บทที่17 ห่อเหี่ยว
ผลั่ก!
ในนาทีที่คิดว่าไม่รอดแล้วแน่ๆก็มีขวดน้ำลอยมาจากไหนก็ไม่รู้ พุ่งเข้ากระเท้าหน้าคนที่คร่อมเขาไว้เต็มๆ แต่เพราะถูกนั่งทับเอาไว้ทำให้อินมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ได้ยินก็แต่เสียงตุบตับแล้วก็เสียงเอ็ดตะโรของไอ้สี่คนนั้น
“รอดแล้ว?”เสียงทุ้มแหบพร่ารำพึงออกมาแผ่วเบา หัวใจที่ตกลงไปกองอยู่แทบเท้ากลับเข้าตำแหน่งเดิมแล้วก็เต้นตามจังหวะอีกครั้ง คนที่ทับอยู่ลุกขึ้นไปแล้วอินจึงเริ่มขยับกาย
แม้จะยังมึนและจุกอยู่ขนาดไหนก็กัดฟันขึ้นมานั่งจนสำเร็จ
“พัด...”
“นั่งโง่อยู่นั่นแหละ ขึ้นไปนั่งในรถเร็วนู่น!!”ร่างสูงของคนที่ไม่คิดว่าจะมาอยู่ในที่แบบนี้หันมาตวาดลั่น อินพยักหน้ารับคำอย่างงุนงง ดูเหมือนพัดจะมาคนเดียว เพราะอะไรก็ไม่รู้แต่ก็กำลังช่วยเขาอยู่
อินคลี่รอยยิ้มกว้าง รู้สึกชื้นใจขึ้นเยอะก่อนจะตะเกียดตะกายพาตัวเองออกจากมุมอับของปั๊มไป
ร่างโปร่งเหลียวมองคนที่มาช่วยครู่หนึ่ง แต่พัดก็ไม่ได้กระจอก สู้กับพวกนั้นได้ดีเลยทีเดียว ความจริงถ้าอินไม่บาดเจ็บมาก่อนเจ้าสี่คนนี้ก็คงไม่คณามือเขาเช่นกัน
มิหนำซ้ำพวกมันยังอยู่ในสภาพกางเกงหลุดลุ่ยสู้ไม่ถนัดอีก สภาพนั้นไม่นานก็คงแพ้...
ด้านหน้าของปั๊มไร้เงาผู้คน ดูเหมือนว่าพวกมันจะติดป้ายว่าน้ำมันหมดไว้หน้าทางเข้าแล้วด้วยความรอบคอบ อินสังเกตเห็นรถของพัดได้ไม่ยากในเมื่อมันจอดอยู่แทบจะติดกับห้องน้ำเลย ร่างโปร่งพาตัวเองขึ้นนั่งอย่างอ่อนเพลีย
สภาพใกล้เคียงกับผักต้มในหม้อสุกี้
เละเทะและห่อเหี่ยว
มองเวลาบนหน้าปัดแล้วก็ตกใจ
ตีสอง...
