@@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (บารมี&พิพัฒน์) ตอน คนที่เข้าใจคนที่ไว้ใจ
พิพัฒน์ไม่สบาย ก็รู้และเข้าใจ แต่มันโกรธไง โกรธทำไมไม่รู้ รู้แต่ว่าโกรธ
โกรธที่มันมีคนมาชอบ โกรธที่มีบางคนไม่ชอบมัน โกรธเพราะมันยังรักคนอื่น โกรธที่คนอื่นที่มันรักทิ้งมันไปง่ายๆ
โกรธหลายอย่าง
โกรธหลายเรื่อง
โกรธที่มีอะไรมันก็ไม่เคยคุยด้วย ไม่เคยปรึกษา โกรธที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมถึงได้สนใจมันนักหนา
โกรธทั้งไอ้พัฒน์ โกรธทั้งตัวเอง
“มึงไม่ต้องไปทำบัญชีแล้วพัฒน์ กูหาคนทำบัญชีใหม่ได้แล้ว”
เมื่อถึงที่สุดของความรู้สึก บารมีคิดเรื่องนี้วนไปวนมาตลอดทั้งวัน จนแทบไม่เป็นอันทำงาน สุดท้ายกลับบ้านมามองหน้าของพิพัฒน์นิ่งๆ และพูดออกไปตรงๆ และพิพัฒน์ก็หันมามองหน้าของบารมีด้วยความไม่เข้าใจหลังจากกลืนยาลงไปเรียบร้อย
“..............”
“นี่ไง มึงก็เป็นแต่แบบนี้ไง มัวคิดอะไรอยู่ ถามไปไม่เคยตอบ คุยอะไรไม่เคยคุย พูดด้วยก็ไม่อยากพูดด้วย เป็นห่าอะไรของมึงวะ”
พิพัฒน์ไม่สบาย
แต่บารมีไม่สนใจเรื่องนี้
ความหงุดหงิดโมโหมันบังตา และเป็นพิพัฒน์ที่ยังคงมึนงงสงสัย ยิ่งไม่รู้จะพูดอะไรเพราะไม่เข้าใจว่าตัวเองผิดตรงไหนทำไมบารมีถึงได้โกรธกันขนาดนี้
“...............”
แล้วจะให้พูดอะไรวะ
“มึงไปติดอรัญญาลูกสาวร้านขนมในตลาดใช่มั้ย ไอ้ที่บอกไปเล่นตะกร้อทุกวันนั่นก็เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย”
ถ้าใช่แล้ว........มันจะผิดตรงไหน
“พี่บัส ชอบอรัญญาเหรอ”
กูไปพูดตอนไหนว่าชอบ กูยังไม่เคยพูดเลย มึงต่างหากที่ไม่เคยพูดแต่มึงทำเลย
“กูไม่ได้ชอบ กูถาม มึงมีหน้าที่ตอบมึงก็ตอบ ไม่ใช่มาถามกูกลับเข้าใจมั้ย”
ถามแล้วก็ต้องตอบสินะ ก็ได้ .........
“ก็น่ารักดี แม่เขาทำขนมด้วย ว่าจะขอสูตรขนมแม่เขาหน่อยเผื่อวันหนึ่งคงมีโอกาสได้เอามาทำมาหากิน”
นี่คือสิ่งที่มึงต้องการให้กูรับรู้ใช่มั้ยพัฒน์ นี่คือสิ่งที่........
บารมีรู้สึกคล้ายกับว่าอยู่ดีๆ ก็หมดแรงไปดื้อ ๆ
นั่งนิ่งมองหน้าของพิพัฒน์ด้วยสายตาที่พิพัฒน์ไม่เข้าใจความหมาย
“แล้วพี่คิดว่า อรัญญาเป็นยังไง”
ไอ้....พัฒน์.......
แทบหมดแรง
และเป็นบารมีที่ไม่รู้จะตอบพิพัฒน์ยังไง
“...............”
บารมีนิ่งอึ้ง และไม่ตอบอะไรพิพัฒน์เลย ลุกขึ้นยืนด้วยความหงุดหงิดโมโห ในหัวมีแต่เรื่องราวของพิพัฒน์เต็มหัวไปหมด
ไอ้พัฒน์มันจะจริงจังกับอรัญญาก็ช่างหัวมัน
ไอ้พัฒน์มันจะรักจะชอบใครก็ช่างหัวมัน
ไอ้พัฒน์มันจะทำอะไรก็ช่างหัวมัน
ไอ้พัฒน์มันจะทำยังไงก็เรื่องของมัน
ไอ้พัฒน์มันจะทำยังไงก็ไม่เกี่ยวกับกู.......
“กูจะไปนอนที่อู่”
บารมีรู้สึกว่าตัวเองกำลังโกรธ
โมโห สับสน มึนงง และเหมือนกำลังจะควบคุมความคิดของตัวเองไม่ได้ ยิ่งนานวันเข้า ไม่ว่าเรื่องอะไรก็พาลหงุดหงิดโมโหอารมณ์เสียไปซะหมด
สองสามวันมานี้ บารมีอารมณ์ไม่ค่อยดี โมโหและหาเรื่องพิพัฒน์อยู่บ่อย ๆ บางครั้งพูดให้เสียใจ บางครั้งก็เอาเรื่องเก่า ๆ มาพูด
และมีหลายครั้งที่บารมีนึกอยากตบปากตัวเองที่พูดจาไม่คิด
รู้ว่าพูดเรื่องแย่ ๆ แต่ช่วงนี้บารมีเหมือนคนควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองไม่ค่อยอยู่
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็พาลให้อารมณ์เสีย ไม่ใช่แค่เรื่องพิพัฒน์ แต่ยังมีเรื่องอื่น ๆ ให้คิดด้วย คิดวนไปวนมาหลายคืนมาเป็นเดือนแล้ว
คิดจนเครียด
เครียดจนบางทีอยากจะบ้า เพราะปัญหาของตัวเองที่แก้ไม่ตก
“งานเยอะเหรอ”
บารมีไม่อยากจะตอบสิ่งที่พิพัฒน์ถาม เพราะยิ่งพูดก็ดูเหมือนจะเริ่มหงุดหงิดโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ
“มึงอย่าเซ้าซี้ได้มั้ย มึงเป็นพ่อกูหรือไง ถามอยู่ได้ มึงสนใจด้วยเหรอ”
แล้วทำไมถึงจะไม่สนใจล่ะ
“................”
“เงียบทำไม”
หันไปหาเรื่องคนที่นั่งเงียบ แล้วบารมีก็รู้สึกว่าตัวเองยิ่งหงุดหงิดโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ
“.................”
พิพัฒน์ไม่ตอบแต่นิ่งเงียบ แต่บารมียิ่งเหมือนคนสติแตกเข้าไปทุกที
“ไอ้พัฒน์”
ตะคอกใส่คนที่ไม่ยอมพูดด้วย แต่พิพัฒน์ยังคงนิ่งเฉย
เราทะเลาะกันอยู่บ่อย ๆ ทั้งที่จริงก็เหมือนบารมีทะเลาะอยู่คนเดียว
“กูไม่อดทนกับมึงหรอกนะ”
“.............”
“มึงกวนตีนกูเหรอห๊ะ มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึง ไม่สบายเข้าหน่อยสมองเลยมีปัญหามากนักใช่มั้ย”
ตะคอกใส่คนที่นั่งเงียบ และพิพัฒน์ยังคงนิ่งเฉย ไม่ตอบโต้อะไรบารมีทั้งสิ้น
พิพัฒน์รู้สึกว่าเริ่มปวดหัวขึ้นมาทีละนิด และรู้สึกว่าร่างกายอ่อนล้าเพราะถึงเวลาต้องพักแล้ว
ปวดหัว ปวดตัว ร่างกายดูเหมือนยังล้าและไม่แข็งแรงดี
“ขอนอนพักก่อนแล้วค่อยคุยได้มั้ย”
เอ่ยบอกบารมีเสียงเบา แต่บารมีไม่คิดจะฟัง
“ตายห่าแม่งไปเลยไป๊”
บารมีเตะเก้าอี้กระแทกเตียงพิพัฒน์อย่างแรง และพิพัฒน์ก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของบารมีตรง ๆ
ทำไมถึงได้โมโหใส่ตลอดเวลา
ทำไมถึงได้โกรธกันอยู่ตลอดเวลา
ทำไมถึงได้เกรี้ยวกราดใส่กันตลอดเวลา
“.............”
พิพัฒน์ไม่พูด แต่มองหน้าของบารมีนิ่ง ๆ
ไม่เคยมีคำพูด
และเป็นบารมีที่รู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะเป็นบ้าเพราะคนที่อยู่ตรงหน้า
“มองหน้าทำไม อย่างมึงสมควรแล้วพัฒน์โดนอีปามันทิ้ง”
บารมีเหมือนคนขาดสติ พูดจาร้าย ๆ ใส่พิพัฒน์ไม่หยุด
ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ไม่รู้
เรื่องที่อยู่ในใจลึก ๆ แสดงออกมาไม่ได้ เลยต้องใช้ความโกรธมาปกปิดเอาไว้
“..............”
พิพัฒน์ไม่รู้จะพูดอะไร
ไม่รู้ควรทำตัวยังไง ไม่รู้ว่าแบบไหนถึงดี แบบไหนถึงไม่ดี แบบไหนถึงจะถูกใจ แบบไหนบารมีถึงจะพอใจ
“.................”
“มึงก็ดีแต่เงียบนั่นแหละ มึงปั่นหัวกู ปล่อยให้กูเป็นบ้าอยู่คนเดียวเป็นคนเหี้ยที่โมโหใส่มึงตลอดเวลา แต่มึงไม่เคยมองตัวเองหรอกพัฒน์ว่าการที่มึงเงียบมันทำให้กูยิ่งโมโห”
ทำไมต้องโมโห
ทำไมต้องโกรธ
ทำไมต้องพูดแต่เรื่องแย่ ๆ ใส่กันด้วย
“................”
พิพัฒน์ยังคงปิดปากเงียบ
และบารมีก็ยิ่งอยากจะอาละวาดให้มากขึ้น
ไอ้พัฒน์
ไอ้พัฒน์
เพราะมึงเป็นแบบนี้ กูถึงได้เป็นแค่ไอ้บ้าคนหนึ่ง ที่วันๆ เอาแต่โมโหใส่มึง เอาแต่พูดจาเหี้ย ๆ ใส่มึงไม่หยุด เพราะมึงเป็นแบบนี้เพราะมึงทำให้กูต้องเป็นแบบนี้
บารมียิ่งโมโหหนักขึ้นและเดินวนไปวนมารอบห้องสุดท้ายมาหยุดที่ข้างเตียงพิพัฒน์ และยืนนิ่ง ๆ
เงยหน้าขึ้นมองเพดานและถอนหายใจออกมายาว ๆ
“...............”
พิพัฒน์ไม่พูดอะไร แต่ดึงแขนบารมีมากอดเอาไว้
กอดและนิ่งเงียบ.....และก้มลงแตะหน้าผากเบา ๆ ที่แขนของบารมี
“................”
ไม่เคยพูด
ไม่ว่าเมื่อไหร่พิพัฒน์ก็ไม่เคยพูด
และเป็นบารมีที่รู้สึกว่าตัวเอง ทั้งทุเรศทั้งถ่อย ทั้งทำตัวสถุนสิ้นดีกับคนที่ไม่เคยพูดอะไรให้ขุ่นเคืองใจอย่างพิพัฒน์
ไม่มีวันไหนที่พิพัฒน์ตอบโต้
ไม่มีครั้งไหนที่พิพัฒน์เกรี้ยวกราดใส่
ไม่มีครั้งไหนที่พิพัฒน์จะพูดจาหรือทำเรื่องแย่ ๆ ให้บารมีขุ่นเคืองใจ
มีแต่บารมีทั้งนั้น ที่ทำร้ายจิตใจคนดี ๆ อย่างพิพัฒน์ได้ลง
“โกรธมาก ๆ ไม่ดีหรอกนะ พี่ไม่ให้ทำบัญชี ผมไม่ทำก็ได้นะ......และถึงพี่จะโกรธหรือโมโหผมก็จะไม่ว่าพี่หรอก ก็เพราะผมเป็นแบบนี้ ปาถึงได้ทิ้งไป พี่พูดถูก”
บารมียืนนิ่งและฟังพิพัฒน์เงียบ ๆพิพัฒน์ไม่ได้หยุดคำพูดแค่นั้นแต่มีหลายอย่างที่พิพัฒน์เริ่มพูด
“........ พี่บัส....บัญชีมันแต่งไม่ได้หรอก ขาดทุนก็คือขาดทุน แบงค์จะฟ้องล้มละลายก็ไม่เป็นไรนะ พี่พยายามแล้ว พี่พยายามเต็มที่แล้ว ใครไม่เห็นแต่ผมเห็น.......ผมทำขนมขายก็ได้ บ้านเป็นชื่อผม ถึงพี่โดนฟ้องถึงจะเป็นอะไร ถึงจะล้มละลาย มีหนี้สิน แต่ไม่เป็นไร เราช่วยกันทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ขายก็ได้ ผมไม่มีหนี้สินอะไร พี่ไม่ต้องกังวลนะ”
เราทะเลาะกันด้วยเรื่องบ้าบออะไรไม่รู้
แต่พิพัฒน์ไม่เคยโกรธบารมีแบบจริง ๆ จัง ๆ สักครั้ง
ไม่ใช่แค่ไม่โกรธ แต่มีอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น
บารมี....ถึงกับนิ่งงัน
เรื่องที่ไม่เคยบอกให้ใครรู้ เรื่องที่ปิดบังเอาไว้ พิพัฒน์รู้หมดทุกอย่าง
การเงียบ ไม่ได้แปลว่าไม่รู้ แต่พิพัฒน์รู้หมดทุกอย่าง รู้และเข้าใจถึงที่มาของอารมณ์โกรธ และหงุดหงิดโมโหของบารมีที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
ไม่คิดว่าพิพัฒน์จะรู้ขนาดนี้
ไม่คิดว่าพิพัฒน์จะพูดด้วยถ้อยคำแบบนี้
“...............”
พิพัฒน์เงยหน้าขึ้นมองหน้าของบารมีนิ่ง ๆ และเป็นบารมีที่ขบริมฝีปากแน่นเพราะไม่รู้จะพูดความรู้สึกของตัวเองออกมายังไง
“มึงรู้ได้ไง”
เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และพิพัฒน์ก็จับมือของบารมีแน่นขึ้น
ครั้งแรกที่บารมีนิ่งเงียบ และค่อย ๆทิ้งกายลงนั่งข้างเตียงของพิพัฒน์อย่างช้า ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปกปิดด้วยท่าทีแข็งกร้าวและคอยแต่แสดงท่าทางโมโหใส่พิพัฒน์อยู่ตลอดเวลา พิพัฒน์รู้มานานแล้วว่าเป็นเพราะอะไร
รู้ทุกอย่าง
เข้าใจทุกอย่าง
บารมีในสายตาญาติ ๆ คือคนเก่งที่สามารถเลี้ยงดูตัวเองและบริหารจัดการชีวิตได้อย่างดีเยี่ยม
แต่ไม่มีใครเคยรู้
บารมีเก็บบางสิ่งบางอย่างเอาไว้อยู่ลึกเกินไป และไม่ต้องการให้ใครรับรู้ หรือสงสาร
“................”
ในวันที่จิตใจไม่เข้มแข็ง ในวันที่สับสนว้าวุ่นใจ ในวันที่ความเป็นตัวของตัวเอง กำลังสูญสลาย บารมีไม่คิดว่าคนที่เหมือนไม่รับรู้อะไรเลยอย่างพิพัฒน์จะทำให้บารมีรู้สึกอย่างนี้ได้
บารมีไม่ใช่คนที่ร้องไห้กับใครง่าย ๆ
และนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่ร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา
พิพัฒน์กอดบารมีเอาไว้ในวันที่อ่อนแอที่สุด
กอดเอาไว้เงียบ ๆ ในวันที่สับสนที่สุดในชีวิต
อยู่เคียงข้างในวันที่ไม่เป็นตัวของตัวเองที่สุดในชีวิต
“.....................”
“.....................”
มีเพียงความเงียบงันระหว่างคนสองคน และพิพัฒน์เข้าใจ
ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็เข้าใจ
สาเหตุที่บารมีหงุดหงิดโมโห และใส่อารมณ์กับพิพัฒน์ได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่เคยไปทำกับใคร
เพราะว่าบารมีไว้ใจ
และเป็นตัวของตัวเองที่สุดเวลาที่อยู่กับพิพัฒน์คนเดียวเท่านั้น
TBC.