[ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ มนต์รักข้าวมันไก่ ] (〇´∀`〇)....จบแล้ว  (อ่าน 85125 ครั้ง)

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
สั้นมากก

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
มันสั้นจริงๆน่ะ   :ling2:

ออฟไลน์ winning

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
อินเกรียนมากๆๆ ชอบเรื่องนี้ สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปปปปป

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
พัดเริ่มเกรียนกว่าอินแล้วค่ะ5555

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
สั้นป๊าย คิดว่าความจริงจะเปิดเผยตอนนี้ซะอี๊ก

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
ไม่จ่ะ
ไม่สั้นเลยเนอะ o18

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4




บทที่23 แป่ว





ใช้เวลาอยู่สองชั่วโมงกว่าในที่สุดคณะเดินทางก็มาถึง รถยนต์สี่ประตูเคลื่อนเลี้ยวเข้ามาในบ้านสวนแห่งหนึ่งซึ่งตัวสวนกินเนื้อที่สุดลูกหูลูกตา อินและพัดก้าวลงมาจากรถแล้วก็ชื่นชมธรรมชาติกันก่อนจะเดินตามบิดาเข้าไปในตัวบ้านไม้ซึ่งปลูกติดอยู่กับคลองกว้าง




แม้จะทำใจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่อินก็อดรู้สึกกลัวไม่ได้


ถ้าหากความจริงเปิดเผยออกมาว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อแม่ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปนอกจากความห่างเหินทางจิตใจ



“อ้าว นนท์ เข้ามาสิลูกเข้ามา”เสียงแหบแห้งตามกาลเวลาของชายชราอายุประมาณเจ็บสิบปี เดินออกมาต้อนรับแขกหน้าประตูบ้าน



ชายของนั้นมีผมสีขาวเกือบทั้งศีรษะแถมยังไม้เท้าช่วยค้ำยัน...ปล่อยให้คนแก่อยู่บ้านตามลำพังแบบนี้ หลานชายที่เหลือรอดคนนั้นช่างใจร้ายเหลือเกิน



พ่อของอินหรือก็คือนนท์ที่คุณปู่เป็นคนเรียกยกมือไหว้ พวกเด็กๆก็เลยรีบทำตามก่อนจะเดินเข้ามาในบ้านและนั่งรอที่ห้องรับแขก
บนเก้าอี้ไม้ตัวยาวมีคุณยายคนหนึ่งนั่งอยู่ เธอคือภรรยาของคุณตานั่นเอง นัยน์ตาสีเทาเข้มทอดมองร่างของเด็กหนุ่มสองคนที่เดินตามนนท์เข้ามานั่งเรียบร้อย



“คนไหนคือลูกของนนท์เหรอจ๊ะ”เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน




อินสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินคำถามก่อนจะยกมือขึ้นเหนือหัว”ผมครับ!”ท่าเหมือนกำลังตอบคำถามจากครูประจำชั้นเรียกเสียงหัวเราะเอ็นดูจากบรรดาผู้ใหญ่และผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างกายครืนใหญ่



“ไม่ต้องมาหัวเราะกูเลยนะ”เขาส่งเสียงรอดไรฟันปรามพัดซึ่งกลั้นขำเต็มที่แล้ว



“เหรอลูกเหรอ ชื่ออินใช่ไหม มาหาย่าสิมา”หญิงชรากวักมือเรียนเด็กหนุ่มซึ่งหน้าถอดสีไปแล้ว...ตามปกติเวลาเจอผู้หญิงสูงวัยเขาจะแทนตัวกันว่ายายไม่ใช่หรือยังไง



“ไปดิ”พัดดันหลังอินซึ่งชะงักค้างในท่าคุกเข่า ก่อนจะรู้สึกตัวอินก็คลานไปหาคุณย่า



มืออันอบอุ่นยกขึ้นลูบหัวผู้อ่อนวัยกว่าอย่างแผ่วเบา เขาเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีหม่นตามประสาคนอายุมากหากแต่ฉายประกายแสนอ่อนโยน



“ไปเดินเล่นในสวนสิลูก ตอนนี้แดดยังไม่แรงเท่าไหร่เดี๋ยวเที่ยงกลับมากินอาหารฝีมือย่านะ”



เขาหลับตาแล้วก็ซึมซับความรู้สึกที่ถ่ายทอดมาจากมือและดวงตาคู่นั้นของอีกฝ่าย อินระบายยิ้มมุมปากพลางพยักหน้ารับคำ



“ได้ครับ ขอบคุณมากครับ”



ขอบคุณที่ใจดีกับเขาขนาดนี้...ขอบคุณที่อดทนรอหลานชายไม่เอาไหนคนนี้มานานเป็นสิบๆปี



“ไปกันเถอะ”มือเรียวเอื้อมมาฉุดรั้งแขนของพัดให้เดินตามตนไปแบบไม่ทันตั้งตัว คนตัวสูงมีสีหน้าแปลกใจยามสบเข้ากับดวงตาอ่านยากของอิน



จะว่าเสียใจก็ไม่ใช่...ดีใจยิ่งแล้วกันใหญ่...



“อิน...”



ขาทั้งสองก็ก้าวเดินไปข้างหน้า แต่กลับรู้สึกเหมือนมีตุ้มเหล็กที่มองไม่เห็นมาถ่วงรั้งเอาไว้ที่หัวใจ...แต่พอกระพริบจิตใจอันหนักอึ้งนั้นก็เบาหวิวราวกับขนนก นี่คือความรู้สึกของอินในตอนนี้



ถึงจะว้าวุ่นแต่ก็เข้มแข็ง...กล้าหาญไปพร้อมๆกับหวดกลัว...



“อิน”



เสียงของพัดที่พยายามร้องเรียกแล้วก็ฝ่ามือที่จูงกันอยู่ไม่อาจส่งไปถึงคนที่กำลังจมอยู่ในห้วงคิดของตัวเองได้



“อิน!!”สุดท้ายพัดจึงออกแรงรั้งมือของอินเอาไว้ คนถูกเรียกเสียงดังหันมามองหน้าอีกฝ่ายงุนงง...เรียกทำไม? ความฉงนในดวงตาของเขาทำเอาพัดถอนหายใจเหนื่อย



“กูเรียกมึงนานแล้วมึงก็ไม่ตอบกูสักที แล้วนี่จะเดินไปถึงไหนเนี่ย จะสุดขอบสวนแล้วนะ”พัดยกมือขึ้นกอดอกถาม อินได้สติแล้วก็กวาดตามองไปรอบๆ



   ทิวทัศน์ที่เห็นคือต้นไม้ต้นสูง พื้นดินที่เต็มไปด้วยเศษใบไม้ และขอบรั้วลวดน้ำ ที่อีกฟากของรั้วก็เป็นสวนเช่นเดียวกัน



“ปล่อยคนแก่สองคนมาอยู่กันเองในที่แบบนี้จะดีเหรอวะ”แม้จะเหม่ออยู่แต่อินก็จำได้ว่าเดินมานานเอาเรื่อง ขืนคุณปู่คุณย่าเกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมาแล้วใครจะไปช่วยทัน เพื่อนบ้านอยู่ห่างกันซะขนาดนี้...



เขายกมือขึ้นแตะปลายคางแล้วก็ใช้สมองทั้งหมดที่มีครุ่นคิด




“กูว่ากูควรพาพวกท่านไปอยู่ด้วย”



สายลมเอื่อยๆพัดผ่านร่างของคนทั้งสองไป อินเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพัดด้วยสีหน้าแน่วแน่...



“ทำไมล่ะ”



“ก็กูเป็นหลานเขา ก็ต้องดูแลเขาสิ”



“แต่มันยังไม่แน่...”



“มันแน่นอนแล้วพัด เมื่อกี้มึงก็เห็น เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ กูขอเดินรอบๆสักเดี๋ยวจะได้ไหม”



พัดพยักหน้าแทนคำตอบ ความจริงนี่เป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาไม่ควรเข้าไปยุ่งเพราะระหว่างเขากับอินยังไม่ได้เป็นแม้กระทั่งเพื่อนกันเลย...



“แล้วถ้าพวกท่านอยากอยู่ที่นี่ต่อแหละ”



คำถามของพัดทำให้อินต้องครุ่นคิดยกใหญ่ พวกคนอายุมากๆมักจะติดบ้านเสียด้วยสิ ไหนจะยังไม่มีที่ให้พวกท่านอยู่อีก...
“หง่า...”อินก็ยังคงเป็นอินคนเดิม อินที่ไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลัง



ไอ้ความกตัญญูนั่นก็น่าชื่นชมดีอยู่หรอก แต่ว่านะ...”เอาไว้กลับไปถามพวกท่านกันไหม”พัดยิ้มพลางเสนอทางเลือก



คนฟังขมวดคิ้วอย่างขัดใจ(อีกแล้ว)”ไม่ กูว่าเรากลับกันเลยเถอะ”



โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากพัดร่างโปร่งก็ก้าวเดินย้อนกลับไปยังบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ต้นมะม่วงใหญ่ของคุณปู่คุณย่าของเขาทันที เด็กหนุ่มสาวเท้าอย่างรวดเร็วจนทิ้งห่างคนที่ออกตัวมาทีหลัง ด้วยความร้อนใจเขาไม่มีเวลารอพัดแล้ว



“คุณปู่! คุณย่าครับ!”เสียงห้าวตะโกนร้องหาครอบครัวของตนด้วยเสียงอันดัง จนนนท์ที่กำลังปีนต้นมะม่วงอยู่ต้องเหลียวมองด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าระหว่างออกไปเดินเล่นกันจะเจองูเงี้ยวเคี่ยวขอเข้า



“อิน มีอะไรเหรอลูก!!”นนท์ตะโกนถามลูกชายของตนด้วยสีหน้าเป็นห่วงอินจึงชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่าง เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกว้างซึ่งนนท์ไม่ได้เห็นมันอยู่บนใบหน้าของลูกชายของเขามาเป็นสิบปี



“ไม่มีอะไรครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง...อ้อ...แล้วก็ขอบคุณที่เลี้ยงดูผมมาอย่างดีนะครับ!!”



นนท์แทบตกจากต้นไม้ เขาเผลอปล่อยตะกร้อหลุดมือหวิดโดนหัวพัดซึ่งวิ่งตามมาทีหลัง อินอาศัยจังหวะที่ทั้งสองกำลังขอโทษและช่วยกับเก็บตะกร้ออยู่นั้นออกตามหาคุณปู่คุณย่าอีกครั้ง



“คุณย่าครับ!!”ร่างโปร่งวิ่งถลาเข้าไปหาหญิงชราที่นั่งถักไหมพรมอยู่ในห้อง



“มีอะไรเหรอจ๊ะ”เธอวางมือจากงานเย็บปักก่อนจะถามด้วยสีหน้าอ่อนโยนตามแบบฉบับ เด็กหนุ่มปิดประตูห้องแล้วก็ค่อยๆย่างกายเข้าไปใกล้เธอ...อย่างเชื้อช้า



หัวใจเต้นรัวราวกับใกล้จะระเบิด อินยกมือขวาขึ้นมาทุบอกไม่รักดี ในเวลาที่ต้องรวบรวมความกล้าเผชิญหน้ากับความจริงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต น้ำลายเหมือนเป็นก้อนเหนียวๆจะกลืนก็ไม่ลง สวนทางกับคำพูดที่พยามเปล่งออกมาแต่ก็ติดอยู่ที่คอหอย



“ตกลงว่ามีอะไรเหรอลูก”หัวเตียงของเธอประดับวางรูปของคู่สามีภรรยากำลังอุ้มลูกน้อย



เหมือนได้รับความกล้าจากพ่อแม่ที่แท้จริง...



“คุณย่ารับ อินมาหาแล้ว ขอโทษที่ทิ้งให้อยู่คนเดียวเสียนานนะครับ”



...ตั้งยี่สิบปีที่เขาไม่รู้อะไรเลย...



“ไม่เป็นไรจะลูก แค่นี้เอง ย่ารอได้ไม่หนักหนาอะไร”



...เราเพิ่งออกไปแค่สามสิบนาทีเอง...



“ขอบคุณครับ...ขอบคุณจริงๆที่อยู่อย่างเข้มแข็งตลอดมา จากนี้ไปพวกเราอยู่ด้วยกันนะครับ!!”



...ผมจะดูแลคุณอย่างดี ทดแทนส่วนที่ขาดหายไปเอง...



“โอ๊ะ ไม่ต้องขอบคุณย่าหรอกจ๊ะ แค่อินมาหาย่าก็ดีใจแล้ว หลังจากนี้พวกเราก็อยู่ด้วยกันนะจ๊ะ”เธอลุกขึ้นเดินไปหาร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่ม ใช้มือเหี่ยวย่นลูบหัวทุยๆอย่างเอ็นดู



“นนท์บอกว่าเราดื้อ แต่ย่าไม่เห็นว่าจะเป็นแบบนั้นเลย อินของย่าน่ารักที่สุด”คำพูดของเธอทำให้อินยิ้มออกมาอีกครั้ง



ตอนแรกเขานึกว่าจะเสียใจกว่านี้แท้ๆ แต่คงเพราะรู้ดีว่าต่อให้ไม่เกี่ยวพันกันทางสายเลือด ทั้งพ่อ แม่ ฟ้าและน้ำก็จะยังเป็นครอบครัวของเขาตลอดไป...แถมยังได้เจอกับปู่และย่าอีก...



“ครับ!!”



อินสวมกอดอีกฝ่ายไว้หลวมๆฝังใบหน้าไว้กับบ่าของเธอ สูดลมหายใจได้กลิ่นยาหม่องอ่อนๆตามประสาคนแก่



“ย่า!! มัวทำอะไรอยู่ หลานมาถึงแล้วนะทำไมไม่ออกไปรับล่ะ ตอนนี้ไอ้นนท์ช่วยขนกระเป๋าให้อยู่”ประตูห้องถูกเปิดโดยคุณปู่
หา?




ทันทีที่สิ้นคำอินรีบผละตัวออกมาแล้วก็ตวัดสายตามองหน้าคุณปู่อย่างตกใจ!?




“เมื่อกี้นี้ว่าอะไรนะครับ!?”




“ อ้าวอิน!? มานี่เร็วมา! เดี๋ยวจะพาเอ็งไปดูหน้าหลานข้า หล่ออย่าบอกใครเลยล่ะ!!”โดยไม่สนใจร่างซึ่งแข็งเป็นหินไปแล้ว ชายชราก็เดินปรี่เข้ามาจูงแขนอินออกจากห้องไป






อะไรนะ!!!!!!!!!!!!





หน้าของอินตอนนี้มีแต่เครื่องหมายตกใจเต็มไปหมด อ้าปากค้าง เบิกตาโพลง ทุกอากัปกิริยาที่แสดงออกมาว่าเงิบเขาได้แสดงออกมาทั้งหมด ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงห้องนั่งเล่น อินที่เดินแข้งขาพันกันก็ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรงยามสบกับดวงตาเป็นประกายขบขันของพัด



“มะ...”




“อิน เป็นอะไรไปลูก”นนท์วิ่งปรี่เข้ามาหาลูกชายซึ่งมีอาการผีเข้าผีออก เมื่อกี้ยังส่งยิ้มละไมมาให้อยู่ดีๆทำไมกลายเป็นซอมบี้ไปได้ล่ะ



“เกิดอะไรขึ้นเหรอพัด”นนท์หันไปถามพัดขณะหิ้วปีกลูกตัวเองมานั่งบนเก้าอี้ เขาคิดว่าเด็กหนุ่มอีกคนซึ่งกำลังกุมท้องกลั้นหัวเราะตัวคดตัวงออยู่นี้คงต้องรู้เบื้องลึกอะไรบางอย่าง







“อุ๊บ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”






แล้วในที่สุดความพยายามของพัดก็ล้มเหลว ไอ้เลวพัดปล่อยขำก๊ากใหญ่ น้ำตาเล็ดน้ำตาร่วงท่ามกลางความงุนงงของผู้ใหญ่แล้วก็ความเคียดแค้นของซอมบี้อิน




“แล้วหลานไปไหนซะล่ะ”ย่าถาม




“เห็นว่าท้องไม่ค่อยดี วิ่งเข้าห้องน้ำไปแล้วนู่น”ปู้ตอบด้วยสีหน้าเอ็นดู ผู้สูงวัยสองคนหัวเราะคิกคักอารมณ์ดี
แต่เสียงหัวเราะนั้นก็ไม่อาจกลบเสียงหัวเราะของพัดได้



“ไอ้เหี้ยยยย”



อินซึ่งพ้นสภาพซอมบี้แล้วก็ใช้ตีนยันร่างสูงจนไหลตกเก้าอี้ไป...ทั้งๆที่ยังขำไม่หยุด



“กั่กๆๆๆๆ ฮ่ะๆๆ โอ๊ย หายใจไม่ทัน ฮาไม่ไหวแล้ว ฮ่าๆๆ หยุดหัวเราะไม่ได้จริง”



อินทั้งโกรธทั้งอายจนหน้าแดงไปหมด แต่หลังๆความโกรธเริ่มชนะความอาย เด็กหนุ่มยืดตัวเต็มความสูง กำหมัดแน่น...เรื่องนี้คงจบลงแค่เขาหน้าแตกฝ่ายเดียวไม่ได้ งานนี้ต้องมีคนปากแตกด้วย




“ตายซะเถอะ ไอ้เวร!!”เหมือนสัญญาณสตาร์ทวิ่งแข่ง พัดรีบลุกขึ้นแล้วก็วิ่งหลบทั้งหมัดทั้งลูกเตะที่ระดมปล่อยใส่เขาด้วยรอยยิ้ม




“พาลนี่หว่า ฮ่าๆๆ”หัวเราะร่าเริงแล้วก็วิ่งผล็อยออกจากตัวบ้านไป...ส่วนผู้ใหญ่ก็ยังตามเรื่องไม่ทันนั่งมองหน้าตาปริบๆกันต่อไป
คนเขินแรงหาที่ระบายด้วยการประทุษร้ายชาวบ้านแต่ทว่า เมื่อกระโดดออกมาจากขึ้นบันไดเตี้ยๆสองสามขึ้นหน้าประตูบ้านเขาก็ไม่เห็นพัดแม้แต่เงา



“พัด!?”อินหันซ้ายแลขวา ความรู้สึกโครงเครงเหมือนโดนค้อนของธอร์ฟาดหัวเข้าอย่างจังจนหน้าร้าวเป็นเสี่ยงๆเริ่มคลายลงแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ความมันส์ติดลมตามประสาผู้ล่า



ถ้าอีกฝ่ายหนีเราก็ต้องวิ่งไล่...



อินที่ใช้ชีวิตอยู่กับการวิ่งไล่คนมาตลอดจนกลายเป็นความเคยชินเริ่มออกวิ่งตามหาพัดด้วยสีหน้าที่ฉายประกายคึกคะนอง ร่างโปร่งเริ่มออกวิ่งไปทางทิศที่สัญชาติญาณร้องเตือนว่าเหยื่อน่าจะวิ่งไปทางนั้น




“พัด!!”ส่งเสียงร้องเรียกไปด้วยตามทาง สองขาก้าวผ่านพื้นดินขรุขระเต็มไปด้วยอุปสรรคทั้งเศษใบไม้ รากไม้ ก้อนหิน แล้วก็สารพัดแมลง แต่นั้นก็ไม่อาจบั่นทอนความมุ่งมั่นอันหาญกล้าที่จะไล่ต้อนเหยื่อของเขาได้
ไม่ว่าอะไรจะขวางกั้นอินก็ผ่านมันไปได้ด้วยดี



ซะเมื่อไหร่...



“แอ่ก!”เพราะมัวแต่หันซ้ายมองขวาเลยไม่ได้มองพื้น ความรีบร้อนที่วิ่งมาอย่างเร็วทำให้เด็กหนุ่มล้มลงหน้าจูบพื้น อินผู้เสียมาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าหน้าแดงอายฟ้าดินแล้วก็ตะกายยันตัวเองลุกขึ้นมานั่งกนะจ๋องอยู่บนพื้นในสภาพที่มีเศษใบไม้แห้งเกาะตามตัวและเส้นผมเต็มไปหมด



“ฮ่าๆๆๆ”



แล้วเสียงหัวเราะของเหยื่อก็ดังขึ้น



พัดซึ่งแท้จริงแล้วแอบอยู่ข้างบ้านแล้วก็รอจังหวะที่อินหุนหันพลันแล่นออกตามหาเขาลอบตามมาเปิดเผยตัวออกมาซ้ำเติมความอับอายของร่างโปร่งซึ่งนั่งโกรธจนหน้าเขียวอยู่บนพื้น



ร่างสูงซึ่งยืนหัวเราะจนพอใจแล้วก็ปาดน้ำตาแล้วก็เดินมานั่งแหมะอยู่กายคนหน้างอ มือหนาเลื่อนมาปัดเศษไม้ออกจากผมเผ้าแล้วก็ช่วยแต่งให้มันเป็นทรงขึ้นมาหน่อย



“ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อย ยิ้มเร็ว ยิ้ม...”



การกระทำปัญญาอ่อนหลอกเด็กอนุบาลของพัดทำให้อินหมดแรงจะต่อว่า มือเรียวยกขึ้นเสยผมที่เพิ่งมีคนจัดทรงให้หยกๆให้มันกระเซิงพอประมาณแล้วก็เอามือทั้งสองข้างยันพื้นแหงนหน้ามองท้องฟ้าผ่านร่มเงาของต้นไม้



“กูแม่งหน้าแตกบ่อยจังวะ”



   พัดจ้องมองใบหน้าเรียบสงบของอินซึ่งนานๆครั้งจะมีโอกาสได้เห็น เขายิ้มแล้วก็ตอบตามที่คิดในหัว



“มันไม่เป็นแบบที่คิดไว้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ระหว่างหน้าแตกกับไม่ได้เป็นลูกที่แท้จริงของพ่อแม่อินเลือกอะไรล่ะ”



คำพูดนั้นค่อยๆซึมซับเข้ามาในสมอง สายลมเอื่อยพัดผ่านร่างกายตลอดเวลา อากาศก็สดชื่นเย็นกำลังดีสมกับที่เป็นบ้านนอกคอกนา อินระบายยิ้มละมุนแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย




“นั่นสินะ แบบนี้ก็ดีแล้วนี่เนอะ”



ดีแล้วที่เป็นสายเลือดเดียวกัน...ดีแล้วที่เข้าใจผิดไปเอง



เท่านี้ก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ที่แม่ชอบทุบตีดุด่าเขาก็เพราะว่าเขาดื้อมากจนกำราบไปอยู่ ที่ไม่ค่อยได้เจอหน้าพ่อก็เพราะพ่อเป็นห่วงไม่อยากให้ลูกชายของตัวเองต้องถูกคู่คดีตามล่าไปด้วย



ที่น้องๆได้รับความใส่ใจมากกว่าก็เพราะเขาเป็นพี่



และทั้งหมดนี้คงไม่สงบลงแบบนี้ถ้าหากไม่มีใครบางคนที่ตามมาถึงอยุธยาด้วย



“ขอบคุณมากพัด ถ้าไม่มีมึงกูคงแย่”เสียงทุ้มกล่าวเสียงเรียบ ทั้งสีหน้าและบรรยากาศรอบตัวแสนสงบทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง



“ไม่เป็นไร เป็นแฟนกันก็ต้องดูแลกันสิ”



อืม...นั่นสินะคนเป็นแฟนกันถ้าไม่ช่วยเหลือกันแล้วจะให้ใครที่ไหนมาช่วยล่ะจริงไหม



เดี๋ยวนะ มีอะไรแปลกๆ



“เนียนเชียวนะมึง”อินคิดได้ก่อนเหล่ตาหยอกแซวคนชอบเนียน



ด้านคนที่โดนจับไต๋ได้ก็หัวเราะอย่างไม่ยี่หระแล้วก็ถามกลับอีกว่า”แล้วไม่ปฏิเสธหน่อยเหรอ”



“ไม่”



“!!?”ถามเล่นๆแต่คำตอบกลับเหนือความคาดหมาย ร่างสูงเบิกตากว้างจ้องมองเจ้าของใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อแล้วก็ขมวดคิ้วเป็นปมขณะพยามเบนหน้าไปทางอื่น



“บอกว่าล้อเล่นตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนะ”เพื่อความแน่ใจ แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ยืนยันกับปากว่าเราเป็นแฟนกันเถอะ! หรืออะไรเทือกนั้นแต่แค่คำว่า ไม่ สั้นๆคำเดียวก็ทำให้หัวใจของพัดพองโต



“กูชอบมึงนะ”พัดตอบขณะขยับตัวเข้าไปใกล้ๆอินซึ่งพยามเอนตัวหนีสุดชีวิต



“เออ!!”แน่นอนว่าหนีไม่พ้นก็เลยได้แต่ตวาดตอบกลับไปด้วยใบหน้าแดงแจ๋



“แล้วมึงล่ะ ชอบกูไหม”เพราะคราวก่อนบอกว่าน่าจะชอบคราวนี้เลยอยากได้ยินชัดๆว่าตกลงยังไงกันแน่



“อะ...เออ!! มึงถามไรนักหนาเนี่ย กลับไปได้แล้ว ปู่กับย่ารอแย่แล้ว”อินสะบัดตัวจากมือปลาหมึกที่เริ่มคืบคลานเข้ามาโอบกอด ร่างโปร่งลุกขึ้นแล้วก็ปัดเศษดินเศษหญ้าใส่คนที่ยังนั่งยิ้มกริ่มอยู่ด้วยความหมั่นไส้



“โอ๊ย พาลกันนี่ แล้วคำตอบล่ะ”คนโดนแกล้งก็รีบลุกขึ้นบ้างเมื่อเห็นว่าอินหันหลังเดินกลับแบบไม่มีรีรอกันเลย



“ก็บอกว่าเออไง!!”



หลังจากนั้นพวกเราสองคนก็กลับมาถึงบ้าน ด้านในคุณปู่ คุณย่าแล้วก็พ่อ(ทำไม่มีคำว่าคุณ?)กำลังนั่งล้อมวงลูบหัวลูบหางผู้ชายคนหนึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอินเนี่ยแหละ สงสัยเป็นลูกที่แท้จริง เด็กหนุ่มทั้งสองคนก็เลยหันมายิ้มให้กันอย่างเข้าใจความหมาย



...

 :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2:

ขำค่ะ แต่งไปฮาไป

เพลียใจกับพ่อคุณเหลือเกิน ผู้ชายอะไรน่ารักหน้าแตกได้ขนาดนี้ 555555555

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
โอ้ยสงสารนาง
ตอนหน้าขอสวีทวี้ดวิ้วหน่อยนะคะคุณพวกเธอ :katai4:

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เขาเป็นแฟนกันแล้วววววววววว  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
ไม่รู้สิ คือบับ

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
อินนี่ฮาสุดๆไปเลย

เค้าเป็นแฟนกันแล้วคิคิ

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4




บทที่24 ชอบอะไร




แสงตะวันยามเย็นฉาบสวนของคู่รักวัยชราทั้งสองคนเป็นสีส้มแดง ที่สนามหญ้าหน้าบ้านปรากฏร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มนามพัดกำลังจัดเก็บโต๊ะอาหารเย็นซึ่งถูกเคลื่อนย้ายมาวางไว้ตรงหน้าบ้านเพื่อนเพิ่มบรรยากาศในการรับประทานอาหาร




“หลานย่าแม่งกวนตีน”ก่อนเสียงห้าวของอินจะดังขึ้น เขาเดินเข้ามาช่วยจับอีกปลายหนึ่งของโต๊ะแล้วก็ออกแรงยกขนเข้าที่เดิม
คนหนุ่มสองคนเดินเข้ามาในตัวบ้านผ่านร่างของคุณหลานชายที่แท้จริงซึ่งนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟา




เขาเป็นชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอิน ทรงผมเกรียนเป็นลูกปิงปอง ผิวสีน้ำผึ้งรูปร่างผอมสูง หน้าตาจัดว่าพอไปวัดไปวาได้ แต่ความกวนนี่จัดอยู่ในขั้นสูง ตลอดบ่ายมานี้เขาได้กินตีนของอินแล้วถึงสี่ครั้ง และกำลังจะมีครั้งที่ห้าในอีกไม่ช้า



“ไม้!! จะนอนอู้ไปถึงไหนวะ มาช่วยกันขนสิ”



“คร่อก”



ยังไม่ทันสิ้นคำ ไอ้ตัวที่นั่งกดโทรศัพท์อยู่หยกๆก็คอพับลงไปซบกับเบาะเรียกใบหน้าโมโหถึงขีดสุดของอินได้เป็นอย่างดี
“เอาน่าๆ”เดือดร้อนให้พัดต้องช่วยห้าม ถ้าไม่มีพัดอยู่ด้วยทั้งสองคนต้องวางมวยกันจริงๆแน่นอน



“ไหวไหมลูก วางตรงนี้เลย มาๆ”พอเดินเข้ามาในครัวแบบทุลักทุเลคุณย่าก็รีบผละมือจากจานที่กำลังล้างอยู่แล้วก็ปรี่เข้ามาช่วยในขณะที่ปู่กับพ่อยืนเช็ดจานอยู่เฉยๆ


มันน่าไหมล่ะ



“เอ้า วาง”



ภารกิจเก็บโต๊ะลุล่วงไปได้ด้วยดี อินก็เลยขอตัวไปอาบน้ำแล้วก็กระโจนขึ้นเตียงกลิ้งหลุนๆเหมือนลูกขนุนตกเขา ร่างโปร่งเอาหัวเปียกๆนอนทับหมอนแล้วก็หลับทันทีตามคอนเซ็ปนิ่งเป็นหลับขยับเป็นกินเดือนร้อนคนที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็เดินตามเข้ามาทีหลัง



“อิน นอนทั้งผมเปียกๆไม่ได้นะ เดี๋ยวหัวก็ขึ้นเชื้อราหรอก”



“หืม...”เจ้าของใบหน้าซึ่งมักจะบึ้งตึงตลอดเวลาแต่ยามหลับหรือตอนเพิ่งตื่นกลับมีใบหน้าชวนมองลุกขึ้นนั่งงัวเงีย เหลียวมามองร่างสูงซึ่งยืนอยู่ข้างเตียง



“เป่าผมให้กูหน่อย”แล้วก็เอ่ยปากสั่ง พัดถอนหายใจระอาหน่อยๆแล้วก็เดินไปค้นหาไดร์เป่าผมแต่เขาก็ไม่เจอ”ไม่เจออ่อ สงสัยมีแค่ของย่าเครื่องเดียว”อินวิเคราะห์



เพราะบ้านหลังนี้มีหลายห้องทำให้แขกสามารถแยกพักกันได้แต่พัดก็เนียนขอมานอนห้องเดียวกับอินได้สำเร็จ แต่ทว่าข้าวของเครื่องใช้จำเป็นต่างๆก็มีอยู่แค่ในห้องของผู้อาวุโสทั้งสองเท่านั้น อินเลยถอนหายใจเซ็งๆ ในนี้ไม่มีแม้แต่พัดลมด้วยซ้ำ ต้องเปิดหน้าต่างนอนโชคดีที่มีมุ้งลวดเลยไม่ต้องกลัวยุงกัด



“งั้นกูนอนต่อล่ะนะ”ร่างโปร่งของคนมักง่ายเตรียมล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่คนช่างเอาใจใส่ก็ร้องห้ามไว้ก่อน



สถานภาพเหมือนไม่ใช่คู่รัก ถ้าเรียกว่าคุณแม่กับลูกชายน่าจะเหมาะกว่า...



“ไปเดินเล่นข้างนอกจนกว่าผมจะแห้งไหม”



ถึงจะน่ารำคานแต่ถ้าอินไม่ยอมทำตามล่ะก็พัดก็จะงัดสารพัดวิธีออกมาเพื่อโน้มน้าวและหลอกล่อให้เขาตามออกไปอยู่ดี ร่างโปร่งก็เลยลุกขึ้นเดินล้วงกางเกงบอลเดินนำออกไปซะเลย การกระทำแบบยอมอ่อนข้อให้นิดหน่อยของอินนั้นเรียกรอยยิ้มจากพัดได้เป็นอย่างดี



“อยู่แถวลานหน้าบ้านนี่ก็พอนะ ถ้าออกไปไกลแล้วเจองูเจออะไรเข้าคงแย่”



ที่ชานระเบียงหน้าบ้าน เด็กหนุ่มสองคนถือวิสาสะลากเก้าอี้พัดออกมาจากตู้ในห้องนั่งเล่นแล้วก็เอาออกมากางนั่งกันสบายใจเฉิบ
แสงไฟในบ้านมืดสนิทแล้วสงสัยทุกคนจะเหนื่อยเพลียจนเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำ คนที่ยังตื่นอยู่ก็มีแค่พวกเขาสองคนที่อาบน้ำหลังสุด อินเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้ายามค่ำคืน



ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและใบหน้าที่อาบด้วยแสงจันทร์...



บรรยากาศที่หาไม่ได้ในเมืองหลวง...



สายลมที่หอบใหญ่ทำเอาคนสองคนซึ่งกำลังนั่งชมวิวอยู่หนาวสั่น อินหัวเราะแล้วก็หันไปมองหน้าพัด”อย่างนี้ผมแห้งเร็วแหง”ด้วยรอยยิ้มกว้าง



“นี่...อิน...”ในบรรยากาศที่แสนโรแมนติกขนาดนี้ อินถูกเรียกด้วยน้ำเสียงแสนหวาน เขาเบือนหน้าไปมองคนข้างกายด้วยหัวใจเต้นระส่ำ



“อะ...อะไร”แล้วก็คิดได้ว่าในสถานการณ์แบบนี้อีกฝ่ายคงไม่พลาด...ไม่พลาดเรื่องนั้น



รู้ตัวอีกทีผมก็แห้งเสียแล้ว ไม่รู้ว่ามานั่งคุยกันอยู่ตรงชานบ้านนานแค่ไหน แต่รู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านไปแค่เดี๋ยวเดียว สงสัยจะเข้าทำนองตอนมีความสุขเวลาจะผ่านเป็นเร็ว



หึหึ...นี่เรากำลังมีความสุขอยู่สินะ นั่นสิ ก็ต้องมีความสุขอยู่นี่



อินค่อยๆปรือตาหลับเมื่อเห็นร่างสูงค่อยๆโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะได้รับสัมผัสนุ่มละมุนที่ริมฝีปาก แล้วก็ค่อยๆจาบจ้วงและเห่อร้อนขึ้นจากเรียวลิ้นที่แทรกเข้ามา



“กลับห้องกันเถอะ”



เขายิ้มให้กับนัยน์ตาพราวระยับที่ปกปิดความนัยไม่มิดของพัด“อืม...หางโผล่แล้วนะมึง...”



บนเตียงบ้านคนอื่น กับความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย อินถูกผลักให้นอนราบลงกับเตียง



“ทำไมยอมง่ายจัง”พัดถ่ายขณะใช้สองมือจัดการปลดอาภรณ์ของอิน แต่ก็ไม่วายมีน้ำใจถามความสมัครใจ(?)ของเขาอีก อินแค่นหัวเราะเหอๆ ทำสีหน้าประมาณว่า มาขนาดนี้แล้วกูคงหนีมึงไม่พ้นหรอกก่อนจะนอนกางแขนกางแขนประชด



“อย่าลีลา เข้ามาเลย ฮ่าๆๆ”ตบท้ายด้วยการยักคิ้วหลิ่วตาให้อีก เรียกได้ว่าไม่มีความกระดากอายเหลืออยู่แม้แต่น้อย...



ซะเมื่อไหร่...



ใบหน้าของคนอวดดีขึ้นสีแดงเรื่องเมื่อถูกลิ้นร้อนลากไล้ตามแผ่นอก หยอกล้อกับยอดสีอ่อนด้วยความเชี่ยมชาญ เล่นเอาคนที่โดนไปแล้วสองครั้งหมดความซ่า



“อ้าวๆ ไม่ปากดีแล้วเหรอครับ”



“ละ เลว...!!”ร่างกายเกร็งรับสัมผัสอุ่นร้อนนั้น มือหนาและเรียวปากพยายามปลุกเร้าอารมณ์และความรู้สึกแปลกประหลาดใน
ร่างกาย



เมื่อความอุ่นร้อนวาบสัมผัสที่เบื้องล่างดวงเนตรพลันเบิกกว้าง



“เห้ย!! เอาเลยเหรอ”



พัดผละจากงานที่ทำอยู่แล้วก็เงยหน้ามาสบตาคนขี้โวยวาย เขายกยิ้มมุมปากอย่างได้ทีแล้วก็เอ่ยหยอกล้อร่างใต้อาณัติว่า”ก็เป็นคนบอกเองว่าให้เขามาเลยไม่ใช่เหรอ กำลังจะเข้าไปแล้วนี่ไง”



“กูหมายถึงให้มึงรุกเข้ามาได้เลยไม่ใช่ยัดเข้ามาได้เลย อุ๊บ อื๊ออออ”แล้วก็ถูกปิดปากด้วยปาก



ดวงเนตรคมกระพริบถี่เมื่อถูกปิดช่องทางโต้เถียง ขณะมือหนาลากไล้ไปตามแผ่นหลัง อินก็เลื่อนมือของตัวเองไปปลดกางเกงของอีกฝ่าย ทั้งที่ริมฝีปากยังคลอเคลียกันอย่างดุเดือด เสื้อผ้าก็ถูกกำจัดออกไปทีละชิ้นทีละชิ้น



ถูกดึงดูดเข้าหากันและกัน อย่างร้อนแรง...



  ริมฝีปากแตะสัมผัสกันแนบสนิทประกอบแน่นและค่อยๆทวีความเร้าร้อน ลมหายใจร้อนสัมผัสรินรดบนใบหน้า ความรู้สึกเร้าให้ส่วนนั้นแข็งตึงขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายร้อนไปทั้งตัว.. ทั้งดวงตาและสมองเริ่มพร่าเลือน



“อ่ะ อืม..อือ...”มือเรียวจิกเข้ากับไหล่กว้างระบายความอึดอัดจากช่องทางเบื้องล่างซึ่งถูกรุกรานด้วยนิ้วยาว   



รู้สึกเสียวซ่านจนต้องเงยหน้าขึ้นส่งเสียงร้องคราง และอดใจไม่ไหวเคลื่อนสะโพกคล้อนตามจังหวะนิ้วของอีกฝ่าย แสดงออก



อย่างซื่อสัตย์ว่ากำลังต้องการสิ่งที่มากกว่านี้ขนาดไหน พัดยิ้มกับการตอบสนองนี้ เขาก้มหน้าลงไปหยอกล้อติ่งไตบนแผ่นอกขาวเนียน ดูดดุนโลมเลียจนคนถูกกระทำบิดตัวเร่า



“พะ..พัด... อืม..อ๊ะ..!”ในขณะที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับการหยอกล้อส่วนบน ด้านล่างก็ถูกสัมผัสตรงจุดบางจุดซึ่งทวีความกระสันเป็นเท่าตัว ใบหน้าอินแดงซ่าน เขาคิดในใจว่าเรื่องแบบนี้ทำอีกสักกี่ครั้งก็คงไม่ชินเมื่อโดนแค่นิ้วสัมผัสอารมณ์ก็พุ่งขึ้นมาเสียขนาดนี้แล้ว



ร่างโปร่งหลุดเสียงครางครั้งแล้วครั้งเล่า พัดคลี่ยิ้มแล้วก็กดเข้าไปยังจุดเดิมซ้ำอย่างตั้งใจอีกหลายครั้ง เล่นเอาคนโดนแกล้งมองค้อนอย่างเจ็บใจ



“ตะ.. ตรงนั้น ไม่เอา พอแล้ว..อ๊า!!”วงแขนเรียวโอบรอบลำคอของคนตรงหน้า



เมื่อเห็นว่าถึงเวลาสมควรแล้วก็ขยับถอนนิ้มออก แล้วก็นำสิ่งที่ใหญ่กว่านั้นมาจ่อปากทางเข้าท่ามกลางหัวใจที่เต้นโครมครามของเจ้าของช่องทาง



อินมองสิ่งนั้นแล้วก็ลอบกลืนน้ำลาย เด็กหนุ่มกัดฟันแล้วก็เอาเล็บจิกลงกับผ้าปูที่นอนยามถูกรุกล้ำเข้ามา



 ดวงหน้าฉ่ำเยิ้มสบมองกันและกัน อินคลี่ยิ้มแล้วก็โน้มคออีกฝ่ายลงมามอบจุมพิตหวานจังหวะเดียวกับเรียวขาอ้าออกเพื่อให้อีกฝ่ายสอดเข้ามาได้ถนัด ยกสะโพกขึ้นรับด้วยความรู้สึกต้องการจนเกินกว่าจะห้ามใจ



ต้องการมากเสียจนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว



“อ๊า...เข้ามา เร็วๆ เข้ามาอีก...”



ต้องการเสียจนขอร้องในเรื่องน่าอาย พัดเบิดตาอย่างแปลกใจก่อนจะแทนที่ด้วยประกายพึงพอใจ เขายิ้มแล้วก็กระแทกเข้ามารวดเดียวจนสุดตามคำขอ เล่นเอาอินกรีดร้องไม่เป็นเป็นภาษา



“อ๊า.....อื๊ออออ ฮ่า....พัด”แทนที่จะโกรธกลับยิ้มให้เหมือบชอบใจ อินเวลามีเซ็กส์คือเวลาที่ว่าง่ายและน่ารักยิ่งกว่าตอนนอนหลับ



เรือนกายทั้งสองเบียดเสียดแนบชิดชิน”ขยับสิ...”เสียงแหบพร่าเอ่ยเร่งอย่างไม่พอใจเมื่ออีกฝ่ายเข้ามาจนสุดแล้วแต่กลับค้างนิ่ง



“ใจเย็นสิ”คำตอนเรียกสีหน้าง่ำงอจากร่างข้างใต้ อินสะบัดใบหน้าเต็มตื้นไปด้วยอารมณ์ไปอีกทาง ก่อนเป็นฝ่ายยกสะโพกขยับเข้าออกไปมาเบาๆ



“อึ๊ ฮืมม”เสียงแห่งความพึงพอใจดังเล็ดลอดออกมาจากลีบปากบาง ทันใดนั้นเองพัดก็ช้อนร่างของเขาขึ้น ร่างสูงเป็นฝ่ายลงไปนอนราบกับเตียง การเปลี่ยนตำแหน่งกะทันหันแบบนี้ทำเอาคนที่กำลังเพลิดเพลินกับการขยับตัวน้อยๆของตัวเองอย่างอินถูก



ถาโถมด้วยคลื่นกระสันรุนแรง




ด้วยท่าที่เป็นฝ่ายนั่งทับแบบนี้ทำให้มันเข้ามาลึกกว่าเดิม...และมุมมองแปลกตาทำให้ช่องทางมันบีบรัดด้วยความตื่นเต้น



“อื๊อ...”อินเอามือยันแผ่นอกกว้างหลังบิดกายไปมาอย่างอึดอัดกับความร้อนที่พุ่งพล่านอยู่ในร่างกาย นัยน์ตาเอ่อฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำใส พัดทอดมองมาจาดเบื้องล่างระบายยิ้มอย่างพออกพอใจ



“อยากให้ขยับหรือเปล่า หืม”เสียงทุ้มเอ่ยถาม พัดยกมือขึ้นมาลูบไล้ใบหน้าซึ่งถูกย้อมเป็นสีแดงยิ่งกว่าท้องฟ้าตอนเย็นและกระขยับตัวดันกระทุ้งเข้าไปแรงๆหนึ่งที่เป็นการกระตุ้นขอคำตอบ



“อ๊า!!”อินร้อง เขาแหงนหน้าขึ้นมองเพดาน”ขยับสิ ขยับเร็วๆ”ขืนอยู่ท่านี้ต่อไปคงได้ขาดใจแน่ๆ แต่มันเป็นไปตามที่เด็กหนุ่มคิด เมื่อคนขี้แกล้งตอบกลับมาว่า



“ไม่”




“หะ”อินถลึงตามองคนข้างล่าง มองรอยยิ้มแสนเซ็กซี่แต่ก็กวนประสาทอยู่ในทีของอีกฝ่าย



“ขยับเองสิ”สิ้นคำตอบ อินรู้สึกเหมือนมีเส้นประสาทเส้นไหนสักเส้นไหนสมองขาดผึง



และดูเหมือนว่าเป็นจะเป็นเส้น’ยางอาย’ที่ขาดหายไป เมื่อร่างโปร่งใช้มือยันหน้าท้องแล้วก็ค่อยๆยกสะโพกขึ้นมา



จากมุมมองนี้ทำให้พัดเห็นทุกการกระทำของเขา อินทั้งเขินทั้งต้องการ ริมฝีปากเม้มแน่นรู้สึกอึดอัด



“ฮ......”เสียงหอบหายใจเบาๆหลุดรอดจากริมฝีปาก อินกดสะโพกของตนเองรับความรุ่มร้อนจากร่างกายของร่างสูง เอวขาวและหน้าท้องแบนราว รวมถึงหน้าอกซึ่งเต็มไปด้วยรอยช้ำ ทั้งหมดอยู่ในสายตาของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน รวมทั้งอินน้อยที่ขยับขึ้นลงนั่นด้วย



พัดเห็นท่าทางยักแย่ยักยันเหมือนต้องการมากกว่านี้แต่ไม่กล้าขยับแรงๆแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้ มือแกร่งแตะบริเวณสะโพกมนก่อนจะช่วยออกแรงให้เคลื่อนที่แรงขึ้น



แก่นกายอุ่นร้อนถูกบีบรัดแน่นเสียดสีไปมาตรงช่องทางของร่างโปร่งจนฝ่ายกระทำเองก็ซี้ดปากอย่างพึงพอใจ



เสียงเนื้อกระทบกันดังคลอกับเสียงครางฮืมในลำคอ พัดค่อยๆปล่อยมืออกเมื่ออินสามารถขยับได้เองและแรงพอให้เจ้าตัวร้องไม่เป็นภาษาด้วยใบหน้าใกล้สมอารมณ์หมาย



“อะ.....อ....”ใบหน้าเชิดขึ้นส่งเสียงครางแว่วหวาน



ภาพที่เห็นทำให้พัดทนไม่ได้ ขยับสะโพกของตัวเองสวนขึ้นไป



“ฮ๊า..!!”อินชะงัก จิกเจ็บลงบนหน้าท้องแกร่งเป็นทางยาว



“อย่าหยุดสิ มึงก็ขยับด้วย”



อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้จะปลดปล่อย...



“อะ...อ๊า!!!”อินโผรั้งตัวลงมาทาบทับร่างสูงเมื่อร่างกายได้ปลดปล่อยความร้อนในร่างกายออกไป  เช่นเดียวกับร่างสูงซึ่งกระทั้นกายประชิดครั้งสุดท้ายและรั้งใบหน้าเขาเข้ามาใกล้



“ชอบอ่ะดิ”พัดถามขณะยันตัวเองขึ้นมานั่ง ในสภาพที่อินยังทับอยู่อย่างนั้น



ใบหน้าของเด็กวิศวะแดงก่ำยามถึงจุดหมายแล้วสติก็กลับมาครบถ้วย ร่างโปร่งซบหน้าลงกับบ่ากว่าแล้วก็ส่งเสียงด่างืมงำข้างหูอีกฝ่าย ฟังได้คร่าวๆว่า ไอ้ชิบหาย ไปตายซะ มึงเลวมาก มึงแกล้งกู อย่าหวังว่าจะได้แอ้มกูอีก คราวหน้ากูจะเป็นฝ่ายรุกบ้าง
พัดหัวเราะในลำคออย่างชอบใจแล้วก็ยกมือขึ้นมาลูบหัวทุยๆแบบเอ็นดู



“กูชอบนะ มันส์ดีออก มึงไม่ชอบเหรอ”



“...”แน่นอนว่าคนอย่างอินไม่มีทางตอบกลับมาว่าชอบที่สุดในโลกเล้ย! เด็ดขาด แม้ว่าช่องทางเบื้องร่างจะยังตอดรัดอยู่เบาๆจนส่วนนั้นของพัดใกล้จะขึ้นรูปอีกรอบแล้วก็ตาม



“ชอบป่าว บอกมาเร็ว เอางี้ กูรู้ว่ามึงชอบแต่เขิน งั้นกูให้มึงเลือกนะ ระหว่าง ข้อหนึ่ง ชอบกู ข้อสองชอบแบบเมื่อกี้ ข้อสามถูกทุกข้อ มึงเลือกไร”



.



.



เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับจากเลยหมายที่ท่านเรียก อินใช้มือแล้วก็ขาพันรอบตัวของพัดเอาไว้แล้วก็ซุกหน้าอยู่อย่างนั่นจนคนชอบแกล้งอดรนทนไม่ได้ แกล้งขยับเอวเบาๆ




“อึก...”เพราะอยู่ใกล้กันจนหายใจรดต้นคอขนาดนี้ต่อให้กลั้นเสียงให้เบาขนาดไหนยังไงพัดก็ได้ยินอยู่ดี อินนึกเจ็บใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะส่วนที่ควรจะเหี่ยวอีกสักพักของอีกฝ่ายกลับลุกสู้ขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ



ถ้าไม่ตอบคงโดนอีกหลาย...





“เออ ชอบ”





“ชอบข้อไหน”









“หนอย มึง...เออ ข้อสาม”




“!!!”








“อะ เห้ย ไม่ๆๆ กูชอบข้อหนึ่ง ไม่ดิ ไม่ข้อสอง เห้ยก็ไม่ได้อีก ย๊ากกก กูไม่ชอบโว้ยยยยย”กว่าจะรู้ตัวว่าหลุดปากตอบข้อที่คนถามไม่คิดว่าจะตอบที่สุดไปก็สายไปเสียแล้ว นายอินลนลานเงยหน้าแดงซ่านขึ้นมาส่ายหัวปฏิเสธไปมาแต่มันก็ไม่ช่วยอะไร เมื่อเขาถูกจับกดลงกับเตียงทั้งอย่างนั้น




คราวนี้ต่างจากครั้งแรกตรงที่ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมตัวอะไร ใส่พร้อมอยู่แล้ว หน้าแดงๆเปลี่ยนเป็นซีดเผือก



สงสัยว่าเขาจะคิดผิด



ลองพัดทำหน้าแบบนี้ไม่ว่าเมื่อกี้จะไม่ตอบหรือตอบอะไรก็โดนอีกหลายอยู่ดี



.



.



และแล้วเช้าวันใหม่ก็มาเยือน ใช้ความพยามยิ่งกว่าตอนมีเรื่องกับพวกช่างกล นายอัครินทร์พาตัวเองลงมากินข้าวพร้อมหน้ากับทุกคนได้อย่างแนบเนียน แม้คุณย่าจะมีถามบ้างว่าไปทำอะไรมาทำไมหน้าระโหยโรยแรงขนาดนั้นแต่ไอ้พัดก็ช่วยตอแหลให้ว่าสงสัยเมื่อคืนเปิดหน้าต่างเลยโดนน้ำค้างลง




หึ...น้ำค้างน่ะใช่...ค้างอยู่ในตัวกูถึงเช้าเลยเนี่ย!!




อินแสยะยิ้มใส่ไอ้ตัวการ หลังจากนั้นไม่นานก็โบกมือลาบ้านในสวน ก่อนอินจะขึ้นไปนอนหมดสภาพที่เบาะหลังส่วนพัดก็นั่งข้างหน้าแทน




พ่อซึ่งเอาแต่นั่งกินข้าวเงียบๆไม่พูดไม่จาอะไรจนขับรถออกไม่ได้สิบกว่านาทีแล้วเหลือบมองหน้าเด็กทั้งสองคนผ่านทางกระจกหลังเป็นอะไร




พัดที่เหมือนจะนึกเรื่องสำคัญออกเองก็ส่งยิ้มแห้งๆไปให้พ่อท่ามกลางความงุนงงของอินที่ปรือตามองพฤติกรรมประหลาดของทั้งสองจากเบาะหลัง




“อิน...”เสียงทุ้มของพ่อเอ่ยเรียก คนเป็นลูกชายก็เลิกคิ้วเชิงถาม ชายวัยกลางคนชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยคำที่ทำเอาอินแทบไหลลงไปกองอยู่ใต้ล้อรถว่า










“ผนังบ้านสวนมันบาง ถึงเราจะนอนห้องริมสุดก็จริงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อที่นอนอยู่ห้องข้างๆจะไม่ได้ยินนะลูก...”










“!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”








เครื่องหมายตกใจอีกสักล้านจุดก็คงไม่อาจบรรยายความรู้สึกของเขาตอนนี้ได้





“ไอ้พัด มึงเลย!!!”




พัดยิ้มแหยให้คนที่เรี่ยวแรงไม่มีแต่ก็ยังไม่วายก่นด่าสาปแช่งเขาสารพัด ด้านคนขับรถเองกลับหัวเราะลั่นออกมาซะอย่างนั้น
อย่างน้อยความอับอายในวันนี้ก็ทำให้รู้ว่าพ่อไม่ได้ห้ามเรื่องคบเพศเดียวกันแถมยังแอบฟัง(?)อีกต่างหาก
แบบนี้ชีวิตรักคงราบรื่นไปอีกนาน



................................................................

ปิดหน้าเขิน  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[




เวลาลงฉากแบบนี้ทีไรก็เขินทุกที  :o8: เห็นเราแต่งฉากนั้นซะ(...)นี่ตัวจริงเป็นสาวน้อยใสๆนะคะ(เชื่อกันมั้ย 555)

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
มีเรื่องให้อายอีกแล้วน่ะอิน

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
คุณพ่อโดนฟังยาวทั้งคืน   :-[

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
ขอแบบนี้เยอะๆ นะนะนะนะนะนะ :impress2:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
พึ่งมาอ่านจร้าาาาาาา
ฮาอินมากๆอ่ะ ทั้งความซึน และความสามาถในการมโนของนาง 5555555555
ติดตามต่อจร้า ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มาแปะไว้

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
คุณพ่อน่ารัก ยอมรับลูกเขย อิอิ

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
ฮาดีอ่ะ

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4




บทที่25 หยางxดีดี




หนึ่งสัปดาห์หลังจากอินกลับมาจากอยุธยา...




ร่างเล็กเจ้าของนามดีดีนั่งมองข้อความในโทรศัพท์มือถือซึ่งปรากฏชื่อผู้ส่งว่ามาจากคนรักของเขามาเกือบชั่วโมงแล้ว ใบหน้าตี๋น่ารักที่ในยามปกติจะปรากฏรอยยิ้มน่าเอ็นดูเสมอกลับฉายแววหม่นหมอง หยาดน้ำตาซึ่งไหลออกมาไม่หยุดร่วมชั่วโมงแล้วยังคงพรั่งพรูออกมาเรื่อยๆไม่รู้จบ



“ทำไม...”เสียงหวานตัดพ้อแผ่วเบา



คำว่าเราเลิกกันเถอะที่เจ้าหล่อนส่งมามันทำร้ายจิตใจดวงน้อยๆนี้จนยากเกินกว่าจะตั้งสติได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง



ความเจ็บช้ำกระหน่ำเข้ามาอีกครั้งระลอกเมื่อเขาเปิดโซเชียลขึ้นมาหวังหาอย่างอื่นทำเพื่อคลายทุกข์




นอกจากเจ้าหล่อนจะยกเลิกสถานะคบกันของพวกเราออกไปแบบไม่มีใยดีแล้วยังโพสต์รูปคู่กับชายหนุ่มรูปหล่อในชุดดูดีมีราคา เจ้าของใบหน้าหล่อๆนั้นกำลังหอมแก้มอดีตแฟนสาวของเขาอยู่ ใบหน้าของทั้งคู่ดูมีความสุขดี ฉากหลังคือร้านเหล้า



ดูจากการแต่งตัวแล้วคืนนี้ทั้งคู่คงไปไหนกันต่อ



“อ้าว มึงกลับมาแล้วเหรอวะ ทำไมไม่เปิดไฟล่ะ”



ความมืดมิดภายในห้องนอนถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างจากหลอดไฟนีออน ดีดีซึ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัยของรูมเมทอย่างอินเพราะเขาไม่ได้ลงเรียนคาบเย็นเอาไว้เงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของตัวเองขึ้นมาสบกับร่างสูงโปร่งซึ่งมือยังแช่อยู่ที่สวิตส์เปิดไฟด้วยความตกใจ



“เห้ย!! มึงร้องไห้ทำไมวะ”อินรีบถลาเข้ามาหาเพื่อนทันที



ร่างเล็กทำเพียงแค่เช็ดรอยน้ำตาออกจากใบหน้าแล้วก็ส่ายหัวไปมา



เห็นอาการของเพื่อนแล้วอินก็ชะงักตัวไปครู่หนึ่งเหมือนเขากำลังตัดสินใจพูดอะไรบางอย่าง ไม่นานเด็กหนุ่มก็เอ่ยข้อสันนิษฐานออกมา



“มึงเลิกกับแฟนใช่ไหม”อย่างแผ่วเบา



“ระ รู้ได้ยังไง”คนถูกแทงใจดำเบิกตากว้างตกใจ



อินเกาแก้มแล้วก็เสตามองไปทางอื่น”ขอโทษว่ะ กูมีสายอยู่คนนึง แล้วเมื่อวานนี้สายกูก็บอกว่าเจอแฟนมึงเดินนัวเนียอยู่กับผู้ชายคนอื่น ตอนแรกกูก็ยังไม่เชื่อหรอกแต่พอเห็นหน้ามึงแล้วก็พอจะเดาได้”



คำตอบของอินทำเอาคนฟังตกใจ ดีดีไม่รู้สึกตัวถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย



“แล้วสายของอินพอจะรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงเลิกกับเรา”ตัวเขาที่เป็นแฟนกันอยู่ยังจับเค้าลางไม่ได้เลยจนกระทั่งวันนี้



ถ้าจะเลิกกันดีดีก็ไม่คงไม่ไปฉุดรั้งอะไรไว้ แต่อย่างน้อยก็อยากรู้เหตุผล เขาจะได้ไม่ทำผิดอีกเป็นครั้งที่สอง เมื่อได้เจอกับคนที่อยากมอบหัวใจให้อีกครั้ง....เมื่อได้เจอกับคนที่จะไม่ทำร้ายกันให้เจ็บช้ำแบบนี้อีกครั้ง



เมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่อยากให้เขาถูกขโมยไปแบบนี้อีก



พอคิดมาถึงจุดนี้น้ำตาก็ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก



“อ่า...เอ่อ...”อินทำท่าพิรุธขนาดนี้เพื่อนสนิทอย่างดีดีเลยแน่ใจว่าร่างโปร่งต้องล่วงรู้ความจริงบางอย่างแต่ยังไม่อยากให้เขารู้



“บอกมาเถอะอิน!!”



“กู...กูไม่รู๊!!”



“เสียงสูงเชียว ไม่เชื่อหรอก บอกมาเถอะ ขอร้องล่ะ อิน!!”มือเล็กตรงเข้าคว้าคอเสื้อของคนที่ได้ชื่อว่าแกร่งที่สุดในภาคแล้ว ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกเป็นแรงผลักดันให้เด็กเรียบร้อยฟิวส์ขาด



“สายกูบอกว่าเจอแฟนมึงกับผู้ชายคนนั้นตอนทั้งสองคนกำลังกินเลี้ยงฉลองที่คบกันครบสองเดือน!!”



เหมือนมีฟ้าฝ่าลงกลางห้อง ศีรษะของร่างเล็กซึ่งรู้ข่าวที่น่าตกใจโรงเครงไปมาเหมือนเรือใบกลางพายุฝน ดีดีช็อคจนเดินเหมือนตุ๊กตาไขลาน ร่างเล็กเดินไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบเอาชุดไปรเวทตัวที่หยิบง่ายออกมา ก่อนจจะจัดแจงถอดเสื้อถอนกางเกงท่ามกลางความตกใจของเพื่อนร่วมห้อง



“เห้ย!! มึงจะทำอะไร”เสียงของอินส่งไปไม่ถึงหูของดีดี คนถูกหักอกสายฟ้าแลบจัดชุดที่เพิ่งสวมเสร็จให้เข้าที่ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าตังแล้วก็กุญแจรถที่นานทีปีหนจะขับสักครั้ง



“ดีดี มึงเดี๋ยว ชิบหายแล้วไงกู พัด!!!”อินถึงกับทำอะไรไม่ถูก ร่างโปร่งกดมือถือต่อสายออกหาคนที่น่าจะช่วยอะไรได้บ้างในสถานการณ์แบบนี้ขณะสาวเท้าวิ่งตามเพื่อนที่สติหลุดไปแล้วติดๆ



“พัดมึง ออกจากห้องมาที่ลานจอดรถด่วน ดีดีแม่งช็อคจนเออเร่อไปแล้ว!!”กรอกเสียงเร่งปลายสายก่อนโผตัวเข้าไปในลิฟท์ทันแบบหวุดหวิด



ดีดีซึ่งยืนน้ำตานองหน้าทอดสายตามองแผงควบคุมชั้นอย่างเหม่อลอย อินไม่อาจเดาใจเพื่อนของตนตอนนี้ออกเลยแม้แต่น้อย เขาได้แต่ภาวนาไม่ให้เพื่อนของตัวเองถือขวดน้ำกรดไปสาดหน้าใครเข้า



ไม่นานลิฟท์ก็เปิดออก ลานจอดรถซึ่งเป็นชั้นประจำที่พัดและดีดีจะมาจับจองพื้นที่ให้รถของตัวเอง ดีดีเดินตรงไปยังรถยนต์นอกของตัวเองก่อนจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่งโดยไม่พูดไม่จาอะไร อินที่เหลียวหลังมองหาว่าพัดมาถึงหรือยังเลยต้องตัดจัดตามเข้าไปนั่ง



โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ดีดีก็ออกรถ อินเลยโทรไปบอกให้พัดขับรถตามมาทีหลัง




ปกติดีดีเป็นคนขับรถช้าจนเต่าตามตอดยางทัน แต่ครั้งนี้ตรงกันข้าม ถ้าแถวนี้มีจรวดอินเชื่อว่ามันคงถูกแซงทิ้งแบบไม่เห็นฝุ่น



“เดี๋ยว!!! มึงจะรีบไปตายที่ไหนวะ”



ไม่รู้ว่าฟ้าฝนไม่เป็นใจหรืออะไรก็ไม่รู้ ทั้งๆที่เวลาโพล้เพล้แบบนี้รถควรจะติด แต่บังเอิญว่ามีถ่ายทอดสดฟุตบอลทีมชาติไทย ถนนที่พวกเขาใช้ตอนนี้ก็เลยโล่งเสียจนอยากจะร้องไห้



แม้ที่หมายจะอยู่แถบชานเมืองแต่ก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีทั้งคูก็มาถึง



ดีดีเดินตรงเข้าไปในร้านขณะที่อินยังคงยืนเหวออยู่ เขาแทบจะอ้วกออกมาแต่ก็ไม่มีเวลาจะอ้วก



“ร้านนี้มัน!?”



ร้านที่สองคนนั้นเช็คอินนี่!!



แฟนเก่าของดีดีและแฟนใหม่ของหล่อนเพิ่งเช็คอินที่ร้านนี้เมื่อครู่นี้เองนั่นก็หมายความว่าทั้งสองคนยังอยู่ในร้านนี้อย่างแน่นอน



“หยุด!!”ปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ ดีดีที่กำลังอารมณ์พลุ่มพล่าน เลือดขึ้นหน้าไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนนั้นนั้นตวัดสายตาเกรี้ยวกราดมองอินที่ดึงแขนของตนเอาไว้



“ปล่อย”น้ำเสียงเย็นเยียบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อินเผลอคิดไปว่าคนตรงหน้าอาจไม่ใช่ดีดีที่อินรู้จัก



แต่แม้จะข่มขู่อะไรไปมือที่จับแขนของดีดีอยู่ก็ยังไม่ยอมปล่อย



“ปล่อยสิอิน จับเราไว้ทำไม”น้ำเสียงไม่เย็นแบบเมื่อกี้แล้ว แต่คราวนี้มันฟังดูอ่อนระโหยอ้อนวอนจนเกือบใจอ่อนปล่อยเป็นอิสระ



“กูไม่ปล่อย มึงต้องใจเย็นๆก่อนนะ กูขอโทษที่ปากพล่อยบอกความจริงกับมึงไป กูขอโทษนะเพื่อน วันนี้เรากลับกันก่อนเถอะ กูขอร้องล่ะ!!”



แม้ว่าอินจะให้กู๊ดส์นำข่าวของหญิงสาวที่คบกับดีดีอยู่มาบอก แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าสายที่หามาได้แบบขอไปทีจะทำงานของตัวเองได้ดีเลิศขนาดนี้ เพราะผ่านไปไม่กี่วันหลังจากอินเคลียปัญหากับพัดเรียบร้อยแล้วพัดก็นำข้อมูลและรูปถ่ายที่กู๊ดส์ไปตามสืบมาให้พร้อมจดหมายขอบคุณจากเจ้าตัว



วินาทีแรกที่อินเห็นภาพถ่ายผู้หญิงคนนั้นกับชายอื่นเขาช็อคแทบจะล้มทั้งยืน เพื่อนเขาถูกสวมเขาโต้งๆแบบนี้ แต่เขาก็ไม่รู้จะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับดีดีอย่างไรก็เลยเอาเรื่องไปปรึกษาพัดแล้วก็ยังตกลงกันไม่ได้ เมื่อเย็นพอเห็นผู้หญิงคนนั้นโพสต์รูปคู่ก็เลยคิดแล้วว่างานเข้าแน่ๆจึงรีบกลับมา



แล้วก็เป็นดังคาด



ดีดีสติแตกไปแล้ว



ร่างเล็กสะบัดมือของอินออกแล้วก็ผลักเขาล้มก้นจ้ำเบ้า เพราะคนในร้านค่อนข้างเยอะบวกกับดีดีตัวเล็กทำให้ร่างโปร่งคลาดสายตากับเพื่อนของตัวเองไปจนได้!!



เจ้าของใบหน้าน่ารักซึ่งมักจะประดับด้วยรอยยิ้มเสมอหากแต่นาทีนี้มันเต็มไปด้วยความเศร้าและสับสน ดีดีวิ่งเข้ามาในร้านเขาเคยมากับหญิงสาวสองสามครั้งทำให้จำทางและรู้ว่าที่ที่หล่อนนั่งอยู่คือตรงไหน



“แห่กๆ”



“ดีดี!!”เสียงแหลมของร่างบางสวยของหญิงสาวซึ่งใบหน้าแต่งแต้มใบด้วยเครื่องสำอาง ดีดีทอดมองหล่อนและสามีคนใหม่ของหล่อนด้วยแววตาอาวรณ์



“ทะ...ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ เราเลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอไง!?”หยกกล่าวเสียงสั่นแต่ก็ทำใจดีสู้เสือเมื่อเธอมีพวกเป็นแฟนหนุ่มร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างกายทั้งคน



ดีดีจ้องมองมือหนาที่บังโอบเอวบางเอาไว้ทั้งๆที่แฟนเก่าของหล่อนกำลังยืนเดือดพล่านอยู่ต่อหน้าแท้ๆ



หยามกันชัดๆ!!



“นี่คุณ ผู้หญิงเขาบอกเลิกไปแล้ว ผู้ชายก็อย่าตอแยนักเลย มันไม่แมนนะ มาทางไหนกลับทางนั้นเถอะ”เสียงทุ้มกล่าว ร่างสูงกำยำยืดตัวขึ้นเต็มความสูงเล่นเอาคนตัวเล็กถูกข่มด้วยสรีระ



อันที่จริงแล้วดีดีเองก็ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรก่อนมาที่นี่เลย เขาแค่นั่งอยู่เฉยๆไม่ติด หัวใจมันร่ำร้องให้มาที่นี่แล้วร่างกายมันก็ขยับไปเอง...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะทำอย่างไรดี



แค่เห็นหน้าเธอก็รู้แล้วว่าเธอคงไม่ย้อนกลับมาหาเขา



ไม่สิ หัวใจของเธอไม่ได้เป็นของเขาอยู่แล้วตั้งแต่แรก



ทั้งๆที่มันน่าอาย แต่น้ำตาก็ไหลออกมาไม่ขาดสาย เสียงนักร้องบนเวทีซึ่งกำลังร้องเพลงผิดจังหวะดังเข้ามาเสียดแทงโสตประสาท



มันต้องใช้น้ำตาแค่ไหนต้องร้องไห้กี่ครั้ง ให้เขาและเธอทิ้งขว้างความรักแล้วเลิกลา



ให้เธอเห็นว่ารักของผมให้เธอได้มากกว่า ต้องใช้สักกี่น้ำตาให้เธอเห็นใจ



ใครกันนะที่เลือกเพลงนี้ เดี๋ยวส่งอินไปกระทืบซะเลยนี่




“ทำไมถึงเลิกกับเราเหรอ”...ทำไมถึงเลือกเขา




“ขอโทษนะดีดี เธอ...เธอเป็นคนดีมากๆ มากจนเราอึดอัด เราขอโทษ”




อา...นี่เรา...




“เห้ยๆ มันร้องไห้ว่ะหยก เอาไงดีวะ”เมื่อเห็นหยาดน้ำตาสีไหลพรั่งพรูออกมา ชายหนุ่มร่างสูงที่เตรียมตัวจะมีเรื่องก็เลยใจหายรีบหันไปถามแฟนของตัวเองเพราะไม่อยากถูกมองว่ารังแกคนอ่อนแอกว่า



“อ่อนชิบหายเลย ร้องไห้เนี่ยนะ โหย!! ทุเรศว่ะ ฮ่ะๆๆ”



“อย่าไปหัวเราะเยาะเขาสิต้น น่าสงสารออก! ดีดี อย่าร้องนะ กลับไปเถอะ มายืนร้องไห้อยู่ตรงนี้มันน่าอายนะ”หล่อนกล่าวขณะมองซ้ายมองขวาแล้วพบสายตาของคนจำนวนมากกำลังพุ่งตรงมายังพวกเราสามคน



น่าสมเพชชะมัด...



จะมาให้ขายหน้าทำไมก็ไม่รู้...กลับดีกว่า...



มือเล็กกำจิกแน่นจนห้อเลือด แต่คนแพ้ก็ต้องหลีกทาง เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอยู่ในที่แบบนี้อีกต่อไป ดีดีก้มหน้าแล้วก็กำลังจะก้าวขาเดินออกมาจากโต๊ะอาหารของคู่รักคู่ใหม่



แต่ทว่า...



ทันใดนั้นเองก็มีมือปริศนามาโอบไหลบางอันสั่นเทาเอาไว้ กลิ่นน้ำหอมฉุนกึกลอยเข้ามาในจมูกจนร่างเล็กต้องเงยหน้าขึ้นมามอง
และสิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาซึ่งรื้นไปด้วยหยดน้ำก็คือชายหนุ่มรูปร่างสูง ผิวขาวละเอียด ใบหน้าหล่อเหลาออกไปทางเชื้อสายจีนแล้วก็รอยยิ้มมีเลศนัยที่ประดับอยู่บนมุมปากได้รูปสะกดให้หัวใจของคนมองสั่นวาบ



“เอ้าๆ ดูสิ รังแกเด็กน้อยที่น่ารักจนร้องไห้หมดแล้วเนี่ย”เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยด้วยแววตาเย็นเยียบเล่นเอาความกร่างของแฟนหยกหดเหลือเท่านิ้วก้อย!



ร่างเล็กถูกดึงตัวออกมาจากสถานการณ์เลวร้าย ความรู้สึกเหมือนโดนตีแสกหน้าเริ่มเจ็บน้อยลงแล้วแต่ความมึนตึบและความตกใจยังไม่คลายลงไป



อันที่จริงดีดีก็ไม่ใช่แฟนที่ดีนัก เขาเปลี่ยนแฟนมาหลายคน การเลิกกันครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกทำให้เขามีประสบการณ์ทำใจมาพอสมควร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกคบซ้อน



เรียกว่าเจ็บใจจะดีกว่าเสียใจ...



“อ่า...ขอบคุณนะครับ”แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณผู้ชายคนนี้ที่เข้ามาช่วย ร่างเล็กเอ่ยพร้อมก้มหัว ทีแรกเด็กหนุ่มกะจะเลี้ยงอาหารเขาเป็นการตอบแทนแต่เมื่อรู้ตัวอีกทีก็ถูกเดินโอบไหล่พามาที่ลานจอดรถเสียแล้ว



“ไม่เป็นไรๆ”ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตกับเนคไทค์ที่ผูกแบบหลวมๆทำให้ดีดีเดาได้ว่าเขาคงเป็นพนักงานบริษัท



”ผมชื่อหยาง คุณล่ะ”



“ดีดีครับ”



“เหรอ ชื่อน่ารักจัง เหมือนหน้าตาเลย”



“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ คุณเองก็หล่อมากเหมือนกัน”



แต่เขาก็ยังเดาไม่ออกอยู่ดีว่าอีกฝ่ายพาตนมาในที่แบบนี้ทำไม แต่ก่อนจะได้คิดอะไรหยางก็หยิบกุญแจรถออกมาก่อนเดินนำไปยังรถบีเอ็มสีดำขลับ ท่าทางเพิ่งถอยออกมาได้ไม่นาน มือหนาเปิดประตูแล้วก็ผายมือให้คนอายุน้อยกว่าเดินเข้าไปในรถ



“เราเปลี่ยนร้านกันดีกว่า ผมคิดว่าคืนนี้คุณควรมีเหล้าเข้าปากสักหน่อยแต่จะอยู่ในร้านนี้ต่อคงลำบากใจใช่ไหมล่ะ”
ทั้งสีหน้าและแววตาของชายหนุ่มพราวระยับ ดีดีไม่คิดว่านี่คือความหวังดีจากคนแปลกหน้า...คิดว่าผู้ชายคนนี้คงมีเป้าหมายอะไร



บางอย่างซึ่งเขายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร



แต่ว่า...



“ครับ ขอบคุณมากครับ”



แม้จะยังไม่ได้ดื่มเหล้าสักหยดแต่คนอกหักก็เมามาย สติสัมปชัญญะถูกกดเอาไว้ใต้อารมณ์ ร่างเล็กก้าวขึ้นรถคันหรูไปด้วยความอยากลองดี



ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไปนั้นดีดีสาบานเลยว่าเห็นร่างโปร่งของอินแล้วก็พัดวิ่งตามไล่มา ทั้งสองคนตะโกนอะไรก็ไม่รู้โหวกเหวก แต่แทนที่ดีดีจะเปลี่ยนใจแล้วก็ขอตัวไปกับเพื่อน เขากลับหมดห่วงที่ไม่ได้ทิ้งอินไว้คนเดียว เดี๋ยวอินก็คงกลับคอนโดพร้อมพัด



ส่วนเขาคืนนี้คงไม่ได้กลับ...



ใช้เวลาไม่นานดีดีและผู้ชายแปลกหน้าก็เดินทางมาถึงที่หมาย ดูเหมือนชายหนุ่มจะพาเขามาเข้าเล้าจ์ของโรงแรมหรูระดับหกดาวแห่งหนึ่ง



เด็กอย่างดีดีไม่เคยเข้ามาในสถานที่แบบนี้มาก่อนเจ้าตัวเลยอดแปลกตาแปลกใจไม่ได้ ร่างสูงระบายยิ้มเอ็นดูท่าทางเหมือนเด็กๆนั้นแล้วก็โอบไหล่เล็กให้เดินตามมายังที่นั่ง



“พี่ชายเป็นเกย์เหรอครับ”เสียงใสเอ่ยถาม ใบหน้าหวานเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ฝ่ายคนถูกถามก็เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ



“ว้า...โดนจับได้ซะแล้วเหรอเนี่ย”แต่ก็พูดตอบด้วยน้ำเสียงแสร้งเป็นเสียดายแล้วก็แบบมือทั้งสองข้างออกมาเหมือนยอมแพ้ การกระทำแสนเสแสร้งทั้งหมดอยู่ในสายตาของเด็กหนุ่มที่กำลังโดนมอมเหล้า



รู้ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาช่วยแล้ว...เพราะอย่างนั้นถึงได้ตามมาง่ายดายขนาดนี้



“บางทีผมคงอยู่กับอินมากเกินไปหน่อยก็เลยติดนิสัยบ้าระห่ำมา...หึหึ”ยามยกของเหลวสีเหลืองนวลจรดริมฝีปาก ความร้อนผ่าวที่หลั่งรินลงมาตามลำคอเป็นตัวเร่งให้ความยับยั้งชั่งใจของดีดีลดลง



“ผมถูกบอกเลิกด้วยเหตุผลเดียวกันมาห้าครั้งแล้ว”



ตลอดยี่สิบปีที่เกิดมาเขาเป็นเด็กดี...ทุกคนต่างชมว่าเขานิสัยดีเหมือนชื่อ



“ถ้าเป็นคนดีแล้วต้องถูกบอกเลิกตลอดแบบนี้ จากนี้ไปผมก็จะเป็นคนไม่ดีล่ะ”แก้วเหล้าถูกวางลงบนโต๊ะเสียงดัง พอกันทีประสบการณ์เลวร้ายทั้งหมดที่ผ่านมา ที่ถูกบอกเลิกเพราะว่าแสนดี จากนี้จะไม่มีดีดีคนดีอีกแล้ว



“คืนนี้พี่ช่วยทำให้ผมเป็นเด็กไม่ดีทีสิครับ”



“หึหึ...ได้สิ...งั้นเราเลิกดื่มกันเท่านี้แล้วก็ขึ้นไปข้างบนกันดีไหม”





ถ้าหากมันช่วยลืมเลือนความโศกเศร้านี้ได้ล่ะก็...ต่อให้ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง...



ต่อให้ถูกย้อมจนเป็นสีดำหรือถูกนัยน์ตาคมส่องประกายเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายดูดกลืนจนหายไป



“ด้วยความยินดีเลยครับ”



แสงไฟระยิบระยับของกรุงเทพตรึงในสายตา กระจกใสกว้างในห้องโรงแรมหรูในยามค่ำคืนนั้นแสนโรแมนติค หากแต่ร่างเล็กเจ้าของสีหน้าเรียบเฉยราวกับตรอมใจอยู่นั้นกลับไม่ได้ซึมซับบรรยากาศเหล่านั้นแม้แต่น้อย ดีดีในชุดคลุมอาบน้ำยืนเกาะกระจกอยู่อย่างนั้น รอคอยใครอีกคนซึ่งชำระร่างกายอยู่ในห้องน้ำ   



ใบหน้าหวานผินหันมามองห้องสวีทสุดหรูในค่ำคืนนี้ด้วยรอยยิ้มเยาะตัวเอง



บ้าบอที่สุดเลยเรา...   



จะมาถอยเอาตอนนี้คงไม่ทันแล้ว แต่หัวใจที่พยาพยามกดให้สงบมาตลอดกลับเต้นตัวราวกับจะร้องเตือนว่าเขาไม่ควรทำแบบนี้



“วิวสวยไหม หืม?”ฉับพลันคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำก็เอ่ยถามเขาด้วยรอยยิ้มละไม



“ครับ”เสียงตอบกลับของดีดีนั้นเบาโหวง



 ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีดำขลับในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวส่งยิ้มให้และเดินเข้ามาโอบเอวบางจากด้านหลัง ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหูช่วยให้เลือดลมในตัวของคนอกหักสูบฉีด 



ริมฝีปากของหยางก้มลมคลอเคลียแถวใบหูก่อนมือแกร่งจะจับใบหน้าเนียนใสให้เอนไปทางตนก่อนจะจรดจุมพิตที่แก้มชวนให้หัวใจเต้นโครมคราม ก็ไม่ใช่ว่ารังเกียจหรืออะไร แต่สำนึกผิดชอบชั่วดีมันกลับทำงานขึ้นมาอีกครั้ง



ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับชายแปลกหน้า....แบบนี้ดีแล้วเหรอ



ถามใจตัวเองดูขณะถูกช้อนอุ้มไปวางบนเตียง   



“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เดี๋ยวก็ดีเองนะ”มือแกร่งลูบหัวของคนอ่อนวัยกว่าอย่างปลอบปะโลมพร้อมมอบจุมพิตแสนหวานชวนเคลิบเคลิ้มให้



“คืนนี้ฉันจะกล่อมให้เธอหลับสบายและอบอุ่นในอ้อมแขนของฉันเองนะเด็กดี”



“อืม...แต่ผมไม่อยากเป็นเด็กดีนะ...อา...ฮ... อ๊า.....”       



เสียงหวานหลุดรอดจากริมฝีปากของร่างใต้อาณัติบนเตียงใหญ่สีขาวนวล  ริมฝีปากของหยางแนบสัมผัสไปทั่วผิวกายสีขาวนวลเนียนอย่างอ่อนโยน จนอุณหภูมิในร่างกายของผู้ถูกกระทำยิ่งพุ่งขึ้นสูงเรื่อยๆ   



เสื้อผ้าถูกปลดออกไปอย่างรวดเร็วและเชี่ยวชาญ



ความร้อนอุ่นวาบเข้าครอบครองส่วนรวมความรู้สึกแสนอ่อนไหวใจกลางลำตัว ร่างทั้งร่างกระตุกเกร็งด้วยความเขินอาย     



“ดะ เดี๋ยว!!”มือบางออกแรงดันไหล่กว้างของชายหนุ่มออก  มือใหญ่ซึ่งกำลังจะเลื่อนไปหยิบเจลหล่อลื่นชะงักค้าง หยางขมวดคิ้วพิจารณาร่างเล็กซึ่งสั่นเทาเหมือนกระต่ายที่เปียกฝน



 “กลัวเหรอ...หืม?”เสียงทุ้มกระซิบข้างหู หยางทิ้งตัวลงนอนข้างร่างกายเปล่าเปลือยของดีดีแล้วก็กระชับอ้อมกอดเหมือนกำลังปลอบใจเด็กน้อย



“ก็ยังเป็นเด็กดีอยู่นี่”



สิ้นคำดีดีก็ปล่อยโฮออกมาอีกรอบ เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกอย่างแท้จริง เกือบพลาดพลั้งทำเรื่องไม่เป็นเรื่องไปแล้ว นึกกลัวว่าถ้าขอหยุดกลางคันอีกฝ่ายจะยอมแต่โดยดีไหมแต่พอหยางยกมือขึ้นลูบผมนุ่มแผ่วเบาเด็กหนุ่มก็รู้สึกวางใจ



และแล้วค่ำคืนนี้ก็ผ่านพ้นไปโดยที่ดีดียังคงเป็นเด็กดีอยู่เหมือนเดิม เด็กหนุ่มใส่เสื้อที่อีกฝ่ายเพิ่งถอดออกไปหยกๆแล้วก็หันไปพูดขอบคุณร่างสูงซึ่งจุดบุหรี่สูบแล้วก็เอนกายพิงหัวเตียงมองการกระทำของตนอยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย



“ขอบคุณนะครับ”




“หึ ขอบคุณเรื่องอะไร...ที่ฉันพาเธอมาเลี้ยงเหล้าหรือให้นอนในโรงแรมหรูล่ะ”หยางยิ้มอย่างไม่ยี่หระ ภายใต้ดวงตาซึ่งไม่แสดงความเสียดายหรือแปลกใจออกมาเลยนั้นทำให้ดีดีอดสงสัยไม่ได้



หรือว่าเขารู้อยู่แล้วว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้...?



จะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไรล่ะเนอะ...



..............................................................................


ความกาวนี่มัน 5555+

เรื่องนี้ใกล้จบเต็มแก่แล้ว ยังไงก็ขอให้อยู่ด้วยกันอย่างนี้จนถึงที่สุดนะคะ

 :man1: :man1: :man1: :man1:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
อร๊ายย
พี่หยางนี่อะไรยังไงง

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สงสารดีดี

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ดีนะที่พี่หยางยังไม่เปิดซิงดีดีน่ะ  o13

ออฟไลน์ nikkou

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +294/-4



บทที่ 26



ในฐานะเกมส์เมอร์แล้ว อินถือว่าเป็นยอดฝีมือในระดับแนวหน้า แน่นอนว่าเขาชอบเล่นเกมส์ออฟไลน์ในเครื่องคอมพิวเตอร์มากกว่าเล่นเกมส์ออนไลน์กับพวกเกรียนแตกในอินเตอร์เน็ต และวันนี้อินจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ นั่นคือการเล่มกมส์ในเครื่อง PS



หลังจากเขาอยู่ดูแลเพื่อนที่อกหักจนละเลยพัดไปเสียสนิท เมื่อบ่ายเจ้าตัวที่อยู่ห้องข้างๆกันแท้ๆแต่กลับไม่ได้เจอหน้ากันมาอาทิตย์กว่าก็อดรนทนไม่ได้ ทักแชทมาชวนอินให้ไปเล่นเกมส์ที่ห้องคืนนี้



แต่ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ว่ามันคงไม่จบที่การเล่นเกมส์เท่านั้นหรอก




อินถอนหายใจพรืดใหญ่พลางนึกถึงดีกรีความหื่นของเพื่อนบ้านที่ขนาดผู้ชายด้วยกันอย่างอินยังต้องยกธงขาว พลางทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว เขาและดีดีเองก็กลับมาถึงคอนโดนานแล้ว อีกทั้งพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดราชการ



ช่างเป็นวันที่เหมาะกับการทำกิจกรรมยามดึกเสียจริงๆ



“คืนนี้อินจะไปเล่นเกมส์ห้องพัดเหรอ”ดีดีถามได้ถูกจุด เล่นเอาคนที่กำลังคิดไม่ตกสะดุ้งโหยง



อินส่งยิ้มแห้งไปให้เพื่อนตัวเองเมื่อความจริงแล้วการเล่นเกมส์ที่ว่าก็เป็นแค่ข้ออ้างบังหน้าเท่านั้น”อ่า...อืม”



ความคิดโง่ๆอย่างการชวนดีดีไปด้วยเป็นไม้กันหมาไม่มีทางหลุดออกมาจากปากของอินที่รู้จักผู้ชายจอมเนียนอย่างพัดเด็ดขาด ลองชวนดีดีไปดูสิคนข้างห้องไม่ใช้ทางใดก็ทางหนึ่งส่งเพื่อนของเขากับห้องมาแน่ๆและคืนนี้คงสาหัสกว่าปกติแน่ๆ



“ไปนะ”พอคิดว่ายังไงก็โดน แถมตัวเองก็ใช่ว่าจะไม่ชอบ อินเลยสลัดความฟุ้งซ่านออกไปพร้อมโบกมือลาดีดี



ใช้เวลาเดินไม่ถึงสิบวิร่างโปร่งก็มาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของพัด และใช้เวลาไม่ถึงสิบวิหลังกดออดเจ้าของห้องก็ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน



“มาเร็วจัง”



“เออ กูว่าง”อินแสร้งทำเป็นไม่เห็นใบหน้าแฝงความนัยของอีกฝ่ายแล้วก็ตีหน้าเข้มเสียงแข็งเดินเข้าห้องไป



“งั้นคืนนี้ก็อยู่ได้ทั้งคืนเลยใช่มั้ย”แต่ก็ยังไม่วายโดนแหย่



“มึงก็รู้อยู่แก่ใจ”ร่างโปร่งตอบปัดก่อนจะนั่งแหมะบนโซฟา สองมือถือจอยเกมส์ตั้งท่าพร้อมรบเต็มที่ รอยยิ้มท้าทายถูกจุดขึ้นบนริมฝีปาก อินยักคิ้วให้อีกฝ่ายก่อนจะกล่าวท้าด้วยสีหน้ามั่นใจ







“แข่งกับกูป่าว ใครชนะคืนนี้รุก”





พัดขมวดคิ้วกับสาสน์ท้ารบนั่น ถึงแม้อินจะเป็นพวกปล่อยไก่และท่าดีทีเหลวตลอดก็ตาม แต่คราวนี้พกความมั่นใจมาจากบ้านเต็มเปี่ยมท่าทางจะเชื่อฝีมือเล่นเกมส์ของตัวเองไม่หยอก



ร่างสูงช่างใจอยู่ครู่ใหญ่ พัดมองเข้าไปในแววตาพราวระยับของอินแล้วก็เริ่มหวั่นเกรง ฉับพลันเจ้ากระตายน้อยเมลิคก็กระโดดไปอยู่ในอ้อมแขนของวายร้ายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ อินยิ่งฉีกยิ้มชั่วร้ายเมื่อมีกระต่ายหน้าโง่โผเข้ามารับบทเป็นตัวประกันถึงที่



“ว่าไงไอ้น้อง ถ้าไม่อยากให้ไอ้หน้าขนนี่ตายก็ยอมรับคำท้าซะ!!”ประหนึ่งตัวร้ายที่จับนางเอกเป็นตัวประกัน คนเป็นพระเอกได้แต่พยักหน้าอย่างจนตรอก



พัดคว้าจอยเกมส์อีกอันขึ้นมาพร้อมเลือกเกมส์ที่คิดว่าถนัดที่สุด



หน้าจอฉายฉากเริ่มเกมส์ อินขมวดคิ้วอย่างขัดใจเมื่อพบว่าเกมส์ที่เล่นมีฉากหลังเป็นสุสานแถมด้วยตัวซอมบี้ที่เดินไปมา พวกเขาเลือกเล่นโหมดดวลตัวต่อตัวแทนที่จะเล่นหมวดเนื้อเรื่องที่ต้องร่วมมือกัน



“มึงโกง”อินแหวใส่เจ้าของเกมส์



“มึงโกงก่อน”ด้านพัดเองก็ไม่อ่อนข้อให้



ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก!!



เป๊งงงงงง



เสียงระฆังเริ่มเกมส์ดังขึ้น ตัวละครของทั้งสองพุ่งกระโจนเข้าโรมรันกันทันที ปล่อยพลังทุกอย่างที่มีออกมา



“ฮึ่มมมม...เอาใหม่ตาเมื่อกี้แค่ซ้อม”คนที่เพิ่งเคยเล่นอย่างอินจะแพ้ก็ไม่แปลก ร่างโปร่งรีบท้วงหาความยุติธรรมขึ้นมาทันที พัดเองที่มั่นใจว่าเล่นในสนามนี้จะได้เปรียบแถมตอนนี้ก็ยังไม่มืดก็เลยยอมตกลง



“ก็ได้ งั้นเราซ้อมกันสักสามตาก่อน จากนั้นค่อยเอาจริง”



ว่าแล้วการต่อสู้ก็ดำเนินต่อไปอีกจนกระทั่ง...



K.O.



เสียงนักพากษ์เกมส์ดังขึ้นผู้ชนะชูมือขึ้นมาด้วยความดีใจราวกับชนะถ้วยฟุตบอลโลกมาก็มิปาน ส่วนผู้พ่ายแพ้ปล่อยจอยเกมส์ล่วงจากมือด้วยความช็อค



อินเล่นเกมส์โคตรเก่ง!!!



พัดไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนก็เลยยอมให้ซ้อมมือถึงสามตา แต่ยิ่งเล่นอินยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆ จากตอนแรกที่เขาได้เปรียบอยู่ดีๆ หลังๆกลายเป็นเขาเสียเปรียบซะอย่างนั้น



“วะฮ่าๆๆๆๆ มึงพลาดแล้วพัด มึงแพ้แล้ววววว มึงแพ้ ฮ่าๆๆๆ”



ไหนจะเสียงหัวเราะบาดหัวใจนี่อีก อินไม่เคยปราณีใคร คนล้มอินไม่เคยข้ามแล้วไม่เคยเหยียบซ้ำ อย่างนายอินทร์คนนี้มันต้องกระทืบให้จมดิน!!



“ยืนเลยยืน ไปนอนกันเถอะ หึหึหึ”



อินส่งมือให้ร่างสูงเป็นหลักดึงตัวขึ้นยืนเพราะเขาคิดว่าสมองของพัดตอนนี้คงไม่ทำงานแล้ว เป็นไงล่ะมึงชอบหื่นใส่กูดีนัก วันนี้เจอเอาคืนถึงกับตาเหลือกเลย เขาคว้ามือแกร่งเอาไว้ก่อนจะออกแรงดึงแค่นึดเดียวคนตัวสูงกว่าก็ปลิวตามเข้ามาในห้องนอนอย่างว่าง่าย



อินจงใจประกาศกติกาอย่างชัดเจนว่าใครชนะได้เป็นรุกเพราะขืนตั้งกติกาว่าใครชนะอยู่ข้างบนแล้วอินเป็นฝ่ายชนะพัดต้องมามุกให้เขาออนท็อปแบบเมื่อเร็วๆนี้แหง แค่คิดก็ขาสั่นแล้วเรื่องอะไรจะยอม!!



“มึงนอนลงตรงนี้”ร่างโปร่งจัดแจงหมอนให้เข้าที่ก่อนจะชี้ให้พัดที่ยืนสีหน้าเรียบเฉยลงไปนอน



เขาคิดว่าอีกฝ่ายเป็นลูกผู้ชายพอจะไม่กลับคำของตัวเองถึงได้มั่นใจขนาดนี้ อินสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด รวมรวบพลังลมปราณมองคนที่ยอมลงไปนอนโดยไม่ทักท้วงอะไรสักคำ...พอได้เวลาอันสมควรก็คลานขึ้นไปคร่อมอีกฝ่าย สบสายตากันอยู่พักใหญ่ก่อนมือหนาจะเหนี่ยวรั้งท้ายทอยของคนที่เอาแต่จดๆจ้องๆให้ลงมาทาบทับริมฝีปาก



คนเสียเชิงตั้งแต่ยังไม่เริ่มกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจแต่เมื่อลิ้นอุ่นสอดแทรกกลีบปากเข้ามาอินก็เผลอเผยอปากต้อนรับตามสัญชาตญาณ



“อืมมม...”ทั้งที่ประกาศตนว่าจะเป็นรุกแท้ๆกลับส่งเสียงพึงพอใจยามถูกจาบจ้วงไปทั้วทั้งปาก ใบหน้าหล่อคมขึ้นสีแดงจัดด้วยความอับอายแต่เป็นโชคดีที่อีกฝ่ายซึ่งยังคลอเคลียอยู่กับริมฝีปากของเขาไม่เห็นเข้า และต่อให้พัดทำท่าจะผละออกมาอินก็เป็นฝ่ายรั้งเอาไว้



ทำให้จูบครั้งนี้เนิ่มนานกว่าครั้งไหนๆ



“ว่าไงคนเก่ง ทีนี้จะเอายังไงต่อล่ะ”



ไม่รู้ว่าพัดจงใจใช้คำว่า‘เอา’หรือไม่แต่ไอ้คนฟังที่อุตส่าห์เลิกอับอายไปแล้วรอบหนึ่งแทบจะกระโดดลงไปซุกหัวอยู่ใต้เตียง
ยอดกระบี่ประดาบกันครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าฝ่ายใดวรยุทธ์เหนือกว่า...การจูบก็เช่นกัน



“มึงเลววววว มึงโกงงงงงง”ถึงจะไม่ได้คาดหวังผลลัพท์ว่าตัวเองจะได้รุกจริงๆตั้งแต่แรกก็เถอะ แต่พอโดนตอกย้ำซึ่งๆหน้าแบบนี้เป็นใครก็ต้องอาย และพออายแล้วก็เริ่มอาละวาด ขาขาวๆออกแรงถีบเบาะๆใส่หน้าท้องแกร่ง เอาแค่ให้อีกฝ่ายถอยออกไปไกลๆก็พอ



แต่ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไปเหมือนพวกขายประกัน



“คิดว่าจะหนีพ้นเหรอไง”พัดตั้งหลักกระโจนเข้ามารวบตัวคนเกเรก่อนจะแผลงฤทธิ์อะไรอีกไว้แน่น กดลงกับเตียง ฝังหน้ากับซอกคอแล้วก็เริ่มถกเสื้อ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนอินได้แต่อ้าปากเหวอ



จากนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา



“ฮ่าๆๆๆๆ คนอย่างมึงนี่มัน...”พูดได้เท่านั้นปากก็โดนิดลงอีกครั้ง แต่คราวนี้อินไม่มีท่าทีขัดขืนแล้วก็ไม่มีท่าทีไม่พอใจหรือจ้องจะเป็นฝ่ายรุกเหมือนอย่างที่พูดไว้ตอนแรกแม้แต่น้อย



นั่นก็เพราะอินก็แค่เล่นเกมส์ เล่นเกมส์กับเพื่อนมันต้องมีการพนันขันต่อ เล่นเกมส์กับคนรักเองก็เช่นกัน และของเดิมพันคงหนีไม่พ้นเรื่องบนเตียง



แต่ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ จะเล่นกับเพื่อนหรือแฟนอินก็ไม่คิดจะเอาจริงอยู่แล้ว...ที่เสนอเดิมพันแบบนั้นไปก็แค่...ความปากพล่อยเท่านั้น



และแล้วค่ำคืนอันยาวนานก็เริ่มต้นขึ้น จนกระทั่งครึ่งทางอินถึงได้รู้ซึ้งว่าตนควรจะเดิมพันจริงๆ เพราะมันสาหัสเหลือเกิน...




แสงแดดเหน่งๆของประเทศไทยเล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้คนที่นอนอยู่ด้านติดระเบียงรู้สึกตัว อินที่ยังเรียกสติกลับมาไม่
เต็มที่นักพยามดึงผ้านวมขึ้นมาปิดหน้า แต่เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วความปวดหนึบๆด้านหลังก็ทำให้นอนต่อไม่หลับ



“อืออออออ”เสียงทุ้มครางฮืมในลำคออย่างหงุดหงิด พลิกตัวไปมาหวังว่าจะเจอท่าที่สบายตัวแต่ก็เท่านั้น



หลังจากกลิ้งอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงอินก็ลืมตาสู้แสง ร่างโปร่งค่อยๆยันตัวฝืนความเมื่อยล้าลุกขึ้นแล้วเดินกระโผลกกะเผลกไปยังห้องน้ำล้างหน้าล้างตาจากนั้นก็ใส่เสื้อผ้าให้พอเรียบร้อยจากนั้นก็เดินสลึมสลือออกมานั่งแปะบนโซฟา



พัดยังไม่ตื่น อินเองก็ไม่อยากออกไปโดยไม่บอกกล่าวเขาก็เลยเลือกมานั่งดูทีวีเรื่องเล่าเช้าวันเสาร์รอ



ออดดดดด



ระหว่างที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่นั้นเอง เสียงออดที่อินชอบมากดแกล้งเจ้าของห้องบ่อยๆก็ดังขึ้น คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น มองเวลาแล้วก็แค่เก้าโมงกว่า ใครกันนะที่มาหาไอ้พัดถึงห้องในเวลาแบบนี้



ปกติไม่มีเด็กมหาลัยคนไหนตื่นเช้ากันหรอกถ้าไม่มีเรียน(มีเรียนยังไม่อยากจะตื่น)สงสัยคงมีเรื่องด่วน



อินคิดว่าคนมาหาเป็นเพื่อนเพราะรู้ว่าบ้านพัดอยู่เชียงใหม่และเจ้าตัวเองก็เพิ่งกลับบ้านมาเมื่อปิดเทอม พ่อแม่คงไม่คิดถึงลูกชายที่โตเป็นความถึงขึ้นบนมาลงสุวรรณภูมิแล้วเบิ่งรถแท็กซี่มาหาหรอก



อินเชื่อแบบนั้นเลยเดินไปเปิดประตู...



โดยไม่ทันคิดว่าพ่อแม่เองก็สามารถมี’เรื่องด่วน’ที่ต้องรีบมาหาลูกชายเช่นกัน



ร่างโปร่งเดินแบบไม่สบายนักไปยังประตู ส่องตาแมวแบบส่งๆเลยไม่เห็นอะไรแล้วจึงเปิดประตูออก



ตรงหน้าของเขาคือหญิงวัยกลางคนรูปร่างมีเนื้อนิดๆแต่ไม่ถึงกับอ้วน สวมชุดที่ดูดีจึงไม่น่าเป็นแม่บ้านมาทำความสะอาดหรือคนส่งของ เธอคนนั้นเองก็มองอินด้วยสีหน้าแปลกใจเช่นกัน



“ขอโทษนะคะ ที่นี่ใช่ห้องของพัดรึป่าว”เธอถามอย่างนั้นอินก็เลยพยักหน้าไปตามความจริง แล้วพอได้คำตอบทั้งสองคนก็ยิ่งมองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจหนักขึ้นไปอีก



   ใครวะ...



................................................................................................

เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปเร็วหลือเกิน จะสอบกลางภาคอีกแล้วค่ะ Y_______Y

ถึงเหล่าเด็กมัธทยมที่ใกล้สอบปลายภาคและเด็กมหาลัยที่ใกล้สอบกลางภาค

คนแต่งขอลายตายสัก 1-2 สัปดาห์นะคะ

ทุกคนก็ตั้งใจอ่านหนังสือกันด้วยนะ  :a5:

 :heaven :heaven :heaven


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด