+:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 22 Missing piece 8 [6/03/16] (จบแล้วจ้า)  (อ่าน 50109 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 16 Missing piece 2 [25/10/15]
«ตอบ #90 เมื่อ27-10-2015 15:56:58 »

หม่นมาเชียว

ออฟไลน์ zaturday

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 16 Missing piece 2 [25/10/15]
«ตอบ #91 เมื่อ14-11-2015 20:08:46 »

ยังไม่อ่านเรื่องนี้แต่ขอเม้นก่อนละกัน
ตามมาจากเรื่อง หมอบีมน้องรัน คือชอบวิธีการวางเรื่อง และสำนวนการแต่งมาก จนต้อง ตามหานิยายเรื่องอื่นๆของคุณหมีกับดอกไม้ จนไปเจอเรื่องที่สองคือ เรื่องของพี่เดฟกับน้องปัน อ่านไปอ่านมา ถึงรู้ว่าเป็นซีรี่ที่มีสามเรื่อง ซึ่งเราได้เริ่มอ่านจากเรื่องที่สาม สอง และมาเจอเรื่องแรก คือเรื่องนี้ เจอลงไว้สองเวปคือเล้า กับเด็กดี แต่เรา ชอบเวปนี้ค่ะ เลยตามอ่าน มาต่อ เรื่องนี้ทุกวันนะคะ อย่าลืม เรารออยู่
สิ่งที่เราชอบที่สุดนอกจากพล็อตที่คุณหมีกับดอกไม่วางไว้คือ สำนวน ภาษา อ่านไปไม่เจอคำผิด หรือภาษาวัยรุ่นให้ขัดใจเลย เราจึงชอบมาก และอ่านอย่างไม่สะดุด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2015 22:30:47 โดย zaturday »

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
+:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 17 Missing piece 3 [17/11/15]
«ตอบ #92 เมื่อ17-11-2015 18:26:35 »

- Missing piece 3-





แสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านสีเทาเข้ามาปลุกให้คนที่นอนอยู่บนเตียงค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น ร่างสูงยันกายขึ้นช้าๆก่อนจะค้นพบว่าตัวเองเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

 

‘'ทำตัวซกมกแบบคนอเมริกันได้ยังไง ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลย'’

 

"“ครับ ครับ ครับ"” น้ำเสียงแผ่วเบาที่เอ่ยกับตัวเองพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้านั้นฟังดูเศร้าสร้อย แต่ร่างสูงก็ขยับกายออกมาจากเตียงหลังใหญ่ ก่อนจะคว้าเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหม่จากตู้เสื้อผ้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

 

 

"“พี่พีท? ทำอะไรน่ะ??”"

“"... ดูเหมือนพี่ทำอะไรอยู่ล่ะ? ถามแปลกๆนะเรา"” พิชญ์พูดติดตลกขณะค่อยๆพับเสื้อผ้าบางส่วนใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เด็กหนุ่มรุ่นน้องที่ตอนนี้ไม่ได้ตัวเล็กกว่าอย่างเมื่อเกือบสามปีก่อนแล้วโยนกระเป๋าเป้ลงกับพื้นก่อนจะเดินเข้ามาพลางทำหน้าตาตกใจ

"“พี่พีทเก็บกระเป๋าไปไหน จะหนีไปเที่ยวไหนไม่บอกผมเหรอ?”"

"ใครว่า... พี่เตรียมกลับบ้านต่างหาก วิทยานิพนธ์ก็เสร็จแล้ว เดี๋ยวหมดเทอมพี่ก็กลับบ้านแล้ว"” คนอายุมากกว่าหันมายิ้มให้อย่างเคย แต่อีกคนกลับทำหน้าราวกับลูกหมา(ตัวโตๆ)ที่ถูกทอดทิ้ง

"“... พี่พีทอยู่ต่อไม่ได้เหรอ อีกสองปีผมก็จบแล้ว"” ธัชย่อตัวลงนั่งข้างๆกระเป๋าเดินทางใบใหญ่นั้น

"“ไม่ได้"” ชายหนุ่มตอบเสียงแข็ง “"พี่ต้องกลับไปหางานทำ... แล้วจะให้พี่รอทำไม เราเรียนจบก็อยู่ที่นี่ แต่บ้านพี่น่ะอยู่กรุงเทพฯ ต้องกลับ... เข้าใจหรือเปล่าธัช”"

เขาไม่ได้รับคำ แต่ก็ไม่ต่อล้อต่อเถียงอะไรอีกเพราะเหตุผลที่พิชญ์ว่ามานั้นก็เป็นเรื่องที่เขาทำอะไรไม่ได้ ทว่าประกายในดวงตาของธัชได้หม่นลงไป

“"แล้ว... พี่พีทจะกลับไปทำงานอะไร”"

"“ก็... อาจจะไปสอนศิลปะเด็กๆก็ได้ ถามตอนนี้พี่ก็ยังไม่รู้หรอก”"

"“แล้วไม่ทำธุรกิจแล้วเหรอ?”"

คนอายุมากกว่ายื่นมือมาดันศีรษะของธัชเข้าแรงๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา

“"ก็ใครล่ะ พูดจนพี่ไม่คิดว่ามันจำเป็น หือ”"

"“ใครเหรอ”" เด็กหนุ่มร่างสูงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ไม่ยอมรับผิดที่ถูกโยนมา

 

 



ร่างสูงใหญ่ที่ยังอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำเดินมายืนหยุดอยู่ริมหน้าต่างบานใหญ่พร้อมกับแก้วกาแฟในมือ กลิ่นกาแฟชั้นดีกรุ่นไปทั่วห้องทำให้จิตใจที่หม่นหมองในคืนที่ผ่านมาได้โล่งขึ้นบ้าง

นัยน์ตาคมจับจ้องภาพเครื่องบินที่บินผ่านหน้าต่างบานนั้นพลางหวนนึกถึงวันที่เขารู้ตัว

...วันที่ผมรู้ว่ารักคุณ...

วินาทีที่พิชญ์เดินเข้าประตูเครื่องบินไปนั้น ธัชรู้สึกคล้ายกับบางส่วนในชีวิตของตัวเองหายไป หัวใจที่ไหววูบจนรู้สึกว่าในอกว่างเปล่า ในหัวไม่อาจคิดอะไรออก มีเพียงแต่ว่า หาจุดยืนของตัวเองแทบไม่เจอ

...เพราะใจผมเป็นของคุณ...

...ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัว...

เขายิ้มให้กับตัวเองในอดีตที่ยังเด็ก ที่รีบกลับบ้านเพื่อพิมพ์อีเมลหาคนที่เพิ่งขึ้นเครื่องบินจากเขาไป ในช่วงเวลาสองปีที่ห่างกันนั้น อีเมลเกือบพันฉบับที่ส่งไปมาหากันนั้นทำให้เขาเฝ้าคิดถึงแต่พิชญ์

...แต่ที่ผมตั้งใจเรียนจบในสี่ปี...

...ไม่ใช่เพราะอะไรเลย...

...นอกจากผมอยากกลับไปหาพีท...

 

 

“"พี่พีท!” "ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แบบนักกีฬากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจ

“"?? โตขึ้นขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย"” เจ้าของชื่อได้แต่ส่ายศีรษะไปมาช้าๆ ในตอนนี้พิชญ์นั้นต้องเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย “"เกลียดเด็กนอกจัง"”

ถึงอย่างนั้น คนที่เป็นฝ่ายอายุมากกว่าก็ยื่นมือไปหมายจะช่วยรับของมา แต่อีกฝ่ายก็รั้งแขนเอาไว้พลางทำเสียงเข้มใส่

“"ไม่ต้องเลย พี่พีทนั่นแหละ ทำอะไรถึงตัวเล็กขนาดนี้”"

“"เรานั่นแหละโตขึ้น พี่ก็ตัวเท่านี้!"” พอถูกแซวเข้าพิชญ์ถึงกับอดไม่ได้ที่จะโวยกลับบ้างก่อนจะเดินนำเด็กตัวโตไปที่รถของเขา

"“พี่พีทจะพาผมไปไหนเหรอ”"

"“กลับไปบ้านก่อน... เอาของไปเก็บ เดินทางมาเหนื่อยๆจะรีบไปไหนอะไรกัน”"

“"โห่ ผมเรียนจบแล้วนะ วันนี้พี่พีทควรจะCelebrateให้ผมมากกว่า”"

"“ไม่ต้องมาพูดเลย เรียนจบแล้วอะไร"” พิชญ์หันมาแยกเขี้ยวใส่ขณะเปิดกระโปรงท้ายรถให้ "“มีอย่างที่ไหน ส่งเรื่องจบเสร็จก็บินกลับมา งานเงินอะไรก็ไม่รู้จักไป ไม่ได้เรื่องเลย งานรับปริญญาที่อเมริกาวุ่นวายน้อยกว่าของเมืองไทยตั้งเท่าไหร่ ทำไมเราเป็นแบบนี้นะ"”

คนถูกบ่นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ขณะยกกระเป๋าเดินทางขึ้นใส่ท้ายรถแล้วปิดกระโปรงรถเสียเอง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับ แล้วก็ชะงักไป

"“มาทางนี้เลย รถที่นี่พวงมาลัยอยู่คนละด้านกัน ลืมแล้วหรือไง”"

“"แหะ— ผมชินน่ะ"” ธัชหัวเราะออกมาก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นรถอีกด้านหนึ่งแทน

หลังจากออกรถมาได้สักพัก พิชญ์ถึงได้เอ่ยถามขึ้น

“"แล้วเราอยากไปไหน... อาทิตย์นี้พี่ว่างทั้งอาทิตย์อย่างที่บอกไป”"

“"งั้นพี่พีทพาผมไปฉลองที่ทะเลได้ไหม ผมเห็นในรูปว่าทะเลเมืองไทยสวยมาก”"

“"... นั่นมันก็ในรูปนั่นแหละ ถ้าอยากไปที่ทะเลสวยๆจริงๆ พวกวิลล่าแถวปราณบุรีแพงจะตาย คืนนึงเป็นหมื่น พี่จ่ายไม่ไหวหรอกนะ”" คนที่ต้องรับหน้าที่พาเที่ยวบ่นขึ้นมา

"“พี่พีทเพิ่งย้ายงานนี่เนอะ ไม่ต้องห่วง ผมออกเองนะ... นะพี่พีท”"

“"ไม่ได้”"

“— "พี่พีท"”

“"ไม่”"

"“พี่พีท— อย่าดื้อสิ”"

“"ใครกันแน่??”"

“"นะ ถ้าพี่พีทว่าสวยผมก็อยากไป ผมออกค่าห้อง พี่พีทออกค่าอาหารที่จะCelebrateให้ผมก็แล้วกัน”"

ในที่สุด ฝ่ายที่ใจอ่อนกว่าก็คือพิชญ์ เลยจำต้องยอมตามใจให้รุ่นน้องหัวดื้อจ่ายค่าห้องให้

 

 

ธัชยังคงยิ้มอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ขณะที่เปิดอีเมลฉบับเก่าๆ ออกมาอ่านไปพลางจิบกาแฟไป

 

//ได้ยังไงธัช?? พี่ไม่เห็นด้วยนะที่เราจะกลับมาโดยไม่ยอมไปงานจบของเราน่ะ ถึงส่งเรื่องเรียนจบไปแล้วก็ไปรับปริญญาด้วยสิ ทีงานพี่เรายังมา แล้วทำไมงานตัวเองไม่ยอมไป? จะมาอ้างว่าเพราะพี่ไม่ยอมไปไม่ได้นะ รู้มั้ย? ทำไมเราเป็นเด็กแบบนี้

ถ้ามาเมืองไทยพี่จะไม่พาเที่ยวเด็ดขาดเลยรู้ไหม????//

 

...ก็พีทใจดี...

...สุดท้ายถึงได้ยอมพาผมเที่ยวอยู่ดี...

นัยน์ตาสีเข้มค่อยๆ ปิดลงช้าๆ พลางเรียกเอาความทรงจำในครั้งแรกที่กลับไปเที่ยวประเทศบ้านเกิดของตัวเอง

...ผมคิดถึงพีท...

...คิดถึงเหลือเกิน...

 

 

 

 

 

 

 

To be continued...



คนแก่คิดถึงอดีต อุฮิ<3

ขอบคุณสำหรับทุกคำติชมนะคะ รู้สึกได้รับกำลังใจล้นหลามมากมาย ตอนนี้กำลังปั่นเรื่องสุดท้ายของซีรีย์บ้านนี้อยู่ค่ะ เอาให้ได้สักครึ่งเรื่องแล้วค่อยเอามาลงนะ 555

ป.ล. ให้เดาว่าเรื่องสุดท้ายใครเป็นตัวเอก ><

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 17 Missing piece 3 [17/11/15]
«ตอบ #93 เมื่อ17-11-2015 18:46:24 »

 สั้น ก็มาบ่อยๆนะคะ

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
+:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 18 Missing piece 4 [17/12/15]
«ตอบ #94 เมื่อ17-12-2015 11:58:31 »




- Missing piece 4-




"พี่พีทออกมาจากงานได้ก็ดีออกนะ”"


"“ดียังไงเรา... ที่บ้านพี่บ่นอุบเลย กลายเป็นแกะดำประจำตระกูลไปแล้ว"” พิชญ์ทำเสียงเหนื่อยหน่ายขณะแกะเนื้อปลาออกมาใส่จานตัวเอง แล้วแกะใส่จานของธัชด้วย

“
"อืม ที่บ้านพี่พีทน่ากลัวจริงๆนั่นแหละ... ตอนพี่พีทบอกว่าบ้านใหญ่ ไม่คิดว่าจะใหญ่ขนาดนั้น”" คนอายุน้อยกว่าเอ่ยบ้างก่อนจะราดน้ำจิ้มซีฟู้ดลงบนเนื้อปลาที่อีกฝ่ายแกะมาให้ ก่อนจะจิ้มเข้าปาก


"“อืม ก็คงไม่เข้าไปยุ่งกับที่บ้านมากแล้วล่ะ”"


"“พี่พีทเปลี่ยนไปนะ ตอนเจอกันแรกๆ น่ากลัวจะตาย... ดุเป็นบ้า”"


คนถูกวิจารณ์ไม่ได้พูดอะไรนอกจากอมยิ้มอยู่เงียบๆ

 

 









นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเจือแววอ่อนโยนยามนึกถึงเรื่องในอดีต ธัชรู้ดีว่าที่พิชญ์เปลี่ยนไปเป็นเพราะอะไร เขามีส่วนในความเปลี่ยนแปลงนั้นค่อนข้างเยอะเพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เขาคอยพูดโน้มน้าวให้คนอายุมากกว่าคิดทำอะไรที่ตัวเองอยากทำเสมอ


...พีทโดนผมละลายพฤติกรรมโดยไม่รู้ตัว...


...แต่พีทก็น่ารักตรงนั้น...

 

 



“




"พี่พีท..."”

“
"หืม?” "คนที่นั่งดูทะเลยามกลางคืนอยู่บนเก้าอี้ยาวหันมาหาร่างสูงที่นั่งลงข้างๆ นัยน์ตาคมของธัชที่จ้องมาดูเคร่งเครียด


"“I love you”"

“
"อือ.....— หา????”" พิชญ์ที่ตอบรับในตอนแรกถึงกับตกใจ คนตัวเล็กกว่าผงะไปพลางคิดว่าอีกฝ่ายกำลังมาไม้ไหน


"“ไม่เข้าใจเหรอ? งั้นผมแปลให้ก็ได้ ผมรั-”"

“
"ไม่ต้องๆๆๆๆๆ"” คนอายุมากกว่ารีบร้องห้ามพลางยกมือขึ้นขวางระหว่างตัวเขากับธัช และเพราะอย่างนั้น ข้อมือของเขาถึงถูกเด็กหนุ่มรุ่นน้องรวบเอาไว้แล้วลดลงล่างเพื่อให้เห็นสีหน้าชัดๆ


"“I’m serious. I mean it ok?”" น้ำเสียงจริงจังของธัชทำเอาอีกฝ่ายยิ่งพูดไม่ออก


"เดี๋ยวก่อน ตั้งแต่เมื่-" คำพูดถูกกลืนหายไปพร้อมกับริมฝีปากอุ่นที่ทาบทับลงมาเพียงบางเบา


"“Do you hate me now?”"


พิชญ์ได้แต่นิ่งอึ้ง นึกหาคำมาตอบร่างสูงไม่ออก หากให้ถามว่าเกลียดไหม ถ้าเกลียด... ป่านนี้ก็คงได้มีลงไม้ลงมือกันบ้างแล้ว— แปลว่าเขาชอบอย่างนั้นหรือ


"“พี่พีทอะใจดี... ไม่ต้องใจดีกับผมทุกเรื่องก็ได้"” ธัชเอ่ยทำลายความเงียบบ้าง เขาเองก็ไม่ได้หวังให้พิชญ์มาสงสารอะไร ถ้าจะเกลียดกันเขาก็ไม่ว่าด้วยซ้ำ


"“................................... ก็...”"


"จะต่อยผมก็ได้นะ”"

“
"... ไม่ได้เกลียด.....................................”"


เพียงเท่านั้น ใบหน้าของธัชก็ปรากฏรอยยิ้มเป็นประกายออกมา ร่างสูงรีบขยับเข้าหาก่อนจะเอ่ยถามต่อ


"“งั้นคบกับผมนะ”"


"“ไม่ได้”"


คนฟังทำหน้าจ๋อยราวกับเป็นเด็กเล็กๆจนพิชญ์ต้องทำหน้ายุ่งขึ้นบ้าง


"“แค่เรื่องสายตาคนที่นี่ก็แย่แล้ว ธัชเองก็ยังลอยไปลอยมา จะให้พี่ตกลงได้ยังไง"” คนอายุมากกว่าทำเสียงจริงจังราวกับกำลังสั่งสอนน้องชาย


"“ก็... ผมจะมาทำงานที่นี่”"


"“ธัช...”" เขาทำเสียงเข้มขึ้น “"ธัชเรียนอยู่ที่นู่น จะมาหางานอะไรที่นี่ เมืองอะไรเราก็ไม่รู้จัก... จะทำงานอะไร”"


"“เดี๋ยวก็หาได้ ง่ายออก สอนภาษาอังกฤษเด็กก็ได้”"


"“แล้วเราอยากทำเหรอ ธัชต้องคิดถึงอนาคตตัวเองแล้วก็สิ่งที่อยากทำจริงๆด้วยสิ ทีตอนแรกทำเป็นสอนพี่มากมาย แล้วนี่เราจะมากลืนน้ำลายตัวเองเหรอ"” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันขณะที่อบรมคนตรงหน้า

 

 





...พีทใจดี...


...ขนาดดุผมยังใจดีเลย...


ธัชค่อยๆ หลับตาลงยามนึกถึงริมฝีปากของพิชญ์ที่ได้สัมผัสในตอนนั้น


...จูบนั้น...


...เป็นจูบแรกที่ผมรู้สึกว่าช่างหอมเหลือเกิน...

 

 





"“งั้นถ้าผมทำอะไรโดยคิดถึงอนาคตตัวเอง.... ถึงเวลานั้นพี่พีทต้องคบกับผมนะ"” ธัชเอ่ยขึ้นหลังจากบทเทศนาของพิชญ์จบลง ทว่าอีกคนก็ไม่ยอมพูดอะไร

“
"... สัญญา....... ไม่ได้เหรอ”"


"ทีอย่างนี้มาทำเสียงอ่อย...”" คนตัวเล็กกว่าทำเสียงเข้มขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมา


"“ก็ได้...”"


"“... งั้นแค่ตอนนี้... ขอผมกอดพี่พีทได้ไหม”" คนถามไม่ถามเฉยๆ ทว่าอ้าวงแขนออกกว้างพร้อมจะสวมกอดร่างบางเอาไว้ แต่พิชญ์กลับลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อน


"“อะไร?????”"

“
"พี่พีทอย่าคิดลามกสิ... แค่กอดเฉยๆ นะ”"


ธัชยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นฝ่ายที่ลุกขึ้นยืนนิ่งไปยอมขยับไปไหน ใบหน้าของพิชญ์แม้จะมองเห็นไม่ค่อยชัดแต่ใบหูที่เปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นนั่นทำให้เขานึกเอ็นดูขึ้นมา ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะโอบเอาพิชญ์เข้ามาไว้ในอ้อมกอด


"“ผมสัญญานะ... ผมจะประสบความสำเร็จให้พี่พีทดู"” เขาเอ่ยกระซิบข้างหูของร่างบางก่อนจะออกแรงกอดให้แน่นขึ้นอีกนิดหนึ่ง

 

 





นัยน์ตาคมมองเบื้องหน้าของตัวเองอย่างว่างเปล่า เพราะตอนนี้แม้จะเอื้อมมือออกไป ก็ทำได้เพียงกอดอากาศเอาไว้ ไร้ซึ่งตัวตน


...ทำยังไง...


...ผมถึงจะได้กอดพีทอีกครั้ง...


...ทำยังไง...


...ผมถึงจะได้ยินเสียงของพีทอีก...


...ทำยังไง...


...ผมถึงจะได้อีเมลจากพีทอีก...


ธัชหลับตาลงอีกครั้งเมื่อรู้สึกได้ถึงขอบตาที่เริ่มร้อนผ่าว...

 


...ทำ... ยังไง...

 

 

...ผมก็เจอแต่ความว่างเปล่า...

 

 

 

 







To be continued...

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
+:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 19 Missing piece 5 [10/01/16]
«ตอบ #95 เมื่อ10-01-2016 19:07:23 »



-Missing Piece 5 -






พิชญ์ที่นอนหลับอยู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือร้องเรียกความสนใจ คนเพิ่งตื่นนอนรีบคว้าเอามือถือแล้วปลีกตัวออกจากห้องนอน ไม่อยากให้ร่างเล็กที่อยู่ข้างๆ ตื่นขึ้นมา

“... มีอะไรรึเปล่า” น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนโยนขณะเอ่ยถาม เพราะปกติ คนที่อยู่อีกฟากหนึ่งของสายไม่เคยโทรมาผิดเวลาแบบนี้

-พี่พีทเปิดCNNสิ-

“... เดี๋ยวค่อยเปิดไม่ได้เหรอ” คนอายุมากกว่าทำเสียงต่ำลง ราวกับอยากจะดุว่าที่โทรมาผิดเวลา

-ผมทำตามสัญญาแล้วนะ... ผมอยากให้พี่พีทเห็น-

พอได้ยินเสียงที่จริงจังแบบนั้น พิชญ์ก็ยอมแพ้ หยิบรีโมทขึ้นมาเปิดทีวีพลางรีบหรี่เสียงให้เบา

ภาพที่ปรากฏขึ้นบนจอแก้วนั้นทำให้พิชญ์เกือบทำรีโมทหล่นจากมือ ธัชยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มนักข่าวที่รุมถามคำถามมากมาย ทว่าเนื้อหาในข่าวนั้นไม่ได้เข้าหูคนที่ยืนดูเลยแม้แต่น้อย นอกจากคำที่ขึ้นอยู่ด้านล่าง


‘นักธุรกิจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรง เขาจะเป็นมหาเศรษฐีคนใหม่หรือไม่’


-ผมรักษาสัญญาเก่งไหม-

พิชญ์ไม่ได้เอ่ยตอบอะไร เกือบสี่ปีที่ผ่านมาหลังจากพบหน้ากันพร้อมกับคำสารภาพรักแบบสายฟ้าแลบนั้น เขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขาไม่คิดถึงธัช

-พี่พีท ฟังผมอยู่หรือเปล่า-

“อ.. อือ ฟังอยู่...” นัยน์ตาคู่สวยยังคงมองภาพของปลายสายบนจอทีวี

“... สูงขึ้นอีกแล้วเหรอ”

-เปล่าหรอก เพราะใส่สูทแล้วเริ่มเข้าฟิตเนสมากกว่า จะให้ตัวลีบๆเหมือนเด็กๆน่ะ ไม่ได้หรอก จริงไหม-

“...อืม” พิชญ์รับคำเบาๆขณะที่สายตายังไม่ละไปไหน

-ผมเคลียร์ตารางงานไว้แล้ว จะไปหาพี่พีทตั้งแต่ช่วงวันThanks givingนะ ดีไหม-

“ธัช... พี่ต้องดูแลนัท... คงไม่มีเวลาพาเที่ยวอย่างเดิมหรอกนะ” ฝ่ายที่อายุมากกว่าใช้น้ำเสียงเชิงห้ามปราม สามปีก่อน พี่ชายของเขากับพี่สะใภ้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต เขา... ไม่อาจทิ้งหลานชายที่เพิ่งจะอายุสี่ขวบได้— พอตัดสินใจอย่างนั้นแล้ว พิชญ์ก็รับเอาญาณัชมาเลี้ยงดูเหมือนเป็นลูกของตัวเอง

-เรื่องนั้นผมรู้แล้ว แค่ไปเจอ... พาน้องนัทของพี่พีทมากินข้าวด้วยกันก็ได้ ผมไม่เกลียดเด็กหรอก-

“... ไม่ใช่อย่างนั้น”

-ถ้าพี่พีทรู้สึกไม่สะดวกใจที่จะเจอผม... ผมไม่บังคับนะ ยังไงก็ได้...-

...ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอ

“ไม่... ใช่... อย่างนั้น...” น้ำเสียงของพิชญ์ฟังดูอ่อนลง ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดถึง จากความรู้สึกของตัวเองตอนเห็นหน้าอีกฝ่ายผ่านจอทีวีก็รู้แล้ว

-ยังไงก็อีกนาน กว่าจะถึงตอนนั้น พี่พีทค่อยบอกผมก็ได้ ว่าผมไปหาได้ไหม-

น้ำเสียงของธัชยังคงฟังสดใส ทำให้ฝ่ายที่อายุมากกว่าค่อยคลายกังวล

“... ให้พี่ดูตารางก่อนก็แล้วกันนะ”

-อื้อ ไม่เป็นไรอยู่แล้ว-










--------------








“อาพีทฮะ...” เสียงเล็กเอ่ยเรียกคนที่กำลังชงกาแฟในตอนสายให้หันมาหา เด็กชายตัวน้อยภายใต้ชุดนอนสีฟ้าอ่อนเดินเข้ามาใกล้ ดูยังไงก็ยังไม่ตื่นดี พิชญ์จึงอดไม่ได้ที่จะอุ้มขึ้นไว้กับตัว

“ว่าไง? คนเก่งของอา นอนตื่นสายเป็นเด็กไม่ดีรู้ไหม”

“ถ้านัทไม่อยู่... อาพีทจะเหงาไหมฮะ”

คนถูกถามยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู ตั้งแต่รับเอาญาณัชมาดูแลแทนพี่ชายที่ตายไป พิชญ์ไม่เคยปล่อยให้เด็กคนนี้ต้องอยู่คนเดียวเลยสักครั้งเดียว

“ทำไมเหรอ”

“ที่โรงเรียนจะให้เด็กป.1ไปเข้าค่ายสัมพันธ์อะไรซักอย่างฮะ”

คนฟังขมวดคิ้วขึ้นมาก่อนจะเอ่ยถามเสียงเข้ม

“ให้เด็กประถมไปเข้าค่ายได้ยังไง แล้วผู้ปกครองล่ะ”

“จดหมายอยู่ในกระเป๋านัทฮะ...”

ได้ยินดังนั้น พิชญ์ก็ย่อตัวลงวางเด็กชายลงกับพื้น

“ไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันก่อนไป... เดี๋ยวอาไปหยิบจดหมายเอง”

“ฮะ” ญาณัชรับคำก่อนจะหันหลังเดินไปห้องน้ำตามที่ผู้เป็นอาว่า

ร่างโปร่งเดินไปหยิบเอากระเป๋าเป้ของหลายชายขึ้นมาแล้วเปิดหาจดหมายที่ว่า เมื่อพบแล้ว ก็นำออกมาอ่าน

เนื้อความในจดหมายเป็นรายละเอียดของการเข้าค่ายเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง ซ้ำยังเป็นกิจกรรมที่ใช้โรงยิมของโรงเรียนเป็นสถานที่ค้างคืน พอเห็นแบบนั้นแล้วก็ค่อยรู้สึกเบาใจลง ว่าอย่างน้อย เขาก็ไม่ได้ปล่อยญาณัชให้ไปไหนไกล

วันที่กำหนดไว้เหมือนโชคชะตาเล่นตลก อาทิตย์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน ตรงกับวันThanks givingพอดี พิชญ์อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเมื่อรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคนไกลที่กำลังหัวเราะอารมณ์ดีอยู่

คิดได้ดังนั้นเขาก็ลุกไปนั่งที่หน้าคอมพิวเตอร์ แล้วเปิดหน้าอีเมลของตัวเองขึ้นมา แล้วพิมพ์บอกข่าวดีนี้ให้กับเจ้าตัวได้รับรู้

เนื่องจากเนื้อความไม่เหมือนจดหมายยาวๆฉบับอื่น เขาจึงไม่ใช้เวลานานเกินไป เมื่อเขียนเสร็จแล้ว พิชญ์ก็ลุกกลับมาที่ครัวเล็กๆ เปิดตู้เย็นแล้วหยิบนมออกมาเทใส่แก้วให้กับหลานชาย

ยังไม่ทันได้หยิบขนมปังออกมา เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นให้แปลกใจ พิชญ์ปิดประตูตู้เย็นแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

“... สวัสดีครับ”

-พี่พีท คราวนี้ผมอยากไปเที่ยวเขาใหญ่ล่ะ-

“ไม่รู้จักนอนหรือไงธัช??” เขาอดไม่ได้ที่จะทำเสียงเข้มใส่โทรศัพท์ ถ้าเทียบเวลากันทางนู้นน่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้วด้วยซ้ำ

-ผมนอนไปแล้ว แต่ไอโฟนมันเตือนว่ามีคนส่งอีเมลมา-

“... ก็... ไม่เป็นต้องโทรมาเลยนี่”

-ผมดีใจ อยากโทร ไม่ได้เหรอ-

แต่ไหนแต่ไร ธัชก็เป็นคนที่พูดอะไรตรงไปตรงมาเสมอ ครั้งนี้ก็ด้วย และนั่นทำให้พิชญ์รู้สึกคล้ายๆไมเกรนจะขึ้น พอๆกับที่รู้สึกดีใจขึ้นมา

-ผมจะได้จองตั๋วเครื่องบิน แล้วเคลียร์ทุกอย่างให้ทัน-

“... ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้...”

-แล้วผมจะได้เจอน้องนัทของพี่พีทหรือเปล่า-

“ยังหรอก... นัทต้องไปค่ายที่โรงเรียนพอดี...”

-งั้นผมอยู่สักเดือนนึงก็ได้นะ-

“........... ธัช” พิชญ์ทำเสียงเข้มอีกครั้ง ทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าหมายถึงอะไร เขาจึงหัวเราะออกมาแล้วพูดต่อ

-ว้า ไว้คราวหน้าก็ได้ น้องนัทชอบอะไรเหรอพี่พีท ผมจะได้ซื้อไปฝาก จะว่าไป เด็กผู้ชายอายุแค่นั้น ที่นี่เล่นอะไรกันนะ อืม...-

ริมฝีปากบางค่อยๆคลี่ยิ้มออกจางๆขณะฟังธัชพูดถึงของเล่นมากมายที่คิดว่าจะซื้อมาให้กับหลานชายของเขา

-... พี่พีทไม่ฟังผมเลย ยิ้มอะไรอยู่-

คนที่ยิ้มอยู่หุบยิ้มแทบจะไม่ทัน ซ้ำยังตกใจจนแทบจะทำโทรศัพท์หลุดจากมือ

“ยิ้มอะไร??” คนถามทำเสียงดุ

-ก็พี่พีทยิ้มไม่ใช่เหรอ-

“จะมาเห็นหน้าพี่ได้ยังไง? ไม่ต้องมาเล่นมุขเลยนะธัช” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน

-เห็นสิ... จริงๆนะ...-

“เราจะเริ่มพูดให้พี่กลัวแล้วนะ”

-’cause I love you. That’s why I know everything-









----------------





...เพราะผมรักคุณ...

...คุณทำหน้าแบบไหน...

...ทำไมผมจะเดาไม่ได้...

...แต่ตอนนี้...

...ผมเดาอะไรไม่ออกเลย...





...พีทกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่...


..ผม...



...ไม่รู้เลย...










To Be Continued....

ออฟไลน์ basanti

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 16 Missing piece 2 [25/10/15]
«ตอบ #96 เมื่อ13-01-2016 08:21:39 »

ยังไม่อ่านเรื่องนี้แต่ขอเม้นก่อนละกัน
ตามมาจากเรื่อง หมอบีมน้องรัน คือชอบวิธีการวางเรื่อง และสำนวนการแต่งมาก จนต้อง ตามหานิยายเรื่องอื่นๆของคุณหมีกับดอกไม้ จนไปเจอเรื่องที่สองคือ เรื่องของพี่เดฟกับน้องปัน อ่านไปอ่านมา ถึงรู้ว่าเป็นซีรี่ที่มีสามเรื่อง ซึ่งเราได้เริ่มอ่านจากเรื่องที่สาม สอง และมาเจอเรื่องแรก คือเรื่องนี้ เจอลงไว้สองเวปคือเล้า กับเด็กดี แต่เรา ชอบเวปนี้ค่ะ เลยตามอ่าน มาต่อ เรื่องนี้ทุกวันนะคะ อย่าลืม เรารออยู่
สิ่งที่เราชอบที่สุดนอกจากพล็อตที่คุณหมีกับดอกไม่วางไว้คือ สำนวน ภาษา อ่านไปไม่เจอคำผิด หรือภาษาวัยรุ่นให้ขัดใจเลย เราจึงชอบมาก และอ่านอย่างไม่สะดุด

ตามคุณคนเขียนมาจากกระทู้แนะนำนิยาย เราเหมือนคุณ zaturday ที่เริ่มอ่านจากเรื่อง Rainy Day หมอบีมน้องรัน ก่อน เพิ่งจะรู้จากโพสของคุณ zaturday ว่าเป็นซีรี่ย์ 3 เรื่อง

ขออนุญาตคนเขียนทำลิ้งค์เป็นลายแทงให้คนอ่านนะ

รวมผลงานของคุณ kagehana

ซี่รี่ย์ตัวละครชุดเดียวกัน
+:+ My all...私のすべて... +:+
: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน (จบแล้ว)
Rainy Day : ความทรงจำใต้เงาฝนพรำ (จบแล้ว)

♥~ รักกุบกิบ~ ♥ (จบแล้ว)

ตามไปอ่านกันเยอะ ๆ นะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน  o13

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 19 Missing piece 5 [10/01/16]
«ตอบ #97 เมื่อ16-01-2016 18:36:55 »

ยังไม่อ่านเรื่องนี้แต่ขอเม้นก่อนละกัน
ตามมาจากเรื่อง หมอบีมน้องรัน คือชอบวิธีการวางเรื่อง และสำนวนการแต่งมาก จนต้อง ตามหานิยายเรื่องอื่นๆของคุณหมีกับดอกไม้ จนไปเจอเรื่องที่สองคือ เรื่องของพี่เดฟกับน้องปัน อ่านไปอ่านมา ถึงรู้ว่าเป็นซีรี่ที่มีสามเรื่อง ซึ่งเราได้เริ่มอ่านจากเรื่องที่สาม สอง และมาเจอเรื่องแรก คือเรื่องนี้ เจอลงไว้สองเวปคือเล้า กับเด็กดี แต่เรา ชอบเวปนี้ค่ะ เลยตามอ่าน มาต่อ เรื่องนี้ทุกวันนะคะ อย่าลืม เรารออยู่
สิ่งที่เราชอบที่สุดนอกจากพล็อตที่คุณหมีกับดอกไม่วางไว้คือ สำนวน ภาษา อ่านไปไม่เจอคำผิด หรือภาษาวัยรุ่นให้ขัดใจเลย เราจึงชอบมาก และอ่านอย่างไม่สะดุด

ตามคุณคนเขียนมาจากกระทู้แนะนำนิยาย เราเหมือนคุณ zaturday ที่เริ่มอ่านจากเรื่อง Rainy Day หมอบีมน้องรัน ก่อน เพิ่งจะรู้จากโพสของคุณ zaturday ว่าเป็นซีรี่ย์ 3 เรื่อง

ขออนุญาตคนเขียนทำลิ้งค์เป็นลายแทงให้คนอ่านนะ

รวมผลงานของคุณ kagehana

ซี่รี่ย์ตัวละครชุดเดียวกัน
+:+ My all...私のすべて... +:+
: ~SCAR~ : ตราบาปไร้รอยเลือน (จบแล้ว)
Rainy Day : ความทรงจำใต้เงาฝนพรำ (จบแล้ว)

♥~ รักกุบกิบ~ ♥ (จบแล้ว)

ตามไปอ่านกันเยอะ ๆ นะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน  o13



ขอบคุณมากค่ะที่ทำรวมให้ ฮือออออ รักจัง


ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
+:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 20 Missing piece 6 [16/01/16]
«ตอบ #98 เมื่อ16-01-2016 18:46:42 »




- Missing piece 6 -






ท่ามกลางท้องฟ้าสีดำที่มีดวงดาวพราวระยับแบบที่หาดูในกรุงเทพฯไม่ได้ พิชญ์กำลังนั่งหย่อนขาลงไปในสระว่ายน้ำส่วนตัวที่อยู่ในบริเวณบ้านพักของพวกเขาระหว่างรอให้ใครอีกคนอาบน้ำเสร็จ

ร่างโปร่งหลับตาลงยามปล่อยให้ลมเย็นๆพัดพาเรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่ยาวจนถึงกลางหลังไปก่อนจะยกมือขึ้นสางให้เรียบร้อย

กว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่ก็เย็นค่ำแล้วทำให้พิชญ์ไม่มีโอกาสได้เอ่ยว่าคนที่พามาเรื่องที่พักสุดหรูนี้ทั้งๆที่ห้องพักธรรมดาก็มี แต่เจ้าตัวกลับเลือกเป็นบ้านพักส่วนตัวแบบที่มีพื้นที่บนหาดทรายและสระว่ายน้ำส่วนตัวกันเลยทีเดียว

...อาบน้ำเสร็จเมื่อไหร่คงต้องเตือนกันเสียหน่อย

ไม่ทันที่ความคิดคำนึงจะขาดหายร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อเนื้อเบาก็เดินออกมายังสระว่ายน้ำแล้วนั่งลงเคียงข้างเนื้อตัวเย็นๆแนบกับต้นแขนอีกฝ่ายราวกับจงใจให้รู้ว่าหนาว

“ดาวสวยเนอะพี่พีท” ธัชเอนหัวลงซบไหล่ตามประสาคนที่ชื่นชอบการสัมผัส

“ไม่ต้องมาดาวสวยเลยธัช” พิชญ์หันมาหาแล้วเอ่ยเสียงเข้ม มือเอื้อมมาผลักศีรษะของเด็กตัวโตออกไป

“มีเงินแล้วใช้แบบนี้ได้ยังไง? รู้จักเก็บเงินบ้างรึเปล่า หือ?”

“รู้สิ..เก็บเงินแล้วมาใช้กับพี่พีทไง” ตอบอย่างหน้าตาเฉยแต่พอเห็นหน้าอีกฝ่ายที่คิ้วแทบจะผูกโบว์ก็รีบอธิบายต่อ

“ก็ผมอยากให้พี่พีทมีความสุขมากๆนี่” ชายหนุ่มยิ้มบางเบา มือใหญ่ยื่นไปจับมือของพิชญ์ช้าๆ

“พี่พีทไม่ชอบเหรอที่ผมทำแบบนี้....”

“...” พอเจอเสียงอ่อยๆแบบนั้นเข้า คนอายุมากกว่าก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมา

“ไม่ได้ไม่ชอบ... แต่พี่อยากให้เราเก็บเงินบ้างแค่ห้องพักธรรมดาก็พี่ก็สนุกแล้ว...” พิชญ์หันมายิ้มให้ก่อนจะบีบมือของร่างสูงเบาๆ

“พี่พีทไม่เคยได้ยินเหรอที่เค้าบอกกันว่า เราต้องให้สิ่งที่ดีที่สุดกับคนที่เรารัก เหมือนในโฆษณาของนมไง...เพื่อคนที่คุณรัก” ธัชขยับตัวเข้าใกล้อีกนิดสองแขนอ้าออกกว้างทำท่าจะกอดหากแต่นัยน์ตาพราวระยับกลับสบตานิ่ง

“ขอผมกอดพี่พีทนะ”

“... เล่นเป็นเด็กๆไปได้” ชายหนุ่มว่าแต่ก็ไม่ได้ขยับหนีไปไหน

“ตัวก็โตขนาดนี้ จะให้กอดยังไงได้” เขาไม่พูดเปล่า ซ้ำยังหัวเราะออกมาเบาๆกับความขี้เล่นของคนตรงหน้า

“ก็ขนาดตัวมันลดกันไม่ได้นี่”


นักธุรกิจหนุ่มผู้กว้างขวางทำตัวเป็นเด็กน้อยที่เรียกร้องความสนใจ เขารวบร่างโปรงมากอดไว้เบาๆแล้วเอาคางเกยไหล่คลอเคลียไม่ห่าง

“ถ้าผมหมายความถึงกอด...ที่หมายถึงอย่างอื่น พี่พีทจะว่าไงล่ะ”

“?! ด... เดี๋ยวก่อนเลย!” พิชญ์ดันตัวเองออกมา คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันพลางขืนแขนไว้

“ไม่ต้องมาหื่นผิดที่ผิดทางเลยไอ้เด็กบ้า” พูดไปพลางทำเสียงเข้มเสียงขุ่นไปขณะกระเถิบตัวออกมา

“พี่พีทนั่นแหละ ดาวสวยขนาดนี้ บรรยากาศโรแมนติกขนาดนี้ ยังใจร้ายกับผมอยู่ได้”ธัชเขยิบเข้าแนบชิดแถมยังยึดอีกฝ่ายเข้ามาให้นั่งตรงกลางพลางกอดไว้แน่น

“นะครับ?”

“.......................................................... ไม่เอา” คนที่ขยับไปไหนไม่ได้ยังคงพยายามที่จะเอ่ยปฏิเสธให้หนักแน่น ทว่าก็ทำได้เพียง

พูดแค่คำว่า 'ไม่เอา' เท่านั้น

“จ... จะกอดเฉยๆก็กอด... พอ...”

“จะแกล้งผมเหรอ พี่พีทรู้ไหมว่าผมต้องลุยงานมากเท่าไหร่เพื่อที่จะให้เป็นผู้ชายที่ทัดเทียมและเหมาะสมกับพี่พีท ผมรักพี่พีทนะ....แล้วการที่เราอยากมีเซ็กส์กับคนที่รักมันผิดตรงไหน” ชายหนุ่มทำหน้ามุ่ย ปลายคางสากกดลงกับข้างแก้มนิ่มๆราวกับจะตัดพ้อ

“ไม่ใช่ใครก็ได้นะ...ของผมต้องเป็นพี่พีทเท่านั้น” ธัชยืนยันคำพูดด้วยจุมพิตหนักหน่วงบนริมฝีปากหยักสวยของคนรัก

“อ--?” พิชญ์ยกมือขึ้นหมายจะดันร่างสูงออกด้วยความตกใจ ทว่าความรักที่ถ่ายทอดผ่านจูบของเขาทำให้นัยน์ตาคู่สวยค่อยๆปิดลงช้าๆ


ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจสิ่งที่ธัชต้องการจะสื่อ แต่เป็นเพราะตัวเองนั้นไม่มั่นใจ...ไม่กล้าที่จะตอบรับความรักรุนแรงที่อีกฝ่ายมีให้เพราะความหวาดกลัวว่าจะต้องเสียไป

“..... จะต้องเป็นพี่เท่านั้น.... เหรอ?”

“...ผมไม่เอาคนอื่น...แค่พี่พีทคนเดียว...” ริมฝีปากกดเม้มลงบนผิวอ่อนๆตรงลำคอและเน้นย้ำจนขึ้นรอยประทับสีเข้ม มือหยาบสอดเข้าไปใต้เสื้อเนื้อนิ่มโอบรัดลำตัวเพรียวอย่างแนบแน่น

“ผมรักพี่พีท...ถ้าพี่พีทเชื่อคำว่าตลอดไปของผม..ผมก็จะบอกว่า....ผมรักพี่พีท...ตลอดไป”

คนถูกบอกรักถอนหายใจออกมาเบาๆ พิชญ์หลับตาลงราวกับอยากจะย้ำคำรักนั้นลงไปในหัวใจท่อนแขนสองข้างยกขึ้นโอบรอบลำคอของธัชไว้อย่างกล้าๆกลัวๆ

“นาน... ไปรึเปล่า? ตลอดไปน่ะ...”

“พี่พีทก็พิสูจน์ด้วยการอยู่กับผมไปตลอดชีวิตสิ” ธัชยกมือเรียวที่พาดอยู่ขึ้นจูบเบาๆตรงนิ้วนางด้านซ้าย

“ไว้ผมหาแหวนที่เหมาะกับพี่พีทได้...เรามาแต่งงานกันนะ”

“.... ไม่ต้องหรอก....” รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าได้รูป คำพูดของธัชที่สื่อถึงความรักมากมายทำให้เขารู้สึกคล้ายกับหัวใจกำลังพองโต

“ใครเขาจะให้แต่ง หืม?”

“ตอนนี้ไม่ แต่อีกสักห้าปี..สิบปี ต้องมีที่ไหนในโลกสักที่ที่ยอมให้แต่งแน่ๆ” ธัชพูดอย่างหนักแน่นก่อนจะย้ำด้วยจุมพิตหวานบนพวงแก้มที่ซับสีอ่อนจาง

“ไม่รู้ล่ะ แต่ผมจะจองพี่พีทไว้ก่อน” พูดคล้ายเด็กดื้อแสนเอาแต่ใจแต่ดวงตาสีเข้มกลับสื่อความหมายที่มั่นคง

“บอกแล้ว... ใช่ไหม ว่าพี่... อยู่กับธัชไม่ได้... พี่มีนัทต้องดูแล... แล้วพี่ก็ไม่อยากให้ธัชจะเอาตัวเองมาผูกกับพี่....” พิชญ์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสั่นไหว

“ถ้าเรา... คิดว่า ความสัมพันธ์แบบนี้มันจะโอเค.... ก็.......” ร่างโปร่งก้มใบหน้าลงหลบจากสายตาที่จ้องมองมา

“ไม่ต้องอยู่ด้วยกันก็ได้ พี่พีทจะสนใจหลานมากกว่าก็ได้ ผมรักพี่พีทและทุกอย่างที่เป็นพี่พีท....ถึงจะเหงานิดหน่อยผมก็ยอม” ร่างสูงเบียดตัวช้าๆแล้วกอดให้แน่นที่สุด..เท่าที่ทำได้

“ผมจะผูกจะยึดจะดึง..จะทำทุกวิธี ขอแค่พี่พีทรักผม...ผมยอม..”

ธัชโอบประคองร่างเพรียวให้นอนลงบนพื้นช้าๆก่อนจะพร่างพรมร่างที่อาบแสงจันทร์ด้วยรอยจุมพิตนับครั้งไม่ถ้วน

“พอ... แล้ว......” ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดหน้า รู้ได้ว่าใบหน้าที่ร้อนผ่าวนี้เป็นเพราะคำบอกรักและสัญญาแสนหวานที่ธัชมอบให้ ร่างกายสั่นสะท้านจากสัมผัสด้วยริมฝีปากของร่างสูง


“ผมอยาก..เห็นหน้าพีท” มือใหญ่เอื้อมจับข้อมือเรียวที่ปิดใบหน้าสวยไว้ พิชญ์เป็นคนสวยมากกว่าหล่อมาตั้งแต่ไหนแต่ไร..ยิ่งพอได้รับแรงกระตุ้นจนเขินอายยิ่งกลับทำให้น่าหลงใหลยิ่งขึ้น

ธัชถอดเสื้อตัวเองแล้วโอบร่างบางขึ้นเพื่อปูรองหลัง ในขณะที่ริมฝีปากเฝ้ามอบจุมพิตครั้งแล้วครั้งเล่า มือใหญ่ก็ค่อยๆเลื่อนลงมายังส่วนอ่อนไหวที่ซ่อนอยู่เบื้องล่าง ชายหนุ่มใช้เวลาไม่นานในการทำให้มันตื่นตัว...

“...พีท...น่ารัก...” ริมฝีปากได้รูปพูดเบาๆก่อนที่จะก้มลงปรนเปรอให้ด้วยปลายลิ้นอุ่นร้อน

“ย--! อย่า... ธ... อือ.. ธัช....” มือสองข้างพยายามขยับเอื้อมลงหมายจะผลักอีกฝ่ายออกไป ไม่ใช่ว่าไม่เคยสัมผัสด้วยตัวเอง หากแต่การให้คนอื่นเห็นร่างกายตัวเอง ซ้ำยังใช้เพียงริมฝีปากสัมผัสนั้นเป็นเรื่องน่าอายเกินกว่าที่เจ้าตัวจะทนไหว ถึงขนาดลืมว่าจะต้องเอ่ยท้วงที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาห้วนๆ

เสียงห้ามอ่อนแรงมิสามารถต้านทานชายหนุ่มที่กำลังขยับริมฝีปากได้ ธัชดูดกลืนสิ่งที่อยู่ภายในและลิ้มรสหยาดของเหลวที่ซึมออกมาทีละนิด เขาขยับริมฝีปากเร่งเร้าอย่างรวดเร็วให้อารมณ์ของคนที่ถูกสัมผัสหยัดขึ้นสูงสุด ทันทีที่รู้สึกถึงแรงประทุที่ใกล้ระเบิดและความสั่นไหว...ริมฝีปากก็ถอนออกมาอย่างรวดเร็วและประกบลงบนกลีบปากที่เผยอหอบหายใจ

“ขอเข้าไปได้ไหม...พีท...” ปลายนิ้วสากแตะแผ่วเบาที่ช่องทางด้านหลังเพื่อบอกให้รู้...และเฝ้ารอ

“อึก--!!!??” อารมณ์ร้อนที่ถูกยั้งเอาไว้ทำให้ทรมานจนเรียบเรียงคำพูดแทบไม่ออก นัยน์ตาคู่สวยปิดลงแน่นขับน้ำใสๆให้ไหลออกมา

“ธ.... ธัช.....” น้ำเสียงที่หลุดรอดออกมาฟังดูสั่นพร่าราวกับคนเป็นไข้

“อย่า... ก... แกล้ง... แบบนี้......”

“อนุญาตผมสิ....” แม้จะรู้ดีว่าตัวเองกำลังจะทนไม่ไหวแต่ก็ยังบังคับน้ำเสียงให้ราบเรียบแล้วพูดออกไปได้ ธัชกดเบาๆที่ปากทางอ่อนนุ่มแล้วสอดนิ้วแรกเข้าไปเพียงข้อหนึ่ง...และใช้ปลายเล็บแตะที่ผนังด้านในแผ่วเบา

“..อุ่นจัง...” ชายหนุ่มขบกรามแน่นสะกดกั้นอารมรืที่พลุ่งพล่านจนแทบหยุดไม่อยู่ เสื้อตัวบางที่พิชญ์ใส่ถูกดึงออกอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งริมฝีปากที่แนบชิด..ขบเม้มยอดอกสีทับทิม

“.....พีทน่ารัก...” พึมพำเบาๆในขณะที่ปลายลิ้นไล้วนจนเปียกชุ่ม

“อึก อ....... อือ” พิชญ์หันหน้าหนีก่อนตอบตกลงบางเบาพร้อมทั้งผงกศีรษะช้าๆ ปรารถนาที่จะได้รับการปลดปล่อยจากความทรมานนี้

“... ข... เข้ามา..... สิ” น้ำเสียงฟังแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ชายหนุ่มรู้สึกอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีเสียด้วยซ้ำ


ธัชรับรู้ได้ถึงความเขินอายและอารมณ์ปรารถนาที่อยากปลดปล่อยของคนในอ้อมกอด ปลายนิ้วสากจึงสอดเข้าไปอีกนิ้วเพื่อขยายช่องทางคับแคบให้เตรียมพร้อม เขากอดร่างที่ดิ้นรนเบาๆแล้วจุมพิตปลอบประโลมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจวบจนร่างเพรียวค่อยๆคลายความแข็งเกร็ง

“เจ็บ..นิดหน่อยนะ” ธัชซึ่งปลดกางเกงและชั้นในออกไปไว้ที่ต้นขาแล้วค่อยๆเอาส่วนปลายแข็งขึงแตะบนช่องทางอ่อนไหว

“อ...” ร่างบางรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ทว่าความต้องการมากมายที่วิ่งพล่านไปทั่วร่างกายกลับกระตุ้นเร้าให้เรียกร้อง

“ไม่... ไม่เป็นไร...” แม้จะเอ่ยตอบออกมาแต่ตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าจะ 'ไม่เป็นไร' จริงๆอย่างที่พูดหรือไม่

ใบหน้าหล่อเหลายิ้มรับ...ด้วยรอยยิ้มกว้างขวางเหมือนเด็กได้ของเล่นชิ้นโปรด


กายแข็งขึงค่อยๆเคลื่อนสู่ภายในเชื่องช้าเพื่อให้คนรักที่ยังไม่เคยถูกกระทำเช่นนี้ได้รับความสุขที่สุด เขาสะกดกั้นอารมณ์ที่อยากจะขยับพาไปถึงการปลดปล่อย..และเลือกใช้วิธีแบบค่อยเป็นค่อยไปประสานกันจุมพิตปลอบจนสามารถเข้าไปข้างในได้เกือบหมดในที่สุด

ความอุ่นร้อนที่โอบรัดแทบจะทำให้ละลาย ชีพจรและความร้อนที่ส่งผ่านหลอมหลวมเชื่อมต่อเขาและพิชญ์ไว้ด้วยกัน

“...อุ่น..จัง...” ธัชหยอกด้วยคำพูดก่อนจะบรรจงจูบที่เปลือกตาบางที่หรี่ปรือเหมือนคนไม่ได้สติ

“จ-- ฮึก!!” วงแขนที่โอบกอดออกแรงรัดแน่น ปลายนิ้วกดลงกลางแผ่นหลังกว้าง รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาจนเกร็งไปทั้งตัว น้ำตาไหลออกมาจนต้องพยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายได้กังวล

“อึก...” ในตอนนี้สิ่งที่ประสาทสัมผัสรับรู้มีเพียงแก่นกายร้อนผ่าวที่สอดลึกเข้ามาข้างในเท่านั้น

มือใหญ่ที่โอบประคองลูบเบาๆเพื่อปลอบใจ ธัชรู้ว่าสำหรับคนที่ไม่เคย...การต้องยอมรับส่วนหนึ่งของร่างกายคนอื่นให้เข้ามามันยากเพียงไร

ร่างสูงขยับกายเชื่องช้าสลับกับลูบไล้ทั่วร่าง ผิวเนียนนุ่มมือขึ้นสีแดงจางๆด้วยแรงอารมณ์ที่พัดโหม...ทั้งของพิชญ์เอง...และตัวตนของเขาที่อยู่ภายใน

“ผมรักพีทนะ....” คำกระซิบแผ่วถูกเป่าผ่านข้างใบหู

“ร-- อือ--! รัก....” คำรักคำแรกหลุดรอดออกมาก่อนจะถูกเสียงครางหวานหูกลืนหายไป ในหูได้ยินเพียงเสียงลมหายของธัชกับเสียงเปียกชื้นจากร่างกายที่เชื่อมต่อ

“..........พูด...อีกสิ......” ธัชกระซิบแผ่วก่อนจะเริ่มขยับเร็วขึ้น ช่องทางอ่อนนุ่มร้อนผ่าวที่โอบรัดสัมผัสได้ถึงจังหวะชีพจรที่เต้นถี่รัว ร่างสูงกระแทกกายเข้าออกปลุกปั่นอารมรืวาบหวามให้พุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด

“...ข้างใน...ได้ไหม...” เสียงแหบพร่าอันทุ้มต่ำกระซิบข้างหู

“อ-- อื๊อ-!” พิชญ์ในตอนนี้แทบไม่รับรู้ถึงอะไรอีกแล้วนอกจากอารมณ์ที่พุ่งขึ้น นัยน์ตาปิดแน่นเพราะทนรับความเสียวซ่านไม่ไหว ปลายเล็บจิกลึกลงบนแผ่นหลังของธัชโดยไม่รู้ตัว

ปลายเล็บที่กดลึกยิ่งย้ำเตือนว่าอารมณ์ของทั้งคู่พุ่งขึ้นถึงขีดจำกัด ธัชขยับกายเร็วขึ้น ความร้อนที่พลุ่งพล่านในร่างโหมกระหน่ำ ร่างในอ้อมกอดสั่นไหวอย่างน่าประหลาดชั่วครู่... ก่อนจะอ่อนเอนลงในอ้อมกอดแล้วปลดปล่อยออกมา

หยาดน้ำสีขุ่นไหลลงเลอะต้นขานวลเป็นภาพที่ยิ่งกระตุ้นความปรารถ ธัชขยับตัวเร็วขึ้นตามแรงผลักดันในร่างที่พุ่งขึ้นสูง ร่างสูงขยับเข้าออกรวดเร็วจนได้ยินเสียงเปียกลื่นแทรกกับเสียงหอบหายใจ ร่างกายแข็งแกร่งเกร็งแน่นไปครู่หนึ่ง... ก่อนจะทรุดกายลงกอดรัดและปลดปล่อยสู่ภายใน

“พีทน่ารัก...ที่สุดเลย...”

ในตอนนี้พิชญ์แทบไม่เหลือแรงจะทำอะไรแล้ว นัยน์ตาคู่สวยค่อยๆเปิดขึ้นมองใบหน้าของธัชที่กำลังมองมา แม้จะยังพร่าเลือนแต่เขาก็เห็นรอยยิ้มบนริมฝีปากได้รูปนั่น

“........ แฮปปี้... ขนาดนั้น... เลย..... เหรอ”

“มากๆเลย” ตอบพลางยิ้มกว้าง นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มพราวระยับจับจ้องเรือนร่างของคนที่รัก ธัชจูบเบาๆที่แก้มนวลเนียน ร่างสูงกอดซ้อนจากด้านหลังและไม่ยอมแม้แต่จะขยับให้ส่วนที่เชื่อมต่อหลุดจากกัน

“พีทเหนื่อยแล้วเหรอ เข้าไปต่อในห้องไหม” หัวคิ้วชายหนุ่มขมวดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “แต่ก็อยากอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ...พีทว่าไงดี?”

“เดี๋ยวก็เป็นหวัด..... หรอก” น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยว่า ริมทะเลยามค่ำคืนอากาศมีแต่จะเย็นลงเรื่อยๆ

“อืม.....” ตัวพิชญ์เองก็ไม่เหลือแรงจะต่อปากต่อคำอะไรกับคนที่ยังดูร่าเริงตรงหน้าแล้ว

“งั้นเข้าห้องดีกว่า เดี๋ยวพีทไม่สบาย” ร่างสูงถอนกายออกอย่างแสนเสียดาย หยาดน้ำที่หลั่งอยู่ภายในค่อยๆรินออกมาตามแก่นกายที่คั่งค้าง ธัชอมยิ้มอย่างสุขใจก่อนจะรวบร่างโปร่งขึ้นมาอุ้มและจุมพิตใต้แสงจันทร์

“ผมรักพีทที่สุดเลย....”










---------






.......ผมรักพีท........

แม้ว่าจะไม่มีวันได้บอกรักด้วยเสียงกระซิบข้างหู...ไม่มีร่างอบอุ่นอยู่ในอ้อมกอด...ไม่มีมือที่เกาะเกี่ยวกันและกัน

ไม่มีพีท...บนโลกนี้...อีกต่อไป

นัยน์ตาสีเข้มมองดวงจันทร์กลมโตที่ส่องสว่างภายใต้ราตรีอันมืดมิด บดบังแสงดาวน้อยใหญ่ เขาจับขอบหน้าต่างที่สัมผัสได้เพียงความเย็นเยียบและหนาวเหน็บ

รัก...คำสั้นๆที่มอบให้ทั้งความสุขสมและทรมาน เมื่อคิดถึงคืนวันเก่าๆที่มีความสุขมากเท่าไหร่...ความทรมานที่ต้องอยู่กับปัจจุบันยิ่งถาโถมเข้ามาเหมือนเม็ดทรายในขวดแก้ว..





....ไม่มีอีกแล้ว...






To Be Continued.......

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 20 Missing piece 6 [16/01/16]
«ตอบ #99 เมื่อ16-01-2016 19:57:09 »

 :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 20 Missing piece 6 [16/01/16]
« ตอบ #99 เมื่อ: 16-01-2016 19:57:09 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
+:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 21 Missing piece 7 [16/02/16]
«ตอบ #100 เมื่อ16-02-2016 22:42:35 »



- Missing piece 7 -


แสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามาไม่ได้ทำให้พิชญ์อยากตื่นขึ้นเท่ากับอ้อมกอดจากคนข้างๆที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นสักที พอลองขยับกายสักนิดหน่อยก็รู้สึกปวดร่างกายช่วงล่างขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่พอรู้สึกว่าท่อนแขนแข็งแรงที่กอดเอาไว้นั้นขยับเพียงเล็กน้อย คิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากันแทบจะทันที

“จะนอนไปถึงไหน.. ธัช” คนอายุมากกว่าเอ่ยเสียงเข้ม ลองถ้าแกล้งหลับแล้วกอดกันไว้แบบนี้เขาได้ศอกซ้ำซี่โครงเป็นของขวัญรับอรุณแน่

“อีกนิดน่า...พีท...” น้ำเสียงที่แสร้งงัวเงียพูดงึมงำก่อนจะโมเมกอดแน่นขึ้นกว่าเดิม

“เช้าๆมันหนาว...ไว้ตอนสายค่อยไปเล่นน้ำกันนะ”

“หนาวอะไร? แอร์ในห้องต่างหากที่หนาว” พิชญ์ออกแรงดันพลางกระทุ้งข้อศอกเข้าใส่แล้วกระเถิบตัวหนี

“ไม่เล่น-- อยากเล่นไปเล่นคนเดียวเลยไอ้เด็กบ้า”

“พีทใจร้าย...ไม่น่ารักเหมือนเมื่อคืนเลย” คนตัวใหญ่ทำปากบู่เหมือนเด็กๆแล้วรีบตามตะครุบลากคนที่เอาแต่เถิบหนีมากอดไว้เหมือนเดิม

“อยากกอดพีทอีกจัง...” ริมฝีปากรุ่มร้อนงับลงบนใบหูนิ่ม

“อ-!!? ไอ้เด็กลามก!!” สัมผัสอุ่นร้อนที่ปลายหูส่งกระแสไฟอ่อนๆไปทั่วร่างจนขนลุกขึ้นมา ใบหน้าสวยหวานพยายามขยับซ่อนให้พ้นจากริมฝีปากของร่างสูงที่เริ่มซุกซน

“พีทก็....ว่าผมอีกแล้ว” ธัชใช้จมูกซุกไซ้ลำคอเรียวยาว กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่บนผิวขาวหอมยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด

“เดี๋ยวก็ลามกเข้าให้จริงๆหรอก ผมยังเด็กอยู่...แค่เมื่อคืนไม่พอหรอกนะ”

“!!! ไปหาคนอื่นเลย!!! พี่ไม่เด็กด้วยหรอก-- แล้วใครบอกให้เรียกชื่อห้วนๆได้??” ร่างบางยิ่งทำตัวแข็งขึ้นมา นึกเรื่องอะไรที่อยากจะว่าได้ก็พูดโพล่งออกไปขณะที่พยายามซ่อนใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มของตัวเองให้พ้นจากสายตาของธัช

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เอาคนอื่น จะเด็กกว่าแก่กว่ายังไงไม่สน พีทของผมน่ารักที่สุด...แล้วผมก็รักที่สุดแล้ว” นัยน์ตาพราวระยับมองคนที่ทำโมโหกลบเกลื่อนความเขินแล้วอดก้มหอมแรงๆไม่ได้

“ขอเรียกพีทไม่ได้เหรอ เรียกพี่พีทแล้วเหมือนตัวเองเป็นเด็กจะตายไป....นะครับ” ธัชรู้ดี...นะครับ..บวกด้วยเสียงอ้อนๆของตัวเองมีผลกับคนๆนี้มากแค่ไหน

“..................................” เจอลูกอ้อนเข้าไปแบบนี้ พิชญ์ก็ถอนหายใจออกมาแรงๆ เหตุผลที่อีกฝ่ายหยิบอ้างนั้นกลับฟังดูใช้ได้กว่าที่คิด

“...................... ก็ได้....” ร่างเพรียวบางขดตัวเข้าหากัน คล้ายกับจะดึงให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้มากขึ้น รับรู้ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดให้กันทางผิวกาย

“....รักพีทที่สุดเลย....” เสียงทุ้มพูดแผ่วเบาราวกับจะพึมพำให้ตัวเองฟัง

“อยากอยู่กับพีทแบบนี้ตลอดไปจัง”

“..... ได้ที่ไหนเล่า... กลับไปทำงานไป” แม้คำพูดจะฟังดูใจร้าย ทว่าน้ำเสียงกลับแผ่วเบาลง นัยน์ตาคู่สวยค่อยๆปิดลงช้าๆ

“... ถ้านัทโตจนไม่ต้องการฉันเมื่อไหร่... ค่อยว่ากัน......” กระทั่งตัวเองยังรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นรัวแรงจนต้องยกมือขึ้นกดบนหน้าอกตัวเอง กลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินแล้วแหย่เอาได้

ธัชยิ้มกับตัวเองก่อนจะเอื้อมมือคว้ามือเรียวที่อยู่บนหน้าอกเปลือยเปล่ามาวางทาบบนหัวใจตัวเอง จังหวะเต้นของหัวใจส่งผ่านให้คนรักด้วยจังหวะที่ไม่แตกต่าง

“....ผมจะรอนะ.....”








Trrrrr Trrrrr Trrrrrrrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์บนหัวเตียงดังขึ้นกลางดึกขัดจังหวะฝันดี...และฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง

....ถึงรอสักเท่าไร...ก็ไม่มีวันได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว........

ธัชลืมตาขึ้นช้าๆ มือใหญ่เอื้อมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ เบอร์แปลก...ที่โทรมาจากประเทศไทยทำเอาอดรู้สึกวูบไหวเพราะนึกถึงใครบาง
คนขึ้นมาไม่ได้ เขาขมวดคิ้วสลัดความคิดก่อนจะกดรับ

“ฮัลโหล...ผมธัชพูดครับ”

“... ธัช....” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกเพียงชื่อของเขาผ่านปลายสายก่อนจะกลายเป็นเสียงสะอื้น

“... ฉัน................--!! ปล่อ-!! อะ--!!”

คนที่รับโทรศัพท์ไม่มีแรงแม้แต่จะพูด มันไม่ใช่การล้อเล่น...เพราะตัวเขาสามารถยืนยันได้อย่างชัดเจน...ว่าเสียงที่อ้อนล้าจวนหมดแรงเป็นของคนที่อยู่ในความคิดคำนึงตลอดเวลา



...พีท....

...ทำไม?...


หลากหลายคำถามประดังเข้ามาในหัว แต่ชายหนุ่มกลับสนใจเพียงการต่อเบอร์กลับไปยังปลายสายที่ไม่มีสัญญาณตอบรับ น้ำเสียงของพิชญ์และเสียงสะอื้นที่ดังมาตามสายทำให้หัวใจเหมือนถูกบีบ..คนที่คิดว่าจะไม่มีวันได้เจออีกแล้ว...คนที่รักที่สุดกำลังร้องไห้อยู่ที่ไหนสักแห่งในแผ่นดินบ้านเกิด

ชายหนุ่มกดหมายเลขที่แทบจะไม่เคยใช้ ปลายสายเป็นคนที่เคยมีบุญคุณต่อกันและยิ่งใหญ่พอที่จะสั่งหาคนๆนึงและระบุพิกัดได้

“ฮัลโหล ผมธัชนะ ช่วยตรวจที่อยู่และพิกัดให้ผมหน่อย ผมขอด่วนที่สุด เบอร์....” ธัชพูดหมายเลขออกไปก่อนจะกล่าวขอบคุณและปิดโทรศัพท์ อีกมือกดเบอร์คนสนิทด้วยโทรศัพท์อีกเครื่องที่อยู่ใกล้กัน

“เตรียมเจ็ทไว้ให้พร้อม เราจะไปประเทศไทยกัน...อืม...เร็วที่สุดล่ะ”






-----------------------------------------------------------------------------------------





เสียงโวยวายของคนไข้กับบุรุษพยาบาลดังสลับกันท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายในตอนสายที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งนี้
ร่างบอบบางที่ดูไร้เรี่ยวแรงของชายหนุ่มผมยาวพยายามออกแรงขัดขืนแรงบีบที่ข้อมือจากคนที่รวบเอาตัวเขาไว้ได้

“เอะอะอะไรกัน” น้ำเสียงทุ้มต่ำฟังดูมีอำนาจดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่ร่างของชายหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์จะเดินออกมาจากลิฟต์

“คนไข้พยายามจะหนีครับ”

พิชญ์เบิกตากว้างเมื่อเห็นคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ เขาพยายามขัดขืนแต่ก็ยังไร้ผล แพทย์ผู้นั้นเดินเลยผ่านไปที่เคาน์เตอร์ของพยาบาลแล้วหายเข้าไปด้านหลัง ร่างบางจึงฉวยโอกาสนั้นออกแรงสะบัดอีกครั้ง

“เฮ้ย--!” ข้อมือที่ถูกจับไว้หลุดพ้นเป็นอิสระ พิชญ์จึงรีบออกวิ่งแม้จะรู้สึกว่าขาสองข้างนั้นไม่มีกำลังเอาเสียเลย

“อยู่เฉยๆ!” คราวนี้บุรุษพยาบาลรีบคว้าเอาไว้ทั้งตัว แต่ร่างบางก็ยังพยายามออกแรงดิ้น

“!?” พิชญ์รู้สึกถึงปลายเข็มที่แทงเข้ามาบนท่อนแขน

“บอกแล้วใช่ไหม... ว่าเธอยังไม่หายดี” เสียงที่พูดขึ้นด้านหลังฟังดูห่างไกลออกไป สิ่งสุดท้ายที่จำได้ก่อนจะหมดสติไป คือเสียงทุ้มกังวานที่คิดถึง





“ฮัลโหล...ผมธัชพูดครับ”


...ธัช...






------------------------




“ตื่นแล้วเหรอคุณพิชญ์” มือหยาบกร้านจับที่คางเรียวแล้วเชิดขึ้น

หลังจากฉีดยาสลบไปคนไข้ของเขาก็หลับไปเกือบวัน แต่ราวกับโชคชะตาเล่นตลกเมื่อตอนที่เขาเดินตรวจก็เห็นว่ากำลังค่อยๆลืมตา

ร่างสูงในชุดกาวน์ยิ้มเหยียด แน่นอนว่าพิชญ์เป็นหนึ่งในคนไข้ที่พิเศษ...เนื่องจากทางครอบครับจะรู้จักและ”ฝากฝัง”เป็นการส่วนตัวแล้ว ใบหน้าสวยนี้ก็ถูกใจตัวเขาไม่น้อย

“ให้หมอวัดไข้หน่อยนะ...เด็กดีของหมอ”

ริมฝีปากหนาประกบลง ลิ้นร้อนสอดเข้าสู่ภายในสัมผัสกับแนวฟันขาวเรียงสวย สัมผัสอุ่นซ่านแทบจะทำให้ตื่นตัว เสียแต่ว่ายังอยู่ในพื้นที่ที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าสัมผัสและลูบไล้

สัมผัสน่ารังเกียจจากคนตรงหน้าทำให้พิชญ์คลื่นไส้ ออกแรงเพียงนิดเดียวก็ได้รสเลือดแผ่ซ่านเข้ามาให้รู้รส มือสองข้างไม่อาจขยับไปไหนได้เพราะถูกมัดเอาไว้กับเตียง เวลากว่าสองปีที่ผ่านมามีแต่ความทรงจำที่เลวร้าย ตัวเขาที่ประสบอุบัติเหตุรถชนนั้นหมดสติไปกี่วันก็ไม่อาจรู้ได้ ตื่นขึ้นมาในตอนแรกร่างบางนั้นขยับตัวแทบไม่ได้ แต่เขาก็ยังไม่คิดอะไร ได้แต่รอวันที่ญาณัชผู้เป็นหลานชายจะมาเยี่ยม แต่วันแล้ววันเล่าที่ผ่านไปก็ไม่ปรากฏร่างคนรู้จักเลยแม้แต่คนเดียว

ก่อนที่จะได้คำยืนยันจากผู้ชายเลวๆตรงหน้าว่าเขาตายไปแล้ว บ้านประสิทธิพรวิวัฒน์ใช้โอกาสที่เขาบาดเจ็บสาหัส ตัดเขาออกจากโลกภายนอกและประกาศออกไปว่าเสียชีวิต พอขยับตัวได้ เริ่มเดินได้ ถึงได้รู้ว่าตัวเองจะถูกกักขังไว้ที่โรงพยาบาลแห่งนี้โดยไม่มีทางออกอื่น

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่คิดจะหนี แต่ก็มีบุรุษพยาบาลพากันผลัดเวรมาคอยเฝ้าดูอยู่เสมอ วันนี้คิดว่าสบโอกาสแล้ว ถึงได้แอบไปใช้โทรศัพท์โทรหาคนที่คิดถึงอยู่ตลอด โดยหวังว่าจะช่วยอะไรได้

ทว่าพอได้ยินเสียงที่ไม่ได้ยินมานาน ก็กลับพูดอะไรไม่ออกนอกจากปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา

...และตอนนี้ ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าธัชจะเข้าใจอะไรแค่ไหน หรืออาจจะโกรธเขาที่ไม่ยอมติดต่อไปก็ได้




-เพี๊ยะ-



ฝ่ามือที่จับปลายคางอยู่เมื่อครู่สะบัดตบใบหน้าสวยทันที เส้นผมยาวสลวยถูกดึงอย่างรุนแรงรั้งให้เงยหน้าขึ้นมอง

“ฤทธิ์เยอะนักหรือไง เป็นแค่คนถูกทิ้งในที่เลี้ยงคนบ้า อีกไม่นานก็บ้าตาม ฉันเอ็นดูก็ทำเล่นตัว อยากตายนักหรือไง”

“... ตายไปยังดีกว่าต้องเจอหน้าแก” นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองอย่างกราดเกรี้ยว ถึงจะเจ็บที่โดนตบ แต่กลับเทียบไม่ได้กับหัวใจที่เจ็บปวดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

“งั้นฉันจะให้แกตายทั้งเป็น...”นัยน์ตาวาววาบมองอย่างคุกคาม แต่ก่อนที่จะทำอะไรได้มากกว่านั้นโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อกลับดังขึ้นก่อน

“ฮัลโหล...ฆ่าตัวตาย?...อืม ไปเดี๋ยวนี้แหละ” นายแพทย์ร่างสูงกดตัดโทรศัพท์อย่างขัดใจ

“ดีนะที่ไอ้บ้าเพื่อนแกห้องริมมันจะฆ่าตัวตาย...แต่ตราบใดที่แกยังอยู่ที่นี่ แกไม่มีวันหนีไปจากฉันพ้นหรอก หึๆๆ”

ร่างสูงก้มลงใช้ปลายนิ้วปาดริมฝีปากบางเรียวก่อนจะบีบจนริมฝีปากบางห้อเลือด เขาหัวเราะซ้ำด้วยเสียงกึกก้องอย่างสะใจก่อนจะเดินออกจากห้องไป

หยาดน้ำใสๆหลั่งรินออกมาจากดวงตาคู่สวยช้าๆ ในตอนนี้ แม้แต่น้ำตาของตัวเองก็ยังไม่อาจปาดออกเองได้ พิชญ์หันใบหน้าแนบกับหมอนที่รองอยู่ก่อนจะสะอื้นออกมาเบาๆ

“... ธัช... มารับฉัน.... ที...”

คำขอร้องที่คงไม่อาจเอ่ยไปถึงได้ นึกถึงความจริงข้อนี้ก็ยิ่งทำให้เศร้าใจ เขาคิดถึงธัช... มากจนคิดว่าถ้าได้หลับอยู่ในความฝันตลอดกาลก็คงดี เพราะในฝันนั้น เขามีธัชคอยโอบกระซิบคำรักด้วยน้ำเสียงอบอุ่นตลอดเวลา...





............................................................




“สวัสดีครับคุณพยาบาล” ชายหนุ่มในชุดสูทเต็มยศถือช่อดอกไม้สีขาวล้วนยืนชะโงกหน้าเข้ามาในเคาน์เตอร์นางพยาบาล รอยยิ้มนุ่มนวลและน้ำเสียงที่เอ่ยทักทำเอาพยาบาลวัยกลางคนที่นั่งหาวอยู่เมื่อครู่ลุกนั่งหลังตรงโปรยยิ้มมาให้ทันที

“ค่ะ สวัสดีค่ะ”

“ผมมาเยี่ยมญาติครับ ชื่อพิชญ์ เป็นคนไข้แผนกจิตเวช”

“คุณพิชญ์เหรอคะ ตอนนี้คุณหมอเข้าไปตรวจอาการอยู่ คงไม่ค่อยสะดวกค่ะ ถ้ายังไงนั่งรอตรงนี้สักครู่ก่อนไหมคะ”

ธัชส่ายหน้ารอยยิ้มหวานแสร้งทำให้เศร้าลง “ผมติดธุระน่ะครับ ขอเข้าไปแค่แป๊บเดียวก็ได้”

“อืม....” รอยยิ้มหวานๆบวกใบหน้าหล่อเหลาเป็นแรงกระตุ้นอย่างมหาศาล...มากพอที่จะทำให้คำพูดหลุดออกมาได้

“คุณพิชญ์อยู่ที่ตึกเล็กห้องซ้ายสุดค่ะ เดินไปทางนี้ประมาณ200เมตรค่ะ”

“ขอบคุณมากครับ”

ธัชก้าวยาวๆจนแทบจะวิ่งออกไป จังหวะหัวใจเต้นระรัวจนแทบหลุดออกมาจากอกเมื่อคิดว่าจะได้เจอคนรัก...อีกครั้ง...

...รอผมก่อนนะ...

...ผมมาหาพีทแล้ว...






------------------------




“อึก--!! แก! ฉันบอกให้ปล่อ--!!!” พิชญ์พยายามขยับกายหนี สร้างความลำบากให้กับคนที่คร่อมร่างของเขาเอาไว้ มือหยาบกร้านที่มีแต่ชวนให้รู้สึกขยะแขยงลูบไล้ไปตามผิวกายใต้เสื้อผู้ป่วยตัวนิ่ม

“แกมันชั่ว! โอ๊ย-!!!”

“อยู่เฉยๆสิ ทำอย่างกับไม่เคย ฉันจำได้ว่าญาติแกมันบอกว่าแกเป็นเกย์นี่นา...น่าจะคุ้นไม่ใช่หรือไง” คำพูดยังไม่เท่าการกระทำเมื่อมือใหญ่สอดเข้าใต้กางเกงคนป่วยตัวบางก่อนจะดึงชั้นในออกมากองพันปลายเท้าเรียว

“ผิวสวยอย่างที่คิดไว้เลย เสียดายที่รับแกมาแล้วฉันต้องไปนอกตั้งปีกว่า...ไม่งั้นได้เล่นตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว” ปลายนิ้วสากกุมลงบนส่วนอ่อนไหวที่ยังอ่อนนุ่มแล้วบีบเบาๆ เสียงหัวเราะดังซ้ำเมื่อเห็นร่างบางดิ้นรนให้พ้นจากมือ

“จะดิ้นทำไม ไม่มีใครเค้ารู้หรอก”

น้ำตาหลั่งไหลออกมากับคำพูดที่ทิ่มแทง พิชญ์รู้ดีแก่ใจว่าดิ้นรนไปก็รังแต่จะทำให้เจ็บตัวมากขึ้นแต่อย่างน้อยในตอนที่ยังมีลมหายใจอยู่ เขาก็จะพยายามปกป้องตัวเองไว้

เพื่อใครที่เคยบอกว่าสำคัญ

“แก... มัน... ยิ่งกว่า...สัตว์”




-เพี๊ยะ-


แรงตบทำเอาใบหน้าสวยขึ้นรอยมือ เลือดที่ไหลมุมปากถูกเลียอย่างหยาบคาย สัตว์ในคราบหมอบีบส่วนอ่อนไหวที่หดเกร็งแรงขึ้น

“ปากดีนักใช่ไหม หึ...ดี ดูซิว่าจะเก่งได้แค่ไหน”

“พีท!?” ทันทีที่เห็นว่าคนรักกำลังถูกทำอะไรอยู่ ร่างสูงใหญ่ก็บันดาลโทสะโถมเข้าหาร่างในชุดขาวพร้อมกำปั้นนับครั้งไม่ถ้วน ธัชกระชากคอเสื้อขึ้นมาแล้วเตะอัดเข้าที่ท้องจนอีกฝ่ายลงไปนอนจุกที่พื้น ฝ่าเท้าที่ห่อหุ้มด้วยรองเท้าหนังยี่ห้อหรูกระทืบซ้ำลงกลางหลังก่อนจะโผเข้าหาคนที่คิดถึง...และรักสุดหัวใจ

“พีท...พีท...ผมมาหาแล้ว..” มือใหญ่กอดแน่น ครั้งหนึ่งเขาคิดว่าทั้งชีวิตเขาคงไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกอบอุ่นแบบนี้ได้

...แต่ตอนนี้...เขาได้หัวใจกลับคืนมาแล้ว...

“ธัช??!!” นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จะเป็นเรื่องจริง มือสองข้างที่ถูกเชือกดึงรั้งไว้พยายามยกขึ้น น้ำตาไหลลงอาบแก้มสีซีดเป็นทาง

“ธัช... จริงๆ ใช่ไหม” น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยถามเสียงสั่นพร่า เขาไม่คิด... อย่างน้อยก็เคยแค่ฝัน ว่าจะถูกโอบกอดไว้ด้วยความรักอย่างนี้อีกครั้ง

ใบหน้าหล่อเหลาพราวเหงื่อพยักหน้าส่งยิ้มอ่อนโยน ธัชแกะเชือกที่มัดข้อมือทั้ง2ข้างออกแล้วหยิบผ้าห่มผืนบางมาห่อหุ้มร่างบอบบางที่ไร้เรี่ยวแรงก่อนจะอุ้มขึ้นในอ้อมแขน

“เราออกจากที่นี่กันเถอะ...พีทไปอยู่กับผมนะ ผมจะไม่ยอมให้พีทถูกใครทำร้ายอีกแล้ว” แววตาเจ็บปวดที่ต้องเห็นคนที่รักถูกรังแกส่งผ่านความรู้สึกห่วงหาและคิดถึง

“อือ... ไปสิ ไป...” มือผอมเรียวยกขึ้นแตะใบหน้าของธัชเบาๆ

“นัทล่ะ? ได้เจอนัทรึเปล่า?”

“ยังไม่ได้เจอเลย พอรู้ว่าพีทยังไม่ตาย...เลยรีบมาที่นี่ก่อน” ร่างสูงกอดกระชับก่อนจะเดินออกมาช้าๆไม่ให้ร่างบอบบางกระทบกระเทือน ด้านนอกมีคนของเขาคุมอยู่ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ไว้ใจได้มากพอที่จัดการอะไรๆหลายอย่างให้จบอย่างที่เขาพอใจที่สุด

“กลับโรงแรมกันก่อน...แล้วค่อยไปหานัทกันนะ”

รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพิชญ์ เขาไม่ได้เอ่ยตอบอะไรนอกจากอืมก่อนจะเอนซบคนรักเอาไว้

ทันทีที่ก้าวขึ้นบนรถคันหรูที่มีเบาะปรับเอนได้ธัชก็วางร่างอ่อนแรงบนเบาๆแล้วทรุดนั่งลงข้างๆกอดพิชญ์ไว้แนบอก เขาจับข้อมือเรียวที่มีรอยถูกมัดเป็นเวลานานเอาไว้แล้วยกขึ้นจูบบนรอยช้ำนั้น

“ทำไมคนครอบครัวเดียวกันแท้ๆ....” ธัชหลุดปากออกมาแล้วกัดริมฝีปากแน่น เพราะไม่รู้ว่าคนรักของตัวเองรู้ถึงความเลวร้ายที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน

เท่าที่สายข่าวรายงาน หลังจากอุบัติเหตุครั้งเมื่อสองปีก่อน พิชญ์ถูกนำตัวมาไว้ที่นี่ตั้งแต่ยังไม่ได้สติ ครอบครัวที่เกลียดชังพิชญ์ได้เอาศพของคนรูปร่างใกล้เคียงที่ประสบอุบัติเหตุจนไม่เหลือเค้าโครงหน้าเดิมมาเป็นตัวแทนเพื่อจัดพิธีศพโดยปกปิดเขาไว้ และกว่าธัชจะรู้ว่าข่าวก็หลังจากเสร็จงานเผาศพไปแล้วกว่าสัปดาห์

และกว่าสองปี....ที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่โดยปราศจากหัวใจ

นอกจากนั้นสายข่าวยังบอกว่าความคิดทั้งหมดเป็นแผนการของลุงใหญ่ซึ่งเป็นญาติแท้ๆ..ที่เกลียดชังความสัมพันธ์ของพิชญ์และเขายิ่งกว่าอะไร

“พีท...คิดถึงพีทที่สุดเลย” พูดจบน้ำตาที่ห้ามไม่อยู่ก็ไหลออกมา ธัชกัดริมฝีปากแน่นแล้วโอบกอดคนรักด้วยความรู้สึกที่มากกว่าคำว่าคิดถึง

...กอด...ให้สมกับที่ได้หัวใจคืนกลับมา...

“ฉัน.....คิดถึง....... มาตลอด....” ยิ่งเห็นน้ำตาคนรัก

น้ำตาของตัวเองก็ยิ่งไหลออกมา

ปลายนิ้วยกขึ้นแตะหยดน้ำตาของธัชก่อนจะปาดออกเบาๆ

ธัชมองใบหน้าสวยที่ซูบลงผ่านม่านตาพร่าเลือน มือใหญ่ลูบเบาๆบนผิวแก้มเปียกชื้น

“พีทอย่าร้องไห้นะ...จากนี้ไปผมจะดูแลพีทเอง”คำมั่นสัญญาหนักแน่นส่งผ่านทางอ้อมแขนที่กอดกระชับ ธัชจูบเบาๆลงบนริมฝีปากแตกช้ำอย่างทะนุถนอม

“ลืมสองปีที่ผ่านมาซะหลับพักแป๊บนึงนะ เดี๋ยวจะถึงแล้ว...”

“... อืม....” คำพูดของธัชคล้ายกับมีเวทย์มนต์ นัยน์ตาคู่สวยที่แดงช้ำค่อยๆปิดลงช้าๆ ในที่สุดก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาจนอยากจะพักผ่อนในอ้อมกอดแข็งแกร่งที่คิดถึง

“ถึงแล้ว... ปลุกนะ..”

“อืม” ธัชรับคำ มือใหญ่คอยลูบหลังเบาๆให้คนในอ้อมกอดนอนฝันดี นัยน์ตาสีเข้มมองแพขนตาบนเปลือกตาบวมช้ำก่อนจะก้มลงจุมพิตบางเบา

...จากนี้ไปจะไม่มีวันปล่อยมือไปอีกแล้ว...



...ผมสัญญา...
-----------------

(มีต่อนะจ๊ะ)

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 20 Missing piece 6 [16/01/16]
«ตอบ #101 เมื่อ16-02-2016 22:43:03 »



เสียงน้ำที่ดังออกมาแว่วๆจากห้องน้ำปลุกให้คนที่นอนหลับอยู่ค่อยๆลืมตาขึ้น พิชญ์เหลียวมองไปรอบๆก่อนจะพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงหลังใหญ่โดยมีผ้าห่มผืนหนาคลุมไว้ ร่างบางเลิกผ้าห่มออกแล้วค่อยหย่อนปลายเท้าลงบนพื้นพรม

“... ธัช?” น้ำเสียงอ่อนหวานเอ่ยเรียกขึ้นขณะก้าวเท้าไปยังห้องน้ำ

“พีท...ตื่นแล้วเหรอ” ธัชที่กำลังรองน้ำในอ่างหันกลับมาหา เสื้อเชิ้ตที่ถกแขนขึ้นเปียกชื้นแทบทั้งตัวแนบกับร่างกายแข็งแกร่ง เขาละมือแล้วเดินเข้ามาใกล้

“ทำไมไม่นอนต่อล่ะ”

“... ฉันอยากจะอาบน้ำแล้ว” นัยน์ตาคู่สวยจับจ้องที่ใบหน้าได้รูปของธัชนิ่ง ภาพชายหนุ่มในความทรงจำกับคนที่ยืนอยู่ตรงนี้แตกต่างกันเล็กน้อย

“... ไม่สบายรึเปล่า ธัช?”

“หือ?...ไม่นี่...” รอยยิ้มบางเบามอบให้คนรักก่อนอ้อมแขนอบอุ่นจะดึงเข้ามากอดหลวมๆ

“ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ หน้าผมดูโทรมไปเยอะเลยเหรอ” ร่างสูงผละออกเมื่อรู้สึกตัวว่าเสื้อที่เปียกชื้นของตัวเองทำให้อีกฝ่ายเปียกตามไปด้วย

“... นิดนึง...” พิชญ์เอ่ยตอบ ปกติคนตรงหน้าจะมีรอยยิ้มฉายอยู่ทั่ว แต่ทว่าดวงตาคมกลับดูเย็นชา แปลกไปจากเดิม
ธัชค่อยๆยกมือประคองใบหน้าคนรัก นิ้วมือแตะเบาๆที่ผิวแก้มราวกับยินยันว่าคนตรงหน้านี้ไม่ใช่เพียงฝัน..ที่เคยเป็นติดต่อกันมาถึง2ปี ฝันดี...ที่ต้องตื่นมาพบความจริงแสนโหดร้าย

“ทำไมผมถึงไม่รู้ให้เร็วกว่านี้นะ...ผมผิดเองที่ทำให้พีทต้องอยู่คนเดียว...ต้องเจอเรื่องบ้าๆแบบนั้น”

“........ แต่ธัชก็มาช่วยฉันไม่ใช่เหรอ...” ชายหนุ่มยิ้มจางๆ ความทรมานที่พบเจอมาก่อนหน้านี้คล้ายกับถูกความอ่อนโยนของร่างสูงละลายให้หายไปเสียหมด

“...ก็ตั้งนาน...พีทรู้ไหมว่าสองปีที่นึกว่าพีทตายไปแล้ว...ไม่มีวันไหนที่ผมหลับแล้วอยากตื่นขึ้นมาเลย เพราะผมได้เจอพีทในฝัน ได้กอด ได้จับมือ..แต่พอเช้าผมก็ต้องรู้ว่าไม่มีพีทอีกแล้ว พีทรู้ไหมว่ามันเป็นความรู้สึกที่แย่ขนาดไหน” ร่างสูงกอดอีกครั้งก่อนจะเอนศีรษะลงซบเหมือนเด็กๆ

“ทำไมผมถึงไม่เอะใจก่อนหน้านี้นะ”

“.....” พิชญ์หลับตาลง เพราะเข้าใจถึงความทรมานแบบเดียวกันที่อีกฝ่ายต้องพบเจอ

“เราจะเอะใจอะไรได้... พวกที่บ้านเค้าทำได้เนียนเสียขนาดนั้น...”

“ผมไม่ยอมให้เรื่องนี้เงียบไปเฉยๆแน่” ธัชกอดร่างบอบบางกระชับแม้แววตาจะแข็งกร้าวเมื่อนึกถึงเรื่องที่พิชญ์ถูกทำ แต่เมื่อเห็นคนรักแล้ว...นัยน์ตาที่คมประดุจน้ำแข็งก็ค่อยๆอ่อนลง

“เรื่องปวดหัวเอาไว้ก่อนแล้วกัน พีทจะอาบน้ำใช่ไหม...ให้ผมช่วยถูหลังนะ”

ธัชถอดเสื้อเนื้อบางของสถานบำบัดออกโยนทิ้งลงถังขยะแบบไม่ไยดี

“... ฉันอาบเองก็ได้... ธัชเพิ่งมา... ไม่เหนื่อยเหรอ?” คนอายุมากกว่าเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ค่าที่ห่างกันไปนาน พิชญ์จึงไม่มีอารมณ์จะมาท้วงติงเรื่องน่าอายที่อีกฝ่ายทำ เขายกมือขึ้นแตะที่หว่างคิ้วของธัชแล้วพูดต่อ

“รอยจะขึ้นอยู่แล้วนะ” คำพูดเย้าแหย่มาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าอีกเช่นเคย

“ไม่เหนื่อย....เทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้ยังรู้สึกดีกว่าเยอะ” ธัชรับนิ้วที่แตะอยู่มาจูบเบาๆ เชาดันพิชญ์เข้าไปยืนใต้สายน้ำที่อุณหภูมิเย็นเยียบ

“น้ำเย็นจัง...กอดพีทแก้หนาวได้ไหม” เชิ้ตเปียกโชกแนบลำตัวอวดสัดส่วนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ธัชจรดจมูกลงข้างแก้มอย่างโหยหาในสัมผัสที่เฝ้าคิดคำนึง

“....ผมรักพีทนะ....”

“........” คำรักที่ยังฟังไม่ต่างไปจากเดิม หนักแน่นและชัดเจนทำให้เขาอดรู้สึกดีใจไม่ได้

“... ใส่เสื้อไว้แบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาฟังไม่เหมือนคนดุเท่าไหร่ เขาขยับใบหน้ารับสัมผัสจากปลายจมูกของอีกฝ่ายให้มากขึ้นด้วยความคิดถึงที่ไม่ต่างกัน

“พีทถอดให้สิ” ธัชงึมงำอยู่ข้างหู ถ้าถามถึงความเหมาะสม...เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆคงไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาจะทำอะไรเช่นนี้ แต่เพราะความคิดถึงที่มีมากเกินจะอดทนได้อีกต่อไปส่งผลให้ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างอัตโนมัติ

“จะว่าอะไรไหม...ถ้าผมจะขอกอดพีท...ที่นี่...” เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าพูดเบาๆก่อนที่ริมฝีปากจะขบเม้มที่ติ่งหูมน
ปลายนิ้วยกขึ้นแตะที่กระดุมก่อนจะค่อยๆแกะออกช้าๆ เขานิ่งไปนานราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยถาม ทว่าจริงๆแล้วกลับได้ยินชัดเจน

“.... อาบน้ำก่อน... สิ”

“...อืม.....” มือใหญ่ปลดทุกส่วนบนร่างเพรียวตรงหน้าจนเปลือยเปล่า สายตาคมมองคนรักอย่างพิจารณา แม้จะผอมลงไปบ้างแต่พิชญ์ก็ยังเป็นคนเดิม...มีความอบอุ่น..มีเลือดเนื้อ มิใช่เพียงภาพฝัน

มือใหญ่ลูบเบาๆด้วยน้ำเปล่าก่อนจะกดสบู่เหลวลูบไล้บนผิวกายเนียนมือ ธัชไล้มือเบาๆโดยเฉพาะจุดที่อีกฝ่ายบาดเจ็บ..ข้อมือที่เป็นรอยช้ำ ข้อเท้าที่มีรอยมัด ปลายนิ้วสากลากผ่านส่วนอ่อนไหวก่อนจะชำระล้างให้อย่างนุ่มนวล

“พีทล้างตัวก่อนนะ แล้วแช่น้ำอุ่น...ผมจะนวดขาให้” คนที่เคยชินแต่ความสุขสบายคุกเข่าลงฉีดน้ำล้างคราบสบู่บริเวณเรียวขาให้จนสะอาด

“... ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้” แม้จะเอ่ยพูดออกมาแบบนั้น แต่ร่างบางก็มิได้ทำตัวขัดขืนหรืออย่างไร เขากลับปล่อยให้ธัชทำอย่างที่บอก ยอมให้พาลงไปแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำที่มีระบบจากุสซี่ในตัว

ธัชกอดร่างเปลือยเปล่านุ่มนิ่มที่เริ่มอุ่นขึ้นเรื่อยๆ มือหนาลูบไหล่บางช้าๆพลางกดจุมพิตบนไหล่มนหอมกรุ่น เขากอดซ้อนจากทางด้านหลังให้ร่างกายสัมผัสกันแนบแน่น

“พีทหอม...อุ่นด้วย...”

พอนึกได้ว่าความอบอุ่นของร่างกายที่ได้สัมผัสไม่ใช่ความฝัน หยาดน้ำอุ่นร้อนก็อดไหลออกมาไม่ได้

“ดีใจ..จัง...ที่พีท..ยังอยู่..” เสียงเครีอพูดแผ่วๆเช่นเดียวกับริมฝีปากระริกที่แตะบนข้างแก้ม

“... ฉัน... ก็ดีใจ...... ที่ธัชมารับฉัน.... นะ” เขายกมือขึ้นแตะฝ่ามือร้อนผ่าวที่ลากสัมผัสบนผิวกาย รับรู้ถึงความรู้สึกโหยหาผ่านสัมผัสอ่อนโยน

“ขอบคุณ... ที่รักฉัน....”

“แย่จังเนอะ..ตั้งแต่พีทไม่อยู่ ผมก็กลายเป็นคนเจ้าน้ำตาไปซะแล้ว” ธัชยิ้มออกมาก่อนจะจุมพิตบนริมฝีปากสีสดตรงหน้า เขาขบเม้มเบาๆบนกลีบปากบางพลางสอดลิ้นเข้าเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของพิชญ์ที่อยู่ภายใน จูบ...ซึมซับรสหวานซ่านอบอุ่นที่โอบล้อมรอบกาย

มือใหญ่แตะสัมผัสหยอกเย้าตรงแก่นกายที่ยังอ่อนนุ่ม ปลายนิ้วสากลากไล้แผ่วเบาจนมันค่อยๆแข็งขึ้นมาในฝ่ามืออุ่นร้อน ธัชรู้สึกถึงสะโพกเพรียวที่บดเบียดเข้ามาแนบชิดกับด้านหน้าที่ความปรารถนาก่อตัว

“...ที่นี่...ได้ไหม?...”

“ม... ไม่เอา....” ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการ พิชญ์ไม่อาจปฏิเสธถึงความต้องการของตัวเองได้ แต่เพราะนิสัยของเจ้าตัวที่ไม่ชอบเวลาคนรักชอบเสนอให้มีเซ็กซ์กันในที่แปลกๆ

“...... จะทำ... ก็ไปทำที่เตียง...”

“...ทั้งที่ผมเป็นถึงขนาดนี้แล้วเนี่ยนะ...” ธัชกอดอีกฝ่ายแน่นขึ้นให้ส่วนล่างที่แข็งขึงสัมผัสกับสะโพกเพรียว เขานึกขำนิดๆเมื่อคนในอ้อมกอดขยับยุกยิกไปมา

“ของพีทเอง...ก็เป็นขนาดนี้แล้วเหมือนกัน” เขาจับมือของพิชญ์ให้สัมผัสส่วนอ่อนไหวใต้สายน้ำอุ่นก่อนจะแกล้งจูบข้างแก้มเสียงดัง

“อ... ก็ ก็บอกว่า... ไม่เอา... ไง” เขาพยายามเอ่ยห้ามพลางขยับมือให้หลุดออกจากการจับกุม แล้วดึงข้อมือของธัชเอาไว้

“... ไปที่เตียง... สิ” พิชญ์พยายามที่จะขอให้เป็นไปอย่างที่เขาต้องการ

“.... นะ”

“.....พีทใจร้าย....” คนพูดทำปากบู่ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

“ก็ให้พีทอาบน้ำไง เดี๋ยวผมอาบให้ พีทแน่ปล่อยตัวตามสบาย...นะครับ?”

ปลายนิ้วสากสอดเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มที่อุ่นจัดพลางขยับเบาๆเปิดทางให้น้ำที่อยู่รอบกายไหลเข้าภายใน

“อ-!! ธ... ธัช... ย... อย่าสิ...” น้ำอุ่นที่ค่อยๆไหลเข้ามาในร่างกายทำให้รู้สึกวูบไหว ทว่าเขาก็ยังพยายามขอร้องอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น

“... ไปที่...... เตียง....... นะ”

“พาผมไปสิ” ชายหนุ่มพิงตัวทับคนรักเหมือนเด็กๆ เขาเอาหน้าซุกที่ลำคอพลางถูไถจมูกกับผิวนุ่มหอมกรุ่น

“พีทหอมเหมือนเด็กๆเลย”

พิชญ์หันมามองหน้าคนเอาแต่ใจก่อนจะขยับลุกขึ้น เขาจับข้อมือของธัชให้ลุกตามมา มือเรียวหยิบเอาผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่มาทาบลงบนตัวร่างกายของคนรัก

“..... ฉัน....... จะโกรธนะ...”

“...ทุกทีเลยอะ...” ธัชยอมเดินตามออกจากห้องน้ำ แต่ไม่ทันจะไปถึงที่หมายร่างสูงก็กอดรัดร่างบางจนโอนเอนแล้วกลิ้งลงบนพื้นโดยที่ตนเองเป็นคนรองรับ

พิชญ์ที่แม้จะผอมลงไปแต่ทุกสิ่งทุกอย่างยังดูน่ารักเหมือนวันก่อน...จนอดจะแกล้งไม่ได้

“พีทน่ารัก...น่ารักที่สุดเลย”

“........ พูดอะไร....” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยยามที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น

“ฉันแก่... เป็นคุณลุงแล้ว....”

“คุณลุงอะไรน่ารักขนาดนี้” ร่างสูงคร่อมคนรักเอาไว้แล้วแกล้งทรุดกายลงแนบชิดให้ผิวเนื้อรุ่มร้อนสัมผัสกันแนบแน่น

“ถึงจะอายุเท่าไรพีทก็ทำให้ผมรู้สึก....แบบนี้...ได้ตลอดเวลาเลยรู้ไหม” ธัชแนบส่วนแข็งแกร่งที่ตื่นตัวเต็มที่กับแก่นกายของพิชญ์

“..... อ... แล้วคนอื่นๆ... ล่ะ” พิชญ์หลบสายตาก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงบางเบา

“ผ่านมา.... ตั้ง2ปี.....”

“พีทหมายความว่าไง” ชายหนุ่มหยุดชะงักก่อนจะจับปลายคางให้หันมาสบตากันอีกครั้ง

“ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ..ว่าไม่ใช่พีท...ผมก็ไม่เอา” ธัชโน้มกายลงกดจุมพิตหวานเป็นการทำโทษ

“สองปีแล้วไง ต่อให้เป็นสิบปี ยี่สิบปี ถ้าไม่มีพีทอยู่บนโลก...ไม่ว่าใครผมก็ไม่มีทางรักได้อีกแล้ว พีทอย่าเห็นผมเป็นคนโลเลสิ”

“.... ไม่ได้เห็นว่าเป็นคนโลเล” เขาเอ่ยแก้สิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา พิชญ์ไม่เคยมองว่าคนรักโลเลหรืออะไร หากแต่เวลาสองปีที่ห่างกัน
หากธัชรับรู้ว่าตัวเขาตายไปแล้ว ก็ควรจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้

“ฉันก็แค่คิด... ฉันน่ะ ตายไปแล้วครั้งนึง... แล้วก็แก่ขนาดนี้... ทำไม จะคิดบ้างไม่ได้....”

ธัชผละออกจากร่างบาง เขาลุกขึ้นนั่งพร้อมๆกับดึงคนรักให้เข้านั่งในตัก ธัชรู้ว่าสำหรับคนที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในสถานที่แบบนั้นและไม่รุ้ว่าอนาคตจะมีหรือเปล่าคงจะเฝ้าคิดอะไรต่ออะไรหลากหลายเรื่อง

แต่ถึงอย่างนั้น...เรื่องที่เขาจะรักพิชญ์ตลอดไป...ก็อยากจะให้เชื่อ...

“แก่อะไรน่ารักขนาดนี้ ถึงพีทจะแก่จะตายผมก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก ลองผมรักเข้าแล้ว...ตลอดไปของผมก็จะอยู่ที่พีท”

“....” คำพูดของธัชยังคงทำให้เขารู้สึกไม่ต่างจากเดิม เหมือนวันแรกที่ยอมให้อีกฝ่ายกอด เป็นสิ่งยืนยันว่าความรักที่มีให้เขาช่างมั่นคงเสียจนกลัวว่าจะให้ได้ไม่เท่ากับที่คนรักให้มา

“แล้วเรา.... พอใจกับ... รัก... ของฉันหรือเปล่า”

“ผมน่ะนะ...แค่พีทรักผม...ผมก็ไม่ต้องการอย่างอื่นแล้ว” ธัชย้ำด้วยจุมพิตหวาน ถึงบางครั้งบางคราวพิชญ์จะแกล้งทำเหมือนเอาใจใส่เขาน้อยไป...แต่เพราะตัวเขารู้ถึงนิสัยขี้อายและการเขินแบบแปลกๆของพิชญ์ จึงรู้ว่าความจริงแล้วอีกฝ่ายรู้สึกกับตัวเขา...มากแค่ไหน

“ถึงพีทจะใจร้าย ชอบบ่น ไม่ยอมตามใจ แถมยังงอแงไม่ยอมให้กอด แต่ผมก็รักตัวพีท...ที่รักผมมากที่สุดเลย”

น้ำตาค่อยๆไหลลงมาอีกครั้ง คนตรงหน้านี้มอบความรักให้เขาไม่รู้เท่าไหร่ ทั้งๆที่รู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ แต่ก็ยังรัก... คำรักของธัชเป็นเหมือนสิ่งล้ำค่าของชีวิตไปเสียแล้ว

“.... ฉัน... ไม่ได้งอแง... ไม่ยอม.. ให้กอดนะ....”

ธัชจูบซับน้ำตาที่หัวตาเบาๆ น้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความรักทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอิ่มเอมจนยิ้มออกมา อ้อมแขนแข็งแรงโอบกระชับแน่นแนบร่างเปลือยเปล่าของกันและกัน

...เพราะรักพิชญ์...ถึงเป็นได้เหมือนทุกวันนี้..

พิชญ์เป็นแรงบันดาลใจ เป็นแรงผลักดัน และกำลังใจที่ทำให้เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ประสบความสำเร็จ ทำให้ยอมรับ...และรักได้อย่างเท่าเทียม

...พิชญ์...เป็นโลกและหัวใจ...

“พีทร้องไห้ก็น่ารักอยู่หรอกนะ แต่ผมชอบพีทที่ยิ้มมากกว่า...” ร่างสูงลูบไล้เบาๆบนร่างกายนุ่มนิ่มอุ่นจัดพลางหยอกเย้าลำคอเรียวด้วยริมฝีปาก

“......... อ... บ้า......” แก่นกายที่แนบและเสียดสีกันก่อให้เกิดความรู้สึกรุ่มร้อน เขายกมือขึ้นโอบลำคอของร่างสูงลงมาให้นัยน์ตาสีเข้มได้สบมองซึ่งกันและกัน

“ทำให้ฉันรู้สึกว่าเวลาสองปีที่ไม่ได้ติดต่อกัน... มันหายไปหมดแล้ว.... ได้ไหม”

“รับทราบครับ...” ธัชเอนร่างเพรียวในอ้อมกอดลงวางกับพื้นพรม แม้จะไม่แข็งแต่ดูจากใบหน้าของคนรักที่นิ่วนิดๆก็รู้ว่าคงขัดใจอยู่นิดหน่อย พิชญ์เป็นประเภทชอบของนุ่มๆ ทั้งที่นอน หมอน ผ้าห่ม...แต่ถึงอย่างนั้น แม้ว่าธัชจะบอกว่าตัวเองตัวนุ่มแต่คนรักของเขาก็ไม่ยอมเชื่อสักที

“บนเตียงไหม พีทจะได้ไม่เจ็บหลัง” พูดจบธัชก็พลิกตัวให้อีกฝ่ายอยู่ด้านบน เขาจับเรียวขาขาวแยกออกให้คร่อมอยู่บนช่วงท้อง

“หรือว่าเอาแบบนี้...ไม่เจ็บแน่นอน”

“... เตียง....................” พิชญ์ตอบสั้นๆก่อนจะหลบสายตาเจ้าเล่ห์ที่มองมาแม้รู้ดีว่าธัชจงใจจะแกล้ง

“แบบนี้ไม่ดีเหรอ สบายดีออกนะพีท”มือใหญ่ลูบไล้บนสะโพกเนียน ผิวกายร้อนผ่าวที่แนบชิดทำให้รู้สึกดี

“พีทลองดูสิ...ยังไม่เคยนี่นา”

“ไม่.... เอา............. นะ....” ชายหนุ่มร่างบางยังคงเอ่ยปฏิเสธก่อนจะเอื้อมไปดึงมือของธัชออกมาจับไว้

“อยากไปที่ไหน...”ธัชจับยอดอกเล็กพลางแกล้งจนเริ่มแข็งขึ้น สีอ่อนจางค่อยๆแปรเป็นสีจัดช้าๆเช่นเดียวกับผิวกายสีระเรื่อ

“บอกผมสิ...”

พิชญ์สะดุ้งเพียงเล็กน้อยก่อนจะก้มลงมองหน้าของคนรัก

“บอกว่าเตียง.... ไง...” ใบหน้าที่ยังดูสวยหวานอยู่เปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ

“นะ...”

ร่างเบาหวิวถูกอุ้มขึ้นแนบอก ธัชอุ้มพิชญ์ไปยังเตียงหนานุ่มชั้นหนึ่งในห้องสวีตของโรงแรมห้าดาวที่มองออกไปด้านนอกจะเห็นทะเลยาวไกลสุดลูกหูลูกตา เขาบรรจงวางแล้วก้มลงปลุกเร้ายอดอกที่แข็งขึ้นด้วยริมฝีปากสลับฟันที่กดย้ำเบาๆ

“ดี...ไหม?..”

“...... ย... อย่าถามสิ.....” มือเรียวคว้าเอาหมอนได้ก็จับไว้ก่อนจะเอนหน้าเข้าซ่อนสีหน้าของตัวเองที่ตอบคำถามเมื่อครู่ได้ดี

“พีทเป็นคนที่เขินได้น่ารักที่สุดในโลกเลยรู้ไหม” มือใหญ่แกล้งดึงหมอน แต่ยิ่งดึงอีกฝ่ายยิ่งยื้อไว้ ธัชเลื่อนตัวลงต่ำก่อนจะใช้ริมฝีปากโอบรัดจุดกึ่งกลางสั่นไหวของพิชญ์ไว้

ปลายลิ้นอุ่นลากตั้งแต่ส่วนล่างถึงส่วนยอด เขากดลิ้นเบาๆบริเวณปลายจนร่างในอ้อมกอดสั่นไหว สะโพกเพรียวถูกคว้าจับและสอดนิ้วเข้าไปพร้อมๆกับที่ริมฝีปากเคลื่อนไหวให้ทางด้านหน้า

“!อื๊อ--! ธ... อึก...” ริมฝีปากที่อุ่นร้อนกับปลายนิ้วที่สอดลึกทำให้เขาแทบหายใจไม่ทัน ก่อนหน้านี้ที่ถูกล่วงเกินกลับรู้สึกรังเกียจและขยะแขยง ทว่าพอเปลี่ยนเป็นธัช แค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเขาก็รู้สึกไปทั่วทั้งร่าง

“พ... พอ... อ๊ะ-- ฮะ--!”

ธัชรุกไล่ด้วยปลายลิ้น เขารู้สึกถึงมือที่เกร็งจับบนศีรษะและกายสั่นระริกซึ่งใกล้จะปะทุ ริมฝีปากที่โอบล้อมขยับขึ้นลงหวังให้อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมา

“อ-- ธัช-- พ.. พอ.. อ๊า-- จะออกแล้-- อื้อ-!” พิชญ์พยายามดันศีรษะอีกฝ่ายออก ขาสองข้างขยับดันให้พ้น
แม้เสียงสั่นๆจะบอกให้หยุดแต่ริมฝีปากที่รุกรานกลับเพิ่มความเร็วขึ้น โพลงปากอุ่นร้อนรับรู้ถึงความแข็งเกร็ง..ก่อนจะอ่อนลงและปล่อยสิ่ง
ร้อนรุ่มออกมาทั้งอย่างนั้น ชายหนุ่มที่ก้มหน้าอยู่ถอนออกมาช้าๆ หยาดสีขาวยาวเป็นสายเชื่อมต่อกับริมฝีปากหยักลึก ก่อนจะขาดลงกลายเป็นหยดสีอ่อนที่ปลายคาง

“พีทน่ารัก....”

ร่างบางหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ร่างกายที่ว่างเว้นสัมผัสรุ่มร้อนไปนานกำลังทำความคุ้นเคย นัยน์ตาคู่สวยจับมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกอายผสมไปกับความสุขทางอารมณ์ที่ได้รับ

“พีทรู้ไหมว่าทำผมแทบคลั่งแล้ว” ริมฝีปากที่ยังชื้นด้วยหยาดอารมณ์จูบเบาๆก่อนจะสอดลิ้นที่ยังเหลือรสของสิ่งที่ปลดปล่อยแทรกเข้าไปในริมฝีปากนุ่ม

“รสดีไหม...” ธัชแกล้งหยอกแต่ปลายนิ้วที่สอดอยู่ยังขยับต่อและเพิ่มจำนวนมากขึ้น
คล้ายกับถูกมอมเมาด้วยจุมพิตเร่าร้อน มือสองข้างยกขึ้นไขว่คว้าเอาร่างสูงเข้ามากอด ให้ได้รู้สึกถึงผิวกายที่สัมผัสกัน


“... ธัช...” เสียงอ่อนหวานเอ่ยเรียกอย่างโหยหาก่อนเป็นฝ่ายเข้าหาจุมพิตนั้นเอง

ธัชตอบรับจุมพิตนั้นอย่างเต็มอิ่มก่อนจะถอนริมฝีปากออกเชื่องช้า ปลายนิ้วสากถูกดึงออกก่อนจะแทนที่ด้วยสิ่งร้อนรุ่มอันใหญ่โต เขากดมันเข้าไปช้าๆให้ส่วนปลายเปิดทางทีละนิด ความร้อนและคับแคบโอบรัดบีบตัวเป็นจังหวะเบาๆเฉกเช่นการหายใจเข้าออก

“ของพีทอุ่นจัง...”เสียงแหบพร่ากระซิบแผ่วก่อนจะจูบเบาๆอีกครั้ง

คำพูดของธัชยิ่งชวนให้รู้สึกอับอายมากขึ้น ร่างกายทุกส่วนรับรู้ถึงแก่นกายแข็งขืนที่กดแทรกเข้ามาชัดเจน ร่างบางพยายามผ่อนคลายเพื่อรับเอาตัวตนของชายหนุ่มเข้ามา

“... อือ.... เข้า... เข้ามา... อีก...”

“พี...ท...น่า..รัก...” เสียงครางร้องเรียกชื่อเจือลมหายใจกระเส่า ธัชกดร่างที่ทาบทับเข้าสู่จุดที่ลึกที่สุดแล้วปล่อยค้างไว้ครู่หนึ่ง นัยน์ตาคมมองคนรักที่หน้าแดงก่ำอย่างเอ็นดู ดวงตาหรี่ปรือพยายามอย่างยิ่งที่จะลืมขึ้นสบตาเขา

ธัชกอดร่างชื้นเหงื่อเอาไว้และเริ่มต้นเคลื่อนกายเชื่องช้าให้อีกฝ่ายตอบรับและดึงอารมณ์ปรารถนาให้พุ่งขึ้นอย่างไม่รีบร้อน ระยะเวลาสองปีที่ห่างหาย...กับความทรงจำเลวร้ายที่โดนรังแก เขาอยากจะลบเลือนมันให้หมดสิ้นด้วยร่างกายตนเอง

“ผม...รักพีท...นะ...”

คำรักที่แม้จะพูดบ่อยครั้ง....แต่ความหมายกลับเพิ่มมากขึ้นในทุกพยางค์ที่เปล่งออกไป

“ฉ... ฉัน อะ... อ๊า-- ก็... รัก อึก-!” ร่างบางพยายามเอ่ยตอบทว่ากลับถูกเสียงครางแทรก อ้อมกอดแน่นขึ้นตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูง

“ธัช... ธัช....” มือกดแรงลงกลางแผ่นหลังกว้าง พิชญ์ขยับใบหน้าเข้าหาเพื่อรับจูบมาอีก ราวกับในตอนนี้ไม่สามารถหายใจให้ทันได้

ธัชจูบแนบแน่น มือที่กดลงบนแผ่นหลังของเขาร้อนผ่าวราวเอาไฟมานาบ กายที่เชื่อมต่อขยับเร่งเร้ากระแทกกายเข้าออกอย่างรวดเร็วจนหายใจแทบไม่ทัน

“พีท..ร..ร้อน...” เสียงครางทุ้มต่ำดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงจะแทรกเข้าถี่เร็ว...และเนิบช้าลงเมื่อปลดปล่อยสู่ภายใน

พิชญ์ปล่อยร่างกายให้ทิ้งตัวลงอย่างหมดแรง เสียงหอบหายใจของคนทั้งสองประสานกันแทยจะเป็นจังหวะเดียว นัยน์ตาคู่สวยยังไม่ยอมเปิดขึ้น ทว่าริมฝีปากบางกลับขยับเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“คิดถึง... คิดถึงมากนะ...” หยาดน้ำตาค่อยๆไหลออกมาอีกครั้ง ความอบอุ่นจากอ้อมกอดและร่างกายที่เชื่อมต่อกันตอกย้ำว่านี่เป็นความจริง มิใช่เพียงฝันอีกต่อไป

“อืม..ผมก็เหมือนกัน” คนที่ยังมัวเมากับรสสัมผัสตอบเสียงพร่า ธัชจูบซับน้ำตาเบาๆแล้วเกลือกจมูกกับแก้มขาวที่มีรอยน้ำตา

“ผมไม่ต้องตื่นจากฝันดีอีกแล้วใช่ไหม...ถ้าผมหลับแล้วตื่นอีกครั้ง...ผมจะเจอพีทใช่ไหม”

“อือ....” เขายกมือขึ้นแตะเบาๆบนใบหน้าของชายหนุ่ม

“ไม่ไปไหน... อีกแล้ว”

ร่างสูงนอนหงายพลางจับคนตัวเล็กกว่าให้ซบบนแผ่นอกทั้งที่ร่างกายยังเชื่อมต่อ ธัชลูบหลังเปลือยเปล่าเบาๆพลางกอดกระชับ แม้ร่างกายจะเปรอะเปื้อนจากหยาดอารมณ์ของกันและกันแต่เขายังไม่ขยับตัวไปไหน...เพราะอยากจะอยู่กับความรู้สึกที่ได้คนรักกลับคืนมา..อีกสักนิด

“นอนต่อไหมพีท...” นัยน์ตาสีเข้มหลับลง ความเหนื่อยสั่งสมที่มาจากการเดินทางเริ่มโถมเข้าใส่จนเปลือกตาอ่อนล้า

“อีกแป๊บ..นะ..ขอผม..นอนอีก..นิด...”

“อือ... นอน.... สิ” เขาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่บางเบาไม่แพ้กัน รู้สึกอบอุ่นและสบายใจคล้ายกับได้กลับบ้าน ความรู้สึกที่คิดว่าคงไม่ได้สัมผัสอีกแล้วตอนนี้กำลังอยู่กับเขาในตอนนี้



...และคงอยู่กับเขาตลอดไป

-----------------------------------------------------------------------------------------





To Be Continued...

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: +:+ My all...私のすべて... +:+ Chapter 21 Missing piece 7 [16/02/16]
«ตอบ #102 เมื่อ17-02-2016 01:26:46 »

ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆที่ไม่ทำให้พรทตายจากไปจริงๆ

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
-8-




“พีทแน่ใจนะว่าจะเข้าไป”

ทันทีที่เปิดประตูลงและประคองร่างบอบบางลงมาได้ ธัชก็เอ่ยถามเพื่อย้ำอีกครั้ง การที่ต้องมีคดีความหรือมีเรื่องเพื่อ

พิชญ์...สำหรับเขาเป็นสิ่งที่ทำได้อย่างแน่นอน แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นญาติคนรักและพิชญ์เองก็เพิ่งหลุดรอดออกมาจากคนพวกนี้ได้ เขาเลยเป็นห่วงเรื่องความรู้สึกมากกว่า..

“พีทนั่งในรถก็ได้ เดี๋ยวผมจัดการเอง...นะ?”

“ไม่เป็นไร... ฉันจะไป” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น มือข้างนึงยึดจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้

“ฉันมีธัชอยู่ด้วย... ไม่เป็นไรหรอก...”

“อืม” ฝ่ามือหนากระชับแน่น นัยน์ตาคมหันมาสบชั่วครู่ก่อนจะก้าวเดินไปข้างหน้า



...ไม่เป็นไร...

..เพราะผมจะอยู่เคียงข้างคุณ...ตลอดไป...

...................................




บนเตียงหลังกว้างภายในห้องสีอ่อนมีร่างของเชฟหนุ่มนั่งเอนกายอยู่อย่างสบายใจ ทยุตรู้สึกว่าการเป็นเชฟที่มาทำอาหารให้บ้านประสิทธิ์พรวิวัฒน์มีประโยชน์กับตัวเอง..ก็เมื่อได้เป็นคนรักของญาณัชแล้ว

แน่นอนว่าเขาไม่ถูกใครจับผิดเพราะเข้าออกเป็นประจำ และญาณัชเองก็ได้ใช้เวลาอยู่กับเขามากขึ้นด้วย

“นัท..หารูปเจอหรือยังครับ”

“..... เจอแล้ว!”

น้ำเสียงสดใสของเด็กหนุ่มเอ่ยตอบพร้อมกับประตูห้องที่เปิดออก

ร่างบางหอบเอาอัลบั้มรูปเข้ามาจำนวนหนึ่งแล้ววางลงกองบนปลายเตียง

“ดูด้วยกันนะพี่ยุต...”

ญาณัชขยับขึ้นบนเตียงบ้างโดยนั่งเอนพิงแผ่นหลังบางเข้ากับแผ่นอกกว้างของทยุต

ทยุตตอบรับด้วยการขยับตัวให้ญาณัชนั่งพิงได้สะดวก อ้อมแขนแข็งแรงกอดเอวอีกฝ่ายพลางเอาคางวางบนไหล่เล็ก

“อยากดูตั้งแต่แบเบาะเลย มีไหมนัท”

“... ไม่ได้หยิบมาอะ... นัทหยิบแต่ที่ถ่ายไว้ตั้งแต่ตอนอยู่กับอาพีทน่ะ” คนตัวเล็กหันมาบอกพลางเอื้อมตัวไปหยิบมาหนึ่งเล่ม

“ดูตรงนี้ก่อนก็แล้วกันเนอะ”

“อื้ม” เขาไล่สายตาดูรูปเด็กตัวน้อยที่ยิ้มอย่างสดใสกับคุณอา...ที่มีใบหน้าสวยเกินผู้ชายทั่วไป สวยจนแวบแรกเกือบนึกว่าเป็น
ผู้หญิง

ทยุตมอง”อาพีท”ของญาณัช...เขาไม่เคยเจอกับคนๆเพราะว่าเขาเข้ามาทำงาน”อาพีท”ก็ไม่ได้อยู่แล้ว และเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับคนในบ้านนี้เท่าไหร่

“อาพีทของนัทหน้าตาดีเนอะ...แต่นัทของพี่น่ารักกว่า” จมูกโด่งแอบชิงหอมเบาๆบนแก้มนิ่ม เด็กตัวน้อยในรูปก็น่ารักแต่สู้ตัวจริงที่กอดอยู่นี่ไม่ได้

“พี่ยุตก็พูดไปนั่น... นัทหน้าตาธรรมดาออก” ญาณัชหดตัวลงเล็กน้อยพลางหัวเราะออกมาเบาๆ นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่รูปของตัวเองก่อนจะพูดต่อ

“ผมสั้นแบบนี้ตลกหรือเปล่า?”

“ห้ามว่านะ คนนี้พี่รักของพี่ยังไงพี่ก็มองว่าน่ารัก” ทยุตดุด้วยเสียงอ่อนหวาน...การมีญาณัชอยู่เปลี่ยนแปลงตัวเขาให้เป็นคนที่พูดมากขึ้น ยิ้มมากขึ้น และรู้จักรัก...มากขึ้น

“ผมสั้นก็น่ารัก ผมยาวก็ดี..นัทผมสวยดีพี่ชอบ”

“พี่ยุตสองมาตรฐานแล้ว” เด็กหนุ่มว่าก่อนจะเอนตัวพิงร่างสูงให้มากขึ้น

“นี่... ตอนเจอคุณธัชครั้งแรก...” เขาเปิดหน้าต่อไปแล้วชี้ปลายนิ้วไปที่ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตสไตล์ฮาวายที่ดูเข้ากับรอยยิ้มสดใสของเจ้าตัว

“คุณธัชยังหนุ่มอยู่เลยเนอะ ตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว” ทยุตพูด แต่ดวงตากลับจ้องไปยังรูปญาณัชที่ดูโตขึ้นนิดหน่อย

“ไม่มีรูปคุณพ่อคุณแม่เหรอ”

“น่าจะ....... 30ปลายๆแล้วล่ะ... คิดว่านะ นัทจำไม่ได้...” เด็กหนุ่มนิ่งไปพักใหญ่แล้วจึงเอ่ยต่อ

“รูปคุณพ่อกับคุณแม่อยู่ในอัลบั้มเก่าๆเลย... พร้อมๆกับนัทตอนเพิ่งเกิดนั่นแหละ...” ริมฝีปากบางมีรอยยิ้มจางๆประดับอยู่อีกครั้ง

“อยากเห็นจัง...แล้วมีรูปตอนนักเป็นนักเรียนไหมครับ” มือใหญ่ลูบตามผิวขาว ถ้าอยู่กันสองคนทยุตมักจะให้ญาณัชใส่เสื้อแขนสั้นแทนเสื้อแขนยาวที่ใส่เพื่อปิดรอยแผล...และจะลูบเบาๆทุกครั้งที่อีกฝ่ายเผลอ

“พี่ขอรูปพวกนี้ไปไว้บ้านเราได้ไหมครับ...”

“อื้อ ได้สิ...” ญาณัชเอ่ยตอบพลางลุกคลานเข่ามาค้นอัลบั้มที่ยกมา ริมฝีปากขยับพึมพำเบาๆว่าม.ต้นๆ

“นี่! เล่มนี้ มีตอนแสดงเปียโนครั้งแรกด้วยนะ...”

เด็กหนุ่มยังพูดอธิบายภาพต่างๆ เล่าถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นไปเรื่อยๆ โดยไม่ทันได้ยินเสียงเปิดประตูจากด้านนอก

“ไว้ค่อยๆมาเอาไปทีละนิดก็ได้เนอะ” ร่างบางเงยหน้าจนสุดคอเพื่อมองคนที่โอบกอดเขาเอาไว้หลวมๆก่อนจะยิ้มให้
ก่อนที่ทยุตจะได้เอ่ยเห็นด้วย ประตูห้องนอนของญาณัชก็เปิดออกพร้อมกับคนสองคน

“นัท!”

เจ้าของชื่อได้แต่นั่งนิ่งด้วยความตกใจ นัยน์ตาโศกเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อกับภาพที่เห็นตรงหน้า เขาถอยตัวเข้าหาร่างสูงแต่สายตายังไม่ละจากคนที่ยืนอยู่

“นัท... มาหาอามา... อากลับมาแล้ว” พิชญ์ยื่นมือออกมาหา แม้จะอยากเอ่ยถามว่าคนที่อยู่ด้วยนั้นเป็นใคร แต่ในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญกว่าคือเด็กหนุ่มผมยาวคนนี้

“.... อาพีท.... จริงๆ... เหรอครับ?” แม้กระทั่งน้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็ยังฟังสั่นพร่า

คำตอบที่เด็กหนุ่มได้คือรอยยิ้มอ่อนโยนที่เขาชื่นชอบบนใบหน้าของผู้เป็นอา เพียงเท่านั้น ญาณัชก็ลุกขึ้นก้าวข้ามกองอัลบั้มรูปลงมา โผเข้ากอดเอาร่างโปร่งเอาไว้

“อาพีท-- ฮึก! อาพีท!” ร่างบางร้องไห้ราวกับเป็นเด็กเล็กๆ แขนสองข้างโอบกอดพิชญ์เอาไว้เสียแน่น

“อาพีทไปไหนมาครับ? ทุกคนบอกว่าอาพีทตายแล้ว งานศพนัทก็ไปมา ฮึก!” คำถามมากมายถูกเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงสะอื้นของเด็กหนุ่ม

“ไม่เป็นไรแล้วเรา... อาอยู่นี่แล้วนะ...” เขายกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กเบาๆ กอดดวงใจน้อยๆของเขาเอาไว้แน่นด้วยความรู้สึกตื้นตัน
หลังจากร้องไห้จนพอใจ ญาณัชจึงคลายอ้อมกอดของเขาออก

“จริงสิครับ... อาพีท... นี่พี่ยุต...” ร่างบางเดินไปหาคนรักแล้วเอ่ยแนะนำ

ชายหนุ่มที่ถูกแนะนำตัวผงกศีรษะทักทายแทนคำพูดและเลยไปผงกใส่อีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง...เมื่อกี้เพิ่งได้ดูรูปและฟังคำบอก
เล่าต่างๆไป แต่ยังไม่เท่าไหร่ คนที่บอกว่าตายไปเกือบสองปีกลับมายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว

ใบหน้าสวยหวานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง หากจะมีก็เพียงร่างกายที่ดูผอมบางลงและเส้นผมที่ยาวขึ้น ทยุตมองญาณัชที่แม้จะเต็มไปด้วยน้ำตาหากแต่ใบหน้าเกลื่อนด้วยรอยยิ้ม

“อาพีท? ที่เมื่อกี้เราดูรูปกันใช่ไหมนัท”

“อื้อ... สวัสดีครับคุณธัช....” เด็กหนุ่มยกมือไหว้ร่างสูงที่ยืนเงียบๆอยู่ด้านหลัง ก่อนจะหันกลับมาที่อาของตัวเอง

“ยุต... เหรอครับ?” นัยน์ตาสวยค่อยๆมองใบหน้าของทยุตอย่างพินิจพิจารณา แม้หน้าตาจะไม่ดูเหมือนคนไทยเลยแม้แต่น้อย ทว่าสำเนียงการพูดภาษาไทยกลับชัดเจนเสียยิ่งกว่าคนรักของตัวเอง

ครับ ทยุต ประเสริฐสิทธิ์” นัยน์ตาสีแปลกสบตา มือใหญ่เลื่อนจับที่มือเรียวของคนข้างๆ

“ผม......” ทยุตมองญาณัชอย่างอ่อนโยนพลางยิ้มจางๆ ญาณัชเคยบอกกับเขาว่าอาตัวเองเป็นเกย์ เช่นนั้นแล้วการที่หลานของตัวเองจะรักกับผู้ชายคงจะรับได้มากกว่าคนอื่นทั่วไป

“......เป็นแฟนนัทครับ” นัยน์ตาเข้มมองสบกับพิชญ์อย่างเปิดเผย

“..... ?!” คราวนี้คิ้วเรียวคล้ายกับจะขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

“นัท?”

“อือครับ...” ผู้เป็นหลานเอ่ยตอบหน้าตาเฉย แถมด้วยรอยยิ้มให้อีกยิ่งทำให้คิ้วที่เริ่มผูกกันขมวดกันเป็นปม

ชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังมาตลอดเห็นท่าทางช็อคของคนรักแล้วอดจะแทรกตัวเข้ามาไม่ได้

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ แต่...นัท เก็บของออกจากที่นี่ก่อนเอาแค่ที่สำคัญๆ ไว้วันหลังค่อยมาเอาอย่างอื่น เดี๋ยวรายละเอียดไปคุยกันที่...อืม...ไปหาอะไรกินแล้วค่อยๆเล่าดีกว่า”

“ถ้างั้นไปที่บ้านผมไหมครับ เรื่องอาหารเดี๋ยวผมจัดการเอง” ทยุตเสนอตัว...บางทีมันอาจจะมีอะไรที่ไม่สะดวกที่จะคุยกันในที่สาธารณะและญาณัชเองก็คุ้นกับบ้านของเขามากกว่า

“งั้นนัทนำทางไปบ้านพี่นะ พี่จะขี่มอเตอไซต์ล่วงหน้า”

“ได้! งั้น... เอา... อะไรดีล่ะ...เสื้อผ้านัทส่วนนึงก็อยู่บ้านพี่ยุต.... อาพีทว่าไงครับ?จะเก็บตรงไหนก่อนดี” ญาณัชหันมาหาคนที่ยืนหน้าซีดอีกครั้ง

“... ไว้ค่อยให้คนมาเก็บก็ได้.... อาจะเก็บพวกเสื้อผ้าไปก็แล้วกัน.....”

แม้จะเอ่ยตอบหลาน ทว่าสายตากลับจับจ้องอยู่ที่ทยุต

“งั้นเอาไปนิดหน่อยแล้วกัน ขาดเหลืออะไรค่อยซื้อ “ ธัชจับแขนพิชญ์เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ตัว ดูท่าว่าคุณอาที่ติดหลานคนนี้คงมีคำถามมากมายที่อยากจะถาม”คนรักที่เป็นผู้ชาย”ของหลานชายตัวเอง แต่ขืนปล่อยไว้ไม่พ้นไม่ได้ทำอะไรกันพอดี

“งั้น..ยุตไปก่อนนะ เดี๋ยวผมจะพาอาหลานนั่งรถไป”

“ครับ” ทยุตรับคำก่อนจะหันมามองญาณัช มือใหญ่ยกลูบศีรษะกลมมนเบาๆ

“เจอกันที่บ้านเรานะนัท” ชายหนุ่มหยิบอัลบั้มรูปที่กองอยู่ขึ้นมาแล้วเดินออกนอกห้องไป

“อื้อ” เด็กหนุ่มรับคำพร้อมรอยยิ้มหวาน.. ที่ไม่ได้ยิ้มแบบนี้มานานแล้ว
แต่ในเมื่อคนที่คิดว่าจะไม่ได้เจอแล้วกลับมาอย่างนี้

ความรู้สึกโศกเศร้าที่เคยมีมาในอดีตก็ดูจะจางหายไปในพริบตา

“พีท เก็บเสื้อผ้าก่อน...” เขารั้งแขนเรียวให้มาสนใจกับกระเป๋าเดินทางก่อนจะหันไปมองญาณัชพลางยิ้มเอ็นดู

“นัทไปค้างบ้านยุตบ่อยๆเหรอ”

“ครับ... ก็วันที่นัทไม่ต้องทำงานนัทจะไปอยู่กับพี่ยุต... แต่เสาร์อาทิตย์พี่ยุตจะมาอยู่ด้วยที่นี่ครับ เพราะวันอาทิตย์พี่ยุตต้องทำอาหารเลี้ยงคนพวกนั้นน่ะครับ” ญาณัชเอ่ยตอบแล้วหันไปหยิบซีดีบางส่วนมาถือไว้

“ไปแค่นี้ก่อนได้ไหมครับอาพีท... เสื้อผ้าเอาไปนิดเดียวพอเนอะครับ”

“...... อือ... ก็ได้” พิชญ์รับคำเบาๆพลางเปิดตู้หยิบเอาเสื้อผ้าของตัวเองมาสองสามชุด

ธัชจับกระเป๋าของพิชญ์ขึ้นมาถือพลางยื่นมือรับกล่องซีดีจากญาณัช เขากดลิฟท์และลงมาพร้อมๆกันสู่ชั้นล่างที่ร้างผู้คน ธัชให้คนขับรถวนรถมารอรับหน้าบ้านก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปยังอีกที่หนึ่ง

ชายหนุ่มลอบมองคนรักที่ยังดูอึ้งกับแฟนของหลานชาย ริมฝีปากหยักคมแย้มยิ้มบางๆอย่างเอ็นดู

...เพราะรักเพราะดูแลกันมาแต่เล็ก จะรู้สึกแบบนี้ก็ไม่แปลก...

“อาติดหลาน...” ธัชพึมพำเบาๆกับขอบหน้าต่าง

...................................






“ทานอะไรกันก่อนไหมครับ” เสียงทุ้มๆเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ทุกคนได้นั่งลงบนโซฟาในบ้าน

“เดี๋ยวนัททำน้ำให้เอง.... อาพีทชอบกินบร็อคโคลี่ผัดกุ้งเนอะ... เอาบร็อคโคลี่ผัดกุ้งนะพี่ยุต” ญาณัชลุกขึ้นแล้วยิ้มไปยิ้มมากับธัชและพิชญ์ ก่อนจะเดินมาหาคนรักแล้วเอ่ยบอกหนึ่งในเมนูบังคับของวันนี้

“อืม...”

“งั้นเดี๋ยวนัทช่วยพี่ยุตด้วยนะ”

“อืม งั้นนัทแกะกุ้งนะ แล้วเอาอย่างอื่นง่ายๆด้วยไหม นัทอยากกินอะไรครับ” ทยุตโอบเอวบอบบางพลางยิ้มให้ ญาณัชที่มีความสุขและยิ้มมากขนาดนี้....เป็นญาณัชที่เขาชอบที่สุด

“เอาอะไรเผ็ดๆไหม ต้มยำทะเลนะ แล้วอีกสองอย่างกับของหวานให้นัทเลือก”

“... อื้อ ต้มยำ...... นะ” เขาพยักหน้าบอกแล้วยิ้มให้อีกที

“อีกสองอย่างให้พี่ยุตเลือกก็แล้วกัน” มือเรียวเอื้อมเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบเหยืกน้ำเย็นออกมา แล้วเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำออกมาสองใบ

“เอาเป็นไข่เจียวปูไหม กับ...ปลาราดพริก ขนมให้นัทเลือกนะ ห้ามโยนให้พี่อีก” ทยุตมองรอยยิ้มหวานแล้วนึกอยากจะจูบขึ้นมา
สองปีสาจใหญ่เล็กเดินเลียบๆเคียงๆข้างพิชญ์ ลูกชิ้นกระโดดขึ้นโซฟาเข้าหาด้วยถือว่าตัวเองตัวเล็กกว่า ดวงตากลมโตใสแป๋วจ้องทำท่าเหมือนสงสัย

“อาของน้องนัทน่ะ ลูกชิ้น ไส้กรอก มานี่มา” ทยุตเรียก...และแน่นอนว่าทั้งสองพร้อมกันเชื่อฟัง..ด้วยการหมอบลงนอนซุกคนที่นั่งอยู่ทั้งอย่างนั้น

“!? อ...” แม้จะตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อมองหน้าเจ้าสองยุ่งแล้ว บนใบหน้าของพิชญ์ก็ค่อยมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา

“เด็กดี...” มือเอื้อมไปลูบหัวของลูกชิ้นกับไส้กรอกสลับกันก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

โกลเด้นขนทองได้ทีเอาหัวไถกับฝ่ามือนุ่มนิ่ม สองเท้าอ่อนนุ่มแปะวางบนหัวเข่าพลางแลบลิ้นเลียข้างแก้ม ธัชที่นั่งอยู่ใกล้ๆหัวเราะเบาๆก่อนจะดึงเจ้าตัวใหญ่ออกมาจากร่างคนรัก

“ไม่ได้ๆ good boy” ธัชตบเบาๆบนหน้าผากหนาแป้นที่ปกคลุมด้วยขนอ่อนนุ่ม

“คนนี้ของฉัน”

คราวนี้เสียงหมาเพี้ยนๆสองตัวแข่งกันเห่าเถียง เล่นเอาพิชญ์หัวเราะออกมาอีกครั้ง

“เราก็เวอร์... สองคนนี้ก็แค่อยากเล่นด้วยน่า....” เขาเอ่ยปรามธัชแล้วหันมายิ้มกับไส้กรอกและลูกชิ้น

ธัชจับชิวาว่าตัวเล็กขึ้นมาอย่างเบามือ เขาปล่อยมันลงบนตักพลางลูบขนจนเจ้าตัวยุ่งเคลิ้ม

“แล้วพีทเป็นอะไรหรือเปล่า ดูนิ่งๆไป”...ตั้งแต่รู้ว่าแฟนของหลายเป็นผู้ชาย ธัชต่อในใจ

“กลุ้มเรื่องนัทเหรอ”

“........ ดูออกด้วยเหรอ? ฉันแค่รู้สึกว่าไม่เจอกันสองปีนัทดูโตขึ้นเยอะเลย...”

พิชญ์เอ่ยบอกถึงสิ่งที่คิดมาตลอดตั้งแต่ตอนที่หลานชายแนะนำผู้ชายฝรั่งตัวโตว่าเป็นแฟน

“วัยรุ่นก็อย่างงี้แหละโตเร็ว นัทเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะพีทจะมีแฟนก็ไม่แปลก...แถมคุณยุตเองก็ดีกับนัทด้วย” ท้ายประโยคเปลี่ยนเป็นกระซิบ ธัชมองแววตาของคนรักญาณัชก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายรู้สึกเช่นไร

..รัก..

“ผมเชื่อนะ..ว่าเขาจะไม่ทำให้นัทเสียใจ” เพราะดวงตาคู่นั้นที่บ่งบอกว่ารักและทะนุถนอม

..เหมือนสายตาของผม..ที่มองแค่คุณเพียงคนเดียว

“... ธัชเชื่อ... อย่างนั้นใช่ไหม...” พิชญ์ถามย้ำ

เขาเพียงอยากจะแน่ใจว่าหลานชายที่ตัวเองรักเหมือนลูกจะมีความสุข

“พีทก็ลองให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองสิ” ธัชยิ้มกับคนรักด้วยความมั่นใจ...ว่าเขาดูคนไม่ผิดแน่นอน

...........................................................






“แกะเปลือกกุ้งเสร็จแล้วเอาเส้นดำๆที่หลังออกด้วยนะ” คนที่ถือตะหลิวอยู่หน้ากระทะสองใบพูดทั้งที่ยังหันหลัง ทยุตพลิกปลาที่สุกกรอบไปอีกด้านให้ความร้อนได้ทั่วถึง ก่อนจะละมือไปเคี่ยวซอสราดพริกซึ่งส่งกลิ่นหอมฟุ้ง

“ระวังมีดบาดมือนะนัท เคยทำหรือเปล่า”

“เคยสิ พี่ยุตเห็นนัทเป็นยังไงเนี่ย” เด็กหนุ่มเอ่ยพูดคล้ายกำลังงอนก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

“ไม่บาดหรอก”

“ก็เป็นห่วง” ทยุตยกปลาที่เหลืองกรอบแล้ววางลงบนจานเปล น้ำราดถูกเคี่ยวไปเรื่อยๆจนงวดลง ร่างสูงตักขึ้นชิมที่ปลายช้อนแล้วตักอีกคำยื่นให้ญาณัช

“ไหนนัทลองชิมซิแบบนี้กินได้หรือเปล่า ถ้าเผ็ดไปเดี๋ยวจะได้ปรับเพิ่ม”

ญาณัชเป่าสองสามทีก่อนจะอ้าปากชิม

“กินได้... อร่อยที่สุดเลย” น้ำเสียงหวานเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างแล้วค่อยเสริมต่อ

“อาพีทต้องชอบแน่ๆ”

“นัทนี่รักอาจังเนอะ..ไม่กลัวพี่น้อยใจเหรอครับ” ทยุตแกล้งเย้าเล่นก่อนจะเอากะทะใบใหม่ขึ้นตั้งแทนที่ เขาเทน้ำมันเจียวกับกระเทียมจนหอมก่อนจะใส่กุ้งที่หั่นแล้วผัดคลุกให้สุกนิดๆแล้วพักไว้

“นัทใส่น้ำในหม้อตั้งไฟแล้วลวกบล็อกโคลีให้พี่หน่อยนะ เอาพอเขียวๆกรอบๆ”

“ก็ไม่เหมือนกันนี่นา” คนถูกต่อว่ายังคงยิ้มร่า

“... ไม่เอากรอบๆ นัทจะเอานิ่มๆ...” ญาณัชทำปากเบ้ก่อนจะหยิบหม้อออกมาวางตั้งบนเตา

“ผักเค้าต้องกินกรอบๆสิ ผัดนิ่มๆทิ้งไว้นานมันไม่น่ากิน เดี๋ยวพี่เอาลงไปผัดกับกุ้งแป๊บเดียวพอ” ทยุตว่าพลางคนหม้อต้มยำ เตาแก๊สแบบธรรมดา2เตากับเตาไฟฟ้าอีก2ดูจะน้อยไปสำหรับอาหารต้อนรับ”อาพีท”เสียแล้ว

มือใหญ่เอื้อมปิดเตาต้มยำก่อนจะหันมาตอกไข่ใส่ชามแล้วปรุงรสตีให้เข้ากัน เขาใส่เนื้อปูชิ้นโตที่แกะไว้แล้วลงไปก่อนจะคนเบาๆแล้วยื่นส่งให้คนตัวเล็ก

“นัทลองแสดงฝีมือเจียวไข่โชว์อาพีทหน่อยนะ”

“ไม่เอาสิ... พี่ยุตทำนะ” ประโยคสุดท้ายคล้ายกับเด็กหนุ่มกำลังออดอ้อน
มือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับมือทยุตเอาไว้

“อาพีทจะได้ทึ่ง”

“อยากอวดพี่กับอาพีทเหรอ...อย่างกับเด็กอวดของเล่นเลย” ทยุตยกมือที่ว่างขยี้เบาๆจนผมยาวนุ่มฟูขึ้นเล็กน้อย

ภาพสองคนที่กำลังฉาบสีชมพูหวานในห้องครัวทำเอาธัชอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ จากตำแหน่งที่เขามองเห็นได้ชัดเจน หากแต่ของพิชญ์อยู่ในมุมอับที่ไม่เห็นอะไรสักนิด

...แต่ก็ดีแล้ว เพราะเดี๋ยวต่อมหวงหลานจะกำเริบ

“พีท...นัทโตพอที่จะใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ไม่สิ...อยู่กับคนที่เขารักแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมขอทวงสัญญาเมื่อหลายปีก่อนได้ไหม”

ธัชกุมมือเรียวเบาๆพลางไล้ปลายนิ้วบนผิวอ่อนนุ่ม นัยน์ตาอ่อนโยนมองสบอย่างจริงจัง

“...ไปอยู่กับผมที่อเมริกานะ...”

พิชญ์นิ่งไปกับคำพูดของคนข้างๆ ไม่ใช่ว่าจะปฏิเสธ แต่เขาไม่คิดว่าธัชจะยังจำคำพูดที่เขาเคยพูดเมื่อสิบปีก่อนได้

...ถ้าพูดออกไปคงโดนงอนอีก

“... ฉัน... อยากคุยกับนัทเรื่องนี้ก่อน..... ได้ไหมธัช?”

“ตามใจพีทสิ...ผมรอได้” รอยยิ้มอ่อนจางส่งให้พร้อมแววตาที่มากกว่าคำบอกรัก

“ผมรอมาตั้งสิบปีแล้ว กับแค่ไม่กี่วันทำไมจะไม่ได้” ธัชยกมือที่กุมไว้ขึ้นมาแล้วจรดริมฝีปาก ชายหนุ่มจับมือคนรักมาแนบแก้มอย่างทะนุถนอม

...ผมสามารถแลกทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ได้...

...ขอแค่เพียงคุณอยู่กับผม...



-------------------------


(มีต่อนะคะ)

ออฟไลน์ kagehana

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1




“เป็นไงครับอาพีท? อร่อยไหม?” ญาณัชเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีหลังจากเห็นผู้เป็นอาตักกับข้าวเข้าปากไป

“.... อื้ม อร่อย”ชายหนุ่มตอบรับ รสชาติอาหารที่ทยุตปรุงนั้นถือได้ว่าอร่อยเลยทีเดียว

“เห็นไหมพี่ยุต? นัทบอกแล้วว่าอาพีทต้องชอบ” ร่างบางหันมายิ้มกว้างให้คนข้างๆ

“ขอบคุณครับ” ทยุตกล่าวขอบคุณ เขาตักไข่เจียวฟูนิ่มใส่จานคนรักบ้าง

“นัทก็อย่ามัวแต่ดู กินข้าวด้วย...ผักด้วย” น้ำเสียงที่พูดถึงผักติดจะยั่วเย้า นัยน์ตาสีเขียวแปลกจ้องมองใบหน้าของญาณัชอย่างรักใคร่

ธัชแอบมองพิชญ์...เขารู้ว่าคนเป็นอาคงยังติดใจไม่น้อยกับการที่หลานรักมีแฟน แต่ยังดีว่าอย่างน้อยจากมุมที่พิชญ์นั่งคงยังมองไม่เห็นรอยแดงบริเวณไหปลาร้ายามที่หลานชายก้มตัวลงมา

...รอยที่รู้ๆกันอยู่ว่าเกิดจากอะไร...

“ไม่เห็นต้องพูดขนาดนั้นเลย บร็อคโคลี่นัทกินได้น่า...” ญาณัชทำปากเบ้ก่อนจะเอื้อมมือไปตักผักสีเขียวมาใส่จานของตัวเอง

“อาพีทต้องกินเยอะๆนะครับ” เด็กหนุ่มกำกับพลางตักกับข้าวใส่จานของพิชญ์บ้าง

“ไม่ต้องทำเหมือนอาเป็นเด็กๆเลยเรา...”

ทยุตยิ้มขำกับท่าทางของสองอาหลานที่ต่างคนต่างอ้อนกันไปมา เขาไม่แปลกใจเลยว่ารอยยิ้มในรูปของเด็กชายญาณัชเกิดขึ้นได้เพราะคนๆนี้ แม้ว่าข่าวร้ายจะพรากมันไป..แต่เมื่ออาที่รักกลับมา รอยยิ้มสดใสก็ไม่ได้ต่างไปจากวัยเยาว์

...ญาณัชดูมีความสุข จนอดอิจฉาความสัมพันธ์ที่ไม่มีทางแทรกนี้ไม่ได้...

ทยุตมองสบตาธัชที่มองมาอย่างเข้าใจ คนที่อยู่ในฐานะเดียวกันได้แต่ลอบยิ้ม...และมองคนทั้งคู่ด้วยความรัก

“คุณพีทชิมปลาราดพริกสิครับ” ทยุตเลื่อนจานเข้าใกล้ แต่เป็นหน้าที่ธัชที่แกะวางบนจาน

“ช่วยกันบริการเชียวนะธัช...” เขาว่าก่อนจะค่อยๆตักข้าวทานเงียบๆ นึกถึงสิ่งที่กำลังจะพูดออกมาก็อดใจหายไม่ได้

“นัท... อาถามอะไรหน่อย”

“ครับ?”

“อาจะย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้น... นัทจะไปกับอาไหม?” น้ำเสียงเอ่ยถามราบเรียบ นัยน์ตาจ้องมองปฏิกิริยาของหลานชายนิ่ง

“ไปสิครับ อาพีทจะย้ายไปไหนเหรอ?”

“.... อเมริกา”

เด็กหนุ่มนิ่งไปก่อนจะหันมองคนข้างๆสลับกับพิชญ์ไปมา “... อ.. อเมริกาเลยเหรอครับ? ทำไมไปไกลจัง?”

“บ้านของธัชอยู่ที่นั่น จำไม่ได้เหรอ?”

ทยุตนั่งนิ่ง นัยน์ตาคมมองญาณัชครู่หนึ่งแล้วแกล้งเสมองลงที่จานข้าว ถ้าให้เขาตอบแทนเขาก็จะบอกว่าไม่มีทางให้ไป แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็เหมือนเป็นความเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจที่จะไม่ให้คนที่เป็นสายเลือดเดียวกันอยู่ด้วยกัน

ดังนั้น...เขาจึงเลือกที่จะเงียบและให้ญาณัชเป็นคนตัดสินใจเอง

“พีท...แล้ว....” ธัชพูดขึ้นมา ใช่ว่าเขารังเกียจญาณัชแต่ถ้าให้ไปอยู่ด้วย... คนทางนี้จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้

“...อาพีท... นัทอยากไปกับอาพีทนะครับ ....แต่ นัท” เด็กหนุ่มเว้นช่วงไปก่อนจะก้มหน้าลง

“นัทก็อยากอยู่กับพี่ยุต....” มือเรียวเอื้อมไปจับมือของทยุตที่อยู่ใต้โต๊ะแล้วบีบเบาๆ

“... นัท” พิชญ์รู้สึกหม่นหมองลงไปในพริบตา ไม่ใช่ว่าไม่ได้เตรียมใจ ทว่าพอได้ยินจังๆแบบนี้ ก็อดรู้สึกวูบโหวงไม่ได้

“.....ผม......” ทยุตเข้าใจว่าพิชญ์รู้สึกอย่างไร แต่ถ้าเลือกได้เขาเองก็ไม่อยากจะแยกจากหัวใจตัวเอง

“ผมจะดูแลนัทให้ดีที่สุด คุณไม่ต้องเป็นห่วง...” ทยุตบีบมือเล็กเบาๆ

“ผมจะไม่มีวันทำให้คนรักของผมเสียใจ”

ธัชเอื้อมมือมาจับมือเรียวของคนรัก เขาสบตาพิชญ์และพยักหน้าเบาๆ

“นัทโตแล้วนะพีท...ในเมื่อเขาเลือกอย่างนี้ พีทเองก็คงเข้าใจใช่ไหม....”

นัยน์ตาคู่สวยมองใบหน้าของหลานชายสลับกับทยุตด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ เพราะว่าเลี้ยงญาณัชมาตั้งแต่เล็กมากถึงได้รู้สึกใจหายขนาดนี้ เด็กตัวน้อยๆในตอนนั้นที่เอาแต่งอแงหาเขากลับโตเป็นผู้ใหญ่จนเลือกที่จะตัดสินใจอะไรได้เองแล้ว

“... อืม..... ฉันเข้าใจ.....” พิชญ์หันไปสบตากับเชฟหนุ่มอีกครั้ง

“ฝากนัท.... ด้วยนะ........”

“ครับ” รับคำหนักแน่น แม้อีกฝ่ายจะไม่เอ่ยบอกแต่เขาก็เตรียมพร้อมที่จะดูแลญาณัชไปตลอดชีวิต

“คุณพีทไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะไม่ทำให้นัทเสียใจ”

“แล้วอาพีทจะไปเมื่อไหร่ครับ?” ญาณัชเอ่ยถามต่อ อย่างน้อยเขาก็อยากใช้เวลากับผู้เป็นอาให้มากกว่านี้อีกนิด

“... ธัช... ต้องรีบกลับไปทำงานรึเปล่า?”

“มีโน้ตบุ๊คตัวเดียวก็โอเคแล้ว” ธัชยักคิ้วให้...หรือถ้าไม่มี ถ้าได้อยู่กับพิชญ์และเห็นว่าคนรักมีความสุข เขาก็ไม่รีบร้อนอะไรทั้งนั้น

“งั้น...เราไปเที่ยวทะเลกันก่อนไหม จะได้สนิทๆกัน ฉันออกเองนะ” ธัชยิ้ม...ก่อนจะก้มหน้าเข้าไปชิดคนรัก

“ไปที่ๆเราไปตอนนั้นไหม...”

“ก็ดีนะ สวยดี... นัทอยากไปรึเปล่า?”

พิชญ์หันมาถามคนตัวเล็กที่กำลังจิ้มกุ้งเข้าปาก

“ไปเนอะ.... พี่ยุต”

“ธัชล่ะว่าไง จะพักก่อนไหม?” ทว่าพอหันมามองหน้าคนรัก พิชญ์ก็หัวเราะออกมาเบาๆเพราะสีหน้าของร่างสูงที่แสดงออกมานั้นบ่งบอกว่าอยากไปเต็มแก่แล้ว

“... จะเดินทางก่อนมืดเลยไหม?”

“เอ๋? ไม่ต้องจองโรงแรมก่อนเหรอครับ?” ผู้เป็นหลานได้แต่ทำหน้าประหลาดใจ สำหรับเขานั้น พิชญ์จะเป็นคนวางแผนอะไรล่วงหน้าได้ดีเสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดโดยที่ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรก่อนเลย

“....” คนอายุมากกว่ายิ้มอย่างใจดีให้แทนคำตอบก่อนจะหันไปหาธัช

“ไม่ต้องจองเนอะธัช...”

“อื้อ” เรื่องแค่นี้สบายมากสำหรับนักธุรกิจหนุ่มที่กำลังเฟื่องฟู ไม่ใช่แค่จอง...แต่ธัชได้ซื้อชายหาดส่วนตัวและที่พักที่เป็นความทรงจำเอาไว้

...แต่ไม่กล้าบอกคนรักเพราะกลัวจะถูกบ่นเรื่องใช้เงินอีก...

“เดี๋ยวผมจัดการเอง เก็บของกันได้เลย”

------------------------------------------------------------------------------------







รถยนต์ขนาดเจ็ดที่นั่งจอดลงบนหน้าบ้านพักสไตล์โมเดิร์นที่มีบันไดยื่นจรดพื้นและชานบ้านไม้มันปลาบ หน้าต่างเล็กๆห้อยโมบายเปลือกหอยประดับที่พลิ้วไหวตามสายลมเรื่อยเอื่อย ตัวบ้านทาสีครีมและแบ่งเป็นสองส่วนชัดเจนมีแต่เพียงนอกชานที่เชื่อมต่อตรงกลาง ด้านข้างบันไดมีโอ่งเล็กๆและกระบวยวางอยู่เบื้องล่างมีทรายผสมปูนก่อเป็นแอ่งและแท่นสำหรับยืน

“ล้างเท้าก่อนนะพีท” ธัชวางของบนขั้นบันไดแล้วดึงมือคนรักให้ขึ้นยืนบนแท่นแล้วตักน้ำราดให้

คนได้รับการบริการอย่างดีทำหน้ายุ่งตั้งแต่รถเลี้ยวเข้ามาจอดในบริเวณที่พักแห่งนี้แล้ว

“บอกแล้วว่าไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ธัช.... ว่าแต่... เรารู้จักที่นี่ได้ยังไงน่ะ?”

“ก็เพื่อนๆกันน่ะพีท นักธุรกิจก็อย่างนี้แหละ คุยกันไปคุยกันมาถูกคอก็โอเค” ถูกคอด้วยเงินที่ต่างฝ่ายต่างพอใจน่ะนะ

ธัชโน้มกายเข้าใกล้พลางโอบด้วยท่อนแขนแล้วกระซิบเบาๆ

“แต่บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ให้พีทนอนกับนัทหรอก บ้านล่ะคู่ โอเค?”

“....” พิชญ์จ้องมองอีกฝ่ายอย่างดุๆก่อนจะหันไปเอ่ยบอกกับอีกสองคนที่เหลือ

“นัทเอาของไปเก็บที่บ้านอีกหลังเลย... อามีเรื่องต้องคุยกับธัช...เสร็จแล้วอาจะไปเรียกนะ”

“? ครับ... พี่ยุต ไปกันเถอะ” คนตัวเล็กหันมายิ้มแย้มกับทยุต

“อืม” ทยุตรับคำแล้วดึงทั้งของทั้งคนรักหายไปยังบ้านอีกหลังที่เชื่อมต่อกัน

ร่างสูงที่ยังยืนอยู่ที่เดิมยิ้มกว้างสู้คนรัก ธัชกอดเบาๆอย่างออดอ้อนพลางกระซิบถามข้างหู

“พีทจะคุยอะไรกับผมเหรอ”

“..... บ้านพักนี่มันอะไรกัน... ทำไมถึงไม่เห็นห้องพักอื่นเลย... นี่มันยิ่งกว่าหนนู้นที่มากันแล้วนะ” คนอายุมากกว่าหันถามเสียงเข้ม ที่พักหรูหรากว้างขวางเสียขนาดนี้จะใช้เงินขนาดไหน จริงอยู่ว่าเคยอนุญาตให้ทำได้บ้าง แต่นี่ดูจะมากเกินไปหน่อยจนต้องถาม

“ก็หาดส่วนตัวไงพีท เดี๋ยวนี้เค้าเปิดกันตั้งเยอะแยะ พอดีว่ารู้จักกันก็เลยได้มาง่ายๆ” รู้จักกันดีเลยล่ะ ในเมื่อชื่อเจ้าของก็เป็นชื่อตัวเอง

“ก็ผมอยากให้พีทมีความสุขนี่นา อยากให้พวกเราเป็นส่วนตัวกันด้วย ในตู้เย็นมีของสดที่ผมให้คนมาใส่ไว้ มีบาร์ด้วยนะ...พีทอย่าโกรธผมนะครับ” นะครับ..ที่ไม่รู้ว่าคราวนี้จะใช้ได้หรือเปล่าเอ่อยออดอ้อนพลางจูบแก้มขาวเบาๆ

ชายหนุ่มผู้อายุมากกว่ารู้สึกคล้ายกับอยากจะล้มลงไปให้รู้แล้วรู้รอด ฟังจากที่อีกฝ่ายบอก แปลว่านี่คือหาดส่วนตัว... แล้ว จากความเป็นไปได้ และเสียงอ้อนๆของธัชแล้ว

“หาดส่วนตัว... ของ... ใคร?”

“พีทอย่าโกรธนะ” ชายหนุ่มยิ้มกว้างแล้วบีบมือคนรักเบาๆ

“ของผมเอง ผมซื้อไว้ตอนที่รู้ว่าพีทเสีย... ผมอยากเก็บความทรงจำทั้งหมดไว้กับตัวผมคนเดียว อยากเก็บสิ่งที่เกิดขึ้นที่ทะเลนี้ไว้ไม่ให้คนอื่นเข้ามาแทรก”

หากว่าพีทรู้… ว่าไม่ใช่แค่ที่นี่คงโดนโกรธไม่น้อย

ที่อยากต่อว่าทั้งหมดถูกกลืนลงคอไปสิ้น เพราะเหตุผลที่ให้มาแม้ฟังเหมือนคำรักหวานเลี่ยน แต่ทุกอย่างก็เพราะว่าธัช ‘รักเขา’ เสมอมา

“.............” พิชญ์โอบกอดร่างสูงเอาไว้หลวมๆ

“ฉันจะยกโทษ... ให้แค่คราวนี้นะ....”

“อื้อ” ธัชตอนรับการกอดด้วยการยกตัวอีกฝ่ายขึ้นอุ้มแล้วหอมแก้มแรงๆ

“พีทต้องยกโทษให้ผมอีกหลายเรื่องเลยแหละ” เขายิ้มกว้างอย่างมีความสุขแล้วอุ้มคนรักที่โวยวายขึ้นห้องพักไป


........................................................................







“นัทเหนื่อยไหม” ร่างสูงที่ยืนอยู่ใกล้ขอบหน้าต่างหันกลับมาหาคนตัวเล็กที่กำลังรื้อของออกมาวุ่นวาย

“ไม่เหนื่อย... รถคุณธัชนั่งสบาย เลยไม่ค่อยเมื่อย พี่ยุตล่ะ?”

เด็กหนุ่มวางมือจากกระเป๋าเดินทางแล้วหันไปหาร่างสูง

“ไม่ค่อยชินกับบรรยากาศแบบนี้เท่าไหร่”....เพราะอาหวงหลานบางคนเอาแต่จ้องเอาๆจนทำอะไรไม่ถูก

ทยุตดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดเบาๆพลางพูดพึมพำ

“เติมพลังหน่อยครับ”

เด็กหนุ่มที่ถูกสวมกอดไว้หัวเราะออกมาเบาๆกับคำพูดของทยุตแล้วจึงพูดบ้าง

“เติมสิครับ เติม... พี่ยุตจะเอาอะไร?”

“พี่อยากให้นัทอยู่กับพี่ตลอดไปนะครับ” เชฟหนุ่มดึงร่างเล็กเข้ามาใกล้แล้วจุมพิตหวานแผ่วบนริมฝีปากแทนคำยืนยัน

...รัก...

...ตลอดไป...


---------------------------------





หลังจากกลับจากทะเลและทริปหวานชื่น ตอนนี้ทยุตกำลังยืนอยู่ที่แอร์พอร์ทและมองร่างเล็กๆของคนรักตัวเองที่อยู่ในอ้อมกอดคุณอา ญาณัชผละออกมานัยน์ตาสีเข้าชุ่มฉ่ำไปด้วยหยดน้ำตา ทยุตมองสบตาพิชญ์ที่มองมาหาเขาอย่างตั้งใจจะฝากอีกคนที่รักที่สุดในชีวิตไว้

เชฟหนุ่มสบตานิ่งก่อนจะก้มหัวนิดหน่อยแทนคำตอบรับ เขาก้าวไปยืนเคียงข้างญาณัชแล้วจับมือไว้

“ได้เวลาแล้วนะนัท...เดี๋ยวคุณพีทจะตกเครื่องบิน”

“... อาพีทอย่าลืมโทรมาหานัทนะครับ”

“อืม... อาสัญญานะ” พิชญ์ยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กเบาๆด้วยความเอ็นดู

“แล้วกลับมาหานัทบ้างนะครับ”

“แน่นอน...” ผู้เป็นอาหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเอาน้ำตาออกจากใบหน้าของญาณัชออกเบาๆ

“คุณธัชห้ามแกล้งอาพีทนะครับ” ประโยคนี้คนพูดมองนัยน์ตาคมของธัชที่จ้องมองอยู่อย่างไม่เกรงกลัว ซ้ำยังทำเสียงเข้มใส่อีกต่างหาก

ชายหนุ่มที่มองอยู่เกือบหลุดหัวเราะออกมา ธัชมองยิ้มๆแล้วเอื้อมมือมาลูบหัวเบาๆ

“เรื่องแกล้งน่ะรับปากไม่ได้หรอก ก็อาเราน่าแกล้งขนาดนี้” แววตาคมที่ตวัดขวับทำเอาหัวเราะออกมาจริงๆ ก่อนที่จะปรับน้ำเสียงและให้สัญญาอย่างมั่นคง

“แต่อาไม่มีวันทำให้อาพีทของนัทเสียใจแน่นอน สัญญาครับ”

“สัญญาแล้วนะครับ...” ร่างเล็กโผเข้ากอดพิชญ์แน่นอีกครั้งหนึ่ง ราวกับอยากจะจดจำเอาความอบอุ่นนี้ไว้ว่าไม่ได้หายไปไหน นัยน์ตาโศกคู่สวยปิดลง

“รักษาสุขภาพนะครับ อาพีท” ญาณัชคลายอ้อมกอดออกแล้วถอยออกมายืนเคียงข้างกับทยุต รอยยิ้มกว้างค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเป็นการบอกลาผู้เป็นอา

“เราก็เหมือนกันล่ะ...”

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่พิชญ์ฝากทิ้งไว้ก่อนที่จะหันหลังให้กับบ้านเกิดของตัวเอง แล้วเดินเคียงข้างคนรักเข้าผ่านประตูเครื่องบินไป ปล่อยให้หลานชายที่เติบโตแล้วได้อยู่กับคนที่... ไว้ใจ

ญาณัชไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นัยน์ตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เครื่องบินลำใหญ่ ยืนมองอยู่นิ่งจนมันทะยานขึ้นฟ้าไป ถึงได้หันมาหากับเชฟหนุ่ม

“... อาพีทไปแล้ว...”

“ครับ” ทยุตไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้มากกว่านี้ เขาจับมือญาณัชแล้วบีบเบาๆ

“ไว้เราบินไปเยี่ยมกันนะ”

ร่างสูงดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด ปลอบโยนเบาๆด้วยฝ่ามือนุ่มละมุน

“... อื้อ...” เด็กหนุ่มรับคำก่อนจะเป็นฝ่ายผละออกมาจากอ้อมกอดของทยุต

“... กลับบ้านกัน พี่ยุต..”

“อืม กลับบ้านเรากัน” ทยุตจับมือคนรักเอาไว้ รอยยิ้มจางๆถูกมอบให้แทนคำพูดอื่นใด
 



...กลับบ้าน....


...บ้านที่เป็นของเรา..สองคน...



ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นไปอย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุด ณ ตอนนี้...เรามีบ้านที่ความอบอุ่นซึ่งสามารถกลับไปหาและต้อนรับด้วยอ้อมแขนสองข้างอย่างเต็มใจ



...บ้านของเรา...








-----------------------------------END-------------------------------------------------------------


TALK :

จบแล้วค่ะเรื่องราวของคุณเชฟกับน้องนัท  ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านมาตลอดนะคะ หมีกับดอกไม้ซาบซึ้งและดีใจมากที่เรามีโอกาสได้รู้จักกันผ่านตัวอักษรของเราสองคน

จากนี้ไปก็คงจะมีเรื่องอื่นๆมาให้ติดตามอีกเรื่อยๆ ยังไงก็ขอฝากไว้ล่วงหน้านะคะ

รักคนอ่าน

หมีกับดอกไม้

kagehana

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
สำนวนดีค่ะ แต่เรื่องนี้ดูเหมือนจะเรียบเรื่อยไปหน่อยถ้าเทียบกับ ตราบาปไร้รอยเลือน
บางจุดยังสงสัยอยู่นะคะ อย่างเรื่องแม่ของทยุต ทำไมถึงรู้จักน้องนัทได้
ขอบคุณคนเขียนนะคะที่แต่งจนจบ... จริงๆเคยอ่านตราบาปไร้รอยเลือนมาก่อน แล้วมาเจอเรื่องนี้(ตอนนั้นยังไม่จบ) นานไปก็เลยลืมชื่อเรื่อง เข้ามาเจออีกทีก็พบว่าอ้าว จบแล้วเหรอเนี่ย เลยไม่ได้เม้นท์ให้ระหว่างที่กำลังเขียนเลย
แต่ยังไงก็ ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สุขสมหวัง  :L2:  :กอด1:  :L1:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
น้ำตาจะไหลตอนที่รู้ว่าอาพีทยังไม่ตาย ทำไมเขาทำกับครอบครัวเขาแบบนั้นล่ะ ฮือออ
ในที่สุดทุกคู่ก็แฮปปี้ เย้

ออฟไลน์ TORR

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขออณุญาตินะคะ เราเข้ามาท่วง เรื่องของราดหน้าตอนที่ 13 ค่ะ ที่มีอครอทกับข้างโพดอ่อน.  ตรงนั้น น้องนัทบอกว่า ไม่เคยบอกพี่ยุตว่าไม่กินแครอท. แต่เราจำได้ว่า ตอนที่ น้องนัทมาบ้านพี่ยุตครั้งแรก การกินอาหารครั้งแรก น้องลายเรื่องผักเยอะมาก เราตำได้ว่า 1ในนั้น น้องบอกแล้วว่าไม่กินแครอท

มันเลยดูขัดๆกันว่า น้องไม่เคยบอก แต่นั่นแหละ ไม่แก้ไขก็ไม่เป็นไรมั้ง 55  :laugh: 
รอตอนต่อไปนะคะ แอบรำคาญ วินเล็กๆ ดูเป็นคนที่รู้ว่าตัวเองสันดานไม่ดี แต่ไม่พยายามเปลี่ยนด้วย เราไม่ค่อยชอบคนแบบนี้เลย ทำให้รู้สึกเกลียดๆวินเล็กน่อย  :serius2:

รอนิยายอยู่มาต่อเร็วๆนะคะ เป็นกำลังใจให้  :mew1:  :hao3:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ดีใจที่อาพีทไม่ตาย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
เราชอบเรื่องนี้เศร้าตอนแรกที่อาพีทเสีย แต่แล้วก็กลับมา ค่อยยังชั่วหน่อย หายไปตั้งนาน

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :pig4: :L1: 
มีตอนพิเศษหรือเปล่าคับ
 ยังคาใจหลายอย่างเลย
- ครอบครัวนัทไมเข้ามาก้าวก่ายเหรอที่นัทคบกับผู้ชายเหมือนอา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2016 12:31:31 โดย sosi »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ neno.jann

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อ่านแบบมาราธินมาก น้ำตาแตกสุดๆ ดีใจที่พีทไม่ตาย  :katai1: ทำไมทำกับคนในครอบครัวได้ขนาดนี้นะ ตั้งแต่ต้นเรื่องที่บอกว่าเอาลูกนอกสมรสมารับตำแหน่งแทนลูกที่พยายามทำทุกอย่าง จึ๊กมากๆ นัทกับพีทหลึดมาจากครอบครัวแบบนี้ได้ก็ดีแล้วเนอะ  :hao5:

ออฟไลน์ phai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 406
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
ว้าา จบซะแล้วว อ่านแล้วติดอ่ะ  :hao6:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Sohso

  • You are my precious thing And I will always love you.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1373
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3
ซึ้งกินใจ มุ้งมิ้งมากๆ

ออฟไลน์ Raina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ชอบคู่พีท-ธัช ดูเป็นผู้ใหญ่ พยายามเพื่อความสุขของตัวเอง  :กอด1:

ส่วนคู่นัท-ยุต ไม่ค่อยปลื้มทยุตเท่าไหร่ รู้สึกว่าทยุตไม่ใส่ใจนัทเท่าที่ควร

1. ตอนวินมาที่บ้านครั้งแรก ยุตเลือกปล่อยปะละเลยนัท หันไปดูแลแต่วิน 4 วันเต็มๆ ถ้าวินสภาพแย่มากและมีแนวโน้มทำร้ายตัวเอง ก็ควรทำ แต่วินดูเหมือนจะแค่ตีโพยตีพาย ถ้าเราเป็นนัท คงคิดหนักว่าจะคบกับยุตไหวหรือถ้าความสำคัญของ"น้องรัก"มาก่อน"คนรัก"แบบนี้ ดูแลวินได้ ไม่ว่ากัน แต่ขอเวลาแค่ 2-3 ชั่วโมง แวะไปอธิบายให้คนรักฟังจะได้สบายใจ ทำไมไม่ทำ?

2. อาหาร... ราดหน้าใส่แครอทกับข้าวโพด อันนี้ไม่ปลื้มมากๆ ยุตรู้อยู่แล้วว่านัททานยาก แต่มัวแต่ยุ่งกับการดูแลวินจนละเลยนัท(อีกแล้ว) นัทเองก็ผิดที่ฝืนทาน แต่ถ้าเอริคไม่บอก ยุตจะรู้ไหมว่านัทหายออกไปนานแล้ว  :เฮ้อ:

คนอ่านอินจัด 555

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
อยากให้มีตอนพิเศษ เหมือนยังไม่จบ  :hao4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด