[เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++ 7 ++ 24/07/58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น จบในตอน] รักเกิดในตลาดสด : พิเศษ ++ 7 ++ 24/07/58  (อ่าน 49864 ครั้ง)

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3

“กลับมากี่โมงครับ?”  แม่ยิ้มตอบผมแล้วเอามือมาลูบแก้มเบา ๆ  ผมไม่มีพ่อ  แม่ท้องกับผู้ชายที่มีเมียมีลูกอยู่แล้ว  ผู้ชายคนนั้นไม่รับผิดชอบผมกับแม่  ตาไล่แม่ออกจากบ้านเพราะทนความอับอายไม่ไหว  แม่..เลี้ยงผมมาด้วยความลำบาก  ผมกับแม่เราคุยกันทุกเรื่อง  แม้แต่เรื่องที่ผมเบี่ยงเบน..ผมก็บอกแม่  แม่ไม่ว่า  แต่ก็ไม่สนับสนุนให้ผมชอบผู้ชาย  แต่ถ้านั่นเป็น  ‘ความสุข’  แม่ก็พร้อมจะยอมรับ  นั่นหมายถึงถ้าผมเลือกจะมีแฟนเป็นเพศเดียวกันน่ะนะ 

“โรงเรียนเป็นยังไงบ้างปั้น?”  ยิ้มกว้างแล้วเล่าให้แม่ฟัง  ตั้งแต่เข้าแถวยันเลิกเรียน  แม้แต่เรื่องไอ้ตูนเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว    ผมก็ไม่เว้น..

“ก็ดีนะลูก  แม่เห็นตูนมาตั้งแต่เราเรียน ม.ต้น  ถ้าเป็นคนนี้..แม่ไม่ว่า”  แค่นหัวเราะขำฝืดเฝื่อนจนตัวโยน  แม่ยิ้มบางแล้วลุกขึ้นเดินเข้าห้องไปอาบน้ำ  มองตามแผ่นหลังบางของแม่แล้วถอนหายใจยาว  เมื่อก่อนแม่ขายปลาทูในตลาด  รับมาจากแผงใหญ่อีกที  ตอนนี้แม่เลิกขายปลาทูแล้ว  ไปนั่งทำบัญชีให้โกดังปลาแทน  ก็โกดังปลาพ่อค้าขายปลาที่แม่รับปลาทูมาขายตอนแรกไงครับ  เขาชอบแม่  ผมรู้ว่าแม่เองก็รู้  แต่แม่ก็เลือกจะเฉย  ตอนนี้พ่อค้าก็ยังเสมอต้นเสมอปลายกับแม่เหมือนเดิม  ลูกชายคนเดียวของพ่อค้าปลาตอนนี้ไปอยู่เมืองนอก  พ่อค้าคนนั้นก็เลยรุกแม่หนัก  อยากให้แม่มาช่วยเก็บเงินด้วยกัน  ผมไม่ได้รังเกียจถ้าแม่จะมีแฟน..ถ้าเขาดีกับแม่จริง ๆ..

ยิ้มบางให้ตัวเองที่กำลังคิดไปไกลอีกแล้ว  ลุกขึ้นยืนพร้อมกับสูดลมให้เต็มปอด  ปิดบ้านปิดไฟให้เรียบร้อย  ผมยังไม่โตพอที่จะทำงานหาเลี้ยงแม่ไม่ให้ลำบากได้  แต่ผมจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด  อย่างน้อยในตอนนี้..ผมก็รู้สึกว่าผมมีความรับผิดชอบกว่าเด็กรุ่นเดียวกันบางคนเสียอีก  เดินเข้าห้องตัวเองที่อยู่ใกล้กับห้องครัว  ถอดเสื้อผ้าแล้วคาดผ้าเช็ดตัวออกมาอาบน้ำ  เดินกลับเข้าห้องแล้วปิดไฟ  พาดผ้าเช็ดตัวกับเก้าอี้โต๊ะหนังสือ  ล้มตัวนอนหลับตาลงช้า ๆ จมจ่อมลงในห้วงฝัน..ผมก็อยากจะทำแบบนั้นนะ  แต่มันโคตรยาก! 

ตาพราวของไอ้ตูนมันลอยโดดเด่นในมโนสำนึก  ใจเต้นตึกตักแปลก ๆ  เสียงที่มันบอกยังคงก้องไปมาในหู  ลืมตาโพลงในความมืดมิดแล้วยื่นมืออกมาโบกลบภาพดวงตาคู่สวยในอากาศเบา ๆ ..

แม่ง  เฮี้ยนฉิบหายเหอะ! 

ปล่อยให้ดวงตามรณะอยู่กับผมจนหลับไป  ตื่นขึ้นมารับอรุณรุ่งด้วยเสียงเคาะประตูของแม่  งัวเงียลุกขึ้นมาหุงข้าวระหว่างที่แม่ไปเดินซื้อกับข้าวที่ตลาด  กวาดบ้านก่อนจะย้อนกลับมาอาบน้ำ  แต่งตัวรอกินข้าวพร้อมแม่  เดินออกจากบ้านพร้อมกันก่อนจะแยกกันไป..ผมไปโรงเรียน  แม่ไปทำงาน  ผมให้แม่ขับรถไป  เพราะโกดังมันอยู่ไกลแล้วก็ลึกมาก  ส่วนผมเดินออกจากซอยไปขึ้นรถ  2  แถว  ตรงถนนเส้นหลักที่ขับผ่านหน้าโรงเรียนเอง 

ผ่อนลมหายใจออกยาว ๆ เตรียมรับมือกับเจ้าของดวงตามรณะที่หลอนหลอกผมมาแล้วทั้งคืน  เงยหน้าจากพื้นขึ้นสบตาคู่นั้น  หัวใจเริ่มเต้นแปลก ๆ เสียงนั้นมันตามเข้ามาวนเวียนอยู่ในหูอีกครั้ง  ‘เป็นแฟนตูนเถอะปั้น..’  หายใจถี่เพราะคำนั้นมันมีแอคโค่ดังก้องไปมาจนผมเริ่มกลัว..กลัวใจตัวเองอ่ะ  ยกมือไหว้ท่วมหัว  อย่ามาหลอกหลอนกูเลย  ได้โปรดดดดด 

ทำเสร็จก็นึกขึ้นได้ว่านี่มันข้างถนน  คนเดินเยอะแยะ  ผ่อนลมหายใจยาว ๆ ลดมือที่ไหว้ท่วมหัวลงมาลูบหน้าแรง ๆ  เดินก้มหน้าแล้วเบือนไปมองทางโน้นทางนี้เรื่อยเปื่อย  ผมยื้อกระเป๋าเอาไว้เมื่อมันดึงออกมาจะถือให้  แต่ต้องปล่อยให้มันถือเองเพราะมือผมดันไปแตะโดนมือมัน..เหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ แล่นผ่านปราดเดียวลามไปถึง..หัวใจ  ก้มหน้ามองรองเท้าตัวเองจนมันแตะแขนให้ขึ้นรถ  มันส่งสายตาให้ผมนั่งตรงที่ว่างแต่ผมปฏิเสธ  มันเหลือที่เดียว  ถ้าผมนั่ง  มันก็ต้องยืนคนเดียว  ตูนจับไหล่ผมกดลงให้นั่ง  ถ้าเป็นเมื่อวาน  ผมจะต้องสะบัดตัวหนีแล้วยื่นมือตบหัวมันก่อนจะยืนโหนด้วยกันจนถึงโรงเรียน  แต่อิทธิพลของพายุความเชื่อมของดวงตาและความรู้สึกบางอย่างที่ผมอธิบายไม่ได้  มันทำให้ผมต้องจำใจนั่งตรงนั้น  ตูนมองตาผมก่อนจะไล่สายตามองจมูก  แก้ม  แล้วมันก็หยุดนิ่งที่ริมฝีปากผม  เม้มปากแน่นแล้วเบือนหน้าไปมองกระเป๋าทำงานของผู้หญิงที่นั่งเยื้อง ๆ ผม  หน้าเริ่มร้อนผ่าวขึ้นเรื่อย ๆ ผมรู้ว่ามันจ้องผมอยู่  ก็เพราะมันจ้องนั่นล่ะถึงทำให้หน้าผมมัน..ยังกับสตรอเบอร์รีแบบนี้อ่ะ!

“มองเหี้ยไรไอ้ตูน!”  มันอมยิ้มแล้วพยักหน้าหงึก ๆ เม้มปากแน่นแล้วเบือนไปมองกระเป๋าพี่คนนั้นเหมือนเดิม  ผมถามมันว่ามองเหี้ยไร  มันพยักหน้า...

ไอ้ไส้ติ่งปลากะโห้!

มันว่าผมเหี้ยอ่ะ   กะพริบตาปริบกับสิ่งที่ผมคิดออกอย่างปัจจุบันทันด่วน  เงยหน้ามองมันยิ้มกว้างแล้วยื่นมือมาหมุนข้างหน้าผม  ด่ากูเลยยังเจ็บน้อยกว่าอีก  ริมฝีปากล่างยื่นห้อยย้อย  คิ้วขมวดมุ่น  ตาจ้องหน้ามันไม่กะพริบ  ตูนลดมือลงแล้วยิ้มบางมองตอบผม  ไม่มีสะทก  หน้าหนายิ่งกว่าส้นรองเท้า รด.  พอล้อรถจอดหน้าโรงเรียนมันก็จับแขนผมให้ลุก  ตวัดหางตามองมือที่จับแขนสลับกับหน้ายิ้ม ๆ ของมัน   เหวี่ยงแขนหลุดแล้วเดินเข้าโรงเรียน  มันก็ถือกระเป๋าเดินตามผมต้อย ๆ  เพื่อนที่เดินผ่านยิ้มเจื่อนให้หน้าบูดบึ้งของผมแต่กลับยิ้มกว้างให้คนที่เดินข้างหลัง

“อะไรกันแต่เช้าพวกมึง?”  เพื่อนในห้องเอ่ยปากถามมัน  มันตอบข้ามหัวผมไม่ยี่หระ

“แฟนขี้งอน..ไม่รู้งอนอะไรว่ะ”  ชัดเต็ม  2  หู  ผมหันหลังขวับจ้องหน้ายิ้ม ๆ ของมัน  ระริกนักนะมึง!

“เลิกล้อกูเล่นสักทีตูน  กูไม่ขำแล้ว!”  ดึงกระเป๋าผมในมือมันเต็มแรง  มันยื้อไว้แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้  ตาพราวกับยิ้มบางกระแทกนัยน์ตาจนผมต้องหลบวูบ  เสียงทุ้มที่หลอกหลอนกระซิบเบาให้ได้ยินแค่  2  คน  ‘เอาจริงต่างหาก..ปั้นแหละ..เลิกเล่นสักที..’  ย่นคอหลบลมอุ่นจากปลายจมูกที่เป่ารดแก้ม  เม้มปากล่างอัตโนมัติแล้วปล่อยมือจากกระเป๋าทันที  ไอ้..ไอ้บ้า!  เดินลงส้นจับกระเป๋าไอ้ตุ๊มาวางที่ผม  ออกคำสั่งเด็ดขาดใส่ไม่รีรอ

“แลกที่กับกู..เดี๋ยวนี้!”  ไอ้ตุ๊ทำหน้าเหวอแต่ก็ยอมลุกเปลี่ยนที่ให้ผมโดยดี  นั่งกอดอกหันไปมองขอบหน้าต่าง  มองทางอื่นที่ไม่มีมันทั้งชั่วโมง  ทั้งคาบ  และทั้งวัน  ขึ้นสองแถวกลับบ้านก็จ้องติ่งหูใครก็ไม่รู้ที่นั่งในสุด  ไม่มองหน้ามันให้ต้องเซ็งเป็ด  ลงรถเดินดุ่มกลับบ้านมันก็วิ่งตาม  มือสากคว้าแขนหมับ  ขาผมหยุดกึก..

“โกรธอะไรมากมายปั้น  ไม่ได้ล้อเล่น..ปั้นก็รู้นี่”  กัดกรามแน่นข่มใจไม่ให้ใจอ่อนแล้วหันมามองหน้ามันแบบเต็มตา   หน้าหล่ออ่อนโยนโอบอ้อมอยู่ใกล้จนลมอุ่นจากปลายจมูกมันแตะแผ่วที่หน้าผม  หวั่นไหวไปกับประกายตาที่ผมเห็นบ่อยแต่ไม่เคยจะรู้สึกอะไร..วันนี้มันกลับทำให้ข้างในอกซ้ายผมปั่นป่วนอย่างหนัก  โบกมือไม้ส่ายหน้าวุ่นวายไปมาในอากาศ  เบี่ยงหนีตาคู่นั้นแล้ววิ่งแน่บกลับบ้านไม่เหลียวหลัง  เหนื่อยหอบแค่ไหนไม่สะท้าน  วิ่งหางจุกตูดถึงบ้านให้ได้ก่อน  อย่างอื่นว่าทีหลัง  ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งจนถึงรั้วบ้าน  เอื้อมมือคว้าลูกกรงเหล็กดัดแล้วออกแรงดึงตามจังหวะการวิ่ง  หอบเหนื่อยแล้วเอ่ยปากบอกคนที่อยู่นอกรั้ว

“ห้ามโทร  ห้ามพูด  ห้ามมอง  ห้าม..ห้ามยุ่งกับกูอีก!”  มันยืนจ้องตาผมนิ่งก่อนจะคลี่ยิ้มน้อย ๆ  ตอบผมอย่างคนใจเย็น

“ทำไม่ได้..แล้วตูนก็ไม่ได้เป็นใบ้  วันนี้ตูนกลับก่อนก็ได้  แต่พรุ่งนี้..อย่าหวังว่าจะรอด”  ขมวดคิ้วมุ่น กะพริบตาปริบกับคำตอบของมัน  ยืนงงหน้าบ้าน    หน้าหล่อของมันที่หันมายิ้มน้อย ๆ  ให้ผมจนลับตา  ยิ่งเห็นหน้ามันผมยิ่งรู้สึกแปลก  มันเหมือนเป็นไข้ทับฤดู  น้ำในหูไม่เท่ากัน  คันในร่มผ้า  หาสาเหตุไม่ได้..หัวใจเต้นถี่สั่นเป็นเจ้าเข้าองค์ลงทรงประทับ  เม้มปากล่างแน่นขึ้นเมื่อในหัวคิดถึงเรื่องที่มันพูดเมื่อวานประกอบกับอาการเหมือนคนอยากได้หัวใจกับผมแล้ว..

หรือมันจะเอาจริง?

หูร้อนวูบ  ใจเต้นโครมคราม  ยกมือขึ้นช้า ๆ แล้วปิดหน้ายิ้มกว้างของตัวเองเอาไว้แน่น  บอกตัวเองไม่ให้เขิน  แต่ก็นะ..ยากยิ่ง~  ลดมือลงข้างหนึ่งไขกุญแจเดินเข้าบ้าน  เปิดตู้เย็นแล้วหยิบขวดน้ำมาเปิด  กินไม่ได้..ปากไม่พร้อมใช้งาน  วางขวดลงบนโต๊ะแล้วเดินก้าวถอยหลังเอาตูดพิงขอบโต๊ะ  หน้าตูนลอยเข้ามาเบียด ลี ดอง วุค กระเด็นหายจากสายตา  ก้มหน้ากลั้นยิ้มซ่อนเขินแล้วไหวไหล่แก้ขวยไปมา

“ปั้น..เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเหรอลูก?”  สะดุ้งน้อย ๆ กับคำทักทายของแม่ที่เดินเข้ามาไม่มีปี่มีขลุ่ย  บังคับหน้ายิ้มกว้างให้กลับเป็นหน้าธรรมดาไม่ได้  พุงเข้าอ้อมอกซุกหน้าจมลงไปกับบิ้กมิลค์

“แม่..ไอ้ตูนอ่ะ  มันอ่ะ..ฮื้อออ”  อยากจะเล่าให้แม่ฟังว่าวันนี้ผมถูกมันเล่นงานสะบักสะบอมแค่ไหน  แต่พออ้าปากจะเล่า..เขินสุดติ่งอ่ะ!  แม่หัวเราะลั่นก่อนจะดึงไหล่ผมให้ออกมามองหน้ายิ้มเขินที่ผมซ่อนที่อกแม่  ยิ้มอ่อนโยนส่งให้พร้อมคำปลอบใจทรงคุณค่า

“เสร็จตูนแน่ปั้น”  แทนที่ผมจะทำหน้าเหวอแล้วส่ายหน้ารับไม่ได้  ผมกลับ..หน้าร้อนผ่าว  หลบตาแล้วเม้มปากเขินซะอย่างนั้น  ยอมรับกลาย ๆ ว่า ‘ครับ..ผมคงจะเสร็จมันเหมือนที่แม่ทำนายนั่นล่ะ’  ผละจากอกอวบหย่อนก้นนั่งกินข้าวเย็นกับแม่  กินได้แค่ไม่กี่คำก็อิ่มตื้อ  เดินล่องลอยเข้าห้องตัวเอง  นั่งจุ้มปุ๊กลงบนเตียง  ยกเข่าขึ้นมากอดไว้ทั้ง 2  ข้าง

ผมเป็นอะไรก็ไมรู้  ตั้งแต่มันขอให้ผมเป็นแฟนมัน  ผมก็เริ่มรู้สึกกับมันแปลกออกไป  จากที่เคยเห็นว่ามันเป็นเพื่อนหน้าหล่อสามารถสร้างสะพานเชื่อมให้ผมข้ามไปหาคนที่ปลื้มได้คนแล้วคนเล่า  กลายมาเป็น..ผู้ชายที่ผมเพิ่งจะเคยรู้จัก  ไม่เคยรู้เลยว่าตาสีน้ำตาลของมันจะกลายเป็นสีน้ำผึ้งได้  ไม่เคยรู้ว่าเสียงของมัน..มีอิทธิพลกับเยื่อแก้วหูของผมแค่ไหน  เงยหน้าจากขนเส้นหยาบที่โผล่จากรู้ขุมขนตรงหัวเข่า  เอนหลังนอนขนานพื้นโลกจ้องมองเพดานห้องนอนนิ่ง  กัดปากล่างแล้วหลับตาอย่างจนใจ..

ไม่อยากยอมรับ..ผมเห็นหน้ามันตลอดเวลา  ขนาดหลับตา..หน้ามันยังชัดแจ๋วแบบ  Full HD เลยครับ

พ่นลมทิ้งแล้วหักดิบลุกไปอาบน้ำ  หยิบเสื้ออกมารีดจนเกือบหมดตู้  หลีกเลี่ยงให้สมองว่างเข้าไว้..ก็มันว่างทีไรมันก็คอยจะลอยไปโน่นมานี่  ไร้สาระมาก!  เก็บเสื้อผ้าที่รีดแล้วเข้าตู้  อาบน้ำล้างเหงื่ออีกรอบถึงจะยอมหลับได้ตามปกติเสียที  ตื่นขึ้นมาก็ใช้ชีวิตปกติ  หุงข้าวแล้วรอกินข้าวพร้อมแม่  แต่งตัวสะพายกระเป๋าเดินออกจากบ้านไปโรงเรียนเหมือนทุกวัน  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เลี่ยงหลบตาสีน้ำผึ้งที่มองมาทางตัวเอง  กัดเนื้อตรงกระพุ้งแก้มแทนคำตอบจากเสียงทุ้มที่เอ่ยปากบอกข้างหู  ‘เมื่อคืนตูนนอนไม่หลับ..ไม่ได้ยินเสียงปั้น’  เบือนหน้าไปมองข้างทาง  พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะทำหน้าเฉย  แต่ทำไม่ได้..ปล่อยให้หน้ายิ้มเรี่ยราดไปจนถึงห้อง

“ดีกันแล้ว?”  สูบลมเข้าปากแล้วเบือนหนีคนถามอย่างไอ้ตุ๊  นั่งที่เดิมของตัวเอง  หางตาเหลือบเห็นตูนนั่งลงข้าง ๆ ผมยกมือขึ้นกอดอกแล้วพิงหลังแตะพนักช้า ๆ ปรายตามองหน้าต่างห้องเรียนอย่างเนียน ๆ ไม่ให้มันรู้ว่าผมกำลังเขินอยู่  เดินออกไปเข้าแถวรวมก็ตีหน้าเฉย  นั่งเรียนก็ทำหน้าซื่อ  เย็นก่อนกลับบ้านก็ทำเวรปกติ  เฉยกับคนที่นั่งมองนั่งรอผมอยู่หน้าห้อง  เพราะผมไม่ยอมให้มันจับไม้กวาดมาช่วยผม  เพื่อนทยอยเดินกลับบ้านในขณะที่ผมเดินไปหลังห้องเอาไม้กวาดไปเก็บที่   ทนได้เกือบจะหมดวัน หน้าเฉยของผมก็มีอันต้องทิ้งลงก้นหลุม

“ตูนนน  วันนี้พ่อปุ๊กไม่ว่างมารับ  ไปส่งที่บ้านหน่อยสิ”  ยืนนิ่งมองมือที่คล้องแขนไอ้ตูน  ไล่สายตามองหน้าสวยที่กำลังจับจ้องจะกลืนกินได้ตูนไม่วางตา  ความเดือดในอกมันมาจากไหนไม่รู้  ข้างในใจผมมันร้อนแปลก ๆ  หงุดหงิดไม่รู้ที่มา  แต่รู้ว่าจะทำยังไงให้หายจากความอึดอัดแบบนี้

“ไปสิ..ไปส่งปุ๊กด้วยกันแล้วค่อยกลับบ้านเราก็ได้  ตูนไม่ได้เอารถมานะปุ๊ก..คงต้องเดินไปส่ง”  ก้าวเท้าเข้าไปหาแล้วเบียดตัวเองตรงที่ว่างเล็ก ๆ ระหว่างแขนเล็กกับท่อนแขนแกร่ง  ตูนก้มมองตาขวางของผมแล้วยิ้มบางก่อนจะเบือนไปมองหน้าสวยที่งอง้ำอยู่ข้างหลังผม

“ครับผม..เดินนะปุ๊ก  เดี๋ยวผมกับปั้นเดินไปส่งที่บ้านให้”  อดยิ้มไม่ได้เมื่อมันเออออตามผมไม่มีขัดขืน  ตวัดหางตามองหน้าสวยที่มองตาผมกลับ  ประกายไม่พอใจฉาบไว้ทั่วหน้า

“ฉันขอให้ตูนไปส่งที่บ้าน..เอ่ยปากตรงไหนรึเปล่าว่าชวนเธอ..อย่าเสนอตัว!”  นิ่วหน้าเล็กน้อยกับลมเหม็นจากปากของหญิงสาวหน้าสวย  เบียดเข้าหาคนข้าง ๆ แล้วยกมือขึ้นกอดแขนแกร่ง  ช้อนตาขึ้นสบตาเชื่อมที่มองอยู่ก่อน  คำพูดฉอเลาะออเซาะตอแหลที่ผมพูดกันหมาตัวเมียให้มันประจำโดนมันสูบด้วยดวงตาพราวเสียสิ้น..

“อะ......”  เปล่งเสียงออกมาได้แค่นั้น  ก้มหลบตาเชื่อมมองไปที่กระเป๋าเสื้อนักเรียนแทน  ในหัวมึนงง  ใจเต้นโครมคราม  กัดเนื้อในริมฝีปากจนเจ็บแล้วพยายามนึกถึงคำที่ผมพูดกับมันประจำ  ลมร้อนจากปลายจมูกแตะลงมาที่ขมับผมเบา ๆ ดึงให้ผมหลุดออกจากกระบวนการคิดหาคำแอ๊บเกย์  กลั้นหายใจเมื่อเนื้อนุ่มหยุ่นจากริมฝีปากแตะมาที่แก้มแผ่วเบา..

“ทำอะไรน่ะตูน!  เรารู้ว่าพวกนายไม่ได้เป็นแฟนกัน  ไอ้เกย์นี่มันช่วยกันผู้หญิงให้ตูนเฉย ๆ แต่ทำแบบนี้ต่อหน้าเรา..มันเกินไปแล้วนะ!  ตูน!..”  กะพริบตาปริบกับเสียงและแรงที่ดึงสติและแก้มผมให้หลุดออกจากริมฝีปากของตูน  หันหน้ามองหน้าสวยที่กำลังไม่พอใจอย่างที่สุด  ไม่ทันสิ้นเสียงแหลม  ริมฝีปากชื้นก็ทาบลงมาที่แก้มผมอีกครั้ง  ตัวแข็งทื่อ  ปากดีที่เคยตอบโต้กลับปิดเงียบ  ตาที่มองหน้าสวยกะพริบถี่  หายใจเข้าสั้น  ตื่นเต้นจนไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่น..นอกจากเสียงลมหายใจของคนตรงหน้าที่เป่ารดมาที่แก้ม

“ปั้น..”  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ  เบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากที่กำลังไต่ผิวแก้มมาที่ริมฝีปากผมช้า ๆ  มือสากที่โอบเอวผมเลื่อนขึ้นมาประคองหน้าไม่ให้หลบได้อีก  เพียงเสี้ยวนาทีที่มันประคองหน้า  ผมก็ถูกริมฝีปากที่ป้วนเปี้ยนแถวแก้มทาบปิดรูปปากผมพอดี  หายใจไม่ทั่วท้องกับความนุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าไปตามริมฝีปากผม  หลับตาลงช้า ๆ แล้วพยายามหายใจเข้ารับเอากลิ่นลมหายใจร้อนเข้ามา  ริมฝีปากผม..มันเหมือนเอาปลายนิ้วมาแตะเบา ๆ แต่..ใจหวิว ๆ เพราะปลายนิ้วนั้นมันหวานไม่เหมือนขนมที่เคยได้กิน..

ปล่อยให้ปลายลิ้นรับรสหวานจนตัวผมลอยไปไกล..เกินจะกู่กลับ

ลืมตาขึ้นสบตาสีน้ำผึ้งช้า ๆ ไล่สายตาลงมาตามสันจมูกโด่ง  จบที่ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเชื่องช้า  หายใจรวยรินกับความละมุนละไมรอบตัว  ยกมือขึ้นแตะปลายนิ้วที่ริมฝีปากสีชมพูตรงหน้า  เลื่อนปลายนิ้วเชื่องช้าไปตามรูปริมฝีปาก  กวาดตามองแก้มใส  คิ้วเข้มและตาสวยของตูน  ริมฝีปากที่ผมแตะนิ้วไล้จูบที่นิ้วผมเบา ๆ  ชักมือออกแล้วหลบตาสวย  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับกะพริบตาเรียกสติเร็ว ๆ หลายครั้ง  มือสากที่ลูบแก้มผมเบามือเลื่อนลงโอบเอวผมเข้าหาตัว..

“ได้ยินไหมปั้น..”  ผ่อนคลายกล้ามเนื้อแล้วแนบหูฟังเสียงตึกตักที่เจ้าตัวบอกให้ผมฟัง  รู้..ว่ามันก็ต้องดังแบบนี้ล่ะมันถึงจะแสดงได้ว่าเรายังไม่ตาย  แต่วันนี้..ผมกลับได้ยินอะไรแว่วมากกว่าจังหวะตึกตักของหัวใจ  ดันตัวเองออกจากการกอดเกี่ยว  เบือนหน้าหมุนตัวหนีไปหยิบกระเป๋ามาสะพายไหล่  เกือบจะถึงประตูห้องมันก็วิ่งมาขวางแล้วจับไหล่ผมให้หยุดเดิน  ริมฝีปากนุ่มเอ่ยถามวกวน  ‘ยังไม่ตอบตูนเลย  ได้ยินอะไรไหม?’  กัดลิ้นตัวเองเบา ๆ แล้วตอบเสียงเบาโหวง..

“ไม่เห็นได้ยินอะไร?..จะกลับบ้าน..”  เลี่ยงหลบตาระยับที่จับจ้องหน้าผม  มันหัวเราะเสียงเบา  หดคอหนีเสียงทุ้มที่ถามผม  ‘เขิน?..ตูนไม่ได้ทำอะไรมากมายเลยนะ  ก็แค่..’  มันยกมือขึ้นไล้ปลายนิ้วที่แก้มผมเบา ๆ สะดุ้งเฮือกเงยหน้ามองตาเชื่อม  ‘ลูบไล้’  เม้มปากหลบตา..ก่อนจะเปลี่ยนจากปลายนิ้วเป็นปลายจมูกโด่ง  ‘แตะไล้..’  ที่แก้มสูดกลิ่นผิวหน้าผมอีกฟอดใหญ่  ก่อนจะเลยเถิดให้มันจูบจาบจ้วงตามใจผมรีบยกมือขึ้นมาถูเบา ๆ  ที่แก้มแล้วเนียนมาปิดปากไว้ทัน 

“อย่าคิดจะ ‘กดไลค์’  กูได้อีกไอ้ตูน”  มันยิ้มกว้างแล้วหัวเราะร่ากับความอารมณ์ดีของผม  เลื่อนมือมาปิดปากป้องไม่ให้เห็นว่าผมยิ้มอยู่  กูก็ขำเหอะ555  เดินหนีออกจากห้องเรียนแล้วรีบสาวเท้ากลับบ้าน  กลั้นยิ้มไม่ไหวกับคำที่มันกะซิบที่หูก่อนจะก้าวพ้นรั้วโรงเรียน

“บอกแล้วว่าไม่รอดหรอก..เป็นแฟนตูนเรียบร้อยแล้วนะ”  ก้มหน้างุด ๆ เดินไปขึ้น  2  แถว  นั่งเงียบเอามือปิดปากจนถึงบ้าน  เข้าบ้านไปคนเดียวไม่ยินยอมให้มันมาย่างกรายในบ้านได้..อย่างน้อยก็ไม่ใช่วันนี้

วันที่ผมเสียความเป็นตัวตนให้คนที่เป็นสะพานมาตลอดเลื่อน  8  ขั้น เยี่ยงทหารที่พลีชีพในหน้าที่ขึ้นมาเป็น..แฟน  ขอถอนคำพูดจากตัวเหี้ยที่เรียกว่าแฟน  เป็นตัวน่ารักที่ใช้เสียงตึกตักบอกรักผมแทนนะครับ >///<
.
.
.

