Chapter 20 : น้ำร้อนน้ำเย็นนภเกตน์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานประจำตำแหน่งของตน บนโต๊ะตัวใหญ่นั้นมีแฟ้มเอกสารมากมายวางกองอยู่ ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูขรึม แต่ก็ไม่ต่างไปจากในยามปกติเท่าไรนัก เขารอจนลูกน้องทั้งสามเดินเข้ามาหยุดยืนหน้าโต๊ะทำงาน จึงเงยหน้าขึ้น
“พอดีเมื่อกี้ผู้จัดการฝ่ายขายโทรมาขอให้จัดการเรื่องงานด่วน ทีแรกผมวางตารางไว้หลังการติดตั้งโพรเจกต์ดาต้าโปร แต่กลายเป็นว่า ทางฝ่ายเอกสารระบุวันในสัญญาคลาดเคลื่อน เลยต้องขอให้พวกคุณออกไปติดตั้งระบบกับอุปกรณ์ให้กับบริษัทจีอีทั้งสามสาขานี้โดยด่วน” มือขาวหยิบแฟ้มเอกสารส่งให้กับวิศวกรทั้งสามนาย “สำหรับการเทรนนิ่งในวันนี้ ผมจะบรีฟงานให้กับพวกคุณทีหลัง หลังจากเสร็จงานติดตั้งของโพรเจกต์จีอีแล้ว”
“ตรวจดูข้อกำหนดของโพรเจกต์ด้วยนะ ถ้ามีปัญหาถามผมได้”
“คะ... ครับ” ...นึกว่าจะโดนด่าจนติ่งหดเสมอหูซะแว้ว สามหนุ่มครวญอยู่ในใจ
ดวงตากลมใสจ้องมองลูกน้องทั้งสามที่ยืนสั่นพั่บๆ เป็นเจ้าเข้าอย่างไม่เข้าใจ... ทำไมล่ะ เขาก็แค่ไปเรียกเข้ามาคุยธรรมดาๆ เองนี่หว่า หรือคราวหน้าควรจะให้เลขาไปเรียกดีกว่า? “ไปนั่งคุยกันที่โซฟาเถอะ”
“เอ่อ... คิดว่าไม่มีปัญหา... นะครับผู้จัดการ ข้อกำหนดของโพรเจกต์นี้... ไม่ซับซ้อนเท่าไหร่ เอ้อ... พวกผมรับมือได้สบายๆ” บวรวิทย์เอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก พลางหันไปมองอีกสองคนที่กำลังนั่งตัวเกร็ง
“หลังจากเสร็จงานแล้ว พวกคุณต้องเทสต์การใช้งานพร้อมกันทั้งสามไซต์ให้กับผู้ดูแลของแต่ละไซต์งานดู ให้เขาเซ็นเอกสารรับให้เรียบร้อยนะ”
น้ำเสียงเฉียบขาดนั่นส่งผลให้ลูกน้องทั้งสามนั่งหนีบขาแน่น พวกเขาเครียดจนฉี่จะเล็ดแว้ว... “ครับ!”
...จะไหวแน่เหรอ ดูแต่ละคนสิ ทำหน้ายังกับเขาส่งให้ไปรบกับเกาหลีเหนือ แต่จะให้เขาคอยพึ่งตฤณให้คุยกับลูกน้องให้ตลอดเวลา ก็คงจะไม่ได้ อีกฝ่ายก็มีงานการที่ต้องรับผิดชอบเช่นกัน
“ถ้าผู้จัดการเพียงแค่พูด ขอบคุณ หรือ ขอโทษ ให้บ่อยขึ้น ยิ้มให้มากขึ้นอีกสักหน่อย ผมว่าพวกลูกน้องนี่คงจะยอมทำงานให้แบบถวายหัวแล้วล่ะครับ”คำพูดของตฤณแว่วเข้ามาในโสตประสาท... มันสำคัญมากเลยงั้นเหรอ?
ผู้เป็นนายยิ้มบาง “ขอบใจพวกคุณมากนะ”
บรรยากาศที่ตึงเครียดจางหายไปทีละน้อย สามหนุ่มยิ้มตอบรับกับเจ้านาย “...คะ... ครับ แล้ว... พวกเราจะต้องออกเดินทางเลยมั้ยครับ”
“ผมให้คุณหลินเตรียมรถให้พวกคุณแล้ว ส่วนพวกอุปกรณ์ที่ต้องติดตั้ง ทางฝ่ายเซลส์บอกว่าส่งให้กับลูกค้าไปแล้ว แต่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าหน้างานจะเป็นยังไง”
“ครับๆ ไม่เป็นไรครับ พวกผมชินแล้ว ประเภทไปถึงไซต์แล้วมีแต่กล่องวางอยู่ ต้องแงะขึ้นมาใส่ในตู้ใส่อุปกรณ์แล้วไขน็อตเองก็มีมาอยู่เรื่อยๆ”
นภเกตน์ขมวดคิ้ว “อย่างงั้นเหรอ... เดี๋ยวผมจะต้องไปคุยกับหัวหน้าฝ่ายเซลส์สักหน่อยแล้วเรื่องนี้” เพราะวิศวกรแต่ละคนค่าตัวต่อชั่วโมงราคาแพงไม่ใช่เล่น บริษัทลงทุนฝึกหัดและส่งสอบไปเป็นล้านๆ บาท แต่เพราะความมักง่ายของแผนกอื่น ทำให้ลูกน้องของตนต้องเสียเวลาไปกับงานที่ไม่ใช่เรื่อง (ปกติงานติดตั้งอุปกรณ์เข้ากับตู้ rack หรือตู้ใส่อุปกรณ์ และเดินสายเคเบิล จะเป็นงานของแผนกอื่น) “ทำไมพวกคุณถึงไม่แจ้งผู้จัดการคนเก่า?”
สามหนุ่มสะดุ้งเฮือก... “ก็... ก็...” หวา! เจ้านายกลับมาน่ากลัวอีกแว้ววว! “ก็ถ้าจะรอ มันเสียเวลา... แล้ว... มันก็ไม่ได้ยากนี่ครับ ถ้ามัวแต่รอเดี๋ยวก็จะผิดสัญญา แล้วลูกค้าก็จะไม่พอใจด้วยน่ะครับ”
“เฮ้อ... พวกคุณนี่... ถ้าไปทำงานที่บริษัทเก่าผมล่ะก็ ได้โดนใช้งานเป็นเด็กส่งเอกสารแน่ๆ” ผู้เป็นนายส่ายหน้ารัวๆ แต่เขาก็เข้าใจถึงธรรมชาติของลูกน้องตนจากที่คอยสังเกตมา จนอดที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้ “ไปทำงานเถอะ แล้วตอนบ่ายเจอกัน”
ชายหนุ่มเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตน แล้วยกหูโทรศัพท์ขึ้น “คุณหลิน ต่อสายผู้จัดการฝ่ายขายให้ผมที”
สามหนุ่มเดินออกจากห้องทำงานของเจ้านายไปด้วยสีหน้าที่แตกต่างจากตอนที่เดินเข้ามาโดยสิ้นเชิง จะว่าไป เจ้านายก็ไม่ได้น่ากลัวมากเท่าที่คิดไว้ แต่ก็ดูเป็นคนดีที่พวกเขาจะพอพึ่งพา และขอคำปรึกษาได้เมื่อยามจำเป็น แล้วเวลาหัวเราะหรือยิ้ม ก็ดูน่ารักกว่า พี่ตฤณ ของพวกเขาเยอะเลยด้วย
บานประตูห้องทำงานเปิดออกช้าๆ ก่อนเจ้าของห้องทำงานอีกคนจะก้าวเข้ามา แล้วเดินไปหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานของนภเกตน์ “เรียกพวกเขามาคุยอะไรน่ะครับ เดินหน้าบานกันออกไปเลย”
“เรื่องโพรเจกต์ด่วนน่ะ ผมคงต้องคุยเรื่องโพรเจกต์ดาต้าโปรนี้กับพวกเขาต่างหากทีหลัง”
“อ๋า มีแบบนี้อีกแล้วเหรอครับเนี่ย! แย่จริง” ตฤณทำหน้าบึ้ง เพราะนี่เป็นปัญหาน่ารำคาญเป็นที่สุด ที่ผู้จัดการคนเก่าไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ถ้าเป็นเขา ก็คงทำอะไรไม่ได้คือกัน เพราะผู้จัดการฝ่ายขายน่ะ ใหญ่รองจากผู้บริหารเลยทีเดียว
นภเกตน์พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้น เขาขมวดคิ้วพลางสำรวจการแต่งกายของคนตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า และปลายเท้าขึ้นไปบนศีรษะอีกครั้ง แล้วก็พบว่าการแต่งกายของอีกฝ่าย มันยังดูขาดๆ อะไรไปอยู่นะ “อ้อ! จริงสิ คุณตฤณไม่ได้เอาเนกไทมาเหรอ”
“เอามาครับ... แต่ผูกไม่เป็น” ...อิอิ ได้โอกาสละ เดี๋ยวจะอ้อนให้เจ้านายผูกให้ซะเลย
“งั้นเหรอ แย่จังนะ ของง่ายๆ แค่นี้... ไม่ลองถามคนอื่นๆ ในแผนกดูล่ะ” ผู้เป็นนายยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน
...ยอมโง่เพื่อจุดประสงค์อื่นอะครับ แค่นี้ตฤณยอมได้... “โธ่... ถามผู้จัดการดีกว่าครับ ก็อยู่ใกล้ๆ กันแค่นี้”
“...ส่งเนกไทมาสิ”
อรั๊ยยยย.... ได้ผล... ตฤณยิ้มกว้าง พลางนึกไปถึงซีนที่เห็นในหนังในละครบ่อยๆ ที่นางเอกมักจะช่วยผูกเนกไทให้พระเอกจากทางด้านหลัง ส่งผลให้หัวใจเขาเต้นตึกตักจนเก็บอาการระริกระรี้ไว้ไม่อยู่ “นี่คร้าบ”
มือขาวรับเนกไทเส้นนั้นมา ม้วนเร็วๆ แล้วตวัดหางลงไปในช่อง เสร็จแล้วก็ส่งคืนให้ “เอ้า คล้องคอไป แล้วก็รูดขึ้น”
“โหย! ใจคอจะไม่สอนผมผูกหน่อยเหรอครับ ไม่งั้นผมก็ต้องมาขอให้คุณผูกให้ทุกครั้งน่ะสิ”
“...ช่างต่อรองจริงๆ เอ้า... เข้ามานี่สิ” ร่างโปร่งลุกยืนพร้อมยกแขนทั้งสองข้างขึ้น เพื่อจะสอนให้อีกฝ่ายผูกเนกไทอย่างที่ผู้ช่วยหน้าแมวจินตนาการไว้
แต่ดันมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน...
ผู้เป็นนายหันขวับไปยกหูโทรศัพท์ขึ้น ปล่อยให้ตฤณยืนหลับตาพริ้มฝันค้าง “สวัสดีครับ ผมนภเกตน์จากแผนกวิศวกรรม...”
...ชิส์ พลาด... ตฤณลืมตาขึ้นแล้วบ่นอุบอิบ
แต่ในเวลาเดียวกันนั่นเอง หลิน... เลขาสาวก็เปิดประตูเข้ามาด้านใน “ขออนุญาตนะคะ” พอเห็นว่าเจ้านายติดสายโทรศัพท์ หล่อนก็เลยเปิดประตูค้างไว้ แล้วกระซิบเสียงเบา “ห้องพร้อมสำหรับการเทรนนิ่งแล้วค่ะ”
ทว่าจู่ๆ นภเกตน์ก็ตวาดขึ้นมาเสียงดังลั่น จนทั้งตฤณและหลินสะดุ้งโหยง เสียงของเขาดังออกไปถึงหน้าห้องที่พวกลูกน้องในแผนกกำลังเดินผ่านไปยังห้องอบรม น้ำเสียงเข้มนั้นส่งผลให้ทุกชีวิตที่บังเอิญได้ยินเข้าหยุดกึก
“นิดหน่อย? ถ้างานนิดหน่อยแค่นี้ แผนกของคุณรับผิดชอบเองไม่ได้ แล้วจะรับงานใหญ่ได้ยังไง! แล้วนี่งานด่วนเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว? สำหรับอาทิตย์นี้และอาทิตย์หน้า ผมไม่มีวิศวกรมาคอยตามแก้ตามเช็ดให้การทำงานชุ่ยๆ ของพวกคุณหรอกนะ!”
“ขอโทษ? คุณไม่ต้องมาขอโทษผม ขอโทษลูกน้องผมสิ ว่าไงนะ เซลส์สำคัญที่สุดสำหรับบริษัท? ลองดูมั้ยล่ะ ผมเทรนให้ลูกน้องผมเป็นพนักงานขายได้ แล้วคุณล่ะ เทรนลูกน้องคุณให้มาทำงานของวิศวกรได้รึเปล่า!”
“ผมไม่ได้ขู่ แต่อย่าให้เรื่องนี้ต้องถึงคุณอาพีรพัฒน์ ผมไม่ได้บอกว่างานด่วนมีไม่ได้ ถ้ามันจำเป็นจริงๆ”
“แผนกคุณได้เครดิตการปิดโพรเจกต์รวดเร็วและความน่าเชื่อถือจากใคร ถ้าไม่ใช่จากลูกน้องของผม... ถ้ามีครั้งต่อไปอีกบ่อยๆ คุณเตรียมเงินไว้จ่ายค่าผิดสัญญาเองด้วย ในเมื่อมันเป็นความผิดของลูกน้องคุณเอง!”
“โพรเจกต์ดาต้าโปรนี้ผมหวังว่าอุปกรณ์จะถูกส่งไปและประกอบไว้ในตู้อุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่วิศวกรของผมจะเข้าไปทำงานนะ!”
โครม!!! (โครม... โครม... โครม...) เสียงเอ็กโคของหูโทรศัพท์ที่ถูกกระแทกลงบนโต๊ะดังก้อง... ที่ได้ยินชัดเจนนั่นก็เพราะทุกคนในที่นั้นเงียบกริบ ต่างตกใจกันจนลืมหายใจ
ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ได้เป็นเขาที่อยู่ปลายสาย... ตฤณเบิกตาโพลง เขาอยากจะก้มลงกราบ แล้วสลักไว้ที่พรมเดี๋ยวนั้นเลยว่า นภเกตน์ เกิดมาเพื่อเป็นเจ้าเป็นนายคนจริงๆ ...น่ากลัวชะมัด
นภเกตน์หมุนตัวเดินไปยังบานกระจกด้านหลังเพื่อปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ... เมื่อกี้ที่คุยกัน อีกฝ่ายก็พูดจาดีอยู่หรอก แต่ก็หาเหตุผลมาเฉไฉไปเรื่อย ซึ่งเขาไม่ชอบ และวิธีที่จะจัดการกับคนแบบนี้ ก็คือจะต้องดุให้ยำเกรงเท่านั้น ทว่าพอหันหน้ากลับมา เขาก็เห็นหลินนั่งแหมะอยู่กับพื้น เช่นเดียวกันกับพวกวิศวกรที่อออยู่ตรงหน้าห้องด้วย
“พวกคุณทำอะไรกันน่ะ” เขาถามเสียงเข้ม ให้ทุกคนพากันสะดุ้งอีกระลอก
อะ... อร๊างง... ฟินกับเคะราชินีในอุดมคติ หลินกัดริมฝีปากพลางทำตาเบลอๆ แล้วปล่อยให้น้ำตาแห่งความปลื้มปิติไหลพรั่งพรู
“คุณหลิน! ลงไปนั่งทำอะไรที่พื้น” ร่างโปร่งส่งสายตาดุๆ ใส่เธอไปเองโดยอัตโนมัติ เพราะอารมณ์ขุ่นเคืองที่ยังไม่จางหายไปดีนัก และยังปรับเปลี่ยนสีหน้าไม่ทัน
เลขาสาว(วาย)เนื้อตัวสั่นระริก “ซี้ดดด... ฟิน... เอ๊ย! กะ... กลัว... คุณนภเกตน์... จนเข่าอ่อน... แล้วค่ะ”
ตฤณเดินเข้าไปช่วยพยุงหลินให้ลุกขึ้น ก่อนจะหันไปบอกพวกลูกน้องที่กองกันเป็นขนมชั้นตรงทางเข้าห้อง “ไปๆ ออกไปกันก่อน ไปรอที่ห้องเทรนนะ” จากนั้นจึงปิดประตูลงกลอน ปล่อยให้หลินยืนมองตาละห้อยด้วยความเสียดายอยู่ทางด้านนอกกับพวกลูกน้อง ส่วนตัวเขาเดินกลับเข้าไปหาเจ้านาย “รอให้ใจเย็นลงสักนิด ค่อยออกไปนะครับ”
สีหน้าของผู้เป็นนายยังดูขรึม เขายกมือขึ้นกุมขมับแล้วคลึงหนักๆ “อ๊ะ!”
ร่างสูงดึงเจ้านายเข้าไปไว้ในอ้อมกอด แล้วลูบหลังให้เบาๆ เขารู้สึกถึงหัวใจที่กำลังเต้นอย่างรุนแรง เจ้านายคงจะโกรธมาก... แต่คราวนี้เขานับถือหัวใจของเจ้านายเลยจริงๆ ก็ใครกันเล่า จะนึกถึงลูกน้องแล้วกล้าทำเพื่อทุกคนขนาดนี้ “คุณนภเกตน์ทำดีมากเลยล่ะครับ ทุกคนก็คงคิดเหมือนกัน... ขอบคุณนะครับ”
นภเกตน์ยิ้มบาง ความอ่อนโยนและอบอุ่นของอีกฝ่าย ส่งผ่านเข้าไปถึงแก่นกลางหัวใจเลยทีเดียว “...ขอบใจ”
เป็นครั้งแรกที่ร่างโปร่งยอมอยู่นิ่งๆ ในอ้อมแขนแกร่ง ทำให้ตฤณคิดย่ามใจ เขาจรดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มนิ่มอย่างแผ่วเบา แล้วค่อยๆ ไล้ไปตามลำคอระหง จากนั้นก็กดจูบตรงซอกคอที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
“คุณตฤณ ทำอะไรอยู่น่ะ”
“แต๊ะอั๋งอยู่ครับ”
ผู้เป็นนายหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ให้มันได้อย่างนี้ซิ ในขณะที่ทุกคนกลัวเขาจนเตลิดเปิดเปิงไปแล้ว แต่เจ้าผู้ช่วยหน้าแมวนี่ก็ยังหาโอกาสมาตอดเล็กตอดน้อยเอาจากเขาจนได้
เมื่อเห็นว่ายังไม่ถูกถีบออก ตฤณก็คิดรุกหนักขึ้น เขาเชยคางมนขึ้นมาเล็กน้อย แล้วจูบลงเบาๆ ตรงมุมของริมฝีปากสีแดงสด
...แน่ะ... ได้คืบจะเอาศอกนะคนเรา... แต่ไม่รู้สิ เขาไม่ได้นึกรังเกียจ กลับรู้สึกดีซะอีก “เมื่อคืน... กลับไปนอนที่บ้านเหรอ”
ร่างสูงจรดหน้าผากตนเข้ากับอีกฝ่าย “ครับ... ก็ผู้จัดการชิ่งหลับไปก่อน... ที่จริงผมก็อยากจะอุ้มคุณไปนอนในห้องนอนให้เรียบร้อย แต่โดนสั่งไว้ว่าห้ามไปเหยียบห้องนอนของคุณ... ขอโทษที่ปล่อยให้นอนบนโซฟาไปแบบนั้นนะครับ”
...ไม่น่าเชื่อเลยว่าไอ้แมวหน้าหื่นๆ นี่จะเป็นสุภาพบุรุษกับเขาเหมือนกันแฮะ “อื้ม...”
ตฤณคิดว่ารอยยิ้มของนภเกตน์ช่างน่ารัก เป็นรอยยิ้มที่เขาโหยหา เห็นแล้วมีความสุขยังไงบอกไม่ถูก เขาแนบจูบกลีบปากอวบอิ่มเบาๆ หากก็คลอเคลียอยู่แต่ภายนอกเท่านั้น
มือขาวขยุ้มเสื้อสูทของผู้ช่วยเอาไว้แน่น รู้สึกขัดใจบ้างเล็กน้อย ที่อีกฝ่ายมัวแต่แตะๆ อยู่บนเรียวปากเท่านั้น เหมือนจะจูบแต่ก็ไม่จูบสักที... เขาขมวดคิ้วแล้วจ้องอีกฝ่ายเขม็ง “......”
ร่างสูงดูเหมือนจะเข้าใจความหมายที่สายตาดุๆ นั้นส่งมาแผดเผาตน เขารีบอธิบาย “เอ้อ... คือว่าตอนนี้อยู่ที่ทำงาน ถ้าขืนผมจูบแรงๆ เดี๋ยวปากคุณเจ่อ ไอ้พวกลิงข้างนอกจะสงสัยเอาได้”
นภเกตน์ชะงักที่คนตรงหน้ารู้ทัน แต่เขาก็อดหัวเราะกับคำอธิบายของอีกฝ่ายไม่ได้ “อะ... ฮะๆๆ”
ร่างสูงหัวใจเต้นระรัว... โอย... ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะ แล้วยอมให้กอดให้จูบแบบนี้... น่ารักจนตฤณจะไม่ทนแล้วน้า
“อ๊ะ... คุณ... ตฤณ!” นภเกตน์พูดเสียงเข้ม ใบหน้าสวยร้อนวาบ... ไอ้แมวหื่น! ปล่อยให้กอดให้จูบแค่นี้ทำได้ใจ จนอะไรๆ มันเด้งออกมาทิ่มต้นขาเขา! “ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย!”
“เย็นวันนี้ผมขอไปค้างห้องผู้จัดการอีกได้มั้ยครับ” ร่างสูงกระซิบเสียงแหบพร่า ก็แบบว่าหื่นอะ จะทำไงได้...
“ไม่มีทาง!” ผู้เป็นนายผละออกพลางโน้มคออีกฝ่ายลงมาตีเข่า แล้วแถมด้วยกระทืบลงบนรองเท้าหนังมันวับคู่ใหม่แรงๆ
ตฤณจุกจนตัวงอ ก่อนจะยกเท้าข้างที่ถูกเหยียบอย่างแรงขึ้นมาพร้อมกับกระโดดเหยงๆ เขาครวญเสียงลั่น “โอ๊ยๆ! ผู้จัดการอ๊า!”
ร่างโปร่งถอยออกมาจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ “เก็บอะไรๆ ของคุณให้มิดชิด แล้วออกไปเตรียมเทรนนิ่งได้แล้ว! ไปไป๊!”
TBC~*สงสัยเจ้านายจะเบลอหนัก ถึงขั้น เบลอว่ารักแถบ ซะแล้วน่ะซี 555555
แต่เขาก็สมกันดี๊ดีนะคะ จริงม้อย
ขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามอ่านนะค้า