ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ อ่านแล้วก็เข้าใจเลยค่ะ คนอ่านอินกันมากจริงๆ ฮ่าๆ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ถ้าตอนนี้มีคำผิด หรือพลาดอะไรตรงไหน ก็ขออภัย ณ ทีนี้ด้วยนะคะ 
# อย่าบอกใคร...ว่า...ฉันรักเธอ?#
ตอนที่ 47
วันสุดท้าย....
ในที่สุดเอยก็มาถึงบ้าน ตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้ว เอยไขกุญแจเข้ามาในบ้าน ทั้งบ้านมืดมิดเพราะแม่ปิดไฟ เอยคลำทางเข้าไป ก่อนที่จะขึ้นบันไดไปถึงห้องของตนเอง
นั่งลงบนเตียงอย่างรู้สึกหมดเรี่ยวแรง นั่งทบทวนครุ่นคิดถึงความรู้สึกที่เจ็บปวดของตนเองที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ ผ่านไปสักครู่ เอยจึงลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋าเป้ ก่อนที่จะเก็บเสื้อผ้าสองสามชุดใส่ลงไปในกระเป๋าพร้อมของใช้ที่จำเป็น จากนั้นเดินไปเคาะประตูหาแม่
“แม่...” เอยเรียกเท่านั้น มีเสียงกุกกักดังขึ้น ก่อนที่แม่จะเปิดประตูออกมา
“เอย...กลับมาแล้วเหรอ?” แม่ถามพลางขยี้ตา เพราะถูกปลุกให้ตื่น
“แม่ครับ...ผมจะเที่ยวที่ไหนสักแห่งนะครับ เดี๋ยวผมจะกลับมา” เอยบอกอย่างนั้น
“จะไปไหนลูก?” แม่ถามอย่างงุนงง มองเอยที่สะพายกระเป๋าเป้
“ผม..ขอไปพักผ่อนครับ หายเหนื่อยเมื่อไหร่จะกลับมา” เอยบอกเช่นนั้น
“เอย...เป็นอะไรรึเปล่าลูก?” แม่ของเอยถาม เอยยิ้มบางๆก่อนที่จะส่ายหน้า
“ผม...สบายดีครับ ยังไงจะโทรหาแม่เมื่อถึงที่นั่นนะครับ” เอยบอกเช่นนั้น ก่อนที่จะโผเข้ากอดแม่แน่นๆ น้ำตาทำท่าจะไหลออกมาอีกครั้ง
“เอย....ถ้าสบายใจเมื่อไหร่ก็กลับมานะลูก” รู้แน่ๆว่าลูกของตนต้องเจออะไรที่ทำร้ายจิตใจมา ถ้าหากเอยเป็นเช่นนี้คงต้องปล่อยให้เอยทำในสิ่งที่เลือก
“ครับ” เอยพยักหน้า
“อย่าลืมโทรหาแม่นะ แม่จะรอ” แม่ของเอยพูด ก่อนที่จะลูบหน้าของเอยเบาๆ
“ผมไปนะครับ” เอยพูดแค่นั้น ก่อนที่จะยกมือไหว้และเดินออกไปจากบ้าน
เอยเดินออกมาหารถแท็กซี่ บอกเส้นทางที่จะไปคือคิวรถตู้ มาถึงที่นี่ก็ใกล้จะตีหนึ่งแล้ว และรถตู้เที่ยวแรกที่จะออกคือตอนตีห้า เอยเลือกจะนั่งรอเพียงอีกไม่กี่ชั่วโมง เพื่อจะออกจากกรุงเทพ ไปยังสถานที่ที่จะทำให้เอยสบายใจกว่านี้ หวังจะหลุดพ้นจากความรู้สึกที่กำลังเกาะกินใจอยู่ตอนนี้ ตอนนี้สิ่งเดียวที่คิด คือไปให้พ้นจากตรงนี้...
ด้านไทป์กลับมาถึงบ้าน พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็พบว่าเอยหายไปแล้ว ไทป์เดินตามหาทั้งบ้านแต่ก็ไม่เจอเอยเลย
“ไปไหนของมันวะ?” ไทป์พึมพำออกมา สุดท้ายจึงเลือกที่จะไปถามคนเฝ้าหน้าบ้าน
“ลุง...เพื่อนผมออกมาข้างนอกไหม?” ไทป์เดินมาถึงหน้าบ้าน ก่อนที่จะถามคนเฝ้าบ้าน
“เพื่อนคุณไทป์ใช่ไหมครับ ออกไปนานแล้วนะครับ ขึ้นรถแท็กซี่ไป” คนเฝ้าหน้าบ้านบอกเช่นนั้น
“หรือว่ามันจะกลับบ้าน...บอกว่าให้รอก็ไม่รอ ไอ้เอยเอ้ย” ไทป์รู้สึกหัวเสียไม่น้อย นี่ก็ดึกมาแล้ว จึงกดโทรศัพท์โทรหาเอย แต่ติดต่อไม่ได้เพราะเอยปิดเครื่อง
“ไอ้เอย ปิดเครื่องทำไมวะ?” ไทป์บ่นออกมา สุดท้ายก็ตัดสินใจขับรถไปยังบ้านของเอย
ขับรถจนมาถึงบ้านของเอย ทั้งบ้านเงียบอีกทั้งมืดสนิท ไทป์เดินลงไปกดออดสองสามครั้ง ก่อนที่จะตะโกนเรียกเสียงดังพอสมควร
“เอย..ไอ้เอย...” ไทป์ตะโกนเรียกเสียงดัง ไม่นานนักประตูก็เปิดออก แต่คนที่มาเปิดไม่ใช่เอยกลับเป็นแม่ของเอยแทน
“ไทป์เหรอลูก ทำไมมาดึกเชียว” แม่ของเอยถามออกมา
“ไอ้เอยอยู่ไหมครับแม่?” ไทป์ถาม แม่ของเอยถอนหายใจออกมา สีหน้าดูเหมือนไม่ค่อยสบายใจ
“เอย...ไม่รู้ไปไหน แค่บอกแม่ว่าขอไปพักผ่อน เดี๋ยวจะกลับมา” แม่ของเอยบอก
“อะไรนะครับ!!!” ไทป์ตาโตพลางถาม
“เอยไม่รู้เป็นอะไร ดูไม่สบายใจ เก็บเสื้อผ้าสะพายกระเป๋าแล้วมาขอแม่ว่าจะไปที่ไหนสักแห่ง” แม่ของเอยบอก
“มันไปไหน มันบอกแม่ไหมครับ?” ไทป์ถาม รู้สึกปวดหัวเสียจริงที่เอยเล่นหนีไปแบบนี้ ความจริงก็ไม่ทันรู้ แถมไปทั้งที่ยังเข้าใจผิดไปแบบนั้นอีก
“เอยไม่บอกอะไรเลยไทป์ แม่ไม่รู้ว่าเอยจะไปไหน” แม่ของเอยพูด
“แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะไปตามหามันเองครับ” ไทป์บอก
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ค่อยหาพรุ่งนี้ก็ได้ไทป์” แม่ของเอยเตือนๆอย่างเป็นห่วง
“ถ้าไม่ตามมันตอนนี้ผมกลัวมันจะเตลิดไปไกลครับ” ไทป์ว่า ก่อนที่จะยกมือไหว้แล้วเดินขึ้นรถไป
ไทป์ขับรถออกจากบ้านของเอย ค่อยๆขับตามหาไปเรื่อยๆ ไปในเส้นทางและสถานที่ที่คิดว่าเอยน่าจะไป ทั้งสนามบิน ทั้งสถานีขนส่ง หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ก็ไม่เจอเอยเลยสักที่
“ไอ้เอย มึงนี่นะ นางเอกชัดๆ” ไทป์บ่นพลางสอดส่ายตามองหา
ตามหาจนเหนื่อยใจ เพราะที่ไหนๆก็ไม่มีวี่แววหรือเงาของเอยเลย จนตอนนี้ก็ตีสามแล้ว สุดท้ายไทป์จึงต้องหยุดหาและขับรถกลับบ้านแทน เพราะรู้สึกว่าตนเองเหนื่อยมาแทบจะทั้งคืนแล้ว อีกทั้งหาจนไม่รู้จะไปหาที่ไหนแล้ว
“ไอ้เอย แม่ง ไปไหนของมันวะ?”
ไทป์บ่น จนตอนนี้มาถึงบ้าน ก่อนที่จะรีบเดินเข้าไปในบ้าน ตรงไปยังห้องนอน แล้วล้มตัวลงนอนทั้งอย่างนั้นและหลับไปในทันที เพราะความเหนื่อยที่สะสมไปทั้งร่างกาย ในหัวก็พลางคิดไปว่าพรุ่งนี้จะต้องตามหาเอยให้เจอให้ได้...
...
..
.
เวลาตีห้ากว่าๆ ตอนนี้เอยอยู่บนรถตู้แล้ว รถคันนี้มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้ แม้ว่าตอนนี้จะใกล้เช้าแล้ว แต่เอยก็ยังคงไม่ง่วง ไม่มีความรู้สึกอยากนอน เพราะในหัวยังคงคิดแต่เรื่องเหล่านั้นซ้ำๆ ภาพเหล่านั้นยังคงวนเวียนจนรู้สึกแย่ เอยเอนหลังพิงเบาะ พลางนึกว่าป่านนี้ไทป์คงกำลังจะโมโหที่ตนไม่ยอมรออยู่ที่ห้อง
เอยมองข้างทางอย่างเหม่อลอย นั่งอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ จนรถแล่นออกจากกรุงเทพแล้ว ตอนนี้ก็มุ่งหน้าไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่มุ่งหมายไว้ นั่งไปรู้สึกเหมือนน้ำตาทำท่าจะไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงกวิน ตอนนี้คงกำลังอยู่กับมินตรา
ต่อแต่นี้ไปเวลาเอยไปทำงานจะต้องทำอย่างไรหากเจอหน้า สิ่งที่เอยกลัวที่สุดคือการที่กวินจะมาบอกเลิก เอยยังคงทำใจไม่ได้หากกวินจะมาบอกเลิกเพื่อไปคบกันมินตราจริงๆ การเดินทางครั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมใจ ยอมรับว่าตนเองอ่อนแอเหลือเกิน อ่อนแอจนกระทั่งต้องหนีออกมาเช่นนี้ หนีมาตั้งหลักเพื่อเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น
เวลาผ่านไปสามชั่วโมงกว่า ในที่สุดเอยก็มาถึงจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้...หัวหิน คือสถานที่ที่เอยเลือกจะมา เอยมาที่นี่อย่างคนไม่มีประสบการณ์ ถือแค่หนังสือแนะนำการท่องเที่ยวของหัวหินที่เคยซื้อเมื่อปีที่แล้ว มองหาห้องพักก็ไปเจอเกสท์เฮ้าส์ริมทะเลที่ราคาไม่แพง เอยจึงตัดสินใจพักที่นั่น
เมื่อเข้ายังที่พัก ร่างกายราวกับอยากหยุดขยับ อาจจะเพราะไม่ได้นอนมาทั้งคืน และอาจจะเพราะความเครียดที่ถาโถมใส่ร่างกาย เอยถอดรองเท้า ก่อนที่จะนอนลงบนเตียง
แสงแดดยามเช้าก็ลอดเข้ามายังหน้าต่าง ส่องสว่างเข้ามายังภายในห้อง เอยมองแสงที่แสบตานั้น ก่อนที่จะหลับตาลงช้าๆ หลับตาหลงเพื่อให้หลับใหล หลับตาลงเพื่อที่จะหยุดคิดเรื่องราวต่างๆ ก่อนที่จะเข้าสู่นิทรา ทั้งที่หลับตอนเช้าเช่นนี้ แต่เอยกลับหลับฝันไปได้...
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสอบปลายภาค เป็นวันสุดท้ายที่จะอยู่ในฐานะนักเรียนม.ปลาย ก่อนที่จะโตขึ้นปีอีกขั้นเพื่อนเข้าสู่มหาวิทยาลัย เข้าสู่ชีวิตนักศึกษาเต็มรูปแบบ วันนี้มีสอบแค่เพียงช่วงเช้าเท่านั้น และช่วงบ่ายจะเป็นพิธีปัจฉิมนิเทศ ซึ่งม.สามและม.หกทุกคนจะต้องเข้าร่วม ตอนนี้ทั้งเอยและไทป์ก็เตรียมตัวจะสอบวิชาสุดท้าย
“ไอ้เอย มึงเอาปากเมจิกมาแล้วใช่ไหม?” ไทป์ถาม พลางหันไปรื้อกระเป๋านักเรียนเพื่อหาปากกาเมจิกสีหลายเล่มที่เตรียมมา เพื่อจะเอามาเขียนเสื้อเพื่อนๆก่อนที่จะเข้าพิธีปัจฉิมนิเทศตอนบ่าย
แม้ที่ผ่านมาไทป์จะทำเป็นบ่นเรื่องเพื่อนๆในห้อง ถึงการที่เพื่อนๆชอบเรียกหาตนเอง แต่พอบทจะเรียนจบ บทจะต้องจากลากับเพื่อนๆในห้อง ไทป์เองก็คงจะรู้สึกว่าต้องหาสิ่งมาย้ำเตือนว่าอย่างน้อยก็เคยมีเพื่อนเป็นกลุ่มคนเหล่านี้ ไทป์เลยดูจะกระตือรือร้นกับวันนี้มาก ทั้งที่ไม่กี่วันก่อนยังบ่นเรื่องอ่านหนังสือสอบแท้ๆ
สำหรับเอยแล้ว รู้สึกใจหายไม่น้อยที่จะเรียนจบแล้ว ถึงจะไม่สนิทกับเพื่อนๆคนอื่นๆในห้องเสียเท่าไหร่ แต่ก็อยู่เรียนด้วยกันมาตั้งนาน
“นักเรียน เตรียมตัวสอบค่ะ”
อาจารย์เริ่มเรียกแล้ว ทุกคนจึงรีบเข้าห้องเตรียมตัวสอบ เอยเข้าไปในห้อง เห็นกวินนั่งอยู่ก่อนแล้ว สายตานั้นมองไปยังกระดานดำ เอยมองกวินอยู่อย่างนั้น จนกวินหันมาพอดี เอยจึงรีบหลบหน้าแล้วทำทีว่ามองกระดานแทน อาจารย์เริ่มแจกข้อสอบแล้ว นักเรียนทั้งหมดจึงลงมือทำข้อสอบตามเวลาที่กำหนดทันที...
...
..
.
“ยากมาก..” เสียงบ่นของนักเรียนในห้องพูดกันเซ็งแซ่ เอยวิ่งมายังหนังสือเรียน เพื่อจะดูว่าที่ตอบข้อเขียนไปนั้นถูกต้องหรือไม่
“สอบแล้วก็ช่างแม่งเถอะเอย ไม่ต้องไปสนใจแล้ว” ไทป์ว่าบอก
“แต่ว่า....” เอยทำท่าจะค้าน
“ไปกินข้าวดีกว่า” ไทป์พูดพลางดึงแขนเอยไปยังโรงอาหารแทน
ไทป์กับเอยนั่งทานข้าวด้วยกัน โดยที่มีดาวมาสมทบทีหลัง ทั้งสามคุยกันหลายเรื่อง ทั้งคะแนนจากผลสอบวัดความรู้ที่จะเอาไปยื่นเข้ามหาวิทยาลัย แล้วไหนจะเรื่องคณะที่จะเข้าเรียน และเรื่องๆอื่นๆที่วนอยู่เกี่ยวกับเรื่องของมหาวิทยาลัย
“ไอ้กวินนั่นมันมองอะไรวะ?” ไทป์พูดขึ้น พลางมองกวินที่นั่งห่างออกไปสองสามโต๊ะ หันหน้ามาทางเอยและไทป์ ส่วนดาวนั่งตรงข้ามไทป์และหันหลังให้กวินอยู่
“ไหน?” ดาวหันหลังไปมอง พบว่ากวินลุกออกไปแล้ว เอยมองตามแผ่นหลังของกวินออกไป
“เขาคงไม่ได้มองมาทางนี้หรอก” ดาวพูด
“นะ...นั่นสิ” เอยเห็นด้วยกับดาว
“มันมองมาจริงๆ กูหันไปทีไร เจอมันมองมาทุกที” ไทป์ยังคงยืนยันเช่นนั้น
“ช่างเถอะ กลับห้องกันดีกว่า” ดาวว่า
ทั้งสามคนจึงลุกออกไปจากโรงอาหาร กลับไปยังห้องเรียน ตอนนี่เห็นเพื่อนๆเริ่มเขียนเสื้อกันอยู่ในห้องแล้ว พอเห็นหน้าไทป์เพียงเท่านั้น ก็รีบวิ่งกรูกันเข้ามาเขียนข้อความบนเสื้อไทป์เต็มไปหมด
“ใจเย็นๆ” ไทป์พยายามร้องห้ามเพื่อนผู้หญิง เอยได้แต่ยิ้มออกมา ก่อนที่จะเดินไปหยิบปากกาเมจิกให้ไทป์ เพื่อจะผลัดกันเขียนกับเพื่อนคนอื่นๆ
“แว่นๆ มึงมาให้กูเขียนหน่อย” เพื่อนผู้ชายในห้องเรียกเอย ก่อนที่จะเขียนข้อความลงบนเสื้อของเอยเต็มไปหมด เรียกได้ว่าตอนนี้ทุกคนต่างพากันเขียนข้อความอำลาบนเสื้อกันเต็มห้อง
เอยที่ตอนนี้เสื้อเต็มไปด้วยข้อความจากเพื่อนๆในห้อง รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ที่เพื่อนๆพากันมาเขียนข้อความบนเสื้อ แต่เขียนอะไรบ้างเอยก็มองไม่เห็นนัก ตอนนี้เอยเหลือบไปมองกวินที่นั่งอยู่ มีเพื่อนๆขอเขียนเสื้อแต่กวินปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็โดนเพื่อนผู้หญิงในห้องรุมทึ้งกันเขียน และกวินก็ยากที่จะห้ามแล้ว จึงต้องปล่อยเลยตามเลย
ทุกคนเขียนเสื้อกันและกัน เอยกับไทป์ก็ผลัดกันเขียนเสื้อ และเพื่อนๆจากห้องสองก็มาร่วมกันเขียน จนตอนนี้มีเสียงประกาศตามสายว่าให้ม.สามและม.หกให้ไปรวมตัวกันหน้าอาคารเรียน
“ไปกันไอ้เอย” ไทป์ว่า เอยหันมองกวินอีกครั้ง...เพราะอยากจะเขียนเสื้อของกวินเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ
“ไอ้เอย ได้ยินที่กูพูดไหมวะ?” ไทป์ถาม
“อ๋อ...อืมๆ” เอยพยักหน้า ก่อนที่จะเดินตามไทป์ไป
พอมาถึงหน้าอาคารเรียน พบว่ารุ่นน้องที่ยังไม่จบแต่ละชั้นกำลังตั้งแถวสองแถวหันหน้าเข้าหากัน ก่อนที่อาจารย์จะประกาศให้ม.สามและม.หกเดินเข้าไปตรงกลางแถวที่ตั้ง น้องๆเหล่านั้นต่างมอบดอกกุหลาบให้เพื่อแสดงความยินดีที่เรียนจบ ไทป์ได้มาเยอะมาก พอๆกับกวินที่ต้องรับดอกไม้เหล่านั้นมาด้วยสีหน้าเรียบๆ ส่วนเอยได้ดอกไม้จากเหล่าน้องๆในชมรมมาเยอะพอสมควร เสียงกล่าวแสดงความยินดีดังเซ็งแซ่ไปหมด จนตอนนี้ทั้งแถวเดินเข้าไปเรื่อยๆจนถึงโรงประชุม ก่อนที่จะนั่งบนเก้าอี้และฟังการกล่าวสุนทรพจน์จากนักเรียนดีเด่น ฟังการกล่าวโอวาทจากผู้อำนวยการของโรงเรียน และมีการมอบใบประกาศเกียรติคุณแก่นักเรียนหลายๆคน รวมทั้งไทป์และดาวก็ได้รับด้วยเช่นกัน ในฐานะทำคุณงามความดีให้แก่โรงเรียน
“อาจารย์ขอให้ทุกคนโชคดี ประสบความสำเร็จในเส้นทางที่ตั้งใจไว้” เมื่อผู้อำนวยการพูดสิ้นสุดประโยคนั้น ทุกคนต่างพากันปรบมือและร้องเฮกันออกมา
“ในที่สุดก็จบเสียที” ไทป์พูดออกมาพลางยิ้ม
“ต่อไปก็มหาวิทยาลัยแล้วสินะ” เอยพูดขึ้น
“จะยังไงมึงกับกูก็ต้องเป็นเพื่อนกันตลอดไป” ไทป์ว่าก่อนที่จะขยี้ผมเอยพลางหัวเราะออกมาเสียงดัง
“อยู่แล้ว” เอยบอก
ตอนนี้ทั้งหมดก็พากันกลับไปยังห้องเรียน ไปเอากระเป๋านักเรียนและต่างพากันกลับบ้าน
“ไอ้เอย เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะไปหามึงที่บ้านนะ เดี๋ยววันนี้กูกลับก่อน” ไทป์ว่า ก่อนที่จะโบกมือให้เอย
ตอนนี้เอยยืนอยู่คนเดียวในห้อง พลางมอรอบๆห้อง รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เมื่อรู้ว่าจะต้องจากลาห้องเรียนแห่งนี้แล้ว ความทรงจำหลายอย่างที่อยู่ในห้องนี่ แล้วจู่ๆภาพของกวินก็ผุดขึ้นมาในหัว ภาพที่เคยได้พูดกับกวิน เอยส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง
เดินไปยังห้องสมุด ยกมือไหว้ลาอาจารย์หลายท่านที่เอยสนิทด้วย อาจารย์ก็ให้พรมาให้โชคดี เอยมองรอบๆห้องสมุดราวกับจะซึมซับความรู้สึกทั้งหมดไว้ และอีกครั้งที่ภาพของกวินผุดขึ้นมาอีกแล้ว ภาพที่กวินหยิบหนังสือให้ หรือกระทั่งตอนที่ยืมหนังสือ ภาพเหล่านั้นวนเวียนเข้ามาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
เอยออกมาจากห้องสมุด สายตามองไปยังเส้นทางต่างๆ มีแต่ภาพของกวินเต็มไปหมด เอยเริ่มจะไม่เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงนึกแต่กวินได้ถึงขนาดนี้
“พีระนัม...” เสียงเรียกนั้นทำเอาเอยหันไปมอง
“กะ...กวิน” ตกใจไม่น้อยที่เห็นกวินเรียกตน
“เอ่อ...มีอะไรเหรอ?” เอยถามขึ้น พบว่ากวินจ้องมองหน้าของเอย มองอยู่เนิ่นนาน ก่อนที่จะหยิบปากกาเมจิกขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ
“จะเขียนเสื้อ” กวินพูดแค่นั้น
“เอ่อ.....” เอยรู้สึกหน้าแดงขึ้นมา หัวใจเต้นรัวเมื่อกวินเอ่ยออกมาเช่นนั้น พยายามจะมองพื้นที่บนเสื้อของตนเอง พบว่ายังมีพื้นที่อยู่อีกมากที่จะให้กวินเขียน
“เอา...เอาสิ” เอยว่า ก่อนที่จะเดินเข้าไปหากวินแล้วหันหลังให้กวิน แต่กวินกลับจับไหล่ของเอย พลิกตัวให้เอยหันหน้ามาแทน
กวินไม่พูดอะไรก่อนที่จะมองหน้าของเอยอีกครั้ง สายตาของทั้งสองสบมองกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่กวินจะก้มตัวลงเขียนข้อความตรงหน้าอกข้างซ้ายของเอย น้ำหนักที่เขียนนั้นเบามาก ไม่รู้ว่ากวินเขียนว่าอะไรลงไป
“ขอบคุณนะ...” เอยพูดก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา กวินยังคงใบหน้าเรียบเฉย ก่อนที่จะยื่นปากกาเมจิกให้เอย
“เขียนสิ” กวินพูด เอยทำท่าจะอ้อมไปยังข้างหลัง แต่กวินกลับดึงให้เอยให้มาเขียนด้านหน้าแทน
“ตรงนี้” กวินพูด ก่อนที่จะชี้มาที่หน้าอกข้างซ้ายของตน ที่มีพื้นที่ว่างอยู่น้อยมาก
เอยขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ ก่อนที่จะค่อยๆจรดปลากปากกาเขียน มือนั้นสัมผัสตรงแผ่นอกของกวิน อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเมื่อได้สัมผัสส่วนตรงส่วนนี้ ข้อความที่เอยเขียนคือ “ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ขอให้โชคดีนะ พีระนัม” เอยเขียนตัวเล็กๆ ระหว่างที่เขียนไม่รู้เลยว่ากวินกำลังก้มมองเอยด้วยสีหน้าอะไรบางอย่าง สีหน้าที่กำลังเศร้า สีหน้าที่คล้ายจะบอกอะไรบางอย่าง
“เสร็จ...แล้ว” เอยบอก ก่อนที่จะถอยห่างออกมา กวินยังคงมองหน้าเอยอยู่เช่นนั้น จนเอยทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ....เดินกลับ...พร้อมกันไหม?” เอยพูดออกไปแล้ว รู้สึกว่าตัวเองกำลังอายมาก กวินไม่พูดอะไร ก่อนที่จะออกเดินช้าๆ เอยจึงเดินตามจนกระทั่งเดินไปข้างๆกวิน
ทั้งสองเดินไปเรื่อยๆ เอยมองรอบๆโรงเรียน บางครั้งก็เหลือบตามองกวิน ที่ยังคงสีหน้าเรียบเฉย
“กะ...กวิน...จะไปเรียนต่อไหนเหรอ?” เอยพยายามชวนคุย แม้จะต้องใช้ความพยายามมากแต่ก็ทำ เพราะนี่จะอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่แล้วที่ได้คุยกับกวินที่โรงเรียนนี้
“อังกฤษ” กวินบอก
“ไกลจัง...” เอยพูดเบาๆ กวินยังคงเงียบไปเช่นนั้นจนถึงหน้าโรงเรียนแล้ว เอยรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าเหมือนอะไรขาดหายไป เอยถอนหายใจออกมา กวินมองไปยังรถที่มารับแล้ว กวินกันมามองเอย สายตานั้นราวกับกำลังจะบอกลา
“กะ...กวิน...” เอยเรียกขึ้นมา พยายามรวบรวมความกล้า ก่อนที่จะพูดออกไป
“ขอบคุณนะ....สำหรับทุกสิ่ง....เรา...อยากเจอกวินอีกนะ” เอยบอก รู้สึกแน่นในอก เมื่อเห็นกวินยกยิ้มมุมปาก
“ลาก่อน.....” พูดเท่านั้น ก่อนที่จะพึมพำอะไรบางอย่างที่เอยไม่สามารถจะได้ยินได้
“โชคดีนะ”
เอยโบกมือให้ กวินหันหลังพร้อมกับยกมือขึ้นราวกับว่าตอบโต้กลับ จู่ๆเหมือนน้ำตาจะไหล ทำไมถึงรู้สึกเศร้าขนาดนี้ รู้สึกเจ็บแปลบในอก เอยกุมหน้าอกตนเอง มองรถกวินที่ขับออกไปแล้ว โดยที่เอยไม่อาจจะรู้ได้ว่ากวินเองก็มองเอยจนลับสายตาเช่นกัน
เอยกลับบ้านไปทั้งที่รู้สึกเศร้าใจอยู่อย่างนั้น รู้สึกเหงา รู้สึกวูบโหวงในใจ หากนึกย้อนไป อยากจะพูดกับกวินให้ได้มากกว่านี้ อยากจะเป็นเพื่อนกัน อยากจะทานข้าวด้วยกัน ที่ผ่านมาเอยเอาแต่อายและไม่กล้า พอมาวันนี้กลับรู้สึกเสียดายวันเวลาที่ผ่าน
เอยถอดเสื้อนักเรียน อ่านข้อความที่เพื่อนๆเขียน มีบางคนเขียนว่าขอโทษที่เรียกว่าไอ้แว่น ไม่ก็บอกเอยว่าโตขึ้นไปแล้วว่าจืดเหมือนตอนนี้ เอยอ่านข้อความเหล่านั้นพลางยิ้ม ก่อนที่จะสะดุดกับข้อความตรงอกข้างซ้าย ตัวบรรจงเล็กๆ
“ของกวินนี่” เอยพูดขึ้นมาเบาๆ ก่อนที่จะอ่านข้อความนั้น
“ขอให้โชคดี...กวิน” เอยออกเสียงอ่านข้อความนั้น ก่อนที่จะลูบมันเบาๆ รู้สึกเหมือนได้สัมผัสความรู้สึกของกวิน
“เราจะได้เจอกันอีกไหม?”
เอยพึมพำกับตนเอง พลางมองออกไปนอกหน้าต่าง หวังสักวันหนึ่งเราจะได้เจอกันอีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้น...หวังว่าคงจะจำกันได้ เพราะเอยไม่อาจจะลืมกวิน เศวตเจริญ เพื่อนร่วมห้องคนนี้ได้เลยจริงๆ....
++++++++++++++++++++++++++++++