ปุจฉา..  อะไรเอ่ย..ยิ่งหนี  ยิ่งเจอ  ยิ่งใกล้..ใจยิ่งเต้น

วิสัจชนา..






ไอ้ตูนครับ!



END.


แถม

.

.

อากาศเย็นสบายตัวหลังฝนตกในวันธรรมดาสร้างบรรยากาศความโรแมนติคให้ลุกโชน  นั่งเท้าคางมองตาเชื่อมฝั่งตรงข้ามไม่วางตา  ร้อยวันพันปีไม่เคยนึกอยากจะทำ  แต่วันนี้..มันเหมือนผมนั่งเอาหัวพิงไหล่ไอ้ตูนมองทะเลยามค่ำคืนที่มีดาวดาษดื่นระบายเต็มท้องฟ้า  อารมณ์มันเหมือนนั่งตากลมในวันที่ร้อนระอุ  มัน..ชื่นอกครึ้มใจไงไม่รู้  จับจ้องหน้าหล่อเร้าเรียกร้องความสนใจไม่ให้ผมมองเพื่อนร่วมห้องที่นั่งรายล้อมอยู่โดยรอบ  ไม่สนใจเสียงกระแอมกระไอจากใครสักคนที่ส่งมาขัด 

อมยิ้มให้สิ่งมีชีวิตที่นั่งมองสำรวจหน้าผมด้วยดวงตา..ฉ่ำเยิ้ม  ไอ้ตูนยกมือที่เท้าไปข้างหลังขึ้นมาวางบนโต๊ะ  ผมเลิกคิ้วมองมือสากที่ทำปูไต่มาตามตาหมากรุกบนโต๊ะมาทางผม  กลั้นยิ้มแล้วเอามือที่เท้าคางลดลงมากอดอก  ไอ้ตูนชะงักนิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม  ริมฝีปากอิ่มยิ้มพราย  ชักมือกลับมาทำท่าเท้าคางจ้องตาผมนิ่ง 

“ปั้น..”  มองริมฝีปากที่เรียกชื่อผมแล้วความอายมันขึ้นไม่ไว้หน้า   สูบลมเข้าปากบังคับไม่ให้ริมฝีปากตัวเองยิ้ม  ผมตาโตเมื่อมันเอาเท้ามาหนีบเท้าผมไว้  เอี้ยวตัวก้มมองเท้าตัวเองแล้วเผลอคลายแรงงับที่ปากล่าง  ปล่อยให้หน้ายิ้มกว้างใบบัวปิดไม่มิด  มันชักเท้ากลับที่เดิม  ผมเลยเงยหน้าขึ้นมองหน้าหล่อของมัน  ตกใจกับหน้าระยะประชิด  สะดุ้งกับลมที่เป่าปะทะที่จมูก 

‘พู่ววว’  ผงะหนียกมือขึ้นลูบเบาที่ปลายจมูกตัวเอง  เบี่ยงหลบตาพราวที่มองจนคอเคล็ด  ปรายตามองตอบตาระยับแล้วทำปากเชิดแก้เขินเล่น  เบี่ยงตัวหันหน้ากลับมาสบตา  เม้มปากล่างกลั้นยิ้มแล้วยกมือขึ้นมาวางบนโต๊ะ  เอานิ้วชี้ถูกันเบา ๆ  มันยิ้มบางมองนิ้วที่ถูเล่นของผมก่อนจะเอามือมาวางบนโต๊ะบ้าง  หรี่ตามองการเคลื่อนไหวของนิ้วและมือที่ขยับอยู่ไม่ห่างจากมือผม 

มือสากวางราบกับโต๊ะก่อนจะค่อย ๆ ลากมาชิดกัน  มันประกบมือกันหันปลายนิ้วใส่หน้าผม  ก่อนจะขยับฝ่ามืออกห่างให้ปลายนิ้วยังประกบกัน  งอหัวแม่โป้งนิดหนึ่งแล้วตั้งฉากให้ปลายนิ้วตั้งขนานโต๊ะ  ยิ้มกว้างตาพราวส่งมาให้พร้อมมือรูปหัวใจที่อยู่ตรงหน้าผม..

เดี๋ยวให้แม่มาขอเลยนี่~~           

ยกมือที่เขี่ยปลายนิ้วชี้ไปมาของตัวเองขึ้นมาปิดหน้า  ไหวไหล่ด้วยความขวยเขินเกินยั้งอยู่  อายอ่ะ!

รอบกายได้ยินเสียงเหมือนคนแพ้ท้อง   บ้างหัวเราะ  บ้างจิ๊ปากด้วยหมั่นไส้  ไม่ได้ถ่างนิ้วดูว่าใครบ้างที่ทำกิริยาเช่นนั้น   เอาแต่เขินจนต่อมเสือกหยุดการทำงานไปชั่วคราว

สะดุ้งกับไออุ่นที่มานั่งเบียด  ขืนมือที่ปิดหน้าไม่ให้คนที่มานั่งข้าง ๆ ดึงมือออก  กลั้นยิ้มกับเสียงทุ้มที่กระซิบเรียกชื่อผมข้างหู  ‘ปั้น..ปั้น..’  มีแรงเรียกเรียกไป  ภายใต้ฝ่ามือชื้นเหงื่อของผม  มันซ่อนหนังหน้าบานแฉ่งยิ้มกว้างของผมไว้มิดชิด  ผมจะยิ้มยังไงก็ได้..ไม่มีใครรู้ทั้งนั้น

แรงที่พยายามดึงมือออกลดกำลังลง  มันเปลี่ยนมากอดผมไว้แทน  เสียงรอบกายยังคงส่งมาเป็นระยะ  ที่โดดเด่นสุดก็เสียงแพ้ท้องอย่างหนัก  คาดว่าคงจะทนความน่ารักของผมกับมันไม่ไหว  ต้องระบายออกด้วยการอ้วกลมอิจฉาที่พวยพุ่งในจิตใจทิ้งทางปาก  กลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองอย่างหนักสู้กับปลายจมูกที่กดย้ำที่ใบหูแถมพ่นลมให้จั้กจี้เล่น  ทนไม่ไหวต้องเลื่อนมือไหลมาปิดหู  มันเปลี่ยนเป้าหมายมาไล่หอมพื้นที่ที่มือผมปิดหน้าไม่มิด  หัวเราะคิกกับริมฝีปากนุ่มที่จูบตรงซอกนิ้ว  ยิ่งพยายามปิดมันยิ่งแกล้งหอมหนักขึ้น   ขำก๊ากจนตัวโยนปล่อยให้มันดึงมือออกจนได้  โอบรอบคอ  นั่งตัก  เอาคางเกยไหล่กันไม่ให้มันหอมหน้าได้  หัวเราะตลอดเวลาเพราะมันกอดผมตอบแล้วกดคางลงที่ไหล่  มันเรียกชื่อผมทีก็หันหน้ามาเป่าลมเข้าหูที  แล้วแม่งเรียกถี่มากจนคนอื่นขำตามผมไปด้วย

“เล่นไรกันวะ?”  พยายามหยุดหัวเราะแล้วกอดคอมันแน่นขึ้น  เอนหลังเบี่ยงหน้ามาส่ายหน้าตอบคำถามของไอ้ตุ๊ที่ถามผมกับมัน  ไอ้ตุ๊ยิ้มมุมปากแล้วเลื่อนสายตาจากหน้าผมไปมองหน้าตูน  ผมมองตามก็เห็นมันยิ้มพราย  หลับตาแน่น  เกร็งแก้มรับปลายจมูกที่กดลงมา  ฝ่ามือที่กระชับแถวแผ่นหลังอุ่นวาบ  ลืมตามองเจ้าของลมอุ่นที่เป่ารดตรงปลายจมูก  ยิ้มเขิน ๆ ให้แล้วกอดคอมันแน่นขึ้น 

ผมกลั้นยิ้มไม่ไหวเลยปล่อยให้หน้ายิ้มกว้างของตัวเองวางบนไหล่หนาของตูน  ท่ามกลางเสียงอ้วกที่ดังอย่างต่อเนื่องรอบตัว  กลับมีเสียงที่แจ่มชัดจากริมฝีปากนุ่มที่อยู่ข้างหู..

“แซวมากเดี๋ยวกูจูบโชว์เสียเลย..ยัง..ยังกล้าแซว?!”  อมยิ้มแล้วคลายมือที่กอดรอบคอมัน  ผมกับมันเป้นพวกยุขึ้นครับ  กัดปากล่างไว้กลั้นยิ้ม  หลับตาปล่อยให้ริมฝีปากนุ่มประกบลงมารวดเร็ว  เสียงจากริมฝีปากที่พรมลงมาดัง ‘จุ๊บ’  ไล่จากเปลือกตาจนถึงริมฝีปาก  ยิ้มกว้างกับเสียงจุ๊บสุดท้ายที่ริมฝีปากตัวเองเบา ๆ แล้วทำปากยื่นรับจุ๊บมันแบบเนียน ๆ หลุบตาแล้วอมยิ้มแก้เขิน  กระซิบเสียงเบาให้มันได้ยิน..

“น่ารักใช่ม๊า~”  มันยิ้มกว้างแล้วกอดผมแน่นขึ้นเพราะที่ผมพูดน่ะมันโคตร  real   นั่งตักกอดคอมันจนหมดคาบว่าง  เดินเอาสีข้างชนกันเล่นจนถึงห้องเรียน  นั่งเรียนก็เอานิ้วเขี่ยฝ่ามือมันเล่นจนหมดคาบ  เลิกเรียนก็ผลัดกันไปกินข้าวเย็นที่บ้านผมบ้านมันคนละวัน

ตูนทำให้ผมรับรู้หลายเรื่อง..แม้ไม่ต้องเอ่ยปาก..

บางอย่าง..มันไม่ต้องใช้สัมผัส  รับ  และรู้ด้วยหัวใจ.. 

และ  ‘บางอย่าง’  ที่ผมกับตูนรับและรู้..




ความรัก ไงครับ.

END.


กอดค่าาาา  บวกคับบบบบบ
งานท่วมหัวเหมือนฝนห่าใหญ่ที่กระหน่ำใส่เมื่อไม่กี่ัวันมานี้  ขอบคุณทุกความเห็นที่เข้ามาให้กำลังใจนะคะ  ในมือจิเหลือนิยายไม่กี่ตอนแล้วค่ะ  แล้วก็..กำลังนั่งแต่งตอนจบปิดตลาดอยู่ค่ะ  ร้างการเขียนมานานมาก  ไม่เข้ารูปไม่ลงรอยเสียที  ค่อยเป็นค่อยไปเนอะ  นิยายเรื่องสั้นเรื่องนี้จะได้เข้าหมวดจบได้เสียที  ^^
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามนะคะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
เด็กๆๆจีบกันนี่มันน่ารักแท้ๆๆ :-[


 :กอด1: :L2: :pig4:


ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
'ความรัก' มันดีแบบนี้เองเน้อ… บอกเลยว่าอิชชี่มากกกค่ะ อ่านคู่นี้แล้วโลกพลันสดใสขึ้นมาทันตาเห็นเลย คือปั้นน่ารักได้อี๊กก เด็กน้อยขี้เขินเอ้ยย :m1: เกิดอาการหลงรักน้องปั้นตามตูนไปด้วยแล้วน้าา มันซาบซ่านหัวใจ~~

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 o18 นั่ลล้ากกก อิอิ

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
น่ารักกันจริงจริ๊ง เด็ก ๆ เนี่ย  :o8:
ปั้น มึน ๆ ฮา ๆ ช่างมโนเหลือเกิน คิดอะไรทีเป็นเรื่องเป็นราวเชียว
แต่ชอบสุด ก็ไอ้ความหลงตัวเองนี่แหละ อะไรคือเก๊กหล่อ 45 องศาจ้ะ 555
ปั้นกับคุณแม่น่ารักจัง ชอบที่คุยกันได้ทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องรสนิยม
แถมคุณแม่ยังเชียร์ว่าที่ลูกเขยตูนซะออกนอกหน้าซะอีก
ตูนก็น่ารักมาก ยิ่งพอได้เป็นแฟนปั้นสมใจ ยิ่งดูแลเทคแคร์แฟนดีจริง ๆ
ชอบสุด ตอนเขาโชว์หวานกัน แบบไม่แคร์สื่อและสายตาใด ๆ เนี่ยแหละ  :m1:
คู่นี้น่ารัก มุ้งมิ้งกันดีจริง ๆ  ขอบคุณคุณจิค่ะ  :L1:

ปล. อยากอ่านคู่พี่ช้างน้องตังอีกจังค่ะ มีตอนพิเศษ หรือ แฟนฟิค ของคู่นี้ไหมค่ะ
เป็นแฟนคลับน้องตังค่ะ ชอบน้องตังที่สุดเลย  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-04-2015 20:57:14 โดย PURE LOVE »

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
อ่านตอนนี้แล้วเขินจนตัวจะบิดแล้วจิ

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
รู้สึกยิ้มจนแก้มจะแตก เขินมากเลย ชอบคู่นี้ ใสๆน่ารักๆ

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
สงกรานต์ของชาวตลาด

 
อากาศร้อน  แดดแรงไม่ทำให้บรรยากาศสงกรานต์ของผู้คนชาวตลาดหม่นหมอง  ตรงกันข้าม  กลับทำให้ชาวตลาดคึกคักและมีความสุขมากขึ้น  เจ้าของตลาดสดให้ความสำคัญกับเทศกาลแห่งความสุขนี้  เนรมิตพื้นที่ท้ายตลาดเป็นที่เล่นน้ำให้พวกพ่อค้าแม่ขาย  ตอนเช้ามีการขายของกันเหมือนปกติ  แต่ช่วงกลางวันจนถึงเย็นจะมีการรดน้ำขอพรพ่อค้าแม่ขายที่อายุเลย  60  ปีไปแล้ว

เก้าอี้พลาสติกตั้งเรียงรายเป็นแถวยาว  พ่อค้ารุ่นคุณตาถูกเชิญให้มานั่งหัวแถว  ไล่ตามอายุจนถึงคุณยายร้านขายพริกแกง  พ่อค้าแม่ขายในตลาดที่อายุน้อยแต่งตัวด้วยเสื้อลายดอกสีสดใส   ชักแถวกันเข้ามาตักน้ำที่มีกลีบดอกไม้หลายชนิดลอยหน้า  และมีกลิ่นหอมของน้ำอบไทย 

“สุขภาพแข็งแรงนะครับ  เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานนะครับตา”  เสียงอวยพรของเด็กรุ่นหลังอวยพรให้คุณตาคุณยายแข็งแรง  เรียกรอยยิ้มแห่งความสุขมาให้คนแก่  เจ้าของตลาดยืนยิ้มกับภาพที่เห็นและสั่งคนดูแลตลาดคอยเก็บภาพแห่งความประทับใจไว้  เสร็จสิ้นกิจกรรมขอพรผู้สูงอายุก็เป็นการกินกลางวัน  กับข้าวจากซอยข้าวแกงถูกนำมาตั้งไว้บนโต๊ะยาวด้านข้าง  อีกโต๊ะเป็นจาน  ช้อนและน้ำเปล่าไว้บริการพ่อค้าแม่ขาย  ผู้สูงอายุได้รับการเชิญให้เปิดพิธีกินกลางวันก่อน  หลังจาการกินและเก็บกวาดเรียบร้อยก็ถึงเวลาการเล่นน้ำฉลองมหาสงกรานต์     

เสียงหัวเราะสดใสดังก้องท้ายตลาด  เมื่อหนุ่มน้อยดวงตาสีน้ำตาลถูกหนุ่มหน้าคมเข้มที่มีลักยิ้มแก้มขวาวิ่งไล่ปะแป้ง  หนุ่มหน้าคมคว้าแขนเล็กแล้วดึงเข้าหาตัว  กอดไว้แน่นกลัวหนุ่มน้อยจะล้มกลิ้ง   ยิ้มโชว์ลักยิ้มที่แก้มขวาก่อนจะยกมือที่กำแป้งไว้มาป้ายเบา ๆ ที่แก้มใส  ดวงตาสีน้ำตาลกลมจ้องมองลักยิ้มบุ๋มแล้วยิ้มตาม  หนุ่มหน้าคมยิ้มกว้างเมื่อหนุ่มน้อยขอแป้งที่อยู่ในมือตนมาปะแป้งคืนบ้าง  มือเล็กทาบลงปาดแป้งในมือหยาบ  หนุ่มน้อยเงยหน้าขึ้นมองลักยิ้มแล้วบรรจงปะไปตรงนั้นเบา ๆ   ส่งยิ้มน่ารักให้หนุ่มหน้าคมจนคนเพิ่งถูกปะแป้งทนไม่ไหว  หันซ้ายแลขวาแล้วกดจมูกลงไปที่แก้มใสของหนุ่มน้อย

“หอม..”  หนุ่มน้อยกะพริบตา  เอียงคอคิดตามคำที่หนุ่มหน้าคมทำตาพราวใส่บอก  ก่อนจะยิ้มแล้วพยักหน้าเห็นด้วย  ‘แป้งหอมเนอะ’  คราวนี้คนกะพริบตาเปลี่ยนหนุ่มหน้าคม  ยิ้มเอ็นดูหนุ่มน้อยแล้วหันไปตามเสียงเรียกของชื่อหนุ่มน้อย  มองเขี้ยวเล็ก ๆ ของหนุ่มน้อยที่ยิ้มตอบเพื่อนก่อนจะคลายแรงกอด  หันไปรับน้ำในถังที่เพื่อนรุ่นพี่ของหนุ่มน้อยสาดมาโครมใหญ่

“5555”  เสียงหัวเราะของรุ่นพี่สดใสจนคนที่คอยยกถังน้ำเติมน้ำให้อดยิ้มตามไม่ได้  รุ่นพี่ที่ชอบใส่จิวสีดำที่หูซ้ายเดินหาเป้าหมายในการสาดน้ำใหม่  ดวงตาสีดำเพ่งมองเพื่อนสนิทที่กำลังถูกคนตัวสูง  ตาคมหยิบกลีบดอกไม้ที่ติดตรงผมออกให้  ไอ้ความคิดที่จะเข้าไปสาดน้ำขัดจังหวะต้องพับเก็บ  เพื่อนรักไม่มีทีท่าจะสนใจมองใครนอกจากกอดขันสแตนเลสไว้กับอก    มองตาคมของพี่ตัวสูงเคลิ้ม  ถอนหายใจแล้วหันหลังไปสาดน้ำคนที่คอยเดินถือถังเติมน้ำให้แทน  เสียงโวยวายของคนถือถังที่ไม่ทันตั้งตัวกับการแกล้งของหนุ่มจิวหูสีดำดังล้งเล้ง  วางถังไว้ข้างตัวแล้วไล่แย่งถังน้ำที่อยู่ในมือคนชอบแกล้ง

“เฮ้ยอย่านะ!5555”  ยิ้มโชว์ฟันขาวเรียงเป็นระเบียบแล้ววิ่งหนีอ้อมแขนแกร่ง  วิ่งชนกับหนุ่มผมยาวที่ยืนอยู่ตรงทางเท้า  หันไปขอโทษก็โดนคนที่วิ่งตามจับตัวเอาไว้ได้ทัน  ห่อไหล่แล้วหัวเราะเสียงดังเพราะคนกอดวักน้ำใส่จนเปียกทั้งตัว  คนกอดก็แอบเนียนหอมไรผมไปด้วยตอนวักน้ำใส่  ไม่สนว่าเจ้าของจิวหูจะรู้ตัวรึเปล่า

หนุ่มผมยาวที่เพิ่งถูกชนหันมองหนุ่มดวงตาสีดำที่ผงกหัวขอโทษ  ไม่ทันได้พยักหน้าตอบก็ถูกเด็กหนุ่มอีกคนแย่งความสนใจ  มือนุ่มเหมือนดอกคาร์เนชั่นยื่นมาปะแป้งที่แก้มขวา  มองดวงตากลมที่เหมือนดอกบานไม่รู้โรยนิ่ง  ก้มหอมขมับแล้วจับมือที่เปื้อนแป้งของหนุ่มเกาหลีป้ายโบตั๋นสีชมพูของตัวเองเบา ๆ  ยกยิ้มพอใจกับความงามตรงหน้าแล้วหันไปมองต้นเสียงโวยวายที่ดังมาจากอีกฝั่งถนน

“ไอ้เหี้ย55555”  หนุ่มหน้าขาวปากแดงสาดน้ำถังใหญ่ใส่เด็กหนุ่มรอยยิ้มสวย  โยนถังไว้ข้างตัวแล้ววิ่งเข้าไปแย่งแป้งในมือมาปะแก้มใสของคนโวยวาย  ปากแดงยิ้มกว้างกับฝีมือตัวเองแล้วจับมือหนุ่มน้อยยิ้มสวยมาแบมือ  ละเลงแป้งในฝ่ามือแล้วยิ้มขำกับการจักกะจี้มือของหนุ่มยิ้มสวยไปด้วย
 
“พอแล้วเยอะแล้ว555”  หนุ่มยิ้มสวยขยับมือหนี  หนุ่มหน้าขาวปากแดงเลยต้องออกแรงจับไว้แน่น  ละเลงแป้งจนได้ที่ก็จับมือนิ่มทั้ง  2  ข้างมาปะเข้าที่แก้มของตัวเอง  ปากแดงคลี่ยิ้มอ่อนโยนจนหนุ่มยิ้มสวยอดเขินไม่ได้  ดึงมือออกมาจะชกแก้เขิน  หนุ่มหน้าขาวปากแดงก็รีบยกแขนข้างที่รอยแผลเป็นมาบัง

“เจ็บ..”  หนุ่มยิ้มสวยเลยต้องเอามือที่เงื้อมาทึ้งหัวตัวเองแทน  แป้งที่ติดมือทำผมขาวโพลนไปทั้งแถบ  หนุ่มหน้าขาวเลยจูงมือไปขอน้ำจากคนที่เพิ่งเข้ามาเล่นน้ำทีหลังอย่างพวกแผงข้าวแกงมาล้างผมให้หนุ่มยิ้มสวย   หนุ่มน้อยดวงตาสวยยื่นถังน้ำให้แล้วยืนรอ  หนุ่มหน้าขาวปากแดงล้างผมเสร็จก็เอ่ยปากขอบคุณ  ริมฝีปากสีชมพูแย้มยิ้มรับคำขอบคุณ  หันไปมองคนที่มาด้วยกันแย่งถังไปถือไว้เอง  ก้มหน้าหลบตาสีน้ำตาลที่เคยแอบมองตัวเองบ่อย ๆ แล้วชวนไปตักน้ำมาเล่นสาดน้ำกับคนอื่น  คนเดินตามโอบเอวให้หลบคนที่วิ่งไล่สาดน้ำ  ไหล่เล็กกระแทกอกแกร่งจนต้องเงยหน้าไปขอโทษ  ดวงตาพราวระยับจากคนโอบยิ้มตอบ  หนุ่มตาสวยจำต้องก้มหลบแล้วปล่อยให้ร่างกายได้รับการปกป้องต่อไป

สงกรานต์ที่ตลาดยังคงสร้างรอยยิ้มและความสุขให้ชาวตลาดเสมอ



END.




สงกรานต์ของ  2  คู่  2  ขั้ว


อากาศร้อนแสบผิวทั้งที่เพิ่งจะ  9 โมงเช้า  ทะลุทะลวงหน้าต่างห้องนอนเข้ามารบกวนการเฟ้นเสื้อผ้า  ถ้าเป็นเวลาปกติ  ผมคงเดินไปหลังบ้านนอนเล่นใต้ต้นมะม่วง  ให้ลมเย็น ๆ ช่วยไล่ความร้อนที่แผดเผาในช่วงสงกรานต์  แต่วันนี้ผมไม่มีเวลาขนาดนั้น  ผมมีนัดกับพี่โตครับ  พูดถึงพี่เค้าแล้ว  ผมก็อด..หน้าร้อนผ่าวไม่ได้  เขินขึ้นหน้ามาซะอย่างนั้น

ปิดเทอมที่แล้วผมกับพี่โตก็..ก็เพิ่งจะเป็นแฟนกัน  พอเปิดเทอมเราก็คุยกันผ่านมือถือ  เจอกันวันหยุดก็เจอที่บ้านผม  ไม่ก็ที่แผงขายมะม่วงในตลาด  ไม่มีโอกาสได้เจอกันข้างนอกเหมือนตอนที่ยังไม่เริ่มคบกัน  ผมคิดว่าพ่อกับแม่ผมกำลังเริ่มระแคะระคายพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเรา  ผมเป็นคนขอไม่ให้พี่โตบอกที่บ้านผมว่าเราคบกันอยู่  ผมจะเป็นคนบอกเอง..เมื่อผมมีความกล้ามากกว่านี้  ต่อหน้าพ่อกับแม่ผม..เราคุยกันน้อยลง  เกร็ง  แล้วก็..มองกันแปลกขึ้นทุกที  ผมเปล่ามองพี่โต  ปกติผมก็ไม่กล้ามองพี่เขาอยู่แล้ว  พอเป็นแฟน..ผมยิ่งอายหนักกว่าเดิม  คนที่มองจนพ่อกับแม่เริ่มสงสัยน่ะ..พี่โตต่างหาก >////<

มือถือที่วางบนโต๊ะเขียนหนังสือสั่นจนต้องโดดลงจากเตียงมากดดู  เห็นชื่อที่โชว์แล้วเม้มปากมองชื่อที่ทำให้ใจเต้นตึกตักได้ตลอด  ก้าวเท้าไปที่เตียง  หย่อนก้นนั่งพร้อมกับเบือนหน้าไปมองกระจกหน้าต่าง  ทุกครั้งที่ผมนึกถึงหน้าคมเคราครึ้มของพี่โต  ผมก็มักจะเขินขึ้นหน้าทุกครั้งไป  เงาเลือนรางที่ผมเห็นมันชัดพอจะทำให้ผมต้องก้มหน้า..ซ่อนเขิน 

แก้มตัวเองแดงแปร๊ดยังกับถูกตบมาเป็นร้อยครั้ง!!!

“ครับ..”  กลั้นใจรับสายพี่โต  ปลายสายส่งเสียงทักทายแล้วบอกผมให้รู้ว่ากำลังจะถึงบ้านผมแล้ว

‘ครับผม  ตื่นนานยัง?  พี่จะถึงหน้าบ้านแล้วนะครับ..”  ผมรีบหันหลังไปมองเวลาที่ผนังทันที  พี่โตมาก่อนเวลาตั้งครึ่ง ชม.  กำลังจะบอกให้พี่วางสายได้เลย  ผมจะรีบลงไปหา  พี่โตดันถามผมขึ้นมาเสียก่อน

‘วี..แก้มหอมรึยังครับ?’  หยุดเท้าที่กำลังจะเดินไปหยิบกางเกงมาสวม  ตัวแข็งทื่อ  คิดอะไรไม่ออกไปครู่ใหญ่  กัดริมฝีปากล่างจนเจ็บ  มือที่กำแน่นยกขึ้นมาปิดปากไม่ให้ยิ้มเขิน  ตอบไปเสียงเบา

“..วียังไม่ได้อาบน้ำอ่ะ  พี่โตรอวีแป๊บนะ!!!”  รีบวางหูตัดสายก่อนจะไปไม่เป็นมากกว่านี้  พี่โตชอบแกล้งให้ผมเขิน  รู้อยู่แล้วว่าผมอายแต่ก็ไม่ยอมเลิกแกล้งเสียที  รีบแต่งตัวเพราะพี่โตบอกว่ามาถึงหน้าบ้านแล้ว  จะได้ไม่ต้องรอผมนาน  แล้วที่สำคัญ..พี่โตจะได้ไม่อึดอัดเวลาที่บ้านผมนั่งคุยด้วย  หยิบเสื้อยืดคอกลมสีดำมาสวมกับยีนสีเข้ม  วิ่งลงบันไดลงมาก็เห็นพี่โตนั่งคุยอยู่กับพ่อที่โซฟารับแขก  ตาคมคู่นั้นมองเลยพ่อมาสบตาผม  ความอ่อนโยนจากตาคู่นั้นค่อย ๆ โอบล้อมผมเบา ๆ  สบตาคู่นั้นไม่ละสายตา  แก้มค่อย ๆ ร้อนขึ้นเมื่อตาคมกำลังส่งประกายพราวมาให้  กะพริบตาแล้วเบือนหน้าหนีก่อนพ่อจะเห็นความผิดปกติที่แสดงออกมาทางใบหน้าขึ้นสีเรื่อของผมเอง

“จะไปเล่นน้ำไหนกันล่ะเรา?  พาน้องไปด้วยสิ”  พ่อถามพร้อมทั้งบอกให้ผมพาน้องไปเล่นน้ำด้วย  ผมหันมายิ้มแล้วบอกพ่อตามตรง

“ไปเล่นแถวหน้าสวนอ่ะพ่อ  ไม่พาน้องไปหรอก  วีไม่ได้เล่นน้ำกันพอดี  แล้วจะรีบกลับครับพ่อ”  ตอบแล้วเดินหนีไปทางหน้าบ้าน  หางตาเหลือบเห็นพ่อหันไปยิ้มกับพี่โต  ใส่รองเท้าแตะได้ก็ออกมายืนรอที่มอ’ไซค์คันใหญ่ของพี่โตที่จอดไว้หน้าบ้าน  ไม่นานพี่โตก็เดินตามออกมา  สบตาคมแล้วก้มหน้าหลบมามองพื้นถนน  เบี่ยงตัวหลบไออุ่นที่เดินเข้ามาใกล้  หลับตาแน่นแล้วย่นคอรับหมวกกันน็อคที่สวมลงมาที่หัว  เงยหน้าขึ้นให้พี่โตล็อคที่คางให้ หัวใจผมเต้นแรงจนจะหลุดออกมานอกอกเพราะพี่โตยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ รีบเบี่ยงหน้าหลบไปอีกทางแล้วทุบไหล่หนาแก้เขินเสียงดังปึ๊ก

“..ไปได้แล้ว..พี่โต!!!”  ขึ้นเสียงข่มเขินเมื่อคนที่สวมหมวกกันน็อคให้  ทำท่าจะก้มลงมาหอมแก้มผมตรงนี้จริง ๆ  ก้าวขาคร่อมซ้อนมอ’ไซค์ก็กัดปากล่างจนเจ็บไปตลอดทาง  ก็มือใหญ่ข้างซ้ายชอบไขว้หลังมาควานหามือผมไปจับอยู่เรื่อย  พอไม่ให้จับก็จอดรถแล้วหันมาจ้องหน้าจนผมเขินตลอดอ่ะ  ขี้แกล้ง!!!

พี่โตพาผมมาถึงหน้าสวนตอน  10.30  น. พอดี  คนเล่นน้ำ  2  ข้างทางเยอะมาก  แทบจะปิดถนนเลยครับ  ปกติเป็น  4  เลนส์  แต่วันนี้เหลือแค่เลนส์รถสวนอ่ะ  ก้มหน้าก้มตามุดหน้าเข้ากับหลังพี่โตหลบน้ำที่สาดเข้ามาจากข้างทาง  เอามือจับหมวกกันน็อคไว้แน่นไม่ให้พวกที่รุมปะแป้งมาถอด  ผมกลัวจะโดนรุมปะแป้งที่แก้ม..

ก็พี่โตยังไม่ได้จับเลยอ่ะ  คนอื่นจะจับก่อนได้ไง?!

พี่โตจอดมอ’ไซค์ตรงที่คนมารุมปะแป้งผม  ใจเต้นโครมครามกลัวพี่โตจะมีเรื่องกับวัยรุ่นแถวนี้เพราะมาปะแป้งผมแบบไม่มีมารยาท  โน้มตัวไปข้างหน้าแล้วกดหน้าลงกับหลัง  มือข้างหนึ่งลดมากอดเอวแน่น  พี่โตจับมือผมเบา ๆ แล้วตะโกนเสียงดัง

“พอได้แล้ว!!  แฟนกูตกใจหมดไอ้พวกเหี้ย”  ขนาดใส่หมวกกันน็อคผมยังได้ยินชัดเต็ม  2  หูเลยอ่ะ  มือเป็นสิบที่มีแต่แป้งหยุดความเคลื่อนไหวก่อนถอยออกมาให้ผมได้หายใจหายคอ  บอกตามตรงว่ากลัวอยู่ไม่น้อยกับการเล่นรุมปะแป้งกันแบบนี้  ถึงผมจะเป็นผู้ชายก็เถอะ  พี่โตยื่นมือมาถอดหมวกให้แล้วลดมือลงมาปัดเสื้อที่มีแต่แป้งเกาะเต็มไปหมดออกเบามือ  ตาคมกวาดมองหน้าผมแล้วแตะหลังมือที่แก้มผมเบา ๆ

“ดีที่ใส่หมวก  ไม่งั้นแก้มวีต้องช้ำหมดแน่..”  ผมพยักหน้าน้อย ๆ แล้วหลับตาให้พี่โตไล้ปลายนิ้วจนพอใจ  พี่โตพาเข้ามาในกลุ่มเพื่อนพี่โต  ผมยกมือไหว้เพื่อนพี่โตทุกคน  ก้มหน้าก้มตาหลบยิ้มแซวของพี่ ๆ ที่คอยส่งให้ตลอด  พี่โตดึงสายยางในมือเพื่อนมาล้างหัวล้างตัวให้เสร็จแล้วก็ให้ยืนตรงกลางของกลุ่มเพื่อนพี่โต  ผมมีปืนฉีดน้ำกระบอกใหญ่ที่เพื่อนพี่โตยกให้  มีคนคอยเติมน้ำให้ฉีดตลอด  มีคนคอยกันเวลามีคนวิ่งเข้ามาสาดน้ำ  มีแต่เสียงหัวเราะเพราะทุกครั้งที่ผมเดินถอยหลังหลบมือของคนมาเล่นปะแป้ง  จะต้องมีพี่โตหรือไม่ก็เพื่อนของพี่โตเอาหน้ามารับแป้งแทนตลอด  แต่แก้มผมก็มีแป้งปะนะครับ  ทำเป็นหนวดแมวให้ด้วย..ฝีมือพี่โตครับ -//////-

ตอนนี้ผมกับพี่โตนั่งกินข้าวเที่ยงอยู่ในรถเพื่อนพี่โต  อ้าปากรับหมูสับที่ส่งมาให้แล้วตักแตงกวาคืนให้ทันที  พี่โตยิ้มกว้างเพราะหมูที่ให้มันต่างกันลิบลับกับแตงกวาของผม  ยิ้มคืนแล้วรีบหยิบข้าวกล่องหันหลังให้ทันที  มือใหญ่คว้าข้าวกล่องผมไว้แล้วดึงออก   ตัวแข็งกับปลายจมูกที่กดลงมาที่ใบหู  หน้าร้อนวูบ  ปล่อยให้พี่โตไล้ปลายจมูกมาหอมแก้มเบา ๆ

“หอม..”  ก้มหน้างุดกับเสียงแหบข้างหู  ห่อไหล่ให้พี่โตกอดไว้ทั้งตัว  คางมนเกยที่ไหล่ผมเบา ๆ  มือสากจับปลายคางผมให้หันมาสบตาคม  พี่โตลดสายตาลงมาจ้องริมฝีปากผม  ปากเม้มอัตโนมัติ   หน้าตัวเองร้อนจนแทบระเบิด  หลับตาปี๋รับสัมผัสนุ่มของริมฝีปากพี่โต  ทำใจอย่างหนักไม่ให้ตื่นเต้น  คราวที่แล้วเป็นลม  คราวนี้ต้องไม่ซ้ำรอยเดิมเด็ดขาด

พยายามหายใจเข้ารับเอาลมอุ่นของพี่โตเข้ามาเลี้ยงปอด  ผ่อนออกช้า ๆ เท่าที่จะทำได้  บังคับหัวใจไม่ให้เต้นแรง..ทั้งที่มันแทบจะกระเด็นหลุดออกจากขั้วอยู่แล้ว  ริมฝีปากนุ่มของพี่โตจูบเลาะเล็มไปทั้งบนและล่างอย่างช้า ๆ  หายใจไม่ออกขึ้นมาทันทีเมื่อปลายลิ้นอุ่นแตะเข้าที่ฟันผม  มือจับเสื้อพี่โตแน่น 

“อื้อ..พี่..”  พี่โตจับมือผมแล้วสอดลิ้นเข้ามาลึกมากขึ้น  ริมฝีปากอ้ารับ  ลมหายใจขาดห้วง  ความตื่นเต้นกำลังเล่นงานหัวใจและความมีสติของผม  มือจิกหลังมือพี่โตแน่นขึ้นเมื่อจูบของพี่มันทำให้ผมกำลังหูอื้อตาลาย  ก่อนสติผมมันจะขาดหาย  พี่โตก็ถอนจูบ..

“..จะทำให้ค่อย ๆ ชินนะวี..จะได้ไม่เป็นลม”  ผมซบหน้าลงกับไหล่หนา  หายใจเข้าปอดอย่างรวยริน  แทบจะหมดแรงลุกอ่ะ  มือสากลูบหลังลูบไหล่เบา ๆ แล้วดันออกมาหอมผมไปทั้งหน้า

“อยากเล่นน้ำต่อไหม?  ถ้าอยากเล่นพี่จะให้ไป  แต่ถ้าเบื่อ..พี่พากลับบ้านพี่..”  กัดปากล่างแน่นกับคำพูดส่อเรื่องลามกกับตาพราวระยับคู่นั้น  หยิกที่มือเต็มแรงแล้วเดินลงส้นออกจากรถไปขอปืนฉีดน้ำจากเพื่อนพี่โต    พี่เดินตามมาซ้อนข้างหลังแล้วกอดไว้หลวม ๆ สะดุ้งโหยงกับแผ่นอกกว้าง  ผมหันมองรอบตัวกลัวจะมีคนรู้จัก  กลัวทั้งคนจะเอาไปบอกที่บ้าน  กลัวที่บ้านพี่โตจะรู้ด้วย..

“ไม่ต้องกังวลหรอก  พ่อวีรู้ตั้งนานแล้ว”  ผมอ้าปากค้างกับคำของพี่โต  แต่เจ้าตัวไม่สนใจ  แถมแย่งเอาปืนไปฉีดคนที่ขี่มอ’ไซค์ผ่านมาข้างหน้าผมหน้าตาเฉย  ผมเขย่าเสื้อให้หันมาสนใจ  พี่โตยังคงหันปากกระบอกปืนฉีดน้ำใส่วัยรุ่นแถวนั้นต่อ  ผมหยุดดึงเสื้อเพราะเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาจริง ๆ แล้ว  ผมอยากรู้ว่าพ่อรู้ได้ยังไง?  รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?  แล้วพ่อพูดหรือว่าอะไรพี่โตบ้าง?  แล้วทำไมพี่โต..ถึงไม่บอกผม!? 

กัดกรามแน่นข่มความน้อยใจและความเกลียดที่พี่โตทำไม่ใส่ใจความรู้สึกของผม  กำลังจะก้าวเท้าเดินหนี  เจ้าตัวก็ก้าวขาเข้าหาแล้วกอดผมไว้หลวม ๆ มืออีกข้างวางบนหัวผมเบา ๆ  ในหัวผมมันตัดพ้อ  ‘ไม่ต้องมาทำง้อเลย’  พอจะดิ้น..ผมก็โดนน้ำเย็นเจี๊ยบราดตั้งแต่หัวลงมาเลย  อ้าปากค้าง  ตัวแข็งทื่อ  เย็นสุดขั้วอ่ะ!!!!

“..พอแล้วครับ  เดี๋ยวน้องไม่สบาย”  พี่โตที่กอดผมเอาตัวช่วยบังบอกเสียงเข้มกับคนที่เอาน้ำแข็งมาสาดผม  เจ้าตัวก้มมองสำรวจผมที่กำลังทำปากสั่น  มือสากลูบผมแล้วลดลงมาลูบแก้ม  ก่อนจะยิ้มกว้าง.. 

“พ่อวีรู้ตั้งแต่เราคบกันได้  2  อาทิตย์แล้วครับ  พี่ทนไม่ไหวก็เลยบอก..”  ผมมองสบตาคม  นึกถึงหน้าดุของพ่อแล้ว..ผมเป็นลูกแท้ ๆ ยังไม่กล้าบอก..พี่โตกล้าจัง

“พ่อวีไม่ว่า..แต่ก็ไม่ได้ยอมรับ  ให้เราดูกันไปก่อน  แต่เราจะดูและคบกันไปจนพ่อรับได้  ..ตามนั้น”  ริมฝีปากสวยส่งยิ้มบางลงมาให้  ผมยิ้มน้อย ๆ แล้วเอาหัวซบลงที่อกกว้างที่พร้อมจะเป็นที่พึ่งให้เสมอ  เอื้อมมือโอบเอวหนาไว้เบา ๆ ถึงตอนนี้ตัวผมมันจะเย็นเยียบและหนาวเข้าม้ามแค่ไหน..

หัวใจพี่โตก็ส่งความอุ่นเข้ามาทำให้ผมไม่หนาวอีกแล้ว..

พี่โตกอดผมแน่นขึ้นก่อนจะจับหันหน้าไปเล่นน้ำต่อ  เราเล่นน้ำกันจนพระอาทิตย์จะตกดิน  เราถึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน  พี่โตช่วยเพื่อนเก็บขยะในขณะที่ผมต้องยืนดูเฉย ๆ เพราะทุกคนห้ามผมช่วยหยิบจับอะไรทั้งนั้น  พี่โตบอกเพื่อนว่าผมซุ่มซ่ามน่ะครับ  มองส่งเพื่อนพี่โตกลับบ้านกันจนครบทุกคน  ก้าวขาซ้อนมอ’ไซค์เสร็จพี่โตออกออกรถ  นึกแปลกใจว่าทำไมพี่โตไม่สวมหมวกให้  หัวใจเต้นโครมครามเมื่อพี่โตเลี้ยวมอ’ไซค์เข้าไปในสวน  บีบมือแน่นขึ้นเรื่อย ๆ เพราะความตื่นเต้น  ยิ่งบีบแน่นกว่าเดิมเพราะพี่โตจอดรถไว้ใต้ต้น..จำปี

พี่โตก้าวขาลงจากรถแล้วเดินมาจับขาผมเหวี่ยงข้ามมาฝั่งที่พี่โตยืนอยู่  มือเลื่อนขึ้นมาลูบแก้มผมเบา ๆ ตาคมมองสำรวจหน้าผมช้า ๆ   เม้มปากแน่นข่มความตื่นเต้นเพราะผมรู้..ว่าจะถูกทำอะไร

สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกะพริบตาเรียกความกล้า  ก้มหน้ามองมือตัวเองที่กำแน่นแล้วปล่อย  ทำแบบนี้อยู่หลายครั้งจนเริ่มจะผ่อนคลายขึ้น  เงยหน้าสบตาพี่โตที่ยื่นเขามาใกล้  หลับตาลงช้า ๆ แล้วเอียงหน้ารับริมฝีปากอุ่นที่แตะลงมาเบา ๆ หายใจเข้าลึก ๆ เผยอริมฝีปากให้พี่โตสอดลิ้นเข้ามาควานหาปลายลิ้นผม  ผ่อนลมหายใจออกแล้วจูบตอบเบา ๆ  พี่โตครางเสียงแผ่วพอใจกับการตอบสนองของผม..เสียวในอกแปลก ๆ  ริมฝีปากนุ่มที่แตะกับริมฝีปากผมผละออกมาจูบที่สันกราม  ลากปลายลิ้นแตะที่ซอกคอ  ผม..ผมทำตัวไม่ถูก  ไม่รู้จะทำยังไง  ได้แต่บีบไหล่พี่โตแน่นปล่อยให้พี่โตสอดมือเข้ามาลูบ  เข้ามาแตะ..ตามใจชอบ

“หอม..วีหอมไปหมด”  เสียงแหบกระเส่าดังข้างหู  ขนลุกเกรียวทั้งแขน  ใจเต้นโครมคราม  ผม..ผมไม่เคยเห็นพี่โตเป็นแบบนี้  ไม่เคยเห็นพี่โตทำหน้าแบบนี้  ไม่เคยรู้ว่าพี่โต..จะมีแววตา..อยากได้ผมแบบนี้..

ผม..กลัว..

“อึก..ฮึก..”  กลั้นสะอื้นฮักลงคอเพราะความกลัวว่าพี่โตจะทำอะไรเลยเถิด  กลัว  แต่ก็ไม่กล้าห้าม  ถึงผมรู้..พี่โตอยากจะรักผมมากกว่าจะทำให้ผมเจ็บ  แต่ผมก็..กลัว

พี่โตชะงักจูบที่กำลังแตะลงตรงหน้าอกผมไว้  หน้าคมผละออกมามองน้ำตาที่กำไหลนองหน้าผม  มือที่จับชายเสื้อผมเลิกขึ้นกลับดึงลงมาปิดหน้าอกผมอย่าง ๆ ช้า ๆ  ผมหลับตาปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาจนกว่ามันจะหยุดไหลเอง  สะอื้นตัวโยนในอ้อมกอดอุ่นที่สวมกอดผมเบามือ  เสียงทุ้มสั่นเครือเอ่ยขอโทษไม่ขาด..

“พี่ขอโทษ..ไม่ทำแล้วครับ..ไม่กลัวพี่นะครับ”  หลับตากลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล  พี่โตไม่ได้ผิดอะไร   ผมแค่..กลัว  กลัวว่าพี่โตจะรักผม  ผมอายเพราะผมไม่ได้มีรูปร่างตรงไหนที่เหมือนผู้หญิง  กระดากใจถ้าพี่โตจะ..จูบหรือจับของที่มันเหมือนกัน  ข่มก้อนสะอื้นลงคอแล้วเงยหน้าเอาคางเกยไหล่พี่โต  อ้าปากจะพูด..ก็ต้องเงียบเพราะเสียงเหมือนคนกินอะไรเผ็ดมากดังแว่วเข้าหู  ตามด้วยประโยคฉุดจินตนาการ..

“ซืดดด  เร็วกว่านี้อีก  อาห์..ซี๊ดดด  แรง ๆ ฮะห์..ฮืมมม”  หัวใจผมเต้นเร็วขึ้น  รับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจพี่โตที่เต้นเร็วขึ้นเหมือนกัน   มือที่กอดเอวพี่โตเริ่มจะสั่น  เสียงที่ได้ยินแว่ว ๆ ตอนนี้มันเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว  พี่โตเริ่มหายใจหนักขึ้น  ไม่เอานะ..

พี่โตสูดลมเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะรวบผมเข้ามากอดไว้แน่น  ผมเกร็งจนปวดท้อง  เสียงกระเส่าของคนคนนั้นดังไม่ขาดปาก  เสียงแหบพร่าบอกอะไรหลาย ๆ อย่างที่เขากำลังทำด้วยกัน  น้ำตาที่แห้งกำลังจะท้นออกมาอีกเพราะความกลัว  ผมจิกเล็บใส่ฝ่ามือตัวเองจนเจ็บไปหมด  ภาวนาขออย่าให้พี่โตจับผมมาทำอะไรแบบนั้น  จู่ ๆ พี่โตก็ปล่อยผม  กะพริบตาไล่น้ำตาที่กำลังจะไหล  รีบกอดเอวพี่โตไว้แน่นเพราะพี่โตรีบสตาร์ทรถ  ขับออกมาจากสวนด้วยความเร็วจนลมตีหน้าชาไปหมด  พอถึงบ้านผมพี่โตก็ดับเครื่อง 

ผมนั่งตัวตรงซ้อนพี่โตอยู่อย่างนั้นจนยุงเริ่มกวน  พี่โต..ไม่ได้หันมาคุยอะไรกับผม  ไม่รู้สิ..ผมว่าพี่โตน่าจะมีเรื่องพูดกับผม  อย่างน้อย..ก็น่าจะบอกให้ผมสบายใจบ้างว่าหลังจากวันนี้..ผมกับพี่..เราจะเหมือนเดิม

คลายแรงกำหมัดมาปัดยุงที่บินกวนน่องตัวเอง  จังหวะเดียวกับพี่โตหันมาพอดี  หน้าผมห่างกับพี่แค่นิดเดียว  ผมพยายามไม่หลบตา  ตาคมคู่นั้นมองผมด้วยประกายไหวระริก  มันบอกอะไรได้เยอะ..เยอะเสียจนผมพูดออกมาได้ไม่หมด  ยืดตัวขึ้นนั่งตัวตรง  พี่โตมองตามผมตลอดเวลา  ผมเบือนหน้าไปมองไฟในบ้านตัวเองที่มืดสนิท  คงจะออกไปข้างนอกกันหมดมากกว่าจะเข้านอนกันแล้ว  ก้มมองหลังมือตัวเองนิ่ง  กัดปากล่างเรียกความกล้าก่อนจะเงยหน้ามองพี่โต

“ผม..จูบพี่ได้ไหม?”  ไม่รอคำอนุญาตจากริมฝีปากพี่  ผมโน้มคอพี่ลงมาแล้วหลับตาแตะริมฝีปากตัวเองกับพี่โตเบา ๆ สะดุ้งกับกระแสไฟฟ้าอ่อนที่แล่นปราดเข้าหัวใจ  ผละออกมาหายใจนิดหนึ่งก่อนจะเงยหน้ารับจูบที่พี่โตเป็นคนเริ่ม  ผมจูบตอบเบา ๆ เรียกเสียงครางต่ำจากพี่โต  ยื่นมือให้มือสากรวบจับ  หัวใจเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน  ลมหายใจรวมกันจนแยกไม่ออก  ไม่สอดลิ้นเข้าพัวพัน..เท่านี้ผมก็รู้สึกได้ถึงรักของพี่แล้ว   ถอนจูบออกแผ่วเบา  ลืมตาสบตาเชื่อมแล้วยิ้มบาง  ซบหน้าลงกับอกแล้วสวมกอดพี่โตเบา ๆ

“วีรักพี่..รอวีหน่อยนะครับ”  พี่โตกอดผมแน่นขึ้น  เสียงทุ้มกระซิบรับคำดังบนกระหม่อม  ‘ครับ’  หัวใจพองคับอก  ผมกอดพี่แน่นขึ้น..มือสากลูบหลังสลับไหล่ผมเบา ๆ ก่อนจะบอกให้ผมเข้าบ้าน  ไม่ลืมกำชับให้ผมอาบน้ำกินยาแก้ไข้ก่อนนอกเพราะผมแช่น้ำมาทั้งวัน

“ครับ..พี่โตก็เหมือนกันนะ  ถึงบ้านแล้วโทรหาวีด้วยนะ  จะรอโทรศัพท์”  ยิ้มตอบรอยยิ้มกว้าง  ก้าวถอยหลังเบี่ยงหลบปลายจมูกโด่งที่ฉกเข้าหาแก้ม  สัมผัสอุ่นแตะที่แก้มผะแผ่วเรียกให้แก้มผมเริ่มขึ้นสี  เม้มปากแก้เขิน  รีบโบกมือไล่แล้วหันหลังเดินเข้าบ้าน  เสียงเครื่อง  4  สูบวิ่งหายไปทางปากซอย 

เดินเข้าบ้านมาอาบน้ำ  แต่งตัวเสร็จก็เอาผ้ามานั่งเช็ดผมที่เตียง  หันมองมือถือที่ดังอยู่ข้างตัว  ยิ้มบางกับหน้าจอที่มีรูปหน้าหล่อโชว์หรา

“ครับ..อาบแล้ว  หอมแล้ว  พี่ล่ะครับ?...”  ผมนอนคุยกันจนถึงเที่ยงคืน  ไม่ต้องกินข้าวเย็น..ผมกับพี่ก็ไม่หิว  วางหูแล้วลุกมานั่งรับลมเย็นของหน้าร้อนข้างหน้าต่าง

ผมไม่เคยคาดหวังว่าผมกับพี่โตจะรักกันไปจนตาย  แต่ถ้าเราทำวันนี้ให้ดี..มันก็ควรจะรักกันไปได้นานจริงไหมครับ   ยกเข่าขึ้นมากอด หลับตารับลมเย็นเฉียบที่กระทบหน้า..

ถ้าจะให้เปรียบคนรักของคุณเป็นอะไรสักอย่าง..คุณคิดว่าคนรักของคุณเป็นอะไรได้บ้างครับ?

สำหรับผม..ผมมีคำตอบเดียว






พี่โตเป็นสายลมเย็นในหน้าร้อนของผมครับ.



END.

....................................................
(ต่อด้านล่างค่ะ)

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3


แถม
.
.

“ซืดดด  เร็วกว่านี้อีก  อาห์..ซี๊ดดด  แรง ๆ ฮะห์..ฮืมมม”  ครางไม่เป็นภาษาเมื่อเจอแรงกระแทกจากบั้นเอวทรงพลัง  ขออะไรก็จัดให้ทันที..ต๊อบ..สุดยอดมาก

“กระแทกเข้ามาเลย  ซืดดดด”  แยกขากว้าง  มือดันต้นจำปาไว้เต็มที่  เกร็งสะโพกรับความใหญ่ยาวที่สาวเข้าออกอยู่ข้างหลัง  เสียวจนเสร็จทั้งที่ไม่ได้แตะต้อง  ผลักต๊อบนอนหงายกับพื้นหญ้าแล้วขึ้นคร่อมขย่ม  นาทีนี้ผมไม่สนหรอกว่าจะมีได้ยินหรือเปล่า 

“..แตกข้างในนะ  ซี้ดดดดดด..”  จิกเล็บลงกับแขนล่ำ  มือหนาจับสะโพกผมแน่นควบคุมความแรงของการขย่ม  ครางเสียงหวิวกับนิ้วที่สอดเข้ามาในเสื้อบี้ยอดอก  ละมือข้างหนึ่งมาจับท่อนร้อนที่แข็งตัวขึ้นมาอีกครั้งขยับรูดขึ้นลงเร่งจังหวะ  คนข้างล่างครางต่ำก่อนจะจับสะโพกดึงขึ้นจนสุดแล้วกดลงมาจนก้นแนบสนิทกับขนหยาบ..

สะใจจนปล่อยน้ำรักพ่นข้ามหัวต๊อบไปลงตรงพื้นหญ้า

ในช่องท้องร้อนวาบตามจังหวะการพ่นน้ำรัก  ผมขอให้ต๊อบปล่อยข้างในเพราะผมอยากจะรักต๊อบเรื่อย ๆ  คนอะไรจะรักได้ถึงใจขนาดนี้  นาน ๆ ทีจะได้มีโอกาสได้รักกันท่ามกลางธรรมชาติขนาดนี้  ผมไม่มีทางปล่อยโอกาสหลุดลอยอยู่แล้วล่ะ!!!

“อีกนะ..ต๊อบ..”  ซุกปลายจมูกลงตรงซอกคอ  กระซิบขอแล้วตวัดปลายลิ้นดูดดุนปลุกเร้า  ฝ่ามือลูบไล้มัดกล้ามกระตุ้นกำหนัด  สะโพกบดเบียด  กระชับช่องทางยั่วให้คนข้างล่างแข็งตัวมาสนองผม

เมื่อกลางวันผมต้องทนนับ  1-1,00  ตั้งไม่รู้กี่ครั้ง  วันนี้ผม  ไอ้หนึ่ง  กับเพื่อนรวมตัวกันเล่นน้ำที่ถนนหน้าสวน  ไอ้หนึ่งจอดรถไว้ปากทาง  เราเดินเข้าไปเป็นกลุ่มพร้อมกับปืนฉีดน้ำคนละอัน  ผมใส่เสื้อลายดอกสีฟ้าสดกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่า  แน่นอนว่าพวกผมต้องแต่งตัวแบบนี้เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของสงกรานต์  ฉีดน้ำเล่นไม่นานผมก็พยายามเดินแหวกคนออกมาหาต๊อบหน้าทางเข้า

“ไหนว่ามาไม่ได้?..”  เอ่ยปากทักหน้าหล่อที่ยืนสูบบุหรี่พิงรถมองมาทางผม  ต๊อบถอดแว่นกันแดดแล้วโยนเข้าไปในรถ  ดีดหลังออกมาจากประตูรถเดินเข้ามาหา  ผมหน้าหงิกจับปืนฉีดน้ำแน่น  ผมโทรชวนอ้อนให้มันพามาเล่นน้ำที่หน้าสวน  มันบอกต้องพาแม่ไปขอพรย่าที่ต่างจังหวัดคงกลับไม่ทัน  ให้ผมมากับพวกเพื่อนได้เลยไม่ต้องรอ..แล้วนี่อะไร?!  มาได้แต่ไม่อยากมามากกว่า!!!

ต๊อบยิ้มใส่หน้าบุดสนิทของผมแล้วก้มมาหอมหัวฟอดใหญ่  มันจูงมือผมเดินฝ่าน้ำและคนเข้ามาข้างใน  มือข้างนั้นดึงผมให้เดินนำ  แต่หันหลังมาถามตลอดว่าเพื่อนผมเล่นกันอยู่ตรงไหน  หน้าหล่อโดนมือใครต่อใครปะแป้งจนเนื้อแก้มถูกแป้งกลบไปหมด  เสื้อแนบเนื้อเห็นกล้ามชัดแจ๋ว  น้ำไหลลู่ลงตามผิวเนื้อนอกเสื้อและกางเกงเป็นทาง..เซ็กซี่จนต้องนับ  1-1,000  ข่มใจตั้งแต่เช้าจรดเย็น

พอทุกคนเลิกเล่นก็แยกย้ายกันกลับ  ผมกอดแขนต๊อบออดอ้อนขอให้มันพามานั่งรับลมในสวนก่อน  ตั้งแต่เป็นแฟนกันผมกับมันยังไม่เคยมานั่งรับลมชมความงามของค่ำคืนกับมันเลยสักครั้ง  ต๊อบพยักหน้าแล้วขับพาผมเข้ามาในสวน  กวาดตามองไปทั่วก็เห็นว่ามีหลายคู่เข้ามานั่งรับลมในสวนเหมือนเรา  เบ้ปากกับความคิดคนอื่นที่ลอกของผมแบบไม่ขออนุญาต

ล้อรถนิ่งสนิท..มือผมก็เลื้อยไหลไปทั่ว..

ขยับข้ามเกียร์มานั่งคร่อมตัก  ลดมือปรับเบาะเอนแล้วบดเบียดสะโพกยั่ว  ผมงับริมฝีปากล่างของต๊อบก่อนจะสอดลิ้นตวัดดูดดื่ม  ขย่มเองในรถไปเรียบร้อยก็เอื้อมมือปิดไฟในรถก่อนจะเปิดประตู..ไม่ให้ไฟมันสว่างตอนเดินลงมาจากรถในสภาพเปลือยท่อนล่าง  ดึงต็อบลงมาเหยียบพื้นหญ้าแล้วลากเข้ามาใต้ต้นจำปา..

หลังพิงต้น  ยกขาพาดกับแขนแข็งแรง  ร่วมรักกันจนผมเสร็จสมไปอีก  2  ครั้ง..

ถ้ามีคนถาม..ว่าคุณเปรียบคนรักของคุณเป็นอะไร?

ผมตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน..





ต็อบเป็นชนวนจุดระเบิดความอยากของผมครับ.


…………………


กอดรวบ!   บวกๆ! 
ขุดเจอสงกรานต์ชาวตลาดที่เขียนคู่แรกจนถึงคู่แกงถุง  แถมด้วยสงกรานต์ของน้องวีพี่โต  เอ้ต๊อบ(คู่นี้จิไม่มีในมือคะ  ที่มีมันแค่  2  หน้า A4  จำตอนจบไม่ได้ด้วย  ใครมีส่งให้ด้วยนะคะ TT)  มานั่งรอทำงานช่วงเย็นเลยว่างได้นั่งหน้าคอมพ์รอเวลา  แต่ต้องตัดเป็น  2  ท่อนเพราะอักษรเกิน  ทันเทศกาลพอดีเนอะ^^ 
คุณ  nekko  เนอะคะ  จีบกันมุ้งมิ้งดีจัง  ถ้าข้ามมาเป็นรุ่นเรา  มันเดินเข้ามาถามหน้าตาย  ‘แต่งงานยัง’  ถามงี้เท่ากับถามว่า ‘มีผัวยัง’ ค่ะ (เชี่ย!) สงกรานต์เที่ยวหรือเปล่าคะ  จิทำงานค่ะ  เหนื่อยชะมัดเลยค่ะ T_T
คุณ  Mouse2U  เด็กน้อยจีบกันมันน่ารักน่ากอดเนอะคะ  ถ้าสงกรานต์มีมุ้งมิ้งอย่างนี้มาให้จิ้นก็ดีนะคะ  ชีวิตตอนนี้จิจะได้มีความสุขบ้าง  เหนื่อยได้อี๊กกกกกก
คุณ  patchylove  เนอะคะ  เด็ก ๆ จีบกันนี่มันน่ารักจริง ๆ  ^^
คุณ  PURE LOVE  ปั้นน่ารักมาก ๆ ค่ะ  จำได้ว่าในหัวจิตอนที่นั่งจิ้นนิยายตอนนี้  มีน้องผู้ชายที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวเยื้อง ๆ จิไปโต๊ะนึงเป็นแรงผลักดันค่ะ  หน้าน้องใสกิ้งเลย  กินไปแอบมองไปยิ้มไป  กลับมาจิ้นได้เป็นวรรคเป็นเวร555  ส่วนแฟนฟิคหรือตอนพิเศษของน้องตังพี่ช้าง..ไม่มีเลยค่ะ  เตงสนใจจะเขียนไหมคะ  เดี๋ยวเขาส่งพล็อตบังคับให้ค่ะ  สนใจก็ PM มานะคะ(ยังไม่เคยเขียนก็ต้องลองนะคะ  น้องตังน่ารักขนาดนี้..พลาดการเขียนแฟนฟิคไม่ได้นะคะ  ณ  จุดนี้  - -+) 
คุณ  gayraygirl  กอดเมย์ให้หายใจไม่ออก  เขินได้ไง  จิจีบเมย์  เมย์เขินกว่านี้อีกนะคะ  ฮี่ๆๆๆๆ  สงกรานต์ไปเล่นน้ำที่ไหนคะ  จิทำงานค่ะ  ถ้าเจอหนุ่มน่าจิ้นจะจิ้นมาให้อ่านนะคะ  แต่ถ้าเมย์เจอก็ส่งรูปมาให้จิจิ้นได้ค่ะ  ไม่เกินปีหน้าได้อ่านแน่นอน  กร๊ากกกกกก
คุณ เฉาก๊วย  กอดตอบแนบแน่น  ปล้ำหอมจูบแก้มซ้ายขวา5555
คุณ  นอนกินแรง  น่ารักเนอะคะ  ใสปิ๊งกุ๊งกิ๊ง  น่ารักสุดติ่งกระดิ่งแมว ^^

สุขสันต์วันสงกรานต์  ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
  :กอด1: :กอด1: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
น้องวีน่าร๊ากกก.. คือแบบหนูน่าเอ็นดูมากมายเลยนะคะ ถ้าพี่โตกล้าทำอะไรหนูเนี่ยมีสิทธิ์ถูกรุมประชาทัณฑ์แน่นอนเลย อดทนไว้นะคะพี่โต.. :laugh: ท่องไว้ค่ะ 'น้องยังเด็กๆๆๆ'~

..เราอยากไปเล่นสงกรานต์ในตลาดด้วยจังเลยค่ะ แต่ดูท่าแล้วน้ำเนิ้มคงจะไม่ได้สาดใครเขาแน่นอนเลยย เพราะมัวแต่ฟินยืนบิดจนขันแตกนั่นล่ะเน้ออ :hao7:

*สุขสันต์วันสงกรานต์เช่นกันนะค้าา ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2015 14:06:57 โดย Mouse2U »

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
สงกรานต์ สนุกสนานกันถ้วนหน้าเลย  :m3:
ดีนะที่น้องวีมีพี่โตและเพื่อน ๆ คอยกันให้  เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แค่สาว ๆ
แม้แต่เด็กหนุ่ม ๆ ก็โดนแต๊ะอั๋งถมไป ยิ่งเด็กน่ารัก ๆ อย่างน้องวีด้วย
พี่โต อบอุ่นอ่อนโยน แล้วก็ความอดทนสูงมาก ส่วนน้องวี ก็พยายามข่มความกลัว
เพื่อรับความรักของพี่โต ต่างฝ่ายต่างพยายามเพื่อคนที่ตัวเองรัก น่ารักจริง ๆ

คู่นี้ก็ใส๊ใส อีกคู่นี่สิ ร้อนแรงเสียจริง เจ้าของเสียงปริศนาในสวนนี่เอง
เอ้นี่ สุดยอดอ่ะ เรียกว่า ได้คู่ที่สมน้ำสมเนื้อกันสินะ ไม่งั้นต๊อบคงเอาเอ้ไม่อยู่

สุขสันต์วันสงกรานต์เช่นกันค่ะ มีความสุขมาก ๆ นะคะ  :L1:
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2015 09:21:14 โดย PURE LOVE »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :jul1:

outdoor ร้อนแรงหลาย จะเป็นลมแล้วค่ะ

ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
เพิ่งได้แว้บเข้ามาค่ะพี่จิ งงๆเพราะไม่ได้เข้าเล้านาน
แวะมาอ่านชาวตลาดก็นั่งยิ้มเหมือนคนบ้าเลย 55555
เดี๋ยวขอไปไล่อ่านอีกรอบก่อนไว้จะมาเม้นท์ใหม่นะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
น้องวี กับ พี่โต ก้อยังน่ารัก ขี้อายเหมือนเดิม  เอ้ ต๊อบ ในสวนนี่ใจกล้าบ้าบิ่นมาก ๆ ..... รอคู่อื่น ๆ นะครับ

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
น้องวี พี่โตยังคงน่ารักมากๆๆๆๆ  พี่โตอดทนได้เยี่ยมยอดจริงๆๆ o13

เอ้ ต๊อบร้อนแรงพอกับอากาศเลยเนาะ :m25:

 :กอด1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
โปรดอ่านเรื่องนี้ก่อนค่ะ
  จิ้มโลด!




สายสัมพันธ์..แห่งรัก


หมอกสีขาวลอยคละคลุ้งในอากาศ  ไอเย็นโอบล้อมรอบกาย  แสงสีทองอุ่นสาดส่องกระทบผิว  ยื่นมือรับดอกแก้วปลิวที่มาตามกระแสลม  กลิ่นหอมยวนใจให้หยิบขึ้นมาแตะปลายจมูก  สูดกลิ่นหอมอ่อนแล้วเงยหน้ามองความงามรอบกาย   ก้มมองมือที่กำลังสอดเข้ามาโอบเอวจากด้านหลัง  ยิ้มบางก่อนจะวางมือทาบทับมือคู่นั้น  หลับตาเอียงหน้าซบผมนุ่มที่คลอเคลียตรงซอกคอ  หันหลังสอดมือเข้าโอบเอวเชื่องช้า  ลูบแผ่นหลังแล้วซุกซบที่ซอกคอหอม  ลมอุ่นจากปลายจมูกแตะลงที่แก้มไล้ลงมาจนถึงมุมปาก  อบอุ่นอ่อนโยนจนต้องเอียงหน้ารับริมฝีปากนุ่มที่ยั่วเย้าให้อยากลองชิม..

ลืมตาขึ้นพบกับความมืดมิดของค่ำคืน  คลายมือที่กำลังกอดตัวเองออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะยกขึ้นมามองฝ่ามือทั้งสองข้างนิ่ง  ผ่อนลมหายใจออกแล้วทาบฝ่ามือเย็นของตัวเองปิดหน้า  ผมฝันแบบนี้บ่อย  เมื่อก่อนนับครั้งได้  แต่ตอนนี้ผมฝันแบบนี้..ทุกวัน 

ดึงผ้าห่มที่คลุมแค่ท่อนล่างออกแล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ   ที่ผมฝันแบบนี้บ่อยขึ้นอาจจะเป็นเพราะจิตใต้สำนึกผมอาจจะกำลังเรียกร้องให้ผมมีแฟน  ไม่ใช่ว่าผมปิดตัวเอง  ผมเคยมีแฟน  แต่ก็เลิกกันไปทุกครั้ง  ทุกคนพูดเหมือนกัน  ‘เราอยากได้คนรักที่รักเราคนเดียว  คนที่มีใครคนอื่นในใจตลอดเวลา..จะมัวเสียเวลาทำไม’  ทำเหมือนผมไม่ใส่ใจเทคแคร์ดูแล  ผมคบใครผมก็รักเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว  ไม่อย่างนั้นจะเสียใจอยู่เรื่อยทำไมล่ะ

ถอนหายใจยาวแล้วล้างหน้าแปรงฟัน  แต่งตัวเสร็จก็ขี่มอ’ไซค์ออกจากบ้านไปตลาดช่วยแม่เปิดแผง  ยืนคัดเนื้อที่พ่อค้าเอาส่ง  ผมจะเป็นคนคัดเองทั้งหมด  รับมาขายแค่วันละ  50  กิโล  วันไหนขายไม่หมดแม่ก็ทำเนื้อแดดเดียวมาวางขายด้วย  แต่ส่วนมากไม่ค่อยเหลือ  เพราะผมรับมาน้อยแล้วก็เลือกชิ้นที่มันสด  ดูจากสีที่ไม่แดงจนเกินไป  เอานิ้วชี้กดลงที่เนื้อ  ถ้ามันแข็งก็ไม่เอา  เละไปก็ไม่เอา  หนืด ๆ ถึงจะดี  คัดเนื้อเสร็จก็วางเรียงบนแผง  ที่เหลือก็เข้าตู้แช่ข้างหลัง  ก้าวเท้าไปข้าง ๆ เปิดก๊อกน้ำล้างมือ  ในขณะที่มือกดสบู่ล้างมือ  หูก็ได้ยินเสียงตามสายของตลาดที่ขอความร่วมมือชาวตลาดให้ช่วยกันกรอกกระสอบทรายกั้นน้ำ 

“แม่เดี๋ยวตุ๊ออกไปช่วยกรอกเอง  แม่ซื้อแกงถุงกับน้ำเต้าหู้รอไว้ด้วยนะแม่  เดี๋ยวก่อนกลับจะเข้ามาเอา”  สะบัดมือที่เปียกน้ำ  2-3  ทีแล้วเดินออกมาช่วยคนอื่นตักทรายใส่กระสอบ  ยิ้มมุมปากแซวคู่รักเพื่อนซี้อย่างไอ้ตูนกับปั้นที่กำลังกรอกทรายอยู่มุมในสุด  นึกแล้วว่ามันต้องลงเอยแบบนี้  ไอ้ตูนมันรักมาตั้งนาน  ทำทุกอย่างออกหน้าออกตา  คนถูกจีบกลับไม่รู้เรื่องรู้ราว  ชอบคนโน้นให้จีบคนนี้อยู่เป็นปี  จนหลัง ๆ มันรุกหนักขึ้น  ปั้นมันเลยหันมามองจริงจัง..คนมันมีใจ  ยังไงก็หนีไม่รอดหรอก

เดินเข้าไปยืนข้าง ๆ แล้วหยิบพลั่วมาตักทรายใส่ปากถุงที่ปั้นถืออยู่  ยิ้มทักไอ้ตูนแล้วกลั้นหัวเราะ  ตีหน้าเฉยใส่ปั้นที่ทำหน้าเป็นตูดกับทรายที่ผมจงใจตักเลอะปากถุง  จ้วงทรายตักใส่กระสอบต่อไม่สนหน้างอง้ำกับปากที่ห้อยจนเกือบจะถึงคางของมัน  ตักกันจนกระสอบหมดก็แยกย้ายกลับบ้าน  ผมเดินย้อนกลับเข้าตลาดไปเอากับข้าวที่แม่ซื้อไว้ให้

“ตุ๊เข้าบ้านก่อนนะแม่  ตังค์อ่ะ”  แบมือขอเงินไปโรงเรียน  แม่ให้ผมเป็นเดือน  เดือนละ  2,500  เหมารวมวันหยุดด้วย  ให้ผมเอาไปบริหารเอง   ผมใช้ไม่หมดเพราะที่โรงเรียนก็ไม่ได้ใช้อะไรมาก  อย่างมากก็วันละ  50  รวมน้ำด้วย  ผมไม่ต้องขึ้น  2  แถวเหมือนไอ้ตูนกับปั้นเพราะบ้านผมอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน  เดินไปไม่ถึง  10  นาทีก็ถึง  ขี่มอไซค์เข้าบ้านก็กินข้าวก่อน  กินเสร็จก็เก็บเข้าตู้กับข้าวแล้วขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว  เดินออกจากบ้านก็ปิดรั้วแล้วตะโกนฝากบ้านไว้กับป้าหนันเพื่อนบ้าน

“ป้าหนันผมไปโรงเรียนแล้วนะครับ  ฝากดูบ้านด้วยครับ”  กว่าแม่จะกลับก็เย็นผมเลยต้องฝากบ้านกับป้าหนันทุกวัน  ป้าหนันไม่เคยทิ้งบ้านไปไหน  เพราะแกตั้งวงเล่นไพ่ทั้งวัน5555   

“ตุ๊เอาร่มติดไปด้วยนะ  ป้าดูพยากรณ์อากาศเมื่อคืน  เขาบอกจะมีฝนร้อยละ  70  ของพื้นที่”  ผมยิ้มแล้วยกมือไหว้ป้าหนัน  พยากรณ์อากาศของประเทศไทย..เชื่อก็ไม่ต้องทำมาหากินอะไรแล้ว  เดินออกจากบ้านรับแสงแดดจ้าของเวลา  6  โมงครึ่ง  เดินเอื่อยจนถึงสวนหย่อมของหมู่บ้านก็ต้องขมวดคิ้วกับเม็ดฝนที่กำลังโปรยลงมา   เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพราะคิดว่าความเร็วประมาณนี้น่าจะหลบฝนได้ทัน

ไม่อยากเชื่อ..มันตกลงมายังกะฟ้ารั่ว!

ผมวิ่งเข้าไปหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างทาง  มันใหญ่ไม่พอครับ  ผมได้แต่ยืนตัวลีบ  เซ็งกับฝนมาก!  ชะเง้อคอมองหาที่กำบังแถวนี้  ถ้าวิ่งไปอีกหน่อยผมก็จะถึงต้นแก้วที่ผมปลูกไว้  เงยหน้ามองหยาดฝนที่ไหลลงมาตามร่องของกิ่งไม้แล้วตัดสินใจวิ่งไปหาต้นแก้วพุ่มใหญ่ของผม   ตอนผมยังเด็กผมปลูกไว้ตามนโยบายของเจ้าของหมู่บ้าน  อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมปลูกต้นไม้ให้ร่มเงาและรักษาสิ่งแวดล้อม  ผมเลือกปลูกต้นแก้วเพราะแม่บอกว่าดอกแก้วมันหอมดี  ตอนแรกมีป้ายไม้ปักไว้ครับว่าใครปลูกต้นอะไร  อยู่ตรงไหน  แต่ตอนนี้รื้อทิ้งไปหมดแล้วเพราะหมู่บ้านขยายถนน  ผมวิ่งเข้ามาหลบฝนใต้ต้นแก้วแล้วเอากระเป๋านักเรียนที่สะพายออกมาปัดหยดน้ำ  คิดถูกที่ย้ายที่หลบ  เพราต้นแก้วของผมใบมันดกแล้วต้นใหญ่มาก  ฝนเลยไม่หยดมาถึงตัวผม

ยืนหลบฝนจนมันเริ่มซาเม็ด  ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา  7 โมง  45  นาที  ทันเข้าแถวอยู่แล้ว  กำลังจะก้าวเท้าออกจากใต้ต้นแก้ว  ผมก็ต้องหยุดยืนกับที่เมื่อดอกแก้วมันร่วงลงมากับลมที่พัดอยู่แค่ใต้ต้นไม้..รอบตัวผม  กลิ่นหอมอ่อน  ความเย็นชื้นของอากาศ  แสงแดดหลังฝนตก..มันเหมือน..

ในฝัน..

ปล่อยกระเป๋านักเรียนตกข้างตัว  ยื่นมือรับดอกแก้วที่ร่วงปลิวลงมาตรงหน้า  กลีบสีขาวอิ่มเย็นด้วยละอองฝนที่เกาะพราว  ผมยกขึ้นมาแตะปลายจมูกสูดกลิ่นหอมอ่อนของมันเข้าปอด  ดึงมือออกมามองดอกแก้วในฝ่ามือแล้วหลับตารับกลิ่นดินกลิ่นหญ้าหลังฝนตก  ลมที่พัดอยู่รอบตัวผมพัดแรงขึ้นจนดอกแก้วปลิวออกจากมือ  ลืมตามองหาดอกแก้วสีขาวที่ถูกลมพัดปลิว..

ผู้ชายตัวสูงยืนถือร่มมองผมอยู่ตรงข้างรั้วสวนหย่อม  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มสวยกลับมีประกาย..โศก  จมูกโด่งเป็นสัน  หน้าคม  ผิวสีแทน  ผมยืนนิ่งมองตาคู่นั้นกลับ  มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึก..คุ้นเคย  กับคนแปลกหน้าคนนี้  ยิ่งผมมองตาโศกของเขา  ผมยิ่งห้ามอารมณ์แปรปรวนข้างในไม่ได้

น้ำตาผมรื้นขึ้นมาไม่มีสาเหตุ  ก่อนจะหยดลงมากระทบแก้ม  หยดแล้ว  หยดเล่า..ไม่มีแม้เสียงสะอื้น  ดอกแก้วกลีบขาวร่วงหล่นลงมาไม่ขาดสาย  ผู้ชายแปลกหน้าปล่อยร่มในมือลงแล้วเดินเข้ามาหาผม  มือใหญ่ยกขึ้นมาแตะนิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดน้ำตาที่แก้มผมเบามือ  หลับตาไล่หยาดน้ำตาให้ไหลรินออกมาตามความรู้สึกข้างใน  ผมไม่รู้ว่าทำไมผมต้องร้องไห้  ไม่เข้าใจว่า..ตอนนี้ผมกำลังร้องไห้   แต่ทำไม..หัวใจผมถึงยินดีนัก

ยกมือขึ้นจับมือที่กำลังเช็ดน้ำตาให้ผม  มือเย็นเฉียบ..แต่ใจผมกลับอุ่นวาบ  ความคุ้นเคยนั้นเล่นงานหัวใจผมอย่างหนักหน่วง  ผมผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วปล่อยให้ร่างกายเป็นไปอย่างที่มันต้องการ  จับมือข้างนั้นขึ้นมาแตะแก้มตัวเองก่อนจะลืมตามองตาโศกที่อยู่ใกล้ตา

“...ผม..รู้จักคุณ..รึเปล่า?”  ผู้ชายคนนั้นเอ่ยถามผม  ยิ้มบางกลับไปก่อนจะบอกเสียงเบาระดับเดียวกัน

“..มันเป็นคำถามของผมเหมือนกัน..คนแปลกหน้า...”  ตาโศกมองเข้ามาค้นหาอะไรบางอย่างในดวงตาผม  หัวใจผมเต้นตึกตักเสียงดัง  มันไม่ได้ตื่นเต้น  แต่มัน..กำลังร่ำร้องและ..ดีใจ 

ความฝันที่ผมฝันทุกคืนผุดวาบเข้ามาในหัว  ผมค่อย ๆ หลับตาลงช้า ๆ แล้วหมุนตัวหันหลัง  ดึงมืออีกข้างของคนแปลกหน้าเข้ามาแตะมืออีกข้างที่ผมจับไว้  หากร่างกายผมเป็นไปอย่างธรรมชาติ..คนแปลกหน้า..ก็คงเป็นธรรมชาติที่กำลังผสานเข้ากับธรรมชาติของผม

คางมนวางลงที่ไหลผมช้า ๆ ก่อนจะแตะปลายจมูกเข้าที่แก้มผม  เอียงหน้ารับลมอุ่นอย่างเต็มใจไม่เคอะเขิน  มือไล้ลูบหลังมือที่โอบกอด  หมุนตัวหันหน้าเข้าหา  สอดมือกอดเอวหนาแล้วเงยหน้ารับริมฝีปากที่จูบผะแผ่วที่แก้ม  ระเรื่อยสัมผัสนุ่มมาที่ริมฝีปาก  ความอ่อนโยนจากคนแปลกหน้าทำให้ผมอุ่นหัวใจบอกไม่ถูก  ร่างกายผมตอบสนองจูบอบอุ่นด้วยการ..หลั่งน้ำตา

ผมปล่อยให้ริมฝีปากนุ่มจูบไปทุกที่บนใบหน้าผม  จนเสียงออดของโรงเรียนดังขึ้นถึงได้ผละออก  เวลาที่ผมเจอคนแปลกห้าแค่  15  นาที  แต่ผมรู้สึกเหมือน..นานนับชั่วโมง  ขยับถอยออกมาแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวก ๆ  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ  ก้าวเท้าไปหยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมาสะพาย  เดินผ่านหน้าคนแปลกหน้าตั้งใจจะให้เป็นแค่ความไม่ตั้งใจของทั้งผมและคนแปลกหน้า

มือใหญ่คว้ามือผมไว้แล้วจรดปลายปากกาเขียนหมายเลข  10  หลักที่ฝ่ามือผม  เงยหน้ามองสันจมูกโด่งก่อนจะเบือนหลบตาโศกที่เงยขึ้นมาสบ

“..พี่รู้ว่ามันแปลก  แต่..โทรหาพี่นะครับ  พี่ชื่อ  ‘จงรัก’  คุณล่ะ?”  เผลออ้าปากค้างกับชื่อของคนแปลกหน้า  ไม่ว่ามันจะเป็นความบังเอิญ  หรือเพราะอะไร  คนแปลกหน้าที่ผมกอดและจูบโดยที่ร่างกายและหัวใจผมเรียกร้องคนนี้  ทำให้ผมแปลกใจได้ตลอด

ความฝันที่เกิดกับผมทุกวัน  การสัมผัส  ดอกแก้ว  แม้แต่ชื่อ  ก็ยังสร้างความประหลาดใจให้ผม  คนแปลกหน้าชื่อ  ‘จงรัก’  ส่วนผม..

‘ภักดี’  ยิ้มบางกับหมึกสีน้ำเงินของตัวเลขในฝ่ามือก่อนหมุนตัวเดินเข้ารั้วโรงเรียน  ไม่หันกลับไปมองดวงตาโศกที่ยังรอคำตอบที่ขอให้ผมโทรหา  เดินลัดเข้าทางหลังโรงเรียนเลี่ยงเข้าแถวตอนเช้า  นั่งเหม่อจนเข้าคาบ  2  ถึงเดินเข้าห้องเรียน  ไม่ตอบคำถามที่เพื่อนถามทั้งสิ้น  หลังกินข้าวเที่ยงผมก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา  ยิ้มบางกับหน้าจอสีทึบแล้วกดหมายเลข  10  หลักที่ฝ่ามือ  รอสัญญาณไม่กี่ครั้งก็ได้ยินเสียงทุ้ม..ที่คุ้นเคย

“ผมโทรหาแล้วนะคุณจงรัก  เมมเบอร์ผมด้วยล่ะ”  ปลายสายกดวางแล้วโทรย้อนมาหาผม  ยิ้มระบายเต็มหน้าแล้วกดรับทันที  เรื่องไม่มีสาระอย่างกินข้าวเที่ยงหรือยัง?  กินอะไรมา?  ถูกใช้ถามกันไปมาเหมือนเด็กปัญญาอ่อนคุยกัน  ผมบอกปลายสายว่าต้องวางแล้ว  ปลายสายก็รีบถาม..ชื่อผม  ยิ้มน้อย ๆ แล้วบอกเสียงจริงจัง

“ผมชื่อ  ‘ภักดี’  ครับคุณจงรัก  สวัสดีครับ”  วางสายแล้วหย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง  เงยหน้าขึ้นมองฟ้าสีสดแล้วยิ้มบาง..

ความคุ้นเคยที่เกิดกับคนแปลกหน้า  การตอบสนองกันของร่างกายของผมกับเขา  มันทำให้ผมคิด..

เราอาจจะผูกพันกันมาก่อน..ในภพอื่น 

หรือถ้าไม่ใช่การผูกพันกันเมื่อชาติที่แล้ว..นี่อาจจะเป็นเรื่องของ..





พรหมลิขิต..ของเราก็เป็นได้ครับ



END.
.
.

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
แถม

.
.
.
.
.


ถอนหายใจกับเสียงรายงานข่าวสถานการณ์น้ำท่วมจากผู้สื่อข่าว  มือกดรีโมทเปลี่ยนช่องเพื่อดูความเคลื่อนไหวของมวลน้ำที่กำลังเข้า กทม.  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ เมื่อนึกถึงมวลน้ำก้อนใหญ่ที่เข้าท่วมแถวบ้านอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  มันท่วมอย่างทั่วถึงจริง ๆ  กระสอบทรายที่เราใช้ทำคันป้องกันน้ำ  มันไม่สามารถขวางกระแสน้ำได้  บ้านผมอพยพกันมาพักที่บ้านปู่กันทั้งครอบครัว  พ่อกับปู่ดีใจที่ได้มาอยู่ใกล้กัน  แม่ก็ดีใจที่ได้เจอญาติ ๆ พ่อที่ไม่ได้เจอกันนานแล้ว  ผมก็รู้สึกดีที่ได้ใกล้ชิดปู่กับย่า  แต่ว่า..ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่กับความคิดถึงคนแปลกหน้าที่เจอกันใต้ต้นแก้วเหมือนกัน

จากวันที่ผมกับพี่รักเจอกันผ่านมาไม่ถึงอาทิตย์ผมก็ย้ายมาอยู่บ้านปู่แถวชลบุรี  บ้านพี่รักก็น้ำท่วมเหมือนกัน  แต่ไม่ท่วมมากจนถึงกับไปไหนไม่ได้  ปริมาณน้ำที่เข้าท่วมอยู่ที่หัวเข่า  ที่บ้านพี่เลยยังไม่ทิ้งบ้านไปไหน  โชคดีที่สัญญาณโทรศัพท์มันไม่ถูกตัดเหมือนกระแสไฟฟ้า  ความคิดถึงของผมกับพี่รักเลยส่งผ่านเครื่องมือสื่อสารได้ตลอดเวลา  เสียงเรียกเข้าดังขึ้นขัดความคิดถึงของผมที่กำลังก่อตัวเงียบ ๆ  ยื่นมือหยิบมือถือมากดรับ

“ทำอะไรอยู่ครับ?..”  ปลายสายทักมาแบบไหนผมก็ทักตอบไปแบบนั้นเหมือนกัน  เอนหลังนอนฟังการบรรยายสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจุบันของคนตาโศก  นอนนิ่งหลับตาแล้วนึกภาพตาม 

“ตุ๊..เบื่อรึเปล่าครับ?”  ส่ายหน้าแล้วเอ่ยเสียงเบา  ‘เปล่าครับ’  พี่รักเงียบไปนานจนผมเริ่มใจไม่ดี

“ผมไม่ได้เบื่อจริง ๆ นะครับ  ผม..คิดถึงพี่นะครับ”  พี่รักเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย

“พี่กับเพื่อนรวมเงินกันซื้อของมาจัดเป็นถุงยังชีพ  ว่าจะไปแจกที่..ไปกับไหมรับ?  ไม่สิ..อยากไปด้วยกันไหมครับ?”  หน้านิ่วกับคำชวนของพี่

“อยากไป!  พี่ไปไหนผมไปด้วยทั้งนั้นครับ  ให้ผมไปเจอที่ไหนดี?”  พี่รักบอกว่าพรุ่งนี้จะมารับที่บ้านแต่เช้าก่อนจะรีบวางเพราะจะได้โทรบอกปลายทางที่จะไปแจกของกับขนของขึ้นรถ  วางหูจากพี่ผมก็นั่งนิ่ง  เพราะผมกับพี่ยังเพิ่งจะเริ่มต้นแต่กลับต้องห่างกันเพราะน้ำท่วม  พี่เลยรู้สึกไม่มั่นคงทางความรู้สึกของผม  ผม..แสดงออกน้อยไปสินะ

เดินไปหาพ่อที่กำลังคุยกับปู่ในสวนเงาะหลังบ้าน  ปู่หันมามองก่อนจะยิ้มให้ผม  ยิ้มตอบแล้วหันไปหาพ่อที่มองผมอยู่

“พ่อครับ  พรุ่งนี้พี่รักจะมารับไปช่วยแจกของน้ำท่วมตอนเช้า  พี่รักเปิดบริษัทรับสร้างและออกแบบสิ่งปลูกสร้างทุกอย่าง  รู้จักกันนานแล้ว  เป็นคนดี  ไว้ใจได้ครับพ่อ”  รีบบอกรายละเอียดที่พอจะเปิดได้กับพ่อ  เบือนหลบดวงตาสีดำที่ยังคงจับจ้องหน้าผม..รอให้ผมขยายความสัมพันธ์ที่ยังดู..คลุมเครือระหว่างผมกับพี่  ถอนหายใจทิ้งแล้วหันกลับมามองตาพ่อ

“เป็นแฟน  เพิ่งคบกันได้อาทิตย์เดียว  ผมอยากไป..กับพี่ครับ”  พ่อหน้านิ่งก่อนจะหันมามองปู่  ปู่ยิ้มบางแล้วชวนพ่อเล่นหมากรุก  พ่อมองปู่ที่กำลังตั้งกระดานแล้วผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ ก่อนจะหันมามองหน้าผม

“ไปเถอะ  ถ้ามันเดินทางลำบากก็ค้างได้  หาที่พักดี ๆ แล้วดูแลตัวเองด้วยตุ๊  พ่อเป็นห่วง”  ผ่อนลมหายใจออกด้วยความโล่งอก  พยักหน้ารับคำพ่อเรื่องดูแลตัวเองก่อนจะรีบเดินมาหาแม่  บอกเรื่องจะไปช่วยแจกของพรุ่งนี้  รายละเอียดที่ระบุ..ผมบอกน้อยกว่าที่บอกพ่อ

“พ่อว่าไงล่ะตุ๊  แม่แล้วแต่พ่อ..เอาน้ำไปช่วยเขาด้วยสิตุ๊  เดี๋ยวแม่ให้ป้าสั่งน้ำให้”  แม่หันไปคุยกับป้าแล้วจัดการเรื่องน้ำดื่ม  ผมโทรย้อนกลับไปหาพี่แล้วบอกเรื่องน้ำที่จะเอาไปช่วยแจกด้วย  วางหูจากพี่แล้วหันไปบอกแม่

“แม่..พี่เขาทำ  2,000  ชุดครับ”  แม่พยักหน้าแล้วสั่งน้ำเพิ่มจากที่พี่ทำอีก  500  แพค  เป็น  2,500  ร้านที่ป้าสั่งน้ำไม่มีน้ำพอเท่าที่แม่อยากได้  แต่สั่งจากที่อื่นเพิ่มให้ครบตามจำนวนได้  น้ำที่สั่งจากร้านเขามาส่งที่บ้านปู่ได้  แต่เราต้องไปขนอีกที่เอาเอง  แม่หันมาหาผม  ผมเลยรีบกดโทรปรึกษาพี่  ไม่ลืมที่จะเดินห่างแม่ออกมาคุยเพราะแม่เริ่มจะจับผิดท่าทางผมมากขึ้น

“ไปรับน้ำที่ร้านได้ไหมครับพี่  มันต้องไป  2  ที่เพราะน้ำที่ร้านแรกมันไม่พอครับ   ครับผม”  พี่ให้เพื่อนหารถ  6  ล้อมาขนน้ำที่ร้านแล้วบอกผมว่าไม่ต้องกังวล  พี่จะออกไปให้เร็วกว่าเดิมประมาณ  1  ชั่วโมง  นัดเวลากันใหม่ก่อนจะวางสายเพื่อให้ผมเตรียมตัว  เดินกลับมาบอกแม่และให้แม่นัดที่ร้านให้เตรียมของไว้แต่เช้า  ขอเบอร์ร้านไว้แล้วสำทับแม่เรื่องเงินค่าน้ำดื่มที่สั่งไว้  เลี่ยงออกมาหาข้าวเย็นกินก่อนคนอื่นแล้วให้เหตุผลการขึ้นไปนอนก่อนเวลากับแม่ว่า  ‘ผมต้องตื่นแต่เช้า  เลยต้องนอนก่อน’  ตั้งปลุกไว้แล้วรีบนอน  ตื่นตามเสียงปลุกจากมือถือ  เข้าห้องน้ำจัดการตัวเองภายใน  10  นาที  แต่งตัวแล้วรับโทรศัพท์พี่ที่โทรปลุกผม

“ตื่นแล้ว  อาบน้ำแล้ว  แต่งตัวแล้ว  แล้วก็กำลังจะออกมานั่งรอครับ”  ปลายสายหัวเราะอารมณ์ดีแล้วบอกจะรีบมา  ผมเดินลงมาข้างล่าง  เปิดตู้เย็นหาอะไรกินรองท้อง  หยิบนมกล่อง  น้ำ  ผ้าเย็นมาใส่กระติกน้ำเตรียมไว้  หยิบเกี๊ยวกุ้งของซีพีออกมาเวฟ  ดูเวลาแล้วโทรหาร้านน้ำดื่ม  ร้านน้ำเปิดร้านและประสานร้านน้ำอีกร้านให้แล้ว  ผมวางโทรศัพท์  หย่อนลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะหันกลับไปเปิดเตาเอาเกี๊ยวกุ้งมาตักกิน  รอไม่นานพี่ก็มาถึงตัวเมือง  ผมบอกทางให้แล้วเดินมารอหน้าบ้าน  แสงไฟรถกระบะโฟร์วีลที่สาดเข้ามาทำให้ผมวางโทรศัพท์  หัวใจเต้นดังจนไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่เคลื่อนมาจอดตรงหน้า  ยิ้มกว้างส่งให้หน้าคม  ตาโศกที่เดินลงมาหา   รอยยิ้มอบอุ่นส่งกลับพร้อมมือใหญ่ที่ยื่นมาจับมือผม

“หิวรึเปล่าครับ?  เหนื่อยไหม?” เอ่ยปากถามแล้วกระชับมือกลับ  พี่ส่ายหน้าแล้วมองเข้าไปในบ้าน  ผมดึงมือให้เดินตาม  พอเข้าประตูบ้านก็หันมายิ้มให้พี่แล้วคลายมือออก   พี่รักยิ้มกว้างแล้วก้มหัวเข้าใจ  เดินเข้าไปก็ให้พี่นั่งรอที่โซฟาก่อน  เดินขึ้นไปหาแม่กับพ่อในห้องก็ไม่เจอ  เดินลงมาก็เห็นพ่อนั่งอยู่กับพี่   ยิ้มสู้แล้วเดินเข้าไปนั่งข้างพ่อ  พ่อหันมามองผมแล้วหันกลับไปมองพี่ 

“ไปแจกของที่ไหนหนุ่ม?”  พ่อถามพี่ก็ยืดตัวตรงตอบฉะฉาน  นั่งเกร็งแทนพี่อยู่พักใหญ่พ่อก็หันมาบอกให้ผมกับพี่ไปกันได้แล้ว  ก่อนจะออกจากบ้านปู่พ่อก็บอกพี่เสียงดัง

“ขับรถดี ๆ ไอ้หนุ่ม  ถ้ามันดึก  เดินทางลำบากก็ไปค้างที่บ้านได้  ผ่านใช่ไหมหนุ่ม?   ตุ๊เอากุญแจบ้านติดไปด้วย  ขึ้นไปหยิบที่ห้องพ่อไป”  พ่อหันมาหาแล้วมองหน้าผมนิ่ง  กลืนน้ำลายลงคอแล้วหันหลังขึ้นไปหยิบกุญแจบ้านที่ห้องพ่อ ก่อนจะรีบวิ่งลงมาหาพี่  สัญชาติญาณผมบอกว่า..พี่น่าจะโดนหนักตอนที่ผมไม่อยู่นี่ล่ะ! 

“..กลับไปดูบ้านลุงให้ด้วย  แล้วก็..ดูแลน้องด้วย..จงรัก”   ผมวิ่งมาทันได้ยินประโยคที่พ่อบอกพี่ให้กลับไปดูบ้านและดูแลผมด้วย  พ่อหมุนตัวเดินผ่านหน้าผมเข้าบ้านไปทันที  พี่มองตามหลังพ่อแล้วหันมายิ้มให้ผมที่ยืนมองแผ่นหลังพ่อเหมือนกัน

“ไปครับ  พ่อให้เพื่อนพี่ที่ขับ  6  ล้อไปรับน้ำแล้ว  เราไปกันก่อนได้เลยครับ”  เดินตามพี่ออกมาจากบ้านด้วยใจที่เต้นโครมคราม  ขึ้นรถได้ก็ถามเรื่องตอนที่ผมไม่อยู่ทันที

“พ่อว่าอะไรรึเปล่าครับ?!  พี่รัก..บอกผมเถอะ”  พี่รักเลิกคิ้วแล้วหันมายิ้มให้ผม  ส่ายหน้าแทนคำตอบแล้วดึงมือมากุม

“พ่อไม่ได้ว่าอะไรพี่สักคำ  ตุ๊กลัวอะไรครับ”  นิ่งมองหน้าด้านข้างที่ยิ้มสดใสก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ ถ้าพี่ยืนยันว่ามีอะไร  ผมก็เชื่อพี่  ขยับตะแคงตัวหันมามองคนขับ  กระชับมือแน่นขึ้นแล้วยิ้มให้กำลังใจพี่รักขับรถไปตลอดทาง  นั่งรถจากบ้านปู่มาจนถึงที่บ้านผมใช้เวลาร่วม  5  ชั่วโมงครับ  ตามทางก็เห็นแต่น้ำ  คนอพยพหนีน้ำ  และอาคารบ้านเรือนที่ถูกน้ำเข้าท่วมแทบทั้งหมด  แต่ในสายน้ำที่ท่วมท้นสร้างความเดือดร้อน..ผมกลับมองเห็นธารน้ำใจของคนไทยที่ไหลเข้าช่วยคนที่ประสบภัย..ยิ่งกว่าน้ำที่กำลังท่วมอยู่เสียอีก

รถทหารวิ่งให้บริการชาวบ้านที่เดินทางลำบากออกมาจากพื้นที่น้ำท่วม  เรือสีส้มของกรมป้องกัน  หน่วยงานราชการที่เป็นเจ้าของพื้นที่  และชาวบ้านที่แสดงน้ำใจต่อกันเอาของมาช่วยกัน..อย่างที่เรากำลังทำอยู่  น้ำใจ..มีให้เห็นทุกพื้นที่ที่ความลำบากไปถึงครับ

พี่รักโทรติดต่อเจ้าหน้าที่ของเทศบาลให้เอาเรือออกมารอรับทีมของเราให้เข้าไปแจกของข้างใน    ส่วนของก็มีรถทหารมาช่วยขนเข้าไปอีก  2  คัน  เรือท้องแบนลำใหญ่อีก  2  ลำ  ผมกับพี่ช่วยเพื่อนพี่กับทหารขนน้ำกับถุงยังชีพใส่รถทหารจนหมด 

มือใหญ่หยิบผ้าเย็นมาซับเหงื่อที่ขมับให้ผมเบามือ  เงยหน้ายิ้มให้คนตัวสูงที่เหงื่อท่วมตัวไม่ต่างจากผม  ดึงผ้าออกจากมือแล้วเช็ดคืนพี่  เราเหงื่อท่วมตัว  ร้อน  และเหนื่อย  ไอแดด  ไอความร้อนที่สะท้อนผิวน้ำสร้างความเหนื่อยกายให้เราทุกคน  แต่หัวใจ..เราไม่เคยให้สิ่งเหล่านี้ล้างความตั้งใจที่จะช่วยคนที่กำลังเดือดร้อนได้ครับ

ขึ้นเรือเข้าไปตามหมู่บ้าน  ชาวบ้านที่มีเรือก็พายออกมารับถุงยังชีพเอง  แต่คนที่ออกมาไม่ได้  เจ้าหน้าที่ก็พาเราเข้าไปหาถึงหน้าต่างบ้าน  บ้านบางหลังอยู่กันถึง  30  คนก็มีครับ  ผมรู้สึกว่าของที่เราเอามา..มันไม่พอหรอกครับ  คนข้างในเขาลำบากกันมากจริง ๆ แจกถุงยังชีพจนหมดเราก็ยกพลกลับ  ผมโทรเล่าให้พ่อฟังถึงความลำบากของชาวบ้านที่นี่  อาทิตย์หน้า..พ่อกับพี่รักจะขนของมาช่วยคนที่นี่อีกครับ

ผมยกมือไหว้ลาเพื่อนพี่รักทุกคน  บางคนก็ยิ้มให้ผม  บางคนก็มองเราด้วยสายตาไม่ชอบใจ  ผมรู้..บางคนก็รับไม่ได้กับความรักแบบเรา  ขึ้นรถได้พี่รักก็ดึงมือผมมากุม

“พี่ดีใจที่ตุ๊เป็นเด็กดี  ไม่งอแงที่พี่พาตุ๊มาเหนื่อย..”  ผมยิ้มบางแล้วพูดขัดพี่ที่กำลังจะพูดต่อ

“ผมเหนื่อย  ผมร้อน  แต่มันเป็นความเหนื่อยที่ผมเต็มใจจะเหนื่อย   ช่วยคนนะพี่  ถึงเหนื่อยกว่านี้ผมก็ทนได้  ที่สำคัญ..พี่ไม่เหนื่อย  ผมจะเหนื่อยได้ยังไง”  พี่รักฟังผมจบก็ตบไฟเข้าข้างทาง  มืออุ่นปล่อยมือผมก่อนจะรวบผมเข้ามากอดไว้ทั้งตัว  ปลายจมูกเย็นชื้นกดลงที่ขมับสลับแก้มผมหลายที

“ชื่นใจ..”  ตาโศกระยับจับจ้องดวงตาผมก่อนจะผละไปมองทางข้างหน้า  พี่รักขับรถออกจากจังหวัดที่เรามาช่วยน้ำท่วมตรงไปที่บ้านผมทันที  มือข้างหนึ่งจับพงมาลัยตลอดเวลา  อีกข้างจับพวงมาลัยสลับจับมือผมไปตลอดทาง  พี่รักจอดรถไว้หน้าปากซอยบ้านผม  เพราะน้ำข้างในสูงประมาณขา  ผมกดโทรศัพท์โทรหาเพื่อน  ไอ้ปั้นไปอยู่บ้านแม่  ไอ้ตูนตามไปอยู่ด้วยเพราะทนห่างไอ้ปั้นไม่ไหว  เพื่อนคนอื่นก็ย้ายออกไปอยู่ต่างจังหวัดกันหมด   เราลงจากรถได้ก็เดินลุยน้ำเข้าไปเพราะไม่มีเรือชาวบ้านหรือรถวิ่งเข้าออกเลย  น้ำมันค่อนข้างแรงและลึกขึ้นเรื่อย ๆ  มือพี่รักเลื่อนลงมากอดเอวผมไว้แน่นขึ้น

“กลับเถอะครับ  น้ำมันลึกขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้เราอย่าไปเลย  ไว้ให้น้ำมันตื้นกว่านี้..พี่จะพามาใหม่”  มองหน้าพี่แล้วมองทางข้างหน้าที่มีแต่น้ำสุดลูกหูลูกตา  ผมพยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินกลับ  คนที่ชวนกลับขืนมือที่เกาะเอวผมไว้..

“ไปอีกหน่อยค่อยกลับดีกว่าครับ”  ขมวดคิ้วแล้วเดินตามแรงประคองที่เอว  ผมเดินตามพี่รักมาหยุดใต้ต้นแก้วของผมเอง  วันนี้ดอกแก้วที่เคยปลิว  ลมที่เคยพัดวนรอบตัวผมมันหายไปกับสายน้ำที่ท่วมหมู่บ้านของผม จะหลงเหลือก็เพียง..กลิ่นความหอมของดอกแก้วยังคงลอยอบอวลอยู่ใต้ต้นเหมือนเดิม

พี่รักกอดเอวผมไว้หลวม ๆ แล้วเงยหน้ามองกิ่งไม้ใบเขียวสดของต้นแก้ว  มือใหญ่ลูบลำต้นเบามือแล้วหันมาสบตาผม

“วันนั้น..พี่เดินผ่านต้นแก้วไปแล้ว  แต่ไม่รู้ว่ามีลมจากไหนพัดดอกแก้วปลิวมาเยอะมาก  เยอะจนพี่ต้องหยุดเดินแล้วมองหาต้นแก้ว  ถ้าพี่ไม่มองหาต้นแก้วต้นนี้..พี่คงไม่เจอ..คนแปลกหน้าที่ยืนร้องไห้อยู่ใต้ต้นแก้วต้นนี้แน่นอน”  ยิ้มบางให้ดวงตาโศกของพี่แล้วหลับตารับความอ่อนโยนที่สัมผัสที่แก้มผมแผ่วเบา  เลื่อนมือสวมกอดคืนเบามือ  เงยหน้าจูบปลายคาง  เลื่อนปลายจมูกหอมแก้มสากที่คลอเคลียแก้มผมไม่ห่าง  น้ำเย็นฉ่ำไหลรินใต้ต้นแก้ว   สายลมเอื่อยพัดกลิ่นหอมอ่อนของดอกแก้วปะทะผิวกาย  สัมผัสอ่อนโยนแตะไล้ไปทั่วใบหน้า  หัวใจอิ่มเอมกับสัมผัสนั้น..จนเวลาเลยเข้ายามเย็น

พี่รักกดปลายจมูกที่แก้มผมเบา ๆ ก่อนจะซุกหน้าเข้าที่ไหล่ผมนิ่ง    เราจูงมือกันเดินออกจากซอยแล้วขึ้นรถกลับบ้านปู่   น้ำที่กรมชลปล่อยมามันเอ่อท้นขึ้นมาเพิ่มอีกหลายจุด  โชคดีที่รถพี่รักยกสูง  ไม่อย่างั้นเราคงไปไหนไม่ได้แน่  ขับออกจากตัวเมืองก็เจอกับรถที่ติดยาวเป็นแถว  เราจอดรถแช่น้ำนานเป็นชั่วโมงจนทนไม่ไหว  ผมเปิดประตูเดินออกไปดูว่ามันติดอะไรมากมาย  พี่รักรีบเดินตามผมมาทันที  รถทัวร์  2  ชั้นคันหนึ่งจอดเสียอยู่ตรงช่วงที่ต้องปิดอีกเส้นทางมาใช้ถนนเส้นนี้เส้นเดียวพอดี  รถที่จะเข้าก็เข้าไม่ได้  ออกก็ออกไม่ได้  พี่รักถอนหายใจยาวแล้วหันมามองหน้าผม 

“วันนี้กลับไม่ได้แน่  เดี๋ยวพี่โทรบอกพ่อว่าเราจะค้างที่บ้านพี่ก็แล้วกันนะครับ”  ยืนนิ่งมองหน้าคมที่ล้วงโทรศัพท์โทรบอกพ่อว่าการเดินทางค่อนข้างลำบาก  ต้องพาผมค้างที่บ้านพี่รัก..

“ครับคุณลุง  ที่บ้านผมคนเยอะครับ  น้องปลอดภัยแน่นอนครับคุณลุง..”  พี่รักยื่นมือถือให้ผมแล้วยิ้มบางส่งมาให้  ผมยื่นมือรับมือถือแล้วมองหน้าจอที่มีเวลาการใช้งานขยับขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมายาว ๆ แล้วกดรับสาย

“ครับพ่อ มันใช้ถนนได้แค่เลนส์เดียวครับพ่อ  แล้วมันมีรถทัวร์จอดเสียอยู่ครับ  ค้างบ้านพี่รักครับ  ไม่เคยไปครับ  ครับ..”  หูฟังคำถามพ่อ  ปากตอบคำถามชัดเจน  ดวงตาผมมองตาโศกที่มองผมด้วยแววตาอ่อนโยนไม่วางตา  มันอุ่นในใจจนไม่อยากจะละสายตาไปไหนเลยครับ  พ่อถามผมหลายคำถามก่อนจะบอกให้ผมส่งมือถือคืนพี่รัก   

“ครับคุณลุง  ผมพาน้องกลับก่อนเที่ยงครับ  ครับ  ครับ”  มองตาโศกทอประกายหวานจับจ้องใบหน้าผม  มือใหญ่วางโทรศัพท์แล้วจับจงมือผมไปขึ้นรถ  หักพวงมาลัยกลับทางเดิม  ขับเข้าเมืองไม่นานก็ถึงทางเข้าบ้านพี่  พี่จอดรถต่อท้ายรถยนต์อีกหลายคันก่อนจะจับมือผมเดินลุยน้ำเดินเข้าไปในซอย    พี่หยุดเดินก่อนจะบอกให้ผมรอตรงนี้ก่อน  จับมือแน่นขึ้นแล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ  พี่ไปไหน  ผมก็พร้อมจะไปด้วย   เดินฝ่ากระแสน้ำที่ไหลแรงขึ้นไปขึ้นเรือที่พี่ผูกไว้กับรั้วบ้านใครสักคน  ผมก้าวขาขึ้นเรือก่อน  มีมือใหญ่คอยประคองตัวและจับเรือให้นิ่ง  นั่งได้ผมก็ไม่กล้าขยับตัว  พี่ก้าวขึ้นง่าย ๆ ก่อนจะแก้เชือกที่ผูกเรือไว้  มองพี่พายเรือด้วยความทึ่ง

“พี่รักเก่งจัง”  พี่ยิ้มกว้างแล้วเบือนหน้าซ่อนความเขิน  พี่เล่าให้ฟังว่าพี่โตมาในบ้านสวน  เพราะฉะนั้นเรื่องพายเรือ  หาปลาก็เลยพอทำได้  จับกาบเรือแล้วหันมองไปรอบตัว  พี่บอกผมว่าตรงที่เราพายเรือไม่ใช่ถนน  แต่เป็นตลาดนัดแถวบ้านพี่เอง  น้ำท่วมจนผมคิดว่าตรงนี้เป็นถนนเสียอีก  นั่งมองคนตาโศกพายเรือด้วยท่าทางทะมัดทะแมงให้ผมนั่งไปจนถึงบ้านหลังใหญ่  พี่พายไปจนถึงประตูบ้านที่เปิดทิ้งไว้  แล้วหันมายิ้มให้ผม

“บ้านพี่เองครับ  ค่อย ๆ ลงเรือนะ  พ่อแม่พี่กับคนอื่นรออยู่ข้างบนครับ”  ยิ้มตอบแล้วก้าวขาแตะผืนน้ำแล้วก้าวช้า ๆ หันมองพี่ลงจากเรือแล้วผูกไว้กับประตูบ้าน  พี่เดินมาหาแล้วแตะหลังเบา ๆ ให้เดินไปพร้อมกัน   มือใหญ่ดึงลูกบิดเปิดประตูตรงหน้าออกช้า ๆ  ผมกลั้นหายใจแล้วยกมือไหว้ผู้ชายกับผู้หญิงที่ยืนรอข้างหลังบานประตู  เสียงทักทายผมดังเซ็งแซ่ 

“เข้ามาก่อนลูก  หิวรึเปล่า?  รักพาน้องไปกินข้าวก่อนไป  ผัดมาม่านะลูก”  ผมยิ้มกว้างให้กับน้ำใจของแม่พี่รักแล้วเดินตามพี่เข้าไปนั่งกลางวงล้อมของหมู่ญาติพี่   ก้มหน้าก้มตารับผัดมาม่าแล้วตักกินจนหมด  รับน้ำจากพี่แล้วนั่งนิ่งตัวตรง

“โทรบอกพ่อรึยังครับ  ไปโทรที่ห้องพี่ดีกว่า  ตรงนี้คนเยอะ”  เงยหน้าขึ้นสบตาโศกแล้วยิ้มน้อย ๆ ลุกตามพี่เข้าไปในห้องมุมข้างในสุด  พี่เปิดประตูทิ้งไว้แล้วหันมายิ้มให้ผม  ยิ้มตอบพี่แล้วหยิบมือถือพี่โทรหาพ่อ

“พ่อ..ตุ๊เองครับ  ถึงบ้านพี่แล้วครับ  คนอยู่เยอะครับ  ญาติพี่เยอะครับพ่อ  นอนห้องพี่ครับ”  ส่งโทรศัพท์ให้พี่คุยกับพ่อ  เบือนไปมองรอบ ๆ แล้วยิ้มบางให้เด็กตัวเล็กที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงพี่  พี่วางโทรศัพท์แล้วเดินเข้ามากอดเอวผมจากข้างหลัง  กระซิบเสียงเบา

“หลานพี่เองครับ  ลูกของลูกพี่ลูกน้องน่ะ  บ้านเขาชั้นเดียว  อยู่ท้ายซอยด้วย  แม่พี่เลยให้มาอยู่รวมกันที่บ้าน  นอนห้องนี้ด้วยกันนะครับ  มีเด็กเล็กแบบนี้นอนได้เนอะ  หลานพี่ไม่งอแงหรอก”  ผมมองหลานพี่แล้วยิ้มบางให้กับภาพมือเล็กจิ๋วจับมุมผ้าห่มไว้หลวม ๆ เอียงคอซบผมนุ่มที่คลอเคลียที่ไหล่

“พี่นอนได้ผมก็นอนได้ครับ”  พี่ยิ้มกว้าง  ผมยิ้มตาหยีส่งกลับ  พี่เดินมาหยิบเสื้อผ้าให้  ไฟกับน้ำถูกตัดครับ  เราเลยต้องรีบอาบน้ำตอนที่มันยังมีแสงอยู่  ผมรับผ้าขาวม้ามามองก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปผลัด  เดินออกมาจากห้องน้ำก็รีบเดินหนีตาโศกที่มองโน่นมองนี่ผม..ไม่เกรงใจผมเลย  พี่พาผมเดินไปหลังบ้าน  แล้วให้ผมนั่งอาบน้ำตรงนี้เลย  ต้องอาบน้ำที่มันท่วมครับ  ดีที่น้ำไหลตลอดเวลา  จะว่าไป..เหมือนเราเล่นน้ำในคลองเลยครับ  มือใหญ่ตักน้ำมาช่วยราดตัวผม  ผมก้มหน้าก้มตารีบฟอกสบู่แล้วรีบฉวยขันน้ำในมือพี่มาตักราดล้างฟอง   เดินเลี่ยงออกมาแล้วรีบเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า...

แต่งตัวเสร็จผมก็เดินเข้ามาในห้อง  เจอแม่หนูน้อยกำลังเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็กอยู่  ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเดินเลี่ยงออกมาหาพี่   นั่งมองพี่อาบน้ำจนเสร็จ  พี่ยิ้มให้ผมยิ้มบางให้..

“แม่น้องเปลี่ยนผ้าอ้อมให้น้องในห้อง  ผมเลย..เดินออกมาหาพี่ครับ”  พี่พยักหน้าแล้วเดินนำผมกลับไปที่ห้อง  ยิ้มให้หนูน้อยที่มองหน้าผมนิ่ง  พี่แต่งตัวเสร็จก็จับมือผมให้ลุกตาม  เดินตามพี่ผ่านห้องใหญ่ออกมา  เลี่ยงน้ำที่เอ่อล้นขึ้นมาจนเกือบถึงพื้นบ้าน  เดินตัวลีบตามพี่ออกมานั่งตรงระเบียงบ้าน  ชะงักเท้าที่เดินตามพี่เมื่อเห็นมือพี่กวักเรียกให้มานั่งตัก  ผมหันรีหันขวางก่อนจะเอามือลูบท้ายทอยตัวเอง  พี่หัวเราะเสียงใสแล้วตบพื้นที่ข้างตัวดังปุ  นั่งลงข้างพี่แล้วมองแสงสีส้มแดงที่สะท้อนทั่วท้องน้ำ  หรี่ตามองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า  พี่ยื่นมือมาบังแสงให้  ผมหันหน้าไปมองคนข้าง ๆ ที่อุตส่าห์เอามือบังแสงให้  ตาโศกอยู่ใกล้จนเห็นขนตาหนา..ชัดเจน

มือที่บังแสงลดลงมาประคองหน้าผมไว้  หลับตารับริมฝีปากอุ่นที่ทาบประทับ  ลมอุ่นเป่ารดแลกลมหายใจกับผม  ความชื้นขยับเชื่องช้าไปตามรูปริมฝีปากผม  นุ่มนวล  อ่อนโยน  จนผมต้องเผยอริมฝีปากเพื่อรับความอุ่น..ที่มากกว่านั้น

หัวใจเต้นรัวเมื่อปลายลิ้นผมสัมผัสความร้อนจากเรียวลิ้นพี่รัก  ความมืดรายล้อมรอบตัวเหมือนมือใหญ่ที่กำลังโอบกอดตัวผม   ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ  เมื่อพี่ผละริมฝีปากออก  ลืมตาขึ้นมองตาเชื่อมที่จับจ้องทั้งดวงตาและริมฝีปากผม  หัวใจเต้นเสียงดังโครมคราม  ดันไหล่พี่เบา ๆ เมื่อริมฝีปากนุ่มเคลื่อนเข้ามาหาอีกครั้ง

“พอแล้ว..”  พี่เลื่อนสายตาจากริมฝีปากผมขึ้นมาสบตานิ่ง  ลมอุ่นจากปลายจมูกพ่นใส่หน้าผมก่อนจะรวบผมเข้ามากอดไว้ทั้งตัว  นิ่งฟังเสียงตึกตักข้างในอกกว้าง  ยื่นมือโอบกอดกลับเบามือ  พี่คลายแรงกอดออกแล้วจับผมมานั่งตัก  มองท้องฟ้ามืดมิดที่มีแสงดาวระยิบพร่างกระจายประดับฟากฟ้ายามค่ำคืน  พี่หยิบมือถือออกมาดูเวลาแล้วกระซิบบอกผมให้นั่งรอตรงนี้  พักหน้า  ขยับตัวให้พี่ลุกไป  หายไปไม่ถึง  10  นาทีพี่ก็กลับมาพร้อมหมอนและผ้าห่ม 

ยิ้มกว้างรับผ้าห่มกับหมอนจากมือพี่  ขยับตัวลุกให้พี่รักปูผ้าห่มแทนฟูก  นั่งลงให้พี่รวบเข้ามากอด  ยิ้มรับผ้าห่มที่คลุมกายเราทั้งคู่ไว้   ซุกตัวเข้าไออุ่นของคนตาโศก  กระชับแขนแกร่งที่กอดผมให้คลายหนาว  นอนมองดาวพราวระยับในคืนเดือนมืด  บรรยากาศที่น่าหดหู่กลับอบอุ่นเพียงเพราะคืนเดือนมืดในวันนี้..ผมอยู่กับคนที่ผมรัก

พลิกตัวเข้าหาอกแกร่ง  หลับตารับริมฝีปากที่พรมจูบไปทั่วหน้า  ฝ่ามือสอดประสาน  หัวใจเต้นตึกตักเป็นจังหวะเดียวกัน  ริมฝีปากคลอเคลียไม่ห่าง  หลับตานิ่งฟังเสียงลมหายใจที่ดังระดับเดียวกัน  สลับกับเสียงกระซิบรัก..จนค่ำคืนที่ยาวนานผ่านล่วงเข้าวันใหม่

หลับไปเพราะสัมผัสอุ่นที่ทาบริมฝีปากกับแก้ม  แต่ตื่นด้วยปลายลิ้นที่เข้ามาเกี่ยวพันแย่งลมหายใจ  ลืมตามองตาเชื่อมก่อนจะหลับลงไปใหม่  ผ่อนลมหายใจตามจังหวะการตวัดรัดปลายลิ้น  ดันไหล่เบามือให้พี่หยุด  คนตาโศกครางงึมงำก่อนจะยอมถอนจูบโดยดี

“ไม่อยากไปส่งเลย..คิดถึงแย่”  เสียงทุ้มกระซิบอ้อนไม่อยากส่งผมกลับ  ผมได้แต่ยิ้มกว้างกลับไปเท่านั้น  พี่รักพลิกตัวคร่อมจูบผมอีกหลายครั้งจนแสงจ้าของพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า  เราผละออกจากกันอย่างอ้อยยิ่ง  ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัว ลาพ่อแม่กับญาติพี่รักแล้วรีบออกจากบ้าน  เราพยายามใช้เวลาเดินทางให้อยู่ในเวลาที่กำหนด  เที่ยงตรง..พี่รักก็พาผมไปส่งถึงหน้าบ้านพอดี

พ่อยืนชะเง้อคอมองหารถเราอยู่หน้าบ้าน  พอเห็นรถเราเข้าไปพ่อก็รีบเสไปมองต้นไม้ใบหญ้าเรื่อยเปื่อย  พ่อยกมือรับไหว้พี่รักแล้วถามว่าออกมากันกี่โมง  ถามเสร็จก็พาเข้าบ้านไม่ฟังคำตอบ  ให้ผมพาพี่รักเข้าไปหาแม่ที่เก็บผักอยู่ในสวน  แม่เก็บผักใส่ตะกร้าแล้วบอกพี่รักว่าให้เอาไปฝากแม่พี่รักด้วย  ผมช่วยพี่รักยกผักขึ้นรถ  ยืนมองตากันพักใหญ่  พ่อผมก็บอกให้พี่รักกลับได้แล้วเพราะต้องใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง 

“กลับเถอะรัก  เดี๋ยวขับรถเข้าบ้านยาก”  พ่อบอกพี่รักแล้วหันหลังกลับเข้าบ้าน  พี่รักมองตามแล้วเหลียวมองรอบตัว   เผลอตัวเหลียวมองตาม  เพียงเสี้ยวนาทีที่ผมไม่ทันตั้งตัว  สัมผัสอุ่นแตะที่แก้มผมรวดเร็วเหมือนสายลมพัด  อมยิ้มแล้วเบือนไปมองเท้าตัวเอง  หูร้อนวูบวาบ  เงยมองพี่รักที่กำลังยิ้มอยู่แล้วยกมือไหว้พี่

“หวัดดีครับ  ขับรถดี ๆ นะ  โทรหาตุ๊ด้วยนะถ้าถึงบ้านแล้วอ่ะ”  พี่รักยกมือแตะมือที่ผมกระพุ่มไหว้แล้วพยักหน้ารับ  มองส่งรถกระบะสีเข้มขับออกจากบ้านสวนของปู่  อดยิ้มกว้างแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบา ๆ ไม่ได้  ก้มหน้าเดินเข้าบ้านแล้วเข้าห้องล้มตัวลงนอน

อยากให้น้ำลดเร็ว ๆ ผมกับพี่จะได้เจอกันง่ายขึ้น  ห่างกันแค่  2  นาทีผมก็เหงาแล้ว  หลับตาลงช้า ๆ ให้ในหัวอยู่กับพี่จนกว่าจะลืมตาตื่น   สัมผัสอุ่นที่มือยังคงมีไออุ่นของพี่ติดแนบ  หัวใจเต็มตื้นเมื่อคิดว่า..ข้างกายผมมีพี่อยู่

ยิ้มพราย  ดวงตาโศกแววตาพราวระยับ..ติดตา  อยากให้ตรงนี้เป็นระเบียงบ้านพี่  หัวใจเต้นตึกตัก  ยอมรับอย่างจนใจ..

ว่าตอนนี้..





..ผมรักคนแปลกหน้าคนนี้จนหมดหัวใจไปแล้วครับ..


END.


…………………………………………………


บวก ๆ   หอม ๆ   กอดดดค่ะ  หน้าร้อนนี่มันร้อนจริง ๆ นะคะ  แดดเผาไปถึงท้ายทอยเลยค่ะ
คุณ Mouse2U  หนุ่มในตลาดนี่น่ารักทุกนายค่ะ  จิชอบบบบ5555  ส่วนน้องวีพี่โตและเอ้ต๊อบ  เจ้าของคอนเซ็ป  คู่ขี้อายและคู่ขี้เอา(กรี๊ดดดด ยืมขันแตก ๆ ของเตงมาตบปากจิ  10 ที) ก็ฉีกอารมณ์ดังแควก ๆ เลยทีเดียว  น้องใสปิ๊งน่าถนอมมากค่ะ  อยากได้น้องงงงง
คุณ  PURE LOVE  เนอะคะ  น้องน่ารักมวากกกกกกก  น่าถนอม  น่ากกกอด  ผิดกับเอ้..แตกต่างมากจริง ๆค่ะ(เอ้กอดอกมองเชิดหน้าแล้วเลียปาก) ว่าแต่..ไม่สนใจเขียนแฟนฟิคจริงเหรอคะ  จิก็อยากอ่านน้องตังในมุมมองของคุณ PURE LOVE  นะคะ(โน้มน้าว)
คุณ  BlueCherries กอดต้อนรับค่ะ  คู่หลังนี่ร้อนเข้ากับหน้าร้อนค่ะ  เดือนนี้ร้อนได้อีก  จิกลายร่างเป็นจิแดดเดียวไปแล้วเรียบร้อย  เกรียมได้อีกกกกก
คุณ N.T.❁  กอดนุ่นนนนนนน  ว่างค่อยมาอ่านย้อนนะคะ  เรางานยุ่ง  พี่เข้าใจ(เพราะพี่ก็ไม่ต่าง55)  ขอบคุณที่ช่วยพี่ตามนิยายอีกครั้งนะคะ(จูบแก้ม)
คุณ  KKKwanGGG  คู่ขี้อาย  น่ารัก  ใสปิ๊ง  กุ้งกิ้งมากมายค่ะ  คู่ขี้เอา..จิเพลียแทนต๊อบค่ะ5555
คุณ  nekko  คู่ขี้อาย  น้องวีมีขีดความอาย  1  เมตร  และพี่โตมีขีดความอดทนหนา  1  เมตรค่ะ  ส่วนคู่ขี้เอา..เอ้มีขีดความอ่อยหนา  10  เมตร  ต๊อบมีขีดความอดทน  0.1  มิล  เข้ากั้นเข้ากันค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามนะคะ   
 :กอด1: :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เห็นคุณ jira บอกว่ากู้คืนมาได้แค่ราวๆ 20 คู่ จาก 29 คู่

ไม่ทราบว่ามีแฟนๆเคยเซฟเก็บไว้ แล้วมาให้คุณ jira บ้างหรือยังคะนี่??

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
เห็นคุณ jira บอกว่ากู้คืนมาได้แค่ราวๆ 20 คู่ จาก 29 คู่

ไม่ทราบว่ามีแฟนๆเคยเซฟเก็บไว้ แล้วมาให้คุณ jira บ้างหรือยังคะนี่??

แฟนคลับหนุ่ม ๆ ในตลาดน่ารักมากค่ะ  มีส่งมาให้จิหลายคนค่ะ  ทั้งพี่ฝน(love2y)  14  ตอน  พร้อมตอนพิเศษ,  คุณ @rnon   10  ตอน พร้อมตอนพิเศษ และคุณโอม (ΩPRESTOΩ ) ส่งนิยาย  24  ตอนพร้อมตอนพิเศษ  แถมแฟนฟิค
ขอบคุณทุกท่านมาก ๆ ค่ะ
คุณโอมส่งมาให้จินี่มากกว่าที่จิมีอีกนะคะ >///<
แต่ที่เหลืออีก  5  ตอน จิมี  1  ตอน..อีก  4  ตอนยังไม่มีค่ะ
ขาด  4  ตอน ดังรายการต่อไปนี้
1.  เอ้ต๊อบ 
2.  แฟนเก่าเอ้และน้องรับจ้างเป็นแฟน
3.  น้องขายสังฆภัณฑ์กับเด็กในซอยเดียวกัน
4.  และคู่สุดท้าย  คู่น้องบนเจ้าพ่อกับรุ่นพี่ในโรงเรียนค่ะ
 ถ้าใครพอมี  ส่งให้จิด้วยนะคะ  ขอความเมตตาค่าาาาา
ขอบคุณคุณ BlueCherries ด้วยนะคะที่ถามไถ่ถึงค่ะ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ไม่เกี่ยวกระทู้แต่ถามรบกวนถาม

รูปดิสเพลย์เป็นรูปของใครเหรอคะ? น่ารักมาก

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
ไม่เกี่ยวกระทู้แต่ถามรบกวนถาม

รูปดิสเพลย์เป็นรูปของใครเหรอคะ? น่ารักมาก

น้องเก้า  สมัยละอ่อนค่ะ  น่ารักเน้ออออออ  งื้ดดดดดดดด

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
ถอนหายใจอย่างโล่ง สมหวังแล้วนะ

 :กอด1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
สิ้นแสงจันทร์
… น้ำตาถึงกับไหลนองหน้าเลยค่ะ :hao5:  อยากขอใช้สิทธิ์เปลี่ยนตัวจากเป็นพี่มั่นลงหลุม เป็นตาพราหมณ์คนทำนายลงไปแทนมากๆ ค่ะ นี่มันศาสตร์มืดชัดๆ ไม่มีความเป็นมงคลอะไรในพิธีกรรมแบบนี้เลยสักนิดเดียว สงสารก็แต่พี่มั่นกับหนูแดง เราคิดว่าแค่ทั้งสองคนได้อยู่เคียงข้างกันไปจนถึงบั้นปลายของชีวิตก็คงมีความสุขมากที่สุดแล้ว เพราะลำพังการได้คบกันคงเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่กลับกลายเป็นว่าต้องมาจากกันไปเพียงเพราะคำนาย (?) ซึ่งสำหรับเราแล้ว เราคิดว่าไม่ยุติธรรมกับพี่มั่นเลยค่ะ :ling1:

สายสัมพันธ์แห่งรัก
… ซาบซึ้ง~~ มากเลยค่ะ เราชอบฉากที่ทั้งสองคนมาเจอกันที่ต้นดอกแก้วที่สุด (ของแจ้) น้ำตาแห่งความดีใจของเราปริ่มออกมาประหนึ่งว่าตัวเองเป็นน้องตุ๊เลยเชียวค่าา :heaven // เขินจังเลย.. พูดอะไรไม่ออกแล้วค่ะ รู้แค่ว่าตรึงใจเรามาก เหมือนละอองของความสุขจากการที่ได้พบเจอกันของพี่รักกับน้องตุ๊ลอยอวลออกมาจนเราสัมผัสถึงได้เลยน่ะค่ะ อ่า..ตอนนี้ต้องขอเลื่อนคู่น้องวีไว้ที่ความชอบอันดับสองแล้วสิคะเนี่ย ขอบคุณคุณจินะคะที่เขียนนิยายดีๆ แบบนี้ออกมา o1

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ฮืออออ สงสารพี่มั่นกับหนูแดงอ่ะ เศร้าจังเลย
แค่เกิดมาในคืนราหูอมจันทร์ ต้องมามีชะตาชีวิตแบบนี้เหรอ :monkeysad:
เรื่องศาลหลักเมืองนี่ เคยได้ยินมาตอนเด็ก ๆ เหมือนกันค่ะ จำไม่ได้ว่าจากไหน
เรื่องคล้าย ๆ กัน แต่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ตอนนั้น รู้สึกสงสารมาก ๆ
ชีวิตคนทั้งชีวิต ถูกกำหนดให้ตายเพราะความเชื่อ ยังไงก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลย

พี่จงรัก กับน้องภักดี ช่วยทำให้คลายความเศร้าของพี่มั่นกับหนูแดงได้หน่อย
อ่านตอนแรก คิดว่าพี่จงรักเป็นวิญญาณนะเนี่ย คิดว่าพี่มั่น ยังไม่ไปเกิดซะอีก
พี่จงรัก อบอุ่นอ่อนโยนจริง ๆ ดีใจที่พี่รักกับน้องตุ๊ ได้รักกันสุขสมหวังเสียที
คิดถึงตอนหนีน้ำท่วม เหมือนน้องตุ๊เลย ต้องไปอาศัยญาติอยู่ จะว่าไปก็เร็วเนอะ
ความรู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านมาไม่นานเลยนะเนี่ย ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ลืมไม่ลงจริง ๆ
ขอบคุณคุณจิค่ะ  :กอด1:
ปล. เรื่องแฟนฟิคพี่ช้างน้องตัง ไม่สามารถจริง ๆ ค่ะ ให้จิ้นในหัวนี่ ได้มากมาย
แต่จะให้เขียนออกมาเป็นเรื่องเป็นราว ให้คนเข้าใจนี่ คงไม่ไหวจริง ๆ แหะ ๆ  :m8:


ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
กระป๋องเบียร์  รอยรัก  และฝ่ามืออุ่น

 
ลมจากพัดลมตั้งโต๊ะพัดส่ายไปมา  ผมที่เริ่มยาวพัดไปตามแรงลมจนเริ่มรำคาญ  หันมองซ้ายขวาแล้วก็หยิบหนังยางมามัดผมหน้าเป็นจุก  หันกลับมาจดจ้องหน้ากระดาษที่มีตัวหนังสืออยู่เต็มหน้า  กวาดตาเก็บรายละเอียดใส่สมองรับการสอบย่อยที่กำลังจะมาในอีกไม่กี่วัน  ตอนน้ำท่วมผมก็ดีใจที่เลื่อนวันเปิดเรียนออกไปอีกนาน  แต่พอน้ำลง  ผมก็รับรู้ว่า..นี่มันนรกชัด ๆ!!

เพราะเปิดเรียนปุ๊บก็ต้องเรียนให้ทันในส่วนที่โรงเรียนต้องปิดเรียนไป  ไหนจะเรียนต่อในเวลาที่เราเคยเลิกเรียนแล้ว  ไหนจะต้องมานั่งอ่านหนังสือหนักเพื่อสอบเก็บคะแนนอีก  ถอนหายใจยาว ๆ เซ็งกับการต้องนั่งอ่านหนังสือ  อ่านบ้านตัวเองไม่ได้  เพราะที่บ้านเปิดกิจการใหญ่  คนมากมายเดินเข้าออกอยู่ตลอดเวลา  ต้องมาอ่านหนังสือบ้านเพื่อน  นั่งแยกกันคนละมุมเพราะกลัวจะไม่มีสมาธิในการอ่าน  และเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด  ใครอ่านวิชาไหนก็อ่านให้แตกฉาน  กินข้าวเที่ยงเสร็จเมื่อไหร่ก็มานั่งสุมหัวผลัดกันติววิชาที่ตัวเองอ่านมา 

แม่ผมเขาขาไพ่น่ะ  แต่ก็ทำงานนะครับ  ไม่ใช่เอาแต่รอตีไพ่อย่างเดียว  งานแม่มีเฉพาะช่วงเช้าที่ต้องไปช่วยพ่อขายนมร้อน  ขนมปังปิ้งอยู่ในตลาด  ขายเฉพาะตอนเช้า  พอกลางวันพ่อก็ทำงานประจำ  พ่อเป็นข้าราชการ   ส่วนแม่..ก็สับไพ่ไปตามเรื่องตามราว หางตาเหลือบเห็นคนเดินผ่านแถวประตูบ้าน  เงยหน้ามองให้ชัดก็นิ่งกับผู้ชายหลายคนเดินมาหยุดถอดรองเท้าหน้าประตู  ยิ้มแล้วยกมือไหว้พี่วุธพี่ชายไอ้วัฒน์เพื่อนผม  ยกมือไหว้เพื่อนพี่อีกหลายคนก่อนจะชี้นิ้วขึ้นไปชั้นบนเมื่อพี่วุธถามหาไอ้วัฒน์  ยิ้มน้อย ๆ แล้วพยักหน้าให้เพื่อนพี่วุธที่แนะนำตัวกับผม  จำไม่ได้ว่าใครเป็นใครเพราะผมอยากอ่านหนังสือมากกว่าการใส่ใจจดจำเพื่อนพี่วุธ  เบือนหน้ากลับมาสนใจหนังสือต่อ  อ่านไปได้ไม่กี่บรรทัดก็ต้องเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเมื่อเหลือบเห็นว่ามีคนเดินมาหยุดหน้าประตูอีกแล้ว  ผู้ชายตัวสูงก้มหน้ายืนจับบานประตูข้างหนึ่งถอดรองเท้าบูทกันน้ำ  พยายามเอียงคอมองเสี้ยวหน้าก็สบตาสวยที่เงยขึ้นมามองพอดี

ปลายนิ้วที่แตะตรงหนังสือหยุดขยับ  นิ่งมองตอบดวงตาสวยไม่กะพริบ  คิ้วเข้มหนา  ตาสีดำประกายสวย  จมูกโด่ง  ผมหนาตัดรองทรงต่ำ  ปากสีแดงธรรมชาติ  กลืนน้ำลายเหนียวลงคอให้ผู้ชายคนนั้น  หัวใจเต้นรัวเมื่อริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มส่งให้  เสียงทุ้มเอ่ยถาม..

“วุธล่ะครับ?”  กะพริบตาปริบแล้วชี้นิ้วขึ้นชั้น  2  เพื่อนพี่วุธนี่เอง  มองส่งหลังกว้างขึ้นชั้นบนด้วยหัวใจเต้นถี่  ไม่อยากจะละสายตาจากสเปค  ยิ้มบางกับอาการประทับใจกับบุคลิกหน้าตาเพื่อนพี่วุธของตัวเอง  ส่ายหน้ากับหัวใจที่เต้นตึกตักไม่เลิก  ดูยังไงก็เป็นผู้ชายปกติ  ไม่มีวันเป็นของผมแน่ 

ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ  หูก็คอยจับใจความเสียงดังล้งเล้งที่ดังมาจากในครัว  เพื่อนพี่วุธลงมาทำอะไรกินกันตอนเที่ยงน่ะ  จนถึงเวลากินข้าวเที่ยง  ไอ้วัฒน์กับคนอื่นเดินมาตามไปกินข้าว  นั่งล้อมวงกินข้าวเที่ยงพร้อมพี่ ๆ ในครัว  พยายามตักข้าวกินไม่สนใจหน้าหล่อตาสวยที่ผมประทับใจจนหมดจาน  เด็กอย่างพวกผมที่เอาแต่กิน  อาสาล้างจานให้  แต่เพื่อนพี่วุธก็ไล่ให้ออกมาอ่านหนังสือ  ดูเหมือนว่าพี่หน้าหล่อกับแฟนจะเป็นคนล้างจานเอง  หัวใจที่เต้นตึกตักเริ่มเต้นในจังหวะปกติ  พี่หล่อกับแฟน  แน่นอนว่าแฟนต้องเป็นผู้หญิง  ช่วยกันเก็บจานไปล้างด้วยกันแบบมีความสุข  ผมเลยหันกลับมาอยู่ในโหมดเตรียมสอบเหมือนเดิม  ผลัดกันติวจนค่ำก็แยกย้ายกันกลับบ้าน  รู้อยู่แล้วว่าพี่หล่อมีแฟน  แต่ผมก็ยัง..อยากเห็นพี่หล่ออีกนิด

เดินออกมาพร้อมเพื่อน   แยกกันหน้าบ้าน  ไอ้วัฒน์ก็อาสาจะปั่นจักรยานมาส่ง   ผมส่ายหน้าแล้วบอกมันว่าเดินกลับเองได้  พอมันเดินกลับเข้าบ้านผมก็ยืนชะเง้อคอมองลอดรั้วเพราะเห็นว่ามีเพื่อนพี่วุธเดินออกมากลุ่มหนึ่ง  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วเพ่งมองพี่หล่อว่าอยู่ในกลุ่มนั้นรึเปล่า  ยิ้มบางให้ตัวเองปลอบใจเมื่อในกลุ่มนั้นไม่มีพี่หล่อ  เดินลุยน้ำไปตามทางจนถึงบ้าน  เข้าบ้านได้ก็เข้าห้องน้ำล้างเท้า  เดินเข้าห้องตัวเองแล้วเก็บหนังสือเรียนเข้ากระเป๋า  อาบน้ำเสร็จก็เดินไปดูแม่และขาไพ่ทั้งหลาย  ให้แม่เห็นหน้าผมก็เข้ามานอน  ตื่นเช้าก็ไปโรงเรียน ผมก็เรียนไปสอบไปติวไปเหมือนที่เคย  พี่หล่อเพื่อนพี่วุธผมก็เจอกันบ่อยเพราะพี่เขามาทำรายงานบ้านพี่วุธ  เคยเนียนไปช่วยพี่หล่อยกของที่บ้านด้วย  บ้านก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านพี่วุธ  ถ้านั่งนับระยะทาง..ดูแล้วจะใกล้บ้านผมด้วยซ้ำ  ความสุขเล็ก ๆ ของผมก็คือการได้มารวมหัวกันติวที่บ้านไอ้วัฒน์นี่ล่ะ  เพราะมาทีไรก็ได้เจอพี่หล่อทุกครั้ง  พี่หล่อมีชื่อครับ  ชื่อพี่ ‘อ้น’  หล่อด้วย  นิสัยดีด้วย  แฟนก็สวย  บ้านก็รวย..เพอร์เฟคไปหมด  เจอกันทีไรผมก็ได้แต่ยิ้มทัก  ไม่เคยคุยกันมากกว่าการทักทายธรรมดา  แต่ผมก็รู้ว่า..ผมมองพี่อ้นมากกว่าเด็กคนหนึ่งมองผู้ใหญ่  ผมไม่รู้ว่าพี่อ้นตีความสายตาออกไปแบบไหน  ผมก็แค่..ไม่สามารถปิดความรู้สึกดีผ่านสายตาที่มองได้ก็เท่านั้น  แค่ได้เจอ  ได้รับรอยยิ้ม..แค่นี้ผมก็ปลื้มแล้ว 
 
วันนี้ผมก็มาติวที่บ้านไอ้วัฒน์อีกเหมือนเคย  ติวกันหน้าดำคร่ำเครียดเหมือนทุกครั้ง  พี่วุธกับเพื่อนก็มากันครบทีมเหมือนที่เคยเห็น  แต่ที่แปลกกว่าทุกทีก็..พี่อ้นดูเงียบกว่าปกติ  พอพี่อ้นเงียบผมถึงได้หันไปสังเกตแฟนพี่อ้น  พี่น้องแฟนพี่อ้นก็ดูเฉย ๆ ยิ้มแย้มดีไม่มีอะไร  แต่..ความสงสัยผมถูกเฉลยตอนกลับบ้าน

แยกกันหน้าบ้านไอ้วัฒน์ก็จะปั่นจักรยานไปส่งผมที่บ้าน  ผมก็ปฏิเสธไปเหมือนเดิม  หยุดคุยกับมันแล้วมองกลุ่มเพื่อนพี่วุธที่กลับบ้านไล่ ๆ เวลาที่พวกผมเลิกติว  เพื่อนคนอื่นเขาขับรถกลับกันแล้ว  แต่พี่อ้นกับพี่น้องก็ยังยืนอยู่หน้าบ้าน  ผมเหลือบมองไอ้วัฒน์ที่กำลังมองคู่พี่อ้นอยู่เหมือนกัน  เพ่งมองผ่านรั้วผมก็เห็นพี่อ้นที่ยืนหันหน้ามาทางผมทำหน้าเครียดคุยอะไรก็ไม่รู้กับพี่น้อง  ด้วยความอยากรู้เลยย่องเข้าไปฟังใกล้ ๆ โดยมีไอ้วัฒน์ที่ทำยื้อแขนผมเป็นพิธี  แต่สุดท้ายก็ย่องมาแอบฟังข้าง ๆ ผม
 
“เราต้องกลับแล้วอ้น  เดี๋ยวที่บ้านเรารอ..”  พี่น้องหันหลังกลับผมเลยตั้งท่าจะหลบ  แต่พี่อ้นดึงพี่น้องมากอด  ผมเลยยืนอึ้งมองพี่อ้นที่กอดพี่น้องแน่น..กับประโยคเด็ด

“..ยกเลิกการหมั้นเถอะ  แต่งงานกับอ้นนะน้อง”  ตัวแข็งทื่อกับประโยคขอพี่น้องแต่งงานของพี่อ้น  พี่น้องผลักพี่อ้นออกก่อนจะบอกเสียงนิ่ง

“เราไม่ได้รักอ้นแบบนั้นแล้ว  เรารักพี่หมอถึงได้หมั้นกัน!  แล้วที่อยู่ในท้องเราก็ลูกพี่หมอ..เลิกกันเถอะอ้น  เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนเมื่อก่อนเถอะ  เราไม่อยากจะเกลียด..”  พี่น้องพูดไม่ทันจบพี่อ้อนก็โผเข้ามากอดอีกครั้ง..

“เข้าใจแล้ว..เราจะเป็นพ่อให้เอง  แต่งงานกับอ้นเถอะ”  ดวงตาสวยหม่นแสงของพี่อ้นสบตาเข้ากับผมพอดี  แปลก..ที่ตาคู่นั้นไม่มีแววของความตกใจ  แต่กลับทอประกายแปลก  เป็นประกายดวงตาที่ผมสบแล้วมันปั่นป่วนในช่องท้องอย่างประหลาด  พี่น้องดันพี่อ้นออกก่อนจะฟาดมือที่หน้าดัง ‘เพี๊ยะ’  พร้อมประโยคที่..ผมอยากจะร้องไห้แทนพี่อ้น

“ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่ลูกเธอ!  ทู่ซี้อยู่ได้”  พี่อ้นยืนนิ่งมองตามหลังพี่น้องที่เดินไปขึ้นรถตัวเองก่อนจะขับออกจากบ้านไป  ผมกับไอ้วัฒน์รีบหันไปมองทางอื่นเมื่อเห็นพี่อ้นมองมาทางนี้  เสียงรถที่สตาร์ทและขับออกไปทำให้ไอ้วัฒน์ถอนหายใจออกมาแรง ๆ

“เรื่องใหญ่นี่หว่า  กูสงสารพี่อ้นว่ะต๋อม”  มองตามไฟท้ายสีแดงที่ลับรั้วไปแล้วก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้วัฒน์  เอ่ยขึ้นมาเบา ๆ ว่าไม่ต้องส่ง  ผมกลับเองได้แล้วเดินใจลอยออกมาจากบ้านมัน  ขาก้าวไปทางบ้านตัวเอง  แต่ใจกลับลอยล่องไปบ้านหลังใหญ่ที่อยู่หมู่บ้านถัดไปอย่างห้ามไม่ได้  ย่างเท้าเหยียบบ้านตัวเอง  ยืนนิ่งกับความคิดที่กำลังทำงานอย่างหนัก  ตอนนี้พี่อ้นกำลังอ่อนแอ  ผม..ควรจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้  สูดลมเข้าปอดแล้วเดินไปบอกแม่ว่าวันนี้จะค้างบ้านเพื่อน  เช้าจะรีบกลับ  พูดเสร็จก็คว้ากุญแจมอ’ไซค์ขี่ไปหมู่บ้านข้าง ๆ ทันที  จอดแวะซื้อเบียร์มา  6  กระป๋องไว้เป็นข้ออ้างที่ผมมาหาเจ้าของบ้านกลางดึก  จุดหมายผมอยู่ที่บ้านหลังใหญ่กลางซอยส่วนบุคคลที่โดดเด่นด้วยสวนกว้างกินเนื้อที่มากกว่าครึ่งของตัวบ้าน  จอดมอ’ไซค์แล้วล้วงมือถือออกมากดไล่หาเบอร์พี่อ้นที่ผมแลกไว้ตอนช่วยขนของ  กดย้ำอยู่หลายรอบเพราะพี่อ้นไม่ยอมรับสาย  พอกำลังถอดใจ..ปลายสายก็รับพอดี

“ครับ......สวัสดีครับ”  กะพริบตาเรียกสติแล้วบอกเสียงธรรมดา

“ผมต๋อมครับ  อยู่หน้าบ้านพี่น่ะ”  พูดได้แค่นี้พี่อ้นก็ตัดสาย  ใจผมเหลือไม่ถึงครึ่งดวง  ความรู้สึกที่ถูกแฟนคนแรกบอกปัดความสัมพันธ์ของการขอเป็นคนสำคัญตอนมีอะไรกันเสร็จเข้ามาถาโถมในหัวใจผม  เสียงแข็งกระด้างจากปากแฟนยังคงดังก้องในหัว  ‘มีคนรักคนเดียวอะไรนั่นกูไม่เอาด้วยหรอก  สนุกกันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนี่หว่า  หรือมึงไม่คิดงั้น?’  ผมได้แต่นอนนิ่งแล้วยิ้มขื่นรับความสัมพันธ์นั้น  โชคดีที่แฟนคนแรกไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว  ไม่อย่างนั้นผมอาจจะตัดใจไม่ได้..

ก้มหน้าแค่นยิ้มกับความคิดง่าย ๆ ก่อนมาหาพี่อ้นถึงบ้าน  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วสตาร์ทรถมอ’ไซค์  พอเร่งเครื่องประตูรั้วก็ขยับเปิด  ผมคร่อมมอ’ไซค์แล้วเบือนมองคนตัวสูงที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงนอนยืนจับประตูรั้วมองหน้าผมนิ่ง  ผมไม่รู้จะทำอะไรก่อน  ไม่คิดว่าพี่อ้นจะลงมาหาทั้งที่ตัดสายผมทิ้งไปแล้ว  กลั้นหายใจเมื่อพี่อ้นขยับเท้าก้าวตรงมาหาผม  มือใหญ่ยื่นมาบิดกุญแจมอ’ไซค์ก่อนจะหย่อนกุญแจลงกระเป๋ากางเกง

ก้มหน้าก้มตาเข็นมอ’ไซค์เข้ามาในบ้านแล้วคว้าถุงเบียร์มาถือ  พี่อ้นมองตาผมแล้วไล่สายตาลงต่ำหยุดที่ถุงเบียร์  กลืนน้ำลายเหนียวแล้วยื่นถุงตรงหน้าหล่อพร้อมเอ่ยถามน้ำเสียงธรรมดา

“เอามั้ย?..”  พี่อ้นมองผ่านหลังมือแล้วสบตาผมนิ่งนานก่อนจะยิ้มบาง  ยื่นมือใหญ่มารับถุงเบียร์ไปถือแล้วตอบเสียงเบา  ‘ก็ดี’   เดินตามทิศที่พี่อ้นเดินนำ  อดไม่ได้ที่จะเหลียวมองรอบตัว  พี่อ้นพาผมเดินเข้าห้องพี่ที่อยู่ชั้นบน    ก้าวเท้าเข้าห้องก็ได้ยินเสียงปิดล็อคประตู   หันหลังกลับไปมองมือใหญ่ที่ยังคงแตะอยู่ที่ลูกบิด  ไล่สายตามองแขนแกร่ง  อกกว้าง  ลำคอหนา  และหน้าคม พี่อ้นละมือจากลูกบิดประตูแล้วล้วงหยิบกระป๋องเบียร์ส่งให้  ยื่นมือรับแล้วดึงฝาเปิด  ยกแตะริมฝีปาก  ปรายตาสบตาสวยที่กำลังเปิดกระป๋องเบียร์  รสขมปร่าลิ้นละเลียดซึมไปทั่วทั้งโพรงปาก  หายใจไม่ทั่วท้องกับตาสวยที่มองผมยกเบียร์ขึ้นดื่ม  พี่อ้นเลื่อนมือที่ถือกระป๋องเบียร์ไปวางบนตู้ปลาข้างตัว  กลืนน้ำลายลงคอยากเย็นกับตาสวยที่มองริมฝีปากผมนิ่ง  มือข้างที่เพิ่งวางกระป๋องเบียร์บนตู้ปลายื่นเข้ามาจับกระป๋องเบียร์ในมือผม  ปล่อยให้พี่อ้นแย่งเบียร์ไปวางไว้ข้างเบียร์ของพี่อ้นที่ยังไม่ได้จิบบนตู้ปลา  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วหลับตารับปลายจมูกที่ซุกเข้ามาหอมที่หลังหู 

เสื้อผ้าหลุดลุ่ยจากตัวไม่รู้ว่าใครถอดของใคร  มือไม้พันกันยุ่งเหยิง  ลมอุ่นจากปลายจมูกเทียบไม่ได้กับปลายลิ้นร้อนจัด  ริมฝีปากนาบลงมาที่ลาดไหล่  ดึงความเจ็บแปลบที่ช่องทางร้อนกำลังเผชิญ  หายใจหนักแข่งกับเสียงครางกระเส่าที่ดังข้างหู  พลิกคร่อมทาบทับ  ขย่มโยกเข้าหาความแข็งขืนที่รอรับ  มือเย็นลูบปะป่ายไปทั่วตัว  พริบตาที่ความยาวกระแทกเข้าเต็มแรง  ผมก็ปลดปล่อยน้ำรักจนเลอะหน้าท้องแกร่ง  ความเร่าร้อนของพี่อ้นดับมอดไปพร้อมกับธารรักที่หลั่งรินเข้ามา..ในตัวผม ก้มหน้าเอาหน้าผากพิงที่ไหล่หนา  ขยับถอยออกช้า ๆ จนความยาวที่ฝังข้างในตัวผมถอนออกมาทีละน้อย  ลุกขึ้นยืนแล้วขอใช้ห้องน้ำ   เดินเข้ามายืนใต้ฝักบัว  มือหมุนเปิดน้ำให้รินหลั่ง  สายน้ำเย็นราดล้างคราบเหนียว  กลิ่นคาว  และล้างความรู้สึกผิดที่กำลังตรงเข้าทำร้ายตัวเอง 

ผมรู้..ผมฉวยโอกาสในขณะที่พี่อ้นกำลังต้องการใครสักคนเข้ามาปลอบ

ผมรู้ว่า..มันผิด

“ต๋อม..”  สะดุ้งกับเสียงทุ้มที่ดังจากข้างหลัง  มือลูบน้ำออกจากหน้า  พี่อ้นเดินเข้าประชิดตัว  ริมฝีปากจูบที่ซอกคอ  หลับตารับความร้อนจากตัวพี่อ้นที่กำลังต้องการปลดปล่อย  เสียงครางดังข้างหูอีกครั้ง  รับความใคร่ความอยากทั้งของตัวเองและคนตรงหน้าอย่าง..เต็มใจ   
ล้างคราบคาวทั้งของผมและของพี่อ้นออกจากตัวเสร็จ  ผมก็เดินออกมาเช็ดตัว  แต่งตัวด้วยความรวดเร็วแล้วถือวิสาสะล้วงหากุญแจมอ’ไซค์ในกระเป๋ากางเกงพี่อ้น  และเดินออกจากห้องพี่อ้นทันที พี่อ้นเดินตามมาคว้าข้อมือ  ขืนมือออกจากการเกาะกุมแล้วดินตรงไปข้างหน้า  ได้ยินพี่อ้นเอ่ยตามหลัง  ‘ดึกแล้ว  พรุ่งนี้ค่อยกลับเถอะ’  ผมไม่ได้หันกลับไปตอบอะไร  การเดินออกไปของผมมันเป็นคำตอบที่ดีที่สุดอยู่แล้ว   คร่อมขี่มอ’ไซค์ออกจากรั้วบ้าน  ขี่เข้าทางลัดที่ใช้เวลาไม่นานก็ถึงหน้าบ้านผม  ถ้าเดินก็ใช้เวลาประมาณ  10  นาทีก็ถึง  ในหัวผมก็นึกถึงหน้าหล่อที่กำลังกอดพี่น้อง  เสียงทุ้มเจ็บปวดที่พี่อ้นเอ่ยถามพี่น้องดังก้องอยู่ในหัวไปมา

‘แต่งงานกับอ้นเถอะ’  เสี้ยววินาที..ผมเผลอให้คำตอบที่พี่อ้นถาม.. 

ยิ้มขื่นเพราะตัวเองไม่ใช่พี่น้อง  ไม่มีวันที่พี่อ้นจะเอ่ยปากขอผมแต่งงานแน่นอน  กลับถึงบ้านก็เจอคำถามแม่ที่ถามผมแบบงง ๆ ว่า  ‘ไหนว่าจะค้างบ้านเพื่อน?’  ยิ้มบางแทนคำตอบแล้วเลี่ยงมานอน  เปลี่ยนเสื้อผ้า  หยิบมือถือกับเศษเงินมาวางที่หัวเตียง  ล้มตัวลงนอนแล้วข่มตาให้หลับ 

หน้าพี่อ้น  เสียงกระเส่า  และใบหน้าแสดงอารมณ์ที่ผม..เพิ่งเคยเห็น  ลอยเข้ามาวนเวียนอยู่ในหัว  ผ่อนลมหายใจออกแล้วเบือนไปมองมือถือที่นอนนิ่งบนหัวเตียง  ไม่แปลกที่พี่อ้นจะไม่โทรมา  ผมมันก็แค่..แค่คนที่ฉวยโอกาสกับความอ่อนแอเท่านั้น  เม้มปากแน่นก่อนจะทำใจ  ผมทำมันลงไปแล้ว  ไม่ว่าต่อไปนี้ผมกับพี่อ้นจะกลายเป็นอะไรต่อกัน  ผมก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้  ข่มตาให้หลับยากเย็น  ตื่นขึ้นมาด้วยอาการตาลึกโหล  หน้าบูดสนิท  ปวดท้องเพราะเครียดลงกระเพาะ หึ..สมน้ำหน้า!

อาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน  ไม่ไปตลาดช่วยแม่กับพ่อเหมือนทุกที  สะโหลสะเหลไปถึงโรงเรียนก็เดินตุปัดตุเป๋เข้าแคนทีนก่อน  สั่งก๋วยเตี๋ยวมานั่งสาวเส้นเล่น  มัน..กินไม่ลง  วางตะเกียบแล้วเลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวออกไปห่างตัว  หยิบแก้วน้ำเปล่ามาจิบช้า ๆ ก้มหน้ามองมือถือที่นูนเป็นรูปในกระเป๋ากางเกงนักเรียนนิ่ง  ถอนหายใจยาวแล้วเลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวมากิน  จะเครียดอะไรมากมาย  ถ้าเจอพี่อ้นครั้งหน้าแล้วมันแย่นัก..ผมก็หายตัวไปจากบ้านไอ้วัฒน์  หายไปจากสถานที่ที่ผมสามารถจะเจอกับพี่อ้นได้..มันก็จบ  กินเสร็จก็เดินออกจากแคนทีนมารอเข้าแถวกับกลุ่มเพื่อน  ไม่ใส่ใจกับบทสนทนาที่ไอ้วัฒน์เล่าเรื่องเด็ดของพี่อ้อนกับพี่น้องเมื่อคืนวานให้เพื่อนในกลุ่มฟัง  หยิบหูฟังมาสวมตัดวงจรการดึงเข้าไปร่วม  เพราะคนที่อยู่ในเหตุการณ์มีแค่มันกับผม  เสียงออดเรียกเข้าแถวทำให้พวกเราสลายตัว  พอเข้าเรียน..เรื่องพี่อ้นกับคนเคยรักก็หายไปกับสายลม

ผมเรียนและใช้ชีวิตปกติทุกวัน  เก็บความเครียดและความกังวลเรื่องพี่อ้นเอาไว้ให้ลึกที่สุดในใจ  สร้างภาพขึ้นมาหลอกตัวเองว่าผมหน้าหนาและเข้มแข็งพอที่จะรับกับความเย็นชาในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้  วันนี้วันเสาร์..วันที่ผมกับเพื่อนต้องมาช่วยกันติวที่บ้านไอ้วัฒน์  ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพวกเพื่อนพี่วุธก็จะต้องมารวมตัวกันที่บ้านเหมือนทุกครั้ง  หลัง ๆ ไม่มีรายงานหรือกิจกรรมกลุ่ม  พวกเพื่อนพี่วุธก็มาเล่นเกมส์  ดูหนัง  นั่งกินเหล้าทุกวันหยุดอยู่แล้ว  ถอนหายใจกับความกังวล  ผมเกร็งจนตะคริวกินที่มือแบบไม่รู้ตัว  ค่อย ๆ คลายแรงที่กำหมัดออกช้า ๆ  ขยำมือสลับกับเหยียดนิ้ว  ผ่อนลมหายใจออกเบาๆ  ถ้าแย่มากกว่าที่คิด..ก็คงจะโดนต่อยสัก  3-4  หมัด  หลังมือใหญ่อย่างพี่อ้นโดนเข้าที่หน้าสัก  3  ทีก็น่าจะแหกพอให้พี่อ้นสะใจได้แล้วล่ะ

เข้าบ้านไอ้วัฒน์ได้ก็มานั่งล้อมวง  แบ่งวิชาที่ต่างคนต่างถนัดเสร็จก็แยกมานั่งติวคนละมุม  ผมเลือกมุมใหม่  ใต้ต้นมะม่วงหลังบ้าน  ยอมรับเต็มอก..ผมยังไม่พร้อมจะเจอกับพี่อ้น  พยายามทำใจให้สงบแล้วจดจ้องกับตัวหนังสือบนหน้ากระดาษ  เกือบเที่ยงผมก็ได้ยินเสียงก๊องแก๊งในครัว   ได้ยินเสียงพี่วุธถามใครบางคนว่าจะกินอะไร  พอได้ยินเสียงทุ้มที่ตอบพี่วุธ..ผมก็เหงื่อผุดเต็มฝ่ามือ  หายใจไม่ลงปอด  กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น  คงต้อง..ทำใจอย่างเดียวสินะ

นั่งคอตกจนถึงเวลาไอ้วัฒน์ก็ตะโกนเรียกให้ไปกินข้าว  ถอนหายใจหนัก ๆ แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  เดินดุ่มผ่านประตูหลังบ้านเข้าครัว  หยิบจานมาตักข้าวแล้วเดินเข้าไปตรงที่ว่าง  ตักกับข้าวตรงหน้า  3-4  อย่างตั้งใจว่าตักเสร็จจะเดินออกมานั่งกินข้าวที่ห้องนั่งเล่น  แต่เวรกรรมที่ผมทำมันส่งผลเร็วทันตา  เพราะความอารามรีบลน  เลยไม่เห็นว่าที่ว่างที่ผมแทรกตัวเข้ามาตักกับข้าว..มันคือที่ที่พี่อ้นยืนอยู่ ช้อนกลางที่มีเต้าหู้ไข่ชิ้นโตกับผักกาดขาวบรรจงตักและเทลงมาในจานข้าวผม  มองตามช้อนถึงได้หน้าชา  พี่อ้นตักแกงจืดเต้าหู้ให้  แถมยังตักหมูทอดใส่ให้อีก  2  ชิ้น  ก้มหน้ามองเต้าหู้แล้วมันเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอหอย  หายใจไม่ออกขึ้นมาดื้อ ๆ  น้ำตาก็..พาลจะไหล มือใหญ่วางช้อนกลางแล้วเลื่อนแตะที่หลังผมเบามือ  ค่อย ๆ หายใจเข้าปอดทีละนิดแล้วเดินตามพี่อ้นที่เดินนำมานั่งที่ที่ผมเคยนั่งติวประจำ  หยุดยืนนิ่งเงยหน้ามองพี่อ้นที่เดินไปนั่งที่ประจำผม  กลืนก้อนแข็งลงคอแล้วฝืนก้าวเท้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม  พี่อ้นตักข้าวกินไปเรื่อย ๆ ทำให้เริ่มจะคลายกังวลบ้าง  ตักกินตามจนหมดจาน  นั่งนิ่งรอให้พี่อ้นกินเสร็จ  พี่อ้นรวบช้อนแล้วยื่นมือมาตรงหน้า  ผมนิ่วหน้าเกร็งรับอะไรก็ตามที่ผมกำลังกลัวทันที  มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของคนที่ทำความผิด  มันกลัวไปหมด 

พี่อ้นไม่ชกผม  ไม่ได้ตบ  หรือทำร้ายอะไรทั้งนั้น  มองตามแผ่นหลังกว้างที่ยกจานข้าวผมกับของตัวเองไปล้างในครัว  ก้มหน้า  กัดปากแน่นข่มความเจ็บในอกที่กำลังแล่นริ้ว  ถ้าให้พี่อ้นพูดจาร้ายกาจ  หรือลงมือทำร้ายไปเลย  มันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้
นั่งสำนึกผิดไม่ทันถึง  5  นาทีพี่อ้นก็เดินกลับมาพร้อมหนังสือของผม  ผ่อนลมหายใจช้า ๆ ไล่สายตาจากกองหนังสือตรงหน้าขึ้นสบตาสวย  ประกายหม่นยังคงสะท้อนภาพผมนิ่ง  ความผิดในคืนนั้นย้อนกลับมาทำร้ายผมจนจุกไปหมด  หลบตาพี่อ้นแล้วคว้าหนังสือมารวมกับพวกไอ้วัฒน์  ติวแบบไม่รู้เรื่องจนเพื่อนสงสัย  มันเลยจะกลับไปอ่านกันเอง  ผมพยายามสนใจกับเรื่องเรียนให้สุดความสามารถก่อน  พอหมดวิชาสุดท้ายที่ไอ้วัฒน์รับผิดชอบก็ถอนหายใจออกมาดัง ๆ  เพื่อนบางคนก็นอนแผ่หลา  นั่งอยู่พักใหญ่ก็แยกย้ายกันกลับบ้านเพราะมันเริ่มจะค่ำแล้ว

“ไอ้วัฒน์มึงปั่นจักรยานไปส่งกูที”  ไอ้วัฒน์ทำหน้าลำบากใจ  ผมเลยถามว่ามันมีอะไรรึเปล่า?

“กูมีนัดว่ะต๋อม  เดี๋ยวกูให้พี่วุธไปส่งนะ”  ส่ายหน้าปฏิเสธแล้วบอกมันว่าไม่เป็นไร  คว้าหนังสือมากอดแล้วรีบเดินลงมาข้างล่าง  ก้มหน้าก้มตาเดินออกจากบ้าน  พอพ้นรั้วผมก็ถูกมือหนาคว้าแขนดึงไว้  ขืนตัวไม่หันมาเผชิญหน้า  ผมจำสัมผัสแบบนี้ได้ดี..พี่อ้น

“....”  ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปาก  ผมผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วหมุนตัวกลับ  มองปลายเท้าพี่อ้นแล้วทำใจเดินตามไปขึ้นรถยนต์ที่สตาร์ทเครื่องรอ  นั่งก้มหน้าก้มตามาถึงบ้านพี่อ้น  พอล้อรถจอดสนิทพี่อ้นก็ดึงหนังสือในมือไปถือให้   เดินตามลงมาอย่างจำยอม  พี่อ้นเดินเข้าครัว  ผมยืนเป็นหุ่นอยู่กลางห้อง  มองแผ่นหลังที่เปิดตู้เย็น  พยักหน้ารับกับคำถาม  ‘มีแต่ไข่..กินไข่เจียวหมูสับได้ไหม?’  นั่งลงที่โต๊ะกินข้าวแล้วรับจานข้าวไข่เจียวมาตักกิน  ไม่เคยนึกไม่เคยฝันว่าจะมีวันที่ผมได้กินข้าวฝีมือพี่อ้น  กลืนข้าวแต่ละคำลงคอมันช่างยากเย็น  ฝืนกินได้ไม่กี่คำก็หยุด  รวบช้อนแล้วหยิบน้ำที่พี่อ้นวางไว้ให้มาดื่ม

เงยหน้ามองดวงตาสวยที่จับจ้องหน้าผมอยู่ก่อน กลืนน้ำลายเหนียว  เบือนหลบตาสวยไปมองที่อื่น เสียงช้อนกระทบจานดังติดต่อกันก่อนจะหยุดนิ่ง  พี่อ้นเก็บจานไปวางที่อ่างล้างแล้วเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าผม กลั้นหายใจเมื่อมือใหญ่จับต้นแขนดึงผมให้ลุก หายใจติดๆขัดๆกับหน้าหล่อที่โน้มเข้ามาใกล้ เบี่ยงหนีถอยหลังจนชนเข้ากับเก้าอี้ เงยหน้ามองพี่อ้น..ตาสวยกำลังจ้องมองริมฝีปากผม เม้มปากแน่นก่อนจะเอ่ยคำที่ผมควรจะพูดตั้งแต่แรก
.
.

ออฟไลน์ jira

  • ปัญญาไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 890
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1324/-3
“ผมขอโทษ..”  พี่อ้นนิ่งไปนานก่อนจะดึงผมเข้ามากอด  ปลายจมูกฝังลงที่หลังใบหู  ริมฝีปากจูบเนิบนาบไปตามสันกราม ซอกคอ มือสอดเข้ามาในเสื้อผมแล้วลูบผิวใต้เสื้ออย่างเบามือ..ผมปล่อยให้อารมณ์มันเตลิดอีกครั้ง 

ถูกจับนั่งบนโต๊ะกินข้าว  มือใหญ่ช้อนต้นขาด้านในให้ก้นผมยกสูง  แทรกกายเข้ามาหาเชื่องช้า  ผมตอดรัดรับความยาวที่เข้ามาจนสุด  มือโอบกอดไหล่หนา  คว้าไขว่ความใคร่ที่เกิดจากเราทั้งคู่  เหงื่อผุดพราวไหลอาบทั่วตัว  ครางต่ำกับความสุขชั่วคราวในช่วงเวลาที่เป็นของผม  ปลดปล่อยความสุขนั้นแล้วซบหน้าลงกับไหล่  พี่อ้นขยับอีก  2-3  ครั้งก็ครางยาวข้างหู  ดันตัวออกแล้วกะเผลกเข้าห้องน้ำ  ฉีดน้ำล้างทำความสะอาด  ดึงกระดาษมาเช็ดแล้วลุกมายืนหน้ากระจก  ยิ้มขื่นก่อนจะวักน้ำมาล้างหน้า  เดินออกจากห้องน้ำทั้งสภาพอย่างนั้น  สวนกับพี่อ้นที่มีผ้าขนหนูอยู่ในมือ  รับผ้าผืนนั้นมาซับน้ำที่หน้า  ทันทีที่พี่อ้นเข้าห้องน้ำ..ผมก็เดินออกจากบ้านพี่อ้นทันที  แรงสั่นจากมือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นอย่างต่อเนื่อง  ผมไม่คิดจะหยิบมันออกมากดรับ  ผมไม่รู้จะทำยังไงกับตัวเองดี  ไม่รู้จะทำยังไงกับความสัมพันธ์ที่ผมเป็นคนเริ่ม..และจบมันไม่ได้

กลับมาถึงบ้านก็ขังตัวเองอยู่ในห้อง  ผมเข้าใจความต้องการของตัวเอง  ผมอยากได้พี่อ้น  เห็นแก่ตัวมากพอจะหน้าหนาเข้าหาพี่อ้นในยามที่พี่อ้นกำลังสับสน  แต่พี่อ้น..ผมไม่รู้ว่าพี่อ้นคิดอะไรอยู่  การที่เรากอดกันอีกครั้งในวันนี้มันทำให้ผมกำลังจะคิดเข้าข้างตัวเอง  พี่อ้นอาจจะรู้สึกดีกับผมบ้าง  ถึงได้กอดผม  แล้วสายที่เข้ามาตลอดเวลา..มันอาจจะหมายถึงพี่อ้นคงรู้สึกอะไรกับผมอยู่บ้างล่ะมั้ง..ผมกำลังเห็นแสงสว่างจุดเล็กท่ามกลางความมืดมิดอยู่ใช่ไหม? เก็บความหวังเล็ก ๆไว้ในใจแล้วอาบน้ำล้างตัว  เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมาหาแม่ที่กำลังตั้งวงจดจ่อกับการลุ้นไพ่อยู่  บอกเสียงดังว่ากินข้าวมาแล้วและจะนอนเลย  แม่พยักหน้าแต่ตายังคงมองไพ่ในมือนิ่ง  เดินหมุนตัวขึ้นห้องกลับมาล้มตัวลงนอน  ผ่อนลมหายใจที่หนักอึ้งออกช้า ๆ แล้วหลับตาลง ผมจะไม่กังวลอีก  จะปล่อยให้มันเป็นไปตามกรรมที่ผมก่อ  ถ้าพี่อ้นยื่นมือ..ผมก็พร้อมจะจับไว้  แต่ถ้าพี่อ้นผลักผมออกวันไหน  ผมก็พร้อมจะเดินออกไปทันทีเหมือนกัน

ตลอดทั้งอาทิตย์ผมไม่เคยกดรับสายของพี่อ้นที่โทรเข้าเลยสักครั้ง  ผมไม่พร้อมจะพูดคุยผ่านโทรศัพท์  ผมอยากคุยแบบตัวต่อตัว  ถ้ามันจะแตกหัก..ผมอยากโดนแบบแสกหน้ามากกว่าเจ็บผ่านสินค้าอิเล็กทรอนิกส์  วันเสาร์ที่ผมเฝ้ารอก็ผ่านไปแบบที่มันควรจะเป็น  รวมติว  กินข้าวเที่ยง  และกลับพร้อมพี่อ้นที่ดักรอผมทุกเสาร์  แล้วก็จบลงที่การมีเซ็กส์  ไม่มีคำพูดอะไรมากกว่าการให้ผมค้าง  และผม..ก็ไม่เคยทำตามที่พี่อ้นบอก 

ผมใช้ชีวิตเด็กนักเรียนธรรมดาที่แอบรักเด็กมหาลัยว่าที่คุณหมอมาเรื่อย ๆ จนถึงเสาร์แห่งความสุขที่  8  นับนิ้วเล่น ๆ ผมกับพี่อ้นเรามีความสัมพันธ์ทางกายกันมา  2  เดือนพอดี  เป็นเซ็กส์ที่มีผมเป็นเริ่มซะส่วนใหญ่  มือลูบไล้  ริมฝีปากครอบครอง  ปลุกปั่น  ยั่วยวน  และดึงให้พี่อ้นต้องตอบสนองทุกครั้ง  ไม่เคยมีอะไรมากกว่า..การสอนองตอบทางร่างกาย 

ผมมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ดี  ไม่อยากคิดให้มาก  หวังให้ไกลกว่านี้ด้วย

หลังติวผมก็นั่งมากับพี่อ้น  เข้าบ้านได้ก็หาอะไรกินก่อน  ผมไม่เคยกอดพี่อ้นนอกจากตอนรักกัน  ผมสารภาพตามตรงว่าผมไม่กล้า  แต่พี่อ้น..สัมผัสที่เริ่มจากการแตะที่หลังผมวันนั้นมันพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงการโอบไหล่ผมเหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติ  จับมือผมโดยไม่รู้สึกแปลก  แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น 

หลังจากการรวบช้อนเก็บจาน  ผมกับพี่อ้นก็เดินเข้าหากันเหมือนทุกครั้ง  ปลายจมูกโด่งซุกซนไล้ไปทั่วซอกคอ  ผ่อนลมหายใจช้า ๆ แล้วเงยหน้าไปตามแรงดุนดัน  หัวใจเต้นถี่เมื่อวันนี้พี่อ้นแตะปลายจมูกขึ้นมาที่โครงหน้า  ตัวแข็งนิ่ง  เกร็งกับดวงตาสวยฉ่ำที่จับจ้องดวงตาผม  พี่อ้นโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแตะที่แก้มผมก่อนจะไล่หอมช้า ๆ ไปทั่วหน้า  หัวใจผมเต้นแรงกับความแปลกที่พี่อ้นกำลังทำอยู่  กลืนน้ำลายลงคอแล้วหลับตารับริมฝีปากที่แตะแผ่วตรงริมฝีปากล่าง  หายใจเข้ารับลมอุ่นที่ผ่อนออกช้า ๆ ของพี่อ้นเข้าปอด  เผยอริมฝีปากให้ปากนุ่มชื้นจูบช้า ๆ  หัวใจเต้นในจังหวะที่ไม่เหมือนทุกวัน  วันนี้..ผมเหมือนถูกพี่อ้นรักอยู่จริง ๆ ไม่ใช่แค่การระบายอารมณ์เหมือนที่เราทำด้วยกันทุกครั้ง

ความอบอุ่นจากริมฝีปากและปลายลิ้นค่อย ๆ ซึมแทรกเข้ามาในหัวใจผมทีละนิด  แต่จนแล้วจนรอด  เสร็จกิจผมก็กลับบ้านทันที  ไม่สนใจมือใหญ่ที่คว้าแขนขอให้ผมค้าง  เดินดุ่ม ๆ ออกมาจากบ้านพี่อ้น  สาวเท้าหนีแสงไฟที่สาดไล่มาข้างหลัง  เม้มปากเมื่อหันไปมองรถที่จอดเทียบข้าง ๆ เป็นพี่อ้นที่ยังไม่ได้สวมเสื้อ  มันบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง  ดีใจล่ะมั้ง?..ที่เห็นพี่อ้นอุตส่าห์ขับรถออกมาตามหาผม

“มีอะไรครับ?”  พี่อ้นลดกระจกลงจนเห็นว่าพี่อ้นรีบออกมาจนไม่ได้สวมเสื้อ  กะพริบตาปริบมองพี่อ้นที่กดกระจกขึ้นแล้วเปิดประตูลงมาหา  ‘ไม่เป็นไร..ผมจะกลับไปนอนบ้าน  นอนที่บ้านดีกว่าครับ’  รีบบอกเมื่อพี่อ้นเดินเปลือยอกลงมาจากรถ  เม้มปากกลั้นความดีใจที่มือใหญ่คว้ามือผมจูงเข้าไปนั่งในรถ 

จะเป็นไรไหม..  ถ้าผมจะคิดเข้าข้างตัวเองบ้าง 

พี่อ้นเดินกลับมานั่งฝั่งคนขับแล้วถอยหลังกลับบ้าน  ระหว่างนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร  ผมได้แต่นั่งนิ่ง  พยักหน้าเมื่อพี่อ้นบอกให้ผมรออยู่ในรถก่อน  ไม่นานพี่อ้นก็กลับมาในสภาพสวมเสื้อผ้าที่ดูดีขึ้น  บอกทางไปบ้านตัวเองและเลี่ยงที่บอกทางลัดที่ใช้ประจำ  ผม..อยากอยู่แบบนี้อีกนิด

บอกให้จอดหน้าบ้านแล้วเตรียมจะลงจากรถ  พี่อ้นเอื้อมมาดึงมือให้ผมนั่งอยู่ก่อน  หยุดนิ่งอยู่กับที่  ก้มหน้ามองตักตัวเอง  ฟังเสียงพี่อ้นลดกระจกลงแล้วดับเครื่อง  ความเงียบรายล้อมรอบตัวผมนานเกือบ  10  นาที  พี่อ้นก็เป็นคนทำลายมันลง..

“ทำไมถึงไม่เคยรับโทรศัพท์พี่?..ถ้ารู้สึกไม่ดีที่จะรับ  เพราะพี่ฉวยโอกาสกับต๋อมที่เดินเข้ามาในวันที่พี่กำลังอยากได้ใครสักคน  พี่ก็ขอโทษครับ  ขอโทษจริง ๆ ..”  ผมไม่อยากฟังคำลาขาดทางโทรศัพท์ต่างหาก  ผมอยากจะตอบไปแบบนั้น  แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป  กะพริบตาปริบแล้วนั่งเงียบ  พี่อ้นเองก็เงียบไปนานเหมือนกัน  เสียงถอนหายใจออกมาจากพี่อ้นเฮือกใหญ่  ก่อนพี่อ้นจะพูดออกมาอย่างเหลืออด..
 
“..คุณเอาแต่ทำอย่างเดียว  เสร็จก็กลับบ้าน  ดึกแค่ไหนคุณก็กลับ..เห็นผมเป็นอะไร?!”  จุกในอกกับสรรพนามที่เปลี่ยนไป  มันแทงใจเพราะผมทำตัวแบบที่พี่อ้นพูดทุกคำ  ผมคิดว่าผมไม่ควรได้รับความอ่อนโยนเพราะตัวผมมันเหี้ย..ถึงไม่เคยอยากอยู่ให้พี่อ้นต้องรู้สึกอึดอัดใจทุกครั้งที่มีอะไรกันเสร็จ  ไม่เคยรู้ว่าพี่อ้นรู้สึกแย่แค่ไหนที่ผมทำเหมือนพี่อ้นเป็นที่ระบาย  พี่อ้น..คงทนจนถึงที่สุด  ถึงได้เอ่ยปากถามผมแบบนี้  ผมทำเรื่องที่ทำให้พี่อ้นรู้สึกไม่ดีเพิ่มขึ้นอีกแล้วเหรอ?  หลับตากลั้นความจุกและเจ็บที่กำลังพุ่งออกมาทางสีหน้า  ปวดหัวตาหนึบ ๆ
 
“ถ้าเข้ามาเล่น ๆ ก็เดินออกไปเถอะ  ผมไม่อยากอยู่กับความคลุมเครือแบบนี้อีกแล้ว..”  นิ่วหน้ากับคำว่า ‘เข้ามาเล่น ๆ’  แต่กลับต้องลืมตาโพลงกับคำต่อว่าในประโยคท้าย  หายใจติดขัดกับประโยคเมื่อครู่    ค่อย ๆ เบือนหน้าไปมองหน้าด้านข้างพี่อ้นที่มองตรงไปข้างหน้า  หน้าหล่อบูดสนิทที่ผมเห็นมันทำให้ใจผม..เต้นโครมคราม 
พูดแบบนี้..กับบรรยากาศแบบนี้  ไม่น่า..

“ไม่ว่าเราจะเริ่มต้นกับแบบไหน  ผมก็อยากให้เราลงท้ายด้วยความรู้สึกที่เหมือนกัน..”  อ้าปากน้อย ๆ รับลมเข้าแทนการหายใจทางจมูก  ตัวแข็งทื่อเมื่อสบดวงตาสวยทอประกายเชื่อมส่งตอบกลับมา  รอยยิ้มอ่อนโยนประดับหน้าพี่อ้น  ผม..ไม่จริงอ่ะ

“..คบกันให้เหมือนคนรักสักทีเถอะ  อย่าทำเหมือนที่ผ่านมาเลย  ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว”  หายใจไม่เข้าปอด  เรียกลมเข้าทางปากอย่างหนัก  ทำอะไรไม่ถูกเมื่อคนที่เอ่ยปากขอคบเป็นคนที่ผมรัก  และทำให้เขารู้สึกแย่ไปพร้อมกัน  มัน..มันเหมือนมีคนมาจุดดอกไม้ไฟอยู่ในหัว  ยกมือปิดปากแล้วดันอกกว้างที่กำลังโผเข้ามาหา  อ้อมแขนอุ่นดึงผมเข้ามากอดไว้ทั้งตัว  แก้มสากแนบแก้มผมแล้วกระซิบอ่อนโยนข้างหู

“พรุ่งนี้ไปดูหนังกันนะ”  ดันตัวเองออกมาองหน้าหล่อที่กำลังยิ้มให้ผม 

ผม..มันยิ่งกว่าอยู่ในฝันเสียอีก  นิ่วหน้าเก็บความตื้นตันที่กำลังพุ่งเข้ามาในอก  มือใหญ่เลื่อนมาประคองหน้าแล้วเอ่ยถาม..

“หรือจะไปต่างจังหวัด  ค้างสัก  2  คืน..”  กัดริมฝีปากล่างแน่นแล้วหลับตาให้ความดีใจมันซึมเข้ามาให้เต็มที่  ผมไม่ได้ฝัน  ในที่สุด..พี่อ้นก็ยื่นมือมาให้ผมจับเสียที  ลืมตาขึ้นมายิ้มเต็มหน้า  สอดแขนเข้าโอบรอบคอหนาก่อนจะตอบตกลงข้างหู

“อื้ม!”  กอดแน่นขึ้นเพราะความรู้สึกข้างในมันล้นออกมาจนอยากให้พี่อ้นได้รับเอาไปบ้าง  มือใหญ่ลูบหลังแล้วเลื่อนขึ้นมาแตะที่ท้ายทอยผมเบา ๆ ก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น  หัวใจพองคับอก  ยิ้มจนแก้มแทบฉีก  เอียงหน้าซบไหล่แล้วผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้อยู่กับอ้อมกอดอุ่นไปนาน ๆ พี่อ้นลูบหลังช้า ๆ แล้วดันไหล่ผมออกมาหอมปลายจมูกแผ่วเบา  ยิ้มบางตอบพี่อ้นเขิน ๆ ..

“วันนี้ค้างกับพี่นะครับ  ซ้อมไว้ก่อนไง”  เอียงคอมองยิ้มพราวแล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ  เบี่ยงตัวกลับมานั่งที่เดิม  ปล่อยให้พี่อ้นกลับรถไปทางบ้านตัวเอง  ซ้อมไว้ก่อนก็ดีเหมือนกัน

หันไปมองหน้าหล่อของพี่อ้นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้  กลายเป็นยิ้มระบายเต็มหน้าทั้งผมและคนขับ  มือกุมกันหลวม ๆ ตลอดเวลา  ไม่อยากเชื่อว่าเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วผมยังเจ็บในอกจนแทบจะร้องไห้  ตอนนี้กลับ..หน้าบานเท่าโลก มือใหญ่สอดจับมือเข้ามากุมช้า ๆ พาเดินเข้าบ้าน  ตระกองกอดแนบอกกล่อมให้หลับใหล  ระบายยิ้มฉาบทาทั่วหน้าแล้วกอดตอบเบามือ

ความสุขที่ผมคว้าไขว่..ที่สุดก็เข้ามาอยู่ข้างกายเสียที




รักที่เริ่มจากการฉวยโอกาส  เราสามารถเปลี่ยนให้เป็นรักแท้ได้..จริง ๆ ครับ


END.



แถม

ไล่สายตาจดจ้องตัวหนังสือในหน้ากระดาษ  ขมวดคิ้วเพ่งอ่านลายมือหวัดที่เขียนคำแปลภาษาไทยด้วยดินสอใต้คำภาษาอังกฤษที่ผมแปลไม่ออก  ผ่านไปหน้าแล้วหน้าเล่า  เก็บความรู้ใส่สมองไว้มากที่สุด  พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สนใจกับสายตาที่จับจ้องหน้าผม  ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วเบี่ยงตัวหันหลังหนีเพราะผมเริ่มจะรู้สึกเขินขึ้นมาแล้ว  มือใหญ่เอื้อมมาดึงหนังสือ  ผมขืนไว้แล้วเอาหนังสือมาปิดหน้า  เสียงหัวเราะขำดังข้างหูแล้วออกแรงดึงหนังสือที่ผมเอามาปิดหน้าออก 

ดวงตาสีดำพราวระยับ  ริมฝีปากยิ้มกว้างยื่นมาจูบที่แก้มผมเบา ๆ แล้วผละออกมามองสำรวจไปทั้งหน้าผม  กะพริบตาแล้วมองตามตาสวยที่ไล่มองหน้าตัวเอง  อมยิ้มแก้เขินแล้วเอ่ยถามเสียงเบา

“มองอะไร?”  พี่อ้นมองตาแล้วยิ้มบาง  ยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วลดสายตามองริมฝีปากผมก่อนจะเอ่ยถาม..

“มีคนเคยบอกไหม?..ว่าต๋อมหน้าหวาน”  เผลอกลั้นหายใจกับความหล่อและท่าทางเป็นธรรมชาติที่กระแทกเข้าอกซ้ายเต็มรัก  กะพริบตาปริบแล้วเบือนไปมองทางอื่น  ผ่อนลมหายใจแล้วพยักหน้ารับคำถามที่พี่อ้นถาม  หน้าผมค่อนข้างจะคล้ายแม่  มีคนทักบ่อยว่าหน้าหวาน  แต่ไม่มีใครที่ถามแล้วทำผมเขินได้ขนาดนี้มาก่อน  เลยรู้สึกแปลกที่ต้องรับว่าตัวเองน่ะ..หน้าหวานกับพี่อ้น

มือใหญ่เลื่อนหนังสือออกมาวางไกลตัว  มองตามแล้วนึกเสียดายที่เสียบังเกอร์บังตาเชื่อมไปซะแล้ว  หันมามองตาสวยที่จับจ้องหน้าผมอีกแล้ว  กะพริบตาปริบแก้เขิน  ปล่อยให้มือใหญ่จับผมที่ยาวของผมมาทัดหู  แล้วเลื่อนมาเกลี่ยผมหน้าปัดไปด้านข้าง  ยิ้มน้อย ๆ หลับตารับปลายจมูกที่กดเบา ๆ ข้างแก้ม  ก้มหน้าให้ปลายจมูกไล้ไปหอมที่หน้าผากแล้วซุกซบที่ไหล่กว้าง..เขินขึ้นมาซะดื้อ ๆ ...

ทั้งที่ทำมากกว่านั้นผมก็ทำมาแล้ว  แต่ก็ยังอดเขินกับความอ่อนโยนเล็ก ๆ แบบนี้ไม่ได้สักที  วันนี้ผมมานั่งติวภาษาอังกฤษที่บ้านพี่อ้นครับ  ติวเตอร์ดี  เก่ง  และฉลาดอยู่ใกล้ตัวมันก็ต้องขอให้ช่วยกันบ้าง  ปล่อยให้พี่อ้นจูงมือมาหาอะไรกินก่อนจะพาไปนอนแปลหลังบ้านรับลมเย็น ๆ   มือใหญ่ลูบหลังมือแผ่วเบา  ทุกครั้งที่พี่อ้นดึงมือผมมาหอม  ผมก็จะบีบมือพี่อ้นกลับเบา ๆ  ผมพูดไม่เก่ง  แสดงออกได้แต่เรื่องที่คนอื่นมองว่ามันไม่ควรกล้า  เพราะฉะนั้น  การแสดงความรักแบบที่พี่อ้นทำให้  ผมก็พยายามจะตอบสนองได้เท่าที่ผมพอจะทำได้  ผมจะพยายามทำครับ

กินข้าวเย็นฝีมือพี่อ้นเสร็จก็กลับบ้าน  วันนี้พี่อ้นมาแปลก  ไม่ยอมส่งผมแล้วกลับเหมือนที่เคย  กลับขอเข้ามาไหว้แม่กับพ่อในบ้านด้วย  เลิกคิ้วแล้วพยักหน้าก่อนจะหันหลังพาพี่อ้นเข้าบ้าน  มือใหญ่ดึงมือผมให้หยุดเดินก่อนจะมองตาผมผ่านความมืด

“..ขอโทษที่ขอเข้ามาไหว้พ่อกับแม่แบบปุบปับนะครับ  พี่กังวลใจมาตลอด  ต๋อมไม่เคยชวนพี่เข้าบ้านเลย  พี่เครียดแล้วก็คิดมาก  แต่พอพี่นึกถึงเรื่องที่ผ่านมาของเรา  ถึงได้เข้าใจ..ต๋อมไม่ค่อยพูด..พี่เป็นพี่  ต้องพยายามทำและพูดให้มากกว่าน้อง  อึดอัดรึเปล่าครับ?  ถ้ามันมากไป..วันหลังพี่ค่อยมาก็ได้”  กะพริบตาปริบกับคำพูดยาวยืดของพี่อ้น  ดึงแขนแกร่งที่กำลังหมุนตัวกลับจะไปขึ้นรถ  ส่ายหน้าแล้วบอกเสียงใส

“ไม่ได้อึดอัดอะไร  เข้าไปกันเถอะครับ”  พาพี่อ้นเดินเข้าไปในบ้าน  ขมวดคิ้วมุ่นกับคำที่ผมเพิ่งจะบอกพี่อ้น  ทำไมผมไม่บอกพี่อ้นไปอีกนิดนะ..ว่าที่ไม่เคยพาเข้าบ้านเพราะคิดว่าพี่อ้นคงจะกลับบ้านไปพักมากกว่า  หยุดเดินแล้วยืนนิ่ง  สมองประมวลคำพูดที่คิดว่าควรจะต้องบอกพี่อ้นให้รู้ก่อนเข้าบ้าน  กะพริบตาปริบ  2-3  ทีแล้วหันมาบอกพี่อ้น

“ผมไม่ได้ชวนเข้าบ้านเพราะนึกว่าพี่เหนื่อยเลยปล่อยให้พี่กลับบ้าน  ผมบอกพ่อกับแม่แล้วว่ามีพี่อ้นเป็นแฟน  ที่บ้านรับได้  ไม่ว่าอะไร  ในบ้านคนเยอะหน่อยนะครับ  แม่ชอบเล่นไพ่น่ะ  บอกไว้ก่อน..พี่อ้นจะได้รู้”  พี่อ้นมองหน้าผมนิ่งก่อนจะคลี่ยิ้มให้  มือใหญ่สอดเข้ามาบีบมือผมเบา ๆ  กับเสียงกระซิบแผ่วที่ออกมาจากริมฝีปากสวย  ‘ขอบคุณครับ’         

พาพี่อ้นเดินเข้าไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่น  ไม่สนใจกับสายตาขาไพ่ที่เดินออกมาเข้าห้องน้ำแล้วเห็นพี่อ้นนั่งอยู่ที่โซฟา  เดินเข้าไปหาแม่แล้วก้มกระซิบบอกให้แม่รู้  ‘แฟนต๋อมอยู่ข้างนอก..อยากมาไหว้แม่น่ะ’  แม่เงยหน้าจากไพ่ในมือแล้วหงายไพ่ก่อนจะบอกเสียงเรียบ  ‘ป๊อก  8  สองเด้ง’  เสียงไม่สบอารมณ์ของขาไพ่ในวงดังเซ็งแซ่  เจ้ามือกวาดเงินในกองส่งให้แม่เก็บ  แม่หันมามองผมแล้วลุกขึ้นยืน  สบตาแม่ตลอดเวลาที่แม่มองหน้า  เดินตามหลังออกไปแล้วสะกิดให้แม่เดินไปห้องนั่งเล่น  พี่อ้นรีบลุกขึ้นยืนแล้วไหว้แม่ผม  แม่มองพี่อ้นตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วรับไหว้ทีหลัง

“ลูกใครเหล่าเต้า?”  แม่เปิดฉากถาม  พี่อ้นยิ้มน้อย ๆ แล้วบอกเสียงดังฟังชัดถึงเหง้าเหล่ากอ  แม่ผมพยักหน้าพอใจที่ลูกเขยกล้าพูด กล้าทำ และกล้าขอให้แม่ยอมให้เราคบกัน  แม่บอกให้ผมกับพี่อ้นดูกันไปก่อน  รักกันให้เหมือนพี่กับน้องจะได้ไม่ทะเลาะกัน  พี่อ้นยกมือไหว้ขอบคุณทำให้ผมต้องไหว้ตามไปด้วย ก่อนพี่อ้นจะกลับ  ขาไพ่แม่  2  คนก็เดินมาบอกว่าต้องรีบกลับบ้านเพราะต้องไปช่วยงานที่ต่างจังหวัดแต่เช้า  แม่เลยหันมามองพี่อ้นตาวาว

“เราน่ะ..เล่นไพ่เป็นรึเปล่า?”  พี่อ้นหันมามองผมแล้วตอบแม่ว่า ‘พอได้ครับ’  ผมไม่ได้พูดอะไรเลยถูกพี่อ้นดึงมือให้นั่งเป็นเพื่อนเล่นไพ่ด้วย  พี่อ้นให้ผมนั่งข้างหน้าแล้วตัวเองก็นั่งซ้อนข้างหลัง  ขาไพ่ในวงก็มองผมกับพี่อ้นสลับกับแม่ไปมา  แม่ไม่พูดถึงการมาของพี่อ้น  แต่บอกเจ้ามือให้แจกไพ่ให้พี่อ้นด้วย  พี่อ้นหยิบกระเป๋าเงินใส่ตักผมแล้วบอกให้ผมหยิบเงินใส่ไปในกองด้วย

“..ต้องใส่เท่าไหร่ครับ?”  เจ้ามือบอกตาละ  100  พี่อ้นพยักหน้าให้ผมหยิบเงิน  ทำไมเล่นกันแพงจัง  ร้อยนึงผมกินที่โรงเรียนได้ตั้ง  2-3  วัน  เงยหน้ามามองแม่ด้วยแววตาตำหนิ  ผมไม่เคยเข้ามาคลุกคลีในวงไพ่เลยไม่รู้ว่าแม่เอาเงินมาละลายในนี้เท่าไหร่แล้ว  คิดว่าเล่นกันสนุก ๆ ไม่น่าจะเกินตาละ  5  บาทด้วยซ้ำ  เพราะขาไพ่พวกนี้ก็เป็นเพื่อนกับแม่ทุกคน  เบือนหน้าหนีก่อนจะแหงนไปมองหน้าพี่อ้นที่นั่งซ้อนข้างหลัง

“ไม่เล่นดีกว่า..มันแพง”  พี่อ้นยิ้มบางแล้วเอามือซ้ายมาแตะเอวผม  ‘เล่นเถอะครับ’  หน้าบูดแล้วหยิบเงินพี่อ้นวางลงในกอง  เจ้ามือเริ่มกรีดไพ่แล้วสับอีก  5-6  ที  แล้วยื่นให้พี่อ้น  พี่อ้นก้มมามองผมแล้วกระซิบบอก  ‘ต๋อมตัดไพ่แทนพี่หน่อยครับ’  ขมวดคิ้วมองไพ่ในมือแล้วแหงนมองพี่อ้น  เจ้าตัวยิ้มน้อย ๆ แล้วทำให้ผมดูว่านี่คือการตัดไพ่  ก็แค่หยิบไพ่ออกมาปึกนึงเท่านั้นเอง  เจ้ามือเอาปึกที่พี่อ้นตัดมาซ้อนไว้ข้างล่างแล้วลงมือแจกไพ่  ผมมองไพ่  2  ใบตรงหน้าตักก่อนจะหันมองรอบตัวว่าเขาทำกันยังไง  หยิบไพ่ขึ้นมาแล้วเอนหลังชิดอกกว้าง  ค่อย ๆ เบี่ยงให้พี่อ้นเห็น  เหลือบมองขาไพ่คนอื่นเขาค่อย ๆ เอานิ้วโป้งดึงไพ่ใบหน้าลงช้า ๆ ลุ้นดูใบหลังก็ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ  แต่ผมก็ทำตามนะ

พี่อ้นเอาคางเกยไหล่ผมลุ้นไพ่ที่อยู่ข้างหลัง  ไพ่ข้างหน้าผมมันไม่ใช่ตัวเลขครับ  มันเป็นรูปใบโพธิ์สีดำมีลายปรุ ๆ แล้วก็มีตัว  A  อยู่ตรงมุมบนซ้ายและล่างขวาด้วย  ใบข้างหลังที่ลุ้นเป็นเลขครับ  เลข  7  แล้วก็มีลายใบโพธิ์สีดำอยู่ใต้เลขด้วย  พี่อ้นยิ้มแล้วให้ผมวางไพ่ตรงหน้าตัก  ผมไม่เข้าใจแต่ก็วาง  ป้าวุ้นเจ้ามือถึงกับตาโตแล้วสบถเสียงดัง  ‘เฮ้ย!  มือดีนี่หว่าไอ้รูปหล่อ’  ผมแหงนหน้ามองพี่อ้นที่ยิ้มบางให้ป้า  หยิบแบงค์สีแดงที่เจ้ามือเก็บมาให้ทีละใบ  พี่อ้นกระซิบให้ผมวางเงินในกองด้วยแล้วก็ให้รับไพ่ก่อน  เงินค่อยมานับทีหลัง 

คราวนี้ไพ่ของพี่อ้นไม่มีเลขเลยครับทั้ง 2 ใบเลย  เจ้ามือกับขาไพ่ในวงก็ขอไพ่กันหลายคนครับ  พี่อ้นพยักหน้าให้เจ้ามือ  ป้าวุ้นเจ้ามือก็ร่อนไพ่มาให้ผมเพิ่มอีก  1  ใบ  ใบนี้ก็ไม่มีเลขครับ  ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะตานี้เราต้องเสียแน่  แหงนมองพี่อ้นที่กำลังยิ้มก็ไม่เข้าใจ  เสียเงินแล้วจะยิ้มทำไม?  พี่อ้นให้ผมหงายไพ่  ป้าวุ้นยิ้มแซวพี่อ้นแล้วก็ยิ้มเลยมาให้แม่  ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราไม่เสียตังค์ทั้งที่เราไม่มีเลขอะไรเลย  มีแต่รูปผู้ชายใสมงกุฎบนไพ่   แล้วก็มีตัว K อยู่มุมซ้ายเหมือนกันทั้ง  3  ใบ  ผมนั่งจับไพ่ลุ้นไพ่แทนพี่อ้นอยู่นาน  เงินก็เริ่มจะล้นตักแล้วครับ  เราเสียแค่  3  ครั้งเอง  นอกนั้นก็ได้เงินจากป้าวุ้นทุกตา 

ผมเริ่มจะเข้าใจกับการเล่นไพ่มากขึ้น  จากที่พี่อ้นแค่เอาคางเกยไหล่ลุ้นไพ่  ด้วยความที่เราลุ้นไพ่  และขาไพ่ในวงก็ลุ้นไพ่ตามมากขึ้น  ผมเลยนั่งอยู่ในตักพี่อ้นไปเรียบร้อย  แถมนั่งตอนไหนผมก็ไม่รู้ตัวด้วย  มือใหญ่ช่วยบังไพ่ข้างหนึ่ง  อีกข้างก็กอดเอวผมไว้หลวม ๆ  ดึงไพ่ใบหน้าลงช้า ๆ ลุ้นใบหลังที่เห็นเหมือนเลข  9  แล้วเราก็ได้  9  จริง ๆ ครับ  ผมฟาดไพ่ลงตรงหน้าแล้วตะโกนเสียงดัง  ‘ป๊อก 9! จ่ายพี่อ้นมาเลยป้าวุ้น’  คนที่ให้ตักผมนั่งหัวเราะเสียงใสอยู่ข้างหู  คืนนั้นทั้งคืนพี่อ้นกับผมเราก็นั่งอยู่ในวงไพ่ครับ  ลุ้นไพ่จนสว่างคาตา 

ขาไพ่ในวงก็บอกว่าต้องกลับแล้ว  ให้พี่อ้นมาอีกเพราะจะแก้มือ  พี่อ้นยิ้มบางแล้วก้มหัวรับ  ผมกับพี่อ้นยกมือไหว้ลาขาไพ่วงแม่ที่สลายตัว  ป้าวุ้นเจ้ามือชวนแม่เข้าไปเล่นอีกวงที่ยังเฮฮากันอยู่  พี่อ้นยกมือไหว้แม่แล้วเดินออกมาจากห้องนั้นพร้อมผม

“เก็บให้ด้วยนะครับ”  ส่ายหน้าแล้วยื่นเงินปึกใหญ่ในมือให้พี่อ้นเก็บเอง  พี่อ้นดันมือผมออกแล้วจับเงินยัดใส่กระเป๋ากางเกงผม  เงยหน้ามองพี่อ้นแล้วถอนหายใจยาว  พี่อ้นจับมือผมบีบเบา ๆ แล้วยิ้มกว้าง

“ไปส่งพี่ที่บ้านนะครับ  ไม่มีต๋อมแล้วพี่นอนไม่หลับน่ะ  ..”  ขมวดคิ้วมองหน้าหล่อยิ้มบางแล้วอมยิ้มตอบพี่อ้น  เดินออกจากบ้านขึ้นรถมากับพี่อ้นที่ขับตรงกลับบ้านตัวเอง  พี่อ้นลงไปเปิดรั้วแล้วขับรถเก็บก่อนจะรุนหลังผมให้รีบเข้าบ้าน  เข้าห้องน้ำล้างมือล้างหน้าแล้วรับเสื้อตัวโคร่งกับกางเกงบอลของพี่อ้นมาเปลี่ยน  จัดหมอนกับผ้าห่มเสร็จซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม  พี่อ้นเดินออกมาจากห้องน้ำก็เข้ามานอนกอดผมผ่านผ้าห่มผืนหนา

“ตื่นแล้วหาอะไรกินก่อนค่อยกลับนะครับ”  พยักหน้าหงึก ๆ แล้วหาวหวอด  เริ่มจะหนักอึ้งที่เปลือกตา  แต่ก่อนจะหลับพี่อ้นก็ประกบปากจูบ   สอดลิ้นดุนดันพันเกี่ยวจนผมหายใจไม่ทัน  กัดลิ้นพี่อ้นเบา ๆ เจ้าตัวถึงได้ยอมดึงลิ้นกลับ 

สบตาสวยแล้วยิ้มบางให้รอยยิ้มกว้างที่แตะริมฝีปากผม  จูบริมฝีปากสวยอีกนิดก่อนจะขอนอนด้วยการดึงผ้าห่มมาคลุมหัว  พี่อ้นกอดแน่นขึ้นแล้วซุกตัวเข้ามาในผ้าผืนเดียวกัน  อ้อมกอดอุ่นกอดจากด้านหลัง  มือใหญ่โอบผมไว้ทั้งตัว หลับไปพร้อมหน้าเปื้อนยิ้มกับกระซิบจากพี่อ้นที่กล่อมผมเข้านอน..




“..รักต๋อมครับ”


………………………..

กอดดดดดดดดดดดดดดด
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่จิรักค่ะ  ชอบต๋อม  น้องมันดาร์กดีค่ะ  อึมครึม  ทำร้ายตัวเอง  ชอบบบบบบบบ
คุณ  nekko  ใช่ค่ะ  สมหวังสักที  ตายแล้วเกิดใหม่แบบนี้แฮปปี้ดี๊ด๊าค่ะ ^^
คุณ  Mouse2U  ดีใจที่ชอบนะคะ  ทั้ง  2 เรื่องเลยค่ะ  จิเขียนยากทั้งคู่ค่ะ  เรื่องแรกก็ยาก  ด้วยภาษาและการพรากจาก  เรื่องหลังยิ่งยากค่ะ  เขียนให้ทั้งคู่มาเจอกันอีกครั้ง  เอาแบบน่าจดจำยิ่งทำให้เราเกร็งมากกว่าเดิม(เกร็งทำไม?)  ส่วนตัว จิเห็นด้วยมาก ๆ กับเรื่องคำทำนายของโหรหรือพราหมณ์ที่สำคัญถึงกับพรากชีวิตคนคนนึงได้ลงคอ  โหดร้ายมากเลยค่ะ
คุณ  PURE LOVE  อมยิ้มตอนที่อ่านเจอว่าพี่มั่นยังเป็นวิญญาณ  บรรยากาศก็ให้ด้วยอ่ะเนอะ ^^  ส่วนเรื่องแฟนฟิคพี่ช้างน้องตัง  ไม่เป็นไรค่ะ  แค่ชอบเรื่องนี้จิก็ดีใจแล้วค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ   
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2015 14:45:10 โดย jira »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
งานนี้พี่อ้นได้ใจแม่ยายเต็มๆ  :katai2-1:
ดูท่าจะได้เป็นลูกเขยลอยลำแล้วสินะ

ขอบคุณนะค้าคุณ jira ^^

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ชีวิตน้องต๋อมมืดมนมากเลยค่ะ ซิกๆ T^T น้ำตาไม่นองหน้านะคะ แต่ว่ามันท่วมในใจแทนน.. (โห่วว..~) พี่อ้นนั่นล่ะคิดอะไรอยู่ก็ไม่บอกให้น้องรู้หรอกนะคะ แล้วจะไม่ให้น้องคิดไปไกลได้ยังไงกันล่ะ เจอหน้ากันทีไรก็เปิดแต่เสื้อคุยกันตลอดเลย ไม่เห็นจะเคยเปิดใจคุยกันสักที แล้วยังมาโวยหาว่าน้องมองตัวเองเป็นแค่ที่ระบายอีกนะ น่าตีจริงๆ เลยเชียว~

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด