[เรื่องสั้น] Winter Love: ด้วยรักและโอวัลติน [Special 2: 9 มีค]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] Winter Love: ด้วยรักและโอวัลติน [Special 2: 9 มีค]  (อ่าน 12047 ครั้ง)

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2015 21:50:25 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
อธิบาย
1.   เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น สมมติขึ้น มโนขึ้น กรุณาใช้จินตนาการในการอ่าน โดยเฉพาะการทำความเข้าใจว่าช่วงเวลาในเรื่องสั้นเรื่องนี้ (เดือนธันวาคม) ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงอากาศหนาวแล้ว
2.   ชื่อเรื่องหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าผิดวิสัยผมมากๆ ขอยืมมาจากชื่อหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มหนึ่ง ชื่อว่า “ด้วยรักและช็อคโกแล็ต” ครับ
3.   ขออนุญาตใช้ภาษากลาง เพื่อความง่ายต่อการเขียนและการอ่านของทุกฝ่าย แต่ขออนุญาตปนภาษาเหนือ (คำเมือง) มาบ้างเล็กน้อยเพื่ออรรถรสและความน่ารักกุ๊กกิ๊ก (คนแต่งชอบภาษาเหนือเป็นการส่วนตัว) แต่เนื่องจากไม่ใช่คนที่อู้กำเมืองได้ หากมีความผิดพลาดประการใดจึงขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

.
.
.

ขอมอบเรื่องนี้ให้กับ น้องๆ ที่กำลังจะเรียนจบ ม. 6 และคนที่กำลังแอบรักหรือเคยแอบรักเพื่อนสนิทของตัวเองทุกคน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-12-2014 19:18:03 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
(1)

ฤดูหนาว

.
.
.

มีครับ ประเทศไทยมีฤดูหนาว และบางปีมันก็หนาวจริงๆ ด้วย แต่คนกรุงเทพฯ ที่ไม่ค่อยได้สัมผัสกับอากาศหนาวตามฤดูกาลคงจะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ อย่างน้อยแถวบ้านผมนี้ก็หนาวพอดูเชียวล่ะ โดยเฉพาะตอนเช้าๆ กับตอนค่ำ เวลาขี่รถเครื่อง แม้จะขี่เบาๆ ไปแค่เซเว่นใกล้ๆ แล้วเจอลมเย็นๆ ปะทะนี่ก็ทำเอาหน้าชาได้เลยเหมือนกัน

ผมชื่อโอบครับ อายุ 18 เรียนอยู่ ม. 6 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดที่อยู่ภาคเหนือของไทย เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมผมถึงนั่งยัน นอนยัน ยืนยันว่าประเทศไทยมีฤดูหนาวจริงๆ ไม่อย่างนั้นบรรดาคนกรุงทั้งหลายคงไม่แห่มาเที่ยวบ้านผมกันเยอะแยะในช่วงนี้หรอก โดยเฉพาะบนดอยต่างๆ

เช้าวันหนึ่งผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับตัวขี้เกียจที่เกาะบนหลังอยู่ราวๆ ล้านกว่าตัว ผมเอื้อมมือออกไปปิดนาฬิกาปลุกที่กำลังส่งเสียงน่ารำคาญ แล้วซุกตัวลงไปในผ้าห่มอีกครั้ง นี่ขนาดไม่ได้เปิดแอร์ และเพิ่งเริ่มเข้าฤดูหนาวได้ไม่กี่วันนะเนี่ย แม่งยังหนาวขนาดนี้เลย

“พี่โอบ! ตื่นได้แล้ว!” ยัยอาย น้องสาวของผมรัวกำปั้นลงบนประตูห้องนอน “วันนี้อายต้องไปทำงานกับเพื่อนแต่เช้านะ เมื่อคืนก็บอกแล้วไง! เร็วๆ เดี๋ยวอายไปสาย!”

“เออๆ ตื่นแล้ว!” ผมสะบัดผ้าห่มออกแล้วลุกออกจากเตียงอย่างหัวเสีย

พื้นปาร์เก้ที่เย็นเฉียบทำเอาผมสะดุ้งโหยงทันทีที่ฝ่าเท้าสัมผัส ผมรีบจ้ำไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่บนราวข้างกระจกขนาดเต็มตัว หน้าตาผมในตอนนี้นี่แม่งโคตรดูไม่ได้เลย ผมล่ะเกลียดการต้องตื่นนอนตอนเช้าจริงๆ พับผ่า

ผมเดินออกจากห้องไปอาบน้ำ แล้วจากนั้นก็รีบแต่งตัว ในขณะที่กำลังติดกระดุมเสื้อนักเรียนอยู่นั้น ผมก็สำรวจหน้าตาและร่างกายของตัวเองอีกครั้ง ที่จริงผมก็หน้าตาดีเนอะ พอได้อาบน้ำสักหน่อย หน้าตาเริ่มสดชื่น ผิวพรรณเริ่มเข้าที่ ผมว่าผมก็หล่อเหลาอยู่ไม่หยอก แม้ว่าผมจะเป็นลูกครึ่ง น่าน-ชลบุรี และเคยใช้ชีวิตอยู่แถวๆ บางแสนอยู่จนถึงชั้นประถม แต่แม่ก็มักพูดอยู่ตลอดเวลาว่าผมนี่หน้าตาคนเมื๊องคนเมือง จบไม่มีเค้าความเป็นคนเมืองชลเลย แต่ผมก็ไม่เคยเข้าใจหรอกว่าไอ้ ‘เค้าความเป็นคนเมืองชล’ อย่างที่แม่บอกเนี่ย มันเป็นยังไง

“พี่โอบ!! เสร็จรึยัง! รีบไปกินข้าวเร็ววววว! ถ้ายังช้าอีกอายจะเอารถไปเองแล้วนะ!”

“กำลังจะลงไปแล้วโว้ยยยย!!” ผมตะโกนตอบกลับไป

การมีน้องนี่แม่งโคตรน่าเบื่อเลยจริงๆ นะครับ ใครไม่มี อย่าได้คิดจะลองเลยนะ เชื่อผมเหอะ

เมื่อไปถึงโรงเรียน อายก็รีบเปิดตูดวิ่งไปที่ที่มันนัดทำงานกับเพื่อนเอาไว้ทันที ผมเดาว่าคงจะเป็นที่โรงอาหารหรือไม่ก็ที่ห้องเรียนมันล่ะมั้ง หลังจากอ้อยอิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ผมก็เดินไปยังซุ้มที่ผมกับเพื่อนๆ มักจะมานั่งกันประจำตอนเช้าก่อนเข้าแถว แต่แน่นอน เช้าขนาดนี้ยังไม่มีใครมาถึงหรอก ผมดูนาฬิกาข้อมือ แม่งยังไม่ถึงหกโมงสี่สิบห้าเลย สงสัยผมได้ฟุบหลับรอเพื่อนแหงๆ

“ไอ้โอบ!” เสียงเรียกชื่อผมดังขึ้นทางด้านหลัง เพื่อนของผมโบกมือพร้อมกับสาวเท้าตรงเข้ามาหา

“อ้าว มาทำเหี้ยไรแต่เช้าวะ ไอ้นิค”

“กูมาลอกการบ้าน ไอ้เชี่ย เมื่อคืนก็ลืมทำ เลยบอกไอ้ปิงให้มันเอามาให้กูลอกแต่เช้าอะ เยอะชิบหายยยย”

“ไม่ใช่ว่ามึงเพิ่งลืมทำเมื่อคืนหรอก ไอ้ผีเบื่อ งานเค้าสั่งให้ทำมาเกือบเดือนแล้ว เสือกเพิ่งจะมาเริ่มทำเมื่อคืน กูว่ามึงไม่เสร็จหรอก อย่าพยายามเลย” ผมหัวเราะ

“ส้นตีนเหอะ ไอ้เหี้ย มึงเสร็จแล้วก็พูดได้นี่หว่า ไม่ช่วยแล้วยังเสือกซ้ำเติมอีก”

เมื่อเดินไปถึงจุดรวมพลของเรา ผมก็เห็นเพื่อนอีกสองคนนั่งเล่นมือถืออยู่ที่นั่นแล้ว ซึ่งสองคนนั้นคือไอ้โต๊ะและไอ้ปิง เมื่อเห็นเราสองคนกำลังเดินตรงเข้าไป พวกมันก็โบกมือให้ โดยเฉพาะไอ้ปิงที่กำลังยิ้มกว้างให้ผมสุดๆ

“เป็นไงวะ ไอ้โอบ หน้าตาไม่รับแขกเลยนะ” ไอ้ปิงตบลงบนที่ว่างข้างๆ มันเพื่อให้ผมนั่งลง

“เช้าขนาดนี้ ใครจะไปหน้าตาแฮปปี้ได้แบบมึงล่ะ” ผมพูดก่อนจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะ

“โอ๋ๆ ถ้าไม่ชอบตื่นเช้าแล้วมึงมาแต่เช้าขนาดนี้ทำไมวะ” ไอ้ปิงพูดพลางลูบหัวผม “กูนึกว่าจะมีแค่ไอ้นิคคนเดียวซะอีก มาเคลียร์งานประธานเหรอวะ”

“เปล่า กูโดนน้องบังคับมาส่ง...” ผมพูดตอบในลำคอ

“โถๆ ทูนหัวของนม” ไอ้ปิงหัวเราะ

“พอๆ มึงเลิกกุ๊กกิ๊กกันได้ละ ไอ้เชี่ยปิง เอางานมา! แล้วบอกกูด้วยว่าอันไหนสำคัญ อันไหนข้ามได้ กูไม่มีเวลาแล้วววว!” ไอ้นิคโวยวาย

“สมน้ำหน้า บ่าควายนิ เอ้าเอาไป! ลอกซะ สงสัยอะไรถามไอ้โต๊ะได้ กูลากมันมาด้วยเพื่อการนี้”

“ลำบากกูอี๊กกก บ่านิค หยั่งคิงมันตึงขึดตึงจา ผะย๋าปึก* ฮึ!”

“อย่าเพิ่งด่ากู! ให้กูได้เริ่มลอกงานก่อนได้ม้ายยยย!!”

ผมเอียงหน้าขึ้นมองไอ้ปิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม มันกำลังหัวเราะอยู่กับไอ้สองคนนั้น แต่แล้วมันก็เหลือบหันมามองทางผมเข้าพอดี เมื่อเห็นว่าผมกำลังมองมันอยู่ มันก็ส่งยิ้มและยักคิ้วมาให้ ทำเอาผมเขินจนต้องหลุบหน้ากลับลงใต้โต๊ะเหมือนเดิม

ไอ้ปิงเป็นคนหน้าตาดีครับ แถมเป็นนักกีฬาอีกต่างหาก เป็นหนุ่มฮ็อทของโรงเรียน มีสาวๆ มาชอบมันเยอะแยะ ผมกับมันเพิ่งมาอยู่ห้องเดียวกันตอน ม. 4 เริ่มต้นจากเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน จนกลายมาสนิทกันมากๆ ก็ในอีกปีนึงให้หลัง มันกับผมเริ่มกลายเป็นคู่หูตัวแทบจะติดกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดก็ตอน ม. 5 เทอมต้นนั่นแหละ แต่มันไม่รู้หรอกว่าผมน่ะ แอบมองมันอยู่บ่อยๆ มาตั้งแต่ตอน ม. ต้นแล้ว ผมว่ามันเป็นคนหล่อ น่ารัก และอัธยาศัยดี มีความมั่นใจในตัวเองสูงแต่ไม่น่าหมั่นไส้ พอได้มาอยู่ห้องเดียวกันตอน ม. 4 ผมก็ดีใจสุดๆ แต่แสดงออกไม่ได้ ได้แค่แอบปลื้มมันฝ่ายเดียว เพราะที่โรงเรียนไม่มีใครรู้เลยว่าผมชอบผู้ชาย แถมด้วยความที่เป็นเด็กกิจกรรม อยู่ในคณะกรรมการนักเรียนมาตลอด มีคนรู้จักเยอะ อาจารย์ก็รู้จักกันทั้งโรงเรียน จะให้จู่ๆ เปิดตัวว่าชอบผู้ชายก็คงทำไม่ได้ รวมเข้ากับสถานการณ์บีบบังคับ อยู่ในสังคมที่เพื่อนๆ มีแต่ผู้ชายแท้ จีบสาว เตะบอล ผมก็พลอยตกกระไดพลอยโจน ทำตัวเป็นแบบเดียวกับพวกมันมาจนเรียกได้ว่าชินเสียแล้ว

แต่ต่อให้ผมเคยชินกับการปกปิดตัวตนจริงๆ ของตัวเองมากขนาดไหน ผมก็ไม่สามารถเคยชินกับอาหารหวั่นไหวทุกครั้งที่อยู่ใกล้กับไอ้ปิงได้เลยสักที

และไม่ใช่แค่เพราะความหน้าตาดีกับนิสัยของมันเท่านั้นด้วย ที่ทำให้ผมยิ่งรู้สึกชอบมันมากพอๆ กับเจ็บปวดจากความรักข้างเดียวที่ต้องเก็บซ่อนไว้แบบนี้ ผมน่ะ ไม่รู้ตัวหรอกว่าความชอบ ความแอบปลื้มของผมมันเปลี่ยนไปเป็น ‘รักข้างเดียว’ แบบที่ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มันดันชอบทำตัวให้ผมเผลอคิดเข้าข้างตัวเองอยู่เสมอๆ มาตั้งแต่ตอนที่เราเริ่มสนิทกันมากๆ แล้ว ไม่ว่าจะด้วยการที่มันชอบเรียกให้ผมไปนั่งข้างๆ อย่างเมื่อกี้ เวลาที่มันชอบมานั่งข้างๆ ผมแม้จะมีที่ว่างเยอะแยะ เวลาที่มันเล่นหัวผม กอดคอผม ชวนผมไปไหนมาไหนสองคน หรือแม้แต่เวลาที่มันแอบส่งยิ้มให้ผมแค่คนเดียวแบบเมื่อครู่นี้ก็ด้วย

ดูเหมือนมันเองก็น่าจะคิดอะไรกับผมเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ แต่เปล่าเลย ผมรู้ว่ามันไม่ได้คิดอะไรกับผมแบบนั้นแน่นอน... ทำไมผมถึงมั่นใจอย่างนั้นน่ะเหรอ

ก็เพราะว่ามันเป็นแฟนกับเพื่อนน้องสาวผมน่ะสิครับ

และผมก็รู้ว่ามันเคยมีอะไรกับน้องคนนั้นมาแล้วด้วย

แม่งงงง...

“กินอะไรมารึยัง มึง” เสียงของไอ้ปิงที่พูดอยู่ใกล้ๆ หูผม ทำเอาผมสะดุ้งโหยงจนหัวโขกเข้ากับหน้าของมันอย่างแรง

“โอ๊ยยย!!” เราทั้งคู่ร้องออกมาพร้อมกัน ผมยกมือขึ้นกุมหัว ส่วนมันกุมจมูก

“อ้าว ไอ้เชี่ยโอบ ทำร้ายร่างกายไอ้ปิงเหรอวะ” ไอ้โต๊ะหัวเราะ

“ทำร้ายเชี่ยไร ก็แม่งอะ ทำกูตกใจ” ผมนิ่วหน้าพลางลูบหัวตัวเองเบาๆ “เออๆ กูขอโทษ เจ็บมากป่าววะ”

“ไม่เป็นไรๆ ไม่เท่าไหร่” ไอ้ปิงโบกมือ แต่ผมเห็นเลือดสีแดงเข้มหยดออกมาจากจมูกผ่านทางง่ามนิ้วของมัน

“เฮ้ยยย มึงเลือดกำเดาไหล!” ผมตกใจ

“เออ แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็หยุด” มันหัวเราะเบาๆ “สงสัยจะมีปัญหากับโพรงจมูกกก”

“ยังจะมาตลกอยู่อีก บ่าฮ่านี่!” ผมควักผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋าเสื้อ

“ไอ้เชี่ยปิง!! มึงไปไกลๆ กูเลย!” ไอ้นิคโวยขึ้นมาเสียงดัง หน้าของมันซีดเผือด “ไอ้เชี่ยโอบ มึงรีบพาแฟนมึงไปไกลๆ กูเลย ไอ้เหี้ย! กูกลัวเลือด!”

ผมก็ลืมไปเสียสนิทว่าไอ้นิคมันกลัวเลือดขนาดหนักจนถึงกับเคยเป็นลมเพราะเห็นเลือดมาแล้ว ผมกับไอ้ปิงจึงรีบลุกจากม้านั่งและกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังก๊อกน้ำที่อยู่ใกล้ที่สุด และเมื่อไปถึง เราสองคนนั่งยองๆ ลงตรงก๊อกน้ำ

“เจ็บมากป่าววะ มึง กูขอโทษ” ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าให้มัน

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเลือดก็หยุดแล้ว”

“อย่ามาดื้อน่ะมึง แล้วใครสอนให้เงยหน้าเวลาเลือดกำดาไหลวะ หันมานี่ซิ” ผมจับปลายคางของมันให้หันมาหาผม สั่งให้มันบีบจมูกแล้วก้มหน้าไว้ แล้วจากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่เลอะอยู่ตรงเหนือริมฝีปากให้มันเบาๆ แต่ยิ่งเช็ด เลือดก็ยิ่งเลอะ ผมเลยต้องเอาผ้าไปชุบน้ำพอหมาดๆ แล้วเช็ดคราบเลือดที่เลอะอยู่ออก และไหนๆ ก็ไหนๆ จึงเช็ดเลือดที่ติดอยู่บริเวณง่ามนิ้วให้มันไปด้วยเลย

ไอ้ปิงหัวเราะเบาๆ แม้จะกำลังบีบจมูกก้มหน้าอยู่ก็ตาม

“ขำอะไร” ผมถาม

“ก็มันจั๊กจี้อะ”

“ยังจะมีอารมณ์มาบ้าจี้นะมึง” ผมส่ายหน้าเบาๆ

“มึงนี่ใจดีเนอะ ไอ้โอบ” มันเงยหน้าขึ้นมานิดนึงแล้วหันมามองผม

ผมเขินจนรู้สึกว่าตัวเองต้องหน้าแดงแน่ๆ จึงตบหัวมันไปเบาๆ เป็นการแก้เก้อแล้วก็ลุกขึ้นยืน “เพ้อเจ้อนะมึง ก้มหน้าไปไม่ต้องพูดมาก พอเลือดหยุดแล้วก็ล้างมือซะ เอ้านี่ กูให้ผ้าไว้เช็ด”

ไอ้ปิงยื่นมือมารับผ้าเช็ดหน้า แต่ด้วยความที่มันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผม มันจึงคว้าเข้าที่มือของผมแทนที่จะเป็นผ้าเช็ดหน้าในมือ มันชะงักไปครู่สั้นๆ ก่อนจะดึงเอาผ้าเช็ดหน้าไปแล้วถึงลุกขึ้นยืน

“กูว่าหยุดแล้วว่ะ” มันพูดพลางปล่อยมือที่บีบจมูกไว้ออก “นี่งะ เห็นมะ เลือดกูแห้งเร็ว”

“งั้นก็ล้างหน้าล้างมือสักที จมูกมึงยังมีคราบเลือดอยู่เลย”

“เหรอ ตรงไหนวะ” มันเอามือถูจมูก

“โอ๊ยยยย! ถูซะแรงขนาดนั้นกลัวเลือดไม่ออกอีกรึไง มานี่!” ผมดึงผ้าเช็ดหน้ามาจากมือของมันแล้วใช้มุมผ้าเช็ดตรงแถวๆ รูจมูกให้มันเบาๆ

ไอ้ปิงยิ้มอีกครั้ง “เห็นมะ มึงแม่งใจดีจะตาย โดยเฉพาะกับกู”

นั่นไง! มันทำแบบนี้กับผมอีกแล้ว! อยากจะด่ามันนักว่าแฮ่นแต๊แฮ่นว่า แฮ่นหลายยยยยเนาะ! แต่ก็พูดไม่ออก ความเขินมันคับลิ้นคับคอจนจุกไปหมด

“ผ้าเช็ดหน้ามึงผืนนี้กูขอนะ เปื้อนเลือดหมดแล้ว ไม่รู้จะซักออกรึเปล่า เอาไว้เดี๋ยวกูซื้อใหม่มาคืนให้”

“ไม่ต้องคืน ไม่ต้องซื้อ แค่นี้เอง ผ้าเช็ดหน้ากูมีเยอะแยะ” ผมส่ายหน้า “ไปเหอะมึง คนเริ่มเยอะแล้ว คนอื่นคงมาถึงกันแล้วมั้ง กลับไปหาไอ้พวกนั้นกันเหอะ” ผมเดินนำมันออกไป

“เดี๋ยว ไอ้โอบ” ไอ้ปิงคว้าต้นแขนผมเอาไว้ “ขอบใจนะเว้ย”

ผมไม่ตอบ ได้แต่ก้มหน้าเดินจ้ำกลับไปหาเพื่อนๆ จะว่ามีความสุขมันก็มีอยู่หรอกนะ แต่อีกใจก็เจ็บแบบเหี้ยๆ คนไม่เคยแอบชอบใคร ไม่เคยแอบชอบเพื่อนตัวเอง แม่งไม่เข้าใจหรอก



........................................................................................

*หยั่งคิงมันตึงขึดตึงจา ผะย๋าปึก แปลว่า ทำไมถึงได้สมองทึบนัก ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ (ประมาณนั้น)

........................................................................................

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page

(2)

ตอนเย็นหลังเลิกเรียน ผมต้องแบกเอกสารกองใหญ่ของอาจารย์จากคาบสุดท้ายไปไว้ที่ห้องพักครู ตอนแรกก็คิดว่าแบกคนเดียวก็คงจะไหวนะ แต่พอเอาเข้าจริงมันก็หนักเหมือนกันว่ะ แถมห้องพักครูก็อยู่ไกลอีก พอเดินออกจากห้องไปได้หน่อย ผมก็ต้องวางมันลงแล้วถอนหายใจออกมาให้กับความโง่ของตัวเองเฮือกใหญ่ที่ดันไม่ขอความช่วยเหลือจากใครเลย

“ไง แบกไม่ไหวล่ะสิ” เสียงของไอ้ปิงดังขึ้นจากด้านหลัง มันเดินเข้ามาแบ่งกองเอกสารไปครึ่งหนึ่ง “มา กูช่วย”

“เออ ดี แต๊งกิ้ว”

เราสองคนเดินเคียงข้างกันไปเงียบๆ ไม่ได้คุยอะไรกัน เด็กนักเรียนหลายคนที่เพิ่งเลิกเรียนวิ่งบ้างเดินบ้างผ่านพวกเราไปก็ส่งเสียงสวัสดีทักทายเราเป็นระยะๆ จนกระทั่งเราเอาเอกสารไปเก็บให้อาจารย์เสร็จแล้วและกำลังเดินออกจากห้องพักครู ผมก็บังเอิญเจอไอ้น้องสาวตัวดีของผม

“พี่โอบ อายกำลังจะโทรหาพอดี วันนี้อายต้องไปทำโครงงานกับเพื่อนอะ คงกลับดึก เมื่อกี้โทรบอกพ่อกับแม่แล้ว”

“เออ แล้วไง”

“พี่โอบทิ้งรถไว้ให้อายหน่อยดิ เดี๋ยวอายต้องใช้ขี่ไปซื้อของและไปบ้านเพื่อนต่ออะ นะๆ”

“อ้าว แล้วกูจะกลับยังไงอะ”

“พี่โอบก็ให้เพื่อนไปส่งดิ อายขอพ่อกับแม่แล้วนะ” เอาอีกแล้วไง นิสัยเอาแต่ใจของน้องสาวของผม แถมพ่อกับแม่ก็ตามใจมันเหลือเกินด้วย

“เดี๋ยวกูไปส่งมึงเอง” ไอ้ปิงเสนอ “แต่ต้องรออีกสักพักนะ เดี๋ยวกูต้องแวะเข้าชมรมก่อน”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูกลับกับไอ้นิคหรือใครก็ได้”

“ไม่ได้ กลับกับกูนี่แหละ ห้ามเถียง จบ เมื่อเช้ามึงทำกูเลือดออกนะ อย่าลืม”

“เกี่ยวเชี่ยไรวะ...”

“ห้ามขัดใจกู”

“เดี๋ยวๆ เมื่อเช้าพี่โอบไปทำอะไรพี่ปิง” อายถาม

“ไม่มีอะไรหรอก น้องอาย อุบัติเหตุนิดเดียวน่ะ ว่าแต่เดี๋ยวฝนก็ต้องอยู่ทำงานกับอายด้วยใช่มั้ย ไงพี่ฝากฝนด้วยก็แล้วกันนะ พี่ไปก่อนละ เดี๋ยวเข้าชมรมไม่ทัน” เมื่อพูดจบ ไอ้ปิงก็กึ่งจูงกึ่งลากผมออกมาทันที

น้องฝนที่มันพูดถึงเมื่อครู่ก็คือแฟนของมันครับ

“อะไรวะ มึงไม่อยู่รอรับน้องฝนกลับบ้านเหรอ ไอ้ปิง”

“ไม่อะ” มันตอบสั้นๆ แต่แค่นั้นยังไม่พอที่จะทำให้ต่อมความอยากรู้อยากเห็นของผมสงบได้

“ทำไมวะ ทะเลาะกันรึไง”

“อือ สักพักแล้ว อีกไม่นานคงเลิกว่ะ” มันตอบกลับมาตรงๆ ทำเอาผมคาดไม่ถึงเล็กน้อย

“มีปัญหาอะไรกันวะ”

“เรื่องมันยาว ช่างมันเหอะ กูไม่ได้เสียใจอะไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงกู” มันหันมายิ้มให้ผม

“ใครบอกว่ากูเป็นห่วงมึง” ผมเบะปาก

“คนอย่างมึงต้องเป็นห่วงกูอยู่แล้วแหละ กูรู้” มันฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม

เออดี ไอ้โอบ เขินไปสิ เขินอีกแล้ว ทั้งเขิน ทั้งเจ็บในหัวใจแปลกๆ ด้วย นี่เราก็จะจบ ม. 6 กันในอีกไม่กี่เดือนแล้วนะ ผมจะสามารถทนความรู้สึกนี้ไปได้จนถึงวันสุดท้ายมั้ยเนี่ย แต่พอคิดแบบนั้น อีกใจนึงก็ผมเสียใจเหมือนกันนะครับ เพราะถ้าวันที่ผมกับมันต้องห่างกันมาถึง ผมคงจะต้องเหงาและเจ็บปวดมากแน่ๆ ถึงจะพยายามบอกตัวเองว่าผมคงจะสบายใจขึ้น ที่ไม่ต้องทนเห็นรอยยิ้มที่บีบหัวใจผมอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ทุกวัน ผมจะได้เริ่มต้นใหม่กับหัวใจตัวเองสักที แต่ก็เพราะรอยยิ้มเหล่านี้แหละ ที่ทำให้ผมยิ้มได้และรู้สึกอบอุ่นอยู่ได้ทุกวันแม้ในวันที่อากาศหนาวเย็นถึงเพียงนี้ก็ตาม

มันคือความสุขที่เจือไปด้วยความเศร้า และมันคือรอยยิ้มที่มาพร้อมหยาดน้ำตาในบางครั้งคราว

ไอ้ปิงอยู่ชมรมบาสเก็ตบอลครับ มันเป็นประธานชมรมด้วย อีกไม่กี่วันข้างหน้า โรงเรียนเราต้องแข่งกับโรงเรียนคู่ปรับที่สู้กันมานาน ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาตลอด และปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่ไอ้ปิงจะได้เล่นกับทีมของโรงเรียนแล้ว มันจึงอยากคว้าชัยชนะหนนี้มาให้ได้ และในขณะเดียวกันมันก็อยากให้น้องๆ ในชมรมทุกคนได้ประสบการณ์การแข่งกันเป็นทีม ได้ชนะร่วมกัน มันจึงค่อนข้างเอาจริงเอาจังกับการมาซ้อมและคอยกระตุ้น คอยช่วยเหลือให้คนอื่นๆ พัฒนาฝีมือไปพร้อมๆ กันมากๆ

สรุปหลังจากนั้นผมก็นั่งเล่นมือถือรอมันซ้อมไปเรื่อยๆ ครับ บางทีมันก็จะวิ่งออกมาดูผมบ้างว่าทำอะไรอยู่ ตอนพักก็มานั่งคุยกับผม คอยถามว่าหนาวมั้ย หิวรึยังอะไรของมันไปเรื่อย ผมนั่งๆ นอนๆ เล่นอยู่บนสแตนด์จนกระทั่งมันซ้อมเสร็จ ซึ่งก็ปาไปหกโมงกว่า ซึ่งเอาจริงๆ คนอื่นก็ยังไม่เลิกหรอก แต่มันขอกลับออกมาก่อน

“ทำไมไม่ไปซ้อมให้มันเสร็จๆ วะ หนีออกมาก่อนได้ไง”

“ไม่เอาอะ กูเก่งแล้ว ซ้อมแค่นี้พอละ เดี๋ยวมึงรอนาน”

“ถุย ปากดีตลอดอะมึงอะ”

“ฮ่าๆ จริงๆ แล้วคือกูหิวว่ะ ปะ ไปหาอะไรกินกัน เดี๋ยวกูค่อยไปส่งที่บ้าน” มันกอดคอผม “หนาวมั้ยเนี่ย ใส่เสื้อบางเป็นกระดาษแบบนี้ เอาอะไรคิดวะ”

“ก็กลางวันมันร้อนนี่หว่า ใครจะไปรู้ว่าต้องกลับเย็นค่ำแบบนี้ล่ะวะ” ผมเถียงกลับ

“เอ้า เอาเสื้อกูไปใส่ แล้วเอาเสื้อมึงมา แลกกัน”

“เฮ้ย ไม่เอาๆ ไม่ต้อง กูไม่หนาวขนาดนั้นหรอก”

“ไม่ต้องมาเถียง กูเห็นมึงนั่งห่อไหล่อยู่ตั้งนานแล้ว มานี่” มันจัดการถอดเสื้อนอกของผมออก แล้วโยนเสื้อแจ็กเก็ตของตัวเองมาให้ผม “ใส่ซะ”

“แล้วมึงไม่หนาวรึไง”

“กูเพิ่งออกกำลังมา ไม่หนาวหรอก ไปเหอะ หิว” มันเดินนำผมไปยังรถเครื่องของมัน จากนั้นก็ยื่นหมวกกันน็อคให้ผม “ถ้ากลัวตกก็เกาะเอวพี่ให้แน่นๆ นะจ๊ะน้อง” มันหัวเราะ

“กวนตีนนะมึง” ผมเขกหัวมันเบาๆ “ไปๆ จะพาไปแดกอะไรก็ไป กูหิวแล้ว”

“ได้เล้ยยยย”

ไอ้ปิงขี่รถพาผมออกจากโรงเรียนตรงไปยังทิศตรงข้ามกับบ้านของผม มันบอกว่าจะพาไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านที่พวกเราเคยไปกินกันประจำ ถึงจะอยู่ไกลหน่อย แต่ผมก็โอเค เพราะมันคือร้านโปรดของผม และอากาศหนาวๆ แบบนี้ได้ก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ สักชามก็ไม่เลวเหมือนกัน

ในขณะที่ซ้อนท้ายมันอยู่นั้น ลมเย็นๆ พัดเข้าปะทะร่างกายของผมจนผมต้องห่อไหล่ ผมนึกสงสัยว่าแล้วไอ้ปิงที่เป็นคนขี่ รับลมเต็มๆ แถมยังใส่เสื้อสเว็ตเตอร์ตัวบางๆ ของผมอีกนั้น จะไม่หนาวแย่หรือไง

“หนาวมั้ยวะมึง” ผมถามมันเมื่อรถของเราหยุดรอสัญญาณไฟที่สี่แยก

“นิดหน่อย”

“นั่นไง แล้วทำไงล่ะ มึงเอาเสื้อตัวเองไปใส่ไป”

“ไม่ต้อง มึงใส่ไปเหอะ กอดเอวกูหน่อยก็พอ จะได้หายหนาว”

“ครวยเหอะ! ทะลึ่งละไอ้นี่!”

ไอ้ปิงหัวเราะ และเมื่อสัญญาณเปลี่ยนเป็นไฟเขียว มันก็ออกรถ หลังจากขี่ต่อไปได้อีกสักหน่อย มันก็พูดขึ้น “ไอ้โอบ เมื่อกี้อะ กูพูดจริงนะเว้ย”

“อ... อะไร”

“กอดเอวกูหน่อย กูหนาว”

ผมไม่รู้จะพูดอะไรตอบไปดี หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจใช้สองแขนโอบรัดเอวของมันจากทางด้านหลังตามที่มันบอก ทั้งที่ใจก็เต้นแรง แต่อีกใจหนึ่งก็บอกตัวเองว่ามันคงไม่ได้คิดอะไรหรอก มันคงแค่หนาวจริงๆ และก็อยากได้ไออุ่นจากผมบ้างก็เท่านั้น อีกอย่างเรื่องการถึงเนื้อถึงตัวของพวกเราในหมู่เพื่อนฝูงก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วด้วย... มั้ง

ผมคิดอย่างนั้น จนกระทั่งมันใช้มือข้างหนึ่งมาจับมือของผมเอาไว้ มือเย็นๆ ของมันทำผมสะดุ้งเบาๆ และทำให้หัวใจของผมยิ่งเต้นแรงขึ้นไปอีก

ไอ้ปิงกุมมือของผมเอาไว้แบบนั้นไม่ยอมปล่อย ถึงมือของมันจะเย็น อากาศจะหนาว และลมจะเย็นมากเท่าไหร่ แต่ผมกลับรู้สึกอุ่นแบบบอกไม่ถูก...

ถ้าหากหยุดเวลาลงได้ ผมก็อยากจะหยุดเวลาเอาไว้ ณ ตอนนี้จังเลยว่ะ


........................................................................................

winnie_the_far

  • บุคคลทั่วไป
ประเดิม คนแรกเบย อิอิ

จริงๆอะ ปิงชอบโอบอะสิ 555

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
อ่านแล้วรู้สึกปิงก็แอบอ่อยนะถ้าไม่ได้คิดอะไร

แต่ปิงน่าจะคิดอะไรกับโอบบ้างล่ะเนอะ

คนเขียนสู้นะ o13

ออฟไลน์ netkung

  • เป็ดกูรู
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
แนวรักจุกอกมาอีกแล้ว โคตรชอบ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ขอให้จบแฮปปี้แบบได้อยู่ด้วยกันจนโตเถอะ  :z2:


ปอลิง: ว่าแต่เรื่องสั้น เค้าย้ายมาห้องนี้หมดเลยเหรอเนี่ย

ออฟไลน์ peppier

  • ขาดคนรักนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ มีแค่ใจที่รักตัวเองก็พอ.. ~ ♥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
น่าร้ากกกกกกก
รอนะครับผม

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
 ปิง มันต้องคิดอะไรแน่อะ ผมว่าไม่นั้นไม่แสดงออกท่าทางแบบนี้กับโอบหรอกครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ WASAWATTE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เฮ้ยยย ปิงอ่อยโอบหว่ะ!!
ปิงรู้ป่ะเนี่ยว่าโอบแอบชอบเลยยิ่งอ่อย
รีบมาต่อเร็วๆ นะคุณต้น มาเป็นกำลังใจให้..
 :hao7:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
(3)

หลังกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จ ไอ้ปิงก็ขี่รถพาผมไปส่ง คราวนี้มันไม่เอ่ยปากขอให้ผมกอดมันอีกแล้ว แต่มันเป็นฝ่ายจับมือผมไปกอดเอวของมันเองตั้งแต่ก่อนออกรถเลยด้วยซ้ำ

เมื่อมาถึงบ้าน ผมก็คืนเสื้อแจ็คเก็ตให้กับมัน หลังจากนั้นก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง มันไม่ยอมขี่รถออกไป ส่วนผมก็ไม่ยอมเข้าบ้านสักที ถึงเราจะสนิทกันมาก แต่ที่ผ่านมา เราก็ไม่เคยได้ใกล้ชิดเท่ากับวันนี้มาก่อน เราเคยถูกเนื้อถูกต้องกันบ่อยก็จริง แต่มันก็ไม่ใช่ในระดับนี้ ยกตัวอย่างเช่นปกติมันก็แค่ลูบหัวผมบ้าง โอบบ่าผมบ้าง แค่นั้นเอง แต่เรื่องจับมือนั้น... วันนี้วันแรกเลยว่ะ

“มึง... ยังหนาวอยู่ปะวะ” ผมถามขึ้นในที่สุด

“ก็นิดหน่อย แค่คิดว่าเดี๋ยวต้องขี่รถกลับบ้านก็ตัวจะแข็งแล้วเนี่ย”

“งั้นเข้ามาในบ้านก่อนมั้ย หาไรอุ่นๆ แดกก่อนแล้วค่อยกลับ... รึไงดี”

ไอ้ปิงยิ้มกว้าง “เอาดิ พ่อแม่มึงไม่ว่าใช่ปะ ดึกแล้วนะ”

“ดึกห่าไร เพิ่งจะสองทุ่มเอง มาเหอะ เค้าไม่ว่าหรอก ทำเป็นไม่เคยเข้าบ้านกูไปได้”

ผมพาไอ้ปิงเข้าบ้าน ไหว้พ่อกับแม่ แล้วจากนั้นก็พามันขึ้นไปบนห้องนอน ผมชงโอวัลตินขึ้นไปให้มันด้วย เพราะผมรู้ว่าโอวัลตินร้อนคือของโปรดของมัน และมันก็รู้ว่าผมรู้และต้องชงให้มันแน่ๆ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่เข้าบ้านผมหรอก

“เฮ้ออออ... ดีจังงง...” มันถอนหายใจพร้อมรอยยิ้มจางๆ หลังดื่มโอวัลตินไปอึกนึง

“ทำเป็นคนแก่ไปได้ สึ่งตึงเนาะ*”

“อากาศหนาวๆ อย่างนี้ จะมีอะไรดีกว่าโอวัลตินอุ่นๆ สักแก้ว กับเพื่อนดีๆ สักคนวะ”

“ฮู้ยยยยย น้ำเน่าหลาย ไปใช้กับแฟนมึงนู่น คำหวานๆ น่ะ ไม่ต้องมาใช้กับกู” ผมลืมตัวปากไวพูดเรื่องแฟนของมันออกไปโดยไม่ทันได้คิด “เออะ... ขอโทษทีว่ะ กูลืมไปว่ามึงกำลังมีปัญหากับแฟนอยู่ มันแย่มานานขนาดไหนแล้ววะ”

“สักพักใหญ่แล้ว สัก... เดือนสองเดือนได้ละมั้ง”

“อ้าว เฮ้ย แต่มึงเพิ่งคบเค้าได้แค่ครึ่งปีเองไม่ใช่เหรอวะ และถ้ามันแย่ขนาดนั้น ทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“ก็กูไม่ได้บอกใครเลยอะ แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก ก็แค่ห่างๆ กันไปว่ะ กูว่าน้องมันทำตัวเฉยเมยไปเอง กูก็ปล่อยๆ ไป แล้วแต่มันอะ มันบอกเลิกกูเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น กูไม่เสียใจหรอก... เสียดายนะ แต่ไม่เสียใจแล้วว่ะ มันผ่านจุดนั้นมาแล้ว”

“จริงเหรอวะ มึงจะไม่เสียใจเลยจริงๆ อะ” ผมนั่งลงบนเตียงข้างๆ มัน “แฟนทั้งคนนะเว้ย”

“ก็เหมือนจะเสียใจนิดนึงนะ แต่... เอาจริงๆ ก็ไม่อะว่ะ ก็อย่างที่บอกว่ากูผ่านตรงนั้นมาแล้ว กูเคยนอยด์ เคยคิดมากไปแล้ว มันจบแล้วว่ะ และที่สำคัญ กูว่าการที่กูไม่ค่อยจะเสียใจเนี่ย คงเพราะ...” มันหันมามองหน้าผม

“เพราะ...” ผมเลิกคิ้วขึ้น

“ไม่บอกดีกว่า ฮ่าๆๆ”

“อ้าวววว ไอ้หน้ากบ!” ผมยกเท้าขึ้นถีบมันเบาๆ แต่ไม่กล้าถีบแรงเพราะกลัวโอวัลตินจะหกเลอะเตียง

ไอ้ปิงวางถ้วยลงบนโต๊ะหัวเตียง จากนั้นก็เอนตัวลงนอน “อีกไม่กี่เดือนเราก็จะเรียนจบแยกย้ายกันแล้วนะเว้ย... มึงคิดว่าไงวะ”

“คิดว่าไงเรื่องอะไร”

“เรื่องเพื่อนๆ เงี้ย เรื่องกูกะมึงเงี้ย...” มันชูมือขึ้นและกางนิ้วออก ทำท่าเหมือนกำลังพยายามจะจับแสงไฟจากหลอดไฟบนเพดาน “กูคงคิดถึงมึงแย่เลยว่ะ ก็ในบรรดาเพื่อนทั้งหมด กูสนิทกับมึงที่สุดเลยนี่หว่า”

“อืมม” ผมตอบได้แค่นั้นจริงๆ

“มึงสัญญากะกูะเว้ย ไอ้โอบ ว่ามึงจะไม่ทิ้งกู จะไม่หายหัวไปไหน เราจะยังติดต่อกันเรื่อยๆ ไม่ว่าเราจะแยกย้ายไปเรียนที่ไหนกันก็ตาม”

เนื่องจากปัญหาที่บ้าน เราจึงต่างก็รู้กันดีว่ามันกับผมคงไม่มีทางได้เรียนที่เดียวกันแน่ๆ

“โอ๊ยยย ไอ้เชี่ยปิง มึงอย่ามาดราม่าเอาตอนนี้ได้มั้ยวะ ไอ้เหี้ย อีกตั้งนานกว่าจะเรียนจบนะเว้ยยยย” ผมบ่ายเบี่ยง เพราะไม่กล้าที่จะแสดงความรู้สึกของตัวเองออกไป ผมกลัวว่าถ้าหากผมเผลอแสดงความรู้สึก อารมณ์ หรือความอ่อนแอที่เก็บเอาไว้มานานออกไปแล้วล่ะก็ ผมจะหยุดมันไม่ได้

“บางทีมึงแม่งก็เป็นซะแบบเนี้ย ไอ้โอบ” ไอ้ปิงถอนหายใจเบาๆ มันยังคงไม่มองหน้าผม

“เป็นแบบไหน”

“แบบนี้แหละ”

ผมมองหน้า มองดวงตาที่เหม่อมองไปข้างบนของมันแล้วรู้สึกใจเต้นจนปวดร้าวหน้าอกไปหมด ความรู้สึกบีบหัวใจจนแทบจะทำผมหายใจไม่ออกนี่คืออะไร ทำไมจู่ๆ ผมถึงรู้สึกทั้งความรักและความเศร้าใจที่เอ่อล้นจนท่วมท้นแบบนี้ขึ้นมาได้

ผมเปลี่ยนเรื่องเป็นชวนมันคุยเรื่องการแข่งบาสที่กำลังจะมาถึง ซึ่งก็ได้ผล เพราะเราคุยเรื่องนี้และเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นกันได้อีกนาน จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แม่ของผมชวนให้ไอ้ปิงนอนที่บ้านเสียเลย เพราะว่ามันดึกมากแล้ว และวันนี้ก็เป็นคืนเดือนมืด แม่บอกว่าไม่อยากให้ไอ้ปิงขี่รถกลับบ้านคนเดียวดึกๆ ดื่นๆ ผมมองดูนาฬิกาก็เห็นว่าเป็นเวลาจะห้าทุ่มแล้ว

ไอ้ปิงอุทานเบาๆ เมื่อรู้สึกตัวว่าตอนนี้ดึกแค่ไหนแล้ว มันลืมเปิดเสียงโทรศัพท์ตั้งแต่เย็น ทำให้ไม่ได้รับสายที่แม่ของมันโทรเข้ามาหลายสาย มันจึงโทรกลับไปหาแม่ โดนด่าไปยกนึง แล้วขออนุญาตแม่นอนกับผมที่บ้านเสียเลย ซึ่งแม่ของมันก็ไม่ได้ว่าอะไร

“งั้นคืนนี้ก็รบกวนหน่อยเนาะมึง”

“รบกงรบกวนห่าอะไร ทำเป็นไม่เคยมานอนค้างไปได้ แปรงสีฟันมึงยังทิ้งไว้ที่นี่อยู่เลย ไปๆ ไปอาบน้ำ ดึกแล้ว เดี๋ยวแม่กูด่าเอา” ผมลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวมายื่นให้มัน “เดี๋ยวกูเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้”

“ขอบคุณคร้าบบบ” มันทำหน้าทะเล้นให้ผมก่อนเดินออกจากห้องไป

ก็จริงที่ไอ้ปิงเคยมานอนที่บ้านผมหลายหนแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็เคยใจเต้นแรงอยู่บ้าง โดยเฉพาะเมื่อหนแรกๆ ที่มันมาค้างคืนด้วย แต่สุดท้ายผมก็ชินไปเอง เพราะไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเราเลย เราต่างคนต่างนอน ไม่เคยแม้แต่จะถูกตัวกันด้วยซ้ำ อีกอย่าง ผมเองก็พยายามไม่คิดอะไรเกินเลยกับมันมาได้ตั้งนานจนเป็นความเคยชินไปแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ผมถึงรู้สึกว่าบางอย่างในตัวผม... บางอย่างระหว่างเรามันเปลี่ยนไปจนผมกังวล

บางทีอาจจะเป็นเพราะผมรู้ว่ามันกำลังจะเลิกกับแฟน
บางทีอาจจะเป็นเพราะมันขอให้ผมกอดมันตอนขี่รถเมื่อหัวค่ำ
บางทีอาจจะเป็นเพราะเรากำลังใกล้จะเรียนจบและต้องแยกย้ายกันไปแล้ว
บางทีอาจจะเป็นเพราะคำพูด สีหน้า และแววตาของมันเมื่อครู่นี้
บางทีอาจจะเป็นเพราะทุกๆ อย่างที่ว่ามาทั้งหมด
หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะใจของผมเองคนเดียวนั่นแหละ

อีกยี่สิบนาทีถัดมา ไอ้ปิงก็นอนอยู่บนเตียงของผมเรียบร้อย ผมรอมันซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มดีแล้วจึงถามว่าผมจะปิดไฟได้รึยัง เมื่อมันพยักหน้าให้ ผมก็กดสวิทช์ และทั่วทั้งห้องก็มืดลงทันที

ผมค่อยๆ เดินคลำทางไปที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอน “ไม่เปิดแอร์ ไม่เป็นไรใช่ปะ”

“แค่นี้ก็หนาวจะตายห่าแล้ว”

“มึงยังหนาวอยู่หรอวะ”

“ก็นิดหน่อย”

“จะเป็นหวัดมั้ยเนี่ยมึง เสือกโชว์แมน เอาเสื้อให้กูใส่ เป็นไงล่ะ” ผมหันไปหามัน

“อ้าว ก็กูไม่อยากให้มึงหนาวนี่หว่า... แต่ได้มึงกอดกู กูก็อุ่นขึ้นเยอะแล้ว”

ถึงจะมืด แต่ผมก็คิดว่าผมมองเห็นว่ามันกำลังยิ้มให้ผมอยู่แน่นอน

“สลิดนักนะมึงเนี่ย นี่ถ้ากูไม่รู้นะ กูต้องคิดว่ามึงแม่งเป็นเกย์รึกำลังจีบกูแน่ๆ ไอ้ห่าาา” ผมพูดไปด้วยใจที่เต้นโครมคราม

ไอ้ปิงหัวเราะร่วนก่อนจะโผเข้ามากอดรัดตัวของผมเอาไว้

“เฮ้ย! ทำเชี่ยไรมึง!”

“กูหนาว ขอกอดหน่อยไม่ได้รึไง” มันพูดลงบนซอกคอของผม “แค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นเอง”

บางอย่างในน้ำเสียงของมัน ทำให้ใจที่เต้นแรงของผมค่อยๆ สงบลง บางอย่างที่ผมคิดเอาเองว่าอาจจะซ่อนอยู่ลึกๆ ในน้ำเสียงของมัน ทำให้ผมรู้ว่าความรักของผม คงจะไม่ได้รับการตอบสนอง บางสิ่งบางอย่างจากคำพูดเพียงประโยคสั้นๆ นั้นของมัน บอกทุกคำตอบที่ผมเคยสงสัยมานาน ผมอาจจะคิดไปเอง... หรืออาจจะไม่ ผมก็ไม่รู้มันคืออะไร แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมยอมผ่อนคลายตัวเองลง และปล่อยให้มันกอดผมเอาไว้แบบนั้น

เสียงลมหายใจและเสียงชีพจรของไอ้ปิงดังชัดอยู่ในหูของผม ผมยกมือขึ้นวางลงบนต้นแขนของมันเบาๆ ก่อนจะลื่นขึ้นไปถึงที่มือของมัน เมื่อเห็นว่ามันไม่เลื่อนมือหลบ ผมก็กุมมือของมันเอาไว้อย่างทะนุถนอมราวกับมันคือกลีบกุหลาบที่ผมไม่อยากให้มันฟกช้ำหรือโรยราจากผมไป

“เราไม่เคยกอดกันแบบนี้มาก่อนเลยนะ... มึงไม่เคยกอดกูแบบนี้มาก่อนเลย”

“อืมมม...” ไอ้ปิงทำเสียงในลำคอตอบกลับมาเบาๆ

“และมึงก็ไม่เคยจับมือกู หรือกูจับมือมึงด้วย”

คราวนี้มันไม่ตอบ

“มึงว่ามันแปลกรึเปล่าวะ ที่เราเป็นผู้ชายทั้งคู่แต่กลับกอดกันหรือจับมือกันแบบนี้น่ะ”

ยังคงไม่มีคำตอบ

“ไอ้ปิง...”

“มึงอึดอัดมั้ยวะ ไอ้โอบ”

ผมถอนหายใจเบาๆ “ไม่อะ กูชื่อโอบนะเว้ย มึงอย่าลืม ชื่อของกูมาจากอะไร ‘โอบกอด’ นะ เพราะงั้นเรื่องโอบเรื่องกอดเนี่ย กูถนัด”

ผมได้ยินเสียงของมันหัวเราะในลำคอเบาๆ “เกี่ยวเหรอวะ”

เออ ไม่เกี่ยวหรอก แต่อย่างน้อยคำพูดบ้าๆ บอๆ ของผมก็ทำให้บรรยากาศมันเปลี่ยนไปได้บ้าง

“กูนอนละนะ ฝันดีนะเว้ย คุณโอบกอด”

“เออ ฝันดีเหมือนกัน คุณชายปิง”

ผมบีบมือมันเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือออก ไอ้ปิงกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับซุกหน้าลงที่คอของผมมากขึ้นอีก ผมอยากจะกอดมันตอบกลับเหลือเกิน ผมอยากจะบอกว่าผมชอบมัน ผมรักมันมากกว่าคำว่าเพื่อน ผมอยากจะให้มันรู้ว่าผมทั้งมีความสุขและอึดอัดทรมานมากแค่ไหนกับสิ่งที่เป็นอยู่

แต่สุดท้ายความกลัวว่าสิ่งที่เรากำลังมีอยู่นี้จะพังทลายลงไปเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวและความคิดโง่ๆ ของผมก็เป็นฝ่ายเอาชนะ และทำให้ผมทนกล้ำกลืนความรู้สึกเหล่านั้นลงไปได้อีกคืน


........................................................................................

*สึ่งตึงเนาะ แปลว่า ปัญญาอ่อนเนาะ

........................................................................................

ออฟไลน์ peppier

  • ขาดคนรักนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ มีแค่ใจที่รักตัวเองก็พอ.. ~ ♥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
โอ้ยยยยยย ลุ้นแทน
ทำไมไอ้ปิงมันขี้อ่อยจังวะห๊ะ

ออฟไลน์ WASAWATTE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกหน่วงๆ สงสารโอบ
ปิงคิดไรอยู่เนี่ย อยากรู้จัง..
เป็นกำลังใจให้คุณต้นนะ รอตอนต่อไป หุหุ
 :hao5:

ออฟไลน์ Kcj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รึจริงๆแล้วปิง ก็ชอบโอบเหมือนกัน ดูจากท่านะคิดว่าคงใช่แหละ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2014 22:39:31 โดย Kcj »

winnie_the_far

  • บุคคลทั่วไป
 :mew4:ปิงทำท่าทีเหมือนชอบเลย แต่ก็นะ

อยากรู้จังว่า แท้จริงแล้วปิงคิดอะไรอยู่หนอ

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
ตามมาจากเพจเลยยย
รอลุ้นว่าจะเป็นไงต่อ

ออฟไลน์ netkung

  • เป็ดกูรู
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
เข้ามาตามต่อครับ ลุ้นคำตอบๆ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ขอบคุณทุกคนครับ ส่วนมากคุ้นๆ หน้ากันซะทั้งนั้นเลย 5555

แล้วก็ขอบคุณทุกๆ คนที่มาอ่านด้วยนะครับ ไม่เม้นไม่เป็นไร ตามไปกดไลค์แฟนเพจกันได้นะครับ จุฟ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ซุกคอเลยเหรอ  :jul1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
ขัดใจปิงนะ และสงสารโอบด้วย แอบรักเพื่อนแต่เพื่อนดันทำแบบนี้

ปิงชอบหรือไม่ชอบโอบเนี่ย แสดงให้ชัดหน่อย :hao7:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
(4)

คืนนั้นผมกับไอ้ปิงนอนกอดกันจนถึงเช้า ผมไม่รู้เลยว่าเผลอไปกอดมันตั้งแต่ตอนไหน ผมรู้แค่พอตื่นเช้ามาก็เห็นมันกำลังซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของผม ส่วนหลังจากนั้นเราก็ออกไปเรียนพร้อมกัน คุยกันปกติ ยิ้มให้กันเหมือนที่ผ่านๆ มา ทุกอย่างระหว่างเรากลับไปเป็นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น และไม่มีอะไรน้อยลงไปกว่าเดิม หากจะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป ก็คงเป็นสายสัมพันธ์ของผมกับมันที่แลดูจะแน่นแฟ้นขึ้นนิดหน่อย ดูเราจะสนิทกันมากขึ้น พร้อมๆ กับคำถามในใจของผมว่าตกลงแล้วมันคิดอย่างไรกับผมกันแน่ที่ดังก้องอยู่ในใจของผมมากขึ้นยิ่งกว่าแต่ก่อนเสียอีก

มันอาจจะมองหน้าผมเหมือนเดิม ผมอาจจะยิ้มให้มันเหมือนเดิม แต่ความเจ็บปวดในใจผมมันกลับเพิ่มขึ้น... แค่นิดหน่อยนะ แต่ผมก็เจ็บมากขึ้นจริงๆ ว่ะ

เวลาผ่านไปจนใกล้เข้าสู่เทศกาลคริสต์มาสไปทุกทีๆ โรงเรียนของเราก็มีงานเฉลิมฉลองกับเขาด้วย พวกเราหลายๆ คนต่างก็วุ่นกับกิจกรรมชมรม การเตรียมงาน ออกบูธ หรือทำกิจกรรมประจำห้อง โดยเฉพาะผมที่เป็นประธานนักเรียน ต้องคอยดูงบ ดูความเรียบร้อย จัดการคำร้องเรียนจากนักเรียน คำร้องขอ และคำสั่งจากอาจารย์ ต่างๆ มากมาย เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ผมยุ่งจนถึงขีดสุดเลยก็ว่าได้

วันหนึ่ง ผมต้องเข้าไปคุยกับอาจารย์เรื่องงานจนสาย ทำให้ไปกินข้าวเที่ยงช้ากว่าคนอื่นๆ กว่าจะออกมาจากห้องพักครู ก็เหลือเวลาพักกลางวันอีกแค่ไม่ถึง 15 นาทีแล้ว

“ขอบคุณครับ อาจารย์” ผมยกมือไหว้อาจารย์ ก่อนจะเลื่อนประตูปิดและกำลังก้มลงใส่รองเท้านักเรียน

“แย่เลยนะมึง เลิกซะช้าเลยว่ะ อาจารย์เค้าไม่กะให้มึงต้องแดกข้งแดกข้าวมั่งเลยรึไงวะ” ไอ้ปิงที่ยืนอยู่หน้าห้องทักผม ผมไม่จำเป็นต้องถามแล้วด้วยซ้ำว่ามันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

“เออ หิวชิบหายเลยเนี่ย หิวจนจะแดกควายได้ทั้งตัวแล้ว” ผมนิ่วหน้าหงุดหงิด เพราะหิวก็ด้วยส่วนหนึ่ง แต่เพราะความเครียดก็ด้วยอีกส่วน

“อ้ะนี่” มันยื่นน้ำผลไม้กับขนมปังให้ผม “กินรองท้องหน่อยมั้ย”

“ไม่เป็นไรอะ กูอยากกินข้าว”

ไอ้ปิงหน้าเจื่อนลงทันที ทำเอาผมรู้สึกผิดขึ้นตงิดๆ “แล้วถ้าไม่มีของกินมึงจะกินไรวะ อย่างน้ำอะ เอาไว้กินตอนกินข้าวแล้วคอแห้งก็ได้ ขนมปังนี่ก็เก็บไว้กินหลังกินข้าวก็ยังได้นี่หว่า...”

“อ้ะๆ โอเคๆ แต๊งกิ้ว” ผมรับน้ำกับขนมปังมาถือไว้ในมือ “มึงแดกข้าวแล้วใช่มะเนี่ย”

“เออ แต่เดี๋ยวกูไปนั่งเป็นเพื่อนมึง แต่เตือนไว้ก่อน ป่านนี้แล้วจะเหลืออะไรให้มึงกินบ้างก็ไม่รู้นะ อย่างเมื่อกี้ตอนกูไปซื้อขนมปัง กูเห็นบางร้านก็เริ่มเก็บกันแล้ว ร้านเจ๊อ้อนก็ขายหมดแล้ว”

“จริงอะ เออๆ แต่ไม่เป็นไร ยังไงกูก็มีขนมปังอยู่นี่ไง เนอะ” ผมชูขนมปังในมือขึ้น ทำเอาไอ้ปิงยิ้มกว้างและหน้าแดงระเรื่อ นานๆ ทีผมถึงจะเห็นมันเขินแบบนี้แฮะ เพราะปกติมันหน้าด้านจะตายห่า

“พี่โอบคะ พี่โอบ!” เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเรียกชื่อผม เธอคนนั้นกำลังวิ่งเข้ามาหาผมพร้อมกับเพื่อนอีกคน “พี่พอมีเวลามั้ยคะ พอดีหนูอยาก... เอ่ออ... อยาก...”

“อะไรเหรอครับ” ผมถาม

“มึงก็รีบๆ บอกพี่เค้าไปสิว่ามึงอยากได้ไลน์พี่เค้าน่ะ!” น้องคนที่มาด้วยกระทุ้งศอกใส่เพื่อนตัวเอง

“อีแนน!! มึงอย่า!!” น้องคนที่เรียกชื่อผมหน้าแดงแปร๊ด

“ไลน์พี่เหรอครับ” ผมตกใจนิดหน่อย เพราะไม่ค่อยชินกับการถูกจู่โจมแบบนี้เท่าไหร่

“อะแฮ่ม... โทษทีนะครับน้อง” ไอ้ปิงเดินเข้ามาโอบบ่าผม “พอดีเพื่อนพี่ยังไม่ได้กินข้าวเลย ไงพี่ขอตัวพาเพื่อนไปกินข้าวก่อนเนาะ” มันดันตัวผมออกเดิน ทิ้งน้องสองคนนั้นไว้ที่เดิม

“แม่งมีหวงด้วยว่ะ! กูว่าชัดเลยมึ๊งงง!” ผมได้ยินเสียงเพื่อนของน้องคนที่จะขอไลน์ผมดังตามหลังมาแว่วๆ และผมเชื่อว่าไอ้ปิงก็น่าจะได้ยินด้วยเหมือนกัน แต่มันกลับไม่มีท่าทีจะใส่ใจเลยสักนิดเดียว ตรงกันข้าม ผมว่าผมเห็นมันยิ้มมุมปากแปลกๆ อยู่นิดๆ ด้วยซ้ำ

“สนุกนักรึไง”

“ฮะ อะไร” มันหันมามองหน้าผม

“กูถามว่าสนุกนักรึไง ทำให้คนอื่นเค้าเข้าใจผิดน่ะ” ผมไม่ได้ตั้งใจจะหงุดหงิดใส่มันหรอก แต่จู่ๆ ก็ดันเผลอโพล่งแบบนั้นออกไป บางทีอาจจะเป็นเพราะความเครียดที่สะสมมาหลายวันก็ได้ที่ทำให้ผมหงุดหงิดง่ายแบบนั้น

“มึงหมายถึงอะไร กูทำใครเข้าใจอะไรผิดวะ”

“ก็หมายถึงน้องคนเมื่อกี้ไง มึงอย่ามาทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่น้องมันพูด แล้วไหนจะการกระทำของมึงอีก ถ้ามึงไม่ได้จงใจทำให้คนอื่นเค้าเข้าใจผิด มึงจะมาทำแบบนี้กับกูทำไมวะ”

ไอ้ปิงมองหน้าผมเหมือนเพิ่งโดนตบหน้าไปหมาดๆ “ไอ้โอบ มึงคิดดีแล้วใช่มั้ยวะ สิ่งที่มึงพูดออกมาน่ะ”

ผมอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่แล้วก็สวนมันกลับไป “แล้วมึงล่ะ คิดดีแล้วเหรอวะ สิ่งที่มึงทำและพูดกับกูมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องคืนนั้นน่ะ”

มันมองหน้าผมด้วยสีหน้าแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันดูโกรธ ช็อค สับสน และเสียใจ มันอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่พูด ก่อนจะถอนหายใจแล้วส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด “มึงไปกินข้าวคนเดียวก่อนแล้วกัน กูคงไปกับมึงไม่ได้แล้ว” และเมื่อพูดจบ มันก็หันหลังกลับและเดินจากไปเลยทันที

“แม่งงงง!!” ผมสบถอย่างหัวเสียก่อนจะเดินไปโรงอาหารคนเดียว

เวลาล่วงเลยไปจนถึงตอนเย็นโดยที่ผมกับไอ้ปิงไม่ได้คุยหรือเฉียดเข้าใกล้กันเลยแม้แต่นิดเดียว ความเย็นชาของมันทำให้ผมทั้งหงุดหงิดและทรมานไปพร้อมๆ กัน เพราะมันไม่เคยเป็นแบบนี้กับผมมาก่อนเลย

“เฮ้ย... พวกมึงทะเลาะเชี่ยไรกันวะ” ไอ้นิคเดินเข้ามานั่งข้างๆ ผมที่กำลังนั่งดูเพื่อนๆ รวมทั้งไอ้ปิงเล่นฟุตบอลอยู่

“มึงหมายถึงใคร” ผมถามกลับโดยไม่ได้หันไปมองหน้าของมัน

“ตอบกลับมาแบบนี้อยากโดนด่ารึไงวะ หืออ นี่คือมึงต้องการอะไรจากกู มึงต้องการอะไรจากสังคมวะ ไอ้เชี่ยโอบ”

“ครวย มาเป็นชุด เออๆ กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่งเริ่มได้ยังไง โอเคยัง” ผมยอมแพ้ ไม่แม้แต่จะเสียเวลาถามอีกด้วยซ้ำว่ามันรู้ได้ยังไง เพราะไอ้หมอนี่มันย่อมดูออกอยู่แล้ว “บางทีคงเป็นเพราะกูเหนื่อย กูหิว กูเครียดสะสมมาหลายวันมั้ง เลยเผลอหงุดหงิดใส่มันไปก่อน”

“แล้วไง”

“แล้วไงอะไร”

“พอหงุดหงิดแล้วยังไงต่อ มึงทำรึพูดอะไรลงไป”

“กู... คงพูดอะไรไม่ค่อยดีออกไปว่ะ”

“ปกติกูไม่ค่อยเห็นพวกมึงทะเลาะกันนะ งอนกันนิดๆ หน่อยๆ ก็พอมีตามประสา แต่แป๊บๆ ก็ดีกันแล้ว แถมปกติไอ้เชี่ยปิงแม่งก็ใจเย็นปานแม่น้ำสมชื่อแม่ง และเท่าที่กูรู้ ปกติมันก็เป็นฝ่ายง้อมึงแทบทุกที แต่นี่มึงทะเลาะกันจนมันมึนตึงนานขนาดนี้เนี่ย กูเดาว่าคงเรื่องใหญ่แหง”

“กูก็ไม่รู้ว่ะ...”

“มึงผิดมะ”

ผมคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้านับที่กูหงุดหงิดใส่มันก่อน ก็คงใช่อะ”

“งั้นก็ไปขอโทษมันซะ ไป๊ เชี่ย จะแยกย้ายกันอยู่แล้ว มามัวงอนกันอยู่ได้ รีบๆ ไป ง้อผัวมึงได้แล้ว บ่าควายนิ!”

“ผัวป้อคิงหยัง*!” ผมเหยียดขาออกถีบไอ้เพื่อนตัวดีของผมเต็มแรง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน “เออๆ เดี๋ยวกูมา นั่งรออยู่นี่แหละ”

“จะไปไหน”

“ไม่ต้องเสือก นั่งรออยู่นี่แหละ ห้ามไปไหนนะมึง!” ผมรีบวิ่งไปที่ร้านค้าแล้วซื้อป๊อกกี้กับน้ำผลไม้มากล่องนึง ซึ่งเป็นน้ำฝรั่งแบบเดียวกับที่ไอ้ปิงซื้อมาให้ผมเมื่อตอนกลางวัน จากนั้นก็กลับมาที่สนามบอล และยื่นขนมกับน้ำให้ไอ้นิค “เอ้านี่”

“แต๊งกิ้วๆ ว่าแต่ซื้อมาให้กูทำไมวะ”

“ไม่ได้ให้มึงเว้ย เอาไปให้ไอ้ปิงให้กูหน่อย”

“เอ๊า! แล้วทำไมมึงไม่เอาไปให้เอง!”

“มันไม่ยอมคุยกับกูหรอก กูเดินไปหามันก็เดินหนี กูรู้ เพราะงั้นมึงแหละ เอาไปให้มันที” ไอ้นิคทำท่าจะเถียงอะไรกลับมาอีก แต่ผมรีบพูดดักมันเอาไว้ก่อน “ไหนมึงบอกให้กูไปขอคืนดีกับมันไง ก็นี่ไง ตกลงจะช่วยมั้ย เพื่อนกูรึเปล่า รึไม่ใช่ หวังดีกับกูมั้ยวะมึงน่ะ รึยังไง ต้องการอะไรจากกู ต้องการอะไรจากสังคมครับ คุณนิค”

“เออๆๆ โอเค ยอมก็ได้วะ เอาไปให้มันแค่นี้ใช่มั้ย งั้นรอทีมมันเล่นจบก่อนแล้วกัน”

“ไม่ได้ ต้องตอนนี้เลย”

“ตอนนี้เนี่ยนะ!”

“เออ เดินเข้าไปในสนามเลย ถ้ามึงรักกูจริง ต้องทำให้กูได้ดิวะ กูเคยขอร้องอะไรมึงเหรอวะ มีแต่ให้มึงลอกงาน ลอกข้อสอบ ช่วยทำการบ้าน ช่วยคุยกับอาจารย์ให้ ช่วย...” ผมนับนิ้ว

“พอ! สต็อป! โอเคๆ กูยอม แค่เอาไปให้มันแค่นี้ใช่มั้ย”

“ไม่ใช่”

“อ้าว แล้วเหี้ยอะไรอีก”

“ฝากบอกมันด้วยว่า...”

“ว่าอะไร”

ผมคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้จะพูดอะไรดีให้มันหายโกรธ ก่อนจะตัดสินใจได้ว่า คำสั้นๆ ง่ายๆ ที่สุดนี่แหละ น่าจะดีที่สุดแล้ว “...ง้อ”

ไอ้นิคทำท่าพะอืดพะอมเหมือนจะอ้วก แต่สุดท้ายมันก็ยอมวิ่งเข้าไปในสนามแต่โดยดี มันวิ่งผ่ากลางสนามเข้าไปหาไอ้ปิงที่ยืนคุมกองหลังอยู่ ก่อนจะยื่นขนมกับน้ำให้พร้อมกับชี้มาทางผมและพูดอะไรด้วย 2-3 ประโยค เมื่อไอ้ปิงหันมาทางผม ผมก็โบกมือให้มัน แต่มันกลับรีบหันไปทางอื่นเสียฉิบ

อืมมม... แต่ผมคิดว่าผมเห็นมันยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะหันหนีไปนะ

ไอ้ปิงยัดขนมกับน้ำคืนใส่มือของไอ้นิคที่กำลังโดนเพื่อนคนอื่นๆ ลากออกจากสนาม เมื่อไปนั่งอยู่ริมสนามอีกฝั่งนึงแล้ว ไอ้นิคก็ทำท่ายักไหล่ให้ผมเป็นเชิงยอมแพ้ ซึ่งผมก็ไม่ว่าอะไรมัน

อีกไม่กี่นาทีถัดมา หลังจากหมดเวลาและทีมของมันเล่นเสร็จ ไอ้ปิงก็เดินตรงเข้ามาหาผม

“ง้อกูเหรอ”

“ป๊าว” ผมยักไหล่พลางมองไปทางอื่น

“โอเค” มันพูดห้วนๆ ก่อนจะหันกลับไป

ผมรีบคว้ามือของมันไว้ทันที “ล้อเล่นๆ กูง้อมึงคร้าบ กูง้อมึง กูขอโทษ เมื่อกลางวันกูคงโมโหหิวอะ เหนื่อยๆ เครียดๆ ด้วย ยกโทษให้กูนะ”

“แต่กูไม่อยากกินน้ำผลไม้”

“งั้นอยากกินอะไร”

“อยากกินโอวัลตินอุ่นๆ”

“เหี้ยเหอะ แบบนั้นที่ไหนจะมี”

“บ้านมึงมีปะ...” มันมองหน้าผมพร้อมรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“เออๆ ก็ได้ จะไปเลยมั้ยล่ะ”

“เดี๋ยวกูต้องไปชมรมก่อน คุยเรื่องออกร้านนิดนึง รอได้ปะ” หลังจากมันแข่งบาสกับโรงเรียนคู่แข่งจบไปแล้ว ซึ่งทีมของเราเป็นฝ่ายชนะ พวกมันชมรมบาสเก็ตบอลก็ต้องมาเครียดกันต่อกับโจทย์ที่ว่างานเทศกาลโรงเรียนหนนี้ มันจะทำอะไรกันดี

“ได้ๆ มึงไปจัดการงานของมึงเหอะ”

“แต่วันนี้ถ้ากูไปบ้านมึง กูคงจะเหนื่อยว่ะ คงไม่มีแรงขี่รถกลับบ้านดึกๆ แน่ หนาวด้วย มืดด้วย น่ากลัวด้วย... หนาวด้วย”

ผมชักเขินๆ แฮะๆ “ชักได้ใจใหญ่แล้วนะมึง! เออๆ ไปๆ จะไปชมรมเหี้ยอะไรก็ไป เดี๋ยวกูไปนั่งรอ หลังจากนั้นค่อยว่ากัน” ผมผลักมันให้ออกเดิน

“เอาเสื้อแจ็คเก็ตกูไปใส่ด้วย กูไม่อยากให้มึงนั่งหนาวอีก” มันยื่นเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองให้ผม เพราะวันนี้ผมก็เอาเสื้อสเว็ตเตอร์ตัวบางๆ ตัวเดิมมาอีกแล้ว “แล้วก็น้ำกับขนมที่ซื้อมาอะ เอาไปนั่งกินรอกูก็ได้นะ เดี๋ยวจะหิว รึไม่งั้นก็ยกให้ไอ้นิคมันไปเลยแล้วกัน”

“ทำไมมึงไม่กิน”

“ก็กูอยากไปกินโอวัลตินบ้านมึงทีเดียวมากกว่า” ไอ้ปิงพูดพร้อมรอยยิ้มกว้างและดวงตาเป็นกระกาย
 
เนี่ย แม่งก็เป็นซะแบบนี้ไง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมทั้งรักทั้งเกลียดมันได้ยังไง


........................................................................................

*ผัวป้อคิงหยัง แปลว่า ผัวพ่องสิ

........................................................................................

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew1:   ได้เรียนภาษาคำเมืองด้วย ดีจัง

ออฟไลน์ WASAWATTE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อี๊ววววว!! ตอนแรกเหมือนจะงอนๆ กันนะ
ตอนหลังมาเนี่ย หวานซ๊ะ..
ไปบ้านรอบหน้าจะมีไรพัฒนาป่ะเนี่ย ลุ้นๆ
เป็นกำลังใจให้นะคุณต้น รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ 555555+
 :hao6:

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
ถ้าผมเป็นโอบ คงรู้สึกสอึดอัดแทบบ้าอะ ส่วนปิงก็ปากแข็งไม่ยอมพูดแอกไปสักที

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
เนื้อเรื่องมันชวนให้ดูอบอุ่นแบบแปลกแปลกมั้ง
ไม่รู้คิดไปเองป่าวว 555+

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
น้องๆเป็นสาววาย ฮ่าฮ่าฮ่า  :laugh:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
(5)

“อะนี่ โอวัลตินอุ่นๆ ตามที่มึงต้องการ”

“แต๊งกิ้ว” ไอ้ปิงรับถ้วยโอวิลตินไปจากมือของผม จากนั้นก็ยกขึ้นจิบ รอยยิ้มฉายขึ้นบนใบหน้าของมันอีกครั้งราวกับเด็กเล็กที่เพิ่งได้กินของอร่อย

“มึงนี่ชอบกินอะไรยังกะเด็กนะ”

“ก็มันอร่อยอะ” มันวางถ้วยลงบนโต๊ะหัวเตียง

ผมนั่งลงบนเตียงข้างๆ มัน “มึง เรื่องเมื่อกลางวันอะ... กูขอโทษอีกทีนะเว้ย ไม่รู้ผีห่าอะไรเข้าสิงว่ะ กูเลยพูดออกไปแบบนั้น ลืมๆ มันไปซะนะมึง”

“เออ ช่างมันเหอะ จริงๆ กูก็พอจะเข้าใจมึงแหละ ยะก๋านยะงานหัวปุ๊สุ่นบุ่น* ก็คงเครียดคงหงุดหงิดบ้าง แต่ได้ยินแล้วก็ไม่สบายใจนะเว้ย คราวหลังอย่าพูดแบบนั้นอีกแล้วกัน”

“เออๆ” ผมถอนหายใจ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่ประสานกันอยู่บนตัก ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ “แต่บางทีมันก็น่าอึดอัดนี่หว่า...”

ไอ้ปิงยกถ้วยโอวัลตินขึ้นดื่มอีกอึก “อะไรน่าอึดอัด”

“ก็เรื่อง...” ผมพูดต่อไม่ถูก กลัวว่าถ้าเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาแล้วจะปิดโดยไม่ทะเลาะกับมันอีกไม่ได้ “ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเหอะ กูไม่อยากทะลาะกับมึงอีกอะ”

“กำลังคิดเรื่องของกูอยู่เหรอ”

ผมโยกหัวเบาๆ ก่อนจะยักไหล่ “ก็คงงั้น...”

“แล้วทำไมถึงคิดว่าพูดแล้วเราจะต้องทะเลาะกัน”

“เรื่องนั้น...” ผมไม่รู้จะตอบยังไงดี

“นี่ ไอ้โอบ...” จู่ๆ น้ำเสียงของไอ้ปิงก็เปลี่ยนไป

ผมหันไปมองหน้ามันแล้วก็เห็นคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แววตาของมันแลดู... ไม่รู้ดิ บอกไม่ถูกว่ะ มันดูสับสน ดูกังวล แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนคนที่เพิ่งตัดสินใจอะไรบางอย่างได้

“อะไรวะ”

“กูว่ากูอะ... เรื่องของมึง สิ่งที่มึงพูดเมื่อกลางวันน่ะ... กู...”

ผมหันไปมองหน้าของมัน รู้สึกลำคอของตัวเองแห้งผากราวกับทะเลทราย ส่วนหัวใจก็เต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาจากหน้าอก นี่มันกำลังคิดเรื่องเดียวกับที่ผมกำลังคิดตอนนี้... และคิดมาตลอดหลายเดือนรึเปล่าเนี่ย

“มึง... ทำไม” ผมกลืนน้ำลาย

“พี่โอบ แม่เรียกให้ไปกินข้าว!” เสียงตะโกนของยัยอายจากหน้าประตูห้อง ทำเอาทั้งผมและไอ้ปิงสะดุ้งออกมาพร้อมๆ กัน

“เออๆ! เดี๋ยวลงไป!” ผมตะโกนตอบกลับไปก่อนจะหันกลับไปหาไอ้ปิงอีกครั้ง เรามองหน้ากันอย่างกระอักกระอ่วน ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจยืนขึ้น “ป... ไปกินข้าวกันก่อนดีกว่าว่ะ”

“เดี๋ยว” ไอ้ปิงคว้าข้อมือของผมไว้ “ขอเวลาอีกแป๊บได้มั้ยวะ”

ผมก้มลงมองมือของมัน ก่อนจะเลื่อนสายตาไปหยุดอยู่ที่ดวงตากลมโตคู่นั้น บางอย่างในแววตาของมัน ทำให้ท้องไส้ของผมบิดมวน ส่วนหัวใจก็เบาหวิว แม้ว่ามันจะกำลังทำงานสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายของผมหนักกว่าเวลาปกตินับสิบๆ เท่าก็ตาม

“มึงเคยเป็นรึเปล่าวะ เวลาที่มึงอยากบอกความรู้สึกอะไรบางอย่างให้ใครสักคนฟัง แล้วแม่งแบบ... มึงไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง จะคิดแบบเดียวกับมึงรึเปล่า มึงก็เลยกลัว แม้ว่าลึกๆ มึงจะคิดว่ามึงก็น่าจะมีหวังอะ แต่มึงก็กลัวว่ามึงจะแค่คิดอะไรไปเองฝ่ายเดียว มึงก็เลยไม่กล้าพูดออกไปน่ะ”

มือของมันที่ผมรู้สึกได้นั้นเย็นเฉียบ ผมกลืนน้ำลายและพยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบ แววตาของเราประสานกัน รอยยิ้มจางๆ ที่อบอุ่นและงดงามยิ่งกว่าแสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้าของวันหนึ่งในฤดูหนาวฉายขึ้นบนใบหน้าของมัน ไอ้ปิงเลื่อนมือลงเป็นจับมือของผมเอาไว้ แล้วจากนั้นมันก็ดึงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน

“ขอบใจนะ ไอ้โอบ สำหรับทุกๆ อย่าง ขอบใจที่ดูแลกูมาตลอดสามปี”

คำพูดของมันทำให้ผมนึกถึงเพลง ‘รักเธอสุดหัวใจ’ ของ ก้อง สหรัถ ขึ้นมา ท่อนที่ร้องว่า


‘เหลืออีกกี่วัน อีกกี่คืนที่จะมีเธอ
เหลืออีกกี่ลมหายใจ ที่จะได้เจอกับความสดใส

เวลามีน้อยเหลือเกิน ที่ให้ฉันได้เตรียมหัวใจ
ว่าภาพที่เคยเห็นไม่นาน จะเป็นแค่ความหลังไป...’


ผมรู้สึกว่าน้ำตามันเริ่มจะเอ่อขึ้นมาซะแล้วสิ

“หลับตาแป๊บซิ” ไอ้ปิงบอก

“ทำไมวะ”

“เหอะน่า”

ผมหลับตาลงตามที่มันบอก และจากนั้นก็รู้สึกถึงริมฝีปากอ่อนนุ่มของมันที่จุ๊บปากของผมเบาๆ ร่างกายของผมแข็งเกร็งขึ้นทันที ไอ้ปิงใช้มือข้างหนึ่งประคองหัวของผมเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็โอบเอวผมเอาไว้ด้วย อีกอึดใจต่อมาผมก็ผ่อนคลายลงและเผยอปากออกเล็กน้อย กลิ่นอ่อนๆ ของโกโก้ ลอยเข้ามาแตะจมูกของผมพร้อมกับรสอันหอมหวาน

มันค่อยๆ เลื่อนริมฝีปากออกพร้อมกับผมที่ลืมตาขึ้น

“ถึงเราจะไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่กูขอทำแค่นี้ได้มั้ยวะ... อย่างน้อยกูก็ขอเก็บความรู้สึกดีๆ แบบนี้เอาไว้ในใจได้ใช่มั้ย”

ผมไม่ตอบ แต่ดึงตัวของมันเข้ามากอดอย่างแนบแน่น “ไอ้ปิง กูรู้ว่าเรามีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้เหลืออีกไม่นาน แต่ไม่ว่าจะตอนนี้ หรือตอนไหน อีกนานแค่ไหนก็ตาม กูจะไม่มีวันทิ้งมึงไปเด็ดขาดเลย กูสาบาน”

“กูก็เหมือนกัน ขาดมึงไปสักคน ชีวิตของกูคงเหมือนต้องหายใจด้วยรูจมูกข้างเดียวว่ะ... ไม่ตายนะ แต่ทรมาน” ไอ้ปิงกอดผมตอบ

“กูก็เหมือนกัน...”

“ขอบใจนะ ไอ้โอบ” มันตบบ่าผมเบาๆ 3-4 ที “ไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวจะโดนว่าเอา”

เราสองคนดันตัวออกจากกันและกัน ใบหน้าของไอ้ปิงแดงก่ำ ส่วนแววตาก็เป็นประกายไปด้วยหยดน้ำตาที่ถูกฝืนเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา มันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วเช็ดหางตาของตัวเอง... ผ้าเช็ดหน้าของผม

“กูจะเก็บมันไว้อย่างดี กูสัญญา” มันส่งยิ้มให้ผม จากนั้นก็ใช้ผ้าผืนนั้นซับน้ำตาให้ผมด้วยเช่นกัน “ขี้แยนะมึงเนี่ย”

“ใคร อะไร กูไม่ได้ร้องไห้ซะหน่อย มึงนั่นแหละ” ผมสะบัดหน้าหนี

ไอ้ปิงชะโงกหน้ามาจุ๊บหน้าผากผมเบาๆ “ไปกินข้าวกันเถอะ”

ถ้าหากว่านี่เป็นความฝัน ผมก็ไม่อยากจะตื่น ผมขออยู่ในความฝันแบบนี้ไปนานๆ ได้ไหม อย่าให้ผมต้องพบกับความจริงที่ว่าอีกไม่กี่เดือน ภาพเหล่านี้ ความรู้สึกเหล่านี้จะกลายเป็นเพียงแค่ความทรงจำของตัวผมในอนาคตเลย

ก็อย่างที่ผมบอก ผมไม่รู้หรอกว่าความชอบของผมแปรเปลี่ยนไปเป็นความรักตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีผมก็รักมันไปแล้ว และพอรู้สึกตัวอีกที... ผมก็เจ็บไปแล้วเหมือนกัน

‘เวลา’ พาเราสองคนมาพบเจอกัน แล้วทำไมเวลาต้องแยกเราจากกันด้วยล่ะครับ ทำไม


........................................................................................

*ยะก๋านยะงานหัวปุ๊สุ่นบุ่น แปลว่า ทำงานจนหัวฟู

........................................................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2014 23:05:19 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ WASAWATTE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อ๊ากกกก!! เค้าจุ๊บกันแล้ว..
เฮ้ย ปิงอะไรยังไง? เอาให้มันชัดเจนซิ
สัมผัสได้ว่า ความสัมพันธ์ของสองคนนี้พัฒนาไปอีกขั้นแล้ว
แล้วมันจะพัฒนาไปมากกว่านี้รึเปล่านะ?
จะรอติดตามนะคุณต้น เป็นกำลังใจให้ ลุ้นจุง..

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5

“กูก็เหมือนกัน ขาดมึงไปสักคน ชีวิตของกูคงเหมือนต้องหายใจด้วยรูจมูกข้างเดียวว่ะ... ไม่ตายนะ แต่ทรมาน” ไอ้ปิงกอดผมตอบ

โอย, อ่านประโยคนี้แล้ว คุณป้าอย่างดิฉันได้แต่หยิบยาหอมยาลมมาสูดดม. พ่อคุณ, คำพูดช่างบาดลึกหวามเข้าไปถึงใจคนแก่. มันทั้งหวานทั้งเศร้าเลยค่ะ. แต่พอนึกถึงว่าฤดูหนาวเป็นฤดูกาลแห่งการหยุดนิ่ง--เพราะในคติของฝรั่งมังค่า ฤดูหนาวทำให้ทุกอย่างชะงักเหมือนถูกแช่แข็ง และอาจถือเป็นช่วงเวลาแห่งการลาจาก--ก็ยิ่งทำให้มันเข้าได้ดีจริงๆ กับระยะเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันซึ่งกำลังค่อยๆ ถูกตัดทอนลงไปให้เหลือน้อยลงทุกที.

ชอบฉากจุมพิตที่ริมฝีปากมากๆ ด้วยค่ะ. อากาศหนาวกับกลิ่นความหวานความหอมของช็อกโกแลต(ในโกโก้? โอวัลติน?)ในโพรงปาก. อุ้ย, นึกถึงบรรยากาศหนาวๆ บนดอยเลยค่ะ. (แม้ว่าตอนนี้ที่เชียงใหม่จะเหินห่างจากคำว่าหนาวไปมากโขก็ตามที, แต่ป้าก็จินตนาการตามได้เจ้าค่ะ).

จริงๆ แล้วดิฉันว่าทั้งปิงและโอบคงใจตรงกัน. เพียงแต่เหมือนมีอะไรบางอย่างเป็นม่านกั้น, เป็นตัวแปร, เป็นกำแพง, เป็นแรงผลักดัน, ให้ทั้งสองยังรั้งรอและไม่กล้ากระโจนเข้าไปในหลุมรักนั้น. อาจเป็นเรื่อง "ครอบครัว" ของปิงที่โอบเคยรำพึงไว้. ดิฉันว่าเรื่องนี้น่าคิด. คุณต้นคงมิได้ให้โอบเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างลอยๆ ดอกใช่ไหมคะ? เห็นจะต้องมีประเด็นอะไรบางอย่างที่จะมาเปลี่ยน/เพิ่มพูนความสัมพันธ์ของสองหนุ่มเป็นแน่. และดิฉันว่าน้องอาย(ซึ่งมีสิทธิ์เป็นสาววายกลายๆ)ก็คงจะแอบสังเกตพฤติกรรมพี่ชายตนกับเพื่อนของพี่ชายอยู่บ้าง, มิเช่นนั้นคงไม่เอ่ยประโยคคำถามที่น่าหยิกแกมหยอกเรื่องทำเลือดออกนั้นดอกเนาะ.

หนูโอบดูแพ้ทางหนูปิงเอามากๆ เลยนะคะ. ทั้งถูกกอดตอนนอนเอย, ถูกจูบปากเอย, ถูกหอมหน้าผากเอย. อุ้ย, นี่โอบจะไม่ทำให้ป้าเสียใจเลยใช่ไหมคะ. เอาเป็นว่า, ในท้ายที่สุด, ถ้าคุณต้นแกไม่ใจไม้ไส้ระกำจนเกินไป, หนูก็คงได้เนื้อคู่ตุนาหงันเป็นนายปิงสุดหล่อแหละนะ.  :mew2:

...หรือถ้าปิงมันยังโอ้เอ้อยู่อย่างนี้, โอบก็พาไปดูแม่คะนิ้งบนดอย แล้วก็ถือโอกาสถีบตกดอยเลยเจ้า.  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด