17
[/b]
สายตาของผมยังคงจับจ้องไปยังโครงหน้าที่เรียวได้รูปของร่างสูงที่นั่งอยู่กลางวงล้อม ของเพื่อนชายหน้าตาดีทั้งในคณะวิศวะเอง และเพื่อนชายของผม แสงไฟที่สลัวนั้นขับกล่อมให้บรรยากาศในค่ำคืนนี้ดูอบอุ่นขึ้นทันตา ใบหน้าหล่อของพี่เขานั้นยังคงเปื้อนรอยยิ้มที่เจืออยู่ไม่จางหายตั้งแต่ผมขึ้นมาร้องเพลง ค่ำคืนวันศุกร์ที่เหมือนกับการผ่อนคลายในการใช้ชีวิต ศุกร์หรรษา คือคำนิยามที่ผู้คนใช้เรียกมัน เป็นวันสิ้นสุดการทำงานของอาทิตย์นั้นๆ เสียงคนพูดคุยผสมกับเสียงดนตรีและเสียงร้องยังคงขับกล่อมให้ค่ำคืนนี้มีไอความสุข ให้ทำงานหนักยิ่งขึ้นเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า สำหรับนักดื่มยามค่ำคืน
สายตาของผมยังคงทำงานได้ดีในตอนนี้ มันยังคงจับจ้องทุกการกระทำของร่างสูงได้เป็นอย่างดี ถึงปากจะบอกเขาไปว่าตนเองนั้นจีบยาก แต่ถึงอย่างนั้นมันจะไปยากตรงไหน ในเมื่อเขานั้นยอมเทใจให้หมดหน้าตักกับร่างสูงไปในตอนแรกแล้ว ทุกๆวันที่ดำเนินชีวิตต่อไปเรื่อยๆ มันยังคงเหมือนเดิม แต่ร่างสูงโปร่งที่ก้าวเข้ามาหานั้นกำลังทำให้ผมเชื่อเขาหมดใจอีกครั้ง
ตั้งแต่วันที่พี่เอ็มบอกว่าจะจีบผมนั้นอะไรๆก็ดูจะดีขึ้นไปซะหมด ขนาดมาซ้อมลีดเหนื่อยๆแบบนี้ในช่วงตะวันตกดินของวัน ผมก็ยังเห็นใบหน้าหล่อๆนั้นมานั่งรอเกือบทุกวันที่ซ้อม ไม่รู้ว่าพี่เขาพยายามเอาใจหรือกำลังทำคะแนนถึงได้มาบ่อยซะขนาดนี้ ในตอนแรกๆนั้นมีแต่คนแซวเรื่องที่พี่เอ็มนั้นมารอกลับห้องพร้อมผม แต่พอนานวันเข้าจนเกือบถึงวันคัดตัวลีดของมหาลัย กลายเป็นว่าทุกเย็นนั้นเมื่อพี่เขามาจะเป็นรู้กันว่าเขามารอใคร กลายเป็นสิ่งชินตาสำหรับรุ่นพี่ที่ฝึกซ้อมและเพื่อนๆที่ซ้อมด้วยกัน
ถึงจะชินตาแค่ไหนก็ยังมีเพื่อนๆไม่ก็รุ่นพี่ยังคงแซวบ้างไม่ขาดสาย ทั้งๆที่ผมเองนั้นควรจะชินกับสิ่งที่พี่เขาทำกับผมแล้ว
แต่ผมเองก็ยังไม่ชินกับการถูกเอาใจใส่แบบนี้เลยซักครั้ง เหมือนว่าพี่เขากำลังชดเชยในสิ่งที่พี่เขาทำลงไปก่อนหน้านี้
แน่ละมันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ร่างสูงตัวติดกับผมมากขึ้น ขนาดไอ้กิ๊กรูมเมทตัวดีนั้นใช้ให้เอาของไปให้มันที่สตู ถ้าวันไหนอยู่ด้วยกันตอนเย็นล่ะก็ พี่เขาจะต้องติดสอยห้อยตามไปด้วยทุกครั้ง แรกๆไอ้กิ๊กมันก็มาถามผมแบบเอาจริงเอาจังว่าสรุปแล้วผมกับพี่มันนี่ยังไงกัน พอผมบอกความจริงไปว่า
‘ เคลียร์ ’ กันแล้วและบอกมันไปอีกว่า
พี่เขาจะเป็นคนจีบกูเอง ทำเอาซะมันตกใจและคิดว่าพี่มันจะเล่นแง่อะไรกับผมอีก มันคงจะไม่เชื่อจริงๆนั้นแหละเพราะว่าก่อนหน้านี้ก็ทำแต่เรื่องแย่ๆไว้ แต่สิ่งที่มันเห็นอยู่เกือบทุกครั้งนั้นก็น่าจะทำให้มันเชื่อใจพี่เขามากขึ้นล่ะมั้ง บางครั้งยังเห็นไปนั่งกินเหล้าด้วยกันอยู่เลยเวลาผมไปเล่นดนตรีกับไอ้ทอย พอเหล้าเข้าปากก็กลายเป็นพวกเดียวกันซะงั้น
พอนานวันเข้า จากหนึ่งวัน เป็นสองวัน เป็นหนึ่งอาทิตย์ สองหรือสาม สี่อาทิตย์ ที่ผ่านมาผมยังคงเห็นร่างสูงที่ไม่เคยแสดงสีหน้าเหนื่อยหรือเบื่อหน่ายเลยสักครั้งเวลาอยู่ใกล้ มีแต่รอยยิ้มที่พี่เขาส่งให้มาเป็นประจำ พี่เขาน่ารักมากขึ้น การพูดการจาของพี่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม มีแค่คำว่า
เฟรน และ
พี่เอ็ม แค่นั้น อ้อ มีคำว่า
น้องเพิ่มมาด้วยนะ
ไม่รู้ว่าตอนไหนเหมือนกันนะที่เผลอไปใช้คำพูดแบบนั้น
ก็เฟรนไม่รู้ว่าพี่เอ็มจะมา กับ
ถ้าน้องรู้ว่าพี่จะมาน้องจะไปกับคนอื่นงั้นเหรอ และ
ก็น้องไม่รู้ว่าพี่จะมา น้องขอโทษ คำพวกนี้ยังคงอยู่หัวผมไปอีกหลายวันเวลาพูดแบบนี้ที่ไร ถ้าผมแทนตัวเองว่าน้อง พี่เขาจะยอมทำตามผมทุกอย่างเลยแหละ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ไอ้กิ๊กมาได้ยินมันถึงกับเบะปากแรง แล้วบอกว่าอยากจะอ้วก มึงจะอ้อนพี่เขาอะไรหนักหนา ถ้าไอ้คำแทนตัวเองว่าน้องนั้นหมายถึงการอ้อนล่ะก็ ผมก็อยากจะพูดกับพี่เขาไปเรื่อยๆเลยนะ
รอยยิ้มเล็กๆถูกส่งมาให้ผม ขณะเดินลงจากเวที จะเป็นยิ้มจากใครได้นอกจากเขาคนนั้นที่มองมาอยู่ เวลาล่วงเลยเข้าเช้าวันใหม่อย่างไม่รู้ตัว การทำงานในช่วงกลางคืนแบบนี้ทำให้ผมเหนื่อยบ้างก็จริง แต่มันก็มีความสุขดีเมื่อเสียงร้องที่ออกไปจากริมฝีปากผมนั้นช่วยทำให้ใครหลายคนได้ผ่อนคลาย
สองขาเดินไปยังตรงประจำอย่างคุ้นเคยตั้งแต่พี่เขาเปลี่ยนร้านประจำมาเป็นร้านนี้ บรรยากาศในโต๊ะยังคงครึกครื้น มีหน้าใหม่เข้ามาบ้างไม่ขาดก็น่าจะเป็นเพื่อนๆของพี่เขานั้นแหละ
หัวข้อการสนทนาภายในโต๊ะก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง การเรียนใช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาเพราะจะใกล้สอบกันแล้ว ปีหนึ่งที่นั่งอยู่ยังคงโอดครวญเรื่องการสอบที่จะดูยากมากๆ รวมทั้งผมเองยังไม่มั่นใจเลยว่าตนเองจะผ่านไปได้มั้ย สงสัยคงต้องหยุดร้องเพลงซักอาทิตย์ไปเลยก่อนสอบเพื่อเตรียมพร้อม
รุ่นพี่ในคณะมักจะพูดขู่อยู่เสมอว่า สอบเข้ามาน่ะง่าย แต่การสอบเอาตัวรอดในมหาลัยอ่ะยาก และคนที่พูดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่บิ๊ก พี่รหัสผมเอง เห็นว่าช่วงนี้พี่มันนั้นง่วนอยู่กับการทำรายงานส่งอาจารย์ พี่ปีสองเดี๋ยวนี้เลยไม่ค่อยมากวนปีหนึ่งซักเท่าไหร่ แต่เพราะว่าเป็นพี่บิ๊กไงเลยพอเจียดเวลามาแซวเรื่องผมกับพี่เอ็มอยู่บ่อยๆ
บางครั้งความคิดที่มันแว้บเขามาในหัวนั้นก็อยากจะเอาคืนมันเหมือนกัน แต่ก็ยังคงคิดหาทางไม่ได้ ได้แต่เก็บเกี่ยวความสุขที่มันให้มาอยู่เป็นประจำ วงแขนแข็งแรงที่ไม่รู้ว่ามาโอบเอวผมตอนไหนนั้นกระชับขึ้นเบาๆ ใบหน้าของพี่เอ็มโน้มเข้ามากระซิบข้างหูให้พอได้ยินแค่สองคนดังขึ้น
“ มีแต่คนชอบมองเฟรน ” น้ำเสียงที่ติดจะเจ้าเล่ห์พูดขึ้นมา
“ ก็เขามองน้องเองน้องไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย ” เมื่อสิ้นสุดคำพูดของผมนั้นร่างสูงก็เปลี่ยนเป้าหมายมาหอมแก้มผมซะฟอดใหญ่ ทำแบบนี้ใช่ว่าคนอื่นจะมองไม่เห็นนะครับ เตรียมตัวแซวกันเต็มที่
“
กลับห้องเลยมั้ยมึง ” คำแซวเจ้าประจำที่เอ่ยมาเป็นคนแรกคือของไอ้เดี่ยวนั้นเอง มันเองก็ชอบมาติดสอยห้อยตามไอ้กิ๊กอยู่เหมือนกัน บางครั้งไอ้กิ๊กมันก็ดูไม่ค่อยพอใจ หลังจากคำแซวแรกนั้น คำที่สองสามก็ตามกันมาติดๆ ไอ้ผมก็หน้าบางได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนและแอบหยิกเอวพี่มันไปทีนึง โทษฐานเข้าถึงตัวผมง่ายเกินไป ไอ้พวกหอมแก้มและกอดคือสิ่งที่พี่เขาจะทำเป็นประจำเวลาอยู่กันสองคน แต่พักหลังๆนี่ทำถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ได้อยู่แค่สองคนก็ยังคงทำ สายตาเจ้าเล่ห์ที่น่าจะเจือปนฤทธิ์แอลกฮอล์นั้น ยังคงมองผมไม่วางตา คงเมาได้ที่แล้วสิ คนหน้าหนาอย่างพี่เอ็มเวลาเจอใครแซวทีไม่ได้มีอาการอะไรออกมาหรอกแบบเขินงี้ก็ไม่มี มีแต่ยอมรับเลยด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม จนผมหมั่นไส้ทุกวันๆ
“ งั้นเดี๋ยวกูพาน้องกลับห้องกูเลยละกันนะ กูไปล่ะ ขอบคุณที่พวกมึงเลี้ยงกู ” เสียงเข้มพูดขึ้นและฉุดให้ผมลุกขึ้นยืนตามก่อนจะรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมา เมื่อพี่เอ็มมันชิ่งค่าเหล้าอย่างหน้าด้านๆ ( เดี๋ยวนี้ผมแอบด่าพี่มันในใจประจำ ) พี่เอ็มพาผมซ้อนท้ายมาจนถึงหอพักของเขา พอจอดรถเรียบร้อยผมเริ่มเปิดประเด็นเลยทันที
“ พาผมมาหอพี่ทำไม ! ” ไอ้คำว่าน้องและเฟรนที่เคยแทนตัวเองหายไปทันที
“ พูดดีๆดิ นอนนี่แหละเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ติวหนังสือให้ ” ร่างสูงใช้คำว่าติวหนังสือมาหลอกล่อผมและก็ได้ผลตลอดเมื่อผมนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาที่เรียนมาจริงๆในบางวิชา ผมเดินตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปอย่างว่าง่าย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มานอนห้องพี่เขา ครั้งก่อนๆที่มีเทสย่อยผมก็ขอให้พี่เขาติวอยู่บ่อยๆ จนพี่เอ็มนั้นบอกให้ไปอ่านเองทำความเข้าใจเองอยู่หลายครั้ง เพราะกลัวว่าผมจะทำความเข้าใจเองไม่ได้ แต่คืนนี้มันแปลกไปกว่าทุกคืนไงที่ว่า นอนก่อนพรุ่งนี้ค่อยติว และไอ้สายตาที่มันดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่แบบนั้นจะให้ตีความว่ายังไงดี ผมเกาหัวตัวเองแกรกๆ อะไรกันว่ะไอ้ความรู้สึกแปลกๆแบบนี้
ผมตัดสินใจถามคำถามนึงออกไปเมื่อขาทั้งสองขาก้าวเข้ามาในห้องแล้วเป็นที่เรียบร้อย
“ คืนนี้แค่นอนเฉยๆ ใช่มั้ยพี่ ” ไม่รู้อะไรดลใจให้ถามแบบนั้นออกไป พี่เอ็มขมวดคิ้วก่อนจะปล่อยหัวเราะออกมาซะลั่นห้อง ขำทำเหี้ยไรก็กูกลัว !
“
น้องคิดว่าพี่เป็นคนยังไงกันเนี่ย ” พี่มันส่ายหน้าเบาๆแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวหนีเข้าไปในห้องน้ำ เหอะ หนีได้หนีไปนะๆ คิดว่าเป็นคนไงล่ะ เมื่อก่อนก็ดูสุภาพดี ทำไมไปๆมาๆมันเป็นแบบนี้แล้วล่ะ เข้าถึงตัวบ่อยเหลือเกิ๊น !
เวลาผ่านไปสักพักความง่วงก็เริ่มเข้ามาครอบงำผมโดยสมบูรณ์เรียบร้อย ตาจะปิดอยู่แล้วพี่แม่งยังไม่ออกมาเลย
แกร๊ก .. เสียงประตูถูกเปิดออกมานำสติผมกลับมาอีกครั้งและรีบคว้าผ้าเช็ดตัวที่พี่มันถืออยู่เข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว อยากอาบน้ำจะแย่อยู่แล้วเว้ยยยยยยยย ง่วงก็ง่วง พออาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จก็พึงสังวรได้ว่า
เสื้อผ้าแม่งยังอยู่ในตู้โดยที่ไม่ได้เอาเข้ามานี่หว่า ผมใช้ผ้าขนหนูพอเช็ดตัวให้มันหมาดๆก่อนจะพันผ้านั้นไว้รอบเอวให้แน่นหนา เกิดเดินออกไปข้างนอกแล้วหลุดขึ้นมานี่เวรเลยนะเว้ย !
ผมปลดล็อคประตูห้องน้ำออกก่อนจะผลักประตูเปิด สายตาของผมปะทะเข้ากับร่างสูงที่นอนพิงหัวเตียงอยู่ และสายตาที่พี่เอ็มใช้มองมายังผมนั้นแม่งเสียวสันหลังยังไม่รู้ ผมรีบเปิดตู้เสื้อผ้าพี่มันแล้วใส่ทุกอย่างแบบเร่งรีบ พอใส่เสื้อผ้าของพี่เอ็มเสร็จก็รีบปิดประตูตู้ ปิดประตูห้องน้ำและเดินไปนอนที่เตียงทันที แต่แววตาที่ยังคงล้อเลียนนั้นยังคงถูกส่งมาเรื่อยๆ ผมขยับตัวนอนแล้วหันไปหาพี่เอ็มก่อนจะส่งสายตาไปตำหนิพี่เขาทันที
ร่างสูงไม่มีแววสะทกสะท้านแต่อย่างใดเพียงแค่ยกมือขึ้นมายีผมที่เปียกหน่อยๆของผมเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มมาตบท้าย
“
เห็นแบบนี้แล้ว คืนนี้น้องกับพี่ คงนอนเฉยๆ กันไม่ได้แล้วล่ะมั้ง ”
=============================================================
มาแล้วน้า มาเร็วกว่าปกติเพราะว่าเราจะต้องเอาคอมไปซ่อมแล้วววววว อาจจะหายไปนานเลยยยยยย
ขอบคุณที่คอยตามอ่านกันตลอดนะคะ 55555555555 โง่ยยยยย จีบกันแล้วมันดีอย่างนี้นี่เอง เริศๆ ชอบมากค่ะขุ่นลูก
เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ บายยยยยยยยยยยยยยยย