[เรื่องสั้น] Winter Love: ด้วยรักและโอวัลติน [Special 2: 9 มีค]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] Winter Love: ด้วยรักและโอวัลติน [Special 2: 9 มีค]  (อ่าน 12048 ครั้ง)

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ดีใจด้วยที่ท้ายสุดแล้วทุกอย่างลงเอยด้วยดี ได้รักกัน ได้เรียนที่เดียวกัน หวังว่าจะได้อยู่ด้วยกันและรักกันนาน ๆ

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
เย้~ ตอนแรกยังอ่านไม่ถึงตอนพิเศษ นี่เศร้าเลยเพราะทั้งคู่จะต้องห่างกัน

แต่ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว :mew1:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
S p e c i a l  1

เรื่องที่ผมจะเล่าต่อจากนี้ ผมขอย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ก่อนหน้าที่ไอ้ปิงจะขอพ่อไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับผมได้ ย้อนไปถึงสองวันหลังจากที่ไอ้ปิงประกาศออกไมค์ว่ามันชอบผม

หลังจากงานโรงเรียนจบลง โลกของผมเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ผมมีความสุขมากที่ได้บอกความในใจของตัวเองออกไปให้ไอ้ปิงได้รับรู้ และยิ่งมีความสุขมากกว่า เมื่อได้รู้ว่าไอ้ปิงเองก็รักผมมากเช่นกัน แต่ลึกๆ แล้วผมก็ยังเจ็บ เจ็บจากความคาดหวัง หวังที่จะได้เป็นแฟนกับมัน ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากกว่านี้ ไม่ใช่ได้แต่คอยนับถอยหลังวันที่เหลืออยู่ก่อนที่เราจะต้องบอกลากันแบบนี้

“แต่ตอนนี้เรามีกันและกัน เรารักกันยิ่งกว่าที่ผ่านๆ มา เราได้นั่งจับมือกันแบบนี้...” ไอ้ปิงบีบมือที่กำมือของผมเอาไว้อยู่ “มันก็ดีมากแล้วไม่ใช่เหรอวะ”

รอยยิ้มของมันทำให้ผมสบายใจขึ้นได้ทุกครั้งที่เห็น มันเป็นคนที่มีรอยยิ้มสดใสมากที่สุดในโลกเลย ทุกครั้งที่มันหันมาสบตาและส่งยิ้มให้ผม โลกทั้งใบดูจะสดใสขึ้น ภายในใจของผมจะอบอุ่นขึ้น หัวใจรู้สึกราวกับพองโตขึ้นเล็กน้อย และมันก็ทำให้ผมเชื่อได้ทุกครั้งว่าผมโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้รู้จักมันและมีมันอยู่ข้างกายอย่างทุกวันนี้

เมื่อวันนั้นผมร้องไห้จนพอใจแล้ว ดังนั้นผมต้องไม่ลืมที่สัญญากับตัวเองไว้ว่า ผมจะมีความสุขในทุกๆ วันที่เหลืออยู่ของผมกับมัน

“เฮ้ย การบ้านอะ การบ้านนนนนน” เสียงของไอ้นิคที่ดังขึ้น ทำให้ผมกับไอ้ปิงรีบปล่อยมือออกจากกันอย่างรวดเร็ว “เอามาลอกกกก ไวๆๆ”

ผมหันไปหาไอ้นิคที่กำลังเดินเข้ามาหาพวกเรา “ตูดยังไม่ทันจะนั่ง มึงก็ทวงแล้วนะ เหมือนจะขยันนะมึงเนี่ย... ขยันลอกการบ้าน”

“อย่าแซะกู! เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมากูมัวแต่วุ่นแต่งรูปให้อาจารย์ทั้งวันทั้งคืนจนไม่มีเวลาทำการบ้านเลย ไอ้ห่า ไม่ใช่ความผิดกูเลยนะ” ไอ้นิคนั่งลงฝั่งตรงข้ามผมกับไอ้ปิง มันมองหน้าเราสองคนสลับกันก่อนจะยิ้มออกมา "ว่าแต่ก่อนกูเดินมาเมื่อกี้สวีทอะไรกันอยู่วะ กูเห็นน้าาา ที่มึงสองคนนั่งจับมือกันน่ะ แหมๆ เดี๋ยวนี้หวานออกหน้าออกตา"

ผมเขินจนหน้าแดง "หวานเหี้ยไร เพ้อเจ้ออะไรของมึง! เดี๋ยวกูเตะให้!"

"มึงสงสัยเรื่องของกูกับไอ้โอบมาตั้งแต่ตอนไหนวะ ไอ้นิค" ไอ้ปิงถาม

"ปีที่แล้วมั้ง จำไม่ได้ว่ะ" ไอ้นิคยักไหล่ "แต่ก็นานแล้วล่ะ พวกกูก็คิดๆ กันอยู่แหละว่ามึงสองคนน่าจะแอบกิ๊กๆ กันอยู่ แค่ไม่นึกว่าจะยังไม่เคยสารภาพรักห่าอะไรกันเลย... มึงนี่มันร้ายน้าา ไอ้ปิงงงง"

"ตกลงมึงจะลอกการบ้านมั้ย ไอ้นิค" ผมฟาดสมุดลงบนหัวของไอ้นิคดังป้าบ "ปากดีมากนักกูไม่ให้ลอกนะ"

"โอ๊ยย ไอ้เหี้ยยย มึงจะเขินก็เขินไปดิวะ ลงไม้ลงมือกับกูทำไมเนี่ย สาดดด" มันรีบคว้าสมุดไปจากมือของผม "สั่งสอนเมียมึงหน่อยนะ ไอ้เชี่ยปิง"

"เฮ้ย เมียเหี้ยไร ยังไม่ได้กัน" ไอ้ปิงหัวเราะ

"อ้าว! งั้นรอเหี้ยอะไรอยู่วะ ทำไมไม่เอาๆ กันสักที"

"ไอ้เชี่ยนิค!!"

"โอเคๆ กูหยุดแล้วๆๆ" ไอ้นิครีบยกมือขึ้นห้ามผมที่กำลังเงื้อมือ

"เอาน่าๆ มึงใจเย็นๆ เขินแล้วก็ชอบใช้ความรุนแรงตลอดนะมึงเนี่ย" ไอ้ปิงโอบบ่าผม จากนั้นก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด "มึงต้องเริ่มทำตัวให้ชินได้แล้วนะ"

"กับคนอื่นก็ไม่เท่าไหร่หรอก อย่างเมื่อวันเสาร์คนอื่นๆ แม่งก็ไม่ได้แซว ไม่ได้พูดมากขนาดไอ้นิคนี่หว่า มีไอ้เหี้ยนี่แหละ ปากดีเป็นพิเศษ มันน่าโดนตีนนัก" ผมดันตัวไปปิงออกแล้วลุกขึ้นยืน

“อ้าว มึงจะไปไหน” ไอ้ปิงเงยหน้าขึ้นมาถาม

“ห้องน้ำ”

“กูไปเป็นเพื่อน”

“โอ๊ยยยย มึงใช้รูเยี่ยวรูเดียวกันรึไง เว่อร์ชิบหาย ไอ้สองคนนี้ ตัวติดกันเป็นแฝดสยามเลยนะมึง” ไอ้นิคแซว

“เออ มึงไม่ต้องไปหรอก กูไปคนเดียวได้ นั่งเฝ้าหมาในปากไอ้นิคไว้ที่นี่แหละ”

ไอ้ปิงทำหน้าหงอยๆ นิดหน่อย แต่ผมรู้ว่ามันจงใจทำเพื่ออ้อน ผมจึงเขกหัวมันเบาๆ แล้วลุกออกจากม้านั่งเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่หลังตึก

นาฬิกาดิจิตอลบนข้อมือของผมบอกเวลา 7.15 นักเรียนเริ่มทยอยมาโรงเรียนกันหนาตา แต่ห้องน้ำที่อยู่หลังตึกก็ยังไม่มีคนมากนัก ผมเดินสวนกับเด็กคนหนึ่งที่กำลังออกจากห้องน้ำ แล้วจากนั้นก็เดินไปยืนที่โถที่อยู่ริมสุด ซึ่งเป็นฝั่งที่อยู่ติดกับห้องน้ำหญิง และในตอนที่ผมกำลังยืนทำธุระอยู่นั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงของนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งคุยกันดังทะลุผนังมา

“มึง! พูดถึงเรื่องนี้ มึงรู้ข่าวแล้วใช่มั้ย เรื่องเมื่องานโรงเรียนเมื่อวันศุกร์อะ”

“เรื่องอะไร”

“ก็นี่ไง! ที่เค้าแชร์กันเต็มเฟซเนี่ย มึงดู”

“อีฝน! ผัวมึงเค้าหันไปขุดทองแล้วเหรอวะ!”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นผมก็ถึงกับสะดุ้ง ทำเอาซิปเกือบจะหนีบโดนไอ้น้องชายเข้า

“อีดอกกกกก กูเสียดายมากกกก พี่ปิงออกจะหล่อ เท่ แถมยังเล่นกีฬาเก่ง เสือกไปได้กับพี่โอบซะงั้นนน”

“อีพี่โอบเองก็ด้วยเหอะ แม่งชอบผู้ชายเหรอวะ กูไม่เห็นรู้เลย เสียดายพันธุ์ชิบหาย”

“พวกมึงเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว กูจะอ้วก อุบาทว์”

ผมจำเสียงที่เพิ่งพูดขึ้นได้... ฝน แฟนเก่าไอ้ปิง

“ว่าแต่... รู้สึกยังไงบ้างคะ คุณฝน ที่สามีเก่าหันไปคบผู้ชายอะคะ ช่วยแชร์ความรู้สึกของการมีผัว... เป็น ‘ตุ๊ด’ หน่อยค่าาา”

“อีฟ้า! เดี๋ยวกูตบจริงๆ นะมึง!!”

ผมว่าผมทนฟังอีกต่อไปไม่ไหวแล้วว่ะ ผมเดินไปล้างมือและรีบเดินออกจากห้องน้ำทันที แต่แล้วเราก็ออกมาเจอกันที่ตรงหน้าห้องน้ำหญิงที่ผมจำเป็นต้องเดินผ่านเข้าจนได้

เมื่อเด็กรุ่นน้องทั้งสี่คนเห็นผม พวกเขาก็ดูชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปซุบซิบบางอย่างและหัวเราะกันเบาๆ ส่วนฝนที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดก็มองหน้าผมด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ... ไม่สิ ผมว่ามันเป็นสายตาที่ใช้สำหรับมองดูสิ่งสกปรกน่ารังเกียจบางอย่างมากกว่า

“อุบาทว์...” ฝนพูดพร้อมแววตารังเกียจและริมฝีปากที่เหยียดออก “ต่ำว่ะ”

ผมหันหลังให้กับเด็กกลุ่มนั้นและเริ่มออกเดิน แต่ก็ยังไม่วายจะมีเสียงไล่ตามหลังมา

“ล้างเหมืองดีๆ นะค้าา พี่โอบบบ อย่าไปแถมทองพี่ปิงเค้าล่าาา”

ผมกำหมัดแน่น แต่ก็เลือกที่จะไม่โต้ตอบอะไรกลับไป สิ่งที่ผมทำได้มีเพียงเดินหนีจากถ้อยคำดูถูก เย้ยหยัน และเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจเหล่านั้นไปให้ไกลและไวที่สุดเท่าที่จะทำได้

เมื่อกลับไปถึงที่โต๊ะที่เพื่อนๆ ของผมนั่งอยู่ ผมก็ไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครแล้ว เสียงหัวเราะและถ้อยคำสกปรกเหล่านั้นมันยังคงดังก้องอยู่ในหู และทำให้ใจของผมขุ่นมัว ไอ้ปิงพยายามถามผมหลายครั้งว่าผมเป็นอะไร แต่ผมก็ไม่รู้สึกอยากคุยกับมัน... แม่งงง ที่จริงผมไม่อยากแม้แต่จะมองหน้ามันด้วยซ้ำ

ตลอดช่วงเช้า เวลาที่ผมเดินไปไหน ผมก็จะเห็นว่าคนอื่นๆ รอบตัวจับตามองผมอยู่ตลอด บ้างก็กระซิบกระซาบ บ้างก็ยิ้มเยาะหรือหัวเราะ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกห้อมล้อมอยู่ด้วยเสียงนินทาและแววตาอยากรู้อยากเห็น ความอึดอัดทับถมจนกลายเป็นความหงุดหงิดทุกๆ สิ่ง ทุกๆ คนรอบตัว... โดยเฉพาะไอ้ปิงที่ดูจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย

ในระหว่างเปลี่ยนคาบเรียน ผมลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินออกไปเข้าห้องน้ำคนเดียว ในขณะที่ผมกำลังล้างหน้าอยู่นั้นเอง ไอ้ปิงก็เดินเข้ามาหาผมจากทางด้านหลัง

“ไอ้โอบ มึงเป็นอะไรของมึงวะ ดูอารมณ์บูดตั้งแต่เช้าแล้ว”

ผมมองหน้าของมันผ่านทางกระจก “ช่างกูเหอะ”

มันนิ่วหน้า “ทำไมมึงพูดแบบนั้นวะ ปกติมึงเป็นเหี้ยอะไรก็บอกกูตลอดไม่ใช่รึไง มีอะไรไม่สบายใจก็พูดมาสิวะ”

“ช่างมันเหอะ กูหงุดหงิดของกูเอง บอกมึงไปก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วอยู่ดี” ผมปิดก๊อกน้ำ และจากนั้นก็หันกลับและกำลังจะเดินผ่ายมันออกจากห้องน้ำ แต่ก็ถูกมันคว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน

“กูทำอะไรผิดรึไง บอกกูสิ”

“กูบอกแล้วไงว่าช่างมันเหอะ มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว” ผมหันกลับไปมองหน้ามัน ใจของผมเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย แววตาของมันทำให้ความรู้สึกหงุดหงิดในตอนแรกจางลงไปเล็กน้อย

คือ... จะว่าไปที่จริงมันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดใช่มั้ยล่ะ มันก็แค่บอกรักผมด้วยวิธีที่โผงผางเกินไปหน่อยแค่นั้นเอง

“ล้างหน้าแล้วทำไมไม่เช็ดหน้าดีๆ ก่อน มานี่” มันดึงผ้าเช็ดหน้าออกไปจากกระเป๋าเสื้อของผม จากนั้นก็ใช้ซับหน้าผมเบาๆ “กูทำอะไรผิด ไหนลองบอกกูซิ ครั้งหน้ากูจะได้ไม่ทำอีก”

แววตาและน้ำเสียงอ่อนโยนของมัน ทำเอาใจผมสั่น

“มึง... มึงก็คงไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกมั้ง และมึงก็คงไม่มีทางทำแบบนั้นอีกครั้งได้อยู่แล้วด้วย”

“มันคืออะไรวะ”

“เรื่องนั้น...”

“เฮ้ย แหมๆๆ” เสียงเพื่อนคนหนึ่งของเราดังขึ้นหน้าห้องน้ำ “พอบอกรักออกสื่อแล้วก็หวานกันออกหน้าออกตาเลยน้าาา สาดดดด” พอพูดจบ เพื่อนคนนั้นก็หันไปตะโกนและหวักมือเรียกคนอื่นๆ “เฮ้ยๆๆ พวกมึง มาดูไอ้โอบกับไอ้ปิงมันจะถ่ายหนังสดโชว์โว้ยยย!”

“เฮ้ย ไม่ใช่แล้ว!” ผมตกใจและรีบปัดมือของไอ้ปิงออก ทำให้ผ้าเช็ดหน้าหล่นลงไปบนพื้น

“ไหนๆ ไอ้เชี่ยโอบกับไอ้เชี่ยปิงจะขุดทองโชว์เหรอวะ!” เพื่อนอีกคนที่อยู่ต่างห้องวิ่งเสนอหน้าเข้ามาในห้องน้ำอีกคน

คำพูดคำนั้น ทำให้ผมโมโหจนปรี๊ดแตก

“พวกมึงเลิกพูดเหี้ยๆ ได้แล้ว! กูกับไอ้ปิงไม่ได้เป็นเหี้ยอะไรกันเลยนะเว้ย!!” ผมพุ่งตรงเข้าไปคว้าคอเสื้อของเพื่อนคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด “ขืนใครยังกล้าแซวหรือพูดหมาๆ แบบเมื่อกี้กับกูอีกล่ะก็ มึงเจอกูแน่!”

“เฮ้ยๆ ไอ้โอบ พวกกูแค่แซวเล่น มึงจะโกรธเหี้ยอะไรของมึงนักหนาเนี่ย!”

“มึงปล่อยคอเสื้อไอ้ต๊อบนะเว้ย ไอ้โอบ มึงเป็นประธานนักเรียนนะเว้ย มึงจะทำเหี้ยอะไรของมึง”

ผมมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนสลับกันแล้วจึงยอมปล่อยมือลง “พวกมึงไม่ว่าหน้าไหน อย่ามาพูดเหี้ยอะไรแบบนั้นกับกูอีก กูไม่ชอบ”

“ครวยเหอะ ถือว่าเป็นประธานนักเรียนแล้วจะทำใหญ่ยังไงก็ได้เหรอวะ ไอ้ควาย!” ไอ้ต๊อบจับคอเสื้อของตัวเองแล้วเดินจากไป

“ไอ้โอบ” ไอ้ปิงที่ยืนอยู่ข้างหลังผมเรียก “ปกติมึงไม่เคยเป็นแบบนี้นะเว้ย”

“มึงยังไม่ต้องมายุ่งกับกูตอนนี้ ไอ้ปิง เรื่องทั้งหมดก็มาจากมึงนั่นแหละ เสือกทำเท่บอกว่าชอบกูต่อหน้าคนอื่นเยอะแยะ แล้วเป็นไงล่ะ ตอนนี้กูกลายเป็นตัวตลกให้คนอื่นนินทา ให้มันล้อกันเป็นเรื่องสนุก ไอ้เหี้ย มึงไม่รู้สึกอะไรมั่งเลยรึไงวะ!” ผมหันไปแหวใส่มัน

“มึงจะบอกว่ากูผิดที่กูบอกรักมึงสินะ...”

ผมอ้าปากจะพูดบางอย่างออกไป แต่ก็พูดไม่ออก

“กูเข้าใจแล้ว เมื่อกี้มึงเองก็พูดมาชัดเจนแล้วนี่หว่าว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เออ มันก็จริงของมึง” ไอ้ปิงเก็บผ้าเช็ดหน้าลงในกระเป๋าเสื้อ “ทุกอย่างกูผิดเอง กูผิดตั้งแต่ที่เสือกแอบชอบมึงมาตั้งนานแล้ว ถ้ากูไม่พูดความรู้สึกของกูออกไปซะ มึงก็คงไม่ต้องรู้สึกอับอายคนอื่นเหมือนอย่างตอนนี้” แววตาของไอ้ปิงแลดูเจ็บปวด ผมไม่เคยเห็นมันมีสีหน้าแบบนี้มาก่อนเลย แต่แล้วจู่ๆ มันก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย และนั่นก็เป็นรอยยิ้มที่ยิ่งทำให้ผมเจ็บหนักยิ่งกว่าเดิมเสียอีก “มึงลืมๆ มันไปซะก็ได้นะเว้ย กูไม่ว่าอะไรหรอก”

“ลืม... อะไร”

“ลืมว่าเราเคยคุยอะไรกันเมื่อคืนก่อน และลืมไปซะเหอะ ว่ากูเคยรักมึง...” เมื่อพูดจบ มันก็เดินเลยผ่านตัวผมไป

“เดี๋ยว ไอ้ปิง” ผมคว้าข้อมือของมันไว้

ไอ้ปิงหยุดและมองมาที่มือของผมแค่เพียงเสี้ยววินาทีหนึ่ง ก่อนจะสะบัดข้อมือออกและเดินออกจากห้องน้ำไป ทิ้งให้ผมยืนอยู่ลำพังพร้อมกับความเจ็บปวดในอกข้างซ้ายราวกับหัวใจเพิ่งจะแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ


ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
เย้ย มันมีดราม่าแบบนี้ ก่อนด้วยเหรอนี้ น่ารวมเอาไปเป็นตอนก่อน วันงานโรงเรียนอะผมว่า

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อะไรกัน มาม่าสเปเชี่ยล
แต่ก็อย่างว่า จะมีสักกี่คนที่รับมือกับกระแสการนินทาและสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนรอบข้างได้อย่างไม่เจ็บปวดชอกช้ำ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ก.พ. เป็นเดือนแห่งความรักต้องหวานๆสิ
อย่าดราม่านานนะ

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
รอติดตามคับ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
S p e c i a l  2

ผมนั่งอยู่คนเดียวบนสแตนด์เชียร์ เหม่อมองไปยังสนามฟุตบอลที่เต็มไปด้วยนักเรียนที่กำลังเล่นฟุตบอล บางคนในนั้นผมก็รู้จัก แต่ผมไม่มีอารมณ์ที่จะไปเล่นกับพวกมันด้วย... ไม่สิ ที่จริงผมไม่มีอารมณ์อยากคุยอยากเห็นหน้าใครเลยมากกว่า เพราะผมยังคงรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนน่ารังเกียจและแปลกแยกไปจากคนอื่น คำพูดที่ผมได้ยินเมื่อเช้ายังคงรบกวนจิตใจของผมจนทำให้ผมแทบเป็นบ้า

“เฮ้ย” เสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ตัวผม

ผมมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่รู้สึกตัวเลยว่าไอ้หมอนี่เดินเข้ามาหาผมตั้งแต่เมื่อไหร่

“จะคุยหรือไม่คุย ไอ้ตูดหมึก”

ผมก้มหน้าลง “มึงรังเกียจกูที่กูชอบผู้ชายรึเปล่าวะ ไอ้นิค”

“โอ๊ยยย จู่ๆ ก็ถามเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย ไอ้...”

“มึงตอบกูมาตรงๆ ชัดๆ ไอ้นิค” ผมพูดขัด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปหามัน “กูซีเรียสนะเว้ย”

ไอ้นิคจ้องตาผมกลับ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ “กูก็ซีเรียส มึงถามอะไรโง่ๆ วะ ไอ้เชี่ยโอบ กู-เป็น-เพื่อน-มึง!” มันเน้นคำ “พวกกูทุกคนคือเพื่อนของมึง เพื่อนกันมันจะรังเกียจกันเพราะเรื่องแค่นี้ได้ไงวะ!”

ผมมองหน้ามันอยู่ครู่หนึ่ง แววตาของมันจริงจัง ดูจะหมายความอย่างที่มันพูดจริงๆ

“ถ้าใครรับสิ่งที่มึงเป็นไม่ได้ ไอ้เหี้ยนั่นไม่ใช่เพื่อนเว้ย อย่าไปเรียกพวกแม่งว่าเพื่อน อีกอย่าง มึงลืมไปรึเปล่าว่าพวกกูก็สงสัยเรื่องของมึงกับไอ้ปิงมาตั้งนานแล้ว ถ้าพวกกูรับสิ่งที่มึงเป็นไม่ได้ พวกกูยังจะคบยังจะคุยกับมึงทั้งสองคนปกติมาตลอดเหรอวะ”

ที่ไอ้นิคพูดมันก็จริง แต่...

“งั้นไอ้คนที่มันใช้คำพูดเหี้ยๆ กับกู มันคือไม่ใช่เพื่อนกูอีกต่อไปแล้วใช่มั้ยวะ”

“มึงเล่าให้กูฟังก่อนดิ๊ว่าเกิดอะไรขึ้น”

ผมเริ่มเล่าทุกอย่างให้ไอ้นิคฟัง เริ่มตั้งแต่สิ่งที่ผมกับไอ้ปิงคุยกันหลังงานโรงเรียนวันนั้น ความสัมพันธ์ของเราสองคน ความรู้สึกทั้งหมดของผม ความเขินอายเวลาที่ถูกพวกมันแซว ไปจนถึงเหตุการณ์ที่ผมเจอเข้ากับฝน และปากเสียงที่ผมมีกับไอ้ปิงและเพื่อนคนอื่นในห้องน้ำเมื่อเย็น ผมพูดทุกอย่างให้มันฟังอย่างหมดเปลือก ซึ่งไอ้นิคก็ฟังอย่างตั้งใจโดยไม่พูดอะไรขัดผมเลยสักคำ

หลังจากที่ผมเล่าจนจบแล้ว เราสองคนก็เงียบกันไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จู่ๆ ไอ้นิคจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ไอ้ควาย!!” มันพูดพร้อมกับตบหัวผมอย่างแรงจนผมหน้าคว่ำ

“โอ๊ยย!!! ทำเหี้ยอะไรของมึง!”

“มึงนั่นแหละ มัวทำเหี้ยอะไรของมึงอยู่ มานี่!” ผมคว้าข้อมือของผมแล้วดึงตัวผมให้ยืนขึ้น

“เฮ้ย! กูเจ็บ!”

“อย่ามาทำสำออย! ลุกมานี่ ตามกูมา” มันลากผมออกจากสแตนด์

“มึงจะลากกูไปไหน! กูเดินเองได้” ผมสะบัดข้อมือออก แต่ไอ้นิคเปลี่ยนเป็นคว้าแขนเสื้อของผมเอาไว้แทน

“หุบปากแล้วตามกูมาเงียบๆ” มันลากผมไปยังหน้าตึกเรียนของเรา ที่ม้าหินตัวหนึ่ง เพื่อนๆ ของเรากำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่หลายคนทั้งผู้หญิงและผู้ชาย และพวกมันก็คือเพื่อนที่สนิทกับผมทั้งนั้น

เมื่อเราเดินเข้าไปใกล้ พวกมันทุกคนก็หยุดคุยและหันมามองผมกับไอ้นิคอย่างพร้อมเพรียงกัน การที่จู่ๆ มันก็เงียบกันลงไปแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกอึดอัดและใจไม่ดีขึ้นเสียเฉยๆ

“พวกมึง กูมีอะไรจะถามหน่อย” ไอ้นิคพูดขึ้นพร้อมกับปล่อยมือออก “ไอ้เชี่ยโอบมันชอบผู้ชาย พวกมึงรู้กันรึยัง”

“เฮ้ย!!” ผมหันไปหาไอ้นิคด้วยความตกใจ คือ สิ่งที่มันพูดก็เรื่องจริงแหละ แต่ผมไม่คิดว่าจู่ๆ มันจะโพล่งออกไปแบบนั้น

จู่ๆ เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นจากกลุ่มเพื่อนของผม “รู้มานานแล้ว ไอ้ควาย!”

“ในโรงเรียนนี้ยังจะมีใครไม่รู้อีกวะ!”

“ใครยังไม่รู้ก็โง่แล้ว”

“เออ รู้มาตั้งแต่ก่อนงานโรงเรียนอีก ไอ้ห่า!”

พวกมันต่างก็แย่งกันพูดขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะ ทำเอาผมเขินจนรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวไปหมด

“เออ ดี แล้วมึงรู้ใช่มั้ย ว่าไอ้โอบมันชอบไอ้ปิงมาตลอด”

“รู้!” คราวนี้พวกมันทุกคนตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน

“เออ! คราวนี้กูซีเรียสจริงๆ ละ ไอ้โอบมันก็ซีเรียส กูอยากให้พวกมึงรู้ไว้เลยว่าสาเหตุที่วันนี้ไอ้เหี้ยนี่มันหน้าเป็นตูด อารมณ์ไม่ดีทั้งวันจนมันทะเลาะกับไอ้ปิง ก็เพราะเรื่องพวกนี้แหละ มันเครียด มันห่วงว่าพวกมึงจะรับมันไม่ได้ รังเกียจมันที่มันชอบผู้ชาย เวลาพวกมึงแซวเหี้ยอะไรมันมากๆ มันก็อึดอัด อันนั้นมุมมองของมันนะ คราวนี้กูขอถามพวกมึงตรงๆ เลย... พวกมึงรังเกียจไอ้โอบกับไอ้ปิงรึเปล่าวะ พวกมึงมองว่าการที่มันชอบกันรักกันเนี่ย เป็นเรื่องผิดปกติรึเปล่า”

คราวนี้ไม่มีเสียงหัวเราะอีกแล้ว ทุกคนต่างก็เงียบลงและมองหน้ากันไปมา จนสุดท้าย ก้อย รองหัวหน้าห้องของเราก็เดินเข้ามาคล้องแขนผม

“ทำไมจู่ๆ แกถึงคิดแบบนั้นวะ โอบ พวกเราไม่มีใครคิดแบบนั้นหรอกนะเว้ย”

“เออ ก็อย่างที่ไอ้ก้อยพูดนั่นแหละ จู่ๆ มึงจะไม่สบายใจไปทำไมวะ พวกกูเป็นเพื่อนมึงนะเว้ย ถ้าพวกกูรับกันไม่ได้ วันนั้นพวกกูจะเชียร์มึงกับไอ้ปิงกันขนาดนั้นเหรอวะ”

“ช่ายๆ อีกอย่าง กูก็บอกไปแล้วว่าพวกกูรู้กันมาตั้งนานแล้ว ที่ผ่านมาพวกกูเคยมีท่าทีรังเกียจพวกมึงสองคนรึไงวะ ไอ้เชี่ยโอบ”

“ชั้นว่าเวลาแกกับไอ้ปิงอยู่ด้วยกันอะ น่ารักกันดีออก” ก้อยหัวเราะเบาๆ

“ใกล้จะเรียนจบแล้ว มึงจะคิดมากไปทำไมวะ ไอ้เชี่ยโอบ” ไอ้โต๊ะลุกขึ้นและเดินเข้ามาหาผมอีกคน มันพลักไอ้นิคออกและกอดคอของผมเอาไว้ “พวกกูรักมึงนะเว้ย และก็มีแต่คนเค้ารักมึงกันทั้งโรงเรียนนั่นแหละ”

“กูว่าไม่จริงอะ” ผมพูดเบาๆ

“อะไรวะ”

ไอ้นิคเดินมาดันตัวไอ้โต๊ะออกแล้วกอดคอผมแทน “ไอ้โอบมันหมายถึงเรื่องอื่นน่ะ พอดีมันเจอคนมาพูดจาเหี้ยๆ ด้วย มันก็เลยนอยด์แบบนี้ไง”

“พูดอะไรวะ” คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินถามขึ้น

“ช่างมันเหอะ แต่ที่แน่ๆ ก็มีเพื่อนเราที่แซวด้วยคำพูดเหี้ยๆ จนทำให้ไอ้โอบมันนอยด์ได้ขนาดนี้ด้วยนั่นแหละ” ไอ้นิคตอบ “กูก็เลยลากมันมาหาพวกมึงนี่ไง ช่วยบอกให้มันรู้ทีว่าเพื่อนๆ ของมันน่ะ คิดยังไงกับมันจริงๆ กันแน่ ไม่ใช่ปล่อยให้มันนอยด์และคิดไปเองว่าไม่มีใครรักมันอยู่แบบนั้น”

“โถๆๆ น่ารักน่าเอ็นดูที่สุด” ก้อยยกมือขึ้นดึงแก้มทั้งสองข้างของผมเบาๆ

ผมเขินจนหน้าแดง เลยสะบัดหน้าออกหลบสายตาของทุกคน

“ว่าแต่... ไอ้ปิงไปไหนวะ” ไอ้นิคถาม

“เลิกเรียนได้แป๊บเดียวมันก็กลับบ้านไปเลย ไอ้นั่นก็ดูอารมณ์ไม่ดีเหมือนกัน”

ไอ้นิคหันมาหาผม “กูว่ามึงรีบไปตามหาผัวมึงซะจะดีกว่านะ”

“ผัวพ่อง!!” ผมตบหัวมันคว่ำ “แต่ก็จริงของมึง ทั้งหมดนี่กูผิดเองอะ ขอโทษมึงและทุกๆ คนด้วยที่งี่เง่าว่ะ ต่อไปกูจะพยายามไม่คิดมากแล้ว”

“เออ รีบไปเหอะ ไปปรับความเข้าใจกันซะ อย่าปล่อยให้เรื่องเหี้ยๆ ของคนอื่นมาทำให้มึงมีปัญหากันเลย”

“ขอบใจมาก ไอ้นิค ขอบใจมากเว้ย พวกมึง แล้วเจอกันพรุ่งนี้ กูไปละ” ผมโบกมือลาพวกมันทุกคนก่อนจะเริ่มออกวิ่ง แต่หลังจากวิ่งไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ก็ถูกไอ้โต๊ะเรียกให้หยุด

“เดี๋ยวก่อน ไอ้โอบ!”

ผมชะงักฝีเท้าลงและหันกลับไปมองด้านหลังของตัวเอง

“พวกกูรักมึงเว้ย และจะไม่มีวันคิดไม่ดีกับมึงเด็ดขาด บอกไอ้ปิงแบบนั้นด้วย” ไอ้โต๊ะตะโกน “ถ้าพวกกูจะปากไม่ดีแซวหนักไปบ้างก็ขอโทษแล้วกัน ส่วนคนอื่นๆ อะ ช่างแม่งเหอะ โอเคปะ”

ผมยิ้มมุมปากน้อยๆ “เออ โอเค”

“ไง เข้าใจอะไรขึ้นบ้างรึยังล่ะ” ไอ้นิคพูดตบท้าย

“เออ เข้าใจแล้ว ขอบใจเว้ย ไอ้โต๊ะ ไอ้นิค ขอบใจพวกมึงทุกคนด้วย” ผมยิ้มให้พวกมัน ในใจก็ตัดสินใจได้แล้วว่าผมควรจะใส่ใจ และไม่ใส่ใจกับเรื่องอะไรบ้าง

ผมขี่รถไปหาไอ้ปิงที่บ้าน แต่แม่มันบอกว่ามันยังไม่กลับบ้านเลย แถมยังนึกว่าอยู่กับผมอีกด้วย ผมเลยไลน์ไปหามัน แต่มันก็ไม่อ่าน พอโทรไป ก็ดันโทรไม่ติด นี่มันโกรธผมขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย ที่ผ่านมามันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ ผมทั้งหงุดหงิดและก็เป็นห่วงมันมาก ผมขี่รถตามหามันจนทั่ว ไม่ว่าจะที่ตลาด ย้อนกลับมาที่โรงเรียนอีกครั้ง ไปดูที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำของเรา สวนสาธารณะ สนามบาส สนามบอล ผมไปทุกที่แต่ก็ไม่เจออยู่ดี จนความกังวลเริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ผมจึงตัดสินใจขี่รถกลับบ้านพลางก็คิดไปตลอดทางว่าจะไปตามหามันที่ไหนได้อีก

“หรือว่ามันจะไปที่นั่นวะ...” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ ขณะกำลังจอดรถที่บ้านของตัวเอง

“อ้าว ไปไหนมาน่ะ โอบ กลับซะมืดค่ำ” แม่เปิดประตูบ้านออกมาต้อนรับผม

“ธุระนิดหน่อยน่ะ แม่ อีกอย่างนี่ก็ยังไม่ค่ำสักหน่อย เพิ่งจะทุ่มกว่าเอง”

“ยังจะมาเถียงอีก เจ้าปิงมันมานั่งรออยู่ตั้งนานแล้วนะ”

“ฮะ! ไอ้ปิง!?”

“ก็ใช่น่ะสิ ไม่เห็นรถมันจอดอยู่หน้าบ้านรึไง” แม่มองหน้าผมตลกๆ

ผมหันกลับไปมอง แล้วก็เห็นรถของไอ้ปิงจอดอยู่จริงๆ ด้วย นี่ผมมัวแต่คิดอะไรอยู่จนไม่ได้สังเกตขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

“แล้วนี่มันอยู่ไหนอะ”

“บนห้องน่ะ อีกสักพักก็ลงมากินข้าวกันได้แล้วนะ แม่ชวนเจ้าปิงไว้แล้ว”

ผมรีบขึ้นบันไดไปยังชั้นสองและตรงไปยังห้องของตัวเอง เมื่อเปิดประตูออกก็เห็นไอ้ปิงกำลังนั่งอยู่หน้าคอมของผม มันหันมายิ้มให้ผมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ไปไหนวะ กลับช้าเชียว”

“กูก็ไปตามหามึงน่ะสิ ไอ้ควาย! นึกว่าหายหัวไปไหน ที่แท้ก็มานั่งแป้นแล้นอยู่นี่!” ผมเดินกระทืบเท้าเข้าไปหามัน “มึงรู้มั้ยกูไปตามหามึงถึงไหนมาบ้าง นี่เมื่อกี้ตอนกำลังจะเลี้ยวเข้าบ้านกูก็คิดแล้วนะว่าจะต้องขี่รถขึ้นดอยไปตามหามึงรึเปล่าเนี่ย”

“แล้วมึงตามหากูทำไม”

“ก็...” ผมชะงัก ไม่รู้จะตอบกลับไปยังไงดี

ไอ้ปิงยิ้มก่อนจะยืนขึ้นและดึงตัวผมเข้าไปกอด “กูขอโทษนะ กูไม่โกรธมึงแล้ว กูรู้ว่าสุดท้ายแล้วยังไงมึงก็รักและเป็นห่วงกูอยู่เสมอว่ะ” มันดันตัวผมออกและจ้องเข้ามาในดวงตาของผม “มึงจะโกรธ จะเหวี่ยงกูยังไงก็ได้ กูไม่ว่าอะไรแล้ว มึงไม่พอใจอะไรก็ระบายออกมาเลย กูจะรับฟังและเข้าใจทุกอย่าง กูอยากให้เวลาที่เหลืออยู่ของเรามีแต่ความทรงจำดีๆ ก่อนที่เราต้องแยกย้ายกันไปว่ะ ไอ้โอบ”

ทำไมมันถึงเป็นคนดีและใจเย็นได้ขนาดนี้วะเนี่ย

ผมยกมือขึ้นกอดมันตอบ “ทำไมใครๆ ก็ชอบพูดกันจังวะ ไอ้คำว่า ‘แยกย้าย’ เนี่ย กูไม่เห็นชอบเลย”

“แต่มันคือความจริงนี่...” ไอ้ปิงเกยคางลงบนไหล่ของผม “ถึงเราจะไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่... กูรักมึงมากนะไอ้ปิง มึงมีอะไรไม่สบายใจ มึงเล่าให้กูฟังได้มั้ย”

“กูขอโทษที่ทำตัวงี่เง่าไปเมื่อตอนกลางวันนี้ ไอ้ปิง กูผิดเอง กูยอมรับ กูสัญญาว่าต่อจากนี้ไปกูจะเล่าให้มึงฟังทุกอย่างเลย แต่ก่อนอื่น...” ผมดันตัวของมันออกและตบหัวมันเบาๆ ทำเอาไอ้ปิงหน้าเหวอ “ทำไมมึงถึงปิดมือถือ!”

“กูไม่ได้ปิด แต่แบ็ตกูหมด! กูถึงได้มาหามึงที่บ้านไง เพราะกูก็นึกว่ามึงกลับบ้านไปตั้งนานแล้วอะ” มันพูดไปพลางลูบหัวตัวเองไปพลาง

“งั้นก็แล้วไป...” ผมยิ้มให้มัน “กูก็รักมึงนะ ไอ้ปิง รักมากด้วย กูจะไม่ให้ใครมาทำให้ใจของกูต้องหวั่นไหวอีกแล้ว กูสัญญา”

“ใครมาทำให้มึงหวั่นไหวอะไรวะ มึงมีคนอื่นเหรอ” ไอ้ปิงหน้าเสียทันที

“จะบ้าเหรอ! ไอ้ง่าว! เดี๋ยวกูมาเล่าให้ฟัง ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่จะรอ”

หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว ผมกับไอ้ปิงก็ขึ้นมานั่งคุยกันบนห้อง ผมเล่าให้มันฟังทุกอย่างตามที่รับปากไว้ ถึงแม้นี่จะเป็นการเล่าซ้ำเป็นครั้งที่สองแล้วก็ตาม แถมด้วยผมต้องเล่าสิ่งที่คุยกับไอ้นิคและเพื่อนคนอื่นๆ ให้มันฟังอีก ดังนั้นเมื่อเล่าจนจบแล้วผมจึงรู้สึกเหนื่อยจนต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ก็แบบนั้นแหละ แต่ตอนนี้กูก็ทำใจได้แล้วว่ะ กูไม่อยากให้ความคิดต่ำๆ ของใครมาทำให้ใจกูหวั่นไหวอีกแล้ว เพราะกูรู้แล้วว่ามึงรักกู และเพื่อนๆ ก็รักกู ถ้าใครคนอื่นนอกเหนือจากนั้นมันจะมองกูไม่ดี กูก็จะไม่สนใจแล้วว่ะ”

“ขอบใจมาก ไอ้โอบ ขอบใจที่เล่าให้กูฟัง และขอบใจที่มึงคิดแบบนั้นด้วย” มันจับมือผม “ต่อจากนี้เราอาจจะต้องเจอคนอื่นแซว หรือคนอื่นพูดไม่ดีใส่อยู่บ้าง แต่เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะเว้ย ถ้ามึงมีอะไรไม่สบายใจเมื่อไหร่ก็ให้รีบมาบอกกู รู้ป่าว”

“เออ รู้แล้ว ก็กูสัญญากับมึงไปแล้วไง” ผมยิ้มให้กับมัน เป็นรอยยิ้มที่ผมรู้สึกเต็มใจยิ้ม และยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดเท่าที่ผมมีตลอดทั้งวันด้วย

“ไอ้โอบ กูขออะไรมึงอีกอย่างดิ นะๆๆ” มันทำหน้าอ้อน

“ขออะไร”

“ขอกูจูบมึงทีนะ จูบแบบ... จูบจริงๆ อะ” ไอ้ปิงพูด ก่อนที่จะโน้มเข้ามาหาผม

“เฮ้ย! เดี๋ยวๆๆๆ” ผมรีบเอนตัวหลบริมฝีปากของมันทันที

“ทำไมอะ หลบทำไมวะ” มันนิ่วหน้า

“กูยังไม่ได้ทำใจเลย”

“โห่ ไรวะ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยเหอะ”

“ครั้งก่อนมันแค่จุ๊บเบาๆ เองนะเว้ย แต่เมื่อกี้มึงบอกว่าจะจูบแบบ... จูบจริงๆ อะ กูยังไม่ได้เตรียมใจเลย”

“แล้วต้องเตรียมใจยังไงบ้าง จะใช้เวลานานมั้ยเนี่ย”

“ไม่... เอ่ออ... ไม่นานหรอก” ผมหลบตา “ขอแค่กูไปแปรงฟันแป๊บเดียวก็พอ”

ออฟไลน์ Magis

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
แหนะมีการเตรียมความพร้อมด้วย ขอ deep kiss หนักๆ จนกลายเป็น nc เลยได้มั้ยพี่ต้น  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
แปรงฟันไม่พอ ต้องอาบน้ำด้วย //โดนตบ

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :impress2: คู่นี้น่ารักจริงๆ มุ้งมิ้งกันเบาๆ

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
ปิง โอบ น่ารักมากครับ

ออฟไลน์ loveyous

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
    • Aphrodite Shop
น่ารักมากครับ

ออฟไลน์ มะฮอกกานี

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านไป ได้กลิ่นหอมของช๊อกโกแลต ไปด้วย

ขอบคุณนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด