Fan Fic Shy BY คุณ
jikiเรื่อง วันหนึ่งในฤดูร้อนย่ำค่ำของวันหนึ่งกลางฤดูร้อน สายลมพัดพาความร้อนที่ระอุในผืนดินตลอดจนผนังซีเมนต์ให้คลายลงได้บ้าง หากแต่คนทั่วไปนิยมใช้เครื่องปรับอากาศเพื่อความเย็นฉ่ำจนสาแก่ใจโดยลืมระวังตัวเลขมิเตอร์ค่าไฟฟ้าที่กำลังจะส่งมาก่อนสิ้นเดือน หากแต่ในยามนี้ชายหนุ่มคนหนึ่งกลับพึ่งพาเพียงสายลมที่แทรกผ่านหน้าต่างบ้านกว้างกับพัดลมที่เปิดแรงสุดหมุนวนอากาศในห้องให้ถ่ายเทเท่านั้น ไม่ใช่เพราะฐานะขัดสน เพียงแต่กับเรื่องบางอย่างคนเราเลือกไม่เหมือนกัน
ในห้องกว้างที่แสงไฟสังเคราะห์ถูกละเลยเพราะมันไร้ประโยชน์ในยามนี้ สิ่งสำคัญมีเพียงการเปิดประสาทสัมผัสรับรู้แรงบีบเค้นและการตอบสนองต่อความหฤหรรษ์นั้น เสียงหอบฮั่กดังแผ่วเบา กลิ่นชื้นเหงื่อลอยอยู่ในสายลม เมื่อดวงตาทำงานได้ไม่ดีในที่มืดสลัว ประสาทการรับรู้ในส่วนอื่นจึงทำงานมากกว่าปกติ รับรู้ถึงกลิ่นคาวที่ปะปนอยู่ ไม่ต้องสงสัยถึงที่มา เพราะเขารู้ตัวว่่ากำลังทำอะไร
********
แนบริมฝีปากลงบนผิวคอนวลเนียน ขบเม้มดูดดุนจนขึ้นสี ฟังเสียงครางผะแผ่ว รับรู้แรงขยับกายเบือนหน้า คนขี้อายของเขาบิดตัวหนี หากได้มองหน้าคงเห็นปากเล็กเม้นแน่นกักกั้นเสียงน่าอายแต่ก็เผลอหลุดให้คนด้านหลังได้ยินให้ชื่นหัวใจเป็นระยะ ปากเล็กที่โดนขบคงบวมเจ่อน่าจับจูบ...ให้บวมเห่อมากขึ้นไปอีก จมูกกระสากลิ่นอายความกำหนัด เร่งเร้าแรงอารมณ์ให้ขึ้นสูง
แต่ยังก่อน ทุกอย่างมันไม่จบลงแค่นี้ และเขาคงไม่พอใจจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้ เด็กน้อยน่ารักของเขามีสิ่งดีๆกว่านี้อีกมาก พลิกกายหมุนร่างเล็กลงนอนแนวราบ ไล้ปลายนิ้วมือจากลำคอเล็กบางลงสู่แผ่นอกราบเรียบ ตุ่มไตน้อยๆยั่วเย้าให้แนบลิ้นลองลิ้มชิมเปรียบ....เทียบกับทับทิมกรอบในน้ำกะทิขาวข้นที่เจ้าตัวเล็กสะกิดให้พาไปชิมเมื่อตอนหัวค่ำ หากว่ากันตามจริงประสาทรับรสคงไม่รู้ถึงรสชาติใดแต่ขณะนี้ใจมันราวกับได้พบเจอรสหวาน....จนต้องกลับมาพิสูจน์ให้แน่ใจอีกครั้ง...และอีกครั้ง ยอดอกเล็กโดนประทุษร้ายจนผู้เป็นเจ้าของต้องปัดป้องด้วยเพราะเจ็บจนน้ำตาพาลจะไหล ไหนจะอารมณ์เร้นลับที่เจ้าตัวไม่เคยได้พานพบด้วยตัวเองมาตลอด สองมือผลักไสไหล่กว้างออกห่าง ร่างสูงใหญ่จึงถึงโอกาสไล้เลียลงสู่แอ่งบุ๋มที่เอวบาง จูบเบาๆแทนรอยเท้าก้าวเลื่อนลง
ต่ำลง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ต่ำลง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เว้นส่วนอ่อนไหวไวสัมผัส เขาไม่อยากให้เด็กน้อยของเขาตื่นกลัวจนเกินไป
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เลื่อนลง ฝ่ามือคลึงเค้นขาเรียวแล้วแยกออก ขบเม้มเนื้ออ่อนด้านใน จูบหนักๆทิ้งรอยไว้ทั้งสองข้าง ไม่ให้น้อยหน้ากัน สองขาแลจะหวงกัน หนีบเข้าหากันแน่นกันคนรังแกหนักโดยลืมว่า คนใจร้ายแกล้งกันได้ลงคอนั้นถูกแนบหนีบอยู่ตรงกลาง คนตัวใหญ่หลุดขำ สองมือจับเข่าของคนตัวเล็กดันเข้าหาอกบางที่ถูกแกล้งจนระบมไปก่อนหน้า ช่องทางที่ยังบริสุทธิ์เผยให้เห็นต่อสายตา มันช่าง...
นิ้วยาวกดแหย่ช่องทางที่ยังแห้งผาด ความแน่นฝืดของมันทำให้ผู้เป็นเจ้าของส่งเสียงประท้วง ผมเหลือบตาสบคนตัวเล็ก ฉวยมือที่ผลักไสไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างคว้าคอบางบังคับประกบปาก วนลิ้นปลุกเร้าจนสมยอม ซุกไซ้ข้างแก้ม กกหู ไล้เลื้อยลงตามลำคอ ถอนมือจากลำคอส่งนิ้วเข้าหยอกเย้ากับลิ้นเด็กน้อย ปล่อยร่างเล็กระบายอารมณ์กับนิ้วทั้งสองจนสาแก่ใจ มืออีกข้างที่เคยยึดมือบางไว้ก็เข้ากอบกุมส่วนอ่อนไหว สัมผัสอย่างที่เคยทำกับตัวเองแต่ทะนุถนอมกว่า
...จนเมื่อปลายเล็บของผมจิกเข้ากับส่วนปลายยอด ศีรษะน้อยสะบัดหนี เสียงครางกระเส่าดังอย่างไร้สติ ผมฉวยโอกาสนี้ส่งปลายนิ้วชุ่มน้ำลายเข้าเปิดประตูสู่หนทางหฤหรรษ์ ปลายนิ้วกวัดวาดวน เด็กน้อยของผมบิดตัวคล้ายจะทรมาน ริมฝีปากเม้นแน่น มือบิดขยำผ้าปูเตียงแทบขาด ปลายเท้าจิกฟูกนอนคล้ายจะถีบออกและคล้ายจะยันตัวเข้าหา ผมมองท่าทีปลุกเร้า ท่าทีที่คล้ายจะเป็นด้านมืดของวีที่เก็บซ่อนไว้ สัญชาตญาญดิบเข้าครอบงำ ผมก้มลงจูบปากเล็กให้คลายออก แลบลิ้นเลียรักษาแผลที่เจ้าของริมฝีปากกัดเพื่อกั้นกลืนเสียง ปลอบโยนจากด้านนอกล่วงเข้าสู่ภายใน ฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายมึนงง ถอนนิ้วออก เสือกไสความเป็นชายของตัวเองเข้าแทนที่....ช่องทางเล็กแคบ สัมผัสนุ่มแต่ร้อนระอุตอดรัดทุกทิศทาง ทางที่ไม่เคยมีใครแผ้วผ่าน เด็กน้อยที่มีผมคนแรก และมีผมเพียงคนเดียว อ้อมกอดกระชับแน่นส่งผ่านความสุขถึงจิตใจ
น้องเป็นของผมคนเดียว
"อ่า~ห์"
********
เสียงหอบหายใจดังแผ่วเบาในห้องกว้าง เมื่อลืมตามองผ่านความมืดก็ยังคงเห็นประกายสีทองตกค้างจากเมื่อตอนอารมณ์ไต่ถึงจุดสูงสุด ยันตัวออกจากข้างเตียงให้แผ่นหลังสัมผัสอากาศ ปล่อยให้ลมจากพัดลมหน้ากว้างคลายอุณหภูมิร่างกายที่สูงจนเหงื่อไหลโทรมกาย ก้มมอง'หลักฐานความผิด'ในมือตัวเอง คว้าทิชชู่มาขยี้เช็ดมือโดยแรงจนรู้สึกเจ็บก่อนจะปาออกห่างตัว ผมผิด.....รู้สึกผิดที่เอาแฟนตัวเองมาจินตนาการเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกที่คับแน่นอยู่ในอก แม้ใครจะบอกว่ามันเป็นทางออกอย่างหนึ่งเพื่อที่จะได้ไม่ไปบังคับขืนใจคนที่เรารัก แต่ก็นั่นแหละ ของแบบนี้มันอยู่ที่ใจ ผมรักที่วีเป็นเด็กน้อยขี้อาย ไร้เดียงสา แมัจะไม่ได้ตั้งมั่นถึงขนาดที่จะบูชาไว้บนหิ้ง หรือจะกะเกณฑ์ให้วีบริสุทธิ์ สะอาดตลอดไป แต่เรื่องบางเรื่องมันต้องมาจากความยินยอมพร้อมใจ ไม่ใช่ล่อลวงให้เขายินยอม หรือทำให้เขาสกปรก ผมรักวี....รักทุกอย่างที่เป็นวี รวมถึงทุกอย่างที่วีจะเป็นในวันข้างหน้า รักของผมมีค่า และ'รักของผม'ต้องไม่ดึงให้วีลงมาต่ำด้วยเรื่องแบบนี้
เอนพิงข้างเตียงอีกครั้งรอตัวแห้ง ปล่อยใจคิดอะไรเรื่อยเปื่อยให้ไกลจาก'เรื่องวี' ตามองลอนกล้ามท้องของตัวเอง แสงสว่างเพียงเล็กน้อยกอรปกับหยดเหงื่อไหลแล่นผ่านร่องลอนยิ่งขัดให้กล้ามยิ่งชัด ไม่ได้แปลกใจหรือชื่นชมอะไรกับร่างกายของตัวเองเป็นพิเศษ มันก็แค่ผลพลอยได้จากการฝึกร่างกายให้'แกร่ง'พอที่จะคุมมอเตอร์ไซค์4สูบของตัวเองให้อยู่
'รักที่จะเท่ตามกระแสสังคม หรือ รักที่จะสนองตามต้องการของตัวเองอย่าง'มีความเหมาะสม' คิดดู. แล้วค่อยมาให้คำตอบ'
คำพูดจากพ่อเมื่อ 3 ปีก่อนเมื่อตอนผมปรึกษาว่าจะซื้อบิ๊กไบค์สักคัน ใช้เวลาเพียง 1 คืนในการคิดหาคำตอบให้ตัวเอง และใช้เวลาอีก 2 ปีในการพิสูจน์ว่า ผมพร้อมจะสนองความต้องการของตัวเอง เช่นเดียวกับที่พร้อมจะรับผิดชอบชีวิตตัวเองและความรู้สึกของคนรอบข้าง สมองศึกษาวิธีการขับขี่และอุปกรณ์ป้องกันแรงกระแทกตลอดจนการควบคุมพาหนะทรงพลังให้วิ่งทะยานได้อย่างปลอดภัย กายฝึกฝนให้พร้อม ไม่ใช่ให้เหมาะสมกับตัวรถ ผมไม่เคยปล่อยให้รถสุดที่รักมีอิทธิพลเหนือตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็เป็นได้แค่พวกที่บิดรถเร็วจนตัวตาย ทิ้งให้พ่อแม่เสียใจที่ปล่อยให้เงินฆ่าลูก แต่ต้องฝึกฝนร่างกายให้พร้อมที่จะพยุงรถจักรยานยนต์ที่หนักกว่า200กิโล พร้อมที่จะรับแรงต้านของลมเมื่อขับขี่ที่ความเร็วสูง และต้องฝึกใจไม่ให้เตลิดไปกับความแรงของรถ เพราะผมรู้ว่า ในหลายๆครั้งความตื่นเต้นที่ได้ทะยานไปในสายลม มันก็เป็นกลลวงให้เราเข้าใกล้ความตายมากขึ้นเหมือนกัน...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ตัดใจลุกไปอาบน้ำเพราะความร้อนผิดปกติของปีนี้ทำให้เหงื่อไหลไม่หยุด ตัวเลยไม่แห้งเสียที เปิดหน้าต่างทุกบาน คว้าผ้าเช็ดตัว ใช้นิ้วเท้าสะกิดปุ่มพัดลมอีกตัวเปิดเบอร์แรงสุด ปล่อยให้มันหมุนวนไล่กลิ่นเหงื่อและกลิ่น...คาวของความต้องการ...กลิ่นที่ทำให้รู้สึกผิดที่แอบเอาแฟนตัวเล็กน่ารักที่แสนบริสุทธิ์ของตัวเองมาบำบัดความใคร่...กลิ่นที่ทำให้เกลียดความต้องการของตัวเอง ก้าวเข้าสู้ห้องน้ำ ชำระล้าง'ความรู้สึกผิด'ของตัวเองออกให้หมด
พอออกจากห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งไว้เป็นพิเศษสำหรับคนพิเศษก็ดังขึ้น จังหวะดียังกับแอบตั้งกล้องส่องดูถึงในห้อง กดรับโทรศัพท์ฟังเสียงหวานของคนรักตัวน้อยพร้อมๆกับเปิดไฟ เปิดแอร์ ปิดหน้าต่าง ฟังเสียงใสเผาตัวเองว่า เผลอหลับเมื่อตอนหัวค่ำ เพิ่งตื่นก็เลยรีบโทรหาเพราะถึงเวลา'โทรคุยกันกระหนิงกระหนิงก่อนนอน'พอดี ผมเอาเท้าสะกิดปิดพัดลมทั้งสองตอนถามน้องว่าอาบน้ำรึยัง ปลายสายหัวเราะเสียงแห้งอ้อมแอ้มตอบว่า ยัง แล้วเฉไฉไปชวนคุยเรื่องอื่น ...พูดไปมันก็ดูประหลาดแต่ผมก็อยากบอกว่า ผมอยากเอากำปั้นขยี้ขมับคนเปลี่ยนเรื่องไม่เก่งเบาๆด้วยความรักเลยจริงๆ!!!
คุยกันต่ออีกแป๊บใหญ่ๆ หลังจากนัดแนะว่าพรุ่งนี้จะไปนั่งกินมะม่วงน้ำปลาหวานบ้านน้องแล้วก็ไล่น้องไปอาบน้ำแล้วนอนเลย ลุกไปหยิบรีโมทแอร์ พอผ่านกระจกมันสะดุดใจจนต้องมองซ้ำ มองหน้าตัวเองชัดๆ ลูบตามไรหนวดและเคราที่ขึ้นอ่อนๆ หันไปกดปรับอุณหภูมิแอร์และกลับไปนอนแผ่บนเตียง
พอเป็นแฟนกับวีแล้วพฤติกรรมหลายๆอย่างของผมก็เปลี่ยน อย่างน้อยก็ใส่ใจตัวเองมากขึ้น และอีกเรื่องหนึ่งที่กำลังจะเปลี่ยนตามคือ เวลาโกนหนวดโกนเครา อย่างน้อยมันก็ต้องปรับเปลี่ยนตามเสวาที่จะไปพบวี
ขืนไปฟัดวีทั้งหนวดทั้งเคราแบบนี้ น้องได้ตัวแดงเถือกยังกับเอาหนวดไถ!!!!
*******
ใครจะรู้ว่าอะไรจะไม่เป็นไปอย่างที่วางแผนไว้
วันรุ่งขึ้นผมเป็นไข้เพราะอาบน้ำเย็นหลัง'ออกกำลังกายเรียกเหงื่อ'โดยไม่รอให้ตัวแห้งตัวเย็นก่อน รู้ถึงไหนอายถึงนั่น!!!
จากโปรแกรมเดิมที่วางกันไว้ว่าจะไปกินมะม่วงน้ำปลาหวานบ้านวี ก็กลับกลายเป็นว่า วีเอามะม่วงเปรี้ยวสไลค์แช่น้ำปลาน้ำผึ้งมาเยี่ยมผมแทน ยอมรับเลยว่ารสชาติเปรี้ยวๆเค็มๆหวานๆมันทำให้อารมณ์หงุดหงิดจากความไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวมันดีขึ้นจริงๆ แต่กินได้นิดหน่อยก็ต้องเก็บเข้าตู้เย็น พอไม่สบายแล้วผมจะอารมณ์ไม่ดีแล้วก็เอาแต่ใจครับ (บางคนบอกว่า หงุดหงิดแถมยังงี่เง่าอีก) แต่ก็บอกน้องไปไม่ให้เสียใจว่า
'เก็บไว้กินค่อยๆกินดีกว่า ของอร่อย กลัวหมด'
ได้รอยยิ้มกลับมาเป็นของตอบแทน น้องเบือนหน้าใสแก้มแดงหนี อ้อมแอ้มว่าจะทำมาให้บ่อยๆละกัน คนป่วยยิ้มส่งให้คนใจดีแต่ขี้เขินจนหูแดงครับ
"อากาศร้อนคราวนี้คนไม่สบายกันเยอะก็จริง แต่วีก็ไม่คิดว่าพี่โตจะไม่สบายนะนี่ อ๊ะ!ไม่ได้ว่าพี่ถึกนะ แค่เห็นว่าปกติออกจะแข็งแรง" เสียงคุยหงุงหงิงจากคนที่เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ผมอยู่ด้านหลัง เห็นวีบอกว่าเช็ดตัวมันจะช่วยลดความร้อนแล้วจะหายเร็วขึ้น ผมก็ตามใจยกแขนบิดตัวอำนวยความสะดวกให้พยาบาลจำเป็นไปเรื่อย
ความเปลี่ยนแปลงใช่ว่าจะเกิดกับผมคนเดียว วีก็เช่นกัน จากคนที่ขี้อายตลอดเวลา เมื่อคุ้นเคยกันก็ช่างพูดมากขึ้น เว้นเสียแต่เวลาที่ผมมองน้องมากๆ น้องจะเขินจนหน้าแดงหูแดง หนักๆเข้าก็จะแดงทั้งตัวเป็นกุ้งต้ม พอรู้จุดผมก็พยายามไม่จ้องน้องให้มากจนเกินไป เว้นแต่เวลาอยากแกล้งนะครับ อันหลังนี้ผมจ้อง....จ้องจนจะทะลุตัวน้องเลย แต่น้องคงไม่อยากให้มองทะลุมั้งเลยทำตัวแดงกั้นสายตาผมให้อยู่ที่น้องนานๆแทน ผมมันขี้แกล้งครับ...จริงหรือเปล่า อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน น้องไม่เคยว่าผมขี้แกล้งซะด้วย เห็นวิ่งไปหาที่ซ่อนตลอด
คิดแล้วก็อมยิ้มขำจนพยาบาลคนน่ารักเช็ดตัวเสร็จ ยกอ่างน้ำไปเก็บเสร็จ เดินมามองหน้า จับหน้าผากวัดไข้ แล้วถามว่าอมยิ้มอะไร
"ก็คิดว่า เช็ดตัวแล้วมันสบายดีจัง แล้วก็..." เว้นระยะทิ้งให้สงสัย มองคนรอฟังตรงหน้า นับเวลาถอยหลังในใจ "คิดว่าแฟนพี่น่ารักจัง ดูแลกันขนาดนี้ เป็นภรรยาที่ดีได้แน่ๆ"
4
3
2
1
สองแขนเรียวคว้าหัวผมกอดเข้ากับอกดัง หมับ! ผิดคาด นึกว่าจะเป็นเหมือนในการ์ตูน หน้าแดงระเบิดบึ้ม ซะอีก อมยิ้มสูดกลิ่นเสื้อหอมน้ำยาปรับผ้านุ่มตรงหน้า
ความรักมันท่วมท้นอกในอก ไม่ได้ทำให้อึดอัดกลัดกลุ้มเหมือนตอนที่อยู่คนเดียว
คงเพราะมันไหลซึมส่งผ่านไปถึงตัวคนตรงหน้าได้...หรือจะด้วยเหตุผลอื่นใด
ตอนนี้ผมรู้แค่ว่า
'ผมรักน้องจัง'
รักแบบที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงผมอยากเรียกว่า การปรับตัวเข้าหากัน
องค์ประกอบต่างๆที่ทำให้รักของเราก้าวหน้าและมีพัฒนาการ
โดยเฉพาะคนที่กอดผมอยู่ เริ่มพัฒนาจากการวิ่งหนีหลบหน้า เป็นการซ่อนหน้าแดงๆโดยไม่ต้องเสียแรงแล้ว!
แต่ผมอยากบอกว่่า วิธีนี้พี่ได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกตักชัดเจนเลยครับ น้องวี!!!
จบ
อีกตอนค่ะบางทีผมก็นึกอิจฉาพวกคนที่เขามีความสนใจในเรื่องเหมือนๆกันนะครับ
ช่วงนี้มีวันหยุดยาว พี่โตที่เข้าไปเรียนต่อนิติจุฬาในกรุงเทพเลยกลับบ้านมาเจอผม เจอเพื่อนๆกลุ่มนิยมความแรง(ของรถ)แต่มารยาทดี(หม่งั้นโดนเฉดหัวออกจากกลุ่ม)ได้บ้าง ซึ่งในช่วงเวลาหลังตลาดวาย ต่อช่วงก่อนตลาดไนท์บาซ่าจะเริ่ม กลุ่มขาซิ่งกลุ่มนี้ก็จับกลุ่มคุยกับสำรวจรถกันอย่างแถวข้างตลาด (ย้ายมาจากท้ายตลาดเพราะพ่อผมเอง ท่านว่าจะจับกลุ่มก็อย่าให้ลับหูลับตา คนเค้าจะสงสัยว่าทำอะไรไม่ดีกัน พร้อมกับอำนวยความสะดวกเรื่องแสงไฟให้)
อย่างตอนนี้ พี่โต~ของผม(>\\\\\<)กำลังก้มๆเงยๆดูท้องรถเปลือยๆอยู่ เกราะที่มีโลโก้CBR1000วางอยู่ใกล้ๆ โดยมีตรีกำลังปูนั่งสือพิมพ์รองพื้นแลัวนั่งใกล้ พวกที่คุยภาษาเดียวกันนี่น่าอิจฉาจังน๊า ผมเคยไปนั่งใกล้ๆฟังพวกนี้คุยกัน. ไอ้น็อต ประแจ ไขควงก็พอรู้อยู่นะ แต่ตัวกรอง จานโซ่ แกนเพลา....มันคืออะไนเนี่ย. จะไปช่วยหยิบจับก็ไม่รู้ว่าที่เค้าต้องการมันอะไร ดังนั้นผมก็เลยมายืนห่างๆดูอย่างนี้แหละ แกล้งเก็บของช้าๆให้พี่เค้ามีเวลากับเพื่อนบ้าง (ดูใจดี แต่ที่จริงแค่ไม่อย่างรู้สึกเป็นคนนอกเฉยๆ)
อาศัยแสงไฟนีออนส่องดูอะไรสักอย่าง หน้าคมก้มลงดู. ปากพูดอะไรสักอย่างแล้วคนข้างๆก็ส่งอุปกรณ์ให้ ตรีก้มลงไปหา ตาดื้อๆจ้องเขม็งพูดอะไรก็ไม่รู้ พี่โตเงยหน้ามาสวนกลับ....
อาจจะเป็นมุมกล้องก็ได้นะ แต่จากที่ผมมองอยู่ตรงนี้ หน้าทั้งสองใกล้จนแทบจะชนกัน คนหนึ่งหน้าคม อีกคนตาดื้อ คิ้วรั้นสุดฤทธิ์ หล่อสมกันขนาดนี้.....ผมคิดมากนะครับ p(>////<)q
"ดูสนิทกันดีนะ" ใครบางคนเอ่ยแทรกความคิดฟุ้งซ่านจนผมปัดไล่ความรู้สึกประหลาดๆแทบไม่ทัน หันหน้าตาแสดงอารมณ์หลายๆอย่างของตัวเองไปก็เจออีกฝ่ายยิ้มให้
"พี่(น้า)ปิง" เจ้าของร้านผัดไทเส้นเหนียวนุ่มนี่เอง
พี่เค้าชวนหันไปมองกลุ่มนักบิดทั้งหลาย "พวกชอบรถเหมือนกันนี่สนิทกันดีจังเลยนะ"
"นั่นสิครับ ก็ความชอบ ความสนใจเหมือนกัน เลยคุยกันรู้เรื่องซะทุกอย่างเลย"
"มันเป็นเรื่องวัยด้วยแหละนะ" พอได้ยิ่งอีกฝ่ายพูดอย่างนี้ ผมเลยหันไปทันมองเห็นแววตากังวลที่แว่นหนาซ่อนไม่อยู่
"พี่ปิง ตรีเค้าชอบพี่จริงๆ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ" ปลอบใจตัวเองไปด้วยเหมือนกัน พี่ปิงหันมามองผมแล้วนิ่งคิด จู่ๆหน้าเนียนไม่เข้ากับอายุก็แดงเห่อขึ้นมา คิ้วขมวด ตาเบิกกว้าง ปากเม้นแน่น ท่าทางตอนเขินน่ารักจนผมที่เพิ่งนึกได้ว่าพูดอะไรตรงเกินไปหน้าแดงแล้วร้อนลามไปถึงหู พี่ปิงกำลังจะพูดแก้ตัวอะไรสักอย่างแต่ถูกใครสักคนคว้าตัวไปกอดซะก่อน
"เดี๋ยวเถอะๆ มาทำแฟนคนอื่นหน้าแดงอะไรกันแถวนี้ ปิงก็ด้วย" ตรีที่คว้าพี่ปิงไปกอดแนบอก นิ่วหน้าส่งตาวาวๆมาให้ พอดีกับที่พี่โตเรียกผม เลยอาศัยโอกาสขอโทษแล้ววิ่งไปหาพี่โต แต่ก็ทันได้ยันตรีพูดกับพี่ปิง "ปิงไปทำหน้าอย่างนั้นให้คนอื่นเห็นทำไม ผมหวงนะ"
ได้ยินแล้วหน้าผมผมพาลจะร้อนหน้ามากกว่าเดิมอีก (0////0)
"วีมาช่วยพี่หยิบของหน่อย" มาถึงพี่โตก็ให้ผมช่วยทันที
"วีช่วยได้เหรอ เอาอะไรล่ะพี่"
"วีหยิบกระดาษตรงนั้นมาเช็ดน้ำมันตรงนี้ให้หน่อย" คว้ากระดาษ เช็ดๆ แต่พี่โตอาศัยจังหวะที่ผมก้มตัวลงไปเข้ากระซิบข้างๆหู "ไปทำหน้าตาน่ารักอย่างนั้นกับพี่ปิง เดี๋ยวพี่เค้าก็มาหลงหรอก"
ผมหันไปมองคนพูดข้างหูก็อาศัยจังหวะนั้น จุ๊บเบาๆที่ปาก "วีของพี่ พี่ห่วง"
(0{}0)
( -____<) ตาคมๆขยิบให้ "พอดีมือพี่เปื้อนน้ำมันเครื่อง เลยต้องให้วีก้มลงมาหาน่ะ"
ถึงผมจะขี้อายแดงได้ถึงหู แต่เชื่อเถอะว่า นักบิดนิติจุฬาเนี่ย ทำผมแดงได้ทั้งตัว (@//////@)
จบ
Fan Fic Burn BY คุณ
jiki "ผมไปละนะแม่" เปิดประตูบ้านปะทะไอเย็นจากฝนที่ตกไปเมื่ิอตอนหัวค่ำขณะที่กินข้าวเย็นกันเมื่อครู่ เสียงแม่ตะโกนว่าอย่าไปทำอะไรรบกวนเขาล่ะแว่วมาเหมืิอนเคย กระชับสายเป้ขนาดย่อมบนบ่า ใจอยากไปให้ถึงที่หมายโดยเร็วแต่ก็ต้องค่อยๆก้าวไปอย่างระวัง ฝนหยุดตกแล้วแต่ทางเดินบางจุดก็ค่อยข้างลื่น มองไปทางจุดหมายที่อยู่ไม่ไกล...ก็แค่ข้างบ้านนี่เอง จะอะไรกันนักกันหนา แต่ก็นะ ช่วงนี้ฝนตกบ่อยเหลือเกิน จะให้ปีนหลังคาไปหาบ่อย คงจะได้ตกลงมาคอหักตายสักวัน ช่วงนี้เลยเปลี่ยนเป็นเดินกางร่มไปหาแฟนแทน
ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปนับจากวันนั้น เด็กสองคนกลับมาดีกันเหมือนเดิมท่ามกลางความงุนงงของผู้ใหญ่ แต่ก็ดีใจที่มันกลับมาสนิทกันสักที เพียงแต่ผู้ใหญ่ทั้งหลายไม่ได้รู้เลยว่า ไอ้สองคนนี้มัน'สนิท'กันมากกว่าเดิมเสียอีก อย่างวันนี้ก็ขอแม่มา'นอนเป็นเพื่อน'ไอ้โอมมันเพราะที่พ่อแม่มันไปทำธุระที่ต่างจังหวัดสักสองวัน
ผมเข้าบ้านไปด้วยความคุ้นชิน สวัสดีพ่อแม่'แฟน'ขอบคุณคำถามไถ่ว่า กินข้าวมารึยัง ทานที่นี่ไหม แต่ก็นะ ผมก็พอรู้กาลเทศะบ้าง เลยซัดมาจากบ้านเรียบร้อยแล้ว คุยกับพ่อแม่ได้ไม่กี่ประโยค ตัวลูกก็โผล่มา ผมยืนฟังพ่อแม่บ้านนี้สั่งกำชับคนเฝ้าบ้านให้ดูแลนู่น นี่ นั่น ไปตามเรื่อง สักพักผู้ใหญ่ทั้งหลายก็ออกเดินทาง ส่วนเด็กๆก็ปิดบ้าน...นอน
.
.
.
.
.
.
.
.
คุณคิดอย่างงั้น? ไม่มีใครคิดใช่ไหม คุณคิดถูกแล้ว พวกผมปิดบ้านเรียบร้อยก็จูงมือกันไปเล่นคอมบนห้อง
.
.
.
ไม่ใช่อีกนั่นแหละ พอขึ้นไปที่ห้องโอม โอมก็แยกไปอาบน้ำ ส่วนผมก็เทสัมภาระที่ขนมาออกจากเป้ นั่งใช้ความคิดอยู่สักพักเก็บของที่ไม่น่าจะได้ใช้เข้าที่เดิม จัดวางของใช้ให้เข้าที่ อะไรไม่ใช้ก็เก็บซะ รอครู่เดียวโอมก็ออกมา นัยย์ตาสีดำมองหาชุดนอนที่จำได้ว่าวางไว้ปลายเตียง บัดนี้มันอันตรธานหายไปเหลืิอแต่วัตถุแปลกประหลาด ปลายนิ้วเกี่ยวเส้นสายสีดำขึ้นมาพิจารณา
"'ไรเนี่ย"
" กางเกงใน"
ดวงตาดำสวยเหล่มอง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันนิดนึง
"ของใคร" คำตอบที่ตามมาทำให้เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิม
"ของมึง ใส่ซะ"
โอมนิ่งไปนานมาก สองตาพิจารณามองของในมือ ริมฝีปากสีส้มเม้มแล้วคลาย เม้มแล้วคลาย จนเมื่อผมคิดว่า สงสัยโปรแกรมวันนี้คงไม่สำเร็จ โอมกลับก้มลงใส่ แล้วปลดผ้าเช็ดตัวออกไปยืนเช็ดผมต่อ...ที่หน้ากระจก สองมือขยี้เช็ดผมแต่สองตาของมันจ้องมองผมผ่านกระจก แต่ผมก็ไม่ได้สนใจจะจ้องตาสีดำที่มักจุดไฟบางอย่างในตัวผม...อย่างน้อยก็ตอนนี้ แผ่นหลังผอมๆที่กล้ามเนื้อออกชัดเรื่อยไปถึงเอวบาง สะโพกถูกเส้นอิลาสติกสีดำรัดรั้งจนเห็นก้นกลมๆเปิดโล่งอย่างชัดเจน!!! นี่สินะ หลายๆคนถึงชอบมัน จีสตริง
"มึงไปสรรหามาจากไหนเนี่ย ไอ้กางเกงในเส้นด้ายอย่างเนี้ย" ใจผมไม่อยู่กับตัว ผมไม่ได้ฟังครับ กว่าผมจะสนใจ มันก็เรียกผมหลายครั้ง จนทนไม่ไหว เดินมาสะกิดถึงตัวแทน ขอบคุณที่หมุนมาให้ดูข้างหน้าด้วยนะมึง
"สั่งทางเน็ต มึงคิดว่ากูกล้าเดินไปซื้อที่ร้านรึไง" ผมก็บ่นพึมพัมไปตามเรื่อง
แต่ก่อนที่ความตั้งใจเดิมจะถูกลืมไปหมด ผมกวักมือเรียกโอมที่กำลังก้มหาชุดนอนในตู้เสื้อผ้า พอมันไม่มาก็จัดการลากมันมากดกับเตียง สองมือถูกตรึงไว้เหนือหัว
"มึงคงไม่คิดว่า กูลงทุนซื้อจีสตริงมาเพื่อให้มึงใส่นอนเฉยๆใช่ป่ะ" ผมถามไป ตาสีดำก็ส่งประกายแวววาวมาให้ ริมฝีปากสีส้มยกยิ้มยียวนตอบกลับ
"อ้าว กูนึกว่าใช่"
"เดี๋ยวก็รู้"
กริ๊ก!!!
โอมกระตุกแขนมาดูว่าเสียงอะไร แต่ข้อมือกลับถูกรั้งจากวัตถุบางอย่าง พอขยับเสียงเสียดสีโลหะก็ดังขึ้นอีก
"อะไรเนี่ย!!!"
ผมยิ้มตอบไปทั้งปากและตา
"กุญแจมือ มีขนฟูหุ้มกันเจ็บด้วยล่ะ"
โอมทำหน้าเหมือนจะกลั้นใจตาย
...
ริมฝีปากเราบดเบียดเข้าหากัน ลิ้นเกี่ยวกวัดผลัดกันกดรัดล่อลวงอีกฝ่ายเข้าหาแล้วดูดดุน ผมผละออก จูบไล้ไซ้เลียไล่จากคอ ลงมาขบเบาเม็ดสีชมพูที่แข็งเป็นไตทั้งสองข้าง ใช้ฟันกัดเบาแล้วดึง เรียกเสียงอึกอักที่โอมไม่ยอมให้ผมฟังแต่โดยดี วันนี้โอมดื้อเป็นพิเศษคงต้องแกล้งกันอีกหน่อย ปลายลิ้นไล้เลียส่วนนั้นอีกสองสามครั้งก็เลื่อนลงต่อ แวะทำร่องรอยเผื่ิอหาทางกลับตลอดทางผ่าน พอถึงส่วนสำคัญก็เกี่ยวรั้งเศษผ้ายืดสีดำลง...พอให้หน่ออ่อนเจ้าอารมณ์โผล่หัวออกมาได้หายใจเท่านั้น แลบลิ้นไปทักทายส่วนที่มีสีสันซึ่งตอนนี้เริ่มมีหยดน้ำไหลซึม ปลายเท้าโอมถูกไถผ้าปูเตียงไปมา ขยี้ระบายอารมณ์อย่างหนัก เรียวขาวาดเข้ามาเสียดสีกับแขนผม
แต่พอลงลิ้นไปได้สามสี่ครั้ง ไอ้โอมมันถีบไหลผมออก!!!
"หยุดเลยมึง!!!" โอมมองหน้าผมน้ำตาคลอ เจ้าตัวพลิกตัวคว่ำสำรวจสิ่งที่พันธนาการตัวเองไว้ แต่ขอเถอะ ไอ้การยันตัวเหมือนจะคลานสี่ขาโดยที่แขนตัวเองยังประคองตัวไม่ถนัด มันยิ่งเน้นให้ก้นลอยสูง เส้นสายสีดำของชั้นในตัวจิ๋วมันไม่ได้ปิดอะไรเลย กลับยิ่งเน้นให้มองรอยแบ่งระหว่างก้อนเนื้อกลมๆและช่องทางสีสด โดยที่ผมยังนั่งอยู่ตรงปลายเท้าโอมตรงนี้!
ให้ตายเหอะ ขอผมถ่ายรูปเก็บไว้ก่อนได้ไหมเนี่ย!!!
"เต็ม ปล่อยกูก่อน"
ผมมองมันตาละห้อย
"โอมไม่ชอบขนาดนี้เลยเหรอ"
มันกัดปากแล้วย้ำกับผมคำเดิม
"ปล่อยก่อน"
ผมได้แต่จำใจ เมื่อโอมไม่ยอมเล่นด้วย ผมจะทำอะไรได้ คว้ากุญแจมาไขมือซ้ายมันออกก่อน เห็นมันลูบข้อมือแดงเถือกป้อยๆก็นึกรู้ มันคงจะเจ็บ คว้าข้อมือมันมาจูบขอโทษ เลียตามรอยถลอกเล็กๆฆ่าเชื้อให้ แต่พอจะไขกุญแจมือข้างขวาออก โอมกลับใส่กุญแจมือข้างซ้ายกลับเข้าไปเหมือนเดิม ก่อนที่ผมจะตามความคิดโอมได้ทัน มันก็ตวัดแขนรั้งผมเข้าไปจูบแลกลิ้น ตามลงมาลามเลียสายน้ำเรื่อยลงไปตามต้นคอถึงแผ่นอก ถอยออกมามองหน้าจ้องตา เปลี่ยนตำแหน่งแขนกลับมาลูบกล้ามเนื้อช่วงท้องผมลากลงไปตามท้องน้อย แล้วต่ำลงไปอีก ตาสีดำจ้องผมฉายแววบางอย่าง
" ไม่ได้บอกว่าไม่ชอบ แต่มันกอดเต็มไม่ได้ ... ทำแบบนี้ไม่ได้" ปลายเล็บจิกลากกรีดหน้าท้องผมลึกพอเลือดซึม เรียวนิ้วลูบไล้ปลุกปั่นเด็กน้อยที่ตื่นแต่ยังงัวเงียสักพักให้ยืนตรง
"แล้วก็ทำอย่างนี้ไม่ได้ด้วย" โอมขบริมฝีปากผมพอเจ็บ สองมือประคองเด็กน้อยพาส่งเข้าถ้ำ อุปสรรคขวางกั้นเส้นบางถูกเรียวนิ้วของโอมเกี่ยวรั้งพอให้หลีกทาง ความร้อน แรงตอดรัด เข้าโอบล้อม ความแนบแน่นเหมือนกับสองแขนของโอมที่กอดผมไว้ วันนี้ผมไม่ได้เป็นฝ่ายถูกล่ามด้วยโซ่ใดๆ แต่กลับเป็นฝ่ายถูกชักพาโดยโอมที่ผมใส่กุญแจมือด้วยตัวเอง
.
.
.
.
.
.
ผมว่าบางทีความเย็นของโซ่ เสียงแกรกกรากของโลหะ แล้วก็ แรงตอดรัดที่มีสายอิลลาสติกเสียดสีไปมา...มันก็รู้สึกดีนะครับ
จบ
ขอบคุณ jiki ที่เขียนให้ค่ะ เขียนดีภาษาเยี่ยม จิสนับสนุนให้เขียนนิยายมาลงเล้าบ้าง จะเป็นแฟนคลับคนแรกค่ะ ^^
กอดๆหอมๆบวกๆ
ปล.จริง ๆ คู่น้องวีพี่โต กับเต็มโอม จิเคยเขียนตอนพิเศษตามเทศกาลลงในเล้าด้วยค่ะ ทั้งลอยกระทง ทั้งวาเลนไทน์ แต่ไฟล์เวิร์ดจิหายด้วยความประมาท เสียใจมากที่ไม่สามารถหามาให้อ่านเพิ่มได้ค่ะ TT
และท้ายนี้..จิยังต้องการไฟล์นิยายตั้งแต่ตอนที่ 26 - 29 นะคะ ผู้ใดมีรบกวนส่งให้จิบ้างค่ะ