Because of you ซน ตอนที่ 26 can I trust you???
ผมกับน่านฟ้านอนคุยกันตั้งแต่บ่ายจนตอนนี้เกือบบ่ายสามแล้วก็ยังหาเรื่องมาคุยกันได้ตลอด ยาแก้แพ้ที่ทำให้เกิดอาการง่วงไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกง่วงเลย บางทีความสุขที่เกิดจากการได้คุยกับคนตรงหน้าอาจจะทำให้ผมไม่อยากหลับ ผมกลัวว่าตอนที่ผมตื่นขึ้นมาความสุขตรงหน้าจะหายไป
“เงินกับทองสบายดี ตอนนี้มันตัวอ้วนมากอ่ะ” ผมขยับตัวนอนพิงอกไอ้น่าน หยิบมือถือมันมาเล่น ในนั้นยังมีรูปผมที่เราถ่ายด้วยกันไว้หลายใบ มีรูปมันกับพี่แอลบ้าง กับเพื่อนๆคนอื่นบ้าง แต่รูปผมยังเป็นคนที่เยอะที่สุดมากกว่ารูปเจ้าของมือถือด้วยซ้ำ ผมกับน่านฟ้าเรามีเรื่องมากมายพูดคุยกันไม่รู้หมด ช่วงเวลาสองเดือนเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานทั้งตัวผมและมัน
“จริง แต่มึงผอมลงเยอะมาก ทำไมไม่กินข้าว”
“ก็มันไม่หิว” ผมยู่ปากแล้วมองหน้าไอ้คนที่นอนกอดผมอยู่
“ไม่หิวก็ต้องกิน มึงผอมไปกอดแล้วไม่เต็มไม่เต็มมือ” ผมยักไหล่ไม่แคร์ก่อนจะเปิดเกมส์ในมือถือไอ้น่านเล่น ด่านยังเป็นด่านเดิมที่ผมเล่นค้างไว้ นั่นก็หมายความว่ามันไม่ได้เข้ามาเล่นเกมส์ที่พี่โหลดไว้ ไม่ได้ลบเกมส์ที่ผมชอบ พอหันไปมองหน้ามันไอ้น่านก็แค่ทำหน้าตาน่าหมั่นไส้ขยี้หัวผมเบาๆก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่งดีๆ
“อื้ออ” ผมเล่นเกมส์อยู่พอแม่งขยับมันเลยทำให้เกมส์ที่ผมเล่นอยู่สะดุด
“กูจะไปเก็บเสื้อผ้ามาไว้ห้องนี้” ผมพยักแล้วลุกขึ้นนั่งปล่อยให้ไอ้น่านออกจากห้องไป ผมไม่ได้สนใจอะไรนอกจากเกมส์ในมือ
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
“ว่าไงคะน้องเอย”
(เสียงสดใสกว่าเมื่อเช้านะคะ มีอะไรน่าสนุกหรือเปล่า)
“ไม่นะคะ ปกติ” ผมใช้คอแนบกับโทรศัพทแล้วล้มตัวลงนอนหยิบมือถือไอ้น่านมาเล่นเกมส์ต่อ
(พี่ซนกลับมาวันไหนอ่ะ เอยว่าจะชวนไปกินข้าว)
“น่าจะวันอาทิตย์ ยังไงเดี๋ยวพี่โทรหาอีกทีนะ” เสียงงอแงของน้องเอยที่ดังมาอีกฟากของโทรศัพท์ทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้
“ซน” ไอ้น่านเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเรียกชื่อผม “กระเป๋าไอ้จันอยู่ไหนกูจะเอาไปไว้ในห้องพี่มัน”
ผมบุ้ยปากไปทางกระเป๋าที่ยังอยู่ในสภาพที่ยังไม่โดนรื้อค้น ไอ้น่านพยัดเพยิดทำนองว่าใครโทรมา ผมก็ได้แต่ส่ายหัวว่าไม่มีอะไร แล้วพูดแบบไม่มีเสียงว่าเพื่อน มันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินออกจากห้องไป เสียงง้องแง้งในโทรศัพท์ก็เงียบลงเหมือนกันแต่น้องเอยก็ไม่ได้วางสาย
“น้องเอยคะ ยังอยู่หรือเปล่า”
(ค่ะ ยังอยู่...พี่ซนคืนดีกับพี่น่านแล้วเหรอคะ) ผมเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไร น้องเอยรู้เรื่องของผมกับไอ้น่านเพราะมือถือของผมเอง เสียงถอนหายใจดังยาวก่อนจะเงียบไปอีกรอบ (พี่คงรักเขามากสินะคะ...ผู้ชายคนนั้น่ะ)
“......”
