นิสรีน... กุหลาบขาวแห่งทะเลทราย [Ch.26: คู่รัก END ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: นิสรีน... กุหลาบขาวแห่งทะเลทราย [Ch.26: คู่รัก END ]  (อ่าน 463503 ครั้ง)

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4
อ้างถึง
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

สารบัญ

บทนำ
Chapter 1 : นักเปียโนอัจฉริยะ
Chapter 2 : พรหมลิขิต
Chapter 3 : แรกพบ
Chapter 4 : ผู้ร่วมทาง
Chapter 5 : ผู้ชายแห่งทะเลทราย
Chapter 6 : กุหลาบทะเลทรายเบ่งบาน
Chapter 7 : หวั่นไหว
Chapter 8 : ความรัก?
Chapter 9 : จูบ
Chapter 10 : ความร้อนของทะเลทราย
Chapter 11 : พายุทราย
Chapter 12 : ความหึงหวง
Chapter 13 : ความร้อนรุ่มบนผืนทราย
Chapter 14 : นิสรีน
Chapter 15 : หัวใจที่บาดเจ็บ
Chapter 16 : อานา อูฮิบบูกา
Chapter 17 : อับบา
Chapter 18 : พี่ชาย
Chapter 19 : ทัชอัลดิน
Chapter 20 : การเดินทาง (ทาริค)
Chapter 21 : คืนวันในทะเลทราย (ทาริค)
Chapter 22 : ทาริคขี้มโน (ภาคต่อ)
Chapter 23 : สิ้นสุดการเดินทาง (ทาริค)
Chapter 24 : ทิฐิ
Chapter 25: คืนดี
Chapter 26 : คู่รัก END


อ้างถึง
นิยายทั้งหมดของฮัสกี้ค่ะ

เงาจันทร์ในม่านหมอก
เบลอ
เหนือเมฆ
แต่กาลก่อน
ภูสอยเดือน

 :mew1:

husky's page :pig4:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-05-2021 05:40:27 โดย huskyhund »

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


**นิยายทุกเรื่องของฮัสกี้ ไม่อนุญาตให้นำออกจากเล้า และไม่อนุญาตให้นำไปโพสต์ที่บอร์ดอื่นๆ เด็ดขาดค่ะ


บทนำ :สวรรค์แห่งทะเลทราย


ท่ามกลางทะเลทรายอาหรับกว้างใหญ่เวิ้งว้าง เนินทรายสีทองสูงต่ำสลับกันเรียงรายไปไกลจนสุดลูกหูลูกตา แสงแดดร้อนแรงราวกับจะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้ผืนฟ้าให้มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน สายลมที่พัดผ่านแห้งผาก ส่งผลให้เม็ดเหงื่อที่ซึมออกมาบนผิวหนังเหือดแห้งไปภายในพริบตา ทว่าใบหน้าของชาวเมืองเฟอร์โดสแห่งโอเอซิสขนาดใหญ่กลางทะเลทรายที่ไม่ได้ถูกปิดบังมิดชิดไปด้วยเสื้อผ้ายาวรุ่มร่ามมากชิ้นเฉกเช่นตามลำตัว ก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

ต้นไม้เขียวชอุ่มซึ่งส่วนใหญ่เป็นพืชตระกูลปาล์ม มะเดื่อและมะกอกเติบโตงอกงามสร้างร่มเงาไปทั่วพื้นที่ในโอเอซิสแห่งนั้น และยังมีลำธารขนาดเล็กซึ่งเชื่อมต่อจากน้ำตกที่ไหลลงมาจากภูเขาหินสูง คอยลำเลียงส่งน้ำชุ่มฉ่ำผ่านตัวเมืองเป็นเสมือนเส้นเลือดสำคัญ ก่อนจะไหลลงสู่ผืนน้ำสีน้ำเงินของทะเลสาบกว้างใหญ่ ทำให้เมืองเฟอร์โดสเปรียบเสมือนสรวงสวรรค์สมดังชื่อ บริเวณเนินหินเชิงเขาเป็นที่ตั้งของป้อมและกำแพงสูงตระหง่าน ล้อมอาณาเขตของพระราชวังหินอ่อนสีขาวซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานศิลปะของแถบเอเชียตะวันออกกลางและแถบเมดิเตอร์เรเนียนไว้ด้วยกันอย่างงดงามลงตัว พระราชวังแห่งนี้ถูกก่อสร้างมานานนับร้อยปี เป็นมรดกอันล้ำค่าแห่งดินแดนอันแสนบริสุทธิ์ที่ผู้คนจากโลกภายนอกยากจะมีโอกาสได้ย่างกรายเข้าไปถึง

กาลเวลาภายในเมืองราวกับหยุดนิ่งอยู่กับที่ ชาวพื้นเมืองเฟอร์โดสสืบเชื้อสายมาจากชาวเบดูอินซึ่งอดีตเคยร่อนเร่ไปในทะเลทราย หากพวกเขาละทิ้งชีวิตเสรีมารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน และก่อสร้างเมืองขึ้น ณ โอเอซิสขนาดใหญ่แห่งนี้ แม้กาลเวลาผ่านพ้นไปเนิ่นนาน หากชาวเมืองโดยทั่วไปยังคงใช้ชีวิตความเป็นอยู่แบบง่ายๆ ปราศจากเทคโนโลยีล้ำสมัย และคงความมีน้ำใจล้นหลามไว้ตามแบบฉบับของบรรพบุรุษ

ตึกรามบ้านช่องของชาวพื้นเมืองก่อสร้างจากอิฐโคลน มีตลาด โรงเรียน พื้นที่ทำไร่นาและเลี้ยงสัตว์ ถนนหนทางทำจากหินและดินอัดแน่น พาหนะที่พวกเขาใช้กันโดยทั่วไปคือม้าและอูฐ หากในครอบครัวที่ร่ำรวยและกองทหารก็มีรถจี๊ปบ้างแต่ก็เป็นจำนวนน้อย เอาไว้สำหรับใช้สอยในยามจำเป็น

ชาวเมืองเฟอร์โดสอาศัยอยู่กันอย่างสุขสงบภายใต้ผู้นำที่สืบเชื้อสายมาจากผู้ครองเขตแดนอาหรับตะวันออก ซึ่งมีเมืองดัมมัมเป็นศูนย์กลาง ทั้งยังเป็นเมืองหลวงและเมืองอุตสาหกรรมน้ำมันขนาดใหญ่ที่มีเทคโนโลยีและตึกรามบ้านช่องแบบทันสมัยตรงข้ามกับเมืองเฟอร์โดสโดยสิ้นเชิง ฝั่งขวาของเมืองดัมมัมอยู่ชิดอ่าวเปอร์เซียร์ ฝั่งซ้ายติดทะเลทรายอาหรับ และห่างจากทางใต้ของเมืองออกไปในทะเลทรายกว่าสองร้อยกิโลเมตร ก็จะเป็นที่ตั้งของเมืองเฟอร์โดส เมืองโอเอซิสอันเงียบสงบกลางทะเลทรายนี่เอง

ชายหนุ่มสูงศักดิ์ผู้เป็นบุตรชายของชีคชารีฟ อิสมาเอล ฟาเยส อัช ชะกิยาห์ แห่งอาหรับตะวันออก นั่งอยู่ในห้องพักผ่อนส่วนตัวขนาดใหญ่และโอ่โถงภายในวังหินอ่อนสีขาวซึ่งถูกขนานนามว่า นิสรีนแห่งทะเลทราย (กุหลาบขาวแห่งทะเลทราย) ฝ่าเท้าอันเปลือยเปล่าวางอยู่บนพื้นห้องที่ปูไว้ด้วยพรมเปอร์เซียร์ผืนหนา รอบๆ ข้างตัวเขามีภาพวาดสีน้ำมันวางกองอยู่ประปราย สายลมอุ่นที่พัดผ่านช่องว่างของบานหน้าต่างเข้ามาหอบกลิ่นสีน้ำมันให้อบอวลไปทั่ว และตรงหน้าของเขาก็มีผ้าแคนวาสขึงกับเฟรมไม้วางไว้บนขาตั้งรองภาพวาด
 
พู่กันในมือใหญ่เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว พลิ้วไหวสง่างามราวกับวาทยกรผู้คุมวงออร์เคสตร้า มือข้างที่ว่างถือถาดผสมสี เขาใช้เวลาในยามพักผ่อนตลอดวันอยู่กับภาพวาดชิ้นนี้ จนเมื่อดวงตะวันคล้อยลงต่ำประหนึ่งว่ากำลังจะมุดลงไปใต้ผืนทราย ภาพวาดที่เขาบรรจงสรรค์สร้างและทุ่มเทกายใจก็เสร็จสิ้นลง ชายหนุ่มจรดปลายพู่กันเซ็นชื่อกำกับ แล้วจึงถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวเพื่อตรวจสอบผลงานของตน

เด็กหนุ่มในภาพดูอ่อนเยาว์ ใบหน้ารูปไข่สวยได้รูป ประดับไปด้วยจมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากงดงามอิ่มเอิบที่กำลังอมยิ้มน้อยๆ พวงแก้มมีสีเลือดฝาดเปล่งปลั่ง ดวงตาสีอ่อนกับเส้นผมสีน้ำตาลเป็นเงา ร่างโปร่งบางอยู่ในชุดทักซิโด้ ท่ามกลางแสงไฟสปอตไลต์ที่สาดส่องลงมายังตัวเขา นิ้วเรียววางอยู่บนคีย์บอร์ดของแกรนด์เปียโนสีขาว ซึ่งท่วงท่าอันงดงามนั้นสะกดทุกสายตาและโสตสัมผัสไว้ที่เขาเป็นจุดเดียว

ชายหนุ่มยิ้มให้กับผลงานของตน ก่อนลงมือเขียนข้อความไว้ข้างใต้ภาพ


Vienna State Opera,  DEC 20 XXXX


(จบบทนำ)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2015 02:14:06 โดย huskyhund »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 1 : นักเปียโนอัจฉริยะ

 
กรุงเวียนนา

ค่ำคืนหนึ่งในฤดูร้อน พระราชวังเชินบรุนน์อันโด่งดังแห่งกรุงเวียนนาดูคึกคักกว่าทุกครา เนื่องจากเป็นคืนที่มีการจัดแสดงดนตรีพิเศษประจำปีในสวนด้านหลังของวัง โดยมีนักแสดงเป็นนักดนตรีชั้นนำ นักเรียนการดนตรีจากโรงเรียนชื่อดังหลายแห่งในเวียนนา และวงดนตรี Vienna Philharmonic Orchestra ทั้งยังมีการแสดงเต้นรำและบัลเล่ต์ ปิดท้ายด้วยดอกไม้ไฟสวยงามตระการตา คืนนี้จึงถูกจัดให้เป็นคืนสำคัญสำหรับนักดนตรีและนักแสดงทุกคน ซึ่งพวกเขาต้องพยายามต่อสู้กันมาตลอดปี เพื่อให้มีโอกาสได้รับคัดเลือกเข้ามาแสดงในงานสำคัญเช่นนี้

เมื่อแขกระดับสำคัญซึ่งมีทั้งเจ้าชาย เจ้าหญิง แขกพิเศษจากต่างเมือง นายกรัฐมนตรีของออสเตรียและผู้ว่าประจำเมืองเวียนนาเข้าประจำที่นั่ง การแสดงดนตรีก็เริ่มขึ้น เสียงเพลงคลาสสิกอันไพเราะดังกระหึ่มไปทั่วพระราชวังและบริเวณใกล้เคียง ทุกตารางของพื้นที่ในสวนเนืองแน่นไปด้วยชาวเมืองผู้รักใคร่ในเสียงดนตรี ทุกคนนิ่งเงียบและฟังเพลงกันอย่างตั้งใจ เพราะสำหรับชาวเวียนนาแล้ว ดนตรีคลาสสิกคือส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขา

ศตคุณ เด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีเป็นหนึ่งในนักเปียโนจากโรงเรียนดนตรีชื่อดังที่ได้รับคัดเลือกให้ขึ้นแสดงบนเวทีอันทรงเกียรติแห่งนี้ ร่างโปร่งบางในชุดทักซิโด้สีดำยืนเตรียมความพร้อมอยู่ที่ด้านข้างเวทีเพื่อรอขึ้นเวทีเป็นคิวถัดไป ครั้งนี้ไม่ใช่การแสดงเปียโนครั้งแรกสำหรับเขา แต่ถึงอย่างนั้น เด็กหนุ่มก็รู้สึกประหม่าทุกครั้งที่เขาได้เข้าร่วมในการแสดงพิเศษ

...ทำไมน่ะหรือ... ก็เพราะทุกครั้งที่เขาได้รับเลือกให้ขึ้นแสดงในงานใหญ่ๆ จะมีแขกคนสำคัญที่เดินทางมาจากดินแดนห่างไกลเพื่อชมการแสดงของเขาเสมอ

“ศตคุณ เดี๋ยวเพลงนี้จบ สตาฟจะเคลื่อนเปียโนของนายไปไว้กลางเวที พอได้ยินเสียงพิธีกรประกาศชื่อแล้วค่อยเดินออกมานะ”

เปียโนของนาย นั่นหมายถึงเปียโนยี่ห้อชิมเมล (Schimmel) สีขาวสะอาดตาซึ่งเป็นของศตคุณเอง เปียโนหลังนี้ถูกขนย้ายมาจากห้องพักในคอนโดมิเนียมของเขามาเพื่อใช้ในการแสดงครั้งนี้โดยเฉพาะ และเด็กหนุ่มก็เป็นนักดนตรีเพียงคนเดียวที่ได้รับสิทธิพิเศษมากมายถึงขนาดนี้

“ครับ!” ร่างโปร่งขานรับเสียงใส หัวใจเต้นตึกตัก เขาลอบมองจากตรงหลังฉากไปยังบริเวณที่นั่งของแขกพิเศษ หากที่นั่งสำหรับแขกคนสำคัญที่มีศักดิ์เป็นผู้ปกครองของตนก็ยังคงว่างเปล่าเหมือนอย่างทุกครั้ง ทว่าเด็กหนุ่มรู้ดี เมื่อใดที่เขาก้าวขึ้นเวทีไป พอชำเลืองมองดูอีกที ที่ตรงนั้นก็จะมีชายในชุดสูทสีดำถือช่อดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่นั่งอยู่เพื่อรอฟังการแสดงเปียโนของเขา

...เราจะได้พบกันอีกแล้วนะครับ อับบา (Abba แปลว่า พ่อ)

ศตคุณประสานสองมือเข้าหากันแล้วปิดตาลงเพื่อตั้งสมาธิ ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของเขาเด่นเป็นที่สะดุดตา เส้นผมสีน้ำตาลถูกหวีจัดเป็นทรงเรียบ ริมฝีปากสีแดงสดดูอิ่มเอิบชุ่มฉ่ำอยู่ตลอดเวลา แม้เด็กหนุ่มจะเป็นชาวเอเชียโดยกำเนิด แต่ก็มีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวเฉกเช่นหิมะทำให้เขาดูงดงามราวกับรูปปั้นหินอ่อนแกะสลักที่ชาวโรมันได้บรรจงสรรค์สร้างขึ้นมา


“Und der neste Klavierspieler für diese special Nacht ist...!!!”


เสียงพิธีกรประกาศเรียกชื่อของเด็กหนุ่มดังก้อง ตามมาด้วยเสียงปรบมือต้อนรับดังกระหึ่ม ร่างโปร่งบางจึงก้าวขึ้นเวทีไป จากนั้นก็ค้อมคำนับวาทยกร วงดนตรีและผู้ชม พลางเหลือบมองที่นั่งของแขกคนสำคัญ ริมฝีปากสีสดคลี่ยิ้มออกมาอย่างเป็นสุขเมื่อเห็นชายในชุดสูทที่ถือกุหลาบขาวช่อใหญ่อยู่ในมือ เขารู้ได้โดยไม่ต้องนับว่าช่อดอกไม้นั้นจะมีดอกกุหลาบสีขาวอยู่สิบแปดดอก... เป็นจำนวนเท่ากับอายุของเขาตอนนี้พอดิบพอดี

นิ้วเรียววางลงบนคีย์บอร์ดอย่างอ่อนช้อย เคลื่อนไหวไปมาด้วยความเร็วตามจังหวะของเพลง Symphony No.40 ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นสำคัญของโมสาร์ต เบื้องหลังด้านในสุดของเวที มีวงออร์เคสตราชื่อดังของเวียนนาร่วมบรรเลงคลอ และช่วยส่งเสริมเสียงเปียโนให้โดดเด่นไพเราะยิ่งขึ้น ประจวบกับเด็กหนุ่มที่ทุ่มเทและใส่ใจกับทุกตัวโน้ต นั่นทำให้การแสดงของเขาเป็นที่น่าจับตามอง เมื่อบทเพลงบรรเลงมาจนถึงจุดสิ้นสุด ศตคุณก็กระแทกปลายนิ้วลงไปบนคีย์ไม้สีขาวอย่างแรงแล้วยกมือขึ้นสูง เขายืดหลังตรงสูดหายใจเข้าปอดแล้วลดมือลงต่ำ ก่อนจะลุกขึ้น หันหน้าไปทางผู้ชมเพื่อค้อมคำนับ ดวงตาสีอ่อนเพ่งมองไปยังที่นั่งของผู้ปกครองตน แต่เขาไม่สามารถมองเห็นได้ถนัดนัก เพราะทุกคนต่างกำลังลุกยืนปรบมืออยู่

ศตคุณสาวเท้ากลับเข้าไปด้านหลังของเวทีอย่างรวดเร็ว แต่เสียงปรบมือเรียกร้องการอังกอร์ยังคงดังกึกก้อง ใจเขาอยากจะวิ่งไปดักรอพบผู้ปกครอง หากถูกพิธีกรรั้งตัวเอาไว้เสียก่อน

“คุณศตคุณ! คุณต้องออกไปอังกอร์นะ ผู้ชมปรบมือเรียกร้องขนาดนี้!”

“แต่...” ...เด็กหนุ่มอิดออด เพราะถ้าเขาออกไปช้า คงจะคลาดกับอับบาเหมือนอย่างทุกครั้งแน่ๆ

“คุณจะเสียมารยาทไม่ได้นะ ยังไงคุณก็ต้องออกไป เร็วเข้า!” พิธีกรหนุ่มทั้งฉุดทั้งดึง แล้วดันแผ่นหลังของร่างโปร่งให้กลับขึ้นไปบนเวที

เด็กหนุ่มจำใจต้องทำตามมารยาทที่ถูกฝึกสอนมาอย่างเคร่งครัด ขาเรียวพาเจ้าของให้เดินไปหยุดหน้าเปียโนสีขาวของตนอีกครั้ง ขณะที่เขาค้อมศีรษะลงก็ชำเลืองมองไปยังบุคคลสำคัญ ชายในชุดสูทสีดำที่เขายังไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตาชัดๆ เลยสักครั้งยังคงนั่งอยู่ที่นั่น ร่างโปร่งจึงพยายามสงบจิตใจ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้หน้าเปียโน

ศตคุณเลือกเล่นเปียโนเพลง Eine Kleine Nachtmusik ซึ่งเป็นเพลงสั้นๆ แต่มีชื่อเสียงโด่งดังมากเพลงหนึ่งของ Mozart ระหว่างที่ปลายนิ้วเรียวรัวกระแทกคีย์เปียโน เขาก็เหลือบไปเห็นชายในชุดสูทกำลังลุกขึ้นจากที่นั่ง

...อับบากำลังจะทิ้งเขาไปอีกแล้ว

หัวใจดวงน้อยสั่นไหว แต่จะให้ลุกขึ้นแล้ววิ่งตามไป ก็ผิดวิสัยนักดนตรีที่ดีที่เขาถูกปลูกฝังมาตั้งแต่วัยเยาว์ ศตคุณอดทนบรรเลงจนจบเพลง แล้วลุกขึ้นค้อมศีรษะ เด็กหนุ่มส่งยิ้มให้กับผู้ชมที่พากันลุกขึ้นยืนปรบมือให้ จากนั้นจึงวิ่งออกไปจากเวทีทันที

“ศตคุณ จะรีบไปไหนกันนัก!”

“เดี๋ยวผมจะรีบกลับมาครับ!” ร่างโปร่งเบี่ยงตัววิ่งผ่านนักแสดงที่ยืนอออยู่บริเวณหลังเวทีออกไป เขาวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะถลาเข้าไปในบริเวณที่นั่งที่ถูกจัดไว้สำหรับแขกสำคัญ

...หัวใจร่วงวูบไปอยู่ใต้ฝ่าเท้า เพราะบนเก้าอี้ของคนที่เขาเฝ้ารอคอย มีเพียงช่อดอกกุหลาบสีขาววางไว้เท่านั้น

มือเรียวประคองช่อดอกไม้ซึ่งตรงที่จับยังอุ่นๆ ขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้ววิ่งต่อไปยังลานจอดรถของแขกพิเศษ ศตคุณก้าวยาวๆ ต่อไปอย่างมีความหวัง... ว่าบางที... อับบาอาจจะยังอยู่ที่นั่น

“อับบา!” เด็กหนุ่มตะโกนลั่น หากบริเวณลานจอดรถนั้นเงียบกริบ ไม่มีเสียงรถหรือบุคคลใดเคลื่อนไหว

“อับบา!!”

แขนเรียวกระชับช่อดอกไม้ไว้ในอ้อมกอดแน่น พยายามกักเก็บความกลัวและวิตกกังวลไว้ภายใน... เขาผิดหวังแบบนี้มาหลายครั้งหลายครา แต่ก็ยังอยากที่จะหวัง เพราะตามสัญญาที่เคยตกลงพูดคุยกันไว้ อับบาบอกว่าจะมาพบเขาเมื่ออายุครบสิบแปด ตอนนี้เขาก็อายุสิบแปดและกำลังจะเรียนจบแล้ว เด็กหนุ่มได้แต่ภาวนาและหวังว่าอีกไม่นาน การรอคอยคงจะสิ้นสุดลง เขาจะได้พบหน้าอับบาและได้อยู่เป็นครอบครัวอีกครั้ง ไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายอีกต่อไป

ร่างโปร่งเดินคอตกกลับไปยังด้านหลังเวที พอมาถึงตรงทางเข้าห้องแต่งตัวของนักแสดงก็เห็นเควินเพื่อนรักของตนซึ่งรับหน้าที่เป็นสตาฟฟ์ในงานยืนรออยู่ก่อนแล้ว

“แห้วอีกแล้วสิ ไอ้ลูกหมา” เด็กหนุ่มร่างหนาทักด้วยน้ำเสียงจริงใจ ก่อนจะเดินเข้าไปโอบไหล่

ศตคุณพรูลมหายใจออกด้วยท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย “อือ อับบาไม่รอเจอฉันอีกแล้วน่ะ”

“บางทีอาจจะยังไม่ถึงเวลา นายยังมีกำหนดการขึ้นแสดงเวทีใหญ่อีกเวทีไม่ใช่รึไง Winter Waltz ตอนเดือนธันวาน่ะ” มือใหญ่ลูบศีรษะเล็กเพื่อปลอบโยน

ร่างโปร่งพยักหน้าหงึกหงัก “ก็จริง... งานนั้นเป็นงานสุดท้ายก่อนที่ฉันจะเรียนจบจากโรงเรียนดนตรีนี่... ทำไมอับบาจะต้องรอจนงานสุดท้ายด้วยก็ไม่รู้ เจอกันก่อนไม่ได้รึไง... ทำไม เพราะอะไรกันวะ”

เขาจะรู้มั้ยล่ะ... เควินคิดในใจ แต่ถ้าเขาพูดแบบนั้นออกไป ศตคุณคงได้ครางหงิงยืดยาว “...เขาคงอยากให้นายเรียนจบก่อนละมั้ง ถ้าเกิดเจอกันตอนนี้แล้วนายงอแง จะกลับไปกับเขาด้วย ก็แย่น่ะสิ”

“นายคิดว่างั้นเหรอ...” เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก แต่สีหน้าที่แสดงออกมาไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ “อือ... ฉันก็หวังว่าอย่างนั้น”

“เออ เลิกคิดมากได้แล้วน่า” เควินพูดตัดบท ก่อนที่ศตคุณจะสลดไปมากกว่านี้ “เสร็จงานแล้วก็รีบกลับคอนโดฯ ซะนะ ไปนอนพักให้ตาหายบวมสักหน่อย นี่หมดเวลาพักของฉันแล้ว ต้องไปทำงานต่อล่ะ” ฝ่ามือหนาเปลี่ยนเป็นยีกลุ่มผมนุ่มพร้อมกับผลักไปมา

ศตคุณขมวดคิ้วไม่พอใจพร้อมกับปัดมืออีกฝ่ายออก “อื้อ เห็นหัวคนอื่นเป็นที่เช็ดมือรึไง... งั้นฉันเข้าไปพักข้างในละ รู้สึกเหนื่อยๆ ยังไงก็ไม่รู้” เด็กหนุ่มบอกลาเพื่อนสนิท หากเขายังกลับไม่ได้เพราะต้องรอออกไปโค้งอำลาผู้ชมในตอนเลิกงาน ร่างโปร่งบางก้าวเท้าออกไปอย่างอ่อนแรง โดยที่เควินยังคงมองตามหลังไปด้วยความเป็นห่วง

ศตคุณและเควินเข้าศึกษาในชั้นจูเนียร์ไฮสคูลพร้อมกันในโรงเรียนประจำเก่าแก่ชื่อดังแห่งหนึ่งของเวียนนา เด็กหนุ่มสองคนมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน ศตคุณเป็นเด็กกำพร้า ส่วนเควินนั้นครอบครัวของเขาอยู่ที่ประเทศไต้หวัน แต่เพราะเรียนดีและได้รับทุนของโรงเรียน เขาจึงกลายมาเป็นนักเรียนประจำเช่นเดียวกันกับศตคุณ ซึ่งพวกเขาเป็นนักเรียนต่างชาติเพียงสองคนในหมู่นักเรียนชาวออสเตรียที่ส่วนมากมีฐานะดีหรือไม่ก็มาจากตระกูลเก่าแก่

จนเมื่อจบชั้นปีสาม ศตคุณก็ได้รับคัดเลือกให้ศึกษาต่อในโรงเรียนดนตรีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเวียนนา ส่วนเควินเข้าเรียนต่อในชั้นไฮสคูลที่โรงเรียนเดิม เนื่องจากเขาต้องการจะเรียนต่อสาขาแพทย์ในมหาวิทยาลัยต่อไป แม้ทั้งคู่จะไม่ค่อยมีเวลาเจอกันมากนัก แต่ความผูกพันแบบเพื่อนสนิทก็ยังไม่เคยจางหายไป

เปียโนคือส่วนหนึ่งของชีวิตศตคุณ เขาเริ่มหัดเล่นมันตั้งแต่อายุสี่ขวบ ในตอนนั้นใครๆ ต่างก็ขนานนามเขาว่าเป็นโมสาร์ทตัวน้อย ครอบครัวของศตคุณจึงเปลี่ยนสัญชาติและย้ายภูมิลำเนามาอยู่ที่ออสเตรียตั้งแต่เขายังเล็ก เพื่อให้เด็กหนุ่มได้มีโอกาสเรียนเปียโนในโรงเรียนดนตรีที่ดีที่สุดในยุโรป หากชีวิตกลับไม่ได้สวยงามเฉกเช่นเสียงดนตรี ร่างโปร่งสูญเสียบิดามารดา และคุณลุงจีรุฒน์ ซึ่งเป็นพี่ชายของบิดาแท้ๆ และเป็นญาติสนิทคนสุดท้ายไปตั้งแต่ยังเยาว์ ซ้ำยังไร้ซึ่งญาติมิตรที่อยากจะรับเขาไปเลี้ยงด้วยความจริงใจ หากในความมืดมนก็ยังมีแสงสว่างอยู่บ้าง อนาคตทางดนตรีของศตคุณไม่จำต้องดับมืดลง... เมื่อชีคชารีฟ อิสมาเอล ฟาเยส อัช ชะกิยาห์ ผู้ปกครองดินแดนอาหรับตะวันออกและทะเลทรายอาหรับอันกว้างใหญ่ (ในที่นี้คือภาคตะวันออกของประเทศซาอุดีอาระเบีย) ผู้ซึ่งเขาเคยพบเพียงครั้งเดียวในวัยเยาว์ ได้เสนอรับเขาเป็นบุตรบุญธรรม

ชีคชารีฟกับจีรุฒน์ คุณลุงของศตคุณสนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปารีส (ซอร์บอนน์) ในฝรั่งเศส ซึ่งเมื่อยังเยาว์จีรุฒน์เองก็เป็นนักเปียโนที่มีฝีมือเก่งกาจคนหนึ่ง ครั้นเมื่อเรียนจบ คุณลุงก็เข้าทำงานกับชีคชารีฟในตำแหน่งผู้ช่วยคนสนิท และรับใช้ท่านจนถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจ

ระหว่างที่คุณลุงทำงานรับใช้ชีคชารีฟอยู่ในวังหลวงแห่งกรุงดัมมัม เมืองหลวงของดินแดนอาหรับตะวันออก ครอบครัวของศตคุณมีโอกาสได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนประเทศในกลุ่มอาหรับเป็นครั้งแรก ซึ่งในตอนนั้นเขามีอายุเพียงแค่หกขวบ มาถึงตอนนี้ ภาพของชีคชารีฟในความทรงจำอันรางเลือนของเด็กหนุ่ม เหลือเพียงแค่ชายอาหรับในชุดโต๊ปสีขาว มีเสื้อคลุมสีดำสวมทับ และน้ำเสียงใจดีเท่านั้น

ร่างโปร่งบางสะพายเป้ขึ้นหลัง แล้วขี่จักรยานไปตามถนนที่สองข้างทางปลูกต้นไม้ไว้เรียงราย ระหว่างทางก็แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เวลาค่ำคืนที่มีเพียงแสงสลัวแบบนี้ ถนนทั้งสายช่างดูเหงาหงอยพิกล

...ทั้งที่ความจริงแล้ว อับบาเคยจัดการส่งรถพร้อมคนขับไว้ให้คอยรับส่ง แต่เขาปฏิเสธไปเพราะเห็นว่าไม่จำเป็น ก็คอนโดมิเนียมอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยไปเพียงสองบล็อกถนนเท่านั้น แล้ววันๆ เขาก็ไม่ได้ออกไปไหนซะด้วย

“เฮ้อ...” ศตคุณเหวี่ยงช่อดอกไม้และกระเป๋าเป้ใบเขื่องลงบนโซฟาในห้องพัก จากนั้นจึงเอนหลังตาม ดวงตากลมเหลือบมองไปยังเปียโนสีขาวยี่ห้อชิมเมลของเขาซึ่งมีราคาพอๆ กับรถคันโตหรูหรา มันถูกเคลื่อนย้ายกลับมาตั้งอยู่ในที่เดิมของมันเรียบร้อยแล้ว เปียโนหลังนี้เป็นของขวัญเพียงสิ่งเดียวที่เขาเคยเอ่ยขอจากอับบา แต่จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง เนื่องจากเขาขอแค่เปียโนธรรมดาๆ ไว้ฝึกซ้อมเท่านั้น ไม่ใช่ของมีราคาแพงเกินตัวแบบนี้สักหน่อย

กลิ่นอาหารบางเบาลอยมาเตะจมูก เป็นความสะดวกสบายอีกอย่างหนึ่งที่เด็กหนุ่มไม่เคยเรียกร้อง แต่เพราะอาเหม็ด... ชายชาวอาหรับซึ่งเป็นเลขาของอับบาและทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลเขา จัดการแม้กระทั่งแม่บ้านซึ่งมาทำงานแบบไปเช้าเย็นกลับ รวมถึงการเตรียมอาหารมื้อต่างๆ ตามแต่วาระไว้ให้เสร็จสรรพ  อาเหม็ดบอกกับเขาว่าบิดาบุญธรรมอยากให้เขาใช้เวลาว่างในการฝึกเปียโนมากกว่า ชีวิตเขาก็ดูเหมือนสุขสบายอยู่หรอกนะ แต่ใครเล่าจะเข้าใจว่า บ้าน ที่มีตัวเขาตามลำพังคนเดียว ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้างมากเพียงไหน

นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนชำเลืองมองนาฬิกาบนฝาผนัง เวลานี้เพื่อนรักของเขาน่าจะเสร็จงานแล้ว มือขาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกไป “เควิน วันนี้ไปทำงานที่ไหนอีกรึเปล่า กินข้าวด้วยกันมั้ย”

“เหงาอีกแล้วสิ ไอ้ลูกหมา ขอโทษทีว่ะ วันนี้เหนื่อยมาก ว่าจะกลับหอนอนเลย พรุ่งนี้มีเรียนเช้าด้วย”

“เหรอ...”

ทำเสียงจ๋อยๆ แบบนี้อีกแล้ว เพื่อนรักที่อยู่ปลายสายได้แต่ทอดถอนใจ เขาก็อยากไปอยู่เป็นเพื่อนหรอกนะ ถ้าไม่ติดว่าวันนี้เหนื่อยจนแทบไม่อยากกระดิกตัวทำอะไรไปมากกว่าการกลับบ้านแล้วล้มตัวลงนอน “อย่าทำเสียงเหมือนเพิ่งถูกตอนมาหมาดๆ อย่างงั้นสิวะ ข้าวปลามีให้กินก็กินๆ ไปเถอะ แล้วนอนซะ เวิ่นเว้อเพ้อเจ้ออะไรอยู่ได้”

ศตคุณตวาดใส่หูโทรศัพท์กลับไปทันที “ใครเวิ่นเว้อกันวะ”

น้ำเสียงใสแจ๋วนั้นพอทำให้เพื่อนรักคลายความห่วงลงไปได้บ้าง ก็ยังมีแรงขึ้นเสียงได้แบบนี้ แปลว่ายังไม่เศร้าเท่าไหร่ “ไม่เวิ่นเว้อก็ไปกินข้าวแล้วนอนซะ ไปไป๊”

“นายเป็นเพื่อนหรือเป็นพ่อกันแน่วะ” ศตคุณบ่นพึมพำใส่คนที่วางหูไปแล้ว เขานั่งหน้ามุ่ยอยู่สักพัก คิดไปพลางว่าสิ่งที่เพื่อนรักพูดมันก็จริง เพราะเขาชอบคิดอะไรเพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อย ระยะหลังนี่ออกไปทางคิดมากจนเข้าขั้นวิตกจริตเสียมากกว่า ยิ่งคิดเยอะก็ยิ่งกลุ้มและหดหู่ไปเปล่าๆ เท่านั้น เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจเดินเข้าครัวเพื่ออุ่นอาหาร เมื่อจัดการกับมื้อค่ำเสร็จแล้วเขาก็จะได้เตรียมตัวเข้านอนสักที

มือขาวรวบผ้าม่านไปด้านข้างแล้วดึงบานหน้าต่างให้เปิดออกกว้าง ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่เงยขึ้นรับสายลมอบอุ่นพัดผ่านเข้ามาแผ่วเบา เขาชอบอากาศในฤดูร้อนแบบนี้มากที่สุด หากในเวียนนานี่ มีระยะเวลาของฤดูร้อนเพียงสั้นๆ เท่านั้น เด็กหนุ่มไม่ชอบฤดูหนาว แล้วก็ไม่ชอบหิมะ เพราะมันทำให้เขาย้อนนึกไปถึงความทรงจำอันเลวร้าย ซึ่งเป็นบาดแผลที่ยังคงฝังลึกอยู่ในใจ

ศตคุณกลายเป็นเด็กกำพร้าเมื่ออายุย่างเข้าสิบสามปี ซึ่งในตอนนั้น บิดามารดาของเขาจำเป็นต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ ส่วนตัวเขาเข้าศึกษาในโรงเรียนเก่าแก่และมีชื่อเสียงโด่งดังในด้านดนตรีของเวียนนา ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำตั้งแต่อายุสิบขวบแล้ว


(ย้อนกลับไปเมื่อหกปีก่อน)

ในคืนที่เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกเป็นคืนก่อนช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาส ปกติแล้วนักเรียนประจำจะเดินทางกลับบ้านเพื่อไปใช้เวลาร่วมกับครอบครัว เด็กชายก็เช่นกัน เขาเก็บเสื้อผ้าจัดกระเป๋ารอให้บิดามารดามารับ รอตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนกระทั่งท้องฟ้ามืดสนิท ด้านนอกหน้าต่างมีหิมะร่วงโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย อาจารย์ที่อยู่เวรจึงบังคับให้เขากลับไปยังห้องพัก คืนนั้นศตคุณทั้งกลัวและสังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ทำให้เขาไม่สามารถข่มตาให้หลับได้ มือขาวรวบกอดกระเป๋าเดินทางไว้แน่นพลางเหลือบมองนาฬิกา เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าโดยไร้ข่าวคราวใดๆ จากบิดามารดา ศตคุณรอนานจนหลับไป... และตื่นมาพบกับความจริงอันโหดร้าย

ทางอาจารย์รีบติดต่อไปยังญาติสนิทของศตคุณ ทว่าความโชคร้ายของเด็กชายไม่ได้จบสิ้นลงแค่นั้น เมื่อคุณลุงจีรุฒน์ทราบข่าวเข้าก็เกิดอาการช็อก ยังไม่ทันจะเดินทางมาหาหลานชายที่แสนรัก เขาก็สิ้นลมตามน้องชายและน้องสะใภ้ไปเสียก่อน... ศตคุณต้องสูญเสียคนที่รัก ซ้ำยังผิดหวังกับการรอคอยครอบครัวของเขาอีกเป็นครั้งที่สอง ในฤดูหนาวเดียวกันนั่นเอง

ชีคชารีฟผู้เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสนิทของคุณลุงจีรุฒน์ทราบดีว่าหลานชายตัวน้อยของคนสำคัญต้องเผชิญความโหดร้ายตามลำพัง เขาจึงสั่งให้

อาเหม็ดซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นเลขาประจำตัวไปดูแล จัดการธุระและดำเนินการด้านนิติกรรมต่างๆ ในออสเตรียให้จนเสร็จสรรพ อาเหม็ดจึงเป็นผู้ไปรับศตคุณกลับบ้านแทนครอบครัวที่จากไป พร้อมทั้งอยู่ดูแลจนเด็กชายรู้สึกดีขึ้น

อาเหม็ดบอกว่าเขากับศตคุณเคยพบกันมาก่อนแล้ว และถึงแม้ศตคุณจะจำเขาไม่ได้ หากเมื่อฟังผู้เป็นเลขาของอับบาคนนี้เล่าถึงเรื่องราวในอดีต เด็กชายก็พอรู้สึกคุ้นเคยอยู่เล็กน้อย หลังจากหลายสัปดาห์ที่ผ่านพ้นไป บวกกับความพยายามปลอบโยน ให้กำลังใจและเอาใจใส่ดูแลอย่างเต็มที่ของอาเหม็ด ก็พอจะทำให้ความโศกเศร้าของศตคุณทุเลาลงไปบ้าง หากอีกไม่นานโรงเรียนก็กำลังจะเปิดเทอมใหม่อีกครั้งแล้ว อาเหม็ดจึงจำเป็นต้องพูดคุยกับอีกฝ่ายถึงเรื่องสำคัญ

“คุณศตคุณอย่าคิดว่าไม่เหลือใคร ชีคชารีฟประสงค์จะรับคุณเป็นบุตรบุญธรรม คุณศตคุณจะได้เรียนต่อที่โรงเรียนดนตรีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเวียนนาจนจบตามที่ตั้งใจไว้ และเมื่อคุณอายุครบสิบแปดปี เวลานั้นคุณจะต้องตัดสินใจว่าจะเลือกใช้นามสกุลของท่าน หรือจะคงนามสกุลของคุณไว้เช่นนี้ก็ได้ แต่ถ้าคุณไม่ขัด ท่านก็อยากให้คุณเปลี่ยนนามสกุล แล้วย้ายไปอยู่ที่ดัมมัมด้วยกันกับท่านครับ”

“ทำไมชีค... ถึงจะรับผมเป็นบุตรบุญธรรมละครับ ท่านจำผมได้อย่างนั้นเหรอ... เราเคยพบกันแล้วก็จริง แต่นั่นก็นานมากแล้ว ผมยังจำท่านแทบไม่ได้”

อาเหม็ดยิ้มอย่างอ่อนโยน “คุณจีรุฒน์เล่าเรื่องของคุณให้ท่านฟังเป็นประจำ รูปถ่ายและวิดีโอมากมายที่ส่งมาจากเวียนนา ท่านก็เคยได้ดูด้วย แล้วอีกอย่าง ท่านสนิทกับคุณจีรุฒน์มาก คุณศตคุณเองก็เคยเรียกท่านว่าอับบาด้วยนะครับ จำไม่ได้หรือครับ”

“อับบา?” เด็กชายขมวดคิ้ว

“อับบา ภาษาอาหรับแปลว่า พ่อ น่ะครับ ชีคชารีฟเอ็นดูคุณศตคุณมาก ท่านอยากขอเพียงสิ่งเดียว อยากให้คุณศตคุณเขียนจดหมายรายงานท่านเดือนละหน เพียงแค่นี้ทำได้มั้ยครับ”

“รายงาน? เรื่องอะไรครับ”

“เรื่องอะไรก็ได้ครับ เรื่องที่โรงเรียน คุณครู เพื่อนๆ หรือถ้าคุณศตคุณอยากได้อะไร ก็เขียนไว้ในจดหมายเลยครับ แล้วผมจะเดินทางมารับจดหมายทุกวันที่ 25 ของเดือน”

“เอาล่ะ คุณศตคุณครับ ผมจำเป็นต้องเดินทางกลับดัมมัมแล้ว พรุ่งนี้ผมจะพาคุณกลับไปส่งที่โรงเรียน แล้วผมจะมาหาคุณศตคุณอีกนะครับ”

หลังจากชีคชารีฟรับเด็กชายให้เป็นบุตรบุญธรรม เขาก็ทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้ นั่นก็คือ... เขียนจดหมายหาผู้เป็นบิดาบุญธรรมในทุกๆ เดือน ทีแรกเขาก็รู้สึกประหลาดอยู่หรอก ไม่รู้จะเขียนอะไรลงไปด้วยซ้ำ แต่ต่อมาก็เริ่มชิน เขียนเล่าอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตั้งแต่เล่าถึงเรื่องเพื่อนในห้องเรียน เพลงใหม่ที่ฝึกซ้อม อาหารและขนมที่ทานเป็นประจำ นินทาคุณครูก็มีบ้าง บ่นถึงอาหารในโรงอาหารยาวไปถึงอากาศที่เดี๋ยวก็ร้อนบ้าง เย็นบ้าง ทว่าจนเกือบปีแล้ว เด็กชายก็ยังไม่เคยได้รับจดหมายตอบจากอับบาเลยแม้เพียงฉบับเดียว


(มีต่อนะคะ)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2014 19:50:28 โดย huskyhund »

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


เวลาปีกว่าผ่านพ้นไป อาเหม็ดซึ่งปกติแล้วจะเดินทางมาพบศตคุณในทุกๆ วันที่ 25 ของเดือน ในเดือนนี้กลับมีเหตุจำเป็นต้องมาเร็วกว่าทุกที เพราะมีจดหมายจากทางโรงเรียนแจ้งไปว่าเด็กชายมีปัญหากับเพื่อนในชั้นเรียน จนต้องลงโทษให้พักการเรียนเป็นเวลาสามวัน

“คุณศตคุณ เป็นอะไรรึเปล่าครับ!” ชายวัยกลางคนที่เพิ่งเดินทางข้ามน้ำข้ามทวีปมาถึงถลาเข้าไปหาเด็กชายที่นั่งแกว่งขาสบายใจอยู่กับเพื่อนรักในห้องอาหารของหอพักนักเรียน

“คุณอาเหม็ด!” ร่างโปร่งกระเด้งตัวลงจากเก้าอี้ ใบหน้าใสยังคงดูน่ารักเช่นเดิม ไม่ได้มีร่องรอยขีดข่วนหรือบวมช้ำใดๆ ให้อาเหม็ดไม่สบายใจ

มือหยาบจับหัวไหล่เล็กแล้วหมุนตัวเด็กชายไปรอบๆ เพื่อตรวจหาร่องรอยหรืออาการบาดเจ็บ “เกิดอะไรขึ้นครับ ทั้งชีค ทั้งผมเป็นห่วงแทบแย่เลยรู้มั้ยครับ” เขาพูดพลางจับมือเล็กที่มีรอยช้ำขึ้นดู “แย่แล้ว มือ! เจ็บรึเปล่าครับ”

ศตคุณส่ายหน้า “ไม่มีอะไรมากมายหรอกครับ ผมจัดการเรียบร้อยไปแล้วล่ะ”

ชายวัยกลางคนกล่าวเสียงเข้ม “...คุณศตคุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะพาไปโรงพยาบาล”

“เฮ้ย! ผมไม่ได้เป็นอะไรขนาดนั้นสักหน่อยนะครับ!!”

“มือช้ำขนาดนี้จะไม่เป็นไรได้ยังไงครับ! ชีคสั่งให้พาคุณศตคุณไปตรวจร่างกายด้วย ยังไงผมก็ต้องนำผลการตรวจไปรายงานท่าน”

“...แต่... เรื่องแค่นี้เอง” เด็กดื้อเถียงตาใส

“ไม่ได้ครับ ผมจะรออยู่ตรงนี้นะครับ รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบมาครับ”

อาเหม็ดนั่งลงข้างเพื่อนสนิทตัวโตของศตคุณที่ในตอนแรกเอาแต่นั่งหน้ามึนไม่พูดไม่จา ทว่าพอร่างโปร่งบางคล้อยหลังไปเท่านั้น เควินก็เปิดปากเดินหน้าฟ้องทันที “ไอ้พวกห้อง E มันชอบแกล้งคุณ ตอนแรกพวกมันเรียกคุณว่าเป็นเจ๊กผิวเหลืองแต่คุณไม่สนใจ วันนี้พวกมันเลยเปลี่ยนมาเรียกคุณว่าไอ้กำพร้าครับ คุณเลยกระโดดต่อยปากพวกมันเลย”

“อา...” ...ช่างเป็นคำพูดที่ร้ายกาจสำหรับเด็กชายมากจริงๆ

“แต่คุณเท่มากเลยนะครับ เขาคนเดียวเล่นซะหัวหน้าไอ้พวกนั้นคางเหลืองไปเลย”


“เควิน ไม่ต้องมาทำหน้าสงสารฉันเลยนะ! ฉันก็มีพ่อกับเขาเหมือนกัน ถึงจะเป็นพ่อบุญธรรมก็เถอะ... เขาอยู่ไกล... แต่เราจะได้พบกันสักวัน แล้วฉันก็จะมีครอบครัวเหมือนคนอื่นเขา ไม่ใช่เด็กกำพร้าอีกต่อไป”


เควินจำคำพูดของเพื่อนรักได้ดี เขารู้อยู่เต็มอกว่าครอบครัวสำคัญกับศตคุณมากเพียงไหน “คุณบอกผมว่าพ่อบุญธรรมเขาอยู่ไกล เขาไม่ใช่เด็กกำพร้า ผมเลยเข้าไปช่วยคุณตั้นหน้าไอ้พวกนั้น... เราสองคนเลย...”

“ถูกพักการเรียนทั้งคู่สินะครับ ขอบคุณคุณเควินมากนะครับที่ช่วยเหลือคุณศตคุณ”

“พ่อบุญธรรมของคุณจะมารับเขาไปอยู่ด้วยจริงๆ ใช่มั้ยครับ... คุณพูดถึงอยู่บ่อยๆ” เควินถามไปตามประสาเด็ก

อาเหม็ดยิ้ม “อันนี้ต้องแล้วแต่คุณศตคุณด้วยนะครับ ว่าอยากไปอยู่กับท่านรึเปล่า”

“อยากแน่ๆ คุณพูดถึงพ่อบุญธรรมของเขาเสมอๆ เลยครับ... ผมอยากให้พ่อบุญธรรมของคุณมาสักที ไอ้พวกห้อง E นั่นจะได้หงายเก๋งไปเลย”

มือหยาบลูบศีรษะเพื่อนสนิทของร่างโปร่งเบาอย่างเอ็นดู “ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมจะไปจัดการให้เรียบร้อยเอง”

หลังจากอาเหม็ดพาเด็กชายไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้วก็พากันกลับมายังหอพักอีกครั้ง เขาบ่นอุบจนใบหน้าน่ารักต้องเบือนหนีหลายต่อหลายหน

“อาวุธของจอมยุทธก็คือดาบ พวกเขาย่อมดูแลลับดาบเป็นอย่างดี คุณศตคุณจะเป็นนักเปียโน แล้วไปเกเรจนนิ้วบวมช้ำ คุณหมอสั่งงดฝึกเปียโนเป็นอาทิตย์แบบนี้ คุณศตคุณขาดความรับผิดชอบมากเลยนะครับ”

“โธ่ คุณอาเหม็ด ผมก็ขอโทษแล้วไง ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น จะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้วครับ” เด็กชายโอดครวญ

อาเหม็ดพยักหน้า “ไม่มีครั้งที่สองแน่ครับ” ...เพราะพวกนักเรียนห้อง E คงต้องไปหาที่เรียนเอาใหม่ คงไม่มีโอกาสได้พบได้พูดจาให้ร่างโปร่งได้เจ็บช้ำอีก “ชีคท่านรู้เข้าคงเสียใจ”

นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ศตคุณกังวล เด็กชายทำหน้าสลด แล้วเอ่ยเสียงเศร้า “ผมขอโทษจริงๆ ครับ ต่อไปผมจะระวัง... ผมจะเป็นนักเปียโนให้อับบาชื่นใจนะครับ”

“ดีมากครับ... เอาล่ะ ถึงหอพักแล้ว เดี๋ยวผมจะไปคุยธุระกับทางฝ่ายอธิการ แล้วก็จะกลับดัมมัมเลย พบกันใหม่วันที่ 25 นะครับ อย่าลืมทานยาแก้อักเสบให้ครบด้วยนะครับ”

ศตคุณพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะเดินกลับเข้าตัวตึกไป คืนนี้เขาตั้งใจว่าจะเขียนคำขอโทษไปในจดหมาย พร้อมทั้งสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี ส่วนเรื่องของพวกห้อง E เขาจะไม่เอามาใส่ใจให้รกสมองและอารมณ์เสียอีก เด็กชายเดินคิดไปเรื่อยเปื่อย โดยไม่ได้รู้ว่าเมื่อเขากลับไปเรียน ก็จะไม่ได้พบกับใครๆ ที่มาจากห้อง E อีกแล้ว

..

....

..

เวลาสองปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากเด็กชายกลายเป็นเด็กหนุ่ม ศตคุณตัวโตขึ้นมาก รูปร่างสูงเพรียว ใบหน้ายิ่งสวยหวานกว่าในตอนเด็กเสียอีก ทว่าสำหรับอาเหม็ด ทุกครั้งที่พบกัน ศตคุณก็ยังคงเป็นเด็กน้อยคนเดิมของเขาเสมอ

“คุณอาเหม็ดครับ สมัยนี้น่ะ ใครๆ เขาก็ใช้อีเมลกันแล้วนะครับ จริงๆ คุณไม่ต้องเดินทางมาตั้งไกลเพื่อจดหมายฉบับเดียวก็ได้” เสียงใสบ่นอุบ เนื่องจากช่วงนี้เขายุ่งกับการฝึกซ้อม จดหมายก็ยังเขียนคาไว้ไม่ทันเสร็จ อาเหม็ดก็มาเร่งทวงเอากับเขาซะแล้ว

ชายวัยกลางคนอมยิ้ม เขาคิดว่าเด็กหนุ่มช่างเจรจาที่นั่งทำปากพองลมแก้มป่องอยู่ตรงหน้าแบบนี้ก็ดูน่ารักดีไปอีกแบบ “ผมเดินทางมาเพื่อดูว่าคุณศตคุณสุขสบายดี และบางทีคุณศตคุณอาจจะไม่รู้ การเขียนหนังสือด้วยลายมือ สามารถตีความบ่งบอกถึงลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละคน ไปจนถึงบุคลิกและลักษณะนิสัยได้ด้วยนะครับ”

ศตคุณบ่นพึมพำ “เรื่องแบบนั้นใครจะไปรู้กัน... แล้วจดหมายของผมนี่ ไปถึงอับบาบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้”

“ชีคท่านอ่านจดหมายของคุณศตคุณทุกฉบับครับ” อาเหม็ดก็ยังคงตอบเหมือนทุกครั้งที่เด็กหนุ่มกล่าวถึงเรื่องนี้

ศตคุณเบ้ปาก ก่อนพูดประชดออกไปอย่างไม่พอใจนัก “ผมจะรู้ได้ยังไง”

“...ลองขออะไรจากท่านดูสิครับ แล้วคุณศตคุณจะทราบว่าท่านอ่านจริงหรือไม่”

“งั้นผมขอให้อับบาตอบจดหมายผมได้มั้ยล่ะ”

“นั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่ท่านให้ไม่ได้นะครับ” อาเหม็ดพูดกลั้วหัวเราะ

เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจออกแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ถ้าอย่างนั้นที่อับบาไม่ยอมเขียนจดหมายมาหาเขา คงเพราะกลัวเขาจะรู้ว่าอับบาเป็นคนอย่างไรละมั้ง โทรศัพท์มีก็ไม่ยอมพูดคุยด้วยสงสัยกลัวเขาจะได้ยินเสียง อีเมลมีก็ไม่ใช้ สงสัยกลัวโดนแฮก การติดต่อสื่อสารต้องผ่านอาเหม็ดซึ่งเป็นเลขาเท่านั้น “แต่ผมไม่อยากได้อะไรนี่นา ผมอยากพบกับอับบา”

“งั้นคุณศตคุณต้องรอจนอายุสิบแปดก่อนนะครับ”


กาลเวลาดำเนินต่อไป อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าศตคุณก็กำลังจะจบการศึกษาชั้นจูเนียร์ไฮสคูล พร้อมกับจบหลักสูตรจากโรงเรียนดนตรีเพื่อเข้าศึกษาต่อใน Musik Academy Wien ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเวียนนา และสำหรับการจบการศึกษาในครั้งนี้ เขาได้รับเชิญให้ขึ้นแสดงเปียโนร่วมกับวงออร์เคสตราชื่อดังของประเทศ (Vienna Philharmonic Orchestra) เป็นครั้งแรกที่โรงละครโอเปร่าในกรุงเวียนนา ในฐานะนักเรียนดนตรีที่สอบได้คะแนนสูงสุด

มือขาวเหวี่ยงจดหมายเชิญผู้ปกครองมาเยี่ยมชมงานแสดงเปียโนลงบนเตียงในหอพัก แล้วทิ้งตัวลงนั่งเคียงข้างเพื่อนร่างหนาที่นั่งอยู่ในห้องของเขาด้วย

“เควิน นายไปเป็นพ่อในงานแสดงเปียโนให้ฉันหน่อยสิ”

“เฮ้ย ไอ้ลูกหมา พ่อที่ไหนจะละอ่อนขนาดนี้กันเล่า” เควินเถียงทันควัน

“ฉันคงรู้สึกแย่มาก ถ้าเก้าอี้ที่นั่งของผู้ปกครองของฉันว่างเปล่า” ศตคุณพูดเสียงอ่อย

“...ขออับบานายสิ” เพื่อนรักซึ่งรู้เรื่องของบิดาบุญธรรมของร่างโปร่งดีเสนอขึ้น “ยังไม่เคยขออะไรเขาเลยไม่ใช่เรอะไง เรียนจบทั้งที ลองขอดูสิ”

เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากครุ่นคิด “อือ... น่าสน ลองดูก็ได้”

ศตคุณแนบจดหมายเชิญนี้ไปกับจดหมายของเขาแล้วส่งต่อให้กับอาเหม็ด เขาขอให้อับบามาชมการแสดงเปียโนครั้งแรก และขอให้อับบานำช่อดอกกุหลาบสีขาวเท่ากับจำนวนอายุของเขามาให้เป็นของขวัญ

เมื่องานแสดงเปียโนมาถึง เด็กหนุ่มกระวนกระวายหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ เขาฝากเควินให้คอยเฝ้าอยู่นอกงาน ถ้าเห็นใครถือช่อกุหลาบสีขาว ก็ให้แอบถ่ายภาพมาให้กับเขาด้วย

ร่างโปร่งกำลังจะได้ขึ้นเวทีสำหรับมืออาชีพเป็นครั้งแรก เขาอยู่ในชุดทักซิโด้สีดำมีหางยาว เพื่อที่จะได้ใช้มือสะบัดหางนั้นไปด้านหลังของเก้าอี้บุผ้ากำมะหยี่ ยามเมื่อเด็กหนุ่มนั่งลงเบื้องหน้าแกรนด์เปียโนสีดำเป็นเงาวับที่มีความยาวถึงเก้าฟุต ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเวทีของโรงละครโอเปร่าอันเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองแห่งเสียงดนตรีมานานนับศตวรรษ

มือขาวแหวกผ้าม่านออกเล็กน้อยแล้วกวาดสายตามอง ที่นั่งสำหรับอับบาอยู่ที่ชั้นสองของโรงละคร ในบล็อกด้านซ้ายชิดกับเวทีซึ่งจากที่ตรงนั้นจะสามารถเห็นการแสดงของเขาได้เป็นอย่างดี แต่ที่นั่งในบล็อกนั้นยังคงว่างเปล่า ทั้งที่ใกล้เวลาเริ่มแสดงเข้าไปทุกที พวกแขกเหรื่อในงานก็ทยอยเข้ามานั่งประจำที่กันเกือบหมดแล้ว

ขาเรียวพาเจ้าของให้เดินกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวนักแสดง พลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรออกไปหาเพื่อนที่เฝ้าอยู่ทางด้านนอก

“เห็นอับบามั้ย”

“...ฉันก็ไม่แน่ใจอะ มีคนถือช่อกุหลาบสีขาวเป็นสิบๆ คนเลย สงสัยเขาจะฮิตเอากุหลาบขาวมาให้นักแสดงกัน ทำไมนายไม่ขอดอกไม้อะไรที่หายากๆ หน่อยวะ แต่ฉันก็ถ่ายรูปไว้หมดนะ ในหลายๆ คนนี่คงจะมีอับบาของนายสักคนล่ะ”

คำตอบที่ได้รับทำให้ร่างโปร่งใจชื้นขึ้นเล็กน้อย บางทีตอนนี้อับบาอาจจะมาแล้ว และคงจะนั่งอยู่ที่บล็อกนั้นเมื่อถึงเวลาที่เขาออกไปแสดงบนเวที