มิน่าล่ะถึงได้ไม่มีคนเข้ามาเติมน้ำมัน
ในขณะที่กำลังสลึมสลือใกล้จะหลับก็ได้ยินเสียงเปิดประตูฝั่งคนขับ อินสะดุ้งเล็กน้อยเพราะคิดว่าเป็นพวกมัน แต่พอเห็นพัดในสภาพฟกช้ำเล็กน้อยทิ้งตัวลงนั่งก็ถอนหายใจโล่งอก
“ขอบคุณ...”อ้อมแอ้มเอ่ยออกไป ในเวลาแบบนี้อินไม่รู้จริงๆว่าควรทำหน้าอย่างไร ในเมื่อแสดงความน่าสมเพชให้อีกฝ่ายเห็นเข้าเต็มๆ
“อืม”
เสียงทุ้มตอบกลับสั้นๆสร้างความฉงนให้กับอิน เขาปรายตามองคนข้างกายที่เอาหน้าซบกับพวงมาลัยเงียบๆ
เพียงอึดใจพัดก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วก็แล่นรถออกจากปั๊มไปโดยไม่พูดไม่จา สีหน้าเรียบเฉยแต่บรรยากาศรอบๆแผ่ความคุกรุ่นจนอินร้อนๆหนาวๆ
“จะ...ไปไหน?”ในที่สุดก็กัดฟันถามออกไปจนได้
“กูแจ้งความไปแล้ว จับมัดไว้กับเสาร้านด้วย เดี๋ยวตำรวจก็มาหิ้วพวกมันไป”
ไม่ใช่คำตอบที่อินต้องการ สงสัยว่าพัดตีความว่าอินกลัวว่าออกมาจากจุดเกิดเหตุแล้วพวกคนร้ายจะหนีไปได้จึงตอบแบบนั้น
“จะไปไหน?”เลยหวังดีถามไปอีกครั้งกลัวไม่เข้าใจคำถาม แต่หารู้ไม่ว่ามันไปประตุกต่อมประสาทของอีกคนเข้าเต็มๆ พัดออกแรงกำพวงมาลัยรถแน่นขึ้น แต่เพราะมันมืดอินเลยไม่ทันสังเกต
“โรงพยาบาล”
“ไปทำไม”
เหมือนเส้นด้ายบางๆขาดผึง...คนที่หงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วระเบิดอารมณ์ออกมาทันทีที่สิ้นคำถาม
“เพราะโง่อย่างนี้ไงถึงเกือบได้ผัวเพิ่มอีกสี่คน!!!”ตะโกนเสียงดังจนหูชา อินผงะกับความเกรี้ยวกราดของอีกฝ่าย
“อ่อ หรือว่าอยากโดน...ตอนกูเอาก็เห็นชอบอกชอบใจดีนี่เนอะ เหอะ!!”เมื่อไม่มีการตอบโต้ฝ่ายที่กำลังร้อนใจเลยรีบใส่อีกชุดใหญ่ คำพูดดูถูกเหยียดหยามแต่สีหน้าซึ่งซ่อนอยู่ในความมืดของคนพูดกลับฉายแววเจ็บปวด
“ไอ้เหี้ย!! ก็แค่ถามทำไมต้องซ้ำเติม ได้มึงเป็นผัวคนเดียวชีวิตกูก็ฉิบหายพอแล้วกูไม่อยากได้เพิ่มหรอก!! แต่ถ้ามาช่วยแล้วงี่เง่าใส่กันแบบนี้ก็ปล่อยก็ลงไปเดินข้างทางตรงนี้เลยก็ได้นะ!! จอดดิวะ!! กูจะลงไปเดินหาผัวใหม่!!”
เอี๊ยดดดด!
“ลงไป”
เสียงเย็นเยียบทำเอาใจหาย อินหุบปากและเบิกตามองหน้าพัดอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“ก็ได้...กูลงก็ได้”ถ้าอยู่แล้วโดนดูถูกขนาดนี้เขาก็ยอมไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า อินปลดเข็มขัดแล้วก็เดินลงจากรถไปแบบไม่มีลังเล ได้ยินเสียงปิดประตูรถแล้วก็เสียงฝีเท้าตามมาด้วยแรงกระชากข้อมืออย่างแรง
“ทำเหี้ยไรเนี่ย!??”
“มึงแหละทำเหี้ยไร จะเดินไปไหน”
“หะ?”ร่างสูงออกแรงนิดเดียงร่างกายปวกเปียกของคนบาดเจ็บหนักก็ปลิวตามมือไปแล้ว อินได้สติแล้วก็มองรอบๆตัวดูให้ดีอีกครั้งก็พบว่าตอนนี้พวกเขาไม่ได้ยืนเถียงกันอยู่ริมทางเปลี่ยวๆแต่ยืนอยู่ใต้โถงทางเดินใหญ่ประดับด้วยโคมไฟอย่างดี
พัดยื่นกุญแจรถให้ชายที่สวมชุดสูทผูกโบว์หูกระต่าย
อินกระพริบตาปริบๆมองพนักงานเคาเตอร์ที่ส่งคีย์การ์ดให้พัดด้วยรอยยิ้ม
ภายในลิฟท์ของโรงแรมระดับสูงกว่าสี่ดาวแน่ๆ อินยืนโงนเงนจับมือประสารกับมือของร่างสูงซึ่งอารมณ์แปรปรวน ยามเห็นที่พักดีๆอยู่ตรงหน้าก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องขัดขืนอีกต่อไป
อย่างที่บอกอินไม่ได้โง่รักศักดิ์ศรีทิ้งชีวิตขนาดสะบัดสะบิ้งออกไปเดินข้างถนนในสภาพแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง...
“ไมไม่ไปโรงบาล”ถึงอย่างนั้นก็ขอถามหน่อยเถอะ เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าจะไปโรงพยาบาล ไหง พาเข้าโรงแรม
โดยไม่ตอบอะไรพวกเขาก็เดินมาถึงห้องพักเสียแล้ว ภายในห้องประดับด้วยเฟอนิเจอร์มาตรฐานของห้องพัด เตียงหนึ่งหลัง โทรทัศน์และโซฟากับโต๊ะเล็กๆ...ไม่ยักรู้ว่าแถวบ้านตัวเองก็มีที่พักดีดีแบบนี้...ปกติจะเห็นแต่ม่านรูด
ร่างโปร่งหย่อนกายลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า ดูเหมือนว่าพัดจะหยิบกุญแจห้องแล้วก็เดินออกไปไหนก็ไม่รู้แต่นั้นก็ไม่สำคัญอีกต่อไปเมื่อมีแอร์เย็นๆกับเตียงนุ่มๆอยู่แบบนี้ เด็กหนุ่มซึ่งผจญกับเรื่องราวมากมายก็ผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย
.
.
“โอ๊ย!”ในขณะที่อยู่ในห้องนิทรานั้นก็ได้ยินเสียงขยุกขยิกข้างหูจากนั้นก็ตามมาด้วยความรู้สึกเย็นวาบแล้วก็ความเจ็บแสบบริเวณบาดแผล เดือดร้อนให้คนเจ็บซึ่งหลับไปได้ไม่นานต้องขืนเปลือกตาลืมขึ้นมาสำรวจว่าเกิดอะไรขึ้น
“อืม”ครางงืมงำในลำคอ เพราะความเมื่อยล้าทำให้หนังตาหนักกว่าปกติหลายเท่า อินฝืนตัวเองลืมตาขึ้นมามองสภาพรอบๆตัวได้สำเร็จ ภายในห้องพักเดิมแต่ต่างจากตอนก่อนที่เขาจะหลับตรงแสงไฟในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงไฟจากระเบียงเล็ดลอดเข้ามาเท่านั้น
กับร่างสูงของคนที่พาเขามาที่นี่....นั่งอยู่ขอบเตียง ข้างกายมีอุปกรณ์ทำแผลครบชุด
“ตื่นแล้วเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถาม อินพยักหน้าแทนคำตอบ ดูเหมือนพัดจะระงับอารมณ์โกรธลงได้แล้ว
“ขอบคุณ”และเป็นอีกครั้งที่อินไม่มีอะไรจะพูดนอกจากคำนี้
ร่างโปร่งนอนแน่นิ่งให้อีกฝ่ายช่วยทำแผลไปเรื่อยๆ ท่ามกลางแสงไฟสีส้มอ่อนทำให้เห็นใบหน้าของพัดได้เลือนราง...ทั้งที่เป็นอย่างนั้นแต่อินกลับรู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่ถ่ายทอดออกมาทางสายตาของอีกฝ่าย
ยามป้ายน้ำยาฆ่าเชื้อลงบนร่างที่มีแต่บาดแผลกับเสียงร้องซี้ดของคนเจ็บ
“หึหึหึ”อินหลุดหัวเราะกับมือที่ชุบสำลีแตะแผลตนอย่างแผ่วเบา
“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ กูโดนกระทืบจนชินแล้ว”คนเจ็บบอกให้พยาบาลชั่วคราวทำแผลแบบไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง”ยึกยักมันน่ารำคาน”
“ซ่าออกแล้วเหรอ”พัดยิ้มรับแต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนวิธีทำแผลของตน สร้างความขัดใจให้อินนิดหน่อย ร่างโปร่งก็เลยลุกขึ้นนั่งพรวดพราดแล้วก็เอี้ยวตัวไปกดเปิดโคมไฟหัวเตียงช่วยให้เห็นใบหน้าเหรอหราของพัดได้ชัดๆ
“พอเลยมึง เอามานี่ กูทำเอง”ว่าแล้วก็คว้าเอาน้ำยาฆ่าเชื้อมาจากมือของคนที่กำลังช็อคอยู่
ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังทำท่าปางตายอยู่เลยแท้ๆ...พลังชีวิตล้นเหลือจริงๆ พัดมองคนเจ็บซึ่งกำลังทำแผลให้ตัวเองอย่างรุนแรงด้วยสีหน้าชื่นชม(?)
“อินนี่...แข็งแกร่งจริงๆเลยเนอะ”
“ไม่หรอก กูบอบบาง”
“หะ...เหรอ ฮ่าๆๆๆ”พัดหลุดหัวเราะออกมาตอนเห็นคนที่บอกว่าตัวเองบอบบางกดแผลตัวเองหนักๆแล้วก็หันมายักคิ้วให้ตน
แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุม...
อินไม่ได้แข็งแกร่งอะไรทั้งนั้น เขาก็เป็นมนุษย์เดินดินคนหนึ่งซึ่งแสดงแต่ด้านที่แข็งกร้าวให้คนอื่นเห็น ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังปางตายอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับฟิตปั๋ง...นั่นก็เพราะเด็กหนุ่มฝืนตัวเองให้เป็นแบบนั้นต่างหาก
อินทำแผลให้ตัวเองเรียบร้อยแล้วก็เอายาหม่องป้ายรอยช้ำตามตัวจากนั้นก็ส่งอุปกรณ์ให้พัดซึ่งรับไปเก็บที่โต๊ะเครื่องแป้งอย่างว่าง่าย ร่างสูงเดินกลับมานั่งบนเตียงแล้วก็จ้องมองใบหน้าของอินนิ่งค้าง
จ้องอยู่เนิ่นนานจนคนถูกมองเริ่มนั่งไม่ติด
“มองอะไร”
“ป่าว”
“มองอยู่เห็นๆอย่ามาตอแหล”
“ถ้าเห็นว่ามองอยู่แล้วจะถามทำไมว่ามองอะไร”
“กวนตีน”ตบท้ายด้วยตีนจริงๆ อินยันเท้าเขี่ยพัดแทบตกเตียง ดีที่เจ็บอยู่เลยออกแรงได้ไม่สุด
“แล้วมึงมาทำไรแถวนี้ดึกๆ”คนที่รอดจากการตกเตียงแต่ต้องตกใจแทนเมื่อเจอคำถามจี้ใจดำเข้าให้ อินหรี่ตามองจับสังเกต
ใบหน้าหล่อเหลาซึ่งฉายแววอ้ำอึ้งของพัด
“ตอบ!”เลยเร่งเสียงเข้ม
“กูมาหามึง”
“มาทำไม!?”
จำเลยมีท่าทีอึกอักแต่ศาลกลับไม่ยอมฟังความแก้ตัว อินตอนนี้ต้องการรู้แค่ความจริงเท่านั้น
ตอบมาสิว่ามึงมาตามหากูที่บ้านเพราะดีดีวิ่งแจ้นไปบอกว่ากูออกจากห้องมันไป
ตอบมาสิว่ารู้สึกผิดก็เลยออกตามหาเพื่อขอโทษ...ถ้าพูดคำนั้นออกมาล่ะก็จะยอมยกโทษให้
ในฐานะผู้มีพระคุณที่ช่วยห้รอดพ้นจากอันตราย เรื่องคืนนั้นจะเกิดขึ้นเพราะอารมณ์พาไปหรืออยากลองของก็จะไม่สนใจอีกต่อไป
.
.
“กูชอบมึง”
“!!”
อินรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฟ้าผ่าจากที่ไกลๆ มองลอดออกไปนอกหน้าต่างก็ได้ยินเสียงฝนตกรำไร สงสัยว่าจะเกิดพายุฝนหลงฤดูเข้า หากแต่เสียงของสายฝนหรือเสียงของสายฟ้าก็ไม่อาจดังกลบเสียงหัวใจในอกซ้ายของเขาในยามนี้ได้เลย
...ชอบ...
คำว่าชอบนั้นมีพลังโจมตีที่รุนแรงยิ่งกว่าไม้หน้าสาม อินจุกจนพูดไม่ออก
“ชอบ...กูเหรอ”ทวนคำด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ
“อืม พัดชอบอิน”
“ถ้าอย่างนั้น คืนนั้นมึงก็...”ตั้งใจ
คำว่าเจตนากลืนหายไปในลำคอ มันก็น่ายินดีอยู่หรอกที่เพื่อนของเขาไม่ใช่พวกฟันคนอื่นไปทั่ว แถมเขายังไม่โดนฟันแล้วทิ้งอีก แต่นี่มันเหนือความคาดหมายของอินไปไกลโข มือเรียกยกขึ้นทุบหัวตัวเองโคลงเคลง
รู้สึกเหมือนแพน้อยล่องอยู่กลางทะเลกลางพายุ
เสียงฟ้าฝ่าดังขึ้นอีกครั้ง พัดยังคงก้มหน้านิ่ง...มันคงลำบากใจที่จะพูดคำนี้เหมือนกัน
“เอ่อ...”อินเอื้อมมือไปหมายจับบ่าของอีกฝ่าย แต่มือที่จะยื่นออกไปนั้นก็ต้องชะงักค้าง
“ดึกแล้ว นอนพักเถอะ”เป็นเจ้าของสีหน้าอ้างว้างอย่างพัดที่ลุกขึ้นไปปิดม่านปิดไฟแล้วก็บังคับให้คนเจ็บเข้านอน มือหนาดันร่างของอินให้นอลงแล้วก็ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่าง
“เดี๋ยว”คนที่นอนไปแล้วลุกขึ้นมาใหม่ ใบหน้าตึงเครียดจริงจัง อินมองเห็นความเสียใจในใบหน้านั้นอย่างชัดเจนและรู้ดีว่าถ้าเขายอมนอนหลับตามที่อีกฝ่ายบอกแต่โดยดี...
พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็จะไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลย...
อินสบตากับพัดนิ่ง”มึงชอบกูแล้วไงต่อ”
“เห?”
“ชอบกูแล้ว ได้กูแล้ว แล้วไงต่อ?”
.
.
“แล้วมึงล่ะ...รู้ว่ากูชอบมึงแล้ว ได้กับกูแล้ว แล้วไงต่อ?”
...........................................................................
เป็นลูกผู้ชายก็ต้องพูดคนตรงๆมีอะไรไม่อ้อมค้อมแบบนี้แหละค่ะ 55555555555555
มุมโฆษณา เรื่องใหม่จ้า เรื่องใหม่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47617.0