นิสรีน... กุหลาบขาวแห่งทะเลทราย [Ch.26: คู่รัก END ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: นิสรีน... กุหลาบขาวแห่งทะเลทราย [Ch.26: คู่รัก END ]  (อ่าน 463693 ครั้ง)

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ทาริคฟังเข้าใจค่ะมั่นใจ แต่ฮีแอ๊บ(..)

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
คุณไม่น่ามาเลย สยองอ่ะ มีแต่เรื่องซวยดีนะมีคนมาช่วยหรือบังเอิญก็ไม่รู้
ทาริคเป็นคนละคนกับท่านชีคใช่ไหมจะได้ยกป้ายไฟเพราะถ้าเป็นคนเดียวกันนี่รีบลดป้ายไฟทันที 555+
โทษฐานทำคุณเสียใจ ที่จริงน้องคุณจะต้องศึกษาประเทศที่จะเดินทางไปให้แน่นกว่านี้นะ ร้องไห้เก่ง เชื่อใจคนง่ายอีก

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 5: ผู้ชายแห่งทะเลทราย


จันทราสีนวลลอยเด่นบนท้องฟ้าที่ราวกับถูกปูไว้ด้วยแพรไหมสีดำสนิท มีหมู่ดาวนับล้านทอแสงสุกสกาวอยู่เป็นเพื่อน เสียงฝีเท้าอูฐย่ำไปบนผืนทรายท่ามกลางความเงียบสงัดในยามค่ำคืนราวกับเสียงดนตรีขับกล่อม ทำให้ศตคุณย้อนนึกไปถึงบทเพลงบรรเลงที่ตนเคยประพันธ์ไว้... ท่วงทำนองแบบ Adagio เป็นจังหวะที่เชื่องช้า เนิบนาบคล้ายจังหวะการก้าวเดินของอูฐ เด็กหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงคละเคล้าไปด้วย

ทาริคเกยคางบนไหล่เล็กของคนที่ใช้ตัวเขาแทนพนักพิง พลางนิ่งฟังเสียงนุ่มขับกล่อมให้เพลิดเพลินไปกับการเดินทางในยามค่ำคืน “§$%§&#??” เขากระซิบชิดใบหูนิ่ม

เด็กหนุ่มเอ่ยตอบกลับไปทั้งที่ไม่ได้เข้าใจคำถาม “เพลงนี้ชื่อ Paradise ครับ ผมแต่งขึ้นมาจากคลิปวิดีโอที่ถ่ายสถานที่แห่งหนึ่งไว้ ทาริค... ไม่รู้ว่าคุณเคยไปหรือเปล่า เมืองใหญ่ๆ ในโอเอซิสที่มีวังสีขาว สวยมากเลยล่ะครับ ผมว่าถ้าสวรรค์มีจริง ก็คงจะเป็นอย่างในเมืองนี้ อืม... ผมไม่รู้ชื่อเมืองนี้หรอกนะครับ แต่ถ้ามีโอกาส ผมก็อยากจะไปเห็นที่นั่นกับตาตัวเองสักครั้ง” จากนั้นก็ฮัมเพลงต่อไปเรื่อยๆ

แขนแกร่งข้างหนึ่งยังคงทำหน้าที่โอบเอวบางเช่นเดียวกันกับการขี่อูฐในคืนแรกของพวกเขา แม้ศตคุณจะคุ้นเคยกับการเดินทางด้วยอูฐมากขึ้นแล้ว แต่เขาก็ยังชอบให้อีกฝ่ายโอบตนเองไว้แบบนี้ อาจเป็นเพราะรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น หรืออาจเป็นเพราะเขาไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของใครๆ มานานมากแล้วก็ได้

“ทาริค...” ใบหน้าหวานแหงนเงยซบบ่ากว้าง แล้วชำเลืองมองหนวดเคราที่ปกคลุมบริเวณคางและรอบปากของชายหนุ่ม “เคยคิดจะโกนหนวดบ้างมั้ยครับ”

“......” ทาริคขมวดคิ้ว

“ผมยังไม่เคยเห็นหน้าคุณเลย มีหนวดแบบนี้จะให้ผมเดาอายุก็คงยาก... ผมน่ะ อายุสิบแปดแล้วนะครับ”

ชายหนุ่มยังคงนิ่งเงียบ เขาปล่อยให้ร่างโปร่งพูดจ้อต่อไป ส่วนตัวเขาก็คอยบังคับอูฐให้เดินไปในทิศทางที่ตนต้องการ

“ที่ยุโรปน่ะ อายุสิบแปดก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วนะครับ ว่าแต่... ทาริคจะอายุเท่าไหร่กันน๊อ... ยี่สิบ ยี่สิบห้า สามสิบ... หรืออาจจะหกสิบก็ได้... ที่ไว้หนวดเครายาวๆ อาจจะเอาไว้ปิดรอยย่นก็ได้” เพราะคิดว่ายังไงอีกฝ่ายก็คงฟังไม่เข้าใจ ศตคุณจึงพูดจ้อต่อไปเรื่อยเปื่อยตามที่เขาคิด “...ถ้าให้ผมเดานะ  ทาริคคงมีภรรยาครบสี่คน ลูกอีกสักโหลแล้วแน่ๆ แล้วออกมาเดินทางแบบนี้ ที่บ้านคุณคงคิดถึงกันแย่เลยนะครับ”

“แต่จะว่าไป... ไม่ยุติธรรมกับผู้หญิงเลยเนอะ ถ้าผู้ชายมีภรรยาได้สี่คน ผู้หญิงก็น่าจะมีสามีได้สี่เหมือนกัน” พูดไปพลางเบ้ปาก แต่แล้วบางสิ่งบางอย่างก็สะกิดหัวใจดวงน้อยๆ “น่าอิจฉาคนที่มีครอบครัวจังเลยนะครับ ผมเองจะมีโอกาสได้มีครอบครัวอย่างคนอื่นรึเปล่าก็ไม่รู้”

“หิวอีกแล้วล่ะครับ” มือขาวดึงผ้าคลุมหน้าออกพอหลวม แล้วเอื้อมไปหยิบอินทผลัมสดจากถุงผ้าเล็กๆ ที่ห้อยไว้กับตัวอูฐใส่ปาก เคี้ยวหยุบหยับไปบ่นไป “มันก็อิ่มอยู่หรอกนะครับ อร่อยด้วย แต่กินนานๆ ไปมันก็เซ็งนะครับ ผมอยากกินอาหารอร่อยๆ บ้าง... แต่ในทะเลทรายแบบนี้คงหายาก”

ระหว่างที่กำลังจัดการอินทผลัมในมือไป นัยน์ตากลมใสก็เหลือบมองคนข้างหลังไปพลาง คิดว่าร่างสูงเองก็คงหิว เขาจึงส่งผลไม้ที่อยู่ในมือให้ “ทาริคกินมั้ย”

ชายหนุ่มพยักหน้า หากมือเขาข้างหนึ่งถือไม้ อีกข้างก็โอบรอบเอวบาง เขาจึงมองหาที่พอจะวางไม้ในมือลงได้

“ผม... ป้อนก็ได้นะ ผมจะแกะเมล็ดออกให้ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร” เด็กหนุ่มส่งอินทผลัมให้อย่างพะว้าพะวัง เพราะไม่อยากทำอะไรให้อีกฝ่ายเคืองใจอีก

ทาริคไม่ปฏิเสธ เขาเผยอปากเล็กน้อยเพื่อรับน้ำใจจากร่างโปร่ง

ศตคุณอมยิ้ม นัยน์ตาสีอ่อนจับจ้องใบหน้าสีคร้ามแดดไปพลาง พร้อมกับป้อนผลไม้ไปด้วย “ดวงตาคุณสวยมากเลยรู้มั้ย ถ้าไปจ้องสาวๆ ที่โรงเรียนเก่าของผมละก็ มีหวังได้ละลายต่อหน้าคุณเป็นแถบแน่ๆ นี่ขนาดผมเป็นผู้ชาย... เวลาที่คุณมองจ้องมา บางครั้งยังอดใจเต้นไม่ได้เลย”

“.....” ร่างสูงเคี้ยวผลไม้ไปอย่างเงียบเชียบ สีหน้าของเขานิ่งเฉยเสียจนศตคุณต้องพรูลมหายใจออกมาเบาๆ

“...น่าเสียดายนะครับ ที่เราคุยกันไม่รู้เรื่อง...”

สายลมกระโชกมาจากทางด้านข้างวูบใหญ่ พัดพาเศษฝุ่นผงให้ล่องลอยไปกระทบทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณนั้น เด็กหนุ่มหลับตาปี๋ สองมือควานหาที่สำหรับใช้จับยึด “อ๊ะ!” ผ้าคลุมผืนใหญ่ที่ศตคุณใช้คลุมศีรษะถูกลมพัดแรงจนปลิว ดึงรั้งร่างโปร่งบางให้โอนเอน

“อ๊า!!” ศตคุณร้องลั่นด้วยความตกใจ ด้วยคิดว่าเขาคงจะหล่นตุ้บลงไปนอนแอ้งแม้งบนพื้นทรายแน่แล้ว

ทว่าไม่เป็นอย่างที่เด็กหนุ่มคิด เมื่อเปิดตาขึ้นมองก็พบว่าเขายังคงปลอดภัยอยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่งที่กอดรัดตนเอาไว้แน่น “...ยังไม่ร่วงลงไป... อา...” ก่อนจะหันกลับไปหาคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง แล้วรู้สึกตัวว่าผ้าคลุมของตนนั้นปลิวหลุดไปแล้ว “ขอบคุณครับ... อ๊ะ ผ้าคลุมของผม”

“$%&#+*€&%§$” เจ้าของอ้อมกอดตอบ สั่งให้อูฐหยุดเดินแล้วนั่งลง จากนั้นจึงกระโดดลงมา พร้อมกับทำท่าบอกกับศตคุณเป็นเชิงว่าพวกเขาจะหยุดพักอยู่แถวนี้ ชายหนุ่มปลดเชือกที่คล้องอูฐทั้งห้าตัวออก เพื่อให้พวกมันได้เดินไปมาหาเศษหญ้าแห้งๆ กิน ส่วนตัวเขาหยิบตะเกียงออกมาจุดไฟ ก่อนจะก้าวฉับๆ ออกไปทางทิศที่ลมพัดเอาผ้าคลุมของศตคุณไป

ร่างโปร่งกระโดดลงจากหลังอูฐแล้วจับเชือกคล้องอูฐไว้ ใบหน้าน่ารักหันมองไปรอบๆ ตัวซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมนอนธการแล้วก็หวั่นใจ เขาตั้งใจว่าจะยืนรอชายหนุ่มอยู่กับที่ ทว่าเจ้าอูฐที่เขาคิดว่าพวกมันควรจะนั่งรออยู่นิ่งๆ กลับลุกขึ้นยืน แต่ละตัวพากันเดินไปตัวละทิศละทาง และเจ้าอูฐที่ศตคุณถือเชือกคล้องไว้ในมือก็ทำท่าจะเดินหนีไปจากเขาเช่นกัน ทำเอาเด็กหนุ่มตกใจจนหน้าเสีย “เฮ้ย จะไปไหนน่ะ” มือขาวฉุดรั้งเจ้าอูฐตัวเขื่องไว้ทันที พลางหันหน้าไปตะโกนเรียกพวกอูฐที่เหลือ “เฮ้ยๆ กลับมา! กลับมาก่อน จะไปไหนกันน่ะ”

ศตคุณพยายามจะยื้อเจ้าอูฐที่เขาถือเชือกคล้องไว้ ยิ่งเมื่อเห็นว่าตัวอื่นๆ เดินหายไปในความมืดหมดแล้วก็ยิ่งใจเสีย เขาจะทำอย่างไรดีละนี่ “ทาริค!! ทาริคครับ!!”

ชายหนุ่มเดินออกไปไม่ไกลจากจุดที่เด็กหนุ่มยืนอยู่นัก เขาก้มลงเก็บผ้าคลุมของศตคุณไว้ในมือ หากพอได้ยินเสียงร้องเรียกชื่อตนดังลั่น ก็วิ่งกลับไปทางต้นเสียงอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าหวานซีดเผือด แววตากลมใสสั่นระริก ขณะที่มือขาวกระชับเชือกคล้องอูฐไว้ในมือแน่น “ทาริค ผมขอโทษ... พวกอูฐ มันหนีไปหมดแล้ว”

เจ้าอูฐส่ายหัวไปมาอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย ก็เหลือมันเพียงตัวเดียวที่ไม่ได้ออกไปเดินหาอะไรกินอย่างตัวอื่นๆ บ้าง มันพ่นลมออกทางจมูกฟืดฟาด

“ผมขอโทษ... เราจะทำยังไงกันดีครับ” ศตคุณเอ่ยเสียงอ่อย เมื่อร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้ เขาก็ก้มหน้างุดเหมือนเด็กที่กลัวว่าจะถูกดุ

ทาริควางตะเกียงลงบนพื้น จากนั้นก็คลี่ผ้าคลุมที่ถืออยู่ในมือออกมาคลุมศีรษะให้กับเด็กหนุ่มแล้วพันทบไว้ เขาดึงเชือกในมือขาวออก ปล่อยเจ้าอูฐที่ศตคุณรั้งไว้ให้เดินออกไป

“ทาริค! แล้วเราจะเดินทางกันยังไงต่อ” ดวงตาสีอ่อนเบิกกว้าง จะคว้าเชือกจูงอูฐไว้ก็ไม่ทัน

มือหยาบลูบศีรษะเล็กเบาๆ “#*+?=)/&%$§+*#”

 “....” เขาไม่เข้าใจหรอกว่าอีกฝ่ายพูดว่าอะไร แต่น้ำเสียงทุ้มต่ำฟังดูใจดี กับแววตาที่ฉายแววอ่อนโยนนั่น เหมือนกำลังบอกเขาว่าไม่เป็นไร อย่าเป็นกังวล ช่วยปลอบโยนและทำให้ใจของเด็กหนุ่มสงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาก้มหน้าลง แล้วใช้มือสัมผัสผ้าที่ทาริคอุตส่าห์ไปเก็บกลับมาให้ “ผ้านี่... ขอบคุณนะครับ”

ชายหนุ่มปลดผ้าคลุมของตนเองออกแล้วปูลงบนพื้นทรายใกล้ๆ กับบริเวณที่วางตะเกียงไว้ ก่อนจะนั่งลงแล้วดึงแขนเรียวให้อีกฝ่ายนั่งลงด้วยกัน

“แต่... ผ้าคลุมของคุณ ให้ผมนั่งทับจะดีเหรอครับ” ศตคุณทำท่าเงอะงะ แต่ก็ยอมนั่งลงตามแรงดึงของมือหยาบ เขาทิ้งระยะห่างจากทาริคเล็กน้อย ชันเข่าขึ้นแล้วเอาแขนกอดไว้ พลางกวาดสายตามองไปบนพื้นทรายที่ฉาบไว้ด้วยแสงบางเบาจากตะเกียง เขาสังเกตเห็นว่าทาริคใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดเป็นครั้งแรก พวกอูฐที่เดินหายไปในความมืดก็ยังคงแบกข้าวของไว้บนหลัง ถ้านี่คือการหยุดพักก็น่าจะเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะถ้าพักนานๆ อีกฝ่ายคงจะตั้งกระโจมผ้าแทน

มือขาวเลือกหยิบก้อนหินมาวาดเล่นบนผืนทรายตรงหน้า จากนั้นจึงสะกิดคนข้างๆ ให้มองดู “ทาริคครับ ดูสิ ผมมาจากออสเตรียอยู่ตรงนี้... แล้วก็ขึ้นเครื่องบินมาที่ดัมมัมนี่ ไกลเหมือนกันนะครับ” จากนั้นเขาก็วาดแกรนด์เปียโนตัวเล็กๆ แล้วพูดต่อ “นี่คือเปียโนยังไงล่ะครับ ผมเป็นนักเปียโน... หากินกับไอ้นี่ล่ะ”

ศตคุณวางนิ้วลงตรงคีย์บอร์ดบนภาพเปียโนที่ตนวาดไว้ “ผมเล่นแบบนี้...” พร้อมกับฮัมเพลงคลอไปด้วย “เพลงนี้มีชื่อว่า Für Elise ของ Beethoven (เบโธเฟ่น) นะครับ... เป็นเพลงที่ดังมากเลยล่ะครับ”

ทาริคเอียงคอมองอย่างสนใจ เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย “#@€§$%&” แล้วลูบศีรษะเล็กเบาๆ

...เสียงทุ้มต่ำกับสัมผัสอันนุ่มนวล ราวกับชายหนุ่มกำลังเอ่ยปากชมเสียงเพลงของเขาอย่างนั้นล่ะ แม้ไม่เข้าใจ แต่ก็ทำให้ศตคุณยิ้มได้ ช่างน่าแปลก... ทั้งๆ ที่เขาเคยแสดงเปียโนต่อหน้าผู้คนมากมาย ได้รับเสียงปรบมือตอบรับดังกึกก้อง หากไม่ทำให้หัวใจอิ่มเอิบอย่างในตอนนี้เลย

“...ผมอยากเล่นเปียโนของจริงให้ทาริคฟังจังเลยครับ” มือทั้งสองข้างดึงกลับมาประสานกันไว้หลวมๆ “รู้มั้ยครับ Für Elise น่ะแปลว่า แด่ Elise (ชื่อคน ภาษาเยอรมันอ่านว่า เอลีเซอะ) ว่ากันว่าเพลงนี้เบโธเฟ่นแต่งให้กับภรรยาอันเป็นที่รัก เธอมีชื่อว่า Therese  (อ่านว่า เธเรเซอะ) แต่คนที่มาค้นพบเพลงหลังจากเบโธเฟ่นตายไปแล้วดันอ่านลายมือชื่อผิด จาก  Therese เลยกลายเป็น Elise... ผมว่าถ้าภรรยาของเบโธเฟ่นยังอยู่ละก็ เธออาจจะเข้าใจผิดแล้วโกรธแย่เลยนะครับ อาจจะปลุกผีของเบโธเฟ่นขึ้นมาจับถ่วงน้ำเลยก็ได้” เด็กหนุ่มเล่าไปพลางหัวเราะเบาๆ พอสบตากับคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน อีกฝ่ายก็ดูเหมือนกำลังฟังเขาอย่างตั้งใจ

“แต่ว่าซึ้งจังเลยนะครับ แต่งเพลงบอกรัก... คงจะโรแมนติกมากเลยทีเดียว” ใบหน้าหวานซบลงบนหัวเข่าที่ตั้งชันขึ้นพร้อมยิ้มบาง “ผมจะมีโอกาสได้บอกรักใครแบบโรแมนติกอย่างนี้มั้ยน้า”

ลมเย็นในยามค่ำคืนพัดเอื่อย ส่งผลให้เด็กหนุ่มรู้สึกหนาว แตกต่างกับเวลาที่เขานั่งอยู่บนหลังอูฐ ตากลมเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน คงเป็นเพราะเวลาที่นั่งอยู่บนหลังอูฐนั้น เขามีอ้อมแขนแข็งแกร่งและร่างสูงใหญ่ช่วยบังลมและให้ความอบอุ่นกับเขาอยู่ตลอดเวลา

สองมือขาวลูบไปตามลำแขน ไหล่เล็กสั่นน้อยๆ เขาชักนึกอยากจะกลับขึ้นไปหลังอูฐแล้วเดินทางต่อซะแล้วซี... “อ๊ะ... ทาริค”

มือหยาบจับสาบเสื้อคลุมให้เปิดออก โอบไหล่เล็กแล้วดึงให้เด็กหนุ่มเข้ามาแนบชิดอยู่ภายในเสื้อคลุมของเขา ร่างสูงไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของเขานิ่งเฉยเช่นเดิม

“ขะ... ขอบคุณครับ” ใบหน้าน่ารักที่ซบบนแผ่นอกกว้างร้อนผ่าว หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ เขาหลุบตาต่ำอย่างเขินอายแล้วแอบสำรวจภายใต้เสื้อคลุมของชายหนุ่ม มีเข็มขัดหนังคล้องกริชโค้งงองุ้มหลบไว้ทางด้านข้างของเอว เขาจึงมองเห็นได้เพียงแค่บางส่วนของด้ามจับเท่านั้น เหนือแผ่นอกมีสายหนังคล้องพาดเป็นรูปกากบาท บนสายหนังมีกระเป๋าใส่ปืนเล็กๆ ไว้สองกระบอก

“...ในทะเลทรายต้องพกอาวุธกันขนาดนี้เชียวเหรอครับ” ศตคุณชะงักไปเล็กน้อย ก็อาวุธพวกนี้ไม่ใช่หรือ ที่เขาเห็นชายหนุ่มใช้ยิงพวกผู้ร้ายเพื่อช่วยเหลือเขา

“#+‘*#$§%&§$#+§%&”

เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของอ้อมกอด ศีรษะเล็กส่ายไปมา “เปล่านะครับ ผมไม่ได้กลัว...” เขาตอบไปแบบนั้นเพราะสายตาที่มองมาแลดูเป็นกังวล รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนใบหน้าหวาน “...ก็ทาริคเป็นคนช่วยเหลือผมไว้ตั้งหลายครั้งหลายหนนี่นา”

“.....” ดวงตาสีเข้มจับจ้องริมฝีปากสีแดงสดที่คลี่ยิ้มให้กับเขาอย่างลืมตัว ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนไปประสานสายตากับคนในอ้อมกอด แล้วใช้ปลายนิ้วหยาบลูบไล้แก้มสีชมพูระเรื่อแผ่วเบา

ศตคุณรู้สึกได้ถึงก้อนเนื้อใต้แผ่นอกกว้างที่เต้นแรงขึ้นผิดปกติ แม้ใบหน้าคมเข้มไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมาให้เขาจับอารมณ์หรือคาดเดาความคิดได้ ทว่าจู่ๆ อีกฝ่ายก็ผละออก แล้วลุกขึ้นยืน “ทาริค... ครับ?”

ชายหนุ่มก้าวออกไปสองสามก้าว แล้วผิวปากลั่น จากนั้นเพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น พวกอูฐทั้งห้าตัวที่ถูกปล่อยให้เดินหาอาหารแถวๆ นั้น ก็เดินตรงกลับมาหาเขา

“อ๊ะ เรียกกลับมาได้ง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอเนี่ย” ร่างโปร่งลุกตามพร้อมกับขมวดคิ้วและบ่นพึมพำ... ไอ้พวกอูฐบ้านี่ ตกใจหมดเลย นึกว่าจะหนีไปเสียอีก ทำให้เขาปล่อยไก่เต็มทะเลทรายเลยเห็นไหม... ศตคุณก้มหยิบผ้าคลุมของทาริคขึ้นมาปัดเศษฝุ่นทรายออก แล้วเอาไปส่งคืนให้กับเจ้าของ “ตอนแรกผมไม่รู้นี่นาว่าปล่อยพวกมันเดินไปไหนมาไหนเองได้แบบนี้น่ะ” ...เนื่องจากทุกทีที่หยุดพัก ทาริคจะเป็นคนจัดการกับพวกอูฐเองเสมอ

มือหยาบรับผ้าคลุมจากเด็กหนุ่มมา แล้วจัดการพันรอบศีรษะตนให้เรียบร้อย เขาจัดการคล้องเชือกอูฐทั้งห้าตัวไว้ด้วยกัน ก่อนจะเรียกเด็กหนุ่มให้กลับขึ้นไปบนหลังอูฐ จากนั้นการเดินทางในยามค่ำคืนของพวกเขาก็ดำเนินต่อไป


ดวงจันทร์เสี้ยวเคลื่อนไปลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า ซึ่งนั่นก็หมายความว่าทั้งสองคนเดินทางกันไปกว่าครึ่งคืนแล้ว ร่างโปร่งบางนั่งนิ่งอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นเช่นเดิม หัวใจของคนที่นั่งอยู่ด้านหลังเต้นเป็นจังหวะหนักๆ สม่ำเสมอ จนทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกว่า บางทีก่อนหน้านั้นเขาอาจคิดไปเองก็ได้ ดวงตากลมใสชำเลืองมองใบหน้าที่มีหนวดเคราปกคลุมอยู่หลายครั้ง สีหน้าของอีกฝ่ายก็ยังคงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ...แต่จะว่าไปชายหนุ่มจะหัวใจเต้นแรงเวลาที่อยู่ใกล้เขาทำไมกัน ศตคุณจึงสรุปเอาว่าเขาคงคิดไปเองจริงๆ
 
“เฮ้อ...” พอถอนหายใจไปแล้วตัวเขาเองก็ขมวดคิ้ว... แล้วเขาจะถอนหายใจทำไม?

“%$§*&€#+$§%&” เสียงทุ้มกระซิบจากทางด้านหลัง ก่อนเขาจะละมือข้างที่ถือไม้สำหรับใช้ในการควบคุมอูฐขึ้นมาลูบศีรษะเล็ก

ศตคุณหันขวับกลับไปสบตากับอีกฝ่าย “...เปล่าครับ ผมไม่ได้เบื่อหรอก...” ร่างโปร่งเม้มริมฝีปากพร้อมกับขมวดคิ้ว เขาคิดว่าควรจะหาเรื่องคุยสักหน่อย เพราะไม่อยากให้ทาริคเป็นกังวล “เอ้อ... ผมแค่กำลังคิดว่า ทะเลทรายนี่แปลกดี กลางวันร้อนแทบตาย กลางคืนกลับเย็นลงได้ขนาดนี้.... แต่ตอนต้นกับตอนปลายฤดูร้อนที่เวียนนาก็เป็นแบบนี้เหมือนกันนะครับ ถึงกลางวันจะไม่ร้อนเท่าที่ทะเลทรายนี่ก็เถอะ แต่อุณหภูมิกลางวันกับกลางคืนก็ต่างกันเยอะ”

...แล้วเขาจะพูดทำไมนัก ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เข้าใจที่เขาพูดสักหน่อย

“แย่จังนะครับที่เราคุยกันไม่รู้เรื่อง ผมอยากให้ทาริคเล่าเรื่องของคุณ เรื่องของทะเลทรายให้ฟังบ้าง เสียงของคุณออกจะเพราะขนาดนี้แท้ๆ”

ดวงตาสีอ่อนจ้องมองใบหน้าคมสัน เพ่งพิเคราะห์แล้วก็พยายามจินตนาการหน้าตาของชายหนุ่มเวลาที่เกลี้ยงเกลา ไร้หนวดเคราปกคลุม... แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก “ทาริค... ไม่คิดจะโกนหนวดบ้างเหรอครับ” แล้วเขาก็วกกลับมาที่คำถามเดิมๆ

มือกร้านสะกิดไหล่เล็ก แล้วชี้ให้มองไปด้านหน้า ซึ่งที่ไกลลิบออกไปมีแสงไฟดวงเล็กๆ รวมกันอยู่เป็นกระจุก เมื่ออูฐก้าวเดินใกล้เข้าไป ภาพตรงหน้าก็ชัดเจนขึ้นทีละน้อย ตรงที่มีแสงไฟที่เขาเห็นในตอนแรกนั้น คือที่ตั้งของเมืองเล็กๆ ในทะเลทราย ตรงประตูทางเข้าเมืองมีแสงไฟจากตะเกียงน้ำมันสลัวๆ พอให้เห็นบ้านทรงสี่เหลี่ยมที่ปลูกติดๆ กันอย่างหนาแน่นอีกฝั่งหนึ่งของประตู

“อ๊ะ เมือง... มีเมืองในทะเลทรายด้วย แล้วจู่ๆ จะเข้าได้เหรอครับ ผมไม่มีพาสปอร์ตซะด้วยสิ” ร่างโปร่งชะงักไปชั่วครู่ ก่อนหันไปถามต่อ “ทาริค คุณคงไม่เอาผมไปขายให้ใครใช่มั้ยครับ”

ร่างสูงจับผ้าคลุมศีรษะปิดใบหน้าหวานให้เหลือเพียงแค่ดวงตา ทว่าเปิดผ้าคลุมศีรษะของเขาออกเพื่อให้พวกทหารที่เฝ้าประตูเมืองมองเห็นและยอมให้ผ่านเข้าไปได้ ก่อนจะพาเด็กหนุ่มไปยังบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีรั้วไม้เตี้ยๆ กั้นไว้โดยรอบ เขาเจรจากับผู้ดูแลอยู่สักพัก แล้วปล่อยพวกอูฐไว้บริเวณรางน้ำใต้ที่ร่มข้างหน้าบ้านพักนั่นเอง

พอมือหยาบใส่ถุงมือหนังแล้วยกขึ้นในอากาศพ ร้อมกับผิวปากเรียก เหยี่ยวสีน้ำตาลที่บินวนอยู่ในท้องฟ้าก็บินถลาลงมาหาเจ้านายทันที

แกว๊กกก...

จากนั้น ชายหนุ่มก็จับเหยี่ยวของเขาวางลงบนขอนไม้ข้างๆ รางน้ำสำหรับอูฐ คล้ายกับสั่งการกับมันว่าให้รอเขาอยู่ที่นี่ แล้วจึงเดินนำเข้าบ้านพักไป

บ้านแบบพื้นเมืองทรงสี่เหลี่ยมแบบง่ายๆ สร้างขึ้นจากอิฐโคลนผสมฟางวางซ้อนๆ กัน โบกทับด้วยดินโคลน แล้วยาด้วยยางสนอีกชั้น มันอาจไม่แข็งแรงทนทานเฉกเช่นบ้านที่ทันสมัยในเมืองใหญ่ หากก็ช่วยให้ลมถ่ายเท และปกป้องชาวเมืองจากแสงแดดในยามกลางวันได้เป็นอย่างดี

ภายในบ้านไม่มีห้องหับและเฟอร์นิเจอร์อะไรมากมาย เป็นเพียงห้องโล่งๆ ที่มีพรมถักปูไว้บนพื้นกับใช้ประดับข้างฝา ส่วนของเตียงมีแค่ขนแกะปูไว้หนาเหนือพื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อย

“ในบ้านเย็นดีจังครับ แต่ไม่รู้ว่าพอแดดออกแล้วจะร้อนรึเปล่า” เด็กหนุ่มมองไปรอบๆ ห้องอย่างสนใจ “พรมสวยจัง ที่นี่ดูมีพรมเยอะจนเหลือเฟือนะครับ ใช้ปูทั้งพื้นทั้งแขวนผนัง ไม่รู้ว่าจะเหลือเพดานไว้ทำไมนะครับเนี่ย”

ทาริคปลดผ้าคลุมสีดำออกแล้ววางกองไว้บนโต๊ะไม้ตัวเล็กๆ ก่อนจะเอนตัวลงนอนบนขนแกะ เมื่อเห็นดังนั้นศตคุณก็ทำตามทันที เขาจัดการดึงผ้าคลุมผืนใหญ่ออกวางไว้ คลานไปนั่งบนขนแกะทั้งชุดโต๊ปรุ่มร่าม แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ กัน

นัยน์ตากลมจ้องมองชายหนุ่มที่นอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน คิดว่าคงจะหลับไปแล้ว ร่างโปร่งพยายามจะข่มตาให้หลับบ้าง หากใจก็เอาแต่พะว้าพะวัง... กลัวตื่นมาแล้วจะต้องอยู่คนเดียว เขาเอื้อมไปสัมผัสกรอบหน้าคมเข้มอย่างเบามือ

“ทาริค อย่าทิ้งผมนะครับ” เด็กหนุ่มกระซิบเสียงค่อย พลางพลิกตัวหันเข้าหาร่างสูง สองมือขาวขยุ้มเสื้อคลุมสีดำของอีกฝ่ายไว้แน่น ไม่นานก็ผล็อยหลับไป

 สองหนุ่มที่เดินทางข้ามวันข้ามคืนในทะเลทรายต่างเหนื่อยอ่อน พวกเขาหลับกันเป็นตายชนิดลืมความหิว จนถึงเวลาสายๆ ที่เสียงดังจ้อกแจ้กจากทางด้านนอกปลุกพวกเขาให้ตื่นขึ้น

“ข้างนอกมีอะไรน่ะครับ เสียงดังลั่นเลย” ศตคุณลุกพรวด แล้วหันไปเขย่าปลุกคนที่นอนข้างกัน

ทาริคลุกขึ้นนั่งทั้งยังงัวเงีย “$&§%/%(&?” เขาเอ่ยถามพลางทำท่าลูบท้องไปด้วย

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก “หิวครับ ที่นี่จะมีอาหารขายมั้ยครับ... อ่า... แต่ผมไม่มีเงิน...”

มือใหญ่ลูบศีรษะเล็กเบาๆ เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบผ้าคลุมศีรษะมาส่งให้

“...เราจะออกไปข้างนอกกันเหรอครับ”

เสียงดังจากทางด้านนอกคือเสียงตะโกนขายของกันในตลาดยามเช้า เนื่องจากบ้านที่พวกเขาเข้าพักอยู่ละแวกนั้นพอดี ในช่วงเวลาที่อากาศยังไม่ร้อนมาก ตลาดขนาดเล็กแห่งนี้จึงคึกคักเป็นพิเศษ

ร้านค้าบางส่วนวางสินค้ากองอยู่บนผ้าที่ปูไว้กับพื้น บ้างก็มีโต๊ะใหญ่ไว้จัดวาง พวกอาหารที่มีขายก็จะเป็นพวกขนมปังย่างร้อนๆ เนื้อแกะ ชีส นมแพะ และผลไม้จำพวกมะเดื่อ อินทผลัม หรือทับทิม บางร้านขายมีดดาบ บางร้านขายตุ๊กตาปั้นและจานชามที่ทำจากดินเผา และก็มีร้านที่ขายเสื้อผ้าสิ่งถักทอทั้งหลายให้เลือกซื้อด้วย

ร่างสูงเดินนำออกไป โดยมีเด็กหนุ่มตามไปอย่างกระชั้นชิด เขาหันมองซ้ายขวาด้วยความตื่นตาตื่นใจ ตลาดที่ดูราวกับพาย้อนกลับไปในโลกแห่งอดีต เพราะของในตลาดส่วนใหญ่เป็นของทำมือจากวิถีของชาวเมืองทะเลทราย

มือหยาบกระตุกแขนเรียวของคนที่เอาแต่มองตามร้านขายของให้ตามเขาเข้าไปในเพิงขายอาหาร พวกเขานั่งลงบนเบาะรองนั่งที่ปูอยู่บนพื้นพรม โดยมีโต๊ะตัวเล็กตั้งระหว่างกลาง  ทาริคเจรจาพร้อมจ่ายเงินไปไม่นานก็มีคนนำอาหารมาเสิร์ฟให้

อาหารที่จัดวางอยู่บนโต๊ะเป็นอาหารพื้นเมืองแบบง่ายๆ ประกอบไปด้วยเนื้อแพะย่างวางอยู่บนขนมปังซึ่งถูกตีเป็นแผ่นกลมกว้างบางๆ ขนาดเท่ากับจานที่ใช้รอง ราดด้วยซอสครีมเปรี้ยวผสมโยเกิร์ตและสมุนไพร กลิ่นหอมชวนให้เด็กหนุ่มท้องร้องเสียงดัง ต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ทั้งๆ ที่เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าเป็นเนื้ออะไรเลยด้วยซ้ำ

พอทาริคหยิบอาหารใส่ปากให้ดูเป็นตัวอย่าง ร่างโปร่งก็ทำตามทันที เนื้อแพะที่หมักสมุนไพรนุ่มหอม รสชาติละมุนนุ่มลิ้น ทานกับขนมปังอุ่นๆ เข้ากันได้เป็นอย่างดี มือขาวหยิบใส่ปากราวกับอดอยากมาแสนนาน โดยไม่ทันสังเกตคนที่ลอบมองตนแล้วหัวเราะอยู่หลายหน

“อร่อยมากเลยครับ อร่อยจนน้ำตาไหลเลย ขอบคุณมากนะครับ” เมื่อท้องอิ่มเด็กหนุ่มจึงได้เปิดปากเอ่ยชม แล้วยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบ

“#+*!“§“$%/&” ร่างสูงยิ้มมุมปาก เขาหยิบผ้ามาเช็ดมือให้สะอาดแล้วลุกเดินไปหาคนขาย สักพักก็กลับมาพร้อมถาดใส่ถ้วยดินเผาขนาดเล็กๆ ในมือ

ศตคุณชะโงกมองสิ่งที่อยู่ภายใน กลิ่นคล้ายนมเปรี้ยวเหมือนกับ... “โยเกิร์ตเหรอครับ”

มือใหญ่หยิบเหยือกเล็กๆ ที่บรรจุน้ำผึ้งไว้เทใส่ถ้วยดินเผา แล้วส่งให้เด็กหนุ่มได้ลองชิม

“...ขอบคุณครับ” ร่างโปร่งไม่รอช้า เขาหยิบไม้พายอันเล็กจ้วงโยเกิร์ตใส่ปากทันที “อื้อออ... อร่อย!!” สามวันแล้วที่ไม่ได้มีอาหารดีๆ และของหวานตกถึงท้อง เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตาจัดการกับของหวานเหล่านั้นไปจนแทบลืมหายใจ


(มีต่อค่ะ)


ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


หลังจากท้องอิ่มแล้ว สองหนุ่มก็ไปเดินเล่นต่อในตลาด เมื่อถึงร้านขายกริชขนาดเล็ก ร่างสูงจึงสะกิดให้เด็กหนุ่มเดินตามเข้าไป กริชที่จัดวางโชว์ไว้บนผ้าขนสัตว์ทำจากโลหะธรรมดาๆ ที่หาได้ทั่วไป ไม่ได้แข็งแรงทนทานและคมกริบ หากก็เป็นสิ่งที่ชายหนุ่มในทะเลทรายจำเป็นต้องมีเหน็บไว้กับเข็มขัดหนัง เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายพื้นเมือง ส่วนราคาและความหรูหราของกริช หรือที่เรียกอีกชื่อว่าคันจาร์ (Khanjar) นั้นขึ้นอยู่กับฐานะของผู้เป็นเจ้าของ

“ทาริคจะซื้อมีดใหม่เหรอครับ แล้วอันเก่าล่ะ หรือว่าที่ทิ่มหัวงูไปเมื่อตอนนั้นทื่อซะแล้วครับ” ศตคุณถามขึ้น เขาเคยเห็นกริชของชายหนุ่มชัดๆ เพียงแค่ครั้งเดียว เพราะปกติแล้วอีกฝ่ายจะใส่เสื้อคลุมสีดำปกปิดไว้อยู่เสมอ

ร่างสูงไม่ตอบ มือหยาบเลือกหยิบคันจาร์อยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกคันจาร์ในปลอกโลหะสีเงินกับเข็มขัดหนัง ขณะที่กำลังเจรจาต่อรองและจ่ายเงิน เด็กหนุ่มก็เดินออกไปยืนรออยู่แถวด้านหน้าร้าน ดวงตาสีอ่อนทอดมองมองไปยังร้านขายเสื้อและพรมจากขนแกะ มีเครื่องประดับทำจากเงินและหินสี ผ้าสีดำมีลวดลายถักทอด้วยมือสวยงาม ซึ่งน่าจะเป็นร้านเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิง

“อ๊ะ...” ศตคุณชะงัก เมื่อเห็นเด็กตัวน้อยที่มีมือเหลือเพียงข้างเดียวเอื้อมไปกระตุกสร้อยเงินจากแผงที่วางขาย แล้ววิ่งหนีออกไปทันที

“$§&§“§#+“§%!!” พ่อค้าที่เป็นเจ้าของร้านตะโกนลั่น พร้อมกับคว้ามีดเล่มยาววิ่งตามหลังเด็กคนนั้นไปด้วย โดยมีทหารวิ่งตามหลังไปอีกสองสามนาย

ผู้คนในตลาดต่างแตกตื่น ทั้งเบียดทั้งผลักกันไปมาจนร่างโปร่งบางโดนกระแสคนเบียดให้ออกห่างจากหน้าร้านขายกริชไปทุกที

“ทาริค!!!” ศตคุณร้องเรียกด้วยความตกใจ พอจะเดินสวนผู้คนกลับไป เสียงกรีดร้องโหยหวนก็ทำให้เขาหยุดชะงัก

นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้างขณะที่มองผ่านผู้คนไปยังลานโล่งท้ายตลาด ซึ่งที่ตรงนั้นมีร่างไร้วิญญาณของใครบางคนที่เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าเป็นชายหรือหญิงถูกมัดติดไว้กับเสา ผิวเนื้อเป็นสีดำแห้งติดกระดูก เด็กคนที่เขาเห็นกำลังวิ่งตรงไปที่นั่น โดยมีพ่อค้าคนเดิมวิ่งตามไปติดๆ ก่อนจะเงื้อมีดฟันลงไปบนแผ่นหลังของเด็กน้อยคนนั้นเต็มแรง

“อย่า!” ศตคุณร้องห้าม ทว่าไม่ทันเสียแล้ว

เด็กน้อยที่มีมือเพียงข้างเดียวถูกปลายมีดกรีดผ่านเข้าตรงกลางหลังเป็นรอยลึก เลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมาจากบาดแผล ร่างเล็กทรุดลงตรงปลายเท้าศพที่ถูกมัดไว้กับเสา รอบๆ กายมีก้อนหินใหญ่เล็กวางอยู่ประปราย มือน้อยที่เปรอะคราบสีดำสกปรกเอื้อมไปกอดขาของร่างไร้วิญญาณ ก่อนจะแน่นิ่งไป

หากพ่อค้าใจโหดยังไม่หนำใจ เขาก้มหยิบก้อนหินใหญ่ปาใส่ทั้งสองร่างก้อนแล้วก้อนเล่าพร้อมสบถเสียงลั่น จนตัวเองหอบตัวโยนก็ยังไม่ยอมหยุด

ศตคุณอ้าปากค้าง ในยุโรปนั้นถือว่าการทำร้ายผู้เยาว์เป็นเรื่องที่เลวร้ายและมีความผิดฉกรรจ์ เขาเติบโตมาในดินแดนที่มีกฎหมายปกป้องสิทธิให้กับผู้เยาว์ แต่พอมาเห็นภาพการทำร้ายเด็กแบบนี้ ก็อดคิดไม่ได้ว่าที่นี่เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนหรืออย่างไรกัน

“พอได้แล้ว! ทำไปขนาดนี้ยังไม่พออีกรึไง!” เด็กหนุ่มตะโกนลั่น

พ่อค้าคนนั้นหยุดชะงัก ใบหน้าสีคร้ามแดดเป็นสีแดงก่ำ ดวงตาที่จ้องมองมาทางศตคุณดูราวกับเกลียดชังกันเสียเหลือเกิน ทั้งๆ ที่เพิ่งเคยเจอกันแท้ๆ เขาชี้มือไปทางที่ร่างโปร่งยืนอยู่ แล้วหันไปตะโกนเรียกพวกทหารด้วยเสียงกร้าว

ผู้คนรอบๆ ตัวเด็กหนุ่มแหวกออกเป็นวง ก่อนทหารหลายนายจะตรงเข้ามาพร้อมกับปืนกระบอกยาวในมือ

“ไอ้เด็กนี่มันบังอาจคัดค้านกฎหมายของเมืองเรา!!”

“มาจากไหน เป็นคนต่างชาตินี่! รึจะเป็นพวกเดียวกันกับไอ้โจรพวกนี้”


ศตคุณใจหายวูบ ใบหน้าสวยซีดเผือดด้วยความตกใจกลัว เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เหตุการณ์ถึงพลิกผัน ทุกคนมองมาราวกับว่าเขาเป็นคนร้ายไปด้วย แล้วยังพวกทหารที่ก้าวฉับๆ ตรงเข้ามาทางตน ท่าทางไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย

“แกมาจากไหน!!”

หนึ่งในทหารตะคอกถามคำถามเสียงดังลั่น พลางเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่ม หากพอไม่ได้รับคำตอบและเห็นว่าร่างโปร่งถอยหนี พวกเขาก็ปราดเข้ามารุมล้อม พร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าแขนเรียวไว้

ผัวะ!!!

“อย่าแตะต้อง!! เขาเป็นคนของฉัน!!” ทาริคใช้กริชทั้งฝักที่อยู่ในมือฟาดไปบนลำแขนของทหาร แล้วดึงศตคุณให้มาหลบอยู่ข้างหลัง “คุณ! มานี่”

เด็กหนุ่มตัวสั่นสะท้าน พอเห็นร่างสูงใหญ่ของคนที่คุ้นเคยก็แทบจะร้องไห้ออกมาทันที “...ทาริค”

“มีธุระอะไรก็คุยกับฉันนี่” ชายหนุ่มหันไปบอกกับพวกทหารด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ดวงตาคมเปล่งประกายเฉกเช่นราชสีห์หนุ่มผู้นำฝูง

พวกทหารถอยกรูด เพราะใบหน้าซึ่งเป็นที่รู้จัก พร้อมทั้งดวงตรากุหลาบสีขาวบนฝักกริชซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันให้แน่ชัดว่าชายผู้นี้ไม่ใช่คนที่พวกเขาควรจะต่อกรด้วย ต่างคนต่างค้อมศีรษะลงต่ำ ก่อนจะละล่ำละลักตอบ 

“ไม่มีครับ ขออภัยครับท่าน”

พ่อค้าใจโหดยิ่งฉุนหนัก เขาเต้นผางเมื่อไม่ได้อย่างใจ “ไม่มีได้ยังไง จัดการไอ้เด็กหน้าขาวนั่นซี่ มันเป็นพวกของนางโจรนี่!!” เมื่อเห็นว่าพวกทหารพากันล่าถอย เจ้าตัวก็แกว่งมีดเล่มยาวเดินเข้าไปหาร่างสูงเสียเอง

“ฉันจะจัดการแกเอง!!”


ฉัวะ!!

ทาริคกระตุกยิ้มให้กับคนที่พุ่งเข้าใส่ แขนแกร่งตวัดอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่คันจาร์ด้ามสั้นปาดเข้าตรงคอหอยของพ่อค้านิสัยเสีย แต่ไม่ลึกพอที่จะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ก่อนจรดปลายกริชแหลมลงบนจมูกเหนือหนวดเคราสีเทารกรุงรัง

“โทษของขโมยคือตัดมือ... แล้วโทษของคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คืออะไร”

พ่อค้าถึงกับหน้าซีด เขาเพิ่งสังเกตเห็นดวงตราบนฝักคันจาร์ในมือของคนตรงหน้า แล้วก็ถึงกับเข่าอ่อน... เพราะโทษของคนที่อาจเอื้อมนั้นคือการประหาร!