(พี่ซน...เขาไม่ใช่คนดีอย่างที่พี่ซนเข้าใจหรอกนะคะ...)น้องเอยเงียบอีกครั้ง เสียงดังรอบข้างน้องก็เหมือนเงียบลงด้วย บางทีน้องเขาอาจจะเดินออกมาหาที่เงียบๆในการคุยกับผม (เขา...เป็นคนทำให้เราเลิกกัน)
“ไม่ใช่หรอก เป็นพี่เองที่ทำให้เราเลิกกัน”
(ไม่ใช่พี่ซนค่ะ คนที่ทำให้เราเลิกกันคือเขา เขาเป็นคนบอกเอยเองว่ารูปในมือถือพี่ซนมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการนอกใจ เขาเป็นคนบอกเอย) ที่ผมเงียบไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อเพราะจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ผมรู้แล้วว่าคนอย่างน่านฟ้ามันทำได้ทุกอย่าง
“..........”
(..ที่พี่เงียบเพราะพี่ไม่นึกโกรธคนๆนั้นใช่ไหมคะ พี่ซน...ถามจริงๆเถอะ..พี่เคยรักเอยบ้างไหมคะ” เสียงน้องเอยเงียบไป ผมได้ยินน้องเขาเป่าปากราวกับระบายอารมณ์ความรู้สึกที่คั่งค้างอยู่ในใจให้ออกไปให้หมด “ที่ผ่านมาที่พี่ยอมคบกับเอยเพราะต้องการรับผิดชอบแค่นั้นหรือเปล่าคะ....ฮึก...)
“น้องเอย...”
(เอยรักพี่ซน รักจนคิดว่ายอมได้ถึงแม้ว่าพี่จะเคยเป็นอะไรมาก่อน เอยยอมเลิกกับพี่เพราะคิดว่าเราอาจจะเริ่มต้นใหม่ได้...ฮึก...แต่พี่...พี่ดันกลับไปหาเขา กลับไปหาคนที่ทำร้ายพี่...)
“พี่ขอโทษ...”
(พี่ทนได้ยังไงพี่ซน...ผู้ชายคนนั้นเขาใจร้ายกับพี่ขนาดนี้...) ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมทนได้ยัง ไม่รู้ว่าทำไมถึงให้อภัยมันง่ายดายขนาดนั้น อาจจะเป็นเพราะผมรู้ว่าที่ผ่านมามันเองก็เจ็บไม่น้อยไปกว่าที่ผมเจ็บ ผมอยากให้เรื่องนี้มันจบลงสักที ถึงแม้ว่าผมกับไอ้น่านจะเป็นคนที่เห็นแกตัวก็ตาม
“พี่ขอโทษ” ผมรู้ว่าต่อให้ผมขอโทษน้องอีกกี่พันครั้งมันก็ยังไม่สาสมแกสิ่งที่ผมทำกับน้องเลยสักนิด เอยดีกับผมมาก มีก็แต่ผมที่เอาแต่ทำร้ายน้อง
(ฮู่ววว...) เสียงเป่าปากดังขึ้นอีกรอบ ผมทำให้น้องร้องไห้ ผมไม่อยากเป็นคนเลวที่ทำให้ผู้หญิงร้องไห้เพราะเราหลายครั้งหรอกนะครับ
(ช่างมันเถอะค่ะ เอยไม่อยากฟังคำขอโทษของพี่ซนแล้วแหละ... แต่เอยอยากจะเตือนพี่ เอยไม่รู้ว่าคนอย่างผู้ชายคนนั้นที่พี่ซนรู้จักเป็นแบบไหน แต่จากที่เอยมอง...เขาคือคนเห็นแก่ตัวที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อตัวเขาเอง...พี่ซนคะ..คนแบบนี้ไม่ใช่คนดีหรอกนะ ใครจะไปรู้ว่าที่เขาทำมากมายขนาดนี้บางทีเขาอาจจะทำเพื่อแก้แค้นพี่ก็ได้) ผมไม่อยากจะเชื่อว่ายังมีคนที่คิดเหมือนผม เรื่องที่ไอ้น่านกลับมาเพราะอยากแก้แค้น อยากทำให้ผมเจ็บ แต่ไม่รู้สิครับ ผมมองตามัน ผม...ไม่เห็นความแค้นจากดวงตามันสักนิด
“ไม่หรอก...น่านมันไม่ใช่คนแบบนั้น” ถ้ามันจะหลอก ก็ถือว่าการหลอกครั้งนี้ มันทำได้แนบเนียนมากจนผมเชื่อ
“...พี่เชื่อใจมัน...” ผมกับน้องเอยคุยกันอีกสักพักก็วางสายไป เสียงเฮจากด้านนอกบ่งบอกว่าอาจจะมีสักทีมที่ตอนนี้ชนะเกมส์อะไรสักอย่าง ความร้อนของแสงแดดไม่ได้ทำให้เสียงหัวเราะสนุกสนานด้านนอกลดทอนลงไปได้เลย อากาศเย็นจากแอร์บวกกับอากาศเมื่อยตัวทำให้ผมงีบหลับลงไม่ยาก แต่ก่อนจะหลับผมสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วที่เกลี่ยแก้มผมอยู่
“น่าน.. กูง่วง...จะนอน” ผมปัดมือมันออกจากแก้มแล้วซุกหน้าลงกับที่นอน ดึงผ้าห่มปิดเกินครึ่งหน้าแล้วหลับตาลงอีกครั้ง
“ทั้งๆที่คนอื่นทำกิจกรรมกัน...แต่มึงกลับมานอนเนี่ยนะไอ้เตี้ย” ผมขมวดคิ้วหันหน้าขวับมามองคนที่พูด มั่นใจว่าคนที่พูดเมื่อกี้ไม่ใช่ไอ้น่านแน่ๆ
“พี่แอล??”
“เออกูเอง” พี่แอลนั่งอยู่บนเตียง เอียงคอพยักหน้า แล้วส่งยิ้มมาให้ผม
“พี่มาได้ไงอ่ะ”
“ก็เปิดประตูเข้ามา” กวนตีน มันยังกวนตีนผมเหมือนเดิม “ดีกับไอ้น่านแล้วงั้นสิ”
ผมพยักหน้าแทนคำตอบ มองดูพฤติกรรมของคนตรงหน้า อยากรู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอะไรบ้างไหมถ้ารู้ว่าผมคืนดีกับไอ้น่าน ผมเองก็ยังไม่ปักใจเชื่อเรื่องที่ไอ้น่านบอกว่าจริงๆแล้วพี่แอลชอบพี่โก้ ถึงแม้การกระทำเขาตอนที่อยู่หนองคายจะบอกชัดเจนแต่คำพูดพี่แอลที่บอกว่าชอบไอ้น่านในวันนั้น มันชัดเจนอยู่ในหัวผมมากกว่า
“ดีแล้วแหละกูเองก็เหนื่อยที่จะเล่นละครแล้ว” พี่แอลถอนหายใจออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างผม “มึงนี่น่ารักจริงๆนั่นแหละน้า”
เขาเอามือข้างนึงจับหน้าผมแล้วลูบเบาๆ
“ถ้าคนที่กูรัก...เขารักกูบ้าง...ก็คงจะดี” พี่แอลเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อคนนึง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้โดดเด่นเท่าไอ้น่านกับพี่บาสหรือพี่โก้แต่พออยู่รวมกลุ่มกัน คนที่โดนคนอื่นเข้าหามากที่สุดกลับเป็นคนตรงหน้าผม เพราะด้วยบุคลิกที่เป็นกันเอง ดูท่าทางเข้าหาง่ายถึงจะปากหมาไปหน่อยแต่โดยรวมก็ถือว่าอยู่ในระดับที่พอรับได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่คนอย่างพี่แอลจะมีคนมาให้เลือกมากกว่าคนอื่น
“ผมถามอะไรพี่แอลอย่างหนึ่งดิ” พี่แอลเลิกคิ้วเป็นสัญญาณราวกับให้ผมถามได้ “พี่ชอบพี่โก้มานานแล้วเหรอ”
“ไอ้น่านเล่าให้มึงฟัง??” ผมพยักหน้า “หึ...ก็คงตั้งแต่ปีหนึ่งล่ะมั้ง...”
“แล้ว...พี่ชอบมานานขนาดนี้ พี่ไม่คิดจะบอกให้เขารู้ตัวเลยเหรอพี่แอล...” สิ่งที่ผมได้รับรู้จากแววตาพี่แอลผมตีความได้ว่ามันคือเรื่องจริง ความเจ็บปวดที่ฉายออกมาจากแววตามันไม่ใช่เรื่องโกหก
“มันไม่มีประโยชน์น่ะสิ...”
“พี่แอล...พี่ไม่เจ็บเหรอ”
“มากเลยล่ะ” เขาเปลี่ยนท่านอนเป็นนอนเงย สายตาเหม่อลอยมองที่เพดาน “การที่เรารักใครสักคนแล้วเขาไม่รักตอบ มันเจ็บ...เจ็บจนเหมือนจะตายเลยแหละ”
“พี่แอล...”
“พอๆ เราสองคนนี่ทำตัวเหมือนผู้หญิงนอนคุยกันเรื่องไร้สาระเลยว่ะ ไหนดูแขนดิ๊ หายแพ้ยัง ทำสำออยอ่อยเพื่อนกูตลอด” ไอ้พี่แอลดึงแขนผมไปดูว่ายังมีผื่นขึ้นอยู่หรือเปล่า แต่มันก็ไม่ได้มีผื่นขึ้นแล้วจะมีก็แค่สะเก็ดแผลจากที่ผมเกาเท่านั้น “ตอนนี้เขากำลังปล่อยเพื่อนๆมึงไปอาบน้ำ นัดอีกทีคงประมาณ 5 โมงเย็น เดี๋ยวไอ้น่านคงมาตามมึงมั้งตอนก่อนกูเข้ามามันโดนเรียกประชุมด่วน”
“อ้อ”
“กระเป๋ามันวางอยู่ตรงนู้น ลำบากกูต้องยกมาให้ตลอด” ผมพยักหน้า “จะนอนด้วยกันทั้งทีลำบากเพื่อนอย่างกูตลอดอ่ะ คงไม่ใช่ว่าให้กูหาถุงยางให้ด้วยหรอกนะ”
“ตลกและพี่แอล มันไม่ใช่แบบนั้น”
“อ๋อ... ไม่ใส่ถุงสินะ” เชี่ยยยยย พี่แอลแม่งกวนตีนเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ขอให้พูดจาขัดหูผม คนแบบมันน่าโมโหสุดๆ “งั้นมึงก็พักไปก่อน เหลือเวลาอีกตั้งสองชั่วโมงกว่าจะนัดอีกที”
พี่แอลลุกขึ้นจากเตียง บิดขี้เกียจนิดหน่อย ก่อนจะหันมามองหน้าผมอีกครั้ง “หวังว่าคราวนี้คงไม่มีอะไรทำให้มึงผิดใจกันอีกแล้วนะ”
“ไม่แล้วมั้งพี่” เพราะตอนนี้ผมกับมันก็เข้าใจกันมากกว่าครึ่งแล้ว รอแต่ว่ามันจะเล่าเรื่องที่มันปล่อยรูปผมกับน้องเอยตอนไหนก็เท่านั้น
“ดีแล้ว...กูก็หวังให้เป็นแบบนั้น” พี่แอลขยี้หัวผมแล้วเดินออกจากห้องไป ความเงียบกลายมาเป็นเสียงที่ดังที่สุดอีกครั้ง ผมมองกระเป๋าใบใหม่ที่วางอยู่บนโต๊ะคู่กับกระเป๋ากล้องที่ผมจำได้ว่าผมเป็นคนเลือกซื้อให้มัน ครั้งสุดท้ายที่ได้จับคือตอนที่อยู่เชียงคาน ผมตัดสินใจเดินไปที่กระเป๋ากล้องหยิบมันขึ้นมาถ่ายเล่นทั้งในห้อง ตรงระเบียง ก่อนจะขยับนั่งลงตรงม้านั่ง ดูรูปที่ตัวเองถ่ายเมื่อกี้
รูปในกล้องมันไม่ได้ต่างจากในมือถือเท่าไหร่ รูปที่เราไปฝึกงานตอนอยู่ที่หนองคายหรือตอนไปเที่ยวเชียงคานยังไม่ถูกลบ จะมีเพิ่มมาบ้าง ไม่ได้ถึงกับเยอะมากก็คือรูปของพี่แอล มันเป็นรูปที่ถูกถ่ายขึ้นตอนอยู่ในห้อง
ห้องใครสักคนอาจจะเป็นห้องพี่แอลที่ช่วงสองเดือนที่ผมกับไอ้น่านห่างกันแล้วมันไปหมกตัวอยู่ที่นั่น
ไม่รู้ดิ ผมแค่...รู้สึกหึงนิดหน่อยล่ะมั้ง แต่ผมพยายามคิดแค่ว่ามันไม่มีอะไร ก็ในเมื่อพี่แอลก็เขาเป็นคนบอกผมเองว่าคนที่พี่เขาชอบคือพี่โก้ดังนั้นผมควรจะเบาใจและเลิกคิดมากในเรื่องนี้สักที
เสียงเปิดบานประตูเลื่อนจากอีกห้องหนึ่งพร้อมกับกลิ่นบุหรี่ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินออกมา
“พี่โก้??”
“ว่าไงซน” พี่แกยิ้มแล้วเดินมามาหยุดยืนตรงมุมระเบียงใกล้ๆกับระเบียงห้องผม “ถ่ายรูป??”
“ครับพี่ ที่นี้รีสอร์ทสวย แถมแดดดีด้วย ถ่ายออกมาเลยเป็นที่พอใจพวกบ้ากล้องแบบผม” พี่โก้พยักหน้า พ่นควันสีขาวให้ลอยคลุ้งไปในอากาศ ก่อนจะมองเลยไปที่ใครสักคนที่อยู่อีกฝั่งของสายตา ผมมองตามพี่เขาก็พบว่าคนๆนั้นคือพี่แอล
ผมไม่เห็นเข้าใจเลย สายตาแบบนี้มันแปลได้ความหมายเดียวเท่านั้น
“แล้วนี้มึงเป็นไงมั่ง ปรับตัวได้ยัง” พี่โก้ละสายตาจากพี่แอลแล้วหันมาคุยกับผม
“ก็ดีพี่ ปรับตัวได้นิดหน่อย วิชาเรียนก็ยากบรรลัย ไม่รู้จะเอาตัวรอดได้หรือเปล่า” คิดแล้วแม่งก็ขนลุก ขนาดนี่เพิ่งเปิดเทอมไม่กี่อาทิตย์ชีวิตผมก็จะมอดม้วยจริงๆนะครับ ผมไม่ใช่คนฉลาด แถมไม่ได้ขยันด้วย ดังนั้นมันเป็นเรื่องยากมากที่ผมจะเข้าใจในวิชาที่ยากแบบนี้ ยิ่งไม่เคยเรียนมาผมยิ่งไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่
“ไอ้น่านเก่ง ให้มันสอนให้ก็ได้” ไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่หรอกครับ ดูน้ำหน้าอย่างไอ้น่านดิแม่งดูเหมือนโง่กว่าคนอย่างผมอีก แต่ก็นั้นแหละ ผมพูดอะไรไม่ได้แล็คเชอร์มันที่เอามาให้ผมตอนสอบเข้าก็เป็นส่วนหนึ่ง(ส่วนเล็กๆ เล็กมาก)ที่ทำให้ผมสอบผ่าน
“ก็กะว่าอย่างนั้นแหละครับ”
“แล้วนี่ไอ้น่านมันย้ายไปนอนห้องมึงเหรอ”
“ครับ พี่แอลบอกพี่เหรอ”
“อื้ม ไอ้แอลมันเองก็ขนเสื้อผ้ามาไว้ห้องพี่เหมือนกัน ตอนแรกมันนอนกับไอ้น่าน แล้วพอไอ้น่านย้ายไปมันก็เอาเสื้อผ้าไอ้ป็อบขนไปนอนกับไอ้จันลูกพี่ลูกน้องมันแล้วตัวมันก็มานอนห้องพี่แทน” ผมพยักหน้า ก่อนจะหันไปมองหน้าพี่โก้อีกรอบ เพราะพี่เขาไม่ได้พูดอะไรต่อมองใครสักคนจนผมหันไปมองตาม
“พี่โก้”
“หืม??”
“พี่รู้หรือเปล่าว่าพี่แอลชอบพี่” ผมถามเพราะอยากรู้ ผมไม่คิดว่าคนอย่างพี่โก้จะไม่รู้เรื่องแบบนี้
“หึ” เขาหัวเราะในลำคอแล้วพ่นควันบุหรี่ออกมาอีกครั้ง “มึงคิดว่าแอลชอบกูจริงๆเหมือนที่มันตั้งใจทำให้คนอื่นเห็นแบบนั้นจริงๆน่ะเหรอซน”
พี่โก้ส่ายหน้าก่อนจะบี้บุหรี่ลงกับที่เขี่ย
"กูจะบอกอะไรมึงอย่างนึงนะซน" พี่โก้ถอนสายตาจากพี่แอลย้ายมาอยู่ที่ผม "มีแต่กูเท่านั้นแหละที่ชอบมันอยู่ฝ่ายเดียว"
ผมไม่เห็นเข้าใจเลย สรุปเรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบไหนกันแน่ ผมไม่ได้ถามพี่โก้ต่อ เพราะเหมือนพี่เขาเองก็ไม่อยากจะพูดถึงมันสักเท่าไหร่ การเดินหนีจากไปแล้วทิ้งคำพูดชวนปริศนาแบบนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึก....ไม่เข้าใจ
ตอนนี้ผม งง ไปหมด ผมเหมือนคนที่กำลังเดินตามเกมส์ของใครสักคน ไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นหรือจุดจบมันอยู่ตรงไหน ผมไม่รู้ว่าเกมส์นี้ใครชนะ ผมไม่รู้ว่าความรักที่วิ่งตามอยู่ตอนนี้มันคุ้มกับสิ่งที่จะเสียไปไหม
ไม่รู้ว่าไพ่ใบสุดท้ายที่ทิ้งจยหมดหน้าตักไปนั้น มันจะกลายเป็นมีดดาบแทงผมในอนาคตหรือเปล่า สิ่งเดียวที่ผมรู้ตอนนี้คือ ผมเชื่อใจไอ้น่านไอ้มากน้อยแค่ไหนกัน
ผม...ไม่รู้เลย
“อ่าว ไม่นอน” ไอ้น่านเปิดประตูเขามาพร้อมกับคำถาม ผมส่ายหัวแล้วยกกล้องขึ้นให้มันดู
“เล่นกล้องอยู่ คิดถึงมัน”
“คิดถึงแต่กล้องเหรอ??? กูล่ะ” ไอ้น่านยู่ปากทำหน้าตาที่คิดว่าน่ารักที่สุด ผมส่ายหัวปิดประตูระเบียงเสร็จก็ขยับมาลงบนเตียง น่านฟ้าเดินตามมานั่งซ้อนหลังผม วางคางไว้บนไหล่แบบที่มันชอบทำ ผมคิดถึงทุกการกระทำที่น่านฟ้าทำ มันไม่ได้ต่างไปจากตอนที่เราอยู่ด้วยกันก่อนหน้านี้เลยสักนิด
“มึงมีอะไรให้น่าคิดถึงน่าน”
“เยอะแยะล่ะกันน่า” ผมเบ้ปากแล้วเปิดไล่ดูรูปในกล้องต่อ คำถามเยอะแยะไหลวนมาในหัว สุดท้ายก็เอ่ยปากพูดออกมาจนได้“ช่วงที่ผ่านมามึงไปยู่กับพี่แอลตลอดเลยเหรอ”
“อื้ม” น่านฟ้าพยักหน้าเอาหัวซุกคอ มือเลื้อยไปมาอยู่แถวของกางเกงผม “ถามทำไมวะ...หึง??”
“ได้ไหมล่ะ” ผมคิดว่าการพูดความจริงมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
“จริงดิ ไม่อยากเชื่อ ทำไมแฟนน่ารักอ่ะ”
“เราเป็นแฟนกันแล้วเหรอน่าน” ผมใช้มือข้างนึงเขกไปที่หัวมัน น่านฟ้าเองก็พยักหน้ากับไหล่
“คนเป็นแฟนกัน...มันต้องเชื่อใจกันใช่เปล่า” เขาพยักหน้าอีกรอบ “มึงยังมีเรื่องที่ปิดบังกูอีกไหมวะ”
ผมถามแต่มันเงียบ ไม่ตอบเรื่องที่มันเป็นคนบอกน้องเอยเรื่องรูปของเราในมือถือผม
“แล้ว..กู...เชื่อใจมึงได้ไหมน่าน”
“ทำไมถึงถามแบบนั้น...”
“ไม่รู้ดิ...กูแค่อยากรู้ว่ากูเชื่อใจมึงได้ไหม”
>>>>TBC<<<<
เนื้อเรื่องเหมือนแต่งนิยายแนวสืบสวนสอบสวน เราบอกแล้วว่าอย่าเชื่อใจเรา

อันนี้จะเป็นปมสุดท้ายแล้วนะ เพราะนิยายใกล้จบแล้ว อีกฮึดใจเดียวเท่านั้นค่ะ
แรงจูงใจของเรื่องนี้มาจากซีรีย์ game of thorn
แล้วชอบประโยคหนึ่งของ littlefinger ที่บอกว่า don’t trust me...
คนที่มีบุคลิกที่น่าเชื่อใจมากที่สุดบางทีอาจจะไม่ใช่คนที่เราควรจะเชื่อใจก็ได้ คำถามคือ...”ใคร”??
ซน
น่านฟ้า
แอล
โก้
น้องเอย หรือ ....???