นิสรีน... กุหลาบขาวแห่งทะเลทราย [Ch.26: คู่รัก END ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: นิสรีน... กุหลาบขาวแห่งทะเลทราย [Ch.26: คู่รัก END ]  (อ่าน 463487 ครั้ง)

ออฟไลน์ yumijung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฮากะบางคอมเม้นต์์..อ่านแล้วปล่อยกร๊ากก..เลย.ชีควัยทอง เห็นด้วยอย่างแร๊วง.
ตื่นเต้นจัง..น้องคุณออกเดินทางละนั่งรถไฟด้วย..ชอบอ่ะ. :impress2:

ออฟไลน์ AoMSiN555

  • กรูบ้า.....อย่าทักกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
โหดร้ายจริง :m15:

สงสานนายเอกเรา มาดันๆเรื่องนี้นะ~~~ ติดตามๆ

นักเขียนสู้ๆ :กอด1:

ออฟไลน์ pagg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คิดถุงน้องคุณจังเลย รอ รอ

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
ว้าว น่าติดตามมากๆๆๆๆๆๆ
ชอบอ่ะ เนื้อเรื่องชวนฝันมากมาย
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆให้ได้อ่านเสมอนะฮะ

Happy New Year 2015
All the best to you!!!

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 3 : แรกพบ


การเดินทางออกนอกทวีปคนเดียวเป็นครั้งแรกของศตคุณเป็นไปอย่างราบรื่น จากเวียนนาไปกรุงโรมด้วยรถไฟด่วนกินเวลาเกือบสิบสี่ชั่วโมง เด็กหนุ่มทั้งเหนื่อยและอ่อนล้า แต่พอหลับตาลงแล้วได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมา เขาก็สะดุ้งตื่นทุกทีไป ร่างโปร่งตรงไปยังสนามบินทันทีหลังจากที่รถไฟเดินทางมาถึงจุดหมายในตอนสายของวัน เมื่อถึงเวลาผ่านด่านตรวจหนังสือเดินทาง เขานึกกังวลอยู่ไม่น้อย หากก็ผ่านขึ้นเครื่องบินไปได้อย่างสบายๆ โดยไม่มีปัญหาอะไร

การเดินทางโดยเครื่องบินจากโรมไปถึงสนามบินนานาชาติของดินแดนอาหรับตะวันออกใช้เวลาหกชั่วโมง พอใกล้ถึงที่หมาย เครื่องบินจึงค่อยๆ ลดระดับต่ำลง ผ่านปุยเมฆหนาสีขาวลงไปจนกระทั่งเห็นทะเลทรายกว้างใหญ่เบื้องล่าง ซึ่งมีแต่ทรายและเนินทรายกว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา ศตคุณใจเต้นระส่ำแทบรอให้เครื่องบินร่อนลงไม่ไหว เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าท่ามกลางความแห้งแล้งเช่นนี้จะมีเมืองเขียวชอุ่มอย่างที่เคยได้เห็นในดีวีดีนั่นอยู่จริง

ดวงสุริยันคล้อยลงต่ำจนจรดปลายฟ้า ส่งผลให้ภายนอกตัวเครื่องมืดลงทีละน้อย หลังจากนั้นไม่นาน เด็กหนุ่มก็ไม่สามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างได้อีก ใจเขากระวนกระวายทำให้นั่งไม่เป็นสุข พอกวาดสายตามองไปภายในเครื่องบินก็เห็นชายชาวอาหรับหลายคนกำลังจ้องมองมาทางตนด้วยสายตาแปลกๆ ใบหน้าหวานเบือนหนี เขารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วริมฝีปากสีแดงสดก็คลี่ยิ้มได้เมื่อได้ยินเสียงกัปตันกล่าวแนะนำเมืองดัมมัม บอกเล่าเล็กน้อยถึงทะเลทรายแห่งดินแดนอาหรับตะวันออกซึ่งอุดมไปด้วยน้ำมันดิบอันล้ำค่า อุณหภูมิภายนอกซึ่งร้อนระอุแตกต่างจากโรมโดยสิ้นเชิง ปิดท้ายด้วยคำขอบคุณผู้โดยสาร

ร่างโปร่งหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อรู้สึกว่าเครื่องบินลดระดับลงอีกเรื่อยๆ ใกล้สนามบินที่เปิดไฟไว้สว่างไสวเข้าไปทุกที เสียงประกาศจากแอร์โฮสเตสสาวดังขึ้นเพื่อแจ้งให้ทุกคนคาดเข็มขัดให้เรียบร้อย และท้ายที่สุด ล้อของเครื่องบินก็กางออกเพื่อร่อนลงจอดบนรันเวย์

ศตคุณเสียเวลาอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองพักใหญ่ เพราะถูกเจ้าหน้าที่ซักถามด้วยคำถามมากมาย แล้วยังตรวจหนังสือเดินทางเขาอยู่หลายรอบพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยด้วยสีหน้าเครียด ใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดเผือด ใจนึกว่าคงจะต้องถูกส่งตัวกลับออสเตรียแน่แล้ว หากในที่สุด เขาก็ผ่านด่านตรวจนั้นไปได้ เด็กหนุ่มเดินตรงไปยังจุดรับกระเป๋าเดินทาง ดวงตาสีอ่อนกวาดมองไปรอบๆ กายอย่างระมัดระวัง บริเวณนั้นมีพวกผู้โดยสารแต่งกายแบบพื้นบ้านหลายคน ผู้ชายใส่เสื้อตัวยาวแขนยาวสีขาวที่เรียกว่าชุดโต๊ป สวมผ้ากุตราบนศีรษะ ส่วนผู้หญิงทุกคนสวมอาบาญ่า สีอ่อนบ้าง สีดำบ้าง มีผ้าฮิญาบผืนยาวเป็นสีเดียวกันสำหรับใช้คลุมศีรษะปิดใบหน้าและไหล่ เผยให้เห็นเพียงแค่ดวงตา ร่างโปร่งเสตาหลบเวลาที่เดินสวนกับพวกเธอ เขาคิดว่าไม่ควรเสียมารยาทลอบมอง ก็ในเมื่อพวกเธอถึงขนาดปกปิดตลอดทั้งตัวแบบนี้แล้ว หากขณะที่ก้าวไปอย่างรวดเร็วตามทางเดิน เขาจำต้องหยุดชะงักอยู่หลายครั้ง เพราะรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังสะกดรอยตาม

...คนของชีคชารีฟงั้นหรือ... ไม่น่าเป็นไปได้

ร่างโปร่งหันมองไปรอบตัวอีกหลายครั้ง จากนั้นจึงหยุดนั่งลงบนม้านั่งซึ่งทางสนามบินจัดวางไว้เป็นระยะๆ ให้ผู้ที่เดินผ่านไปมาได้พักผ่อน นิ้วเรียวประสานกันไว้พอหลวม ขณะกวาดสายตามองไปทั่วอย่างหวาดระแวง เขาเดินทางมาแต่ตัวกับเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นเพื่อความปลอดภัย ส่วนเงินทองนั้น เขานำมาแค่บัตรเดบิตและเงินสดที่หญิงเจ้าของร้านอาหารอิตาเลียนให้ลูกน้องไปแลกมาให้อีกเล็กน้อย สำหรับเงินที่จะคืนให้กับชีคชารีฟ ก่อนหน้าเขาจัดการโอนเข้าไปในบัญชีค่าใช้จ่ายที่ชีคชารีฟให้กับเขาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเขาวางสมุดบัญชีเล่มนั้นไว้บนเปียโนสีขาว รวมกับของขวัญที่ได้รับมาไว้ในคอนโดมิเนียมนั่นเอง เด็กหนุ่มนั่งอยู่นานจนมั่นใจว่าบริเวณนั้นไม่มีใครน่าสงสัย เขาจึงลุกเดินต่อไปยังจุดรับกระเป๋าเดินทาง

“ร้อนเหมือนกันแฮะ” ศตคุณแต่งกายแบบง่ายๆ ด้วยเสื้อยืดสีอ่อนเนื้อบาง กางเกงผ้าฝ้าย และรองเท้าแตะที่ทำจากหนังสาน อากาศของทะเลทรายในยามค่ำคืนของช่วงเดือนพฤษภาคมกำลังสบายๆ แต่ก็ถือว่าอบอุ่นกว่าที่ยุโรปมาก เขาลากกระเป๋าเดินทางไปตรงจุดเรียกรถแท็กซี่ ส่งแผนที่ของโรงแรมให้กับคนขับแล้วจึงเข้าไปนั่งในรถที่เปิดแอร์ไว้เย็นฉ่ำ

คนขับแท็กซี่เป็นชายวัยกลางคนท่าทางสุภาพ เขาช่วยศตคุณยกกระเป๋าเดินทางใส่กระโปรงหลังรถ ก่อนจะเดินอ้อมไปที่นั่งคนขับ แล้วขับออกไปอย่างไม่รีบร้อน

King Fahd เป็นชื่อของสนามบินนานาชาติที่เด็กหนุ่มเดินทางมาถึง สนามบินแห่งนี้ตั้งตระหง่านอยู่บนทะเลทรายและอยู่ห่างจากตัวเมืองดัมมัมไปประมาณสามสิบกิโลเมตร หากการเดินทางจากสนามบินไปจนถึงตัวเมืองดัมมัมนั้นมีถนนตัดผ่านสะดวกสบาย ร่างโปร่งทอดสายตามองออกไปนอกบานหน้าต่าง น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถมองเห็นทะเลทรายได้ชัดเจนทั้งๆ ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม เนื่องจากสองข้างทางมืดมิด แต่ก็ทำให้เห็นดวงดาวกะพริบระยิบระยับประดับฟากฟ้าได้ชัดเจน... ในที่สุดเขาก็มาอยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกันกับชีคชารีฟเสียที

“มา... ทำงาน... รือคับ” หลังจากรถวิ่งไปบนถนนที่เงียบงัน ไม่ค่อยมีรถผ่านไปมาบ่อยนักอยู่สักพัก ชายวัยกลางคนก็ถามขึ้นด้วยสำเนียงแปร่งๆ

“เปล่าครับ ผมมาเที่ยวเฉยๆ”

คนขับแท็กซี่ขมวดคิ้ว แล้วชำเลืองมองเด็กหนุ่มผ่านกระจกมองหลัง “แปลก...”

“แปลกยังไงครับ” ศตคุณหัวเราะ

“ดัมมัม มีแต่... ทะเลทราย กับนิคมอุตสาหกรรม... นาคับ”

“ก็มาเที่ยวทะเลทรายไงครับ น่าเที่ยวจะตายไป”

ชายคนขับส่ายหน้า “แบบคุณ... แถวนี้... อันตราย... คับ... ต้อง... ระวัง!”


เอี๊ยดดด!!


“โอ๊ย!” จู่ๆ คนขับรถแท็กซี่ก็เหยียบเบรกอย่างกะทันหัน ส่งผลให้ร่างโปร่งกระแทกกับเบาะด้านหน้ารถเข้าอย่างจัง “เกิดอะไรขึ้นครับ!”

ศตคุณได้ยินเพียงแค่ชายคนขับพึมพำเป็นภาษาอาหรับ พอเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นคนในเครื่องแบบคล้ายทหาร สวมผ้าคลุมสีดำปิดหน้าปิดตากลุ่มใหญ่พร้อมรถจี๊ปอีกสองสามคันจอดรถขวางถนนขาเข้าเมืองเอาไว้ เด็กหนุ่มชาวาบ เพราะดูจากท่าทางของคนพวกนี้แล้ว ไม่ได้หวังดีกับเขาหรือใครๆ แน่

“%$&(&”+’#§$” ชายคนขับเอ่ยเสียงแผ่ว เขาตัวสั่นงกๆ ด้วยความกลัว

คนในผ้าคลุมสีดำสองสามคนเดินมาหยุดตรงฝั่งคนขับ ดวงตาดุดันหรี่มองคนที่นั่งอยู่ที่เบาะรถด้านหลัง สบสายตากับดวงตากลมโต ก่อนจะหยิบปืนขึ้นมายิงชายคนขับแบบไม่ให้ทันรู้เนื้อรู้ตัว

เปรี้ยง! เสียงปืนดังลั่นจนเด็กหนุ่มหูอื้อ ใบหน้าอุ่นวาบเพราะเลือดอุ่นๆ ของชายคนขับรถกระเซ็นเข้ามากระทบบนผิวหน้า ศตคุณเบิกตากว้าง อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ทว่ายังไม่ทันขยับตัว ประตูด้านที่เขานั่งอยู่ก็ถูกเปิดออก แขนเรียวถูกกระชากอย่างรุนแรงให้ตัวเขาถลาออกมาจากรถ

“=$&(%(Z\#($” มือหยาบกร้านราวกับกระดาษทรายบีบคางมนแล้วจับให้เงยขึ้น พลางหันไปพูดคุยกับพวกที่มาด้วยกันเป็นภาษาอาหรับ ก่อนจะเริ่มถกเถียงกันยกใหญ่ จากนั้นชายในชุดคล้ายทหารอีกสองสามคนก็ตามมาเปิดค้นกระเป๋าเดินทางของเด็กหนุ่มเพื่อตรวจสอบดู

“.....” นัยน์ตาสีอ่อนไหวระริก เขากลัวจนตัวสั่น ไม่รู้จะพูดอะไรออกไป บอกว่าเขาเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดา ไม่มีเงินทอง เขาก็คงจะถูกฆ่าเหมือนกับคนขับแท็กซี่เป็นแน่ แล้วถ้าคนพวกนี้ต้องการจับเขาไปเรียกค่าไถ่ แล้วใครจะยอมเสียเงินจ่ายค่าไถ่ตัวเขา?

“โอ๊ย! จะลากฉันไปไหน!!” ศตคุณรั้งแขนกลับพร้อมกับส่ายหน้าเมื่อชายชุดดำกระชากแขนแรงๆ ให้เขาเดินตามไป “ไม่!” ร่างโปร่งดิ้นสุดแรง แต่ก็ไม่เป็นผล มือหยาบที่พันธนาการเขาไว้แน่นหนาราวกับกรงเล็บเหยี่ยว

“$P%)=#$“(T“T/$R)§#)§Z(+#!!!!” ชายอีกสองสามคนถือผ้าคลุมสีดำปราดเข้ามา พวกเขาเอาผ้านั้นคลุมใบหน้า ปิดตาและคาดปากเด็กหนุ่มไว้ ตามด้วยมัดมือทั้งสองข้างเข้าไว้ด้วยกัน แล้วอุ้มศตคุณขึ้นใส่ไว้ท้ายรถจี๊ป ก่อนจะรีบขับออกไป

ร่างโปร่งยังคงช็อกกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตนหมาดๆ ภาพคนถูกยิงตายต่อหน้า เขายังรู้สึกได้ถึงรอยเลือดอุ่นๆ นั่น แล้วยังพวกชายในชุดคล้ายทหารแบบพวกผู้ก่อการร้ายที่เห็นในข่าวบ่อยๆ และตัวเขาที่ถูกจับมัดไว้แบบนี้... ทั้งหมดเกิดขึ้นรวดเร็วจนเขาจับต้นชนปลายไม่ถูก... คนพวกนี้เป็นคนของชีคชารีฟหรือเปล่า? แล้วทำไมต้องฆ่าคนขับแท็กซี่นั่น?   

ศตคุณหลับตาลง เขารู้สึกว่ารถวิ่งเร็วขึ้นและเหวี่ยงโยนไปมาจนตัวเขาโคลงเคลงไปปะทะตัวรถอย่างแรงหลายต่อหลายครั้ง ดูเหมือนรถกำลังวิ่งไปบนเส้นทางที่ไม่ค่อยดีนัก เสียงไซเรนดังแว่วมาเป็นระยะๆ อาจเป็นตำรวจที่ตามมา พวกคนที่จับตัวเขามาจึงต้องรีบหลบหนี

แรงสั่นสะเทือนทำให้เด็กหนุ่มคลื่นไส้จนแทบอาเจียน ทั้งเวียนศีรษะและอ่อนแรง เจ็บตามเนื้อตัวที่กระแทกเข้ากับตัวรถจนชาดิก ริมฝีปากและคอแห้งผากไปหมด เมื่อขยับตัวไม่ได้ก็ได้แต่นอนพิงตัวรถจี๊ปไว้ ซึ่งรถคันนั้นยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีวี่แววว่าจะหยุดพัก หากเขาก็ทำได้แค่ภาวนาขอให้ความโชคร้ายนี้จบสิ้นลงไปสักที

ราวกับเวลาผ่านไปนานเป็นวัน ภายในปากขมฝาดไปหมดด้วยความที่อยากอาเจียนเพราะเมารถ แต่ก็ทำไม่ได้ มือที่ถูกมัดเจ็บและชา ทรมานจนน้ำตาไหลซึมเปื้อนผ้าที่ผูกปิดตาไว้

...หยุดสักทีเถอะ ได้โปรด ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้กันนะ

จู่ๆ เสียงพูดคุยกันดังโล้งเล้งของพวกชายในชุดคล้ายทหารที่อยู่ในรถก็ดังขึ้น เหมือนกับว่าพวกเขากำลังปรึกษาอะไรกันสักอย่าง จากนั้นรถที่วิ่งอยู่ก็ค่อยๆ ชะลอความเร็วลง ก่อนจะจอดสนิท

เด็กหนุ่มได้ยินเสียงเปิดประตูรถแล้วปิดดังปังใหญ่ รู้สึกได้ว่าพวกคนในรถทยอยกันลงไป... ทิ้งเขาให้นั่งอยู่ด้านหลังของรถจี๊ปตามลำพัง

“อื้อ” ศตคุณสะดุ้ง รีบขืนตัวหนีเมื่อถูกอุ้มลงจากท้ายรถจี๊ป ผ้าคลุมสีดำและผ้าที่มัดปากของเขาอยู่ถูกดึงออกไปอย่างแรง เหลือทิ้งไว้เพียงรอยช้ำสีแดงบริเวณดวงตาและริมฝีปาก

ร่างกายบางส่วนหลุดพ้นจากพันธนาการ หากยังเหลือสองมือที่ถูกมัดติดกันไว้ เท้าที่สัมผัสกับพื้นทรายพาเจ้าของให้เดินโซเซออกไปสองสามก้าว เด็กหนุ่มค้อมหลังแล้วอาเจียนทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในท้องออกมาจนหมด

ดวงตาฉ่ำน้ำกะพริบปริบๆ พอภาพเบื้องหน้าปรากฏชัดเจนขึ้น ร่างโปร่งจึงหมุนตัวมองไปรอบๆ แสงจากตะเกียงสลัวไม่ได้ช่วยบ่งบอกว่าเขาถูกพาตัวมาที่ไหน รอบกายมีแต่ความมืดมิด แต่ก็พอเห็นกระโจมขนาดใหญ่ที่ตั้งไว้ติดๆ กันหลายหลัง อยู่ด้านหลังของชายหนวดเฟิ้มในชุดโต๊ปสีขาว มีเสื้อคลุมสีน้ำเงินและผ้าคลุมผม ที่กำลังเดินเข้ามาประจันหน้ากับเขา

ชายคนนั้นหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม มือหยาบจับคางเรียวเงยขึ้น ก่อนหันไปพูดคุยกับพวกชายในผ้าคลุมสีดำซึ่งกำลังยกหีบใหญ่วางแทนที่ที่ศตคุณเพิ่งจากมา

ร่างโปร่งใจหายวาบ... ไม่จริงน่า เขาคงไม่ได้ถูกนำมาแลกกับของในหีบนั้นหรอกใช่มั้ย

“ไป!” ชายหนวดเฟิ้มคนนั้นออกคำสั่งพร้อมกับผลักให้ศตคุณเดินออกไป เขาพาเด็กหนุ่มเข้าไปในกระโจมข้างคอกเลี้ยงสัตว์ แล้วสั่งให้นั่งลงกับพื้นตรงมุมของกระโจม ก่อนจะหยิบขันน้ำกับขนมปังแห้งมาวางไว้ให้

เวลาแบบนี้ใครเขาจะกินอะไรลงกัน... ศตคุณเงยหน้าขึ้นมอง แต่เขาไม่อยากทำตัวมีปัญหา ให้ท้องอิ่มมีแรงไว้ก่อนเป็นดีที่สุด มือขาวที่ยังคงถูกมัดติดกันอยู่เอื้อมไปหยิบขันใส่น้ำมากลั้วปาก หากพอจะบ้วนทิ้ง ผู้ชายคนนั้นก็ตะคอกใส่เป็นภาษาอาหรับเสียงลั่น
เด็กหนุ่มกลัวจนตัวสั่น จำต้องกลืนน้ำลงคอไป

“*‘?“§=$()?$%/T)“%/?)”  ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงฉุนๆ จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป

ศตคุณนั่งนิ่งอยู่นานเพื่อตั้งสติ เขาอยู่ที่ไหน? พวกคนที่จับตัวเขามาเป็นใคร? แล้วคนพวกนี้เป็นใคร? จะทำอย่างไรกับเขาต่อไป?... ในสมองเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ใบหน้าหวานหันมองไปรอบๆ ตัว พอได้ยินเสียงท้องตัวเองร้องโครกครากก็จำต้องเอื้อมไปหยิบขนมปังมาลองชิม เด็กหนุ่มเบ้ปาก เพราะขนมปังที่แห้งราวกับค้างคืนมาแล้วเป็นเดือน เขากลืนมันลงคออย่างลำบากจนต้องรีบดื่มน้ำตามลงไปอีกหลายอึก

ฟืดดด!

ศตคุณสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงดังแปลกๆ ใกล้ตัว เขาหรี่ตามองเงาตะคุ่มที่อยู่ไม่ไกลจากตนนัก กระทั่งเงานั้นเริ่มขยับเขยื้อน แล้วคืบคลานมาทางตนทีละน้อย

“ว้าก!” เด็กหนุ่มร้องลั่น สองขาถีบตนเองให้ถอยกรูดไปจนชิดมุมกระโจมด้านใน แล้วจึงเห็นว่าเงาตะคุ่มๆ นั้นคืออูฐตัวเบ้อเริ่ม
เจ้าอูฐเดินหาที่เหมาะสมแล้วจึงย่อตัวลงนอน มันไม่สนใจเด็กหนุ่มที่นั่งตัวสั่นงกๆ เลยสักนิด

ดวงตาคู่สวยร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งพลางก้มสำรวจรอยช้ำจากแรงกระแทกตามเนื้อตัว นึกเกลียดตัวเองไปสารพัดที่ดั้นด้นมาถึงที่นี่ เขาควรจะยอมรับข้อตกลงของชีคนั่น แล้วอยู่อย่างสุขสบายในเวียนนาไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้ดื้อรั้น อยากพบคนที่ทอดทิ้งเขาไปกันเล่านี่

หยดน้ำตาอุ่นๆ ไหลผ่านแก้มใส ร่วงหล่นลงไปบนผืนทรายแล้วหายวับไปทันที เด็กหนุ่มทอดสายตามองไกลออกไป จนกระทั่งเห็นแสงสว่างที่ปลายฟ้าไกลลิบ ดวงตะวันค่อยๆ ผุดขึ้นมาจากผืนทรายอันกว้างใหญ่ไพศาล กระไอแดดเริ่มร้อนและสายลมแห้งผาก เขารู้สึกร้อนอบอ้าว หากก็คิดว่าแปลกที่ไม่เห็นเม็ดเหงื่อของตนเองผุดขึ้นมาเลย

ศตคุณลุกขึ้นแล้วก้าวออกมายืนด้านหน้าของกระโจม ภาพเบื้องหน้าที่ชัดเจนขึ้นทำให้เขาถึงกับเข่าอ่อน ทราย... เนินทราย... ภูเขาหิน ไม่ว่าจะหันมองไปทางไหนก็มีแต่ความแห้งแล้ง ไม่มีหยดน้ำ ไม่มีต้นไม้เลยแม้สักต้นเดียว จริงอยู่ว่าเขาเคยนึกอยากเห็น อยากสัมผัสทะเลทรายมาตลอด ทว่าเวลานี้ เขาดีใจหรือตื่นเต้นไม่ออกเลย

“§%$§%/$&%(/&)=*‘#+§$%%!!!!”

ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงใครสักคนตะโกนกร้าว พอหันหน้าไปทางต้นเสียง ก็พบกับชายคนที่เขาเห็นเมื่อคืนกำลังเดินตรงมาทางตน

“โอ๊ย!” แขนเรียวถูกกระชากอย่างแรง ก่อนจะโดนลากเข้าไปในกระโจมอีกกระโจมหนึ่งซึ่งมีผ้าคลุมปิดมิดชิด ภายในกระโจมมีพรมหนาปูไว้บนพื้น มีขนมปังแบบเมื่อคืนกับน้ำในขันใบใหญ่จัดวางใส่ถาดไว้ให้กับเด็กหนุ่ม

“ไม่หนีหรอกน่ะ” ศตคุณบ่นพึมพำกับคนที่จ้องมองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พลางก้มมองตามลำแขนที่เป็นรอยแดงจากฝ่ามือเมื่อครู่

เด็กหนุ่มแหวกกระโจมผ้าออกเล็กน้อยเพื่อลอบมองสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก ชายคนนั้นเดินออกไปหาพรรคพวกที่แต่งกายคล้ายคลึงกัน ทุกคนมีหนวดเคราเฟิ้ม มีผ้าคลุมศีรษะปิดหน้าปิดตา พูดภาษาที่เด็กหนุ่มฟังไม่เข้าใจ พวกเขาชี้มาทางกระโจมที่ศตคุณอยู่ ก่อนจะมีสองคนแยกมานั่งเฝ้าอยู่ทางด้านนอกกระโจม ร่างโปร่งนั่งนิ่งอยู่ภายในกระโจมนั้น คิดว่าอย่างน้อยเขาก็มีที่หลบให้พ้นจากแสงอาทิตย์อันร้อนแรง หากเมื่อเวลาผ่านไปจนถึงเวลากลางวัน อากาศภายนอกร้อนระอุราวกับเปลวเพลิง ทำให้เด็กหนุ่มต้องจิบน้ำไปเรื่อยๆ จนแทบจะหมดขัน การหายใจเป็นไปได้ยากเข้าไปทุกที ราวกับว่าตัวเขากำลังโดนย่างอยู่บนตะแกรงเตาเผายังไงยังงั้น

อากาศร้อนและแห้งแล้งทำให้ร่างกายของเด็กหนุ่มสูญเสียน้ำไปโดยไม่รู้ตัว เหงื่อที่ผุดออกมาจากผิวหนังนั้นระเหยเป็นไอไปในทันที เขาจึงไม่รู้สึกว่าเหงื่อออก ซึ่งเป็นอันตรายมากสำหรับคนที่ไม่เคยสัมผัสชีวิตในทะเลทรายมาก่อนเฉกเช่นศตคุณนี่

ร่างโปร่งเอนหลังลงนอนบนผ้าผืนบางอย่างอ่อนแรง หายใจลำบากจนต้องเปิดปากช่วยหายใจไปด้วย ทว่านั่นกลับทำให้ริมฝีปากแห้งผากไปจนถึงลำคอ ส่งผลให้การหายใจเข้าออกแต่ละครั้งเจ็บแสบไปหมด

กว่าจะรู้ตัวว่าไม่ควรเปิดปากหายใจ ศตคุณก็ดื่มน้ำไปจนหมดขันแล้ว ดวงตากลมปรือปรอย การรอดนอนและร่างกายที่อ่อนเพลียสั่งสมทำให้เด็กหนุ่มผล็อยหลับไปในที่สุด

เสียงผู้คนพูดคุยกันด้านนอกกระโจมปลุกศตคุณให้ตื่นขึ้น ภายในกระโจมมืดมิด ดูเหมือนว่าเขาจะหลับไปเป็นเวลานาน ด้านนอกคงจะมืดแล้ว อากาศก็ไม่ร้อนเหมือนเมื่อตอนกลางวันแล้วด้วย

ผ้าที่ปิดกระโจมไว้ถูกตลบเปิดออก พวกกลุ่มคนเดิมๆ ที่เขาเห็นเมื่อตอนเช้าทยอยยกผืนฟูก ตะเกียงและโต๊ะอาหารขนาดเล็กเข้ามาจัดวางไว้ในกระโจมนั้น เด็กหนุ่มถอยไปนั่งคุดคู้อยู่มุมกระโจมอย่างมึนงง คนพวกนี้น่ะหรือจะจัดที่หลับนอนและอาหารให้กับเขา ไม่น่าจะใช่ แต่สักพักเขาก็เข้าใจ เมื่อชายวัยกลางคนร่างอ้วนเตี้ย ผิวสีเข้มดูหยาบกร้าน สวมใส่เสื้อคลุมสีน้ำตาลตัวยาวดูมีราคากว่าใครเพื่อนก้าวเข้ามาภายใน โดยที่ด้านนอกที่เขามองออกไป มีร่างเล็กของหญิงสาวสองสามนาง ซึ่งมีผ้าสีดำคลุมตลอดกาย หากประดับด้วยเหรียญเงินแวววาวจากหูลงมาถึงไหล่ พวกเธอคงจะเป็นภรรยาของผู้ชายคนนี้ สักพักผ้าของกระโจมก็ถูกปิดลง

นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองชายที่เพิ่งก้าวเข้ามาภายในกระโจมเดียวกันกับตน ใบหน้าสีคร้ามแดดมีหนวดยาวรกรุงรัง ชายคนนั้นก้าวเข้ามาใกล้พลางฉีกยิ้มกว้างให้กับเด็กหนุ่ม ทว่ารอยยิ้มนั้นทำให้ศตคุณขนลุกซู่ ก็ฟันทั้งเหลืองทั้งดำราวกับว่าไม่ได้แปรงมาเป็นสิบๆ ปีแบบนั้น

“หิวรึเปล่า กินอะไรสักหน่อยมั้ย” ชายวัยกลางคนถาม มือหยาบกร้านคลายเชือกมัดข้อมือขาวออก จากนั้นก็คว้าแขนเด็กหนุ่มแล้วดึงให้มานั่งบนผืนฟูกด้วยกัน

“คุณ... พูดภาษาต่างชาติได้งั้นเหรอ” ศตคุณถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาขยับเข้ามานั่งข้างๆ โดยไม่ทันสังเกตเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองตนอยู่อย่างจาบจ้วง มือขาวเอื้อมไปยกขันน้ำขึ้นดื่มอย่างกระหาย พลางหยิบอาหารมาลองชิม แล้วดื่มน้ำต่ออีกหลายอึกใหญ่

“...แหม... สวยจริงๆ”

เด็กหนุ่มชะงักกึก ขมวดคิ้วแล้วหันขวับไปทางต้นเสียง “สวย?”

“สมราคาที่ซื้อมา” ชายผู้นั้นใช้ฝ่ามือลูบไล้ใบหน้าหวาน แล้วลากผ่านลำคอระหง

“ซื้อ... มา...” ศตคุณขนลุกเกรียว เขาแทบจะปล่อยขันน้ำในมือ ขาเรียวถีบตัวเองให้ถอยหนี “เฮ้ย! จะทำอะไร!”

ซ่า... น้ำในขันหกรดเสื้อผ้าของเด็กหนุ่ม ความเปียกชื้นทำให้ผ้าเนื้อบางแนบไปกับลำตัวจนมองเห็นตุ่มไตสีระเรื่อบนแผ่นอกสีขาวราวกับงาช้าง

“หึหึ” เสียงหัวเราะในลำคอชวนให้คนฟังเย็นสันหลังวาบ มือหยาบจับข้อขาเรียวพร้อมกับกระชากให้ร่างโปร่งล้มลง แล้วพาตัวขึ้นไปคร่อมทับ

“ออกไป ไอ้บ้า ฉันเป็นผู้ชายนะเว้ย” ศตคุณสะบัดขาให้หลุดจากการเกาะกุม ใช้ทั้งมือทุบ ขาถีบใส่คนบนร่าง

“แหม แรงดี... ได้เมียแบบนี้สักคนก็ไม่เลว” มือหยาบรวบข้อมือขาวแล้วกดลงเหนือศีรษะ ก่อนโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ แล้วใช้ปลายลิ้นสากลากผ่านลำคอขึ้นไปถึงใบหู

เด็กหนุ่มรู้สึกสะอิดสะเอียนจนแทบอาเจียน กลิ่นร่างกายที่หมักหมมมาเป็นเวลานานจนเหม็นหืน ประกอบกับหนวดเครารกรุงรังที่ซุกไซ้ลำคอทำให้รู้สึกขยะแขยงขนลุกขนพอง ดวงตากลมปิดแน่นแล้วกรีดร้องลั่น “ปล่อย! ปล่อยฉัน!!! ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยผมด้วย!” ศตคุณยิ่งออกแรงดิ้นเร่า เมื่อมือที่หยาบกร้านราวกับกระดาษทรายสอดเข้าไปลูบสัมผัสภายในเสื้อตัวบาง “ปล่อย!!!” เขารังเกียจสัมผัสกักฬขะแบบนี้จนอยากจะกลั้นหายใจตายเสียตรงนั้น

“ฮือ...” ...อยากจะร้องเรียกให้ใครสักคนมาช่วย แต่ว่าใครกันล่ะ? ร่างโปร่งบางสั่นสะท้านอย่างสิ้นหวัง


“ใครก็ได้... ฮือ... ช่วยผมด้วย...” เขาเอ่ยออกไปเสียงแผ่ว


“อั่ก...”


เสียงร้องกระอักแบบแปลกๆ ส่งผลให้ศตคุณลืมตาขึ้น เห็นภาพใบหน้าน่าเกลียดของคนบนร่างอยู่ใกล้แค่คืบ ดวงตาที่โปนแทบถลนออกมาจากเบ้ายิ่งทำให้ดูน่ากลัวมากขึ้นไปอีก ทว่าแรงที่กดข้อมือและลำตัวเขาอยู่อ่อนลง เด็กหนุ่มจึงสะบัดและถีบตัวสุดแรงให้หลุดพ้นจากชายน่ารังเกียจคนนั้น

ร่างโปร่งลูบตามเนื้อตัวอย่างรู้สึกแขยง หากรู้สึกเหนียวเหนอะหนะผิดปกติจึงพลิกฝ่ามือขึ้นดู บนฝ่ามือและตามเนื้อตัวเขาเปรอะเปื้อนสีแดงเต็มไปหมด พอเงยหน้าขึ้นมองจึงสังเกตเห็นกริชด้ามสั้นที่ปักอยู่กลางหลังของอีกฝ่าย

เพียงแค่สองคืนที่เขามาเหยียบดินแดนแห่งทะเลทรายนี้ ก็ได้เห็นคนตายต่อหน้าติดกันถึงสองคนแล้ว เด็กหนุ่มร้องลั่นด้วยความกลัวทั้งตกใจแทบสิ้นสติ “อ๊า!!!...”


(มีต่อนะคะ)



ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


เสียงฝีเท้าสวบสาบที่ตรงเข้ามาทางตนทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก เขาเงยหน้าขึ้นมองชายร่างสูงในชุดดำที่ปิดหน้าตาไว้ด้วยผ้าคลุมสีดำผืนใหญ่ ราวกับบุรุษลึกลับแห่งราตรีกาล ดวงตาคมกริบดูน่ากลัว สะกดทุกสรรพสิ่งรอบกายให้หยุดนิ่ง เด็กหนุ่มรู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง ขยับไม่ได้แม้เพียงปลายนิ้ว เขานั่งค้างอยู่ในท่าเดิม จนกระทั่งถูกแรงกระชากบังคับให้ลุกขึ้น

“ยะ... อย่า! ปล่อย... ผมไปเถอะ!” น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาจากนัยน์ตาสีอ่อน รู้สึกกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ชะตากรรมของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป จะถูกพาตัวไปขายให้ใครที่ไหนอีกกันเล่านี่

ชายคนนั้นไม่ฟังเสียง เขาอุ้มศตคุณขึ้นพาดบ่า แล้วพาออกมาด้านนอกของกระโจม

เปรี้ยง! เปรี้ยง!

เสียงปืนดังลั่นราวกับอยู่ชิดติดใบหู ศตคุณมั่นใจว่าเป็นฝีมือการยิงของผู้ชายชุดดำคนที่อุ้มเขาพาดบ่าอยู่แน่ๆ ร่างโปร่งบางยิ่งกลัวจนตัวสั่น “ฮือออ... ปล่อยผมไปเถอะ”

ระหว่างที่เอาแต่ร้องคร่ำครวญ เด็กหนุ่มรู้สึกถึงกระไอร้อนผ่าววูบวาบฉาบใบหน้าจนต้องหยุดชะงัก แล้วปรือตาขึ้นมอง เขาจึงเห็นว่ากระโจมอื่นๆ รวมทั้งกระโจมที่เขาเพิ่งจากออกมากำลังถูกไฟลุกโชนแผดเผา พอก้มหน้าลงมองพื้น ตามทางซึ่งคนที่อุ้มเขาเดินไปมีพวกลูกน้องของคนที่ซื้อตนเองมานอนตายระเกะระกะ

แกว๊กกกก....

เหยี่ยวตัวเขื่องที่บินอยู่เหนือบริเวณนั้นแผดเสียงร้องลั่น ก่อนจะร่อนลงมาเกาะบนที่รองไหล่ซึ่งทำจากหนังสัตว์บนไหล่อีกข้างที่ว่างของชายชุดดำด้วยความเร็วสูง ตัวของมันเป็นสีน้ำตาลแต่ตรงท้องเป็นสีขาว จะงอยปากงุ้มคมกริบ ท่วงท่าของมันดูสง่างามราวกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งทะเลทราย

แกว๊กกกก....

“ฮือออ...” ศตคุณหลับตาปี๋ด้วยความกลัว แต่แล้วคนที่อุ้มเขาอยู่บนไหล่ก็ค่อยๆ วางตัวเขาลงกับพื้น

เมื่อเท้าสัมผัสกับพื้นทรายนุ่ม ดวงตากลมจึงลืมขึ้นมองทีละข้างอย่างกล้าๆ กลัวๆ คนตรงหน้าตัวสูงใหญ่กว่าเขามาก ดวงตาดุดันไม่ต่างกับเหยี่ยวบนหัวไหล่ ทว่ายังไม่ทันหายใจหายคอได้สะดวก อีกฝ่ายก็ยกปืนในมือขึ้นพร้อมกับเล็งมาทางตน

เปรี้ยง!

“ว้ากกกก!!” รู้สึกราวกับลูกกระสุนวิ่งตัดสายลมเฉียดพวงแก้มไปเพียงเล็กน้อย ร่างโปร่งทรุดฮวบลงกับพื้น พร้อมยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหู ตัวเขาสั่นสะท้าน ดูบอบบางและน่าสงสาร ทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่คนอ่อนแอ ที่ผ่านมาเคยร้องไห้นั้นนับครั้งได้ หากตั้งแต่เดินทางมาถึงดินแดนทะเลทรายแห่งนี้ เขาก็มีเรื่องให้ร้องไห้ได้ทุกวัน วันละหลายๆ รอบเสียด้วย

พอได้ยินเสียงฝ่าเท้าสวบสาบเดินห่างออกไป เด็กหนุ่มก็ค่อยๆ เปิดตาขึ้นดู แล้วหันขวับไปด้านหลังเตรียมออกวิ่ง แต่ศพลูกน้องของผู้ชายที่ซื้อเขามาซึ่งยังกำมีดยาวไว้ในมือแน่น นอนจมกองเลือดอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ก้าวเดียว ทำให้ศตคุณหยุดชะงัก หันรีหันขวางอย่างลังเล หรือว่า... ผู้ชายคนเมื่อกี้ ที่ยิงปืนนั่นเพื่อช่วยเขาอย่างนั้นหรือ... หากเขาจะหนีไปคนเดียวตอนนี้ แล้วถ้าดันไปเจอกับพวกลูกน้องของไอ้คนน่าขยะแขยงนั่นอีกล่ะ คราวนี้คงต้องถูกฆ่าฝังทะเลทรายแน่ๆ ความกลัวทำให้เด็กหนุ่มเปลี่ยนใจ ขาเรียวพาเจ้าของวิ่งตามชายร่างสูงไป พลางเอื้อมมือไปยื้อผ้าคลุมสีดำเอาไว้

“เดี๋ยว เดี๋ยวครับ!”

ชายคนนั้นหยุดกึก แล้วหันกลับมาหาร่างโปร่ง ดวงตาคมกริบของเขาไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ให้ศตคุณคาดเดาได้

“เอ่อ... ได้โปรด... พาผมกลับไปดัมมัม... ได้โปรดเถอะครับ”

หากไม่มีคำตอบใดๆ จากอีกฝ่าย เขาหันหลังกลับ ดึงผ้าคลุมออกจากมือขาว แล้วเดินออกไป

ศตคุณยืนนิ่ง เขาไม่รู้จะทำอย่างไร หากต้องใช้ชีวิต เอาตัวรอดคนเดียวในทะเลทราย วันเดียวเขาก็คงไม่รอดแน่ เด็กหนุ่มจึงเดินตามหลังชายในชุดดำคนนั้นไปเรื่อยๆ

“คุณจะไปไหนเหรอครับ... กรุณา... ให้ผมไปด้วยเถอะนะครับ”

ชายร่างสูงหันกลับมาทางที่ศตคุณยืนอยู่อีกครั้ง จากนั้นก็เดินตรงไปยังคอกเลี้ยงสัตว์ ส่วนเจ้านกตัวโตบนไหล่นั้นเกาะอยู่นิ่งราวกับรูปปั้น

ระหว่างทางที่ศตคุณเดินผ่านมีร่างไร้ชีวิตนอนเกลื่อนกลาด ส่งกลิ่นเลือดเหม็นคาวไปทั่ว จนเขาต้องยกแขนขึ้นกอดลำตัวด้วยความกลัว นี่คือฝีมือของผู้ชายคนเดียวอย่างนั้นหรือ ไม่น่าเป็นไปได้เลย แล้วพวกผู้หญิงที่เขาเห็นเมื่อก่อนหน้าล่ะ ก็ถูกฆ่าหมดเลยรึไงนี่ ถ้าผู้ชายตรงหน้าใจคอโหดเหี้ยมขนาดนี้ เขาคิดถูกแล้วหรือที่จะขอให้ช่วยเหลือ

ไม่นานนักชายในชุดดำก็เลือกอูฐตัวโต โหนกใหญ่แข็งและท่าทางสมบูรณ์แข็งแรงจำนวนห้าตัวออกมาจากในฝูง เพราะการเดินทางไกลในทะเลทรายจำต้องมีอูฐสมบูรณ์หลายตัวไว้ผลัดเปลี่ยนหน้าที่กัน อูฐส่วนหนึ่งใช้แบกข้าวของ ร่างสูงจัดของใช้จำเป็นใส่กระเป๋าหนังที่ห้อยแนบลำตัวอูฐทั้งสองข้าง ซึ่งประกอบไปด้วย ตะเกียง พรม ผ้าใยสังเคราะห์ผืนหนากันแดดได้ดีแต่มีน้ำหนักเบา ด้านนอกสีขาวไว้สะท้อนกับแสงแดด ส่วนด้านในสีดำเพื่อรักษาอุณหภูมิภายใน พร้อมขาตั้งสำหรับทำกระโจมขนาดเล็ก กับอาหารแห้งและน้ำซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตในทะเลทราย อูฐอีกสองตัวที่เหลือใช้เป็นพาหนะ เขาเอาแคร่สำหรับนั่งผูกไว้บนหลังโหนกอูฐ เสร็จแล้วจึงคล้องเชือกของอูฐทั้งห้าตัวไว้ด้วยกัน จากนั้นก็เดินมาหาศตคุณ พร้อมทำท่าบุ้ยใบ้ให้ขึ้นหลังอูฐไป

“ผะ... ผม... ผมขี่อูฐไม่เป็นหรอกครับ”

อีกฝ่ายแลดูจะไม่สนใจ พอเขาออกคำสั่งเป็นภาษาอาหรับ เจ้าสัตว์พาหนะตัวโตก็นั่งลง มือใหญ่ดันหลังให้ศตคุณปีนขึ้นไปบนที่นั่งบนหลังอูฐ

“คุณครับ ผมไม่เคยขี่อูฐ ผมกลัว มันสูงนะครับ” เด็กหนุ่มพูดเสียงสั่น พอปีนขึ้นไปนั่งก็คว้าข้อมือของชายชุดดำเอาไว้แน่น

มือกร้านจับมือขาวออกแล้วเอาไปวางบนแท่งโลหะสำหรับใช้จับยึดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคร่บนหลังอูฐ ก่อนออกคำสั่งกับอูฐให้มันยืนขึ้น

ร่างโปร่งบางโคลงเคลง สูงก็สูง รู้สึกไม่มั่นคงเอาเสียเลย อูฐยังไม่ทันจะออกเดิน เขาก็รู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะร่วงจากหลังอูฐเสียแล้ว เด็กหนุ่มโน้มตัวลงกอดลำตัวเจ้าอูฐไว้แน่น ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ริมฝีปากเม้มแน่นราวกับจะห้ามไม่ให้ตนเองส่งเสียงใดๆ ออกมา มือขาวขยุ้มไปบนขนอูฐ ทว่าไม่นานความอดทนก็ขาดสะบั้นลง ศตคุณร้องไห้ออกมาเสียงลั่น “ว้าก! ไม่เอาแล้ว! ปล่อยผมลง ฮือ...”

อีกฝ่ายถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าไปมา เขาสั่งให้อูฐนั่งลง ทว่าเพียงแค่อูฐย่อเข่า คนบนหลังก็เสียการทรงตัว ด้วยความตกใจเด็กหนุ่มจึงกระโจนใส่เขาสุดแรง จนทั้งสองคนล้มลงไปกองบนพื้นทรายด้วยกันทั้งคู่

แกว๊กกกก... เจ้าเหยี่ยวเองก็ตกใจจนต้องบินหนี

“ฮือ ไม่เอาแล้ว น่ากลัว ผมต้องตกลงมาคอหักตายแน่” แขนเรียวโอบร่างสูงแน่นด้วยความกลัว พร้อมกับสะอึกสะอื้นจนตัวโยน

“เฮ้อ...” ชายชุดดำพ่นลมหายใจออกหนักๆ อีกครั้ง เขาปล่อยให้ร่างโปร่งนั่งร้องห่มร้องไห้ไปบนตัวเขาจนพอใจ

เมื่อรู้สึกว่าปลอดภัยและไม่เจ็บปวดตรงไหน ศตคุณจึงได้สติกลับคืนมาทีละน้อย เขาค่อยๆ ผละออกจากคนที่ตนโอบรัด แล้วพบว่านั่งทับอยู่บนลำตัวของอีกฝ่าย

“อ๊า! ขอโทษครับ!” ร่างโปร่งผลุนผลันพลิกตัวออก ไม่ทันระวังว่ามือขาวเกี่ยวเอาผ้าสีดำที่อีกฝ่ายใช้คลุมหน้าหลุดติดมือมาด้วย

ใบหน้าสีน้ำผึ้งคร้ามแดดมีหนวดเคราปกคลุม หากดูไม่รุงรังเหมือนชาวอาหรับทั่วไป ผมเผ้าตัดเป็นทรงจนดูไม่เหมือนคนที่อยู่ในทะเลทรายเท่าไรนัก หากดวงตาสีเข้มล้ำลึกฉายแววแข็งกระด้างดลใจให้ศตคุณนึกไปถึงซีรี่ส์ฆาตกรรม ที่ว่าถ้าเห็นหน้าคนร้ายเข้าจะต้องถูกฆ่าปิดปาก เขาจึงก้มหน้าหลุบต่ำ พลางละล่ำละลักขอโทษ “อะ... ผมขอโทษ ผมไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ นะครับ อย่าทำอะไรผมเลย”

ร่างสูงไม่พูดอะไร หากลุกขึ้นยืน เขาเดินไปหยิบถุงใส่ขนมปังแห้งๆ และถุงน้ำใส่กระเป๋าหนังเพิ่มอีกใบ แล้วนำมาจัดวางบนหลังอูฐ มือใหญ่หยิบผ้าคลุมผืนใหม่ออกมาคลุมใบหน้าและร่างกายจนเหลือเพียงแค่ดวงตาเท่านั้น จากนั้นก็ดึงผ้าสีดำผืนใหญ่ที่อยู่ในมือศตคุณขึ้นมาพันรอบศีรษะเล็ก ปิดหมดจนเหลือแต่ดวงตา แล้วทำท่าทางบอกให้ศตคุณขึ้นไปบนหลังอูฐตัวเดียวกันกับเขา

“ไม่! อย่าให้ผมขึ้นไปอีกเลยนะครับ!” เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ยื้อแขนที่ผลักเขาขึ้นไปนั่งเป็นพัลวัน

“#+*$=%?T&Z“$#§“%!!!” ชายหนุ่มดุเสียงเข้ม มือหยาบดึงแขนเรียวเป็นเชิงบังคับให้ขึ้นไปนั่งบนหลังอูฐอีกครั้ง

ศตคุณสะดุ้งด้วยความกลัว ตอนนี้เขาเองก็แยกไม่ออกเช่นกัน ว่าระหว่างการปีนขึ้นหลังอูฐกับผู้ชายตรงหน้านี่อะไรจะน่ากลัวกว่า แต่ก็ยอมปีนขึ้นไปนั่งหน้าซีดบนเบาะหลังอูฐโดยดี

“คะ... คุณ... จะไม่เอาผมไปขายใครใช่มั้ยครับ จะพาผมไปดัมมัมใช่มั้ยครับ...”

ร่างสูงไม่ตอบ เขาก้าวขึ้นมานั่งด้านหลังของเด็กหนุ่ม ขายาวเตะสีข้างของเจ้าอูฐเบาๆ ให้มันยืนขึ้น ในมือข้างหนึ่งของเขามีไม้สำหรับใช้ตีไปเบาๆ บนคออูฐเพื่อออกคำสั่งให้มันเดินออกไปจากที่ตรงนั้น

แกว๊กกก... เจ้านกเหยี่ยวกางปีกกว้าง แล้วโผบินไปในท้องฟ้าสีดำสนิท จนดูราวกับว่ามันจะเป็นผู้นำทางให้เจ้านาย

“อ๊ะ อ๊า!” ร่างโปร่งโคลงเคลงไปตามจังหวะการเดินของอูฐ เขาเอนหลังไปกระแทกแผ่นอกของคนที่อยู่ข้างหลังหลายต่อหลายครั้ง “ขอโทษครับ”

ท่อนแขนแกร่งข้างหนึ่งสอดเข้าไปโอบเอวบาง แล้วกอดแนบกายกำยำไว้แน่นเพื่อช่วยให้เด็กหนุ่มรู้สึกมั่นคงขึ้น

“คุณ! จะทำอะไร!” ศตคุณสะดุ้งเฮือก

“§$&?#)%$/&+#$/)“$?!!!”  ชายหนุ่มส่งเสียงดุกลับมาทำให้ร่างโปร่งปิดปากสนิท เขาชี้บอกให้เด็กหนุ่มหันมองทางเบื้องหน้า

“ขะ... ขอโทษครับ”     

เพราะความกลัวเด็กหนุ่มจึงไม่กล้าโต้เถียงอะไร ในคราวแรกเขาก็นั่งตัวเกร็งแข็ง ทว่าหลังผ่านสักพักก็เริ่มปรับตัวได้ ความกลัวจางหายไปทีละน้อย หากมีความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ หัวใจดวงน้อยกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กตัวน้อยๆ ในอ้อมแขนแข็งแรง ปลอดภัยและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

...เขาคงไม่ถูกผู้ชายคนนี้พาไปขายหรอกมั้ง ก็คนคนนี้ ช่วยเขาไว้ไม่ให้ถูกทำร้ายไม่ใช่หรือ

“แล้ว... แล้วก็... ขะ... ขอบคุณ... นะครับ” ศตคุณเริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับร่างสูงทีละน้อย ถึงจะท่าทางดูน่ากลัวโหดร้าย แต่อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็มาช่วยเขา แล้วก็ไม่ใจร้ายทิ้งให้เขาอดตายกลางทะเลทรายล่ะ

อูฐตัวเขื่องทั้งห้าตัวเยื้องย่างไปบนผืนทรายในทะเลทรายกว้างใหญ่ ดวงจันทร์เสี้ยวส่องแสงสีนวลอวดผืนทราย ดวงดาวที่สุกกระจ่างเต็มท้องฟ้าช่วยทำหน้าที่นำทางให้แก่ผู้คนในทะเลทรายมาเนิ่นนาน

“เราจะไปไหนกันเหรอครับ ไปดัมมัมใช่มั้ย”

“§P)%%=&“/§!#+!§“%” เสียงทุ้มตอบกลับมาเป็นภาษาอาหรับที่ร่างโปร่งฟังไม่เข้าใจ

...คุยกันไม่รู้เรื่อง คนคนนี้ฟังภาษาที่เขาพูดออกมั้ยก็ไม่รู้ ส่วนเขาเองก็ไม่มีความรู้ทางภาษาอาหรับเลยสักนิด แล้วจะสื่อสารกันยังไงล่ะนี่ เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆ อย่างรู้สึกปลง เขาเหนื่อยมากจนไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว


...ช่างเถอะ อะไรจะเกิดมันก็คงต้องเกิด ปล่อยให้โชคชะตานำพาเขาไปก็แล้วกัน


To be continued~*


หลังจากที่โชคชะตาพาไปตกระกำลำบาก น้องคุณของฮัสกี้(?)ก็ได้พบกับฮีโร่ซะที แต่คุยกันไม่รู้เรื่องจะไหวมั้ยเนี่ย 5555 แล้วฮีโร่คนนี้จะรู้จักกับอับบา หรือมีอะไรเกี่ยวข้องกันมั้ยเนี่ย  :o12:

ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่แวะมาอ่าน ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์นะคะ  :กอด1:

Happy New Year 2015 ล่วงหน้ากับทุกคนเลยค่ะ ขอให้มีความสุข สมหวังโดยทั่วกันเลยน้า  :L2:

แล้วพบกันที่เพจค่ะ
  :mew1: husky's page



ออฟไลน์ sanfran

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
อ่านแล้วน้าาาา เข้ามารอทั้งวันเลยยย
ที่รัก ทำไมมันสั้นๆล่ะ หรือรู็สึกไปเอง T^T
ค้างคามากอะ
โง่ยยยยยเมื่อไหร่น้องจะได้เจอชีคล่ะ
อยากอ่านต่อแล้ววววว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2014 20:24:09 โดย sanfran »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
คนนี้ใช่พระเอกรึเปล่า คนเขียนเคยบอกว่าอีกนานนนนนน...กว่าศตคุณจะได้เจออับบา แสดงว่าอับบาไม่ใช่พระเอกเหรอ
ลุ้นมาก...ว่าพระเอกคือใคร
จะว่าไปอับบาไม่น่าเป็นคนขี้ใจน้อยอย่างงั้นเลยนะ น่าจะรอถามกันให้รู้เรื่องซะก่อน
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Maxshu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คำถามต่อมาาคือใครคือพระเอกคะ รุ้สึกสีบสนมากค่ะ5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
โหยยยยยย ใครมาช่วยน้องอะ!!! :katai1:
ตื่นเต้นจังงงงงง รอตอนต่อไปน้าาา
มีความสุขวันปีใหม่จ้าาาา

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
ใช่อับบาไหม แต่ทำไมมาคนเดียว สงสารน้องคุณมาก็เจอเรื่องระทึกขวัญเลย

ออฟไลน์ spy_dummy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ถถถถ น้องคุณน่าสงสารจริงๆ ต้องตกระกำลำบาก เจอทั้งโจรใจทราม ทั้งการต่อสู้ แล้วนั่นคนที่มาใหม่จะดีร้ายกันนะ ขอให้ไปถึงดัมมัมอย่างปลอดภัยนะ สู้ๆนะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
การผจญภัยของศตคุณโลดโผนเอาเรื่อง
กว่าจะเจออับบาสงสัยจะงอม

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
ชอบๆ รออ่านต่อค่ะ

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
 :katai5: :sad4: :sad4:น้องคุณของพี่สู้ๆนะหนู :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
คนนี้พระเอกเลยดีมั้ย เท่เชียว 555 อับบาคะแนนตก  :ling3:

ออฟไลน์ Memindbucker

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คนนี้เท่จัง แต่จะคุยกันรู้เรื่องมั้ย น้องคุณก็ดไม่หยุดเลย
ตื่นเต้นๆลุ้นๆ สงสารน้องคุณเจอแต่เรื่องน่ากลัว
มาเป็นกำลังใจให้คนเขียนค่า มาต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ PoppyPrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว ลุ้นๆ สนุกมากเลยครับ

ออฟไลน์ yumijung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แอบตามดูมาตลอด.ทาง
นะคะคุณอับบ้าขี้ใจน้อย
ไปช้าอีกนิดเดียวล่ะแย่เลย
ขอบคุณที่มาช่วยไว้ได้ทัน
อิน้องของเราก็มีรูปกายเป็นอันตรายต่อตนนักใครเห็นเป็นต้องหลงรัก
จากนี้ไปห่อให้มิดอย่าให้ใครเห็นเลยนะ..เค้าหวง.ت

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คือที่มาช่วยน้องคุณคืออับบาใช่มั้ย รู้เรื่องเลยรีบมาช่วยใช่ป่ะ โอ๊ยยยค้างคาอย่างแรงอ่ะ ไรท์รีบมาต่อเลยจะได้ไขข้อข้องใจอ่ะ    :serius2:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
ใครที่มาช่วยล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
รวบรัดดี อ่านแร้วแบบงงๆ คนที่ช่วยจะเป็นใครนะ เฮ้อ

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
อับบามาช่วยใช่มั้ย
แต่ว่าคุยกันไม่รู้เรื่องแบบนี้
ยังไงคุณก็คงไม่รู้ว่าใคร

เดาว่าอับบาน่าจะพูดได้ แต่เล่นตัว 555

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

สงสารน้องคุณ

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
มาให้กำลังใจก่อนจ้า

เดี๋ยวมาอ่าน

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ไม่ใช่ว่าพี่ฮีโร่คนนี้จะเป็นพระรองนะคะ

เท่แบบนี้ เป็นพระเอกเถอะค่ะ

ป.ล. แอบคิดว่าฟังออก แต่แกล้งไม่พูดให้น้องเข้าใจ

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
คนนี้จะเป็นคนของอับบารึเปล่า
ชิช้ะแต่ยังไงก็โกรธอับบาแล้ว(คุณต้องโกรธไม่ใช่หรอ)
ให้คนนี้เป็นพระเอกเนอะคนแต่ง
อับบาก็ให้มันเฝ้ามองต่อไป กร๊ากกกก

ออฟไลน์ pagg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เหยียบเมืองทะเลทรายวันแรกก็ได้เรื่องเลยนะน้องคุณ น่าสงสารจังเจอทั้งคนโดนฆ่าไปต่อหน้าต่อตา
ทั้งยังโดนจับแถมยังโดนขายให้ใครก็ไม่รู้ ดีนะที่มีฮีโร่มาช่วย แต่จะคุยกันยังไงนะ อีกคนพูดอาหรับด้วยสิ
หวังว่าฮีโร่คนนี้จะพาน้องคุณไปดัมมัมไปเจออับบานะคะ

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


Chapter 4 : ผู้ร่วมทาง


แสงสีทองของดวงอาทิตย์โผล่พ้นผืนทรายขึ้นมาเป็นลำสวย เมื่อมีแสงอบอุ่นแยงตาก็ทำให้ศตคุณรู้สึกตัว เนื่องจากก่อนหน้านั้นเขานั่งสัปหงกบนหลังอูฐอยู่นานจนผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของชายชุดดำที่เข้ามาช่วยตนไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“อ๊ะ แย่จริง! ขะ... ขอโทษนะครับ”

ไม่มีคำตอบจากคนที่นั่งประชิดอยู่ข้างหลัง ชายหนุ่มยังคงบังคับอูฐให้เดินหน้าต่อไปเรื่อย จนถึงบริเวณภูเขาหินสูงใหญ่ เขาจึงออกคำสั่งให้พวกอูฐหยุดอยู่แถวนั้น

ใบหน้าน่ารักแหงนมองขึ้นไปยังยอดเขาซึ่งไม่มีต้นไม้ใดๆ ขึ้นอยู่เลยสักต้น รอบกายดูเวิ้งว้าง มีแต่หินและทราย ความร้อนจากกระไอแดดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเขาเริ่มหอบเพราะรู้สึกหายใจได้ลำบาก

ชายชุดดำกระโจนลงจากหลังอูฐ ส่งมือให้ศตคุณใช้จับยึดตามลงมา ก่อนจะพาทั้งคนทั้งอูฐเดินเข้าไปในซอกหินผาแคบๆ
ในยามเช้า ร่มเงาของซอกหินผาช่วยบรรเทาความร้อนจากแสงแดดได้เป็นอย่างดี หากเมื่อดวงตะวันเคลื่อนสูงขึ้น อากาศก็ยิ่งร้อนมากขึ้นตามไปด้วย ขาเรียวก้าวช้าลงทีละน้อยเพราะรู้สึกหนักราวกับมีหินถ่วงไว้ เขาเริ่มมีอาการวิงเวียน ภาพเบื้องหน้าพร่ามัว เด็กหนุ่มจึงหยุดเดินแล้วเอนตัวพิงกับก้อนหินใหญ่

คนที่เดินนำอยู่คอยสังเกตและหันมองรอบๆ กายไปด้วยอย่างระมัดระวัง พอเห็นท่าทางของร่างโปร่งก็หยุดกึก มือกร้านเอื้อมไปหยิบถุงน้ำส่งให้กับเด็กหนุ่ม

“ขอบคุณครับ” ศตคุณรู้ดีว่าในทะเลทรายนั้นหาน้ำได้ยากขนาดไหน เขาจึงดื่มเพียงพอให้ความกระหายทุเลาลง แล้วส่งคืนให้

ชายชุดดำดื่มน้ำต่อจากเด็กหนุ่ม เขาตัดสินใจหยุดพักเนื่องจากอากาศที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆ มือใหญ่ปลดสัมภาระทั้งหมดลงจากหลังอูฐ เพื่อให้พวกมันได้พักผ่อนเช่นกัน จากนั้นก็หยิบผ้าผืนหนาสำหรับทำกระโจมขนาดเล็กมากางออก ขึงเข้ากับเสาที่เตรียมมา เอาพรมขนสัตว์ปูบนพื้นทรายแล้วดึงให้ศตคุณตามเข้าไปข้างใน

กระโจมมีขนาดเล็ก แต่ก็พอให้ผู้ชายสองคนใช้เป็นที่กำบังแสงแดดอันร้อนแรงได้ ริมฝีปากอิ่มเผยอหอบถี่ อาการเช่นเดียวกับเมื่อวาน คงเป็นเพราะเขายังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความร้อนของทะเลทรายได้ มือขาวดึงผ้าคลุมสีดำของตนเองออกแล้ววางลงข้างตัว

ชายชุดดำเอื้อมไปเปิดถุงอาหารถุงหนึ่ง หยิบเอาผลอินทผลัมแห้งๆ แต่มีรสหวานชุ่มออกมาใส่ปากของเด็กหนุ่ม แล้วดันกรามให้ปิดปากสนิท

“อื้อ”

“$?=&%UI“§“$&Z” เขาพูดรัวๆ พลางหยิบผ้าคลุมที่เด็กหนุ่มเพิ่งถอดออกกลับไปพันศีรษะให้จนเหลือแต่ใบหน้า พร้อมทำท่าทางบอกไม่ให้ร่างโปร่งอ้าปากหายใจ ให้หายใจทางจมูกเท่านั้น

ศตคุณพยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง ดวงตากลมใสจ้องมองอีกฝ่ายที่ยังคงมีทั้งผ้าคลุมและเสื้อคลุมกายดูรุ่มร่ามเช่นกัน นี่คงมีความสำคัญอะไรสักอย่าง และผลไม้แห้งที่ชายหนุ่มให้เขาอมไว้ก็ช่วยให้ชุ่มคอ ไม่ปวดแสบในลำคอเหมือนเมื่อวาน แต่ถึงอย่างนั้น กระไอแดดก็ยังร้อนแรง ทำให้หายใจติดขัด และรู้สึกอึดอัดอยู่เช่นเดิม

ร่างสูงเอนตัวลงนอน โดยเว้นที่ว่างข้างๆ ให้กับเด็กหนุ่ม แล้วพลิกตัวไปอีกทาง

ศตคุณนั่งคุดคู้ คอยสังเกตการณ์อีกฝ่ายต่อไปอีกครู่ใหญ่ หากพอนั่งนานๆ ไปก็เริ่มจะปวดเมื่อยบริเวณหลัง... ก็นั่นสินะ เขานั่งอยู่บนหลังอูฐมาตลอดตั้งแต่เมื่อคืน จนถึงตอนนี้ก็มานั่งจุมปุ๊กในกระโจมนี่ เมื่อคิดแล้วเขาจึงตัดสินใจเอนตัวลงนอนข้างๆ ชายหนุ่ม เพราะอย่างไรก็ตามในเวลากลางวันอากาศก็ร้อนชนิดฆ่าคนได้แบบนี้ เขาควรจะออมแรงไว้เดินทางต่อเมื่อความร้อนของดวงอาทิตย์ลดลงดีกว่า

การที่ต้องสูญเสียน้ำและเกลือแร่ไปกับเหงื่อเป็นจำนวนมากส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย หลังจากเอนหลังไปได้ไม่นาน ร่างโปร่งก็หลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน หากความร้อนที่ไม่ต่างกับอยู่ในเตาเผาส่งผลให้เขาหอบหายใจเสียงดังอย่างทรมาน ภาพเศร้าสลดและโหดร้ายน่ากลัวที่เขาได้ประสบย้อนกลับมาปรากฏขึ้นในความฝันเป็นฉากๆ ตั้งแต่ช่วงเวลาในวัยเยาว์ที่ถูกทิ้งให้เฝ้ารอคอยครอบครัวในเวียนนาครั้งแล้วครั้งเล่า คนขับแท็กซี่และผู้ชายชาวอาหรับที่ถูกฆ่าต่อหน้า เลือดสีแดงฉานอาบผืนทราย... เด็กหนุ่มขยับตัวอย่างกระสับกระส่าย

“อืออ... ฮือออ...” จู่ๆ ก็รู้สึกราวกับว่ามีของหนักกดทับตามร่างกาย เสียงซอกแซกริมใบหูทำให้คนที่กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่รู้สึกรำคาญ พอจะขยับใบหน้ากลับมีบางสิ่งบางอย่างตรึงไว้ให้อยู่นิ่ง จนดวงตาสีอ่อนจำต้องเปิดขึ้นดู

ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกพร้อมเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ในชุดดำเฉกเช่นมัจจุราชทับอยู่บนตัวเขา มือกร้านข้างหนึ่งปิดปากอิ่มแล้วกดเอาไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างเงื้อขึ้นสูง จนเขามองเห็นปลายแหลมของโลหะยาวงุ้ม ดวงตาคมกริบช่างดูดุดันราวกับตาสิงห์ “อื้อ!!!” ศตคุณปิดตาทันทีที่กริชปลายแหลมนั้นพุ่งแทงลงมาทางตนอย่างรวดเร็ว


ฉึก!!!


หัวใจดวงน้อยแทบจะหยุดเต้น เขาปรือตาขึ้น... ไม่เจ็บ... เขายังไม่ตาย... หากมือหยาบที่ตรึงใบหน้าไว้ค่อยๆ คลายออก แล้วคนบนร่างก็เคลื่อนออกจากบนตัวเขาไปช้าๆ โดยไม่ลืมที่จะดึงกริชในมือติดขึ้นมาด้วย

“ว้ากกกก!!!” ศตคุณร้องลั่น ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นงูตัวลายสีน้ำตาลไหม้ดิ้นพราดอยู่ตรงหน้า ส่วนหัวของมันถูกแทงติดอยู่ตรงปลายแหลมของมีดโค้งด้ามนั้น

ชายหนุ่มขยับตัวไปเปิดกระโจมออก ก่อนจะสะบัดกริชอย่างแรงให้ซากงูตัวนั้นหลุดออกไป

“....” ร่างโปร่งลุกนั่งแล้วมองไปรอบตัวอย่างหวาดกลัว ตัวสั่นเป็นลูกนกตกรัง ทั้งช็อกทั้งตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แวบหนึ่งเขาคิดว่ากำลังจะถูกฆ่า นั่นก็ทำให้กลัวมากพอแล้ว ซ้ำยังมาเจองูในระยะใกล้ขนาดนี้ เขานึกไม่ออกเลยว่าถ้าอีกฝ่ายไม่ทันเห็นเสียก่อน ตัวเขาจะเป็นอย่างไร “ฮึก... ฮือ...” แขนขาวยกขึ้นกอดลำตัวที่สั่นสะท้าน

ใบหน้าคมสันที่มีหนวดเคราปกคลุมเบือนหนี ทว่าพอเขาทำท่าจะลุกขึ้น เด็กหนุ่มก็กระโจนเข้าใส่ มือขาวขยุ้มเสื้อคลุมของเขาเอาไว้แน่น แล้วร้องไห้โฮ

“อย่าไป! อย่าทิ้งผมไว้คนเดียว ฮือ...”

ชายหนุ่มหยุดกึก ก่อนจะนั่งลงตรงที่เดิมแล้วถอนหายใจเบาๆ

พออีกฝ่ายนั่งลงเท่านั้น ศตคุณก็ก้มหน้าก้มตาร้องไห้ ราวกับอัดอั้นมาเป็นเวลานาน เขาปล่อยโฮออกมาจนรู้สึกเหนื่อย ได้สติกลับคืนมาทีละน้อย จึงปล่อยมือออกจากเสื้อคลุมสีดำ ใบหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อยาวไปถึงใบหู

มือหยาบวางลงบนศีรษะเล็กแล้วลูบเบาๆ เพื่อปลอบใจ จากนั้นก็ดึงกลับ

ศตคุณก้มหน้างุด รู้สึกเบาใจขึ้นมาอย่างประหลาด ขณะเดียวกันก็ลอบมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าที่หันหน้าออกไปทางด้านนอกกระโจม เขาไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไร แต่ก็เป็นไปได้ว่า ใบหน้าที่หันหนีไปอีกทาง อาจเป็นเพราะกลัวว่าเขาจะอายที่ร้องไห้เหมือนเด็กๆ หรืออาจจะรู้สึกรำคาญเขาก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายก็นั่งอยู่เป็นเพื่อนให้กับเขา คล้ายกำลังรอให้เขารู้สึกสบายใจ “...ขอบคุณนะครับ”

ยามบ่ายแก่ๆ ดวงสุริยันคล้อยลงต่ำ อุณหภูมิในทะเลทรายก็ลดลงตามไปด้วย ทั้งสองนั่งอยู่ในกระโจมต่ออีกสักพักใหญ่ เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าท่าทางของศตคุณกลับเป็นปกติแล้ว เขาจึงเปิดกระโจมออกแล้วก้าวพรวดออกไป

“คุณจะไปไหนเหรอครับ!!” ศตคุณกระโจนตามออกไปด้วยอย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มม้วนเก็บผ้าคลุม ถอดขาตั้งกระโจมและเก็บสัมภาระกลับไปวางบนหลังอูฐเพื่อเตรียมออกเดินทางต่อ ส่วนร่างโปร่งก็เดินชิดติดหลังเขาไปราวกับลูกเป็ดที่เพิ่งออกจากไข่ ใบหน้าหวานหันมองไปรอบตัวอย่างกล้าๆ กลัวๆ

แกว๊กกก... ระหว่างนั้น เจ้าเหยี่ยวตัวเขื่องก็บินกลับมาหานายของมันพร้อมกับเศษไม้ในกรงเล็บ มันบินวนรอให้ชายหนุ่มหยิบถุงมือหนังที่เหน็บไว้กับเข็มขัดขึ้นมาใส่แล้วยกขึ้นสูง แล้วจึงบินถลาลงมาหาเจ้านายของมันทันที

มือหยาบรับเศษไม้จากกรงเล็บของเหยี่ยวสีน้ำตาลมาดู เขาเอ่ยปากคุยกับมันเป็นภาษาอาหรับ แล้วใช้ปลายนิ้วหยอกล้อกับจะงอยปากของมัน จากนั้นก็ลูบไปบนเส้นขนสีน้ำตาลตามลำตัว เจ้าเหยี่ยวเอียงหัวไปมา พลางส่งเสียงร้องแกว๊กๆ เบาๆ ดูท่ามันจะมีความสุขอยู่ไม่น้อย สายตาของชายหนุ่มที่มองเจ้านกตัวโตซึ่งเกาะอยู่บนถุงมือของเขาช่างดูอ่อนโยน ทำให้ศตคุณเผลอจ้องมองไปอย่างลืมตัว

“§%€@§$/&(#??”

“อ๊ะ ขอโทษที่เสียมารยาทครับ ผม... ผมแค่เห็นว่าเจ้านกนี่มันเชื่องกับคุณดีจัง ดูแล้วน่ารักดี” ศตคุณโบกไม้โบกมือ ชี้ไปที่นกแล้วชี้กลับมาที่แขนของตนอย่างต้องการที่จะอธิบายให้คนตรงหน้าเข้าใจ

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาหันไปคุยกับเหยี่ยวสีน้ำตาลอีกสองสามประโยค ก่อนจะโยนมือส่งให้มันบินขึ้นไปในอากาศ แล้วจึงเดินเข้ามาหาร่างโปร่งพร้อมกับสวมถุงมือหนังหนาเตอะอีกข้างให้กับเจ้าของมือขาวที่ยืนทำหน้างงๆ แต่แล้วก็เข้าใจเหตุผลว่าทำไม เมื่อเจ้านกบินถลาไปเกาะบนถุงมือที่ตนใส่

“ว้ากกก!!” ตัวของเจ้าเหยี่ยวนั่นหนักไม่ใช่เล่น พอมันทิ้งน้ำหนักลงไปบนมือที่เกาะ เด็กหนุ่มก็ยืนเอียงกระเท่เร่ตามน้ำหนักของมันไปด้วย “อะ... เอามัน... มาให้ผม... ทำไมครับ”

แกว๊กกก... เจ้าเหยี่ยวรู้สึกไม่มั่นคงเพราะศตคุณเดินเซไปเซมา มันกางปีกออกแล้วกระพือพั่บๆ พร้อมทั้งร้องเสียงแหลมบาดแก้วหูดังลั่น

“ว้าก!! จะร้องทำไมเล่า ตกใจนะรู้มั้ย!!” 

แกว๊กๆๆๆๆ

“เฮ้ย! จะตีปีกไปถึงไหนกัน จะเอาฉันบินไปด้วยรึไง”

คนที่ยืนมองหนึ่งคนกับอีกหนึ่งนกทะเลาะกันอยู่จำต้องส่ายหน้าไปมา เขายกมือขึ้นคลึงขมับเบาๆ ก่อนร้องเรียก “ฟาร์ฮา!” (Farha แปลว่า ความสุข)

เจ้าเหยี่ยวหยุดร้องทันควัน จากนั้นก็บินถลาเข้าไปเกาะบนถุงมือของเจ้านาย

“ฟาร์ฮา? ชื่อของนกนี่เหรอครับ”

ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่ดันหลังให้ศตคุณเดินไปขึ้นอูฐ พลางยกแขนขึ้นเป็นสัญญาณให้เจ้าเหยี่ยวสีน้ำตาลบินออกไปก่อน

ทั้งสองคนออกเดินทางกันอีกครั้ง ท้องนภาในยามเย็นเปลี่ยนเป็นสีส้มดูเข้ากันได้ดีกับผืนทราย สายลมที่พัดผ่านพาเอาเศษฝุ่นทรายมากระทบผิวหน้าอ่อนบาง มือขาวจึงต้องคอยจับผ้าคลุมศีรษะให้ปิดบริเวณจมูกและปากเอาไว้ด้วย

ขาเรียวของเจ้าอูฐก้าวย่ำลงไปบนพื้นทราย แสงจากอาทิตย์อัสดงที่ทอดผ่านทำให้เกิดเป็นภาพเงาบนผืนทรายละเอียด ซึ่ง ณ บริเวณนั้นมีกอหญ้าแห้งๆ อยู่ประปราย การเดินทางยังคงดำเนินต่อไปอย่างเนิบช้า กระทั่งท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมนอนธการ จันทร์เสี้ยวทอแสงสีนวลลอยเด่น รายล้อมไปด้วยแสงดาวระยิบระยับ สำหรับศตคุณนั้น เขารู้สึกว่าเมื่อมองดูดวงจันทร์และดวงดาวที่อยู่เหนือทะเลทรายเวิ้งว้างแห่งนี้แล้ว ทำให้รู้สึกว่าดวงใหญ่และสวยกว่าเมื่อมองจากในเมืองเสียอีก

ชายหนุ่มหยุดการเดินทางไว้ชั่วครู่หลังเวลาหลายชั่วโมงผ่านพ้นไป เพื่อให้อูฐได้พักผ่อน เขาปลดผ้าคลุมออกพอหลวม หยิบพรมปูลงกับพื้นทราย พลางเรียกให้เด็กหนุ่มนั่งลง หลังจากนั้นตัวเขาจึงเดินไปหยิบถุงน้ำกับถุงผ้าเล็กๆ ที่มีขนมปังและอินทผลัมตากแห้งมาส่งให้ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ กัน

ศตคุณรับมาอย่างว่าง่ายเพราะเขากำลังรู้สึกหิวอยู่พอดี เด็กหนุ่มรีบปลดผ้าคลุมออกแล้วหยิบขนมปังและผลไม้แห้งใส่ปาก ผลไม้แห้งแบบเดียวกับที่ร่างสูงหยิบใส่ปากเขาเมื่อตอนสาย “ขอบคุณครับ หวานชุ่มคอดีจัง... คุณก็ทานด้วยกันสิครับ” มือขาวหยิบผลอินผลัมแห้งไปจ่อปากอีกฝ่าย แต่พอเห็นชายหนุ่มขมวดคิ้ว ดวงตาคมกริบฉายแววแข็งกร้าวจึงนึกขึ้นได้ เขารีบชักมือกลับทันที “อ๊ะ ขอโทษครับ ผมเคยชินไปหน่อย” ...เพราะเมื่อก่อนตอนอยู่ที่เวียนนา ตัวเขากับเพื่อนรักก็มักจะป้อนอาหารหรือขนมให้กันอยู่บ่อยๆ แต่เขาไม่รู้จักวัฒนธรรมของคนที่นี่ การกระทำเช่นเมื่อครู่อาจเป็นการกระทำที่หยาบคายก็เป็นได้

ชายหนุ่มลุกพรวดจากที่นั่ง จากนั้นก็เดินตรงไปยังที่ที่พวกอูฐนั่งอยู่ เขาหยิบถุงเก็บมูลอูฐออกมาเทกองไว้เพื่อก่อกองไฟสำหรับป้องกันอันตรายจากสัตว์ในทะเลทรายที่ออกหากินในยามค่ำคืน

ศตคุณลดถุงอาหารในมือลง เขาไม่กล้ารับประทานต่อหากอีกฝ่ายไม่ร่วมทานด้วยกัน เมื่อกี้เขาคงทำอะไรไม่ดีออกไป ร่างสูงถึงได้ดูเหมือนไม่สบอารมณ์แบบนั้น ต่อไปเขาต้องระวังการวางตัวให้ดีกว่านี้

ขณะที่เด็กหนุ่มนั่งหน้าสลดอย่างเป็นกังวล พอร่างสูงจัดการจุดไฟเสร็จแล้วก็เดินกลับมานั่งลงเคียงข้างกันเช่นเดิม ทว่าเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

ร่างโปร่งไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรต่อไป เขานั่งนิ่งอยู่พักใหญ่ จึงเอื้อมหยิบถุงผ้าไปวางตรงหน้าชายหนุ่ม “ทานด้วยกันเถอะนะครับ เมื่อกี้ผมขอโทษ สมัยก่อนที่อยู่กับเพื่อน ถ้าใครยุ่งกับการทำงานอยู่ คนที่ว่างก็จะช่วยป้อนให้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณรู้สึกไม่ดี...”

เมื่ออีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่ง ศตคุณก็ได้แต่จ้องมองถุงผ้าทั้งที่หิวจนไส้กิ่ว

หากดูเหมือนร่างสูงจะสังเกตเห็น เขาเอื้อมไปหยิบผลอินทผลัมแห้งออกมาสี่ห้าผล แล้วส่งถุงกลับคืนให้กับเด็กหนุ่ม

“...ขอบคุณครับ” ร่างโปร่งยิ้มบาง รับถุงกลับมาแล้วหยิบผลไม้แห้งใส่ปากทันที

หลังจากจัดการกับผลอินทผลัมไปเป็นสิบชิ้น ขนมปังอีกหลายแผ่น ตามด้วยน้ำหลายอึกใหญ่ ศตคุณก็รู้สึกอิ่มท้องขึ้นมาบ้าง เขาเริ่มชวนร่างสูงพูดคุยให้บรรยากาศดีขึ้น มือขาวหยิบผลไม้แห้งชูขึ้นถาม “อร่อยจังนะครับ นี่ใช่ลูก... ที่เขาเรียกว่าอินทผลัม... รึเปล่าครับ”

“ตัมรุน” (อินทผลัม)

เสียงทุ้มต่ำฟังดูไพเราะ หากชายหนุ่มพูดออกจะเร็วไปสักหน่อย ทำให้ฟังแล้วจับเป็นคำยาก “ตะลุม?”

อีกฝ่ายส่ายหน้า “ตัมรุน”

“ตัม-รุน?” ศตคุณทำปากตาม เขาอ้าปากกว้างๆ แล้วพูดช้าๆ

ร่างสูงพยักหน้า ดวงตาสีเข้มอ่อนแสงลง รอยยิ้มตรงมุมปากปรากฏขึ้นเล็กน้อย แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้คนที่นั่งด้วยกันยิ้มกว้าง

“ตัมรุน? เหรอครับ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยครับ... ชื่อแปลกดี” รอยยิ้มแรกจากชายหนุ่มทำให้ร่างโปร่งใจชื้นขึ้นไม่น้อย หากเพราะยังรู้สึกไม่คุ้นเคยกันสักเท่าไหร่ เขาจึงไม่รู้จะสานต่อบทสนทนาไปอย่างไรดี ศตคุณหลุบตาลงต่ำมองไปบนพื้นทรายละเอียด ใช้เมล็ดของอินทผลัมเขี่ยทรายไปมา แล้วเงี่ยหูฟังเสียงปะทุจากกองไฟ ปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างเอื่อยเฉื่อย


ฮี้ๆๆ ฮ้าๆๆ ฮ่าๆๆ


“ฮื้ยยยย!!” เสียงหัวเราะแหลมสูงแว่วมาในสายลมชวนให้สะดุ้งและขนลุกซู่ เด็กหนุ่มหันหน้ามองซ้ายขวา แล้วเขยิบเข้าไปชิดร่างสูง “เสียงอะไรน่ะครับ น่ากลัวชะมัด”

“ฏ็อบอุ” (ไฮยีน่า) ร่างสูงตอบพลางลุกขึ้นยืน ใช้มือปัดเศษทรายตามตัว แล้วจัดผ้าคลุมสีดำให้เข้าที่ ทว่ายังไม่ทันต้องบอกให้ศตคุณลุกขึ้น เด็กหนุ่มก็ลุกพรวดมาเกาะแขนเขาไว้แน่นเรียบร้อยแล้ว

“เสียงเหมือนที่เคยได้ยินในทีวี ใช่ไฮยีน่ารึเปล่าครับ มันจะทำร้ายพวกเรามั้ย” แววตาสีอ่อนไหวระริก เสียงหัวเราะของไฮยีน่าฟังดูน่ากลัวมากกว่าชวนให้หัวเราะไปด้วย ใบหน้าหวานเหลียวมองรอบข้างเลิ่กลั่กอย่างหวั่นใจ เพราะที่เขาเคยดูในสารคดี สัตว์พวกนี้เป็นสัตว์กินเนื้อไม่ใช่หรือ

พอชายหนุ่มชี้ไปยังอูฐเป็นเชิงบอกให้เตรียมตัวออกเดินทางต่อ ศตคุณก็วิ่งตื๋อไปยืนรออยู่ข้างอูฐอย่างรวดเร็ว


อูฐตัวเขื่องย่ำเท้าต่อไปในความมืด ห่างออกจากจุดที่หยุดพักไปเรื่อยๆ จนไม่ได้ยินเสียงแปลกๆ ของพวกไฮยีน่าแล้ว ทว่าเด็กหนุ่มก็ยังคงพะว้าพะวัง

“มันจะตามเรามามั้ยครับ” ศีรษะเล็กหันกลับไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง หากไม่ได้รับคำตอบ อีกฝ่ายชี้นิ้วขึ้นคล้ายจะบอกให้เขาสนใจมองแต่ทางเดินข้างหน้า

“ก็มันน่ากลัวนี่ครับ แล้วมืดตึ๊ดตื๋อแบบนี้มองทางไปก็ไม่เห็นอะไรอยู่ดี” ศตคุณบ่นพึมพำ พลางถอนหายใจ เขาทอดสายตามองไกลออกไป ปล่อยร่างกายให้โอนเอนไปตามจังหวะการเดินของอูฐ สักพักก็พอสงบจิตใจลงได้บ้างและเริ่มรู้สึกเมื่อย เขาจึงเอนหลังพิงคนข้างหลังราวกับเป็นพนักพิงเสียอย่างนั้น เด็กหนุ่มไม่อาจรู้เวลาได้ ถ้าไม่มีกลางวันกลางคืนในทะเลทราย เขาก็คงนึกว่ากาลเวลาหยุดนิ่งไปแล้ว

บรรยากาศรอบๆ คนทั้งสองเงียบสนิท ร่างโปร่งเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าอูฐสัมผัสพื้นทรายเป็นจังหวะเนิบช้า ใบหน้าสวยหวานเงยขึ้นมองจันทร์เสี้ยวที่ลอยเด่นกลางนภาแห่งยามราตรี แวบหนึ่งเขานึกถึงภาพในคลิปวิดีโอที่ชีคชารีฟเคยส่งมาให้ ซึ่งก่อนหน้านั้นเด็กหนุ่มไม่ทันนึกถึง เพราะความวุ่นวายและเรื่องน่ากลัวที่เกิดขึ้นติดๆ กัน ทำให้เขามองข้ามความสวยงามอย่างเร้นลับของทะเลทรายไปเสียสนิท ริมฝีปากสีแดงอิ่มเอิบคลี่ยิ้มบาง แล้วฮัมเพลงเสียงเบา

ศตคุณเงยหน้าขึ้นถาม “เพลงเหมือน lullaby (เพลงกล่อมเด็ก) เลย ฮะๆ ผมทำให้คุณง่วงนอนรึเปล่า... แต่ว่าเห็นผมแบบนี้ ผมเป็นนักดนตรีนะครับ ผมมาจากออสเตรีย ไกลจากที่นี่เยอะอยู่เหมือนกัน”

“.......”

เมื่อเห็นว่าคนข้างหลังไม่ว่าอะไร ศตคุณจึงพูดต่อไปเรื่อย “พระจันทร์แห่งทะเลทราย... ถึงจะมีแค่เสี้ยวเดียว แต่ก็สวยจังนะครับ ตอนเด็กๆ ผมอยากเห็นพระจันทร์เต็มดวงในทะเลทรายมาก แต่ไม่มีโอกาส...” จากนั้นก็เริ่มฮัมเพลงใหม่อีกครั้ง

“เพลง Moonlight Sonata เหมาะกับบรรยากาศแบบนี้ดีนะครับ...”

“§$%&#+*#!“§$°%&” ชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอยู่นานกระซิบตอบ พลางชี้ไปข้างหน้า ซึ่งเป็นเงาดำๆ ในแสงสลัว

“นั่นอะไรน่ะครับ ภูเขาเหรอ?” ศตคุณหรี่ตามอง เพ่งพิจารณาอยู่นานก็ยังไม่มั่นใจว่าเงาที่เขาเห็นอยู่ไกลลิบนั่นเป็นเงาของอะไร

แกว๊ก... เสียงเจ้าเหยี่ยวร้องดังก้อง คล้ายกับส่งสัญญาณสื่อสารกับนายของมัน

เด็กหนุ่มแหงนหน้าขึ้นมองไปบนฟ้าตามต้นเสียง แล้วจึงกลับมาให้ความสนใจกับเงามืดตรงปลายฟ้าในทิศทางที่อูฐถูกสั่งให้เดินไป ร่างสูงหยิบไม้มาตีเบาๆ ไปบนไหล่และคอของอูฐเพื่อให้มันเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นอีก หลังจากเดินทางกันต่อไปอีกครู่ใหญ่ แสงสีส้มที่ปลายฟ้าเริ่มปรากฏขึ้นทีละน้อย ทำให้เงามืดที่เด็กหนุ่มเพ่งพิศอยู่นานมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือกลุ่มสีเขียวชอุ่มกลางทะเลทราย ซึ่งเป็นสีเขียวของต้นปาล์มใหญ่เล็กที่ขึ้นรวมกันเป็นกระจุก ถึงไม่ได้มีจำนวนมากมาย แต่สำหรับในทะเลทรายแล้ว ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากเลยทีเดียว

“โอเอซิสเหรอครับ ว้าว... ของจริงซะด้วยสิ” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้าง ตื่นเต้นจนนั่งไม่อยู่สุข ใจนึกอยากสัมผัสกับโอเอซิสที่เคยเห็นแต่ในรูปและคลิปวิดีโอด้วยตนเองให้เร็วที่สุด “แต่ว่าเล็กจังเลย จะมีน้ำมั้ยครับที่นั่น” ร่างโปร่งชะโงกหน้ามองดู ซ้ายทีขวาอีกที จนคนที่นั่งอยู่ด้านหลังต้องโอบเอวเขาเอาไว้แน่น เพราะกลัวว่าจะร่วงลงไปให้อูฐเหยียบเล่นเสียก่อน

ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบทะเลทรายขึ้นมาทีละน้อย ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วผืนทรายอีกครั้ง หากเป็นโชคดีของทั้งสองคนที่พวกเขามาถึงสถานที่ที่จะใช้หลบแดดและพักผ่อนหลังจากการเดินทางยาวนานตลอดคืนแล้ว

“ให้ผมลงนะครับ” ศตคุณดิ้นดุ๊กดิ๊กเมื่อเห็นแอ่งน้ำสีเขียวใสขนาดเล็กเบื้องหน้า พอชายหนุ่มออกคำสั่งให้เจ้าอูฐหยุดและนั่งลง คนที่เอาแต่กลัวและร้องไห้ขี้แยที่ตลอดเวลาก็กระโดดแผล็วลงไปบนพื้นทราย วิ่งตรงไปยังแอ่งน้ำแห่งนั้นทันที

เด็กหนุ่มนั่งลงข้างๆ แอ่งน้ำ พลางเอื้อมมือไปแตะผิวน้ำเบาๆ “โอ้! เย็นเจี๊ยบเลย ไม่น่าเชื่อ!” เขารีบถอดผ้าคลุมผืนใหญ่ออกวางกองไว้ ก่อนจะวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตาหลายๆ ครั้ง ตามด้วยถอดรองเท้าออกแล้วจุ่มเท้าลงในน้ำอย่างรวดเร็ว

ร่างสูงปล่อยอูฐให้นั่งอยู่แถวใต้ต้นปาล์มใหญ่บริเวณที่ร่มริมแอ่งน้ำ จากนั้นก็หยิบเอาผ้าออกมาตั้งกระโจมสำหรับพักผ่อน  เขาหยิบชุดโต๊ปผ้าฝ้ายสีขาวกับกางเกงออกมาจากกระเป๋าหนัง แล้วเดินเอาไปส่งให้คนที่นั่งยิ้มกว้างอยู่ที่ริมน้ำ

ศตคุณหันหน้าไปสบสายตากับชายหนุ่ม “ให้ผมเปลี่ยนเหรอครับ” เขาก้มลงมองเสื้อผ้าของตนเองที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนทั้งคราบโคลนและเลือดมาตั้งแต่เมื่อวาน แล้วยิ้มแหยๆ “ขอบคุณครับ”

พออีกฝ่ายหันหลังไป มือขาวก็คว้าชายเสื้อคลุมของร่างสูงไว้ มืออีกข้างชี้ลงไปในแอ่งน้ำ “เอ้อ คุณครับ ผมลงไปเล่นน้ำได้มั้ย”
ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก แล้วโบกมือไล่ พลางชี้บอกเป็นเชิงว่าเขาจะไปรออยู่ที่กระโจม

 “แต่...” ...กลัว... เพราะมีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นติดๆ กันมากมาย ไอ้แอ่งน้ำนี่ก็ดูตื้นๆ อยู่หรอก แต่ทรายสีขาวก้นบ่อนั่น ถ้าหากมันหลอกตา พอเขาเหยียบแล้วจมยวบลงไปขึ้นมาไม่ได้เลยล่ะ จะทำยังไง

“เฮ้อ...” ร่างสูงถอนหายใจ เขาดึงผ้าที่คลุมหน้าตนออกพอหลวม ก่อนจะยืนกอดอกนิ่งอยู่ตรงที่แห้งบนตลิ่งข้างๆ เด็กหนุ่ม

“ขอบคุณครับ เอ่อ... แล้วคุณไม่อาบด้วยกันเหรอครับ”

ชายหนุ่มขมวดคิ้วพร้อมส่ายหน้า “$§%#/%&($”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าดุใส่ ร่างโปร่งจึงไม่กล้าต่อรองอะไรอีก เขาค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นต่อหน้าชายหนุ่ม จนเหลือแค่กางเกงชั้นในแบบบ็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น ศตคุณไม่ได้รู้สึกเขินอายกับสายตาคมกริบที่จ้องมองเขาอย่างไม่วางตา ก็สำหรับคนที่เติบโตขึ้นมาในต่างประเทศอย่างเขา เวลาอยู่ในหอพักหรือไปว่ายน้ำก็ถอดเสื้อผ้าเดินกันจนชิน ผู้ชายด้วยกัน มีเหมือนๆ กันไม่ใช่หรือ แล้วเขาจะอายไปทำไม

“อ๊ะ มีอะไรเหรอครับ” ร่างโปร่งชะงักเมื่ออีกฝ่ายรั้งข้อมือตนไว้ แล้วมองตามมือหยาบที่เอื้อมมาสัมผัสร่องรอยสีแดงจางๆ จากการถูกมัดด้วยเชือกตรงข้อมือ ซึ่งปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้นเมื่ออยู่ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ ก่อนจะเคลื่อนไปสัมผัสรอยช้ำบนหัวไหล่เล็ก

“§$%“$%&%/&T%???”

“ไม่เจ็บแล้วล่ะครับ” ถึงแม้ไม่เข้าใจคำพูดของอีกฝ่าย แต่ศตคุณก็พอจะเดาได้ หลังจากเขาส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับยิ้มบาง ชายหนุ่มจึงดึงมือกลับไป

ขาเรียวก้าวลงไปในแอ่งน้ำอย่างระมัดระวัง ผิวสีน้ำนมแทบจะกลืนไปกับพื้นทรายสีขาวเบื้องล่าง ความฉ่ำเย็นของน้ำทำให้ติ่งไตสีชมพูบนแผ่นอกแข็งชูชัน สวยงามราวกับบัวหลวงที่เบ่งบานประดับผืนน้ำ มือขาววักน้ำลูบตามเนื้อตัว ขัดถูคราบเลือด เหงื่อไคลและสิ่งสกปรกออก แล้วดำผุดหลายๆ ครั้งจนพอใจ จึงว่ายกลับมายังตลิ่งตรงที่ชายหนุ่มยืนอยู่ ริมฝีปากสีกุหลาบคลี่ยิ้มรื่น แสงสีเหลืองทองของดวงสุริยันอาบผิวเนียนให้ยิ่งส่องประกาย สะกดให้คนที่จ้องมองเขาอย่างไม่ไหวติงแทบลืมหายใจ

“น้ำเย็นสดชื่นมากเลยครับ คุณน่าจะลงมาเล่นบ้าง” ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นสบสายตา ทว่าคนที่จ้องมองเขาอยู่กลับเบือนหน้าหนีทันควัน

“เดี๋ยวผมซักเสื้อผ้าที่เปื้อนพวกนี้ก่อน แล้วจะรีบขึ้นครับ ขอบคุณมาก” มือขาวเอื้อมไปหยิบเสื้อกับกางเกงที่ถอดวางไว้ลงมาซัก ขณะที่อีกฝ่ายหันหลังเดินกลับไปยังกระโจมที่ตั้งไว้


(มีต่อนะคะ)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด