แจ้งข่าวค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แจ้งข่าวค่ะ  (อ่าน 53754 ครั้ง)

ออฟไลน์ dekzappp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบพี่เชนอะ สุภาพบุรุษในฝัน~~~ ทำไมเป็นคนเทคแคร์ดูแลเก่งอย่างนี้นะ เป็นเรานี่คงปล่อยเลยตามเลยไปแล้วละ

พี่เชนนน รีบมาเช่าบ้่นข้างๆเร็วๆ เดี๋ยวแมทโดนหลินงาบไปก่อนนะเฟ้ยย

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
หายไปนานมากกกครับเรื่องราวของเชนและแมทยังไปไม่ถึงไหนเลย
ยังไงก็รอติดตามต่อไปนะครับ มาต่อเร็วๆนะครับ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
โอ้ยชอบพี่มัทมากอ่ะ
ตรงแบบไม่มีโค้งมีเว้ากันเลย
รอให้กำลังใจพี่เชนรุกแมทดีกว่า


ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
รู้สึกว่าแมทอึดอัดกับหลินมาก
โดนพี่เชนตามใจจนเคยตัวละสิ อิอิ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
มารอเรื่องนี้ แห่ะๆ

ออฟไลน์ anana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ตอนที่ 14

          ไม่เคยรู้สึกว่าการต้องเผชิญหน้ากับพี่สาวตัวเองเป็นเรื่องยากขนาดนี้มาก่อน ถึงเราจะเป็นพี่น้องที่สนิทกัน แต่เราก็ถูกเลี้ยงดูให้มีความเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะสามารถตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองมาโดยตลอด การที่จะมาปรึกษากันจริงๆจังๆแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความรักและคนรัก

          ผมตอบตัวเองได้ทุกคำถามว่าทำไมต้องเริ่มต้นด้วยความพึงพอใจของคนในครอบครัว ทำไมถึงต้องพยายาม ทำไมถึงไม่เลือกทำในสิ่งที่ง่ายกว่า ไม่ใช่ว่าผมเชื่อหรือศรัทธาในคำอธิษฐานของตัวเองที่เกิดขึ้นกับเชือกที่ขาดไปเส้นนั้น ผมไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เพราะฉะนั้นคำอธิษฐานที่ผมเลือกที่จะเอ่ยออกไปจึงต้องเป็นเรื่องที่ผมไม่สามารถควบคุมได้ นั่นก็คือการได้พบกับคนรักที่พอดี ผมเชื่อมาตลอดว่าทุกคนมีคู่ที่พอดีเป็นของตัวเองแต่ขึ้นอยู่กับว่าจะได้เจอกันไหม มันไม่ใช่เรื่องยาก แต่มันก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย ผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าแมทจะใช่คนนั้นหรือไม่ สิ่งเดียวที่ผมรู้คือผมคงต้องเสียใจถ้าต้องเสียแมทไปโดยที่ยังไม่ได้ใช้ความพยายามอะไรเลย

 ก๊อกๆๆๆ

"ว่าไงเชน"       พี่เชลด้าเปิดประตูออกมาทันทีหลังจากที่เคาะ

"ผมมีเรื่องจะปรึกษา"       อย่าอ้อมค้อมให้ยืดยาว เพราะยังไงเราก็ต้องพูดถึงอยู่ดี ยิ่งปูเรื่องก็ยิ่งทำให้เสียเวลา

"หืม เชนจะปรึกษาพี่งั้นเหรอ คงมีอะไรหนักใจน่าดู"

"พี่ว่าแมทเป็นยังไงบ้าง"       คำถามเริ่มต้นคงทำให้พี่เชลด้างงไม่น้อย หรือจริงๆแล้วการปูเรื่องเริ่มจะมีความสำคัญขึ้นมาแล้ว

"จะให้พี่ตอบยังไงดีกับคำถามนี้"       ถ้าผมต้องเป็นคนตอบก็คงไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร

"ผมอยากรู้ว่าพี่มีมุมมองยังไง"

"ถ้าถามในฐานะคนที่รู้จักแมท คำตอบคงไม่ถูกใจเชนเท่ากับถามในฐานะที่เป็นพี่สาวเชนหรอก"

"แล้วพี่จะตอบว่าอะไร"

"พี่รู้ว่าเชนเป็นยังไง พี่อาจจะไม่รู้จักแมทดีนัก แต่กับเชนที่เป็นน้องพี่ หากไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงไม่ถึงขนาดลางานไปทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ชื่นชอบ"

"ยังไงครับ"

"เชนไม่เคยลางานเพียงเพราะอยากท่องเที่ยว เชนไม่เคยสนใจลูกค้าที่จะมาเช่าห้อง เชนไม่เคยเข้าร้านมาทำอาหารในเวลาเช้าขนาดนั้น และที่สำคัญกว่านั้นเชนเกลียดการต้องนั่งรถบัสหรือรถไฟฟ้าใต้ดินเพราะมันแออัด แค่นี้คงเป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วใช่ไหม"

"พี่รู้ทุกอย่าง"       ผมเองก็ไม่รู้ว่าพี่เชลด้ารู้ทุกอย่างได้ยังไง

"พี่เห็นรถเชนจอดอยู่ด้านล่างทุกวัน และมันก็เพิ่งจะถูกใช้งานเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา"

"ขอบคุณที่พี่ใส่ใจผม"       นี่คือสิ่งที่ผมรู้สึกได้จากคำตอบพี่เชลด้า แม้จะไม่ค่อยมีเวลาได้คุยกัน พี่เชลด้าก็ยังมีความห่วงใยแล้ามองผมอยู่ตลอด นี่ละมั้งคือความหมายอีกอย่างของคำว่าครอบครัว

"พี่คงตอบได้แค่ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพี่พร้อมจะสนับสนุนและอยู่ข้างๆเชนนะ หากรู้สึกรักก็ให้รักให้สุด จะได้ไม่เสียใจในวันที่หมดรักโดยที่ยังไม่ได้พยายาม"

"ผมห่วงความรู้สึกทุกคนในครอบครัวเรา ถึงพี่จะเข้าใจ ก็ไม่ได้หมายความว่าป๊ากับม๊าจะเข้าใจ"       ความรู้สึกของของผมอาจจะเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับคนทั่วไป และนั่นอาจจะทำให้ป๊ากับม๊ารู้สึกไม่ดี

"อย่าเพิ่งรู้สึกกลัวในสิ่งที่ยังไม่ได้ลองทำสิ เป็นตัวของตัวเองหน่อย"

"ต่อให้ป๊ากับม๊าโอเค ผมก็ยังกังวลอยู่ดี เพราะก่อนกลับไปแมททำท่าเหมือนกลัวๆผม ดูเหมือนเขาไม่ได้คิดแบบเดียวกัน"

"แค่ทำในส่วนของเราก็พอนะเชน ถ้าเชนว่าแมทคือคนที่ใช่ ก็ต้องลองดู"

"ขอบคุณนะครับที่อยู่ข้างๆผม"

"ก็เราเป็นน้องพี่นี่หน่า"       รอยยิ้มที่ดูอบอุ่นนั้นได้เพิ่มความมั่นใจให้ผมอีกหลายเท่าตัว

"ขอบคุณครับ"

"ไปคุยกับป๊าม๊ากันเถอะ พี่จะช่วยเชนเอง"      ผมพยักหน้าและเดินตามพี่เชลด้าออกจากห้องไป


.......................................................................


"มาๆกินข้าวกันก่อน จะออกไปดูร้านกันเหรอ"       ม๊าถามทันทีที่เห็นเราทั้งคู่เดินออกมาจากห้อง

"ยังค่ะม๊า ว่าจะเข้าสายหน่อย พอดีกับเชนมีเรื่องจะคุยกับป๊าม๊าด้วยค่ะ"       ขอบคุณพี่เชลด้าที่ช่วยเกริ่นให้ แต่จะว่าไปผมก็ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย

"มีเรื่องอะไรเหรอลูก ป๊ามาฟังลูกพูดก่อน"      ม๊าเอ่ยเรียกป๊าที่กำลังค้นหารีโมททีวีเพื่อเปิดดูข่าวตอนเช้าอยู่

"พูดมาเลย ป๊าได้ยิน"       ถึงจะได้ยินอย่างนั้นผมก็ยังไม่กล้าที่จะเริ่มพูดออกไปอยู่ดี

"มานั่งนี่สิ มาตั้งใจฟังลูกพูดตรงนี้"       ดูเหมือนม๊าคงอ่านผมออกว่าสิ่งที่ผมต้องการคืออะไร

"โอเคๆ ไหนว่ามาสิมีอะไรจะบอก"       แล้วตอนนี้ทุกคนก็นั่งกับครบประจำที่ที่โต๊ะอาหาร พี่เชลด้าวางมือบนไหล่ผมพร้อมกับบีบเบาๆมันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายลงมาก

"ดูท่าทางจะเป็นเรื่องใหญ่นะ"       ป๊าวางหนังสือพิมพ์ลงก่อนจะหันมาทำท่าตั้งใจฟัง

"ทุกคนจะว่าอะไรไหมครับถ้าผมจะมีคนรัก"

"มีคนรัก"       ป๊าหันมาถามคำถามที่ผมได้พูดบอกออกไป

"ครับ มีคนรัก"

"ฮ่าๆๆๆๆ เราเลี้ยงลูกให้เครียดเกินไปรึเปล่าคุณ ลูกถึงได้กังวลแม้กระทั่งจะมีความรัก"       ป๊าหัวเราะแล้วหันไปถามม๊า

"เชนจะมีความรักก็มีเถอะลูก โตแล้ว เวลาก็เหมาะสม ป๊ากับม๊าให้อิสระเต็มที่"       ผมแน่ใจว่าสิ่งที่ป๊ากับม๊าคิดผิดไปจากที่ผมกำลังจะบอก

"ขอบคุณครับ แต่ถ้าความรักของผมมันไม่เหมือนคนทั่วไปละครับ ป๊ากับม๊าจะรับได้ไหม"       ในชีวิตผมทุกอย่างเป็นไปตามแบบแผนทั้งหมด ผมไม่เคยใช้ชีวิตอยู่บนความเสี่ยงและสร้างความกังวลให้กับคนในครอบครัว แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ มันดูเสี่ยงไปหมด ผมเองยังไม่แม้จะคิดแผนสำรองไว้ด้วยซ้ำถ้าหากป๊ากับม๊าไม่พอใจ เพราะผมเองคงจะปล่อยให้แมทผ่านไปไม่ได้เหมือนกัน

"ยังไงหล่ะที่ว่าไม่เหมือนคนทั่วไป"       ในขณะที่ทุกคนกำลังมองมาทางผมและรอคำตอบ แต่ผมกลับหันไปหาพี่สาวตัวเองด้วยสีหน้าที่ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ได้ว่าความมั่นใจมีอยู่แค่น้อยนิด นี่สินะที่ใครๆมักพูดว่าเวลาที่เราอยู่ต่อหน้าคนในครอบครัวความเข้มแข็งที่เคยมีก็หาไม่เจอ อ่อนแอได้ในเรื่องที่ไม่ควร รวมถึงเรียกร้องหาที่พึ่งพิงอย่างที่ผมกำลังทำ แววตาของพี่เชลด้าคงกำลังพยายามส่งความกล้าให้ผม ตอนนี้ผมกำลังผิดหวังในตัวเองมากจริงๆ ผมไม่เคยนึกภาพตัวเองตกอยู่ในสภาพนี้เลยสักครั้ง

"ผมกลัวตัวเองจะทำให้ทุกคนผิดหวัง"

"ม๊าหวังเท่าที่ควรจะหวัง แต่ชีวิตทั้งหมดเป็นของเชน หน้าที่ของป๊ากับม๊าที่เหลืออยู่คือประคับประคองเวลาที่เชนกับเชลด้าล้มและคอยให้กำลังใจ เราตัดสินใจอะไรแทนพวกลูกๆไม่ได้หรอก"       ทุกอย่างที่ม๊าพูดทำให้ใจที่กำลังห่อเหี่ยวของผมพองโตขึ้นมาอีกครั้ง

"แล้วทีนี้จะบอกได้หรือยัง"       คำถามจากป๊าทำให้ผมต้องพูดออกไปทันที

"ผมชอบผู้ชายครับ"       วินาทีแรกที่คำนั้นหลุดออกจากปากผม สีหน้าของป๊ากับม๊าก็เปลี่ยนไปจากเดิมในทันที ไม่มีใครรับได้เหมือนอย่างที่ผมคิดไว้แต่แรกไม่มีผิด ความรู้สึกผมตอนนี้ยิ่งกว่าคนหลงทางซะอีก ทั้งๆที่รู้ว่าเดี๋ยวจะต้องมีทางออกสักทางที่เจอแต่ทางนั้นจะเป็นอย่างไรจะใช่ทางออกจริงๆไหมก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ผมก็แค่หวังว่าทางออกนั้นจะสวยงาม

"ผู้ชายเหรอ"

"ครับ ผู้ชาย"

"คบหากันแล้ว"

"ยังครับ เป็นผมฝ่ายเดียวที่รู้สึกชอบเขา"

"แล้วเขาไม่รู้เหรอเชน"       นี่คือคำถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงอย่างชัดเจนจากม๊า

"ผมเดาว่าเขารู้ครับ แต่เขาจะรู้สึกเหมือนผมหรือเปล่าอันนั้นผมไม่รู้"

"แล้วทำไมถึงเลือกที่จะบอกป๊ากับม๊าก่อนที่จะคบกันหล่ะ"

"เพราะครอบครัวของผมสำคัญที่สุด ผมจะไม่ทำในสิ่งที่ป๊ากับม๊าลำบากใจหรือเสียใจครับ"

"งั้นถ้าป๊าบอกว่าไม่ยอมรับ เชนจะเลิกสนใจเขางั้นเหรอ"

"ไม่ครับ ผมคงจะทำแค่มองเขาห่างๆ เพราะผมเองก็คงจะไม่สามารถตัดใจได้ในทันที"

"งั้นมันจะต่างอะไรกับการที่ไปสารภาพกับเขาก่อน เพราะถ้าเขาไม่ตกลงเชนก็ไม่จำเป็นต้องมาบอกป๊ากับม๊าให้เรื่องมันยากไปกว่าเดิมด้วยซ้ำ"

"ผมอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนครับ ผมไม่ต้องการให้ทุกคนต้องมาทุกข์ใจเพราะผม ถ้าหากป๊ากับม๊ารับความรักในแบบของผมได้ ผมก็จะทำทุกวิธีเพื่อให้เขารับรักผม แต่หากป๊ากับม๊าไม่เห็นด้วยผมก็จะจบทุกอย่างด้วยตัวของผมเองเพื่อจะได้ไม่มีใครเจ็บปวดทั้งเขาและครอบครัวของผม"

"แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นเชนก็ยังจะเฝ้ามองเขาต่อไปงั้นเหรอ"

"ครับ ผมคงไม่สามารถตัดใจได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ผมจะทำเท่าที่อยู่ในขอบเขตที่ควรทำ"

"ม๊าไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดีนะเชน จะว่าม๊าไม่ตกใจเลยก็คงไม่ใช่ ใครจะไปคิดว่าละครน้ำเน่าขัดใจลูกเรื่องความรักที่เคยดูจะเกิดขึ้นในชีวิตจริง แล้วใกล้ตัวถึงขั้นเป็นเรื่องในครอบครัวของตัวเองขนาดนี้"

"ป๊าเองก็ใช่ว่าจะรับได้ แต่ชีวิตมันก็เป็นของเชน จะสุขหรือทุกข์เชนต้องเลือกเอง ขอเวลาป๊าสักนิด เข้าใจป๊านะ มันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับได้ในวันเดียว"

"เฮ้อ....มาหาม๊ามา มาให้ม๊ากอดที"       แล้วม๊าก็รวบตัวผมไว้ในอ้อมกอดเดียว       "นี่ลูกชายของม๊าโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย โตถึงขนาดม๊ากอดไม่ไหวแล้วนะ เอาเถอะ ทำในสิ่งที่ความรู้สึกของเชนบอกนะลูก พิจารณาเท่าที่เห็นสมควร ม๊าเป็นกำลังใจให้ สำเร็จแล้วพาเขามาให้ม๊ารู้จักนะ ม๊าสัญญาว่าม๊าจะรักเขาอย่างที่รักเชนนะลูก"

"ขอบคุณครับม๊า ขอบคุณครับป๊า ขอบคุณนะพี่เชลด้า"       ขอบคุณที่ผมได้มาอยู่ในครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรักและความเข้าใจ ผมรู้สึกว่าตัวเองยิ่งกว่าโชคดีที่มีพื้นฐานชีวิตที่แข็งแรงและมั่นคงขนาดนี้


.......................................................................


           ผมใช้เวลาในตอนสายไปกับการนั่งวางโครงเรื่องอยู่ที่สวนหลังบ้าน อากาศต้นปีที่ควรจะเย็นสบายใช้ไม่ได้กับที่นี่ คำจำกัดความที่อธิบายสภาพอากาศของที่นี่ได้ดีที่สุดก็ไม่ต่างกับที่หลายๆคนเคยแซวกัน ถ้าหากไม่ร้อนก็ร้อนมากหรือไม่ก็ร้อนที่สุด และถ้าแย่กว่านั้นคือฝนตกร่วมด้วยก็คงทั้งร้อนทั้งแฉะ นึกถึงตอนกลับจากฮ่องกงใหม่ก็ยังคงตลกอยู่ไม่หาย ตอนขึ้นเครื่องกลับมาใส่ซะเต็มยศ พอก้าวขาออกจากสนามบินภูเก็ตเท่านั้นแหละ แทบอยากจะลอกคราบ ผ้าพันคอพี่เชนที่ว่าช่วยกันหนาวได้เป็นอย่างดีก็ดูไร้ประโยชน์ทันทีเมื่ออยู่ที่นี่ และเรื่องสภาพอากาศเริ่มจะเป็นประเด็นรองเมื่อผู้ชายคนนี้มาวนอยู่ในหัวผมอีกครั้ง ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ว่าผมจะทำอะไรมันจะต้องมีเรื่องให้เกี่ยวข้องให้นึกถึงตลอด พี่แกจะโผล่มามีความสำคัญในทุกๆเรื่องที่ผมคิดเลยใช่ไหม ในเมื่อเอาพี่ออกไปไม่ได้ผมคงต้องปล่อยความคิดแล้วทิ้งตัวลงบนพนักพิงหลังของเก้าอี้

"เฮ้อ..."      ขอบคุณพนักพิงและแสงแดดอุ่นๆที่ช่วยแบกรับน้ำหนักตัวและความรู้สึกของผม

"ถ้าเขาใช่มันก็ใช่ตั้งแต่วินาทีสองวินาทีแรกโดยที่แกไม่ต้องพยายามรู้สึกเลยสักนิดแมท เพราะฉะนั้นก็มีแค่สองอย่างคือแกไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาไม่ใช่"       พี่มัทนี่ต้องเข้ามาขัดได้จังหวะพอดีทุกครั้งเลยใช่ไหม

"คือแมทคิดงานไม่ออก ไม่ใช่กำลังคิดว่าใช่หรือไม่ใช่"        ไม่ได้เรียกว่าโกหกนะ เพียงแค่บอกไม่หมด

"อ้าว มัทก็เข้าใจว่ากำลังคิดถึงเรื่องหลินอยู่"

"เดาไปเรื่อย"

"เออๆ ทำงานต่อไปเถอะ ไม่กวนแล้วก็ได้" ถ้าเอาจริงๆที่ผมคิดงานไม่ออกก็เพราะว่าความสับสนไม่ต่างกับที่พี่มัทสงสัย ผิดตรงที่ไม่ใช่คนที่พี่มัทคิดก็แค่นั้น สามชั่วโมงที่เริ่มต้นทำงาน ผมพยายามที่จะเอาพี่เชนออกไปจากความคิดหลายต่อหลายครั้งไม่รู้ว่าพี่แกเอาเท้าทากาวตาช้างติดไว้ในสมองผมหรือเปล่า ถึงได้ไม่ขยับเขยื้อนออกจากความคิดผมเลย แล้วอย่างนี้ผมจะคิดงานออกได้ยังไง อีกสองเดือนก็ต้องส่งโครงเรื่องแล้ว เวลาก็ผ่านไปเร็วซะขนาดนี้ ถ้าผมไม่มีงานส่งนะ จะตามไปทึ้งหัวถึงฮ่องกงเลยคอยดู

"ฮึ่ย!!!"

"เอ้าๆๆ ใจเย็นๆ ไปหงุดหงิดใครมาลูก"

"แม่"      คงเป็นจังหวะที่แม่เห็นผมกำลังทึ้งหัวตัวเองอยู่พอดีถึงได้เดินมาทัก

"เป็นอะไร อากาศก็ไม่ได้ร้อนมากนักนะ"

"หืม แม่ต้องการจะสื่ออะไร"      พูดขนาดนี้แม่ด่าผมเป็นหมาบ้าตรงๆนี่จะดีกว่า ตอนนี้สมองผมเหลือพื้นที่ให้คิดเรื่องอื่นน้อยลงทุกที

"โตแล้ว คิดเอาเองสิ"

"โธ่! แม่ครับ ถ้าสมองแมทมันแบ่งล็อคได้นะ จะเก็บค่าคิดตามปริมาณพื้นที่ของความคิดที่ต้องใช้ไปเลยคอยดู มีแต่คนมาให้ใช้ความคิด"      คราวนี้หล่ะไอ้พี่เชนหมดตัวแน่ๆ

"ทำยังกับมีเรื่องให้คิดซะมากมาย"

"ก็ไม่มากหรอกครับ แต่แมทเอาออกจากความคิดไม่เลยนี่สิครับแม่"

"คงเรื่องใหญ่น่าดู คุยกับแม่ได้นะลูก"

"ใช่ๆ คุยกับมัทด้วยก็ได้ นี่ว่างฟังทั้งวันเลย"       ผมว่าผมเห็นพี่มัทกำลังจะเดินเข้าบ้าน ทำไมยังมายืนอยู่ตรงนี้อีก

"มัท!"       ขอบคุณแม่ที่ช่วยปรามพี่มัท

"ก็มัทเป็นห่วงน้อง เห็นนั่งคอตกเป็นหมาเหงาหมาหงอยตั้งแต่กลับมาจากฮ่องกงแล้วนะแม่ ไม่สิ เป็นตั้งแต่ตอนอยู่ฮ่องกงแล้ว"

"เป็นอย่างที่พี่มัทว่าเหรอแมท"

"เป็นอย่างนี้แหละแม่ ขนาดยัยหลินที่เคยพิศวาสแทบจะขาดใจเมื่อตอนสมัยมัธยมกลับมาดอด ลูกชายแม่ยังไม่หายจากอากาศซึมเศร้าเลย"

"แมทเหมือนคนซึมเศร้าเลยเหรอพี่มัท"      นี่ไอ้พี่บ้ามันมามีอิทธิพลต่อความคิดผมมากขนาดนี้เลยเหรอ

"ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก ฮ่าๆ ชั้นก็แค่คูณสิบเข้าไป"       เฮ้อ...ค่อยยังชั่ว

"พอเลยๆ มัทพูดจาให้น่าฟังหน่อยนะ ดอดเดิดอะไร แม่ไม่เข้าใจ แล้วก็ไปอาบน้ำได้แล้ว จะเที่ยงแล้วเนี่ยลูกสาวบ้านนี้ยังอยู่ในชุดนอน น่าอายไหมหล่ะ"

"เดี๋ยวนะแม่ ขอสิบนาที ให้แมทมันเล่าก่อนว่าอะไรทำให้มันเป็นแบบนี้"

"ถ้ามัทยังไม่เลิกแทรกแม่ว่ามะรืนนี้แม่ก็ยังไม่รู้หรอกว่าแมทกังวลเรื่องอะไร"       ว่าจบแม่ก็หันไปเอามือปิดปากพี่มัทเอาไว้ มันเป็นภาพที่ตลก และผมคงหัวเราะไปแล้วถ้าเรื่องในหัวมันไม่สุมกันมากมายขนาดนี้

"ว่าไง ไหนเกริ่นให้แม่ฟังสิ"       สถานการณ์ตอนนี้ดูจริงจังมาก ทั้งแม่และพี่มัทต่างก็มองมาที่ผม

"คืองี้นะแม่ มีคนคนนึงเขาดีกับแมทมาก แมทยังไม่มีโอกาสขอบคุณเขาจริงๆจังๆเลย แล้วแมทก็รู้สึกว่าตัวเองทำตัวไม่ดีกับเขาไปอีกด้วย"

"เอยอู้อึกอิดใอ่อ่ะ"       พอผมว่าจบพี่มัทก็พยายามจะพูดอะไรสักอย่างผ่านมือแม่

"อี๊ยยยย น้ำลาย มัทน่าเกลียดจังเลยลูก"       แม่รีบเอามือที่ปิดปากพี่มัทออกแล้วยื่นไปเช็ดกางเกงนอนตัวเน่าของพี่มัททันที จนผมที่นั่งมองอยู่ไม่รู้ว่าอย่างไหนมันแย่กว่ากัน

"ก็แม่ปิดปากมัทไว้นี่หน่า มัทจะบอกว่าแมทรู้สึกผิดใช่ป่ะ"

"ก็นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้อยากจะขอโทษนะ เพราะเขาดูท่าทางจะคิดเกินเลยกับแมทอ่ะ"

"เหรอ แกคิดไปเองป่าว แบบหลงตัวเองว่าเขาชอบ คิดเข้าข้างตัวเองว่าเขารู้สึกเกินเลยไรงี้"       ท่าทางพี่มัทนี่ด่าว่าผมตอแหลยังเจ็บน้อยกว่า แต่พอลองคิดๆดูหรืออาจจะจริงอย่างที่พี่มัทว่า เพราะเหตุการณ์ตอนนั้นมันเป็นผมเองที่คิดไปว่าพี่มันจะยื่นหน้าเข้ามาจูบ เลยหลบสายตาพี่เชนมาตลอด แถมยังเลือกเองว่าการไม่เจอกันจะเป็นทางที่ดีที่สุด ผมตัดสินใจทุกอย่างโดยไม่ได้ถามอีกฝ่ายสักคำ แต่ก็อีกแหละการที่พี่เชนไม่พยายามอธิบายก็ไม่ใช่เพราะสิ่งที่ผมคิดมันถูกหรอกเหรอ

"คิดนานขนาดนี้สงสัยน้องมัทมันจะคิดไปเองแล้วแหละแม่ ไม่สนุกแล้ว ไปอาบน้ำดีกว่า"       ก่อนที่พี่มัทจะลุกเดินออกไปผมได้เอ่ยประโยคที่ทำให้พี่มัทถึงกลับต้องหันกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้ง

"ถ้าเราจะไม่คาดเดาในส่วนของเขา แต่มามองในส่วนของแมทเองที่หยุดความคิดที่มีเขาอยู่ไม่ได้ นั่นแปลว่าแมทกำลังคิดถึงเขาหรือเปล่า"       พี่มัทรีบยื่นมือมาผลักหัวผมอย่างแรงจนเกือบหลบไม่ทัน

"ไอ้น้องโง่!!! นี่แกไม่รู้จริงๆหรือแกล้งโง่เนี่ย"

"มัทอย่าว่าน้อง"       ขอบคุณแม่ที่คอยปกป้องผมอยู่เสมอ       "ถ้าเป็นอย่างที่แมทบอกว่าจะทำอะไรก็มีแต่เขาวนไปวนมา ในหัวมีแต่หน้าเขามันก็แปลได้อย่างเดียวว่าคิดถึงนั่นแหละลูก"

"ไม่ดีเลยแม่"

"มันไม่ดีเพราะแมทกำลังพยายามหลอกตัวเองห้ามตัวเองให้ไม่คิดหรือเปล่า ใจเรามีอิสระมากกว่านั้นนะ แมทห้ามมันไม่ไหวหรอกลูก ปล่อยความคิดไปตามหัวใจกับความรู้สึกแม่ว่ามันจะทำให้แมทมีความสุขมากกว่านะ"

"แม่ดูแบบเชี่ยวชาญมากอ่ะแกว่าป่ะแมท สงสัยตอนสาวๆมีมาให้คิดนับไม่ถ้วน"

"ยัยมัท เดี๋ยวเถอะ รีบลุกไปอาบน้ำเลย"

"เดี๋ยวนะแม่ ขอพูดอีกประโยค"       หันไปบอกแม่แล้วก็รีบหันกลับมาหาผม       "ทำทีละเรื่องนะแมท ไปขอบคุณกับสิ่งดีๆที่เขาทำให้ และขอโทษกับพฤติกรรมแย่ๆที่แกทำกับเขา หลังจากนั้นก็ค่อยสำรวจความรู้สึกตัวเองอีกครั้ง แต่มัทว่านะยอมรับความจริงซะเถอะแมท ว่าแกชอบเขา ถ้าแกไม่รู้สึกอะไรแกจะไม่เฝ้าคิดเฝ้านึกถึงนานขนาดนี้หรอก จำไว้อย่างนะคะน้อง ความคิดและความรู้สึกนี่หล่ะห้ามยากที่สุดแล้ว ไปละ"       พูดจบก็ลุกเดินออกไปไม่ทันให้ผมได้โต้ตอบอะไรเลย

"แม่ว่าจากที่พี่มัทพูดมาแมทคงมีคำตอบให้ตัวเองแล้วใช่ไหมลูก"       ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ

"แม่เห็นด้วยกับพี่มัทนะ และแม่ก็ไม่ได้มีส่วนได้เสียกับการตัดสินใจครั้งนี้นะ เพราะฉะนั้นมีแต่แมทเท่านั้นแหละที่รู้คำตอบดีที่สุด จะเจ็บปวดหรือมีความสุขแค่อย่าหลอกตัวเอง"       แล้วแม่ก็ลุกเดินออกไปอีกคน ผมแค่สงสัยในความคิดของตัวเองแค่นั้น ทำไมทุกคนพูดเตือนเหมือนผมกำลังตกหลุมรักอีกฝ่ายไปแล้วอย่างนั้น อยากรู้จริงๆถ้ารู้ว่าคนที่ผมคิดถึงเป็นผู้ชายจะยังสนับสนุนกันอยู่ไหม แล้วนี่สรุปว่าผมต้องยอมรับจริงแล้วใช่ไหมว่าผมกำลังคิดถึงพี่เชนอยู่จริงๆ แล้วพี่หล่ะกำลังคิดถึงผมอยู่เหมือนกันหรือเปล่า

.......................................................................


❤ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ^^*
❤พยายามบอกแมทว่ามันจะไปยากอะไรกับแค่ยอมรับว่าจริงว่าตัวเองรู้สึกยังไง
   แต่ก็อีกแหละ มันไม่ใช่สถานการณ์ที่จะยอมรับกันได้ง่ายๆ ลุ้นก็แค่ให้พี่เชนรุกเนอะ เพราะยังไงก็ทางสะดวกละ
❤แนะนำติชมได้ตามสะดวกเลยนะคะ ขอบคุณค๊า



ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
แมทเริ่มยอมรับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
พี่เชนเดินหน้าแล้ว แมทก็ยอมรับความรู้สึกตัวเองสะนะ

ออฟไลน์ pinkymaprang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ให้กำลังใจนะคะ คอยติดตามตลอดนะ สู้ๆ อารมณ์ตอนนี้ได้ละ สิ่งที่ยากที่สุดคือการรู้ใจตัวเองและยอมรับความรู้สึกของตัวเอง รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ anana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ตอนที่ 15


Chen part

          ความมั่นใจนะเหรอไม่มีหรอก ตอนที่ตัดสินใจมาก็มีแค่ความตั้งใจเท่านั้น ส่วนที่เหลือจากนี้ก็เป็นเรื่องที่นอกเหนือการควบคุม ผมคงบังคับจิตใจหรือความรู้สึกใครไม่ได้ ผมจะทำในส่วนของผมอย่างที่พี่เชลด้าแนะนำ ก้าวแรกที่มาถึงสนามบินนานาชาติประจำจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย สนามบินที่อยู่ติดกับทะเลไม่ต่างจากสนามบินฮ่องกง มันเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและกังวล ผมคงไม่รู้หรอกว่าการมาคราวนี้จะเจออีกฝ่ายไหม เพราะข้อมูลที่มีอยู่มันน้อยมาก ผมมีแค่เบอร์โทรศัพท์กับอีเมล์ที่เมื่อสองอาทิตย์ก่อนหน้าได้มาจากพี่เชลด้า

'มีแค่เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์กับหน้าพาสปอร์ตที่สแกนเก็บไว้เอง จะพอไหมเชน'

'ครับ เอาแค่ที่มี'

'ใครจะไปคิดว่าที่อยู่ตรงปกหลังจะมีเรื่องให้จำเป็นต้องใช้'

'แค่อีเมล์ก็คงพอครับ เพราะถ้าเขาตอบที่อยู่ก็คงไม่จำเป็น'

'แต่อีเมล์นี้พี่ดูแล้วไม่น่าใช่ของแมทนะ'     

          เพราะมันไม่ใช่หรือเพราะอีกฝ่ายไม่ตอบก็ไม่รู้ และทั้งหมดนี้ก็เป็นสาเหตุให้ผมเลือกที่จะเผชิญหน้าด้วยตัวเองหลังจากรอมาสองอาทิตย์ และผมคงรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว ความรู้สึกที่ผมมีมันเอ่อล้น คับแน่นไปหมด การมาเมืองไทยครั้งนี้ไม่มีเหตุผลอะไรจะสำคัญมากไปกว่าการที่ผมไม่สามารถหยุดคิดเรื่องของอีกฝ่ายได้ แค่นั้นก็แทนคำยืนยันได้มากพอ ผมคงทนรออีเมล์ไม่ไหว ผมอยากไปยืนอยู่ตรงหน้าแมทและแสดงความรู้สึกอย่างชัดเจนต่อหน้าเขาว่าผมรู้สึกอย่างไรและมันมากมายขนาดไหน แต่ถ้าหากอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกในแบบเดียวกันผมจะกลับมายืนในที่เดิมของผม เพราะคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะบังคับจิตใจกัน อีกอย่างผมก็ไม่ใช่ผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มที่พอจะโน้มน้าวให้อีกฝ่ายใจอ่อนได้ ผมจะสมหวังก็ต่อเมื่อแมทกำลังคิดแบบเดียวกันและผมก็ภาวนาให้เป็นแบบนั้น

'ไม่ว่าม๊าจะอยากรู้ขนาดไหนว่าทำไมเชนต้องไปประเทศไทย แต่ม๊าก็จะไม่ถาม ม๊าจะรอฟังข่าวดีนะเชน'       

'ขอบคุณม๊าสำหรับกำลังใจครับ'

'ป๊าพอจะเดาอะไรได้บ้าง รอดูต่อไปละกัน คงไม่ผิดจากที่คาดไว้เท่าไหร่'       

'ป๊าอ่านผมออกเสมอ'

'ก็ลูกป๊านี่ ป๊านี่แหละที่จะต้องรู้ดีที่สุด'

'แล้วเชนจะเริ่มต้นยังไง เตรียมใจไว้บ้างหรือยัง ให้ม๊ากับเชลด้าไปเป็นเพื่อนไหม'

'ผมไม่ได้ไปออกรบนะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงกันขนาดนี้ก็ได้ ผมบอกตัวเองว่าจะไม่คาดหวังอะไรทั้งนั้น ผมแค่ไปแสดงความรู้สึกของผมให้เขารู้ ถ้าหากเรารู้สึกตรงกันก็คงเป็นเรื่องดีดี'

'เอาเถอะ มีความสุขที่จะทำอะไรก็ทำ อย่ากดดันตัวเองมากนัก ป๊าเป็นกำลังใจให้เสมอนะ'

          และนี่คือคำพูดให้กำลังใจจากครอบครัวที่มาส่งผมที่สนามบิน ขอบคุณวันลาที่พีทอนุมัติเพิ่ม ขอบคุณข้อมูลส่วนตัวที่แมทใช้ในการจองห้องพักจากพี่เชลด้า ถึงแม้จะน้อยนิดแต่ก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย ขอบคุณป๊ากับม๊าที่สนับสนุนความรู้สึกของผม และขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ผมได้เจอกับแมท ตอนนี้ผมพกความตั้งใจมามากกว่าร้อย หวังว่าเราจะคิดตรงกัน


.......................................................................


Matt Part

          จะอาทิตย์นึงแล้วที่ผมเขียนแล้วก็ลบเขียนแล้วก็ลบไอ้โครงเรื่องเจ้าปัญหาที่ต้องส่งพี่นางในอีกสองเดือน ผมไม่เคยใช้เวลาในการเริ่มพล็อตเรื่องนานขนาดนี้มาก่อน แค่ได้วางตัวละคร บุคลิกลักษณะก็เริ่มขึ้นโครงเรื่องได้แล้ว ผิดกับเรื่องนี้ที่ยังไม่ทันจะวางตัวละครผมก็ใช้เวลาเริ่มอย่างไร้สาระกับความคิดในหัวที่ยังจัดการไม่ได้ไปกว่าสัปดาห์แล้ว

          ยังคงเป็นโต๊ะตัวเดิมกลางสวนหลังบ้านที่ผมเลือกใช้ทำงานหลังจากกลับมาจากฮ่องกง หรือเพราะเปลี่ยนสถานที่นะเลยทำให้ความคิดมันไม่แล่นเลย หรือว่าผมต้องกลับไปนั่งทำงานในห้องนอนตามเดิม คิดไปคิดมาก็ข้ออ้างอีกนั่นแหละ โทษตัวเองเถอะที่ไม่มีสมาธิเลยสักนิด แต่การที่ไม่มีสมาธิแบบนี้ก็ต้องโทษไอ้พี่บ้าที่คงกำลังยืนผัดสปาเกตตี้จานโปรดหรือบิดมอเตอร์ไซค์สบายใจเฉิบอยู่ที่ไหนสักที่ในฮ่องกง คิดแล้วมันน่าหมั่นไส้จริงๆ

"โว้ย!!!"       ไหนๆก็ไหนๆแล้วในเมื่อขึ้นโครงเรื่องในแบบที่เป็นแนวเขียนของผมไม่ได้ก็เอาเรื่องตัวเองนี่แหละมาเป็นโครงเรื่องแทนก็แล้วกัน

"เขียนมันเรื่องตัวเองนี่ละวะ"       พี่มันจีบหรือคิดอะไรไหมผมคงไม่สนใจแล้วหล่ะ ตอนนี้เขียนมันอย่างที่ตัวเองคิดน่าจะดีที่สุด ในเมื่อผมคิดว่าพี่มันจีบผมก็จะจินตนาการเป็นคนที่โดนจีบตามความเข้าใจของตัวเองในตอนแรกโดยไม่สนใจคำพูดของพี่มัทที่ว่าผมคิดไปเอง ก็ไม่รู้ว่าผมไปเอาความมั่นใจมาจากไหนนะ แต่ผมคิดของผมอย่างนี้ ผมเข้าใจอย่างนี้ และผมก็จะเชื่อว่าที่ผมคิดต้องไม่ผิด

          แต่จะเขียนยังไงหล่ะ เอาตัวเองไปเป็นนางเอกเหรอ ตลก! เป็นผู้ชายนะเว้ย นางเอกต้องเป็นผู้หญิงดิ ผมไม่ใช่นะ แต่ทำไมผมอินบทบาทนางเอกขนาดนี้วะ รู้สึกตอนนี้อารมณ์โคตรจะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดนางเอกในเรื่องที่พล็อตมันลอยอยู่ในหัวผมเต็มไปหมดแล้วเนี่ย นี่ผมกำลังรู้สึกอะไรอยู่ หรือว่าจริงๆผมก็ชอบพี่มัน มันใช่เหรอ ผู้ชายทั้งคู่แค่คิดก็จั๊กกะจี้แล้ว

"พี่มัทๆๆๆๆๆๆ"       ขอบคุณฟินที่ขัดจังหวะความคิดในเรื่องไม่เป็นเรื่องของผม

"จะเรียกหลายครั้งทำไม พี่มัทไม่อยู่ ออกไปร้าน"       

"อ้าวเหรอ พี่แมทโทรถามให้หน่อยว่าเจ้จะกลับกี่โมง"

"ธุระใครก็โทรเองดิ"

"โทรแล้ว ปิดเครื่องมั้ง"

"เรื่องสำคัญรึไง"

"ป่าวหรอก แต่จะให้ฟังฟินร้องเพลงหน่อย พรุ่งนี้ต้องสอบแล้ว"

"แล้วพี่มัทจะช่วยอะไรได้"

"ฟินไม่กล้าร้องต่อหน้าอาจารย์กับเพื่อนๆในห้อง เลยจะมาซ้อมต่อหน้าพี่มัทก่อน น่าจะน่าตื่นเต้นพอกัน"

"มันจะเหมือนกันได้ไงฟิน พี่มัทคนเดียว เพื่อนฟินทั้งห้องนะ"

"ก็เวลาพี่มัทจ้องหน้าฟินนะ อารมณ์มันน่ากลัวเหมือนตอนอาจารย์นั่งอยู่ด้วยเลย"     มันก็ช่างเอาไปเปรียบเทียบกันนะ

"พี่ช่วยฟังแทนได้ไหม"      คิดงานก็คิดไม่ออกนั่งฟังฟินร้องเพลงฆ่าเวลาไปก่อนละกัน อย่างน้อยก็คงช่วยลดความน่าเบื่อที่คิดอะไรก็ดูสับสนไปหมดลงบ้าง

"เอาจริงเหรอ อย้าล้อฟินนะถ้ามันแย่"       ผมพยักหน้ารับ คงไม่มีใครร้องแย่ไปกว่าพี่มัทแล้วหล่ะ ขอยืนยันในฐานะคนที่ต้องอดทนฟังมากว่า 20 ปี

"เออน่า ถ้าไม่ดิ่งลงบาดาลหรือตะกายยอดตึกมากก็คงพอช่วยฟังได้"

"โห่...พี่แมท ฟินไม่อยากจะคุย"

"ดีละไม่ต้องคุย ร้องเลย เสียเวลา"

"โอเคๆ ใจร้อนจริง"


สักพักทำนองจากโทรศัพท์มือถือของฟินก็เริ่มบรรเลง


"เธอไม่ใช่คนที่ฉันเฝ้ารอ
เธอไม่ใช่คนที่ฝัน
แต่ความจำเป็นทำให้เราใกล้กัน
ไม่รู้จะทำยังไง

มองทีไรก็ไม่ค่อยถูกชะตา
ตลอดเวลารู้สึกไม่ชอบด้วยซ้ำไป
แต่พอวันหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าวันไหน
ลืมปิดประตูหัวใจซะงั้น

อยู่ๆ ก็มีแต่เธอมาปรากฏตัวในหัวใจ
อยู่ๆ ไม่รู้ทำไม ถึงคิดถึงเธอได้ทั้งวัน
จากที่ไม่ชอบ ก็กลายเป็นใช่
กลายเป็นคำตอบของใจฉัน
ความผูกพันเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นไม่ลดเลย ฉันรักเธอจัง"

"เฮ้ยๆ ฟินพอก่อนๆ"

"ทำไม ทำไม ฟินร้องแย่เหรอ"

"ร้องใหม่ตั้งแต่ต้นอีกรอบซิ ทำนองไม่ต้องเปิดคลอนะ เอาแต่เนื้อพอ"

"เธอไม่ใช่คนที่ฉันเฝ้ารอ เธอไม่ใช่คนที่ฝัน"

"อืม"

"แต่ความจำเป็นทำให้เราใกล้กัน ไม่รู้จะทำยังไง"

"ใช่"

"มองทีไรก็ไม่ค่อยถูกชะตา ตลอดเวลารู้สึกไม่ชอบด้วยซ้ำไป"

"ก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะ"

"อะไรพี่แมท"      ผมไม่ตอบแต่ขยับมือเป็นเชิงให้ฟินร้องต่อ

"แต่พอวันหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าวันไหน ลืมปิดประตูหัวใจซะงั้น"

"อย่างนั้นแหละ ร้องต่อเลยฟิน"       ผมเห็นนะว่าฟินมันทำหน้างงขนาดไหน แต่ความคิดในหัวผมตอนนี้มันละความสนใจไปไขความข้องใจของน้องไม่ได้จริงๆ

"อยู่ๆ ก็มีแต่เธอมาปรากฏตัวในหัวใจ
อยู่ๆ ไม่รู้ทำไม ถึงคิดถึงเธอได้ทั้งวัน
จากที่ไม่ชอบ ก็กลายเป็นใช่
กลายเป็นคำตอบของใจฉัน
ความผูกพันเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นไม่ลดเลย ฉันรักเธอจัง"

"ขอบใจมากนะฟิน เพราะมาก ขอให้สอบผ่านนะ ตั้งใจซ้อมๆ"

"พี่แมท อะไรเนี่ย ฟินยังร้องไม่จบเพลงเลยนะ...พี่แมทจะไปไหน!!!"

          คิดถึง ใช่ มันคือความคิดถึงอย่างที่แม่และพี่มัทบอก ตลอดเกือบ 3 อาทิตย์ตั้งแต่กลับมา ผมเอาแต่คิดถึงคนที่ฮ่องกง เริ่มเขียนพลอตเรื่องก็คิด เปิดดูรูปก็คิด จัดของที่ได้มาจากที่นั่นก็คิด เก็บเข้าตู้ไปแล้วก็ยังเอาออกมาวางที่โต๊ะให้เห็นมันอยู่ทุกวัน บัตรรถไฟฟ้าที่หาไม่เจอแล้วไปโวยวายหาทั่วบ้านจนแม่บ่นปวดหัวแล้วตัดรำคาญมาหาให้ก็เก็บมันไว้เป็นอย่างดีเพียงเพราะถูกซื้อโดยคนที่กำลังคิดถึง ขนาดวาฟเฟิลผมยังแรพประมาณสามชั้นแล้วแช่ฟรีซเอาไว้ ทำทุกทางที่จะไม่ให้มันเน่าเสีย ถามตัวเองว่าทำบ้าอะไร คำตอบที่ได้ก็คือไม่มี แค่ทำเถอะ อยากทำก็ทำ ถ้าจะถามหาเหตุผลกันจริงๆ คงนึกได้แค่ข้อเดียวในตอนนี้ นั่นคือเพราะทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นแล้วคำพูดของไอ้มินก็มาวนเวียนอยู่ในหัวอีกครั้ง

'หาส่วนประกอบของความรักให้เจอ แล้วมันจะให้ความสุข'

          งั้นเหรอ ทั้งๆที่ตอนนี้ผมมีแต่ความทุกข์มากกว่าไหมที่สลัดความคิดถึงพวกนั้นออกไปจากหัวไม่ได้ซะที ผมยอมรับแล้วว่าผมคิดถึงพี่เชน คิดถึงมากและถ้าจัดอันดันความคิดถึงได้ ตอนนี้มันคงอยู่ขั้นสูงมากพอที่ผมจะบอกได้ว่าผมไม่เคยคิดถึงใครที่ไม่ใช่คนในครอบครัวขนาดนี้มาก่อน

          บางทีหรือบ่อยครั้ง คนเราก็มีช่วงเวลาที่สูญเสียความเป็นตัวเอง สูญเสียการควบคุมตัวเอง หรือสูญเสียความนับถือตัวเอง แต่สำหรับผมตอนนี้ผมไม่มีสักอย่าง ผมควบคุมความคิดตัวเองไม่ได้ และผมก็ไม่เคยควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้เลย แม้กระทั่งพฤติกรรมที่บ้าเก็บของที่เกี่ยวกับพี่มันก็ด้วย และพอยิ่งได้ฟังเพลงจากฟินมันก็เหมือนยิ่งกระตุ้นความรู้สึกผมให้ชัดเจนขึ้น ผมคงชอบพี่มัน ทุกอย่างที่อยู่ในเนื้อเพลงที่ฟินร้องคือความรู้สึกของผม แต่จะเป็นการชอบในรูปแบบไหนนั้นผมยังหาบทสรุปเพื่อให้ตัวเองยอมรับไม่ได้จริงๆ

.......................................................................


Chen part

"เริ่มจากตรงไหนก่อนดี"       ตอนนี้เป็นเวลาผมกำลังสับสนว่าจะเริ่มหาจากตรงไหนของหาดป่าตองดี หลังจากที่รับกระเป๋าและทำเรื่องเช่ารถเพื่อความสะดวกมากขึ้นเรียบร้อยแล้ว ผมก็กำลังอยู่บนรถและพร้อมที่จะทำตามคำแนะนำของเพื่อนเก่าสมัยเรียนเมืองไทยที่บังเอิญเจอตอนออกจากสนามบินพอดี โชคดีที่เธอทำงานอยู่ที่นี่ และโชคดีที่เรายังจำกันได้แม้มันจะผ่านมานานมากแล้วก็ตาม จากคำแนะนำของเธอคือให้ผมเริ่มหาจากหาดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดก่อน นั่นคือหาดป่าตอง เพราะจากข้อมูลที่ผมมีเธอบอกว่าจะเอาไปให้คนที่รู้จักช่วยหารายละเอียดเพิ่มเติมให้ เพราะฉะนั้นวันนี้ก็คงต้องช่วยเหลือตัวเองไปก่อน ผมจะลองโทรเข้าหมายเลยโทรศัพท์ที่พี่เชลด้าให้ไว้ดูเป็นอันดับแรก

"เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้"       กว่าสิบครั้งที่ได้ยินแต่ประโยคนี้ ไม่มีประโยชน์ที่จะเฝ้าโทรต่อไป เดินหน้าหาด้วยตัวเองเลยดีกว่า ผมไม่มีข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับร้านอาหารของครอบครัวแมท รู้แค่ว่าเป็นร้านไม่ใหญ่มาก มีร้านกาแฟอยู่ข้างๆในบริเวณพื้นที่เดียวกัน เพราะฉะนั้นถ้าผมใช้โจทย์นี้หวังว่าคงเหลือคำตอบอยู่ไม่มากนัก

"สวัสดีค่ะ กี่ท่านคะ"

"คนเดียวครับ"       เริ่มจากร้านแรก มีพนักงานใส่ชุดไทยมายืนต้อนรับ ถามจำนวนลูกค้าเป็นภาษาไทย

"เชิญด้านนี้เลยค่ะ"       ผมเดินตามพนักงานไปที่โต๊ะพร้อมกับมองสำรวจรอบๆร้านไปด้วย

"เมนูค่ะคุณลูกค้า วันนี้มีรายการอาหารแนะนำนะคะ เป็นกุ้งผัดน้ำพริกมะขามกับต้มยำซีฟู้ดยอดมะพร้าวอ่อนค่ะ"

"งั้นเอามาอย่างละหนึ่งเลยครับ ขอข้าวด้วยนะครับ"

"ค่ะ กุ้งผัดน้ำพริกมะขามหนึ่งที่ ต้มยำซีฟู้ดยอดมะพร้าวอ่อนหนึ่งที่ ข้าวเปล่าเป็นโถหรือเป็นจานดีคะ"

"ข้าวเปล่าเป็นจานละกันครับ"

"ค่ะ รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ"

"น้ำแตงโมปั่นมีไหมครับ ถ้ามีเอาน้ำแตงโมปั่นหนึ่งที่ถ้าไม่มีขอเป็นน้ำเปล่าครับ"       น้ำแตงโมคือเครื่องดื่มที่ผมมักจะเลือกสั่งทุกครั้งที่มาเมืองไทย ไม่มีที่ประเทศไหนอร่อยเท่าที่ไทยอีกแล้ว

"มีค่ะ วันนี้มีน้ำมะม่วงปั่นด้วยนะคะ"

"ไม่ครับ ขอน้ำแตงโมดีกว่า"

"ค่ะ ขอทวนรายการอาหารอีกครั้งนะคะ"

"ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องทวนแล้ว ตามนั้นเลยครับ"       ถ้าขืนยังทวนวันนี้ผมว่าคงได้แค่ร้านเดียวแน่ๆ พนักงานร้านนี้ทำงานดีครับ แต่มันออกจะล้นไปหน่อยสำหรับคนที่เร่งรีบและมีจุดมุ่งหมายอย่างผม

"ค่ะ"

"เอ่อ ขอโทษครับร้านกาแฟด้านโน้นเป็นของที่นี่รึป่าวครับ"

"ไม่ใช่ค่ะ แต่ลูกค้าสามารถสั่งมาทานได้ พนักงานจากร้านกาแฟจะมาเสิร์ฟให้แต่จ่ายบิลแยกค่ะคุณลูกค้า"

"งั้นก็แสดงว่าคนละเจ้าของกันนะสิครับ หวังว่าคงไม่เป็นการละลาบละล้วงเกินไปที่ผมจะถาม"       ตอนนี้ผมต้องลืมคำว่าเสียมารยาทไปบ้างเพื่อให้ได้ข้อมูล

"ไม่เป็นไรค่ะ ทางร้านเปิดให้เช่าที่ไว้สำหรับบริการกาแฟสดให้ลูกค้าเพิ่มเติมค่ะ"       

"ขอบคุณครับ"       ถือว่าเป็นการทำธุรกิจที่คำนึงถึงลูกค้าและเอื้อประโยชน์กันพอสมควร เพราะมีลูกค้าไม่น้อยที่มักจะดื่มเอสเปรสโซ่หลังมื้ออาหาร และที่สำคัญไปกว่านั้นคือนี่ไม่ใช่ร้านของครอบครัวแมทแน่นอน ผมจำได้ว่าเจ้าตัวบอกว่าร้านกาแฟเป็นร้านของแม่ มันคงจะดูใจร้ายเกินไปที่จะให้แม่เช่าพื้นที่ในร้านตัวเองเพื่อเปิดร้านกาแฟแก้เหงา

          และในเมื่อไม่ใช่ร้านนี้ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะนั่งทานอาหารที่สั่งมา ผมจำเป็นจะต้องตามหาร้านต่อไปเลยบอกให้พนักงานห่ออาหารที่สั่งกลับบ้าน และขอบคุณที่ร้านนี้ทำอาหารค่อนข้างรวดเร็วทำให้ผมไม่ต้องเสียเวลาไปมากนัก

          ผมแวะร้านที่เป็นลักษณะเดียวกันอีกสองร้าน แต่ปรากฎว่ายังไม่ใช่ ร้านที่สองแค่อยู่ติดกันไม่ได้เช่าที่เหมือนอย่างร้านแรก และไม่สามารถสั่งเข้ามาทานในร้านได้ ส่วนร้านที่สามเป็นเจ้าของคนเดียว แต่เจ้าของเป็นผู้ชายและมีภรรยาทำร้านกาแฟ สรุปก็คือยังไม่ใช่ทั้งสามร้าน วันนี้ผมคงต้องพอแค่นี้ก่อน เพราะถ้าหากยังหาต่อไปท้องผมคงแตกก่อนที่จะเจอกันพอดี อีกอย่างผมก็ยังไม่มีที่พักด้วย เพราะฉะนั้นตอนนี้คงต้องหาโรงแรมก่อนแล้วถ้ายังไหวค่อยออกมาหาอีกรอบ



.......................................................................



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2015 23:20:41 โดย anana »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ anana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Matt part

          สงสัยคงจะจริงว่าห้องนอนผมนี่แหละเป็นที่เดียวที่จะทำให้ความคิดผมทำงาน ในที่สุดโครงเรื่องของผมก็เริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างแล้ว อย่างน้อยผมก็มีตัวละครพระนางอยู่ในหัวซึ่งก็คือตัวผมเอง ฮ่าๆๆๆ นึกถึงทีไรก็ตลกทุกที ผมคงเป็นนักเขียนคนแรกและคนเดียวเลยละมั้งที่ทำตัวประหลาดแบบนี้ เป็นผู้ชายแต่ดันประเมินตัวเองไปเป็นนางเอกซะอย่างนั้น แต่ถ้าความคิดบ้าๆแบบนี้ทำให้งานผมเดินก็คุ้มอยู่นะที่จะลองดู

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

"ครับ"

"แมท ว่างไหมลูก ออกไปรับพี่มัทแม่หน่อย"       แม่นี่เอง

"แม่ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่"       หันไปมองนาฬิกายังไม่สี่ทุ่มเลย ทำไมวันนี้แม่กลับไว

"ตั้งแต่สี่โมงเย็นแล้ว วันนี้แม่ต้องไปงานแต่งงานเลยเอารถกลับมาก่อน"       อย่างนี้นี่เอง ว่าทำไมถึงได้สวยกว่าปกติ

"ที่ไหนแล้วแม่ไปกับใครครับ"

"โรงแรมใกล้ๆร้านเรานั่นแหละ เดี๋ยวเพื่อนแม่มารับ เห็นว่าจะออกมาสักพักแล้วคงใกล้ถึงแล้วละมั้ง"

"อ่อครับ งั้นเดี๋ยวแมทไปรับพี่มัทเองครับ แล้วแม่จะกลับพร้อมเพื่อนหรือให้แมทไปรับดี"

"กลับพร้อมเพื่อนดีกว่าลูก ถ้าเลิกไวแม่ค่อยให้เพื่อนไปส่งที่ร้านแล้วกลับพร้อมลูกๆนะ"

"ได้ครับแม่"

          ในเมื่องานก็เพิ่งคิดออก เวลาก็เหลือมากพอสำหรับแค่คิดพล็อตเรื่องส่ง เพราะงั้นวันนี้ลงไปหาหนังดูข้างล่างฆ่าเวลาไปรับพี่มัทดีกว่า พักสมองซะหน่อย เพราะช่วงที่ผ่านมาผมใช้ความคิดหนักมากเกินไปแล้ว

"ดูเรื่องอะไรดีน้า"       อันนี้ดูแล้ว อันนี้เครียดไป อันนี้หนังเศร้า ไม่ชอบๆ นี่ก็ซีรี่ย์เกาหลีของพี่มัทมันยาวไป นี่ผมไม่ได้หาซื้อหนังเข้าบ้านมานานแค่ไหนแล้วนะถึงได้ไม่มีหนังอะไรใหม่ๆอยู่ในตู้เก็บเลย อาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้ไปร้านขายดีวีดีหนังเลยในช่วงหลังๆเลยทำให้ไม่รู้ว่าเรื่องไหนที่ควรซื้อเก็บหรือเรื่องไหนน่าดู ผมเป็นคนชอบดูหนังมากนะ เสียแต่ไม่ชอบดูคนเดียว และนี่ก็เป็นพฤติกรรมของคนโสดเพียงอย่างเดียวที่ผมยังพยายามหัดทำแล้วแต่ก็ไม่ได้สักที จะให้ชวนโอ้ตไปดูรายนั้นก็ไม่ชอบดูหนังที่โรง เพราะฉะนั้นหนังทุกเรื่องที่ผมสนใจแต่ไม่มีใครไปดูด้วยก็จะจบลงที่การรอแผ่นดีวีดีออกถึงค่อยซื้อมาดูที่บ้านแต่ตอนนี้หนังที่ผมมีก็ดูจนหมดสต็อกไปแล้ว งั้นวันนี้ไปหาหนังใหม่ๆที่ร้านดีวีดีเจ้าประจำเลยละกัน ชวนโอ้ตไปเดินห้างด้วยดีกว่า ไม่เจอหลายวันแล้ว เดี๋ยวมันจะงอน เพราะตั้งแต่หลังกินข้าวกับเพื่อนๆวันนั้นก็ยังไม่ได้คุยกันเลย

"ไงมึง หายหัวไปเลยนะไอ้แมท!"

"โอ้ต ไปเดินห้างกัน"

"ไม่ทำงานไงวะ ว่างเหรอ"

"อืมว่าง รอเวลาไปรับพี่มัท"

"เหรอ เออ งั้นมึงก็มีรถดิ"

"ใช่ วันนี้แม่กูไปงานแต่งเลยเอารถกลับบ้านมาก่อน"

"งั้นมารับกูด้วยละกัน วันนี้กูไม่ได้เอารถมา กูรอที่ออฟฟิศนะ"

"เออๆ อีก 20 นาทีเจอกัน"

          ปกติมักจะเป็นโอ้ตที่คอยขับรถมารับมาส่งเวลาจะไปไหน ที่บ้านผมเคยมีรถสองคันคือคันของพี่มัทที่ใช้อยู่ทุกวันนี้และก็คันของผมที่เป็นของขวัญเรียนจบจากคุณยาย แต่พอพักหลังๆรถของน้านิคันเก่าที่ให้น้าอิงใช้ไปทำงานเริ่มงอแงให้ต้องซ่อมอยู่บ่อยๆ แม่ก็เป็นห่วงกังวลว่าผู้หญิงอย่างน้าอิงคงลำบากที่จะแก้ปัญหาถ้ามันเกิดเสียกลางทางขึ้นมา เลยบอกให้มาเอารถที่บ้านไปใช้เพราะผมเองก็ไม่ค่อยได้ใช้ ทั้งแม่ทั้งพี่มัทก็ทำงานที่เดียวกัน จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้รถมากขนาดน้าอิง แรกๆน้าอิงก็เกรงใจ ขอไปรอรถพนักงานของโรงแรมที่มีบริการรับส่งดีกว่า แต่น้าอิงคงลืมนึกไปว่าหากวันไหนน้านิติดงานก็จะไปมีใครคอยไปรับไปส่งสองแฝดที่เรียนพิเศษวันที่ต้องเลิกดึก เพราะเวลานั้นรถประจำทางก็แทบจะไม่ค่อยมีวิ่งแล้ว คุณยายเลยต้องใช้วิธีบอกให้น้าอิงไปส่งสองแฝดที่โรงเรียนเองทุกเช้าเพื่อส่งเสริมความอบอุ่นภายในครอบครัว พอคุณยายเอ่ยปากอย่างนั้นน้าอิงเลยปฏิเสธไม่ได้ ในเมื่อผมเองก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ รถที่จอดเอาไว้เฉยๆก็เสื่อมสภาพได้ไม่ต่างจากรถที่ถูกใช้งาน เพราะฉะนั้นให้มันทำหน้าที่ของมันแล้วเสื่อมจากการทำหน้าที่จะยังดีเสียกว่า

"เพื่อนแม่ยังไม่มารับอีกเหรอ"

"นั่นสิ รอนานแล้วเนี่ย เห็นบอกว่าอีกสักพักๆ แม่โทรไปก็สายไม่ว่าง"

"งั้นแมทรอเป็นเพื่อนแม่ก่อนก็แล้วกันครับ"

"จ้ะ แล้วนี่ลูกจะไปไหน"

"นัดกับโอ้ตว่าจะไปเดินเล่นที่ห้างอ่ะแม่"

"อ่อ จ้ะ อ่ะนี่ เพื่อนแม่โทรมาพอดี"       แล้วแม่ก็รับโทรศัพท์พูดอะไรสักอย่างกับเพื่อนไม่นานก็วาง

"สงสัยว่าแมทจะต้องไปส่งแม่แล้วหล่ะลูก เพื่อนแม่แวะไปรับเพื่อนอีกคนแล้วลืมหยิบซองมาด้วยเลยต้องวนกลับไปเอา แม่เลยบอกว่าเดี๋ยวให้ลูกไปส่งดีกว่าจะได้ไม่ต้องวนไปวนมาให้เสียเวลาเนอะ"

"ได้ครับแม่ งั้นแมทแวะรับไอ้โอ้ตก่อนนะ"

"โอเคจ้ะ งั้นไปกันเถอะ"

.......................................................................


"เอ้า ขับด้วย ไปโรงแรม x ตรงโค้งก่อนถึงร้านพี่มัทก่อนนะ"       เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาผมก็รีบลงจากรถแล้วพาตัวเองมานั่งด้านหลัง ปล่อยหน้าที่พลขับให้เป็นของไอ้โอ้ตแทน และไอ้โอ้ตที่คิดว่าตัวเองจะต้องหาเรื่องขัดผมตลอดเวลาก็รีบเปิดประตูด้านตรงข้ามคนขับ

"แล้วไปนั่งด้านหลังทำไมวะ ตลอดเลยนะมึงเนี่ย อ้าวแม่ สวัสดีครับ วันนี้สวยเชียว จะไปไหนครับเนี่ย"       แต่ปรากฎว่ามันไม่ว่างเพราะแม่นั่งอยู่ 

"สวัสดีจ้ะโอ้ต"

"อย่าถามมากน่า เชี้ยโอ้ตไปขับรถ"

"อะไรวะถามแม่ก็ไม่ได้"       สุดท้ายมันก็เดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับ

"ลูกชายแม่นี่ปากจัดนะครับ"       ยังไม่ทันได้ออกรถก็เริ่มกัดผมอีกละ

"เหมือนมึงอ่ะแหละ"       ถ้ามันพูดดีๆเลิกกวนประสาท ผมคงไม่ใจร้ายพอที่จะหยาบคายกับมันหรอก

"พอกันทั้งคู่นั่นแหละ เจอกันเป็นต้องแขวะ ไม่เบื่อบ้างหรือไงแม่ถามหน่อย"

"สนุกดีครับแม่"       ผมบอก

"แต่โอ้ตไม่หนุกด้วยเลยแม่ แมทชอบว่าโอ้ตแรงๆ"

"ไอ้กระแดะ วันหลังจะกูอัดคำพูดหยาบคายไปฟ้องม๊ามึงบ้าง คอยดู!"

"แหม งอนเหรอคะทรามเชย โอ๋ๆๆๆ มาจูบปลอบใจทีมา ฮ่าๆๆ แม่ดูลูกชายแม่ดิ งอนทีปากนี่ปลิ้นเลย"

"ไอ้เชี้ยโอ้ต!!!"

"หยุดเลยๆ ยิ่งแขวะก็ยิ่งทะเลาะกัน อย่าให้แม่ได้ยินว่าพูดจาไม่ดีใส่กันอีกนะ แมทนะพูดจาให้มันดีๆหน่อย แล้วก็พอนะเรื่องออกคำสั่งกับเพื่อนหน่ะ โอ้ตก็เหมือนกัน เลิกแหย่แมทได้แล้ว"

"แต่แมทเป็นแค่กับโอ้ตคนเดียวนะแม่"

"แหม! รู้สึกวีไอพีขึ้นมาทันทีเลย โอ้ตชินแล้วแม่ ถึงมันไม่สั่งโอ้ตก็ทำให้อยู่ดีนั่นแหละครับ"

"นั่นแหละ มันจะทำให้แมทเสียนิสัย ถ้าวันนึงต่างคนต่างก็มีแฟนแล้วจะทำยังไง จะมาง้องแง้งใส่กันแบบเดิมไม่ได้แล้วนะ"

"โหยแม่ แมทยังไม่คิดเรื่องนี้เลย ถ้ามันมีแฟน แมทก็ค่อยทำตอนแฟนมันไม่อยู่สิ"

"เอ๊ะ! แมท ที่แม่สอนนี่เข้าใจจะเอาไปปรับใช้บ้างไหม"

"แม่ๆ ใจเย็นๆครับ โอ้ตก็ไม่ได้คิดเรื่องนั้นเหมือนกัน เอาเป็นว่าตอนนี้ลูกชายแม่ยังเป็นอันดับหนึ่งในใจโอ้ตเสมอนะครับ แม่ไม่ต้องกังวล"

"หยุดล้อเล่นน่าโอ้ต พูดอะไรแบบนี้เดี๋ยวม๊าโอ้ตมาได้ยินรับไม่ได้ขึ้นมาจะโดนสั่งให้เลิกคบกันหรอกคอยดู"

"ม๊าจะเชียร์แทนหน่ะสิครับ รักแมทจะตายไปครับแม่ รักมากกว่าโอ้ตอีก ตั่วเฮียลูกอี๊มีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกันก็ไม่เห็นเขาว่าอะไรเลยนะครับ ยิ่งถ้าเป็นแมทม๊ารับได้อยู่แล้ว ฮ่าๆๆ"

"แต่แม่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่นกันนะ แรกๆแม่ก็เฉยๆ แต่พักหลังๆแม่ได้ยินบ่อยขึ้นนะ ใครเขาได้ยินเข้าจะเอาไปพูดกันสนุกปาก"       ไม่ใช้ม๊าของโอ้ตหรือใครต่อใครหรอกที่แม่เป็นกังวลว่าจะรับไม่ได้ แต่เป็นแม่เองมากกว่า เพราะได้ยินแม่พูดแค่นี้ผมก็พอจะเดาได้แล้วว่าแม่เองก็ใช่ว่าจะรับเรื่องแบบนี้ได้ ที่ผ่านมาคงเพราะคิดว่าไม่มีใครจะเก็บมาจริงจังแม่ก็เลยไม่ห้าม

.......................................................................


"ขอบใจมากนะลูกที่มาส่งแม่ก่อน แล้วอย่าทะเลาะกันอีกหล่ะ"

"ครับแม่"       โอ้ตรีบรับปากพร้อมตะเบ๊ะท่ารับคำ

"ได้ยินที่แม่บอกไหมแมท"

"ได้ยินแล้วครับแม่"       พอได้ยินผมตอบรับแม่ก็เดินเข้าโรงแรมไป

"อ้าวเฮ้ย! เห็นกูเป็นขี้ข้าไงวะ มานั่งข้างหน้าดิ กูไม่ใช่ลูกคนขับรถบ้านมึงนะครับ"

"เหรอ กูก็เข้าใจมาตลอดว่าใช่"

"สนุกเกินไปละ ตกลงมึงจะไม่ลุกมานั่งข้างหน้าใช่ไหม"       มันจะอะไรนักหนากับตำแหน่งที่นั่ง

"เออ ขับไปเถอะน่า กูหิวแล้วเนี่ย"

"หิวก็รีบลงมา"       ยังไม่ทันได้เถียงต่อมันก็มาเปิดประตูยืนอยู่ข้างผมและกระชากให้ผมต้องลงจากรถตามมัน

"อะไรของมึงนักหนาเนี่ย กูนั่งข้างหลังแล้วมึงจะเหยียบคันเร่งไม่ได้หรือไง"

"เออ กูไม่มีกำลังใจแม้แต่จะเข้าเกียร์เลยครับ"       ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต่อล้อต่อเถียงเรื่องปัญญาอ่อนกับมัน แค่ลุกไปนั่งตามที่มันต้องการจะได้จบๆ

"แหมยาหยีจ๋า อย่าทำหน้าเป็นตูดอย่างนั้นสิคะ ไม่เอานะๆ ยิ้มหน่อยๆ"       พูดจบก็เอามือมาดึงแก้มผมทั้งสองข้างก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นลูบหัวให้ผมต้องถอยตัวห่างจากมัน

"กูไม่ใช่เด็กๆที่จะยินดีกับวิธีปลอบใจปัญญาอ่อนของมึง เอามือออกไป"       ผมรีบสะบัดหัวออกจากมือมัน ไม่ใช่ไม่เคยทำแบบนี้ ไม่ใช่ไม่เคยชิน และไม่ได้กลัวว่าแม่จะเห็น แค่รู้สึกว่ามันไม่มีอารมณ์จะมาเล่นอะไรแบบนี้ในตอนนี้

"แม่เขาก็แค่เตือนไปตามที่ควรจะทำ ไม่ต้องคิดมากหรอก"       อย่างน้อยโอ้ตก็เป็นคนที่รู้ทันเสมอว่าผมกำลังคิดหรือหนักใจเรื่องอะไรอยู่

"อืม"       แล้วมันก็ตบหัวหนักๆอีกสองสามทีก่อนจะผายมือให้ผมเข้าไปนั่งในรถ

"กูเจ็บ"       ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ใช่ว่ามันจะใส่ใจ มันทำแค่โค้งตัวแล้วปิดประตูรถให้ก่อนจะเดินมานั่งที่ตำแหน่งคนขับ

"คาดเข็มขัดด้วยมึง เดี๋ยวกูจะดริฟท์ให้ลืมเครียดเลย"       และก็เป็นโอ้ตอีกนั่นแหละที่เอื้อมตัวมาดึงเข็มขัดแล้วคาดให้

"ขอบใจ"       ตอนนี้ผมไม่สนแม้แต่จะคาดเข็มขัดให้ตัวเอง

          ถ้ารู้แบบนี้ ผมเกลียดคำนี้ ถ้ารู้แบบนี้เราจะไม่คิดเราคงจะไม่ทำอย่างนั้นใช่ไหม แต่เพราะไม่รู้ไง ถึงไม่พยายามห้ามหรือหยุดความคิดตัวเอง ใช่ ถ้าผมรู้ว่าแม่ไม่ชอบ ผมคงจะไม่พยายามหาคำตอบให้ตัวเองว่าทำไมต้องเอาแต่นึกถึงพี่เชน แต่เพราะผมไม่รู้ และไม่รู้จนปล่อยให้ความรู้สึกมันมากเกินกว่าความคิดถึง และมันก็มากจนกลายเป็นความชอบ จนตอนนี้ก็คงต้องพูดประโยคเดิมๆอีกครั้งว่าผมไม่รู้จริงๆว่าควรทำยังไง

.......................................................................

❤ขอบคุณที่ติดตามนะคะ *:)
❤อีกนิดเดียวเอง...
❤แนะนำติชมได้ตามสะดวกเลยนะ ขอบคุณค๊ะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2015 23:26:26 โดย anana »

ออฟไลน์ pinkymaprang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาแล้ว... เมื่อไรจะแมทจะเจอไอ้พี่เชน รอๆๆๆๆๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คุณสับปะรดนะ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
พี่เชนนนนน บุพเพนี้จะแผลงฤทธิ์เมื่อไหร่คะนี่ รอทั้งสองคนมาจ๊ะเอ๋กันไม่ไหวแล้วน้าาา

ปูลู ตอนยาวๆแบบนี้ชอบมากกกกค่ะ :D

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
ขอให้เจอกันเร็วๆ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
แย่แล้ว แมทเพิ่งจะเข้าใจและยอมรับใจตัวเอง
จะต้องมารีบเก็บความรู้สึกไว้และตัดใจแล้วเหรอ

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
หาให้เจอนะครับพี่เชน  ไม่น่าจะยากเกินความสามารถนะ

ออฟไลน์ iamtsubame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกมากกกกก o13
กำลังลุ้นเลยว่าพอแมทเจอพี่เชนจะกระโดดกอดเลยหรือเปล่า แม่ดันมาพูดให้แมทคิดมากซะได้ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ palm-metto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
จะเจอกันแล้ววว

โอ้ยยย ลุ้นไปอีกอ่ะ

อยากรู้ว่าตอนเจอกัน น้องแมทจะทำหน้าไงนี้?

หรือว่าอาจจะมีคลาดๆกัน ไรงี้ป่ะ เหมือนมีแววงั้นเลย

 :mew1:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เเต่งดีอะ เพิ่งมาเจอ เรารออ่านอยู่น้าาาาาา
เมื่อไหร่เค้าจะเจอกันเนี่ย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
โธ่ น่าสงสารแมท คงสับสนน่าดู
พี่เชนมาตามหาแล้ว... หาให้เจอเร็วๆนะ อย่าเจอตอนที่มีฉากชวนเข้าใจผิดล่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ ชอบมาก ดูเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น  :katai2-1:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
ง่อวว พี่เชนเจอแมทเร็วๆน้าาา
คนเขียนมาต่อเร็วเข้าา

ออฟไลน์ anana

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ตอนที่ 16


Chen Part


          ผมยังไม่ได้เตรียมใจมาเพื่อจะเห็นภาพนี้ อันที่จริงผมควรจะต้องดีใจที่เห็นว่าคนที่ตั้งใจเดินทางมาเจอยืนอยู่ตรงหน้า แต่ความใกล้ชิดระหว่างคนทั้งคู่ที่ผมเห็นมันทำให้ผมพูดไม่ออก ในขณะที่กำลังเดินออกจากโรงแรมเพื่อย้ายไปพักที่บ้านของเม เพื่อนสมัยเรียนที่เมืองไทย และตั้งใจว่าจะออกไปลองขับรถวนหาร้านอีกสักรอบ แต่ก็มาเจอภาพนี้เสียก่อน ภาพที่เห็นมันทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ออก ผมไม่รู้ว่าควรนิยามความรู้สึกนี้ว่าอย่างไร ใจหนึ่งก็อยากปล่อยแมทไป แต่ก็เห็นแก่ตัวเกินกว่าที่จะทำแบบนั้น  อีกใจหนึ่งก็อยากเดินเข้าไปถามเอาคำตอบของความสัมพันธ์ แต่ก็ไม่กล้า  พยายามบอกตัวเองผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้


30 นาทีก่อนหน้า


'เฮ่ลโหลวยู อยู่ไหน'

'กำลังจะเช็คอินโรงแรมที่เมแนะนำไง'

'สต็อปเลยนะยู ถอยหลังๆ ทำตามที่ไอบอก'       อะไรของเขานะ เป็นคนบอกเองแท้ๆว่าให้มาพักที่นี่

'อะไรกันเม ผมขอเช็คอินก่อนนะ เดี๋ยวโทรกลับ'

'ไม่ต้องเลย ไม่ต้องๆ บอกว่าให้หยุด กลับหลังหันแล้วเดินออกมาจากโรงแรมเดี๋ยวนี้ อีก 10 นาทีมารอไอหน้าโรงแรมนะ'       และนั่นก็เป็นสิ่งที่นำพาให้ผมได้มาเจอกับคนที่ตามหาและภาพที่ไม่ได้เตรียมตัวมาว่าถ้าเจอแล้วควรทำอย่างไร

ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่อยู่กับแมทเป็นใคร ตอนนี้ก็ได้แต่คิดสรตะไปมากมาย และในขณะที่อีกฝ่ายกำลังเคลื่อนรถออกจากหน้าโรงแรม ก็มีเสียงเรียกดึงผมออกจากความคิดถึงภาพเมื่อสักครู่

"เชน!!! เชน!!! เฮ้!!!"       เป็นเมที่ขับรถมาจอดตรงหน้าผม

"ไฮ! เม"       ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องพูดอะไรกับเมดี เลยทำแค่ยกมือทักทาย

"มองอะไรอยู่ ไอเรียกตั้งนาน เจอคนรู้จักเหรอ"       ผมส่ายหัว

"เจอคนที่มาตามหา"       ผมบอกออกไป

"ห๊ะ! คนที่มาตามหาเหรอ"       ผมพยักหน้า

"แตะ...แต่นั่นผู้ชายทั้งคู่นะ หรือไอมองผิด"       ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเมต้องทำสีหน้าตกใจขนาดนั้น

"ใช่ ผู้ชาย"

"ยูชอบผู้ชายงั้นเหรอ"       ผมขมวดคิ้วยืนมองหน้าเมผ่านกระจกรถที่ถูกลดระดับอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหรือคำพูดแบบไหนก่อนหน้านี้ของผมที่ทำให้เมเข้าใจไปว่าผมมาตามหาคนที่ชอบ

"แล้วจะยืนนิ่งอยู่ทำไม มัวรออะไรอยู่ ขึ้นรถมาสิเชน โยนกระเป๋าไปไว้เบาะหลังก่อน"       และจากคำพูดของเม ผมถึงได้สติว่าต้องรีบตามไป

          เมขับรถตามคนทั้งคู่ไป ระหว่างนั้นเมก็คอยถามว่าทำไมถึงต้องมาตามหา ผมจึงเล่าเรื่องให้เมฟังคร่าวๆ รวมถึงอธิบายความเข้าใจของผมที่มีต่อคนทั้งคู่ ขอบคุณที่สภาพการจราจรเคลื่อนตัวได้ไม่ดีนัก ทำให้ผมและเมตามรถของแมททัน แต่ไม่ดีสักเท่าไหร่ที่ตอนนี้ดึกแล้ว มันเลยมืดและทำให้ผมมองไม่เห็นภายในรถคันข้างหน้า คงทำได้แค่ขับตามไปเรื่อยๆ

          หลังจากที่ตามมากว่าครึ่งชั่วโมง จนมาถึงลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าที่ก็ไม่ได้ไกลจากโรงแรมมากนัก ทั้งสองคนลงจากรถไป ผมบอกตัวเองว่าให้พยายามทำอย่างที่ตั้งใจ อย่าลืมว่าผมมาที่นี่เพื่ออะไร และสุดท้ายเมก็กระตุ้นผมอีกครั้งให้เดินตามคนทั้งคู่เข้าไป

"เดินตามไปสิ เขาสองคนอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ยูคิดก็ได้"       ถ้าหากมีโอกาสที่จะได้คุยกันตามลำพังก็คงจะดี

"กาแฟเย็นๆสักแก้ว เผื่อจะช่วยให้คิดได้ว่าต้องทำไงต่อไป"       รับแก้วกาแฟจากเมมาไว้ในมือ แล้วมองหน้าเมก่อนที่เอ่ยขอโทษเมหลายต่อหลายครั้ง เพราะแทนที่การเจอเพื่อนเก่าจะได้มาคุยสอบถามสารทุกข์กันว่าชีวิตที่ต่างก็ไม่ได้เจอกันนั้นเป็นอย่างไรบ้าง กลับต้องมาช่วยผมวิ่งวุ่นทำเรื่องที่ไม่ใช่ธุระของตัวเอง

"จะทำแค่เดินตามต่อไปเรื่อยๆแบบนี้เหรอ เขาจะเดินกันไปถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ทำไมยูไม่เดินไปทัก"       ผมไม่รู้ว่าจะตอบอะไร เพราะตอนนี้ผมก็คิดอะไรไม่ออก

"ถ้าเป็นไอคงเดินไปถามให้รู้แล้วรู้รอด"       ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำแบบนั้น

"จากที่เห็นนะ เขาสองคนก็ไม่เห็นจะดูเหมือนคู่รักกันเลยนะ ดูเป็นเพื่อนกันปกติซะมากกว่า"       ถ้าเมเห็นอย่างที่ผมเห็นก่อนหน้านี้เมจะไม่พูดอย่างนี้แน่นอน

"รอให้เขาอยู่คนเดียวก่อนแล้วผมจะเดินเข้าไป"

"ขัดใจไอมาก! ยูนี่ก็ยังสุภาพเหมือนเดิมเลยนะ ความสุภาพมากเกินไปในตัวยูคงเป็นอย่างเดียวเลยละมั้งที่ไอรู้สึกว่ามันเกินพอดีมากตอนนี้"

"แล้วมันไม่ดีเหรอ"       ตอบออกไปทั้งๆที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่คนทั้งคู่

"ดี แต่มันมากไป รอไออยู่นี่นะ รออยู่เฉยๆ อย่าไปไหน เดี๋ยวไอมา"       ผมไม่รู้ว่าเมจะไปไหน ไปทำอะไร ผมแค่ยืนนิ่งๆมองคนทั้งคู่ และเมที่กำลังเดินเข้าไปสองคนนั้น

.......................................................................


Matt Part


"เลือกสักร้านไหม มึงจะเรื่องมากเพื่อคงคอนเซ็ปท์หรือไง"       โอ้ตหันมาสะกิดและท้าวสะเอวเอียงคอถามหลังจากเดินวนหาร้านอาหารมาสักพัก

"ก็กูไม่อยากกินสเต็ก ไม่อยากกินอาหารญี่ปุ่น ไม่อยากกินสปาเกตตี้นี่หน่า"       ไม่ใช่เลือกไม่ได้ แค่ไม่มีกะจิตกะใจจะเลือกมากกว่า

"ชาบู ปิ้งย่างหล่ะ"

"ไม่"

"งั้นไปแดกอาหารตามสั่งฟู้ดคอร์ทไหมมึง มีทุกอย่างให้เลือกสรร"       ผมส่ายหัว

"มึงโอเคป่ะเนี่ย"

"กูไม่โอเค ไม่โอเคเลยมึง"       ตอนนี้ผมโคตรจะไม่โอเค

"กูอยู่ตรงนี้นะเว้ย มึงต้องโอเคดิ เอางี้คืนนี้กูไปนอนด้วย อย่าคิดมากนะ เดี๋ยวพี่กล่อมนอนเองคะคืนนี้"       อย่างน้อยก็ไม่ต้องอยู่คนเดียวคืนนี้ มีมันคงทำให้ไม่ต้องคิดมาก

"ไปกินร้านพี่มัทกันเถอะ เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง"       และเวลานี้พี่มัทน่าจะเป็นภูมิคุ้มกันที่ผมต้องการมากที่สุด

"ไอ้เพื่อนเวร มึงแดกฟรีอยู่แล้วป่าววะร้านนั้น ลากกูออกมาห้างแล้วก็กลับเนี่ยนะ นี่มึงกำลังคิดว่าสภาพการจราจรในภูเก็ตยังเหมือนเมื่อ 5 ปีที่แล้วหรือไง กว่าจะถ่อมาถึง เสือกอยากกลับนะมึง อย่าคิดว่ามึงเป็นแบบนี้แล้วกูจะไม่ด่าถ้ามึงทำตัวงี่เง่านะแมท"       ผมไม่สนใจฟังหรอกว่ามันจะบ่นอะไร รู้แค่ว่าตอนนี้อยากเจอพี่มัทมากกว่ากินข้าวอีก รู้สึกว่าตัวเองเอาแต่ใจชะมัด ถ้าไม่ใช่โอ้ตจะมีใครทนได้ไหม

"กลับหลังหันกันเถอะ ไปร้านพี่มัทกัน"       ผมคว้าไหล่โอ้ตให้หมุนตัวกลับไปที่ลานจอดรถ


พลั๊วะ!


"อุ้ย! ขอโทษค่ะ"

"ขอโทษครับ"       ทั้งผมและโอ้ตพูดขอโทษออกมาพร้อมกันกับผู้หญิงที่เราหันหลังไปชน คงเป็นเพราะเราหยุดเดินแล้วหันหลังเลยทำให้ชนเข้า แต่ก็น่าแปลกนะทำไมถึงเดินตามหลังซะกระชั้นชิดขนาดนี้

"ไม่เป็นไรค่ะไม่เป็นไร เมเดินไม่ระวังเอง"      เธอรีบหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจากพื้นแล้วพยายามเอาผ้าเช็ดหน้าที่ดึงออกมาจากกระเป๋าเช็ดไปที่เสื้อของโอ้ต

"ไม่เป็นไรครับ"        โอ้ตเองก็พยายามจะคว้าผ้าเช็ดหน้าของอีกฝ่ายมาเช็ดเอง

"เมทำคุณสองคนเลอะเทอะและเสียเวลา ให้เมไถ่โทษนะคะ"

"ไม่เป็นไรจริงๆครับ"       ผมพยายามบอกเธออีกครั้ง

"แต่เสื้อแฟนคุณเลอะกาแฟจะทั้งตัวเลยนะคะ ให้เมชดใช้เถอะค่ะ"

"หืม?!?"       เป็นโอ้ตที่แสดงน้ำเสียงเหมือนสงสัยออกมา ผมเองก็สงสัยไม่ต่างกัน คำพูดของเธอทำให้เราทั้งคู่ถึงกับต้องรีบหันมามองหน้ากัน

"ผมว่าคุณเมกำลังเข้าใจผิด นี่คุณคิดว่าเราสองคนเป็นแฟนกันงั้นเหรอครับ"       ผมได้แต่คิดในใจว่าไอ้โอ้ตนี่ก็โง่เนอะ จะถามย้อนว่าเขาคิดว่าเราทั้งคู่เป็นแฟนกันไปเพื่ออะไร เขาก็พูดออกมาชัดเจนขนาดนั้น

"เราสองคนเป็นเพื่อนกันครับ แล้วเราก็กำลังจะกลับแล้วด้วย ไม่เป็นไรหรอกครับคุณเม"

"เอ่อ ยังไงดี ให้เมเลี้ยงข้าวเป็นการขอโทษสักมื้อดีไหมคะ"

"บอกแล้วไงครับว่าไม่เป็นไรจริงๆ"

"งั้นถือว่าไปทานเป็นเพื่อนเมดีไหมคะ ไปสร้างมิตรภาพใหม่กัน ดูท่าทางคุณสองคนจะหิวกันแล้วด้วย ไปกันนะคะ เมมีร้านประจำจะแนะนำค่ะ อ้อ แนะนำตัวอีกครั้ง เมชื่อเมนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งค่ะ"       อารมณ์ตอนนี้ผมไม่อยากจะร่วมโต๊ะกับใครทั้งนั้นแหละ แล้วผมก็ไม่เห็นเหตุผลว่าจะต้องสร้างมิตรภาพเลยสักนิด เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องชดใช้ความผิด แค่ขอโทษกันไปก็น่าจะจบ อีกอย่างพวกผมเป็นฝ่ายถูกกระทำ จะคะยั้นคะยอให้มากความไปเพื่ออะไร

"พอดีพวกผมมีร้านที่ตั้งใจจะไปทานอยู่แล้วครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ"

"ไม่ต้องขอโทษเลยค่ะ เมเข้าใจ ถ้างั้นก็ไปด้วยกันเลยนะคะ"       คือคุณเมเข้าใจแต่พวกผมไม่เข้าใจไงครับ เป็นพวกขายตรงหรือไง เราไม่ได้รู้จักกัน ทำไมจะต้องทำขนาดนี้ ผมเลยรีบดันศอกโอ้ตให้รู้สึกตัวว่าควรจบบทสนทนาได้แล้ว

"คือผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ ผมไม่สะดวกจริงๆ"

"ไม่ต้องเกรงใจเมหรอกค่ะ"

"โอเคครับ คุณเมอยากจะทำอะไรก็ตามสะดวกใจเลย ผมหิวแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ"       พูดจบผมก็เดินออกจากตรงนั้นมาเลย ทิ้งให้โอ้ตเผชิญหน้าต่อ ผมไม่อยากจะคุยต่อในเรื่องที่ดูท่าทางว่าจะไม่จบ แต่ไม่นานนักโอ้ตก็เดินตามผมมา รวมทั้งคุณเมนั่นด้วย

"เมเอารถมาเอง เดี๋ยวเมขับรถตามไปที่ร้านก็ได้ค่ะ"       เธอตะโกนไล่หลังบอกให้รู้ว่าจะตามมาแน่ๆ

.......................................................................


"มึงว่าเขาสนใจใคร มึง? หรือว่ากู? "       มันเป็นคำถามที่ผมยังคิดไม่ถึง

"หลงตัวเองไปนะมึง"

"ลองคิดดูนะเว้ยถ้าไม่สนใจจะอยากมาด้วยทำไม ดูพยายามมากอ่ะ"

"มาขายเครื่องกรองน้ำมั้ง พอมึงติดกับก็ต้องไปนั่งฟังเขาพูด พูดมากๆก็เคลิ้มแล้วก็โง่ซื้อมาติดเป็นวอลเปเปอร์ลายเครื่องกรองน้ำ"

"เชี้ย!!! เห็นภาพเลยมึง คิดได้ไงวะทัศนคติติดลบสุดๆ"

"เออ ขับรถไป ตามองถนนนู่น มึงจะไม่เชื่อก็ตามใจ บ้านเป็นโกดังเครื่องกรองน้ำเมื่อไหร่อย่ามาชวนกูไปช่วยกระจายของนะ"

"เพราะอย่างนี้ไง ไม่เปิดโอกาสแล้วเมื่อไหร่จะมีแฟนกับเขาสักที"

"มึงคิดว่ากำลังกระโดดโลดเต้นอยู่บนทุ่งหญ้าที่แซมด้วยดอกไม้แสนสวยหรือไง อีกอย่างเขาเป็นผู้หญิงนะเว้ย จะมาจีบผู้ชายก่อนเหรอวะ"

"นี่มันยุคสมัยไหนแล้ววะ เพราะโลกใบนี้มีผู้ชายแบบมึงอยู่ไงผู้หญิงเลยต้องลงมือเอง เห้ยๆๆมึง เขาตามมาจริงๆด้วยหว่ะ"

"เฮ้อ!!! ช่างเขาเถอะ"

"ถ้าไม่ใช่ขายตรงนะ กูขอให้ชีวิตนี้มึงไม่เจอผู้หญิงที่ถูกใจอีก"

"สัด! แช่งกูขึ้นคานยังรู้สึกดีกว่า"       ถึงมันไม่แช่งยังไงตอนนี้ผมก็ก้าวไปใกล้คำนั้นเข้าไปทุกที แช่งให้ขึ้นคานชีวิตยังจะง่ายซะกว่า

.......................................................................


"น้องแมท ยังไม่ถึงเวลาปิดร้านเลยค่ะ มารับคุณมัทไวจัง"       ยังไม่ทันเดินเข้าร้านก็พบกับผู้จัดการกำลังดูแลลูกค้าอยู่ซะก่อน

"มาทานข้าวก่อนครับ ขอโต๊ะให้ผม 2 ที่นะครับพี่ดา"

"4 ที่ค่ะ 4 ที่"       วิ่งตามมาจากทางไหนไวขนาดนี้ มาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่นั่นอีก มันดูใหญ่ไปสำหรับผู้หญิงตัวเล็กจะถือไหวนะผมว่า ขอให้ไม่ใช่พวกขายตรงเถอะ เพราะถ้าใช่วันนี้ผมคงจะหนีไม่พ้น

"สวัสดีค่ะคุณน้องเม 4 ที่นะคะ เชิญโต๊ะประจำด้านนี้เลยดีกว่า"       ผมตกใจเล็กน้อยกับคำทักทายเธอจากพี่ดา  เธอคงเป็นลูกค้าประจำร้านพี่มัทแน่ๆจากที่พี่ดาจะพาไปโต๊ะประจำรวมถึงเรียกชื่อเล่นอย่างสนิมสนมก่อนจะหันมากระซิบกับผม       "น้องแมทค่ะวันนี้ห้องวีไอพีไม่มีคนจองค่ะ น้องแมทไปรอที่นั่นก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่ดาให้เด็กเอาเมนูไปให้"

"ไม่ต้องค่ะพี่ดา เมมากับคุณสองคนนี้  4 ที่คือรวมเมไปด้วยค่ะ บังเอิญจังค่ะ ร้านเดียวกันเลย"       เธอบอกพี่ดาก่อนจะหันมาบอกผม

"แล้วคุณน้องเมมากับ"     ผมกับโอ้ตหันไปมองตามที่พี่ดาหันไป และก็สงสัยไม่ต่างกันว่าเธอหมายถึงใครอีกคน คงไม่ใช่อัพไลน์ดาวน์ไลน์หรอกนะ

"นี่ค่ะเมจะแนะนำให้รู้จัก อ๊ะ! ไปไหนแล้ว เมื่อกี้ยังเดินตามเมมาอยู่เลย สงสัยไปเข้าห้องน้ำ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคงตามมา เราไปที่ห้องอาหารกันก่อนเลยก็ได้ค่ะ"       เธอรีบอธิบายอย่างกับจะมีใครแย่งพูด 

"งั้นก็เชิญตามสบายเลยแล้วกันครับ  ผมขอตัวไปดูร้านกาแฟสักครู่"       แล้วผมก็เดินออกมา ปล่อยให้โอ้ตกับพี่ดารับหน้าต่อไป

.......................................................................



Chen Part

          ต้องขอบคุณเมจริงๆ สำหรับสถานการณ์วันนี้ เป็นผมคงคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ได้รับข้อมูลที่ทำให้ใจชื้นขึ้นว่าผู้ชายที่ผมเห็นอยู่ด้วยกันไม่ใช่คนรักของแมท และพอมาถึงร้าน จากคำพูดทักทายของพนักงานหน้าร้านก็ทำให้ผมเดาว่าร้านนี้แหละที่พี่สาวแมทเป็นเจ้าของ ตอนนี้ผมนึกถึงสิ่งที่แมทเคยบอกว่าชอบชาเขียวปั่นร้านแม่ของตัวเอง ผมเลยตั้งใจจะเดินมาสั่งให้ มันเป็นรายละเอียดเพียงเล็กน้อยที่ผมอยากให้เขารู้ว่าผมใส่ใจ และที่สำคัญผมก็จำได้ว่ามันคือเครื่องดื่มที่จะทำให้เขาอารมณ์ดี

"สวัสดีค่ะ รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ"

"สวัสดีครับ รบกวนขอชาเขียวปั่น 1 ที่ครับ"

"ได้ค่ะ นั่งรอสักครู่นะคะ"       พอได้ยินอย่างนั้นผมก็เลือกที่นั่งรอที่หลบมุมแต่มองเห็นบรรยากาศทั้งร้าน ผมจึงเลือกโซฟาที่หันหลังให้กับประตูหน้าร้าน เพื่อจะได้สังเกตอะไรในร้านได้ถนัด

"ครับ เอ่อ ขอโทษนะครับ ร้านนี้เป็นเจ้าของเดียวกับร้านอาหารหรือเปล่าครับ"

"ใช่ค่ะ ลูกค้ามาทานอาหารใช่ไหมคะ"

"ครับ"

"ลูกค้าสามารถไปรอที่โต๊ะได้เลยค่ะ เดี๋ยวทางเราจะเอาไปเสิร์ฟให้ค่ะ"

"ไม่เป็นไรครับผมรอได้ แค่ถามให้แน่ใจว่าร้านเดียวกัน จะได้ไม่มีปัญหา ขอบคุณนะครับ"

"ยินดีค่ะ ร้านนี้เป็นร้านของคุณแม่เจ้าของร้านอาหาร สามารถสั่งไปทานที่ร้านและรวมบิลเดียวกันได้เลยค่ะ"

"ขอบคุณครับ"       อย่างนี้ก็ไม่ผิดร้านแน่นอน 

.......................................................................


"พี่อินนนนนนนนน"           เสียงคุ้นหูที่ได้ยินหลังจากเสียงประตูร้านถูกเปิดออก

"ขาน้องแมท ทำไมวันนี้เข้ามาเร็วจังเลยคะ"       แมท?!? แค่ได้ยินชื่อผมก็แทบอยากจะลุกขึ้นทักทาย แต่ตัวผมกลับเหมือนโดนแช่แข็ง ไม่กล้าแม้แต่จะหันมอง

"ลูกค้าน้อยจังครับวันนี้"

"ลูกค้าเยอะมากต่างหากค่ะน้องแมท โต๊ะใหญ่เพิ่งออกไปเมื่อสักครู่นี่เอง"

"นึกว่าร้านเงียบซะอีก พี่อินกับนุ่มคงเหนื่อยแย่เลย แม่ไม่อยู่ด้วยวันนี้"

"แค่นี้สบายมากค่ะน้องแมท ทานอะไรดีคะ พี่อินจะทำให้สุดฝีมือเลยค่ะ" 

"ช่วงนี้แมทรู้สึกเหนื่อยจัง เหนื่อยมากๆอยากดื่มอะไรก็ได้ครับที่พี่อินทำอร่อยที่สุด"      น้ำเสียงที่ดูเหนื่อยล้า ตอกย้ำคำพูดได้เป็นอย่างดี         

"เป็นอะไรไปคะ ทะเลาะกับน้องมัทมาเหรอ"

"ป่าวครับ "       

"วันนี้แม่น้องแมททำเรดเวลเว็ทเอาไว้นะคะ รับไหม ทานแล้วจะได้อารมณ์ดีขึ้น"

"ครับ แต่พี่อินใส่กล่องให้แมทหน่อยนะ เผื่อแมทจะเอาไว้กินตอนคิดงานไม่ออกคืนนี้"

"ได้ค่ะ เดี๋ยวปิดร้านแล้วพี่อินเอาไปแช่ตู้เย็นที่หลังเคานเตอร์น้องมัทให้นะคะ"

"ไม่เป็นไรครับพี่อิน แมทถือไปเองเลยดีกว่า กว่าพี่อินจะปิดร้านเสร็จต้องเดินเอาไปแช่ให้แมทอีก"

"แหม แค่นี้เองค่ะ"

"พี่อินทำแบบนี้ตลอดจนแมทเสียนิสัยแล้วนะครับ เดี๋ยวแม่ก็มาว่าแมทชอบมาแอบใช้พี่อินของแม่ทำโน่นนี่นั่นให้"       

"พี่แมทค่ะ ไม่เอ่ยปากพี่อินก็ยินดีทำให้อยู่แล้วค่ะ แค่พี่แมทยิ้มหวานๆให้พี่อินก็ยอมทุกอย่าง พอพี่แมทไม่มาก็เห็นถามถึงกับป้าศิทุกวันเลยเป็นห่วงยิ่งกว่าน้องอันน้องชายแท้ๆซะอีก"       แรกๆที่เจอกัน ผมก็คิดเหมือนกันว่าแมทคงโดนตามใจจนเสียนิสัยให้ต้องทำอะไรเองไม่เป็น แต่ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าคงเพราะตัวแมทเองและรอยยิ้มนั่นที่ทำให้ใครต่อใครก็ยอมทำให้โดยที่ไม่ต้องร้องขอ และผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

"นุ่ม พี่จะห่วงน้องแมทมากกว่าแล้วแกจะทำไม อย่ามัวพูดมาก ไปเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ลูกค้าไป"

"งั้นแมทไม่รบกวนเวลาทำงานพี่อินกับนุ่มดีกว่า ขอไปรอที่เก้าอี้หน้าร้านนะครับ"     โอกาสที่แมทอยู่คนเดียวก็มาถึง และผมก็ควรจะคว้ามันไว้

.......................................................................


"เครื่องดื่มที่สั่งได้หรือยังครับ"

"เรียบร้อยแล้วค่ะคุณลูกค้า 75 บาทค่ะ"

"นี่เงินครับ  ไม่ต้องทอนนะ ขอบคุณครับ"       ยื่นเงินให้ 100 บาทแล้วรีบหมุนตัวออกจากร้านพร้อมแก้วชาเขียวทันที

.......................................................................


ออกมาจากร้านก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งเอนตัวพิงกระจกร้านหลับตาในท่าที่สบายแต่กลับขมวดคิ้ว

"เฮ้อ!"

"เฮ้ออ"

"เฮ้ออออ"       มีเรื่องเครียดอะไรให้ต้องถอนหายใจบ่อยขนาดนั้น นี่เป็นครั้งที่สามตั้งแต่มายืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย โดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกด้วยซ้ำ

"ไอ้พี่เชนเฮงซวย เจอหน้านะแม่งจะต่อยให้คว่ำเลย"       ขอบคุณที่คิดเสียงดังจนทำให้รู้ว่าผมคือต้นเหตุของปัญหา และถ้าในชีวิตของแมทมีแค่เชนเดียวก็คงเป็นผมไม่ผิดแน่นอน

"เงยหน้าก่อนสิ พี่เชนมาให้ต่อยถึงที่แล้วครับ"       ผมตอบความคิดที่มีเสียงนั้นออกไปให้คนตรงข้ามดีดตัวมานั่งตัวตรงแล้วเงยหน้ามามองผมด้วยสีหน้างุนงง

"เห้ย!!! พี่เชน"       

"ใช่พี่เอง"

"พี่เชน!"

"ครับ"       ผมไม่รู้นะว่าแมทตกใจไหมที่เจอผมเพราะสีหน้าที่แมทแสดงมันดูเรียบเฉย มีเพียงเสียงเรียกชื่อให้ผมตอบรับซ้ำๆหลายๆครั้ง

"พี่เชน"       เสียงเรียกค่อยๆอ่อนลงไปพร้อมกับหน้าที่ค่อยๆก้มต่ำและลำตัวที่โค้งอ่อนตามจนต้องค้ำศอกไว้กับหน้าขาก่อนจะเอามือกุมขมับ

"แล้วตกลงจะต่อยไหม ต่อยเสร็จแล้วบอกพี่ด้วยนะว่าเหตุผลคืออะไร"

"พี่นี่แม่ง มาอยู่ที่นี่ตอนนี้ทำไมวะ"       ผมเดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ พอดีกับได้ยินประโยคที่ทำให้ผมใจเสีย

"ชาเขียวเย็นๆ จะได้อารมณ์ดีขึ้น นี่เราไม่อยากเจอพี่ขนาดนี้เลย"

"แล้วทำไมพี่ต้องจำได้ว่าเป็นชาเขียว"

"ก็มันเป็นเรื่องของแมท แล้วจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าพี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"       ผมยื่นแก้วให้อีกฝ่ายรับไว้

"ตอนนี้มันมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าการที่ต้องรู้วิธีที่ทำให้พี่มาอยู่ตรงนี้"

"น้องแมทขา ชาเขียวโอรีโอ้ปั่นของโปรดน้องแมทค่ะ อุ๊ย! ขอโทษค่ะ พี่คิดว่านั่งอยู่คนเดียว"

"ไม่เป็นไรครับพี่อิน ขอบคุณครับ"       แมทรับแก้วมาไว้ในมืออีกข้างที่ว่าง

"พี่ไปทำงานต่อก่อนนะคะ นี่ค่ะเค้ก"

"ขอบคุณครับพี่อิน"

"อ่ะ ชาเขียวของพี่ผมคืน ผมมีของผมแล้ว"

"กินแก้วของพี่ได้ไหม พี่ตั้งใจซื้อมาให้แมท  ส่วนของแมทพี่ขอ"

"อะไรของพี่วะ มันก็ชาเขียวทั้งคู่"

"พี่ก็แค่อยากรู้ว่าของที่แมทชอบพี่จะชอบด้วยได้ไหม"

"พี่กำลังจะเป็นผู้ชายเรื่องมากนะ รู้ตัวป่ะ"

"งั้นเหรอ"

"แล้วตกลงมาได้ไง มาเที่ยวหรือมาทำงาน ที่เจอกันนี่บังเอิญใช่ไหม"

"ไหนว่ามีเรื่องที่สำคัญกว่า"

"ผม"       หันหน้ามามองผมแล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง       "ไม่อยากรู้แล้วก็ได้ครับพี่"       ไม่ได้ดั่งใจก็ทำน้ำเสียงประชดประชัน เด็กจริงๆ

"พี่ไม่ได้มาเที่ยวแล้วก็ไม่ได้มาธุระ หรือจริงๆจะเรียกว่าธุระก็ได้นะ ส่วนที่เราเจอกัน มันคือความตั้งใจ"       พอผมพูดจบแมทก็มีสีหน้าที่นิ่งไป วันนี้ตั้งแต่เราเจอกัน สีหน้าที่แมทแสดงทำผมอ่านไม่ออกเลยจริงๆ

"แมทยังจำที่เคยสัญญาไว้กับพี่ได้ไหม"       ไม่มีคำตอบ เว้นแต่เพียงสีหน้าที่เรียบเฉยเหมือนเดิม

"พี่ไม่ได้มาทวงสัญญานะ แต่ที่พี่มาก็เพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง"      ตอนนี้ผมไม่ต้องการคำพูดหรือคำตอบใดๆจากแมท แค่ฟังผมพูดให้จบก็พอ

"ไอ้แมทๆๆๆๆๆ"       แล้วโอกาสดีดีก็โดนทำลาย

"ว่าไงโอ้ต"       คงเป็นโอ้ตเพื่อนสนิท ที่แมทเคยพูดถึง

"หายมานานจังวะ ไม่เป็นห่วงกูเลยนะมึง"       ผมไม่ชอบที่จะได้ยินอะไรแบบนี้เลยจริงๆ

"กำลังจะไปแล้ว"

"ไปดิ ไปตอนนี้เลย กูหิว กูรอมึงไปสั่งข้าวให้นานแล้วเนี่ย"       โตแล้วนะต้องไปสั่งให้ด้วยเหรอ ผมไม่เข้าใจ

"เออไปๆ"       แล้วทั้งสองคนก็เดินไป

"โอ้ต...เดี๋ยว! นี่พี่เชน พี่เชนนี่โอ้ตครับ"     ขอบคุณที่ยังไม่ลืมผม

"สวัสดีครับ"       เป็นผมที่เอ่ยทักทายก่อน

"ครับ หวัดดีครับพี่"       โอ้ตยกมือไหว้ผม

"พี่เชนเป็นเจ้าของที่พักที่กูไปพักที่ฮ่องกง พี่เชนนี่โอ้ตเพื่อนผมครับ"       ผมโค้งให้กับโอ้ตอีกครั้ง

"แล้วมาเจอกันได้ไง พี่มาเที่ยวเหรอครับ แต่ช่างเหอะผมไม่อยากรู้แล้ว ว่าแต่พี่ไปกินข้าวด้วยกันไหม เดี๋ยวผมให้แมทเลี้ยงขอบคุณพี่เอง"       ผมยังไม่ทันได้ตอบก็เปลี่ยนเรื่องซะแล้ว

"ที่มึงพูดนี่คือให้กูเลี้ยงขอบคุณพี่เขางั้น?"

"ใช่"

"วันหลังมึงก็ไม่ต้องเรียงประโยคให้เหมือนเป็นคนเลี้ยงเองนะ"

"เออน่ามึง ไปกันพี่"       ถึงจะยังไม่ได้บอกตอนนี้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็ได้เจอกัน แค่นี้ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีมากแล้ว

.......................................................................


❤ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ ^^*
❤ทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้น ตอนที่ 16 แล้วนะเพิ่งจะเริ่ม แหะๆ
❤แนะนำติชมได้ตามสะดวกเลยนะคะ ขอบคุณค๊า


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2015 23:52:46 โดย anana »

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
555 ขำที่แมทคิดดังจนพี่เชนได้ยิน

ออฟไลน์ pinkymaprang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทำไมไม่กระโดดกอดพี่เชนล่ะแมท ขัดใจจิงวุ้ย แต่เจอกันก็ดีแล้ว รออออออออ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เค้าเจอกันเเล้ว กรี๊ดดดดดดดด!

เป็นกำลังใจให้นะ มาอัพบ่อยๆนะตัว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2015 00:55:25 โดย love:seungri »

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
พี่เชนสู้ๆๆๆๆๆ  :ling1:

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
เอาใจช่วยพี่เชนคับ :katai2-1:

ออฟไลน์ qxchanim

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
เพิ่งเจอเรื่องนี้ เข้ามาตามทันจนได้ พี่เชนค่ะทำไมพี่เชนดีอย่างนี้อย่างได้อย่างนี้บ้างจัง น้องเเมทก็น่ารักคนอะไรคิดถึงเสียงดัง555555

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เจอกันแล้ว... ต่อไปก็ต้องคุยกันสินะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด