[เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++ 7 ++ 24/07/58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++ 7 ++ 24/07/58  (อ่าน 49770 ครั้ง)

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
ใต้เงาจันทรา



นั่งขัดสมาธิคัดกรวด  ทราย  ดินออกจากถั่วเหลืองที่เหลือในครัว  มือเกลี่ยหยิบกรวดออก  หัวก็คิดถึงเรื่องเลวร้ายที่เพิ่งผ่านไป  เมื่อ  2  อาทิตย์ก่อน
.
.
.
2  อาทิตย์ที่แล้วพ่อผมถูกรถชน  ข้ามถนนไปซื้อถั่วเหลืองเพราะไม่อยากเดินข้ามสะพานลอย  พ่อไม่ใช่คนขี้เกียจ  แต่เพราะสะพานลอยตรงนั้นชอบมีพวกวัยรุ่นมาสิง  บางครั้งก็มีคดีทำร้ายร่างกายปล้นจี้เอาของมีค่าตรงนั้นบ่อย ๆ  พ่อก็ไม่อยากเสี่ยง 

วันนั้นทางหลวงซ่อมถนนเลยให้รถเบี่ยงมาใช้ถนนฝั่งเดียว  พ่อที่ไม่ได้สังเกตทาง  เอาแต่มองบนสะพานลอยก็เลยถูกรถที่วิ่งมาชนอย่างจัง  กระเด็นไปอีกฟากถนน  เสียชีวิตทันที  ผมรู้ข่าวเพราะ รพ.แจ้งมาที่โรงเรียน  อ.ปกครองเรียกผมมาพบแล้วบอก  ผมฟังด้วยความรู้สึกชาที่หัว..ลามไปถึงหัวใจอย่างช้า ๆ กว่าจะรับรู้ถึงความเจ็บปวดก็มาถึงที่บ้านแล้ว  ป้ารับศพพ่อมาที่บ้านและจัดการทุกอย่าง..รวมถึงเงินประกันของพ่อด้วย  ผมไม่สนใจเม็ดเงินที่ป้าอยากได้เลยแม้แต่น้อย  ร่างที่นอนเหยียดยาวตรงหน้านั่นต่างหาก..ที่สำคัญกับชีวิตผม

“อึก..พ่อ..”  พยายามควบคุมมือที่ยื่นออกไปจับมือซีดเซียวไม่ให้สั่น  กลั้นสะอื้นเมื่อสัมผัสถึงความเย็นเฉียบ  ตอกย้ำความจริง..พ่อตายแล้ว  ผมไม่เหลือใครอีกแล้ว  ความเสียใจทั้งหมดของผมถูกกลั่นออกมาเป็น..น้ำตา  น้ำตาที่ไม่มีวันแห้งเหือด  ป้าเดินเข้ามากอดปลอบให้หยุดร้อง  เสียงที่ดังอยู่ข้างหูบอกผมให้หยุดร้องและไม่ต้องเสียใจ..ป้าจะคอยอยู่ข้างผมเอง

ผมกลั้นสะอื้นแล้วกอดป้าตอบ  ผมรู้ว่าป้าอยากรับผิดชอบผมเพราะ..อยากเป็นคนเลี้ยงดู  และมีสิทธิ์ทุกอย่างในทรัพย์สินที่พ่อทิ้งไว้ให้  รู้  แต่ก็ทำอะไรไม่ได้  พ่อทำประกันชีวิตไปเมื่อเดือนที่แล้ว  ด้วยความคิดที่ว่า  ‘อย่างน้อยถ้าพ่อตาย  เต๋ก็จะได้มีเงินทำศพแล้วก็เลี้ยงตัวเองไงลูก’  วันนั้นพ่อบอกผมแล้วยิ้มกว้างมาให้  ผมขมวดคิ้วแล้วโวยวายเสียงดังว่า..ไม่เอา  แต่ป้ากลับกุลีกุจอถามพ่อว่าใส่ชื่อใครลงไปในช่องรับเงินหลังเสียชีวิตบ้าง  พ่อยิ้ม ๆ แล้วหันมามองผม

“เต๋..กับพี่ชายเขา”  ไม่ได้มองว่าป้าทำหน้ายังไงเพราะมัวแต่เข้าไปเขย่าคอพ่อให้หยุดพูดเรื่องตายเรื่องจากกันเสียที  ผมใจไม่ดีจนนอนไม่หลับ  คืนนั้นก็เลยต้องขนผ้าห่มกับหมอนไปนอนกอดพ่อ 

หลังจากงานศพพ่อป้าก็เข้ามาจัดระบบชีวิตผมใหม่  ผมไม่เคยไปช่วยพ่อขายน้ำเต้าหู้  ตอนเช้าแค่ขับรถไปส่ง  ตั้งร้านเสร็จก็เดินหาซื้อกับข้าว  น้ำตาล  ถั่วเหลืองมาเตรียมให้พ่อ  อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ไปโรงเรียนเลย  พอพ่อเสีย  ป้าก็ให้ผมไปขายน้ำเต้าหู้ที่ตลาด  เย็นก็ให้ผมเตรียมของ  เช้ามืดก็ทำน้ำเต้าหู้  เสร็จก็ไปยืนขายคนเดียว  เงินที่ได้ก็ให้ผมเอาไว้ไปโรงเรียนแล้วที่เหลือจากไปโรงเรียน..ก็ให้ป้าเก็บไว้ให้ 

จนเมื่อ  3  วันก่อน..

กลับจากโรงเรียนก็ยืนนิ่งจ้องรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน  รั้วบ้านเปิดทิ้งไว้  ผมรีบเดินเข้าไปในบ้านตัวเองทันที  ได้ยินเสียงป้าคุยกับแขกแล้วยิ่งขมวดคิ้วมุ่น  เสียงด่าทอ  เกรี้ยวกราดของป้าแผดลั่นจนผมตกใจ  ก้าวเท้าเข้าไปก็ต้องหลบแก้วน้ำที่ปลิวหวือใส่หน้า  เสียงแก้วแตกยังดังไม่เท่าเสียงป้าที่ด่ากราดแขกที่นั่งอยู่ที่โซฟา

“พวกมึงมันเหี้ย!  ไม่เคยเลี้ยงหรือดูแลมัน  ทิ้งมันไปตั้งแต่เด็ก  แต่ฉันสิ!  ฉันเสียอีกที่เป็นคนนอก  กลับเลี้ยงมันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย  ตอนนี้มันไม่มีใคร  พวกแกจะมาชุบมือเปิบพามันไปเลี้ยงงั้นเหรอ!  ฉันจะฟ้องร้องเอาเรื่องพวกแกทุกคน!”  หนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นจดหมายสีขาวให้ป้า  ป้ามองกระดาษแผ่นนั้นแล้วกระชากจากมือมาอ่าน  พออ่านเสร็จป้าก็โกรธจนตัวสั่น  หันมามองผมแล้วด่าต่าง ๆ นา ๆ ก่อนจะกระแทกส้นออกจากบ้านไป  กะพริบตามองตามหลังป้าก่อนจะหันหน้ามาเผชิญกับผู้ชาย  2  คนที่มองผมอยู่


“สวัสดีครับคุณบรรณพร  ผมเป็นทนายความของคุณปิยวรรณ  คุณแม่ของคุณ  นี่คุณภศพร  พี่ชายของคุณครับ”  เบือนไปมองคนที่ทนายคนนั้นแนะนำว่าเป็นพี่ชาย  ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นกำลังจ้องหน้าผมอยู่  จมูกโด่งเหมือนผม  ผิวขาวเหมือนผม  แต่สีชมพูอมส้มของริมฝีปาก  โครงหน้า  และรูปร่างสูงใหญ่ไม่เหมือนผม  คนตรงหน้าผม..คล้ายพ่อ  ยกมือขึ้นไหว้พี่ชายกับทนายคนนั้นแล้วเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม  ริมฝีปากสีส้มอมชมพูของพี่ชายคลี่ยิ้มให้แล้วบอกทนายว่าขอคุยกับผมเป็นการส่วนตัว

“แม่ให้พี่มารับเราไปอยู่ด้วยกันที่ปทุม ฯ  เรื่องย้ายโรงเรียนพี่จะให้คนมาจัดการทีหลัง  เต๋..แม่ไม่เคยมีใครนอกจากป๋า  ทุกวันนี้แม่ก็ยังรักและเคารพป๋าคนเดียว”  ผมไม่เคยได้เจอแม่เจอพี่  ทุกครั้งที่ถามหา..ผมไม่เคยได้รับคำตอบจากพ่อเลยสักครั้ง  นิ่งมองหน้าพี่ชายที่เคยเห็นแต่ในรูปที่ถ่ายด้วยกันตอนผมอายุได้  3  ขวบ  ส่วนพี่ชาย  10  ผมห่างจากพี่  7  ปี  ตอนนี้พี่ก็น่าจะ  22  ย่าง  23    ยิ้มให้พี่ชายแล้วส่ายหน้าตอบ 

“..ไปไม่ได้ครับ  ผมเกิดที่นี่  ทุกอย่างที่นี่ทำให้ผมยังมีลมหายใจอยู่ได้..โดยไม่คิดจะตายตามพ่อไป  ขอบคุณพี่มากครับ..”  พี่ชายยิ้มให้ผมแล้วเอื้อมมือมายีหัว  ลุกขึ้นยืน  เดินออกไปแถวประตูแล้วล้วงโทรศัพท์กดหาใครสักคน  เสียงทุ้มของพี่ชายดังแว่วว่าผมไม่ยอมมาอยู่ด้วยเหมือนที่คิดเลย  หัวเราะร่วนแล้ววางสาย  พี่ชายหันมาส่งรอยยิ้มอบอุ่นให้ผม  เดินมานั่งที่เดิมแล้วบอกผมว่า..

“เราไม่ไป..พี่มาเอง”  กะพริบตาปริบ  แล้วยิ้มงงส่งคืนให้พี่ชาย  เย็นนั้นผมเสียคนที่ดูแลผมมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย  แต่ได้คนในครอบครัวที่เคยคิดว่าไม่เคยมีตัวตน..โผล่มาเลี้ยงดูผมนับต่อจากนี้ไปจนตาย 

พี่ชายหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กเข้ามาในบ้าน  ในขณะที่ทนายความยืนบอกผลประโยชน์ทุกอย่างที่พ่อทิ้งไว้ให้และคนที่จะดูแลทุกอย่างของผมก็คือแม่ที่อยู่ต่างประเทศ  ค่าใช้จ่ายทุกอย่างของผมแม่จะดูแลเองทั้งหมด  โดยที่จะไม่เข้าไปยุ่งกับเงินที่พ่อเก็บไว้ให้ผมแม้แต่สตางค์แดงเดียว  ก่อนทนายจะไปก็ยื่นความจริงอีกข้อที่ผมไม่เคยรู้..

“คุณปิยวรรณพยายามจะรับคุณมาดูแลเองครับ  แต่ทางคุณพ่อของคุณไม่ยอม  ท่านทั้งสองหย่ากันด้วยความไม่เข้าใจกันครับ  แต่เชื่อเหลือเกินว่าท่านยังคงรักกันอยู่  คุณพ่อคุณครองตัวเป็นโสดมาตลอด  คุณปิยวรรณเองก็เช่นกัน..คุณกับคุณภศพรเกิดมาจากความรักของท่านครับ”  ยกมือไหว้ลาทนายและยืนส่งด้วยน้ำตา  ผมไม่ได้ร้องเพราะเสียใจ  แต่หลั่งน้ำตาเพราะ..ดีใจ  พ่อบอกผมตลอดว่าแม่ไม่รัก  แม่ถึงได้ทิ้งเราไป  แต่ให้ไม่ให้ผมเกลียดพี่ชาย  เพราะเรามี  ‘สายเลือดเดียวกัน’ 

ภาพผู้ชายตัวเบ้อเริ่มเดินตามผมเข้าห้องพ่อ  นั่งลงจุดธูปบอกให้พ่อไม่ต้องห่วง  ต่อไปนี้พี่จะดูแลผมแทนพ่อเอง  พี่ชายปักธูปเสร็จก็ก้มกราบรูปพ่อ  หันมายิ้มให้ผมทั้งน้ำตา  แล้วบอกผมว่า..

“เราไม่มีพ่อแล้วนะเต๋  แต่เต๋ยังมีพี่  มีแม่  เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ..ขอโทษที่แอบมาหาแต่ไม่เคยเข้าไปบอกว่าเป็นพี่ชาย  พี่ขอโทษ..”  ยิ้มตอบพี่ชายก่อนจะกลั้นก้อนแข็งที่ล้นมาถึงคอไม่ไหว  ผมนั่งคุกเข่า  ก้มหน้าร้องไห้  พี่ชายขยับเข้ามากอดแล้วลูบหลังเบา ๆ ร้องไห้กับอกของพี่ชาย  ถึงผมจะขาดพ่อ  แต่ผมก็ยังมีแม่  มีพี่  แค่นี้ผมก็มีชีวิตอยู่ได้อย่างไม่มีข้อแม้แล้วครับ

นั่งสะอื้นกับอกพี่ชายจนเริ่มปวดขา  ดันตัวเองออกมาแล้วเช็ดน้ำหูน้ำตาที่ไหลท่วม  พี่เอื้อมมือมาเช็ดให้ผมก็เบี่ยงหลบ  สายตาเจ็บปวดของพี่ที่เห็นผมหลบมันทำให้ใจผม..ปวดแปลบ  ก้มหน้านิ่งเมื่อมือของพี่ยื่นเข้ามาหาอีกครั้ง  กลั้นลมหายใจกับปลายนิ้วที่เกลี่ยเช็ดน้ำตาที่แก้มให้เบา ๆ ทนนิ่งอยู่ไม่ไหวเลยตัดสินใจยกแขนขึ้นมาเช็ดน้ำมูกแล้วบอกพี่ให้เอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บที่ห้องเก่าของแม่  นึกขึ้นได้ว่าพี่อาจจะคิดว่าห้องแม่ไม่มีใครใช้..แล้วมันจะสะอาดพอให้พี่พักได้ยังไง  รีบหันไปบอกทันทีว่าห้องแม่สะอาดเพราะผมเข้าไปปัดกวาดให้ตลอด   

 “ขอนอนด้วยได้ไหม?”  ปากอ้าค้าง  ลืมเรื่องที่จะพูดต่อไปทันที  กะพริบตาปริบแล้วถามย้อนไปใหม่  ‘ว่า..อะไรนะครับ?’  พี่ชายยิ้มแล้วยืนยันคำเดิม  อึกอักอยู่พักใหญ่พี่ชายก็ดึงผมเข้าไปกอด  มืออุ่นข้างหนึ่งลูบหลัง  อีกข้างลูบหัวเบา ๆ เสียงทุ้มร้องเพลงกล่อมเด็ก..

“เจ้านกกาเหว่าเอย ไข่ให้แม่กาฟัก แม่กาหลงรัก คิดว่าลูกในอุทร
คาบข้าวมาเผื่อ คาบเหยื่อมาป้อน ปีกหางเจ้ายังอ่อน สอนร่อนสอนบิน
แม่กาพาไปกิน ที่ปากน้ำแม่คงคา ตีนเหยียบสาหร่าย ปากก็ไซ้หาปลา
กินกุ้งกินกั้ง กินหอยกระพังแมงดา กินแล้วบินมา จับต้นหว้าโพธิ์ทอง..”  จากที่เกร็งก็เริ่มผ่อนคลาย  ค่อย ๆ เอนตัวลงพิงอกหนาแล้วหลับตาฟังเพลงกล่อมเด็กของพี่
 
“นายพรานเห็นเข้า เยี่ยมเยี่ยมมองมอง ยกปืนขึ้นส่อง หมายจ้องแม่กาดำ
ตัวหนึ่งว่าจะต้ม ตัวหนึ่งว่าจะยำ แม่กาตาดำ แสนระกำใจเอย”  พี่ดันตัวออกมามองหน้าผมแล้วยิ้มให้  ยิ้มตอบแล้วหันหลังเดินนำพี่ไปที่ห้องตัวเอง  บอกพี่ว่าเสื้อผ้าให้เก็บในตู้เลย  ของในห้องของผมใช้ได้ทุกชิ้น  หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำ  หลับตาปล่อยให้น้ำเย็นจากฝักบัวไหลลงมาล้างความหนักอึ้งที่ต้องแบกความเสียใจเรื่องรอบตัวทิ้งให้หมด  ในหัวมีเสียงทุ้มที่ร้องเพลงกล่อมเด็กประโลมจิตใจ  รอยยิ้มที่ผมไม่คิดว่าจะอยู่บนหน้าผมได้อีก..กลับผุดขึ้นมาเต็มหน้า  เช็ดตัวแล้วแต่งตัวออกจากห้องน้ำ 

ตั้งแต่คืนนั้น  ผมกับพี่ก็สนิทเหมือนอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก  ทุกครั้งที่นั่งด้วยกัน  พี่จะต้องให้ผมเล่าเรื่องตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้  พี่เองก็เล่าเรื่องของตัวเอง  เรื่องแม่  สังคมของพี่  เหมือนเป็นการเติมเวลาที่หายไปของครอบครัวเราให้เต็มมากที่สุด..เท่าที่เราจะทำได้

ป้าก็คอยมาหาบ้างเหมือนกัน  แต่ก็เฉพาะเวลาที่พี่ไม่อยู่เท่านั้น  ผมยิ้มและต้อนรับป้าเหมือนทุกครั้ง  และทุกครั้งที่ป้ามา  ป้ามักจะทักทายผมแล้วตบท้ายด้วยเรื่องเงินประกันที่พ่อทิ้งไว้ให้  มองแบบผม  ป้าเป็นห่วง  กลัวผมจะโดนแม่กับพี่ฮุบเงิน  แต่ถ้ามองแบบคนนอก  ป้ากลัวคนอื่นจะได้เงินในส่วนที่ป้าน่าจะได้มากกว่า  แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นจริง  ผมก็ไม่ควรเกลียดป้า..ถึงแม้ว่า..วันเผาพ่อ  ป้าจะเป็นคนไล่แม่กับพี่ไม่ให้เข้ามาในงาน  ไม่ให้เผาพ่อก็ตาม ยิ้มเหยียดเมื่อนึกถึงท่าทางร้อนตัวของป้า  เผลอพูดแล้วรีบบอกว่าที่ทำไปก็เพราะไม่อยากให้คนพรรค์นั้นเข้ามาทำให้งานพ่อต้องมีเสนียด 

ผมจะไม่เกลียดคนที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่ตีนผมเท่าฝาหอย..ไม่เกลียด  และ..ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น 

.
.
.
ยิ้มบางกับชีวิตของตัวเอง  แวบหนึ่งในหัวผมเห็นใบหน้ายิ้มมีความสุขของพ่อพ่อลอยเข้ามา  นึกถึงแขนอุ่นของพ่อแล้วน้ำตาก็รื้น  ยกแขนขึ้นมาเช็ดน้ำตาลวก ๆ  แล้วก้มหน้าก้มตาหยิบกรวดหยิบทรายออกต่อ  ยกถาดถั่วเหลืองออกมาล้างน้ำ  หยิบเม็ดที่ลอยน้ำทิ้งแล้วพักไว้  หันหลังจะเก็บกวาดกรวดเก็บทรายก็เจอคนในครอบครัวยืนมองอยู่เสียก่อน..

“เตรียมไว้ทำน้ำเต้าหู้พรุ่งนี้เหรอ?”  ยกมือไหว้พี่แล้วพยักหน้ารับ  พี่รับไหว้แล้วพับแขนเสื้อนักศึกษาขึ้น  เดินอ้อมผมมาแล้วจ้วงมือลงไปในกองถั่วเหลือง  ผมหัวเราะแล้วบอกพี่ว่าต้องรอให้มันสะเด็ดน้ำแป๊บหนึ่งแล้วเอามาคั่วก่อนค่อยเอาไปแช่น้ำร้อน  ยีเปลือกออก  ปั่นให้ละเอียด..

“พอแล้วเต๋  ฟังแล้วเวียนหัว  พี่ทำเป็นแล้ว  ช่วยเต๋จนเก่งแล้ว555”  ยิ้มให้รอยยิ้มอบอุ่นของพี่แล้วบอกให้พี่ไปล้างมือ  พี่หยิบกระทะใบใหญ่มาวางรอที่เตา  เดินย้อนกลับมายกถาดถั่วเหลืองมาเทใส่กระทะ  ติดไฟแล้วเงยหน้ามองคนตัวโตที่เอาแต่จ้องหน้าผมแล้วก็เอาแต่ยิ้ม   พี่ช่วยผมทำน้ำเต้าหู้และไปช่วยขายทุกวัน  แรก ๆ ผมคิดว่าพี่จะเบื่อเลยไม่ให้พี่ทำ

“ให้พี่ช่วยเถอะ  พี่รู้ว่าที่เรายังขายน้ำเต้าหู้ก็เพราะพ่อ  นี่เป็นอาชีพที่พ่อหาเลี้ยงเรา  แล้วทำไมพี่จะทำบ้างไม่ได้..เอางี้  ทำปาท่องโก๋ขายคู่ไปด้วยดีไหม?”  ยิ้มให้พี่แล้วหยิบตะหลิวมาคนถั่วเหลืองในกระทะ  บอกพี่ว่า..

“หน้าเตามันร้อนนะครับ  แค่ตักน้ำเต้าหู้พี่ยังเหงื่อไหลท่วมเลย  นับประสาอะไรกับไปยืนพลิกซาลาเปาปาท่องโก๋..”  พี่ชายทำคิ้วขมวดแล้วจับตะหลิวในมือผมออกช้า ๆ มองตาสีน้ำตาลแล้วเลิกคิ้วงง  ปล่อยให้พี่วางตะหลิว..

“พี่โต๋!”  ร้องเสียงหลงเพราะพี่อุ้มผมขึ้นบ่าแล้วกระโดดไปรอบครัว  จุกแต่ก็ขำ  หัวเราะไปด้วยทุบหลังพี่ไปด้วย  พี่ปล่อยผมลงที่เก้าอี้แล้วคร่อมพนักแขนไว้  หายใจหอบเหนื่อยจากการหัวเราะ  ปวดกล้ามเนื้อหน้าท้องแปลบ ๆ มองตาสีน้ำตาลของพี่แล้วยิ้มตอบรอยยิ้มอบอุ่น

“ยิ้มได้เต็มหน้าเสียที  ว่าแต่..เรากินอะไรบ้างเนี่ย  ตัวเบาโหวงเลย”  ขมวดคิ้วไม่เชื่อถือคำพูดพี่ชาย  ผมไม่ได้ตัวเล็กบอบบางเหมือนไอ้เอกสักหน่อย  พี่จิ้มนิ้วที่หัวคิ้วผมแล้วคลึงเบา ๆ ไม่ให้ผมนิ่วหน้าหรือขมวดคิ้ว  ‘ไม่ชอบ..อย่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอีก  อยู่กับพี่ห้ามหนักใจ’  ยิ้มตาหยีให้  เอื้อมจับมือหนามาวางไว้บนหัวตัวเองแล้วโยกหัวไปมา  ผมเริ่มไม่กระดากหรืออายเมื่อพี่ชายสัมผัสตัว  คงเพราะ  ‘สายเลือด’  เลยทำให้ผมกับพี่เข้ากันได้ทุกเรื่องในระยะเวลาแค่  2  อาทิตย์  สั้นมาก ๆ ครับ  แต่คิดอีกที  อาจจะเป็นเพราะ..ความอบอุ่นของพี่โต๋  เลยทำให้ผมสบายใจที่จะคุย  สัมผัส  และใช้เวลาร่วมกันก็ได้

ทำน้ำเต้าหู้หม้อใหญ่เสร็จก็ตั้งไฟอ่อน ๆ ทิ้งไว้บนเตา  ไล่ให้พี่ไปอาบน้ำก่อน  ผมยืนเตรียมกับข้าวไว้บนโต๊ะ  เหลือบมองนาฬิกาแล้วรีบวิ่งไปหยิบโทรศัพท์มาจ้อง  พอหน้าจอสว่างก็รีบกดรับ  แม่จะต้องโทรหาผมกับพี่ตอน  2  ทุ่มทุกวัน  แม่เป็นเชฟอาหารไทยในโรงแรม  5  ดาวเมืองผู้ดี  แม่เล่าให้ฟังว่าหลังจากเลิกกับพ่อก็ไม่ได้ทำงานอะไร  กินสมบัติเก่าตา  พอเงินในบัญชีเริ่มลดลงแม่ก็ออกหางานทำ  เพื่อนแม่ชวนแม่ไปเป็นแม่ครัวใหญ่ที่นั่น  แม่ก็เลยตัดสินใจลองดู  รายได้ดีมากจนทำให้แม่ต้องอยู่ยาว  ส่งเงินมาให้พี่โต๋ที่อยู่กับตาใช้อย่างเดียว  ตาเสียแล้วเมื่อ  3  ปีก่อน  ตอนนี้พี่โต๋ก็อยู่คนเดียวที่บ้านสวน  พอพ่อเสีย  พี่โต๋เลยทิ้งบ้านมาอยู่กับผมได้อย่างสบายใจ

“วันนี้เต๋ซื้อน้ำพริกปลาทู  ผัดผัก  แล้วก็ต้มอะไรสักอย่างมากินครับแม่..”  ตอบปลายสายที่ถามว่าวันนี้ผมกับพี่ซื้ออะไรมากินมื้อเย็น  เหลือบมองพี่ที่เดินกึ่งวิ่งลงมาเพราะเห็นผมคุยโทรศัพท์  ดวงตาสีน้ำตาลหันมองนาฬิกาแขวนผนังแล้วขยับปากถามผม  ‘แม่เหรอ?’  ผมพยักหน้ารับแล้วตอบคำถามแม่ต่อ

“ไม่มีการบ้านครับ  พี่โต๋อาบน้ำเสร็จแล้วครับ..”  พี่โต๋เลิกคิ้วสูงแล้วโบกมือในอากาศไปมา  ผมอมยิ้มแล้วบอกแม่ว่า  ‘พี่โต๋ไม่อยากคุยครับ..555+  พี่โต๋แกล้งเต๋อ่ะแม่’  พี่โต๋ผงะแล้วดึงผมเข้ามารัดผมแน่น  ทำโทษที่ผมไม่ยอมช่วยเรื่องคุยโทรศัพท์  ยิ่งผมขำพี่ก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น  แม่ขำตามแล้วบอกให้ผมกับพี่รีบไปกินข้าวแล้วพรุ่งนี้แม่จะโทรหาใหม่

“ครับแม่  สวัสดีครับ..พี่โต๋สวัสดีแม่เร็ว!  สวัสดีคร้าบบบบ 55555”  พี่โต๋ส่งเสียงสวัสดีประสานเสียงกับผมดังยาว  แถมยังโน้มตัวไปข้างหน้าเหมือนกำลังทำความเคารพอยู่อีกต่างหาก  ขำกลิ้งเพราะพี่กอดผมอยู่ผมก็ต้องทำความเคารพชุดรับแขกไปด้วยน่ะสิครับ  พี่แย่งโทรศัพท์ผมมากดดูเบอร์เพื่อนแล้วยื่นให้ผมดูเบอร์เพื่อนในห้องที่ชื่อ  ‘ฝ้าย’

“แฟน?”  มองหน้าจอที่มีรูปฝ้ายกับผมหน้าแนบกัน  นิ่งไปพักใหญ่เพราะผมก็ไม่รู้ว่าผมกับฝ้าย  เราเป็นแฟนกันรึเปล่า?  เราเคยนัดดูหนังด้วยกัน  2  คน  รอกินข้าวพร้อมกัน  โทรหากันทุกวัน  แต่นั่นมันเมื่อก่อนที่พ่อจะเสีย  แต่ตอนนี้..ผมแทบไม่มีโอกาสได้ทำอะไรแบบนั้นกับฝ้ายเลย  นึกไปนึกมาก็หันไปเผชิญหน้ากับพี่โต๋

“เมื่อก่อนผมเป็นแฟนฝ้าย  แต่ตอนนี้ผมว่าผมไม่ได้เป็นแล้ว  พี่ทำให้ผมไม่มีเวลาให้ฝ้าย  อีกหน่อยฝ้ายต้องมีคนอื่นชัวร์..พี่..ต้องรับผิดชอบ”  เงยหน้าสบตาสีน้ำตาลนิ่ง  ผมกำลังจะบอกให้พี่ล้างจานไปจนกว่าผมจะหาแฟนใหม่ได้  แต่พี่กลับยิ้มบางแล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น  รับรู้ถึงลมหายใจกลิ่นดาร์ลี่ที่อยู่ในห้องน้ำ  มองตาคู่นั้นจนผมรู้สึกอึดอัดในอก..ต้องก้มหลบซบหน้าลงกับไหล่หนา 

มัน..เหมือนจะหายใจไม่ค่อยออก

“หิวรึยังเต๋?”  พี่ก้มลงถามข้างหู  ผมได้แต่พยักหน้ากับไหล่พี่  ไม่รู้เรี่ยวแรงมันหายไปไหนหมด  น่าจะเพราะหิวข้าว  พี่จับไหล่ผมให้เดินนำแล้วตัวเองเดินตาม  หัวไหล่ที่พี่วางมือมันร้อนผ่าว  กะพริบตาปริบแล้วเบี่ยงหลุด  เดินหนีมานั่งจ๋องกินข้าวที่โต๊ะ  กินเสร็จก็เดินขึ้นห้องไปอาบน้ำ  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ รีบอาบน้ำล้างตัวแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ

พี่นั่งอยู่หน้าคอมเปิดดูรูปผมตอนไปเที่ยวกับเพื่อน  เจ้าตัวหันมามองผมก็ยิ้มเก้อ ๆ ให้  พี่กวักมือแล้วขยับให้ผมนั่งลงข้าง ๆ ตัว  ส่ายหน้าปฏิเสธพี่ก็กวักมือเรียกอีก  ถ้าไม่ไป..คงจะเรียกอย่างนี้ทั้งคืนแน่  เดินเข้าไปนั่งลงที่ว่างที่พี่แบ่งไว้ให้  มืออุ่นโอบไหล่ผมไว้  อีกข้างเลื่อนเม้าส์ไปที่รูปตรงหน้า  มองตามเม้าส์ที่หยุดตรงฝ้าย  ถอนหายใจแล้วเหลือบมองหน้าพี่  จ้องตอบสายตาไม่ชอบใจของพี่จนพี่ต้องหลบตาไปเอง 

“พี่ไม่อยากให้เต๋มีแฟน  เต๋ยังเด็ก”  ขมวดคิ้วแล้วถามว่าพี่มีแฟนตอนอายุเท่าไหร่?!  พี่หันมาจ้องหน้าผมแล้วบอกว่าไม่ชอบที่ผมเสียงแข็งใส่  ข่มใจไม่ให้หงุดหงิดแล้วบอกพี่ว่าจะนอนแล้ว  ลงไปปิดแก๊สที่เตาให้ด้วย  ล้มตัวลงนอนแล้วดึงเอาผ้ามาคลุมโปง  หงุดหงิด  เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด  พี่ไม่อยากให้มีแฟน  แต่ตัวเองกลับมีได้  น่าโมโห!

เสียงเปิดประตูดังขึ้น  เตียงข้างตัวผมยุบยวบก่อนจะรู้สึกเหมือนหมอนใบข้าง ๆ ถูกดึงออก  น้ำหนักข้างที่นอนหายไปพร้อมกับเสียงปิดประตูห้องผม  พี่..ไปแล้ว?  ไปไหน?! 

ลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปที่ประตู  หัวใจเต้นถี่  ความเจ็บในใจที่มีก่อตัวเพิ่มมากขึ้น  หัวใจส่งความเจ็บแล่นปราดมาถึงหัวตา  น้ำตาผมไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้  ในหัวคิดไปเรื่อย ๆ ไม่ยอมหยุด  ทำไมถึงไม่นอนที่ห้อง?  ไม่อยากเห็นกันขนาดนี้เลยเหรอ?!  กัดริมฝีปากจนเจ็บ  ปาดน้ำตาที่ไหลแรง ๆ แล้วกอดอกพิงหัวเตียง  คว้าหมอนมากอดแน่นแล้วจ้องผ้าห่มที่กองอยู่ตรงปลายเท้า  กัดฟันกรอดทุบหมอนที่กอดอยู่ไม่ยั้ง  หันขวับไปมองประตูที่เปิดออก  มองพี่ที่ทำหน้างงแล้วจับหมอนขว้างใส่เต็มแรง

“ไม่พอใจก็ไปเลย  อยู่คนเดียวยังดีกว่าอยู่กับคนไม่ยุติธรรม  คน  2  มาตรฐาน!”  พี่ก้มหลบหนังสือเคมีที่ปลิวหวือจากมือผมได้หวุดหวิด  ลุกขึ้นยืนแล้วปัดมือหนาที่คว้าแขน  ดิ้นหนีมือจนพี่เหวี่ยงผมลงบนเตียง  ลุกขึ้นพี่ก็โดดทับแล้วรัดแน่น  สู้แรงไม่ไหวก็ตะโกนใส่หน้า

“ไม่อยากให้มีแฟนแต่ตัวเองกลับมีได้  แอบคุยกันตรงระเบียงดึก ๆ ทุกวันอย่าคิดว่าไม่เห็นนะ!  อึก..ไม่อยากอยู่ด้วยก็ไม่ต้องอยู่!”  ปล่อยโฮแล้วทุบแขนที่กอดผมไว้แน่น  ร้องไห้จนเหนื่อยอ่อน  พี่คลายแรงกอดแล้วลูบหัว  เบี่ยงหลบได้เท่าที่จะมีแรงหนี 

“ไม่ได้หนี..พี่ไปบอกพ่อให้พ่อมาช่วยพูดกับเต๋  พี่ไม่อยากให้เต๋มีแฟน เต๋ยังเด็ก  พี่อยากให้เต๋ตั้งใจเรียนก่อนก็เท่านั้น..”  จับไหล่ผมให้สบตาแล้วเช็ดน้ำตาที่เปรอะแก้มเบา ๆ

“พี่ไม่มีแฟน  ที่เห็นน่ะ  พี่คุยกับแม่  พี่รายงานแม่ทุกวันว่าเต๋ดื้อรึเปล่า?  ดูสิ..”  มองมือถือพี่ที่โชว์เบอร์ที่โทรออก  ไล่สายตาลงมาดูเวลาที่โทรออก..เท่าเดิมทุกวัน  เม้มปากแน่นแล้วกะพริบตาถี่ ๆ มองมือถือที่พี่วางไว้บนมือผมเอง  นั่งนิ่งให้พี่กอด  พี่นอนผมก็นอน  ขยับตัวแล้วดึงหมอนข้างมากอด  พี่สอดแขนเข้ามาโอบจากด้านหลัง  ลมหายใจอุ่นเป่ารดต้นคอ

“พี่ไม่มีใคร  ไม่มีแฟน  ไม่มีเพื่อนที่สนิท  ไม่มีคนที่ดูกันอยู่..”  คนข้างหลังหยุดพูดแล้วพลิกคร่อมผมที่กอดหมอนข้างแน่น  หางตาตวัดมองหน้าพี่ชาย  ตาสีน้ำตาลมองหน้าแล้วเกลี่ยปลายนิ้วที่แก้มผมเล่น  มองรอยยิ้มของพี่แล้วความหงุดหงิดมันก็ลดลง
.
.
.

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
.
.
“พี่มีเต๋คนเดียว  เราพี่น้อง..ต้องรักกันนะ”  นิ้วที่เกลี่ยแก้มเลื่อนขึ้นมาคลึงที่หัวคิ้วผม  แอบได้ยินพี่บ่นพึมพำว่า  ‘รักอยู่คนเดียวนี่แหละ’  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วสูบลมเข้าปาก  มองหน้าพี่แล้วยิ้มคืนให้อย่างเสียไม่ได้  ยิ่งอยู่กับพี่  ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเอง..อ่อนแอ

“ถ้าพี่มีแฟน  เต๋ก็จะมี  ถ้าพี่ไม่มี  เต๋ก็ไม่มี..”  พี่ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับ  หลับตาลงฟังเพลงกล่อมเด็กและผ่อนคลายกับฝ่ามืออุ่นที่ลูบแขน  เสียงหัวใจที่เต้นซ้อนอยู่ด้านหลังดังเป็นจังหวะเดียวกันจนผมเข้าสู่นิทรา     

“โยกเยกเอย...น้ำท่วมเมฆ...กระต่ายลอยคอ...หมาหางงอ...ขี่คอโยกเยก”  ยิ้มก่อนจะหลับลึกเพราะพี่ขยันหาเพลงมาร้องกล่อมผมจริง ๆ ตื่นตอนเช้ามืดเพราะต้องรีบเตรียมน้ำเต้าหู้ไปขาย  ผมลุกไปล้างหน้าแปรงฟัน  ในขณะที่พี่ยังนอนหลับอุตุอยู่ที่เดิม  ชะโงกหน้าออกมามองก็ยังนอนนิ่ง  เดินออกไปเขย่าแขนพี่ก็ลืมตาตื่นจนได้

“เต๋อาบน้ำให้เรียบร้อยเลยนะ  เดี๋ยวพี่เตรียมของข้างล่างเอง”  พยักหน้าแล้วรีบแปรงฟัน  ล้างหน้าแล้วหวีผมลวก ๆ แต่งตัวเสร็จก็รีบจ้ำอ้าวลงไปข้างล่าง  พี่หยิบกระจาดถุงพลาสติกไปใส่รถ  ผมเดินไปปิดแก๊สแล้วรอให้พี่มาช่วยยกหม้อ  ขนของเสร็จก็บึ่งรถไปตลาด  ตั้งร้านยังไม่ทันจะเสร็จป้าร้านข้าวแกงก็ตะโกนสั่งน้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่อง  5 ถุง  พี่โต๋หันไปยิ้มให้ป้าแล้วหันมายิ้มให้ผม  ยิ้มตอบแล้วเร่งมือ  เปิดร้านตอนตี  4  พอดี  ก้มหน้าก้มตาจนถึงเกือบ  6 โมงเช้า  นึกขึ้นได้ว่าเดี๋ยวพี่อาร์ตมาเลยรีบบอกพี่โต๋ให้ทำน้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่องแยกไว้ด้วย  2  ถุง  ก้มมองน้ำเต้าหู้ที่นอนก้นแล้วมองลูกค้าที่ยืนรอคิว 

“ผมพอตักได้แค่  5  ถุงครับ”  ลูกค้าที่ต่อคิวกันก็ถามไถ่คนข้างหน้าว่าสั่งกี่ถุง  ยิ้มบางให้ลูกค้าคนแรกที่รอคิว  ตักใส่ถุงให้ตามจำนวนแล้วเริ่มเก็บร้าน  พี่อาร์ตวิ่งกระหืดกระหอบมาหน้าร้าน  พี่โต๋ยิ้มแล้วยื่นถุงน้ำเต้าหู้ให้

“ขอบคุณครับพี่โต๋!  น้องเต๋หวัดดีครับ  พี่นึกว่าเราจะลืมเสียอีก”  เงยหน้าขึ้นยกมือไหว้พี่อาร์ตแล้วยิ้มบาง

“ไม่ลืมครับ  ผมไม่อยากเห็นพี่เต็นท์หน้าบูดเพราะพี่อาร์ตมาซื้อไม่ทันน่ะครับ”  พี่อาร์ตยิ้มมุมปากแล้วหันมาพยักพเยิดกับพี่โต๋  เข้ากันได้เร็วมากครับ  ทั้งที่วันแรกที่เจอยังไม่ถูกชะตากันอยู่เลย 

“อมยิ้มอะไรคนเดียว..หืม?”  ส่ายหน้าตอบแล้วบอกพี่ว่าจะไปกินข้าวที่โรงเรียน  พี่พยักหน้ารับรู้แล้วบึ่งกลับบ้าน  รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วขึ้นรถ  พี่โต๋ขับมาส่งผมก่อนค่อยไปเรียน  ม.พี่โต๋อยู่จังหวัดข้าง ๆ นี่เองครับ  พี่เล่าให้ฟังว่าเช่าบ้านแชร์กันกับเพื่อน  ถ้าวันไหนมีงานก็ค้าง  แต่ถ้าไม่มีก็ขับกลับบ้านที่ปทุม  พอมาอยู่กับผมที่อยู่ใกล้กว่าปทุม  พี่โต๋ก็กลับมาอยู่เป็นเพื่อนผมตลอด  ช่วงนี้โรงเรียนเงียบมากครับ  ใกล้สอบเด็กก็รีบอ่านหนังสือทบทวนความรู้กันเสียส่วนใหญ่  ตามใต้ต้นไม้ก็มีพี่ ม.6  ยึดพื้นที่คุยกันเรื่องเรียนต่อมหาลัย  พี่อาร์ตกับเพื่อนโบกมือไหว ๆ ใต้ต้นหูกวางติดรั้วโรงเรียนทักทายผม  ผมยิ้มกว้างแล้วยกมือไหว้พี่ ๆ กลับ  เพ่งมองคนที่ชูถุงน้ำเต้าหู้ให้ผมแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ  ยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อคนที่ชูถุงน้ำเต้าหู้วิ่งห้อจากใต้ต้นหูกวางมาที่ผม  อมยิ้มแล้วทำท่าจะวิ่งหนีเมื่อคนที่อุตส่าห์วิ่งมาจากอีกฟากสนามใกล้ถึงตัว

“น้องเต๋~ ถ้าหนีโดนพี่ฟัดนะ!”  หยุดกึกแล้วหันมายิ้มกว้างให้พี่ต้นเพื่อนพี่อาร์ต  ย่นคอตามแรงยีหัวเล่น  เงยหน้ายิ้มให้พี่ต้นที่ยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้า

“พรุ่งนี้สั่งน้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่อง  50  ถุง  ส่งที่บ้านพี่โมงเช้า  คิดค่าน้ำมันด้วยเลยนะครับ”  พยักหน้ารับออเดอร์แล้วยืนคุยกับพี่ต้นพักใหญ่ถึงได้รู้ว่า  เจ้าตัวได้โควต้าร์คณะสถาปัตย์ของ ม.ที่พี่โต๋อยู่  แต่พี่ต้นไม่เอา  เลือกสอบใหม่อีกที่เพราะคู่แข่งเยอะดี  ยิ้ม ๆ แล้วแยกเข้าห้องเรียนเอากระเป๋าไปเก็บ  นั่งรอเพื่อนลอกการบ้านเสร็จถึงจะไปกินข้าวที่แคนทีน  ทุกวันของผมก็เป็นแบบนี้จนตัวเองขึ้น  ม.5  ความสัมพันธ์ของผมกับพี่ชายก็เหมือนเดิมครับ  ที่ไม่เหมือนเดิมคือพี่โต๋กับผม..เราสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นเอง

“เต๋วันนี้เรากินข้าวนอกบ้านบ้างดีกว่า  พี่ขี้เกียจล้างจาน”  เบือนไปมองหน้าพี่แล้วพยักหน้ารับ  ช่วงนี้มื้อเย็นของเราฝากท้องนอกบ้านซะส่วนใหญ่ครับ  พี่โต๋เหนื่อยจากทำงานก็ไม่อยากเดินซื้อกับข้าวและเก็บล้าง  จะว่าไปแล้ว  ตั้งแต่พี่โต๋เรียนจบก็ทำงานเลย  พี่โต๋จบวิศวะครับ  จบมาก็มีบริษัทจองตัวไปทำงานด้วยเลย   ตอนนี้เราเลยต้องขายน้ำเต้าหู้เฉพาะวันหยุด  บางทีพี่โต๋ต้องคุมงานก่อสร้างไกล ๆ พี่ก็ไม่ให้ผมขายน้ำเต้าหู้ครับ  เลือกร้านได้ก็สั่งอะไรมากิน  กินเสร็จก็รีบกลับบ้านทันทีเพราะเหลือบไปเห็นเมฆฝนที่ตั้งเค้ามาแต่ไกล

“แวะซื้ออะไรไปกินดึก ๆ ไหม?  เผื่อหิว”  ผมส่ายหน้าตอบพี่ก่อนจะชี้นิ้วให้มองเมฆดำที่สุดปลายถนน  พี่มองตามนิ้วแล้วเหยียบคันเร่ง  ผมรีบฝากข้อความบอกแม่ว่าที่บ้านเราฝนกำลังจะตก  กินข้าวแล้วแล้วกำลังจะเข้าบ้าน  ไม่ต้องห่วง  พิมพ์เสร็จก็รีบกดส่งข้อความ  บอกพี่โต๋เรื่องข้อความพี่โต๋ก็พยักหน้ารับรู้  ถึงบ้านปุ๊บฝนก็เทลงมาพอดี  เดินเข้าบ้านพี่ก็ไล่ให้ไปอาบน้ำแล้วตัวเองก็หอบเสื้อผ้าไปใช้ห้องน้ำพ่อแทน  อาบน้ำเสร็จผมก็รีบโดดขึ้นเตียงแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมโปง  หนาวม้ามสั่น  บรื๋ออออ

“เต๋อย่าเพิ่งหลับนะ  รอพี่ก่อน!”  พี่โต๋เดินเข้าห้องมาก็ปิดประตูแล้วรีบบอกผม  โผล่หน้าออกมามองพี่แล้วอมยิ้ม  ดึงผ้ามาคลุมโปงแล้วแกล้งหลับ  ไม่ถึง  5  นาทีพี่โต๋ก็ซุกตัวตามเข้ามาในผ้าห่มผม  มือเย็นเจี๊ยบที่ดึงผมเข้าไปกอดทำให้ผมรีบดีดตัวหนี

“เย็นอ่ะพี่โต๋  ไม่เอา!”  พี่โต๋ขำก๊ากแล้วสอดมือเข้ามาในเสื้อผม  เกร็งตัวดิ้นหนีขลุกขลัก  หันหลังหนีพี่โต๋ก็ล็อคไว้แน่นแล้วซุกจมูกเย็นที่หูผม

“ฮืออออ  หนาวอ่ะ  เย็นอ่ะ”  นอนเกร็งรับความเย็นจากตัวพี่โต๋  ปากสั่นไปหมด  ฟังเสียงหัวเราะชอบใจดังอยู่ข้างหู  ยิ่งผมสั่นพี่โต๋ยิ่งกดปลายจมูกที่แก้มผมเน้น ๆ เหมือนมันเขี้ยว  พักใหญ่มือพี่โต๋ก็เริ่มอุ่น  ผมนอนตะแคงเบะปากสะอึกสะอื้นรับปลายจมูกของพี่โต๋จนเจ้าตัวหยุดหอม  จับผมพลิกนอนหงายแล้วนิ่งมองตา  กัดปากล่างแล้วยังสะอื้นอยู่  พี่โต๋ยิ้มกว้างแล้วค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนอนทับก่อนจะกอดผมไว้ทั้งตัว

“ตลกไปไหน..หืม?”  เบะปากหนักขึ้นก่อนจะตอบเสียงเบา  ‘เปล่าตลก..โดนคนแกล้งต่างหาก  ไปเตะมันให้หน่อยดิ’  พี่โต๋ลูบหลังช้า ๆ แล้วพลิกให้ผมนอนทับตัวพี่โต๋บ้าง  เกยคางที่อกหนามองตาพี่โต๋เล่น   ยิ้มบางของพี่โต๋ส่งมาพร้อมริมฝีปากที่แตะแก้มผมเบา ๆ

“..เดี๋ยวนี้ไม่ผลักหน้าพี่แล้วเหรอ?  ตอนโดนหอมน่ะ”  ทำปากบู่แล้วกลอกตาไปมา  อมยิ้มแล้วส่ายหน้าตอบพี่โต๋  เจ้าตัวหัวเราะเสียงดังแล้วกอดผมแน่น  พลิกตัวลุกขึ้นนั่งแล้วดึงให้ผมนั่งตักมองสายฝนที่ไหลเป็นริ้วตรงหน้าต่าง 

“พี่ชอบฝน  มันเย็นดี”  เอนหลังพิงอกกว้างแล้วมองน้ำฝนที่พี่โต๋ชอบ  ก้มมองมือตัวเองที่กำลังถูกมือใหญ่ดึงมากุม  นิ้วมือพี่โต๋ดันเข้ามาสอดประสานช้า ๆ แล้วดึงมือผมขึ้นมาคล้องคอพี่โต๋  หันไปตามแรงดึงแล้วมองหน้าพี่โต๋ด้วยความสงสัย  พี่ยิ้มบางแล้วก้มมาหอมแก้มผมเบา ๆ ปลายจมูกเย็นหอมผิวหน้าผมเล่นก่อนจะแตะที่ปลายจมูกผมนิ่ง  ลืมตาขึ้นสบตาสีน้ำตาล

“เต๋..”  ลดสายตาลงมามองริมฝีปากที่เรียกชื่อผมก่อนจะตอบเหมือนคนละเมอ  ‘หื้ม..’  ริมฝีปากสีส้มอมชมพูของพี่เลื่อนเข้าใกล้จนผมต้องหลับตา..รับสัมผัสชื้นแตะลงที่ริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ริมฝีปากของพี่ขยับจูบแตะไล้สลับบนล่างช้า ๆ หายใจรับเอาลมหายใจของพี่เข้าไปเต็มปอด  เอียงหน้าตามแรงบังคับของมือใหญ่ที่ท้ายทอย  ริมฝีปากเผยอรับลิ้นอุ่นที่แทรกเข้ามาตวัดชิมปลายลิ้นตัวเอง  เนิ่นนานจนเสียงฝนข้างนอกซาลงพี่ถึงได้ผละออก..

ลืมตาขึ้นมองตาสีน้ำตาลเมื่อปรับลมหายใจได้เป็นปกติ  กะพริบตาถี่แล้วกลั้นใจถามพี่เรื่อง..จูบ

“พี่น้อง..หอมกันมันก็ไม่แปลก  แต่  แต่..จูบกันได้เหรอพี่โต๋?  มัน..ไม่บาปเหรอ?”  ข่มหัวใจของตัวเองไม่ให้เต้นแรง  แต่ก็ทำไม่ได้  พี่โต๋ยิ้มบางแล้วเลื่อนมือที่โอบเอวผม  กระซิบตอบคำถามผมที่..ริมฝีปาก

“บาปอะไรก็ช่าง  ถ้าจะตกนรก..พี่จะรับเองคนเดียว  พี่รักเต๋..เต๋ไม่ต้องกลัวนะ”  กะพริบตาปริบกับคำตอบ  รักเหรอ?  แบบไหนล่ะ?  แบบพี่น้องเหรอ?  หรือแบบคนในครอบครัว?  ความสงสัยของผมส่งผ่านออกไปทางดวงตา

“แบบไหนก็เหมือนกัน  ยังไงมันก็คือ  ‘รัก’ ”  ในอกผมมันเบา  หัวมันโล่งเมื่อพี่บอกผมว่า  ‘ยังไงมันก็คือรัก’  เพราะความรู้สึกของผมที่ใกล้พี่มันก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน  ผมรักพี่เหมือนพี่ชาย  แต่ผมก็โหยหาอ้อมแขนแข็งแรงทุกครั้งที่อยู่ไกลกัน  นอนไม่หลับทั้งที่พี่โต๋ร้องเพลงกล่อมเด็กผ่านมือถือตอนห่างกัน   อยากให้คนคนนี้มองผมคนเดียว  สนใจผมแค่คนเดียว..

‘ยังไงมันก็คือ  รัก’  นั่นสินะ  ยิ้มบางแล้วกอดคอพี่โต๋แน่น  อ้อมกอดอบอุ่นกอดตอบผม  มืออุ่นลูบหลังแล้วร้องเพลงกล่อมเด็กกล่อมผมให้หลับใหลไปพร้อม ๆ กัน  เกือบจะเหมือนเดิม  แตกต่างจากเดิมก็ตรงจูบราตรีสวัสดิ์  เปลี่ยนจากหน้าผากพี่และแก้มผม  เป็นที่..ริมฝีปากของเราครับ

ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าเดิมของเราเริ่มควบคุมไม่ได้  พี่เริ่มหึงผมกับเพื่อน  ผมเองก็หวงพี่กับคนอื่น  การสัมผัสแตะต้องเนื้อตัวกันก็ไม่สามารถห้ามได้  จนคนรอบตัวเริ่มสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้..ไม่เว้นแม้แต่..

“พี่น้องคู่นี้รักกันมากเกินไปรึเปล่า?  อย่าให้เป็นพี่น้องท้องชนกันล่ะ  ป้าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน  คนเขาจะเอามานินทาว่าหลานป้าวิปริตผิดเพศ  ไม่กลัวบาปกลัวกรรมมาเอากันเอง  พ่อก็ตาย  แม่ก็ไม่ได้อยู่เลี้ยงดู  เฮอะ!  แค่คิดป้าก็กลัวจนขนหัวลุกท่วม  อย่าเป็นแบบที่ป้าคิดนะลูก  ไอ้พวกวิปริตน่ะ”  ป้ายิ้มเหยียดก่อนจะปรายตามามองพี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า  ผมก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองข่มความโมโห  สะดุ้งเพราะพี่โอบไหล่ผมไว้แน่น  เงยหน้ามองหน้าหล่อคมของพี่ที่จ้องหน้าป้าแล้วกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น

“ผมรักน้อง  ใครจะมองยังไงผมไม่เคยสนใจ  แต่ป้า..ป้าเลี้ยงน้องมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย  กลับดูถูกดูแคลนหลานในไส้ได้อย่างไม่สนใจความรู้สึกน้อง  คนแบบนี้ต่างหาก  ที่น่า..จะกลัวบาปกลัวกรรม!”  กะพริบตามองหน้าขรึมพี่สลับกับหน้าเครียดขมึงของป้า  พี่จับไหล่ผมแน่นขึ้นแล้วพาเดินเข้าบ้าน  ปล่อยให้ป้ายืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน 

หลังจากนั้นผมกับป้าก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย  พอป้าเห็นผมป้าก็เดินหนีหรือเลี่ยงที่จะเจอ  จนวันที่ผมจบ  ม.ปลาย  พี่โต๋รับงานสร้างบ้านใหม่ให้พี่ต้นและต้องไปอยู่คุมงานที่บ้านใหม่  พี่โต๋เลยต้องพาผมไปอยู่ด้วย  ผมไม่ได้สนใจว่าบ้านพี่ต้นอยู่จังหวัดไหน  รู้แต่พี่โต๋สั่งให้ผมไปทำพาสปอร์ตทิ้งไว้  เพราะบางทีผมต้องบินตามพี่โต๋ไปคุมงานที่โน่นที่นี่บ้าง  เก็บกระเป๋าเสร็จก็เดินไปหาป้าที่บ้าน  พอเจอป้าก็รีบบอกเรื่องที่ผมกับพี่โต๋คุยกันมาทั้งคืนให้ป้ารู้..

“..ผมยกบ้านและเงินประกันที่พ่อทำให้ผมกับป้าครับ  ผมกับพี่อาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก  อาจจะไปอยู่บ้านแม่ที่ปทุมฯ  หลังนี้ผมก็เลยจะยกให้ป้า..นี่เอกสารทั้งหมดครับ”  ป้าหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผม  น้ำตารื้นเมื่อผมกำลังจะไปอยู่ที่อื่น  เดินเข้าไปหาป้าแล้วยิ้มบางส่งเอกสารให้  ป้าส่ายหน้าไม่รับผมก็ยิ้มแล้วกอดป้าไว้แน่น  ป้ากอดตอบแล้วร้องไห้เงียบ ๆ กับไหล่ผม..

“ขอบคุณที่เลี้ยงผมมาจนโตครับ..ดูแลตัวเองด้วยนะครับป้า”  คลายแรงกอดแล้วผละออก  ไหว้ป้าที่อกแล้วยิ้มกว้างทั้งน้ำตา  วางเอกสารทิ้งไว้ที่โต๊ะแล้วเดินกลับมาที่บ้าน  พี่โต๋ยืนยิ้มกว้างอ้าแขนรับผมมากอดแน่น  มืออุ่นลูบหลังแล้วดันให้ขึ้นรถ  ขับพาออกมาจากรั้วบ้าน  หันหลังไปมองบ้านที่เคยอยู่มาตั้งแต่เด็กก่อนจะหันกลับมามองหนทางข้างหน้า

ก้มมองมืออุ่นที่ยื่นมาจับให้กำลังใจ  ยิ้มให้ฝ่ามือนั้นแล้วหงายมือกระชับมือพี่กลับ  เบือนหน้ามาสบตาสีน้ำตาลของคนที่พร้อมจะดูแลผมไปชั่วชีวิต..






..พี่ชายของผม..


END.


…………………………


กอดดดดดดดดดดดดค่า
คุณ nekko  เนอะคะ  การตามใจเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เต้ควรทำกับลูก ส.ส. อิอิ
คุณ PURE LOVE  ตอนนี้บ้านนอก(บ้านจิ)ยังมีหนมครกขายเกลื่อนกลาดนะคะ  แต่เจ้าที่อร่อย..ไม่มีเลย  นี่คือเรื่องจริงค่ะ5555  จิมีให้อ่านตั้ง  25  คู่แถมแฟนฟิคค่ะ  ฮี่ๆๆๆๆ
Mouse2U  ยินดีต้อนรับสู่ตลาดวายค่ะ  ดีใจที่คุณอ่านแล้วสนุกนะคะ กอดๆหอมๆ ค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามนะคะ  บวก ๆ ค่ะ
 :กอด1: :pig4: :กอด1:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
อยากจะย้ายสำมะโนครัวตามไปอยู่ที่ปทุมด้วยจุงเบย :-[ รักต้องห้ามมันก๊าววววใจ~ พี่ชายอบอุ่นจังเลยค่ะ งื้อ~

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
โต๋เต๋ แค่รักและดูแลกันก็พอแล้ว :heaven

 :กอด1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
บ่วงรัก



เสียงฟ้าร้องฟ้าแลบด้านนอกไม่สามารถดึงความสนใจจากดวงตากลมโตของลูกพี่ลูกน้อง  มันเองก็จ้องผมกลับเขม็งเหมือนกัน  ยกมือขึ้นกอดอกจ้องตานิ่ง  ปุ๋ยถอนหายใจยาวแล้วบอกเรื่องที่มันขอร้องให้ผมช่วยอีกรอบ

“ไหน ๆ ก็ขายส่งเส้นแห้งอยู่แล้วอ่ะ  ก้านก็เปิดร้านขายบะหมี่เกี๊ยวไปด้วยสิ!  ไปขายที่ไนท์บาซาร์ข้างนอกไง  คนเยอะนะก้านแล้วก็ขายดีมากด้วย  อีร้านน้ำตกที่มีมันก็ไม่อร่อย  มันยังขายหมดแผงทุกคืน  ก้าน..ทำหมี่เกี๊ยวอร่อยจะตาย  ไม่ต้องกลัวขายไม่ได้หรอก  ปุ๋ยก็ช่วยขายด้วยไง..นะ  นะ  ปุ๋ยให้พี่โต้งเช่าแผงให้แล้วด้วยอ่ะ  ขายบะหมี่กันนะก้าน  นะ..”  มองมือเล็ก ๆ ที่เกาะแขนผมเขย่าแล้วถอนหายใจยาว  พยักหน้าส่ง ๆ แล้วดึงมือที่เกาะแขนออกช้า ๆ  แล้วลุกไปนั่งอีกโซฟา  หยิบเมนูที่ปุ๋ยอุตส่าห์ทำมาให้ดูแบบเนียน ๆ

“ก้าน!  ปุ๋ยให้แม่เตรียมหม้อชุดอุปกรณ์ทำบะหมี่เรียบร้อยแล้วนะ  แล้วทุกชิ้นก็ฆ่าเชื้อมาอย่างดีด้วย  สะอาดปลอดภัย  100%  ก้าน..เราลงทุนให้แต่ก้านต้องขายนะ  แล้วเดี๋ยวเราช่วยเสริฟ  แหะแหะ”  หรี่ตามองหน้าสวยของมันแล้วยิ้มมุมปาก  เป็นผู้หญิงแท้ ๆ กลับทำกับข้าวไม่เป็น  นึกอยู่เหมือนกันว่ามันต้องให้ผมทำทั้งหมดแน่  แล้วหวยก็ออกเหมือนที่เก็งไว้ทุกอย่าง  โบกมือไล่มันเพราะมันทำท่าจะเข้ามานั่งข้าง ๆ

“โอ้ย!  เป็นแบบนี้ตลอดเลยอ่ะก้าน  คิดว่าป๊อบแล้วจะทำไงก็ได้เหรอ?!  รังเกียจเข้าไปเถอะ  ระวังจะได้แฟนนิสัยประหลาดกว่าตัวเอง!  เจอกันวันเสาร์ย่ะ  ชิส์!”  ถอนหายใจมองตามแผ่นหลังที่เดินลงส้น  สะบัดผมจนปลิวด้วยความอึดอัด  ปุ๋ยเป็นคนขี้อ้อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร  แต่ผมเป็นผู้ชาย  ถึงจะเป็นญาติกัน  แต่เข้ามานั่งซบไหล่กอดแขนแบบนี้มันไม่เหมาะหรอก  การที่ผมให้เกียรติปุ๋ยแบบนี้กลายเป็นทำให้ปุ๋ยเข้าใจว่ามันคือความรังเกียจ..มันก็ดีไปอีกแบบ  เพราะอย่างน้อย  ปุ๋ยก็ไม่ถูกคนอื่นมองว่าไม่ดี   

หันมองโทรศัพท์บ้านที่ส่งเสียงดังแล้วลุกไปรับ  ทักทายปลายสายแล้วตั้งใจฟัง 

“สวัสดีครับ   ครับน้องสา  ..แล้วสาอยากทานอะไรคะ?  ได้ค่ะ   เดี๋ยวพี่ไปรับนะคะ”  ‘น้องสา’  เป็นคนที่ผมแอบปลื้มอยู่ครับ  ได้เป็นแฟนกันเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน  ผมชอบผู้หญิงผมยาว  ผิวขาวครับ  ผมยาว ๆ ดูแล้วมันน่าทนุถนอมดี   เดินขึ้นชั้นบน  อาบน้ำล้างตัวแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าออกจากตู้  แต่งตัวเสร็จก็ขับรถออกจากบ้านไปรับตามเวลานัด  รับน้องสามากินข้าวที่ห้างแถวบ้าน  ผมชอบที่น้องไม่ค่อยแต่งหน้า  ไม่หาเครื่องสำอางมาทำร้ายผิวให้ดูแก่ก่อนวัย
 
“รอนานไหมคะ?”  เดินเข้าไปหาแล้วยื่นมือไปลูบเรือนผมสวย  น้องยิ้มบางแล้วส่ายหน้าว่ารอไม่นาน  พาไปกินอะไรเสร็จก็พาไปดูหนังต่อ  ผมนั่งกุมมือเล็กของสาจนหนังจบ   แต่ก็ไม่ได้อยากทำอะไรมากกว่านั้น  สาเป็นคนที่ผมปลื้มอยู่ก่อน  แล้วน้องก็ดูใสเกินกว่าจะเจอเรื่องพวกนี้  ไปส่งที่บ้านแล้วนั่งเล่นกินลมหน้าบ้านน้องพักใหญ่ก็ขอตัวกลับ

“พี่กลับก่อนนะคะ  วันเสาร์หน้าน้องสาไปอุดหนุนพี่นะคะ  เดี๋ยวให้พี่ปุ๋ยไปรับ..ฝันดีค่ะ”  บอกน้องแล้วหันหลังกลับ  ขมวดคิ้วกับแรงดึงเสื้อแล้วหันกลับไปมอง  น้องเงยหน้ามองตาผมแล้วหลับตาลง..ผมได้แต่ยืนนิ่งกับอาการแบบนี้ของสา  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอแล้วหันมองรอบตัว  ก้มลงแตะปลายจมูกที่แก้มใสแล้วยกมือลูบผมเบา ๆ ยิ้มบางให้ใบหน้าเขินแล้วหันหลังกลับมาขึ้นรถ  ขับออกจากบ้านน้องแล้วตรงดิ่งกลับบ้าน  อาบน้ำเสร็จก็ล้มตัวลงนอน  ลืมตาโพลงนึกถึงความอุ่นของแก้มใสที่สัมผัสเมื่อครู่ใหญ่  เลือดในกายพุ่งพล่านจนทนนอนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้  ลุกขึ้นนั่งแล้วคว้ามือถือกดออกเบอร์ที่คุ้นเคย  ปลายสายรับทันทีที่ผมกดโทรออก

“แก้ม..ผมไปหาได้ไหม?”  สวมเสื้อ  หยิบกระเป๋าเงินกับกุญแจรถ  ขับออกจากบ้านไปหอพักรวมหลัง  ม.  โทรบอกว่ากำลังจะถึงแก้มก็บอกให้ผมเรียกใครอีกคนมาด้วย  ถอนหายใจยาวแล้วแตะเบรกเบา ๆ กดไล่หาชื่อจนเจอแล้วบอกแบบเซ็ง  ๆ

“กูจะไปหาแก้ม  แต่..มีข้อแม้ว่าต้องชวนมึงมาด้วย  กูรอหน้าหอแล้ว  ด่วน!”  รอไม่ถึง  5  นาทีก็มี  sr  สีดำมาจอดข้าง ๆ รถผม  ลดกระจกลงมองมือเรียวที่จับหมวกกันน็อคสีเดียวกับรถมอไซค์ถอดออกจากหัว  ผู้ชายผิวขาว  ตาคม   จมูกโด่งยกยิ้มให้ผมก่อนจะขี่เข้าไปจอดหน้าหอ  ขับตามเข้าไปแล้วเดินลงไปหามันที่ถูกสาวน้อยรุมล้อมอยู่

“พี่มาหาเพื่อนน่ะ  ไว้วันหลังค่อยคุยนะครับ”  ยิ้มบางก้มหัวทักทายสาวน้อยที่มันคุยด้วย  หน้าตาเชิญชวนของผู้หญิงพวกนั้นส่งกลับการทักทายของผม  ยกยิ้มมุมปากทักคนที่ผละจากผู้หญิงพวกนั้นแล้วเดินคู่มาพร้อมมันขึ้นลิฟท์ไปหาแก้ม  ไม่มีเสียงทักทายจากมัน  และไม่มีบทสนทนาอะไรจากผม  ก้าวเท้าออกจากลิฟท์แล้วเคาะประตูห้องที่มาอยู่ประจำ

ประตูเปิดออกช้า ๆ  รับผมกับมันให้เข้ามาในห้อง  มองแก้มที่มีผ้าเช็ดตัวสีขาวคาดอกยืนอยู่กลางห้อง  ผมถอดเสื้อออกแล้วเดินเข้าไปหา  หยุดยืนตรงหน้ามองผิวเนียนตั้งแต่ซอกคอ  ลาดไหล่  จนถึงเนินอกอิ่ม  มือเล็กจับมือผมให้วางบนปมผ้าขนหนู  ยิ้มมุมปากแล้วดึงปมผ้าขนหนูคลายออกช้า ๆ  หน้าอกอวบที่มีตุ่มล็กสีเข้มยั่วยวนให้ต้องยื่นมือไปสัมผัส  ไล้ปลายนิ้วลูบช้า ๆ สะกิดโดนตุ่มเล็กจนสู้มือ  แก้มครางเสียงยั่วก่อนจะขยับเข้าหาผม  ซุกปลายจมูกที่ซอกคอหอมแล้วไล่สูดกลิ่นมาจนถึงตุ่มสีเข้ม  แลบลิ้นเลียเบา ๆ จนแก้มแอ่นหน้าอกตามปลายลิ้น  เลื่อนมือบีบเฟ้นผิวนุ่มตามแรงปรารถนา  หยุดมือที่บีบก้นเพราะสัมผัสถึงน้ำเหนียวจากส่วนปลายความต้องการของคนที่เดินเข้าข้างหลังแก้ม  ชักมือกลับก่อนจะถอดกางเกงตัวเองออก  ดูดเลียยอดอก  สลับกับคลึงปลายนิ้วที่จุดอ่อนไหวของแก้มเบา ๆ คนข้างหลังจูบแผ่นหลังแล้วแย่งพื้นที่สัมผัสจุดอ่อนไหวของผม  ปล่อยให้มันดันนิ้วเข้าไปก่อนช้า ๆ แล้วค่อยดันเพิ่มเข้าไปอีกนิ้ว  แก้มครางไม่เป็นภาษาเมื่อผมกับมันดึงนิ้วเข้าออกไม่ประสานจังหวะ  จับเอนหลังนอนแล้วพรมจูบคนละด้านกับมัน ควานหาถุงยางมาสวมแล้วผลักไหล่มันออก  จ่อความต้องการเข้าไปที่ช่องทางร้อนแล้วดันเข้าไปช้า ๆ จนมิดด้าม

“อาห์..”  ครางต่ำแล้วขยับบั้นเอวช้า ๆ เน้น ๆ  มองมันเดินขึ้นมาจับหัวแก้มแล้วให้ใช้ปากช่วย  ดึงความต้องการออกเมื่อขยับไปจนใกล้ถึงสวรรค์  จับพลิกให้อยู่ท่าคุกเข่า  กำลังจะเสียบเข้าทางเดิมไอ้คนที่ให้แก้มใช้ปากมันก็มาเบียดแย่งเข้าถ้ำ  ปัดไหล่แล้วหยิบถุงยางมาปาใส่อกมัน  มองยิ้มของมันแล้วถอนหายใจยาว  ถอดถุงทิ้งแล้วให้แก้มใช้ปากช่วย  ขยับสะโพกเข้าหาริมฝีปากบางดันความยาวเข้าไปจนสุด  ลืมตาขึ้นมาสบกับคนที่ควบแก้มข้างหลังอย่างไม่ตั้งใจ 

หน้าหล่อที่มีเหงื่อเกาะพราวลามไปทั่วทั้งตัว  ดวงตาคมที่มีประกายฉ่ำเยิ้มสบตาผมก่อนจะเผยอปากเลียริมฝีปากล่างช้า ๆ ส่งเสียงครางต่ำ  หายใจไม่ทั่วท้องกับภาพที่เห็น  หัวใจสูบฉีดเลือดมาเลี้ยงอย่างหนัก  จ้องตาฉ่ำจนมันหายใจหอบหน้าอกแกร่งกระเพื่อมเป็นจังหวะ  เสียงลมหายใจผมหอบหนักเพราะประกายนัยน์ตาของมัน  จับหัวแก้มแน่นแล้วโยกสะโพกเข้าออกอย่างเร็ว  ก่อนจะปลดปล่อยใส่คอแก้มจนเจ้าตัวสำลัก  ดันเข้าไปให้ลึกที่สุดแล้วกระตุกถี่จนหมดลำกล้อง  ถอนออกช้า ๆ แล้วหยิบทิชชูส่งให้แก้ม  ผละออกมาให้แก้มรับความสุขจากความใหญ่ของมันแล้วหันหลังเข้าห้องน้ำ  จับลูกบิดประตูแล้วดึงปิด  ก่อนจะปิดก็เหลือบมองกิจกรรมบนเตียงที่มีเสียงครางจากแก้มไม่ขาดปาก  สบตาคมที่หันมองผมเพียงเสี้ยวแล้วดึงประตูห้องน้ำปิด 

ยืนล้างตัวผ่านน้ำเย็นจากฝักบัว  บีบครีมอาบน้ำใส่ฝ่ามือล้างทำความสะอาดน้องชายเบา ๆ ความลื่นของครีมอาบน้ำทำให้เกิดความรู้สึกอยากขึ้นมาอีกครั้ง  หลับตานิ่งล้างสบู่ออกเบามือ  เดินโทง ๆ ออกไปสวมถุงยาง  ไม่สบตาคนที่ยืนรอห้องน้ำ  จับแก้มที่นอนแผ่หราบนเตียงมารับความต้องการที่คุขึ้นมาอีกครั้ง  แก้มหายใจหอบหนักแล้วจิกเล็บลงที่แขนผมเป็นทาง  ช่องทางเล็กบีบรัดแน่น  กระแทกไม่กี่ครั้งผมก็ปลดปล่อยน้ำรักออกมาเป็นรอบที่  2  หอบหนักแล้วปล่อยให้แก้มนอนพัก  ดึงถุงยางออกมารวมกับถุงครั้งแรกแล้วพันกระดาษทิชชูใส่กระเป๋ากางเกง   ผมไม่เคยทิ้งขยะแบบนี้ไว้ที่ห้องใคร  อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินไปที่ระเบียง  มองแผ่นหลังกว้างที่มีควันสีขาวจาง ๆ ลอยอยู่แล้วเอ่ยปากบอก

“..วางเงินไว้ที่เดิมนะ..ขอตัวก่อน”  มันยกมือส่งผมเหมือนทุกครั้ง  เบือนหน้ามองเงินในกระเป๋าแล้วหยิบออกมา  2  พัน  เดินไปวางเงินไว้ที่หน้าทีวี  หันไปยิ้มบงให้แก้มแล้วเปิดประตูห้องเดินออกไปที่รถ  ขับมาตามถนนที่ไม่มีรถวิ่งพลุกพล่านเหมือนขามาเพราะเวลาแบบนี้มันเป็นเวลาพักผ่อน  มองกระจกหลังที่มีแสงไฟสว่างไล่ตามมา  ชะลอความเร็วลงให้รถคันนั้นแซงไปเพราะผมตั้งใจจะขับกินลมไม่รีบร้อน  หางตาเหลือบมอง  sr  สีดำคันเดิมขี่ตีคู่ขึ้นมา  มองตรงไปที่ถนนไม่หันไปมองให้เสียเชิง  จนมันขี่แซงเลี้ยวไปอีกทางถึงได้มองส่งจนไม่เห็นไฟท้ายรถ

ถอนหายใจยาวกับความสัมพันธ์แบบไม่ธรรมดาของผมกับคนอีก  2  คน  แก้มไม่ใช่แฟน  แต่เป็นคนที่ผมกับมันจีบแข่งกันที่ผับแห่งหนึ่ง  จำไม่ได้ว่าคุยอะไรกันในคืนนั้นกับคน  2  คนบ้าง  รู้แต่ว่า..มันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ไม่ผูกมัด  แต่ต้องรักกันพร้อม ๆ กันเท่านั้น  ยกยิ้มให้กับระยะเวลาที่เนิ่นนานเกือบจะครบปี 

ผมอยู่กับความต่ำทรามที่สังคมรังเกียจ  แต่ตัวเองกลับ..ไม่ผลักไสความชั่วนั้นไปให้พ้นตัว  แค่นหัวเราะสมเพชตัวเองที่จมอยู่ในบ่วงกามอย่างลุ่มหลงมัวเมา  หายใจไม่ทั่วท้องเมื่อนึกถึงภาพดวงตาคมยามถึงจุดกระสัน  ผมไม่เคยนึกอยากมีอะไรกับผู้ชาย.. 

แต่..ผมเองก็ไม่รู้ว่า  ความสัมพันธ์แบบคน  3  คนที่ทำอยู่นี้  มันจะหักเหให้ผมมาชอบผู้ชายได้รึเปล่า  เพราะพักหลัง..ผมเริ่มจะมีภาพหน้าขาว  กล้ามหน้าท้องขึ้นเป็นลูก  กับดวงตาคมโผล่ขึ้นมาในหัวอย่างห้ามไม่ได้บ่อย ๆ และเมื่อครู่ก่อนผมจะถึงจุดปลดปล่อย..         

แว่บหนึ่งผมคิดว่าริมฝีปากที่ครอบครองความยาวของผมเป็น..มัน





‘ติ’



.......................................


กลับมาถึงบ้านก็ล้มตัวนอนคว่ำหน้าระบายความอึดอัดในอก  รู้สึกผิดที่ไม่ยอมถอนตัวออกมาจากหลุมเซ็กส์ที่รู้อยู่เต็มอกว่าก้นหลุมคือหุบเหวลึกที่พร้อมจะดึงเราให้จมดิ่ง..ก้นหลุมที่ไม่มีแม้อากาศจะหายใจ  ถอนหายใจยาวแล้วพลิกตัวนอนหงาย  ลืมตาขึ้นช้า ๆ ไล่ภาพดวงตาคมกับเสียงครางต่ำของติ  เหม่อมองเพดานห้องนานจนร่างกายปิดสวิตช์เพราะความเหนื่อย..หลับพร้อมมโนสำนึกสุดท้ายที่โผล่ผุดขึ้นมาในห้วงฝัน

กอดก่ายกับร่างกายเปล่าเปลือยของคนคนนั้น  สัมผัสความอุ่นของกายเนื้อด้วยความอ่อนโยน  ขยับเนิบนาบเชื่องช้ารับจังหวะกันไม่เร่งร้อน  อีกครั้ง  และอีกครั้ง..จนหลับไปในอ้อมแขนของกันและกัน

เป็นได้แค่ฝัน..เท่านั้น..

..............................

ลืมตาตื่นรับเช้าวันใหม่ด้วยความขุ่นมัว  พ่นลมหายใจทิ้งกับคราบเหนียวเหนอะหนะที่เป้ากางเกง  ถอดแล้วโยนใส่ตะกร้า  เดินโทง ๆ เข้าห้องน้ำ  ส่องกระจกเพ่งมองนัยน์ตาสีน้ำตาลของตัวเองนิ่ง  ยกยิ้มขื่นเมื่อเห็นแต่ความโสมมอยู่ในนั้นเต็มไปหมด  หันหลังหนีกระจกแล้วอาบน้ำล้างตัว  นิ่วหน้าแล้วก้มมองแขนทั้ง  2  ข้าง  รอยข่วนของแก้มยาวตั้งแต่หัวไหล่จนถึงศอก  ตรงศอกเป็นแผลลึกกว่าที่อื่นเพราะแก้มจิกเล็บเต็มแรง  เช็ดตัวแล้วเดินออกมาหยิบเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีอ่อนกับยีนสีเข้ม  แต่งตัวเสร็จก็กดโทรศัพท์หาปุ๋ย  ขับรถไปหาที่บ้านดูอุปกรณ์ที่ปุ๋ยหาไว้   กดโทรศัพท์บอกเมื่อเลี้ยวรถเข้าซอยบ้านปุ๋ย  จอดรถรอหน้าบ้าน  ไม่นานนักเจ้าตัวก็เดินออกมาเปิดรั้วให้    ลงจากรถแล้วยกมือไหว้ป้าที่อุตส่าห์ออกมารับถึงรถ

“ไหว้พระเถอะก้าน  ป้าไม่เจอหนูไม่กี่วัน  หล่อขึ้นนะลูก”  ยิ้มรับคำชมแล้วเดินเข้าบ้านไปพร้อมป้า  ดูอุปกรณ์ที่ปุ๋ยหามาให้แล้วหันไปสั่งให้ดูชามที่จะใส่หมี่เกี๊ยว  ตะเกียบ  ช้อนให้เรียบร้อย  ก่อนกลับก็นัดกับป้าไปเดินหาซื้อของสดที่ตลาดด้วยกัน

“ก้านกลับนะครับป้า  มะรืนนี้ก้านมารับตอนบ่ายนะครับ  สวัสดีครับ”  เดินออกจากบ้านแล้วขับรถออกไปที่โรงงานทำเส้นก๋วยเตี๋ยวกับแผ่นเกี๊ยวของที่บ้าน  บ้านผมทำเส้นก๋วยเตี๋ยว  แผ่นเกี๊ยว  ลูกชิ้นหมู  ลูกชิ้นปลา  ส่งตามแผงในตลาดสดหลายที่ 

“มะรืนเอาของที่สั่งไปส่งที่ตลาดใหญ่ตอนบ่าย  2  ถึงตลาดแล้วโทรบอกด้วย”  สั่งคนส่งของเสร็จก็เดินเข้าไปหาพ่อในห้องทำงานที่ต้องเดินผ่านห้องเก็บเส้นก๋วยเตี๋ยว  น่าจะเรียกโกดังมากกว่า  ก้มหัวทักทายเด็กคนงานที่ยกมือไหว้  เด็กพวกนี้ขยันมาก  ปิดเทอมก็มาของานที่โรงงานทำ  ถึงจำนวนเงินไม่มากแต่ก็เป็นงานที่สุจริต  ส่วนมากก็เป็นลูกคนงานที่นี่ทั้งนั้น  เคาะประตูห้องแล้วรอให้พ่ออนุญาตให้เข้าถึงจะเปิดเข้าไป  เบี่ยงตัวให้เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับผมเดินออกจากห้องทำงานพ่อ  เหลือบมองพ่อแล้วเดินเข้าบอกเรื่องขายก๋วยเตี๋ยวที่ไนท์บาร์ซา

“ป้ามึงโทรบอกพ่อแล้ว  โต๊ะเก้าอี้มีรึยัง?  พ่อจะให้เด็กมันขนไปให้ตอนเอาเส้นไปส่งนะ”  พยักหน้ารับคำแล้วนั่งเงียบ  ผมกับพ่อไม่สนิทกัน แม่กับพ่อเลิกกันตอนผมอายุได้  10  ขวบ  เลิกกันเพราะทนความเจ้าชู้ของพ่อไม่ไหว  ขนข้าวขนของหนีมาอยู่ที่อื่น  แน่นอนว่าพ่อไม่เคยไปตามให้กลับมา  พ่อเป็นคนเจ้าชู้  แต่ในความเจ้าชู้..พ่อก็ยังมีความรับผิดชอบแฝงอยู่ด้วย  ความรับผิดชอบของพ่อก็คือการส่งเงินมาเลี้ยงดูปูเสื่อบรรดาเมียอย่างเท่าเทียมกัน  ใครที่มีลูกก็ให้มากหน่อย  ใครที่ไม่มีก็ได้น้อยหน่อย 

ผมเป็นลูกคนที่  3  ของพ่อ  แต่ผมกลับเป็นลูกรัก  นั่นเพราะเป็นลูกชายคนแรกที่พ่อมี  แต่ด้วยทิฐิของแม่และความเจ้าชู้บวกกับแบ่งเวลาไม่ถูกของพ่อ  ทำให้ผมกับพ่อไม่มีโอกาสได้ใช้เวลาแบบพ่อลูกเหมือนครอบครัวอื่น  นาน ๆ ครั้งพ่อจะมาหาทีหนึ่ง  มาทีก็ทะเลาะกับแม่  อยู่ได้แป๊บเดียวก็กลับ  หึ..ผมจำหน้าในหลวงท่านที่พ่อส่งมาให้ทุกเดือนได้มากกว่าหน้าพ่อแท้ ๆ ด้วยซ้ำไป  นั่งนิ่งให้พ่อมองหน้า..หน้าที่เหมือนแม่มากกว่าตัวเอง  นานจนถึงเย็นก็ขอตัวกลับ   

“ผมกลับนะครับ  สวัสดีครับ”   ยกมือไหว้แล้วลุกออกจากโต๊ะ  พ่อลุกตามมาจับข้อมือแล้วยัดเช็คเงินสดใส่มือผม  ไม่ทันได้คืนเหมือนที่เคยทำ  พ่อก็ดันหลังให้ออกจากห้องทำงาน  ทันทีที่พ้นประตูพ่อก็ปิดทันที  เสียงทุ้มดังไล่หลังว่าเงินที่ให้เป็นเงินขวัญถุงวันเกิดผม  ยิ้มบางกับเช็คในมือ  ผมไม่รู้สึกดีใจกับตัวเลข  5  หลักที่อยู่บนเช็ค  แต่ดีใจที่..อย่างน้อยพ่อก็ไม่ลืมว่าอีก  2  วันเป็นวันที่ผมลืมตาดูโลก  ตะโกนผ่านประตูห้องทำงานเสียงดัง

“ขอบคุณครับ..พ่อ”  ไม่มีเสียงจากด้านในห้อง แต่ผมก็เชื่อว่าพ่อต้องยิ้มอยู่  เดินหน้าเปื้อนยิ้มออกจากห้องพ่อมาขึ้นรถ  ขับออกจากโรงงาน  วันเกิดปีนี้ผมฉลองคนเดียวเหมือนทุกปี  ตอนเกิด..ผมมาคนเดียว  เพราะฉะนั้น  ผมก็ควรจะอยู่คนเดียวเหมือนกัน  แต่ปีนี้  ก่อนจะฉลองให้ตัวเองก็ต้องผ่านความอึกทึกนิดหน่อย  เพราะมันตรงกับวันขายก๋วยเตี๋ยวที่ตลาดวันแรก  กลับถึงบ้านก็เดินขึ้นไปอาบน้ำ  ลงมาอีกรอบแล้วกดโทรหาน้องสา


“พี่ไปหานะคะ  ทานข้าวเย็นด้วยกันแล้วพี่กลับมาส่งที่บ้าน  ไม่เกินทุ่มค่ะ..”   ผมไม่เคยอึดอัดกับเคอร์ฟิวที่บ้านน้อง  ดีเสียอีก  ผมจะได้ไม่ชิงสุกก่อนห่ามกับน้อง  รอเวลาที่มันสุกเต็มที่แล้วค่อย ๆ เลาะเล็มชิมทีละนิด  ผมคงเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก  ไปถึงบ้านก็สวัสดีพ่อแม่น้อง  ขอพาออกมาทานข้าวเย็นแล้วจะพากลับตามเวลา   ขับออกมาจนเกือบจะถึงร้านก็สังเกตถึงความผิดปกติ  เหลือบมองรอยยิ้มหวานที่ยิ้มน้อย ๆ ให้ผม  ยิ้มบางตอบแล้วยื่นมือไปกุมมือเล็ก

“มีอะไรรึเปล่าคะ?  ถึงได้ยิ้มให้พี่แบบนี้..”  เอ่ยปากถาม  แต่พอฟังคำตอบแล้วหัวใจผมเต้นผิดจังหวะทันที  ‘พี่ก้านใส่เสื้อที่น้องสาซื้อให้ไงคะ’  ถ้าผมความจำดีกว่านี้  ผมจะเลือกตัวอื่นมาใส่ปิดรอยข่วนที่แขน  ทานข้าวเสร็จก็พาไปส่งที่บ้านแล้วขอตัวกลับบ้านทันที  ไม่อ้อยอิ่งนั่งกินลมเหมือนเคย

“วันนี้รีบกลับเหรอคะ?  น้องสาทำสาคูไส้หมูไว้เยอะเลยค่ะ  พี่ก้าน..ไม่อยู่ทานเหรอคะ?”  ยิ้มบางแล้วส่ายหน้าตอบน้อง  ลูบผมเบา ๆ แล้วหันหลังเดินตรงมาที่รถ   ขับออกมาจากบ้านแล้วเหยียบมิด  รอยแผลที่แขนร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงหน้าใสไม่มีเครื่องสำอางที่ยิ้มหวานให้ผม  ความผิดแล่นเข้าทำร้ายจนหัวใจปวดหนึบ  บางที..ผมควรจะหักดิบความสุขชั่วข้ามคืนที่ทิ้งผลร้ายให้ผมในระยะยาว  หันหลังให้ความสัมพันธ์แบบเรา  3  คนบนเตียงเดียวกันสักที

กดหารายชื่อแก้มจากรายชื่อที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์แล้วกดลบอย่างไม่ลังเล  ชื่อถัดมาที่จะต้องลบ..นิ้วมันกลับบังคับได้ยากเย็น  หายใจถี่กับชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอ  หลับตาลงช้า  ๆ  นิ่วหน้าเพราะความเจ็บปวดจากในอก  แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอ  ผมก็ทนแทบไม่ไหว  ระบายลมหายใจที่หนักอึ้งออกช้า ๆ แล้วสอดมือถือไว้ใต้หมอน  เดินออกไปรับลมที่ระเบียง  เหม่อมองดาวทอแสงแสงระยับบนท้องฟ้า  ความเงียบของค่ำคืนและความงามจากท้องฟ้าทำให้ใจผมเริ่มสงบ

เดินกลับเข้าห้องแล้วหยิบมือถืออกมาจากใต้หมอน  ย้ายชื่อทุกคนมาที่ตัวเครื่องแล้วลบชื่อมันออก  โยนซิมเดิมทิ้ง  พรุ่งนี้คอยออกไปหาซิมใหม่ใส่แทน  นับตั้งแต่วันนี้..ผมควรจะมีความสุขได้จริง ๆ เสียที  ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปพร้อมความฝันเดิมของเมื่อคืนวาน  ถึงผมจะลบชื่อมันออกจากการติดต่อ  แต่ในหัวผม..กลับมีมันชัดเจนจนน่าใจหาย..หลับไปพร้อมกับความคิดถึงที่ก่อตัวในใจ  รับความจริงที่ไม่มีวันหนีพ้น

ผมลืมมันไม่ได้..

ลืมตาตื่นรับวันใหม่  นอนเฉยตั้งแต่  8  โมงจนถึง  10  โมง  ไม่มีอารมณ์หาของใส่บาตรวันเกิด  ไม่อยากลุกจากที่นอน  ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น  ถอนหายใจยาวกับเสียงโทรศัพท์บ้านที่แผดลั่น  ลุกมารับโทรศัพท์แล้วบอกปุ๋ยเสียงเบาว่าเดี๋ยวจะออกไปรับป้าที่บ้านเอง  วางหูแล้วถอนหายใจยาวทิ้งอีกหลายครั้ง  อาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปหาอะไรกินใน  7-11  หน้าปากซอย  ไม่ลืมซื้อซิมมาใส่มือถือ  ใส่เสร็จก็เปิดเครื่อง  กดโทรหาพ่อแล้วบอกให้เมมเบอร์นี้ไว้  วางหูแล้วกดหาคนรู้จักอีกหลายคน  จนถึงเบอร์สุดท้าย  หลับตาลงช้า ๆ กดความผิดที่เอาแต่ฝันถึงคนอื่นแทนที่จะเป็นคนคนนี้..แล้วกดโทรออก..

“น้องสา..พี่เองค่ะ  เบอร์เดิมวันหมดค่ะ  พี่เลยเปลี่ยนซิมใหม่ที่วันใช้งานนานกว่าเดิม  วันนี้พี่ไม่ไปหานะคะ  พี่ต้องขายก๋วยเตี๋ยวช่วยพี่ปุ๋ยค่ะ  เย็น ๆ พี่ให้พี่ปุ๋ยไปรับนะคะ..”  ภายใต้เปลือกตาที่หลับสนิทของผม  ในมโนสำนึกเก็บทุกรายละเอียดของเสียงสดใสที่ได้ยินให้ซึมเข้ามาในใจ    พยายามให้น้องสาเข้ามาอยู่ข้างในก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายให้เต็มเหมือนเดิม    รู้ทั้งรู้  ว่าในอกผมตอนนี้มันไม่เหลือน้องสาอยู่อีกแล้ว  แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงทู่ซี้ดันทุรังดึงดันจะยังทำตัวเหมือนเดิมกับน้องสา  คิดง่าย ๆ ว่าพอกลับมาใช้ชีวิตที่มีแต่น้องสา  เดี๋ยวก็ลืมติได้  หอมแก้มใสได้อย่างสนิทใจ  ไม่นึกถึงหน้าใครตอนกอดน้องสา  ทั้งที่เรื่องจริง..มันไม่ง่ายเหมือนที่หลอกตัวเองอยู่ในตอนนี้..

ผมมัน..เลว! 

วางหูแล้วยืนนิ่งมองโทรศัพท์ในมือ  กลืนก้อนแข็งที่จุกอยู่ตรงคอหอย  นิ่วหน้ากับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง  สูดลมเข้าปอดแล้วพ่นออกมาแรง ๆ บอกตัวเองให้หยุดคิด  ถ้าจะเกิดอะไร..ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป!  เดินไปขึ้นรถแล้วขับไปรับป้ากับปุ๋ยที่บ้าน  ซื้อของสดที่ตลาดเสร็จก็กลับมาเตรียมของที่บ้านปุ๋ย  หั่นผัก  ตั้งหม้อทำน้ำซุป  เตรียมเครื่องปรุง  ป้ากับลุงจะเป็นคนไปเตรียมร้านให้  ส่วนผมกับปุ๋ยค่อยตามไปทีหลัง  ขอตัวกลับมาอาบน้ำที่บ้านแล้วดูแผลที่แขน  ถอนหายใจยาวกับสะเก็ดสีน้ำตาลเป็นทางยาว   หยิบเสื้อโปโลแขนยาวมาสวมแล้วลองดึงแขนเสื้อขึ้นจนเกือบถึงศอก   เบี่ยงซ้ายขวามองกระจกดูความเรียบร้อยว่ายังไงก็ไม่เห็นแผลแน่แล้วเดินออกจากบ้าน  ขับรถไปรับปุ๋ยที่บ้านตรงไปที่ตลาด  ถึงตลาดตอน  5  โมงเย็น  ยื่นกุญแจให้แล้วบอกให้ปุ๋ยไปรับน้องสาที่บ้าน

“ไปรับน้องสาที่บ้านให้ที  ผมต้องเตรียมของ  แล้วรบกวนพาไปส่งที่บ้านตอนทุ่มตรงด้วย..วานหน่อย”  ปุ๋ยมองหน้าผมแล้วยิ้มสะใจที่ผมต้องง้อมัน  เข้าใจความรู้สึก..เพราะหน้าธรรมดาของผมมันดูหยิ่งมาก  การขอร้องหรือไหว้วานใครของผมมันคงทำให้สาแก่ใจมากพอสมควร  ปุ๋ยรับกุญแจไปแล้วผมก็หันหลังมาดูหม้อน้ำซุป  คนแล้วตักดุว่ากระดูกหมูเปื่อยแค่ไหนแล้ว  เครื่องเทศที่ใช้ก็ห่อผ้าขาวต้มไปด้วย  ไม่มีอะไรมาก  นอกจากพริกไทยเม็ดกับกระเทียมสดโขลกหยาบ ๆ  ก้มลงหรี่ไฟในเตาแล้วปล่อยให้มันเดือดพล่านไปเรื่อย ๆ รับโทรศัพท์คนงานที่มาส่งเส้นก๋วยเตี๋ยวแล้วให้ขนโต๊ะเก้าอี้มาตั้งข้างหลังร้าน  ยิ้มบางกับโต๊ะเก้าอี้ไม้อย่างดีที่พ่ออุตส่าห์ให้เอามาส่งที่ร้าน

“โห..เอางี้เลยอ่ะน้าสิงห์”  ยิ้มให้ปุ๋ยทีมองโต๊ะเก้าอี้ไม้ในมือคนงาน  ตั้งร้านเรียบร้อยก็ถามมันว่าขายยังไง  ปวดหัวกับราคาหมี่เกี๊ยวของมันมาก  หมี่ไม่ใส่เกี๊ยวชามละ  25  เกี๊ยวอย่างเดียว  25    ถ้าใส่เกี๊ยวในบะหมี่ชามละ 30  พิเศษทุกอย่างก็  30  ตัดปัญหาให้มันเป็นคนเสิร์ฟแล้วคิดเงินด้วยเลย  หันไปสั่งเด็กยกโต๊ะคนงานพ่อ  2  คนให้อยู่ช่วยก่อน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2015 13:58:56 โดย jira »

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
“2  คนน่ะอยู่ก่อน  เรานั่นล่ะ  อยู่ดึกได้แค่ไหน?”  เด็กหนุ่มวัยรุ่นคนงานพ่อมองหน้ากันเหรอหรา  ตอบผมเสียงเบาว่าอยู่ได้ถึง  4  ทุ่ม  พยักหน้ารับแล้วบอกทั้งคู่..

“อยู่ช่วยพี่ปุ๋ยเสิร์ฟกับเก็บโต๊ะ  ไม่ต้องล้างเพราะมีคนล้างแล้ว  เดี๋ยวให้เงินเพิ่มแล้วขากลับก็จะให้พี่ปุ๋ยไปส่งที่บ้าน”  ปุ๋ยตาโตมองผมแล้วยิ้มบางให้  2  หนุ่ม  หยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมแล้วส่งผ้ากันเปื้อนที่เหมือนกันให้เด็ก  2  คนกับปุ๋ยใส่  จะได้ดูเป็นทีมเดียวกัน  เหลือบมองคนที่เริ่มเดินเข้ามาในไนท์บาร์ซาแล้วหยิบของมาเตรียม  ยิ้มบางให้ลูกค้ารายแรกที่เดินหลงเข้ามาในร้าน  ยืนทำบะหมี่เกี๊ยว  2  ชามแล้วหันไปสั่งเด็กคนงาน  2  คนให้เอาช้อนลวกน้ำร้อนก่อนจะเสิร์ฟด้วย  มันจะอร่อยอย่างเดียวไม่ได้  ต้องสะอาดด้วย  ไม่นานนักโต๊ะในร้านก็ถูกนั่งจนเต็มทุกโต๊ะ 

“ก้าน..ปุ๋ยไปรับน้องสานะ  เดี๋ยวมา”  สะอึกกับชื่อน้องสา  หายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยักหน้ารับ  กัดกรามแล้วง่วนกับออเดอร์ที่ไหลเข้ามาเรื่อย ๆ  ทำก๋วยเตี๋ยวเพลินเพราะคนเข้ามานั่งในร้านเยอะมาก  เงยหน้ายิ้มให้ลูกค้าสาว ๆ  ที่มายืนรอก๋วยเตี๋ยวใส่ถุงกลับบ้านอยู่หน้าร้าน  ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน  รู้อีกที..น้องสาก็มายืนช่วยผมเรียงชามรอเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่ข้าง ๆ แล้ว

“ไปเดินดูของที่ไนท์ก็ได้นะคะ  อยู่ตรงนี้ร้อนแล้วก็วุ่นวายด้วย”  น้องสาส่ายหน้าแล้วเข้ามายืนใกล้ ๆ เอาหัวพิงไหล่ผมเบา ๆ ในอกชาไปหมด  ฝืนยิ้มบางให้น้องที่เงยหน้ามอง  ก้มหอมกระหม่อมบาง  ทำใจมีความสุขกับความจริงที่ผมเลือกแล้ว  น้องสาช่วยหยิบชามมาวางเรียง  ตักผักกับกระเทียมเจียวโรยหน้าก่อนจะปล่อยให้เด็กคนงานยกไปเสิร์ฟ  ยิ้มให้ความน่ารักของน้องสาที่คอยช่วยอยู่ข้าง ๆ ความร้อนหน้าเตาทำให้ต้องดึงแขนเสื้อขึ้นระบายความร้อนในร่างกายออก  หันไปบอกปุ๋ยให้เด็กยกน้ำซุปมาใส่หม้อ

“ปุ๋ยให้น้องมันยกน้ำซุปมาเทหน่อย  ใกล้หมด..”  สั่งไม่ทันจบก็ถูกภาพที่เห็นดูดคำพูดไปจนหมด  คนที่ผมพยายามตัดออกจากวงจรความสัมพันธ์เลวร้ายยืนมองผมอยู่เยื้องหม้อก๋วยเตี๋ยวไม่ไกล  กลืนน้ำลายเหนียวกับสายตาที่มองผมนิ่ง  ถอนหายใจกับคำถามข้างหูจากปุ๋ย

“ใครอ่ะก้าน  โคตรเท่อ่ะ  หล่อแบบแบดบอยอ่ะ  เพื่อนเหรอ?  เข้ามานั่งก่อนสิคะ”  ก้มไปมองหน้าระริกของปุ๋ย..ไม่อยากเชื่อว่ามันจะกล้าเอ่ยปากชวนคนแปลกหน้าเข้ามานั่งในร้านหน้าตาเฉย  ตาค้างกับแผ่นหลังของคนที่อยู่ในฝันมา  2  คืนติดที่เดินดุ่มเข้าไปนั่งในร้านตามคำชวน  ผมไม่อยากให้ปุ๋ยกลายเป็นของเล่นของติ  พอ ๆ กับความกลัว  ถ้าผมยังมีน้องสายืนอยู่ข้าง ๆ  ..สิ่งที่ผมกับมันทำด้วยกัน  ก็ไม่ควรให้น้องสารู้  ผมต้องบอกให้ติหายไปจากชีวิตผม  ข่มใจให้ไม่รู้สึกอะไรกับดวงตาคมของติ  สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเดินเข้าไปหาติที่นั่งโต๊ะข้างในสุด  หันไปจ้องปุ๋ยที่เดินตามมาติด ๆ จนปุ๋ยต้องยิ้มแหยกลับไปยืนหน้าหม้อก๋วยเตี๋ยว

หันกลับไปเผชิญหน้ากับดวงตาคมที่มองผมอยู่   รอยยิ้มน้อย ๆ จุดที่มุมปากติแล้วจางหายไปอย่างรวดเร็ว  คำพูดทักทายที่ไม่ค่อยได้ยินจากปากติถามผมด้วยน้ำเสียงสงสัย 

“ทำไมติดต่อไม่ได้?  เปลี่ยนเบอร์หนีผม?..”  ยืนนิ่งมองตาคมกริบ  กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น  เบือนหน้าหลบตาจับผิดของมันแล้วถอนหายใจยาว  เรื่องหลบหลีกสำหรับผมมันง่ายนิดเดียว  แค่ทำเฉยไม่ตอบคำถามแล้วบอกให้กลับไป  หรือบอกให้อีกฝ่ายหายไปจากชีวิตของกันและกันเพราะผมเลือกทางเดินสะอาดสำหรับชีวิตผมแล้ว  ผมควรจะเด็ดขาด  แต่พอสบตาคู่นั้น  ผมกลับ..พูด..ไม่ออก

“เอาเบอร์ใหม่มา..”  ก้มมองมือหยาบที่ยื่นขอเบอร์ล่าสุดของตัวเอง  หนักในอกเพราะรู้ดีว่าทำไมตัวเองถึงเปลี่ยนเบอร์  ถ้ายอมให้ไป..ความผิดซ้ำซากก็จะกลับมาอีก  เงยหน้าสบตาคมแล้วส่ายหน้ากลับไป  อ้าปากตั้งใจจะบอกเรื่องที่คิดว่าจะเลิกก็โดนอีกฝ่ายทะลุกลางปล้องขึ้นมาซะก่อน 

“ไม่ได้จะเอาไว้โทรเรื่องนั้น  เปลี่ยนเบอร์เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ?  เพราะ..คนนั้น..ใช่ไหม?”  ดวงตาคมเลื่อนไปมองจุดอื่นที่ไม่ใช่ผม  ไม่สนใจว่ามันหมายถึงใคร?  ไม่ใส่ใจว่าหมายถึงสาหรือคนอื่น  ในอกข้างซ้ายผมมันเต้นแปลก ๆ มันรู้ว่าผมเปลี่ยนเบอร์เพราะอะไร  แต่มันก็ยังอยากติดต่อผม ยัง..อยากอยู่ในสังคมของผม  ก้มมองมือสากที่ยังคงรอเบอร์ใหม่จากผม  ล้วงโทรศัพท์ตัวเองออกมาส่งให้มัน

“เมมเบอร์ติให้ผมด้วย”  ดวงตาคมมองโทรศัพท์ผมที่วางลงในมือ  รอยยิ้มบางประดับหน้าทำให้ผมต้องยิ้มตาม  ไม่เคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้จากมันแม้แต่ครั้งเดียว  มองตามปลายนิ้วที่กดลงบนโทรศัพท์ผม  ไล่สายตาขึ้นมามองแขนแกร่งจนถึงขนตาเป็นแพ

“..เลิกกี่โมง?  หาเพื่อนกินเหล้าน่ะ”  สบตาคมหลังจากรับมือถือตัวเองใส่กระเป๋ากางเกงแล้ว  มองค้นในตาคู่นั้น  เจ้าตัวก็ปล่อยให้ผมมองจนพอใจไม่หลบตา  ยิ้มบางแล้วบอกติว่าจะโทรบอก  ติยิ้มแล้วเบือนหน้าไปก้มหัวลาปุ๋ยกับน้องสาที่มองอยู่  มองตามแผ่นหลังกว้างจนลับตาก่อนจะเดินกลับมาเข้าที่  ไม่ตอบคำถามเซ้าซี้ของปุ๋ยและหลบตาน้องสา  เพราะรู้เต็มอก  ใจผมมันกำลังถูกคนที่เพิ่งเดินออกไปรุกเข้ามาทีละนิดจนเต็มดวงแล้ว  ความเงียบกับการจ้องของสาทำให้ผมอึดอัดขึ้นเรื่อย ๆ   แผลรอยเล็ก ๆ ที่แขนร้อนวาบเมื่อน้องสายื่นมือมาแตะผ่านเสื้อ  กลืนน้ำลายเหนียวเมื่อเห็นว่าน้องสาดึงแขนเสื้อผมลง..ปิดรอยข่วนให้  ไม่กล้าเงยหน้ามองหน้าน้องสา  หัวใจเต้นถี่ดังกลบเสียงสั่งบะหมี่เกี๊ยวของลูกค้า  จนน้องสาบอกผมเสียงเบาว่าต้องกลับบ้านแล้วถึงได้ยอมหันกลับมาสบตา

“พี่ขอโทษที่ไปส่งไม่ได้..กลับดี ๆ นะครับ”  น้องสามองตาผมนิ่งแทนคำพูดทั้งหมด  รอยข่วนที่แขนจนต้องใส่เสื้อแขนยาวปิด  เปลี่ยนเบอร์กะทันหัน  อาการของผม..มันฟ้องทุกอย่าง   ทนสายตาตัดพ้อไม่ไหว..เบือนหน้าหนียิ้มขื่นของน้องสา 

“พี่ก้านมีอะไรจะบอกสารึเปล่าคะ?  มีอะไรที่สายังไม่รู้รึเปล่า?  พี่ก้าน..”  กลืนก้อนแข็งลงคอแล้วหลับตารับผลที่ตัวเองทำ  หันกลับมายิ้มอ่อนโยนให้น้องสา 

“ไม่มีครับ..พี่ขอโทษ”  ก้มหัวขอโทษน้องสาที่มองหน้าผมแล้ว..ปล่อยให้น้ำตาไหลพราก

“รอยข่วน..ของใครคะพี่ก้าน?”  ก้มหน้าหลบตาน้องสาที่ยืนถามถึงเจ้าของรอยข่วน   สิ่งรอบตัวผมหยุดการเคลื่อนไหว..ทุกสายตาจับจ้องหนังน้ำเน่าที่ฉายให้ดูแบบติดขอบจอ  หลับตาแน่นรับแรงตบจากฝ่ามือเล็กที่ฟาดลงมาบนแก้ม  2  ทีติด  ยิ้มสมเพชตัวเองที่ถูกน้องสาตะโกนใส่หน้าว่าต่ำทรามแล้วตบท้ายด้วยคำว่า  ‘เลิก!’  ที่ไนท์บาร์ซา..สถานที่ที่คนเดินพลุกพล่านแบบนี้   

แค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับสิ่งที่ผมทำ  ผู้คนที่เดินไปมาหยุดสนใจเมื่อน้องสาเดินหายไปจากร้าน  หันมองปุ๋ยให้ตามไปส่งน้องสาที่บ้าน  ก้มหน้าก้มตาทำบะหมี่ต่อไปจนเของหมดแผง  ทยอยเก็บร้านแล้วให้ปุ๋ยที่เพิ่งกลับจากส่งน้องสาไปส่งเด็กคนงานที่โรงงานพ่อด้วย  อย่างน้อย  ผมก็ไม่ต้องทนยืนให้มันซักให้เซ็งหนักกว่าเก่า

ขนของใส่รถช่วยคนของป้าเก็บจนเสร็จก็ขับรถกลับบ้าน  เดินขึ้นไปอาบน้ำ  ยืนใต้ฝักบัวปล่อยให้น้ำเย็นล้างความห่วยของตัวเองจนเริ่มหนาว  เช็ดตัวแล้วคาดผ้าเช็ดตัวเดินมารับโทรศัพท์ที่ส่งเสียงอยู่บนหลังทีวี

ถอนหายใจยาวกับชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอ  กดวางไม่ถึงนาทีมันก็ดังขึ้นมาอีก  กดรับแล้วรีบบอก  ‘จะนอนแล้ว!’  แล้วรีบวางหูทันที  ขมวดคิ้วมุ่นกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาอีก  เบื่อกับความอยากรู้อยากเห็นของปุ๋ยเต็มทน  กำลังจะกดทิ้งก็ต้องเปลี่ยนอารมณ์  เพราะชื่อที่โชว์มันไม่ใช่ปุ๋ย..

“..อืม..ผมอยู่บ้านแล้ว  ไม่ต้องหรอก  จะให้เจอที่ไหนล่ะ?”   ถอนหายใจพรูเมื่อติอยากได้เพื่อนกินเหล้า  พอผมบอกว่าอยู่บ้าน  เจ้าตัวก็ถามว่าบ้านอยู่ตรงไหน  ผมยังไม่พร้อมจะให้ติเข้ามาในอาณาจักรส่วนตัว  ยังไม่ใช่ตอนนี้  ล้างหน้าแล้วขับรถออกจากบ้าน  โทรถามทางจากติจนถึงที่ที่เจ้าตัวนัดผม

“ถึงแล้ว..ชั้นไหน?”  ลงจากรถแล้วเดินขึ้นคอนโดหรู  กำลังจะกดลิฟท์ยามก็วิ่งเข้ามาถาม

“แลกบัตรก่อนขึ้นด้วยครับ”  พยักหน้ารับแล้วเดินตามไปที่เคาน์เตอร์  พอบอกชั้นกับห้องยามก็เงยหน้ามอง

“แขกคุณติเหรอครับ..ขึ้นไปได้เลยครับไม่ต้องแลกบัตร  ผมขอโทษนะพี่”  ขมวดคิ้วงงแต่กับบัตรกลับมา  ขึ้นลิฟท์แล้วเดินไปตามเลขห้อง  เคาะประตูแค่  2  ครั้งห้องก็เปิดออกทันที  มองตาคมของเจ้าของห้องแล้วยิ้มตอบรอยยิ้มบางที่ส่งมาให้  เดินตามเข้าไปแล้วปิดประตูเบามือ 

“นั่งเลย  ตามสบาย  เอาหน่อยไหม?”  ยิ้มรับน้ำสีเข้มที่อยู่ในขวดทรงสวย  มองมือสากที่ยื่นแก้วเหล้าให้  รับมาจิบแล้วกวาดตามองไปรอบห้อง  เป็นห้องที่กว้างกว่าห้องชุดที่อื่น  มีห้องแค่ห้องเดียว  ข้างหลังน่าจะเป็นครัว  เฟอร์นิเจอร์มีแค่โซฟาที่นั่งอยู่ตอนนี้กับโฮมเธียเตอร์ตรงหน้า  เหลือบมองเจ้าของห้องทีจับรีโมทเบาเพลง  สบตาคมแล้วยกแก้วเหล้าจรดริมฝีปาก  ละเลียดรสขมในแก้วจนหมด  วางแก้วลงก็ถูกเจ้าของห้องชงให้เต็มแก้วเหมือนเดิม  เสียงทุ้มแซวเรื่องเมื่อหัวค่ำ

“หน้าอย่างนี้ทำบะหมี่เป็นด้วยเหรอ?  ไม่อยากจะเชื่อ”  ยิ้มมุมปากรับคำ  มองตาคมกับแก้มขึ้นสีเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์  นั่งดื่มเงียบ ๆ ฟังเพลงเบา ๆ จนเวลาล่วงเข้าเที่ยงคืน  ตินั่งนิ่งมองขวดเหล้าที่มีเหล้าติดก้นขวดนิ่ง  ผมเองก็นิ่งมองน้ำสีเข้มในแก้วตัวเอง  ต่างคนต่างอยู่ในโลกของตัวเอง  ผมไม่รู้ว่าติกำลังคิดอะไร  แต่ผมรู้..ว่าผมคิดอะไรอยู่

อยากไล้ปลายนิ้วที่ผิวแก้ม  อยากรู้ว่ามันจะลื่นมือหรือสากเพราะหนวดเขียวครึ้มที่กำลังขึ้นใหม่ ๆ อยากรู้ว่าริมฝีปากสีส้มอ่อนนั่น..จะนุ่มแค่ไหน ยิ้มแกน ๆ กับความชั่วในหัว  หยิบมือถือออกมาดูเวลาแล้วมองตาคม  เลิกคิ้วมองตาคมที่หลิ่วตอบการมองของผม

“อะไร?  เพิ่งจะเที่ยงคืน  รีบกลับไปไหน?  เลิกไปหาแก้มแล้วไม่ใช่เหรอ?  หรือว่า..น้องเขารออยู่?”  ขมวดคิ้วกับคำถามของมัน  ผมกับมันไม่เคยคุยกันเกิน  3  คำ  การที่มันพูดเยอะ ๆ แบบนี้  มันเป็นความทรงจำใหม่ของผมเลยทีเดียว  ยิ้มบางแล้วส่ายหน้าแทนคำตอบที่มันถาม  คิ้วเข้มขมวดมุ่นกับการตอบของผม  ถอนหายใจแล้วบอกมันให้รู้เรื่อง

“มันดึกแล้วก็เลยจะกลับ  ไม่ได้กลับไปหาใคร  ไม่มีใครรออยู่หรอก”  ตินิ่งมองผม  ปล่อยให้สายตาคู่นั้นจับจ้องจนเข็มยาวเดินมาถึงเลข  6  ลุกขึ้นยืนแล้วขอตัวกลับก่อน  เดินไปที่ประตูกำลังจะจับลูกบิดมือสากก็ชิงกดล็อคประตูตัดหน้า  หันไปมองหน้าหล่อที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วขมวดคิ้วไม่เข้าใจ  ตาคมที่จ้องเสื้อผมค่อย ๆ เบือนขึ้นมาสบ

“ตอบกูมาก่อน  แล้วกูจะให้มึงกลับ”  จ้องตาคมกลับแล้วพยักหน้ารับคำ  หันมามองติเต็มตัวแล้วรอฟังคำถาม  มองริมฝีปากสีส้มอ่อนที่ขยับไปมาแล้วตอบแบบสบาย ๆ

“มึงเลิกไปหาแก้มเพราะน้องคนที่ช่วยขายบะหมี่ใช่ไหม?”  ตอบกลับไปด้วยคำว่า  ‘ใช่’  ติกัดกรามจนขึ้นเป็นสัน  มือที่จับลูกบิดหมุนแล้วดึงประตูห้องเปิดให้ผม  ติหมุนตัวเดินเข้าห้องแล้วหายเข้าไปทางด้านหลัง  ผมถอนหายใจยาวแล้วปิดประตูห้อง  เดินตามเข้าไปก็เจอเจ้าของห้องจุดบุหรี่ขึ้นสูบตรงอ่างล้างจานในครัว  ตาคมตวัดหางตามองผมแล้วหันมามองหน้าผมตรง ๆ

“เชิญ”  มองมือที่ผายไล่แล้วอดยิ้มไม่ได้  เหมือนกำลังงอนยังไงไม่รู้

“เพราะน้องสาผมเลยเลิกไปหาแก้ม  แต่เพราะรอยที่แก้มทำไว้  ผมเลยถูกน้องสาตบ  2  ทีติด  อยู่นาน ๆ ไม่ได้  พรุ่งนี้ต้องขายบะหมี่อีก  จะกลับไปนอนพักผ่อนคนเดียวที่บ้านครับ..เผื่อจะอยากรู้”  ตอบยาว ๆ ให้เจ้าของตาคมที่ยืนไม่พอใจได้ฟัง  ประกายความไม่พอใจอ่อนลงจนไม่เหลือความโมโห  ติเขี่ยขี้บุหรี่ลงอ่างแล้วสูบควันเข้าปอด  หันมามองหน้าผมแล้วพ่นควันขาวลอยคว้างในอากาศ  มองตาคมผ่านกลุ่มควันสีขาวจาง ๆ  ดวงตาคู่นั้นกำลังบอกอะไรบางอย่างกับผม  บางอย่างที่มัน..ตีความได้ถึง..

การเชิญชวน..

เดินเข้าไปหาแทรกกลุ่มควันสีขาว  จับมวนบุหรี่ที่คีบไว้มาบี้ดับ  ยื่นริมฝีปากเข้าไปหาช้า ๆ จนแตะกับริมฝีปากสีส้มอ่อนเบา ๆ  ติไม่หลบการรุกล้ำที่ริมฝีปาก  กลับหลับตาลงช้า ๆ ซึมซับความอ่อนโยนที่ผมกำลังเลาะเล็มชิมเนื้อนุ่มหยุ่นสีส้มอ่อน  ไล้เลียริมฝีปากนุ่มนวล..เนิ่นนาน  รับลมหายใจกลิ่นเมนทอลเข้ามาเป็นลมหายใจของตัวเอง  ถอนจูบออกอ้อยอิ่ง  นิ่งมองเปลือกตาที่ค่อย ๆ ลืมขึ้นมาสบ  ลดสายตามองริมฝีปากสีส้มอ่อนที่ถูกเคลือบด้วยน้ำหวานจากริมฝีปากผมจนวาววับ

“รู้สึกดีกว่าที่คิด”  ยิ้มบางให้คำพูดที่เหมือนคนละเมอของติ  ขยับเข้าประชิด  แนบริมฝีปากแตะริมฝีปากสีส้มอ่อนอีกครั้ง มือสากสอดเข้ามากอดเอวผมดึงเข้าหาตัวตามจังหวะการหายใจ  ร่างกายแนบสนิท  ปลายลิ้นร้อนตวัดรัดเกี่ยวพันจนเกิดเสียงแปลก..มันหวิวในช่องท้องจนต้องผละออกจากกัน  เบือนหน้ามองอ่างล้างจานแล้วปรับลมหายใจให้เป็นปกติ  หันกลับมามองเจ้าของห้องที่เกาะอ่างล้างจานอยู่ข้าง ๆ

“ผมโสด  ติล่ะ?”  คิ้วเข้มขมวดกับคำถาม  หน้าด้านข้างยิ่งน่ามองเมื่อรอยยิ้มน้อย ๆ ผุดพราว  ติหันหน้ามาเผชิญหน้ากับผมเต็มตัวก่อนจะพยักหน้า  ดวงตาคมถามผมกลับประมาณว่า  ‘แล้วไงวะ?’  ยิ้มมุมปากแล้วชวนดื้อ ๆ

“คบกัน!”  ติเลิกคิ้วสูงแล้วยิ้มประหลาดกับคำขอคบของผม  ไม่มีคำตอบรับหรือปฏิเสธจากริมฝีปากสีส้มอ่อน  มีเพียงสัมผัสจากมือสากที่ยื่นมาจับมือผมแล้วประสานนิ้วจนฝ่ามือติดกัน  ขยับเท้าก้าวไปข้างหน้ารับอกแกร่งที่เดินเข้ามาจนชิด  มือที่ว่างอีกข้างของติกอดเอวผมช้า ๆ สวมกอดกลับเบามือ  หลับตารับไออุ่นจากร่างกายของคนตรงข้าม  เกยคางที่ไหล่หนาเหมือนที่ติทำกับผมเบา ๆ   แก้มแนบแก้มฟังเสียงลมหายใจของติ  ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนเราจะสามารถส่งความอบอุ่นให้กันได้แบบนี้  มันอุ่นจนถึง..หัวใจ

คืนนั้นผมนอนค้างกับติที่คอนโด  นอนมองหน้า  จับมือกัน  กอดกันจนถึงเช้า  เป็นความรักแบบที่ผมไม่เคยเจอและไม่คิดว่าเกิดมาเป็นชีวิตจะได้เจอกับความอบอุ่นได้แบบนี้ 

หลังจากวันนั้น  ผมกลับไปขอโทษน้องสาและถูกบอกเลิกอีกครั้งอย่างถาวร  ส่วนแก้ม..ติเป็นคนจัดการขอยุติความสัมพันธ์ผิด ๆ เองคนเดียว  ไม่ได้ไปหาที่ห้องแก้ม  แต่ใช้มือถือติดต่อเพราะกลัวแก้มจะไม่ยอม  แล้วมันจะกลายเป็นเรา  3  คนไม่ต่างจากเมื่อก่อน  แก้มไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรได้ยาก  แต่ก็บอกผมกับติทิ้งท้าย  ‘ถ้าเบื่อเมื่อไหร่ก็โทรหาแก้มได้ตลอดนะ’  ติส่ายหน้าแล้วบอก  ‘คงไม่มีวันนั้นแล้วแก้ม  ผมขอโทษแล้วก็ขอบคุณมาก’  ส่วนผม..ได้แต่แค่นหัวเราะ   

ถอนหายใจยาวแล้วมองหน้าหล่อที่กำลังจ้องริมฝีปากผม  ยิ้มมุมปากแล้วถอยห่าง  ติยิ้มกวนแล้วขยับตามประกบติด  หัวเราะใส่ปลายลิ้นอุ่นที่กำลังไล้เลียตามรูปปากของผม 

ถึงความรักของผมกับติมันจะยังไม่มีบทสรุปที่แน่ชัด  แต่ผมกับมันก็เต็มใจจะลองรักกันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสุดเส้นทางที่ทอดยาวอยู่ข้างหน้า..

เส้นทางที่ขรุขระ  ไม่ราบเรียบ  ไม่มีกลีบกุหลาบโรยไว้เหมือนคู่รักชาย-หญิง  แต่เราก็พร้อมจะเดินไปด้วยกัน  แต่ตอนนี้..ผมกับมันคงต้องตกลงกันก่อนจะก้าวข้ามผ่านหนทางยาวไกลข้างหน้า  เรื่องใหญ่ที่ผมกับมันต้องคุยกันให้เข้าใจว่า..






ใคร..จะเป็นฝ่ายยกขา!

END.

…………………………


ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
แถม
.
.
.
“ตักเยอะไปแล้วติ  ใส่แค่นี้ก็พอ  อันนี้ไม่ใส่ครับ”  หันบอกคนข้างตัวที่กำลังตักกระเทียมเจียวพูนช้อนใส่ลงชามก๋วยเตี๋ยว  ได้รับรอยยิ้มกวนกับคิ้วเข้มที่เลิกใส่อยู่ตลอดเวลาที่ผมเอ่ยปากบอก   ติมาช่วยผมขายก๋วยเตี๋ยว  3  ครั้งแล้ว  แต่ทุกครั้งก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม  ชอบแกล้งให้ผมคอยมองเวลาตักเครื่องใส่ชามบะหมี่ 

“..ไปนั่งดูผมก็ได้นะ  ขอร้อง..5555+”  นั่นไม่ใช่เสียงผม  ทุกครั้งที่ผมทนไม่ไหว  ผมต้องบอกติด้วยประโยคเมื่อครู่  คราวนี้เจ้าตัวเป็นคนบอกตัดหน้าผมตามด้วยเสียงหัวเราะชอบใจ  ให้ตายเถอะ..ผมเกลียดเสียงหัวเราะแบบนี้ไม่ลงจริง ๆ  เหลือบมองติที่เดินไปช่วยปุ๋ยคิดเงิน  ขมวดคิ้วมองท่าทางหัวเสียของปุ๋ยแล้วต้องรีบปล่อยขวดพริกไทยเดินปรี่เข้าไปหาทั้งคู่

“ก้านพาไปเก็บให้ที  ไม่ไหวแล้ว  ป่วนอะไรขนาดนี้เนี่ย?!”  จับแขนติแล้วดึงกลับมาช่วยใส่พริกไทย  มองหน้ายิ้ม ๆ ของติแล้วอดยิ้มตามไม่ได้  ตั้งแต่เริ่มคบกัน  ผมก็ได้เห็นติในอีกมุมที่ไม่เคยได้เห็น  ติเป็นคนขี้แกล้งและชอบอำชาวบ้านมาก  ดูมีชีวิตชีวาน่าเข้าหามากกว่าเมื่อก่อน 

“น้องเขารอเกี๊ยวน้ำใส่ถุงนานแล้วนะก้าน..ลืมรึไง?”  แอบมองเพลิน ๆ ติก็หันมาบอกผมว่าน้องคนหน้าสุดรอเกี๊ยวน้ำ  เลิกคิ้วงงแล้วหันหลังหาชามมาใส่เส้นเล็กที่ลวกไว้  ผมจำได้ว่าน้องสั่งเส้นเล็กลูกชิ้นล้วนนะ  เขาสั่งเกี๊ยวไปตอนไหนกัน?  ทำเสร็จก็ให้ติเหยาะพริกไทยแล้วรัดปากถุง  หยิบถุงเครื่องปรุงใส่ถุงแล้วยื่นให้น้องคนนั้น  น้องขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้าบอกไม่ได้สั่ง  ยิ้มเจื่อนแล้วหันไปมองคนข้างตัวที่ลงไปนั่งขำกับพื้น  ยิ้มเย็นใส่ถุงเกี๊ยวแล้วหยิบชามเส้นเล็กที่ลวกไว้มาใส่ถุงใบหน้าเรียบสนิท  จับยัดใส่ถุงเดียวกันก่อนจะส่งให้น้องคนเดิมด้วยรอยยิ้มสว่างสดใสของผม
“ผมแถมเส้นเล็กให้ครับ  ขอบคุณที่มาอุดหนุนครับ”  เก็บความกวนของติไว้ในใจ   ติแกล้งเป่าลมใส่หูก็เอามาทดไว้  ดึงชามหลบจนบะหมี่ที่ทำไว้หกเลอะเต็มโต๊ะก็บวกเพิ่มไปเรื่อย ๆ  อดทนกับคนมีความสุขที่ได้แกล้งจนถึงเวลาเก็บร้าน  ยืนยิ้มให้ติที่ลงมือทำบะหมี่เกี๊ยวใส่ถุงเองให้เด็กคนงานที่มาช่วยเอากลับไปกินที่บ้าน  พร้อมเงินที่ติให้ต่างหาก

“ขอบคุณครับพี่ติ”  คนให้ยิ้มกว้างกว่าคนรับซะอีก  ยิ้มให้คนที่เดินย้อนกลับมาช่วยผมเก็บของ  ขนใส่รถจนหมดก็แยกกันกลับบ้าน  อาทิตย์นี้ต้องค้างกับติที่คอนโด  อาทิตย์หน้าก็มาค้างบ้านผม  จะได้ไม่เบื่อ  แวะ  7-11  ให้ติซื้อเบียร์กับแชมพู  ได้ของแล้วก็ขึ้นห้อง  ติเอาเบียร์ไปแช่  ผมเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ  ยืนฟอกสบู่ขัดถูตัวเพลิน ๆ จู่ ๆ ไฟในห้องน้ำก็ดับ  ถอนหายใจยาวกับคนชอบแกล้ง  ควานหาฝักบัวเปิดล้างตัวลวก ๆ แล้วเดินออกจากห้องน้ำทั้งสภาพแบบนั้น  มองหาตัวต้นเหตุที่หันหลังเปิดตู้เย็นแล้วตรงดิ่งไปคว้าเอวมากอดแน่น  งับใบหูเล็กแล้วกระซิบเบา ๆ

“วันนี้แกล้งกันทั้งหมด  7  ครั้ง..จะไถ่โทษยังไง?” กดความต้องการที่แข็งขืนใส่ก้นแบนราบ  จูบไซ้ซอกคอ  เลียหลังใบหูสลับกับติ่งหูจนขนที่แขนติลุกท่วม  ความเย็นจากตู้เย็นบวกกับแอร์ในห้องทำผมที่ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวเริ่มจะหนาว  จับคางให้หันมารับจูบ  ฉกลิ้นเลียริมฝีปากที่เผยอรอ  เกี่ยวปลายลิ้นที่แลบออกมาดึงลิ้นผมให้เข้าไปในอาณาจักรของติ  ติหันมาหาเต็มตัวแล้วกอดตอบผมแน่น  มือข้างหนึ่งของมันผละออกจากเอวผมควานหาประตูตู้เย็นดันปิด  ก้าวถอยหลังเดินตามติไปห้องน้ำ  เดินถอยหลังเข้าห้องน้ำจนหลังติดผนัง  แสงไฟสว่างด้านนอกลอดผ่านประตูห้องน้ำที่ปิดไม่สนิท  ดึงเสื้อติออกจากตัว  เจ้าตัวก็ถอดกางเกงออกไวพอกัน  ยื่นมือลูบผิวลื่น  ดึงเข้ามากอดไว้ทั้งตัว  ริมฝีปากสัมผัสเชื่องช้า  ปลายลิ้นเลาะเล็มไม่รีบร้อน  ลมหายใจอุ่นแลกอากาศจนเป็นลมหายใจเดียว  มือสากลูบหน้าอกผมเบามือ  ปลายนิ้วสะกิดผ่านตุ่มเล็กบนหน้าอกจนอดรู้สึกแปลกไม่ได้..

“อยากได้แบบไหน?  ..หืม?”  ยิ้มบางใส่ริมฝีปากที่ผละออกมาถามแล้วประกบเข้ามาใหม่เหมือนไม่อยากได้คำตอบ  ดันหลังติดผนังแล้วเลื่อนจูบลงมาที่ซอกคอ  ดูดดุนเนื้ออ่อนที่หน้าอกสลับกับไล้เลียตุ่มสีเข้มจนเจ้าตัวต้องแอ่นอกตาม  เสียงครางต่ำดังเล็ดลอดกระตุ้นสัญชาติญาณดิบของผม  ลดมือที่บดคลึงตุ่มสีเข้มลงไปแตะท่อนแข็งที่กระตุกสู้มือ  ละจากยอดอกขึ้นมามองตาคมหรี่ปรือ  เกลี่ยปลายจมูกที่ริมฝีปากล่างเบา ๆ  เจ้าตัวงับปลายจมูกผมเล่นก่อนจะก้มลงมาฉกจูบแลกลิ้น  เอียงหน้ารับปลายลิ้นที่ดูดเม้มปลายลิ้นผมตามแรงนิ้วผมที่บดบี้เส้นปลายประสาทของติ  ผละออกจากริมฝีปาก  ติไม่ยอมปล่อย..ประคองหน้าผมขึ้นมาบดจูบต่อ

เลื่อนมือที่โอบเอวลงมาบีบก้นเล็ก  ขยับข้อมือรูดรั้งเน้น ๆ  ติหอบหนักจนอกกระเพื่อม  เบียดแทรกขาให้ติแยกขากว้างขึ้น  ลดมือที่บีบก้นลงมาตามร่องหลืบ  ติขยับหนีแต่ติดที่ผมกอดไว้แน่น  ใช้ปลายนิ้วบดคลึงเส้นประสาทดึงความสนใจ  ความลื่นทำให้นิ้วผมเคลื่อนไหวได้ง่ายเรียกเสียงครางได้เป็นระยะ  ดึงมือข้างที่ถูตามร่องมาจับท่อนร้อนแล้วรูดรั้งรักษาจังหวะ  ส่วนมืออีกข้างก็อ้อมไปแทรกร่องช้า ๆ เพราะความลื่นที่ติดอยู่ทำให้ดันเข้าไปได้ง่ายขึ้น

“อื้อออออ”  ติดิ้นหนีนิ้วผมแต่ผมก็ใช้ความดื้อดึงแหวกเข้าถ้ำไปจนได้  ท่อนร้อนที่เคยสู้มือตอนนี้หลับใหลไปเรียบร้อย  จูบริมฝีปากสีส้มปลอบเบา ๆ  ผละออกมามองตาคมที่มองผมเหมือนตัดพ้อ 

“ทำไมครับ?”  ผมถามเสียงเบา  เจ้าตัวนิ่งไปก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ  มองหน้าหล่อที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย  บางที..ผมอาจจะรุกเร็วเกินไปหน่อย  กำลังจะตัดใจดึงนิ้วออกจากความคับแน่น  ติก็ลืมตามามองผม   สบตาคู่นั้นแล้วเผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนโยนของติ  ขาแข็งแรงแยกออกให้ผมได้เข้าไปสำรวจความร้อนด้านในได้ง่ายขึ้น  ครางต่ำกับความแน่นของติ

“อาห์..ติ”  ขยับนิ้วเข้าออกช้า ๆ ก่อนจะเพิ่มเข้าไปอีกนิ้ว  มือที่ประคองหน้ารับจูบผละออกมากอดเอวผมแน่น  ความต้องการของผมปวดจนแทบระเบิด  อยากเข้าไปข้างใน  อยากเปลี่ยนกับนิ้วเร็ว ๆ ปลายลิ้นชาไปหมดเมื่อติดูดแรงขึ้นตามการเร่งจังหวะนิ้วของผม  ละมือจากท่อนร้อนมาจับต้นขาด้านในยกขึ้น  ติลืมตาโพลง  แล้ว..

แทงนิ้วเข้ามาในช่องทางร้อนของผมอย่างไม่ทันตั้งตัว!

สาบานเลยว่าผมเพลินกับการทิ่มมะลวงนิ้วใส่แบ็คเวอร์จิ้นจนลืมสังเกตว่าติเลื่อนมือลงมาแตะที่บั้นท้ายผมนานแล้ว  แสบมาก!  หึ..สงครามครั้งนี้ดุเดือดเลือดสาดแน่!  กัดฟันกรอดรับนิ้วที่เพิ่มเข้ามาจำนวนเท่ากันกับที่ผมกำลังทำ  ผ่อนลมหายใจแล้วยิ้มมุมปากส่งให้คนตรงหน้า  ติยิ้มกวนตอบแล้วคว้าคอผมมาบดจูบ  ผมขยับติก็เร่งจังหวะ  จากที่แสบมันเริ่มมีความรู้สึกอย่างอื่นมาแทนที่  แต่ก่อนจะเสียกรุง..ผมต้องชิงจังหวะก่อน!

จับขาติยกขึ้นแล้วดันแท่งร้อนถูไถทางเข้าเบา ๆ  ไม่ใส่ใจกับนิ้วที่ยังคาอยู่ด้านหลัง  ดึงนิ้วออกแล้วดันความต้องการเข้าไปช้า ๆ   เสียงกัดฟันของติดังกรอดรับการบุกรุกด้านหลัง  แบดบอยจำต้องถอนนิ้วออกเพราะผมเริ่มขยับบั้นเอวเข้าออกเนิบนาบ  มือควานหาขวดครีมนวดผมที่แถมมากับแชมพู  เปิดฝาแล้วเทใส่ความต้องการที่คาอยู่ช่วยหล่อลื่น  ผละริมฝีปากออกให้ติได้หายใจถนัด  จับขาขึ้นวางที่แขนให้ข้อพับขาติอยู่ตรงข้อพับแขนผม  ทันทีที่ขยับติก็ครางเสียงหวิวผิดกับเมื่อครู่

“ซืดดดด”  ยิ้มในใจแล้วขยับเข้าออกเบา ๆ ก้นเล็กเริ่มขยับรับจังหวะ  ริมฝีปากประกบแลกลิ้น  แขนแกร่งโอบรอบคอผม  มือสากลูบหลังอย่างหลงใหล  ขยับเข้าออกจนสุดความยาว  ภายในช่อทางร้อนรัดแน่นทุกทิศ  อ้าปากรับอากาศระบายความเสียวที่ได้รับ..จนทนไม่ไหว

“พร้อมกัน..นะ”  กระซิบเสียงพร่าแล้วดันเข้าจนสุด  ขยับอีกแค่  2-3  ทีผมก็ยิงประตูใส่ติเต็มข้อ  ติจูบผมจนลมหายใจผมเป็นปกติ  เจ้าตัวจับมือผมที่ยันผนังออกแล้วลดขาลงช้า ๆ

ก้มมองความต้องการที่คาอยู่กับติ  แบดบอยดันหน้าท้องผมออกเลยทำให้ความต้องการผมหลุดออกจากความคับแน่นไปด้วย  เสียวจนต้องนิ่วหน้า  ติพ่นลมหายใจยาวใส่แก้มผมเมื่อความต้องการของผมหลุดออกมาแล้ว  เงยหน้ามองยิ้มเย็นของติแล้วใจหายวาบ..

 “เบานะ”  กัดฟันบอกติเมื่อโดนพลิกให้หลังติดผนังบ้าง  ก่อนจะเลยเถิดถึงขั้นได้เสีย  ผมรีบมองหาตัวช่วยที่ผมใช้กับติเมื่อครู่  ยื่นให้ด้วยมือที่สั่นน้อย ๆ ถึงติจะไม่เจ็บตอนที่ผมรุก  แต่แค่นิ้วที่ได้สัมผัสเมื่อครู่มันก็ทำให้ผมเริ่มหวาด  สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเมื่อมือติสัมผัสต้นขาด้านใน  หลับตารับจูบอ่อนโยน  สัมผัสร้อนจากทุกตารางนิ้วที่เกิดกับร่างกาย..มันชวนให้ใจเตลิด  เสียงครางของผมกับติดังประสานเหมือน..ด้านล่างที่เรากำลังขยับเข้าหากันช้า ๆ จวบจนจังหวะสุดท้ายที่ปลดปล่อย..

ยืนกอดกันกลางสายน้ำของฝักบัวที่สาดซัดล้างคราบคาว  มือลูบไล้ฟองสบู่ทำความสะอาดให้กันทุกซอกมุม  ริมฝีปากสัมผัสนุ่มนวลเหมือนฝ่ามือที่เคล้นคลึง  ผละออกให้ติล้างแผ่นหลัง  รับฝักบัวมาถือแล้วล้างคืนเบามือ  กอดเนื้อแน่นเต็มอ้อมแขน  ปลายจมูกสูดกลิ่นเย็นของสบู่ที่เหมือนกัน  เช็ดตัวแล้วนิ่งมองตาคม  หลับตารับจูบเมื่อสวมเสื้อเสร็จแล้ว  กอดประคองเอนหลังนอนลงที่เตียงกว้าง  อ้าแขนให้ติซุกซบหลับใหลไปพร้อมกัน..

ถ้าเราไม่ทำรักเพราะความรู้สึกรัก  เราคงไม่รู้สึกดีและผูกพันกันมากขึ้นแบบนี้..ขอบคุณจริง ๆ ..   







..ครีมนวดผม..



END.

กอดหมับ บวก ๆ
คุณ Mouse2U 555ไปค่ะ  เช่าอยู่คนละฝั่ง  ขนาบเลยทีเดียว  จิก็ชอบผู้ชายอบอุ่นค่ะ  แต่ขณะเดียวกันก็ชอบความดิบด้วย...แปรปรวนมากมายค่ะ555 
คุณ nekko  ใช่ค่ะ  พี่น้องต้องรักและดูแลกันแบบนี้ล่ะค่ะ  แต่ถ้าความรักแบบนี้มีอยู่ในโลกของความจริงที่ไม่ใช่นิยาย..คงจะอยู่ยากเหมือนกันนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ปล.เกิน 20,000 อักษรมาเยอะมากมาย  ตัดยังไงก็ฟ้องว่าเกิน  ต้องแบ่งมาเป็น  3  ท่อน  อย่าเพิ่งขี้เกียจอ่านนะคะ ^^

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
555 คือแบบอารมณ์หวานๆ อุ่นๆ ของเรามาเต็มเลยนะตอนแรกอ่ะ พอเจอประโยคที่ก้านขอบคุณ "ครีมนวดผม" ถึงกับหลุดขำเก้าอี้สะเทือนเลยเหอะ :laugh: เขินนจัง :-[ สองคนทำอะไรกันอ่ะ คนบ้า!

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
ค่อยๆๆไล่อ่านมาเรื่อยๆๆลุ้นประมาณว่าจะลงเอยกันได้ยังไงน้อ ก้านติ มาจนจบท้าย "..ครีมนวดผม.." :laugh: :-[ :heaven

 :กอด1: :L2: :pig4:


ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เกือบซึ้ง.... ผ่าง!!!!! บรรทัดสุดท้ายนั่นคืออัลไลลลลลล
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ติ กับ ก้าน น่ารักจังเลยอ่ะ  :o8:
ถึงจะเริ่มกันแบบไม่ค่อยดี กับความสัมพันธ์ประหลาด ๆ ก็เถอะ
แต่ก็ดีที่ทั้งคู่ ได้รู้ใจตัวเอง ก่อนที่อะไร ๆ จะสายเกินไป สงสารน้องสาเหมือนกันนะ
ชอบตอนแถมมากเลย ติน่ารักอ่ะ ขี้อำ ป่วนเขาไปทั่ว ขนาดปุ๋ยยังทนไม่ไหว 555
ทั้งที่ตอนแรกโผล่มาด้วยมาดแบดบอยแท้ ๆ พออยู่กับคนรัก ก็เผยมุมน่ารักออกมาสินะ
จริง ๆ ตอนแรกคิดว่าติจะได้เป็นฝ่ายรุกก้าน อ่าน ๆ ไป อ้าว ก้านเป็นรุกเหรอเนี่ย
แล้วยิ่งพออ่าน ๆ ไปอีก เอ้า สรุปเขาไม่มีใครยอมใครจริง ๆ ผลัดกันซะงั้น
แต่ก็สมกับเป็นคู่นี้ดีนะ รออ่านคู่อื่น ๆ อีกจ้า ขอบคุณนะคะ ^^

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
Beautiful  Eyes


ลมเย็นหอบเอากลิ่นดินหลังฝนตกลอยกระทบจมูก  หลับตารับฝนเม็ดเล็กที่หลงเข้ามาทางหน้าต่าง  ลืมตามองรุ้งสวยตรงหน้า  สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดก่อนจะผ่อนออกช้า ๆ  ซึมซับบรรยากาศของธรรมชาติไว้เต็มที่  มองสีสันของสวนหลังบ้านเพลินตา   สีเขียวของใบไม้ทำให้ใจสงบได้อย่างประหลาด  สีขาวแซมชมพูของดอกไม้ช่อเล็ก..สวยจนทำให้สบายใจอย่างบอกไม่ถูก  เสียงเคาะดัง  2-3  ครั้งหน้าประตูเรียกความสนใจให้หันมามอง

“ตื่นรึยังคะ?  ข้าวเช้าเสร็จแล้วค่ะ”  ยิ้มบางแล้วตะโกนกลับว่าตื่นแล้ว  ทอดสายตาเก็บภาพบรรยากาศแบบธรรมชาติหลังฝนตกจนพอใจก็เดินลงไปข้างล่าง 

ผมกลับบ้านมานอนห้องน้องชายที่ว่างอยู่เพราะห้องเดิมของผม  ถูกมันเอาไปเก็บโมเดลรถกับพวกขยะของมันจนอยู่ไม่ได้  ส่วนเจ้าตัว..ออกไปอยู่คอนโดของพ่อนานแล้ว  ผมเองก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน  เอนท์ติดที่ ม.รัฐบาลในกรุงเทพ  ไปอยู่ที่นั่นจนเรียนจบ  พอจบแล้วก็ยังไม่อยากทำงาน  เอ้อระเหยลอยไปลอยมาจนพ่อต้องตามกลับมาช่วยงานที่บ้าน  ถึงได้กลับมานั่งรับลมหลังฝนตกอยู่ตรงนี้

“มีอะไรทานบ้างครับ?”  ทักทายป้าแม่บ้านที่ดูแลเรื่องอาหารการกิน  กวาดตามองกับข้าวที่วางเรียงรายบนโต๊ะ  ยิ้มบางแล้วนั่งลงกินข้าว  ถอนหายใจยาวกับการกินข้าวคนเดียว  ผมเคยชินกับการกินข้าวกับเพื่อนหลายคน  ใช้ชีวิตในสังคมเมือง  อยู่กับความวุ่นวายและค่าครองชีพที่สูงลิ่ว  พอกลับมาอยู่บ้าน  บ้านที่ไม่มีรถราวิ่งขวักไขว่  ใช้เวลาขับรถไปห้างแค่  20  นาทีทั้งที่ห้างอยู่ไกลบ้านหลายกิโลสบาย ๆ เพราะที่นี่ไม่มีคำว่า  ‘รถติด’  ตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก  รวบช้อนแล้วเก็บล้าง  เดินขึ้นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า  กำลังจะเดินออกจากห้องก็เหลือบเห็นผ้าม่านปลิวตามแรงลม  เดินย้อนกลับมาปิดหน้าต่าง  เอื้อมมือคว้าบานหน้าต่างที่ถูกลมพัด  เบี่ยงหน้าหลบชายผ้าม่านที่สะบัดตามแรงลม 

สะดุดตากับใครบางคนที่มองมาจากในสวน

ยืนจับบานหน้าต่างต้านแรงลม  สายตาหยุดนิ่งกับภาพจากสวนหลังบ้าน  สวนสวยมีเด็กหนุ่มดวงตากลมโตดำขลับ  ตัดกับหน้าขาวผิวใสยืนมองผมอยู่  แรงดึงดูดของดวงตาสีดำสวยมันมากพอจะสะกดให้ผมต้องมองตอบ  ทุกอย่างดำเนินไปตามวัฏจักร  ผีเสื้อสีสวยบินตอมดอกไม้ในสวน  โบยปีกบินผ่านปลายคางมน  แล้วหยุดพักขาที่เส้นผมสวย  เหมือนติดกิ๊บรูปผีเสื้อที่ผม   ยิ้มบางให้เด็กหน้าหวานที่มีผีเสื้อบินมาเกาะผม  ดวงตาดึงดูดเบือนไปมองที่อื่น  ริมฝีปากสีชมพูอ่อนคลี่ยิ้มบาง  รอยยิ้มน้อย ๆ ส่งให้คนที่เดินออกมาจากในบ้าน  มองตามแผ่นหลังบางเดินหายไปกับป้าแม่บ้าน..จนลับตา

ดึงหน้าต่างปิดช้า ๆ  ในหัวมีดวงตาสีดำขลับตามติด  ยิ้มมุมปากกับความดึงดูดของดวงตาเด็กวัยรุ่น  ตัวแค่นั้นสามารถใช้สายตาที่..ยั่วยวนได้ขนาดนี้  ถ้าออกมาตามธรรมชาติ  จะผ่านประสบการณ์มาโชกโชนแค่ไหนกันนะ 

เดินลงมาชั้นล่าง  ขับรถออกไปทำงานอย่างสบาย ๆ  จอดรถแล้วเดินเข้าไปในร้านเครื่องประดับของพ่อที่กำลังจะให้ผมนั่งคุมแทน  บริษัทนี้รับทำ  ออกแบบแหวนและเครื่องประดับตามสั่งทุกอย่าง  ของทุกชิ้นที่เราทำมีแค่ชิ้นเดียวในโลก  วัสดุที่ใช้ทำก็นำเข้าทั้งหมด  ราคาก็ต้องสูงตามความยากไปด้วย  แต่โชคดีที่เรามีนักออกแบบมือดีอยู่แล้ว  แค่โทรบอกกริ๊งเดียวก็ได้เรื่อง  ไม่เคยอิดออด  ไม่มีเบี้ยวงาน  และที่สำคัญ..ไม่ต้องเสียตังค์จ้าง 

ล้วงโทรศัพท์ที่สั่นในกระเป๋ากางเกงออกมาจ้อง  ยกยิ้มมุมปากแล้วกดรับสายนักออกแบบมือหนึ่งของร้าน

“ส่งเมลล์แบบแหวนคู่ให้แล้วนะพี่  เช็คดูแล้วโทรบอกด้วย  แค่นี้นะ..จะไปช่วยแฟนทำบะหมี่”  ผมเป็นผู้รับสารกับน้องชายตัวเองเสมอ  ไม่ค่อยได้คุยอะไรกับมันมาก  ยกเว้นเรื่องงาน  เช็คเมลล์แล้วปริ้นท์ออกมาให้พนักงานติดต่อกับลูกค้า  งานผมไม่ยุ่งยาก  เพราะงานในระบบพ่อวางไว้ให้หมดแล้ว  ลูกค้าประจำก็มี  ขาจรก็เยอะใช้ได้  ก็แค่คุมต่อไม่ให้เจ๊งเท่านั้น  นั่งเปิดแฟ้มงานออกแบบที่ผ่านมาของติดูจนถึงเที่ยง  ออกไปกินข้าวแล้วกลับเข้ามานั่งดูงานติต่อจนเลิกงาน  รอให้พนักงานกลับหมดค่อยเดินตรวจเครื่องประดับที่อยู่ในตู้โชว์  ที่ร้านมีวางอยู่ไม่กี่ชิ้น  เน้นภาพจากงานเก่า ๆ สวย ๆ ของติที่วางเด่นตามผนังในร้านมากกว่า  แคตตาลอคก็เปลี่ยนภาพตามการออกแบบทุกเดือน  ฝีมือติทั้งหมด  ตรวจเสร็จก็ปิดร้าน  ยิ้มทักทายยามที่อยู่โยงเฝ้าร้านตลอดทั้งวันทั้งคืน

ขับรถกลับบ้านมากินข้าวเย็นฝีมือป้าแม่บ้าน  กินเสร็จก็เดินขึ้นไปอาบน้ำ  ปล่อยให้ป้าแม่บ้านจัดการกับโต๊ะอาหารและปิดบ้านให้เรียบร้อยเหมือนที่เคย  เดินออกมาจากห้องน้ำเช็ดผมลวก ๆ หยิบกางเกงมาสวมแล้วเดินมายืนตรงหน้าต่าง  ใส่กางเกงนอนขายาวตัวเดียวนั่งบนขอบหน้าต่าง  กระแทกซองบุหรี่กับฝ่ามือ  หยิบไฟแช็คมาจุดบุหรี่สูบ  รับลมเย็นจากธรรมชาติ  พ่นควันสีขาวออกทางจมูก  ลดสายตามองฝ่าความมืดไปมองที่เดิมที่เห็นเด็กคนเมื่อเช้า  ยิ้มมุมปากกับความคิดบ้าบอที่ผุดออกมา  ความคิดที่ว่า..เด็กคนนั้นน่าสนใจ  เพ่งสายตามองตามเสียงแกรกของประตูรั้ว  หายใจไม่ทั่วท้องเมื่อได้เห็นดวงตาสีดำสนิทเหมือนความมืดในตอนนี้..

“.......”  นิ่งมองหน้าใสที่มายืนรอรับป้าแม่บ้านอยู่ตรงประตูรั้ว  แสงไฟสว่างส่องกระทบผิวใสให้ยิ่งน่ามอง  ดวงตากลมจับจ้องมาที่ผมไม่วางตา  อยากเห็นชัด ๆ ว่าประกายตาในดวงตาคู่นั้น..จะระยับแค่ไหน  เขี่ยก้นบุหรี่ทิ้งแล้วยกขึ้นแตะริมฝีปาก  สูบควันเข้าปอดหนัก ๆ แล้วพ่นออกส่งแผ่นหลังบางที่หมุนตัวเดินไปพร้อมป้าแม่บ้าน  นั่งรับลมปล่อยใจจนถึง  5  ทุ่ม  บุหรี่หมดซองพอดีก็เข้านอน  เปิดหน้าต่างบานนั้นทิ้งไว้   เปิดทิ้งไว้รอรับแสงอาทิตย์  และภาพดวงตากลมสวย..ให้เป็นภาพแรกของวัน

เช้าขึ้นก็ลุกมาล้างหน้าแปรงฟัน  อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย  ยืนนิ่งมองหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน  ใบไม้สีเขียวพลิ้วไหวตามแรงลม  ชายผ้าม่านสะบัดปลิวปะทะขอบหน้าต่าง  เดินตรงไปที่หน้าต่างช้า ๆ มือจับขอบหน้าต่างแล้วกวาดตามองลงไปในสวน  เด็กหนุ่มคนเดิมยืนหันหลังให้ผมอยู่ในสวน  มองผมดำที่ดูยาวกว่าเด็กทั่วไปปลิวน้อย ๆ ตามแรงลมพัด  ลำคอยาว  ตัวผอมบาง   น่องเรียวเล็ก  ส้นเท้าจมอยู่ในพื้นหญ้าสีเขียวสด  ไล่สายตาขึ้นมามองไหล่เล็กกับหัวทุยที่กำลังโยกตามเพลงที่เจ้าตัวฟังผ่านหูฟังสีดำเส้นเล็ก ๆ  เลิกคิ้วเมื่อแผ่นหลังเล็กหันมาทางผม  หน้าเรียว  ตากลมดำขลับมองมาที่หน้าต่างห้องผม  หลบตาไม่ทันเลยต้องมองตอบดวงตาสวยนิ่ง  ริมฝีปากสีชมพูอ่อนอ้าค้างเมื่อเห็นว่าผมมองอยู่ก่อน  ดวงตากลมกะพริบปริบ  ผมขยับเข้าไปชิดขอบหน้าต่าง  ละมือจากขอบหน้าต่างขึ้นมาจับชายผ้าม่านที่ปลิวบดบังภาพดวงตาสวย  เด็กหนุ่มคนนั้นหันมามองผมเต็มตัว  ริมฝีปากบางขยับช้า ๆ เป็นประโยคยาว ๆ ผมพยายามอ่านคำจากริมฝีปาก  แปลได้ไม่หมดทุกคำ  แต่ทุกครั้งที่เด็กคนนั้นขยับปากคำว่า  ‘คุณ..’  ผมสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลในคำ  และความอ่อนโยนในดวงตา  เพราะอ่านภาษาปากไม่ออกผมเลยเลิกใส่ใจริมฝีปากบาง  หันมาเสพความสวยจากดวงตากลมแทน..

..เป็นคนที่มีดวงตาเย้ายวนแบบไร้เดียงสาที่สุด..ที่ผมเคยเจอ

ป้าที่เดินออกมาจากในบ้านเรียกความสนใจให้ผมหันไปมอง  เด็กคนนั้นมองตามสายตาผมแล้วคลี่ยิ้มส่งให้ป้าแม่บ้าน  มือเรียวดึงหูฟังออกแล้วยื่นไปรับตะกร้าเสื้อผ้าของผมไปถือ  มองส่งจนลับตา  ประทับใจกับคนที่มายืนมองผม  แต่ไม่เคยสักครั้ง..ที่จะหันกลับมามองหา  ยิ้มบางแล้วลงไปกินข้าวข้างล่าง  ขับรถออกไปทำงานตามปกติ  ผมยังไม่อยากรู้ว่าเด็กคนนั้นมาจากไหน  เป็นอะไรกับป้าแม่บ้าน  ผมพอใจที่จะให้เป็นความลับเล็ก ๆ ที่น่าค้นหาต่อไปเรื่อย ๆ แบบนี้มากกว่า

นั่งจมอยู่ที่โต๊ะทำงาน  ปลายนิ้วเคาะบนกองเอกสารที่หยิบมาวางตั้งท่าจะอ่าน  ในหัวมีภาพเด็กหนุ่มพูดถึงคำว่า  ‘คุณ...’  มันติดตา  แล้วก็ทำให้ใจว้าวุ่นจนไม่มีสมาธิจดจ่อกับเอกสารที่อยู่แค่ปลายนิ้ว  ผมนึกต่อประโยคที่กำลังเดาเข้าข้างตัวเอง  ริมฝีปากบางพูดถึงผมแน่นอน  แต่..พูดอะไรนี่สิ   อ

ยู่ในภวังค์จนไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู  เงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามาในห้องแล้วสบดวงตาคมที่ถอดแบบมาจากผม

“พี่ต้องปวดขี้เหรอ?!”  ถอนหายใจยาวกับคำทักทายของมัน  น้องชายยิ้มกว้างให้กับหน้าเซ็งสุดตีนของผม 

“มาเอาออเดอร์ก็เลยแวะเข้ามาทักทาย  นั่งเขี่ยแฟ้มหาหวยงวดหน้าแบบนี้กำลังเซ็งใช่ไหมล่ะ?  เย็นนี้ไปเดินไนท์ตลาดใหญ่สิ  มีไนท์บาร์ซา  แฟนผมเปิดร้านขายบะหมี่ที่นั่นด้วย  ผมไปช่วยป่วนมาหลายครั้งละ  ไปกินบะหมี่ดิพี่  เดี๋ยวเลี้ยง  ไปส่องสาว ๆ ที่ร้านด้วยนะ  เยอะเหี้ย!5555+”  ยิ้มบางแล้วเงยหน้ามองตาคมของติ  ดีใจที่มันมีความสุขกับสิ่งที่มันเลือก  มันทิ้งชีวิตที่ห้อมล้อมด้วยความใคร่และสิ่งยั่วกิเลส  เป็นชีวิตแบบที่ใครหลายคนอยากเจออย่างไม่เสียดาย  อยู่กับปัจจุบันที่แปลกใหม่ที่หยุดความอยากของมันได้อย่างชะงัด

“อืม..แล้วเย็น ๆ กูจะโทรหา”  ผมยังไม่เคยเจอคนที่มันยอมหยุดตัวเอง  อยากรู้เหมือนกันว่าจะเป็นคนแบบไหน  น่าจะสวยแล้วก็เก่ง  เป็นแม่บ้านแม่เรือนเพราะทำบะหมี่ขายเองด้วย  นั่งกอดอกถกเถียงแต่ก็แพ้ตลอดจนติกลับ  มองส่งน้องชายจนลับตาแล้วออกไปหาข้าวเที่ยงกิน   นั่งติดกระจกร้านตามสั่งค่อนข้างหรู  มองเด็กวัยรุ่นเดินผ่านหน้าร้านแล้วนึกถึงเจ้าของดวงตาสีดำสวยคนนั้น  ยิ้มมุมปากแล้วหันมาสนใจข้าวที่สั่งไว้  กินไปมองตามถนนไปด้วย  สะดุดตากับแผ่นหลังบางที่เดินตัวปลิวมาเพื่อนกลุ่มใหญ่  นิ่งมองหน้าใส  ตาสวยที่ยิ้มน้อย ๆ ให้เด็กผู้หญิงรุ่นเดียวกันทางซ้ายมือ  วางช้อนแล้วหันไปสั่งเช็คบิล  เบือนสายตาไปมองเก้าอี้ว่างฝั่งตรงข้ามตัวเองข่มอารมณ์หงุดหงิด

ก็พอจะดูออกว่าน่าจะเนื้อหอม  แต่พอมาได้เห็นเข้าจริง ๆ ..กลับหงุดหงิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น!

เดินออกจากร้านแล้วขับกลับที่ทำงาน  นั่งลงที่โต๊ะแล้วเปิดแฟ้มที่เอามาวางไว้แต่ตั้งเช้า  ไล่ดูรายละเอียดทุกแฟ้มไล่ภาพเด็กหนุ่มออกไปจากหัว  หมกมุ่นกับเอกสารจนถึงเวลาเลิกงานของพนักงาน  ถอนหายใจยาวแล้วเดินออกไปดูความเรียบร้อยในร้าน  มองรอบร้านแล้วหยุดสายตาที่ภาพแขวนบานใหญ่รูปแหวนคู่  เพชรเม็ดเล็กสวยฝังอยู่กับตัวแหวน  เรียบ  หรู  ประกายของเพชรมันสวย  เหมือนดวงตาของใครบางคนที่ผมมองตอนเช้า  แต่มันไม่ได้เป็นของผม..แค่คนเดียว

ถอนหายใจยาวแล้วกดหาติ  ขับรถไปตามทางที่มันบอกจนถึงตลาดใหญ่ที่ปรับพื้นที่บางส่วนเป็นไนท์บาร์ซา  ร้านรวงยาวติดกันเป็นทาง  คนเป็นร้อยเดินดูของขายจนไหล่ชนกัน  ถอนหายใจทิ้งแล้วเดินหาร้านบะหมี่ที่อยู่แถวต้นซอย  ขมวดคิ้วเมื่อเห็นน้องชายสวมผ้ากันเปื้อนยืนจับช้อนตักกระเทียมเจียวใส่ชามคู่กับ..ผู้ชายหน้าตาดีแต่ดูเหมือนหยิ่ง ๆ คนหนึ่ง  เก็บคำถามไว้ในใจแล้วเดินเข้าไปหา  ติเห็นผมก็โบกมือทักทาย  มือสากของมันสะกิดผู้ชายคนนั้นให้หันมามองผม  รอยยิ้มสดใสทำให้หน้าตาที่หยิ่งดูน่ามองมากขึ้น  ยิ้มทักทายแล้วเดินเข้าไปหา

“พี่ต้องนี่ก้าน  ผัวผมเอง”  ยิ้มค้างกับคำแนะนำของติ  ปรับสีหน้าให้เป็นปกติเพราะรู้นิสัยขี้อำของมัน  ยกมือรับไหว้ก้านแล้วเดินเข้ามานั่งในร้านกับติ  ดูรอบร้านแล้วหันกลับมาคุยกับมันว่าคืนหนึ่งขายได้กำไรเท่าไหร่เพราะคนนั่งเต็มทุกโต๊ะ  มันยิ้ม ๆ แล้วบอกไม่รู้  ไม่ใช่เรื่องของมัน  พยักหน้าแล้วก้มมองชามบะหมี่เกี๊ยวที่ก้านเอามาเสิร์ฟถึงโต๊ะ  ติหยิบตะเกียบให้ผมแล้วจ้องหน้า  ยิ้ม ๆ ให้น้องชายตัวเองแล้วหยิบช้อนกับตะเกียบมาตักชิมบะหมี่ในชาม

“ไม่ปรุงเหรอครับพี่ต้อง”  ติส่ายหน้าตอบแทนผมที่กำลังซดน้ำซุปหอม ๆ อยู่  ผมชอบกินแบบนี้  ไม่ปรุงแต่ง  รับรสเดิมของอาหารใส่ร่างกายดีกว่าเพิ่มเติมรสชาติอื่นเข้าไป  ไม่สงสัยว่าทำไมคนถึงได้เยอะแบบนี้  ร้านแฟนมันทำอร่อยจริง ๆ นั่งกินจนหมดชามก็ไล่ให้ก้านไปขายของ  ตินั่งเป็นเพื่อนผมครู่เดียวก็วิ่งไปช่วยแฟนมันทำบะหมี่ต่อ  ยิ้ม ๆ แล้วขอตัวกลับ

“ไปเดินเล่นดูหญิงก่อนกลับด้วยนะพี่”  พยักหน้ารับคำบอกของก้านแล้วเอ่ยปากชวนให้ก้านมาที่บ้านบ้าง  ไอ้ติมันรีบบอกตัดหน้าแฟนมันทันที

“ไปอยู่แล้วพี่  ผมจะพาลูกสะใภ้ไปให้พ่อดูตัวไม่นานนี้ล่ะ555+”  ยิ้มค้างอีกรอบแล้วรีบปรับหน้าให้เป็นปกติ   ตกลงว่าผลัดกันสินะ  เดินออกจากร้านบะหมี่เข้ามาข้างใน  มองของที่วางขายกับพ่อค้าแม่ค้าวัยรุ่นที่มานั่งขายของ  มิน่า..คนถึงได้มาเดินกันเยอะ  เด็กวัยรุ่นหน้าตาดีนั่งขายของกินพื้นที่เกินครึ่งของร้านทั้งหมดนี่เอง  ยิ้มบางตอบรอยยิ้มของวัยรุ่นที่เดินผ่านไปมา   สะดุดตากับแผงเล็ก ๆ ที่มีคนมุงกันเต็มจนมองไม่เห็นว่าขายอะไร  เดินผ่านก็พยายามมองลอดคนที่มุง  อึ้งกับภาพเสี้ยวหน้าคนขายที่มีดวงตาสีดำสนิทคุ้นตาง่วนขายของอยู่  สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วออกมายืนมองอยู่ไกล ๆ  รอจนคนซาถึงได้เห็นว่าขายเฟรนช์ฟรายทอดกับเพื่อนอีก  2-3  คน  ยืนมองความสดใสของเด็กคนนั้นกับเพื่อน  ความสดใสที่ไม่ควรถูกใครมาทำให้แปดเปื้อน 

ยกยิ้มให้ตัวเอง..คนที่คิดจะทำให้เด็กแปดเปื้อน 

หมุนตัวเดินออกจากไนท์บาร์ซา  กลับถึงบ้านก็กินข้าวที่ป้าแม่บ้านเตรียมไว้ให้  ขึ้นมาอาบน้ำแล้วหอบผ้าห่มมานอนที่ห้องเดิมของตัวเอง  เขี่ย ๆ โมเดลรถออกให้พอมีที่ว่าง   ลุยกองกระดาษเข้าไปเปิดแอร์แล้วเดินย้อนกลับมาที่เดิม  ล้มตัวลงนอนข่มตาให้หลับ 

ผมเลือกจะกลับมานอนที่ห้องของผม  เพราะไม่อยากให้ตัวเองไปยืนรอสบตาสวยคู่นั้นอีก  การหันหลังให้สิ่งที่กำลังสนใจมันทำได้ง่ายพอ ๆ กับการหยุดการกินกับข้าวที่ถูกปาก  มันไม่ยากสำหรับผมที่เพิ่งจะแค่เริ่ม..สนใจเด็กคนนั้น  หลับไปในห้องที่อับและมีแต่ฝุ่น  ตื่นขึ้นมาก็เดินลากผ้าห่มใส่ตะกร้า  เข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  มองเมินหน้าต่างบานนั้นที่เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน  ลงไปกินข้าวเช้าแล้วออกไปทำงานตามปกติ  ขับรถออกจากบ้านสวนกับคนที่มีดวงตาสีดำที่เดินหิ้วตะกร้าผ้าตรงมาที่บ้าน  เบือนไปมองถนนแทนที่จะสบตาสีดำสนิทที่กำลังมองผมอยู่ 

พอไม่สนใจ..เดี๋ยวก็ลืมไปเอง
.
.
ผมทำตัวเหมือนเดิม  ไม่สนใจหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้  เหมือนที่พยายามไม่ใส่ใจกับดวงตาสีดำสนิท  ผ่านมาเกือบ  2  อาทิตย์ที่ผมไม่เห็นดวงตาสีดำคู่นั้น  ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ  แต่ความพยายามของผมก็มีอันต้องพังลงเพราะเย็นวันนี้

“ป้าติดธุระเลยให้ผมจัดการกับข้าวมื้อเย็นแทน”  ยืนนิ่งอยู่ในห้องครัวกับเจ้าของดวงตาสวยที่ผมตั้งใจหลบมาถึง  2  อาทิตย์  ไล่สายตาจากกับข้าวหลายอย่างบนโต๊ะ  สบกับดวงตาสีดำที่ไม่ได้มองมาหลายวัน  ถอนหายใจยาวกับแววตาตัดพ้อที่เจ้าตัวส่งมาให้  เลื่อนเก้าอี้นั่งลงตักข้าวกิน  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ ไม่ใส่ใจกับเจ้าของตาสวยที่เลื่อนเก้าอี้นั่งลงตรงข้ามผม  ปล่อยให้ความเงียบอยู่เป็นเพื่อนจนข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก  ลุกขึ้นยืนแล้วบอกสั้น ๆ

“ฝากเก็บล้างแล้วปิดบ้านให้ด้วย”  เดินออกจากครัวแล้วตรงขึ้นชั้นบน  ปิดประตูห้องนอนเบามือ  นิ่งมองลูกบิดประตู  ในหัวสลัดภาพตาคู่นั้นไม่หลุด  ถอนหายใจยาวแล้วเดินมายืนกลางห้อง  ล้วงบุหรี่ออกมาจุดสูบ  ลมเย็นจากหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้พัดควันสีขาวลอยไปอีกทาง  หันมองหน้าต่างบานเดิม  เท้าก้าวไปยืนจนชิดขอบหน้าต่าง  ยิ้มกับควันบุหรี่ที่ยอมแพ้ความตั้งใจเดิมที่มีง่าย ๆ เพียงแค่ได้สบตาสวยคู่นั้น  เหม่อมองรั้วบ้านที่ไม่มีแม้เงาใคร  ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นเก็บกวาดจานเสร็จรึยัง  ในเมื่อผมหนีแล้วแต่เด็กคนนั้นกลับวิ่งตามหา  ผมก็จะไม่หนีอีก..

ประตูห้องนอนถูกเปิดออกช้า ๆ เสียงดังแอ้ด  หันมองตามต้นเสียงแล้วนิ่งมองคนที่ยืนถือตะกร้าผ้าอยู่หน้าประตู  ดวงตาสีดำสนิทมองตาผมตอบ  ลดสายตาลงมามองมือที่ถือตะกร้า   ไล่ลงมาที่เท้าเปล่าเหยียบย่างเข้ามาในพื้นที่ห้องนอน 

“ผมรู้ว่าคุณชอบมายืนตรงหน้าต่างรับลมตอนเช้ากับสูบบุหรี่ตอนดึก  ชอบกินไข่ดาวไม่สุก  ชอบสีขาว  ตื่นสาย  นอนดึก..”  จับจ้องริมฝีปากบางขยับพูดประโยคที่ผมเคยสงสัย   เบือนสายตาขึ้นมามองดวงตาสีดำ  ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาเป็นเพื่อนอีกครั้ง  เจ้าของดวงตาสวยเดินเข้ามาใกล้ขึ้น..แค่ผมยื่นมือออกไปก็สัมผัสผิวใสตรงหน้าได้แล้ว  แต่..อยู่แบบนี้..ดีกว่า..

“ครั้งแรกที่เห็น  คุณยืนอยู่ตรงนี้  เหม่อมองไปทั่ว  ไม่มีที่ไหนที่จะหยุดสายตาของคุณได้  ผมอยาก..อยากให้ดวงตาของคุณหันมามองผม  อยากให้ที่จับบุหรี่ลูบผม  อยากให้ริมฝีปากที่เอาแต่สูบบุหรี่พูดคุยกับผม  ผมจินตนาการอยู่ทุกคืนว่าผมได้นอนข้างคุณ  กอดแขนข้างนี้  หลับไปพร้อมกัน..”  มองตาสวยที่ทอดสายตามองส่วนต่าง ๆ ของร่างกายผมอย่างอ่อนโยน  หัวใจเต้นตึกตักกับประโยคของเด็กหนุ่มที่เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา  ดวงตาสวยเบือนขึ้นมาสบตาผมแล้วสาวเท้าเข้าใกล้..จนสัมผัสถึงความอุ่นของผิวเนื้อ  ปลายนิ้วเรียวยื่นจับชายผ้าม่านที่ปลิวด้านหลังผม  หลับตารับไออุ่นจากแขนของเด็กตรงหน้า..

“บอกทีสิครับ..ว่ากับคนที่ชอบ  ผมต้องทำยังไงให้เขารู้..”  ลืมตามองดวงตากลมที่จับจ้องผมอยู่  หายใจเบากับความใกล้เพียงฝ่ามือคั่น  ยกบุหรี่ขึ้นแตะริมฝีปากสูบควันเข้าเต็มปอด  ขยับชิดกว่าเดิมยื่นมือข้างที่จับบุหรี่โอบเด็กหนุ่มให้เข้ามาชิด  แล้วลดมือที่จับบุหรี่บีบก้นเล็กขยำเต็มแรง  ไล้มืออีกข้างจับความต้องการของเด็กคนนั้น  คลึงนิ้วสัมผัสผ่านกางเกงเนื้อหนา  ปลายจมูกสูดกลิ่นหอมที่ซอกคอระหง  เงยหน้าเขี่ยก้นบุหรี่ทิ้งแล้วสูบใหม่  เน้นน้ำหนักที่ปลายนิ้วจนเด็กหนุ่มต้องจับมือผม..ดึงออกด้วยความกลัว

“อย่าจินตนาการแล้วยึดติดถึงแต่ความอ่อนโยนในฝัน  ฉันเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ต่างหาก  เธอยังเด็ก..มีรักที่มันดีกว่านี้เถอะ”  ปล่อยมือจากก้อนนุ่มที่เป้ากางเกงเด็กตรงหน้า  ขยับถอยออกมาพิงขอบหน้าต่าง  มองหน้าแดงกับดวงตากลมที่คลอน้ำตา  เขี่ยก้นบุหรี่ทิ้งแล้วยกขึ้นแตะริมฝีปาก  สูบควันเข้าไปช้า ๆ มองเด็กหนุ่มที่กัดริมฝีปากล่างกลั้นสะอื้นตรงหน้า..

“..อึก..ผมชอบคุณนี่!  จะเป็นผู้ใหญ่แบบไหนผมก็อยากมีรักกับคุณ  คนอื่นที่นอกเหนือจากคุณน่ะ  ผมไม่อยากมีรักด้วยทั้งนั้น!”  มองดวงตาสีดำที่กลั่นหยดน้ำตาออกมาเพราะความเจ็บใจ  คำพูดที่บอกผมดังก้องไปมาในหัว  ‘คนอื่นที่นอกเหนือจากคุณน่ะ  ผมไม่อยากมีรักด้วยทั้งนั้น..’  ถอนหายใจยาวทำใจยอมรับแขนเรียวที่อยากกอดผม  ขยี้ก้นบุหรี่ที่ขอบหน้าต่าง  ดีดหลังออกมาจากหน้าต่างแล้วยื่นหน้าจูบที่ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเบา ๆ   ผละออกมามองตาที่กำลังกลั่นน้ำตาออกมา  จรดริมฝีปากแตะริมฝีปากที่สั่นน้อย ๆ สัมผัสริมฝีปากนุ่มทีละเล็กทีละน้อย  เลาะเล็มจูบนุ่มนวล  ปลายลิ้นรับรสเค็มของน้ำตา  ยิ้มบางแล้วละริมฝีปากมากระซิบข้างหู..

“..จะเป็นคนรักกับผู้ใหญ่แบบผม..เบื่อก็เลิกไม่ได้นะ  ยังอยากเป็นอยู่รึเปล่า?”  เจ้าของดวงตาสวยเม้มริมฝีปากแน่นแล้วพยักหน้าแรง ๆ ก่อนจะโผเข้ามากอดผมแน่น  ลูบหลังบางเบามือ  อีกข้างลูบผมนิ่ม  สอดมือไล้ปลายผมจับท้ายทอยให้เข้ามาเกยคางที่ไหล่ผม  ความเปียกชื้นจากน้ำตาหยดลงมาที่เสื้อจนหัวไหล่ผมเปียกไปหมด

หลับตารับความอุ่นของเนื้อที่กำลังแตกพาน  คนในอ้อมกอดบอกผมเสียงเบาว่าปีนี้ย่างเข้า  14  กลืนน้ำลายเหนียวกับความเยาว์ของ  ‘แฟน’  ดวงตาสีดำสนิทงดงามเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีดวงดาวพราวแสงระยับบนท้องฟ้าประดับเป็นประกายมองตาผมนิ่ง  ความเย้ายวนของเด็กหนุ่มวัย  13  ปี  4  เดือนทำให้ผมอยากทำอะไร ๆ ที่มันมากกว่าจูบ  แต่ด้วยตัวเลขของอายุมันทำให้สติผมไม่หลุดลอยไปไกล..

ด้วยสำนึกรักชีวิตปกติ  และความรับผิดชอบชั่วดีของคนรักที่อายุห่างกันถึง  15  ปีอย่างผม..










ตอนนี้ขืนทำมากกว่าจูบ..มีหวังต้องไปนอนกินข้าวแดงในคุกแหง!




END.


………………..


ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3

แถม
.
.
“พรุ่งนี้ไปเป็นเพื่อนโฟร์ขายเฟรนช์ฟรายที่ไนท์บาร์ซานะครับ..”  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วกดริมฝีปากปิดเสียงนุ่มที่เอ่ยขัดการจูบส่งกลับบ้าน  ผมกับโฟร์  แฟนเด็กที่สุดที่ผมเคยคบมา  โฟร์มักจะเรียกแค่ชื่อเล่นผมอย่างเดียวเพื่อลดช่องว่างเรื่องอายุ  ถึงผมจะไม่ชอบใจ  แต่ก็ไม่อยากขัดใจ  ปล่อยให้เรียกจนเริ่มคุ้นเคย   เด็กขี้อ้อนที่อ้อนให้ผมไปนั่งเป็นเพื่อนขายของที่ไนท์บาร์ซาหลายครั้ง  ไม่ใช่ไม่อยากไปเฝ้า  แต่ไม่อยากให้ติเห็นโฟร์ต่างหาก  ไม่อยากให้โฟร์โดนมันแกล้ง..

“ไม่ต้องไปหรอก  ให้เพื่อนขายไป  โฟร์อยู่กับผมที่บ้านดีกว่า   วันหยุด..ป้าไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ?”  ผละจากริมฝีปากสีชมพูอ่อนแล้วใช้นิ้วเช็ดเบามือ  โฟร์ลืมตาขึ้นมาสบตาผมช้า ๆ กระซิบเรียกชื่อผมเสียงแผ่ว  ‘ต้อง..’  ยิ้มบางแล้วตอบน้ำเสียงระดับเดียวกันกลับไป  ‘หืม?’  ริมฝีปากบางเคลื่อนเข้าหาริมฝีปากผม  แตะลงมาเบา ๆ แล้วขยับจูบซึมซับความชื้นช้า ๆ หลับตารับสัมผัสอ่อนโยนของเด็กอายุ  13  เผยอปากส่งปลายลิ้นเข้าไปควานหาปลายลิ้นร้อน  มือสอดเข้าไปในเสื้อลูบผิวลื่นมือ  เสื้อร่นตามข้อมือที่สูงขึ้น  จูบระลงมาที่ซอกคอหอม  ดูดผิวเนื้ออ่อนจนขึ้นสีเข้ม  หายใจเป่าลมร้อนใส่ปลายคาง  วนขึ้นจูบที่ริมฝีปากนุ่ม..

“ต้อง..ผม..ต้องทำยังไงบ้างครับ?..”  ลืมตามองริมฝีปากบางแล้วไล่สายตาขึ้นสบตาสวย  ยื่นริมฝีปากจูบพร้อมคำตอบที่ริมฝีปากล่างที่เผยอรอ..

“แค่ปล่อยตัว  ไม่ต้องเกร็งก็พอ..”  โฟร์ขืนหน้าออกมองตาผม  แล้วค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้ามาหา  ลมหายใจอุ่นกระทบที่แก้มกับแรงพยักหน้าจนปลายจมูกแตะที่ใบหูผม  เอี้ยวคอจูบหลังใบหู  ซึมซับความหอมของเด็กอายุ  13  เด็กที่มีกลิ่นของความเดียงสาอยู่จาง ๆ

ฝ่ามือลูบไล้ผิวใสที่อยู่ในอ้อมกอด  ไล้มือลงต่ำขยับรูดรั้งความต้องการที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัสมาก่อนเชื่องช้า  ริมฝีปากรับรสหวานที่เป็นของผมคนเดียว  ดื่มด่ำกับความอ่อนโยนของตัวเองและความเร่าร้อนที่มาจากธรรมชาติตรงหน้าอย่างอิ่มเอม  กอดตระกองร่างกายที่หอบเหนื่อยกับการเสียน้ำรักครั้งแรกให้กับฝ่ามือผม

ก้มหอมแก้มชื้นเหงื่อ  สบตาสีดำสนิทแล้วจูบเปลือกตาที่หลุบลงมองคอเสื้อผมเบา ๆ จูงมือไปส่งหน้าห้องน้ำ  เดินออกมาหาผ้าเช็ดตัวส่งให้  มองโฟร์สวมเสื้อผ้าแล้วดึงเข้ามาหอมผมนุ่มอีกฟอดใหญ่  อ้อมแขนอุ่นโอบรอบคอผมแน่น

“คุณเป็นผู้ใหญ่ที่ดีจริง ๆ ด้วย..ขอบคุณที่  ‘ไม่เข้ามา’  นะครับ”  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อดทนอดกลั้นกับคำพูดยั่วอย่างไม่ตั้งใจของโฟร์  จูงมือนุ่มลงมาข้างล่าง  เดินไปส่งที่หน้าบ้าน  ดวงตาสวยมองผมเป็นประกาย  ริมฝีปากคลี่ยิ้มอ่อนโยน..

“กลับดี ๆ นะครับ  รัก..รักต้องนะครับ”  ยิ้มกว้างกับคำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากบาง  โฟร์เป็นคนที่พูดอะไรอกมาจากใจและพูดออกมาตรง ๆ เสมอ  พยักหน้าแล้วยื่นมือจับมือนุ่มบีบเบา ๆ แล้วปล่อยช้า ๆ หมุนหันหลังแล้วเดินกลับเข้าบ้านตัวเอง  ปิดบ้านเรียบร้อยก็เดินกลับขึ้นห้อง  อาบน้ำอีกรอบแล้วเดินมามองความงามของดาวที่ทอแสงระยิบระยับบนท้องฟ้า  หันมองมือถือที่สั่นตรงหัวเตียง  เดินมาหยิบแล้วเปิดดูข้อความที่ส่งมากู๊ดไนท์ก่อนนอนของโฟร์ 

‘โฟร์แปรงฟันก่อนนอนแล้วนะครับ  จะนอนแล้ว  ฝันดีครับ..’  ยิ้มกว้างกับหน้าจอแล้วเลื่อนลงดูข้อความหลังจุดที่โฟร์ส่งมาให้  หายใจสะดุดกับข้อความที่ได้อ่าน

‘เมื่อกี้ก็ก่อคดีแล้วนะครับต้อง  ลามกอนาจาร?  หรือข้อหาอะไรดีล่ะ?  ล้อเล่นนะครับ  ฝันดีครับต้อง..’  เส้นเลือดฝอยที่ขมับปูดโปน  วางมือถือลงข้างตัวช้า ๆ พยายามข่มความหงุดหงิดที่โดนโฟร์แกล้งให้นอนไม่หลับ

ข้อดีของโฟร์คือความตรงไปตรงมา  แต่นั่นก็เป็นข้อเสียได้เหมือนกัน  ในหัวให้คำจำกัดความแฟนตัวเองจนหลับ..ไม่ว่าจะเป็นคำไหน  มันก็เหมาะกับหน้าใสผิวสวยพูดตรงแบบโฟร์ทั้งนั้นครับ..









‘ยักษ์..ปีศาจ..เด็กเปรต!’


END.





Fan fic Beautiful Eyes  BY  ZuuZuu


Rrrrrrrrเสียงโทรศัพท์ในยามเช้าเป็นเหมือนนาฬิกาปลุกชั้นดีที่ปลุกให้ผมตื่นขึ้นมาหลังจากที่นอนไปได้แค่ 3ชั่วโมง เสียงเพลงพิเศษเฉพาะตัวทำให้ผมรู้ได้โดยไม่ต้องมองว่าใครโทรมา

“ครับโฟร์” ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง คงเพราะน้ำเสียงของผมงัวเงียจนฟังไม่ค่อยเป็นคำ

“ต้องยังไม่ตื่นหรอครับ ผมโทรมากวนเวลานอนของต้องอีกแล้วใช่มั้ย” น้ำเสียงที่พูดมาประโยคแรกเหมือนจะรู้สึกผิด แต่ประโยคหลังเหมือนจะอ้อนให้ผมไม่โกรธอยู่กลาย ๆ

“ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังจะตื่นพอดี โฟร์มีอะไรรึป่าว ถึงได้โทรมาหาผมแต่เช้า” ตอบอย่างเอาใจก่อนที่แฟนเด็กจะคิดมาก

“ผมอยากไปเดินเที่ยวในห้างน่ะครับ อยากทานไอศกรีมด้วย ต้องไปกับผมได้มั้ยครับ”

“ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมไปรับที่บ้านโฟร์นะ ขอเวลาผมจัดการตัวเอง 30 นาที”

“ครับ ใกล้ถึงบ้านผมแล้วโทรมานะ ผมจะได้ออกไปรอหน้าบ้าน” ให้ตายเหอะ ทำไมผมถึงไม่เคยปฏิเสธน้ำเสียงอ้อนของแฟนเด็กคนนี้ได้เลยนะ

หลังจากที่จัดการกับตัวเองจนเสร็จเรียบร้อยผมก็ขับรถออกไปรับโฟร์ที่บ้าน ยังไม่ทันจะโทรเข้าหา สายตาก็เหลือบไปเห็นแฟนเด็กคนนี้ของผมยืนยิ้มแป้นรออยู่หน้าบ้านแล้ว

“ออกมายืนตากแดดร้อน ๆ ก่อนทำไมครับ โฟร์เป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอว่าถ้าถึงหน้าบ้านแล้วให้ผมโทรหา ผิวดำขึ้นมาอย่าบ่นอีกละ” หลังจากบ่นเสร็จเหลือบไปมองโฟร์นิดนึง ก็เห็นว่านั่งทำปากบู้ บ่นพึมพำอะไรคนเดียว เท่าที่ได้ยินเหมือนจะบอกว่า ตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวกับผม เพราะ 2-3 เดือนมานี้ผมแทบจะไม่ว่างได้ออกไปไหนเลย งานเข้ามาเยอะมาก เวลาว่างอันน้อยนิดของผมเลยทำได้แค่อยู่ที่บ้านแล้วโฟร์ก็มาหาบ้างเป็นบางเวลา เห็นอย่างนี้แล้วก็อดสงสารไม่ได้ ดูแล้วแฟนของผมคนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าวัยมาก แทบจะไม่แสดงนิสัยเด็ก ๆออกมาให้ผมเห็นเลย นอกจากเวลาที่อยากทานขนมหวาน หรืออยากจะขอให้ผมทำอะไรสักอย่าง ถึงจะได้เห็นโฟร์ในร่างที่เป็นเด็กอายุสมวัย 13 ย่าง 14 ปี เมื่อคิดได้แบบนั้นก็อดที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวแฟนเด็กแล้วพูดปลอบใจไม่ได้

“ผมก็ตื่นเต้นนะที่จะได้ออกไปเที่ยวกับโฟร์ แต่ก็ไม่อยากให้โฟร์ยืนตากแดดรอนานๆ เผื่อผมมาช้าเพราะรถติด โฟร์จะทำยังไงครับ แล้วนี่ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าด้วยใช่มั้ย ถ้าเป็นลมไปทำยังไงละครับ ที่ผมพูดเพราะผมเป็นห่วง ไม่โกรธผมนะครับ”

“ผมไม่ได้โกรธต้องซักหน่อย ขอโทษนะครับที่ทำให้ต้องคิดมาก” พูดจบโฟร์ก็เงยหน้ามายิ้มให้ผม เห็นแบบนี้แล้วไม่ยิ้มตอบก็คงจะไม่ได้แล้วละครับ น่ารักซะขนาดนี้

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวไปถึงห้างแล้วเราไปหาอะไรทานกันก่อน แล้วค่อยเดินเที่ยวดีมั้ยครับ แล้วก่อนกลับค่อยไปทานไอศกรีมกัน”
“ครับ”

เมื่อวนหาที่จอดรถได้เป็นที่เรียบร้อยพวกผมก็เดินไปหาอะไรทานกัน แล้วค่อยไปเดินดูเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ตามที่แฟนเด็กของผมอยากจะดู

“ต้องครับ สีฟ้ากับสีเหลืองต้องว่าสีไหนสวยกว่ากันครับ” หลังจากที่โฟร์ยืนหน้าดำคร่ำเครียดกับการตัดสินใจเลือกสีของเสื้อยืดตรงหน้ามาไม่ได้พักใหญ่ๆก็หันมาถามผม

“จริงๆสีไหนโฟร์ก็ใส่ได้หมดนะครับ แต่ถ้าถามผม ผมชอบสีเหลืองมากกว่า อีกอย่างเสื้อสีฟ้าโฟร์มีเยอะแล้ว เอาสีเหลืองไปใส่บ้าง เปลี่ยนบรรยากาศให้ตู้เสื้อผ้าดีมั้ยครับ”

หลังจากยืนคิดตามคำแนะนำผมแป๊บนึง โฟร์ก็พยักหน้าเห็นด้วย แล้วหยิบเสื้อยืดตัวสีเหลืองส่งให้พนักงานไปคิดเงิน แต่ยังไม่ทันได้หยิบเงินส่งให้พนักงาน ผมก็ชิงส่งบัตรเครดิตให้ไปก่อน

“ต้องอ่ะ เสื้อตัวเดียวผมจ่ายเองได้ ต้องออกเงินจ่ายค่าเสื้อผ้า ของใช้ต่าง ๆ แล้วก็ค่ากินให้ผมหลายอย่างแล้วนะครับ”

“โฟร์อย่าคิดมากสิครับ ผมเต็มใจที่จะจ่ายให้ เลี้ยงแฟนคนเดียว ถ้ายังเลี้ยงไม่ไหวแล้วผมจะเลี้ยงอะไรได้ละครับ” หลังจากพูดจบแฟนเด็กของผมก็หน้าแดงระเรื่อแล้วพูดต่อว่า

“แต่ของที่ต้องจ่ายเงินให้ผมถ้ารวม ๆ กันก็เป็นเงินหลายบาทแล้วนะครับ ผมเกรงใจ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เงินของผมก็เหมือนกับเงินของโฟร์ อย่าคิดมากสิครับ หรือว่าโฟร์จะเอาบัตรเครดิตของผมไปไว้ใช้ซักใบมั้ย จะได้ดูเหมือนโฟร์เป็นคนจ่ายเงินเอง”

“แบบนั้นยิ่งไม่เอาเลยนะ!! โอเคครับ ต้องอยากจ่ายเงินแทนผมก็ตามสบายเลยครับ หมดตัวอย่ามาว่าผมนะ”

“ถ้าผมหมดตัว ผมก็ให้โฟร์เลี้ยงผมกลับไงครับดีมั้ย” พูดจบก็ยิ้มหวาน แฟนเด็กของผมเงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้มตอบ เห็นแบบนี้แล้วอยากจะพาตัวไปเก็บไว้ที่บ้านจริงๆเลยครับ ไม่อยากให้ใครมองหรือเห็นเลย น่ารักไปแล้วจริงๆ

หลังจากที่เดินเลือกซื้อของกันจนทั่วห้างแล้ว ผมก็ชวนโฟร์ไปทานไอศกรีมก่อนกลับ ระหว่างทางที่เดินไปก็มีเสียงคนทักผมขึ้นมาซะก่อน

“ต้อง! นั่นต้องใช่มั้ย”  ผมหันกลับไปมองแล้วนึกซักแป๊บว่าใครเป็นคนเรียก ก่อนจะส่งยิ้มให้แล้วทักทายตอบ

“ฟ้าใช่มั้ย ไปไงมาไงถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” ฟ้าเป็นเพื่อนสมัยเรียน เป็นบัดดี้เวลาทำงานแบบงานคู่ เพราะรหัสนักศึกษาของเรา 2 คนติดกัน ทำให้สนิทกันพอสมควร

“พอดีที่ทำงานของฟ้า ให้ฟ้าย้ายมาประจำที่สาขานี้น่ะจ๊ะ ต้องสบายดีนะ ดูดีไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ เมื่อก่อนหล่อยังไงก็ยังหล่อเหมือนเดิม อยากกลับไปเรียนอีกจัง” ระหว่างที่ยืนฟังฟ้ารำลึกถึงความหลังสมัยเรียนแฟนเด็กที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมก็กระตุกแขนเสื้อเบา ๆ 2-3 ครั้ง พอก้มลงไปมองเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา พอฟ้าเห็นว่าผมก้มไปมองใครก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองคุยเพลินจนลืมสังเกตว่ามีใครอีกคนมากับผมด้วย

“อุ๊ย มัวแต่คุยเพลิน ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าต้องมากับน้อง ชื่ออะไรคะสุดหล่อ พี่ชื่อฟ้านะคะ”

 “.....”  โฟร์เอาแต่ยืนเงียบไม่พูดอะไร ร้อนถึงผมต้องเป็นคนตอบแทน

“น้องชื่อโฟร์น่ะฟ้า โฟร์นี่พี่ฟ้านะ”

“สวัสดีจ๊ะน้องโฟร์”

“......” แฟนเด็กของผมเงียบอีกแล้วครับ ผิดปกติไปนะ แต่ ณ ตอนนั้นผมยังไม่ได้ใส่ใจถึงความผิดปกตินี้เท่าไหร่ คิดแค่ว่าโฟร์คงเขินอายที่จะพูดคุยกับคนที่เพิ่งจะรู้จัก จนผมชวนฟ้าไปทานไอศครีมด้วยกันนั่นแหละครับ ถึงได้คิดว่ามันไม่ใช่อาการของคนเขินอายแล้ว เพราะโฟร์ที่ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ฟ้าเข้ามาทักจนถึงตอนนี้  กลับบอกว่าลืมไปว่ามีธุระด่วน จะกลับบ้านแล้ว ทำให้ผมเริ่มจะเอะใจขึ้นมา  หรือว่าโฟร์จะไม่ชอบฟ้า ผมเลยต้องตามใจโฟร์ด้วยการพากลับบ้านทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทานไอศครีม  พอขึ้นไปนั่งบนรถได้ผมก็เลยถามโฟร์ว่า

“โฟร์ครับ โฟร์ไม่พอใจอะไรรึป่าว บอกผมได้นะครับ เงียบแบบนี้ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าโฟร์ชอบหรือไม่ชอบอะไร”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ” ถึงโฟร์จะบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร แต่สีหน้าและน้ำเสียงที่พูดมันไม่ใช่เลย ทำให้ผมเริ่มคิดทบทวนดูว่าโฟร์เริ่มเงียบไปตั้งแต่ตอนไหน แล้วค่อยถามต่อ

“โฟร์ไม่ชอบฟ้าหรอครับ” พูดจบก็เห็นว่าหน้าของโฟร์ยังนิ่งเฉยเหมือนเดิม แต่แววตาของโฟร์มันฟ้องว่าเป็นเรื่องนี้จริง ๆ แต่เพราะโฟร์ไม่ได้รับมาตรง ๆ ว่าไม่ชอบฟ้า ทำให้ผมพูดอะไรมากไม่ได้ ระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้านโฟร์ก็นั่งเงียบ สายตาก็จ้องออกไปดูถนนด้านข้างตลอดเวลา พอมาถึงหน้าบ้านผมเลยตัดสินใจที่จะพูดในสิ่งที่ผมคิดมาตลอดทาง

“โฟร์ครับ ผมไม่รู้หรอกนะว่าโฟร์ไม่พอใจอะไรในตัวฟ้า แต่ฟ้าเป็นเพื่อนของผม ถ้าผมจะคุยกับเพื่อนบ้าง ชวนเพื่อนไปเที่ยวบ้างไม่ได้เลยใช่มั้ยครับ ผมก็ยังต้องมีสังคมในแบบของผมนะครับ ชีวิตนี้ไม่ใช่ว่าจะมีแค่โฟร์เพียงคนเดียว ก็เหมือนกับโฟร์ที่ชีวิตนี้ไม่ได้จำเป็นจะต้องมีผมแค่คนเดียว โฟร์ยังต้องไปเจอใครในสังคมอีกเยอะนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนกลุ่มใหม่ อาจารย์คนใหม่ หรือใครก็ตามที่ต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตโฟร์ โฟร์ต้องเปิดใจให้กว้างกว่านี้นะครับ ไม่ใช่เพื่อใคร ไม่ใช่เพื่อผม แต่เพื่อตัวโฟร์เอง นะครับ ลองไปคิดดู”  พูดจบก็หันไปมองโฟร์แล้วก็ต้องใจหายอีกครั้งเมื่อเห็นว่าแฟนเด็กของผมคนนี้ร้องไห้ไปแล้ว แต่ก็ต้องทนใจแข็งไม่ดึงตัวเข้ามากอดหรือปลอบ เพราะต้องการให้โฟร์คิดได้เกี่ยวกับเรื่องนี้

หลังจากที่เห็นโฟร์เดินเข้าบ้านไปแล้ว ผมก็กลับบ้านเพื่อจะเคลียร์งานส่วนที่เหลือต่อ แต่นั่งเคลียร์งานได้ไม่ทันไรก็มีเสียงเคาะประตู แล้วเปิดแง้ม ๆ ให้พอเห็นว่าใครเป็นคนเคาะประตู

“เข้ามาซิครับโฟร์” โฟร์เดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าประตูก้มหน้าก้มตาเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้นพักใหญ่ จนผมทนไม่ได้จึงเอ่ยปากถามต่อ

 “มีอะไรรึป่าวครับโฟร์ ยืนเงียบ ๆ อยู่แบบนั้นผมไม่รู้จริง ๆ นะครับว่าโฟร์มาทำไม”

“ฮึก...ต้องอย่าเกลียดผมเลยนะครับ” โฟร์ตอบกลับมาเสียงสั่นๆ

“ผมผิดไปแล้ว ต่อไปผมจะทำตัวให้ดีกว่านี้ ต้องอย่าโกรธอย่าเกลียดผมเลยนะครับ” พูดจบโฟร์ก็เงยหน้ามามองผมด้วยหน้าตาที่มองยังไงก็รู้ว่าร้องไห้มาตลอดทางที่เดินมาหาผมแน่ๆ เห็นแบบนี้แล้วที่ตั้งใจว่าจะไม่ใจอ่อนให้เด็กดื้อคนนี้ง่าย ๆ ก็ต้องพักความคิดไป ใจอ่อนยวบเพราะสงสารแฟนเด็กคนนี้ จึงลุกจากโต๊ะทำงานไปกอดปลอบใจโฟร์อยู่พักใหญ่ หลังจากที่ยืนปลอบให้แฟนเด็กหยุดร้องได้ก็จูงมือมานั่งที่โซฟากลางห้อง แทนที่เจ้าแฟนเด็กจะนั่งข้างๆกลับปีนมานั่งบนตักกอดคอผมแน่น จนผมอดใจไม่ไหวต้องดันตัวโฟร์ออกมาเพื่อจูบหน้าผากและตาทั้งสองข้างเป็นการปลอบใจอีกครั้ง

“ร้องไห้ทำไมครับเนี่ย โฟร์คนเก่งของผมกลายร่างเป็นเด็กขี้แยไปแล้วหรอ”

“ก็ต้องโกรธผม...เกลียดผมแล้วนี่ครับ”

“ผมไม่ได้โกรธโฟร์เลยนะครับ เรื่องเกลียดยิ่งไม่ใช่ใหญ่ แค่ไม่ชอบที่โฟร์ไปแสดงท่าทางไม่ดีใส่ฟ้าแบบนั้น ครั้งนี้ฟ้าอาจจะไม่คิดมาก แต่ถ้าเจอกันครั้งต่อไปฟ้าจะดูว่าโฟร์เป็นเด็กไม่ดีนะครับ ผมไม่อยากให้ใครมองว่าแฟนผมเป็นเด็กมีปัญหา เข้ากับใครไม่ได้”

“ผมไม่ได้รังเกียจพี่ฟ้าเลยนะครับ แต่ผมแค่คิดว่าวันนี้ผมกับต้องไปเที่ยวกันแค่2คนก็ดีอยู่แล้ว... ทำไมต้องชวนคนอื่นไปด้วยละ” โฟร์พูดไปเสียงก็ค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ ถ้าไม่อยู่ใกล้กันจริงๆคงจะฟังไม่รู้เรื่อง พอฟังโฟร์พูดแบบนี้ก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าที่แฟนเด็กของผมไม่พอใจไม่ใช่ไม่พอใจเพื่อนผม แต่น่าจะเป็นตัวผมเองมากกว่าที่ไปชวนคนอื่นมารบกวนเวลาเที่ยวของเรา 2 คนที่กว่าจะหาได้อย่างยากลำบาก

“ขอโทษนะครับโฟร์ที่ผมลืมคิดถึงจุดนี้ไป ยกโทษให้ผมได้มั้ยครับ”  พูดจบก็ไม่รอคำตอบของโฟร์ ยื่นหน้าเอาปากของตัวเองไปแตะกับริมฝีปากบางของแฟนเด็กซ้ำๆ แล้วกัดริมฝีปากล่างเบาๆเพื่อให้โฟร์เผยอปากขึ้นมา หลังจากที่ส่งปลายลิ้นเข้าไปกอดเกี่ยวกับลิ้นของแฟนเด็ก มือก็สอดเข้าไปลูบไล้แผ่นหลัง ก่อนจะอ้อมมือมาเล่นกับเม็ดสีชมพูเบา ๆ ให้พอได้ยินเสียงครางของโฟร์เบา ๆ จากนั้นก็ผละริมฝีปากออกจากริมฝีปากบางนิดหนึ่งเพื่อถอดเสื้อของเด็กดื้อออก แล้วก็ประกบริมฝีปากต่อเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา แล้วก็รับรู้ได้ถึงความต้องการของแฟนเด็ก

มือที่เล่นอยู่กับเม็ดสีชมพูจึงละลงไปรูดรั้งความต้องการของโฟร์ ริมฝีปากก็ค่อย ๆ เคลื่อนลงมาจากปากบางมาที่ซอกคอและยอดอก เล่นอยู่ที่จุดนั้นอยู่สักพักก็เลื่อนหน้าขึ้นไปประกบปากกับปากบางต่อ มืออีกข้างที่ไม่ได้สัมผัสกับความต้องการของแฟนเด็กก็ค่อยๆเคลื่อนลงมาลูบไล้ตรงช่องทางสงวนของโฟร์ ในตอนที่ลากนิ้วไปแตะ โฟร์สะดุ้งเล็กๆก่อนจะปล่อยให้ผมสอดนิ้วเข้าไปสำรวจช่องทางนั้น ส่งนิ้วเข้าไปสำรวจได้เพียงนิดเดียวก็รู้สึกว่าโฟร์เกร็งตัวแน่นพร้อมทั้งผละริมฝีปากออกมากัดเพื่อบรรเทาความเจ็บ เห็นแบบนั้นก็ทนใจร้ายทรมานแฟนตัวเองไม่ได้ เลยดึงนิ้วออกมา จากที่โฟร์หลับตาขมวดคิ้วแน่นก็ลืมตาขึ้นมามอง เหมือนจะถามว่าผมจะไม่ทำต่อแล้วหรอ เห็นแบบนั้นจึงยิ้มให้ พร้อมทั้งประกบริมฝีปากเข้าหาปากบางแล้วบอกว่า ‘ไว้ให้โฟร์พร้อมกว่านี้ก็ได้ครับ’ แฟนเด็กได้ยินแบบนั้นก็ผละมือออกจากคอผมไปรูดรั้งความต้องการของผมพร้อมทั้งพูดว่า ‘งั้นให้ผมได้ช่วยต้องบ้างนะครับ’ มือเล็กของแฟนเด็กจับรวบความต้องการของผมแน่น  ขยับข้อมือรูดรั้งเบา ๆ พร้อมกับเงยหน้าเผยอริมฝีปากยั่วเย้าให้ปลายลิ้นผมสอดเข้าควานหาลิ้นอุ่น  ขยับเบียดดันหลังบางให้เดินไปที่เตียง  เท้าแขนคร่อมข้างหนึ่งยันตัวเองไม่ให้ลงน้ำหนักตัวใส่โฟร์  ลมอุ่นจากปลายจมูกโด่งติดขัด  มือเล็กที่จับความต้องการผมหยุดขยับก่อนจะผละมากอดคอผมแน่น  ความแข็งขืนของโฟร์ที่อยู่ในมือผมร้อนรุ่ม  ก่อนจะปลดปล่อยธารรักใส่ฝ่ามือ..ไหลระไปตามหลังมือผมอย่างท่วมท้น  ผละริมฝีปากให้โฟร์ได้หายใจสะดวก  ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ และทำความสะอาดให้โฟร์  นิ่งมองตาสวยฉ่ำปรือที่ลืมขึ้นมาสบ  ผมควรเตรียมความพร้อมและสร้างความกล้าให้โฟร์..ทีละนิด 

“ช่วยผมนะ..”  เอ่ยปากบอกสั้น ๆ แล้วคลานเข่าขึ้นมาคร่อมหน้าเรียว  จ่อความต้องการของตัวเองที่มีน้ำใสติดตรงปลายที่ริมฝีปากบาง  น้องกลั้นหายใจก่อนจะอ้าปากเล็กใช้ลิ้นแตะชิมน้ำสีใสของผม  ครางซี๊ดแล้วกลั้นหายใจเมื่อริมฝีปากนุ่มเริ่มครอบครองความยาวของผม  กัดกรามแน่นข่มความเสียวในอกแล้วจับหมอนมาให้โฟร์หนุนไม่ให้เมื่อย  ขยับสะโพกดันความยาวเข้าหาโพรงปากอุ่นทีละนิด  กัดฟันกับความเจ็บเพราะความไม่เคยของโฟร์  ยิ้มบางแล้วลูบแก้มปลอบเมื่อดวงตาสวยบอกผมว่าขอโทษที่ทำให้เจ็บ  ผมปล่อยให้โฟร์ได้ลองแตะปลายลิ้น  ได้ลองครอบครองของผมในท่วงท่าที่..โฟร์คิดว่าโฟร์ถนัด  ลิ้นร้อนกับความนุ่มในปากโฟร์  ส่งให้ผมไปถึงสวรรค์ในเวลาไม่นานนัก  ถดสะโพกออกแล้วรูดรั้งท่อนร้อนของตัวเองรวดเร็วก่อนจะปล่อยน้ำรักใส่ฝ่ามือจนเต็มที่  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วหันข้างดึงทิชชู่มาเช็ดทำความสะอาดตัวเอง

หลังจากที่เราสองคนผลัดกันให้ความสุขจนเสร็จก็จูงมือกันไปอาบน้ำก่อนที่จะมานอนกอดกันหลับไป แฟนเด็กของผมคนนี้ถึงจะดื้อไปหน่อย แต่ก็น่ารักนะครับ คุณๆคิดแบบนั้นไหม?


END.


กอดหมับ บวก ๆ ค่ะ
งานเยอะค่ะช่วงนี้  พฤหัสกับศุกร์ที่จะถึงนี้ก็ถูกเฉดหัวไปอบรม  เสาร์ก็ไม่ได้เข้าบ้านต้องมาปั่นจักรยานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดา  ถ้าเปรียบเป็นซุปตาร์..จิคงค่าตัวแพงน่าดูค่ะ55555
คุณ  Mouse2U  ฮาเนอะคะ  จิแต่งเองก็ฮาเหมือนกันค่ะ5555  จิลองดูด้วยนะคะ  เอาครีมนวดมาถูกับข้อพับที่หนีบแน่นของตัวเอง  เข้าง่ายเลยล่ะค่ะ  จิสนับสนุนทฤษฎีครีมนวดนะคะ >///<
คุณ  nekko  มันเป็นองค์ประกอบที่ลงตัวนะคะ  ความรักที่ยังต้องการตัวช่วย  เราต้องขอบคุณครีมนวดล่ะค่ะ  ไม่อยากจะบอกว่าจิลิงดูด้วยล่ะค่ะตอนเขียนเสร็จใหม่ ๆ อ่ะ  เอาครีมนวดมาถูกับข้อพับที่หนีบแน่น..มันไหลเข้าไปปรื้ด ๆ สบาย ๆ เลยค่ะ5555
คุณ  sirin_chadada  ครีมนวดตอนท้ายฉีกอารมณ์แคว้กๆ เลยใช่ป่ะคะ555 ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ  คุณช่วยจิไว้ได้มาก ๆ เลยค่ะ  สำหรับคอมเม้นท์ที่มีให้  ขอบคุณมากค่ะ ^^
คุณ  PURE LOVE  ทุกคนมีจุดเริ่มต้นของความรักไม่เหมือนกันค่ะ  บางคนสดใส  บางคนมืดมน  แต่ตอนจบมีความสุขเพราะรู้สึกเหมือนกันค่ะ....ขอบคุณเหมือนกันนะคะ ^^
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามค่ะ
 :pig4: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ตอนนี้อบอุ่นมากเลยค่ะ :-[ แบบว่า 'รักแรกพบเมื่อสบตา' อร๊างง~ พี่ต้องท่องคำนี้จนขึ้นใจเลยสินะคะ คุก คุก คุก :laugh:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
นี่นายต้อง นายรู้สึกคันคอเหมือนจะไอดังคุก คุก คุกมั้ย 55
ว่าแต่กินเด็กอร่อยมั้ยอ่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
ท่องไว้ๆๆนะพี่ต้อง น้องเป็นผู้เยาว์ :laugh:

 :กอด1: :L2: :pig4:


ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
พี่ต้อง เป็นพี่ชายตินี่เอง ตินี่ตกลงจะแนะนำก้านว่ายังไงแน่ล่ะ
พี่ต้องน่ะไม่เท่าไหร่ แต่กับพ่อแม่นี่สิ จะบอกว่าก้านเป็นลูกสะใภ้หรือลูกเขยดีจ้ะ 555

โห พี่ต้อง ได้แฟนเด็กแล้วกระชุ่มกระชวยดีไหมล่ะ แต่ตอนนี้ ต้องอดใจไว้ก่อนนะ
น้องโฟร์ เพิ่งจะอายุ 13 ยังเด็กน้อยใสซื่อมากเลย แต่เพราะความเป็นเด็กนี่แหละเนอะ
รู้สึกอย่างไรกับพี่ต้อง ถึงได้แสดงออกมาตรง ๆ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะความกล้าของน้องโฟร์
มีหวังพี่ต้อง ต้องกินแห้วเพราะคิดเอง เออเอง ทำตัวเองทั้งนั้นนะเนี่ย

ว่าแต่ ติรู้หรือยัง ว่าตัวเองได้พี่สะใภ้อายุ 13 อ่ะ มีหวังมาป่วนจนพี่ต้องปวดหัวแน่ 555
ขอบคุณคุณจิ มากค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
ตามอ่านแล้วฟินทุกเรื่องเหมือนเดิม

ชอบนะ น่ารักไปสิ :mew1:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
คุณจิหายไปหนายย... สามวันแล้วน้าค้า~ :dont2:

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
Charming



ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุมอยู่รอบตัว  มีแสงสว่างจุดเล็กให้ผมได้ยึดไว้เป็นจุดหมาย  เพ่งมองแสงสว่างที่อยู่สุดทางเดิน  เดินตรงไปตามทางที่เห็นแสงสว่างรำไรอยู่ด้านหน้า   ชินชากับความมืดมิดที่รายล้อมรอบตัว  แสงสว่างที่เห็นเป็นจุดเล็กเพิ่มความกว้างขึ้นทีละน้อย  เดินย่ำความเปียกชื้นในซอกอับของตลาดสด  ในมือบังคับรถเข็นที่บรรจุผักกาดหอมสีเขียวสดไว้เต็มลังพลาสติก  เข็นเข้ามาหาแสงสว่างสุดทางเดินแล้วเลี้ยวทางขวา  ยิ้มมุมปากตอบเด็กอาชีพเดียวกันที่เข็นลังปลาสวนมา  หยุดหน้าแผงผักแล้วยกไปวางให้หลังแผง  ยืนรอเงินในมือเหี่ยวที่กำลังกรีดแบงค์สีเขียวส่งให้ผม  3  ใบ  ยกมือไหว้ก่อนจะรับ

“ไหว้พระลูก  เปิดเทอมเมื่อไหร่ล่ะตรี?”  ยิ้มบางแล้วตอบ  ‘อีก  15  วันครับ’  ป้าเนียนยิ้มแล้วยกมือลูบหัวผม  ก้มหัวลงให้แกลูบได้ถนัด  หลับตารับพรที่แกให้  ‘เจริญ ๆ นะลูก’  เงยหน้าเมื่อมือเหี่ยวของป้าเนียนพ้นไปจากหัว  ยิ้มบางแล้วยกมือไหว้ขอบคุณอีกรอบ  หันกลับมาคว้ารถเข็นแล้วลากกลับทางเดิม  ความสว่างจากด้านนอกมาพร้อมกับผู้คนที่เริ่มทยอยเข้ามาจับจ่ายของสดในตลาด  รีบเดินออกมาจากซอยผักเลี่ยงคนจ่ายของ  เข็นรถมาเก็บด้านหลังตลาดรวมกับของคนอื่น  ถอนหายใจกับลมเย็นที่พัดไม่ถูกจังหวะ  น่าจะพัดตอนที่ผมกำลังเข็นผักส่งตามแผง  เงยหน้ามองประอาทิตย์ที่เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้า  ยกยิ้มให้กับ ‘เวลา’  ที่ผมรออยู่ทุกวัน

ลมพัดเอาความเย็นมาเช็ดเหงื่อที่กำลังเกาะพราวตามตัวผมให้แห้ง  ยืนนิ่งหลับตารับลมที่พัดมาช้า ๆ  ก้มหน้าแล้วผ่อนลมหายใจออก  ลืมตาขึ้นแล้วเงยหน้ามองตรงไปที่กองถังขยะท้ายตลาดสด  แมวหลายตัวห้อมล้อมคนที่มาให้อาหารมันในเวลานี้ทุกวัน  มองมือขาวนิ้วเรียวยาวที่หยิบอาหารเม็ดเทใส่ชามใบโต  ค่อย ๆ วางไว้ตรงกลางฝูงแมวตัวน้อยช้า ๆ   ดวงตาสีน้ำตาลที่อยู่ใต้กรอบแว่นสายตาดูอ่อนโยน  รอยยิ้มเอ็นดูประดับหน้า  ผิวขาวที่ถูกเสื้อตัวโคร่งปิดบังความเนียนละเอียด   แก้มใสขึ้นสีเมื่อรับความร้อนจากอากาศรอบกาย  เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวจนหลังเสื้อเปียกชุ่ม 

ผมเห็นภาพนี้ครั้งแรกเมื่ออาทิตย์ก่อน  ผู้ชายคนนี้ไม่เด่นสะดุดตาคน  รูปลักษณ์ที่ดูไม่น่าดึงดูดใจใคร  การแต่งตัวที่ดูเชยเฉิ่ม  แว่นตาหนาเตอะกับทรงผมที่ดูยุ่งเหยิงบวกกับการก้มหน้าก้มตาเดินยิ่งทำให้ไม่มีใครสนใจอยากรู้จัก  แต่เพราะความเป็นคนใจดีที่เอาอาหารมาให้แมวทุกวันนี่ล่ะมั้ง  ทำให้ผมเริ่ม..สังเกตเห็นคนคนนี้

ยืนตัวตรงเสมองความเคลื่อนไหวของลมฟ้าอากาศ  เมื่อเห็นว่าคนคนนั้นลุกขึ้นยืนแล้วปัดกางเกงเบา ๆ  เสียงฝีเท้าคุ้นเคยดังใกล้เข้ามา  ลมเย็นพัดผ่านชวนให้เหลือบมองผมที่เริ่มยาวปลิวน้อย ๆ  ผิวแก้มสีชมพูอ่อนเหมือนริมฝีปากบาง  ปลายจมูกมีเหงื่อเม็ดเล็กเกาะ  แว่นตาหนาเตอะสะท้อนแสงบดบังดวงตาสวยที่ล้อมรอบด้วยขนตาหนาเป็นแพ 

ผ่อนลมหายใจช้า ๆ เมื่อคนคนนั้นเดินผ่านไปแล้ว  ภายในร่างกายสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้  เม้มปากแน่นแล้วยกมือขึ้นจับหน้าอกข้างซ้ายที่สั่นหนักกว่าอวัยวะอื่นในร่างกายแน่น..

“น่ากอดเป็นบ้า..”  เอนหลังพิงกำแพงแล้วปรับลมหายใจให้เป็นปกติ  หยิบเสื้อที่เหน็บไว้ที่กระเป๋าหลังมาสะบัดแล้วสวมรวดเร็ว  ลูบหน้าแรง ๆ แล้วเดินเลาะเข้าซอยกับข้าวถุง  ตรงดิ่งไปท้ายซอย  มองเมินแม่ค้าหน้าสวยที่เรียกผมให้แวะ  ดวงตามองตรงไปที่ร้านขายผัดไท  เสี้ยวหน้าด้านข้างขะมักเขม้นกับกระทะใบโต  เหลือบมองแถวยาวเหยียดแล้วเดินไปต่อแถวไม่ท้อ  ลูกค้ามีแค่  2  ประเภท  ป้าแก่ ๆ กับผู้ชาย..ทุกวัย

ไม่มีเสียงพูดคุยจ้อกแจ้ก  ทุกสายตาจับจ้องไปที่คนเพียงคนเดียว  ท่าทางทะมัดทะแมงเพราะประสบการณ์การทำผัดไทที่นานเท่าอายุของผม  เดินขยับเข้าใกล้ขึ้นตามคิวที่ลดลง  หัวใจเต้นตึกตักจนกลบเสียงตะหลิวกระทบกระทะ  เสียงนุ่มเอ่ยถาม..

“กี่ห่อครับ?”  เงยหน้ามองแว่นมัวเพราะไอความร้อน  นึกหงุดหงิดเจ้าของแว่น..ทำไมไม่รู้จักเช็ดแว่น  จะได้มองเห็นกันบ้าง?!   ถอนหายใจพรูแล้วตอบเสียงเบา

“..2  ห่อครับ”  มองมือขาวตักเส้นเหนียวกับกุ้ง  4-5  ตัวใส่ใบตอง   สูดลมหายใจเข้าปอดหนัก ๆ แล้วนึกถึงคำแนะนำที่พี่โตบอกผมประจำ  ลองดูก็ได้..ขอให้ได้ผลเถอะวะ!

“ไม่เอาถั่วคั่ว  ไม่ใส่กุยช่าย  ไม่กินถั่วงอก..”  กลั้นหายใจลุ้นเยี่ยวเหนียวกับผลลัพธ์ที่จะเกิด  แว่นหนาเตอะที่ก้มมองแต่ในกระทะค่อย ๆ เงยหน้าเพ่งมองลูกค้าเรื่องมากอย่างผมช้า ๆ ทำหน้าเฉยมองกลับไปอย่างเก็บอาการที่สุด  ผมไม่จำเป็นต้องทำหน้าหล่อหรือสร้างความประทับใจอะไร  แค่มอง..แค่เห็นและจำกันได้บ้างก็พอ  เท่านี้ผมก็ประสบความสำเร็จแล้ว 

นิ่งมองแก้มใสขึ้นสีเรื่อน้อย ๆ  ริมฝีปากค่อย ๆ เม้มช้า ๆ เจ้าของร้านผัดไทก้มหน้าหลบตาผมแล้วหยิบยางมารัดห่อผัดไท  ตักเส้นใส่อีกห่อแล้วรัดจนครบจำนวนที่ผมสั่งแล้วหยิบใส่ถุง   ยื่นส่งให้ผมไม่มองตา  ยื่นมืออกไปรวบถุงแล้ววางเงินไว้ตรงหน้า  จับจ้องหน้าด้านข้างที่เบือนมองกระทะใบใหญ่   มือขาวนิ้วเรียวไม่มีทีท่าจะหยิบตะหลิวหรือมองลูกค้าข้างหลังเร่งให้ผมเดินออกไปจากแถวเหมือนที่เคย  เดินออกไปจากแผงแล้วยิ้มให้ตัวเองเหมือนคนบ้า  ความเซ็งที่เคยรับจากเฮียปิงเพราะอาการไม่เคยมอง  ไม่เคยเห็น  ไม่สนใจใครทั้งนั้น  แต่วันนี้ผมได้รับพายุอายของเฮียมาพัดความเซ็งออกไปแล้วครับ 

หยุดเดินแล้วหันกลับไปจ้องร้านผัดไท    มองแถวยาวยืดที่ไม่มีทีท่าจะลดจำนวนความยาว  ถ้าผมเห็นว่าเขาน่ารัก  คนอื่น..ก็คงเห็นเหมือนกัน  ก้มหน้าแล้วพ่นลมหายใจทิ้ง  ไม่รู้ว่าเขามีชีวิตรอดจากปากเหยี่ยวปากกาจนถึงอายุ  37  มาได้ยังไง?  ตอนอายุ  17  เท่าผม..ไม่มีใครมาจีบหรือมีแฟนเลยรึไงนะ?

เสยผมลวก ๆ ไล่ความหงุดหงิดแล้วก้าวขาคร่อมมอไซค์สุดหวง  CBR  1000  สีดำที่ผมถอยมาได้ไม่กี่เดือน  พ่อซื้อให้เป็นของขวัญครบ  17  ปี  ฟังเสียงเครื่องแล้วใจมันสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ  ผมก็เหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป  ชอบรถ  คั่วหญิงไปตามเรื่อง  ไม่เคยมีความคิดจะอยากตุ่ยตูดเกย์ที่ไหน  จะมีก็..เจ้าของแผงผัดไท  รุ่นใหญ่ที่แอบมองบ่อย ๆ นั่นล่ะ  มันน่าลองไม่น้อยเลย  ยิ่งท่าทางขี้อายกับแก้มชมพูนั่นยิ่งทำให้ผมอยาก..เป็นเจ้าของดูสักครั้ง  เลี้ยวเข้าบ้านแล้วดับเครื่อง  เดินเข้าบ้านแล้วโยนกุญแจให้คนงานที่บ้านเอารถไปล้าง  สาวเท้าไปในครัวแกะผัดไทใส่จานใบใหญ่  นั่งลงแล้วจับส้อมมาพันเส้น  ดึงขึ้นมองเส้นเหนียวที่มีควันลอยอยู่  นึกถึงหน้าตั้งใจของคนผัดแล้วอดยิ้มไม่ได้

“มันใส่กัญชารึเปล่า?  พ่อเห็นแกซื้อมากินได้ทุกวัน”  มองหน้าพ่อผ่านเส้นเหนียวแล้วยิ้มกวน ๆ ส่งให้  พ่อยิ้มน้อย ๆ แล้วเข้ามานั่งตรงข้าม 

“ยังไปเข็นผักอยู่เหรอ?  ไม่ไปทำอย่างอื่นล่ะ  มีงานสบายกว่านี้ตั้งเยอะ..”  วางช้อนแล้วเงยหน้ามองพ่อ  จริงอยู่ที่ผมนั่งเฉย ๆ พ่อก็มีเงินมาให้ใช้   งานที่อื่นที่สบายกว่านี้ก็มี  แต่ผมอยากทำอะไรที่มันแปลกกับชีวิตบ้าง  ยังเหลืออีกหลายอย่างที่อยากลองทำ  อย่างพวกส่งพิซซ่าหรือเป็นพนักงาน 7-11  ผมก็อยากลอง   แต่เรื่องจริงที่ผมไม่ได้บอกพ่อก็คือ  ที่ผมอยากเข็นผักใช้ชีวิตวนเวียนในตลาดก็เพราะผมติดใจคนขายผัดไทต่างหาก  นิ่งจ้องตาพ่อจนพ่อยอมแพ้   มองแผ่นหลังกว้างเดินออกจากครัวไป  ผมอยู่กับพ่อแค่  2  คน  ไม่มีแม่  แม่เลิกกับพ่อเพราะแม่มีชู้  ผมไม่โกรธหรอก  เข้าใจว่าคนเรามันมีหมดความสนใจซึ่งกันและกันได้  เพราะพอไม่มีแม่  พ่อก็มีเมียตั้งหลายคน  แต่เป็นแบบรักสนุกไม่ผูกพัน  พาเข้าบ้านบ้างไปที่อื่นบ้าง  ที่รู้ก็มีที่ไม่รู้ก็มาก  ผมไม่ใส่ใจความรักของพ่อพอ ๆ กับพ่อที่ไม่ก้าวก่ายหัวใจผม  เงยหน้าจากเส้นผัดไท  มองพ่อที่เดินลงมาแล้วยืนพิงขอบประตูครัวจ้องผม

“ตรีได้เจอโฟร์บ้างรึเปล่า?  ป้าเขามาถามพ่อว่าโฟร์ชอบหายตัวไปตอนกลางวัน  ค่ำ ๆ ถึงจะเข้าบ้าน..น้องมาหาเรารึเปล่าตอนกลางวันน่ะ”  นิ่งฟังพ่อก่อนจะเสไปมองแก้วน้ำ  หยิบมาจ่อปากแล้วเทพรวดเดียวหมดแก้ว  ดึงเสื้อขึ้นมาซับแล้วบอกเสียงเรียบ

“มันก็หายไปอยู่กับสิ่งที่มันสนใจบ้างไม่เห็นจะต้องไปสงสัยอะไรนี่  โฟร์มันโตแล้วนะพ่อ  มันรู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีน่า”  พ่อนิ่งมองหน้าผมแล้วยิ้มมุมปาก  หมุนตัวเดินออกจากห้อง  ไม่พูดไม่ถามอะไรอีก  จริง ๆ มันก็น่าเป็นห่วง  เพราะโฟร์ลูกพี่ลูกน้องผมมันเป็นเด็กหน้าตาน่ารัก  นิสัยก็ดี  ไม่แปลกที่จะมีคนเข้าหามันเยอะ  แต่มันโตแล้ว  มันเลือกเองได้  แล้วมันก็เลือกแล้ว  คนที่มันเลือกก็ดูเป็นคนดี..ไม่จำเป็นต้องห่วงอะไร  คนที่น่าห่วง  นั่งหัวโด่อยู่นี่ต่างหาก

ถอนหายใจยาวใส่จานที่เหลือซากผัดไทนิด ๆ หน่อย ๆ แล้วลุกขึ้นหยิบจานไปแช่ที่อ่างล้างจาน  เดินมาที่ห้องนั่งเล่น  หยิบซองสีน้ำตาลแล้วแกะออกดูข้างใน  ผิวปากกับของที่บรรจุอยู่ในนั้น  เดินขึ้นห้องแล้วล็อคให้เรียบร้อย  ล้วงของที่ผมสั่งซื้อทางเน็ต  เป็นหนังอย่างว่าของญี่ปุ่น  แน่นอน..หนังเกย์

เปิดคอมแล้วส่งแผ่นเข้าไป  เริ่มเรื่องก็มีภาพน้ำที่ไหลจากก๊อกน้ำ  ตัดมาเป็นภาพปลายนิ้วแตะไปตามความยาวของโต๊ะ  แพนมาที่เสี้ยวหน้าด้านข้าง  ตัดมาที่คิ้วกับแพขนตาหนา  ลดต่ำลงมาที่ริมฝีปากสีส้มอ่อน  แล้วก็เป็นฉากที่มีอะไรกันเลย  นั่งขมวดคิ้วมองคนที่เปิดฉากมาเมื่อกี้  ถูกทิ่มทะลวงอย่างเมามันส์  เอียงคอกับเสียงครางต่ำที่พยายามปลุกเร้าให้คนดูมีอารมณ์ร่วม  ถอนหายใจยาวแล้วกดปิด  เอาแผ่นออกมาแล้วร่อนลงถังขยะทันที  บอกตามตรงว่า..ผมไม่มีอารมณ์คล้อยตามไปกับการแสดงแบบนี้  คิดว่าถ้าเอามาดูแล้วศึกษาไว้ก่อนได้ปฏิบัติจริงกับเจ้าของร้านผัดไทน่าจะดี  แต่พอได้เห็นได้ดูแล้ว..ไม่เหมือนที่คิดเอาไว้เลยแม้แต่น้อย  ผมไม่มีอารมณ์และไม่นึกอยากจะเอาท่อนแข็งของตัวเองไปอัดตูดคนในหนัง  ไม่เหมือนตอนนั่งดูหนังโป๊ชายหญิงที่ผมอยากสวมบทเป็นผู้ชายได้ปี้หญิงนมตู้มในหนังเสียเอง..

หรือว่า..ผมจะไม่ได้เป็นไบ?

ขมวดคิ้วมุ่นแล้วพ่นลมหายใจออกแรง ๆ เป็นหรือไม่เป็นก็ช่างแม่ง  ขี้เกียจจะคิด!  เดินไปอาบน้ำแล้วล้มตัวลงนอน  หยิบไอพอดมาฟังแล้วหลับยาวจนถึงบ่าย  ท้องร้องก็ลงมากินข้าว  เย็นก็ออกไปเตะบอลที่สนามในหมู่บ้าน  คว้าน้ำเปล่าติดมือตรงไปที่สนามบอลท้ายหมู่บ้าน   เสียงตะโกนด่ากันก้องลั่นสนาม  มันไม่ได้ทะเลาะกัน  แต่มันคุยกันระดับเสียงนี้เป็นปกติอยู่แล้ว

“ไอ้เหี้ยตรี!  เข้ามาเลย  เปลี่ยนไอ้บอลออกเลย  เกะกะฉิบหาย555+”  ยิ้มมุมปากให้ไอ้บอลที่หันไปส่งนิ้วกลางให้คนพูด  ถอดเสื้อวางไว้กับขวดน้ำ  เดินแท็คมือเปลี่ยนมันเข้าไปวิ่งไล่ลูกบอลจนหมดเกมส์  เดินออกมาจากสนาม  นิ่งมองตรงขวดน้ำของตัวเองที่อยู่ในมือเรียวของสาว ๆ ที่มานั่งเชียร์อยู่ข้างสนาม

“ขวดนี้มันไม่เย็นแล้ว  ดื่มขวดนี้นะคะ..”  ถอนหายใจเบา ๆ แล้วรับน้ำเย็นจากมือสาวน้อยมาดื่ม  เหลือบมองแล้วประเมินดู  น่าจะ  14  ยกขวดน้ำที่เหลือค่อนขวดมาเทลงหัว   หลับตาแล้วส่ายหน้ารับความเย็นจากน้ำช้า ๆ สบายตัวแล้วก็ลืมตา   นิ่งมองหน้าแดง ๆ ของเด็กกลุ่มตรงหน้าแล้วยิ้มขอบคุณน้ำเย็นที่ให้ผม

“ขอบใจนะ”  ยื่นมือดึงเสื้อที่วางข้างตัวเด็กคนนั้นมาพาดไหล่  ผละออกมาแล้วเดินออกจากสนาม  ตะโกนบอกเพื่อนว่ากลับแล้ว  พรุ่งนี้เจอกัน  ยิ้มกว้างส่งมือที่โบกลาไหว ๆ จากกลางสนาม  เดินรับลมเย็นของช่วงหัวค่ำ  เหลือบมองหน้าต่างที่ห้องแฟนไอ้โฟร์  ยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นแผ่นหลังบางที่คุ้นตาอยู่ในห้องนั้น  ก่อนจะเป็นพี่เจ้าของห้อง..เจ้าของไอ้โฟร์เดินมาปิดหน้าต่างบานนั้น..

ป้า..หลานป้าไม่เห็นจะน่าห่วงตรงไหนเลย

ยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้าบ้าน  ขึ้นไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า  เดินผิวปากลงมาบิดมอไซค์ไปตลาดตอนหัวค่ำ  เป้าหมายของผมมักจะมาให้อาหารแมวตอนของหมดร้านแล้ว  ผมรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของเจ้าของร้านผัดไท  รู้ด้วยความบังเอิญและรู้จากความซอกแซกของตัวเอง  จอดมอไซค์แล้วนั่งรอเจ้าของร้านที่มักจะเดินมาทางนี้ประจำ  พักเดียวผมก็เห็นอาเฮียเจ้าของผัดไทเส้นนุ่มของผมออกมาให้อาหารแมว  ยิ้มบางกับความใจดีของเฮีย  มือเรียวลูบขนแมวที่เข้ามาคลอเคลีย  รอยยิ้มอบอุ่นที่เห็นทำให้ผมอยาก..เข้าไปใกล้มากขึ้น  ให้ตัวเองได้อยู่ในรัศมีที่เจ้าตัวส่งยิ้มนั่นออกไป

หย่อนเท้าลงแตะพื้น  ก้าวเท้าเดินไปตามถนน  ดวงตาจับจ้องหน้าด้านข้างที่ยิ้มอ่อนโยนให้แมวที่อยู่บนตัก  เดินเข้ามาในพื้นที่ที่เจ้าของร้านผัดไทนั่งให้อาหารแมวอยู่  หยุดเดินเมื่อเจ้าของแมวลุกขึ้นยืนแล้วปัดกางเกงเบา ๆ  หัวใจเต้นโครมครามแล้วหันไปมองไฟตรงถนนแทนที่จะมองผิวขาวแว่นหนานั่น  หางตาเหลือบเห็นว่าเจ้าของร้านผัดไทชะงักเมื่อเห็นว่ามีคนยืนอยู่ข้างหลังตัวเอง  หัวใจผมเต้นดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเสียงฝีเท้านั่นกำลังจะเดินมาถึงตัว  กลั้นหายใจเรียกชื่อเจ้าของร้านไว้ตอนที่เดินผ่านผมพอดี..

“ปิง..”  เจ้าของชื่อหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผม  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอแล้วหันมาสบตาสีน้ำตาลผ่านแว่นสายตาหนาเตอะ  แว่นวาววับมีตัวผมยืนอยู่ในนั้น  คิ้วเข้มขมวดก่อนจะเอียงคอนึก..ว่าตัวเองรู้จักผมรึเปล่า?  แสงสว่างจากหลอดนีออนด้านหลังผมมันคงไม่สว่างพอจะให้เจ้าของร้านผัดไทเห็นหน้าแล้วนึกออกล่ะมั้ง  นึกขึ้นได้..ว่าผมยืนบังแสงอยู่นี่หว่า  ไม่แปลกที่ปิงจะมองไม่เห็นหน้าผม  ขยับตัวเบี่ยงหลบแสงมายืนข้าง ๆ เจ้าตัวก็ขยับตาม..

แก้มสีชมพูที่เห็นกลับขึ้นสีเรื่อกว่าเดิมเมื่อเห็นหน้ากับรอยยิ้มน้อย ๆ  ของผม  แว่นหนาเตอะก้มมองพื้นแล้วกอดถังอาหารแมวแน่นขึ้น  ริมฝีปากเม้มแน่น  ยืนนิ่งมองท่าทางเขิน ๆ ของปิงแล้วมันยิ่ง..ยิ่งทำให้ผมอยากอ้าแขนรวบเข้ามากอดไว้ทั้งตัวจริง ๆ 

ก้าวเท้าเข้าหาปิงก็ขยับถอยหนี  ยิ้มบางให้คนก้าวถอยหลังที่แอบเงยหน้ามามองผม   ริมฝีปากบางกัดเม้มริมฝีปากล่างไว้แน่น  แว่นตาหนาไหลลู่ลงมาอยู่ที่ปลายจมูกเพราะเจ้าตัวก้มหน้ามองพื้น  จนไม่มีพื้นที่ให้ถอยแล้วเจ้าของร้านผัดไท..เฮียปิงของผมก็หลังติดกำแพง  ยื่นมือเท้าแขนคร่อม  ย่อตัวก้มหน้ามองหาดวงตาคู่สวยที่หลบอยู่หลังแว่นสายตา   
                 
ยื่นมือออกไปข้างหน้าแล้วจับขาแว่นของปิงไว้  เจ้าตัวสะดุ้งแต่ก็ไม่เบี่ยงหลบ  ดึงแว่นออกช้า ๆ แล้วมองขนตาเป็นแพที่กะพริบปริบ  ยื่นหน้าเข้าไปมองให้ใกล้ขึ้นอีกนิด  สัมผัสลมหายใจอุ่นที่กระทบแถวปลายจมูก  ริมฝีปากบางเม้มแน่นขึ้นจนเป็นเส้นตรง   เอียงหน้ามองตามหน้าที่เริ่มเบี่ยงหนี..ตามหาดวงตาสีน้ำตาลสวยที่เหลือบไปมองทางถนน  ขยับเข้าไปชิดบดบังทุกสรรพสิ่งที่ปิงมองอยู่ทั้งหมด  ให้ตาคู่นั้นมีดวงตาของผมสะท้อนอยู่แค่คนเดียว 

ตาสวยจำใจสบตาผม  นิ่งมองดวงตาสีน้ำตาลตัดขอบนัยน์ตาด้วยสีดำสนิท  ประกายของมันระยิบระยับจนอยากจะมองให้ชัดขึ้นอีกหน่อย  เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้อีกนิดจนปลายจมูกชนเข้ากับปลายจมูกคนที่หลังติดกำแพง  สะดุ้งโหยงกับสัมผัสนั้นก่อนจะถอยหลังทิ้งระยะให้หายใจได้คล่องขึ้น  กลืนน้ำลายเหนียวแล้วเอามือเท้าเอวไว้ข้างหนึ่ง  อีกข้างที่ว่างก็เอามา..เกาท้ายท้อยแก้เขิน 

ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น  เหลือบมองทีไรก็เจอตาสีน้ำตาลแอบมองผมเหมือนกันไปเสียทุกครั้ง  กระแอมเสียงเบาเอ่ยปากถามแก้เก้อ   ‘สั้นเท่าไหร่เหรอ?’  มือจับแว่นหมุนไปมา  เหลือบมองหนน้าชมพูที่กะพริบตาปริบมองตามมือผม  ตาสีน้ำตาลสวยที่มองแว่นค่อย ๆ เบือนสบตาผม  ริมฝีปากบางสีชมพูซีดเอ่ยเสียงเบา..

“500 กว่า  ส่งมันคืนมาเถอะ  ถ้าไม่มีมัน..ผมมองไม่ค่อยเห็นน่ะ”  หายใจเข้าลึก ๆ แล้วจับแว่นเช็ดกับเสื้อก่อนจะสวมคืนให้  ปิงจับแว่นขยับนิดหน่อยแล้วเงยหน้ามองผมเต็มตา   หัวใจเต้นถี่กับริมฝีปากสีชมพูซีดของปิง  เจ้าตัวเม้มริมฝีปากหนีตาเจ้าชู้ของผมก่อนจะขยับหนีแล้วก้าวเท้าเดินนำไปทางเข้าตลาด  สาวเท้าตามแล้วเดินขึ้นมาตีคู่  เฮียปิงของผมชะลอฝีเท้าเดินคู่กับผมไปตามทางเดิน  ความเงียบจากตลาดอยู่เป็นเพื่อนเราจนถึงหน้าตลาดสดที่กลายสภาพเป็นไนท์บาร์ซา   ก้มมองตาสีน้ำตาลที่แอบมองผมผ่านแว่นหนา  ยิ้มบางแล้วบอกเสียงเรียบ

“ผมไปส่งที่บ้านนะ”  เฮียแกไม่ตอบ  เอาแต่ก้มมองกระป๋องอาหารแมวที่กอดไว้อย่างเดียว  ยิ้มน้อย  ๆ แล้วเอื้อมมือไปแย่งกระป๋องนั่นมาถือไว้เอง  เจ้าของร้านผัดไทจับขาแว่นนิดหน่อยแล้วเดินนำ  ผมอมยิ้มแล้วเดินตามไปติด ๆ ตีคู่เดินไปด้วยกันเงียบ ๆ จนถึงซอยเข้าบ้านเฮีย  ยกยิ้มให้พี่โตเพื่อนบ้านเฮียปิง  แหล่งข่าววงในที่ผมซื้อของเซ่นเอาข้อมูลเฮียแกทุกวัน  พี่โตยิ้มแซวผมแล้วชวนเด็กวัยรุ่นที่แกยืนคุยด้วยกระทืบมอไซค์ออกไปร่อนที่อื่น..ไม่อยู่ขัดผม  หันมองรอบตัวที่เงียบสนิท  คนในหมู่บ้านน่าจะไปเดินไนท์กันหมด  เบือนหน้ามามองเจ้าของร้านผัดไทที่มองหน้าผมนิ่ง  เลื่อนลงมามองริมฝีปากที่เอ่ยถามผมเสียงเบา..

“เรา..รู้จักกันมาก่อนรึเปล่า?”  ส่ายหน้าแล้วยิ้มบาง  ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ให้เฮียได้มองผมชัด ๆ จะได้จำผมไว้ให้ขึ้นใจ

“เมื่อก่อนไม่รู้จัก  แต่ตอนนี้เรารู้จักกันแล้ว..ผมชื่อ ‘ตรี’ คุณชื่อ  ‘ปิง’  ผมเข็นผักในตลาด  คุณขายผัดไท  คุณอายุ  37  ผม..เด็กกว่าไม่เท่าไหร่หรอก..คุยกันได้”  ปิงมองตาผมแล้วนิ่งฟังผมบอก  รอยยิ้มน้อย ๆ จุดประดับหน้าก่อนจะก้มหน้าซ่อนเขิน  ไถเบอร์บ้านมาแล้วส่งปิงเข้าบ้าน  เดินผิวปากกลับมาควบมอไซค์กลับบ้าน  ถึงบ้านก็จัดการกดเบอร์ที่อยู่ในฝ่ามือ  ตื่นเต้นกับเสียงสัญญาณรอสาย  ยิ้มกว้างกับสีเยงทุ้มที่รับสายผม

“ครับ..”  นิ่งฟังเสียงเงียบจากฝั่งโน้น  ผมพูดไม่ออก  ริมฝีปากที่เอาแต่ยิ้มกว้างของตัวเองเป็นอุปสรรคอย่างมากในตอนนี้   ความเงียบจากผมทำให้ปลายสายเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจออกมา..

“ใช่ตรีรึเปล่า?  คุณ..ชื่อตรีรึเปล่าครับ?  ถ้าไม่ใช่..ผมวางแล้วนะครับ”  กลั้นยิ้มแล้วรีบบอกว่าผมเอง  บอกให้รู้ว่าถึงบ้านแล้ว  คุยกันแค่ไม่กี่ประโยคก็นิ่งฟังความเงียบจากกันและกัน  วางหูด้วยประโยคคลาสสิค  ‘ฝันดีนะครับ..ฝันถึงผมด้วย’  ผมรู้น่าว่ามันน้ำเน่าแค่ไหน  แต่รุ่นเฮียปิงของผมมันก็ไม่น่าจะเก่าเกินไป 

ผมเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา  แล้วเฮียเจ้าของร้านผัดไทที่หน้าตาไม่ถึงอายุก็ยิ้มรับการเข้าหาของผมอย่างดี  ถึงตอนนี้จะเปิดเทอมแล้ว  ผมก็ยังไปต่อแถวเข้าคิวรอซื้อผัดไทมากินเป็นมื้อเช้าได้ทุกวัน  วันหยุดก็ขลุกอยู่ที่ร้าน  ช่วยหยิบถั่วงอก  ทำตัวให้เป็นประโยชน์ตลอดเวลา 

ยิ่งได้ใกล้ผมยิ่งหลงใหลความน่ารักของเฮีย  เฮียไม่ดื่มเหล้า  ไม่สูบบุหรี่  กินกาแฟไม่เป็น  กินผักเก่ง  แล้วก็ไม่นอนดึก  นี่ล่ะมั้งที่ทำให้เฮียยังดูเหมือนเด็กอายุ  20-21  เพราะการดูแลตัวเองแบบนี้นี่เอง

ผมชอบแต่งรถ  ดูหนังโป๊  เตะบอล  ติดเน็ต  เที่ยวห้าง.. 

แต่ที่ผมอยากจะบอกมากที่สุดในตอนนี้  ไม่เกี่ยวอะไรกับที่ผมพล่ามมาข้างบนนั่นทั้งนั้น..








ผมหลงใหลเฮียขายผัดไทใส่แว่นที่ตลาดครับ!   



END.     

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
แถม
.
.
ดวงตาสีน้ำตาลสวยจับจ้องหนังสือพิมพ์หน้าเศรษฐกิจนิ่ง  ผมนอนตะแคงมองดวงตาที่ไล่อ่านตัวหนังสือแต่ละบรรทัด  สันจมูกโด่งปล่อยลมหายใจออกมาสม่ำเสมอ  คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่ออ่านเจอประโยคที่เจ้าตัวสนใจ  นอนรอให้ดวงตาสีน้ำตาลไล่ตัวหนังสือจนหมดหน้า  ทันทีที่เฮียพลิกหน้าใหม่  ผมก็ดึงหนังสือออกจากมือ..

“หือ?..จะอ่านเหรอ?  อะไร?  ทำ..”  โยนหนังสือพิมพ์ทิ้งไว้ข้างหลังแล้วประคองหน้าเลิ่กลั่กเหรอหราเข้ามาหอมที่มุมปากเบา ๆ ผละออกมามองหน้าขาวที่เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูทีละนิด  ยิ้มบางแล้วจับแว่นหนาที่เกะกะขวางทางการจูบออกเบามือ  สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ข่มใจไม่ให้โดดเข้าใส่ความใสซื่อของเฮีย  ยื่นริมฝีปากเข้าไปสัมผัสที่ริมฝีปากสีชมพูซีด  จูบเนิบนาบเชื่องช้าชิมทีละนิดอย่างใจเย็น  เฮียปิงกลั้นหายใจจนหน้าเริ่มเปลี่ยนสี..

“..ผ่อนลมหายใจช้า ๆ ดีครับ..”  จูบเนื้อริมฝีปากด้านในแล้วเลาะเล็มปลายลิ้นเข้าไปสำรวจช้า ๆ ควานหาปลายลิ้นอุ่นมาดูดชิมความหวาน  ยิ้มน้อย ๆ เมื่อเฮียขยำเสื้อผมแน่น  ผละจากริมฝีปากออกมาจูบปลายคาง  ไล้เลียปลายลิ้นชิมทุกส่วนที่ผมเป็นเจ้าของ  มือขาวรั้งชายเสื้อเมื่อผมพยายามสอดมือเข้าไปลูบผิวลื่น  เงยหน้ามองหน้าแดงก่ำ ตามซอกคอมีรอยสีกุหลาบติดเป็นที่  ดวงตาสวยฉ่ำเชื่อม  ลมหายใจหอบหนัก..

ใครมันจะทนไหววะ!

ก้มจูบหลังมือที่จับชายเสื้อแน่น  เลียตามนิ้วทีละนิ้วจนเจ้าตัวต้องปล่อยชายเสื้อ  จูบที่ฝ่ามือ  มองตาสีน้ำตาลฉ่ำผ่านซอกนิ้ว  แลบเลียตามร่องนิ้วแล้วกลืนนิ้วกลางเข้าไปช้า ๆ คนตรงหน้าหายใจรวยริน  ตัวอ่อนพิงโต๊ะญี่ปุ่น  เลื่อนมือดึงเชือกผูกเอวกางเกงเฮียช้า ๆ แล้วจับมือข้างที่จูบอยู่มาคล้องคอไว้  เลียที่ริมฝีปากบางเหมือนแมวที่เฮียชอบ  ริมฝีปากบางเผยออกรับปลายลิ้นอย่างว่าง่าย 

ลูบผิวนุ่มที่อยู่ในกางเกงเบามือ  จับก้อนเนื้ออุ่นที่อยู่ตรงกลางเคล้นคลึงช้า ๆ ก่อนจะสอดมือเข้าไปแตะส่วนหัวเบา ๆ แตะปลายนิ้วไล้วนน้ำใสเหนียวลื่นแล้วจับท่อนร้อนไว้เต็มมือ  รูดรั้งช้า ๆ เน้นหนักเป็นจังหวะ  เฮียดูดลิ้นแรงทุกครั้งที่ผมบี้ปลายนิ้วที่เส้นประสาท  มืออีกข้างผละจากยอดอกสีสวยมาดึงกางเกงในเฮียออกจากตัว  ทันทีที่กางเกงหลุดไปผมก็ลดตัวลงไปครอบริมฝีปากทีเดียวสุดความยาว  โยกหัวขึ้นลงช้า ๆ มือก็บีบก้นเล็กแน่นมือ  สอดนิ้วเข้าปากเฮียแล้วหมุนนิ้วจนน้ำลายชุ่มติดตั้งแต่ปลายยันโคน  ดึงนิ้วออกจากปากแล้วแตะที่ทางเข้าเบา ๆ ไม่รอให้เฮียได้ตั้งตัวผมก็ส่งนิ้วเข้าสำรวจถ้ำทันที

เสียงดังอื้ออ้าที่บอกว่าเจ็บของเฮียผมก็ไม่ได้ยินเพราะยันตัวเองขึ้นจูบปิดไปแล้วเรียบร้อย  ความแน่นที่นิ้วผมกำลังเผชิญอยู่ทำให้ผมอยากเข้าไปสำรวจด้วยอวัยวะอื่นเต็มที่  มือรูดรั้งจังหวะสม่ำเสมอ  ดุนดันความต้องการที่ทางเข้า  ดึงนิ้วออกผมก็ดันความแข็งขืนเข้าไปทีละนิด  จับต้นขาด้านในยกขึ้นให้ช่องทางร้อนเปิดทางได้สะดวก  ปลายลิ้นตวัดรัดเกี่ยวพันดึงความสนใจร่วมกับข้อมือที่ทำงานทรงประสิทธิภาพ  ส่วนหัวผลุบเข้าไปแล้วยิ่งทำให้ผมยิ่งอยากจะถึงสวรรค์ให้รู้แล้วรู้รอด  ทั้งคับ  ทั้งแน่น  ทั้งร้อน..

น่ากินไปหมดทั้งตัว..

ดันความยาวของตัวเองเข้าไปทีละนิด  แช่ไว้ไม่นานก็รีบขยับเอวเข้าออกเพราะผมจะไปซะให้ได้  เฮียกัดริมฝีปากกลั้นเสียงครางไว้แน่น  ขยับเข้าออกให้เสียงเนื้อกระทบกันดังมากกว่าเสียงหายใจหอบหนักของตัวเอง  ดึงมือเฮียที่ตะปบปากตัวเองออกแล้วฉกจูบ  ผละออกมาเลียไล้ตามรูปปาก  กระดกลิ้นแตะที่ริมฝีปากให้อ้าปาก  ทันทีที่ริมฝีปากสีชมพูอ้าเผยอผมก็กระแทกบั้นเอวส่งท่อนแข็งเข้าไปจนสุด  หายใจแรงมองปลายคางเฮียที่แหงนเชิดขึ้นก่อนจะนิ่วหน้าด้วยความเสียวที่แล่นปราดไปทั่วทั้งตัว  เพียงแค่เสียงเสียงเดียวที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากนั้น..

“อ๊ะห์..”  ผมกอดคนที่แอ่นรับความแข็งขืนของตัวเองแน่น  หน้าซุกซอกคอก่อนจะปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาอย่างทะลักทลาย  นั่งกอดเฮียจนข้างล่างมันเลิกกระตุก  ปรับลมหายใจให้เป็นปกติ  หลงเหลือแค่เสียงหัวใจที่มันยังเต้นโครมครามไม่หยุด  เงยหน้าขึ้นมองหน้าแดงของเฮีย  มือขาวที่คล้องคอผมเลื่อนมาลูบแก้มผมเบา ๆ รอยยิ้มอ่อนโยนของเฮียส่งมาให้ซึมลงไปถึงในใจ

“ไม่เป็นไร..ผมไม่เป็นไร”  เสียงทุ้มเอ่ยปลุกปลอบบอกผมที่กำลังทำหน้านิ่ว ผมเสียใจที่เฮียยังไม่ทันเสร็จแต่ผมกลับถึงสวรรค์ไปคนเดียว  ยังไม่ทันได้โชว์ความอึดก็ถึงฝั่งไปได้ง่าย ๆ กัดกรามแน่นแล้วหลับตาลงช้า ๆ เฮียแตะหน้าผากตัวเองที่ปลายจมูกผมแล้วซุกตัวเข้ามากอดช้า ๆ ผิวเนื้ออุ่นกอดผมไว้ทั้งตัว  มือขาวกร้านที่จับตะหลิวลูบหลังลูบไหล่ผมเบามือ  ความไม่สบายใจที่มันอยู่กับผมเมื่อครู่กำลังหายไปทีละน้อย  กอดเฮียตอบแน่นแล้วเอนหลังลงนอน  ความแข้งขืนของผมถอยออกมาจากถ้าเฮียช้า ๆ จนหลุดเป็นอิสระ  ลูบหลังเฮียเบา ๆ นอนนิ่งหลับตาให้เฮียนอนฟังเสียงหัวใจจนหลับ

ก้มมองเฮียที่นอนซบอกผม  ปลายจมูกโด่งพ่นลมหายใจอุ่นสม่ำเสมอ  แพขนตาสีดำสนิทรับกับคิ้วเรียว  ริมฝีปากสีชมพูซีดนุ่มอยู่ตรงอกผมพอดี  เพ่งมองริ้วรอยตามร่องแก้ม  หางตา  หน้าผากที่คิดว่าคนอายุ  37  ควรจะมี  เฮียก็มี  แต่มันน้อยมาก  น้อยจนแทบจะไม่เห็น  จับไหล่เล็กดันออกจากอกเบา ๆ ให้เฮียนอนสบาย ๆ เหลือบเห็นท่อนร้อนที่อยู่ตรงหว่างขายังคงชี้หน้าโด่เด่  เมื่อกี้ผมเสร็จแต่เฮียยัง..

กัดริมฝีปากล่างแล้วเอามือกดความต้องการที่แข็งตามเฮีย  หายใจถี่เมื่อจู่ ๆ เฮียก็ลืมตามามอง  กลืนน้ำลายเหนียวกับแก้มที่ขึ้นสีเรื่อและตาสวยที่หลุบมองไปทางอื่น  มันน่า..น่าจับกดเป็นบ้า! 

ปล่อยมือที่กดความต้องการของตัวเองออก  ขยับเข้าหาริมฝีปากสีชมพูที่เม้มเขินตรงหน้า  สบตาสวยก่อนจะไล้ฝ่ามือสัมผัสทุกสัดส่วนอย่างทะนุถนอม..

ผมไม่มีวันเบื่อคนคนนี้เด็ดขาดครับ  ต่อให้เฮียผมขาวโพลนทั้งหัวผมก็คงจะตกหลุมรักทันทีที่เห็น เฮียมีบางอย่างที่ผมอยากค้นหาไปตลอดชีวิต  บางอย่างที่ดึงดูดผมให้เข้าใกล้เฮีย..




..ความหลงใหลที่มาคู่กับความรัก...




..........................................................


กอดค่ะ!
งานยุ่งมาก ๆ ค่ะ  ขอโต๊ดที่หายหัวไป  ขออภัยค่ะ
คุณ  Mouse2U  ใช่ค่ะ  จำคำว่า ‘คุก’ ไว้จนขึ้นใจล่ะค่ะพี่ต้อง55555  ขอโทษที่มา ๆ หาย ๆ ค่ะ  งานเค้ายุ่งมวากอ่ะ TT   (อ้อนๆๆๆ)
คุณ  sirin_chadada  พี่ต้องจำใจเป็นหวัดตลอดเวลาล่ะค่ะ  ไอดัง ‘คุก’ ตัลหลอดดด  ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ มั๊วะๆๆ
คุณ  nekko  สงสารพี่ต้องนะคะ  ผู้เยาว์ช่างยั่วขนาดนี้ กระซิกๆ
คุณ PURE LOVE  น้องโฟร์ยั่วเก่งทั้งคำพูดและท่าทางค่ะ  จิชอบอะไรที่มันออกมาแบบตรง ๆ แบบนี้มาก  มีเสน่ห์มากเลยค่ะ  แล้วก็..ชอบจังค่ะ  เม้นท์ยาว ๆ อ่านแล้วยิ้มแก้มแตก ขอบคุณค่ะ ^^
คุณ  นอนกินแรง  ดีใจที่ชอบนะคะ  อ่านไปจนกว่านิยายเรื่องนี้จิจะหมดตอนที่อยู่ในมือจิเนอะคะ  ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามค่ะ  ถึงจิจะไม่มีเรื่องใหม่ ๆ มาให้อ่านเลย  คุณก็ยังเป็นกำลังใจกันมาตลอด  ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
คลั่งไคล้ตอนแถมเป็นพิเศษ
ฮว้ากกกก
 :hao7:
มิค่อยหื่นนะ แค่โปรดมากเท่านั้นเอง 555
ขอบคุณ คุณจิสำหรับตลาดรักหวานฉ่ำ
 :mew1:
บวกและเป็ดขอบคุณ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ชอบบรรยากาศตอนที่ปิงไปดักเฮียในซอยจังเลยค่ะ ยิ้มจนแก้มจะแตกอยู่แล้วว เหมือนกับตัวเราได้แอบซุ่มดูเขาจีบกันข้างเสาไฟจริงๆ เลย ว้ายยๆๆ //อายจัง :-[

สุดท้าย ... ขอผัดไทยสักห่อสิคะ

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
หนุ่มแว่นน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆ ใช่ไหมน้องตรี :-[

 :กอด1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
สนุกมากครับ คู่ก้านกับติ ก็น่ารักมากเช่นกันครับ ..... ยังรอคู่อื่น ๆ นะครับ  ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
Shy


ความร้อนในตลาดสดซอยขนมหวานคลายความอบอ้าวลงเมื่อพระอาทิตย์โรยแสง   เสียงจ้อกแจ้กจอแจจากแม่ค้าพ่อขายที่ตะโกนเรียกลูกค้าเงียบลงหลังจากตลาดสดวาย  เจ้าของแผงต่างก้มหน้าก้มตาเก็บของในร้านกลับบ้าน  เหลียวมองรอบกายแล้วเม้มปากแน่นเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเก็บแผงของตัวเอง  จับทัพพีชิ้นสุดท้ายหย่อนลงในรถเข็น  ผ่อนลมหายใจทิ้งยาว ๆ ก่อนจะออกแรงเข็นรถไปด้านหลังตลาด  ถ้ามีทางอื่นที่สามารถตัดเข้าบ้านผมได้..ผมจะเลือกไปทางนั้นทันที  แม้ว่าทางนั้นจะใช้เวลานานกว่าทางเดิมก็ตาม

เดินมาตามทางด้วยดวงตาเหม่อลอย  ในหัวผมมันเอาแต่นึกถึงหน้าคมเคราครึ้มที่ชอบนั่งคร่อมมอไซค์คุยกับเด็กในซอยอยู่หลังตลาดที่ผมจะต้องผ่าน  กลืนน้ำลายเหนียวเมื่อได้ยินเสียงดังแว่วเข้าหู  ก้มหน้ามองของที่อยู่ในรถเข็นอย่างเดียว  หายใจเบา ๆ แล้วทำใจอย่างหนัก

หลังตลาดที่มีแต่รถเข็นผัก  ลังพลาสติก  ถังขยะ  และเสียงเด็กวัยรุ่นคุยกันดังลั่นค่อย ๆ เงียบลงจนไม่เหลือเค้าความโหวกเหวกเมื่อผมเข็นรถเข้าไป  กลั้นหายใจแล้วรีบ ๆ เดินให้มันพ้นไปไว ๆ หน้าร้อนวูบวาบลามไปถึงแขนทั้ง ๆ ที่ไม่มีเสียงแซวเลยแม้แต่แอะเดียว  เพียงแค่สัมผัสถึงดวงตาคมที่กำลังมองผมอยู่เท่านั้น..หน้าผมมันก็แดงไปถึงหูอย่างห้ามไม่ได้

ผมสบกับตาคมคู่นั้นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว  ตอนนั้นผมเรียนอยู่  ม.3  กินนอนในโรงเรียนไม่ค่อยได้กลับบ้าน  ยกเว้นปิดเทอมก็จะกลับมาช่วยแม่ขายข้าวเหนียวมะม่วง  วันนั้นผมปั่นจักรยานจากร้านผ่านหลังตลาด  จะกลับไปเอาน้ำปลาหวานมาเพิ่ม  แถวหลังตลาดมันรกแล้วก็ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่  แมวก็เยอะ  จำได้ว่าผมปั่นเลี่ยงลูกแมวที่เดินตุปัดตุเป๋ออกมาจากข้างทาง  มอไซค์ที่ขี่มาจากข้างหลังก็เฉี่ยวผมจนล้มหัวเข่าถลอก  เงยหน้ามองหามอไซค์ที่เฉี่ยวก็ไม่เจอแล้วครับ  จะปั่นกลับบ้านก็ไม่ไหว  มันตึงที่แผล  จูงจักรยานเดินมาไม่ถึงเมตรก็เจอกับเจ้าของตาคมที่ผม..หวั่นไหวทุกครั้งที่ได้สบ

ก้มหน้าก้มตาจูงจักรยานไม่ได้มองคนที่ขี่มอไซค์สวนมา  จนมีมือเย็น ๆ มาจับแฮนด์จักรยานไว้นั่นล่ะ  ผมถึงได้เงยหน้าขึ้นมอง  ตาคมกริบเหมือนเหยี่ยว  คิ้วหนาได้รูป  จมูกโด่ง  ริมฝีปากบางเอ่ยถามอะไรผมซักอย่าง  ผมมองหน้าที่เหมือนใครบางคนบนฟ้าปั้นขึ้นมาอย่างละเมียดละไม  สิวซักเม็ดก็ไม่มี  กะพริบตาปริบเมื่อดวงตาคมจ้องผมกลับ  ก้มหน้ามองมือใหญ่ที่จับแฮนด์จักรยานแล้วปล่อยมือตัวเองออกช้า ๆ  เจ้าของตาคมถอนหายใจยาวแล้วถามผมเสียงเบาเหมือนเหนื่อยใจกับการสื่อสารที่ผมไม่ค่อยจะตอบโต้ด้วย 

“บ้านอยู่ไหน?”  ย่นคอหลบลมหายใจอุ่นที่คนข้างตัวพ่นออกมา  ลูบแขนตัวเองเบา ๆ   แล้วชี้นิ้วไปข้างหน้า  เดินไปเงียบ ๆ ไม่กล้าเงยหน้ามองหรือเอ่ยปากตอบเสียงทุ้มที่ถามว่าทำไมผมถึงได้มีแผลที่หัวเข่า  เม้มปากแน่นแล้วบอกเสียงเบาว่าซอยข้างหน้าก็ถึงบ้านแล้ว

“พูดได้ด้วย?  นึกว่าต้องใช้มือสื่อสารซะอีก  นี่เท่าไหร่?”  ขมวดคิ้วน้อย ๆ แล้วเผลอพองลมเข้าปากเมื่อเงยหน้ามองนิ้วชี้  นิ้วกลางกับนิ้วนางยืดเต็มข้ออยู่ตรงหน้า  ตวัดตามองหน้าคมที่ตีหน้าตายรอคำตอบอยู่   ปากที่ตั้งใจจะตอบว่า  ‘3’  ก็น้ำท่วมปาก..พูดไม่ออก  เบือนสายตาจากตาคมยิ้มได้ไปมองทางเข้าบ้านตัวเอง  ยืนนิ่งมองเท้าตัวเองจนทนไม่ไหวเพราะหัวใจเต้นโครมครามไม่หยุด  ดึงจักรยานมาจากมือใหญ่แล้วเดินกึ่งวิ่งจูงเข้าบ้าน..ไม่หันกลับไปมองคนที่อุตส่าห์เดินจูงมาส่งตั้งไกล

ผมอายเกินกว่าจะบอก..แม้แต่คำว่า  ‘ขอบคุณ’

หลังจากวันนั้นผมก็พยายามรวบรวมความกล้าเพื่อจะขอบคุณที่เค้าช่วยผมวันนั้น  แต่จนแล้วจนรอด..ผมก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอบคุณ  เอาข้าวเหนียวมะม่วงใส่กล่องอย่างดี  ตั้งใจเต็มที่ว่าถ้าเจอเค้า  ผมจะยื่นกล่องนี้ให้แล้วบอกว่า  ‘ขอบคุณที่ช่วยผมวันนั้นครับ’  แต่พอเจอเข้าจริง  ผมกลับเขินขึ้นมาดื้อ ๆ เดินเลี่ยงเจ้าของตาคมที่อุตส่าห์เดินออกมาจากกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่กำลังคุยติดพันอยู่เมื่อเห็นว่าผมยืนเก้ ๆ กัง ๆ เหมือนอยากคุยกับเค้า  ผมนั่งลงคู่กับใครซักคนที่กำลังให้อาหารแมวแถวนั้น  ผม..ผม..เทข้าวเหนียวมะม่วงให้แมวข้างทางกินจนหมด  แถมยังนั่งมองแมวที่มารุมเลียกินข้าวเหนียวอีกต่างหาก  ในหัวไม่มีอะไรเลยนอกจาก..

‘มึงมันบ้าไอ้วี!’  นั่งแปะกับพื้น  คอตกมองแมวกินข้าวเหนียวหมดก็ถอนหายใจทิ้ง  รอบตัวไม่มีเสียงคุยโหวกเหวกของวัยรุ่น  ไม่มีเสียงท่อจากมอไซค์ของใคร  มีแต่เสียงหัวเราะใส ๆ ของคนข้างกายที่ให้อาหารแมวอยู่  เบือนหน้าไปมองตัวเองที่สะท้อนอยู่ในแว่นหนา..หน้าผมเหมือนหมาป่วยมากครับ  ยิ้มบางตอบยิ้มที่ส่งมาให้ก่อนจะลุกขึ้นยืน  เก็บกล่องเปล่าใส่ถุงเหมือนเดิม  มองไปที่ว่างที่คนตาคมยืนอยู่เมื่อครู่แล้วพ่นลมหายใจทิ้งหลายครั้ง  ไม่กี่วันหลังจากนั้นผมก็เปิดเทอม  ไม่ได้เจอเค้าอีกเลย  รออยู่ในใจเงียบ ๆ ให้ถึงปิดเทอมอีกครั้ง  หวังว่าเวลาที่ผ่านไปนานหลายเดือนจะทำให้ผมมีความกล้า  ถ้าเจอกันอีกครั้งคงสามารถขอบคุณได้อย่างเต็มปาก 

เวลาผ่านไปหลานเดือน  แต่ผมก็ยังคงเหมือนเดิม..เป็นโรคปอดระยะสุดท้าย  ปอดแหก!
 
ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ เมื่อเข็นมาจนเกือบจะถึงทางออก  เลี้ยวไปตามถนนแล้วแอบเหลือบมองผู้ชายหน้าคมที่นั่งคร่อมมอไซค์อยู่กลางวงล้อมเด็กวัยรุ่นแถวบ้าน  สบตากับตาคมเข้าพอดี  ผมหันหน้าหนีคอแทบเคล็ด  เบือนไปมองข้างทางจนถึงทางออก  จอดรถเข็นแล้วยกมือลูบแขนที่แดงเถือกเบา ๆ เม้มปากแน่นเมื่อนึกถึงหน้าตัวเองที่กำลังร้อนผ่าว  เชื่อเถอะว่า..

ยิ่งกว่าเชอร์รี่ที่เอาไว้แต่งหน้าเค้กอ่ะ!

กัดเนื้อในริมฝีปากล่างด้วยความเซ็งตัวเองที่ยังคงไว้ซึ่งความหน้าบาง  เข็นรถเข้าซอยส่วนบุคคลที่อยู่หลังตลาด  ในซอยนี้มีบ้านแค่  3  หลังครับ  มีบ้านผมที่อยู่หลังแรก  ถัดไปก็บ้านอาผม  เจ้าของตลาดน่ะ  ส่วนหลังสุดท้ายก็บ้านลูกชายของอาผม  ลูก  3  คน  ตัวผู้หมด  ไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน  พี่เอคนโตเป็นนายร้อย  จบมาก็ไปอยู่ชายแดน  ได้แฟนแล้วก็ตั้งรกรากอยู่ที่นั่น  ตอนนี้แฟนพี่เอเพิ่งคลอดหลานชายให้อา  ช่วงนี้เลยให้พ่อผมไปเก็บค่าเช่าแผงในตลาดแทน ส่วนอีก  2  คน  ยังเรียนอยู่ทั้งคู่   เมื่อก่อนอาเก็บค่าเช่าแผงรายเดือนครับ  แผงละ 600  แต่ถ้าจ่ายเป็นปีก็คิดแค่  7,000  ค่าเช่าแผงถือว่าถูกมาก  แต่ก็ยังมีพ่อค้าบางรายไม่ยอมจ่ายตามกำหนด  อาเลยตัดปัญหาเดินเก็บเป็นรายวันแทน

จอดรถเข็นไว้ข้างบ้านแล้วเรียกให้น้องสาวออกมาช่วยเก็บของออกไปล้างทำความสะอาด  รับน้ำเย็นที่น้องคนเล็กประคองออกมาให้  ลูบหัวทุยแล้วยิ้มบาง  จิบน้ำแล้วเดินถือแก้วติดมือออกไปดูต้นมะม่วงอกร่องหลังบ้าน  ที่บ้านผมปลูกมะม่วงไว้หลายพันธุ์ครับ  ถัดจากมะม่วงอกร่องก็เป็นมะม่วงน้ำดอกไม้   แล้วก็มีสามฤดู  ฟ้าลั่น  โชคอนันต์  มหาชนก  เขียวเสวย  แล้วก็..แรด..ครับ (คนแต่งแอบด่าตัวเอง55+>////<)   ที่บ้านขายข้าวเหนียวมะม่วงครับก็เลยปลูกมะม่วงไว้เยอะมาก  ผมขายได้ทั้งปีครับ  หมดหน้าอกร่องก็ใช้น้ำดอกไม้แทน  ไหน ๆ แล้วก็สอยมะม่วงขายคู่กับน้ำปลาหวานด้วยเลย  หยิบไม้มาสอยมะม่วงฟ้าลั่นมากองไว้กับพื้น  เดินกลับมาที่บ้านแล้วเกณฑ์น้อง ๆ มาช่วยกันขนใส่เข่งไม้หิ้วเข้าบ้าน  เดินเข้าไปในครัวที่กว้างกว่าห้องนั่งเล่น  กอดเอวหนาของแม่ที่กำลังง่วนกับการคัดมะม่วงสุก

“กลับมาแล้วครับ”  หอมไหล่หนาแล้วบอกเสียงดัง  แม่หันมายิ้มกว้างแล้วเอาหน้าผากมาชนกับผมเล่น  ผละออกมาตักข้าวเหนียวแช่ลงในถังไม้ใหญ่  แม่ผมให้แช่ไว้ตั้งแต่ตอนเย็นเลยครับ  เช้ามืดก็ตื่นมานึ่ง  ระหว่างรอค่อยคั้นกะทิ  สูตรที่บ้านคือนึ่งข้าวเหนียวมาจากบ้านแค่  1  กระติก  ส่วนน้ำกะทิที่จะเอมามูนก็ค่อยเอามาราดที่ตลาด  ข้าวเหนียวที่ขายทั้งวันก็มานึ่งต่อที่ตลาด  ลองนึกภาพตามนะครับ  ข้าวเหนียวร้อน ๆ ที่ยกลงจากเตา  ควันกำลังกรุ่นก็ราดกะทิที่ผสมน้ำตาลปี๊บลงไป  มันทั้งนุ่มแล้วก็ฉ่ำกะทิ  โรยถั่วเหลืองอบแห้ง  แล้วกินตอนร้อน ๆ กับมะม่วงอกร่องนะ  สุดยอดดดดดดดดด

“วีมาช่วยแม่ซอยหอมหน่อย”  กะพริบตาปริบออกจากภวังค์ความน่ากินของข้าวเหนียวมูน  หันมาช่วยแม่ซอยหัวหอมแดง  ที่แม่ให้ผมช่วยเพราะผมเป็นคนที่ซอยแล้วไม่เคืองตา ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน  เสร็จแล้วก็เอากุ้งแห้งอย่างดีตัวโต ๆ มาล้างแล้วผึ่งลมให้แห้ง  เรียกน้องให้มานั่งล้อมวงเด็ดพริกออกจากขั้ว  อ้าปากกินเขียวเสวยที่มาจากมือเล็กที่สุดในบ้าน  เคี้ยวตุ้ย ๆ แล้วหันหลังเอากุ้งที่แห้งมาป่นหยาบ ๆ  ใช้เครื่องปั่นครับ  เพราะมันเยอะ  เสร็จแล้วก็เอามาวางเรียงไว้ให้เป็นระเบียบ  หลังจากนี้เป็นหน้าที่แม่ครับ  ผมเดินแยกออกมาขึ้นห้องนอนตัวเองที่อยู่ก่อนถึงห้องครัวใหญ่   คว้าผ้าเช็ดตัวเดินออกมาอาบน้ำ  แต่งตัวเสร็จก็เดินออกมานั่งเล่นรับลมหน้าบ้านกับน้อง ๆ  รอเวลากินข้าวเย็น

“เด็ก ๆ มาช่วยกันหน่อยเร็ว”  หันไปตามเสียงเรียกของแม่แล้วรีบผุดลุก  น้องคนกลางวิ่งนำหน้า  คนเล็กก็กระชากคอเสื้อคนกลางไว้  หัวเราะเสียงดังลั่นจนแม่ออกมาดุ  ยกกับข้าวออกมาวางแล้วนั่งลงรอพ่อเงียบ ๆ ที่โต๊ะกินข้าว  น้องคนเล็กเงยหน้ามองนาฬิกาแขวนผนังก่อนจะลูบท้องป้อย ๆ  ยิ้มบางแล้วตักกับราดใส่ข้าวแล้วไล่ให้น้องกินก่อน  ไม่ต้องนั่งรอพ่อเป็นเพื่อนพวกเรา  รอไม่นานพ่อก็มา  นั่งกิข้าวพร้อมกันเสร็จก็แยกย้ายไปนอน  ผมนอนไม่หลับเลยคว้าเสื่อออกมานั่งรับลมหลังบ้าน  ลมเย็นพัดเอากลิ่นมะม่วงจากสวนหลังบ้านมากล่อมผมให้เคลิ้มหลับ   พ่อเขย่าแขนปลุกถึงได้ลุกไปนอนข้างบน  ผมนอนไม่หลับทีไรต้องมานอนรับลมหลังบ้านแบบนี้ล่ะครับ  มันเย็นดี

ตื่นขึ้นมาก็ช่วยแม่เข็นรถเอาข้าวเหนียวไปตลาดก่อนรอบหนึ่ง  ตั้งเตาทิ้งไว้ค่อยกลับมาขนมะม่วงสุกกับมะม่วงน้ำปลาหวานมาอีกรอบ  ตั้งร้านเรียบร้อยผมก็เดินกลับไปนอนที่บ้าน   หาวหวอดแล้วก้มหน้าก้มตาเดินผ่านเด็กเข็นผักที่ต้องมารับงานช่วงเช้ามืด  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ผ่อนออก  ง่วงฉิบหาย  ปรือตามองปลายเท้าตัวเองเดินตงไปตามทาง  ชนเข้ากับอะไรซักอย่างจนก้นจ้ำเบ้า 

“..อีกแล้วเหรอ  ซุ่มซ่ามเอาเรื่องเลยนะเนี่ย?!”  กะพริบตาปริบแล้วลุกขึ้นตามแรงฉุดจากคนที่ผมเพิ่งเดินชน  มองหน้าคมที่ยิ้มน้อย ๆ ตรงหน้านิ่ง  หายใจถี่ไล่ความตื่นเต้น  มือเย็นเฉียบจนต้องดึงออกจากการเกาะกุมช้า ๆ ทันทีที่หลุดออกจากไอ่อุ่นจากฝ่ามือใหญ่ผมก็รีบเอามือมาประสานกันแน่น  ก้มหน้าเรียกความกล้าแล้วเอ่ยปากขอบคุณที่ช่วยผมเมื่อตอนนั้น

“ขอบคุณที่ช่วยครับ!”   โล่งอกที่พูดออกไปจนได้  ค่อย ๆ เงยหน้ามองเจ้าของดวงตาคมที่ยืนอยู่เงียบ ๆ  หน้าคมก้มหน้ากลั้นหัวเราะเต็มที่ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าที่เปื้อนยิ้มอบอุ่นขึ้นมาสบตาผม  เลื่อนสายตาลงมามองริมฝีปากบางเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ  ‘ไม่เป็นไร’  ยิ้มเขิน ๆ ตอบแล้วยืนเงียบ  ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลยได้แต่เงียบ  จนคนข้างหน้าถามว่าจะกลับบ้านรึเปล่า  ถึงได้เงยหน้าขึ้นเพื่อพยักหน้าตอบคำถาม

“ไปดิ  เดี๋ยวขี่มอไซค์ไปส่ง”  ส่ายหน้าแล้วโบกมือวุ่นวายอากาศ  มือใหญ่รวบมือผมไว้แล้วลากให้เดินตามไปที่มอไซค์คันที่เค้านั่งประจำ  เม้มปากแน่นกลั้นยิ้มเพราะวันนี้ผมโดนจับมือไปตั้ง  2  หน  ก้มหน้าซ่อนเขินแล้วมองหวกกันน็อคที่คนตาคมส่งให้  รับมากอดแล้วนั่งซ้อนท้ายช้า ๆ ผมกลัวว่าเค้าจะหนักน่ะ  หลับตารับลมเย็นที่รถพุ่งแหวกอากาศออกไป  เสียงเครื่องไม่ดังหนวกหูเพราะเป็นเครื่อง  4  สูบ  เสียงเครื่องที่ดังไม่ถึง  5  นาทีก็เงียบ  ลืมตาขึ้นช้า ๆ สบตาคมที่กำลังมองผมอยู่  ก้มหน้าหนีก่อนจะลงจากมอไซค์คันสวย  ยื่นหมวกกันน็อคคืนแล้วขอบคุณเสียงเบา

“ขอบคุณครับ”  เจ้าของตาคมบอกผมกลับมาไม่มีปี่มีขลุ่ย

“พี่ชื่อ ‘โต’  เราล่ะ”  เงยหน้าขึ้นมองหน้าตายที่แนะนำตัวกับผม  กะพริบตาปริบเรียกสติแล้วบอกชื่อตัวเองเสียงเบาหวิวเหมือนคนละเมอ  ‘วีครับ’  เจ้าของตาคมพยักหน้าก่อนจะเลี้ยวรถกลับไปทางเดิม  ผม..อายก็อายแต่ก็อดยิ้มกว้างส่งแผ่นหลังกว้างไม่ได้  เดินหน้าเปื้อนยิ้มเข้าบ้านแล้วเอาเสื่อมาปูนอนรับลมหลังบ้าน  หลับไปจนถึงช่วงสาย  ตื่นขึ้นมาก็เข้าครัวหาอะไรกิน  กินเสร็จก็ปั่นจักรยานไปตลาด  แทคมือเปลี่ยนแม่กลับมานอนบ้าง  นั่งขายหมดตั้งแต่บ่าย  2  เก็บของเดินเอ้อระเหยอยู่จนเย็นย่ำ  ได้เวลาเดิมก็เข็นรถกลับบ้าน   เย็นวันนี้ผมทำใจกล้ายิ้มทักพี่โตครับ  ถึงจะเขินจัดเลยก็เถอะ  ถ้าผมไม่ยิ้ม  ผมจะเห็นพี่โตยิ้มให้ได้ยังไง

“ขายดีจังนะวี  วันนึงใช้มะม่วงกี่โลล่ะ?”  ยิ้มตอบไปเพราะผมไม่เคยชั่งซะด้วย  พี่โตเดินเข็นรถช่วยผมส่งจนถึงบ้านก็ขอตัวกลับ  ก่อนกลับผมก็ให้พี่โตรอก่อน  วิ่งไปหยิบมะม่วงกับน้ำปลาหวานใส่ถุงให้พี่เค้ากลับไปกินที่บ้านด้วย

“เอาฟ้าลั่นไปชิมดูพี่โต  ต้นนี้ผมปลูกเอง  ไม่ได้ขายที่ตลาด”  มือใหญ่ยื่นรับแล้วยิ้มขอบคุณผม  ยืนส่งแผ่นหลังกว้างจนลับตา  หันกลับเข้าบ้านแล้วทำกิจวัตรที่เคยทำ  ทุกวันก็เดินไปตามวิถีของมัน  ผมกับพี่โตก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น  พี่โตอยู่  ม.6  โรงเรียนประจำจังหวัด  ตั้งใจจะเข้านิติจุฬาให้ได้  ผมก็ได้แต่เอาใจช่วย  อิจฉาคนหัวดี  ผมเรียนไม่เก่งแต่ก็ไม่ได้โง่  เกรดก็กลาง ๆ ไม่ดีเด่อะไร  ไม่มีเป้าหมายเหมือนพี่โตหรอกครับ  ทุกวันผมกับพี่โตต้องมานั่งที่สวนสาธารณแถวบ้านพี่โต  คือหลังจากผมเก็บร้านกลับบ้านไปช่วยแม่เตรียมของ  พี่โตจะมาเรียกหน้าบ้านแล้วขอแม่ให้ผมอออกไปนั่งเล่นที่สวนครับ 

นั่งดูน้ำพุที่เทศบาลเอามาเปลี่ยนแล้วสบายตาดีครับ  อันเก่ามันไม่ค่อยสวยแล้วน้ำก็ไม่ค่อยกระจายด้วย  เหลือบมองหน้าด้านข้างที่เหม่อมองไปที่เดียวกับผมเมื่อครู่  วันนี้พี่โตไม่ค่อยคุย  ไม่ค่อยยิ้มด้วย  นั่งไปเงียบ ๆ จนถึงเวลาที่ผมต้องกลับบ้าน  ถอนหายใจเฮือกยาว  พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วครับ  ผมจะไม่ได้เจอพี่โตอีกหลายเดือนเลย  แล้วก็ไม่รู้ว่าปิดเทอมครั้งหน้า  ผมจะได้เจอรึเปล่า..

“..กลับกันเถอะครับ  จะทุ่มแล้ว  พ่อกับแม่รอกินข้าว”  ผุดลุกขึ้นยืนแล้วก้มมองหน้าคมที่เงยมองหน้าผม  ตาคมของพี่โตหม่นแสงบอกไม่ถูก  มองแล้วมัน..ใจหายยังไงไม่รู้

“..วี..พรุ่งนี้ไปเรียนแล้วใช่ไหม?”  กลืนก้อนแข็งที่จุกที่คอแล้วพยักหน้าตอบ  อย่างน้อย..พี่โตก็ยังไม่ลืมที่ผมบอกวันเปิดเทอมของผม   มองสบตาคมที่มองผมอยู่ตลอด  พี่โตลุกขึ้นยืนเต็มความสูงสบตาผมตลอดเวลา..ไม่มีคำพูดออกมาแม้แต่คำเดียว  ระหว่างผมกับพี่โต  ไม่จำเป็นต้องคุยอะไรกันมาก  แค่อยู่ด้วยกันเงียบ ๆ ผมก็มีความสุขแล้ว 

“กลับเถอะ..พี่ไปส่ง”  แค่นยิ้มตอบยิ้มขืนของพี่โต  เดินคู่กันไปจนเกือบจะถึงมอไซค์ของพี่โตที่จอดอยู่อีกฟากของสนาม  มือเย็นแตะที่หลังมือผมเบา ๆ สะดุ้งกับสัมผัสนั้นแล้วเกร็งให้หลังมือคอยแตะกันไปเบา ๆ รับสัมผัสนั้นเข้ามาเก็บไว้ในความทรงจำ  ยิ้มบางกับตัวเองก่อนจะกะพริบตาปริบ  ปลายนิ้วเย็นของพี่โตค่อย ๆ สอดเข้ามาในฝ่ามือผม  เม้มปากเมื่อมือข้างนั้นกระชับมือรวบเอาเนื้อฝ่ามืออุ่นของผมไว้จนเต็มฝ่ามือใหญ่  หายใจติด ๆ ขัด ๆ เดินตามแรงจูงพาเดินไปใต้ต้นจำปีที่อยู่ตรงมุมสวน..

หยุดยืนใต้ต้นแล้วก้มหน้าไม่กล้ามองตาคู่นั้น  นิ่งฟังเสียงลมพัดใบไม้  หัวใจย้ายไปเต้นตึกตักที่ฝ่ามือตัวเอง..ข้างที่พี่โตกำลังกุมอยู่  มองตามหิ่งห้อยที่บินมาอวดแสงน้อยนิดตรงหน้า  ไล่สายตาตามไปทุกที่ที่มันบินผ่าน  ดวงตาคมมองหน้าผมนิ่ง  ลมหายใจอุ่นค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาหาแก้มผมช้า ๆ  ผมก้มหน้าเบือนหลบปลายจมูกที่กำลังจะสัมผัสผิวแก้มที่ร้อนฉ่าของตัวเอง  ถอยหลังไปแค่ก้าวเดียวหลังผมก็ชนกับต้นจำปี  มือใหญ่คลายฝ่ามือร่นลงมาจับแค่ปลายนิ้วผม  กลั้นหายใจแล้วหลับตาแน่นเมื่อลมอุ่นเลื่อนจากผิวแก้มมาที่..ริมฝีปาก

ปลายนิ้วตัวเองเย็นเฉียบ  ควบคุมหัวใจที่กำลังเต้นกระหน่ำไม่ไหว  ริมฝีปากชื้นแตะลงที่ริมฝีปากผมเบา ๆ  เคลื่อนไหวเชื่องช้า  จูบไล้ผะแผ่วไปตามริมฝีปากผม  ปลายลิ้นอุ่นแตะที่เนื้อในริมฝีปากผมแล้วค่อย ๆ ไล้เลียเข้าไปข้างใน  ลึกขึ้นเรื่อย ๆ จนเจอลิ้นของผม  เกร็งมือบีบมือพี่โตแน่นรับปลายลิ้นที่ตวัดรัดลิ้นผมเข้ามาเกี่ยวพัน  มือใหญ่สอดเข้ามาประคองท้ายทอยให้รับจูบที่ลึกล้ำมากกว่าเดิม  ปลายลิ้นอุ่นเลื่อนไหลลงมาดันใต้ลิ้นให้ผมเผยอริมฝีปาก  ฉับพลันก็ประกบจูบดูดดื่ม  ลมหายใจขาดห้วง  บีบมือพี่โตแน่นจนไม่รู้สึกถึงไออุ่นของคนตาคม.. 

ผม..ไม่ไหวแล้ว

สติดับวูบเป็นลมในอ้อมแขนแกร่ง  ได้สติบนอกอุ่น  ลืมตามองมือที่จับผ้าเปียกน้ำเช็ดตามเนื้อตัวผม  กะพริบตาทบทวนความจำก่อนจะเป็นลมก็อยากจะลมจับอีกรอบ  โดนจูบจนเป็นลม  รู้ถึงไหนอายถึงนั่น!  เด้งตัวออกจากอกพี่โตแล้วล้วงมือถือออกมาดูเวลา  ผมเลยเวลาเข้าบ้านมา  2  ชั่วโมงแล้ว  ไม่มีเวลาจะเหนียมอายใส่หน้าคมตาพราวระยับที่คอยมองหน้าผมไม่คลาดสายตา   เอ่ยปากเร่งให้รีบไปส่งที่บ้าน  ขึ้นซ้อนมอไซค์แล้วรีบกดดูมิสคอล  ไม่มีสายจากที่บ้านโทรตามก็ถอนหายใจยาว  พอล้อรถจอดสนิทก็โดดลงจากรถ  ชะโงกมองหน้าบ้านตัวเองที่ยังเปิดไฟทิ้งไว้แล้วพ่นลมหายใจทิ้งอีกรอบ  หันมามองหน้าหล่อที่มองตามตาผมไปที่บ้านก่อนจะเบือนมามองสบตาผม  ยืนสบตาคมที่สื่ออะไรมากมายผ่านตาพราวด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม

ผมทนยืนให้ตาคมมองไม่ไหว  หันหลังให้แล้วบอกเสียงดังว่าจะเข้าบ้านแล้ว  คนข้างหลังไม่ได้ตอบอะไรกลับมา  กลอกตาไปด้านข้างแล้วพ่นลมหายใจออกช้า ๆ  ก้าวขาไปข้างหน้าตั้งใจจะเข้าบ้าน  มือใหญ่คว้าจับปลายมือผมจากด้านหลัง  ข้างหูได้ยินเสียงทุ้มกระซิบข้อความที่ผมไม่ลืม..จนวันตาย

“เป็นแฟนพี่แล้วนะวี..”  ลมหายใจไม่เข้าปอดดื้อ ๆ กะพริบตาถี่ยืนนิ่งฟังเสียงมอไซค์ที่ขี่ออกไปจากบ้าน  เดินเข้าบ้านเหมือนคนละเมอ  ไม่รู้ว่าแม่ถามอะไร  รู้แต่รอบตัวตอนนี้มีแต่สีชมพูเต็มไปหมด   น้ำก็ไม่ได้อาบ  นอนก็ไม่หลับ  แต่กลับรู้สึกสดชื่นอยู่ตลอดเวลา  ตื่นรับวันใหม่ด้วยการตอบคำถามพ่อที่ถามว่าเมื่อวานผมไปไหนกันมากับพี่โต  ยิ้มแหยแล้วโกหกหน้าตายว่ามัวแต่โม้เลยลืมเวลาเข้าบ้าน  พ่อก็ไม่ถามอะไรต่อ  นั่งรถไปถึงโรงเรียนก็สะดุ้งกับข้อความที่ส่งหาผมตลอดทาง

ข้อความของคนตาคมที่กำลังย้ายสถานะตัวเองจาก  ‘พี่โต’  มาเป็น  ‘พี่โต~’..

ยิ้มบางกับอนาคตที่มองไม่เห็นปลายทาง  ผมเลือกจะมีความสุขกับมันไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องเผชิญกับสิ่งรอบข้าง  มือใหญ่ที่จะคอยกุมมือผมไปตลอด..







พี่โต..เทพบุตรนักบิดที่รัก


End.

กอดดดดค่า
ไม่มีเวลาตอบเม้นท์นะคะ  เดี๋ยวต้องเข้าประชุมด่วนค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
'น่าร้ากกกก...อ่ะ'
พี่โตมานั่งอ่อยน้องวีในซอยใช่ม้า อยากเป็นคนที่อยู่ในสายตาน้องล่ะสิ ล่ะสิ :hao3: งุ้ยย~
อยากจะบอกว่าพี่ทำสำเร็จแล้วค่า//ปรบมือ
เราเขินตามจนตัวจะบิดเป็นเกลียวอยู่แล้วเน้อ

** เห็นวัยรุ่นเขาจีบกันมันช่างกระชุ่มกระชวยหัวใจเสียจริงนะคะ :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2015 16:32:40 โดย Mouse2U »

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
เด็กๆจีบกันนี่น่ารักจริงๆๆ   :mew1:

ตอนแถมอยู่ไหนน้อคุณจิ :กอด1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ขอเม้นท์เรื่อง Charming ก่อนนะคะ ชอบเฮียปิงมากเลย  :o8:
หลงรักความใจดีรักสัตว์ของเฮีย ตรีตาถึงจริง ๆ เป็นรักต่างวัยที่น่ารักมาก
รู้สึกหนุ่มใหญ่วัย 37 ปี จะใสซื่อไร้เดียงสา กว่าหนุ่มน้อยวัย 17 ปี อย่างตรีอีกนะเนี่ย 555
คู่พี่โตกับน้องวี ก็น่ารัก ใส ๆ ดีจัง :-[  พี่โต แว้น ๆ มอเตอร์ไซด์อย่างนั้น
คิดว่าจะเถื่อน ๆ ซะอีก ที่ไหนได้ อบอุ่นใจดีมากเลย โดยเฉพาะกับเด็กที่ชอบใช่ม้า
ขี้อายอย่างน้องวี ถ้าพี่โตไม่รุกก่อน คงได้แต่มองกันไป มองกันมา อยู่อย่างนั้นแหละเนอะ
แต่ขี้อาย ถึงขนาดเป็นลมเพราะโดนจูบนี่ 555 เข้าใจ ๆ ยังเด็กน้อยอยู่นี่นะน่ารักจริง ๆ
ความไม่ประสาของน้องวีนี่แหละ ยิ่งเป็นเสน่ห์มัดใจให้พี่โตหลงรักน้องวีมากขึ้นไปอีก

ชอบครอบครัวของน้องวีจัง ครอบครัวเล็ก ๆ ที่อบอุ่น ช่วยกันทำมาหากิน
น้องวีบรรยายซะ อยากกินข้าวเหนียวมูลซะตอนนี้เลย ตัวเพิ่มน้ำหนักเลยนะนั่น
แต่แถวบ้านไม่มีเจ้าไหน ที่ขายแบบออกมาร้อน ๆ เหมือนร้านน้องวีเลยนี่สิ  :heaven
รอคู่รักคู่ต่อไปจ้า ขอบคุณคุณจิมากค่ะ สู้ ๆ กับงานน้า  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด