รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน  (อ่าน 265350 ครั้ง)

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป

ตอนที่ ๑

   ท้องฟ้าโปร่ง จนมองลงมาเห็นพื้นเบื้องล่าง เหมือนหัวใจของผมกระมัง  ที่ตอนนี้มันโล่ง  มีแต่ความรู้สึกอิ่มเอมหัวใจ   ผมมองลอดผ่านกระจกภายในเคบิน  เมื่อเครื่องไต่ระดับเรียบร้อยแล้ว เมฆสีขาวอมเทาล่องลอยบางเบาราวปุยนุ่น  ผมมองเมฆขาว  ยิ้มให้ก้อนเมฆ  ยิ้มให้ท้องฟ้า อย่างที่หัวใจมีความสุขมากที่สุด    มันเป็นความสุขแบบที่ผมค้นหามานาน   บนฟากฟ้าเมฆสวยงาม  และมันจะคงงดงามตราบเท่าที่หัวใจของคนเรามีความสุขมิใช่หรือ . . .

   ผมยิ้มกว้าง . . .

   . . . มีความสุขนะ . . . 

   ผมมีความสุขกว่าที่ผ่านมาเสียอีก  มากกว่าตอนที่เจอมันครั้งแรก  มากกว่าตอนที่ได้กอดมันครั้งแรก  มากกว่า . . .

   . . .  มากกว่า

   ทั้งหมดที่ผมเคยมีมา . . .

   เป็นความสุขที่ผมค้นหามันมาตลอดชีวิต  ความสุขที่เกิดจากการให้อภัย  เกิดจากเนื้อแท้แห่งหัวใจที่ปรารถนาจะเห็นคนที่เรารักมีความสุข  ความรักที่ไม่อยากได้รักเอาไว้ครอบครอง  แต่มันคือความรักที่มนุษย์ธรรมดา ๆ  คนนึงพึงจะรักใครสักคน . . .

   บางครั้ง . . .

   ผมยังอดคิดไม่ได้ว่า  บททดสอบที่ผมผ่านมาได้  ผมผ่านมาได้อย่างไรกัน  ตอนนี้ผมพร้อม  พร้อมที่จะเห็นมันเป็นในสิ่งที่มันอยากจะเป็น

   ถ้ามันเรียนจบ . . .

   กับเส้นทางที่มันเลือกเดิน  กับวิถีชีวิตของคนหนึ่งคน  วิถีชีวิตในการอยากได้อยากมี  เส้นทางที่ไม่ได้ถูกกำหนดจากใครอีกคน

    . . .  ผมพร้อมจะยอมรับ  ไม่ว่าผมจะเจ็บปวดหรือมีความสุข  ผมก็จะยอมรับในการตัดสินใจของมัน . . . สิ่งนี้มิใช่หรือที่ผมคิดเอาไว้

   ตอนนี้ . . .

   . . . มันก็จบแล้วนี่หว่า . . .

   บางที . . .

   . . . นี่อาจจะเป็นคำตอบสุดท้ายที่ผมค้นหามาตลอดชีวิต

   การรอคอย . . .ทรมานเสมอ

   . . . หาก . . .

   ความสุขอยู่ที่เราได้รับรู้ว่า  คนที่เรารอ  เขาก็รอเราอยู่เช่นกัน





   ผมหยิบเอาอัลบั้มรูปถ่ายในกระเป๋าสะพายใบเล็ก  อัลบั้มที่ทำจากกระดาษสา  ผมยิ้มก่อนเปิดมันอย่างช้า ๆ  ภายในอัลบั้มรูปมันซีดไปตามกาลเวลา  สีสันไม่สวยเท่ากับวันแรกที่รับรูปนี้มา

   หาก . . . 

   ทุกรูปที่ถ่าย . . . ทุกรอยยิ้มของคนหนึ่งคน   ภาพที่เสมือนเครื่องเก็บวันเวลาของผม  ผมจดจำได้ดี  มันไม่ได้เลือนหายไปกับกาลเวลา   มันมีค่ากว่าสิ่งใด ๆ  ที่ผมมีในตอนนี้  ทุก ๆ  อย่าง  มันอยู่ในความทรงจำของผมเสมอมา . . .

   . . . รูปของใครบางคนที่ยิ้มกับแม่ค้าในตลาดเช้า  ท่ามกลางสายหมอกสีสำลีขุ่น   ที่ผมบังเอิญเก็บภาพเอาไว้ได้ยามเดินตลาดในเมืองเล็ก ๆ  ที่ผมยังไม่รู้จักใคร

   เรื่องของผมมันเริ่มต้นที่นี่ . . .

   ผมไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะใครบางคนกำหนดไว้กันแน่  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอกับมัน  และเป็นครั้งแรกที่ผมลั่นชัตเตอร์เพียงครั้งเดียวและผมมั่นใจว่ารูปนี้ต้องออกมาสวยอย่างที่ผมจินตนาการเอาไว้  ผมต้องลดกล้องลงเพื่อมองหน้าของมันให้เต็มตาอีกครั้ง 

   ผมยิ้ม . . .

   . . . ยิ้มให้กับรอยยิ้มที่ผมเห็นจากคนแปลกหน้า

   ผมเจอกับมันอีกครั้ง . . .

   ในวันถัดมา  วันที่ผมเอามอเตอร์ไซด์เก่า ๆ  ปุเลง ๆ  เก็บภาพไปจนถึงสะพานญี่ปุ่น ดวงผมมันซวยกระมัง  รถยางแบนแต๊ดแต๋  มันขี่รถผ่านเลยไปในขณะที่ผมกำลังเข็นรถกลับ . . .

   แล้วมันเลี้ยวรถกลับมาอีกครั้ง  มันยิ้ม  ก่อนถามว่ารถเป็นอะไร  มันจะช่วยถีบไป  นึกภาพออกไหมครับ  ที่รถคันหลังใช้เท้ายันรถคันหน้าเอาไว้  แล้วออกตัวช้า ๆ  ไปตามถนนที่แทบจะร้างไร้ผู้คน

   ครั้งที่สาม . . . ผมเจอมันในยามเย็นที่ริมแม่น้ำ  ที่แห้งเหลือเพียงโขดทราย  มีฉากหลังเป็นภูเขาสลับสล้าง  ซ่อนสลับหว่างอย่างสวยงาม  พระอาทิตย์ค่อย ๆ  เคลื่อนตัวลงต่ำใกล้ลาลับแสงแห่งตะวัน    ผมย่ำไปบนพื้นทรายด้วยเท้าเปล่า  ให้เกิดรอยเท้า  ก่อนที่จะวิ่งอ้อมกลับมาถ่ายรูป . . .

   . . . รอยเท้าบนพื้นทราย

   ใครบางคนยืนมองผมอยู่   ผมหันกลับไปมอง    รอยยิ้มที่มาพร้อมกับคำถาม . . .

   “พี่ทำอะไรอยู่หรือครับ”

   “ถ่ายรูปไง”

   “รูปอะไร”  มันเดินมาใกล้ ๆ

   “รอยเท้าบนพื้นทราย”  ผมตอบ  หากสายตาและสมาธิจับจ้องอยู่ที่  รอยเท้า  ที่เป็นรอยย่ำไปบนพื้นทรายของแม่น้ำสายเล็ก ๆ

   “ทำไมหรือครับ”

   “อะไร”  ผมขมวดคิ้วหันมามอง

   “ก็ทำไมต้องรอยเท้าบนพื้นทราย”

   “อืม . . .”  ผมมองหน้ามัน  ยิ้มให้  นั่นสิ  ทำไมต้องรอยเท้าบนพื้นทราย

   “เพราะรอยเท้าบนพื้นทรายจะค่อย ๆ  หายไปเมื่อน้ำเข้ามาแทนที่ไง  อาจเหมือนกับ . . .”  ผมนึก  เหมือนไรดีหว่า 

   “อ้อ . . . เหมือนความรัก  รอยเท้า  เหมือนความรัก  ที่ฝังไปบนพื้นทราย  มันจะเป็นร่องรอยเอาไว้ จบจนกระทั่งเวลาผ่านไป  น้ำเข้ามาแทนที่  เหมือนความรักที่มีอีกคนเข้ามาแทน รอยเท้าที่เคยมีค่อย ๆ  หายไป  เหมือนชีวิตคนเราไง  เมื่อเรามีอีกคนเข้ามา  คนเก่ามันก็เลือนหายไปตามกาลเวลา”

   “จริงหรือพี่  ความรักมันลืมกันง่าย ๆ  จริงหรือ”

   “ไม่รู้เหมือนกัน  ยังไม่เจอกับตัวเลยบอกไม่ได้”

   “สำหรับผม  มันคงไม่ลืมง่ายดายขนาดนั้นหรอกพี่  รอยเท้าบนพื้นทราย  อาจอยู่ในความทรงจำของทรายตลอดไปก็ได้”  มันบอก  แววตามันทอดยาวไปไกล ช่างฝันดีแท้

   ผมกดชัตเตอร์เก็บภาพแววตาช่างฝันของมันเอาไว้ 

   ใครบางคนอาจเรียกเรื่องเหล่านี้ว่า . . .

   . . . ความบังเอิญ

   หาก . .

   สำหรับผมแล้ว . . .

   มันคือ . . .พหรมลิขิต





   หลายปีก่อน . . .

   ปาย . . .

   เมืองเล็ก ๆ  ท่ามกลางการโอบล้อมของขุนเขา ความรักของผมเกิดขึ้นที่นี่ . . . และ  ผมจะฝังความรักของผมไว้ที่นี่เหมือนกัน  อะไรที่มันเกิด ณ ที่ใด  มันก็ควรที่จะจบลง ณ ที่ตรงนั้น . . . 


   นานนะ . . .

   มันผ่านมานานมากสำหรับผม  และมันก็เป็นห้วงเวลาที่ผมไม่คิดว่าจะลืมมันได้ในตลอดชีวิตนี้  ผมคงต้องมองย้อนกลับไป  เพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่าง  สิ่งที่มันยังคั่งค้างในหัวใจของผมเอง . . .

   ผมเหมือนคนที่เดินมาถึงทางแยก . . .

   ทางที่จะตัดสินใจชีวิตผมอีกครั้ง  ผมหลับตา  นึกถึงวันแรก   วันที่ผมเจอกับมันครั้งแรก   ตอนนั้นผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสอง . . .

   ผมเป็นคนเหนือ . . .

   . . . จังหวัดเหนือสุดของประเทศ 

   อาคนเดียวของผม . . . แต่งงานกับคนแม่ฮ่องสอน แล้วอาย้ายไปอยู่ที่โน่น     ผมเจอมันเมื่ออาเริ่มทำรีสอร์ท . . .

   เมืองเล็ก ๆ  ที่มีขุนเขาโอบล้อมรอบ . . .

   เมืองที่มีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ไหลผ่าน  เมืองที่คนไทยแทบจะไม่รู้จัก  แต่ฝรั่งนักท่องเที่ยวเริ่มแบกเป้กันเข้ามา  เมืองที่เป็นจุดพักระหว่าง เชียงใหม่กับแม่ฮ่องสอน

   มหาวิทยาลัยปิดเทอม  ผมพวกเรียนดีมั้ง  อดเรียนซัมเมอร์  เลยไปที่นั่น . . .

   แล้วผมเจอมัน . . .

   . . . เด็กหนุ่มแปลกหน้า

   หนุ่มน้อยหน้าตาคมสัน   ไม่ถึงกับหล่อเด้งแบบเด็กเชียงใหม่  แต่มันก็ทำให้ผมแอบมองทุกครั้ง  ก็รีสอร์ทเล็ก ๆ  ของแม่เขาก็  ติดกับรีสอร์ทของอา   ผมแอบมองมันเงียบ ๆ   เก็บเอาความรู้สึกที่มีเอาไว้ทั้งหมด

   ผมรู้ดี . . . 

   . . . ก่อนหน้านี้  ผมเคยมีอะไรกับผู้ชายมาแล้ว

   แต่ . . . ทุกคนที่ผมมีอะไร

   ผมจะไม่คุยกับเขาอีกเลย  หลังจากที่เรามีอะไรกันแล้ว  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ผมเป็นมันคืออะไร  แต่ทุกครั้งที่ผมมีอะไรไปแล้ว  ผมจะเกลียดตัวเอง  ขยะแขยงตัวเอง  ผมไม่อยากเป็นแบบนี้เลย  มันเจ็บกระมังที่สายตาคนอื่นมองด้วยความสงสัย

   คำพูดที่เสียดสี . . .

   . . . ผมไม่ชอบ

   ผมแค่เห็นมันน่ารัก  ผมอยากจะรักมันไว้เงียบ ๆ  เราเริ่มจากการยิ้มให้กันในตอนเย็น ๆ  ที่มันออกไปปั่นจักรยานเล่น  แล้วมักจะสวนกับผมที่ชอบเดินถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ 

   เด็กการท่องเที่ยวนี่ครับ . . .

   . . . กล้องถ่ายรูปคือเพื่อนคู่ใจ

   หัวใจของผม  ค่อย ๆ เก็บภาพของเด็กหนุ่มคนนึงเอาไว้  ผมไม่คิดเลยว่าในการเก็บเอาไว้คราวนั้นมันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของผม  มันเปลี่ยนแปลงทุก ๆ  อย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผมได้  สิบห้าวันกับครั้งแรกบนผืนแผ่นดิน . . .

   . . . ปาย

   ผมหลงรักปายอย่างเต็มหัวใจ




   ผมกลับมากรุงเทพฯ  มาเรียนต่อ เพราะมนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมหน้าที่และความรับผิดชอบ  ไม่มีใครจะปฏิเสธความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองได้เลย  และหน้าที่ที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ของผมคือ การเรียน


   แต่ . . . แปลกเหลือเกิน

   . . .  ผมกลับคิดถึงแต่คนที่ผมไม่รู้จักชื่อ

   หลับตา . . . มีใบหน้านั้น

   ทุก ๆ  ครั้งที่หยิบเอารูปถ่าย  ที่ผมแอบถ่ายมันเอาไว้  ผมจะมีความสุขและโหยหา  อยากกลับไปที่นั่นอีก  อยากกลับไปอยู่ใกล้ ๆ  กับคนที่อยู่ในรูปถ่ายนั้น  หากก่อนหน้านี้ผมมีความกล้ามากกว่านี้  ผมคงจะได้รู้จักชื่อของเขา . . . 

   เลยกลายเป็นว่า . . .

   พอมีวันหยุดสี่ห้าวัน  ผมจะนั่งรถไฟชั้นสามไปเชียงใหม่  ก่อนนั่งรถเมล์แดงเล็ก ๆ  ปุเลง ๆ  ไปที่นั่น . . .

   สถานที่ . . . ที่หยุดหัวใจผมเอาไว้

   ผมจะต้องแอบมองมัน  เวลามันยิ้มหน้ามันทะเล้น  มันน่ารักมาก  มากเสียจนผมหลงรักมันเลยทีเดียว  น่าแปลกที่ทุก ๆ  อย่างที่เขาทำ  มันสร้างความประทับใจให้ผมอย่างเงียบ ๆ  ผมมักจะแอบยิ้มตามเวลาที่เห็นรอยยิ้มของใครบางคน

   บางที . . . นี่คือความสุขของการที่เราได้แอบรัก

   จนกระทั่ง . . .

   . . . ปลายฝนต้นหนาวของปีนั้น

   ผมกลับไปปายอีกครั้ง 

   เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของปี  ผมไม่อยากจะนับ  ผมรู้แค่ว่าหากผมมีเวลาว่างแค่สี่ห้าวัน  ผมจะต้องตะเกียกตะกายไปปาย  ไปตามหาหัวใจที่หล่นหาย  ผมรู้หัวใจตัวเองดี   ผมรักคนที่ผมไม่รู้จักเข้าแล้ว  ความรักความคิดถึงมันมีอยู่เต็มหัวใจ

   อากาศหนาวเหน็บ  ลอยมาปะทะกับผิว  หนาวจนริมฝีปากสั่นระริกเลยทีเดียว  ผมเลยเดินออกไปนั่งที่บาร์เบียร์เล็ก ๆ  ที่ตอนนั้นมีแต่ฝรั่งแทบทั้งนั้น  เมืองเล็ก ๆ  ที่มีแต่ฝรั่งเต็มเมืองไปหมด  ผมนั่งเรื่อย ๆ  เพราะชีวิตผมมันไม่เร่งรีบ . . . 

   . . . เมืองท่องเที่ยว  แทบทุกที่  ไม่มีกลางคืนกระมัง

   นักท่องเที่ยวเงียบ . . . ตอนกลางวัน

   พอตกค่ำ . . . เริงร่า 

   อาจเพราะโลกตะวันตกหนาวกระมัง  เรื่องเบียร์จึงเหมือนเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของเขา  ผมยิ้มมองฝรั่งกินไป เมาไป  มันเป็นภาพที่สอนไม่ให้ผมเมา  เพราะผมไม่อยากเป็นแบบนั้น  การนั่งจิบเบียร์  มองผู้คน  จึงเหมือนกับการปล่อยความคิดให้ลอยไปเรื่อย ๆ

   ไม่มีจุดหมายปลายทางอย่างแท้จริง . . .

   ปลายทาง . . .

   คงอีกไกลสำหรับผม  เพราะชีวิตผมมันยังไม่เริ่มเสียด้วยซ้ำ  มันยังมีอะไรอีกมากมาย  ที่ผมยังไม่ได้ทำ  ในเมื่อยังไม่ได้ทำจะเรียกว่าเริ่มได้อย่างไร  เมื่อไม่เริ่มต้น  ก็ย่อมไม่มีปลายทางมิใช่หรือ . . .

   “หวัดดีครับ  มาคนเดียวหรือครับพี่” 

   ผมหันไปตามเสียงทักทาย   เพราะไม่น่าจะมีคนอื่นอีก  ในเมื่อร้านนี้มีแต่ฝรั่ง   สิ่งที่ผมเจอรอยยิ้มกว้างโชว์ฟันขาว  ผมยิ้มตอบ   มันมีความสุขมากขนาดไหนไม่มีใครรู้หรอก  คนที่เราแอบชอบ  เขาเข้ามาคุยกับเรา 

   “อืม”

   “ผมเห็นพี่ตั้งหลายครั้งแล้ว  ชอบที่นี่หรือครับ”

   “อืม” 

   ผมพูดได้แค่นั้นจริง ๆ  ทั้ง ๆ  ที่ปกติแล้วผมเป็นคนพูดมาก 

   แต่ . . . ทำไม  ตอนนี้ผมถึงไม่กล้าพูด  ไม่กล้าที่จะคุยกับเขามากก็ไม่รู้   ใบหน้าที่ผมเคยแอบมอง  ผมก็ไม่กล้าที่จะมอง  ได้แต่ก้มหน้าบ้าง  มองมันแค่ปลายจมูกบ้าง  ผมอายเหรอ . . . อาจเป็นไปได้กระมัง  ผมอายที่จะคุยกับคนที่ผมแอบรัก

   คืนนั้น . . .

   ผมมีความสุขมาก  เป็นความสุขที่ผมคิดว่า  การรอคอยของผมจบลง  ผมรอวันนี้  วันที่เราทั้งสองคนจะเริ่มพูดจากัน  สอบถามสารทุกข์สุขดิบ  และ  ทำความรู้จักกัน  ผมบอกไม่ถูกว่าในเวลานั้น  ความสุขมันมากมายขนาดไหน  ที่คนที่เราแอบรักเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหา

   ผมคุยกับมันจนถึงตีสี่  แล้วหลังจากนั้น  ผมเจอมันบ่อยขึ้น  คุยกันมากขึ้น 

   แต่ . . . แปลกที่สุด 

   . . . ผมไม่รู้จักชื่อมัน . . .

   ผมไม่เคยถามมัน  ผมเรียกมันว่า . . .น้อง   

   . . . มันก็เรียกผมแค่ . . .พี่  หรือมากหน่อย . . .พี่ครับ   

   น่าขำเนาะ  ที่ผมลืมทุก ๆ  อย่างเวลาที่อยู่ใกล้ ๆ  มัน  ลืมแม้กระทั่งถามชื่อ  อาจเพราะชื่อ  ไม่จำเป็นเท่ากับว่า  เรารู้จักหน้าตาของกันและกัน   หลายเดือนที่ผมเจอมันตั้งแต่ครั้งแรก  ผมยังไม่รู้เลย มันชื่ออะไร . . .

   ทั้ง ๆ  ตอนนี้  เราเริ่มกลายเป็นคนคุ้นตา

   หาก . . . คงมีอีกนาน  หรืออาจไม่มีวันนั้นเลยที่เราจะกลายมาเป็นคนคุ้นใจ

   ผมพูดจริง ๆ . . .

   กว่าผมจะรู้จักชื่อมันก็นานโข . . . โกเมศวร์  โชติช่วงชรินทร์

   ผมแค่มองมันเงียบ ๆ  แค่มันยิ้มให้ผมตอนนั้นผมก็พอใจแล้ว  ผมมีความสุขที่จะได้เห็นรอยยิ้มจากมัน   แค่นั้นจริง ๆ  ที่ผมต้องการ

   แค่รอยยิ้มของคนที่ผมรัก  แค่เงาของผมที่อยู่ในแววตาของมัน

   เคยมั้ย . . .

   ที่เราเห็นคนที่เรารักยิ้ม  แล้วเราก็ยิ้มตาม  เรายิ้มออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ  แต่เรารับรู้ได้ว่านั่นคือความสุขที่เราจับต้องได้

   เคยมั้ย . . .

   ที่เราแอบมองคน ๆ  นึงโดยเขาไม่รู้ตัว  เราจะยิ้มไปกับสิ่งที่เขาทำ  เขาเดิน ไม่ว่าเขาจะทำอะไร  เราเหมือนกับว่าเรามีความสุขไปด้วย  เขาหัวเราะ  เราหัวเราะตาม  เรามองเขาทำอะไรได้โดยที่เราไม่เคยจะรู้สึกเบื่อมันเลยสักครั้ง  สิ่งแบบนั้นเราเรียกมันว่าอะไรหรือ

   ผมเรียกมันว่า . . .

   . . . ความรัก . .

   ผมรักมันตั้งแต่แรกเห็น . . .

   แต่มันคงไม่มากพอที่ผมจะเอามันอยู่ใกล้ ๆ  ผม   เพราะผมยังยินดีที่จะมองมันในที่เงียบ ๆ   ในที่ของผม  ที่มันเองก็ไม่รู้  และมันก็คงไม่สามารถเข้ามาได้  ในอาณาจักรรักของผม  ทำไมผมถึงเรียกมันว่าความรักหรือครับ

   เพราะ . . .

   ก่อนผมกลับมาเรียนต่อปีสามเทอมสุดท้าย . . .

   ผมเห็นมัน . . .

   . . . มันกอดกับผู้หญิงคนนึง . . .

   ผู้หญิงคนนั้น   ผมแทบไม่อยากจะเชื่อ  ว่านี่คือคนที่ผมแอบรัก  คนที่ผมรัก  จะรักคนแบบผู้หญิงคนนี้ได้หรือ  ผมมองคนที่ผมรักผิด  ผมมองมันแค่สิ่งที่เห็น แต่ผมไม่เคยสัมผัสหัวใจของมันเลย  ระหว่างผมกับมัน  คงเว้นระยะแบบนี้อีกนาน

   ผมเจ็บแปลบในหัวใจ . . . 

   . . . ภาพที่มันกอดอีกคน  ผมมองมันผ่านม่านน้ำตาของตัวเอง  เหมือนทุก ๆ  อย่างจะหยุดการเคลื่อนไหว  เหมือนหัวใจที่โดนแช่ด้วยหิมะ  มันชา ๆ  ด้าน ๆ  ไร้ความรู้สึกอื่นใด  นอกจากความเจ็บปวด

   “แฟนไอ้โกมันพี่”  เด็กที่รีสอร์ทบอกผม

   มันจะบอกผมทำไม . . .

   ผมไม่อยากรู้  ไม่อยากสนใจ  ผมได้แต่เดินไปริมแม่น้ำเงียบ ๆ  ทุก ๆ  อย่างมันอัดแน่นในหัวใจ  เหมือนมีใครมาบีบเอาไว้  ผมรู้สึกเจ็บ  และอยากท่ะไปให้พ้น ๆ  จากที่นี่  ผมไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว

   . . .  มันไม่ใช่ที่สำหรับผมอีกต่อไป . . .   

   ผมนั่งที่ริมสันทรายของแม่น้ำ ที่ไหลลดคดเคี้ยวไปมา  คล้ายงูใหญ่   ผมปล่อยหัวใจลอยล่องไปกับสิ่งที่เจอมา  ผมทบทวนดู  ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่  ทำไมผมถึงมีความรู้สึกแบบนั้น  ความรู้สึกที่ผมไม่เคยมีให้ใครมาก่อน 

   ผมรักมันเข้าแล้ว . . .

   . . . คือ . . .

   . . .  คำตอบ

   ผมยิ้มเมื่อมันยิ้ม   และ ผมควรจะมีความสุข  เมื่อมันมีความสุข  แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้น  เพราะสิ่งที่ผมมีในตอนนี้ . . .

   . . . ผมเจ็บปวดรวดร้าวเมื่อเห็นมันเริงร่ากับผู้หญิงคนนั้น . .  .

   ทั้ง ๆ  ที่ผมไม่มีสิทธิ์นั้น . . .

   . . . ไม่มีเลย . . . ผมไม่มีสิทธิ์แม้แต่น้อย

   ผมเริ่มเดินเข้าสู้เส้นทางของการ . . .แอบรัก

   เส้นทางที่ผมไม่เคยระวังตัว  ผมไม่รู้ตัวเลย  การที่เราเอาหัวใจไปผูกไปพันไว้กับคนอื่น  มันจะมีผลต่อเราในภายภาคหน้าอย่างไรบ้าง 

   หาก . . . ผมรู้อนาคต

   ผมคงไม่เจ็บปวด . . .

   คำตอบที่ผมได้ในวันที่ผมเห็นมันกอดกับคนอื่น . . . ผมเจ็บปวด

   สิ่งเดียวที่จะทำให้หายจากความเจ็บปวดนั้นได้  คือตัวผมเอง  ผมจะต้องรีบกระทำการอย่างใดอย่างนึง . . .

   . . . ออกมาจากที่ตรงนั้น  ให้เร็วที่สุดไอ้อาร์ม . . .

   ผมสั่งหัวใจแบบนั้น  ผมต้องออกมาจากจุดนั้นให้เร็วมากที่สุด  ก่อนที่จะเจ็บปวดมากไปกว่าที่เป็นอยู่




   อากาศรุ่งสางยามปลายฝน  หนาวเหน็บไปถึงกระดูก  หากแต่ผมกลับไม่หนาว อาจเพราะหัวใจผมร้อนรน  ความเจ็บปวดจากภาพที่ผมเห็นมันร้อนราวเพลิงไฟ  ที่แผดเผาหัวใจ  และทำให้ร่างกายผมไม่รู้สึกรู้สากับลมหนาวที่พัดมาปะทะร่างกายอยู่ตลอดเวลา 


   หรือ . . .

   ความหนาวเหน็บในหัวใจ  มันมากกว่าอาอาศรอบ ๆ  ตัวของผมกันแน่  บางทีอาจเป็นอย่างหลัง  หัวใจผม  คล้ายตกลงในห้วงเหวลึกที่บัดนี้โดนคลุมเอาไว้ด้วยน้ำแข็ง  แช่มันเอาไว้เย็นเฉียบเงียบงัน

   ไร้สรรพสิ่งใด ๆ  ขับกล่อมหัวใจอันร้าวราน

   “จะไปไหนหรือโก”    ผมถามมัน 

   ในขณะที่ผมมานั่งรอรถประจำทางที่ศาลาเก่า ๆ  ริมถนนสายหลัก  มันเอามอเตอร์ไซด์มาจอดไว้ข้าง ๆ ผม    มันยิ้มเหมือนเคย 

   รอยยิ้มที่ผมเคยชอบมอง  หากเวลานี้เหมือนคมมีดกรีดหัวใจผม . . .

   รอยแผลอาจร้าวลึก  ฝากรอยเอาไว้อีกนานเท่านาน  ตราบเท่าที่หัวใจผมมันยังไม่สามารถลืมภาพนั้นได้  ผมจำต้องยิ้มตอบ  ยิ้มให้โก  ทั้ง ๆ  ที่หัวใจของผมมันร้องไห้  แค่หลับตาก็มองเห็นภาพที่มันกอดอยู่กับคนอื่น

   ผมขยับตัวห่างจากมันอีกเล็กน้อย  เมื่อมันลงมานั่งที่ม้ายาวที่ผมนั่งรอรถอยู่  คนที่นี่จะรู้เวลาที่รถจะผ่านมา   ส่วนมากจะมาช้ากว่าเวลาจริง  สมัยโน้นมีรถวิ่งวันนึงสองสามเที่ยวเอง   

“เห็นน้าปูบอกพี่กลับวันนี้  ผมมาส่งพี่ครับ”

   ผมมองหน้ามัน . . .

   หัวใจผมนะหรือ  ไม่ต้องบอกก็รู้  ผมมีความสุข  ความสุขบนรอยแผลในหัวใจ  อย่างน้อยที่สุด  มันยังมีน้ำใจที่จะมาส่งผม  มันไม่ผิดหรอก  เพราะหัวใจผมต่างหากที่อ่อนแอ  ผมยิ้มออกมาอีกครั้ง 

   โกยิ้มให้ผม รอยยิ้มของมันอ่อนโยนกว่าแสงแห่งอรุณยามเช้าของหนาวแรกเสียอีก  แววตานั้นอ่อนโยน  อบอุ่น  ละมุนละไม

   “ขอบใจนะ   ทำไมไม่เรียนต่อ”

   “อย่างผมนี่นะ  จะเรียนอะไรได้”  มันเอามือกอดไว้กับอก  ยามเช้า  อากาศเย็น  จนไอเย็นออกมาทุกครั้งยามที่เราพูดคุยกัน

   “ก็อะไรก็ได้ที่อยากเรียนไง” 

   มันนิ่งเงียบ . . .   

   . . . เงียบจนได้ยินเสียงสายลมพัดหวิว

   ผมไม่รู้หรอกมันคิดอะไร  และผมไม่รู้หรอกว่าผมจะคุยอะไรกับมัน   ในเมื่อในเวลานี้  ผมยังไม่คลายเจ็บกับภาพที่ผมเห็นเมื่อวาน   และอีกอย่างเวลาที่ผมเจอกับมันโดยส่วนมากผมแค่ยิ้มกับมัน ถามสารทุกข์สุกดิบเท่านั้น  ประมาณ กินข้าวหรือยัง  อันนี้น่ะถามทุกมื้อมั้ง

   “งั้นพี่ถาม”

   “ครับ  ถามไรพี่”

   “ตอนนี้อายุเท่าไหร่”  ผมมองหน้ามัน

   “สิบเจ็ด” 

   โหไอ้หอก  กรูนะ ยี่สิบเอ็ดแร่ะ  ห่างกันตั้งหลายปี  ผมมองหน้ามัน อายุมันยังน้อย  มันจะมีครอบครัวแล้วหรือ  น่าเสียดายหากมันคิดจะมีห่วงมาผูกคอในเวลานี้  บางที  มันน่าจะเรียนต่อ  อนาคตข้างหน้าไม่มีใครรู้

   เรียนต่อ . . .

   . . . ผมยิ้มบาง ๆ    เพราะสมองผมนะคิดไปไกลแล้ว

   ถ้า . . . 

   . . . มันอยากเรียนต่อจริง ๆ  มันจะต้องเข้าเรียนที่เชียงใหม่ . . . หรือ . . . กรุงเทพฯ 

   ผมยิ้มอีก  ได้แต่ภาวนา  ให้แสงไฟที่ผมจุดมันติดด้วยเถอะ  อย่างน้อยที่สุด  เพื่ออนาคตของมันเอง  และผลพลอยได้อย่างอื่น . . .

   . . . ผมอาจเจอมันได้ง่าย  กว่าการต้องมาถึงที่นี่ . . .

   “แล้วอีกสิบปีข้างหน้าจะทำอะไร”

   มันมองหน้าผมแบบ  ถามอะไรหว่า  คำถามแบบนี้เด็กสิบเจ็ดปีจะเข้าใจได้อย่างไร   ส่วนผมนะหรือ . . .

   แผนชั่วมันมาเป็นระลอก ๆ  แล้วครับ  แผนชั่วสำหรับผม  แต่มันคงเป็นผลดีต่อคน ๆ  นึง  หากแผนชั่ว ๆ  ที่แวบมาในสมองของผมสำเร็จแบบที่ผมคิด

   “ไม่รู้”

   “อีกห้าปี” 

   ลดหย่อนลงมาหน่อย  บางทีสิบปีอาจจะนานเกินไปสำหรับคนวัยแบบโก  แต่สำหรับผม  มันมองถึงอนาคตแล้ว  อีกปีเดียวจะเรียนจบแล้ว   ต้องทำงานหาเงินใช้เอง มองเป้าหมายให้ชีวิต  อยากมีรถ  อยากมีหน้าที่การงานที่มั่นคง เมื่อชีวิตจะก้าวไปสู่วัยทำงาน นั่นแปลว่า . . .

   หมดเวลาแบมือขอเงินพ่อแม่แล้ว . . .

   “ไม่รู้อีกพี่” 

   “ปีหน้า”

   “ก็ไม่รู้อีก”

   ผมยิ้ม  . . . มองหน้ามันแบบเต็ม ๆ

   ผมจะเก็บใบหน้าในเวลานี้ของมันเอาไว้ในหัวใจ  มรึงจะรู้อะไรบ้างมั้ยไอ้หอกหัก  ชีวิตคนเราโตขึ้นทุกวัน  มรึงจะปล่อยให้เวลามันผ่านไปโดยไม่รู้อะไรนี่นะ  ผมยิ้มมองหน้ามันทั้งเอ็นดู  ทั้งเอือมระอากับความไม่รู้อะไรของมันเลย

   “สามเดือนข้างหน้าล่ะ”

   “ก็พาฝรั่งเข้าป่าเหมือนเดิม” 

   นั่นล่ะครับอาชีพของมัน  มันเหมือนไกด์ท้องถิ่นที่คอยเทคแคร์ฝรั่ง  พาไปที่โน่นบ้าง  ที่นี่บ้าง  ตามแต่ว่านักท่องเที่ยวจะว่าจ้าง

   “แล้วเคยคิดมั้ย  หากวันนึงฝรั่งไม่มาจะทำอะไรกิน . . .”   ผมมองหน้าโก  เพื่อหยั่งเชิง

   เจ้าตัวเงียบ  ก้มหน้านิ่ง  บางทีอายุขนาดโก ยังไม่คิดถึงวันข้างหน้ามากไปกว่า  วันนี้ท้องอิ่ม  ได้สนุกสนานไปตามวัย  ผมมองคนนั่งก้มหน้าด้วยความรู้สึกเอ็นดู 

   “. . . นักท่องเที่ยวมาแล้วก็ไป  แต่เราต้องอยู่  อยู่ที่นี่  อาจตลอดชีวิตของเรา  เมื่อเราโตขึ้นทุกวันนะ  ทำไมไม่เรียน   ถ้าเราเรียนอย่างน้อยเราก็มีวิชาความรู้ติดตัว  เรายังทำมาหากินในเมืองได้  โกลองคิดดูว่าอยากเรียนต่อมั้ย  มันไม่มีใครสายเกินเรียนหรอก  แต่ถ้าปล่อยเวลามากกว่านี้เรียนไปก็ไม่รู้ว่าจะเอามาใช้ได้มั้ย”   ผมบอกมันยาวกว่าทุกครั้ง

   อย่างน้อยที่สุด . . .

   ที่บ้านผมเข็นหนักหนาเรื่องการเรียน เพราะถือว่าการเรียนคือพื้นฐานที่สำคัญอย่างน้อยที่สุดควรจบปริญญาตรี  เอามากอดไว้ให้อุ่นใจเสียก่อน  ขนาดเรียนมาแทบตายยังลำบากเลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะหางานได้

   ผมอยากให้มันเรียน . . .

   อย่างน้อยที่สุดเพื่ออนาคตของมันเอง  วิชาความรู้ที่มันเรียนจะอยู่กับมันไปจนตาย   วันข้างหน้าไม่มีใครรู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง 

   มันเงียบ . . .

   มันฟังผมนะ  เพราะระยะหลังผมมักจะพูดถึงกรุงเทพฯ  ให้มันฟังบ่อย ๆ  อย่างน้อยที่สุด  ผมอยากให้มันรู้  โลกใบนี้ไม่ได้มีแต่ป่า ภูเขา น้ำตก  แบบที่มันเจอทุกวัน  โลกนี้ยังมีอะไรมากมายที่มันยังไม่เจอ

   การใช้ชีวิตบนโลกนี้ยากขึ้นทุกวัน . . .

   “รถมาแล้ว  พี่ไปแล้วนะ”  ผมบอก  ก่อนลุกขึ้นเมื่อเห็นรถวิ่งมาไกล ๆ 

   “พี่อาร์ม  ปีใหม่มามั้ยอ่ะ”

   “ไม่รู้เหมือนกัน”  ผมยิ้มให้มัน 

   ปีใหม่ที่มันพูดถึง . .   แค่เดือนกว่า ๆ  เอง  ผมจะมาที่นี่อีก  หากหัวใจของผมแข็งแรงพอ    ที่จะยอมรับในสิ่งที่ผมเห็น  ผมต้องยอมรับ  และยินดีกับคนที่ผมรักมิใช่หรือ 

   “มานะพี่อาร์ม    ผมอยากให้มา”  มันบอกพลางยิ้มฟันเรียงสวย

   เออ! 

   ไอ้ความรู้สึกดี ๆ  นี่มันดีจริง ๆ  หนอ   แค่รอยยิ้มของมัน  ทำให้ผมลืมสิ่งที่เห็นเมื่อวานได้ขนาดนี้เลยหรือ  ผมลืมไปแล้วว่า  หากไม่มีภาพเมื่อวาน  ป่านนี้ผมคงนอนบนที่นอน

   หาใช่ . . . มายืนรอรถที่ป้ายรถประจำทางแห่งนี้

   หรือนี่มันคือสิ่งที่เบื้องบนกำหนดมา  ยามที่เรารักใครสักคน  เราก็อยากอยู่ใกล้ ๆ  กับคนที่เรารัก  ความห่วงใย  หรือคำพูดเพียงไม่มาก  มันสามารถทำให้หัวใจเราชุ่มชื่นได้เสมอ

   “ถ้าว่างนะ”  ผมกระชับเป้เข้ากับบ่า

   “โทรมาก่อนนะพี่  ผมจะมารับ  เดินทางดี ๆ นะพี่”   มันยิ้ม  ก่อนโบกมือให้ผม  เมื่อผมเดินก้าวขึ้นไปบนรถ นั่งลงแถวหลังสุด . . .

   แบบนี้เขาเรียกว่าความสุข . . .

   ผมยิ้มกับตัวเอง . . .

   ก่อนหันมองมันทางกระจกด้านหลัง  มันยังอยู่ที่เดิม  ร่างมันค่อย ๆ  เล็กลง  เมื่อรถที่ผมนั่งอยู่แล่นไปข้างหน้าเรื่อย ๆ  แล้วภาพของมันก็หายไป

   แต่ . . .

   ภาพมันในหัวใจผมแจ่มชัดขึ้นทุกวัน

   ความรัก . . . มันเป็นแบบนี้เองหนอ

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-09-2010 16:19:36 โดย ราชบุตร »

newDrama

  • บุคคลทั่วไป
เศร้าจังเลย แต่ชอบครับ นี่คือเรื่องจริงใช่มั้ยครับ ยังไงจะเป็นกำลังใจให้นะครับ จะติดตามตอนต่อไปครับ และผมก็ขอฝากนิยายของผมไปให้อ่านด้วยนะครับ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันครับผม

ติดตามผลงานของ newDrama ได้ที่นี่
คลิกที่รูปเพื่อเข้าชมนิยายแต่ละเรื่อง




ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
 :m15: :m15:มาตอแรกก้อ เรียกน้ำตาได้เลย

เอาเป็นกำลังใจให้สู้ๆๆๆๆ 

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
มาอ่านเรื่องใหม่ เป็นเรื่องเศร้าอีกแระ

โกเค้าก็ขอโอกาสอีกครั้ง อาร์มจะไม่ยอมให้โอกาสเหรอ

แต่นั่นแหละ ยังไม่รู้ว่าโกรธกันเรื่องไร จะเชียร์กันก็กระไรอยู่

เด๋วอ่านต่อไปก่อนละกันจะได้รู้ว่าสมควรเชียร์หรือเปล่า

ออฟไลน์ duchess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
 :m13:

ชอบๆคับ

มาต่อไวๆนะ

anna1234

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 
แปะไว้ก่อนน้า เดี๋ยวว่างๆ จะอ่าน   :m32: :m32: :m32: :m32:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2008 23:58:48 โดย THIP »

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป


รีบนจ๋า . . . รู้แล้วเหยียบไว้

เด๋วไก่ตื่น  อิอิอิ

โดนระงับกลางอากาศแบบเรื่องก่อนอีก


RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป

ตอนที่  ๒



   ผมเริ่มเรียนรู้ในสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในหัวใจ  มันค่อย ๆ  สอนผมให้ค่อยเป็นค่อยไป  ความรักที่มันก่อตัวในหัวใจผมช้า ๆ  โดยที่ผมเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผลของมันจะทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปแบบที่รียกว่าหน้ามือเป็นหลังมือ  


   หาก . . .

   ผมมีความสุขเมื่อนึกถึงมัน   ผมยิ้มเมื่อคิดว่า  ผมมีใครอีกคนในหัวใจ  ผมไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้  แม้ว่าในเวลานี้อาจจะไม่ใช่เวลาของผม  แต่ผมก็มีความสุข  สุขที่ผมได้รู้ว่าหัวใจของผมมีใครอยู่ . . .

   คนไกล . . .

   ผมยิ้มคนเดียว . . .

   ในห้วงเวลาที่เหนื่อยล้า  จากหน้าที่ประจำวัน  หรือยามที่ผมต้องการน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ สิ่งเดียวที่ผมทำเสมอ  เอารูปมันที่ผมถ่ายไว้มาเปิดดู  ผมเก็บรูปมันไว้ในกระเป๋าสตางค์  พกติดตัวเอาไว้ตลอดเวลา  รูปในกระเป๋าแจ่มชัด  

   หาก . . .

   ภาพที่ติดในหัวใจผมชัดกว่า  ชัดเจนกว่าภาพถ่ายจากเทคโนโลยีใด ๆ  ทั้งหมด  แค่ผมหลับตา  มันก็มาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว

     . . . รูปอะไรก็ไม่แจ่มชัดเท่ากับรูปในความทรงจำ . . .

   ความทรงจำเกือบครึ่งชีวิตของผม . . .

   . . . มีแต่มัน

   แล้วความทรงจำในครึ่งชีวิตของมัน . . .

   . . .  มันจะมีผมบ้างหรือปล่าว  ในหัวใจของมัน  คนที่ได้หัวใจของผมไป

   เรื่องของความรัก . . .

   สิ่งที่อยู่ในหัวใจ  มันมากะเกณฑ์กันไม่ได้หรอก  เพราะในความทรงจำของคนหนึ่งคน  อาจไม่มีค่าอะไรเลย  กับอีกคน  

   ผมรู้ . . .

   รู้ดีอย่างที่สุด   สิ่งที่เป็นความทรงจำของผม  มันเข้ามาไม่ได้ เหมือน ๆ  กับความทรงจำของมันผมเองก็เข้าไปไม่ได้เหมือนกัน  โลกของมันและผม  อาจเป็นโลกคู่ขนานกันไปแบบนี้อีกจนตายก็ได้




   สามวันสุดท้ายของปี . . .


   ผมยิ้มด้วยริมฝีปากสั่นระริกอีกครั้ง  เมื่อผมมายืนอยู่กลางเมืองเล็ก ๆ   เมืองที่ผมเริ่มคุ้นเคย   เมืองที่เป็นเหมือนบ้านอีกหลัง . . .

   หัวใจผมอยู่ที่นี่ . . .

   ผมต้องตามหาหัวใจของผม  ผมได้แต่แอบหวัง  อยากมีเวลามากกว่านี้  เวลาที่ผมจะได้อยู่กับคนที่ผมรัก  ผมรู้ตัวเอง  เวลาเกือบสองเดือนที่อยู่กรุงเทพฯ  ทรมานเหลือเกิน  ไม่มีวันไหนเลยที่ผมไม่คิดถึงมัน  

   หรือ . .  .

   จะเรียกว่า . . .  คิดถึงทุกลมหายใจเข้าออก

   ผมไม่ได้โทรบอกมัน . . .

   . . . เพราะคาดหวังอยากให้มันแปลกใจเล่น ๆ  กับการกลับมาของผม  เพราะในวันสุดท้ายที่เจอกัน  เป็นมันที่บอกให้ผมกลับมา  ผมกลับมาด้วยความหวังว่า  มันจะรอผม  เหมือน ๆ  ที่ผมคอยนับวันการกลับมาที่นี่อีกครั้ง

   แต่ . . .

   กลับเป็นผมเสียเองที่แปลกประหลาดใจ  และหนาวสะทกสะท้านไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดแห่งบาดาลใจ

   ลมหนาวระลอกนั้น . . .

   . . . แช่หัวใจผมให้เย็นเยียบ . . .

   เมื่อผมรับทราบข่าวของโก . . .  

   เด็กหนุ่มที่ผมหลงรักอย่างหมดหัวใจ  คนที่บอกให้ผมกลับมาอีกครั้ง   ผมกลับมาเพราะแอบหลงยึดในคำพูดของมัน คำพูดในวันสุดท้ายก่อนจากลา  เสมือนหนึ่งคำมั่นสัญญา  ที่ผมจะยึดถือเอาไว้  

   หากสิ่งที่ผมรับรู้แล้วทำให้หัวใจของผมเย็นเยียบดุจรัตติกาลอันมืดมิดและยาวนาน

   . . . มันย้ายไปอยู่กินกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว

   ผมเจ็บปวด . . .

   . . .  แววตาผมร้าวรวด . . .  

   หาก . . .  

   ผมต้องเก็บกลืนเอาความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้  มันเป็นความเจ็บปวดของคนที่แอบรักคน ๆ  นึง    ความรักไม่ใช่สิ่งที่สวยงามแบบที่ผมวาดหวังเอาไว้   มันยังมีอะไรอีกมากมายในความรักที่ผมจะต้องเรียนรู้  

   ผมได้รับบทเรียนบทแรกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากการ . . .

   . . . แอบรัก

   แล้วยิ่งเป็นความรักที่ไม่ใช่สมดุลแห่งธรรมชาติด้วยแล้ว  มันยิ่งเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุด  ความรักที่ผิดแปลกแตกต่างไปจากโลก  ความรักที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ที่ถูกสาป

   โลก . . .

   สร้างกลางวัน . . .

   . . . มาคู่กลางคืน

   ให้ความสุข . . .

   . . . และเรียนรู้ความทุกข์

   ทุกสิ่งทุกอย่างมีคู่ของมันเสมอ  เราไม่สามารถที่จะฝืนสิ่งที่มาเป็นคู่ได้  ผมควรยินดีกับคนที่ผมรักมิใช่หรือ?

   โลก . . . สร้างผู้ชายมาคู่ผู้หญิง

   ส่วนผม . . .มนุษย์ที่ถูกสาป   ไม่รู้จักเพศตนเอง

   ห้วงเวลาของอาทิตย์รอยต่อของปี . . .

   สำหรับผม  นานเหลือเกิน    แต่ละเวลาที่ผ่านไป  ทำไมมันช่างเชื่องช้า  ทั้ง ๆ  ที่เวลามันก็ดำเนินไปตามปกติของมัน  สำหรับการเริ่มต้นของปีใหม่  ห้วงเวลาที่ทุกคนต่างเฉลิมฉลอง  มีความสุข  ให้รอยยิ้มแก่กัน  สำหรับผมมันกลับเป็นเวลาที่ทรมานที่สุด  ผมต้องตื่นตั้งแต่เช้า ทั้ง ๆ  ที่อากาศหนาวเหน็บ  น้ำค้างยอดหญ้าแทบแข็งตัว  หากผมไม่รู้สึกรู้สากับอากาศรอบ ๆ  ตัว  ผมเอาตัวเองไปปะทะลมหนาว  ราวกับจะทรมานตัวเอง   อย่างน้อยที่สุด  ผมจะได้เรียนรู้ว่า  สิ่งที่เราคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นมันอาจจะตรงกันข้าม . . .

   ลมหนาวปะทะร่างกายราวเข็มแหลมที่แทงทิ่ม . . .

   ผมประจักษ์แจ้ง . . .

   . . . หนาวเหน็บจับหัวใจ  

   หาก . . . ผมไม่เคยจดจำ

   เพราะในเวลาต่อมาอีกหลายปี  ผมได้ลืมสิ่งที่ควรจะจดจำ  ความเจ็บปวดที่เกิดจากความรัก  เพราะเมื่อเวลามันผ่านไป  ผมกลับลืมห้วงเวลาแห่งความเจ็บปวดเหล่านั้นไปหมดสิ้น

   คืนนั้น . . . รอยต่อของวันเกิดผม

   ก่อนกลับกรุงเทพฯ  ผมไปนั่งกินเบียร์ที่ร้านเดิม    เบียร์เย็น ๆ  ปะทะกับลมหนาวโชยเอื่อยยามหนาวสุดของปี  สายลมที่พัดมาทำให้ผู้คนต่างสวมเสื้อผ้าหลายชั้น  แต่ผมไม่กลัว  ผมมีแค่กางเกงเลบาง ๆ  กับเสื้อยืดราคาไม่ถึงร้อย    ห่อหุ้มร่างกายของตัวผมเอง  ส่วนหัวใจผมไร้สิ่งใดห่มห่อ

   หนาวกายห่มผ้าจึงหายหนาว

   . . . หนาวใจ . . .

   ไร้หัวใจให้ไออุ่น  มีเพียงหยาดน้ำตาที่ไหลรดรินลงสู่ใจ  คอยเป็นเสมือนความร้อนเล็ก ๆ  ที่ไล่ความรู้สึกทั้งหมดที่เกาะกินก้อนเนื้อเท่ากำปั้นของผมเอาไว้

   ผมจะต้องกลัวอะไรอีก . . .   

   ในเมื่อตอนมาโลดละลิ่วปลิวลม  ด้วยหวังว่าปลายทางของที่นี่  ผมจะมีใครสักคนที่รอรับผมอยู่  มันเป็นปลายทางที่ผมวาดหวังเอาไว้ในมโนภาพแทบทั้งสิ้น  เพราะในภาพของความเป็นจริงปลายทางของมันมีแต่ความว่างเปล่า . . .

   ที่ปลายทาง . . .

   . . . ไม่มีคนที่ผมวาดหวังยืนยิ้มรอผมอยู่

   เบียร์หมดไปห้าขวด  แต่ผมไม่เมา  แค่อาการตึง ๆ เล็กน้อยเท่านั้น  ผมนึกถึงตัวเอง  ก่อนมาเริงร่า  หวังว่าห้าวันนี้ผมจะได้เที่ยวกับมัน  แม้มันจะไม่รู้ว่าหัวใจผมคิดอย่างไรกับมัน  แต่ผมก็อยากให้มีมันอยู่ใกล้ ๆ

   แค่คิด . . . ก็เจ็บปวด

   ความฝันสวยงาม . . .

   แต่ผมไม่เคยเอื้อมมือแตะต้องความฝันเหล่านั้นได้เลย  สิ่งที่เป็นอยู่คือความจริง . . .  ความจริงที่ผมรับรู้

   . . . มันไม่ใช่คนตัวคนเดียวแบบเก่าก่อน . . .

   ความจริงที่ผมได้รับ  มันคือความจริงแท้ตามธรรมชาติ  ผมควรจะยินดีกับคนที่ผมรัก  มากกว่าถึงจะถูก  อย่างน้อยที่สุด . . . ผมรู้จักความรักแล้ว

   ในความรัก . . .

   . . . มีทั้งสุขและทุกข์

   มันระคนปนเปกันไป  เหมือนหยินกับหยาง  ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวมากที่สุด  คือสิ่งที่ดีที่สุด  และเลวร้ายที่สุดเหมือนกัน  วันนี้  ผมจะดื่มให้เมา . . .

   พรุ่งนี้ . . วันเกิดผม

   ผมจะเดินสู่เส้นทางเดิมที่ผมจากมา  

   บางที . . .

   . . . ที่ตรงนี้ . . .

   เมืองเล็ก ๆ  ที่ผมนั่งในเวลานี้   อาจเป็นแค่ที่พักระหว่างทาง  ที่ผมแวะพัก  ยิ้มกับคนที่แวะพักเหมือนกัน  และเมื่อถึงเวลา  ผมก็ต้องเดินไปตามถนนสายเดิมของผม  ถนนที่ผมเดินมาก่อนหน้านี้  ก่อนมาเจอกับมัน

   ถนนสายชีวิต . . . ที่ผมเองก็ไม่รู้จุดหมายปลายทาง

   . . . ปลายทาง . . .

   ว่างเปล่า . . .

   . . . เฉกเช่นเคยเป็นมา

   “แม่บอกผมว่าพี่อาร์มมาตั้งหลายวัน  ไม่เจอหน้าเลย”    เสียงมัน . . .

   ผมจำได้เสียงทักจากด้านหลัง . . . โกเมศวร์    

   ผมหลับตารวบรวมความรู้สึกทั้งหมดที่มีในเวลานี้   ผมขอเวลาสักสามวินาที  ขอเวลาปรับหัวใจให้เป็นปกติก่อน  ขอเวลาให้ผมได้ตั้งตัวก่อน  ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด  เก็บใบหน้าที่ร้าวลึกเพราะความเจ็บปวดเอาไว้

   “มาก็ไม่ยอมแวะไปหาคนเรา  ผมคอย”   เสียงมันคล้ายตัดพ้อ  เสียงของคนที่ผมอยากเจอ . . .

   ผมคอย . . .

   ช่างเจ็บลึกเข้าไปในหัวใจ  ใครกันแน่ที่คอย  เป็นมันดอกหรือที่คอย  ไม่ใช่ผมใช่ไหม  ผมอยู่มาสองเดือนเพื่อรอมันบอกคำนี้ใช่ไหม

   หากแต่ . . .  

   เป็นผมหลบหน้ามันตลอดสี่วันก่อนที่ผ่านมา  ผมไม่อยากเจอหน้ามัน  การเจอกับโกเมศวร์  อาจนำความเจ็บปวดมาสู่ผมอีก  ผมเลยเลี่ยงที่จะเจอ  

   ไฟ . . . ร้อน

   ในเมื่อผมรู้ว่านั่นคือไฟ  ที่ตรงนั้นมันร้อน  ผมจะเดินเข้าไปเพื่ออะไร   เพราะว่าผมรู้จักตัวเอง    ผมอ่อนแอเกินกว่าที่จะทนเห็นมันมีความสุขกับผู้หญิงคนนั้น

   ผมเกลียดผู้หญิงคนนั้น . . . .

   . . . เกลียด . . .

   เกลียด . . .

   เกลียดที่สุด  ผมเกลียดทั้ง ๆ  ที่เขาไม่ผิดอะไรเลย  ทุกอย่างมันเป็นผมเองทั้งนั้นที่คิดไปเอง  ผมแอบรักเขาเอง  โดยที่เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ

   “กินเบียร์มั้ย”    ผมถามมัน    ผมยิ้มให้ทั้ง ๆ  ที่ในหัวใจของผมมีแต่ความเจ็บปวด  แต่ผมจะให้มันรู้ได้อย่างไร

   . . . ความรู้สึก . . .

   ที่มันมีทั้งหมดในหัวใจของผม  ผมต้องเก็บเอาไว้  ไม่บอกมันหรอก  บอกมันไม่ได้ ผมใส่หน้ากากแห่งความสุขเพื่อคุยกับมัน  ซ่อนโศกเอาไว้อย่างมิดชิด   ก่อนหันไปส่งสัญญาณขอเบียร์อีกสองขวด

   ลมหนาวโชยอ่อน . . .

   อ่อนเหมือนกระแสหัวใจของผมตอนนี้  ทุก ๆ  อย่างคล้ายหยุดนิ่ง  ผมมองรอบ ๆ ตัวจดจำบรรยากาศของคืนหน้าหนาวที่ปายเอาไว้  ผมเก็บเกี่ยวสิ่งที่เห็นลงในหัวใจตัวเองอย่างช้า ๆ  ด้วยหวังว่า

   หาก . . . วันไหนผมคิดถึงปาย

   ผมจะคิดถึงวันเวลาที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้  วันเวลาที่ผมได้นั่งอยู่กับคนที่ผมรัก  แม้มันจะเป็นความรักที่ต้องแอบเอาไว้ แต่ผมก็ยินดีที่จะให้เป็นไปแบบนั้น  ไม่อยากให้มันได้รู้  ผมไม่อยากให้มันรักผมเพราะสงสารผม  

   หาก . . .  มันอยากรักใครสักคน

   ผมก็อยากให้มันได้รักด้วยหัวใจทั้งหมดที่มันมี . . .

   เพราะเมื่อใดที่มนุษย์เรารักด้วยหัวใจ  มนุษย์จะถนอมความรักของหัวใจเอาไว้  เขาจะดูแลหัวใจของตัวเองเอาไว้ตราบนานเท่าที่หัวใจของเขายังมีรัก  ผมเชื่อ  ความรักห้ามกันไม่ได้  ขอให้คนอื่นมารักเราไม่ได้  มันเกิดมาจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจเราเองเท่านั้น

   คืนนี้ . . .

   . . . ผมจะนั่งดื่มกับมัน

   ยิ้มให้มัน  หัวเราะกับมัน  เก็บเกี่ยวความสุข  ความรักที่ผมมีทั้งหมด  ผมจะจดจำทุก ๆ  ห้วงเวลาในคืนนี้เอาไว้  มันจะเป็นความทรงจำที่ตราตรึงในหัวใจของผมไปตราบนานเท่านาน  ว่าในเวลานึง  ผมมีเวลาอยู่กับคนที่ผมรัก



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-09-2010 16:26:36 โดย ราชบุตร »

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เพิ่งกลับมา

เลยเข้ามาเสนอหน้าเสียหน่อย

เด่วมาตามอ่านนะค้าบบบบ

 :oni1: :oni1: :oni1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
รักแล้ว รักเลย ต่อให้หนียังไงก้อหนีมันไม่พ้นหรอก คนเรา แต่เราเลือกได้ว่าจะอยู่กะมัน หรือเลือกที่จะไม่อยู่แค่นั้นเอง

มาเป็นกำลังใจเรื่องใหม่สู้ๆๆๆๆ

ชอบๆๆๆ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หนีอะไรก็หนีได้ หนีใจตัวเองได้หรือ   :o12: :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
เศร้าจัง...อ่านแล้วเหงาจับหัวใจ ยิ่งอยุ่ไกลบ้านอย่างงี้ยิ่งเหงา  :undecided:

ไม่รู้ทำไม อ่านแล้วไมมันตรงกะเราไงก้อไม่รู้ ถึงจะยังไม่รุ้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ก้อเหอะ พออ่านปุ๊บ ใจข้างในมันเจ็บแปลบๆขึ้นมาทันที เฮ้อ หนีอะไรก้อหนีได้ แต่หนีใจตัวเองนี่สิ หนียังไงก้อไม่พ้นเนอะ เพราะมันอยุ่กะเรา ทำได้ก้อแค่หลอกตัวเองไปวันๆ เฮ้อ เปนกำลังใจให้นะคะ :L2:

แวะมาเจิมเรื่องใหม่กะเขาด้วยคน :mc4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2008 21:15:26 โดย naumi »

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป

  ตอนที่  ๒  (ต่อ)




   คืนนี้ . . .

   ผมจะบอกลามัน    จะเอื้อนเอ่ยคำลาจากหัวใจของผม  จะขอบคุณทุก ๆ  อย่างที่ทำให้ผมยิ้มได้    ขอบคุณมันที่คอยพาผมตะรอนไปโน่นมานี่  ขอบคุณน้ำใจที่มันมีให้ผม  และผมมจะขอโทษมัน  ขอโทษที่หัวใจผมหลงรักมันมากกว่าสิ่งที่ควรจะเป็น


   ผมรักมันมากกว่า . . . เพื่อน 

   . . . มากกว่าคำว่าพี่น้อง

   หลังจากคืนนี้ . . .

   ผมจะกลับไปสู่โลกแห่งความจริงของผม ที่เหมาะสมสำหรับผม  ไม่ใช่ตรงนี้  โลกที่ผมเองก็รู้ว่า  ผมกับมัน  ไม่ได้เกิดมาคู่กัน    คืนนี้ . . .

   ผมจะจบความเจ็บปวดที่มีทั้งหมดในหัวใจของผม

   มันมองหน้าผม คิ้วมันขมวดคล้ายมีคำถามในหัวใจ

   หาก . . .

   . . . ผมยิ้มอย่างเคย . . .

   ใครอย่าวาดหวังเลย  ว่าจะเจอความเจ็บปวดบนใบหน้า  เมื่อผมก้าวขึ้นเวทีแสดงแล้ว  ผมจะถอดหัวใจแสดงมันให้ดีที่สุดในชีวิต  ละครฉากสุดท้ายก่อนที่จะรูดม่านอำลา  จะเป็นโศกนาฏกรรมที่สวยงามที่สุด  ผมแสดงมันด้วยใจของผมเอง  ยิ้มอย่างที่อยากจะยิ้มให้มัน  เป็นรอยยิ้มที่ผมเองก็ไม่รู้ว่า  ผมยิ้มได้อย่างไร  ในเมื่อหัวใจผม  มีแต่ความเศร้า

   มันจะสังเกตผมมั้ย . . .

   หัวใจผมร้องให้  ปานจะขาดใจ  ผมรักมันนะ  รักมันมากเสียด้วย  แต่ครั้งนี้  อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้นั่งกับมันแบบนี้  เพราะปิดเทอมคราวหน้า

   ผมอาจไม่มีเรี่ยวแรงที่จะมาที่นี่อีกแล้ว . . .

   ที่แห่งนี้ . . . ไม่ใช่ที่ของผม

   “เอ้าชน”    ผมยกขวดขึ้นมาตะแคง ค้างเอาไว้กลางอากาศ

   มันมองหน้าผม  คิ้วมันขมวดเข้าหากัน  ผมซะอีกที่เป็นฝ่ายพยักหน้าให้มันเป็นสัญญาณว่า  ชนแน่ ๆ  มันยกขึ้นมาเอาคอขวดแตะกันเบา ๆ   

   “ใครไม่หมดเป็นหมา”    ผมยิ้มให้มัน  ก่อนกระดกสื่งที่อยู่ในขวด  ผ่านลำคอลงไป  มันขมขื่น  แต่คงน้อยกว่าหัวใจที่ขื่นขมเป็นแน่  น้ำสีอำพันไหลผ่านลงไปจนหมดขวด  ราวกับท่อน้ำแตก

   เพียงแค่ชั่วครู่ . . . ขวดนั้นก็ว่างเปล่า 

   หน้าผมแดงก่ำ  เพราะนั่งดื่มมาหลายขวดแล้ว  ผมยิ้มได้มากกว่าเดิม  เพราะอย่างน้อยตอนนี้  ผมไม่มีความสามารถที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ทั้งร้อย  มันคงไม่ว่าหากคำพูดใด ๆ  ที่ผมพูดออกมาจะจุดชนวนความรู้สึกอะไรบ้าง  มันคงไม่ถือสาคำพูดของ . . . คนเมา

   เมาเบียร์ . . .

   . . . เมารัก 

   มันต้องคิดว่าผมเมาเบียร์ 

   แต่สิ่งที่มันคิดอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด  เบียร์อาจสะกดให้ร่างกายผมอ่อนล้าลง  ความรักต่างหากที่ทำให้ผมต้องมานั่งซดเบียร์  หากมันรู้จักผมสักนิด  แค่นิดเดียวที่หัวใจของมันทอดมองมายังผม  มันจะรู้ผมไม่ได้เมาเบียร์ อย่างที่เห็น  แต่ผมเมาอย่างอื่นมากกว่า

   ผมยิ้มเยาะกับมันเมื่อเห็นมันดื่มไปแค่เศษหนึ่งส่วนสามของขวด 

   “ได้แค่นี้เองเหรอ  นึกว่าจะแน่  ที่แท้ก็อ่อน”

   “ทำไมพี่กินเก่งจัง  อกหักหรือ” 

   สายตามันจ้องผมเอาไว้  เหมือนจะรอคำตอบจากผม

   ผมจะตอบมันได้อย่างไร  จะตอบคำถามนี้ได้หรือ    คำถามที่มันก๊ะน๊อคผมให้ตายคาเวทีเลยใช่มั้ย . . . ผมมองหน้ามันก่อนยิ้ม 

   แต่ . . .

   เป็นรอยยิ้มที่เยาะหยันตัวเองนะ  ทำไมผมต้องเกิดมาแล้วรักคนเพศเดียวกับผมด้วย  ผมไม่เข้าใจทำไมผมถึงต้องถูกสาปให้เป็นแบบนี้   หากรักคือความเจ็บปวด  ชาตินี้ไม่อยากมีมันแล้วล่ะความรัก 

   ถ้า . . .

   ความรักเกิดจากพหรมลิขิต  แบบที่คนเขาชอบพูดกัน  ผมคงต้องกราบอ้อนวอนพระพหรม  เทพเจ้าผู้ทรงลิขิตชีวิตมนุษย์  ผมกราบวิงวอนแทบบาทองค์ท่าน 

   ขอมีรักที่มันเป็นคนแรก . . .

   . . . และ . . .

   ขอให้มันเป็นคนสุดท้ายที่ผมจะได้รักเถิด

   “อกหักดีกว่ารักไม่เป็นว่ะ”

   “เอาน่าพี่ . . . เดี๋ยวมันก็หายเอง”

   “เหรอ . . . สงสัยยากว่ะ”   ผมคว้าเบียร์ในมือมันมากระดกอีกรวดเดียวหมดไปอกขวด  มันมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ  เมื่อผมส่งสัญญาณขออีกสองจากเด็กเสริฟ

   “เมาแล้วหายเหรอพี่”

   “ดีกว่าตอนไม่เมาหน่อยนึง”

   “เล่าให้ผมฟังได้มั้ยพี่”

   “เล่าเรื่อง”  ผมขมวดคิ้ว  ทั้ง ๆ  ที่รู้ในคำถามของมันดี  แต่ผมจะให้มันรู้ได้อย่างไร  เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะคุยกับคนบางคนเท่านั้น  สำหรับเรื่องนี้  ไม่เหมาะที่จะคุยหรือพูดให้ใครฟังเสียด้วยซ้ำไป

   “ใครทำพี่อกหัก”

   ผมเงียบ . . . มองหน้ามัน

   “ขอโทษพี่  ที่ถามแบบนั้น  ที่เข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัว  ผมแค่เป็นห่วงพี่   พี่อาร์ม  ผมไม่อยากให้พี่เป็นแบบนี้เลยรู้มั้ย” 

   มันดึงเบียร์ทั้งสองที่เด็กเสิร์ฟเอามาวางไว้  ก่อนที่ผมจะคว้าเอาไว้ไดทัน . . .

   ผมมองหน้ามัน . . .

   “พอเหอะพี่  เมามากแล้ว”

   “น่า  ขอเมาคืนนี้คืนเดียว พรุ่งนี้ก็คงหาย”  ผมยิ้มให้มัน

   “แน่ใจเหรอพี่  พี่รู้ได้ไงว่าพรุ่งนี้มันจะหาย”

   “เปลี่ยนเรื่องคุยเหอะ  ไม่อยากคุยเรื่องที่มันเศร้า ๆ  ว่ะ” 

   “ก็ได้ . . . ผมบอกให้โทรมาก่อนวันไหนพี่จะมา  จะไปรับ  แล้วทำไมไม่โทรมา ไม่โทรมาคุยกันเลย พี่ผิดสัญญา”

   ผมยิ้มให้มัน . . .

   . . . คราวนี้ น้ำตาผมร่วง 

   ผมรีบปาดน้ำตาทิ้ง  มันไม่ลืมที่มันบอกผมไว้  มันหลงคิดเอาเองว่าสิ่งที่มันพูดคือคำสัญญา  คือสิ่งที่ผมต้องกระทำตาม   มันขีดเส้นระหว่างมันกับผมเอาไว้แค่ไหน  มีแต่มันที่รู้   แล้วเป็นผมเองต่างหากที่คิดไปเอง  ผมรักมันเกินกว่าความสัมพันธ์ที่เรามี 

   หากวันนี้ . . .

    มันเดินไปบนเส้นทางที่มันอยากเดิน  มันเดินไปตามถนนสายชีวิตของมันเอง  ผมควรจะยินดี  จะยิ้มให้กับสิ่งที่มันเลือกมิใช่หรือ  แล้วทำไมผมต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่มันเลือก  หรือเพราะผมรักมัน  อยากมีมันเอาไว้เพื่อเป็นของผม  ทำไมผมไม่รักมันเพราะอยากรัก . . .

   ผมจะไปโกรธมันได้อย่างไร . . .

   เพราะผมเองที่หลงใหลไปกับมัน . . . ผมแอบรักมัน  ผมก็ต้องทนรับความเจ็บปวดนั้นเอาไว้เอง

   “เออ  ขอโทษ”

   “แล้วพี่อยู่กี่วัน  พรุ่งนี้ไปห้วยน้ำดังกันมั้ยพี่  ผมต้องขับรถพาฝรั่งไปค้างสองคืน  ไปกันนะพี่  ห้วยน้ำดังสวย  ไปกางเต็นท์นอนกัน”

   “กลับพรุ่งนี้แล้ว”

   “อ้าว  เพิ่งเจอแปบเดียวเองจะกลับแล้วเหรอ  เสียดายจัง  อยากให้พี่ไปเที่ยวห้วยน้ำดังด้วยกันก่อน  ผมตามหาพี่เสียทั่วเลยตั้งแต่บ่าย  ที่แม่บอกว่าต้องไปห้วยน้ำดัง  ไม่ลองไปชวนพี่อาร์มด้วยล่ะ  ผมนึกว่าแม่อำเสียอีกว่าพี่มา  นะพี่อาร์มนะ  อยู่ต่อสักสองวัน  แล้วค่อยกลับไม่ได้เหรอ”    มันต่อรองมองหน้าผม แววตามันที่มองมา

   มันเสียดายอย่างนั้นหรือ ?

   แปบเดียว . . .

   . . . แต่เจ็บเจียนตายแล้วไอ้โกเอ้ย

   “ไม่ได้หรอก  มหาวิทยาลัยเปิดเรียน  ไม่อยากขาดเรียน”  ผมไม่ได้ปดมันหรอก  เพราะว่ามหาวิทยาลัยเปิดเรียนจริง ๆ  หากแต่ความตั้งใจเดิมผมอยากจะขาดเรียนเสียด้วยซ้ำ   

   “ถ้างั้น . . . พรุ่งนี้ผมไปส่งพี่ก่อน   เพราะกว่าจะไปห้วยน้ำดังก็เกือบเที่ยง  พี่จะเข้ากรุงเทพฯ  เลยหรือ”

   “ก็จะแวะบ้านที่เชียงใหม่ก่อน เดี๋ยวนี้แม่บ่น  มาเป็นลูกปายไปแล้ว  ไม่ค่อยแวะที่บ้าน”

   “เหอะ ๆ ๆ  หลงเสน่ห์ปายหรือหลงเสน่ห์เด็กปาย”

   ไอ้หอกเอ้ย . . . อย่าย้ำมาก

   “หลงทางมากกว่าว่ะ  อย่าพูดถึงมันเลย”  ผมตัดบท

    “เอ้างั้นให้อีกขวด  ไหน ๆ  ก็จะกลับแล้ว”    มันผลักขวดสีน้ำตาลสัญลักษณ์เจ้าป่า  ที่มันยึดเอาไว้ตั้งแต่แรกมาให้ผม

   ผมหยิบมันมาตะแคงขวดก่อนชนกับมันอีกรอบ . . .

   “โก  กลับบ้านได้แล้ว”  เสียงที่ดังจากด้านหลัง  แหลมสูง  คล้ายออกคำสั่ง  ผมมองหน้ามัน  สีหน้ามันเหมือนเกรง ๆ

   “เดี๋ยวกลับ  อีกแปบ”

   “ไม่ต้องเดี๋ยวเลย  กลับเดี๋ยวนี้”

   ผมยิ้ม . . . .

   เข้าใจดี  ผมไม่แม้ที่จะหันไปมองหน้าเขาด้วยซ้ำ  เจ้าของเสียงนั้น  ไม่ใช่คนอื่นไกล  คนที่ผมเกลียด . . . ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ผิด

   “ไปเหอะไป๊  อายคนอื่นเขา”  ผมโบกมือไล่มัน

   มันมองมาที่ผม  ผมยิ้มให้มันนิดนึง . . . 

   ผมนะเข้าใจมันดี  ตอนนี้มันไม่ใช่คนตัวเปล่าอีกแล้ว มันมีพันธะแล้ว   ไม่มีใครหรอกที่อยากเห็นคนที่เรารักออกไปไหนมาไหนดึก ๆ ดื่น ๆ  เวลาแบบนี้  อากาศแบบนี้  คือเวลาที่คนสองคนควรอยู่ด้วยกันมิใช่หรือ

   ห่วง . . .

   ที่ไอ้โกมันผูกเอาไว้ . . .  มันต้องหาทางสลัดห่วงที่มันผูกเอาไว้เอง  ไม่มีใครหรอกที่จะช่วยมันได้  ในเมื่อมันเลือกเส้นทางของมันเอง

   ผมได้แต่มองมันด้วยความเสียดาย . . .

   อายุมันยังน้อย  น้อยเหลือเกิน  หากมันอยู่ในกรุงเทพฯ  มันคงยังอยู่ในชุดนักศึกษา  มันยังมีโอกาสเจออะไรอีกมาก  โลกมิได้มีแค่สิ่งที่มันเจออยู่ตอนนี้  น่าเสียดายเหลือเกิน . . .

   ที่มันเลือกจบอนาคตของมันกับผู้หญิงแบบนี้ . . .

   . . . ผู้หญิงบาร์เบียร์

   ผมจ้องหน้ามัน . . .

   มันเหมือนมีอะไรจะบอกผม  ผมส่ายหน้าห้ามไม่ให้มันพูดอะไรอีก  แล้วมันก็ลุกขึ้น  สายตามันคล้ายตัดพ้อผม

   “พรุ่งนี้ผมไปส่งนะพี่” 

   “อือ”

   “รอผมด้วยนะพี่  รอผมก่อน”  แววตามันเหมือนมีอะไรในใจ  แค่แวบเดียวเท่านั้นที่ผมสัมผัสได้  ก่อนที่มันจะเดินจากไปแล้ว

   มันจากไปแล้ว . . . .

   ทิ้งผมอยู่กับขวดเบียร์  ผมมองเบียร์ที่เหลืออีกขวดของมัน  ก่อนกระดกขึ้นอีกครั้ง    บางทีทางที่ผมเลือกอาจเป็นทางที่ดีสำหรับผมเอง   วันนี้ผมรักมันมากกว่าตัวเอง  มากกว่าอะไรทั้งหมดที่ผมมี

   พรุ่งนี้ . . . ผมคงมีความสุขมากกว่าวันนี้ 

   ผมจะรักตัวเองให้มากกว่ารักคนอื่น  พรุ่งนี้ผมอาจเดินไปบนเส้นทางที่ถูกที่ควร  วันพรุ่งนี้ของผมจะสวยงาม  และเป็นวันที่เริ่มชีวิตใหม่ของผม




   เช้าวันที่ ๔ มกราคม . . . 

   ผมตื่นเช้ากว่าทุก ๆ  ครั้ง  ทั้ง ๆ  ที่อากาศหนาวเหน็บจนผมต้องคอยเอาสองแขนมากอดตัวเองเอาไว้บ่อยครั้ง    บางคราวก็เอาฝ่ามือสองมือถูกันไปมา  ก่อนเอามาแนบแก้ม ไล่ความหนาวเหน็บเพียงครู่ยาม  ความจริงบรรยากาศแบบนี้  ผมน่าจะนอนอีกสักสองชั่วโมง  แต่ผมตั้งใจเอาไว้ ผมจะไปให้ทันรถเที่ยวแรก . . .


   ผมไม่อยากเจอมัน . . .

   ผมคงยังไม่แกร่งพอที่จะเห็นหน้ามัน . . . ผมไม่อยากจบกับมันด้วยการจากลา  หากมันมาส่ง . . .

   ผมจะกลั้นน้ำตาไว้ไหวหรือ . . .

   รถเมล์แดงคันเล็ก ๆ  เข้ามาจอดเทียบ . . . ผมหันไปมองถนนเส้นนั้นอีกครั้งราวสั่งลา  น้ำตาเอ่อ  หัวใจมันวังเวง  จากวันนี้ต่อไป

   ถนนสายนี้ . . .

   . . . คงไม่มีมันอีกแล้ว

   รถเที่ยวเช้าในฤดูหนาวแบบนี้แทบไม่มีผู้คน  ผมเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง . . .

   ปล่อยลมหนาวมาปะทะใบหน้า  ให้ใบหน้ามันชา  ให้ชาเท่า ๆ  กับหัวใจ   ละอองน้ำค้างจากไอหมอก  ปะทะผิวหน้าหนาวสะท้านไปถึงส่วนลึกสุดในหัวอก

   น้ำค้าง . . .

   . . . ผสมน้ำตา

   น้ำตาที่ผมเองพยายามสะกดมันเอาไว้  มันเจ็บปวดอย่างไรไม่รู้  เหมือนหัวใจจะแยกออกเป็นสองส่วน  เมื่อคิดว่าต้องจากมันจริง ๆ

   “พี่อาร์ม  พี่อาร์ม”  เสียงเรียกในขณะที่รถวิ่ง ใครเคยนั่งจะรู้  รถหวานเย็นวิ่งช้า ๆ  จอดทุกแห่งที่มีคนโบก

   ผมมองออกไปข้าง ๆ  หน้าต่าง  คนที่ขี่มอเตอร์ไซด์ไล่ตามมา . . .

   . . .โกเมศวร์

   “ไหนบอกกลับเที่ยวเดิมไง  ผมไปหาน้าปู  แกบอกพี่ออกมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว  ทำไมพี่ไม่รอผม  เมื่อคืนผมบอกให้พี่รอผมไง”  มันตะโกนบิดรถไล่รถที่ผมนั่งแค่ไม่กี่เมตร

   รอผม . . .

   มันเสียดเข้าไปในหัวใจ น้ำตาผมเอ่อ 

   . . . ผมนี่หรือไม่รอมัน  . . .

   มันต่างหากที่ทิ้งผมไป  มันทิ้งผมไปแล้ว  มันไปเดินบนถนนของมัน  ถนนที่มันเลือก  เส้นทางของมัน  เคยมีผมหรือ  ผมอาจแค่คนผ่านมา   ที่แวะพักยามเหนื่อยอ่อน  หันไปยิ้มกับคนที่เป็นเจ้าของถนน  แล้วผมก็ต้องจากลา . . .

   เพราะผม . . .

   . . . มีถนนของผมเอง

   ถนนสายหัวใจของผม . . .

   . . . ไม่มีวันมาบรรจบกับถนนสายหัวใจของโกเมศวร์ . . .

   “เดี๋ยวไม่ทันรถที่เชียงใหม่ . . . “    ผมตะโกนโกหกมัน

   “สุขสันต์วันเกิดนะพี่  มีความสุขมาก ๆ  นะพี่”  มันบิดรถเครื่องมาเทียบกับรถที่ผมนั่งเมื่อจอดรับคนโดยสารชาวเขาที่มีสัมภาระกองใหญ่

   “ขอบใจ”  ผมยิ้มทั้งน้ำตา  มันจำวันเกิดผมได้ . . .

   นี่แหละ !

   ที่ผมตัดสินใจมาที่นี่อีกครั้ง . . . ผมอยากอยู่กับคนที่ผมรักในวันเกิดของผม  วันเกิดผมหลังปีใหม่ไม่กี่วัน . . .

   “ผมให้พี่ . . .”   มันยื่นสร้อยหนังที่ถักเอาไว้อย่างสวยงาม    ห้อยจี้พระนักบุญแห่งล้านนา  โกเมศวร์  ยิ้มพยักหน้าให้ผมรับเอาไว้   

   “. . . ปิดเทอมมาอีกนะพี่”

   ผมยื่นมือออกไปรับ . . . สายสัมพันธ์มันไม่จบ

   ไม่จบแบบที่ผมตั้งใจไว้แน่ ๆ  ในเมื่อตอนนี้ที่ในมือผม  มีสิ่งแทนใจของคนที่ผมรัก  ผมกำสิ่งที่รับมาจากมือของมันเอาไว้แน่น  นี่คือของขวัญชิ้นแรกจากคนที่ผมรัก  ผมหวงและจะเก็บมันเอาไว้ไปจนลมหายใจสุดท้ายของผม

   ผมมองหน้ามัน . . .

   . .  . ปิดเทอมมาอีกนะ . . .

   มาให้เจ็บหัวใจอย่างนั้นหรือ  ผมได้แต่ยิ้ม  แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้ว  ผมคงไม่สามารถยืนบนโลกนี้ได้อีก  หากมาคราวหน้าเมียมันเกิดอุ้มท้อง  ผมจะยิ้มกับมันได้อีกหรือ  ผมจะคุยกับมันแบบที่ผมคุยตอนนี้หรือ 

   ถ้าหากว่า . . .

   ความรัก  หมายถึง   ความเจ็บปวดตลอดชีวิต 

   ผมจะยังอยากรักอยู่อีกหรือ?

   “ไม่รู้เหมือนกัน  ปีหน้าจะจบแล้วพี่อาจต้องลงเรียนซัมเมอร์”

   “ไม่เรียนไม่ได้หรือ  ไม่รู้ล่ะ  ผมอยากให้พี่มานะพี่  สัญญาสิพี่  ว่าพี่จะกลับมาหาผม พี่มาคราวหน้าผมจะพาไปปางอุ๋ง”     มันร้องบอก  เมื่อรถค่อย ๆ  เคลื่อนตัวออกอีกครั้ง

   “กลับไปเหอะ . . . ต้องไปห้วยน้ำดังไม่ใช่หรือ”  ผมตะโกนบอก  เมื่อเห็นมันยังดื้อดึงที่ขับตามมา

   “ไม่กลับ  ถ้าพี่ไม่สัญญาว่าจะกลับมา  ผมจะขับไปแบบนี้แหละ  น้ำมันหมดเมื่อไหร่ค่อยเข็นกลับ”  มันดื้อตาใส

   ผมไม่เคยคิดคนอย่างมันจะดื้อได้ขนาดนี้ . . .

   “เออ ๆ    มา ๆ  ปิดเทอมมจะกลับมา”  ผมตัดบท  สงสารมัน  เพราะถนนเส้นนี้มีแต่โค้งกับเขาทั้งนั้น

   “สัญญาแล้วนะพี่  ถึงกรุงเทพฯ  โทรหาผมด้วยนะ  ผมจะคอย  อย่าลืมนะพี่อาร์ม  ต้องโทรมานะ  ผมจะคอย”  มันตะโกน  มันโบกมือให้ผม

   ผมยิ้ม . . .

   . . . ทั้ง ๆ  ที่หัวใจผมมันยับเยิน

   ความรู้สึกของมัน . . .

   . . . ผมอาจเป็นพี่ชายที่แสนดี  เป็นคนที่คอยห่วงมันสารพัด  คอยสอนมัน  บอกมันถึงการอยู่ต่อไปบนโลก . . .

   ส่วนผม . . . รักมันเกินน้องไปแล้ว

   ผมได้แต่ปล่อยให้น้ำตามันไหลไปตลอดทาง  ให้มันไหลออกมาให้สาสมกับความโง่งี่เง่าของตัวเอง

   อย่างน้อย . . . สิ่งที่โกทำ

   . . . ความรักพิสุทธิ์ล้ำ . . .

   มันรักผม  ความรักที่มันมีให้ผม   มาจากหัวใจของคน ๆ  นึงที่พึงจะรักใครอีกคนได้  คนที่เป็นเหมือนต้นแบบของมันแต่ . . . เป็นรักที่ไม่ใช่เซ็กส์ 

   รักมันกับผม แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง . . .


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-09-2010 16:28:02 โดย ราชบุตร »

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เรื่องนี้เศร้าจังง่า  :m15:
สู้ๆเจ้าค่า :a2:

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
เศร้าจริงๆๆ เปิดเพลงแก้มด้วยยิ่งเศร้าไปอีกแอร๊ยย :sad2:

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
เศร้าว้อยยยยยยยยยยยยย :sad2:
ชอบตรงประโยคนี้อ่า...ถ้ารักหมายถึงความเจ็บปวดตลอดชีวิต  ผมจะยังอยากรักหรือ? :m15:
เฮ้อ เปนกำลังใจให้นะ สู้ๆค่า :L2:

ปล.ขอแอบแสดงความคิดเหนหน่อยเหอะ..อ่านมาถึงตอนนี้ โกไม่ผิดไม่ใช่หรอ เพราะโกไม่รู้นี่ ว่าอาร์มคิดยังไง?? :sad2: แต่ทั้งๆที่ไม่รู้ก้อยังสนใจ ใส่ใจในตัวอาร์มนะ :m15: แล้วจู่ๆอาร์มก้อมาตีจากยังงี้ โกก้อน่าสงสารแย่สิ แต่คิดในมุมของอารณม ยิ่งเจอก้อยิ่งเจ็บเนอะ เฮ้อ บอกไม่ถูกแฮะ ช่างเปนความสัมพันธ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ  o7

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
เศร้า อะไรอย่างนี้ การที่ใครคนนึงจาพูออะไรออกมา บางครั้งเค้าอาจจะสื่อความหมาย ที่ ต่างจากคนที่ได้รับสารนั้นแล้วตีความหมายไปคนละทาง


แต่ก้อถือว่าเป็นความสุขเล็กๆๆน้อยๆๆ สุขที่ได้คิดไปฝ่ายเดียว แค่นี้ก้อพอใจแล้ว

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เหอ เหอ ยังเศร้าได้อีก   :m31: :m31: :m31: :m31:  :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
เศร้าจัง :sad2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ A GE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
 :sad2: :sad2: เพิ่งเริ่มอ่านแต่ทำไมเศร้าขนาดนี้ล่ะครับ  จะว่าไปทิฐิไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรนะครับ  :sad2: :sad2:

RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป


ถ้ารักหมายถึงความเจ็บปวดตลอดชีวิต  ผมจะยังอยากรักหรือ?


ผมเพิ่งสังเกต . . .  เออ คิดดี ๆ  ก็เป็นนะเรา 

เศร้าครับ . . . นี่ตสผมบวมเบ่งเลย  เสียน้ำตาเป็นเผาเต่าเลย  ตอน  แอนระเบิดความรู้สึก  แล้ว  เคนยืนมองอยู่ด้านหลัง  ปวดใจจิ้ดดดดดดดดดดดดดด    คนเราทำผิดได้เสมอ

อยู่ที่ว่า . . . เราจะให้อภัยมั้ย

ละครมันให้อภัย . . . แล้วชีวิตจริงล่ะ  เอ้ย  คืนนี้กว่าจะหลับคงนาน  สงสารคาวี . . . เรื่องนี้เคนเล่นซีนอารมณ์แรง ๆ  สุดยอด


RAJCHABUT

  • บุคคลทั่วไป


ตอนที่  ๓



   โลกมีด้านมืดและด่านสว่าง  ชีวิตของคนเราก็เหมือนกับโลก  มีทั้งความมืดมิดและสว่าง  ไม่มีใครหรอกที่จะมืดมิดตลอดกาล  ในความรู้สึกที่แอบรักคนอื่นมันมีทั้งความสุข และความทรมานในเวลาเดียวกัน  แต่ผมยินดีที่จะทรมาน  เพราะว่านั่นคือทางที่ได้เลือกเดิน


   การรักใครสักคนคือความสุขบนความทรมานของตัวเอง

   ผมยินดี . . . ยินดีอย่างที่สุดแล้ว

   “ไอ้อาร์ม  มึงแน่ใจนะโว้ย  ว่าจะไม่ไปเที่ยวพีพีกับกู”       ไอ้เพื่อนรักมันมองหน้าผม  หลังจากที่เราสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ

   “อือ”

   “ห่านี่  ทุกครั้งพอจะไปทะเลกระดี้กระด้า  แล้วคราวนี้ทำไมไม่อยากไปว่ะ”

   “กลับบ้าน” 

   “ไอ้อาร์ม  ไปพีพีกันก่อนเหอะมึง  อาทิตย์เดียวเอง  ขาดมึงไปคนไม่มันว่ะ”  ไอ้เพื่อนรักมันต่อรอง 

   ผมได้แต่ยิ้มกับมัน  จะบอกมันได้อย่างไร  ว่าตอนนี้หัวใจผมมันกลับไปที่เมืองเล็ก ๆ  กลางหุบเขาเสียแล้ว  ในเมื่อผมรู้ว่าหัวใจผมอยู่ที่ใด  ร่างกายผมจะต้องตามไปหาหัวใจตัวเองสิ  ใครเลยจะปล่อยให้หัวใจห่างร่างกายได้นาน

   ผมสัญญากับมันว่าจะไป  ผมก็ต้องไป  ในเมื่อมันบอกว่าจะรอผม  ผมก็จะไปหามัน ต่อให้ตรงถนนที่มันยืนอยู่จะเป็นนรก  หากมันอยากให้ผมเดินไปหา  ผมก็ต้องไป  และไปด้วยความเต็มใจอย่างที่สุด

   เพราะหากผมไม่ไป

   คำมั่นสัญญา . . .

   . . . จะมีค่าอะไร

   มันคงไม่แตกต่างจากคำพูดที่หลุดออกมาจากปาก  เป็นแค่สิ่งเน่าเหม็นที่หลุดลอยออกมาไม่มีคุณค่าที่ควรเอามาใส่ใจ  แต่ผมสัญญาเอาไว้  ผมต้องทำตามสัญญา  สัญญาที่ผมต้องรักษามันไว้ด้วยหัวใจ

   “ว่าไงมึง  จะยิ้มทำบ้าไรว่ะ”

   “ไว้คราวหน้าเหอะ  คราวนี้ไม่ได้จริง ๆ  ว่ะ”

   “สัส  ติดสาวเหรอมึง  เทอมหน้าก็ฤดูฝน ใครเขาไปทะเลกัน  มีนาแบบนี้ทะเลสวยนะมึง  เปลี่ยนใจยังทันนะมรึง”

   “เหี้ยนี่  สาวที่ไหนไม่มี  ติดหนุ่มว่าไปอย่าง”  ผมอมยิ้ม  หัวใจคิดถึงอีกคนที่อยู่เมืองเหนือ  ทำไมมันมีอิทธิพลต่อหัวใจผมมากขนาดนี้หนอ

   “ห่าลาก  เล่นไปเรื่อย  มึงไม่ไปแบบนี้ไอ้แดนมันคงบายอีกคน”  เจ้าตัวคล้ายบ่น ๆ 

   “ไปสิ  มันบอกว่าไป  มันก็ต้องไปสิ  มันไม่ได้ติดอะไรกับกูขนาดนั้น  ห่านี่ คิดอะไรอยู่ว่ะ . . .”  ผมมองหน้ามัน   

   “อย่านะมรึง  อย่าแม้แต่จะคิด”

   “คิดไร”  มันทำหน้าอ้อนอวัยวะเบืองล่างได้ใจจริง ๆ 

   “เถียงกูเหรอ  ไม่เคยมีใครบอกเหรอ  ห้ามเถียงเพื่อน”  ผมเอามือจับคางมันส่ายไปมา 

   เพื่อนผมล่ะครับ  บ่อยครั้งที่มันกับผมจะเล่นอะไรที่ระคายเคืองสายตาผู้ชายที่มองมา  แต่สำหรับผมและมันแล้ว  มันคือเรื่องปกติ  ทุกอย่างมันเป็นไปแบบธรรมชาติมากที่สุดแล้ว

   “โอ้ยไอ้เพื่อนเทวดา  ไม่เถียงแล้วคร๊าบบบบบบบบ”  มันทำท่ายกมือไหว้เหนือหัว

   นี่แหละครับ . . . คือมัน

   . . . เพื่อนผม . . .

   เพื่อนรักของผมเอง   มันชื่อโอ๋

   ไอ้หน้าหล่อของรุ่นครับ  มีมันไว้นี่ดีไปหลายอย่าง  เวลาเดินในมหาวิทยาลัย  บ่อยครั้งที่สาว ๆ  แอบมองเหลียวหลัง  ผมรู้จักกับผมมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย   มันเป็นคนต่างจังหวัดร้อยเปอร์เซ็นต์  บ้านมันเหรอครับ

   ไกลมาก . . . ริมโขง

   นิสัยมันดี  ถึงดีมาก  เป็นเพื่อนที่ผมรู้สึกสนิทใจมากที่สุดในชีวิต  มันไม่ใช่แค่เพื่อนกิน  เพื่อนเที่ยว  หากมันคือเพื่อนที่ผมพร้อมจะตายแทนได้  เป็นคนเดียวที่อยู่ข้าง ๆ  ผมยามที่ผมอ่อนแอที่สุดในชีวิต  และในเวลาที่ผมมีความสุขมากที่สุดในชีวิต  ผมก็จะหันไปเห็นมันอยู่ใกล้ ๆ เสมอ

   “ดีมากลูกพ่อ”  ผมเอามือตบไปที่ไหล่มันถี่ ๆ

   วันคืนดี ๆ  ของผม . . .

   วันที่ทำผมยิ้มได้ยามเหนื่อยอ่อน  เพื่อนคือสิ่งเดียวที่ไม่เคยทอดทิ้งผม  เพื่อนที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา  หากชีวิตนี้ผมจะมีเพื่อนแค่คนเดียว  ผมขอมีแค่มันนี่แหละ  ไอ้เพื่อนรักของผม





   ผมกลับไปที่ปายอีกครั้ง . . .

   ผมไปตามสัญญา . . . ผมไม่อยากผิดสัญญากับคนที่ผมรัก    แม้ว่าความรักที่ผมมี  จะแตกต่างจากสิ่งที่มันมีให้ผม  แต่ผมก็ยึดถือกับคำมั่นสัญญาเสมอมา 

   สองเดือนที่ผ่านมา . . .


   ไม่มีสักวันที่ผมไม่คิดถึงมัน  แต่ยิ่งคิดถึงมันยิ่งเจ็บปวด    ผมพยายามแล้วที่จะไม่รักมัน  แต่ดูเหมือนว่า  ยิ่งผมพยายามจะถอยห่างเท่าไหร่  เหมือนหัวใจยิ่งวิ่งไปใกล้กัน  หรือว่าเป็นเพราะผมอ่อนแอ  ผมไม่ได้โทรหาทั้ง ๆ  ที่หลายครั้งผมกดโทรศัพท์ไปที่บ้านโก . . .

   แต่ . . .

   ผมวางสายก่อนทุกครั้งที่จะมีคนรับ ผมต้องการแค่นี้จริง ๆ

   กลางเดือนมีนาคม . . .

   ฤดูร้อน  นักท่องเที่ยวบางตา  อาจเพราะไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวของเมืองเล็ก ๆ  กลางหุบเขาแห่งนี้  ผมลงรถที่เดิม  หลังจากที่วิ่งมาจากสถานีเชียงใหม่แห่งใหม่มาร่วมสี่ชั่วโมง . . .

   บ้านเรือนแปลกตากว่าสองเดือนก่อน . . .

   แปลกตาอย่างไรหรือ  เริ่มมีการก่อสร้างมากขึ้น  มองไปทางไหนก็มีแต่โครงไม้  โครงเหล็ก   เสียงตอกตะปู  เสียงเครื่องบดผสมซีเมนต์  เขาต้องเร่งทำเพื่อที่จะรับฤดูกาลท่องเที่ยวหน้า  ความเจริญเริ่มก้าวเข้ามาช้า ๆ  และอาจจะรวดเร็วต่อจากนี้อีกไม่กี่ปีข้างหน้า

   กิจการที่มีอยู่จะต้องค่อย ๆ  ปรับตัวให้พร้อมกับการแข่งขัน . . .

   ทุน . . . จากนอกพื้นที่จะค่อย ๆ  ไหลบ่ามาเหมือนน้ำป่าที่หลากไหล  และเมื่อนั้นคนที่ไม่ปรับตัวจะค่อย ๆ  หายไปจากระบบ  นี่คือวัฏจักรของการพัฒนา

   การพัฒนา . . .

   . . . คำพูดที่สวยหรู

   แท้จริง . . .

   การทำลาย . . . เป็นการทำลายรากเหง้าทางวัฒนธรรมอย่างช้า ๆ   หากแต่ไม่มีใครหรอกที่จะสนใจรากเหง้า  เขามองกันเพียงแค่ว่า  จะทำอย่างไรให้กิจการอยู่ได้  จะทำเช่นไร  ให้มีกระแสเงินสดหมุนเวียนในกิจการมากที่สุด

   ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป . . .

   เงิน . . . เข้ามาขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจในเมืองเล็ก ๆ  มันค่อย ๆ  ซึมอย่างช้า ๆ  และไม่นานทุกคนจะโหยหาแต่เงิน  เพื่อประคองตัวให้อยู่รอดท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นทุกวัน  ระบบทุนนิยมจะค่อย ๆ  กลืนทุนขนาดเล็ก

   ปลาใหญ่ค่อย ๆ  กินปลาเล็ก

   ทุกอย่างจะเป็นไปตามธรรมชาติของมัน  คนที่ปรับตัวตามสภาพการณ์เท่านั้นที่จะอยู่ได้  ส่วนคนที่ปรับตัวเองไม่ได้จะค่อย ๆ  หายไปจากวงการ . . .

   “พี่อาร์ม . . . ผมไปส่งมั้ยพี่”   ผมหันไปตามเสียง

   “ไอ้ชัย . . .ไปไหนมาหรือ”    ผมทักทายเด็กรุ่นน้อง  ซึ่งก็รุ่น ๆ  เดียวกันกับโก   จะว่าไปแล้ว  มันก็ญาติกันนั่นแหละ . . .

   ย่าของชัย . . . เป็นพี่สาวของปู่โก

   “เออ  เอาดิ”  ผมไม่รอช้าขึ้นคร่อมข้างหลังชัยมันทันที  คร่อมมอเตอร์ไซด์นะครับ  อย่าเข้าใจอะไรผิดไปจากนี้

   “มากี่วันพี่คราวนี้”

   “ไม่รู้ว่ะ  เบื่อก็กลับ”

   “ไม่เอาแฟนมาด้วยละพี่”

   “หาไม่ได้”

   “เชื่อตาย  สาวกรุงเทพฯ  เยอะจะตาย”  มันชวนผมคุยเรื่อย ๆ  จะว่าไปแล้วผมกับมันนี่คุยกันมากกว่าที่ผมคุยกับโกเสียอีก 

   ผมรู้จักมันก่อนโก . . .

   แต่ . . . หัวใจผมมันดันไม่รักดี  ไปรักคนมีเจ้าของแล้วซะงั้น   เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้นี่หว่า  ถ้าบังคับได้  ผมคงไม่ต้องเจ็บปวดเหมือนตอนปีใหม่    มันขับมาส่งผมที่รีสอร์ทของอา

   “แวะกินอะไรก่อนมั้ย”

   “เลี้ยงป่าว”

   “เออเด่ะ  อยากกินไรสั่ง  เคยจ่ายเสียที่ไหนเล่า”   ผมยิ้มกับมัน  ก่อนเดินนำมันไปที่ร้านอาหาร  ที่อยู่ท่ามกลางร่มไม้ใหญ่

   ทั้งรีสอร์ทนี่  ผมเดินสียจนปรุ  ปิดตาเดินยังไหวเลย  ด้านหลังของร้านอาหารเป็นเรือนพัก  ที่สร้างไปจนถึงริมลำน้ำ  ที่หน้าร้อนแบบนี้น้ำแห้งสามารถเดินข้ามไปอีกฝั่งได้สบาย

   “ไอ้โกมันมีเมียไปแล้วนะพี่”

   “เออ  รู้มาเหมือนกันปีใหม่เจอมันแล้ว”    ผมพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด  ด้วยไม่รู้ว่าใครเป็นอย่างไรบ้าง

   “เออ  เห็นมันก็บอกปีใหม่พี่มา  แต่ผมไปเชียงใหม่มาเด่ะ”

   “เลยไม่ได้เจอชัย  แล้วเราเมื่อไหร่มีเมียมั่ง”

   “มีไปเรื่อย ๆ  ดีแล้วพี่  อย่าเอามาเป็นห่วงแบบไอ้โกเลย”   

   ไอ้ชัยมันบอก . . .

   แต่ . . .

   หัวใจผมเจ็บ  และห่วงไอ้โกมัน  ไม่อยากให้มันมีเมียเลย  แต่ของแบบนี้มันไม่เกี่ยวกับคนที่สามแบบผม  อะไรที่ไม่ใช่ของเรา  มันก็ไม่ใช่ของเรา

   “มันน่ะบ้า  ว่าไปแล้วมันทำไรไม่คิด”    

   “ทำไมเหรอ” 

   ผมเริ่มสนใจกับข้อมูลที่ชัยมันบอก  แม้แค่เพียงเล็กน้อย  แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนมันมีอะไรแฝงอยู่  ผมไม่ได้รู้จักกับโกมาตั้งแต่ต้น  บางเรื่องที่ผมอยากรู้  ผมคงต้องคุยกับคนที่คุ้นเคยกับโกมากกว่า 

   “ก็ลุงมล  แกไปมีเมียใหม่”    ชัยหมายถึงพ่อของโก

   “แล้วเกี่ยวไรกัน”

   “ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกี่ยวมั้ย  ก็ไอ้โกรักป้าภาจะตาย  แถมเมียน้อยลุงมลเป็นเด็กบาร์อีก”

   “เมียไอ้โกก็เด็กบาร์ไม่ใช่เหรอ”  ผมมองหน้า

   “ก็ใช่พี่  มันอยากประชดพ่อมันมั้ง  เลยเอาเด็กบาร์มาทำเมีย  เละขนาดนั้นใครจะเอามาทำเมียว่ะ  ผมเลยบอกว่ามันบ้า”

   “มันไม่ได้รักกันหรือไง”

   “เป็นพี่รักเข้าไปลงเหรอ  เมาทีไรลากฝรั่งไปดูดปากไม่อายใครเลย”

   “แล้วมันว่าไง  ไม่หึงเหรอ”

   “ไม่รู้แม่ง  เงียบแบบที่มันเป็นนั่นแหละ  เป็นผมเลิกไปนานแล้ว  ไม่ทนอยู่กับผู้หญิงแบบนั้นหรอก  ให้ฟรียังคิดนานเลย”

   แปลกนะ . . .

   จากที่เคยเจ็บแปล๊บ  เมื่อตอนที่เริ่มคุยเรื่องเมียของมัน  ตอนนี้กลายเป็นว่าผมกลับสงสารมัน  เป็นห่วงมันสารพัด    ทั้ง ๆ  ที่มันเองกับผมก็ไม่ได้สนิทสนมกันมาก  มีแต่ผมกระมังที่อยากจะสนิทสนมกับมัน   และเรื่องที่ชัยเล่ามา  มันกับผู้หญิงคนนั้นแทบไม่น่าจะอยู่กันด้วยความรัก . . .

   คนรักกัน . . .

   . . . ต้องแคร์ความรู้สึกของกันและกันมิใช่หรือ?

   “ขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “อืม  ผมถึงว่าไง  มันประชด”

   “ประชดเพื่ออะไร”  ผมมองหน้าคนแจ้งข่าว

   นี่ . . . ข่าวดีของผมหรือ?

   ข่าวร้ายมากกว่า . . .

   เพราะผมสงสารคนที่ผมรักจับหัวใจ  ทำไมมันไม่คิดให้เยอะ ๆ  ก่อนที่จะทำอะไรลงไป    คนเราควรคิดให้มาก  มากกว่าที่จะทำอะไรไปด้วยอารมณ์  ปัญหาที่บ้านมากพออยู่แล้ว  ทำไมเราจะต้องเอาปัญหาไปสุมอีก . . .

   “แหมพี่!   มันคงคิดว่าถ้ามันมีเมียเป็นเด็กบาร์บ้าง  พ่อมันจะห้ามจะว่ามัน  แล้วมันก็จะย้อนพ่อมันได้  ทีพ่อมีได้  มันคงคิดแบบนั้นแหละ”

   ผมส่ายหน้า . . . 

   . . . คนเจ็บปวด

   แม่ไอ้โก . . . ป้าภา

   มันคิดตามประสาเด็ก . . . 

   หรือ . . . มองอีกมุม 

   อายุมันแค่นั้น  มันจะคิดอะไรได้มากกว่านั้น  มันก็เหมือนเด็กบ้านแตก  ขาดความอบอุ่นจากที่บ้าน  มันคิดว่าการที่ทำอะไรเรียกร้องความสนใจจะทำให้อะไรมันดีขึ้นมากระมัง 

   มันคิดผิด . . .

   มันสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นมาโดยที่มันไม่รู้ 

   จากที่ผมเคืองมันที่มันมีเมีย กลายเป็นว่าผมสงสารมันมากขึ้นไปอีก  มิน่าตอนปีใหม่ตอนเมียมันมาตามมันถึงทำท่าอย่างคนเซ็งกะตาย  ทำไมผมไม่ถามมันเสียตั้งแต่ตอนนั้น

   เพราะผมคิด . . .

   . . . ไม่อยากยื่นมือไปทำให้ใครต้องแตกแยก . . .

   เรื่องที่ชัยเล่า . . . มันทำให้ผมคิดตลอดทั้งวันนั้น  วันที่ผมก้าวเท้ามาที่นี่อีกครั้ง  ผมสงสารมันจับหัวใจ  แต่ผมจะช่วยมันได้อย่างไร  เรื่องแบบนี้  ถ้ามันไม่เอ่ยปาก  ผมจะแส่มือเข้าไปก็ใช่ที่



   เสียงนกร้องกลับรวงรัง  หากแต่ผมยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง  ผิดกับทุก ๆ  ครั้งที่ยามเย็นแบบนี้ผมจะไปเดินเล่นแถวลำน้ำปาย  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องที่ชัยพูดมากับผมเมื่อตอนกลางวัน  จะเป็นเรื่องเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัวของผมตอนนี้หรือไม่


   ผมรู้แค่ว่า . . .

   ผมสงสารคนที่ผมรัก . . . เรื่องไอ้โกมีเมีย  อาจเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่นี่  แต่สำหรับผมมันเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ

   สำคัญมากเสียด้วย . . .

   . . . ก็ผมรักมันไปหมดหัวใจแล้วนี่ครับ

   “น้องอาร์ม  น้องอาร์มอยู่มั้ย”  เสียงร้องเรียกที่หน้าห้องผม  เสียงนั้นปลุกผมจากความคิด  ผมจำน้ำเสียงที่ร้องเรียกนั้นได้

   “ครับผม” 

   ผมเปิดประตูออกมา  ต้อนรับผู้มาเยือน 

   “สวัสดีครับป้าภา  มีธุระด่วนหรือครับ   ไม่ให้ใครมาตามผมไปที่บ้านก็ได้เดินมาถึงที่นี่เลย”  ผมยกมือไหว้  แม่สะใภ้ในอนาคต

   เอ!  หรือแม่ผัวหว่า  กร๊ากกกกกกกกก

   “มาคุยกับน้องปู  เห็นน้องปูบอกว่าอาร์มมา  เลยแวะมาหา”  ป้าภาแกหมายถึงอาผม

   “ครับ  นั่งก่อนครับป้า”  ผมเชิญแกนั่งที่หน้าห้องพัก  ที่มีโต๊ะไม้สำหรับนั่งเล่น  ก่อนเดินไปรินน้ำในห้องออกมารับแขก

   แขกพิเศษของผมครับ . . .

   . . . แม่คนที่สองของผม

   “ป้าภาสบายดีนะครับ    เมื่อคืนนั่งรถมาไม่ได้หลับทั้งคืน  มาถึงหลับเป็นตายเลย กะว่าค่ำ ๆ  จะเดินไปหาอยู่เหมือนกัน แต่ป้าเดินมาหาผมเสียก่อน”

   “ก็งั้น ๆ  แหละ  น้องอาร์มสบายดีไหม  ผอมไปหรือปล่าว”   น้ำเสียงคล้ายคนที่ปลงกับชีวิต

   “เหรอครับ”  ผมก้มมองตัวเอง  “คงเรียนหนักมั้งครับ  ปีสุดท้ายแล้วครับ  จะจบเสียที  หมดเวลาขอตังค์ที่บ้านแล้วล่ะครับ”  ผมยิ้มอย่างเคย   

     “ดีจังเลย   จบแล้วมาทำงานที่นี่มั้ย”

   “เหอะ  ไม่อาววววววววววว”  ผมส่ายหน้าปฎิเสธ   

   “เจอน้องมันหรือยัง”    สายตาที่ทอดมองมายังผม  เจือแววเอ็นดู  ป้าภาไม่เฉลียวใจสักนิด  ว่าผมคิดอะไรอยู่ 

   “ยังเลยครับ  มาถึงก็นอนทั้งวันเลย  เหนื่อย  เมื่อคืนบนรถไฟคนเยอะมาก  ไม่ได้นอนเลยครับตื่นเต้นได้กลับมาที่นี่”

   จริง ๆ  นี่ครับ . . .

   ผมรอคอยวันที่จะได้กลับมาอย่างใจจดใจจ่อ  อย่างน้อยที่สุด  ผมก็ยังได้เห็นหน้าคนที่ผมรัก  ถึงแม้ว่าในสายตาของเขา  ผมเป็นได้แค่ . . . พี่

   แค่นี้ . . .

   ดีถมเถไปแล้วมิใช่หรือ ?   

   “มันมีเมียไปแล้ว”  แกมองหน้าผม

   ผมพยักหน้ารับทราบ

   “เฮ้ยยยยยยยย”    เสียงป้าภาถอนหายใจ

   ผมมองหน้าแกยิ้มเจื่อน ๆ    เหมือนแกจะแบกเอาเรื่องหนักอกหนักใจไว้เต็มบ่า  ไอ้ผมมันพวกใจอ่อนเสียด้วย  มองมาก ๆ  เดี๋ยวพาลร้องไห้ไปกับแกแล้วแย่เลย

   “เป็นอะไรครับ  มีอะไรหนักใจขนาดนั้นหรือครับ”

   “อาร์ม  เอาน้องมันไปเรียนที่กรุงเทพฯ  ด้วยสิ”

   ผมมองหน้าแก  จ้องมองอยู่นาน . . .

   ความคิดนี้  ผมเคยคิดเล่น ๆ   ถ้ามันไปเรียนต่อ  ไปอยู่กรุงเทพฯ  กับผม  ผมคงมีความสุขมาก  อย่างน้อยที่สุด  ผมจะได้อยู่กับคนที่ผมรัก  ผมจะดูแลมันอย่างดีที่สุด  จะถนอมมันเอาไว้ให้สมกับที่มันได้หัวใจผมไป

   ผมแน่ใจ . . .

   ผมทำให้มันรักผมได้แน่ ๆ  ก็มันเรียบร้อยขนาดนั้น    เพื่อน ๆ  มันยังล้อว่ามันเป็นตุ๊ด  แต่พอมันมีเมีย  ความรู้สึกที่ผมอยากให้มันไปอยู่ค่อย ๆ หมดไป  เหมือนแสงเทียนที่ค่อย ๆ  มอดลงเมื่อไร้ไส้เทียน

   ผมไม่อยากแยกคู่ . . .

   การแยกผัวแยกเมียมันจะเป็นบาป  และบาปนั้นมันจะสนองเราเร็ว  ผมกลัวการพลัดพราก  เพราะรู้ดี  การห่างไกลคนที่เรารักมันทรมานขนาดไหน  กว่าจะผ่านแต่ละวันไปได้  มันช่างเชื่องช้าเสียเหลือเกิน

   ผมเจอมาแล้ว . . .

   ตั้งแต่ปีใหม่ . . .จนวันนี้  ผมคิดถึงคน ๆ นึง  ทุกลมหายใจเข้าออกเลยทีเดียว

   “ไม่ไหวแล้วน้องอาร์ม  ออกไปไหนไม่ได้  มีแต่คนพูดกัน  ผัวไปได้เด็กบาร์ ลูกคนเดียวได้เด็กบาร์  อายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว”  แกยกมือปาดน้ำตา 

   น้ำตาของคนเป็นเมีย . . .

   น้ำตาจากคนเป็นแม่ . . . แม่ของคนที่ผมรักสุดหัวใจ   ชีวิตของแกคงพังทลายไปหมดแล้ว   ผมนั่งนิ่ง ๆ  ไม่กล้าออกความเห็นใด ๆ

   ผมสงสารแกจับหัวใจ . . . 

   . . . ผู้หญิงเพศแม่

   แบกเรื่องราวไว้มากขนาดนี้เลยหรือ ผู้หญิงส่วนมากมีความอดทนสูงกว่าผู้ชาย  และดูเหมือนว่าคนที่นั่งตรงหน้าผม  จะมีเรื่องราวคับหัวอกมากมายเลยทีเดียว  ผมได้แต่นั่งเงียบ ๆ  มองด้วยความสงสารในชะตากรรมที่ป้าภาเจอ

   “ไปวัดคนก็ซุบซิบกัน  เดินตลาดเขาก็พูด  น้องอาร์มพูดกับน้องมันหน่อยนะ  ช่วยพูดให้มันไปเรียนด้วยเหอะ”

   “ผมจะลองดูนะครับ  แต่ยังไม่รับปากนะป้าว่ามันจะยอมไปมั้ย”

   “ถ้าน้องอาร์มพูด  โกมันไปอยู่แล้ว  มันรักน้องอาร์มจะตาย  ป้าน่ะอยากให้ลูกได้เรียน  ไม่อยากให้มีชีวิตแบบนี้  เราไม่ได้เรียนทีนึงแล้ว  ไม่อยากให้ลูกโง่เหมือนเรา  ไม่เรียนไม่เท่าไหร่  นี่ไปคว้าเด็กบาร์มาอยู่ออกหน้าออกตา  จะพูดก็กลัวลูกเสียใจ  แต่ลูกมันไม่เคยคิด  หัวใจแม่มันยับเยินขนาดไหน”

   ป้าภาหลบหน้า ยกมือปาดน้ำตาทิ้ง . .

   หัวใจผมหรือ . . . หล่นวูบตามภาพที่มองเห็น

   “ครับ”

   “ช่วยป้าหน่อยนะน้องอาร์ม  พูดกับน้องให้น้องมันไปเรียนต่อทีเหอะ  เอามันไปให้พ้น ๆ  จากสังคมแย่ ๆ  ทีเหอะ  ถือว่าทำบุญก็แล้วกันจะให้ทำอะไรป้าก็ยอม  ป้าไหว้ล่ะ”  แกยกมือไหว้ผม

   เล่นเอาผมทรุดลงกับพื้นเลย . . . 

   ผมกราบแกด้วยความเคารพ รู้สึกผิดมาก  ที่เห็นป้าภายกมือไหว้  ทำไมหรือครับ  ผมบอกไม่ถูกเหมือนกัน  ผมรู้แค่ว่า  ผมไม่อยากให้ป้าภาทำแบบที่ทำเมื่อสักครู่   

   แกดึงผมเข้ามากอด  ร้องไห้เสียตัวโยน  ผมได้แต่หลับตานิ่ง  สมองผมตอนนี้มันทึบ  มืด  คิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน  ผมไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน  มือไม้ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนดี  จะลูบปลอบแกก็ไม่สมควร น้ำตาของคนเป็นแม่ที่ห่วงลูก  ผมจะทำยังไงดี  แกบากหน้ามาหาผม  เพราะคิดว่า  ผมน่าจะช่วยแกได้  ผมอาจเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สำหรับแก

   “ป้ามองไม่เห็นทางเลยน้องอาร์ม  มองไม่เห็นใครเลยจริง ๆ  มีแต่น้องอาร์มนี่แหละที่จะพูดกับโกได้  ช่วยป้านะน้องอาร์ม”  เสียงป้าภาย้ำสำทับ

   “ครับ . . . ผมจะพูดกับโก”

   “ช่วยให้ได้นะน้องอาร์ม”

   “ครับ  ผมสัญญา  ผมจะเอาโกไปเรียนต่อ  ผมจะเอาไปเรียนให้ได้ครับ  ป้าภาไม่ต้องห่วงนะครับ  ผมจะพูดกับน้องมันเอง”

   พันธะสัญญา . . .

   . . . หรือ . . .

   บ่วง . . .  มันค่อย ๆ  รัดผมเอาไว้  กว่าผมจะรู้ตัว  บ่วงนั้นกลับมารัดคอผมเอาไว้แทบตาย  แต่ผมก็ยินดีที่จะรับมันไว้  แม้จะมีทั้งหยดเลือดและหยาดน้ำตา

   ผมมีเรื่องที่ต้องคิด  คิดมากเสียด้วย . . .

   ผมจะพูดอย่างไร  ผมจะแยกคนที่เขาอยู่ด้วยกันได้อย่างไรกัน  ในเมื่อตอนนี้ดูเหมือนว่า  อะไร ๆ  มันจะช้าไปเสียแล้ว    ผมได้แต่วาดหวังเอาไว้  ขอให้มันเป็นแค่ช้าไปแล้ว  อย่าให้มันได้ชื่อว่า . . .

   . . . สายเกินไป

   ผมไม่ชอบเลยคำนี้ . . . สายเกินไป

   ผมมองหน้าป้าภา  หัวใจผมหวิว ๆ    บางครั้งผมรู้สึกผิดในหัวใจ  กับความคิดที่มันซ่อนอยู่ภายในลึก ๆ  ของผม

   ถ้าหาก . . .

   ป้าภารู้  ผมคิดกับลูกแกเกินกว่าพี่น้อง . . .

   . . . ป้าแกจะมาพูดเรื่องนี้กับผมมั้ยนะ 

   ป้าภากลับไป  ผมต้องรีบเอาพาราสองเม็ดซัดเข้าปาก  เพราะสมองผมมันปวดตึ้บไปหมด   ผมต้องนอนเอามือก่ายหน้าผาก  เพราะเรื่องที่ป้าภาแกมาขอให้ผมช่วย  มันอาจเป็นอะไรที่ใหญ่สำหรับคนตัวเล็ก ๆ  แบบผม

   การที่จะมีใครเข้ามาในชีวิตเรา . . .

   มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ  เลย  ผมจะทำยังไงดี  ผมจะต้องใช้วิธีไหน  การแยกคนคู่คนอื่นมันเป็นบาป      แล้วไอ้บาปบางอย่างมันสนองเร็วเสียด้วย 

   ผมไม่เคยคิดการตัดสินใจของผมในครั้งนั้นมันจะส่งผลกระทบมาถึงผมในอนาคต . . . กรรมในการแยกคนอื่น

   มันส่งผลตอบแทนอย่างสาสม . . .

   ถ้าวันนั้น . . .

   . . . เมื่อสิบปีก่อนผมรู้ผลของวันนี้

   ผมจะยังทำแบบนี้อีกไหม . . .

   ผมถามตัวเอง  ในขณะที่นั่งนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา  ในเวลาตอนนั้น  ผมไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว . . .

   ทางเลือกสำหรับผมในเวลานั้นมันมีไม่มากนัก  เหมือนผมโดนบีบมาให้อยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจ  สิ่งที่ผมตัดสินใจ  มันย่อมมีผลกระทบกับคนใดคนหนึ่งแน่นอน   ปัญหาบางเรื่องมันแก้ง่ายนักหรือ

   ผมต้องแยกมันออกจากเมียมันหรือ?

   มันต้องไปเรียนต่อใช่ไหม ?

   แล้ว . . . ผมจะเลิกรักมันเกินน้องได้หรือ?

   สารพัดกับปัญหาที่ผมคิด . . . ก่อนที่ฤทธิ์ยาจะออกแรง  สายตาผมพร่ามัว  ผมอยากนอน  อยากหลับไม่ต้องรับรู้กับปัญหาใด ๆ

   ปัญหา . . . ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย  ทางออกของเรื่องนี้  ผมมีแต่เสียกับเสียแน่นอน 

   แต่ . . . 

   . . . ผมเสือกเอาตัวเข้าไปพัวพัน   นึก ๆ ไปก็สมน้ำหน้าตัวเองดี

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-09-2010 16:33:13 โดย ราชบุตร »

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
เครียดจัง :sad2: แต่ไม่เคยเบื่อที่จะอ่านแฮะ เหมือนเราได้รวดแล่นไปกะอาร์มเลย
จากเหตุการณ์ในปัจจุบัน เราอยากบอก(แค่อยากบอกนะ) ว่าอย่ากลัวที่จะรัก จริงอยุ่ภาพเหตุการณ์ต่างๆในอดีตมันเจ็บปวดเหลือเกิน แต่ลองถามใจตัวเองตอนนี้สิ ว่ายังรักไหม แล้วคิดจะหนีใจตัวเองไปถึงไหน เพราะยังไงถ้ารักไปแล้วมันก้อรักล่ะนะ พูดไม่ถูกแฮะ บางครั้งคนเราก้อต้องปล่อยวางนะจริงมะ คนเราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
ทั้งๆที่รัก และรู้ว่าเค้าก้อรักเรา แต่พยายามที่จะไม่รัก...ถามหน่อยสิคนเจ็บน่ะคือใคร??
ใช้หัวใจตัดสินนะ ก่อนที่มันทำร้ายทั้งตัวเองและคนที่ตัวเองรัก:L2:

ปล. ขอโทดทีนะคะที่พล่ามซะยาว แบบว่าอินจัด แฮ่ะๆ :m23:

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
ลองดูอีกสักครั้งเลยพี่ ความรักมันไม่มาหาเราบ่อยๆน๊า บางคนรอให้มันมาทั้งชีวิตยังไม่มีโอกาสแล้ว ในเมื่อคนที่พี่รักเขามายื่นความรักให้ตรงหน้า ก็อย่าขัดศรัทธาเขาเลยน๊า สู้ๆๆ

ออฟไลน์ IZE

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-3
ลองดูซักทีก้อไม่น่าจะเป็นไรในเมื่อมันเจ็บแล้วจะยอมอีกหน่อยว่าจะเจ็บกว่าเดิม หรือว่าเจ็บน้อยกว่า

sun

  • บุคคลทั่วไป
:m23:  แหะๆ มาช้า มัวแต่แวะข้างทางเอิ้กๆ

แต่ตามมาแล้วหนา...ชื่อเรื่องก้อนะ

"รักฤาผูกพัน...ก้อเจ็บปวดเท่ากัน "  แปลว่า ยังไม่ได้หมดรัก อ่ะสิเนี่ย  ...
ความผูกพันยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยังไง ก้อ สบัดไม่ออกอยู่แล้ว    :a3:


รีมิกซ์ๆ ใหม่ไฉไลกว่าเก่า


ตกลงว่า จะเซย์เยส หรือ จะเซย์โน น่อ...การใช้เหตุผลกับความรักบางที มันก้อใช้ไม่ได้เหมือนกันนะ
ก้อเหมือนการวิ่งหนีความรู้สึกของตัวเองนั่นแล่ะ ที่วิ่งหนี เพราะกลัวว่า ตัวเองจะเจ็บปวด ทั้งๆที่จริงแล้ว
ทุกวันนี้ก้อยังเจ็บปวดอยู่ แล้วจะต้องไปวิ่งหนีมันทำไม  สู้หันหน้าแล้วเดินเข้าไปหามันไม่ดีกว่าเหรอ
อย่างน้อย มันก้อมีคำตอบ..รอเราอยู่นะ 
ดีกว่าที่จะต้องวิ่งหนี แต่หาคำตอบไม่ได้ซะที
     :a2:

ออฟไลน์ DEK-JANGRAI™

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เหอ  ผมชอบแนวแบบคุณแต่งมากคร้าบ


แต่สำนวนการใช่แต่งนี้มันเหมือนของพี่ต้นสายเนาะ


แหะ ๆๆ  แต่สงสัยอ่ะคร้าบ


อย่าว่ากันน่ะคร้าบ

ออฟไลน์ ภาณุเมศพลัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-0
เเปะโป้ง ไว้ก่อนเพราะวุ่นๆ อ่านไปเเค่ตอนเเรก

นามปากกาคูีนนนนนคุ้น :oni1: :oni1:


เป็นกำลังใจให้ค่ะ


ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
หัวใจบอกว่ายังงัย...ก็ทำไปตามนั้นล่ะค่ะ
สู้ๆ :a2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด