พิมพ์หน้านี้ - +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: kagehana ที่ 20-12-2014 09:57:10

หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 20-12-2014 09:57:10
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ด กรุณาอ่านทุกคน
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วย

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 1 แรกพบ
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 20-12-2014 09:59:21

-1-


ณ โรงแรมระดับหรูแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ที่ห้องแกรนด์บอลรูม มีงานแต่งงานของคุณหนูในแวดวงไฮโซ แขกเหรื่อในงานตอนนี้กำลังพากันชื่นชมคู่บ่าวสาวที่กำลังเต้นรำบนฟลอร์โดยมีเสียงเปียโนบรรเลงเพลงรักหวานๆประกอบ แต่ก็มีสาวน้อยใหญ่บางคนที่แอบละสายตาไปยังนักเปียโนหนุ่มน้อยผมยาวผู้มีนัยน์ตาโศก ปลายนิ้วเรียวยาวที่เคาะแป้นสีขาวก็ดูสวยงาม ใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆเรียกสายตาให้ผู้ที่มองผ่านต้องหยุด แล้วหันกลับมามองอีกครั้ง

ดนตรีจบลงพร้อมๆกับเสียงปรบมือของบรรดาแขก หลังจากเข้าไปชื่นชมเจ้าสาว บิดาของหล่อนก็เดินมาทางเปียโนพร้อมเริ่มบทสนทนากับ ‘เขา’

“ญาณัช... ขอบคุณมาก... คุณเล่นเปียโนได้เพราะจริงๆ”

“ไม่หรอกครับ... ผมก็แค่เล่นได้” เขายิ้มบางๆให้เป็นการถ่อมตัว

“แล้วคุณทานอะไรหรือยัง... ระหว่างนี้ไปพักทานก่อนก็ได้นะ พวกเด็กๆเขาคงอยากคุยกันมากกว่าฟังเพลงแล้วล่ะ” พูดจบเขาก็หัวเราะ นักเปียโนร่างเพรียวยกมือไหว้พร้อมเอ่ยขอบคุณตามมารยาท แล้วจึงลุกจากเปียโนหลังนั้น เดินมาหยิบจานเปล่าแล้วเริ่มตักอาหาร

‘ญาณัช’ หนึ่งในทายาทรุ่นที่สามของตระกูลประสิทธิ์พรวิวัฒน์ เด็กหนุ่มอายุ20ที่ไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยเพียงเพราะทางบ้านไม่อนุญาต เขาที่อยากเรียนดนตรีจึงออกมาทำงานพิเศษเพื่อเก็บเงินที่โรงแรมแห่งนี้ทุกคืน โดยปกติจะเล่นที่ห้องอาหารของโรงแรม แต่ก็มีหลายทีที่เขาต้องมาเล่นในงานเลี้ยงเช่นนี้หากทางโรงแรมขอร้อง

เรื่องที่เขามาทำงานที่นี่ไม่มีใครรู้ ญาณัชตั้งใจว่าจะเก็บเงินเพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม

ญาณัชตักกับข้าวใส่จานเพียงอย่างละนิดเพราะเขาไม่ใช่คนทานเยอะ แต่พอเจอกับบร็อคโคลี่ผัดกุ้งก็หยุดมอง ก่อนจะตักมากกว่าอย่างอื่นถึงเท่าตัวแล้วจึงเดินไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างซึ่งเป็นมุมเงียบสงบก่อนจะเริ่มทาน

รสชาติอาหารที่อร่อยถูกปากทำให้บนใบหน้ามีรอยยิ้มแต้มอยู่ ยิ่งตักบร็อคโคลี่มาทานก็ยิ่งรู้สึกว่าเชฟที่นี่ทำอาหารอร่อย แต่รอยยิ้มกลับจางหายไปจากใบหน้า คนที่แอบมองเขาอยู่อาจจะคิดว่าบร็อคโคลี่นั้นไม่อร่อยถูกปาก แต่จริงๆแล้วเปล่า... สำหรับญาณัชแล้ว บร็อคโคลี่ผัดกุ้งจานนี้อร่อยมากจนเขาหวนนึกถึงคนที่ไม่ได้อยู่กับเขาอีกต่อไปแล้ว

...ถ้าอาพีทได้ทาน...

...อาพีทต้องชอบแน่ๆ...

อาพีทที่ญาณัชคิดถึงก็คือ ‘พิชญ์’ ผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพ่อของเขา ตอนที่ญาณัชอายุได้สี่ขวบ พ่อกับแม่ของเขาก็ประสบอุบัติเหตุทางเครื่องบินเสียชีวิต และในตอนนั้น คนที่รับเขามาดูแลราวกับเป็นลูกก็คือพิชญ์

ตอนแรกๆ ญาณัชไม่ค่อยเข้าใจเวลาได้ยินคนในบ้านแอบคุยกันถึงพิชญ์ว่าเป็นเกย์ เป็นตัวประหลาด พอโตขึ้นมาหน่อยก็เลยไปถามเอากับเจ้าตัวด้วยความซื่อ คำตอบที่ได้คือเสียงหัวเราะก่อนที่คำอธิบายจะตามมา

‘แต่ว่าผู้ชายต้องชอบผู้หญิงไม่ใช่เหรอฮะ’ เด็กผู้ชายตัวเล็กที่นั่งอยู่บนพื้นห้องเงยหน้าถาม

‘ฮ่าๆ นั่นก็ใช่ แต่อาไม่ชอบนี่... ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ จริงไหมนัท’ ชายหนุ่มผมยาวหน้าตาสะอาดอ้านเอื้อมมือมาลูบศีรษะด้วยความเอ็นดู

‘แต่พวกลุงๆป้าๆชอบว่าว่าอาพีทแปลกแล้วก็ประหลาดนี่ฮะ... นัทไม่ชอบเลย’ ญาณัชทำหน้ายุ่ง

‘ถึงจะแปลก ถึงจะประหลาด... แต่ถ้าเรื่องที่อาชอบ ไม่ได้ทำร้ายหรือทำให้ใครเดือดร้อน ก็ไม่เป็นไรหรอก... เหมือนกับที่นัทไม่ชอบกินไข่ดาวยังไงล่ะ... ไม่มีใครเดือดร้อนจากการที่นัทไม่กินจริงไหม ถึงคนทั่วไปจะมองว่าประหลาดเพราะไข่ดาวเขาก็กินกันทุกคน แต่ก็ไม่มีใครตายเพราะนัทไม่กินไข่ดาว จริงไหม.... คนเรา ชอบอะไรไม่เหมือนกัน... ใช่ไหมนัท’

‘...ฮะ’

‘เข้าใจแล้วก็... ไปหาอะไรกินกันดีกว่า วันนี้ไปกินที่ร้านกุ้งกันเถอะ’ พิชญ์ลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมทั้งแตะหลังหลานรักเบาๆเป็นการบอกให้ลุกขึ้น

‘เมื่อวันก่อนก็เพิ่งไปมานะฮะอาพีท’

‘แต่บร็อคโคลี่ผัดกุ้งที่นั่นน่ะ อร่อยสุดยอดแล้วนะ เราก็ชอบเหมือนกันไม่ใช่เหรอนัท’

‘นัทชอบกะหล่ำผัดแฮมมากกว่าฮะ แต่ไม่เป็นไร อาพีทชอบก็ไปกินกัน’ รอยยิ้มสดใสปรากฎบนใบหน้ากลมๆของเด็กน้อย เขารีบกระโดดใส่หลังพิชญ์ ก่อนที่เสียงหัวเราะจะตามมา

นึกถึงตรงนี้ขอบตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ญาณัชรีบสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะลงมือทานต่อให้หมด ไม่นานนัก อาหารบนจานใบใหญ่หายไปจนหมด เหลือเพียงบร็อคโคลี่ผัดกุ้งครึ่งนึงจากที่ตักมาทิ้งไว้บนจาน เขายกมือประสานกันเป็นการไหว้ข้าว สิ่งที่พิชญ์สอนมาตั้งแต่เด็ก ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินหาเครื่องดื่ม

พักอยู่ได้ไม่นาน เขาก็ได้รับการเชิญให้ไปบรรเลงเพลงรักอีกสองสามเพลงก่อนจะเริ่มพิธีส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ คำชื่นชมมากมายที่ได้รับทำให้ต้องโค้งขอบคุณด้วยความเขินอาย ญาณัชปลีกตัวออกมาด้านนอกเมื่อแขกทุกคนไปส่งตัวเจ้าสาวกัน ร่างโปร่งในชุดสูทสีดำมียี่ห้อเดินไปนั่งที่แกรนด์เปียโนหลังใหญ่ตรงล็อบบี้

ตรงล็อบบี้นั้นมีแขกมานั่งทานกาแฟอยู่แค่คนสองคน ญาณัชหลับตาลงก่อนจะเริ่มเล่นเพลงRomance d’Amour เพลงแรกๆที่เขาเล่นเป็นตอนเริ่มหัดเล่นเปียโน... เพลงที่พิชญ์ชอบฟังเวลาทำงาน

ใบหน้าของพิชญ์ยามยิ้มแย้มพร้อมคำชื่นชมในตัวเขาผุดขึ้นมาในมโนภาพ เพลงรักแสนหวานกลับฟังดูเศร้าสร้อยและโหยหา สองปีที่ผ่านมาหลังจากพิชญ์ตายจากไป ญาณัชยังไม่สามารถลบความโศกเศร้าออกจากหัวใจได้

เมื่อบทเพลงจบลง มีเสียงปรบมือดังขึ้นเบาๆจากมุมหนึ่ง เมื่อญาณัชหันไปดูก็พบกับหญิงสูงวัยร่างเล็กในชุดสูทผ้าไหมราคาแพงยืนอยู่ เด็กหนุ่มรีบยกมือขึ้นไหว้ก่อนจะลุกจากเปียโนแล้วเดินเข้ามาหา

“คุณพลอย... สวัสดีครับ” เขาเอ่ยทักทาย‘คุณพลอย’ เจ้าของโรงแรมแห่งนี้

“เล่นได้เพราะเหมือนเคยนะ...” หล่อนเอ่ยชม บนใบหน้ามีริ้วรอยแห่งวัยปรากฎให้เห็นชัดเมื่อเธอยิ้ม

“ขอบคุณครับ”

“คืนนี้ดึกไปหน่อยนะ... นอนที่นี่ไหม... ฉันจะได้เปิดห้องให้”

“...คงต้องรบกวนคุณพลอยด้วยนะครับ” ญาณัชเรียนรู้ที่จะไม่ตอบปฏิเสธ เพราะก่อนหน้านี้หากปฏิเสธ พลอยก็จะรบเร้าให้แท็กซี่ของโรงแรมไปส่งที่บ้าน ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น ความคงแตกว่าเขาทำงานที่นี่

“ไปขอคีย์การ์ดที่เคาน์เตอร์เหมือนเดิมได้เลยนะ... แล้วไว้พบกัน”

เด็กหนุ่มยกมือไหว้อีกครั้ง แล้วยืนรอให้หล่อนเดินจากไปก่อน - - - หากให้คิดถึงเรื่องกลับบ้านกับนอนค้างที่นี่ ญาณัชก็ไม่ค่อยอยากจะกลับไปที่บ้านประสิทธิ์พรวิวัฒน์สักเท่าไหร่นัก เมื่อวานเพิ่งมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นที่บ้าน อยู่ๆ พลภัทร ประธานคนปัจจุบันผู้มีศักดิ์เป็นลุงของเขาก็พาชายหนุ่มคนหนึ่งมาแนะนำว่าชื่อ ‘ชยางกูร’ โดยบอกว่าเป็นลูกที่เกิดกับภรรยาที่อเมริกา พูดง่ายๆก็คือลูกเมียน้อย พลภัทรบอกทุกคนในตระกูลให้รับรู้ว่า ชยางกูร จะมารับช่วงต่อบริษัทจากเขา และนั่น ทำให้คณัสนันท์ ลูกชายแท้ๆผู้ควรจะได้ตำแหน่งนั้นไม่พอใจจนถึงกับโวยลั่น สำหรับญาณัชแล้ว ใครจะสืบทอดอะไรยังไง เขาไม่สนใจนัก แต่เขาก็นึกสงสารคณัสนันท์อยู่ไม่น้อย เพราะเขารู้ว่าญาติผู้พี่ของเขาคนนี้ตั้งใจเรียนตามคำสั่งของพลภัทรขนาดไหน ในสายตาของญาณัชนั้น ชยางกูรดูเป็นคนรักสนุกมากกว่านักธุรกิจ ผมยาวสีทองกับต่างหูยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของว่าที่ประธานดูแย่ลงกว่าเดิม รูปร่างสูงโปร่งกับใบหน้าคมคายนั้นคงได้มาจากมารดาที่เป็นฝรั่ง ผู้ชายที่ดูดีแบบนี้คงไม่พ้นคำว่าเพลย์บอยแน่ๆ

แต่พิชญ์เคยสอนว่าอย่ามองคนแค่ที่เห็นจากภายนอก...

พอคิดได้อย่างนั้น ญาณัชก็เลิกเปลืองความคิดกับเรื่องที่บ้าน เขาตัดสินใจเดินไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ของโรงแรมเพื่อรับคีย์การ์ด - - - เมื่อรับการ์ดใบเล็กมาถือไว้ในมือแล้ว ร่างบางก็มุ่งหน้าไปที่ลิฟต์ แต่กลับไปสบตากับคนๆหนึ่งเข้า รูปร่างสูงใหญ่ในเครื่องแบบเชฟนั้นดูสะดุดตา

ญาณัชไม่ได้คิดอะไร เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าคนๆนี้ตามเขามาตั้งแต่ตอนที่เขาออกมาจากงานแต่งงาน แต่พอเขาเดินผ่านเข้าลิฟต์ไป ผู้ชายร่างสูงคนนั้นก็สอดตัวเข้าตามเข้ามาในลิฟต์ ญาณัชใช้หางตามองด้วยความแปลกใจ บรรยากาศชวนอึดอัดก่อตัวขึ้นมาจนเขาต้องเงยหน้ามอง นัยน์ตาสีเขียวแปลกที่มองมาราวกับมีเรื่องไม่พอใจ ด้วยความที่เขาถูกอบรมมาดีพอ ถึงแม้จะไม่ได้ยิ้มให้แต่ก็เอ่ยถามอย่างมีมารยาทและสุภาพ

“ไม่ทราบว่า... มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”

คำถามที่ถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้น นัยน์สีเทาอมเขียวจ้องกลับไปหากแต่ก็ไม่ยอมปริปากพูดออกมา ร่างสูงเอนหลังพิงโลหะเย็นๆก่อนจะเริ่มให้ความสนใจกับรองเท้าสีดำที่ขัดจนมันปลาบของตนเอง แต่แล้วเสียงขยับตัวของอีกฝ่ายก็ทำให้ต้องละสายตาออกมา

“ขอโทษนะครับ...”

เชฟหนุ่มเงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มจางๆที่แต้มไว้บนริมฝีปาก “ครับ?”

“ไม่ทราบว่า... มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” เด็กหนุ่มผมยาวสีดำขลับถามย้ำเป็นครั้งที่สอง คราวนี้นัยน์ตาอมโศกกลับจ้องตรงมาราวกับจะเค้นคำตอบ

“เพลงของคุณเพราะมากเลยครับ...ถึงจะเป็นเพลงที่ไม่รู้จักชื่อก็ตาม” เขาสะบัดปลายชุดคลุม เครื่องแบบสีขาวของเชฟประจำโรงแรมที่ถูกขอร้องให้ใส่แทนชุดเชฟปกติไม่ค่อยจะพอดีเท่าไร ด้วยอาจจะเป็นเพราะว่าชุดตัวนี้เป็นของใหม่ เนื้อผ้าแข็งด้านและสีขาวของมันเลยสะอาดเกินความเป็นจริง สำหรับคนภายนอก...มันอาจจะดูดีและมีราคาสูง หากแต่สำหรับคนที่สวมอยู่แล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรกับหน้ากากสวยงามที่ถูกประดับด้วยเพชรวูบวาบที่เป็นของปลอม

“ขอบคุณครับ” ญาณัชเอ่ยขอบคุณ หากแต่เขาก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเพราะเรื่องแค่นี้...จะทำให้คนตรงหน้าถึงกับมายืนอยู่ในลิฟท์ตัวเดียวกันได้

“ผมเป็นเชฟของงานเมื่อครู่ เลยมีโอกาสได้ฟังเพลงของคุณตลอดทั้งงาน” ชายหนุ่มผมสีทองยาวถึงเอวแนะนำตัวทั้งที่ชุดที่สวมอยู่ก็เป็นตัวบอกได้อย่างดีอยู่แล้ว

“อาหารในงานอร่อยมากเลยครับ” ญาณัชชมกลับ เขาไม่ได้พูดโกหกเลยแม้แต่น้อย อาหารที่งานนั้นเป็นอาหารนานาชาติที่จัดออกมาได้อย่างลงตัว ทั้งสีสัน ความสวยงาม และรสชาติ ไม่มีสิ่งใดย่อหย่อนไปกว่ากันเลย

“อย่างนั้นหรือครับ” คนได้รับคำชมหรี่ตาลง “คุณคิดอย่างนั้นจริงๆหรือครับ”

‘ทยุต’ เชฟหนุ่มเจ้าของผลงานในวันนี้ทั้งหมดถามด้วยอาการนิ่งๆ ในงานเขาเห็นนักเปียโนคนนี้เดินมาตักอาหารอย่างละนิดละหน่อยในโซนของอาหารไทยก่อนจะเดินไปนั่งกินเงียบๆในที่ปลอดสายตาคน แต่มันอาจจะเป็นเหตุบังเอิญที่เขายืนประจำอยู่ในที่ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ในตอนแรกๆคนๆนี้ก็กินด้วยท่าทางที่ดูจะมีความสุขดี แต่จู่ๆก็หยุดชะงักลง และถึงแม้จะกินต่อ สุดท้ายก็เหลืออาหารอย่างหนึ่งไว้ในจาน

“ครับ” ญาณัชย้ำอีกครั้ง เขาเห็นรอยยิ้มจางๆเริ่มเลือนหาย

ไฟสัญญาณบอกชั้นไล่ขึ้นไปตามตัวเลข เหลืออีกเพียงห้าชั้นเขาก็จะได้ออกไปจากกล่องแคบๆนี้แล้วไปอาบน้ำแช่ตัวพักผ่อนร่างกายเสียที การเล่นเปียโนเป็นสิ่งที่เขารัก...แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่เหนื่อย เด็กหนุ่มมองเชฟที่ยืนอยู่อีกฝั่งของลิฟท์ พอลองดูจริงๆแล้วกลับต้องทึ่งในภาษาไทยที่พูดออกมาได้ชัดเจนทั้งที่ลักษณะภายนอกดูจะเป็นชาวต่างชาติ ไหนจะสีผมที่ดูก็รู้ว่าเป็นสีธรรมชาติ แถมด้วยความสูงที่ต่างกัน และบรรยากาศรอบกายอีก

“คุณอยู่เมืองไทยมาหลายปีแล้วหรือครับ ภาษาไทยของคุณชัดเจนมากเลย”

“ผมเป็นคนไทยครับ” ทยุตตอบกลับไป “ถึงจะดูแปลก... แต่ว่าผมเกิดที่นี่และโตมาที่นี่” ชายหนุ่มมองหาความประหลาดใจที่มักปรากฏในแววตายามที่เขาบอกกับใครๆว่าเขาเกิดที่นี่ นัยน์ตาเรียบจนติดจะดุมองสบตาเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

ญาณัชเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย

“ครับ” เขาตอบรับเพียงเท่านั้นเพราะลิฟท์ที่เคลื่อนขึ้นมาถึงชั้นสูงสุดหยุดลงเสียก่อน ชายหนุ่มกดลิฟท์ค้างให้ประตูเปิดไว้แล้วยืนชิดริมรอให้คนที่อยู่ด้วยกันออกไปก่อน

“เชิญก่อนเลยครับ” ทยุตก้าวเข้าไปยืนใกล้ๆแล้วแตะนิ้วลงไปบนปุ่มเดียวกัน โดยที่ไม่รู้ตัวท่อนแขนและร่างกายบางส่วนกลับเสียดสีกัน เขาก้มหน้ามองคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักเช่นเดียวกับญาณัชที่เงยหน้าขึ้นสบตาพอดี หลายครั้งที่เชฟหนุ่มนึกคุ้นกับใบหน้าเศร้าๆนี้ แต่นึกเท่าไรเขาก็นึกไม่ออกเสียที

“ขอโทษครับ” ชายหนุ่มพูดแล้วเบี่ยงตัวหลบ

“..ค..ครับ..” ญาณัชก้าวออกไปนอกลิฟท์ สำหรับเขาที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกับการอยู่กับคนแปลกหน้าตามลำพังแล้ว สถานการณ์เมื่อครู่เป็นเหตุแปลกเสียยิ่งกว่าแปลกเท่าที่เคยเจอมา กลิ่นหอมจางๆที่โชยมาตอนร่างกายใกล้ชิดกัน...มันเป็นกลิ่นอะไรกันนะ

ตามหลักแล้วอีกฝ่ายที่เป็นคนทำอาหารน่าจะมีกลิ่นของมันติดไม่ใช่หรือ แต่นี่...มันเป็นกลิ่นคล้ายน้ำหอมเจือจาง ไม่เหม็นฉุน กลิ่นอ่อนๆกลับให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

คล้ายกับกลิ่นนมอุ่นๆในถ้วยใบโต...หรือกลิ่นของเค้กอะไรสักอย่าง

“แล้วเจอกันครับ”

“อ๊ะ!?”

ญาณัชอุทานขึ้น ลิฟท์ปิดไปเสียแล้ว แถมอีกฝ่ายก็ยังไม่ได้ออกมาด้วย เขายืนรอครู่หนึ่งเผื่อว่าคนข้างในจะออกมา แต่ไฟสัญญาณของลิฟท์ที่ปิดหนีไปกลับบอกว่ามันเคลื่อนตัวลงไปชั้นล่าง

เด็กหนุ่มเอียงคอมอง แต่สุดท้ายก็เลือกการกลับไปนอนในห้องพัก มากกว่ายืนรอคนที่ไม่รู้จัก

...แล้วเจอกันงั้นหรือ...

ญาณัชหมุนคีย์การ์ดในมือเล่นช้าๆ...ก่อนที่จะเสียบมันเข้าไปตรงช่องด้านหน้าแล้วพาตัวเองเข้าไปในห้องพร้อมปิดประตูตัดโลกภายนอกทิ้งไว้เบื้องหลังอย่างรวดเร็ว





To be continue...



kagehana : คุณเชฟ น้องนัท >< นิยายเรื่องแรกสุด จุดเริ่มต้นของซีรีย์บ้านประสิทธิพรวิวัฒน์ใน Scar : ตราบาปไร้รอยเลือนค่ะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32704.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32704.0) <<จิ้มไปอ่านย้อนกันได้นะคะ /โฆษณาแฝง 555
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 1 แรกพบ
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 20-12-2014 13:57:08
ปูเสื่อรอออน้องนัท :katai5: :katai5:
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 2 รอยแผล [22/12/14]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 22-12-2014 15:36:49
-2-


 
ลิฟท์จอดลงที่ชั้นล่างสุดอันเป็นสถานที่จัดเลี้ยงเมื่อครู่ ทยุตเดินออกมาแล้วหยุดมองงานเลี้ยง บรรยากาศหวานชื่นผ่านพ้นไปแล้ว เหลือเพียงเบื้องหลังและการจัดการที่ต้องทำในระยะเวลาจำกัด เขาหยุดมองที่แกรนด์เปียโนแล้วพาลนึกไปถึงคนที่เล่นอยู่เมื่อครู่ คนที่ทำให้เขาติดใจกับการกระทำบางอย่างจนทิ้งงานในส่วนที่เหลือขึ้นลิฟท์ตามไปทั้งที่ไม่ได้มีธุระอะไรเลย

“เชฟทยุตครับ พวกหม้อฝาปิดอลูมิเนียมนี่จัดการยังไงดีครับ”

ทยุตหันไปตามเสียงเกรงๆที่เรียกชื่อเขา เชฟรุ่นน้องที่ทางโรงแรมจัดให้เป็นผู้ช่วยของเขายืนอยู่ด้วยท่าทีนอบน้อมเป็นพิเศษ

“แยกเศษอาหารแล้วก็ส่งไปทางห้องทำความสะอาดเลยแล้วกัน ผมฝากเรื่องจานชามด้วยนะ”

เขายกแขนรวบเส้นผมสีทองให้แน่นขึ้น หน้าตาทั้งหลายเป็นของงานฉันใด ภาระเก็บล้างหลังงานก็ตกเป็นคนที่ถูกจ้างฉันนั้น เชฟระดับสูงส่วนใหญ่อาจจะกลับทันทีที่งานเลิก แต่สำหรับเขาแล้วงานทำความสะอาดก็เป็นขั้นตอนหนึ่งของการทำอาหารเช่นกัน ทยุตไม่เคยรังเกียจงานเก็บล้าง เขามีน้ำใจมากพอๆกับความเงียบขรึม และทุกสิ่งทุกอย่างก็ผสมผสานกันทำให้ทยุตเป็นคนที่ทุกคนให้ความเคารพ

หลังจากที่ทุกสิ่งทุกอย่างจบลงเวลาก็ล่วงเข้าไปสู่วันใหม่ เขาเดินออกมานอกโรงแรมไปยังลานจอดรถใกล้ๆ มือใหญ่ดึงผ้าใบกันน้ำค้างออกแล้วก้าวคร่อมบนอาน เขาขี่มันออกทางด้านหน้าของโรงแรมพลางนึกห่วงสองคู่กัดที่ถูกให้เฝ้าบ้านหลายชั่วโมง ที่แฮนด์รถมีถุงใส่เนื้อไก่และซุปเนื้อที่เหลือจากงานเลี้ยงแขวนไว้อยู่ เชฟรุ่นน้องที่เลี้ยงหมาเหมือนกันเก็บแยกเอาไว้ให้ เพราะเป็นคนรักสัตว์ เขากับคนๆนี้เลยสนิทสนมกันมากพอสมควร

ภายใต้ท้องฟ้ายามรัตติกาลที่มีหมู่ดาวพร่างพราย นัยน์ตาสีเทาอมเขียวกลับหยุดมองอยู่เพียงแสงไฟจากชั้นบนสุดของโรงแรม...

...แล้วเจอกันงั้นหรือ...

...อะไรที่ทำให้พูดออกแบบนั้นนะ...

/////////////////////////////////////////


ตราบใดที่แกยังอยู่ในบ้านหลังนี้ แกต้องอยู่ในงานเลี้ยงที่ฉันจัด’

ญาณัชถอนหายใจออกมาเมื่อนึกถึงตอนที่ถูกเรียกตัวไปพบ คืนนี้ที่ดาดฟ้าของบ้านประสิทธิ์พรวิวัฒน์จะมีงานเลี้ยงต้อนรับชยางกูร ว่าที่ประธานคนใหม่ ซึ่งบรรดาญาติๆทุกคนรวมไปถึงเพื่อนสนิทของคนในครอบครัวก็ได้รับเชิญกันมาทั้งนั้น

...แต่เขาไม่อยากไป

ปกติคืนวันอาทิตย์เขามักจะใช้เวลาอยู่ในห้อง ทำข้าวเย็นทานเอง แล้วมักจะเปิดเพลงที่พิชญ์ชอบฟังไม่ก็เล่นเปียโนในห้องมืดๆที่มีเพียงแสงจากท้องฟ้าจำลองขนาดพกพา ญาณัชไม่เคยสนใจว่าวันอาทิตย์เป็นวันที่ทุกคนต้องมาทานข้าวเย็นพร้อมหน้ากัน เพราะการทานข้าวร่วมกันครั้งแรกหลังจากงานศพของพิชญ์ หลายคนดูจะดีใจที่ไม่ต้องมี ‘ตัวประหลาด’ อยู่ในบ้าน

...เพียงเท่านั้น ครั้งเดียวก็เกินพอ

‘ถ้าไม่อยากนักก็ลองคิดดูว่าคนอื่นๆจะว่ายังไง หลานชายที่พีทเที่ยวบอกกับทุกคนว่าเลี้ยงมาเองเป็นเด็กดีเสียมากมายกลับไม่มีมารยาทในสังคม’

เพราะไม่อยากให้ใครมาว่าพิชญ์..

ปลายคัตเตอร์ถูกดันออกมาก่อนจะจรดลงกับข้อมือ รอยแผลตกสะเก็ดจางๆกับรอยยาวๆที่เป็นสีจางปรากฏให้เห็นมากกว่า10รอย

...ถ้าไปงานแล้วทำให้อาพีทไม่ถูกว่า...

...นัททำได้...

...ทำได้ครับ...

คมมีดกดลงช้าๆก่อนที่เลือดจะเริ่มซึมออกมา นัยน์ตาเศร้าที่ว่างเปล่าคล้ายจะชินชากับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น

...เจ็บแป๊บเดียว...

...เดี๋ยวก็หาย...

///////////////////////////////////////////////


วันนี้ ทยุตต้องเข้ามาที่บ้านประสิทธิ์พรวิวัฒน์เร็วกว่าปกติเพื่อเตรียมอาหารสำหรับงานเลี้ยง แต่ก่อนที่จะได้เตรียมอาหาร ‘เพ็ญแข’ ภรรยาของพลภัทรจะพาเขาแนะนำส่วนอื่นๆในบ้านเป็นครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ที่เขามาทำอาหารเย็นที่นี่ ก็ทำอยู่แค่ในครัวชั้นล่าง แล้วยกมาเสิร์ฟที่ห้องอาหาร ครั้งนี้เขาเดินตามเพ็ญแขเข้าไปในลิฟท์ แล้วหล่อนก็เริ่มพูด

“คุณพ่อท่านอยากให้พี่น้องในตระกูลอยู่ด้วยกัน เลยสั่งให้สร้างบ้านให้เป็นคอนโดอย่างที่เชฟเห็นว่าจะมีทั้งหมดแปดชั้น... ถ้าไม่นับชั้นล่าง ตั้งแต่ชั้นสองจนถึงชั้นเจ็ดก็มีชั้นละสองห้อง แบบเดียวกับคอนโดเป๊ะๆเลยล่ะ”

ประตูลิฟท์เปิดออก ร่างสูงใหญ่ยืนรอให้เจ้าบ้านเดินออกก่อนแล้วเขาจึงเดินตาม ดาดฟ้าเป็รลานกว้างปูด้วยกระเบื้องสีน้ำตาลอ่อน กว้างพอที่จะเชิญแขกได้ถึง100คน ทยุตมองไปรอบๆเพื่อกะบริเวณที่ว่างอาหาร

“วันนี้ส่วนใหญ่เด็กๆจะนอนอยู่บ้านกัน... เอ่อ ก็ในห้องตามชั้นนั่นแหละ... แต่กว่าจะได้เห็นหน้ากันก็มื้อเย็น.... คืนนี้ฉันจะแนะนำทุกคนให้รู้จักอีกทีก็แล้วกันนะ”

ทยุตไม่ได้สนใจจะรู้จักคนในตระกูลนี้ขนาดนั้น เขาคิดว่าก็แค่มาทำงานตามสัญญาว่าจ้าง ไม่ได้แปลว่าจะทำที่นี่ไปจนแก่

...อย่างน้อยๆก็อยากจะเปิดร้านอาหารของตัวเองมากกว่า...

เพ็ญแขพาเขาแนะนำส่วนอื่นๆของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำที่อยู่แต่ละชั้นโดยไม่ต้องเข้าไปรบกวนในบ้านของใคร ห้องหนังสือ หรือโรงหนังขนาดเล็กหล่อนก็พาเขาไปดูจนทั่ว โดยให้เหตุผลว่า หากที่บ้านจะจัดงานเลี้ยงที่ชั้นล่างหรือในสวนด้านนอก เขาจะได้รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน จะได้ไม่ต้องพามาเดินดูกันอีกรอบ

แต่ทยุตก็ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดมากมายขนาดนั้น...

...แค่จำเรื่องที่ต้องจำก็พอแล้ว...

ญาณัชหยิบเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวมียี่ห้อที่พิชญ์ซื้อให้ออกจากตู้มาสวมลงบนตัว เด็กหนุ่มเช็คดูให้ดีว่ารอยแผลที่เผลอกรีดข้อมือไปเมื่อเช้าถูกปกปิดไว้มิดชิดภายใต้แขนเสื้อที่ยาวเลยข้อมือ เขาหวีผมให้เรียบร้อย แล้วแต้มน้ำหอมกลิ่นBlue Oceanที่หลังใบหูทั้งสองข้างและที่ข้อมือ ญาณัชเช็คความเรียบร้อยของตัวเองในกระจกอีกครั้งก่อนจะหันมามองรูปของพิชญ์ที่แขวนอยู่

“นัทไปนะครับอาพีท ถ้ามีของโปรดของอาพีทนัทจะบอกนะครับ”

โลกส่วนตัวของเขาที่ชั้นเจ็ดถูกปิดลง ก่อนที่เจ้าของห้องจะเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นดาดฟ้า

“พี่ยุ หวัดดีครับ”

“อ้าว นัท... หวัดดี หวัดดี” ณธายุทักทายกลับญาติผู้น้องที่ไม่ได้พบกันนาน

“ร้านกาแฟเป็นยังไงบ้างครับ” ญาณัชเอ่ยถาม เขาติดจะชื่นชมในความแน่วแน่ของคนๆนี้ ที่กล้าออกมาเปิดร้านตามความต้องการของตัวเอง

“ก็เรื่อยๆน่ะ คงยังไม่เจ๊งในวันสองวันนี้หรอก”

“ยุ” ชายหนุ่มร่างสูงกับผมสีทองโดดเด่นเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

“เดฟ... นี่ลูกพี่ลูกน้องฉันเอง ชื่อนัท”

“ฮาย... ผมสวยดีนะ... ย้อมสีไหม”

ญาณัชถึงกับอึ้งในความสนิทสนมแบบมากๆจากชยางกูรที่มาจากไหนก็ไม่รู้ พออีกฝ่ายตั้งท่าจะจับปลายผมของเขา ร่างบางก็รีบถอยตัวออกมา

“เดี๋ยวผมไปเดินดูรอบๆก่อนนะครับ”

ญาณัชรีบปลีกตัวออกมา เขาไม่ได้คิดจะทักทายใครนอกจากคนที่ไม่เกลียด เขาเพียงต้องการกินข้าว และพูดคุยกับคนที่เข้ามาคุยด้วยเท่านั้น และไม่คิดจะพูดนานหากต้องถูกซักมากเกินความจำเป็น

มือผอมบางหยิบจานแบนกลมขึ้นมา แต่ก่อนที่จะได้ขยับไปไหนก็มีเสียงเรียกจากทางหนึ่ง

“นัท มานี่ซิ” เพ็ญแขในชุดกระโปรงผ้าชีฟองกวักมือเรียก ข้างกายมีชายร่างสูงในเครื่องแบบเชฟยืนอยู่ ญาณัชวางจานคืนที่เดิมแล้วจึงเดินเข้าไปหา

แต่พอเข้าไปใกล้และได้เห็นหน้าของเชฟชัดๆ ญาณัชถึงกับตกใจจนต้องรีบเก็บอาการทั้งหมดแล้วทำสีหน้าเรียบเฉยเหมือนคนไม่เคยเจอหน้ากัน

“ครับ?”

“คนนี้คือเชฟที่มาทำข้าวเย็นให้ที่บ้าน... ชื่อทยุต เราไม่เคยลงมากินด้วยก็เลยไม่ได้เจอสักทีไง...... คุณทยุต นี่ญาณัช หลานชายคนเล็กของฉันเอง”

ญาณัชยกมือไหว้ก่อนจะเอ่ยตามมารยาท

“สวัสดีครับ... ผมยังไม่ได้ชิมฝีมือเชฟเลย...... ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวไปลองชิมก่อนนะครับ” เขารีบถอยออกมาก่อนที่ทยุตอาจจะได้เผลอพูดอะไรมากกว่านี้

ทว่า... ทยุตนั้นติดใจแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำเหมือนคนไม่เคยเจอกัน ในขณะเดียวกันปริศนาที่คิดว่าเคยเห็นญาณัชที่ไหนมาก่อนก็คลายออก เพราะจากคำบอกเล่าของเจ้าบ้าน ถึงแม้เด็กหนุ่มตรงหน้าจะไม่เคยมาร่วมโต๊ะอาหารก็ตาม แต่ก็คงได้เห็นแบบแวบๆเลยคุ้นกับใบหน้านี้

ต่างกับญาณัชที่แม้จะเก็บอาการได้ดีเยี่ยมแต่กลับรู้สึกหวาดกลัวและระแวง หัวใจเต้นผิดจังหวะด้วยความหวาดหวั่น ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเจอเขาที่โรงแรมแล้วรู้จักกับครอบครัวของเขา ญาณัชไม่เคยป่าวประกาศ ไม่เคยให้ใครรู้ว่าเขานามสกุลอะไร เขาไม่เคยออกงานสังคมจึงไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ตอนนี้กลับมีคนที่รู้จักเขาในฐานะนักเปียโนปรากฏตัวขึ้น ถึงจะไม่ใช่คนใกล้ตัวกับเขาแต่ก็ใกล้กับคนในครอบครัว

...ถ้าความแตกคงไม่ดี...

ร่างบางวางแก้วไวน์ในมือลงบนโต๊ะเมื่อเห็นทยุตเดินปลีกตัวออกไป ญาณัชเดินตามอีกฝ่ายไปโดยเว้นระยะห่างไว้ พอทยุตเดินเข้าห้องน้ำไป เด็กหนุ่มก็รีบตามเข้าไปทันที

เมื่อทยุตเงยหน้าขึ้นมาจากการล้างหน้าล้างตา เขามองเงาตัวเองสะท้อนในกระจกตรงหน้าและก็ต้องตกใจเมื่อเห็นญาณัชเดินเข้ามา

ร่างสูงหันมาเผชิญหน้ากับคนตัวเล็กเป็นหนที่สอง

“ขอโทษนะครับ อาจจะสร้างปัญหาให้แต่.... เรื่องที่ผมเล่นเปียโนที่โรงแรมช่วยเก็บเป็นความลับได้ไหมครับ”

“ครับ” หลังจากที่ยืนนิ่งอยู่สักครู่เชฟหนุ่มก็รับคำในที่สุด

ทยุตเหลือบตามองรอยยิ้มที่เกือบเรียกได้ว่าพึงพอใจของอีกฝ่าย รอยยิ้มเย็นและนิ่งขรึมเหมือนใครคนหนึ่งที่เขารู้จักจากคำบอกเล่ามาตลอด นัยน์ตาสีเทาอมเขียวเปลี่ยนเป็นจ้องใบหน้าของอีกฝ่าย ถ้าจำไม่ผิดตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่...ตอนที่เขายังไม่ได้เป็นเชฟเต็มตัวแม่เคยพูดถึงเด็กคนหนึ่งให้ฟัง

 ‘...น้องนัท...’ คำเรียกชื่อที่แฝงความเอ็นดูอย่างชัดเจนรวมถึงคำบ่นต่างๆว่าไม่ยอมกินข้าวบ้างล่ะ ไม่ค่อยร่าเริงมั่งล่ะ รวมถึงการที่แม่ของเขาสรรหาเรื่องราวต่างๆมาเล่าทั้งที่ไม่ได้สนิทกับเด็กคนนั้นทำให้ทยุตรู้ว่านอกจากตัวเองแล้ว คนที่แม่ของเขาชอบมากอีกคนก็คือเด็กคนนั้น เด็กชายที่มีดวงตาอมโศก...

ดวงตารียาวมองปราดอีกครั้ง แม้จะไม่แน่ใจเท่าไหร่แต่คนตรงหน้านี้อาจจะเป็น ‘น้องนัท’ ด้วยลักษณะท่าทางคล้ายกับเด็กที่เคยได้ยินเมื่อรวมกับกาลเวลาที่ผ่านไปอายุของน้องนัทคงราวๆกับคนตรงหน้า

ญาณัช— น้องนัท งั้นหรือ?

“น้อง...เอ่อ....” ทยุตกัดริมฝีปากตัวเอง เผลอจะเรียกตามวีธีเรียกของแม่ไปเสียแล้ว ใบหน้าที่ติดจะซีดเซียวเล็กน้อยของอีกฝ่ายมีสีหน้าสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

การที่เขาเป็นคนปรุงอาหารทำให้รู้ว่าน้องนัทของแม่ตนเองในตอนนี้ ไม่ใช่คนที่สุขภาพดีสักเท่าไร ดูเหมือนนิสัยเลือกกินกับการกินอาหารเหลือติดจานก็ยังคงเดิม แก้มที่ไม่ค่อยมีเลือดฝาด ท่าทางจะอ่อนแรงง่ายและที่สำคัญคือ หน้าตาอันอ่อนระโหย

ในฐานะที่เป็นคนรู้จักเพียงข้างเดียว ทยุตทนไม่ได้ถ้าจะเห็นเด็กที่แม่เอ็นดูต้องเติบโตแบบแปลกๆ ไอ้การคำพูดที่ว่าโตๆกันแล้วปล่อยไปเถอะยังไงๆก็เปลี่ยนไม่ได้ มันไม่ใช่นิสัยของเขาเลยสักนิด

...คงต้องทำอะไรบางอย่าง...

“แต่ว่า...”

“แต่ว่า?” ญาณัชทวนคำที่อีกฝ่ายพูด

“เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนที่ผมรักษาความลับ...ถ้าผมจะขอวันหนึ่งในทุกๆสัปดาห์ของคุณ...จะขัดข้องไหมครับ”

“ไม่ทราบว่าเชฟ...เอ่อ...คุณ...ทยุต..ใช่ไหมครับ..” เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าเขาจึงพูดต่อ

“คุณทยุตจะต้องการไปทำไมหรือครับ” ข้อแลกเปลี่ยนของชายหนุ่มเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจ ถ้าหากว่าเชฟหนุ่มพูดด้วยแววตากรุ้มกริ่มก็พออนุมานได้ว่านี่เป็นวิธีจีบแบบใหม่ แต่นี่ นอกจากสายตาจริงจังแล้วน้ำเสียงยังเย็นชาจนญาณัชไม่สามารถคิดเป็นอย่างที่ว่าได้เลย เขาไล่มองเพื่อหาความรู้สึกที่อาจจะถูกซ่อนไว้แต่ว่ามันก็ไม่มีอะไรนอกจากนั้น...

“มื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็น”

คำตอบที่ได้รับก็ไม่ได้ทำให้กระจ่างขึ้น ญาณัชขมวดคิ้วแน่นเขานึกไม่ออกเลยว่าไอ้คำแต่ละคำที่ทยุตพูดออกมาจะตีความไปได้ถึงเรื่องอะไร

“ออกไปคุยข้างนอกดีกว่า” ทยุตเดินลิ่วออกไปโดยที่ไม่รอทำให้ญาณัชต้องรีบวิ่งตาม

“เดี๋ยวครับ...”

ทยุตเดินดุ่มๆก่อนจะหยุดยืนในที่ค่อนข้างลับตาคน เส้นผมสีทองชื้นเหงื่อเล็กน้อยเพราะความรีบร้อน

“พูดง่ายๆว่า ในหนึ่งอาทิตย์ผมจะไปรับคุณมาทานข้าวหนึ่งวัน” เชฟหนุ่มพูดแล้วลอบพิจารณาสีหน้าของฝ่ายตรงข้าม แน่ล่ะ ข้อเสนอแปลกๆแบบนี้เป็นใครก็คงตกใจ แต่ก็น่าชื่นชมว่าญาณัชคนนี้ควบคุมสติอารมณ์ได้ดี

“ทำไมล่ะครับ...นั่นมันรบกวนคุณไม่ใช่หรือ” ญาณัชพูดเบาๆแต่สื่อความหมายปฏิเสธกลายๆ

“ผม...” ทยุตนึกหาเหตุผลมารองรับการกระทำ “ผมคิดว่าจะเปิดร้านอาหารเลยอยากให้มีคนมาช่วยชิมหรือไม่ก็ไปสำรวจตลาดด้วยกัน วงการอาหารจะว่ากว้างก็กว้างจะว่าแคบก็แคบ การที่เชฟคนหนึ่งไปทานอาหารตามร้านบ่อยๆอาจถูกหาว่าไปล้วงข้อมูลก็ได้” ที่ทยุตพูดก็ไม่ผิด เพียงแต่มันอาจจะไม่เลวร้ายถึงขนาดนั้น กับแค่เสียงนินทา ถ้าไม่ใส่ใจมันก็หายไปเอง

“จะดีหรือครับ ผมมันพวกลิ้นจระเข้นะ” ญาณัชแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน

“อีกอย่างผมต้องทำงาน คงช่วยอะไรคุณไม่ได้มากหรอกครับ”

“นั่นมันเป็นอีกเรื่อง แค่วันเดียวต่ออาทิตย์ตามคุณสะดวกมันก็ไม่ได้ลำบากกับคนที่ทำงานกลางคืนไม่ใช่หรือครับ” ทยุตพูดอย่างรู้ทัน

“ผมว่า....”

“เอาเป็นว่าลองไปสักครั้งก่อนแล้วค่อยคิดแล้วกัน วันพุธหน้าตอนเจ็ดโมงครึ่งที่หน้าบ้าน ผมขอตัวก่อน” เขาส่งยิ้มบางๆที่แสนราบเรียบไปให้แล้วผละออกมา ปล่อยให้เจ้าตัวที่ถูกทึกทักยืนกึ่งงงกึ่งฉุนกับสัญญาที่ผูกมัดไปแล้วกว่าครึ่ง

ไหนว่าตามคุณสะดวก...นี่อะไร จัดแจงนัดวันเองเสร็จสรรพเลยไม่ใช่หรือไง

สุดท้ายแล้วญาณัชก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

เขาไม่ชอบการเต้นไปตามจังหวะชีวิตของคนอื่น ไม่เลยสักนิด

แต่ดูเหมือนจะเจอสิ่งนั้นเข้าจังๆแล้ว...









To be continue...



kagehana :

*จับน้องนัทกอด*
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 2 รอยแผล [22/12/14]
เริ่มหัวข้อโดย: netthip viriya ที่ 22-12-2014 16:26:07
อยากอ่านต่อววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 2 รอยแผล [22/12/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 25-12-2014 20:53:45
รอติดตามอยู่นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 2 รอยแผล [22/12/14]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 25-12-2014 22:40:37
น้องนัทน่าเอ็นดูที่สุด
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 3 กุหลาบขาว [27/12/14]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 27-12-2014 15:45:36


-3-









“ครับ?”  โทรศัพท์สายด่วนจากอดีตผู้ร่วมงานและแฟนเก่าที่กลายเป็นคนสนิทดังขึ้นกลางดึก ชายหนุ่มงัวเงียรับก่อนจะกรอกเสียงลงไปอย่างเสียไม่ได้

“......พี่ยุต....” เสียงจากอีกฟากดังแผ่ว เสียงอ่อยๆที่ติดจะเศร้าซึมเรียกชื่อเขาเบาๆ

“มีอะไรหรือวิน” เขาเปลี่ยนจากนอนราบเป็นนั่งฟังอย่างตั้งใจ ให้เสียงมาอย่างนี้ก็รู้แล้วว่าต้องมีปัญหามาแน่ๆ

รวิน อดีตเชฟฝึกหัดที่ลาออกไปเรียนต่อด้านการทำอาหารที่ฝรั่งเศส แฟนเก่าที่เคยคบกันมาระยะสั้นๆก่อนจะเลิกเพราะรู้สึกว่าไม่ใช่คนที่ใช่ของกันและกัน แต่เพราะว่าต่างฝ่ายต่างก็สนิทใจต่อกันความสัมพันธ์อันแปลกประหลาดของคนเป็นเพื่อนจึงเกิดมาชดเชย

ถ้าถามว่าทำไมถึงคบกับผู้ชาย สำหรับทยุตแล้ว เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องเพศจะเกี่ยวข้องกับการคบกัน เขาซึ่งเคยคบมาทั้งผู้หญิงและผู้ชายคิดว่าสิ่งทำคัญที่สุดคือความรัก ถ้าความรู้สึกมันมากพอที่จะใช่ เขาก็ตกลงรักได้อย่างไม่ลังเล

...แต่ถึงอย่างนั้น คนที่ใช่ที่สุด คนที่เขาอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป...

...ก็ยังไม่เจอเสียที... 

“ทะเลาะกันมาอีกแล้วหรือไง” น้ำเสียงนุ่มๆถามต่อแทบจะทันที

“นิดหน่อยน่าพี่ แต่ว่า...ผมเหนื่อยจัง”

‘แฮ่งงง แฮ่—’

“อ๊ะ! ไอ้สองตัวนั้นยังไม่นอนอีกหรือ” เสียงกลั้วหัวเราะทำให้ทยุตหันมองไปที่ปลายเท้าตรงพื้นเตียง ก้อนกลมๆขนฟูสีทองนอนขดอยู่ในขณะที่เจ้าตัวเล็กนอนหงายท้องอ้าซ่าไม่อายใคร เสียงฮึ่มแฮ่ดังในลำคอของมันก่อนจะเงียบไป เชฟหนุ่มหัวเราะออกมาเสียงดังแล้วเฉลยให้ปลายสายฟัง

“มันละเมอน่ะ ไอ้พวกนี้กินอิ่มแล้วชอบเพ้อเป็นวรรคเป็นเวร”

“เหมือนเดิมเลยนะไอ้สองยุ่งนั่น” หลังจากเสียงหัวเราะค่อยๆน้ำเสียงเศร้าสร้อยก็เข้ามาแทนที่

รวินเล่าเรื่องราวต่างๆ เขาไม่ได้ขอความเห็นอะไรแต่ชายหนุ่มก็รู้สึกดีที่ได้ยินเสียงคนสนิท เขาชอบน้ำเสียงต่ำๆของทยุต ชอบความคิดและวิธีการดำรงชีวิต ชอบที่อีกฝ่ายเป็นคนรักสัตว์ แต่ก็ไม่ใช่ความรัก หลังจากที่พูดคุยกันได้สองชั่วโมงคนโทรมาก็กล่าวขอบคุณแล้ววางสายไป

ทยุตดึงผ้าห่มคลุมร่างแล้วล้มตัวลงนอน...แม้จะง่วงแสนง่วง แต่ก่อนที่จะเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์เขากลับเห็นใบหน้าของใครบางคนอย่างชัดเจน...

...แถมเป็นคนที่เพิ่งไปรวบรัดตัดความทำสัญญากันมาเสียด้วย...

//////////////////////////////////////

เช้าวันพุธในสัปดาห์ต่อมา พอให้อาหารสองปีศาจในคราบหมาเสร็จ แผ่นหลังกว้างภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวที่อยู่บนมอเตอร์ไซค์ก็กลายเป็นภาพลิบๆของเจ้าสัตว์สี่เท้าจอมกวนไปเสียแล้ว

ทยุตขี่รถไปตามทาง ยามเช้าที่มีแสงแดดอ่อนๆส่องเหมาะกับการออกกำลังกายที่สุด ลมเย็นๆพัดปะทะใบหน้ายามขี่ผ่าน ความรู้สึกสดชื่นในยามเช้าเป็นสิ่งมีค่าที่อยากจะเก็บเอาไว้ ตักตวงทีละเล็กละน้อยเพื่อให้สิ่งต่างๆที่รบกวนจิตใจเหือดหายไป

เขาจอดรถแล้วยืนรอ อีกประมาณสองนาทีจะถึงเวลานัดกับ ‘น้องนัท’ เชฟหนุ่มมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องออกมาๆพอๆกับทฤษฎีพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ถึงญาณัชจะดูไม่พอใจเท่าไร แต่ยังไงๆก็คงไม่ผิดสัญญา

ทันทีที่เห็นคนตัวเล็กๆเดินออกมาจากรั้วใหญ่...ไม่มีคำทักทายใดๆจากทยุตนอกจาก...

“คุณญาณัช อาหารเช้าวันนี้อยากทานอะไร?”

“........” เจ้าของชื่อในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงินดำไม่ตอบในทันที เขามองใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดใดของอีกฝ่ายแล้วก็สูดลมหายใจเข้าหนึ่งที เขาไม่อยากวุ่นวายกับคนอื่น ถึงจะไม่ได้เกลียดคนนอกครอบครัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยากเข้าไปใกล้ชิด

“... โจ๊กหมูใส่ไข่ครับ” ญาณัชตอบเรียบๆ ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ก็คงทำได้แค่ตอบไปตามตรง อย่างหนึ่งที่ตั้งใจไว้ก็คือจะไม่เกรงใจมากเด็ดขาด

จริงๆแล้วหากทยุตไม่ยื่นเงื่อนไขอะไรให้เลย เขาคงเกรงใจอีกฝ่ายน่าดู

...อย่างน้อยในตอนแรกเขาก็คิดแบบนั้น

“... ขึ้นมาสิครับ” ทยุตหันหลังเดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของตนเองก่อนก้าวขึ้นคร่อมอานก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์ แต่กลับไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของคนอีกคนที่ควรจะเพิ่มขึ้นบนรถ

ร่างสูงหันไปมอง ก็พบกับญาณัชที่ยังยืนรีๆรอๆอยู่ใกล้ๆ เขากำลังจะถามว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า แต่เด็กหนุ่มก็ค่อยเดินเข้ามาที่มอเตอร์ไซค์ มือเรียวที่เคาะแป้นเปียโนเป็นประจำวางลงบนไหล่กว้างของทยุตแล้วก้าวข้ามนั่งคร่อมลงบนอาน

...ไม่เคยขึ้นมอเตอร์ไซค์แน่ๆ ทยุตคิดในใจก่อนจะเอ่ยบอกคนที่นั่งข้างหลัง

“เกาะผมไว้แน่นๆก็ได้ครับ”

ญาณัชไม่ตอบรับ แต่มือสองข้างก็ยึดเอาเอวของทยุตไว้แน่นตามคำบอกของอีกฝ่าย เจ้าของรถอมยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ตัวก่อนจะออกรถไปยังเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก

///////////////////////////////


มอเตอร์ไซค์ของทยุตจอดลงที่หน้าบ้านเดี่ยวชั้นเดียวพร้อมสวนที่ไม่ไกลจากบ้านประสิทธิพรวิวัฒน์มากนัก ญาณัชเดินตามร่างสูงเข้าไปในบ้านอย่างงงๆ พอเปิดประตูไม้มาฮ็อกกานีออก อย่างแรกที่เตะตาของญาณัชคือโซฟาตัวใหญ่สีน้ำตาลท่าทางนุ่มสบาย

“คุณจะนั่งรอที่โซฟาหรือจะนั่งที่โต๊ะทานข้าวรอก็ได้นะครับ” เจ้าของบ้านเอ่ยบอกก่อนจะหายเข้าไปในห้องครัว ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงของสุนัขเห่ากังขรมอยู่ทางเดียวกัน ญาณัชเหลียวไปมอง ฟังจากเสียงแล้ว น่าจะมีตัวเล็กกับตัวใหญ่อย่างละตัว เขาเก็บความอยากดูไปแล้วหันสำรวจรอบตัว

ตรงหน้าโซฟามีทีวีกับเครื่องเสียงชุดกลางเมื่อเทียบกับของพิชญ์ที่วางอยู่ที่บ้าน มีตู้กระจกที่โชว์ประกาศนียบัตรและถ้วยรางวัลจากการแข่งขันทำอาหารจากหลายเวทีวางอวดอยู่

...ก็เก่งมากน่าดู

จริงๆก็ไม่เคยคิดว่าทยุตฝีมือไม่ดี สำหรับเขาแล้วอีกฝ่ายมีฝีมือดีมากจนเขายังชื่นชอบ ร่างบางกลับมายืนตรงโซฟา แต่ก่อนที่จะทันได้หย่อนตัวลง กลิ่นหอมอ่อนๆของหมูหมักที่น่าจะสุกแล้วโชยมาแตะจมูก เขาจึงเดินไปนั่งรอที่โต๊ะทานข้าวแทน

ทันทีที่นั่งลง เสียงเห่าสองเสียงก็ดังแข่งกันมาพร้อมเสียงห้ามปราม

“ลูกชิ้น! ไส้กรอก! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

‘แบ๊ก! แบ๊ก!’

‘โฮ่ง! โฮ่ง!’

ร่างบางที่นั่งอยู่รีบลุกขึ้นเมื่อสุนัขสองตัวพุ่งเข้ามาหา โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่กับชิวาว่าตัวเล็กวิ่งเข้ามาใกล้ ญาณัชยกแขนตั้งการ์ดเพื่อรับการกระโจนจากเจ้าตัวใหญ่ที่อาจเกิดขึ้น

“... เอ๋?”

เจ้าสองตัวยุ่งที่ทยุตต้องคอยดุว่าตลอดกลับวิ่งวนรอบคนตัวเล็กที่ดูจะตกใจไม่น้อย เสียงงี้ดง้าดดังแข่งกันจนญาณัชย่อตัวลงมาหาแล้วยกสองมือลูบหัวใหญ่เล็กที่ยืนกระดิกหางรอทั้งซ้ายขวา

“ว่าไงครับ คนไหนลูกชิ้นเนี่ย” เจ้าชิวาว่าตัวดีรีบยกขาหน้าทั้งสองข้างขึ้นวางบนหัวเข่าของญาณัชแล้วเห่าออกตัวว่าชื่อลูกชิ้น

“ฮะฮะฮะ งั้นคนนี้ก็ไส้กรอกใช่ไหมครับ” โกลเด้นขนสวยรีบเห่ารับ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มจางๆออกมาด้วยความเอ็นดู

ทยุตที่ตามออกมาเพราะกลัวว่าเจ้าตัวดีทั้งสองตัวจะกระโจนใส่ ‘น้องนัท’ ของแม่เขา กลับยืนดูรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าเศร้าสร้อยเพียงบางเบา

ทั้งลูกชิ้นทั้งไส้กรอกดูจะชื่นชอบญาณัชไม่น้อยเลยทีเดียว ไอ้อาการทะเลาะกันหรือไม่ยอมฟังที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะหายไปสิ้น เขายืนมองไส้กรอกที่วางขาหน้าข้างนึงลงบนมือของเด็กหนุ่มอย่างว่าง่ายต่อคำว่า ‘ขอมือ’

...เจ้าพวกนี้นี่...

“คุณญาณัชครับ... อาหารเช้าเสร็จแล้วครับ...” ทยุตเอ่ยเรียกก่อนจะนำชามที่ใส่โจ๊กหมูเรียบร้อยแล้ววางลงบนโต๊ะที่มีแผ่นรองจานจัดวางไว้แล้ว

ญาณัชลุกขึ้นยืน รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้า

"ห้องน้ำอยู่ทางไหนครับ"

เจ้าบ้านที่ดีชี้บอกก่อนจะเช็ดมือแล้วเดินมาหาสองแสบที่นั่งเรียบร้อยจนเขาแทบจำไม่ได้

“ลูกชิ้น... ไส้หรอก... ช่างประจบเชียวนะ” ทยุตมองพร้อมทำสายตาดุใส่ ลูกชิ้นรีบเห่าราวกับจะเถียง

ยังไม่ทันที่เชฟคนเก่งจะได้ดุเจ้าจอมป่วนสองตัวต่อ เสียงฝีเท้าของญาณัชที่ใกล้เข้ามาทำให้เขาต้องเดินไปเปิดตู้เย็น

“คุณญาณัชอยากดื่มอะไรครับ”

“โอวัลตินเย็นเข้มๆไม่หวานครับ”

“....” ทยุตเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่คิดว่า ‘น้องนัท’ ที่ดูน่าจะเป็นคนเรียบๆก็สั่งอะไรที่มีเงื่อนไขแปลกๆได้อย่างนั้นเหมือนกัน เขานำโอวัลตินเย็นตามคำขอของญาณัชไปวางให้ ตอกไข่ใส่ชามโจ๊กร้อนๆ ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับเด็กหนุ่ม

ดูเหมือนญาณัชจะรับมือกับการทานข้าวโดยที่มีคนนั่งอยู่และไม่พูดได้ดีทีเดียว เขาไม่มีท่าทางอึดอัดเลยแม้แต่น้อย ทยุตถือโอกาสสำรวจคนตรงหน้า ตอนที่ตักโจ๊กคำแรกเข้าปากไป สีหน้าของญาณัชดูดีขึ้นเล็กน้อย แปลได้ว่าอาหารมื้อนี้คงอร่อยถูกใจ เขามองดูเส้นผมสีดำขลับที่ยาวสลวยเคลียไหล่บาง ผมม้าที่ยาวจนเกือบปิดหน้าปิดตาของเขาหมด ใบหน้าที่ดูซีดกว่าคนปกติเล็กน้อยยิ่งทำให้ญาณัชเหมือนคนป่วย มือที่จับช้อนถึงแม้จะไม่ได้สั่นหรือทำช้อนหล่น แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีแรงเลยแม้แต่น้อย

...เด็กคนนี้โตมาแบบไหนกันนะ...

ไม่ใช่ว่าญาณัชไม่รู้ว่ากำลังถูกสังเกต แต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจมากกว่า รสชาติของโจ๊กกลมกล่อมพอดีมากกว่าร้านหม้อดินร้านโปรดที่พิชญ์จะคอยสั่งให้คนในบ้านไปซื้อมาให้เขาทุกเช้าเสียอีก

“อิ่มแล้วครับ” เขาลุกขึ้นพร้อมกับหยิบชามโจ๊กขึ้นมาด้วย แต่ทยุตรีบปรามไว้พร้อมทั้งออกปากว่าเขาจะจัดการเอง

“ผม... กลับได้หรือยังครับคุณทยุต”

“ยังเหลืออีกสองมื้อนะครับ...”

“....” ญาณัชนิ่งไป ไม่ชอบเลยกับการที่ต้องถูกใครมาบอกให้เขาทำอะไรแบบนี้

“เดี๋ยวผมจะออกไปรดน้ำต้นไม้... คุณจะดูทีวีหรือทำอะไรก็ได้ ตามสบายนะครับ”

“.....” เขาไม่ตอบรับ ร่างบางนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มก่อนจะมองไปที่จอโทรทัศน์สีดำสนิทตรงหน้า ลูกชิ้นกับไส้กรอกรีบพากันวิ่งมานั่งข้างหน้าพลางคลอเคลียแข่งกันประจบ ญาณัชคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำอะไรในเวลาว่างเช่นนี้ แต่ไหนๆก็มีคนที่ทำอาหารอร่อยมากมาอาสาทำให้ทานแล้ว ก็ดีเหมือนกัน พอเสียงเปิดประตูดังขึ้น เขาก็รีบหันไปมอง ทยุตกำลังจะออกไปรดน้ำต้นไม้อย่างที่บอก

“คุณทยุตครับ”

เจ้าของชื่อหันมาหา รอสิ่งที่อีกฝ่ายตั้งใจจะพูด

“กลางวันผมอยากทานข้าวผัดกระเพราหมูกรอบไม่ใส่ใบกระเพรานะครับ”

ทยุตทำหน้าแปลกใจอีกครั้ง ผัดกระเพราที่ไม่ใส่ใบกระเพราจะเรียกว่าผัดกระเพราได้อย่างไร

“ส่วนตอนเย็น ผมอยากทานสปาเก็ตตีปลาเค็มผัดแห้งๆครับ”

ญาณัชเลือกแต่เมนูโปรดของตัวเองอย่างไม่คิดจะเกรงใจอีกฝ่าย ในเมื่อตามที่ตกลงกันไว้ ไม่ได้ระบุว่าเขาเลือกทานอาหารที่ชอบไม่ได้

“ได้ไหมครับ”

‘เอาแต่ใจ’

นี่เป็นคำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ ทยุตกระแอมเบาๆอย่างไว้เชิงก่อนจะหันกลับมามองเต็มสองตา

“ถ้าถามว่าได้ไหม... ก็คงได้ล่ะครับ แต่ว่า... ถ้าเป็นอย่างงั้นแล้วอาหารแต่ละมื้อของคุณก็ไม่มีสารอาหารครบถ้วนน่ะสิ... อย่างจำพวกผักถ้าเติมลงไป... อืม... อ่อ กลางวันเป็นแกงจืดผักกาดขาวเต้าหู้ไข่ ส่วนมื้อเย็นเป็นสลัดผักนิดๆหน่อยๆเพิ่มเข้าไปคงได้ละมั้ง” ประโยคหลังๆเขาเริ่มพูดกับตัวเองพลางพยักหน้าหงึกหงัก ปริญญาตรีทางโภชนาการของทยุตมิได้มีไว้เพียงประดับบ้านเท่านั้น งานอีกอย่างที่เขาชื่อชอบคือการกำหนดอาหารทั้งคุณค่าและปริมาณให้เหมาะสมกับคนกิน...

“ผมไม่กินน้ำสลัด” ญาณัชเอ่ยท้วง ริมฝีปากบางเม้มแน่น... แค่นึกถึงรสชาติเปรี้ยวๆหวานๆและความแหยะของมันที่ราดอยู่บนผักสลัดก็ชวนคลื่นเหียนแล้ว

“ไม่กินมะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ แครอท ฟักทอง แล้วก็ผักฉุนๆอย่างต้นหอม ตั้งโอ๋ ผักชีก็ไม่กินเหมือนกัน” นักเปียโนหนุ่มนับนิ้ว มีอีกหลายอย่างที่เขาไม่กิน...มันมากเสียจนนับนิ้วมือรวมกับนิ้วเท้าเข้าไปแล้วยังไม่พอเลย

‘กินยาก’

คำที่สองแวบเข้ามาต่อ...ทยุตกวาดตามองร่างที่ติดจะผอมบางที่นั่งอยู่...เพราะว่าเลือกกินสินะเลยตัวเท่านี้

“แล้วสปาเก็ตตีปลาเค็มผัดแห้งๆที่ว่าจะกินกับอะไรล่ะ...ครับ” เชฟหนุ่มเกือบลืมคำลงท้าย ทั้งที่จริงๆแล้วกับคนที่อายุน้อยกว่าเขาแทบจะไม่พูดมีหางเสียงด้วยซ้ำ ความที่มักจะครองตำแหน่ง ‘คนสั่ง’ มากกว่า ‘คนถูกสั่ง’ ทำให้เขาค่อนข้างขาดความละเอียดอ่อนด้านนี้ไป

“อย่างเดียวก็ได้ ผมไม่เรื่องมาก” ญาณัชเอนหลังพิงโซฟาดังเดิมแล้วกดรีโมททีวีเป็นสัญญาณว่าจะจบการสนทนาเพียงเท่านี้

ทยุตส่ายหัวให้ ‘คนไม่เรื่องมาก’ ลับหลัง

“งั้น...เชิญตามสบาย ผมจะออกไปรดน้ำต้นไม้ก่อน”

“ครับ”

ทยุตดีดนิ้วพลางเรียกชื่อเจ้าสองยุ่ง แต่เจ้าของชื่อกลับนอนกระดิกหางครางหงิงทำเมินไม่สนใจ ไส้กรอกนั่งเอาหัววางพาดหัวเข่าญาณัช ส่วนลูกชิ้นยิ่งแล้วใหญ่...ชิวาว่าตัวจ้อยอาศัยอภิสิทธิ์ของขนาดตัวขึ้นไปนอนครองบนโซฟาข้างๆก่อนจะตะกายเปลี่ยนที่ไปนอนบนตักหาความอบอุ่นของร่างกาย

...หมาทรยศ...

เจ้าของที่ถูกเมินบ่นในใจ และดูเหมือนลูกชิ้นจะรู้ว่าในหัวเจ้านายคิดอะไรอยู่ มันเห่าเสียงแหลมหนึ่งทีแล้วทำกริยาที่..ถ้าเป็นคนคงเรียกว่าค้อนควักใส่

....สาบานได้ว่าเขาไม่เคยอยากถีบสัตว์เลี้ยงที่น่ารักด้วยความเอ็นดูเท่าตอนนี้มาก่อนเลย

“แล้วอย่าตามออกมาล่ะ”

“ครับ?” ญาณัชหันหน้ากลับมาหาแต่เจ้าของคำพูดก็เดินออกไปแล้ว เขากดรีโมททีวีไล่ดูไปเรื่อยๆ ในเวลานี้ ตามปกติเขาจะนั่งๆนอนๆอยู่บนเตียงหรือไม่ก็อ่านหนังสืออ่านเล่นกลิ้งไปมา แต่พอได้ตื่นเช้า ได้กินข้าวเช้าอร่อยๆตบท้ายด้วยเครื่องดื่มก็ทำให้ขี้เกียจจนไม่อยากจะลุกไปไหน

“หงิง” ชิวาว่าพันธุ์ขนยาวสีน้ำตาลปนขาวเงยหน้าเรียกร้องความสนใจ ดวงตากลมใสแป๋วจ้องมาตรงๆ ลิ้นเล็กจิ๋วสีชมพูอ่อนแลบออกมาทำท่ายิ้ม ลูกชิ้นซุกตัวเข้ากับหน้าท้องของญาณัชแล้วนอนขดอีกครั้ง

เด็กหนุ่มยิ้มให้มันแล้วลูบหัวเบาๆ ทีวีที่ไม่มีอะไรน่าสนใจถูกปิดลง อีกมือที่ว่างก็ลดลงไปลูบตัวตัวใหญ่ที่กระดิกหางจนขนสีทองสั่นไหว ความนุ่มของขนและความอุ่นของผิวหนังของมันทำให้รู้สึกดี ราวกับได้พักผ่อนหลังช่วงเวลาอันแสนเหน็ดเหนื่อย

ญาณัชหรี่ตาลงช้าๆ เปลือกตาหนักอึ้งปิดลงพร้อมๆกับความรู้สึกปลอดโปร่งที่เขาไม่ได้รับรู้มานานแสนนาน

///////////////////////////////////////

สายน้ำฉีดพ่นเป็นหยาดละอองไปทั่วหญ้าสนามสีเขียวอ่อน เชฟหนุ่มใช้สายยางแบบมีที่สวมคล้ายฝักบัวส่ายไปรอบๆให้ความชุ่มชื่นแก่หญ้าต้นเล็กๆอย่างทั่วถึง ต้นไม้ที่ปลูกไว้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกไม้ดอกไทยๆที่มีกลิ่นหอมอย่างการเวก แก้ว มะลิ และพวกกินผลอย่างละนิดละหน่อย ด้านข้างซ้ายขวาของตัวบ้านเป็นแนวกุหลาบขาวที่แม่ปลูกไว้ตั้งแต่เขายังเล็ก ทุกๆวันทยุตมักจะเจียดเวลามารดน้ำและใช้ชีวิตอยู่ในสวนของแม่ตัดแต่งกิ่ง ริดใบ จับหนอน พรวนดินไปตามเรื่องราวโดยมีไส้กรอกและลูกชิ้นวิ่งวนไปมาอยู่รอบๆกาย

...เพียงแต่ว่าวันนี้เจ้าสองตัวนั่นพร้อมใจกันเอาใจคนมาใหม่กันหมด...

ทยุตเดินไปฉีดน้ำที่กอกุหลาบ ดอกสีขาวบริสุทธิ์มีน้ำใสๆขังไว้เป็นหยดกลมๆดูสดใส เขาเดินเอาสายยางไปเก็บแล้วหยิบกรรไกรมาตัดดอกกุหลาบขาวทีละดอกจนได้เต็มหอบมือ เขาชอบให้ที่บ้านมีดอกไม้ เพราะมันทำให้นึกถึงตอนที่แม่มีชีวิตอยู่

ชายหนุ่มเดินหอบดอกกุหลาบเข้าไปในบ้านด้วยเสื้อผ้าชุ่มละอองน้ำ เขาเหลือบมองนาฬิกาแล้วจึงรู้ว่าตนเองใช้เวลาไปกับการรดน้ำทำสวนนานมากและสมควรที่เขาจะเข้าไปทำผัดกระเพรา ไม่ใส่ใบกระเพราได้แล้ว

ทยุตก้าวไปยืนหยุดที่ด้านหลังโซฟา เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของญาณัชและเสียงครางของเจ้าสองตัวทำให้เขายิ้มออกมาได้นิดหน่อย ร่างสูงเดินไปยืนข้างหน้าหวังจะปลุก

...แต่ใบหน้าซีดๆที่หลับตาพริ้มอย่างเหนื่อยอ่อนที่สะท้อนเข้ามาในแววตากลับสั่งห้ามเอาไว้

ทยุตย่อตัวลง นัยน์ตาสีเขียวอมเทาจ้องมอง ‘น้องนัท’ ช้าๆ— เด็กชายที่ไม่เคยเห็นหน้าในความทรงจำค่อยๆชัดเจนขึ้น เขายื่นมือไปใกล้ๆเส้นผมสีดำที่ตกปรกใบหน้าแล้วหยุดชะงักลงเพราะแรงดึงที่ขากางเกง โกลเด้นรีทรีฟเวอร์สีทองงับปลายกางเกงแล้วดึงเอาไว้เหมือนจะบอกว่า...อย่าไปกวนคนนอน...

ทยุตลดมือลงตบตัวเจ้าหมาตัวใหญ่เบาๆ ก่อนจะเอานิ้วแนบริมฝีปาก..สั่งไม่ให้มันไปบอกใคร...

...โดยเฉพาะเจ้าของเส้นผมสลวยที่อยู่ตรงหน้า...

ชายหนุ่มหยิบดอกกุหลาบสีขาวมาหนึ่งดอกจากในอ้อมแขน เขาวางมันไว้ข้างๆกายของญาณัชที่อยู่ในห้วงฝัน รอยยิ้มบางเบาที่ขัดกับบุคลิกเงียบๆนอกบ้านส่งให้คนที่นอนหลับอยู่ทีหนึ่งก่อนที่เขาจะลุกขึ้นจากไป

เขาจัดดอกไม้ใส่แจกันใบใหญ่แล้วเอามาวางไว้บนโต๊ะเล็กในห้องกินข้าว เส้นผมสีทองถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าเช่นเดียวกับผ้ากันเปื้อนสีขาวที่ถูกเอามาพันไว้กับเอว ทยุตหยิบหมูกรอบ กระเทียม พริกสดออกมาไว้ข้างๆกระทะก่อนจะจุดไฟตรงเตาแก๊ส

เปลวไฟสีส้มที่มีใจกลางเป็นสีฟ้าพุ่งขึ้นเหนือฐานเหล็กสีดำมะเมื่อม ลมอ่อนๆที่โชยมาจากพัดลมระบายอากาศพัดให้ไฟที่ลุกโชน...วูบไหวโอนเอน





To be continue...


kagehana : คุณเชฟครีเอทชื่อน้องหมามาก....ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเมนท์ให้กำลังใจนะคะ ><
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 3 กุหลาบขาว [27/12/14]
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 27-12-2014 16:57:01
ในซีรีย์ตราบาปไร้รอยเลือน เค้าอ่านเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เด็กดี ร้องไห้กะน้องนัทไปหลายรอบ

สงสารน้องมากกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 3 กุหลาบขาว [27/12/14]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 27-12-2014 17:34:23
น้องนัทน่าเอ็นดูเสมอ
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 3 กุหลาบขาว [27/12/14]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-12-2014 17:37:19
สนุกดี รออ่านอีก
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 3 กุหลาบขาว [27/12/14]
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 28-12-2014 19:44:40
เรื่องราวมันเป็นยังไง
ทำไม ถึงให้ลูกเมียน้อยมาดูแลบริษัท
ทำไม นัทถึงไม่ได้เรียนมหา'ลัย
ทำไมนัทต้องไปอยู่บ้านหลังนั้นทั้งๆที่ไม่ชอบ
ทำไมนัทต้องปิดปังเรื่องที่ตัวเองไปเล่นเปียโนไม่ให้คนที่บ้านรู้  ในเมื่อไม่เห็นจะมีใครสนใจ
นัทจบแค่ ม.ปลายหรอ
หรือว่า จบมหาลัย แต่ไม่ใช่คณะที่ตัวเองต้องการ
ชักจะปมเยอะละนะ
รอตอนต่อจ้าาา
 :katai5:
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 4 หนามกุหลาบ [2/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 02-01-2015 17:51:59


-4-






กลิ่นหอมอ่อนๆสะอาดๆลอยเข้าสะกิดโสตประสาทของเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนโซฟา สิ่งแรกที่เห็นคือดอกไม้สีขาว เมื่อสายตาเริ่มปรับโฟกัสก็ถึงได้เห็นว่าเป็นดอกกุหลาบ
 
“... อาพีท” ริมฝีปากบางพึมพำชื่อคนที่อยู่ในฝันเมื่อครู่ มือเรียวยกขึ้นขยี้ตาก่อนจะยันตัวขึ้นมามองไปรอบๆ ดอกกุหลาบสีขาวก้านยาววางอยู่ตรงหน้า

‘ไง... ตื่นแล้วเหรอเรา’ พิชญ์ยิ้มทักขณะที่กำลังจัดดอกกุหลาบสีขาวกำใหญ่ใส่แจกันแก้วใบสวย เด็กหนุ่มหยิบก้านกุหลาบขึ้นมามอง

‘ได้มาอีกแล้วเหรอครับอาพีท’

‘อื้ม สวยใช่ไหมล่ะ’ ญาณัชเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับยื่นดอกกุหลาบให้

‘ครับ... แต่อาพีทน่าจะเลิกเอามาวางใกล้ๆนัทเวลานัทนอนน้า... เดี๋ยวนัทกลิ้งทับดอกไม้แบนหมดนะครับ’

พิชญ์วางมือลงบนศีรษะของหลานรักก่อนจะลูบเบาๆ

‘นัทไม่ได้นอนดิ้นสักหน่อย ตื่นมาเจอกลิ่นหอมอ่อนๆของกุหลาบก็ดีแล้วนี่ สดชื่นดีออก’

ญาณัชส่ายศีรษะแรงๆก่อนจะหยิบดอกกุหลาบขึ้นมาถือไว้

“อ๊ะ” หนามกุหลาบที่ยังไม่ถูกตัดออกทิ่มลงบนปลายนิ้วชี้ เลือดสีแดงซึมออกมาจากจุดที่ถูกหนามตำ เด็กหนุ่มรีบเดินไปหาเจ้าของบ้านที่กำลังง่วนอยู่ในครัว

“ขอโทษนะครับ... มีเบตาดีนกับพลาสเตอร์ยาไหมครับ”

ทยุตที่กำลังตักกระเพราหมูกรอบไม่ใส่ใบกระเพราลงบนข้าวสวยร้อนๆที่อยู่ในจานสีขาวชะงักมือ ก่อนจะจัดต่อ แล้วหันมาสนใจแขกในวันนี้ เขาเห็นปลายนิ้วที่มีจุดแดงๆที่พอจะเดาได้ว่าคงเป็นเลือด

...แผลแค่นี้แค่บีบเลือดออกแล้วแปะพลาสเตอร์ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ...

“คุณแพ้หนามกุหลาบเหรอครับ”

“เปล่าครับ”

...อย่างนั้นยาก็ไม่จำเป็นหรอก...

ทยุตยื่นมือมาหมายจะจับข้อมือเล็กมาดูให้ แต่อีกฝ่ายกลับชักมือไว้ ไม่ยอมให้เขาได้ทำอย่างนั้น

“ไม่ต้องครับ ผมทำเองได้” ไม่ใช่ไม่อยากรับความหวังดีจากอีกฝ่าย แต่ถ้าถูกดึงไป ต่อให้เป็นเสื้อแขนยาว ก็คงไม่อาจปกปิดรอยแผลที่เกิดจากการกรีดข้อมือได้

“เดี๋ยวผมเอาพลาสเตอร์ให้ครับ” ทยุตเดินออกมาจากบริเวณเคาน์เตอร์ที่กั้นระหว่างครัวกับโต๊ะทานข้าว หายเข้าไปในห้องทางเดินทางด้านใน แล้วกลับออกมาพร้อมกับพลาสเตอร์

“นี่ครับ”

“ขอบคุณครับ” ญาณัชเดินหายไปในห้องน้ำอีกครั้ง เพราะไม่เคยถูกหนามกุหลาบตำมาก่อนจึงไม่รู้ว่าต้องจัดการอย่างไร เขาจึงทำเพียงล้างแผลให้สะอาดก่อนจะเช็ดให้แห้งแล้วพันพลาสเตอร์รอบปลายนิ้ว ถึงพิชญ์จะชอบเอากุหลาบมาวางไว้ข้างๆ แต่พิชญ์ก็จะขจัดหนามออกไปเพื่อไม่ให้สร้างบาดแผลให้เขา

“ข้าวกลางวันเรียบร้อยแล้วนะครับ” ทยุตเอ่ยบอกเมื่อเห็นร่างบางเดินกลับมา นักเปียโนหนุ่มตาโศกเอ่ยบอกขอบคุณแล้วนั่งลงที่โต๊ะอาหาร นอกจากกระเพราหมูกรอบไม่ใส่ใบกระเพราที่สั่งไป มีชามใส่แกงจืดผักกาดขาวเต้าหู้ไข่ ญาณัชถึงกับขมวดคิ้วไปนิดนึง

...ไม่ได้บอกหรอกหรือว่าไม่ทานผักกาดขาวในแกงจืด...

ญาณัชใช้ช้อนส้อมค่อยๆเขี่ยพริกกับกระเทียมออกไปวางไว้ริมจาน แม้จะชิ้นเล็กจนกินเข้าไปก็ไม่รู้สึกเขาก็ยังเขี่ยออก จนในจานเหลือเพียงหมูกรอบกับข้าวและน้ำซอสผัดกระเพรา แล้วจึงกดช้อนลงเพื่อกระจายข้าวออก

“...” เขาตักกระเพราเข้าปากก่อน และรสมือของทยุตก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาตักน้ำแกงมาชิม ก็รสดีมากจนแอบคิดว่าถ้าอยากจะเปิดร้านก็เปิดไปเลย ไม่จำเป็นต้องให้เขาช่วยชิมด้วยซ้ำ

เด็กหนุ่มตักเต้าหู้ลงมา หั่นออกเป็นสองชิ้นแล้วค่อยทาน

การกระทำทุกอย่างของเขาตกอยู่ในสายตาของทยุต เชฟฝีมือดีมองการตั้งใจเลือกพริกกับกระเทียมออกให้หมดทุกชิ้นไม่เหลือแม้แต่เสี้ยวหรือสักอณูเดียว

หลังจากสังเกตได้สักพัก ก็พบว่าผักกาดขาวในแกงจืดไม่ได้ถูกตักออกมาเลย

...ถ้าไม่ทานก็น่าจะบอกกันไม่ใช่เหรอ...

‘น้องนัท’ ของแม่เขาเลือกทานอย่างนี้นี่เอง ถึงได้ตัวเล็กแบบนี้... ทยุตคิดอยู่ในใจ ถึงผิวจะไม่ได้ขาวจนซีด แต่ร่างกายที่ติดจะผอมบางกับสีหน้าที่ดูเหนื่อยอ่อนยิ่งทำให้ญาณัชเหมือนคนป่วยหนักเข้าไปอีก

เอาเข้าจริงก็ไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องของคนอื่น... ไม่ใช่นิสัยของเขาเท่าไหร่นัก แต่พอนึกว่าเป็นคนที่แม่ของเขาคอยมาพูดถึงให้ฟังบ่อยๆ กลับรู้สึกคล้ายกับอดไม่ได้ที่จะต้องยื่นมือเข้าไป

...ถ้า‘น้องนัท’แข็งแรงดี แม่ที่อยู่บนสวรรค์ก็คงจะดีใจเหมือนกัน...

“ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” ทยุตรีบเดินเข้าไปหาพร้อมทั้งดึงจานข้าวมาจากเด็กหนุ่มที่ตั้งท่าจะหยิบไปล้าง เมื่อตอนเช้าก็ต้องพูดแบบนี้หนนึง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมญาณัชถึงต้องพยายามจะจัดการเอง นิ้วก็มีพลาสเตอร์พันรอบอยู่

...ความคิดของลูกคุณหนูช่างเข้าใจยาก

ญาณัชทิ้งตัวลงบนโซฟาอีกครั้ง อย่างน้อยถ้ามีเปียโนก็ยังดี เขาหยิบรีโมทขึ้นมากดไล่ไปตามช่องต่างๆอีกครั้ง รายการทีวีในเวลานี้ไม่มีอะไรน่าสนใจ หนังซีรี่ส์ก็ไม่มีเรื่องที่เขาชอบดู

...เบื่อ...

ร่างบางขยับตัวมาทางด้านนึงของโซฟาเมื่อเจ้าของบ้านเดินมานั่งลงข้างๆ สายตาที่ดูแน่วแน่มองไปยังหน้าจอโทรทัศน์ ญาณัชจึงหันมายื่นรีโมทให้

“ผมไม่ได้ดูอะไรอยู่ครับ”

“....” ในเมื่ออีกฝ่ายบอกเช่นนั้น เขาจึงเปิดดูรายการพาเที่ยวพร้อมแนะนำร้านอาหารดังๆจากทั่วโลก ทยุตตั้งใจไว้แล้ว สักวันเขาจะต้องมีร้านอาหารของตนเองให้ได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีเงินพอจะลงทุน แต่เพราะเขาเองยังรู้สึกว่าไม่พร้อม

น่าอิจฉาเจ้าของร้านที่พิธีกรเข้าไปสัมภาษณ์ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขแบบนั้น... สักวัน... ทยุตบอกกับตัวเอง

สักวันเขาจะยืนยิ้มอย่างภาคภูมิใจกับร้านอาหารของเขาเอง

“ลูกชิ้-” ทยุตรีบกลืนคำที่ตั้งใจจะต่อว่าเจ้าชิวาว่าตัวเล็กลงคอ น้ำหนักที่ตกลงมาบนตักของเขาไม่ใช่ลูกชิ้น แต่เป็นศีรษะของญาณัช

“....” ร่างสูงหันมองคนที่นอนลงบนโซฟา ศีรษะวางอยู่บนตักของทยุตโดยไม่ได้ตั้งใจ นัยน์ตาที่ดูโศกเศร้าปิดสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอของเขาทำให้ทยุตรู้ว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว

...ทำไมถึงหลับได้อีกแล้ว...

สายตาของทยุตละจากหน้าจอโทรทัศน์มาที่คนข้างๆ เส้นผมสีดำขลับยาวสยายลงมาล้อมกรอบใบหน้าหวาน เขาไล้ปลายนิ้วไปบนปอยผมที่ตกลงมาระใบหน้า ปัดออกให้ไม่เกะกะรบกวนคนที่กำลังนอน

“...!?” ฝ่ามือใหญ่กลับถูกมือของญาณัชที่ไม่รู้สึกตัวจับไว้แล้วดึงไปแนบอยู่กับแก้ม

“... อาพีท” ริมฝีปากบางขยับเพียงเล็กน้อย มีเสียงพึมพำออกมาเบาๆก่อนที่จะปรากฎรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม เมื่อเห็นเช่นนั้น ทยุตที่ตั้งใจว่าจะค่อยๆลุกไปก็ล้มเลิกความคิดดังกล่าว

ทั้งๆที่ทำงานกลางคืนที่โรงแรมแล้ว แต่ข้างในคงยังเป็นเด็กมากกว่าที่คิดไว้

...จะยอมให้นอนอยู่แบบนี้ก่อนก็ได้...


////////////////////////////////////////


...กี่ชั่วโมงแล้วนะ...

ทยุตมองคนที่นอนหลับเป็นตายอยู่บนตักของเขา ญาณัชยังไร้วี่แววว่าจะตื่น ถ้าหากคนๆนี้เป็นน้องเป็นนุ่งของเขาเองเขาคงได้ปลุกให้ตื่นมาสั่งสอนอบรมอะไรบางอย่าง อย่างเช่น ความระมัดระวังตัว ถึงจะไม่ใช่ผู้หญิงแต่ผู้ชายสมัยนี้ก็ใช่ว่าปลอดภัย ยิ่งเป็นจำพวกตัวเล็กปลิวลมไร้เรี่ยวแรงและท่าทางจะถูกหลอกง่ายอย่างญาณัชยิ่งต้องระวังเข้าไปใหญ่

“...อือ...” เสียงครางลอดออกมาจากริมฝีปากเล็กๆ ใบหน้าขาวซีดที่แนบอยู่กับอุ้งมือของเขาขยับถูไถไปมาคล้ายกำลังออดอ้อนใครบางคนอยู่

“อาพีท...นัท...” เสียงขาดหายไป ทยุตลองเงี่ยหูฟังหากแต่ก็ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจแผ่วๆ

“อาพีทงั้นเหรอ...”

การที่ได้ยินผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะแล้วมาละเมอถึงใครคนหนึ่งด้วยรอยยิ้มจางๆแบบนี้เป็นประสบการณ์ที่ชั่วชีวิตเขาไม่เคยได้รู้จักมาก่อน ไม่สิ ตั้งแต่การให้ใครมานอนตักแล้ว จะเคยมีก็แค่รวินที่มาขอนอนเล่นๆชั่วประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น

ทยุตก้มลงมองด้วยสายตาพินิจจนเส้นผมสีทองตกระแผ่นอกแข็งแกร่งใต้เสื้อเชิ้ต นัยน์ตาสีเขียวอมเทาสำรวจคนที่นอนหลับใหล

...ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งคิดว่าเป็นคนเรื่องมากแท้ๆ...

...แต่ทำไมตอนนี้กลับคิดว่าใบหน้ายามนอนหลับก็น่ารักดีไปเสียได้...

ถ้าจะให้บอกว่าน่ารักขนาดไหน...ก็เทียบเท่าได้กับเด็กผู้ชายที่เพิ่งโตธรรมดาๆทั่วไป ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ไม่เหมือนกับรวินอดีตคนรักที่มีทั้งดวงตากลมโตสุกใส ผิวนุ่มเนียนมือและความขี้อ้อนที่ต่างจากเด็กผู้ชายทั่วๆไป แต่ว่า... ยิ่งคิดว่าไม่พิเศษเท่าไรก็ยิ่งเห็นอะไรบางอย่างในตัวคนๆนี้ อาจจะเป็นความผูกพันที่หลงลืมไปเนิ่นนาน ก็ได้ล่ะมั้ง

เชฟหนุ่มไล้นิ้วไปตามเส้นผมสีดำเบาๆ นุ่ม อ่อนละมุน คล้ายกับเวลาสัมผัสขนของไส้กรอกแต่ก็ต่างกันในหลายๆจุด เขายกปลายผมขึ้นมาชิดจมูกแล้วปล่อยลงเบาๆ

‘Trrrrr Trrrrr’

เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ใกล้ตัวดังขึ้นเช่นเดียวกับดวงตาสีดำที่อยู่ใต้เปลือกตาลืมขึ้นมองทยุตในระยะประชิด ญาณัชตกตะลึงกับใบหน้าที่อยู่ใกล้แต่เขาก็ไม่ผลักออกให้เสียมารยาท ริมฝีปากบางเม้มครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆลุกอย่างระมัดระวังเช่นเดียวกับทยุตที่เอื้อมมือไปรับโทรศัพท์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“สวัสดีครับ”

ญาณัชแกล้งดีดนิ้วเรียกไส้กรอกที่นอนพังพาบเอาหัวพาดขาหน้าอยู่ใกล้ๆ หูได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ชัดเจน ดูเหมือนคนที่โทรมาจะเป็นใครก็ตาม ที่ค่อนข้างสนิทกับเชฟหนุ่มคนนี้มาก เพราะเสียงหัวเราะสดใสกับการเรียกชื่อเล่นด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่เช่นนี้เขายังไม่เคยเห็นทยุตเป็นมาก่อน

...แต่ก็อย่างว่า...พวกเราเพิ่งเจอกันได้ไม่กี่ครั้งนี่นะ...

“วิน... วินนี่เดอะพูห์...ไอ้เด็กบ้า” ทยุตเรียกชื่อเล่นที่เขาเป็นคนตั้งให้แบบล้อๆก่อนจะหัวเราะลั่นกับเสียงกระฟัดกระเฟียดที่อีกฝ่ายฟอดแฟดมาตามสาย

ไอ้เด็กบ้างั้นเหรอ...

ญาณัชที่แม้ไม่อยากเสียมารยาทฟังเวลาคนคุยโทรศัพท์ได้ยินเสียงหัวเราะชัดเจน คุณเชฟหน้าตึงขรึมๆคนนั้นหัวเราะได้ขนาดนี้เชียว ยิ่งพอหันไปมองก็ได้เห็นรอยยิ้มกว้างที่ยิ้มทั้งปากทั้งนัยน์ตา ดูมีความสุขจนน่าอิจฉา

ทยุตหันกลับมามองทางญาณัช ทันทีที่สบตาดวงตาทั้งสองคู่ก็ประสานกันอยู่ครู่หนึ่งจนปลายทางต้องตะโกนใส่เขาดังลั่น

“ไอ้พี่ยุตตตตตต เหม่ออยู่ได้เดี๋ยวพ่อก็วางซะหรอก”

“อะไรครับไอ้คุณน้องวิน มาเป็นพ่อกันตั้งแต่เมื่อไหร่” ทยุตเองก็ตะโกนกลับไปโดยไม่ลดราวาศอก

แม้จะเป็นเสียงที่ติดหวานนิดๆแต่นั่นก็เสียงผู้ชาย ญาณัชเหลือบมองอีกครั้งแต่ทยุตก็เดินออกไปคุยนอกบ้านแล้ว เขาทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มๆพลางลูบขนไส้กรอกที่ทำท่าจะตามเจ้านายไป....

น่าอิจฉาจัง การที่มีคนสนิทถึงขั้นทำให้อารมณ์ดีได้ขนาดนี้

นักเปียโนหนุ่มมองนาฬิกา อีกสักพักก็จวนจะหกโมงเย็นแล้ว คงได้เวลาที่เขาจะได้กลับไปเตรียมตัวทำงานที่โรงแรมแล้วมั้ง แต่ว่าข้าวเย็นที่อีกฝ่ายสัญญาเอาไว้ยังไม่ได้กินเลย....

พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ก็แทบจะกัดลิ้น... อย่างกับพวกเห็นแก่กินเลย ถูกเอาอาหารมาล่อซะได้

ยิ่งคิดก็โมโห ญาณัชผุดลุกขึ้นแล้วจ้ำอ้าวจะเดินออกนอกตัวบ้านพอดีกับคนที่โทรศัพท์เสร็จเดินสวนมา ร่างสูงใหญ่ขวางประตูไว้แล้วก้มลงถามด้วยน้ำเสียงของ ‘เชฟทยุต’

“จะไปไหนครับ”

“พอดีว่าผมเห็นว่าเย็นแล้ว เลยไม่รบกวนคุณดีกว่า” ญาณัชตอบกลับไป

“ครึ่งชั่วโมง...แล้วเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่โรงแรมเอง” ทยุตพูดแค่นั้นแล้วเดินหายเข้าไปในครัว เสียงหม้อและเสียงน้ำไหลก่อนจะตามด้วยเสียงจุดแก๊สบอกเขาว่าทยุตกำลังเตรียมอาหารเย็นให้เขากิน

ญาณัชยืนหันรีหันขวางก่อนจะกลับไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม พอดีกับชิวาว่าตัวน้อยที่เพิ่งตื่นก็ครางอ้อนพลางแลบลิ้นเลียที่ปลายเท้าเบาๆ

“จั๊กจี้นะครับลูกชิ้น” เขาก้มตัวลงไปจับตัวนิ่มๆด้วยสองมือแล้วยกขึ้นสูงเกือบแนบชิดใบหน้า ชิวาว่าขี้อ้อนแลบลิ้นเลียจมูกแล้วดิ้นทำท่าอยากจะลงจากมือเมื่อได้กลิ่นหอมๆโชยมาจากในครัว ซึ่งไส้กรอกสัญชาติโกลเด้นรีทรีฟเวอร์เดินนำเข้าไปก่อนหน้านั้นแล้ว

“จะไปกินข้าวเหรอครับ” ญาณัชปล่อยลูกชิ้นลง มันวิ่งหางแกว่งเห่าแบ๊กๆไปตามกลิ่นของอาหารของเจ้านาย...แน่ล่ะ ถึงจะขี้อ้อนแค่ไหนแต่ยังไงๆเรื่องกินก็มาเป็นอันดับหนึ่งของสัตว์เลี้ยงในบ้านนี้

“ไง...ทีอย่างงี้ล่ะมากันเชียวนะไอ้สองแสบ” เสียงกึ่งขำกึ่งเอ็นดูของเชฟหนุ่มในครัวทำให้คนที่นั่งรออยู่อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ญาณัชเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นไปด้วยความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิม

“ออกไปข้างนอกไป เดี๋ยวมีดหล่นใส่หัวกลายเป็นซุปกระดูกหมาไม่รู้ด้วยนะ” ทยุตบ่นแบบขำๆ ฝ่ายตรงข้ามที่นั่งนิ่งทำหน้ามึนน้ำลายย้อยกระดิกหางพลางส่งสายตาคาดหวัง กลิ่นเค็มๆอะไรก็ไม่รู้...รู้แต่ว่าฝีมือเจ้านายต้องอร่อยแน่ๆ

“แน่ะ ไปนั่งกับน้อง... เอ่อ... คุณญาณัชไป” เชฟหนุ่มออกปากไล่แล้วหันไปเขย่ากระทะ สปาเก็ตตีปลาเค็มตามสั่งกำลังจะได้ที่แล้ว เขาผัดกระทะค่อนข้างใหญ่กะจะให้พอกินสองคน ส่วนกระทะอีกใบและกล่องเปล่าก็เตรียมรอรับการบรรจุแล้ว... เหลือเวลาอีกแค่อึดใจเท่านั้น

เสียงไมโครเวฟดังขึ้นพร้อมกับหมาบ้าจี้สองตัวที่เห่ากันขรม ทยุตหลุดขำออกมาจนเกือบทำกระทะหลุดมือ ไม่รู้หมาคนอื่นจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า บ้าจี้ในทุกกรณี แบบนี้...

“เอ้า หลบๆ” เขาเทสปาเก็ตตีลงในจานกลมใหญ่สีอ่อนที่วางผักกาดหอมและมะเขือเทศหั่นแว่นบางๆประดับไว้แล้ว ควันกรุ่นๆลอยขึ้นมาเป็นสายด้วยความร้อน ทยุตยกทั้งสองจานออกจากห้องครัวไปยังโต๊ะกินข้าวก่อนจะวางไว้ใกล้ๆกัน

“คุณญาณัชครับ... อาหารเสร็จแล้ว” เสียงเรียบขรึมพูดเบาๆ เขารอเงี่ยหูฟังเสียงเดินพออีกฝ่ายเดินมาจะถึงโต๊ะก็พูดต่อทันที

“ทานก่อนได้เลยนะครับ ผมขอไปจัดการในครัวแป๊บนึง”

“ไม่ทานด้วยกันเหรอครับ” ญาณัชรีบท้วง หากจะให้เขานั่งกินคนเดียวโดยที่คนทำไปจัดการเก็บล้างเองดูจะน่าเกลียดเกินไป แค่ทยุตทำอาหารอร่อยๆให้ทานแบบนี้ก็มากเกินกว่าที่เขาจะพูดว่าขอบคุณอย่างเดียวได้แล้ว

“ผมทานเร็ว คุณทานไปก่อนเถอะ”

ญาณัชมองแผ่นหลังตรงที่เดินหายลับเข้าไปในครัวก่อนจะยกส้อมขึ้นมาม้วนเส้นเป็นก้อนกลมๆ แค่กลิ่นหอมก็ทำให้น้ำลายสอแล้ว....ยิ่งตอนที่กัดเข้าไปคำแรก กลิ่นเค็มๆของปลาเค็มกับรสสัมผัสนุ่มปนหยุ่นๆของเส้นทำให้ลืมร้านดังๆที่เคยกินมาจนหมด ญาณัชหมุนอีกคำเข้าปาก..ต่อด้วยอีกคำ...และอีกคำ

...ไม่แปลกใจเลยที่ไส้กรอกกับลูกชิ้นจะห่วงกินมากกว่าเล่น...

“คุณท—” คนที่กินอยู่พยายามจะเรียกชื่อก่อนแต่เจ้าของสปาเก็ตตีกลับวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วพร้อมหอบของในมือ สักครู่หนึ่งก็เดินกลับเข้าไปในครัวแล้วหยิบขวดกับแก้วมาสองใบ ทยุตรินน้ำใส่ทั้งสองแก้วแล้วเลื่อนไปให้ญาณัชนึง

เชฟหนุ่มไม่พูดไม่จาหยิบส้อมขึ้นมาตักกินอย่างรวดเร็ว ผิดกับญาณัชที่นั่งนิ่งจ้องมองแก้วน้ำเย็นเฉียบจนเป็นฝ้าบางๆริมขอบแก้ว

...นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่มีคนรินน้ำให้ตอนกินข้าวแบบนี้...

นัยน์ตาหมองลงเมื่อไพล่ไปนึกถึงพิชญ์... คนที่เคยนั่งกินข้าวร่วมกันแบบนี้ คนที่คอยดูแลเอาใจแบบนี้ คนที่รินน้ำพร้อมยื่นให้พร้อมรอยยิ้ม...

...อาพีทครับ...นัท...

“เดี๋ยวก็เย็นหมดหรอกครับ” คนที่กินไปได้มากกว่าเศษหนึ่งส่วนสี่ของจานพูดโพล่งขึ้นแล้วกินต่อไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ค..ครับ”

///////////////////////////////////////////

“ถึงแล้วครับ” ทยุตแกะหมวกกันน็อคที่คางของตนเองแล้วก้าวลงจากมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าโรงแรมที่ทำงานของญาณัช เขาไม่ได้ยื่นมือไปช่วยญาณัชที่ลงจากเบาะอย่างทุลักทุเล... แต่ก็ไม่ได้เย็นชาถึงขนาดที่จะปล่อยให้กลิ้งโค่โร่ลงจากรถ

พอเท้าแตะพื้นได้เด็กหนุ่มผมยาวก็ถอดหมวกกันน็อคส่งคืนให้ “ขอบคุณสำหรับอาหารนะครับ....”

“อาทิตย์หน้าเอาเป็นวันพฤหัสแล้วกัน วันอื่นผมมีงาน...เวลาเดิมหน้าบ้าน”

“เดี๋ยวครับ ผมว่า...ผมไม่รบกวนดีกว่า...ครับ” ญาณัชพูดไม่ทันจบประโยคในอ้อมแขนก็มีกล่องพลาสติกเนื้อหนาอย่างดีกับกระบอกสุญญากาศสีเงินวางใส่แล้ว

ทยุตกดมือลงปิดกล่องร้อนที่ติดอยู่ด้านหลังเบาะรถลง ที่ตรงนี้เขาดัดแปลงเอาไว้ใส่อาหารเวลาที่ต้องนำไปจากที่บ้านหรืออาหารที่ต้องใช้ความประณีตในการทำมากๆ....แต่ถ้ามองผิวเผินก็คล้ายกับที่เก็บหมวกกันน็อคอยู่บ้าง

“เอาไว้กินหลังเลิกงานแล้วกัน...ตอนดึกคงหิว” ทยุตพูดเสียงเรียบเมื่อตอนเย็นเขาตั้งใจจะทำไว้เผื่อกลางดึกอยู่แล้ว...ซุปกะหล่ำปลีที่เปื่อยนิดๆในกระบอกกับหมูผัดซอสและไก่อบที่แยกกันไว้ในกล่องพร้อมข้าวคงจะพอแก้หิวได้

“ทำมาให้ผมเหรอครับ” ดวงตาสีเข้มเงยสบตา บอกไม่ถูกว่าทำไมเหมือนในอกจะตื้อจนไม่สามารถพูดว่าขอบคุณได้

“อย่าลืมอุ่นก่อนกินล่ะ...” สำทับเข้าไปอีก อาหารจะอร่อยที่สุดก็ต่อเมื่อทำเสร็จใหม่ๆ หรือไม่ก็ต้องอุ่นให้ร้อน นัยน์ตาสีเขียวอมเทามองจ้องลงไปในดวงตาสีดำ มือยกขึ้นลูบศีรษะคนตรงหน้าเบาๆ อย่างเผลอไผล

“ขอบ...”

“แล้วเจอกัน” ทยุตละมือออกก่อนจะก้าวขึ้นรถมอเตอร์ไซค์แล้วขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนที่ยืนถือของเต็มหอบมือมองนิ่งด้วยใบหน้าที่ต่างไปจากทุกวัน

“.......... ยังไม่ทันจะได้ขอบคุณเลย......”

/////////////////////////////////////////

...อร่อย...

นั่นเป็นความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวหลังจากทานอาหารที่ทยุตทำใส่กล่องมาให้อย่างดีเข้าไป หลังจากทานอาหารฝีมือของทยุตมารวมมื้อนี้ด้วยเป็นมื้อที่หก เขาอยากจะบอกไปเสียเลยว่า เปิดร้านอาหารไปเลยก็ได้ ไม่ต้องให้เขามาเดือดร้อนชิมด้วยซ้ำ ญาณัชค่อยๆตักใบกะหล่ำปลีที่เปื่อยจนแทบใสใส่ปาก ความนุ่มของใบที่ดูดเอารสชาติกลมกล่อมของน้ำซุปไว้พอดีทำให้อดยิ้มออกมาไม่ได้

อาหารมื้อดึกนี้ยิ่งอร่อยมากขึ้นเมื่อมีแต่ของที่ญาณัชชอบทาน หลังจากจัดการเรียบร้อย โดยเหลือหมูผัดซอสไว้ครึ่งนึงของที่ทยุตทำมา มือผอมบางประสานกันครู่หนึ่ง แล้วจึงลุกขึ้น นำภาชนะทั้งหมดไปล้างในอ่างล้างมือ พร้อมๆกับที่เปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำ

...กว่าจะได้คืนคงเป็นวันพฤหัสหน้า...

ร่างบางยืนอยู่ริมหน้าต่างของโรงแรม ทิวทัศน์ของเมืองใหญ่ยามกลางคืนยังดูวุ่นวายอยู่มากนัก เขากะเวลาให้พอดีก่อนจะหันกลับเข้าห้องน้ำไป ถ้าให้เสียเวลากับการดูความวุ่นวายยามค่ำคืน เขาเลือกที่จะเสียเวลากับการแช่ในอ่างน้ำอุ่นให้สบายตัวดีกว่า

////////////////////////////////////////

ภายในห้องน้ำสีขาว ไอน้ำร้อนลอยกรุ่นอยู่ทั่วห้อง แขนเรียวยกขึ้นมาจากน้ำก่อนจะตีเล่นสองสามที นัยน์ตาโศกจ้องไปที่รอยแผลยาวบนข้อมือก่อนจะปิดลงช้าๆแล้วเอนศีรษะพิงกับขอบอ่างที่มีผ้าขนหนูผืนเล็กวางรองไว้

‘นัท... หลับในห้องน้ำอีกแล้วเหรอ?’ เสียงที่ดังผ่านประตูไม้มาทำให้คนที่กำลังหลับตาอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นทันที

‘เปล่าครับ นัทกำลังแช่น้ำอยู่ต่างหาก’ เด็กหนุ่มรีบแก้ตัวพลางรีบลุกขึ้นจากอ่าง น้ำในอ่างแทบจะเย็นหมดแล้วก็ว่าได้

‘เดี๋ยวไม่สบายนะเรา’

‘ไม่หรอกครับ แค่แช่น้ำเอง’ ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ถูกใช้อย่างรวดเร็ว ญาณัชเช็ดตัวลวกๆแล้วรีบสวมชุดนอน ก่อนจะเปิดประตูออกมาเจอกับพิชญ์ที่ยืนยิ้มอยู่พร้อมกับแก้วใบใหญ่

‘เอ้า นมใส่น้ำผึ้งอุ่นๆ...’

 

‘วิน...วินนี่เดอะพูห์...ไอ้เด็กบ้า’ ทยุตเรียกชื่อเล่นที่เขาเป็นคนตั้งให้แบบล้อๆก่อนจะหัวเราะลั่นกับเสียงกระฟัดกระเฟียดที่อีกฝ่ายฟอดแฟดมาตามสาย

 

ญาณัชแทบจะสะดุ้งจนเกือบไหลลงไปในอ่าง แขนสองข้างรีบยันตัวเองไว้ ใบหน้ากับน้ำเสียงยามหัวเราะอารมณ์ดีของทยุตผุดขึ้นในมโนภาพอย่างชัดเจนจนตกใจ

เขาจุ่มหน้าลงในอ่างแล้วเงยขึ้นมาอีกครั้ง

ถ้าไม่นับคุณพลอย... ทยุตเรียกได้ว่าเป็นอีกคนที่เข้ามาใกล้พอสมควร ไม่เคยมีใครสนใจจะรู้ด้วยซ้ำ แต่จะว่าไปเขาก็ไม่เคยสนใจจะบอก ว่าอาหารที่ทานได้มีอะไรบ้าง เพราะพิชญ์จะเอาใจใส่และรู้เสมอว่าเขาทานและไม่ทานอะไร

วันนี้ที่ใช้เวลาอยู่กับทยุต - - - จะเรียกว่าใช้เวลาก็ไม่น่าจะถูกเพราะเขาแทบไม่ได้คุยกัน - - - ญาณัชรู้สึกได้ว่า เขาไม่ได้สร้างมิตรภาพกับใครเลย ไม่เคยสนใจจะมีเพื่อนเสียด้วยซ้ำ แต่พอเห็นทยุตที่ดูนิ่งขรึมยังหัวเราะแบบนั้นได้กับคนที่สนิทสนมด้วย

...จะหัวเราะแบบนั้นได้บ้างไหม...

แต่เรื่องจะให้เปิดใจ... ไว้ใจคนอื่น เป็นเรื่องที่จัดได้ว่าอยู่นอกเหนือความคิดของเขา นอกจากนั้น ทยุตเองก็ไม่ได้มีทีท่าว่าอยากจะเป็นเพื่อนด้วยเท่าไหร่ ถ้าอยากเป็นเพื่อนด้วย ก็ต้องยิ้มให้มากกว่านี้สิ...

...ไม่...

ทยุตจะมาอยากเป็นเพื่อนกับเขาทำไม ก็แค่อยากจะหาคนช่วยชิมอาหารที่ทำเท่านั้น

ญาณัชคิดถึงตอนที่ทยุตรินน้ำให้ สองปีได้แล้วที่เขาต้องทานข้าวคนเดียว ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคิดถึงเสียงหัวเราะที่เคยมีมาตลอดบนโต๊ะอาหารขนาดไหน บางที... บางทีถ้าสามารถสนิทกับทยุตจนสามารถหัวเราะด้วยกันแบบนั้นได้ อะไรๆก็อาจจะดีขึ้น

ร่างบางลุกขึ้นจากอ่าง ปลายผมเปียกชื้นเกาะติดลำคอระหง กระจกบานใหญ่สะท้อนภาพตัวเองพร่าเลือนเพราะไอน้ำ

...แม่...

‘ถ้าเราผมยาวคงเหมือนกับแม่เลยนะ’

‘จะเหมือนได้ไงฮะอาพีท... นัทเป็นผู้ชายนะ’

‘ได้สิ... ทำไมลูกชายจะหน้าเหมือนแม่ไม่ได้ล่ะ’

‘ลูกชายหน้าเหมือนแม่.... ก็หน้าเหมือนผู้หญิงสิฮะ’

‘ฮะฮะฮะ นัทก็เป็นหนุ่มหน้ามนไง’

‘........ นัทว่าฟังดูประหลาดออกฮะ’ เด็กหนุ่มตัวเล็กทำหน้าเบ้ เลยถูกขยี้ศีรษะกลมจนหัวยุ่ง

...หน้าเหมือนแม่...

...อย่างนั้นเหรอ...

...ถ้าอาพีทไม่พูดก็คงไม่รู้สึก...

...จะตัดผมดีไหมนะ...

...หรือจะไม่ตัดดี...

...คุณเชฟคนนั้นก็ผมยาว...

“????” ญาณัชรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาเช็ดตัวลวกๆแล้วหยิบเสื้อคลุมที่ผ้าค่อนข้างหนักมาสวมทับ ผ้าเช็ดตัวผืนนุ่มสีขาวถูกวางลงบนศีรษะของตัวเองแล้วขยี้แรงๆ ตกใจกับตัวเองที่คิดถึงทยุตขึ้นมาอีก

“.......... วัน.... พฤหัส... เหรอ”

ร่างเพรียวบางทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ

...ถ้ามาถึงเร็วๆ...

...ก็คงจะดี...





To be continue...
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 4 หนามกุหลาบ [2/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 02-01-2015 19:03:28
สารภาพว่าแอบไปหาอ่านในเด็กดีเรียบร้อยแล้ว
กรี๊ดมากๆๆๆ  :heaven
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 4 หนามกุหลาบ [2/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 02-01-2015 22:01:23
รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 5 sleeping beauty [04/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 04-01-2015 15:53:58



-5-










ญาณัชตื่นขึ้นในตอนเช้าอย่างเช่นทุกวัน แต่วันนี้ถือเป็นความรู้สึกที่ต่างกว่าวันอื่นๆ...

…วันนี้เป็นวันพฤหัสบดี

‘เปรี้ยง!’

เด็กหนุ่มหันออกไปนอกหน้าต่างด้วยความตกใจ ชั่วพริบตาเดียว หยาดฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา เสียงหยดน้ำตกกระทบหน้าต่างฟังดูบางเบาในทีแรกก่อนจะเริ่มหนักขึ้น

...ฝนตก...

เขาไม่คิดว่าฝนจะตกในวันนี้ ร่างเล็กลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาที่โต๊ะ กล่องข้าวที่ล้างสะอาดถูกใส่ไว้ในถุงเรียบร้อย ญาณัชตัดสินใจไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยเสื้อแขนยาวที่ปิดรอยแผลบนข้อมือได้มิดชิด จากนั้นถือถุงกล่องข้าวไว้ แล้วหยิบร่มเพื่อลงมาข้างล่าง

/////////////////////////////

นักเปียโนหนุ่มผมยาวกำลังยืนรอคนที่เป็นฝ่ายนัดเวลาไว้ มือข้างหนึ่งกางร่มไว้เพื่อป้องกันละอองฝน อีกไม่นานก็จะถึงเวลาที่บอกไว้

...ฝนตกแบบนี้...

...มอเตอร์ไซค์อาจจะลำบาก...

...อาจจะไม่มา...

...ก็ได้...

/////////////////////////////

สายฝนสีขาวโปรยปรายลงบนพื้นถนน น้ำจากฟากฟ้าเจิ่งนองกระเซ็นเป็นสายยามที่ล้อรถบดเบียดกระแทกลงไป ความเร็วที่เร่งได้น้อยกว่าปกตินำพาความหงุดหงิดมาให้ชายหนุ่มในเสื้อแจ็กเก็ตสีดำเล็กน้อย เขาหมุนข้อมือที่บิดคันเร่งพลิกขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้เลยเวลานัดมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้ว...ไม่รู้เหมือนกันว่า จะยังรออยู่ไหม

ถ้ารอ...ก็ดี...

แต่ถ้าไม่รอ...ก็ไม่แปลก...

ทยุตบิดคันเร่งเพิ่มอีกนิดพามอเตอร์ไซค์คู่ใจทะยานไปตามถนน ท่ามกลางสายฝนที่ไร้วี่แววว่าจะหยุด


///////////////////////////

“ฮัดชิ้ว!” ร่างบอบบางถูจมูกฟุดฟิดไปมา ใบหน้าขาวที่เปรอะด้วยละอองฝนมองไปยังสุดปลายถนนหน้าบ้าน ญาณัชเขย่งตัวมองซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้มากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ในหัวคิดจะกลับไปนอนในบ้านหลายครั้ง...แต่เขาก็ยังยืนกางร่มรอท่ามกลางสายฝน

...ทำไมยังไม่มาอีกนะ หรือว่าจะมีอุบัติเหตุ หรือว่า...เพราะฝนตกเลยยกเลิกนัดวันนี้...

ยังไม่ทันที่ความคิดฟุ้งซ่านจะได้สานต่อ เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่คุ้นตาขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าฝนเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมเสียงทุ้มห้าวที่พูดอู้อี้ออกมาจากหมวกกันน็อค

“ทำไมไม่เข้าไปรอในบ้าน”

ญาณัชสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปด้วยเสียงขุ่นๆ....

“ก็ในบ้านมันไม่เห็นนี่..ครับ” ท้ายประโยคเขากดเสียงต่ำระงับอารมณ์ขุ่นมัว...ทั้งๆที่ตัวเองมาช้าแท้ๆ พอมาถึงยังจะมาดุใส่อีก

ทยุตนิ่งไปครู่หนึ่ง เขามองร่างที่เปียกละอองฝนก่อนจะพูดด้วยเสียงอ่อนลง “ผมแค่...กลัวคุณเป็นหวัด ขอโทษที่มาช้า ฝนตกแบบนี้ผมไม่อยากขับรถเร็ว”

“ดีแล้วครับ จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุ” ญาณัชพูดเสียงเบา

“แล้วฝนตกอย่างนี้คุณญาณัชจะไปพร้อมผมหรือให้เรียกแท็กซี่ดีครับ” เชฟหนุ่มเสนอทางเลือกเพราะถ้าไปกับเขา...ญาณัชเปียกแน่ๆ แถมท่าทางอย่างนี้ก็บอกได้เลยว่าโดนฝนนานๆต้องไม่สบายเพราะความต้านทานของร่างกายเดิมก็ต่ำอยู่แล้ว ภาพที่อยู่ก็หลับ... แถมหลับหลายครั้งต่อวันส่งผลให้เชฟหนุ่มรู้ว่าความแข็งแรงของร่างกายคนๆนี้ต่างจากคนทั่วๆไป

...หรือถ้าเรียกให้ถูกก็คือ...อ่อนแอกว่าธรรมดาเป็นสองเท่า...

“ผมไปกับคุณดีกว่า...” ญาณัชตอบแล้วก้าวขึ้นซ้อนทันที ซึ่งดูจากท่าทางที่ยังเก้งก้างเจ้าของรถเลยอดจะยื่นมือไปช่วยไม่ได้

ทยุตถอดเสื้อแจ็คเก็ตที่สวมอยู่แล้วยื่นส่งให้ ดวงตาสีเขียวอมเทาจ้องมองราวกับจะสั่งไม่ให้ปฏิเสธ...คนที่อ้าปากจะพูดว่าไม่เลยจำใจรับมาสวมแต่โดยดี

“เก็บร่มด้วยครับ...ผมขี่รถไม่ถนัด” ทยุตสั่งแล้วใส่หมวกกันน็อคครอบลงไปบนเส้นผมสีดำเปียกชื้นของเด็กหนุ่มที่ตัวเล็กกว่า ญาณัชขมวดคิ้วแน่น...ก็รู้อยู่แล้วว่าเวลานั่งรถแบบนี้กางร่มไม่ได้แล้วเขาก็กำลังจะเก็บอยู่แล้ว...ไม่ต้องรอให้ใครบางคนมาคอยสั่งหรอก

...ขี้บ่นจริง...

/////////////////////////////////

“ห้องอาบน้ำอยู่ข้างๆครัวครับ”

หลังจากที่จอดรถข้างๆบ้านได้ญาณัชรู้สึกเหมือนร่างของตัวเองปลิวหวือติดมือเย็นเฉียบของชายหนุ่มร่างสูงเข้ามาในบ้านอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับผ้าขนหนูสีขาวกรุ่นกลิ่นแดดจากที่ไหนไม่รู้โปะลงบนศีรษะตัวเอง

“คุณอาบก่อนเลยครับ” ตามมารยาทที่ดี...แถมอีกฝ่ายดูเหมือนจะเปียกกว่าหลายเท่า ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะให้เขายืมเสื้อไปคลุม ดวงตาโศกจับจ้องร่างสูงตรงหน้า เสื้อเชิ้ตสีดำแนบไปตามร่างกายที่แค่ดูภายนอกก็รู้แล้วว่าแข็งแรง เส้นผมสีทองที่ดูฟีบลงเล็กน้อยเพราะถูกฝนแนบลงมาตามเสื้อผ้าชุ่มน้ำ

“คุณเปียกมากกว่าผม” ญาณัชยืนยันคำเดิมแล้วเช็ดหัวตัวเองเบาๆ

“แต่ผม...แข็งแรงกว่าคุณ” ท่าทีที่พูดอย่างมั่นใจแล้วเดินเข้าไปในห้องฝั่งตรงข้ามทันทีที่พูดจบทำให้ญาณัชนึกอยากเขวี้ยงผ้าเช็ดตัวลงพื้น...แต่เขาก็ทำได้แค่ถอนหายใจแล้วหยิบมันเดินเข้าห้องน้ำไป

...นอกจากจะขี้บ่นแล้ว...ยังน่าหมั่นไส้อีกด้วย...

แต่น่าแปลกที่ว่า...กับคนๆนี้เขากลับไม่มีความรู้สึกไม่อยากอยู่ใกล้เลย...


//////////////////////////////////

ทยุตถอดชุดที่เปียกโชกออกแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวในห้องนอนมาพันผมไว้ลวกๆ มือใหญ่หยิบเสื้อคลุมขึ้นมาสวมแล้วผูกเชือกเอาไว้แน่นหนา เขาส่องกระจกในห้องนอนแล้วนึกขำกับการแต่งตัวของตัวเอง...รอยยิ้มบางเบาบนกระจกสะท้อนให้เห็นว่า...บางที...แค่บางที...การได้อยู่ร่วมกับใครบางคนในวันฝนตกมันก็มีความสุขได้

ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องนอนทั้งชุดนั้นผ่านเจ้าปีศาจสองตัวที่นอนหลับข้างโซฟาฟังเสียงฝนไปยังห้องครัวที่เย็นเยียบ ปลายเท้าเปล่าเปลือยย่ำกระเบื้องในห้องครัวไปทางตู้เก็บของและตู้เย็นหยิบส่วนประกอบที่จะใช้...ทำอะไรอุ่นๆให้คนที่กำลังอาบน้ำ

ทยุตปาดเนยใส่ชามที่มีช็อกโกแลตแบบเม็ดกับน้ำตาลแล้วส่งเข้าเวฟไปหนึ่งนาที ระหว่างนั้นก็หันมากรุพิมพ์ด้วยแผ่นฟอยล์พร้อมกับทาเนยขาวบางๆ พอไมโครเวฟดังก็เอาส่วนผสมที่กลายเป็นสีน้ำตาลข้นๆมาคนแล้วพักเอาไว้ อีกชามอ่างหนึ่งเขาร่อนแป้งสาลี โกโก้ ผงฟู เกลือเข้าด้วยกัน ชายหนุ่มหยิบไข่ตอกลงในชามใบใหม่พร้อมผงกาแฟนิดหน่อยและกลิ่นวานิลลาแล้วตีมันให้ขึ้นเป็นฟองก่อนจะเทส่วนผสมที่เข้าเวฟแล้วลงไปคนให้เข้ากันอีกที

“......... คุณทยุตครับ.....” เสียงเรียกเบาๆอย่างเกรงใจดังขึ้นจากในห้องน้ำ

ร่างสูงอุ้มชามอ่างที่กำลังคนผสมอยู่เดินไปยืนหน้าประตูที่ปิดสนิท “ครับ?”

“คือว่าผม....” เสียงบิดลูกบิดห้องน้ำดังแกร็กแล้วใบหน้าขาวที่พราวด้วยหยดน้ำก็ยื่นออกมา ญาณัชเบิกตากว้างกับชุดอีกฝ่าย... เช่นเดียวกับทยุตที่ตกใจกับร่างผอมบางที่เห็นเพียงแวบเดียว

“ผมขอยืมเสื้อแขนยาว...กับกางเกงได้ไหมครับ เอาเป็นเชิ้ตก็ได้”

“สระผมหรือยัง”

“ยังครับ...กำลังจะสระ”

“งั้นรออีกแป๊บนึงเดี๋ยวผมไปเอามาให้ คุณอาบน้ำไปเรื่อยๆก่อน จะแช่ในอ่างก็ได้” เชฟหนุ่มพูดพลางคนส่วนผสมไปด้วย

เขาเดินกลับไปที่ครัวแล้วเอาแป้งที่ร่อนแล้วลงไปผสมพร้อมๆกับเปิดไฟวอร์มเตาอบ หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยก็เอาส่วนผสมที่ได้ใส่ลงในพิมพ์แล้วเคาะไล่อากาศก่อนจะกรุด้วยฟอยล์ด้านบนกันหน้าขนมไหม้ แล้วส่งเข้าเตาอบตั้งเวลาไว้

“คุณทยุตครับ...” เสียงเรียกครั้งที่สองดังขึ้นทันทีที่เขากดตั้งเวลาเสร็จ ทยุตรับคำแล้ววิ่งไปหยิบเชิ้ตขาวกับกางเกงยืดขาสั้นแบบที่เขาเอาไว้ใส่ตอนนอนมายื่นให้มือขาวๆที่โผล่ออกมาจากห้องน้ำ

“ถ้าอาบเสร็จแล้วไปนั่งรอที่โซฟาก่อนก็ได้”

“ครับ” เสียงที่เริ่มแหบแห้งตอบออกมา ร่างเล็กที่เดินออกจากห้องน้ำดูบอบบางลงเมื่ออยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตที่ใหญ่กว่าตัวเองจนไหล่ตกและกางเกงขาสั้น เส้นผมสีดำยาวถูกรวบด้วยผ้าเช็ดตัวเผยผิวขาวที่แดงเรื่อด้วยน้ำอุ่น ดวงตาสีเขียวอมเทาลอบมองตามไปช้าๆ ก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดแล้วก้าวเข้าไปแทนที่ให้สายน้ำชำระล้างร่างกาย

...บ้าเอ๊ย...

...ดันคิดว่า 'น่ารักดี' ซะได้...


///////////////////////////////////

ญาณัชเดินมาหยุดที่โซฟา ข้างๆนั้นมีสองปีศาจ... ตามคำเรียกของทยุต... นอนอิงแอบกันและกันอยู่ ริมฝีปากบางยิ้มเอ็นดู เขานั่งบนโซฟาชันเข่าขึ้นมากอด ในตัวรู้สึกหนาวๆร้อนๆตั้งแต่ยังอาบน้ำหากแต่น้ำอุ่นยังพอช่วยได้บ้าง แต่ในเวลานี้... ที่มีเพียงโซฟากับพื้นกระเบื้องเย็นๆ ความหนาวก็เริ่มโจมตีช้าๆ.... เขาไอออกมาเบาๆพลางสูดจมูก พอเอาหลังมืออิงที่หน้าผากก็รู้สึกถึงความร้อน

...ป่วยจริงๆซะแล้ว...


///////////////////////////////

ทยุตในชุดเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมสองเม็ดและกางเกงยีนส์เดินออกมาจากห้องนอน หลังจากอาบน้ำและเข้าไปแต่งตัวเรียบร้อยเขาก็นึกห่วงสิ่งที่อยู่ในเตาอบทันที ร่างสูงก้าวยาวๆไปทันได้ยินเสียง ‘ติ๊ง’ ของเตาอบ บราวนี่ชุ่มฉ่ำอุ่นจัดถูกนำวางคว่ำลงบนตะแกรงเพื่อเอาออกจากพิมพ์ เขาปล่อยมันทิ้งไว้แล้วคว้าชามอ่างที่สะอาดมาหนึ่งใบเพื่อทำกานาซ ช็อกโกแลตแบบแท่งผสมกับวิปปิ้งครีมและเนยสดในถ้วยถูกเอาไปเวฟชั่วครู่แล้วเอาออกมาคนสลับกันไปสองสามครั้ง พอทั้งหมดละลายเขาก็เอาผงกาแฟที่บดแล้วใส่ลงไปคนให้ละลาย

เชฟหนุ่มเอาจานสีขาวสองใบที่อยู่ในตู้ออกมาวางบนโต๊ะ มือใหญ่ถือมีดคมกริบค่อยๆเฉือนบราวนี่สีเข้มออกมาเป็นชิ้นใหญ่วางใส่ลงไปราดทับด้วยกานาซอุ่นๆ ทยุตหันไปทำแบบเดิมกับอีกจากก่อนจะหยิบช้อนมาวางบนจาน พลางรินน้ำร้อนใส่กาที่มีชาสำเร็จรูปกลิ่นคาโมมายด์ ทั้งหมดถูกวางลงบนถาดพร้อมแก้วชาสองใบ....

....มื้อเช้าอุ่นๆต้อนรับวันฝนตกได้เริ่มขึ้นแล้ว....


////////////////////////////

ทยุตเดินมาที่โซฟาเพื่อเรียกให้เด็กหนุ่มทานข้าว ทันทีที่มือสัมผัสลงที่ลาดไหล่บาง ชายหนุ่มก็รีบย้ายมือมาแตะเบาๆที่หน้าผากมนแทน

“คุณญาณัช... ทานข้าวก่อนนะครับ... เดี๋ยวผมเอายามาให้” เจ้าของบ้านพูดเป็นเชิงสั่ง น้ำเสียงที่ใช้ฟังดูเข้มแต่ก็ลดความแข็งกระด้างลงไปมากกว่าเมื่อก่อน เป็นอย่างที่คิดไว้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้อ่อนแอกว่าคนทั่วไปขนาดไหน เมื่อเห็นว่าร่างเล็กลุกขึ้นจากโซฟาแล้ว เขาจึงเดินไปหยิบยามาให้

ทันทีที่ญาณัชลุกขึ้น เขารู้สึกมึนหัวมากกว่าเมื่อครู่ นัยน์ตาเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาจนรู้สึกได้ มือผอมบางยกขึ้นปิดทาบดวงตาครู่หนึ่งก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะทานข้าว กลิ่นหอมหวานปนขมของช็อคโกแล็ตโชยมาแตะจมูกจนท้องร้อง นักเปียโนหนุ่มนั่งรอไม่นาน ทยุตก็เดินกลับมาพร้อมกับแก้วใบจิ๋วในมือที่มียาสองเม็ดอยู่ในนั้น

“ยาหลังอาหารครับ”

“.................. ขอบคุณครับ” นัยน์ตาโศกสีนิลจ้องไปในดวงตาสีเขียวอมเทาของอีกฝ่ายอย่างจริงใจ

...ทยุตไม่ได้ตอบอะไร

“... ไดร์เป่าผมอยู่ในห้องน้ำนะครับ...” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นมาลอยๆ แต่นั่นก็เป็นการบอกกลายๆว่าให้ไปหยิบมาเป่าผมเสีย ทยุตจินตนาการสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูญาณัชให้เติบโตมาแทบไม่ออก ทั้งเลือกกิน ป่วยง่าย หรืออย่างแค่หนามกุหลาบตำก็รีบหาพลาสเตอร์กับยา - - - อย่างกับได้รับการทนุถนอมราวกับไข่ในหินก็ว่าได้

“................................ ครับ”

บทสนทนาสั้นๆจบลง ญาณัชนิ่งไปพักหนึ่ง เขาอยากจะคุยกับคนตรงหน้าได้มากกว่าถามคำตอบคำ แต่ในสภาพที่ปวดหัวตึ๊บๆแบบนี้เขาก็นึกอะไรไม่ค่อยจะออก

“...... คุณ... ทำงานที่โรงแรมเหรอครับ” เด็กหนุ่มหมายถึงโรงแรมของคุณพลอยที่พวกเขาพบกันเป็นครั้งแรก

“เปล่าครับ... ผมรับเป็นงานๆไปตามแต่เขาจะเรียกจ้าง...” ร่างสูงตอบแล้วหยุดไปอึดใจหนึ่งก่อนถามกลับ

“คุณล่ะครับ”

“ผม... ทำเฉพาะ... ตอนกลางคืนครับ” น้ำเสียงนุ่มเริ่มฟังดูอู้อี้เล็กน้อย เขายกเครื่องดื่มขึ้นจิบเพื่อให้ชุ่มคอมากขึ้น

“...... แล้ว...” ทยุตยั้งไว้ ไม่รู้ว่าควรจะถามมากกว่านี้หรือไม่

“ครับ?”

“ตอนกลางวัน... คุณทำงานที่ไหนหรือเปล่าครับ”

“... เปล่าครับ”

คนตอบนิ่งไป บางทีควรจะตอบมากกว่าแค่นั้นไหมนะ

“... ผมอยู่บ้าน... ครับ...... แต่ถ้าทำจนดึก... ผมก็อยู่ที่โรงแรมครับ”

บทสนทนากระท่อนกระแท่นจบลงอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ต้องรอนานญาณัชก็เป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อน

“อิ่มแล้วครับ... อร่อยมาก........ ขอบคุณครับ” ทยุตมองตามร่างบอบบางที่เดินอย่างอ่อนแรงไปทางห้องน้ำ เขาหวนนึกถึงรวิน อดีตคนรักที่ชอบมาอ้อนเขาทุกครั้งที่ป่วย กับ คนป่วยที่ไม่คิดจะขอความช่วยเหลืออะไรเลยตรงหน้าเขาคนนี้ ทั้งๆที่ตัวก็มีแค่นี้แต่กลับไม่อยากพึ่งใคร

...หรือบางทีอาจจะไม่คุ้นเคยกับการพึ่งคนอื่น

หลังจากเก็บล้างภาชนะที่ใช้สำหรับอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย เขาก็เดินไปที่ห้องน้ำ เสียงไดร์เป่าผมยังคงดังให้ได้ยิน ฝ่ามือใหญ่ดันประตูให้เปิดออกช้าๆ - - - ญาณัชยืนหลับตาพริ้มอยู่หน้ากระจกขณะที่มือข้างหนึ่งจับปลายผมไว้ และใช้มืออีกข้างที่ถือไดร์ค่อยๆเป่า ริมฝีปากบางซีดมีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่เล็กน้อยราวกับกำลังนึกถึงใครบางคน

‘หยุดเลยนะเจ้าตัวดี! จะเป่าผมให้อาแล้วเอาไดร์ยื่นใส่มาแบบนี้พอดีผมเยินกันหมด’ พิชญ์หันไปโวยใส่เด็กประถมวัยกำลังซนที่ยืนอยู่ข้างหลัง

‘ก็นัทอยากช่วยอาพีทนี่ฮะ’

‘นี่ เวลาเป่าผมน่ะ ทำแบบนี้ ผมจะได้ไม่เสียรู้ไหม’

‘ทำช้าๆก็เสียเวลาสิฮะ อาพีท’ เสียงเล็กๆเอ่ยบ่นกระปอดกระแปดตามประสาเด็ก

‘งั้นก็เอาไดร์มา อาทำเอง’

‘ไม่เอาฮะ! นัทอยากช่วย’ ญาณัชร้องเสียงดังขึ้นมา มือเล็กๆยื้อยุดไดร์เป่าผมไว้

‘ถ้าอยากช่วยก็ต้องทำดีๆ รู้ไหม’

‘....... ฮะ’

เมื่อรู้สึกว่าผมแห้งดีแล้ว นัยน์ตาคู่สวยที่ดูเศร้าค่อยๆเปิดขึ้นช้า เขาสะดุ้งเล็กน้อยที่พบกับภาพของทยุตยืนพิงประตูผ่านทางกระจกบานใหญ่ ญาณัชหันมาหาเจ้าของบ้านขณะที่พันสายไฟของไดร์เป่าผมคืนที่

“... มีอะไรเหรอครับ”

“กลางวันผมจะทำข้าวต้มให้... ข้าวต้มกุ้งนะครับ” เขาถอยตัวออกมาจากประตูเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาหา... ต้องบอกว่าญาณัชอยากจะเดินออกจากห้องน้ำมากกว่า

“ข้าวต้มหมูแทนได้ไหมครับ” ญาณัชถามกลับ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบทานกุ้ง แต่เพียงรู้สึกว่ากุ้งในข้าวต้มออกจะแปลกไปหน่อยสำหรับเขา

“.... ได้ครับ” คนเป็นเชฟจะตอบอะไรได้ เขาเองก็เป็นฝ่ายขอให้อีกฝ่ายมาทาน อย่างน้อยจากกุ้งเป็นหมูก็ยังมีเนื้อ

“.... อย่าใส่ผักโรยกับกระเทียมนะครับ” ก่อนที่ญาณัชจะได้เดินผ่านไป เขาหยุดยืนตรงหน้าร่างสูงแล้วเอ่ยบอกอีกอย่าง

...เพราะว่าเลือกกินถึงได้ป่วยง่ายแบบนี้...

“... ถ้าไม่ใส่กระเทียมเจียวก็จะไม่หอมนะครับ”

“..... เอาแค่น้ำมันจากกระเทียมเจียวก็ได้นี่ครับ”

ทยุตตัดสินใจหยุดเถียง ถือว่าเป็นคนป่วยต้องทานข้าวทานยา เขาจะยอมให้ก่อนก็ได้ เมื่อเห็นว่าเชฟร่างสูงไม่พูดอะไรต่อ ญาณัชจึงเดินไปเอนตัวลงบนโซฟา

เจ้าของบ้านมองออกไปนอกหน้าต่าง วันนี้ดูท่าว่าฝนจะตกอีกยาว ระหว่างที่ยังคิดไม่ออกว่าควรจะทำอะไรฆ่าเวลา เขาไปเตรียมของไว้ทำอาหารกลางวันก็ได้ เริ่มจากหุงข้าวก่อนคงไม่เป็นไร

“ลูกชิ้น! ไส้กรอก! มานี่มา” ทยุตร้องเรียกเมื่อเห็นเจ้าหมาตัวแสบทั้งสองตัวตั้งท่าจะปีนขึ้นไปหาคนที่นอนหลับไปแล้ว อาจฟังดูประหลาดแต่สัตว์เลี้ยงที่น่ารักทั้งสองตัวพากันค้อนให้เจ้าของก่อนจะยอมเดินถอยออกมา

/////////////////////////////////

หลังจากทานอาหารกลางวันและยาเรียบร้อย เด็กหนุ่มเดินไปหาเจ้าของบ้านที่ง่วนอยู่กับการล้างหม้อใบใหญ่

“คุณทยุต... ครับ”

“ครับ?”

“ผมขอ... ยืมโทรศัพท์... ได้ไหมครับ” ร่างบางเริ่มไอออกมาบ้าง ทยุตหยิบสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการยื่นให้

“ขอบคุณครับ...”

...คงต้องขอลาคุณพลอย...

...สภาพแบบนี้ยังไงก็ไปทำงานไม่ไหว...

ญาณัชที่รู้สึกแย่ลงกว่าเดิมพาตัวเองไปนอนลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็รู้สึกได้ว่าหนาวจนมือเย็นเฉียบ ร่างบอบบางภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวหลวมห่อตัวเข้าหากันเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับตัวเอง ทั้งๆที่ก็รู้ว่าตัวร้อน

...เกลียดเวลาเป็นแบบนี้...

‘นัท... ตัวร้อนจี๋เลย อาบอกแล้วไงว่าตากฝนมาแล้วให้รีบสระผม’ ชายหนุ่มรีบอุ้มหลานตัวเล็กขึ้นมากอดไว้

‘... อือ’ นัยน์ตาโตหรี่ปรือเปิดแทบไม่ถึงครึ่งด้วยพิษไข้

‘ปะ... ไปหาหมอกันดีกว่านะ’

มือเล็กยึดเสื้อเขาไว้แน่น

‘ไม่เอา...... ไม่เอาหมอ...’ เสียงเล็กๆที่คอยแต่เจื้อยแจ้วแหบแห้งจนพิชญ์ต้องยกมือขึ้นลูบหัวเบาๆ

‘ไม่เอาหมอแล้วจะหายไหมนัท’

‘... อาพีท... อยู่กับนัทนะฮะ.... นัทไม่เอาหมอ...'

ผู้เป็นอายิ้มให้กับญาณัชแล้วพยักหน้าช้าๆ

‘เอาล่ะเอาล่ะ... ถ้าอย่างนั้น คนป่วยก็ต้องกินยาแล้วนอนพักรู้ไหม’

เจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดพยักหน้าช้าๆ แล้วกอดคนที่อุ้มไว้แน่นสนิท

“.... หนาว.......” เสียงที่แหบแห้งหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากบางของคนที่นอนขดตัว ทยุตเดินมาหมายจะถามว่าเอาผ้าห่มไหม

“คุณญาณัช.......” เขายื่นมือไปหมายจะเรียกแต่กลับพบว่าอีกฝ่ายตัวร้อนมาก ญาณัชยังไม่รู้สึกตัวขึ้นมา ริมฝีปากพร่ำเรียกแต่ชื่อของพิชญ์

“... คุณญาณัชครับ”

เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว ก่อนที่จะคิดว่าควรทำอะไร เขาก็ย่อตัวลงสอดแขนช้อนเข้าใต้ร่างเล็กแล้วยกขึ้น

...ทำไมตัวเบาได้ขนาดนี้??

ความคิดของทยุตหยุดลงเมื่อมือผอมบางทั้งสองข้างยกขึ้นสัมผัสลำคอหนาก่อนจะซบใบหน้าเข้าหา

“... อาพีท... ตัวอุ่นจัง... ครับ”

ร่างสูงถึงกับถอนหายใจออกมา ก่อนหน้านี้ที่คิดว่าการได้อยู่ร่วมกับใครในวันฝนตกก็ทำให้รู้สึกดีได้ เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าดีหรือไม่ ทยุตเดินไปเปิดตู้เย็นทั้งๆที่ยังอุ้มเด็กหนุ่มไว้ ญาณัชตัวเบาเสียจนแค่แขนข้างเดียวก็ยังประคองไว้ได้ เขาเอื้อมมือไปหยิบเอาCold packออกมา

...อย่างน้อยก็ต้องให้อุณภูมิลดก่อน...

ทยุตค่อยๆวางร่างบอบบางลงบนเตียงช้าๆ แล้ววางCold packทาบไปบนหน้าผากมน แต่ก่อนที่จะได้ลุกออกมา ต้นแขนแข็งแรงกลับถูกคว้าเอาไว้

“อาพีท... อยู่กับนัทนะครับ...” เขาจ้องลึกไปในดวงตาสีนิลที่มองเขาอย่างอ้อนวอน

...บางทีเขาอาจจะคิดผิดที่เลือกยื่นข้อเสนอให้อีกฝ่าย

...สถานการณ์แบบนี้...

เขาไม่คุ้นเคยเลย...

“....” ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นลูบเรือนผมนุ่มช้าๆไปโดยไม่รู้ตัว ญาณัชที่ยังมองเขาอยู่ค่อยๆยิ้มให้ รอยยิ้มที่แสดงออกมาว่าดีใจขนาดไหนทำให้รู้สึกแปลกๆขึ้นมา เมื่อร่างบางตรงหน้าเขยิบตัวหนีไปเล็กน้อยเพื่อสร้างพื้นที่ให้เขาได้นั่งลงบนเตียง เสื้อเชิ้ตตัวหลวมที่ถูกแผ่นหลังของเจ้าตัวทับไว้ก็รั้งลงเผยให้เห็นลาดไหล่เนียนขาว นัยน์ตาเศร้าคู่สวยค่อยๆปิดลงช้าๆ

ทยุตย้ายมือมาหมายจะจัดเสื้อที่หลุดรุ่ยให้เข้าที่ แต่มือกลับสัมผัสโดนกับผิวกายเนียนมือ เขาชะงักไปชั่วครู่

...ทั้งๆที่คิดว่าเป็นเด็กแปลก...

ใบหน้าคมค่อยๆโน้มลงหาคนที่หลับสนิทไปแล้วช้าๆ

...แต่ว่า...

กลิ่นหอมจางที่รวยรินออกมาจากร่างซึ่งหลับใหลด้วยพิษไข้เป็นกลิ่นที่ชวนให้อะไรบางอย่างในร่างกายปั่นป่วน ทยุตหลับตาลงช้าๆพลางดื่มด่ำไปกับกลิ่นนั้น จมูกโด่งได้รูปอยู่ใกล้ผิวแก้มร้อนผ่าวจนเกือบจะสัมผัสกันหากแต่สุดท้ายแล้วเขาก็หยุดมันไว้แค่นั้น

ไอร้อนของลมหายใจคนป่วยระบายออกมาเป่ารดปลายจมูกซึ่งนั่นก็ทำให้เชฟหนุ่มรู้สึกตัวว่าเขา “เกือบจะ” ทำอะไรลงไปแล้ว

“อันตราย....” บ่นแล้วดึงมือเรียวที่จับแขนออก มือใหญ่แตะเบาๆที่ลำคอที่เผยผิวจนถึงลาดไหล่เพื่อวัดอุณหภูมิอีกครั้งพลางคิดว่าถ้านานเข้าแล้วไข้ยังไม่ลดอีกคงได้มีการพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลแน่ๆ

ชายหนุ่มเกือบจะห่มผ้าให้แล้วออกไปข้างนอกแล้วถ้าหากว่านัยน์ตาคมกริบไม่ได้สังเกตเห็นริมฝีปากบางพร่ำเรียกชื่ออาพีท และมือที่เคยแต่กดแป้นเปียโนลูบไล้ตามผ้าปูที่นอนเหมือนหาอะไรบางอย่าง

“อาพีท...อย่าไปไหนนะ...”

ยิ่งหาไม่เจอมือนั้นก็ยิ่งกวาดไปข้างตัวอย่างกระวนกระวาย ทยุตยืนนิ่งมองการเคลื่อนไหวของมืออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินในดึงผ้าห่มนวมของตนเองมาห่มให้แล้วลงนั่งเอนตัวพิงหัวเตียงยึดพื้นที่อีกครึ่ง มือหยาบหนาสอดเข้าไปกุมมือนิ่มแล้วบีบเบาๆราวกับจะบอกว่าเขาอยู่ข้างๆ

“.........................” รอยยิ้มจางๆที่แทบมองไม่เห็นแต้มลงบนริมฝีปากบางที่แดงก่ำ ญาณัชคล้ายอยากจะพูดอะไรแต่สุดท้ายก็มีเพียงมุมปากที่ยกขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น

“เด็กจริงๆ....ให้ตายสิ”

 

To be continue...



kagehana : เค้าว่ากันว่า...คนป่วยมักจะเซ็กซี่ขึ้น อุฮิ<3
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 5 sleeping beauty [04/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-01-2015 19:26:35
มาพร้อมกับอาการป่วย รออ่านอีก
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 5 sleeping beauty [04/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-01-2015 19:35:22
อ่านตอนแรกก็ว่าอยู่ว่ามันเหมือนเป็นไซด์สตอรีของเรื่องไหนซักเรื่อง
พออ่านตอนแรกจบเห็นที่คนแต่งเขียนไว้เลย อ๋อเลย
ติดตามค่าาา
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 5 sleeping beauty [04/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: เฉื่อย ที่ 04-01-2015 20:29:19
ชอบการดำเนินเรื่องของคนเขียนนะครับ
ดูเป็นไปเรื่อยๆ สบายๆ หน่วงๆหน่อย
ชอบครับไสตล์แบบนี้
ดูน้องนัทจะปมเยอะนะ
รอยุตมาคลายปัญหาให้น้องนัทนะ
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 6 อ้อมกอดที่ไม่คุ้นเคย [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 06-01-2015 15:47:28


-6-







นัยน์ตาสีเข้มค่อยๆกระพริบช้าๆ ญาณัชรู้สึกเหมือนมีใครมากดศีรษะเอาไว้ให้ปวด แม้จะรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว แต่เขาก็ยังมึนศีรษะอยู่
 
ร่างบางรู้สึกได้ถึงใครอีกคนที่เขากอดเอาไว้ ก่อนที่จะไม่รู้สึกตัว เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับได้เจอพิชญ์อีกครั้ง ทว่าพิชญ์ที่เขารู้จักไม่ใช่คนตัวใหญ่ขนาดนี้
 แม้จะตกใจ แต่ญาณัชก็ไม่ได้ผละหนีออกมาทันที เขาค่อยๆเหลือบตามองก่อนจะพบว่าทยุตกำลังอ่านหนังสืออยู่ - - - ร่างบางไม่เข้าใจ...

 ทั้งๆที่ไม่ใช่คนสนิทกัน กลับยอมให้เขานอนกอดเอาไว้แน่นขนาดนี้ แต่ที่สำคัญกว่านั้น ญาณัชรู้สึกว่าการได้กอดร่างสูงเอาไว้ทำให้เขารู้สึกดี แม้จะเป็นความรู้สึกที่ยังอธิบายดีๆไม่ได้ แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความสงบที่เกิดขึ้นในจิตใจของเขา

 ...ถึงจะฟังดูแปลก แต่ถ้าตัดเรื่องไข้ขึ้นออกไป ตัวเขาเองก็ไม่ได้นอนหลับสบายอย่างนี้มานานแล้ว

เด็กหนุ่มนอนนิ่ง เขาไม่ได้รีบร้อนผละออกหรือผลักไสเหมือนนางเอกในนิยายที่ทำเป็นรังเกียจพระเอกทั้งๆที่นอนกอดมาตั้งนาน ท่อนแขนเรียวยังคงพาดผ่านบนตัก สัมผัสของร่างกายคนอื่นเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเกิดกับใครก็ได้ แต่อะไรบางอย่างของความอบอุ่นที่ส่งผ่านบอกเขาว่าอย่างน้อยที่สุด ทยุตก็คงจะ “ดี” กับเขามากกว่าใครหลายๆคน

“ลุกไม่ไหวเหรอครับ?”

ประโยคที่เหมือนพูดลอยๆถามออกมาเบาๆ แต่มือที่เลื่อนหนังสือลงมาจากระดับสายตาและดวงตาที่สบกันเบาๆก็บอกให้ญาณัชรู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังพูดกับตัวเขา

“....ก็...มึนหัวนิดหน่อย...ครับ” น้ำเสียงแหบพร่าที่เกิดจากการเพิ่งตื่นนอนตอบไป

ทยุตวางหนังสือลงข้างเตียงแล้วก้มตัวลงสอดแขนเข้าใต้รักแร้ยกร่างบางให้นั่งพิงเขาไว้ เขาเอ่ยขอโทษพอเป็นพิธีแล้วใช้มือใหญ่แตะที่หน้าผาก ลำคอ และข้างแก้ม

“ตัวไม่ร้อนเท่าไหร่......ไส้กรอกอย่ากระโดดขึ้นเตียง!!” พูดกับคนไม่ทันจบก็ต้องตวาดหมาที่พยายามทำตัวมีประโยชน์ด้วยการเอาขาหน้าแปะลงบนเตียงแล้วพยายามยกตัวขึ้นมา ทยุตปล่อยมือที่จับคนหันไปดันหัวกลมๆป้านๆภายใต้ขนสีทองนั้นแทน

“ที่นอนคนไม่ใช่ที่นอนหมา เข้าใจไหม”

“โฮ่ง!”

เสียงเห่าที่เหมือนขานรับเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากคนป่วย ญาณัชยื่นมือไปลูบหัวเจ้าหมาตัวโตที่ทำท่าหงอยๆ

“ไส้กรอกคนเก่ง...เป็นห่วงเหรอครับ” “คนเก่ง”ตอบรัวด้วยการเอาหัวดุนมือแถมท้ายด้วยเลียด้วยลิ้นสากๆอันเปียกชื้น

นัยน์ตาสีเทาอมเขียวมีแววไหวระริกด้วยการพยายามกลั้นหัวเราะ เจ้าหมายักษ์นี่ตัวดี เห็นใครน่ารักหน่อยไม่ได้ชอบมาอ้อนอยู่เรื่อย ตั้งแต่คราวรวินที่ชอบแกล้งนอนทับกลิ้งไปมาหรือไม่ก็โดนรวินยกขาหน้าขึ้นมาเต้นรำ พอมาถึงญาณัชก็ทำตัวน่ารักออดอ้อนใส่ ไม่รู้ไปติดนิสัยแบบนี้มากจากไหน....

“คุณหลับไปนานเหมือนกัน...ตอนนี้ก็ค่ำแล้วด้วย หิวไหม”

“ผม........” ญาณัชกระพริบตาเบาๆ ไม่เชิงว่าไม่อยากกินอะไรแต่ท้องของเขาก็ไม่ได้ว่างจนต้องเรียกร้องอาหารมื้อหนักเข้ามาอีก

“...นิดหน่อยครับ...” เขาเลือกที่จะตอบอย่างประหยัดถ้อยคำแทน

“ถ้างั้นเอาเป็นพวกโจ๊กหรือซุปดีไหมครับ” ถ้าอาหารที่ดีต่อคนป่วยเชฟหนุ่มก็พอนึกได้แต่จำพวกนี้ ด้วยความที่ไม่ได้ป่วยมานานประกอบกับอาหารที่ทำส่วนใหญ่ก็ทำเพื่อคนในงานที่มีความสุขอย่างงานแต่งงานหรืองานฉลองเลยทำให้ในตัวคิดเมนูอื่นๆแทบจะไม่ออกเลย

“แต่ว่าก็เพิ่งกินข้าวต้มไปนี่นา...เบื่อไหมครับ”

ร่างสูงขยับลุกออกมายืนบนพื้นพลางดึกปลอกคอหมาตัวใหญ่ที่ส่ายหางระริกระรี้ไว้ ไม่ทันได้ทำอะไรเขาก็เห็นชิวาว่าพันธุ์จรวดที่วิ่งเข้ามาในห้องเสนอหน้าออดอ้อนไม่แพ้กัน

“ลูกชิ้น!”

พูดจบก็ย่อตัวเอามือดักหมาน้อยที่วิ่งมาเร็วจี๋ก่อนจะอุ้มขึ้นมาให้ขาวางพาดไหล่

“คุณญาณัชอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมครับ”

“มีมาม่ารสวุ้นเส้นเย็นตาโฟไหมครับ”

“หือ?”

“คือว่า...ผมอยากกิน” คนพูดพูดเสียงอ่อน รู้หรอกว่าอีกฝ่ายเป็นถึงเชฟถ้าขอให้ทำพวกอาหารสำเร็จรูปให้กินก็คงดูแปลก

“ใส่ผักใส่หมูได้นะครับ”

“ค...ครับ”

ไม่นึกว่าจะยอมทำให้ง่ายๆ ทั้งที่เตรียมใจจะโดนบ่นว่ามาม่าไม่ดีต่อร่างกายไว้บ้างแล้ว แต่พอไม่มีคำบ่นกลับรู้สึกแปลกๆซะได้

คนป่วยส่งสายตามองคนไม่ป่วยลากหมาป่วนออกไปนอกห้องช้าๆพร้อมกับเสียงร้องประท้วงของมันจนยิ้มออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว





///////////////////////////////////////////////






“ผมมาเรียก....ให้คุณไปทานข้าวที่อีกห้อง เดินไหวไหมครับ” ทยุตพูดเบาๆเหมือนเกรงใจ ตอนแรกเขาว่าจะยกชามมาที่นี่แต่ดูเหมือนว่า “น้องนัท” จะดีขึ้นแล้ว เพราะงั้นถ้าให้คนป่วยออกไปทานเองน่าจะสะดวกกว่า

“ทานที่ห้องอาหารดีกว่าครับ” อาการปวดหัวที่ยังไม่ทุเลาทำให้ร่างเล็กเคลื่อนไหวร่างกายค่อนข้างลำบาก ญาณัชยืนขึ้นช้าตัวเซนิดหน่อยแต่ก็พยายามก้าวเท้าโดยที่ไม่พึ่งมือใหญ่ที่ไขว้หลังอยู่ของทยุต แต่พอออกเดินได้สองสามก้าวก็เซถลาจนคนที่บอกให้ออกไปกินข้างนอกวิ่งเข้าไปทำท่าประคองแทบไม่ทัน

“ไม่เป็นไรครับ แค่เวียนหัว” ปลายนิ้วบอบบางแตะที่ท่อนแขนแข็งแกร่งแล้วยึดเอาไว้กลายๆ ทยุตผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงยอมให้คนป่วยจับแขนเดินมาถึงโต๊ะอาหาร

บนนั้นมีมาม่าวุ้นเส้นเย็นตาโฟตามที่สั่งมาหร้อมกับผักผุ้งลวกหั่นแฉลบวางรองอยู่ข้างใต้ หมูสับที่เขาเอากรุบางๆลงในถ้วยอีกใบแล้วเอาน้ำร้อนลวกจนสุกร่อนออกมาเป็นแผ่นถูกนำมาหันเป็นชิ้นไม่เล็กนักแล้ววางลงไปบนวุ้นเส้นอีกที ทยุตปรุงรสเพิ่มนิดหน่อยจนกลมกล่อมและเอามันมาวางรอเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า

“จริงๆใส่ไข่ไปสักฟองแบบผมจะดีกว่า แต่คุณคงไม่กินหรอก ใช่ไหม” เขาชี้ไปที่ชามซึ่งวางอยู่ใกล้ๆ

“ผมกินแค่นี้แหละครับ”

...นั่นก็หมายความว่าไม่กินเหมือนกันล่ะน่า...

ทยุตดึงเก้าอี้ออกมาแล้วประคองญาณัชให้นั่งเรียบร้อย ร่างสูงนั่งลงใกล้ๆแล้วคว้าขวดน้ำอุ่นมารินใส่แก้วพร้อมกับยาแก้ปวดหัวที่เตรียมไว้ในถ้วยเล็กดันส่งให้

“ทานยาก่อนนะครับ”

ญาณัชรับยามาแล้วใส่เข้าปากดื่มน้ำตามลงไปจากนั้นก็หยิบตะเกียบที่วางอยู่ข้างๆคีบหมูขึ้นมา

“นึกว่าคุณจะบอกว่ากินแบบเม็ดไม่เป็นเสียอีก”

“..........” ดวงตาที่เจือแววอ่อนล้ามองไปยังนัยน์ตาที่สั่นระริกซ่อนแววขำขันและมุมปากที่ยกยิ้มอย่างไม่ปิดบัง เด็กหนุ่มอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ในหัวก็งุนงงจนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน

...เดี๋ยวสิ...

...พูดอย่างนี้มันเหมือนเห็นเป็นเด็กชัดๆ...

“ผมกินได้ครับ”

“ครับ...เห็นแล้ว”

นัยน์ตาสีเข้มของคนที่เด็กกว่าไล่สายตาไปตามแนวหยักโค้งของริมฝีปากพลางอดคิดไม่ได้ว่าหากทยุตยิ้มบ่อยๆเขาคงรู้สึกแปลกๆ...ไปบ้างนิดหน่อย เพราะว่าริมฝีปากได้รูปที่ยกขึ้นนิดๆและดวงตาที่ฉายแววยั่วล้อนั้นมันทำให้ภายในอกหวั่นไหวขึ้นมา..ทีละนิด

...อะไรกัน....





//////////////////////////////////////////






หลังจบมื้ออาหารอาการป่วยก็ทุเลาลงมากจนญาณัชสามารถพาตัวเองไปนั่งที่โซฟาแล้วเอาชิวาว่าตัวน้อยมาอุ้มเล่นได้โดยที่ไม่ต้องอาศัยท่อนแขนของคนอื่นพยุง

“ตัวเล็กตัวใหญ่เป็นกันไปหมด” เสียงทุ้มห้าวพูดประโยคปริศนาก่อนที่โซฟาข้างตัวร่างบางจะยุบลงด้วยน้ำหนักของอีกคน

“ไง...เล่นกันจนลืมกินข้าวเลยนะ โน่น...รีบๆไปกินซะเดี๋ยวก็จับอาบน้ำซะหรอก”

พอได้ยินคำว่าอาบน้ำสองหมาก็แทบวิ่งแจ้นไปอีกทาง โกลเด้นเดินนำไปก่อนพร้อมกับชิวาว่าที่วิ่งตามและวิ่งเหยียบเท้าเจ้าของพร้อมกับเผ่นแน่บไป

“คุณทยุตครับ”

“ครับ”

ใบหน้าซีดเซียวหันไปหาคนที่นั่งข้างๆ “ผมว่าน่าจะกลับบ้าน...เอ่อ...ได้เวลาแล้วมั้งครับ...”

“อ่อ” เสียงรับคำเหมือนไม่ใส่ใจ ทยุตดึงหนังยางที่รัดผมออกแล้วปล่อยให้มันแผ่สยายตกระใบหน้าหล่อเหลา

“ค้างที่นี่สิครับ..มันดึกแล้วแถมคุณยังป่วย”

“แต่ว่า.....”

“หรือว่าที่บ้านมีใครรออยู่หรือเปล่าครับ”

คำถามธรรมดานั้นเสียดแทงใจคนที่เหมือนเป็นแกะดำในครอบครัวอย่างรุนแรง....คนที่รอให้กลับไปนะหรือ..มันไม่มีมาตั้งนานแล้วตั้งแต่พิชญ์จากไป การใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นไม่ต่างอะไรกับอากาศธาตุ ไม่เป็นที่สนใจ..หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือไม่มีใครอยากสนใจ...

“ผมเกรงว่าจะรบกวนคุณทยุตมากเกินไป แค่คุณทำกับข้าวให้กินก็มากเกินกว่าจะขอบคุณแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องขอบคุณคุณที่มาเป็นเพื่อนกินข้าวเหมือนกัน....”

...ใช่...ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรกันมากมายแต่เท่านี้มันก็เพียงพอแล้ว...

ทยุตนึกแปลกใจอยู่บ้างที่ตัวเขายอมที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับใครสักคนที่เพิ่งรู้จักตัวจริงไม่นาน แต่ความแปลกใจนั้นมันเกิดขึ้นไม่นานก่อนที่จะถูกเติมเต็มด้วยความสนิทสนมที่ไม่จำเป็นแม้แต่การเอ่ยปากพูด

“นอนค้างที่นี่นะครับ” ไม่ใช่คำบังคับแต่เป็นการขอร้องด้วยเสียงที่ค่อนข้างอ่อนโยน

ญาณัชได้ยินคำพูดนั้นแล้วจึงพยักหน้าอย่างไม่ยากเย็น ตัวเขาเองก็ไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องฝ่าอากาศเย็นๆตอนกลางคืนข้างนอกเพื่อกลับไปหาบ้านที่ไร้คนรอ

...ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว สู้อยู่ที่ๆมีคนคอยนั่งเป็นเพื่อนไม่ดีกว่าเหรอ...

“งั้น...ผมนอนโซฟาก็ได้ครับ...ขอแค่ผ้าห่มก็พอ”

“ไปนอนที่เตียงดีกว่า...เจ้าไส้กรอกน่ะมันชอบนอนตรงโซฟานี้” ทยุตยกเหตุผลมาอ้าง ใช่ว่าไส้กรอกจะจับจองพื้นที่ตรงนี้ในเมื่อมันมีพรมพร้อมผ้าห่มผืนนุ่มให้นอนอยู่ตรงพื้นมุมห้องแล้ว ความจริงก็คือเขาอยากจะให้คนตรงหน้าได้นอนสบายๆบนเตียง และแน่นอนว่าเตียงของเขาก็ใหญ่พอที่จะให้ผู้ชายสักสามคนนอนด้วยกันได้เลยด้วยซ้ำ

“ผมมานอนมันคงไม่มาทับหรอกครับ”

เรียวคิ้วสีจางของเชฟหนุ่มขมวดมุ่นขึ้น...ดื้อ...เขานึกในใจ

“จะยังไงก็ตาม...ถ้าคุณไม่สบายใจผมจะเอาหมอนข้างกั้นตรงกลางไว้แล้วกัน...”

ญาณัชเคยนึกว่าคนๆนี้เป็นคนเงียบขรึม...ทั้งจากก่อนหน้านี้และบุคลิกท่าทางที่ไม่น่าจะพูดเล่นหัวกับใครนอกจากหมาของตัวเองและคนในโทรศัพท์ได้

...แต่ที่จริงกลับเป็นคนที่กวนมากกว่าที่คิดเสียอีก....

...ยังมีอะไรที่จะชวนให้แปลกในในตัวคนๆนี้อีกหรือเปล่านะ....

“....... ไม่ต้อง ก็ได้ครับ” ญาณัชเอ่ยพูดขึ้นขณะที่นั่งอยู่บนเตียงโดยที่สอดขาเข้าไปใต้ผ้าห่มแล้ว คนที่กำลังหยิบหมอนข้างขึ้นมาวางถึงกับชะงักมือไป

“อะไรไม่ต้องครับ?”

“... หมอนข้าง.... ผมไม่ใช่คนนอนดิ้น ไม่ต้องห่วงว่าจะไปเตะคุณหรอกครับ”

“...” ทยุตนิ่งไปเมื่อได้ยินสิ่งที่คนตรงหน้าพูดออกมา... เจ้าหมอนข้างที่เขาเอาขึ้นมาวางนั้นไม่ใช่เพราะว่ากลัวอีกคนจะนอนดิ้นเลยแม้แต่น้อย แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรออกมา อีกฝ่ายก็หันหลังให้แล้วเอนตัวลง

“ราตรีสวัสดิ์ครับ..”

ทยุตเลิกคิ้วมองร่างบางที่ล้มตัวลงนอนด้วยความแปลกใจ บทจะนอนก็หลับเอาดื้อๆอย่างนี้ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่เขาต้องมาวุ่นวายใจอะไรไปด้วย ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างก่อนจะหลับตาลง

...ตั้งแต่เลิกกับรวิน เขาก็ไม่ได้นอนร่วมเตียงกับใครมานานพอตัว ยิ่งเป็นคนที่ไม่ได้สนิทกันมากอย่างญาณัชแล้วยิ่งถือเป็นเรื่องประหลาด แต่ทยุตก็หยุดคิด เพราะเขาเองก็ได้เวลาพักผ่อนแล้วเช่นกัน

“!?” นัยน์ตาสีเขียวที่ปิดไปรีบเปิดขึ้นอีกครั้งด้วยความตกใจเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่ช่วงเอว ครั้นเอี้ยวตัวมามองก็พบกับร่างบางที่ควรจะนอนอยู่ห่างๆมาอยู่ใกล้ชิดขนาดนี้ เรียวแขนบอบบางภายใต้เสื้อนอนแขนยาวของเขาทาบอยู่กับเอว ทยุตหัวเราะเบาๆให้กับ ‘คนไม่นอนดิ้น’ เขายกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กเบาๆก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยให้เขาหันตะแคงมาหาญาณัช

“ราตรีสวัสดิ์ครับ... น้องนัท”


//////////////////////////////////////





แสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านสีเข้มมากระทบบนเปลือกตาปลุกให้ญาณัชตื่นขึ้นมา ไออุ่นที่ยังรู้สึกอยู่ใกล้ๆทำให้เขาหลับตาลงอีกครั้งก่อนจะขยับซุกตัวเข้าหาไออุ่น แต่ก็ต้องรีบลืมตาขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าอ้อมกอดที่เขาเข้าหาไม่ใช่อ้อมกอดที่คุ้นเคย

นัยน์ตาสีเขียวคมที่มองมาคล้ายจะล้อเลียนทำให้คิ้วเรียวบางขมวดเข้าหากัน แต่พอเห็นสายตาของเชฟหนุ่มที่เลื่อนลงไป ญาณัชถึงได้รู้ตัวว่ากำลังกอดร่างสูงเอาไว้ เขายกแขนของตัวเองออกมาก่อนจะเอ่ยพูดเบาๆขณะที่ยันตัวขึ้น

“... ขอโทษครับ”

“ไม่เป็นไรครับ” สีหน้าและน้ำเสียงของทยุตที่กลั้นหัวเราะเอาไว้นั้นทำให้ใบหน้าของญาณัชร้อนขึ้นมา

“... มีอะไรหรือครับ” คนเอ่ยถามแสร้งทำเสียงขุ่น

“รู้สึกยังไงบ้างครับ...” ชายหนุ่มร่างสูงลุกขึ้นนั่งบ้าง ปล่อยให้เรือนผมสีทองปรกลงระใบหน้า เขายกมือขึ้นสางให้ออกไปพ้นสายตาก่อนจะเอื้อมมาแตะหลังมือกับหน้าผากมน แล้วเลื่อนลงมาที่ลำคอเรียว

“ไม่มีไข้แล้วนี่ครับ”

“ก็... คงจะอย่างนั้นครับ” นัยน์ตาสีเข้มมองตามมือใหญ่ของทยุตที่ถูกชักคืนด้วยความรู้สึกบางอย่างที่วิ่งไปมาในอก

“เช้านี้คุณอยากทานอะไรครับ”

“เอ่อ...” หากเป็นปกติ เขาจะไม่ยอมลุกขึ้นมากินอะไรจนกว่าจะเที่ยงเสียด้วยซ้ำ แต่เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ ญาณัชจึงเอ่ยสั้นๆไป

“ไข่เจียวหมูสับ... ไม่ใส่ผักครับ”

คล้ายกับจะเห็นคิ้วของเจ้าของบ้านขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แต่ทยุตก็รับคำแล้วลุกขึ้นจากเตียงไป ปล่อยให้ร่างบางยังได้นั่งอยู่บนเตียงนุ่ม

...อุ่น...

ญาณัชยกมือของตัวเองขึ้นมาพิจารณามอง เรียวนิ้วยาวเล็กแตกต่างกับทยุตอย่างสิ้นเชิง ฝ่ามือใหญ่หนาที่หยาบกร้านของทยุตนั้นชวนให้เขานึกถึงมือของใครอีกคน

‘นัทต้องกินเนื้อ นม ไข่ให้เยอะๆรู้ไหม? จะได้โตๆสูงๆ’

เจ้าของชื่อเงยหน้ามองคนพูดที่มีรูปร่างสูงใหญ่ อีกฝ่ายก้มลงมามองก่อนจะยกมือลูบศีรษะเขาไปมา

‘ถ้านัทไม่แข็งแรง อาพีทจะเป็นห่วงนะ... เชื่ออาสิ’

‘ไม่ต้องมาเป่าหูอะไรหลานฉันเลยธัช’ เสียงดุๆของพิชญ์ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้คนถูกว่ารีบยิ้มแป้นรับก่อนหาเรื่องแก้ตัว

 

...คุณธัชก็มือใหญ่แบบนี้...

ภาพความทรงจำของธัชนั้นคล้ายกับเริ่มเลือนรางไป ก่อนที่พิชญ์จะประสบอุบัติเหตุ เขาได้ยินว่าธัชกำลังจะมาพอดี แต่ญาณัชก็ไม่ได้เจอกับธัช— ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ไม่มีหนทางติดต่ออยู่ดี

ทว่ากลิ่นหอมๆของไข่เจียวที่ลอยมาแตะจมูกทำให้ญาณัชหยุดความคิด ร่างบางหย่อนปลายเท้าลงกับพื้นเบาๆ แต่เมื่อพื้นห้องไม่ได้เย็น เขาก็พาตัวเองเดินออกจากห้องนอน

“... ว่ายังไงครับ ไส้กรอก ลูกชิ้น” รอยยิ้มแตะแต้มบนใบหน้าหวานเมื่อเห็นเจ้าสุนัขขี้ประจบสองตัวพากันมายืนกระดิกหางต้อนรับ

หลังจากทักทายทั้งสองตัวเรียบร้อยแล้ว ญาณัชก็ค่อยเดินเข้าไปในครัว

“... ผม... ไปแปรงฟันก่อนนะครับ”

เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบ ร่างบางจึงหมุนตัวออกมา


/////////////////////////////////////////





“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง...” ญาณัชเอ่ยบอกหลังจากลงมายืนที่หน้าประตูบ้าน

“ไม่เป็นไรครับ”

คนอายุน้อยกว่ามองใบหน้ากับสายตาของทยุตที่มองมาแล้วก็ยืนนิ่ง เพราะสีหน้าของอีกฝ่ายแสดงออกมาราวกับมีอะไรที่อยากพูดกับเขาต่อ

“วันอาทิตย์ผมจะทำกะหล่ำผัดแฮมที่คุณชอบ... ลงมากินด้วยนะครับ” พูดจบทยุตก็ขับมอเตอร์ไซค์จากไปโดยไม่เอ่ยสิ่งใดต่อ ทิ้งให้เด็กหนุ่มร่างบางยืนมองตามด้วยความแปลกใจ

...รู้ได้ยังไงว่าเขาชอบกะหล่ำผัดแฮม




To be continue...

หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 6 อ้อมกอดที่ไม่คุ้นเคย [06/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: nikkou ที่ 06-01-2015 17:43:25
ติดตามค่ะๆ

 o13 o13 o13
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 7 รอยแผลกับความลับ[13/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 13-01-2015 16:11:17



-7-





ญาณัชยังคงนอนกลิ้งไปมาอยู่บนผ้านวมผืนหนาที่ปูอยู่กลางห้องโดยมีเพลง ‘When you say you love me’ ที่พิชญ์ชอบฟังเปิดอยู่เบาๆให้ห้องไม่เงียบ

“อาพีทครับ... นัทควรจะลงไปกินข้าวเย็นกับพวกคุณๆเขาไหมครับ?” นัยน์ตาโศกคู่สวยมองไปยังรูปของพิชญ์ที่ติดอยู่บนผนังห้อง

“ถ้าพวกคุณๆเขาว่าอาพีทอีก นัทต้องโมโหแล้วลุกออกมาแน่ๆเลย... ทำแบบนั้นก็ไม่ดีอีก ใช่ไหมครับ”

ร่างบางยันตัวลุกขึ้นมานั่งก่อนจะมองเหม่อไปที่พื้นห้องแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ

“แต่คุณเชฟทยุตคนนั้นบอกว่าจะทำกะหล่ำผัดแฮม... ถ้านัทไม่ลงไป จะเสียมารยาทกับเขาไหมนะ...”

เขานิ่งคิดไปนาน เพราะความทรงจำครั้งสุดท้ายจากการทานข้าวเย็นร่วมโต๊ะกับคนที่บ้านนั้นแย่มากจนอยากจะลบออกไป— แต่เพราะทยุตดูแลเอาใจใส่เขาในวันที่ไข้ขึ้นขนาดนั้น

...จะลงไปก็ได้





////////////////////////////////






ทุกคนในบ้านดูจะแปลกใจกันมากเมื่อเห็นญาณัชเดินเข้ามาในห้องทานข้าวแล้วนั่งลงที่โต๊ะอาหาร บรรยากาศกดดันที่ลอยอยู่รอบๆทำให้เขาเริ่มรู้สึกอึดอัด ทว่าชยางกูรก็ทำลายมันออกไปหมดสิ้นด้วยการเอ่ยทักเขา

“นัทใช่ไหม ที่วันนั้นเจอกัน... จำฉันได้นะ?”

“จำได้ครับ คุณชยางกูร”

“ไม่ใช่สิ ฉันบอกว่าให้เรียกเดฟได้ไง”

เพียงไม่กี่ประโยค ชยางกูรก็ทำให้บรรยากาศที่แสนน่าอึดอัดจางหายไป ญาณัชนึกขอบคุณคนที่เพิ่งเจอหน้ากันเป็นครั้งที่สองอยู่ในใจ

“เอ้าๆ ข้าวมาแล้ว ไว้ค่อยคุยกันทีหลังก็แล้วกันพวกเรา” พลภัทรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเด็กรับใช้ยกอาหารเข้ามา แล้ววางเรียงลงบนโต๊ะทีละจานก่อนจะตักข้าวใส่จานเปล่าตรงหน้าของแต่ละคน

...ทำมาจริงๆด้วย

ญาณัชคิดขณะที่มองจานกะหล่ำปลีผัดแฮมตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมมือมาใช้ช้อนกลางตักใส่จานของตน

“รู้จักลงมาให้เห็นหน้ากันบ้างก็ดี... รู้ไหมนัท”

“... นั่นสิ บางทีป้าก็เป็นห่วงว่าไม่สบายไปบ้างหรือเปล่า” เพ็ญแขเสริมบ้าง

“... ครับ” เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายก็เพียงพูดไปตามมารยาท เพราะไม่ว่าอย่างไร เขาก็คือเด็กที่ไม่ยอมเรียนต่อตามที่พลภัทรต้องการ เป็นหลานของพิชญ์ที่ทุกคนคิดว่าเป็นตัวประหลาด— พอทานข้าวส่วนของตัวเสร็จ ร่างบางก็ลุกขึ้นแล้วเอ่ยปากขอตัวพร้อมทั้งยกจานของตัวเองออกมาจากห้องอาหารทันที

ญาณัชพาตัวเองมาถึงห้องครัวก็พบกับคนที่คุ้นตายืนอยู่

“ขอบคุณนะครับ คุณทยุต”

“... ครับ?” คนได้รับคำขอบคุณดูจะแปลกใจเสียหน่อย จึงไม่ได้เอ่ยอะไรมากไปกว่านั้น

“กะหล่ำผัดแฮมอร่อยมากครับ....”

“ครับ” ทยุตตอบรับสั้นๆ พลางมองคนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกไปจากห้องครัว แปลว่าคงมีเรื่องที่อยากจะพูดด้วยอีก

“... อาทิตย์หน้า...... ผมว่างทั้งอาทิตย์...”

...น่าแปลกที่รู้สึกอยากจะสนิทสนมกับทยุตให้มากขึ้นกว่านี้ แม้จะยังแปลกใจอยู่ที่ทยุตรู้เรื่องอาหารจานโปรดของเขา แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการคำตอบในตอนนี้

“ถ้าคุณอยากจะให้ผมไปลองชิมอาหารที่คุณทำมากกว่าหนึ่งวัน... ก็ได้นะครับ”





/////////////////////////////////////







ท่ามกลางแสงอาทิตย์อ่อนๆยามบ่าย ภายในสวนร่มรื่นของบ้านชั้นเดียวหลังเล็กปรากฏร่างบอบบางของเด็กหนุ่มผมยาวยืนอยู่พร้อมกับสายยางในมือ นิ้วหัวแม่โป้งของเขากดที่ปากสายยางเพื่อฉีดน้ำให้กระจายไปทั่วบริเวณ โดยมีสุนัขสองตัวที่ต่างขนาดกันวิ่งวนไปมารอบๆสร้างความบันเทิงให้

บนใบหน้าหวานที่ดูเศร้าสร้อยมีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่เพียงเล็กน้อยก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยพูดออกมา “ไส้กรอก ลูกชิ้น ไม่กลัวเปียกเหรอครับ”

ถึงญาณัชจะเอ่ยถามแบบนั้น เจ้าตัวยุ่งทั้งสองก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ กลับยิ่งวิ่งวนไปมาเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากคนที่รดน้ำต้นไม้อยู่

ผ่านมาได้หลายเดือนแล้วหลังจากวันที่เขายอมลงมาทานข้าวร่วมโต๊ะกับคนที่บ้าน ทยุตไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่ก็บอกว่าจะมารับในวันจันทร์ พอคืนวันจันทร์มาส่งเขาที่บ้าน ก็บอกว่าวันพุธจะมารับอีก... รู้สึกตัวอีกที ญาณัชก็ถูกพามาที่บ้านหลังนี้เป็นประจำไปเสียแล้ว

..แต่ก็ใช่ว่าเด็กหนุ่มจะเบื่ออะไร

จากที่เคยนั่งเฉยๆ ญาณัชก็อยากจะหยิบจับช่วยอะไรในบ้านบ้าง - - - อย่างวันนี้ เขาก็ได้รดน้ำต้นไม้ในสวนของทยุต ถึงจะไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไร แต่ก็ยังดีกว่านั่งเปล่าๆไม่ทำอะไร

แต่แล้วเสียงประตูหน้าบ้านก็เรียกให้เขาหันหน้าไปมอง พร้อมกับเจ้าสองตัวเล็กใหญ่ที่ช่วยกันเห่าต้อนรับ

ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มจางๆให้ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ “... เสร็จธุระแล้วเหรอครับ”

“ครับ....” ทยุตรับคำแล้วคุกเข่าลงนั่งลูบขนชื้นๆของหมาสองตัวที่เข้ามาไถตัวอย่างไม่กลัวเจ้าของเปียก

“พอดีว่าเดี๋ยวตอนค่ำๆต้องไปดูแลงานเลี้ยงแต่งงานที่โรงแรมคุณพลอย แต่จริงๆแล้วก็แค่ไปดูแลความเรียบร้อยเท่านั้นแหละครับไม่ได้ลงมือเต็มตัว” มือใหญ่ตบสะโพกเจ้าตัวใหญ่เบาๆ ช่วงนี้โรงแรมของคุณพลอยมีคู่รักมาจัดงานแต่งบ่อยทำให้เขาเองก็พลอยมีรายได้เพิ่มขึ้นไปด้วย

ญาณัชนึกถึงสิ่งที่คุณพลอยบอกเขาเมื่อคืน ว่าอยากจะให้มาเล่นเปียโนในงานแต่งงาน

“... งานเดียวกัน... สินะครับ” ร่างบางเดินไปปิดน้ำแล้วจึงค่อยๆม้วนสายยางเข้าเก็บให้เรียบร้อย

จากนั้นจึงเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่วางไว้ตรงเก้าอี้หน้าประตูเข้าบ้านขึ้นมาเช็ดละอองน้ำที่เกาะติดตามใบหน้าออก

“ถ้างั้นก็ไปพร้อมกันนะครับ แต่คุณญาณัชคงต้องไปเร็วกว่าปกติ...จะเป็นไรไหมครับ” นัยน์ตาสีเขียวอมเทาจ้องมองไปยังร่างเพรียวก่อนจะดึงเสื้อของตัวเองขึ้นมาเช็ดหน้าบ้าง

“อย่าใช้เสื้อเช็ดสิครับ” คนตัวเล็กกว่าเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้า ก่อนจะยกผ้าผืนเล็กของตนแตะบนใบหน้าของทยุต

“เสื้อเลอะหมดนะครับ...”

ทยุตนิ่งงันจากกิริยาที่อีกฝ่ายกระทำ ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกแบบใดก็ตามแต่ตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่แปลกประหลาดและน่าสนใจ... ชายหนุ่มแตะมือลงไปบนหลังมือแล้วจับเอาไว้เบาๆ

“ขอบคุณครับ...”

ญาณัชมองนัยน์ตาสีเขียวของร่างสูงนิ่ง ปกติไม่ค่อยได้สังเกตเท่าไหร่ แต่พอยืนในที่ที่มีแสงขนาดนี้ เขาก็รู้สึกว่าสีมรกตที่ดูสว่างใสก็สวยงามมากกว่าจะแปลกตา

“จริงๆแล้ว... คุณทยุต... จะเรียกผมว่านัทเฉยๆก็ได้นะครับ....” ทั้งๆที่เขามารบกวนที่บ้านของทยุตบ่อย แต่อีกฝ่ายก็ยังเรียกชื่อเขาอย่างห่างเหิน บางที อาจถึงเวลาเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว

....จะให้บอกยังไงว่าแอบเรียก ‘น้องนัท’ ในใจไปตั้งหลายทีแล้ว

“ถ้าอย่างนั้น... คุณญา... เอ่อ... นัทเรียกผมว่ายุตก็ได้นะ จะได้สนิทกันไว้” รอยยิ้มที่นานๆจะมอบให้ ‘คน’ สักครั้งเผยออกกว้างบนใบหน้าที่เคยเคร่งขรึม ยิ้ม... ไปจนกระทั่งนัยน์ตาสีเขียวที่เจือลำแสงอ่อนหวาน

ญาณัชที่ได้รับรอยยิ้มจากคนตรงหน้าเป็นครั้งแรกอดรู้สึกดีใจไม่ได้ เขาขาดปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมานานมากจนคิดว่าคงยากถ้าจะต้องคุย หรือทำความสนิทสนมกับใคร แต่จากที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็ดูจะไปได้ด้วยดี เด็กหนุ่มจึงแย้มรอยยิ้มจางๆอีกครั้ง

“ไม่ดีหรอกครับ คุณอายุมากกว่า.....”

“งั้นเรียกพี่ยุตนะครับน้องนัท” หลุดปากออกไปเหมือนที่เรียกประจำตอนเด็กๆแล้วทยุตเลยได้แต่แสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้อุ้มชิวาว่าตัวน้อยขึ้นมาแหย่เล่นด้วยการยื่นนิ้วให้งับเบาๆ

“... น้องนัท..? เหรอครับ.....” เด็กหนุ่มรู้สึกขัดเขินที่ต้องถูกเรียกเหมือนเป็นเด็กๆจนต้องเอ่ยปากท้วงไป

“... เหมือนเด็กๆเลย... นะครับ.... คุ- เอ่อ พี่ยุต”

“ไม่ชอบให้เรียกแบบนี้เหรอครับ....ลูกชิ้น!!” ไม่ทันพูดจบลูกชิ้นดิ้นได้จอมกวนก็แลบลิ้นเลียแก้มจนเชฟหนุ่มเผลอเสียงดังใส่ ซึ่งแน่นอนว่าหมาบ้าจี้ก็เห่าตอบด้วยเสียงที่ไม่แพ้กัน

“ก็... ผมว่า มันฟังดูเด็ก....... ผมไม่ใช่เด็กประถมแล้วนะครับ” แม้คำพูดจะฟังดูไม่ค่อยพอใจ ทว่าบนใบหน้าหวานก็ปรากฏรอยยิ้มจากการกระทำของเจ้าชิวาว่า

“งั้นเรียกว่านัทอย่างเดียวก็ได้” ทยุตวางลูกชิ้นปล่อยให้วิ่งออกไป

“แล้วก็ไม่ต้องพูดสุภาพนักก็ได้นะ ถือว่าเป็นพี่เป็นน้องกันก็ไม่ต้องครับทุกคำหรอก”

“ที่พี่ยุตขอแต่ละอย่าง.... ยากจัง... ครับ” สุดท้ายญาณัชก็หลุดปากหางเสียงไปอีกจนได้ ก็ไม่ใช่ว่าเพราะว่าพิชญ์สอนมาอย่างดีให้มีสัมมาคารวะหรอกหรือ

“ครับอีกแล้ว” เชฟหนุ่มยกยิ้มด้วยนัยน์ตายั่วล้อผิดจากทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน...อาจจะเป็นเพราะตัวเขาเองก็อยากจะ ‘สนิท’ กับ ‘น้องนัท’ ของมารดาก็เป็นได้ ยิ่งพอได้ลองแกล้งสักครั้ง ปฏิกิริยาของฝ่ายตรงข้ามก็ยิ่งชวนให้สงสัยว่าจะเป็นอย่างไรเสียด้วย จะเรียกว่าท่าทีของ ‘น้องนัท’ มันปลุกความขี้แกล้งที่หายไปตั้งแต่สมัยรวินยังอยู่ก็คงพูดได้

“ถ้าครับอีกจะเก็บตังค์นะ”

คราวนี้คนฟังถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว มีอย่างที่ไหนที่จะมาเที่ยวเรียกเก็บเงินคนอื่นเขาอย่างนี้

“ผมไม่มีให้เก็บหรอกครั-.............” ญาณัชอยากจะกัดปากตัวเองที่เผลอถอนหางเสียงของไป

“ครับนี่คำละกี่บาทดีครับ?” ทยุตยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย

“แล้วนี่หิวหรือยัง”

“ทำไมพี่ยุตไม่ฟังผมเลยคร-.........” ร่างบางไม่อยากเถียงด้วยต่อเรื่องนี้จึงหันหลังให้ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามที่สองของทยุต

“หิวแล้ว.........................” ญาณัชตอบเสียงเบาแล้วจึงเปิดประตูบ้านเดินหายเข้าไป โดยมีเจ้าไส้กรอกรีบวิ่งตามเข้าไป

ทยุตแอบขำกับพฤติกรรมที่เหมือนเด็กของคนที่เดินหายเข้าไปในบ้าน ร่างสูงขยับเท้าเดินตามเข้าไปด้านในก่อนจะปิดประตูลง... ทิ้งโลกภายนอกอันวุ่นวายไว้เบื้องหลัง





///////////////////////////////////////






เย็นวันอาทิตย์เวียนมาถึงอีกครั้ง บรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่มีญาณัชร่วมอยู่ด้วยก็ไม่ได้น่าอึดอัดอย่างวันแรกๆแล้ว ทั้งพลภัทร และเพ็ญแข ก็ดูจะพยายามพูดคุยกับเด็กหนุ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน... วันนี้ก็เหมือนกับวันอาทิตย์ก่อนๆ

“ดีจริงๆนะ ที่เรารู้จักลงมาให้เห็นหน้า.... จากนี้ไปคิดจะทำอะไรล่ะนัท?” พลภัทรเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาขึ้นในคราวนี้ และเขาก็ไม่รอช้าที่จะวกเข้าเรื่องการทำงานของญาณัชทันที

“ก็....” ญาณัชกัดริมฝีปากตัวเองไว้ ไม่อยากจะพูดออกไป ทว่าเขารู้สึกได้ถึงสายตาจากทุกคนที่พุ่งมายังเขา

“ถ้า... ไม่ได้เรียนต่อ.... ผมก็อยากจะ... สอนเปียโนให้กับเด็กๆ... น่ะครับ”

...พลภัทรหัวเราะ

“จะเป็นครูสอนเปียโน? แล้วแกจะเอาอะไรที่ไหนกิน?” ชายผู้เป็นหัวหน้าตระกูลเอ่ยว่ากลั้วเสียงหัวเราะ

“เพราะพีทเลี้ยงแกมาหรือไง? ถึงคิดได้แต่อะไรที่มันแหกคอก”

“กรุณาอย่าเอาอาพีทเข้ามาเกี่ยวด้วยครับ!” ญาณัชสวนกลับไปอย่างสุภาพ แต่ก็มิอาจกดเก็บอารมณ์โกรธที่พุ่งพล่านขึ้นมาได้

“ทำไมฉันจะเอาเข้ามาเกี่ยวไม่ได้? พีทมันทำตัวประหลาดนอกคอก พ่ออุตส่าห์ส่งเสียมันเรียนจบอย่างดี แต่กลับมาเป็นครูสอนศิลปะ แล้วยังเป็นพวกผิดเพศ เหอะ! เสียเงินเสียเวลากับคนไร้ค่าจริงๆ.... แล้วแกยังอยากจะเป็นแบบนั้นรึไง? นัท”

ถ้อยคำดูถูกเหยียดหยามกรีดลึกลงหัวใจที่เป็นแผลอยู่แล้วให้ยิ่งเจ็บกว่าเดิม สำหรับญาณัช พิชญ์เป็นทุกอย่าง แต่เขากลับทำอะไรเพื่อปกป้องพิชญ์จากคำพูดโสมมของคนกลุ่มนี้ได้เลย

...แต่จะร้องไห้ให้คนพวกนี้เห็นไม่ได้

“................ ผม อิ่มแล้วครับ” เด็กหนุ่มสะกดกลั้นอารมณ์ของตนเอาไว้ ฝืนใจเอ่ยตอบไปให้เรียบที่สุดก่อนจะตัดสินใจก้าวหนีออกจากห้องอาหารที่ชวนคลื่นไส้เสีย

ทันทีที่พ้นจากห้องอาหารได้ หยาดน้ำตาก็ไหลลงอาบแก้มขณะที่เขากำลังวิ่งไปยังลิฟท์เพื่อขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง... ที่ๆให้ความรู้สึกว่าพิชญ์ยังอยู่กับเขา

พอเปิดประตูห้องเข้าไปได้ ญาณัชก็รีบปิดประตูให้มีเพียงตัวเองอยู่ในห้องของพิชญ์

“เพราะนัทไม่ได้เรื่อง... อาพีทเลยโดนว่า”

“เพราะนัทเอาแต่ใจ... อาพีทเลยโดนว่า......”

ถ้อยคำต่อว่าตัวเองหลุดออกมาจากริมฝีปากบางที่ขยับช้า เอ่ยวนไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ทว่าความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในอกมากมายจนน้ำตาต้องหลั่งรินไม่หยุด ถ้าหากเขาหนีออกไปจากที่แห่งนี้ได้ก็คงดี แต่ลำพังเพียงเขา ของๆพิชญ์ที่ยังอยู่ในห้องนี้เขาจะเอาไว้ที่ไหน เด็กหนุ่มไม่ต้องการทิ้งเลยแม้สักนิดเดียว

...โดยเฉพาะแกรนด์เปียโนสีขาวหลังนี้

แต่ญาณัชก็รู้ดี ว่าจะกำจัดความเจ็บปวดที่รู้สึกอยู่ตอนนี้ออกไปอย่างไร - - - ร่างบางคว้าเอาคัตเตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนพื้นทั้งที่น้ำตายังไม่หยุดไหล เขายกข้อมือข้างซ้ายขึ้นมาแล้วพับแขนเสื้อให้ร่นขึ้น จากนั้นจึงจรดปลายคัตเตอร์ลงบนข้อมือขาวที่มีรอยเก่าจางๆอยู่

ทันทีที่กรีดลง ความเจ็บปวดก่อขึ้นจนต้องหลับตา กัดฟันกรีดให้ลึกจนหยดเลือดซึมออกมา... เพียงเท่านี้ ก็ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้วนอกจากแผลที่ข้อมือ


///////////////////////////////////////

มือใหญ่หนาของคนที่ยืนอยู่หน้าห้องเคาะเบาๆบนประตูก่อนจะส่งเสียงเรียกชื่อเจ้าของห้อง ทยุตนึกเป็นห่วงญาณัชขึ้นมาด้วยเพราะว่าเขาเห็นเด็กหนุ่มผลุนผลันวิ่งไปทางประตูด้านในพร้อมกับนัยน์ตาที่รื้นเรื้อและแดงก่ำ เขาอดใจไม่วิ่งตามมาในทันทีแต่หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็อดไม่ได้ที่จะขึ้นมาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง

ก่อนหน้านี้ญาณัชยอมลงมากินข้าวข้างล่างและอะไรๆก็เหมือนจะดีขึ้นแต่จู่ๆ...ก็กลับกลายว่ามีบรรยากาศแปลกๆที่แม้แต่คนนอกอย่างตนเองยังสัมผัสได้ในยามที่แกล้งเข้าไปเสิร์ฟผลไม้ในห้องนั้น

“นัท...เป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามไถ่ แม้จะไม่ได้ยินเสียงตอบแต่หูกลับแว่วเสียง...คล้ายสะอื้นไห้

“นัท...” บิดล็อคออกแล้วมันก็เปิดออกอย่างง่ายดายเพราะดูเหมือนข้างในไม่แม้แต่จะใส่ใจกับการล็อคประตู "พี่เข้าไปนะ"

“???!!!?” เจ้าของห้องหันไปตามเสียงเรียกด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าจะมีใครตามขึ้นมา... โดยเฉพาะทยุต

“เดี๋ยวครับ—”

“ทำอะไรน่ะนัท!!” บาดแผลบางเฉียบทว่าบาดลึกนั้นเต็มไปด้วยเลือดสีสดไหลเปรอะตัดกับข้อมือขาวซีด ข้างตัวเด็กหนุ่มมีคัตเตอร์เปื้อนเลือดที่เขาเห็นว่าเพิ่งหลุดจากมือไปในเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว ทยุตปิดประตูห้องแล้วเอาชายเสื้อของตัวเองกดปากแผลห้ามเลือด...ซึ่งนั่นก็ทำให้เขารู้ถึงเหตุผลที่ญาณัชมักใส่แต่เสื้อแขนยาว

รอยกรีดทั้งเก่าและใหม่ตัดกันเป็นสายสลับไปมาบนข้อมือ ทยุตยกชายเสื้อดูแล้วกดลงไปซ้ำที่เดิม

“ทำไมนัทถึงทำแบบนี้...รู้ไหม คนที่พยายามทำร้ายตัวเองน่ะมันมีแต่คนโง่กับคนบ้าเท่านั้นแหละ!!!” เขาตะคอกใส่ด้วยน้ำเสียงดุดัน ก่อนจะลดลงเป็นเสียงที่ราวกับกระซิบ

“ทำแบบนี้มานานหรือยัง....”

“.......” ญาณัชไม่ได้ตอบอะไรนอกจากปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาก่อนจะผงกศีรษะเป็นการตอบคำถาม เป็นแบบนี้แล้ว คนตรงหน้าคงจะไม่อยากที่จะเป็นเพื่อนกับเขาอีกต่อไป... ใช่ไหม ในเมื่อเขา ไม่ปกติ

“....นัททำแบบนี้ไม่เจ็บเหรอ...แล้วทำลงไปไอ้สิ่งที่นัทขัดข้องใจมันหายไปหรือเปล่า” ทยุตดึงเสื้อที่ชุ่มเลือดออกแล้วพลิกดู เขาไล้ปลายนิ้วไปตามรอยแผลที่เพิ่งหมดเลือด

“พี่ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้นัทเคยเจออะไรมา แต่พี่ขอได้ไหมว่าอย่าทำร้ายตัวเอง” ดวงตาสีเขียวจ้องสบเข้าไปในลูกแก้วสีดำที่ไหวระริก

“ถ้ามีอะไรไม่สบายใจนัทบอกพี่ได้ตลอดเวลาเลยนะ...แต่อย่าทำอย่างนั้นอีก..สัญญากับพี่นะ”

“พี่ยุต.....” ถ้อยคำอ่อนโยนที่ไม่เคยได้ยินนับแต่พิชญ์จากไปยิ่งทำให้น้ำตาไหลออกมาอีก ร่างบางขยับเข้าซบใบหน้ากับลาดไหล่กว้างก่อนจะร้องไห้ออกมาราวกับเด็กเล็กๆ มือข้างที่ไม่ได้ถูกยึดเอาไว้เกาะเอาเสื้ออีกฝ่ายเป็นที่พึ่ง

“... ผม... เกลียด.......... ทุกคนที่นี่....” จบคำเด็กหนุ่มก็ร้องไห้ต่ออีกระลอก ทุกทีที่ญาณัชเจ็บ เขาก็ได้แต่ร้องไห้เงียบๆเพียงคนเดียว ไม่เคยมีใครที่จะยื่นมือเข้ามาหา

แต่ในตอนนี้ ข้างหน้าเขามีทยุตที่ยังไม่ไปไหน

“นัทจะโกรธใครก็ได้บนโลกนี้....แต่อย่าเกลียดเลยนะ” ทยุตไม่สามารถทิ้งคนที่เขาเอ็นดูเหมือนน้องที่เขาไม่เคยมีไว้ได้ ชายหนุ่มสวมกอดร่างโปร่งที่ยึดเขาเหมือนที่พึ่ง

“...เพราะสุดท้ายแล้วความเกลียดมันจะเผาไหม้ตัวนัทเอง....”

ร่างสูงนิ่งไปพักใหญ่ก่อจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายร่าเริงขึ้น

“วันนี้พี่ลักพาตัวนัทไปนอนที่บ้านดีกว่า เดี๋ยวให้เจ้าสองยุ่งนั่นเป็นลูกน้องพี่เป็นหัวหน้าโจรเอง”

ญาณัชยกใบหน้าขึ้นมอง นัยน์ตาคู่สวยที่ชุ่มน้ำตากระพริบไปมาสองสามทีเพื่อไล่น้ำตาออกให้หมด

“ถ้าอย่างนั้น......” หากทยุตสังเกต ก็จะเห็นรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าหวานของเด็กหนุ่ม

“... ช่วยจับผมไว้นานๆที.................”


/////////////////////////////////////

แผ่นหลังกว้างของร่างสูงเอนล้มลงบนที่นอนในสภาพที่เจ้าของแหงนหน้ามองเพดานในขณะที่เตียงหนานุ่มยุบตามน้ำหนักเล็กน้อย เจ้าของเตียงหลับตาลงตั้งใจฟังเสียงน้ำไหลที่ดังแว่วๆมาจากห้องอาบน้ำที่อยู่ห่างออกไป เขากางแขนแผ่ออกในท่าทางแสนสบายแม้ว่าจะเพิ่งรับรู้เรื่องราวที่ไม่ธรรมดาของคนๆหนึ่งมา พอย้อนกลับไปคิดดีๆแล้วการที่ญาณัชจะเกิดอาการเครียดจนทำเรื่องอย่างนั้นมันก็คงจะเป็นเพราะเรื่องของ ‘ครอบครัว’ นั้นแน่ๆ

ทยุตไม่เคยมีครอบครัวใหญ่ ชีวิตของเขามีแต่แม่... ทำให้ไม่อาจจะเข้าใจได้ถึงความสลับซับซ้อนที่เกิดจากคนสายเลือดเดียวกัน

แต่ถึงอย่างนั้น.... ในตอนนี้เขาก็อยากจะเข้าใจให้มากขึ้น... เพื่อใครบางคน

เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับร่างบางที่เดินออกมาในชุดนอนแขนยาวของตัวเอง ผ้าเช็ดตัวถูกพาดไว้ที่ราวในห้องน้ำอย่างเรียบร้อย พอขอให้ทยุตจับตัวเอาไว้ ก็ถูกพามาที่บ้านหลังเดิมโดยที่เขามีโอกาสได้เก็บเสื้อผ้าออกมาบางส่วน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองคนที่นอนอยู่บนเตียงกว้างแล้วจึงเอ่ยขึ้นมาเบาๆ

“... อาบน้ำเสร็จแล้วครับพี่ยุต...”

ญาณัชคลี่รอยยิ้มบางๆให้อีกครั้ง

“เจ้าสองตัวนั้นหลับไปแล้วเหรอครับ?” เขาค่อยๆหย่อนร่างลงนั่งที่ริมเตียง

“ครับ? ถ้านัทพูดสุภาพอีกคราวนี้จะให้เจ้าสองตัวนั่นมานอนบนเตียงแทนนะ”

คราวนี้คนถูกแซวถึงกับทำหน้าเมื่อยขึ้นมาก่อนจะบ่นอุบอิบว่า

“อาพีทสอนมาแบบนี้.. จู่ๆจะให้ผมเลิก... ยากจังคร-........................”

“อยากเห็นหน้าอาพีทของนัทจัง......” พูดเบาๆแล้วลุกขึ้นนั่ง

“ต้องเป็นคนเจ้าระเบียบ...แต่ก็ตามใจนัทแบบสุดๆแน่เลย”

คนฟังยิ้มออกมาอีกครั้ง ก่อนจะยกปลายเท้าขึ้นแล้วสอดเข้าใต้ผ้าห่มผืนนุ่ม

“พี่ยุตพูดถูกเป๊ะเลยนะ......” ใบหน้าหวานหันมามองเจ้าของเตียง

“ถ้าพี่ยุตได้เจออาพีท... พี่ยุตต้องชอบอาพีทแน่ๆเลย”

“ง่วงแล้วเหรอ” ทยุตถามแล้วดึงผ้าห่มคลุมให้ถึงอก

“ถ้าอาพีทเหมือนนัทก็คงชอบละมั้ง” รอยยิ้มจางๆแตะบนริมฝีปากเฉกเช่นรอยระริกไหวในดวงตา ฝ่ามือหยาบลูบเส้นผมสีเข้มให้เรียบแล้วทัดลูกผมที่รุ่ยร่ายข้างหูให้

คราวนี้ญาณัชหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะเอ่ยต่อ

“ไม่เหมือนหรอกมั้ง... อาพีทบอกว่าผมหน้าเหมือนแม่...”

“เขาบอกว่าผู้ชายเหมือนแม่จะไม่อาภัพไง” ร่างสูงยันตัวขึ้นแล้วเขยิบตัวเองขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียง

“แต่พี่.... เหมือนพ่อ... แม่บอกว่าอย่างนั้น”

“... พี่ยุตไม่อาภัพหรอก” เด็กหนุ่มก้มหน้าลงเล็กน้อย อย่างน้อยทยุตก็ยังได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ต่างจากตัวเขา

“อย่างนี้ล่ะดีแล้ว ดูเด็ดเดี่ยว แล้วก็เข้มแข็งดีออก ผมชอบ”

“นัททำพี่เขินซะแล้ว” ทยุตขยี้ศีรษะที่เพิ่งลูบให้เรียบเมื่อกี้ก่อนจะทิ้งตัวนอนหันหลังให้อีกฝ่าย

“ฝันดีนะ... นัท”

“ฝันดี... เหมือนกันนะพี่ยุต” นัยน์ตาโศกคู่สวยจับจ้องแผ่นหลังกว้างขณะเอ่ยราตรีสวัสดิ์ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา







To be continued...


kagehana : น้องนัททำร้ายตัวเอง ให้พี่ยุตจับตีเลย
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 7 รอยแผลกับความลับ[13/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 13-01-2015 23:18:54
เคลิ้มมมม
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 7 รอยแผลกับความลับ[13/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-01-2015 01:51:20
ความสัมพันธ์พัฒนาไปมากทีเดียว
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 8 ทะเลหวาน [25/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 25-01-2015 09:04:14


-8-







ญาณัชค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆเมื่อได้ยินเสียงฝนตกกระทบกับหน้าต่างห้อง เป็นอีกครั้งที่เขาพบว่าตัวเองกำลังกอดเอาร่างสูงใหญ่ของเชฟหนุ่มเอาไว้ ร่างบางตั้งใจจะถอยกายออกมา หากแต่ไออุ่นจากทยุตนั้นทำให้เขาพับเอาความคิดนั้นเก็บไป

เด็กหนุ่มซุกใบหน้าเข้ากับแผ่นอกกว้างอีกนิดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังนอนนิ่ง บางทีถ้าจะฉวยเอาโอกาสนี้เก็บกักความอบอุ่นของคนตรงหน้าคงจะไม่เป็นไร

“.............กอดแน่นๆก็ได้นะ พี่ไม่ว่า....” เสียงทุ้มห้าวที่แหบนิดๆพูดขึ้นมาทั้งที่ยังหลับตาก่อนจะเป็นฝ่ายเอาท่อนแขนพาดไปบนเอวอีกฝ่ายรั้งให้เข้าใกล้อีกนิด

“เด็กไม่ดี... แต๊ะอั๋งคนนอน”

“!!??” คนถูกทักถึงกับสะดุ้งพร้อมทั้งถอยตัวออก แต่เพราะอีกฝ่ายพาดแขนไว้กับเอวของเขา ทำให้ญาณัชถอยไปไหนไม่ได้

“.... ผม.... เปล่า................” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบเบาๆ

“แล้วที่กอดอยู่ล่ะ?” นัยน์ตาสีเขียวจางที่เผยออกมานั้นไม่มีแววง่วงงุนเลยแม้แต่น้อย ทยุตกดปลายคางสากที่หนวดแข็งๆเพิ่งขึ้นกับหน้าผากเบื้องล่างเส้นผมสีดำเข้ม

“ก็.. เตียงมันกว้าง.... ผมก็... ชิน...... กับที่เคยนอนกับอาพีท.......... เฉยๆ” ร่างบางได้แต่ขดตัวเข้าหากันก่อนจะเอ่ยแก้ตัวอ้อมแอ้ม

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” ยิ่งมองคนตัวเล็กก็ยิ่งขดตัวเหมือนหนูแฮมสเตอร์จนทยุตอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

“... ตอนนี้ก็ค่อยๆเป็นไป สักวันคงจะชินกับพี่แทนอาพีทได้ล่ะมั้ง...”

แม้จะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ทยุตพูด เขากลับรู้สึกอุ่นใจ... นัยน์ตาคู่สวยเหลือบขึ้นสบสายตาที่อีกคนมองมา

“.... ให้ผม... อยู่ที่นี่ไปก่อน... ได้จริงๆเหรอ....”

“นานเท่าที่นัทอยากเลยล่ะ” รับคำแล้วคลายอ้อมกอดลง ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งแล้วหันมองหน้าต่างที่ถูกสายฝนโปรยใส่เป็นทางยาวสุดบาน

“คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้านนัท อยู่ให้สบายเลยนะ”

ร่างบางเห็นอย่างนั้นจึงยันกายขึ้นนั่งบ้าง ก่อนจะยกมือขึ้นจับผมที่ปรกหน้าไว้ทัดกับใบหู

“... ขอบคุณนะ... พี่ยุต” ริมฝีปากบางค่อยๆคลี่รอยยิ้มให้... นานเท่าไหนแล้วนะที่ไม่ได้ยิ้มขนาดนี้ ตั้งแต่ต้องอยู่คนเดียว ญาณัชก็จำไม่ได้ว่าตัวเองอยากจะยิ้มให้ใครที่ไหนทั้งนั้น

...จนกระทั่งตอนนี้










“เดี๋ยวเราลงจากเรือแล้วเดินไปหน่อยก็ถึง” ท่าเรือเก่าคร่ำคร่าและแสงแดดที่แผดเผายามเที่ยงซึ่งสะท้อนกับน้ำทะเลเป็นประกายบอกให้รู้ว่าที่นี่นั้นต่างกับสภาพปกติประจำวันที่เป็นอยู่ ชายหนุ่มผิวแทนอุ้มโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่ด้วยท่อนแขนชื้นเหงื่อก่อนจะถูกมันใช้ขาหลังถีบส่งตัวขึ้นไปบนฝั่งอย่างปลอดภัย

“ไส้กรอก....” ดุไปก็เท่านั้น มีแต่เหนื่อยเปล่า

เชฟหนุ่มหันกลับไปหาอีกคนที่คงจะไม่ถีบเขาแล้วกระโดดขึ้นฝั่ง ทยุตยื่นมือหนาให้เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ

“นัทขึ้นได้ไหม เดี๋ยวเอาลูกชิ้นมาก็ได้ จะได้ขึ้นง่ายๆ”

“ไม่เป็นไรพี่ยุต....” ญาณัชอุ้มลูกชิ้นเอาไว้ด้วยแขนข้างเดียว ก่อนจะยื่นมือมาจับฝ่ามือใหญ่เอาไว้

“ลูกชิ้นไม่หนักหรอก” เด็กหนุ่มไม่พูดเปล่า แต่ยังยิ้มให้อีกด้วย

“เอ้า ฮึบ” พอมาหยุดยืนบนฝั่งทยุตก็อดคิดไม่ได้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้มาท่องเที่ยวพักผ่อนสบายๆแบบนี้ ชายหนุ่มย่อตัวลงเอาสายจูงติดกับปลอกคอไส้กรอกพันธุ์หมา อีกมือก็จับท่อนแขนซีดๆที่เหมือนไม่เคยโดนแดด ส่วนสัมภาระที่ขนมาเพียงเล็กน้อยนั้นก็อยู่ในเป้ด้านหลังใบไม่ใหญ่มาก

“ไปเอาของเก็บที่บ้านนะ แล้วบ่ายๆไปดำน้ำกัน... นัทกลัวทะเลหรือเปล่า”

คนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบา “นัทไม่ได้เล่นตั้งนานแล้ว..... กลัวไหมไม่รู้หรอก...”

นัยน์ตาสีน้ำตาลหรุบลงต่ำก่อนจะก้มลงวางลูกชิ้นให้วิ่งบนผืนทราย

“อยู่กับพี่ไม่ต้องกลัวหรอก...ไม่ปล่อยให้จมแน่” พูดออกมาด้วยเสียงคล้ายล้อเล่นแต่ทยุตรู้ดีว่าเขาจริงจังกับคำนี้มากเท่าไหร่ มือใหญ่ไล้นิ้วบนหลังมือที่กอบกุมไว้เบาๆแล้วดึงให้เดินไปที่รีสอร์ท

ที่พักเป็นบ้านเดี่ยวหลังเล็กยกพื้น ด้านหน้าตั้งโอ่งดินเผาเอาไว้ล้างเศษทราย ถัดมาเป็นบันไดเตี้ยๆสามสี่ขั้น ตัวบ้านทาสีไข่ไก่อ่อนๆตั้งอยู่ในสนามหญ้าเล็กๆที่มีโต๊ะหินอ่อนวางไว้ชิดแนวรั้ว










“พี่ยุตอยากทำอะไรก่อนเหรอ” ญาณัชเอ่ยถามพลางเอียงคอมองคนที่เพิ่งวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ แม้ว่าเดินทางมาจะไม่เหนื่อยนัก แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ถูกโรคกับแดดจ้าๆเท่าไหร่นักอยู่ดี

“นัทเหนื่อยไหม” เขารู้ดีว่าญาณัชไม่ใช่คนแข็งแรงนัก ไหนจะเพิ่งเจอกับเรื่องที่ทำร้ายจิตใจจนเจ้าตัวทำร้ายตัวเองอีก...สำหรับเขาแล้ว ถึงจะได้รู้จักตัวจริงมาไม่นานแต่ก็ห่วงใยเกินกว่าจะเพิกเฉยแล้วทำแต่สิ่งที่ตัวเองอยากได้

“.... ไม่เท่าไหร่หรอกนะ...... แต่... ถ้าอยู่ตรงที่มีร่มๆก็ไม่เป็นไรนะพี่ยุต” คนที่ดูอ่อนแรงยิ้มให้กับทยุตเป็นการคลายกังวลให้ เขาเปิดกระเป๋าของตัวเองแล้วหยิบหมวกแก๊ปออกมา

“อุตส่าห์มาเที่ยวกัน นัทไม่อยากดึงพี่ยุตไว้ในห้องหรอกนะ” ใบหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มขึ้นอีกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกว่าได้ทำอะไรเพื่อทยุตบ้างก็ดี

“อะไรกันเล่า—” เสียงริงโทนโทรศัพท์ที่คุ้นหูในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นในจังหวะพอดิบพอดี เชฟหนุ่มหยิบมันขึ้นมาก่อนจะอมยิ้มเล็กๆ

“แป๊บนึงนะนัท...วินโทรมา”
“ว่าไง ไอ้เด็กบ้า” เสียงทุ้มห้าวพูดทักไปทันทีที่กดรับเช่นเดียวกับเสียงโวยวายของอีกฝ่ายที่ลอดออกมา

“มาเที่ยว...ทะเล....อือ...ก็ไม่อยู่ที่ไทยจะให้พามาได้ไงเล่า...”

ญาณัชมองท่าทางของชายหนุ่มร่างสูงด้วยความรู้สึกแปลกๆ ไม่รู้ว่าทยุตตั้งใจจะคุยโทรศัพท์กับรวินไปนานแค่ไหน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะไปยุ่งด้วยได้ แค่ทยุตพามาพักผ่อนนี่ก็เกินพอแล้ว

...แค่ยังคุยด้วยหลังจากเจอกับตัวเขาในสภาพนั้นก็ดีมากแล้ว

“ไส้กรอก... ลูกชิ้น... ทางนี้ครับ” เด็กหนุ่มก้มตัวลงกวักมือเรียกสุนัขบ้าจี้ทั้งสองก่อนจะเหลือบขึ้นมองทยุตอีกครั้ง

ร่างบางชี้มือไปข้างนอกก่อนจะขยับปากบอกว่า ‘นัทจะไปรอข้างนอกนะ’

“เดี๋ยวตามไปนะ...... เฮ้ยอย่าแซวน่า” ทยุตพูดกลั้วหัวเราะ

“เปล่า... มาด้วยกัน... อยากมาด้วยก็บินกลับมาสิ... ไม่จ่ายให้หรอก ไอ้งก”

ทยุตเดินไปที่เตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนจนฟูกยวบลงตามน้ำหนัก หางตาเหลือบเห็นประตูที่ปิดไปพร้อมๆกับขนสีทองแว้บๆ









ด้านนอก ญาณัชค่อยๆหย่อนกายลงนั่งบนผืนทรายสีอ่อน แสงอาทิตย์จ้าสาดส่องลงมาอย่างไม่เกรงใจคนที่ไม่ได้อยู่ในร่ม เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาขณะที่เหลียวกลับไปมองยังบ้านพักที่เพิ่งเดินออกมา

“.......” สายตามองไส้กรอกกับลูกชิ้นวิ่งไปมาด้านหน้าก่อนจะยกแขนโอบรอบเข่าของตัวเองไว้

“เดี๋ยวพี่ยุตก็มาแล้ว....” ริมฝีปากบางขยับรำพึงกับตัวเองเบาๆพลางจับจ้องไปที่ผืนน้ำตรงหน้า ครั้งสุดท้ายที่มาทะเล คือตอนที่พิชญ์ยังอยู่ และตัวเองก็ยังไม่ได้เข้ามัธยมปลายเลยด้วยซ้ำ

...ปกติ เวลามาทะเล ต้องทำอะไรบ้างนะ...

เวลาที่ผ่านไปพร้อมกับแสงแดดที่แผดเผาลงมาทำให้ผิวกายรู้สึกร้อนขึ้นจนต้องยกมือขึ้นลูบ นัยน์ตาโศกคู่สวยหรี่มองไปด้านหน้าก่อนจะก้มลงซุกเข้ากับหัวเข่าของตน ญาณัชเหลียวไปมองที่บ้านพักอีกครั้งหนึ่งแล้วหันกลับมามองผืนน้ำเช่นเดิม

“........ อาพีท... ถ้านัทเหงา....... นัทจะคุยกับใครได้ไหมนะ...”

เสียงลูกชิ้นเห่าพร้อมกับไส้กรอกเรียกให้ญาณัชหันมามอง ก็พบกับสุนัขสองตัวนั่งยิ้ม (จะเรียกว่ายิ้มคงไม่ถูกนัก แต่ก็ให้อารมณ์แบบนั้นจริงๆ) ให้ มือเรียวบางจึงเอื้อมไปลูบหัวทั้งสองตัวสลับกัน

“กลัวนัทเหงาเหรอครับ” รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้า เรียกเสียงเห่ารับจากเจ้าจอมยุ่งทั้งสองสลับกันไป

“... พี่ยุตบ้า” ญาณัชพูดออกมาเบาๆ เขารู้ดีว่ามันฟังดูเห็นแก่ตัว แค่ทยุตพามาเที่ยวนี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว แต่กลับรู้สึกได้ว่าตัวเองไม่พอใจกับการที่ต้องอยู่คนเดียว โดยที่อีกฝ่ายไปคุยโทรศัพท์กับใครอีกคน











“.......นัท........นัท..........” เสียงทุ้มห้าวตะโกนเรียกคนที่มาด้วยกัน หลังจากวางโทรศัพท์ทยุตก็เดินออกมาตามหาคนที่มาด้วย ใบหน้าคร้ามยังเกลื่อนด้วยรอยยิ้มเพราะอารมณ์สนุกสนานยังค้างคาอยู่.... แม้จะไม่ได้โทรหากันมาพักหนึ่งแต่รวินยังเป็นเด็กที่ทำให้เขาอารมณ์ดีได้ไม่เปลี่ยน

“ไส้กรอก...ลูกชิ้น...น้องนัท...” เรียกสองชื่อแรกไปก็อดมองรอบด้านไม่ได้... ก็การที่คนๆหนึ่งเรียกหาของกินมันชวนให้คนอื่นสงสัยนี่นะ

“....... ทางนี้... พี่ยุต” ร่างบางตะโกนตอบเมื่อได้ยินเสียงเรียก เพราะแดดที่ร้อนจนเกินไปทำให้เขาต้องมาหาร่มเงาหลบพักเพื่อไม่ให้เป็นลมแดดเอาได้

พอเห็นหน้าของทยุต ญาณัชก็รู้สึกว่ามีความรู้สึกขุ่นมัวบางอย่างก่อตัวขึ้นมา แต่เพราะหาสาเหตุไม่ได้ เขาจึงไม่ได้เอามาใส่ใจ ริมฝีปากบางขยับเอ่ยถามเบาๆ

“คุยเสร็จแล้วเหรอ” เวลา20นาทีที่รอ ถ้าเอาไปเล่นเปียโนคงไม่รู้สึกว่านานอะไร แต่ที่ริมทะเลไม่มีเปียโนให้เล่น ญาณัชจึงไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งรอเฉยๆ

“เสร็จแล้ว... วินมันชวนคุยยาวไปหน่อย โทษทีนะ” ร่างสูงยิ้มกว้างแล้วยอบกายลงให้อยู่ในระดับเดียวกัน สองหมาไม่ต้องพูดถึง เพราะขนที่ยาวเป็นทุนเดิมทำให้นอนแผ่หอบหายใจแฮ่กๆแต่คนตรงหน้ากลับดูเพลียจัดจนอดทักไม่ได้

“นัทดูไม่ค่อยดีเลย เป็นอะไรหรือเปล่า”

“.....” เจ้าของชื่อเงยหน้าตามคำเรียก นัยน์ตาสีดำดูมีประกายแปลกไปจากทุกที

“.... จะทำอะไรกันต่อเหรอพี่ยุต” ญาณัชถามเสียงเบาก่อนจะรู้สึกปวดที่ระหว่างคิ้วขึ้นมาจนต้องหลับตาลง

“วันนี้คงไม่ทำอะไร พักผ่อนสบายๆดีกว่า หรือนัทว่าไง” มือใหญ่เอื้อมไปลูบหัวเจ้าไส้กรอกเบาๆแต่ดวงตาสีเทาอมเขียวกลับมองอยู่ที่เดิม

“นัทแพ้แดดหรือเปล่า”

“.... ไม่นี่...” ร่างบางตัดสินใจลุกขึ้นก่อนจะรู้สึกว่าทุกอย่างที่มองเห็นนั้นพร่าเลือนไปหมดจนต้องเอื้อมยึดเอาอีกฝ่ายไว้

“นัท!?” เชฟหนุ่มรั้งคนตัวเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอด พอร่างกายถ่ายทอดอุณหภูมิให้กันถึงได้รู้ว่าความร้อนของผิวหนังนั้นสูงเพียงไร

“ได้ยินที่พี่พูดไหมนัท?”

“... อืม.........” เขาพยายามกระพริบตามอง แต่กลับรู้สึกว่าแสงแดดจ้าเกินไป

“... คงแค่... หน้ามืดเฉยๆ...” มือเรียวยกขึ้นเพื่อบังแสงแดดให้พ้นจากนัยน์ตา

“พี่ยุตอยากเล่นน้ำรึเปล่า...” ความขุ่นมัวที่มีก่อนหน้านี้คล้ายกับจะถูกอ้อมกอดที่อบอุ่นทำให้หายไป ริมฝีปากบางคลี่รอยยิ้มจางๆให้กับร่างสูง

“ไม่เอาหรอก นัทดูไม่ค่อยดี” ทยุตปล่อยคนในอ้อมกอดออกแล้วเอามือแตะหน้าผากเบาๆ

“นัทกลับไปนอนที่ห้องดีกว่าไหม เดินไหวหรือเปล่า.... ขี่หลังพี่ก็ได้นะ” ทยุตย่อตัวลงกับผืนทรายเล็กละเอียด ใบหน้าคมเหลียวหลังพลางพยักหน้าเร่ง

“..........” แม้จะอยากตอบว่าไม่ แต่เด็กหนุ่มก็รู้ดีว่าร่างกายของตัวเองในตอนนี้ คงจะออกไปอยู่กลางแดดจ้าๆแบบนี้ไม่ได้นานเท่าไหร่

“ไม่ต้องขี่หรอก... นัทเดินไหว.......” เจ้าตัวกลืนคำว่าไม่ใช่เด็กๆแล้วลงไป เพราะเขารู้ดีว่าทยุตเป็นห่วง แต่เขาเองก็ไม่อยากทำตัวให้เป็นภาระขนาดนั้น

“เดินไหวก็ไม่ให้เดิน ไข้แดดมันปุบปับ...เกิดเป็นลมไปจะทำไง?” ทยุตท้วงเสียงเรียบแต่ยังเจือแววอ่อนโยน

ใครใช้ให้เด็กคนนี้เป็นคนชอบคิดมากกัน รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่อยากให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระ แต่เอาเข้าจริงตัวเขาเองก็ไม่เคยรู้สึกว่าญาณัชเป็น จะมีก็เพียงความรู้สึกที่บอกให้ต้องดูแลเป็นพิเศษ... ก็เท่านั้น

“ขึ้นหลังพี่เลย อย่าดื้อนะ”

“.........” ร่างบอบบางยอมทำตามคำพูดของอีกฝ่าย ญาณัชพาดแขนสองข้างผ่านลาดไหล่กว้างก่อนจะเอ่ยเบาๆที่ริมหูของชายหนุ่ม

“พี่ยุตชอบทำเหมือนนัทเป็นเด็กๆเลย....”

“ก็ถ้าเทียบกับพี่นัทก็ยังเด็กอยู่จริงๆนี่” ลมทะเลพัดปลายผมยาวของคนที่อยู่บนหลังย้อนกลับมาระใบหน้าชายหนุ่ม ทยุตลอบดมกลิ่นแชมพูหอมหวาน ผิวกายร้อนผ่าวที่ทาบทับบนแผ่นหลังสร้างความรู้สึกแปลกใหม่อันชัดเจน

ทั้งที่เมื่อก่อนคิดว่าเป็นแค่เด็กขี้โรค...แต่เมื่อไหร่ไม่รู้ตัวตนของญาณัชกลับชัดเจนในหัวใจขึ้นเรื่อยๆ

อาจจะเร็วไปที่จะเรียกว่ารัก แต่ ณ ตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่สัมผัสได้มันเกินกว่าคำว่าชอบ

“เดี๋ยวกลับไปอาบน้ำก่อนนะ ตัวเหนียวๆเดี๋ยวนอนไม่สบาย”








“.... ต้องนอนด้วยเหรอ?” ญาณัชเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำออกมา เสื้อยืดแขนยาวสีส้มอ่อนที่สวมทับร่างกายยิ่งทำให้เด็กหนุ่มดูตัวเล็กกว่าเดิม ปลายผมยาวที่เก็บไม่หมดยังเปียกชื้นอยู่ นัยน์ตาสีเข้มมองหน้าทยุตเพื่อรอคำตอบ

“ถ้าไม่นอนเดี๋ยวป่วยหนัก ทีนี้จะพากลับบ้านเลย...ไม่ต้องเที่ยวแล้วทะเลน่ะ” เชฟหนุ่มที่กำลังสางขนยุ่งๆของเจ้าสองตัวพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง

“ลูกชิ้น อย่าดิ้น” มีที่ไหนจะเชื่อ ชิวาว่าตัวน้อยกระโดดผลุงจากมือใหญ่วิ่งหน้าเริ่ดเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ทันที

ทยุตส่ายหน้าระอาใจ เขาเงยหน้ามองญาณัชช้าๆกะจะบ่นเรื่องความดื้อของชิวาว่าสายพันธุ์ลิง

...ความรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว....

จะบอกว่าสวยก็ไม่ใช่ มองยังไงก็เป็นแค่เด็กที่ไม่ค่อยโต....แต่ถึงอย่างนั้น...ดวงตาสีเทาอมเขียวกลับละสายตาไม่ได้เลย

...น่ารัก...ทันทีที่คำนี้ผุดขึ้นมา ในสมองก็แวบคิดถึงความรู้สึกคลุมเครือที่แม้แต่ตัวเองยังไม่เข้าใจเท่าไหน่

...และมันก็ได้กระจ่างแจ้งแล้ว.....

“น่ารักจัง.... เอ่อ.... พี่หมายถึงชุดนอนน่ะนะ” บ้าเอ๊ย!! เชฟหนุ่มแทบกัดปากตัวเองเมื่อหลุดความคิดในหัวออกไป

“หือ?” ร่างบางก้มลงมองตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะเอ่ยถามต่อ

“... อืม... นัทไม่รู้หรอก ไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าเองตั้งนานแล้ว... แบบนี้เรียกว่าน่ารักเหรอ” มือเรียวสางผมที่ปรกหน้าไปทัดกับใบหูก่อนจะเอื้อมหยิบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดไว้กับโต๊ะตัวเล็กมาซับปลายผมของตัวเอง

“ถ้าสำหรับผู้ชายก็น่ารักละนะ” ทยุตงึมงำตอบ... ไม่สามารถพูดได้หรอกว่าน่ารักจนอยากจะดึงมากอดตอนนี้เลย

“ผมเปียกอีกแล้ว ทำไมไม่เป่าผมก่อน เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” มือใหญ่เอื้อมไปจับปลายผมเปียกชื้น สัมผัสเย็นๆนั้นทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก

“รีบเป่าผมแล้วนอนเลย อยากกินอะไรไหมเดี๋ยวพี่ออกไปซื้อที่ร้านมา น่าเสียดาย... ที่นี่ไม่มีครัว” เชฟหนุ่มบ่นตามประสาคนชอบทำอาหาร บ้านพักน่ารักอยู่หรอก แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้น่าจะมีห้องครัวไว้หน่อย

“โฮ่ง” คนตอบไม่ใช่เด็กหนุ่มผมยาวหากแต่เป็นเสียงใหญ่ๆของไส้กรอกพันธุ์หมาที่นอนหงายยกขาทำท่าว่าลูบท้องหนูหน่อยสิอยู่

“ยังไม่นอนไม่ได้เหรอ... กินอะไรกันก่อนก็ได้...” ไม่ใช่ว่าหิวแล้วหรืออะไร แต่เป็นเพราะว่าเขายังไม่อยากนอน มาเที่ยวกันแบบนี้ ญาณัชอยากจะใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักกับทยุตให้มากกว่าที่เคย

...อยากสนิทกันมากกว่านี้

“ไม่ใช่ว่าไม่ได้หรอกนะ แต่อย่างน้อยก็งีบรอตอนพี่ไปซื้อของก็ยังดี” เชฟหนุ่มคว้าผ้าเช็ดตัวของตนที่ยังแห้งส่งให้

“เอาของพี่ไปเช็ดก่อน ของเราเปียกแล้ว เช็ดหัวให้แห้งล่ะ ถ้าเช็ดไม่ดีจะให้ไส้กรอกมันนอนทับ” เย้าอย่างอารมณ์ดีพลางตบสะโพกโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่กระดิกหางยิกๆ

“นัทมีอะไรที่อยากกินเป็นพิเศษไหม เมื่อกี้นัทยังไม่ตอบพี่เลยนะ”

“.... ต้มยำทะเลน้ำข้นไม่ใส่ปลา... กับไข่เจียวกุ้งสับไม่ใส่ผักก็ได้” ร่างบางพูดผ่านผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่ขยุ้มไปมาอยู่บนหัว ญาณัชเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงอีกครั้ง

“พี่ยุตจะออกไปซื้อเหรอ?”

“อื้อ...” ชายหนุ่มขยับตัวพลางกระดิกนิ้วเรียกไส้กรอกซึ่งทำเมินนอนเอาคางเกยขาหน้าอย่างเบื่อๆ

“ไปเป็นเพื่อนกันหน่อยสิไอ้หมาขี้เกียจ”

ทยุตหัวเราะ ร่างสูงลงไปคลุกตัวปล้ำกอดเจ้าตัวใหญ่พักนึงก่อนที่ทั้งคนทั้งหมาต่างก็แยกกันนอนแผ่บนพื้น

“โอย..เหนื่อยจัง” ดวงตาสีแปลกพราวระยับ เชฟหนุ่มผุดนั่งแล้วยิ้มกว้างให้ญาณัช

“โทษทีนะ จะออกไปซื้อเดี๋ยวนี้แหละ”

“นัทไปด้วยสิพี่ยุต” ร่างบางดึงผ้าเช็ดตัวออกจากศีรษะของตน เรือนผมสีดำดูยุ่งเหยิงกว่าทุกที แต่ญาณัชก็ทำเพียงยกมือขึ้นสางแบบลวกๆเท่านั้น เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงทว่าทันทีที่เท้าแตะลงถึงพื้น เขากลับรู้สึกเหมือนโลกหมุนได้จนต้องเอื้อมมือคว้าเอาต้นแขนของทยุตไว้

...เสร็จกัน

เขารู้ดีว่าลองเป็นแบบนี้ ทยุตต้องไม่ยอมให้เขาไปด้วยแน่ๆ แต่ญาณัชก็ยังไม่หมดหวังเสียทีเดียว ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองเชฟหนุ่มก่อนจะยิ้มจางๆ

“นะ...”

“.........................” ไม่กล้าพูดหรอกอะไรที่จะทำให้รอยยิ้มและแววตาคู่นั้นแปรเปลี่ยน ทยุตรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจจะอ้อนแต่คนที่โดนกระทำกลับรู้สึก ‘ถูกอ้อน’ อย่างห้ามไม่ได้

“พี่ว่า...นัทพักผ่อนดีกว่านะ จะได้มีแรงไปเที่ยวไง” ดวงตาที่จ้องอย่างมีความหวังสลดลงเล็กน้อย ใบหน้าของเด็กหนุ่มก้มลงแต่ก็ยังไม่ละความหวัง

ทยุตรู้อีกแหละว่าการกระทำของญาณัชมันเป็นไปตามธรรมชาติโดยที่ไม่ได้แกล้งกระทำ

...แต่มันโดนเข้าเต็มๆ...

“อย่าดื้อสินัท นะ..รอพี่อยู่นี่แหละ”

“............ ก็ได้” ญาณัชรับคำแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆเดินกลับมาที่เตียงนอนแล้วปีนขึ้นไปนั่งขัดสมาธิ บนใบหน้าของเขาดูจะมีร่องรอยของการถูกขัดใจเล็กน้อย แต่เด็กหนุ่มก็ยังเอ่ยพูดต่อ

“... มาช้านัทหลับไปก่อนไม่รู้ด้วยนะ”

กิริยาที่ดูราวกับเด็กถูกขัดใจปัดความหวามไหวเมื่อสักครู่ไปเสียสิ้น ทยุตยิ้มขำกับท่าทาง ‘งอน’ ของญาณัชแต่ก็ไม่กล้าหัวเราะออกมาเราะกลัวจะ ‘ถูกงอน’ ไปมากกว่านี้

“หลับก็ไม่ว่าหรอก พี่ก็อยากให้นัทหลับอยู่แล้ว” นัยน์ตาสีดำที่หรี่ลงของคนบนเตียงยิ่งทำให้ทยุตรู้สึกดีที่สามารถเรียกความรู้สึกอันหลากหลายของคนที่เคยเอาแต่เก็บอารมณ์ได้

“....งอนพี่เหรอครับ....” แก้มขาวขึ้นสีชมพูเรื่อจนอยากจะเข้าไปหยิกให้หายหมั่นเขี้ยว

“ไว้กลับมาเมื่อไหร่ต้องหายงอนนะ”








To be continued...





kagehana : เอาความหวานมาถมใส่ทะเล
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 8 ทะเลหวาน [25/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-01-2015 11:19:34
ความรู้สึกมันเริ่มชัดเจนแล้ว
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 8 ทะเลหวาน [25/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 25-01-2015 13:23:23
สนุกมากคะ
น้องนัทน่าสงสารจัง
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 8 ทะเลหวาน [25/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 26-01-2015 17:03:16
ความรักเริ่มก่อตัวแล้วสินะ พี่ยุตดูแลน้องนัทด้วยนะ น้องนัทน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 8 ทะเลหวาน [25/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: riangkarn ที่ 31-01-2015 22:39:13
อยากบอกว่า อ่านมารวดเดียวเลยค่ะ
สนุกอะไรอย่างนี้
ภาษามันละมุนดีนะคะ ทำให้เรื่องมันกลมกล่อมมากเลย
ยังไงก็ รอที่จะอ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 8 ทะเลหวาน [25/01/15]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 02-02-2015 02:00:21
น่ารัก
หลงทั้งน้องนัก ไส้กรอก เเละลูกชิ้น
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 9 รู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า [04/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 04-02-2015 15:14:13



-9-







ญาณัชพลิกตัวไปมาภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่บนเตียง โดยมีลูกชิ้นอยู่เป็นเพื่อน นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองหมอนอีกใบที่ว่างเปล่าพลางคิดไปถึงคนที่พาเขามา

ก่อนหน้าที่จะได้พบกับทยุต ตัวเขาที่ไม่มีพิชญ์อยู่ด้วยไม่ต่างอะไรกับคนที่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ... แต่ตอนนี้ เขารู้ตัวดีว่าทยุตเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตตัวเองไปเสียแล้ว

“มาเที่ยวด้วยกันแบบนี้... ก็ต้องเรียกว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว... สนิทกันแบบพี่น้อง... ใช่ไหมครับ ลูกชิ้น”

“แบ๊ก!” ชิวาว่าตัวจื๋วส่งเสียงรับ เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

เขาจำได้ถึงความรู้สึกขุ่นมัวที่ก่อตัวขึ้นเมื่อตอนกลางวัน ญาณัชหลับตาลงก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งช้าๆ

“... อาพีท... นัทเป็นคนหวงเพื่อนเหรอ...” แขนสองข้างโอบรอบเข่าเอาไว้ก่อนจะแนบใบหน้าลงกับหัวเข่า แม้จะยังไม่เข้าใจที่มาของความไม่พอใจนั้นดี แต่นัยน์ตาคู่สวยก็ปิดลงอีกครั้ง

“เดี๋ยวพี่ยุตก็กลับมาแล้วนะครับลูกชิ้น จะได้กินข้าวกัน ดีไหมครับ”

/////////////////////////////////

ตลาดของเกาะล้านยามเย็นคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ทยุตเห็นกลุ่มเด็กสาวที่อายุราวๆมหาวิทยาลัยกำลังมองมาที่เขาพลางกระซิบกันอย่างกล้าๆกลัวๆ เชฟหนุ่มตีหน้าขรึมเพื่อที่จะได้ไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืดจนทำให้ชักช้า

ร้านหมูย่างเจ้าอร่อยครั้งที่มาเที่ยวกับรวินยังรสชาติไม่เปลี่ยนแปลง คราวที่แล้วเจ้าเด็กตัวเท่าลูกแมวคนนั้นซัดเกลี้ยงคนเดียวสิบไม้

...แต่คนที่มาด้วยคราวนี้ไม่รู้ว่าสามไม้จะกินหมดหรือเปล่าเลย....

เขายืนถือต้มยำไม่ใส่ปลา ไข่เจียวและผัดผักรวมที่ซื้อมาเสริม เมื่อรวมกับหมูย่างสิบไม้ มันก็กลายเป็นมื้อเย็นมื้อใหญ่ได้สบายๆ แถมตับอีกห้าไม้พร้อมข้าวถุงโตเตรียมคลุกให้สองหมาด้วย

“ขอบคุณครับ” ทยุตยื่นเงินให้แล้วหิ้วถุงหมูย่างกลับไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่เช่ามา แม้ว่าที่หน้าบ้านพักจะเป็นหาดทรายแต่ร้านอาหารกลับอยู่ไกล สิริรวมแล้วเช่าเหมาเป็นวันก็ยังคุ้ม

...ไว้รอให้นัทดีขึ้นแล้วจะพาขี่มอเตอร์ไซค์รอบเกาะ...

หรือไม่งั้น...ก็ไปเช่าเจ็ทสกีขี่ชมทะเลก็น่าจะดี

ทยุตยิ้มกับตัวเองก่อนจะส่ายหัวเบาๆ เขาไม่ได้รู้สึกไปเองหรอกนะ แต่อย่างน้อยญาณัชในตอนนี้อยู่ในความคิดคำนึงของเขา...มากกว่าใครๆทุกคน

//////////////////////////////////

ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับทยุตกับอาหารเย็นที่ซื้อมาเรียบร้อย ทว่าคนที่รออยู่ก่อนนั้นกลับอยู่ในสภาพราวเด็กเล็กๆ ญาณัชที่นั่งพิงหัวเตียงนั้นดูท่าว่าจะกำลังหลับสนิทไปเสียแล้ว

“นัท...นัทครับ” เสียงทุ้มต่ำเรียกเบาๆแต่พอเห็นว่าญาณัชหลับสนิทก็เกิดอาการเสียดายที่จะต้องปลุกซะแล้ว

“ลูกชิ้น ไปปลุกน้องนัทซิ”

“แบ๊ก” ชิวาว่าตัวน้อยเห่าสั้นๆเหมือนทำไปตามหน้าที่งั้นแหละ ขาหน้าเล็กๆเขี่ยขาเรียวเบาๆก่อนจะหันมามองหน้าทยุตซึ่งแปลได้ว่า ‘คนกำลังหลับสบายจะให้ปลุกหรือไงห๊ะ ไอ้งี่เง่า’

“ไม่ปลุกไม่คลุกตับให้กินนะ”

พอได้ยินอย่างนั้นลูกชิ้นกับไส้กรอกพันธ์เนื้อหมาก็ระดมกำลังเห่าปลุกกันใหญ่ ลูกชิ้นอาศัยความตัวเล็กมุดเข้าไปที่แขนแล้วเลียหน้าเบาๆ

“ให้มันได้อย่างนี้สิ” เชฟหนุ่มขำก๊าก....อะไรก็ไม่สู้เห็นแก่กินจริงๆ

“... อือ” สัมผัสเปียกชื้นบนใบหน้าทำให้ญาณัชค่อยๆลืมตาขึ้นขณะที่คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน นัยน์ตาโศกกระพริบสองสามทีก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหัวเจ้าชิวาว่าตัวน้อยช้าๆ

“อุตส่าห์ปลุกนัทเหรอครับ...” ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มอีกครั้งก่อนจะเงยขึ้นมอง

“มานานรึยังพี่ยุต?”

“เพิ่งมา...นัทหิวช้าวหรือยัง” มือใหญ่ยกถุงกับข้าวขึ้นโชว์

“พี่ซื้อต้มยำ ไข่เจียว แล้วก็เพิ่มหมูย่างกับผัดผักด้วย ส่วนตับของเจ้าสองตัว...แต่ถ้านัทอยากกินก็ได้นะ เดี๋ยวค่อยคลุกอย่างอื่นให้มันกินก็ได้”

ทยุตวางข้าวของบนโต๊ะเล็กๆที่ห้องครัวด้วยว่ารีสอร์ทแห่งนี้ตั้งโต๊ะกินข้าวไว้ด้านนอกเพื่อรับบรรยากาศ เขาสืบเท้าไปยังเตียงก่อนมันจะยุบลงด้วยน้ำหนักตัว

เชฟหนุ่มแตะเบาๆที่หน้าผากและลำคอของญาณัช

“ตัวยังอุ่นๆอยู่เลย” คิ้วเข้มขมวดมุ่น...ไม่อยากให้อ่อนแอแบบนี้เลย

...สงสัยต้องพาไปออกกำลังกายบ้างแล้ว...

“ไม่เป็นไรหรอก... กินข้าวก่อนนะ นัทเริ่มหิวแล้ว...” เด็กหนุ่มยิ้ม พยายามจะคลายร่องรอยของความกังวลที่อยู่บนใบหน้าของทยุต ร่างบางค่อยๆขยับตัวลงจากเตียง

“กินกันเถอะ”

“ไปนั่งกินข้างนอกแล้วกัน นัทออกไปรอเลย” ร่างสูงคว้าจานชามและถาดออกมาวางเรียงในครัวกะว่าเสร็จเมื่อไหร่ยกเสิร์ฟทีเดียว แต่เพราะเจ้าตัวกวนทั้งสองที่คอยพันแข้งพันขาทำให้ต้องดุไป

“เฮ้ย ลูกชิ้น ไส้กรอก เดี๋ยวดิ เดี๋ยวจัดให้น้องนัทเสร็จจะคลุกให้ เฮ้ย!! อย่ากัดกางเกง”

ชิวาว่าตัวน้อยกัดชายกางเกงขาสั้นจนตัวห้อยต่องแต่งในอากาศ ทยุตอดขำไม่ได้

“ไอ้ตลก”

ญาณัชที่ยังไม่ทันได้ออกไปได้แต่หัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยว่าเชฟหนุ่มที่กำลังง่วนกับการจัดกับข้าว

“พี่ยุตก็คลุกให้ลูกชิ้นกับไส้กรอกก่อนสิ... นัทรอแป๊บเดียวไม่เป็นไรหรอก...” ร่างบางย่อตัวลงนั่งก่อนจะเรียกจอมยุ่งทั้งสองให้มาหา

“หิวแล้วใช่ไหมครับ ลูกชิ้น ไส้กรอก”

“ยังไม่หิวฮับแต่อยากแกล้งพี่ยุตกะน้องนัทก่อน” ทยุตรู้..ว่าผู้ชายตัวโตๆมานั่งดัดเสียงเลียนแบบน้องหมามันไม่เท่เอาซะเลย

...แต่ถ้าได้เห็นรอยยิ้มกว้างกับเสียงหัวเราะแบบนี้...ก็คุ้มอยู่

มือใหญ่ดึงชิวาว่าตัวเล็กด้วยมือเดียว ซึ่งมันก็ตอบสนองด้วยการถีบหน้าเข้าเต็มรัก

“น้องนัทหิวแล้วเหรอฮับ อยากกินลูกชิ้นเนื้อหมาไหมฮับ ลูกชิ้นจะเสียสละตัวเองให้”

“แบ๊ก” ลูกชิ้นที่ยังไม่เป็นลูกชิ้นเห่าห้ามพลางหอบหายใจแฮ่กๆ....มันคงคิดว่าเราประสาท เพราะแม้แต่ตัวเองยังคิดอย่างงั้นเลย

คราวนี้ญาณัชกลั้นหัวเราะไม่ไหว จนต้องต่อว่าคนตัวโตที่ทำเหมือนเป็นเด็กประถมอยู่ในตอนนี้

“พี่ยุต เล่นอะไรแบบนั้น... คลุกข้าวให้เด็กๆเถอะ จะได้ไปกินกัน” เด็กหนุ่มพูดไปหัวเราะไปพวงแก้มเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น

“ไม่งั้นนัทโมโหหิวนะ”

“นัทคลุกสิ” ไม่พูดเปล่า เด็กประถมตัวโตยื่นถุงข้าวกับตับให้ญาณัชหน้าตาเฉย

“คลุกให้ละเอียดแต่ตับต้องเป็นชิ้นเล็กๆนะ เละไปมันไม่กิน” ทยุตเอื้อมมือไปลูบขนเจ้าไส้กรอกบ้าง โกลเด้นขนทองยาวสลวยตอบรับด้วยการกระโจนเข้าใส่ทันที

“นัทรีบเร็ว เดี๋ยวเจ้าพวกนี้จะเห็นพี่เป็นของว่างไว้งับหัวเล่น”

“ก็พี่ยุตชอบแกล้งเด็กๆนี่นา” ถึงจะว่าอย่างนั้น แต่ญาณัชก็รับเอาถุงข้าวกับตับมาเทลงชามข้าวสองใบ แล้วจัดแจงคลุกข้าวให้กับสองยุ่งที่ตอนนี้แข่งกันร้องจนกลัวว่าเสียงจะดังไปรบกวนคนในละแวกเดียวกันขึ้นมา

“เอ้าๆ ลูกชิ้น ไส้กรอก เสร็จแล้วครับ ไม่กวนพี่ยุตแล้วนะครับทั้งสองคน”

“แบ๊ก”

“โฮ่ง”

ทั้งสองคนที่ว่าขานรับก่อนจะวิ่งกรูกันมาหาร่างบางที่ยืนถือชามข้าวไว้

“นั่งดีๆก่อนครับ” คนสั่งเอ่ยไปอมยิ้มไป และรอยยิ้มนั้นยิ่งกว้างขึ้นเมื่อตัวเล็กตัวใหญ่ที่วิ่งซนยอมนั่งนิ่งๆเป็นอย่างดี

“เด็กดีทั้งสองคนเลยนะครับ เอ้า” เด็กหนุ่มวางชามข้าวให้ทั้งสองตัวจอมยุ่งก่อนจะยืดตัวขึ้นมามองหน้าทยุตที่ยืนมองเขาอยู่

“? อะไรเหรอพี่ยุต”

“มันไม่ใช่หมาพี่อ่ะนัท” ทยุตเล่นมุขหน้าเครียด แต่พอเห็นใบหน้าอ่อนๆดูเหวอก็อดยิ้มไม่ได้

“เรียบร้อยเกินไป ว่าง่ายเกินไป แล้วก็น่ารักเกินไปด้วย” ทยุตพูดต่อ คราวนี้เด็กหนุ่มตรงหน้ายิ่งฉีกยิ้มมากขึ้น...มากจนทำให้หัวใจใครคนนึงสั่นไหว

...แย่ที่สุด...

ไม่ใช่แค่หมา...แม้แต่ตัวเขาก็ถูกญาณัชเอาใจไปเสียแล้ว

“นัทยิ้มสวย” ชมออกมาเบาๆแล้วอดไม่ได้ที่จะยกมือสัมผัสรอยยิ้มนั้น...แค่เพียงบางเบาก็ราวถูกกระแสไฟแล่นไปทั้งร่าง

...ชอบ...หรือมากกว่าชอบ...

...หรือมากกว่านั้น...

“... เหรอ” มือเรียวยกขึ้นทัดเรือนผมที่ตกร่วงลงมา รู้สึกถึงบรรยากาศระหว่างเขากับคนตรงหน้าที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่ว่ารู้สึกอึดอัด แต่คำพูดของทยุตกลับทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกๆในอก... เป็นความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย

“มือพี่ยุต... อุ่นดีนะ” จะว่าไป สำหรับญาณัชที่ชอบซุกตัวอยู่กับผ้าห่มหรือกองหมอนแล้ว อุณหภูมิจากร่างกายทยุตถือว่าอุ่นสบายพอดีแบบที่ชอบ... เพราะอย่างนั้นตอนที่ต้องนอนด้วยถึงได้เผลอไปกอดเอาไว้

“....อืม....” ปลายนิ้วสากไล้ตามริมฝีปากสีอ่อนจาง ทยุตนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะก้มตัวลงทาบทับริมฝีปากคู่นั้นอย่างไร้ความลังเล จุมพิตแผ่วเบาคล้ายจะทักทายในตอนแรกแต่เมื่อปลายลิ้นอุ่นจัดได้ไล้เลียกลีบปากบางก็กลับกลายเป็นความอ่อนละมุนอันแฝงความปรารถนาไว้เต็มเปี่ยม

ทยุตโอบร่างบางไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแรง ญาณัชที่อยู่ในอ้อมกอดตัวยังอุ่นจัดแต่กลับนุ่มนวลและอบอุ่น กลิ่นหอมคล้ายเด็กอ่อนนั้นยิ่งทำให้รู้สึกดี

“โกรธหรือเปล่าครับ”

ญาณัชได้แต่กระพริบตามองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ สัมผัสอบอุ่นบนริมฝีปากเมื่อครู่ไม่ได้เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ ทว่าเป็นความตั้งใจของทยุตเอง

“...” เขารู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ แก้มที่ร้อนผ่าวขึ้น แต่ญาณัชกลับนึกหาคำพูดที่จะตอบคำถามนั้นดีๆไม่ได้ นอกจากการส่ายศีรษะช้าๆก่อนจะสบตาทยุตค้างไว้เช่นนั้น ที่ถูกจูบนั้นไม่ได้นึกโกรธหรือรังเกียจหากแต่ขาดไม่ถึงเฉยๆ ญาณัชไม่เคยนึกถึงความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ตอนสมัยเรียนก็ไม่เคยมีเด็กผู้หญิงที่ถูกใจ เวลาว่างส่วนใหญ่ก็ใช้ไปกับพิชญ์ และการเล่นเปียโน

และนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงหัวใจที่เต้นรัวขนาดนี้...

ดวงตาโศกคู่นั้นราวกับมีพลังเร้นลับแฝงอยู่ ทยุตบอกไม่ได้ว่าทำไมแต่พอรู้สึกตัวริมฝีปากของตัวเองก็ทาบทับลงไปอีกครั้ง

...บางที..นี่คงเรียกว่ารัก...

ญาณัชค่อยๆหลับตาลง เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น รับรู้แต่เพียงริมฝีปากร้อนผ่าวที่แนบลงมาเท่านั้น

ทยุตบดเบียดริมฝีปากเข้าช้าๆด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่เคยพานพบกับรสสัมผัสเช่นนี้ ลิ้นอุ่นค่อยๆเลาะเล็มกลีบปากปางให้อ้าออกเล็กน้อยก่อนจะสอดประสานเข้าชิมความหวานล้ำลึก เขารู้สึกถึงแรงสั่นของมือบอบบางเรียวสวยแต่ก็ยังรุกไล่ต่ออย่างอ่อนโยน

จุมพิตครั้งนี้ไม่ได้ต่างกับครั้งไหนๆ....มีเพียงความรู้สึกพิเศษที่แผ่ออกมาโอบล้อมรอบกายเขา

เด็กไม่ประสาที่อาจจะไม่เคยกอดใครแน่นๆนอกจากญาติตนเองคนนี้มีจุดยืนอยู่ในหัวใจเขา..อาจจะตั้งแต่ครั้งเยาวว์วัย แต่ ณ ตอนนี้กลับกลายเป็นฟองฟูนุ่มซึ่งอัดแน่นเต็มเปี่ยม

ทยุตค่อยๆถอนริมฝีปากช้าๆแต่ยังกอดร่างบอบบางเอาไว้ มือใหญ่จับศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมยาวซบลงกับแผ่นอกแข็งแกร่ง

“นัท....รู้สึกเหมือนพี่หรือเปล่า...”

“.......... ไม่รู้สิ” ในตอนนี้ร่างบางกลับไม่อยากมองหน้าทยุตขึ้นมาดื้อๆ จากแก้มที่ร้อนผ่าวในตอนแรกกลายเป็นรับรู้ได้ว่าใบหน้าของตัวเองคงเป็นสีเข้มขึ้นแล้วแน่ๆ ญาณัชจึงได้แต่ซุกใบหน้าเข้ากับอกกว้าง มือสองข้างยึดเอาเสื้อของร่างสูงเอาไว้

“........ พี่ยุต..... รู้สึกยังไงเหรอ”

“..............พี่...อาจจะ...” ทยุตเองก็เขินที่จะพูดมันออกมา มีเพียงแต่สองแขนที่กอดแน่นเท่านั้นที่พอจะส่งผ่านความรู้สึกไปได้

ผู้ชายตัวโตๆมาพูดว่ารักมันน่าดูเสียเมื่อไหร่....

“พี่ถามนัทก่อนนะ ใครใช้ให้มาย้อนถามพี่ครับ” เสเปลี่ยนเรื่องเป็นหาความฝ่ายตรงข้ามพลางลอบยิ้มเมื่อใบหน้าเล็กๆนั้นเงยขึ้นมาขมวดคิ้วใส่

...ดูเอา ขนาดขัดใจยังน่ารักเลย...

ญาณัชหันใบหน้าหนีเมื่อเห็นรอยยิ้มสะท้อนในดวงตาสีสวยที่มองมา

“... ก็นัท... ไม่รู้นี่.............” ริมฝีปากบางขยับพึมพำราวกับพูดให้ตัวเองฟังเพียงคนเดียว

“งั้นพี่ก็ไม่รู้บ้าง” ทยุตปล่อยอ้อมกอดแล้วยกถาดอาหารขึ้นมาถือ เขาเดินนำดุ่มๆไปที่โต๊ะด้านนอกซึ่งติดกับแนวทะเลสีฟ้าครามและหาดทรายสีขาว

“เอาไว้ค่อยๆเรียนรู้ไปด้วยกันนะครับ” ทยุตกระซิบแผ่วเบาให้เพียงเด็กหนุ่มตรงหน้าและผืนทรายรับรู้

“........” ญาณัชเดินตามอีกฝ่ายออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ ร่างบางดึงเก้าอี้ออกมาเล็กน้อยก่อนจะนั่งลง เขามองทยุตที่ค่อยๆตักข้าวใส่จานข้าวให้แล้ววางลงตรงหน้า อาจจะไม่รู้ตัวแต่ว่าสายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่ร่างสูงตรงหน้า ไม่ได้ละไปไหน

“ทานข้าวกันเถอะ” รอยยิ้มพรายผุดบนใบหน้าซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ค่อยแสดงออกเท่าไร ทยุตเองก็รู้ดีว่าเมื่อก่อนเขาเป็นคนยิ้มยากแค่ไหน แต่กับคนๆนี้... การยิ้มของตัวเองคงใช้ไปมากกว่าปีที่แล้วแล้วมั้ง

“กินผักเยอะๆนะครับ จะได้โตไวๆ” ทยุตเย้าเล่นแต่ใบหน้าเล็กนั้นยังคงเหม่อลอย ทยุตลอบยิ้ม...คงคิดถึงเรื่องเมื่อกี้อยู่สินะ น่ารักเป็นบ้า

มื้อเย็นของคนป่วยกับคนชอบแกล้งในวันนั้น กลายเป็นมื้ออาหารมื้อแรกที่ทยุตแทบจะไม่แตะต้องสิ่งที่อยู่บนโต๊ะเลยด้วยเหตุผลที่ว่า....ได้เห็นคนตัวเล็กนั่งเหม่อเคี้ยวตุ้ยๆก็อิ่มเกินพอ






To be continued...




kagehana :

ขอบคุณคนอ่านทุกท่านนะคะ อยากไปเกาะล้านจังงงงง

หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 9 รู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า [04/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 04-02-2015 21:02:43
เบาๆ อุ่นๆ ฟุ้งฟริ้ง น่ารักเชียว
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 9 รู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า [04/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 05-02-2015 02:15:17
หวานจนทะเลจืดไปเลย..... พี่ทยุตทำไมไม่บอกว่าชอบน้องเดี๋ยวตีตายเลย :-[
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 9 รู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า [04/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: nicedog ที่ 05-02-2015 09:15:04
สนุกจังค่ะ

พึ่งเข้ามาอ่าน

บรรยากาศอบอุ่น

เราชอบการบรรยายเป็นภาษาแบบนี้มากอ่า

จะรอตอนต่อไปนะค่ะ
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 9 รู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า [04/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-02-2015 11:55:22
wow wow wow ถึงขั้นจูบกันแล้ว
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 9 รู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า [04/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Cream A ที่ 10-02-2015 03:22:28
ปมของน้องดูท่าจะดราม่า แต่ดีหน่อยที่น้องน่าเอ็นดูบวกกับ

ความอบอุ่นของพี่ยุต เรื่องเลยซอฟลง ดูอบอุ่น ยังไม่เครียดเท่าไหร่

หวังว่าคนเขียนคงไม่ใจร้ายกะน้องนัท จัดมาม่ามาเสริฟ์คนอ่านมากนะค๊าาา
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 9 รู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า [04/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 12-02-2015 19:27:09
พี่ยุตกับน้องนัทน่ารักมาก

อ่านแล้วอุ่นๆในอก ละมุนมาก ชอบบ
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 9 รู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า [04/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: pachth ที่ 14-02-2015 00:23:36
เป็นความรักที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นมากค่ะ
ทั้งๆที่เรื่องดูหนักและมีปมดราม่ามากแต่คนเขียนเขียนอ่านง่ายมาก
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 10 รักนะ...เด็กน้อย [16/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 16-02-2015 14:27:14

-10-






ยามเมื่อราตรีเข้ามาโอบล้อมท้องฟ้า แสงดาวที่ซ่อนตัวอยู่ใต้แสงก็ค่อยๆเปล่งประกายอวดตัวเอง แสงดาวนั้นสะท้อนกับผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับจับใจดวงตาสีสวยที่จับจ้องจากผืนทราย

ทยุตนั่งอยู่ริมชายหาดโดยมีคนตัวเล็กนั่งเคียงข้าง ร่างนั้นเบียดเข้าน้อยๆแต่ก็ไม่ได้กอดหรือแสดงอาการว่าอยากถูกกอด...ราวกับว่าแค่ขอผิวสัมผัสให้อบอุ่นขึ้นเพียงเท่านั้น

“หนาวเหรอนัท”

“... แค่เย็นๆเฉยๆ” ญาณัชตอบอ้อมแอ้ม ร่างบางขยับกายเล็กน้อยก่อนจะเอนตัวเข้าหาอีกเล็กน้อย

“ทำไมเหรอ”

“เปล่าหรอก” ทยุตพูดเหมือนไม่ใส่ใจแต่มือใหญ่กลับอุ้มร่างเล็กลอยหวือเข้ามาในอ้อมกอด ใช้ร่างกายของตนเองต่างผ้าห่มโอบรอบญาณัชเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาซุกกับเรือนผมอ่อนนุ่มแนบแก้มกับแก้มสีอ่อนจาง

“พี่หนาว” โกหกไปเสียแล้ว ทยุตรู้ดีว่าตัวเองมีอุณหภูมิร่างกายที่อบอุ่นกว่าคนทั่วไป...จะด้วยสายเลือดหรืออะไรก็ตาม

ทยุตกอดญาณัชโดยให้อีกฝ่ายอยู่ตรงกลางระหว่างท่อนขาและลำแขน กอดที่แนบแน่นคล้ายจะบังลมทะเลที่โชยเอื่อยด้วยอากาศยามค่ำคืน

“นัทตัวเย็น”

“เย็นเหรอ? พี่ยุตต่างหากที่ตัวอุ่น” ญาณัชเอ่ยบ้างพลางขยับกายให้ได้รู้สึกแนบชิดกับความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมา

“แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”

“นัทแกล้งพี่เหรอครับ” ร่างเล็กที่บดเบียดเข้าหาทำให้เกิดความรู้สึกที่มากกว่าอบอุ่น หรือจะเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับคำว่า ‘รุ่มร้อน’ เขารู้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าตัวเองเป็นประเภทที่ตัดสินใจอะไรแล้วก็ทำทันที ตั้งแต่คราวรวินที่คบกัน...ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างยังไม่แน่ใจกับความรู้สึกที่ใช่หรือไม่ใช่ก็ตัดสินใจจะลองมีอะไรกัน และผลก็ออกมาในยามเช้าที่หันหน้าเข้าหากันพลางหัวเราะอีกฝ่ายที่เปลือยกายแต่ทำเพียงแค่นอนกอดกันไว้...และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันทันทีหลังจากนั้น

แต่กับญาณัช...เขาค่อนข้างมั่นใจ

“รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรอยู่” กระซิบแหบพร่าใกล้หูนุ่มนวลก่อนจะใช้ริมฝีปากเม้มเบาๆ

“.. อะไรเหรอ” น้ำเสียงที่เอ่ยถามฟังแผ่วเบา รู้สึกราวกับมีกระแสไฟอ่อนๆวิ่งจากปลายหูที่โดนสัมผัสจนเผลอสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ

ทยุตและเล็มใบหูจนพอใจก่อนที่ริมฝีปากจะลากลงมาสู่ต้นคอขาวซึ่งโผล่พ้นเสื้อตัวหลวม ขณะเดียวกันมือใหญ่ก็สอดเข้าไปในเสื้อกอดรัดลำตัวผอมเพรียว ปลายนิ้วสากลูบไล้เบามือทยุตรั้งร่างบางเข้ามาอีกนิดให้รับรู้ถึงอารมณ์คุกรุ่นเบื้องล่าง

ทยุตรู้สึกว่าญาณัชตัวสั่นนิดๆใบหน้าที่เห็นเพียงด้านข้างแดงก่ำดูน่ารักจนอดจะดึงมาจูบไม่ได้

“มากกว่านี้ไม่ได้สินะครับ” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่มือใหญ่ก็แตะมือลงบนกางเกงเนื้อนุ่มของอีกฝ่ายเบาๆ ทยุตลูบมันผ่านเนื้อผ้าอย่างนุ่มนวล

“.... อ...” ร่างบางตกอยู่ในสภาพพูดไม่ออก ถึงจะไม่เคยได้รับสัมผัสแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้เสียเลยทีเดียวว่าทยุตหมายถึงอะไร

คำว่ามากกว่านี้ที่อีกฝ่ายถามนั้นหมายถึงมากแค่ไหนกันญาณัชก็ยังไม่แน่ใจ แต่มือใหญ่ที่กำลังสัมผัสส่วนนั้นของร่างบางก็ดึงเอาความคิดของญาณัชให้สะดุดไป

มือสองข้างกำจนแน่น รู้สึกถึงกระแสไฟที่วิ่งไปทั่วร่างกายก่อให้เกิดความรู้สึกแบบใหม่ขึ้นมา

“นัท......... ไม่รู้......”

“เอนพิงพี่นะ ปล่อยตัวฝากไว้กับพี่” น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบแผ่ว จมูกโด่งคลอเลียอยู่กับแก้มนวลที่ซับสีแดงเรื่อ ทยุตสอดมือเข้าไปใต้กางเกงเนื้อนิ่มก่อนจะใช้ปลายนิ้วหยอกล้อส่วนอ่อนไหวที่อยู่ใต้ชั้นใน

ปลายนิ้วลากช้าๆ เขารู้สึกถึงอาการอึดอัดของญาณัชและอารมณ์พลุ่งพล่านผ่านปลายนิ้ว ทยุตกอบกำเบาๆราวกับจะปลอบใจ

“นัทไหวไหมครับ ให้พี่พอแค่นี้หรือเปล่า...” ร่างสูงลังเลที่จะสอดมือเข้าไปสัมผัสโดยตรง

...ไม่รู้ว่าญาณัชจะพร้อมหรือยังสำหรับสิ่งที่เขาทำอยู่...

ทยุตแคร์ความรู้สึกของญาณัช...เพราะรู้ดีว่าคนๆนี้คือคนสำคัญ

“....พี่ยุต.... อย่าถามแบบนี้...” คำตอบที่หลุดออกมาขาดห้วงด้วยอารมณ์ร้อนที่เริ่มรุกรานเข้ามา

“... นัทบอกว่า.... ไม่รู้ไง....” แม้จะรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย แต่ร่างบางก็รู้สึกได้ถึงร่างกายที่ร้อนผ่าว และความรู้สึกลึกๆที่เกิดขึ้นภายใจจิตใจ... ความรู้สึกที่อยากได้รับสัมผัสที่มากกว่านี้

“เด็กดื้อ...” ทยุตพูดเสียงแผ่วพลางจูงซับเหงื่อที่ซึมตรงไรผม

“บอกกันมาตรงๆสินัท...ถ้านัทไม่ พี่ก็หยุดให้ได้” มือที่รุกรานผละออกราวกับจะแกล้งดึงคำตอบจากริมฝีปากที่เป่าลมหายใจแผ่วให้ได้ ทยุตกอดร่างเล็กไว้แนบอก หากแต่ความดุดันภายในร่างกลับแนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่าง

ทรมาน...แต่ไม่อยากฝืนใจ

“นัท... จะรู้... ได้ไง...” ใบหน้าหวานก้มลงก่อนจะหลับตาแน่น สิ่งที่กำลังจะพูดออกไปคงทำให้อีกฝ่ายหัวเราะน่าดู

“.... ก็...... ไม่เคย................” เขาห่อตัวเข้าหากันอีกปิดบังความอับอายที่ก่อตัวขึ้น

“งั้นไม่เป็นไร...ค่อยๆเป็นๆค่อยๆไปนะครับ” ทยุตอุ้มร่างเล็กให้หันหน้าเข้าหาเพราะอยากจะเห็นใบหน้าที่ก้มงุดด้วยความเขิน มือใหญ่ดึงชั้นในของญาณัชลง ส่วนอ่อนไหวที่ตื่นตัวเพราะแรงเร้าสั่นไหว มือใหญ่กอบกำพร้อมขยับขึ้นลงช้าๆ ในจังหวะที่ญาณัชยังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ท่อนล่างบอบบางก็ถูกเผยต่อสายตาอ่อนโยนทั่วทั้งหมด

“นัทขยับเข้ามาอีกสิ...” ต้นขาขาวที่แนบติดกับสะโพกทยุตก่อให้เกิดพายุโหมกระหน่ำ แต่ชายหนุ่มยังทำตัวสงบนิ่งโลมไล้อีกฝ่ายช้าๆ

“รู้สึกไม่ดีหรือเปล่า?”

“ม... อื๊อ-!?” ญาณัชรีบกัดริมฝีปากเอาไว้ เก็บกลั้นเสียงครางที่น่าอายไม่ให้หลุดรอดออกไป พอถูกจับให้นั่งในสภาพแบบนี้เขายิ่งรู้สึกมากขึ้น มือสองข้างยึดเอาเสื้อของทยุตแน่น กดหน้าผากเข้ากับแผ่นอกกว้างเพื่อซ่อนตัวเองจากนัยน์ตาคมสีสวยคู่นั้น

สุดท้าย เขาก็ตอบคำถามของทยุตด้วยการส่ายศีรษะไปมา

ทยุตยิ้มพราย ชายหนุ่มยอมรับว่าตัวเองคาดหวังว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้

มือใหญ่ค่อยๆปลุกเร้าส่วนอ่อนนุ่มจนมันขยายตัวในมือ เสียงครางผะแผ่วที่เล็ดรอดจากริมฝีปากที่กัดแน่นบ่งบอกชัดเจนว่าคนที่ถูกกระทำรู้สึกดีแค่ไหน ทยุตขยับมือเร็วขึ้นจนสิ่งที่อยู่ในมือมีหยาดน้ำสีใสๆไหลออกมาเล็กน้อย นิ้วสากหนาลากไล้หยดน้ำนั้นไปทั่วส่วนปลาย ชายหนุ่มปลุกเร้าคนในอ้อมกอดหลายต่อหลายครั้ง ญาณัชกระตุกอีกครั้ง ร่างบอบบางที่กอดเขาอยู่เกร็งตัวอย่างน่าสงสารพลางจ้องสบตาด้วยนัยน์ตาสีรัตติกาลซึ่งคลอไปด้วยน้ำตา 

“ทรมานหรือครับ....ถ้างั้นให้พี่ช่วยนะ” ทยุตไม่ฟังคำตอบรับเพราะรู้ว่าญาณัชคงไม่กล้าเอ่ย มือใหญ่ขยับแรงขึ้น...รวดเร็วขึ้น จนในที่สุดหยาดน้ำสีขาวที่ซุกซ่อนอยู่ในอารมณ์ปั่นป่วนก็หลั่งออกมาเต็มฝ่ามือและท่อนขาเพรียว

“ดีไหม? นัทโอเคนะ” ทยุตถาม หากแต่ความปรารถนาที่ยังไม่ได้ดับของตัวเองกลับสร้างความทรมานจนต้องนิ่วหน้า ทยุตเม้มปากแน่นพยายามสะกดกั้น แต่เสียงสัญชาติญาณสั่งให้เปล่งออกไปกลับแหบพร่าเหลือเกิน

“นัท....จะรังเกียจไหม...ถ้าพี่ขอให้นัทช่วยพี่บ้าง...”

ญาณัชเงยหน้ามองด้วยความตกใจ

“.............” เด็กหนุ่มอ้าปากคล้ายจะพูดอะไรแต่กลับไม่มีเสียงลอดออกมา เขากระพริบตามองอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากกว่านั้น ใบหน้าหวานก้มหลบสายตาของทยุตอีกครั้ง

“ไม่ได้เหรอ...” ประโยคสุดท้ายหลุดเสียงครางออกมาแผ่วเบา สิ่งที่เขาขออาจจะมากเกินไปสำหรับคนที่ไม่เคยแม้แต่จะใกล้ชิดใครอย่างลึกซึ้ง

คิ้วคมขมวดแน่น ใบหน้าหล่อเหลาดูบิดเบี้ยวเล็กน้อยแต่กลับดูเร้าอารมณ์อย่างน่าประหลาด ทยุตจับมือญาณัชแน่น..บีบไว้เบาๆ

“ขอโทษนะครับนัท...พี่ทำให้นัทลำบากใจสินะ”

“.... เปล่า..... นะ” ญาณัชรีบตอบเมื่อเห็นสีหน้าของร่างสูง มือเรียวบางที่ถูกกุมเอาไว้ออกแรงบีบมือใหญ่เบาๆ

“แค่.....” เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าเขาจะทำให้เชฟหนุ่มได้อย่างที่ขอหรือไม่ ใบหน้าของเขายังคงก้มลงซุกซ่อนความเขินอายของตัวเอง

“แค่?” ทยุตย้อนถาม อดไม่ได้จะโน้มต้นคอรั้งริมฝีปากแดงเรื่อลงมาจูบอีกครั้ง ความกระหายหิวที่ยังไม่ได้รับการเติมเต็มเรียกร้องให้ทยุตเบียดร่างเล็กเข้ามาอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้น...เดี๋ยวพี่ขอลงทะแล...ก่อนแล้วกัน” น้ำเสียงขาดห้วงเอ่ยเบาราวกับกระซิบ ทยุตหวังจะใช้น้ำทะเลเย็นจัดช่วยบรรเทาอาการรุ่มร้อน

“ขอโทษนะครับที่ฝืนใจ...ทำเรื่องที่นัทไม่ชอบ...” นัยน์ตาสีเทาเขียวเต้นไหวริก...มือสั่นเทาพยายามฝืนไว้ไม่ให้คว้าร่างเล็กมากอด ร่างสูงดันญาณัชออกเบามือ

“นัทจะเข้าบ้านไปล้างตัวก่อนก็ได้...ขอเวลาพี่แป๊บนึง”

แค่รู้สึกว่าจะต้องออกห่างอ้อมกอดอบอุ่นญาณัชก็เอื้อมมือไปยื้อเอาต้นแขนของร่างสูงเอาไว้

“ให้.... นัททำให้.... นะ” มือเรียวบางแตะลงบนหน้าท้องของอีกฝ่าย รับรู้ถึงอุณหภูมิร้อนผ่าวที่ถ่ายทอดมาผ่านเนื้อผ้า

“นัท..ทำได้เหรอ” ไม่ได้มีเจตนาดูถูกแต่เพราะกลัวว่าจะเป็นการฝืนใจ ทยุตจับมือที่แตะลงบนกางเกงของเขาไว้แน่น สบตากับนัยน์ตาโศกที่เปล่งประกายเย้ายวน

“ไม่เป็นไรครับ...พี่ทนได้” สัมผัสของปลายนิ้วยิ่งปลุกเร้าเท่าทวีคูน หากแต่ทยุตยังกัดฟันตอบเจือเสียงครางไปได้

จิตใต้สำนึกสั่งให้ยอมรับ...หากแต่สติยังพอรั้งไว้ได้

“เดี๋ยวนัทมือเลอะนะ เอ้า ลุกก่อน” ทยุตคว้ากางเกงของญาณัชมาคลุมท่อนขาเรียวที่เปรอะเปื้อนลวกๆแล้วจับร่างบางทำท่าจะให้ลุกออกจากตัว

“ไม่เป็นไร......” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบเสียงเบา แม้จะเขินจนไม่อาจสบตาได้ แต่ญาณัชก็คิดอยากที่จะทำให้บ้าง

“.... ให้นัททำนะ...” ร่างบางขืนตัวเอาไว้ ไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ดึงตัวออกห่าง

ทั้งๆที่ปากเอ่ยพูดออกไปอย่างนั้น แต่ก็ชักไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำได้สักแค่ไหนกัน มืออีกข้างเอื้อมมาดึงเชือกที่ผูกขอบเอวกางเกงออกช้าๆ ก่อนที่มือเรียวจะแตะเข้าที่ขอบกางเกงแล้วดึงกางเกงตัวยาวลง

“.... พี่ยุต... ขยับ... นิดนึงได้ไหม” คนถามไม่ยอมสบตา หวังให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าทยุตที่นั่งอยู่แบบนี้ทำให้เขาไม่สามารถดึงกางเกงขายาวให้ลงมาได้พอ

ทยุตขยับตัวตามที่บอก เขาปล่อยให้มือเล็กที่สั่นไหวเป็นฝ่ายจัดการบ้าง ถึงแม้ว่ามือนั้นจะจับสะเปะสะปะไร้ทิศทางเหมือนจะแกล้งเขาก็ตาม

“นัทขยับเข้ามาชิดพี่อีกนิดสิ” ท่อนล่างที่ถูกอีกฝ่าย ‘จัดการ’ ให้ยังคงเร่าร้อนด้วยฤทธิ์มือเล็กนั้น

ท่อนแขนเรียวบางยกขึ้นวางพาดไหล่กว้างหลังจากดึงทั้งกางเกงตัวนอกและตัวในของทยุตลงมาได้ มือข้างที่ว่างนั้นค่อยๆเอื้อมลงไปแตะเบาๆที่แก่นกายร้อนผ่าว ญาณัชค่อยแตะสองสามครั้งก่อนจะตัดสินใจใช้ปลายนิ้วโอบล้อมเอาไว้อย่างกล้าๆกลัวๆ

นัยน์ตาสีเข้มค่อยๆเหลือบมองใบหน้าของทยุต คล้ายกับจะสื่อคำขอโทษไปล่วงหน้าถ้าตัวเองทำให้ไม่ได้เรื่อง ก่อนที่ญาณัชจะเริ่มเลียนแบบวิธีสัมผัสที่ร่างกายของตัวเองจดจำได้จากการกระทำของร่างสูง

มือนิ่มๆที่แตกต่างจากมือหยาบกร้านของเชฟหนุ่มเริ่มขยับขึ้นลงช้าๆ ตามจังหวะลมหายใจของทยุตที่ดูจะถี่ขึ้นเรื่อยๆ

“แบบนี้... ดี... หรือเปล่า...” 

“........ให้คะแนน...แค่พอใช้ได้ครับ...” อดหยอกไม่ได้...จริงอยู่ที่มือนั้นยังดูงุ่มง่ามเชื่องช้าค่อนไปในทางไม่ได้ดั่งใจ แต่พอรู้สึกว่าเป็นมือของญาณัชแล้วก็ทำให้ความร้อนรุ่มเท่าทวีคูน

“ทำแบบพี่เมื่อกี้สิ...” เสียงทุ้มต่ำกระซิบแผ่วข้างใบหู

“ค่อยๆลูบ..ใช้ปลายนิ้วไล้ไปถึงจุดบนสุด....ทำได้ไหมครับ”

“.........” ญาณัชตอบเพียงผงกศีรษะรับก่อนจะทำตามเสียงกระซิบข้างใบหู ปลายนิ้วเรียวไล่ลากสัมผัสตั้งแต่ส่วนโคนขึ้นมาถึงส่วนปลาย กดหัวแม่มือลงย้ำสัมผัสแล้วค่อยทำแบบเดิมทว่าเพิ่มแรงกดลงไปให้มากขึ้น

“....... ได้... ไหม...”

“คนเก่ง...” ทยุตจุมพิตที่แก้มขาวเบาๆ ญาณัชแบบปกติว่าน่ารักแล้วแต่ในยามนี้กลับน่ารักยิ่งกว่า

ทั้งที่เมื่อก่อนเห็นเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดาที่ชอบทำตัวมืดมนแท้ๆ

ความรุ่มร้อนของส่วนที่ถูกเล้าโลมด้วยมือที่ไม่ประสานั้นถูกปลุกให้เพิ่มมากขึ้นตามจังหวะการขยับ ทยุตเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกถึงสิ่งที่อยู่ในร่างกาย...ซึ่งกำลังจะปะทุออกมา

“เอามือ...ออก...เดี๋ยวเลอะ..” หากเป็นคนที่ไม่เคยมาก่อนอาจจะรู้สึกรังเกียจได้ เสียงแหบต่ำจึงเอ่ยเบาๆข้างหู

นัยน์ตาโศกที่สบมองคล้ายกับมีประกายยิ้มอ่อนโยนบางเบา แต่ก็ไม่ได้ทำตามที่ทยุตบอก มือของเขายังคงขยับขึ้นลง แขนที่โอบพาดลาดไหล่ของทยุตรู้สึกได้ถึงแรงเกร็งจากกล้ามเนื้อ อ้อมแขนที่โอบกอดเขาไว้หลวมๆกลับรัดแน่นขึ้น ก่อนที่จะได้รู้อะไร ญาณัชก็รู้สึกถึงของเหลวอุ่นร้อนที่ผ่านเข้าที่มือและไหลลงตามเรียวนิ้ว

ทยุตนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่มือใหญ่จะรีบจับมือที่เลอะแล้วปาดหยาดน้ำในมือนั้นออก

“เลอะหมดเลย...พี่บอกให้เอามือออกแล้วแท้ๆ” น้ำเสียงที่ยังแปร่งหูเปล่งเบาๆ ทยุตดึงร่างบางเข้ามากอดแนบแน่น มือใหญ่แตะที่สะโพกเพรียวก่อนจะค่อยๆเลื่อนลงสู่เบื้องล่าง

นิ้วหยาบกร้านแตะเบาๆตรงด้านหลัง เขารู้สึกถึงร่างเล็กที่เกร็งและสั่นไหวในอ้อมกอด ชายหนุ่มกดเบาๆที่ปากทางที่ไม่มีใครเคยได้แตะต้องพลางลากไล้ปลายนิ้วคล้ายจะนวดให้ผ่อนคลาย

“.....ยังไม่ได้ใช่ไหมครับ?”

ญาณัชหลับตาลงก่อนจะส่ายศีรษะไปมา แขนสองข้างยกขึ้นโอบรอบลำคอหนาก่อนจะเบียดตัวเข้าในอ้อมกอด เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่า ‘ยังไม่ได้’ ของทยุตนั้นหมายถึงอะไร และตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองกำลังเดินไปในทางไหน

...ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้ญาณัชไม่อาจหาคำมาอธิบายได้

“... ไว้ก่อน... ได้... ใช่ไหม”

“.................” จะบอกว่าได้ก็ทรมานตัวเอง แต่หากบอกว่าไม่ได้...ก็อาจจะฝืนใจญาณัช

เชฟหนุ่มเป่าลมหายใจเบาๆก่อนจะเม้มปากแน่นสะกดอารมณ์ตัวเอง....แม้ว่ามือเล็กที่เพิ่งช่วยปลดปล่อยจะไม่ได้บรรเทาใดๆเลยก็ตามและยิ่งไปกว่านั้นกลับปลุกเร้าให้ต้องการมากขึ้นอีก

แต่เพราะต้องการมากกว่าร่างกาย...

“พี่ไม่พูดว่าไม่ได้หรอกครับ...” ชายหนุ่มยิ้มบางเบา มือใหญ่ลูบหลังคล้ายปลอบใจ นัยน์ตาสะท้อนความเป็นห่วงอย่างแจ่มชัด

“เอาไว้ให้นัทพร้อมกว่านี้...พี่จะรอนะ”

ใบหน้าหวานเคลื่อนเข้าหาก่อนจะแตะหน้าผากสัมผัสกัน จ้องมองนัยน์ตาสีเขียวที่ทอประกายท่ามกลางความมืดแล้วหลับตาลงอีกครั้ง

“.... ขอโทษนะ... พี่ยุต....”

“อื้ม” ชายหนุ่มเงยหน้าแตะริมฝีปากบางเบาๆ เขาอุ้มญาณัชลงจากตัวแล้วยื่นกางเกงให้อีกฝ่าย แต่พอแสงไฟกระทบอย่างชัดเจนดวงตาก็เห็นรอยแผลบนตัวเข่าที่มีเลือดซึมเป็นทางยาว

“นัทโดนอะไรน่ะ” ชายหนุ่มก้มตัวลงดูหัวเข่า แม้จะไม่ลึกมากแต่ก็ท่าทางจะเจ็บน่าดู

“.........” คล้ายกับคนโดนทักจะเพิ่งนึกได้ ใบหน้าหวานก้มลงมองตามก่อนจะเอ่ยต่อ

“เศษหอยละมั้ง.....” ญาณัชตอบเรียบๆ ก่อนหน้านี้ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ พอถูกทักแล้วถึงได้รู้สึกแสบขึ้นมานิดๆ

ทยุตรีบร้อนดึงกางเกงของตนขึ้นมาผูกเชือก มือใหญ่จับปลายเท้าก่อนจะเลื่อนตัวให้หัวเข่าญาณัชวางอยู่บนตัวตัวเอง ปลายนิ้วปัดทรายที่ติดอยู่ออกอย่างเบามือ

“เจ็บไหม” ทยุตใช้เสื้อตัวเองซับให้เบามือ และไม่รอคำตอบ เขาอุ้มร่างบางที่ยังเปล่าเปลือยไว้แนบอกแล้วลุกขึ้นยืน กางเกงตัวนุ่มของญาณัชถูกเอามาปิดรอบสะโพกเพรียว

“เข้าบ้านไปทำแผลก่อนนะ”

“........ อืม” แม้จะอยากบอกว่าไม่เป็นไร แต่เขาก็เก็บคำนั้นเอาไว้ ญาณัชชินกับการมีแผลถูกบาดแล้วด้วยซ้ำ แขนสองข้างโอบรอบลำคอทยุตไว้เป็นที่ยึด ในอกรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

ร่างสูงอุ้มคนสำคัญของตัวเองแล้วค่อยๆรีบร้อนเดินกลับเข้าบ้านพัก สองหมาที่หลับอยู่พอได้ยินเสียงเปิดประตูก็เห่ากันขรม

“จุ๊ๆ ชี่— เงียบๆหน่อยดึกแล้ว” ทยุตพูดแล้วหันไปวางญาณัชไว้บนเตียงก่อนจะหันไปสั่งเจ้าตัวโต

“ไส้กรอกเฝ้าไว้ด้วย อย่าให้ลุกเดินนะ”

“โฮ่ง”

ทยุตเดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วรองน้ำใส่อ่างพลาสติกที่บ้านพักจัดไว้ให้ พอเต็มแล้วก็ถือมันออกมาวางไว้ตรงปลายเท้า เชฟหนุ่มนั่งลงกับพื้นแล้วสำรวจปลายเท้าทั้งคู่

“ที่เท้าไม่มีใช่ไหม....งั้นเดี๋ยวพี่ล้างทรายก่อนนะ นัทเอาผ้ากดเข่าไว้” เชฟหนุ่มยื่นผ้าให้แล้วจับเท้าเรียวทั้งสองข้างจุ่มในน้ำแล้ววักน้ำลูบให้เบาๆ

“ไม่มีมั้ง....” เด็กหนุ่มก้มลงมองแผลของตัวเองที่หัวเข่าก่อนจะรับผ้ามากดเอาไว้

“แผลยาวเหมือนกันนะ.....” เขาพึมพำออกมาเบาๆเหมือนพูดกับตัวเอง

“ตั้งใจกดหน่อยสิ...” ทยุตเงยหน้าขึ้น เขาเช็ดมือเปียกๆกับเสื้อแล้วคว้ามากด หากเป็นรวินป่านนี้ได้มีโวยวายบ้านแตกไปแล้วแถมอาจจะบ่นซ้ำด้วยว่าทำไมไม่บอกก่อนว่ามีหอยอยู่ตรงนั้น

แต่ญาณัชเงียบ...และเฉยเกินไป

“นัทกำลังคิดอะไรอยู่หรือเปล่า ทำไมไม่ดูแลตัวเอง”

“.... เปล่า” ใบหน้าหวานก้มลงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบา

“นัท... ชินแล้ว... นิดเดียวเองพี่ยุต” เพราะที่ข้อมือของตัวเองก็มีหลักฐานยืนยันคำว่า ‘ชินแล้ว’ เป็นอย่างดี เทียบกับแผลที่ถูกกรีดบนข้อมือแล้ว ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมันต่างกัน

“ยื่นมือมา” ทยุตรอใหม้มือเล็กที่ยื่นออกมาตรงหน้าอย่างงงๆอยู่นิ่ง ปลายนิ้วสากไล้ตามแผลเป็นบนข้อมือเรียวก่อนจะเงื้อมือขึ้นแล้วตีลงตรงฝ่ามือด้วยแรงที่ไม่มากนัก...แต่ก็ทำให้คิ้วของคนตรงหน้าขมวดมุ่น

“เจ็บนัทก็ต้องพูด ไม่ไหวนัทก็ต้องบอก...พี่เคยบอกรึเปล่าว่าคนที่ไม่รักตัวเองไม่มีวันรักใครได้ พี่ไม่อยากให้นัทเป็นอย่างนั้น”

ทยุตบีบมือที่เขาเพิ่งตีเมื่อสักครูเบาๆแล้วเอามาแนบแก้มตัวเอง

“นัทห้ามชินกับแผลไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ห้ามเย็นชากับตัวเอง ห้ามคิดว่าไม่เป็นไร” ร่างสูงยืดสุดตัวแล้วคว้าคนที่เปราะบางเข้ามากอด

“นัทยังมีพี่นะครับ....”

หยาดน้ำตาไหลลงซึมเข้ากับเสื้อของคนที่โอบกอดตัวเองไว้

“ขอบคุณนะ... พี่ยุต....” ญาณัชเอ่ยเสียงสั่นเครือแล้วซุกใบหน้าเข้ากับแผ่นอกกว้างอีกครั้ง

ท่อนแขนแข็งแรงโอบรอบศีรษะ มือใหญ่ลูบเส้นผมยาวช้าๆ น้ำตาอุ่นๆที่ชื้นบนอกเสื้อทำให้กระทั่งกางเขนที่เป็นของต่างหน้าพ่อยังอุ่นตาม แต่ทว่ามันเป็นความอุ่น...ที่อบอุ่นเหลือเกิน

“ไม่มีพลาสเตอร์ แค่ล้างก็พอเนอะ”

“........ อื้ม” เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดวงตาสีสวย มือข้างที่ว่างยกขึ้นเช็ดน้ำตาออก

“พี่ยุตดีกับนัทจัง....”

“ถ้าไม่ดีกับนัทจะดีกับใครล่ะ” ทยุตยิ้มพลางช่วยคนตัวเล็กซับน้ำตาด้วยริมฝีปาก

“ไม่รู้สิ... นัทจะรู้ได้ยังไง... พี่ยุตรู้จักคนเยอะแยะ”

“หวงพี่เหรอ” นัยน์ตาสีสวยเป็นประกายรับกับรอยยิ้ม ทยุตแตะจูบบนเปลือกตาสั่นไหวก่อนจะไล่ลงมายังริมฝีปากสีสวย จากจูบแผ่วเบาค่อยๆเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อน เขาดูดกลืนความหอมหวานเชื่องช้า..เนิบนาบ

พอริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ คนที่เคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบหอมหวานได้แต่เอ่ยตอบปฏิเสธเบาๆ

“ไม่ได้หวง...”

“.......ตอบแบบไม่กลัวพี่เสียใจเลยนะ....” ทยุตพูดยิ้มๆแล้วยืดตัวขึ้นยืน “นัทไปอาบน้ำอีกทีเนอะ ตัวเหนียวหมดแล้ว”

เชฟหนุ่มถือวิสาสะอีกครั้งด้วยการถอดเสื้อและกางเกงให้ก่อนจะอุ้มเข้าในอ้อมกอด

“นัทตัวเบ๊าเบา”

“!!?? นัทอาบเองได้พี่ยุต!! ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ” คราวนี้คนถูกอุ้มถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเดาได้ว่าร่างสูงต้องการจะทำอะไร แขนผอมบางสองข้างดันทยุตเอาไว้ก่อนที่คิ้วเรียวจะขมวดหากัน

“ขาเจ็บอยู่นี่” ทยุตอุ้มญาณัชเข้าไปในห้องน้ำ มือใหญ่เปิดรองน้ำในอ่างและฉวยฝักบัวที่ปรับอุณหภูมิแล้วมาล้างลำตัวที่เปรอะเปื้อน ทยุตปล่อยญาณัชลงแล้วจัดการถอดเสื้อตัวเองบ้าง

“สัญญาครับ...ว่าแค่อาบให้เฉยๆ”

“........” พอได้ยินสิ่งที่ทยุตพูดออกมา ร่างบางก็หลบสายตามองไปทางอื่น

“... ก็... มันเหมือนเด็กๆเลย... นี่....” ถึงจะเอ่ยตอบอ้อมแอ้มไปแบบนั้น แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงใบหน้าที่ร้อนขึ้นอีกครั้ง

“ไม่เห็นเป็นไรเลย” ทยุตปล่อยให้สายน้ำชำระร่างเพรียวครู่หนึ่งก่อนจะกดครีมอาบน้ำเทใส่มือเล็ก

“ถูเองนะ...เดี๋ยวผิดสัญญา” พูดแล้วก็หันหลังกลับไปปิดก็อกน้ำที่เปิดจนได้ระดับ มือใหญ่วัดอุณหภูมิแล้วพยักหน้าพอใจ

“.............. เห็นไหม... ก็อาบเองได้...” ญาณัชบ่นอุบอิบอยู่คนเดียวก่อนจะใช้มืออีกข้างถูครีมอาบน้ำจนเกิดฟองแล้วลูบไล้ไปตามผิวกาย

“.... ลืมที่มัดผมอีกแล้ว...” เด็กหนุ่มยังคงบ่นกับตัวเองพลางย่อตัวลงแล้วค่อยๆเลี่ยงที่จะให้สบู่สัมผัสกับปากแผล

“นัทแกล้งพี่อีกแล้ว” ทยุตยิ้มพราย แม้ว่าร่างกายจะดูเด็กกว่าอายุแต่พอเส้นผมยาวๆโดนสายน้ำจนติดแนบลำตัวก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นภาพที่เซ็กซี่....และรบกวนอารมณ์ไม่ใช่น้อย

“สระผมด้วยเลยสิ แต่สระตอนนี้จะเป็นหวัดไหมนะ...”

“... ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งสระไป...” แปลง่ายๆว่าเขาไม่อยากสระผมอีกครั้งในวันเดียวกันแน่ๆ

“ยืมยางมัดผมของพี่ยุตก่อนได้ไหม”

ทยุตไม่ตอบหากแต่มือใหญ่กลับดึงยางมัดผมให้หลุดออกแล้วก้าวเข้าประชิดตัว “พี่มัดให้นะ”

ปลายนิ้วหยาบสางเส้นผมนุ่มละมุนที่เปียกชื้นช้าๆก่อนจะค่อยๆรวบยกขึ้นสูงมันเป็นมวยใหญ่ไว้กลางศีรษะ

“น่ารักดี...เหมือนกุมารทองเลย” เชฟหนุ่มลูบที่หลังคอขาวผ่องก่อนจะก้มลงหาอย่างห้ามไม่ไหว ริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับบนผิวเย็นเฉียบเพราะสายน้ำ ทยุตทำให้มันอุ่นขึ้นด้วยการขบเม้มเบาๆจนเกิดรอยแดง

“หือ? ยังไงเหรอ” เขาหันหากระจกมองก่อนจะเบ้ปากออกมาเล็กน้อย

“เหมือนที่พวกเด็กผู้หญิงชอบทำต่างหาก...”

ร่างสูงชะงักไปครู่หนึ่ง...นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักกระทั่งคิสมาร์ก....

แต่เพราะเป็นอย่างนี้เขาถึงได้รู้สึกอยากจะรักให้มากขึ้นทุกที..ทุกที อยากจะสวมกอดร่างบางนี้ไว้แนบอกและกอดรัดอย่างเร่าร้อน

...แต่ที่ทำได้ตอนนี้...คือเอาเด็กออกจากน้ำก่อนที่จะป่วยไป...

“นัทรีบอาบเหอะ ป่วยขึ้นมาอีกงดเที่ยวแพ็คใส่กระเป๋ากลับบ้านทั้งคนทั้งหมาเลย”

ทยุตอมยิ้มเมื่อคนตัวเล็กพยายามเร่งรีบอาบด้วยความที่อยากเที่ยวต่อ ร่างเพรียวที่เปิดเปลือยให้เห็นทุกสิ่งวิ่งลนไปมาใต้สายน้ำราวกับเด็กตัวน้อย

...เอาเหอะ...ไว้ให้โตกว่านี้อีกนิดแล้วกัน....

 






To Be Continued....




kagehana : โตไวๆนะเด็กน้อย ขอบคุณคนอ่านทุกท่านทั้งหน้าใหม่และคนเดิมนะคะ
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 10 รักนะ...เด็กน้อย [16/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: penneeamoon ที่ 16-02-2015 21:46:54
 :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 10 รักนะ...เด็กน้อย [16/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-02-2015 00:13:33
 :hao7:  :hao7: :hao7: :hao7::hao7:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 10 รักนะ...เด็กน้อย [16/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 17-02-2015 01:31:46
เอิ่มจะรอเด็กน้อยพร้อมนะ หวานจริงสองคนนี้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 10 รักนะ...เด็กน้อย [16/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 17-02-2015 09:14:21
ว้ายๆ พี่ยุตสอนอะไรน้องเนี่ย  :hao7:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 10 รักนะ...เด็กน้อย [16/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 17-02-2015 10:14:29
เขินอ่าาาาาาาาาาาาา~
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 10 รักนะ...เด็กน้อย [16/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 17-02-2015 20:31:48
โอ๊ยย น่ารักอ้ะ! เขินแทน
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 10 รักนะ...เด็กน้อย [16/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 24-02-2015 19:28:25
อ่านรวดเดียวจบ น้องนัทพี่ยุตน่ารักมากกกกกกกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 10 รักนะ...เด็กน้อย [16/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 24-02-2015 21:23:42
 :m1: หวานหยดเลย
พี่ยุต ผู้ชายอบอุ่น โอยย หลงพี่ยุต  :-[
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 10 รักนะ...เด็กน้อย [16/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 28-02-2015 18:58:56
อยากอ่านพี่ยุตต่อ มาต่อเร็วๆ นะคะ
ชอบจังเรื่องอบอุ่นๆ แบบนี้ อ่านแล้วเราก็รู้สึกอบอุ่นไปด้วย
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 10 รักนะ...เด็กน้อย [16/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 01-03-2015 16:21:35
พี่ยุตหลงเด็กซะแล้ว
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 10 รักนะ...เด็กน้อย [16/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Cream A ที่ 01-03-2015 17:24:03
พี่ยุตยังอบอุ่นเหมือนเดิม น้องนัทพอเริ่มมีใจก็น่ารักน่าชังเชียว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 10 รักนะ...เด็กน้อย [16/02/15]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 02-03-2015 12:40:30
มารอ พี่ยุตน้องนัท ไส้กรอกลูกชิ้นด้วย  :mew1:
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 11 คนเก่าที่กลับมา [03/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 03-03-2015 19:06:10


-11-






"เป็นห่วงปันจัง..." จู่ๆญาณัชก็พูดขึ้นมาขณะที่นั่งอยู่ริมเตียงก่อนจะเอนกายลงนอน มือสองข้างเลิกเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเอาไว้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่อยู่ดีๆก็กลับนึกถึง 'ปัณวิทย์' เด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าผู้เป็นลูกชายชู้ของเพ็ญแข

"พี่ยุตจำได้หรือเปล่า?"

"...อืม....." ชายนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง ความทรงจำเลือนลางบอกเขาเพียงว่าอีกฝ่ายเป็นลูกคนเล็กของเพ็ญแข ....เด็กม.5ที่มักจะไม่ค่อยออกมาสังสรรค์กับใคร

"ก็พอจำได้อยู่หรอกนะ แล้วนัทเป็นห่วงเขาเรื่องอะไรเหรอ"

"ก็... ปันเขาไม่ค่อยมีใครสนใจ... เพราะเป็นลูกชู้ของป้าเพ็ญน่ะ... ตอนอาพีทยังอยู่... อาพีทจะซื้อขนมไปฝากบ่อยๆ... พออาพีทไม่อยู่ก็เลยคุยกับนัทบ้าง... กลัวจะเหงาเฉยๆ..." เด็กหนุ่มเอ่ยเล่าคร่าวๆก่อนจะพูดต่อ

"นัท.... ก็อยู่คนเดียวเหมือนปันเขานั่นแหละ"

ทยุตดึงร่างเล็กเข้ามากอดแนบอกก่อนจะใช้มือลูบศีรษะเบาๆ เมื่อก่อนคนในบ้านนั้นจะเป็นเช่นไรเขาไม่เคยสนใจ... แต่พอตอนนี้ ยิ่งได้ยินเรื่องราวต่างๆก็นึกโกรธคนในบ้านจนแทบไม่ไหว ทั้งแรงกดดัน การรักษาหน้าด้วยวิธีบ้าๆ และการไม่ยอมรับตัวตนที่แท้จริงทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะบิดเบี้ยวไปเสียทั้งหมด

"ไม่เป็นไร ตอนนี้นัทไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว" กระซิบแผ่วแต่หนักแน่น เช่นเดียวกับอ้อมแขนที่มั่นคง

"นัทมีพี่นะครับ"

"อื้อ..." ญาณัชรับคำเบาๆพลางขยับกายเข้าหาความอบอุ่น ความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับทยุตนั้นมีมากกว่าแค่พี่น้องที่สนิทกัน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าดูแลอย่างเคย... ทำให้ไม่แน่ใจว่าควรจะเรียกว่าอะไรดี-- รัก... จะใช่แล้วหรือ...?

"แต่ปันไม่มีใคร...... เด็กคนนั้นอยู่คนเดียวมาตลอดเลยนะ..."

"นัทขี้เป็นห่วงจัง...ไม่แน่หรอกนะ เขาอาจจะมีแฟนแล้วก็ได้ ตอนนี้เขาอาจจะมีความสุขกับคนที่รักอยู่ก็ได้นี่นา" ทยุตลูบตามลำแขนเพรียวเบาๆก่อนจะยิ้มให้

"นัทสนิทกับปันเหรอ"

"ก็เปล่า แต่อาพีทไปพยายามสนิทด้วยน่ะ.... ปันอยู่แค่ม.5เอง... จะมีแฟนแล้ว........... อืม... ก็จริงเนอะ ปันหน้าตาแบบที่พวกเด็กผู้หญิงสมัยนี้เขาชอบกันนี่นะ"

"คิดมากอะไรอีกแล้วครับ" ท่าทางการพูดกับตัวเองแบบพึมพำๆที่ญาณัชชอบทำโดยไม่รู้ตัวยิ่งส่งให้เขาเอ็นดูคนตัวเล็กในอ้อมกอดมากขึ้น

ทยุตขโมยจูบเบาๆที่ริมฝีปากบาง...เรียกร้องให้อีกฝ่ายหันกลับมาสนใจตัวเอง

"นัทน่ารัก....."

".... พูดอะไรก็ไม่รู้..." คนถูกขโมยจูบได้แต่ส่งเสียงงึมงำเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปจับเอามือของทยุตเอาไว้

"มือพี่ยุตใหญ่... เหมือนมือคุณธัชเลย..." ญาณัชพึมพำออกมา มือสองข้างจับเอามือของทยุตข้างที่ว่างขึ้นมาเล่นพลางนึกไปถึงคนที่เคยพบหน้าในอดีต

"อุ่นเหมือนกันด้วย"

"คุณธัช?" ชื่อของคนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนกระตุกหัวใจจนอดจะจับมือเรียวแน่นขึ้นไม่ได้ ทยุตหันหน้าไปมองเด็กหนุ่มที่นอนแนบชิดอยู่ข้างๆก่อนจะโอบรัดแน่นขึ้นซะดื้อๆ

"ใครเหรอ..คุณธัชของนัทน่ะ"

เด็กหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ "ไม่ใช่ของนัท... ของอาพีทต่างหาก คุณธัชเป็นแฟนอาพีทน่ะ" ญาณัชซุกใบหน้าเข้าชิดกว่าเดิม

"อาพีท..เป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอครับ" เท่าที่จำได้แม่เขาเคยเล่าว่าอย่างนั้น แล้วชื่อคุณธัชกับมือที่ใหญ่เท่าๆตัวเขาก็ไม่มีทางเป็นผู้หญิงไปได้

"หรือว่าพวกเขา...เป็นเหมือนเรา?"

"... อื้ม... อาพีทก็เป็นผู้ชาย ทำไมเหรอ" เด็กหนุ่มกระพริบตามองคนถามด้วยความแปลกใจ

"เปล่าหรอก" มิน่าล่ะ..ถึงไม่ได้แปลกใจสักนิดเรื่องผู้ชายกับผู้ชายจะรักกันได้ ไม่เหมือนรายรวิน...เจ้านั่นซักไซ้ไล่ถามจนต้องอธิบายซ้ำแล้วซ้ำอีกกว่าจะเข้าใจว่า 'อ๋อ ก็เหมือนผู้ชายผู้หญิงใช่ไหมพี่ รักแบบอย่างงั้นเลยเนอะ โหย เจ๋งอะ'

"ถ้าอาพีทรู้จักพี่เขาจะชอบไหมนะ... มาแย่งหลานรักเขาไปเนี่ย" ทยุตหอมแก้มเนียนที่ทาแป้งเด็กจนหอมกรุ่นพลางไล่เล็มไปยังริมฝีปากสีอ่อน

"อาพีทต้องหวงนัทมากๆแน่เลย ใช่ไหมครับ"

"หวงไหมเหรอ... ก็คงหวงมั้ง...." นัยน์ตาคู่สวยปิดลงยามรับสัมผัสแผ่วเบาบนริมฝีปาก

"ถ้าอาพีทยังอยู่... อาพีทต้องชอบพี่ยุตแน่ๆ พี่ยุตทำบร็อคโคลี่ผัดกุ้งอร่อยที่สุดเลยนี่นา...." น่าแปลกที่ตอนนี้ญาณัชกลับไม่รู้สึกถึงความโดดเดี่ยวที่เกาะกินหัวใจยามนึกถึงผู้เป็นอาที่ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว ราวกับว่าเด็กหนุ่มกำลังก้าวข้ามความรู้สึกนั้นไปได้

"แต่พี่ก็ทำกะหล่ำผัดแฮมอร่อยนะ ของโปรดของนัทน่ะ" ทยุตพูดเบาๆ... เขาไม่แน่ใจหรอกว่าแค่เรื่องทำบร็อคโคลี่ผัดกุ้งจะทำให้อาของเด็กหนุ่มชอบได้... เพราะหลานทั้งคนกับผัดผักธรรมดา ดูก็รู้ว่าค่าความสำคัญมันเบนไปทางไหนมากกว่ากัน

"นัทมีของชอบอย่างอื่นนอกจากกะหล่ำผัดแฮมไหม...." มือใหญ่จับข้อมือที่มีแต่รอยแผล เขาไล้ปลายนิ้วเบาๆราวกับมันจะแตกหักแล้วค่อยๆบรรจงจูบช้าๆ แนบริมฝีปากลงไปในแต่ละบาดแผล

"อืม.... นัทก็ชอบหลายอย่างนะ... กะหล่ำต้มหมูสับ ทงคัตสึกับกะหล่ำซอยก็ชอบนะ" คนตัวเล็กกว่าขดตัวเข้าหาอีกเล็กน้อยราวกับจะออดอ้อน

"......แล้วพี่ล่ะครับ....." ลำแขนแข็งรองกอดคนที่ซุกตัวมาเหมือนลูกแมว เขาจำได้ว่ารวินก็ชอบทำแบบนี้ ชอบซุกตัวเข้าหาแล้วกอดเขาไว้แน่นๆเอาใบหน้าถูเบาๆจนหลับไปทั้งอย่างงั้น

...แต่ด้านความรู้สึกมันต่างกันโดยสิ้นเชิง...

หากเป็นรวิน เขาสามารถกอดตอบหรือแกล้งได้อย่างบริสุทธิ์ใจ แต่ถ้าเป็นญาณัช...เขากลับมีความต้องการอยากจะโอบกอดร่างบางไว้อย่างนี้..ยึดไว้เป็นของตัวเองเพียงคนเดียว

"พี่รวมอยู่ในของที่นัทชอบ...หรือเปล่า"

ญาณัชหัวเราะออกมาอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง

"พี่ยุตไม่ใช่ของกินซะหน่อย... แต่นัทก็ชอบนะ" ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนออกมา

"ชอบแบบไหนครับ...ถ้าชอบแบบชอบไส้กรอกหรือลูกชิ้นพี่ไม่ยอมนะ" ทยุตแกล้งซุกปลายคางเข้ากลางศีรษะเล็กแล้วถูไถไปมา ร่างเล็กในอ้อมกอดดิ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังถูกกอดไว้แน่นอยู่ดี

"หืม...ว่าไงครับ...อย่าแกล้งทำหลับนะ"

"อืม..... ก็ชอบแบบชอบพี่ยุตไง" อ้อมกอดที่อบอุ่นเริ่มทำให้รู้สึกง่วงขึ้นมา มือเล็กยึดเอาเสื้อนอนของทยุตเอาไว้

ทยุตส่ายหัวแล้วยิ้มจางๆ เริ่มรู้สึกงี่เง่าที่ตัวเองคาดคั้นจะเอาความชอบแบบพิเศษจากเด็กที่กำลังง่วงตรงหน้า มือใหญ่ลูบหลังเบาๆ นัยน์ตาโศกคู่สวยค่อยหรี่ลง ญาณัชซุกตัวเข้าหาแล้วค่อยๆหลับไปในอ้อมอก

ทยุตมองคนที่หลับไปแล้วด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมกับกดจุมพิตบางเบาไว้บนริมฝีปากบาง...ร่ายเวทมนต์ให้หลับฝันดี

////////////////////////////////////////////

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในยามที่แสงอาทิตย์ยังไม่จับขอบฟ้าดี ทยุตสะดุ้งตื่นจนญาณัชที่หลับอยู่พลอยตื่นไปด้วย เสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้เป็นพิเศษสำหรับรวินแผดดังในห้องเงียบสงบ ทยุตนึกแปลกใจที่อีกฝ่ายโทรมาในเวลานี้

"แป๊บนึงนะนัท วินโทรมา" ทยุตยกศีรษะกลมที่ยุ่งนิดๆให้วางบนหมอนแล้วลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์มาตอบ

"ว่าไงวิน...โทรมาแต่เช้าเชียวนะเรา" น้ำเสียงที่อ่อนโยนไร้ความหงุดหงิดพูดเบาๆ

“พี่ต้น...” น้ำเสียงที่มักจะร่าเริงฟังสั่นไหวคล้ายจะร้องไห้

“... วินอยู่ที่แอร์พอร์ท... เดี๋ยว... ไปหา.... ที่บ้าน..... นะ”

"วิน เป็นอะไรไป" ทยุตถามด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน ลองถ้าทำเสียงแบบนี้แล้วเรียกพี่ต้นที่เป็นชื่อเล่นจริงๆของเขา คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ ทยุตกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะถามต่อด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"พี่ยังอยู่ที่เกาะล้าน แต่เดี๋ยวจะกลับเลย วินหาร้านกาแฟนั่งก่อนได้ไหม ที่บ้านไม่มีใครอยู่... พี่ไม่อยากให้วินไปรอคนเดียว" โทรศัพท์ที่ได้ยินแต่เสียงขาดห้วงไม่ได้ทำให้เชฟหนุ่มคลายใจเลย

"วิน... อย่าเพิ่งร้องไห้นะ รอพี่ไปหาก่อน.... นะ... เด็กดี.."

"...." ญาณัชค่อยๆยันตัวลุกขึ้นจากเตียงนุ่ม นัยน์ตาโศกคู่สวยเหลือบมองคนที่ดูร้อนรน ใบหน้าของทยุตดูเคร่งเครียดขึ้นมาจนเขารู้สึกแปลกๆในอก

"เดี๋ยวนัทไปเก็บของนะ..." คล้ายกับว่าเด็กหนุ่มรู้หน้าที่ของตัวเองดี จากบทสนทนาที่ได้ยินแปลว่าคงมีเรื่องอะไรสักอย่าง ถึงแม้จะรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่ต้องกลับแล้ว แต่เขาก็ไม่ใช่เด็กๆที่จะงอแงในเรื่องไม่เป็นเรื่อง

ไว้วันหลังค่อยมาด้วยกันอีกก็ได้... ร่างบางคิดกับตัวเองเช่นนั้น

/////////////////////////////////////////

ระหว่างทางกลับบ้าน ญาณัชลอบสังเกตร่างสูงที่อยู่ด้วยกัน ทยุตที่คอยพูดนู่นนี่กลับดูขรึมลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งตอนที่มีข้อความเข้ามาจากรวินอีกครั้ง ชายหนุ่มยิ่งดูร้อนรนยิ่งขึ้น

ทยุตกดมือถือจะส่งข้อความกลับ แต่ก็ตัดมันทิ้งไปเพราะกลัวว่ายิ่งเป็นห่วงเดี๋ยวรวินจะเกิดอาการเศร้าเข้าไปอีก  สายฝนเม็ดโตที่ตกลงเป็นสายในระหว่างทางกลับบ้านทำให้ใบหน้าขรึมยิ่งเคร่งเข้าไปใหญ่ เขาเร่งคนขับให้ขับเร็วขึ้นฝ่าสายฝนที่โปรยปรายผิดฤดู

ทันทีที่รถจอดสนิทและจ่ายเงินเรียบร้อยทยุตก็ทิ้งสัมภาระไว้กับพื้น เขาเดินเข้าไปหาร่างเล็กๆที่นั่งซบหน้ากับเข่าหลบฝนอยู่ตรงหน้าบ้าน

รวินเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาบอบช้ำจวนเจียนจะร้องไห้เต็มทีก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ ".........พี่ต้น....."

ทยุตดึงร่างเล็กเข้ามาสวมกอดทันที สายฝนที่โปรยปรายจนเย็นฉ่ำมิได้ดับความร้อนภายในใจได้เลย เชฟหนุ่มลูบศีรษะกลมมนที่เปียกลู่เบาๆ

"ใครทำอะไรมาเหรอวิน..."

"... เอริค..." เอ่ยพูดได้เพียงเท่านี้น้ำตาก็ไหลออกมา มือสองข้างเอื้อมกอดแผ่นหลังกว้างไว้แน่นพลางซุกใบหน้าเข้าหาคนที่คุ้นเคย

"... จะเลิก... วิน... ไม่เอาแล้ว"

ญาณัชยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกๆอีกครา เขารีบหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายไหล่แล้วมองไปที่ทยุต คล้ายกับจะบอกว่าให้เข้าไปในบ้านก่อน แม้จะสวมหมวกอยู่ แต่สายฝนที่ตกกระทบผิวกายก็เริ่มทำให้รู้สึกเย็นขึ้นมาแล้ว

ทยุตพยักหน้าเบาๆ เขาโอบไหล่บางซึ่งสั่นไหวแล้วพาเดินช้าๆ รวินยังคงกอดแน่นและร้องไห้อย่างหมดเรี่ยวแรง

"วิน... เข้าบ้านก่อนนะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปคุยกันในห้อง"

ทยุตเปิดประตูบ้านแล้วพาทั้งตัวเองและรวินเข้าห้องอาบน้ำ เชฟหนุ่มไม่พูดไม่จาถอดเสื้อผ้าทั้งของตัวเองและรวินพลางเปิดน้ำร้อนไล่รดร่างที่สั่นไหวด้วยความหนาวอย่างรวดเร็ว เขาคว้าผ้าขนหนูมาห่อตัวคนสนิทและเสื้อคลุมอาบน้ำสำหรับตัวเอง ก่อนจะพากันเดินไปยังห้องนอน

ร่างสูงหันมามองญาณัชที่ตัวเปียกชุ่มไม่แพ้กันแว่บหนึ่ง

"นัทอาบน้ำก่อนนะ...เดี๋ยวพี่ไปส่ง"

ร่างบางตอบรับด้วยการพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

//////////////////////////////////////

หลังจากอาบน้ำสระผมให้ร่างกายรู้สึกอบอุ่น ร่างบางนั่งลงกับโซฟาตัวยาวก่อนจะหันมองไปทางประตูห้องนอนที่ยังปิดสนิท ทั้งไส้กรอกและลูกชิ้นนั้นนั่งรออยู่หน้าห้องนั้นอย่างเงียบๆราวกับรู้ถึงบรรยากาศที่แปลกไป นัยน์ตาสีดำเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนังแล้วก็ถอนหายใจออกมา ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทยุตที่บอกว่าจะไปส่ง ก็ยังไม่ออกมาจากห้องนอนเสียที
เสียงฝนตกจากด้านนอกนั้นดังสะท้อนอยู่ในหูท่ามกลางความเงียบสงบนี้ ความโดดเดี่ยวที่คิดว่าหายไปแล้วเริ่มเข้ามาเกาะกินจิตใจอีกครา รู้สึกโหยหาอ้อมกอดอบอุ่นของทยุตขึ้นมาจนต้องยกแขนขึ้นกอดเข่าตัวเองเอาไว้

สุดท้าย... นัยน์ตาโศกคู่สวยก็ค่อยๆปิดลง ปล่อยตัวเองให้จมสู่ห้วงนิทรา

 
////////////////////////////////////

ญาณัชค่อยๆกระพริบตาช้าๆ ก่อนจะเหลือบตาไปมองที่นาฬิกาบนฝาผนัง ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว ทว่ารอบกายก็ยังปกคลุมไปด้วยความเงียบ เด็กหนุ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ไร้สาเหตุแล่นเข้ามาตรงอกจนต้องหลับตาลง
จะให้ไปเคาะประตูเรียกก็คงไม่ดี...

"... เดี๋ยวจะไปส่ง......" ญาณัชพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง แต่แล้วก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วหยิบเอากระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมา

ทั้งความโดดเดี่ยว เจ็บปวด และความรู้สึกเหมือนจะไม่เป็นที่ต้องการรุมเร้าเข้ามาจนทำให้ร่างบางก้าวออกจากบ้านหลังใหญ่ไปโดยไม่หันหลังมามองอีกครั้ง

///////////////////////////////////

หลังจากที่ทั้งขู่ทั้งปลอบรวินจนได้ความแล้ว รวินที่เหนื่อยอ่อนก็หลับไป ทยุตลูบหัวกลมๆทุยๆของอีกฝ่ายเบาๆแล้วรู้สึกถึงความแตกต่างกับใครบางคน...ที่มีผมนุ่มยาวสลวย มือใหญ่ดึงผ้าห่มผืนหนาคลุมลงบนร่างที่คู้หลับก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อหาอีกคนหนึ่ง
ทยุตเปิดประตูออกมาเจอสองหมาที่นั่งนิ่งเรียบร้อย เขาย่อตัวตบหัวเบา... แย่จังนะวิน ขนาดหมายังห่วงเราเลย

"น้องวินไม่เป็นไรแล้ว อยู่กันเงียบๆล่ะ" ทยุตเปิดประตูให้สองจอมกวนเดินเข้าไปในห้อง ตัวหนึ่งนอนหมอบราบข้างเตียง อีกตัวถือวิสาสะกระโดดขึ้นเตียงไปซุกข้างแขน

ดวงตาคมเหลือบมองเวลาที่ผ่านไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ทยุตเดินไปตรงโซฟา...เขาคาดหวังว่าจะเจอญาณัชนอนหลับหรืออะไรก็ได้ ขอแค่ยังอยู่ในบ้านนี้

...แต่สุดท้ายก็ไม่มีแม้แต่เงา...

ร่างสูงเหลียวมองรอบบ้านอีกทั้งยังวิ่งออกไปดูเผื่ออีกฝ่ายอาจจะอยู่ด้านนอก เขาหันรีหันขวางจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหา แต่พอลองกดไล่รายชื่อก็พบเรื่องน่าประหลาด...เขาไม่มีเบอร์ของคนที่นอนกอดกันอย่างมีความสุขคนนั้นแม้แต่เบอร์เดียว

ทยุตถอนหายใจหนักแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวนุ่มที่ไม่เหลือความอบอุ่นของผิวกายคน นัยน์ตาอ่อนล้าหลับลงครู่หนึ่ง...รู้สึกผิดที่ทิ้งไว้คนเดียว

...น้องนัท....รอยยิ้มจางๆของเจ้าของชื่อยังคงติดตา...

...ญาณัชทำให้เขารู้จักความอบอุ่นของการมีคนที่รักอยู่เคียงข้างและทำให้รู้จักความเหงายามที่อ้อมแขนไร้อุณหภูมิของร่างกาย...

แต่เป็นตัวเขาเองเช่นกัน...ที่ทำให้ญาณัชต้องเหงา...อยู่คนเดียว...

///////////////////////////////////

ภายในห้องมืดที่มีเพียงแสงไฟจากท้องฟ้าจำลองแบบพกพานั้น เจ้าของห้องกลับนอนขดบนพรมผืนนุ่มที่อยู่กลางห้องโดยมีผ้าห่มผืนนุ่มคลุมร่างกายอยู่ นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองไปยังผนังห้องอย่างเลื่อนลอย - - - นับตั้งแต่กลับมาจากเกาะล้านก็ผ่านมาได้สี่วันแล้ว ญาณัชไม่ได้ทำอะไรนอกจากเล่นเปียโน กินข้าวเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องกิน แล้วก็นอนเมื่อรู้สึกว่าง่วง
"อาพีท... นัท... ควรจะทำยังไงดีครับ" น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยพึมพำขึ้นท่ามกลางเสียงดนตรีแว่วหวานที่เปิดคลออยู่

"นัท... คิดถึงพี่ยุต"

คิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นที่โอบอุ้มเขาไว้จนหลับไปทุกค่ำคืน

"แต่ถ้านัทไปหาพี่ยุต... จะไม่ดีใช่ไหมครับ... คุณวินอยู่กับพี่ยุตตอนนี้ นัทไม่ควรเข้าไปยุ่ง..."

เพราะกลัวว่าถ้าโผล่ไปหา แล้วถูกทิ้งไว้คนเดียวแบบนั้นอีก คงเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าเดิม จึงทำได้เพียงบอกตัวเองว่าเมื่อทยุตมาได้ ก็คงจะมาหาเขาเอง

"อาพีท ก็คิดอย่างนั้นใช่ไหมครับ" ร่างบางขดตัวเข้าหากันเพื่อสร้างความอบอุ่นด้วยตัวเอง ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง

"นัทไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ยุตเนอะ... ยังไง คุณวินก็ต้องมาก่อนอยู่แล้ว..."

ตัวเขาเองเป็นแค่คนที่รู้จักกันโดยบังเอิญเท่านั้น

"อาพีทครับ ทำไม... นัทถึงอยากร้องไห้อีกแล้ว......."

ทุกครั้งที่ได้ข้อสรุปว่าตัวเองนั้นเป็นเพียงคนที่ทยุตใจดีด้วยเพราะความสงสาร หยาดน้ำตาก็ค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาโศกสีเข้มไม่ยอมหยุด

"............ อาพีท..." น้ำเสียงของญาณัชค่อยๆสั่นเครือขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะเหลือเพียงเสียงสะอื้นเบาๆลอดผ่านผ้าห่มออกมา

//////////////////////////////////////////

"พีทน่ารักจังเลย"

"น่ารักอะไร? แก่แล้ว" คนถูกแซวทำเสียงแข็งขึ้นมาก่อนจะหันบอกให้หลานชายปล่อยสิ่งที่กำลังทำอยู่

"น่ารักออก ไม่เชื่อถามนัทสิ" ธัชว่าพลางกวักมือเรียกคนที่ลุกออกมาหันดู

เรือนผมสีน้ำตาลยาวถูกรวบไว้เป็นเปียหลวมๆอยู่ด้านข้างด้วยฝีมือของเด็กหนุ่มร่างเล็ก ญาณัชแย้มรอยยิ้มออกมาก่อนจะเป็นฝ่ายเอ่ยบ้าง

"ก็... น่ารักดีนะครับอาพีท"

"อะไรกัน เราก็ด้วยเหรอ? ธัช... กลับไปได้เลยนะ หลานฉันติดนิสัยเราขึ้นมาจะยุ่ง" พิชญ์ทำหน้ายุ่งพลางยกมือไล่

"เขินเหรอ" ร่างสูงเป็นฝ่ายลุกขึ้นมาหา แล้วย่อตัวลงนั่ง แต่ก่อนที่จะได้ยื่นหน้าเข้าใกล้ ใบหน้าของเขากลับถูกผลักออกก่อน

"ไปไกลๆเลย"

"โหย พีท... ทำไมดุไม่เปลี่ยนเลย"

"ฉันเป็นอย่างนี้ตั้งนานแล้ว... จะนั่งตากลมข้างนอกก็ตามสบาย ฉันจะเข้าไปข้างในแล้ว" พิชญ์ไม่พูดเปล่า ร่างโปร่งบางลุกขึ้นจากตั่งกว้างด้านนอกแล้วเปิดประตูบ้านพัก หนีจากคนรักกับหลานของตัวเองที่ดูจะเข้าขากันได้แบบแปลกๆในเวลานี้

"งอนซะแล้ว"

"ไม่เข้าไปง้อเหรอครับคุณธัช" ญาณัชหันถาม ปกติเขาไม่เคยได้คุยกับธัชเท่าไหร่นัก เพราะทุกครั้งที่ธัชมาเที่ยว มักจะเป็นช่วงเวลาที่เขายุ่ง หรือว่าไม่ค่อยว่างเสียทุกที

"เดี๋ยวค่อยเข้าไป นั่งคุยกับนัทก่อนดีกว่า"

"กับผม?"

"อาเดาว่าพีทคงไม่เคยพูดเรื่องนี้ด้วยล่ะสิ"

"เรื่องอะไรครับ?"

"นัทมีแฟนหรือยัง?" ธัชถามตรงๆทำเอาคนที่นั่งข้างๆถึงกับสะดุ้ง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม

"ย... ยังไม่มีหรอกครับ! แค่เรียนดนตรีก็ยุ่งแล้ว.... ทำไมครับ?"

"เปล่า... แค่ถ้ามีแฟนขึ้นมา อย่ารีบมีเซ็กซ์กันนะ"

"!!!??" ญาณัชได้แต่หันมามองร่างสูงด้วยความตกใจ มีใครที่ไหนเขาพูดเรื่องนี้กันตรงๆบ้าง

"ฮ่าๆๆ ทำหน้าเหวอเชียว สมแล้วที่พีทเลี้ยงมานะ" ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมาขยี้ศีรษะเล็กเบาๆ ใบหน้าของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่มีแต่รอยยิ้มประดับอยู่

"......." เด็กหนุ่มจ้องมองใบหน้าด้านข้างของธัชก่อนจะนึกสงสัยขึ้นมา เขารู้ว่าการที่ผู้ชายรักกันไม่ใช่เรื่องยอมรับได้อย่างเปิดกว้างในสังคม แล้วคนข้างๆนี้ทำอะไรยังไง ถึงได้มาเป็นคนรักของพิชญ์ได้

"ทำหน้าเหมือนอยากถามอะไรอาน่ะ ว่ามาเลย อาตอบได้หมด" ธัชยักคิ้วให้ก่อนจะพูดกลั้วหัวเราะ

"ไม่มีเรื่องไหนที่อาไม่รู้หรอก"

"ทำไม... คุณธัชถึงเป็นแฟนกับอาพีทได้ครับ?"

"ก็-- ตอนสมัยที่อาพีทของนัทไปเรียนที่นู่น เราสนิทกัน"

"... ครับ" ญาณัชรับคำก่อนจะรอฟังเรื่องราวที่ผู้เป็นอาไม่เคยเล่าเลยสักครั้ง

"พออยู่ด้วยกัน อาก็ไม่รู้หรอก แต่พอพีทกลับบ้าน อาถึงได้รู้ ฮ่าๆๆ ว่าอาไม่อยากอยู่ห่างจากพีทเลยสักนิดเดียว... ไม่ใช่แค่นั้นนะ ตอนนั้นน่ะ อากังวลเป็นบ้าเป็นหลังเลย ว่าถ้าพีทมีแฟนหรือว่าคนที่รักขึ้นมา อาจะทำยังไง" ธัชหันมายิ้มกับเด็กหนุ่มร่างบางอีกครั้งหนึ่ง

"อาถึงได้รู้ ว่าอารักอาพีทของนัทขนาดไหน... เป็นความรู้สึกที่เห็นแก่ตัวนะ แต่ไม่อยากให้พีทเห็นใครสำคัญกว่าตัวเองเลยล่ะตอนนั้น"

"ถ้าเป็นแบบนั้น คุณธัชก็ไม่ชอบนัทด้วยรึเปล่าครับ?"

"ฮ่าๆๆๆๆ ไม่หรอก นัทเป็นเหมือนลูกของพีทเลยนะ อะไรที่พีทรัก... อาก็รักด้วย"

"ไม่แฟร์นี่ครับ ที่เป็นแบบนั้นเพราะว่าอาพีทรักคุณธัชใช่ไหม ถ้าอาพีทไม่รักคุณ คุณจะดีกับผมแบบนี้เหรอครับ"

"ดีสิ... ไม่อยากให้เห็นใครสำคัญกว่าตัวเอง หมายถึงศัตรูหัวใจต่างหาก"

 




To be continued...


kagehana : กลับมาแล้วค่า คนตัวเล็กขี้งอแงมาป่วนใจน้องนัท
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 11 คนเก่าที่กลับมา [03/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 03-03-2015 19:53:33
สงสารน้องนัทง่ะ  พอรวินมาทยุตก็ลืมน้องนัทไปเลย  รู้ว่าสนิทแล้วเป็นห่วงแต่ทำไมไม่รีบง้อ  คนอ่านเสียจุย :hao5:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 11 คนเก่าที่กลับมา [03/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Zliezen ที่ 03-03-2015 20:01:04
พี่ยุตไปง้อนัทเลยนะ ปล่อยให้รอตั้ง 4 วันได้ไงเนี่ย ไม่ไหวเลยนะ
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 11 คนเก่าที่กลับมา [03/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-03-2015 20:41:33
ไม่ตามเลยหรือพี่ยุท
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 11 คนเก่าที่กลับมา [03/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 03-03-2015 20:45:28
ประเด็นแฟนเก่าเป็นอะไรที่อ่อนไหวมากจริงๆอ่ะ

เป็นเราก็คิดมากเหมือนนัทแน่ๆ ดูห่วงกันเกินไปหรือป่าว

ช่วยทำอะไรให้ชัดเจนด้วยพี่ยุต สงสารนัท
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 11 คนเก่าที่กลับมา [03/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 03-03-2015 21:46:34
สงสารนัทอ่ พี่ยุตแย่ท่ก มัวแต่โอ๋แฟนเก่าน่ะสิ ถึงไม่มาง้อนัท
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 11 คนเก่าที่กลับมา [03/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 04-03-2015 00:10:58
สงสารน้องนัทอ่าาาา  :monkeysad:
เข้าใจนะ ว่าพี่ยุตก็ต้องห่วงวิน วินก็น่าสงสาร
แต่ปล่อยผ่านไปตั้งสี่วันแล้ว ไม่มาตามน้องนัทเลยเหรอ
ตั้งสี่วันแล้ว วินจะไม่ดีขึ้นบ้างเลยเหรอ ถึงขนาดไม่มีเวลามาตามน้องนัทเลยเหรอ
ก็รู้อยู่ว่าน้องนัทขี้เหงา น้องออกจากบ้านพี่ยุตโดยไม่รอ ก็รู้อยู่แล้วว่าน้องต้องรู้สึกไม่ดี
ปล่อยให้น้องต้องรู้สึกแย่ ๆ มาได้ยังไงตั้งหลายวัน
รีบมาหาน้องนัทด่วน ๆ พี่ยุต  :m16:
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 12 หวามไหวในอ้อมกอด [05/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 05-03-2015 18:46:44
-12-






“เท่าที่พี่ฟังเราเล่ามา...พูดความจริงอย่าโมโหล่ะ...เท่าที่ฟัง วินเองก็ยังไม่ได้ถามไม่ใช่เหรอว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า” ทยุตพูดแล้วส่งแก้วนมร้อนให้เด็กหนุ่มที่ใส่ชุดนอนของเขากลิ้งไปมาบนเตียงอย่างเกียจคร้าน

รวินยื่นมือมาจะรับแต่ทยุตดึงกลับ

“อย่านอนกิน เสียนิสัย” พูดดุแต่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน กับรวิน...ทยุตรู้ดีว่าเวลาไหนควรใช้แส้เวลาไหนควรใช้ลูกกวาด รวินดื้อกับทุกสิ่งทุกอย่างในโลกที่ไม่ถูกใจแต่ก็อ่อนหวานน่ารักกับทุกสิ่งที่ชอบด้วยเช่นกัน

“วินจะไม่ให้โอกาสเอริคอธิบายเหรอ เราก็รู้ๆกันอยู่ว่าวงการพวกนั้นมันต้องมีสังคม เขาเป็นนายแบบนะไม่ใช่เชฟที่วันๆอยู่แต่กับอาหาร”

“..........................” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะเบือนหน้าหนี

“เอริคยังหาเรื่องวินได้เลยเวลาวินโทรหาพี่ยุต....” น้ำเสียงในช่วงสุดท้ายฟังดูบางเบาลง ร่างเพรียวดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเองเอาไว้

“เวลาอยู่ด้วยกันก็มีแต่ผู้หญิงโทรมา...” ผ้าห่มถูกเลิกขึ้นอีกครั้ง

“ถ้าเป็นพี่ยุตจะทำยังไงล่ะ? แค่วินโทรหาพี่ยุต ก็มาชวนทะเลาะแล้ว”

“ถ้าพี่ยุตมีแฟน แล้วแฟนพี่ยุตมีแต่ผู้หญิงมาวุ่นวาย โทรหาตลอดเวลา... พี่ยุตจะทำยังไง”

“ที่เขาหาเรื่องก็เพราะเรามันชอบทำตัวไม่ชัดเจนไง เอะอะอะไรทะเลาะกับเอริคทีก็โทรหาพี่หนีกลับมาหาพี่ ถ้าวินเป็นเอริควินเองก็ต้องสงสัยเหมือนกันล่ะน่า”

ทยุตอยากเอามือเคาะกะโหลกให้จำสักที มีอย่างที่ไหน...โทรหาแฟนเก่าได้เกือบทุกวี่ทุกวัน

ทั้งตนเองและรวินต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่าไม่มีอะไรอย่างแน่นอน... แต่หากมองจากสายตาของคนอื่น ยืนยันให้ตายก็คงไม่มีใครเชื่อ

“ส่วนเรื่องแฟน... พูดยากนะ แต่พี่ว่าแฟนพี่คงไม่มีสาวโทรหาหรอก”

พอนึกถึงก็รู้สึกคิดถึงขึ้นมา...ป่านนี้คงอยู่ที่บ้านแล้วมั้ง

จะให้ทิ้งรวินที่กำลังเฮิร์ทไปหาก็ไม่ได้ จะติดต่อก็ไม่ได้ ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว

“หือ? พี่ยุตมีแฟนแล้วเหรอ? เมื่อไหร่?? ทำไมไม่เห็นบอกกันเลย??” คราวนี้ร่างเล็กทำตาโตก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ซ้ำยังมีท่าทีตื่นเต้นตกใจ

“ยุ่งน่า” ทยุตยื่นนมอุ่นให้ “เรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เกี่ยว”

รวินรับแก้วนมมายกขึ้นดื่มเพียงอึกเดียวก่อนจะจ้องมองนัยน์ตาสีเขียวของทยุต

“เกี่ยวสิ คบกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?”

“ไม่บอก เนอะ ไส้กรอก ลูกชิ้น” เชฟหนุ่มดีดมือเรียกเจ้าสองตัวที่ยื่นกระดิกหางอยู่หน้าห้อง สองหมารีบแจ้นเข้ามาหาทำท่าเหมือนจะขอนมในแก้วของรวินกิน

“วินอย่าให้นะ พวกนี้อ้อนนิดอ้อนหน่อยก็ใจอ่อนกันหมด ให้ทุกราย”

“เรื่องอะไรจะต้องฟังล่ะ พี่ยุตยังไม่ยอมบอกเลย โกรธแล้ว ต่อไปนี้มีอะไรวินจะไม่บอกบ้าง” คนเป็นฝ่ายงอนไม่พูดเปล่า ซ้ำยังทำทีเป็นหันหลังให้เสียอีก

“ไส้กรอก ลูกชิ้น อย่าไปสนใจคนขี้โกงเลย”

“ก็ได้ๆ เออ มีแล้ว” ทยุตพูดอย่างเสียไม่ได้... ถึงจะเป็นการตู่เอาเองว่าเป็นแฟนก็เถอะ แต่เขาเชื่อว่าอย่างน้อย...ความรู้สึกคงไม่ต่างกัน

“แล้วนี่วินได้โทรไปหาเอริคหรือยัง เขายิ่งขี้หึงอยู่ เดี๋ยวก็งอนกันอีกไปงอนกันมา พี่ประสาทจะเสีย”

“ไม่โทร.... ไม่เอา พี่ยุตอยากให้โทรก็โทรเอง วินไม่อยากพูดด้วย” รวินพูดราวกับเป็นเด็กเล็กๆที่กำลังงอนผู้ใหญ่ มือยื่นส่งแก้วนมคืนให้กับทยุตก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมโปงหนี

“ง่วงแล้ว ฝันดีนะพี่ยุต”

“แล้วอย่ามาว่ากันทีหลังล่ะ ไอ้เด็กบ้า” รอมยิ้มระอาใจแย้มจางๆ เขามองแก้วนมอยู่ครู่หนึ่งแล้วนั่งลงข้างเตียงลูบหัวที่โผล่แวบๆพ้นโปงผ้าเบาๆ

“ทีตอนมาล่ะร้องไห้นู่นนี่ พอชักดีขึ้นล่ะปากเก่ง เฮ้อ เหนื่อยใจแทนแฟนเราจริงๆ”

“... ก็วินไม่อยากยุ่งแล้ว จะอยู่กับพี่ยุต” ร่างบางที่แอบซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มบ่นอุบอิบออกมา มือออกแรงยึดเอาผ้าไว้ไม่ให้ทยุตได้ดึงออกหรือแย่งไป

“โกหก” ทยุตโถมร่างลงทับแล้วกอดไว้เบาๆเหมือนกอดเด็กชายแสนดื้อคนนึง

“ที่ๆวินอยากอยู่น่ะ ไม่ใช่ที่นี่หรอก....พี่รู้” มือใหญ่ดึงก้อนผ้าห่มให้หลุดออก หลังจากต่อสู้ยื้อกันไปมาพักใหญ่เจ้าตัวดีก็นอนแผ่หราหนุนแขนเขา

“ให้พี่โทรหาแทนนะ...บอกเขาให้มารับ”

รวินไม่ตอบอะไร แต่กลับเป็นฝ่ายซุกร่างกายเข้าหาร่างสูง ผิวแก้มที่เริ่มเย็นแนบเข้ากับแผ่นอกกว้างแล้วออกแรงกอดจนแน่น ถึงจะไม่ได้ตอบตกลง แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือว่าร้องห้ามสิ่งที่ทยุตบอกว่าจะทำ

“งั้นขอเวลาแป๊บ” ทยุตขยี้หัวรวินเบาๆแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดหาปลายทางต่างประเทศ...ที่เขามีเบอร์เอริคเป็นเพราะไอ้คนที่นอนกอดเป็นปลาหมึกคนนี้แหละชอบแอบโทรมาหา...ซึ่งมันเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการหึงอย่างออกหน้าออกตาของนายแบบลูกครึ่งไทยฝรังเศสคนนั้น

“ฮัลโหลเอริค...นี่พี่ยุตพูด” ทยุตแทนตัวเหมือนที่รวินพูดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องท้าวความกันนาน

“วินอยู่บนเตียงพี่ จะมาเอาก็รีบมาซะ ถ้าไม่มาจะยึดคืน”

เสียงโวยวายทั้งภาษาไทย อังกฤษ และฝรั่งเศสดังลอดมาตามสายจนอดเบ้หน้าไม่ได้ เชฟหนุ่มรอให้อีกฝ่ายหยุดพูดเพราะความเหนื่อยแล้วสวนกลับ

“หัดรู้จักเชื่อใจวินซะมั่ง......วินน่ะรักนายนะ” คราวนี้อีกฝ่ายเงียบไปครู่ใหญ่ ทยุตเหลืองมองรวินแล้วยื่นโทรศัพท์ให้

“อ่ะ...พูดอะไรหน่อยสิ”

“......... ถ้าไม่มาฉันไม่กลับไปนะ” คนพูดจงใจทำเสียงห้วนๆใส่แล้วเบือนหน้าหนีจากโทรศัพท์ที่ร่างสูงยื่นมาให้ทั้งๆที่ในใจเริ่มรู้สึกอ่อนลงบ้าง

“เจ๋ง” ทยุตชมแล้วกดตัดทันที “เดี๋ยวนี้รู้จักมีลูกเล่นนะ ไปเอามาจากไหนเนี่ย..ถ้าไม่มาฉันไม่กลับ...ประโยคนี้ถ้าไม่เอาแต่ใจสุดๆพูดไม่ได้เลยนะ”

ทยุตยิ้มขำเมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆนั้นตูมขึ้นมาอย่างขัดใจ

....เด็กเอ๊ย....

...ถ้าญาณัชแสดงอารมณ์ออกมาได้ครึ่งของเจ้านี่ก็ดีสินะ...



/////////////////////////////////////////






ปลายนิ้วเรียวค่อยๆเคาะลงบนแป้นสีขาว ผ่อนน้ำหนักกดเพื่อสร้างสุ้มเสียงที่ดังค่อยต่างกัน ญาณัชกำลังบรรเลงเพลงโปรดที่พิชญ์ชอบฟังท่ามกลางความมืดอีกเช่นเคย นัยน์ตาโศกดูแดงช้ำขัดกับรอยยิ้มจางๆที่แต่งแต้มอยู่บนริมฝีปาก

“เดี๋ยวอาพีทก็กลับมาแล้ว....” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยพูดกับตัวเองขึ้นมาลอยๆ ราวกับความฝันเมื่อครู่นั้นสมจริงเสียจนแยกแยะไม่ออก

ทุกครั้งที่เล่นเปียโนตอนเย็น พิชญ์มักจะเปิดประตูเข้ามาแล้วขอให้เล่นเพลงที่ตนชอบอีกครั้ง แต่เด็กหนุ่มก็มักจะแกล้งเล่นด้วยการไม่ยอมเล่นให้ฟัง

ประตูที่ไม่ได้ถูกล็อกเปิดออกเบาๆ ร่างสูงถูกความมืดของห้องทาบทับบนใบหน้าจนดวงตามืดไปขณะหนึ่ง ทยุตก้าวเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกชื่อคนที่นั่งอยู่กับแกรนด์เปียโนกลางห้อง

“นัท....พี่มาหา...”

“อาพี--?” ครั้นหันไปตามเสียงที่ได้ยิน คนที่เข้ามากลับไม่ใช่คนที่คิดไว้ ญาณัชกระพริบตามองร่างสูงที่ยืนนิ่งก่อนจะสะบัดศีรษะไปมาสองสามครั้ง แล้วจึงมองคนที่เดินเข้ามาอีกครั้ง

“..... พี่... ยุต?” ความรู้สึกคล้ายกับมีแรงดันบางอย่างจากภายในขึ้นมา ผลักให้ดวงตาที่ดูไร้ชีวิตชีวารื้นขึ้นด้วยน้ำตา

ทยุตเดินเข้าไปกอดจากทางด้านหลัง ปลางคางสากดลงตรงกลางกระหม่อมเบาๆ ท่อนแขนเข็งแรงโอบรัดร่างบางแนบกาย

“......ขอโทษนะที่เพิ่งมา....”

เพียงเท่านั้นน้ำตาก็ไหลลงมาเมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบล้อมเอาไว้ มือละจากแป้นเปียโนยกขึ้นจับแขนที่กอดรัดเอาไว้

“นึกว่า... จะไม่ได้เจออีกแล้ว...” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยบอกพลางนึกย้อนไปถึงความรู้สึกตัวเอง เพราะคิดว่าถ้ารวินที่มีปัญหามาอยู่กับทยุต ก็คงไม่มีที่ให้เขาเข้าไปแทรก พอนึกแบบนั้นก็เจ็บปวดเสียจนเกือบจะทำร้ายตัวเองอย่างที่เคยชิน

แต่เพราะสัญญากับทยุตไว้ว่าจะไม่ทำอีก เด็กหนุ่มจึงไม่ได้ทำลงไป...

ถ้าความรู้สึกที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายเลือกใครก่อนตัวเองนั้นคือความรักอย่างที่ธัชเคยบอก เขาก็คงหลงรักทยุตเข้าไปแล้วอย่างถอนตัวไม่ขึ้น - - - เพียงเห็นทยุตมีสีหน้ากังวลกับรวินที่มาหา เพียงเห็นทยุตมีท่าทีว่าจะต้องดูแลรวิน ความคิดเอาแต่ใจก็ก่อตัวขึ้นมาไม่ยอมหยุด

“ที่เป็นแบบนี้... เพราะนัท... รักพี่ยุต... ใช่ไหม”

เชฟหนุ่มนิ่งงันไปชั่วขณะ ความรู้สึกทั้งหมดมวลถูกปิดกั้นด้วยคำว่า “รัก” ที่อีกฝ่ายพูดออกมาอย่างชัดเจน

ในอกคล้ายถูกใครสูบลมเข้าไปจนเต็ม..ลมที่มีความอ่อนนุ่มและหอมหวลราวกับจะทำให้ตัวลอยขึ้นจากพื้นได้ เขาเคยได้ยินคำว่ารักครั้งแรกผ่านริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีหวานของสาวรุ่นพี่ยามที่ร่างกายเกาะเกี่ยวกัน และเคยได้ยินหลายต่อหลายครั้งจากใครหลายๆคน

...แต่ไม่มีครั้งไหนๆที่อิ่มเอมใจเท่านี้เลย...

“นัทรักพี่เหรอครับ....” ถ้อยคำโง่เง่าที่ถามซ้ำทำเอาแทบจะกัดปากตัวเอง ทยุตนั่งคุกเข่าลงช้าๆแล้วกอดเอาหน้าอกแนบชิดแผ่นหลังบอบบาง ฝากเสียงหัวใจเต้นส่งผ่านความรู้สึกลึกซึ้งโดยไร้คำพูด

ณ ตอนนี้...จากนี้ตลอดไป...

ผู้ชายที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนี้รู้แล้วว่าจะมีชีวิตอยู่...เพื่อใคร...

“ใช่ไหม..... นัท.... ไม่อยากอยู่คนเดียว..... อยากอยู่กับพี่ยุต...” ร่างบางขยับตัว ดันตัวเองออกจากอ้อมกอดอบอุ่นที่โหยหา แล้วยกขาขึ้นข้ามเก้าอี้เปียโนเพื่อจะได้หันมามองหน้าร่างสูงตรงๆ

“.... นัทกลัว... ว่าพี่ยุตจะอยู่กับคุณวิน......”

“วิน?”ทยุตทวนคำพูด...ไอ้เด็กนั่นเนี่ยนะ

“พี่มีอะไรจะบอกนัท แต่นัทต้องสัญญาว่าจะช่วยพี่นะครับ” เชฟหนุ่มยิ้มบางเบาก่อนจะรั้งร่างบอบบางเข้ามาใกล้ ปลายฟันกดที่ใบหูเบาๆก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว

“พี่โกหกวินไปว่านัทเป็นแฟนพี่.....แต่นัทช่วยทำให้เป็นจริงได้ไหมครับ” สองมือประคองใบหน้าที่ดูซูบลง นัยน์ตาพราวระยับจับจ้องที่ดวงตาโศกรื้อน้ำตา

“พี่อยากให้นัทจำไว้..ว่ารวินเป็นน้องที่พี่รักก็จริง..แต่คนที่สำคัญและรักที่สุดคือนัทนะครับ..”

คำบอกรักที่แสนอ่อนโยนทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกตื้นตันขึ้นมาจนเป็นฝ่ายโผเข้ากอดร่างสูง

“อือ... ได้สิ... ได้........”

“... รัก... เหมือนกันนะ.... พี่ยุต...”

คำรักที่ฟังดูไร้เดียงสาแต่เปี่ยมด้วยความเย้ายวดฉุดความทรงจำยามแนบชิดที่ทะเลราตรีขึ้นมา อ้อมกอดอบอุ่นค่อยๆกระชับเข้าช้าๆจมูกโด่งคลอเคลียข้างแก้มขาวนวล กลิ่นเมลอนหอมหวานที่โชยมาจากต้นคอถูกกักเก็บไว้อย่างดีผ่านสิ่งที่กำลังแตะแผ่วบนผิวกาย

“อาจจะเร็วไป...แต่ถ้าพี่ถามว่าตอนนี้นัท...พร้อมหรือยัง...นัทจะว่าพี่ไหมครับ”

ญาณัชส่ายศีรษะแรงๆก่อนจะยันร่างกายของตัวเองขึ้นเพื่อมองนัยน์ตาคมสีสวย

“ไม่ว่า....” ความทรงจำในอดีตที่นึกถึงทำให้เขาสามารถเอ่ยตอบได้อย่างมั่นใจกว่าคราวก่อน แม้จะยังรู้สึกหวั่นๆอยู่บ้าง

“แต่นัท... ไม่รู้...... จริงๆนะ...”

ทยุตลุกขึ้นนั่งแล้วโอบร่างเล็กไว้ จุมพิตหวานเมื่อครู่แปรเป็นจุมพิตปรารถนา ปลายลิ้นอุ่นร้อนรุกไล่รวดเร็วจนคนในอ้อมกอดตัวอ่อนยวบ เขาค่อยๆดึงญาณัชให้ลุกขึ้นยืนแต่แรงดึงดูดที่ท่วมท้นกลับปล่อยให้จิตใจนำพา มือใหญ่ไล่ปลดกระดุมจนแผ่นอกของคนตรงข้ามเผยออก ยอดอกสีอ่อนถูกหยอกเย้าช้าๆด้วยปลายนิ้วแต่อีกมือหนึ่งกลัวกระตุ้นผ่านกางเกงผ้าเนื้อเบาเบื้องล่าง

“อย่างนี้รังเกียจไหมครับ” เสียงแหบพร่าถามแผ่วเบา

สัมผัสร้อนจากทยุตเรียกความทรงจำค่ำคืนเมื่อตอนไปทะเลด้วยกันกลับมา มีหรือเขาจะนึกรังเกียจอีกฝ่ายได้

“นัท... จะรังเกียจพี่ยุตได้ยังไง” น้ำเสียงสั่นไหวเอ่ยถามผะแผ่วยามปล่อยร่างกายที่แทบไร้เรี่ยวแรงให้กับร่างสูง

“ขอโทษนะครับ” พูดจบร่างเล็กก็ถูกยกจนลอยขึ้นเหนือจากพื้น ท่อนแขนแข็งแรงอุ้มเดินข้าๆ ทยุตรู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังจะไปที่ไหน...และมันจะเกิดอะไรขึ้น

ร่างสูงสืบเท้าไปยังประตูห้องที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อนจะเปิดออกช้าๆ เตียงหลังกว้างปูผ้าปูสีสะอาดตาเรียบตึง ในนั้นไม่มีสิ่งของที่เกินความจำเป็นเท่าไรยกเว้นพวกซีดีเพลงบรรเลงที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ

ทยุตปล่อยญาณัชลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา ร่างสูงทาบทับลงเนิบช้า...ปล่อยให้ร่างกายแทบทุกส่วนได้สัมผัสผ่านเนื้อผ้า จูบแผ่วเบาราวกับปีกผีเสื้อปัดผ่านริมฝีปากหยอกเย้าคนตัวเล็ก

“...ได้ไหมครับ.....”

คนตัวเล็กพยักหน้าช้าๆก่อนจะพูดลอยๆขึ้นมาที่ฟังดูคล้ายคำบ่นกับตัวเอง ดวงตาโศกสีเข้มเสมองไปทางอื่นก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย

“ทำไมพี่ยุต... ต้องถามหลายรอบ... ด้วย”

“พี่ไม่อยากให้นัทเสียใจทีหลัง” คำพูดหนักแน่นเอ่ยตอบ...เพราะแคร์มากถึงต้องถาม

...แต่ก็เพราะรัก...ถึงต้องการมากมายขนาดนี้...

มือหยาบจับที่แก้มเบาๆ นัยน์ตาสีเขียวอมเทาจับจ้องด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี

ญาณัชยกมือของตัวเองขึ้นทาบทับฝ่ามือใหญ่ข้างนั้น นัยน์ตาสีนิลมองตอบก่อนจะเอ่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม

“นัท... จะเสียใจ... ถ้าพี่ยุตไม่อยู่กับนัทแล้ว......”

“พี่จะอยู่กับนัท...ไม่ว่าใครจะว่ายังไง..ตลอดไปของพี่ พี่ให้นัทแล้ว” เชฟหนุ่มโถมตัวทาบทับร่างบอบบางแล้วกอดเอาไว้ มือใหญ่ลากผ่านลงสู่เบื้องล่างเชื่องช้าราวกับจะปลุกอารมณ์ของญาณัชให้ลุกโชน ทยุตถอดกางเกงของเด็กหนุ่มออกแล้วแตะเบาๆด้วยปลายนิ้ว ก่อนจะใช้มือกระตุ้นจนส่วนอ่อนไหวลุกขึ้นในมือ

“........นัทหน้าแดงจัง....”กระซิบข้างหูหมายยั่วเย้าก่อนจะขบลงเบาๆที่ติ่งหูเย็นๆ

“ก.. ก็... นัทห้าม... ได้ที่ไหน” มือเรียวสวยที่เป็นอิสระถูกยกขึ้นมาปกปิดใบหน้าของตัวเองให้พ้นจากสายตาของร่างสูง แรงขบที่ริมใบหูส่งกระแสไฟฟ้าอ่อนๆให้แล่นพล่านไปทั่วร่างกาย พอๆกับสัมผัสหนักหน่วงจากฝ่ามือร้อนที่หยาบกร้าน

ทยุตยิ้มเอ็นดู เขาก้มลงจูบมือที่งสองข้างแล้วรั้งเอาไว้ “ปิดหน้าทำไมล่ะครับ...นัทเขินเหรอ”

ทยุตเล้าโลมช้าๆเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่เคยชินกับการสัมผัส ปลายนิ้วแข็งแตะแผ่วเบาลงบนช่องทางด้านหลังซึ่งปิดสนิท ทยุตกอดร่างเล็กที่แข็งเกร็งก่อนจะลูบหลังปลอบประโลม จากที่แตะอยู่เฉยๆปลายนิ้วแข็งก็เริ่มเคลื่อนไหวขยับเข้าสู่ภายในทีละนิด

“ถ้าเจ็บก็บอกพี่นะ...”

นัยน์ตาคู่สวยปิดแน่นแม้จะพยายามขืนแขนเอาไว้ ไม่อยากเปิดเผยสีหน้าของตัวเองให้ทยุตเห็น ความรู้สึกหวาดหวั่นเริ่มก่อตัวขึ้นพร้อมๆกับความหวามไหวที่ไม่เคยสัมผัส

“.... อือ” แม้จะรู้ดีว่าห้องนั้นแทบไม่มีแสงเลย ก็ยังอดรู้สึกเขินอายไม่ได้

“จ... จะเจ็บ... เหรอ”

“..........................” ริมฝีปากที่ประดับบนใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มอ่อนโยน ทยุตดันนิ้วเข้าไปจนสุดแล้วขยับเชื่องช้า ร่างเล็กที่ขยับไหวในอ้อมกอดทำให้ความรู้สึกในตัวค่อยๆถูกปลุกขึ้นทีละนิด เขารู้ถึงร่างกายท่อนล่างของตัวเองว่ามันกำลังเป็นเช่นไร

“อื๊อ....” เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากจนแน่น กลั้นเสียงครางที่แม้แต่ตัวเองยังไม่คุ้นเคยไม่ให้หลุดรอดผ่านออกมาได้ ร่างกายรับรู้ถึงปลายนิ้วชัดเจนเสียจนเผลอร่นกายหนีโดยไม่รู้ตัว

“ส่งเสียงออกมาได้นะครับ...พี่ไม่ว่า” เสียงทุ้มพูดเย้า ปลายนิ้วที่สองถูกสอดเข้าพร้อมๆกับมืออีกข้างที่หยอกล้อกับส่วนอ่อนไหวที่ตื่นตัวเต็มที่ ทยุตใช้ริมฝีปากครอบครองยอดอกที่กลายเป็นสีแดงจัด แนวฟันขาวสะอาดแทะเล็มพร้อมกับปลายลิ้นที่ไล้วน

“อึดอัดไหม?” เสียงอู้อี้ถามแผ่ว

ถามว่าอึดอัดไหม ตอนนี้เขาไม่อยากแม้แต่จะอ้าปากตอบเสียด้วยซ้ำ ทำได้เพียงปล่อยให้ลมหายใจถูกปล่อยผ่านฝ่ามือของตัวเอง ญาณัชตอบคำถามของร่างสูงด้วยการผงกศีรษะเร็วๆ จุดที่ไวต่อสัมผัสของร่างกายกำลังถูกทยุตรุกราน จนเด็กหนุ่มรู้สึกราวกับกำลังจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป

ปลายนิ้วใหญ่ถูกขยับอีกพักหนึ่งก่อนจะถอนออกมา ทยุตพลิกตัวละจากร่างเล็กนอนหงายแหงนมองเพดาน มือใหญ่กอบกุมเรียวนิ้วยาวสวยเอาไว้ เขานอนนิ่งสักพักเฝ้ารอดูร่างเล็กกระสับกระส่ายและดวงตาคลอหยาดน้ำที่ลอบมองมาทางเขา

“ต้องการรึเปล่าครับ” ทยุตถามแล้วลุกนอนตะแคง มือซุกซนลูบตามผิวกายสะอาดตา

...อยากได้คำยืนยัน...ว่าญาณัชต้องการเขาจริงๆ...

...ไม่ใช่เพียงบรรยากาศพาไป...

“...” ความอึดอัดทรมานแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย

“พี่... ยุต....” น้ำเสียงที่หลุดออกมาฟังดูแปร่งหูจนตัวเองยังแปลกใจ น้ำใสๆที่คลออยู่เต็มดวงตาทำให้มองสีหน้าของทยุตไม่ชัด แต่ถ้าถามว่าต้องการไหม คำตอบที่ตามหาก็มีเพียงหนึ่งเดียว

“..... ทำไม... ถึงคิดว่า... นัท... ไม่ต้องการ....”

ทยุตตอบรับด้วยริมฝีปากอ่อนโยน ร่างสูงปลดกางเกงของตัวเองออกแล้วแนบร่างกายที่รุ่มร้อนลงบนช่องทางปิดสนิท เจลเย็นๆถูกป้ายลงแล้วนวดเฟ้นช้าๆ...เขาอยากให้ครั้งแรกของญาณัชเป็นประสบการณ์ที่ดี ไม่อยากให้เจ็บปวดเกินความจำเป็นและอยากให้จดจำความอิ่มเอมให้เต็มที่

“อ้าขาอีกนิดนะนัท...หายใจช้าๆ...อย่าเกร็งนะครับ”

แม้จะรู้สึกอายจนอยากมุดหนี แต่เรียวขาที่อ่อนแรงก็ค่อยๆแยกออกจากกันตามที่ทยุตพูดราวกับต้องมนตร์

“... พี่ยุต................” ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ท่อนแขนบอบบางก็ยกขึ้นโอบรอบลำคอหนาเอาไว้ ดึงเอาร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงของตัวเองให้รับไออุ่นจากทยุตมากขึ้น

“รัก..... นะ” ถ้อยคำรักหวานหูถูกกระซิบแผ่วเบาจากริมฝีปากสีอ่อนก่อนที่ญาณัชจะกอดร่างสูงให้แน่นขึ้น

ท่อนแขนเล็กๆที่กอดตัวเขาจนแน่นเป็นคำยืนยันที่ดีกว่าคำพูดที่เปล่งออกมา ร่างสูงซุกใบหน้าแนบลงตรงลำคอเรียวก่อนจะเคลื่อนกายขยับส่วนรุ่มร้อนเข้าไปทางเบื้องหลังทีละนิด ปลายเล็บที่จิกลงกลางหลังสร้างบรรยากาศที่แปลกประหลาดเล็กน้อยแต่เขารู้ดีว่ามันคงไม่เจ็บเท่าร่างเล็กที่ดวงตาปิดสนิทแต่น้ำตาไหลริย

ทยุตจูบซับที่หัวตาแผ่วเบา “ขอโทษนะ....เจ็บมากใช่ไหม?”

“อึก... อือ...” ความร้อนผ่าวที่แผ่กระจายมาจากภายในจากร่างกายที่เชื่อมต่อกันก่อความรู้สึกประหลาดปะปนกับความเจ็บปวดที่แล่นริ้วไปทั่วร่าง

“.... เจ็บ.........” นัยน์ตาคู่สวยเปิดมองคนที่แนบจุมพิตลงบนใบหน้า

“แต่... ไม่เป็น... ไรนะ.........”

ทยุตรุกรานเชื่องช้า ร่างกายที่ขยับเป็นจังหวะแนบชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่าง ลมหายใจร้อนรุ่มเป่ารดกันและกันจนแทบหลอมละลาย ร่างสูงขยับเร็วขึ้นตามแรงเร้าอารมณ์แต่ก็ไม่ลืมจุมพิตปลอบขวัญกับริมฝีปากแดงจัด

“นัท...ไหวไหม...” เสียงครางที่หลุดรอดบ่งบอกได้ดีว่าเจ้าของคำพูดกำลังอยู่ในความรู้สึกแบบใด ทยุตจูบริมฝีปากแดงช้ำพลางกระซิบคำรักนับครั้งไม่ถ้วน

“อ.. อื๊อ-- ว... อา..” ถึงญาณัชจะพยายามเอ่ยตอบ แต่สิ่งที่รอดพ้นริมฝีปากของเขากลับมีเพียงเสียงครางหวานหู ปลายนิ้วยังคงกดเล็บจิกลงกลางแผ่นหลังกว้างอย่างไม่รู้ตัว

เด็กหนุ่มรับรู้รสสัมผัสหวามไหวอย่างชัดเจน และไม่อาจปฎิเสธถึงความสุขที่เริ่มแทรกแซงขึ้นมา

ร่างที่ทาบทับขยับตัวต่อเนื่อง ทยุตขยับมือที่จับส่วนอ่อนไหวอย่างรวดเร็ว อารมณ์ปรารถนาถูกดึงขึ้นสูง....มือหนารู้สึกถึงแรงกระตุกเล็กๆและหยาดน้ำอุ่นจัดที่ไหลเปรอะ มือที่เลอะด้วยหยาดอารมณ์ลูบที่ต้นขาขาวช้าๆก่อนที่ตนเองจะขยับกายเร็วขึ้น ความร้อนที่พุ่งสูงถึงขีดสุดไหลพล่านออกมาอย่างท่วมท้น ส่วนร้อนเร่าที่ยังค้างคารู้สึกถึงความอุ่นจัดที่เพิ่งปลดปล่อยเข้าสู่ภายใน

ทยุตปล่อยตัวเองลงนอนกับผ้าปูยับย่น ท่อนแขนแข็งแรงโอบญาณัชขึ้นมานอนบนตัวทั้งที่ร่างกายยังเชื่อมต่อ

“นัทน่ารัก....”

ร่างบางไม่ได้เอ่ยตอบอะไรนอกจากหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ภายในหัวยังรู้สึกคล้ายมึนเมากับสิ่งที่เกิดขึ้น ความสุขทางกายที่ได้สัมผัสแตกต่างจากครั้งที่ทะเล

“... น่ารัก... อะไร...” นัยน์ตาคู่สวยยังคงไม่ยอมเปิดขึ้น นอกจากเสียงหัวใจที่เต้นแรงจนเกือบจะเป็นจังหวะเดียวกันแล้ว ญาณัชยังคงรู้สึกถึงตัวตนของเชฟหนุ่มที่ยังคงค้างอยู่ในร่างกายของเขา

“นัท...... ไม่ใช่... เด็กผู้...หญิง.... นะ”

ครั้นลองขยับกายเพียงเล็กน้อยก็ไม่เห็นว่าทยุตมีท่าทีจะขยับออกไปไหน สุดท้าย ริมฝีปากสีอ่อนที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีเข้มก็ค่อยขยับเอ่ยถาม

“พี่ยุต... เอาออก... ได้หรือยัง...”

“ยัง....” ใบหน้าเล็กๆที่ดูเหมือนกำลังงงนั้นน่ารักจนอดโน้มคอลงมาจูบไม่ได้ ทยุตจุ๊บแตะทั่วใบหน้าก่อนจะถอยเป็นคลอเคลียเบาๆ

“นัทอยากเอาออก...ก็เอาออกเองสิ” เชฟหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์...ดูสิว่าจะทำอย่างไรต่อไป

“อึด... อัด....... นะ” ญาณัชเอ่ยเสียงเบา ร่างบางค่อยๆขยับเรียวขาที่อ่อนแรงให้มั่นก่อนจะพยายามยันตัวขึ้น มือยึดเอาไหล่กว้างไว้ ก่อนจะขยับร่นตัวขึ้นมาเพื่อให้ส่วนนั้นค่อยๆหลุดออกมาจากร่างกายพร้อมกับหยาดขุ่นข้นสีขาวที่ไหลออกมาตามต้นขา

“อึก...”

ภาพตรงหน้าทำให้ทยุตแทบจะ'ถึง'อีกรอบ พอรู้สึกว่าสิ่งที่ไหลออกมาจากช่องทางอ่อนนุ่มตรงนั้นคือของตัวเองยิ่งทำให้รู้สึกว่าได้ผูกพันกับญาณัชอย่างลึกซึ้งแล้ว ความหวงแหนที่ก่อตัวขึ้นทำให้มือใหญ่ต้องรีบคว้าร่างบอบบางลงมากอด

เชฟหนุ่มไล้มืออย่างนุ่มนวลบนสะโพกเพรียว หยาดขุ่นข้นถูทาบางๆบนผิวอ่อนนุ่ม ชายหนุ่มสอดนิ้วเข้าไปทางด้านหลังอีกครั้งอย่างระมัดระวัง แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นแล้วจับญาณัชให้หันหลังให้และสำรวจด้วยตาอีกครั้ง

ช่องทางด้านหลังดูชุ่มชื่น รอยบวมแดงชัดเจนจนอดรู้สึกสงสารไม่ได้ ปลายนิ้วหยาบได้แต่แตะเบาๆไล้ปลายนิ้วบรรเทาความเจ็บให้ ดวงตาสีแปลกจับจ้องที่หยาดน้ำที่ควรจะมีเพียงสีขาว...แต่กลับมีสีของเลือดปะปนมาไม่น้อย

“นัทเลือดออก...เจ็บใช่ไหมครับ” ร่างสูงรวบอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่น

“เจ็บมากหรือเปล่า...พี่...ขอโทษ..”

ในตอนที่ยังไม่ได้เรี่ยวแรงกลับคืนมา ญาณัชตอบคำถามอีกฝ่ายด้วยการส่ายศีรษะช้าๆ

“.... นัท... ทำให้พี่ยุต... รู้สึกดีใช่ไหม” น้ำเสียงหวานหูเอ่ยคำถามพาซื่อแผ่วเบา แม้ในตอนแรกจะไม่รู้เรื่องอะไร แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มก็รู้ดีว่าความสุขทางกายที่จิตใจเชื่อมต่อกันแล้วนั้นเป็นอย่างไร และมันทำให้มีความสุขเสียจนความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย

คำพูดตรงไปตรงมาไร้การเสแสร้งต่างจากคู่นอนคนอื่นๆที่ผ่านมา...แต่สำเนียงบางอย่างบ่งบอกเขาว่าคนตัวเล็กกำลังนึกเปรียบเทียบกับอดีตของเขา ใช่ว่าคนพวกนั้นไม่ดี ทยุตไม่เคยนึกรังเกียจความสัมพันธ์แบบคืนเดียวเลิกที่ป้องกันอย่างดี แต่ความรู้สึกของ'รัก'ที่ไม่เคยได้สัมผัสอย่างชัดเจน...รักแบบที่ได้จากญาณัชมันรู้สึกอบอุ่นและเติมเต็มยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

ลงรักเข้าแล้ว....ต่อให้อีกฝ่ายแค่จับมือกันก็มีความสุข

“นัททำให้พี่มีความสุข...มากเท่าที่ในชีวิตพี่เคยมีมา...” ทยุตยืนยันคำพูดอีกครั้งด้วยจุมพิตหวานแผ่วบนเปลือกตา

“นัท...พี่ขอบคุณมากนะครับ...ที่นัทรักพี่ ที่ทำให้พี่ได้รู้จักรักใครสักคน”

“... ดีใจ... นะ.... ที่พี่ยุต... มีความสุข” นัยน์ตาโศกสบมองคนที่บอกรักอย่างอบอุ่นอีกครั้ง มือเรียวบางยกขึ้นแนบกับผิวแก้มของเชฟหนุ่มแล้วจึงเอ่ยต่อพร้อมรอยยิ้มบางๆ

“เพิ่งรู้นะ... ว่าเวลามีคนรัก... มันมีความสุขขนาดนี้เลย....”

รอยยิ้มอ่อนโยนยกขึ้นอย่างเอ็นดูด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นในหัวใจ มันไม่ใช่รักครั้งแรกที่เต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาดตื่นเต้นเร้าใจ ไม่ใช่เหมือนทุกครั้ง..ที่ไม่ต้องมีรักก็มีเซ็กส์ได้

...แต่นี่จะเป็นรัก...ครั้งสุดท้าย...

ทยุตรู้ดีว่าในโลกนี้มีคำกล่าวว่าไม่มีสิ่งใดแน่นอน แต่มันคงจะมีบางอย่างที่ก้าวเส้นที่ขีดไว้...

...รัก...

ญาณัชคนนี้..คงเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงคำว่า”รัก”แน่นอน

“บอกรักพี่เยอะๆนะครับ”

“อือ... ได้สิ” เขาเอนตัวซบกับร่างสูงอีกครั้ง รับรู้ถึงความอบอุ่นและหัวใจที่อิ่มเอม

“รักพี่ยุต...” ญาณัชเอ่ยคำรักหวานซึ้งแผ่วเบา

“อื้ม...” ทยุตไม่ได้เอ่ยตอบเพราะรู้ว่าดวงตาและอ้อมกอดได้สื่อหมดทุกสิ่งแล้ว อ้อมแขนที่กระชับมั่นคงแทนคำสัญญาจากนี้ไปสู่อนาคต

เชฟหนุ่มรับรู้ได้ด้วยสัมผัส...หัวใจ...และวิญญาณ

ว่าความรักที่เขาเคยสงสัยว่ามีอยู่ที่ใดในโลกใบนี้....ได้อยู่ในอ้อมกอดแล้ว






To Be Continued......



Talk :
หุงข้าวแดงให้น้องนัท  555555

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ หมีกับดอกไม้ดีใจที่ทุกคนชอบนิยายนะคะ น้อมรับทุกคำติชมค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 12 หวามไหวในอ้อมกอด [05/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: สายลมที่หวังดี ที่ 05-03-2015 19:21:03
อร๊างงงง  เค้าได้กันแล้ววววว :m25: :m25: :m25:


เป็นฉาก NC ที่ละมุนละมัยมากกก  กรี๊ดตัวแตก :-[ :-[
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 12 หวามไหวในอ้อมกอด [05/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: iamtoon ที่ 05-03-2015 20:15:00
เค้า ได้ กัน แล้ว อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 12 หวามไหวในอ้อมกอด [05/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 05-03-2015 20:51:41
นัทน่ารักที่สุด พี่ยุตเป็นอมตะแล้วสิน่ะ หุหุ
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 12 หวามไหวในอ้อมกอด [05/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 05-03-2015 21:28:25
เป็นแฟนกันจริง ๆ สักที อ่อนหวานละมุนละไมมากเลย  :o8:
น้องนัท น่ารัก ไร้เดียงสามาก ๆ ไม่โกรธพี่ยุตด้วย เป็นเด็กดีจริง ๆ
ได้เด็กดีอย่างน้องนัทเป็นแฟน ต้องดูแลน้องให้ดี ๆ นะพี่ยุต
ห้ามทำให้เสียใจแบบครั้งนี้อีก จะห่วงวินก็ไม่ว่า แต่น้องนัทต้องมาก่อนนะ
อ่านไป ๆ ทำไมชักหมั่นไส้วินนิด ๆ แฮะ เข้าใจแฟนวินล่ะ ว่าทำไมหึงพี่ยุตนัก
ก็คนมันทำให้คิดนิ หวังว่าพอรู้ว่าพี่ยุตมีแฟนแล้ว คงจะเพลา ๆ ที่อะไร ๆ
ก็แจ้นมาหาพี่ยุตหน่อยนะ แคร์ความรู้สึกแฟนตัวเองมากกว่านี้หน่อย
ที่สำคัญที่สุด ควรแคร์ความรู้สึกแฟนของพี่ยุตด้วย
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 12 หวามไหวในอ้อมกอด [05/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Cream A ที่ 05-03-2015 22:11:32
แอร๊ยยย ในที่สุดพี่ยุตก็หลอกเต๊าะเด็กได้สำเร็จ :hao6: เขินแทนน้องนัทจุง  :-[
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 12 หวามไหวในอ้อมกอด [05/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 05-03-2015 22:51:21
หวานจังเลยยย



 :mew1: :mew1: :-[
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 12 หวามไหวในอ้อมกอด [05/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-03-2015 23:03:00
เร็วเนอะพี่ยุตแค่น้องบอกรักเนี่ย
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 12 หวามไหวในอ้อมกอด [05/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 05-03-2015 23:12:25
อา... เข้าห้องหอเรียบร้อย คิดว่าปัญหาคงไม่ได้มาจากทั้งสองคน แต่คงมาจากที่บ้านมากกว่า คนรอบข้างนี่ช่างสรรหาอะไรมาให้ปวดหัวดีจริง
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 12 หวามไหวในอ้อมกอด [05/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 06-03-2015 15:59:17
พี่ยุตคะ น้องเพิ่งบอกรักก็ลงตราประทับเลยเหรอคะ?  แต่น้องน่ารักอ้ะ อ๊ายย คำพูดแบบแลไม่ได้คิดมากนะแต่ยั่วอะ เราว่ามันยั่ว 55555
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 12 หวามไหวในอ้อมกอด [05/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 12-03-2015 06:10:21
เพิ่งเข้ามาอ่านชอบมากค่ะ ลุ้นว่าเมื่อไหร่นายเอกจะมีความสุขเสียที ไม่อยากให้เศร้านานเลย รอตอนต่อไปค่ะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 12 หวามไหวในอ้อมกอด [05/03/15]
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 22-03-2015 17:23:53
ขอให้น้องนัทมีความสุขมากๆ ไม่อยากให้เจอเรื่องร้ายๆ อีกแล้ว ><
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 13 ก็หวง..... [09/04/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 09-04-2015 18:20:59


-13-







หลังจากรถแท็กซี่หยุดวิ่งที่หน้าบ้านหลังเล็กที่แสนคุ้นตา ญาณัชก็เปิดประตูออกเมื่อจ่ายค่าแท็กซี่เรียบร้อยแล้ว ในตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมาด้วยกัน ทยุตก็ช่วยเขาเก็บเอาเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวบางส่วนออกมาจากห้องนั้น ครั้นเอื้อมจะหยิบกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ก็ถูกคนตัวโตเข้ามาแย่งไปเสียก่อน ทว่าบนใบหน้าของเด็กหนุ่มกลับมาแต่รอยยิ้มจางๆระบายอยู่

"ขอบคุณนะพี่ยุต..."

"อือ" เชฟหนุ่มที่ขี่มอเตอร์ไซค์นำหน้ามาไม่ได้พูดอะไรต่อ

เสียงปึงปังทั้งฝีเท้าคนและเสียงเห่าดังออกมาจากประตูบ้านที่เพิ่งถูกเปิด ยังไม่ทันได้หันไปดูให้ชัดแรงโถมก็พุ่งเข้าใส่จนเกือบจะล้ม

"ไอ้พี่ยุตไปไหนมา ทิ้งวินให้อยู่กับไอ้บ้าเอริคทั้งวัน วินต้องรดน้ำต้นไม้ ให้ข้าวหมา เช็ดบ้าน ถือกุญแจ ไปไหนมาไหนไม่บอกเดี๋ยวจะขนหมาไปฝรั่งเศสเลย ไอ้พี่บ้า" ปากเล็กๆพูดรัวเร็วแต่ท่อนแขนเพรียวกลับสอดมาคล้อง

"ไปรับนัท... อยู่กะเอริคแล้วไง เข้าใจกันดีก็ดีแล้วนี่" นัยน์ตาคมเหลือบไปมองนายแบบหนุ่มที่เดินตามออกมาทำหน้าช็อค ทยุตส่งสายตาเอือมๆให้แต่ดูอีกฝ่ายจะเริ่มหึงจนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว

"นัทครับ... นี่วิน... ไอ้เด็กบ้าขี้งอแงระดับโลก"

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นประสานกันพร้อมๆกับที่รอยยิ้มจางๆเมื่อครู่นั้นหายไป

"สวัสดีครับคุณวิน" สายตาของญาณัชมองไปที่คนตัวสูงด้านหลังที่ดูสะดุดตาก่อนจะตัดสินใจยกมือขึ้นอีกครั้ง

"สวัสดีครับ... คุณ..."

"ผมเอริค แฟนวิน ยินดีที่ได้รู้จักครับ" หนุ่มลูกครึ่งนัยน์ตาสีเทาทักทาย แต่กลับเลยไปมองร่างสูงที่ยืนให้รวินเกาะอยู่

"เห็นวินบอกว่าคุณนัทเป็นแฟนคุณทยุต?"

"พูดมาก หุบปากไปเลย" รวินที่ยังดูจะงอนไม่หายทำปากบุ่ยแล้วปล่อยแขนทยุต ร่างเพรียวเดินเข้าไปหาญาณัชแล้ววนซ้ายวนขวาก่อนจะยิ้มออกมา

"น้องนัทนี่น่ารักเนอะ ผมซ้วยสวย"

ญาณัชถึงกับผงะไปเล็กน้อยเมื่อเจอกับการเข้าหาแบบคาดไม่ถึง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อได้ยินวิธีที่อีกฝ่ายใช้เรียกตัวเอง

"... เรียกนัทเฉยๆก็ได้ครับ..."

"ทำไมอะ น่ารักออกเรียกน้องนัท อีกอย่าง... น้องนัทก็อายุอ่อนกว่าด้วย" รวินพูดรัวเร็วแถมท้ายด้วยยิ้มหวานไปอีกหนึ่งทีก่อนจะหันไปหาทยุต

"ใช่ไหมพี่ยุต"

ทยุตเหลือบมองร่างเล็กที่เริ่มดูแปลกๆไป ญาณัชไม่ใช่คนที่จะสนิทสนมกับใครได้ภายในวันเดียว... แล้วยิ่งมาเจอกับคนแบบรวินเข้าอีก

...แต่ก็ถือเป็นการเรียนรู้อีกรูปแบบหนึ่งละนะ...

"ถามสิ เค้าให้เรียกเปล่าล่ะ"

"งั้นเรียกน้องนัทเนอะ" พยักหน้าหงึกหงักกับตัวเองแล้วหันมายิ้มอ้อนใส่

คราวนี้คิ้วของเด็กหนุ่มยิ่งขมวดเข้าหากัน ไม่ใช่ว่ารอยยิ้มออดอ้อนของรวินไม่น่ารักหรืออะไร แต่เพราะเขาคิดว่าเพิ่งจะได้เจอกันจังๆครั้งแรก จำเป็นด้วยหรือที่จะต้องแสดงท่าทีสนิทสนมราวกับรู้จักกันมาร่วมสิบปีเช่นนี้

"... ไม่ต้อง... หรอกครับ.... นัท เฉยๆ พอแล้ว"

ชายหนุ่มชะงักไปนิดหน่อยเพราะสังเกตเห็นความไม่พอใจนิดๆบนใบหน้าฝ่ายตรงข้าม แต่รวินก็คือรวิน... แต่ไหนแต่ไรก็เป็นพวกใช้ชีวิตในด้านบวกอยู่แล้ว กับเรื่องแค่นี้ไม่ทำให้หยุดความต้องการได้

"นัท... เฉยๆ" รวินทำเสียงเข้มล้อเลียน ก่อนจะเดินกลับมาหาทยุตแล้วกอดแขนเอนหน้าซบไหล่เหมือนทุกครั้งที่เคยทำ

"โห น้องนัทของพี่ยุตงกอะ ให้เรียกน้องก็ไม่ได้ ทั้งที่น่ารักแท้ๆ"

...คนที่น่ารักคือคุณวินต่างหากล่ะครับ-- แม้จะคิดเช่นนี้แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ภายใต้ท้องฟ้าที่แสงแดดส่องลงมาอย่างปกตินั้นไม่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่นัก

"ขอโทษด้วยครับ... ผมคงต้องขอตัวเอากระเป๋าเข้าไปเก็บก่อนแล้วล่ะครับ" ร่างบางเอ่ยเสียงเรียบนิ่งภายใต้ใบหน้าที่พยายามจะไม่แสดงอารมณ์ใดใด

"เดี๋ยวพี่ช่วย" ร่างสูงหันไปมองรวินซึ่งเกาะแขนแน่นเป็นลิงเกาะต้มไม้ สบตากันสักครู่ท่อนแขนเรียวที่เกี่ยวอยู่ก็เอาออก ร่างสูงเดินเข้าไปคว้ากระเป๋าใบย่อมที่ลักพามาทั้งคนทั้งของแล้วกุมมือเรียวสวย... ที่ตอนนี้ดูจะติดเชื้อมึนตึงและดื้อดึงมาจากที่ไหนไม่รู้

"เข้าไปพักผ่อนก่อนนะ" ทยุตพูดเสียงนุ่มแล้วเหลียวไปมองรวินที่ทำท่าจะอ้วกล้อเลียน กำปั้นหนาเลยชูขึ้นเหนือหัวทำท่าเขกอากาศ... ถ้าไม่หยุดล้อได้มีลงหัวแน่

นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลมองส่งจากด้านหลัง รวินกระดิกนิ้วเรียกเจ้าสองตัวก่อนจะพาเดินดูสวนกุหลาบที่ไม่ได้มาเห็นตั้งหลายเดือน

"สวนสวยดีนะ" น้ำเสียงทุ้มพูดเป็นภาษาไทยแบบแปร่งปร่า รวินหันขวั่บค้อนให้วงใหญ่พลางแสร้งทำไม่ใส่ใจ

"จะโกรธอีกนานไหม มาง้อถึงที่แล้วนะ"

"..... ถ้าไม่อยากง้อก็กลับไปสิ..." รวินพูดต่อโดยไม่ยอมหันไปมอง รู้อยู่เต็มอกแล้ว ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ก็อดคิดมากไม่ได้ ในเมื่อคู่กรณีมากมายล้วนเป็นนางแบบสาวๆสวยๆทั้งนั้น

"ถ้าไม่อยากไม่ตามมาถึงนี่หรอกน่า แต่ก็นะ... อยากมาดูหน้าพี่ยุตของวินสักหน่อยด้วยล่ะ" น้ำเสียงที่พูดถึงชื่อทยุตนั้นดูห้วนสั้น ติดจะอารมณ์เสีย เอริคสาวเท้าเข้าไปใกล้ก่อนจะรวบร่างเล็กมากอดไว้

"ก็เป็นผู้ชายที่ดีอยู่หรอกนะ แต่ฉันมั่นใจว่าไม่แพ้แน่" จมูกโด่งจรดลงที่แก้มขาวเบาๆตามด้วยริมฝีปากหยักสวย

"ชิ..." รวินทำเสียงขัดใจกับความมั่นใจของอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงสั้นห้วนไม่แพ้กัน

"ฉันก็ไม่ได้มีหน้าอกอึ๋มๆอย่างพวกนั้นนี่ ก็คงแพ้สินะ"

"อ่าว หาเรื่องกันนี่ อารมณ์มาเต็มๆ" ชายหนุ่มนัยน์ตาสีควันบุหรี่บ่นอุบ แต่แขนยังกอดเกี่ยวอีกฝ่ายเอาไว้แน่น

"อกอึ๋มจะสู้เอาแต่ใจ ขี้โวยวาย ชอบอ้อนคนอื่นแล้วยังมาชวนทะเลาะได้ยังไง" เสียงทุ้มกระซิบข้างหู

"ก็ฉันรักของฉันนี่นา"

"... ไม่เชื่อ" คนที่ถูกโอบกอดเอาไว้ยังพยายามทำเสียงแข็งตอบทั้งที่ในอกนั้นหัวใจกลับเต้นแรงกับคำบอกรักอ่อนโยน

"ให้พิสูจน์ไหมละ ฉันยินดี จะให้ฉันให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่ามีแฟนแล้ว เป็นเชฟชื่อรวิน ขี้โวยวายเป็นที่หนึ่ง ขี้หึงไม่แพ้ใคร แถมยังชอบไปอ้อนผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่แฟน" เอริคพูดยิ้มๆ สิ่งที่พูดมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมด... แต่ว่า... ตัวเขารักรวินเกินกว่าจะเลิกได้

...ไม่มีวัน...

"นี่...เชื่อฉันนะ ไม่ว่าจะมีใครต่อใครหลายร้อยคน จะสวย จะอึ๋ม จะดีแค่ไหน" พูดจบก็หันร่างในอ้อมกอดเข้ามาหา สบตาด้วยความจริงใจทั้งหมดที่มี

...ไม่อยากแพ้ใคร...

...ไม่อยากแยกจาก...

"แต่คนที่ฉันรักที่สุดและจะเป็นคนสุดท้ายของฉันคือวินนะ"

 








 

หลังจากเข้ามาด้านในและจัดข้าวของส่วนตัวบางอย่างให้เข้าที่เรียบร้อยแล้ว ญาณัชที่เงียบมาตลอดค่อยเอ่ยถามขึ้น

"พี่ยุต..." เด็กหนุ่มเรียกเสียงเบา มือข้างหนึ่งเอื้อมไปจับแขนของร่างสูงเอาไว้

"ขอโทษนะ... ที่ทำตัวไม่ดี... แต่นัทไม่... คุ้นกับคนร่าเริงแบบนั้น..."

ดวงตาสีเข้มที่มองอย่างขอโทษทำเอาอดจะยื่นมือไปลูบหัวไม่ได้ ทยุตดึงร่างเล็กเข้ามากอดเบาๆพลางหอมแก้มซ้ายขวา

"นัทไม่ได้ทำตัวไม่ดีหรอก ก็เป็นปกติของคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนน่ะ เจ้าวินน่ะแหละที่สนุกเกินเหตุ หมอนั่นน่ะเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว"

เชฟหนุ่มจับมือเรียวขึ้นมาแนบแก้ม

"ยินดีต้อนรับกลับบ้านเรานะนัท"

"อื้ม" รอยยิ้มจางๆกลับคืนมาบนใบหน้าหวาน ก่อนจะโอบกอดร่างสูงตอบ

"พี่ยุตรู้อะไรหรือเปล่า... คุณวินกับคุณเอริคทำให้นัทคิดถึงอาพีทกับคุณธัชเลย..."

"เหมือนยังไงเหรอ" ปกติแล้วทยุตไม่ใช่คนที่ใส่ใจเรื่องคนอื่น แต่เพราะเป็นญาณัช ถึงอยากรู้ทั้งหมด

"อย่าบอกนะว่าอาพีทของนัทกล้ามล่ำเหมือนเอริค ให้ตายพี่ก็ไม่เชื่อ"

"นี่ไง เดี๋ยวนัทให้ดู" ร่างบางละตัวออกจากอ้อมกอดของทยุตแล้วไปเปิดกระเป๋าของตัวเอง หยิบเอากระเป๋าสตางค์ใบเล็กขึ้นมาแล้วเปิดให้ร่างสูงดูรูปถ่ายของเขากับพิชญ์ตอนซ้อมใหญ่ที่งานแสดงเปียโนครั้งแรกของเขา

"อาพีทน่ะ น่ารัก เหมือนกับคุณวินใช่ไหม แล้วคุณธัช ก็เท่แล้วก็ดูดีอย่างคุณเอริคไง"

"ไหน ขอพี่ดูบ้าง"

แวบแรกที่เห็นผู้ชายผมยาวในรูป ทยุตถึงกับตกตะลึงไปชั่วครู่ อาของญาณัชเป็นคนที่หน้าตาดีอย่างคาดไม่ถึง รอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ดูรับกับใบหน้าสวยซึ้ง

"อาของนัทเป็นคนสวย... มากกว่าหล่อนะ"

แม้ว่าในแวบแรกจะมองอา แต่ญาณัชในวัยเด็กกลับอยู่ในความสนใจมากกว่า

"ที่น่ารักน่ะนัทต่างหาก"

"ก็ไม่ได้บอกว่าอาพีทหล่อนี่" ญาณัชว่าก่อนจะพูดต่อ

"คุณวินต่างหาก ที่น่ารัก..."

"คิดมากอะไรอีกแล้ว" ทยุตทำหน้ายุ่ง เขาดึงยางรัดบนหัวออกแล้วสะบัดเบาๆ

"วินน่ารัก แต่ไม่รัก ไม่สิ ต้องเรียกว่ารักแบบนั้นไม่ลง" พยักหน้ากับตัวเองก่อนจะหันมายิ้ม

"นัทน่ารักแล้วก็รักนัทมากด้วย แค่นี้นัทไม่พอใจเหรอครับ"

"ไม่ได้บอกว่าไม่พอใจสักหน่อย..." คนตัวเล็กกว่าทำหน้ายุ่งพลางเอ่ยต่อก่อนจะเก็บรูปถ่ายใบสำคัญคืนที่เดิม

"แค่รู้สึกว่าเข้าใจความรู้สึกอาพีทขึ้นมาบ้างแล้วเท่านั้นแหละ"

"เข้าใจว่ายังไงเหรอครับ?" ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกริ่ม เขามองตามรูปถ่ายที่ถูกเก็บพลางทำหน้าเสียดาย

"ว่าแต่... อยากเห็นรูปนัทตอนเด็กๆจัง ต้องน่ารักแน่ๆเลย"

"ก็อาพีทชอบโมโห แล้วก็หนีไปเลยเวลาคุณธัชพูดว่าน่ารัก...." ญาณัชเสมองไปทางอื่น หลบรอยยิ้มของทยุตก่อนจะพูดต่อ

"รูปอยู่ในห้องอาพีทหมดแหละ... นัทไม่มีหรอก"

"ถ้าพี่จะขอนัทสักใบได้ไหม... หรือไม่ก็พาพี่ไปดูเฉยๆก็ได้" มือใหญ่ประคองใบหน้าที่แกล้งหันไปมองทางอื่นกลับมาให้สบตา ทยุตก้มลงแตะริมฝีปากเร็วๆข้างแก้มนุ่ม

"เดี๋ยวพี่ไปทำกับข้าวให้นัทกินดีกว่า อยู่กับพี่ทุกวันจะได้อ้วนขึ้นหน่อย... กอดนุ่มดี" ร่างสูงยืนยันด้วยการกอดอีกครั้ง

"นัทอยากกินอะไรครับ"

"พี่ยุตชอบเปลี่ยนเรื่องนะ... วันอาทิตย์พี่ยุตต้องไปทำอาหารให้คนพวกนั้นกินอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ไว้นัทพาไปดูทีหลังก็ได้..." เด็กหนุ่มเอ่ยตอบก่อนจะตัดสินใจส่งยิ้มบางให้

"นัทยังไม่ค่อยหิว แต่กินเลยก็ได้นะ... แล้วพวกคุณวินล่ะ?" ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองคนที่กอดเขาเอาไว้ จะให้เลือกแต่ที่ตัวเองอยากกินก็คงไม่ดีนัก

"หรือว่าเขาจะกลับกันแล้ว..."

"พวกนั้นนะเหรอ... อีกยาว เวลาวินมันหนีกลับมาทีก็อยู่ไปสองอาทิตย์นั่นแหละ อืม... แต่คราวนี้คงอยู่ไม่นานมั้ง แฟนมันมาด้วยนี่" ใบหน้าเล็กๆที่แหงนมองดูน่ารักจนอดใจจะหอมแก้มไม่ได้ เมื่อก่อนเขาคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ยับยั้งชั่งใจได้ดีพอสมควร... แต่ตั้งแต่เจอญาณัชทุกสิ่งที่คิดไว้ดูจะผิดไปแทบทุกอย่าง

คนที่น่ารักมีกว่านี้อีกมากมาย... ว่ากันตามตรง ญาณัชก็ยังเหมือนเด็กผู้ชายธรรมดาทั่วไป ไม่ได้หน้าหวาน ตาโต หรือมีอะไรพิเศษที่จะเรียกสายตาคนอื่นได้

แต่เด็กผู้ชายธรรมดาที่ทยุตรักคนนี้... เป็นคนพิเศษที่สำคัญยิ่งกว่าใครๆ

"นัทห้อมหอม... ทำไมถึงหอมขนาดนี้ล่ะครับ" ทยุตกดจมูกบนแก้มซ้ายขวาจนพอใจแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ

"พี่ยุตก็พูดไปนั่น..." ฝ่ายถูกหอมแก้มอดรู้สึกเขินไม่ได้จนต้องแสร้งทำหน้ายุ่งทั้งๆที่พวงแก้มนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นแล้ว

"ก็เรื่องจริงนี่นา" แก้มแดงๆก็น่าหอม ทยุตมองยิ้มๆก่อนจะปล่อยแขนออก

"ไม่แกล้งนัทแล้ว เดี๋ยวพี่ไปทำกับข้าวก่อน ขี้เกียจฟังวินมันบ่น"

เชฟหนุ่มเดินเข้าไปในครัวที่ทิ้งไปหลายวันด้วยอารมณ์รื่นรฺมย์จนเกือบจะฮัมเพลงออกมา

เมื่อนั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร ญาณัชได้แต่ก้มมองอาหารในจานตัวเองด้วยความรู้สึกพูดไม่ออก ราดหน้าหมูที่ส่งกลิ่นหอมตรงหน้ามีแครอทและข้าวโพดอ่อนอยู่เต็ม

พอเงยหน้าขึ้นมองคนทำ ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่เคยบอกไว้ว่าเขาไม่กินแครอทกับข้าวโพดอ่อน

"น้องนัทรีบกินสิเดี๋ยวเย็นหมดหรอก" เสียงพูดอู้อี้เพราะปากเล็กๆคับแน่นด้วยเส้นคำโต รวินหยิบซอสพริกลงมาเหยาะบนจานในขนาดที่เอริคยังยอมแพ้

"ราดหน้าพี่ยุตอร่อยที่หนึ่งเลย แครอทก็นุ่ม เส้นหนึบๆหอมๆ"

"ชมซะเว่อร์" เชฟหนุ่มพูดยิ้มๆแล้วรินน้ำแจกทุกคน นัยน์ตาสีเขียวเจือเทาจับจ้องที่จานญาณัชก่อนที่คิ้วจะขมวดมุ่น

"นัทไม่ชอบราดหน้าหรือเปล่า ทำไมไม่กินเลย"

"!? เปล่า... ชอบสิ" ญาณัชรีบตอบก่อนจะตัดสินใจตักแครอทเข้าปาก

รสขมของแครอทที่ยังกรอบอยู่แทบทำให้คายออกมา แต่ญาณัชก็ไม่อยากเอาแต่ใจต่อหน้าคนอื่นแบบนี้

สุดท้าย เด็กหนุ่มก็ฝืนกินจนหมดจานด้วยความที่ไม่อยากให้ทยุตรู้สึกไม่ดี ยิ่งมองรวินที่ทานอย่างเอร็ดอร่อยแล้วก็ยิ่งเป็นเหมือนแรงผลักดันให้บังคับตัวเองกินเข้าไป

"อิ่มแล้วครับ" ญาณัชประสานมือเข้าด้วยกันก่อนจะขยับลุกขึ้นเอาจานไปวางลงที่อ่างล้าง ทว่าก่อนที่จะได้ลงมือทำอะไร ความรู้สึกคลื่นไส้ก็ตีขึ้นมาจนถึงคอ

"... พี่ยุต... เดี๋ยวนัทมาล้างให้นะ" เขาหันมาพูดกับเชฟหนุ่มแล้วจึงปลีกตัวเข้าห้องน้ำไป

"เดี๋ยวสิ" ทยุตพุดไม่ทันขาดคำก็เห็นแค่หลังไวๆที่วิ่งหายไป เขามองตามอย่างกังวลก่อนจะเสตาไปที่จานว่างเปล่า ว่าง....เกินไป

"เอาอีก!" จานเปล่าถูกยื่นเกือบโดนหน้า ทยุตเหลือบตามองตาใสๆดวงกลมโตกับรอยเปื้อนมุมปากที่ฉีกยิ้มอ้อนเอาใจ "ราดหน้าพี่ยุตเจ๋งสุดในสามโลกอะ แครอทกรุ๊บๆโคตรเข้ากันกะน้ำราดเลย เส้นก็หนุบๆ หมดไม่รู้ตัวเลย" พูดจนมือที่ถือจานก็กระดิกๆทำนองว่าตักให้หน่อยสิ เร็วๆด้วย

"ไปเอาเองในครัว"

"ใช่ซี้ วินไม่ใช่น้องนัทนี่จะได้ครับๆ เดี๋ยวพี่ไปตักให้" รวินแกล้งงอนทำปากบู่ก่อนจะหัวเราะร่วนเอนหัวหลบมะเหงกที่ชูสูง

"เดี๋ยวไปตักให้เองนะ...น้องวิน" เสียงปร่าๆพูดพลางเน้นเสียงที่สองพยางค์หลัง แล้วฉวยจานเดินหายไปตามนิ้วที่ชี้ไปทางครัว ใบหน้าหล่อเหลาของนายแบบหนุ่มติดจะบึ้งนิดๆ

"แกล้งยั่วเขาอีกแล้วนี่"

"เปล๊า!!" เสียงสูงปรี๊ดเป็นอาการบอกว่าใช่ "แต่แครอทอร่อยจริงๆนะ มันต้องกรอบๆอย่างงี้แหละ"

"แครอท......" เสียงทุ้มพูดอย่างนึกได้ ....น้องนัทมีผักที่กินไม่ได้ตั้งเยอะแยะ...แล้วแครอทกับข้าวโพดล่ะ?

ไม่ทันจะได้สงสัยไปมากกว่านี้ ร่างสูงสมส่วนก็เดินมาพร้อมจานราดหน้าพูนๆ "คุณทยุต...เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงน้ำไหลตั้งนาน น้องนัทของคุณเป็นอะไรหรือเปล่า"

"ห้องน้ำ?"

เอริคพยักหน้าและเป็นวินาทีเดียวกับที่ทยุตวิ่งหายไป

 

 






ร่างเพรียวบางที่นั่งอยู่หน้าชักโครกดูอ่อนแรงลง มือสองข้างจับขอบชักโครกเอาไว้ก่อนที่จะต้องยื่นหน้าเข้าไปอาเจียนออกมาอีกครั้ง ไม่ใช่ว่ากินแครอทไม่ได้ แต่เพราะว่าถ้ากินแครอทที่ยังสดกรอบเข้าไปมากๆ ร่างกายจะเกิดอาการต่อต้านจนต้องอาเจียนออกมาอย่างนี้

ญาณัชเอื้อมมือไปดึงชักโครกแล้วลุกขึ้นมาที่อ่างซึ่งเขาเปิดน้ำทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อครู่ มือสองข้างรองน้ำแล้ววักขึ้นล้างหน้า หมายจะให้รู้สึกดีขึ้น

"นัท..." เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงเรียกจากด้านนอกทำให้เขารู้ว่าเขาเข้ามานานเกินไปแล้ว

"เดี๋ยวออกไปแล้วพี่ยุต..." น้ำเสียงที่เอ่ยตอบไปฟังดูสั่นเครือ ก่อนที่ความพะอืดพะอมจะดันขึ้นมาอีกครั้ง ส่งผลให้ญาณัชต้องกลับไปอยู่ในสภาพเดิมก่อนหน้านี้

"นัท เปิดประตูให้พี่หน่อย เป็นอะไรหรือเปล่า" ทยุตเคาะประตูเบาๆถามอย่างห่วงใย

"นัทไม่สบายหรือเปล่า นัท นัท ตอบพี่ด้วย"

"ไม่เป็--" ตอบได้ไม่ครบคำก็ต้องก้มหน้าลงอาเจียนออกมาอีกครั้ง ทั้งไอทั้งสำลักจนเหนื่อยหอบ

"แป๊บนะนัท" ทยุตวิ่งไปยังห้องนอนแล้วคว้ากุญแจกลับมาอย่างรวดเร็ว มือใหญ่เลือกกุญแจไขห้องน้ำจากพวงแล้วไขเปิดเข้าไป

ทันทีที่ดวงตาสีแปลกมองเห็นร่างเล็กที่จวนเจียนจะหักพับ ท่อนแขนแข็งแรงก็รีบสอดประคอง

"นัทไปโรงพยาบาลกัน"

"แค่กๆ..." เขายกมือขึ้นห้าม

"ไม่เป็นไร... พี่ยุต..... ไม่ได้เป็นอะไร....."

"ทำไมถึงอ้วกล่ะ" ทยุตฉีดน้ำทำความสะอาดแล้วกดทิ้ง มือใหญ่ปิดฝาที่นั่งแล้วอุ้มญาณัชให้นั่งไว้

"บ้วนปากก่อนนะ" เชฟหนุ่มส่งแก้วที่มีน้ำอยู่เต็มจ่อที่ริมฝีปาก

"บ้วนลงพื้นเลยเดี๋ยวพี่ล้างเอง"

"ไม่เอา..." ญาณัชปฏิเสธก่อนจะยอมอ้าปากรับน้ำเข้ามากลั้วแล้วลุกมาบ้วนทิ้งที่อ่างล้างหน้า เด็กหนุ่มใช้น้ำเย็นลูบหน้าอีกครั้ง

"ป่วยแล้วยังดื้ออีก" อดดุตามประสาผู้ใหญ่ไม่ได้

"ดีขึ้นยังนัท"

"อือ... โอเคแล้วล่ะ..." มือเอื้อมหยิบผ้าขนหนูผินเล็กมาซับใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยดน้ำก่อนจะพูดต่อ

"พี่ยุต... ไม่เห็น... ต้องเข้ามาเลย..."

"จะไม่ให้เข้าได้ไง เดี๋ยวมีเด็กตายในบ้านพี่พี่ต้องร้องไห้แน่ๆ" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดีขึ้นแล้วก็อดจะหยอกไม่ได้

"แล้วทำไมถึงอ้วกล่ะ จานของนัทมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า"

...เห็นเจ้าวินยังกินเอาๆยังกับพายุอยู่เลย...

"...... แครอทสดๆ... กับข้าวโพดอ่อน..." เด็กหนุ่มเอ่ยตอบเสียงเบาราวกับกำลังทำผิดอยู่

"หือ?" คิ้วสีจางขมวดมุ่น...เคยได้ยินคนที่แพ้อาหารทะเลหรือสัตว์ปีกมาบ้างแต่คนแพ้ผักยังไม่เคยเห็นมาก่อน หรือให้พูดอีกทีเขาคิดว่าไม่น่าจะมีคนประเภทนั้นเลยด้วยซ้ำ

...ในกรณีญาณัชก็คงไม่ใช่แพ้...แต่ไม่เคยกินมากกว่า...

"นัทไม่กิน...แล้วฝืนกินทำไมครับ พี่ไม่ได้บังคับสักหน่อย ตักให้วินมันก็ได้"

"ก็... คุณวินทานตั้งเยอะ.... นัทไม่อยากให้พี่ยุตรู้สึกไม่ดี...." คนตอบไม่ยอมมองหน้าคนถาม ทั้งยังรู้สึกว่าเหตุผลที่พูดออกไปมันฟังดูไร้สาระ

"แต่นัทไม่เป็นไรแล้วนะ... พี่ยุตออกไปก่อนก็ได้..."

"พี่ไม่รู้สึกแย่หรอกนะ...แต่ทำให้นัทไม่สบายแบบนี้พี่รู้สึกไม่ดียิ่งกว่าอีก" ทยุตจูบลงเบาๆที่หน้าผากชื้นเหงื่อ

"ถ้าไม่เป็นไรแล้วก็ออกไปด้วยกันสิ นั่งในห้องน้ำนานๆเดี๋ยวเป็นลม"

"ไม่เอา..." คนตัวเล็กตอบแทบจะทันที

"หน้าตาเป็นแบบนี้เดี๋ยวเขาก็ถามกันหรอก ว่าเป็นอะไร" ไม่พูดเปล่า ญาณัชเหลือบมองใบหน้าของตัวเองในกระจก ดวงตายังดูช้ำๆ ปลายจมูกเป็นสีเข้มขึ้น ซ้ำยังจะดูเหมือนซีดลงเล็กน้อยด้วย

"ไม่เห็นต้องสนเลย ยังไงน้องนัทของพี่ก็น่ารัก" เชฟหนุ่มยิ้มขำกับใบหน้าเหวอๆของญาณัช ทยุตเอามือแตะแก้มซีดก่อนจะไล้ปลายนิ้วบนปลายจมูกสีเข้ม

"ออกไปข้างนอกกัน ไม่งั้นพี่อุ้มออกไปจริงๆด้วย" ไม่พูดเปล่า ท่อนแขนแข็งแรงสอดเข้าใต้ข้อพับพลางยกร่างเบาหวิวขึ้น

"เหมือนอุ้มเจ้าสาวเลยเนอะ"

"ไม่เอา!!! เจ้าสาวอะไร นัทเป็นผู้ชายนะ!!!!" ร่างเล็กที่ถูกยกลอยโวยวายออกมาพลางขยับดันตัวเองออกจากอ้อมกอดนั้น

"ออกก็ได้!! วางนัทลงนะพี่ยุต!!"

"วางก็ได้ครับ" ทยุตวางร่างเล็กลงแต่มือยังฉวยมากุมไว้ เขาพาญาณัชออกมาข้างนอกในตอนที่รวินกับเอริคกำลังเก็บจานกันอยู่พอดี

"โอ๊ย อิจฉาคนเพิ่งมีแฟน จับมือกันกระหนุงกระหนิงเชียวนะพี่ยุต"

รวินที่กำลังเกาพุงลูกชิ้นเอ่ยทักเสียงแจ้ว

"นัทเขาอาเจียน ไม่ค่อยมีแรง แล้วเราจะแซวทำไมเนี่ยไปล้างจานไป"

"น้องนัทท้องเหรอ?" น้ำเสียงยียวนพูดยานคางอย่างจงใจแกล้งเล่น "พี่ยุตโคตรไวไฟเลย"

"..................." คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอีกครั้ง ญาณัชไม่ชอบใจเท่าไหร่กับการจะต้องเจอคนที่เพิ่งเคยพบหน้ากันครั้งแรกแซวแบบนี้

"ผมเป็นผู้ชาย ท้องไม่ได้หรอกครับ"

"พี่แค่พูดเล่นเอง น้องนัทอย่าซีเรียสสิ" คนที่แทนตัวว่าพี่แต่รูปร่างไม่ต่างกันเท่าไรสืบเท้าเข้าไปใกล้ รวินเอียงศีรษะแล้วยิ้มกว้างให้อย่างเปิดเผย

"ตั้งท่าแบบนี้จะทำอะไรอีกล่ะ ไปล้างจานไป ทำให้กินแล้วหน้าที่เก็บล้างเป็นของเราไง จำสัญญาไม่ได้เหรอ" ทยุตพูดทวง...เมื่อก่อนทุกครั้งรวินจะชอบอ้อนให้ทำนู่นทำนี่ให้กิน ซึ่งเขาก็ยอมภายใต้เงื่อนไขที่ว่ารวินต้องเป็นฝ่ายเก็บล้าง

"แหมม แป๊บนึงนะพี่ต้นวินอิ๊มอิ่ม" ดวงตากลมโตหลับพริ้มทำท่าลูบท้องไปมา

"ไม่ต้องมาเรียกพี่ต้นเลย เรียกทีไรชอบอ้อนให้ทำแทนทุกที "

"...?" ญาณัชมองตามอย่างงงๆ 'พี่ต้น'ที่รวินเอ่ยถึงนั้นจะหมายถึงใครได้นอกจากทยุต แต่พอลองนึกถึงตอนที่ทยุตบอกให้เรียกแค่ยุตเฉยๆ ก็ไม่มีตอนไหนที่บอกว่าคือ 'ต้น'

"พี่ต้น.......?" เด็กหนุ่มเผลอพูดออกมาก่อนจะรีบเปลี่ยนไปทางอื่นพลางเก็บความรู้สึกข้องใจเอาไว้

"เดี๋ยวผมล้างให้เองครับ..."

"ให้วินมันล้าง ข้อตกลงคือข้อตกลงนะนัท" เชฟหนุ่มฉวยมือเรียวไว้

"โหยย พี่ต้นครับ ล้างให้น้องวินหน่อยนะนะนะนะ" รวินแกล้งทำปากบุ่ยพูดเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนดูบ้าง...ก็แหม ใครใช้ให้พี่ยุตทำท่าหวงน้องนัทขนาดนั้นเล่า

"ล้างให้เองนะครับ..น้องวิน" คนที่นิ่งเงียบอยู่นานเป็นฝ่ายเสนอตัวด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น เอริคซ้อนจานทั้งหมดเข้าไว้และถือไว้ด้วยมือข้างเดียว

"สรุปว่าคุณชื่ออะไรกันแน่คุณเชฟ? พี่ยุตหรือพี่ต้นผมจะได้จำถูก" ดวงตาคมสบตามองก่อนจะเรื่องไปมองดวงตาโศกที่มีแววสงสัยไม่แพ้กัน

"..... พี่ต้น... คือชื่อเล่นเหรอ?" ญาณัชถามด้วยน้ำเสียงที่ติดจะเรียบๆ อยากจะได้ยินว่าใช่ มากกว่าจะบอกว่าเป็นชื่อที่เอาไว้เรียกกันสองคน

"อื้อ ชื่อ..."

"อ๋อ ใช่ๆ พี่ยุตไม่เคยบอกเหรอว่าชื่อเล่นจริงๆชื่อต้นข้าวแต่มันน่ารักเกินหน้าแมนๆเลยไม่ค่อยได้บอกใคร" ไม่ทันที่ทยุตจะได้พูดรวินก็สวนกลับพลางเหน็บคนตัวโตเข้าอย่างจัง

"แต่พี่ชอบเรียกนะ แกล้งพี่ยุตสนุกดี" รวินหันไปยิ้มให้เชฟหนุ่ม แต่กับนายแบบที่ยืนถือจานรวินกลับถูกทำตาเขียวใส่

"ตามนั้นแหละนัท..." ทยุตพูดเบาๆ "แต่นัทจะเรียกก็ได้นะ พี่ไม่ว่าหรอก"

"... อืม..." ถึงจะได้ยินแบบนั้น แต่ญาณัชก็ยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก คำพูดที่รวินหันมาตอบนั้นยิ่งทำให้ใบหน้าของเขาดูนิ่งเฉยมากขึ้น

สิ่งที่สังเกตเห็นได้จากญาณัชคือความไม่สบายใจอย่างชัดเจน ใบหน้านิ่งเฉยตีสีหน้าเหมือนครั้งแรกๆที่ได้พบกับ..ตอนที่ญาณัชยังไม่ชินกับตัวเขา

ทยุตเอื้อมจับมือเล็กพลางบีบเบาๆ หากไม่เข้าข้างตัวเองเกินไปนัก กิริยาของญาณัชที่กระทำอยู่อาจจะเรียกว่า "หึง" ก็เป็นไปได้

"ล้างจานไปนะวิน พี่ไปเดินเล่นแป๊บ" เชฟหนุ่มดึงมือของคนรักแล้วพาออกข้างนอกโดยทิ้งเสียงแซวเอาไว้ข้างหลัง

 

 


To be continued...





Talk : น้องนัทผู้ไม่กินผัก..... วินนี่กลับมาอ่านกี่ครั้งก็น่ารำคาญเหมือนเดิม 5555

หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 13 ก็หวง..... [09/04/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 09-04-2015 22:01:56
รู้สึกรำคาญวินอ่ะ

 :katai1:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 13 ก็หวง..... [09/04/15]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 09-04-2015 22:30:33
เค้าว่าวินก้น่ารักดี ก้แค่ไม่ใช่นายเอก ทำไรเลยว่าผิด
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 13 ก็หวง..... [09/04/15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-04-2015 22:45:30
บ่อยครั้งวินก็เยอะไปน่ะ ถึงจะเป็นพี่คนสนิทกันมากๆก็เถอะ แต่นี่แฟนตัวแฟนเขาก็อยู่สมควรหรือ
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 13 ก็หวง..... [09/04/15]
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 10-04-2015 00:04:56
 :-[
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 13 ก็หวง..... [09/04/15]
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 12-04-2015 22:55:46
แอบรำคาญวินเหมือนกันค่ะ ฮ่าๆ
แต่ชอบน้องนัทที่ดูมีอีโมชั่นมากขึ้นนะ ไม่ค่อยนิ่งๆ เหมือนเดิมแล้ว แบบไม่พอใจก็เงียบ หึงก็มีสิ่งที่ทำให้สังเกตได้
ชอบแบบนี้ ^^
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 13 ก็หวง..... [09/04/15]
เริ่มหัวข้อโดย: PURE LOVE ที่ 13-04-2015 16:38:23
หมั่นไส้วินมากเลยนะ ไม่รู้สิ ถึงจะเป็นคนร่าเริง เข้ากับคนง่าย ชอบตีสนิท
แต่บางทีมันมากไปหรือเปล่า แล้วก็ควรดูด้วยว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร แล้วเป็นคนยังไง
อย่างน้องนัท ที่ไม่คุ้นเคยกับคนแปลกหน้า เจอเข้าอย่างนี้
ไม่แปลกที่น้องจะรู้สึกไม่ดี แถมคน ๆ นั้น ยังเป็นแฟนเก่า แฟนตัวเองอีก
แล้วการทำตัวออดอ้อน เดี๋ยวกอด ๆ พูดเหมือนรู้ดีไปทุกเรื่องในตัวแฟนเก่า
ต่อหน้าแฟนใหม่เขา กับแฟนตัวเองนี่ มันสมควรหรือไง ถึงคนพูดจะไม่คิดอะไร
แต่คนฟัง คนเห็น เค้าไม่คิดอย่างนั้นด้วยนะ อ่านทีไร ทั้งรำคาญ ทั้งหมั่นไส้วินทุกทีสิน่า
จนจะหมั่นไส้พี่ยุตไปด้วยแล้วเนี่ย เฮ้อ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 13 ก็หวง..... [09/04/15]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 24-04-2015 21:19:27
 :-[
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 13 ก็หวง..... [09/04/15]
เริ่มหัวข้อโดย: iamtoon ที่ 13-05-2015 15:41:36
เข้ามารอน้องนัทททท  :-[
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 14 Futari de hitotsu [17/05/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 17-05-2015 20:47:29

-14-


"นัทเป็นอะไรหรือเปล่า ดูหน้าตาไม่ค่อยสบายใจเลย" ชายหนุ่มยิ้มให้จางๆ แนวกุหลาบขาวที่เดินผ่านส่งกลิ่นหอมจางๆมาตามสายลมเอื่อย อากาศเย็นๆของช่วงหัวค่ำในคืนน้ำค้างลงน่าเป็นห่วงสำหรับคนตัวเล็กนิดหน่อย ทยุตเลยถือโอกาสเปลี่ยนจากกุมมือมาเป็นกอดไว้เบาๆแทน

"... อืม" อ้อมกอดที่ร่างสูงมอบให้อย่างอ่อนโยนทำให้ความไม่พอใจนั้นจางลง

"ไม่มีอะไรหรอก... เรื่องไร้สาระ....." เขาว่าก่อนจะเอนใบหน้าซบเข้ากับต้นแขนของทยุต

"เรื่องไร้สาระของนัทพี่ก็อยากฟังนะครับ" อาการอย่างนี้เรียกว่างอนหรือหึง...หรือทั้งสองอย่างกันนะ

"พี่อยากให้เราคุยกันให้มากกว่านี้ มีอะไรที่ไม่พอใจก็บอกกันตรงๆ เราเป็นแฟนกันนะครับ...อย่าลืมสิ"

"...... ก็... แค่... ไม่พอใจ... ที่รู้ว่า 'ต้นข้าว' คือชื่อเล่นของพี่ยุตจากคนอื่น..... เฉยๆ..." ญาณัชเอ่ยตอบก่อนจะหลบสายตาของร่างสูงที่มองมา

".........เห็นไหม.... บอกแล้วว่าไร้สาระ" ริมฝีปากของเด็กหนุ่มขยับบ่นอุบอิบพร้อมๆกับคิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

"อื้อ ไร้สาระจริงๆแหละ" ทยุตพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะโฉบแก้มนิ่มๆด้วยปลายจมูกเบาๆ

"เรื่องชื่อ... ก็ชื่อนี้มันไม่มีใครเรียกนานจนพี่แทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ แถมเวลาแม่เรียกพี่ก็เขินจะตาย... แต่การที่นัทหึง...อืม..น่าจะใช่หึงล่ะนะ" เขาพยักหน้าอีกครั้งก่อนจะกระซิบข้างหู
"การที่นัทหึงพี่ด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้รู้ไหมว่าพี่ดีใจแค่ไหน"

คนถูกกล่าวหาถึงกับถอยออกมา ใบหน้าที่ดูซีดเซียวก่อนหน้าดูจะเปลี่ยนสีขึ้นมาได้ทันตา

"หึงอะไร?? นัทไม่ได้หึงซะหน่อย!"

"อาการมันฟ้องนะครับ ถ้านัทบอกไม่ได้หึงพี่แล้วนัทจะเรียกอาการแบบนี้ว่าไงล่ะ" เชฟหนุ่มก้มลงเด็ดดอกกุหลาบขาวที่ถูกน้ำค้างพร่างพรมบนกลีบดอกสีอ่อนจาง เขาริดใบกับหนามออกพอให้ถือได้แล้วยื่นส่งให้

"สวยเนอะ... เป็นดอกไม้ขี้งอนเหมือนนัทเลย ถ้าไม่ดูแลไม่เอาใจใส่ก็ไม่มีวันได้ชมดอกสวยๆแบบนี้หรอก"

"... นัทแค่ไม่ชอบรู้สึกว่าแพ้ใครนี่นา.... ไม่ได้ขี้งอนสักหน่อย......" มือเรียวบางรับดอกกุหลาบมาถือไว้ ก่อนจะทิ้งตัวเข้าใส่อ้อมกอดแข็งแรง กดหน้าผากเข้ากับแผ่นอกกว้างแล้วเอ่ยต่อ

"คุณวินจะอยู่ค้างคืนที่นี่ใช่ไหม?"

"ไม่ได้เหรอ?" อาการอ้อนที่ไม่ค่อยได้เห็นทำเอาเชฟหนุ่มแทบจะทำตัวไม่ถูก มือที่ยกเก้ๆกังๆนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะรู้ตัวว่าควรกอดร่างเล็กที่ซุกซบไว้

"เดี๋ยวพี่ให้นัทนอนกับวินมันในห้องนะ พี่กับแฟนวินจะนอกข้างนอกกับพวกสองหมาเอง"

"ไม่เอา--..." ญาณัชเงยหน้าขึ้นก่อนจะสบมองดวงตาสีเขียวคู่นั้นอย่างออดอ้อนโดยไม่ได้รู้ตัว

"นัทอยากนอนกับพี่ยุต... ไม่ได้เหรอ..."

ที่เคยได้ยินว่ามีความสุขจนสำลักตาย... ทยุตชักเข้าใจขึ้นมานิดๆแล้ว

ชายหนุ่มจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากบางๆที่เชิดขึ้นอย่างเอาแต่ใจเล็กน้อย นัยน์ตากลมโตของญาณัชทำเอาเขาแทบอยากจะให้สองคนนั้นออกไปจากบ้านแล้วกอดญาณัชทั้งอย่างนี้

...แต่ก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี...

"เรายังได้นอนด้วยกันอีกหลายวันนะครับ วันนี้นอนกับวินไปก่อน พี่ขี้เกียจฟังมันบ่นเรื่องที่นอน... มันไม่ชอบนอนบนโซฟาหรือถุงนอนน่ะ"

".... ก็ให้คุณเอริคไปนอนกับคุณวินในห้องนอนสิ... นัทนอนโซฟาก็ได้..." เด็กหนุ่มยังคงพยายาม เขาไม่ชอบการนอนร่วมเตียงกับคนแปลกหน้าอยู่แล้ว ยิ่งอีกฝ่ายเป็นรวิน ญาณัชยิ่งรู้สึกว่าคงไม่ได้นอนอย่างสงบแน่ๆ

"... นะ"

"ไม่เอาหรอก นัทนอนโซฟาเดี๋ยวนอนไม่สบาย ไม่ชินแล้วจะปวดหลัง นะครับคนดี แค่คืนเดียว เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะส่งวินกลับบ้านเอง" ทยุตไม่ยอม... อาจจะเป็นเพราะหากนอนด้วยกันในบรรยากาศเช่นนี้อาจจะมีสิ่งที่เหมือนตอนเกิดขึ้นที่โรงแรมตามมา เขาไม่มั่นใจว่าจะห้ามใจตัวเองได้อีกแล้ว... ในเมื่อคนที่รักนอนซุกซบในอ้อมกอดเช่นนั้น

"เข้าบ้านนะ อดทนนิดเดียว ไว้จะทำขนมให้กินนะครับ"

ทยุตปลอบคนที่ทำปากบุ่ยด้วยรอยยิ้ม...และจุมพิตบนหน้าผากมน

 

 

บนเตียงกว้างขนาดที่พอจะให้คนนอนสบายๆได้สามคนมีร่างของรวินนอนแผ่หราอยู่อย่างเต็มที่ ร่างเพรียวสวมชุดนอนตัวใหญ่ของทยุตด้วยเหตุผลที่ว่ามันนิ่มดี... ซึ่งทำเอาคนรักของตัวเองอดเคืองไม่ได้

...แต่ก็นั่นล่ะ คนอย่างรวินแคร์ที่ไหน

แต่ไหนแต่ไรก็มีคนบอกว่าเขาเป็นพวกเอาแต่ใจ ขี้วีน ขี้โมโห จนเกือบจะเรียกว่าพวกไม่รู้จังหวะเสียด้วยซ้ำ ซึ่งรวินเองก็พยักหน้ารับโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ในเมื่อทั้งหมดมันเป็นนิสัยเขาจริงๆ

...จะให้ทำแบ๊วอ้อนอ่อนหวาน...

...คนอย่างรวินทำไม่เป็นหรอก...ถ้าไม่อยากทำน่ะนะ....

นัยน์ตากลมโตจับจ้องไปยังเด็กหนุ่มที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่นานสองนาน ญาณัชเดินเข้ามาในห้องนอนก่อนเขาแต่ยังยืนทำท่าเหมือนไม่อยากนอน จนปากไวๆหรือที่ถูกแซวบ่อยๆว่าปากหมาอดทำงานไม่ได้

"น้องนัทไม่นอนเหรอ มาๆ มานอนกัน" รวินกลิ้งตัวหลบเผื่อพื้นที่ให้นอนข้างๆ

"......" ร่างบางค่อยขยับขึ้นขึ้นเตียงพลางมองหาหมอนข้างที่ทยุตเคยจะหยิบมากั้นไว้ แต่ก็ดูเหมือนจะหายไปแล้ว ญาณัชไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากล้มตัวลงนอนด้วยพื้นที่เพียงเล็กน้อยบนเตียง

"..... ราตรีสวัสดิ์ครับ"

"เดี๋ยวดิ้" รวินกลิ้งตัวนอนคว่ำเท้าคางมองคนตัวเล็กพลางทำปากบู่อย่างขัดใจ

"ยังไม่ดึกเลยมาคุยกันก่อนได้ไหมอะ" มือเรียวจับตัวญาณัชเบาๆแล้วเลยไปยังเส้นผม รวินใช้ปลายนิ้วลูบเบาๆก่อนจะยิ้มหวานใส่

"ผมนัทนุ้มนุ่ม อยากเล่นจัง ตอนอยู่กะพี่ยุตชอบแอบถักเปียตอนหลับ... โดนจับได้ทีไรโดนงดหนมหวานทุกทีเลย ใจร้ายเนอะ"

"......." อยากจะบอกว่าก็สมควรแล้ว แต่ญาณัชก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ค่อยๆยกมือขึ้นดึงผมของตัวเองคืนมา

"ก็... ถักแล้วผมมันจะม้วนนี่ครับ"

"ก็ม้วนๆเป็นลอนๆไง น่ารักออก ขอเล่นหน่อยได้ป่ะ" รวินยังตื้อไม่เลิกยิ่งญาณัชทำท่าเหมือนไม่อยากคุยเท่าไหร่... แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน... เขากลับอยากแหย่ให้มากขึ้น

...นิสัยเสียส่วนตัวละมั้ง...

"นะ?" ใบหน้าหวานยิ้มพรายอ้อนเต็มที่

"... ผมไม่ชอบครับ ขอโทษด้วย" เด็กหนุ่มเอ่ยตอบ ติดจะเย็นชาเสียหน่อย อาจจะเป็นการเสียมารยาทไปบ้าง แต่ญาณัชก็ไม่ชอบให้ใครมาเล่นผมง่ายๆเท่าไหร่นัก

"ใจร้าย" รวินพูดอย่างไม่จริงจังนักแต่ก็ยอมแพ้แต่โดยดี

รวินพลิกตัวหันหลังให้พลางดึงผ้าห่มขึ้นคลุมกาย เขาพลิกตัวไปมารอให้อีกฝ่ายนอนก่อนจะหันเข้าหาแล้วคว้ากอดหมับทันที

"กอดหน่อยนะ"

"!!? เดี๋ย-- คุณวินครับ!" ร่างบางทำตัวเกร็งขึ้นมา พยายามที่จะพลิกตัวกลับมาดันอีกฝ่ายออก แต่แขนสองข้างของรวินนั้นดูจะไม่ยอมปล่อยเอาง่ายๆเสียเลย

"..."

"เรียกพี่วินก่อนถึงจะปล่อย" รวินแกล้งหลับซุกเข้ากับไหล่บางที่แข็งเกร็งพลางกลั้นหัวเราะ

"นัทตัวนุ่มแต่ไม่อุ่นอ่ะ ไม่เหมือนพี่ยุตกะเอริคเลย"

".... ก็ผมไม่ใช่พี่ยุตแล้วก็คุณเอริคนี่ครับ คุณวิน..." ญาณัชทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่รวินขอให้ทำ ซ้ำยังพยายามขยับตัวออกห่างแม้จะไม่ค่อยสำเร็จก็ตาม

"ช่างเหอะ เอาเป็นว่าขอกอดคืนนี้สักคืนแล้วกัน" คนที่กอดอยู่พูดเองเออเองเสร็จสรรพพร้อมทั้งยังกอดไม่ยอมปล่อยด้วย

"น้องนัทฮ้อมหอม ขอหอมแก้มทีดิ่"

"ทีเดียว... นะครับ" ญาณัชเอ่ยอนุญาตเสียงต่ำ เพราะมีลางสังหรณ์ลึกๆในใจว่าถ้าไม่ยอม คืนนี้คงจะไม่ได้นอนเป็นแน่

"อื้อ" รวินพยักหน้า "ขยับเข้ามาใกล้ๆสิ"

ชายหนุ่มหน้าหวานเอาคางเกยไหล่แล้วหลับตาพริ้มส่ายหน้าไปมา ริมฝีปากสีสดยื่นทำท่าจะจุ๊บแก้มใส

"....." ญาณัชถอนหายใจออกมาก่อนจะขยับใบหน้าเพียงเล็กน้อยเพื่อให้คนช่างพูดได้หอมแก้มเบาๆ

รวินยืดหน้าเข้าไปหอมเบาๆแนบจมูกและริมฝีปากลงบนแก้มนิ่ม มือที่กอดไว้ยังเลื่อนขึ้นมาจับใบหน้าของญาณัชให้หันมาใกล้แล้วแกล้งจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากบางที่เม้มแน่น

"อืมมม รู้เลยว่าทำไมพี่ยุตถึงชอบน้องนัท" รวินเกลี่ยจมูกเบาๆแล้วถอยออกมากอดไว้หลวมๆ

"!!!!!?????" ญาณัชอยู่ในสภาพพูดไม่ออก เขาอยากผลักคนข้างๆหนีออกมา

"นอนๆ" รวินหลับตากอดญาณัชเอาไว้ เขาเอาหน้าซุกๆสองสามทีแล้วยกขาก่ายล็อกเอาไว้

"ฝันดีนะน้องนัท"

".......... ครับ" ในใจนึกพูดได้แต่ว่า คนที่ฝันดีคงจะมีแต่รวิน เพราะถูกกอดไว้แบบนี้ไม่ทำให้เขาหลับได้ง่ายๆแน่ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะนอนอยู่กับไออุ่นของทยุตมากกว่า

...ป่านนี้พี่ยุตก็คงหลับไปแล้ว

"น้องนัทคิดอะไรอีกแล้ว ไม่ง่วงเหรอ ถ้าไม่ง่วงออกไปหามื้อดึกกินกันไหม เดี๋ยวทำซุปให้กิน เห็นอย่างงี้ก็เหอะฝีมือทำซุปพี่พี่ยุตยังชมเลยน้า" รวินลืมตาแล้วยิ้มสวย... ถึงจะเพิ่งกินไปไม่กี่ชั่วโมงแต่แค่ซุปเอง... ไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว

ชายหนุ่มผุดลุก จับมือทำท่าจะฉุดให้ลุกขึ้นด้วยกัน

"กินซุปใสกะหล่ำไหม พี่ยุตเคยเล่าว่านัทชอบกินกะหล่ำนี่"

"......" ถ้าหากไม่ใช่รวิน ญาณัชคงได้ลุกออกจากห้องไปโดยไม่สนใจแล้วด้วยซ้ำ เขาไม่คุ้นเคยกับคนร่าเริงขนาดนี้เลยแม้แต่น้อย กับเพื่อนสมัยเรียนก็ไม่เคยมีแบบนี้

"ผมอิ่มแล้วครับ... นอนเถอะ..."

"งืมมมมม" รวินคางเบาๆอย่างตัดใจก่อนจะล้มตัวลงนอนกอดญาณัชแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมอีกครั้ง

"นอนก็ได้ ไว้พรุ่งนี้ค่อยทำให้กินแล้วกัน ฝันดีๆ" แก้มขาวๆถูกชิงหอมอีกครั้งก่อนที่รวินจะซุกเข้าหาแล้วหลับไปในเวลาไม่นาน

ร่างบางที่ถูกกอดเอาไว้ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ได้ถึงขั้นกับนึกรังเกียจหรืออะไร แต่ก็คงต้องบอกว่า เป็นคนช่างพูด ออดอ้อน เอาแต่ใจได้ไม่น่าเกลียดเอาเสียเลย นัยน์ตาสีเข้มค่อยๆปิดลงบ้างช้าๆ ก่อนจะพยายามสงบใจของตัวเองให้หลับลง

 

 

"โฮ่ง"

"แบ๊ก"

"โฮ่ง"

"แบ๊กๆๆๆ"

เสียงนาฬิกาปลุกชั้นดีขนาดทีไม่มีอันไหนในโลกทำได้ดังขึ้นใกล้หู ทยุตค่อยๆลืมตาขึ้นพลางนึกในใจว่าเดี๋ยวนี้เจ้าสองหมาแอดวานซ์ถึงขั้นมานอนซบเขาแล้วเหรอ

มือใหญ่ลูบเบาๆ... น่าแปลกที่วันนี้ดูมันจะขนยาวขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ทยุตผงกหัวขึ้นมอง...และเข้าใจได้ในทันที

"นัท!?"

คนที่ถูกเรียกยังไม่ยอมลืมตาขึ้นง่ายๆ ร่างเล็กที่ขดตัวจนเหมือนเป็นก้อนกลมๆอยู่ข้างกายขยับเพียงเล็กน้อยก่อนจะรับสัมผัสจากฝ่ามือใหญ่ที่ลูบศีรษะของเขาให้มากขึ้น

"ขอนอน... อีกนิด... นะ...." ญาณัชงัวเงียบอกพลางเอื้อมแขนมากอดเอวของร่างสูงเอาไว้

"นัทมานอนตรงนี้ได้ไง เมื่อคืนก็นอนในห้องนี่" ทยุตพูดเบาๆ เขาเสยผมยุ่งๆไปไว้ด้านหลังก่อนจะนอนลงอีกครั้งแล้วดึงญาณัชเข้ามากอดก่อนจะกดจุมพิตที่หน้าผากทีนึงแทนการทักทาย

"ตื่นมาบอกพี่ก่อนสิครับว่าทำไมถึงนอนที่นี่ได้"

"คุณวินกอดนัททั้งคืน... แทบไม่ได้นอนเลย..." เด็กหนุ่มซุกใบหน้าเข้าหาก่อนจะเอ่ยพูดต่อ

"ก็เลยแอบออกมา ให้คุณเอริคไปนอนแทน...."

"ระวังเหอะเดี๋ยวเจ้านั่นจะตื่นมาโวยเอา" ทยุตพูดยิ้มๆ มือใหญ่ที่ลูบผมเบาๆเลื่อนลงลูบกลางแผ่นหลังบอบบางที่กอดซุกอยู่ ร่างเล็กขยับนิดๆเหมือนรำคาญแต่ก็ง่วงจนเกินกว่าจะทำอะไรได้

"นัทหนาวไหม พี่ห่มผ้าให้นะ" ทยุตดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างญาณัชแล้วกอดเข้าแนบชิด

"นอนพื้นแบบนี้ก็ดีเนอะ แปลกๆดี"

"ให้คุณวินโวยไปเถอะ...... พอพี่ยุตไม่อยู่ก็แกล้งกันสนุกใหญ่... นัทไม่ชอบหรอกนะ ให้คนเพิ่งรู้จักกันมาจูบมากอดแบบนั้นน่ะ..." คิ้วของญาณัชขมวดเข้าหากันยามบ่นพึมพำออกมา

"นัทมานอนด้วยแบบนี้... ทำให้พี่ยุตนอนไม่สบายรึเปล่า"

"ไม่หรอก นอนเหอะ"ทยุตกอดเบาๆเป็นการยืนยัน

"ว่าแต่ยอมให้วินมันหอมพี่ก็ขาดทุนสิ ไหน...มาหอมพี่บ้าง" ทยุตแกล้งยื่นแก้มเข้าหาคนง่วงนอน ปลายนิ้วหยาบแตะจมูกมนแผ่วเบา

"อื๊อ--" ญาณัชทำหน้ายุ่ง แต่ก็ขยับใบหน้าเข้าหาก่อนหอมแก้มร่างสูงตามคำขอ

"รักนัทเยอะๆนะ..." น้ำเสียงที่เอ่ยพูดออกมาฟังดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังงึมงำอยู่คนเดียว

คำพูดออดอ้อนอย่างเป็นธรรมชาติของญาณัชอ่อนหวานอยู่ในหัวใจ ทยุตกอดอีกฝ่ายแน่นขึ้นพลางกระซิบเบาๆข้างหู

"นัทก็อย่าลืมรักพี่ให้เยอะๆเหมือนกันนะครับ"

"... อือ..." ญาณัชขยับซุกใบหน้าเข้ากับอ้อมกอดอบอุ่น ขดตัวราวกับสัตว์เล็กที่ต้องการความอบอุ่น

"รักสิ..." น้ำเสียงแผ่วเบากระซิบบอก

"เยอะด้วย....."

"จริงเปล่า" ทยุตถามก่อนจะจักกะจี้เบาๆไม่ยอมให้ญาณัชนอนหลับ เขาซุกไว้จมูกลงบนผิวแก้มอ่อนนุ่ม มือสอดเข้าไปใต้เสื้อนอนลูบเบาๆที่ผิวนุ่มมือ

"ง่วงเหรอ... ตื่นได้แล้วครับ... ขอกอดได้ไหม..."

"อือ!" คนถูกก่อกวนส่งเสียงคล้ายขัดใจก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยให้อ้อมกอดจากอีกฝ่ายแน่นขึ้น

"ก็กอดนัทอยู่นี่... อืม..."

"อนุญาตแล้วนะ...." เชฟหนุ่มยิ้มกับตัวเองก่อนจะพลิกตัวขึ้นคร่อมร่างเล็กไว้เบื้องใต้ ผ้านวมผืนหนาถูกเอามาใช้เป็นม่านกำบังจากแสงอาทิตย์ ทยุตจูบเบาๆที่ต้นคอขาวเนียนฝากรอยเอาไว้แทน

"ทีนี้ตื่นหรือยัง"

"พี่.. ยุต..." น้ำเสียงของญาณัชยังคงฟังดูง่วงนอน ทว่านัยน์ตาโศกสองข้างก็ค่อยๆเปิดขึ้น

"แล้วแบบนี้จะนอนยังไง...."

"ไว้อีกสักพักค่อยนอนนะ" ถึงจะเอาแต่ใจแต่น้ำเสียงก็ยังอ่อนโยน ทยุตโอบร่างบางสูงขึ้นเล็กน้อย มือใหญ่ซุกซนสอดเข้าใต้กางเกงผ้าเนื้อนุ่มบางเบาพลางหยอกล้อสะโพกของอีกฝ่ายเชื่องช้า พักหนึ่งจึงเลื่อนมาด้านหน้าปลุกส่วนอ่อนไหวของคนขี้เซา

"นัทนุ่มไปทั้งตัวเลย..."

"!!!?? อือ--! พี่ยุต!!" คราวนี้ที่ตั้งใจจะนอนหลับเป็นอันพับเก็บ ญาณัชสลัดความง่วงงุนทิ้งแล้วเอ่ยปรามร่างสูงโดยไม่ส่งเสียงให้ดังจนเป็นการปลุกรวินหรือเอริคที่ยังไม่ตื่นได้

"... ทำอะไร ไม่เอานะ..."

".....ทำไมล่ะ..." ทยุตยิ้มแกล้งไม่รู้ หากแต่มือที่ยังสัมผัสอยู่กลับคลึงเคล้นเบาๆ

"นัทกลัววินตื่นมาเจอเหรอ?"

"อ.. อือ..." เด็กหนุ่มร่างบางผงกศีรษะเบาๆ มือข้างหนึ่งพยายามเอื้อมลงไปหมายจะยึดข้อมือของทยุตเอาไว้เป็นการห้าม

"ไม่... ดี... ไม่ใช่... เหรอ"

"วินตื่นสาย" ทยุตพูดเหมือนว่านี่คือเหตุผลที่เพียงพอที่จะกอดญาณัชต่อ เขาลุกขึ้นนั่งแล้วยกร่างบางให้คร่อมบนตัก เขากดแผ่นหลังและสะโพกของญาณัชเข้ามาแนบชิด

"เข้าไปหาที่อื่นกันไหม?...." พูดออกไปก็นึกไม่ออกว่าที่อื่นที่ว่าคือตรงไหนไหน อันที่จริงเขาก็ไม่ได้รังเกียจบนพื้นหรือโซฟา แต่กลัวใครบางคนในอ้อมกอดจะมัวแต่อายจนหลงลืมความสุขที่กำลังจะมอบให้

"......... อือ..." ใบหน้าของญาณัชถูกซ่อนไว้ใต้เส้นผมที่ตกลงระใบหน้า ทว่าก็ไม่อาจปกปิดผิวแก้มที่แดงเรื่อได้

"ห้องน้ำ.... ได้ไหม..."

ทยุตตอบรับคำขอด้วยจุมพิตหวาน เขาลุกขึ้นก่อนจะอุ้มร่างบางแนบอกสาวเท้าไปยังห้องอาบน้ำ เขาใช้มือหนึ่งโอบร่างเล็กพาดบ่าอีกมือเปิดก็อกรองน้ำผสมกันจนได้ที่

ทยุตปล่อยญาณัชลงแล้วคุกเข่า กางเกงผ้านิ่มถูดดึงออกจากกายบอบบางเผยผิวเนียนละเอียดที่เคยฝากรอยเอาไว้ ปลายนิ้วลากเบาๆผ่านแนวสะโพกอย่างจงใจแกล้งให้คนรักเขิน

"ทำให้ไหม?"

".... อย่า... แกล้งกันสิ" ญาณัชเอ่ยท้วงติงก่อนจะค่อยๆลดตัวลงในน้ำอุ่น

"พี่ยุต... ชอบแกล้ง"

"ก็นัทน่ารักทำไมล่ะ" ทยุตย้อนก่อนจะถอดชุดของตัวเองออกบ้าง ชายหนุ่มเปิดฝักบัวรดตัวลวกๆแล้วนั่งลงบนริมขอบอ่าง มือใหญ่ดึงร่างเล็กที่เหมือนพยายามจะมุดตัวลงน้ำให้เงยหน้าขึ้น

"เขยิบให้พี่ลงอ่างด้วยสิครับ"

ญาณัชค่อยๆเขยิบตัวไปทางปลายอ่างอาบน้ำโดยยกขาขึ้นมาชันเข่าเอาไว้เพื่อจะได้ไม่กินที่

"... ลงได้รึยัง..."

"อืม" ทยุตๆค่อยๆหย่อนตัวลงในอ่างแม้จะใบใหญ่แต่การที่ผู้ชายไซส์เกินมาตรฐานจะลงไปแช่กับคนรักก็คับแคบไปนิด

"แคบเนอะ" ทยุตบ่นเบาๆแล้วดึงร่างเล็กขึ้นมานั่งบนตัก เนื้อตัวเปล่าเปลือยแนบชิดกันจนรู้สึกถึงความอุ่นผ่านสายน้ำ

"อย่างนี้ค่อยดีหน่อย เนอะ?" เนอะ..ที่อีกฝ่ายคงไม่เป็นด้วยเท่าไหร่เมื่อดูจากอาการแล้ว ทยุตงับติ่งหูเย็นๆของอีกฝ่ายเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว

".... แคบ... อยู่ดีแหละ" ญาณัชเอ่ยตอบเสียงเบาพลางขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายมากขึ้น

"ขยับมากระวังไม่ปลอดภัยนะนัท" สะโพกเพรียวที่นั่งอยู่บนตักเขาแนบชิดเสียยิ่งกว่าชิด จนบางส่วนของเขาเริ่มที่จะเกิดปฏิกริยาบางอย่างให้คนตัวเล็กรู้สึกแล้ว ทยุตเป่าลมหายใจแผ่วๆเข้าที่ด้านหลังของใบหูนิ่มพลางกอดซบเอาคางเกยไหล่เล็ก

".....ได้ไหมครับ...." จูบเบาๆที่แก้มแดงระเรื่อส่งผ่านความคิดไปให้

ญาณัชหันมาหาร่างสูงแทบจะทันที คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันก่อนจะหันกลับไปแล้วเอนแผ่นหลังให้แนบชิด

"ก็....... ไม่เห็นต้องถามเลย....." ตัวเขาที่ถูกเย้าแหย่มาก่อนหน้านี้ก็รู้สึกถึงความต้องการสัมผัสจากคนที่กำลังถามคำถามน่าอายได้ดี

"อยากถาม..อยากให้ตอบแบบชัดๆด้วย" มือที่กอดอยู่เลื่อนลงปรนเปรอส่วนอ่อนไหวของร่างเล็กให้เชื่องช้า ทยุตขบเม้มลำคอเรียวฝากรอยหลายต่อหลายครั้งทั้งที่มือยังเคลื่อนไหว เสียงลมหายใจหอบๆที่หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากบางทำเอาเขาเกือบยั้งใจไม่ไหว

"ว่าไงครับ?"

"ฮ...." พออ้าปากจะตอบ กลับต้องยั้งเสียงครางเอาไว้ ริมฝีปากบางเม้มแน่นก่อนจะรีบตอบออกมา

"ได้....... สิ..." ร่างบางรู้สึกอายที่จะต้องเอ่ยปากบอกมากเสียกว่าถูกสัมผัสให้รุ่มร้อนเสียอีก

ทยุตตอบรับด้วยจูบลึกซึ้ง เขาพลิกร่างเล็กเข้าหาตัว ของหวานตรงหน้าเย้ายวนและหวานยิ่งกว่าสิ่งใดๆที่เคยลิ้มลอง ชายหนุ่มสัมผัสและเล็มเชื่องช้า ทั้งผ่อนคลายและกระตุ้น น้ำในอ่างลดต่ำลงเพราะร่างเล็กถูกยกขึ้นก่อนจะกลับมาท่วมท้นอีกครั้งเพราะร่างเล็กเช่นกัน กายที่สอดประสานดูจะแนบแน่นยิ่งกว่าครั้งแรกดูได้จากใบหน้าคนรักที่ทั้งเขินอายและประหม่า...ทว่าแฝงไว้ด้วยความต้องการที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

เชฟหนุ่มจูบซ้ำๆบนเปลือกตาหรี่ปรือ ก่อนจะเป็นฝ่ายนำด้วยการช่วยยกสะโพกเพรียวขึ้นลงเพราะร่างบางเอาแต่กอดเขาแน่น เนื้อตัวเปลือยเปล่าที่เสียดสีกันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นและความปรารถนา

"ขยับเองได้ไหม" มือใหญ่ปล่อยออกแล้วถามเบาๆ อ้อมแขนสองข้างกอดรอบตัวแน่น

"..." ญาณัชส่ายศีรษะไปมาเร็วๆ

"ม... ไม่...." นัยน์ตาคู่สวยชุ่มชื้นไปด้วยน้ำตาก่อนจะปิดลงด้วยต้านความรู้สึกตัวเองไม่ไหว อารมณ์ร้อนถูกเติมเต็มพร้อมกับความรู้สึกแปลกใหม่ ครั้งนี้ร่างบางรับรู้ถึงตัวตนที่ร้อนผ่าวของทยุตมากกว่าเดิม ความรู้สึกเสียวซ่านวิ่งพล่านไปทั่วกายอย่างห้ามไม่ไหว แขนสองข้างที่โอบกอดแผ่นหลังกว้างขยับแน่นขึ้น มือเกี่ยวเกาะยึดเอาลาดไหล่ไว้

"พี่.. ยุต.... ร... ร้อน"

"นัทก็ร้อน..." ช่องทางที่โอบล้อมตึงแน่นจนแทบจะปลดปล่อย ยิ่งอีกฝ่ายขยับตัวยิ่งทำให้ความร้อนในกายสูงขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มปล่อยให้อารมณ์หวามไหวอันเร่าร้อนนำพาไป ญาณัชที่อยู่ในอ้อมกอดดูบอบบางจนจะแตกได้...แต่ก็น่ารักเสียจนอดจะกอดแนบกายไม่ไหว

ความร้อนทะยานพุ่งสูงขึ้นเช่นเดียวกับการขยับการที่รวดเร็ว ร่างที่กายเกี่ยวกันในอ่างน้ำแนบประสานสนิทแน่นจวบจนวินาทีซึ่งความปรารถนาที่ใกล้จะปลดปล่อยย่างเท้าแตะเข้ามา

...และปลดปล่อยออกมาท่ามกลางไอน้ำที่พร่ามัว...

ร่างบอบบางที่หมดแรงจนไม่อยากขยับตัวซบใบหน้าเข้ากับไหล่ของทยุต เด็กหนุ่มหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนพลางพยายามยันตัวขึ้นมา

"... พี่ยุต...." เสียงอ่อนแรงเอ่ยเรียกพลางแตะปลายนิ้วไล่ตามแนวลาดไหล่

"รู้สึกดี... นะ"

"นัทรู้สึกดี..ไหมล่ะครับ" จูบเบาๆที่หน้าผากชื้นเหงื่อแล้วสบตาบอกรักแทนคำพูด

แม้จะปลดปล่อยไปแล้วแต่ส่วนที่เชื่อมต่อยังคงค้างคาอยู่ ทยุตรู้สึกถึงจังหวะชีพจรที่ส่งผ่านซึ่งเต้นประสานเป็นจังหวะเดียวกัน

"คราวนี้..เจ็บหรือเปล่า"

ริมฝีปากบางคลี่รอยยิ้มจางๆให้ก่อนจะส่ายศีรษะช้าๆ

"ไม่ค่อย... แล้วล่ะ" แม้จะยังรับรู้ถึงแก่นกายที่ยังฝังลึก แต่ร่างบางกลับไม่เอ่ยถามให้ถอยออกอย่างครั้งก่อน ญาณัชยังคงเอนซบอยู่กับร่างสูงพลางค่อยๆผ่อนลมหายใจช้าๆ

"อาบน้ำให้ไหม ดูนัทเหนื่อยๆ" ทยุตลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของคนที่เอนตัวซบ แม้ว่าแค่ครั้งเดียวจะยังไม่เพียงพอแต่ทยุตไม่อยากจะร้องขออะไรที่ทำให้ญาณัชต้องฝืนหรือเหนื่อยเกินไป

อยากจะทะนุถนอมคนๆนี้... ให้อยู่เคียงข้างนานเท่านาน

"พี่มีความสุขจัง..." เชฟหนุ่มงึมงำขณะกอดคนตัวเล็กไว้

"อือ...... ยอมเป็นเด็กหนึ่งวันก็ได้" ญาณัชยิ้มหัวเราะตอบตกลงยอมให้คนรักอาบน้ำให้

"รักพี่ยุตจัง........"

"พี่ก็รักนัทครับ" กระซิบคำหวานแผ่วเบา ก่อนที่จะดึงร่างเล็กออก... และอาบน้ำนานยิ่งกว่าวันไหนๆ...

 

 

ทยุตอุ้มคนตัวเล็กที่อ่อนเพลียห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำแล้วเดินออกมายังมาด้านนอก ร่างสูงหอมแก้มเบาๆอย่างเอ็นดู

"นัทอยากนอนต่อหรือหิวแล้วครับ"

"อืม..." ญาณัชซุกตัวเข้าหาแล้วจึงเอ่ยต่อ

"ถ้าพี่ยุตหิวแล้วก็หิวก็ได้... แต่ถ้ายัง... นอนเล่นกันบนโซฟาก่อนก็ได้... ไหม"

ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยตอบ มารผจญที่ชื่อรวินก็เดินโซเซเตาะแตะมาในชุดนอนหลุดลุ่ยที่เผยแผ่นอกกว่าครึ่ง รวินเดินเข้ามาใกล้ขยี้ตาเบาๆ นัยน์ตาที่หรี่จนแทบปิดไม่ได้ลืมขึ้นด้วยซ้ำเมื่อพูดออกมา

"พี่ยุต...หิวแล้ว" รวินขยับปากเบาๆก่อนจะทุ่มตัวลงกอดทั้งญาณัชทั้งทยุตไว้ด้วยกัน

"อารุน..ซาหวาด..น้องนัท..."

"!? อ... อรุณสวัสดิ์... ครับ" ร่างบางเอ่ยตอบเสียงเรียบแทบจะทันทีที่รู้สึกถึงอ้อมกอดของรวิน

ทยุตอดขำไม่ได้เมื่อรู้สึกถึงความแข็งเกร็งของร่างในอ้อมกอด รวินที่กอดหอมคนไปทั่วกับญาณัชที่ไม่ชินกับสัมผัสคน.....หากเอามาเขย่ารวมกันคงพอดีละมั้ง

"ยังไม่ตื่นก็หิวซะแล้ว" อ้อมแขนที่อุ้มร่างเล็กเอาไว้เบี่ยงออกจากรวิน.... ยิ่งรู้ว่าเขาหวงญาณัช ไอ้เด็กนิสัยไม่ดีตรงหน้าคงยิ่งอยากแกล้งขึ้นไปอีก

"งืมมม ง่วง หิว น้องนัทหิวยาง" น้ำเสียงในลำคอพยายามหาพวก

"... ยังครับ" เด็กหนุ่มที่ยังถูกอุ้มไว้เอ่ยตอบชัดเจน

"แต่วินหิวแล้วอ้ะ" เมื่อไม่มีญาณัช รวินเลยใช้ท่อนแขนแข็งแรงเป็นที่ยึดแทน เขากอดแขนทยุตแน่นแล้วงึมงำบ่นหิวไม่หยุด

ทยุตถอนหายใจเบาๆ เขาก้มหน้ามองคนในอ้อมกอดด้วยสายตาที่ว่า... จะเอายังไงดี

"นัทไปนอนต่อบนโซฟาได้ไหมครับ"

"อื้ม..." ร่างบางค่อยปล่อยตัวลงพื้น มือเรียวบางเอื้อมไปปลายนิ้วของทยุตเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยเบาๆ

"แล้วค่อยมาปลุกนัทนะ..."

 

 

 

 

 

and it all comes to an end...

 

 

 

 

 

 

 

 

 

to be continued in ~ JEWEL




TALK:

เหมือนจะจบ.....แต่ยังไม่จบนะคะ เรามีเรื่องของอาพีทที่ลงต่อเลย หยวนๆเป็นเรื่องเดียวกันได้ 55
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 14 Futari de hitotsu [17/05/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 17-05-2015 21:33:27
น้องนัทน่ารักที่สุดเลย อ้อนพี่ยุตใหญ่เลยน่ะ

หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 14 Futari de hitotsu [17/05/15]
เริ่มหัวข้อโดย: iamtoon ที่ 17-05-2015 21:46:40
รวินนี่จะว่าน่ารักขี้อ้อย ขี้อ่อย ขี้แกล้งก็ใช่นะ แต่จะว่ากวนประสาท ก็ใช่กว่า 5555555 น้องนัทอย่าไปยอมค่ะลูกกกก :hao3:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 14 Futari de hitotsu [17/05/15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-05-2015 22:06:21
อ้อนได้น่ารักเชียว
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 14 Futari de hitotsu [17/05/15]
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 17-08-2015 00:04:01
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบน้องนัท
นิ่งๆเฉียดๆหยิ่งหุ่นบางๆขี้โรคแลดูพร้อมจะตายได้ทุกเมื่อเนี่ย น่ารักดี
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 14 Futari de hitotsu [17/05/15]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 25-09-2015 23:41:29
รอนะค่ะ
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 15 Missing piece 1 [11/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 11-10-2015 13:52:27
ขอเกริ่นก่อนจิ๊ดนึงนะคะ

เนื้อหาของ ความทรงจำที่แตกกระจายจะเป็นคู่ของคุณธันและอาพีท(อาน้องนัท)

ซึ่งมันมีเนื้อหาที่เกี่ยวเนื่องกันในหลายๆส่วนกับคุณเชฟน้องนัท

เราเลยยกเซทเข้ามารวมไว้ใน My all เลย เพื่อความสะดวกสบายของคนอ่าน 55

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมานะคะ


-----------------------------------------------------------------------------------





ในยามค่ำคืนไร้ดาวประดับท้องฟ้า ในห้องคอนโดที่ชั้นบนสุดของอาคารสูงนั้นปรากฏร่างของชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้มกับแก้วเหล้าในมือ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องทิวทัศน์ด้านนอกกระจกหน้าต่างบานใหญ่อย่างว่างเปล่า เมืองซานฟรานซิสโกในยามค่ำคืนนั้นกลับดูมีชีวิตชีวาเสียกว่าตอนกลางวัน สะพานโกลเด้นเกทยังปรากฎให้เห็นอยู่ไกลๆ

แต่ความงดงามที่กำลังมองอยู่ตอนนี้นั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกดีหรือดื่มด่ำไปกับมันเลยแม้แต่น้อย

 

‘วิวกลางคืนสวยก็จริงนะ แต่พี่ว่าดูคนเดียวไม่สวยเท่าดูกันหลายๆคนหรอก’

 

“... ใช่” น้ำเสียงที่เอ่ยลอดออกมาฟังแผ่วเบาไม่ต่างกับพึมพำให้ตัวเองได้ยิน เขายกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีกครั้ง ในดวงตาคมคล้ายกับมีประกายรวดร้าวไหวระริก

“ไม่สวยเลยสักนิดเดียว...”

 

 

“"My name is Pete. I’m from Thailand”"

“"คนไทยเหรอครับ?”" เด็กหนุ่มผมสั้นในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์เอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินคำแนะนำตัวจากคนที่เขากำลังจับมือด้วย

"“อ้าว... ครับ"” คนถูกทักยิ้มให้เล็กน้อยอย่างเป็นมิตรขณะชักมือคืนมา

"“ดีจัง ตั้งแต่ผมอยู่มายังไม่เคยเจอนักเรียนไทยเลย... ผมธัชครับ"”

"“ไม่ต้องพูดสุภาพขนาดนั้นก็ได้นะ เกร็งเปล่าๆ"” เขาหัวเราะออกมาเบาๆ

“"งั้น ผมเรียกพีทเฉยๆได้ไหมครับ”"

คราวนี้เจ้าของชื่อที่ยิ้มๆอยู่ในตอนแรกถึงกับทำหน้ายุ่งขึ้นมา

"“... เราอายุเท่าไหร่น่ะ"” เพราะไม่ว่าอย่างไร ดูจากทางไหน ธัชก็ดูอายุน้อยกว่าเขา

"“18... เพิ่งจบไฮสคูลมาเลย"” เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง ทำให้ฝ่ายตรงข้ามถอนหายใจออกมา

"“พี่จบตรีแล้ว...”" พิชญ์เอ่ยบอกสั้นๆ ด้วยไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้านั้นจะเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการสื่อหรือไม่ ไม่ใช่ว่าเป็นคนจริงจังอะไรกับมารยาท แต่สำหรับเขาที่โตมาในตระกูลใหญ่โต เรื่องให้เกียรติเรียงพี่น้องกันตามอายุนั้นเป็นเรื่องสำคัญ

"“งั้นก็เรียกพี่พีทได้... ใช่มั้ย”"

"“... อืม"”

"“พี่พีทมาต่อโทเหรอ”"

"“อื้ม...”"

"“เก่งจัง..".”

สำหรับคนที่เกิดและโตอยู่บนแผ่นดินอเมริกาอย่างธัช ย่อมต้องรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับเหล่านักเรียนต่างชาติที่มาศึกษาต่อที่นี่ เพราะเทียบกันแล้ว ถ้าเขาต้องกลับไปอยู่ประเทศไทย เขาก็ไม่คิดอยากจะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในที่ๆตัวเองไม่คุ้นเคย— ไม่ต้องพูดถึงเรื่องไปเที่ยวเฉยๆด้วยซ้ำ

ธัชขอทุนเรียนต่อมหาวิทยาลัย และนั่นทำให้เขาต้องมาช่วยงานในห้องพักอาจารย์ในตอนพักกลางวันและหลังเลิกเรียน ในขณะที่พิชญ์เองก็เหมือนกัน

“"พี่พีทเก่งนะ ขอทุนมาเองด้วย"”

"“ใครๆเขาก็ทำกัน”"

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายเริงร่าตามแบบฉบับเด็กหนุ่มวัยกำลังคึกคะนองมองคนที่จัดเอกสารอย่างเงียบเชียบ พิชญ์คนนี้ดูเป็นคนไม่ค่อยพูด หรืออาจจะเป็นเขาที่ตื่นเต้นเกินไปกับการได้พบเจอคนชาติเดียวกัน

"“แล้วพี่พีทเรียนโทอะไรเหรอ”"

"“ธุรกิจ”"

“"พี่พีทอยากทำธุรกิจอะไรเหรอ”"

"“... เปล่าหรอก ที่บ้านเขาให้เรียน”"

“"... แปลว่าพี่พีทไม่ได้อยากเรียน"”

พิชญ์ไม่ตอบอะไรอีก ทำให้เด็กหนุ่มเดาคำตอบได้ว่าคืออะไร บางทีถ้าพ่อกับแม่ของเขายังอยู่จนถึงตอนนี้ ก็อาจจะถูกบังคับให้เรียนอย่างที่ไม่ชอบก็ได้ ธัชไม่ชอบถูกบังคับให้ทำอะไร จึงทำให้เกิดความคิดว่าอาจจะเข้ากันได้ยาก

แต่เขาก็อยากจะเป็นเพื่อนด้วย...

"“อืม... ถ้าพ่อแม่ผมยังอยู่ ผมก็อาจโดนบังคับให้เรียนเม้ดสคูลก็ได้”"

"“?”" พิชญ์หันมาทำหน้าแปลกใจ ทำให้ธัชนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองนั้นต้องการสื่อ

“"ผมหมายถึงเรียนหมอน่ะ”"

"“... เอ่อ... ไม่ใช่... แต่... ช่างเถอะ”"

"“พี่พีทอยากถามอะไรผมเหรอ? ถามก็ได้นะ ผมถามพี่พีทเยอะแล้ว"” เขาลากเอาเก้าอี้มานั่งตรงหน้า ทำเอาพิชญ์ถึงกับอึ้งไป ถึงอย่างนั้นธัชก็ยังยิ้มรอคำถามจากเขา

"“... เราอยู่คนเดียวเหรอ?”"

“"อื้อ ผมถึงต้องขอทุนเรียนไง”"

"“แล้วพ่อกับแม่...”"

"“อยู่บนนู้น"” ธัชชี้นิ้วขึ้นข้างบนขณะที่เอ่ยตอบ และนั่นทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีท่าทีสลดลง

"“ขอโทษที พี่ไม่ได้ตั้งใจ"—”

“"ไม่เป็นไรๆ ผมไม่ถือหรอก ตั้งนานมาแล้ว"” อาจจะเป็นเพราะวัฒนธรรมที่ต่างกันทำให้ธัชสามารถยิ้มแย้มพูดได้อย่างสบายใจ ราวกับมันไม่ใช่บาดแผลในอดีต

“"ผมมีพ่อแม่อุปถัมป์น่ะ... พวกเขาดูแลผมจนจบไฮสคูลแค่นั้นแหละ... จะให้รบกวนเขาตลอดก็ไม่ได้หรอกเนอะ แต่ส่วนใหญ่เด็กที่นี่ก็เป็นอย่างนี้นะพี่พีท จบไฮสคูลก็ออกมาอยู่เอง เรียนเอง ดูแลตัวเอง เขาถือว่า18แล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว"” ธัชพูดเสียยาว แต่คนฟังกลับดูจะให้ความสนใจขึ้นมา

“"แล้วตอนนี้เราอยู่ไหน”"

"“เช่าสตูดิโอแถวๆนี้แหละ... ห้องเท่ารูหนู... พี่พีทล่ะ"” คนตอบยักไหล่ไม่สนใจก่อนจะหันกลับมาเปลี่ยนเป็นฝ่ายถามบ้าง

“"พี่อยู่หอของมหาวิทยาลัย”"

"“เหอ... ที่นี่ขูดรีดค่าหอจะตาย... ไว้หมดสัญญาแล้วพี่พีทออกมาหาข้างนอกอยู่เถอะ”"

“"ได้ไง? พี่”"

“"พี่พีทมาอเมริกานะ ก็ต้องเรียนรู้วิถีชีวิตแบบเด็กอเมริกันสิ"” ธัชว่าเข้าก่อนจะยิ้มกว้างให้ ขณะที่คิดกับตัวเองว่าจากนี้ไปคงมีแต่เรื่องสนุกสนานทุกวัน

 

 

ปลายนิ้วของธัชเกี่ยวเอาเนคไทที่ผูกอยู่รอบคอออกก่อนจะเหวี่ยงมันไปที่เก้าอี้อย่างไม่สู้จะสนใจนัก เขาวางแก้วเหล้าที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะกระจกกลมตัวเล็ก แล้วเดินไปดึงม่านปิดตัวเองออกจากทิวทัศน์ยามค่ำคืน

ร่างสูงทิ้งกายลงบนเตียงใหญ่หนานุ่มที่เย็นเยียบ ครั้นพลิกตัวตะแคงก็ต้องพบกับอีกด้านของเตียงที่ว่างเปล่า ธัชหลับตาลงอีกครั้ง— เพียงเพราะทุกครั้งที่หลับตาลงเช่นนี้ เขาจะรู้สึกราวกับได้ยินเสียงของพิชญ์พูดอยู่ใกล้ๆเสมอ

 

‘คอยดูนะ กลับบ้านไปทำงานได้เงินเดือนแรกจะซื้อเตียงคิงไซส์ก่อนเลย’

 

...ผมก็ซื้อให้คุณแล้วไง...

...แล้วทำไม...

...พีทถึงไม่อยู่ตรงนี้...

 

 

 

 To be continued...
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 14 Futari de hitotsu [17/05/15]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 16-10-2015 00:52:53
มาอ่านตอนจบ และรออาพีท นะค่ะ
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 16 Missing piece 2 [25/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 25-10-2015 15:13:53
- Missing piece 2-






ท่ามกลางลมฤดูใบไม้ร่วงที่พัดแรง ปรากฏร่างของผู้ชายสองคนกำลังช่วยกันยกตู้ลงจากรถกระบะแล้วดันเข้าไปในห้องที่อยู่ตรงกลางของอพาร์ทเมนต์สองชั้น

“"ดีจังที่ได้ห้องชั้นล่าง"” พิชญ์เอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เฟอร์นิเจอร์และลังกระดาษต่างๆได้รับการจัดวางให้เข้าที่แล้ว ร่างโปร่งค่อยๆหย่อนตัวลงบนบีนแบ็กอันใหญ่ที่วางอยู่บนพื้นห้อง

“"อือ... ค่าเช่าดีด้วย ผมโชคดีนะเนี่ย ได้พี่พีทมาช่วยแชร์"”

“"ไม่หรอก พี่ก็ด้วย เบาภาระไปได้เยอะ”" ชายหนุ่มผมยาวหันมายิ้มให้กับคนที่แผ่ตัวลงบนพื้นพรม

หลังจากจบเทอมแรก ธัชได้เอ่ยชวนพิชญ์ให้ออกมาหาอพาร์ทเมนต์แชร์กันอยู่ เพราะนอกจากจะได้ห้องใหญ่แล้ว ยังจะได้ราคาห้องที่ถูกลงอีกด้วย แม้ในตอนแรกพิชญ์จะดูลังเล แต่เมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายออกมาแล้ว เขาก็ยอมตกลงแต่โดยดี

“"พี่พีทเอาห้องนอนไปนะ” จู่ๆคนที่นอนอยู่ก็ลุกพรวดขึ้นมา"

"ได้ยังไง? เราแหละเอาไป พี่นอนข้างนอกเอง”"

"โห่ย ไม่ต้องเกรงใจกันเลยนะพี่พีท ผมตอนอยู่สตูดิโอก็นอนแบบนี้”"

เมื่อเห็นว่าพิชญ์ทำท่าจะเถียงกลับมาอีก ธัชจึงรีบลุกขึ้นยืนแล้วคว้าต้นแขนของชายหนุ่มให้เดินตามเข้าไปที่ห้องนอน

"“เห็นไหม? กว้างออก ถ้าคิดไม่ตก ก็แบ่งครึ่งกันนอนก็ได้”"

 

 

...เพราะผมรู้สึกช้าเกินไปเหรอ...

...ผมผิดเอง ใช่ไหม...

...ไม่อย่างนั้น เราอาจจะมีเวลามากกว่านี้...

...แค่เพียงนาทีเดียวก็ยังได้...

...ผมอยากได้ยินเสียงพีท...




ร่างสูงใหญ่พลิกตัวซ่อนใบหน้ากับหมอนชนิดดี เขารู้สึกถึงน้ำอุ่นๆที่ซึมออกมาจากนัยน์ตาแผ่กระจายลงบนหมอน ผ่านมาร่วมปีแต่เขายังไม่อาจทำใจให้คิดถึงแต่เรื่องดีๆแล้วมีความสุขไปกับมันได้ ทุกครั้งที่นึกถึง จะมีเพียงความปวดร้าวหลงเหลือไว้จนเหมือนเป็นแผลเป็นติดตัว

 

-‘นอนทั้งยังงี้อีกแล้ว ซกมกนะเรา’-

 

ธัชอยากจะหลับ.. ฝันถึงคนที่เขารักยิ่งกว่าอะไร ให้ได้พบกันอีกครั้ง ขอเพียงเท่านั้น แต่เขาก็รู้ดี— ที่ได้ยินนั้นมีเพียงเสียงที่แว่วมาจากความทรงจำแสนหวานของเขาเท่านั้น

 

 

"“พี่พีท...”" เสียงของธัชดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิดในห้องนอน เด็กหนุ่มนอนหงายมองขึ้นไปบนเพดานสีขุ่น ก่อนจะได้ยินเสียงคนพลิกตัว เขาถึงได้หันไป แล้วพบว่าฝั่งตรงข้ามของห้อง เจ้าของชื่อนั้นหันมามองหน้าเขาพร้อมกับเอ่ยถาม

"ยังไม่นอนอีกเหรอ"”

"“... อืม"”

“"พรุ่งนี้ไปเดทกับสเตซี่ไม่ใช่เหรอ? เดทแรกหรือไง เลยตื่นเต้นจนนอนไม่หลับน่ะ"” คนอายุมากกว่าเอ่ยเป็นทีหยอกก่อนจะหัวเราะเบาๆ

"“เปล่าซะหน่อย...”"

พิชญ์ยังคงหัวเราะเบาๆขณะรอฟังสิ่งที่เด็กหนุ่มจะพูดออกมา

“"พี่พีทมีแฟนรึเปล่า”"

“"อ้าว ทำไมกลายเป็นเรื่องพี่ล่ะ?”"

“"ก็... ผมอยากรู้เฉยๆ... อยากรู้ว่าถ้ามีแฟน ความรู้สึกจะเป็นยังไงเหรอ? พี่พีทคิดถึงแฟนรึเปล่า"”

"“...... พี่ไม่มีหรอก แฟนน่ะ... ถ้าเราอยากรู้ว่าความรู้สึกจะเป็นยังไง เดี๋ยวเราก็รู้เองแหละธัช... ของแบบนี้มันบอกกันไม่ได้หรอก”"

“"อืม...”"

 

 

ธัชที่หวนนึกถึงวันวานได้แต่ต่อว่าตัวเอง เพราะความที่ตัวเองมีบุคลิกเฮฮา เข้ากับคนง่าย ถึงมีผู้หญิงมากมายเข้าหา และเขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ

กว่าจะรู้ว่าไม่ได้สนใจผู้หญิง ก็ขึ้นปีสองแล้ว เขายังจำความหวาดกลัวในตอนนั้นได้ เพราะตัวคนเดียว ถึงไม่ได้ต้องมานั่งพะวงว่าพ่อกับแม่จะว่าอย่างไร แต่ที่กังวลคือรุ่นพี่ที่แสนใจดีคนนั้น จะมองเขาแบบไหน

...ก็ขนาดอเมริกา...

...ยังมีคนเกลียดเลย...

...แต่ผมก็ดีใจ...

...ที่พีทบอกอย่างนั้น...

 

 

“"พี่พีท...” "เสียงเรียกดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องนอนที่เปิดออก

"“อ้าว พี่ทำให้ตื่นรึเปล่าธัช”" พิชญ์ที่ยังคงนั่งวุ่นอยู่กับการทำวิทยานิพนธ์ส่งวางปากกาลงก่อนจะหันมาหา

"“เปล่า... ผมนอนไม่หลับเอง”"

“...” อาจเป็นเพราะอายุมากกว่า เขาถึงจับความกังวลในน้ำเสียงนั่นได้ ชายหนุ่มขยับเก้าอี้ให้หันมาด้วยแล้วค่อยถามพร้อมรอยยิ้ม “มีอะไรรึเปล่า”

ธัชมองคนที่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนเสมอ ในอกรู้สึกหวาดหวั่นกับคำตอบที่อาจจะได้รับ จริงๆแล้วเขาจะเก็บไว้เป็นความลับก็ได้ แต่ถ้าพิชญ์ไปได้ยินคนอื่นพูดกัน สถานการณ์อาจจะแตกต่างออกไป จึงคิดว่าให้พิชญ์รู้จากปากเขาก่อนเลยอาจจะดีกว่าก็ได้

“"พี่พีทเกลียดผมไหม”"

“"อ้าว— ทำไมอยู่ๆถามงี้ล่ะเรา”"

“"... เกลียดไหม”"

คนถูกถามยิ่งทำหน้างง แต่พิชญ์ก็ยังตอบไป “"จะเกลียดได้ยังไง... ถ้าเกลียดพี่ไม่ยอมแชร์ห้องอยู่ด้วยหรอก”"

"“Even when I’m telling you I’m gay…?”"

“"....................... แล้วไอ้ที่เราไปเดทกับสาวๆมากมายนั่นอะไร”"

“"ก็แค่เดทด้วย... ไปมากๆถึงได้รู้... ว่าผมไม่ได้สนใจ..... ไม่ใช่แค่พวกหล่อน แต่หมายถึงไม่สนใจผู้หญิง”"

"“............".” คราวนี้พิชญ์นิ่งไป ไม่ใช่ว่าฟังไม่เข้าใจ แต่ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะพูดเรื่องนี้ออกมา พอเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งเงียบไป ธัชจึงเอ่ยถามเข้าอีกครั้ง

“"... เกลียด... รึยัง”"

“.......” พิชญ์ถอนหายใจออกมา แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองพลางยิ้มให้อย่างเคย" “ก็คงไม่มั้ง... อย่างน้อยตอนนี้พี่ก็ไม่ได้รู้สึกเกลียด..".”

"“พี่พีทแปลกจัง” "น้ำเสียงของธัชเปลี่ยนไป ความร่าเริงที่มีในน้ำเสียงนั้นกลับมา ทำให้คนอายุมากกว่าคลายกังวลลงได้

"“แปลกอะไร?”"

ธัชยิ้มออกมาก่อนจะหันหลังกลับเข้าห้องไป

"“แปลกดี... แต่ก็ขอบคุณนะพี่พีท”"

 

 

...ถ้าพีทไม่เกลียดผม...

...กลับมาหาผมได้ไหม...

 









To be continued...

หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 16 Missing piece 2 [25/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 25-10-2015 20:03:48
คู่น้องนัทกะพี่ยุตกำลังน่ารักเลย โดยเฉพาะเมื่อมีวินที่ร่าเริงมาป่วน
แต่พอตัดไปบทของคุณธัช กะอาพีทนี่แบบ น้ำตาแทบร่วงอ่ะ อึดอัดในอก ธัชคงคิดถึงอาพีทมาก แต่อาพีทก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับแล้ว เศร้า
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 16 Missing piece 2 [25/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 25-10-2015 22:43:10
รออาพีท นะค่ะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 16 Missing piece 2 [25/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-10-2015 15:56:58
หม่นมาเชียว
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 16 Missing piece 2 [25/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: zaturday ที่ 14-11-2015 20:08:46
ยังไม่อ่านเรื่องนี้แต่ขอเม้นก่อนละกัน
ตามมาจากเรื่อง หมอบีมน้องรัน คือชอบวิธีการวางเรื่อง และสำนวนการแต่งมาก จนต้อง ตามหานิยายเรื่องอื่นๆของคุณหมีกับดอกไม้ จนไปเจอเรื่องที่สองคือ เรื่องของพี่เดฟกับน้องปัน อ่านไปอ่านมา ถึงรู้ว่าเป็นซีรี่ที่มีสามเรื่อง ซึ่งเราได้เริ่มอ่านจากเรื่องที่สาม สอง และมาเจอเรื่องแรก คือเรื่องนี้ เจอลงไว้สองเวปคือเล้า กับเด็กดี แต่เรา ชอบเวปนี้ค่ะ เลยตามอ่าน มาต่อ เรื่องนี้ทุกวันนะคะ อย่าลืม เรารออยู่
สิ่งที่เราชอบที่สุดนอกจากพล็อตที่คุณหมีกับดอกไม่วางไว้คือ สำนวน ภาษา อ่านไปไม่เจอคำผิด หรือภาษาวัยรุ่นให้ขัดใจเลย เราจึงชอบมาก และอ่านอย่างไม่สะดุด
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 17 Missing piece 3 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 17-11-2015 18:26:35
- Missing piece 3-





แสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านสีเทาเข้ามาปลุกให้คนที่นอนอยู่บนเตียงค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น ร่างสูงยันกายขึ้นช้าๆก่อนจะค้นพบว่าตัวเองเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

 

‘'ทำตัวซกมกแบบคนอเมริกันได้ยังไง ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลย'’

 

"“ครับ ครับ ครับ"” น้ำเสียงแผ่วเบาที่เอ่ยกับตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้านั้นฟังดูเศร้าสร้อย แต่ร่างสูงก็ขยับกายออกมาจากเตียงหลังใหญ่ ก่อนจะคว้าเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหม่จากตู้เสื้อผ้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

 

 

"“พี่พีท? ทำอะไรน่ะ??”"

“"... ดูเหมือนพี่ทำอะไรอยู่ล่ะ? ถามแปลกๆนะเรา"” พิชญ์พูดติดตลกขณะค่อยๆพับเสื้อผ้าบางส่วนใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ตอนนี้ไม่ได้ตัวเล็กกว่าอย่างเมื่อเกือบสามปีก่อนแล้วโยนกระเป๋าเป้ลงกับพื้นก่อนจะเดินเข้ามาพลางทำหน้าตาตกใจ

"“พี่พีทเก็บกระเป๋าไปไหน จะหนีไปเที่ยวไหนไม่บอกผมเหรอ?”"

"ใครว่า... พี่เตรียมกลับบ้านต่างหาก วิทยานิพนธ์ก็เสร็จแล้ว เดี๋ยวหมดเทอมพี่ก็กลับบ้านแล้ว"” คนอายุมากกว่าหันมายิ้มให้อย่างเคย แต่อีกคนกลับทำหน้าราวกับลูกหมา(ตัวโตๆ)ที่ถูกทอดทิ้ง

"“... พี่พีทอยู่ต่อไม่ได้เหรอ อีกสองปีผมก็จบแล้ว"” ธัชย่อตัวลงนั่งข้างๆกระเป๋าเดินทางใบใหญ่นั้น

"“ไม่ได้"” ชายหนุ่มตอบเสียงแข็ง “"พี่ต้องกลับไปหางานทำ... แล้วจะให้พี่รอทำไม เราเรียนจบก็อยู่ที่นี่ แต่บ้านพี่น่ะอยู่กรุงเทพฯ ต้องกลับ... เข้าใจหรือเปล่าธัช”"

เขาไม่ได้รับคำ แต่ก็ไม่ต่อล้อต่อเถียงอะไรอีกเพราะเหตุผลที่พิชญ์ว่ามานั้นก็เป็นเรื่องที่เขาทำอะไรไม่ได้ ทว่าประกายในดวงตาของธัชได้หม่นลงไป

“"แล้ว... พี่พีทจะกลับไปทำงานอะไร”"

"“ก็... อาจจะไปสอนศิลปะเด็กๆก็ได้ ถามตอนนี้พี่ก็ยังไม่รู้หรอก”"

"“แล้วไม่ทำธุรกิจแล้วเหรอ?”"

คนอายุมากกว่ายื่นมือมาดันศีรษะของธัชเข้าแรงๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา

“"ก็ใครล่ะ พูดจนพี่ไม่คิดว่ามันจำเป็น หือ”"

"“ใครเหรอ”" เด็กหนุ่มร่างสูงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ไม่ยอมรับผิดที่ถูกโยนมา

 

 



ร่างสูงใหญ่ที่ยังอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำเดินมายืนหยุดอยู่ริมหน้าต่างบานใหญ่พร้อมกับแก้วกาแฟในมือ กลิ่นกาแฟชั้นดีกรุ่นไปทั่วห้องทำให้จิตใจที่หม่นหมองในคืนที่ผ่านมาได้โล่งขึ้นบ้าง

นัยน์ตาคมจับจ้องภาพเครื่องบินที่บินผ่านหน้าต่างบานนั้นพลางหวนนึกถึงวันที่เขารู้ตัว

...วันที่ผมรู้ว่ารักคุณ...

วินาทีที่พิชญ์เดินเข้าประตูเครื่องบินไปนั้น ธัชรู้สึกคล้ายกับบางส่วนในชีวิตของตัวเองหายไป หัวใจที่ไหววูบจนรู้สึกว่าในอกว่างเปล่า ในหัวไม่อาจคิดอะไรออก มีเพียงแต่ว่า หาจุดยืนของตัวเองแทบไม่เจอ

...เพราะใจผมเป็นของคุณ...

...ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัว...

เขายิ้มให้กับตัวเองในอดีตที่ยังเด็ก ที่รีบกลับบ้านเพื่อพิมพ์อีเมลหาคนที่เพิ่งขึ้นเครื่องบินจากเขาไป ในช่วงเวลาสองปีที่ห่างกันนั้น อีเมลเกือบพันฉบับที่ส่งไปมาหากันนั้นทำให้เขาเฝ้าคิดถึงแต่พิชญ์

...แต่ที่ผมตั้งใจเรียนจบในสี่ปี...

...ไม่ใช่เพราะอะไรเลย...

...นอกจากผมอยากกลับไปหาพีท...

 

 

“"พี่พีท!” "ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แบบนักกีฬากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจ

“"?? โตขึ้นขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย"” เจ้าของชื่อได้แต่ส่ายศีรษะไปมาช้าๆ ในตอนนี้พิชญ์นั้นต้องเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย “"เกลียดเด็กนอกจัง"”

ถึงอย่างนั้น คนที่เป็นฝ่ายอายุมากกว่าก็ยื่นมือไปหมายจะช่วยรับของมา แต่อีกฝ่ายก็รั้งแขนเอาไว้พลางทำเสียงเข้มใส่

“"ไม่ต้องเลย พี่พีทนั่นแหละ ทำอะไรถึงตัวเล็กขนาดนี้”"

“"เรานั่นแหละโตขึ้น พี่ก็ตัวเท่านี้!"” พอถูกแซวเข้าพิชญ์ถึงกับอดไม่ได้ที่จะโวยกลับบ้างก่อนจะเดินนำเด็กตัวโตไปที่รถของเขา

"“พี่พีทจะพาผมไปไหนเหรอ”"

"“กลับไปบ้านก่อน... เอาของไปเก็บ เดินทางมาเหนื่อยๆจะรีบไปไหนอะไรกัน”"

“"โห่ ผมเรียนจบแล้วนะ วันนี้พี่พีทควรจะCelebrateให้ผมมากกว่า”"

"“ไม่ต้องมาพูดเลย เรียนจบแล้วอะไร"” พิชญ์หันมาแยกเขี้ยวใส่ขณะเปิดกระโปรงท้ายรถให้ "“มีอย่างที่ไหน ส่งเรื่องจบเสร็จก็บินกลับมา งานเงินอะไรก็ไม่รู้จักไป ไม่ได้เรื่องเลย งานรับปริญญาที่อเมริกาวุ่นวายน้อยกว่าของเมืองไทยตั้งเท่าไหร่ ทำไมเราเป็นแบบนี้นะ"”

คนถูกบ่นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขณะยกกระเป๋าเดินทางขึ้นใส่ท้ายรถแล้วปิดกระโปรงรถเสียเอง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับ แล้วก็ชะงักไป

"“มาทางนี้เลย รถที่นี่พวงมาลัยอยู่คนละด้านกัน ลืมแล้วหรือไง”"

“"แหะ— ผมชินน่ะ"” ธัชหัวเราะออกมาก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นรถอีกด้านหนึ่งแทน

หลังจากออกรถมาได้สักพัก พิชญ์ถึงได้เอ่ยถามขึ้น

“"แล้วเราอยากไปไหน... อาทิตย์นี้พี่ว่างทั้งอาทิตย์อย่างที่บอกไป”"

“"งั้นพี่พีทพาผมไปฉลองที่ทะเลได้ไหม ผมเห็นในรูปว่าทะเลเมืองไทยสวยมาก”"

“"... นั่นมันก็ในรูปนั่นแหละ ถ้าอยากไปที่ทะเลสวยๆจริงๆ พวกวิลล่าแถวปราณบุรีแพงจะตาย คืนนึงเป็นหมื่น พี่จ่ายไม่ไหวหรอกนะ”" คนที่ต้องรับหน้าที่พาเที่ยวบ่นขึ้นมา

"“พี่พีทเพิ่งย้ายงานนี่เนอะ ไม่ต้องห่วง ผมออกเองนะ... นะพี่พีท”"

“"ไม่ได้”"

“— "พี่พีท"”

“"ไม่”"

"“พี่พีท— อย่าดื้อสิ”"

“"ใครกันแน่??”"

“"นะ ถ้าพี่พีทว่าสวยผมก็อยากไป ผมออกค่าห้อง พี่พีทออกค่าอาหารที่จะCelebrateให้ผมก็แล้วกัน”"

ในที่สุด ฝ่ายที่ใจอ่อนกว่าก็คือพิชญ์ เลยจำต้องยอมตามใจให้รุ่นน้องหัวดื้อจ่ายค่าห้องให้

 

 

ธัชยังคงยิ้มอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ขณะที่เปิดอีเมลฉบับเก่าๆ ออกมาอ่านไปพลางจิบกาแฟไป

 

//ได้ยังไงธัช?? พี่ไม่เห็นด้วยนะที่เราจะกลับมาโดยไม่ยอมไปงานจบของเราน่ะ ถึงส่งเรื่องเรียนจบไปแล้วก็ไปรับปริญญาด้วยสิ ทีงานพี่เรายังมา แล้วทำไมงานตัวเองไม่ยอมไป? จะมาอ้างว่าเพราะพี่ไม่ยอมไปไม่ได้นะ รู้มั้ย? ทำไมเราเป็นเด็กแบบนี้

ถ้ามาเมืองไทยพี่จะไม่พาเที่ยวเด็ดขาดเลยรู้ไหม????//

 

...ก็พีทใจดี...

...สุดท้ายถึงได้ยอมพาผมเที่ยวอยู่ดี...

นัยน์ตาสีเข้มค่อยๆ ปิดลงช้าๆ พลางเรียกเอาความทรงจำในครั้งแรกที่กลับไปเที่ยวประเทศบ้านเกิดของตัวเอง

...ผมคิดถึงพีท...

...คิดถึงเหลือเกิน...

 

 

 

 

 

 

 

To be continued...



คนแก่คิดถึงอดีต อุฮิ<3

ขอบคุณสำหรับทุกคำติชมนะคะ รู้สึกได้รับกำลังใจล้นหลามมากมาย ตอนนี้กำลังปั่นเรื่องสุดท้ายของซีรีย์บ้านนี้อยู่ค่ะ เอาให้ได้สักครึ่งเรื่องแล้วค่อยเอามาลงนะ 555

ป.ล. ให้เดาว่าเรื่องสุดท้ายใครเป็นตัวเอก ><
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 17 Missing piece 3 [17/11/15]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-11-2015 18:46:24
 สั้น ก็มาบ่อยๆนะคะ
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 18 Missing piece 4 [17/12/15]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 17-12-2015 11:58:31



- Missing piece 4-




"พี่พีทออกมาจากงานได้ก็ดีออกนะ”"


"“ดียังไงเรา... ที่บ้านพี่บ่นอุบเลย กลายเป็นแกะดำประจำตระกูลไปแล้ว"” พิชญ์ทำเสียงเหนื่อยหน่ายขณะแกะเนื้อปลาออกมาใส่จานตัวเอง แล้วแกะใส่จานของธัชด้วย

“
"อืม ที่บ้านพี่พีทน่ากลัวจริงๆนั่นแหละ... ตอนพี่พีทบอกว่าบ้านใหญ่ ไม่คิดว่าจะใหญ่ขนาดนั้น”" คนอายุน้อยกว่าเอ่ยบ้างก่อนจะราดน้ำจิ้มซีฟู้ดลงบนเนื้อปลาที่อีกฝ่ายแกะมาให้ ก่อนจะจิ้มเข้าปาก


"“อืม ก็คงไม่เข้าไปยุ่งกับที่บ้านมากแล้วล่ะ”"


"“พี่พีทเปลี่ยนไปนะ ตอนเจอกันแรกๆ น่ากลัวจะตาย... ดุเป็นบ้า”"


คนถูกวิจารณ์ไม่ได้พูดอะไรนอกจากอมยิ้มอยู่เงียบๆ

 

 









นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเจือแววอ่อนโยนยามนึกถึงเรื่องในอดีต ธัชรู้ดีว่าที่พิชญ์เปลี่ยนไปเป็นเพราะอะไร เขามีส่วนในความเปลี่ยนแปลงนั้นค่อนข้างเยอะเพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เขาคอยพูดโน้มน้าวให้คนอายุมากกว่าคิดทำอะไรที่ตัวเองอยากทำเสมอ


...พีทโดนผมละลายพฤติกรรมโดยไม่รู้ตัว...


...แต่พีทก็น่ารักตรงนั้น...

 

 



“




"พี่พีท..."”

“
"หืม?” "คนที่นั่งดูทะเลยามกลางคืนอยู่บนเก้าอี้ยาวหันมาหาร่างสูงที่นั่งลงข้างๆ นัยน์ตาคมของธัชที่จ้องมาดูเคร่งเครียด


"“I love you”"

“
"อือ.....— หา????”" พิชญ์ที่ตอบรับในตอนแรกถึงกับตกใจ คนตัวเล็กกว่าผงะไปพลางคิดว่าอีกฝ่ายกำลังมาไม้ไหน


"“ไม่เข้าใจเหรอ? งั้นผมแปลให้ก็ได้ ผมรั-”"

“
"ไม่ต้องๆๆๆๆๆ"” คนอายุมากกว่ารีบร้องห้ามพลางยกมือขึ้นขวางระหว่างตัวเขากับธัช และเพราะอย่างนั้น ข้อมือของเขาถึงถูกเด็กหนุ่มรุ่นน้องรวบเอาไว้แล้วลดลงล่างเพื่อให้เห็นสีหน้าชัดๆ


"“I’m serious. I mean it ok?”" น้ำเสียงจริงจังของธัชทำเอาอีกฝ่ายยิ่งพูดไม่ออก


"เดี๋ยวก่อน ตั้งแต่เมื่-" คำพูดถูกกลืนหายไปพร้อมกับริมฝีปากอุ่นที่ทาบทับลงมาเพียงบางเบา


"“Do you hate me now?”"


พิชญ์ได้แต่นิ่งอึ้ง นึกหาคำมาตอบร่างสูงไม่ออก หากให้ถามว่าเกลียดไหม ถ้าเกลียด... ป่านนี้ก็คงได้มีลงไม้ลงมือกันบ้างแล้ว— แปลว่าเขาชอบอย่างนั้นหรือ


"“พี่พีทอะใจดี... ไม่ต้องใจดีกับผมทุกเรื่องก็ได้"” ธัชเอ่ยทำลายความเงียบบ้าง เขาเองก็ไม่ได้หวังให้พิชญ์มาสงสารอะไร ถ้าจะเกลียดกันเขาก็ไม่ว่าด้วยซ้ำ


"“................................... ก็...”"


"จะต่อยผมก็ได้นะ”"

“
"... ไม่ได้เกลียด.....................................”"


เพียงเท่านั้น ใบหน้าของธัชก็ปรากฏรอยยิ้มเป็นประกายออกมา ร่างสูงรีบขยับเข้าหาก่อนจะเอ่ยถามต่อ


"“งั้นคบกับผมนะ”"


"“ไม่ได้”"


คนฟังทำหน้าจ๋อยราวกับเป็นเด็กเล็กๆจนพิชญ์ต้องทำหน้ายุ่งขึ้นบ้าง


"“แค่เรื่องสายตาคนที่นี่ก็แย่แล้ว ธัชเองก็ยังลอยไปลอยมา จะให้พี่ตกลงได้ยังไง"” คนอายุมากกว่าทำเสียงจริงจังราวกับกำลังสั่งสอนน้องชาย


"“ก็... ผมจะมาทำงานที่นี่”"


"“ธัช...”" เขาทำเสียงเข้มขึ้น “"ธัชเรียนอยู่ที่นู่น จะมาหางานอะไรที่นี่ เมืองอะไรเราก็ไม่รู้จัก... จะทำงานอะไร”"


"“เดี๋ยวก็หาได้ ง่ายออก สอนภาษาอังกฤษเด็กก็ได้”"


"“แล้วเราอยากทำเหรอ ธัชต้องคิดถึงอนาคตตัวเองแล้วก็สิ่งที่อยากทำจริงๆด้วยสิ ทีตอนแรกทำเป็นสอนพี่มากมาย แล้วนี่เราจะมากลืนน้ำลายตัวเองเหรอ"” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันขณะที่อบรมคนตรงหน้า

 

 





...พีทใจดี...


...ขนาดดุผมยังใจดีเลย...


ธัชค่อยๆ หลับตาลงยามนึกถึงริมฝีปากของพิชญ์ที่ได้สัมผัสในตอนนั้น


...จูบนั้น...


...เป็นจูบแรกที่ผมรู้สึกว่าช่างหอมเหลือเกิน...

 

 





"“งั้นถ้าผมทำอะไรโดยคิดถึงอนาคตตัวเอง.... ถึงเวลานั้นพี่พีทต้องคบกับผมนะ"” ธัชเอ่ยขึ้นหลังจากบทเทศนาของพิชญ์จบลง ทว่าอีกคนก็ไม่ยอมพูดอะไร

“
"... สัญญา....... ไม่ได้เหรอ”"


"ทีอย่างนี้มาทำเสียงอ่อย...”" คนตัวเล็กกว่าทำเสียงเข้มขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมา


"“ก็ได้...”"


"“... งั้นแค่ตอนนี้... ขอผมกอดพี่พีทได้ไหม”" คนถามไม่ถามเฉยๆ ทว่าอ้าวงแขนออกกว้างพร้อมจะสวมกอดร่างบางเอาไว้ แต่พิชญ์กลับลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อน


"“อะไร?????”"

“
"พี่พีทอย่าคิดลามกสิ... แค่กอดเฉยๆ นะ”"


ธัชยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นฝ่ายที่ลุกขึ้นยืนนิ่งไปยอมขยับไปไหน ใบหน้าของพิชญ์แม้จะมองเห็นไม่ค่อยชัดแต่ใบหูที่เปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นนั่นทำให้เขานึกเอ็นดูขึ้นมา ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะโอบเอาพิชญ์เข้ามาไว้ในอ้อมกอด


"“ผมสัญญานะ... ผมจะประสบความสำเร็จให้พี่พีทดู"” เขาเอ่ยกระซิบข้างหูของร่างบางก่อนจะออกแรงกอดให้แน่นขึ้นอีกนิดหนึ่ง

 

 





นัยน์ตาคมมองเบื้องหน้าของตัวเองอย่างว่างเปล่า เพราะตอนนี้แม้จะเอื้อมมือออกไป ก็ทำได้เพียงกอดอากาศเอาไว้ ไร้ซึ่งตัวตน


...ทำยังไง...


...ผมถึงจะได้กอดพีทอีกครั้ง...


...ทำยังไง...


...ผมถึงจะได้ยินเสียงของพีทอีก...


...ทำยังไง...


...ผมถึงจะได้อีเมลจากพีทอีก...


ธัชหลับตาลงอีกครั้งเมื่อรู้สึกได้ถึงขอบตาที่เริ่มร้อนผ่าว...

 


...ทำ... ยังไง...

 

 

...ผมก็เจอแต่ความว่างเปล่า...

 

 

 

 







To be continued...
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 19 Missing piece 5 [10/01/16]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 10-01-2016 19:07:23


-Missing Piece 5 -






พิชญ์ที่นอนหลับอยู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือร้องเรียกความสนใจ คนเพิ่งตื่นนอนรีบคว้าเอามือถือแล้วปลีกตัวออกจากห้องนอน ไม่อยากให้ร่างเล็กที่อยู่ข้างๆ ตื่นขึ้นมา

“... มีอะไรรึเปล่า” น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนโยนขณะเอ่ยถาม เพราะปกติ คนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของสายไม่เคยโทรมาผิดเวลาแบบนี้

-พี่พีทเปิดCNNสิ-

“... เดี๋ยวค่อยเปิดไม่ได้เหรอ” คนอายุมากกว่าทำเสียงต่ำลง ราวกับอยากจะดุว่าที่โทรมาผิดเวลา

-ผมทำตามสัญญาแล้วนะ... ผมอยากให้พี่พีทเห็น-

พอได้ยินเสียงที่จริงจังแบบนั้น พิชญ์ก็ยอมแพ้ หยิบรีโมทขึ้นมาเปิดทีวีพลางรีบหรี่เสียงให้เบา

ภาพที่ปรากฏขึ้นบนจอแก้วนั้นทำให้พิชญ์เกือบทำรีโมทหล่นจากมือ ธัชยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มนักข่าวที่รุมถามคำถามมากมาย ทว่าเนื้อหาในข่าวนั้นไม่ได้เข้าหูคนที่ยืนดูเลยแม้แต่น้อย นอกจากคำที่ขึ้นอยู่ด้านล่าง


‘นักธุรกิจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรง เขาจะเป็นมหาเศรษฐีคนใหม่หรือไม่’


-ผมรักษาสัญญาเก่งไหม-

พิชญ์ไม่ได้เอ่ยตอบอะไร เกือบสี่ปีที่ผ่านมาหลังจากพบหน้ากันพร้อมกับคำสารภาพรักแบบสายฟ้าแลบนั้น เขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาไม่คิดถึงธัช

-พี่พีท ฟังผมอยู่หรือเปล่า-

“อ.. อือ ฟังอยู่...” นัยน์ตาคู่สวยยังคงมองภาพของปลายสายบนจอทีวี

“... สูงขึ้นอีกแล้วเหรอ”

-เปล่าหรอก เพราะใส่สูทแล้วเริ่มเข้าฟิตเนสมากกว่า จะให้ตัวลีบๆเหมือนเด็กๆน่ะ ไม่ได้หรอก จริงไหม-

“...อืม” พิชญ์รับคำเบาๆขณะที่สายตายังไม่ละไปไหน

-ผมเคลียร์ตารางงานไว้แล้ว จะไปหาพี่พีทตั้งแต่ช่วงวันThanks givingนะ ดีไหม-

“ธัช... พี่ต้องดูแลนัท... คงไม่มีเวลาพาเที่ยวอย่างเดิมหรอกนะ” ฝ่ายที่อายุมากกว่าใช้น้ำเสียงเชิงห้ามปราม สามปีก่อน พี่ชายของเขากับพี่สะใภ้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต เขา... ไม่อาจทิ้งหลานชายที่เพิ่งจะอายุสี่ขวบได้— พอตัดสินใจอย่างนั้นแล้ว พิชญ์ก็รับเอาญาณัชมาเลี้ยงดูเหมือนเป็นลูกของตัวเอง

-เรื่องนั้นผมรู้แล้ว แค่ไปเจอ... พาน้องนัทของพี่พีทมากินข้าวด้วยกันก็ได้ ผมไม่เกลียดเด็กหรอก-

“... ไม่ใช่อย่างนั้น”

-ถ้าพี่พีทรู้สึกไม่สะดวกใจที่จะเจอผม... ผมไม่บังคับนะ ยังไงก็ได้...-

...ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอ

“ไม่... ใช่... อย่างนั้น...” น้ำเสียงของพิชญ์ฟังดูอ่อนลง ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดถึง จากความรู้สึกของตัวเองตอนเห็นหน้าอีกฝ่ายผ่านจอทีวีก็รู้แล้ว

-ยังไงก็อีกนาน กว่าจะถึงตอนนั้น พี่พีทค่อยบอกผมก็ได้ ว่าผมไปหาได้ไหม-

น้ำเสียงของธัชยังคงฟังสดใส ทำให้ฝ่ายที่อายุมากกว่าค่อยคลายกังวล

“... ให้พี่ดูตารางก่อนก็แล้วกันนะ”

-อื้อ ไม่เป็นไรอยู่แล้ว-










--------------








“อาพีทฮะ...” เสียงเล็กเอ่ยเรียกคนที่กำลังชงกาแฟในตอนสายให้หันมาหา เด็กชายตัวน้อยภายใต้ชุดนอนสีฟ้าอ่อนเดินเข้ามาใกล้ ดูยังไงก็ยังไม่ตื่นดี พิชญ์จึงอดไม่ได้ที่จะอุ้มขึ้นไว้กับตัว

“ว่าไง? คนเก่งของอา นอนตื่นสายเป็นเด็กไม่ดีรู้ไหม”

“ถ้านัทไม่อยู่... อาพีทจะเหงาไหมฮะ”

คนถูกถามยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู ตั้งแต่รับเอาญาณัชมาดูแลแทนพี่ชายที่ตายไป พิชญ์ไม่เคยปล่อยให้เด็กคนนี้ต้องอยู่คนเดียวเลยสักครั้งเดียว

“ทำไมเหรอ”

“ที่โรงเรียนจะให้เด็กป.1ไปเข้าค่ายสัมพันธ์อะไรซักอย่างฮะ”

คนฟังขมวดคิ้วขึ้นมาก่อนจะเอ่ยถามเสียงเข้ม

“ให้เด็กประถมไปเข้าค่ายได้ยังไง แล้วผู้ปกครองล่ะ”

“จดหมายอยู่ในกระเป๋านัทฮะ...”

ได้ยินดังนั้น พิชญ์ก็ย่อตัวลงวางเด็กชายลงกับพื้น

“ไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันก่อนไป... เดี๋ยวอาไปหยิบจดหมายเอง”

“ฮะ” ญาณัชรับคำก่อนจะหันหลังเดินไปห้องน้ำตามที่ผู้เป็นอาว่า

ร่างโปร่งเดินไปหยิบเอากระเป๋าเป้ของหลายชายขึ้นมาแล้วเปิดหาจดหมายที่ว่า เมื่อพบแล้ว ก็นำออกมาอ่าน

เนื้อความในจดหมายเป็นรายละเอียดของการเข้าค่ายเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง ซ้ำยังเป็นกิจกรรมที่ใช้โรงยิมของโรงเรียนเป็นสถานที่ค้างคืน พอเห็นแบบนั้นแล้วก็ค่อยรู้สึกเบาใจลง ว่าอย่างน้อย เขาก็ไม่ได้ปล่อยญาณัชให้ไปไหนไกล

วันที่กำหนดไว้เหมือนโชคชะตาเล่นตลก อาทิตย์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน ตรงกับวันThanks givingพอดี พิชญ์อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเมื่อรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคนไกลที่กำลังหัวเราะอารมณ์ดีอยู่

คิดได้ดังนั้นเขาก็ลุกไปนั่งที่หน้าคอมพิวเตอร์ แล้วเปิดหน้าอีเมลของตัวเองขึ้นมา แล้วพิมพ์บอกข่าวดีนี้ให้กับเจ้าตัวได้รับรู้

เนื่องจากเนื้อความไม่เหมือนจดหมายยาวๆฉบับอื่น เขาจึงไม่ใช้เวลานานเกินไป เมื่อเขียนเสร็จแล้ว พิชญ์ก็ลุกกลับมาที่ครัวเล็กๆ เปิดตู้เย็นแล้วหยิบนมออกมาเทใส่แก้วให้กับหลานชาย

ยังไม่ทันได้หยิบขนมปังออกมา เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นให้แปลกใจ พิชญ์ปิดประตูตู้เย็นแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

“... สวัสดีครับ”

-พี่พีท คราวนี้ผมอยากไปเที่ยวเขาใหญ่ล่ะ-

“ไม่รู้จักนอนหรือไงธัช??” เขาอดไม่ได้ที่จะทำเสียงเข้มใส่โทรศัพท์ ถ้าเทียบเวลากันทางนู้นน่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้วด้วยซ้ำ

-ผมนอนไปแล้ว แต่ไอโฟนมันเตือนว่ามีคนส่งอีเมลมา-

“... ก็... ไม่เป็นต้องโทรมาเลยนี่”

-ผมดีใจ อยากโทร ไม่ได้เหรอ-

แต่ไหนแต่ไร ธัชก็เป็นคนที่พูดอะไรตรงไปตรงมาเสมอ ครั้งนี้ก็ด้วย และนั่นทำให้พิชญ์รู้สึกคล้ายๆไมเกรนจะขึ้น พอๆกับที่รู้สึกดีใจขึ้นมา

-ผมจะได้จองตั๋วเครื่องบิน แล้วเคลียร์ทุกอย่างให้ทัน-

“... ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้...”

-แล้วผมจะได้เจอน้องนัทของพี่พีทหรือเปล่า-

“ยังหรอก... นัทต้องไปค่ายที่โรงเรียนพอดี...”

-งั้นผมอยู่สักเดือนนึงก็ได้นะ-

“........... ธัช” พิชญ์ทำเสียงเข้มอีกครั้ง ทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าหมายถึงอะไร เขาจึงหัวเราะออกมาแล้วพูดต่อ

-ว้า ไว้คราวหน้าก็ได้ น้องนัทชอบอะไรเหรอพี่พีท ผมจะได้ซื้อไปฝาก จะว่าไป เด็กผู้ชายอายุแค่นั้น ที่นี่เล่นอะไรกันนะ อืม...-

ริมฝีปากบางค่อยๆคลี่ยิ้มออกจางๆขณะฟังธัชพูดถึงของเล่นมากมายที่คิดว่าจะซื้อมาให้กับหลานชายของเขา

-... พี่พีทไม่ฟังผมเลย ยิ้มอะไรอยู่-

คนที่ยิ้มอยู่หุบยิ้มแทบจะไม่ทัน ซ้ำยังตกใจจนแทบจะทำโทรศัพท์หลุดจากมือ

“ยิ้มอะไร??” คนถามทำเสียงดุ

-ก็พี่พีทยิ้มไม่ใช่เหรอ-

“จะมาเห็นหน้าพี่ได้ยังไง? ไม่ต้องมาเล่นมุขเลยนะธัช” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน

-เห็นสิ... จริงๆนะ...-

“เราจะเริ่มพูดให้พี่กลัวแล้วนะ”

-’cause I love you. That’s why I know everything-









----------------





...เพราะผมรักคุณ...

...คุณทำหน้าแบบไหน...

...ทำไมผมจะเดาไม่ได้...

...แต่ตอนนี้...

...ผมเดาอะไรไม่ออกเลย...





...พีทกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่...


..ผม...



...ไม่รู้เลย...










To Be Continued....
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 16 Missing piece 2 [25/10/15]
เริ่มหัวข้อโดย: basanti ที่ 13-01-2016 08:21:39
ยังไม่อ่านเรื่องนี้แต่ขอเม้นก่อนละกัน
ตามมาจากเรื่อง หมอบีมน้องรัน คือชอบวิธีการวางเรื่อง และสำนวนการแต่งมาก จนต้อง ตามหานิยายเรื่องอื่นๆของคุณหมีกับดอกไม้ จนไปเจอเรื่องที่สองคือ เรื่องของพี่เดฟกับน้องปัน อ่านไปอ่านมา ถึงรู้ว่าเป็นซีรี่ที่มีสามเรื่อง ซึ่งเราได้เริ่มอ่านจากเรื่องที่สาม สอง และมาเจอเรื่องแรก คือเรื่องนี้ เจอลงไว้สองเวปคือเล้า กับเด็กดี แต่เรา ชอบเวปนี้ค่ะ เลยตามอ่าน มาต่อ เรื่องนี้ทุกวันนะคะ อย่าลืม เรารออยู่
สิ่งที่เราชอบที่สุดนอกจากพล็อตที่คุณหมีกับดอกไม่วางไว้คือ สำนวน ภาษา อ่านไปไม่เจอคำผิด หรือภาษาวัยรุ่นให้ขัดใจเลย เราจึงชอบมาก และอ่านอย่างไม่สะดุด

ตามคุณคนเขียนมาจากกระทู้แนะนำนิยาย เราเหมือนคุณ zaturday ที่เริ่มอ่านจากเรื่อง Rainy Day หมอบีมน้องรัน ก่อน เพิ่งจะรู้จากโพสของคุณ zaturday ว่าเป็นซีรี่ย์ 3 เรื่อง

ขออนุญาตคนเขียนทำลิ้งค์เป็นลายแทงให้คนอ่านนะ

รวมผลงานของคุณ kagehana

ซี่รี่ย์ตัวละครชุดเดียวกัน
+:+ My all...私のすべて... +:+ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44853)
: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32704)
Rainy Day : ความทรงจำใต้เงาฝนพรำ (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36284)

♥~ รักกุบกิบ~ ♥ (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37037)

ตามไปอ่านกันเยอะ ๆ นะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน  o13
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 19 Missing piece 5 [10/01/16]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 16-01-2016 18:36:55
ยังไม่อ่านเรื่องนี้แต่ขอเม้นก่อนละกัน
ตามมาจากเรื่อง หมอบีมน้องรัน คือชอบวิธีการวางเรื่อง และสำนวนการแต่งมาก จนต้อง ตามหานิยายเรื่องอื่นๆของคุณหมีกับดอกไม้ จนไปเจอเรื่องที่สองคือ เรื่องของพี่เดฟกับน้องปัน อ่านไปอ่านมา ถึงรู้ว่าเป็นซีรี่ที่มีสามเรื่อง ซึ่งเราได้เริ่มอ่านจากเรื่องที่สาม สอง และมาเจอเรื่องแรก คือเรื่องนี้ เจอลงไว้สองเวปคือเล้า กับเด็กดี แต่เรา ชอบเวปนี้ค่ะ เลยตามอ่าน มาต่อ เรื่องนี้ทุกวันนะคะ อย่าลืม เรารออยู่
สิ่งที่เราชอบที่สุดนอกจากพล็อตที่คุณหมีกับดอกไม่วางไว้คือ สำนวน ภาษา อ่านไปไม่เจอคำผิด หรือภาษาวัยรุ่นให้ขัดใจเลย เราจึงชอบมาก และอ่านอย่างไม่สะดุด

ตามคุณคนเขียนมาจากกระทู้แนะนำนิยาย เราเหมือนคุณ zaturday ที่เริ่มอ่านจากเรื่อง Rainy Day หมอบีมน้องรัน ก่อน เพิ่งจะรู้จากโพสของคุณ zaturday ว่าเป็นซีรี่ย์ 3 เรื่อง

ขออนุญาตคนเขียนทำลิ้งค์เป็นลายแทงให้คนอ่านนะ

รวมผลงานของคุณ kagehana

ซี่รี่ย์ตัวละครชุดเดียวกัน
+:+ My all...私のすべて... +:+ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44853)
: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32704)
Rainy Day : ความทรงจำใต้เงาฝนพรำ (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36284)

♥~ รักกุบกิบ~ ♥ (จบแล้ว) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37037)

ตามไปอ่านกันเยอะ ๆ นะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน  o13



ขอบคุณมากค่ะที่ทำรวมให้ ฮือออออ รักจัง

หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 20 Missing piece 6 [16/01/16]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 16-01-2016 18:46:42



- Missing piece 6 -






ท่ามกลางท้องฟ้าสีดำที่มีดวงดาวพราวระยับแบบที่หาดูในกรุงเทพฯไม่ได้ พิชญ์กำลังนั่งหย่อนขาลงไปในสระว่ายน้ำส่วนตัวที่อยู่ในบริเวณบ้านพักของพวกเขาระหว่างรอให้ใครอีกคนอาบน้ำเสร็จ

ร่างโปร่งหลับตาลงยามปล่อยให้ลมเย็นๆพัดพาเรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่ยาวจนถึงกลางหลังไปก่อนจะยกมือขึ้นสางให้เรียบร้อย

กว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่ก็เย็นค่ำแล้วทำให้พิชญ์ไม่มีโอกาสได้เอ่ยว่าคนที่พามาเรื่องที่พักสุดหรูนี้ทั้งๆที่ห้องพักธรรมดาก็มี แต่เจ้าตัวกลับเลือกเป็นบ้านพักส่วนตัวแบบที่มีพื้นที่บนหาดทรายและสระว่ายน้ำส่วนตัวกันเลยทีเดียว

...อาบน้ำเสร็จเมื่อไหร่คงต้องเตือนกันเสียหน่อย

ไม่ทันที่ความคิดคำนึงจะขาดหายร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อเนื้อเบาก็เดินออกมายังสระว่ายน้ำแล้วนั่งลงเคียงข้างเนื้อตัวเย็นๆแนบกับต้นแขนอีกฝ่ายราวกับจงใจให้รู้ว่าหนาว

“ดาวสวยเนอะพี่พีท” ธัชเอนหัวลงซบไหล่ตามประสาคนที่ชื่นชอบการสัมผัส

“ไม่ต้องมาดาวสวยเลยธัช” พิชญ์หันมาหาแล้วเอ่ยเสียงเข้ม มือเอื้อมมาผลักศีรษะของเด็กตัวโตออกไป

“มีเงินแล้วใช้แบบนี้ได้ยังไง? รู้จักเก็บเงินบ้างรึเปล่า หือ?”

“รู้สิ..เก็บเงินแล้วมาใช้กับพี่พีทไง” ตอบอย่างหน้าตาเฉยแต่พอเห็นหน้าอีกฝ่ายที่คิ้วแทบจะผูกโบว์ก็รีบอธิบายต่อ

“ก็ผมอยากให้พี่พีทมีความสุขมากๆนี่” ชายหนุ่มยิ้มบางเบา มือใหญ่ยื่นไปจับมือของพิชญ์ช้าๆ

“พี่พีทไม่ชอบเหรอที่ผมทำแบบนี้....”

“...” พอเจอเสียงอ่อยๆแบบนั้นเข้า คนอายุมากกว่าก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมา

“ไม่ได้ไม่ชอบ... แต่พี่อยากให้เราเก็บเงินบ้างแค่ห้องพักธรรมดาก็พี่ก็สนุกแล้ว...” พิชญ์หันมายิ้มให้ก่อนจะบีบมือของร่างสูงเบาๆ

“พี่พีทไม่เคยได้ยินเหรอที่เค้าบอกกันว่า เราต้องให้สิ่งที่ดีที่สุดกับคนที่เรารัก เหมือนในโฆษณาของนมไง...เพื่อคนที่คุณรัก” ธัชขยับตัวเข้าใกล้อีกนิดสองแขนอ้าออกกว้างทำท่าจะกอดหากแต่นัยน์ตาพราวระยับกลับสบตานิ่ง

“ขอผมกอดพี่พีทนะ”

“... เล่นเป็นเด็กๆไปได้” ชายหนุ่มว่าแต่ก็ไม่ได้ขยับหนีไปไหน

“ตัวก็โตขนาดนี้ จะให้กอดยังไงได้” เขาไม่พูดเปล่า ซ้ำยังหัวเราะออกมาเบาๆกับความขี้เล่นของคนตรงหน้า

“ก็ขนาดตัวมันลดกันไม่ได้นี่”


นักธุรกิจหนุ่มผู้กว้างขวางทำตัวเป็นเด็กน้อยที่เรียกร้องความสนใจ เขารวบร่างโปรงมากอดไว้เบาๆแล้วเอาคางเกยไหล่คลอเคลียไม่ห่าง

“ถ้าผมหมายความถึงกอด...ที่หมายถึงอย่างอื่น พี่พีทจะว่าไงล่ะ”

“?! ด... เดี๋ยวก่อนเลย!” พิชญ์ดันตัวเองออกมา คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันพลางขืนแขนไว้

“ไม่ต้องมาหื่นผิดที่ผิดทางเลยไอ้เด็กบ้า” พูดไปพลางทำเสียงเข้มเสียงขุ่นไปขณะกระเถิบตัวออกมา

“พี่พีทนั่นแหละ ดาวสวยขนาดนี้ บรรยากาศโรแมนติกขนาดนี้ ยังใจร้ายกับผมอยู่ได้”ธัชเขยิบเข้าแนบชิดแถมยังยึดอีกฝ่ายเข้ามาให้นั่งตรงกลางพลางกอดไว้แน่น

“นะครับ?”

“.......................................................... ไม่เอา” คนที่ขยับไปไหนไม่ได้ยังคงพยายามที่จะเอ่ยปฏิเสธให้หนักแน่น ทว่าก็ทำได้เพียง

พูดแค่คำว่า 'ไม่เอา' เท่านั้น

“จ... จะกอดเฉยๆก็กอด... พอ...”

“จะแกล้งผมเหรอ พี่พีทรู้ไหมว่าผมต้องลุยงานมากเท่าไหร่เพื่อที่จะให้เป็นผู้ชายที่ทัดเทียมและเหมาะสมกับพี่พีท ผมรักพี่พีทนะ....แล้วการที่เราอยากมีเซ็กส์กับคนที่รักมันผิดตรงไหน” ชายหนุ่มทำหน้ามุ่ย ปลายคางสากกดลงกับข้างแก้มนิ่มๆราวกับจะตัดพ้อ

“ไม่ใช่ใครก็ได้นะ...ของผมต้องเป็นพี่พีทเท่านั้น” ธัชยืนยันคำพูดด้วยจุมพิตหนักหน่วงบนริมฝีปากหยักสวยของคนรัก

“อ--?” พิชญ์ยกมือขึ้นหมายจะดันร่างสูงออกด้วยความตกใจ ทว่าความรักที่ถ่ายทอดผ่านจูบของเขาทำให้นัยน์ตาคู่สวยค่อยๆปิดลงช้าๆ


ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจสิ่งที่ธัชต้องการจะสื่อ แต่เป็นเพราะตัวเองนั้นไม่มั่นใจ...ไม่กล้าที่จะตอบรับความรักรุนแรงที่อีกฝ่ายมีให้เพราะความหวาดกลัวว่าจะต้องเสียไป

“..... จะต้องเป็นพี่เท่านั้น.... เหรอ?”

“...ผมไม่เอาคนอื่น...แค่พี่พีทคนเดียว...” ริมฝีปากกดเม้มลงบนผิวอ่อนๆตรงลำคอและเน้นย้ำจนขึ้นรอยประทับสีเข้ม มือหยาบสอดเข้าไปใต้เสื้อเนื้อนิ่มโอบรัดลำตัวเพรียวอย่างแนบแน่น

“ผมรักพี่พีท...ถ้าพี่พีทเชื่อคำว่าตลอดไปของผม..ผมก็จะบอกว่า....ผมรักพี่พีท...ตลอดไป”

คนถูกบอกรักถอนหายใจออกมาเบาๆ พิชญ์หลับตาลงราวกับอยากจะย้ำคำรักนั้นลงไปในหัวใจท่อนแขนสองข้างยกขึ้นโอบรอบลำคอของธัชไว้อย่างกล้าๆกลัวๆ

“นาน... ไปรึเปล่า? ตลอดไปน่ะ...”

“พี่พีทก็พิสูจน์ด้วยการอยู่กับผมไปตลอดชีวิตสิ” ธัชยกมือเรียวที่พาดอยู่ขึ้นจูบเบาๆตรงนิ้วนางด้านซ้าย

“ไว้ผมหาแหวนที่เหมาะกับพี่พีทได้...เรามาแต่งงานกันนะ”

“.... ไม่ต้องหรอก....” รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าได้รูป คำพูดของธัชที่สื่อถึงความรักมากมายทำให้เขารู้สึกคล้ายกับหัวใจกำลังพองโต

“ใครเขาจะให้แต่ง หืม?”

“ตอนนี้ไม่ แต่อีกสักห้าปี..สิบปี ต้องมีที่ไหนในโลกสักที่ที่ยอมให้แต่งแน่ๆ” ธัชพูดอย่างหนักแน่นก่อนจะย้ำด้วยจุมพิตหวานบนพวงแก้มที่ซับสีอ่อนจาง

“ไม่รู้ล่ะ แต่ผมจะจองพี่พีทไว้ก่อน” พูดคล้ายเด็กดื้อแสนเอาแต่ใจแต่ดวงตาสีเข้มกลับสื่อความหมายที่มั่นคง

“บอกแล้ว... ใช่ไหม ว่าพี่... อยู่กับธัชไม่ได้... พี่มีนัทต้องดูแล... แล้วพี่ก็ไม่อยากให้ธัชจะเอาตัวเองมาผูกกับพี่....” พิชญ์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสั่นไหว

“ถ้าเรา... คิดว่า ความสัมพันธ์แบบนี้มันจะโอเค.... ก็.......” ร่างโปร่งก้มใบหน้าลงหลบจากสายตาที่จ้องมองมา

“ไม่ต้องอยู่ด้วยกันก็ได้ พี่พีทจะสนใจหลานมากกว่าก็ได้ ผมรักพี่พีทและทุกอย่างที่เป็นพี่พีท....ถึงจะเหงานิดหน่อยผมก็ยอม” ร่างสูงเบียดตัวช้าๆแล้วกอดให้แน่นที่สุด..เท่าที่ทำได้

“ผมจะผูกจะยึดจะดึง..จะทำทุกวิธี ขอแค่พี่พีทรักผม...ผมยอม..”

ธัชโอบประคองร่างเพรียวให้นอนลงบนพื้นช้าๆก่อนจะพร่างพรมร่างที่อาบแสงจันทร์ด้วยรอยจุมพิตนับครั้งไม่ถ้วน

“พอ... แล้ว......” ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดหน้า รู้ได้ว่าใบหน้าที่ร้อนผ่าวนี้เป็นเพราะคำบอกรักและสัญญาแสนหวานที่ธัชมอบให้ ร่างกายสั่นสะท้านจากสัมผัสด้วยริมฝีปากของร่างสูง


“ผมอยาก..เห็นหน้าพีท” มือใหญ่เอื้อมจับข้อมือเรียวที่ปิดใบหน้าสวยไว้ พิชญ์เป็นคนสวยมากกว่าหล่อมาตั้งแต่ไหนแต่ไร..ยิ่งพอได้รับแรงกระตุ้นจนเขินอายยิ่งกลับทำให้น่าหลงใหลยิ่งขึ้น

ธัชถอดเสื้อตัวเองแล้วโอบร่างบางขึ้นเพื่อปูรองหลัง ในขณะที่ริมฝีปากเฝ้ามอบจุมพิตครั้งแล้วครั้งเล่า มือใหญ่ก็ค่อยๆเลื่อนลงมายังส่วนอ่อนไหวที่ซ่อนอยู่เบื้องล่าง ชายหนุ่มใช้เวลาไม่นานในการทำให้มันตื่นตัว...

“...พีท...น่ารัก...” ริมฝีปากได้รูปพูดเบาๆก่อนที่จะก้มลงปรนเปรอให้ด้วยปลายลิ้นอุ่นร้อน

“ย--! อย่า... ธ... อือ.. ธัช....” มือสองข้างพยายามขยับเอื้อมลงหมายจะผลักอีกฝ่ายออกไป ไม่ใช่ว่าไม่เคยสัมผัสด้วยตัวเอง หากแต่การให้คนอื่นเห็นร่างกายตัวเอง ซ้ำยังใช้เพียงริมฝีปากสัมผัสนั้นเป็นเรื่องน่าอายเกินกว่าที่เจ้าตัวจะทนไหว ถึงขนาดลืมว่าจะต้องเอ่ยท้วงที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาห้วนๆ

เสียงห้ามอ่อนแรงมิสามารถต้านทานชายหนุ่มที่กำลังขยับริมฝีปากได้ ธัชดูดกลืนสิ่งที่อยู่ภายในและลิ้มรสหยาดของเหลวที่ซึมออกมาทีละนิด เขาขยับริมฝีปากเร่งเร้าอย่างรวดเร็วให้อารมณ์ของคนที่ถูกสัมผัสหยัดขึ้นสูงสุด ทันทีที่รู้สึกถึงแรงประทุที่ใกล้ระเบิดและความสั่นไหว...ริมฝีปากก็ถอนออกมาอย่างรวดเร็วและประกบลงบนกลีบปากที่เผยอหอบหายใจ

“ขอเข้าไปได้ไหม...พีท...” ปลายนิ้วสากแตะแผ่วเบาที่ช่องทางด้านหลังเพื่อบอกให้รู้...และเฝ้ารอ

“อึก--!!!??” อารมณ์ร้อนที่ถูกยั้งเอาไว้ทำให้ทรมานจนเรียบเรียงคำพูดแทบไม่ออก นัยน์ตาคู่สวยปิดลงแน่นขับน้ำใสๆให้ไหลออกมา

“ธ.... ธัช.....” น้ำเสียงที่หลุดรอดออกมาฟังดูสั่นพร่าราวกับคนเป็นไข้

“อย่า... ก... แกล้ง... แบบนี้......”

“อนุญาตผมสิ....” แม้จะรู้ดีว่าตัวเองกำลังจะทนไม่ไหวแต่ก็ยังบังคับน้ำเสียงให้ราบเรียบแล้วพูดออกไปได้ ธัชกดเบาๆที่ปากทางอ่อนนุ่มแล้วสอดนิ้วแรกเข้าไปเพียงข้อหนึ่ง...และใช้ปลายเล็บแตะที่ผนังด้านในแผ่วเบา

“..อุ่นจัง...” ชายหนุ่มขบกรามแน่นสะกดกั้นอารมรืที่พลุ่งพล่านจนแทบหยุดไม่อยู่ เสื้อตัวบางที่พิชญ์ใส่ถูกดึงออกอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งริมฝีปากที่แนบชิด..ขบเม้มยอดอกสีทับทิม

“.....พีทน่ารัก...” พึมพำเบาๆในขณะที่ปลายลิ้นไล้วนจนเปียกชุ่ม

“อึก อ....... อือ” พิชญ์หันหน้าหนีก่อนตอบตกลงบางเบาพร้อมทั้งผงกศีรษะช้าๆ ปรารถนาที่จะได้รับการปลดปล่อยจากความทรมานนี้

“... ข... เข้ามา..... สิ” น้ำเสียงฟังแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ชายหนุ่มรู้สึกอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีเสียด้วยซ้ำ


ธัชรับรู้ได้ถึงความเขินอายและอารมณ์ปรารถนาที่อยากปลดปล่อยของคนในอ้อมกอด ปลายนิ้วสากจึงสอดเข้าไปอีกนิ้วเพื่อขยายช่องทางคับแคบให้เตรียมพร้อม เขากอดร่างที่ดิ้นรนเบาๆแล้วจุมพิตปลอบประโลมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจวบจนร่างเพรียวค่อยๆคลายความแข็งเกร็ง

“เจ็บ..นิดหน่อยนะ” ธัชซึ่งปลดกางเกงและชั้นในออกไปไว้ที่ต้นขาแล้วค่อยๆเอาส่วนปลายแข็งขึงแตะบนช่องทางอ่อนไหว

“อ...” ร่างบางรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ทว่าความต้องการมากมายที่วิ่งพล่านไปทั่วร่างกายกลับกระตุ้นเร้าให้เรียกร้อง

“ไม่... ไม่เป็นไร...” แม้จะเอ่ยตอบออกมาแต่ตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าจะ 'ไม่เป็นไร' จริงๆอย่างที่พูดหรือไม่

ใบหน้าหล่อเหลายิ้มรับ...ด้วยรอยยิ้มกว้างขวางเหมือนเด็กได้ของเล่นชิ้นโปรด


กายแข็งขึงค่อยๆเคลื่อนสู่ภายในเชื่องช้าเพื่อให้คนรักที่ยังไม่เคยถูกกระทำเช่นนี้ได้รับความสุขที่สุด เขาสะกดกั้นอารมณ์ที่อยากจะขยับพาไปถึงการปลดปล่อย..และเลือกใช้วิธีแบบค่อยเป็นค่อยไปประสานกันจุมพิตปลอบจนสามารถเข้าไปข้างในได้เกือบหมดในที่สุด

ความอุ่นร้อนที่โอบรัดแทบจะทำให้ละลาย ชีพจรและความร้อนที่ส่งผ่านหลอมหลวมเชื่อมต่อเขาและพิชญ์ไว้ด้วยกัน

“...อุ่น..จัง...” ธัชหยอกด้วยคำพูดก่อนจะบรรจงจูบที่เปลือกตาบางที่หรี่ปรือเหมือนคนไม่ได้สติ

“จ-- ฮึก!!” วงแขนที่โอบกอดออกแรงรัดแน่น ปลายนิ้วกดลงกลางแผ่นหลังกว้าง รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาจนเกร็งไปทั้งตัว น้ำตาไหลออกมาจนต้องพยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายได้กังวล

“อึก...” ในตอนนี้สิ่งที่ประสาทสัมผัสรับรู้มีเพียงแก่นกายร้อนผ่าวที่สอดลึกเข้ามาข้างในเท่านั้น

มือใหญ่ที่โอบประคองลูบเบาๆเพื่อปลอบใจ ธัชรู้ว่าสำหรับคนที่ไม่เคย...การต้องยอมรับส่วนหนึ่งของร่างกายคนอื่นให้เข้ามามันยากเพียงไร

ร่างสูงขยับกายเชื่องช้าสลับกับลูบไล้ทั่วร่าง ผิวเนียนนุ่มมือขึ้นสีแดงจางๆด้วยแรงอารมณ์ที่พัดโหม...ทั้งของพิชญ์เอง...และตัวตนของเขาที่อยู่ภายใน

“ผมรักพีทนะ....” คำกระซิบแผ่วถูกเป่าผ่านข้างใบหู

“ร-- อือ--! รัก....” คำรักคำแรกหลุดรอดออกมาก่อนจะถูกเสียงครางหวานหูกลืนหายไป ในหูได้ยินเพียงเสียงลมหายของธัชกับเสียงเปียกชื้นจากร่างกายที่เชื่อมต่อ

“..........พูด...อีกสิ......” ธัชกระซิบแผ่วก่อนจะเริ่มขยับเร็วขึ้น ช่องทางอ่อนนุ่มร้อนผ่าวที่โอบรัดสัมผัสได้ถึงจังหวะชีพจรที่เต้นถี่รัว ร่างสูงกระแทกกายเข้าออกปลุกปั่นอารมรืวาบหวามให้พุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด

“...ข้างใน...ได้ไหม...” เสียงแหบพร่าอันทุ้มต่ำกระซิบข้างหู

“อ-- อื๊อ-!” พิชญ์ในตอนนี้แทบไม่รับรู้ถึงอะไรอีกแล้วนอกจากอารมณ์ที่พุ่งขึ้น นัยน์ตาปิดแน่นเพราะทนรับความเสียวซ่านไม่ไหว ปลายเล็บจิกลึกลงบนแผ่นหลังของธัชโดยไม่รู้ตัว

ปลายเล็บที่กดลึกยิ่งย้ำเตือนว่าอารมณ์ของทั้งคู่พุ่งขึ้นถึงขีดจำกัด ธัชขยับกายเร็วขึ้น ความร้อนที่พลุ่งพล่านในร่างโหมกระหน่ำ ร่างในอ้อมกอดสั่นไหวอย่างน่าประหลาดชั่วครู่... ก่อนจะอ่อนเอนลงในอ้อมกอดแล้วปลดปล่อยออกมา

หยาดน้ำสีขุ่นไหลลงเลอะต้นขานวลเป็นภาพที่ยิ่งกระตุ้นความปรารถ ธัชขยับตัวเร็วขึ้นตามแรงผลักดันในร่างที่พุ่งขึ้นสูง ร่างสูงขยับเข้าออกรวดเร็วจนได้ยินเสียงเปียกลื่นแทรกกับเสียงหอบหายใจ ร่างกายแข็งแกร่งเกร็งแน่นไปครู่หนึ่ง... ก่อนจะทรุดกายลงกอดรัดและปลดปล่อยสู่ภายใน

“พีทน่ารัก...ที่สุดเลย...”

ในตอนนี้พิชญ์แทบไม่เหลือแรงจะทำอะไรแล้ว นัยน์ตาคู่สวยค่อยๆเปิดขึ้นมองใบหน้าของธัชที่กำลังมองมา แม้จะยังพร่าเลือนแต่เขาก็เห็นรอยยิ้มบนริมฝีปากได้รูปนั่น

“........ แฮปปี้... ขนาดนั้น... เลย..... เหรอ”

“มากๆเลย” ตอบพลางยิ้มกว้าง นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มพราวระยับจับจ้องเรือนร่างของคนที่รัก ธัชจูบเบาๆที่แก้มนวลเนียน ร่างสูงกอดซ้อนจากด้านหลังและไม่ยอมแม้แต่จะขยับให้ส่วนที่เชื่อมต่อหลุดจากกัน

“พีทเหนื่อยแล้วเหรอ เข้าไปต่อในห้องไหม” หัวคิ้วชายหนุ่มขมวดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “แต่ก็อยากอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ...พีทว่าไงดี?”

“เดี๋ยวก็เป็นหวัด..... หรอก” น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยว่า ริมทะเลยามค่ำคืนอากาศมีแต่จะเย็นลงเรื่อยๆ

“อืม.....” ตัวพิชญ์เองก็ไม่เหลือแรงจะต่อปากต่อคำอะไรกับคนที่ยังดูร่าเริงตรงหน้าแล้ว

“งั้นเข้าห้องดีกว่า เดี๋ยวพีทไม่สบาย” ร่างสูงถอนกายออกอย่างแสนเสียดาย หยาดน้ำที่หลั่งอยู่ภายในค่อยๆรินออกมาตามแก่นกายที่คั่งค้าง ธัชอมยิ้มอย่างสุขใจก่อนจะรวบร่างโปร่งขึ้นมาอุ้มและจุมพิตใต้แสงจันทร์

“ผมรักพีทที่สุดเลย....”










---------






.......ผมรักพีท........

แม้ว่าจะไม่มีวันได้บอกรักด้วยเสียงกระซิบข้างหู...ไม่มีร่างอบอุ่นอยู่ในอ้อมกอด...ไม่มีมือที่เกาะเกี่ยวกันและกัน

ไม่มีพีท...บนโลกนี้...อีกต่อไป

นัยน์ตาสีเข้มมองดวงจันทร์กลมโตที่ส่องสว่างภายใต้ราตรีอันมืดมิด บดบังแสงดาวน้อยใหญ่ เขาจับขอบหน้าต่างที่สัมผัสได้เพียงความเย็นเยียบและหนาวเหน็บ

รัก...คำสั้นๆที่มอบให้ทั้งความสุขสมและทรมาน เมื่อคิดถึงคืนวันเก่าๆที่มีความสุขมากเท่าไหร่...ความทรมานที่ต้องอยู่กับปัจจุบันยิ่งถาโถมเข้ามาเหมือนเม็ดทรายในขวดแก้ว..





....ไม่มีอีกแล้ว...






To Be Continued.......
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 20 Missing piece 6 [16/01/16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-01-2016 19:57:09
 :hao5:
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 21 Missing piece 7 [16/02/16]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 16-02-2016 22:42:35


- Missing piece 7 -


แสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามาไม่ได้ทำให้พิชญ์อยากตื่นขึ้นเท่ากับอ้อมกอดจากคนข้างๆที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นสักที พอลองขยับกายสักนิดหน่อยก็รู้สึกปวดร่างกายช่วงล่างขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่พอรู้สึกว่าท่อนแขนแข็งแรงที่กอดเอาไว้นั้นขยับเพียงเล็กน้อย คิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากันแทบจะทันที

“จะนอนไปถึงไหน.. ธัช” คนอายุมากกว่าเอ่ยเสียงเข้ม ลองถ้าแกล้งหลับแล้วกอดกันไว้แบบนี้เขาได้ศอกซ้ำซี่โครงเป็นของขวัญรับอรุณแน่

“อีกนิดน่า...พีท...” น้ำเสียงที่แสร้งงัวเงียพูดงึมงำก่อนจะโมเมกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม

“เช้าๆมันหนาว...ไว้ตอนสายค่อยไปเล่นน้ำกันนะ”

“หนาวอะไร? แอร์ในห้องต่างหากที่หนาว” พิชญ์ออกแรงดันพลางกระทุ้งข้อศอกเข้าใส่แล้วกระเถิบตัวหนี

“ไม่เล่น-- อยากเล่นไปเล่นคนเดียวเลยไอ้เด็กบ้า”

“พีทใจร้าย...ไม่น่ารักเหมือนเมื่อคืนเลย” คนตัวใหญ่ทำปากบู่เหมือนเด็กๆแล้วรีบตามตะครุบลากคนที่เอาแต่เถิบหนีมากอดไว้เหมือนเดิม

“อยากกอดพีทอีกจัง...” ริมฝีปากรุ่มร้อนงับลงบนใบหูนิ่ม

“อ-!!? ไอ้เด็กลามก!!” สัมผัสอุ่นร้อนที่ปลายหูส่งกระแสไฟอ่อนๆไปทั่วร่างจนขนลุกขึ้นมา ใบหน้าสวยหวานพยายามขยับซ่อนให้พ้นจากริมฝีปากของร่างสูงที่เริ่มซุกซน

“พีทก็....ว่าผมอีกแล้ว” ธัชใช้จมูกซุกไซ้ลำคอเรียวยาว กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่บนผิวขาวหอมยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด

“เดี๋ยวก็ลามกเข้าให้จริงๆหรอก ผมยังเด็กอยู่...แค่เมื่อคืนไม่พอหรอกนะ”

“!!! ไปหาคนอื่นเลย!!! พี่ไม่เด็กด้วยหรอก-- แล้วใครบอกให้เรียกชื่อห้วนๆได้??” ร่างบางยิ่งทำตัวแข็งขึ้นมา นึกเรื่องอะไรที่อยากจะว่าได้ก็พูดโพล่งออกไปขณะที่พยายามซ่อนใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มของตัวเองให้พ้นจากสายตาของธัช

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เอาคนอื่น จะเด็กกว่าแก่กว่ายังไงไม่สน พีทของผมน่ารักที่สุด...แล้วผมก็รักที่สุดแล้ว” นัยน์ตาพราวระยับมองคนที่ทำโมโหกลบเกลื่อนความเขินแล้วอดก้มหอมแรงๆไม่ได้

“ขอเรียกพีทไม่ได้เหรอ เรียกพี่พีทแล้วเหมือนตัวเองเป็นเด็กจะตายไป....นะครับ” ธัชรู้ดี...นะครับ..บวกด้วยเสียงอ้อนๆของตัวเองมีผลกับคนๆนี้มากแค่ไหน

“..................................” เจอลูกอ้อนเข้าไปแบบนี้ พิชญ์ก็ถอนหายใจออกมาแรงๆ เหตุผลที่อีกฝ่ายหยิบอ้างนั้นกลับฟังดูใช้ได้กว่าที่คิด

“...................... ก็ได้....” ร่างเพรียวบางขดตัวเข้าหากัน คล้ายกับจะดึงให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้มากขึ้น รับรู้ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดให้กันทางผิวกาย

“....รักพีทที่สุดเลย....” เสียงทุ้มพูดแผ่วเบาราวกับจะพึมพำให้ตัวเองฟัง

“อยากอยู่กับพีทแบบนี้ตลอดไปจัง”

“..... ได้ที่ไหนเล่า... กลับไปทำงานไป” แม้คำพูดจะฟังดูใจร้าย ทว่าน้ำเสียงกลับแผ่วเบาลง นัยน์ตาคู่สวยค่อยๆปิดลงช้าๆ

“... ถ้านัทโตจนไม่ต้องการฉันเมื่อไหร่... ค่อยว่ากัน......” กระทั่งตัวเองยังรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นรัวแรงจนต้องยกมือขึ้นกดบนหน้าอกตัวเอง กลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินแล้วแหย่เอาได้

ธัชยิ้มกับตัวเองก่อนจะเอื้อมมือคว้ามือเรียวที่อยู่บนหน้าอกเปลือยเปล่ามาวางทาบบนหัวใจตัวเอง จังหวะเต้นของหัวใจส่งผ่านให้คนรักด้วยจังหวะที่ไม่แตกต่าง

“....ผมจะรอนะ.....”








Trrrrr Trrrrr Trrrrrrrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์บนหัวเตียงดังขึ้นกลางดึกขัดจังหวะฝันดี...และฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง

....ถึงรอสักเท่าไร...ก็ไม่มีวันได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว........

ธัชลืมตาขึ้นช้าๆ มือใหญ่เอื้อมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ เบอร์แปลก...ที่โทรมาจากประเทศไทยทำเอาอดรู้สึกวูบไหวเพราะนึกถึงใครบาง
คนขึ้นมาไม่ได้ เขาขมวดคิ้วสลัดความคิดก่อนจะกดรับ

“ฮัลโหล...ผมธัชพูดครับ”

“... ธัช....” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกเพียงชื่อของเขาผ่านปลายสายก่อนจะกลายเป็นเสียงสะอื้น

“... ฉัน................--!! ปล่อ-!! อะ--!!”

คนที่รับโทรศัพท์ไม่มีแรงแม้แต่จะพูด มันไม่ใช่การล้อเล่น...เพราะตัวเขาสามารถยืนยันได้อย่างชัดเจน...ว่าเสียงที่อ้อนล้าจวนหมดแรงเป็นของคนที่อยู่ในความคิดคำนึงตลอดเวลา



...พีท....

...ทำไม?...


หลากหลายคำถามประดังเข้ามาในหัว แต่ชายหนุ่มกลับสนใจเพียงการต่อเบอร์กลับไปยังปลายสายที่ไม่มีสัญญาณตอบรับ น้ำเสียงของพิชญ์และเสียงสะอื้นที่ดังมาตามสายทำให้หัวใจเหมือนถูกบีบ..คนที่คิดว่าจะไม่มีวันได้เจออีกแล้ว...คนที่รักที่สุดกำลังร้องไห้อยู่ที่ไหนสักแห่งในแผ่นดินบ้านเกิด

ชายหนุ่มกดหมายเลขที่แทบจะไม่เคยใช้ ปลายสายเป็นคนที่เคยมีบุญคุณต่อกันและยิ่งใหญ่พอที่จะสั่งหาคนๆนึงและระบุพิกัดได้

“ฮัลโหล ผมธัชนะ ช่วยตรวจที่อยู่และพิกัดให้ผมหน่อย ผมขอด่วนที่สุด เบอร์....” ธัชพูดหมายเลขออกไปก่อนจะกล่าวขอบคุณและปิดโทรศัพท์ อีกมือกดเบอร์คนสนิทด้วยโทรศัพท์อีกเครื่องที่อยู่ใกล้กัน

“เตรียมเจ็ทไว้ให้พร้อม เราจะไปประเทศไทยกัน...อืม...เร็วที่สุดล่ะ”






-----------------------------------------------------------------------------------------





เสียงโวยวายของคนไข้กับบุรุษพยาบาลดังสลับกันท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายในตอนสายที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งนี้
ร่างบอบบางที่ดูไร้เรี่ยวแรงของชายหนุ่มผมยาวพยายามออกแรงขัดขืนแรงบีบที่ข้อมือจากคนที่รวบเอาตัวเขาไว้ได้

“เอะอะอะไรกัน” น้ำเสียงทุ้มต่ำฟังดูมีอำนาจดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่ร่างของชายหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์จะเดินออกมาจากลิฟต์

“คนไข้พยายามจะหนีครับ”

พิชญ์เบิกตากว้างเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ เขาพยายามขัดขืนแต่ก็ยังไร้ผล แพทย์ผู้นั้นเดินเลยผ่านไปที่เคาน์เตอร์ของพยาบาลแล้วหายเข้าไปด้านหลัง ร่างบางจึงฉวยโอกาสนั้นออกแรงสะบัดอีกครั้ง

“เฮ้ย--!” ข้อมือที่ถูกจับไว้หลุดพ้นเป็นอิสระ พิชญ์จึงรีบออกวิ่งแม้จะรู้สึกว่าขาสองข้างนั้นไม่มีกำลังเอาเสียเลย

“อยู่เฉยๆ!” คราวนี้บุรุษพยาบาลรีบคว้าเอาไว้ทั้งตัว แต่ร่างบางก็ยังพยายามออกแรงดิ้น

“!?” พิชญ์รู้สึกถึงปลายเข็มที่แทงเข้ามาบนท่อนแขน

“บอกแล้วใช่ไหม... ว่าเธอยังไม่หายดี” เสียงที่พูดขึ้นด้านหลังฟังดูห่างไกลออกไป สิ่งสุดท้ายที่จำได้ก่อนจะหมดสติไป คือเสียงทุ้มกังวานที่คิดถึง





“ฮัลโหล...ผมธัชพูดครับ”


...ธัช...






------------------------




“ตื่นแล้วเหรอคุณพิชญ์” มือหยาบกร้านจับที่คางเรียวแล้วเชิดขึ้น

หลังจากฉีดยาสลบไปคนไข้ของเขาก็หลับไปเกือบวัน แต่ราวกับโชคชะตาเล่นตลกเมื่อตอนที่เขาเดินตรวจก็เห็นว่ากำลังค่อยๆลืมตา

ร่างสูงในชุดกาวน์ยิ้มเหยียด แน่นอนว่าพิชญ์เป็นหนึ่งในคนไข้ที่พิเศษ...เนื่องจากทางครอบครับจะรู้จักและ”ฝากฝัง”เป็นการส่วนตัวแล้ว ใบหน้าสวยนี้ก็ถูกใจตัวเขาไม่น้อย

“ให้หมอวัดไข้หน่อยนะ...เด็กดีของหมอ”

ริมฝีปากหนาประกบลง ลิ้นร้อนสอดเข้าสู่ภายในสัมผัสกับแนวฟันขาวเรียงสวย สัมผัสอุ่นซ่านแทบจะทำให้ตื่นตัว เสียแต่ว่ายังอยู่ในพื้นที่ที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าสัมผัสและลูบไล้

สัมผัสน่ารังเกียจจากคนตรงหน้าทำให้พิชญ์คลื่นไส้ ออกแรงเพียงนิดเดียวก็ได้รสเลือดแผ่ซ่านเข้ามาให้รู้รส มือสองข้างไม่อาจขยับไปไหนได้เพราะถูกมัดเอาไว้กับเตียง เวลากว่าสองปีที่ผ่านมามีแต่ความทรงจำที่เลวร้าย ตัวเขาที่ประสบอุบัติเหตุรถชนนั้นหมดสติไปกี่วันก็ไม่อาจรู้ได้ ตื่นขึ้นมาในตอนแรกร่างบางนั้นขยับตัวแทบไม่ได้ แต่เขาก็ยังไม่คิดอะไร ได้แต่รอวันที่ญาณัชผู้เป็นหลานชายจะมาเยี่ยม แต่วันแล้ววันเล่าที่ผ่านไปก็ไม่ปรากฏร่างคนรู้จักเลยแม้แต่คนเดียว

ก่อนที่จะได้คำยืนยันจากผู้ชายเลวๆตรงหน้าว่าเขาตายไปแล้ว บ้านประสิทธิพรวิวัฒน์ใช้โอกาสที่เขาบาดเจ็บสาหัส ตัดเขาออกจากโลกภายนอกและประกาศออกไปว่าเสียชีวิต พอขยับตัวได้ เริ่มเดินได้ ถึงได้รู้ว่าตัวเองจะถูกกักขังไว้ที่โรงพยาบาลแห่งนี้โดยไม่มีทางออกอื่น

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่คิดจะหนี แต่ก็มีบุรุษพยาบาลพากันผลัดเวรมาคอยเฝ้าดูอยู่เสมอ วันนี้คิดว่าสบโอกาสแล้ว ถึงได้แอบไปใช้โทรศัพท์โทรหาคนที่คิดถึงอยู่ตลอด โดยหวังว่าจะช่วยอะไรได้

ทว่าพอได้ยินเสียงที่ไม่ได้ยินมานาน ก็กลับพูดอะไรไม่ออกนอกจากปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา

...และตอนนี้ ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าธัชจะเข้าใจอะไรแค่ไหน หรืออาจจะโกรธเขาที่ไม่ยอมติดต่อไปก็ได้




-เพี๊ยะ-



ฝ่ามือที่จับปลายคางอยู่เมื่อครู่สะบัดตบใบหน้าสวยทันที เส้นผมยาวสลวยถูกดึงอย่างรุนแรงรั้งให้เงยหน้าขึ้นมอง

“ฤทธิ์เยอะนักหรือไง เป็นแค่คนถูกทิ้งในที่เลี้ยงคนบ้า อีกไม่นานก็บ้าตาม ฉันเอ็นดูก็ทำเล่นตัว อยากตายนักหรือไง”

“... ตายไปยังดีกว่าต้องเจอหน้าแก” นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองอย่างกราดเกรี้ยว ถึงจะเจ็บที่โดนตบ แต่กลับเทียบไม่ได้กับหัวใจที่เจ็บปวดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

“งั้นฉันจะให้แกตายทั้งเป็น...”นัยน์ตาวาววาบมองอย่างคุกคาม แต่ก่อนที่จะทำอะไรได้มากกว่านั้นโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อกลับดังขึ้นก่อน

“ฮัลโหล...ฆ่าตัวตาย?...อืม ไปเดี๋ยวนี้แหละ” นายแพทย์ร่างสูงกดตัดโทรศัพท์อย่างขัดใจ

“ดีนะที่ไอ้บ้าเพื่อนแกห้องริมมันจะฆ่าตัวตาย...แต่ตราบใดที่แกยังอยู่ที่นี่ แกไม่มีวันหนีไปจากฉันพ้นหรอก หึๆๆ”

ร่างสูงก้มลงใช้ปลายนิ้วปาดริมฝีปากบางเรียวก่อนจะบีบจนริมฝีปากบางห้อเลือด เขาหัวเราะซ้ำด้วยเสียงกึกก้องอย่างสะใจก่อนจะเดินออกจากห้องไป

หยาดน้ำใสๆหลั่งรินออกมาจากดวงตาคู่สวยช้าๆ ในตอนนี้ แม้แต่น้ำตาของตัวเองก็ยังไม่อาจปาดออกเองได้ พิชญ์หันใบหน้าแนบกับหมอนที่รองอยู่ก่อนจะสะอื้นออกมาเบาๆ

“... ธัช... มารับฉัน.... ที...”

คำขอร้องที่คงไม่อาจเอ่ยไปถึงได้ นึกถึงความจริงข้อนี้ก็ยิ่งทำให้เศร้าใจ เขาคิดถึงธัช... มากจนคิดว่าถ้าได้หลับอยู่ในความฝันตลอดกาลก็คงดี เพราะในฝันนั้น เขามีธัชคอยโอบกระซิบคำรักด้วยน้ำเสียงอบอุ่นตลอดเวลา...





............................................................




“สวัสดีครับคุณพยาบาล” ชายหนุ่มในชุดสูทเต็มยศถือช่อดอกไม้สีขาวล้วนยืนชะโงกหน้าเข้ามาในเคาน์เตอร์นางพยาบาล รอยยิ้มนุ่มนวลและน้ำเสียงที่เอ่ยทักทำเอาพยาบาลวัยกลางคนที่นั่งหาวอยู่เมื่อครู่ลุกนั่งหลังตรงโปรยยิ้มมาให้ทันที

“ค่ะ สวัสดีค่ะ”

“ผมมาเยี่ยมญาติครับ ชื่อพิชญ์ เป็นคนไข้แผนกจิตเวช”

“คุณพิชญ์เหรอคะ ตอนนี้คุณหมอเข้าไปตรวจอาการอยู่ คงไม่ค่อยสะดวกค่ะ ถ้ายังไงนั่งรอตรงนี้สักครู่ก่อนไหมคะ”

ธัชส่ายหน้ารอยยิ้มหวานแสร้งทำให้เศร้าลง “ผมติดธุระน่ะครับ ขอเข้าไปแค่แป๊บเดียวก็ได้”

“อืม....” รอยยิ้มหวานๆบวกใบหน้าหล่อเหลาเป็นแรงกระตุ้นอย่างมหาศาล...มากพอที่จะทำให้คำพูดหลุดออกมาได้

“คุณพิชญ์อยู่ที่ตึกเล็กห้องซ้ายสุดค่ะ เดินไปทางนี้ประมาณ200เมตรค่ะ”

“ขอบคุณมากครับ”

ธัชก้าวยาวๆจนแทบจะวิ่งออกไป จังหวะหัวใจเต้นระรัวจนแทบหลุดออกมาจากอกเมื่อคิดว่าจะได้เจอคนรัก...อีกครั้ง...

...รอผมก่อนนะ...

...ผมมาหาพีทแล้ว...






------------------------




“อึก--!! แก! ฉันบอกให้ปล่อ--!!!” พิชญ์พยายามขยับกายหนี สร้างความลำบากให้กับคนที่คร่อมร่างของเขาเอาไว้ มือหยาบกร้านที่มีแต่ชวนให้รู้สึกขยะแขยงลูบไล้ไปตามผิวกายใต้เสื้อผู้ป่วยตัวนิ่ม

“แกมันชั่ว! โอ๊ย-!!!”

“อยู่เฉยๆสิ ทำอย่างกับไม่เคย ฉันจำได้ว่าญาติแกมันบอกว่าแกเป็นเกย์นี่นา...น่าจะคุ้นไม่ใช่หรือไง” คำพูดยังไม่เท่าการกระทำเมื่อมือใหญ่สอดเข้าใต้กางเกงคนป่วยตัวบางก่อนจะดึงชั้นในออกมากองพันปลายเท้าเรียว

“ผิวสวยอย่างที่คิดไว้เลย เสียดายที่รับแกมาแล้วฉันต้องไปนอกตั้งปีกว่า...ไม่งั้นได้เล่นตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว” ปลายนิ้วสากกุมลงบนส่วนอ่อนไหวที่ยังอ่อนนุ่มแล้วบีบเบาๆ เสียงหัวเราะดังซ้ำเมื่อเห็นร่างบางดิ้นรนให้พ้นจากมือ

“จะดิ้นทำไม ไม่มีใครเค้ารู้หรอก”

น้ำตาหลั่งไหลออกมากับคำพูดที่ทิ่มแทง พิชญ์รู้ดีแก่ใจว่าดิ้นรนไปก็รังแต่จะทำให้เจ็บตัวมากขึ้นแต่อย่างน้อยในตอนที่ยังมีลมหายใจอยู่ เขาก็จะพยายามปกป้องตัวเองไว้

เพื่อใครที่เคยบอกว่าสำคัญ

“แก... มัน... ยิ่งกว่า...สัตว์”




-เพี๊ยะ-


แรงตบทำเอาใบหน้าสวยขึ้นรอยมือ เลือดที่ไหลมุมปากถูกเลียอย่างหยาบคาย สัตว์ในคราบหมอบีบส่วนอ่อนไหวที่หดเกร็งแรงขึ้น

“ปากดีนักใช่ไหม หึ...ดี ดูซิว่าจะเก่งได้แค่ไหน”

“พีท!?” ทันทีที่เห็นว่าคนรักกำลังถูกทำอะไรอยู่ ร่างสูงใหญ่ก็บันดาลโทสะโถมเข้าหาร่างในชุดขาวพร้อมกำปั้นนับครั้งไม่ถ้วน ธัชกระชากคอเสื้อขึ้นมาแล้วเตะอัดเข้าที่ท้องจนอีกฝ่ายลงไปนอนจุกที่พื้น ฝ่าเท้าที่ห่อหุ้มด้วยรองเท้าหนังยี่ห้อหรูกระทืบซ้ำลงกลางหลังก่อนจะโผเข้าหาคนที่คิดถึง...และรักสุดหัวใจ

“พีท...พีท...ผมมาหาแล้ว..” มือใหญ่กอดแน่น ครั้งหนึ่งเขาคิดว่าทั้งชีวิตเขาคงไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกอบอุ่นแบบนี้ได้

...แต่ตอนนี้...เขาได้หัวใจกลับคืนมาแล้ว...

“ธัช??!!” นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จะเป็นเรื่องจริง มือสองข้างที่ถูกเชือกดึงรั้งไว้พยายามยกขึ้น น้ำตาไหลลงอาบแก้มสีซีดเป็นทาง

“ธัช... จริงๆ ใช่ไหม” น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยถามเสียงสั่นพร่า เขาไม่คิด... อย่างน้อยก็เคยแค่ฝัน ว่าจะถูกโอบกอดไว้ด้วยความรักอย่างนี้อีกครั้ง

ใบหน้าหล่อเหลาพราวเหงื่อพยักหน้าส่งยิ้มอ่อนโยน ธัชแกะเชือกที่มัดข้อมือทั้ง2ข้างออกแล้วหยิบผ้าห่มผืนบางมาห่อหุ้มร่างบอบบางที่ไร้เรี่ยวแรงก่อนจะอุ้มขึ้นในอ้อมแขน

“เราออกจากที่นี่กันเถอะ...พีทไปอยู่กับผมนะ ผมจะไม่ยอมให้พีทถูกใครทำร้ายอีกแล้ว” แววตาเจ็บปวดที่ต้องเห็นคนที่รักถูกรังแกส่งผ่านความรู้สึกห่วงหาและคิดถึง

“อือ... ไปสิ ไป...” มือผอมเรียวยกขึ้นแตะใบหน้าของธัชเบาๆ

“นัทล่ะ? ได้เจอนัทรึเปล่า?”

“ยังไม่ได้เจอเลย พอรู้ว่าพีทยังไม่ตาย...เลยรีบมาที่นี่ก่อน” ร่างสูงกอดกระชับก่อนจะเดินออกมาช้าๆไม่ให้ร่างบอบบางกระทบกระเทือน ด้านนอกมีคนของเขาคุมอยู่ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ไว้ใจได้มากพอที่จัดการอะไรๆหลายอย่างให้จบอย่างที่เขาพอใจที่สุด

“กลับโรงแรมกันก่อน...แล้วค่อยไปหานัทกันนะ”

รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพิชญ์ เขาไม่ได้เอ่ยตอบอะไรนอกจากอืมก่อนจะเอนซบคนรักเอาไว้

ทันทีที่ก้าวขึ้นบนรถคันหรูที่มีเบาะปรับเอนได้ธัชก็วางร่างอ่อนแรงบนเบาๆแล้วทรุดนั่งลงข้างๆกอดพิชญ์ไว้แนบอก เขาจับข้อมือเรียวที่มีรอยถูกมัดเป็นเวลานานเอาไว้แล้วยกขึ้นจูบบนรอยช้ำนั้น

“ทำไมคนครอบครัวเดียวกันแท้ๆ....” ธัชหลุดปากออกมาแล้วกัดริมฝีปากแน่น เพราะไม่รู้ว่าคนรักของตัวเองรู้ถึงความเลวร้ายที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน

เท่าที่สายข่าวรายงาน หลังจากอุบัติเหตุครั้งเมื่อสองปีก่อน พิชญ์ถูกนำตัวมาไว้ที่นี่ตั้งแต่ยังไม่ได้สติ ครอบครัวที่เกลียดชังพิชญ์ได้เอาศพของคนรูปร่างใกล้เคียงที่ประสบอุบัติเหตุจนไม่เหลือเค้าโครงหน้าเดิมมาเป็นตัวแทนเพื่อจัดพิธีศพโดยปกปิดเขาไว้ และกว่าธัชจะรู้ว่าข่าวก็หลังจากเสร็จงานเผาศพไปแล้วกว่าสัปดาห์

และกว่าสองปี....ที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่โดยปราศจากหัวใจ

นอกจากนั้นสายข่าวยังบอกว่าความคิดทั้งหมดเป็นแผนการของลุงใหญ่ซึ่งเป็นญาติแท้ๆ..ที่เกลียดชังความสัมพันธ์ของพิชญ์และเขายิ่งกว่าอะไร

“พีท...คิดถึงพีทที่สุดเลย” พูดจบน้ำตาที่ห้ามไม่อยู่ก็ไหลออกมา ธัชกัดริมฝีปากแน่นแล้วโอบกอดคนรักด้วยความรู้สึกที่มากกว่าคำว่าคิดถึง

...กอด...ให้สมกับที่ได้หัวใจคืนกลับมา...

“ฉัน.....คิดถึง....... มาตลอด....” ยิ่งเห็นน้ำตาคนรัก

น้ำตาของตัวเองก็ยิ่งไหลออกมา

ปลายนิ้วยกขึ้นแตะหยดน้ำตาของธัชก่อนจะปาดออกเบาๆ

ธัชมองใบหน้าสวยที่ซูบลงผ่านม่านตาพร่าเลือน มือใหญ่ลูบเบาๆบนผิวแก้มเปียกชื้น

“พีทอย่าร้องไห้นะ...จากนี้ไปผมจะดูแลพีทเอง”คำมั่นสัญญาหนักแน่นส่งผ่านทางอ้อมแขนที่กอดกระชับ ธัชจูบเบาๆลงบนริมฝีปากแตกช้ำอย่างทะนุถนอม

“ลืมสองปีที่ผ่านมาซะหลับพักแป๊บนึงนะ เดี๋ยวจะถึงแล้ว...”

“... อืม....” คำพูดของธัชคล้ายกับมีเวทย์มนต์ นัยน์ตาคู่สวยที่แดงช้ำค่อยๆปิดลงช้าๆ ในที่สุดก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาจนอยากจะพักผ่อนในอ้อมกอดแข็งแกร่งที่คิดถึง

“ถึงแล้ว... ปลุกนะ..”

“อืม” ธัชรับคำ มือใหญ่คอยลูบหลังเบาๆให้คนในอ้อมกอดนอนฝันดี นัยน์ตาสีเข้มมองแพขนตาบนเปลือกตาบวมช้ำก่อนจะก้มลงจุมพิตบางเบา

...จากนี้ไปจะไม่มีวันปล่อยมือไปอีกแล้ว...



...ผมสัญญา...
-----------------

(มีต่อนะจ๊ะ)
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 20 Missing piece 6 [16/01/16]
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 16-02-2016 22:43:03


เสียงน้ำที่ดังออกมาแว่วๆจากห้องน้ำปลุกให้คนที่นอนหลับอยู่ค่อยๆลืมตาขึ้น พิชญ์เหลียวมองไปรอบๆก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงหลังใหญ่โดยมีผ้าห่มผืนหนาคลุมไว้ ร่างบางเลิกผ้าห่มออกแล้วค่อยหย่อนปลายเท้าลงบนพื้นพรม

“... ธัช?” น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยเรียกขึ้นขณะก้าวเท้าไปยังห้องน้ำ

“พีท...ตื่นแล้วเหรอ” ธัชที่กำลังรองน้ำในอ่างหันกลับมาหา เสื้อเชิ้ตที่ถกแขนขึ้นเปียกชื้นแทบทั้งตัวแนบกับร่างกายแข็งแกร่ง เขาละมือแล้วเดินเข้ามาใกล้

“ทำไมไม่นอนต่อล่ะ”

“... ฉันอยากจะอาบน้ำแล้ว” นัยน์ตาคู่สวยจับจ้องที่ใบหน้าได้รูปของธัชนิ่ง ภาพชายหนุ่มในความทรงจำกับคนที่ยืนอยู่ตรงนี้แตกต่างกันเล็กน้อย

“... ไม่สบายรึเปล่า ธัช?”

“หือ?...ไม่นี่...” รอยยิ้มบางเบามอบให้คนรักก่อนอ้อมแขนอบอุ่นจะดึงเข้ามากอดหลวมๆ

“ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ หน้าผมดูโทรมไปเยอะเลยเหรอ” ร่างสูงผละออกเมื่อรู้สึกตัวว่าเสื้อที่เปียกชื้นของตัวเองทำให้อีกฝ่ายเปียกตามไปด้วย

“... นิดนึง...” พิชญ์เอ่ยตอบ ปกติคนตรงหน้าจะมีรอยยิ้มฉายอยู่ทั่ว แต่ทว่าดวงตาคมกลับดูเย็นชา แปลกไปจากเดิม
ธัชค่อยๆยกมือประคองใบหน้าคนรัก นิ้วมือแตะเบาๆที่ผิวแก้มราวกับยินยันว่าคนตรงหน้านี้ไม่ใช่เพียงฝัน..ที่เคยเป็นติดต่อกันมาถึง2ปี ฝันดี...ที่ต้องตื่นมาพบความจริงแสนโหดร้าย

“ทำไมผมถึงไม่รู้ให้เร็วกว่านี้นะ...ผมผิดเองที่ทำให้พีทต้องอยู่คนเดียว...ต้องเจอเรื่องบ้าๆแบบนั้น”

“........ แต่ธัชก็มาช่วยฉันไม่ใช่เหรอ...” ชายหนุ่มยิ้มจางๆ ความทรมานที่พบเจอมาก่อนหน้านี้คล้ายกับถูกความอ่อนโยนของร่างสูงละลายให้หายไปเสียหมด

“...ก็ตั้งนาน...พีทรู้ไหมว่าสองปีที่นึกว่าพีทตายไปแล้ว...ไม่มีวันไหนที่ผมหลับแล้วอยากตื่นขึ้นมาเลย เพราะผมได้เจอพีทในฝัน ได้กอด ได้จับมือ..แต่พอเช้าผมก็ต้องรู้ว่าไม่มีพีทอีกแล้ว พีทรู้ไหมว่ามันเป็นความรู้สึกที่แย่ขนาดไหน” ร่างสูงกอดอีกครั้งก่อนจะเอนศีรษะลงซบเหมือนเด็กๆ

“ทำไมผมถึงไม่เอะใจก่อนหน้านี้นะ”

“.....” พิชญ์หลับตาลง เพราะเข้าใจถึงความทรมานแบบเดียวกันที่อีกฝ่ายต้องพบเจอ

“เราจะเอะใจอะไรได้... พวกที่บ้านเค้าทำได้เนียนเสียขนาดนั้น...”

“ผมไม่ยอมให้เรื่องนี้เงียบไปเฉยๆแน่” ธัชกอดร่างบอบบางกระชับแม้แววตาจะแข็งกร้าวเมื่อนึกถึงเรื่องที่พิชญ์ถูกทำ แต่เมื่อเห็นคนรักแล้ว...นัยน์ตาที่คมประดุจน้ำแข็งก็ค่อยๆอ่อนลง

“เรื่องปวดหัวเอาไว้ก่อนแล้วกัน พีทจะอาบน้ำใช่ไหม...ให้ผมช่วยถูหลังนะ”

ธัชถอดเสื้อเนื้อบางของสถานบำบัดออกโยนทิ้งลงถังขยะแบบไม่ไยดี

“... ฉันอาบเองก็ได้... ธัชเพิ่งมา... ไม่เหนื่อยเหรอ?” คนอายุมากกว่าเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ค่าที่ห่างกันไปนาน พิชญ์จึงไม่มีอารมณ์จะมาท้วงติงเรื่องน่าอายที่อีกฝ่ายทำ เขายกมือขึ้นแตะที่หว่างคิ้วของธัชแล้วพูดต่อ

“รอยจะขึ้นอยู่แล้วนะ” คำพูดเย้าแหย่มาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าอีกเช่นเคย

“ไม่เหนื่อย....เทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้ยังรู้สึกดีกว่าเยอะ” ธัชรับนิ้วที่แตะอยู่มาจูบเบาๆ เชาดันพิชญ์เข้าไปยืนใต้สายน้ำที่อุณหภูมิเย็นเยียบ

“น้ำเย็นจัง...กอดพีทแก้หนาวได้ไหม” เชิ้ตเปียกโชกแนบลำตัวอวดสัดส่วนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ธัชจรดจมูกลงข้างแก้มอย่างโหยหาในสัมผัสที่เฝ้าคิดคำนึง

“....ผมรักพีทนะ....”

“........” คำรักที่ยังฟังไม่ต่างไปจากเดิม หนักแน่นและชัดเจนทำให้เขาอดรู้สึกดีใจไม่ได้

“... ใส่เสื้อไว้แบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาฟังไม่เหมือนคนดุเท่าไหร่ เขาขยับใบหน้ารับสัมผัสจากปลายจมูกของอีกฝ่ายให้มากขึ้นด้วยความคิดถึงที่ไม่ต่างกัน

“พีทถอดให้สิ” ธัชงึมงำอยู่ข้างหู ถ้าถามถึงความเหมาะสม...เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆคงไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาจะทำอะไรเช่นนี้ แต่เพราะความคิดถึงที่มีมากเกินจะอดทนได้อีกต่อไปส่งผลให้ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างอัตโนมัติ

“จะว่าอะไรไหม...ถ้าผมจะขอกอดพีท...ที่นี่...” เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าพูดเบาๆก่อนที่ริมฝีปากจะขบเม้มที่ติ่งหูมน
ปลายนิ้วยกขึ้นแตะที่กระดุมก่อนจะค่อยๆแกะออกช้าๆ เขานิ่งไปนานราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยถาม ทว่าจริงๆแล้วกลับได้ยินชัดเจน

“.... อาบน้ำก่อน... สิ”

“...อืม.....” มือใหญ่ปลดทุกส่วนบนร่างเพรียวตรงหน้าจนเปลือยเปล่า สายตาคมมองคนรักอย่างพิจารณา แม้จะผอมลงไปบ้างแต่พิชญ์ก็ยังเป็นคนเดิม...มีความอบอุ่น..มีเลือดเนื้อ มิใช่เพียงภาพฝัน

มือใหญ่ลูบเบาๆด้วยน้ำเปล่าก่อนจะกดสบู่เหลวลูบไล้บนผิวกายเนียนมือ ธัชไล้มือเบาๆโดยเฉพาะจุดที่อีกฝ่ายบาดเจ็บ..ข้อมือที่เป็นรอยช้ำ ข้อเท้าที่มีรอยมัด ปลายนิ้วสากลากผ่านส่วนอ่อนไหวก่อนจะชำระล้างให้อย่างนุ่มนวล

“พีทล้างตัวก่อนนะ แล้วแช่น้ำอุ่น...ผมจะนวดขาให้” คนที่เคยชินแต่ความสุขสบายคุกเข่าลงฉีดน้ำล้างคราบสบู่บริเวณเรียวขาให้จนสะอาด

“... ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้” แม้จะเอ่ยพูดออกมาแบบนั้น แต่ร่างบางก็มิได้ทำตัวขัดขืนหรืออย่างไร เขากลับปล่อยให้ธัชทำอย่างที่บอก ยอมให้พาลงไปแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำที่มีระบบจากุสซี่ในตัว

ธัชกอดร่างเปลือยเปล่านุ่มนิ่มที่เริ่มอุ่นขึ้นเรื่อยๆ มือหนาลูบไหล่บางช้าๆพลางกดจุมพิตบนไหล่มนหอมกรุ่น เขากอดซ้อนจากทางด้านหลังให้ร่างกายสัมผัสกันแนบแน่น

“พีทหอม...อุ่นด้วย...”

พอนึกได้ว่าความอบอุ่นของร่างกายที่ได้สัมผัสไม่ใช่ความฝัน หยาดน้ำอุ่นร้อนก็อดไหลออกมาไม่ได้

“ดีใจ..จัง...ที่พีท..ยังอยู่..” เสียงเครีอพูดแผ่วๆเช่นเดียวกับริมฝีปากระริกที่แตะบนข้างแก้ม

“... ฉัน... ก็ดีใจ...... ที่ธัชมารับฉัน.... นะ” เขายกมือขึ้นแตะฝ่ามือร้อนผ่าวที่ลากสัมผัสบนผิวกาย รับรู้ถึงความรู้สึกโหยหาผ่านสัมผัสอ่อนโยน

“ขอบคุณ... ที่รักฉัน....”

“แย่จังเนอะ..ตั้งแต่พีทไม่อยู่ ผมก็กลายเป็นคนเจ้าน้ำตาไปซะแล้ว” ธัชยิ้มออกมาก่อนจะจุมพิตบนริมฝีปากสีสดตรงหน้า เขาขบเม้มเบาๆบนกลีบปากบางพลางสอดลิ้นเข้าเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของพิชญ์ที่อยู่ภายใน จูบ...ซึมซับรสหวานซ่านอบอุ่นที่โอบล้อมรอบกาย

มือใหญ่แตะสัมผัสหยอกเย้าตรงแก่นกายที่ยังอ่อนนุ่ม ปลายนิ้วสากลากไล้แผ่วเบาจนมันค่อยๆแข็งขึ้นมาในฝ่ามืออุ่นร้อน ธัชรู้สึกถึงสะโพกเพรียวที่บดเบียดเข้ามาแนบชิดกับด้านหน้าที่ความปรารถนาก่อตัว

“...ที่นี่...ได้ไหม?...”

“ม... ไม่เอา....” ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการ พิชญ์ไม่อาจปฏิเสธถึงความต้องการของตัวเองได้ แต่เพราะนิสัยของเจ้าตัวที่ไม่ชอบเวลาคนรักชอบเสนอให้มีเซ็กซ์กันในที่แปลกๆ

“...... จะทำ... ก็ไปทำที่เตียง...”

“...ทั้งที่ผมเป็นถึงขนาดนี้แล้วเนี่ยนะ...” ธัชกอดอีกฝ่ายแน่นขึ้นให้ส่วนล่างที่แข็งขึงสัมผัสกับสะโพกเพรียว เขานึกขำนิดๆเมื่อคนในอ้อมกอดขยับยุกยิกไปมา

“ของพีทเอง...ก็เป็นขนาดนี้แล้วเหมือนกัน” เขาจับมือของพิชญ์ให้สัมผัสส่วนอ่อนไหวใต้สายน้ำอุ่นก่อนจะแกล้งจูบข้างแก้มเสียงดัง

“อ... ก็ ก็บอกว่า... ไม่เอา... ไง” เขาพยายามเอ่ยห้ามพลางขยับมือให้หลุดออกจากการจับกุม แล้วดึงข้อมือของธัชเอาไว้

“... ไปที่เตียง... สิ” พิชญ์พยายามที่จะขอให้เป็นไปอย่างที่เขาต้องการ

“.... นะ”

“.....พีทใจร้าย....” คนพูดทำปากบู่ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

“ก็ให้พีทอาบน้ำไง เดี๋ยวผมอาบให้ พีทแน่ปล่อยตัวตามสบาย...นะครับ?”

ปลายนิ้วสากสอดเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มที่อุ่นจัดพลางขยับเบาๆเปิดทางให้น้ำที่อยู่รอบกายไหลเข้าภายใน

“อ-!! ธ... ธัช... ย... อย่าสิ...” น้ำอุ่นที่ค่อยๆไหลเข้ามาในร่างกายทำให้รู้สึกวูบไหว ทว่าเขาก็ยังพยายามขอร้องอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น

“... ไปที่...... เตียง....... นะ”

“พาผมไปสิ” ชายหนุ่มพิงตัวทับคนรักเหมือนเด็กๆ เขาเอาหน้าซุกที่ลำคอพลางถูไถจมูกกับผิวนุ่มหอมกรุ่น

“พีทหอมเหมือนเด็กๆเลย”

พิชญ์หันมามองหน้าคนเอาแต่ใจก่อนจะขยับลุกขึ้น เขาจับข้อมือของธัชให้ลุกตามมา มือเรียวหยิบเอาผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่มาทาบลงบนตัวร่างกายของคนรัก

“..... ฉัน....... จะโกรธนะ...”

“...ทุกทีเลยอะ...” ธัชยอมเดินตามออกจากห้องน้ำ แต่ไม่ทันจะไปถึงที่หมายร่างสูงก็กอดรัดร่างบางจนโอนเอนแล้วกลิ้งลงบนพื้นโดยที่ตนเองเป็นคนรองรับ

พิชญ์ที่แม้จะผอมลงไปแต่ทุกสิ่งทุกอย่างยังดูน่ารักเหมือนวันก่อน...จนอดจะแกล้งไม่ได้

“พีทน่ารัก...น่ารักที่สุดเลย”

“........ พูดอะไร....” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยยามที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น

“ฉันแก่... เป็นคุณลุงแล้ว....”

“คุณลุงอะไรน่ารักขนาดนี้” ร่างสูงคร่อมคนรักเอาไว้แล้วแกล้งทรุดกายลงแนบชิดให้ผิวเนื้อรุ่มร้อนสัมผัสกันแนบแน่น

“ถึงจะอายุเท่าไรพีทก็ทำให้ผมรู้สึก....แบบนี้...ได้ตลอดเวลาเลยรู้ไหม” ธัชแนบส่วนแข็งแกร่งที่ตื่นตัวเต็มที่กับแก่นกายของพิชญ์

“..... อ... แล้วคนอื่นๆ... ล่ะ” พิชญ์หลบสายตาก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงบางเบา

“ผ่านมา.... ตั้ง2ปี.....”

“พีทหมายความว่าไง” ชายหนุ่มหยุดชะงักก่อนจะจับปลายคางให้หันมาสบตากันอีกครั้ง

“ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ..ว่าไม่ใช่พีท...ผมก็ไม่เอา” ธัชโน้มกายลงกดจุมพิตหวานเป็นการทำโทษ

“สองปีแล้วไง ต่อให้เป็นสิบปี ยี่สิบปี ถ้าไม่มีพีทอยู่บนโลก...ไม่ว่าใครผมก็ไม่มีทางรักได้อีกแล้ว พีทอย่าเห็นผมเป็นคนโลเลสิ”

“.... ไม่ได้เห็นว่าเป็นคนโลเล” เขาเอ่ยแก้สิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา พิชญ์ไม่เคยมองว่าคนรักโลเลหรืออะไร หากแต่เวลาสองปีที่ห่างกัน
หากธัชรับรู้ว่าตัวเขาตายไปแล้ว ก็ควรจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้

“ฉันก็แค่คิด... ฉันน่ะ ตายไปแล้วครั้งนึง... แล้วก็แก่ขนาดนี้... ทำไม จะคิดบ้างไม่ได้....”

ธัชผละออกจากร่างบาง เขาลุกขึ้นนั่งพร้อมๆกับดึงคนรักให้เข้านั่งในตัก ธัชรู้ว่าสำหรับคนที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในสถานที่แบบนั้นและไม่รุ้ว่าอนาคตจะมีหรือเปล่าคงจะเฝ้าคิดอะไรต่ออะไรหลากหลายเรื่อง

แต่ถึงอย่างนั้น...เรื่องที่เขาจะรักพิชญ์ตลอดไป...ก็อยากจะให้เชื่อ...

“แก่อะไรน่ารักขนาดนี้ ถึงพีทจะแก่จะตายผมก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก ลองผมรักเข้าแล้ว...ตลอดไปของผมก็จะอยู่ที่พีท”

“....” คำพูดของธัชยังคงทำให้เขารู้สึกไม่ต่างจากเดิม เหมือนวันแรกที่ยอมให้อีกฝ่ายกอด เป็นสิ่งยืนยันว่าความรักที่มีให้เขาช่างมั่นคงเสียจนกลัวว่าจะให้ได้ไม่เท่ากับที่คนรักให้มา

“แล้วเรา.... พอใจกับ... รัก... ของฉันหรือเปล่า”

“ผมน่ะนะ...แค่พีทรักผม...ผมก็ไม่ต้องการอย่างอื่นแล้ว” ธัชย้ำด้วยจุมพิตหวาน ถึงบางครั้งบางคราวพิชญ์จะแกล้งทำเหมือนเอาใจใส่เขาน้อยไป...แต่เพราะตัวเขารู้ถึงนิสัยขี้อายและการเขินแบบแปลกๆของพิชญ์ จึงรู้ว่าความจริงแล้วอีกฝ่ายรู้สึกกับตัวเขา...มากแค่ไหน

“ถึงพีทจะใจร้าย ชอบบ่น ไม่ยอมตามใจ แถมยังงอแงไม่ยอมให้กอด แต่ผมก็รักตัวพีท...ที่รักผมมากที่สุดเลย”

น้ำตาค่อยๆไหลลงมาอีกครั้ง คนตรงหน้านี้มอบความรักให้เขาไม่รู้เท่าไหร่ ทั้งๆที่รู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ แต่ก็ยังรัก... คำรักของธัชเป็นเหมือนสิ่งล้ำค่าของชีวิตไปเสียแล้ว

“.... ฉัน... ไม่ได้งอแง... ไม่ยอม.. ให้กอดนะ....”

ธัชจูบซับน้ำตาที่หัวตาเบาๆ น้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความรักทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอิ่มเอมจนยิ้มออกมา อ้อมแขนแข็งแรงโอบกระชับแน่นแนบร่างเปลือยเปล่าของกันและกัน

...เพราะรักพิชญ์...ถึงเป็นได้เหมือนทุกวันนี้..

พิชญ์เป็นแรงบันดาลใจ เป็นแรงผลักดัน และกำลังใจที่ทำให้เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ประสบความสำเร็จ ทำให้ยอมรับ...และรักได้อย่างเท่าเทียม

...พิชญ์...เป็นโลกและหัวใจ...

“พีทร้องไห้ก็น่ารักอยู่หรอกนะ แต่ผมชอบพีทที่ยิ้มมากกว่า...” ร่างสูงลูบไล้เบาๆบนร่างกายนุ่มนิ่มอุ่นจัดพลางหยอกเย้าลำคอเรียวด้วยริมฝีปาก

“......... อ... บ้า......” แก่นกายที่แนบและเสียดสีกันก่อให้เกิดความรู้สึกรุ่มร้อน เขายกมือขึ้นโอบลำคอของร่างสูงลงมาให้นัยน์ตาสีเข้มได้สบมองซึ่งกันและกัน

“ทำให้ฉันรู้สึกว่าเวลาสองปีที่ไม่ได้ติดต่อกัน... มันหายไปหมดแล้ว.... ได้ไหม”

“รับทราบครับ...” ธัชเอนร่างเพรียวในอ้อมกอดลงวางกับพื้นพรม แม้จะไม่แข็งแต่ดูจากใบหน้าของคนรักที่นิ่วนิดๆก็รู้ว่าคงขัดใจอยู่นิดหน่อย พิชญ์เป็นประเภทชอบของนุ่มๆ ทั้งที่นอน หมอน ผ้าห่ม...แต่ถึงอย่างนั้น แม้ว่าธัชจะบอกว่าตัวเองตัวนุ่มแต่คนรักของเขาก็ไม่ยอมเชื่อสักที

“บนเตียงไหม พีทจะได้ไม่เจ็บหลัง” พูดจบธัชก็พลิกตัวให้อีกฝ่ายอยู่ด้านบน เขาจับเรียวขาขาวแยกออกให้คร่อมอยู่บนช่วงท้อง

“หรือว่าเอาแบบนี้...ไม่เจ็บแน่นอน”

“... เตียง....................” พิชญ์ตอบสั้นๆก่อนจะหลบสายตาเจ้าเล่ห์ที่มองมาแม้รู้ดีว่าธัชจงใจจะแกล้ง

“แบบนี้ไม่ดีเหรอ สบายดีออกนะพีท”มือใหญ่ลูบไล้บนสะโพกเนียน ผิวกายร้อนผ่าวที่แนบชิดทำให้รู้สึกดี

“พีทลองดูสิ...ยังไม่เคยนี่นา”

“ไม่.... เอา............. นะ....” ชายหนุ่มร่างบางยังคงเอ่ยปฏิเสธก่อนจะเอื้อมไปดึงมือของธัชออกมาจับไว้

“อยากไปที่ไหน...”ธัชจับยอดอกเล็กพลางแกล้งจนเริ่มแข็งขึ้น สีอ่อนจางค่อยๆแปรเป็นสีจัดช้าๆเช่นเดียวกับผิวกายสีระเรื่อ

“บอกผมสิ...”

พิชญ์สะดุ้งเพียงเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมองหน้าของคนรัก

“บอกว่าเตียง.... ไง...” ใบหน้าที่ยังดูสวยหวานอยู่เปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ

“นะ...”

ร่างเบาหวิวถูกอุ้มขึ้นแนบอก ธัชอุ้มพิชญ์ไปยังเตียงหนานุ่มชั้นหนึ่งในห้องสวีตของโรงแรมห้าดาวที่มองออกไปด้านนอกจะเห็นทะเลยาวไกลสุดลูกหูลูกตา เขาบรรจงวางแล้วก้มลงปลุกเร้ายอดอกที่แข็งขึ้นด้วยริมฝีปากสลับฟันที่กดย้ำเบาๆ

“ดี...ไหม?..”

“...... ย... อย่าถามสิ.....” มือเรียวคว้าเอาหมอนได้ก็จับไว้ก่อนจะเอนหน้าเข้าซ่อนสีหน้าของตัวเองที่ตอบคำถามเมื่อครู่ได้ดี

“พีทเป็นคนที่เขินได้น่ารักที่สุดในโลกเลยรู้ไหม” มือใหญ่แกล้งดึงหมอน แต่ยิ่งดึงอีกฝ่ายยิ่งยื้อไว้ ธัชเลื่อนตัวลงต่ำก่อนจะใช้ริมฝีปากโอบรัดจุดกึ่งกลางสั่นไหวของพิชญ์ไว้

ปลายลิ้นอุ่นลากตั้งแต่ส่วนล่างถึงส่วนยอด เขากดลิ้นเบาๆบริเวณปลายจนร่างในอ้อมกอดสั่นไหว สะโพกเพรียวถูกคว้าจับและสอดนิ้วเข้าไปพร้อมๆกับที่ริมฝีปากเคลื่อนไหวให้ทางด้านหน้า

“!อื๊อ--! ธ... อึก...” ริมฝีปากที่อุ่นร้อนกับปลายนิ้วที่สอดลึกทำให้เขาแทบหายใจไม่ทัน ก่อนหน้านี้ที่ถูกล่วงเกินกลับรู้สึกรังเกียจและขยะแขยง ทว่าพอเปลี่ยนเป็นธัช แค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเขาก็รู้สึกไปทั่วทั้งร่าง

“พ... พอ... อ๊ะ-- ฮะ--!”

ธัชรุกไล่ด้วยปลายลิ้น เขารู้สึกถึงมือที่เกร็งจับบนศีรษะและกายสั่นระริกซึ่งใกล้จะปะทุ ริมฝีปากที่โอบล้อมขยับขึ้นลงหวังให้อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมา

“อ-- ธัช-- พ.. พอ.. อ๊า-- จะออกแล้-- อื้อ-!” พิชญ์พยายามดันศีรษะอีกฝ่ายออก ขาสองข้างขยับดันให้พ้น
แม้เสียงสั่นๆจะบอกให้หยุดแต่ริมฝีปากที่รุกรานกลับเพิ่มความเร็วขึ้น โพลงปากอุ่นร้อนรับรู้ถึงความแข็งเกร็ง..ก่อนจะอ่อนลงและปล่อยสิ่ง
ร้อนรุ่มออกมาทั้งอย่างนั้น ชายหนุ่มที่ก้มหน้าอยู่ถอนออกมาช้าๆ หยาดสีขาวยาวเป็นสายเชื่อมต่อกับริมฝีปากหยักลึก ก่อนจะขาดลงกลายเป็นหยดสีอ่อนที่ปลายคาง

“พีทน่ารัก....”

ร่างบางหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ร่างกายที่ว่างเว้นสัมผัสรุ่มร้อนไปนานกำลังทำความคุ้นเคย นัยน์ตาคู่สวยจับมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกอายผสมไปกับความสุขทางอารมณ์ที่ได้รับ

“พีทรู้ไหมว่าทำผมแทบคลั่งแล้ว” ริมฝีปากที่ยังชื้นด้วยหยาดอารมณ์จูบเบาๆก่อนจะสอดลิ้นที่ยังเหลือรสของสิ่งที่ปลดปล่อยแทรกเข้าไปในริมฝีปากนุ่ม

“รสดีไหม...” ธัชแกล้งหยอกแต่ปลายนิ้วที่สอดอยู่ยังขยับต่อและเพิ่มจำนวนมากขึ้น
คล้ายกับถูกมอมเมาด้วยจุมพิตเร่าร้อน มือสองข้างยกขึ้นไขว่คว้าเอาร่างสูงเข้ามากอด ให้ได้รู้สึกถึงผิวกายที่สัมผัสกัน


“... ธัช...” เสียงอ่อนหวานเอ่ยเรียกอย่างโหยหาก่อนเป็นฝ่ายเข้าหาจุมพิตนั้นเอง

ธัชตอบรับจุมพิตนั้นอย่างเต็มอิ่มก่อนจะถอนริมฝีปากออกเชื่องช้า ปลายนิ้วสากถูกดึงออกก่อนจะแทนที่ด้วยสิ่งร้อนรุ่มอันใหญ่โต เขากดมันเข้าไปช้าๆให้ส่วนปลายเปิดทางทีละนิด ความร้อนและคับแคบโอบรัดบีบตัวเป็นจังหวะเบาๆเฉกเช่นการหายใจเข้าออก

“ของพีทอุ่นจัง...”เสียงแหบพร่ากระซิบแผ่วก่อนจะจูบเบาๆอีกครั้ง

คำพูดของธัชยิ่งชวนให้รู้สึกอับอายมากขึ้น ร่างกายทุกส่วนรับรู้ถึงแก่นกายแข็งขืนที่กดแทรกเข้ามาชัดเจน ร่างบางพยายามผ่อนคลายเพื่อรับเอาตัวตนของชายหนุ่มเข้ามา

“... อือ.... เข้า... เข้ามา... อีก...”

“พี...ท...น่า..รัก...” เสียงครางร้องเรียกชื่อเจือลมหายใจกระเส่า ธัชกดร่างที่ทาบทับเข้าสู่จุดที่ลึกที่สุดแล้วปล่อยค้างไว้ครู่หนึ่ง นัยน์ตาคมมองคนรักที่หน้าแดงก่ำอย่างเอ็นดู ดวงตาหรี่ปรือพยายามอย่างยิ่งที่จะลืมขึ้นสบตาเขา

ธัชกอดร่างชื้นเหงื่อเอาไว้และเริ่มต้นเคลื่อนกายเชื่องช้าให้อีกฝ่ายตอบรับและดึงอารมณ์ปรารถนาให้พุ่งขึ้นอย่างไม่รีบร้อน ระยะเวลาสองปีที่ห่างหาย...กับความทรงจำเลวร้ายที่โดนรังแก เขาอยากจะลบเลือนมันให้หมดสิ้นด้วยร่างกายตนเอง

“ผม...รักพีท...นะ...”

คำรักที่แม้จะพูดบ่อยครั้ง....แต่ความหมายกลับเพิ่มมากขึ้นในทุกพยางค์ที่เปล่งออกไป

“ฉ... ฉัน อะ... อ๊า-- ก็... รัก อึก-!” ร่างบางพยายามเอ่ยตอบทว่ากลับถูกเสียงครางแทรก อ้อมกอดแน่นขึ้นตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูง

“ธัช... ธัช....” มือกดแรงลงกลางแผ่นหลังกว้าง พิชญ์ขยับใบหน้าเข้าหาเพื่อรับจูบมาอีก ราวกับในตอนนี้ไม่สามารถหายใจให้ทันได้

ธัชจูบแนบแน่น มือที่กดลงบนแผ่นหลังของเขาร้อนผ่าวราวเอาไฟมานาบ กายที่เชื่อมต่อขยับเร่งเร้ากระแทกกายเข้าออกอย่างรวดเร็วจนหายใจแทบไม่ทัน

“พีท..ร..ร้อน...” เสียงครางทุ้มต่ำดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงจะแทรกเข้าถี่เร็ว...และเนิบช้าลงเมื่อปลดปล่อยสู่ภายใน

พิชญ์ปล่อยร่างกายให้ทิ้งตัวลงอย่างหมดแรง เสียงหอบหายใจของคนทั้งสองประสานกันแทยจะเป็นจังหวะเดียว นัยน์ตาคู่สวยยังไม่ยอมเปิดขึ้น ทว่าริมฝีปากบางกลับขยับเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“คิดถึง... คิดถึงมากนะ...” หยาดน้ำตาค่อยๆไหลออกมาอีกครั้ง ความอบอุ่นจากอ้อมกอดและร่างกายที่เชื่อมต่อกันตอกย้ำว่านี่เป็นความจริง มิใช่เพียงฝันอีกต่อไป

“อืม..ผมก็เหมือนกัน” คนที่ยังมัวเมากับรสสัมผัสตอบเสียงพร่า ธัชจูบซับน้ำตาเบาๆแล้วเกลือกจมูกกับแก้มขาวที่มีรอยน้ำตา

“ผมไม่ต้องตื่นจากฝันดีอีกแล้วใช่ไหม...ถ้าผมหลับแล้วตื่นอีกครั้ง...ผมจะเจอพีทใช่ไหม”

“อือ....” เขายกมือขึ้นแตะเบาๆบนใบหน้าของชายหนุ่ม

“ไม่ไปไหน... อีกแล้ว”

ร่างสูงนอนหงายพลางจับคนตัวเล็กกว่าให้ซบบนแผ่นอกทั้งที่ร่างกายยังเชื่อมต่อ ธัชลูบหลังเปลือยเปล่าเบาๆพลางกอดกระชับ แม้ร่างกายจะเปรอะเปื้อนจากหยาดอารมณ์ของกันและกันแต่เขายังไม่ขยับตัวไปไหน...เพราะอยากจะอยู่กับความรู้สึกที่ได้คนรักกลับคืนมา..อีกสักนิด

“นอนต่อไหมพีท...” นัยน์ตาสีเข้มหลับลง ความเหนื่อยสั่งสมที่มาจากการเดินทางเริ่มโถมเข้าใส่จนเปลือกตาอ่อนล้า

“อีกแป๊บ..นะ..ขอผม..นอนอีก..นิด...”

“อือ... นอน.... สิ” เขาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่บางเบาไม่แพ้กัน รู้สึกอบอุ่นและสบายใจคล้ายกับได้กลับบ้าน ความรู้สึกที่คิดว่าคงไม่ได้สัมผัสอีกแล้วตอนนี้กำลังอยู่กับเขาในตอนนี้



...และคงอยู่กับเขาตลอดไป

-----------------------------------------------------------------------------------------





To Be Continued...
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 21 Missing piece 7 [16/02/16]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-02-2016 01:26:46
ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆที่ไม่ทำให้พรทตายจากไปจริงๆ
หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 06-03-2016 16:23:47
-8-




“พีทแน่ใจนะว่าจะเข้าไป”

ทันทีที่เปิดประตูลงและประคองร่างบอบบางลงมาได้ ธัชก็เอ่ยถามเพื่อย้ำอีกครั้ง การที่ต้องมีคดีความหรือมีเรื่องเพื่อ

พิชญ์...สำหรับเขาเป็นสิ่งที่ทำได้อย่างแน่นอน แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นญาติคนรักและพิชญ์เองก็เพิ่งหลุดรอดออกมาจากคนพวกนี้ได้ เขาเลยเป็นห่วงเรื่องความรู้สึกมากกว่า..

“พีทนั่งในรถก็ได้ เดี๋ยวผมจัดการเอง...นะ?”

“ไม่เป็นไร... ฉันจะไป” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น มือข้างนึงยึดจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้

“ฉันมีธัชอยู่ด้วย... ไม่เป็นไรหรอก...”

“อืม” ฝ่ามือหนากระชับแน่น นัยน์ตาคมหันมาสบชั่วครู่ก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้า



...ไม่เป็นไร...

..เพราะผมจะอยู่เคียงข้างคุณ...ตลอดไป...

...................................




บนเตียงหลังกว้างภายในห้องสีอ่อนมีร่างของเชฟหนุ่มนั่งเอนกายอยู่อย่างสบายใจ ทยุตรู้สึกว่าการเป็นเชฟที่มาทำอาหารให้บ้านประสิทธิ์พรวิวัฒน์มีประโยชน์กับตัวเอง..ก็เมื่อได้เป็นคนรักของญาณัชแล้ว

แน่นอนว่าเขาไม่ถูกใครจับผิดเพราะเข้าออกเป็นประจำ และญาณัชเองก็ได้ใช้เวลาอยู่กับเขามากขึ้นด้วย

“นัท..หารูปเจอหรือยังครับ”

“..... เจอแล้ว!”

น้ำเสียงสดใสของเด็กหนุ่มเอ่ยตอบพร้อมกับประตูห้องที่เปิดออก

ร่างบางหอบเอาอัลบั้มรูปเข้ามาจำนวนหนึ่งแล้ววางลงกองบนปลายเตียง

“ดูด้วยกันนะพี่ยุต...”

ญาณัชขยับขึ้นบนเตียงบ้างโดยนั่งเอนพิงแผ่นหลังบางเข้ากับแผ่นอกกว้างของทยุต

ทยุตตอบรับด้วยการขยับตัวให้ญาณัชนั่งพิงได้สะดวก อ้อมแขนแข็งแรงกอดเอวอีกฝ่ายพลางเอาคางวางบนไหล่เล็ก

“อยากดูตั้งแต่แบเบาะเลย มีไหมนัท”

“... ไม่ได้หยิบมาอะ... นัทหยิบแต่ที่ถ่ายไว้ตั้งแต่ตอนอยู่กับอาพีทน่ะ” คนตัวเล็กหันมาบอกพลางเอื้อมตัวไปหยิบมาหนึ่งเล่ม

“ดูตรงนี้ก่อนก็แล้วกันเนอะ”

“อื้ม” เขาไล่สายตาดูรูปเด็กตัวน้อยที่ยิ้มอย่างสดใสกับคุณอา...ที่มีใบหน้าสวยเกินผู้ชายทั่วไป สวยจนแวบแรกเกือบนึกว่าเป็น
ผู้หญิง

ทยุตมอง”อาพีท”ของญาณัช...เขาไม่เคยเจอกับคนๆเพราะว่าเขาเข้ามาทำงาน”อาพีท”ก็ไม่ได้อยู่แล้ว และเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับคนในบ้านนี้เท่าไหร่

“อาพีทของนัทหน้าตาดีเนอะ...แต่นัทของพี่น่ารักกว่า” จมูกโด่งแอบชิงหอมเบาๆบนแก้มนิ่ม เด็กตัวน้อยในรูปก็น่ารักแต่สู้ตัวจริงที่กอดอยู่นี่ไม่ได้

“พี่ยุตก็พูดไปนั่น... นัทหน้าตาธรรมดาออก” ญาณัชหดตัวลงเล็กน้อยพลางหัวเราะออกมาเบาๆ นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่รูปของตัวเองก่อนจะพูดต่อ

“ผมสั้นแบบนี้ตลกหรือเปล่า?”

“ห้ามว่านะ คนนี้พี่รักของพี่ยังไงพี่ก็มองว่าน่ารัก” ทยุตดุด้วยเสียงอ่อนหวาน...การมีญาณัชอยู่เปลี่ยนแปลงตัวเขาให้เป็นคนที่พูดมากขึ้น ยิ้มมากขึ้น และรู้จักรัก...มากขึ้น

“ผมสั้นก็น่ารัก ผมยาวก็ดี..นัทผมสวยดีพี่ชอบ”

“พี่ยุตสองมาตรฐานแล้ว” เด็กหนุ่มว่าก่อนจะเอนตัวพิงร่างสูงให้มากขึ้น

“นี่... ตอนเจอคุณธัชครั้งแรก...” เขาเปิดหน้าต่อไปแล้วชี้ปลายนิ้วไปที่ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสไตล์ฮาวายที่ดูเข้ากับรอยยิ้มสดใสของเจ้าตัว

“คุณธัชยังหนุ่มอยู่เลยเนอะ ตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว” ทยุตพูด แต่ดวงตากลับจ้องไปยังรูปญาณัชที่ดูโตขึ้นนิดหน่อย

“ไม่มีรูปคุณพ่อคุณแม่เหรอ”

“น่าจะ....... 30ปลายๆแล้วล่ะ... คิดว่านะ นัทจำไม่ได้...” เด็กหนุ่มนิ่งไปพักใหญ่แล้วจึงเอ่ยต่อ

“รูปคุณพ่อกับคุณแม่อยู่ในอัลบั้มเก่าๆเลย... พร้อมๆกับนัทตอนเพิ่งเกิดนั่นแหละ...” ริมฝีปากบางมีรอยยิ้มจางๆประดับอยู่อีกครั้ง

“อยากเห็นจัง...แล้วมีรูปตอนนักเป็นนักเรียนไหมครับ” มือใหญ่ลูบตามผิวขาว ถ้าอยู่กันสองคนทยุตมักจะให้ญาณัชใส่เสื้อแขนสั้นแทนเสื้อแขนยาวที่ใส่เพื่อปิดรอยแผล...และจะลูบเบาๆทุกครั้งที่อีกฝ่ายเผลอ

“พี่ขอรูปพวกนี้ไปไว้บ้านเราได้ไหมครับ...”

“อื้อ ได้สิ...” ญาณัชเอ่ยตอบพลางลุกคลานเข่ามาค้นอัลบั้มที่ยกมา ริมฝีปากขยับพึมพำเบาๆว่าม.ต้นๆ

“นี่! เล่มนี้ มีตอนแสดงเปียโนครั้งแรกด้วยนะ...”

เด็กหนุ่มยังพูดอธิบายภาพต่างๆ เล่าถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นไปเรื่อยๆ โดยไม่ทันได้ยินเสียงเปิดประตูจากด้านนอก

“ไว้ค่อยๆมาเอาไปทีละนิดก็ได้เนอะ” ร่างบางเงยหน้าจนสุดคอเพื่อมองคนที่โอบกอดเขาเอาไว้หลวมๆก่อนจะยิ้มให้
ก่อนที่ทยุตจะได้เอ่ยเห็นด้วย ประตูห้องนอนของญาณัชก็เปิดออกพร้อมกับคนสองคน

“นัท!”

เจ้าของชื่อได้แต่นั่งนิ่งด้วยความตกใจ นัยน์ตาโศกเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อกับภาพที่เห็นตรงหน้า เขาถอยตัวเข้าหาร่างสูงแต่สายตายังไม่ละจากคนที่ยืนอยู่

“นัท... มาหาอามา... อากลับมาแล้ว” พิชญ์ยื่นมือออกมาหา แม้จะอยากเอ่ยถามว่าคนที่อยู่ด้วยนั้นเป็นใคร แต่ในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญกว่าคือเด็กหนุ่มผมยาวคนนี้

“.... อาพีท.... จริงๆ... เหรอครับ?” แม้กระทั่งน้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็ยังฟังสั่นพร่า

คำตอบที่เด็กหนุ่มได้คือรอยยิ้มอ่อนโยนที่เขาชื่นชอบบนใบหน้าของผู้เป็นอา เพียงเท่านั้น ญาณัชก็ลุกขึ้นก้าวข้ามกองอัลบั้มรูปลงมา โผเข้ากอดเอาร่างโปร่งเอาไว้

“อาพีท-- ฮึก! อาพีท!” ร่างบางร้องไห้ราวกับเป็นเด็กเล็กๆ แขนสองข้างโอบกอดพิชญ์เอาไว้เสียแน่น

“อาพีทไปไหนมาครับ? ทุกคนบอกว่าอาพีทตายแล้ว งานศพนัทก็ไปมา ฮึก!” คำถามมากมายถูกเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงสะอื้นของเด็กหนุ่ม

“ไม่เป็นไรแล้วเรา... อาอยู่นี่แล้วนะ...” เขายกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กเบาๆ กอดดวงใจน้อยๆของเขาเอาไว้แน่นด้วยความรู้สึกตื้นตัน
หลังจากร้องไห้จนพอใจ ญาณัชจึงคลายอ้อมกอดของเขาออก

“จริงสิครับ... อาพีท... นี่พี่ยุต...” ร่างบางเดินไปหาคนรักแล้วเอ่ยแนะนำ

ชายหนุ่มที่ถูกแนะนำตัวผงกศีรษะทักทายแทนคำพูดและเลยไปผงกใส่อีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง...เมื่อกี้เพิ่งได้ดูรูปและฟังคำบอก
เล่าต่างๆไป แต่ยังไม่เท่าไหร่ คนที่บอกว่าตายไปเกือบสองปีกลับมายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว

ใบหน้าสวยหวานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง หากจะมีก็เพียงร่างกายที่ดูผอมบางลงและเส้นผมที่ยาวขึ้น ทยุตมองญาณัชที่แม้จะเต็มไปด้วยน้ำตาหากแต่ใบหน้าเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม

“อาพีท? ที่เมื่อกี้เราดูรูปกันใช่ไหมนัท”

“อื้อ... สวัสดีครับคุณธัช....” เด็กหนุ่มยกมือไหว้ร่างสูงที่ยืนเงียบๆอยู่ด้านหลัง ก่อนจะหันกลับมาที่อาของตัวเอง

“ยุต... เหรอครับ?” นัยน์ตาสวยค่อยๆมองใบหน้าของทยุตอย่างพินิจพิจารณา แม้หน้าตาจะไม่ดูเหมือนคนไทยเลยแม้แต่น้อย ทว่าสำเนียงการพูดภาษาไทยกลับชัดเจนเสียยิ่งกว่าคนรักของตัวเอง

ครับ ทยุต ประเสริฐสิทธิ์” นัยน์ตาสีแปลกสบตา มือใหญ่เลื่อนจับที่มือเรียวของคนข้างๆ

“ผม......” ทยุตมองญาณัชอย่างอ่อนโยนพลางยิ้มจางๆ ญาณัชเคยบอกกับเขาว่าอาตัวเองเป็นเกย์ เช่นนั้นแล้วการที่หลานของตัวเองจะรักกับผู้ชายคงจะรับได้มากกว่าคนอื่นทั่วไป

“......เป็นแฟนนัทครับ” นัยน์ตาเข้มมองสบกับพิชญ์อย่างเปิดเผย

“..... ?!” คราวนี้คิ้วเรียวคล้ายกับจะขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

“นัท?”

“อือครับ...” ผู้เป็นหลานเอ่ยตอบหน้าตาเฉย แถมด้วยรอยยิ้มให้อีกยิ่งทำให้คิ้วที่เริ่มผูกกันขมวดกันเป็นปม

ชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังมาตลอดเห็นท่าทางช็อคของคนรักแล้วอดจะแทรกตัวเข้ามาไม่ได้

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ แต่...นัท เก็บของออกจากที่นี่ก่อนเอาแค่ที่สำคัญๆ ไว้วันหลังค่อยมาเอาอย่างอื่น เดี๋ยวรายละเอียดไปคุยกันที่...อืม...ไปหาอะไรกินแล้วค่อยๆเล่าดีกว่า”

“ถ้างั้นไปที่บ้านผมไหมครับ เรื่องอาหารเดี๋ยวผมจัดการเอง” ทยุตเสนอตัว...บางทีมันอาจจะมีอะไรที่ไม่สะดวกที่จะคุยกันในที่สาธารณะและญาณัชเองก็คุ้นกับบ้านของเขามากกว่า

“งั้นนัทนำทางไปบ้านพี่นะ พี่จะขี่มอเตอไซต์ล่วงหน้า”

“ได้! งั้น... เอา... อะไรดีล่ะ...เสื้อผ้านัทส่วนนึงก็อยู่บ้านพี่ยุต.... อาพีทว่าไงครับ?จะเก็บตรงไหนก่อนดี” ญาณัชหันมาหาคนที่ยืนหน้าซีดอีกครั้ง

“... ไว้ค่อยให้คนมาเก็บก็ได้.... อาจะเก็บพวกเสื้อผ้าไปก็แล้วกัน.....”

แม้จะเอ่ยตอบหลาน ทว่าสายตากลับจับจ้องอยู่ที่ทยุต

“งั้นเอาไปนิดหน่อยแล้วกัน ขาดเหลืออะไรค่อยซื้อ “ ธัชจับแขนพิชญ์เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ตัว ดูท่าว่าคุณอาที่ติดหลานคนนี้คงมีคำถามมากมายที่อยากจะถาม”คนรักที่เป็นผู้ชาย”ของหลานชายตัวเอง แต่ขืนปล่อยไว้ไม่พ้นไม่ได้ทำอะไรกันพอดี

“งั้น..ยุตไปก่อนนะ เดี๋ยวผมจะพาอาหลานนั่งรถไป”

“ครับ” ทยุตรับคำก่อนจะหันมามองญาณัช มือใหญ่ยกลูบศีรษะกลมมนเบาๆ

“เจอกันที่บ้านเรานะนัท” ชายหนุ่มหยิบอัลบั้มรูปที่กองอยู่ขึ้นมาแล้วเดินออกนอกห้องไป

“อื้อ” เด็กหนุ่มรับคำพร้อมรอยยิ้มหวาน.. ที่ไม่ได้ยิ้มแบบนี้มานานแล้ว
แต่ในเมื่อคนที่คิดว่าจะไม่ได้เจอแล้วกลับมาอย่างนี้

ความรู้สึกโศกเศร้าที่เคยมีมาในอดีตก็ดูจะจางหายไปในพริบตา

“พีท เก็บเสื้อผ้าก่อน...” เขารั้งแขนเรียวให้มาสนใจกับกระเป๋าเดินทางก่อนจะหันไปมองญาณัชพลางยิ้มเอ็นดู

“นัทไปค้างบ้านยุตบ่อยๆเหรอ”

“ครับ... ก็วันที่นัทไม่ต้องทำงานนัทจะไปอยู่กับพี่ยุต... แต่เสาร์อาทิตย์พี่ยุตจะมาอยู่ด้วยที่นี่ครับ เพราะวันอาทิตย์พี่ยุตต้องทำอาหารเลี้ยงคนพวกนั้นน่ะครับ” ญาณัชเอ่ยตอบแล้วหันไปหยิบซีดีบางส่วนมาถือไว้

“ไปแค่นี้ก่อนได้ไหมครับอาพีท... เสื้อผ้าเอาไปนิดเดียวพอเนอะครับ”

“...... อือ... ก็ได้” พิชญ์รับคำเบาๆพลางเปิดตู้หยิบเอาเสื้อผ้าของตัวเองมาสองสามชุด

ธัชจับกระเป๋าของพิชญ์ขึ้นมาถือพลางยื่นมือรับกล่องซีดีจากญาณัช เขากดลิฟท์และลงมาพร้อมๆกันสู่ชั้นล่างที่ร้างผู้คน ธัชให้คนขับรถวนรถมารอรับหน้าบ้านก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปยังอีกที่หนึ่ง

ชายหนุ่มลอบมองคนรักที่ยังดูอึ้งกับแฟนของหลานชาย ริมฝีปากหยักคมแย้มยิ้มบางๆอย่างเอ็นดู

...เพราะรักเพราะดูแลกันมาแต่เล็ก จะรู้สึกแบบนี้ก็ไม่แปลก...

“อาติดหลาน...” ธัชพึมพำเบาๆกับขอบหน้าต่าง

...................................






“ทานอะไรกันก่อนไหมครับ” เสียงทุ้มๆเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ทุกคนได้นั่งลงบนโซฟาในบ้าน

“เดี๋ยวนัททำน้ำให้เอง.... อาพีทชอบกินบร็อคโคลี่ผัดกุ้งเนอะ... เอาบร็อคโคลี่ผัดกุ้งนะพี่ยุต” ญาณัชลุกขึ้นแล้วยิ้มไปยิ้มมากับธัชและพิชญ์ ก่อนจะเดินมาหาคนรักแล้วเอ่ยบอกหนึ่งในเมนูบังคับของวันนี้

“อืม...”

“งั้นเดี๋ยวนัทช่วยพี่ยุตด้วยนะ”

“อืม งั้นนัทแกะกุ้งนะ แล้วเอาอย่างอื่นง่ายๆด้วยไหม นัทอยากกินอะไรครับ” ทยุตโอบเอวบอบบางพลางยิ้มให้ ญาณัชที่มีความสุขและยิ้มมากขนาดนี้....เป็นญาณัชที่เขาชอบที่สุด

“เอาอะไรเผ็ดๆไหม ต้มยำทะเลนะ แล้วอีกสองอย่างกับของหวานให้นัทเลือก”

“... อื้อ ต้มยำ...... นะ” เขาพยักหน้าบอกแล้วยิ้มให้อีกที

“อีกสองอย่างให้พี่ยุตเลือกก็แล้วกัน” มือเรียวเอื้อมเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบเหยืกน้ำเย็นออกมา แล้วเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำออกมาสองใบ

“เอาเป็นไข่เจียวปูไหม กับ...ปลาราดพริก ขนมให้นัทเลือกนะ ห้ามโยนให้พี่อีก” ทยุตมองรอยยิ้มหวานแล้วนึกอยากจะจูบขึ้นมา
สองปีสาจใหญ่เล็กเดินเลียบๆเคียงๆข้างพิชญ์ ลูกชิ้นกระโดดขึ้นโซฟาเข้าหาด้วยถือว่าตัวเองตัวเล็กกว่า ดวงตากลมโตใสแป๋วจ้องทำท่าเหมือนสงสัย

“อาของน้องนัทน่ะ ลูกชิ้น ไส้กรอก มานี่มา” ทยุตเรียก...และแน่นอนว่าทั้งสองพร้อมกันเชื่อฟัง..ด้วยการหมอบลงนอนซุกคนที่นั่งอยู่ทั้งอย่างนั้น

“!? อ...” แม้จะตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อมองหน้าเจ้าสองยุ่งแล้ว บนใบหน้าของพิชญ์ก็ค่อยมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา

“เด็กดี...” มือเอื้อมไปลูบหัวของลูกชิ้นกับไส้กรอกสลับกันก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

โกลเด้นขนทองได้ทีเอาหัวไถกับฝ่ามือนุ่มนิ่ม สองเท้าอ่อนนุ่มแปะวางบนหัวเข่าพลางแลบลิ้นเลียข้างแก้ม ธัชที่นั่งอยู่ใกล้ๆหัวเราะเบาๆก่อนจะดึงเจ้าตัวใหญ่ออกมาจากร่างคนรัก

“ไม่ได้ๆ good boy” ธัชตบเบาๆบนหน้าผากหนาแป้นที่ปกคลุมด้วยขนอ่อนนุ่ม

“คนนี้ของฉัน”

คราวนี้เสียงหมาเพี้ยนๆสองตัวแข่งกันเห่าเถียง เล่นเอาพิชญ์หัวเราะออกมาอีกครั้ง

“เราก็เวอร์... สองคนนี้ก็แค่อยากเล่นด้วยน่า....” เขาเอ่ยปรามธัชแล้วหันมายิ้มกับไส้กรอกและลูกชิ้น

ธัชจับชิวาว่าตัวเล็กขึ้นมาอย่างเบามือ เขาปล่อยมันลงบนตักพลางลูบขนจนเจ้าตัวยุ่งเคลิ้ม

“แล้วพีทเป็นอะไรหรือเปล่า ดูนิ่งๆไป”...ตั้งแต่รู้ว่าแฟนของหลายเป็นผู้ชาย ธัชต่อในใจ

“กลุ้มเรื่องนัทเหรอ”

“........ ดูออกด้วยเหรอ? ฉันแค่รู้สึกว่าไม่เจอกันสองปีนัทดูโตขึ้นเยอะเลย...”

พิชญ์เอ่ยบอกถึงสิ่งที่คิดมาตลอดตั้งแต่ตอนที่หลานชายแนะนำผู้ชายฝรั่งตัวโตว่าเป็นแฟน

“วัยรุ่นก็อย่างงี้แหละโตเร็ว นัทเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะพีทจะมีแฟนก็ไม่แปลก...แถมคุณยุตเองก็ดีกับนัทด้วย” ท้ายประโยคเปลี่ยนเป็นกระซิบ ธัชมองแววตาของคนรักญาณัชก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายรู้สึกเช่นไร

..รัก..

“ผมเชื่อนะ..ว่าเขาจะไม่ทำให้นัทเสียใจ” เพราะดวงตาคู่นั้นที่บ่งบอกว่ารักและทะนุถนอม

..เหมือนสายตาของผม..ที่มองแค่คุณเพียงคนเดียว

“... ธัชเชื่อ... อย่างนั้นใช่ไหม...” พิชญ์ถามย้ำ

เขาเพียงอยากจะแน่ใจว่าหลานชายที่ตัวเองรักเหมือนลูกจะมีความสุข

“พีทก็ลองให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองสิ” ธัชยิ้มกับคนรักด้วยความมั่นใจ...ว่าเขาดูคนไม่ผิดแน่นอน

...........................................................






“แกะเปลือกกุ้งเสร็จแล้วเอาเส้นดำๆที่หลังออกด้วยนะ” คนที่ถือตะหลิวอยู่หน้ากระทะสองใบพูดทั้งที่ยังหันหลัง ทยุตพลิกปลาที่สุกกรอบไปอีกด้านให้ความร้อนได้ทั่วถึง ก่อนจะละมือไปเคี่ยวซอสราดพริกซึ่งส่งกลิ่นหอมฟุ้ง

“ระวังมีดบาดมือนะนัท เคยทำหรือเปล่า”

“เคยสิ พี่ยุตเห็นนัทเป็นยังไงเนี่ย” เด็กหนุ่มเอ่ยพูดคล้ายกำลังงอนก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

“ไม่บาดหรอก”

“ก็เป็นห่วง” ทยุตยกปลาที่เหลืองกรอบแล้ววางลงบนจานเปล น้ำราดถูกเคี่ยวไปเรื่อยๆจนงวดลง ร่างสูงตักขึ้นชิมที่ปลายช้อนแล้วตักอีกคำยื่นให้ญาณัช

“ไหนนัทลองชิมซิแบบนี้กินได้หรือเปล่า ถ้าเผ็ดไปเดี๋ยวจะได้ปรับเพิ่ม”

ญาณัชเป่าสองสามทีก่อนจะอ้าปากชิม

“กินได้... อร่อยที่สุดเลย” น้ำเสียงหวานเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างแล้วค่อยเสริมต่อ

“อาพีทต้องชอบแน่ๆ”

“นัทนี่รักอาจังเนอะ..ไม่กลัวพี่น้อยใจเหรอครับ” ทยุตแกล้งเย้าเล่นก่อนจะเอากะทะใบใหม่ขึ้นตั้งแทนที่ เขาเทน้ำมันเจียวกับกระเทียมจนหอมก่อนจะใส่กุ้งที่หั่นแล้วผัดคลุกให้สุกนิดๆแล้วพักไว้

“นัทใส่น้ำในหม้อตั้งไฟแล้วลวกบล็อกโคลีให้พี่หน่อยนะ เอาพอเขียวๆกรอบๆ”

“ก็ไม่เหมือนกันนี่นา” คนถูกต่อว่ายังคงยิ้มร่า

“... ไม่เอากรอบๆ นัทจะเอานิ่มๆ...” ญาณัชทำปากเบ้ก่อนจะหยิบหม้อออกมาวางตั้งบนเตา

“ผักเค้าต้องกินกรอบๆสิ ผัดนิ่มๆทิ้งไว้นานมันไม่น่ากิน เดี๋ยวพี่เอาลงไปผัดกับกุ้งแป๊บเดียวพอ” ทยุตว่าพลางคนหม้อต้มยำ เตาแก๊สแบบธรรมดา2เตากับเตาไฟฟ้าอีก2ดูจะน้อยไปสำหรับอาหารต้อนรับ”อาพีท”เสียแล้ว

มือใหญ่เอื้อมปิดเตาต้มยำก่อนจะหันมาตอกไข่ใส่ชามแล้วปรุงรสตีให้เข้ากัน เขาใส่เนื้อปูชิ้นโตที่แกะไว้แล้วลงไปก่อนจะคนเบาๆแล้วยื่นส่งให้คนตัวเล็ก

“นัทลองแสดงฝีมือเจียวไข่โชว์อาพีทหน่อยนะ”

“ไม่เอาสิ... พี่ยุตทำนะ” ประโยคสุดท้ายคล้ายกับเด็กหนุ่มกำลังออดอ้อน
มือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับมือทยุตเอาไว้

“อาพีทจะได้ทึ่ง”

“อยากอวดพี่กับอาพีทเหรอ...อย่างกับเด็กอวดของเล่นเลย” ทยุตยกมือที่ว่างขยี้เบาๆจนผมยาวนุ่มฟูขึ้นเล็กน้อย

ภาพสองคนที่กำลังฉาบสีชมพูหวานในห้องครัวทำเอาธัชอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ จากตำแหน่งที่เขามองเห็นได้ชัดเจน หากแต่ของพิชญ์อยู่ในมุมอับที่ไม่เห็นอะไรสักนิด

...แต่ก็ดีแล้ว เพราะเดี๋ยวต่อมหวงหลานจะกำเริบ

“พีท...นัทโตพอที่จะใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ไม่สิ...อยู่กับคนที่เขารักแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมขอทวงสัญญาเมื่อหลายปีก่อนได้ไหม”

ธัชกุมมือเรียวเบาๆพลางไล้ปลายนิ้วบนผิวอ่อนนุ่ม นัยน์ตาอ่อนโยนมองสบอย่างจริงจัง

“...ไปอยู่กับผมที่อเมริกานะ...”

พิชญ์นิ่งไปกับคำพูดของคนข้างๆ ไม่ใช่ว่าจะปฏิเสธ แต่เขาไม่คิดว่าธัชจะยังจำคำพูดที่เขาเคยพูดเมื่อสิบปีก่อนได้

...ถ้าพูดออกไปคงโดนงอนอีก

“... ฉัน... อยากคุยกับนัทเรื่องนี้ก่อน..... ได้ไหมธัช?”

“ตามใจพีทสิ...ผมรอได้” รอยยิ้มอ่อนจางส่งให้พร้อมแววตาที่มากกว่าคำบอกรัก

“ผมรอมาตั้งสิบปีแล้ว กับแค่ไม่กี่วันทำไมจะไม่ได้” ธัชยกมือที่กุมไว้ขึ้นมาแล้วจรดริมฝีปาก ชายหนุ่มจับมือคนรักมาแนบแก้มอย่างทะนุถนอม

...ผมสามารถแลกทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ได้...

...ขอแค่เพียงคุณอยู่กับผม...



-------------------------


(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: kagehana ที่ 06-03-2016 16:29:32




“เป็นไงครับอาพีท? อร่อยไหม?” ญาณัชเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีหลังจากเห็นผู้เป็นอาตักกับข้าวเข้าปากไป

“.... อื้ม อร่อย”ชายหนุ่มตอบรับ รสชาติอาหารที่ทยุตปรุงนั้นถือได้ว่าอร่อยเลยทีเดียว

“เห็นไหมพี่ยุต? นัทบอกแล้วว่าอาพีทต้องชอบ” ร่างบางหันมายิ้มกว้างให้คนข้างๆ

“ขอบคุณครับ” ทยุตกล่าวขอบคุณ เขาตักไข่เจียวฟูนิ่มใส่จานคนรักบ้าง

“นัทก็อย่ามัวแต่ดู กินข้าวด้วย...ผักด้วย” น้ำเสียงที่พูดถึงผักติดจะยั่วเย้า นัยน์ตาสีเขียวแปลกจ้องมองใบหน้าของญาณัชอย่างรักใคร่

ธัชแอบมองพิชญ์...เขารู้ว่าคนเป็นอาคงยังติดใจไม่น้อยกับการที่หลานรักมีแฟน แต่ยังดีว่าอย่างน้อยจากมุมที่พิชญ์นั่งคงยังมองไม่เห็นรอยแดงบริเวณไหปลาร้ายามที่หลานชายก้มตัวลงมา

...รอยที่รู้ๆกันอยู่ว่าเกิดจากอะไร...

“ไม่เห็นต้องพูดขนาดนั้นเลย บร็อคโคลี่นัทกินได้น่า...” ญาณัชทำปากเบ้ก่อนจะเอื้อมมือไปตักผักสีเขียวมาใส่จานของตัวเอง

“อาพีทต้องกินเยอะๆนะครับ” เด็กหนุ่มกำกับพลางตักกับข้าวใส่จานของพิชญ์บ้าง

“ไม่ต้องทำเหมือนอาเป็นเด็กๆเลยเรา...”

ทยุตยิ้มขำกับท่าทางของสองอาหลานที่ต่างคนต่างอ้อนกันไปมา เขาไม่แปลกใจเลยว่ารอยยิ้มในรูปของเด็กชายญาณัชเกิดขึ้นได้เพราะคนๆนี้ แม้ว่าข่าวร้ายจะพรากมันไป..แต่เมื่ออาที่รักกลับมา รอยยิ้มสดใสก็ไม่ได้ต่างไปจากวัยเยาว์

...ญาณัชดูมีความสุข จนอดอิจฉาความสัมพันธ์ที่ไม่มีทางแทรกนี้ไม่ได้...

ทยุตมองสบตาธัชที่มองมาอย่างเข้าใจ คนที่อยู่ในฐานะเดียวกันได้แต่ลอบยิ้ม...และมองคนทั้งคู่ด้วยความรัก

“คุณพีทชิมปลาราดพริกสิครับ” ทยุตเลื่อนจานเข้าใกล้ แต่เป็นหน้าที่ธัชที่แกะวางบนจาน

“ช่วยกันบริการเชียวนะธัช...” เขาว่าก่อนจะค่อยๆตักข้าวทานเงียบๆ นึกถึงสิ่งที่กำลังจะพูดออกมาก็อดใจหายไม่ได้

“นัท... อาถามอะไรหน่อย”

“ครับ?”

“อาจะย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้น... นัทจะไปกับอาไหม?” น้ำเสียงเอ่ยถามราบเรียบ นัยน์ตาจ้องมองปฏิกิริยาของหลานชายนิ่ง

“ไปสิครับ อาพีทจะย้ายไปไหนเหรอ?”

“.... อเมริกา”

เด็กหนุ่มนิ่งไปก่อนจะหันมองคนข้างๆสลับกับพิชญ์ไปมา “... อ.. อเมริกาเลยเหรอครับ? ทำไมไปไกลจัง?”

“บ้านของธัชอยู่ที่นั่น จำไม่ได้เหรอ?”

ทยุตนั่งนิ่ง นัยน์ตาคมมองญาณัชครู่หนึ่งแล้วแกล้งเสมองลงที่จานข้าว ถ้าให้เขาตอบแทนเขาก็จะบอกว่าไม่มีทางให้ไป แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็เหมือนเป็นความเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจที่จะไม่ให้คนที่เป็นสายเลือดเดียวกันอยู่ด้วยกัน

ดังนั้น...เขาจึงเลือกที่จะเงียบและให้ญาณัชเป็นคนตัดสินใจเอง

“พีท...แล้ว....” ธัชพูดขึ้นมา ใช่ว่าเขารังเกียจญาณัชแต่ถ้าให้ไปอยู่ด้วย... คนทางนี้จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้

“...อาพีท... นัทอยากไปกับอาพีทนะครับ ....แต่ นัท” เด็กหนุ่มเว้นช่วงไปก่อนจะก้มหน้าลง

“นัทก็อยากอยู่กับพี่ยุต....” มือเรียวเอื้อมไปจับมือของทยุตที่อยู่ใต้โต๊ะแล้วบีบเบาๆ

“... นัท” พิชญ์รู้สึกหม่นหมองลงไปในพริบตา ไม่ใช่ว่าไม่ได้เตรียมใจ ทว่าพอได้ยินจังๆแบบนี้ ก็อดรู้สึกวูบโหวงไม่ได้

“.....ผม......” ทยุตเข้าใจว่าพิชญ์รู้สึกอย่างไร แต่ถ้าเลือกได้เขาเองก็ไม่อยากจะแยกจากหัวใจตัวเอง

“ผมจะดูแลนัทให้ดีที่สุด คุณไม่ต้องเป็นห่วง...” ทยุตบีบมือเล็กเบาๆ

“ผมจะไม่มีวันทำให้คนรักของผมเสียใจ”

ธัชเอื้อมมือมาจับมือเรียวของคนรัก เขาสบตาพิชญ์และพยักหน้าเบาๆ

“นัทโตแล้วนะพีท...ในเมื่อเขาเลือกอย่างนี้ พีทเองก็คงเข้าใจใช่ไหม....”

นัยน์ตาคู่สวยมองใบหน้าของหลานชายสลับกับทยุตด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ เพราะว่าเลี้ยงญาณัชมาตั้งแต่เล็กมากถึงได้รู้สึกใจหายขนาดนี้ เด็กตัวน้อยๆในตอนนั้นที่เอาแต่งอแงหาเขากลับโตเป็นผู้ใหญ่จนเลือกที่จะตัดสินใจอะไรได้เองแล้ว

“... อืม..... ฉันเข้าใจ.....” พิชญ์หันไปสบตากับเชฟหนุ่มอีกครั้ง

“ฝากนัท.... ด้วยนะ........”

“ครับ” รับคำหนักแน่น แม้อีกฝ่ายจะไม่เอ่ยบอกแต่เขาก็เตรียมพร้อมที่จะดูแลญาณัชไปตลอดชีวิต

“คุณพีทไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะไม่ทำให้นัทเสียใจ”

“แล้วอาพีทจะไปเมื่อไหร่ครับ?” ญาณัชเอ่ยถามต่อ อย่างน้อยเขาก็อยากใช้เวลากับผู้เป็นอาให้มากกว่านี้อีกนิด

“... ธัช... ต้องรีบกลับไปทำงานรึเปล่า?”

“มีโน้ตบุ๊คตัวเดียวก็โอเคแล้ว” ธัชยักคิ้วให้...หรือถ้าไม่มี ถ้าได้อยู่กับพิชญ์และเห็นว่าคนรักมีความสุข เขาก็ไม่รีบร้อนอะไรทั้งนั้น

“งั้น...เราไปเที่ยวทะเลกันก่อนไหม จะได้สนิทๆกัน ฉันออกเองนะ” ธัชยิ้ม...ก่อนจะก้มหน้าเข้าไปชิดคนรัก

“ไปที่ๆเราไปตอนนั้นไหม...”

“ก็ดีนะ สวยดี... นัทอยากไปรึเปล่า?”

พิชญ์หันมาถามคนตัวเล็กที่กำลังจิ้มกุ้งเข้าปาก

“ไปเนอะ.... พี่ยุต”

“ธัชล่ะว่าไง จะพักก่อนไหม?” ทว่าพอหันมามองหน้าคนรัก พิชญ์ก็หัวเราะออกมาเบาๆเพราะสีหน้าของร่างสูงที่แสดงออกมานั้นบ่งบอกว่าอยากไปเต็มแก่แล้ว

“... จะเดินทางก่อนมืดเลยไหม?”

“เอ๋? ไม่ต้องจองโรงแรมก่อนเหรอครับ?” ผู้เป็นหลานได้แต่ทำหน้าประหลาดใจ สำหรับเขานั้น พิชญ์จะเป็นคนวางแผนอะไรล่วงหน้าได้ดีเสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดโดยที่ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรก่อนเลย

“....” คนอายุมากกว่ายิ้มอย่างใจดีให้แทนคำตอบก่อนจะหันไปหาธัช

“ไม่ต้องจองเนอะธัช...”

“อื้อ” เรื่องแค่นี้สบายมากสำหรับนักธุรกิจหนุ่มที่กำลังเฟื่องฟู ไม่ใช่แค่จอง...แต่ธัชได้ซื้อชายหาดส่วนตัวและที่พักที่เป็นความทรงจำเอาไว้

...แต่ไม่กล้าบอกคนรักเพราะกลัวจะถูกบ่นเรื่องใช้เงินอีก...

“เดี๋ยวผมจัดการเอง เก็บของกันได้เลย”

------------------------------------------------------------------------------------







รถยนต์ขนาดเจ็ดที่นั่งจอดลงบนหน้าบ้านพักสไตล์โมเดิร์นที่มีบันไดยื่นจรดพื้นและชานบ้านไม้มันปลาบ หน้าต่างเล็กๆห้อยโมบายเปลือกหอยประดับที่พลิ้วไหวตามสายลมเรื่อยเอื่อย ตัวบ้านทาสีครีมและแบ่งเป็นสองส่วนชัดเจนมีแต่เพียงนอกชานที่เชื่อมต่อตรงกลาง ด้านข้างบันไดมีโอ่งเล็กๆและกระบวยวางอยู่เบื้องล่างมีทรายผสมปูนก่อเป็นแอ่งและแท่นสำหรับยืน

“ล้างเท้าก่อนนะพีท” ธัชวางของบนขั้นบันไดแล้วดึงมือคนรักให้ขึ้นยืนบนแท่นแล้วตักน้ำราดให้

คนได้รับการบริการอย่างดีทำหน้ายุ่งตั้งแต่รถเลี้ยวเข้ามาจอดในบริเวณที่พักแห่งนี้แล้ว

“บอกแล้วว่าไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ธัช.... ว่าแต่... เรารู้จักที่นี่ได้ยังไงน่ะ?”

“ก็เพื่อนๆกันน่ะพีท นักธุรกิจก็อย่างนี้แหละ คุยกันไปคุยกันมาถูกคอก็โอเค” ถูกคอด้วยเงินที่ต่างฝ่ายต่างพอใจน่ะนะ

ธัชโน้มกายเข้าใกล้พลางโอบด้วยท่อนแขนแล้วกระซิบเบาๆ

“แต่บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ให้พีทนอนกับนัทหรอก บ้านล่ะคู่ โอเค?”

“....” พิชญ์จ้องมองอีกฝ่ายอย่างดุๆก่อนจะหันไปเอ่ยบอกกับอีกสองคนที่เหลือ

“นัทเอาของไปเก็บที่บ้านอีกหลังเลย... อามีเรื่องต้องคุยกับธัช...เสร็จแล้วอาจะไปเรียกนะ”

“? ครับ... พี่ยุต ไปกันเถอะ” คนตัวเล็กหันมายิ้มแย้มกับทยุต

“อืม” ทยุตรับคำแล้วดึงทั้งของทั้งคนรักหายไปยังบ้านอีกหลังที่เชื่อมต่อกัน

ร่างสูงที่ยังยืนอยู่ที่เดิมยิ้มกว้างสู้คนรัก ธัชกอดเบาๆอย่างออดอ้อนพลางกระซิบถามข้างหู

“พีทจะคุยอะไรกับผมเหรอ”

“..... บ้านพักนี่มันอะไรกัน... ทำไมถึงไม่เห็นห้องพักอื่นเลย... นี่มันยิ่งกว่าหนนู้นที่มากันแล้วนะ” คนอายุมากกว่าหันถามเสียงเข้ม ที่พักหรูหรากว้างขวางเสียขนาดนี้จะใช้เงินขนาดไหน จริงอยู่ว่าเคยอนุญาตให้ทำได้บ้าง แต่นี่ดูจะมากเกินไปหน่อยจนต้องถาม

“ก็หาดส่วนตัวไงพีท เดี๋ยวนี้เค้าเปิดกันตั้งเยอะแยะ พอดีว่ารู้จักกันก็เลยได้มาง่ายๆ” รู้จักกันดีเลยล่ะ ในเมื่อชื่อเจ้าของก็เป็นชื่อตัวเอง

“ก็ผมอยากให้พีทมีความสุขนี่นา อยากให้พวกเราเป็นส่วนตัวกันด้วย ในตู้เย็นมีของสดที่ผมให้คนมาใส่ไว้ มีบาร์ด้วยนะ...พีทอย่าโกรธผมนะครับ” นะครับ..ที่ไม่รู้ว่าคราวนี้จะใช้ได้หรือเปล่าเอ่อยออดอ้อนพลางจูบแก้มขาวเบาๆ

ชายหนุ่มผู้อายุมากกว่ารู้สึกคล้ายกับอยากจะล้มลงไปให้รู้แล้วรู้รอด ฟังจากที่อีกฝ่ายบอก แปลว่านี่คือหาดส่วนตัว... แล้ว จากความเป็นไปได้ และเสียงอ้อนๆของธัชแล้ว

“หาดส่วนตัว... ของ... ใคร?”

“พีทอย่าโกรธนะ” ชายหนุ่มยิ้มกว้างแล้วบีบมือคนรักเบาๆ

“ของผมเอง ผมซื้อไว้ตอนที่รู้ว่าพีทเสีย... ผมอยากเก็บความทรงจำทั้งหมดไว้กับตัวผมคนเดียว อยากเก็บสิ่งที่เกิดขึ้นที่ทะเลนี้ไว้ไม่ให้คนอื่นเข้ามาแทรก”

หากว่าพีทรู้… ว่าไม่ใช่แค่ที่นี่คงโดนโกรธไม่น้อย

ที่อยากต่อว่าทั้งหมดถูกกลืนลงคอไปสิ้น เพราะเหตุผลที่ให้มาแม้ฟังเหมือนคำรักหวานเลี่ยน แต่ทุกอย่างก็เพราะว่าธัช ‘รักเขา’ เสมอมา

“.............” พิชญ์โอบกอดร่างสูงเอาไว้หลวมๆ

“ฉันจะยกโทษ... ให้แค่คราวนี้นะ....”

“อื้อ” ธัชตอนรับการกอดด้วยการยกตัวอีกฝ่ายขึ้นอุ้มแล้วหอมแก้มแรงๆ

“พีทต้องยกโทษให้ผมอีกหลายเรื่องเลยแหละ” เขายิ้มกว้างอย่างมีความสุขแล้วอุ้มคนรักที่โวยวายขึ้นห้องพักไป


........................................................................







“นัทเหนื่อยไหม” ร่างสูงที่ยืนอยู่ใกล้ขอบหน้าต่างหันกลับมาหาคนตัวเล็กที่กำลังรื้อของออกมาวุ่นวาย

“ไม่เหนื่อย... รถคุณธัชนั่งสบาย เลยไม่ค่อยเมื่อย พี่ยุตล่ะ?”

เด็กหนุ่มวางมือจากกระเป๋าเดินทางแล้วหันไปหาร่างสูง

“ไม่ค่อยชินกับบรรยากาศแบบนี้เท่าไหร่”....เพราะอาหวงหลานบางคนเอาแต่จ้องเอาๆจนทำอะไรไม่ถูก

ทยุตดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดเบาๆพลางพูดพึมพำ

“เติมพลังหน่อยครับ”

เด็กหนุ่มที่ถูกสวมกอดไว้หัวเราะออกมาเบาๆกับคำพูดของทยุตแล้วจึงพูดบ้าง

“เติมสิครับ เติม... พี่ยุตจะเอาอะไร?”

“พี่อยากให้นัทอยู่กับพี่ตลอดไปนะครับ” เชฟหนุ่มดึงร่างเล็กเข้ามาใกล้แล้วจุมพิตหวานแผ่วบนริมฝีปากแทนคำยืนยัน

...รัก...

...ตลอดไป...


---------------------------------





หลังจากกลับจากทะเลและทริปหวานชื่น ตอนนี้ทยุตกำลังยืนอยู่ที่แอร์พอร์ทและมองร่างเล็กๆของคนรักตัวเองที่อยู่ในอ้อมกอดคุณอา ญาณัชผละออกมานัยน์ตาสีเข้าชุ่มฉ่ำไปด้วยหยดน้ำตา ทยุตมองสบตาพิชญ์ที่มองมาหาเขาอย่างตั้งใจจะฝากอีกคนที่รักที่สุดในชีวิตไว้

เชฟหนุ่มสบตานิ่งก่อนจะก้มหัวนิดหน่อยแทนคำตอบรับ เขาก้าวไปยืนเคียงข้างญาณัชแล้วจับมือไว้

“ได้เวลาแล้วนะนัท...เดี๋ยวคุณพีทจะตกเครื่องบิน”

“... อาพีทอย่าลืมโทรมาหานัทนะครับ”

“อืม... อาสัญญานะ” พิชญ์ยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กเบาๆด้วยความเอ็นดู

“แล้วกลับมาหานัทบ้างนะครับ”

“แน่นอน...” ผู้เป็นอาหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเอาน้ำตาออกจากใบหน้าของญาณัชออกเบาๆ

“คุณธัชห้ามแกล้งอาพีทนะครับ” ประโยคนี้คนพูดมองนัยน์ตาคมของธัชที่จ้องมองอยู่อย่างไม่เกรงกลัว ซ้ำยังทำเสียงเข้มใส่อีกต่างหาก

ชายหนุ่มที่มองอยู่เกือบหลุดหัวเราะออกมา ธัชมองยิ้มๆแล้วเอื้อมมือมาลูบหัวเบาๆ

“เรื่องแกล้งน่ะรับปากไม่ได้หรอก ก็อาเราน่าแกล้งขนาดนี้” แววตาคมที่ตวัดขวับทำเอาหัวเราะออกมาจริงๆ ก่อนที่จะปรับน้ำเสียงและให้สัญญาอย่างมั่นคง

“แต่อาไม่มีวันทำให้อาพีทของนัทเสียใจแน่นอน สัญญาครับ”

“สัญญาแล้วนะครับ...” ร่างเล็กโผเข้ากอดพิชญ์แน่นอีกครั้งหนึ่ง ราวกับอยากจะจดจำเอาความอบอุ่นนี้ไว้ว่าไม่ได้หายไปไหน นัยน์ตาโศกคู่สวยปิดลง

“รักษาสุขภาพนะครับ อาพีท” ญาณัชคลายอ้อมกอดออกแล้วถอยออกมายืนเคียงข้างกับทยุต รอยยิ้มกว้างค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเป็นการบอกลาผู้เป็นอา

“เราก็เหมือนกันล่ะ...”

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่พิชญ์ฝากทิ้งไว้ก่อนที่จะหันหลังให้กับบ้านเกิดของตัวเอง แล้วเดินเคียงข้างคนรักเข้าผ่านประตูเครื่องบินไป ปล่อยให้หลานชายที่เติบโตแล้วได้อยู่กับคนที่... ไว้ใจ

ญาณัชไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นัยน์ตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เครื่องบินลำใหญ่ ยืนมองอยู่นิ่งจนมันทะยานขึ้นฟ้าไป ถึงได้หันมาหากับเชฟหนุ่ม

“... อาพีทไปแล้ว...”

“ครับ” ทยุตไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้มากกว่านี้ เขาจับมือญาณัชแล้วบีบเบาๆ

“ไว้เราบินไปเยี่ยมกันนะ”

ร่างสูงดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด ปลอบโยนเบาๆด้วยฝ่ามือนุ่มละมุน

“... อื้อ...” เด็กหนุ่มรับคำก่อนจะเป็นฝ่ายผละออกมาจากอ้อมกอดของทยุต

“... กลับบ้านกัน พี่ยุต..”

“อืม กลับบ้านเรากัน” ทยุตจับมือคนรักเอาไว้ รอยยิ้มจางๆถูกมอบให้แทนคำพูดอื่นใด
 



...กลับบ้าน....


...บ้านที่เป็นของเรา..สองคน...



ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นไปอย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุด ณ ตอนนี้...เรามีบ้านที่ความอบอุ่นซึ่งสามารถกลับไปหาและต้อนรับด้วยอ้อมแขนสองข้างอย่างเต็มใจ



...บ้านของเรา...








-----------------------------------END-------------------------------------------------------------


TALK :

จบแล้วค่ะเรื่องราวของคุณเชฟกับน้องนัท  ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านมาตลอดนะคะ หมีกับดอกไม้ซาบซึ้งและดีใจมากที่เรามีโอกาสได้รู้จักกันผ่านตัวอักษรของเราสองคน

จากนี้ไปก็คงจะมีเรื่องอื่นๆมาให้ติดตามอีกเรื่อยๆ ยังไงก็ขอฝากไว้ล่วงหน้านะคะ

รักคนอ่าน

หมีกับดอกไม้

kagehana
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-03-2016 21:02:15
สำนวนดีค่ะ แต่เรื่องนี้ดูเหมือนจะเรียบเรื่อยไปหน่อยถ้าเทียบกับ ตราบาปไร้รอยเลือน
บางจุดยังสงสัยอยู่นะคะ อย่างเรื่องแม่ของทยุต ทำไมถึงรู้จักน้องนัทได้
ขอบคุณคนเขียนนะคะที่แต่งจนจบ... จริงๆเคยอ่านตราบาปไร้รอยเลือนมาก่อน แล้วมาเจอเรื่องนี้(ตอนนั้นยังไม่จบ) นานไปก็เลยลืมชื่อเรื่อง เข้ามาเจออีกทีก็พบว่าอ้าว จบแล้วเหรอเนี่ย เลยไม่ได้เม้นท์ให้ระหว่างที่กำลังเขียนเลย
แต่ยังไงก็ ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-03-2016 04:29:22
สุขสมหวัง  :L2:  :กอด1:  :L1:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 07-03-2016 10:59:46
น้ำตาจะไหลตอนที่รู้ว่าอาพีทยังไม่ตาย ทำไมเขาทำกับครอบครัวเขาแบบนั้นล่ะ ฮือออ
ในที่สุดทุกคู่ก็แฮปปี้ เย้
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: TORR ที่ 07-03-2016 14:04:55
ขออณุญาตินะคะ เราเข้ามาท่วง เรื่องของราดหน้าตอนที่ 13 ค่ะ ที่มีอครอทกับข้างโพดอ่อน.  ตรงนั้น น้องนัทบอกว่า ไม่เคยบอกพี่ยุตว่าไม่กินแครอท. แต่เราจำได้ว่า ตอนที่ น้องนัทมาบ้านพี่ยุตครั้งแรก การกินอาหารครั้งแรก น้องลายเรื่องผักเยอะมาก เราตำได้ว่า 1ในนั้น น้องบอกแล้วว่าไม่กินแครอท

มันเลยดูขัดๆกันว่า น้องไม่เคยบอก แต่นั่นแหละ ไม่แก้ไขก็ไม่เป็นไรมั้ง 55  :laugh: 
รอตอนต่อไปนะคะ แอบรำคาญ วินเล็กๆ ดูเป็นคนที่รู้ว่าตัวเองสันดานไม่ดี แต่ไม่พยายามเปลี่ยนด้วย เราไม่ค่อยชอบคนแบบนี้เลย ทำให้รู้สึกเกลียดๆวินเล็กน่อย  :serius2:

รอนิยายอยู่มาต่อเร็วๆนะคะ เป็นกำลังใจให้  :mew1:  :hao3:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 07-03-2016 18:31:01
ดีใจที่อาพีทไม่ตาย
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 08-03-2016 11:29:44
เราชอบเรื่องนี้เศร้าตอนแรกที่อาพีทเสีย แต่แล้วก็กลับมา ค่อยยังชั่วหน่อย หายไปตั้งนาน
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 11-03-2016 01:50:08
 :pig4: :L1: 
มีตอนพิเศษหรือเปล่าคับ
 ยังคาใจหลายอย่างเลย
- ครอบครัวนัทไมเข้ามาก้าวก่ายเหรอที่นัทคบกับผู้ชายเหมือนอา
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-03-2016 15:11:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 12-03-2016 00:19:12
อ่านแบบมาราธินมาก น้ำตาแตกสุดๆ ดีใจที่พีทไม่ตาย  :katai1: ทำไมทำกับคนในครอบครัวได้ขนาดนี้นะ ตั้งแต่ต้นเรื่องที่บอกว่าเอาลูกนอกสมรสมารับตำแหน่งแทนลูกที่พยายามทำทุกอย่าง จึ๊กมากๆ นัทกับพีทหลึดมาจากครอบครัวแบบนี้ได้ก็ดีแล้วเนอะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 12-03-2016 06:49:19
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-03-2016 12:52:18
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 12-03-2016 20:16:19
ว้าา จบซะแล้วว อ่านแล้วติดอ่ะ  :hao6:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 17-03-2016 00:00:21
ซึ้งกินใจ มุ้งมิ้งมากๆ
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 21-08-2016 00:07:50
ชอบคู่พีท-ธัช ดูเป็นผู้ใหญ่ พยายามเพื่อความสุขของตัวเอง  :กอด1:

ส่วนคู่นัท-ยุต ไม่ค่อยปลื้มทยุตเท่าไหร่ รู้สึกว่าทยุตไม่ใส่ใจนัทเท่าที่ควร

1. ตอนวินมาที่บ้านครั้งแรก ยุตเลือกปล่อยปะละเลยนัท หันไปดูแลแต่วิน 4 วันเต็มๆ ถ้าวินสภาพแย่มากและมีแนวโน้มทำร้ายตัวเอง ก็ควรทำ แต่วินดูเหมือนจะแค่ตีโพยตีพาย ถ้าเราเป็นนัท คงคิดหนักว่าจะคบกับยุตไหวหรือถ้าความสำคัญของ"น้องรัก"มาก่อน"คนรัก"แบบนี้ ดูแลวินได้ ไม่ว่ากัน แต่ขอเวลาแค่ 2-3 ชั่วโมง แวะไปอธิบายให้คนรักฟังจะได้สบายใจ ทำไมไม่ทำ?

2. อาหาร... ราดหน้าใส่แครอทกับข้าวโพด อันนี้ไม่ปลื้มมากๆ ยุตรู้อยู่แล้วว่านัททานยาก แต่มัวแต่ยุ่งกับการดูแลวินจนละเลยนัท(อีกแล้ว) นัทเองก็ผิดที่ฝืนทาน แต่ถ้าเอริคไม่บอก ยุตจะรู้ไหมว่านัทหายออกไปนานแล้ว  :เฮ้อ:

คนอ่านอินจัด 555
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 08-12-2016 08:42:46
อยากให้มีตอนพิเศษ เหมือนยังไม่จบ  :hao4:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 16-12-2016 21:41:18
เรื่องดีมากดีใจที่อาพีทไม่ตายและทุกคนมีความสุข ขอบคุณมากสำหรับผลงาน ^^
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-12-2016 15:44:16
ดีนะที่จบแบบแฮปปี้ แต่ติดใจอยู่อย่างคือน่าจะจัดการเรื่องญาติที่อาตายน่ะ :serius2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 22-12-2016 17:46:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 23-12-2016 22:54:58
ชอบพี่ยุทกับน้องนัทจัง แลดูอบอุ่น
 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 27-12-2016 21:36:52
บางทีก็คิดนะตอนฉาก NC มันใช่เวลาจะ NC ไหม ไม่รู้สิอ่านแล้วมัดขัด ๆ ตรงฉาก NC นี่แหละ แล้วเหมือนรีบจบยังไงไม่รู้ อะไรหลาย ๆ อย่างยังไม่เคลียร์เลย

 :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: lonely_pp ที่ 13-07-2017 20:37:07
ดีใจที่อาพีชไม่ตาย ชอบน้องนัทกับคุณเชฟมากๆเลยค่ะ อยากให้น้องนัทยิ้มเยอะๆ
หัวข้อ: Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 14-07-2017 23:36:44


ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