มาอัพแล้วค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ ได้อ่านคอมเม้นท์ของทุกคนเลย ดีใจที่ชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ ถ้ามีข้อผิดพลาด หรือคำผิดใดๆ ก็ขออภัย ณ ทีนี้ด้วยค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ 
# อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#
ตอนที่ 48
ออกตามหา...
“กี่โมงแล้ววะ?” ไทป์พึมพำพลางลุกขึ้นมา ขยี้หัวตนเองอย่างเรียกสติ มองนาฬิกาที่ตอนนี้จะเก้าโมงแล้ว
“เหี้ย...ต้องไปตามไอ้เอย” ไทป์นึกขึ้นได้ ก่อนที่จะรีบไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยความเร็วแสง
สิ่งแรกที่ไทป์นึกได้ตอนนี้คือไปหากวิน คงต้องบอกกวินว่าเอยหายไปแล้ว อย่างน้อยกวินจะต้องออกตามหา เผลอๆกวินอาจจะรู้ก็ได้ว่าเอยไปที่ไหน อย่างน้อยทั้งสองคนก็เป็นแฟนกัน ไทป์ขับไปยังเส้นทางที่พอจะจำได้จากเมื่อคืน ไปยังบ้านของกวิน ในที่สุดก็มาถึงบ้านของกวินเสียที
ไทป์บีบแตรเสียงดัง ก็มีคนรีบวิ่งมาเปิดรั้วบ้านให้ ไทป์ขับรถเข้าไป อาจจะเพราะผู้รักษาความปลอดภัยของบ้านกวินจำรถของไทป์ได้ เลยให้ไทป์เข้ามาได้
“ไอ้กวิน ตื่นยังวะ?” ไทป์บ่นๆ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้าน
“มาหาใครคะ?” เด็กรับใช้ถาม
“ไอ้กวิน” ไทป์บอก
“เชิญรอสักครู่นะคะ” เด็กรับใช้บอก ก่อนที่จะนำไทป์มานั่งที่ห้องรับแขก
“นั่นเพื่อนของเอยใช่ไหม?” เสียงของคุณวิดาถามขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาหาไทป์
“สวัสดีครับ กวินมันเป็นยังไงบ้างครับ?” ไทป์ถาม
“เมื่อคืนอยู่ในห้องน้ำจนเกือบเช้า ตอนนี่น่าจะเพลียมาก” คุณวิดาบอก เมื่อคืนทั้งกฤศและกรินต่างไม่ได้นอนเพราะเฝ้ากวินทั้งคืนเช่นกัน
“คือผมมีเรื่องจะต้องบอกมันครับ” ไทป์ว่า
“เรื่องอะไรเหรอลูก แล้วเอยเป็นยังไงบ้าง?” คุณวิดาถาม
“ก็เรื่องไอ้เอยนั่นแหละครับ...มันหายไปไหนก็ไม่รู้” ไทป์พูด พลางแสดงสีหน้ากลัดกลุ้ม
“เอยหายไป?” คุณวิดาตกใจถามเสียงดังพอควร
“ครับ เมื่อคืนผมกลับบ้านไปแต่มันก็ไม่อยู่ ผมเลยไปบ้านมัน ปรากฏว่าแม่ของมันบอกว่าออกไปแล้ว ออกไปไหนก็ไม่บอก รู้แค่ว่าเก็บเสื้อผ้าไปด้วย บอกว่าขอไปพักผ่อน” ไทป์บอก
“เอย....โธ่เอ้ย” คุณวิดาถอนหายใจออกมา
“ผมออกตามหาทั้งคืน แต่ก็ไม่เจอ นี่ผมก็ว่าจะมาบอกกวินมัน เผื่อกวินมันจะพอรู้ว่าเอยไปไหนได้บ้าง” ไทป์พูด
“พูดอะไรกัน?”
กวินที่เดินลงมาจากห้อง ใบหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด เอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว เพราะได้ยินแว่วๆว่าเอ่ยชื่อเอยด้วย คุณวิดามองหน้ากวิน ก่อนที่จะมองหน้าไทป์
“เอย...หายไปไหนไม่รู้ว่ะ ทั้งๆที่กูยังไม่ทันจะบอกเรื่องของมึงเลย” ไทป์บอก กวินเบิกตากว้างขึ้น
“หายไป...หายไปได้ยังไง?” กวินถาม น้ำเสียงดูจะร้อนรนไม่น้อย
“มันไม่บอกแม่ว่าไปไหน กูตามหาทั้งคืนก็ไม่เจอ รู้แค่ว่าเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไป” ไทป์บอก กวินรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที
“มึงจะไปไหนวะ?” ไทป์ถาม
“กวิน จะทำอะไรลูก?” คุณวิดาถาม
“จะไปหาเอย” กวินบอก ก่อนที่จะไปหยิบกุญแจรถ แล้วตรงไปยังโรงรถทันที
“มึงจะไหวเหรอวะ ดูสภาพมึงยังไม่ดีขึ้นเลยนะ” ไทป์ลุกตามร้องถามขึ้น
“นั่นสิกวิน เดี๋ยวพวกเราจะช่วยกันตามหา อย่าวู่วามทำอะไรคนเดียวสิ” คุณวิดาว่า
“......” กวินไม่พูดอะไร แต่ก็ขึ้นรถไปแล้ว และขับออกไปอย่างรวดเร็วที่สุด
“ให้ได้อย่างนี้สิวะ” ไทป์สบถออกมา ก่อนที่จะรีบขึ้นรถขับไปทางที่กวินขับออกไป
กวินขับรถไป ทั้งที่ยังคงรู้สึกปวดหัว แต่เมื่อได้ยินจากปากของไทป์รู้สึกว่าตนเองกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกใจคอไม่ดี ไม่สามารถควบคุมตนเองได้อย่างที่ผ่านมา เมื่อได้ยินว่าเอยหายตัวไป
“เอย...ไปอยู่ที่ไหน?” กวินพูดขึ้นมา ก่อนที่จะไปในที่ๆคิดว่าเอยจะไป ออกตามหาทั้งที่ไม่รู้จะจับต้นชนปลายอย่างไร แต่กวินก็ยังคงไม่ละความพยายามที่จะตามหาเอย จะให้เอยเข้าใจผิดอย่างนี้ไม่ได้
รู้สึกอยากโทษตนเองที่ไม่ระมัดระวังตนเองให้มากกว่านี้ จนเปิดช่องว่างให้มินตราทำเรื่องเช่นนั้นได้ ยับยั้งอารมณ์ความโมโหในตอนนั้นเอาไว้ไม่ได้ จนปล่อยให้เอยหลุดลอยออกไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรให้กระจ่าง ยอมรับเลยว่ารู้สึกเหมือนหัวใจเหมือนถูกบีบในขณะนี้ รู้สึกเหมือนเอยจะไม่อยากเจอหน้าตนอีกแล้ว กวินได้แต่กล่าวโทษตนเองอยู่อย่างนั้น พร้อมกับขับรถตามหาเอยอย่างไม่ลดละ ไปทั่วทั้งกรุงเทพ...
...
..
.
เอยสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมา รู้สึกปวดหัวไม่น้อย เหมือนร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะเพิ่งมานอนตอนเช้าแบบนี้ เอยลุกขึ้นมาช้าๆ มองนาฬิกาที่แขวนที่ฝาผนัง เป็นเวลาเกือบจะสิบโมงแล้ว วันนี้เป็นวันอาทิตย์ เอยยังไม่อยากกลับ ยังอยากอยู่กับตนเองอีกสักพัก จึงคิดจะโทรเอกภพเพื่อลางาน และต้องโทรบอกพี่แปงเพื่อฝากงานที่ค้างๆไว้ ส่วนพี่ขาว เอยไม่อยากให้พี่ขาวเป็นห่วง อีกทั้งพี่ขาวต้องเอาแต่ถามถึงเรื่องนั้นแน่ๆ
เอยเปิดโทรศัพท์ พบว่ามีหลายสายติดต่อเข้ามา ส่วนมากจะเป็นไทป์และ..กวิน เอยไม่รอช้ารีบโทรหาเอกภพเพื่อลางาน แม้เอกภพจะถามถึงสาเหตุ เอยก็โกหกว่าญาติเสีย เอกภพจึงยอมให้ลา ระหว่างที่เอยโทรคุยกับเอกภพนั้น มีสายซ้อนเข้ามามากมาย ทั้งกวินทั้งไทป์ แต่เอยไม่คิดจะรับ จากนั้นก็รีบโทรหาพี่แปงต่อ รอสายเพียงไม่นานนักพี่แปงก็รับสาย
“เอย...” เสียงพี่แปงราวกับเพิ่งตื่น
“พี่แปง ผมรบกวนรึเปล่าครับ?” เอยถาม
“ไม่จ้ะ มีอะไรรึเปล่า?” พี่แปงถามกลับ
“พี่แปง ผมจะลางานหนึ่งอาทิตย์ครับ” เอยบอก
“ลางาน ตั้งอาทิตย์เลยเหรอเอย” เสียงพี่แปงดูจะตื่นเต็มตาขึ้น
“ผมมีธุระที่จะต้องทำครับ ฝากงานด้วยนะครับ” เอยบอก
“แล้วเอยบอกหัวหน้ารึยัง?” พี่แปงถาม
“บอกแล้วครับ” เอยพูดเท่านั้น
“ได้ๆ เดี๋ยวพี่จัดการให้” พี่แปงว่า
“ขอบคุณครับ” ก่อนที่จะรีบวางสาย และโทรหาแม่ต่อ กวินและไทป์ยังคงโทรเข้ามา
“แม่ครับ เอยถึงแล้วนะครับ” เอยบอกแม่ไปเช่นนั้น
“ถึงไหนลูก?” แม่ของเอยถาม
“ไม่ไกลจากกรุงเทพครับ” เอยตอบ
“เอย..สบายใจเมื่อไหร่ก็รีบกลับมานะลูก หลายคนที่นี่เขาเป็นห่วง” แม่ของเอยบอก
“ครับ ไม่นานผมจะกลับไป” เอยบอก ก่อนที่จะวางสาย ทันทีที่วางสาย ก็มีสายเข้ามาทันที เป็นกวินที่โทรมา เอยรีบตัดสาย ทั้งที่ใจรู้สึกใจสั่นไหวไม่น้อย ก่อนที่รีบปิดเครื่องเหมือนเดิม
รู้ดีว่าทำเช่นนี้เหมือนคนปิดหูปิดตา ไม่เผชิญหน้า ไม่กล้าจะรับฟัง หรือแม้จะฟังเหตุผลหรือคำอธิบายใดๆทั้งนั้น เอยเชื่อในสิ่งที่ตนเองเห็น อาจจะฟังดูเป็นคนไร้เหตุผล เอยก็จำยอมรับตนเอง เพราะอ่อนแอเกินว่าจะรับรู้สิ่งใดๆได้
ยอมรับ...เอยไม่มีความมั่นใจใดๆเลย แม้กระทั่งกวินจะบอกรัก หรือแสดงถึงความรู้สึกต่างๆที่บ่งบอกว่าต้องการ ที่ผ่านมาเอาแต่คิดตลอดว่าที่กวินมารักตนเพราะอะไร ที่ได้ตกลงเป็นแฟนเพราะสิ่งใดกันแน่ ไร้ซึ่งความเชื่อมั่นใดๆทั้งสิ้น นั่นคือสิ่งที่อยู่ลึกๆภายในใจของเอย ที่ไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้เลย
เอยเดินออกมาจากห้องพัก เดินออกไปหาอะไรทาน แม้ปากจะยังไม่หิว แต่ดูเหมือนท้องเริ่มร้องประท้วง เอยจึงเดินหาร้านอาหารที่ดูเงียบๆ สุดท้ายลงเอยที่ร้านกาแฟ เพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะทานข้าว เอยจึงดื่มกาแฟและทานขนมเล็กๆน้อยๆแทน
นั่งไปเรื่อยๆ พลางมองไปยังนอกร้าน เห็นผู้คนเดินผ่านไปมา ยังคงรู้สึกหนักอึ้งในใจอย่างบอกไม่ถูก แม้ภาพของกวินและมินตราในเมื่อคืนไม่ได้ตามมาหลอกหลอนแล้ว แต่ยังรู้สึกแย่อยู่ดี ยังคงสับสน ยังคงไม่เข้าใจ ยังคงไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำสิ่งใดก่อน เอยถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะมองไปยังวิวทะเลที่อยู่เบื้องหน้า ปล่อยให้จิตใจล่องลอยออกไปอย่างไม่คิดจะดึงมันกลับมา...
...
..
.
ด้านไทป์ที่ขับรถคลาดกับกวินแล้ว เพราะกวินขับเร็วเกินไป อีกทั้งเมื่อครู่มีข้อความส่งเข้ามาว่าติดต่อเอยได้แล้ว จึงจอดรถและพยายามโทรหาเอย แต่สายกลับไม่ว่าง และเพียงไม่นานเครื่องก็ปิดไปอีกแล้ว ไทป์จึงเลือกที่จะโทรหาพี่ขาว เพราะเป็นอีกคนที่รู้เรื่องของเอย
“พี่ ผมไทป์เอง ไอ้เอยมันโทรพี่บ้างไหม?” ไทป์ถาม
“ไม่นะ แล้วเอยเป็นยังไงบ้าง?” พี่ขาวถาม
“ไอ้เอยหายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วพี่” ไทป์บอก
“อะไรนะ? หายไปไหน?” พี่ขาวถาม
“ผมก็ไม่รู้ นี่ผมกับไอ้กวินก็ตามหากันอยู่” ไทป์บอก
“เดี๋ยวผมจะช่วยอีกคน” พี่ขาวว่า ก่อนที่จะวางสายไป
ไทป์จนแก่ปัญญา เพราะไม่รู้จะไปหาเอยได้ที่ไหน สุดท้ายจึงเลือกที่จะไปหาแม่ของเอยอีกครั้ง แม่ของเอยอยู่บ้าน แปลว่าวันนี้ไม่ได้ขายข้าวแกง
“แม่ ไทป์เองครับ” ไทป์กดออด ก่อนที่จะตะโกนเรียก แม่ของเอยออกมาเปิดประตู ไทป์เดินเข้าไปในบ้าน ก่อนที่จะนั่งลงที่โซฟาหน้าทีวี
“ไอ้เอยมันโทรมาไหมครับแม่?” ไทป์ถามทันทีอย่างไม่ให้เสียเวลา
“โทรมาเมื่อครู่เองลูก...เอยไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพ” แม่ของเอยบอก
“มันบอกอย่างนั้นเหรอครับ?” ไทป์ถาม พลางถอนหายใจ ออกจากกรุงเทพแบบนี้ คราวนี้คงได้งมเข็มในมหาสมุทรแน่ๆ
“แม่ถามแล้ว แต่เอยบอกแค่นั้นลูก”
“แม่คิดว่าอย่างมันจะไปไหนได้บ้างครับ?” ไทป์ถามอย่างจนปัญญา
“แม่ก็นึกไม่ออก เพราะเอยไม่เคยพูดเลยว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน?” แม่บอก
ไทป์นั่งนึกอยู่ จู่ๆได้ยินเสียงกดออดหน้าบ้าน แม่ของเอยจึงลุกไปเปิด พบว่าเป็นกวินที่มา แม่ของเอยเห็นหน้ากวิน ที่ดูซีดเซียวราวกับคนหมดเรี่ยวแรง
“กวิน ไม่สบายรึเปล่า?” แม่ของเอยถาม
“แม่ครับ....ผมขอโทษ” กวินยกมือไหว้ เพราะตนแท้ๆที่ทำให้เอยหายตัวไปแบบนี้
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย เข้ามาในบ้านก่อน” แม่ของเอยว่า กวินที่เดินเข้ามาในบ้าน และนั่งลงถัดไปจากไทป์
“ไอ้กวิน...ไอ้เอยไม่ได้อยู่ในกรุงเทพว่ะ” ไทป์บอก
“ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพเหรอ?” กวินถามย้ำ
“เออ..มันโทรบอกแม่อย่างนั้น” ไทป์พูด
“เอย....อยู่ที่ไหน?” กวินพึมพำขึ้นมาพลางลูบใบหน้าตนเอง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” แม่ของเอยถาม เพราะดูจากสีหน้าของกวินแล้วก็พอจะมองออกว่าทั้งสองต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ
“มีเรื่องเข้าใจผิดนะครับ ไอ้เอยไม่อยู่รอฟังความจริง เล่นบทนางเอกเก็บเสื้อผ้าหนีเสียอย่างนั้น” ไทป์บอก
“เอยดูเศร้าๆ ตอนที่มาบอกแม่เมื่อคืน” แม่ของเอยพูด
“มันเป็นความผิดผมเอง” กวินว่า
“มึงเลิกโทษตัวเองเถอะ ใครจะไปคิดว่ามันบังเอิญขนาดนั้นวะ ช่างเถอะ มาหาทางกันดีกว่าว่าไอ้เอยมันจะไปอยู่ไหน” ไทป์พูดพลางมองหน้ากวิน
“ลองขึ้นไปที่ห้องเอยไหมลูก เผื่อจะรู้อะไรบ้าง” แม่ของเอยบอก
“นั่นสิ ไปดูเผื่อจะรู้” ไทป์ว่า ก่อนที่จะขึ้นห้องเอยไป กวินจึงเดินขึ้นตามไปด้วย
ห้องของเอยไม่ต่างจากที่กวินเคยมาครั้งนั้น ยังคงดูเรียบง่าย ข้าวของจัดวางอย่างเข้าที่ มีกลิ่นหอมอ่อนๆซึ่งเป็นกลิ่นของเอยฟุ้งไปหมด กวินสูดลมหายใจเข้าช้าๆ รู้สึกคิดถึงเหลือเกิน ทั้งที่เพิ่งห่างกันแท้ๆ ไทป์เริ่มรื้อข้าวของ เผื่อเจอสิ่งที่จะบ่งบอกว่าเอยไปไหนบ้าง
“อยู่กับมึงมันเคยบ่นว่าอยากไปเที่ยวไหนไหมวะ?” ไทป์ถาม
“ไม่” กวินตอบสั้นๆ พลางมองหนังสือที่อยู่บนชั้น จากการที่อยู่ด้วยกัน กวินพอจะรู้ว่าเอยชอบอ่านหนังสือ กวินมองหนังสือแต่ละเล่ม และเจอหนังสือท่องเที่ยวอยู่เล่มหนึ่ง
“เที่ยวง่ายๆใกล้กรุงเทพ” ไทป์เป็นคนอ่านชื่อหนังสือเล่มนั้น ทั้งที่มันอยู่ในมือของกวิน
“เปิดสิวะ” ไทป์พูดขึ้น กวินจึงเปิดหนังสือออก พบว่าบางหน้าเอยเอาคลิปกระดาษคั่นหน้าเอาไว้
“จากที่กูดูๆกูว่าพัทยา เพราะมันเคยไปกับกูกับดาว” ไทป์พูด กวินส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
“หัวหิน...” กวินพูดแค่นั้น
“ทำไมมึงคิดว่าหัวหิน” ไทป์ถาม
“ดูจากการอ่าน ตรงหน้าการเที่ยวของหัวหินถูกอ่านเยอะที่สุด” กวินพูด
“ไหนวะ?” ไทป์พยายามดู แต่ก็ดูไม่ค่อยออก
“สรุปจะเอาไง?” ไทป์ถามขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นแยกกันคนละที่” กวินว่า
“กูไปพัทยาแล้วกัน มึงก็ไปหัวหิน” ไทป์ว่า
“แต่เดี๋ยว....เอาเบอร์มึงมา เดี๋ยวถ้ากูเจอกูจะโทรมาบอก” ไทป์พูดอีก
กวินจึงจำยอมให้เบอร์กับไทป์ อย่างน้อยถ้าใครจะเจอก่อนก็จะได้โทรบอกกัน ระหว่างที่ไทป์กำลังบันทึกเบอร์ ดันมีคนโทรเข้ามา
“พี่ ว่าไง?” พี่ขาวเป็นคนโทรมา
“เอยโทรไปบอกพี่แปงเรื่องฝากงานเพราะจะลางานหนึ่งอาทิตย์” พี่ขาวบอก
“จริงเหรอ....ไอ้กวิน ไอ้เอยโทรไปหาพี่ที่ชื่อแปงว่ะ” ไทป์พูดกับพี่ขาว ก่อนที่จะพูดกับกวิน
“อย่างนั้นเหรอ แล้วเอยบอกอะไรอีก?” กวินถาม
“เออ...พี่ มันบอกอะไรอีกไหม?” ไทป์ถามตามกวิน
“ไม่แล้วนะ โทรไปบอกแค่นั้น” พี่ขาวบอก
“ขอบคุณมากพี่” ไทป์ว่า ก่อนที่จะวางไป
“ไอ้เอย อย่าให้เจอนะ กูจะตบกบาลให้” ไทป์ว่า กวินมองไทป์ด้วยสายตาไม่ชอบใจนัก
“ไม่ต้องมองกูตาขวางเลย แฟนมึงแม่งยังกับนางเอก” ไทป์ว่า
กวินไม่พูดอะไรก่อนที่จะเดินออกจากห้อง จุดมุ่งหมายที่จะไปคือหัวหิน ไปทั้งที่ไม่มีความแน่ใจว่าเอยจะไปที่นั่นหรือไม่ แต่ก็ต้องลองเสี่ยงดู...
...
..
.
ตอนนี้เริ่มเย็นแล้ว เอยยังคงไม่กลับเข้าไปในห้อง ยังคงเดินเล่นเรื่อยๆ เพราะที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ เอยนั่งรถตุ๊กตุ๊กเข้าออกหลายๆซอย ชมนั่นชมนี่แม้ใจใจจะยังรู้สึกโหวงอยู่ก็ตาม แต่ก็ยังเดินเล่นเรื่อยเปื่อย มาสุดท้ายก็มานั่งอยู่ที่ริมหาด มองดูแสงอาทิตย์ที่เริ่มส่องประกาย ท้องฟ้าสีม่วงอ่อนๆระบายเต็มท้องฟ้า
จู่ๆก็นึกถึงกวินขึ้นมา น้ำตาทำท่าจะไหล วันนี้ทั้งวันคิดว่าตนเองเข้มแข็งพอแล้ว แต่พอเอาเข้าจริงๆ เอยก็ยังเป็นเอย เป็นเอยที่อ่อนแอและไม่กล้าเผชิญหน้าต่อความจริง เอยนั่งอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจนในที่สุดก็ท้องฟ้าก็มืดมิดแล้ว
เอยกลับไปยังห้องพักอีกครั้ง เข้าไปหยิบหนังสือการท่องเที่ยวเล่มนั้นขึ้นมา มองหาสถานที่ที่จะเดินได้ในค่ำคืนเพื่อไม่ให้คิดอะไรฟุ้งซ่านอีก สรุปเอยจึงเลือกจะไปตลาดโต้รุ่ง เดินหาของกิน ดูของที่ระลึกไปเรื่อยๆ
ผู้คนเยอะแยะมากมาย ข้าวของเรียงรายข้างทาง ทำให้เอยได้มองได้ชม และไม่ค่อยคิดมากเหมือนเมื่อตอนเช้าอีกแล้ว เอยเดินไปเรื่อยๆจนตอนนี้เริ่มดึกแล้ว ขาก็เริ่มล้าจึงนั่งรถตุ๊กตุ๊กกลับไปยังที่พัก
กลับมาถึงห้องก็อาบน้ำ เปิดทีวีนอนนิ่งๆอยู่บนเตียง นอนขบคิดถึงเรื่องราวต่างๆ คิดถึงช่วงเวลาดีๆที่ได้อยู่กับกวิน ช่วงเวลาที่ความสุขราวกับได้ล่องลอย ถ้อยคำกระซิบเบาๆที่หู การกระทำทั้งหลายของกวิน
“จะทำยังไงดี”
เอยถามตนเองเบาๆ รู้ดีว่าตนรักกวินมาก มากว่าที่คาดคิดเอาไว้เสียอีก จะทำอย่างไรให้เรื่องทุกอย่างมันกระจ่าง หรือจะต้องกลับไปเผชิญหน้า ต้องกลับไปสะสางความรู้สึกที่หมด และต้องยอมรับความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว เอยจึงกดปิดทีวี หยุดคิดเรื่องราวต่างๆ ปล่อยให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปแล้วแต่สิ่งที่มันจะเกิดขึ้น เอยหลับตาลง เพื่อให้จิตใจสงบ ก่อนที่จะหลับไป...
...
..
.
กวินมาถึงหัวหินแล้ว และเริ่มตามหาทีละโรงแรม แต่ฉุกคิดได้ว่าเอยเป็นพวกประหยัด ไม่มีทางจะพักโรงแรม นอกจากห้องพักธรรมดาหรือเป็นเกสท์เฮ้าส์น่าจะเป็นไปได้ กวินจึงเริ่มตามหาไปทีละที่
“ขอโทษครับ มีแขกที่ชื่อพีระนัม ทิศวงษ์ ไหมครับ?” กวินบอกชื่อเอย นี่เป็นที่ที่สิบแล้วที่ตามมา
“รอสักครู่นะคะ” พนักงานบอก
“ไม่มีค่ะ” เธอตอบเช่นนั้น
กวินจึงต้องตามหาต่อไปอีกสองสามแห่งในบริเวณนี้ จนมาถึงที่สุดท้ายในบริเวณนี้ เป็นเกสท์เฮ้าส์เล็กๆที่อยู่ริมทะเล กวินคิดไว้ว่าหากหาไม่เจอ คืนนี้จะตัดสินใจพักที่นี่ก่อน แล้ววันรุ่งขึ้นถึงจะค่อยตามหาอีก
“ขอโทษนะครับ มีแขกชื่อพีระนัม ทิศวงษ์มาพักที่นี่ไหมครับ?” กวินถาม
“รอสักครู่นะคะ” พนักงานบอกเช่นนั้น กวินเตรียมใจไว้แล้วว่าที่นี่คงจะไม่มีแน่ๆ
“มีค่ะ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับแขกของเราเหรอคะ?” เธอบอกเช่นนั้น ความหวังที่ตอนแรกริบหรี่กลับส่องสว่างขึ้น
“มีอย่างนั้นเหรอครับ เขาอยู่ห้องไหน?” กวินถาม
“เอ่อ....คงบอกไม่ได้ค่ะ เราต้องขออนุญาตแขกก่อน” เธอบอกเช่นนั้น
“แล้วตอนนี้ที่นี่มีห้องว่างรึเปล่า?” กวินถาม นี่คงจะเป็นทางเดียวที่จะเข้าไปหาเอยได้
“มีค่ะ” เธอบอก
“ถ้าอย่างนั้นเปิดห้องเลยครับ” กวินว่า ระหว่างที่เธอกำลังหันไปหยิบกุญแจข้างหลัง กวินสบโอกาสรีบชะโงกหน้าดูรายชื่อแขกที่อยู่ในสมุด เห็นชื่อของเอยอยู่ล่างๆห้องหมายเลขยี่สิบเอ็ด
“เขียนชื่อตรงนี้ค่ะ” เธอหันกลับมาและหยิบสมุดเล่มนั้นแต่เปิดหน้าใหม่ให้กวิน ราวกับว่าไม่อยากให้กวินเห็นชื่อของเอย กวินเขียนชื่อเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่จะเดินตามเธอไปยังห้องพักของตนเอง
กวินได้ห้องหมายเลขยี่สิบห้า ถัดไปจากห้องของเอยสามห้อง กวินรับกุญแจก่อนที่จะเข้าห้องไป และเมื่อรู้สึกว่าพนักงานคนนั้นไปแล้ว กวินจึงรีบออกจากห้อง แล้วไปเคาะห้องหมายเลขยี่สิบเอ็ด ซึ่งเป็นห้องของเอย
เอยได้ยินเสียงเคาะ ทำให้สะดุ้งตื่นขึ้นมา เอยที่ยังคงงัวเงียจึงเดินไปเปิดประตูอย่างมึนงง จนลืมไปว่านี่ไม่ใช่ที่บ้าน
“แม่เหรอครับ?” เอยถามขึ้นเบาๆ อย่างไม่ค่อยมีสติ มือนั้นยังคงขยี้ตา เมื่อเปิดประตูขึ้นเห็นคนตรงหน้า เอยพยายามจ้องมอง ก่อนที่จะได้สติ ดวงตาเบิกกว้างขึ้น
“คุณ...กวิน”
+++++++++++++++++++++++++++++++++