16
[/b]
“
พี่ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ ” โทนเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืน ถึงแม้ว่าตัวเลขที่กำหนดเวลาในตอนนี้จะล่วงเลยเข้าสู่ช่วงวันใหม่แล้วเรียบร้อยก็ตามที ร่างของคนสองคนยังคงยืนอยู่หน้าหอพักที่เป็นตึกสูง และในบริเวณโดยรอบเงียบสงบ สมกับเป็นช่วงเวลากลางดึกของคืน ประโยคที่ออกมาจากริมฝีปากเรียวได้รูปของชายคนหนึ่งนั้นดูเหมือนว่าจงใจพูดขึ้นกับผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งอีกคนที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามกัน แต่อีกฝ่ายนั้นกลับไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบกลับไป เพียงแค่กระชับมือบางที่เขาจับไว้เท่านั้น
ไม่มีการตอบกลับ ยิ่งทำให้ชายคนที่รูปร่างติดจะผอมนั้น เก็บอารมณ์ที่ตนเองสะสมไว้มานานไม่อยู่ ยิ่งคนตรงหน้าไม่ตอบ ยิ่งมีความเงียบเข้ามาแทรกซึม เขายิ่งอยากที่จะทำให้เรื่องราวนี้มันจบลงแค่ตอนนี้เพียงเท่านั้น เสียงที่ฟังดูโกรธเกรี้ยว ปนอารมณ์ที่เศร้าหมอง น้อยใจและความไม่เข้าใจนั้นเจือปนไปกับน้ำเสียงที่พูดออกมา เพราะเขาเองก็เหนื่อยกับการไล่ตามอีกฝ่ายแบบนี้แล้ว ถึงระยะเวลาในการไล่ตามมันอาจจะดูแสนสั้นในสายตาของผู้อื่น หรือแม้กระทั้งในสายตาของอีกฝ่าย ... คนที่ตนเองรัก
“
พี่คิดน้อยไปหรือผมคิดมากไปว่ะ แม่ง ! . .. พี่ควรจะรู้ตัวนะเว้ยว่าสิ่งที่พี่ทำมันลงไปในแต่ละอย่างแม่งโครตไม่ชัดเจนเลย ไหนบอกให้โอกาสผมไง แต่พี่แม่งเล่นทำแบบนี้มันเหมือนกับ .. . ตัดกำลังผม ไม่อยากให้ผมคิดไม่อยากให้ผมทำแบบนี้ก็บอกแต่แรกดิว่ะ จะมาทำร้ายความรู้สึกผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำไม สนุกมากอ่อว่ะ ผมจีบพี่พี่ไม่ชอบก็บอกดิ บอกมา ไม่ใช่มาทำกับผมแบบนี้ ! ”
“
อ๋อ .. . แม่ง พี่ก็มีตัวเลือก ไม่มีผมพี่ก็มีคนอื่นได้สบายๆอยู่แล้ว ไม่ชอบก็บอกมาตรงๆ ผมขอ . .. . คิดกับผมได้แค่พี่น้อง ก็บอกมาเถอะ หรือสุดท้ายแล้วดป็นได้แค่คนรู้จักกันก็บอกมา ไม่อยากให้ผมพยายามต่อก็บอก พี่เอ็ม พี่รู้ป่ะว่าสิ่งที่พี่ทำกับผม แม่ง เจ็บ โครตทำให้ท้อว่ะ เหนื่อย สิ่งที่พี่ทำกับผมมันเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย .. . ช่วยชัดเจนสักหน่อยได้มั้ยว่ะ ”
และสิ่งที่ร่างบางพูดขึ้นนั้นคือความจริง ที่ต้องยอมรับให้ได้ว่ามันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เหมือนจะพูดให้อีกฝ่ายได้คิด กลับกลายเป็นตนเองนั้นแหละที่ต้องมาเสียใจกับคำที่มันตอกย้ำลงซ้ำกับแผลเดิม แผลที่อยากจะให้มันหายดี แต่มันก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมันไปได้เลยแม้แต่น้อย อยากจะให้วันเวลาช่วยเยียวยา แต่ก็เพียงเท่านั้น ในเมื่อจิตใจเอง ยังคงคิดถึงแต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหน้าตอนนี้ ผู้ที่คอยทำให้จิตใจร้อนรนอยู่แทบทุกครั้งที่เข้าใกล้
และความเงียบก็กลับเข้ามาเยี่ยมเยือนอีกครั้งเมื่อประโยคที่ออกมาจากริมฝีปากบางนั้นจบลง ร่างที่ติดจะผอมนั้นทำได้เพียงแค่มองใบหน้าของร่างสูงโปร่งตรงๆ แววตาที่สะท้อนออกมาดูราวกับว่ามันอยากจะจำใบหน้านั้นเป็นครั้งสุดท้ายและพอกันทีกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะอยากมีความรักมากเท่าใด แต่เพียงหากว่าคนตรงหน้าไม่ยอมเปิดใจให้โดยดี มันก็เสียแรงเปล่าเท่านั้น ไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะทำให้มันแย่ลงกว่าเก่าเรื่อยๆ
“
พี่ไม่พูดอะไรจริงๆด้วย เหมือนผมกำลังพูดกับอากาศธาตุอย่างนั้นแหละ ” ใบหน้านั้นได้แต่ยิ้มออกมาอย่างฝืนๆกับสิ่งที่เผชิญอยู่ตอนนี้ มีแต่ความเงียบกับสีหน้าเรียบนิ่งของร่างสูง ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหนานั้นแม้แต่นิดเดียว
สายตาของผมยังคงจับจ้องใบหน้าของชายที่ผมรัก และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ริมฝีปากของตนนั้นเม้มเข้าหากันแน่นขนาดนี้ สีหน้าของร่างสูงตรงหน้าดูแล้วเหมือนต้องการจะสื่ออะไรออกมา แต่ผมกลับเดาไม่ออกเลยสักนิด พี่เอ็มกระชับมือผมที่จับไว้แน่นก่อนจะออกแรงดึงให้ร่างผมโผเข้าหาเขา เหมือนกับเราสองคนจะยืนกอดกันอยู่ และมันก็เกิดขึ้นจริงเมื่อวงแขนแข็งแรงนั้นยกขึ้นโอบรอบกาย ถ้าพี่เขาคิดจะพูดหรืออธิบายอะไรซักนิดมันคงจะดีกว่านี้แน่ๆ ผมยืนนิ่งๆให้พี่เขากอดรอดูว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะทำอะไร
“
ขอโทษ . .. ขอโทษที่พี่ทำเรื่องแย่ๆใส่เรา ” น้ำเสียงที่ฟังแล้วนุ่มหูเอ่ยดังขึ้น เมื่อพี่เอ็มเริ่มพูดผมก็ตั้งใจฟังสิ่งที่ออกมาจากริมฝีปากหนานั้นอย่างตั้งใจ อาจจะเป็นเพราะเสียงหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นของพี่เขาที่ผมได้ยิน ทำให้ตั้งใจฟังมากขึ้น
“
มันก็จริง ที่พี่คิดกับเราแค่พี่น้อง ” ประโยคที่เอ่ยออกมาทำเอาความตั้งใจฟังนั้นเกือบพังทลายลงต่อหน้า ถ้าหากพี่เขาไม่ได้พูดอีกประโยคติดต่อกัน
“
แต่เรื่องความรู้สึกนี้มันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะ ที่ผ่านมาพี่ไม่เคยมั่นใจอะไรเลย พี่เองก็ผิดมากที่ทำกับเราแบบนั้น
ขอโทษที่ทำให้เฟรนรู้สึกแย่มาตลอด พี่ขอโทษจริงๆ ” คำว่า ‘
เฟรน’ ที่ออกมาจากริมฝีปากหนานั้นทำให้ผมยิ้มออกมาอีกครั้งกับคำนี้ นานแค่ไหนกันที่พี่เขาไม่ได้เรียกชื่อผมแบบนี้ และน้ำเสียงของเขาที่ฟังดูจริงจังและเศร้าทำให้รอยยิ้มเล็กเกิดขึ้นมาจากริมฝีปาก ผมขยับตัวผละออกจากร่างสูงพอรักษาระยะห่างก่อนจะมองใบหน้าของอีกฝ่ายตรงๆ
ผมดีใจที่พี่เอ็มพูดกับผมตรงๆแบบนี้ แต่ผมเองก็อยากจะให้มันชัดเจนขึ้นอีกหน่อย มันอาจจะฟังดูใจง่ายๆไปหน่อยจริงๆนะ เมื่อตอนนี้ผมรู้สึกดีกับพี่เขามากๆเลย อย่างน้อยเขาก็ขอโทษในสิ่งที่เขาทำ
“
พี่คิดยังไงกับผมกันแน่ แล้วพี่ข้าวปุ้นละ พี่ยังไงกับเขา ” ผมถามในสิ่งที่อยากรู้มากที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง
“ พี่กับปุ้นตอนนี้เราสองคนเป็นเพื่อนกันแล้ว
แค่เพื่อนเท่านั้น แต่สำหรับเฟรน
มันมากกว่าพี่น้องและพี่ก็รู้สึกดีกับเรา และต่อจากนี้ไปเราไม่ต้องจีบพี่แล้ว พี่จะเป็นคนจีบเราเอง ” และสายตาที่ของพี่เอ็มที่มองมานั้นดูจริงจังกับคำพูดมากจริงๆ
ผมดีใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ภาพเหตุการ์ณต่างๆที่เคยเกิดขึ้นมันย้อนเข้ามาในหัวอย่างช้าๆ แต่ผมก็เพียงได้คิดว่า ถ้าเรื่องตอนนี้มันดีและจะไปสนอดีตทำไม อดีตมันก็คือบทเรียนที่เก็บไว้ให้คิดแม้จะเจ็บก็เถอะ แต่ก็เก็บเอาไว้เตือนใจสักหน่อยก็ดี อย่างไรซะมันก็ไม่มีทางที่จะลืมได้ง่ายๆ มันโอเคนะกับความรู้สึกดีๆที่พี่เอ็มบอกให้ผมรู้ แม่งโครตโอเคเลยว่ะ ความรู้สึกหน่วงๆที่ผ่านมา เหมือนโดนยกภูเขาออกจากอก เหมือนกันกับต้นไม้ที่โดนรดน้ำ ใจมันชื้นไปหมด ความรู้สึกโกรธก่อนหน้านี้ที่พูดใส่พี่เขาไป ไม่รู้ลอยหายไปไหนเหลือเพียงความรู้สึกมีความสุขในตอนนี้เท่านั้น ใบหน้าของผมตอนนี้มันคงจะดูแปลกมากแน่ๆ ทั้งมีความสุขและดีใจขนาดนี้
บางคนอาจคิดว่า พี่เขาร้าย ทำแย่ๆใส่ ทำไมถึงยอมรับมันและไม่คิดจะเอาคืนบ้าง เพียงแค่เขาสารภาพออกมานิดหน่อยๆทำไมถึงใจอ่อน บอกเลยว่าผมใจอ่อนและใจง่ายกับพี่เขาจริงๆ ไม่รู้สิครับ ก็ผมไม่ได้คิดอยากจะเอาคืนอะไรมากมายนี่หน่า แค่คนตรงหน้านั้นจับมือผมไว้แน่นก็พอแล้วล่ะถ้าผมไปแก้แค้นเขาแล้วพี่เขาเกิดท้อขึ้นมาตัดใจไปเอง ผมจะทำไงล่ะจริงมั้ย โอกาสดีๆไม่ได้มาหาผมง่ายๆหรอกนะ ทุกคนก็น่าจะรู้ดี รอยยิ้มที่เปื้อนใบหน้าหล่อนั้นมันช่างน่าหมั่นไส้จริงๆ เอาคืนนิดหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง ? ผมยิ้มออกมาก่อนจะยื่นมือไปตบบ่าพี่เขาเบาๆ
“
จีบผมอ่ะยาก เตรียมใจไว้เลยพี่ ”
=================================================
ขอโทษที่มาน้อย แต่ก็มาแล้วนะคะ อิอิ เตรียมใจไว้เลยอิพี่เอ็ม เจอศึกครั้งใหม่จากหนุ่มๆของน้องเฟรนแน่นอน
ขอบคุณสำหรับทุกๆคำติชมเลยนะค่ะ ไล่อ่านทุกคอมเม้นเลย ขอบคุณที่เลือกอ่านนิยายเรื่องนี้จริงๆ
และอยากจะบอกว่า น้องเฟรนนี่โกรธง่ายหายเร็วจริง ใจอ่อนไปอีก ขุ่นลูก เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ คิดถึงทุกคนมากเลย