แล้วก็เป็นอย่างที่เด็กหนุ่มคาดไว้ เมื่อเขาขึ้นไปบนเวทีและโค้งให้วาทยกรกับผู้ชม นัยน์ตากลมใสชำเลืองมองไปยังที่นั่งของอับบา ซึ่งมีชายร่างสูงในชุดสูทสีดำถือกุหลาบสีขาวช่อใหญ่อยู่ในมือ ริมฝีปากสีแดงเรื่อคลี่ยิ้มออกมาอย่างเป็นสุข ขณะที่นั่งลงและเริ่มต้นบรรเลงเพลงที่ฝึกปรือมาเป็นอย่างดี ซึ่งนั่นก็คือเพลง Piano concerto No. 21 ของโมสาร์ต ระหว่างนั้นก็มีหลายต่อหลายครั้งที่ดวงตาสีอ่อนละจากคีย์ไม้สีขาวสลับดำเพื่อมองขึ้นไปหาคนที่นั่งอยู่ในที่ผู้ปกครองของตน แม้ไม่อาจเห็นใบหน้าได้ชัดเจน หากรู้สึกได้ถึงสายตาอบอุ่นที่มองย้อนกลับมา อบอุ่นยิ่งกว่าแสงไฟจากสปอตไลต์ที่สาดส่องลงมาที่ตัวเขาซะอีก ทำให้การแสดงในคืนนั้นสุดแสนพิเศษสำหรับศตคุณ ทว่าเมื่อการแสดงจบสิ้นลง ชายผู้นั้นก็หายตัวไปจากที่นั่งเสียแล้ว

เด็กหนุ่มเดินไปตรวจดูที่นั่งของอับบา บนเก้าอี้ซึ่งอับบานั่งอยู่ก่อนหน้ามีช่อดอกไม้ขนาดใหญ่วางอยู่ มือขาวประคองช่อกุหลาบที่ประกอบไปด้วยดอกกุหลาบสีขาวจำนวนสิบห้าดอกตามอายุของเขาในตอนนั้นขึ้นมาช้าๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ ชวนให้เขาจรดปลายจมูกลงไปสูดดมอยู่หลายครั้ง แม้ไม่ได้พบกับอับบา แต่หัวใจก็เปี่ยมสุข เขาคิดว่าอับบายอมปลีกตัวจากหน้าที่และธุรกิจที่แสนจะรัดตัวมาเพื่อชมการแสดงครั้งแรกบนเวทีของเขานั่นก็ดีมากแล้ว

หลังการแสดงเสร็จสิ้นไป ศตคุณและเควินเดินทางกลับไปถึงห้องพักที่โรงเรียนประจำในตอนค่ำๆ จากนั้นเควินก็โหลดรูปจากกล้องดิจิตอลใส่คอมพิวเตอร์เพื่อให้เพื่อนรักได้พิจารณาดูว่าใครคืออับบาของเขา

“ไม่มี... ไม่เห็นมีเลย... ไม่มีคนไหนในรูปที่ถือช่อกุหลาบแบบที่ฉันได้มานี่...” ศตคุณเอ่ยเสียงอ่อย

“แต่ฉันเฝ้าทุกคนตรงทางเข้าฮอลแล้วนะ หรือมันมีทางเข้าที่อื่นอีก?”

“...นั่นน่ะซี... โรงละครโอเปร่าเก่าแก่ อาจมีทางเข้าสำหรับแขกวีไอพีก็ได้ บ้าจริง!”

“เอาน่ะ อย่างน้อยเราก็รู้ว่าอับบาของนายมา นี่เพิ่งเป็นการแสดงครั้งแรกของนายเอง ยังมีครั้งต่อๆ ไปอีกหลายครั้ง แล้วฉันจะไปคอยถ่ายรูปให้ทุกงานเลย”

“ขอบใจนะ”

เควินรู้สึกเห็นใจเพื่อนรักอยู่ไม่น้อย สำหรับตัวเขาน่ะ เมื่อคิดถึงที่บ้านก็แค่ยกหูโทรศัพท์โทรไป ปิดเทอมพ่อแม่ก็บินมาเยี่ยม แต่สำหรับศตคุณนี่สิ อีกฝ่ายอยู่ตัวคนเดียว ในชีวิตมีเพียงอับบาเป็นที่พึ่ง เป็นเสมือนเสาหลักให้เกาะยึด “นี่... นายลองขออย่างอื่นดูสิ ขอรูปหรือคลิปจากอับบาไว้ดูอะไรแบบนี้ อ้างว่านายอยากเอาไว้ดูต่างหน้า”

ร่างโปร่งเห็นดีกับเพื่อนด้วย เขาเริ่มเขียนจดหมายขอรูปถ่าย โดยอ้างเหตุผลว่าเอาไว้ดูต่างหน้าอับบา ไม่กี่วันหลังจากนั้น เขาก็ได้รับรูปถ่ายจริงๆ เป็นรูปถ่ายของชีคชารีฟในชุดโต๊ปสวมผ้าคลุมเต็มยศ หนวดเคราสีเทารุงรัง

“นี่ไม่ใช่คนที่ฉันเห็นในงานนี่”

“...รูปนี่อาจจะไม่ใช่รูปของอับบานายจริงๆ หรืออาจจะใช่ก็ได้ แบบว่าพ่อบุญธรรมของนายส่งคนอื่นให้มาดูการแสดงแทนไง เขาคงมาเองไม่ได้ เพราะถ้าในรูปนี่เป็นอับบาของนายจริง... ดูท่าทางอายุมากแล้วด้วยนะ สงสัยว่าจะมือสั่น จับปากกาเขียนจดหมายไม่ไหวแล้วด้วยล่ะมั้ง”

“งั้นเหรอ... แต่ให้คนอื่นเขียนให้ก็ได้นี่”

“เขาอาจจะไม่อยากให้คนอื่นเขียนจดหมายส่วนตัวให้ก็ได้”

“อือ... ก็คงอย่างนั้น” ศตคุณรู้สึกผิดหวัง เขาเข้าใจเหตุผลที่ว่าให้เขาตัดสินใจเลือกใช้นามสกุลเมื่ออายุสิบแปด นั่นคงเป็นเพราะอับบาอยากให้เขาเป็นผู้ใหญ่เสียก่อนค่อยตัดสินใจ แต่ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดต้องรอจนอายุสิบแปดถึงจะได้พบกันไปด้วย จนแล้วจนรอดก็ยังหาคำตอบให้ตนเองสบายใจไม่ได้

หลังจากจบการศึกษาชั้นพรีไฮสคูลแล้ว ศตคุณก็ย้ายออกมาอยู่ในคอนโดมิเนียมติดกับมหาวิทยาลัยซึ่งอับบาจัดการให้กับเขา... เขาก็รู้สึกขอบคุณอับบาอยู่หรอกนะ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขามุ่งมั่น ต้องการมากกว่าสิ่งใดทั้งหมด คือการได้พบกับอับบา และได้รับความอบอุ่นแบบที่ครอบครัวพึงจะมี


เด็กหนุ่มเติบโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ด้วยความที่เป็นคนมีหน้าตาและผิวพรรณดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บวกกับรูปร่างที่สูงโปร่ง และดีกรีนักเปียโนอัจฉริยะ ส่งผลให้ศตคุณยิ่งเนื้อหอม จนได้ชื่อว่าเป็นคนดังของโรงเรียน เขาเริ่มคบหาเพื่อนต่างเพศบ้าง และหนึ่งในเพื่อนหญิงที่สนิทที่สุดมีชื่อว่าไอด้า เธอเป็นเด็กสาวชาวเอเชียที่เรียนอยู่ในเวียนนาเช่นกัน เด็กสาวได้พบกับเขาครั้งแรกที่โรงเรียนดนตรี และตามติดแจมาตั้งแต่ตอนนั้น

“คุณ... ดูสิคะ เกรซมีแฟนใหม่อีกแล้วล่ะ แฟนใหม่รักเกรซมากๆ ซื้อให้หมดทุกอย่างที่เธอขอเลย” เด็กสาวกระเง้ากระงอด เป็นเชิงบอกใบ้กับศตคุณให้ซื้อของขวัญให้กับเธอบ้าง

“อืม... ตกลงความรักนี่ต้องซื้อของปรนเปรอให้รึไง ถ้างั้นคงจะมีแต่คนรวยๆ เท่านั้นที่จะมีความรักได้งั้นสินะ” ศตคุณตอบไปทั้งสายตายังจดจ่ออยู่กับหนังสือเรียนในมือของเขา

“คุณอ้ะ ไม่เข้าใจเลยรึไง คนรักกันเขาก็อยากเอาอกเอาใจกัน ซื้อนู่นนี่ให้กัน คนที่ได้รับของขวัญก็จะได้ดีใจยังไงล่ะ”

คิ้วเรียวขมวดมุ่น เนื่องจากเขาไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักมาก่อน เด็กหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นสบสายตากับหญิงสาว “เอาใจ? เวลาได้ของขวัญแล้วจะดีใจงั้นเหรอ”

ไอด้ายิ้มหวาน “อย่างไอด้าเนี่ย แค่คุณซื้อสร้อยหรือแหวนถูกๆ ข้างถนนให้ ไอด้าก็ดีใจจะตายแล้วน้า”

ศตคุณหัวเราะ “รวยขนาดไอด้า คงไม่อยากได้ของข้างถนนละมั้งครับ”

“อื้ออออ คุณนี่ไม่เข้าใจเลย มันไม่ได้สำคัญที่ของ แต่สำคัญที่คนให้ต่างหากล่ะคะ”

“งั้นไว้วันเกิดไอด้า ผมจะซื้อของขวัญให้ก็แล้วกัน” เด็กหนุ่มเพียงแค่อยากตอบแทนที่เธอทำอาหารกลางวันมาให้เป็นประจำ เขาเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง หากสำหรับเด็กสาว เธอคิดเรื่องความสัมพันธ์ไปไกลกว่านั้นมากโข

คืนนั้นศตคุณกลับมาที่ห้องพักของตนในคอนโดมิเนียม เขานั่งลงบนโซฟาในห้องและมองไปยังพื้นที่โล่งข้างหน้า... ของขวัญงั้นหรือ... จริงอยู่ที่ว่าอับบาจัดหาทุกสิ่งทุกอย่างมาให้พร้อมสรรพ เขาจึงแทบไม่เคยขออะไรจากอับบาเลย แต่ตัวเขาเองก็อยากให้มีคนเอาใจ อยากให้ซื้อของขวัญเหมือนกันนะ เมื่อคิดแล้วก็จัดการลงมือเขียนจดหมาย เขาบอกกับอับบาว่า อยากได้เปียโนหลังเล็กๆ ไว้ฝึกซ้อมสักหลัง เพราะตั้งแต่ย้ายออกมาอยู่คอนโดมิเนียม ก็ไม่มีเปียโนให้ซ้อมเหมือนสมัยตอนที่อยู่หอพักของโรงเรียน

เมื่อวันที่ 25 ของเดือนมาถึง ร่างโปร่งส่งจดหมายฉบับนั้นให้กับมือของอาเหม็ดเหมือนอย่างเคย และเช้าตรู่ของสามวันถัดมา เด็กหนุ่มก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงกดกริ่งที่ดังรัวติดๆ กัน

“เอาเปียโนมาส่งครับ”

ศตคุณขนลุกซู่ เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้ของขวัญจากอับบาจริงๆ แถมยังไวปานจรวดขนาดนี้

พอบานประตูห้องเปิดออก พนักงานสี่ห้าคนก็เริ่มทยอยขนชิ้นส่วนเปียโนเข้ามาประกอบในห้อง ดูจากชิ้นส่วนเหล่านั้นศตคุณก็พอจะรู้ได้ว่านั่นไม่ใช่เปียโนธรรมดาๆ ทว่าเป็นแกรนด์เปียโนขนาดกลางทำด้วยมืออย่างดีจากร้านชิมเมล (Schimmel) ของประเทศเยอรมัน ตัวเปียโนทำจากไม้ Macassar เคลือบสีขาวนวลสะอาดตา มีตัวอักษรสีทองสวยงามสลักอยู่บนฝาครอบคีย์บอร์ดว่า Satakhun ซึ่งเป็นชื่อของผู้เป็นเจ้าของ

มือขาวเอื้อมไปสัมผัสเปียโนอย่างไม่เชื่อสายตา เขาเดินวนรอบๆ เปียโนตัวนั้นอยู่หลายครั้งด้วยหัวใจที่เต้นดังรัวราวกับเสียงตีกลองใหญ่

“คุณศตคุณจะให้ทางเราจูนเสียงให้ หรือคุณจะจูนเองดีครับ” หนึ่งในพนักงานถามอย่างนอบน้อม

“ผมทำเองได้ครับ ขอบคุณมาก เปียโนหลังนี้สวยสุดยอดไปเลย”

พนักงานคนนั้นยิ้มกว้าง “พวกเราดีใจที่คุณศตคุณชอบครับ ออเดอร์เข้ามาเมื่อสามวันก่อน พวกเราเร่งงานกันแทบแย่ งั้นขอตัวก่อนนะครับ”

หลังจากพนักงานทยอยกันกลับไป ร่างโปร่งจึงนั่งลงบนเก้าอี้บุผ้ากำมะหยี่หน้าเปียโน เขาค่อยๆ ยกฝาครอบขึ้น ดึงผ้ากำมะหยี่ที่คลุมทับคีย์ไม้เคลือบเงาไว้ออก แล้วลองกดดูไล่เสียงดูทีละคีย์

เสียงของตัวโน้ตแต่ละตัวดังก้อง ทั้งทุ้มลึกและสดใส เด็กหนุ่มมั่นใจว่าเปียโนตรงหน้าเขานี่ คือเปียโนที่ดีที่สุดและคงจะมีราคามหาศาลเลยทีเดียว

“อับบา... ขอบคุณครับ”...ทั้งๆ ที่ใจคิดว่า ถ้าอับบาจะใจดีซื้อเปียโนให้เป็นของขวัญ ก็คงเป็นเปียโนอัปไรท์ราคาย่อมเยาที่หาซื้อได้ง่ายๆ แต่ใครจะนึกล่ะ ว่าเขาจะมีโอกาสได้เป็นเจ้าของสุดยอดเปียโนจากร้านชิมเมลแบบนี้


เวลาสามปีผ่านพ้นไปแล้ว อีกเพียงเทอมเดียวศตคุณก็จะจบหลักสูตรเปียโนอีกขั้น จากนั้นเขาอาจจะออกไปทำงานในฐานะนักเปียโนมืออาชีพ หรือเรียนต่อเพื่อระดับที่สูงขึ้นไปอีก ทว่าร่างโปร่งมีคำตอบให้กับตัวเองแล้วว่าเขาต้องการจะทำอะไรต่อไป

เด็กหนุ่มได้รับคัดเลือกให้ขึ้นเวทีใหญ่ในทุกๆ เทอมที่ผ่านมา และทุกครั้ง ชายในชุดสูทสีดำพร้อมช่อกุหลาบขาวที่มีจำนวนดอกเท่ากับอายุของเขาก็จะมาทำหน้าที่ชมการแสดงในฐานะผู้ปกครอง ศตคุณเองก็ไปรอพบชายหนุ่มเมื่อการแสดงคอนเสิร์ตจบสิ้นลง หากก็ไม่เคยได้พบกันเลยแม้สักครั้งเดียว


(มีต่อนะคะ)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2014 19:55:00 โดย huskyhund »

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


(ห้าเดือนหลังจากงานแสดงประจำปีของพระราชวังเชินบรุนน์ ภายในห้องพักในคอนโดมิเนียมของศตคุณ)

แตร๊งงงงง... มือขาวกระแทกลงบนคีย์เปียโนอย่างแรงจนเสียงแปร่งดังก้อง

“เฮ้อ... จะเอายังไงดีหนอ” ร่างโปร่งโอดครวญ แล้วเหวี่ยงกระดาษเขียนตัวโน้ตในมือลงบนโต๊ะ นั่นคือโพรเจกต์สุดท้ายที่เขาต้องทำส่งโรงเรียนดนตรี นักเรียนทุกคนจะต้องแต่งเพลงเพื่อเป็นผลงานเริ่มต้นให้กับตนเอง

เด็กหนุ่มเดินไปเอนตัวพิงกับกรอบหน้าต่าง พร้อมกับทอดสายตามองออกไปด้านนอกซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหิมะจนขาวโพลน เพลงสำหรับฤดูหนาวงั้นหรือ เขาไม่ชอบฤดูหนาว มันดูเงียบเหงา เศร้าสร้อยและว้าเหว่ ถ้าแต่งเป็นเพลงก็คงจะเป็นเพลงช้าๆ เศร้าๆ ฟังดูน่าเบื่อหน่าย

มือขาวดึงผ้าม่านปิดบานหน้าต่าง “เฮ้อ...” เขาคิดว่าตัวเองช่างเป็นคนที่ไร้ซึ่งความฝันและจินตนาการเอาเสียจริง

ร่างโปร่งบางเดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้องหลายรอบ ดวงตากลมเหลือบมองไปยังปฏิทิน อีกไม่กี่วันก็จะถึงกำหนดที่เขาจะต้องเขียนจดหมายหาอับบาอีกแล้ว... คราวนี้เขาจะเขียนเรื่องอะไรดีละนี่

“อ๊ะ... จริงด้วย” ศตคุณร้องลั่นเหมือนคิดอะไรออก ขาเรียวก้าวยาวๆ ไปยังโต๊ะหนังสือ ก่อนเด็กหนุ่มจะนั่งลงเพื่อเริ่มต้นเขียนจดหมาย

ผมจะแต่งเพลงเกี่ยวกับอะไรดีครับ อับบา... ช่วยผมคิดหน่อยได้มั้ย

หลังจากร่างโปร่งได้ฝากจดหมายให้กับอาเหม็ดไปตามปกติ ไม่กี่วันถัดมาเขาก็ได้รับแผ่นดีวีดีมาหนึ่งแผ่น เด็กหนุ่มจึงเอาไปใส่เครื่องเล่นเพื่อดูเนื้อหาข้างใน

ภาพทะเลทรายเวิ้งว้าง กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาปรากฏขึ้นบนจอโทรทัศน์ เนินทรายสีทองเป็นลอนราวกับเกลียวคลื่นในทะเล ดูลึกลับน่าพิศวง เขาเห็นเงาของคนที่ถือกล้องถ่ายวิดีโอนั่งอยู่บนหลังอูฐซึ่งเดินย่ำเท้าไปเรื่อยๆ และที่ปลายฟ้าไกลลิบๆ นั่น... เขาเห็นกลุ่มของสีเขียวรำไร ในคราวแรกเด็กหนุ่มก็นึกว่าตาฝาดไป แต่เมื่อกล้องวิดีโอเดินต่อไป สีเขียวที่เขาเห็นก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นภาพที่ชัดเจนขึ้นทีละน้อย จนกลายเป็นโอเอซิสสีเขียวชอุ่มขนาดใหญ่ในที่สุด ภายในโอเอซิสมีทะเลสาบกว้าง ท้องน้ำสีฟ้ามองเห็นทรายขาวละเอียดเบื้องล่าง ภาพบนจอยังคงเคลื่อนต่อไป เข้าสู่ตัวเมืองที่ตั้งอยู่ใจกลางโอเอซิส ซึ่งหนาแน่นไปด้วยตึกรามบ้านช่องทรงสี่เหลี่ยมสีหม่นๆ มีตลาดที่ขายของแบบวางกับพื้นดิน ซึ่งดูเผินๆ คล้ายกับตลาดนัดขายของเก่าในเวียนนา นอกจากนั้นก็ยังมีร้านค้าและเพิงขายอาหารอีกมากมาย เจ้าอูฐยังคงพาเจ้านายของมันเดินต่อไป ผ่านผู้ชายในชุดโต๊ปแขนยาวที่กำลังเลี้ยงสัตว์ ส่วนพวกผู้หญิงในชุดอาบาญ่าสวมผ้าคลุมศีรษะและปกปิดใบหน้าจนเหลือแต่ดวงตากำลังนั่งถักทอผ้าจากขนแกะกองใหญ่

ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้ม เด็กหนุ่มจ้องมองภาพบนทีวีไปอย่างเพลิดเพลิน หัวใจเต้นระส่ำกับบ้านเมืองที่ดูแปลกตา ทั้งยังรู้สึกอัศจรรย์ใจกับสิ่งก่อสร้างและวัฒนธรรมที่แตกต่างออกไป... ณ สถานที่ไกลโพ้นที่คุณลุงของเขาหลงใหล... สถานที่ที่เป็นบ้านเกิดของอับบา

ใจย้อนนึกไปถึงอดีตที่เขาเคยได้ไปสัมผัสบ้านเมืองแบบอาหรับพร้อมกับครอบครัว พ่อแม่และคุณลุงจีรุฒน์อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า ช่วงเวลาที่มีแต่ความสุข เวลาที่เขาอยากย้อนกลับไป

กล้องวิดีโอยังคงถ่ายต่อไปเรื่อย กระทั่งไปหยุดอยู่ที่วังสีขาวสะอาดตาเป็นแห่งสุดท้าย ก่อนหน้าจอจะกลายเป็นสีดำสนิท

ร่างโปร่งอ้าปากค้าง มือขาวกดรีโมตให้เล่นคลิปอีกครั้งแล้วสั่งให้หยุดอยู่ที่ภาพสุดท้าย วังขนาดใหญ่ในเมืองโอเอซิสที่เขาเห็นนั้นสวยงามราวกับกุหลาบขาวที่เบ่งบานอยู่กลางทะเลทราย สะกดสายตาจนทำให้เด็กหนุ่มเผลอเพ่งพิศอยู่เป็นเวลานานราวกับต้องมนตร์

หลังจากศตคุณได้ซึมซับความงดงามของภาพในทะเลทรายจนพอใจแล้ว เขาก็ลุกเดินกลับไปที่เปียโนของตนอย่างสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใจของเขาล่องลอยไปยังดินแดนไกลแสนไกล ข้ามมหาสมุทรและทะเลทรายกว้างใหญ่ ปลายนิ้วเรียวที่วางลงบนคีย์ไม้เริ่มขยับไปเอง เป็นเสียงทุ้มต่ำที่มีท่วงทำนองเชื่องช้าแบบ Adagio คล้ายจังหวะการเดินของอูฐ วังเวงราวกับสายลมที่พัดผ่านเม็ดทรายสีทองละเอียด ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็น Andante ที่เร็วขึ้นอีกนิด เมื่อย้อนนึกไปถึงตอนที่มองเห็นเมืองใหญ่ท่ามกลางโอเอซิสสีเขียวสดใส ยิ่งใกล้ตัวเมืองเข้าไป ภาพผู้คนและบ้านเมืองที่แตกต่างออกไปก็ปรากฏแจ่มชัดขึ้นในความทรงจำ ส่งผลให้ปลายนิ้วเรียวเร่งกระแทกลงบนคีย์ไม้ระรัว เป็นทำนองแบบ Presto รวดเร็วเช่นเดียวกับอัตราการเต้นของหัวใจที่กำลังเต้นระส่ำ จนสายตาของเขาไปหยุดที่วังสีขาวเด่นสง่าชวนให้หลงใหล ดึงดูดทั้งความสนใจและตราตรึงจิตวิญญาณของร่างโปร่งไว้ ซึ่งเขาส่งผ่านความรู้สึกนั้นออกมาเป็นเสียงโน้ตสดใส ในท่วงทำนองแบบ Allegro เฉกเช่นความรู้สึกเบิกบานที่ผุดขึ้นในหัวใจ

มือขาวละออกจากคีย์เปียโน แล้วคว้าสมุดโน้ตขึ้นเขียนมาอย่างว่องไว ริมฝีปากสีแดงสดพึมพำ “ขอบคุณครับ อับบา” เขาจรดปลายปากกาเขียนชื่อเพลงไว้ตรงมุมกระดาษ


...Paradise


เดือนสุดท้ายของปีมาถึงในที่สุด ปกติศตคุณจะเกลียดเดือนธันวาคมมาก ทำไมน่ะหรือ... ก็เพราะเทศกาลคริสต์มาส คือเทศกาลที่ทุกคนจะได้ใช้เวลาร่วมกับคนในครอบครัวอย่างมีความสุขยังไงล่ะ... ยกเว้นตัวเขา ที่ผ่านมาทุกปีเขาใช้เวลาในช่วงคริสต์มาสกับอาเหม็ด และวันหยุดที่ว่างก็รับอาสาไปเล่นเปียโนตามโบสถ์ แต่ปีนี้จะไม่เหมือนปีก่อนๆ และจะไม่เหมือนปีไหนๆ ต่อจากนี้ไปอีกแล้ว

วันที่ 24 ธันวาคม เป็นวันที่เขาจะได้ขึ้นแสดงเปียโนด้วยเพลงที่เป็นผลงานการประพันธ์ของตนเองบนเวทีโรงละครโอเปร่าของเวียนนา เป็นการแสดงครั้งสุดท้ายก่อนจบการศึกษา ซึ่งเขามั่นใจว่า อับบาจะเดินทางมาพบและรอรับคำตอบจากเขา

เด็กหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ริมหน้าต่างในร้านฟาสต์ฟู้ดย่านใจกลางเมือง พร้อมกับอมยิ้มและฮัมเพลงอย่างมีความสุข ภาพของทะเลทรายเวิ้งว้าง โอเอซิสสีเขียวชอุ่ม และวังสีขาวนั่นยังคงวนเวียนอยู่ในความคิด เขาอยากไปที่นั่น อยากเห็นสิ่งเหล่านั้นด้วยตาของตนเองจนแทบจะอดใจรอไม่ไหวอยู่แล้ว

“อารมณ์ดีจริงนะ” เพื่อนร่างหนาที่ถือถาดซึ่งมีอาหารวางจนพูนล้นพูดขึ้น

“อือ... ใกล้จะได้พบอับบาแล้ว จะได้ไปทะเลทรายแล้ว” ใบหน้าน่ารักฉายแววเปี่ยมสุขจนใครๆ ก็สังเกตเห็นได้ “...ถ้ามีโอกาส ฉันอยากจะไปเที่ยวในทะเลทราย จะได้เห็นพระจันทร์เต็มดวง ดวงใหญ่ๆ ในทะเลทรายจริงๆ สักที ที่นั่นมันต้องยอดเยี่ยมมากแน่ๆ”

“แน่ใจเร้อ ว่าอับบาของนายจะมาแน่” เควินแกล้งกระเซ้า

ศตคุณพยักหน้า “ฉันถามคุณอาเหม็ดแล้ว! คุณอาเหม็ดบอกว่าอับบาจะมาพบฉัน และถ้าฉันต้องการจะไปอยู่ดัมมัม ก็ให้เก็บของรอไว้เลย”

“แหม จะไปไม่ห่วงกันเลยนะ”

“......” เด็กหนุ่มชะงัก

มือใหญ่ขยี้เส้นผมสีน้ำตาลบนศีรษะเล็กแรงๆ “เฮ้ย! ฉันล้อเล่นน่า ไอ้ลูกหมา... แค่นายจะไปดัมมัม ไม่ได้ตายไปจากฉันซะหน่อย เดี๋ยวเรียนจบจะบินไปของานทำนะ”

“เควิน.. ฉัน... จะต้องคิดถึงนายมากแน่ๆ”

เควินนั่งลงข้างๆ ร่างโปร่ง พลางโอบไหล่เล็กไว้หลวมๆ “อีเมล สไกป์ โปรแกรมในอินเทอร์เน็ตกับมือถือมีตั้งมากมาย นายอยากโทรมาเมื่อไหร่ก็โทรมาได้ ฉันอยากโทรไปเมื่อไหร่ก็จะโทรไป แต่ฉันว่า ขี้คร้านพอได้ไปที่เมืองนั่น นายคงจะสนุกจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างหมดแล้ว”

“บ้าเรอะไง ฉันไม่มีทางลืมเพื่อนรักคนเดียวในชีวิตของฉันไปได้หรอกเว้ย”

เควินยิ้ม เขามองเห็นน้ำใสๆ เอ่อคลอดวงตาสีน้ำตาลอ่อน จึงรีบชวนเปลี่ยนเรื่องคุย “ฉันดีใจ... ไม่เคยได้เห็นนายยิ้มหน้าบานแบบนี้... อ้อ แล้วก้อ อาหารมื้อนี้ ดูๆ ฉันเลี้ยงเอง ฉลองให้กับความสำเร็จของเพลงที่นายแต่ง ได้ข่าวว่าเป็นที่ฮือฮามากเลยนี่”

“ฮึ รู้ได้ไง”

“ไอด้ากับเกรซบอก เอ้า กินๆ”

ศตคุณรับแฮมเบอร์เกอร์อุ่นๆ อันโตไว้ในมือ “อ้อ... จริงสิ นี่ใกล้วันเกิดไอด้าด้วยนี่นะ งั้นเดี๋ยวขากลับแวะซื้อของหน่อยดีกว่า นายช่วยฉันเลือกของขวัญที สัญญาไว้ว่าจะให้เป็นของขวัญวันเกิด”

เควินพยักหน้าหงึกหงักพร้อมตอบเสียงอู้อี้เพราะในปากเขาเต็มไปด้วยไก่ทอด “อือ ไอ้ เอย” (อือ ได้เลย)


To be continued


เอาตอนแรกของนิสรีนมาลงแว้วววว เรื่องนี้ฮัสกี้เขียนจบไปนานแล้วค่ะ แต่มีการแก้ไขจากฉบับเดิมเล็กน้อย ตอนนี้ก็กำลังทยอยแก้ไขอยู่ มีทั้งการแก้ไขตัวละคร คำที่เขียนผิดแล้วยังใช้คำผิดมากมาย โดยเฉพาะการเรียงลำดับญาติ T^T ฮัสกี้มั่วมาก ต้องขออภัย แถมภาษาก็ไม่ค่อยจะได้เรื่อง แต่จะพยายามให้มากที่สุดนะคะ มีอะไรจะติติงหรือบอกกล่าว บอกกันได้เสมอค่ะ ฮัสกี้จะพยายามปรับปรุงนะคะ

คำว่า Nisreen นั้นแปลว่ากุหลาบสีขาวค่ะ ฮัสกี้ก็เลยตั้งชื่อเรื่องว่ากุหลาบขาวแห่งทะเลทราย แต่ที่หมายถึงกุหลาบขาวนั้นไม่ได้มีเพียงแค่วัง แต่หมายถึงตัวนายเอกของเราด้วยค่ะ

เรื่องนี้หวานและน้ำเน่ามาก 555555555555555555 แต่ก็หวังว่าทุกคนที่ผ่านมาอ่านจะชอบนะคะ

สำหรับสองตอนแรกยังไม่ออกทะเลทรายค่ะ เป้นการกล่าวถึงนายเอกของเราก่อน ส่วนพระเอกนั้น ขออุบไว้จนกว่าจะถึงเวลานะคะ ขอกำลังใจจากชาวเล้าด้วยนะค้าาา เยิฟๆ <3


husky's page

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2014 22:54:43 โดย huskyhund »

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
แค่เปรยมาก็หลงรักซะแล้ว  :mew1:

ออฟไลน์ zoochi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ยาวเว่อร์ค่ะ ชอบแนวทะเลทราย
ให้กำลังในนักเขียนค่ะ รออ่านค่ะ

By หนูน้อยใจ

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
เท่าที่อ่านดู, ภาษาดีมากเลยนะคะ. แต่ดิฉันชอบที่มันเป็นนิยายแนวทะเลทรายและปนไพรัชนิยายหน่อยๆ ด้วย. ขอสมัครเป็นแฟนคลับด้วยคนนะคะ. :mew1:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เจอผิดที่นึงค่ะ



ทางอาจารย์รีบติดต่อไปยังญาติสนิทของศตคุณ ทว่าความโชคร้ายของเด็กชายไม่ได้จบสิ้นลงแค่นั้น เมื่อคุณลุงจีรุฒน์ทราบข่าวเข้าก็เกิดอาการช็อก ยังไม่ทันจะเดินทางมาหาหลานชายที่แสนรัก เขาก็สิ้นลมตามหลานชายและหลานสะใภ้ไปเสียก่อน... ศตคุณต้องสูญเสียคนที่รัก ซ้ำยังผิดหวังกับการรอคอยครอบครัวของเขาอีกเป็นครั้งที่สอง ในฤดูหนาวเดียวกันนั่นเอง


น่าจะเป็นสิ้นลมตามน้องชายและน้องสะใภ้นะคะ



นอกจากนี้คือเราติดเรื่องนี้แน่นอนแล้ว รออ่านต่อนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เรื่องใหม่มา ยินดีจ้า

ออฟไลน์ nunuchhh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ชอบๆมากๆเลยคะ รอมาลงอีกนะนอนรอ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆจัง ศตคุณจะได้เจออับบาแล้วใช่มั้ย(จะได้เจอจริงๆใช่ป่ะ) ทำไมไม่เคยมีจดหมายตอบกลับจากอับบาเลย
ลุ้นว่าพระเอกเป็นใคร
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ dark-soleil

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ฮืออออ ชอบบบ
แนวนี้ที่รอคอย  ชอบแนวนี้อ้ะ แบบชีคกับคนธรรมดา
ศตคุณน่ารักมาก  มาปูเสื่อรอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Memindbucker

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ศตคุณจะได้เจออับบามั้ย อับบาลึกลับมากเลย
ยาวจุใจสุดๆ. อ่านแล้วเคลิ้มมาก
มาเป็นกำลังใจให้ ค่า

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
อ่านแล้วอยากจะกรีดร้อง ด้วยความดีใจ ชอบอ่านท่านชีสแนวทะเลทรายมากค่ะ
แถม Daddy long legs ก็เป็นนิยายในดวงใจอีกต่างหาก ได้ 2 อย่างจับมารวมกันในนิยายเรื่องนี้
 o13 o13 o13

คนแต่งเขียนและบรรยายได้ดีมากจริงๆค่ะ แอบใจเต้นไปกับศตคุณ ลุ้นตอนเจออับบาตัวจริง

+1 เป็นกำลังใจให้นะคะ  :กอด1:

ปล.ชื่อ ศตคุณ อ่านว่ายังไงคะ สะ ตะ คุน หรือเปล่า

ออฟไลน์ Orrdy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รัก เลยค่ะ ใช้คำได้สวยๆ ผิดบ้าง ไรบ้าง ก้ไม่เปนไรค่ะ เนื้อเรื่อง น่าติดตามมาก อยากให้เจอ อับบา เร็วๆค่ะ

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เนื้อเรื่องดูจะหวานๆนะแบบหวานมากๆ
ชอบนะน่ารักดี
อับบานี่ลึกลับจริงนะ
รอติดตามครับ

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
น่าสนุกมากๆ รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ชอบนะ ผมชอบนิยายแนวทะเลทรายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยยิ่งชอบ แต่ไม่รู้มันจะทำให้ผิดหวังรึเปล่า ผมไม่ชอบดราม่านะ ถ้าจะดรามม่าในอุปสรรค อันนี้ไม่ว่า แต่เกี่ยวกับความรักที่ไม่สมหวังนี้คงเศร้านะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
 o13 เยี่ยมเลยค่ะ จะติดตามชมตอนต่อไปนะคะ  o13

ออฟไลน์ lollita

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คุณพ่อขายาวคือพระเอกใช่มั๊ย :mew1:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
หลงเสน่ห์เรื่องนี้แล้ว <3

ออฟไลน์ 111223

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-5
>< อยากอ่านต่อแล้วง่า สนุกมากๆ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
น่าติดตามมากค่ะ

ออฟไลน์ ฝัullล้วlv

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
ทำไมอับบาดูลึกลับจัง สงสัยตามเลย

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
รับรู้ได้ถึงบรรยากาศพรุ้งพริ้ง5555 อยากอ่านต่อแล้วอ่า

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[เข้ามารอตอนต่อไปอิอิ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
บางส่วนให้บรรยากาศ แดดดี้ลองเลกนิดนึงนะคะ แต่เป็นเวอร์ชั่น yaoi อิอิ น่ารัก และอบอุ่นใจมากๆค่ะ อับบาคงรักเเลเเคร์นายเอกมากๆ ดูเเลเป็นอย่างดีเลย แต่จะพรากผู้เยาว์คงมิเหมาะ  :laugh: ต้องรอเรียนจบก่อนเนาะ

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
มารอลุ้นไปกับคุณค่ะ>

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด