด้วย
หลังจากมินเดินจากไป ปีเตอร์รีบเข้าไปกอดอ้อนแม่ทันที
“แม่ไม่ให้เบอร์หรอก” การะเกดพูดขึ้นกวนๆลูกชายของเขาที่ยู่ปากใส่เขาทันทีที่พูดจบ
___________________________________________________________________
มาต่อให้แล้วครับ หายไปสักพักเพราะติดสอบไฟนอล
เหลือสองตอนก็จบแล้ว มาช่วยลุ้นกันๆ
ตอนหน้าเรามาดูฝั่งครามกันบ้าง
ขอบคุณทุกคนที่อ่านและคอมเม้นต์นะครับ
https://www.facebook.com/Tanyapuech-1448764075422477/?ref=bookmarksฝากเพจด้วยครับ มีอะไรไปติชม พูดคุยกันได้