มือหยาบกร้านกุมลำคอตรงที่เลือดไหลทะลัก ทรุดกายลงกับพื้นแล้วเปล่งเสียงออกมาอย่างลำบาก “กระผมขออภัยครับท่าน”

“ในทะเลทรายแห่งนี้ ชีวิตพวกแกเป็นของฉัน จำเอาไว้ให้ดี”



เมื่อทาริคเก็บกริชเข้าฝัก พวกทหารก็ปราดเข้ามาประคองพ่อค้าออกไปจากบริเวณนั้น ส่วนพวกคนที่หยุดมุงดูก็พากันก้มหน้าก้มตาเดินออกไปราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น นัยน์ตาคมกริบเหลือบมองศพของหญิงสาวกับเด็ก แล้วถอนหายใจ ก่อนจะหันกลับไปหาคนที่ยืนนิ่งราวกับถูกสาป ใบหน้าสวยหวานซีดไร้สีเลือด

“คุณ เราไปจากตรงนี้กันเถอะ”

ทันทีที่เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท น้ำตาก็เอ่อล้นออกมามากมาย ไหล่เล็กสั่นเทา สองมือขาวประสานกันไว้แน่น “ผม... ผม...” เนื่องจากศตคุณยังคงช็อก สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาจึงไม่ได้เอะใจแม้แต่น้อยว่าตนเองนั้น เข้าใจ คำพูดของชายหนุ่ม 

“กลัวใช่มั้ย ไปเถอะ ไปจากตรงนี้ก่อน” มือใหญ่คว้าแขนเรียวแล้วกึ่งลากกึ่งจูงให้เดินไปพร้อมกันกับเขา เพราะไม่อยากให้เด็กหนุ่มต้องทนเห็นภาพแม่ลูกอันน่าสลดนานต่อไปกว่านี้อีก

“ทาริค... ฮือ...” เจ้าของท่อนขาเรียวก้าวออกไป พลางร้องไห้ไปด้วยราวกับเด็กเล็กๆ

“เดินไหวมั้ย หรือจะให้อุ้ม” ร่างสูงหันกลับมาถาม

ศตคุณส่ายหน้า ใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา “ผม... อยากอาเจียน... ครับ” พูดจบเขาก็ทำท่าพะอืดพะอม รีบยกมือขึ้นปิดปาก “ไม่ไหว... แล้วครับ” ร่างโปร่งสลัดแขนให้หลุดจากมือใหญ่ จากนั้นก็ก้าวไปหลบตรงมุมตึก แล้วโก่งคออาเจียนเอาอาหารที่เพิ่งรับประทานไปออกมาจนหมด

ทาริคเข้าไปช่วยลูบหลังบางให้อย่างเป็นห่วง เด็กหนุ่มในเวลานี้ดูบอบบางและอ่อนแอมากเหลือเกิน “ค่อยยังชั่วขึ้นรึยัง”

มือขาวยกขึ้นปาดคราบน้ำตา เขารู้สึกขมในลำคอจนแสบไปหมด “...ทาริคครับ... ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ฮึก... เราออกไปจากที่นี่กันเถอะครับ”

“ใจเย็นๆ กลับที่พักกันก่อนแล้วค่อยคุยกัน”

“ผมกลัว... คนที่นี่ป่าเถื่อน... โหดร้าย... ฮือ...”

“...เดินไหวมั้ย...” ร่างสูงพยายามพยุงเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นอยู่หลายครั้ง แต่พอดึงศตคุณให้ยืนขึ้นมาได้ แวบเดียวอีกฝ่ายก็ทรุดลงไปนั่งอีก จนชายหนุ่มอ่อนใจ เขาจึงอุ้มเด็กหนุ่มขึ้นพาดบ่า แล้วก้าวยาวๆ กลับไปยังที่พักที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก

ทาริคค่อยๆ วางร่างโปร่งบางลงบนผ้าปูขนแกะภายในห้องพักที่ปิดทึบ มีเพียงช่องอากาศขนาดเล็ก หากก็ถูกปิดไว้ด้วยผ้าม่านไม่ให้แสงส่องเข้ามาได้ ขณะนั้นเสียงผู้คนจากตลาดทางด้านนอกเงียบหายไป เพราะพวกชาวเมืองต่างพากันกลับเข้าไปอยู่ในบ้านกันหมด เนื่องจากต้องหลีกเลี่ยงช่วงเวลากลางวันที่กระไอแดดร้อนจนแทบจะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างให้ไหม้เป็นจุณ

“เป็นยังไงบ้าง”

เด็กหนุ่มสงบใจลงได้มากแล้ว ทว่าภาพอันน่าสลดและสยดสยองที่เพิ่งเห็นมาหมาดๆ ยังคงตราตรึง มันไม่ใช่ภาพที่ใครจะลืมไปได้ง่ายๆ แน่ “รู้สึกแย่... มากเลยครับ”

“รอเดี๋ยวนะ” ร่างสูงลุกออกไปทางหลังบ้าน สักพักก็กลับมาพร้อมกับขันน้ำดื่มและผ้าชุบน้ำหมาดในมือ เขาส่งขันให้ศตคุณได้ดื่มน้ำ แล้วใช้ผ้าช่วยซับใบหน้าให้ “ดีขึ้นรึยัง”

“เราออกไปจากที่นี่กันเถอะครับ เดี๋ยวพวกนั้นตามมาทำร้าย”

“เขาไม่มายุ่งกับเราหรอก”

“แน่ใจเหรอครับ ขนาดเด็กตัวเล็กๆ พวกเขายังฆ่าได้หน้าตาเฉย” ยิ่งพอนึกถึงดวงตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอีก เด็กหนุ่มเม้มปากอย่างพยายามข่มใจ อดกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมาได้

“กฎของคนที่นี่คือตาต่อตา ฟันต่อฟัน... ที่เธอว่าป่าเถื่อน ก็คงใช่... สองคนที่ตาย ฉันคิดว่าคงจะเป็นแม่ลูกกัน เพราะความยากจน ไม่มีสามีเลี้ยงดู ทำให้ผู้หญิงคนนั้นต้องกลายเป็นโสเภณี หรือไม่ก็ไปเป็นชู้กับคนที่มีภรรยาแล้ว พอถูกจับได้เธอจึงถูกลงโทษ ส่วนเด็กคนนั้น มือที่กุดไปข้างนึงนั่นก็แสดงว่าเคยลักขโมยแล้วถูกจับได้ และนี่ก็คงจะเคยขโมยมาหลายครั้งแล้ว”

“แต่นั่นก็เป็นผู้หญิงกับเด็กนะครับ ทำไมต้องลงโทษกันขนาดนี้ด้วย... โหดร้ายเหลือเกิน...”

มือหยาบลูบศีรษะเล็กเบาๆ “มันโหดร้าย แต่ก็เป็นวิถีของคนที่นี่น่ะ”

“น่ากลัว”

“...แล้วกลัวฉันด้วยรึเปล่า”

“ทาริคไม่เหมือนคนพวกนั้นนี่ครับ” ศตคุณตอบทันควัน แล้วคว้าท่อนแขนแกร่งหมับ “เราไปจากที่นี่กันนะครับ ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”

“...ตอนนี้เรายังไปไหนไม่ได้หรอก อาทิตย์ขึ้นแล้ว... นอนเอาแรงสักหน่อยดีกว่า” ทาริคตอบอย่างใจเย็น

เด็กหนุ่มนิ่งไปสักพักเมื่อนึกถึงความร้อนที่แทบจะฆ่าคนได้ในเวลากลางวัน “จริงด้วยสินะ... ตอนกลางวันแบบนี้ ข้างนอกคงจะร้อนมากแน่ๆ”

“อยู่ในบ้านปลอดภัยที่สุดแล้ว ถ้าขืนออกไปตอนนี้ เธออาจจะเป็นอันตรายได้”

เด็กหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเอนตัวลงนอนช้าๆ พร้อมกับยกมือประกบใบหน้า “แย่ชะมัดเลย ทำไมผมถึงต้องมาเจอเรื่องโหดร้ายแบบนี้ด้วยนะ ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว”

“...แย่มากขนาดนั้นเลยหรือ”

น้ำเสียงเจือความเศร้าที่ได้ยินทำให้ศตคุณลดมือลงเพื่อประสานสายตากับชายหนุ่ม “...ผม...” ...ที่จริงก็ไม่ได้ถึงกับแย่หรอก... ร่างโปร่งยังไม่ทันตอบ หากจู่ๆ ก็รู้สึกสะกิดใจแบบแปลกๆ แล้วพอนึกได้ มือขาวก็ยันตัวลุกขึ้นพรวด “ทาริค! คุณเข้าใจที่ผมพูดนี่!! เอ๊ย!! ไม่ใช่สิ คุณพูดภาษาเดียวกับผมก็ได้นี่!!”

ร่างสูงตีหน้าซื่อ “ฉันก็ไม่เคยบอกว่าไม่เข้าใจหรือพูดไม่ได้สักหน่อย”

ใบหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ นัยน์ตากลมเบิกกว้างพลางนึกย้อนไปว่าตนเคยพูดอะไรกับคนคนนี้ไปบ้าง เพียงเพราะเข้าใจไปเองว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจภาษาของตนแท้ๆ


“นี่ขนาดผมเป็นผู้ชาย... เวลาที่คุณมองมา บางครั้งยังอดใจเต้นไม่ได้เลย”

“ทาริค อย่าทิ้งผมนะครับ”



“อ๊า!! ทาริค! คุณนี่มัน!” ศตคุณอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน ไม่รู้จะทำสีหน้าเช่นไร หัวใจเจ้ากรรมก็เอาแต่เต้นรุนแรงไม่เป็นจังหวะ เขาจึงเอนตัวลงนอนบนขนแกะแล้วหันหน้าหนีจากร่างสูงไปเสีย

ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้แล้วกระซิบถาม “หิวมั้ย เมื่อกี้เธอคงอาเจียนเอาอาหารที่เพิ่งกินเข้าไปออกมาหมดแล้ว”

“...ไม่... ไม่ครับ” เสียงของเนื้อผ้าที่เสียดสีกันดังซอกแซกเรียกให้ร่างโปร่งรีบหันขวับกลับมาทางคนที่กำลังจะลุกออกไป มือขาวตะครุบเสื้อคลุมอีกฝ่ายไว้อย่างรวดเร็ว “ทาริคจะไปไหนครับ!”

“จะไปอาบน้ำหลังบ้าน จะได้นอนได้สบายตัวหน่อย”

“......” ...กลัว... ไม่อยากอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่กล้ารบกวนชายหนุ่มกับเรื่องไร้สาระแบบนี้

มือหยาบลูบศีรษะเล็กอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องกลัวหรอก ไม่มีใครกล้าเข้ามาในนี้หรอกน่ะ”

“แน่ใจเหรอครับ”

“อื้อ”

ศตคุณยอมปล่อยมือออกจากเสื้อคลุมช้าๆ แล้วล้มตัวลงนอนกะพริบตาปริบๆ หากความกังวลมีมากเกินกว่าที่เขาจะข่มตาให้หลับลงได้ “....”

ทาริคเห็นว่าร่างโปร่งยังคงใจเสีย เขาจึงนั่งลงข้างๆ เด็กหนุ่ม แล้วตบลงเบาๆ บนตัก “มานี่สิ”

ร่างโปร่งผงกศีรษะขึ้นเล็กน้อย สบตากับเจ้าของตัก ก่อนจะขยับศีรษะขึ้นไปวางบนตักอย่างเชื่อฟัง ศตคุณปล่อยให้อีกฝ่ายลูบเส้นผมสีน้ำตาลไปเรื่อยๆ ฝ่ามืออันอบอุ่นทำให้เขาใจสงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“...นอนพักเถอะ”

ดวงตาคู่สวยปิดลงตามที่เจ้าของเสียงทุ้มกระซิบบอก ไม่นานก็หลับไปอย่างง่ายดาย ร่างกายของคนที่เติบโตขึ้นมาในเมืองหนาวเฉกเช่นศตคุณยังคงต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้ชินกับอากาศร้อนแบบทะเลทรายเช่นนี้ พอถึงช่วงที่พระอาทิตย์ลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้าทีไร เด็กหนุ่มก็อ่อนล้าหมดแรงไปได้ทุกที

ทาริคค่อยๆ ขยับตัวออก ก่อนจะลุกเดินไปยังบริเวณที่ใช้อาบน้ำหลังบ้าน เขาเหลือบมองเงาของตนเองในบานกระจกมัวๆ แล้วลูบหนวดเคราของตนเองไปมาพร้อมกับขมวดคิ้ว... เขาดูเหมือนอายุหกสิบเชียวรึนี่?? ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยมีเวลาว่าง จึงไม่ได้ใส่ใจกับหนวดเคราบนใบหน้ามากนัก เลยปล่อยให้ยาวจนโดนว่าเป็นลุงไปซะได้ ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจ หยิบคันจาร์ของตนขึ้นมาล้างทำความสะอาด แล้วจัดการกับหนวดเคราของตน

สายน้ำอุ่นจากแหล่งน้ำใกล้ๆ ไหลเอื่อยมาตามรางที่ชาวบ้านสร้างขึ้น ชาวอาหรับในทะเลทรายแม้จะดูล้าหลังไปสักหน่อย หากบรรพบุรุษของพวกเขาก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสงบอยู่ในทะเลทรายกันมานานนับพันปี จึงมีการคิดค้นระบบการจัดการน้ำเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันไว้เป็นอย่างดี

ร่างสูงถอดเสื้อคลุมออก ก่อนจะปลดเข็มขัดหนังที่เขาใช้เหน็บคันจาร์ กับสายหนังซึ่งพาดทับชุดโต๊ปเป็นรูปกากบาทบนแผ่นอกสำหรับไว้ใช้คล้องปืนพกกระบอกเล็กวางกองลงกับพื้น แล้วจึงถอดโต๊ปสีดำราวกับสีของปีกนกกาออกมาซัก เขาคิดว่าผึ่งไว้ไม่นานก็คงจะแห้งสนิท หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็หยิบผ้าคลุมสีดำมาพันร่างกายท่อนล่าง แล้วเดินกลับมาเอนหลังลงนอนบนขนแกะเคียงข้างเด็กหนุ่ม

ความร้อนระอุในเวลากลางวันทำให้ศตคุณกระสับกระส่าย พลิกไปพลิกมาอยู่หลายหน ชนเข้ากับกำแพงบ้าง คนที่นอนอยู่ข้างๆ บ้าง ทว่าเขาก็ยังคงข่มตาหลับต่อไปจนถึงเวลาเย็น ที่ตลาดด้านนอกเริ่มคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง

“อือ...” ร่างโปร่งสะดุ้งตื่นเพราะเสียงท้องร้องของตนเอง มือขาวยกขึ้นกุมท้อง ก่อนจะใช้ยันตัวลุกขึ้น

พอคนข้างๆ ขยับ ทาริคก็ลุกนั่งตาม เขาตื่นอยู่ก่อนสักพักแล้ว “หิวแล้วล่ะสิ”

ดวงตาสีอ่อนกะพริบปริบๆ พลางขมวดคิ้ว พอภาพตรงหน้าชัดเจนขึ้นความง่วงก็หายเป็นปลิดทิ้ง เด็กหนุ่มร้องเสียงลั่น “เฮ้ย!” ...ใครมานอนแก้ผ้าอยู่ข้างๆ เขากันนี่!!

“เอ้า เป็นอะไรไป”

น้ำเสียงทุ้มๆ แบบนี้เขารู้จักดี ศตคุณอ้าปากค้าง “ทาริค... เหรอครับ”

มือหยาบปาดไปมาบริเวณคางของเขาซึ่งมีรอยแผลจากคมของกริชบ้างเล็กน้อย “ทำไม แก่กว่าที่คิดไว้มากรึไง”

“เปล่านะครับ ผมแค่แปลกใจ คุณดูเป็นคนละคนไปเลย” ร่างโปร่งรีบตอบปฏิเสธ ทว่าฉุกคิดขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม “แต่ว่า... ที่คุณโกนหนวดเคราออกไปนี่ อย่าบอกนะครับว่า... ฮ่าๆๆๆ” ยังพูดไม่ทันจบเด็กหนุ่มก็หัวเราะจนตัวงอ หอบฮั่กๆ แล้วพูดต่อ “...ว่าเป็นเพราะผมบอกไว้ว่าคุณดูแก่ ฮ่าๆๆๆ”

ร่างสูงยิ้มตามไปด้วย เขาเพิ่งเคยเห็นศตคุณยิ้มกว้างและหัวเราะได้แบบนี้ ทาริคขยับตัวเข้าไปหาเด็กหนุ่มช้าๆ แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ “หยุดหัวเราะได้แล้ว”

สายตาที่สบประสานกันส่งผลให้ใบหน้าหวานร้อนวาบ พวงแก้มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อในทันที หากอีกฝ่ายก็ยังเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้อีกเรื่อยๆ จนปลายจมูกชนทั้งสองกัน “ทะ... ทาริค...” เขาเพิ่งเคยได้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลา คมเข้มแบบชาวอาหรับใกล้ๆ แบบนี้เป็นครั้งแรก ดวงตาสีเข้มที่คมกริบราวกับตาของเหยี่ยวดูลึกลับ หากจับจ้องมายังตัวเขาด้วยแววตาที่ฉายแววอ่อนโยน เรียวปากหยักบางได้รูป จมูกโด่งสวย ชายหนุ่มจัดว่าเป็นคนที่หน้าตาดีมากเลยทีเดียว

ทาริควางมือลงบนแผ่นอกด้านซ้ายของศตคุณ เขารู้สึกได้ถึงก้อนเนื้อในอกที่เต้นแรงราวกับกลองที่ถูกตีรัว “นี่เป็นเพราะกลัวฉัน หรือว่าเพราะถูกฉันจ้องกันแน่”

ใครจะยอมรับกันล่ะ ว่าถูกผู้ชายด้วยกันจ้องแล้วใจเต้น... มือขาวดุนดันแผ่นอกกว้างที่เปลือยเปล่าให้ออกห่าง พร้อมกับเสตาหลบ “กลัว... กลัวสิครับ... จู่ๆ ก็เข้ามาใกล้แบบนี้”

“กลัว? กลัวอะไรฉัน?”

เด็กหนุ่มรีบคิดหาข้อแก้ตัวพัลวัน “ก็... ก็... คุณ... คุณไม่ได้ใส่เสื้อผ้า...”

“อ้อ... ฉันเอาเสื้อผ้าตากไว้ข้างนอกน่ะ”

“อะ... เอ่อ... งั้น... ผมไปอาบน้ำบ้างดีกว่า” ...อยากจะหลบไปจากทาริคสักครู่ ทำไมตัวเขาถึงได้รู้สึกแปลกๆ ขนาดนี้ก็ไม่รู้ คนตรงหน้านี่ก็เป็นผู้ชายแท้ๆ ร่างกายใหญ่โตเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่น แต่กลับทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ

“มาสิ ฉันจะออกไปเอาเสื้อผ้าเหมือนกัน” ทาริคลุกยืน แล้วฉุดแขนเด็กหนุ่มขึ้นมาด้วย


สถานที่อาบน้ำเป็นที่โล่งๆ มีรางน้ำไหลผ่านให้ตักขึ้นมาอาบได้โดยง่าย ในขณะที่ศตคุณถอดเสื้อผ้าออกวางกองไว้ อีกฝ่ายก็เก็บเสื้อผ้าที่ตนตากไว้มาใส่ ปิดท้ายด้วยเข็มขัดหนังสำหรับอาวุธของเขา

“...ทาริค... จะยืนมองผมอยู่อย่างนี้เหรอครับ” เด็กหนุ่มอดถามไม่ได้ เขาถอดเสื้อผ้าออกหมดจนเหลือแต่ชั้นในแล้ว ชายหนุ่มเองก็ใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว แต่ทำไมยังยืนมองมาทางเขาอยู่อีก

“อายรึ” ทาริคถามซื่อๆ

รู้สึกเหมือนโดนตบหน้ากลางตลาดนัดบาซาร์ เขาไม่ได้อายนะ แค่ไม่ชอบสายตาที่มองมา แต่แก้ตัวอะไรออกไปอีกฝ่ายก็คงไม่เชื่อ เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจถอดชั้นในตัวสุดท้ายออก... อยากมองก็มองไป ของของเขา ยังไงก็เอาไปไม่ได้ก็แล้วกัน “ว่าแต่... เราจะไม่ค้างคืนกันในเมืองนี้ใช่มั้ยครับ เดี๋ยวเราจะออกเดินทางกันใช่มั้ย”

“...ยังหรอก เราจะอยู่แถวนี้อีกสักวัน เพราะเมื่อออกเดินทาง ต่อไปก็จะไม่มีที่ร่มให้หยุดพักแล้ว”

มือขาวที่หยิบขันตักน้ำรดตัวหลายๆ ครั้งหยุดกึก แล้วหันกลับมาถาม “...เดินทางต่อไป... เราจะไปไหนกันเหรอครับ”

“...เดี๋ยวก็รู้เอง”

ศตคุณอ้ำอึ้ง เขาวางขันในมือลงแล้วก้าวเข้ามาหาชายหนุ่ม “...คุณคงจะไม่เอาผมไปขายให้ใครใช่มั้ยครับ”

เพียงชั่วพริบตาที่นัยน์ตาสีเข้มฉายแววไม่พอใจ แต่แล้วก็เสหลบ “อาบเสร็จแล้วก็ใส่เสื้อผ้าซะ เดี๋ยวเข้าตลาดไปหาอะไรกิน จะได้ซื้ออาหารตุนไว้สักหน่อย”

“ทาริค...”

“ถ้าไม่ไว้ใจฉันละก็ เธอจะแยกออกไปเมื่อไหร่ก็ได้นะ” ร่างสูงตอบเพียงแค่นั้น แล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน

หัวใจเจ็บแปลบราวกับถูกของมีคมทิ่มแทง ที่ทาริคเลี่ยงไม่ตอบคำถามเขาเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไรกัน

ดวงตากลมใสจ้องมองน้ำในรางไหลเอื่อย ก่อนจะตักขึ้นมารดตัวและศีรษะอีกหลายๆ ครั้งอย่างต้องการให้ความกังวลหลุดลอยตามสายน้ำไปด้วย สักพักก็ตัดสินใจหยิบเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้กลับมาใส่ แล้วเดินตามชายหนุ่มเข้าไปภายในบ้าน

...ถึงแม้เขาจะมีทางเลือกอื่น หากส่วนลึกของหัวใจบอกกับตัวเองว่าให้เชื่อ และติดตามผู้ชายแห่งทะเลทรายคนนี้ต่อไป แต่จะเป็นด้วยเหตุผลอะไร เขาก็ไม่เข้าใจตนเองเช่นกัน


TBC~*


555555 ในที่สุดทาริคก็เผยไต๋ซะแล้ววว เดาถูกกันหลายคนเลยค่ะ ทาริคจอมเก๊ก ทำเป็นไม่เข้าใจไปอย่างนั้น แกล้งน้องคุณนี่นาาาา มันน่าจับดีดนัก!!!

และตอนนี้ทาริคของเราก็เผยโฉมหล่อล่ำให้น้องคุณได้ใจสั่นแล้วนะคะ ^^ แบบนี้ สงสัยว่าทาริคจะเป็นพระเอกแน่แล้วละม้างงง  :impress2:

สำหรับฉากในตอนนี้ หลายคนอาจจะมองว่าโหดร้ายไปสักหน่อย แต่ฮัสกี้ขอให้มองว่า เพราะบ้านเมือง ชีวิตความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อมของคนเรานั้นต่างกัน กฎระเบียบต่างๆ จึงต้องปรับให้เข้ากับสภาพ เพื่อที่จะได้ควบคุมชาวเมืองให้อยู่ภายใต้กฎระเบียบได้ค่ะ

การเดินทางของทั้งสองยังคงจะดำเนินต่อไป ทาริคเป็นใคร มาได้อย่างไร และจะพาศตคุณไปไหนนั้น อันนี้ถ้าฮัสกี้บอกก็คงจะเป็นการสปอยล์ เดี๋ยวจะไม่มันส์นะคะ ขอให้ติดตามอ่านกันต่อไปน้า ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นะคะ *แจกจูบรัวๆ*

แวะมาพูดคุยกับฮัสกี้ได้เสมอนะคะ >.<
husky's page

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2015 11:29:58 โดย huskyhund »

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:มาต่อแล้วววววววววววววว :z2: :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ dariganae

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
สนุกมากๆๆๆๆค่ะ
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเลยค่าาาา

อ่านแล้วละมุนละไมมากค่ะ
เรากำลังจะสอบวันมะรืน อ่านเรื่องนี้แล้วผ่อนคลายเยอะเลย
ขอบคุณนะคะ^^ :กอด1:

ออฟไลน์ moneza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
กรี๊ดๆๆๆๆๆ เค้ามีการใจเต้นใส่กันด้วย  :hao7:

หวังว่าทาริคคืออับบา ไม่อยากหลงผิดแบ่งใจให้พระรอง เพราะงั้นขอนะคะ ถ้ามีตัวเด่นหลายคนเรามักเชียร์ผิดข้างทุกที เพราะงั้นขอให้ทาริคเป็นคนคนเดียวกัอับบาเถอะ สาธุ :call: :call: :call:

สนุกมากค่ะ ไว้จะไปเม้นในเฟสอีกนะตัว(เฟสเค้าคือ nupoonเอ๊งง 55555)

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ wavalove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :3123: :3123: :3123:


เย้ๆๆ มาแล้ว   แล้วทาริค  คือ อับบา  รึเปล่านิ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ในที่สุดก็หลุดนะทาริก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
น้องคุณฉันดูแหว๋วมาก 555+
เรียกหาทาริคเป็นลูกเป็ดเลย สงสัยจะหลงเสน่ห์หนุ่มทะเลทรายซะแล้ว

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
มีน้อยใจด้วยนะทาริค น้องคุณน่่ารักมีอ้อนด้วยอ่ะ

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69

ออฟไลน์ khunkun91

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :ling1: :ling1:
อยากอ่านต่อแล้ววววววววววววววว
สงสัยทาริคมากเลย จะใช่อับบารึป่าวคะ
ทาริคต้องหล่อมากแน่ๆ ขนาดน้องคุณเห็นแค่แววตายังทำให้ใจสั่น
แล้วนี้เห็นหน้าแบบไร้หนาดเครา ><
ใจเต้นแรงเพราะกลัวจะหลงรักเขาใช่ไหม น้องคุณ

ออฟไลน์ lolata

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
งั้นทาริคก็ไม่ใช่คนเดียวกับคนที่ไปดูคอนเสิร์ตสิเพราะว่าไม่ได้โกนเครามานานแล้ว



ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ปิดบังตัวเองอยู่ตั้งนานพอถูกแซวว่าแก่ยอมไม่ได้เลยทีเดียว

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
ขอให้ทาริคเป็นพระเอกทีเถอะ คำพูดส่งไปทางนั้น เจ้าชีวิตก็คือกษัตริย์ ไม่ผิดตัวแน่ๆคุณณณ

ออฟไลน์ maxiyorka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 117
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ชอบเรื่องนี้จริงๆๆๆเลย คุณน่ารักน่าฟัดอะไรอย่างนี้ :-[ :o8:

ออฟไลน์ jamlovenami

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
กรี๊ดดดด fc ทาริค ค่าาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ปันฮัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทาริค นี้น้องขอเป็นFcเลย :mew1:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
ทาริคเท่มาก น้องคุณก็ต้องหวั่นไหวเป็นธรรมดา แต่ทาริคจะไม่หวั่นไหวก้บน้องคุณเลยเหรอ น่ารักขนาดนี้

รอตอนต่อไปนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ Maxshu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ฟมัวแต่กรี๊ดทาริค จนแบบ เฮ้ย อ่านนานมากเกือบสองชม. 5555 ทาริคหล่อค่ะ หลงรัก -/-

ทาริคคงเป็น....สินะ อ๊ายยยย คุณ ยกทาริคให้เราเหอะ =[ ]=

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่าศตคุณก็พูดเก่งเหมือนกันนะเนี่ย 55
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ waiman

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เราชอบทาริคนะ หวังว่าคงไม่ใช่พระรองนะ อิอิ

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ทาริค พระเอก เพราะมีมีดตรากริชกุหลาบขาว หุหุ แถมชื่อตอนมาแต่ละตอน พรหมลิขิต แรกพบ อะไรเงี๊ย
จะยังไงเค้าก็ขอมโนต่อ

ออฟไลน์ title

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ขอให้ทาริคคืออับบาด้วยเถอะ ไม่อยากเชียร์ผิดคน  :call:  :call:  :call:

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ทาริคหลุดละ 5555 เป็นห่วงน้องมากล่ะซี

ออฟไลน์ ben

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-3
ให้ทาริคเป็นพระเอกนะ คนเขียน ขอร้องงงง!!!ไม่งั้นเราจะฆ่าปิดปากคนเขียน 55555 ชอบทาริคพี่แกเหมาะจะเป็นพระเอกมากกว่าพระรองแถมหล่อด้วย 55555555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด