+:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)  (อ่าน 50166 ครั้ง)

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1



-9-







ญาณัชพลิกตัวไปมาภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่บนเตียง โดยมีลูกชิ้นอยู่เป็นเพื่อน นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองหมอนอีกใบที่ว่างเปล่าพลางคิดไปถึงคนที่พาเขามา

ก่อนหน้าที่จะได้พบกับทยุต ตัวเขาที่ไม่มีพิชญ์อยู่ด้วยไม่ต่างอะไรกับคนที่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ... แต่ตอนนี้ เขารู้ตัวดีว่าทยุตเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตตัวเองไปเสียแล้ว

“มาเที่ยวด้วยกันแบบนี้... ก็ต้องเรียกว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว... สนิทกันแบบพี่น้อง... ใช่ไหมครับ ลูกชิ้น”

“แบ๊ก!” ชิวาว่าตัวจื๋วส่งเสียงรับ เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

เขาจำได้ถึงความรู้สึกขุ่นมัวที่ก่อตัวขึ้นเมื่อตอนกลางวัน ญาณัชหลับตาลงก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งช้าๆ

“... อาพีท... นัทเป็นคนหวงเพื่อนเหรอ...” แขนสองข้างโอบรอบเข่าเอาไว้ก่อนจะแนบใบหน้าลงกับหัวเข่า แม้จะยังไม่เข้าใจที่มาของความไม่พอใจนั้นดี แต่นัยน์ตาคู่สวยก็ปิดลงอีกครั้ง

“เดี๋ยวพี่ยุตก็กลับมาแล้วนะครับลูกชิ้น จะได้กินข้าวกัน ดีไหมครับ”

/////////////////////////////////

ตลาดของเกาะล้านยามเย็นคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ทยุตเห็นกลุ่มเด็กสาวที่อายุราวๆมหาวิทยาลัยกำลังมองมาที่เขาพลางกระซิบกันอย่างกล้าๆกลัวๆ เชฟหนุ่มตีหน้าขรึมเพื่อที่จะได้ไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืดจนทำให้ชักช้า

ร้านหมูย่างเจ้าอร่อยครั้งที่มาเที่ยวกับรวินยังรสชาติไม่เปลี่ยนแปลง คราวที่แล้วเจ้าเด็กตัวเท่าลูกแมวคนนั้นซัดเกลี้ยงคนเดียวสิบไม้

...แต่คนที่มาด้วยคราวนี้ไม่รู้ว่าสามไม้จะกินหมดหรือเปล่าเลย....

เขายืนถือต้มยำไม่ใส่ปลา ไข่เจียวและผัดผักรวมที่ซื้อมาเสริม เมื่อรวมกับหมูย่างสิบไม้ มันก็กลายเป็นมื้อเย็นมื้อใหญ่ได้สบายๆ แถมตับอีกห้าไม้พร้อมข้าวถุงโตเตรียมคลุกให้สองหมาด้วย

“ขอบคุณครับ” ทยุตยื่นเงินให้แล้วหิ้วถุงหมูย่างกลับไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่เช่ามา แม้ว่าที่หน้าบ้านพักจะเป็นหาดทรายแต่ร้านอาหารกลับอยู่ไกล สิริรวมแล้วเช่าเหมาเป็นวันก็ยังคุ้ม

...ไว้รอให้นัทดีขึ้นแล้วจะพาขี่มอเตอร์ไซค์รอบเกาะ...

หรือไม่งั้น...ก็ไปเช่าเจ็ทสกีขี่ชมทะเลก็น่าจะดี

ทยุตยิ้มกับตัวเองก่อนจะส่ายหัวเบาๆ เขาไม่ได้รู้สึกไปเองหรอกนะ แต่อย่างน้อยญาณัชในตอนนี้อยู่ในความคิดคำนึงของเขา...มากกว่าใครๆทุกคน

//////////////////////////////////

ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับทยุตกับอาหารเย็นที่ซื้อมาเรียบร้อย ทว่าคนที่รออยู่ก่อนนั้นกลับอยู่ในสภาพราวเด็กเล็กๆ ญาณัชที่นั่งพิงหัวเตียงนั้นดูท่าว่าจะกำลังหลับสนิทไปเสียแล้ว

“นัท...นัทครับ” เสียงทุ้มต่ำเรียกเบาๆแต่พอเห็นว่าญาณัชหลับสนิทก็เกิดอาการเสียดายที่จะต้องปลุกซะแล้ว

“ลูกชิ้น ไปปลุกน้องนัทซิ”

“แบ๊ก” ชิวาว่าตัวน้อยเห่าสั้นๆเหมือนทำไปตามหน้าที่งั้นแหละ ขาหน้าเล็กๆเขี่ยขาเรียวเบาๆก่อนจะหันมามองหน้าทยุตซึ่งแปลได้ว่า ‘คนกำลังหลับสบายจะให้ปลุกหรือไงห๊ะ ไอ้งี่เง่า’

“ไม่ปลุกไม่คลุกตับให้กินนะ”

พอได้ยินอย่างนั้นลูกชิ้นกับไส้กรอกพันธ์เนื้อหมาก็ระดมกำลังเห่าปลุกกันใหญ่ ลูกชิ้นอาศัยความตัวเล็กมุดเข้าไปที่แขนแล้วเลียหน้าเบาๆ

“ให้มันได้อย่างนี้สิ” เชฟหนุ่มขำก๊าก....อะไรก็ไม่สู้เห็นแก่กินจริงๆ

“... อือ” สัมผัสเปียกชื้นบนใบหน้าทำให้ญาณัชค่อยๆลืมตาขึ้นขณะที่คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน นัยน์ตาโศกกระพริบสองสามทีก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหัวเจ้าชิวาว่าตัวน้อยช้าๆ

“อุตส่าห์ปลุกนัทเหรอครับ...” ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มอีกครั้งก่อนจะเงยขึ้นมอง

“มานานรึยังพี่ยุต?”

“เพิ่งมา...นัทหิวช้าวหรือยัง” มือใหญ่ยกถุงกับข้าวขึ้นโชว์

“พี่ซื้อต้มยำ ไข่เจียว แล้วก็เพิ่มหมูย่างกับผัดผักด้วย ส่วนตับของเจ้าสองตัว...แต่ถ้านัทอยากกินก็ได้นะ เดี๋ยวค่อยคลุกอย่างอื่นให้มันกินก็ได้”

ทยุตวางข้าวของบนโต๊ะเล็กๆที่ห้องครัวด้วยว่ารีสอร์ทแห่งนี้ตั้งโต๊ะกินข้าวไว้ด้านนอกเพื่อรับบรรยากาศ เขาสืบเท้าไปยังเตียงก่อนมันจะยุบลงด้วยน้ำหนักตัว

เชฟหนุ่มแตะเบาๆที่หน้าผากและลำคอของญาณัช

“ตัวยังอุ่นๆอยู่เลย” คิ้วเข้มขมวดมุ่น...ไม่อยากให้อ่อนแอแบบนี้เลย

...สงสัยต้องพาไปออกกำลังกายบ้างแล้ว...

“ไม่เป็นไรหรอก... กินข้าวก่อนนะ นัทเริ่มหิวแล้ว...” เด็กหนุ่มยิ้ม พยายามจะคลายร่องรอยของความกังวลที่อยู่บนใบหน้าของทยุต ร่างบางค่อยๆขยับตัวลงจากเตียง

“กินกันเถอะ”

“ไปนั่งกินข้างนอกแล้วกัน นัทออกไปรอเลย” ร่างสูงคว้าจานชามและถาดออกมาวางเรียงในครัวกะว่าเสร็จเมื่อไหร่ยกเสิร์ฟทีเดียว แต่เพราะเจ้าตัวกวนทั้งสองที่คอยพันแข้งพันขาทำให้ต้องดุไป

“เฮ้ย ลูกชิ้น ไส้กรอก เดี๋ยวดิ เดี๋ยวจัดให้น้องนัทเสร็จจะคลุกให้ เฮ้ย!! อย่ากัดกางเกง”

ชิวาว่าตัวน้อยกัดชายกางเกงขาสั้นจนตัวห้อยต่องแต่งในอากาศ ทยุตอดขำไม่ได้

“ไอ้ตลก”

ญาณัชที่ยังไม่ทันได้ออกไปได้แต่หัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยว่าเชฟหนุ่มที่กำลังง่วนกับการจัดกับข้าว

“พี่ยุตก็คลุกให้ลูกชิ้นกับไส้กรอกก่อนสิ... นัทรอแป๊บเดียวไม่เป็นไรหรอก...” ร่างบางย่อตัวลงนั่งก่อนจะเรียกจอมยุ่งทั้งสองให้มาหา

“หิวแล้วใช่ไหมครับ ลูกชิ้น ไส้กรอก”

“ยังไม่หิวฮับแต่อยากแกล้งพี่ยุตกะน้องนัทก่อน” ทยุตรู้..ว่าผู้ชายตัวโตๆมานั่งดัดเสียงเลียนแบบน้องหมามันไม่เท่เอาซะเลย

...แต่ถ้าได้เห็นรอยยิ้มกว้างกับเสียงหัวเราะแบบนี้...ก็คุ้มอยู่

มือใหญ่ดึงชิวาว่าตัวเล็กด้วยมือเดียว ซึ่งมันก็ตอบสนองด้วยการถีบหน้าเข้าเต็มรัก

“น้องนัทหิวแล้วเหรอฮับ อยากกินลูกชิ้นเนื้อหมาไหมฮับ ลูกชิ้นจะเสียสละตัวเองให้”

“แบ๊ก” ลูกชิ้นที่ยังไม่เป็นลูกชิ้นเห่าห้ามพลางหอบหายใจแฮ่กๆ....มันคงคิดว่าเราประสาท เพราะแม้แต่ตัวเองยังคิดอย่างงั้นเลย

คราวนี้ญาณัชกลั้นหัวเราะไม่ไหว จนต้องต่อว่าคนตัวโตที่ทำเหมือนเป็นเด็กประถมอยู่ในตอนนี้

“พี่ยุต เล่นอะไรแบบนั้น... คลุกข้าวให้เด็กๆเถอะ จะได้ไปกินกัน” เด็กหนุ่มพูดไปหัวเราะไปพวงแก้มเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น

“ไม่งั้นนัทโมโหหิวนะ”

“นัทคลุกสิ” ไม่พูดเปล่า เด็กประถมตัวโตยื่นถุงข้าวกับตับให้ญาณัชหน้าตาเฉย

“คลุกให้ละเอียดแต่ตับต้องเป็นชิ้นเล็กๆนะ เละไปมันไม่กิน” ทยุตเอื้อมมือไปลูบขนเจ้าไส้กรอกบ้าง โกลเด้นขนทองยาวสลวยตอบรับด้วยการกระโจนเข้าใส่ทันที

“นัทรีบเร็ว เดี๋ยวเจ้าพวกนี้จะเห็นพี่เป็นของว่างไว้งับหัวเล่น”

“ก็พี่ยุตชอบแกล้งเด็กๆนี่นา” ถึงจะว่าอย่างนั้น แต่ญาณัชก็รับเอาถุงข้าวกับตับมาเทลงชามข้าวสองใบ แล้วจัดแจงคลุกข้าวให้กับสองยุ่งที่ตอนนี้แข่งกันร้องจนกลัวว่าเสียงจะดังไปรบกวนคนในละแวกเดียวกันขึ้นมา

“เอ้าๆ ลูกชิ้น ไส้กรอก เสร็จแล้วครับ ไม่กวนพี่ยุตแล้วนะครับทั้งสองคน”

“แบ๊ก”

“โฮ่ง”

ทั้งสองคนที่ว่าขานรับก่อนจะวิ่งกรูกันมาหาร่างบางที่ยืนถือชามข้าวไว้

“นั่งดีๆก่อนครับ” คนสั่งเอ่ยไปอมยิ้มไป และรอยยิ้มนั้นยิ่งกว้างขึ้นเมื่อตัวเล็กตัวใหญ่ที่วิ่งซนยอมนั่งนิ่งๆเป็นอย่างดี

“เด็กดีทั้งสองคนเลยนะครับ เอ้า” เด็กหนุ่มวางชามข้าวให้ทั้งสองตัวจอมยุ่งก่อนจะยืดตัวขึ้นมามองหน้าทยุตที่ยืนมองเขาอยู่

“? อะไรเหรอพี่ยุต”

“มันไม่ใช่หมาพี่อ่ะนัท” ทยุตเล่นมุขหน้าเครียด แต่พอเห็นใบหน้าอ่อนๆดูเหวอก็อดยิ้มไม่ได้

“เรียบร้อยเกินไป ว่าง่ายเกินไป แล้วก็น่ารักเกินไปด้วย” ทยุตพูดต่อ คราวนี้เด็กหนุ่มตรงหน้ายิ่งฉีกยิ้มมากขึ้น...มากจนทำให้หัวใจใครคนนึงสั่นไหว

...แย่ที่สุด...

ไม่ใช่แค่หมา...แม้แต่ตัวเขาก็ถูกญาณัชเอาใจไปเสียแล้ว

“นัทยิ้มสวย” ชมออกมาเบาๆแล้วอดไม่ได้ที่จะยกมือสัมผัสรอยยิ้มนั้น...แค่เพียงบางเบาก็ราวถูกกระแสไฟแล่นไปทั้งร่าง

...ชอบ...หรือมากกว่าชอบ...

...หรือมากกว่านั้น...

“... เหรอ” มือเรียวยกขึ้นทัดเรือนผมที่ตกร่วงลงมา รู้สึกถึงบรรยากาศระหว่างเขากับคนตรงหน้าที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่ว่ารู้สึกอึดอัด แต่คำพูดของทยุตกลับทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกๆในอก... เป็นความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย

“มือพี่ยุต... อุ่นดีนะ” จะว่าไป สำหรับญาณัชที่ชอบซุกตัวอยู่กับผ้าห่มหรือกองหมอนแล้ว อุณหภูมิจากร่างกายทยุตถือว่าอุ่นสบายพอดีแบบที่ชอบ... เพราะอย่างนั้นตอนที่ต้องนอนด้วยถึงได้เผลอไปกอดเอาไว้

“....อืม....” ปลายนิ้วสากไล้ตามริมฝีปากสีอ่อนจาง ทยุตนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะก้มตัวลงทาบทับริมฝีปากคู่นั้นอย่างไร้ความลังเล จุมพิตแผ่วเบาคล้ายจะทักทายในตอนแรกแต่เมื่อปลายลิ้นอุ่นจัดได้ไล้เลียกลีบปากบางก็กลับกลายเป็นความอ่อนละมุนอันแฝงความปรารถนาไว้เต็มเปี่ยม

ทยุตโอบร่างบางไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแรง ญาณัชที่อยู่ในอ้อมกอดตัวยังอุ่นจัดแต่กลับนุ่มนวลและอบอุ่น กลิ่นหอมคล้ายเด็กอ่อนนั้นยิ่งทำให้รู้สึกดี

“โกรธหรือเปล่าครับ”

ญาณัชได้แต่กระพริบตามองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ สัมผัสอบอุ่นบนริมฝีปากเมื่อครู่ไม่ได้เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ ทว่าเป็นความตั้งใจของทยุตเอง

“...” เขารู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ แก้มที่ร้อนผ่าวขึ้น แต่ญาณัชกลับนึกหาคำพูดที่จะตอบคำถามนั้นดีๆไม่ได้ นอกจากการส่ายศีรษะช้าๆก่อนจะสบตาทยุตค้างไว้เช่นนั้น ที่ถูกจูบนั้นไม่ได้นึกโกรธหรือรังเกียจหากแต่ขาดไม่ถึงเฉยๆ ญาณัชไม่เคยนึกถึงความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ตอนสมัยเรียนก็ไม่เคยมีเด็กผู้หญิงที่ถูกใจ เวลาว่างส่วนใหญ่ก็ใช้ไปกับพิชญ์ และการเล่นเปียโน

และนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงหัวใจที่เต้นรัวขนาดนี้...

ดวงตาโศกคู่นั้นราวกับมีพลังเร้นลับแฝงอยู่ ทยุตบอกไม่ได้ว่าทำไมแต่พอรู้สึกตัวริมฝีปากของตัวเองก็ทาบทับลงไปอีกครั้ง

...บางที..นี่คงเรียกว่ารัก...

ญาณัชค่อยๆหลับตาลง เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น รับรู้แต่เพียงริมฝีปากร้อนผ่าวที่แนบลงมาเท่านั้น

ทยุตบดเบียดริมฝีปากเข้าช้าๆด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่เคยพานพบกับรสสัมผัสเช่นนี้ ลิ้นอุ่นค่อยๆเลาะเล็มกลีบปากปางให้อ้าออกเล็กน้อยก่อนจะสอดประสานเข้าชิมความหวานล้ำลึก เขารู้สึกถึงแรงสั่นของมือบอบบางเรียวสวยแต่ก็ยังรุกไล่ต่ออย่างอ่อนโยน

จุมพิตครั้งนี้ไม่ได้ต่างกับครั้งไหนๆ....มีเพียงความรู้สึกพิเศษที่แผ่ออกมาโอบล้อมรอบกายเขา

เด็กไม่ประสาที่อาจจะไม่เคยกอดใครแน่นๆนอกจากญาติตนเองคนนี้มีจุดยืนอยู่ในหัวใจเขา..อาจจะตั้งแต่ครั้งเยาวว์วัย แต่ ณ ตอนนี้กลับกลายเป็นฟองฟูนุ่มซึ่งอัดแน่นเต็มเปี่ยม

ทยุตค่อยๆถอนริมฝีปากช้าๆแต่ยังกอดร่างบอบบางเอาไว้ มือใหญ่จับศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมยาวซบลงกับแผ่นอกแข็งแกร่ง

“นัท....รู้สึกเหมือนพี่หรือเปล่า...”

“.......... ไม่รู้สิ” ในตอนนี้ร่างบางกลับไม่อยากมองหน้าทยุตขึ้นมาดื้อๆ จากแก้มที่ร้อนผ่าวในตอนแรกกลายเป็นรับรู้ได้ว่าใบหน้าของตัวเองคงเป็นสีเข้มขึ้นแล้วแน่ๆ ญาณัชจึงได้แต่ซุกใบหน้าเข้ากับอกกว้าง มือสองข้างยึดเอาเสื้อของร่างสูงเอาไว้

“........ พี่ยุต..... รู้สึกยังไงเหรอ”

“..............พี่...อาจจะ...” ทยุตเองก็เขินที่จะพูดมันออกมา มีเพียงแต่สองแขนที่กอดแน่นเท่านั้นที่พอจะส่งผ่านความรู้สึกไปได้

ผู้ชายตัวโตๆมาพูดว่ารักมันน่าดูเสียเมื่อไหร่....

“พี่ถามนัทก่อนนะ ใครใช้ให้มาย้อนถามพี่ครับ” เสเปลี่ยนเรื่องเป็นหาความฝ่ายตรงข้ามพลางลอบยิ้มเมื่อใบหน้าเล็กๆนั้นเงยขึ้นมาขมวดคิ้วใส่

...ดูเอา ขนาดขัดใจยังน่ารักเลย...

ญาณัชหันใบหน้าหนีเมื่อเห็นรอยยิ้มสะท้อนในดวงตาสีสวยที่มองมา

“... ก็นัท... ไม่รู้นี่.............” ริมฝีปากบางขยับพึมพำราวกับพูดให้ตัวเองฟังเพียงคนเดียว

“งั้นพี่ก็ไม่รู้บ้าง” ทยุตปล่อยอ้อมกอดแล้วยกถาดอาหารขึ้นมาถือ เขาเดินนำดุ่มๆไปที่โต๊ะด้านนอกซึ่งติดกับแนวทะเลสีฟ้าครามและหาดทรายสีขาว

“เอาไว้ค่อยๆเรียนรู้ไปด้วยกันนะครับ” ทยุตกระซิบแผ่วเบาให้เพียงเด็กหนุ่มตรงหน้าและผืนทรายรับรู้

“........” ญาณัชเดินตามอีกฝ่ายออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ ร่างบางดึงเก้าอี้ออกมาเล็กน้อยก่อนจะนั่งลง เขามองทยุตที่ค่อยๆตักข้าวใส่จานข้าวให้แล้ววางลงตรงหน้า อาจจะไม่รู้ตัวแต่ว่าสายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่ร่างสูงตรงหน้า ไม่ได้ละไปไหน

“ทานข้าวกันเถอะ” รอยยิ้มพรายผุดบนใบหน้าซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ค่อยแสดงออกเท่าไร ทยุตเองก็รู้ดีว่าเมื่อก่อนเขาเป็นคนยิ้มยากแค่ไหน แต่กับคนๆนี้... การยิ้มของตัวเองคงใช้ไปมากกว่าปีที่แล้วแล้วมั้ง

“กินผักเยอะๆนะครับ จะได้โตไวๆ” ทยุตเย้าเล่นแต่ใบหน้าเล็กนั้นยังคงเหม่อลอย ทยุตลอบยิ้ม...คงคิดถึงเรื่องเมื่อกี้อยู่สินะ น่ารักเป็นบ้า

มื้อเย็นของคนป่วยกับคนชอบแกล้งในวันนั้น กลายเป็นมื้ออาหารมื้อแรกที่ทยุตแทบจะไม่แตะต้องสิ่งที่อยู่บนโต๊ะเลยด้วยเหตุผลที่ว่า....ได้เห็นคนตัวเล็กนั่งเหม่อเคี้ยวตุ้ยๆก็อิ่มเกินพอ






To be continued...




kagehana :

ขอบคุณคนอ่านทุกท่านนะคะ อยากไปเกาะล้านจังงงงง


ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
เบาๆ อุ่นๆ ฟุ้งฟริ้ง น่ารักเชียว

ออฟไลน์ สายลมที่หวังดี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
หวานจนทะเลจืดไปเลย..... พี่ทยุตทำไมไม่บอกว่าชอบน้องเดี๋ยวตีตายเลย :-[

ออฟไลน์ nicedog

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-0
สนุกจังค่ะ

พึ่งเข้ามาอ่าน

บรรยากาศอบอุ่น

เราชอบการบรรยายเป็นภาษาแบบนี้มากอ่า

จะรอตอนต่อไปนะค่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
wow wow wow ถึงขั้นจูบกันแล้ว

ออฟไลน์ Cream A

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ปมของน้องดูท่าจะดราม่า แต่ดีหน่อยที่น้องน่าเอ็นดูบวกกับ

ความอบอุ่นของพี่ยุต เรื่องเลยซอฟลง ดูอบอุ่น ยังไม่เครียดเท่าไหร่

หวังว่าคนเขียนคงไม่ใจร้ายกะน้องนัท จัดมาม่ามาเสริฟ์คนอ่านมากนะค๊าาา

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
พี่ยุตกับน้องนัทน่ารักมาก

อ่านแล้วอุ่นๆในอก ละมุนมาก ชอบบ

ออฟไลน์ pachth

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
เป็นความรักที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นมากค่ะ
ทั้งๆที่เรื่องดูหนักและมีปมดราม่ามากแต่คนเขียนเขียนอ่านง่ายมาก

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

-10-






ยามเมื่อราตรีเข้ามาโอบล้อมท้องฟ้า แสงดาวที่ซ่อนตัวอยู่ใต้แสงก็ค่อยๆเปล่งประกายอวดตัวเอง แสงดาวนั้นสะท้อนกับผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับจับใจดวงตาสีสวยที่จับจ้องจากผืนทราย

ทยุตนั่งอยู่ริมชายหาดโดยมีคนตัวเล็กนั่งเคียงข้าง ร่างนั้นเบียดเข้าน้อยๆแต่ก็ไม่ได้กอดหรือแสดงอาการว่าอยากถูกกอด...ราวกับว่าแค่ขอผิวสัมผัสให้อบอุ่นขึ้นเพียงเท่านั้น

“หนาวเหรอนัท”

“... แค่เย็นๆเฉยๆ” ญาณัชตอบอ้อมแอ้ม ร่างบางขยับกายเล็กน้อยก่อนจะเอนตัวเข้าหาอีกเล็กน้อย

“ทำไมเหรอ”

“เปล่าหรอก” ทยุตพูดเหมือนไม่ใส่ใจแต่มือใหญ่กลับอุ้มร่างเล็กลอยหวือเข้ามาในอ้อมกอด ใช้ร่างกายของตนเองต่างผ้าห่มโอบรอบญาณัชเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาซุกกับเรือนผมอ่อนนุ่มแนบแก้มกับแก้มสีอ่อนจาง

“พี่หนาว” โกหกไปเสียแล้ว ทยุตรู้ดีว่าตัวเองมีอุณหภูมิร่างกายที่อบอุ่นกว่าคนทั่วไป...จะด้วยสายเลือดหรืออะไรก็ตาม

ทยุตกอดญาณัชโดยให้อีกฝ่ายอยู่ตรงกลางระหว่างท่อนขาและลำแขน กอดที่แนบแน่นคล้ายจะบังลมทะเลที่โชยเอื่อยด้วยอากาศยามค่ำคืน

“นัทตัวเย็น”

“เย็นเหรอ? พี่ยุตต่างหากที่ตัวอุ่น” ญาณัชเอ่ยบ้างพลางขยับกายให้ได้รู้สึกแนบชิดกับความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมา

“แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”

“นัทแกล้งพี่เหรอครับ” ร่างเล็กที่บดเบียดเข้าหาทำให้เกิดความรู้สึกที่มากกว่าอบอุ่น หรือจะเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับคำว่า ‘รุ่มร้อน’ เขารู้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าตัวเองเป็นประเภทที่ตัดสินใจอะไรแล้วก็ทำทันที ตั้งแต่คราวรวินที่คบกัน...ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างยังไม่แน่ใจกับความรู้สึกที่ใช่หรือไม่ใช่ก็ตัดสินใจจะลองมีอะไรกัน และผลก็ออกมาในยามเช้าที่หันหน้าเข้าหากันพลางหัวเราะอีกฝ่ายที่เปลือยกายแต่ทำเพียงแค่นอนกอดกันไว้...และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันทันทีหลังจากนั้น

แต่กับญาณัช...เขาค่อนข้างมั่นใจ

“รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรอยู่” กระซิบแหบพร่าใกล้หูนุ่มนวลก่อนจะใช้ริมฝีปากเม้มเบาๆ

“.. อะไรเหรอ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามฟังแผ่วเบา รู้สึกราวกับมีกระแสไฟอ่อนๆวิ่งจากปลายหูที่โดนสัมผัสจนเผลอสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ

ทยุตและเล็มใบหูจนพอใจก่อนที่ริมฝีปากจะลากลงมาสู่ต้นคอขาวซึ่งโผล่พ้นเสื้อตัวหลวม ขณะเดียวกันมือใหญ่ก็สอดเข้าไปในเสื้อกอดรัดลำตัวผอมเพรียว ปลายนิ้วสากลูบไล้เบามือทยุตรั้งร่างบางเข้ามาอีกนิดให้รับรู้ถึงอารมณ์คุกรุ่นเบื้องล่าง

ทยุตรู้สึกว่าญาณัชตัวสั่นนิดๆใบหน้าที่เห็นเพียงด้านข้างแดงก่ำดูน่ารักจนอดจะดึงมาจูบไม่ได้

“มากกว่านี้ไม่ได้สินะครับ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่มือใหญ่ก็แตะมือลงบนกางเกงเนื้อนุ่มของอีกฝ่ายเบาๆ ทยุตลูบมันผ่านเนื้อผ้าอย่างนุ่มนวล

“.... อ...” ร่างบางตกอยู่ในสภาพพูดไม่ออก ถึงจะไม่เคยได้รับสัมผัสแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้เสียเลยทีเดียวว่าทยุตหมายถึงอะไร

คำว่ามากกว่านี้ที่อีกฝ่ายถามนั้นหมายถึงมากแค่ไหนกันญาณัชก็ยังไม่แน่ใจ แต่มือใหญ่ที่กำลังสัมผัสส่วนนั้นของร่างบางก็ดึงเอาความคิดของญาณัชให้สะดุดไป

มือสองข้างกำจนแน่น รู้สึกถึงกระแสไฟที่วิ่งไปทั่วร่างกายก่อให้เกิดความรู้สึกแบบใหม่ขึ้นมา

“นัท......... ไม่รู้......”

“เอนพิงพี่นะ ปล่อยตัวฝากไว้กับพี่” น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบแผ่ว จมูกโด่งคลอเลียอยู่กับแก้มนวลที่ซับสีแดงเรื่อ ทยุตสอดมือเข้าไปใต้กางเกงเนื้อนิ่มก่อนจะใช้ปลายนิ้วหยอกล้อส่วนอ่อนไหวที่อยู่ใต้ชั้นใน

ปลายนิ้วลากช้าๆ เขารู้สึกถึงอาการอึดอัดของญาณัชและอารมณ์พลุ่งพล่านผ่านปลายนิ้ว ทยุตกอบกำเบาๆราวกับจะปลอบใจ

“นัทไหวไหมครับ ให้พี่พอแค่นี้หรือเปล่า...” ร่างสูงลังเลที่จะสอดมือเข้าไปสัมผัสโดยตรง

...ไม่รู้ว่าญาณัชจะพร้อมหรือยังสำหรับสิ่งที่เขาทำอยู่...

ทยุตแคร์ความรู้สึกของญาณัช...เพราะรู้ดีว่าคนๆนี้คือคนสำคัญ

“....พี่ยุต.... อย่าถามแบบนี้...” คำตอบที่หลุดออกมาขาดห้วงด้วยอารมณ์ร้อนที่เริ่มรุกรานเข้ามา

“... นัทบอกว่า.... ไม่รู้ไง....” แม้จะรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย แต่ร่างบางก็รู้สึกได้ถึงร่างกายที่ร้อนผ่าว และความรู้สึกลึกๆที่เกิดขึ้นภายใจจิตใจ... ความรู้สึกที่อยากได้รับสัมผัสที่มากกว่านี้

“เด็กดื้อ...” ทยุตพูดเสียงแผ่วพลางจูงซับเหงื่อที่ซึมตรงไรผม

“บอกกันมาตรงๆสินัท...ถ้านัทไม่ พี่ก็หยุดให้ได้” มือที่รุกรานผละออกราวกับจะแกล้งดึงคำตอบจากริมฝีปากที่เป่าลมหายใจแผ่วให้ได้ ทยุตกอดร่างเล็กไว้แนบอก หากแต่ความดุดันภายในร่างกลับแนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่าง

ทรมาน...แต่ไม่อยากฝืนใจ

“นัท... จะรู้... ได้ไง...” ใบหน้าหวานก้มลงก่อนจะหลับตาแน่น สิ่งที่กำลังจะพูดออกไปคงทำให้อีกฝ่ายหัวเราะน่าดู

“.... ก็...... ไม่เคย................” เขาห่อตัวเข้าหากันอีกปิดบังความอับอายที่ก่อตัวขึ้น

“งั้นไม่เป็นไร...ค่อยๆเป็นๆค่อยๆไปนะครับ” ทยุตอุ้มร่างเล็กให้หันหน้าเข้าหาเพราะอยากจะเห็นใบหน้าที่ก้มงุดด้วยความเขิน มือใหญ่ดึงชั้นในของญาณัชลง ส่วนอ่อนไหวที่ตื่นตัวเพราะแรงเร้าสั่นไหว มือใหญ่กอบกำพร้อมขยับขึ้นลงช้าๆ ในจังหวะที่ญาณัชยังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ท่อนล่างบอบบางก็ถูกเผยต่อสายตาอ่อนโยนทั่วทั้งหมด

“นัทขยับเข้ามาอีกสิ...” ต้นขาขาวที่แนบติดกับสะโพกทยุตก่อให้เกิดพายุโหมกระหน่ำ แต่ชายหนุ่มยังทำตัวสงบนิ่งโลมไล้อีกฝ่ายช้าๆ

“รู้สึกไม่ดีหรือเปล่า?”

“ม... อื๊อ-!?” ญาณัชรีบกัดริมฝีปากเอาไว้ เก็บกลั้นเสียงครางที่น่าอายไม่ให้หลุดรอดออกไป พอถูกจับให้นั่งในสภาพแบบนี้เขายิ่งรู้สึกมากขึ้น มือสองข้างยึดเอาเสื้อของทยุตแน่น กดหน้าผากเข้ากับแผ่นอกกว้างเพื่อซ่อนตัวเองจากนัยน์ตาคมสีสวยคู่นั้น

สุดท้าย เขาก็ตอบคำถามของทยุตด้วยการส่ายศีรษะไปมา

ทยุตยิ้มพราย ชายหนุ่มยอมรับว่าตัวเองคาดหวังว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้

มือใหญ่ค่อยๆปลุกเร้าส่วนอ่อนนุ่มจนมันขยายตัวในมือ เสียงครางผะแผ่วที่เล็ดรอดจากริมฝีปากที่กัดแน่นบ่งบอกชัดเจนว่าคนที่ถูกกระทำรู้สึกดีแค่ไหน ทยุตขยับมือเร็วขึ้นจนสิ่งที่อยู่ในมือมีหยาดน้ำสีใสๆไหลออกมาเล็กน้อย นิ้วสากหนาลากไล้หยดน้ำนั้นไปทั่วส่วนปลาย ชายหนุ่มปลุกเร้าคนในอ้อมกอดหลายต่อหลายครั้ง ญาณัชกระตุกอีกครั้ง ร่างบอบบางที่กอดเขาอยู่เกร็งตัวอย่างน่าสงสารพลางจ้องสบตาด้วยนัยน์ตาสีรัตติกาลซึ่งคลอไปด้วยน้ำตา 

“ทรมานหรือครับ....ถ้างั้นให้พี่ช่วยนะ” ทยุตไม่ฟังคำตอบรับเพราะรู้ว่าญาณัชคงไม่กล้าเอ่ย มือใหญ่ขยับแรงขึ้น...รวดเร็วขึ้น จนในที่สุดหยาดน้ำสีขาวที่ซุกซ่อนอยู่ในอารมณ์ปั่นป่วนก็หลั่งออกมาเต็มฝ่ามือและท่อนขาเพรียว

“ดีไหม? นัทโอเคนะ” ทยุตถาม หากแต่ความปรารถนาที่ยังไม่ได้ดับของตัวเองกลับสร้างความทรมานจนต้องนิ่วหน้า ทยุตเม้มปากแน่นพยายามสะกดกั้น แต่เสียงสัญชาติญาณสั่งให้เปล่งออกไปกลับแหบพร่าเหลือเกิน

“นัท....จะรังเกียจไหม...ถ้าพี่ขอให้นัทช่วยพี่บ้าง...”

ญาณัชเงยหน้ามองด้วยความตกใจ

“.............” เด็กหนุ่มอ้าปากคล้ายจะพูดอะไรแต่กลับไม่มีเสียงลอดออกมา เขากระพริบตามองอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากกว่านั้น ใบหน้าหวานก้มหลบสายตาของทยุตอีกครั้ง

“ไม่ได้เหรอ...” ประโยคสุดท้ายหลุดเสียงครางออกมาแผ่วเบา สิ่งที่เขาขออาจจะมากเกินไปสำหรับคนที่ไม่เคยแม้แต่จะใกล้ชิดใครอย่างลึกซึ้ง

คิ้วคมขมวดแน่น ใบหน้าหล่อเหลาดูบิดเบี้ยวเล็กน้อยแต่กลับดูเร้าอารมณ์อย่างน่าประหลาด ทยุตจับมือญาณัชแน่น..บีบไว้เบาๆ

“ขอโทษนะครับนัท...พี่ทำให้นัทลำบากใจสินะ”

“.... เปล่า..... นะ” ญาณัชรีบตอบเมื่อเห็นสีหน้าของร่างสูง มือเรียวบางที่ถูกกุมเอาไว้ออกแรงบีบมือใหญ่เบาๆ

“แค่.....” เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าเขาจะทำให้เชฟหนุ่มได้อย่างที่ขอหรือไม่ ใบหน้าของเขายังคงก้มลงซุกซ่อนความเขินอายของตัวเอง

“แค่?” ทยุตย้อนถาม อดไม่ได้จะโน้มต้นคอรั้งริมฝีปากแดงเรื่อลงมาจูบอีกครั้ง ความกระหายหิวที่ยังไม่ได้รับการเติมเต็มเรียกร้องให้ทยุตเบียดร่างเล็กเข้ามาอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้น...เดี๋ยวพี่ขอลงทะแล...ก่อนแล้วกัน” น้ำเสียงขาดห้วงเอ่ยเบาราวกับกระซิบ ทยุตหวังจะใช้น้ำทะเลเย็นจัดช่วยบรรเทาอาการรุ่มร้อน

“ขอโทษนะครับที่ฝืนใจ...ทำเรื่องที่นัทไม่ชอบ...” นัยน์ตาสีเทาเขียวเต้นไหวริก...มือสั่นเทาพยายามฝืนไว้ไม่ให้คว้าร่างเล็กมากอด ร่างสูงดันญาณัชออกเบามือ

“นัทจะเข้าบ้านไปล้างตัวก่อนก็ได้...ขอเวลาพี่แป๊บนึง”

แค่รู้สึกว่าจะต้องออกห่างอ้อมกอดอบอุ่นญาณัชก็เอื้อมมือไปยื้อเอาต้นแขนของร่างสูงเอาไว้

“ให้.... นัททำให้.... นะ” มือเรียวบางแตะลงบนหน้าท้องของอีกฝ่าย รับรู้ถึงอุณหภูมิร้อนผ่าวที่ถ่ายทอดมาผ่านเนื้อผ้า

“นัท..ทำได้เหรอ” ไม่ได้มีเจตนาดูถูกแต่เพราะกลัวว่าจะเป็นการฝืนใจ ทยุตจับมือที่แตะลงบนกางเกงของเขาไว้แน่น สบตากับนัยน์ตาโศกที่เปล่งประกายเย้ายวน

“ไม่เป็นไรครับ...พี่ทนได้” สัมผัสของปลายนิ้วยิ่งปลุกเร้าเท่าทวีคูน หากแต่ทยุตยังกัดฟันตอบเจือเสียงครางไปได้

จิตใต้สำนึกสั่งให้ยอมรับ...หากแต่สติยังพอรั้งไว้ได้

“เดี๋ยวนัทมือเลอะนะ เอ้า ลุกก่อน” ทยุตคว้ากางเกงของญาณัชมาคลุมท่อนขาเรียวที่เปรอะเปื้อนลวกๆแล้วจับร่างบางทำท่าจะให้ลุกออกจากตัว

“ไม่เป็นไร......” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบเสียงเบา แม้จะเขินจนไม่อาจสบตาได้ แต่ญาณัชก็คิดอยากที่จะทำให้บ้าง

“.... ให้นัททำนะ...” ร่างบางขืนตัวเอาไว้ ไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ดึงตัวออกห่าง

ทั้งๆที่ปากเอ่ยพูดออกไปอย่างนั้น แต่ก็ชักไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำได้สักแค่ไหนกัน มืออีกข้างเอื้อมมาดึงเชือกที่ผูกขอบเอวกางเกงออกช้าๆ ก่อนที่มือเรียวจะแตะเข้าที่ขอบกางเกงแล้วดึงกางเกงตัวยาวลง

“.... พี่ยุต... ขยับ... นิดนึงได้ไหม” คนถามไม่ยอมสบตา หวังให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าทยุตที่นั่งอยู่แบบนี้ทำให้เขาไม่สามารถดึงกางเกงขายาวให้ลงมาได้พอ

ทยุตขยับตัวตามที่บอก เขาปล่อยให้มือเล็กที่สั่นไหวเป็นฝ่ายจัดการบ้าง ถึงแม้ว่ามือนั้นจะจับสะเปะสะปะไร้ทิศทางเหมือนจะแกล้งเขาก็ตาม

“นัทขยับเข้ามาชิดพี่อีกนิดสิ” ท่อนล่างที่ถูกอีกฝ่าย ‘จัดการ’ ให้ยังคงเร่าร้อนด้วยฤทธิ์มือเล็กนั้น

ท่อนแขนเรียวบางยกขึ้นวางพาดไหล่กว้างหลังจากดึงทั้งกางเกงตัวนอกและตัวในของทยุตลงมาได้ มือข้างที่ว่างนั้นค่อยๆเอื้อมลงไปแตะเบาๆที่แก่นกายร้อนผ่าว ญาณัชค่อยแตะสองสามครั้งก่อนจะตัดสินใจใช้ปลายนิ้วโอบล้อมเอาไว้อย่างกล้าๆกลัวๆ

นัยน์ตาสีเข้มค่อยๆเหลือบมองใบหน้าของทยุต คล้ายกับจะสื่อคำขอโทษไปล่วงหน้าถ้าตัวเองทำให้ไม่ได้เรื่อง ก่อนที่ญาณัชจะเริ่มเลียนแบบวิธีสัมผัสที่ร่างกายของตัวเองจดจำได้จากการกระทำของร่างสูง

มือนิ่มๆที่แตกต่างจากมือหยาบกร้านของเชฟหนุ่มเริ่มขยับขึ้นลงช้าๆ ตามจังหวะลมหายใจของทยุตที่ดูจะถี่ขึ้นเรื่อยๆ

“แบบนี้... ดี... หรือเปล่า...” 

“........ให้คะแนน...แค่พอใช้ได้ครับ...” อดหยอกไม่ได้...จริงอยู่ที่มือนั้นยังดูงุ่มง่ามเชื่องช้าค่อนไปในทางไม่ได้ดั่งใจ แต่พอรู้สึกว่าเป็นมือของญาณัชแล้วก็ทำให้ความร้อนรุ่มเท่าทวีคูน

“ทำแบบพี่เมื่อกี้สิ...” เสียงทุ้มต่ำกระซิบแผ่วข้างใบหู

“ค่อยๆลูบ..ใช้ปลายนิ้วไล้ไปถึงจุดบนสุด....ทำได้ไหมครับ”

“.........” ญาณัชตอบเพียงผงกศีรษะรับก่อนจะทำตามเสียงกระซิบข้างใบหู ปลายนิ้วเรียวไล่ลากสัมผัสตั้งแต่ส่วนโคนขึ้นมาถึงส่วนปลาย กดหัวแม่มือลงย้ำสัมผัสแล้วค่อยทำแบบเดิมทว่าเพิ่มแรงกดลงไปให้มากขึ้น

“....... ได้... ไหม...”

“คนเก่ง...” ทยุตจุมพิตที่แก้มขาวเบาๆ ญาณัชแบบปกติว่าน่ารักแล้วแต่ในยามนี้กลับน่ารักยิ่งกว่า

ทั้งที่เมื่อก่อนเห็นเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดาที่ชอบทำตัวมืดมนแท้ๆ

ความรุ่มร้อนของส่วนที่ถูกเล้าโลมด้วยมือที่ไม่ประสานั้นถูกปลุกให้เพิ่มมากขึ้นตามจังหวะการขยับ ทยุตเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกถึงสิ่งที่อยู่ในร่างกาย...ซึ่งกำลังจะปะทุออกมา

“เอามือ...ออก...เดี๋ยวเลอะ..” หากเป็นคนที่ไม่เคยมาก่อนอาจจะรู้สึกรังเกียจได้ เสียงแหบต่ำจึงเอ่ยเบาๆข้างหู

นัยน์ตาโศกที่สบมองคล้ายกับมีประกายยิ้มอ่อนโยนบางเบา แต่ก็ไม่ได้ทำตามที่ทยุตบอก มือของเขายังคงขยับขึ้นลง แขนที่โอบพาดลาดไหล่ของทยุตรู้สึกได้ถึงแรงเกร็งจากกล้ามเนื้อ อ้อมแขนที่โอบกอดเขาไว้หลวมๆกลับรัดแน่นขึ้น ก่อนที่จะได้รู้อะไร ญาณัชก็รู้สึกถึงของเหลวอุ่นร้อนที่ผ่านเข้าที่มือและไหลลงตามเรียวนิ้ว

ทยุตนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่มือใหญ่จะรีบจับมือที่เลอะแล้วปาดหยาดน้ำในมือนั้นออก

“เลอะหมดเลย...พี่บอกให้เอามือออกแล้วแท้ๆ” น้ำเสียงที่ยังแปร่งหูเปล่งเบาๆ ทยุตดึงร่างบางเข้ามากอดแนบแน่น มือใหญ่แตะที่สะโพกเพรียวก่อนจะค่อยๆเลื่อนลงสู่เบื้องล่าง

นิ้วหยาบกร้านแตะเบาๆตรงด้านหลัง เขารู้สึกถึงร่างเล็กที่เกร็งและสั่นไหวในอ้อมกอด ชายหนุ่มกดเบาๆที่ปากทางที่ไม่มีใครเคยได้แตะต้องพลางลากไล้ปลายนิ้วคล้ายจะนวดให้ผ่อนคลาย

“.....ยังไม่ได้ใช่ไหมครับ?”

ญาณัชหลับตาลงก่อนจะส่ายศีรษะไปมา แขนสองข้างยกขึ้นโอบรอบลำคอหนาก่อนจะเบียดตัวเข้าในอ้อมกอด เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่า ‘ยังไม่ได้’ ของทยุตนั้นหมายถึงอะไร และตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองกำลังเดินไปในทางไหน

...ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้ญาณัชไม่อาจหาคำมาอธิบายได้

“... ไว้ก่อน... ได้... ใช่ไหม”

“.................” จะบอกว่าได้ก็ทรมานตัวเอง แต่หากบอกว่าไม่ได้...ก็อาจจะฝืนใจญาณัช

เชฟหนุ่มเป่าลมหายใจเบาๆก่อนจะเม้มปากแน่นสะกดอารมณ์ตัวเอง....แม้ว่ามือเล็กที่เพิ่งช่วยปลดปล่อยจะไม่ได้บรรเทาใดๆเลยก็ตามและยิ่งไปกว่านั้นกลับปลุกเร้าให้ต้องการมากขึ้นอีก

แต่เพราะต้องการมากกว่าร่างกาย...

“พี่ไม่พูดว่าไม่ได้หรอกครับ...” ชายหนุ่มยิ้มบางเบา มือใหญ่ลูบหลังคล้ายปลอบใจ นัยน์ตาสะท้อนความเป็นห่วงอย่างแจ่มชัด

“เอาไว้ให้นัทพร้อมกว่านี้...พี่จะรอนะ”

ใบหน้าหวานเคลื่อนเข้าหาก่อนจะแตะหน้าผากสัมผัสกัน จ้องมองนัยน์ตาสีเขียวที่ทอประกายท่ามกลางความมืดแล้วหลับตาลงอีกครั้ง

“.... ขอโทษนะ... พี่ยุต....”

“อื้ม” ชายหนุ่มเงยหน้าแตะริมฝีปากบางเบาๆ เขาอุ้มญาณัชลงจากตัวแล้วยื่นกางเกงให้อีกฝ่าย แต่พอแสงไฟกระทบอย่างชัดเจนดวงตาก็เห็นรอยแผลบนตัวเข่าที่มีเลือดซึมเป็นทางยาว

“นัทโดนอะไรน่ะ” ชายหนุ่มก้มตัวลงดูหัวเข่า แม้จะไม่ลึกมากแต่ก็ท่าทางจะเจ็บน่าดู

“.........” คล้ายกับคนโดนทักจะเพิ่งนึกได้ ใบหน้าหวานก้มลงมองตามก่อนจะเอ่ยต่อ

“เศษหอยละมั้ง.....” ญาณัชตอบเรียบๆ ก่อนหน้านี้ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ พอถูกทักแล้วถึงได้รู้สึกแสบขึ้นมานิดๆ

ทยุตรีบร้อนดึงกางเกงของตนขึ้นมาผูกเชือก มือใหญ่จับปลายเท้าก่อนจะเลื่อนตัวให้หัวเข่าญาณัชวางอยู่บนตัวตัวเอง ปลายนิ้วปัดทรายที่ติดอยู่ออกอย่างเบามือ

“เจ็บไหม” ทยุตใช้เสื้อตัวเองซับให้เบามือ และไม่รอคำตอบ เขาอุ้มร่างบางที่ยังเปล่าเปลือยไว้แนบอกแล้วลุกขึ้นยืน กางเกงตัวนุ่มของญาณัชถูกเอามาปิดรอบสะโพกเพรียว

“เข้าบ้านไปทำแผลก่อนนะ”

“........ อืม” แม้จะอยากบอกว่าไม่เป็นไร แต่เขาก็เก็บคำนั้นเอาไว้ ญาณัชชินกับการมีแผลถูกบาดแล้วด้วยซ้ำ แขนสองข้างโอบรอบลำคอทยุตไว้เป็นที่ยึด ในอกรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

ร่างสูงอุ้มคนสำคัญของตัวเองแล้วค่อยๆรีบร้อนเดินกลับเข้าบ้านพัก สองหมาที่หลับอยู่พอได้ยินเสียงเปิดประตูก็เห่ากันขรม

“จุ๊ๆ ชี่— เงียบๆหน่อยดึกแล้ว” ทยุตพูดแล้วหันไปวางญาณัชไว้บนเตียงก่อนจะหันไปสั่งเจ้าตัวโต

“ไส้กรอกเฝ้าไว้ด้วย อย่าให้ลุกเดินนะ”

“โฮ่ง”

ทยุตเดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วรองน้ำใส่อ่างพลาสติกที่บ้านพักจัดไว้ให้ พอเต็มแล้วก็ถือมันออกมาวางไว้ตรงปลายเท้า เชฟหนุ่มนั่งลงกับพื้นแล้วสำรวจปลายเท้าทั้งคู่

“ที่เท้าไม่มีใช่ไหม....งั้นเดี๋ยวพี่ล้างทรายก่อนนะ นัทเอาผ้ากดเข่าไว้” เชฟหนุ่มยื่นผ้าให้แล้วจับเท้าเรียวทั้งสองข้างจุ่มในน้ำแล้ววักน้ำลูบให้เบาๆ

“ไม่มีมั้ง....” เด็กหนุ่มก้มลงมองแผลของตัวเองที่หัวเข่าก่อนจะรับผ้ามากดเอาไว้

“แผลยาวเหมือนกันนะ.....” เขาพึมพำออกมาเบาๆเหมือนพูดกับตัวเอง

“ตั้งใจกดหน่อยสิ...” ทยุตเงยหน้าขึ้น เขาเช็ดมือเปียกๆกับเสื้อแล้วคว้ามากด หากเป็นรวินป่านนี้ได้มีโวยวายบ้านแตกไปแล้วแถมอาจจะบ่นซ้ำด้วยว่าทำไมไม่บอกก่อนว่ามีหอยอยู่ตรงนั้น

แต่ญาณัชเงียบ...และเฉยเกินไป

“นัทกำลังคิดอะไรอยู่หรือเปล่า ทำไมไม่ดูแลตัวเอง”

“.... เปล่า” ใบหน้าหวานก้มลงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบา

“นัท... ชินแล้ว... นิดเดียวเองพี่ยุต” เพราะที่ข้อมือของตัวเองก็มีหลักฐานยืนยันคำว่า ‘ชินแล้ว’ เป็นอย่างดี เทียบกับแผลที่ถูกกรีดบนข้อมือแล้ว ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมันต่างกัน

“ยื่นมือมา” ทยุตรอใหม้มือเล็กที่ยื่นออกมาตรงหน้าอย่างงงๆอยู่นิ่ง ปลายนิ้วสากไล้ตามแผลเป็นบนข้อมือเรียวก่อนจะเงื้อมือขึ้นแล้วตีลงตรงฝ่ามือด้วยแรงที่ไม่มากนัก...แต่ก็ทำให้คิ้วของคนตรงหน้าขมวดมุ่น

“เจ็บนัทก็ต้องพูด ไม่ไหวนัทก็ต้องบอก...พี่เคยบอกรึเปล่าว่าคนที่ไม่รักตัวเองไม่มีวันรักใครได้ พี่ไม่อยากให้นัทเป็นอย่างนั้น”

ทยุตบีบมือที่เขาเพิ่งตีเมื่อสักครูเบาๆแล้วเอามาแนบแก้มตัวเอง

“นัทห้ามชินกับแผลไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ห้ามเย็นชากับตัวเอง ห้ามคิดว่าไม่เป็นไร” ร่างสูงยืดสุดตัวแล้วคว้าคนที่เปราะบางเข้ามากอด

“นัทยังมีพี่นะครับ....”

หยาดน้ำตาไหลลงซึมเข้ากับเสื้อของคนที่โอบกอดตัวเองไว้

“ขอบคุณนะ... พี่ยุต....” ญาณัชเอ่ยเสียงสั่นเครือแล้วซุกใบหน้าเข้ากับแผ่นอกกว้างอีกครั้ง

ท่อนแขนแข็งแรงโอบรอบศีรษะ มือใหญ่ลูบเส้นผมยาวช้าๆ น้ำตาอุ่นๆที่ชื้นบนอกเสื้อทำให้กระทั่งกางเขนที่เป็นของต่างหน้าพ่อยังอุ่นตาม แต่ทว่ามันเป็นความอุ่น...ที่อบอุ่นเหลือเกิน

“ไม่มีพลาสเตอร์ แค่ล้างก็พอเนอะ”

“........ อื้ม” เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดวงตาสีสวย มือข้างที่ว่างยกขึ้นเช็ดน้ำตาออก

“พี่ยุตดีกับนัทจัง....”

“ถ้าไม่ดีกับนัทจะดีกับใครล่ะ” ทยุตยิ้มพลางช่วยคนตัวเล็กซับน้ำตาด้วยริมฝีปาก

“ไม่รู้สิ... นัทจะรู้ได้ยังไง... พี่ยุตรู้จักคนเยอะแยะ”

“หวงพี่เหรอ” นัยน์ตาสีสวยเป็นประกายรับกับรอยยิ้ม ทยุตแตะจูบบนเปลือกตาสั่นไหวก่อนจะไล่ลงมายังริมฝีปากสีสวย จากจูบแผ่วเบาค่อยๆเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อน เขาดูดกลืนความหอมหวานเชื่องช้า..เนิบนาบ

พอริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ คนที่เคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบหอมหวานได้แต่เอ่ยตอบปฏิเสธเบาๆ

“ไม่ได้หวง...”

“.......ตอบแบบไม่กลัวพี่เสียใจเลยนะ....” ทยุตพูดยิ้มๆแล้วยืดตัวขึ้นยืน “นัทไปอาบน้ำอีกทีเนอะ ตัวเหนียวหมดแล้ว”

เชฟหนุ่มถือวิสาสะอีกครั้งด้วยการถอดเสื้อและกางเกงให้ก่อนจะอุ้มเข้าในอ้อมกอด

“นัทตัวเบ๊าเบา”

“!!?? นัทอาบเองได้พี่ยุต!! ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ” คราวนี้คนถูกอุ้มถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเดาได้ว่าร่างสูงต้องการจะทำอะไร แขนผอมบางสองข้างดันทยุตเอาไว้ก่อนที่คิ้วเรียวจะขมวดหากัน

“ขาเจ็บอยู่นี่” ทยุตอุ้มญาณัชเข้าไปในห้องน้ำ มือใหญ่เปิดรองน้ำในอ่างและฉวยฝักบัวที่ปรับอุณหภูมิแล้วมาล้างลำตัวที่เปรอะเปื้อน ทยุตปล่อยญาณัชลงแล้วจัดการถอดเสื้อตัวเองบ้าง

“สัญญาครับ...ว่าแค่อาบให้เฉยๆ”

“........” พอได้ยินสิ่งที่ทยุตพูดออกมา ร่างบางก็หลบสายตามองไปทางอื่น

“... ก็... มันเหมือนเด็กๆเลย... นี่....” ถึงจะเอ่ยตอบอ้อมแอ้มไปแบบนั้น แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงใบหน้าที่ร้อนขึ้นอีกครั้ง

“ไม่เห็นเป็นไรเลย” ทยุตปล่อยให้สายน้ำชำระร่างเพรียวครู่หนึ่งก่อนจะกดครีมอาบน้ำเทใส่มือเล็ก

“ถูเองนะ...เดี๋ยวผิดสัญญา” พูดแล้วก็หันหลังกลับไปปิดก็อกน้ำที่เปิดจนได้ระดับ มือใหญ่วัดอุณหภูมิแล้วพยักหน้าพอใจ

“.............. เห็นไหม... ก็อาบเองได้...” ญาณัชบ่นอุบอิบอยู่คนเดียวก่อนจะใช้มืออีกข้างถูครีมอาบน้ำจนเกิดฟองแล้วลูบไล้ไปตามผิวกาย

“.... ลืมที่มัดผมอีกแล้ว...” เด็กหนุ่มยังคงบ่นกับตัวเองพลางย่อตัวลงแล้วค่อยๆเลี่ยงที่จะให้สบู่สัมผัสกับปากแผล

“นัทแกล้งพี่อีกแล้ว” ทยุตยิ้มพราย แม้ว่าร่างกายจะดูเด็กกว่าอายุแต่พอเส้นผมยาวๆโดนสายน้ำจนติดแนบลำตัวก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นภาพที่เซ็กซี่....และรบกวนอารมณ์ไม่ใช่น้อย

“สระผมด้วยเลยสิ แต่สระตอนนี้จะเป็นหวัดไหมนะ...”

“... ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งสระไป...” แปลง่ายๆว่าเขาไม่อยากสระผมอีกครั้งในวันเดียวกันแน่ๆ

“ยืมยางมัดผมของพี่ยุตก่อนได้ไหม”

ทยุตไม่ตอบหากแต่มือใหญ่กลับดึงยางมัดผมให้หลุดออกแล้วก้าวเข้าประชิดตัว “พี่มัดให้นะ”

ปลายนิ้วหยาบสางเส้นผมนุ่มละมุนที่เปียกชื้นช้าๆก่อนจะค่อยๆรวบยกขึ้นสูงมันเป็นมวยใหญ่ไว้กลางศีรษะ

“น่ารักดี...เหมือนกุมารทองเลย” เชฟหนุ่มลูบที่หลังคอขาวผ่องก่อนจะก้มลงหาอย่างห้ามไม่ไหว ริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับบนผิวเย็นเฉียบเพราะสายน้ำ ทยุตทำให้มันอุ่นขึ้นด้วยการขบเม้มเบาๆจนเกิดรอยแดง

“หือ? ยังไงเหรอ” เขาหันหากระจกมองก่อนจะเบ้ปากออกมาเล็กน้อย

“เหมือนที่พวกเด็กผู้หญิงชอบทำต่างหาก...”

ร่างสูงชะงักไปครู่หนึ่ง...นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักกระทั่งคิสมาร์ก....

แต่เพราะเป็นอย่างนี้เขาถึงได้รู้สึกอยากจะรักให้มากขึ้นทุกที..ทุกที อยากจะสวมกอดร่างบางนี้ไว้แนบอกและกอดรัดอย่างเร่าร้อน

...แต่ที่ทำได้ตอนนี้...คือเอาเด็กออกจากน้ำก่อนที่จะป่วยไป...

“นัทรีบอาบเหอะ ป่วยขึ้นมาอีกงดเที่ยวแพ็คใส่กระเป๋ากลับบ้านทั้งคนทั้งหมาเลย”

ทยุตอมยิ้มเมื่อคนตัวเล็กพยายามเร่งรีบอาบด้วยความที่อยากเที่ยวต่อ ร่างเพรียวที่เปิดเปลือยให้เห็นทุกสิ่งวิ่งลนไปมาใต้สายน้ำราวกับเด็กตัวน้อย

...เอาเหอะ...ไว้ให้โตกว่านี้อีกนิดแล้วกัน....

 






To Be Continued....




kagehana : โตไวๆนะเด็กน้อย ขอบคุณคนอ่านทุกท่านทั้งหน้าใหม่และคนเดิมนะคะ

ออฟไลน์ penneeamoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ สายลมที่หวังดี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
เอิ่มจะรอเด็กน้อยพร้อมนะ หวานจริงสองคนนี้ :กอด1:

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ว้ายๆ พี่ยุตสอนอะไรน้องเนี่ย  :hao7:

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
เขินอ่าาาาาาาาาาาาา~

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
โอ๊ยย น่ารักอ้ะ! เขินแทน

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
อ่านรวดเดียวจบ น้องนัทพี่ยุตน่ารักมากกกกกกกกก  :กอด1:

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
 :m1: หวานหยดเลย
พี่ยุต ผู้ชายอบอุ่น โอยย หลงพี่ยุต  :-[

ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
อยากอ่านพี่ยุตต่อ มาต่อเร็วๆ นะคะ
ชอบจังเรื่องอบอุ่นๆ แบบนี้ อ่านแล้วเราก็รู้สึกอบอุ่นไปด้วย

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
พี่ยุตหลงเด็กซะแล้ว

ออฟไลน์ Cream A

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
พี่ยุตยังอบอุ่นเหมือนเดิม น้องนัทพอเริ่มมีใจก็น่ารักน่าชังเชียว  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
มารอ พี่ยุตน้องนัท ไส้กรอกลูกชิ้นด้วย  :mew1:

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1


-11-






"เป็นห่วงปันจัง..." จู่ๆญาณัชก็พูดขึ้นมาขณะที่นั่งอยู่ริมเตียงก่อนจะเอนกายลงนอน มือสองข้างเลิกเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเอาไว้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่อยู่ดีๆก็กลับนึกถึง 'ปัณวิทย์' เด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าผู้เป็นลูกชายชู้ของเพ็ญแข

"พี่ยุตจำได้หรือเปล่า?"

"...อืม....." ชายนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง ความทรงจำเลือนลางบอกเขาเพียงว่าอีกฝ่ายเป็นลูกคนเล็กของเพ็ญแข ....เด็กม.5ที่มักจะไม่ค่อยออกมาสังสรรค์กับใคร

"ก็พอจำได้อยู่หรอกนะ แล้วนัทเป็นห่วงเขาเรื่องอะไรเหรอ"

"ก็... ปันเขาไม่ค่อยมีใครสนใจ... เพราะเป็นลูกชู้ของป้าเพ็ญน่ะ... ตอนอาพีทยังอยู่... อาพีทจะซื้อขนมไปฝากบ่อยๆ... พออาพีทไม่อยู่ก็เลยคุยกับนัทบ้าง... กลัวจะเหงาเฉยๆ..." เด็กหนุ่มเอ่ยเล่าคร่าวๆก่อนจะพูดต่อ

"นัท.... ก็อยู่คนเดียวเหมือนปันเขานั่นแหละ"

ทยุตดึงร่างเล็กเข้ามากอดแนบอกก่อนจะใช้มือลูบศีรษะเบาๆ เมื่อก่อนคนในบ้านนั้นจะเป็นเช่นไรเขาไม่เคยสนใจ... แต่พอตอนนี้ ยิ่งได้ยินเรื่องราวต่างๆก็นึกโกรธคนในบ้านจนแทบไม่ไหว ทั้งแรงกดดัน การรักษาหน้าด้วยวิธีบ้าๆ และการไม่ยอมรับตัวตนที่แท้จริงทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะบิดเบี้ยวไปเสียทั้งหมด

"ไม่เป็นไร ตอนนี้นัทไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว" กระซิบแผ่วแต่หนักแน่น เช่นเดียวกับอ้อมแขนที่มั่นคง

"นัทมีพี่นะครับ"

"อื้อ..." ญาณัชรับคำเบาๆพลางขยับกายเข้าหาความอบอุ่น ความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับทยุตนั้นมีมากกว่าแค่พี่น้องที่สนิทกัน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าดูแลอย่างเคย... ทำให้ไม่แน่ใจว่าควรจะเรียกว่าอะไรดี-- รัก... จะใช่แล้วหรือ...?

"แต่ปันไม่มีใคร...... เด็กคนนั้นอยู่คนเดียวมาตลอดเลยนะ..."

"นัทขี้เป็นห่วงจัง...ไม่แน่หรอกนะ เขาอาจจะมีแฟนแล้วก็ได้ ตอนนี้เขาอาจจะมีความสุขกับคนที่รักอยู่ก็ได้นี่นา" ทยุตลูบตามลำแขนเพรียวเบาๆก่อนจะยิ้มให้

"นัทสนิทกับปันเหรอ"

"ก็เปล่า แต่อาพีทไปพยายามสนิทด้วยน่ะ.... ปันอยู่แค่ม.5เอง... จะมีแฟนแล้ว........... อืม... ก็จริงเนอะ ปันหน้าตาแบบที่พวกเด็กผู้หญิงสมัยนี้เขาชอบกันนี่นะ"

"คิดมากอะไรอีกแล้วครับ" ท่าทางการพูดกับตัวเองแบบพึมพำๆที่ญาณัชชอบทำโดยไม่รู้ตัวยิ่งส่งให้เขาเอ็นดูคนตัวเล็กในอ้อมกอดมากขึ้น

ทยุตขโมยจูบเบาๆที่ริมฝีปากบาง...เรียกร้องให้อีกฝ่ายหันกลับมาสนใจตัวเอง

"นัทน่ารัก....."

".... พูดอะไรก็ไม่รู้..." คนถูกขโมยจูบได้แต่ส่งเสียงงึมงำเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปจับเอามือของทยุตเอาไว้

"มือพี่ยุตใหญ่... เหมือนมือคุณธัชเลย..." ญาณัชพึมพำออกมา มือสองข้างจับเอามือของทยุตข้างที่ว่างขึ้นมาเล่นพลางนึกไปถึงคนที่เคยพบหน้าในอดีต

"อุ่นเหมือนกันด้วย"

"คุณธัช?" ชื่อของคนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนกระตุกหัวใจจนอดจะจับมือเรียวแน่นขึ้นไม่ได้ ทยุตหันหน้าไปมองเด็กหนุ่มที่นอนแนบชิดอยู่ข้างๆก่อนจะโอบรัดแน่นขึ้นซะดื้อๆ

"ใครเหรอ..คุณธัชของนัทน่ะ"

เด็กหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ "ไม่ใช่ของนัท... ของอาพีทต่างหาก คุณธัชเป็นแฟนอาพีทน่ะ" ญาณัชซุกใบหน้าเข้าชิดกว่าเดิม

"อาพีท..เป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอครับ" เท่าที่จำได้แม่เขาเคยเล่าว่าอย่างนั้น แล้วชื่อคุณธัชกับมือที่ใหญ่เท่าๆตัวเขาก็ไม่มีทางเป็นผู้หญิงไปได้

"หรือว่าพวกเขา...เป็นเหมือนเรา?"

"... อื้ม... อาพีทก็เป็นผู้ชาย ทำไมเหรอ" เด็กหนุ่มกระพริบตามองคนถามด้วยความแปลกใจ

"เปล่าหรอก" มิน่าล่ะ..ถึงไม่ได้แปลกใจสักนิดเรื่องผู้ชายกับผู้ชายจะรักกันได้ ไม่เหมือนรายรวิน...เจ้านั่นซักไซ้ไล่ถามจนต้องอธิบายซ้ำแล้วซ้ำอีกกว่าจะเข้าใจว่า 'อ๋อ ก็เหมือนผู้ชายผู้หญิงใช่ไหมพี่ รักแบบอย่างงั้นเลยเนอะ โหย เจ๋งอะ'

"ถ้าอาพีทรู้จักพี่เขาจะชอบไหมนะ... มาแย่งหลานรักเขาไปเนี่ย" ทยุตหอมแก้มเนียนที่ทาแป้งเด็กจนหอมกรุ่นพลางไล่เล็มไปยังริมฝีปากสีอ่อน

"อาพีทต้องหวงนัทมากๆแน่เลย ใช่ไหมครับ"

"หวงไหมเหรอ... ก็คงหวงมั้ง...." นัยน์ตาคู่สวยปิดลงยามรับสัมผัสแผ่วเบาบนริมฝีปาก

"ถ้าอาพีทยังอยู่... อาพีทต้องชอบพี่ยุตแน่ๆ พี่ยุตทำบร็อคโคลี่ผัดกุ้งอร่อยที่สุดเลยนี่นา...." น่าแปลกที่ตอนนี้ญาณัชกลับไม่รู้สึกถึงความโดดเดี่ยวที่เกาะกินหัวใจยามนึกถึงผู้เป็นอาที่ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว ราวกับว่าเด็กหนุ่มกำลังก้าวข้ามความรู้สึกนั้นไปได้

"แต่พี่ก็ทำกะหล่ำผัดแฮมอร่อยนะ ของโปรดของนัทน่ะ" ทยุตพูดเบาๆ... เขาไม่แน่ใจหรอกว่าแค่เรื่องทำบร็อคโคลี่ผัดกุ้งจะทำให้อาของเด็กหนุ่มชอบได้... เพราะหลานทั้งคนกับผัดผักธรรมดา ดูก็รู้ว่าค่าความสำคัญมันเบนไปทางไหนมากกว่ากัน

"นัทมีของชอบอย่างอื่นนอกจากกะหล่ำผัดแฮมไหม...." มือใหญ่จับข้อมือที่มีแต่รอยแผล เขาไล้ปลายนิ้วเบาๆราวกับมันจะแตกหักแล้วค่อยๆบรรจงจูบช้าๆ แนบริมฝีปากลงไปในแต่ละบาดแผล

"อืม.... นัทก็ชอบหลายอย่างนะ... กะหล่ำต้มหมูสับ ทงคัตสึกับกะหล่ำซอยก็ชอบนะ" คนตัวเล็กกว่าขดตัวเข้าหาอีกเล็กน้อยราวกับจะออดอ้อน

"......แล้วพี่ล่ะครับ....." ลำแขนแข็งรองกอดคนที่ซุกตัวมาเหมือนลูกแมว เขาจำได้ว่ารวินก็ชอบทำแบบนี้ ชอบซุกตัวเข้าหาแล้วกอดเขาไว้แน่นๆเอาใบหน้าถูเบาๆจนหลับไปทั้งอย่างงั้น

...แต่ด้านความรู้สึกมันต่างกันโดยสิ้นเชิง...

หากเป็นรวิน เขาสามารถกอดตอบหรือแกล้งได้อย่างบริสุทธิ์ใจ แต่ถ้าเป็นญาณัช...เขากลับมีความต้องการอยากจะโอบกอดร่างบางไว้อย่างนี้..ยึดไว้เป็นของตัวเองเพียงคนเดียว

"พี่รวมอยู่ในของที่นัทชอบ...หรือเปล่า"

ญาณัชหัวเราะออกมาอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง

"พี่ยุตไม่ใช่ของกินซะหน่อย... แต่นัทก็ชอบนะ" ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนออกมา

"ชอบแบบไหนครับ...ถ้าชอบแบบชอบไส้กรอกหรือลูกชิ้นพี่ไม่ยอมนะ" ทยุตแกล้งซุกปลายคางเข้ากลางศีรษะเล็กแล้วถูไถไปมา ร่างเล็กในอ้อมกอดดิ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังถูกกอดไว้แน่นอยู่ดี

"หืม...ว่าไงครับ...อย่าแกล้งทำหลับนะ"

"อืม..... ก็ชอบแบบชอบพี่ยุตไง" อ้อมกอดที่อบอุ่นเริ่มทำให้รู้สึกง่วงขึ้นมา มือเล็กยึดเอาเสื้อนอนของทยุตเอาไว้

ทยุตส่ายหัวแล้วยิ้มจางๆ เริ่มรู้สึกงี่เง่าที่ตัวเองคาดคั้นจะเอาความชอบแบบพิเศษจากเด็กที่กำลังง่วงตรงหน้า มือใหญ่ลูบหลังเบาๆ นัยน์ตาโศกคู่สวยค่อยหรี่ลง ญาณัชซุกตัวเข้าหาแล้วค่อยๆหลับไปในอ้อมอก

ทยุตมองคนที่หลับไปแล้วด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมกับกดจุมพิตบางเบาไว้บนริมฝีปากบาง...ร่ายเวทมนต์ให้หลับฝันดี

////////////////////////////////////////////

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในยามที่แสงอาทิตย์ยังไม่จับขอบฟ้าดี ทยุตสะดุ้งตื่นจนญาณัชที่หลับอยู่พลอยตื่นไปด้วย เสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้เป็นพิเศษสำหรับรวินแผดดังในห้องเงียบสงบ ทยุตนึกแปลกใจที่อีกฝ่ายโทรมาในเวลานี้

"แป๊บนึงนะนัท วินโทรมา" ทยุตยกศีรษะกลมที่ยุ่งนิดๆให้วางบนหมอนแล้วลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์มาตอบ

"ว่าไงวิน...โทรมาแต่เช้าเชียวนะเรา" น้ำเสียงที่อ่อนโยนไร้ความหงุดหงิดพูดเบาๆ

“พี่ต้น...” น้ำเสียงที่มักจะร่าเริงฟังสั่นไหวคล้ายจะร้องไห้

“... วินอยู่ที่แอร์พอร์ท... เดี๋ยว... ไปหา.... ที่บ้าน..... นะ”

"วิน เป็นอะไรไป" ทยุตถามด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน ลองถ้าทำเสียงแบบนี้แล้วเรียกพี่ต้นที่เป็นชื่อเล่นจริงๆของเขา คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ ทยุตกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะถามต่อด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"พี่ยังอยู่ที่เกาะล้าน แต่เดี๋ยวจะกลับเลย วินหาร้านกาแฟนั่งก่อนได้ไหม ที่บ้านไม่มีใครอยู่... พี่ไม่อยากให้วินไปรอคนเดียว" โทรศัพท์ที่ได้ยินแต่เสียงขาดห้วงไม่ได้ทำให้เชฟหนุ่มคลายใจเลย

"วิน... อย่าเพิ่งร้องไห้นะ รอพี่ไปหาก่อน.... นะ... เด็กดี.."

"...." ญาณัชค่อยๆยันตัวลุกขึ้นจากเตียงนุ่ม นัยน์ตาโศกคู่สวยเหลือบมองคนที่ดูร้อนรน ใบหน้าของทยุตดูเคร่งเครียดขึ้นมาจนเขารู้สึกแปลกๆในอก

"เดี๋ยวนัทไปเก็บของนะ..." คล้ายกับว่าเด็กหนุ่มรู้หน้าที่ของตัวเองดี จากบทสนทนาที่ได้ยินแปลว่าคงมีเรื่องอะไรสักอย่าง ถึงแม้จะรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่ต้องกลับแล้ว แต่เขาก็ไม่ใช่เด็กๆที่จะงอแงในเรื่องไม่เป็นเรื่อง

ไว้วันหลังค่อยมาด้วยกันอีกก็ได้... ร่างบางคิดกับตัวเองเช่นนั้น

/////////////////////////////////////////

ระหว่างทางกลับบ้าน ญาณัชลอบสังเกตร่างสูงที่อยู่ด้วยกัน ทยุตที่คอยพูดนู่นนี่กลับดูขรึมลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งตอนที่มีข้อความเข้ามาจากรวินอีกครั้ง ชายหนุ่มยิ่งดูร้อนรนยิ่งขึ้น

ทยุตกดมือถือจะส่งข้อความกลับ แต่ก็ตัดมันทิ้งไปเพราะกลัวว่ายิ่งเป็นห่วงเดี๋ยวรวินจะเกิดอาการเศร้าเข้าไปอีก  สายฝนเม็ดโตที่ตกลงเป็นสายในระหว่างทางกลับบ้านทำให้ใบหน้าขรึมยิ่งเคร่งเข้าไปใหญ่ เขาเร่งคนขับให้ขับเร็วขึ้นฝ่าสายฝนที่โปรยปรายผิดฤดู

ทันทีที่รถจอดสนิทและจ่ายเงินเรียบร้อยทยุตก็ทิ้งสัมภาระไว้กับพื้น เขาเดินเข้าไปหาร่างเล็กๆที่นั่งซบหน้ากับเข่าหลบฝนอยู่ตรงหน้าบ้าน

รวินเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาบอบช้ำจวนเจียนจะร้องไห้เต็มทีก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ ".........พี่ต้น....."

ทยุตดึงร่างเล็กเข้ามาสวมกอดทันที สายฝนที่โปรยปรายจนเย็นฉ่ำมิได้ดับความร้อนภายในใจได้เลย เชฟหนุ่มลูบศีรษะกลมมนที่เปียกลู่เบาๆ

"ใครทำอะไรมาเหรอวิน..."

"... เอริค..." เอ่ยพูดได้เพียงเท่านี้น้ำตาก็ไหลออกมา มือสองข้างเอื้อมกอดแผ่นหลังกว้างไว้แน่นพลางซุกใบหน้าเข้าหาคนที่คุ้นเคย

"... จะเลิก... วิน... ไม่เอาแล้ว"

ญาณัชยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกๆอีกครา เขารีบหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายไหล่แล้วมองไปที่ทยุต คล้ายกับจะบอกว่าให้เข้าไปในบ้านก่อน แม้จะสวมหมวกอยู่ แต่สายฝนที่ตกกระทบผิวกายก็เริ่มทำให้รู้สึกเย็นขึ้นมาแล้ว

ทยุตพยักหน้าเบาๆ เขาโอบไหล่บางซึ่งสั่นไหวแล้วพาเดินช้าๆ รวินยังคงกอดแน่นและร้องไห้อย่างหมดเรี่ยวแรง

"วิน... เข้าบ้านก่อนนะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปคุยกันในห้อง"

ทยุตเปิดประตูบ้านแล้วพาทั้งตัวเองและรวินเข้าห้องอาบน้ำ เชฟหนุ่มไม่พูดไม่จาถอดเสื้อผ้าทั้งของตัวเองและรวินพลางเปิดน้ำร้อนไล่รดร่างที่สั่นไหวด้วยความหนาวอย่างรวดเร็ว เขาคว้าผ้าขนหนูมาห่อตัวคนสนิทและเสื้อคลุมอาบน้ำสำหรับตัวเอง ก่อนจะพากันเดินไปยังห้องนอน

ร่างสูงหันมามองญาณัชที่ตัวเปียกชุ่มไม่แพ้กันแว่บหนึ่ง

"นัทอาบน้ำก่อนนะ...เดี๋ยวพี่ไปส่ง"

ร่างบางตอบรับด้วยการพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

//////////////////////////////////////

หลังจากอาบน้ำสระผมให้ร่างกายรู้สึกอบอุ่น ร่างบางนั่งลงกับโซฟาตัวยาวก่อนจะหันมองไปทางประตูห้องนอนที่ยังปิดสนิท ทั้งไส้กรอกและลูกชิ้นนั้นนั่งรออยู่หน้าห้องนั้นอย่างเงียบๆราวกับรู้ถึงบรรยากาศที่แปลกไป นัยน์ตาสีดำเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนังแล้วก็ถอนหายใจออกมา ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทยุตที่บอกว่าจะไปส่ง ก็ยังไม่ออกมาจากห้องนอนเสียที
เสียงฝนตกจากด้านนอกนั้นดังสะท้อนอยู่ในหูท่ามกลางความเงียบสงบนี้ ความโดดเดี่ยวที่คิดว่าหายไปแล้วเริ่มเข้ามาเกาะกินจิตใจอีกครา รู้สึกโหยหาอ้อมกอดอบอุ่นของทยุตขึ้นมาจนต้องยกแขนขึ้นกอดเข่าตัวเองเอาไว้

สุดท้าย... นัยน์ตาโศกคู่สวยก็ค่อยๆปิดลง ปล่อยตัวเองให้จมสู่ห้วงนิทรา

 
////////////////////////////////////

ญาณัชค่อยๆกระพริบตาช้าๆ ก่อนจะเหลือบตาไปมองที่นาฬิกาบนฝาผนัง ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว ทว่ารอบกายก็ยังปกคลุมไปด้วยความเงียบ เด็กหนุ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ไร้สาเหตุแล่นเข้ามาตรงอกจนต้องหลับตาลง
จะให้ไปเคาะประตูเรียกก็คงไม่ดี...

"... เดี๋ยวจะไปส่ง......" ญาณัชพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง แต่แล้วก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วหยิบเอากระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมา

ทั้งความโดดเดี่ยว เจ็บปวด และความรู้สึกเหมือนจะไม่เป็นที่ต้องการรุมเร้าเข้ามาจนทำให้ร่างบางก้าวออกจากบ้านหลังใหญ่ไปโดยไม่หันหลังมามองอีกครั้ง

///////////////////////////////////

หลังจากที่ทั้งขู่ทั้งปลอบรวินจนได้ความแล้ว รวินที่เหนื่อยอ่อนก็หลับไป ทยุตลูบหัวกลมๆทุยๆของอีกฝ่ายเบาๆแล้วรู้สึกถึงความแตกต่างกับใครบางคน...ที่มีผมนุ่มยาวสลวย มือใหญ่ดึงผ้าห่มผืนหนาคลุมลงบนร่างที่คู้หลับก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อหาอีกคนหนึ่ง
ทยุตเปิดประตูออกมาเจอสองหมาที่นั่งนิ่งเรียบร้อย เขาย่อตัวตบหัวเบา... แย่จังนะวิน ขนาดหมายังห่วงเราเลย

"น้องวินไม่เป็นไรแล้ว อยู่กันเงียบๆล่ะ" ทยุตเปิดประตูให้สองจอมกวนเดินเข้าไปในห้อง ตัวหนึ่งนอนหมอบราบข้างเตียง อีกตัวถือวิสาสะกระโดดขึ้นเตียงไปซุกข้างแขน

ดวงตาคมเหลือบมองเวลาที่ผ่านไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ทยุตเดินไปตรงโซฟา...เขาคาดหวังว่าจะเจอญาณัชนอนหลับหรืออะไรก็ได้ ขอแค่ยังอยู่ในบ้านนี้

...แต่สุดท้ายก็ไม่มีแม้แต่เงา...

ร่างสูงเหลียวมองรอบบ้านอีกทั้งยังวิ่งออกไปดูเผื่ออีกฝ่ายอาจจะอยู่ด้านนอก เขาหันรีหันขวางจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหา แต่พอลองกดไล่รายชื่อก็พบเรื่องน่าประหลาด...เขาไม่มีเบอร์ของคนที่นอนกอดกันอย่างมีความสุขคนนั้นแม้แต่เบอร์เดียว

ทยุตถอนหายใจหนักแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวนุ่มที่ไม่เหลือความอบอุ่นของผิวกายคน นัยน์ตาอ่อนล้าหลับลงครู่หนึ่ง...รู้สึกผิดที่ทิ้งไว้คนเดียว

...น้องนัท....รอยยิ้มจางๆของเจ้าของชื่อยังคงติดตา...

...ญาณัชทำให้เขารู้จักความอบอุ่นของการมีคนที่รักอยู่เคียงข้างและทำให้รู้จักความเหงายามที่อ้อมแขนไร้อุณหภูมิของร่างกาย...

แต่เป็นตัวเขาเองเช่นกัน...ที่ทำให้ญาณัชต้องเหงา...อยู่คนเดียว...

///////////////////////////////////

ภายในห้องมืดที่มีเพียงแสงไฟจากท้องฟ้าจำลองแบบพกพานั้น เจ้าของห้องกลับนอนขดบนพรมผืนนุ่มที่อยู่กลางห้องโดยมีผ้าห่มผืนนุ่มคลุมร่างกายอยู่ นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองไปยังผนังห้องอย่างเลื่อนลอย - - - นับตั้งแต่กลับมาจากเกาะล้านก็ผ่านมาได้สี่วันแล้ว ญาณัชไม่ได้ทำอะไรนอกจากเล่นเปียโน กินข้าวเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องกิน แล้วก็นอนเมื่อรู้สึกว่าง่วง
"อาพีท... นัท... ควรจะทำยังไงดีครับ" น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยพึมพำขึ้นท่ามกลางเสียงดนตรีแว่วหวานที่เปิดคลออยู่

"นัท... คิดถึงพี่ยุต"

คิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นที่โอบอุ้มเขาไว้จนหลับไปทุกค่ำคืน

"แต่ถ้านัทไปหาพี่ยุต... จะไม่ดีใช่ไหมครับ... คุณวินอยู่กับพี่ยุตตอนนี้ นัทไม่ควรเข้าไปยุ่ง..."

เพราะกลัวว่าถ้าโผล่ไปหา แล้วถูกทิ้งไว้คนเดียวแบบนั้นอีก คงเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าเดิม จึงทำได้เพียงบอกตัวเองว่าเมื่อทยุตมาได้ ก็คงจะมาหาเขาเอง

"อาพีท ก็คิดอย่างนั้นใช่ไหมครับ" ร่างบางขดตัวเข้าหากันเพื่อสร้างความอบอุ่นด้วยตัวเอง ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง

"นัทไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ยุตเนอะ... ยังไง คุณวินก็ต้องมาก่อนอยู่แล้ว..."

ตัวเขาเองเป็นแค่คนที่รู้จักกันโดยบังเอิญเท่านั้น

"อาพีทครับ ทำไม... นัทถึงอยากร้องไห้อีกแล้ว......."

ทุกครั้งที่ได้ข้อสรุปว่าตัวเองนั้นเป็นเพียงคนที่ทยุตใจดีด้วยเพราะความสงสาร หยาดน้ำตาก็ค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาโศกสีเข้มไม่ยอมหยุด

"............ อาพีท..." น้ำเสียงของญาณัชค่อยๆสั่นเครือขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะเหลือเพียงเสียงสะอื้นเบาๆลอดผ่านผ้าห่มออกมา

//////////////////////////////////////////

"พีทน่ารักจังเลย"

"น่ารักอะไร? แก่แล้ว" คนถูกแซวทำเสียงแข็งขึ้นมาก่อนจะหันบอกให้หลานชายปล่อยสิ่งที่กำลังทำอยู่

"น่ารักออก ไม่เชื่อถามนัทสิ" ธัชว่าพลางกวักมือเรียกคนที่ลุกออกมาหันดู

เรือนผมสีน้ำตาลยาวถูกรวบไว้เป็นเปียหลวมๆอยู่ด้านข้างด้วยฝีมือของเด็กหนุ่มร่างเล็ก ญาณัชแย้มรอยยิ้มออกมาก่อนจะเป็นฝ่ายเอ่ยบ้าง

"ก็... น่ารักดีนะครับอาพีท"

"อะไรกัน เราก็ด้วยเหรอ? ธัช... กลับไปได้เลยนะ หลานฉันติดนิสัยเราขึ้นมาจะยุ่ง" พิชญ์ทำหน้ายุ่งพลางยกมือไล่

"เขินเหรอ" ร่างสูงเป็นฝ่ายลุกขึ้นมาหา แล้วย่อตัวลงนั่ง แต่ก่อนที่จะได้ยื่นหน้าเข้าใกล้ ใบหน้าของเขากลับถูกผลักออกก่อน

"ไปไกลๆเลย"

"โหย พีท... ทำไมดุไม่เปลี่ยนเลย"

"ฉันเป็นอย่างนี้ตั้งนานแล้ว... จะนั่งตากลมข้างนอกก็ตามสบาย ฉันจะเข้าไปข้างในแล้ว" พิชญ์ไม่พูดเปล่า ร่างโปร่งบางลุกขึ้นจากตั่งกว้างด้านนอกแล้วเปิดประตูบ้านพัก หนีจากคนรักกับหลานของตัวเองที่ดูจะเข้าขากันได้แบบแปลกๆในเวลานี้

"งอนซะแล้ว"

"ไม่เข้าไปง้อเหรอครับคุณธัช" ญาณัชหันถาม ปกติเขาไม่เคยได้คุยกับธัชเท่าไหร่นัก เพราะทุกครั้งที่ธัชมาเที่ยว มักจะเป็นช่วงเวลาที่เขายุ่ง หรือว่าไม่ค่อยว่างเสียทุกที

"เดี๋ยวค่อยเข้าไป นั่งคุยกับนัทก่อนดีกว่า"

"กับผม?"

"อาเดาว่าพีทคงไม่เคยพูดเรื่องนี้ด้วยล่ะสิ"

"เรื่องอะไรครับ?"

"นัทมีแฟนหรือยัง?" ธัชถามตรงๆทำเอาคนที่นั่งข้างๆถึงกับสะดุ้ง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม

"ย... ยังไม่มีหรอกครับ! แค่เรียนดนตรีก็ยุ่งแล้ว.... ทำไมครับ?"

"เปล่า... แค่ถ้ามีแฟนขึ้นมา อย่ารีบมีเซ็กซ์กันนะ"

"!!!??" ญาณัชได้แต่หันมามองร่างสูงด้วยความตกใจ มีใครที่ไหนเขาพูดเรื่องนี้กันตรงๆบ้าง

"ฮ่าๆๆ ทำหน้าเหวอเชียว สมแล้วที่พีทเลี้ยงมานะ" ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมาขยี้ศีรษะเล็กเบาๆ ใบหน้าของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่มีแต่รอยยิ้มประดับอยู่

"......." เด็กหนุ่มจ้องมองใบหน้าด้านข้างของธัชก่อนจะนึกสงสัยขึ้นมา เขารู้ว่าการที่ผู้ชายรักกันไม่ใช่เรื่องยอมรับได้อย่างเปิดกว้างในสังคม แล้วคนข้างๆนี้ทำอะไรยังไง ถึงได้มาเป็นคนรักของพิชญ์ได้

"ทำหน้าเหมือนอยากถามอะไรอาน่ะ ว่ามาเลย อาตอบได้หมด" ธัชยักคิ้วให้ก่อนจะพูดกลั้วหัวเราะ

"ไม่มีเรื่องไหนที่อาไม่รู้หรอก"

"ทำไม... คุณธัชถึงเป็นแฟนกับอาพีทได้ครับ?"

"ก็-- ตอนสมัยที่อาพีทของนัทไปเรียนที่นู่น เราสนิทกัน"

"... ครับ" ญาณัชรับคำก่อนจะรอฟังเรื่องราวที่ผู้เป็นอาไม่เคยเล่าเลยสักครั้ง

"พออยู่ด้วยกัน อาก็ไม่รู้หรอก แต่พอพีทกลับบ้าน อาถึงได้รู้ ฮ่าๆๆ ว่าอาไม่อยากอยู่ห่างจากพีทเลยสักนิดเดียว... ไม่ใช่แค่นั้นนะ ตอนนั้นน่ะ อากังวลเป็นบ้าเป็นหลังเลย ว่าถ้าพีทมีแฟนหรือว่าคนที่รักขึ้นมา อาจะทำยังไง" ธัชหันมายิ้มกับเด็กหนุ่มร่างบางอีกครั้งหนึ่ง

"อาถึงได้รู้ ว่าอารักอาพีทของนัทขนาดไหน... เป็นความรู้สึกที่เห็นแก่ตัวนะ แต่ไม่อยากให้พีทเห็นใครสำคัญกว่าตัวเองเลยล่ะตอนนั้น"

"ถ้าเป็นแบบนั้น คุณธัชก็ไม่ชอบนัทด้วยรึเปล่าครับ?"

"ฮ่าๆๆๆๆ ไม่หรอก นัทเป็นเหมือนลูกของพีทเลยนะ อะไรที่พีทรัก... อาก็รักด้วย"

"ไม่แฟร์นี่ครับ ที่เป็นแบบนั้นเพราะว่าอาพีทรักคุณธัชใช่ไหม ถ้าอาพีทไม่รักคุณ คุณจะดีกับผมแบบนี้เหรอครับ"

"ดีสิ... ไม่อยากให้เห็นใครสำคัญกว่าตัวเอง หมายถึงศัตรูหัวใจต่างหาก"

 




To be continued...


kagehana : กลับมาแล้วค่า คนตัวเล็กขี้งอแงมาป่วนใจน้องนัท

ออฟไลน์ สายลมที่หวังดี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
สงสารน้องนัทง่ะ  พอรวินมาทยุตก็ลืมน้องนัทไปเลย  รู้ว่าสนิทแล้วเป็นห่วงแต่ทำไมไม่รีบง้อ  คนอ่านเสียจุย :hao5:

ออฟไลน์ Zliezen

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
พี่ยุตไปง้อนัทเลยนะ ปล่อยให้รอตั้ง 4 วันได้ไงเนี่ย ไม่ไหวเลยนะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ไม่ตามเลยหรือพี่ยุท

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ประเด็นแฟนเก่าเป็นอะไรที่อ่อนไหวมากจริงๆอ่ะ

เป็นเราก็คิดมากเหมือนนัทแน่ๆ ดูห่วงกันเกินไปหรือป่าว

ช่วยทำอะไรให้ชัดเจนด้วยพี่ยุต สงสารนัท

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
สงสารนัทอ่ พี่ยุตแย่ท่ก มัวแต่โอ๋แฟนเก่าน่ะสิ ถึงไม่มาง้อนัท

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
สงสารน้องนัทอ่าาาา  :monkeysad:
เข้าใจนะ ว่าพี่ยุตก็ต้องห่วงวิน วินก็น่าสงสาร
แต่ปล่อยผ่านไปตั้งสี่วันแล้ว ไม่มาตามน้องนัทเลยเหรอ
ตั้งสี่วันแล้ว วินจะไม่ดีขึ้นบ้างเลยเหรอ ถึงขนาดไม่มีเวลามาตามน้องนัทเลยเหรอ
ก็รู้อยู่ว่าน้องนัทขี้เหงา น้องออกจากบ้านพี่ยุตโดยไม่รอ ก็รู้อยู่แล้วว่าน้องต้องรู้สึกไม่ดี
ปล่อยให้น้องต้องรู้สึกแย่ ๆ มาได้ยังไงตั้งหลายวัน
รีบมาหาน้องนัทด่วน ๆ พี่ยุต  :m16:

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
-12-






“เท่าที่พี่ฟังเราเล่ามา...พูดความจริงอย่าโมโหล่ะ...เท่าที่ฟัง วินเองก็ยังไม่ได้ถามไม่ใช่เหรอว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า” ทยุตพูดแล้วส่งแก้วนมร้อนให้เด็กหนุ่มที่ใส่ชุดนอนของเขากลิ้งไปมาบนเตียงอย่างเกียจคร้าน

รวินยื่นมือมาจะรับแต่ทยุตดึงกลับ

“อย่านอนกิน เสียนิสัย” พูดดุแต่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน กับรวิน...ทยุตรู้ดีว่าเวลาไหนควรใช้แส้เวลาไหนควรใช้ลูกกวาด รวินดื้อกับทุกสิ่งทุกอย่างในโลกที่ไม่ถูกใจแต่ก็อ่อนหวานน่ารักกับทุกสิ่งที่ชอบด้วยเช่นกัน

“วินจะไม่ให้โอกาสเอริคอธิบายเหรอ เราก็รู้ๆกันอยู่ว่าวงการพวกนั้นมันต้องมีสังคม เขาเป็นนายแบบนะไม่ใช่เชฟที่วันๆอยู่แต่กับอาหาร”

“..........................” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะเบือนหน้าหนี

“เอริคยังหาเรื่องวินได้เลยเวลาวินโทรหาพี่ยุต....” น้ำเสียงในช่วงสุดท้ายฟังดูบางเบาลง ร่างเพรียวดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเองเอาไว้

“เวลาอยู่ด้วยกันก็มีแต่ผู้หญิงโทรมา...” ผ้าห่มถูกเลิกขึ้นอีกครั้ง

“ถ้าเป็นพี่ยุตจะทำยังไงล่ะ? แค่วินโทรหาพี่ยุต ก็มาชวนทะเลาะแล้ว”

“ถ้าพี่ยุตมีแฟน แล้วแฟนพี่ยุตมีแต่ผู้หญิงมาวุ่นวาย โทรหาตลอดเวลา... พี่ยุตจะทำยังไง”

“ที่เขาหาเรื่องก็เพราะเรามันชอบทำตัวไม่ชัดเจนไง เอะอะอะไรทะเลาะกับเอริคทีก็โทรหาพี่หนีกลับมาหาพี่ ถ้าวินเป็นเอริควินเองก็ต้องสงสัยเหมือนกันล่ะน่า”

ทยุตอยากเอามือเคาะกะโหลกให้จำสักที มีอย่างที่ไหน...โทรหาแฟนเก่าได้เกือบทุกวี่ทุกวัน

ทั้งตนเองและรวินต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่าไม่มีอะไรอย่างแน่นอน... แต่หากมองจากสายตาของคนอื่น ยืนยันให้ตายก็คงไม่มีใครเชื่อ

“ส่วนเรื่องแฟน... พูดยากนะ แต่พี่ว่าแฟนพี่คงไม่มีสาวโทรหาหรอก”

พอนึกถึงก็รู้สึกคิดถึงขึ้นมา...ป่านนี้คงอยู่ที่บ้านแล้วมั้ง

จะให้ทิ้งรวินที่กำลังเฮิร์ทไปหาก็ไม่ได้ จะติดต่อก็ไม่ได้ ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว

“หือ? พี่ยุตมีแฟนแล้วเหรอ? เมื่อไหร่?? ทำไมไม่เห็นบอกกันเลย??” คราวนี้ร่างเล็กทำตาโตก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ซ้ำยังมีท่าทีตื่นเต้นตกใจ

“ยุ่งน่า” ทยุตยื่นนมอุ่นให้ “เรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยว”

รวินรับแก้วนมมายกขึ้นดื่มเพียงอึกเดียวก่อนจะจ้องมองนัยน์ตาสีเขียวของทยุต

“เกี่ยวสิ คบกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?”

“ไม่บอก เนอะ ไส้กรอก ลูกชิ้น” เชฟหนุ่มดีดมือเรียกเจ้าสองตัวที่ยื่นกระดิกหางอยู่หน้าห้อง สองหมารีบแจ้นเข้ามาหาทำท่าเหมือนจะขอนมในแก้วของรวินกิน

“วินอย่าให้นะ พวกนี้อ้อนนิดอ้อนหน่อยก็ใจอ่อนกันหมด ให้ทุกราย”

“เรื่องอะไรจะต้องฟังล่ะ พี่ยุตยังไม่ยอมบอกเลย โกรธแล้ว ต่อไปนี้มีอะไรวินจะไม่บอกบ้าง” คนเป็นฝ่ายงอนไม่พูดเปล่า ซ้ำยังทำทีเป็นหันหลังให้เสียอีก

“ไส้กรอก ลูกชิ้น อย่าไปสนใจคนขี้โกงเลย”

“ก็ได้ๆ เออ มีแล้ว” ทยุตพูดอย่างเสียไม่ได้... ถึงจะเป็นการตู่เอาเองว่าเป็นแฟนก็เถอะ แต่เขาเชื่อว่าอย่างน้อย...ความรู้สึกคงไม่ต่างกัน

“แล้วนี่วินได้โทรไปหาเอริคหรือยัง เขายิ่งขี้หึงอยู่ เดี๋ยวก็งอนกันอีกไปงอนกันมา พี่ประสาทจะเสีย”

“ไม่โทร.... ไม่เอา พี่ยุตอยากให้โทรก็โทรเอง วินไม่อยากพูดด้วย” รวินพูดราวกับเป็นเด็กเล็กๆที่กำลังงอนผู้ใหญ่ มือยื่นส่งแก้วนมคืนให้กับทยุตก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมโปงหนี

“ง่วงแล้ว ฝันดีนะพี่ยุต”

“แล้วอย่ามาว่ากันทีหลังล่ะ ไอ้เด็กบ้า” รอมยิ้มระอาใจแย้มจางๆ เขามองแก้วนมอยู่ครู่หนึ่งแล้วนั่งลงข้างเตียงลูบหัวที่โผล่แวบๆพ้นโปงผ้าเบาๆ

“ทีตอนมาล่ะร้องไห้นู่นนี่ พอชักดีขึ้นล่ะปากเก่ง เฮ้อ เหนื่อยใจแทนแฟนเราจริงๆ”

“... ก็วินไม่อยากยุ่งแล้ว จะอยู่กับพี่ยุต” ร่างบางที่แอบซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มบ่นอุบอิบออกมา มือออกแรงยึดเอาผ้าไว้ไม่ให้ทยุตได้ดึงออกหรือแย่งไป

“โกหก” ทยุตโถมร่างลงทับแล้วกอดไว้เบาๆเหมือนกอดเด็กชายแสนดื้อคนนึง

“ที่ๆวินอยากอยู่น่ะ ไม่ใช่ที่นี่หรอก....พี่รู้” มือใหญ่ดึงก้อนผ้าห่มให้หลุดออก หลังจากต่อสู้ยื้อกันไปมาพักใหญ่เจ้าตัวดีก็นอนแผ่หราหนุนแขนเขา

“ให้พี่โทรหาแทนนะ...บอกเขาให้มารับ”

รวินไม่ตอบอะไร แต่กลับเป็นฝ่ายซุกร่างกายเข้าหาร่างสูง ผิวแก้มที่เริ่มเย็นแนบเข้ากับแผ่นอกกว้างแล้วออกแรงกอดจนแน่น ถึงจะไม่ได้ตอบตกลง แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือว่าร้องห้ามสิ่งที่ทยุตบอกว่าจะทำ

“งั้นขอเวลาแป๊บ” ทยุตขยี้หัวรวินเบาๆแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดหาปลายทางต่างประเทศ...ที่เขามีเบอร์เอริคเป็นเพราะไอ้คนที่นอนกอดเป็นปลาหมึกคนนี้แหละชอบแอบโทรมาหา...ซึ่งมันเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการหึงอย่างออกหน้าออกตาของนายแบบลูกครึ่งไทยฝรังเศสคนนั้น

“ฮัลโหลเอริค...นี่พี่ยุตพูด” ทยุตแทนตัวเหมือนที่รวินพูดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องท้าวความกันนาน

“วินอยู่บนเตียงพี่ จะมาเอาก็รีบมาซะ ถ้าไม่มาจะยึดคืน”

เสียงโวยวายทั้งภาษาไทย อังกฤษ และฝรั่งเศสดังลอดมาตามสายจนอดเบ้หน้าไม่ได้ เชฟหนุ่มรอให้อีกฝ่ายหยุดพูดเพราะความเหนื่อยแล้วสวนกลับ

“หัดรู้จักเชื่อใจวินซะมั่ง......วินน่ะรักนายนะ” คราวนี้อีกฝ่ายเงียบไปครู่ใหญ่ ทยุตเหลืองมองรวินแล้วยื่นโทรศัพท์ให้

“อ่ะ...พูดอะไรหน่อยสิ”

“......... ถ้าไม่มาฉันไม่กลับไปนะ” คนพูดจงใจทำเสียงห้วนๆใส่แล้วเบือนหน้าหนีจากโทรศัพท์ที่ร่างสูงยื่นมาให้ทั้งๆที่ในใจเริ่มรู้สึกอ่อนลงบ้าง

“เจ๋ง” ทยุตชมแล้วกดตัดทันที “เดี๋ยวนี้รู้จักมีลูกเล่นนะ ไปเอามาจากไหนเนี่ย..ถ้าไม่มาฉันไม่กลับ...ประโยคนี้ถ้าไม่เอาแต่ใจสุดๆพูดไม่ได้เลยนะ”

ทยุตยิ้มขำเมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆนั้นตูมขึ้นมาอย่างขัดใจ

....เด็กเอ๊ย....

...ถ้าญาณัชแสดงอารมณ์ออกมาได้ครึ่งของเจ้านี่ก็ดีสินะ...



/////////////////////////////////////////






ปลายนิ้วเรียวค่อยๆเคาะลงบนแป้นสีขาว ผ่อนน้ำหนักกดเพื่อสร้างสุ้มเสียงที่ดังค่อยต่างกัน ญาณัชกำลังบรรเลงเพลงโปรดที่พิชญ์ชอบฟังท่ามกลางความมืดอีกเช่นเคย นัยน์ตาโศกดูแดงช้ำขัดกับรอยยิ้มจางๆที่แต่งแต้มอยู่บนริมฝีปาก

“เดี๋ยวอาพีทก็กลับมาแล้ว....” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยพูดกับตัวเองขึ้นมาลอยๆ ราวกับความฝันเมื่อครู่นั้นสมจริงเสียจนแยกแยะไม่ออก

ทุกครั้งที่เล่นเปียโนตอนเย็น พิชญ์มักจะเปิดประตูเข้ามาแล้วขอให้เล่นเพลงที่ตนชอบอีกครั้ง แต่เด็กหนุ่มก็มักจะแกล้งเล่นด้วยการไม่ยอมเล่นให้ฟัง

ประตูที่ไม่ได้ถูกล็อกเปิดออกเบาๆ ร่างสูงถูกความมืดของห้องทาบทับบนใบหน้าจนดวงตามืดไปขณะหนึ่ง ทยุตก้าวเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกชื่อคนที่นั่งอยู่กับแกรนด์เปียโนกลางห้อง

“นัท....พี่มาหา...”

“อาพี--?” ครั้นหันไปตามเสียงที่ได้ยิน คนที่เข้ามากลับไม่ใช่คนที่คิดไว้ ญาณัชกระพริบตามองร่างสูงที่ยืนนิ่งก่อนจะสะบัดศีรษะไปมาสองสามครั้ง แล้วจึงมองคนที่เดินเข้ามาอีกครั้ง

“..... พี่... ยุต?” ความรู้สึกคล้ายกับมีแรงดันบางอย่างจากภายในขึ้นมา ผลักให้ดวงตาที่ดูไร้ชีวิตชีวารื้นขึ้นด้วยน้ำตา

ทยุตเดินเข้าไปกอดจากทางด้านหลัง ปลางคางสากดลงตรงกลางกระหม่อมเบาๆ ท่อนแขนเข็งแรงโอบรัดร่างบางแนบกาย

“......ขอโทษนะที่เพิ่งมา....”

เพียงเท่านั้นน้ำตาก็ไหลลงมาเมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบล้อมเอาไว้ มือละจากแป้นเปียโนยกขึ้นจับแขนที่กอดรัดเอาไว้

“นึกว่า... จะไม่ได้เจออีกแล้ว...” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยบอกพลางนึกย้อนไปถึงความรู้สึกตัวเอง เพราะคิดว่าถ้ารวินที่มีปัญหามาอยู่กับทยุต ก็คงไม่มีที่ให้เขาเข้าไปแทรก พอนึกแบบนั้นก็เจ็บปวดเสียจนเกือบจะทำร้ายตัวเองอย่างที่เคยชิน

แต่เพราะสัญญากับทยุตไว้ว่าจะไม่ทำอีก เด็กหนุ่มจึงไม่ได้ทำลงไป...

ถ้าความรู้สึกที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายเลือกใครก่อนตัวเองนั้นคือความรักอย่างที่ธัชเคยบอก เขาก็คงหลงรักทยุตเข้าไปแล้วอย่างถอนตัวไม่ขึ้น - - - เพียงเห็นทยุตมีสีหน้ากังวลกับรวินที่มาหา เพียงเห็นทยุตมีท่าทีว่าจะต้องดูแลรวิน ความคิดเอาแต่ใจก็ก่อตัวขึ้นมาไม่ยอมหยุด

“ที่เป็นแบบนี้... เพราะนัท... รักพี่ยุต... ใช่ไหม”

เชฟหนุ่มนิ่งงันไปชั่วขณะ ความรู้สึกทั้งหมดมวลถูกปิดกั้นด้วยคำว่า “รัก” ที่อีกฝ่ายพูดออกมาอย่างชัดเจน

ในอกคล้ายถูกใครสูบลมเข้าไปจนเต็ม..ลมที่มีความอ่อนนุ่มและหอมหวลราวกับจะทำให้ตัวลอยขึ้นจากพื้นได้ เขาเคยได้ยินคำว่ารักครั้งแรกผ่านริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีหวานของสาวรุ่นพี่ยามที่ร่างกายเกาะเกี่ยวกัน และเคยได้ยินหลายต่อหลายครั้งจากใครหลายๆคน

...แต่ไม่มีครั้งไหนๆที่อิ่มเอมใจเท่านี้เลย...

“นัทรักพี่เหรอครับ....” ถ้อยคำโง่เง่าที่ถามซ้ำทำเอาแทบจะกัดปากตัวเอง ทยุตนั่งคุกเข่าลงช้าๆแล้วกอดเอาหน้าอกแนบชิดแผ่นหลังบอบบาง ฝากเสียงหัวใจเต้นส่งผ่านความรู้สึกลึกซึ้งโดยไร้คำพูด

ณ ตอนนี้...จากนี้ตลอดไป...

ผู้ชายที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนี้รู้แล้วว่าจะมีชีวิตอยู่...เพื่อใคร...

“ใช่ไหม..... นัท.... ไม่อยากอยู่คนเดียว..... อยากอยู่กับพี่ยุต...” ร่างบางขยับตัว ดันตัวเองออกจากอ้อมกอดอบอุ่นที่โหยหา แล้วยกขาขึ้นข้ามเก้าอี้เปียโนเพื่อจะได้หันมามองหน้าร่างสูงตรงๆ

“.... นัทกลัว... ว่าพี่ยุตจะอยู่กับคุณวิน......”

“วิน?”ทยุตทวนคำพูด...ไอ้เด็กนั่นเนี่ยนะ

“พี่มีอะไรจะบอกนัท แต่นัทต้องสัญญาว่าจะช่วยพี่นะครับ” เชฟหนุ่มยิ้มบางเบาก่อนจะรั้งร่างบอบบางเข้ามาใกล้ ปลายฟันกดที่ใบหูเบาๆก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว

“พี่โกหกวินไปว่านัทเป็นแฟนพี่.....แต่นัทช่วยทำให้เป็นจริงได้ไหมครับ” สองมือประคองใบหน้าที่ดูซูบลง นัยน์ตาพราวระยับจับจ้องที่ดวงตาโศกรื้อน้ำตา

“พี่อยากให้นัทจำไว้..ว่ารวินเป็นน้องที่พี่รักก็จริง..แต่คนที่สำคัญและรักที่สุดคือนัทนะครับ..”

คำบอกรักที่แสนอ่อนโยนทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกตื้นตันขึ้นมาจนเป็นฝ่ายโผเข้ากอดร่างสูง

“อือ... ได้สิ... ได้........”

“... รัก... เหมือนกันนะ.... พี่ยุต...”

คำรักที่ฟังดูไร้เดียงสาแต่เปี่ยมด้วยความเย้ายวดฉุดความทรงจำยามแนบชิดที่ทะเลราตรีขึ้นมา อ้อมกอดอบอุ่นค่อยๆกระชับเข้าช้าๆจมูกโด่งคลอเคลียข้างแก้มขาวนวล กลิ่นเมลอนหอมหวานที่โชยมาจากต้นคอถูกกักเก็บไว้อย่างดีผ่านสิ่งที่กำลังแตะแผ่วบนผิวกาย

“อาจจะเร็วไป...แต่ถ้าพี่ถามว่าตอนนี้นัท...พร้อมหรือยัง...นัทจะว่าพี่ไหมครับ”

ญาณัชส่ายศีรษะแรงๆก่อนจะยันร่างกายของตัวเองขึ้นเพื่อมองนัยน์ตาคมสีสวย

“ไม่ว่า....” ความทรงจำในอดีตที่นึกถึงทำให้เขาสามารถเอ่ยตอบได้อย่างมั่นใจกว่าคราวก่อน แม้จะยังรู้สึกหวั่นๆอยู่บ้าง

“แต่นัท... ไม่รู้...... จริงๆนะ...”

ทยุตลุกขึ้นนั่งแล้วโอบร่างเล็กไว้ จุมพิตหวานเมื่อครู่แปรเป็นจุมพิตปรารถนา ปลายลิ้นอุ่นร้อนรุกไล่รวดเร็วจนคนในอ้อมกอดตัวอ่อนยวบ เขาค่อยๆดึงญาณัชให้ลุกขึ้นยืนแต่แรงดึงดูดที่ท่วมท้นกลับปล่อยให้จิตใจนำพา มือใหญ่ไล่ปลดกระดุมจนแผ่นอกของคนตรงข้ามเผยออก ยอดอกสีอ่อนถูกหยอกเย้าช้าๆด้วยปลายนิ้วแต่อีกมือหนึ่งกลัวกระตุ้นผ่านกางเกงผ้าเนื้อเบาเบื้องล่าง

“อย่างนี้รังเกียจไหมครับ” เสียงแหบพร่าถามแผ่วเบา

สัมผัสร้อนจากทยุตเรียกความทรงจำค่ำคืนเมื่อตอนไปทะเลด้วยกันกลับมา มีหรือเขาจะนึกรังเกียจอีกฝ่ายได้

“นัท... จะรังเกียจพี่ยุตได้ยังไง” น้ำเสียงสั่นไหวเอ่ยถามผะแผ่วยามปล่อยร่างกายที่แทบไร้เรี่ยวแรงให้กับร่างสูง

“ขอโทษนะครับ” พูดจบร่างเล็กก็ถูกยกจนลอยขึ้นเหนือจากพื้น ท่อนแขนแข็งแรงอุ้มเดินข้าๆ ทยุตรู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังจะไปที่ไหน...และมันจะเกิดอะไรขึ้น

ร่างสูงสืบเท้าไปยังประตูห้องที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อนจะเปิดออกช้าๆ เตียงหลังกว้างปูผ้าปูสีสะอาดตาเรียบตึง ในนั้นไม่มีสิ่งของที่เกินความจำเป็นเท่าไรยกเว้นพวกซีดีเพลงบรรเลงที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ

ทยุตปล่อยญาณัชลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา ร่างสูงทาบทับลงเนิบช้า...ปล่อยให้ร่างกายแทบทุกส่วนได้สัมผัสผ่านเนื้อผ้า จูบแผ่วเบาราวกับปีกผีเสื้อปัดผ่านริมฝีปากหยอกเย้าคนตัวเล็ก

“...ได้ไหมครับ.....”

คนตัวเล็กพยักหน้าช้าๆก่อนจะพูดลอยๆขึ้นมาที่ฟังดูคล้ายคำบ่นกับตัวเอง ดวงตาโศกสีเข้มเสมองไปทางอื่นก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย

“ทำไมพี่ยุต... ต้องถามหลายรอบ... ด้วย”

“พี่ไม่อยากให้นัทเสียใจทีหลัง” คำพูดหนักแน่นเอ่ยตอบ...เพราะแคร์มากถึงต้องถาม

...แต่ก็เพราะรัก...ถึงต้องการมากมายขนาดนี้...

มือหยาบจับที่แก้มเบาๆ นัยน์ตาสีเขียวอมเทาจับจ้องด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี

ญาณัชยกมือของตัวเองขึ้นทาบทับฝ่ามือใหญ่ข้างนั้น นัยน์ตาสีนิลมองตอบก่อนจะเอ่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม

“นัท... จะเสียใจ... ถ้าพี่ยุตไม่อยู่กับนัทแล้ว......”

“พี่จะอยู่กับนัท...ไม่ว่าใครจะว่ายังไง..ตลอดไปของพี่ พี่ให้นัทแล้ว” เชฟหนุ่มโถมตัวทาบทับร่างบอบบางแล้วกอดเอาไว้ มือใหญ่ลากผ่านลงสู่เบื้องล่างเชื่องช้าราวกับจะปลุกอารมณ์ของญาณัชให้ลุกโชน ทยุตถอดกางเกงของเด็กหนุ่มออกแล้วแตะเบาๆด้วยปลายนิ้ว ก่อนจะใช้มือกระตุ้นจนส่วนอ่อนไหวลุกขึ้นในมือ

“........นัทหน้าแดงจัง....”กระซิบข้างหูหมายยั่วเย้าก่อนจะขบลงเบาๆที่ติ่งหูเย็นๆ

“ก.. ก็... นัทห้าม... ได้ที่ไหน” มือเรียวสวยที่เป็นอิสระถูกยกขึ้นมาปกปิดใบหน้าของตัวเองให้พ้นจากสายตาของร่างสูง แรงขบที่ริมใบหูส่งกระแสไฟฟ้าอ่อนๆให้แล่นพล่านไปทั่วร่างกาย พอๆกับสัมผัสหนักหน่วงจากฝ่ามือร้อนที่หยาบกร้าน

ทยุตยิ้มเอ็นดู เขาก้มลงจูบมือที่งสองข้างแล้วรั้งเอาไว้ “ปิดหน้าทำไมล่ะครับ...นัทเขินเหรอ”

ทยุตเล้าโลมช้าๆเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่เคยชินกับการสัมผัส ปลายนิ้วแข็งแตะแผ่วเบาลงบนช่องทางด้านหลังซึ่งปิดสนิท ทยุตกอดร่างเล็กที่แข็งเกร็งก่อนจะลูบหลังปลอบประโลม จากที่แตะอยู่เฉยๆปลายนิ้วแข็งก็เริ่มเคลื่อนไหวขยับเข้าสู่ภายในทีละนิด

“ถ้าเจ็บก็บอกพี่นะ...”

นัยน์ตาคู่สวยปิดแน่นแม้จะพยายามขืนแขนเอาไว้ ไม่อยากเปิดเผยสีหน้าของตัวเองให้ทยุตเห็น ความรู้สึกหวาดหวั่นเริ่มก่อตัวขึ้นพร้อมๆกับความหวามไหวที่ไม่เคยสัมผัส

“.... อือ” แม้จะรู้ดีว่าห้องนั้นแทบไม่มีแสงเลย ก็ยังอดรู้สึกเขินอายไม่ได้

“จ... จะเจ็บ... เหรอ”

“..........................” ริมฝีปากที่ประดับบนใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มอ่อนโยน ทยุตดันนิ้วเข้าไปจนสุดแล้วขยับเชื่องช้า ร่างเล็กที่ขยับไหวในอ้อมกอดทำให้ความรู้สึกในตัวค่อยๆถูกปลุกขึ้นทีละนิด เขารู้ถึงร่างกายท่อนล่างของตัวเองว่ามันกำลังเป็นเช่นไร

“อื๊อ....” เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากจนแน่น กลั้นเสียงครางที่แม้แต่ตัวเองยังไม่คุ้นเคยไม่ให้หลุดรอดผ่านออกมาได้ ร่างกายรับรู้ถึงปลายนิ้วชัดเจนเสียจนเผลอร่นกายหนีโดยไม่รู้ตัว

“ส่งเสียงออกมาได้นะครับ...พี่ไม่ว่า” เสียงทุ้มพูดเย้า ปลายนิ้วที่สองถูกสอดเข้าพร้อมๆกับมืออีกข้างที่หยอกล้อกับส่วนอ่อนไหวที่ตื่นตัวเต็มที่ ทยุตใช้ริมฝีปากครอบครองยอดอกที่กลายเป็นสีแดงจัด แนวฟันขาวสะอาดแทะเล็มพร้อมกับปลายลิ้นที่ไล้วน

“อึดอัดไหม?” เสียงอู้อี้ถามแผ่ว

ถามว่าอึดอัดไหม ตอนนี้เขาไม่อยากแม้แต่จะอ้าปากตอบเสียด้วยซ้ำ ทำได้เพียงปล่อยให้ลมหายใจถูกปล่อยผ่านฝ่ามือของตัวเอง ญาณัชตอบคำถามของร่างสูงด้วยการผงกศีรษะเร็วๆ จุดที่ไวต่อสัมผัสของร่างกายกำลังถูกทยุตรุกราน จนเด็กหนุ่มรู้สึกราวกับกำลังจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป

ปลายนิ้วใหญ่ถูกขยับอีกพักหนึ่งก่อนจะถอนออกมา ทยุตพลิกตัวละจากร่างเล็กนอนหงายแหงนมองเพดาน มือใหญ่กอบกุมเรียวนิ้วยาวสวยเอาไว้ เขานอนนิ่งสักพักเฝ้ารอดูร่างเล็กกระสับกระส่ายและดวงตาคลอหยาดน้ำที่ลอบมองมาทางเขา

“ต้องการรึเปล่าครับ” ทยุตถามแล้วลุกนอนตะแคง มือซุกซนลูบตามผิวกายสะอาดตา

...อยากได้คำยืนยัน...ว่าญาณัชต้องการเขาจริงๆ...

...ไม่ใช่เพียงบรรยากาศพาไป...

“...” ความอึดอัดทรมานแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย

“พี่... ยุต....” น้ำเสียงที่หลุดออกมาฟังดูแปร่งหูจนตัวเองยังแปลกใจ น้ำใสๆที่คลออยู่เต็มดวงตาทำให้มองสีหน้าของทยุตไม่ชัด แต่ถ้าถามว่าต้องการไหม คำตอบที่ตามหาก็มีเพียงหนึ่งเดียว

“..... ทำไม... ถึงคิดว่า... นัท... ไม่ต้องการ....”

ทยุตตอบรับด้วยริมฝีปากอ่อนโยน ร่างสูงปลดกางเกงของตัวเองออกแล้วแนบร่างกายที่รุ่มร้อนลงบนช่องทางปิดสนิท เจลเย็นๆถูกป้ายลงแล้วนวดเฟ้นช้าๆ...เขาอยากให้ครั้งแรกของญาณัชเป็นประสบการณ์ที่ดี ไม่อยากให้เจ็บปวดเกินความจำเป็นและอยากให้จดจำความอิ่มเอมให้เต็มที่

“อ้าขาอีกนิดนะนัท...หายใจช้าๆ...อย่าเกร็งนะครับ”

แม้จะรู้สึกอายจนอยากมุดหนี แต่เรียวขาที่อ่อนแรงก็ค่อยๆแยกออกจากกันตามที่ทยุตพูดราวกับต้องมนตร์

“... พี่ยุต................” ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ท่อนแขนบอบบางก็ยกขึ้นโอบรอบลำคอหนาเอาไว้ ดึงเอาร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงของตัวเองให้รับไออุ่นจากทยุตมากขึ้น

“รัก..... นะ” ถ้อยคำรักหวานหูถูกกระซิบแผ่วเบาจากริมฝีปากสีอ่อนก่อนที่ญาณัชจะกอดร่างสูงให้แน่นขึ้น

ท่อนแขนเล็กๆที่กอดตัวเขาจนแน่นเป็นคำยืนยันที่ดีกว่าคำพูดที่เปล่งออกมา ร่างสูงซุกใบหน้าแนบลงตรงลำคอเรียวก่อนจะเคลื่อนกายขยับส่วนรุ่มร้อนเข้าไปทางเบื้องหลังทีละนิด ปลายเล็บที่จิกลงกลางหลังสร้างบรรยากาศที่แปลกประหลาดเล็กน้อยแต่เขารู้ดีว่ามันคงไม่เจ็บเท่าร่างเล็กที่ดวงตาปิดสนิทแต่น้ำตาไหลริย

ทยุตจูบซับที่หัวตาแผ่วเบา “ขอโทษนะ....เจ็บมากใช่ไหม?”

“อึก... อือ...” ความร้อนผ่าวที่แผ่กระจายมาจากภายในจากร่างกายที่เชื่อมต่อกันก่อความรู้สึกประหลาดปะปนกับความเจ็บปวดที่แล่นริ้วไปทั่วร่าง

“.... เจ็บ.........” นัยน์ตาคู่สวยเปิดมองคนที่แนบจุมพิตลงบนใบหน้า

“แต่... ไม่เป็น... ไรนะ.........”

ทยุตรุกรานเชื่องช้า ร่างกายที่ขยับเป็นจังหวะแนบชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่าง ลมหายใจร้อนรุ่มเป่ารดกันและกันจนแทบหลอมละลาย ร่างสูงขยับเร็วขึ้นตามแรงเร้าอารมณ์แต่ก็ไม่ลืมจุมพิตปลอบขวัญกับริมฝีปากแดงจัด

“นัท...ไหวไหม...” เสียงครางที่หลุดรอดบ่งบอกได้ดีว่าเจ้าของคำพูดกำลังอยู่ในความรู้สึกแบบใด ทยุตจูบริมฝีปากแดงช้ำพลางกระซิบคำรักนับครั้งไม่ถ้วน

“อ.. อื๊อ-- ว... อา..” ถึงญาณัชจะพยายามเอ่ยตอบ แต่สิ่งที่รอดพ้นริมฝีปากของเขากลับมีเพียงเสียงครางหวานหู ปลายนิ้วยังคงกดเล็บจิกลงกลางแผ่นหลังกว้างอย่างไม่รู้ตัว

เด็กหนุ่มรับรู้รสสัมผัสหวามไหวอย่างชัดเจน และไม่อาจปฎิเสธถึงความสุขที่เริ่มแทรกแซงขึ้นมา

ร่างที่ทาบทับขยับตัวต่อเนื่อง ทยุตขยับมือที่จับส่วนอ่อนไหวอย่างรวดเร็ว อารมณ์ปรารถนาถูกดึงขึ้นสูง....มือหนารู้สึกถึงแรงกระตุกเล็กๆและหยาดน้ำอุ่นจัดที่ไหลเปรอะ มือที่เลอะด้วยหยาดอารมณ์ลูบที่ต้นขาขาวช้าๆก่อนที่ตนเองจะขยับกายเร็วขึ้น ความร้อนที่พุ่งสูงถึงขีดสุดไหลพล่านออกมาอย่างท่วมท้น ส่วนร้อนเร่าที่ยังค้างคารู้สึกถึงความอุ่นจัดที่เพิ่งปลดปล่อยเข้าสู่ภายใน

ทยุตปล่อยตัวเองลงนอนกับผ้าปูยับย่น ท่อนแขนแข็งแรงโอบญาณัชขึ้นมานอนบนตัวทั้งที่ร่างกายยังเชื่อมต่อ

“นัทน่ารัก....”

ร่างบางไม่ได้เอ่ยตอบอะไรนอกจากหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ภายในหัวยังรู้สึกคล้ายมึนเมากับสิ่งที่เกิดขึ้น ความสุขทางกายที่ได้สัมผัสแตกต่างจากครั้งที่ทะเล

“... น่ารัก... อะไร...” นัยน์ตาคู่สวยยังคงไม่ยอมเปิดขึ้น นอกจากเสียงหัวใจที่เต้นแรงจนเกือบจะเป็นจังหวะเดียวกันแล้ว ญาณัชยังคงรู้สึกถึงตัวตนของเชฟหนุ่มที่ยังคงค้างอยู่ในร่างกายของเขา

“นัท...... ไม่ใช่... เด็กผู้...หญิง.... นะ”

ครั้นลองขยับกายเพียงเล็กน้อยก็ไม่เห็นว่าทยุตมีท่าทีจะขยับออกไปไหน สุดท้าย ริมฝีปากสีอ่อนที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีเข้มก็ค่อยขยับเอ่ยถาม

“พี่ยุต... เอาออก... ได้หรือยัง...”

“ยัง....” ใบหน้าเล็กๆที่ดูเหมือนกำลังงงนั้นน่ารักจนอดโน้มคอลงมาจูบไม่ได้ ทยุตจุ๊บแตะทั่วใบหน้าก่อนจะถอยเป็นคลอเคลียเบาๆ

“นัทอยากเอาออก...ก็เอาออกเองสิ” เชฟหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์...ดูสิว่าจะทำอย่างไรต่อไป

“อึด... อัด....... นะ” ญาณัชเอ่ยเสียงเบา ร่างบางค่อยๆขยับเรียวขาที่อ่อนแรงให้มั่นก่อนจะพยายามยันตัวขึ้น มือยึดเอาไหล่กว้างไว้ ก่อนจะขยับร่นตัวขึ้นมาเพื่อให้ส่วนนั้นค่อยๆหลุดออกมาจากร่างกายพร้อมกับหยาดขุ่นข้นสีขาวที่ไหลออกมาตามต้นขา

“อึก...”

ภาพตรงหน้าทำให้ทยุตแทบจะ'ถึง'อีกรอบ พอรู้สึกว่าสิ่งที่ไหลออกมาจากช่องทางอ่อนนุ่มตรงนั้นคือของตัวเองยิ่งทำให้รู้สึกว่าได้ผูกพันกับญาณัชอย่างลึกซึ้งแล้ว ความหวงแหนที่ก่อตัวขึ้นทำให้มือใหญ่ต้องรีบคว้าร่างบอบบางลงมากอด

เชฟหนุ่มไล้มืออย่างนุ่มนวลบนสะโพกเพรียว หยาดขุ่นข้นถูทาบางๆบนผิวอ่อนนุ่ม ชายหนุ่มสอดนิ้วเข้าไปทางด้านหลังอีกครั้งอย่างระมัดระวัง แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นแล้วจับญาณัชให้หันหลังให้และสำรวจด้วยตาอีกครั้ง

ช่องทางด้านหลังดูชุ่มชื่น รอยบวมแดงชัดเจนจนอดรู้สึกสงสารไม่ได้ ปลายนิ้วหยาบได้แต่แตะเบาๆไล้ปลายนิ้วบรรเทาความเจ็บให้ ดวงตาสีแปลกจับจ้องที่หยาดน้ำที่ควรจะมีเพียงสีขาว...แต่กลับมีสีของเลือดปะปนมาไม่น้อย

“นัทเลือดออก...เจ็บใช่ไหมครับ” ร่างสูงรวบอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่น

“เจ็บมากหรือเปล่า...พี่...ขอโทษ..”

ในตอนที่ยังไม่ได้เรี่ยวแรงกลับคืนมา ญาณัชตอบคำถามอีกฝ่ายด้วยการส่ายศีรษะช้าๆ

“.... นัท... ทำให้พี่ยุต... รู้สึกดีใช่ไหม” น้ำเสียงหวานหูเอ่ยคำถามพาซื่อแผ่วเบา แม้ในตอนแรกจะไม่รู้เรื่องอะไร แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มก็รู้ดีว่าความสุขทางกายที่จิตใจเชื่อมต่อกันแล้วนั้นเป็นอย่างไร และมันทำให้มีความสุขเสียจนความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย

คำพูดตรงไปตรงมาไร้การเสแสร้งต่างจากคู่นอนคนอื่นๆที่ผ่านมา...แต่สำเนียงบางอย่างบ่งบอกเขาว่าคนตัวเล็กกำลังนึกเปรียบเทียบกับอดีตของเขา ใช่ว่าคนพวกนั้นไม่ดี ทยุตไม่เคยนึกรังเกียจความสัมพันธ์แบบคืนเดียวเลิกที่ป้องกันอย่างดี แต่ความรู้สึกของ'รัก'ที่ไม่เคยได้สัมผัสอย่างชัดเจน...รักแบบที่ได้จากญาณัชมันรู้สึกอบอุ่นและเติมเต็มยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

ลงรักเข้าแล้ว....ต่อให้อีกฝ่ายแค่จับมือกันก็มีความสุข

“นัททำให้พี่มีความสุข...มากเท่าที่ในชีวิตพี่เคยมีมา...” ทยุตยืนยันคำพูดอีกครั้งด้วยจุมพิตหวานแผ่วบนเปลือกตา

“นัท...พี่ขอบคุณมากนะครับ...ที่นัทรักพี่ ที่ทำให้พี่ได้รู้จักรักใครสักคน”

“... ดีใจ... นะ.... ที่พี่ยุต... มีความสุข” นัยน์ตาโศกสบมองคนที่บอกรักอย่างอบอุ่นอีกครั้ง มือเรียวบางยกขึ้นแนบกับผิวแก้มของเชฟหนุ่มแล้วจึงเอ่ยต่อพร้อมรอยยิ้มบางๆ

“เพิ่งรู้นะ... ว่าเวลามีคนรัก... มันมีความสุขขนาดนี้เลย....”

รอยยิ้มอ่อนโยนยกขึ้นอย่างเอ็นดูด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นในหัวใจ มันไม่ใช่รักครั้งแรกที่เต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาดตื่นเต้นเร้าใจ ไม่ใช่เหมือนทุกครั้ง..ที่ไม่ต้องมีรักก็มีเซ็กส์ได้

...แต่นี่จะเป็นรัก...ครั้งสุดท้าย...

ทยุตรู้ดีว่าในโลกนี้มีคำกล่าวว่าไม่มีสิ่งใดแน่นอน แต่มันคงจะมีบางอย่างที่ก้าวเส้นที่ขีดไว้...

...รัก...

ญาณัชคนนี้..คงเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงคำว่า”รัก”แน่นอน

“บอกรักพี่เยอะๆนะครับ”

“อือ... ได้สิ” เขาเอนตัวซบกับร่างสูงอีกครั้ง รับรู้ถึงความอบอุ่นและหัวใจที่อิ่มเอม

“รักพี่ยุต...” ญาณัชเอ่ยคำรักหวานซึ้งแผ่วเบา

“อื้ม...” ทยุตไม่ได้เอ่ยตอบเพราะรู้ว่าดวงตาและอ้อมกอดได้สื่อหมดทุกสิ่งแล้ว อ้อมแขนที่กระชับมั่นคงแทนคำสัญญาจากนี้ไปสู่อนาคต

เชฟหนุ่มรับรู้ได้ด้วยสัมผัส...หัวใจ...และวิญญาณ

ว่าความรักที่เขาเคยสงสัยว่ามีอยู่ที่ใดในโลกใบนี้....ได้อยู่ในอ้อมกอดแล้ว






To Be Continued......



Talk :
หุงข้าวแดงให้น้องนัท  555555

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ หมีกับดอกไม้ดีใจที่ทุกคนชอบนิยายนะคะ น้อมรับทุกคำติชมค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ สายลมที่หวังดี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
อร๊างงงง  เค้าได้กันแล้ววววว :m25: :m25: :m25:


เป็นฉาก NC ที่ละมุนละมัยมากกก  กรี๊ดตัวแตก :-[ :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด