S p e c i a l 1
เรื่องที่ผมจะเล่าต่อจากนี้ ผมขอย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ก่อนหน้าที่ไอ้ปิงจะขอพ่อไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับผมได้ ย้อนไปถึงสองวันหลังจากที่ไอ้ปิงประกาศออกไมค์ว่ามันชอบผม
หลังจากงานโรงเรียนจบลง โลกของผมเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ผมมีความสุขมากที่ได้บอกความในใจของตัวเองออกไปให้ไอ้ปิงได้รับรู้ และยิ่งมีความสุขมากกว่า เมื่อได้รู้ว่าไอ้ปิงเองก็รักผมมากเช่นกัน แต่ลึกๆ แล้วผมก็ยังเจ็บ เจ็บจากความคาดหวัง หวังที่จะได้เป็นแฟนกับมัน ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากกว่านี้ ไม่ใช่ได้แต่คอยนับถอยหลังวันที่เหลืออยู่ก่อนที่เราจะต้องบอกลากันแบบนี้
“แต่ตอนนี้เรามีกันและกัน เรารักกันยิ่งกว่าที่ผ่านๆ มา เราได้นั่งจับมือกันแบบนี้...” ไอ้ปิงบีบมือที่กำมือของผมเอาไว้อยู่ “มันก็ดีมากแล้วไม่ใช่เหรอวะ”
รอยยิ้มของมันทำให้ผมสบายใจขึ้นได้ทุกครั้งที่เห็น มันเป็นคนที่มีรอยยิ้มสดใสมากที่สุดในโลกเลย ทุกครั้งที่มันหันมาสบตาและส่งยิ้มให้ผม โลกทั้งใบดูจะสดใสขึ้น ภายในใจของผมจะอบอุ่นขึ้น หัวใจรู้สึกราวกับพองโตขึ้นเล็กน้อย และมันก็ทำให้ผมเชื่อได้ทุกครั้งว่าผมโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้รู้จักมันและมีมันอยู่ข้างกายอย่างทุกวันนี้
เมื่อวันนั้นผมร้องไห้จนพอใจแล้ว ดังนั้นผมต้องไม่ลืมที่สัญญากับตัวเองไว้ว่า ผมจะมีความสุขในทุกๆ วันที่เหลืออยู่ของผมกับมัน
“เฮ้ย การบ้านอะ การบ้านนนนนน” เสียงของไอ้นิคที่ดังขึ้น ทำให้ผมกับไอ้ปิงรีบปล่อยมือออกจากกันอย่างรวดเร็ว “เอามาลอกกกก ไวๆๆ”
ผมหันไปหาไอ้นิคที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกเรา “ตูดยังไม่ทันจะนั่ง มึงก็ทวงแล้วนะ เหมือนจะขยันนะมึงเนี่ย... ขยันลอกการบ้าน”
“อย่าแซะกู! เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมากูมัวแต่วุ่นแต่งรูปให้อาจารย์ทั้งวันทั้งคืนจนไม่มีเวลาทำการบ้านเลย ไอ้ห่า ไม่ใช่ความผิดกูเลยนะ” ไอ้นิคนั่งลงฝั่งตรงข้ามผมกับไอ้ปิง มันมองหน้าเราสองคนสลับกันก่อนจะยิ้มออกมา "ว่าแต่ก่อนกูเดินมาเมื่อกี้สวีทอะไรกันอยู่วะ กูเห็นน้าาา ที่มึงสองคนนั่งจับมือกันน่ะ แหมๆ เดี๋ยวนี้หวานออกหน้าออกตา"
ผมเขินจนหน้าแดง "หวานเหี้ยไร เพ้อเจ้ออะไรของมึง! เดี๋ยวกูเตะให้!"
"มึงสงสัยเรื่องของกูกับไอ้โอบมาตั้งแต่ตอนไหนวะ ไอ้นิค" ไอ้ปิงถาม
"ปีที่แล้วมั้ง จำไม่ได้ว่ะ" ไอ้นิคยักไหล่ "แต่ก็นานแล้วล่ะ พวกกูก็คิดๆ กันอยู่แหละว่ามึงสองคนน่าจะแอบกิ๊กๆ กันอยู่ แค่ไม่นึกว่าจะยังไม่เคยสารภาพรักห่าอะไรกันเลย... มึงนี่มันร้ายน้าา ไอ้ปิงงงง"
"ตกลงมึงจะลอกการบ้านมั้ย ไอ้นิค" ผมฟาดสมุดลงบนหัวของไอ้นิคดังป้าบ "ปากดีมากนักกูไม่ให้ลอกนะ"
"โอ๊ยย ไอ้เหี้ยยย มึงจะเขินก็เขินไปดิวะ ลงไม้ลงมือกับกูทำไมเนี่ย สาดดด" มันรีบคว้าสมุดไปจากมือของผม "สั่งสอนเมียมึงหน่อยนะ ไอ้เชี่ยปิง"
"เฮ้ย เมียเหี้ยไร ยังไม่ได้กัน" ไอ้ปิงหัวเราะ
"อ้าว! งั้นรอเหี้ยอะไรอยู่วะ ทำไมไม่เอาๆ กันสักที"
"ไอ้เชี่ยนิค!!"
"โอเคๆ กูหยุดแล้วๆๆ" ไอ้นิครีบยกมือขึ้นห้ามผมที่กำลังเงื้อมือ
"เอาน่าๆ มึงใจเย็นๆ เขินแล้วก็ชอบใช้ความรุนแรงตลอดนะมึงเนี่ย" ไอ้ปิงโอบบ่าผม จากนั้นก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด "มึงต้องเริ่มทำตัวให้ชินได้แล้วนะ"
"กับคนอื่นก็ไม่เท่าไหร่หรอก อย่างเมื่อวันเสาร์คนอื่นๆ แม่งก็ไม่ได้แซว ไม่ได้พูดมากขนาดไอ้นิคนี่หว่า มีไอ้เหี้ยนี่แหละ ปากดีเป็นพิเศษ มันน่าโดนตีนนัก" ผมดันตัวไปปิงออกแล้วลุกขึ้นยืน
“อ้าว มึงจะไปไหน” ไอ้ปิงเงยหน้าขึ้นมาถาม
“ห้องน้ำ”
“กูไปเป็นเพื่อน”
“โอ๊ยยยย มึงใช้รูเยี่ยวรูเดียวกันรึไง เว่อร์ชิบหาย ไอ้สองคนนี้ ตัวติดกันเป็นแฝดสยามเลยนะมึง” ไอ้นิคแซว
“เออ มึงไม่ต้องไปหรอก กูไปคนเดียวได้ นั่งเฝ้าหมาในปากไอ้นิคไว้ที่นี่แหละ”
ไอ้ปิงทำหน้าหงอยๆ นิดหน่อย แต่ผมรู้ว่ามันจงใจทำเพื่ออ้อน ผมจึงเขกหัวมันเบาๆ แล้วลุกออกจากม้านั่งเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่หลังตึก
นาฬิกาดิจิตอลบนข้อมือของผมบอกเวลา 7.15 นักเรียนเริ่มทยอยมาโรงเรียนกันหนาตา แต่ห้องน้ำที่อยู่หลังตึกก็ยังไม่มีคนมากนัก ผมเดินสวนกับเด็กคนหนึ่งที่กำลังออกจากห้องน้ำ แล้วจากนั้นก็เดินไปยืนที่โถที่อยู่ริมสุด ซึ่งเป็นฝั่งที่อยู่ติดกับห้องน้ำหญิง และในตอนที่ผมกำลังยืนทำธุระอยู่นั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงของนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งคุยกันดังทะลุผนังมา
“มึง! พูดถึงเรื่องนี้ มึงรู้ข่าวแล้วใช่มั้ย เรื่องเมื่องานโรงเรียนเมื่อวันศุกร์อะ”
“เรื่องอะไร”
“ก็นี่ไง! ที่เค้าแชร์กันเต็มเฟซเนี่ย มึงดู”
“อีฝน! ผัวมึงเค้าหันไปขุดทองแล้วเหรอวะ!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นผมก็ถึงกับสะดุ้ง ทำเอาซิปเกือบจะหนีบโดนไอ้น้องชายเข้า
“อีดอกกกกก กูเสียดายมากกกก พี่ปิงออกจะหล่อ เท่ แถมยังเล่นกีฬาเก่ง เสือกไปได้กับพี่โอบซะงั้นนน”
“อีพี่โอบเองก็ด้วยเหอะ แม่งชอบผู้ชายเหรอวะ กูไม่เห็นรู้เลย เสียดายพันธุ์ชิบหาย”
“พวกมึงเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว กูจะอ้วก อุบาทว์”
ผมจำเสียงที่เพิ่งพูดขึ้นได้... ฝน แฟนเก่าไอ้ปิง
“ว่าแต่... รู้สึกยังไงบ้างคะ คุณฝน ที่สามีเก่าหันไปคบผู้ชายอะคะ ช่วยแชร์ความรู้สึกของการมีผัว... เป็น ‘ตุ๊ด’ หน่อยค่าาา”
“อีฟ้า! เดี๋ยวกูตบจริงๆ นะมึง!!”
ผมว่าผมทนฟังอีกต่อไปไม่ไหวแล้วว่ะ ผมเดินไปล้างมือและรีบเดินออกจากห้องน้ำทันที แต่แล้วเราก็ออกมาเจอกันที่ตรงหน้าห้องน้ำหญิงที่ผมจำเป็นต้องเดินผ่านเข้าจนได้
เมื่อเด็กรุ่นน้องทั้งสี่คนเห็นผม พวกเขาก็ดูชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปซุบซิบบางอย่างและหัวเราะกันเบาๆ ส่วนฝนที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดก็มองหน้าผมด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ... ไม่สิ ผมว่ามันเป็นสายตาที่ใช้สำหรับมองดูสิ่งสกปรกน่ารังเกียจบางอย่างมากกว่า
“อุบาทว์...” ฝนพูดพร้อมแววตารังเกียจและริมฝีปากที่เหยียดออก “ต่ำว่ะ”
ผมหันหลังให้กับเด็กกลุ่มนั้นและเริ่มออกเดิน แต่ก็ยังไม่วายจะมีเสียงไล่ตามหลังมา
“ล้างเหมืองดีๆ นะค้าา พี่โอบบบ อย่าไปแถมทองพี่ปิงเค้าล่าาา”
ผมกำหมัดแน่น แต่ก็เลือกที่จะไม่โต้ตอบอะไรกลับไป สิ่งที่ผมทำได้มีเพียงเดินหนีจากถ้อยคำดูถูก เย้ยหยัน และเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจเหล่านั้นไปให้ไกลและไวที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อกลับไปถึงที่โต๊ะที่เพื่อนๆ ของผมนั่งอยู่ ผมก็ไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครแล้ว เสียงหัวเราะและถ้อยคำสกปรกเหล่านั้นมันยังคงดังก้องอยู่ในหู และทำให้ใจของผมขุ่นมัว ไอ้ปิงพยายามถามผมหลายครั้งว่าผมเป็นอะไร แต่ผมก็ไม่รู้สึกอยากคุยกับมัน... แม่งงง ที่จริงผมไม่อยากแม้แต่จะมองหน้ามันด้วยซ้ำ
ตลอดช่วงเช้า เวลาที่ผมเดินไปไหน ผมก็จะเห็นว่าคนอื่นๆ รอบตัวจับตามองผมอยู่ตลอด บ้างก็กระซิบกระซาบ บ้างก็ยิ้มเยาะหรือหัวเราะ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกห้อมล้อมอยู่ด้วยเสียงนินทาและแววตาอยากรู้อยากเห็น ความอึดอัดทับถมจนกลายเป็นความหงุดหงิดทุกๆ สิ่ง ทุกๆ คนรอบตัว... โดยเฉพาะไอ้ปิงที่ดูจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย
ในระหว่างเปลี่ยนคาบเรียน ผมลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินออกไปเข้าห้องน้ำคนเดียว ในขณะที่ผมกำลังล้างหน้าอยู่นั้นเอง ไอ้ปิงก็เดินเข้ามาหาผมจากทางด้านหลัง
“ไอ้โอบ มึงเป็นอะไรของมึงวะ ดูอารมณ์บูดตั้งแต่เช้าแล้ว”
ผมมองหน้าของมันผ่านทางกระจก “ช่างกูเหอะ”
มันนิ่วหน้า “ทำไมมึงพูดแบบนั้นวะ ปกติมึงเป็นเหี้ยอะไรก็บอกกูตลอดไม่ใช่รึไง มีอะไรไม่สบายใจก็พูดมาสิวะ”
“ช่างมันเหอะ กูหงุดหงิดของกูเอง บอกมึงไปก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วอยู่ดี” ผมปิดก๊อกน้ำ และจากนั้นก็หันกลับและกำลังจะเดินผ่ายมันออกจากห้องน้ำ แต่ก็ถูกมันคว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน
“กูทำอะไรผิดรึไง บอกกูสิ”
“กูบอกแล้วไงว่าช่างมันเหอะ มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว” ผมหันกลับไปมองหน้ามัน ใจของผมเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย แววตาของมันทำให้ความรู้สึกหงุดหงิดในตอนแรกจางลงไปเล็กน้อย
คือ... จะว่าไปที่จริงมันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดใช่มั้ยล่ะ มันก็แค่บอกรักผมด้วยวิธีที่โผงผางเกินไปหน่อยแค่นั้นเอง
“ล้างหน้าแล้วทำไมไม่เช็ดหน้าดีๆ ก่อน มานี่” มันดึงผ้าเช็ดหน้าออกไปจากกระเป๋าเสื้อของผม จากนั้นก็ใช้ซับหน้าผมเบาๆ “กูทำอะไรผิด ไหนลองบอกกูซิ ครั้งหน้ากูจะได้ไม่ทำอีก”
แววตาและน้ำเสียงอ่อนโยนของมัน ทำเอาใจผมสั่น
“มึง... มึงก็คงไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกมั้ง และมึงก็คงไม่มีทางทำแบบนั้นอีกครั้งได้อยู่แล้วด้วย”
“มันคืออะไรวะ”
“เรื่องนั้น...”
“เฮ้ย แหมๆๆ” เสียงเพื่อนคนหนึ่งของเราดังขึ้นหน้าห้องน้ำ “พอบอกรักออกสื่อแล้วก็หวานกันออกหน้าออกตาเลยน้าาา สาดดดด” พอพูดจบ เพื่อนคนนั้นก็หันไปตะโกนและหวักมือเรียกคนอื่นๆ “เฮ้ยๆๆ พวกมึง มาดูไอ้โอบกับไอ้ปิงมันจะถ่ายหนังสดโชว์โว้ยยย!”
“เฮ้ย ไม่ใช่แล้ว!” ผมตกใจและรีบปัดมือของไอ้ปิงออก ทำให้ผ้าเช็ดหน้าหล่นลงไปบนพื้น
“ไหนๆ ไอ้เชี่ยโอบกับไอ้เชี่ยปิงจะขุดทองโชว์เหรอวะ!” เพื่อนอีกคนที่อยู่ต่างห้องวิ่งเสนอหน้าเข้ามาในห้องน้ำอีกคน
คำพูดคำนั้น ทำให้ผมโมโหจนปรี๊ดแตก
“พวกมึงเลิกพูดเหี้ยๆ ได้แล้ว! กูกับไอ้ปิงไม่ได้เป็นเหี้ยอะไรกันเลยนะเว้ย!!” ผมพุ่งตรงเข้าไปคว้าคอเสื้อของเพื่อนคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด “ขืนใครยังกล้าแซวหรือพูดหมาๆ แบบเมื่อกี้กับกูอีกล่ะก็ มึงเจอกูแน่!”
“เฮ้ยๆ ไอ้โอบ พวกกูแค่แซวเล่น มึงจะโกรธเหี้ยอะไรของมึงนักหนาเนี่ย!”
“มึงปล่อยคอเสื้อไอ้ต๊อบนะเว้ย ไอ้โอบ มึงเป็นประธานนักเรียนนะเว้ย มึงจะทำเหี้ยอะไรของมึง”
ผมมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนสลับกันแล้วจึงยอมปล่อยมือลง “พวกมึงไม่ว่าหน้าไหน อย่ามาพูดเหี้ยอะไรแบบนั้นกับกูอีก กูไม่ชอบ”
“ครวยเหอะ ถือว่าเป็นประธานนักเรียนแล้วจะทำใหญ่ยังไงก็ได้เหรอวะ ไอ้ควาย!” ไอ้ต๊อบจับคอเสื้อของตัวเองแล้วเดินจากไป
“ไอ้โอบ” ไอ้ปิงที่ยืนอยู่ข้างหลังผมเรียก “ปกติมึงไม่เคยเป็นแบบนี้นะเว้ย”
“มึงยังไม่ต้องมายุ่งกับกูตอนนี้ ไอ้ปิง เรื่องทั้งหมดก็มาจากมึงนั่นแหละ เสือกทำเท่บอกว่าชอบกูต่อหน้าคนอื่นเยอะแยะ แล้วเป็นไงล่ะ ตอนนี้กูกลายเป็นตัวตลกให้คนอื่นนินทา ให้มันล้อกันเป็นเรื่องสนุก ไอ้เหี้ย มึงไม่รู้สึกอะไรมั่งเลยรึไงวะ!” ผมหันไปแหวใส่มัน
“มึงจะบอกว่ากูผิดที่กูบอกรักมึงสินะ...”
ผมอ้าปากจะพูดบางอย่างออกไป แต่ก็พูดไม่ออก
“กูเข้าใจแล้ว เมื่อกี้มึงเองก็พูดมาชัดเจนแล้วนี่หว่าว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เออ มันก็จริงของมึง” ไอ้ปิงเก็บผ้าเช็ดหน้าลงในกระเป๋าเสื้อ “ทุกอย่างกูผิดเอง กูผิดตั้งแต่ที่เสือกแอบชอบมึงมาตั้งนานแล้ว ถ้ากูไม่พูดความรู้สึกของกูออกไปซะ มึงก็คงไม่ต้องรู้สึกอับอายคนอื่นเหมือนอย่างตอนนี้” แววตาของไอ้ปิงแลดูเจ็บปวด ผมไม่เคยเห็นมันมีสีหน้าแบบนี้มาก่อนเลย แต่แล้วจู่ๆ มันก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย และนั่นก็เป็นรอยยิ้มที่ยิ่งทำให้ผมเจ็บหนักยิ่งกว่าเดิมเสียอีก “มึงลืมๆ มันไปซะก็ได้นะเว้ย กูไม่ว่าอะไรหรอก”
“ลืม... อะไร”
“ลืมว่าเราเคยคุยอะไรกันเมื่อคืนก่อน และลืมไปซะเหอะ ว่ากูเคยรักมึง...” เมื่อพูดจบ มันก็เดินเลยผ่านตัวผมไป
“เดี๋ยว ไอ้ปิง” ผมคว้าข้อมือของมันไว้
ไอ้ปิงหยุดและมองมาที่มือของผมแค่เพียงเสี้ยววินาทีหนึ่ง ก่อนจะสะบัดข้อมือออกและเดินออกจากห้องน้ำไป ทิ้งให้ผมยืนอยู่ลำพังพร้อมกับความเจ็บปวดในอกข้างซ้ายราวกับหัวใจเพิ่งจะแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