ข่ม ขืน ฝืน รัก
ตอนที่13
หลังจากกลับมาจากฮันนีมูนบรรยากาศรอบๆที่ควรจะดีขึ้นแต่กลับตึงไม่น้อย ดูเหมือนนิ่งๆ แต่จริงๆใครจะรู้ว่าอาจมีคลื่นใต้น้ำ รอวันที่จะปะทุขึ้นมา
“พี่ได้รู้มาว่ามินไปฮันนีมูนมาเป็นไงบ้าง” มัตถ์ถามน้องชายคนเล็กของเขา
“ก็ดีครับ” มินตอบพร้อมยิ้มน้อยๆให้พี่ชาย มัตถ์มองน้องชายตนเองอย่างรุ้สึกสงสาร สงสารที่น้องชายต้องมาแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก
“บ้านนั้นเขาดีกับมินไหม” มนต์ที่นั่งอยู่ด้วยถามมินขึ้นมา
“ก็ไม่เลวร้ายอะไรครับ มินก็อยู่ไปวันๆ” มินพูดจบวางนิตยสารในมือลง เพราะเขารู้ว่าพี่ชายทั้งสองต้องถามยาวแน่ๆ
“ถ้ามินไม่ไหว มินจะกลับมาอยู่บ้านก็ได้นะ” มนต์จ้องมองน้องอย่างสงสาร เขาไม่อยากให้น้องชายคนเล็กที่เขาคอยเฝ้าทะนุถนอมต้องทนอะไรที่บ้านหลังนั้น
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกพี่มนต์ ขึ้นหลังเสือมาแล้วมันลงกันไม่ง่ายหรอก” มินสบตามนต์นิ่งก่อนจะยิ้มให้พี่ชายทั้งสอง เขาไม่อยากให้พี่ชายทั้งสองกังวลใจเกินไป
“แต่ พี่จะหาทางช่วย..” มัตถ์พยายามพูดแต่มินขัดขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องหรอกครับพี่มัตถ์ มินเลือกแล้ว มันไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้แล้ว จะให้พวกนั้นมาทำร้ายพี่มัตถ์ ทำร้ายพ่ออีก มินไม่ยอม!” มินพูดพร้อมมองรอยแผลจางๆจากแขนพี่ชายคนโต ก่อนแววตาจะแข็งกร้าวขึ้น
“มิน” มัตถ์ครางชื่อน้องชายคนเล็กออกมาแผ่วเบา เขารู้สึกได้ว่าน้องชายเขาเปลี่ยนไป
“พี่มัตถ์ พี่มนต์ไม่ต้องเป็นห่วงมินหรอก มินจะดูแลตัวเองดีดี ไม่มีใครทำอะไรมินได้หรอก” มินพูดจบยิ้มให้พี่ชายทั้งสองอย่างจริงใจ
“มินขอตัวไปหาคุณพ่อก่อนนะครับ” มินพูดต่อและก้มหัวลงเล็กน้อยอย่างขอตัว
มินเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ระหว่างทางมินลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ หน้าท้องเขาเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเทียบก็จะเข้าเดือนที่สี่แล้วสินะ
สิ่งที่เขาทนอยู่ทุกวันนี้ เป็นเพราะครอบครัวของเขา และลูกเขา
“ก็อกๆ”
“ใคร” เสียงทุ้มน่าเกรงขามดังขึ้น มินสูดลมหายใจเขาก่อนจะตอบ
“มินเองครับ”
เสียงในห้องเงียบไปแปปนึงก่อนจะดังขึ้นมา
“เข้ามาสิมิน”
มินเปิดประตูเข้าไปเจอพ่อของเขานั่งบนโต๊ะทำงาน เอกสารเยอะแยะบนโต๊ะ มินยิ้มให้พี่น้อยๆก่อนจะไปนั่งเก้าอี้ตรงกันข้าม
“มีอะไรหรือเปล่า” มิ่งภพถามลูกชายขึ้นและสังเกตมองลูกชายคนเล้กของเขา มินดูอวบอิ่มและสดใสขึ้น แม้ว่าแววตาอีกฝ่ายจะมีแววหม่นก็ตาม
“มินแค่คิดถึงพ่อ มินอยากเจอพ่อ” มินพูดออกมาพร้อมยิ้มให้พ่อ มินพยายามกดความรู้สึกร้อนที่กระบอกตา เขาไม่อยากจะร้องไห้ แต่เขาคิดถึงพ่อจริงๆ
“พ่อ....ก็คิดถึงมิน” มิ่งภพมองลูกชายก่อนตัดสินใจพูดขึ้นและเดินอ้อมมาหาลูกชายที่นั่งอยู่
มินลุกขึ้นยืนกอดพ่อเต็มแรง เขาพยายามเม้มปากสะกดตัวเองไม่ให้ร้องไห้
มิ่งภพกอดตอบลูกชายแน่น เขาก็ไม่ปฎิเสธว่าเขาก็คิดถึงมิน คิดถึงลูกชายคนเล็กที่ต้องออกไปอยู่บ้านคนอื่น
“เป็นไงบ้าง อยู่บ้านหลังนั้น” มิ่งภพผละออกมาและยิ้มให้มินน้อยๆ
“ก็ดีครับ” มินยิ้มให้พ่อพร้อมปาดน้ำตาที่ใกล้ไหลเต็มที
“ไม่มีใครทำอะไรมินใช่ไหม” มิ่งภพถามด้วยความเป็นห่วง เขากลัวใจ กลัวใจอาคม
“ไม่มีนี่ครับ” มินตอบก่อนเองคอมมองอีกฝ่าย พ่อพูดเหมือนกลัวใครจะทำร้ายเขา
“ไม่มีก็ดีแล้ว” มิ่งภพพูดก่อนลูบหัวลูกชายคนเล็ก
มินยิ้มตอบกับท่าทีของพ่อ มิ่งภพผละออกจากลูกชายก่อนจะเดินไปที่ตราประจำตระกูลที่แขวนอยู่บนผนัง
“มินรู้เรื่องใช่ไหมว่าตระกูลเราลุกชายคนเล็กมักจะท้องได้” มิ่งภพพูดขึ้นทำเอามินขมวดคิ้ว ทำไมอยู่ดีดีพ่อเขาถึงพูดถึงเรื่องนี้
“รู้ครับ” มินตอบพร้อมเดินไปยืนข้างๆอีกฝ่าย
“มีอีกเรื่องที่มินควรรู้ไว้ ตระกูลของเราและตระกูลของฝั่งนั้นมีคำทำนายหนึ่งซึ่งเป็นที่ยึดถือมาตลอดของสองตระกูล” มิ่งภพหยุดพูดพร้อมหันมามองหน้ามินก่อนจะพูดต่อ
“คำทำนายคือ เด็กที่เกิดจากลูกคนเล็กและลูกคนโตของทั้งสองตระกูลจะเป็นคนทำให้ทั้งสองตระกูลเจริญรุ่งเรือง และไม่มีตระกูลไหนๆมาเทียบได้”
มิ่งภพพูดจบมินเบิกตากว้างอย่างตกใจ เผลอลูบหน้าท้องตัวเอง
“พ่อหมายความว่าที่มินต้องแต่งงานกับนายครามก็เพราะเหตุผลนี้นั้นเหรอ ไม่ใช่แค่คำสัญญาของคุณปู่ใช่ไหม” มินพยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่นและถามอีกฝ่ายขึ้น
“ใช่ นี่คือเหตุผลหลักที่อาคมพยายามบีบให้มินยอมแต่งงาน”
มินสูดหายใจอย่างควบคุมตัวเองและมองผู้เป็นพ่อก่อนจะเบ้ปากเล็กน้อย
“งั้นมินก็ไม่ต่างจากเครื่องผลิตลูกสินะ” มินประชดขึ้นมา
“พวกนั้นจะมองไงก็เรื่องของพวกมัน แต่ที่พ่อบอกเพราะอยากให้มินดูแลตัวเองดีดี ไม่ใช่เรื่องท้องแต่เรื่องความปลอดภัยของมิน” มิ่งภพมองลูกชายอย่างเป็นห่วง
“ยังไงครับ”
“พ่อรถเฉี่ยวเล็กน้อยๆอาจจะเป็นการบีบบังคับจากสุริยะทิพย์ แต่เรื่องที่มัตถ์โดนยิงอาจจะเป็นสัญญาณเตือนจากฝั่งอื่น”
“อะไรกัน นี่มันเรื่องอะไรกัน” มินเริ่มปวดหัวในสิ่งที่ตัวเองรับรู้ ทำไมมันดูเยอะและหยุ่งเหยิงขนาดนี้
“คำทำนายไม่ใช่มีแค่ตระกูลเราที่รู้ และที่สำคัญพวกนั้นไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่ เพราะถ้าเกิดขึ้นตระกูลสุริยะทิพย์จะเป็นใหญ่ มีแต่คนเกรง”
มิ่งภพมองท่าทีอึ้งของลูกชายแล้วตัดสินใจพูดต่อ
“ตระกูลเราเลิกยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจมืดหมดแล้ว แต่ทางสุริยะทิพย์ยังไม่หยุด ทางนั้นเป็นตระกูลที่โด่งดังในเรื่องนี้อยู่แล้ว มีแต่คนเกรง ฉะนั้นคงไม่มีใครพอใจแน่ๆถ้าจะทำให้สุริยะทิพย์น่าเกรงไปมากกว่าเดิม”
มิ่งภพพูดจบมินสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนมองหน้าผู้เป็นพ่อ
“พ่อจะเตือนมินให้ดูแลตัวเองดีดีใช่ไหม”
“ใช่ ระวังทั้งศึกในและศึกนอก” มิ่งภพมองหน้าลูกชายอย่างเป็นห่วง “พ่อและพี่ๆจะคอยดูแลห่างๆ”
“ครับ นี่ก็แปลว่าถ้ามินท้องอาจจะมีคนเก็บมิน หรือไม่ก็ลูกของมินใช่ไหม” มินพูดพร้อมเม้มปากตัวเองอย่างครุ่นคิด เขาท้องแล้วในตอนนี้
“ใช่”
มินแอบหลบสายตาคมดุของผู้เป็นพ่อที่มองมา ก่อนจะกำมือตัวเองแน่นและตัดสินใจพูดขึ้น
“มินท้องแล้วพ่อ”
“ห้ะ มินท้อง!!” มิ่งภพพูดเสียงดังอย่างตกใจ ลูกชายเขาแต่งงานได้แค่ประมาณสามเดือน แต่ท้องแล้ว แปลว่าอีกฝ่ายรุกไวมาก
“ใช่ มิน เอ่อ ท้องได้สามเดือนแล้ว” มินแอบหลบตาพ่อก่อนจะเม้มปากแน่น เขาแอบโกหกอายุครรภ์ จริงๆเขาท้องได้สี่เดือนกว่าแล้ว แต่เขาต้องโกหกให้สมดุลกับระยะเวลาการแต่งงาน
“มินไม่ได้ป้องกันเหรอ” มิ่งภพจ้องมองมิน มินเลยหันหลังและกอดอกเพราะกลัวพ่อเขาจะจับได้ พ่อเขารู้จักเขาดี
“มินลืมป้องกัน” มินตอบย่างแถๆ
“ทำไมมินไม่ป้องกัน พ่อเตือนมินช้าไปใช่ไหม” มิ่งภพจับลูกให้หันหน้ามาคุยกัน
“ช้าไปมากครับ” มินพูดพร้อมกัดริมฝีปากตัวเองและจ้องพ่อตัวเองอย่างมีความนัย
มิ่งภพรู้สึกได้จึงยอมปล่อยมือที่จับลูกชายลง
“มินบอกพวกสุริยะทิพย์หรือยัง”
“ยังครับ”
“มินควรบอก พวกนั้นจะได้ช่วยปกป้องมิน”
มินสบตากับผู้เป็นพ่อก่อนจะพูดขึ้น
“ครับพ่อ”
“หลังจากนี้ก็ดูแลตัวเองดีดีนะ มินไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว” มิ่งภพมีท่าทีที่อ่อนลง และเดินเข้ามาใกล้ลูกชายของตน
“ครับพ่อ พ่อไม่ต้องห่วง มินจะดูแลลูกมินอย่างดี ทุกวันนี้มินทนก็เพราะเขา” มินพูดกับผู้เป็นพ่อ
มิ่งภพมองแววตาลูกชายคนเล็กที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ดูโตขึ้นและเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ มาดดูน่าเกรงขามและไม่ได้หวั่นสักนิด
“มินขอตัวก่อนนะครับพ่อ” มินพูดพร้อมไหว้ผู้เป็นพ่อ มินกำลังจะเปิดประตูออกไปแต่ก็หันหลังกลับมาพูดกับผู้เป็นพ่อก่อน
“พ่อก็ดูแลตัวเองดีดีนะครับ อย่าทำงานหนักนัก” มินพูดจบยิ้มให้พ่ออย่างจริงใจก่อนจะเดินออกไป
มินออกไปมิ่งภพนั่งบนโซฟาอย่างเหนื่อยและถอนหายใจออกมาเบาๆ เขารู้สึกเป็นห่วงมินจริงๆ เขาไม่น่าส่งลูกชายไปสู่วังวนบ้าๆนี้เลย
มินเดดินเข้ามาในบ้านสุริยะทิพย์ เขาไตรตรองมาตลอดทางกลับมา เขาคิดดีแล้วว่าเขาจะบอกครามเรื่องที่เขาท้อง เพื่อลูก และเพื่ออะไรหลายๆอย่างที่ตั้งใจไว้
มันถึงเวลาแล้วที่ลูกของเขาจะต้องมีพ่อจริงๆจังๆสักที
ลูกในท้องของเขาที่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ยังไม่รู้ว่าจะใช่ครามหรือเปล่า
ลูกในท้องที่จะใช่เด็กในคำทำนายไหม
แต่เขาจะทำให้เด็กคนนี้เป็นเอง
“ไปไหนมาครับคุณพี่สะใภ้” เสียงยียวนกวนดังขึ้นระหว่างเขาเดินไปที่ห้องทำงานของคราม เขารู้มาจากเด็กในบ้านว่าครามกลับมาแล้ว
“กลับไปบ้านของฉันมา” มินหันไปตอบเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนกอดอกมองเขาอยู่คือคิม
“คิดถึงบ้านเหรอครับ มาอยู่นี้ตั้งสามเดือนแล้วนี่”
“ใช่ ว่าแต่นายมีอะไรกับฉัน”
“ผมแค่คิดถึงนะครับ” คิมพูดพร้อมเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ มินยืนกอดอกไม่ได้ถอยห่างแต่อย่างใด
“คิดถึงฉันเหรอ คิดถึงฉันทำไม” มินพูดพร้อมมองอีกฝ่ายกวนๆก่อนจะยิ้มหวาน
“คิดถึงมันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ”
“ฮ่าๆ ฉันขี้เกียจเล่นลิ้นกับนายละ ขอตัว” มินพูดพร้อมโบกมือ แต่กลับโดนอีกฝ่ายขัดขึ้น
“เล่นลิ้นอะไรกัน ผมยังไม่ได้เอาลิ้นมาเล่นกับอะไรเลย” คิมพูดยิ้มทะลึ่งก่อนกวาดสายตามองเขาหัวจรดปลายเท้า
“อย่าเอามันออกมานะดีแล้ว ฉันกลัวไม่สนุก” มินพูดพร้อมยิ้มเย้ยอีกฝ่าย คิมชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มมุมปาก และเดินเข้ามาประชิดจนตัวติดกัน
“สนุกไม่สนุก ต้องลองก่อนนะครับ”
“ทำไมฉันต้องลองด้วย”
“หึ แต่คืนนั้นคุณก็เคยลองมันไปแล้วนี้” คิมยิ้มมุมปากและสะกิดเรื่องราวในอดีตขึ้นมา
“อ่อเหรอ บังเอิญฉันจำไม่ได้ด้วยสิว่าลิ้นใครเป็นลิ้นใคร เพราะหลายคน” มินเชิ่ดหน้าใส่อย่างผู้ชนะก่อนจะหมุนตัวผละเดินออกมา
แต่เดินได้ไม่กี่ก้าวคิมก็พูดแทรกขึ้นมา
“งั้นครั้งนี้เราลองมาเล่นกันสองต่อสองดีไหม”
มินหยุดเดิน ก่อนจะหันไปมองอีกฝ่ายแล้วทำหน้านิ่งไม่สนใจ
“ฉันเป็นเมียของพี่นายนะ นายไม่ควรมาพูดแบบนี้กับฉัน”
คิมขมวดคิ้วงงกับอารมณ์อีกฝ่าย เมื่อกี้ยังเล่นกับเขาแท้ๆ
“กูก็คิดว่ามึงไม่ควรพูดแบบนั้น” เสียงทุ้มดังขึ้น
“คราม!” มินแสร้งทำเสียงตกใจ แต่จริงๆเขาเห็นตั้งแต่เมื่อกี้แล้วว่าครามเปิดประตูออกมา เขาเลยเล่นละครอีกฉากแทน
“มึงหยุดยุ่งกับเมียกูสักที!!” ครามชี้หน้าคิมพร้อมมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ
“คราม นายมาตั้งแต่ตอนไหน” มินแสร้งไม่รู้เรื่อง ไปยืนกอดแขนครามข้างๆ
“มันไม่สำคัญ ไปกันเถอะ”
ครามจับแขนมินฝห้เดินตามไปในห้องทำงาน
มินปรายตามองคิมเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มหวานให้อีกฝ่าย
“ปัง!!”
ครามปิดประตูเสียงดัง แต่มินก็ไม่ได้สะดุ้งตกใจ กลับเดินไปนั่งไขว่ห้างบนโซฟา จ้องมองอีกฝ่ายแทน
“นายก็เห็นแล้ว ว่าน้องชายนายเริ่มก่อน และฉันก็ไม่ได้ยุ่งด้วย” มินเป็นฝ่ายเปิดประเด็นก่อน ครามจ้องมินอย่างไม่ลดละ แต่มินก็ไม่กลัวจ้องตอบอีกฝ่าย
“ฉันเห็นแล้ว”
“ก็ดี” มินตอบเสียงสูง และลุกขึ้นไปยืนข้างๆอีกฝ่าย
“ฉันไม่มีวันยุ่งกับน้องชายนายหรอก” มินพูดพร้อมยิ้มให้คราม ครามจ้องมองมิน มินเลยพูดต่อ
“ถ้าไม่โดนขืนใจ”
มินพูดจบครามจ้องมินดุยิ่งกว่าเดิม ครามกัดครามตัวเองจนเป็นหันก่อนพูดขึ้น
“คิมมันไม่ทำอย่างนั้นหรอก”
“แน่ใจได้ไง ในเมื่อคิมเคยทำมันมาก่อน” มินยุแหย่ไปเรื่อยๆ ครามขมวดคิ้วทันทีที่มินพูดจบ
มินเลยยิ้มหวานก่อนจะกอดอีกฝ่าย ครามรู้สึกงงกับท่าทีของมิน
“อย่าไปสนใจคนอื่นเลย มาพูดเรื่องของเราดีกว่า” มินพูดพร้อมเงยหน้ามองคราม แล้วพูดต่อ
“ฉันท้อง”
มินพูดจบครามมีสีหน้าดีขึ้นก่อนจะถามย้ำ
“อะไรนะ” ครามยังรู้สึกงงๆ ปรับอารมณ์ไม่ทันกับเหตุการณืที่เกิดขึ้น
“ฉันท้อง ฉันท้องกับนายได้สามเดือนแล้ว”
มินย้ำคำพูดของตน และย้ำสถานะของอีกฝ่าย
“ฉันดีใจมากเลยมิน” ครามกอดมินแน่นและยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ
มินเลยยิ้มตอบอีกฝ่ายอย่างจริงใจ
เขาก็รู้สึกดีใจ
ดีใจที่ลูกของเขามีพ่อจริงๆจังๆสักที
____________________________________________________________
มาต่อให้แล้วครับ หมดเทศกาลสอบมิดเทอมแล้ว คงได้มาต่อบ่อยขึ้น
ปมอะไรหลายๆอย่างค่อยๆเผยขึ้นมาละ
มีอะไรติชมได้นะครับ คนเขียนรับฟังได้หมด
ขอบคุณสำหรับทุกคนที่อ่านและคอมเม้นต์ครับ
