พิมพ์หน้านี้ - รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: RAJCHABUT ที่ 05-05-2008 19:32:48

หัวข้อ: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 05-05-2008 19:32:48

ตอนที่ ๑

   ท้องฟ้าโปร่ง จนมองลงมาเห็นพื้นเบื้องล่าง เหมือนหัวใจของผมกระมัง  ที่ตอนนี้มันโล่ง  มีแต่ความรู้สึกอิ่มเอมหัวใจ   ผมมองลอดผ่านกระจกภายในเคบิน  เมื่อเครื่องไต่ระดับเรียบร้อยแล้ว เมฆสีขาวอมเทาล่องลอยบางเบาราวปุยนุ่น  ผมมองเมฆขาว  ยิ้มให้ก้อนเมฆ  ยิ้มให้ท้องฟ้า อย่างที่หัวใจมีความสุขมากที่สุด    มันเป็นความสุขแบบที่ผมค้นหามานาน   บนฟากฟ้าเมฆสวยงาม  และมันจะคงงดงามตราบเท่าที่หัวใจของคนเรามีความสุขมิใช่หรือ . . .

   ผมยิ้มกว้าง . . .

   . . . มีความสุขนะ . . . 

   ผมมีความสุขกว่าที่ผ่านมาเสียอีก  มากกว่าตอนที่เจอมันครั้งแรก  มากกว่าตอนที่ได้กอดมันครั้งแรก  มากกว่า . . .

   . . .  มากกว่า

   ทั้งหมดที่ผมเคยมีมา . . .

   เป็นความสุขที่ผมค้นหามันมาตลอดชีวิต  ความสุขที่เกิดจากการให้อภัย  เกิดจากเนื้อแท้แห่งหัวใจที่ปรารถนาจะเห็นคนที่เรารักมีความสุข  ความรักที่ไม่อยากได้รักเอาไว้ครอบครอง  แต่มันคือความรักที่มนุษย์ธรรมดา ๆ  คนนึงพึงจะรักใครสักคน . . .

   บางครั้ง . . .

   ผมยังอดคิดไม่ได้ว่า  บททดสอบที่ผมผ่านมาได้  ผมผ่านมาได้อย่างไรกัน  ตอนนี้ผมพร้อม  พร้อมที่จะเห็นมันเป็นในสิ่งที่มันอยากจะเป็น

   ถ้ามันเรียนจบ . . .

   กับเส้นทางที่มันเลือกเดิน  กับวิถีชีวิตของคนหนึ่งคน  วิถีชีวิตในการอยากได้อยากมี  เส้นทางที่ไม่ได้ถูกกำหนดจากใครอีกคน

    . . .  ผมพร้อมจะยอมรับ  ไม่ว่าผมจะเจ็บปวดหรือมีความสุข  ผมก็จะยอมรับในการตัดสินใจของมัน . . . สิ่งนี้มิใช่หรือที่ผมคิดเอาไว้

   ตอนนี้ . . .

   . . . มันก็จบแล้วนี่หว่า . . .

   บางที . . .

   . . . นี่อาจจะเป็นคำตอบสุดท้ายที่ผมค้นหามาตลอดชีวิต

   การรอคอย . . .ทรมานเสมอ

   . . . หาก . . .

   ความสุขอยู่ที่เราได้รับรู้ว่า  คนที่เรารอ  เขาก็รอเราอยู่เช่นกัน





   ผมหยิบเอาอัลบั้มรูปถ่ายในกระเป๋าสะพายใบเล็ก  อัลบั้มที่ทำจากกระดาษสา  ผมยิ้มก่อนเปิดมันอย่างช้า ๆ  ภายในอัลบั้มรูปมันซีดไปตามกาลเวลา  สีสันไม่สวยเท่ากับวันแรกที่รับรูปนี้มา

   หาก . . . 

   ทุกรูปที่ถ่าย . . . ทุกรอยยิ้มของคนหนึ่งคน   ภาพที่เสมือนเครื่องเก็บวันเวลาของผม  ผมจดจำได้ดี  มันไม่ได้เลือนหายไปกับกาลเวลา   มันมีค่ากว่าสิ่งใด ๆ  ที่ผมมีในตอนนี้  ทุก ๆ  อย่าง  มันอยู่ในความทรงจำของผมเสมอมา . . .

   . . . รูปของใครบางคนที่ยิ้มกับแม่ค้าในตลาดเช้า  ท่ามกลางสายหมอกสีสำลีขุ่น   ที่ผมบังเอิญเก็บภาพเอาไว้ได้ยามเดินตลาดในเมืองเล็ก ๆ  ที่ผมยังไม่รู้จักใคร

   เรื่องของผมมันเริ่มต้นที่นี่ . . .

   ผมไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะใครบางคนกำหนดไว้กันแน่  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอกับมัน  และเป็นครั้งแรกที่ผมลั่นชัตเตอร์เพียงครั้งเดียวและผมมั่นใจว่ารูปนี้ต้องออกมาสวยอย่างที่ผมจินตนาการเอาไว้  ผมต้องลดกล้องลงเพื่อมองหน้าของมันให้เต็มตาอีกครั้ง 

   ผมยิ้ม . . .

   . . . ยิ้มให้กับรอยยิ้มที่ผมเห็นจากคนแปลกหน้า

   ผมเจอกับมันอีกครั้ง . . .

   ในวันถัดมา  วันที่ผมเอามอเตอร์ไซด์เก่า ๆ  ปุเลง ๆ  เก็บภาพไปจนถึงสะพานญี่ปุ่น ดวงผมมันซวยกระมัง  รถยางแบนแต๊ดแต๋  มันขี่รถผ่านเลยไปในขณะที่ผมกำลังเข็นรถกลับ . . .

   แล้วมันเลี้ยวรถกลับมาอีกครั้ง  มันยิ้ม  ก่อนถามว่ารถเป็นอะไร  มันจะช่วยถีบไป  นึกภาพออกไหมครับ  ที่รถคันหลังใช้เท้ายันรถคันหน้าเอาไว้  แล้วออกตัวช้า ๆ  ไปตามถนนที่แทบจะร้างไร้ผู้คน

   ครั้งที่สาม . . . ผมเจอมันในยามเย็นที่ริมแม่น้ำ  ที่แห้งเหลือเพียงโขดทราย  มีฉากหลังเป็นภูเขาสลับสล้าง  ซ่อนสลับหว่างอย่างสวยงาม  พระอาทิตย์ค่อย ๆ  เคลื่อนตัวลงต่ำใกล้ลาลับแสงแห่งตะวัน    ผมย่ำไปบนพื้นทรายด้วยเท้าเปล่า  ให้เกิดรอยเท้า  ก่อนที่จะวิ่งอ้อมกลับมาถ่ายรูป . . .

   . . . รอยเท้าบนพื้นทราย

   ใครบางคนยืนมองผมอยู่   ผมหันกลับไปมอง    รอยยิ้มที่มาพร้อมกับคำถาม . . .

   “พี่ทำอะไรอยู่หรือครับ”

   “ถ่ายรูปไง”

   “รูปอะไร”  มันเดินมาใกล้ ๆ

   “รอยเท้าบนพื้นทราย”  ผมตอบ  หากสายตาและสมาธิจับจ้องอยู่ที่  รอยเท้า  ที่เป็นรอยย่ำไปบนพื้นทรายของแม่น้ำสายเล็ก ๆ

   “ทำไมหรือครับ”

   “อะไร”  ผมขมวดคิ้วหันมามอง

   “ก็ทำไมต้องรอยเท้าบนพื้นทราย”

   “อืม . . .”  ผมมองหน้ามัน  ยิ้มให้  นั่นสิ  ทำไมต้องรอยเท้าบนพื้นทราย

   “เพราะรอยเท้าบนพื้นทรายจะค่อย ๆ  หายไปเมื่อน้ำเข้ามาแทนที่ไง  อาจเหมือนกับ . . .”  ผมนึก  เหมือนไรดีหว่า 

   “อ้อ . . . เหมือนความรัก  รอยเท้า  เหมือนความรัก  ที่ฝังไปบนพื้นทราย  มันจะเป็นร่องรอยเอาไว้ จบจนกระทั่งเวลาผ่านไป  น้ำเข้ามาแทนที่  เหมือนความรักที่มีอีกคนเข้ามาแทน รอยเท้าที่เคยมีค่อย ๆ  หายไป  เหมือนชีวิตคนเราไง  เมื่อเรามีอีกคนเข้ามา  คนเก่ามันก็เลือนหายไปตามกาลเวลา”

   “จริงหรือพี่  ความรักมันลืมกันง่าย ๆ  จริงหรือ”

   “ไม่รู้เหมือนกัน  ยังไม่เจอกับตัวเลยบอกไม่ได้”

   “สำหรับผม  มันคงไม่ลืมง่ายดายขนาดนั้นหรอกพี่  รอยเท้าบนพื้นทราย  อาจอยู่ในความทรงจำของทรายตลอดไปก็ได้”  มันบอก  แววตามันทอดยาวไปไกล ช่างฝันดีแท้

   ผมกดชัตเตอร์เก็บภาพแววตาช่างฝันของมันเอาไว้ 

   ใครบางคนอาจเรียกเรื่องเหล่านี้ว่า . . .

   . . . ความบังเอิญ

   หาก . .

   สำหรับผมแล้ว . . .

   มันคือ . . .พหรมลิขิต





   หลายปีก่อน . . .

   ปาย . . .

   เมืองเล็ก ๆ  ท่ามกลางการโอบล้อมของขุนเขา ความรักของผมเกิดขึ้นที่นี่ . . . และ  ผมจะฝังความรักของผมไว้ที่นี่เหมือนกัน  อะไรที่มันเกิด ณ ที่ใด  มันก็ควรที่จะจบลง ณ ที่ตรงนั้น . . . 


   นานนะ . . .

   มันผ่านมานานมากสำหรับผม  และมันก็เป็นห้วงเวลาที่ผมไม่คิดว่าจะลืมมันได้ในตลอดชีวิตนี้  ผมคงต้องมองย้อนกลับไป  เพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่าง  สิ่งที่มันยังคั่งค้างในหัวใจของผมเอง . . .

   ผมเหมือนคนที่เดินมาถึงทางแยก . . .

   ทางที่จะตัดสินใจชีวิตผมอีกครั้ง  ผมหลับตา  นึกถึงวันแรก   วันที่ผมเจอกับมันครั้งแรก   ตอนนั้นผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสอง . . .

   ผมเป็นคนเหนือ . . .

   . . . จังหวัดเหนือสุดของประเทศ 

   อาคนเดียวของผม . . . แต่งงานกับคนแม่ฮ่องสอน แล้วอาย้ายไปอยู่ที่โน่น     ผมเจอมันเมื่ออาเริ่มทำรีสอร์ท . . .

   เมืองเล็ก ๆ  ที่มีขุนเขาโอบล้อมรอบ . . .

   เมืองที่มีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ไหลผ่าน  เมืองที่คนไทยแทบจะไม่รู้จัก  แต่ฝรั่งนักท่องเที่ยวเริ่มแบกเป้กันเข้ามา  เมืองที่เป็นจุดพักระหว่าง เชียงใหม่กับแม่ฮ่องสอน

   มหาวิทยาลัยปิดเทอม  ผมพวกเรียนดีมั้ง  อดเรียนซัมเมอร์  เลยไปที่นั่น . . .

   แล้วผมเจอมัน . . .

   . . . เด็กหนุ่มแปลกหน้า

   หนุ่มน้อยหน้าตาคมสัน   ไม่ถึงกับหล่อเด้งแบบเด็กเชียงใหม่  แต่มันก็ทำให้ผมแอบมองทุกครั้ง  ก็รีสอร์ทเล็ก ๆ  ของแม่เขาก็  ติดกับรีสอร์ทของอา   ผมแอบมองมันเงียบ ๆ   เก็บเอาความรู้สึกที่มีเอาไว้ทั้งหมด

   ผมรู้ดี . . . 

   . . . ก่อนหน้านี้  ผมเคยมีอะไรกับผู้ชายมาแล้ว

   แต่ . . . ทุกคนที่ผมมีอะไร

   ผมจะไม่คุยกับเขาอีกเลย  หลังจากที่เรามีอะไรกันแล้ว  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ผมเป็นมันคืออะไร  แต่ทุกครั้งที่ผมมีอะไรไปแล้ว  ผมจะเกลียดตัวเอง  ขยะแขยงตัวเอง  ผมไม่อยากเป็นแบบนี้เลย  มันเจ็บกระมังที่สายตาคนอื่นมองด้วยความสงสัย

   คำพูดที่เสียดสี . . .

   . . . ผมไม่ชอบ

   ผมแค่เห็นมันน่ารัก  ผมอยากจะรักมันไว้เงียบ ๆ  เราเริ่มจากการยิ้มให้กันในตอนเย็น ๆ  ที่มันออกไปปั่นจักรยานเล่น  แล้วมักจะสวนกับผมที่ชอบเดินถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ 

   เด็กการท่องเที่ยวนี่ครับ . . .

   . . . กล้องถ่ายรูปคือเพื่อนคู่ใจ

   หัวใจของผม  ค่อย ๆ เก็บภาพของเด็กหนุ่มคนนึงเอาไว้  ผมไม่คิดเลยว่าในการเก็บเอาไว้คราวนั้นมันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของผม  มันเปลี่ยนแปลงทุก ๆ  อย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผมได้  สิบห้าวันกับครั้งแรกบนผืนแผ่นดิน . . .

   . . . ปาย

   ผมหลงรักปายอย่างเต็มหัวใจ




   ผมกลับมากรุงเทพฯ  มาเรียนต่อ เพราะมนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมหน้าที่และความรับผิดชอบ  ไม่มีใครจะปฏิเสธความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองได้เลย  และหน้าที่ที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ของผมคือ การเรียน


   แต่ . . . แปลกเหลือเกิน

   . . .  ผมกลับคิดถึงแต่คนที่ผมไม่รู้จักชื่อ

   หลับตา . . . มีใบหน้านั้น

   ทุก ๆ  ครั้งที่หยิบเอารูปถ่าย  ที่ผมแอบถ่ายมันเอาไว้  ผมจะมีความสุขและโหยหา  อยากกลับไปที่นั่นอีก  อยากกลับไปอยู่ใกล้ ๆ  กับคนที่อยู่ในรูปถ่ายนั้น  หากก่อนหน้านี้ผมมีความกล้ามากกว่านี้  ผมคงจะได้รู้จักชื่อของเขา . . . 

   เลยกลายเป็นว่า . . .

   พอมีวันหยุดสี่ห้าวัน  ผมจะนั่งรถไฟชั้นสามไปเชียงใหม่  ก่อนนั่งรถเมล์แดงเล็ก ๆ  ปุเลง ๆ  ไปที่นั่น . . .

   สถานที่ . . . ที่หยุดหัวใจผมเอาไว้

   ผมจะต้องแอบมองมัน  เวลามันยิ้มหน้ามันทะเล้น  มันน่ารักมาก  มากเสียจนผมหลงรักมันเลยทีเดียว  น่าแปลกที่ทุก ๆ  อย่างที่เขาทำ  มันสร้างความประทับใจให้ผมอย่างเงียบ ๆ  ผมมักจะแอบยิ้มตามเวลาที่เห็นรอยยิ้มของใครบางคน

   บางที . . . นี่คือความสุขของการที่เราได้แอบรัก

   จนกระทั่ง . . .

   . . . ปลายฝนต้นหนาวของปีนั้น

   ผมกลับไปปายอีกครั้ง 

   เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของปี  ผมไม่อยากจะนับ  ผมรู้แค่ว่าหากผมมีเวลาว่างแค่สี่ห้าวัน  ผมจะต้องตะเกียกตะกายไปปาย  ไปตามหาหัวใจที่หล่นหาย  ผมรู้หัวใจตัวเองดี   ผมรักคนที่ผมไม่รู้จักเข้าแล้ว  ความรักความคิดถึงมันมีอยู่เต็มหัวใจ

   อากาศหนาวเหน็บ  ลอยมาปะทะกับผิว  หนาวจนริมฝีปากสั่นระริกเลยทีเดียว  ผมเลยเดินออกไปนั่งที่บาร์เบียร์เล็ก ๆ  ที่ตอนนั้นมีแต่ฝรั่งแทบทั้งนั้น  เมืองเล็ก ๆ  ที่มีแต่ฝรั่งเต็มเมืองไปหมด  ผมนั่งเรื่อย ๆ  เพราะชีวิตผมมันไม่เร่งรีบ . . . 

   . . . เมืองท่องเที่ยว  แทบทุกที่  ไม่มีกลางคืนกระมัง

   นักท่องเที่ยวเงียบ . . . ตอนกลางวัน

   พอตกค่ำ . . . เริงร่า 

   อาจเพราะโลกตะวันตกหนาวกระมัง  เรื่องเบียร์จึงเหมือนเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของเขา  ผมยิ้มมองฝรั่งกินไป เมาไป  มันเป็นภาพที่สอนไม่ให้ผมเมา  เพราะผมไม่อยากเป็นแบบนั้น  การนั่งจิบเบียร์  มองผู้คน  จึงเหมือนกับการปล่อยความคิดให้ลอยไปเรื่อย ๆ

   ไม่มีจุดหมายปลายทางอย่างแท้จริง . . .

   ปลายทาง . . .

   คงอีกไกลสำหรับผม  เพราะชีวิตผมมันยังไม่เริ่มเสียด้วยซ้ำ  มันยังมีอะไรอีกมากมาย  ที่ผมยังไม่ได้ทำ  ในเมื่อยังไม่ได้ทำจะเรียกว่าเริ่มได้อย่างไร  เมื่อไม่เริ่มต้น  ก็ย่อมไม่มีปลายทางมิใช่หรือ . . .

   “หวัดดีครับ  มาคนเดียวหรือครับพี่” 

   ผมหันไปตามเสียงทักทาย   เพราะไม่น่าจะมีคนอื่นอีก  ในเมื่อร้านนี้มีแต่ฝรั่ง   สิ่งที่ผมเจอรอยยิ้มกว้างโชว์ฟันขาว  ผมยิ้มตอบ   มันมีความสุขมากขนาดไหนไม่มีใครรู้หรอก  คนที่เราแอบชอบ  เขาเข้ามาคุยกับเรา 

   “อืม”

   “ผมเห็นพี่ตั้งหลายครั้งแล้ว  ชอบที่นี่หรือครับ”

   “อืม” 

   ผมพูดได้แค่นั้นจริง ๆ  ทั้ง ๆ  ที่ปกติแล้วผมเป็นคนพูดมาก 

   แต่ . . . ทำไม  ตอนนี้ผมถึงไม่กล้าพูด  ไม่กล้าที่จะคุยกับเขามากก็ไม่รู้   ใบหน้าที่ผมเคยแอบมอง  ผมก็ไม่กล้าที่จะมอง  ได้แต่ก้มหน้าบ้าง  มองมันแค่ปลายจมูกบ้าง  ผมอายเหรอ . . . อาจเป็นไปได้กระมัง  ผมอายที่จะคุยกับคนที่ผมแอบรัก

   คืนนั้น . . .

   ผมมีความสุขมาก  เป็นความสุขที่ผมคิดว่า  การรอคอยของผมจบลง  ผมรอวันนี้  วันที่เราทั้งสองคนจะเริ่มพูดจากัน  สอบถามสารทุกข์สุขดิบ  และ  ทำความรู้จักกัน  ผมบอกไม่ถูกว่าในเวลานั้น  ความสุขมันมากมายขนาดไหน  ที่คนที่เราแอบรักเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหา

   ผมคุยกับมันจนถึงตีสี่  แล้วหลังจากนั้น  ผมเจอมันบ่อยขึ้น  คุยกันมากขึ้น 

   แต่ . . . แปลกที่สุด 

   . . . ผมไม่รู้จักชื่อมัน . . .

   ผมไม่เคยถามมัน  ผมเรียกมันว่า . . .น้อง   

   . . . มันก็เรียกผมแค่ . . .พี่  หรือมากหน่อย . . .พี่ครับ   

   น่าขำเนาะ  ที่ผมลืมทุก ๆ  อย่างเวลาที่อยู่ใกล้ ๆ  มัน  ลืมแม้กระทั่งถามชื่อ  อาจเพราะชื่อ  ไม่จำเป็นเท่ากับว่า  เรารู้จักหน้าตาของกันและกัน   หลายเดือนที่ผมเจอมันตั้งแต่ครั้งแรก  ผมยังไม่รู้เลย มันชื่ออะไร . . .

   ทั้ง ๆ  ตอนนี้  เราเริ่มกลายเป็นคนคุ้นตา

   หาก . . . คงมีอีกนาน  หรืออาจไม่มีวันนั้นเลยที่เราจะกลายมาเป็นคนคุ้นใจ

   ผมพูดจริง ๆ . . .

   กว่าผมจะรู้จักชื่อมันก็นานโข . . . โกเมศวร์  โชติช่วงชรินทร์

   ผมแค่มองมันเงียบ ๆ  แค่มันยิ้มให้ผมตอนนั้นผมก็พอใจแล้ว  ผมมีความสุขที่จะได้เห็นรอยยิ้มจากมัน   แค่นั้นจริง ๆ  ที่ผมต้องการ

   แค่รอยยิ้มของคนที่ผมรัก  แค่เงาของผมที่อยู่ในแววตาของมัน

   เคยมั้ย . . .

   ที่เราเห็นคนที่เรารักยิ้ม  แล้วเราก็ยิ้มตาม  เรายิ้มออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ  แต่เรารับรู้ได้ว่านั่นคือความสุขที่เราจับต้องได้

   เคยมั้ย . . .

   ที่เราแอบมองคน ๆ  นึงโดยเขาไม่รู้ตัว  เราจะยิ้มไปกับสิ่งที่เขาทำ  เขาเดิน ไม่ว่าเขาจะทำอะไร  เราเหมือนกับว่าเรามีความสุขไปด้วย  เขาหัวเราะ  เราหัวเราะตาม  เรามองเขาทำอะไรได้โดยที่เราไม่เคยจะรู้สึกเบื่อมันเลยสักครั้ง  สิ่งแบบนั้นเราเรียกมันว่าอะไรหรือ

   ผมเรียกมันว่า . . .

   . . . ความรัก . .

   ผมรักมันตั้งแต่แรกเห็น . . .

   แต่มันคงไม่มากพอที่ผมจะเอามันอยู่ใกล้ ๆ  ผม   เพราะผมยังยินดีที่จะมองมันในที่เงียบ ๆ   ในที่ของผม  ที่มันเองก็ไม่รู้  และมันก็คงไม่สามารถเข้ามาได้  ในอาณาจักรรักของผม  ทำไมผมถึงเรียกมันว่าความรักหรือครับ

   เพราะ . . .

   ก่อนผมกลับมาเรียนต่อปีสามเทอมสุดท้าย . . .

   ผมเห็นมัน . . .

   . . . มันกอดกับผู้หญิงคนนึง . . .

   ผู้หญิงคนนั้น   ผมแทบไม่อยากจะเชื่อ  ว่านี่คือคนที่ผมแอบรัก  คนที่ผมรัก  จะรักคนแบบผู้หญิงคนนี้ได้หรือ  ผมมองคนที่ผมรักผิด  ผมมองมันแค่สิ่งที่เห็น แต่ผมไม่เคยสัมผัสหัวใจของมันเลย  ระหว่างผมกับมัน  คงเว้นระยะแบบนี้อีกนาน

   ผมเจ็บแปลบในหัวใจ . . . 

   . . . ภาพที่มันกอดอีกคน  ผมมองมันผ่านม่านน้ำตาของตัวเอง  เหมือนทุก ๆ  อย่างจะหยุดการเคลื่อนไหว  เหมือนหัวใจที่โดนแช่ด้วยหิมะ  มันชา ๆ  ด้าน ๆ  ไร้ความรู้สึกอื่นใด  นอกจากความเจ็บปวด

   “แฟนไอ้โกมันพี่”  เด็กที่รีสอร์ทบอกผม

   มันจะบอกผมทำไม . . .

   ผมไม่อยากรู้  ไม่อยากสนใจ  ผมได้แต่เดินไปริมแม่น้ำเงียบ ๆ  ทุก ๆ  อย่างมันอัดแน่นในหัวใจ  เหมือนมีใครมาบีบเอาไว้  ผมรู้สึกเจ็บ  และอยากท่ะไปให้พ้น ๆ  จากที่นี่  ผมไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว

   . . .  มันไม่ใช่ที่สำหรับผมอีกต่อไป . . .   

   ผมนั่งที่ริมสันทรายของแม่น้ำ ที่ไหลลดคดเคี้ยวไปมา  คล้ายงูใหญ่   ผมปล่อยหัวใจลอยล่องไปกับสิ่งที่เจอมา  ผมทบทวนดู  ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่  ทำไมผมถึงมีความรู้สึกแบบนั้น  ความรู้สึกที่ผมไม่เคยมีให้ใครมาก่อน 

   ผมรักมันเข้าแล้ว . . .

   . . . คือ . . .

   . . .  คำตอบ

   ผมยิ้มเมื่อมันยิ้ม   และ ผมควรจะมีความสุข  เมื่อมันมีความสุข  แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้น  เพราะสิ่งที่ผมมีในตอนนี้ . . .

   . . . ผมเจ็บปวดรวดร้าวเมื่อเห็นมันเริงร่ากับผู้หญิงคนนั้น . .  .

   ทั้ง ๆ  ที่ผมไม่มีสิทธิ์นั้น . . .

   . . . ไม่มีเลย . . . ผมไม่มีสิทธิ์แม้แต่น้อย

   ผมเริ่มเดินเข้าสู้เส้นทางของการ . . .แอบรัก

   เส้นทางที่ผมไม่เคยระวังตัว  ผมไม่รู้ตัวเลย  การที่เราเอาหัวใจไปผูกไปพันไว้กับคนอื่น  มันจะมีผลต่อเราในภายภาคหน้าอย่างไรบ้าง 

   หาก . . . ผมรู้อนาคต

   ผมคงไม่เจ็บปวด . . .

   คำตอบที่ผมได้ในวันที่ผมเห็นมันกอดกับคนอื่น . . . ผมเจ็บปวด

   สิ่งเดียวที่จะทำให้หายจากความเจ็บปวดนั้นได้  คือตัวผมเอง  ผมจะต้องรีบกระทำการอย่างใดอย่างนึง . . .

   . . . ออกมาจากที่ตรงนั้น  ให้เร็วที่สุดไอ้อาร์ม . . .

   ผมสั่งหัวใจแบบนั้น  ผมต้องออกมาจากจุดนั้นให้เร็วมากที่สุด  ก่อนที่จะเจ็บปวดมากไปกว่าที่เป็นอยู่




   อากาศรุ่งสางยามปลายฝน  หนาวเหน็บไปถึงกระดูก  หากแต่ผมกลับไม่หนาว อาจเพราะหัวใจผมร้อนรน  ความเจ็บปวดจากภาพที่ผมเห็นมันร้อนราวเพลิงไฟ  ที่แผดเผาหัวใจ  และทำให้ร่างกายผมไม่รู้สึกรู้สากับลมหนาวที่พัดมาปะทะร่างกายอยู่ตลอดเวลา 


   หรือ . . .

   ความหนาวเหน็บในหัวใจ  มันมากกว่าอาอาศรอบ ๆ  ตัวของผมกันแน่  บางทีอาจเป็นอย่างหลัง  หัวใจผม  คล้ายตกลงในห้วงเหวลึกที่บัดนี้โดนคลุมเอาไว้ด้วยน้ำแข็ง  แช่มันเอาไว้เย็นเฉียบเงียบงัน

   ไร้สรรพสิ่งใด ๆ  ขับกล่อมหัวใจอันร้าวราน

   “จะไปไหนหรือโก”    ผมถามมัน 

   ในขณะที่ผมมานั่งรอรถประจำทางที่ศาลาเก่า ๆ  ริมถนนสายหลัก  มันเอามอเตอร์ไซด์มาจอดไว้ข้าง ๆ ผม    มันยิ้มเหมือนเคย 

   รอยยิ้มที่ผมเคยชอบมอง  หากเวลานี้เหมือนคมมีดกรีดหัวใจผม . . .

   รอยแผลอาจร้าวลึก  ฝากรอยเอาไว้อีกนานเท่านาน  ตราบเท่าที่หัวใจผมมันยังไม่สามารถลืมภาพนั้นได้  ผมจำต้องยิ้มตอบ  ยิ้มให้โก  ทั้ง ๆ  ที่หัวใจของผมมันร้องไห้  แค่หลับตาก็มองเห็นภาพที่มันกอดอยู่กับคนอื่น

   ผมขยับตัวห่างจากมันอีกเล็กน้อย  เมื่อมันลงมานั่งที่ม้ายาวที่ผมนั่งรอรถอยู่  คนที่นี่จะรู้เวลาที่รถจะผ่านมา   ส่วนมากจะมาช้ากว่าเวลาจริง  สมัยโน้นมีรถวิ่งวันนึงสองสามเที่ยวเอง   

“เห็นน้าปูบอกพี่กลับวันนี้  ผมมาส่งพี่ครับ”

   ผมมองหน้ามัน . . .

   หัวใจผมนะหรือ  ไม่ต้องบอกก็รู้  ผมมีความสุข  ความสุขบนรอยแผลในหัวใจ  อย่างน้อยที่สุด  มันยังมีน้ำใจที่จะมาส่งผม  มันไม่ผิดหรอก  เพราะหัวใจผมต่างหากที่อ่อนแอ  ผมยิ้มออกมาอีกครั้ง 

   โกยิ้มให้ผม รอยยิ้มของมันอ่อนโยนกว่าแสงแห่งอรุณยามเช้าของหนาวแรกเสียอีก  แววตานั้นอ่อนโยน  อบอุ่น  ละมุนละไม

   “ขอบใจนะ   ทำไมไม่เรียนต่อ”

   “อย่างผมนี่นะ  จะเรียนอะไรได้”  มันเอามือกอดไว้กับอก  ยามเช้า  อากาศเย็น  จนไอเย็นออกมาทุกครั้งยามที่เราพูดคุยกัน

   “ก็อะไรก็ได้ที่อยากเรียนไง” 

   มันนิ่งเงียบ . . .   

   . . . เงียบจนได้ยินเสียงสายลมพัดหวิว

   ผมไม่รู้หรอกมันคิดอะไร  และผมไม่รู้หรอกว่าผมจะคุยอะไรกับมัน   ในเมื่อในเวลานี้  ผมยังไม่คลายเจ็บกับภาพที่ผมเห็นเมื่อวาน   และอีกอย่างเวลาที่ผมเจอกับมันโดยส่วนมากผมแค่ยิ้มกับมัน ถามสารทุกข์สุกดิบเท่านั้น  ประมาณ กินข้าวหรือยัง  อันนี้น่ะถามทุกมื้อมั้ง

   “งั้นพี่ถาม”

   “ครับ  ถามไรพี่”

   “ตอนนี้อายุเท่าไหร่”  ผมมองหน้ามัน

   “สิบเจ็ด” 

   โหไอ้หอก  กรูนะ ยี่สิบเอ็ดแร่ะ  ห่างกันตั้งหลายปี  ผมมองหน้ามัน อายุมันยังน้อย  มันจะมีครอบครัวแล้วหรือ  น่าเสียดายหากมันคิดจะมีห่วงมาผูกคอในเวลานี้  บางที  มันน่าจะเรียนต่อ  อนาคตข้างหน้าไม่มีใครรู้

   เรียนต่อ . . .

   . . . ผมยิ้มบาง ๆ    เพราะสมองผมนะคิดไปไกลแล้ว

   ถ้า . . . 

   . . . มันอยากเรียนต่อจริง ๆ  มันจะต้องเข้าเรียนที่เชียงใหม่ . . . หรือ . . . กรุงเทพฯ 

   ผมยิ้มอีก  ได้แต่ภาวนา  ให้แสงไฟที่ผมจุดมันติดด้วยเถอะ  อย่างน้อยที่สุด  เพื่ออนาคตของมันเอง  และผลพลอยได้อย่างอื่น . . .

   . . . ผมอาจเจอมันได้ง่าย  กว่าการต้องมาถึงที่นี่ . . .

   “แล้วอีกสิบปีข้างหน้าจะทำอะไร”

   มันมองหน้าผมแบบ  ถามอะไรหว่า  คำถามแบบนี้เด็กสิบเจ็ดปีจะเข้าใจได้อย่างไร   ส่วนผมนะหรือ . . .

   แผนชั่วมันมาเป็นระลอก ๆ  แล้วครับ  แผนชั่วสำหรับผม  แต่มันคงเป็นผลดีต่อคน ๆ  นึง  หากแผนชั่ว ๆ  ที่แวบมาในสมองของผมสำเร็จแบบที่ผมคิด

   “ไม่รู้”

   “อีกห้าปี” 

   ลดหย่อนลงมาหน่อย  บางทีสิบปีอาจจะนานเกินไปสำหรับคนวัยแบบโก  แต่สำหรับผม  มันมองถึงอนาคตแล้ว  อีกปีเดียวจะเรียนจบแล้ว   ต้องทำงานหาเงินใช้เอง มองเป้าหมายให้ชีวิต  อยากมีรถ  อยากมีหน้าที่การงานที่มั่นคง เมื่อชีวิตจะก้าวไปสู่วัยทำงาน นั่นแปลว่า . . .

   หมดเวลาแบมือขอเงินพ่อแม่แล้ว . . .

   “ไม่รู้อีกพี่” 

   “ปีหน้า”

   “ก็ไม่รู้อีก”

   ผมยิ้ม  . . . มองหน้ามันแบบเต็ม ๆ

   ผมจะเก็บใบหน้าในเวลานี้ของมันเอาไว้ในหัวใจ  มรึงจะรู้อะไรบ้างมั้ยไอ้หอกหัก  ชีวิตคนเราโตขึ้นทุกวัน  มรึงจะปล่อยให้เวลามันผ่านไปโดยไม่รู้อะไรนี่นะ  ผมยิ้มมองหน้ามันทั้งเอ็นดู  ทั้งเอือมระอากับความไม่รู้อะไรของมันเลย

   “สามเดือนข้างหน้าล่ะ”

   “ก็พาฝรั่งเข้าป่าเหมือนเดิม” 

   นั่นล่ะครับอาชีพของมัน  มันเหมือนไกด์ท้องถิ่นที่คอยเทคแคร์ฝรั่ง  พาไปที่โน่นบ้าง  ที่นี่บ้าง  ตามแต่ว่านักท่องเที่ยวจะว่าจ้าง

   “แล้วเคยคิดมั้ย  หากวันนึงฝรั่งไม่มาจะทำอะไรกิน . . .”   ผมมองหน้าโก  เพื่อหยั่งเชิง

   เจ้าตัวเงียบ  ก้มหน้านิ่ง  บางทีอายุขนาดโก ยังไม่คิดถึงวันข้างหน้ามากไปกว่า  วันนี้ท้องอิ่ม  ได้สนุกสนานไปตามวัย  ผมมองคนนั่งก้มหน้าด้วยความรู้สึกเอ็นดู 

   “. . . นักท่องเที่ยวมาแล้วก็ไป  แต่เราต้องอยู่  อยู่ที่นี่  อาจตลอดชีวิตของเรา  เมื่อเราโตขึ้นทุกวันนะ  ทำไมไม่เรียน   ถ้าเราเรียนอย่างน้อยเราก็มีวิชาความรู้ติดตัว  เรายังทำมาหากินในเมืองได้  โกลองคิดดูว่าอยากเรียนต่อมั้ย  มันไม่มีใครสายเกินเรียนหรอก  แต่ถ้าปล่อยเวลามากกว่านี้เรียนไปก็ไม่รู้ว่าจะเอามาใช้ได้มั้ย”   ผมบอกมันยาวกว่าทุกครั้ง

   อย่างน้อยที่สุด . . .

   ที่บ้านผมเข็นหนักหนาเรื่องการเรียน เพราะถือว่าการเรียนคือพื้นฐานที่สำคัญอย่างน้อยที่สุดควรจบปริญญาตรี  เอามากอดไว้ให้อุ่นใจเสียก่อน  ขนาดเรียนมาแทบตายยังลำบากเลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะหางานได้

   ผมอยากให้มันเรียน . . .

   อย่างน้อยที่สุดเพื่ออนาคตของมันเอง  วิชาความรู้ที่มันเรียนจะอยู่กับมันไปจนตาย   วันข้างหน้าไม่มีใครรู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง 

   มันเงียบ . . .

   มันฟังผมนะ  เพราะระยะหลังผมมักจะพูดถึงกรุงเทพฯ  ให้มันฟังบ่อย ๆ  อย่างน้อยที่สุด  ผมอยากให้มันรู้  โลกใบนี้ไม่ได้มีแต่ป่า ภูเขา น้ำตก  แบบที่มันเจอทุกวัน  โลกนี้ยังมีอะไรมากมายที่มันยังไม่เจอ

   การใช้ชีวิตบนโลกนี้ยากขึ้นทุกวัน . . .

   “รถมาแล้ว  พี่ไปแล้วนะ”  ผมบอก  ก่อนลุกขึ้นเมื่อเห็นรถวิ่งมาไกล ๆ 

   “พี่อาร์ม  ปีใหม่มามั้ยอ่ะ”

   “ไม่รู้เหมือนกัน”  ผมยิ้มให้มัน 

   ปีใหม่ที่มันพูดถึง . .   แค่เดือนกว่า ๆ  เอง  ผมจะมาที่นี่อีก  หากหัวใจของผมแข็งแรงพอ    ที่จะยอมรับในสิ่งที่ผมเห็น  ผมต้องยอมรับ  และยินดีกับคนที่ผมรักมิใช่หรือ 

   “มานะพี่อาร์ม    ผมอยากให้มา”  มันบอกพลางยิ้มฟันเรียงสวย

   เออ! 

   ไอ้ความรู้สึกดี ๆ  นี่มันดีจริง ๆ  หนอ   แค่รอยยิ้มของมัน  ทำให้ผมลืมสิ่งที่เห็นเมื่อวานได้ขนาดนี้เลยหรือ  ผมลืมไปแล้วว่า  หากไม่มีภาพเมื่อวาน  ป่านนี้ผมคงนอนบนที่นอน

   หาใช่ . . . มายืนรอรถที่ป้ายรถประจำทางแห่งนี้

   หรือนี่มันคือสิ่งที่เบื้องบนกำหนดมา  ยามที่เรารักใครสักคน  เราก็อยากอยู่ใกล้ ๆ  กับคนที่เรารัก  ความห่วงใย  หรือคำพูดเพียงไม่มาก  มันสามารถทำให้หัวใจเราชุ่มชื่นได้เสมอ

   “ถ้าว่างนะ”  ผมกระชับเป้เข้ากับบ่า

   “โทรมาก่อนนะพี่  ผมจะมารับ  เดินทางดี ๆ นะพี่”   มันยิ้ม  ก่อนโบกมือให้ผม  เมื่อผมเดินก้าวขึ้นไปบนรถ นั่งลงแถวหลังสุด . . .

   แบบนี้เขาเรียกว่าความสุข . . .

   ผมยิ้มกับตัวเอง . . .

   ก่อนหันมองมันทางกระจกด้านหลัง  มันยังอยู่ที่เดิม  ร่างมันค่อย ๆ  เล็กลง  เมื่อรถที่ผมนั่งอยู่แล่นไปข้างหน้าเรื่อย ๆ  แล้วภาพของมันก็หายไป

   แต่ . . .

   ภาพมันในหัวใจผมแจ่มชัดขึ้นทุกวัน

   ความรัก . . . มันเป็นแบบนี้เองหนอ

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: newDrama ที่ 05-05-2008 20:02:27
เศร้าจังเลย แต่ชอบครับ นี่คือเรื่องจริงใช่มั้ยครับ ยังไงจะเป็นกำลังใจให้นะครับ จะติดตามตอนต่อไปครับ และผมก็ขอฝากนิยายของผมไปให้อ่านด้วยนะครับ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันครับผม

ติดตามผลงานของ newDrama ได้ที่นี่
คลิกที่รูปเพื่อเข้าชมนิยายแต่ละเรื่อง

(http://img228.imageshack.us/img228/149/92241338pm7.jpg) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=3591.0)

(http://img89.imageshack.us/img89/2215/21614408lq1.jpg) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=3739.msg166290#msg166290)

(http://img80.imageshack.us/img80/6967/78768250nn7.jpg) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=4093.0)
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 05-05-2008 20:06:03
 :m15: :m15:มาตอแรกก้อ เรียกน้ำตาได้เลย

เอาเป็นกำลังใจให้สู้ๆๆๆๆ 
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำค้าง ที่ 05-05-2008 20:18:42
มาอ่านเรื่องใหม่ เป็นเรื่องเศร้าอีกแระ

โกเค้าก็ขอโอกาสอีกครั้ง อาร์มจะไม่ยอมให้โอกาสเหรอ

แต่นั่นแหละ ยังไม่รู้ว่าโกรธกันเรื่องไร จะเชียร์กันก็กระไรอยู่

เด๋วอ่านต่อไปก่อนละกันจะได้รู้ว่าสมควรเชียร์หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: duchess ที่ 05-05-2008 20:32:55
 :m13:

ชอบๆคับ

มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: anna1234 ที่ 05-05-2008 20:42:48
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 05-05-2008 23:30:21
 
แปะไว้ก่อนน้า เดี๋ยวว่างๆ จะอ่าน   :m32: :m32: :m32: :m32:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 05-05-2008 23:41:06


รีบนจ๋า . . . รู้แล้วเหยียบไว้

เด๋วไก่ตื่น  อิอิอิ

โดนระงับกลางอากาศแบบเรื่องก่อนอีก

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 06-05-2008 13:33:43

ตอนที่  ๒



   ผมเริ่มเรียนรู้ในสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในหัวใจ  มันค่อย ๆ  สอนผมให้ค่อยเป็นค่อยไป  ความรักที่มันก่อตัวในหัวใจผมช้า ๆ  โดยที่ผมเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผลของมันจะทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปแบบที่รียกว่าหน้ามือเป็นหลังมือ  


   หาก . . .

   ผมมีความสุขเมื่อนึกถึงมัน   ผมยิ้มเมื่อคิดว่า  ผมมีใครอีกคนในหัวใจ  ผมไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้  แม้ว่าในเวลานี้อาจจะไม่ใช่เวลาของผม  แต่ผมก็มีความสุข  สุขที่ผมได้รู้ว่าหัวใจของผมมีใครอยู่ . . .

   คนไกล . . .

   ผมยิ้มคนเดียว . . .

   ในห้วงเวลาที่เหนื่อยล้า  จากหน้าที่ประจำวัน  หรือยามที่ผมต้องการน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ สิ่งเดียวที่ผมทำเสมอ  เอารูปมันที่ผมถ่ายไว้มาเปิดดู  ผมเก็บรูปมันไว้ในกระเป๋าสตางค์  พกติดตัวเอาไว้ตลอดเวลา  รูปในกระเป๋าแจ่มชัด  

   หาก . . .

   ภาพที่ติดในหัวใจผมชัดกว่า  ชัดเจนกว่าภาพถ่ายจากเทคโนโลยีใด ๆ  ทั้งหมด  แค่ผมหลับตา  มันก็มาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว

     . . . รูปอะไรก็ไม่แจ่มชัดเท่ากับรูปในความทรงจำ . . .

   ความทรงจำเกือบครึ่งชีวิตของผม . . .

   . . . มีแต่มัน

   แล้วความทรงจำในครึ่งชีวิตของมัน . . .

   . . .  มันจะมีผมบ้างหรือปล่าว  ในหัวใจของมัน  คนที่ได้หัวใจของผมไป

   เรื่องของความรัก . . .

   สิ่งที่อยู่ในหัวใจ  มันมากะเกณฑ์กันไม่ได้หรอก  เพราะในความทรงจำของคนหนึ่งคน  อาจไม่มีค่าอะไรเลย  กับอีกคน  

   ผมรู้ . . .

   รู้ดีอย่างที่สุด   สิ่งที่เป็นความทรงจำของผม  มันเข้ามาไม่ได้ เหมือน ๆ  กับความทรงจำของมันผมเองก็เข้าไปไม่ได้เหมือนกัน  โลกของมันและผม  อาจเป็นโลกคู่ขนานกันไปแบบนี้อีกจนตายก็ได้




   สามวันสุดท้ายของปี . . .


   ผมยิ้มด้วยริมฝีปากสั่นระริกอีกครั้ง  เมื่อผมมายืนอยู่กลางเมืองเล็ก ๆ   เมืองที่ผมเริ่มคุ้นเคย   เมืองที่เป็นเหมือนบ้านอีกหลัง . . .

   หัวใจผมอยู่ที่นี่ . . .

   ผมต้องตามหาหัวใจของผม  ผมได้แต่แอบหวัง  อยากมีเวลามากกว่านี้  เวลาที่ผมจะได้อยู่กับคนที่ผมรัก  ผมรู้ตัวเอง  เวลาเกือบสองเดือนที่อยู่กรุงเทพฯ  ทรมานเหลือเกิน  ไม่มีวันไหนเลยที่ผมไม่คิดถึงมัน  

   หรือ . .  .

   จะเรียกว่า . . .  คิดถึงทุกลมหายใจเข้าออก

   ผมไม่ได้โทรบอกมัน . . .

   . . . เพราะคาดหวังอยากให้มันแปลกใจเล่น ๆ  กับการกลับมาของผม  เพราะในวันสุดท้ายที่เจอกัน  เป็นมันที่บอกให้ผมกลับมา  ผมกลับมาด้วยความหวังว่า  มันจะรอผม  เหมือน ๆ  ที่ผมคอยนับวันการกลับมาที่นี่อีกครั้ง

   แต่ . . .

   กลับเป็นผมเสียเองที่แปลกประหลาดใจ  และหนาวสะทกสะท้านไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดแห่งบาดาลใจ

   ลมหนาวระลอกนั้น . . .

   . . . แช่หัวใจผมให้เย็นเยียบ . . .

   เมื่อผมรับทราบข่าวของโก . . .  

   เด็กหนุ่มที่ผมหลงรักอย่างหมดหัวใจ  คนที่บอกให้ผมกลับมาอีกครั้ง   ผมกลับมาเพราะแอบหลงยึดในคำพูดของมัน คำพูดในวันสุดท้ายก่อนจากลา  เสมือนหนึ่งคำมั่นสัญญา  ที่ผมจะยึดถือเอาไว้  

   หากสิ่งที่ผมรับรู้แล้วทำให้หัวใจของผมเย็นเยียบดุจรัตติกาลอันมืดมิดและยาวนาน

   . . . มันย้ายไปอยู่กินกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว

   ผมเจ็บปวด . . .

   . . .  แววตาผมร้าวรวด . . .  

   หาก . . .  

   ผมต้องเก็บกลืนเอาความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้  มันเป็นความเจ็บปวดของคนที่แอบรักคน ๆ  นึง    ความรักไม่ใช่สิ่งที่สวยงามแบบที่ผมวาดหวังเอาไว้   มันยังมีอะไรอีกมากมายในความรักที่ผมจะต้องเรียนรู้  

   ผมได้รับบทเรียนบทแรกที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากการ . . .

   . . . แอบรัก

   แล้วยิ่งเป็นความรักที่ไม่ใช่สมดุลแห่งธรรมชาติด้วยแล้ว  มันยิ่งเจ็บปวดทรมานอย่างที่สุด  ความรักที่ผิดแปลกแตกต่างไปจากโลก  ความรักที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ที่ถูกสาป

   โลก . . .

   สร้างกลางวัน . . .

   . . . มาคู่กลางคืน

   ให้ความสุข . . .

   . . . และเรียนรู้ความทุกข์

   ทุกสิ่งทุกอย่างมีคู่ของมันเสมอ  เราไม่สามารถที่จะฝืนสิ่งที่มาเป็นคู่ได้  ผมควรยินดีกับคนที่ผมรักมิใช่หรือ?

   โลก . . . สร้างผู้ชายมาคู่ผู้หญิง

   ส่วนผม . . .มนุษย์ที่ถูกสาป   ไม่รู้จักเพศตนเอง

   ห้วงเวลาของอาทิตย์รอยต่อของปี . . .

   สำหรับผม  นานเหลือเกิน    แต่ละเวลาที่ผ่านไป  ทำไมมันช่างเชื่องช้า  ทั้ง ๆ  ที่เวลามันก็ดำเนินไปตามปกติของมัน  สำหรับการเริ่มต้นของปีใหม่  ห้วงเวลาที่ทุกคนต่างเฉลิมฉลอง  มีความสุข  ให้รอยยิ้มแก่กัน  สำหรับผมมันกลับเป็นเวลาที่ทรมานที่สุด  ผมต้องตื่นตั้งแต่เช้า ทั้ง ๆ  ที่อากาศหนาวเหน็บ  น้ำค้างยอดหญ้าแทบแข็งตัว  หากผมไม่รู้สึกรู้สากับอากาศรอบ ๆ  ตัว  ผมเอาตัวเองไปปะทะลมหนาว  ราวกับจะทรมานตัวเอง   อย่างน้อยที่สุด  ผมจะได้เรียนรู้ว่า  สิ่งที่เราคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นมันอาจจะตรงกันข้าม . . .

   ลมหนาวปะทะร่างกายราวเข็มแหลมที่แทงทิ่ม . . .

   ผมประจักษ์แจ้ง . . .

   . . . หนาวเหน็บจับหัวใจ  

   หาก . . . ผมไม่เคยจดจำ

   เพราะในเวลาต่อมาอีกหลายปี  ผมได้ลืมสิ่งที่ควรจะจดจำ  ความเจ็บปวดที่เกิดจากความรัก  เพราะเมื่อเวลามันผ่านไป  ผมกลับลืมห้วงเวลาแห่งความเจ็บปวดเหล่านั้นไปหมดสิ้น

   คืนนั้น . . . รอยต่อของวันเกิดผม

   ก่อนกลับกรุงเทพฯ  ผมไปนั่งกินเบียร์ที่ร้านเดิม    เบียร์เย็น ๆ  ปะทะกับลมหนาวโชยเอื่อยยามหนาวสุดของปี  สายลมที่พัดมาทำให้ผู้คนต่างสวมเสื้อผ้าหลายชั้น  แต่ผมไม่กลัว  ผมมีแค่กางเกงเลบาง ๆ  กับเสื้อยืดราคาไม่ถึงร้อย    ห่อหุ้มร่างกายของตัวผมเอง  ส่วนหัวใจผมไร้สิ่งใดห่มห่อ

   หนาวกายห่มผ้าจึงหายหนาว

   . . . หนาวใจ . . .

   ไร้หัวใจให้ไออุ่น  มีเพียงหยาดน้ำตาที่ไหลรดรินลงสู่ใจ  คอยเป็นเสมือนความร้อนเล็ก ๆ  ที่ไล่ความรู้สึกทั้งหมดที่เกาะกินก้อนเนื้อเท่ากำปั้นของผมเอาไว้

   ผมจะต้องกลัวอะไรอีก . . .   

   ในเมื่อตอนมาโลดละลิ่วปลิวลม  ด้วยหวังว่าปลายทางของที่นี่  ผมจะมีใครสักคนที่รอรับผมอยู่  มันเป็นปลายทางที่ผมวาดหวังเอาไว้ในมโนภาพแทบทั้งสิ้น  เพราะในภาพของความเป็นจริงปลายทางของมันมีแต่ความว่างเปล่า . . .

   ที่ปลายทาง . . .

   . . . ไม่มีคนที่ผมวาดหวังยืนยิ้มรอผมอยู่

   เบียร์หมดไปห้าขวด  แต่ผมไม่เมา  แค่อาการตึง ๆ เล็กน้อยเท่านั้น  ผมนึกถึงตัวเอง  ก่อนมาเริงร่า  หวังว่าห้าวันนี้ผมจะได้เที่ยวกับมัน  แม้มันจะไม่รู้ว่าหัวใจผมคิดอย่างไรกับมัน  แต่ผมก็อยากให้มีมันอยู่ใกล้ ๆ

   แค่คิด . . . ก็เจ็บปวด

   ความฝันสวยงาม . . .

   แต่ผมไม่เคยเอื้อมมือแตะต้องความฝันเหล่านั้นได้เลย  สิ่งที่เป็นอยู่คือความจริง . . .  ความจริงที่ผมรับรู้

   . . . มันไม่ใช่คนตัวคนเดียวแบบเก่าก่อน . . .

   ความจริงที่ผมได้รับ  มันคือความจริงแท้ตามธรรมชาติ  ผมควรจะยินดีกับคนที่ผมรัก  มากกว่าถึงจะถูก  อย่างน้อยที่สุด . . . ผมรู้จักความรักแล้ว

   ในความรัก . . .

   . . . มีทั้งสุขและทุกข์

   มันระคนปนเปกันไป  เหมือนหยินกับหยาง  ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวมากที่สุด  คือสิ่งที่ดีที่สุด  และเลวร้ายที่สุดเหมือนกัน  วันนี้  ผมจะดื่มให้เมา . . .

   พรุ่งนี้ . . วันเกิดผม

   ผมจะเดินสู่เส้นทางเดิมที่ผมจากมา  

   บางที . . .

   . . . ที่ตรงนี้ . . .

   เมืองเล็ก ๆ  ที่ผมนั่งในเวลานี้   อาจเป็นแค่ที่พักระหว่างทาง  ที่ผมแวะพัก  ยิ้มกับคนที่แวะพักเหมือนกัน  และเมื่อถึงเวลา  ผมก็ต้องเดินไปตามถนนสายเดิมของผม  ถนนที่ผมเดินมาก่อนหน้านี้  ก่อนมาเจอกับมัน

   ถนนสายชีวิต . . . ที่ผมเองก็ไม่รู้จุดหมายปลายทาง

   . . . ปลายทาง . . .

   ว่างเปล่า . . .

   . . . เฉกเช่นเคยเป็นมา

   “แม่บอกผมว่าพี่อาร์มมาตั้งหลายวัน  ไม่เจอหน้าเลย”    เสียงมัน . . .

   ผมจำได้เสียงทักจากด้านหลัง . . . โกเมศวร์    

   ผมหลับตารวบรวมความรู้สึกทั้งหมดที่มีในเวลานี้   ผมขอเวลาสักสามวินาที  ขอเวลาปรับหัวใจให้เป็นปกติก่อน  ขอเวลาให้ผมได้ตั้งตัวก่อน  ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด  เก็บใบหน้าที่ร้าวลึกเพราะความเจ็บปวดเอาไว้

   “มาก็ไม่ยอมแวะไปหาคนเรา  ผมคอย”   เสียงมันคล้ายตัดพ้อ  เสียงของคนที่ผมอยากเจอ . . .

   ผมคอย . . .

   ช่างเจ็บลึกเข้าไปในหัวใจ  ใครกันแน่ที่คอย  เป็นมันดอกหรือที่คอย  ไม่ใช่ผมใช่ไหม  ผมอยู่มาสองเดือนเพื่อรอมันบอกคำนี้ใช่ไหม

   หากแต่ . . .  

   เป็นผมหลบหน้ามันตลอดสี่วันก่อนที่ผ่านมา  ผมไม่อยากเจอหน้ามัน  การเจอกับโกเมศวร์  อาจนำความเจ็บปวดมาสู่ผมอีก  ผมเลยเลี่ยงที่จะเจอ  

   ไฟ . . . ร้อน

   ในเมื่อผมรู้ว่านั่นคือไฟ  ที่ตรงนั้นมันร้อน  ผมจะเดินเข้าไปเพื่ออะไร   เพราะว่าผมรู้จักตัวเอง    ผมอ่อนแอเกินกว่าที่จะทนเห็นมันมีความสุขกับผู้หญิงคนนั้น

   ผมเกลียดผู้หญิงคนนั้น . . . .

   . . . เกลียด . . .

   เกลียด . . .

   เกลียดที่สุด  ผมเกลียดทั้ง ๆ  ที่เขาไม่ผิดอะไรเลย  ทุกอย่างมันเป็นผมเองทั้งนั้นที่คิดไปเอง  ผมแอบรักเขาเอง  โดยที่เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ

   “กินเบียร์มั้ย”    ผมถามมัน    ผมยิ้มให้ทั้ง ๆ  ที่ในหัวใจของผมมีแต่ความเจ็บปวด  แต่ผมจะให้มันรู้ได้อย่างไร

   . . . ความรู้สึก . . .

   ที่มันมีทั้งหมดในหัวใจของผม  ผมต้องเก็บเอาไว้  ไม่บอกมันหรอก  บอกมันไม่ได้ ผมใส่หน้ากากแห่งความสุขเพื่อคุยกับมัน  ซ่อนโศกเอาไว้อย่างมิดชิด   ก่อนหันไปส่งสัญญาณขอเบียร์อีกสองขวด

   ลมหนาวโชยอ่อน . . .

   อ่อนเหมือนกระแสหัวใจของผมตอนนี้  ทุก ๆ  อย่างคล้ายหยุดนิ่ง  ผมมองรอบ ๆ ตัวจดจำบรรยากาศของคืนหน้าหนาวที่ปายเอาไว้  ผมเก็บเกี่ยวสิ่งที่เห็นลงในหัวใจตัวเองอย่างช้า ๆ  ด้วยหวังว่า

   หาก . . . วันไหนผมคิดถึงปาย

   ผมจะคิดถึงวันเวลาที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้  วันเวลาที่ผมได้นั่งอยู่กับคนที่ผมรัก  แม้มันจะเป็นความรักที่ต้องแอบเอาไว้ แต่ผมก็ยินดีที่จะให้เป็นไปแบบนั้น  ไม่อยากให้มันได้รู้  ผมไม่อยากให้มันรักผมเพราะสงสารผม  

   หาก . . .  มันอยากรักใครสักคน

   ผมก็อยากให้มันได้รักด้วยหัวใจทั้งหมดที่มันมี . . .

   เพราะเมื่อใดที่มนุษย์เรารักด้วยหัวใจ  มนุษย์จะถนอมความรักของหัวใจเอาไว้  เขาจะดูแลหัวใจของตัวเองเอาไว้ตราบนานเท่าที่หัวใจของเขายังมีรัก  ผมเชื่อ  ความรักห้ามกันไม่ได้  ขอให้คนอื่นมารักเราไม่ได้  มันเกิดมาจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจเราเองเท่านั้น

   คืนนี้ . . .

   . . . ผมจะนั่งดื่มกับมัน

   ยิ้มให้มัน  หัวเราะกับมัน  เก็บเกี่ยวความสุข  ความรักที่ผมมีทั้งหมด  ผมจะจดจำทุก ๆ  ห้วงเวลาในคืนนี้เอาไว้  มันจะเป็นความทรงจำที่ตราตรึงในหัวใจของผมไปตราบนานเท่านาน  ว่าในเวลานึง  ผมมีเวลาอยู่กับคนที่ผมรัก



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 06-05-2008 13:44:05
เพิ่งกลับมา

เลยเข้ามาเสนอหน้าเสียหน่อย

เด่วมาตามอ่านนะค้าบบบบ

 :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 06-05-2008 17:51:36
รักแล้ว รักเลย ต่อให้หนียังไงก้อหนีมันไม่พ้นหรอก คนเรา แต่เราเลือกได้ว่าจะอยู่กะมัน หรือเลือกที่จะไม่อยู่แค่นั้นเอง

มาเป็นกำลังใจเรื่องใหม่สู้ๆๆๆๆ

ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 06-05-2008 19:35:17
หนีอะไรก็หนีได้ หนีใจตัวเองได้หรือ   :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 06-05-2008 19:56:46
เศร้าจัง...อ่านแล้วเหงาจับหัวใจ ยิ่งอยุ่ไกลบ้านอย่างงี้ยิ่งเหงา  :undecided:

ไม่รู้ทำไม อ่านแล้วไมมันตรงกะเราไงก้อไม่รู้ ถึงจะยังไม่รุ้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ก้อเหอะ พออ่านปุ๊บ ใจข้างในมันเจ็บแปลบๆขึ้นมาทันที เฮ้อ หนีอะไรก้อหนีได้ แต่หนีใจตัวเองนี่สิ หนียังไงก้อไม่พ้นเนอะ เพราะมันอยุ่กะเรา ทำได้ก้อแค่หลอกตัวเองไปวันๆ เฮ้อ เปนกำลังใจให้นะคะ :L2:

แวะมาเจิมเรื่องใหม่กะเขาด้วยคน :mc4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 07-05-2008 08:47:18

  ตอนที่  ๒  (ต่อ)




   คืนนี้ . . .

   ผมจะบอกลามัน    จะเอื้อนเอ่ยคำลาจากหัวใจของผม  จะขอบคุณทุก ๆ  อย่างที่ทำให้ผมยิ้มได้    ขอบคุณมันที่คอยพาผมตะรอนไปโน่นมานี่  ขอบคุณน้ำใจที่มันมีให้ผม  และผมมจะขอโทษมัน  ขอโทษที่หัวใจผมหลงรักมันมากกว่าสิ่งที่ควรจะเป็น


   ผมรักมันมากกว่า . . . เพื่อน 

   . . . มากกว่าคำว่าพี่น้อง

   หลังจากคืนนี้ . . .

   ผมจะกลับไปสู่โลกแห่งความจริงของผม ที่เหมาะสมสำหรับผม  ไม่ใช่ตรงนี้  โลกที่ผมเองก็รู้ว่า  ผมกับมัน  ไม่ได้เกิดมาคู่กัน    คืนนี้ . . .

   ผมจะจบความเจ็บปวดที่มีทั้งหมดในหัวใจของผม

   มันมองหน้าผม คิ้วมันขมวดคล้ายมีคำถามในหัวใจ

   หาก . . .

   . . . ผมยิ้มอย่างเคย . . .

   ใครอย่าวาดหวังเลย  ว่าจะเจอความเจ็บปวดบนใบหน้า  เมื่อผมก้าวขึ้นเวทีแสดงแล้ว  ผมจะถอดหัวใจแสดงมันให้ดีที่สุดในชีวิต  ละครฉากสุดท้ายก่อนที่จะรูดม่านอำลา  จะเป็นโศกนาฏกรรมที่สวยงามที่สุด  ผมแสดงมันด้วยใจของผมเอง  ยิ้มอย่างที่อยากจะยิ้มให้มัน  เป็นรอยยิ้มที่ผมเองก็ไม่รู้ว่า  ผมยิ้มได้อย่างไร  ในเมื่อหัวใจผม  มีแต่ความเศร้า

   มันจะสังเกตผมมั้ย . . .

   หัวใจผมร้องให้  ปานจะขาดใจ  ผมรักมันนะ  รักมันมากเสียด้วย  แต่ครั้งนี้  อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้นั่งกับมันแบบนี้  เพราะปิดเทอมคราวหน้า

   ผมอาจไม่มีเรี่ยวแรงที่จะมาที่นี่อีกแล้ว . . .

   ที่แห่งนี้ . . . ไม่ใช่ที่ของผม

   “เอ้าชน”    ผมยกขวดขึ้นมาตะแคง ค้างเอาไว้กลางอากาศ

   มันมองหน้าผม  คิ้วมันขมวดเข้าหากัน  ผมซะอีกที่เป็นฝ่ายพยักหน้าให้มันเป็นสัญญาณว่า  ชนแน่ ๆ  มันยกขึ้นมาเอาคอขวดแตะกันเบา ๆ   

   “ใครไม่หมดเป็นหมา”    ผมยิ้มให้มัน  ก่อนกระดกสื่งที่อยู่ในขวด  ผ่านลำคอลงไป  มันขมขื่น  แต่คงน้อยกว่าหัวใจที่ขื่นขมเป็นแน่  น้ำสีอำพันไหลผ่านลงไปจนหมดขวด  ราวกับท่อน้ำแตก

   เพียงแค่ชั่วครู่ . . . ขวดนั้นก็ว่างเปล่า 

   หน้าผมแดงก่ำ  เพราะนั่งดื่มมาหลายขวดแล้ว  ผมยิ้มได้มากกว่าเดิม  เพราะอย่างน้อยตอนนี้  ผมไม่มีความสามารถที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ทั้งร้อย  มันคงไม่ว่าหากคำพูดใด ๆ  ที่ผมพูดออกมาจะจุดชนวนความรู้สึกอะไรบ้าง  มันคงไม่ถือสาคำพูดของ . . . คนเมา

   เมาเบียร์ . . .

   . . . เมารัก 

   มันต้องคิดว่าผมเมาเบียร์ 

   แต่สิ่งที่มันคิดอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด  เบียร์อาจสะกดให้ร่างกายผมอ่อนล้าลง  ความรักต่างหากที่ทำให้ผมต้องมานั่งซดเบียร์  หากมันรู้จักผมสักนิด  แค่นิดเดียวที่หัวใจของมันทอดมองมายังผม  มันจะรู้ผมไม่ได้เมาเบียร์ อย่างที่เห็น  แต่ผมเมาอย่างอื่นมากกว่า

   ผมยิ้มเยาะกับมันเมื่อเห็นมันดื่มไปแค่เศษหนึ่งส่วนสามของขวด 

   “ได้แค่นี้เองเหรอ  นึกว่าจะแน่  ที่แท้ก็อ่อน”

   “ทำไมพี่กินเก่งจัง  อกหักหรือ” 

   สายตามันจ้องผมเอาไว้  เหมือนจะรอคำตอบจากผม

   ผมจะตอบมันได้อย่างไร  จะตอบคำถามนี้ได้หรือ    คำถามที่มันก๊ะน๊อคผมให้ตายคาเวทีเลยใช่มั้ย . . . ผมมองหน้ามันก่อนยิ้ม 

   แต่ . . .

   เป็นรอยยิ้มที่เยาะหยันตัวเองนะ  ทำไมผมต้องเกิดมาแล้วรักคนเพศเดียวกับผมด้วย  ผมไม่เข้าใจทำไมผมถึงต้องถูกสาปให้เป็นแบบนี้   หากรักคือความเจ็บปวด  ชาตินี้ไม่อยากมีมันแล้วล่ะความรัก 

   ถ้า . . .

   ความรักเกิดจากพหรมลิขิต  แบบที่คนเขาชอบพูดกัน  ผมคงต้องกราบอ้อนวอนพระพหรม  เทพเจ้าผู้ทรงลิขิตชีวิตมนุษย์  ผมกราบวิงวอนแทบบาทองค์ท่าน 

   ขอมีรักที่มันเป็นคนแรก . . .

   . . . และ . . .

   ขอให้มันเป็นคนสุดท้ายที่ผมจะได้รักเถิด

   “อกหักดีกว่ารักไม่เป็นว่ะ”

   “เอาน่าพี่ . . . เดี๋ยวมันก็หายเอง”

   “เหรอ . . . สงสัยยากว่ะ”   ผมคว้าเบียร์ในมือมันมากระดกอีกรวดเดียวหมดไปอกขวด  มันมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ  เมื่อผมส่งสัญญาณขออีกสองจากเด็กเสริฟ

   “เมาแล้วหายเหรอพี่”

   “ดีกว่าตอนไม่เมาหน่อยนึง”

   “เล่าให้ผมฟังได้มั้ยพี่”

   “เล่าเรื่อง”  ผมขมวดคิ้ว  ทั้ง ๆ  ที่รู้ในคำถามของมันดี  แต่ผมจะให้มันรู้ได้อย่างไร  เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะคุยกับคนบางคนเท่านั้น  สำหรับเรื่องนี้  ไม่เหมาะที่จะคุยหรือพูดให้ใครฟังเสียด้วยซ้ำไป

   “ใครทำพี่อกหัก”

   ผมเงียบ . . . มองหน้ามัน

   “ขอโทษพี่  ที่ถามแบบนั้น  ที่เข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัว  ผมแค่เป็นห่วงพี่   พี่อาร์ม  ผมไม่อยากให้พี่เป็นแบบนี้เลยรู้มั้ย” 

   มันดึงเบียร์ทั้งสองที่เด็กเสิร์ฟเอามาวางไว้  ก่อนที่ผมจะคว้าเอาไว้ไดทัน . . .

   ผมมองหน้ามัน . . .

   “พอเหอะพี่  เมามากแล้ว”

   “น่า  ขอเมาคืนนี้คืนเดียว พรุ่งนี้ก็คงหาย”  ผมยิ้มให้มัน

   “แน่ใจเหรอพี่  พี่รู้ได้ไงว่าพรุ่งนี้มันจะหาย”

   “เปลี่ยนเรื่องคุยเหอะ  ไม่อยากคุยเรื่องที่มันเศร้า ๆ  ว่ะ” 

   “ก็ได้ . . . ผมบอกให้โทรมาก่อนวันไหนพี่จะมา  จะไปรับ  แล้วทำไมไม่โทรมา ไม่โทรมาคุยกันเลย พี่ผิดสัญญา”

   ผมยิ้มให้มัน . . .

   . . . คราวนี้ น้ำตาผมร่วง 

   ผมรีบปาดน้ำตาทิ้ง  มันไม่ลืมที่มันบอกผมไว้  มันหลงคิดเอาเองว่าสิ่งที่มันพูดคือคำสัญญา  คือสิ่งที่ผมต้องกระทำตาม   มันขีดเส้นระหว่างมันกับผมเอาไว้แค่ไหน  มีแต่มันที่รู้   แล้วเป็นผมเองต่างหากที่คิดไปเอง  ผมรักมันเกินกว่าความสัมพันธ์ที่เรามี 

   หากวันนี้ . . .

    มันเดินไปบนเส้นทางที่มันอยากเดิน  มันเดินไปตามถนนสายชีวิตของมันเอง  ผมควรจะยินดี  จะยิ้มให้กับสิ่งที่มันเลือกมิใช่หรือ  แล้วทำไมผมต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่มันเลือก  หรือเพราะผมรักมัน  อยากมีมันเอาไว้เพื่อเป็นของผม  ทำไมผมไม่รักมันเพราะอยากรัก . . .

   ผมจะไปโกรธมันได้อย่างไร . . .

   เพราะผมเองที่หลงใหลไปกับมัน . . . ผมแอบรักมัน  ผมก็ต้องทนรับความเจ็บปวดนั้นเอาไว้เอง

   “เออ  ขอโทษ”

   “แล้วพี่อยู่กี่วัน  พรุ่งนี้ไปห้วยน้ำดังกันมั้ยพี่  ผมต้องขับรถพาฝรั่งไปค้างสองคืน  ไปกันนะพี่  ห้วยน้ำดังสวย  ไปกางเต็นท์นอนกัน”

   “กลับพรุ่งนี้แล้ว”

   “อ้าว  เพิ่งเจอแปบเดียวเองจะกลับแล้วเหรอ  เสียดายจัง  อยากให้พี่ไปเที่ยวห้วยน้ำดังด้วยกันก่อน  ผมตามหาพี่เสียทั่วเลยตั้งแต่บ่าย  ที่แม่บอกว่าต้องไปห้วยน้ำดัง  ไม่ลองไปชวนพี่อาร์มด้วยล่ะ  ผมนึกว่าแม่อำเสียอีกว่าพี่มา  นะพี่อาร์มนะ  อยู่ต่อสักสองวัน  แล้วค่อยกลับไม่ได้เหรอ”    มันต่อรองมองหน้าผม แววตามันที่มองมา

   มันเสียดายอย่างนั้นหรือ ?

   แปบเดียว . . .

   . . . แต่เจ็บเจียนตายแล้วไอ้โกเอ้ย

   “ไม่ได้หรอก  มหาวิทยาลัยเปิดเรียน  ไม่อยากขาดเรียน”  ผมไม่ได้ปดมันหรอก  เพราะว่ามหาวิทยาลัยเปิดเรียนจริง ๆ  หากแต่ความตั้งใจเดิมผมอยากจะขาดเรียนเสียด้วยซ้ำ   

   “ถ้างั้น . . . พรุ่งนี้ผมไปส่งพี่ก่อน   เพราะกว่าจะไปห้วยน้ำดังก็เกือบเที่ยง  พี่จะเข้ากรุงเทพฯ  เลยหรือ”

   “ก็จะแวะบ้านที่เชียงใหม่ก่อน เดี๋ยวนี้แม่บ่น  มาเป็นลูกปายไปแล้ว  ไม่ค่อยแวะที่บ้าน”

   “เหอะ ๆ ๆ  หลงเสน่ห์ปายหรือหลงเสน่ห์เด็กปาย”

   ไอ้หอกเอ้ย . . . อย่าย้ำมาก

   “หลงทางมากกว่าว่ะ  อย่าพูดถึงมันเลย”  ผมตัดบท

    “เอ้างั้นให้อีกขวด  ไหน ๆ  ก็จะกลับแล้ว”    มันผลักขวดสีน้ำตาลสัญลักษณ์เจ้าป่า  ที่มันยึดเอาไว้ตั้งแต่แรกมาให้ผม

   ผมหยิบมันมาตะแคงขวดก่อนชนกับมันอีกรอบ . . .

   “โก  กลับบ้านได้แล้ว”  เสียงที่ดังจากด้านหลัง  แหลมสูง  คล้ายออกคำสั่ง  ผมมองหน้ามัน  สีหน้ามันเหมือนเกรง ๆ

   “เดี๋ยวกลับ  อีกแปบ”

   “ไม่ต้องเดี๋ยวเลย  กลับเดี๋ยวนี้”

   ผมยิ้ม . . . .

   เข้าใจดี  ผมไม่แม้ที่จะหันไปมองหน้าเขาด้วยซ้ำ  เจ้าของเสียงนั้น  ไม่ใช่คนอื่นไกล  คนที่ผมเกลียด . . . ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ผิด

   “ไปเหอะไป๊  อายคนอื่นเขา”  ผมโบกมือไล่มัน

   มันมองมาที่ผม  ผมยิ้มให้มันนิดนึง . . . 

   ผมนะเข้าใจมันดี  ตอนนี้มันไม่ใช่คนตัวเปล่าอีกแล้ว มันมีพันธะแล้ว   ไม่มีใครหรอกที่อยากเห็นคนที่เรารักออกไปไหนมาไหนดึก ๆ ดื่น ๆ  เวลาแบบนี้  อากาศแบบนี้  คือเวลาที่คนสองคนควรอยู่ด้วยกันมิใช่หรือ

   ห่วง . . .

   ที่ไอ้โกมันผูกเอาไว้ . . .  มันต้องหาทางสลัดห่วงที่มันผูกเอาไว้เอง  ไม่มีใครหรอกที่จะช่วยมันได้  ในเมื่อมันเลือกเส้นทางของมันเอง

   ผมได้แต่มองมันด้วยความเสียดาย . . .

   อายุมันยังน้อย  น้อยเหลือเกิน  หากมันอยู่ในกรุงเทพฯ  มันคงยังอยู่ในชุดนักศึกษา  มันยังมีโอกาสเจออะไรอีกมาก  โลกมิได้มีแค่สิ่งที่มันเจออยู่ตอนนี้  น่าเสียดายเหลือเกิน . . .

   ที่มันเลือกจบอนาคตของมันกับผู้หญิงแบบนี้ . . .

   . . . ผู้หญิงบาร์เบียร์

   ผมจ้องหน้ามัน . . .

   มันเหมือนมีอะไรจะบอกผม  ผมส่ายหน้าห้ามไม่ให้มันพูดอะไรอีก  แล้วมันก็ลุกขึ้น  สายตามันคล้ายตัดพ้อผม

   “พรุ่งนี้ผมไปส่งนะพี่” 

   “อือ”

   “รอผมด้วยนะพี่  รอผมก่อน”  แววตามันเหมือนมีอะไรในใจ  แค่แวบเดียวเท่านั้นที่ผมสัมผัสได้  ก่อนที่มันจะเดินจากไปแล้ว

   มันจากไปแล้ว . . . .

   ทิ้งผมอยู่กับขวดเบียร์  ผมมองเบียร์ที่เหลืออีกขวดของมัน  ก่อนกระดกขึ้นอีกครั้ง    บางทีทางที่ผมเลือกอาจเป็นทางที่ดีสำหรับผมเอง   วันนี้ผมรักมันมากกว่าตัวเอง  มากกว่าอะไรทั้งหมดที่ผมมี

   พรุ่งนี้ . . . ผมคงมีความสุขมากกว่าวันนี้ 

   ผมจะรักตัวเองให้มากกว่ารักคนอื่น  พรุ่งนี้ผมอาจเดินไปบนเส้นทางที่ถูกที่ควร  วันพรุ่งนี้ของผมจะสวยงาม  และเป็นวันที่เริ่มชีวิตใหม่ของผม




   เช้าวันที่ ๔ มกราคม . . . 

   ผมตื่นเช้ากว่าทุก ๆ  ครั้ง  ทั้ง ๆ  ที่อากาศหนาวเหน็บจนผมต้องคอยเอาสองแขนมากอดตัวเองเอาไว้บ่อยครั้ง    บางคราวก็เอาฝ่ามือสองมือถูกันไปมา  ก่อนเอามาแนบแก้ม ไล่ความหนาวเหน็บเพียงครู่ยาม  ความจริงบรรยากาศแบบนี้  ผมน่าจะนอนอีกสักสองชั่วโมง  แต่ผมตั้งใจเอาไว้ ผมจะไปให้ทันรถเที่ยวแรก . . .


   ผมไม่อยากเจอมัน . . .

   ผมคงยังไม่แกร่งพอที่จะเห็นหน้ามัน . . . ผมไม่อยากจบกับมันด้วยการจากลา  หากมันมาส่ง . . .

   ผมจะกลั้นน้ำตาไว้ไหวหรือ . . .

   รถเมล์แดงคันเล็ก ๆ  เข้ามาจอดเทียบ . . . ผมหันไปมองถนนเส้นนั้นอีกครั้งราวสั่งลา  น้ำตาเอ่อ  หัวใจมันวังเวง  จากวันนี้ต่อไป

   ถนนสายนี้ . . .

   . . . คงไม่มีมันอีกแล้ว

   รถเที่ยวเช้าในฤดูหนาวแบบนี้แทบไม่มีผู้คน  ผมเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง . . .

   ปล่อยลมหนาวมาปะทะใบหน้า  ให้ใบหน้ามันชา  ให้ชาเท่า ๆ  กับหัวใจ   ละอองน้ำค้างจากไอหมอก  ปะทะผิวหน้าหนาวสะท้านไปถึงส่วนลึกสุดในหัวอก

   น้ำค้าง . . .

   . . . ผสมน้ำตา

   น้ำตาที่ผมเองพยายามสะกดมันเอาไว้  มันเจ็บปวดอย่างไรไม่รู้  เหมือนหัวใจจะแยกออกเป็นสองส่วน  เมื่อคิดว่าต้องจากมันจริง ๆ

   “พี่อาร์ม  พี่อาร์ม”  เสียงเรียกในขณะที่รถวิ่ง ใครเคยนั่งจะรู้  รถหวานเย็นวิ่งช้า ๆ  จอดทุกแห่งที่มีคนโบก

   ผมมองออกไปข้าง ๆ  หน้าต่าง  คนที่ขี่มอเตอร์ไซด์ไล่ตามมา . . .

   . . .โกเมศวร์

   “ไหนบอกกลับเที่ยวเดิมไง  ผมไปหาน้าปู  แกบอกพี่ออกมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว  ทำไมพี่ไม่รอผม  เมื่อคืนผมบอกให้พี่รอผมไง”  มันตะโกนบิดรถไล่รถที่ผมนั่งแค่ไม่กี่เมตร

   รอผม . . .

   มันเสียดเข้าไปในหัวใจ น้ำตาผมเอ่อ 

   . . . ผมนี่หรือไม่รอมัน  . . .

   มันต่างหากที่ทิ้งผมไป  มันทิ้งผมไปแล้ว  มันไปเดินบนถนนของมัน  ถนนที่มันเลือก  เส้นทางของมัน  เคยมีผมหรือ  ผมอาจแค่คนผ่านมา   ที่แวะพักยามเหนื่อยอ่อน  หันไปยิ้มกับคนที่เป็นเจ้าของถนน  แล้วผมก็ต้องจากลา . . .

   เพราะผม . . .

   . . . มีถนนของผมเอง

   ถนนสายหัวใจของผม . . .

   . . . ไม่มีวันมาบรรจบกับถนนสายหัวใจของโกเมศวร์ . . .

   “เดี๋ยวไม่ทันรถที่เชียงใหม่ . . . “    ผมตะโกนโกหกมัน

   “สุขสันต์วันเกิดนะพี่  มีความสุขมาก ๆ  นะพี่”  มันบิดรถเครื่องมาเทียบกับรถที่ผมนั่งเมื่อจอดรับคนโดยสารชาวเขาที่มีสัมภาระกองใหญ่

   “ขอบใจ”  ผมยิ้มทั้งน้ำตา  มันจำวันเกิดผมได้ . . .

   นี่แหละ !

   ที่ผมตัดสินใจมาที่นี่อีกครั้ง . . . ผมอยากอยู่กับคนที่ผมรักในวันเกิดของผม  วันเกิดผมหลังปีใหม่ไม่กี่วัน . . .

   “ผมให้พี่ . . .”   มันยื่นสร้อยหนังที่ถักเอาไว้อย่างสวยงาม    ห้อยจี้พระนักบุญแห่งล้านนา  โกเมศวร์  ยิ้มพยักหน้าให้ผมรับเอาไว้   

   “. . . ปิดเทอมมาอีกนะพี่”

   ผมยื่นมือออกไปรับ . . . สายสัมพันธ์มันไม่จบ

   ไม่จบแบบที่ผมตั้งใจไว้แน่ ๆ  ในเมื่อตอนนี้ที่ในมือผม  มีสิ่งแทนใจของคนที่ผมรัก  ผมกำสิ่งที่รับมาจากมือของมันเอาไว้แน่น  นี่คือของขวัญชิ้นแรกจากคนที่ผมรัก  ผมหวงและจะเก็บมันเอาไว้ไปจนลมหายใจสุดท้ายของผม

   ผมมองหน้ามัน . . .

   . .  . ปิดเทอมมาอีกนะ . . .

   มาให้เจ็บหัวใจอย่างนั้นหรือ  ผมได้แต่ยิ้ม  แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้ว  ผมคงไม่สามารถยืนบนโลกนี้ได้อีก  หากมาคราวหน้าเมียมันเกิดอุ้มท้อง  ผมจะยิ้มกับมันได้อีกหรือ  ผมจะคุยกับมันแบบที่ผมคุยตอนนี้หรือ 

   ถ้าหากว่า . . .

   ความรัก  หมายถึง   ความเจ็บปวดตลอดชีวิต 

   ผมจะยังอยากรักอยู่อีกหรือ?

   “ไม่รู้เหมือนกัน  ปีหน้าจะจบแล้วพี่อาจต้องลงเรียนซัมเมอร์”

   “ไม่เรียนไม่ได้หรือ  ไม่รู้ล่ะ  ผมอยากให้พี่มานะพี่  สัญญาสิพี่  ว่าพี่จะกลับมาหาผม พี่มาคราวหน้าผมจะพาไปปางอุ๋ง”     มันร้องบอก  เมื่อรถค่อย ๆ  เคลื่อนตัวออกอีกครั้ง

   “กลับไปเหอะ . . . ต้องไปห้วยน้ำดังไม่ใช่หรือ”  ผมตะโกนบอก  เมื่อเห็นมันยังดื้อดึงที่ขับตามมา

   “ไม่กลับ  ถ้าพี่ไม่สัญญาว่าจะกลับมา  ผมจะขับไปแบบนี้แหละ  น้ำมันหมดเมื่อไหร่ค่อยเข็นกลับ”  มันดื้อตาใส

   ผมไม่เคยคิดคนอย่างมันจะดื้อได้ขนาดนี้ . . .

   “เออ ๆ    มา ๆ  ปิดเทอมมจะกลับมา”  ผมตัดบท  สงสารมัน  เพราะถนนเส้นนี้มีแต่โค้งกับเขาทั้งนั้น

   “สัญญาแล้วนะพี่  ถึงกรุงเทพฯ  โทรหาผมด้วยนะ  ผมจะคอย  อย่าลืมนะพี่อาร์ม  ต้องโทรมานะ  ผมจะคอย”  มันตะโกน  มันโบกมือให้ผม

   ผมยิ้ม . . .

   . . . ทั้ง ๆ  ที่หัวใจผมมันยับเยิน

   ความรู้สึกของมัน . . .

   . . . ผมอาจเป็นพี่ชายที่แสนดี  เป็นคนที่คอยห่วงมันสารพัด  คอยสอนมัน  บอกมันถึงการอยู่ต่อไปบนโลก . . .

   ส่วนผม . . . รักมันเกินน้องไปแล้ว

   ผมได้แต่ปล่อยให้น้ำตามันไหลไปตลอดทาง  ให้มันไหลออกมาให้สาสมกับความโง่งี่เง่าของตัวเอง

   อย่างน้อย . . . สิ่งที่โกทำ

   . . . ความรักพิสุทธิ์ล้ำ . . .

   มันรักผม  ความรักที่มันมีให้ผม   มาจากหัวใจของคน ๆ  นึงที่พึงจะรักใครอีกคนได้  คนที่เป็นเหมือนต้นแบบของมันแต่ . . . เป็นรักที่ไม่ใช่เซ็กส์ 

   รักมันกับผม แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง . . .


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 07-05-2008 13:31:20
เรื่องนี้เศร้าจังง่า  :m15:
สู้ๆเจ้าค่า :a2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 07-05-2008 15:35:20
เศร้าจริงๆๆ เปิดเพลงแก้มด้วยยิ่งเศร้าไปอีกแอร๊ยย :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 07-05-2008 18:24:01
เศร้าว้อยยยยยยยยยยยยย :sad2:
ชอบตรงประโยคนี้อ่า...ถ้ารักหมายถึงความเจ็บปวดตลอดชีวิต  ผมจะยังอยากรักหรือ? :m15:
เฮ้อ เปนกำลังใจให้นะ สู้ๆค่า :L2:

ปล.ขอแอบแสดงความคิดเหนหน่อยเหอะ..อ่านมาถึงตอนนี้ โกไม่ผิดไม่ใช่หรอ เพราะโกไม่รู้นี่ ว่าอาร์มคิดยังไง?? :sad2: แต่ทั้งๆที่ไม่รู้ก้อยังสนใจ ใส่ใจในตัวอาร์มนะ :m15: แล้วจู่ๆอาร์มก้อมาตีจากยังงี้ โกก้อน่าสงสารแย่สิ แต่คิดในมุมของอารณม ยิ่งเจอก้อยิ่งเจ็บเนอะ เฮ้อ บอกไม่ถูกแฮะ ช่างเปนความสัมพันธ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ  o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 07-05-2008 19:16:54
เศร้า อะไรอย่างนี้ การที่ใครคนนึงจาพูออะไรออกมา บางครั้งเค้าอาจจะสื่อความหมาย ที่ ต่างจากคนที่ได้รับสารนั้นแล้วตีความหมายไปคนละทาง


แต่ก้อถือว่าเป็นความสุขเล็กๆๆน้อยๆๆ สุขที่ได้คิดไปฝ่ายเดียว แค่นี้ก้อพอใจแล้ว
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-05-2008 19:29:15
เหอ เหอ ยังเศร้าได้อีก   :m31: :m31: :m31: :m31:  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 07-05-2008 20:46:32
เศร้าจัง :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 07-05-2008 22:02:53
 :sad2: :sad2: เพิ่งเริ่มอ่านแต่ทำไมเศร้าขนาดนี้ล่ะครับ  จะว่าไปทิฐิไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรนะครับ  :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 07-05-2008 23:11:54


ถ้ารักหมายถึงความเจ็บปวดตลอดชีวิต  ผมจะยังอยากรักหรือ?  


ผมเพิ่งสังเกต . . .  เออ คิดดี ๆ  ก็เป็นนะเรา 

เศร้าครับ . . . นี่ตสผมบวมเบ่งเลย  เสียน้ำตาเป็นเผาเต่าเลย  ตอน  แอนระเบิดความรู้สึก  แล้ว  เคนยืนมองอยู่ด้านหลัง  ปวดใจจิ้ดดดดดดดดดดดดดด    คนเราทำผิดได้เสมอ

อยู่ที่ว่า . . . เราจะให้อภัยมั้ย

ละครมันให้อภัย . . . แล้วชีวิตจริงล่ะ  เอ้ย  คืนนี้กว่าจะหลับคงนาน  สงสารคาวี . . . เรื่องนี้เคนเล่นซีนอารมณ์แรง ๆ  สุดยอด

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 08-05-2008 11:43:37


ตอนที่  ๓



   โลกมีด้านมืดและด่านสว่าง  ชีวิตของคนเราก็เหมือนกับโลก  มีทั้งความมืดมิดและสว่าง  ไม่มีใครหรอกที่จะมืดมิดตลอดกาล  ในความรู้สึกที่แอบรักคนอื่นมันมีทั้งความสุข และความทรมานในเวลาเดียวกัน  แต่ผมยินดีที่จะทรมาน  เพราะว่านั่นคือทางที่ได้เลือกเดิน


   การรักใครสักคนคือความสุขบนความทรมานของตัวเอง

   ผมยินดี . . . ยินดีอย่างที่สุดแล้ว

   “ไอ้อาร์ม  มึงแน่ใจนะโว้ย  ว่าจะไม่ไปเที่ยวพีพีกับกู”       ไอ้เพื่อนรักมันมองหน้าผม  หลังจากที่เราสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ

   “อือ”

   “ห่านี่  ทุกครั้งพอจะไปทะเลกระดี้กระด้า  แล้วคราวนี้ทำไมไม่อยากไปว่ะ”

   “กลับบ้าน” 

   “ไอ้อาร์ม  ไปพีพีกันก่อนเหอะมึง  อาทิตย์เดียวเอง  ขาดมึงไปคนไม่มันว่ะ”  ไอ้เพื่อนรักมันต่อรอง 

   ผมได้แต่ยิ้มกับมัน  จะบอกมันได้อย่างไร  ว่าตอนนี้หัวใจผมมันกลับไปที่เมืองเล็ก ๆ  กลางหุบเขาเสียแล้ว  ในเมื่อผมรู้ว่าหัวใจผมอยู่ที่ใด  ร่างกายผมจะต้องตามไปหาหัวใจตัวเองสิ  ใครเลยจะปล่อยให้หัวใจห่างร่างกายได้นาน

   ผมสัญญากับมันว่าจะไป  ผมก็ต้องไป  ในเมื่อมันบอกว่าจะรอผม  ผมก็จะไปหามัน ต่อให้ตรงถนนที่มันยืนอยู่จะเป็นนรก  หากมันอยากให้ผมเดินไปหา  ผมก็ต้องไป  และไปด้วยความเต็มใจอย่างที่สุด

   เพราะหากผมไม่ไป

   คำมั่นสัญญา . . .

   . . . จะมีค่าอะไร

   มันคงไม่แตกต่างจากคำพูดที่หลุดออกมาจากปาก  เป็นแค่สิ่งเน่าเหม็นที่หลุดลอยออกมาไม่มีคุณค่าที่ควรเอามาใส่ใจ  แต่ผมสัญญาเอาไว้  ผมต้องทำตามสัญญา  สัญญาที่ผมต้องรักษามันไว้ด้วยหัวใจ

   “ว่าไงมึง  จะยิ้มทำบ้าไรว่ะ”

   “ไว้คราวหน้าเหอะ  คราวนี้ไม่ได้จริง ๆ  ว่ะ”

   “สัส  ติดสาวเหรอมึง  เทอมหน้าก็ฤดูฝน ใครเขาไปทะเลกัน  มีนาแบบนี้ทะเลสวยนะมึง  เปลี่ยนใจยังทันนะมรึง”

   “เหี้ยนี่  สาวที่ไหนไม่มี  ติดหนุ่มว่าไปอย่าง”  ผมอมยิ้ม  หัวใจคิดถึงอีกคนที่อยู่เมืองเหนือ  ทำไมมันมีอิทธิพลต่อหัวใจผมมากขนาดนี้หนอ

   “ห่าลาก  เล่นไปเรื่อย  มึงไม่ไปแบบนี้ไอ้แดนมันคงบายอีกคน”  เจ้าตัวคล้ายบ่น ๆ 

   “ไปสิ  มันบอกว่าไป  มันก็ต้องไปสิ  มันไม่ได้ติดอะไรกับกูขนาดนั้น  ห่านี่ คิดอะไรอยู่ว่ะ . . .”  ผมมองหน้ามัน   

   “อย่านะมรึง  อย่าแม้แต่จะคิด”

   “คิดไร”  มันทำหน้าอ้อนอวัยวะเบืองล่างได้ใจจริง ๆ 

   “เถียงกูเหรอ  ไม่เคยมีใครบอกเหรอ  ห้ามเถียงเพื่อน”  ผมเอามือจับคางมันส่ายไปมา 

   เพื่อนผมล่ะครับ  บ่อยครั้งที่มันกับผมจะเล่นอะไรที่ระคายเคืองสายตาผู้ชายที่มองมา  แต่สำหรับผมและมันแล้ว  มันคือเรื่องปกติ  ทุกอย่างมันเป็นไปแบบธรรมชาติมากที่สุดแล้ว

   “โอ้ยไอ้เพื่อนเทวดา  ไม่เถียงแล้วคร๊าบบบบบบบบ”  มันทำท่ายกมือไหว้เหนือหัว

   นี่แหละครับ . . . คือมัน

   . . . เพื่อนผม . . .

   เพื่อนรักของผมเอง   มันชื่อโอ๋

   ไอ้หน้าหล่อของรุ่นครับ  มีมันไว้นี่ดีไปหลายอย่าง  เวลาเดินในมหาวิทยาลัย  บ่อยครั้งที่สาว ๆ  แอบมองเหลียวหลัง  ผมรู้จักกับผมมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย   มันเป็นคนต่างจังหวัดร้อยเปอร์เซ็นต์  บ้านมันเหรอครับ

   ไกลมาก . . . ริมโขง

   นิสัยมันดี  ถึงดีมาก  เป็นเพื่อนที่ผมรู้สึกสนิทใจมากที่สุดในชีวิต  มันไม่ใช่แค่เพื่อนกิน  เพื่อนเที่ยว  หากมันคือเพื่อนที่ผมพร้อมจะตายแทนได้  เป็นคนเดียวที่อยู่ข้าง ๆ  ผมยามที่ผมอ่อนแอที่สุดในชีวิต  และในเวลาที่ผมมีความสุขมากที่สุดในชีวิต  ผมก็จะหันไปเห็นมันอยู่ใกล้ ๆ เสมอ

   “ดีมากลูกพ่อ”  ผมเอามือตบไปที่ไหล่มันถี่ ๆ

   วันคืนดี ๆ  ของผม . . .

   วันที่ทำผมยิ้มได้ยามเหนื่อยอ่อน  เพื่อนคือสิ่งเดียวที่ไม่เคยทอดทิ้งผม  เพื่อนที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา  หากชีวิตนี้ผมจะมีเพื่อนแค่คนเดียว  ผมขอมีแค่มันนี่แหละ  ไอ้เพื่อนรักของผม





   ผมกลับไปที่ปายอีกครั้ง . . .

   ผมไปตามสัญญา . . . ผมไม่อยากผิดสัญญากับคนที่ผมรัก    แม้ว่าความรักที่ผมมี  จะแตกต่างจากสิ่งที่มันมีให้ผม  แต่ผมก็ยึดถือกับคำมั่นสัญญาเสมอมา 

   สองเดือนที่ผ่านมา . . .


   ไม่มีสักวันที่ผมไม่คิดถึงมัน  แต่ยิ่งคิดถึงมันยิ่งเจ็บปวด    ผมพยายามแล้วที่จะไม่รักมัน  แต่ดูเหมือนว่า  ยิ่งผมพยายามจะถอยห่างเท่าไหร่  เหมือนหัวใจยิ่งวิ่งไปใกล้กัน  หรือว่าเป็นเพราะผมอ่อนแอ  ผมไม่ได้โทรหาทั้ง ๆ  ที่หลายครั้งผมกดโทรศัพท์ไปที่บ้านโก . . .

   แต่ . . .

   ผมวางสายก่อนทุกครั้งที่จะมีคนรับ ผมต้องการแค่นี้จริง ๆ

   กลางเดือนมีนาคม . . .

   ฤดูร้อน  นักท่องเที่ยวบางตา  อาจเพราะไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวของเมืองเล็ก ๆ  กลางหุบเขาแห่งนี้  ผมลงรถที่เดิม  หลังจากที่วิ่งมาจากสถานีเชียงใหม่แห่งใหม่มาร่วมสี่ชั่วโมง . . .

   บ้านเรือนแปลกตากว่าสองเดือนก่อน . . .

   แปลกตาอย่างไรหรือ  เริ่มมีการก่อสร้างมากขึ้น  มองไปทางไหนก็มีแต่โครงไม้  โครงเหล็ก   เสียงตอกตะปู  เสียงเครื่องบดผสมซีเมนต์  เขาต้องเร่งทำเพื่อที่จะรับฤดูกาลท่องเที่ยวหน้า  ความเจริญเริ่มก้าวเข้ามาช้า ๆ  และอาจจะรวดเร็วต่อจากนี้อีกไม่กี่ปีข้างหน้า

   กิจการที่มีอยู่จะต้องค่อย ๆ  ปรับตัวให้พร้อมกับการแข่งขัน . . .

   ทุน . . . จากนอกพื้นที่จะค่อย ๆ  ไหลบ่ามาเหมือนน้ำป่าที่หลากไหล  และเมื่อนั้นคนที่ไม่ปรับตัวจะค่อย ๆ  หายไปจากระบบ  นี่คือวัฏจักรของการพัฒนา

   การพัฒนา . . .

   . . . คำพูดที่สวยหรู

   แท้จริง . . .

   การทำลาย . . . เป็นการทำลายรากเหง้าทางวัฒนธรรมอย่างช้า ๆ   หากแต่ไม่มีใครหรอกที่จะสนใจรากเหง้า  เขามองกันเพียงแค่ว่า  จะทำอย่างไรให้กิจการอยู่ได้  จะทำเช่นไร  ให้มีกระแสเงินสดหมุนเวียนในกิจการมากที่สุด

   ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป . . .

   เงิน . . . เข้ามาขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจในเมืองเล็ก ๆ  มันค่อย ๆ  ซึมอย่างช้า ๆ  และไม่นานทุกคนจะโหยหาแต่เงิน  เพื่อประคองตัวให้อยู่รอดท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นทุกวัน  ระบบทุนนิยมจะค่อย ๆ  กลืนทุนขนาดเล็ก

   ปลาใหญ่ค่อย ๆ  กินปลาเล็ก

   ทุกอย่างจะเป็นไปตามธรรมชาติของมัน  คนที่ปรับตัวตามสภาพการณ์เท่านั้นที่จะอยู่ได้  ส่วนคนที่ปรับตัวเองไม่ได้จะค่อย ๆ  หายไปจากวงการ . . .

   “พี่อาร์ม . . . ผมไปส่งมั้ยพี่”   ผมหันไปตามเสียง

   “ไอ้ชัย . . .ไปไหนมาหรือ”    ผมทักทายเด็กรุ่นน้อง  ซึ่งก็รุ่น ๆ  เดียวกันกับโก   จะว่าไปแล้ว  มันก็ญาติกันนั่นแหละ . . .

   ย่าของชัย . . . เป็นพี่สาวของปู่โก

   “เออ  เอาดิ”  ผมไม่รอช้าขึ้นคร่อมข้างหลังชัยมันทันที  คร่อมมอเตอร์ไซด์นะครับ  อย่าเข้าใจอะไรผิดไปจากนี้

   “มากี่วันพี่คราวนี้”

   “ไม่รู้ว่ะ  เบื่อก็กลับ”

   “ไม่เอาแฟนมาด้วยละพี่”

   “หาไม่ได้”

   “เชื่อตาย  สาวกรุงเทพฯ  เยอะจะตาย”  มันชวนผมคุยเรื่อย ๆ  จะว่าไปแล้วผมกับมันนี่คุยกันมากกว่าที่ผมคุยกับโกเสียอีก 

   ผมรู้จักมันก่อนโก . . .

   แต่ . . . หัวใจผมมันดันไม่รักดี  ไปรักคนมีเจ้าของแล้วซะงั้น   เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้นี่หว่า  ถ้าบังคับได้  ผมคงไม่ต้องเจ็บปวดเหมือนตอนปีใหม่    มันขับมาส่งผมที่รีสอร์ทของอา

   “แวะกินอะไรก่อนมั้ย”

   “เลี้ยงป่าว”

   “เออเด่ะ  อยากกินไรสั่ง  เคยจ่ายเสียที่ไหนเล่า”   ผมยิ้มกับมัน  ก่อนเดินนำมันไปที่ร้านอาหาร  ที่อยู่ท่ามกลางร่มไม้ใหญ่

   ทั้งรีสอร์ทนี่  ผมเดินสียจนปรุ  ปิดตาเดินยังไหวเลย  ด้านหลังของร้านอาหารเป็นเรือนพัก  ที่สร้างไปจนถึงริมลำน้ำ  ที่หน้าร้อนแบบนี้น้ำแห้งสามารถเดินข้ามไปอีกฝั่งได้สบาย

   “ไอ้โกมันมีเมียไปแล้วนะพี่”

   “เออ  รู้มาเหมือนกันปีใหม่เจอมันแล้ว”    ผมพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด  ด้วยไม่รู้ว่าใครเป็นอย่างไรบ้าง

   “เออ  เห็นมันก็บอกปีใหม่พี่มา  แต่ผมไปเชียงใหม่มาเด่ะ”

   “เลยไม่ได้เจอชัย  แล้วเราเมื่อไหร่มีเมียมั่ง”

   “มีไปเรื่อย ๆ  ดีแล้วพี่  อย่าเอามาเป็นห่วงแบบไอ้โกเลย”   

   ไอ้ชัยมันบอก . . .

   แต่ . . .

   หัวใจผมเจ็บ  และห่วงไอ้โกมัน  ไม่อยากให้มันมีเมียเลย  แต่ของแบบนี้มันไม่เกี่ยวกับคนที่สามแบบผม  อะไรที่ไม่ใช่ของเรา  มันก็ไม่ใช่ของเรา

   “มันน่ะบ้า  ว่าไปแล้วมันทำไรไม่คิด”    

   “ทำไมเหรอ” 

   ผมเริ่มสนใจกับข้อมูลที่ชัยมันบอก  แม้แค่เพียงเล็กน้อย  แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนมันมีอะไรแฝงอยู่  ผมไม่ได้รู้จักกับโกมาตั้งแต่ต้น  บางเรื่องที่ผมอยากรู้  ผมคงต้องคุยกับคนที่คุ้นเคยกับโกมากกว่า 

   “ก็ลุงมล  แกไปมีเมียใหม่”    ชัยหมายถึงพ่อของโก

   “แล้วเกี่ยวไรกัน”

   “ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกี่ยวมั้ย  ก็ไอ้โกรักป้าภาจะตาย  แถมเมียน้อยลุงมลเป็นเด็กบาร์อีก”

   “เมียไอ้โกก็เด็กบาร์ไม่ใช่เหรอ”  ผมมองหน้า

   “ก็ใช่พี่  มันอยากประชดพ่อมันมั้ง  เลยเอาเด็กบาร์มาทำเมีย  เละขนาดนั้นใครจะเอามาทำเมียว่ะ  ผมเลยบอกว่ามันบ้า”

   “มันไม่ได้รักกันหรือไง”

   “เป็นพี่รักเข้าไปลงเหรอ  เมาทีไรลากฝรั่งไปดูดปากไม่อายใครเลย”

   “แล้วมันว่าไง  ไม่หึงเหรอ”

   “ไม่รู้แม่ง  เงียบแบบที่มันเป็นนั่นแหละ  เป็นผมเลิกไปนานแล้ว  ไม่ทนอยู่กับผู้หญิงแบบนั้นหรอก  ให้ฟรียังคิดนานเลย”

   แปลกนะ . . .

   จากที่เคยเจ็บแปล๊บ  เมื่อตอนที่เริ่มคุยเรื่องเมียของมัน  ตอนนี้กลายเป็นว่าผมกลับสงสารมัน  เป็นห่วงมันสารพัด    ทั้ง ๆ  ที่มันเองกับผมก็ไม่ได้สนิทสนมกันมาก  มีแต่ผมกระมังที่อยากจะสนิทสนมกับมัน   และเรื่องที่ชัยเล่ามา  มันกับผู้หญิงคนนั้นแทบไม่น่าจะอยู่กันด้วยความรัก . . .

   คนรักกัน . . .

   . . . ต้องแคร์ความรู้สึกของกันและกันมิใช่หรือ?

   “ขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “อืม  ผมถึงว่าไง  มันประชด”

   “ประชดเพื่ออะไร”  ผมมองหน้าคนแจ้งข่าว

   นี่ . . . ข่าวดีของผมหรือ?

   ข่าวร้ายมากกว่า . . .

   เพราะผมสงสารคนที่ผมรักจับหัวใจ  ทำไมมันไม่คิดให้เยอะ ๆ  ก่อนที่จะทำอะไรลงไป    คนเราควรคิดให้มาก  มากกว่าที่จะทำอะไรไปด้วยอารมณ์  ปัญหาที่บ้านมากพออยู่แล้ว  ทำไมเราจะต้องเอาปัญหาไปสุมอีก . . .

   “แหมพี่!   มันคงคิดว่าถ้ามันมีเมียเป็นเด็กบาร์บ้าง  พ่อมันจะห้ามจะว่ามัน  แล้วมันก็จะย้อนพ่อมันได้  ทีพ่อมีได้  มันคงคิดแบบนั้นแหละ”

   ผมส่ายหน้า . . . 

   . . . คนเจ็บปวด

   แม่ไอ้โก . . . ป้าภา

   มันคิดตามประสาเด็ก . . . 

   หรือ . . . มองอีกมุม 

   อายุมันแค่นั้น  มันจะคิดอะไรได้มากกว่านั้น  มันก็เหมือนเด็กบ้านแตก  ขาดความอบอุ่นจากที่บ้าน  มันคิดว่าการที่ทำอะไรเรียกร้องความสนใจจะทำให้อะไรมันดีขึ้นมากระมัง 

   มันคิดผิด . . .

   มันสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นมาโดยที่มันไม่รู้ 

   จากที่ผมเคืองมันที่มันมีเมีย กลายเป็นว่าผมสงสารมันมากขึ้นไปอีก  มิน่าตอนปีใหม่ตอนเมียมันมาตามมันถึงทำท่าอย่างคนเซ็งกะตาย  ทำไมผมไม่ถามมันเสียตั้งแต่ตอนนั้น

   เพราะผมคิด . . .

   . . . ไม่อยากยื่นมือไปทำให้ใครต้องแตกแยก . . .

   เรื่องที่ชัยเล่า . . . มันทำให้ผมคิดตลอดทั้งวันนั้น  วันที่ผมก้าวเท้ามาที่นี่อีกครั้ง  ผมสงสารมันจับหัวใจ  แต่ผมจะช่วยมันได้อย่างไร  เรื่องแบบนี้  ถ้ามันไม่เอ่ยปาก  ผมจะแส่มือเข้าไปก็ใช่ที่



   เสียงนกร้องกลับรวงรัง  หากแต่ผมยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง  ผิดกับทุก ๆ  ครั้งที่ยามเย็นแบบนี้ผมจะไปเดินเล่นแถวลำน้ำปาย  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องที่ชัยพูดมากับผมเมื่อตอนกลางวัน  จะเป็นเรื่องเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัวของผมตอนนี้หรือไม่


   ผมรู้แค่ว่า . . .

   ผมสงสารคนที่ผมรัก . . . เรื่องไอ้โกมีเมีย  อาจเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่นี่  แต่สำหรับผมมันเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ

   สำคัญมากเสียด้วย . . .

   . . . ก็ผมรักมันไปหมดหัวใจแล้วนี่ครับ

   “น้องอาร์ม  น้องอาร์มอยู่มั้ย”  เสียงร้องเรียกที่หน้าห้องผม  เสียงนั้นปลุกผมจากความคิด  ผมจำน้ำเสียงที่ร้องเรียกนั้นได้

   “ครับผม” 

   ผมเปิดประตูออกมา  ต้อนรับผู้มาเยือน 

   “สวัสดีครับป้าภา  มีธุระด่วนหรือครับ   ไม่ให้ใครมาตามผมไปที่บ้านก็ได้เดินมาถึงที่นี่เลย”  ผมยกมือไหว้  แม่สะใภ้ในอนาคต

   เอ!  หรือแม่ผัวหว่า  กร๊ากกกกกกกกก

   “มาคุยกับน้องปู  เห็นน้องปูบอกว่าอาร์มมา  เลยแวะมาหา”  ป้าภาแกหมายถึงอาผม

   “ครับ  นั่งก่อนครับป้า”  ผมเชิญแกนั่งที่หน้าห้องพัก  ที่มีโต๊ะไม้สำหรับนั่งเล่น  ก่อนเดินไปรินน้ำในห้องออกมารับแขก

   แขกพิเศษของผมครับ . . .

   . . . แม่คนที่สองของผม

   “ป้าภาสบายดีนะครับ    เมื่อคืนนั่งรถมาไม่ได้หลับทั้งคืน  มาถึงหลับเป็นตายเลย กะว่าค่ำ ๆ  จะเดินไปหาอยู่เหมือนกัน แต่ป้าเดินมาหาผมเสียก่อน”

   “ก็งั้น ๆ  แหละ  น้องอาร์มสบายดีไหม  ผอมไปหรือปล่าว”   น้ำเสียงคล้ายคนที่ปลงกับชีวิต

   “เหรอครับ”  ผมก้มมองตัวเอง  “คงเรียนหนักมั้งครับ  ปีสุดท้ายแล้วครับ  จะจบเสียที  หมดเวลาขอตังค์ที่บ้านแล้วล่ะครับ”  ผมยิ้มอย่างเคย   

     “ดีจังเลย   จบแล้วมาทำงานที่นี่มั้ย”

   “เหอะ  ไม่อาววววววววววว”  ผมส่ายหน้าปฎิเสธ   

   “เจอน้องมันหรือยัง”    สายตาที่ทอดมองมายังผม  เจือแววเอ็นดู  ป้าภาไม่เฉลียวใจสักนิด  ว่าผมคิดอะไรอยู่ 

   “ยังเลยครับ  มาถึงก็นอนทั้งวันเลย  เหนื่อย  เมื่อคืนบนรถไฟคนเยอะมาก  ไม่ได้นอนเลยครับตื่นเต้นได้กลับมาที่นี่”

   จริง ๆ  นี่ครับ . . .

   ผมรอคอยวันที่จะได้กลับมาอย่างใจจดใจจ่อ  อย่างน้อยที่สุด  ผมก็ยังได้เห็นหน้าคนที่ผมรัก  ถึงแม้ว่าในสายตาของเขา  ผมเป็นได้แค่ . . . พี่

   แค่นี้ . . .

   ดีถมเถไปแล้วมิใช่หรือ ?   

   “มันมีเมียไปแล้ว”  แกมองหน้าผม

   ผมพยักหน้ารับทราบ

   “เฮ้ยยยยยยยย”    เสียงป้าภาถอนหายใจ

   ผมมองหน้าแกยิ้มเจื่อน ๆ    เหมือนแกจะแบกเอาเรื่องหนักอกหนักใจไว้เต็มบ่า  ไอ้ผมมันพวกใจอ่อนเสียด้วย  มองมาก ๆ  เดี๋ยวพาลร้องไห้ไปกับแกแล้วแย่เลย

   “เป็นอะไรครับ  มีอะไรหนักใจขนาดนั้นหรือครับ”

   “อาร์ม  เอาน้องมันไปเรียนที่กรุงเทพฯ  ด้วยสิ”

   ผมมองหน้าแก  จ้องมองอยู่นาน . . .

   ความคิดนี้  ผมเคยคิดเล่น ๆ   ถ้ามันไปเรียนต่อ  ไปอยู่กรุงเทพฯ  กับผม  ผมคงมีความสุขมาก  อย่างน้อยที่สุด  ผมจะได้อยู่กับคนที่ผมรัก  ผมจะดูแลมันอย่างดีที่สุด  จะถนอมมันเอาไว้ให้สมกับที่มันได้หัวใจผมไป

   ผมแน่ใจ . . .

   ผมทำให้มันรักผมได้แน่ ๆ  ก็มันเรียบร้อยขนาดนั้น    เพื่อน ๆ  มันยังล้อว่ามันเป็นตุ๊ด  แต่พอมันมีเมีย  ความรู้สึกที่ผมอยากให้มันไปอยู่ค่อย ๆ หมดไป  เหมือนแสงเทียนที่ค่อย ๆ  มอดลงเมื่อไร้ไส้เทียน

   ผมไม่อยากแยกคู่ . . .

   การแยกผัวแยกเมียมันจะเป็นบาป  และบาปนั้นมันจะสนองเราเร็ว  ผมกลัวการพลัดพราก  เพราะรู้ดี  การห่างไกลคนที่เรารักมันทรมานขนาดไหน  กว่าจะผ่านแต่ละวันไปได้  มันช่างเชื่องช้าเสียเหลือเกิน

   ผมเจอมาแล้ว . . .

   ตั้งแต่ปีใหม่ . . .จนวันนี้  ผมคิดถึงคน ๆ นึง  ทุกลมหายใจเข้าออกเลยทีเดียว

   “ไม่ไหวแล้วน้องอาร์ม  ออกไปไหนไม่ได้  มีแต่คนพูดกัน  ผัวไปได้เด็กบาร์ ลูกคนเดียวได้เด็กบาร์  อายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว”  แกยกมือปาดน้ำตา 

   น้ำตาของคนเป็นเมีย . . .

   น้ำตาจากคนเป็นแม่ . . . แม่ของคนที่ผมรักสุดหัวใจ   ชีวิตของแกคงพังทลายไปหมดแล้ว   ผมนั่งนิ่ง ๆ  ไม่กล้าออกความเห็นใด ๆ

   ผมสงสารแกจับหัวใจ . . . 

   . . . ผู้หญิงเพศแม่

   แบกเรื่องราวไว้มากขนาดนี้เลยหรือ ผู้หญิงส่วนมากมีความอดทนสูงกว่าผู้ชาย  และดูเหมือนว่าคนที่นั่งตรงหน้าผม  จะมีเรื่องราวคับหัวอกมากมายเลยทีเดียว  ผมได้แต่นั่งเงียบ ๆ  มองด้วยความสงสารในชะตากรรมที่ป้าภาเจอ

   “ไปวัดคนก็ซุบซิบกัน  เดินตลาดเขาก็พูด  น้องอาร์มพูดกับน้องมันหน่อยนะ  ช่วยพูดให้มันไปเรียนด้วยเหอะ”

   “ผมจะลองดูนะครับ  แต่ยังไม่รับปากนะป้าว่ามันจะยอมไปมั้ย”

   “ถ้าน้องอาร์มพูด  โกมันไปอยู่แล้ว  มันรักน้องอาร์มจะตาย  ป้าน่ะอยากให้ลูกได้เรียน  ไม่อยากให้มีชีวิตแบบนี้  เราไม่ได้เรียนทีนึงแล้ว  ไม่อยากให้ลูกโง่เหมือนเรา  ไม่เรียนไม่เท่าไหร่  นี่ไปคว้าเด็กบาร์มาอยู่ออกหน้าออกตา  จะพูดก็กลัวลูกเสียใจ  แต่ลูกมันไม่เคยคิด  หัวใจแม่มันยับเยินขนาดไหน”

   ป้าภาหลบหน้า ยกมือปาดน้ำตาทิ้ง . .

   หัวใจผมหรือ . . . หล่นวูบตามภาพที่มองเห็น

   “ครับ”

   “ช่วยป้าหน่อยนะน้องอาร์ม  พูดกับน้องให้น้องมันไปเรียนต่อทีเหอะ  เอามันไปให้พ้น ๆ  จากสังคมแย่ ๆ  ทีเหอะ  ถือว่าทำบุญก็แล้วกันจะให้ทำอะไรป้าก็ยอม  ป้าไหว้ล่ะ”  แกยกมือไหว้ผม

   เล่นเอาผมทรุดลงกับพื้นเลย . . . 

   ผมกราบแกด้วยความเคารพ รู้สึกผิดมาก  ที่เห็นป้าภายกมือไหว้  ทำไมหรือครับ  ผมบอกไม่ถูกเหมือนกัน  ผมรู้แค่ว่า  ผมไม่อยากให้ป้าภาทำแบบที่ทำเมื่อสักครู่   

   แกดึงผมเข้ามากอด  ร้องไห้เสียตัวโยน  ผมได้แต่หลับตานิ่ง  สมองผมตอนนี้มันทึบ  มืด  คิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน  ผมไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน  มือไม้ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนดี  จะลูบปลอบแกก็ไม่สมควร น้ำตาของคนเป็นแม่ที่ห่วงลูก  ผมจะทำยังไงดี  แกบากหน้ามาหาผม  เพราะคิดว่า  ผมน่าจะช่วยแกได้  ผมอาจเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สำหรับแก

   “ป้ามองไม่เห็นทางเลยน้องอาร์ม  มองไม่เห็นใครเลยจริง ๆ  มีแต่น้องอาร์มนี่แหละที่จะพูดกับโกได้  ช่วยป้านะน้องอาร์ม”  เสียงป้าภาย้ำสำทับ

   “ครับ . . . ผมจะพูดกับโก”

   “ช่วยให้ได้นะน้องอาร์ม”

   “ครับ  ผมสัญญา  ผมจะเอาโกไปเรียนต่อ  ผมจะเอาไปเรียนให้ได้ครับ  ป้าภาไม่ต้องห่วงนะครับ  ผมจะพูดกับน้องมันเอง”

   พันธะสัญญา . . .

   . . . หรือ . . .

   บ่วง . . .  มันค่อย ๆ  รัดผมเอาไว้  กว่าผมจะรู้ตัว  บ่วงนั้นกลับมารัดคอผมเอาไว้แทบตาย  แต่ผมก็ยินดีที่จะรับมันไว้  แม้จะมีทั้งหยดเลือดและหยาดน้ำตา

   ผมมีเรื่องที่ต้องคิด  คิดมากเสียด้วย . . .

   ผมจะพูดอย่างไร  ผมจะแยกคนที่เขาอยู่ด้วยกันได้อย่างไรกัน  ในเมื่อตอนนี้ดูเหมือนว่า  อะไร ๆ  มันจะช้าไปเสียแล้ว    ผมได้แต่วาดหวังเอาไว้  ขอให้มันเป็นแค่ช้าไปแล้ว  อย่าให้มันได้ชื่อว่า . . .

   . . . สายเกินไป

   ผมไม่ชอบเลยคำนี้ . . . สายเกินไป

   ผมมองหน้าป้าภา  หัวใจผมหวิว ๆ    บางครั้งผมรู้สึกผิดในหัวใจ  กับความคิดที่มันซ่อนอยู่ภายในลึก ๆ  ของผม

   ถ้าหาก . . .

   ป้าภารู้  ผมคิดกับลูกแกเกินกว่าพี่น้อง . . .

   . . . ป้าแกจะมาพูดเรื่องนี้กับผมมั้ยนะ 

   ป้าภากลับไป  ผมต้องรีบเอาพาราสองเม็ดซัดเข้าปาก  เพราะสมองผมมันปวดตึ้บไปหมด   ผมต้องนอนเอามือก่ายหน้าผาก  เพราะเรื่องที่ป้าภาแกมาขอให้ผมช่วย  มันอาจเป็นอะไรที่ใหญ่สำหรับคนตัวเล็ก ๆ  แบบผม

   การที่จะมีใครเข้ามาในชีวิตเรา . . .

   มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ  เลย  ผมจะทำยังไงดี  ผมจะต้องใช้วิธีไหน  การแยกคนคู่คนอื่นมันเป็นบาป      แล้วไอ้บาปบางอย่างมันสนองเร็วเสียด้วย 

   ผมไม่เคยคิดการตัดสินใจของผมในครั้งนั้นมันจะส่งผลกระทบมาถึงผมในอนาคต . . . กรรมในการแยกคนอื่น

   มันส่งผลตอบแทนอย่างสาสม . . .

   ถ้าวันนั้น . . .

   . . . เมื่อสิบปีก่อนผมรู้ผลของวันนี้

   ผมจะยังทำแบบนี้อีกไหม . . .

   ผมถามตัวเอง  ในขณะที่นั่งนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา  ในเวลาตอนนั้น  ผมไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว . . .

   ทางเลือกสำหรับผมในเวลานั้นมันมีไม่มากนัก  เหมือนผมโดนบีบมาให้อยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจ  สิ่งที่ผมตัดสินใจ  มันย่อมมีผลกระทบกับคนใดคนหนึ่งแน่นอน   ปัญหาบางเรื่องมันแก้ง่ายนักหรือ

   ผมต้องแยกมันออกจากเมียมันหรือ?

   มันต้องไปเรียนต่อใช่ไหม ?

   แล้ว . . . ผมจะเลิกรักมันเกินน้องได้หรือ?

   สารพัดกับปัญหาที่ผมคิด . . . ก่อนที่ฤทธิ์ยาจะออกแรง  สายตาผมพร่ามัว  ผมอยากนอน  อยากหลับไม่ต้องรับรู้กับปัญหาใด ๆ

   ปัญหา . . . ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย  ทางออกของเรื่องนี้  ผมมีแต่เสียกับเสียแน่นอน 

   แต่ . . . 

   . . . ผมเสือกเอาตัวเข้าไปพัวพัน   นึก ๆ ไปก็สมน้ำหน้าตัวเองดี

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 08-05-2008 13:34:36
เครียดจัง :sad2: แต่ไม่เคยเบื่อที่จะอ่านแฮะ เหมือนเราได้รวดแล่นไปกะอาร์มเลย
จากเหตุการณ์ในปัจจุบัน เราอยากบอก(แค่อยากบอกนะ) ว่าอย่ากลัวที่จะรัก จริงอยุ่ภาพเหตุการณ์ต่างๆในอดีตมันเจ็บปวดเหลือเกิน แต่ลองถามใจตัวเองตอนนี้สิ ว่ายังรักไหม แล้วคิดจะหนีใจตัวเองไปถึงไหน เพราะยังไงถ้ารักไปแล้วมันก้อรักล่ะนะ พูดไม่ถูกแฮะ บางครั้งคนเราก้อต้องปล่อยวางนะจริงมะ คนเราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ
ทั้งๆที่รัก และรู้ว่าเค้าก้อรักเรา แต่พยายามที่จะไม่รัก...ถามหน่อยสิคนเจ็บน่ะคือใคร??
ใช้หัวใจตัดสินนะ ก่อนที่มันทำร้ายทั้งตัวเองและคนที่ตัวเองรัก:L2:

ปล. ขอโทดทีนะคะที่พล่ามซะยาว แบบว่าอินจัด แฮ่ะๆ :m23:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 08-05-2008 15:59:25
ลองดูอีกสักครั้งเลยพี่ ความรักมันไม่มาหาเราบ่อยๆน๊า บางคนรอให้มันมาทั้งชีวิตยังไม่มีโอกาสแล้ว ในเมื่อคนที่พี่รักเขามายื่นความรักให้ตรงหน้า ก็อย่าขัดศรัทธาเขาเลยน๊า สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 08-05-2008 17:56:19
ลองดูซักทีก้อไม่น่าจะเป็นไรในเมื่อมันเจ็บแล้วจะยอมอีกหน่อยว่าจะเจ็บกว่าเดิม หรือว่าเจ็บน้อยกว่า
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 08-05-2008 18:29:13
 :m23:  แหะๆ มาช้า มัวแต่แวะข้างทางเอิ้กๆ

แต่ตามมาแล้วหนา...ชื่อเรื่องก้อนะ

"รักฤาผูกพัน...ก้อเจ็บปวดเท่ากัน "  แปลว่า ยังไม่ได้หมดรัก อ่ะสิเนี่ย  ...
ความผูกพันยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยังไง ก้อ สบัดไม่ออกอยู่แล้ว    :a3:


รีมิกซ์ๆ ใหม่ไฉไลกว่าเก่า  

ตกลงว่า จะเซย์เยส หรือ จะเซย์โน น่อ...การใช้เหตุผลกับความรักบางที มันก้อใช้ไม่ได้เหมือนกันนะ
ก้อเหมือนการวิ่งหนีความรู้สึกของตัวเองนั่นแล่ะ ที่วิ่งหนี เพราะกลัวว่า ตัวเองจะเจ็บปวด ทั้งๆที่จริงแล้ว
ทุกวันนี้ก้อยังเจ็บปวดอยู่ แล้วจะต้องไปวิ่งหนีมันทำไม  สู้หันหน้าแล้วเดินเข้าไปหามันไม่ดีกว่าเหรอ
อย่างน้อย มันก้อมีคำตอบ..รอเราอยู่นะ 
ดีกว่าที่จะต้องวิ่งหนี แต่หาคำตอบไม่ได้ซะที      :a2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: DEK-JANGRAI™ ที่ 08-05-2008 19:34:48
เหอ  ผมชอบแนวแบบคุณแต่งมากคร้าบ


แต่สำนวนการใช่แต่งนี้มันเหมือนของพี่ต้นสายเนาะ


แหะ ๆๆ  แต่สงสัยอ่ะคร้าบ


อย่าว่ากันน่ะคร้าบ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ภาณุเมศพลัง ที่ 08-05-2008 20:56:42
เเปะโป้ง ไว้ก่อนเพราะวุ่นๆ อ่านไปเเค่ตอนเเรก

นามปากกาคูีนนนนนคุ้น :oni1: :oni1:


เป็นกำลังใจให้ค่ะ

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 08-05-2008 22:01:22
หัวใจบอกว่ายังงัย...ก็ทำไปตามนั้นล่ะค่ะ
สู้ๆ :a2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 08-05-2008 22:03:01
 :m1: :m1:
ถึงจะเครียดเล็กน้อยแต่ก็จะติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 08-05-2008 22:45:44


ตอนที่ ๔  



   ผมไม่รู้เหมือนกัน คนอื่น ๆ  ถ้าเจอแบบผมจะทำอย่างไร  มองไปทางไหนก็เห็นเงาครึ้มของปัญหาแทบทั้งนั้น  ทั้งปัญหาของตัวเอง  ปัญหาที่เกี่ยวพันกับคนรอบ ๆ  ตัว    ได้ยาพาราไปสองเม็ด  สมองเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะที่พร้อมจะรับรู้รับฟังอะไร . . .


   ผมมองดูนาฬิกา . . . เกือบสี่ทุ่ม

   กินข้าวกับชัยตั้งแต่เที่ยง  จนป่านนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย  อาจเพราะเรื่องของโก  ทำให้เครียดเลยพาลไม่หิวก็เป็นได้    ผมว่าตอนผมอยู่มหาวิทยาลัย  ผมสนุกกับเพื่อน ๆ  วัยเดียวกัน  มันไม่มีอะไรให้ต้องคิดนอกจากหน้าที่ของตัวเอง

   หน้าที่เรียน . . .

   . . . เรียนให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ . . .

   แต่. . .

   พอมาอยู่ที่นี่เมืองเล็ก ๆ  ที่ห้อมล้อมด้วยขุนเขา  ผมกลับเห็นปัญหามากมายสารพัด  ปัญหาที่เหมือนกระจกส่องทาง    มีทั้งปัญหาครอบครัว  ปัญหาสังคม . . .

   ครอบครัว . . .

   . . . ของคนที่ผมรัก

   สังคม . . .

   . . .การเติบโตของเมืองท่องเที่ยวที่ไร้การควบคุมจากการวางแผนที่ดี

   การไหลบ่าของวัฒนธรรมตะวันตก . . . การกอดจูบ  แสดงความรักของคนตะวันตก  เริ่มกลายเป็นภาพที่ชินตาของผู้คน  ภาพที่เด็กเล็กเด็กน้อยปิดตา  แต่แอบมองตามง่ามนิ้ว

   ภาพเหล่านี้ . . . ค่อย ๆ  ซึมซับลงในรากของคนในพื้นที่อย่างช้า ๆ  

   แล้ว . . . อนาคต

   ผมได้แต่มองเมืองท่องเที่ยวกลางหุบเขาอย่างเงียบ ๆ  อย่างน้อยที่สุด  วิชาที่ผมเรียนมา  มันทำให้ผมพอจะวิเคราะห์  การไหลบ่าของกระแสเงินตราได้  ผมไม่ขัดขืนการไหลบ่าของนักท่องเที่ยว  เพราะรู้ดี  ประเทศต้องการเงินตราเพื่อเข้ามากอบกู้ระบบเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่จากการดำเนินการที่ผิดพลาด . . .

   คนทั้งประเทศไม่มีใครไม่รู้จัก . . . IMF

   ปัญหาคนตกงาน . . . โรงงานปิดกิจการหนี  เพราะทนแบกดอกเบี้ยจากการอ่อนลงของค่าเงินไม่ไหว  ปัญหามหภาคที่เราไม่สามารถควบคุมได้  แต่ปัญหาเล็ก ๆ  ของครอบครัว  เราสามารถที่จะป้องกันได้มิใช่หรือ

   ปัญหาจุลภาค . . .

   . . . เรื่องของโก

   ผมเดินมาเรื่อย ๆ  อากาศยามดึก ไม่ร้อน  และค่อนข้างไปทางเย็นชื้น ๆ  เสียด้วยซ้ำ  เมืองกลางหุบเขาก็แบบนี้  กลางวันอากาศอบอ้าวหากกลางคืน . . . หนาว

   คนที่นั่งเหม่อที่ร้านเดิม . . .

   . . .โกเมศร์

   มันยิ้มกว้างเมื่อเห็นผม    “พี่อาร์ม”

   ผมยิ้มให้โก   แปลกจัง  ที่วันนี้ผมไม่เจ็บปวดเหมือนคืนก่อนวันเกิด  อาจเพราะเรื่องราวที่ผมรับรู้มาจากชัย  มันทำให้ผมมองไปอีกขั้น  

   มันอาจมีห่วงผูกอยู่ . . .

    . . . พันธะทางกาย . . .

   ส่วน . . . หัวใจ

   บางทีในหัวใจของมัน  อาจยังไม่มีใคร  มันยังอาจมีที่ว่าง ๆ  สำหรับผมที่จะแทรกเข้าไปในหัวใจของมันก็ได้  ผมรักมัน  รักอย่างคน ๆ  นึงพึงจะรักใครสักคนได้  ผมแน่ใจ  ในวันข้างหน้า  ผมจะทำให้มันรักผมให้ได้

   ผมเชื่อ . . .

   . . . ความผูกพัน

   เหมือนเกลียวเชือก  แน่นเหนียว  ยาวนาน  ยากจะจะตัดได้ง่าย ๆ  ความผูกพันมันค่อย ๆ  สร้างจากหัวใจสู่หัวใจ  

   ผมเดินไปหามัน  ผมมองบนโต๊ะ  มีขวดปล่าวสองขวด  กับอีกครึ่งขวดที่อยู่ในมือของโก  มันกินเบียร์ด้วยเหรอ  เพราะปกติมันจะไม่ค่อยกินของมึนเมาสักเท่าไหร่  ชีวิตของมันมีแต่งานเท่านั้นกระมังที่ผมเห็น

   “ไงไอ้เสือ  มานั่งดวดเบียร์คนเดียว”

   “เบื่อ ๆ  อ่ะพี่  แล้วพี่มาเมื่อไหร่  ไม่โทรมาหาผมเล้ยยยย”  ปลายเสียงมันเหมือนคนน้อยใจ

   “มาถึงเมื่อเช้า  ไม่โทรเพราะไม่มีตังค์”  ผมปดมันทั้ง ๆ  ที่ผมอยากโทรหามัน  อยากคุยกับมัน  แต่มันมีครอบครัวแล้ว  มันไม่ใช่คนตัวเปล่าเล่าเปลือยแบบที่ผ่านมา  ผมจะโทรมาหามัน  จะคุยกับมันเรื่องอะไร  ถามมันเหรอว่า  กับเมียเป็นไงบ้าง  มันก็ไม่ใช่เรื่อง  ผมขีดตัวเองเอาไว้ ด้วยรู้ดี  อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดเราห้ามกันไม่ได้หรอก  ผมได้แต่ยิ้มให้มันอีกครั้ง  

   “เบื่อไรนักหนา  ชีวิตยังอีกยาวไกล”  ผมจ้องหน้ามันชัด ๆ  มันเหมือนคนมีเรื่องคับอกคับใจ

   “ไม่รู้สิพี่ . . . มันบอกไม่ถูก”

   “พี่ก็เคยเบื่อ  เบื่อแบบหาสาเหตุไม่เจอ”

   “แล้วพี่ทำไง . . .”  มันเลื่อนขวดเบียร์ที่เด็กเสิร์ฟเอามาวางหน้าผม

   “ก็นึกถึงคนที่เรารักมาก ๆ  พ่อ  แม่  บางทีเรายังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่ได้ทำ  แต่พ่อแม่  เขาผ่านอะไรมามากกว่าเรา  ถ้าท้อมาก ๆ  จนอยากจะร้องก็เข้าไปกอดแม่เอาไว้  ทำบ่อย”

   “พี่รักแม่มากสินะ”

   “อืม”

   “ผมก็รักแม่”

   “งั้นที่บอกว่าเบื่อ  ลองทำอะไรเพื่อแม่บ้างสิ  บางทีเราอาจทำเรื่องหนักอกหนักใจให้แม่  แต่คนเป็นแม่เขาไม่พูดหรอกโก  แม่ให้อภัยลูกได้เสมอ  แม่รับสภาพลูกได้  ไม่ว่าลูกจะทำเลวมาขนาดไหน ทั้ง ๆ  ที่บางที  หัวใจแม่อาจย่อยยับแล้วที่ลูกทำไปแบบนั้น”  ผมมองหน้ามัน

   มันหลบสายตา  ที่ผมมองมัน . . .

   ผมรู้ว่ามันเองก็รู้ว่าผมแอบด่ามันกลาย ๆ  แต่การจะโน้มน้าวคนแบบมัน ต้องเอาคำพูดดี ๆ  เข้าข่ม  ผมรู้จักมัน  จุดอ่อนของมันอยู่ที่มันรักแม่มัน  การที่จะให้มันตัดสินใจทำอะไร  ต้องพูดในแนวว่า  แม่มันเจ็บปวดกับสิ่งที่มันกำลังกระทำ

   มันนิ่งเงียบ . . .

   ผมไม่เร่งมันหรอก  ของแบบนี้  ถ้ามันไม่คิด  มันไม่เงียบ  สิ่งที่ผมพูดกับมัน  แค่ส่วนน้อยนิดของความรักที่ป้าภามีให้มัน  มันสัมผัสได้นะผมว่า  แต่อยู่ที่ว่ามันจะตัดสินใจอย่างไรมากกว่า

   “คนเราทำผิดได้เสมอโก  บางทีแค่คำขอโทษไม่พอหรอก  เราอาจต้องทำความดีไถ่โทษ”  ผมยิ้ม ก่อนกระดกเบียร์เข้าปาก

   “พี่ว่าอย่างผมจะเรียนต่อได้มั้ย”

   “ห๊า”  

   “ไม่ต้องทำท่าตกอกตกใจขนาดนั้นก็ได้พี่  ผมแค่อยากรู้ว่าผมจะเรียนต่อได้มั้ย”

   จะไม่ให้ผมตกใจได้อย่างไร  สิ่งที่มันพูด  ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง  ผมเคยคุยเรื่องเรียนต่อกับมัน  แต่มันก็ทำเฉย  แล้วจู่ ๆ  มันกลับพูดเรื่องนี้ขึ้นมา  ผมก็ต้องประหลาดใจเป็นธรรมดา

   “แล้วจบไรมา”

   “กศน.”

   “สามหรือหก”

   “สาม”

   อืม . . . น้อยจริง ๆ  สำหรับคนที่จบแค่มอสาม  นี่กรูจะจบตรีแร่ะ  แต่มันเพิ่งจะเริ่มเรียน  ก็ยังดีที่มันยังคิดที่จะเรียน  ไม่มีใครสายเกินไปที่จะเรียนหรอก  ความรู้มันอยู่รอบ ๆ  ตัวเราตลอดเวลา  อยู่ที่ว่าเราจะไขว่คว้ามันมาหรือเปล่า

   “จบสามก็ต่อ สี่ห้าหก  หรือไม่ก็ ปวช.  สายพาณิชย์ พวกบัญชี  หรือการตลาด    ไม่ก็สายเทคนิค  ไฟฟ้า อิเลค  โอ้ยเรียนได้เยอะแยะมากมาย  อยู่ที่ว่าชอบอะไร”  ผมบอกมันเท่าที่ผมรู้

   “พี่ว่าผมเรียนต่อดีมั้ย”

   “เรียนนะดีอยู่แล้ว  แต่ . . .”    ผมมองหน้ามัน  ปัญหาของคนมีครอบครัวแล้ว  จะแก้อย่างไร   ผมว่ามันก็คงรู้ในจุดนี้ดี  

   “เมีย”

   ผมพยักหน้ารับ . . .

   . . . มันเงียบ . . .

      ปัญหาที่มันเป็นคนก่อขึ้นมาเอง  ผมไม่รู้จะเริ่มยังไงเหมือนกัน  ทั้ง ๆ  ที่นี่น่าจะเป็นโอกาสดีที่ผมจะพูดกับมัน  เพราะว่ามันเป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน  ปัญหาข้อนี้  มันคนเดียวที่จะแก้ได้  เพราะคนอื่น  คงไม่มีใครแก้ให้มันได้

   “ผมชอบพวกเครื่องยนต์”

   “ก็มีช่างกลโรงงานกับช่างยนต์”

   “พี่ว่าผมเรียนดีมั้ย”  มันถามย้ำ

   ผมยิ้ม  มองหน้ามัน  เหมือนเด็กที่ขอคำตัดสิน    ดู ๆ ไปแล้ว  มันก็ไม่ใช่คนที่มีความมั่นใจใน ตัวเองสักเท่าไหร่  อาจเพราะมันเป็นลูกคนเดียว  ที่ครอบครัวไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่  มันอาจเติมโตมาด้วยความรักของแม่  แต่เท่าที่ผมรู้ พ่อมันมีเมียน้อยมาแล้วเป็นสิบ  แยกห้องนอนกับแม่มันนานแล้ว  ด้วยเหตุนี้กระมัง  ที่ทำให้มันติดผม

   เพราะผมเป็นคนเดียวที่คอยแนะนำ  คอยสอนมัน  ให้คำปรึกษามันได้ . . .

   มันไว้ใจผมเหมือนผมเป็นพี่แท้ ๆ ของมัน . . .

   แต่ . . .

   . . . ผมเลว . . .

   รักมันมากกว่าน้อง . . . มากกว่าที่ผมควรจะรัก

   “แล้วแต่โก”

   “พี่”  มันมองหน้าผม  ยิ้ม    

   “คิดเอาเอง  โตแล้ว  อยากเรียนอะไร  แต่ถ้าโกถามพี่  สี่ห้าหก  ตัดทิ้งไปได้เลย  เพราะ . . .”  ผมมองหน้ามัน

   “อะไรหรือพี่”

   “อย่างแรก  จบ กศน. มาฐานไม่แน่น  ไปเรียนก็สู้คนอื่นลำบาก  อย่างที่สอง  อายุมากกว่าคนอื่น  การปรับตัวเข้าหาเพื่อนที่อายุน้อยกว่า  อาจจะทำให้อึดอัด  ไม่ได้เรียนมาสองปีแล้วมิใช่หรือ”

   มันพยักหน้ารับในสิ่งที่ผมพูด . . .

   “ทีนี้เหลือแค่พาณิชย์กับช่างกล”

   “พี่ว่าอย่างไหนดีกว่ากัน”  มันขาดความมั่นใจจริง ๆ  ไม่อย่างนั้น  มันคงตัดสินใจเองได้ไม่ยาก  ในเมื่อตัวมันเองก็รู้อยู่แล้วว่ามันชอบอะไร

   “พาณิชย์”  ผมมองหน้า

   “ผมไม่ถนัดบัญชี  ทำไมต้องพาณิชย์”

   “ก็  บ้านของโกมีกิจการ  แล้วแม่ไม่รู้หนังสือ  พ่อไม่เคยสนใจกิจการ    แล้วเมืองท่องเที่ยวมันโตขึ้นทุกวัน  คนที่มีความรู้จบมาก็บริหารงานได้  คนที่ไม่มีความรู้จะสู้คนอื่นได้อย่างไรกัน  ถ้าโกเรียนสายพาณิชย์  อย่างน้อยจบมาก็บริหารกิจการที่พ่อแม่ทำเอาไว้ได้”    

   ผมเชื่อ . . . ทุนใหญ่กลืนทุนเล็ก

   ไม่ช้าไม่นาน  เมืองเล็ก ๆ  แห่งนี้ก็จะโดนกลืนโดยทุนใหญ่  เช่นเดียวกับเมืองท่องเที่ยวหลาย ๆ  แห่งในเมืองไทย  เพราะระบบปฏิบัติ  หรือโมเดลทางธุรกิจเป็นมาแบบนี้  ไล่มาจาก  ภูเก็ต  เชียงใหม่  พัทยา  สมุย  พะงัน  เกาะเต่า

   และอีกไม่ช้า . . . ปาย

   ปายแบบอดีตจะไม่หลงเหลือความมีมนต์เสน่ห์อีกต่อไป  อาจเหลือแค่มนต์  แต่ไร้เสน่ห์  เพราะกระแสทุนจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คน

   “แต่ผมชอบเครื่องยนต์”

   “งั้นก็จบ . . . รู้อยู่แล้วว่าชอบอะไร  ก็ไม่ยาก”

   “โก  มาอีกแล้วนะ  พี่คนนี้มาทีไร  มาเที่ยวดึก ๆ  กันทุกที  ถามจริง ๆ เหอะ  มีอะไรกันเหรอ”  เสียงพิฆาตของเมียมันดังมาจากข้างหลังผม

   ผมจิ้ดขึ้นมาทันที . . . มีอะไรกันเหรอ

   มันคงดูผมออกมั้งว่าผมแอบชอบผัวมัน . . .

   ไอ้สิ่งเลวในตัวของผมกระตุ้นบอกตัวเอง  คอยดูกูจะเอาผัวมึงไปเรียนต่อกับกูให้ได้  แล้วเมื่อถึงวันนั้น  อย่ามานั่งโอดครวญ  ผมไม่หันไปมองหน้าเขาหรอก  เพราะผมคิดเสมอ  ไม่ลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับผู้หญิงแบบที่ชัยมันเล่า

   “เงียบไปเลย  ไม่รู้อะไรอย่าพูด”  มันขึ้นเสียง

   “ทำไมเหรอ  เห็นตูดดีกว่า . . . “    

   มันหยาบเกินที่ผมจะรับได้  ถึงผมจะทะลึ่งตึงตังกับเพื่อนมากขนาดไหน  แต่ผมไม่เคยเอ่ยถึงส่วนนั้น  ไม่เคยด่าใครแบบนั้น    ผมเชื่อ  คนเรา  หากมีการศึกษาพอ  ควรรู้มารยาทในการเจรจา

   “ไปก่อนนะโก . . .  ไว้คุยกันใหม่ดีกว่า บรรยากาศเริ่มมีกลิ่นว่ะ”

   “พี่อาร์ม”  มันเรียก  ผมยกมือห้ามมัน  ก่อนหันไปมองเมียมันด้วยหางตา

   “เมียคอยมาคุม   คอยมาคุ้ม  คอยมาคุม”    ผมได้แต่ฮัมเพลง  และดังมากพอที่คนแถวนั้นจะได้ยิน    เพลงฮิตเพลงนี้ใช้การได้เสมอ

   ผมเข้าใจดี . . .

   . . . วันนี้ไม่ใช่วันของผม



   หาก . . . ผมย้อนเวลาได้

   ผมแน่ใจนะว่าผมยังคงทำแบบที่ผมทำ  เพราผมมีเหตุผลในการรองรับการกระทำของตัวผมเองเสมอ  คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจกับสิ่งที่ผมกระทำ  แต่ผมรู้ว่าผมทำอะไรลงไป  และผมแน่ใจว่า  มันดีพอ


   ดีพอ . . . ในสายตาของผม

   หรือ . . .

   ในความเป็นจริงแล้ว  ผมมันก็แค่คนที่เห็นแก่ตัวคนนึง  คนที่อยากได้อยากมี  อยากเอาชนะ  ผมทำในสิ่งที่ผมคิดว่าดี  โดยที่ผมไม่เคยถามคนที่เขามีส่วนกระทำเลยด้วยซ้ำว่าเขายินดีกับการกระทำของผมด้วยหรือไม่

   ผมผิดใช่ไหม . . .

   . . . ที่อยากอยู่ใกล้ ๆ คนที่ผมรัก

   การที่ผมทำทุกอย่างเพื่อคนที่ผมรัก . . .

   . . . ผมเลวใช่ไหม?

   คำถามที่ผมเองไม่เคยพิจารณาให้ถี่ถ้วนมาก่อนเลยในเวลานั้น  ผมรู้เพียงแต่ว่า  โลกมันหมุนไปทุกวัน  ความเจริญมันไหลบ่ามาอย่างรวดเร็ว  แล้วสิ่งที่สำคัญในการดำรงชีวิตประจำวันคือ . . . เงิน

   คนไม่มีเงิน . . .

   . . . อยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร

   แล้วหนทางที่จะได้เงินมาดำรงชีพ . . . การศึกษา

   ผมไม่รู้นะ  ผมรู้แค่ว่า  คนที่ศึกษาน้อยมักตกเป็นเหยื่อของคนที่เก่งกว่า  เพราะการศึกษาสอนให้คนคิดสลับซับซ้อน  เหมือนผมไง . . .

   . . . ผมรักโก

   ผมอยากได้มันมาอยู่กับผม  ทุกครั้งที่ผมคุยกับมัน  ผมมักจะพูดถึงแต่อนาคต  วันข้างหน้า  จะลำบากขนาดไหน  ถ้าเราไม่มีความรู้   เราต้องตกเป็นเหยื่อของคนที่มีความรู้  ภาพที่ผมวาดให้มันดูน่ากลัว . . .

   มันจะกำจัดภาพนั้นได้  ก็ต่อเมื่อ . . .

   . . . มันต้องเรียน . . .

   เห็นมั้ย . . .  

   โดยแท้จริงแล้ว   ผมอยากให้มันเรียนหรือผมอยากให้มันมาอยู่ใกล้ ๆ ผมกันแน่    ในเวลานั้นผมคิดว่า  ผมอยากให้โกเรียน  เรียนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้  แต่พอวันเวลาผ่านไป  ผมมองย้อนกลับไปอีกครั้ง  มองในสิ่งที่ผมกระทำลงไป  สิ่งที่ผมเฝ้าบอก  ผมอยากให้มันเรียนนั้น  แท้จริงแล้วเป็นแบบนั้นหรือปล่าว  แน่ใจใช่ไหมว่ามันไม่มีอะไรแอบแฝงอยู่

   สิ่งที่แอบแฝงที่ผมมองไม่เห็นในเวลานั้น . . .

   ผมยอมรับอย่างไม่อาย  ทั้งสองอย่างที่ผมกล่าวมานั่นแหละ  มันคือส่วนผสมที่ลงตัวนะ  มันเรียนเพื่ออนาคตที่ดีของมัน  แต่มันต้องแลกกับการตกเป็นเหยื่อของคนแบบผม  

   เหยื่อ ?

   ในเวลานั้น . . .

   มุมมองความรักของผมอาจจะแคบ

   ผมอาจจะรักมาก  และ รุนแรง  อยากอยู่ใกล้คนที่ผมรัก  อยากทำอะไรให้คนที่ผมรัก  จับเขาปั้น  แต่งแบบที่ผมอยากให้เป็น  โดยที่ผมไม่มองสักนิดว่าเขาจะรู้สึกเช่นไร  อะไรก็ตามที่ผมมองว่าดี  ผมจะทำลงไป  เพื่อให้โกมันได้เข้ามาเรียน

   “พี่อาร์ม  พี่อาร์ม”    เสียงมันร้องเรียกผมจากหน้าห้อง  ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาเปิดประตู

   “เข้ามาก่อน”    ผมทิ้งตัวลงไปบนที่นอนเช่นเดิม

   มันเดินเข้ามาในห้องผม   ทุกซอกทุกมุมในห้องมันคุ้นเคยดี  เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่มันมา  เวลามันว่างมันชอบมาฟังเพลงดูทีวีในห้องผมเป็นประจำอยู่แล้ว  ผมได้แต่มองมันด้วยรอยยิ้ม  ไม่เคยถือวิสาสะ  ก้าวล้ำในตัวมันเลยสักครั้ง

   “จะเที่ยงแล้วพี่  ตื่นได้แล้ว”  มันมาดึงแขนผมให้ลุกจากเตียงเหมือนเด็ก ๆ  ที่อ้อนอยากให้ผมพาออกไปเที่ยว

   “อีกหน่อย  เมื่อคืนดึกมาก”   ผมไม่ได้ปด  เพราะเมื่อแยกจากมันแล้ว  ผมไปนั่งต่อที่ร้านอีกร้าน  มันมีเรื่องให้ผมคิดมากมาย  

   ผมถามตัวเอง . . . รักโกมั้ย

   . . . รัก . . .  

   . . . คือคำตอบ

   รักแบบไหน ?

   . . . อย่าถามได้มั้ย  รักคือรัก  ไม่อยากตอบ  ไม่อยากรู้อะไรมากกว่านี้

   เห็นมั้ย  ผมมันคนขี้ขลาดมาแต่ไหนแต่ไร  ผมไม่กล้าตอบ  ผมกลัวหัวใจตัวเอง  ทั้ง ๆ  ที่ผมก็รู้นะ  ตอนนี้ผมรักมันมาก   มากกว่าความเป็นพี่เป็นน้องเสียอีก  แต่ผมยังปฎิบัติตัวเช่นเดิม  ผมกลัวด้วยมั้ง กลัวว่าหากผมบอกมันไปในตอนนี้

   ผมเสียมันไปแน่ ๆ  . . .

   มันรับสภาพได้หรือ  ในเมื่อมันมองผมเป็นพี่ชาย  เป็นพี่ที่ดีของมัน   แล้วจู่ ๆ  หากผมเปลี่ยนสถานะ  มันรับไม่ไหวหรอก  แล้วมันอาจเดินหนีจากผมไปเลยก็เป็นได้  ผมจะทนได้หรือ  ถ้ามันเดินจากผมไป

   ผมโง่เอง . . . ที่ไม่บอกไปตั้งแต่วันนั้น

   ผมปล่อยให้วันเวลามันร้อยถัก ผูกมัด พันแน่น เป็นความรักเต็มหัวใจ  เป็นความผูกพันฝังลึก  แล้วเมื่อถึงวันของการลาจาก . . .

   “ผมตัดสินใจแล้วพี่  ผมต้องไปเรียน”  มันลงมานอนใกล้ ๆ  ผม  เมื่อเห็นว่า ไม่สามารถดึงผมให้ลุกแบบที่มันต้องการได้

   “อืม”  ผมตอบรับมัน  เพราะได้ยินไม่ชัด  

   “ห๊า . . . “   ผมผงกคอดูมัน  เมื่อสมองผมคิดทวนสิ่งที่มันบอก  มันมีทั้งอารมณ์ดีใจ  และตกใจคละเคล้ากันไป

   “ได้ยินไม่ผิดหรอกน่าพี่อาร์ม”  มันยิ้มกว้าง

   “อย่ามาทำเป็นเล่น”

   “ผมพูดจริง ๆ  นะพี่  ผมไม่เคยมั่นใจอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย”

   “อะไรดลใจว่ะ”

   “ความรักมั้งพี่”  ผมมองหน้ามันอีก    อดดีใจไม่ได้  มันรักผมหรือ  มันถึงได้พูดกับผมแบบนี้

   “อย่ามาตลก”

   “จริง ๆ  พี่  ที่พี่ถามผมคราวก่อนโน้นจำได้มั้ย”

   “ถามไรว่ะ”  ผมมองหน้ามัน  พูดกันเป็นร้อยเรื่องใครจะไปจำได้หมด  ผมน่ะมีเรื่องมาคุยกับมันได้ร้อยแปด  แต่มันจะมีเรื่องคุยกับผมบ้างมั้ยนี่สิน่าคิด

   “ที่ถามว่า สิบปีข้างหน้าทำไร  ห้าปีทำไรไง  ผมคิดนะพี่  ผมคิดมาตลอดเวลา  จนกระทั่งเมื่อคืน  ผมถึงแน่ใจ  ว่าผมต้องเรียนต่อ”  

   “อือ”

   “อย่าทำเป็นเล่นไป  การเรียนมันต้องใช้เงินเยอะนะ  สงสารคนส่งด้วย”

   “ผมรู้พี่  ผมถึงบอกพี่ไง  ผมอยากเรียนต่อเพราะความรัก”

   จะบอกรักกรูเหรอ  บอกมาตรง ๆ  ก็ได้ ไม่ต้องอ้อมค้อมขนาดนั้นก็ได้  กรูนะรับได้  รอให้มรึงบอกรักมานานแร่ะ  มรึงเฉไปเรื่อย . . . ไอ้ความคิดชั่ว ๆ  ในหัวทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้

   “พี่อยากให้ผมเรียน  พี่คอยสอนผม  พี่อาร์มรู้มั้ย  ไม่เคยมีใครสอนผม  บอกผม ให้ผมเรียนต่อเลย  พ่อกับแม่ยิ่งแล้วใหญ่  ตามใจไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียน  จนพี่เข้ามาในชีวิตผม  พี่พูดแต่เรื่องเรียน  พูดจนผมต้องคิด”    มันพูดยาว  ผมนอนตะแคงมองมองมัน  มันนอนหงายมองเพดาน

   ผมยิ้ม . . . อย่างน้อยสิ่งที่ผมพูด  ก็เข้าไปอยู่ในความรู้สึกของมัน

   “ดีแล้วล่ะ”

   “ผมรักแม่ . . . รักแม่นะพี่อาร์ม”

   สาดดดดดดดดดดดดดดด  ไม่ช่กรู  ที่แท้มรึงพูดมาทั้งหมดนี่มรึงรักแม่  เล่นเอาทำหัวใจกรูพองโตคับอกตั้งนาน

   “ดีมากเลยโกเมศวร์   ไม่มีใครรักและให้อภัยเราได้ทุกเรื่องเท่ากับพ่อ กับแม่หรอก”    ผมขานชื่อมันเต็ม ๆ  ก่อนยิ้ม ยินดีกับมันด้วย

   “พี่อาร์ม . . .”  มันเรียกแล้วหันมานอนตะแคงมองหน้าผม  จนผมหลบแทบไม่ทัน  ไม่อยากให้มันรู้สายตาผมจ้องมองมันอยู่

   “หือ”  

   “แม่จะดีใจมั้ยถ้าผมเรียนต่อ”

   “แน่นอนที่สุด  ป้าภายินดีเป็นที่สุด”  ผมยิ้ม

   “แต่แม่ต้องหาเงินส่งผมอีก”  แววตามันกังวล

   “ก็ใช้ประหยัดสิ  อีกอย่างกู้เรียนได้นี่  เดี๋ยวนี้มีกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา  มีทั้งค่าเทอมค่าหอ  ค่ากิน  เรียนจบค่อยใช้ทุนคืน”

   “จริงดิ๊  ผมไม่เห็นรู้เรื่อเลย”  

   ผมยิ้มเจือสงสารมัน  นี่มันจะรู้อะไรบ้าง  ชีวิตคนต่างจังหวัด  มีอีกมากมายที่ข่าวสารเข้าไม่ถึง  ผมยิ้มกับมันเอ็นดูในความไร้เดียงสาของมัน

   “จะเรียนไหน . . . เชียงใหม่เหรอ”

   “ไม่รู้”

   “หรือกรุงเทพฯ”  ผมดูหยั่งท่าทีมัน  เห็นมันเงียบ  

   “กรุงเทพฯ  ก็ดีนะ  สังคมมันกว้าง  มีโรงเรียนเยอะ  จะเรียนตอนไหนก็ได้  มีทั้งภาคเช้า ภาคค่ำ  เสาร์อาทิตย์  สะดวกเวลาไหนก็เรียนเวลานั้น  เคยเข้ากรุงเทพฯยัง”

   “ครั้งเดียวเอง  นานมากแล้วด้วย”

   “เอางี้  เดี๋ยวหลังสงกรานต์พี่เข้ากรุงเทพฯ  ไปกับพี่ก่อนมั้ย  ลองไปดูว่าชอบมั้ย  ถ้าชอบก็หาที่เรียน  ถ้าไม่ชอบก็กลับมาเรียนเชียงใหม่”

   “เอางั้นหรือพี่   กรุงเทพฯ  ก็ดีนะ  เชียงใหม่ใกล้บ้านเดี๋ยวพอไปเรียน ไป ๆ มา ๆ  ไม่อยากกลับไปเรียนอีก  กรุงเทพฯ ไกลดี  ปิดเทอมค่อยกลับ  พี่ว่าดีมั้ย”  มันถามผม  ผมก็ต้องว่าดีสิครับ  อยากอยู่ใกล้ ๆ  มันอยู่แล้วนี่

   “แล้วแต่สิ  โกเป็นคนเรียน”

   “งั้นผมเลือกกรุงเทพฯ  ดีกว่า  ตอนนี้ผมรู้แล้ว  ผมจะเรียนต่อที่ไหน  เรียนอะไร  เหลือแค่”  มันทำหน้าเศร้า

   “อะไรเหรอ”  ผมนึกไปถึงเมียมัน  ท่าทางมันจะยังมีห่วง

   “แม่”

   “ทำไม”  ผมงง  ไม่ใช่สิ่งที่ผมคิด

   “พี่พูดกับแม่ให้หน่อยนะ  บอกแม่ว่าผมอยากเรียนต่อ  ผมไม่กล้า  นะพี่อาร์มมนะ  พี่ไปพูดแม่ต้องยอมแน่ ๆ  ช่วยผมนะพี่อาร์มนะ”  มันเขย่าแขนผมเหมือนเด็ก ๆ

   “นึกว่าเรื่องอะไร  ได้สิ”  ผมยิ้ม    ทุกอย่างมันลงตัวอยู่แล้ว

   “พี่อาร์มใจดีจัง  ถ้าผมมีพี่แบบพี่อาร์มนะผมรักตายเลย”

   ผมยิ้ม  หากหัวใจผมเศร้า

   . . . ถ้าผมมีพี่แบบพี่อาร์มนะผมรักตายเลย . . .

   เสียงนี้มันก้องอยู่ในหัวผม   มันคอยเตือนให้ผมรู้  เส้นทางของผมและของมัน  ไม่ใช่เส้นทางเดียวกัน

   แล้ว . . .

   ถ้ากรูไม่ใช่พี่มรึงนี่  มรึงรักกรูไม่ได้ใช่ไหม  กรูก็เป็นแค่คนนอกสายเลือด  ผมมองหน้ามัน  รู้สึกวังเวงขึ้นมาจับใจ

   “เออ  พี่อาร์ม  ถ้าผมไปอยู่กรุงเทพฯ  พี่จะมาหาผมมั้ย”

   “มาสิ  มาหาจนกว่าอาร์มไม่อยากเห็นพี่นั่นแหละ”  ผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ  

   หาก . . .

   . . . มันต้องการผม

   ผมจะอยู่เคียงข้างมัน . . .

   . . . ไม่หนีหาย

   แต่ . . .

   ถ้ามันไม่ต้องการผมแล้ว   ผมจะไม่รีรอที่จะเดินออกไปจากชีวิตของมัน  จะไปให้ไกลสุดขอบฟ้า  ไม่มีวันที่มันจะได้เจอหน้าผมอีกแน่ ๆ  . . .

   . . . ผมสัญญา

   สัญญา . . .

   มันจะไม่ได้เจอหน้าผมเด็ดขาดชั่วชีวิตของผม

   “ดูพูดเข้า  เอ  หรือผมจะไปอยู่กับพี่อาร์มดี  ให้ผมไปอยู่ด้วยได้มั้ยพี่อาร์ม”

   “ได้ . . . ก็ได้”

   “เย้  ดีจริง  ผมรักพี่จังพี่อาร์ม”  มันดีใจเหมือนเด็กได้ของถูกใจ  มันโผมากอดผมเอาไว้

   อ้อมแขนมันครั้งแรก . . .

   ผมกอดมันตอบน้ำตาคลอเบ้า ก่อนไหลอาบร่องแก้มช้า ๆ  ผมดีใจนะ  ที่มันกอดผม แม้จะคนละแบบกับที่ผมต้องการ  มันกอดผมเพราะมันคิดผมคือพี่  แล้วผมล่ะ  เห็นมันเกินน้องมานานขนาดไหน  อ้อมกอดแรกมันอบอุ่น  แม้ไม่ใช่แบบที่ผมคิด

   แต่ . . .

   มันก็ชดเชยทดแทนกันได้มิใช่หรือ ?




หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 08-05-2008 23:22:36
เอาแค่นี้ก่อนก้อดีนะ พี่น้อง อยู่ด้วยกัน แค่นี้ก้อดี แล้ว
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 08-05-2008 23:23:33
 :sad2: แล้วตอนนี้มีความสุขดีไหมคะ ดูแลหัวใจตัวเองด้วยนะคะ
ขอบคุณที่มาต่อจ้า
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 09-05-2008 01:54:06
รักเขาข้างเดียวช่างปวดใจแท้ๆ ไงสู้ๆๆก๊าบบบ :oni2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 09-05-2008 11:55:31
แหะๆๆๆ

แสดงตัวก่อนว่ามีคนชอบอ่านเรื่องนี้ด้วยอีก 1 คน

เรื่องมันอาจจะไม่สนุก

แต่ก็มีความสุขที่ได้รับรู้ว่าคุณมีความสุข

และก็เศร้าไปด้วย  เมื่อรู้ว่าคุณเศร้าอะครับ

 :L2:  เป็นกำลังใจให้สำหรับสิ่งที่เคยผ่าน  และเป็นกำลังใจให้สำหรับทางที่กำลังมาถึง
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 09-05-2008 18:32:27
รักเขาข้างเดียวช่างปวดใจแท้ๆ ไงสู้ๆๆก๊าบบบ :oni2:

นั่นดิ เฮ้อ....  o7 เปนกำลังใจให้นะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 09-05-2008 19:49:59
 :เฮ้อ: ยิ่งพาตัวไปผูกพันธ์ ยิ่งตัดใจลำบาก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 10-05-2008 06:17:31

ตอนที่ ๕

   ผมเหมือนคนที่หลอกตัวเอง . . . มีหลาย ๆ อย่างที่มันคิดและต่อต้านกันเองในที  แต่ผมไม่มองและไม่สนใจ  ผมทำเพียงเพื่อ  ทำอย่างไรก็ได้  ให้มีโอกาสได้อยู่กับคนที่ผมรัก  แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ


   ผมยอม . . . ผมยอมทุกอย่าง

   อาจเหมือนคนที่คนเคยบอก  คนเรามักทำอะไรเพื่อตัวเองเสมอ    และหากมันเป็นการกระทำที่กระทบคนอื่นเขาจะหาข้ออ้างสารพัดเพื่อให้ตัวเองดูดีที่สุด  ผมก็คงไม่แตกต่างอะไรไปจากคนพวกนั้นกระมัง

   ผมเพิ่งยี่สิบสอง

   โก . . . สิบแปด

   วัยขนาดนั้น . . . ขนาดผมนี่  ยังมีแค่ความรู้สึก รัก

   หากหัวใจผมรักใครสักคน  ทำอย่างไรก็ได้ที่จะได้อยู่ใกล้ ๆ  คนที่เรารักให้มาก  และนานที่สุด   ความรักเร่าร้อนไปตามวัย

   อนาคต . . . 

   . . . สวยงามในภาพฝัน

   แต่ . . .

   ความเป็นจริง  บางครั้งผมลืม  ลืมที่จะมองว่า  คนเราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวบนโลกนี  ตราบใดที่มนุษย์ยังเป็นสัตว์สังคม  เราก็จะยังต้องพบปะ  ติดต่อกับคนอื่น ๆ  อีกมากมาย  เรื่องราวบางเรื่องเราลืมไป

   ผมลืม . . . 

   . . . ลืมที่จะมองว่า  ความเป็นจริงมันโหดร้ายเสมอ

   ผมไม่ได้มองเป็นอย่างอื่นมากไปกว่า  ทำอย่างไรถึงจะได้สมหวังในสิ่งที่เรารัก  ความคิดมันไม่ได้มองไกลไปถึงว่า . . . เราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร

   ความคิดในการดำรงชีวิต . . .

   . . . มันแปรผกผันไปตามวัย

   วัยเด็ก . . .

   คิดแค่ได้ออกมาเล่นกับเพื่อนสนุกไปวัน ๆ  ทำอะไรตามแบบที่เพื่อนส่วนใหญ่ทำกัน  ยิงนก  ตกปลา  หรืออาจมีเรื่องชกต่อยกัน  พ่อรุ่งเช้าก็มากอดคอกัน  ลืมเรื่องที่บาดหมางกันไปเมื่อวานหมดสิ้น  และไม่มีอะไรที่สุขไปกว่าเมื่อเดินกลับเข้ามาในบ้านมีกับข้าวอร่อย ๆ  ที่แม่ทำรออยู่

   หาก . . .

   . . . วัยรุ่น 

   โตมาอีกหน่อย  หลาย ๆ  อย่างเริ่มโต  อยากมีห้องนอนส่วนตัว  อยากมีมอเตอร์ไซด์เอาไว้ขี่อวดสาว  ตีท่อไอเสียให้เสียงดังเข้าไว้  เพื่อว่าให้ชาวบ้านหันมาสนใจ  และไม่รู้หรอกเสียงที่แผดออกมาแต่ละที  มันกลบเสียงสาปแช่งของชาวบ้านขนาดไหน   คิดอยากมีแฟนเอาไว้อวดเพื่อน ๆ  ว่ากูเองก็หาได้เหมือนกัน

   วัยรุ่นตอนปลายผู้ใหญ่ตอนต้น . . .

   มองถึงวันพรุ่งนี้  จะเรียนอะไรดี  เรียนนิเทศฯ  ตามกระแสดีไหม  หรือเรียนนิติฯ   วาดหวังอนาคตเอาไว้  มองไกลไปถึงขั้นจบออกมาแล้วทำงานที่ไหน  เงินเดือนจะได้เท่าไหร่  อยากไปโน่นอยากมานี่  อยากบ้าน  มีรถ  สารพัดของใช้ที่มันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตในปัจจุบัน

   ฯลฯ    สารพัดของวัยตามที่เราอยากจะมี  อยากจะเป็น

   เพราะผมจะไม่พูดถึงวัยที่มากไปกว่านั้น  ในเมื่อมันยังไม่ใช่เวลาของผม  บางทีผมอาจจะไม่มีเวลาอยู่มากไปจนถึงวัยสุดท้ายบั้นปลายของชีวิตก็เป็นได้  ชีวิตคนเราจะว่าไปแล้ว

   บางคนมองสั้น ๆ   . . .

   และ . . .บางคนมองยาว

   คนมั่งมีจะมอง . . .

   . . . ทำใมมันสั้นนักชีวิตนี้

   หาก . . .

   คนที่ไร้    คำถามที่มีมา ชีวิตกรูยาวไกลจัง




   หลังสงกรานต์ . . .   

   นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมกระมัง  ที่ผมต้องมีภาระที่ต้องรับผิดชอบชีวิตคนอื่น  แม้มันจะเป็นภาระในการเริ่มต้นเท่านั้น  แต่ผมยินดี  ผมมีความสุขมาก   ศาลารอรถเหมือนเดิม  แต่ที่ไม่เหมทือนเดิม  วันนี้ผมไม่ต้องคอยมองหันหลังอีกเหมือนทุก ๆ  ครั้งที่ผ่านมา


   ข้าง ๆ  กายผม . . .

   อีกคนกระชับเป้ใบเล็ก ๆ  เข้ากับไหล่  ก่อนเดินตามขึ้นไปบนรถอย่างช้า ๆ  ผมมองมัน  มันหันหลังมองไปตามถนนที่รถค่อย ๆ  เคลื่อนออกมา

   เหมือนที่ผมเคยมองทุกครั้ง . . .

   เมืองค่อย ๆ  เล็กลง  และหายไปเมื่อรถวิ่งผ่านมาหลายโค้ง  สองข้างทางมีแต่ป่า  สลับกับบ้านเรือนของชาวบ้าน เสียงคนขับพูดคุยกับเด็กเก็บสตางค์  สลับกับเสียงเครื่องยนต์ที่ครางกระหึ่ม  ผมนั่งเงียบ ๆ  มองออกไปนอกหน้าต่าง

   ภาพที่เห็นคุ้นเคย . . .

   แต่ว่าวันนี้หัวใจผมเปี่ยมสุข  สุขอย่างที่สุด  อย่างน้อยที่สุดในเวลานี้คนที่นั่งข้าง ๆ ผม  เขาเริ่มก้าวเท้าออกมาแล้ว 

   ผมไม่รู้ . . . ก้าวต่อไป

   เขาอาจหยุด . . .

   . . . และ . . .

   กลับคืนสู่จุดเดิมที่เขาจากมา

   . . . หรือ . . .

   อาจก้าวต่อไปตามที่เขาอยากจะเดิน  ผมก็ไม่อาจจะทราบได้  แต่ผมสัญญาทางใดก็ตามที่จะทำให้เขาถึงฝั่งฝัน  ผมก็จะทำ  แม้มันจะแลกด้วยหยดเลือดและหยาดน้ำตา    ถ้าปลายทางความฝันของมันคือสิ่งที่ดีสำหรับมัน

   ผมยอม . . .

   “ง่วงก็หลับ  กว่าจะถึงเชียงใหม่ ราวสี่ห้าชั่วโมงแน่ะ”

   “ผมรู้น่าพี่อาร์ม  เคยเข้าเมืองเหมือนกัน”

   “อ้าวเหรอ  นึกว่าอยู่แต่ในป่า  เข้าเมืองเป็นกับเขาด้วยเหรอ”  ผมหันไปยิ้มกับมันที่นั่งชิดกันบนเบาะสีเขียวอ่อนเล็ก ๆ  เพียงสองที่นั่ง

   “พูดแล้วจะหาว่าคุย  โค้งแถวนี้ผมหลับตาขับสบาย”

   “ขนาดนั้นเชียว”

   “ว่าไปพี่  โค้งจากปายไปแม่มาลัยผมนับได้หมด”

   “ได้กี่โค้ง”

   “สอง”

   “นับยังไงได้สอง  เกือบพันโค้ง”  ผมเถียงมัน

   “สองจริง ๆ  นับยังไงก็ได้สอง” 

   “นอนเหอะเรา  เมารถแร่ะนั่น  หรือเมาค้างเมื่อคืนว่ะ”

   “ไม่เมา  นับได้สองจริง ๆ  โค้งซ้ายหนึ่งล่ะ  โค้งขวาอีกหนึ่ง”

   ผมหัวเราะ  เอามือขยี้หัวมันเบาๆ  บางมุมของมันก็มีเรื่องที่ผมคาดไม่ถึงเหมือนกัน  มุมขี้เล่นที่นาน ๆ  มันจะงัดเอามาใช้

   ผมไม่รู้ . . .

   เวลาค่อย ๆ  หลอม

   . . . หัวใจ . . .

   ความผูกพัน . . .

   . . .  มันจะรัดแน่น

   ตลอดทางที่เรานั่งรถหวานเย็นเข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่  คนที่มันนอนแอบแนบไหล่ผมมาตลอดทางนั้นคือคนที่ผมรัก เพราะเพียงแค่ออกมาจากปายไม่เกินชั่วโมงมันก็หลับเป็นตาย  ผมได้แต่นั่งเงียบ ๆ  ปล่อยใจลอยไปกับทิวทัศน์สองข้างทาง  ปล่อยให้มันนอนอิงแอบแนบไหล่

   มันหลับเหมือนเด็ก . . .

   บ่อยครั้งที่ผมเอาจมูกไปแตะที่หน้าผากของมันอย่างเผ่วเบา  ราวกับกลัวว่ามันจะบอบช้ำจากรอยจุมพิต . . .

   . . . ผมจูบมันด้วยความรัก . . . 

   ผมรู้ว่าผมรักมัน . . .

   แต่ผมยังกลัว  สิ่งที่ร้าย ๆ  ในร่างกายผม  อย่างที่ผมเล่ามาในตอนแรก ๆ  ว่าผมเป็นคนที่มีนิสัยประหลาดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้  เรื่องที่ผมเองก็มองว่ามันเป็นความผิดปกติหรือเปล่า . . .

   ผมชอบมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น . . . 

   . . . แค่ครั้งเดียว

   และ . . .

   . . . ผมจะเกลียดคน ๆ  นั้นไปเลย

   ข้อนี้ . . . ผมกลัวมาก

   หากว่าในวันนึง . . .

   . . . ผมไปมีอะไรกับโก . . .

   และผมไม่สามารถเอาชนะใจส่วนต่ำของผมได้  ชีวิตของโกมันจะเป็นอย่างไร   ในเมื่อตอนนี้  มันฝากชีวิตเอาไว้กับผม  คนที่ฝากชีวิตไว้กับคนอื่น  เขาย่อมรักและไว้ใจคนอื่นมากทีเดียว  ผมจะลากมันเข้ามาในเมืองเพื่อทำลายอย่างนั้นหรือ

   ผมจะสู้กับอำนาจส่วนต่ำของผมได้หรือปล่าว ?

   รถมาถึงสถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่เอาเมื่อบ่ายแก่ ๆ    ผมแวะบ้าน  โชคดีทีเดียว  ที่พ่อกับแม่แกลงมาจากเชียงราย  แกไป ๆ  มา ๆ  เสมอ  ระหว่างสองจังหวัด  โกเมศวร์ดูจะเป็นที่รักของพ่อกับแม่   เพราะมันเข้ากับทุกคนในบ้านผมได้ง่าย  อาจเพราะว่า  ที่บ้านรู้ว่า โกเป็นหลานของอาเขยผมก็เป็นได้  ผมบอกที่บ้านแค่ว่า  น้องมันไปกรุงเทพฯ ด้วยกัน  มันไปหาที่เรียนต่อ

   พ่อผมดูจะปลื้ม . . .

   พ่อไม่ได้เรียน  แต่พ่อรักที่จะให้โอกาสคนที่เรียนเสมอ

   “ดูแลน้องมันดี ๆ  ล่ะ  เอาน้องไปแล้วอย่าทิ้งเสียกลางทางล่ะ”   เสียงพ่อคล้ายออกคำสั่ง

   “หูยพ่อโต ๆ  กันแล้ว”

   “เราน่ะโตแต่ตัว”  พ่อเอามือมาขยี้หัวผมเบา ๆ

   “อย่างอื่นก็โตนะพ่อ  โตขนาดไม่กล้าแก้ผ้ากระโดดน้ำปิงแล้วละครับ”

   “ทะลึ่ง”  พ่อตบมาบนกบาลผมเบา ๆ 

   ผมมีความสุขนะ  แม้ว่าความเป็นจริงผมจะสนิทกับแม่มากกว่า  แต่สำหรับพ่อ  ระหว่างผมกับพ่อ  เราเหมือนเพื่อนกันมากกว่า  พ่อจะเข้าใจอะไรได้ง่าย  พ่อบอกเสมอ  ไม่มีใครจะทำให้เราได้ดีเท่ากับที่เราทำตัวเราเอง

   หากเราเลือกไปในทางต่ำ . . .

   . . . เราไม่มีวันก้าวไปสูงได้อีก

     ผมจดจำได้ดีคำสั่งสอนของพ่อ  เพราะผมเองก็ยึดเอาคำที่พ่อสอนเอาไว้  เป็นแบบอย่าง  รอบ ๆ  ตัวพ่อ  พ่อมีแต่คนที่รักพ่อ  ทุกคนล้วนแต่จริงใจกับพ่อแทบทั้งสิ้น  เหมือนที่พ่อบอกเสมอ  หากเราไม่ทำร้ายเขา  เขาไม่มีวันทำร้ายเราหรอก

   “อาร์มจำไว้นะลูก  หากเราให้โอกาสคนอื่น  สักวัน  คนอื่นจะให้โอกาสเรา”

   “ทำไมเหรอพ่อ”

   “เพราะทุกคนมีโอกาสไม่เท่ากันไงอาร์ม  อาร์มได้เรียน  อยากมีอะไรก็มี  ตราบเท่าที่อาร์มยังเดินในกรอบที่พ่อกับแม่เห็นว่าอาร์มสมควรจะได้  ตอนนี้อาร์มยังโตไม่พอที่จะมีครอบครัว  อาร์มอาจจะไม่รู้ว่า  ความรัก  ความห่วงหา  มันเป็นอย่างไร  ลองอาร์มมีลูก  หรืออาร์มรักใครสักคน  อาร์มจะรู้  เวลาที่ลูก  หรือคนที่เรารักหายไป  กลับมาไม่ตรงเวลา  เราจะกระวนกระวาย ห่วงหาเขาสารพัด  ไว้อาร์มโตกว่านี้  อาร์มจะเข้าใจในสิ่งที่พ่อพูด”

   “เทศน์อีกแร่ะ  นี่หากบวชสงสัยได้เป็นเจ้าอาวาส” 

   “ถ้าพ่อบวช  ก็คงไม่สึก”

   “โห  ทิ้งลูกว่างั้น” 

   “ไอ้ลูกคนนี้”  พ่อยิ้มส่ายหน้าช้า ๆ  คงเอือมระอาในความเป็นผมกระมัง

   “ผมไม่ยอมให้พ่อบวชแน่ ๆ  ไม่มีวันยอม”

   “บาปนะ  ห้ามคนบวช”

   “ผมยอมบาป  ไม่ยอมให้พ่อบวชหรอก  เพราะขืนพ่อบวช  ผมกับคุณนายอีแก่ที่พ่อชอบเรียกจะอยู่ยังไง้”  ผมขึ้นเสียงสูงในตอนท้าย  เป็นเชิงเหย้ากันเล่นตามประสาพ่อลูกที่นาน ๆ  เจอกันที

   “ระวังเหอะ  คุณนายอีแก่ได้ยินจะโดนทั้งคู่  ฐานนินทาคุณนาย”  พ่อกระซิบเบา ๆ

   ที่แท้ . . . พ่อกลัวเมีย

   “เอาเอาน้องไปเรียน  ดูแลน้องรักน้องให้มาก ๆ  นะอาร์ม”

   ผมมองหน้าพ่อ  พ่อไม่ได้มีทีท่าว่าจะสงสัยอะไร  หรือผมอาจคิดมากไปเองว่าพ่ออาจจะระแคะระคายเรื่องของผมกับโก  พ่อจะสงสัยได้ไง  ในเมื่อผมไม่ได้เป็นกะเทยนี่หว่า

   “ทำไมเหรอพ่อ”

   “กรุงเทพฯ  มันกว้างนะลูก อันตรายนะอาร์ม  เอาน้องไปอยู่  จะทำอะไร  คิดให้มาก ๆ  แบบจะออกมาดีไม่ได้หากพิมพ์มันผิดมันเพี้ยนมาตั้งแต่แรก  อะไรที่ไม่ดีอย่าทำให้น้องเห็น เพราะน้องจะจำ  และทำตาม”

   “หูย  พูดเสียน่ากลัว  รู้งี้ไม่ชวนมันมาเรียนหรอก”

   “พ่อเชื่อว่าอาร์มทำได้  อาร์มจะเป็นพิมพ์ที่ดีได้  พ่อมั่นใจในลูกของพ่อ  อาร์มทำดีแล้วลูก  การให้โอกาสคนอื่นได้เรียน  ถึงเราไม่ได้ช่วยเขาทั้งหมด  แค่เราเป็นแรงกระตุ้นให้เขามีกำลังใจเรียนมันก็ดีอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แล้วอาร์ม”  พ่อยิ้ม  แววตาพ่ออบอุ่น

   “ครับพ่อ  อาร์มจะเป็นพิมพ์ที่ดี  อาร์มจะพาน้องไปถึงฝั่ง  แม้มันจะลำบาก  อาร์มจะอดทนครับพ่อ  จะส่งน้องให้ถึงฝั่งพร้อม ๆ  กับที่อาร์มหมดลมหายใจพอดี”

   “ไอ้ลูกคนนี้ . . . ใครเขาพูดเรื่องตายกัน”   พ่อดุทางสายตา

   . . . อาร์มหมดลมหายใจพอดี . . .

   ผมแค่พูดให้พ่อขำ  หากใครจะรู้วันข้างหน้า  คำพูดบางอย่าง  เหมือนลางสังหรณ์  ที่เรารับรู้ได้

   “ยอมตายถวายหัวเลยพ่อ  เพื่อคำสอนของพ่อ”  ผมยิ้ม

   “พ่อเชื่อ  ลูกอาร์มของพ่อทำได้”  พ่อเอามือวางไว้บนบ่าผมเบา ๆ

   แค่ผ่ามือที่วางบนไหล่  ผมรับรู้คล้ายมีอะไรบางอย่างมันถ่ายเทมาจากหัวใจของคนเป็นพ่อ  มันค่อย ๆ  ไหลมาสู่ตัวผม  เหมือนกระแสไฟอ่อน ๆ  มันค่อย ๆ  ไหลมาหยุดที่หัวใจของผม 

   ถึงผมกับพ่อจะไม่ค่อยได้คุยกันมากเท่ากับแม่ . . .

   แต่ . .  .

   คำสอนของพ่อ ผมจดและจำ  กระทำตามเสมอ. . .

   ผมตั้งใจที่จะส่งน้องมันถึงปลายทาง  . . .

   แม้ว่า . . . ระยะก่อนถึงฝั่ง 

   ผมแทบจมน้ำตายเพราะเหนื่อยอ่อน  หรือมีอะไรมากั้นขวาง  ผมจะยังคงตะเกียกตะกายเกาะเรือลำนั้น  ดันให้น้องมันถึงฝั่งอย่างปลอดภัยและสวยงามที่สุด    ผมไม่ยอมตายในสายน้ำเส้นนั้นเด็ดขาด

   ผมจะตายได้อย่างไร . . .

   . . . ในเมื่อน้องมันยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง . . .

   . . .ปลายทาง

   ที่ผมอยากจะเห็นมิใช่หรือ

   แม้ปลายทางเส้นนี้  อาจไม่ใช่แบบที่ผมหวังเอาไว้ 




   สิ่งที่พ่อบอกเอาไว้  ผมจะจดจำ  นำมาเป็นแนวทางในการเดินของชีวิต  คนเรามีโอกาสไม่เท่าเทียมกันทุกคน  หากแต่อยู่ที่ว่าเราได้ยื่นโอกาสนั้นให้ใครไปบ้าง  วันนี้ผมมีโอกาส  และผมก็เผื่อแผ่ไปยังคน ๆ  นึง  คนที่ผมบอกว่า . . .

   . . . มันคือหัวใจของผม . . .


   “แม่พี่อาร์มใจดีจัง  ทำของอร่อยผมกินเสียพุงกางเลย”   มันพูด เอามือลูบท้องไปมา 

   ในขณะที่สมองผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย  บนที่นอนหลังใหญ่  ผมนอนหงาย  สายตาทอดยาวไปไกล  ราวกับจะมองให้เห็นสุดขอบของฟากฟ้า

   ขอบฟ้ามีจริงหรือ ?

   บ้านพ่อที่เชียงใหม่เป็นบ้านเรือนไม้แบบล้านนา  ติดริมปิง  ห้องที่ผมนอน  ผมมักหันหัวเตียงชิดหน้าต่าง  กลางคืนเปิดหน้าต่างให้ลมโกรก  ผมชอบนอนแหงนดูดาว  ในคืนที่ฟ้ามืดมิดไร้แสงจันทรา  มีเพียงดาราดารดาษเกลื่อนฟากฟ้า  แสงดาวกระพริบวับวาวราวใครเอาเพชรไปวางกระจัดกระจายเรียงรายบนพื้นนภาสีน้ำเงินเข้ม  ผมชอบมอง

   “แม่ก็แบบนี้ทุกที  ใครมาบ้าน  แม่ทำอย่างกะเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน”

   “พี่อาร์มว่าแม่  ผมจะฟ้อง”

   “ไรฟร่ะ  มาไม่ถึงวัน  อยู่ข้างแม่กรูซะแร่ะ  เหมือนไอ้เชี่ยโอ๋เลย  แมร่งรายนั้นมาทีไร  รวมหัวกับแม่แกล้งพี่ทุกที”  ผมนึกถึงอีกคน  หัวใจผมมีความสุข

   “คนไรชื่อแปลก . . . เชี่ยโอ๋”  มันทวนคำ

   ผมยิ้ม . . . ขำมัน  มันใสซื่อ  ขนาดไม่รู้จักคำเรียกขานแบบให้เกียรติยศกันเลยหรือ

   “ไม่ได้ชื่อเชี่ยโอ๋หรอกโก   แต่จะเรียกมันไอ้เหี้ยโอ๋  มันหยาบ  จากไอ้เหี้ยเหลือแค่  ไอ้เชี่ย  เพื่อนพี่เอง  ชื่อโอ๋  มาเที่ยวบ้านพี่ทุกปีแหละ”

   “พี่อาร์มด่าเพื่อนไม่ดีหรอก”

   “ด่าตรงไหน”

   “ไอ้เชี่ยไง”

   “ไม่ได้ด่า”  ผมบอกมัน

   “ก็พี่บอกเอง  ไอ้เชี่ยมาจากไอ้เหี้ย”  มันเถียงขาดใจเหมือนกัน 

   “เอ้า  เพื่อนสนิทกันเนาะ  มีเย้าเล่นกันเป็นธรรมดา  เรียกชื่อเต็มยศไง  แบบหากเราสนิทกันมาก ๆ  เราก็เรียกแบบสนิทกันไง  อย่างแถวบ้านโก  เวลาโกคุยกับชัย  ยังคุย  มึง กู  อยู่ใช่ปล่าว”

   “ใช่ครับ”

   “นั่นแหละ  เหมือนกันไง  เพื่อนสนิทกัน  จะมาเรียก  คุณโอ๋ครับ  กรุณาเอานั่นให้ผมหน่อยได้ไหมครับ  โอ้ยมันไม่ได้ใจ  ต้องแบบไอ้เชี่ย  เอานั่นมาให้กูหน่อยเด่ะ  ประมาณนี้”

   “แม่ผมได้ยิน  โดนตบปากแน่ ๆ  เลยพี่อาร์ม” มันหันมาบอกผม

   “เออ  อย่าว่าแต่แม่โกเลย  แม่พี่เหมือนกัน  ได้ยินพี่พูดหยาบกับพี่โอ๋ทีไร  หันมามองตาเขียวปั๊ด”

   “ดูพี่อาร์มพูดถึงแม่บ่อย  ไม่ค่อยพูดถึงพ่อเลย”

   “ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่  ส่วนมากสนิทกับแม่มากกว่า”

   “ผมก็สนิทกับแม่  สนิทกว่าพ่อ”  มันลงท้ายคำว่าพ่อ ด้วยเสียงต่ำ ๆ จะว่าน้อยใจก็ใช่  จะฟังดูห่างเหินก็น่าคิด

   “โก . . .”  ผมเรียกในขณะที่สายตาผมมองออกไปในพื้นฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ค่อนไปทางดำ  สลับกับแสงเงินยวนของดวงดารา

   “ครับพี่”

   “เวลาไปเรียน  โกต้องปรับตัวนะ  ปรับตัวมากกว่าคนอื่น ๆ รู้มั้ย”  ผมเปลี่ยนเรื่องที่จุคุยกับมัน  เพราะรู้ดีว่า  ระหว่างมันกับพ่อ  ดูจะไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่

   มันรักพ่อมัน . . . ผมรู้

   หากแต่ . . .

   มันไม่สามารถทำอะไรได้  ในเมื่อพ่อ  เลือกที่จะมีคนอื่น  ที่ไม่ใช่แม่  ผมเคยเจอพ่อมันตอนที่ออกไปเดินเล่นกับมัน  แววตามันที่มองพ่อ  มีทั้งอยากเข้าไปใกล้  มีทั้งชิงชัง  ระคนกันไป  ปมในใจที่พ่อมันมีเมียน้อยเย้ยแม่มันคงมีมาก

   เป็นปมใหญ่ในหัวใจของมัน

   . . . ผมเลยเลี่ยงที่จะคุยเรื่องที่เกี่ยวกับพ่อ . . .

   “ทำไมครับพี่”

   “อ้าว  ก็โกหยุดเรียนมาตั้งสองปี  เพื่อนรุ่นเดียวของโกขึ้นมอหกกันหมดแล้ว  ตอนนี้โกเหมือนไปเรียนในหมู่รุ่นน้อง  เราต้องปรับตัวเข้าหาเขา  ไม่ใช่เขาปรับตัวเข้าหาเรา”  ผมตะแคงมองหน้ามัน

   “ครับ”

   “แล้วก็หัดนอนตั้งแต่สี่ห้าทุ่ม  ตื่นเช้า ๆ  ไปเรียน  อยู่บ้านเราจะนอนตอนไหน ไม่มีใครว่าหรอก  แต่การที่โกตัดสินใจไปเรียน  ป้าภาดีใจนะ  แกดีใจมาก  อย่าทำให้แกผิดหวังเหมือนที่ผ่านมา”

   “ผมก็คิดแบบนั้นพี่  ที่ผ่านมา  ผมอาจทำอะไรโดยที่ไม่ได้คิดไว้มาก  แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะ  อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ไม่ใช่ตัวคนเดียวในโลก  ผมยังมีพี่ไง”  มันหันมามองผม

   ผมดีใจนะที่มันนึกถึงผม  แม้สิ่งที่มันนึก  มันอาจไม่ใช่แบบที่ผมต้องการ  แต่มันก็ยังดีกว่าที่มันไม่รู้สึกอะไรกับผมเลยมิใช่หรือ

   “อืม” 

   ผมดึงมันมากอดเอาไว้  ผมสอดแขนเข้าไปแทนหมอน   มันนอนซุกตัวนิ่งในอ้อมกอดของผม หัวใจผมตอนนั้นนะหรือ  มันอิ่มเอม  มีความสุข  ผมไม่เคยรู้สึกว่าหัวใจผมเต้นแรงขนาดนี้มาก่อน  ผมยินดีที่จะเก็บความสุขนี้เอาไว้

   แม้ . . .

   . . . วันข้างหน้าเจ็บเจียนตาย . . .

   ผมจะเอาความสุขที่ผ่านมาปลอบประโลมใจ 

   . . . อย่างน้อยที่สุด . . . 

   ในช่วงชีวิตหนึ่งของผม  ผมยังมีคนที่ผมรัก  ผมยังได้กอดคนที่ผมรัก  ผมรักมันมาก  มากจนผมไม่รู้เหมือนกันว่าตลอดชีวิตนี้ผมจะรักใครได้อีกหรือไม่   

   คืนนั้น . . .

   เป็นคืนที่ผมมีความสุขมากที่สุดในชีวิต

   ผมเชื่อเช่นนั้น  เพราะแม้ว่า

   มันจะผ่านมานานขนาดไหน  ผมยังจำความรู้สึกแรกที่ผมรวบรวมความกล้าไปกอดมันเอาไว้ได้  มันจะอยู่ในความทรงจำของผมไปตลอดชีวิต

   ผมตื่นมาในตอนเช้า  แขนผมเมื่อยไปหมด  มันชาแทบจะขยับไม่ได้  อะไรไม่รู้  มันหนักมันทับผมอยู่  ลมหายใจอุ่น ๆ  นั้นรดที่ต้นคอของผม  ผมตื่นมาพร้อมกับความจริงที่ว่า  คนที่อยู่ในอ้อมกอดผมตอนนี้ 

   ไอ้โก . . . คนที่ผมรัก

   ผมจดปลายจมูกไปที่ไรผมมันเบา ๆ  แค่นี้แหละที่ผมต้องการ  ผมอยากรักมันให้นาน  นานตราบเท่าลมหายใจสุดท้ายของชีวิตผม

   มันงัวเงียมั้ง . . .   

   ผมรีบหลับตา  ไอ้นิสัยเจ้าเล่ห์ผมมันแก้ไม่หาย  มันดิ้นเล็กน้อยราวขออิสรภาพจากอ้อมกอด  แต่ผมกอดกระชับมันเอาไว้  ผมกลัวมันจะไม่ยอมให้ผมกอดมันแบบนี้อีก 

   ถ้านี่คือ . . กอดแรก

    . .  . และ . . .

   หากมันต้องเป็นกอดสุดท้าย

   ผมก็อยากให้เวลาที่มันเป็นอยู่ในตอนนี้หยุดเดิน  ไม่อยากให้อะไรมันเคลื่อนไหวอีก  เพราะในอ้อมกอดผมตอนนี้  เป็นคนที่ผมรัก  และผมจะรักมันไปอีกนานเท่านาน  ให้นานมากเท่าที่จะมากได้

   “พี่อาร์ม  ไม่เมื่อยหรือ”  เสียงมันถาม  กลิ่นปากมันตอนเช้าได้ใจจริง ๆ  แต่ผมไม่รังเกียจนะ  ไม่รังเกียจเลย 

   ยามรัก . . . อะไรก็ดูดี  ไปหมดแหละ

   “กอดอีกหน่อยนะ” 

   ผมหลับตา  ไม่กล้าลืมตามาเจอกับมัน  ผมกลัวว่ามันจะมองผมด้วยสายตาชิงชัง  ผมกลัวถ้าผมต้องเจอกับสายตาที่เปลี่ยนไปจากมัน  การหลับตา  กอดมันนิ่ง ๆ  แบบนี้คือความสุขที่ผมไม่อยากให้มันหลุดออกจากอ้อมกอดผมเลยแม้แต่น้อย

   “หนาวหรือ”

   ผมพยักหน้ารับ  ก่อนซุกหน้าไปที่ซอกคอมัน  มันกอดผมเอาไว้เหมือนกัน  ตอนนี้ผมถ้าผมตายผมคงมีความสุขที่สุดในโลก  เพราะผมได้ตายในขณะที่ผมกอดคนที่ผมรักเอาไว้  และมันก็โอบกอดผมเอาไว้เช่นกัน

   ผมเริ่มคิดเข้าข้างตัวเอง . . .

   . . .  มันน่าจะคิดแบบผมบ้าง

   การคิดเข้าข้างตัวเอง . . .

   . . . นำความทุกข์ใจมาให้เราเสมอ  ผมไม่เคยมองถึงจุดนั้นเลย  ในวันที่ผมได้กอดมันครั้งแรก

   ความรัก . . .

   . . . ทำให้ผมตาบอดสนิท

   “พอเหอะพี่อาร์ม  ผมเมื่อย  กอดมาทั้งคืนแล้ว  เดี๋ยวถ้าอยากอดคืนนี้ผมให้กอดอีก”

   ผมดีใจนะกับสิ่งที่ได้ยิน

   ก่อนที่จะค่อย ๆ  ปล่อยวงแขนของผมที่พันธนาการโกเมศวร์เอาไว้อย่างช้า ๆ  มันไม่ได้รังเกียจผม  ผมยังมีโอกาสได้กอดมันอีก    มันไม่ได้หนีหายไปจากผมนี่หว่า  ผมนอนหลับตานิ่ง  หากหัวใจผมสว่างเป็นที่สุดในเวลานั้น

   เวลาที่เรารักใครสักคน . . .

   เวลาที่เราได้ทำอะไรกับคนที่เรารัก  มันช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุด  เสียดายเหลือเกินที่ช่วงเวลานั้น  ผมไม่เคยนึกที่จะเก็บความทรงจำเหล่านั้นเอาไว้เป็นอักษร

   หาก . . .ผมปล่อยเวลาผ่านมานานเนิ่น

   ความทรงจำเหล่านั้นเริ่มจางหาย . . .

   มีแค่บางห้วงเวลาเท่านั้นที่มันกระจ้างแจ้งในหัวใจ  และมันไม่มีทางลบมันไปได้เลย  ตราบเท่าที่ผมยังมีลมหายใจ  ความทรงจำที่ดีของผม  แม้แต่มันก็มาเอาไปไม่ได้ . . .



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 10-05-2008 06:35:19
 :m13: :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 10-05-2008 08:18:13
 :L1:มีความรักมาให้ :L1:



 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 10-05-2008 08:27:08
เศร้าจังเลยครับ แต่ชอบการใช้ภาษาและการดำเนินเรื่องของคุณนะครับ อ่านง่ายดีครับ อ่านได้เรื่อยๆ อิอิ เป็นกำลังใจให้ครับ :oni2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 10-05-2008 13:28:41
 :m1:มาต่อเเย้ว
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 10-05-2008 14:41:27
ผมจะเอาความสุขที่ผ่านมาปลอบประโลมใจ  อย่างน้อยที่สุด  ในช่วงชีวิตหนึ่งของผม  ผมยังมีคนที่ผมรัก  ผมยังได้กอดคนที่ผมรัก  ผมรักมันมาก  มากจนผมไม่รู้เหมือนกันว่าตลอดชีวิตนี้ผมจะรักใครได้อีกหรือไม่

ชอบประโยคนี้จัง  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 10-05-2008 16:16:02
เย้ๆมาต่อแย้ว :oni2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 10-05-2008 16:49:49
 :m15: :m15: :m15:

ขอบคุณครับที่นำเรื่องดี ๆ แบบนี้มาให้ได้อ่าน
น้ำตาอาบแก้มตั้งแต่ตอนแรกเลย
ยิ่งอ่าน ยิ่งเหมือนเป็นกระจกสะท้อนตัวของผมเลยครับ
ทำให้ผมเห็นตัวผมเองเลย ตัวผมเป็นอย่างนี้จริง ๆ ครับ
ผมเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาด้วยตัวเองเลยครับ
แรก ๆ เจ็บครับ เจ็บมาก เจ็บเจียนตาย แต่สิ่งที่ทำให้ผมอยู่ได้มาจนทุกวันนี้
ความรักครับ รักตัวเอง ความรักจากพ่อแม่ และคนรอบข้างที่รักเราจริง  เป็นยาที่ดีที่สุด

ความเจ็บปวดแรก ๆ แทบกระอักเลือดทีเดียว ครับ แต่เมื่อเราเจ็บไปเรื่อย ๆ
เราก็จะชินกับความเจ็บปวด และจะไม่เจ็บปวด
แต่มันจะชา และมันจะหายไปในที่สุด
**เวลา** เป็นยาอีกชนิดหนึ่งที่รักษาความเจ็บปวดได้ดีมาก
แต่เราต้องอยู่ในโลกความจริง นะครับ อย่าหลอกตัวเอง

ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านไปให้ได้นะครับ
ดวงตะวันยังทอแสงอยู่ทุกวัน อยู่ฉันใด
ชีวิตของคนก็เริ่มใหม่ได้ อยูฉันนั้น

อย่ายอมหมดหวังนะครับ คิดซะว่าพรู่งนี้ก็เช้าแล้ว

 :L2: :L2: :L1: :L2: :L2:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 10-05-2008 16:51:22
อ่านแล้วได้น้ำตาทุกตอนจิงๆๆเลย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 10-05-2008 17:27:06
"ตอนที่ผมโหยหา . . .  มันร้างลา"    :เฮ้อ:   อ่านแล่ะจี๊ด

แล้วตอนนี้ล่ะ เขากลับมา...ยังรู้สึกโหยหาอยู่ลึกๆในใจหรือเปล่า ?      :m13:



กำลังเคลิ้มเศร้าตามอารมณ์เพลงเลยอ่ะ

เจอกลิ่นปากตอนเช้าได้ใจนี่ล่ะ   :m30:  ขำพรืดเลย ฮ่าๆ     :m20:

หมดกัน กะลังซึ้งๆเลย    :a6:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 11-05-2008 02:52:16

ตอนที่  ๖



   เรื่องที่ผมเล่า . . . มันอาจจะไม่น่าสนใจ 

   แต่ . . .

   สำหรับผม  นี่คือส่วนนึงของชีวิตผม 


   คือจุดเปลี่ยนชีวิตของคนสองคน  และอาจหมายถึงอีกหลาย ๆ  คนที่จะตามมาอีก   ผมดีใจนะ  ที่ในความคิดเลว ๆ  ของผม  ผมยังสามารถทำให้อีกคนชีวิตที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม  หากผมเลว  เพื่อให้อีกหลาย ๆ  ชีวิตสมหวัง  ผมยอม

   ยอมอย่างไม่มีข้อแม้เสียด้วย

   ผมมองแบบนั้นนะ . . .

   แต่ . . . ผมก็มองอีกด้านเหมือนกัน 

   เหมือนเหรียญไง . . . 

   เหรียญมีสองด้านเสมอ  คนเรานี่แปลก มักมองแค่ด้านที่หงาย  แต่กลับอีกด้าน  ไม่มีใครมอง  ทั้ง ๆ  ที่ความเป็นจริงแล้วอีกมุมที่เราไม่เห็นอาจเป็นมุมที่ใช่สำหรับเราก็ได้

   บางที  ผมอาจทำให้คน ๆ  นึงตายทั้งเป็นไปแล้ว  จะเป็นมุมใดก็ตามแต่  ผมไม่เคยคิดที่จะกลับไปย้อนแก้ไขมันเลย  เพราะผมคิดเสมอว่า  นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมแล้ว 

   เหมือนที่เคยมีคนบอกผม . . 

   . . . คนเราไม่สามารถย้อนอดีตได้  แต่เราสามารถทำปัจจุบันให้เมือนอดีตได้  ทำอย่างไรนะหรือครับ  เราสามารถทำในสิ่งที่ผ่านมาให้เหมือนเดิม  แค่เราทำแบบที่ผ่านมา  นั่นก็เท่ากับเราย้อนอดีตไปแล้ว

   ผมอยากเหมือนเดิมหรือ?

   ในเมื่อที่ผ่านมา . . .  ผมได้รอยยิ้มจากโก . . 

   . . . ผมเห็นมันหัวเราะ

   ผมได้เช็ดน้ำตา . . .

   ช่วงเวลานั้น  ช่วงเวลาที่คนสองคนเรียกรวมกันว่า . . .

   . . . เรา

   เป็นช่วงเวลาดี ๆ   ที่ผมคิดว่า  มันไม่สามารถที่จะลืมได้เลยในตลอดชีวิตนี้  ถึงแม้ว่า  ผมจะมีความทรงจำใหม่ ๆ  เข้ามา 

   แต่ . . .

   ผมรับรอง  ว่าในช่วงเวลาที่ผมอยู่กับโก  มันจะอยู่กับผมไปจนตราบลมหายใจสุดท้าย เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตที่ผมเคยมี  และผมไม่คิดว่า  ช่วงเวลาที่ดีมันจะเดินเข้ามาหาผมอีกเป็นครั้งที่สอง

   เพราะ . . .

   . . . ผมไม่มีหัวใจเหลือไว้ให้ใครอีกแล้ว . . .

   ผมยินดีที่จะกอดเก็บความรักและความทรงจำที่ผมมีไปจนผมตาย  แม้ใครจะว่าเป็นความคิดที่โง่งี่เง่า แต่หากเราไม่รู้จักคุณค่าของความรัก  ของคนที่เรารัก  เรายังจะเรียกตัวเราเองว่าอะไรหรือครับ. . .




   ตื่นมาตอนเช้าผมอายมันแทบแย่  กลัวไปสารพัด  ไม่กล้าที่จะมองหน้ามัน  อาจเพราะเมื่อคืน  ผมกอดมันเอาไว้ทั้งคืน  เป็นคืนที่ผมมีความสุขมากจนแทบสำลักออกมาทีเดียว  ผมไม่เคยรู้สึกดีแบบนั้นมาก่อนเลย  ไม่ว่าจะมีอะไรกับใครมามากมายก็ตามแต่


   อ้อมกอด

   ที่ผมกอดมันเอาไว้  และบางครั้งที่มันเองก็กอดผมเอาไว้เฉกเช่นทีร่ผมทำกับมัน    ผมสัมผัสได้ถึงความรักที่อบอวลรอบ ๆ  ตัว   ความรักที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจะใช่  หรือจริงแท้แน่นอนขนาดไหน  แต่ผมยินดีที่จะรัก

   เพราะ . . . ผมให้หัวใจไปกับโกเมศวร์เรียบร้อยแล้ว
   
ตอนบ่ายวันนั้นพ่อขับรถมาส่งที่สนามบิน . .

   โกเมศวร์ทำหน้าแปลก ๆ  เพราะแทนที่จะไปส่งที่สถานีขนส่ง  ผมนั่งเฉย ๆ ไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งเมื่อเราเข้าไปในอาคารสนามบินเพื่อรับตั๋วขึ้นเครื่อง  ผมส่งตั๋วเดินทางให้มัน  ผมอยากให้รู้  มีอะไรมากมายที่เราต้องเรียนรู้

   แม้แค่ . . .

   การไปรับบอร์ดดิ้งพาร์ส  ก็ต้องเรียนรู้

   “เอาไปที่เคาน์เตอร์ตรงโน้นนะ แล้วบอกเขาว่าขอติดหน้าต่าง”  ผมส่งตั๋วเดินทางให้โกเมศวร์ 

   ไฟลท์นี้เครื่องลำใหญ่  มีแถวกลาง  ผมไม่ชอบนั่งกลาง  ผมชอบมองนอกหน้าต่าง  เมฆขาว ๆ  ลอยสวย    ผมชอบมองเพราะรู้สึกว่าตัวเองเหมือนนก  บินได้  ท่ามกลางเมฆที่ลอยล่อง  ผมรชอบมองดูขอบฟ้า  เพราะรู้สึกว่าเรามีอิสระ

   มันรับไปแบบงง ๆ  แต่ก็เดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์

   “เอาน้องไปแล้ว  ดูแลดี ๆ ล่ะ  อย่าทะเลาะกันล่ะ”    พ่อบอกผม  เพราะคงรู้ไอ้นิสัยของผมกระมัง

   ผมพวกใจร้อน . . .

   . . . เอาแต่ใจ . . .  งี่เง่า  ไร้สาระ   

   ลูกคนเดียวนี่หว่า  มันน่าจะเป็นเรื่องปกติสำหรับลูกคนเดียวแบบหลาย ๆ คน  แต่ที่พ่อไม่รู้ . . . ผมอ่อนแอ

   อาจเพราะในเวลาที่อ่อนแอ  ผมมักจะซ่อนมันเอาไว้  ไม่ยอมให้ใครได้เห็นเด็ดขาด  ผมรู้สึกว่า  ผู้ชายไม่ควรเสียน้ำตาให้คนอื่นเห็น    เราควรเก็บน้ำตาเอาไว้ยามเราอ่อนล้าจริง ๆ 

   “คร๊าบบบบบบ    ไม่ต้องห่วงนะพ่อ  จะดูแลมันเหมือนลูกชายคนนึงเลยครับ  เอว่าแต่ต้องอาบน้ำปะแป้งให้มันด้วยป่าวพ่อ”  ผมยิ้มกวน ๆ

   “ไอ้ลูกคนนี้  แบบนี้ไง  พ่อถึงห่วง”

   “น่าพ่อ  ลูกพ่อไม่ทำให้พ่อผิดหวังหรอกน่าเชื่อใจดิ๊”

   “อืม  ให้ได้ดังปากพูดเหอะ  ดูแลน้อง  ดูแลตัวเองล่ะ”

   “พ่อก็เหมือนกันดูแลตัวเองนะครับ”

   “ตังค์ไม่พอก็โทรบอกมา  แม่ให้ไปเท่าไหร่”

   “ซาวพัน”

   “พอหรือ  ค่าเทอมเท่าไหร่”

   “เกือบซาว  พอ ครับพ่อ  ไม่เอา”  ผมปฏิเสธ  เมื่อพ่อล้วงกระเป๋าตังค์ออกมา  ผมรู้  แม้ผมไม่ค่อยได้คุยกับพ่อ  แต่พ่อไม่เคยปล่อยให้ผมอด ๆ  อยาก  ๆ

   “เอาไปไว้ใช้เหอะ”  พ่อพยายามยัดให้  แต่ผมปฏิเสธเสียงแข็ง

   “อูยเยอะแยะ  อาให้มาสิบ  แล้วยังให้ทุกเดือนอีก  เพราะต้องช่วยงานแกที่ออฟฟิศกรุงเทพฯ  พ่อเก็บเอาไว้เหอะ”

   “ก็เก็บไว้ให้เรานี่แหละ  จะให้ใคร”   พ่อยิ้ม

   “อ้าว  นึกว่าแอบซ่อนลูกเมียน้อยเอาไว้”    ผมยิ้ม

   “ไอ้นี่  พ่อขยี้หัวผม  ก่อนดึงมากอดไว้หลวม ๆ”

   แม้ผมกับพ่อจะไม่ค่อยพูดกันเท่าไหร่  แต่เวลาที่ผมยั่วพ่อเล่น ๆ  พ่อจะยิ้มเสมอ 

   โกเมศวร์กลับมา  มันมองพ่อที่กอดผมเอาไว้  แววตามันหมอง  ผมรู้ดี  มันเองก็โหยหาอ้อมกอดจากพ่อมันเหมือนกัน

   ผมค่อย ๆ  แกะตัวออกจากพ่ออย่างช้า ๆ

   “ไปแล้วนะพ่อ  บอกแม่ด้วย งอนแล้ว  ไม่มาส่งลูก”    ผมยอกมือไหว้  พ่อ  โกเมศวร์ไหว้ตาม  ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปรอที่ห้องผู้โดยสารขาออก

   “โกทางนี้”   ผมบอกเมื่อมันจะเดินไปรอที่ม้านั่งที่ผู้คนมากมาย

   มันทำหน้างงเมื่อผมชี้ไปที่ห้องรับรองพิเศษ  แต่มันก็เดินตามผมเข้าไปอย่างว่าง่าย  ที่นั่นมีขนมไว้รับรองผู้โดยสาร  ผมเดินไปหาที่นั่งที่ยังว่างมากมาย  ก่อนเดินหาของกินใส่ท้อง

   “ทำไมเราเข้ามาในนี้อ่ะพี่”  มันถามแบบ

   “ก็ห้องพิเศษไง  เห็นตั๋วของเรามั้ย”  ผมชี้ไปที่ตั๋วขึ้นเครื่อง

   “ทำไมเหรอ  แล้วทำไมคนที่นั่งข้างนอกเขาไม่มานั่งกินแบบเราล่ะพี่อาร์ม”   มันเหลือบมอง

   “ห้องนี้สำหรับชั้นที่นั่งบิ้วสิเนสกับบัตรรอยัลออร์คิดสมาชิกของทีจีเท่านั้น”    ผมยิ้ม  มันคงไร้เดียวสา   “อย่าบอกว่าขึ้นเครื่องครั้งแรก” 

   มันพยักหน้ารับ   “แพงพี่  เสียดายตังค์”

   ผมดีใจนะ . . . 

   เพราะนี่ก็คือความตั้งใจอย่างนึงของผม  อะไรก็ตามที่มันไม่เคยทำ  มันไม่เคยมี  ผมจะหามาให้มัน  ผมอยากให้มันมีอะไรดี ๆ กว่าที่เคยผ่านมา  ผมอยากเห็นมันมีอนาคตที่ดีกว่าสังคมที่มันจากมา

   “รู้ว่าแพง  พี่ไม่ได้ให้โกมองว่าเราใช้เงินฟุ่มเฟือย  แต่พี่อยากให้โกรู้ว่า  หากวันนึงข้างหน้า  โกต้องทำงาน  ติดต่อธุรกิจ   นี่คือทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็ว  เงินซื้อเวลาได้นะ  แต่สำหรับบางเรื่องเท่านั้น”    ผมยิ้ม  ก่อนเอาขนมเข้าปาก

   “แต่ตอนนี้เรายังไม่ถึงจุดนั้นนี่พี่อาร์ม”

   “เราเริ่มต้นเดินแล้วโก  ถ้าโกเดินไปข้างหน้า  โกต้องมองเป้าหมายว่าเราจะต้องทำอะไรบ้าง  พี่ไม่อยากให้โกเรียนไปวัน ๆ  แต่พี่อยากให้โกตั้งเป้าเอาไว้  ว่าโกอยากจะเป็นอะไร  แล้วโกก็เดินไปให้ถึงจุดที่โกอยากจะเป็น”  ผมหยุดมองหน้า  เห็นมันตั้งหน้าตั้งตาฟัง

   “คนเราต้องมีความฝันนะโก  แล้วเราต้องรู้จักวางแผนที่จะเดินไปให้ถึงจุดที่เราฝัน  บางทีแผนที่เราวางมันอาจจะไม่ใช่  เราก็ต้องมีแผนสำรอง  กรุงเทพฯ  มันไม่ได้เหมือนที่บ้าน  ไม่เหมือนที่โกจากมา  หลากหลายอย่างในกรุงเทพฯ  มันมีแต่การแย่งกัน  แย่งขึ้นรถเมล์  แย่งกันกิน  ไว้วันหยุดเสาร์อาทิตย์พี่จะพาโกไปห้าง  แล้วโกจะเห็นเอง คนที่ต่อแถวเพื่อรอซื้อของกิน  ไม่มีอะไรที่คนกรุงเทพฯ  ไม่แย่งกันเลยนะโก”

   “มันแย่ขนาดนั้น  แล้วทำไมคนถึงอยากไปอยู่กรุงเทพฯ”

   “ก็เพราะว่ากรุงเทพฯ  คือศูนย์รวมของประเทศเราไง  เป็นศูนย์กลางการศึกษา  การเงิน    โอ้ยอีกมากมาย  ไว้โกค่อย ๆ  ดูเอาเองแล้วกัน  พี่แค่บอกให้โกรู้  ที่โกจะไป  มันแตกต่างกันเหลือเกินกับที่ที่โกจากมา”

   “ทำไมพี่อาร์มเก่งจัง”  แววตามันชื่นชมผม

   “ไม่มีใครเก่งหรอกโก  ทุกคนรู้ได้เพราะการเรียน”  ผมวกกลับมาเรื่องเดิม  เรื่องที่ผมจะฝังไว้ในหัวของมัน ว่าไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าการเรียน  การเรียนไม่มีวันหมดอายุ  เราเรียนได้จากทุก ๆ  ที่  จากรอบ ๆ  ตัวของเรา

   “อีกแหล่ะ การเรียนอีกแหล่ะ”

   “แล้วมันใช่มั้ยล่ะโก  เราเกิดมา  ไม่รู้อะไรสักอย่าง  เราเริ่มเรียนครั้งแรก  โดยการเลียนแบบพ่อ  แม่  หรือคนที่เลี้ยงเรา  พอเริ่มโต  เราเข้าโรงเรียน  เราก็ต้องเรียนอีก    เราเรียนไปจนตลอดชีวิตเราแหละโก”

   “พี่เลยคิดว่าผมต้องเรียน”

   “ถูก . . .”     ผมมองหน้าโก     

   “แต่ไม่ใช่โกเท่านั้นที่ต้องเรียน  ทุกคนต้องเรียนทั้งนั้น  แล้วแต่ว่าจะเรียนที่บ้าน  เรียนรู้ทางสังคม  หรือจะเรียนทางโรงเรียน  มหาวิทยาลัย  แต่สุดท้ายแล้ว  เราก็ต้องเรียนทางมหาวิทยาลัย  เพราะสังคมยอมรับกระดาษใบเดียวที่เรียกว่า . . . ปริญญา”

   ผมอาจมองอะไรที่โต . . . โตเกินกว่าวัยแบบโกจะเข้าใจ

   แต่ . . .

   อีกปีเดียวผมก็จะโบยบินเองแล้ว  ผมต้องทำงาน  หาเงินใช้  ผมต้องเตรียมตัวเอาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ    เวลาแค่ปีเดียวันรวดเร็วนัก  มันเร็วจนบางครั้งเราเองยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย

   หาก . . .  ตอนเรียนแบมือขอเงินพ่อ  แต่ละเดือนเกือบหมื่น

   จบปริญญาตรี . . . เริ่มแค่หมื่นต้น ๆ 

   ตอนเรียนแทบตาย . . .

   จบมา  หนักยิ่งกว่า  การหางานทำ  การเอาชีวิตรอดในเมืองใหญ่  มันลำบากหนักหนาสาหัสมากกว่าตอนเรียนหลายร้อยเท่านัก

   ผมค่อย ๆ  ปลูกต้นไม้ของผมอย่างช้า ๆ   ปลูกความคิดที่ผมคิดลงไปในสมองของโก  ผมจะต้องดูแลรักษาต้นไม้ที่ผมปลูกเอาไว้  ผมไม่เคยคิดนะว่าผมจะต้องเก็บเกี่ยวผลจากต้นไม้ที่ผมปลูก  แค่ผมอยากเห็นการเจริญเติบโตของต้นไม้ที่ผมปลูก

   ผมชอบความพลิ้วไหวตามแรงลมของสีเขียวไล่เฉดสี . . .

   ต้นไม้ให้ร่มเงาแก่สรรพสิ่งมีชีวิตบนโลกเสมอ  ถึงผมอยากให้โกมาอยู่ใกล้ ๆ  ผม  แต่ผมไม่เคยคิดที่จะรั้งโกเอาไว้กับผมไปจนตาย 

   ผมเชื่อว่าคนเรามีภาระหน้าที่แตกต่างกันออกไป . . .



   อีกฝั่งของถนนรถติดยาวเพราะเป็นเวลาเลิกงาน    บางคันพยายามที่จะแทรกไปตามช่องที่พอจะว่าง  ผมนั่งนิ่ง ๆ  มองภาพที่เห็นด้วยความเคยชิน  เพียงไม่นานรถก็มาจอดหน้ามหาวิทยาลัย  ผมจ่ายค่ารถ  ก่อนลงมายืนริมถนน


   “แวะเข้ามหา’ลัยก่อนโก  เดี๋ยวค่อยออกไปหาอะไรกิน”  ผมบอกกับมัน

   “แล้วแต่พี่อาร์มสิ”

   “ไป  ได้เวลาเดินข้ามจังหวัดแล้ว  พี่นี่ลำบากนะโว้ย  มาเรียนกรุงเทพฯ  ต้องเดินข้ามจังหวัดมาสามปีแล้ว”  ผมบอกมัน  ก่อนเดินไปที่สะพานลอย

   “อย่ามาตลกพี่อาร์ม  ข้ามถนนแค่นี้  ข้ามจังหวัดเลยเหรอ”

   “จริง ๆ  นะ  ไม่ได้โกหก”

   “จังหวัดอะไรพี่อาร์ม”

   “นี่ไง  ฝั่งนี้นนทบุรี  ส่วนมหาวิทยาลัยที่ฝั่งถนนโน่นกรุงเทพฯ”  ผมยิ้มกับมัน  ก่อนเดินข้ามสะพานลอยที่ข้ามทั้งถนนทั้งคลอง

   . . . มหาวิทยาลัยริมคลองประปา . . .

   “มีคลองด้วยเหรอพี่อาร์ม  ทำไมน้ำแดงไม่เหมือนบ้านเราเลย  แถมยังก่อผนังอีก  แบบนี้ก็เล่นน้ำไม่ได้สิ”  มันชี้ไปที่คลองด้านล่าง

   “เล่นดิโดนจับ”

   “ทำไมอ่ะ”

   “นี่อ่ะ  เขาเรียก  คลองประปา  เป็นคลองส่งน้ำดิบมาผลิตเป็นน้ำประปาไง  เขาไม่ให้คนลงเล่นหรอก”  ผมยิ้มให้มัน

   บางอย่างคนเมืองหลวงเห็นเป็นภาพที่ชาชิน 

   แต่ . . . สำหรับคนต่างจังหวัด  มันคือภาพที่ไม่คุ้นเคย

   “มีเซเว่นหน้ามหา’ลัยด้วยพี่อาร์ม”  มันชี้ไปที่ร้านสะดวกซื้อ

   “ทำไมเหรอ”

   “ก็แสดงว่าที่นี่เจริญแล้ว”

   “ทำไมว่ะ”    ผมยิ้ม

   “อ้าวพี่  แถวบ้านนะ  ตอนเซเว่นฯ ไปเปิดครั้งแรก  คนตื่นเต้นกันใหญ่ เพราะส่วนมากเขาจะชินกับร้านชำข้างบ้านไง  อยากได้อะไรต้องบอก  พ่อค้าจะหยิบไง พอเซเว่นฯ เปิด  คนเห่อกันใหญ่  เพราะอยากได้อะไรไปหยิบเอง  แถมมีแอร์เย็นเหมือนหน้าหนาว  คนตื่นเต้นกันทั้งอำเภอ”  เสียงมันเล่ามีความสุข

   แค่เซเว่นฯ  ร้านค้าที่ผมเคยชินมันเป็นเรื่องเล็ก ๆ  ที่ผมไม่เคยใส่ใจเสียด้วยซ้ำ

   “พูดไปโน่น”

   “จริง ๆ  นะพี่  มียายแก่ ๆ  แกถอดรองเท้าก่อนเข้าเซเว่นฯ ด้วย  พนักงานบอก  ไม่ต้องถอดก็ได้  แกบอกไม่ได้หรอก  มันสกปรก  เดี๋ยวพื้นสวย ๆ  เลอะ  ผมยังขำไม่หายเลย”

   “ขนาดนั้นเลยหรือ”

   “อืม  ยิ่งสเลอร์ปี้นะพี่  ผมกดเต็มแก้ว  เดินกินรอบ ๆ  ร้าน  แล้วมากดใหม่  ถึงมาจ่ายตังค์  สนุกดีออก”

   ผมยิ้ม . . .

   เรื่องบางอย่าง วิถีชีวิตของมันกับผมอาจจะแตกต่างกัน  ภาพที่มันเติบโตมา  เป็นแบบที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา    ยังอยู่กับสังคมที่มีน้ำใจแบ่งปันรอยยิ้มให้แก่กัน เป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนไทยโดยแท้

   ส่วน . . . ภาพที่ชินตาสำหรับผม

   ใบหน้าที่เหมือนซ่อนทุกข์  ซ่อนโศก  ของผู้คนในเมืองหลวง   หารอยยิ้มยากเต็มที  เมืองที่เจริญอย่างรวดเร็วทางวัตถุ 

   แต่ . . . ไร้สำนึกทางจิตใจ

   “ไอ้ห่าอาร์ม  มาทำไรว่ะ” 

   ผมหันไปตามเสียงเรียกเต็มยศ  ไอ้คนที่กล้าเรียกผมแบบนี้ในมหาวิทยาลัยมีคนเดียวล่ะครับ  ผมยกมือไหว้พระสิทธิธาดาที่ศาล  ก่อนเดินไปนั่งที่โต๊ะซุ้มไผ่

   “คิดถึงมึงไงไอ้เหี้ยเลยมาหา”  ผมยิ้ม  ก่อนนั่งลงใกล้ ๆ  มัน

   “มึงนะมึง  บอกให้ไปพีพี ไม่ไป  สวยชิบหายเลย  อยากไปอีก”

   “เออ  ถ้าสวยแล้วชิบหาย  กูไม่อยากไปแร่ะ  . . . นี่น้องกู  ชื่อโกเมศวร์เพิ่งมาจากปาย”  ผมหันไปแนะนำให้มันรู้จักกับเพื่อนรักของผม

   “หวัดดีครับพี่เชี่ยโอ๋”  มันยกมือไหว้

   “เฮ้ย  ชื่อเอกรัฐครับ  ชื่อโอ๋เฉย ๆ  ไม่ใช่เชี่ยโอ๋”  ไอ้โอ๋มองหน้ามัน 

   หากมันตีหน้าตาย  ไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ  ออกมา  ผมงี้แทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อเห็นไอ้เพื่อนรักของผม  ทำหน้าแบบหมาเจอปลากระป๋อง

   “อ้าวผมไม่รู้เห็นเวลาพี่อาร์มเล่าเรื่องพี่ทีไร  เรียกไอ้เชี่ยโอ๋  เชี่ยโอ๋  ผมเลยนึกว่าพี่ชื่อเชี่ยโอ๋  ขอโทษนะครับพี่”

   “ไอ้ห่าอาร์ม . . .”  คราวนี้มันหันมาทำตาเขียวปั๊ด

   “โก  ไม่ต้องบอกกับมันหมดก็ได้”  ผมหันไปบอกมัน

   “แหม  น้องมึงนี่โดนใจกูจริง ๆ  บ้านอยู่ปายเหรอน้อง  พี่ยังไม่เคยไปเลย  ไปแค่เชียงใหม่บ้านไอ้อาร์มมัน แต่อาร์มมันลูกคนเดียวนี่หว่า”  โอ๋ตบไหล่โกเบา ๆ  ก่อนหันมาตั้งคำถามด้วยสายตากับผม

   “ลูกของป้า  พี่สาวอาเขยกู”

   “อ๋อ  ญาติฝั่งโน้น”  มันพยักหน้ารับรู้

   “มาเที่ยวหรือ”

   “ครับพี่  ว่าจะหาที่เรียนต่อด้วยครับ” 

   “เหรอ  ดี ๆ  มาอยู่กรุงเทพฯ  ก็ดี    มีอะไรให้พี่ช่วยบอก  น้องไอ้อาร์มก็เหมือนน้องพี่  ว่าแต่มึงเข้ามามหา’ลัยทำไมนี่  ไม่มีเรียนซัมเมอร์นี่หว่า”

   “กะมาหามึง”

   “ทำไมว่ะ”

   “คิดถึงไง”

   “สัส  ปากดี    แมร่งหายไป  ไม่เคยโทรมา  แล้วมือถือที่พ่อมรึงซื้อให้ โปรฯ  สามหมื่นต่อเดือนจ่ายสองพันอ่ะ  เก็บไว้ทำเชี่ยไร”  มันอวยพรอีกตามเคย

   “ปายไม่มีสัญญาณว่ะ”

   “อย่ามาอำกู  จริงเหรอโก  ที่ปายไม่มีสัญญาณเลยเหรอ”  มันหันไปถาม

   “ไม่มีพี่”

   “ช่วยกันอำหรือเปล่า”

   “จริง ๆ  พี่  เห็นเขาพูด ๆ กันน่าจะปลายปีนะครับ”

   “มึงลงเรียนกับป้า ๆ  ลุง ๆ ภาคค่ำเหรอ  เลิกกี่ทุ่ม”

   “เออดิ  แม่งวิชานี้ไม่เปิดกลางวันอ่ะซวยเลย  ว่าแต่มึงกินไรยัง”

   “รอมึงเลิกเรียนก่อนก็ได้”

   “ไม่ต้องรอแล้ว  ไปกันเลย”  มันลุกยืน  ก่อนดึงผมให้ยืนตาม

   “เฮ้ย  ไอ้เชี่ย  ไม่ดีมั้งโดดเรียน”

   “มือชั้นกูแล้ว  โดด ๆ  เล่น ๆ  จบน่า  มึงจำไม่ได้เหรอ  ที่รุ่นพี่บอก  เรียน ๆ  ไปเหอะที่นี่  โง่กว่าควายยังจบเลย” 

   “ไอ้สาสสสสสสสส  แล้วคนที่บอกมรึงจบยัง”

   “จบกับเหี้ยไร  โดนไทน์ตอนปีแปด”  มันยิ้ม

   “พี่โอ๋ตลกดีจัง  จะโดดเรียนจริง ๆ  หรือพี่”    ไอ้โกยิ้มตาม  เมื่อเจอเพื่อนรักของผมเข้า  ไอ้ห่านี่เรื่องทำให้คนอื่นยิ้มได้นี่  งานถนัดของมัน

   “โดดโลดโก  น้องโกมาทั้งที  พี่ยอมโดดเรียน  ไปหาไรกินกันเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”  มันไม่รอคำตอบ  เอามือคล้องหมับเข้าที่คอไอ้โก  ก่อนพาเดินกลับออกมาทางหน้ามหาวิทยาลัย

   ผมยิ้ม . . . เดินตามมันสองคนออกมาติด ๆ

   


   การลงมากรุงเทพฯ  ครั้งนี้  ได้ผลอย่างที่หัวใจของผมแอบวาดหวังเอาไว้  โกได้ที่เรียนเรียบร้อย  ผมกลับไปที่ปายอีกครั้งหลังจากมาอยู่กรุงเทพฯ  ร่วมสัปดาห์ พร้อม ๆ  กับโกเมศวร์ . . . เมฆหมอกของความยามลำบากเริ่มเข้ามาในชีวิต  ในเมื่อฤดูนั้นไม่ใช่ฤดูการท่องเที่ยวของคนที่นั่น


   เงิน . . . ฝืดเคือง

   ผมมองอยู่เงียบ ๆ  และรู้ดี  ป้านภาแกกลุ้มใจเรื่องนี้ อย่างน้อยที่สุดอีกแค่ไม่ถึงเดือน  แกต้องมีเงินสักก้อนเพื่อให้ลูกชายแก . . .

   ผมไม่รู้เหมือนกัน  ว่าหากผมรู้อนาคตล่วงหน้า  ผมจะยังทำเช่นนั้นอีกหรือไม ?

   บางที . . .

   ผมอยากมีมือที่มองไม่เห็น  มือสักมือที่จะยื่นเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ผมจะทำอย่างไรดีกับปัญหานี้  แทบมองไม่เห็นทางเลยด้วยซ้ำ  ผมได้พยายามนึกหาหนทาง  เหมือนที่เคยมีคนบอกเอาไว้ว่า

   . . . ปัญหามีไว้แก้  ไม่ได้มีไว้หนี . . .

   “ว่าไงว่ะมึงไอ้หอก   แม่งโผล่มาอาทิตย์เดียวหายหัวไปเข้าป่าไปอีกนะมึง”    เสียงแรกที่ผมได้ยินมาตามสาย

   “อ้าว  ไม่ต้องซัมเมอร์นี่ครับ  จะอยู่กรุงเทพฯ  หาหอกอะไรว่ะ เบื่อป่าคอนกรีตว่ะ  เลยมาอยู่ป่าเดียวกัน”

   มันหอกมา . . .ผมก็หอกกลับ

   กลัวไปใย มีหอกเหมือนที่มันมี  แม้การใช้งานอาจจะต่างกัน  แต่ก็มีเหมือนกันล่ะว้า !

   “สัสสสสสสสสสส  สมพรปากเหอะมึง  ให้สมหวังอย่างที่มุ่งมาตรปรารถนาและตั้งใจเอาไว้เทอญ”

   “ไอ้เลว  เล่นนิดเล่นหน่อย  อวยพรกูอีก  ไมเหรอ  เกิดเสียดายกูมาล่ะดิ๊”  ผมยิ้มที่ได้ยั่วมันเล่น  การได้ยั่วมันนี่คือความสุขอย่างนึงของผม 

   “เสียดายมากกกกกกกกกกกกกกก  เสียดายจนอดห้ามใจไม่ไหวแล้วเพื่อนเอ้ย”

   “อดใจไม่ไหวก็มาหากูดิ๊   คนเรานะโว้ยหากรู้ว่าหัวใจตัวเองอยู่ที่ไหน  มันต้องเอาร่างกายตามหาหัวใจ  ไม่ใช่ดีแต่ปากแบบที่มึงกำลังเห่า”

   “ไม่ใช่หมา  ไอ้หอกหัก แล้วไม่ต้องมาหวานกับกูมาก  ไอ้ห่า  เพื่อน ๆ  ทั้งคณะมันเข้าใจกันว่ามึงกะกูเป็นคู่ตูดหมดแล้ว”

   “หอกยังดีอยู่ ไม่หัก  ส่วนใครจะมองไงกูไม่สนหรอก  ตราบใดที่กูยังไม่ขอมันแดก”

   “จ๊ะพ่อ”

   “หรือมึงสนคำพูดพวกนั้น”

   “ฝันไปเหอะ  หาได้มากระทบใจกูไม่  กูจะสนทำไมคำพูดคนอื่น  เพราะหากกูจะสนหรือแคร์ความรู้สึก  กูคงแคร์ความรู้สึกมึงมากกว่าคำพูดไร้สาระของคนพวกนั้น”

   โห . . . เพื่อนผมครับ   

   ทั้งลูกด่า  ลูกหยอด  มันโดดเด่นไม่เป็นรองใคร  ทั้งมันและผมผ่านการรองรับจากสมาคมคนปากหมาแห่งประเทศไทย  เวลาที่ตั้งประเด็นกันขึ้นมา รับรองไม่ค่อยมีใครจะยอมลงให้กันก่อนหรอกครับ ถึงจะเถียงกันทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายอย่างไร  ก็รักกันดีครับ  ใครหน้าไหนอย่าได้แหยมมาตอนที่ผมสองคนกำลังจะกินเลือดกินเนื้อกันนะครับ

   เพราะ . . .

   ทั้งผมและมันจะเปลี่ยนเป้าหมายไปกินเลือดคนที่เสนอหน้าเข้ามาทันที . . .

   “ซึ้งมากเพื่อน ไอ้หอกไม่หัก”

   “แต่กูขอแช่งให้มึงหัก  ว่าแต่มึงอ่ะ  ตอนนี้อยู่เชียงใหม่หรือเชียงรายว่ะ”

   “สัสแช่งกู  เดี๊ยะตบด้วยจมูกแม่งเลย  ตอนนี้กูอยู่ปาย”

   “ห๊า  ที่ไหนนะ”

   สมัยนั้น น้อยคนครับที่จะรู้จักเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้  เมืองที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา  เมืองที่มีแต่น้ำใจของผู้คน  เมืองที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

   “ปาย  แม่ฮ่องสอน  อยากมามั้ยล่ะมึง  สวยนะโว้ย  สาว ๆ  ที่นี่  งามแต้ ๆ  ตอนเช้าก่อนพระอาทิตย์จะส่องสว่างโร่  หมอกบาง ๆ  ลอยเต็มเมืองเลย  ออกไปเดินแล่นริมน้ำปายยามหน้าแล้ง  น้ำแห้งมีสันทรายตามธรรมชาติ  แล้วบ่าย ๆ ไปเที่ยวแกรนค์แคนปาย  เหมือนแกรนด์แคนยอนเลยนะมึง  ใกล้ ๆ  กันก็ปางอุ๋ง  สวิสฯ  เมืองไทยอากาศเย็นทั้งปี  ส่วนที่ปายกลางคืนสุดยอดเลยอากาศเย็น ๆ  ลมพัดเบา ๆ  นั่งละเลียดเบียร์วุ้น โอ้ย  สวรรค์บนดินดี ๆ  นี่เองเพื่อนร๊ากกกกก”

   “อ๋อ  นึกออกแล้ว  บ้านไอ้น้องชายมึงอ่ะนะ  ไอ้เหี้ยนี่บรรยายซะอยากเลย  อย่าดิ๊  กำลังอยากเที่ยว  แม่งเพิ่งสอบซัมเมอร์เสร็จ”

   “อยากเที่ยวก็มาดิ๊”

   “ไม่มีตังค์”

   “ห้าร้อยเองเพื่อน  มาเหอะ”

   “ถุย  ห้าร้อย  แค่เชียงใหม่ยังไปไม่ถึงเลย”  มันด่ามาตามสาย

   “อ้าว  นั่งรถไฟชั้นสามมาเชียงใหม่ร้อยกว่าบาทเอง  ไปกลับสามร้อย  เหลือตั้งสองร้อยนะเพื่อนรัก”

   “สัสเหอะไอ้อาร์ม   ไปปายอีก  ไปยังไง  กูไม่เชื่อมึงหร๊อก  ไม่ต้องมาอำ”

   “ไม่อำ  เอางี้  ถ้ามึงโทรหาไอ้ก้อง  ไอ้ชา  ไอ้แดน  บอกว่ากูอยากให้มา  กูกำลังเหงาอยากเที่ยวก่อนไปลุยเรียนปีสุดท้าย  อยากได้เหรียญทอง  ให้มาช่วยกูชาร์ทพลังงานการเรียนหน่อย  กูสัญญาจะไปรับที่เชียงใหม่  หลังจากนั้นฟรีตลอดทริป  สนใจมะ”  ผมยิ้มกับตัวเอง

   “พูดไป  จริงดิ  แบบนี้ค่อยน่าสนใจ”

   “เออ  จริง ๆ  มึงหาทางมาเชียงใหม่ให้ได้  แต่ต้องก่อนวันที่ ๕ เดือนหน้านะโว้ย  เพราะกูจะกลับกรุงเทพฯ” 

   “เออ ๆ  เดี๋ยวกูจะลองโทรชวน  ใครจะว่างมั่งว่ะเนี่ย  ฟรีตลอดจริงนะโว้ย”

   “จริงดิ๊   โทรชวนไอ้แดนก่อนเลย   กูคิดถึงมัน หลอกมันไว้หลายรอบว่าจะพาเที่ยวเหนือ  ไอ้ห่านั่นมันร่ำ ๆ  จะตามกรูมาตั้งแต่ปีใหม่แร่ะ  แต่กูไม่ว่างว่ะ”

   “มึงโทรบอกมันก่อนเด่ะ  แล้วให้มันโทรหากูนัดวันไปกัน”

   “เออ  ได้ ๆ  งั้นกูโทรหาแดนก่อน  ไอ้ก้องกับไอ้ชามึงโทรบอกแล้วกัน  ทางไกลกูเปลือง  เพราะไม่มีโปรฯ  ว่ะ  แล้วเดี๋ยวค่ำ ๆ  กรูโทรหามึงอีกที  แค่นี้นะโว้ย” 

   ผมวางสายจากไอ้โอ๋  ไอ้เพื่อนรักของผม . . .   

   ผมยิ้มกับตัวเอง   ผมไม่รู้เหมือนกัน  ว่าสิ่งที่ผมทำไปมันจะถูกหรือผิด  แต่ผมยืนยัน  ถึงผมย้อนเวลาได้ ผมก็จะทำแบบที่ผมทำ   เพราะมือที่ยื่นไป  ผมไม่คาดหวัง  ใครจะมองเช่นไร   ผมรู้จักหัวใจตัวเอง  ไม่รู้อะไรของคนอื่น ๆ  หรอก

   ผมรู้แค่ . . . ผมอยากให้โกมาเรียน 

   เงิน . . . ที่ต้องใช้มันสำคัญ

   ทางเดียวที่จะมีเงินได้ . . .

   . . . ต้องมีแขกมาพัก . . .   

   แล้วโลว์ซีซั่นแบบนี้จะหาแขกได้จากที่ไหน    บางแห่งถึงกับปิดรีสอร์ทเพื่อปรับปรุง  กว่าจะเปิดก็ปลายฝน  ราวตุลาคมโน่น  ทางที่ผมคิดได้ในเวลานั้น  คือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว  สำหรับสถานการณ์ที่ใกล้เข้ามา

   ทาง . . . ที่ไม่ได้ยื่นเงินให้โดยตรง

   ความรัก . . .

   มันมีพลานุภาพมากมาย  มากพอที่จะทำให้ผมสามารถทำอะไรก็ได้  ผมแน่ใจสิ่งที่ผมทำไปนั่นเกิดจากความรักไม่ใช่ความหลง . . .

   เพราะในขณะที่ผมทำ  ผมคิดและตรึกตรองเอาไว้ก่อนแล้ว

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 11-05-2008 04:06:40
อิๆๆฉลาดมาก ทำวิธีนี้โกจะได้ไม่ต้องอึดอัดที่รับตัง แถมเพื่อนๆก็ได้มาเที่ยวด้วย เก่งมากจร้า :oni2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 11-05-2008 15:38:58
 :m1: :m1: :m1:

เห็นด้วยกับ รีบน คร้าบ ทำไปเพราะอานุภาพของความรักใช่เกาะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 11-05-2008 15:54:44
เพื่อความอยู่รอดของคนที่เรารักไม่ว่าจะให้ด้วยวิธีไหนก้อตามเราก็จะรู้สึกดีเสมอเมื่อเค้าได้รับถึงแม้ว่าเค้าจะไม่ได้รับจากเราโดยตรง
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 11-05-2008 16:01:44
อ่านแล้วเครียดดี  แต่ก็จะอ่านนนนนนนนนนน :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 11-05-2008 20:43:29
เศร้าอีก เศร้าอีก  ยังเศร้าได้อีก
ชอบๆๆๆ
ชอบเรื่องเศร้าๆๆแบบนี้ เอาแบบรันทดหดหู่เลยยิ่งดี 55555








(สะใจตัวเองนะที่เรื่องของผมเศร้ากว่า)

อยากทราบว่าปัจจุบันเปนงัยครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 11-05-2008 20:45:31
อ่านแล้วเครียดดี  แต่ก็จะอ่านนนนนนนนนนน :m15: :m15:

คิดเหมือนกันเลย o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 12-05-2008 00:11:59

ตอนที่ ๗




   ขบวนรถที่เคลื่อนเข้ามาในสถานีช้ากว่ากำหนดเดิมไปร่วมชั่วโมง  ผมเดินเตร่ไปเตร่มาชีวิตไม่เร่งรีบอะไร  เมื่อขบวนรถจอดสนิท  ความโกลาหลวุ่นวายดูจะเกิดขึ้นในสถานีแห่งนี้  เพราะผู้โดยสารและผู้ที่มารอรับต่างเดินหาญาติ  ที่มากับขบวนรถ


   “พี่อาร์ม  โน่นไงพี่โอ๋”  ไอ้โกชี้ไปอีกทาง

   ผมหันไปตามที่มันบอก   ก่อนเดินก้าวเท้าไปหามัน  ท่ามกลางผู้คนมากมาย  แต่ไม่รู้ทำไม  วันนี้ผมตื่นเต้นกว่าทุกวันเสียอีก

   “แดน คิดถึงจัง”  ผมปรี่ไปกอดไอ้แดนเอาไว้หลวม ๆ

   มากอดไรคนเยอะแยะ”  ปากมันพูด  แต่มันกอดผมเบา ๆ  ทักทาย  ตามความเคยชินเหมือนตอนอยู่มหาวิทยาลัย

   “โหยไอ้สัสอาร์ม  มากอดกูมั่งมะ”  ไอ้ก้องมันอ้าแขนรับ

   “กอดทำเหี้ยไรพวกมึง  ไอ้แดนมันน้องรหัสกูโว้ย  เหมาะสมที่จะโดนกอด”  ผมปล่อยมัน  ก่อนทักทายเพื่อนที่มาด้วยกัน

   “ลำเอียงว่ะไอ้อาร์ม  โกมาพี่กอดที”  ไอ้เพื่อนเชี่ยล่ะครับ  เถไปกอดคนขอผมเฉยเลย

   . . . สาสสสสสสสสสส . . .

   นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนรักมากอดหัวใจกรู  กลางสถานีรถไฟแบบนี้มีวางมวย  แต่เห็นว่าเป็นเพื่อนรักหรอก  ให้อภัยมันได้เสมอ

   “เดี๋ยวแนะนำก่อน  นี่พี่ก้อง  พี่ชา พี่แดน  ส่วนไอ้เหี้ยที่มันกอดโกเมื่อกี้ไม่ต้องแนะนำหรอก  รู้จักกันแล้วนี่หว่า”  ผมหันไปแนะนำเพื่อน ๆ  ให้โกรู้จัก

   “โกเมศวร์  น้องกู  และวันนี้มันจะเป็นคนที่พวกมึงต้องฝากชีวิตไว้กับมัน  อ้อ  กูด้วย  กูก็ต้องฝากชีวิตไว้กับมันเหมือนกัน”  ผมยิ้มเจ้าเล่ห์

   “ทำไมว่ะไอ้อาร์ม”   ไอ้ชาเสนอหน้าดำ ๆ  มาถาม

   “อ้าว!  เพราะกูจะไม่ยอมขับรถไปปายเด็ดขาด  หัวเด็ดตีนขาดกูไม่ยอมขับแน่ ๆ  แค่อินทนนท์กูก็เสียวแปล๊บบบบบบบบบบ   จะให้กูขับไปปายกูไม่อาววววว”  ผมทำท่าขยาด

   “ไอ้เหี้ยนี่  คนยิ่งปอด ๆ  อยู่”  ไอ้โอ๋มันดึงคอผมไปคล้องเอาไงไว้กับวงแขนมัน 

   “เหี้ยอาร์ม  หัวเหม็น”  มันเอาจมูกมาแตะที่หัวผมเบา ๆ  ก่อนผลักออก  เพื่อนผมมันน่ารักครับ  ขยันหาเรื่องกับผมเรื่อยเลย

   “สัส  กูเพิ่งสระเมื่อสามวันก่อน”

   “รอบนี้สามวัน  รอบหน้ากี่วันว่ะ”

   “เรื่องของกู  ว่าแต่พวกมึงพร้อมที่จะเดินทางสู่โค้งมหัศจรรย์หรือยังว่ะ”

   “เฮ้ย  ไอ้อาร์ม  กูนั่งรถไฟกลับกรุงเทพฯ ยังทันมะเนี่ย”  ไอ้ก้องหน้าซีด

   “เอาน่าพี่  ไม่น่ากลัวหรอก  พี่อาร์มอย่าหลอกดิ  มีแค่สองโค้งเอง  น่ากลัวตรงไหน  ปิดตาข้างเดียวขับยังไหวเลย”  โกยิ้มฟันขาว

   “พอเลยน้อง  ไอ้สองโค้ง  โค้งขวาหนึ่ง  โค้งซ้ายอีกหนึ่ง  พี่เจอกันมาแล้ว  สมัยไปทีลอซูก็แบบนี้แหละ  คนขับบอกสองโค้งกับแถมอีกหนึ่งถุง”

   “ถุงอะไรเหรอพี่ก้อง”  ไอ้แดนขมวดคิ้วสงสัย

   “ถุงอ้วกไงแดน  พอรถเลยพบพระไปหน่อย  ไอ้ก้องเอาแล้ว  ร้องจะอ้วก ๆ  สุดท้ายพุ่งออกมาหมดพุง  อ้อ  มีแถมอะไรนะไอ้โอ๋”  ผมหันไปหาไอ้เพื่อนรัก

   “ไอ้ห่านี่  ไม่ต้องเลย  กรูทิ้งเสื้อไปตัวเพราะอ้วกไอ้ก้อง  คราวนี้ให้มันนั่งหน้า  ไม่ต้องมานั่งกับพวกกู    กลัวทำไหมว่ะ  ผีมาถึงป่าช้า  ไม่ฝังก็ต้องเผา  ตกลงมะไอ้อาร์ม” 

   “ขอสักป๊าบเหอะ”  ผมตบกบาลมันเบา ๆ

   “ห่านี่  หาคำเปรียบที่ดูดี ๆ  หน่อย  ส่วนถุงอ้วกกูเตรียมไว้แล้วเพื่อน  ไปกันเหอะไป  สายแล้ว”  ผมตัดบท  ก่อนพามันเดินออกมาจากสถานีรถไฟ




   เหตุการณ์  หรือ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น  มันสอนอะไรผมหลายอย่าง สิ่งที่เรามองเห็นบางครั้งอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็น  แล้วไอ้สิ่งที่เราควรจะเป็น บางที่มันอาจะไม่ใช่สิ่งที่เราคาดหวังเอาไว้ก็ได้  ผมค่อย ๆ  เรียนรู้การใช้ชีวิต . . .

   . . . บททดสอบแห่งชีวิต  ได้มาจากการใช้ชีวิต


   โลก . . . แห่งความเป็นจริง

   ผมรู้นะสิ่งที่ผมทำ  หลาย ๆ  คนอาจจะมองว่า  มันอาจเป็นความคิดที่เหมือนเด็ก  ที่ต้องการอะไรแล้วจะต้องเอาให้ได้    แบบนั้นหรือ  ผมไม่ใช่คนแบบนั้นแน่ . . .

   ถึงผมจะรักโก . . . โกเมศวร์

   . . . รักอย่างเต็มหัวใจ . . .   

   แต่ . . .

   ภายในความรู้สึกส่วนลึกของผมแล้ว  ผมอยากเห็นน้องมันมีอนาคตที่ดีมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้มากกว่า   หนทางข้างหน้าอีกไกล  และไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิด
ขึ้นบ้าง  เราไม่รู้อะไรที่ยังมาไม่ถึง   สิ่งที่ผมทำลงไป  มันแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น 

   เพราะ  . . .

   . . . เมื่อเราเริ่มนับหนึ่ง . . .

   เราควรเดินไปให้ถึงร้อย . . . มิใช่หรือ ?

   “ไอ้อาร์ม  งานนี้ไม่ฟรีอย่างที่มึงบอกใช่มั้ย”    ที่บาร์เล็ก ๆ  แห่งเดิมที่  หากแต่วันนี้อากาศไม่ได้หนาวแบบที่ผ่านมา

   ผมมองหน้าไอ้เพื่อนรัก . . .

   “ฟรี  มึงก็เห็นว่ามึงไม่ต้องจ่ายสักบาท”    ผมยืนยัน

   “หมาเหอะมึง  กูกินข้าวนะไอ้ห่าอาร์ม ไม่ได้แดกหญ้า   แล้วกูก็เห็นว่ามึงทำอะไรเมื่อตอนเย็น”  ไอ้โอ๋มองหน้าผม  กระดกเบียร์เข้าปาก

   มันจ้องมองผมราวกับจะเอาคำตอบให้ได้เดี๋ยวนั้น . . 

   ไอ้ผมหรือ  ก็ไม่เคยที่จะโกหกมันได้อยู่แล้ว  เลยได้แต่อมยิ้ม   คล้าย ๆ  จะยอมจำนนต่อมัน   อย่างน้อยที่สุด  สามปีในมหาวิทยาลัย  มันคือเพื่อนสนิทคนเดียวที่เรียกว่า . . .

   . . . อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ . .  .

   “ก็เดินเล่นริมน้ำปายกับมึงไง เดินดูพระอาทิตย์ตกลับเหลี่ยมเขา  มีสายลมเบา ๆ  พัดผ่าน มึงยังให้กูถ่ายรูปให้เลย”

   “อย่ามานอกเรื่อง” 

   มันลดละเสียที่ไหน  มันอ่านหัวใจผมออก  เหมือน ๆ  ที่ผมเองก็อ่านหัวใจเพื่อนผมออก  ผมน่าจะรู้  มันรู้จักผมดี 

   บางที . .  .

   ต่อจากวันนี้  ผมคงต้องปรับตัวเอง  เล่นซ่อนหากับตัวเอง  เพื่อว่ามันจะได้ไม่รู้จักผมทุกมุมแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้

   ผมสัญญา . . .

   กลับไปคราวนี้ . . .

   . . . มันจะเข้าใกล้ผมแบบที่ผ่านมาไม่ได้อีกเด็ดขาด . . .

   บางห้องผมจะปิดเอาไว้  ไม่ยอมให้มันเข้ามาหากผมไม่ให้มันเข้ามา  ผมมองหน้ามัน  เพราะรู้ดีว่าการหลบสายตา  ยิ่งทำให้มันคิดว่ามันชนะผม

   “อ้าว  นอกเรื่องที่ไหน ก็มึงฟรี”

   “แล้วหมื่นกว่าที่มึงจ่ายไปล่ะ”

   “อะไร  ไม่มี๊  หมื่นอะไรที่ไหน”

   “กูเห็น  หมื่นสี่ที่มึงให้ป้าภา”

   “อ๋อ  อากูเขาฝากมาให้  ทำไม  มึงคิดว่าคนแบบกูจะทำอะไร  จะเอาเงินมากขนาดนั้นมาจากที่ไหน”

   “สัส  มึงยังไม่ยอมรับอีกเหรอ  มึงอย่ามาปากแข็ง  อย่ามาทำเป็นเหมือนกูไม่รู้เท่าทันมึง  มึงทำไปทำไม”  มันจ้องหน้าผม

   ผมมองหน้ามัน  จนใจกับการที่จะโกหกมันอีกต่อไป    ผมคงเป็นเพื่อนที่โกหกได้ไม่เนียนเท่าไหร่  มันถึงมองผมแบบมีชัยชนะเหลือกว่าผม

   “มองแบบนี้กูก็ตายเด่ะ   ท่านเอกรัฐ”  ผมจนใจ  ยกขวดเบียร์กระดกแก้เก้อไปหนึ่งรอบ

   “เออ !  มึงมีอะไรที่มันเป็นความลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนขนาดนั้นว่ะ  ทีแรกกูแค่คิดว่ามึงเหงา  อยากเจอพวกกู  เลยลงทุนขับรถออกไปรับถึงเชียงใหม่  แต่กูแปลกใจ  ทำไมไม่ค้างที่รีสอร์ทอามึง  มาค้างที่รีสอร์ทป้าภาทำไม  จนเมื่อตอนเย็น . . .”   มันจ้องหน้าผม

   “. . . มันยิ่งทำให้กูไม่เชื่ออย่างสนิทใจว่ามึงอยากให้พวกกูมาเที่ยวจริง”

   “จ้ะพ่อ  คอยจับผิดขนาดนี้มาเรียนศิลปะศาสตร์ทำเชี่ยไร  ไม่ไปเรียนกฎหมายว่ะ”

   “อย่ามาเบี่ยงประเด็น  ตกลงที่ทำไปเพราะ . . .”

   “เพราะอยากให้พวกมึงมาเที่ยว  ไอ้เหี้ยนี่  กูอยากให้มึงมาจะตายไป”  ผมรีบสอดไปในทันที  เพราะไม่รู้เหมือนกันว่า  สิ่งที่มันคิด  จะเป็นอย่างที่ผมคิดหรือไม่

   “มันต้องมากกว่านั้น . . .”

   “อะไรของมึ๊งงงงงง”

   “ไอ้อาร์ม  มองหน้ากู  มองตากู”   มันจ้องหน้าผม  เอามือจับคางผมเอาไว้ให้มองหน้ามัน เสมือนหนึ่งผมคือจำเลย  ที่กำลังโดนสอบสวน

   “มองแล้วไง”  ผมยิ้มยั่วมัน

   “ห่านี่  อย่ามาเล่นกูกำลังซีเรียส  มึงมองกู  แล้วถามตัวเอง  ว่าคนที่มึงเห็นคือใคร  ใช่เพื่อนมึงมั้ย  ใช่คนที่อยู่กับมึงมาสามปีมั้ย  หากมึงคิดว่าไอ้คนที่นั่งตรงหน้ามึงไม่ใช่เพื่อน  มึงก็ไม่ต้องตอบอะไรกู  แต่หากมึงคิดว่า  นี่คือเพื่อนแท้ของมึง  ก็บอกมา”

   “เอ้า  ไอ้นี่  เออ . . . เออ  อยากรู้ไรถามมา”  ผมเริ่มเป็นฝ่ายจนมุมในที่สุด

   . . . ตายกับความจริงจัง  จริงใจของมัน . . .

   “กูแค่อยากรู้  งานนี้ไม่ฟรีใช่ไหม”

   ผมพยักหน้าตอบมัน . . .

   “ทำไมต้องทำขนาดนั้นว่ะ  ไอ้อาร์ม  มันมีอะไรที่มึงต้องทำถึงขนาดนี้   ไอ้ห่าอาร์ม เล่ามาดิ”

   “เอาสั้น ๆ  อยากช่วยคน  แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง  เลยต้องใช้วิธีนี้วะ  โทษทีที่ไม่บอกรายละเอียดก่อน  ขืนกูบอกมรึงไม่มาเด่ะ  อย่าซีเรียสเอ้าชนหน่อย”    ผมยกขวดเบียร์ไปกระแซะมัน

   “เออ  แมร่งไม่เล่าก็ไม่เล่า  แล้วน้องมึงไอ้โก มันจะไปเรียนได้เหรอ  กูเห็นสองสามคืนมานี่  เมียมันติดมันแจเลย”

   “ไม่รู้  เรื่องของมัน สมัครเรียนแล้ว  จ่ายค่าเทอมไปครึ่งนึงแล้ว  กูช่วยได้แค่นี้  ที่เหลืออยู่ที่การตัดสินใจของมัน”

   ผมเห็นเหมือนที่ไอ้โอ๋เห็น . . .

   . . . และเป็นความหวาดกลัวลึก ๆ  ในหัวใจ 

   หาก . . . มันไม่สามารถตัดบ่วงของมันได้  สิ่งที่ผมทำมาทั้งหมดมันสูญเปล่า  ทุกสิ่งทุกอย่างมีค่าเท่ากับศูนย์

   . . . เพราะ . . .

   ตั้งแต่กลับมาจากกรุงเทพฯ  เมียมันประกบมันแจเลย    อาจเพราะมันจะมาขลุกอยู่กับผมทั้งวัน  ซึ่งเมียมันดูท่าจะไม่ค่อยพอใจผมสักเท่าไหร่ 

   แต่ . . .

   สำหรับผม  ผมมีโลกส่วนตัวของผม  โลกที่ใครก็เข้ามาไม่ได้  ถ้าผมไม่เปิดให้เข้ามา  ความพอใจหรือไม่พอใจของคนที่อยู่นอกสายตา  นอกความรู้สึกของผม  ไม่มีผลต่อหัวใจของผมอย่างเด็ดขาด

   “เฮ้ย  พวกมันมากันโน่นแล้ว  เลิกคุยเรื่องนี้เลยนะมึง   เย็บปากมึงให้สนิทเลย  กูไม่อยากให้ใครต้องมาลำบากใจ  เข้าใจกูนะไอ้เพื่อนรัก”

   “คิดดูก่อน”

   ไอ้เพื่อนเชี่ย  ทำแววตาเหมือนเป็นต่ออีก  พวกมันยิ่งเดินเข้ามาใกล้  หัวใจผมวังเวง  พยายามมองหน้าไอ้เพื่อนรัก  วิงวอนด้วยแววตาที่น่าสงสารอย่างที่สุด 

   “กูขอร้อง  ขอเรื่องเดียวเพื่อน”    ผมบอกเมื่อเห็น  โก  แดน  ชา  กับ  ก้องเดินมาทางที่ผมกำลังนั่งอยู่

   “เออ !  ไม่บอกก็ได้”

   “ขอบใจเพื่อน”

   ผมแทบจะกระโดดไปกอดมัน  ไอ้เพื่อนรัก  มันเข้าใจผมกว่าใคร ๆ  ทั้งหมด    ผมยิ้มให้มัน  เหมือนเคย  มันยิ้มตอบผม  ผมเห็นแววตามัน  แววตาที่พร้อมจะอยู่ข้างผมตลอดเวลา

   “มีอะไรให้กูช่วยมั้ยมึง”

   “ไม่มีหรอก”

   “แน่ใจ”

   “ก็ไม่รูว่ะ  กลัวอยู่เรื่องเดียว  หากพรุ่งนี้มันไม่กลับไปพร้อมพวกเรา  หมายความว่า  สิ่งที่กูทำมาสูญเปล่า”

   “อย่ากังวลไปเลย  กูสัญญาสิ่งที่มึงทำไม่สูญเปล่าหรอก  เดี๋ยวคืนนี้กูจะพูดกับน้องมันเอง ไหน ๆ  ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว  กูรับรองพรุ่งนี้เรากลับเชียงใหม่เท่ากับตอนขามาไอ้อาร์ม”

   ผมมองหน้ามัน . . .

   . . . รอยยิ้มจากแววตามุ่งมั่นของมัน . . . 

   มันเข้าใจผมดีเสมอ  เพื่อนคนเดียวที่ผมไว้ใจมากที่สุด และเป็นเพื่อนคนเดียวที่อยู่ข้างผมจนถึงที่สุดเหมือนกัน  เพื่อนแท้คนเดียวและคนสุดท้ายที่ผมมี  ผมยิ้มให้มัน  หัวใจลิงโลด  ลองมันสัญญา  มันจะทำตามที่สัญญาเสมอ

   สิ่งที่ดีที่สุดที่เพื่อนคนนึงพึงกระทำให้เพื่อนอีกคน

   “มากันแล้วเหรอ   มาเลย  คืนนี้ขอเมา  พรุ่งนี้กลับแร่ะ  แดนมานั่งนี่มา”    ผมเอามือตะบบที่เก้าอี้ใกล้ ๆ  ตัว  อย่างน้อยแดนมันจะเป็นไม้กันหมาสำหรับผม 

   ส่วนโกเมศวร์ เข้ากันได้ดีกับเพื่อน ๆ  ของผม  มันเข้ากับเพื่อนผมได้ดีกว่าที่ผมคิดเสียอีก

   อาจเพราะ . . . โดยอาชีพที่คอยพาคนแปลกหน้าไปตามสถานที่ต่าง ๆ 

   มันเลยดูจะปรับตัวเข้ากับใคร ๆ  ได้ง่าย  โดยเฉพาะกับไอ้เพื่อนร๊ากกกก

   คงเป็นเพราะว่า  ตอนที่ลงไปสมัครเรียนที่กรุงเทพฯ  มันเจอกับเพื่อนโอ๋หลายวันแล้ว  ก็ไอ้เพื่อนรักมันเล่นมานอนขลุกอยู่กับผมทั้งอาทิตย์  และเป็นมันนี่แหละที่กุลีกุจอหาที่เรียนให้โกมันจนได้

   “โก  พี่อยากเดินดูปายยามค่ำว่ะ  พาไปเดินหน่อยสิ”

   ไอ้โอ๋  มันบอก    เมื่อทุกคนนั่งลงพร้อมหน้า

   “เอาเลยพี่  เดี๋ยวผมพาทัวร์  ใครจะไปมั่งครับ”

   “ไปกันสองคนพอ  พวกมึงอยู่นี่  กูมีความลับกันสองคน”  ไอ้เพื่อนรักหันมาทำมือปางห้ามทั้งญาติ  ทั้งเพื่อนไม่ให้ตามมันไป 

   “ไอ้ห่านี่”   ผมมองหน้ามัน

   มันยิ้ม  ผมรู้ความหมายในรอยยิ้มของมัน

   “ถ้าอีกสองชั่วโมงยังไม่กลับมา  เจอกันที่ห้องนะโว้ย”  มันหันมาสั่ง

   “เอ้า  กูนึกว่าเจอกันที่วัด”  ผมมองตะโกนไล่หลังมัน

   “ไอ้เหี้ยอาร์ม”  มันชี้หน้าผมฝากเอาไว้ตามเคย

   ผมยิ้ม  มีความสุขนะ  กับการได้กัดมัน  เพราะมีแต่ผมนี่แหละที่ทันมันแทบทุกเรื่อง ส่วนคนอื่น ๆ  ได้แต่มองแบบงง ๆ  ว่าคนสองคนที่กัดกันได้ตลอดเวลา  ทำไมอยู่กันได้มาตั้งสามปี

   ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้โอ๋มันไปคุยอะไรกันกับโกบ้าง . . .

   เพราะมันได้เล่าให้ผมฟัง  และในเมื่อมันไม่เล่า ผมเลยเลือกที่จะไม่ถาม  เพราะไม่มีเหตุอันใดที่ผมต้องถาม  ในเมื่อเช้าวันรุ่งขึ้น ไอ้โกมันไปขนของจากบ้านเช่าที่มันเช่าอยู่กับเมียมันกลับมาไว้ที่บ้าน  ท่ามกลางความงุนงงของทุก ๆ  คนรอบ ๆ  ตัวมัน  เพราะเรื่องที่มันจะไปเรียนต่อ  มีแค่สามคนที่รู้ 

   ผม . . .

   . . . มัน . . .

   ป้าภา . . .

   เที่ยงวันนั้น . . . เราทั้งหมดนั่งรถปุเลง ๆ  กลับเชียงใหม่ . . .

   “มาลูกมา  มากันเหนื่อย ๆ  มากินน้ำกินท่ากันก่อน”  แม่กุลีกุจอออกมต้อนรับ  เมื่อผมกับเพื่อน ๆ  โผล่หน้าไปในตอนเย็น

   “โหยแม่  ลูกหิวข้าวไม่ได้หิวน้ำ”  ผมเข้าไปกอดแม่เอาไว้หลวม ๆ

   “เข้ามา ๆ  ลูก  ให้แหว๋วมันอุ่นน้ำเงี้ยว  แม่ยะไว้ตั้งแต่บ่ายแล้ว    เดี๋ยวกินข้าวกัน  พ่อโทรมาจะอี้  ใกล้ถึงแล้ว  โอ๋สบายดีมั้ยลูก  ผอมไปมั้ย”

   นี่ละครับแม่ผม . . .

   ห่วงไอ้ลูกนอกไส้ออกนอกหน้าเชียวครับ  มันได้ทีหันมายิ้มยั่วผม

   “อาร์มแย่งกินหมดแม่”

   “ลูกอาร์มนี่  เป็นจะได๋ไปแย่งเพื่อน”

   “โอยแม่  เชื่อไอ้กะล่อนมัน  แม่ถามแดนกับไอ้ก้องดู  ใครแย่งใครกันแน่”  ผมหันหาพวกเพื่อยืนยัน  ไม่อย่างนั้นไอ้เพื่อนเลวทำแต้มนำอีก

   “ลูกสองคนนี่  จะอี้เถียงกันตลอด  ไป๊ ไป  อาร์มพาเพื่อนไปหาไรกินกันก่อน”

   “ครับ”  ผมหอมที่แก้มแม่เบา ๆ

   แม่ยิ้มแป้น . . .

   แดน  ชา  ก้อง  กลับเข้ากรุงเทพฯ  ด้วยรถไปเที่ยวค่ำ  ส่วนไอ้โอ๋  ไล่ยังไงมันก็ไม่กลับ มันดื้อด้านจะอยู่ต่อท่าเดียว    มันบอกติดใจขนมจีนน้ำเงี้ยวฝีมือแม่ผม   พอมันพูดแบบนี้คุณนายแม่ผมหน้าบานเท่ากระด้ง  ชอบที่ใครบอกว่าแกทำอาหารอร่อย 

   ดูมันทำ . . . ตลกแดก

   ก็มันนะลูกรักแม่ผมนี่ครับ  มาทีไร  ของกินเต็มโต๊ะทุกมื้อ  แต่ผมชอบนะ  อย่างน้อยไม่เหงา  ผมอาจจะชินกับการโตมาคนเดียวในบ้าน  ไม่มีพี่น้อง  แต่เวลาที่มีเพื่อนอยู่ด้วยมันสบายใจดี  มีความสุขไปตามเรื่องตามราว





   ถนนเบื้องหน้าโล่ง   อาคารขนาดใหญ่ใกล้เข้ามาเมื่อรถค่อย ๆ  เคลื่อนไปด้านหน้า  ส่วนที่เห็นไกล ๆ ลิบ ๆ   คือทิวเขาที่สลับสล้าง  ซ่อนเหลื่อมกันจนยาวสุดลูกหูลูกตา    พ่อค่อย ๆ  ชะลอรถเมื่อเลี้ยวเข้าไปทางลานจอดรถ    ไอ้เพื่อนรักผมทำหน้าแปลก ๆ 

   “ไอ้อาร์ม . . . มาทำไมสนามบินว่ะ”    ไอ้โอ๋กระซิบที่หูผมเบา ๆ   

   “อย่าเอ็ดไป  เดี๋ยวพ่อด่ากรู”

   ผมทำมือห้ามมัน  เรื่องนี้ก็เหมือนกัน  ต้องคุยกันสถานที่ปลอดภัยกว่านี้   คราวนี้พ่อกับแม่มาส่งกันพร้อมหน้า นัยว่าแม่หลงใหลได้ปลื้มที่ไอ้ลูกชายนอกมดลูกมาทำดีด้วยสองวัน  ผมเลยต้องกระเด็นออกจากตำแหน่งลูกรัก

   อย่าให้กรูไปบ้านมรึงมั่งเหอะ . . .

   . . . ของแบบนี้ ทีใครทีมัน . . .

   หลังจากร่ำราพ่อกับแม่แล้ว ผม ไอ้โอ๋ โก  ก็เดินเข้าไปรอเครื่องที่ด้านใน  แต่ครั้งนี้ ไม่ได้นั่งแบบครั้งก่อน  แบบว่าอา  บริจาคมาน้อย  เลยนั่งได้แค่ชั้นประหยัด

   “ทำหน้าเข้า  ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้”   ผมมองไหน้าไอ้โอ๋

   “กูนึกไม่ถึง”

   “เรื่อง”

   “ชีวิตนี้จะได้นั่งเครื่อง”  มันทำตาซึ้ง

   “ถุย  ทำอย่างกะมันยาก”

   “มึงพูดได้ดิ  มึงมีนี่หว่า ไอ้อาร์ม  นี่น่ะครั้งแรกในชีวิตกูเลยนะโว้ยที่ได้นั่งเครื่องบิน”    ท่าทางมันตื่นเต้นมากเหลือเกิน  ผิดกับโก  ที่นั่งนิ่ง ๆ  คอยมองผมกับไอ้โอ๋

   “กูรู้ . . . เลยอยากทำอะไรให้เพื่อนมั่ง”

   “ที่ผ่านมามึงก็ช่วยกูหลายเรื่องแล้วนะโว้ย  ไอ้เหี้ยเกรงใจว่ะ”

   “อ้าว!  ก็มึงเพื่อนกู  อีกหน่อยมึงก็จะรู้เองแหละ  ว่าทุกเรื่องที่กูทำไป  กูมีเหตุผลเสมอ”    ผมยิ้มให้มัน  เพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตผม

   “โกเคยนั่งเครื่องป่ะ”

   “เคยดิพี่  คราวก่อนพี่อาร์มก็พานั่ง    ครั้งแรกของผมเหมือนกัน  อูยพี่  ไปห้องน้ำแปบนะปวดฉี่”

   ผมมองมันเอามือกุมตรงนั้นเอาไว้แล้วอดยิ้มไม่ได้   มันเหมือนเด็กที่ยังไม่ประสีประสาเสียด้วยซ้ำ

   กรุงเทพฯ . . . จะใช่ที่ของคนแบบมันหรือ ?

   “มิน่า  กูได้นั่งเพราะไอ้โก”

   “อ้าว  เหี้ยนี่เกี่ยวไรว่ะ”    ผมมองหน้ามัน

   “ไม่รู้”

   “ไอ้ห่านี่  กูนั่งของกูเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว  แล้วที่กูพามรึงนั่งเพราะมึงเพื่อนกู  มึงไม่เคยนั่ง  อยากนั่งกูก็อยากทำอะไรให้เพื่อนกู  เพื่อนที่กูรักมันผิดเหรอ  ถึงไม่มีไอ้โก  กูก็ตั้งใจแล้ว  กลับมาบ้านคราวหน้าเอามึงนั่งเครื่องมา”

   “ขอบใจว่ะเพื่อนรัก  รักกูให้นานนะมึง”   มันทำสายตากวนตรีนนนนนนนนน . . .

   “มาเป็นเมียกูมะ  จะรักชั่วชีวิตเลย  รักอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อนเลยนะมึง”    กูก็ทำได้สายตาแบบที่มึงทำ และน่าจะทำได้ดีเสียด้วย

   “ห่านี่  มาทำตาหวาน”

   “กูพูดจริง  จะยอมเป็นเมียกูมั้ยล่ะ”

   “นี่เหอะมึง”   มันยกนิ้วกลางโชว์ผมซะงั้น

   “มีแล้วว่ะ  ไม่ต้องเอาของมึงหรอก”

   “ถามจริงเหอะ  จ่ายไปทริปนี้เท่าไหร่”  มันจ้องหน้าผม

   “อย่าคุยเรื่องนี้อีกได้ไหม    อะไรก็ตามที่มันผ่านมาแล้ว  ปล่อยให้มันผ่านไปได้ไหมเพื่อน  เพราะว่าไปพูดหรือคิดถึงมัน  ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา”

   “เออ  ตามใจ”

   “ดีมากเพื่อนร๊ากกกกกกกกก”

   “แต่ไอ้อาร์ม  ขอถามอีกข้อ”  นั่นปะไร  จบง่าย ๆ  ก็ไม่ใช่ไอ้เพื่อนรักของผมนะสิ    ผมมองหน้ามัน 

   ดูมันทำหน้าตาอยากรู้แล้วผมอดที่จะขำไม่ได้

   “ข้อเดียว  ได้”

   “คือ . .”

   “เดี๋ยว ๆ”  ผมยกมือไปปิดปากมันก่อน

   “กูยังพูดไม่จบ  ข้อเดียวแปลว่าคำถามเดียว  ไม่ใช่ข้อเดียวแต่ดันมีข้อย่อยยุบยั่บต้องตอบสิบคำถามในข้อเดียว”  ผมยิ้มให้มัน

   ของแบบนี้ต้องทันกัน

   “เวรเลยกู  เจอเบรคแบบนี้ลืมคำถามซะงั้น” 

   “ถามมาเหอะ”

   “ค่าเครื่องเท่าไหร่”

   “สองพันนิด ๆ  ไม่ถึงสองห้าหรอก  จบคำถามนะครับ  ถามได้คำถามเดียว”

   “ค่าที่ปายหมื่นสี่  สองพันห้าคูณสาม  เจ็ดห้า  ทริปนี้หมดไปสองหมื่นกว่า  ไอ้เหี้ยอาร์ม  ทำไปทำไมว่ะเพื่อน  ไม่ต้องทำขนาดนี้หรอก”    แววตาที่มันมองมา  ผมรู้  มันห่วงผม

   “เอาน่า  เพื่อความสุขทางใจ  อย่างน้อยกูก็ได้ช่วยคนให้ได้เริ่มเรียน  ส่วนกับมึง  แค่นี้น้อยไปเสียอีก  ถ้ากูไม่มีเมียนะโว้ย  กูจะยกมรดกให้ลูกมึง”

   “สัส  คิดไปไกล”

   “อ้าว  คิดดิ  หรือจะให้คิดว่า  เดี๋ยวพอเราขึ้นเครื่อง  บินสักพักเครื่องตกตายยกลำ  แม่มึง  แม่กู  คงนับเงินกันเพลิน  เพราะทีจีเขาจ่ายสดห้าล้าน”

   “ไอ้เหี้ย  คุยห่าไร  กูยังไม่อยากตาย”

   “ว่าได้เหรอ  เรื่องแบบนี้  เครื่องตกนี่โชคดีนะมึง  ได้ลงบันทึกประวัติศาสตร์ ได้ประกันเต็ม ๆ  ได้ไรอีกหว่า  อ้อ  ที่บ้านไม่ต้องเปลืองจัดงานศพ  เพราะหาศพไม่เจอ”  ผมยิ้ม

   “ห่านี่  พูดสร้างสรรค์ดีแท้”

   “เอาจริง ๆ  นะเพื่อน  สมมุตินะ  สมมุติว่ากูไม่แต่งงาน  ลูกคนแรกของมึงกูขอเป็นพ่อทูนหัวนะ   กูเลี้ยงเอง”

   มันมองหน้าผม  ราวกับจะค้นไปให้ถึงความคิดส่วนลึกสุด

   หาไม่เจอหรอก . . .

   ผมบอกแล้ว  ต่อจากนี้จะเล่นซ่อนหากับมันด้วย

   “ทำไมว่ะ”

   “เพราะเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตที่กูเจอคือมึง  แล้วมึงไม่ต้องคิดมากหรอก  เงินที่จ่ายไป  กูไม่ได้เอาของพ่อกับแม่  แต่มันเป็นเงินที่กูช่วยงานอา  แล้วอาเขาจ่ายกู  กูแค่อยากมีช่วงเวลาดี ๆ  กับเพื่อนที่กูรัก  สิ่งไหนที่เพื่อนไม่เคยมี  ไม่เคยเจอ  กูก็อยากให้เพื่อนได้เจอ  โอเคนะ  เรื่องนี้ไม่ต้องคุยอีก”  ผมตบบ่ามัน 

   แปลว่า . . .จบการคุยเรื่องนี้แล้ว

   นิสัยของผมมังครับ  หรือจะเรียกว่าสันดาน 

   ส่วนที่ดีที่สุด . . . ที่ผมพอจะมีอยู่บ้าง  คือผมจะเอาใจใส่คนที่ผมรักเสมอ  แม้เรื่องเล็ก ๆ  น้อย ๆ  หากเป็นอะไรที่คนที่ผมรักไม่เคยหรืออยากได้  ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง  ผมทำให้ได้เสมอ

   เพราะพ่อบอกผมเสมอ . . .

   โอกาสของคนเรา . . . มีไม่เท่ากัน



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 12-05-2008 00:17:25
เศร้าอีก เศร้าอีก  ยังเศร้าได้อีก
ชอบๆๆๆ
ชอบเรื่องเศร้าๆๆแบบนี้ เอาแบบรันทดหดหู่เลยยิ่งดี 55555








(สะใจตัวเองนะที่เรื่องของผมเศร้ากว่า)

อยากทราบว่าปัจจุบันเปนงัยครับ





ปัจจุบัน . . . .มาเขียนเรื่องให้อ่านไงครับ

อ่านไปแล้วก็รู้เองครับ  ผมอยู่ได้  เพราะหัวใจผม  มันอยู่กับผมเสมอครับ

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 12-05-2008 00:51:19
ชอบจัง..ประโยคนี้

ผมเชื่อนะ . .  .

คนเรายอมทำอะไรได้ทุกอย่างเพื่อคนที่เรารัก . . . เหมือนที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้ไง

สิ่งโง่ . . . โง่  ที่ผ่านมา  ความรักที่ผมมีมันยิ่งใหญ่กว่าทุกอย่างที่ผมมี


กะประโยคนี้

ผมอยู่ได้  เพราะหัวใจผม  มันอยู่กับผมเสมอครับ

 :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 12-05-2008 01:56:42
โง่แล้วทำไม หนึ่งมั่นใจ คนบนโลกทุกคนยอมที่จะโง่เพื่อจะได้รู้จักความรักแหละ  :กอด1: เป็นกำลังใจให้จร้า
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 13-05-2008 02:15:27

ตอนที่ ๘


   โกเมศวร์  มาเรียนต่อ . . .

   ผมยินดีเป็นที่สุด  ที่มันเดินเข้าสู่โลกของการศึกษาอีกครั้ง  ผมหวังแค่ว่า  มันจะได้เติบโตมีอนาคตที่ดีต่อไป 

   . . . ผู้ปกครอง . . .


   ผมมองเอกสารที่อยู่ข้างหน้า  ก่อนที่จะเซ็นชื่อตัวเองลงไป  นับจากที่ผมจดปากกาลงไปในเอกสารนั้น  ผมจะมีภาระที่แบกเอาไว้บนบ่า  ภาระที่ผมเองก็ไม่รู้จะมีอะไรบ้างที่จะตามมา  หากจะมีอะไรก็ตามแต่ที่จะเกิดขึ้น

   ผมยินดี . . .

   . . . ผมยิ้ม 

   หัวใจเต้นแรง  เมื่อยื่นเอกสารส่งกลับให้เจ้าหน้าที่  เพราะต่อจากนี้  โลกของผม  ไม่ได้มีแค่ผม

   ยังมีอีกหนึ่งชีวิต

   มันก้าวมาในชีวิตผม . . .

   . . . พร้อมภาระที่ผมต้องรับผิดชอบ

   ผมต้องดูแลมัน . . .ให้ดีที่สุดเท่าที่คนอย่างผมจะทำได้  แต่การจะดูแลใครสักคน  มันดูเหมือนว่าจะเป็นภาระ

   ถึงจะเป็นภาระ . . .

   . . . แต่ผมยินดี

   ระหว่างผมกับมัน . . .

   ต่อจากวันนี้นอกจากหัวใจที่ผมส่งไปถือมัน  เรายังผูกกันด้วยกฎหมาย . . .

   . . . ผู้ปกครอง

   หน้าที่ . . . บริบาลคน ๆ นึงให้เติบใหญ่ในทางที่ดี  ผมแน่ใจ  ข้อนี้ผมผ่านบททดสอบได้ไม่ยาก  เพราะ  ผมรู้จักตัวเองดี  ผมจะเป็นแบบที่ดี

   แต่ . . .  ผมคงไม่ผ่านความรู้สึกทางจริยธรรม

   เพราะ . . .

   หัวใจผมมันรักโกเมศวร์มากกว่าน้อง  มากกว่าที่จะยอมให้มันเติบโตไปตามครรลองของธรรมชาติ  จุดนี้เองที่แย่ที่สุดที่ผมจะแก้มันอย่างไร

   “โก . . . เรียนใกล้จะเปิดแล้ว  โกอยากจะอยู่กับพี่  หรืออยากจะอยู่หอ”  ผมถามมัน    ทั้ง ๆ  ที่กลัวคำตอบเหมือนกัน 

   ผมกลัว . . . คำตอบอย่างหลัง

   “พี่ไม่อยากให้ผมอยู่ด้วยหรือ ?”  ผมรู้มันนอนตะแคงหันมามองหน้าผม

   แต่ . . . ผมชอบมองเพดานห้องสีขาว ๆ  มากกว่า  ผมทำได้เพียงแค่นอนนิ่ง ๆ  มองสีขาวของเพดานห้อง  ผมอยากให้ชีวิตผมสีขาว  ไม่มีสีแห่งความรู้สึกอื่น ๆ  มาแปดเปื้อนหัวใจผมเลย  สีอื่น ๆ  ที่มาแต้มเหมือนรอยด่าง

   รอยด่างในหัวใจ

   “ไม่ใช่  แต่พี่ไม่รู้ว่าโกจะอึดอัดมั้ย”

   “ไม่ . . . ไม่เลยพี่  ผมอยากอยู่กับพี่นะ  ผมพูดจริง ๆ  นะพี่อาร์ม  พี่อาร์มจะทิ้งผมเหรอ”   มันจับแขนผมเอาไว้

   ผมมองมือที่มันจับแขนผมเอาไว้ . . .

   ทุกอย่างมันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน  ภาพความทรงจำสำหรับผมชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน  เสียงที่พูดคุยกัน  ผมจำได้แทบทุกอณู

   “ทิ้งเหรอ . . .”  ผมนอนตะแคง  หันหน้ามาหามัน

   “โกมองตาพี่  แล้วโกจะเห็นว่ามันไม่เคยอยู่ในหัวสมองของพี่เลย  พี่ไม่ทิ้งโก  ไม่มีวัน ไม่มีวันที่พี่จะทิ้งโก  ตราบใดที่โกไม่ทิ้งพี่  พี่จะอยู่ข้าง ๆ  โกเสมอ”

   ผมจะทิ้งมันได้อย่างไร  ในเมื่อมันคือหัวใจของผม  ผมไม่มีวันที่จะทอดทิ้งหัวใจตัวเองได้หรอก  ผมไม่รู้วันข้างหน้า  แต่ผมรู้วันนี้ รู้เมื่อวานนี้  ผมรู้หัวใจตัวเองในตอนนี้

   ผมเจอมันครั้งแรก . . .

   . . . ผมยิ้มกับรอยยิ้มของมัน  รอยยิ้มที่มันยิ้มกับคนอื่น

   มันเข้ามาทักทายผมครั้งแรก . . .

   . . . หัวใจผมพองโต   อิ่มเอมอย่างที่สุด

   ผมเดินเล่นที่ริมน้ำปายในยามเย็นกับมันครั้งแรก  ผมรักมันจับหัวใจ  เพราะมันเหมือนอะไรสักอย่างที่โดนใจผม  ทุก ๆ  อย่างของมันผมจำได้ จำได้ดีเสมอ ไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่น  ผมไม่มีวันลืมรอยยิ้มของมัน

   ครั้งแรก . . . ที่มันมาจอดรถเพื่อส่งผม

   ผมมีความสุข  ทั้ง ๆ  ที่ตอนนั้นหัวใจผมเจ็บเพราะมัน  เจ็บเพราะรับรู้การดำเนินชีวิตไปตามธรรมชาติของมัน   ในความเจ็บปวดที่ผมรับรู้  มันหายไปในทันที  ที่มันมาส่งผม  และมันมีบางอย่างเพิ่มเติมมา  เมื่อผมค่อย ๆ  ขึ้นไปบนรถ

   ทั้ง ๆ  ที่ผมไม่อยากจากมันเลย

   ผมมองกลับมาทางหลังรถ . . .

   . . . มันยังอยู่ที่เดิม  มันรอให้ผมไปจนสุดสายตามันอย่างนั้นหรือ   ทุก ๆ  อย่างที่มีครั้งแรก  ผมจารจำไว้ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ

   “จริง ๆ  นะพี่  ไม่ทิ้งนะพี่”

   “ไม่ทิ้ง  ไม่มีวันนั้นเด็ดขาด  ตราบใดที่โกอยากให้พี่ อยู่ข้าง ๆ  พี่จะอยู่  ถึงโกไม่อยากให้พี่อยู่ข้าง ๆ  โก  แต่พี่จะอยู่  อยู่มองโกในที่ที่โกไม่มีวันมองเห็น”

   ผมจ้องหน้ามัน  อยากให้มันรู้  และมองมาให้ลึกในแววตาของผม  แววตาที่ผมไม่เคยมองใครแบบนี้มาก่อน ผมรู้และรู้ดี  ปมบางอย่างผมพยายามสร้างมันขึ้นมา  เพื่อกลบปมอีกปม  มันเหมือนการหลอกตัวเอง 

   แต่ . . . ผมจำต้องทำ

   ผมหลอกตัวเอง . . . นี่แค่น้อง

   “โหยพี่  ผมไม่มีวันนั้นหรอก  ผมนี่นะไม่อยากให้พี่อยู่ข้าง ๆ  ไม่มีทาง”

   “จะคอยดู”

   “รับรองน่าพี่  ไม่มีวันนั้นแน่ ๆ”

   ผมมองมันด้วยความรัก . . .

   มันจะเข้าใจกับสิ่งที่ผมทำมั้ย   ผมมองหน้าโกเมศวร์  แววตามันใสซื่อ  มันจะเท่าทันทุก ๆ  อย่างที่กรุงเทพฯ  หรือ  คนรอบ ๆ  ตัวมันไม่น่ากลัวเท่าคนใกล้ตัว

     ผมมองมันนิ่ง  นี่คือคนที่ผมรัก  รักมากเท่าที่คนหนึ่งคนจะรักใครได้  แต่ถึงผมจะรักโกมากแค่ไหน  ไอ้ความเห็นแก่ตัว  เห็นแก่ความอยากได้อยากมี  มันก็ยังฝังอยู่ในใจของผมอยู่ดี  ทุก ๆ  อย่างมันค่อย ๆ  เผยออกมา

   ตามวิสัยมนุษย์ . . .

   . . . ได้คืบจะเอาศอก . . . 

   “แต่การอยู่ด้วยกันมันต้องมีขอบเขต”

   “อะไรหรือพี่ . . .”

   “อย่างแรก . . .”   

   ผมมองหน้าโก    มันนิ่งเงียบรอฟัง  ผมละอายใจนะ  แต่นั่นคือทางเดียวจริง ๆ  ที่ผมจะวางกรอบเอาไว้  กรอบที่ผมสร้างมองดูสวยหรู

   แต่ . .

   กรอบ . . . ก็คือ กรอบ

   มีขอบเขต  ไม่อิสระ  หากแต่ผมจำต้องเลือกในเดินใช้ทางนี้  หากวาดหวังให้มันเดินไปสู่ปลายทางที่ผมวาดหวังเอาไว้  ปลายทางที่ผมเองก็ไม่รู้จะไกลแค่ไหน  ผมรู้แค่ว่า  หากปลายทางนั้นมีมันอยู่ผมไม่กลัว  ผมอยากให้มันอยู่ตรงปลายทางแห่งฝัน . . .

   ปริญญา . . .

   สิ่งเดียวที่ผมจะผลักดันมันได้  น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด  เท่าที่คน ๆ  นึงพึงจะทำให้คนที่เรารักได้  ผมยินดีตายกลายทาง  หากใครหรือมือไหน ๆ  จะมาดึงมันออกนอกเส้นทาง ที่ผมวาดหวังเอาไว้

   “. . . ถ้าอยู่ที่บ้าน  ห้ามไปค้างบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต  โกมีอะไรโกก็พูดกับพี่ได้”

   “ครับพี่ . . . ผมว่าผมทำได้  แล้วอย่างอื่นล่ะครับ”

   “ถ้าจะกลับบ้านมืดค่ำ  ให้โทรบอกพี่ด้วย  เพราะพี่จะได้ไม่เป็นห่วง  พี่อยากให้โกรู้  การที่โกมาอยู่ด้วย  พี่ดีใจนะ  แต่เราควรจะอยู่กันด้วยความสุขทั้งสองฝ่าย”

   “ได้ครับ”

   “ข้อสาม . . . ห้ามพาผู้หญิงมานอนที่บ้าน  ถ้าโกมีแฟนจะทำอะไรให้ไปทำที่อื่น  พี่ไม่อยากมีปัญหา  ที่นี่ไม่เหมือนที่บ้านโก  คนที่นี่มีเล่ห์เหลี่ยมมากมายหลายรูปแบบ  เราไม่รู้หรอกใครจะคิดกับเราอย่างไร”

   ข้อนี้ . . . ผมไม่ได้ตั้งมาเพราะตัวเอง 

   แต่ . . .

   . . . ผมเจอมาแล้ว . . .

   เทอมก่อน  เพื่อนที่มหาวิทยาลัยของผม  มันมีเด็กมาติดพัน  แล้วมันก็เอาเขามาอยู่ด้วยที่ห้องมัน  อยู่กันเกือบสองเดือนแล้วมันทะเลาะกัน  แล้วผู้หญิงเขาจากไป  แล้วอีกอาทิตย์ต่อมา  ผู้หญิงคนนั้นกลับเข้ามา  อีกสามวันต่อมา  พ่อกับแม่เขาพาตำรวจมาจับเพื่อนผม . . .

   . . . กักขังหน่วงเหนี่ยว . . . พรากผู้เยาว์

   ผมไม่อยากให้มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นกับคนที่ผมรัก  แม้มันจะเกิดจากความหวาดวิตก  หรือคิดไปเองก็ตามแต่  ผมกลัวนะ  ผมไม่อยากให้มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น  ผมคงทำใจไม่ได้แน่ ๆ

   “ได้ครับพี่”

   “โอเค . . .  งั้นก็อยู่กันได้  แล้วไปเปิดสมุดบัญชีไว้หรือยัง  ป้าภาโทรมาให้ไปเปิดบัญชีไว้”

   “ยังเลย  พรุ่งนี้พี่พาผมไปนะพี่อาร์ม”

   “ได้”    ผมขยี้หัวมันด้วยความรัก

   “ถ้ามีอะไรก็บอกกัน  คุยกันได้  พี่ไม่ชอบการโกหกหลอกลวง  คนเราคบกันต้องมีความซื่อสัตย์  จริงใจกัน”

   “ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”

   “พี่ก็พูดเผื่อไป   เพราะแม้พี่จะไม่ชอบคนแบบนั้น  แต่บางทีพี่ก็เป็นแบบนั้นเสียเอง  การโกหกมันง่าย  แต่การแก้เรื่องที่เราโกหกไปแล้วนี่สิ  มันยาก  เพราะเหตุผลที่แท้จริงของการโกหกจะคืออะไรก็ตามแต่  คนที่เขาโดนโกหก  จะเสียความรู้สึก”  ผมนอนมองหน้ามัน 

   ไม่รู้ทำไม  แค่นอนมองมัน  ผมก็ยิ้มได้ . . .

   “ผมจะไม่โกหกพี่อาร์ม”

   “ต่อท้ายไปได้เลย . . .”

   “ต่อท้ายอะไร”  คิ้วมันขมวดเข้าหากัน

   “ก็ผมจะไม่โกหกพี่อาร์ม ถ้าไม่จำเป็น”  ผมยิ้ม

   “ทำไมต้องต่อท้าย  ผมพูดแค่นั้นก็พอแล้ว”

   “นั่นสิเนาะ  ทำไมต้องต่อท้าย  เพราะพี่คิดว่า  ไม่มีใครบนโลกนี้หรอกที่เคยโกหก  และเขาก็น่าจะรู้ว่าการโกหกไม่ดี  แต่บางครั้งมันจำเป็นไง  จำเป็นต้องโกหก  พี่เลยต่อท้ายไว้ให้โก  หากวันข้างหน้าโกมีเหตุให้ต้องโกหกพี่  โกจะได้โกหกอย่างสบายใจ”  ผมยักคิ้วให้มัน

   “ใจดีแบบนี้รักตายเลย”

   . . . รักตายเลย . . .

   รักแบบไหนหรือ  ความรักของโกเมศวร์  ใช่ความรักแบบเดียวกับของผมหรือเปล่า  ผมไม่รู้  แต่ผมรู้แค่ว่า  ในเวลานั้นผมมีความสุขกับการได้คุย ได้เรียนรู้ความเป็นไปของมัน 

   ทุก ๆ  เรื่องมันต้องใช้เวลา

   เวลา . . . ที่จะเรียนรู้ความเป็นไปของกันและกัน
   



   โกมันกลับบ้านตรงเวลาเสมอ . . . เสาร์อาทิตย์มันอยู่บ้าน  แทบไม่ออกไปไหนด้วยซ้ำ  แม้ว่าผมจะพยายามบอกให้โกออกไปโน่นมานี่  แต่ดูเหมือนโกจะเต็มใจที่จะอยู่ที่บ้านมากกว่าออกไปตะรอน ๆ นอกบ้าน

   จะว่าดีก็ดีอยู่  ที่มันไม่ชอบเที่ยว  แต่สำหรับผม  การไม่ออกไปไหน  เหมือนเราอยู่ในที่แคบ ๆ  บางครั้ง  เราควรออกไปสู่โลกภายนอกบ้าง  เพราะโลกมันไม่ได้มีแค่บ้านเท่านั้น  เมื่อมันไม่ออกจากบ้านในวันหยุด  ผมเลยพลอยกลายเป็นคนติดบ้านเหมือนมัน

   ผมไม่รู้เลย . . .

   . . . โลกของผมเริ่มแคบลง . . .

   ผมเริ่มห่างหายเพื่อนฝูงอย่างช้า ๆ  เหมือนน้ำซึมบ่อทราย  มันค่อย ๆ  ซึมลง ๆ   กว่าที่จะรู้ตัวก็แทบเอาตัวไม่รอด

   “ไอ้ห่าอาร์ม  ทำไมเมื่อวันศุกร์ไม่ไปกินเหล้าว่ะ  นัดแล้ว  เสือกไม่มา  ปิดมือถือ  ยกหูโทรศัพท์บ้านออก  หายหัวไปไหนมา”  ไอ้เพื่อนนรกครับ  มันด่าผมทันทีเมื่อผมโผล่ศรีษะไปมหาวิทยาลัยในวันจันทร์

   “ไม่สบาย  ปวดหัวมาก  กินยาเลยนอน”

   “ไปหาหมอมามั้ย  เห็นเมื่อตอนกลางวันยังดี ๆ อยู่เลย”  แววตามันห่วงผมมาซะงั้น

   ผมละอายใจลึก ๆ  เพราะความเป็นจริง  ผมสบายดี  เพียงแต่ผมคิดว่าจะเที่ยวให้น้อยลง  เพราะในเวลานี้ไม่ได้มีแค่ผมที่อยู่ในบ้าน  แต่ยังมีสายตาอีกคู่ที่คอยจ้องมองผมอยู่ ผมไม่รู้ว่าสายตาคู่นั้นจะมองผมด้วยความรู้สึกเช่นไร

   หาก . . . ผมเมากลับบ้านทุกศูกร์  ทั้ง ๆ  ที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษา

   พิมพ์ . . . ไม่ดี

   . . . แบบ . . .  จะออกมาดีได้อย่างไร 

   “ไม่ได้ไปหรอก  กินพาราแล้วก็นอน”

   “ดูแลตัวเองบ้างนะมึง”

   “ห่วงกูด้วย” ผมมองหน้ามัน  ยิ้มยั่วมันอย่างเคย

   “ห่านี่  เล่นเรื่อยนะมึงเดี๋ยวกูคิดจริง ๆ”

   “คิดจริงก็ดิ๊  แสดงว่า . . .”  ผมยิ้มยั่วมันอีก

   “ว่าไรว่ะ” 

   “เขยิบทางขวานิดเด่ะ  บัง”

   “บังไรว่ะ”    มันหันไปทางด้านหลัง  ก่อนขยับตัว

   “ไม่เห็นบังใคร  ไอ้ห่านี่”

   “บังดิ  บังสัญญาณหัวใจกูไง  พอมึงขยับปั๊บ  เห็นมะ  ใจมึงกับกูรับสัญญาณช่องเดียวกันแล้ว”    ผมรับหลบฝ่ามืออรหันต์ของมัน  ที่มาวนอยู่ปลาย ๆ  แก้ม

   เพลงหลบฝ่ามือมันยังได้ผลเสมอ . . .

   “แมร่ง  เลว  เล่นตลอดนะมึง”

   “กับมึงคนเดียวเท่านั้นละว้า  ไม่รักไม่เล่นหรอก  กูมีใครที่ไหนนอกจากมึง”  ผมแกล้งน้อยใจมัน  ก่อนหันหลังเดินหนี

   รับรอง . . . นับหนึ่งไม่ทันถึงสิบ  มันต้องร้องเรียกหาผม

   “ไอ้อาร์ม” 

   นั่นไง  ไม่ทันหายไปจากความคิด  มันก็ร้องหาผมเสียแล้ว  เร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เสียอีก  ผมหยุดนิ่ง . . .

   ยิ้มเยาะมัน . . . 

   หรือ . . . ยิ้มเยาะตัวเองไม่รู้  แม่งช่างเหมือนนางเอก  งอนให้พระเอกง้อเลย

   “ขอทีเหอะมึง”   มันใช้พลังฝ่าเท้าถีบผมเสียจนกระเด็นไปสามฝ่าเท้า

   “ไอ้หอกหักนี่  มาทำงอน  อย่ามาแกล้งกูมุขควาย ๆ  แบบนี้  กูรู้จักมึงไอ้สาสสสส”  มันด่าตามหลัง  ก่อนเดินมาเอาผ่ามือตบที่ไหล่แรง ๆ  อีกครั้ง

   แรงควายนะมึง . . . กูเจ็บ




   ตั้งแต่ที่โกเมศวร์มาอยู่ด้วย  ผมกลายเป็นคนที่เลิกเรียน  ตรงดิ่งกลับบ้านทันที  ไอ้ที่คอยเดินตรวจงานที่เดอะมอลล์งามวงศ์วานทุกวันแบบที่ผ่าน ๆ มาแทบไม่มี  อาจแวะนาน ๆ  ครั้งที่ขัดเพื่อนรักมันไม่ได้ 

   เด็กมหาวิทยาลับริมคลองนี่ครับ . . . เดินเป็นที่เดียว

   มือถือผมดังขึ้น   เสียงเรียกเชยมาก ๆ  . . .

   ในสิบปีก่อน . . . มันยังเป็นสินค้าที่ราคาแพง และมันยังล้าหลังมาก  เทคโนโลยี่ไม่ก้าวหน้าเท่าทุกวันนี้   แต่พ่ออยากให้ผมมีเอาไว้   เพราะตามตัวเจ้าลูกชายยากมาก  ธรรมดาครับ  คนหนุ่มโสดหน้าตาดี  มีหรือจะนอนบ้าน

   แต่ . . .

   ผมค่อย ๆ  ปรับเปลี่ยนนิสัยเดิม ๆ  เมื่อมีอีกคนเข้ามาในชีวิต   การได้กลับบ้าน  ทำกับข้าวกินกันในตอนเย็น ๆ  เป็นอะไรที่ผมชอบ  และมีความสุข  เพราะมันและผม  จะมีเมนูแปลก ๆ  ที่คนอื่น ๆ  ไม่อยากลองลิ้มชิมรสมานำเสนอบนโต๊ะอาหารเสมอ

   “สวัสดีครับ”     ผมกดรับสาย

   “พี่อาร์ม”  เสียงโก  เสียงมันหอบ  เหมือนหมาหอบแดดเชียว

   “อ้าว  ว่าไง  เลิกเรียนแล้วหรือ”

   “เลิกแล้วพี่  พี่อยู่ไหน”

   “บ้าน  เพิ่งมาถึง”

   “พี่อาร์มมารับผมหน่อยดิ”  เสียงจากปลายสาย

   “รับที่ไหน”

   “โรงยาบาล . . .”

   “ห๊า”  ผมมตกใจ  มันเอ่ยชื่อโรงพยาบาลที่ใกล้ ๆ  หมู่บ้าน  นี่มันเป็นอะไรไปหรือ  ผม

   “น่าพี่  มารับก่อนเดี๋ยวกลับถึงบ้านผมจะเล่าให้ฟัง”

   “เออ  รออยู่นั่นนะ”

   ผมรีบวางสายก่อนออกไปหามัน  ในหัวใจมันวิตกกังวล ผมคิดไปต่าง ๆ  นา ๆ   

   ผมกลัวไปหมดในตอนนั้น  มันโทรมาบอกว่าอยู่โรงพยาบาล  มันจะเป็นอะไรมากหรือปล่าว  ยิ่งช่วงนั้นข่าวนักเรียนเทคนิคยกพวกตีกันมันดังเสียด้วย

   ผมกลัวเหลือเกิน . . .

   ผมไปถึง . . . มันปกติดี 

   ผมดีใจที่สุดที่มันไม่เป็นอะไร  แต่หน้าตามันยังตื่น ๆ  ผมไม่สนใจหรอก  แค่มันไม่เป็นอะไรผมก็ดีใจที่สุดแล้ว  ผมพามันกลับมาถึงบ้านด้วยมอเตอร์ไซด์คันโปรด . . .

   ผมชอบมอเตอร์ไซด์ . . .

   มันสะดวกดีสำหรับวัยแบบผม  ยิ่งขับในกรุงเทพฯ  ในเช้า ๆ  ที่รถราจอดกันเป็นแพยาวเหยียด  ไอ้สองล้อนี่แหละที่จะพาไปเรียนโดยไม่สาย  มันกะเวลาได้ดีเสมอ

   “ว่าไงเรา  เข้าไปโรงบาลทำไม”   ผมถาม  พลางเปิดตู้เย็นกินน้ำ

   “ก็ไอ้โรงเรียนใกล้ ๆ  กันนะพี่  พอเดินข้ามสะพานลอยมากับเพื่อน มันชี้หน้า  แล้ววิ่งมาไล่ตี”   

   “ห๊า”  ผมแทบสำลักน้ำ

   “ไปทำไรเขาป่าว”

   “ไม่มีพี่ . . . ผมเดินข้ามมาเฉย ๆ  เอง . . .” 

   ผมส่งน้ำให้โก 

   “. . .ขอบคุณครับ    เออ  เมื่อสองวันก่อน  เด็กที่ห้องผมยังถูกยิงตายเลยพี่   หนังสือพิมพ์ยังลงข่าวเลย”

   “อ้าว !  ที่ไหน”  ผมห่วงมันขึ้นไปอีก

   “ก็เลยป้ายหน้าป้ายที่ผมลงไปสามป้ายเองพี่   กลับมาพร้อมมันด้วย”

   หัวใจผมแทบหยุดเต้น  . . .

     เย็นนั้นผมคิดหัวแทบแตก  จะทำยังไงดี  เรื่องที่ผมคิดว่าง่าย ๆ  มันไม่ง่ายแบบที่ผมคิดเสียแล้ว  ผมเอาน้องมาอยู่  ด้วยหวังว่ามันจะเจออะไรที่ดีขึ้น 

   แต่ . . . เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้  มันทำให้ผมคิดหนัก

   ผมควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี . . .

   “นอนไม่หลับหรือพี่”    โกถาม  ในเวลาที่เกือบเที่ยงคืน 

   ผมยอมรับเรื่องเมื่อตอนเย็น  มันเข้ามาวนเวียนในหัวสมองของ   มันทำให้ผมต้องคิด  คิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปอีก 

   วันนี้ . . .

   มันโชคดีที่วิ่งเข้าโรงพยาบาล    แต่คนเราจะโชคดีเสมอไปหรือ  ไอ้คนที่จ้อง  กับคนคอยระวัง  มันสมดุลกันมากน้อยขนาดไหน   วันนี้ผ่านมาได้  แล้ววันพรุ่งนี้ล่ะ  มันจะเป็นอย่างไร

   วันข้างหน้าอีก . . .

   “โก . . .”  ผมเรียกมัน  พลางนอนหันไปตะแคงหามัน

   “ครับ”

   “พี่ห่วงโก”

   “เรื่องอะไรครับ”

   “ทุกเรื่อง”  ผมกอดมันเอาไว้หลวม ๆ

   เรื่องที่ผมนอนกอดมันนี่เป็นเรื่องธรรมดา  มันยอมให้ผมนอนกอดมานานแล้ว  จนกลายเป็นความเคยชินทั้งของมันและของผมไปแล้วก็เป็นได้  เพราะไม่มีคืนไหนที่ผมไม่นอนกอดมันก่อนนอน

   แค่นั้น . . . ก็สุขหัวใจแล้ว

   “โก  กล้าขับมอเตอร์ไซด์ในเมืองมั้ย”

   “ก็ไม่เห็นต้องกลัว”

   “งั้นตั้งแต่พรุ่งนี้  โกเอามอเตอร์ไซด์ไปเรียนนะ”

   “แล้วพี่ล่ะ  พี่จะไปเรียนยังไง”

   “เดี๋ยวพี่ให้พี่โอ๋มารับ  ไปทางเดียวกัน  ประหยัดดี”

   “ผมไปรถเมล์เหมือนเดิมก็ได้”   

   “ไม่ได้”  น้ำเสียงผมเด็ดขาด

   “ไปมาตั้งหลายเดือนมาแล้วพี่”

   “แต่ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป  โกเอารถไปเรียน  เพราะพี่ห่วงโก  พี่ไม่อยากได้รับโทรศัพท์แบบวันนี้อีก มันน่ากลัว  น่ากลัวมาก  พี่คงทนไม่ได้แน่  ถ้าโกจะต้องเป็นอะไรไป  พี่ยอมไปงานศพโกเพราะโกโดนรถทับดีกว่าที่โดนยิงเพราะเรื่องบ้าสถาบัน”

   “พี่อาร์ม  ผมรักพี่จัง  รักเหมือนรักแม่ผมเลย”    มันมากอดผมเอาไว้ 

   ผมกอดมัน  ผมควรดีใจนะ  มันรักผมเหมือนแม่มัน . . .   

   เรากอดกันแน่น  มันไม่รู้หรอก ว่าสิ่งนี้จะเป็นความรู้สึกเดียวกันหรือปล่าว  แต่สำหรับผมแล้ว  ผมทำอะไรก็ได้  ให้คนที่ผมรัก  ผมยอมทำได้เสมอ  ชีวิตของผม  มันเพิ่งเริ่มต้น  ผมมีความสุขกับการได้รักคนอื่น  กับการได้ทำอะไรเพื่อคนที่ผมรัก

   ผมต้องตื่นแต่เช้า . . .

   . . . นั่งรถตู้ไปเรียน

   แต่ผมมีความสุข . . . อย่างน้อยที่สุด  ผมหมดห่วงกับเรื่องของคนที่ผมรัก  ผมไม่รู้เหมือนกัน  ว่าสิ่งที่ผมทำอยู่ มันคืออะไร  และจะมีใครบ้างที่บ้าทำแบบที่ผมทำ  แต่ผมเชื่อ

   ผมเชื่อนะ . .  .

   คนเรายอมทำอะไรได้ทุกอย่างเพื่อคนที่เรารัก . . . เหมือนที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้ไง

   สิ่งโง่ . . . โง่  ที่ผ่านมา  ความรักที่ผมมีมันยิ่งใหญ่กว่าทุกอย่างที่ผมมี



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 13-05-2008 03:00:14
พี่อาร์มเป็นคนดีเลิศมากมายเลย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 13-05-2008 08:48:45
อ่านแล้วเครียด
โอ๊ย อยากให้พี่อาร์มสมหวังในรักมากๆอ่ะ
คนดีอย่างงี๊ฟ้าต้องเห็นใจ  :a2:
สู้ๆเจ้าค่า
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 13-05-2008 09:46:25
พี่อาร์มดีจิง ๆๆๆ :m13: :m13:


เท่าที่อ่านถึงตอนนี้อยากให้พี่อาร์มกลับไปคืนดีกับพี่โก


แต่ยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด  เมื่อถึงตอนนั้นอาจจะไม่อยากให้กลับไปรู้จักกันอีกก็ด้าย :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 13-05-2008 13:50:45
พี่ อาร์ม ขอนอมรับนับถือ ว่าเป็นคนดีจิงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  และยอมเสียสละเพื่อคนที่เรารักได้มากขนาดนี้

คนที่คิดจะทิ้งพี่ ผมว่าคนนั้นแหละโง่มากๆๆๆๆๆๆๆๆ

เป็นกำลังใจให้นะคับ สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 13-05-2008 14:55:31
 :m13:   อะไรที่ให้มากไป จนล้นเกินพอดี  บางครั้งมันก้อสูญเปล่า

เพราะคนรับก้อจะรับอย่างเดียว แต่ไม่รู้สึกถึงคุณค่าของมัน   หรือเสียดาย ถ้าขาด สิ่งๆนั้นไป  




 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 13-05-2008 21:38:28

ตอนที่ ๙


 
   สำหรับคนที่เคยกะเวลาไปไหนมาไหนได้  พอมานั่งรถเมล์หรือรถตู้  มันลำบากมาก  ผมต้องปรับตัว  เพื่อที่จะตื่นเช้ากว่าเดิม  บางครั้งต้องทนแออัดไปบนรถเมล์ที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คน  เพราะช่วงเช้ารถขาดช่วง  อีกมากมายสารพัดที่ผมต้องทนลำบาก


   แต่ . . . ผมมิเคยปริปากบ่น

   ผมขอแค่ . . .

   . . . คนที่ผมรักปลอดภัย

   เท่านี้ผมก็มีความสุขแล้ว  มันอาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ  สำหรับคนอื่น ๆ    หากผมกลับคิดว่า  การที่เราเอาใครมาอยู่ด้วย  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของคน ๆ  นั้นมากกว่า

   สิ่งที่ผมทำ . . .

   น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว  ในห้วงเวลานี้  ทางเดียวที่จะทำให้ผมรู้สึกสบายใจมากกว่าที่จะคอยห่วงหาว่าโกเมศวร์จะกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยมั้ย

   อย่างน้อยที่สุด . . .

   ผมใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ  นานกว่าโก  และผมก็สามารถที่จะต่อรถเมล์ไปไหนมาไหนได้มากกว่าโกเสียอีก  เพราะมันแทบไม่รู้จักที่อื่นเลยนอกจาก  โรงเรียน  บ้าน  เดอะมอลล์  สวนจตุจักร  ถ้าเอามันปล่อยไกลกว่านี้  มันหลงแน่ ๆ 

   สิ่งที่เรียกว่าความลำบาก . . .

   หากผมมองในอีกมุม  มองไปอีกด้านของเหรียญ  ที่เราไม่อาจมองเห็น  มันดีเสียอีก  ที่จะได้มีเวลาอยู่กับเพื่อนมากขึ้น  ทำไมนะหรือ  ก็มีเวลามารอรถเมล์กับเพื่อน  อะไรทำนองนี้

   ผมมองเรื่องลำบาก . . .

   . . .  เป็นเรื่องสนุกสนาน 

   มันดีนะ . . . 

   ผมว่า  มุมที่เราไม่เคยมอง  หรือมุมที่เราเห็นว่ามันแย่  มันแย่เพราะเราคิดว่าแย่หรือเปล่า  หากทำไมเราไม่มองให้มันเป็นเรื่องธรรมดาล่ะ  ผมน่ะ  ปรับสภาพตัวเองได้ง่ายเสมอ  เพราะผมไม่ยึดติดกับสิ่งของนอกกาย

   แล้ว . . .

   เรื่องของหัวใจล่ะ . . .

   ผมไม่รู้เลย  ว่าสิ่งที่ผมทำ  มันจะกลายเป็นเหมือนเส้นด้าย  ที่ค่อย ๆ  พันกันเป็นเกลียวเชือก นับวันมันยิ่งแน่น  ยิ่งเหนียว  จนกลายมาเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า . . . ความผูกพัน

   ความผูกพัน . . .

   . . . มันฝังแน่นกว่าความรัก

   คนรักกัน . . .

   หากหมดรัก  ก็ห่างหาย

   แต่ . . .

   ความผูกพันนั้นเจ็บปวด  มันไม่เลือนหาย  มันยังคงติดกับตัวเรา ทั้ง ๆ ที่เราไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับคนที่เรารักแล้ว  แต่ทุกครั้งที่เราเห็น  หรือเราได้เจอกับสถานที่  กับสิ่งที่คนที่เรารักชอบ  เราจะคิดถึงมัน

   ความผูกพัน . . .

   มันค่อย ๆ   ซึมซับเข้ามาในหัวใจของผมอย่างช้า ๆ   เหมือนลมหนาวที่ค่อย ๆ  แทรกเข้ามา  กว่าที่ผมจะรู้ตัวมันก็สายไปเสียแล้ว . . .

   สายเกินไป . . .

   คำนี้  ไม่เคยอยู่ในสองผมเลย  ผมไม่เคยคิดว่าคนที่ผมรักจะทำกับผม  เพราะผมคิดเสมอ  ผมไม่ทำร้ายใครก่อน  เขาเหล่านั้นคงไม่ทำร้ายผม  แต่ผมคิดผิด  เพราะคนเรามีห้วงระยะเวลาของมัน

   ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับเวลา . . .

   เวลา . .  .

   . . . ที่เป็นทั้งผู้สร้าง  และ ผู้ทำลาย . . .

   ปิดเทอมคราวนั้นผมไม่ได้กลับไปปาย  ผมอยู่ที่กรุงเทพฯ  เพราะผมมีเวลาอีกแค่เทอมเดียวเอง  แล้วผมก็จะจบ  ช่วงเวลาที่ห่างจากกัน  ผมคิดถึงมันเหลือเกิน  แม้ว่ามันจะเป็นฝ่ายโทรมาหาผมแทบทุกวัน 

   . . . แต่ผมก็รู้  เสียงที่ได้ยิน  มันเทียบกันไม่ได้  กับที่ผมได้อยู่กับมัน

   แบบนี้ . . . เขาเรียกว่าอะไรหรือ ?

   มันกลับไปบ้านแค่สิบกว่าวัน . . .

   . . . ผมแปลกใจแต่ไม่ได้ถามมัน . . .

   ผมอยากให้มันเดินเข้ามาหา  มาคุยกับผมมากกว่า  แต่ในเมื่อมันไม่เล่า  ผมไม่ถาม  เพราะผมคิดเสมอ  ผมมีอะไร  ผมคุยกับมันตลอด   ผมอยากให้มันเดินมาคุยกับผม  เพราะผมเป็นคนเดียวที่จะรับฟังมันได้ทุกเรื่อง

   คืนแรก . . .

   โกมันกลับมา  มันมานอนกอดผมเอาไว้  ผมแปลกใจนะ  เพราะปกติแล้ว  ผมจะเป็นฝ่ายนอนกอดมันมากกว่า

   “เป็นอะไร  หนาวหรือ”

   “ปล่าวครับ”  มันตอบ  แต่มันกลับเบียดร่างมันเข้าหาผม

   “ผลสอบออกยัง”

   “วันพฤหัสฯ  หน้า    เขาประชุมผู้ปกครองด้วยนะพี่อาร์ม  ลงทะเบียนด้วย  พี่ว่างมั้ย”

   “ว่างดิ  ยังไงก็ต้องว่าง  โกบอกพี่ไว้รอบนึงแล้ว”

   “พี่อาร์ม . . .”    มันเรียก  ก่อนซุกหน้าลงที่อกผม

   ผมรู้สึกดีนะ  ที่มีคนมานอนกอดผมเอาไว้  แล้วยิ่งมันเป็นอ้อมกอดของคนที่ผมรักสุดหัวใจอีก  ผมไม่อยากบอกหรอกว่าในเวลานั้นผมมีความสุขมากมายขนาดไหน  มันอาจเป็นที่สุดของชีวิตผมก็ได้

   ความสุข . . .

   . . . ที่ผมเอามันมาปลอบประโลมใจผมทุกครั้งยามผมอ่อนแอ  ในเวลาที่อ่อนล้า  ความสุขในวันเก่า ๆ  จะกลับมาเตือนหัวใจผมเสมอ

   หาก . . . ไม่มีความสุขในวันที่ผ่านมา

   ป่านนี้ . . .

   . . . ผมอาจมีแค่ชื่อฝากไว้บนโลกนี้ก็เป็นได้

   “ทำไมพี่ดีกับผมเหลือเกิน  ดีกว่าพ่อผมเสียอีก  พ่อผมยังไม่เคยสอนผมเลย  พี่อาร์ม  นอกจากแม่แล้วผมก็มีแต่พี่นั่นแหละที่ห่วงผม”

   มันพูด  แต่ทำไม  ผมกลับรู้สึกจุกที่อก . . .

   . . . มันเห็นผมเป็นเหมือนแสงสว่างของมัน . . .

   แล้วผมล่ะ ? 

   ทำไมผมรักมันแบบน้องไม่ได้  ผมทำใจรักมันแบบที่ผมรักไอ้โอ๋ไม่ได้หรือ    ความรักที่อยากเห็นคนที่เรารักมีความสุข  ไม่ใช่ความรักแบบที่ผมอยากจะครอบครองมันเอาไว้แบบนี้  ทำไมผมมันเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้  น้ำตาผมไหล . . .

   ผมเกลียดตัวเอง . . .

   ความคิดผมมันต่ำ  ผมรักมันตรงไหน  ตรงหัวใจ  หรือร่างกายของมัน  ทำไมผมถึงต้องคิดชั่ว ๆ  กับมัน  กับคนที่มันมองผมเหมือนคนที่ให้ชีวิตมัน

   “ห่วงสิ  อาร์มเป็นน้องพี่”  ผมปดมัน  ผมเลวนะ  ทั้ง ๆ  ที่หัวใจผมบอก  คนที่อยู่ในอ้อมกอดผมตอนนี้  คือคนที่ผมอยากใช้ชีวิตด้วย . . .

   “ถ้าพี่เป็นพี่ผมจริง ๆ  ก็ดีสินะ”

   ผมไม่ตอบ  ได้แต่กอดมันแน่นขึ้น  ผมจูบที่หน้าผากมันเบา ๆ  ก่อนที่จะกอดมันเอาไว้  แค่นี้ล่ะมั้งที่ผมมีสิทธิ์

   ถึงความต้องการทางร่างกายผมจะมาก . . .

   แต่ . . .

   . . . ผมไม่เคยคิดหักหาญน้ำใจมัน  ผมรักมันมากเกินกว่าที่จะให้มันมองผมเป็นตัวอะไร  สิ่งที่ผมทำไปทั้งหมด  ผมไม่เคยคิดมาก่อน  มันจะกลับมาเป็นหอก ดาบ  ที่ฟาดฟันผม  จนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด




   วันที่มันประชุมผู้ปกครอง ของเทอมที่สอง ผมก็ไปตามปกติ  เพราะผมคือผู้ปกครองของมัน  วันนี้ ทุก ๆ  อย่างที่ผมสงสัย  มันค่อย ๆ  คลายออกมา  ผมเพิ่งรู้ . . .

    สาเหตุที่มันต้องกลับมาก่อน . . .


   . . . วันนั้นป้าภาโทรเข้าเครื่องผม

   “น้องอาร์ม  ฝากน้องโกด้วยนะ”

   “ป้าภา    อะไรครับ  พูดอะไรนะครับ”   ผมงง  เพราะแกเล่นพูดมาแบบที่ผมไม่ทันตั้งตัว

   “อย่าทิ้งน้องนะอาร์ม  ป้าไม่ไหวแล้วน้องอาร์มเอ้ย  ป้าจะไปไหนสักแห่ง  อย่าทิ้งน้องนะน้องอาร์ม  สงสารน้องมัน  ป้าเห็นจะมีแต่น้องอาร์มนี่แหละที่พอจะฝากฝังได้”    เสียงป้าภาเหมือนคนที่ร้องไห้มา  แล้วแกก็ตัดสายทิ้งไป

   ผมยืนนิ่ง . . .

   งงยิ่งกว่าไก่ตาแตก  มันเกิดอะไรขึ้นหรือ  มีอะไรที่ผมยังไม่รู้ใช่หรือไม่    แล้วทำไมโกไม่บอกผม  มีเรื่องอะไร  ทำกไมมันไม่พูดกับผมให้เป็นเรื่องเป็นราว

   ผมพยายามโทรกลับตามเบอร์ที่โชว์  แต่มันไม่สามารถติดต่อได้  อาจเป็นเบอร์ตู้  ผมยืนงงเหมือนปลาช่อนที่โดนทุบหัว

   มันเกิดอะไรขึ้น . . .

   “พี่อาร์ม  ต้องลงทะเบียนด้วย  เงินไม่พอ  แต่ผมขอเขาจ่ายแค่ครึ่งนึงก่อน”    มันเดินมาหาผม  ในเวลาที่ผมยังตั้งสติไม่ได้

   หน้าตามัน . . .  อมทุกข์

   สมองผมตอนนั้นมันเบลอ ๆ  ผมยังตั้งตัวไม่ทัน  นี่มันเรื่องอะไรกันหว่า  ป้าภาแกมีเรื่องราวอะไรที่คับอกคับใจมากมายขนาดนั้นหรือ   

   ผมมองหน้าโกเมศวร์มัน  สงสารมันจับใจ  มันรู้เรื่องอะไรหรือเปล่า ?

    คำถามที่มันเกิดขึ้นในหัวใจของผม  แล้วมันรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดหรือไม่  ถ้ามันรู้เรื่อง  ทำไมมันไม่บอกผมตั้งแต่ทีแรก  เพราะหากมันบอกผม  ผมจะหาทางแก้ไขได้ทันท่วงที  ไม่ใช่มาบอกเอาตอนเวลาจวนเจียนเช่นนี้

   “”อ้าว  แม่ไม่ได้ให้มาหรือ”

   “แม่หนีไปไหนไม่รู้พี่อาร์ม  เหลือแต่น้าส้ม  แกมาคุมรีสอร์ทแทนแม่  แกบอกแขกน้อยให้มาห้าพันเอง  พ่อก็ไม่เคยสนใจ  ไปขลุกอยู่กับ . . . ”    มันนิ่ง   แววตามันแดง ๆ 

   “เออ  รู้แล้ว ไม่ต้องพูดก็ได้  ถ้าลำบากใจ”

   ผมหรือ . . . 

   . . .  เพิ่งประจักษ์แจ้ง  คอแห้งเป็นผุยผง 

   แค่น้ำลายที่จะกลืนลงคอมันยังยากเย็นเสียเหลือเกิน  มันตืบตันไปหมด   ผมอยากดึงมันมากอดเอาไว้  สงสารมันจับหัวใจ  แววตามมันเศร้า  ร้าวลึก  แต่ผมทำไม่ได้ ในสถานที่แบบนั้นผมทำได้อย่างไร

   “แล้วเขาหมดเวลาลงทะเบียนกี่โมง”

   “สามโมงเย็นครับ” 

   ผมยกข้อมือนาฬิกาดู  ยังไม่เที่ยงเลย  ยังพอมีเวลา  แต่ผมจะทำยังไง  ในเมื่อผมเองก็เพิ่งลงทะเบียนไป  เงินที่ผมมี  ไม่ถึงสามพัน  ผมต้องใช้อีกอาทิตย์กว่า ๆ  เสียด้วย  ถึงโรงเรียนของมันจะให้ผ่อนจ่ายก็เหอะ  แต่ยังไม่รู้เลย  แม่มันจะกลับมาวันไหน

   “อาร์มไปซื้อน้ำให้พี่หน่อย  หิวน้ำ”  ผมส่งเงินให้อาร์ม  แค่มันเดินลับตาไปเท่านั้น  ผมกดโทรศัพท์

   “ไอ้โอ๋เหรอ  ทำไรอยู่ว่ะ”

   “อยู่บ้าน  มึงมีไรเสียงไม่ค่อยดีเลย”  ไอ้เพื่อนรัก  มันจับความรู้สึกได้เสมอ  เพราะมันกับผมประเภท  มองตาก็รู้ใจ

   “กูมีเรื่องใช้เงินว่ะ  ไม่กล้าโทรขอพ่อ  แกเพิ่งโอนมาเมื่ออาทิตย์ก่อนเอง”

   “มึงจะเอาวันไหน  เท่าไหร่ว่ะกูพอมี”

   “วันนี้  ก่อนบ่ายสาม ห้าพัน”

   “เหี้ยแร่ะ  กูมีพันสอง”

   พันสองของมัน  กับสามพันกว่าของผม  มันพอเสียที่ไหน  ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่  จะทำยังไงดี 

   “ไม่พอว่ะ  ทำไงดีว่ะ”  ผมเริ่มร้อนรน

   “เอาทองกูไปจำก่อน  บาทนึงได้หกพันกว่า  พอน่า”   มันบอกกลับมา

   “เฮ้ย  ไม่ดีมั้ง”

   “ไอ้เหี้ยนี่  มึงเดือดร้อน   แล้วกูก็ไม้ได้ใช้ทองทำอะไรด้วย  มึงจะมาลีลาหาหอกอะไรว่ะ”

   “แต่กูเกรงใจมึง”

   “ไอ้เหี้ยอาร์ม  แล้วมึงจะโทรหากูทำหอกอะไร  ถ้ามึงไม่เอา  มึงจะโทรมาหากูทำพ่อมึงเหรอ  มึงบอกกูมาจะให้กูเอาไปให้ที่ไหน  เดี๋ยวกูออกไปตึ้งไว้ที่หน้าร้านปากซอย”

   “ขอบใจนะมึง  อยู่โรงเรียนไอ้โก  มันทำตังค์หาย  ต้องลงทะเบียน”

   ผมโกหกเพื่อน  ผมรู้มันเป็นบาป  แต่ผมจะทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้  ผมจำเป็นที่ต้องโกหก  ผมโกหกเพื่อนที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต  เพื่อนที่มันนั่งข้าง ๆ  ผม  ในวันที่คนที่ผมรักมากที่สุดเดินจากผมไป . . .

   คนเดียวที่เข้าใจผมเสมอ . . .

   . . . มันไม่เคยทิ้งผม  ไม่เคยเลยสักครั้ง . . .   

   “เสือกไม่บอกทีแรก  ทำมาลีลา  น้องมึงก็เหมือนน้องกูแหละ  เรื่องแบบนี้เสือกจะเล่นตัวอีก  รอที่นั่นนะมึง  อีกไม่เกินชั่วโมง” 

   ผมได้แต่หลับตานิ่ง . . .

   สมองโล่ง  ยิ้มออกมาอย่ามีความสุขที่สุด  อย่างน้อยผมก็มีเพื่อนที่ดี ผมสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่มันมีให้ผม  ให้คนที่ผมรัก   มันดีกับผมจนผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในชีวิตนี้  ผมจะหาเพื่อนแบบมันได้อีกที่ไหน

   ผมอาจจะโชคดีกว่าคนอื่น ๆ  ตรงที่ผมมี . . .

   . . . เพื่อนแท้ . . .

   เพื่อนแบบนี้ . . .

   ขอคนเดียวในโลกก็เพียงพอ . . .



   เรื่องลงทะเบียนของมันหายห่วง เพราะได้อัศวินขี่ม้าขาวมาช่วย  ไอ้เพื่อนรักของผม  หากไม่มีมัน  ผมไม่รู้เหมือนกันว่า  ในเวลานั้นผมจำทำอย่างไร  แถมด้วยข่าวดีของโก . . . เทอมแรกของมัน  มันเรียนได้ ๓.๗๖  ผมยิ้มกว้าง  ผมช่วยคนผิด  อย่างน้อยสิ่งที่ผมทำลงไป  มันทำให้ผมมีแรงที่จะทำต่อไปอีก

   ผลการเรียน . . .

   . . . คือสิ่งเดียวของมันที่ทำให้ผมยิ้มได้

   สำหรับคนที่ทิ้งไปสองปี  การกลับมาเรียนแล้วทำได้ดีขนาดนี้  ถือว่าเป็นผลการเรียนที่เยี่ยมยอดที่สุดแล้ว  เพราะผมเองยังไม่เรียนได้เท่ากับที่มันเรียนเลย   ผมยิ้มกับตัวเอง  อย่างน้อยที่สุดต้นไม้ที่ผมปลูก  มันเริ่มมีทีท่าว่าจะเติบโตเป็นต้นไม้ที่งดงาม

   ผมเหมือนคนปลูกต้นไม้ . . .

   . . . ยิ้มเมื่อเห็นมันแตกกิ่งก้าน

   หาก . . .  ความรู้สึกส่วนลึกของผม  รักมันมากกว่าน้อง  ความรู้สึกนั้นผมยังลบมันไปจากหัวใจไม่ได้   ผมยังอยากมีความต้องการแบบนั้นอยู่ตลอดเวลา  เพียงแต่ผมข่มมันเอาไว้ 

   เก็บมันเอาไว้ให้ลึกมากที่สุด . . .

   ผมต้องเฝ้ามองโก . . .

   . . . ดูแลมันให้ดีที่สุด  ตอนนี้มันเหมือนแก้วที่เปราะบาง  มันไม่มีใครอีกแล้ว  ป้าภาหายไปไหน  ไม่มีใครรู้  โกมันเหมือนเรือที่ลอยท่ามกลางพายุใหญ่    สภาพเรือจะประคองให้ผ่านพ้นพายุได้อย่างไร  ผมยังมองไม่เห็นทาง ผมสงสารมันจับหัวใจ

   ผมทำได้แค่นอนกอดมันเอาไว้ . . .

   มีหลายครั้งที่มันนอน  แล้วเผลอละเมอหาแม่  มันอาจจะฝัน  ในฝันของมัน  ที่เดียวที่ผมเข้าไปไม่ได้   น้ามันส่งเงินมาให้ตามมีตามเกิด  . . . 

   . . . ครั้งละพัน

     สองพัน . . .

   มันเพียงพอเสียที่ไหนสำหรับคนที่กำลังเรียน   การเรียนสิ่งที่สำคัญคือเงงิน  ไม่มีเงินลำบาก  ค่าที่อยู่ที่กิน  ค่าอะไรอีกมากมายสารพัด. . .

   สิ่งที่ผมทำได้ . . .

   . . . แอบโอนเงินเข้าบัญชีมัน

   เพราะถ้ามันรู้ . . .

   มันคงไม่รับเงินของผม  นี่แหละ  สิ่งที่ผมทำลงไป  ผมนึกถึงเรื่องนี้ทีไร  ความรู้สึกมันอัดแน่น  ผมทำอะไรลงไป  ถ้าในเวลานั้น  ผมไม่ใส่เงินไปในบัญชีมัน  ชีวิตมันจะได้เรียนต่อหรือ ?

   และถ้ามันไม่ได้เรียนต่อ . . .

   วันนี้ . . .

   . . . ทั้งมันและผมคงไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้ . . .

   แต่ . . .

   เราไม่สามารถย้อนกลับไปวันเวลาเดิม ๆ  ได้  ผมจึงทำได้แค่  เก็บเอาความทรงจำที่เริ่มเลือนหาย  มาปะติดปะต่อใหม่  อย่างน้อยที่สุด  มันคือคนที่ผมรักมากที่สุด  มันคือคนเดียวที่มันให้ผมยิ้มกว้าง และเสียน้ำตามากที่สุดเช่นเดียวกัน

   เทอมนั้นผมพูดได้เต็มปาก . . .

   . . . น้ามันโอนเงินมาให้มันแค่ห้าพัน . . .

   สี่เดือน . . . มันได้ใช้เงินจากที่บ้านมันเท่านั้น  เพียงพอหรือกับค่าครองชีพในเมืองใหญ่ เมืองที่เป็นศูนย์กลางของประเทศ

   ผมไม่เคยบอกมัน  . . .

   ไม่เคยปริปากที่จะถามหรือเอ่ยเรื่องเงินให้มันรู้    เพราะผมรู้ดี  ไม่อยากให้น้องมันลำบากใจไปมากกว่านี้   เท่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้  มันก็ตัวลีบ  ผมมองสายตามันออก  มันเกรงใจผม 

   ป้าภายังคงหายลับเข้ากลีบเมฆ  ไม่มีใครรู้   ผมรู้ว่ามันเองก็คิดถึงแม่  แต่ผมจะช่วยมันได้อย่างไร  ผมทำได้แค่  คอยประคองมัน  ให้ผ่านช่วงเลวร้ายนี้ไป\ให้ได้  ช่วงที่มันเลวร้ายที่สุด  ผมจะทิ้งมันได้อย่างไร 

   . . . มันคือหัวใจของผม . . .

   ผมหวังแค่ว่า . . .

   หากชีวิตผมเจอเรื่องเลวร้าย . . .

   . . . อาจพอจะมีสักมือที่ประคองผมบ้าง?

   หลายคนอาจมองว่าผมรักมันหรือหลงมัน  ผมเหมือนคนโง่ที่ทำไปแบบนั้น  แต่ผมบอกแล้วสำหรับผม  ถ้าผมรักใครสักคน  ผมไม่สนหรอกว่าชีวิตผมจะเป็นอย่างไร ผมรู้แค่ว่า  ชีวิตคนที่ผมรักต้องมาก่อน . . .

   เรื่องของผมกับโก . . .

   มันแค่เริ่มต้น . . . มันยังมีอีกมากมายที่ผมเจอ  หนทางข้างหน้ามันมีอะไรอีกเยอะแยะ  ที่ผมเองเมื่อย้อนไปมอง  ผมยิ้มหยันตัวเอง  ทำไมผมทำไปแบบนั้นได้  ผมทำไปได้อย่างไรกัน

   ถ้า . . .

   ผมมีชีวิตเพื่อความรัก . . .

   . . . นั่นคือรักครั้งแรก

   และมันจะเป็นรักครั้งเดียวในชีวิต . . . ผมสาบาน

   ผมตาบอดเพราะความรัก    หากผมจะต้องตายไป  โดยไม่มีมันอยู่ข้าง ๆ  แต่ผมจะยินดี  และยิ้มได้ก่อนตาย  ว่าอย่างน้อยในชีวิตนี้ผมรู้จัก . . . ความรัก

   ผมเรียนจบ . . .

   . . . สิ่งแรกที่ผมต้องทำ

   หางานทำ . . . และต้องได้งานอย่างเร็วที่สุด  ผมโชคดี  ไอ้แดนมันมีญาติเป็นเจ้าของสายการบิน . . . บูติคแอร์ไลน์

   ภาษาผมก็จัดในขั้นดี . . .

   . . . โทอิคหกร้อยปลาย  ๆ  เพียงพอที่จะเป็นใบเบิกทาง . . .

   แถมจบการโรงแรมและการท่องเที่ยว เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง  ไม่ยากเลยกับรอบ ๆ  ตัวที่ผมมี  ผมได้เปลี่ยนจากชุดนักศึกษามาเป็นชุดพนักงานเพียงแค่ไม่เกินเจ็ดวันที่ก้าวผ่านรั้วมหาวิทยาลัย

   ผมรู้ . . .

   ในเวลานี้เงินสำคัญมากที่สุด . . . 

   ผมจำเป็นต้องใช้เงินมากพอสมควรในแต่ละเดือน  อย่างน้อย  ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว  ที่ต้องใช้  ผมยังมีภาระอีกที่ผมต้องรับผิดชอบ

   ชีวิตของอีกคน . . .

   . . . บูติคแอร์ไลน์ . . .

   “ทำไมไม่สมัครสจ๊วตล่ะพี่อาร์ม    อย่างพี่อาร์มนะได้แน่ ๆ  สมัครทำไมแค่กราวน์”

   “สจ๊วตเหรอ  อี๋  ไม่เอา  ไม่อยากเป็น  เกลียดที่สุดในชีวิต  ถ้าเลือกได้  ไม่ขอเป็น  ไม่เด็ดขาด  ให้มันเป็นทางเลือกสุดท้ายเหอะไอ้อาชีพนั้นน่ะ  อีกอย่าง ไม่อยากห่างโก  ไปบินทีนึงหลายวัน  เป็นห่วงโก”

   “เงินดีออก”

   “ถูกเงินดี  ถึงพี่อยากมีเงิน  แต่เงินสำหรับพี่  ไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต  หากมีเงิน  แต่ไม่มรความสุข  โกว่าโกอยากมีเงินไหม”

   “ไม่หรอก  ผมอยากมีความสุขมากกว่าอยากมีเงิน”

   “อืม  ดีแล้ว  ไว้วันไหน  พี่ไม่อยากมีความสุขพี่จะไปเป็นสจ๊วต  ไปทรมานตัวเองเล่น ๆ  ดีมั้ย”  ผมยิ้มให้มัน

   ถ้า . . .

   ผมรู้อนาคตตัวเอง . . .

   บูติคแอร์ไลน์   สอนอะไรผมหลายอย่าง   ที่ไม่มีในตำราเรียน   ภาพที่หลายคนมองสวยหรู  อาจจะไม่ใช่สิ่งที่หลายคนมอง  เบื้องหน้าชุดที่สวยงาม  หากแต่ในการทำงานแล้วมันไม่ใช่อย่างที่คิด  ผมต้องทำงานที่เรียกว่า แทบจะทุกอย่าง . . .

   . . . นั่งเคาน์เตอร์เช็คตั๋วเดินทาง  คอยรับหน้ากับลูกค้าที่จองมาเป็นเครื่องไอพ่น  หากเวลาบินจริงคนน้อย  ไม่คุ้มการบิน  เปลี่ยนมาเป็นเครื่องใบพัด  ลูกค้าโวยวาย  ผมต้องทนยิ้ม  คอยแก้ไขปัญหา  สารพัดที่ผมเจอ . . .

   บางวันรับเครื่อง  ส่งเครื่อง  เครื่องดีเลย์ดึกดื่น  กว่าจะกลับถึงบ้านเหนื่อยสายตัวแทบขาด  แต่ผมต้องอดทน . . . ยังไม่ถึงเดือนเอง  จะลาออกได้อย่างไร

   สิ่งที่ทำให้ผมยิ้มได้ คือเสียงโทรศัพท์จากคนที่ผมรัก . . .

   “เหนื่อยมั้ยพี่  ผมคิดถึงพี่นะครับ” 

   ผมยิ้มได้  สู้กับงานได้ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงนี้  เสียงที่เป็นกำลังใจให้ผมในทุกครั้งยามผมอ่อนล้า  มันเหมือนแรงับมหาศาลยามที่ผมอ่อนล้า  ผมรู้สิ่งที่ได้มา  มันคุ้มค่ากับสิ่งที่ผมกระทำลงไป

   ผมไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง . . .

   แต่ . . .

   ผมอยู่ได้เพราะคนที่ผมรัก  ผมอยากยืนอยู่เพราะความรักเท่านั้น  ผมไม่รู้เหมือนกันสิ่งที่ผมทำ  มันจะมีค่าต่อความรู้สึกของอีกคนบ้างไหม  แต่สำหรับผมแล้ว  มันคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมได้เจอ

   ถ้า . . .

   . . . พ่อกับแม่  คือสิ่งที่ผมรักเท่าชีวิต

   โกเมศวร์ . . .

   . . . คือสิ่งที่ผมต้องดูแลและหวงแหนเท่าชีวิต . . .

   ผมยึดถือมันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต  โดยที่ผมเองก็ไม่รู้  นั่นคือการสะสมความเจ็บปวด  เพราะเมื่อวันนึง  วันที่ต่างฝ่ายต่างมีชีวิตเป็นของตนเอง  วันนั้นคือวันที่ผมต้องเจ็บปวดปานขาดใจ

   สามปีแล้ว . .  ที่ผมรู้จักกับมัน

   เป็นสามปีที่ผมมีความสุขมาก . . .

   . . . และผมรู้  สองในสามปี  ผมไม่เคยทำอะไรเพื่อตัวเอง  ผมทำทุกอย่างเพื่อมัน   คนที่ผมบอกกับตัวเองเสมอ . . . มันคือหัวใจของผม

   ผมกลับไปปายอีกครั้ง . . .

   สามเดือนหลังจากที่ผมได้งานทำ  ผมมีเวลาว่างสี่วัน  เป็นสี่วันที่ผมต้องใช้อย่างคุ้มค่า  มีอะไรบางอย่างรอผมที่นั่น . . . ที่แรกที่ผมเจอหัวใจตัวเอง

   ทุกอย่างดูเปลี่ยนไป  ดูแปลกตา  รีสอร์ทของบ้านโกดูโทรมลง  พ่อของโก  เข้ามาดูแลมากขึ้น  อาจเพราะน้าส้มแกเก็บเข้าพกเข้าห่อตัวเอง  มากกว่าที่จะเก็บเข้ากองกลาง  โกเหมือนจะช่วยงานที่บ้านมากขึ้น  คอยดูแลลูกน้อง  จ่ายเงินที่ค้างจ่าย

   แต่ . . .

   . . . ฤดูร้อนไม่ใช่ไฮน์ซีซั่นของที่นั่น . . .

   “อะไรหรือน้องอาร์ม”    ลุงโกมลมองซองขาวที่ผมวางเอาไว้บนโต๊ะ

   ผมมองหน้า  ยิ้มเหมือนเคย . . .

   ผมกำลังทำในสิ่งที่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผิดหรือถูก   ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมกำลังทำสิ่งที่ดีหรือแย่กันแน่  แต่มันจำเป็นต้องทำ  ทางเดียวที่จะทำให้อะไร ๆ  มันดีกว่าที่เป็นอยู่

   “ลุงมลดูเองนะครับ”

   “ลุงรับไม่ได้” 

   แกเลื่อนซองนั้นกลับมา  เมื่อเปิดมองดูมัน  แกมองหน้าผม  ผมรู้สึกผิดยังไงไม่รู้  บางทีสิ่งที่ผมทำ  ผมมองแค่ตัวเอง  ไม่เคยมองความรู้สึกของคนอื่น ๆ  ก็เป็นได้

   “ผมไม่ได้ให้ลุงครับ  แต่อยากให้ลุงให้น้องโกมัน”  ผมยิ้ม

   “ลุงพอมี”  เสียงแกแหบแห้ง

   “ลุงมล  ผมไม่ใช่คนอื่นนะครับ  ผมรู้เหมือนที่ลุงรู้  อะไร ๆ  ในบ้านผมรู้ทั้งนั้น แล้วลุงบอกผมเองว่ารักผมเหมือนลูก  ถ้าลูกจะช่วยพ่อ  จะช่วยน้องมันไม่ผิดไม่ใช่หรือครับ”  ผมจ้องหน้า

   “แต่พ่อที่ไหนจะเอาของลูก”

   “ไม่ได้เอานี่ครับ  พรุ่งนี้ผมจะกลับแล้ว  โกมันก็ต้องไปเรียน  แล้วที่ผมรู้  ค่าเทอมมันเกือบเก้าพัน  ลุงอย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้นะ  ผมอยากให้น้องมันไปเรียนโดยความสบายใจ”

   “ทำไมต้องทำแบบนี้น้องอาร์ม”

   “ดีที่สุดแล้วครับ  โกมันรู้สึกไม่ค่อยดีกับลุงเท่าไหร่  สิ่งที่ผมทำดีที่สุดแล้วครับลุง  พรุ่งนี้ลุงค่อยให้โกมันก็ได้  อย่างน้อย  ดีกว่าที่ผมจะให้โกเอง  แบบนั้นมันจะรู้สึกแย่ไปหมด  ผมเอามันไปเรียน  ผมอยากให้มันเรียนจนจบ  ไม่ใช่ไปเรียนแค่ปีกลับมาอยู่บ้าน  อายคนแถวนี้เปล่า ๆ  นะครับลุงรับเอาไว้”  ผมเลื่อนซองนั้นกลับไปที่ลุงมล

   “ขอบใจนะอาร์ม  ขอบใจจริง ๆ” 

   ผมเห็นแววตาของคนเป็นพ่อที่คลอเบ้าตาอยู่นั้น  ผมว่าผมทำไม่ผิด  อย่างน้อยสิ่งที่อยู่ในซองนั้น  ซื้อความรู้สึกที่ไม่ดี  ที่ลูกมองพ่อได้  แถมยังส่งผลให้ลูกได้มีโอกาสเรียนต่อ

   ผมยืนยัน . . .

   . . . หากผมย้อนเวลาได้  ผมก็จะทำ  ทำในทุก ๆ  เรื่องเหมือนที่ผมเคยทำ  เพราะผมคิดว่า  สิ่งที่มันเกิดขึ้นมาเป็นบทเรียนราคาแพง  ที่ผมหาซื้อไม่ได้ในชีวิตนี้

   เช้าวันรุ่งขึ้น . . .

   . . . ผมได้เห็น

   ภาพที่ทำผมน้ำตารื้น . . .  โกมันโผเขากอดพ่อมันเอาไว้  ความรัก  ความบาดหมางมันพังทลายลง  สิ่งที่ผมทำ  มันเป็นความลับระหว่างผมกับพ่อของโกเมศวร์  ความลับที่มันติดอยู่กับผม

   มันคือระเบิดเวลา . . .

   . . . คือภูเขาไฟที่คุกรุ่นรอวันระเบิด . . .

   ผมก็เหมือนคนเลว ๆ  คนนึงที่เห็นแก่ตัวเองมากกว่า  ผมทำไปเพื่อตัวผมเองใช่คนอื่น  แค่แอบอ้างว่าทำไปทั้งหมดเพื่อคนที่ผมรัก แต่แท้จริงแล้ว  ผมอาจทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง

   เพื่อ . . . ให้ได้อยู่ใกล้ ๆ คนที่ผมรักเท่านั้นเอง

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 13-05-2008 21:40:19
เฮ้อ อ่านแล้วบรรยายเปนคำพูดไม่ออกแฮะ มันจุก เสียดในอกยังไงไม่รู้

"ผมไม่ชอบ" "ถ้ามันคือความสุขของพี่...ผมยอม" เจ็บจี๊ดไปถึงขั้วหัวใจเลยแฮะ

ความรักที่เกิดจากความสงสาร มันทรมานจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: DEK-JANGRAI™ ที่ 13-05-2008 21:55:52
อ่านแล้วเศร้ามากคร้าบ


เห้อ  ถ้าผมเป็นแบบคุณ  ผมก็ทำคร้าบ


ถ้าใครได้มาเรียนแล้วไม่มีเงินส่งเสียจากทางบ้านแล้วจะรู้ว่ามันลำบากแค่ไหน


สุดยอดคร้าบ


อดทนเท่านั้น


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 13-05-2008 22:41:39
 :เฮ้อ:   รักเหมือนกัน แต่รักคนละแบบ

อีกคนรักแบบคนรัก รักมากกว่าน้อง

อีกคน รักแบบ เคารพ เทิดทูน   อยู่ใกล้แล้วอบอุ่น รักเหมือนพ่อ

......................

สุดท้ายก้อลงเอยด้วยความเจ็บปวดทั้งสองฝ่าย    :m13:


ความสงสารเป็นบ่อเกิดของความรัก ...แต่จะรักแบบไหน นี่แล่ะ  :m15:
ความรัก บางครั้งก้อเกิดจากความผูกพัน ความใกล้ชิด ด้วยเช่นกัน  นะซินว่า

ไม่อยากถูกรัก เพราะว่าสงสาร
แต่บางครั้งคนเราก้อแยกไม่ออกเหมือนกันนะ ระหว่าความรักและความสงสาร   :เฮ้อ:




ป๋อล๋อ*... บางทีความรัก เวลาที่เราต้องการ มันกลับวิ่งหนี

แต่เวลาที่เราเฉยๆ กับมัน  มันกลับวิ่งตามเราซะงั้น  แปลกมั๊ย ?
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 14-05-2008 00:46:30
อืม..อ่านแล้วเห็นใจทั้งคู่ค่ะ T_T
รอวันที่โกจะได้อ่่านเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 14-05-2008 02:17:43
เช่ามาเป็นกำลังใจและเข้าใจเลย ยังไงสู้ๆน๊าค๊าบ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 14-05-2008 12:31:24
บอกได้คำเดียว เศร้า  พูดไม่ออก

ถ้าเค้าได้อ่านเรื่องนี้เค้าคงจะรู้เองแหละเนอะ

เป็นกำลังใจให้สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 14-05-2008 19:22:54
เศร้าจริงๆ ด้วย

 :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 14-05-2008 19:39:04
ไม่กล้าอ่านที่ทำงาน กลัวจะร้องไห้
เลยต้องกลับมาอ่านที่บ้่านและ..  ก้อร้องจริงๆๆ
เพราะผมก้อผ่านเรื่องแบบนี้มาเหมือนกัน
เฮ้ย.....................เศร้า :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 14-05-2008 21:06:05


ตอนที่  ๑๐



   สิ่งที่ทำให้ผมยิ้มได้ . . .

   คืนและวันดี ๆ  ที่มันไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีก  แต่มันไม่ได้หมายความว่า  สิ่งนั้นมันจะจบไปแล้ว  มันคือพลังที่ทำให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไปได้  สำหรับผม  ความรักคือสิ่งมหัศจรรย์ที่สุด  มันคือแรงพลังที่จะทำให้คน ๆ  นึงยืนหยัดอยู่บนโลกนี้ได้


   จงอย่ามองมุมความรัก . . .

   . . . แค่มุมเดียว

   . . . ของบางอย่างมีช่วงระยะเวลาของมัน . . .

   ช่วงเวลาที่จะพาเราก้าวผ่านไปอีกช่วงเวลา  ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันมีค่า  มีความหมายเสมอ มันอยู่ที่ว่า  เราจะทำใจรับรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นมากน้อยขนาดไหน

   สำหรับผม . . .

   ผมยินดีปล่อยให้มันเกิดขึ้น  ผมยินดีกับสิ่งที่เกิด  

   แม้ว่า . . .

   . . . บางครั้งมันคือเข็มนับล้านที่พุ่งตรงเข้าสู่หัวใจ  แต่ผมก็ผ่านจุดนั้นมาได้ ผ่านจุดที่แย่ที่สุดในชีวิต  และผมกล้าที่จะเรียนรู้การดำเนินชีวิตต่อจากนั้น

   ความรัก . . .

   . . . งดงามเสมอ

   ผมเชื่อเช่นนั้น . . .

   . . . มันไม่ผิด  ความรักไม่ผิด  มีแต่เราต่างหากที่ไปกะเกณฑ์เอากับมันเอง  อยากเป็นอย่างโน้น  อย่างนี้  จนกระทั่ง เราลืมมองไปว่า  ไม่มีใครหรอกที่จะเป็นผู้ชนะตลอดเวลา

   และ . .  .

   ไม่มีใครอีกเหมือนกันที่เป็นผู้แพ้ตลอดกาล . . .

   . . . หลายคนมองว่าผมโง่ที่ทำไปแบบนั้น . . .  

   ผมยอมรับว่าโง่ . . . ผมโง่  

   และผมน่าจะเป็นคนโง่ที่น่ารักที่สุดในโลก  ไม่มีใครหรอกที่จะทำอะไร  ถูกต้องตลอดเวลา  ผมเองก็เหมือนกัน  ผมไม่ใช่คนดี  อย่างที่ผมเล่าให้ฟังมาตั้งแต่แรก

   ผมรักโก . . .

   . . . รักมากกว่าน้อง

   . . . ผมรู้ตัวเองมาตั้งแต่วันแรก . . .

   เพียงแต่ว่า  ผมยังสะกดความรู้สึกของผมเอาไว้ได้   ไอ้ความรู้สึกส่วนน้อยมันยังไม่ออกฤทธิ์   เพราะสิ่งที่ผมทำมันเป็นความรู้สึกส่วนใหญ่   ความรู้สึกที่ว่า  ผมอยากเห็นมันเดินไปสู่ปลายทางที่สวยงาม   ผมได้แต่มองมันเงียบเฝ้ามองมันด้วยหัวใจของคนที่รักคนอื่นได้คนนึงเท่านั้น

   ตอนนี้ผมทำงานแล้ว . . .

   . . . และมันมากพอที่ผมจะดูแลมันได้ . . .

   ผมเชื่อเช่นนั้น  

   ผมเฝ้าวาดวิมานกลางอากาศ  วาดภาพที่ผมจะอยู่กับมันไปอีกนาน  ภาพที่วาดเอาไว้จากมุมมองของคน ๆ นึง  ที่มองจากมุมของภาพคนวาด  สวยงามเสมอ   โดยที่ผมไม่วาดภาพอีกด้านเอาไว้  แบบนี้กระมัง  เมื่อถึงเวลาหนึ่ง  เวลาที่มันผกผันไปอีกด้าน  ผมถึงเจ็บเจียนตาย

   “ไอ้อาร์ม  พรุ่งนี้ทำงานมั้ยมรึง”  เสียงไอ้เพื่อนโอ๋โทรหาผม

   มันทำงานแล้ว  ได้งานที่แบบเดียวกับผมในสนามบินนั่นแหละ  มันสมัครมาหลายที่เหมือนกัน  แต่มันไม่เอา  มันบอกมันอยากอยู่ใกล้ ๆ  ผม  หรือมันแอบรักผมอยู่  ไม่หรอกครับ  มันบอกว่า  อุ่นใจดี  อย่างน้อยก็รู้ว่ามีเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ  

   ผมดูเหมือนจะทิ้งสังคมเพื่อนไปเลย  เมื่อมีโกมาอยู่ด้วย . . .

   “ว่าง  มีไรมึง”

   “แดกเหล้ากัน  ไม่ได้กินนานแร่ะ”

   “ไอ้เหี้ย  ดูเวลามั่ง  โทรชวนกรูแดกเหล้าตั้งแต่พระยังไม่เพลนี่นะ”

   “อ้าว!  กลัวเพื่อนคิวไม่ว่าง  กว่าจะได้คิวเพื่อนกรูเดี๋ยวนี้ต้องขอล่วงหน้า”    เหมือนมันกำลังด่าอยู่เลยแฮะ

   “เออ  ได้ว่างครับพ่อเอกรัฐ”

   “ดีมาก  ร้านเดิมนะเพื่อน  เด๋วกรูโทรตามไอ้แดนด้วย  วันนี้วันเกิดมัน”

   “เอ้ย  ลืมไปเลยกรู  เออค่ำ ๆ  เจอกัน”  

   ผมลืมวันเกิดคนที่ดีกับผมอีกคนเสียสนิท . . .

   . . . ที่จริงเรื่องเล็ก ๆ  น้อย ๆ  แบบนี้  ผมไม่ลืมหรอก  แต่บังเอิญช่วงนี้ผมมีอะไรมากมายที่ต้องคิด  ทั้งเรื่องงานที่ผมทำ  เรื่องของโก  ที่ดูเหมือนมันจะเงียบลงทุกวัน

   “พี่อาร์ม  พี่อาร์ม”  เสียงมันเรียกผม  เมื่อมันจอดมอเตอร์ไซด์หน้าบ้าน

   “เป็นไงมั่ง  ผลสอบ”

   “สี่จุดศูนย์พี่”

   “ห๊า . . .  หูฝาดมั้ยพี่”

   “ไม่พี่  สี่จุดศูนย์จริง ๆ  ไม่เชื่อดูนี่”  มันส่งกระดาษที่รายงานเกรดให้ผม  มีตราประทับของโรงเรียนมันด้วย  มิน่ามันถึงยิ้มกว้างดีใจ

   ผมหรือ . . .

   . . . ดีใจกว่ามันเสียอีก . . .

   ผลการเรียน . . . คือสิ่งเดียวที่ผมรู้  มันตั้งใจขนาดไหน  ผมไม่เสียดายความตั้งใจที่ผมจะปั้นมันให้สวยงามที่สุด  สมกับที่ผมลงแรง  ลงใจ  ลงเงิน  เพื่อสร้างสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตของผม  เพราะสิ่งที่ตอบแทนกลับมามันคุ้มค่าเสียเหลือเกิน  

   สิ่งที่ผมลงทุนลงแรง สร้างสรรด้วยหัวใจ. . .  

   แม้จะไม่ผลิดอกออกผล  แต่มันคือ สิ่งที่งดงามที่สุดที่ผมเคยเจอ

   “แล้วทำไมกลับมาช้า  ไปกินกับเพื่อนมาเหรอ”  ผมถามเพราะมันบอก  ไม่น่าเกินสิบโมงเช้า  นี่ก็เกือบเที่ยง

   “อีแก่ดิพี่  สเตอร์รูด  ต้องเอาไปเปลี่ยนใหม่”  

   ผมมองออกไปนอกบ้าน  ไอ้มอเตอร์ไซด์ที่ผมยกให้มันใช้  ผมเองก็ใช้มากลายปี  มันเก่ามากแล้วล่ะ  ช่วงหลังก็ซ่อมบ่อยเหลือเกิน  ค่าซ่อมแต่ละเดือนร่วม
พัน  ผมหันกลับมามองหน้ามัน

   มันเรียนช่างยนต์  มันชอบเครื่องยนต์กลไก  แล้วที่มันสะสมหนังสือรถมอเตอร์ไซด์  หลาย ๆ  ครั้งที่ผมเห็น  มันจะอ่านหนังสือรถมันมองรูปในหนังสือ . . . รุ่นใหม่กำลังฮิต HONDA  SONIC

   “เหรอ  เออ  คืนนี่พี่โอ๋ชวนไปกินเหล้า  ออกไปกับพี่นะ”

   “ได้ครับพี่  แต่ตอนนี้ขออาบน้ำก่อนร้อนมาก”  มันยิ้มก่อนเดินไปทำธุระของมัน

   ผมเดินไปที่ตู้เก็บหนังสือของโกเมศวร์ . . .

   มองหนังสือรถ  ที่มันซื้อทุกฉบับ  เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ  ก่อนที่อะไรบางอย่างจะเข้ามาในหัว  ผมเดินกลับไปที่ตู้ของผม  เปิดลิ้นชัก มองสมุดเล่มสี่เหลี่ยมสีเขียว  ก่อนที่จะหยิบมันออกไป  และไม่ลืมหยิบสมุดเงินฝาก . . .

   “เดี๋ยวมานะโว้ย  หิวกินข้าวไปก่อนไม่ต้องรอ”  

   ผมตะโกนบอกมัน  ก่อนที่จะขี่มอเตอร์ไซด์คันนั้นออกไป  ถึงผมจะรักมันมาก  เพราะผมใช้มันมาร่วมเจ็ดปี  แต่ผมจำเป็นต้องตัดใจจากมัน  

   วันนี้ . . .

   . . . ต้องลาจาก . . .

   และ การจากลา . . .

   ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ . . .

   . . . ไม่ว่าจะจากอย่างไร . . .

   เมื่อถึงเวลาของมัน  มันก็ต้องจากลา   ไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้า  ชั่วนิรันดรนี่หว่า   ผมน่าจะเรียนรู้การจากลาในวันนั้น  วันที่ของรักจากผมไป . . .

   ผมกลับเข้ามาบ้านอีกครั้งราวสามชั่วโมงหลังจากนั้น . . .  

   โกมันอยู่หน้าบ้าน  มันมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ   สายตามันคล้ายมีคำถาม  ผมจอดรถ ก่อนเดินไปหามัน  ยิ้มให้มัน คนที่ผมรัก

   “ของขวัญสำหรับคนที่เรียนได้สี่จุดศูนย์”  ผมส่งกุญแจรถ  ให้มัน

   มันยิ้มแววตามันมีความสุข  ผมชอบมองเวลาที่มันยิ้ม  เพราะรอยยิ้มมันเจ้าเล่ห์  รอยยิ้มของมันเหมือนมันปลดปล่อยความทุกข์ทั้งหมดที่ใจมันมี  

   “พี่อาร์ม  เปลือง  คันเก่าก็ยังใช้ได้”  

   “พี่อยากให้  ขอบใจนะที่ตั้งใจเรียน”  ผมตบไหล่มัน  ก่อนเอากุญแจรถคันใหม่ยัดใส่มือมัน

   “มันเป็นของโก  อยากแต่งอยากทำอะไร  ตามสบายเลย”  ผมบอก  เพราะรู้มันชอบแต่งรถ

   แววตามันเหมือนเด็กที่ได้ของถูกใจ  มันเดินไปที่รถคันใหม่  สีเดียวกับที่มันชอบ  มันไปลูบ ๆ  คลำ ๆ   ราวกับว่า  ไม่อยากให้ฝุ่นได้จับต้อง ผมมองมันด้วยแววตาที่มีความสุข  

   ความสุข . . . ของผม  อยู่ที่รอยยิ้มของโก

   น่าเสียดาย . . .

   . . . ที่หลังจากนั้น  ผมทำลายความสุขของตัวเอง  ผมทำลายความสุขนั้นลงด้วยมือของผมเอง

   รู้แบบนี้ . . .

   คำนี้บาดลึกในหัวใจ  เพราะมันแปลว่า . . .

   . . . สายเกินไป . . .

   “พี่อาร์ม  ผมเอาไปปาดเบาะได้มั้ย”    มันกลับมาในบ้าน

   ท่าทางมันในตอนนั้น  ผมเห็นชัด  มันเหมือนคนที่ได้ของที่รัก  น้ำเสียงมันตื่นเต้น  มันดีใจ  ผมรู้ มันมีความสุขผมเข้าใจ  ผมจำได้   จำได้ดีเสมอ  เพราะภาพของมันผมไม่เคยหลงลืมไปจากหัวใจ

   “ได้  จะทำอะไรก็ได้  บอกแล้วไง  พี่ให้โกของขวัญที่สอบได้สี่จุดศูนย์”

   “พี่อาร์มใจดีจัง  ขอบคุณนะพี่  ขอบคุณมาก”   มันเดินมากอดผมเอาไว้หลวม ๆ  

   ช่วงหลังมันกล้าแสดงความรักโดยการกอดมากกว่าเดิม  อาจเพราะเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันนานขึ้นทุกวัน  และมันค่อย ๆ  ผูกเราสองคนเอาไว้แน่นหนา  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ผมทำไป  มันจะสร้างนิสัยอะไรให้โกหรือไม่  แต่ผมยังยืนยันแบบเดิม

   ถึงย้อนเวลาไปได้ . . .

   . . . ผมก็ยังจะทำแบบที่ผมเคยทำมา . . .  

   เพราะสิ่งที่ผมทำไปทั้งหมด  ผมทำด้วยหัวใจ  ด้วยความรักทั้งหมดที่ผมมี  ผมไม่เคยทำแบบนั้นกับใครมาก่อน  และจะไม่มีวันทำแบบนั้นกับใครอีกเช่นเดียวกัน

   ผมคิดว่า . . .

   . . . คนที่รักคนอื่นมากกว่าตัวเองแบบผม . . .

   จะต้องทำแบบผมแทบทุกคน  ผมเชื่อแบบนั้นไปแล้ว





   คืนนั้นผมนั่งกินเหล้าด้วยความสุข  เพราะอย่างน้อยที่สุด  ผมไม่ได้มากินเหล้ากับเพื่อนสนิทแบบไอ้โอ๋  ไอ้แดนนานแล้ว  ผมมีของขวัญให้แดนมัน  แม้มันจะไม่มีราคาค่างวดอะไร  แต่มันก็เป็นของที่มีคุณค่ามหาศาลสำหรับคนรับ

   ผมเอารูปของมันออกมาเลือก  รูปที่ไปเที่ยวมาตอนปีก่อน . . .

   ผมใช้กระดาษที่เหลือจากการทำรายงาน . . .  

   . . . ใช้รูป   ใช้กาว   กรรไกร   และขอบฟิล์มที่ใช้แล้ว  ที่เขาเรียกมันว่า . . . หนามเตย

   ผมเอาทุกอย่างมาผสมผสานใส่ความรู้สึกทั้งหมด  ที่ผมพึงจะมีให้เพื่อนที่ดีของผม   ใช้หัวใจ  บรรจงวางเรียงจนมันกลายมาเป็นรูปภาพที่สวย  และเป็นงานชิ้นเดียวในโลก  ก่อนที่ผมจะเอาไปเข้ากรอบที่ร้านกรอบรูปอีกหมู่บ้าน  

   ผมอ้อนที่ร้านแทบตาย . . . ขอรอเอาวันนี้เลย

   งานเขามาก  แต่เขายินดีทำให้ผม . . .

   ผมไม่ชอบซื้อของขวัญให้คนพิเศษในวันเกิด  เพราะผมว่ามันคงไร้คุณค่า  ไม่น่าจดจำ  สำหรับคนที่ผมรักมาก ๆ  ผมจะลงมือทำ  ทำด้วยตัวผมเอง . . .

   คงเหมือนเรื่องที่ผมเขียนอยู่ตอนนี้มั้ง . . .

   มันจะกลายเป็นหนังสือ . . .

   . . . ผมจะให้มันในวันเกิดของมันปีหน้า . . . โกเมศวร์

   แล้ว . . .

   . . . มันจะรู้เอง  สิ่งที่ผมทำลงไปทั้งหมด  ผมทำไปทำไม  ผมทำเพื่ออะไร  ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องจริง  เรื่องที่ผ่านมาแล้วในชีวิตของผม . . .

   ไม่ว่าการตัดสินใจของผม . . . จะเป็นเช่นไร

   โอกาสของวันข้างหน้า . . . ผมยังไม่ได้คิด

   ผมรู้แค่ว่า . . .

   . . . บางครั้ง  

   เราไม่จำเป็นต้องอยู่กับคนที่เรารักก็ได้  ผมอยากให้มันเติบโต  ก้าวเดินไปในทางที่มันอยากเดิน  ผมไม่อยากให้มันรักผมเพราะมันสงสารผม  เพราะความรักที่เกิดจากความสงสารมันทรมาน

   สำหรับผม . . .

   ความรักเกิดจากหัวใจ . . .

   . . . เกิดจากความรู้สึกที่อยากดูแล  อยากอยู่ใกล้ ๆ  คนที่เรารัก  อยากเห็นคนที่เรารักมีสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต  

   ต่อจากนี้ . . .

   . . . อะไรก็ตามแต่ที่เกิดขึ้น

   ผมอยากให้โกเมศวร์มันรู้ . . .

   . . . ผมไม่เคยลืมสิ่งที่ผ่านมา  สิ่งที่อยู่ในหัวใจผมเสมอ  คือ มัน . . .

   “พี่อาร์ม  สวยมากพี่  ขอบคุณครับพี่”   แดนมันแกะห่อที่ผมใช้กระดาษสาขยำให้มันยู่ยี่  ดูเก่า  ก่อนเอามาห่อกรอบรูปที่ผมทำขึ้น

   “ดีใจที่ชอบ”

   “ชอบครับชอบมากเลยพี่  ไม่น่าเชื่อคนอย่างพี่อาร์มจะทำอะไรแบบนี้เป็น”

   “อ้าว  ก็ให้คุ้มกับเหล้าฟรีมื้อนี้หน่อย”  ผมมองหน้ามัน  ก่อนยกเหล้าเข้าปาก

   “โห  ให้แม่ฝากงานให้ยังไม่เลี้ยงเหอะ”

   มันทวงผมซะงั้น  ลืมไปเลยติดค้างมื้อใหญ่มันมื้อนึง  แต่แกล้งเนียน ๆ  ทำไม่รู้ไม่ชี้เอาไว้ก่อน

   “สวยมั้ยพี่โอ๋”  มันอวด

   “สวยดิ  นี่แหละไอ้อาร์มของแท้”

   “ทำไมเหรอพี่”  แดนมองหน้าโอ๋

   “ไอ้นี่มันชอบดูแลคนอื่น  ตอนอยู่มหาวิทยาลัย  ใคร ๆ  ว่ามันหยิ่ง  มันเอาแต่ใจ  แต่ใครที่คบกับมันแล้วจะรู้จักมัน”

   “อย่าเพื่อน  อย่าขายมิดี . . . มิดี”  ผมรีบยกมือห้าม

   “ทำไมเหรอพี่โอ๋”  ท่าไอ้แดนจะอยากรู้ให้ได้

   “ก็มันนะ  ดูเหมือนเก่ง  เจ้าอารมณ์  แต่จริง ๆ  แล้ว มันน่ะพวกแข็งนอกอ่อนใน  และดูเหมือนว่าจะอ่อนแอ  ลองมันรักใครมาก ๆ  มันทำได้ทุกเรื่องแหละ  ของเล็ก ๆ  น้อย ๆ  มันใส่ใจคนที่มันรักตลอด  แล้วที่แดนได้นะ  ถือว่ามันยอมรับแดนเป็นเพื่อนรักมันแล้วล่ะ  เพราะไม่อย่างนั้นมันไม่ลงมือทำอะไรให้แดนหรอก”

   โอ๋มันพูด  แต่ผมมองหน้าโก . . .

   . . .  มันตั้งใจฟังที่เพื่อนผมพูด  แววตามัน ที่ผมเห็น  ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเอง มันมีแต่ความชื่นชม  คนที่โอ๋พูดถึง

   “ขนาดนั้นเลยหรือพี่”  แดนมันแทบไม่เชื่อมั้ง

   “จริง ๆ  แค่ของขวัญวันเกิด  หาซื้อที่ไหนก็ได้  แต่มันไม่ซื้อ  มันทำด้วยมือของมัน  ทุก ๆ  รายละเอียดของสิ่งของ  อาร์มมันใส่หัวใจลงไป . . .”  โอ๋มันหันมาทางผม

   ตายไปเลยสิครับ . . .

   . . . เจอแบบเพื่อนโอ๋บอกแบบนี้

   “. . . แดนแกลองคิดดูสิ  คนที่ตั้งใจทำอะไรเพื่อคนอื่นนะเป็นคนพิเศษขนาดไหน  พี่ถึงได้รักมันไง  มันเป็นเพื่อนที่พี่รักมาก  เพราะมันจะคอยเอาใจใส่กับสิ่งที่คนอื่นไม่สนใจ  เรื่องเล็ก ๆ  ที่คนอื่นมองข้าม  ไอ้อาร์มเอามาทำให้คนอื่นซึ้งได้เสมอ  เพื่อน ๆ  ในกลุ่มถึงรักมันนักไง”

   “พอเหอะไอ้เลว  เดี๋ยวกรูลอย”  ผมยกแก้วขึ้นชนแก้เก้อ

   ผมอายเป็นนะครับ  เล่นมาชมกันเองต่อหน้าแบบนี้อีก  ใครเลยจะทนได้  ผมมองหน้าไอ้แดน  มันยิ้มให้ผม  แววตามันจ้องมองผมมีความหมาย

   หาก . . .

   ผมหลบสายตา . . .

   . . . ไม่อยากแปล

   บางทีการเดินข้ามผ่านเส้นบาง ๆ  มันอาจจะทำได้ง่าย  

   แต่ผลของการกระทำนั่นเล่า  ผมจะรับได้หรือหากความรู้สึกระหว่างเพื่อนรุ่นน้อง ไอ้น้องรหัสของผม  มันจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น  เพราะผมรู้  หัวใจผมตอนนี้ . . .ปิดตาย

   ปิดตาย . . . แปลว่า  

   . . . ไม่รักใครอีก  ตราบจนหมดลมหายใจ . . .

   ผมไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว . . .

   . . . เพราะในหัวใจผมไม่มีที่ว่างให้ใครอีก . . .

   แดนมันขยับมานั่งใกล้ ๆ  ผม  เมื่อไอ้โอ๋ไปห้องน้ำกับโก  ผมมองหน้ามันยกแก้วไปชนมัน

   “สุขสันต์วันเกิด  ไอ้น้อง”

   มันยกแก้วขึ้นมาชนกับผม  ท่ามกลางแสงไฟหลากหลายสี  เสียงเพลงจังหวะเร้าหัวใจ   ผมมองเห็นมัน  เห็นไปในความรู้สึกของมัน . . .  

   . . . ผมเข้าใจมัน   รู้แล้วสิ่งที่มันเก็บเอาไว้

   “ขอบคุณนะครับพี่อาร์ม”

   “เออ”

   “พี่อาร์ม  ผมมีเรื่องจะบอก”    มันกระซิบแข่งกับเสียงเพลงที่ดังลั่นร้าน  ท่าทางมันเมา  หน้ามันแดงแล้ว

   “เรื่องไรเหรอ  อย่ามาบอกรักกูนะโว้ย  ฟ้าผ่าตายห่า”

   “ผมรักพี่”

   นั่น! ปะไร  ผิดคำพูดผมเสียที่ไหน

   เวรแล้ว . . . ไอ้อาร์ม  

   ผมเหมือนโดนสาปเป็นหิน  ทั้ง ๆ  ที่เตรียมใจเอาไว้ตั้งแต่เห็นแววตามัน  แต่พอเจอเข้าจริง ๆ  ผมกลับทำอะไรไม่ถูก   เสียงเพลงที่ดังลั่นร้าน  มันไม่ได้เข้าหูผมเล้ยยยยยย  

   ไอ้ที่วิ่งมาเข้าหูผม  เสียงที่ไอ้แดนมันบอกอยู่  

   . . . ผมรู้ . . .  

   แต่ผมบอกไปแล้วว่าไม่อยากแปล    จะแปลไปอีกทำไม  ในเมื่อเห็นกันชัด ๆ  แจ้ง ๆ  ของแบบนี้  คนเป็นเหมือนกันมองกันแวบเดียวก็ดูออก

   “กูก็รักมึง  เอ้าหมดแก้ว”   ผมเฉไฉ  ชนแก้วมันอีกรอบ

   “อย่ามามั่วพี่อาร์ม  ผมซีเรียสนะ”  มันจ้องหน้าผม

   “แดน . . . ที่เป็นอยู่ไม่ดีอีกหรือ”

   “ทำไมเหรอพี่  ผมรักพี่จริง ๆ นะ”

   “ขอบคุณ”

   “แล้วพี่ล่ะ . . .”    มันมองคล้ายขอคำตอบ

   “รัก . . . เหมือนน้องคนนึง”

   “ทำไมเหรอพี่  ทำไมพี่ไม่รักผมแบบที่พี่รักไอ้โก”

   ผมมองหน้ามัน . . .  

   . . .  มันรู้หัวใจผมได้อย่างไร . . .

   คงเหมือนที่เขาบอก . .  . ผีเห็นผี    

   แววตามันเหมือนจะรู้ว่าพูดอะไรผิดออกมา  ผมตำหนิมันด้วยสายตา  ผมไม่โกรธมันหรอกที่มันคิดแบบนั้น  เพราะผมรู้ดี  ของแบบนี้ห้ามกันไม่ได้  ความคิดเราเองยังห้ามยาก  เราจะห้ามความคิดคนอื่นได้หรืออย่างไร

   สิ่งที่ยากที่สุด . . .

   . . . ห้ามความคิดตัวเอง . . .

   “ไม่เหมือนตรงไหน”  

   “อย่าหลอกตัวเองเลยพี่  ผมดูออก  พี่รักมันมากกว่าน้อง  มันต่างกันตรงไหนที่ผมรักพี่มากกว่าพี่”

   “ต่างสิ  ต่างมาก”

   “ตรงไหน”

   “ตรงที่พี่ไม่พูดไงแดน . . .”   ผมยิ้มให้แดน  ยิ้มแบบที่พี่คนนึงจะมีให้น้องได้

   “. . .  ความรักที่เราไม่พูด  มันก็ยังอยู่กับเรา  หากวันใดเราพูดออกไป  เราไม่รู้เหมือนกัน  ว่ามันจะยังอยู่กับเราอีกหรือเปล่า  พี่อาจรักคนที่แดนพูดถึง  แต่พี่ไม่บอก  พี่ยินดีที่จะให้มันอยู่ตรงนี้”  ผมเอานิ้วแตะที่หน้าอกด้านซ้าย

   “ผมขอโทษ  พี่โกรธผมมั้ย”

   “ไม่”

   “พี่จะเหมือนเดิมกับผมมั้ย”  ผมมองหน้ามัน

   “พี่ไม่เคยเปลี่ยนความรู้สึกตัวเอง  แดนเป็นเพื่อนพี่  เป็นน้องพี่  จะโกรธได้ไง”  ผมยิ้ม  ก่อนยกแก้วไปชนมันอีกรอบ

   ถามว่า . . .

   ผมรู้สึกยังไงในขณะที่คุยกับแดน

   . . . รู้สึกดีนะครับ  ที่มีคนบอกรัก  เพียงแต่ว่า  ผมไม่ได้รักมันแบบนั้น  หัวใจผมไม่เคยรักแดนแบบที่ผมรักโก    ผมไม่อยากให้มันเจ็บปวด  ผมอยากให้มันเป็นเพื่อนที่ดีของผมแบบเดิม  ผมรู้การเห็นคนที่เรารักอยู่กับคนอื่นมันทรมาน

   ไอ้แดนเมา . . .

   . . . ผมเมา . . .

   ไอ้โอ๋เมา   มีแต่ไอ้โกที่ไม่เมา  กว่าจะกลับถึงบ้านเกือบสว่างเพราะต้องโกมันต้องขับรถตะรอนส่งไอ้ขี้เมาสองตัวก่อน  ผมล้มตัวลงนอนทันทีเมื่อถึงห้อง

   “โก”  ผมร้องเรียก มือควาญหามัน

   “ครับ”  มันกระเถิบตัวเข้ามาในอ้อมกอดผมเหมือนเคย

   “ชอบมั้ยรถใหม่”

   “ชอบครับ”

   “พี่ดีใจที่โกชอบ”  ผมยิ้ม

   “แต่มันแพงนะพี่  คราวหน้าไม่ต้องก็ได้”

   “ไม่ได้  พี่อยากให้”

   “ทำไมเหรอครับ”

   “พี่รักโก . . .”   ผมพลิกตัวขึ้น  สายตาผมมองมัน

   สายตามันมองผมมา . . .

   . . .  มันมีแต่ความหวาดกลัว   ไม่เหมือนที่มันเคยมองผมแบบที่ผ่านมา  ผมยิ้มเอามือเกลี่ยไรผมมันเล่น  ผมเมา  เมาจนไม่อาจเก็บความรู้สึกส่วนลึกเอาไว้ได้  ผมไม่มีสติ  ไม่มองแววตาของคนที่ผมรัก   แววตาที่มันอ้อนวอนผม

   “. . . รักมากกว่าน้อง”

   แววตามันเบิกกว้าง . . .

   ผมเอาจมูกแตะที่หน้าผากมัน  

   “พี่รักโก  รักมานานแล้ว  พี่ไม่ดีเองแหละ  ที่ห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ได้”

   ผมจูบมันไปที่ริมฝีปาก  มันร้อนรุ่ม    ดิ้น  เหมือนจะออกจากพันธนาการของผมให้ได้  เมื่อผมค่อย ๆ  ละเลงลิ้นเข้าไปหาลิ้นของมัน    เพียงครู่เดียวมันนอนนิ่ง  ผมจูบมันอยู่นาน  ก่อนถอนปากออกมา  ผมจ้องมองตามัน  ผมไม่อายมันแล้วล่ะ  มาถึงขนาดนี้แล้ว

   “พี่อาร์ม  มันจะดีเหรอ”

   เสียงมันสั่น  แววตามันที่มองผม  มีหลากหลาย  บางครั้งชื่นชม  หากแค่แวบเดียวเริ่มเปลี่ยนไป  ผมไม่มอง  ไม่สังเกต  แววนั้นนั้นหยาบกระด้าง  ไม่เหมือนโกเมศวร์คนเดิมที่ผมรู้จัก  

   “อะไร”

   “ที่กำลังทำอยู่แบบนี้”

   “ไม่รู้เหมือนกัน  พี่รู้ว่าพี่รักโก  พี่รักมากเหลือเกิน”  

   ผมจูบมันไปอีกครั้ง  ก่อนที่จะเลื่อนจมูกไปที่ใบหน้า ซอกคอของมัน  ผมเหมือนคนหิวกระหาย  ไม่รอคำตอบ    ไม่อ่านปฏิกิริยาโต้ตอบใด ๆ  จากมัน  ผมทำกับว่าสิ่งที่ผมต้องการ  ผมจะเอาให้ได้ ผมต้องได้

   เสื้อผ้าค่อย ๆ  หายไปทีละชิ้น . . .

   สุดท้ายที่ผมรู้ . . .

   . . .  เมื่อน้ำบางอย่างเคลื่อนออกจากร่างกายของเราทั้งสองคน

   ผมนอนเหนื่อยอ่อน  มีมันอยู่ในอ้อมกอด

   “โกรธพี่มั้ย”    

   มันนอนฟุบอยู่บนหน้าอกของผม   เนื้อแนบเนื้อ   ร่างกายสองเราถ่ายเทความอบอุ่นที่มีผ่านอ้อมแขน  ผ่านหัวใจสู่กัน  

   “ขอโทษ . . .”   ผมบอกมันเบา ๆ  เมื่อเห็นมันนิ่งเงียบ  

   ผมเกลียดความเงียบ เกลียดการที่ไม่พูดอะไรเลย  มันไม่ตอบผม  มันยอมให้ผมกอด  ยอมให้ผมทำอะไร  แต่ทำไม  มันไม่บอกผมสักคำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันพอใจหรือไม่พอใจ

   “เจ็บมั้ยพี่”  

   “เจ็บดิ”

   “งั้นคราวหน้าไม่ต้องก็ได้”   มันยังคงนอนกอดผม

   คราวหน้าไม่ต้องก็ได้ . . .

   . . .  มันสงสารที่ผมเจ็บ  

   . . . หรือ . . .  

   เพราะมันไม่ชอบ  คำที่ผมไม่อยากแปล

   “โก . . .”

   “ครับ”

   “เวลาที่กอดแบบนี้รู้สึกยังไง”

   “ก็อุ่นดีพี่  เหมือนกอดพ่อเลย”  มันกอดผมกระชับแน่นไปอีก  ผมไม่รู้เลย  สิ่งที่มันต้องการคือตัวผม  หรือ  มันยอมเพราะผมทำดีกับมันสารพัด

   “โก . . . พี่ไม่ได้ทำเพราะอารมณ์ชั่ววูบ  แต่ที่พี่ทำเพราะพี่รักโก”

   “ผมรู้พี่  แต่ผมไม่ชอบ”

   ผมนิ่ง . . .

   . . . ผมไม่ชอบ  คำพูดของโกสะท้อนในหัวผม  มันดังย้ำอยู่แบบนั้น    นี่ผมกำลังทำร้ายคนที่ผมรักอยู่หรือ  ผมไม่ชอบ  แปลได้ว่า  สิ่งที่ผ่านมา  ผมบังคับใจมันหรือ

   “พี่อาร์มรู้มั้ย  ผมรักพี่นะ  รักมากกว่าพ่อผมอีก”

   คราวนี้ผมน้ำตาไหลพราก . . .

   . . . ผมทำลายคนที่ผมรัก  ผมทำร้ายคนที่ผมรักอย่างเลือดเย็นที่สุด  เพียงแค่แรงปรารถนาบ้า ๆ  นั่น  สิ่งที่มันพูด  ผมแปลได้อย่างเดียว . . .

   . . . ผมทำลายมันแล้ว . . .

   ผมทำลายความรัก  ความเชื่อใจของคน ๆ  นึง  ที่มีต่อผมให้มันพังทลายลงต่อหน้าต่อตา  เพราะความคิดทางด้านต่ำของผม  มันเกิดเป็นกบฏขึ้นมา

   “อย่าร้องสิพี่ . . . ถ้ามันคือความสุขของพี่  ผมยอม”

   ผมไม่รู้เหมือนกัน  ผีห่าตัวไหนมันเข้าสิงผม เพราะสิ่งที่โกพูด  มันน่าจะทำให้ผมถอยออกมา  แต่ดูเหมือนกับว่า  สิ่งที่ผมได้รับในคืนนั้น  มันจะไม่พอ  มันหยุดผมไม่ได้  มันส่งผมเดินถลำลึกลงไปอีก

   มันลึกจนยากเกินที่ผมจะถอนตัว . .


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: YO DEA ที่ 14-05-2008 21:08:10
^
|
|
|
|

จิ้มๆ 

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 14-05-2008 21:09:31
เศร้าจริงๆ ด้วย

 :sad2: :sad2: :sad2:




เมาไหน . . .ไปด้วยคน

อิอิอิอิ  อิเจ้คนสวย

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 14-05-2008 21:42:48
ฮือ....

     เศร้าอีกแล้ว...

ยังไงก้ตาม  พยายามต่อไปนะคะ

เป้นกำลังใจให้ T^T

 :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 14-05-2008 23:51:19
เฮ้อ จะหนีหัวใจต้วเองไปอีกนานแค่ไหนหนอ :sad2: :sad2: :sad2:
แต่ก้อดีใจอยู่อย่าง ที่อาร์มยอมอยู่เมืองไทย อย่างน้อยก้อยังอยู่ฝั่งฟ้าเดียวกัน ดีกว่าอยู่คนละฝากฝั่งฟ้า :L2:
ปล.ชีวิต่างแดนมันเหงาจริงๆ ทั้งๆที่มีผู้คนรอบกาย แต่ก้อเหมือนตัวคนเดียว เจ็บ หนาว เหงา ก้อได้แค่กอดตัวเองไว้..... :sad2: เปนกำลังใจให้ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 14-05-2008 23:59:48
ได้อีก..เศร้าได้อีก
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 15-05-2008 00:59:28
 :m15: งือๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 15-05-2008 11:50:42
ยังเศร้าได้อีก  :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 15-05-2008 15:50:22
 :sad2: :sad2:จนคำพูด :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 15-05-2008 17:10:02
:o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

ไม่รู้จาพูดรายดี :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 15-05-2008 18:31:20


ตอนที่ ๑๑



หลังจากคืนนั้น . . .

   ความรู้สึกที่ผมเคยมีกับโก . . . มันมากมายขึ้นกว่าเดิมอีก  จากที่เคยห่วงมัน กลับกลายมาว่า  เริ่มมีความรู้สึกหวง  และน้อยอกน้อยใจ  มีงอนมันมากขึ้น  ทั้ง ๆ  ที่ความจริงแล้วผมมีสิทธ์นั้นเสียที่ไหน


   รักที่ผมมี . . .

   . . . ไร้สติสิ้นดี

   สมองผมไม่สามารถที่จะสั่งการให้หัวใจ  ความรู้สึกรักที่ผมมีให้คน ๆ นึง   ไม่ได้น้อยลงกว่าเดิมได้เลย  ผมได้แต่มองมันด้วยสายตาที่ล้นด้วยความรักที่ผมมี  หรืออาจจะเป็นความหลงใหล  ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ตัวเลยในเวลานั้น

   ความรัก . . .

   . . . ทำผมตาบอดสนิท

   ผมไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย  แค่ปุถุชนคนธรรมดาที่รู้จักรัก . . .

   . . . รู้จักเกลียด . . . 

   รู้จักโกรธ . . .   

   ผมเหมือนคนที่พร้อมจะทำอะไรก็ตามเพื่อตัวเอง  การทำอะไรเพื่อคนอื่น  มันเป็นปมที่ผมสร้างมาเพื่อจะให้บรรลุถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ

   ทุกคนล้วนเกิดมาเพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการมิใช่หรือ ?

   ผมเองก็ไม่แตกต่างไปจากคนเหล่านั้น . . . 

   ทั้ง ๆ  ที่ความเป็นจริงแล้ว  ผมน่าจะมองความรักด้วยสติ  แต่มันไม่ใช่  ผมรู้แค่ตอนนั้น  อะไรก็ตามที่จะทำให้มันมีความสุขผมจะทำทันที  ไม่รีรอมันเลย . . .

   สิ่งที่ทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเอง . . . 

   คือ  อีกฝ่ายกลับไม่มีทีท่าเปลี่ยนไป  การที่เขายังเหมือนเดิม  นั่นแปลว่าเขายอมรับสภาพนั้นได้ใช่หรือไม่  เมื่อผมไม่ได้รับคำปฏิเสธ  ผมก็คิดเอาเอง  ว่า  เขายอมรับความรู้สึกที่ผมมีต่อเขาได้

   มันก็รักผม และต้องการให้ผมทำแบบเดิม . . . นั่นคือความคิดของผมเอง  สิ่งที่ผมคิด  ผมคิดให้ตัวเองได้ตลอดเวลา

   ใครเลย . . . จะคิดให้ตัวเองเสีย 

   จริงมั้ยครับ . . .

   การคิดไปเอง . . . ทำร้ายตัวเราเองเสมอ

   ผมไม่ได้แค่คิดไปเอง  เพราะผมจะทดสอบสมมติฐานที่ผมคิดเอาไว้  เรื่องบางเรื่องผมสามารถพูดให้คนที่ผมรักคล้อยตามได้อย่างง่ายดาย

   หากแต่ . . .

   ความคิดเหล่านั้น  มันไม่จีรัง  เพราะเมื่อผมมองย้อนไปจริง ๆ  ผมกลับรู้สึกแย่  แย่เอามาก ๆ  ผมเหมือนคนที่มีทั้งส่วนดีและส่วนเลวในตัวเองที่กำลังขัดแย่งกันอย่างรุนแรง

   ความดี . . .

   หรือ

   . . . ความเลว

   ผมแยกออกเสียที่ไหนในห้วงเวลาที่ทั้งรักทั้งหลงขนาดนั้น  อย่าว่าแต่ผมเลย  แม้กระทั่งคุณ ๆ  เองก็เหอะ  ลองได้รักใครอย่างเต็มหัวใจแล้วล่ะก็  ไม่มีวันที่จะปล่อยให้คนที่คุณรักเดินจากคุณไปง่าย ๆ  หรอก 




   หลังเหตุการณ์ครั้งแรก . .  .

   เกือบเดือนแล้วที่ผมไม่มีอะไรกันเลย  สิ่งเดียวที่ยังบอกว่าผมยังรักมันเต็มหัวใจคือ  การที่ผมนอนกอดมันเอาไว้ก่อนนอนทุกคืน  หากแต่  เรากลับมีเรื่องพูดกันน้อยลง  ผมแทบไม่มีอะไรที่จะพูดกับโกเลยด้วยซ้ำ


   ทำไมนะหรือ . . .

   ผมรู้สึกเหมือนทำผิด . . .

   . . . ผิดอย่างมหันต์

   ทั้ง ๆ  ที่  นั่นคือความรักของผม  ผมน่าจะดีใจที่ผมได้สิ่งที่ผมรัก  ได้ในสิ่งที่ผมต้องการ  แต่ผมกลับไม่มีความสุขเลย  มันเหมือนนรกที่ฝังอยู่ในอกของเราดี ๆ  นี่เองผมเพิ่งประจักษ์

   นรกในใจ . .  .

   ถึงมันจะเป็นนรก  หากแต่เวลานั้นผมกลัวเสียที่ไหน  ต่อให้นั่นคือนรกอเวจีที่ลึกสุดขั้วโลก  แต่ผมก็ยังเดินก้าวลงไปโดยไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย . . .

   ความรัก . . . อย่างไรล่ะ

   ความรักมันพาผมเดินก้าวผ่านความกลัวทั้งหลาย ใครที่เคยมีความรักจะรู้เอง  ไม่มีเหตุผลสำหรับความรัก  มีแต่ความอยาก . . .

   อยากได้ . . .

   . . . อยากมี . . .

   อยากให้เขามีสิ่งที่ดี . . .

   . . . สารพัดความอยากเมื่อเรามีรัก

   อย่างที่ผมเคยย้ำ . . . ถึงย้อนเวลาได้  สิ่งที่ผมทำลงไป  ผมก็จะทำมันเฉกเช่นเดิม  ไม่เปลี่ยนแปลง

   ผมมั่นใจต่อความรักที่ผมมีให้มัน  ยิ่งใหญ่  กว่าทุกอย่างที่ผมเคยเจอมา  ผมจะต้องเดินไปกับมันจนถึงวันนั้นของมัน . . .

   วันที่มันยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่สุด . . .

   “พี่อาร์ม  แม่กลับมาแล้วนะ”  มันบอกผมในเวลาที่ผมใกล้จะหลับ

   “อือ”

   ผมแค่ขานรับให้มันทราบ . . . เพราะตั้งแต่ป้าภาหายไปปีกว่า  มีแต่ผมเท่านั้นที่คอยดูแลมัน  และแอบช่วยเหลือมัน  โดยที่มันเองก็ไม่รู้  ผมไม่อยากให้มันรู้ด้วย  เพราะเรื่องแบบนี้  ไม่รู้ไว้ก็คงดี

   ขืนมันรู้ . . .

   . . . มันจะพาลไม่เรียนเอา

   ผมกลัวมาก  กลัวมันไม่ยอมเรียนต่อ  ผมไม่ได้กลัวหรอกที่มันจะอยู่กับผมอีกหรือไม่  สิ่งที่ผมกลัวคืออนาคตของมันมากกว่า  มันจะทำอย่างไร  ถ้าไม่เรียน

   มันเดินมาไกล . . .

   . . . เกินกว่าจะกลับไปเป็นแบบเดิมได้แล้ว . . .

   “แม่ไปบวชชีพราหมณ์มา”

   มันเล่า . . .

   . . . และจุดนั้นเอง  ทำให้ชีวิตของป้าภาผกผันอีกครั้ง  เรื่องบางเรื่องมันเน่าสิ้นดี  ผมไม่คิดเลย  เรื่องที่เกิดกับผม  กับคนรอบ ๆ  ตัวผม  มันคือละครหลังข่าวเน่า ๆ  เรื่องนึงดี ๆ  นี่เอง

   ที่จริงเรื่องนี้มันไม่ควรจะเล่า . . .

   แต่ . . . สำหรับผม  มันน่าจะเป็นอีกเรื่องที่เป็นจุดผกผันของชีวิตผม  และชีวิตของโกเมศวร์    แล้วเมื่อถึงเวลานั้น  คุณ ๆ  จะรู้  ว่าทำไม  เรื่องทั้งหมดมันถึงกลายมาเป็นแบบนี้

    . . .  ผมมีเหตุผลของตัวเองเสมอ  เหตุผลที่ระยะหลัง  ผมว่ามันเดินมาก่อนความรัก  ทั้ง ๆ  ที่หัวใจผมยังมีแต่มัน   แต่  ผมจะมองถึงความจำเป็นอันดับแรกก่อนเสมอ

   หาก . . . เป็นเมื่อก่อน

   ผมคงโผเข้าหามัน  กอดมันเอาไว้  แต่วันนี้  มันมีอะไรมากกว่านั้น  คนเราไม่ได้อยู่บนโลกนี้เพียงเพื่อความรัก  เพราะความรัก  เป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งในการดำรงชีวิต  สิ่งที่มีมากกว่าความรัก  คือ ความรู้สึกห่วงหา

   ห่วง . . . มันสารพัด

   “ก็ดี”

   “พี่อาร์ม”

   “ครับ”

   “ทำไมพี่ถึงเงียบ  ไม่ค่อยคุยเหมือนเดิม”  มันหันมานอนตะแคง  ผมมองด้วยหางตา

   ผมนะหรือที่เปลี่ยนไป  นี่ผมเปลี่ยนแปลงไปขนาดที่คนอย่างมันจับความรู้สึกได้อย่างนั้นหรือ  อาจเพราะว่า  ผมกำลังตัดสินว่าจะเดินหน้า  หรือถอยกลับมาที่จุดเดิมก็ได้  ผมเลยเหมือนคนที่ลอย ๆ  สติสตังค์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  เหมือนคนที่ขาด ๆ เกิน ๆ  ซึ่งบางทีเรื่องที่ผมหมกมุ่นอยู่  อาจทำร้ายผมก็ได้  แต่ผมไม่เคยมองถึงตัวเองในเวลานั้น  ผมรู้เพียงแค่  ทำอย่างไรให้โกสบายที่สุด

   ผมลืมมองไป . . .

   . . . คับที่อยู่ได้  คับใจอยู่ยาก . . .

   “ก็ไม่รู้จะคุยอะไรนี่ครับ  เจอกันทุกวัน”

   “พี่ไม่รักผมแล้วหรือ”

   ผมหันไปหามัน  มองหน้ามัน  ทำไมมันถึงคิดแบบนั้น  หรือที่ผ่านมาตั้งแต่เรื่องเมื่อคืนนั้น  ผมเปลี่ยนแปลงไปหรือ  ผมรักมันน้อยลงอย่างนั้นหรือ ผมยังเหมือนเดิม  มันยังคงเป็นคนแรกในหัวใจของผมเสมอ

   ผมสอดมือไปใต้คอมัน . . .อีกมือ  โอบกระชับ  รัดตัวมันเข้ามาในอ้อมกอดของผม  ก่อนจูบไปที่เปลือกตามันเบา ๆ

   นี่ . . .  แทนคำตอบทั้งหมดที่ผมมี

   คำพูดจากปาก . . .

   . . . สำหรับผม . . .

   ไม่เท่าการกระทำที่ออกมาจากหัวใจ

   แต่ . . . มันจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่ผมมีให้มันได้หรือ  ในเมื่อหัวใจของมันที่มีให้ผม  ใช่แบบเดียวกับที่ผมมีให้มันหรือ

   “ปีหน้าจะจบ ปวช.   แล้ว  จะเรียนที่ไหนหรือ ?”

   “ไม่รู้เลยพี่  อีกตั้งหลายเดือน”

   ผมจูบไปที่ริมฝีปากของโก  ปิดประทับเอาไว้แบบนั้นนาน  ลิ้นค่อย ๆ  สอดลงไปในปาก  มันเผยอปากน้อย ๆ  แม้ไม่ปฎิเสธ  แต่มันไม่ได้รุกผมกลับ  ผมหยุดตัวเองไม่ได้อีก  เมื่อเริ่มต้น

   เสื้อ . . . ถูกถอดออก  พร้อมลิ้นผมที่ละเลงที่หน้าอกของโก

   กางเกง . . . หลุดหายไป

   . . . เนื้อแนบแน่น  ถ่ายเทความร้อนจากร่างกายของอีกฝ่ายสู่อีกฝ่าย  ทุกอย่างมันค่อย ๆ  ดำเนินไปตามวิถีทางของมัน . . .

   เมื่อทุกอย่างสงบลง . . .

   มีเพียงร่างเปล่าเปลือยสองร่างที่นอนกอดก่ายกัน  ผมเอาจมูกแตะที่ไรผมมันเบา ๆ  ขอบคุณสำหรับสิ่งที่ผ่านมา . . .

   “พี่รักโก  พี่พยายามห้ามใจตัวเองแล้วแต่พี่ทำไม่ได้”

   “ครับ”

   “โกรธพี่มั้ย”

   “ไม่ครับ  แล้วแต่พี่ครับ”

   “แล้วโกมีความสุขมั้ย”

   “ก็เสียวดีครับ  เวลาโดนลิ้น”

   ผมไม่รู้เลยในเวลานั้น  มันรู้สึกอย่างไร  ผมรู้แค่ว่า  ผมแทบสำลักความสุข  ผมได้อยู่กับคนที่ผมรัก  ได้นอนกอดคนที่ผมรัก  ได้ทำในสิ่งที่ผมอยากทำ  นี่คือช่วงชีวิตที่ดีที่สุดของผมกระมัง

   สุข . . .

   . . . ทางโลกีวิสัย

   สุขที่ฉาบฉวย . . . ไร้ความมั่นคง

     “โก . . .”

   “ครับ”

   “ตอนนี้เราเป็นกันมากกว่าพี่น้องแล้วนะ”

   “ครับ”

   “เราเหมือนคน ๆ  เดียวกัน  โกมีอะไรก็บอกพี่  อย่าปิดบังนะ”  ผมกลัวนะ  สิ่งที่เก็บอยู่ในใจอีกฝ่าย  มันดีจริงหรือ

   “ครับพี่อาร์ม”

   “พี่ไม่ได้ทำไปเพราะความอยาก  แต่สิ่งที่พี่ทำเพราะพี่รักโก”  หลากหลายคำพูดที่สวยงาม  ที่ผมพยายามสรรหาออกมาจากปาก

   คนเราก็แบบนี้ . . .

   ไม่มีใครหรอกที่จะยอมรับว่าเราทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ  แล้วยิ่งที่ผมทำไป  ไม่ใช่แน่ ๆ  ผมรักมันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  การใกล้ชิดแนบสนิทยิ่งทำให้มันเกิดสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดมากขึ้น

   “ครับผมรู้”

   “พี่ขออะไรสักอย่างได้มั้ย”

   “อะไรหรือพี่”

   “พี่อยากเห็นโกเรียนจบปอตรี”

   “ผมก็เรียนอยู่ไง”

   “พี่ไม่อยากให้โกมีแฟนก่อนเรียนจบ”

   “ทำไมครับ”

   “ไม่รู้สิ  พี่กลัวมั้ง  กลัวว่าโกมีแฟนแล้วโกเรียนไม่จบ”

   “แน่หรือ”

   “ส่วนนึง  อีกอย่าง  ไม่อยากให้โกนอนกับใคร  หวง”  ผมยอมรับสิ่งที่มันอยู่ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจ

   “ที่แท้ก็เรื่องนี้”

   “มันไม่ใช่แบบที่โกคิด  โกอย่าลืม  เรียนวิศวะมันหนัก  ถ้าโกมีแฟน  โกจะมีเวลาเรียนอย่างที่อยากเรียนเหรอ  พี่ไม่ได้หวงโกไว้อยู่กับพี่  ถ้าวันนี้โกจะมาบอกพี่ว่าโกอยากไปอยู่ข้างนอก พี่ก็ยอม”

   “พี่อาร์ม”  เสียงมันเหมือนตกใจ

   “พี่พูดจริง ๆ   พี่ไม่เคยหวงอาร์มเอาไว่กับพี่ ถ้าอาร์มอยากออกไปอยู่ข้างนอก  พี่ยอม”  ผมมองหน้าจ้องตาโก

   “ทำไมครับพี่  พี่ไล่ผมหรือ”

   “ไม่ใช่  ไม่เคยคิด  ถึงตอนนี้  พี่อาจคิดไกลกว่านั้น  พี่อยากอยู่แบบนี้  อยากหยุดเวลาที่พี่ได้อยู่กับโกเอาไว้ให้นานที่สุด  แต่พี่รู้ดี  พี่ไม่ได้มีแบบที่โกอยากให้มี  ความรักที่มันผิดแปลกมันไม่ยั่งยืนหรอกพี่รู้ดี”  ผมจูบที่จมูกโกอีกครั้ง

   “ผมมีความสุขดีครับพี่  ตราบใดที่พี่มีความสุข”

   “ขอบใจไอ้น้องรัก  ขอบใจ   สิ่งที่พี่อยากเห็น . . .”  ผมมองหน้า  จ้องตามันไว้  อยากให้มันอ่านสายตาผม  สิ่งที่ผมจะพูดต่อจากนี้  มาจากหัวใจของผม  สิ่งที่ผมต้องการที่สุด 

   “. . .  อยากเห็นโกเรียนจบ  นั่นคือสิ่งที่พี่อยากเห็นจากคนที่พี่รักมากที่สุด”

   “ผมจะเรียนจนจบ”  มันยิ้ม  ก่อนขดตัวซุกมาในอ้อมแขนของผม

   แบบนี้ให้ผมแปลว่า . . .

   “ห้ามมีแฟนด้วย”

   “ครับ”

   “พี่สัญญา  วันไหนที่โกเรียนจบ  พี่จะปล่อยโก  โกอยากมีชีวิตแบบไหน  มันเรื่องของโก   โกอยากมีเมีย  พี่จะยิ้มยินดีกับโก  หรือถ้าโกอยากอยู่กับพี่แบบนี้  พี่ก็ยินดี แต่ . . . “  ผมจูบมันที่แก้มเบา ๆ

   “. . . ถ้าโกยังเรียนอยู่  พี่ขอเรื่องนี้เรื่องเดียว ที่ผ่านมาพี่เจออะไรมามาก  พี่ไม่อยากเป็นแบบที่ผ่านมา”

   “ครับพี่อาร์ม    ผมจะเรียนจบแล้วค่อยมีแฟน”

   “พี่ไม่ชอบให้ใครโกหก  แต่ถ้าโกอยากมีใคร  มันก็สิทธิ์ของโก  ถ้าโกมีใคร  พี่จะไปเอง”

   “ทำไมพี่พูดแบบนั้น”

   “โกไม่เคยรักใครหรือ”

   “เคยสิพี่  ผมรักพี่ไง  พี่ชายของผม”

   . . . พี่ชายของผม  ผมได้แต่ยิ้มหยันตัวเอง สุดท้ายแล้ว  ผมมันก็เป็นได้แค่นี้  มันบอกรักผม  แต่ต่อท้ายด้วย . . . พี่ชาย

   “ถ้าโกรักใครสักคน  จะรู้เองการที่คนที่เรารักโกหก  มันจะเจ็บปวดขนาดไหน  พี่รักโก  ถ้าโกโกหกพี่ มันเจ็บปวด  เพราะในเมื่อโกรู้อยู่แล้วพี่รักโกมากกว่าน้อง”

   “ผมไม่โกหกพี่หรอก  พี่ดีกับผมขนาดนี้  ถ้าพ่อกับแม่ให้ชีวิตผม  พี่ก็เหมือนคนที่ให้ชีวิตใหม่ผม  นอกจากแม่ที่ผมรักมากที่สุดแล้ว  ตอนนี้คนที่ผมรักมากที่สุดคือพี่”

   ผมน้ำตาไหล . . .

   ความรักที่มันมีให้ผม . . .

   . . . สีขาวยองใย

   . . . พิสุทธิ์ล้ำน่าถนอม . . .

   หาก . . . น่าเสียดาย

   ผมทำลายมันด้วยมือของผมเอง  สิ่งที่มีค่าไร้ความหมายเมื่อมาอยู่กับคนที่ไม่รู้ค่าของมัน  กว่าผมจะรู้ค่าของหัวใจก็สายไปเสียแล้ว

   ผมได้แต่ยิ้มหยันตัวเอง . . .

   . . . คนไม่รู้ค่าแห่งหัวใจ . . .

   มันบอกไม่ถูกว่าจะดีใจหรือเสียใจดี  สิ่งที่ผมทำ  สิ่งที่น้องมันคิด  นี่ผมยังมีความเป็นคนอยู่อีกหรือ  ผมเหยียบย่ำไปบนหัวใจของคนที่ผมรักได้อย่างไร

   “สัญญากับพี่แล้วนะ  จะเรียนจนจบ”

   “ครับพี่  ผมสัญญา  ผมไม่มีใครจนกว่าจะเรียนจบ”    มันเลื่อนมาจูบผมเอาไว้  ทั้ง ๆ  ที่มันไม่เคยทำมาก่อน

   “ขอบใจนะโก  พี่สัญญา  วันที่โกสอบวันสุดท้าย  ถ้าโกไม่มีใคร  พี่สัญญา  พี่จะถอยออกมาเป็นแค่เพื่อน  แค่พี่ที่ดีของโก  คอยมองคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของโก  คอยมองลูกโก. . .แต่”  คอผมมันแห้งตีบตัน

   “อะไรครับพี่”

   “ถ้าวันนั้น  ในวันที่โกเรียนจบ   โกมีคนอื่น  พี่สัญญา  โกจะไม่มีวันได้เห็นพี่อีกตลอดชีวิต  พี่สัญญา”  ผมร้องไห้  ใช้น้ำตาแทนคำสัญญา

   คำสัญญาที่มันมาผูกชีวิตผมเอาไว้ . . .

   . . . ผมรักมัน . . .

   . . . หวงมันไว้อยู่กับผม

   หาก . . . มิใช่ตลอดชีวิต

   เพราะ . . .

   ผู้หญิงกับการเรียน  ผมรู้ มันไปกันไม่รอด  ทำไมนะหรือ  เพราะผมรู้จักโก  สามปีที่อยู่ด้วยกัน  ทำไมผมจะไม่รู้  มันรับผิดชอบการกระทำของมันขนาดไหน  หากเกิดเรื่องที่มันต้องรับผิดชอบ  คนอย่างมันมีหรือจะไม่รับผิดชอบ

   สิ่งที่ผมคิดในเวลานั้น . . . ผมยิ้มในวันนี้  คำตอบของมัน  มีแต่ผมกับโกที่รู้กันสองคน 

   . . . คำตอบของหัวใจ . . .

   “ผมไม่มีใครหรอกพี่  พี่สบายใจได้  ผมจะเรียนจนจบ  ให้สมกับที่พี่หวังเอาไว้  พี่ทำเพื่อผม  คอยสอนผม  ผมอยากให้พี่สมหวังเหมือนกันนะครับ  ผมจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุดครับ”    มันหอมที่แก้มผม

   สิ่งที่มันกระทำ . . .

   ผมบังคับมันหรือ ?

   ผมไม่รู้หรอก  ในเวลานั้น  เราทั้งสองคิดอย่างไรกัน  แต่สำหรับผม  ไม่มันที่ผมจะยอมให้มันมีใครในขณะที่มันยังเรียนไม่จบเป็นแน่  ต้นไม้ที่ผมปลูก  มันเติบโตงดงาม  ผลิดอกออกผล

   ผมมองดูต้นไม้ต้นนั้น . . .

   ผมหวงต้นไม้ที่ผมปลูก 

   . . . หากลูกผล . . .

   เมื่อถึงเวลาของมัน  ผมยินดีที่จะมอบให้กับจ้าของต้นไม้ที่แท้จริง  ผมคิดแบบนี้  ใครจะมองว่าผมเห็นแก่ตัวคอยเก็บมันเอาไว้ก็ตามแต่ผมไม่สนใจหรอก

   เพราะ . . .

   ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแน่นอน . . .

   ผมอยากให้มันมีอนาคตที่ดี . . .หน้าตามันถึงแม้จะดูดี

   แต่ . . . คนวัยทำงานแบบผม

   . . . มีเงินพอที่จะซื้อ . . .

   เงินซื้อความสุขชั่วคราวได้  จากเรื่องแบบนั้น  การซื้อขายไม่ใช่เรื่องยาก  เกิดอยากมีอะไร  แค่ขับรถไปซาวน่า  ก็ไม่ถึงสองร้อยต่อการมีความสุข  ไม่มีข้อผูกพันเสียด้วย

   แต่ที่ผมยอมผูกพันกับโก . . .

   . . . ผมรักมันคือคำตอบที่แน่แท้ที่สุด . . .

   การมีอะไรกับคนแปลกหน้าไม่ใช่สิ่งแปลกสำหรับผม  เพราะก่อนที่ผมจะเจอกับโกผมเคยทำมาก่อน  ไม่ใช่แค่คนเดียว . . . หลายคนเสียด้วย

   แต่ . . . เมื่อโกเดินเข้ามาในชีวิตผม

   ผมเลิกทำสิ่งเหล่านั้น  ผมอยากรู้เหมือนกัน 

   รักแท้ . . .ในหมู่เกย์  มีจริงหรือ ?

   ถึงจะเป็นรักแท้แค่ฝ่ายเดียว  ผมก็ยังอยากที่จะให้มันมี  ไม่อยากให้ใครมองเพศที่ผมเป็นว่าเป็นแค่สิ่งไร้ค่า  เป็นพวกสำส่อนทางกามารมณ์  ผมว่ามันไม่ใช่ . . .

   การที่คนสองคนบรรลุนิติภาวะ  เต็มใจที่จะนอนกัน  ผมไม่คิดว่ามันผิด

    อยากให้มันเรียนจนจบ  นั่นคือเหตุผลหลัก   ผมมีทั้งความรักทั้งเหตุผลเสมอ  สิ่งที่ผมคิดดีแล้ว   ผมรักมันด้วยหัวใจของคนหนึ่งคนที่พึงจะรักคนอื่นได้    ผมไม่ได้รั้งมันไว้  เพราะเรื่องเซ็กส์ . .  .

   เพราะที่ผ่านมา . . .

   ผมไม่เคยมีเซ็กส์ครั้งที่สองกับใคร  และไม่คิดว่าจะมีได้เสียด้วย  เพราะผมชอบเซ็กส์ฉาบฉวยมากกว่า . . . ผูกพันกัน

   แต่ . . .

   คนที่ผมยอมผูกยอมพันมันเอาไว้ด้วยหัวใจของผมเอง  คนที่ผมเอาทุก ๆ  อย่างเดิมพันไว้  ค่าของการเดิมพันครั้งนี้สูงเท่าชีวิต . . .

   คนแรกที่ผมยอมมีครั้งที่สองด้วย . . .โกเมศวร์

   ชื่อนี้จะจารจำอยู่ในหัวใจของผมตราบลมหายใจสุดท้าย . . .


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 15-05-2008 18:52:54
ให้กำลังใจค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 15-05-2008 19:14:37
อ่านตอนนี้แล้วเจ็บจี๊ดดดดด มันเหมือนหัวใจจะสลาย  :sad2:
สุขปนทุกข์ไงไม่รู้ มองข้างหน้าไม่เหนทางไปเลย......
เฮ้อ..ยังเศร้าได้อีกนะ นับวันยิ่งกัดใจไปเรื่อยๆ..........
เปนกำลังใจให้ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 15-05-2008 19:23:54
อ่านตอนนี้แล้วเจ็บจี๊ดดดดด มันเหมือนหัวใจจะสลาย  :sad2:
สุขปนทุกข์ไงไม่รู้ มองข้างหน้าไม่เหนทางไปเลย......
เฮ้อ..ยังเศร้าได้อีกนะ นับวันยิ่งกัดใจไปเรื่อยๆ..........
เปนกำลังใจให้ค่ะ :L2:



รัก . . . ฤๅ  ผูกพัน

อย่างไหนเจ็บปวดกว่ากันก็ไม่รู้สินะ . . .

สำหรับผม . . . ไม่แตกต่างกันเลย  ว่ามั้ยครับ  ผมรักโก . . . เท่าหัวใจของผม

แต่ . . .สำหรับโก . .  .ผมเป็นได้แค่  ความผูกพันอันยาวนาน

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 15-05-2008 19:28:28
ฮือ.....

อ่านแล้วมันแทงใจ TT___TT!! :m15:

ทำไมอ่ะ ...

ฮือ... :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 15-05-2008 20:33:46
เฮ้ย..........ยิ่งเล่ายิ่งเหมือนตัวเองเลย
อ่านทีไรก้อร้องไห้ทุกที
คุณเหมือนผมเลย...รักคนๆเดียว ..มี่เซ็กกับคนๆเดียว   (และไม่คิดจะมาีกับใครด้ายอีก)
..
.
.
.
.ผมไม่รู้ว่าปัจจุบันคุณตัดสินใจอย่างไร
ถ้าผมเป็นคุณผมจะให้อภัยเขา   (แต่ก้อไม่แน่นะรออ่านเหตุผลเเละเรื่องราวของคุณก่อนเพราะตอนนี้ยังไม่เคลีย)




เพื่อนผมเคยบอกไว้ว่า นิ่งเฉยไม่ทำไร ผลลัพธ์=0  กล้าๆๆหน่อยพูดออกไป
ผลลัพธ์=50/50

ถ้าคุณกล้าตัดสินใจทำไรลงไป  ผลมี 2ด้าน คือ
1.คุณด้ายคนรักของคุณคืนมา  แล้วกลับมามีความสุข
2.คุณอาจเสียคนรักไป และต้องมานั่งเสียใจคนเดียว   (แต่ผมเชื่อว่าข้อนี้คุณทนด้ายเพราะคุณผ่านจุดนั้นมาแล้ว  คนเรายิ่งเจอเรื่องแย่ๆๆบ่อยๆๆๆมันจะทำให้เราเคยชิน ด้านชา )
ผมเชื่อว่าคุณไม่มีจุดหมายของชีวิต 
มีลมหายใจไเพื่อใคร
ชวิตไม่มีเป้าหมาย
ชีวิตนี้อย่ากอยูุ่่เงียบๆๆ ชอบอยู่ในที่ที่คนไม่รู้จักเรา ไม่ต้องการให้มาพูดเรื่องที่เราไม่อยากได้ยิน กลัวคิดมาก
 



ที่พูดมา  มันชีวิตเรานี่หว่า   เศร้า
 ขออย่าให้ชีวิตคุณเหมือนผมเลย  มันเหงา
ถ้าคุณทำสำเร็จนะโลกนี้จะมีคนเหงาน้อยลว 2 คน
ขอให้คิด + นะครับ แล้วชีวิตจะดีขึ้น



ที่พิมพ์ด้ายเท่านี้เพราะเมา55555 :m30:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 15-05-2008 23:30:27
อ่านตอนนี้แล้วเจ็บจี๊ดดดดด มันเหมือนหัวใจจะสลาย  :sad2:
สุขปนทุกข์ไงไม่รู้ มองข้างหน้าไม่เหนทางไปเลย......
เฮ้อ..ยังเศร้าได้อีกนะ นับวันยิ่งกัดใจไปเรื่อยๆ..........
เปนกำลังใจให้ค่ะ :L2:



รัก . . . ฤๅ  ผูกพัน

อย่างไหนเจ็บปวดกว่ากันก็ไม่รู้สินะ . . .

สำหรับผม . . . ไม่แตกต่างกันเลย  ว่ามั้ยครับ  ผมรักโก . . . เท่าหัวใจของผม

แต่ . . .สำหรับโก . .  .ผมเป็นได้แค่  ความผูกพันอันยาวนาน



ตะงิดตรงคำว่า "สำหรับโก . .  .ผมเป็นได้แค่  ความผูกพันอันยาวนาน"

ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ ทำไมถึงตัดสินเองว่าโกเปนแบบนั้น ได้จากปากโกรึยัง ฟังโกอธิบายแล้วหรอ
ขอโทดนะที่เราคิดเช่นนี้ เพราะตอนนี้เราก้อยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่อาร์มกะโกแยกกันอยู่ดี และเราก้อคิดว่าอาร์มมีเหตุผลของอาร์ม ติดตามต่อไปเรื่อยๆ เราคงจะได้รู้สินะ ว่าเพราะอะไรอาร์มถึงคิดแบบนั้น ตอนนี้ก้อได้แต่เจ็บตามไปพลางๆ และที่อาร์มบอกว่ารักโกเท่าหัวใจของอาร์มน่ะ เราเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย แต่เราไม่ปักใจเชื่อว่าโกไม่ได้รักอาร์ม ยังไม่ปักใจเชื่อว่าโกแค่ผูกพันกะอาร์ม ความรักมันเกิดมาได้จากหลายบ่อเกิดนะ

เปนกำลังใจให้เสมอค่ะ จะติดตามและคิดไปพร้อมกะอาร์มนะ สู้ๆๆๆ :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 16-05-2008 11:20:21
 :o12: :o12:เศร้า ได้อีก เป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 16-05-2008 13:26:35


ตอนที่  ๑๒



   ช่วงเวลาที่ผมอยู่กับโกนั้น . . . มันสุข

   สุขจนผมสะกดคำว่าทุกข์ไม่ถูกเสียด้วยซ้ำ    วันหยุดหากตรงกัน  เราจะออกไปดูหนัง  โยนโบล์ว  ตามเรื่องตามราว  โกมันไม่ชอบเท่าไหร่หรอก  แต่มันขัดผมไม่ได้  เพราะทุกครั้งที่ผมชวนไป  มันพูดได้แค่ว่า . . .


   “ตามใจพี่สิ”

   ผมเลยเหมือนคนที่ถูกตามใจเสียจนเคยชิน  ไอ้ความเคยชินนี้แหละ  หากวันนึงภายภาคหน้ามันไม่ชินขึ้นมา  ผมจะทำอย่างไร . . .

   ความรักบังตาในตอนนั้น . . . คิดเรื่องแย่ ๆ  ไม่เป็นหรอกครับ

   รู้แค่ว่า . .  .

   ยังมีมันอยู่ด้วยกันอีกหลายปี  กว่ามันจะเรียนจบ  เมื่อถึงเวลาที่มันเรียนจบ  ผมคงทำใจให้รักมันแค่น้องได้ . . .

   เพราะ . . .

   เราต่างถึงจุดหมายที่เราสองคนตั้งเอาไว้แล้ว . . .  ผมทำใจได้นะ  เพราะเวลามันคือตัวแปร  ที่เราสองคนกำหนดเอาไว้เป็นคำสัญญา  ผมไม่รั้งมันเอาไว้อยู่กับผมตลอดชีวิตหรอก

   ผมสาบานได้ . . .

   . . . ผมคิดแบบนั้นจริง ๆ . . .

   เวลา . . . ตัวแปรที่สำคัญ  สำหรับความรัก

   ของบางอย่าง . . . มีระยะเวลาของมัน

   มันอาจจะมีอะไรกับผม  แต่มันเคยมีเมียมาแล้ว  คนที่ผ่านอะไรมาทั้งสองแบบมันรู้ดีแน่ ๆ  ว่ามันต้องการอะไร  มันไม่เคยบอกรักผมแบบสั้น ๆ  เลยสักครั้ง  ทั้ง ๆ  ที่ผมอยากได้ยิน  แต่เวลามันบอกรัก . . .

   “ผมรักพี่อาร์มนะครับ   พี่ชายของผม”

   ผมรู้ . . . ความหมายของมัน  มันยังขีดเส้นผมเอาไว้แค่พี่ชายของมันคนนึงเท่านั้น  สำหรับผมสิ่งที่ได้รับมาจากมัน  แค่นี้ก็ดีแล้ว

   ดีที่สุดแล้วนะ . . . ไอ้อาร์ม

   เวลาของผมมีแค่ไหน . . . 

   . . . ผมรู้ตัวเองดี   

   เวลาช่วงไหน  ผมจะมีสถานะอะไรในสายตาของมัน     ผมอยากจะอยู่กับมันตราบจนลมหายใจสุดท้าย  แต่ไม่ใช่ฐานะคูชีวิตแน่ ๆ  เพราะในเวลาสุดท้ายของชีวิต  ผมอาจนอนอยู่ท่ามกลางลูก ๆ  หลาน ๆ  ของมัน

   มันคงจะบอกลูก ๆ  ของมัน . . .

   “นี่ลุงนะลูก เมื่อก่อนพ่อไปเรียนอยู่กับลุงเขานี่แหละ”

   แค่นั้นแหละ!   

   ที่ผมวาดฝันเอาไว้ในบั้นปลาย . . .

    . . . ความฝันของบั้นปลายชีวิตของผม  ผมหวังเอาไว้แค่นั้นจริง ๆ

   ความฝันไม่เคยทำร้ายใคร . . .

   แต่ผมนี่แหละที่ทำลายความฝันของตัวเอง  เพราะในเวลาต่อมา  จนกระทั่งวันนี้  ผมยังไม่รู้เลย  จะมีอะไรอีกต่อไปในวันข้างหน้า  วันที่ผมเองก็ไม่รู้จะมีเวลาให้กับผมนานขนาดไหน

   กับคำถามที่ติดตัวผมเสมอมา  ผมจะมีชีวิตอยู่อีกนานแค่ไหน . . .





   . . . สิ่งที่ผมปลาบปลื้มมากที่สุด . . .

   ผลการเรียน  มันจบ ปวช.  ด้วยคะแนนอันดับหนึ่งในรุ่น  สำหรับผมแล้ว  แม้จะจบปริญญาตรีด้วยเหรียญทอง . . .


   แต่ผมเรียนต่อเนื่องมาตลอด  ไม่เคยหยุดที่จะเรียน 

   หาก . . . โกเมศวร์   

   คนที่หยุดเรียนมาสองปี  แถมเรียนมาทาง การศึกษานอกโรงเรียนอีก  การที่เราถีบตัวเองมาได้แถวหน้าของรุ่น  ผมถือว่ามันไม่ธรรมดา แม้จะเป็นโรงเรียนเอกชนก็เหอะ 

   เรื่องแบบนี้  ใช่ว่าจะทำกันได้ทุกคน

   “พี่อาร์ม  พี่ว่าเรียนที่ไหนดี”    มันนอนมองเพดาน 

   ผมเหรอ  นอนใกล้ ๆ  กับมันนี่แหละ  ตั้งแต่มันมาอยู่กับผมสามปีมาแล้ว   นานมั้ย  นานนะสำหรับเวลาสามปี  ผมไม่รู้ว่าสามปีที่ผ่านมา  เวลามันถักทออะไรขึ้นมาบ้าง

   หนึ่งปีมี . . .

   ๓๖๕ วัน  และมันนอนอยู่กับผมไม่น้อยกว่า  ๓๐๐  วันในหนึ่งปี  ก่อนนอนแทบทุกคืน  เราจะต้องคุยกันเสมอ  ผมว่าดีนะ  ที่ได้นอนคุยกับเรื่องที่ผ่านมาในแต่ละวัน  หากวันไหนผมกลับมาดึก  ผมก็จะเข้าไปหอมแก้มมันเบา ๆ 


   แค่นี้ผมก็หลับฝันดีทั้งคืนแล้วล่ะ

   ผมเหนื่อยสายตัวแทบขาดในการทำงาน . . .

   ผมถามตัวเอง  นี่กรูทำอะไร  กรูทำงานทุกวันนี้เพื่ออะไร  ในเมื่อผมไม่จำเป็นต้องทำงานที่นี่  ผมกลับไปทำงานกับพ่อกับเม่ที่เชียงใหม่หรือเชียงรายก็ได้ 

   แต่ . . .

   . .  . ผมไม่ไป  ไปได้อย่างไร . . .

   ห่วงที่ผมผูกเอาไว้  ยังไม่จบเลย  ผมจะทิ้งมันกลางทางแบบนี้ได้หรือ ?

   ยามกลับมาตอนดึก  เปิดตู้กับข้าว  จะมีของให้ผมกินเสมอ  มันไม่เคยลืมที่จะทำอะไรเก็บเอาไว้  สิ่งนี้ผมไม่เคยถาม  มันทำให้ผมหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง  ผมว่าหลายคนที่เจอแบบผม  ไม่รักก็บ้าแล้ว

   บางครั้งผมขับรถเข้าบ้าน  แหงนหน้ามองแอร์ที่กำลังทำงาน . . .

   ผมเหนื่อย . . .

   แต่คนที่ผมรักนอนหลับสบายในห้องแอร์  ผมยิ้มกับตัวเอง  สิ่งนี้มิใช่หรือที่ผมอยากเห็น  ผมอยากเห็นคนที่ผมรักมีความสุขมากที่สุด  ผมหายเหนื่อยทุกครั้งที่นึกถึงความสุขของคนที่ผมรัก

   สิ่งที่ผมทำ  ผมไม่เคยบ่น . . .

   “แล้วโกอยากเรียนที่ไหนล่ะ”

   “ไม่รู้ดิพี่  พี่ว่าที่ไหนดีอ่ะ”

   มันยังเหมือนเด็กเลย  ไม่มีความมั่นใจ  อาจเพราะมีผมคอยแพ้วถางทางเอาไว้บ้างแล้วกระมัง ผมไม่อยากให้มันเดินไปสู่จุดหมายโดยไม่มีทางอะไรเลย  ถนนที่จะไปสู่จุดหมายมันมีหลายทาง  เหลือแค่ว่าจะเดินไปทางไหน

   ถนนบางสาย . . .

   . . . ตรงดิ่งสู่ปลายทาง

   หาก . . .

   หลายสาย  อ้อม วกไปวนมา

   แต่ . . . จุดหมายคือ

   . . . ปลายทางเดียวกัน . . .

   “ตอนนี้จบ ปวช.  มันก็มีหลายทางมิใช่หรือ?”

   “ใช่พี่  พี่ว่าต่อ ปวส. ดี  หรือเรียน ป. ตรีเลยอ่ะ”

   “ถ้าเป็นพี่นะ  ปวส.”

   “ทำไมครับ”

   “วิศวฯ  ห้าปีนานไป  กลัวไม่จบ  ตายกลางทางเสียก่อน  ปวส.  แค่สองปี  เบื่อยังไงก็ปลอบใจตัวเอง  อีกปีเดียวน่า”

   “ผมก็ว่าจะเรียน ปวส. ก่อน  แต่กลัวพี่ว่า”

   “จะไปว่าอะไรเรา”

   “ไม่รู้ดิ  บางทีพี่อยากให้ผมเรียนตรีก็ได้”

   “มันแล้วแต่โก  เรื่องเรียนพี่ไม่บังคับหรอก  เพราะชีวิตพี่  พี่จะไม่ขอโกอีก พี่ขอเอาไว้เรื่องเดียว”

   “ครับผมรู้”   มันมากอดผมเอาไว้   

   “เรื่องที่พี่ผมขอเอาไว้  ทำไมจะทำให้ไม่ได้” 

   . . . เรื่องที่พี่ผมขอเอาไว้ . . . ตกลงชีวิตนี้  ผมเป็นได้แค่พี่มันเท่านั้นใช่ไหม ?

   “พี่ว่าเข้าไหนดีอ่ะ”

   “อะไร”

   “อ้าว  ก็ปวส .ไง”

   “เทคโนฯ ตีนดอย”  ผมหันไปมองหน้า

   “ไม่เอา  ที่กรุงเทพฯ  ดิพี่”

   “อยากได้ที่ไหน  ก็สอบที่นั่น”

   “แล้วเกิดสอบไม่ได้ทำไง”

   “เอกชน”

   “เอาจริง ๆ  ดิพี่  นี่ผมปรึกษานะเนี่ย”   ผมเขย่าตัวผม

   “เล็งที่ไหนไว้ล่ะ”

   “เทคนิคกรุงเทพฯ  พระนครเหนือ  เทคนิคนนท์ . . .”  มันเงียบไปพักใหญ่   

   “. . . แต่มันสอบพร้อมกันหมดอ่ะดิ  ทำไงดี”

   “เอาที่คิดว่าตัวเองมีโอกาสมากที่สุดสิ”

   “เทคนิคนนท์นะ”

   “ทำไม”

   “ใกล้บ้านอ่ะ  ไปที่อื่นไกลบ้าน  เดี๋ยวพี่เป็นห่วง”

   ขนาดมันจะตัดสินใจเลือกอนาคตของมัน  มันยังคิดถึงผม  ผมได้แต่นิ่งเงียบ  มันเงียบงันจริง ๆ  นะเวลานั้น  ผมไม่เข้าข้างตัวเองหรอก  ความรักที่มันมีให้ผม . . .

   . . . มันรักผมแน่ ๆ . . . 

   แต่ . . .

   มันจะเป็นรักแบบไหนนี่สิ !

   เรื่องของหัวใจ มันบังคับกันไม่ได้  เหมือน ๆ  กับที่ผมเอง  ไม่เคยที่จะบังคับหัวใจตัวเองให้รู้สึกกับมันน้อยลง

   ความรักที่ผมมี . . .

   มันทำร้ายตัวผมเองทุกวัน   ผมคงทำได้แค่ยอมรับในสิ่งที่ผมกระทำลงไป

   


เรื่องนี้ . . . ยิ่งเขียนยิ่งยาก

   มันยากตรงที่มันต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง  แม้จะปลอบใจเสมอ ว่านั่นคือความสุขของเรา  คือชีวิตของเรา  สิ่งที่ผ่านมามันผ่านมาแล้ว  แปลกจัง  ภาพความสุขสนุกที่ผมมีตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน มันเลือนลาง . . .


   หาก . . .

   ภาพที่เจ็บปวด ทำไมมันกระจ่างชัดก็ไม่รู้    

   อาจเพราะคนเรา มักจดจำสิ่งที่เลวร้ายได้ดีกว่าความสุข . . .

   โกเมศวร์ . . . สอบได้เทคนิคนนท์   สมกับที่มันตั้งใจล่ะ แล้วก็เป็นผมอีกนั่นแหละที่ไปเป็นผู้ปกครองให้มัน 

   ทำไงได้ละครับ ในเมื่อผมเอามันมาเรียน  สิ่งใดที่สนับสนุนมันได้  ผมดันมันเต็มที่  และในทางกลับกัน  อะไรก็ตามที่เข้ามาขวางทางการไปถึงจุดหมายของมัน  ผมก็พร้อมที่จะเอาตัวเข้าไปขจัด

   คราวนี้มันกู้เรียน . . .

   กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา

   อาจเพราะมันมองเห็นความไม่แน่นอนจากการที่แม่มันหายไปเมื่อคราวก่อน  ทำให้มันต้องหาวิธีการที่จะได้เรียนต่อจนจบ  ผมก็ยินดีกับมันสิครับ  อย่างน้อยที่สุด  ไม่ต้องเจียดเงินตัวเองให้มันอีกเวลาที่มันต้องลงทะเบียน

   ทางที่มันเดินมา  ยังไม่ถึงครึ่งทางเลย . . .

   อีกตั้งสี่ปีกว่ามันจะจบ  แล้วผมก็ยังมีแรงพอที่จะทำงานของผมต่อไป   ถ้าผมบอกว่า  สามปีที่มันมาอยู่ด้วย  ไม่เคยมีสักครั้งที่เราทะเลาะกัน . . . จะมีคนเชื่อผมมั้ย

   ไม่เคยครับ . . . ไม่เคยจริง ๆ 

   แม้บางเรื่องผมแอบน้อยอกน้อยใจมันบ้าง . . .

   แต่มันก็ไม่มีเรื่องให้เราต้องขึ้นเสียงกันแม้แต่น้อย  อาจเพราะทั้งมันและผม  เราต่างรู้หน้าที่ของตัวเอง  สิ่งที่เราทำ  คือจุดหมายเดียวกัน

   “พี่อาร์ม  ยืมรถไปโรงเรียนหน่อยดิ  วันนี้ต้องไปซื้อของกับอาจารย์”  มันขอรถยนต์ผม  ในตอนเช้าของวันหยุด

   มันทำงานพิเศษกับอาจารย์มัน . . .

   . . . รายได้พิเศษของมันแหละ

   “เอาไปดิ  ไม่ได้ออกไปไหนหรอก”

   “แน่ใจ”

   “แน่  จะเอาไม่เอา”  ผมต้องมองหน้ามัน  เพื่อยืนยันว่าชัวร์ ๆ 

   ก็หลายครั้งที่มันเอารถไป  แล้วสุดท้ายเป็นผมที่นั่งรถตู้ไปทำงาน     ก็ผมไม่อยากให้มันลำบากนี่ครับ  ส่วนผม  ยังไงก็ได้  ผมยอมได้เสมอ

   มันออกไปทำงานตั้งแต่เช้ามืด  ผมเลยเอามอเตอร์ไซด์  ออกไปที่หมู่บ้านข้าง ๆ  วันเสาร์แบบนี้  ที่หมู่บ้านใกล้ ๆ  กันมีตลาดนัด  กะหาของสดมาเก็บเอาไว้  และหาอะไรมาตุนเอาไว้สำหรับมื้อเช้าของผม

   ข้าวเหนียวหมูปิ้ง . . .

   ของโปรดผมครับ  เจ้านี้อร่อยมาก  เพราะโดยปกติแล้ว  เวลาวันหยุด  ผมอาศัยฝากท้องไว้กับแกนั่นแหละ  แต่คราวนี้มันไม่ใช่แบบที่ผ่านมา . . .

   ตอนสายวันนั้น . . .

   . . . ผมปวดท้องมาก . . .

   ก็นึกว่าอาการปกติ  เพราะผมเป็นโรคอาหารไม่ย่อยบ่อยเสียด้วย  หายากิน  แล้วขึ้นมานอน กะว่าเดี๋ยวคงหาย หากแต่ผมคิดผิด มันกลับปวดมากขึ้น ปวดจนผมต้องนอนขดตัวไปมา

   ไอ้วินิจฉัยโรคเองนี่  มันงานถนัด  ว่าแล้วก็ไปหายาธาตุน้ำขาวมากินอีก  ก่อนลงไปต้มน้ำร้อนมาประคบเอาไว้  อาการปวดที่ท้องด้านขวามันเริ่มทุเลา . . .

   แต่ . . .

   อาการทุเลาไม่ได้แปลว่าหายนี่หว่า 

   พอน้ำร้อนหายร้อน  ก็เริ่มปวดอีก  คราวนี้ทนไม่ไหวแล้ว  ไปที่ร้านขายยา  บอกอาการปวด  เขาก็จัดยามาให้  ในใจมันกะเอาไว้  อีกสักชั่วโมงไม่หายต้องไปหาหมอ  ไม่ไหวแล้ว  ทนปวดมาตั้งแต่นอนดูวอนบิน  พระเอกจากซีรี่ส์ฮิต . . .ข้ามฟ้ามาเชื่อมรัก”

   วอนบิน . . . ยิ้มได้ใจโครต ๆ

   จนตอนนี้  มันเกือบบ่ายสามเข้าไปแล้ว

   พอกินยาชุดใหม่เข้าไป . .  . 

   คราวนี้เริ่มวิงเวียน  คล้ายจะอาเจียน  ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำไปล้วงคอ  ให้อาเจียนออกมา  มันออกมาแต่น้ำเหนียว ๆ  ทรมานเหลือเกินไอ้อาการที่เล่ามาทั้งหมด  มันสุดแสนจะทรมาน  เจ็บป่วยทางกาย . . .

   แต่ . . .

   เทียบได้ที่ไหนกับอาการเจ็บปวดทางใจ  ในเวลาอีกไม่กี่ปีต่อมา

   “โก  อยู่ไหน”  ผมพยายามข่มความเจ็บ กดโทรหา

   “เขตใต้”   ก็ราชมงคลนนทบุรี  มันมีสองเขตนี่ครับ     

   “อีกนานมั้ย”

   “ทำไมพี่  เป็นไรมั้ยเสียงไม่ดีเลย”

   “ปวดท้อง  ปวดมาก  ไม่ไหวแล้ว”

   “ตั้งแต่เมื่อไหร่พี่”

   “เมื่อเช้า”

   “แล้วเพิ่งโทรมานี่นะ  รออยู่นะ  จะไปเดี๋ยวนี้”  มันตัดสายทิ้ง    น้ำเสียงมันห่วงผม  ห่วงมากเสียด้วย

   ผมนอนบิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด . . .

   ไม่ถึงยี่สิบนาที  ผมได้ยินเสียงรถจอด . . . เสียงมันวิ่งมาบนห้อง  มันเปิดประตูเข้ามา  หน้าตามันตื่นตระหนก  ในขณะที่ผมน่ะหน้าเขียวไปหมดแล้ว

   “พี่อาร์ม  พี่อาร์มเป็นอะไร”  มันปรี่เข้ามาประคองผมเอาไว้

   “ไม่รู้  ปวดท้อง”  ผมเอามือกดหน้าท้องด้านขวาเอาไว้

   “เดินไหวมั้ย  ไปหาหมอ”  มันพยายามช่วยให้ผมลุกขึ้น   ประคองผมเอาไว้  มันกึ่งแบกกึ่งประคองผมลงไปที่รถ  ก่อนพาไปที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน

   มันบ่นไปตลอดทาง . . .

   “เป็นอะไร  ปวดท้องก็ไม่ยอมโทรหา  ปล่อยไว้แบบนี้ได้อย่างไร”  มันขับรถไป  จับมือผมเอาไว้ข้างหนึ่ง

   “ซื้อยากินแล้ว  เดี๋ยวคงหาย”

   “จบหมอเหรอ  ถึงรู้  เป็นไงล่ะ  หน้าเขียวแล้ว  นี่ถ้าผมอยู่ไกล ๆ  ทำไง  ดีนะที่อยู่ใกล้ ๆ  ไม่เอานะพี่  มีอะไรคราวหน้ารีบไปหาหมอ”  มันเอ็ดผมเหมือนผมเป็นเด็ก ๆ

   ผมสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่มันมีต่อผม . . .

   ผมมองคนไม่ผิด . . .

   ผมดีใจ  ภูมิใจที่ผมรักคนแบบนี้  คนที่ผมจะฝากชีวิตเอาไว้ได้  มันคือความฝันของคน ๆ นึง   ฝันที่อยากจะมีสิ่งที่ดี

   ความฝันสวยงามเสมอ . . .

   หมอส่งผมเข้าห้องตรวจ  ผมนะตั้งแต่เกิดมา  ทั้งเกลียดทั้งกลัวโรงพยาบาล  ผมกลัวเข็มฉีดยา  กลัวผี  ในเวลานั้นมันกลัวไปสารพัด  ผมไม่อยากตาย  ยังอยากอยู่บนโลกนี้  เพราะเวลานี้  คือเวลาที่ผมมีความสุขมากที่สุด

   ผมโดนเจาะเลือด . . .

   . . . โดนตรวจฉี่

   หมอบอกต้องรอผลตรวจราวสี่สิบห้านาที . . .

   มันคือห้วงเวลาที่ทรมานที่สุด  ผมต้องนอนดูฝ้าเพดาน  มองหลอดแสงสีขาวยาว ๆ  ความคิดมันไปไกล  ตั้งแต่ที่หมอบอกเมื่อก่อนโดนตรวจเลือด

   “น่าจะไส้ติ่งอักเสบ”

   ไอ้ไส้ติ่งนี่  มันต้องผ่าสถานเดียวนี่หว่า  ตายแน่ ๆ  เลยตรู  ต้องผ่าเลยเหรอ  เกิดมา  แค่เข็มยังกลัว  นี่มีดที่ต้องเฉือนลงไป  มันน่ากลัวขนาดไหน  ผมคิดไปต่าง ๆ  นานา  ในขณะที่รอผลเลือด

   “ไส้ติ่งครับ  ต้องผ่า”  หมอแจ้ง

   ผมหน้าซีดสนิท . . . มันเลี่ยงไม่ได้แล้ว   

   “ครับหมอ . . .”

   “มีประกันมั้ยครับ”

   “ของผมมีที่นนทเวชนะครับ”  ผมแจ้งให้หมอทราบ

   “ครับ  งั้นหมอส่งจะทำใบส่งตัวไปที่โน่นนะครับ  ไปเองหรือให้ทางเราไปส่ง  ถ้าทางเราไปส่งมีค่าใช้จ่ายนะครับ”

   “ไปเองได้ครับ”

   โกมันเคลียร์ค่าใช้จ่ายเบื้องต้น  ก่อนที่จะขับรถพาผมมาที่นนทเวช  ผมนั่งกุมมือมันมาตลอดทาง  กลัวที่สุด  กลัวว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง . . .

   แล้วถ้าเกิดพลาดมา ต้องตาย

   ตาย . . . ผมไม่อยากตาย

   ผมดูหนังมากไปมั้ง  ทั้ง ๆ  ที่ความจริงแล้ว  การผ่าตัดไส้ติ่ง  มันแค่พลิกผ่ามือ  หมอสมัยนี้เก่งจะตาย  แต่ผมกลัว  กลัวหมอลืมอะไรในท้องผม  ผมยอ,รับในเวลานั้น  ผมวิตกจริตเอามาก ๆ

   ไม่เคยเข้าโรงพยาบาลนี่หว่า . . .

   แค่ตอนตรวจโรคเข้าทำงาน  ยังไม่ค่อยอยากจะไปเลย  มันยุ่งยากเสียจริง  ผมนั่งคิดมาตลอดทาง  ความกลัวในตอนนั้นมันมีมากเหลือเกิน  จะไม่ให้กลัวยังไงไหว  เพราะพอไปถึงนนทเวช . . .

   หมอเจาะเลือดอีกรอบ . . .

   ประมาณว่าเอาเลือดชั่วในตัวกรูออกให้มากที่สุดใช่ไหม

   กว่าจะส่งตัวเข้าหอ . . . เอ้ย   เข้าห้องรอเชือด  เกือบค่ำ  สายน้ำเกลือมาจิ้มที่หลังมือ  แถมยังให้อดข้าว  อดน้ำอีก   เพราะพรุ่งนี้แล้ว 

   พรุ่งนี้ . . .

   “จะตายมั้ยโก”    ผมมองหน้ามัน  มันเลื่อนเก้าอี้มานั่งที่ขอบเตียง  เอามือกุมมือผมเอาไว้

   มันยิ้ม . . . ยิ้มแรกในรอบสองปี  ตั้งแต่ที่ผมมีอะไรกับมัน  นี่คงเป็นยิ้มที่ผมเห็นชัดที่สุด

   “เฮ้ย  แค่ไส้ติ่ง”

   “เคยผ่าเหรอ”

   “ไม่เคย”

   “แล้วรู้ได้ไงจะไม่ตาย”

   “คนผ่าวันเป็นร้อย”

   “อาจเป็นหนึ่งในร้อยที่ตาย”

   “คิดไรแบบนั้น”

   นั่นสิ . . . 

   ผมกลัวจนเกินไปก็ได้  ผมกลัวทั้ง ๆ  ที่วงการแพทย์มันก้าวหน้า  แค่ไส้ติ่งไม่ตายหรอก  มันแค่เรื่องเล็ก ๆ  เพียงแต่ตอนนั้น  ผมกลัวตายมาก  กลัวมากจริง ๆ  ผมกลัวไปสารพัด

   ถ้า . . .

   ผมไม่หายใจตั้งแต่คราวนั้นมันก็คงดี  เพราะผมตายไปพร้อม ๆ  กับความรักของคนรอบ ๆ  ตัว  ผมคงมีความสุขที่สุด  ที่อย่างน้อยคนที่ผมรักยิ่งชีวิต  ก็ไม่ได้ทำให้ผมเจ็บเหมือนทุกวันนี้

   

   สำหรับผม . . . เรื่องการผ่าตัดหรือเข้าโรงพยาบาลมันเป็นเรื่องใหญ่นะ  เพราะผมไม่เคยนอนโรงพยาบาลเลย  แล้วนี่ต้องนอน  ผมจะต้องทำยังบ้าง  ยอมรับครับว่ากลัวมาก . . .

   ที่บ้าน . . .พ่อกับแม่


   ไม่บอกก็คงไม่ได้  เพราะถ้ารู้หลังจากนี้  เป็นเรื่องอีก  แต่จะบอกยังไงดี  ที่ไม่ให้ตกอกตกใจกันมาก  ผมมองหน้าโก
   
“โทรเหอะพี่  เดี๋ยวพ่อรู้ทีหลังโดนดุอีก”

   “จะบอกว่าไงดี”

   “บอกไปตามตรงเหอะ”

   “บ้าดิ  เด๋วแม่ตกใจ”
   
“เออ  เนาะ  เอาไงดีล่ะพี่อาร์ม  คิดดิครับ”
   
ดูท่ามันวิตกไปไม่น้อยกว่าผม  มันไม่รู้หรอก  ผมแอบมองมันแล้วยิ้ม  มันห่วงผม  แม้มันไม่พูด  แต่สิ่งที่มันแสดงออกมามันไม่สามารถที่จะปิดบังได้  คำพูดนะมันสามารถโกหกกันได้  แต่สิ่งที่แสดงออกมานี่สิ  โกหกกันได้หรือ
   
ผมเชื่อสนิทใจ . . . มันรักผม
   
“แม่เหรอครับ  กินข้าวหรือยัง”  ผมกรอกเสียงไปตามสายเมื่อแม่รับ

   “แล้วจ๊ะ  ลูกอาร์มล่ะกินยัง”

   “แล้วครับ”  ที่กินนะน้ำเกลือนะแม่  กินทางสายยางอ่ะ  เขาให้กินผ่านเส้นเลือด  ตอนนี้หมดไปครึ่งขวดแล้วล่ะ

   ไอ้อาการปวดท้องมันเริ่มหายไปแล้วล่ะ  คงเพราะหมอให้ยาแก้อักเสบไปด้วยกระมัง  แต่ไอ้หิวน้ำนี่สิทรมานจังเลย  หมอห้ามเด็ดขาด  ไม่เชื่อหมอ  ก็ดูกระไรอยู่จริงมั้ยครับ

   ในตอนนั้น . . .หมอบอกให้ทำอย่างไร ผมทำหมด

   . . . กลัวตาย . . .

   แต่แปลก . . . หลังจากนั้นอีกสามปี  ผมกลับ

   อยากตาย . . .

   “พ่อล่ะครับแม่  พ่ออยู่ไหน”

   “อยู่  พ่อ  ลูกอาร์มอยากคุยด้วย”  เสียงแม่หันไปตะโกนบอกพ่อ

   “อาร์มลูก”  พ่อพูดเพราะเสมอ  นาน ๆ  ที่ผมจะได้คุยกับพ่อ  เพราะผมสนิทกับแม่มากกว่าพ่อ

   “ครับพ่อ  พ่อสบายดีมั้ยครับ”

   “ก็เรื่อย ๆ  ตามประสาแหละ  อาร์มล่ะลูก”

   “ก็ตามประสาครับ”

   เสียงพ่อหัวเราะเมื่อผมย้อนคำตอบกับพ่อ  ในเวลานั้น  ผมหายเจ็บ  อย่างน้อยที่สุด  กำลังใจที่ดีที่สุดของผม  นอกจากพ่อกับแม่แล้ว  คนที่มันนั่งกุมมือผมอยู่ . . .

   “มีอะไร  วันนี้โทรหาพ่อได้”

   “พ่อกับแม่อยู่เชียงใหม่หรือครับ”    บ้านหลังที่สองครับ  เพราะที่เชียงรายจะอยู่ในสวนเสียมากกว่า  บ้านแม่ . . .

   “เชียงรายลูก”

   “ว้า . . .”     ผมถอนหายใจ  ที่นั่นไฟลท์น้อยกว่าเชียงใหม่  และที่สำคัญ  ไม่มีเครื่องของบริษัทผมลง

   เชียงรายมีแค่ . . . พี่ใหญ่  จ่ายเต็มราคาเสียด้วย

   “ทำไมเหรอลูก”

   “ใกล้ยี่เป็งแล้ว อยากให้มากรุงเทพฯ กันครับ”

   “อะไร  เป็นอะไร”

   “คิดถึงครับ  อยากให้มา  พ่อกับแม่ว่างมั้ย  มานะครับ  ให้แม่ช้อปที่เดอะมอลล์”  นนทเวช  ติดห้าง  แม่ไม่เบื่อแน่ ๆ ที่มาเฝ้าผม

   “เอ๊ะ  ลูกคนนี้  มีอะไรหึ . . .”    เสียงพ่ออารมณ์ดี     

   “ . . . แม่  ลูกมันอยากให้ลงกรุงเทพฯ  น่ะ”

   ผมได้ยินเสียงพ่อหันไปคุยกับแม่  . . .

   “พรุ่งนี้นะพ่อ  เดี๋ยวผมโทรจองไฟล์  แล้วจะโทรไปบอก  แค่นี้นะครับ  รักพ่อกับแม่นะครับ”    ผมตัดสายทิ้งก่อนที่จะได้รับคำปฎิเสธ

   แล้วผมก็โทรจองไฟลท์  ก่อนที่จะโทรไปยืนยันกับพ่อ  ว่าพ่อต้องมาให้ได้ ผมจองไฟลท์ไว้แล้ว

   ผมไม่ได้บอกพ่อว่าพรุ่งนี้  ผมจะผ่าตัด  ผมคิดแค่ว่า  ถึงผมจะตาย  ผมก็จะตายอย่างมีความสุขที่สุด  เพราะพรุ่งนี้ผมจะได้อยู่พร้อมหน้าคนที่ผมรัก

   “โก . . . อย่าไปไหนนะพี่กลัว”     ดึกแล้ว แต่ผมไม่หลับ

   ไม่รู้สิ  หัวใจมันกังวลอย่างบอกไม่ถูก  ผมไม่รู้  พรุ่งนี้มันจะเกิดอะไรบ้าง  ถ้าผมเข้าไปผ่าตัดแล้วเกิดผิดพลาด  ผมจะเป็นอย่างไร  สมองผมมันมีแต่เรื่องแย่ ๆ  ทั้งนั้น  ไม่มีสักเรื่องที่ผมจะคิดในแง่ดี

   ทั้ง ๆ  ที่ความจริง . . .

   ผ่าไส้ติ่ง . . . ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเสียเลย

   เสียงโทรศัพท์ผมเข้ามา  แต่ผมเบลอ ๆ  ไอ้โกมันมารับ . . . สมองผมเริ่มจะปิด  แต่หูผมได้ยิน

   “พี่โอ๋เหรอครับ  โกเองพี่”

   ผมรู้  ไอ้เพื่อนรักผมมันโทรเข้ามา . . .

   “อ๋อ  อยู่โรงพยาบาลครับ  พี่อาร์มครับพี่  ไส้ติ่งอักเสบ”    เสียงมัน  ผมได้ยินชัด  ก่อนที่ผมจะหลับไป

   ผมมาตื่นอีกทีตอนตีสอง . . .

   ไฟในห้องสว่างจ้า  โกยังไม่นอนหรือ  ปกติมันนอนปิดไฟนี่หว่า  ความเคยชินทำให้ผมคิดแบบนั้น  แล้วมันไปนอนไหน  ทำไมไม่มานอนด้วยกัน . . .

   โรงพยาบาลนะ . . .

   เหมือนอีกเสียงบอกผม  เออใช่  ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงพยาบาลนี่หว่า 

   “โก”  ผมเรียก  แต่เสียงมันแหบ

   “อ้าว  ตื่นแล้วหรือ”  เสียงนั่น  ไม่ใช่โก    ผมลืมตามอง

   “ไอ้เหี้ย”  ผมปล่อยใส่มัน    เมื่อมันโผล่หน้ามาให้เห็น  ไอ้เพื่อนรักของผม มันไม่รู้หรอกผมดีใจขนาดไหนที่เห็นหน้ามัน  คาดว่ามันคงมาทันทีหลังจากที่โทรมาแต่โกรับสาย

   “ลืมตาได้ปากดีเลยนะมึง”

   “เรื่องของกู  มาทำไม”

   “โห . . . ดูมันโก  ดูมัน  พรุ่งนี้ช่วยบอกหมอผ่าหมาออกจากปากมันด้วยนะ  แมร่งคนเป็นห่วง”

   “เออ  ขอบใจ  รู้ว่าห่วง  มาทำไม”

   “ไอ้นี่  มาก็ผิดด้วย”

   “ดึกแล้ว”

   “มึงนะนอนไป  พรุ่งนี้ผ่าตัดอีก  ผักผ่อนเอาแรง  เดี๋ยวคืนนี้กูนอนเฝ้ามึงกับไอ้โกเอง”  มันยิ้ม  ก่อนมาดึงผ้าห่มคลุมตัวให้ผม

   “ขอบใจเพื่อน  ขอบใจ”   ผมยิ้ม 

   “ไหน ๆ  ก็คืนสุดท้ายแล้ว  ขออยู่ดูหน้าเพื่อนหน่อย”  มันยั่ว

   “ไอ้สัส”

   “เอาน่า  กูห่วงมึงนะ  นอนเหอะ”  มันเอามือตบที่ไหล่ผมเบา ๆ

   เออ!  ถ้าไม่สบายแล้วมีคนรักรอบตัวแบบนี้  ผมน่าจะไม่สบายให้บ่อยนะ  อย่างน้อยที่สุด  เราจะได้รู้ว่ามีใครบ้างที่อยู่ข้าง ๆ  เรา

   ผมมีเพื่อนดี . . . 

   . . . มีน้องดี

   น้อง . . .นอกสายเลือด 

   หาก . . . ผมทำลายมันด้วยตัวเอง  ทั้ง ๆ  ที่มันแสนดี  แต่ผมเองที่ผลักให้มันออกไปจากชีวิตของผม      ทั้ง ๆ  ที่ในเวลาที่เลวร้ายที่สุดของมัน  ผมน่าจะเป็นคนเดียวที่เป็นกำลังใจให้มัน  แต่ผมกลับทำลายมันไปหมด

   ความโง่ . . . มันเข้าบังตาผมจนหมดสิ้น

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 16-05-2008 13:42:17
สองปีที่ผ่านมา . . . ผมบอกตัวเองเสมอ

   . . . กูไม่มีอดีต  กูไม่มีปัจจุบัน  กูไม่มีอนาคต  กูมีแค่ลมหายใจอยู่ไปวัน ๆ  เท่านั้น . . .


สองปีที่ผ่านมาใช่มะ? แต่จากนี้อาร์มเปลี่ยนมันได้นี่ จะเปลี่ยนให้เปนแบบไหนมีแต่อาร์มเท่านั้นที่รู้ และอาร์มคนเดียวเท่านั้นที่เปลี่ยนมันได้......

จากคนแอบห่วงอยู่ห่างๆ :L2:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 16-05-2008 13:54:43
(สุข . . . ทางโลกีวิสัย

   สุขที่ฉาบฉวย . . . ไร้ความมั่นคง)
  ชอบ สองประโยคนี้จัง 




อาการเดิมกลับมา อ่านเเล้ว โหวงๆ ในอก เจ็บ จิ๊ดๆๆ  
สำหรับผม . . . ไม่แตกต่างกันเลย  ว่ามั้ยครับ  ผมรักโก . . . เท่าหัวใจของผม

แต่ . . .สำหรับโก . .  .ผมเป็นได้แค่  ความผูกพันอันยาวนาน



แล้วถ้า ทั้งรักทั้งผูกพันด้วยล่ะ  เคยมีคำนี้อยู่ในความคิดหรือเปล่า?

....................

มีคนเคย บอกไว้ว่า

หากเราปราถนาสิ่งใด

จงปล่อยให้สิ่งนั้นเป็นอิสระ

แต่ถ้าสิ่งนั้นกลับมาหาเราอีกครั้ง

สิ่งนั้นก้อจะเป็นของเราตลอดไป

..........................

แต่ถ้าไม่กลับมา...

สิ่งๆนั้นก้อไม่ใช่ของเรา...ตั้งแต่แรก


..............................

. . . กูไม่มีอดีต  กูไม่มีปัจจุบัน  กูไม่มีอนาคต  กูมีแค่ลมหายใจอยู่ไปวัน ๆ  เท่านั้น . . .

อดีต .. มีไว้ให้เดินผ่าน ให้ได้เรียนรู้ เพื่อที่จะก้าวมาสู่ปัจจุบัน  ไม่ใช่เหรอ...

อนาคต....คือการที่ทำปัจจุบัน.... ที่เป็นอยู่ให้ดีที่สุด

แต่การที่เรายังหายใจได้ ทำให้เรารู้ว่า เราจะใช้ชีวิต ในทุกทุกวันยังไง ต่างหากล่ะ  



ป๋อล๋อ*...  ยังพิมพ์ไม่เสร็จเยย มือมานพลาดไปโดนปุ่ม กดส่งเจ๋ยเอิ้กๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 16-05-2008 14:51:38
พี่คร้าบบบบบบบ ผมงงกะชื่อครับ

“พี่พูดจริง ๆ   พี่ไม่เคยหวงอาร์มเอาไว่กับพี่ ถ้าอาร์มอยากออกไปอยู่ข้างนอก  พี่ยอม”  ผมมองหน้าจ้องตาโก

อิอิ

แค่นี้แหละ


ลป.

ช่วงนี้นิยายเยอะ

ขอร้อง อย่าดองอีกหละ

 :m14:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 16-05-2008 15:11:45
พี่คร้าบบบบบบบ ผมงงกะชื่อครับ

“พี่พูดจริง ๆ   พี่ไม่เคยหวงอาร์มเอาไว่กับพี่ ถ้าอาร์มอยากออกไปอยู่ข้างนอก  พี่ยอม”  ผมมองหน้าจ้องตาโก

อิอิ

แค่นี้แหละ


ลป.

ช่วงนี้นิยายเยอะ

ขอร้อง อย่าดองอีกหละ

 :m14:






พิมพ์ผิดอ่ะ . . . โทษครับ

เข้าไปแก้ให้ด้วยดิ๊
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 16-05-2008 15:19:23
ขึ้นอยู่กับใจของพี่อาร์มเองแล้ววว

ว่าจะทำอย่างรายต่อปายยยยยย :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 16-05-2008 15:19:46
พี่คร้าบบบบบบบ ผมงงกะชื่อครับ

“พี่พูดจริง ๆ   พี่ไม่เคยหวงอาร์มเอาไว่กับพี่ ถ้าอาร์มอยากออกไปอยู่ข้างนอก  พี่ยอม”  ผมมองหน้าจ้องตาโก

อิอิ

แค่นี้แหละ


ลป.

ช่วงนี้นิยายเยอะ

ขอร้อง อย่าดองอีกหละ

 :m14:








พิมพ์ผิดอ่ะ . . . โทษครับ

เข้าไปแก้ให้ด้วยดิ๊


กำ

ไว้ว่างก่อนนะพี่ งานยุ่งชิบ

เบื่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  กรูอยากลาออก

 :m31: :m31: :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 16-05-2008 18:44:13
อ่านแล้วรู้สึกดีจัง ยังมีคนยอมทำทุกอย่างเพื่อความรักมากมายขนาดนี้ แต่ยังไงก็ยังอยากเชียร์ให้เจอกับโกน๊าคับ  แต่เข้าใจแหละว่ามันเจ็บปวดแน่ๆเลยถ้าต้องเจอกัน แต่ไม่แน่นะการพบการพูดคุยมันอาจจะมีอะไรดีๆขึ้นมาก็ได้ แต่ก็แล้วแต่พี่ละกันเนอะอิๆ ยังไงเป็นกำลังใจให้ค๊าบบบ :oni1:
ปล. จะว่าไป พี่อารม์กับโกก็เหมาะกันดีนะ พี่ก็ดีดี๊ โกก็รักพี่มากมาย เช่นกันอ่านแล้วสัมผัสได้(เวอร์ไปเป่าเรา) ไปดีก่าอิๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 16-05-2008 19:15:45
มารอจ้า :bye2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 16-05-2008 23:13:41
มารอเหมือนกัน :a3:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 16-05-2008 23:53:58
เศร้าจังเลยครับ ความรักคงเป็นสิ่งที่ใครต้องการจริงๆแหละเนอะ  :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 17-05-2008 09:20:20
การที่เราจะทำอะไรเพื่อคนที่เรารัก ทำไปเหอะ เพราะมันไม่มีว่าถูกหรือผิด
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 17-05-2008 09:46:09

ตอนที่  ๑๓




   ผมตื่นตั้งแต่เช้า  อันที่จริงผมนอนไม่ค่อยหลับมากกว่า  มันกังวลเสียหมด  ผมนอนมองคนสองคน  คนที่ผมรักทั้งสอง และที่แน่ ๆ  ผมแน่ใจ  มันสองคนคือคนที่รักผมเหมือนกัน   

   คนนึงคือ . . .เพื่อนรัก 


   . . . ส่วนอีกคนยิ่งกว่า . . . น้อง

   สองคนที่ผมคิดว่า . . .

   . . . ผมฝากชีวิตเอาไว้ได้ . . .

   เราจะรู้ว่าใครอยู่กับเรา  ก็ตอนที่เราเจ็บป่วยนี่แหละ . . .

   คนที่ดูแลเรายามที่เราไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้  จะเป็นคนที่เราควรจะรักหรือเปล่า  จะเป็นคนที่เราจะฝากชีวิตเอาไว้ใช่ใหม ?

   ถ้าใครเป็นผม . . .

   ในเวลานั้น  ผมว่า  เขาคิดแบบผมทั้งนั้น . . .  สิ่งที่ไอ้โกมันทำ  จะเรียกว่าอะไรหรือครับ

   ความรัก . . .

   . . . ความห่วงใย . . .

   ความชิดใกล้ . . . หรือ

   . . . ความผูกพัน

   แต่มันจะคืออะไรก็ตามแต่ . . .

   สิ่งเหล่านั้นทำให้ผมต้องนอนมองมันนิ่ง ๆ  ไม่กล้าพูดอะไรอีก  ผมทบทวนสิ่งที่ผ่านมา  ผมทำให้มันด้วยความรัก  ความหวังดี  สิ่งเดียวถ้าจะผิด  สิ่งที่ผมล้ำความเป็นพี่น้องกับมัน . . .

   อย่างที่ผมเคยบอก . . .

   เหรียญมีสองด้านเสมอ

   แต่ . . . ทำไม

   ในเวลาที่ผมเจ็บป่วย  ผมกลับมองมันแค่ด้านเดียว   สิ่งที่โกทำ  และแสดงให้ผมเห็น  ผมมองเข้าข้างตัวเองว่านั่นน่ะคือความรัก  ทั้ง ๆ  ที่ความเป็นจริงโดยทั่วไปแล้ว  ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ด้วยกัน  เขาอาจแค่  คนที่เป็นคนแชร์ค่าห้องกัน  หากอีกฝ่ายเจ็บป่วย  มีหรือที่อีกคนไม่ช่วย

   เหรียญด้านนี้ . . .

   . . . ด้านที่ผมไม่เคยมอง

   อีกคน . . .

   ไอ้เพื่อนรักของผม  ผมกับมันยิ้มด้วยกัน  กอดคอกัน  กินด้วยกัน  ไปไหนมาไหนเหมือนปาท่องโก๋  และทะเลาะกัน   ทั้งมันและผมผ่านช่วงที่ดีมาด้วยกันก็มาก  ช่วงเลวร้ายก็ไม่เคยที่มันจะทิ้งผม

   และ . . .

   เราไม่เคยโกรธกัน  ผมอาจมีน้อยใจมันบ้างตามนิสัยของผม  แต่แค่เห็นมัน  คอยแหย่คนโน้นคนนี้  เป็นคนเดียวในกลุ่มที่สร้างรอยยิ้มให้เพื่อนฝูง  ผมก็ยิ้มออก  เพราะผมรู้  สิ่งเดียวที่มันไม่อยากให้คนอื่น ๆ  รู้ก็คือ . . .

   . . . ทุกข์ในใจของมัน

   ยามมันทุกข์  มันเก็บไว้มิดชิด . . .

   มันรีบมาโรงพยาบาลทันที  ที่รู้ว่าผมนอนอยู่โรงพยาบาล  เหตุผลเดียวที่ผมคิดได้ . . . มันรักผม  ห่วงผม

   ที่จริงผมน่าจะมีความสุข  ผมมีเพื่อนที่รักผม  มีคนที่รักผม  มีพ่อแม่  ผมน่าจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก  หาใช่คนที่ต้องการหลบลี้หนีโลกแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ไง

   แม้แต่ . . .

   . . .  วันพรุ่งนี้

   . . .จะเป็นอย่างไร . . .

   “ตื่นแล้วเหรอมรึง”    ไอ้เพื่อนรัก  มันลืมตา  มาเห็นผมนอนจ้องมองพวกมันตาแป๋ว

   “อือ”

   มันงัวเงียก่อนเดินมาที่เตียงผม  มันยิ้มทั้ง ๆ  สภาพมันตอนนี้ดูไม่จืดเลย  เพิ่งตื่นนอน    เพื่อนคนดีของผมครับ

   “ตีห้ากว่าเอง  นอนต่อเหอะ  กว่าจะผ่าก็สามโมงเช้าโน่น  อีกตั้งหลายชั่วโมง  มึงยังได้หายใจอีกนาน”   มันนั่งลงบนเตียงผม  ดูมันพูด

   เตียงที่ผมไม่อยากนอนเลยตลอดชีวิต  ผมเกลียดโรงพยาบาล  ไม่ชอบเอาเสียเลย  แม้โรงพยาบาลเอกชนจะละม้ายคล้ายโรงแรมเข้าไปทุกที  แต่ผมไม่ชอบอยู่ดี  เพราะชื่อนำหน้ามันก็ . . . โรงพยาบาล

   “ไอ้เหี้ยนี่  คนยิ่งกลัว ๆ”   ผมพูดกับมันหากสายตามองไปที่โกเมศวร์  มันนอนขดตัวบนที่นอนเฝ้าคนป่วยเล็ก ๆ

   “กลัวอะไร  เจ็บแค่มดกัด  เห็นมะ  กูยังเคยเลย”  มันดึงเสื้อโชว์รอยแผลเป็นที่หมอฝากเอาไว้

   “จริงเหรอ  ไม่เจ็บเหรอ”

   “เออดิ  อีกไม่เกินเจ็ดวัน  วิ่งได้”

   “พ่อมึงเด่ะ  ผ่าตัดนะมึง  ใช่ถอนฟัน”  ผมยิ้ม 

   มันจะบ้าเหรอ  มาหลอกผมได้ไง  เจ็ดวันวิ่งได้  แบบนั้นมันเกินไป  มันจะมาทำเป็นเท่ง เถิดเทิงเอาอะไรในในตอนนี้  กูไม่ตลกนะไอ้สาสสสส

   “อ้าวจริง ๆ  นับไปดิ จันทร์ อังคาร พุธ พอถึงอาทิตย์ก็จันทร์อีก  เห็นมั้ย  วนอยู่ในเจ็ดวันนี่แหละ”  มันยิ้ม  มันหัวเราะเบา ๆ

   ผมละอ่อนใจกับมัน  รู้อยู่ว่ามันนะพยายามหาเรื่องมาปลอบโยนผม  แต่ไอ้มุขแบบนี้  มันเก่าโบราณเหลือเกิน  ผมได้แต่ยิ้ม  อารมณ์กลัวเริ่มน้อยลง  อย่างน้อยเพื่อนที่ผมรักมากที่สุดมันก็เคยผ่ามาแล้ว

   สิ่งใดที่เพื่อนเคยทำ . . . มันไม่น่ากลัวมั้ง

   “กูจะตายมั้ยว่ะ”  ผมมองหน้ามันอีก

   “ไอ้นี่  ตายทำไม  ลำบาก  ข้าวก็กินไม่ได้  มึงจะรีบตายไปไหน  รอกูมีลูกก่อน  ห่านี่ คิดอะไรไม่รู้  ไร้สาระ”  มันทั้งขู่ทั้งปลอบ

   “กูกลัว”

   “กลัวเหี้ยไร  หมอเก่งจะตายไป”

   “กลัวไม่เห็นหน้า . . .”  ผมมองไปยังคนที่นอนหลับอยู่

   ความกลัวหายไปหน่อย  ตรงที่ผมพยายามบอกตัวเอง  ว่าผมยังตายไม่ได้  ผมจะตายได้อย่างไรกัน  ส่งน้องยังไม่ถึงฝั่งฝันเลย

   “มาทำปากดี  เดี๊ยะตบ”

   “กูคนป่วยนะโว้ย” 

   “เออ  ลืมไป  ว่าแต่วันนี้หมอละลืมอะไรในท้องมั่งว๊า  กรรไกร ผ้าก๊อต  หรือ . .”

   “ไอ้เหี้ยนี่  ไม่เลิก” 

   ผมมองหน้ามัน  มันช่างเป็นเพื่อนที่ดีเลิศที่สุดเลยจริง ๆ  อวยพรผมได้ ให้กำลังใจอย่างที่ไม่รู้จะหาที่ไหนได้อีกแล้ว

   “พี่อาร์ม  เจ็บอีกมั้ย”  ทันทีที่มันลืมตา  มันถามผมถึงอาการเจ็บป่วย

   แบบนี้ . . .

   . . . ผมแปลได้อย่างเดียวล่ะครับ

   ผมหันไปมองหน้ามัน 

   . . . แววตามัน ที่มองมายังผม  ผมไม่เข้าข้างตัวเองหรอก  มันห่วงผม  ผมยิ้มให้มัน  ประมาณว่า  เออน่า  ไม่มีอะไรที่น่ากลัวหรอก  ตอนนี้กูทำใจที่จะขึ้นเขียงได้แร่ะ  อะไรจะเกิดกูยอม  ยอมทุก ๆ  ประตูล่ะว๊า

   อย่างน้อย . . .

   . . . ถ้าวันนั้นผมตาย

   น่าจะดีกว่าการมีชีวิตอยู่ตราบจนถึงวันนี้ . . .

   “หายเจ็บแล้ว  อย่าลืมไปรับพ่อกับแม่นะ”

   “ไม่ลืมหรอกพี่  แต่ผมต้องไปทำงานให้อาจารย์ก่อน  พี่อยู่กับพี่โอ๋ไปก่อนได้มั้ย”

   “ทิ้งเลยเหรอ”    ผมมองหน้ามัน

   “ไม่ใช่  รีบไปทำให้เสร็จไง  แล้วเลยไปรับพ่อที่ดอนเมือง  รับรองน่า  พี่ออกมาจากห้องผ่าตัด  ผมมาให้เห็นคนแรกเลย”

   ผมยิ้ม  พยักหน้ารับ . . .

   “ห่วงมันจัง  พี่อาร์มของโกมันตายยากน่า”   

   ไอ้เพื่อนรัก  มึงสังเกตเห็นเหี้ยอะไรหรือ  เพราะเรื่องที่มากกว่าการเป็นพี่เป็นน้องนั้นผมยังไม่เคยบอกมันสักคำ   สายตาหรือ  กับมันผมก็ใช้สายตาที่ใกล้เคียงกันนี่หว่า 

   “ห่วงดิ  พี่ชายผม” 

   สุดท้าย . . .

   ผมก็แค่ . . .พี่ชาย

   “แปรงฟันมั้ยพี่”

   “ก็ดีนะ”

   “ไม่ได้โว้ย . . .”  ไอ้เพื่อนรักรีบห้ามใหญ่   

   “. . . เดี๋ยวเผลอกินน้ำเข้าไป  ต้องนอนอดอีกแปดชั่วโมงนะมรึง  กว่าจะได้ผ่า”

   ผมมองหน้ามัน . . . 

   ไอ้เหี้ยนี่  พูดเล่นพูดจริงดูยาก  จนมันพยักหน้ารับอีกครั้งนั่นแหละ  ผมจึงสรุปเอว่าจริง  แต่จะเท็จหรือจริง  ก็เชื่อมันก่อนล่ะ   ในฐานะที่มันเคยผ่านการมีประสบการณ์มาก่อน    เหมือนที่เขาบอก  เดินตามหลังผู้ใหญ่หมาไม่กัด 

    ขืนให้อดอีกมีหวังตายแน่ ๆ  ทั้ง ๆ  ที่ตอนนี้อยากกระเดือกน้ำเต็มแก่แร่ะ

   ยิ่งใกล้เวลาเข้าห้องผ่าตัด  หัวใจผมระส่ำ . . .

   ผมกลัวไปหมด  กลัวว่าจะไม่ได้ลืมตามาอีก  กลัวว่าหมอจะลืมอะไรในท้องของผม  ความคิดในตอนนั้น  ไม่มีเรื่องดี ๆ  เลย  ทุกอย่างมันหวาดวิตก  กังวลไปหมด  ยิ่งตอนที่พยาบาลเดินมาบอก  อีกสิบนาทีจะมารับ  คุณเอ๊ย . . . .

   แทบขาดใจ . .  .

   ไอ้เพื่อนรักเหมือนจะรู้  มันนั่งข้าง ๆ  ผม  กุมมือผมเอาไว้  ผมสัมผัสได้  ความรู้สึกที่มันแผ่ซ่านมาทางรอยสัมผัส  แต่คำพูดมันนี่สิ  ไม่มีกำลังใจให้ผมเลย  นึกแล้วอยากกระโดดถีบยอดหน้ามัน

   “เอาน่ามึง  สมบัติมีอะไรยกให้กูกับไอ้โกอย่างละครึ่งแล้วกัน  กูยินดีรับ”

   “สัสสสส  ปากหรือตูดว่ะนั่น”

   “อ้าว  ขำขำน่า  ญาติพี่น้องก็ไม่มี  ไม่ให้กูแล้วให้ใครว่ะ  ขอเอกสารพยาบาลมาเซ็นต์เลยดีไหมว่ะ”

   “เหี้ยนี่ไม่เลิก”

   “กูพูดจริงนะเนี่ย  ยินดีรับนะโว้ย   ขอเอกสารเสร็จก็เรียกพยาบาลมาเป็นพยานเซ็นมอบเลยมั้ย”  มันยิ้ม  ทำหน้าได้กวนบาทาสุด ๆ

   ผมรู้ . . .

   มันไม่อยากให้ผมเครียดกับเรื่องที่จะต้องเข้าห้องผ่าตัด  แต่มุขที่มันเอามาเล่น  มันไม่รู้หรือว่าผมเครียดหนักเข้าไปอีก

   สิ่งที่มันพูด . . .

   . . . ทำให้อีกคนมองหน้าผมในอีกไม่กี่ปีต่อมา

   “ไอ้โอ๋ . . . อย่าเพิ่งกลับนะโว้ย”

   “เออน่า  อยู่  รอรับศพ”

   “ไอ้เหี้ยนี่”

   “เอาน่ามึง    กลัวทำไมนักหนา  กูสัญญา  มึงยังได้ทะเลาะกับกูอีกนาน กูรอมึงออกมาปากหมาใส่กูอีก  โอเคมั้ยเพื่อน”    มันเอาอีกมือตบลงบนมือที่มันกุมมือผมเอาไว้

   “เออ  ปากหมาพอกัน”

   “ไอ้โกห่วงมึงจัง  ก่อนไป สั่งกูนักหนาห้ามทิ้งมึง”

   ผมยิ้ม  สิ่งที่เพื่อนรักมันบอกผม  ทำให้ผมมีกำลังใจในการที่จะอยู่ต่อ  ผมว่า  อะไรก็ไม่เท่ากำลังใจในตอนนี้

   “น้องมันรักกูไง  จะเหมือนมึงได้ไง แช่งตลอดไอ้เพื่อนเหี้ย”

   “แดนโทรมา . . . กำลังหาไฟลท์กลับ”     มันกดวาง ก่อนแล้วหันมาบอกผม

   “เฮ้ย  ใครบอกมัน”

   “น้องมึงไง  โทรบอกไอ้แดนเมื่อเช้า  มันอยู่ภูเก็ต  ไปกับครอบครัวมัน”

   “ลำบากมันเปล่า ๆ  อยู่กับครอบครัวมันด้วย”

   “ปล่อยมันเหอะ  หลานเจ้าของสายการบิน  ขนหน้าแข้งมันไม่ร่วงหรอก  เฮ้ย  พยาบาลมาแล้ว  เดี๋ยวหมอตัดทิ้งแล้วนะมึง ตัดทิ้งปุ๊บหายปั๊บ”  มันยิ้มชูสองนิ้ว

   ผมยิ้มกับมัน . . .

   ก่อนที่บุรุษพยาบาลที่เดินเข้ามาพร้อมพยาบาล  จะเปลี่ยนให้ผมนอนลงบนเตียงรถเข็น ก่อนที่จะเข็นผมออกไปจากห้องนั้น . . .

   ทางเดินโรงพยาบาลน่ากลัวนะ  ผมนอนลืมตา  มองเพดานไปเรื่อย ๆ  รถเข็นผ่านหลอดไฟ  เหมือนที่ผมเคยดูในหนังเลย  แต่ความรู้สึกจริง ๆ  มันน่ากลัวกว่าในหนังเสียอีก

   เอาน่า . . .

   . . . ตัดมันทิ้ง  ก็ไม่เป็นอีก . . .

   . . . ตัดมันทิ้ง . . .

   ไม่เจ็บอีก

   . . . ตัดหัวใจ . . .

   ง่ายเหมือนไส้ติ่งหรือเปล่าหว่า  ผมได้แต่ถามตัวเอง  เมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา  และในเวลานี้  เวลาที่ผมชั่งใจ  ว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตของผมต่อไปดี

   เขาเข็นผมมารอที่หน้าห้องผ่าตัด  มีพยาบาลอีกชุดมาเปลี่ยนเสื้อผ้า  จากชุดกางเกงเป็นผ้านุ่ง  ผมไม่รู้หรอก  เขาทำอะไร  แต่ทุก ๆ  อย่างที่เขาทำ  ผมยอมให้เขาทำแต่โดยดี  ไม่ดื้ออีก

   ตัดมันทิ้งก็ได้ . . .

   . . . เนื้อไร้ประโยชน์

   มันจะแตกต่างอะไร . . .

   หัวใจที่ไร้รัก . . .

   . . . ตัดทิ้งได้เหมือนกัน . . .

   “ว่าไงค่ะคนเก่ง  ฉี่มาหรือยัง”

   “แล้วครับ”

   “เดี๋ยวฉีดยาหน่อยนะค่ะ”    เสียงเพราะจัง  คนที่คาดหน้าเอาไว้  เดินมายังผม  ที่ตอนนี้อยู่บนเตียงผ่าตัด 

   เขาพลิกร่างผม  ก่อนฉีดยาเข้าที่หลัง . . .

   . . . เข็มแทงเข้าไปเจ็บจนผมต้องกัดฟัน  หากพอยาเลยปลายเข็มเข้าสู่ร่างกาย  ผมต้องกำมือเอาไว้แน่น  มันเกินที่จะบรรยายออกมาได้  ว่ามันเจ็บขนาดไหน . . .

   มันเริ่มรู้สึกหนักหน่วง ๆ  ที่ช่วงกลางลำตัว . . .

   . . . ผมเป็นอะไรไป . . .

   “เอาค่ะ  สูดหายใจลึก ๆ  นะค่ะ  อากาศดีค่ะ”  พยาบาลคนเดิมเอาสายอะไรไม่รู้  มาครอบบริเวณจมูกและปาก 

   กลิ่นนั่น . . .

   . . . สดชื่นจังเลย . . .   

   “ดีค่ะดี  อีกนิดนะค่ะ”

   ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปดอีกครั้ง  แล้วผมรู้สึกเหมือนเปลือกตาหนัก ๆ    แต่หูผมได้ยิน  มันยังแว่วในหูผมอยู่เลย

   “คุณอาร์มค่ะ  คุณอาร์ม”  เสียงเรียกนั่น  ชื่อผมเอง  คนที่มีทั้งชื่อเล่นและชื่อจริงเหมือนกัน

   หูผมได้ยิน 

   แต่ . . .

   มันค่อย ๆ  เลือนรางลงเรื่อย ๆ  ผมเหมือนเดินไปในอุโมงค์ที่สว่าง  ผมเดินเข้าไปเรื่อย ๆ  เสียงใครคุยกัน  ทำไมผมฟังไม่รู้เรื่อง    แต่แสงนั่นยังสว่าง มันไปสิ้นสุดที่ไหนกัน

   “โอ้ย” 

   ผมรู้สึกคล้ายมีคมมีดจดลงที่ผิวเนื้อ 

   แต่ . . 

   . . . แค่นิดเดียวนั้น  เพราะหลังจากนั้น  ผมไม่รู้อะไรอีกเลย  ผมเดินไปในอุโมงค์นั่น  มันลึก  แต่สวย  ผมเดินลึกไปเรื่อย ๆ  ไม่เหนื่อยเลย

   นานเท่าไหร่ . . .

   . . .ผมไม่รู้ . . .   

   เพราะผมมารู้อีกที  เหมือนอุโมงค์นั่นมืดมิด  เสียงคนคุยกันกลับเข้ามาในความรู้สึกผมอีกครั้ง  แต่ผมลืมตาไม่ขึ้น  ทุกอย่างเหมือนลอยอยู่ตรงหน้า  ผมไม่สามารถไขว่คว้าหรือช่วยเหลือตัวเองได้เลย

   “คุณอาร์มค่ะ”

   “หือ”

   “จำชื่อได้  แสดงว่าฟื้นแล้ว  อยากกลับห้องหรือยังค่ะ”

   “ครับ  กลับห้อง” 

   ผมตอบไป  แต่ไม่สามารถลืมตามาเจอกับความจริงได้  ทุกอย่างมันหมุนไปหมด  มีคนมาที่ผมนอน  เหมือนเขาเข็นผมไปที่ไหนสักแห่ง  ระยะทางนั้นดูเหมือนว่ายาวนานเหลือเกิน

   เขามาหยุด  ก่อนมีใครไม่รู้ยกตัวผมจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง . . .

   “อาร์มลูก”  เสียงนั่น  เสียงแม่กับพ่อ  เรียกหาผม

   “พี่อาร์ม” 

   เสียงโก เรียกผมพร้อม ๆ  กับเสียงอีกคน  . . . ไอ้แดน . . .

   “ไอ้อาร์ม  ตื่นโว้ยตื่น”  เสียงแบบนี้ไอ้เพื่อนรักของผม  ผมพยายามลืมตาที่หนักอึ้ง 

   คนที่ผมเห็นราง ๆ  นั่น  คล้ายแม่  กับพ่อ  สายตาผมยังปรับสภาพไม่ได้ . . .

   “แม่ . . . พ่อ  ผมยังไม่ตาย”   เสียงผม  แต่ทำไม  มันดูอ่อนระโหยโรยแรงเหลือเกิน  ผมพยายามลืมตา  ปรับระยะสายตาให้ชัด  คนนั้น . . .

   ผมเห็นแล้ว  เห็นชัดเจนเลย . . . โกเมศวร์

   คนแรกที่ผมเห็นชัดหลังจากลืมตา . . .

   “ยังไม่ตาย  ไม่ตายแล้ว”    ผมมองหน้าคนทั้งกลุ่ม  ยิ้ม  ก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้ง  ผมไม่กลัวอะไรอีกแล้ว  คนที่รอบกายผมตอนนี้มีแต่คนที่ผมรักทั้งนั้น

   มันจะรู้ไหม . . .

   ผมดีใจขนาดไหนที่เห็นมันชัดเจนคนแรกหลังจากลืมตา ผมมองหน้าทุกคนรอบ ๆ  ตัวผมอีกครั้ง  น้ำตาผมเอ่อไหล  ผมพยามจะยิ้ม  หากแต่มันเหนื่อยอ่อนเกินกำลัง  ผมแทบจะไม่ไหวอยู่แล้วในเวลานี้

   “โก   เอาผ้าผืนใหม่มาเปลี่ยนผ้าให้อาร์มมันก่อน  มันฉี่เต็มเลย”  ผมได้ยินเสียงไอ้โอ๋บอก  เมื่อมันมาแตะที่ผ้านุ่งของผม

   ผมไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืน . . .

   . . . ปล่อยให้มันสองคนพลิกร่างผมไปมา



   
   ผมหลับไปอีกครั้ง  ก่อนจะตื่นขึ้นมาในตอนบ่ายแก่ ๆ    ยาสลบคงหมดฤทธิ์แล้ว  คราวนี้ผมเห็นชัด  ไม่มีใครหายไปไหน  ทุกคนยังอยู่เหมือนเดิม  นั่งคุยกันอยู่ 

   “น้ำ  หิวน้ำ”

   “กินยังไม่ได้  เอาแค่แตะลิ้นเบา ๆ  นะแม่”   เสียงพ่อบอก


   ผมได้แต่แตะเบา ๆ   มันชุ่มลื้น  แต่ผมกระหายน้ำ  แม้จะกระหายขนาดไหน  แต่กินไม่ได้ 
   
“ร้ายนะเรา  ตอนโกเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลแม่ใจคอไม่ดีเลย   ติดใจตั้งลงเครื่องเห็นแต่โกแล้ว”  แม่มองหน้า  ตัดพ้อผมเล็ก ๆ

   ผมหันไปมองหน้าโก . . .   “กลัวตกใจนะครับ”

   “แดน  แกหนีที่บ้านมาเหรอ  เห็นโอ๋บอกไปเที่ยวกับที่บ้าน”   ผมหันไปทางไอ้แดน  ยิ้มให้มัน   

   “ขอบใจนะโว้ย อุตส่าห์มา”

   “ตั้งใจมาเลยพี่  ถ้าอุตส่าห์  คงไม่มา”

   “เดี๋ยวนี้ติดเชื้อไอ้ . . .”  ผมหันไปมองหน้าเพื่อนรัก

   “แต่ก็ขอบใจ ที่มา  ขอบใจที่สุด”   

   “โหยพี่  มาขอบอกขอบใจทำไม    เบื่อจะตาย  ถึงโกไม่โทรไปผมก็กะว่าจะกลับไฟลท์เย็นแล้ว  พอมันบอกเลยหาเรื่องกลับมาก่อน”

   “ไอ้โอ๋ . . . กรูยังไม่ตายนะโว้ย  แถมหมอไม่ได้ผ่าหมาออกจากปากด้วย”

   “ดูพูดเข้าลูกคนนี้นี่”  แม่ตีที่ต้นแขนผมเบา ๆ

   “เห็นแล้ว  ยังต้องเจอกันอีกนาน  สงสัยกัดกับมันจนตายมั้งแม่”    มันหันไปหาแนวร่วม  แม่ผม

   “โก . . .”

   “ครับพี่”

   “งานเสร็จยัง”

   “ยังเลยพี่”

   “ไปช่วยอาจารย์ก่อนก็ได้   คนเฝ้าเยอะแยะ  เอาเปรียบเพื่อนมาวันนึงแล้ว  ไม่ดีนะ”  ผมยิ้มกับมัน

   “เอางั้นหรือพี่”

   “อืม  ไปเหอะ”

   “ครับ ๆ  ค่ำ ๆ  ผมมานะครับ”    มันเดินมาที่ผม  ก่อนที่จะร่ำราไอ้เพื่อนรักของผม   ผมได้แต่มองมันเดินหายออกไปเงียบ ๆ

   “มึงด้วยไอ้โอ๋  กลับบ้านเหอะ”

   “เอ๊ะ ยังไง  พอลืมตาปากดีเลยนะมึง”

   “พี่โอ๋กลับเหอะพี่  ก่อนที่พี่อาร์มจะไล่ผมอีกคน”  ไอ้แดนมันหันไปบอกโอ๋

   “ยังโว้ย  ยังไม่ได้อ้อนแม่เลย  ไล่ก็ไม่กลับ  ต้องเย็น ๆ  โน่น  อย่ามาไล่เสียให้ยากเลย  ไหน ๆ  ก็โทรไปลาป่วยมาวันนึงแล้ว”  มันเดินมาจ้องหน้าผม

   “กูไม่กลับ  ชัดมั้ยเพื่อน” 

   “ลาป่วย”

   “เออเด่ะ  รู้สึกเหมือนจะปวดหัว   เมื่อเช้าเลยโทรไปลาซะเลย”

   “เสียวันลาอีกมึง”

   “เรื่องของกู  วันลาก็ของกู”

   ผมยิ้ม . . . 

   ไม่เคยลืม   ถ้าสิ่งไหนอยากให้มันทำ  ต้องห้ามปรามมัน  สิ่งไหนไม่อยากให้มันทำต้องยุมัน  ไอ้เพื่อนผมมันแปลกชอบรับคำสั่งแนวตรงกันข้ามเสมอ

   “แม่กับพ่อกินข้าวยัง”

   “ยังเลย  ห่วงเรา”  แม่จับมือผมเอาไว้ 

   “ไอ้โอ๋ . . .งั้นมึงไปหาอะไรที่เดอะมอลล์มาให้แม่กินหน่อยดิมึง”

   “เยี่ยมมากเพื่อน เอางี้นะ  มึงนอนคนเดียวได้ใช่มะ  เดี๋ยวกรูพาพ่อกับแม่  ไอ้แดนไปกินเอ็มเค”

   ความคิดเยี่ยมมากเพื่อนร๊ากกกกกกกกก . . . .

   ทิ้งกูไว้คนเดียวนี่นะ . . . ทั้ง ๆ  ที่รู้กูกลัวผี

   “ไอ้เหี้ย  กรูคนป่วยนะมึง”

   “รู้ว่าป่วยไง  เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัด  ยังไม่หมดฤทธิ์ยาหรอก  อีกแปบก็หลับอีกเชื่อกูเด่ะ  ระหว่างที่มึหลับ  กูพาพ่อกับแม่ไปหาไรกิน”

   “ไม่ห่วงกูว่างั้น”

   “ก็มึงหลับ”

   “ไปเลยมึง  อยากไปไหนก็ไป  อยากทิ้งกูไว้ตรงนี้ก็ได้  กูไม่สำคัญนี่”  ผมงอน  หลับตาลง  ไม่อยากมองใบหน้าอันกวนส้นตีนมัน

   “เอาไงดีพี่โอ๋  พี่อาร์มงอนแล้ว”   แดนมันหันมาถาม

   “จะยากอะไร  งั้นเราออกไปซื้ออะไรที่ง่าย ๆ    อร่อย ๆ  ใส่กล่อง  เลือกของที่อาร์?มมันชอบ  มากินยั่วมันไง”    มันเข้ากันดีจังเลย

   ทั้ง ๆ  ที่กูนอนกินน้ำเกลือนี่นะ . . .

   ผมได้แต่ยิ้ม  ภาพในวันนั้น  มันไม่ลบเลือนไปจากผม  ในเวลาที่ผมกลัวตายมากที่สุด  คนรอบ ๆ  ตัวผมล้วนดีกับผมทั้งนั้น   ผมโชคดีที่ได้เพื่อนที่ดี  ได้คนที่ผมรักที่ดี  เพียงแต่ผมไม่รักษามันเอาไว้เอง

   ไอ้อาร์ม . . . คนไม่รู้ค่าของหัวใจ

   


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 17-05-2008 11:10:48
 :m15: ฮือๆ อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกซึมตามไปจริงๆ เอาธรรมมะเข้ามาขัดเกลาใจก็ได้นะ เป็นดังคำสอน มีรัก ย่อมมีทุกข์ :เฮ้อ:

มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ จะรอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 17-05-2008 12:09:18
การกระทำของโก มันต่างจากพี่น้องทำกัน  ดังนั้นเหตุที่เราคิดเข้าข้างตัวเองก็ไม่ผิด เพราะมันทำให้คิดเอง อิอิ เป็นใครๆก็เป็น
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 17-05-2008 13:00:02
 :m24:คนเรามักปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปเสมอ  แล้วเมื่อถึงเวลาเวลาหนึ่ง จะต้องร้องขอโอกาสที่มันผ่านไปแล้ว
โดนใจมั่กกกกฮะ...
เป็นกำลังใจให้ฮะ :bye2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 17-05-2008 13:28:17
เศร้านะ แต่แอบสุขปนเล็กน้อย :m13:
อย่างน้อยอาร์มก้อโชคดี ที่อยู่ท่ามกลางคนที่รักในยามที่เจ็บปวด พ่อแม่ที่รักและเข้าใจ เพื่อนรักที่หายาก และ..น้องชาย..ที่อาร์มรักและรักอาร์ม :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 17-05-2008 16:45:38

รัก "ใจ" ให้มาก ๆ นะคะ
เอามีดมากรีดใจบ่อย ๆ  เป็นเรื่องน่าเศร้า
โดยเฉพาะผู้ที่ทำคือตัวเราเองค่ะ


เรื่องบางเรื่อง...แม้มันเป็นเรื่องที่ทำให้เราเศร้ามากมาย
ความทุกข์ที่ดูเหมือนจะติดตามเราเหมือนเงาตามตัว
แต่ก็เป็นเราเองไม่ใช่เหรอคะ ที่ยอมให้มันเข้ามาสู่ใจเราเอง


อยากบอกพี่อาร์มว่า ความรู้สึกบางอย่างแม้ทำร้ายเราอย่างสาหัส
บางทีอาจถึงเวลาที่เราจะเรียนรู้อยู่กับมันอย่างไม่ทุกข์แล้วละค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ



แก้ว (เด็กโง่ที่เคยเป็นเหมือนกัน)   :L2:   
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 17-05-2008 18:28:41
 :L2: :L2: :L2:เอากำลังใจมาให้คนเขียนค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 17-05-2008 20:53:57
มาตั้งหน้าตั้งตารอ อิอิ :m4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 17-05-2008 23:06:20
ถ้าต้องคิดมากขนาดนั้นล่ะก็ ให้โอกาสเค้าอีกหนเหอะ มันคงจะไม่เจ็บไปกว่านี้แล้วล่ะ

เห็นงี้แล้วกลุ้ม สงสารทั้งคู่เลย  :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Entaneer#30 ที่ 17-05-2008 23:43:38
สองปีแล้วเหรอเนี่ย
 :a5: :a5:
.
.
.
.
สองปีที่ผ่านไป "รอยเท้าในผืนทราย"มันจะจางหายไปรึยังคะ
เป็นกำลังใจให้พี่ชายเหมือนเดิมค่ะ
 :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 18-05-2008 01:24:25
 :a6: เศร้าเข้าไป
ตกลงตัดสินใจได้ยังค่ะ ว่าจะให้โอกาสโกหรือไม่
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 18-05-2008 03:08:18
อิๆๆอยากจะรู้เหมือนกันว่าพี่จะให้โอกาสโกไหม แต่ยังไงก้เป็นกำลังใจให้ละกันน๊าค๊าบบ จากคนไร้ประสบการณ์รัก อิๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 18-05-2008 03:28:05


ตอนที่ ๑๔



   ไอ้เพื่อนรักกลับไปเมื่อตอนค่ำ  หลังจากที่มันกับแดนไปซื้อของกินมากินยั่วผม  กลิ่นอาหารของชอบ  ชวนอาเจียน  อาจเพราะฤทธิ์ยาที่โดนรมยังอยู่ในปอด  ถึงได้ไม่อยากกินอะไรเลย 


   ผมยังไม่หลับ  เพราะหมดฤทธิ์ยาสลบ  มันเจ็บปวดทรมานสุด ๆ  ต้องร้องขอมอร์ฟีน  มันปวดมาก  ปวดกว่าตอนที่ยังไม่ตัดทิ้งเสียอีก  ผมโดนไอ้เพื่อนรักมันหลอกเสียแล้วล่ะงานนี้

   โกเมศวร์กลับมาอีกครั้งในตอนดึก . . .

   มันยิ้มมาแต่ไกล  หอบข้าวของมาพะรุงพะรังไปหมด  ผ้านวม  ของกิน และที่ผมเห็นในอ้อมแขนมัน หมอนเหม็น ๆ  ที่ผมใช้หนุนนอนทุกคืน

   ผมติดหมอน . .  .

   ไม่รู้สิ  เวลาผมไปเมามา  ต้องอยากกลับบ้าน  เวลาได้หนุนหมอนใบที่หนุนประจำมันหลับสบาย 

   “พ่อกินข้าวยังครับ  ผมซื้อเกี๊ยวปูหมูแดงมาฝาก”   มันชูถุงที่หิ้วมาในมือ

   ผมมองมัน . . .   เมื่อมันเอาของไปวางไว้ 

   “กินตอนเย็นกับลูกโอ๋  รายนั้นไปซื้อของมาเต็มเลย”

   “แปรงสีฟัน  ยาสีฟันละครับ  ขาดอะไรมั้ยครับผมได้ลงไปซื้อ”

   “แม่เตรียมมาแล้วลูก  โกล่ะกินอะไรมาหรือยัง”

   “เรียบร้อยแล้วครับ”

   “โอ้ย”  ผมร้อง  เพราะมันเจ็บอีก

   “พี่อาร์ม” 

   มันปรี่มาถึงที่เตียงในทันที  ผมมองหน้ามัน  สายตามันที่ทอดมองมายังผม  ผมไม่รู้จะอธิบายได้อย่างไร  ผมรู้แต่สายตามันพูดได้  ความห่วงใยที่มันส่งมา  ผมรับมันได้

   ผมเอาหมอนมาทับหน้าท้องกดทับแผลที่เพิ่งผ่าตัด  มันทุเลาลงมาก . . . เมื่อโดนกดทับ

   “ไหว  หมุนเตียงขึ้นหน่อยได้ไหม”

   มันทำตามอย่างว่าง่าย   “อย่าขยับมากดิ  แผลเพิ่งผ่าตัด”

   “หมอบอกให้พยายามขยับตัว  อวัยวะจะได้เข้าที่  แต่มันปวด  เพิ่งขอมอร์ฟีนไปเอง” 

   “พูดไป ถึงกับต้องขอมอร์ฟีนเลยเหรอ”

   “จริง ๆ  เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองหัดเดิน”

   “ลุกให้รอดก่อนเหอะพี่”

   “อ้าว  ถามพี่โอ๋ดิ  มันบอกพี่  ตอนมันผ่าวิ่งได้ในเจ็ดวัน”  ผมมองหน้าโก  มุขนี้ไอ้เพ่าอนรักผมมันเล่น  ตอนที่ไอ้โกนอนหลับ  หวังว่าคงเห็นมันยิ้มได้อีกรอบ

   “โม้แล้ว”

   “จริง ๆ  นะ”  ผมอมยิ้ม  ตีหน้าจริงจัง

   “ยังไง  วิ่งได้ไง  ยังไม่ตัดไหมด้วยซ้ำ”

   “ก็นับดิ  จันทร์ อังคาร พอถึงอาทิตย์ จันทร์อีก  เจ็ดวันเอง  ไม่เคยมีวันที่แปด”

   “โห  มิน่า  คบกันได้  มุขแต่ละมุข” 

   ผมยิ้ม  กลั้นหัวเราะ เอาไว้  ขืนหัวเราะตอนนี้มีหวังตายแน่ ๆ  มันเจ็บจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว  โกมันยิ้มกว้าง  แบบที่ผมอยากเห็น  หากไม่อยู่ในสถานการณ์ที่ผมเจ็บมันคงฟาดผมเต็มมือแน่ ๆ    มันเดินกลับไปแกะของที่มันซื้อมาใส่ชาม

   “แม่ลองกินดู  เจ้านี้อร่อย  พี่อาร์มยังชอบเลย”  มันจำได้เสมอ  ผมชอบกินอะไร

   ผมได้แต่มองสิ่งที่โกมันทำ . . .

   สิ่งที่ผมคิดตอนนั้น  ผมยิ้ม  ทั้ง ๆ  ที่เจ็บแผลอย่างที่สุด  ร้อยทั้งร้อยเจอแบบผม  คิดแบบเดียวกับผมทั้งนั้น  ผมไม่ได้คิดแบบเข้าข้างตัวเองจนสุดโต่ง 

   . . . แต่สิ่งที่ผมเห็นด้วยสองตา  รับรู้ด้วยความรู้สึกมันบอกผมแบบนั้น

   ผมไล่มันกลับหลังเวลาเที่ยงคืน . . . 

   ดูท่ามันไม่อยากกลับ  อยากนอนเฝ้าผม  แต่ผมไม่ยอมหรอก  พรุ่งนี้มันต้องทำงานแต่เช้า  แล้วตอนบ่ายมันต้องไปเรียนอีก  งานมันเยอะเพราะมันเก่งปฎิบัติด้วยมั้ง  อาจารย์เลยหางานพิเศษให้มันทำ

   คืนแรกของการผ่าตัด . .  .

   ผมนอนร้องครวญครางทั้งคืน  มันเจ็บปวดเหลือเกิน  คนที่สลับวิ่งไปมาดูที่เตียงของผม . . . พ่อกับแม่

   แววตาที่แม่มองผม . . .

   . . . คล้ายอยากเจ็บแทน . . .

   ผมยิ้มทั้ง ๆ  ที่เจ็บ  ไม่อยากให้แม่ทุกข์ใจไปกว่านี้   

   “เผลอพลิกตัวไปทับแผลครับแม่    แม่ก็รู้  อาร์มชอบนอนตะแคงขวา  แต่ไม่ค่อยเจ็บแล้วล่ะ  แม่นอนเหอะ  เดี๋ยวมีอะไรอาร์มเรียก”

   การโกหกเป็นบาป . . .

   . . .  แต่การโกหกบริสุทธิ์แบบผมบาปมั้ย . . .




   ผมต้องทนนอนกัดฟันเจ็บไปจนเกือบรุ่งสาง  มันบอกไม่ถูก  อาจเพราะบางอย่างถูกเฉือนทิ้งกระมัง  ร่างกายยังปรับสภาพไม่ได้  คงต้องรอเวลาอีกสักระยะ  แล้วร่างกายจะปรับสภาพของมันเอง

   เวลา . .  .


   ทุกอย่างมันขึ้นกับเวลาทั้งนั้น 

   ร่างกายเจ็บป่วย  ก็ต้องใช้เวลาในการรักษา  เวลามันเยียวยาได้  ไม่แตกต่างอะไรไปจาก

   . . . หัวใจ . . .

   ทุกอย่างเยียวยาด้วย . . .

   . . . เวลา

   ผมหลับไปได้ไม่นานก็ต้องตื่น  เพราะพยาบาลเข้ามาตรวจวัดไข้แทบทุกชั่วโมง  เช้าแล้ว เพราะแสงที่ลอดหน้าต่างเข้ามา  เป็นแสงแดดอ่อน ๆ  แม่เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้  ผมจับมือแม่เอาไว้

   “รักแม่นะครับ”

   “อะไร  ลูกคนนี้นี่” 

   “จริง ๆ  นะแม่  อาร์มรักแม่  แต่แม่ดูผอม ๆ  ไปนะครับ  ไปหาหมอบ้างหรือเปล่า”

   “จ๊ะแม่รู้  แม่ก็รักอาร์ม   อยู่เฉย ๆ  แม่เช็ดให้ก่อน”  มือแม่เบา  ยามที่ผ้าผ่านเนื้อไปตามที่ต่าง ๆ  ผมรู้สึกเหมือนลอยได้

   แค่ . . .

   . . . สัมผัสจากแม่

   “แม่ผอมมากเลยนะเนี่ย”   ผมจับข้อมือแม่ 

   “ทำไมมันกำได้รอบแบบนี้ล่ะแม่”  ผมมองหน้าแม่  แม่ยิ้มสวยแบบเคย

   “อ้าว  หุ่นนางแบบ  ตามสมัยนิยามไม่ใช่เหรอ  เห็นสาว ๆ  สมัยนี้อยากผอมกันจะตายไป”   แม่ยิ้มอีกครั้งหัวเราะเบา ๆ   

   “เสร็จแล้ว  ทาแป้งหน่อยมั้ย”

   “ไม่ดีกว่า”  ผมยิ้มให้แม่  แม่ยิ้มตอบ

   รอยยิ้มแม่กว้าง  ฟันเรียงสวย  ผมชอบมองเวลาแม่ยิ้ม  แววตาแม่ใจดี  ยิ้มด้วยเสมอ  แม่อารมณ์ดีอยู่เป็นนิจ

   ประตูเปิดเข้ามา  . . . .

   ผมหันไปมอง . . .

   โกเมศวร์ . . . ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน  เจ็ดโมงกว่านิดหน่อย  มันมาทำไรตั้งแต่เช้า  มันไม่ไปทำงานหรือ  อีกหลาย ๆ  คำถามที่เกิดขึ้นในใจของผม

   หาก . . .

   . . . คำถามเหล่านั้นได้คลี่คลายลงหมด . . .

   “ตื่นยังครับ  มีกาแฟกับปาท่องโก๋  ข้าวเหนียวสังขยาด้วยครับ”   มันบอกพ่อกับแม่  ก่อนเอามันไปแกะใส่แก้ว

   ผมมองมัน . . . ก่อนหลับตานิ่ง

   ความคิดผมเตลิดไปไกลเสียแล้ว  ผมดีใจนะ  มันไม่ได้แค่ดูแลผมยามผมเจ็บป่วย  แต่สิ่งที่มันกำลังทำอยู่นี่  มันดูแลพ่อแม่ของผมด้วย  มันแคร์คนที่ผมรักทุกคน

   “ตอนเที่ยงจะกินอะไรมั้ยครับ  ผมจะแวะเอามาให้”

   “ไม่ต้องหรอก  ไปทำงานเหอะ  ตอนเย็นก็ต้องไปเรียนอีก  อย่าลำบากเลย  แม่กับพ่อหากินแถวนี้ก็ได้”   แม่เสียงหวาน

   “เมื่อคืนเจ็บอีกมั้ย”   คำถามมัน  มาก่อนที่มันจะมาถึงเตียงของผมเสียอีก   

   ผมพยักหน้ารับ  ไม่อยากบอกว่ามันเจ็บขนาดไหน  กลัวแม่จะเป็นห่วง  เพราะเมื่อคืนก็ทำให้แกไม่ได้นอนทั้งคืนแล้ว

   “ปวดฉี่  เอาคอมฟอร์ตหน่อย”

   “อยู่ไหน”

   “ห้องน้ำ” 

   มันเดินไปหยิบอกมา  ก่อนรูดม่านปิดบังสายตา  พ่อกับแม่ที่นั่งกินมื้อเช้าที่มันซื้อมาอยู่ 

   “ฉี่เองได้นะ” 

   สายตามันเหลือบไปทางพ่อกับแม่  ผมรู้ความหมายจากสายตาโดยไม่ต้องแปล  ของบางอย่าง  ยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกให้ใครได้รับรู้  ยิ่งเป็นคนที่เรารักที่สุด  บางทีเขาจะรับรับสภาพไม่ได้เป็นแน่

   “อือ”

   มันออกไปนอกม่าน  ปล่อยให้ผมทำธุระส่วนตัว  เมื่อคืนตอนฉี่  แม่ยืนมอง  จนผมบอกให้หันไปก่อน  แม่ยังบอก  เดี๋ยวนี้หัดอาย  แม่คงลืมไป  ผมโตแล้ว  แต่ในสายตาของแม่  ผมคงเหมือนเด็ก ๆ  เช่นเคย

   “โก  เสร็จแล้ว”  ผมร้องเรียก  เมื่อสิ่งที่อยู่ในคอมฟอร์ตมันเกือบเต็มไปด้วยน้ำอุ่น ๆ  สีเหลือง

   มันรับไปก่อนเปิดม่านเหมือนเดิม . . . 

   ผมมองมันเอาของเสียจากร่างกายผมไปเททิ้ง  จากที่ผมรักมันมาก  สิ่งที่มันทำ  ผมรักมันมากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก  ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม  ผมรู้เพียงแค่ว่า

   คนนี้แหละ . . . ใช่

   อาการเจ็บเริ่มหายไปเมื่อครบยี่สิบสี่ชั่วโมง  ผมพลิกตัวไปมาบ่อยขึ้นตามที่หมอบอก  ผมไม่อยากเป็นภาระ  อยากจะช่วยเหลือตัวเองให้เร็วมากที่สุด  ไม่อยากให้แม่ต้องกังวลกับการดูแลคนป่วยแบบผม

   “หวัดดีคร๊าบ  น้ำเงี้ยว  แคปหมูน้ำพริกหนุ่มเจ้าอร่อยจากดอนเมืองครับ”  ไอ้เพื่อนรักมันโผล่มาในตอนเย็น  มือมันหิ้วของกินมาเต็มหมด

   “แต่มันอร่อยสู้ฝีมือแม่ได้ได้หรอกครับ  จริงมั้ยพ่อ”   มันหาแนวร่วม

   ผมยิ้ม  อาการเจ็บป่วยคราวนี้  ผมรู้ได้ถึงคนที่ห่วงใยผม  อีกสองคนนอกจากพ่อกับแม่ . . .

   “ไงมึง  ดีขึ้นมั้ย”

   “อืม”

   “แต่เมื่อคืนเจ็บแทบตายใช่มั้ย”  มันมองหน้าผม

   “เออเด่ะ  ทำไมมึงไม่บอกกูว่ะ  ว่าวันแรกมันเจ็บขนาดนี้  หนอย  ตัดก็หายไม่เจ็บอีก  ถุย  หลอกกูได้”

   “อ้าว  บอกว่าเจ็บมึงก็กลัวดิ  นี่กูผิดเหรอ”

   เออ  มันหวังดี  ผมเข้าใจ ไม่โกรธมันหรอก  เข้าใจมันดี  เพราะไม่มีใครหรอกที่จะบอกว่าผ่าแล้วเจ็บ  เพราะขืนบอกไปแบบนั้น  ผมกลัวหนักกว่าเดิมอีก
   


   ผมนอนอยู่โรงพยาบาลมาหกวันแล้ว   แต่ทำไมกลับรู้สึกเหมือนกับว่ามันนานเสียเหลือเกิน  ผมไม่อยากนอนแบบนี้เลย  มันน่าเบื่อมากสำหรับคนทำงานแบบผม  ที่วัน ๆ  ผมต้องวิ่งไปโน่นมานี่เสมอ

   สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกดีที่สุดในการนอนโรงพยาบาล . . .


   ผมรักโกเมศวร์มากขึ้น . . .

   . . . มันจะซื้อของกินมาให้พ่อกับแม่ทุกเช้า  ส่วนตอนดึกหลังจากที่มันเลิกเรียน  มันจะแวะมาทุกวัน  ซื้อของกินมาให้พ่อกับแม่  สิ่งที่มันทำทั้งหมด  ผมไม่เคยร้องขอ  ผมมองมันแล้วอดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้

   ทำไมนะหรือครับ . . .

   เชื่อไหมครับ 

   สิ่งที่มันปฎิบัติกับพ่อและแม่  ผมไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต  ผมไม่เคยซื้อของกินเข้าบ้าน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่แม่ทำให้เสมอ  โกเมศวร์มันสอนให้ผมรู้ว่า  การเอาใจใส่คนที่รักเรา  แค่สิ่งละอันพันละน้อยแบบนี้  จะทำให้คนที่เรารักมีความสุขขนาดไหน

   ถ้า . . .

   ใครเจอแบบที่ผมเจอ . . .

   . . . จะเกลียดมันได้ลงคอหรืออย่างไร

   สิ่งที่มันทำยามผมเจ็บป่วย . . . 

   . . . มากพอที่ผมตัดสินใจจะฝากชีวิตไว้กับมันได้มิใช่หรือ ?   

   มันทำแบบนั้นทุกวัน  ในขณะที่ผมนอนที่โรงพยาบาล  สิ่งที่มันทำเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน  ที่มันต้องดูแล

   “อาร์ม  พรุ่งนี้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว  กลับถึงบ้านโทรบอกแม่นะลูก”   แม่จับมือผมเอาไว้  เพราะแม่ต้องกลับเชียงราย  ผมยิ้มกับแม่

   “ครับผม”

   “พ่อครับ  รักพ่อนะครับ”    ผมโผเข้ากอดพ่อเบา ๆ   ก่อนปล่อย  หันไปมองแม่  ที่มองเหมือนน้อยใจ

   “แม่ครับ  ให้อาร์มกอดหน่อย”    ผมอ้อนแม่แบบเด็ก ๆ

   แม่ยิ้ม ก่อนที่จะเดินมากอดผมเอาไว้  ผมกอดแม่เอาไว้แน่น  มีความสุขกับอ้อมกอดของคนที่ผมรัก   แม่กอดผมเอาไว้นาน  หอมที่แก้มผมเบา ๆ 

   “รักอาร์มนะลูก  ดูแลตัวเองด้วยนะ  หายไว ๆ   แล้วกลับบ้านเรานะ  โกดูพี่เขาด้วยนะลูก  แล้วไม่ต้องตามใจพี่เขาให้มากนะ  โดนตามใจเสียจนเคยแล้วล่ะ”

   “ครับ”   มันรับคำเสียด้วย

   ถ้าผมรู้ล่วงหน้า . . .  .

   . . . ให้ตายเหอะ . . .

   ผมก็จะไม่ยอมให้พ่อกับแม่กลับเชียงรายเด็ดขาด . . .

   “ไอ้ลูกแหง่  ไปได้แล้ว  เดี๋ยวตกไฟลท์”   ไอ้เพื่อนรักผมมันเร่ง

   “อิจฉาเหรอมึง  แม่ลูกเขารักกัน”  ผมกัดกับมันได้ทุกเรื่อง  ทุกทีด้วยซ้ำสิน่า  ตอนนี้แผลไม่เจ็บแล้ว  ผมเดินได้มากกว่าปกติเสียด้วยซ้ำ  หมอยังบอก  ผมฟื้นตัวเร็ว

   แหม . . . กำลังใจดีขนาดนี้  ไม่หายก็แปลกละครับ

   “โก  ดูแลพี่อาร์มดี ๆ  นะ  เดี๋ยวพี่กลับมา”  ไอ้โอ๋หันมาสำทับอีกรอบก่อนที่จะหิ้วของพ่อกับแม่ออกไปจากห้อง

   “โก”  ผมเรียกมัน  หลังจากไอ้เพื่อนรักของผม  ไปส่งพ่อกับแม่ที่ดอนเมือง

   “เอาอะไรพี่”

   “เหนียวตัวมาก  เหม็นไม่ไหวแล้ว”

   “เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้”

   “ไม่อ่ะ  อาบครึ่งท่อนได้มั้ย  ตรงนี้  เหม็นสุด ๆ”  ผมเอามือจับที่ขาหนีบก่อนเอามาดม  กลิ่นมันได้ใจมากเลยครับ  แทบอ้วก

   “ได้ ๆ  แต่ต้องระวังไม่ให้โดนแผล  พี่เดินไหวมั้ย”

   “จับไว้ด้วยก็ดี  ตายังลายอยู่เลย” 

   เข้าแผนชั่วผมละครับ อ้อนมันซะขนาดนั้น  เดี๋ยวมันก็ต้องพาผมไปอาบน้ำครึ่งท่อน  จะว่าไปแล้ว  แค่เช็ดตัวนี่มันไม่ไหวอ่ะ  เหงื่อที่ออกมามันกลิ่นยาชัด ๆ  ผมไม่ชอบเลยกลิ่นแบบนั้น

   มันแก้กางเกงผมช้า ๆ

   น้ำจากฝักบัวราดลงช่วงล่างต่ำกว่าแผล  โดยผมเอาผ้าปิดแผลไว้อีกชั้นกันพลาด  ร่างที่ไม่โดนน้ำล้างมาเจ็ดวันแล้ว  ไม่อยากบอกเลยว่ามันมีความสุขมากขนาดไหน มันค่อย ๆ  ใช้สบู่ฟอกจากขาขึ้นมาถึงเข่า . . .

   “ถูเองได้มั้ย”    มันชี้ไปที่ตรงนั้น

   “ถ้าทำเองได้จะขอให้ช่วยเหรอ”

   “เออเนาะ”  มันยิ้มก่อนที่จะใช้มือฟอกตรงไอ้อาร์มน้อยของผม  มันลื่น ๆ  เสียว ๆ  จนผมมีอาการ

   “อะไรว่ะ  หื่นไม่เลือก”  มันบอกพลางเอามือตบไปมาเบา ๆ

   “อย่าเล่นดิ  อาบเร็ว ๆ”

   “อืม  แต่ต้องอาบให้สะอาดเอี่ยมก่อน”  ว่าแล้วมันก็ค่อย ๆ  รูดหนังที่ปิดลง  ก่อนที่จะฟอกสบู่  คราวนี้ไอ้อาร์มน้อยโมโหใหญ่เลย

   มันหัวเราะ  ก่อนเอาน้ำฝักบัวราด  ผมอดที่จะหัวเราะตามมันไม่ได้  หัวเราะจนปวดแผลไปหมด  นี่ตกลงมันจะอาบน้ำให้ผมดีขึ้นหรือจะทำให้ผมตายเพราะขำกันแน่   แต่ถึงจะตายตอนนี้ผมก็ยอมละครับ 

   มีความสุขเสียขนาดนั้น . . .



   ผมไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นมาทั้งหมดจะเรียกว่าอะไรดี  เพราะจนกระทั่งปัจจุบันนี้  ผมยังไม่สามารถหาคำตอบจากเรื่องที่เกิดมาทั้งหมดได้  ผมรู้แค่ว่า  สิ่งที่มันผ่านมาแล้วเรียกกลับคืนมาไม่ได้

   เหมือนสายน้ำ . . .


   . . . ธรรมชาติของน้ำ . . . 

   น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเสมอ  อะไรก็ตามที่ผ่านมาแล้ว  มันก็ไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก  เฉกเช่นเดียวกับสายน้ำ

   “อะไรเหรอพี่”  ผมยื่นธนบัตรราคาสูงสุดสิบฉบับให้โก  มันมองหน้าผม  ไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมทำ

   “ให้โก”

   “มาให้ผมทำไม”  มันเลิกคิ้วสูง

   “ที่จ่ายไปตอนที่พี่อยู่โรงพยาบาล”

   ก็ตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้าโรงพยาบาล  จนกระทั่งวันที่ออกจากโรงพยาบาล  โกมันใช้เงินไปมากอยู่  ทั้งค่าตรวจที่โรงพยาบาลแรก  ค่ากิน  ที่มันซื้อมาให้พ่อกับแม่ผมเสมอทุกวันจนกระทั่งท่านทั้งสองกลับเชียงราย

   “ไม่เอา”  มันผลักมือผมกลับ

   “รับไว้เหอะ”

   “ไม่รับพี่”

   “ทำไม”

   “พี่อาร์ม  ตอนนี้ผมมีงานทำแล้วนะ  ถึงจะเงินเดือนไม่มากก็เหอะ  แต่อย่างน้อยมันก็พอใช้นะพี่  แล้วอีกอย่างพี่ช่วยผมมาเยอะแล้ว”

   “ไม่เห็นช่วยอะไรนี่”

   “ช่วยสิพี่  มอเตอร์ไซด์  พี่ก็ซื้อให้  ค่าเทอมพี่ก็ออกให้บ่อย ๆ  รถยนต์เวลาผมจะเอาไปใช้พี่ก็ไม่หวง   แถมวันหยุดยังพาไปดูหนัง  อีก  แค่นี้ผมก็ไม่รู้จะตอบแทนพี่ยังไงแล้ว”

   “โก”  ผมเรียกมัน  ตื่นตันในหัวใจ

   “พี่เจ็บป่วยผมก็ดูแลสิครับ  ผมไม่มีพี่  พี่คือพี่คนเดียวของผมที่ผมมีนะครับ  เรื่องแค่นี้  ผมทำให้พี่ได้  ผมรับเงินพี่ไม่ได้จริง ๆ  หรอกนะครับ  ถ้าพี่รักผมแบบที่พี่บอก  เรื่องนี้ผมขอนะครับ  ขอให้ผมได้ทำอะไรเพื่อพี่บ้าง”

   ผมดึงมันมากอดเอาไว้ . . .   

   ผมไม่รู้จะพูดอย่างไรดี  ทุกอย่างมันมาจุกแน่นอยู่ที่ลำคอ  มันตื้นตันจนบอกไม่ถูก  ผมไม่สามารถที่จะอธิบายความรู้สึกในเวลานั้นออกมาได้  ผมรู้เพียงแค่ว่า คนที่อยู่ในอ้อมกอดผมเวลานี้  คือคนที่ผมรัก

   มันรักผม . . .

   มันจะไม่มีวันทอดทิ้งผมเป็นอันขาด  ผมได้แต่กอดมันเอาไว้  ไม่รู้จะบอกความรู้สึกที่ตัวเองมีได้อย่างไร  สิ่งเดียวที่ผมทำได้  คือกอดมันเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้  คนที่ผมเอามาเรียน  มันไม่ได้ไปไหนไกลผมเลย  มันอยู่ข้าง ๆ  ผมตลอดเวลา  ผมเหมือนคนที่โชคดีที่สุดในโลก . . .

   หาก . .  .

   ไม่มีใครรู้อนาคตข้างหน้า

   . . . ผมเองก็เหมือนกัน . . .

   ไม่รู้สิ่งที่มันจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า  สิ่งเดียวที่ผมทำได้ คือเก็บเอาความสุขที่มีในวันก่อน  มาปลอบประโลมใจยามที่ผมต้องเสียสิ่งที่ดีที่สุดไป  เพราะเราไม่สามารถเรียกสิ่งที่ผ่านไป  กลับคืนมาได้อีกแล้ว

   เวลา . . . ให้ผมมาเจอกับสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุด

   แล้ว . . .

   เวลา . . .

   . . . ก็พรากสิ่งนั้นไปจากผม . . .

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 18-05-2008 09:59:10
เพิ่งรู้สึกได้ว่าตอนนี้ไม่ร้องไห้แล้ว อิ เปลี่ยนมาเป็นอมยิ้มแทน หุหุ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 18-05-2008 11:12:41
เห็นด้วยกะรีบน

รู้สึกว่าตอนนี้ดูอบอุ่นจัง  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 18-05-2008 11:34:07
ยิ้มให้กับชีวิตนะฮะ...แม้บางช่วงเวลามันอาจยากที่จะผ่านพ้น
แต่...อย่าถอยนะฮะ..ยิ้มสู้เข้าไว้..แล้วมันก้อจะผ่านพ้นไป :a2:
แบ่งปันรักและกำลังใจส่งให้ฮะ...  :กอด1:
แล้วมันก้อจะผ่านพ้นไป...
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Entaneer#30 ที่ 18-05-2008 13:06:59
เอาอีกๆๆ
 :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 18-05-2008 15:51:40
ตอนนี้ดีเห็นด้วยๆๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 18-05-2008 17:55:17
ตอนนี้...ค่อยยังชั่ว  :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 18-05-2008 19:33:40
 :m13:รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 18-05-2008 22:01:45

ตอนที่  ๑๕




   แผลผ่าตัดหายเป็นปกติ  ทิ้งเอาไว้แค่รอยแผลเล็ก ๆ  ให้เห็นต่างหน้า  คอยเตือนความทรงจำ  ว่า ในวันเวลาที่มีรอยแผลนี้มีอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง  แผลที่ผมยิ้มทุกครั้งยามเอามือจับมันเบา ๆ 

   ของบางอย่าง . . .

   . . . มีคุณค่าในตัวของมันเอง . .
.

   “อยากกินอะไร  สั่งเลย  งบไม่เกินพัน”  ผมยื่นเมนูในพวกมัน

   พวกมัน . . .

   . . . ไอ้เพื่อนรัก   คนนี้ขาดมันไม่ได้  แทบขาดใจเลยทีเดียว

   น้องแดน . . . น้องรหัสที่ตามตูดผมแจ  แต่ไม่เคยเบื่อมันเลยนะ 

   . . . ไอ้โก . . . คนที่ผมคิดว่า  มันคือหัวใจของผม 

   เพื่อน น้อง  ทั้งหมดคือคนที่อยู่ใกล้ ๆ  ผมยามผมเจ็บป่วย    ในเวลาที่ร่างกายอ่อนล้า  ผมีพวกมันคอยเป็นกำลังใจเสมอ  ตอนนี้หายป่วย  เลยถือโอกาสมาเลี้ยงขอบคุณมันสักหน่อย  ร้านเดิมครับ ร้านที่ผมชอบไปนั่งบ่อย ๆ

   “โหยไอ้ยิว  พันนึง  คงพอหร๊อก  สั่งข้าวเปล่ามาแดกหรือไง  เปิดเหล้าขวดนึงเท่าไหร่เข้าไปแล้ว”    ไอ้เพื่อนผมมันต้องต่อล้อต่อเถียงทุกทีสิน่า

   “ท่านเพื่อน  กะเอากูล่มจมเลยว่างั้น”

   “ไม่ใช่  แต่แหม  พันนึงจะกินไรได้ตั้งสี่คน ใช่มะแดน”  งานถนัดของมันละครับ  หาพวกคอยรุมผม

   “จะแดกมั้ยมึง”

   “แดกเด่ะ  ของฟรี”

   “เกินพันมึงจ่ายนะ”

   “ช่วยสองร้อย  หมดงบ”

   “ตั้งแต่มีแฟน  ประหยัดงบเที่ยวนะมึง  เก็บเงินแต่งเมียเหรอ”

   “เออดิ๊  กะกู้มึงนะเนี่ยค่าสินสอด . . .”   มันเปิดเมนูไปมา

    “. . . โก  กินอะไรสั่งเลยน้อง”  มันหันไปทางคนของผม

   “ไอ้สาสสสสสสสสสส  แต่งงานจริงอ่ะ  ทิ้งกู  เอากูไปไว้ที่ไหน  แมร่งเลว  ได้แล้วทิ้ง ๆ  ขว้าง ๆ” 

   “ไอ้เวร  กูไปได้มึงตอนไหน”

   “ถึงไม่ได้ตัวก็ได้ใจละว๊า”

   เอากับผมสิครับ  เรื่องยียวนกวนบาทีกับมันนี่  งานถนัด  ไม่ค่อยมีใครยอมลงให้ใครหรอก  ยอมกันได้อย่างไร  ของแบบนี้

   มันอยู่ที่ความสามารถเฉพาะตัว . . .

   “แดน  ปีนี้จะจบแล้ว  ต่อโทเมืองนอกเลยป่ะ”

   “พูดไปพี่อาร์ม  แค่เมืองไทยก็จะจบแหล่มิจบแหล่  ไปนอกก็พอดี   ยิ่งกว่าขายนาส่งควายเรียน” 

   “ขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “ใครจะเก่งเท่าพี่ละครับ  เก่ง ๆ  แบบพี่เป็นผมสอบจ๊วตไปแล้ว  ไม่อยู่แค่กราวน์หรอกน่า”

   “เหรอ . . . งั้นมึงมาเป็นกราวน์ดิ  แล้วกรูจะไปเป็นจ๊วต”    ผมยิ้ม  เย้ากันเล่นกับมันมากกว่าที่จะคิดจริงจัง

   ในเวลานั้น . . . 

   ผมไม่เคยคิดที่จะทำงานบนเครื่องเลยแม้แต่น้อย . . .

   ผมรู้งานมันไม่ได้สวยงามแบบที่เรา ๆ  เห็น  แค่ผมอยู่กราวน์ก็รู้แล้วลูกเรืองานหนักกว่าผมอีก  แต่มองอีกมุมมันก็คุ้มกับค่าจ้างที่สูงลิบลิ่ว

   “พูดไปพี่  ผมน่ะ  อยากทำงานใกล้ ๆ พี่”  ผมหันไปมองหน้า

   มันหลบสายตาผมก่อนที่จะแก้เก้อ 

   “ใช่มะพี่โอ๋  ถ้าผมไปอยู่บูติคแอร์ไลน์  ผมก็อยู่ใกล้พี่อาร์ม  ใกล้พี่โอ๋  เลิกงานพร้อมกันทีสังสรรค์ทุกวันเลย”

   “อย่างแกนะไอ้แดน  จะเข้าตำแหน่งไหนของบูติก  เขาก็อ้าแขนรับ  นามสกุลแกมันฟ้องหราขนาดนั้น”

   นามสกุล . . .

   มีผลต่อการทำงานเสมอ  ยิ่งเป็นที่รู้จักมาก  ยิ่งมีโอกาสมาก  ผมรู้ดี  ขนาดผม  แม่มันยังฝากให้ได้  แล้วกับลูกตัวเอง  ไม่ใช่เรื่องยากเย็น

   ผมยิ้ม . . . มิตรภาพมันต้องใช้เวลา

   เวลา . . . ค่อย ๆ  หลอมความรู้สึกเข้าด้วยกัน

   “ผมอยากอยู่ทีจีนะพี่โอ๋”

   “อย่ามาปากหวานไอ้แดน  อย่างมึงนี่  กูกล้าพนัน  ไม่ห่างตูดไอ้อาร์มหรอก”

   “สัส . . . พูดห่าไร  ตูดกูกูหวง  ใช้คำดี ๆ  หน่อย  ตูดนี้เก็บไว้ให้เอกรัฐคนเดียว”  ผมทำตาหวานใส่มัน

   “เออ  งั้นคงเหี่ยวละเพื่อน  เพราะกูจะแต่งเมียแล้ว”  มันยิ้ม    ก่อนจัดการอาหารที่เด็กเอามาเสริฟ

   อาหารมื้อนั้น  อร่อย  เพราะผมเพิ่งฟื้นจากการผ่าตัด  ทำให้กินอะไรก็อร่อยไปหมด  มันอยากกินทุกอย่างที่ขวางหน้า  ไม่รู้คนอื่นจะเป็นแบบผมไหม   

   “เฮ้ย! ไอ้อาร์ม  จะสี่ทุ่มแล้ว  มีโปรแกรมไปต่อไหนป่าวว่ะ”

   “โห . . . มึง  เครื่องในกูยังไม่เข้าที่เลยนะ  จะให้ออกไปเริงระบำที่ไหน”  พอท้องเริ่มอิ่ม  เริ่มมองหาที่ต่อ

   “วันศุกร์นะมึง”

   “กูรู้วันศุกร์  แล้วไงต่อครับท่านเพื่อนรัก”

   “กินเหล้ากัน”

   “สัสดิ  หมอห้าม  ยังไม่ครบเดือนห้ามกิน”

   “ก็ไปกินน้ำปล่าว  น่า ๆ  กรูอยากแดนซ์”  ตัวมันแหละครับ  มันชอบเที่ยว  การเต้นชีวิตจิตใจของมันเลย 

   “ไปต่อกันมั้ยแดน”

   ผมมองหน้ามัน . . . เรื่องหาแนวร่วมงานถนัดมัน  ไอ้แดนมองหน้าผมที  มองหน้าไอ้เพื่อนรักที  เหมือนกำลังชั่งใจว่าจะอยู่ข้างไหนดี

   ส่วน . . .  โกเมศมวร์

   คำตอบมัน . . . แล้วแต่พี่อาร์มสิ   แบบเดียวที่มันตอบเป็น

   “แปบนะ  พ่อโทรมา”  ผมบอกมัน  ก่อนรับสาย 

   “ครับพ่อ”

   “อาร์มลูก  นอนหรือยัง”

   “ยังครับผม  พ่อละครับ”

   “อาร์ม  มาเชียงใหม่ได้มั้ยลูก”  เสียงพ่อทำไมแปร่ง ๆ 

   “พ่อมีอะไรหรือเปล่า  เสียงไม่ค่อยดีเลย  ไปได้ครับ  จะให้ไปวันไหนล่ะครับ”  ผมเริ่มเฉลียวใจ

   “ไฟลท์เช้าได้มั้ยลูก”

   “พ่อ . . .”  ผมเรียก 

   “บอกมาเหอะครับ  พ่อมีอะไร”

   “มีอุบัติเหตุนิดหน่อยนะลูก  พ่ออยู่สวนดอก”

   “แม่ . . . แม่ละครับ” 

   ไม่รู้ทำไม  ใจผมมันห่วงหาแต่แม่ . .   เสียงของพ่อ  ไม่ดีเลย  ไม่ดีเอามาก ๆ  มันทำให้หัวใจผมมันพลอยวังเวงไปด้วย  เสียงผมคงดัง  ไอ้สามคนที่นั่งคุยกันอยู่  นั่งเงียบหันมามองผมเป็นสายตาเดียวกัน

   “แม่ . . . อยู่ไอซียู  พรุ่งนี้นะลูก  มาไฟลท์เช้า” 

   “แม่เป็นไรพ่อ  แม่เป็นอะไรมากมั้ย”  คราวนี้เสียงผมดังขึ้น     

   น้ำตาผมเริ่มไหล  ไอ้เพื่อน ๆ  รอบตัวเริ่มรู้แล้ว   ไอ้โอ๋  ขยับมานั่งติดกับผม  มันเอามือวางไว้บนเข่า  ผมรู้  มันห่วงใยผม   

   “หมอยังไม่ออกมาเลยลูก  พรุ่งนี้นะลูกอาร์ม  แค่นี้นะลูก”  พ่อตัดสายทิ้งไป

   ผมนั่งนิ่ง . . .

   ทำไม  มันเกิดอะไรขึ้น  ผมมองหน้าแดน  มองไอ้โอ๋  แล้วหันไปมองหน้าโก   สายตาผมเหม่อ  ผมหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้

   “แม่เป็นอะไร”  ไอ้เพื่อนรัก  มันมองหน้า เขย่าขาผม  ปลุกผมจากคำพูดของพ่อ  ที่ยังก้องอยู่ในหัว   

   “พ่อบอกอยู่ไอซียู กี่โมงแล้ว”

   “สี่ทุ่ม”

   “ไฟลท์หมด  กลับแล้วนะ  กูจะไปเชียงใหม่”  ผมบอกมัน 

   “น้องเก็บตังค์”  ผมส่งเสียงเรียกเด็กเสริฟ

   “กูไปด้วย”

   “ผมไปด้วย”

   “ผมด้วย”

   ผมหันไปมองหน้ามันสามคน    ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี  ผมเหมือนคนเป็นใบ้  นิ่งเงียบ  หัวใจมันกระวนกระวาย  พยายามโทรหาพ่อ  แต่เครื่องปิด  มันยิ่งทำให้ผมกังวลใจมากขึ้นไปอีก

   “พี่อาร์ม”  โกแบมือ

   “อะไร”

   “กุญแจรถ”

   ผมมองหน้ามัน . . .

   “ให้น้องมันไปไอ้อาร์ม  มึงขับไม่ไหวหรอก  สภาพมึงตอนนี้  กูไม่ยอมให้มึงขับเด็ดขาด  เดี๋ยวกูสามคนผลัดกันขับเอง  ห้ามดื้อ  ห้ามเถียง  เอาไปโก . . ”  ไอ้เพื่อนรักออกคำสั่ง  ก่อนล๊อคคอผมเอาไว้  แล้วยึดกุญแจให้โกเมศวร์

   มันเข้าประจำที่คนขับ

   “ทำไมว่ะ”

   “ไม่ต้องถาม  แดนไปนั่งหน้าเป็นเพื่อนโกมัน  เดี๋ยวไอ้อาร์ม  พี่เอามันนั่งหลังเอง”  มันพวกไหนวะนี่  ทำอย่างกะผมเป็นนักโทษ

   “ปล่อยกู  กูขับได้”

   “เชื่อพี่โอ๋นะพี่อาร์ม  พี่อย่าขับเลย  ว่าแต่แม่อยู่โรงพยาบาลไหน”   

   “สวนดอก”

   “สักครู่นะพี่  เดี๋ยวผมจะโทรเช็คกับเพื่อนให้”

   ผมไม่รับรู้อะไรแล้ว . . .

   เอาเหอะ  ใครอยากจะทำอะไรก็ทำ  เพราะตอนนี้ใจผมมันละลิ่วไปถึงเชียงใหม่แล้ว  ทำไมพ่อไม่โทรมาก่อนหน้านี้สักสองชั่วโมง  อย่างน้อย  ผมยังมีโอกาสไปแสตนด์บายที่สนามบิน  กรุงเทพฯ  เชียงใหม่ไกล  ผมคงรอให้เช้าแล้วบินไม่ไหวแน่ ๆ   

   “โก  ออกทางแยกบางเขน  ขึ้นโทลเวย์ไปเลย”  ไอ้โอ๋ออกคำสั่งเมื่อขึ้นมาบนรถ

   “ไม่แวะเอาของก่อนหรือพี่”

   “ไม่ต้อง  ไปหาเอาข้างหน้า”  มันตัดสินใจเด็ดขาด

   ผมหรือ มีแต่น้ำตา   ความคิดมันไปไกล  มมันคิดไปน่ากลัว  น้ำเสียงพ่อ  ไม่ดีเอาเสียเลย   ไอ้เพื่อนรักมันเอาผมมาอิงแอบแนบไหล่มัน    ผมมองโกขับรถลัดเลาะไปบนถนนที่ยังหนาแน่นไปด้วยรถรา

   ไอ้แดนมันโทรเช็คข่าวจากเพื่อนมันที่เชียงใหม่  มันค่อนข้างกว้างขวาง  ผมไม่รู้มันพูดอะไรกับเพื่อนมันบ้าง  เพราะหัวใจของผมมันไม่ฟังอะไรอีกแล้ว  ผมได้แต่นั่งหลับตา  ปล่อยน้ำตาไหลเป็นทาง

   ห่วง . . . 

   . . .แม่ . . .

   เป็นห่วงเหลือเกินแล้ว . . .

   พ่อ . . . ผมเพิ่งคุยไป 

   แต่แม่นี่สิ . . . อยู่ไอซียู  แสดงว่าอาการหนักพอดู  แล้วเกิดอุบัติเหตุที่ไหน    มันเกิดได้อย่างไร  ตั้งแต่เมื่อไหร่

   “พี่อาร์ม  เกิดอุบัติเหตุที่รอยต่อ  เวียงป่าเป้ากับดอยสะเก็ด  ที่นั่นทางชัน  พ่อเจ็บไม่มาก  แต่แม่ อาการน่าเป็นห่วง  เพราะเกือบสามชั่วโมงแล้ว ทีมหมอยังไม่ออกมาจากไอซียูเลย”

   “ไอ้ห่าแดน  มึงไม่ต้องบอกหมดก็ได้”  ไอ้โอ๋เอ็ดมัน

   “อย่าว่ามันไอ้โอ๋  ขอบใจนะแดน  ขอบใจ”  ผมบอกได้แค่นั้นจริง  ๆ  เพราะอะไรไม่รู้มันมาจุกที่คอผม 

   . . . ทีมหมอเลยหรือ . . .

   มันตีบแน่นไปหมด 

   แค่ . . . ไม่ถึงเดือนเอง  ถ้าผมรั้งแม่ให้อยู่ต่อ  แม่คงไม่เจ็บตัว  ทำไมวะ  ทำไมวันนั้นผมไม่รั้งแม่เอาไว้  ผมปล่อยให้แม่กลับเชียงราย  แล้วแม่ต้องมาเกิดอุบัติเหตุ

   ผมไม่รับรู้สองข้างทาง  รถวิ่งมาเร็วขนาดไหน  ผมไม่สน  ผมรู้แค่ว่า  ทำไมระยะทางมันยาวนานเหลือเกิน  ผมนิ่งเงียบไม่อยากคุยอะไรอีก  สมองมันคิดแต่ว่า  แม่จะเป็นอย่างไรบ้าง

   . . . แม่ต้องไม่เป็นอะไร . . .
   


   ผมมาหลับเอาตอนที่ไอ้โอ๋ไปเปลี่ยนขับให้โก  โกมานั่งหลังกับผม  ผมหลับไปบนไหล่มัน  มันจับมือผมเอาไว้  ผมกลัวนะ  กลัวไปหมด  กลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น  ผมไม่อยากคิดอะไรที่ร้าย ๆ

   แต่ . . .

   สายใยบางอย่าง . . .

   . . . มันถึงกัน . . .

   ก่อนแปดโมงเช้า . .  . ผมไปถึงสวนดอก

   “ญาติคุณรัชนีหรือครับ”  หมอถามเมื่อ  ผมแจ้งชื่อของคนไข้

   “ครับ  ผมเป็นลูกชายครับ

   “คุณอาทรอยู่ในห้องปลอดเชื้อทั้งคืนเลย  เปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”

   “ขอบคุณครับ”

   “หมอครับ  ผมขอเข้าด้วยได้มั้ยครับ”  ไอ้โอ๋  มันมองหน้าหมอ

   “ขอโทษนะครับ  เข้าได้ครั้งละไม่เกินสองคนนะครับ”

   “ครับ”

   ผมไปเปลี่ยนชุดปลอดเชื้อ  ก่อนที่จะเข้าไปในห้อง   แต่ละก้าวที่เข้าไป  มันเหมือนเข็มที่คอยทิ่มแทง  ทุกอย่างมีแต่ความเจ็บปวด  ผมกลัวเหลือเกิน  คนที่นอนนิ่งอยู่  ไม่ได้สติ  ส่วนคนที่นั่งกุมมือคนบนเตียงนั่น . . .

   “พ่อ”  ผมโผเข้าหาพ่อ

   “มาถึงเร็ว”  เสียงพ่อแหบ  พ่ออ่อนเพลีย  เพราะไม่ได้นอนมาทั้งคืน

   “ขับรถมาครับ”

   “อันตราย . . .”   พ่อโอบผมเอาไว้

   “. . .เหมือนพ่อ”  น้ำตาพ่อไหล  ผมกอดพ่อเอาไว้แน่น  มองร่างที่นอนสงบนิ่ง  ไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆ  ที่เกิดขึ้น

   “โก  แดน ไอ้โอ๋ ช่วยกันขับ  มันไม่ยอมให้ผมขับ”

   “ดีแล้วลูก”

   “หัวพ่อ”  ผมมองที่หัว

   “หมอเย็บแล้วล่ะลูก    เมื่อคืนพ่อมีธุระด่วนที่เชียงใหม่  ทางมันชันลูกก็รู้  รถอีกเลนแซงมา  พ่อหักหลบ  แม่เลยรับเคราะห์แทน”  พ่อน้ำตาไหล

   “พ่อ  ไม่เป็นไรนะพ่อ  ไม่เป็นไรแล้ว  เดี๋ยวแม่ก็หายนะ . . .”  คอผมแหบแห้ง  แทบจะไม่มีเสียง  ผมรู้ดี  สิ่งที่พูด  กับสิ่งที่ผมเห็น  มันห่างไกลความเป็นจริง

   “. . . พอแม่หาย  เราจะกลับไปอยู่บ้านเหมือนเดิมนะพ่อ  แม่ต้องหายนะพ่อ  หมอเก่งผมรู้”  ผมเหรอ  น้ำหูน้ำตาไหลพราก  พยายามยิ้ม

   “แม่  . . .”   ผมทรุดตัวลงกับเตียง  เอามือกุมมือแม่เอาไว้

   “. . . อาร์มอยู่นี่นะแม่ อาร์มอยู่นี่  แม่ตื่นสิแม่  ตื่นมาคุยกับอาร์ม”  ผมจับมือแม่มาวางเอาไว้บนหัว  สองมือจับมือแม่เอาไว้  อยากให้แม่รู้  ว่าผมอยู่ใกล้ ๆ  ไม่ได้ไปไหนเลย

   เสียงเครื่องมือแพทย์ร้อง  ผมหันไปมอง แม่กระตุก  เหมือนคนที่หายใจไม่ออก

   “แม่ . . .  แม่เป็นอะไร  แม่  หมอ  หมอ  ช่วยแม่ด้วย”  ผมร้องเรียกหมอเหมือนคนบ้าคลั่ง  อาการแม่น่ากลัว

   หมอเข้ามา  ก่อนที่ผมจะต้องออกไปรอด้านนอก . . .

   เวลาแห่งการรอคอยมันทรมาน  แล้วยิ่งเป็นเวลาระหว่างความเป็นกับความตาย  มันยิ่งน่ากลัว  ผมนั่งกับพื้นเหมือนคนไร้ชีวิต    ที่ม้านั่ง  โกมันนั่งจับมือพ่อเอาไว้  ส่วนซ้ายขวาของผม  ไอ้เพื่อนรักกับแดน

   ไม่มีใครทิ้งผม . . .

   ผมนั่งนิ่ง ๆ  ไอ้เพื่อนรักมันเอามือมาโอบไหล่ผมเอาไว้ . . .

   แค่นี้ . . .

   . . . หัวใจผมอบอุ่น . . . 

   หมอออกมาอีกเกือบครึ่งชั่วโมง  ทุกคนหันไปที่หมอเป็นสายตาเดียวกัน  หมอมองหน้าพ่อ . . .  ผมจำได้ดีไม่เคยลืมสีหน้าหมอ

   หมอส่ายหน้าช้า ๆ

   “หมอเสียใจด้วยนะครับ”   . . .  ก่อนถอยหลังจากไป

   เสียงหมอ  มัจุราชที่มาพรากเอาหัวใจผมไป  ผมไม่รู้ว่าในตอนนั้น  ผมอยากมีชีวิตอยู่หรือไม่

   “แม่ . . .ไม่จริง  แม่ต้องไม่ตาย”  ผมตะโกนลั่น  ก่อนวิ่งเข้าไปในห้อง   ไอซียู

   ร่างแม่นอนสงบนิ่ง  ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเครื่องมือแพทย์โดนถอดออกจากร่างกายของแม่ ใบหน้าแม่ยิ้มอิ่มเอิบ  ผมเข้าไปกอดร่างนั้นร้องไห้อย่างไม่อาย  ร่างแม่ยังอุ่น

   “แม่ . . . แม่ทิ้งอาร์มไปแล้ว”  ผมเขย่าร่างนั้น

   “ . .   แม่ทิ้งอาร์มไป  แม่  ตื่นสิแม่  แม่ตื่น”  ผมกอดร่างนั้นเอาไว้  เขย่าเอาไว้ตลอด

   ไม่มีใครรู้หรอกว่าตอนนั้นผมรู้สึกอย่างไร  มันเหมือนคนที่โดนกระชากลงสู่ที่ตำอย่างรวดเร็ว มันปวดร้าวเหลือเกิน  ทุกสิ่งทุกอย่างมันยากเกินที่ผมจะทำใจรับสภาพได้  ผมทุรนทุรายราวกับใครมาควักเอาหัวใจผมออกไป

   แม่ไปแล้ว . . .

   เหลือแค่ความรักที่ผมเคยได้รับ . . . ผมไม่เคยลืม

   ผมอยากให้สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้มันคือความฝัน  ถึงมันจะเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิต  แต่ผมก็ยังรู้ว่า  หากผมตื่นขึ้นมา  แม่จะยังอยู่ไม่ไปไหน  แม่ยังอยู่กับผม  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือความจริง

   ผมต้องทำใจยอมรับมันให้ได้ . . .

   การจากลา . . .

   . . . มันอยู่รอบ ๆ  ตัวเรา

   จากตาย . . . มันทรมาน 

   แต่เรายังทำใจได้ว่า  ไม่มีแล้ว  ไม่มีอีกแล้ว  คนที่เรารักเขาไปสู่สัมปรายภพที่ดีแล้ว

   หาก . . . จากเป็นล่ะ

   ผมไม่รู้ในเวลานั้น . . . จวบกระทั่งต้องได้เจอกับมัน

   “ไอ้อาร์ม . . . ปล่อยแม่เหอะมึง  ปล่อยนะอาร์ม . . .”   ไอ้เพื่อนรัก  มันเอามือมาโอบผมเอาไว้ 

   “. . . แม่ไปดีแล้วอาร์ม  อย่าดึงไว้  อย่าทำให้แม่ห่วงอาร์ม”  มันกอดผมเอาไว้

   “มึงมองแม่สิอาร์ม  มองหน้าแม่  เห็นมั้ย  แม่ยิ้ม  แม่ไม่เจ็บนะอาร์ม  แม่เพียงแต่ไปรอเราที่บ้านใหม่  แม่แค่ล่วงหน้าไปรอเรา  ไปเก็บกวาดบ้านไงอาร์ม  แม่ไปกวาดบ้านรอพวกเรา”  มันดึงผมมาซบกับไหล่ของมัน

   “กูอยากไปหาแม่  อยากอยู่กับแม่”

   “พี่อาร์ม . . .”  โกมันเดินมาโอบผมเอาไว้อีกคน

   “โอ๋ . . . พ่อฝากทางนี้นะลูก  เดี๋ยวพ่อต้องไปติดต่อกับโรงพยาบาล  เอาแม่กลับบ้าน

   “ครับพ่อ  ไม่ต้องห่วง”  มันหันไปบอกพ่อ

   “แดน . . . ตามพ่อไปด้วย  เพื่อนแกอยู่นี่  อาจเร็วขึ้น”  โอ๋มันหันไปสั่งแดน 

   ในเวลานั้น  ดูเหมือนไอ้เพื่อนรักมันจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงกับงานทั้งหมด  เพราะหลังจากที่พ่อ  ติดต่อเอาแม่ออกจากโรงพยาบาล    มันกับโกก็วิ่งวุ่นกับติดต่อวัด  ติดต่อร้านโลง  ร้านดอกไม้  ไอ้เพื่อนรักผมมันเป็นตัวสั่งงานทุก ๆ  อย่าง  ในขณะที่ผมไม่ไม่เรี่ยวแรงเหลืออีกแล้ว

   ผมได้แต่นั่งนิ่ง ๆ  หน้าร่างที่คลุมไว้ด้วยผ้าขาว . . .

   จวบจนกระทั่ง  เมื่อผ่านพิธีการรดน้ำในตอนเย็น

   . . . ผมกับโกช่วยกันยกแม่ลงในที่แคบ ๆ . . .   

   ร่างแม่ยังอุ่นอยู่เลย  ใบหน้าแม่ยิ้มอิ่มเอิบ  แม่คงรอผมมาทั้งคืน  ไอ้โอ๋กับไอ้แดนช่วยผมทุกเรื่อง   ในขณะที่  ผมไม่อยู่ในสภาพที่จะทำอะไรได้เลย    ผมได้แต่นั่งนิ่ง ๆ  หน้าโลงศพ   

   การลาจาก . . .

   . . . เจ็บปวดเสมอ

   ป้าภากับอาปู  มาถึงตั้งแต่บ่าย  เพราะโกเมศวร์โทรไปบอก  เรื่องอาหารในการต้อนรับแขกหายห่วงเพราะเป็นหน้าที่ของสองคน   ทุก ๆ  อย่างดูวุ่นวายไปหมด  แต่ผมไม่อยู่ในสภาพที่จะช่วยเหลือใคร ๆ  ได้เลย

   ทุกคนล้วนวุ่นวายกับงาน  กับ แขกหรื่อ

   ส่วนผม . . . ผมไม่ได้ทำอะไรเลย  นอกจากนั่งมองรูปถ่ายแม่ . . .

   “พ่อ  ผมจะบวช”

   “แล้วงานอีกล่ะ”

   “ช่างมัน”

   “อาร์ม  พ่อบวชเองลูก เพราะพ่อ แม่เขาถึง . . .”  พ่อนิ่ง

   “พ่ออย่าโทษตัวเองสิครับ”

   “อาร์มทำงานเหอะลูก  เราเหลือกันแค่สองคนเท่านั้นแล้วนะ  ถ้าอาร์มบวช  พ่อบวช  วันเผาแม่จะยุ่ง  อีกอย่าง  อาร์มก็บวชแล้วเมื่อตอนยี่สิบ”

   “แต่ . . .”

   “อาร์ม  ถ้าอาร์มบวชอีกคน  ใครจะส่งแม่ไปสวรรค์ล่ะลูก”

   ผมกอดพ่อเอาไว้  ไม่อยากปล่อย  ตอนนี้ผมมีแค่พ่อเท่านั้น  ชีวิตผมไม่มีใครอีกแล้ว    ถ้าผมรู้ล่วงหน้า . . .  ผมไม่ยอมให้พ่อบวชแน่ ๆ

   จากวันนั้น . . .

   . . . จวบจนเวลาต่อมา

   พ่อผม . . .

   . . . หลวงพ่อ . . .

   


   งานศพแม่จัดแบบง่าย ๆ  เก็บแม่เอาไว้แค่  ๕  วัน  ผมนะหรือ  เหมือนซากที่เดินได้  ยามผู้คนรอบตัวผมเข้มแข็ง  หากแต่  ยามไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ  ตัว  ผมมีแค่น้ำตา  น้ำตาที่มันอยู่กับผม

   ผมแหงนมองยอดเมรุเมื่อเสียงสัญญาณที่บาดลึกเข้าไปในหัวใจ . . .


   ควันสีดำ ๆ  ที่ล่อยล่องไปสู่เบื้องบน  ผมจ้องมองมันนิ่ง  ราวกับว่าจะเห็นวิญญาณของแม่สักครั้ง  ผมอยากแยกให้ออก  อันไหนกันแน่ควัน  สิ่งใดกันแน่วิญญาณ . . . แม่

   “กูไม่มีใครแล้ว  กูไม่เหลือใครแล้ว”  ผมบอกเบา ๆ  คนที่ข้าง ๆ  ผม  ไอ้เพื่อนรัก  กับโก

   “มึงยังมีกูไง  กูไม่ทิ้งมึงหรอก”

   “กูเหลือใคร  กูไม่เหลือใคร  แม่ไม่อยู่แล้ว พ่อบวช  กูรู้  พ่อไม่สึกแน่ ๆ. . .”   ผมเอามือปาดน้ำตาทิ้ง 

   “. . . แล้วกูล่ะ  ชีวิตกูที่เหลือจากนี้ กูจะอยู่ไปทำไมอีกว่ะ  กูจะอยู่ไปเพื่ออะไรอีก  ในเมื่อทุกอย่างของกูมันไม่มีอะไรแล้ว”

   ไอ้เพื่อนรักมันดึงผมไปกอดเอาไว้   ผมรู้  มันเองก็ไม่ได้เข้มแข็งอะไรมากมาย  มันปาดน้ำตาป้อย ๆ

   “พี่อาร์ม  ผมอยู่กับพี่ไง  ผมก็อยู่”   โกมันเดินมาโอบผมเอาไว้จากด้านหลัง

   “กูไม่รู้นะโว้ย  ทำไมกูต้องเจอเรื่องบ้า ๆ  แบบนี้ด้วย  ทำไมว่ะไอ้โอ๋”

   “อย่าร้องนะมึง  กูอยู่นี่  อยู่กับมึง”  มันตบไหล่ผมเบา ๆ

   “พี่อาร์ม  ผมก็อยู่พี่”  แดนมันจับมือผมเอาไว้

   มันแทนกันได้หรือ ?

    สิ่งที่ผมสูญเสีย  ผมแลกได้หรือกับชีวิตที่เหลือจากนี้  หากมีอะไรที่ผมแลกได้  ผมอยากจะแลก  ผมยอมทุก ๆ  อย่าง

   “ทำไมกูไม่ตาย ๆ  ไปว่ะ”

   “พี่อาร์ม  อย่าพูดแบบนั้นสิ”    โกมันกอดผมจากด้านหลัง  ผมรู้  น้ำตามันเลอะหลังผมหมดแล้ว

   “ไอ้อาร์ม  มึงเข้มแข็งเอาไว้นะ  มึงต่อผ่านไปให้ได้  มึงมีกู  มีไอ้โก  มีแดน  ทุกคนอยู่ข้าง ๆ  มึงนะโว้ย  ไม่มีใครไปไหน  ไม่มีใครทิ้งมึงไปไหน”  มันกอดผมเอาไว้

   ผมรู้ตอนนั้น . . .

   ไม่รู้น้ำหูน้ำตาของใครเป็นของใคร  มันคือช่วงเวลาที่สูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม  แต่ผมรู้  ผมมีคนที่รักผม  คนที่อยู่ใกล้ ๆ  ผมในยามที่ผมอ่อนแออย่างที่สุดในชีวิต

   “อาร์ม”  เสียงหลวงพ่อ

   ผมปล่อยเพื่อนจากอ้อมกอด  นั่งลงยกมือไหว้

   “คนเราทุกคนล้วนสูญเสีย  ความสูญเสียมันอยู่รอบ ๆ  ตัวนะลูก    อาร์มต้องปล่อยวาง  มองสิ่งที่เกิดขึ้น  ล้วนเป็นธรรมชาติ”  เสียงหลวงพ่อเรียบ

   “แต่ . . “  ผมมองหน้า  น้ำตาเอ่อ

   “ทุกอย่างเป็นกรรม  โยมแม่เขาหมดกรรมแล้ว  เราควรยินดี”  โยมพ่อยิ้มละมุน

   “. . . โอ๋  แดน  โก  ดูแลกันดี ๆ  นะลูก”

   “ครับหลวงพ่อ  ผมจะดูแลอาร์ม  อยู่ข้าง ๆ  มันนี่แหละครับ”  ไอ้เพื่อนรักก้มกราบ

   ผมไม่รู้ . . .

   ไม่ได้รับฟังคำสั่งสอนหรอก  ผมจะทำใจได้อย่างไร  สิ่งที่มันเกิดขึ้น  รวดเร็วเหลือเกิน  ขอเวลาผมอีกสักหน่อยได้ใหม 

   ขอเวลาให้ผมตั้งตัวบ้าง . . .
   


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 18-05-2008 22:10:25
มาจิ้มไว้ก่อนค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 18-05-2008 22:35:12
ง่า เวลา....พรากสิ่งที่รักเหรอ เศร้าจัง :sad2:
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Entaneer#30 ที่ 18-05-2008 22:41:17
เอาอีกๆๆ
เยอะๆเลย
 :oni3: :oni3:
.
.
.
.
เอาตอนปัจจุบันด้วยดิ
แอบอยากรู้อ่ะ
 :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 18-05-2008 22:59:44
อืมมมมม โกน่ารักจัง ไม่แปลกใจเลยที่อาร์มรักโกสุดหัวใจ เปนเราเราก้อห้ามใจไม่ไหวหรอก... :กอด1:
แต่ตอนนี้สงสัย ว่าอะไรนะที่ทำให้เรื่องราวระหว่างอาร์มกะโกกลายมาเปนอย่างทุกวันนี้ได้...เกินจะคาดเดาจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 18-05-2008 23:28:25
ตอนนี้เป็นตอนที่อ่านแล้วยิ้มได้อีกตอน :m1: :m1: :m1:

แต่แอบสงสัยนิดนึง ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพ่อแม่รึเปล่า เห็นทิ้งท้ายไว้ว่า ถ้ารู้จะไม่ให้กลับ ต้องเศร้าแน่ ๆ เลย  :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 19-05-2008 00:52:22
ภาพที่เจ็บปวด ทำไมมันกระจ่างชัดก็ไม่รู้    ที่มันชัดเจน เพราะความรักยังอยู่ไงคะ

ในเมื่อ สิ่งที่พี่อยากได้  กลับมาหาพี่แล้ว จะปล่อยมันไปทำไมล่ะ
ไม่ลองเปลี่ยนอนาคตให้ตัวเองดูบ้างล่ะคะ 


"You can't change the past
but you can change the future
into a better past !!!"

"คุณไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนอดีตได้   
แต่สิ่งที่คุณสามารถเปลี่ยนได้คือ...
อนาคต ..เพื่อที่จะเป็นอดีตที่ดีกว่า"

(ข้างบนลอกเขามา อิอิ)



ซักนิดซักหน่อยก้อเอานะ ในห้องน้ำอ่ะ  เอิ้กๆ
จริงๆน้องโกน่าร๊ากกกกกกก...ก นะ ดูแลเอาใจใส่ คนรอบข้าง
ทำไมถึงว่า พี่อารม์ ร๊ากกกกก  ขนาดนี้ อิอิ

พี่เอ๊ย อย่างที่บอกแล่ะ อดีต มันเปลี่ยนไม่ได้ แต่เรา เรียนรู้ กับสิ่งที่ผิดพลาดได้ไม่ใช่เหรอ

พี่จะให้ตัวเองจมอยู่กับอดีตที่ผิดพลาด ไปตลอด

หรือว่าพี่เลือกจะสร้างอนาคตขึ้นมาใหม่

เพื่อจะได้เปลี่ยนแปลงอดีตที่เคยผิดพลาดล่ะ

อันนี้ ขึ้นอยู่กับตัวพี่ล่ะน๊า... :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 19-05-2008 00:57:51
ใครได้2คนนี้ไปเป็นแฟนโชคดีมากมาย แต่ไงซะถ้า2คนนี้เป็นแฟนกันก็ต้องดีคูณ2แน่นอน อิๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: treasure ที่ 19-05-2008 03:40:33
สำหรับผม ผมคงแนะนำคุณไม่ได้ในตอนนี้ เพราะว่า

ผมเองยังไม่ทราบถึงบทสรุปที่ในสิ่งที่คุณตัดสินใจเลือกที่จะหนีเค้าไป

แต่ถ้าเรื่องนี้เกิดกับผม ตอนนี้ผมตอบได้เลย ว่า ผมจะให้โอกาสคนคนนั้น

โอกาสที่เราให้เค้ามาหลายสิบปี แต่เค้าไ่ม่เคยรับมันไว้เลย

นี่อาจจะเป็นบทพิสูจน์โชคชะตาของเค้าแล้วก็ได้ว่าเค้าต้องการเราจริงหรือเปล่า


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 19-05-2008 11:17:37
เฮ้อออออออออ

ว่าจะไม่แล้วนะ

 o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 19-05-2008 11:36:26
เง้อ...

พี่อาร์มT^T :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 19-05-2008 13:25:41
ร่างกายเจ็บป่วย..................ไม่แตกต่างอะไรไปจากหัวใจ . . ....เยียวยาด้วย . . . เวลา
เฮ้อ...ชอบประโยคนี้ฮะ...
 :กอด1:ชอบทุกตัวอักษรที่พี่เรียงร้อยเรื่องราว...ภาษาสละสลวยมากฮะ... :m1:
อ่านแล้วลึกสุดจายฮะ.... o7
ขอพระเจ้าคุ้มครองฮะ..(เกี่ยวป่ะเนี่ย) :bye2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 19-05-2008 13:42:40



ขอบคุณ . . . ทุกคลิ้กที่เข้ามา

ได้แต่หวังว่า . . . ทุกคนคงไม่ปล่อยให้เวลามันสายเกินไป

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 19-05-2008 16:58:13
ซาบซึ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  สุดๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 19-05-2008 20:07:24
เฝ้ารอต่อไป....
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 19-05-2008 23:07:36


ตอนที่  ๑๖




   ธรรมชาติ . . .

   ค่อย ๆ  สอนให้ผมเรียนรู้  ทุกสิ่งทุกอย่างมาล้วนมาจากธรรมชาติแทบทั้งสิ้น  ชีวิตของคนเราก็เหมือนน้ำ  น้ำไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเสมอ . . .

   จากฟากฟ้า . . .

   . . . สู่พื้นพิภพ


   ไหลผ่านโตรกหิน . . . เป็นธารน้ำ

   . . . ลำคลอง . . .

   แม่น้ำ . . . ทะเล

   และ . . .

   . . . สุดท้ายมหาสมุทร

   ก่อนที่ไอแดดจะแผดเผาจนกลายเป็นไอน้ำ  ลอยกลับสู่ฟากฟ้า ก่อตัวเป็นก้อนเมฆ  แล้วก็กลั่นออกมาเป็นหยาดฝน  ชีวิตคนก็ไม่แตกต่างจากน้ำ . . .

   เกิด . .

   . . . แก่ . . .

   เจ็บ . . .

   . . . ตาย 

   ล้วนเป็นวัฎจักร  เฉกเช่นเดียวกับสายน้ำ

   . . .  วัฏฏะสังขาร

   ธรรมะ . . . ล้วนมาจากธรรมชาติ

   การพลัดพราก . . .

   ล้วนก่อให้เกิดความทุกข์  ทุกข์ที่เกิดขึ้นมันแสนสาหัสสำหรับผม  การจากลาในสิ่งที่ตัวเองรัก  นำความทุกข์มาสู่หัวใจแทบทั้งสิ้น  แต่คนเราต้องก้าวต่อไปข้างหน้า  จะมาจมอยู่กับความทุกข์ได้อย่างไร

   วันนี้ . . .

   โลกสอนให้ผมได้รู้จักการพลัดพรากแห่งการจากลาด้วย . . .

   . . . ความตาย

   หากวันหน้า . . .

   . . . มันคงถึงเวลาแห่งการ . . . จากเป็น

   บทเรียนของชีวิต  ล้วนมาจากการใช้ชีวิต  แล้วการจากลามันก็เจ็บ  แต่อย่างไหนล่ะที่เจ็บปวดมากกว่ากัน

   จากเป็น . . .

   . . .  ฤๅ . . . 

   จากตาย . . .
   




   คนที่อยู่กับผมในเวลานั้น . . . โกเมศวร์

   มันอยู่ใกล้ ๆ  ผมตลอดเวลาที่ว่าง . . . จากที่ผมเคยชวนมันดูหนัง  กลายเป็นมัน  จะออกปากเอ่ยก่อน  จากที่ผมซื้อของกินเข้าบ้าน  มันจะหาแต่ของที่ผมชอบมาไว้  แม้ผมจะอยู่ในช่วงทำใจในการลาจาก  แต่สิ่งที่มันทำ  ผมอบอุ่น


   ก่อนนอนมันจะกอดผมเอาไว้ . . .

   บางครั้ง . . .
   
จมูกที่จดแก้มผม  มันอบอุ่น  ผมนอนหลับเพราะมีมันอยู่ข้าง ๆ  ยามเช้า  ผมตื่นมาเจอหน้ามันคนแรก  ช่วงเวลาที่ผมรู้สึกแย่ที่สุดในชีวิต  ผมมีอีกชีวิตที่คอยดูแลผม

   “เสาร์อาทิตย์นี้ว่างมั้ยพี่”

   “ก็น่าจะว่าง  มีอะไรหรือ”

   “ไปเที่ยวทะเลกันมั้ย”

   ผมมองหน้ามัน  มันเคยเหรอที่จะไปต่างจังหวัดกับผม  นอกจากกลับบ้านพร้อม ๆ  กัน  นี่อาจเป็นครั้งแรกที่มันเอ่ยปากชวน

   “อยากไปหรือ”

   “หรือพี่ไม่ชอบทะเล”

   “ก็ชอบ  แต่จะไปไหนดี”

   “เกาะเสม็ดมั้ยพี่  ใกล้ดี”

   “ไม่อ่ะ    ไม่ชอบ”

   “เกาะช้างเอ้า”

   “ขี้เกียจขับรถ”

   “ผมขับเอง”

   “ไม่อยากเอารถไป”  ผมมองหน้ามัน  รู้ว่ามันอยากให้ผมมีความสุข  มันคงไม่อยากเห็นผมในสภาพเซ็งกะตายแบบนี้

   “วันจันทร์โกไปทำงานกี่โมง”

   “ช่วงนี้ไม่มีงานอ่ะพี่  รอเรียนบ่ายสอง”

   “งั้นไปเสาร์นี้ไปสมุยกัน”

   “ไกล  สองวันเอง  ขับรถก็เหนื่อยตาย”

   “ใครบอกไปรถ”  ผมมองหน้ามัน

   “เครื่องแพง  ไม่ไปหรอก”

   “ไอ้นี่  ลืมไปแล้วหรือ  พี่ทำงานที่ไหน  แล้วตั๋วราคาศูนย์บาทสำหรับพนักงานและคนพิเศษสามคน  ยังไม่เคยใช้เลย    ถ้าแกไม่เชื่อ  งานนี้โกจ่ายเองแล้วกัน  รับรองถูกกว่านั่งรถทัวร์ไปต่อเรือเฟอร์รี่เสียอีก”

   “เออเนาะ  ลืมไป”

   มันยิ้ม  ผมขยี้หัวมันเบา ๆ  ด้วยความเอ็นดู  บูติคแอร์ไลน์ของผม  สวัสดิการสำหรับพนักงาน  พ่อ แม่  และ ใครก็ได้อีก ๑ คน  ผมกรอกชื่อโกมันไปตั้งแต่ที่ผมได้สิทธิ์นั้นเมื่อสองปีก่อน 

   แต่ยังไม่เคยใช้สักที . . .

   . . . หลังจากนี้ . . .

   ชื่อสองคนแรก . . . คงต้องเปลี่ยนไป

   ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลง  หากหัวใจผม  ทำไมมันไม่ยอมเปลี่ยนก็ไม่รู้   ถ้าหัวใจผมโลเล  อาจจะดีกว่านี้  อาจจะทำให้ผมไม่เจ็บปวดกับทุก ๆ เรื่องที่มันผ่านเข้ามาในชีวิต  แต่มันไม่ใช่แบบที่ผมคิด  ความเจ็บปวดเลยอยู่กับผมเสมอ

   ไฟลท์แรกของบูติค . . . ในทุก ๆ วัน . . . 

   . . . PG 100   

   ดูโกมันจะตื่นเต้นไม่น้อยกับการมาสมุยครั้งแรกของมัน  แต่สำหรับผม  มีหลายครั้งเหมือนกันที่ต้องมาแทนคนที่สนามบินสมุย  มันตื่นตั้งแต่ตีสี่  มันบอกกลัวตกไฟลท์  แต่ผมนะ  โทรให้เพื่อนออกบอร์ดดิ้งพาสรอไว้แล้ว    ง่ายมากสำหรับคนที่นั่งเคาน์เตอร์แบบผม

   “ไปหาไรกินที่เล้าจ์ก่อน”   ผมบอกมัน  ที่นั่นของกินเยอะมาก  ดีกว่าพี่ใหญ่เสียด้วย  เพราะบูติค  มีเล้าจญ์ส่วนตัวและมีแค่คลาสเดียวชั้นประหยัด

   แค่ผมโผล่เข้าไปในเล้าจญ์เท่านั้น . . .

   “หวัดดีครับพี่อาร์ม”

   ผมหันไปมองหน้าโก  มันส่ายหน้า  ไม่รู้เรื่อง  ผมจ้องลึกไปในตามัน  มันคงไม่รู้เรื่องจริง ๆ   ตกลงไอ้สองตัวที่นั่งรออยู่ที่เล้าจญ์ก่อนแล้ว  ผมจะดีใจหรือเสียใจดีที่เห็นหน้ามันสองคน

   “ไปไหนว่ะ”  ผมถามมันสองคนก่อนหย่อนก้นลงนั่งที่โซฟา

   “สมุย  ว่าจะไปสักสองวัน”

   “สัสสสส  ใครถามมึง”  ผมอยากฆ่ามันนัก  ไอ้เพื่อนรักผม  ตามติดเป็นเงาราหูเชียว  มันยิ้มยียวนกวนส้นเท้าเสียด้วย

   “ไอ้แดนชวน  ทีแรกกะโทรชวนมึงแล้ว แต่กลัวเพื่อนไม่ว่างว่ะ”

   “ไอ้แดน . . .”   ผมมองหน้ามัน

   “น่าพี่  ไปกันหลายคนสนุกออก”

   “เอาให้ดี  ตกลงมึงมาไม่โทรชวนกู  หรืออยากให้กูเซอร์ไพรซ์ที่เสือกรู้ว่ากูไป”   ผมมองหน้าเพื่อนรัก

   “ไอ้ห่าอาร์ม  มึงลืมไปหรือ  ไอ้เหี้ยแดนนี่  หลานใคร”

   เออ  ผมไม่ลืม  ไม่มีวันลืมเด็ดขาด 

   “คราวหน้าเห็นทีขอใช้บริการทีจี  รูทไหนบางกอกลงกูไปไหนไม่ได้เล้ย”

   “ทีจีก็เสร็จกูเด่ะ”  ไอ้เพื่อนเลวล่ะครับ  ตักขนมเข้าปาก  ก่อนมองผมแบบยั่วอารมณ์เสียเหลือเกิน 

   “พี่จองที่พักยัง”

   “ยังเลย”

   “ดีเลย  ไปพักที่รีสอร์ทเพื่อนแม่  ผมจองไว้สองห้อง”  แดนยิ้ม

   ผมมองหน้ามัน . . . 

   ตกลงทริปนี้  มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ  แต่มันเป็นการวางแผนการเอาไว้แล้ว  ผมไม่รู้จะบอกอย่างไรดี  มิตรภาพที่ไม่ร้องขอ  มันยากเกินที่จะบอกออกไปว่าผมรู้สึกดีกับมันแค่ไหน

   เก็บเกี่ยวความสุขเสียให้พอ . . .

   . . . วันหน้าร้าวราน . . .

   เอาสุขนั้นมาปลอบประโลมใจ . . .

   “จะไปทำไมสองคน  หลายคนสนุกดี”   ไอ้เพื่อนรักมันท้วง

   มันไม่รู้จริง ๆ  หรือว่าทำไมต้องสองคน  ถ้ามันรู้  มันจะเสือกตามผมมาอีกมั้ย  แต่มองอีกแง่  ดีเหมือนกัน  ไปหลายคนสนุกดี  อย่างน้อยไอ้โอ๋มันอยู่  มันจะคอยแหย่ให้ผมไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องร้าย ๆ  ที่เพิ่งเจอมากก็ได้

   เพื่อน . . .

   . . . สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผม

   เวลา . . . ที่เยี่ยมยอดที่สุดในชีวิตผมเช่นเดียวกัน




   เราไปพักกันที่หาดเฉวง  หาดที่สวยที่สุดของเกาะสมุย  ชายหาดกว้าง  และยาวสุดลูกหูลูกตา  โกมันดูจะตื่นตาตื่นใจกับชายหาด  กับน้ำทะเล  ผมได้แต่ยิ้มเงียบ ๆ  ผมมีความสุขตราบใดที่ผมเห็นคนที่ผมรักมีความสุข

   ความสุขของผมอยู่ที่รอยยิ้มของคนที่ผมรัก . . .


   หาก . . . วันข้างหน้า  ผมคิดแบบนี้อีกหรือเปล่า ?

   “ไม่เล่นน้ำทะเลหรือพี่”  ไอ้แดนมันเดินมานั่งที่เตียงผ้าใบใกล้ ๆ  ผม

   “ไม่อยากเล่น”

   “กลัวดำเหรอ”

   “ร้อน”

   “โกกับพี่โอ๋สนิทกันดีนะ  นึกแล้วอิจฉาพี่”  มันนอนลงใกล้ ๆ  ผม  สายตามองไปที่สองคนที่ริมหาด 

   “ทำไมหรือ”   ผมหันหน้าไปมองแดนผ่านแว่นสายตากันแดดสีดำ  ที่ปกปิดสายตาได้เป็นอย่างดี

   “มีแต่คนที่รักล้อมรอบไปหมด”

   “แลกกันมั้ย”

   “แลกอะไร”

   “แลกชีวิตกันไงแดน  แดนลองมาเป็นพี่  แล้วพี่ไปเป็นแดน  ที่อิจฉานะ  มองเห็นตัวตนที่แท้จริงของพี่แล้วหรือ  พี่เหลืออะไรแดน  พี่ไม่มีอะไรเหลือสักอย่าง  ในขณะที่แดนมีพร้อม  พ่อ  แม่  พี่  น้อง แต่พี่ไม่มีอะไรเลย . . .”   ผมเหมือนพี่อะไรมาจุกที่ลำคอ  มันตีบตันเมื่อนึกถึงชีวิตตัวเอง

   “พี่อาร์ม  ผมขอโทษ  ผมไม่ได้หมายความให้พี่เจ็บ”

   “ช่างเหอะแดน คนเราเกิดมาใครบ้างไม่สูญเสีย  วันนี้พี่เหลืออยู่เท่าที่แดนเห็น  อีกหน่อยภายภาคหน้า  พี่อาจจะไม่เหลือใครอีกเลยก็ได้”    ผมหันกลับไปมองปลายขอบฟ้า

   ขอบฟ้าที่เวิ้งว้าง  มีแค่ทะเลกับท้องฟ้า  เหมือนชีวิตผมกระมัง  มันเวิ้งว้าง  อาจมีดีที่มีเรือคอยแต่งแต้มไม่ให้ท้องทะเลกับท้องฟ้าดูอ้างว้างจนเกินไปนักเพื่อนที่ผมมี  น้อยลงทุกวัน

   ผมเคยถามตัวเอง . . .

   . . . ขอบฟ้ามีจริงหรือ ?

   “มีดิพี่  ผมไง”

   “อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยแดน  สิ่งที่เราเห็น  สิ่งที่เป็นมันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา อย่าว่าแต่อนาคตอีกปี สองปี  หรือสิบปีข้างหน้าเลย  แค่พรุ่งนี้ . . .”  ผมหันไปมองหน้าแดน 

   “. . . พรุ่งนี้  เรายังไม่รู้เลย  จะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง”

   “แต่ไม่ใช่ผม  ผมไม่เปลี่ยน”

   “พี่ก็ไม่มีวันเปลี่ยน”  ผมถอดแว่นมองหน้ามัน

   แววตามันเศร้า  เมื่อมองหน้าผม     สายตาผม  แทนคำตอบทั้งหมดของหัวใจที่ผมมี  และมันอาจเป็นคำตอบเดียวที่แดนมันเกลียดมากที่สุดก็เป็นได้

   “เห็นมั้ยแดน  ถ้าแดนไม่เปลี่ยน  พี่ไม่เปลี่ยน  เราไม่บรรจบกันได้หรอก  พี่ถึงบอกแดน  แม้แต่วันพรุ่งนี้  เราก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  พี่อยากเปลี่ยนนะ  อยากเปลี่ยนใจตัวเอง  แต่ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับเวลา”

   “พี่จะอยู่แบบนี้ไปจนตายหรือ”

   “แบบไหน?”  ผมเลิกคิ้วสูง  มองหน้าแดน

   “พี่กับโก”

   ผมยิ้ม  มองคนที่วิ่งไล่อยู่กับเพื่อนรัก    ภาพที่ผมเห็น  ผมมีความสุขดีนะ  อยากเก็บกอดมันเอาไว้แบบนี้  อยากดึงเอาไว้ให้นานมากที่สุด  แต่ผมไม่อยากฝืนหรอก  เมื่อมันถึงเวลาเวลานึง  มันจะมีคำตอบให้ตัวมัมนเอง 

   “ไม่หรอกแดน  ของทุกอย่างอยู่ที่ระยะเวลาของมัน”

   “ผมไม่เข้าใจ”

   “สักวันนึงแกจะเข้าใจ”

   “วันนี้  บอกผมไม่ได้หรือ”  มันก็เหมือนผม  หากอยากจะรู้  ก็ต้องรู้  มนุษย์เราทุกคน  อยากรู้ในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้มากที่สุด

   ความอยาก . . .

   คือ  กิเลส  ที่เกิดมาพร้อมกับความเป็นมนุษย์มิใช่หรือ

   “บอกได้แค่  เมื่อถึงเวลา  มันอยากเดินทางไหนก็ต้องปล่อยมัน”

   “พี่ไม่เจ็บหรือ”

   “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ  มันยังไม่ถึงเวลาของมัน”

   “พี่อาร์ม”  มันเอื้อมมือมาจับมือผม

   “อือ”

   “ผมอยู่ข้าง ๆ  พี่นะ”

   “ขอบใจ  แต่บางที  คนเราควรเรียนรู้การอยู่คนเดียวบ้าง”

   “ทำไมพี่  ผมไม่ใช่เหรอ”

   “เปล่า  เพียงแต่พี่คิดว่า  คนเราเกิดมาคนเดียว  แม้แต่ฝาแฝดยังมาไม่พร้อมกันเลย  แล้วเมื่อวันที่เดินกลับไปสู่ที่ที่เราจากมา  เราก็ต้องกลับไปคนเดียว  การจะมีใครหรือไม่มีใคร  มันไม่สำคัญหรอก  สำคัญที่ว่า  เราได้ทำอะไรเพื่อคนที่เรารักไว้บ้าง”

   “ปรัชญา”  มันทำหน้าล้อเลียน

   “เอาน่า  ไว้แดนเจอแบบพี่  แดนจะเข้าใจเอง  ความรักมันเลือกไม่ได้แดน”

   “ผมรู้พี่”

   “แดนจำไว้นะ  ความรักที่ไม่ต้องการครอบครอง  คือความรักที่พิสุทธิ์ล้ำที่สุดแล้ว  หากวันใด  เราเดินผ่านเส้นนั้น  เราจะเจอทุกข์”

   “ฟังดูน่ากลัว”

   “แดนเคยแอบรักใครมั้ย”  ผมหันไปมองหน้ามัน

   “เคยสิพี่”

   “การแอบรัก  มีความสุขในระดับนึง  แค่เราได้เห็นหน้าคนที่เรารัก  การที่เรามองเขายิ้ม  หัวเราะ  สนุกสนานกับคนอื่น  มันก็ทำให้เรามีความสุข  . . .”  ผมหยุดมองหน้าแดน

   “. . . พี่พูดถูกไหม” 

   มันพยักหน้าตอบรับแทนคำตอบ

   “. . .  ทั้ง ๆ  ที่เขาไม่ได้หันมาหาเราเลย  แต่เรากลับรู้สึกว่าเราสุขไปกับรอยยิ้มที่เขามี  พี่เคยมีความรู้สึกแบบนั้น   ความสุขที่เรายิ้มตามคนที่เรารัก  บางครั้ง  แค่เห็นเขายิ้มกับคนอื่น  เรายิ้มตาม  อาย  ก้มหน้าหนี  ไม่รู้นะ  สำหรับพี่แล้ว  เวลาที่เจออย่างที่เคยเจอ  มันมีความสุข . . .” 

   ผมยิ้ม  ภาพที่ผมเคยแอบมองโกเมศวร์  มันสนุกสนานไปกับเพื่อน ๆ  มัน  ก่อนมันมาเรียนที่กรุงเทพฯ  เด่นชัดเสมอมา

   “. . .  แล้วพี่ไม่เคยมีอีกเลย   ความรู้สึกแบบนั้น เมื่อพี่ก้าวล้ำเส้นนั้นมา”

   “พี่อาร์ม”  แดนมันจับมือผมเอาไว้

   “ไหวน่า  แค่อยากให้แดนรับรู้  ในฐานะ  น้องที่พี่รักคนนึง”  ผมบอกแดน  ก่อนวางมือบนมือแดน 

   ผมแกะมือแดนออกจากการเกาะกุมอย่างเบามือ  และนิ่มนวลที่สุด

   ผมมองหน้ามัน . . .

   . . . ยิ้มให้มัน  รุ่นน้องที่ผมรัก  และผมเองก็รู้มันรู้สึกอย่างไรกับผม   

   แต่ . . .

   ความรัก  มันห้ามกันไม่ได้  ผมไม่อยากเห็นมันต้องเจ็บ  ต้องทุกข์กับการที่รักใครแล้วไม่สมหวัง  ผมอยากเห็นมันเจอคนที่รักมันจริง ๆ

   “ขอบคุณนะพี่ที่เตือนผม  บางทีการที่ผมแอบรักใครแบบนี้อาจมีความสุขแบบที่พี่ว่า” 

   “ดีแล้วล่ะแดน . . . บางทีการล้ำเส้นแบบพี่  ก็ทุกข์นะ  ทุกข์กับการนับวันรอการลาจาก”

   ผมรู้ดี  เวลาของผมมีเท่าไหร่ . . .

   ผมขอแค่คนที่ผมรัก . . . เรียนจบ 

   แล้วหลังจากนั้น  การจะอยู่หรือไป  จะเดินหน้าหรือหันหลัง อยู่ที่การตัดสินใจของโก  ไม่ใช่ผม  สำหรับผม  เวลามันเหลือน้อยลงทุกที




   คืนนั้นผมจำได้  พระจันทร์สวย  หาดทรายขาวระยิบระยับ  หากแต่น้ำทะเลยามต้องแสงจันทร์  งดงามเหลือเกิน  เหมือนเกล็ดอัญมณีที่วับวาวยามคลื่นน้อย ๆ  ซัดเข้าหาหาดเบา ๆ  ราวท่วงทำนองดนตรีธรรมชาติขับกล่อม  ผมอยากหยุดเวลานั้นเอาไว้  เวลาที่ผมมีความสุขในวงล้อมของความรัก . . .

   เราออกมานั่งกันที่สวนเล็ก ๆ  ริมหาด  ในพื้นที่ของรีสอร์ท    ไอ้แดนมันไปหากีตาร์โปร่งมา  มันชำนาญพอสมควร  หรือจะเรียกว่า  เล่นได้แทบทุกเพลง  มันเล่นอยู่หลายเพลงมาก 

   แต่ . . .

   เพลงที่ผมชอบ และจำมันไม่รู้ลืม

   “เพลงนี้นะครับ  เพลงหากินผมเอง  มอบให้คนที่มีความรักแล้วกันนะครับ  มีคนบอกผม  ความรักทำให้โลกสวยงาม  ทำให้โลกน่าอยู่  แต่ผมว่า  มันน่าอยู่สำหรับคนที่มีความรัก  ใครที่มีความรัก  รักษารักไว้ดี ๆ  นะครับ”   มันวางท่าราวกับอยู่บนเวที

   “ไปอยู่แกรมมี่เลยมึง”  ไอ้โอ๋แซว

   แดนมันยิ้ม  ก่อนวางท่าจับคอร์ทกีตาร์ . . .

   ท่วงทำนองดนตรี  ค่อนข้างไปทางจังหวะเรกเก้  ฟังดูแปลกหู . . . แต่ก็ได้บรรยากาศริมทะเลเป็นที่สุด

   “. . . ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้ อยากให้เธอลองตรองดู ในความจำเก็บไว้ต่างคนมีทางต้องเดิน  อาจมีเวลาต้องไกล  หนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น . . .”    มันส่งสายตาที่ผมเองไม่อยากจะแปลมาให้ผม

   ไอ้เพลงประกอบภาพยนตร์พริกขี้หนูกับหมูแฮมนี่หว่า 

   เพลงนี้เพราะมาก . . .

   จำได้สมัยมัธยม  ไปดูมาหลายรอบ   สมัยนั้น  ป้ามัม  ลาโคนิค  ยังสาวสวย  ร้องเพลงได้กินใจเป็นที่สุด   แต่จังหวะนี้  มันร้องเรกเก้สนุกสนาน  น่าจะเป็นเวอร์ชั่นของ . . . ศุ  บุญเลี้ยง

   ผมยิ้ม  โยกคอเป็นจังหวะไปกับมัน  แดนมันเห็นพวกผมมีความสุข  มันโชว์ฝีมือกีตาร์เสียหมดภูมิของมันทีเดียวเลยล่ะ

   “. . . อยู่ไกลจนเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจคุ้นกัน จะโยงใยความสัมพันธ์จนมาพบกันใกล้ตาต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ แบ่งปันในยามทุกข์ตรมไม่หวั่น ต่างคนเติมใจให้กันเติมใจซึ่งกันจนเต็ม. . .”

   เพลงนี้  ทั้งผมทั้งไอ้โอ๋ ร้องคลอตามได้   ผมก็ช่วยมันร้อง  ผมยังจำได้  มันสนุกสนาน  มีความสุขกับบทเพลงที่เราชอบ    ผมชอบมาก  เวลาที่เราไปเที่ยว  แล้วมีเวลาล้อมวงร้องเพลง  มันเหมือนการปลดปล่อย

   ปล่อยพันธนาการทั้งหมดที่ผมมี . . .

      “. . .ตอบใจตัวเองมานาน แอบรอคอยเธอก็รู้ อยากให้เธอลองตรองดูในความทรงจำเก็บไว้ต่างคนมีทางต้องเดิน อาจมีเวลาต้องไกลหนึ่งคนยังคงคอยใจ ยังคงคอยไปอย่างนั้น . . .” 

   “เอ้า  ช่วงสุดท้าย  ขอพี่อาร์มร้องเดี่ยวนะครับ”   ช่วงสุดท้ายของเพลง  มันปล่อยให้ผมร้องคนเดียว

   “. . . อยู่ไกลจนเกินครึ่งฟ้า หากยังมีใจคุ้นกัน จะโยงใยความสัมพันธ์จนมาพบกันใกล้ตาต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ แบ่งปันในยามทุกข์ตรมไม่หวั่นต่างคนเติมใจให้กันเติมใจซึ่งกันจนเต็ม   ต่างคนเติมใจให้กันเติมใจซึ่งกันจนเต็ม”

   ใครจะรู้ . . .

   . . . อีกไม่กี่ปีต่อมา

   ผมอยู่ห่างจากคนที่ผมรักเกือบครึ่งฟ้า . . .

   . . .ครึ่งฟ้าที่ . . .

    เหงา . . .

   . . .เงียบ . . . เฉียบ เย็น ในหัวใจ 

   . . . ครึ่งฟ้าที่ผมเลือกจากมาเอง . . .

   บทเพลง . . . ที่แดนมันชอบส่งมาให้ผมเสมอ

   มันสื่อความรู้สึกด้วยบทเพลง  ทำไมผมจะไม่รู้  และเพลงนี้  มันจะร้องให้ผมฟังเสมอ  ยามที่ผมออนเอ็มมาหามันจากแดนไกล . . .

   เวลานี้ . .

   ณ ช่วงปัจจุบัน  ตอนที่ผมนั่งพิมพ์อยู่นี้  ผมคิดถึงมันจับหัวใจ  ไอ้คนที่มันคอยแอบรักผม  และอยู่ข้าง ๆ  ผมเสมอมา

   มันทำให้ผมยิ้มได้ . . . ในห้วงเวลาที่อ่อนล้าจากการทำงาน

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 19-05-2008 23:21:43
ถ้าต้องจากลากับคนอันเป็นที่รักอย่างไม่ได้ตั้งตัวแบบนี้
ก็คงจะทำใจยากนะ แต่เราทุกคนก็ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้
ต้องทำใจให้ได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 19-05-2008 23:29:43
ขอแสดงความเสียใจย้อนหลังด้วยครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 19-05-2008 23:35:21
เอ่อ...ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเปนมาแบบนี้จริงๆ พูดไม่ออกเลยแฮะ..
แต่ก่อนอื่นคงต้องบอกว่า ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ
ยังจุกอยู่เลย หัวเบลอไปหมด เม้นไม่ออกเลย เม้นแค่นี้ก่อนนะคะ
เปนกำลังใจให้เสมอค่ะ เข้มแข็งไว้นะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Entaneer#30 ที่ 20-05-2008 10:12:18
no comment
 :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 20-05-2008 10:26:40
อ่านเรื่องนี้แล้วประทับใจมาก ทั้งเศร้าทั้งสงสาร ได้อะไรหลายๆอย่างมากๆชอบคับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 20-05-2008 13:00:46
อืม  ภาษาสวยจริงๆ  o13
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 20-05-2008 13:04:26
 :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 20-05-2008 14:53:46
 :m15:ซึ้งมากมาย :m15:


 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 20-05-2008 16:15:12

ตอนที่  ๑๗



   ในห้วงเวลาที่แย่  มันไม่ได้แย่จนผมไม่สามารถยืนได้  อย่างน้อยที่สุด  ผมค่อย ๆ  ปรับตัวกับการที่จะยืนหยัดบนโลกนี้  ยังมีอะไรมากมายบนโลกใบนี้ ที่เราต้องเรียนรู้  การอยู่ของเรา ย่อมหมายถึงการอยู่ของอีกหลาย ๆ  คน

   เบอร์แปลก ๆ  ไม่คุ้นตาโทรเข้ามา . . .


   “สวัสดีครับ”

   “น้องอาร์ม”  เสียงนั้น  ผมคุ้นเคย  นานแล้วที่ผมไม่ได้คุยกัน  นานมากทีเดียว  แต่ผมจำได้ไม่เคยลืม

   “ครับผม  ป้าภา  สบายดีมั้ยครับ  ตั้งแต่งานแม่ยังไม่ได้เจอป้าภาเลย  ไม่ค่อยได้โทรหาด้วยครับ  พอดียุ่ง ๆ  มากเลยครับช่วงนี้”

   “ป้าก็เรื่อย ๆ  น้องอาร์ม”  เสียงป้าภา  คล้ายมีอะไรในใจ

   “ครับผม  ฟังอยู่”

   “น้องอาร์มพอมีเงินบ้างมั้ย”

   “ก็มีครับ  ป้าจำเป็นใช้เงินหรือครับ”

   “ไม่อยากกวนน้องอาร์ม   แต่มันหมุนไม่ทันจริง ๆ”

   “ครับผม  พอมีครับ  ถ้าไม่มาก  ก็พอได้ครับ”

   “สักสองหมื่นได้ไหมน้องอาร์ม”

   “ได้ครับ  มีเลขที่บัญชีมั้ยครับ”   ผมบอกไป  ทั้ง ๆ  ที่ผมเองก็ใช่ว่าจะมีเงินมากมาย  แต่ไม่รู้เหมือนกัน  เรื่องยืมเงิน  ใครเดือดร้อนมา  ผมมักจะปฏิเสธไม่เป็น  และมันดูเหมือนว่าที่เสียไปเพราะเรื่องแบบนี้มากต่อมาก

   ไม่รู้สิ . . .

   . . . ผมคิดว่า  ถ้าเขาไม่เดือดร้อน  เขาไม่บากหน้ายืมหรอก . . .

   ส่วน . . .

   ถ้าไม่มีการคืน . . .

   ก็ชาติก่อนยืมเขามา  ชาตินี้เลยต้องใช้คืน  ผมคิดแบบนี้นะ คิดแบบที่ทำให้ตัวเองรู้สึกสบายใจมากที่สุด  เพราะอย่างไรเสีย  เราไม่สามารถที่จะบังคับให้เขาคืนได้  หากเขาไม่มี

   เชื่อมั้ย!

   หลังจากวางสาย  ผมฝากเคาน์เตอร์กับเพื่อน ก่อนเดินไปที่ตู้ ATM  ในทันที  ผมบ้าดีเดือดนะ  ไม่รู้เหมือนกันคิดอะไรในตอนนั้น  ผมรู้แค่  ผมไม่มีใครแล้วนี่หว่า  แล้วคนที่เอ่ยปาก . . . แม่

   แม่ของคนที่ผมรัก . . .

   บางทีผมเองก็พยายามหาเหตุผลที่ดูดี  ทั้ง ๆ  ที่ความเป็นจริงแล้ว  มันไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้  ตั้งแต่มีโกเมศวร์เข้ามาในชีวิต  ผมเหมือนคนที่ทำอะไรเพื่อคนอื่นตลอด  แทบมีไม่กี่เรื่องที่ผมทำเพื่อตัวเอง

   บางคน . . .

   . . . เลือกทำอะไรเพื่อตัวเองก่อน . . .

   ผมหรือ . . . ทำเพื่อตัวเองเหมือนกัน  แต่  ให้เพื่อหวังหรือเปล่า  เพราะทุกคนที่ล้อมรอบตัวผมเกี่ยวเนื่องต่อกันแทบทั้งนั้น

   สิ่งที่ผมทำ  อยู่ในสายตาคนบางคนตลอดเวลา



   หน้าร้อนปีนั้น  ผมไปปายอีกครั้ง  หลังจากที่ไม่ได้ไปมาหลายปี  ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด  จากแค่ที่พักระหว่างทางมีรีสอร์ทแค่ไม่กี่หลัง  กลับกลายเป็นว่า  มีเรือนพักมากมายที่สร้างขนานไปกับสายน้ำสายเล็ก ๆ  แห่งนั้น  ทุกอย่างกลายเป็นสิ่งแปลกตาไปหมด  ความเจริญแผ่เข้ามาอย่างรวดเร็ว

   กระแสการท่องเที่ยว . . .


   เราหยุดมันไม่ได้  ตราบใดที่เรายังต้องการสกุลเงินตราจากต่างประเทศ  ในเมื่อเรามีทรัพยากรท่องเที่ยวมากมาย   แต่เรากลับใช้ทรัพยากรนั้นอย่างฟุ่มเฟือย  โดยไม่รู้ค่าของมัน  เรายังคิดว่า  ความเจริญจะดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศให้มากขึ้น 

   น่าขัน . . .

   บ้านเมืองตะวันตกเจริญกว่าเรามากมาย  เขาจะมาดูอะไร?

   คำถามที่ ททท.  เองก็สามารถตอบได้  นักท่องเที่ยวอยากนอนกระท่อม  ฟังเสียงหรีดหริ่งเรไร  หาใช่อยากนอนที่หรูหรา . . .

   คนในพื้นที่ขายที่ดินให้พวกนายทุนจากเมืองหลวงมากขึ้น  วัฒนธรรมดั้งเดิมเริ่มเลือนหายไปในคนรุ่นที่สอง  ตอนนี้ปายเองก็ไม่แตกต่างไปจากเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ  เพราะในแต่ละวัน  มีแต่คนคุยกันถึงเงินที่จะเข้ามา

   ไม่มีใครมองถึง . . .

   . . . การเกื้อกูลกันแบบครั้งก่อน

   เมื่อเงินตราไหลบ่า . . .

   . . . น้ำใจก็ถอยถด . . .

   รีสอร์ทของอาเปลี่ยนไปมาก  มีการขยายไปใหญ่โต จนจำเค้าเดิมแทบไม่ได้  ตอนนี้อามีลูกเล็ก ๆ  ที่กำลังน่ารักเพิ่มอีกสอง  ส่วนไอ้คนโต  เข้าประถมแล้ว  ผมมองหลาน ๆ  ด้วยความรู้สึกแปลกหน้า . . .

   เพราะความห่างหาย . . .

   หาก . . .

   สิ่งเดียวที่รู้ และยึดเหนี่ยวกันเอาไว้ สายเลือดเดียวกัน  นี่คือสายเลือดที่ผมมีอยู่กระมัง  แต่ก็นับว่าห่างออกไป  เพราะภาระหน้าที่ของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป 

   “หลวงพ่อสบายดีมั้ย”      อาดูสูงวัยมากขึ้น  แกค่อย ๆ  ตักข้าวป้อนไอ้ตัวเล็กที่กำลังวุ่นได้ใจ

   “ก็ดีครับ  เพิ่งแวะไปหาก่อนมานี่”

   “สงสัยไม่สึก”

   “ไม่ต้องสงสัยเลย  แน่นอนที่สุด”  ผมมองหน้าไอ้ตัวเล็ก  ก่อนยื่นนิ้วมือไปสัมผัสมือเล็ก ๆ  ที่ยื่นมา

   มือนั้นเล็ก . . .

   หากแต่อบอุ่น  ยามมือเล็ก ๆ  กำนิ้วมือผมเอาไว้  ผมบอกไม่ถูก  ว่ามีความสุขขนาดไหน  ผมยิ้มกับน้องตัวน้อย  เด็กน้อยยิ้มกว้าง  ยังไม่มีฟันเสียด้วยซ้ำ  เด็กดูสดใจ

   “ชอบเด็กก็รีบแต่งเมียเข้าจะได้มีลูกเสียสักที   จะได้รู้เองว่าเวลามีลูกมันสุขขนาดไหน”  อายิ้ม

   “ตัวเองยังเอาไม่ค่อยรอด”

   “พูดเข้า  สมบัติพ่อทิ้งไว้  ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด  ทำไมไม่ลาออกแล้วมาดูแลกิจการเองล่ะ  ปล่อยให้คนอื่นทำ  ไว้ใจได้เหรอ”

   “ก็เอาเท่าที่เหลือไงครับ  ทำเองเป็นเสียที่ไหน  ตั้งแต่เกิดมา  ไม่เคยไปยุ่งเลย  อีกอย่าง  จ้างบัญชีมาคุม  ไอ้คนคุมก็เพื่อนกัน  มันจะโกงเพื่อนก็ตามใจละครับ”

   “ว่าได้หรือ  ของแบบนี้  ยามขาดมือ  เงินน่ะ  ไม่เข้าใครออกใครหรอกนะอาร์ม”  อาสอน  ผมรู้  อาห่วงผม

   “ครับ”

   “แล้วโกเป็นไงบ้าง  ไปอยู่ด้วยกันมิใช่หรือ”

   “ครับ  จบ ปวส.  แล้วล่ะครับ”

   “ดีแล้วล่ะ  ถ้าขืนอยู่ที่นี่  ป่านนี้ไม่รู้เสียผู้เสียคนขนาดไหน  เอาน้องไปเรียนก็ดี  ได้บุญดี  แล้วจะเรียนจนจบตรีมั้ยนั่น”

   “เห็นว่าสมัครสอบราชมงคลกับพระจอมเกล้าฯ น่ะครับ”

   “เรียนดีมั้ยล่ะ”

   “หัวดีกว่าผมอีก”

   “เหรอ  เสียดาย  พ่อไปทาง  แม่ไปทาง  น่าสงสาร”  อาถอนหายใจ  เหมือนมีอะไรในใจ  ผมได้แต่นิ่งเงียบ  ไม่รู้เรื่องที่อากำลังคิด

   “ธรรมดาครับ  เด็กที่โตมาจากความแตกแยก  หากรู้จักเอาตัวรอดก็ได้ดิบได้ดี  แต่หากทำตัวมีปัญหาตามก็แย่”

   “โกมันโชคดี  อาร์มของอาปั้นเอาไว้สวย”

   “ผมไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ  ถ้าเขาถามผมก็ตอบเท่าที่ผมจะให้คำแนะนำได้  ไม่รู้สิครับ  ผมว่า  ถ้าไม่เรียนจะยิ่งลำบาก  โลกสมัยนี้หมุนไปเร็ว  ขนาดคนที่เรียนยังตามไม่ค่อยทันเลย”

   “ดูแลน้องดี ๆ  ล่ะ  ความหวังของคนทั้งบ้านเลยนะนั่น  รู้จักไม่ใช่หรือ  ตาเจนน่ะ” 

   “พ่อป้าภา”

   “นั่นแหละ  ตาแกมีลูกแปดคน  ลูกไม่มีใครเรียนสักคน  มารุ่นหลานไม่มีใครเรียนอีก  ถ้าโกเรียนจบนี่ถือเป็นคนแรกของตระกูลเลยนะที่จบปริญญาตรี  ความหวังของทุกคนในบ้านเลยนะอาร์ม  ยังไงก็เข็น ๆ  น้องมันหน่อย”

   “ผมจะทำเท่าที่ทำได้แหละครับ  เดี๋ยวนี้ทุนเมืองเริ่มกลืนทุนดั้งเดิม สัญญาณหายนะแห่งเมืองท่องเที่ยวล่ะครับ”

   ผมจบการท่องเที่ยวมานี่ครับ . . .

   แล้วก็ยังอยู่ในแวดวงที่ต้องสัมผัสกับนักท่องเที่ยวอีก  เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่เคยเกิดมาแล้วกับแหล่งท่องเที่ยวดัง ๆ  ของประเทศ  คนไทยไม่เคยศึกษาความล่มสลายของวัฒนธรรมดั้งเดิม

   “นั่นนะสิ  ดูแต่คนแถวนี้สิ  ขายที่ให้นายทุน  เมืองเจริญขึ้นทุกวัน  ค่าครองชีพของเมืองท่องเที่ยวถีบตัวสูงอย่างรวดเร็ว  แต่คนมีรายได้เท่าเดิม”

   อาเหมือนจะปลง . . .

   ภาครัฐเคยยื่นมาเข้ามาถึงหรือ  นอกจากจะโฆษณาตีปี้บปีนี้นักท่องเที่ยวมากกว่าสิบล้าน . . . คุ้มมั้ยกับนักท่อเที่ยวเงินน้อยที่ผลาญทรัพยากรการท่องเที่ยวแบบนี้

   “ธรรมดาครับอา เมืองไทยตอนนี้กลายเป็นสังคมบูชาเงินเต็มรูปแบบ”

   “นั่นนะสิ  ห่วงแต่พวกตัวเล็กมัน”  แววตาจริงจัง

   “ทำไมเหรอครับ”

   “อาร์มไม่เห็นหรือ  ที่นี่เปลี่ยนแปลงไปทุก ๆ  ปี  แล้วช่วงฤดูเที่ยวก็ไม่เกินสี่เดือน  เป็นช่วงเก็บ  แต่ก็นั่นแหละอาร์ม ทุนจากเมืองมันหนา  สายป่านเขายาว  ไอ้เราไม่ปรับตัว  ไม่หาทุนมาเพิ่มก็มีแต่ตายกับตาย”

   “อาหมายถึงกู้แบงค์มาเหรอครับ”

   อาปูมองหน้าผม  พยักหน้าแทนคำตอบ . . .

   “ดูทำหน้าเข้า  ธุรกิจนะอาร์ม  ไม่มีใครเอาเงินสดไปลงทุนหรอก  เขากู้เอาทั้งนั้นแหละ  ในแวดวงธุรกิจ  ไม่มีหนี้ไม่มีเครดิตรู้ไหม”

   “แต่มันก็คือหนี้”

   “เอ้า  มีหนี้มากเครดิตมากนะอาร์ม  หากเราไม่ขาดส่ง  ปีหน้ากู้เพิ่มได้อีก  คนที่อยู่บนหลังเสือนะอาร์ม  จะลงจากหลังเสือมันลำบาก  ลงแบบไหน  ลงอย่างไร  ไม่ให้ตัวเองเจ็บ หรือตายจากเสือที่คอยตะปบ”

   “ครับ  ผมจะจดจำเอาไว้  เวลาต้องลงจากหลังเสือ”  ผมยิ้มให้อา



   เช้าวันต่อมา  ผมไปที่บ้านป้าภา  ในขณะที่รีสอร์ทคนอื่นปรัปรุงเพื่อให้ทันต่อโลก  แต่ของป้ากลับดูทรุดโทรม  ทั้ง ๆ  ที่มันน่าจะได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้  ในช่วงที่รีสอร์ทต่างแข่งขันเพื่อการอยู่รอด

   “น้องอาร์ม  กินอะไรมาหรือยัง”

   “ยังครับ  ทำอะไรครับหอมเชียว”  ผมชะโงกหน้าไปดูในกระทะ 

   “ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ” 

   กุ้งแม่น้ำตัวโต ๆ  สีแดงออกส้ม  นอนสะดุ้งไฟในกะทะที่อุดมไปด้วยน้ำพริกแกงหอมกรุ่น  ป้าภาเบาไฟ  ก่อนใส่ใบมะกรูดหั่นฝอยกับพริกชี้ฟ้าแดง  ก่อนตักใส่จานราดด้วยนมสด  แล้วไปวางรวมกับอย่างอื่นบนโต๊ะ

   “ทำเสียเยอะหลายอย่างเชียวนะครับ    โกไปไหน  ยังไม่ตื่นเหรอ”

   “ไปวัด  ไปรับอาจารย์”

   “อาจารย์”  ผมทวนคำ  ไม่เข้าใจ  อาจารย์ที่ไหน

   “โน่นมาพอดี  นั่นแหละอาจารย์”

   ผมหันไปตามเสียงจอดมอเตอร์ไซด์  คนที่ซ้อนมันมา เป็นนักบวช  ผมไหว้เมื่อท่านเดินเข้ามาถึงที่รับรองแขกด้านหน้า

   “นิมนต์ก่อนค่ะท่าน”

   “คนนี่หรือโก  ที่โกไปอยู่ด้วย”  ท่านมองมาทางผม  หากหันไปถามโกเมศวร์  ผมนั่งกับพื้น  ยังไม่รู้จักนี่หว่า  ไม่คุ้นหน้า  ไม่ใช่พระที่จำวัดที่นี่แน่ ๆ  เพราะพระที่วัดผมรู้จักทุกรูป  ถึงจะแค่รู้จักหน้าก็เถอะ

   “โก  เอาอาหารไปถวาย”   ป้าภาร้องบอกลูกชายคนเดียว

   ผมมองสิ่งที่ป้าภาทำ  อาจจะนิมนต์ท่านมาฉันเช้า  แต่ด้วยอะไรก็ตามแต่  สิ่งที่ผมสังเกตเห็น . . . สายตา

   คำพูดหากเราไม่พูด . . . 

   . . . ไม่มีใครรู้ . . .

   แต่ . . .

   สายตา  มันสามารถปกปิดสิ่งที่มันซ่อนเร้นอยู่ในสายตาได้หรือ  ผมได้แต่สังเกตมอง  หากแต่สมองคิด  ความคิดในแง่ลบ สำหรับผม  มันน่าจะเรียกว่า . . . อกุศล

   ผมไปที่นั่นสามเช้า . . .

   . . . ภาพที่ผมเห็นเฉกเช่นดิม

   วันที่ผมกลับ . . .

   โกมันกลับมาพร้อมผม   โดยมีอาจารย์กลับมาด้วย  เมื่อมาถึงท่ารถตู้  ที่เดี๋ยวนี้เปิดให้บริการแทบทุกชั่วโมง  อาจารย์ใช้มือหยิบเงินในย่ามส่งให้โกเมศวร์

   ผมขมวดคิ้ว . . .

   . . . หลวงพ่อ . . . ก็เป็นพระ

   หากท่าน . . . มิเคยใช้มือจับปัจจัยเลย

   ทุกอย่างผ่านซองขาว ๆ  ทั้งนั้น  ยามใครเดือดร้อน  ท่านจะเอาซองมาให้  แล้วให้เขาหยิบเอาเอง  ท่านบอก   

   “. . .พระไม่ควรจับต้องสิ่งที่เป็นกิเลส   แล้วปัจจัยนะญาติโยมบริจาคมา  ถึงเวลาญาติโยมเดือดร้อนก็ช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ . . .”

   “เอาไป”

   ผมยื่นเงินให้  มันทำหน้าเหรอหรา  มองเงินในมือ  มองหน้าผม  แบบที่ผมเองก็ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้มาก่อน

   “อะไรพี่”

   “ค่ารถ”

   “อ๋อ  อาจารย์ออกให้แล้ว”  มันยิ้ม

   แต่ . . .

   ผมจับใบแดง ๆ  สองใบยัดในกระเป๋ากางเกง  ก่อนขึ้นไปนั่งบนรถ    ผมนิ่งเงียบมาตลอดทาง  หลายสิ่งหลายอย่างทำให้ผมเริ่มคิด  สายตานักบวชที่มองผม  ไม่เห็นเหมือนพระที่วัดมองผมเลย

   หรือ . . .

   . . . .ท่านเห็นอะไรในตัวผม

   หากท่านเห็นอะไรในตัวผม . . .

   มีหรือที่ผมจะไม่เห็นอะไรในแววตาของท่าน อย่างที่ผมบอก  สายตามันไม่สามารถที่จะปกปิดความรู้สึกที่อยู่ในหัวใจได้  ผมมีหัวใจ มำไมผมจะมองแบบที่ผมมอง  และคิกแบบที่ผมคิดไม่ได้ล่ะ

   เมื่อมาถึงเชียงใหม่ . . . 

   . . . อีกครั้งที่ผมเห็น  นักบวชท่านนั้นใช้มือหยิบธนบัตรราคาสูงสุดอีกครั้ง  ส่งให้โกเมศวร์  สิ่งเดียวที่ผมทำได้  ละสายตาจากภาพนั้นเสีย

   ผมมองด้วยความอิจฉาหรือ . . .

   . . . ไม่ใช่แน่ ๆ . . . 

   แต่ผมกลัวมากกว่า . . .

   . . . นักบวชท่านนั้นมาลงที่อยุธยา . . . 

   โกเมศวร์มันบอกให้ผมไปนั่งกับมันแทนที่นักบวช  แต่ผมมีความรู้สึกว่าอีกแค่ไม่นานก็ถึงรังสิตแล้ว  ผมไม่จำเป็นต้องไปนั่งทับที่ของใคร   สิ่งที่มันวกวนอยู่ในสมองของผมตอนนี้ต่างหากที่มันรบกวนจิตใจผมอยู่ตลอดเวลา

   หรือ ?

   ผมคิดมากไปเอง . . . .

   “นี่ซองอะไรเหรอ”    กลับมาถึงบ้าน  ผมรีบเอาเสื้อผ้าจากเป้  ผมต้องค้นหาสิ่งที่ผมอยากรู้ให้ได้  ซองสีขาวในกระเป๋ากางเกงของโกเมศวร์

   “ซองเงิน”  มันบอก

   “เงินไรว่ะ”

   “อาจารย์ให้มา”

   “เอามาทำไม  เงินเขาทำบุญ”

   “อาจารย์เขาให้”  มันเสียงอ่อย  คงรู้  ผมตำหนิมันทางสายตา

   . . . ผมไม่พอใจ . . .

   ทำไมเหรอ  ผมอิจฉานักบวชที่ให้เงินมันหรือ  ไม่ใช่แน่ ๆ  แต่สิ่งที่มันยังค้างคาในหัวใจผมต่างหาก  ผมได้แต่เก็บเรื่องนั้นเอาไว้  เหมือนไฟที่มันสุมอยู่ในหัวอก  มันร้อนรุ่มไปหมด

   “พี่อาร์ม  ผมไปพัทยานะ”  มันโทรมาบอกผม หลังจากที่เรากลับมาจากบ้านไม่ถึงอาทิตย์

   “ไปกี่วัน”

   “คืนเดียว”

   “ไม่มีเรียนเหรอ”

   “ผมโทรลาแล้ว”  เสียงมันอ่อนลงเมื่อผมถามมันถึงเรื่องการเรียน

   หน้าที่ของมันมิใช่หรือ ?

   สำหรับผม  หน้าที่ต้องมาก่อนสิ่งอื่นใดเสมอ  แล้วมันไม่รู้จักกับคนอย่างผมเลยใช่ไหม  ว่าการที่มันทิ้งหน้าที่ของตัวเอง  ผมจะรู้สึกเช่นไร

   หรือ . . .

   บางที่  ค่าความรู้สึกของผม  สำหรับมัน  ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

   “ไปทำไมเหรอ  มีเรื่องด่วนหรือ”

   “อืม   มีคนนิมนต์อาจารย์ไปงานเปิดร้านพรุ่งนี้  ผมเลยขับรถไปให้”

   “อาจารย์ไหนว่ะ”

   “ก็อาจารย์ที่แม่ไปบวชที่วัดไง   ที่กลับมาพร้อมเราวันนั้นไงพี่  จำไม่ได้เหรอ  ท่านให้ผมช่วยขับรถไปให้”

   ผมกดวางสาย . . .

   . . . ก่อนปิดเครื่องทันที 

   อารมณ์ในตอนนั้นมันพุ่งมาสุดขีดแล้ว  ปกติมันไม่เคยขาดเรียน  ยกเว้นตอนงานของแม่ผม  แต่วันนี้เมื่อมีอีกคนเข้ามาในชีวิต  มันยอมขาดเรียน  คนที่ทำให้มันขาดเรียนได้  แสดงว่าสำคัญต่อชีวิตของมันมาก

   หรือ . . . 

   . . . ผมรีบสลัดความคิดชั่ว ๆ  ในสมองทิ้งทันที

   อะไรที่มันยังไม่แจ่มชัด  อย่าเพิ่งด่วนสรุป . . . .

   แล้วผมก็เห็นซองแบบเดิมกับที่ผมเคยเห็นอีกครั้งหลังจากที่มันกลับมาจากพัทยา  คราวนี้ความคิดของผมเตลิดไปไกล  มีสองทางในตอนนั้นที่ผมคิดอยู่

   ไม่มีใครหว่านพืชไม่หวังผล . . .

   . . . บรรทัดฐานในตัวของผมเอง . . .

   ผมเอามาเป็นเกณฑ์

   เพราะในเมื่อตัวผมเองก็หวังผลจากการที่เอามันมาเรียน  มีหรือที่คนอื่นที่เข้ามาแล้วทุ่มทุนสร้างแบบนั้นจะไม่หวังผล  แต่จะหวังผลอะไรนี่สิมันยังเป็นเรื่องที่ผมคิดไม่ออก  หรือจะเรียกให้ถูก  ผมยังไม่อยากคิดอกุศลไปมากกว่านี้ . . .

   . . . ของแบบนี้ต้องดูกันนาน ๆ . . .

   แล้วอีกอาทิตย์ต่อมา  มันโทรบอกผมจะไปเพชรบูรณ์อีก  มันบอกอาจารย์ให้มันขับรถไปให้เพื่อจะไปเอาสมุนไพรอะไรบางอย่าง   ผมน่ะอยากจะด่ามันใจแทบขาด  แต่ผมยังไม่ด่ามัน  ผมคงรอให้เวลามันสุกงอมมากกว่านี้กระมัง

   แล้วก็เหมือนเดิม . . .

   . . . ซองขาวในกระเป๋ากางเกงของมัน . . .

   แล้วนี่มันขาดเรียนสองครั้งแล้ว ถึงจะขาดโดยการลาก็ตาม  แต่ผมไม่ชอบ  ผมเกลียดนัก  คนที่ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง  เราอาจมีน้ำใจกับคนอื่นได้  ไม่มีผิด  แต่น้ำใจที่เรามีกับคนอื่นต้องมากลังหน้าที่ของตัวเอง 

   มนุษย์เราเกิดมาพร้อมหน้าที่ . . .

   . . . คือสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบต้องไม่เสีย   หน้าที่ของการเป็นนักเรียน  มันต้องรู้ตัวเอง  หน้าที่หลักคืออะไร

   แต่มัน . . .

   . . . ละทิ้งหน้าที่หลักของตัวมันเอง

   เดือนนั้น . . .

   มันขาดเรียนสี่รอบ  ซึ่งมันก็คงจะมากพอที่ผมต้องพูดเรื่องนี้เสียแล้ว  มันอาจจะไม่คิดอะไร  เพราะคนอย่างมัน มองโลกสวยงาม  แต่คนที่ผ่านอะไรมามากมายแบบผม  ไม่ได้มองแบบที่มันมองเป็นแน่แท้

   ถ้าผมหวังอะไรจากมัน . . .

   . . .  มีหรือคนอื่นจะไม่หวัง . . .

   แต่จะเป็นหวังอะไรนี่สิ

   “รถใคร”    ผมถามเมื่อเดินเข้ามาในบ้าน  ผมจอดรถหน้าบ้าน  เพราะในบ้านมีวีโก้คันใหม่จอดอยู่   

   “รถอาจารย์”

   “ป้ายแดงนี่นะ”

   “อืม  เพิ่งออกวันนี้เอง  พี่ดูสิ”  มันยื่นเอกสารมาให้ผมดู  ผมรับเอกสารที่มันส่งมาดู 

   เจ้าของรถ . . .

   . . . นางวัลภา  โชติช่วงชรินทร์ . . .

   “ทำไมชื่อแม่”

   “ก็อาจารย์เป็นพระซื้อรถไม่ได้”

   “แล้วญาติพี่น้องทางโน้นไม่มีเหรอ”

   “มี  แต่แกไว้ใจแม่มากกว่า  แกบอกให้โกเอามาใช้ก่อน  ไว้เวลาแกไปไหน  แกจะโทรมาบอก”

   “หมายความว่าซื้อให้โกใช้”   ผมมองหน้ามัน

   “ครับ”

   ผมยิ้ม . . .

   ยิ้มที่ผมเองมองคนใต้ผ้าเหลืองไม่ผิด  ผมไม่ได้รังเกียจศาสนา  แต่ผมเกลียดคนที่อยู่ใต้เงาศาสนาแล้วไม่รู้จักการปล่อยปละละวาง  สิ่งที่เป็นกิเลสทั้งหมด  ผมมองหน้าโกมัน

   “ว่าจะไม่พูด  แต่วันนี้คงต้องพูดแล้วล่ะ”

   “เรื่องอะไรพี่”

   “อาจารย์ไง”

   “ทำไมพี่”

   “นี่โกโง่ถึงขนาดคิดอะไรไม่ออก  หรือโกอยากได้จนลืมทุกอย่างที่มันเป็นความถูกต้องกันแน่ว่ะ”   ผมเริ่มเสียงดัง

   “ทำไมเหรอพี่  ทำไมพี่ต้องโวยวายขนาดนี้ด้วย”

   “เออดิ  ลองมาเป็นพี่สิ  โกไปเอาของเขามา  โกรู้จักเขาดีแล้วเหรอ  หรือโกคิดว่าเขาเป็นพระ  แล้วพระต้องดีทุกคนเหรอ  พระที่ไหนจับเงิน  พระที่ไหนให้เงินคนเดิมทุกครั้ง พระที่ไหนไปฉันข้าวที่บ้านสีกามั้งว่ะ  เรื่องแบบนี้ต้องให้ป่าวประกาศให้อายเหรอ”

   “พี่คิดมากไปป่าว  อาจารย์เขาเอ็นดู”

   “ระวังเหอะ  สักวันเขาอยากดูเอ็นแก”

   “พี่อาร์ม  ทำไมพูดแบบนี้  พี่อย่าคิดว่าเขาจะเหมือนพี่สิ”   มันเถียงผม  มันมองหน้าผมนิ่ง 

   ใช่  ผมเอ็นดูมัน  จนอยากดูเอ็นมัน   และผมก็ทำได้  คำที่มันย้อนกลับมา  ความจริงทั้งหมด  ความจริงที่ผมทำดีกับมันเพื่อให้มันมาย้อนด่าผมแบบตอนนี้ไง

   ผมมองหน้ามันด้วยสายตาที่รังเกียจ  หรืออาจจะเรียกว่า  ไม่สามารถรับความจริงที่มันพูดได้มากกว่า

   “เดี๋ยวนี้เถียงเหรอ  ที่พูดนะเพราะหวังดี  ได้  ในเมื่อสอนไม่ได้  ว่าไม่ได้  ก็ไม่ต้องสอนกันอีก  แต่ลองคิดดูแล้วกัน   โกมาอยู่กรุงเทพฯ  เพราะอะไร  เพราะโกต้องเรียน  แล้วทำไม  เดือนที่แล้ว  โกขาดเรียนไปกี่วัน  ถ้าไอ้นั่นเป็นพระที่ดี  มันต้องรู้สิ  เวลาไหนสมควรหรือไม่สมควร  ไม่ใช่เรียกใช้ตะพึดตะพือขนาดนี้  ถ้าอยากได้เงินมากจนลืมไปว่ามาเรียน  ก็ไป  ไปขับรถให้พระอาจารย์โน่น  จะมานั่งเรียนหาส้นตีนอะไร”  ผมตะโกนใส่หน้ามัน  โมโหอย่างที่สุด   ผมมองหน้ามัน แววตาผมเอ่อล้นด้วยอะไรบางอย่าง

   “ก็เขาช่วยแม่”

   “แน่ใจเหรอ  โกคิดเหรอ  คนที่ไม่รู้จักกันจะทำอะไรกันได้  โกรู้จักเขาดีเหมือนที่แกรู้จักพี่หรือ  ทำไมว่ะ  กับการไปขับรถ  แล้วโยนเศษเงินที่ชาวบ้านยกมือท่วมหัวมาให้แก  โกก็คิดว่าเขาเป็นคนดีเหรอ”

   “เขาไม่ได้เป็นแบบนั้น”

   “เจ็บแทน  ทำไมเหรอ  มีอะไรกับพระนั่นแล้วเหรอ”

   “พี่อาร์ม”  มันตะโกน  มันมองหน้าผม  ไม่เชื่อว่า  ผมจะพูดอะไรแบบนั้นออกมาได้

   ผมมองหน้ามัน  ยามผมห้ามตัวเองไม่ได้  อะไรก็ขวางผมเอาไว้ไม่อยู่  ผมคิดวิเคราะห์แล้วจะบาปก็ยอมล่ะ

   “ผมไม่ใช่คนดีนะครับ    ผมมองออกใครดีหรือไม่ดีอย่างไร  คนแบบนั้น  ถ้าไม่หวังในตัวโก  ก็หวังในแม่โก”

   “พี่อาร์ม”  มันจับตัวผมเขย่า

   “พี่มีสติดี  มีสติครบทุกอย่าง  เรื่องที่พี่พูดวันนี้  มันอาจจะบาป  ที่พี่คิดแบบนั้น  แต่ถ้าวันนึง  มันเป็นอย่างที่พี่พูด  โกลองคิดดูใครจะบาปมากกว่ากัน  พี่เอาโกมาเรียน  เพราะอยากให้เรียน  ไม่ใช่ไปหลงยึดติดกับสิ่งของที่ใครเขาเอามาหลอกล่อ”

   “แต่ . . .”

   “เรื่องของโก   ถ้าแกคิดว่ารถนั่นสำคัญกว่าความรู้สึกของพี่  โกก็อยู่กับรถไปแล้วกัน”  ผมมองหน้ามันนิ่ง

   ผมเดินขึ้นไปบนห้องช้า ๆ  ผมปล่อยไปหมดแล้ว  ความรู้สึกนึกคิดตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอกับนักบวชท่านนั้น  มาถึงวันนี้  มันก็บ่งบอกอะไรได้พอสมควร  ผมอาจจะคิดให้สิ่งที่ผมคิดมันผิด  ให้ผมบาปที่คิดไปเองแบบนั้น

   หาก . . .

   ถ้าเรื่องที่ผมคิดเป็นจริง . .

   . . . นักบวช . . . กับ แม่โก

   หรือ . . .

   . . . โกกับนักบวช   

   สองสิ่งที่ผมตั้งสมการขึ้นมาในใจ    สมการที่แย่ ๆ   ผมหลับตานิ่ง  ผมขอบาปเองที่คิดไปในทางชั่ว  ไม่อยากให้คนที่ผมรักต้องชั่วเพราะเป็นดังที่ผมคิด  ความคิดมันอาจทำร้ายเรา  ทำร้ายคนที่เรารัก

   แต่ . . . ในสถานการณ์แบบนั้น

   ผมผิดหรือที่คิดเสียงดังจนต้องทะเลาะกับโกเมศวร์  และนั่นคือทะเลาะแรกกระมัง  แก้วที่เริ่มร้าว   หากไม่ประสาน  นับวันยิ่งยากจะดังเดิม . . .

   “แดนเหรอ  อยู่ไหนว่ะ”

   “คอนโดพี่”

   “นอนด้วยคนดิคืนนี้    ไม่อยากเข้าบ้าน”   

   “ได้สิพี่  ผมไม่ไปไหนหรอก”

   ผมวางหูโทรศัพท์จากแดน . . . นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมไม่นอนบ้าน  หลังจากมีโกมาอยู่ด้วย  เพราะทุกครั้งไม่ว่าดึกขนาดไหน  ถ้าโกมันอยู่  ผมจะกลับมานอนที่บ้านเสมอ

   “พี่จะไปไหน”    มันมองเมื่อเห็นผมเอาชุดทำงานใหม่ลงมาด้วย

   “แกจะได้มีเวลาคิด  ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด  มันคืออะไร  แล้วแกจำเอาไว้เลยนะไอ้โก . . . “    ผมเอามือชี้หน้าผม   

   “. . . นี่หน้าแบบนี้  คนแบบที่แกเห็นแกรู้จักมาตลอดหกปี  มันมีความรู้สึก  แล้วไอ้ความรู้สึกน่ะ . . .”  ผมกลืนน้ำลายลงคอช้า ๆ

   “. . เงินซื้อไม่ได้”     

   ผมยิ้มเยาะตัวเองมั้ง  ก่อนหันหลังให้มัน  ความอ่อนแอเข้ามาปกคลุมหัวใจอย่างที่สุดแล้ว  น้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม     ด้วยความน้อยอกน้อยใจที่ผมคิดไปเอง  เพราะความคิดมันบังคับกันยาก

   เราบังคับความคิดได้ง่าย ๆ  ก็ดีสิ . . .

    “พี่อาร์ม”  มันเรียกผม ดึงข้อมือผมเอาไว้

   ผมหยุด . . .

   “ปล่อย”  เสียงผมอ่อนแรง

   “คุยกันดี ๆ  ไม่ได้หรือพี่อาร์ม”

   “ดีที่สุดแล้วโก  ดีที่สุดแล้ว”  เสียงผมแหบพร่า

   “มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิพี่อาร์ม”

   “ปล่อยเหอะ  เราอยู่ห่างกันสักคืน  บางทีไอ้ที่มันอึมครึมอยู่อาจผ่านไปด้วยดี  พี่อยู่ตรงนี้ต่อไป  มันก็ไม่มีวันจบสิ้นหรอก”  ผมบอกมัน  ขยับข้อมือจากการพันธนาการจากมัน

   มันค่อย ๆ  ปล่อยผมอย่างช้า ๆ . . . .

   เวลานั้น . . .

   ผมไม่มีความรู้สึกอยากอยู่แม้แต่นิดเดียว  ผมอยากออกไปให้ไกลจากตรงนั้นมากที่สุด  ยิ่งเห็นวีโก้ป้ายแดง  ยิ่งเกลียดนักบวชคนนั้นจับใจ  ของที่ได้มาจากการยกมือไหว้ท่วมหัวของคนอื่น  ผมบอกตามตรง

   ผมรังเกียจ . . . รังเกียจมากที่สุด


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 20-05-2008 16:20:48
 :m15: :m15:ได้น้ำตาอีกแล้ว ครั้งนี้ร้องไห้ตั้งนาน
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 20-05-2008 17:19:11
เฮ่อ!!!!เศร้ากินใจ....เศร้าจริงๆT_T
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 20-05-2008 17:22:29
รัก3เศร้า รึเปล่านี่ :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 20-05-2008 18:18:50
พูดได้คำเดียวว่าซึ้ง :m15:


 :L2: :L1: :L2: :c5: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 20-05-2008 19:10:25



   “ถ้าวันนั้น  ในวันที่โกเรียนจบ   โกมีคนอื่น  พี่สัญญา  โกจะไม่มีวันได้เห็นพี่อีกตลอดชีวิต  พี่สัญญา”  ผมร้องไห้  ใช้น้ำตาแทนคำสัญญา

   คำสัญญาที่มันมาผูกชีวิตผมเอาไว้ . . .

   


สิ่งนี้สินะที่ทำให้เป็นอย่างทุกวันนี้...........


แต่ยิ่งอ่านแล้วมันก็เจ็บจิ๊ดนะ  พี่โกพยายามรักษาระยะห่างเอาไว้แค่เพียงพี่ชาย

ถ้ารักแล้วมันจะเจ็บด้ายอย่างไร  แต่ถ้ารักเพราะผูกพันมันคงจะเจ็บไม่น้อย




แต่ก่อนฟังเพลงนี้ก็รู้สึกเฉย ๆ แต่พอตอนนี้รู้สึกว่าทำไมเพลงนี้มันเศร้าจังอ่า :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 20-05-2008 19:15:38
ฮือ....

ร้องไห้อีกแล้ว   ร้องทุกตอนเลยTT__TT

 :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 20-05-2008 19:29:15
น้ำตาจะไหล

ชีวิตรันทดมากมาย

 o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 20-05-2008 19:38:07
..เสียใจด้วยสำหรับเรื่องคุณแม่..
...แม่ไม่ได้หายไปไหน..แม่จะอยู่ในใจของคุณเสมอ..
......ไม่ได้แค่อยู่ในใจของคุณ ..
แต่....แม่คือทุกๆ ย่างก้าวในชีวิตของคุณ
เป็นกำลังใจให้ฮะ.... :L2:
..............แล้วมันก็จะผ่านพ้นไป :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 20-05-2008 20:08:36
เสียใจเรื่องคุณแม่ย้อนหลังด้วยคนค่ะ T_T
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 20-05-2008 20:32:04
พี่อาร์มใจร้าย....ใจร้ายที่สุด

น้ำท่วมกระทู้แล้ว  ฮือ ฮือ ฮือ   :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 20-05-2008 21:48:47
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:



อ่านมา สองสามตอน  อารมณ์   :sad2: ตลอดเลย แง๊ๆๆๆ


โนคอมเม้นท์  
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 20-05-2008 22:20:53
แวะมาให้กำลังใจค่ะ :L2:

ปล.รักโก รักโอ๋ รักแดน และรักอาร์มนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 20-05-2008 23:55:18
น้ำตาจะไหล

ชีวิตรันทดมากมาย

 o7 o7 o7





อกพี่ว่าง . . .

ให้ยืมซับน้ำตา เอามะ

ชิส์

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Entaneer#30 ที่ 21-05-2008 02:22:46
เพลงโดนมากๆเลยค่ะ
 o7 o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 21-05-2008 11:53:17
น้ำตาจะไหล

ชีวิตรันทดมากมาย

 o7 o7 o7





อกพี่ว่าง . . .

ให้ยืมซับน้ำตา เอามะ

ชิส์



เก็บไว้ให้คนของตัวเตอะ

เค้ามีหัวเข่า ไม่ต้องพึ่ง

เชอะ

 :a14:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 21-05-2008 12:17:08


ตอนที่  ๑๘




   มุมมองผมอาจจะไม่เหมือนคนอื่น ๆ  กระมัง  ผมรังเกียจการหากินในผ้าเหลือง  พระที่ควรจะกราบไหว้  คือพระที่ไม่ยึดติดกับสิ่งที่ก่อให้เกิดกิเลสทั้งหลายมิใช่หรือ  เรื่องนี้  ผมไม่พอใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  เมื่อมันเกิดปะทุขึ้นมา  มันเลยยากที่ผมจะทำใจได้

   ทำไมนะหรือครับ . . .


   เพราะตั้งแต่กลับมาจากบ้านคราวก่อน . . . อาจารย์ที่มันเรียกนั่น  โทรมาปลุกมันทุกเช้า  เรื่องนี้ผมไม่พูด  ทั้ง ๆ  ที่ผมตะหงิด ๆ  ในใจเสียตั้งนานแล้ว  แต่ผมก็ปล่อย  เพราะผมรู้  การเข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องส่วนตัวเขามาเกินไปไม่ดีหรอก

   ไม่มีใครอยากให้คนอื่นเดินล้ำเส้นตัวเองหรอก . .  .

   แต่ . . . เรื่องที่มันเอารถมาใช้นี่สิ  ผมรับไม่ได้หรอกนะครับ  รับไม่ได้จริง ๆ

   คนเรา . . .

   ควรมีศักดิ์ศรีในตัวเอง  แม้เราไม่ได้ร่ำรวยอะไร  แต่ถ้าเรามุมานะ  สักวัน  เราก็เดินไปถึงจุดหมายที่เราต้องการได้  แต่การเดินทางลัดแบบนั้น  ผมไม่เห็นด้วย  ผมละอายใจ  และค่อนข้างรับไม่ได้  หากมันจะรับการช่วยเหลือจากคนในศาสนา

   ถ้า . . . 

   . . . มันเป็นเด็กขายน้ำ . . .

   ผมยังมองมันด้วยความรู้สึกสงสารในชะตากรรม  และทางเลือกที่มีไม่มากนัก  แต่ถ้ามัน  รับจากคนในผ้าเหลืองนี่สิ 

   ผมรังเกียจ . . .   

   . . . รังเกียจมาก 

   ผมไม่รู้หรอก  มันรับอะไร  หรือ เสียอะไรไปบ้าง  เพราะมันไม่เล่า  และผมเองก็ไม่ได้ถาม  เพราะบางเรื่องผมคิดว่า  ถามไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร  เพราะในเมื่อเราตกลงกันตั้งแต่ต้นแล้ว  ว่ามีอะไรให้พูดกัน  เมื่อมันไม่พูดก็แล้วแต่มัน  สิทธิ์ของมัน  ที่จะไม่พูด  แต่เรื่องแบบนี้  สักวันมันก็ต้องรู้

   จะช้าหรือเร็วเท่านั้น . . .

   เวลา . . .

   . . . จะคลี่คลายทุก ๆ  ข้อปัญหาเอง

   ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับเวลา . . .




   ผมขับรถมาจอดที่คอนโดไอ้แดน  ความรู้สึกบางอย่างมันเกิดขึ้นในใจ    สิ่งที่ทำอยู่ในเวลานี้  ดีแล้วใช่ไหม  ผมทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือ  ผมพยายามถามตัวเอง  ไม่ใช่ว่า  จะทำให้เรื่องมันยุ่งยากมากกว่านี้หรอกนะ


   ไม่ใช่ว่าผมรู้สึกกับแดนมันแบบที่ผมรู้สึกกับโกหรอก  แต่ผมกำลังต่อสู้กับตัวเองมากกว่า  สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่นี่มันถูกต้องหรือ . . .

   ผมออกมาค้างนอกบ้าน . . .

   ผมห่วงมันนะ แคร์ความรู้สึกมันมากด้วย  แต่ความรู้สึกของผมตอนนี้  มันเหมือนน้ำเดือด  การอยู่ใกล้ความร้อน  น้ำที่พวยพุ่งอยู่มันไม่เย็นลงมาง่าย ๆ  หรอก  มีแต่จะร้อนยิ่งขึ้น

   หลายคนอาจมีคำถาม . . .

   ทำไมต้องแดน ?. .  .

   . . . ในเมื่อผมบอกเสมอว่า  ไอ้โอ๋คือเพื่อนสนิท

   ครับ . . .

   ไอ้โอ๋มันคือเพื่อนสนิท . . .  และผมก็รักมันมาก 

   แต่ . . .

   เรื่องเดียวที่ไอ้โอ๋ไม่รู้  ก็เรื่องที่ผมชอบผู้ชายนี่แหละ  และผมกลัวมาก หากผมบอกมันไป  แล้วผู้ชายที่ผมรักดันเป็นคนที่มันสนิทอีก  ผมไม่รู้  มันจะคิดยังไง  ผมแคร์ความรู้สึกมัน  ไม่กล้าที่จะคุยกับมันเรื่องนี้   แม้มันอาจจะมองผมแปลก ๆ  บ้าง  แต่ผมก็ไม่มีทีท่าให้มันสงสัยมากกว่านี้  เรื่องที่ผมทุกข์ตอนนี้  ผมคงคุยกับมันไม่รู้เรื่อง

   เพราะมันเป็น . . .

   . . . ผู้ชาย

   ผู้ชายที่ไหนจะมาเข้าใจเกย์แบบผม . . .

   จึงไม่แปลก ที่ผมเลือกที่จะโทรหาไอ้แดน   อย่างน้อยที่สุด  ผมคุยเรื่องแบบนี้ได้สนิทใจกว่าไอ้เพื่อนรักของผมแน่นอน 

   ผมยอมรับว่าตอนนั้น  ผมหวงโกเมศวร์มัน  หวงมากเสียด้วย  แล้วยิ่งมีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์

   มารศาสนา  หลอกตุ๋ยเด็ก . . . 

   . . . รวบคาผ้าเหลือง  พร้อมยาบ้า

   สารพัดข่าวที่ไม่ดีในตอนนั้น มันทำให้ผมอดมองในทางลบไม่ได้  ผมไม่อยากให้คนที่ผมรัก  เจอกับเรื่องที่แย่ ๆ  ขนาดเรื่องที่มันมีอะไรกับผม  ผมเองยังรู้สึกละอายใจเลย  เพราะมันไม่เคยบอกรักผมสักครั้ง . . .

   ทุกครั้งที่มันบอกมา . . .

   . . . ผมรักพี่อาร์มนะ . . . แบบพี่ชาย

   ผมสงสัยนะ  รักแบบพี่ชาย  แต่นอนแก้ผ้ามีอะไรกันได้นี่นะ  มันทำได้อย่างไรกัน    ผมคิดแต่เรื่องตัวเอง  โดยไม่มองว่าทำไม  มันถึงยอม   เพราะถ้าผมมองไปในเวลานั้น  ผมอาจจะเจ็บปวดกับสิ่งที่มันทำก็ได้

   มันยอมเพราะรักผม . . .

   หรือ . . .

   . . . มันยอมเพราะนี่คือสิ่งที่ผมต้องการ

   จะยอมด้วยอะไรก็แล้วแต่ . . .

   ผมสรุปเอาเอง . . . 

   มันรักผม  ไม่น้อยไปกว่าที่ผมรักมันหรอก  เพียงแต่ว่า  ใครจะกล้าเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองมากกว่ากันก็เท่านั้น   ความรู้สึกที่ไม่เป็นปกติเหมือนมนุษย์ปถุชนทั่ว ๆ  ไป  น่าเปิดเผยมากนักหรือ 

   สำหรับตัวผมเอง . . . 

   . . . ไม่มีใครที่ผมต้องแคร์อยู่แล้ว

   ผมจะเป็นอะไร . . . แบบไหน

   ผมว่า . . .

   . . . ผมไม่ทำความเดือดร้อนให้ใครเป็นพอ

   แต่ . . .

   . . . สำหรับโกเมศวร์ . . .

   มันไม่ได้มีแค่ผม  มันมีอีกมากมายรอบ ๆ  ตัวมัน  มันยังมีเพื่อน  มีสังคม  เวลานั้น  ผมไม่เคยคิดแบบนี้  ผมมองเห็นแค่มันเหมือนน้องเล็ก ๆ  ที่ผมต้องดูแล  มันเหมือนทุกอย่างในชีวิตที่จะผิดพลาดไม่ได้

   ผมลืมไป . . .

   . . .มันคือคน . . .

   มีชีวิต . . . มีลมหายใจ

   . . . มีความรู้สึก . . .

   ใช่ตุ๊กตาที่ใครจะจับมันวางไว้ตรงไหนก็ได้  อาจเพราะผมเองเห็นสิ่งที่ตัวเองผิดพลาดมาแล้ว  การที่น้องจะเดินไปตามทางที่เคยผิดพลาด  ผมจึงเป็นห่วง  ห่วงมันมากกว่าที่เคยเสียด้วยซ้ำ . . .

   ผมคิดได้แค่ว่า . . .

   . . . สิ่งที่ผมเคยทำผิดพลาดมา . . .

   มันจะต้องไม่พลาด

   “ดูทำหน้าเข้า  งานเยอะหรือไง  ไอ้งานหลวงนี่คงไม่เท่าไหร่  แต่งานราษฏร์นี่สิ  สังสัยทำหนักหัวใจ”  ไอ้แดนมันแซวทันทีที่เจอหน้า

   “เยอะดิ  เหนื่อยว่ะ”   ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาที่มันใช้นั่งดูทีวี

   “เลิกตั้งแต่ห้าโมง มาถึงเกือบสามทุ่ม  ไมเหรอ  มีปัญหากับคนที่บ้านหรือไง”  มันส่งน้ำมาให้ผม

   “Kเหอะ  เสือกทำเป็นรู้”  ผมยิ้มให้มัน

   “แล้วจริงมั้ยล่ะ”   แดนจ้องหน้าผม

   ผมนิ่งเงียบ  ไม่ตอบมัน  หยิบรีโมทมากดช่องโน้นทีช่องนี้ที  หากสายตาปรายตามองมันอยู่  ผมรู้มันเองก็จับจ้องผมอยู่เหมือนกัน  ท่าทางมันอยากรู้เสียเต็มประดา  แต่ยิ่งมันอยากรู้  ผมจะยิ่งทำเฉย

   “อะไรจริง”

   “ไม่รู้  ใครก็ไม่รู้  ยืมทองเพื่อนไปตึ้งเพื่อเอาไปจ่ายค่าเทอมให้ . . .”    มันทำเสียงยานคาง

   “ไอ้เพื่อนเหี้ยอีกแล้ว”

   “นั่นยอมรับ . . . เลี้ยงต้อยซะด้วย  อิจฉาโว้ย”

   “ไอ้ทะลึ่ง”    ผมถีบมันเบา ๆ

   “พี่อาร์ม”

   ผมปรายตาไปมองมัน  เห็นแววตาของมันแล้วต้องหลบสายตา  เพราะไม่ชอบเลยกับแววตาที่มันมองด้วยความห่วงใยเช่นนี้  ผมไม่อยากแปลความหมายจากสายตาของมัน 

   “อะไร”

   “ทำแบบนั้นไม่เหนื่อยเหรอ”

   “ทำอะไร”

   “แอบโอนเงินเข้าบัญชีแทบทุกเดือน . . . “   ผมหลิ่วตามอง

   “. . .   ให้ผ่านพ่อชองเขา . . .” 

   คราวนี้ผมขมวดคิ้ว  มันเอาเรื่องแบบนี้มาจากไหน   ผมมองหน้ามัน  ใบหน้ามันยียวนกวนโมโหผมจังเลย

   “. . . แถมใจป้ำให้แม่เขายืมทั้ง ๆ    ที่ตัวเองก็แทบไม่มีเงินเก็บ  ผมเลยถามไงว่าสิ่งที่พี่ทำอยู่นั้นไม่เหนื่อยหรือ”     มันมองหน้าผม

   ผมแน่ใจเรื่องนี้ ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟัง  แม้กระทั่งไอ้เพื่อนรัก . . .

   มันเอามาจากไหนกัน . . . 

   “ไม่มีอ่ะ  แกเอาอะไรมาพูด  ไร้สาระน่า  ใครจะบ้าทำแบบนั้น  หาเรื่องอะไรที่มันน่าอำมากกว่านี้ดีกว่ามั้ง  คนที่ทำเรื่องที่แกว่าน่ะ  มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละ”

   “อย่าหลอกตัวเองเลยพี่  ผมไม่บอกใครหรอก  ผมบอกแล้วไงว่าผมรักพี่  และผมไม่หวังที่จะให้พี่มารักตอบผมด้วย  เพราะผมรู้  สิ่งที่พี่ทำทั้งหมด  ถ้าเป็นผม  ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะทำได้เท่ากับที่พี่ทำหรือเปล่า”

   “ขอบใจ”

   “เปลี่ยนจากคำขอบใจได้มะ”

   “เปลี่ยนอะไร”

   “ก็เปลี่ยนจากคำขอบใจ  มาเป็นเริ่มรักไอ้แดนวันละนิด ทีละหน่อยไง”

   “ทุกวันนี้ไม่รักหรือไง”

   “มันคนละแบบกัน”    มันทำหน้ากวนโอ้ยเสียด้วย  ผมละอ่อนใจกับมัน  เพียรพยายามจีบกูจัง เวลาอยู่กันสองต่อสอง   

   “ได้  รักแบบนั้นก็ได้  คืนนี้นอนกันเลยมะ  แล้วหลังจากพรุ่งนี้ก็กลายเป็นคนแปลกหน้ากัน  ประมาณว่าน้ำแตกก็แยกทางไง”   ผมยิ้มกับมัน

   “ไม่เอา  ผมรักพี่นะ  ไม่ได้ต้องการมีเซ็กส์  ผมรู้น่า เพราะยังไงพี่ก็รักผม  ผมแค่แหย่เล่น  ไม่อยากเห็นพี่ซีเรียส มีอะไรที่ผมช่วยได้มั้ยพี่”

   “มี”

   “อะไรครับท่าน”  มันชูสองนิ้ว

   “ใครพูดเรื่องนั้นกับแดน”

   “เรื่องไหน”  มันทำหน้า  ทำตาน่าถีบชะมัด

   “แอบโอนเงิน  อะไรพวกนี้”

   “ขอโทษพี่  ความลับ  บอกไม่ได้”

   “ไอ้โอ๋รู้มั้ย”  ผมมองหน้ามัน  ไม่อยากให้ไอ้เพื่อนรักรู้  เพราะผมยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยความรู้สึกในตอนนี้

   “ไม่รู้”

   “จะบอกมั้ย”    ผมมองหน้ามันทำตาละห้อย

   “เอ  บอกดีมั้ยน่า  พี่ว่าผมจะบอกดีมั้ย”    ผมอดยิ้มไม่ได้  มันน่าจะเป็นคนเดียวที่เข้าอกเข้าใจผมมากที่สุด  ในฐานะ  มันเองก็แอบรักคนอื่นเหมือนกัน   คนแอบรักเหมือนกัน  ย่อมเข้าใจกันเป็นธรรมดา

   “ไอ้แดนนนนนนนนนนนนนน”  มองมองมันตาเขียว

   “ครับผม  ความลับครับผม”    มันส่งมือมาให้ผมจับ

   “อีกเรื่องนึง” 

   “อะไรครับท่าน”   มันทำท่าล้อเลียนผม

   “ทำมาม่าให้กินหน่อยดิ  หิวมาก”   ผมเอามือลูบท้อง

   “ทุกทีอ่ะ”

   “อ้าว  ไม่เคยมีใครบอกเหรอ  ว่าน้องแดนทำมาม่าอร่อย  ถึงแดนจะไม่หล่อเท่าทอมครูช  แต่แดนทำมาม่าอร่อยนะครับ”   

   “ไอ้พี่เลว  หักคอกันแบบนี้เลยเหรอ”  มันบ่นแต่เดินกลับเข้าไปในมุมครัวของคอนโดมัน  เรื่องมาม่านี่  ยกให้มันละครับ  มันทำอร่อยจริง ๆ

   แต่เรื่องที่มันรู้นี่สิ . . .

   ผมคิดหนัก . . .

   . . . มันรู้ได้อย่างไร 

   ในเมื่อผมไม่เคยบอกใครเรื่องนี้  แล้วไอ้โกเองมันก็ไม่เคยรู้เสียด้วยซ้ำ  สักวันนึงผมต้องรู้ให้ได้  ว่ามันรู้เรื่องที่ผมทำทั้งหมดได้อย่างไร  ในเมื่อผมไม่เคยปริปาก  บางทีเหมือนกับที่เขาบอก

   ความลับไม่มีในโลก . . .   



   เพียงไม่นานมาม่าชามโตกลิ่นหอมก็โชยมาแต่ไกล  หลังจากหายโมโหความหิวมันก็มาเยือน  ผมผละจากหน้าจอทีวีไปช่วยมันยก  ก่อนมานั่งต่อที่เดิม   เปิดพัดลมเป่าเพื่อให้มันหายร้อนเร็ว ๆ


   “น่ากินจริ๊ง ๆ . . .”  ผมตะแคงชามให้พัดลมเป่า   

   “. . . อันนี้ขอนะอร่อย”  ผมเอาตะเกียบคีบแฮมในชามไอ้แดน  ของชอบผมอ่ะ

   “อะไรว่ะ  ใส่เท่ากันนะโว้ย”  มันเอาตะเกียบปัดป้องพัลวัน

   “หวงว่ะ”

   เสียงโทรศัพท์ของมันดังขึ้น  มันหยิบมามอง 

   “พี่โอ๋ว่ะ . . .  เปิดโฟนเลยนะ”   มันบอกก่อนที่จะกดรับสาย 

   “. . . สวัสดีครับท่านพี่”

   “เรียกไอ้อาร์มมาคุยกับพี่หน่อย”  นั่น  เสียงมันสั่งมาเลย  ไอ้แดนมันเปิดโฟนอยู่น่ะครับ

   ผมทำสัญญาณบอกว่าไม่อยู่

   “ไม่มีนี่พี่ . . . แยกกันตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว”

   ผมชูหัวแม่โป้งสองนิ้วให้มัน  มันแหล . . .

   . . . ลื่น

   ได้ใจผมทีเดียว   เรื่องแบบนี้มันงานถนัดกันจริง ๆ    เรื่องสาระแนแหล ๆ  ขอให้บอก  ทำกันได้อย่างดีด้วย

   “อย่ามาฟอร์มไอ้แดน  เรียกมันมา”    ไอ้เพื่อนรักมันเหมือนมีตาทิพย์ซะงั้น

   “มีธุระอันใดไม่ทราบ”  ผมกรอกเสียงไป

   “ไอ้เหี้ย  โทรศัพท์เขามีไว้ติดต่อยามฉุกเฉิน  ปิดเครื่องทำพระบิดามึงเหรอ   กูกดหามือแทบหงิก”   

   “ไอ้นี่ด่าหลวงพ่อ  เดี๋ยวกูฟ้อง”

   “กูด่ามึง  ไอ้อาร์ม”  มันรีบแก้ตัวเชียว

   “มีอะไร โทรตามจิกอย่างกะกูเป็นเมียมึงงั้นแหละ”

   “มารับกูด้วย”

   “ไอ้บ้า  รับห่าไรที่ไหน  ก็ตอนเลิกงานก่อนกูเข้าบ้าน  กูแวะส่งมึงที่บ้านแล้วนี่หว่า  มึงจะออกมาทำเหี้ยอะไรอีก”

   “ยังไงก็ต้องมารับว่ะ  เพราะกูคงไม่มีรถกลับ”

   “Kเหอะ  กูจะนอน”

   “ไม่ได้  ต้องมาเดี๋ยวนี้ด้วย  เร็วเข้า  กูถึงนวนครแล้ว”

   “ไปไหนของมึง”  คิ้วผมขมวดเข้าหากัน

   “อยุธยา  รีบออกมาเลยไอ้ห่าอาร์ม”   นั่น  เพื่อนร๊ากกกกก  อยากให้ไปรับ  แต่พูดจากไม่ไพเราะเอาเสียเลย  ผมล่ะอ่อนใจกับมันจริง ๆ 

   “. . . อ้อ  ไอ้เจ้าของเครื่องด้วย  ออกมาเลย  แล้วเดี๋ยวกูโทรบอกให้รับที่ตรงไหน  อย่าลีลานะมึง  กูไม่อยากรอนาน”

   ไอ้เพื่อนเลว . . .

   . . . สั่ง ๆ ๆ ๆ ๆ  แล้วกดวางสายซะงั้น  ผมมองหน้าไอ้แดน  ก่อนทิ้งชามมาม่า  แล้วลงไปที่ลานจอดรถทันที

   ไม่รู้มันมีอะไรของมันนักหนา  ผมไม่เข้าใจมันหรอก  ว่ามันจะมาอยุธาทำไมดึก ๆ  ดื่น ๆ  ขนาดนี้  ผมไปถึงอยุยาอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา 

   ดึกแล้ว . . . 

   น่ากลัวเหมือนกันแฮะ  บรรยากาศเมืองเก่าเงียบสงบ    แต่หากให้ผมขับมาคนเดียวสงสัยได้ขับไปทั้งน้ำตาเป็นแน่  ทำไมมันน่ากลัวเช่นนี้หนอ

   ผมมองหาร้านที่มันบอกให้แวะไปรับ   ก่อนเลี้ยวรถเข้าไป . . .

   คนที่นั่งอยู่กับมัน . . .

   โกเมศวร์ . . .

   “พี่อาร์ม  โน่นพี่โอ๋กับไอ้โก”   แดนมันชี้  ผมเห็นแล้ว  เห็นก่อนที่มันบอกผมเสียด้วยซ้ำไป

   ผมจอดรดเทียบร้านที่มันสองคนนั่งกินข้าวอยู่ . . .

   “กินไรมั้ยมึง”  ไอ้เพื่อนผมมันหันมาถาม  แต่ปากมันเคี้ยวตุ้ย ๆ

   “รีบกินเหอะมึง  จะได้กลับ  กูง่วง   ขับด้วยนะมึง”   ผมโยนกุญแจรถไปที่โต๊ะ  ก่อนเดินกลับไปนั่งในรถ

   “แดนมากินข้าวต้มก่อนมา  ปล่อยแม่งมันนอน”

   ผมเหนื่อยนะ  . . .

   . . .  เหนื่อยมาก  วันนี้งานยุ่งทั้งวัน  แถมมาเจอเรื่องบ้า ๆ  อะไรอีกก็ไม่รู้  มันทำให้ผมผล็อยหลับไปมารู้สึกอีกทีก็เมื่อไอ้เพื่อนเลวมันปลุกผมนั่นแหละ

   “ห่านี่นอนมาตลอดทางเลยนะมึง”  มันเขย่าตัวผม

   “ที่ไหนว่ะ”

   “บ้านมึงไง” 

   ผมงัวเงีย  มองไปในบ้าน  ที่ลานจอดรถว่างเปล่า  ผมหันไปมองหน้าไอ้โก  ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน . . .

   “ไปแดนไปนอน  พรุ่งนี้ทำงานแต่เช้าอีก”  ไอ้เพื่อนรักมันคว้าหมับเข้าที่คอไอ้แดน  ก่อนเดินเข้าไปในบ้านผมเฉยเลย

   “บ้านกู . . .”

   “แล้วไงเพื่อน  กูขับรถไปกับน้องมึง  เอารถไปส่งเจ้าของ  แล้วมึงจะใจดำไล่กูกลับบ้านเหรอ  เสียใจเพื่อน  ถ้ามึงไม่ให้กูนอนห้องมึง  น้องมึงมันยกห้องมันให้กูแล้วว่ะ  ราตรีสวัสดิ์เพื่อนรัก  พรุ่งนี้ตื่นเช้าปลุกกูด้วย . . .”   มันหันมาส่งจูบให้ผมซะงั้น 

   “ . . .แดน  จะนอนกับพี่หรือนอนกับไอ้อาร์ม  แต่นอนกับพี่รับรองหลับสนิทเพราะพี่นอนไม่กรน”  มันเสือกรู้อีก  เลวจริง ๆ

   “ผมนอนกับพี่โอ๋”   มันรีบวิ่งตามตูดเพื่อนผมไปอย่างรวดเร็ว

   ดีมาก . . . รู้งาน

   ผมไม่พูดอะไร  ได้แต่มองหน้ามัน  ก่อนเดินขึ้นไปห้องนอน  ทิ้งตัวลงกับที่นอน  ที่นอนที่ผมรู้สึกสนิทใจที่สุดยามล้มตัวลงนอน  ความรู้สึกตอนนี้ มันโล่งนะ  ผมว่าผมมีความรู้สึกดีขึ้นกว่าตอนที่ผมระเบิดอารมณ์ใส่มันเสียอีก  ตอนนั้นผมยังกลัวตัวเองเลย  จะเรียกว่าไงดี

   หึง . . . ก็อาจจะ  มีนะ  นิดนึง  แอบคิด  มันจะไปมีอะไรกับนักบวช

   แต่ . . .

   ไม่น่าจะใช่ทั้งหมด  ผมกลัวมากกว่า 

   . . . กลัว . . .

   กลัวว่ามันจะรักคนอื่นมากกว่าผม  กลัวว่าคนอื่นจะช่วยมัน  แล้วมันจะลืมผมอะไรทำนองนี้  ผมนี่คิดอะไรที่งี่เง่าดีแท้  ประมาณ  กลัวว่าตัวเองจะไม่มีความสำคัญอีก

   “พี่อาร์ม”  เสียงมันเรียกเมื่อล้มตัวลงนอน

   จากที่นอนหงาย ผมพลิกตัวกอดหมอนข้างทันที  นอนหันตูดให้มันเสียด้วย  ประมาณว่ากูงอนนะ 

   ง้อกูดิ  อิอิอิ

   “พี่อาร์ม  ผมรู้นะยังไม่นอน”

   เออ . . .  ก็กูยังไม่หลับ 

   ไม่งั้นพอมึงล้มตัวนอนกูจะหันตะแคงไปกอดหมอนข้างหาพระสวรรค์วิมานอะไรล่ะ  นี่มึงไม่รู้หรือว่าอาการแบบที่กูเป็นนี่เขากำลังเล่นตัว  อยากให้ง้อ  หัดเข้าใจคนอื่นเสียบ้างก็น่าจะดี

   “ผมเอารถไปคืนแล้วนะ . . .”   มันบอก  ก่อนสอดแขนมากอดผมเอาไว้

   นี่กูไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย . . .   

   มันมากอดกูก่อนซะงั้น  แต่อย่างว่าล่ะครับ  เรื่องงอนนะ  เรื่องถนัดของผมเสียด้วย

   “พูดกับผมหน่อยสิพี่  นะนะ”   มันจูบเข้าที่ท้ายทอยของผม

   “อย่ายุ่งจะนอน”  ผมดิ้นไปมา  ให้ตัวเองเข้าอยู่ในอ้อมกอดมันถนัดขึ้น  อิอิอิ  เลวได้ใจเลยกรู  เจ้าเล่ห์ชิบ

   “ผมอยากให้พี่รู้  ผมไม่อยากได้ของเขา  ไม่เคยคิดอยากได้”

   “ไม่เกี่ยวไรกัน”

   “เกี่ยวสิพี่”

   “เกี่ยวยังไง”

   “ก็พี่ไม่สบายใจ  ผมไม่อยากให้พี่ต้องไม่สบายใจ”   มันซุกหน้าเอาไว้ที่ท้ายทอยผม

   “ช่างเหอะ”

   “เออ  ผมเอาเงินที่อาจารย์ให้คืนแกหมดแล้วด้วยนะ  ผมคืนหมดทุกบาทเลย”

   ผมยิ้ม . . .

   มันโล่งมากที่สุด  อย่างน้อย  มันก็ไม่ได้อยากได้เงินของเขา  แต่ที่มันรับอาจเพราะมันรู้เท่าไม่ถึงการณ์  หากแต่ผมยังนอนเฉย  นอนยิ้มในอ้อมกอดของมัน  ในขณะที่มันทุกข์เพราะกลัวผมโกรธ  แต่ผมมีความสุข

   เพราะอ้อมแขนมันร้อยรัดผมอยู่

   “ดีแล้ว  ขอโทษแล้วกันที่วันนี้พี่พูดแรงไป”

   “ทีหลังผมจะคิดให้มากกว่านี้  ผมรู้พี่ห่วงผม  ผมรู้ว่าพี่รักผม  ผมไม่อยากให้พี่ต้องไม่สบายใจ”

   “ดีแล้ว  งั้นคืนนี้นอนคนเดียวนะ”

   “ทำไมอ่ะพี่”

   “พี่จะไปนอนกับไอ้โอ๋มัน”

   “ทำไมอ่ะ”

   “ไม่อยากให้มันรู้  ไม่อยากให้มันมองโกไม่ดี นอนคนเดียวได้นะ”

   “ครับพี่”

   “พี่รักโกนะ”  ผมหันไปบอกมัน  ก่อนหอมที่แก้มของมัน  แล้วลุกเดินไปนอนที่อีกห้อง

   ผมมันพวกเจ้าเล่ห์ . . .  ไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย

   . . . ส่วนดีของผมเหรอ . . .

   มีแค่เรื่องเดียวกระมัง . . . รักหมดใจ  รักหมดชาม 

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 21-05-2008 13:47:55
แก้วที่เริ่มร้าว   หากไม่ประสาน  นับวันยิ่งยากจะดังเดิม . . .


เห็นด้วยกับคำนี้อย่างแรง เริ่มเศร้าแล้วสิ  :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

ป.ล. เราเห็นว่า อาร์มน็อตหลุดไปหน่อย ถ้าค่อย ๆ พูดอย่างมีสติ อาจจะไม่ทะเลาะกันก็ได้นะ  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Entaneer#30 ที่ 21-05-2008 14:13:00
มาแนวนี้เหรอเนี่ย
ผิดคาด
 :a5: :a5:
.
.
.
.
รออ่านตอนต่อไปก่อนแล้วกันค่ะ
ยังไม่รู้จะว่าอะไรยังไง
 :a3: :a3:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 21-05-2008 16:24:43
เอ...ตอนนี้ไม่เสียน้ำตา
แต่...เครียด..อึดอัด
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 21-05-2008 16:29:17
อย่างที่ว่า                  แก้วที่เริ่มร้าว   หากไม่ประสาน  นับวันยิ่งยากจะดังเดิม

เป็นอะไรที่ถูกต้องที่สุด
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 21-05-2008 16:37:07
กว่าจะอ่านตอนที่ 17 จบ อ่านไปแล้วก็หยุดอ่านทำใจก่อน

แล้วก็ค่อยอ่านต่อ  สุดท้ายก็น้ำตาไหลอยู่ดี :o12: :o12:


*-----*-----*-----*-----*-----*

ต่อจากนี้ไปเริ่มแล้วสินะ  แก้วเริ่มร้าว  รอวันแตก
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 21-05-2008 18:18:32
เข้าใจว่าไม่อยากให้ศาสนาแปดเปื้อน

เลยเลี่ยงไปใช้นักบวชแทน

ช้อบชอบ

เป็นกำลังใจให้นะคร้าบบบบ

 :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 21-05-2008 20:03:23
พี่อาร์มหึงน้องโกแล้ว

แก้วสารภาพตามตรงนะคะ 
แก้วสงสารโกค่ะ โกคงไม่อยากทำตัวเป็นภาระพี่นะคะ ถึงได้ทำอย่างนั้นไป
บางครั้งสิ่งที่โกทำไป คงยังไม่ทันนึกถึงความรู้สึกของพี่หรือของใคร ๆ   

โกยังเป็นเด็กนะคะ พี่อาร์มลองมองย้อนกลับไปเมื่อพี่ยังเด็กสิคะ
กี่ครั้งที่เคยทำผิดพลาด กี่ครั้งที่ไม่เข้าใจการกระทำของผู้ใหญ่
สิ่งเหล่านี้ต้องค่อย ๆ เรียนรู้ไม่ใช่หรือคะ 

การใช้อารมณ์บางครั้งไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องหรอกนะคะ
แก้วว่า น่าจะลองพูดคุยกันดีกว่ามั้ย ลองปรับอารมณ์ให้เย็นนิดนึง
คนเราเมื่อทำผิด ก็น่าให้อภัยกันได้ (ในกรณีน้องโก)
แต่ถ้าพี่อาร์มเป็นฝ่ายผิดเอง อย่าอายที่จะขอโทษนะคะ
สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้งค่ะ

ถ้าพี่อาร์มไม่พอใจ แก้วขอโทษนะคะที่บังอาจเขียนข้อความข้างต้น
 _/|\_ ขอโทษค่ะ


 :L2:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 21-05-2008 20:44:04
อะไรบังตาโกน่อ (เงิน- -'?) เห็นผิดเป็นชอบ
บาปมากมาย  :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 21-05-2008 23:08:43
โอ๊ะ................................ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 21-05-2008 23:26:53
อ่านมาถึงตรงนี้ ถึงไม่จะยังไม่รุ้ก้อเหอะว่าข้างหน้าเรื่องราวจะเปนยังไง แต่ตอนนี้ เราคิดว่าเราเข้าใจความรู้สึกอาร์มนะ
และถ้าเราเปนอาร์ม เราก้อทำแบบที่อาร์มทำนั่นแหล่ะ รังเกียจ..ไม่อยากอยุ่ในที่นั้นอีกสักวินาทีเดียว แค่เหนสิ่งของๆใครคนนั้นมันก้อพาลหงุดหงิดโมโห จะบอกว่าหึงมันก้อไม่ใช่ทั้งหมด มันมีอะไรซ่อนอยุ่ในอารมณ์นั้น มันยากที่จะยอมรับ อ่านแล้วเหมือนเหนเงาของตัวเองในเรื่อง อินมากมาย นำตาคลอเบ้าไปหมด.....
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 21-05-2008 23:51:17
กว่าจะอ่านตอนที่ 17 จบ อ่านไปแล้วก็หยุดอ่านทำใจก่อน

แล้วก็ค่อยอ่านต่อ  สุดท้ายก็น้ำตาไหลอยู่ดี :o12: :o12:


*-----*-----*-----*-----*-----*

ต่อจากนี้ไปเริ่มแล้วสินะ  แก้วเริ่มร้าว  รอวันแตก





มันเศร้ามากเลยเหรอครับ . . .

ตอนเขียนนี่  มันบอกไม่ถูกอะครับ  เหวง ๆ  ลอย ๆ  จุกที่หน้าอกอะครับ  ไม่อยากนึก  แต่ถ้าเราไม่เอาชนะสิ่งที่เราเป็นอยู่  เราก็คงเจ็บแบบนี้อีกนาน  ไม่อยากเจ็บมั่งครับ  เลยต้องเขียน

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 22-05-2008 00:19:45

ตอนที่ ๑๙



   ไม่มีใครที่รู้อนาคตวันข้างหน้า  เพราะว่ามันยังมาไม่ถึง  หากคนเราควรคิดว่าจะทำอย่างไร  แล้วหากไม่ได้แบบที่เราคิด  เราจะมีแผนสำรองรองรับหรือไม่  สำหรับผมแล้ว  ผมรู้แค่ว่า  จะทำอย่างไรต่อไป  ผมไม่เคยคิดเลย . . .

   จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง . . .


   แล้ว . . . จะแก้ไขมันอย่างไร

   ผมได้ปล่อยให้วันเวลามันผ่านเลยไป  ด้วยความไว้ใจที่ผมมี  เพราะผมเชื่อ  ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายเขา  ผมอยากเห็นเขาเดินไปในทางที่ดี  แม้มันจะมีเรื่องที่เกิดรอยด่างขึ้นมาบ้าง 

   อาจเพราะ . . .

   เวลาที่อยู่กันมานาน  นานจนทำให้ผมเชื่อโดยสนิทใจว่า  เขาจะไม่มีวันทำร้ายผม  เพราะสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมด  เป็นข้อพิสูจน์ได้ดีในระดับนึงว่า  หากจะมีใครที่ผมพอจะฝากผีฝากไข้ได้  น่าจะเป็นมัน . . .

   สิ่งที่แน่นอนอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราคิด . . .

   ผมลืมนึกไป . . .

   . . . ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปด้วยเวลา

   เวลา . . .

   . . . เป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย . . .

   หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น  ดูเหมือนว่าผมจะมีเรื่องพูดกับโกน้อยลง  แต่มิได้หมายความว่าผมจะไม่สังเกตุ  ความเป็นไปของคนที่ผมรัก  ผมได้แต่มองดูเขาห่าง ๆ   ปล่อยให้เขาได้เติบโตไปตามทางที่เขาอยากจะโต  อยากจะเป็น

   “พี่อาร์ม  อีกสองอาทิตย์จะสอบแล้วล่ะ  สอบเสร็จแล้ว  ผมกลับบ้าน  พี่อาร์มจะกลับมั้ย”

   “ไม่ดีกว่า  เพิ่งไปมาเมื่อสงกรานต์เอง”

   “ว้า  น่าจะไปด้วยกัน  ปลายฝนต้นหนาวแบบนี้สวยออก”

   “ก็งานมันยุ่งนี่หว่า”

   “จะฝากอะไรไปให้หลวงพ่อมั้ย  ผมจะแวะไปกราบก่อนเข้าบ้าน” 

   ผมยิ้ม  เพราะมันยังเสมอต้นเสมอปลาย  มันจะแวะไปกราบหลวงพ่อแทบทุกครั้งในเวลาที่มันกลับไปเยี่ยมบ้าน  มันเคารพเหมือนเป็นพ่อคนนึงของมัน  ผมมองการกระทำของมันเงียบ ๆ

   ไม่ต้องบอกหรอกว่าผมรู้สึกดีขนาดไหน . . .

   มันไม่ใช่สายเลือด . . .

   . . . แต่ผมอบอุ่นที่อยู่ใกล้

   . . . มันไม่ใช่น้อง . . .

   แต่มันคือชีวิต . . . 

   คือทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมกันเป็นผม   มันคือความหวังเดียวที่ผมมี  หวังที่อยากเห็นมันเดินไปถึงจุดหมายปลายทาง . . .

   ปลายทางที่ผมวาดหวัง . . .

   . . . และนั่นเป็นสิ่งเดียวที่โยงใยผมเอาไว้มากที่สุดคือ

   อยากเห็นวันที่มันใส่ครุยแดง . . .

   วันนั้นคงเป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดในชีวิต . .   

   วันที่ต้นไม้ที่ผมปลูกมากับมือ  ปริดอก ออกผล  ให้กับเจ้าของที่แท้จริง  ผมเป็นแค่คนปลูก  ที่หมั่นคอยรดน้ำพรวนดิน    เมื่อต้นไม้เจริญเต็มที่  ผมจะปล่อยคืนเจ้าของเดิม

   สิ่งเดียวที่ผมรอคอย  มันใกล้เข้ามาทุกที

   ผมเฝ้ารอวันนั้นด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสุข . . .

   . . . และความหวัง . . .

   หาก . . .

   ผมไม่เคยเตรียมใจไว้ก่อนเลย 

   . . . โลกมีสองด้านเสมอ . . .

   ความหวัง  เคียงคู่มากับ  ความผิดหวัง

   “แม่โทรมาพี่”    มันบอก  ผมต้องปล่อยมันออกจากอ้อมแขน 

   “. . .ครับแม่”

   ผมนอนนิ่ง ๆ    เวลานอน  เวลาที่ผมมีความสุขมากที่สุด  ยามผมหลับตาภาพสุดท้ายของวัน  ผมเจอมัน  ยามลืมตาตอนเช้าคนแรกที่ผมเจอก็มันอีก . . . สิ่งที่ผมรักและหวงแหนยิ่งชีวิตของผมเอง

   “อยู่ครับแม่  เดี๋ยวนะครับ”

   มันยื่นโทรศัพท์ให้ผม   

   “. . .ครับป้าภา”

   “น้องอาร์ม  ป้าถามอะไรหน่อย”

   “อะไรเหรอครับ”’

   “น้องอาร์ม ออกมาคุยห่างน้องโกได้มั้ย”

   “ได้ครับได้”  ผมรับปาก  ก่อนเดินออกมาจากห้องนอน  เข้าใจว่าป้าภาคงมีเรื่องสำคัญที่ไม่อยากให้โกรู้

   “น้องอาร์มรู้จักทนายบ้างมั้ย”

   “ครับ  พอมีเหมือนกันครับ”

   “ป้าอยากรู้ว่าถ้าเราทำพินัยกรรมเอาไว้  เราต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง  แล้วเราจะต้องทำยังไง” 

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ”   ผมไม่สบายใจกับสิ่งที่ป้าภาพูด  ระยะหลัง  โกบอก  ป้าภามาหาหมอบ่อย  ผมใจคอไม่ดีเลย

   ผมเคยสูญเสีย . . .

   ทำไมผมจะไม่รู้  คนที่ผมรัก  ค่อย ๆ  หายไปจากชีวิตของผมทีละคน  การสูญเสียมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

   “อยากทำไว้ให้เรียบร้อยก่อนนะ  ไม่มีอะไรหรอก”

   เห็นมั้ย . . .   

   ป้าภามีเรื่องอะไรในใจแน่ ๆ    ถึงไม่ยอมพูดให้หมด  แล้วไอ้เรื่องที่แกมาหาหมอบ่อย ๆ  มันน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้แกคุยเรื่องนี้กับผมก็ได้  ผมได้แต่เก็บเอาความรู้สึกนี้ไว้ในหัวใจ

   “อย่าพูดแบบนั้นดิครับ  ใจคอไม่ค่อยดีเลย”

   “ไม่มีอะไรจริง ๆ    น้องอาร์มยังมีเงินใช้มั้ย”

   “มีครับ  ป้าจะเอาอีกหรือครับ”

   “ไม่เอาแล้ว  แต่อยากบอกว่า  อีกสักพักนะ  เดี๋ยวป้าจะรีบเคลียร์ให้”

   “ได้ครับผม  ไม่มีปัญหา  ถ้าไม่พอ  โทรมาบอกก็ได้ครับ อย่าไปกู้แถวนั้นเลย  ดอกแพง  เสียดาย”

   “จ้ะ  แล้วอย่าลืมเรื่องทนายนะน้องอาร์ม  ด่วนหน่อยก็ดี”

   “ครับ”

   ผมวางสายจากป้าภา  สมองผมคิด  คนเรา  ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญจะทำพินัยกรรมไปเพื่ออะไร  แล้วเรื่องสำคัญอะไรที่เกี่ยวเนื่องกับพินัยกรรมนอกจาก . . .

   . . . ความตาย

   ความตาย . . .

   อีกแล้วหรือ ?

   ผมขนลุกชัน  หนาวเหน็บไปถึงหัวใจ

   คนที่ผมรักอีกคน . . .

   . . . รู้อะไรล่วงหน้าอย่างนั้นหรือ  มองผมหนัก ๆ  เพราะกังวลกับเรื่องที่เพิ่งรับรู้มา  บางที  คนเราอาจจะต้องทำใจยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น    ไม่มีใครหรอกที่จะหนีมันได้พ้น

   ทุกคนล้วนเป็นไปตาม . . . กรรม

   ผมเดินกลับเข้ามาในห้องนอน  โกเมศวร์นอนดูทีวีอยู่  มันจะรู้เรื่องที่แม่กำลังทำอยู่หรือเปล่า  แล้วถ้ามันรู้มันจะทำยังไง  ผมมองมันได้แต่สงสารคนที่ผมรักอย่างเต็มหัวใจ   ผมล้มตัวลงนอน ก่อนกอดมันเอาไว้

   ร่างกายมันอบอุ่น . . .

   . . . ผมรู้สึกได้จากร่างที่เราเบียดชิดกัน  แต่ทำไมไม่รู้ 

   ผมกลับรู้สึก . . . หัวใจของผมมันหนาวเหน็บ

   . . . ผมอยากให้มันรู้  สิ่งที่อัดอั้นในหัวใจผมตอนนี้   ผมอึดอัดมากเหลือเกินกับคำพูดของป้าภา  มันมีอะไรแอบแฝงเป็นนัยยะแห่งคำพูดอย่างนั้นหรือ

   การสูญเสีย . . .

   คนที่ให้กำเนิดเรามามันทรมานขนาดไหน  ผมรู้ดี  เพราะผมผ่านเวลานั้นมาแล้ว  หากคนที่ผมรักเจอเข้าล่ะ  ผมบอกไม่ถูกเหมือนกัน  เพราะผมรู้จักโกเมศวร์ 

   คนที่มันรักยิ่งชีวิตของมัน . . . แม่



   
   ผมจัดการตามที่ป้าภาสั่งเรียบร้อยในอาทิตย์ถัดมา  อย่างน้อยที่สุด  สิ่งใดก็ตามที่เป็นความประสงค์ของคนที่เกี่ยวข้องกับคนที่ผมรัก  ผมทำให้ได้  ผมไม่ลังเลที่จะทำแม้แต่น้อย   

   โกกลับมาหลังจากที่มันกลับบ้านไปได้อาทิตย์เดียว  ผมสังเกตว่าการกลับมาของมันในครั้งนี้  มันเงียบลงมากกว่าเดิม  บางครั้งมันเหมือนมีอะไรที่เก็บเอาไว้ในใจ  ผมคิดเอาเอง  อาจเป็นเรื่องที่ป้าภาพูดมาในครั้งก่อน
 

   มันอาจจะรู้เรื่อง . . .

   ผมไม่ได้ถามมัน  เพราะผมรู้ดี  เรื่องแบบนี้  ไม่ใช่เรื่องที่จะมานั่งคุยกัน  สมองผมตอนนั้นคิดแต่เรื่อง  เจ็บไข้  แต่จะเป็นโรคอะไรที่ต้องทำพินัยกรรมล่วงหน้านี่สิ  มันน่าคิด  ผมสงสารโก 

   ถ้ามันรู้ล่วงหน้า . . .

   . . . นับวันรอวันจากลา

   มันคงเป็นเวลาที่ทรมานน่าดู  กับการนับวันรอจากลาคนที่เรารัก  แตกต่างจากผม  ที่รู้แค่คืนเดียว  แล้วผมก็ลาจาก . . .

   ไม่มีใครอยากลาจาก . . .

   ไม่มีใครอยากที่จะสูญเสีย  แต่เราจะหนีมันได้หรือ  ในเมื่อสิ่งเหล่านั้น  มันพร้อมที่จะมาหาเราตลอดเวลา  สิ่งเดียวที่ผมทำได้  คืนนอนกอดมันเอาไว้ก่อนนอน  ผมอยากให้มันรู้  มันยังมีผม

   ผมอีกคนที่ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งมัน . . .

   . . . ผมสาบาน

   . . . มันจะอยู่ในความทรงจำของผมตราบลมหายใจสุดท้ายของผมเอง  วันข้างหน้า  ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  แต่ผมรู้  มันคือคนเดียวที่ผมจะรักได้ . . .

   “พี่อาร์ม  ปีใหม่ผมหยุดสิบวันนะพี่”

   “ดีเลย  ไปเที่ยวกระบี่กัน”

   “ผมว่าจะกลับบ้าน”

   “ทำไมอ่ะ  ก็นัดกันแล้ว ว่าจะไปกระบี่”   ผมมองหน้ามัน

   “หลังปีใหม่ได้มั้ยพี่  อยากกลับบ้าน”

   “เพิ่งกลับมาเมื่อเดือนก่อนเอง จะกลับอีกแล้วหรือ”   ผมมองหน้ามัน  มันไม่สดชื่นเลยตั้งแต่กลับมาเมื่อเดือนก่อน

   บางที . . .

   . . . มันอาจอยากจะกลับไปหา . . . แม่

   ผมสลัดความอยากส่วนตัวทิ้งไปในทันทีเมื่อนึกถึงเวลาที่มันมีเหลืออยู่  อาจเป็นเวลาที่เหลืออยู่อันน้อยนิด  และมันอยากจะอยู่กับคนที่มันรักให้นานที่สุด 

   “ไปเหอะ  อยากกลับก็กลับ  โทรหาพี่บ้างก็แล้วกัน”  ผมต้องสั่งมัน  เพราะมันงก  ไม่ค่อยโทรหาสักเท่าไหร่

   ถ้า . . .

   ผมรู้ล่วงหน้า . . .

   . . . ผมจะไม่ยอมให้มันกลับ

   ไม่มีวันยอมเด็ดขาด . . .

   . . . หัวเด็ดตีนขาดผมก็ไม่มีวันยอม

   มันกลับไปแล้ว  ผมต้องอยู่เหงาคนเดียวอีกหลายวัน  ปีที่เจ็ดแล้วที่อยู่ด้วยกัน  ผมชินกับการตื่นมาแล้วเจอหน้ามัน  ชินกับการกลับมาจากทำงานแล้วได้หอมแก้มมันก่อนนอน

   สิ่งที่ผ่านมาระหว่างมันกับผม . . .

   ความรัก . . . มีแน่ ๆ 

   ความผูกพัน . . . ฝังลึก

   ผมไม่รู้เหมือนกันระหว่างความรักกับความผูกพันที่ผมมีกับมัน  อย่างไหนจะมากกว่ากัน  เพราะผมไม่เคยนับ  ไม่เคยวัด  ไม่เคยตวง ไม่มีมาตราใดที่จะวัดความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมี  นอกจาก . . . หัวใจ

   ผมรู้แค่ . . .

   ความรักสื่อออกมาจาก . . . คำพูด   

   . . . จากน้ำคำที่คน ๆ  นึงจะบอกให้อีกคนนึงได้รับฟัง  ในสิ่งที่หัวใจตนปรารถนา

   หาก . . .

   ความผูกพัน . . . พูดไม่ได้ 

   แต่มันคือการกระทำ  ที่เราสามารถรับรู้เองได้ว่า  มันใช่แบบที่เราคิดหรือไม่  คนเราหากไม่รัก  จะทำสิ่งที่ดีให้อีกฝ่ายได้หรือ แล้วอะไรก็ตามที่ไม่ได้กระทำออกมาจากหัวใจ  คนรับเขารับรู้ได้  สัมผัสได้จากสิ่งที่อีกฝ่ายส่งมา

   สิ่งนี้แหละที่เจ็บปวด . . .

   สิ่งดี ๆ  ที่ได้รับจากคนที่เรารักนี่แหละคือสิ่งที่เป็นตัววัดระดับความผูกพันแน่นลึก  บางครั้งมันแน่นหนาจนยากที่เราจะถอนตัวได้  กว่าที่เราจะรู้  มันก็หนักหนาสาหัสจนแทบไม่อยากหายใจเลยทีเดียว

   โกเมศวร์กลับมาหลังปีใหม่  ก่อนวันเกิดผมหนึ่งวัน . . .

   “สุขสันต์วันเกิดนะครับ”    มันกอดผมเอาไว้จากด้านหลัง ผมนอนนิ่งยิ้ม  มีความสุขกับสิ่งที่มันทำ

   อย่างน้อยที่สุด . . .

   . . . ผมได้หัวใจมัน . . .

   ผมเชื่อเช่นนั้นเพราะหาไม่แล้ว . . . ไม่มีใครหรอกที่จะกระทำแบบนั้นกับคนที่ตัวเองไม่รัก  ผมไม่เชื่อว่านี่แค่ความรักของน้องที่มีต่อ . . . พี่ชาย

   ไม่มีพี่น้องคนไหนแสดงความรักออกมามากมายขนาดนี้เป็นแน่ . . .

   แต่ . . สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นภาพลวงตา

   ทำไมนะหรือครับ  มันเปลี่ยนไปมาก . . .

   ความเปลี่ยนแปลงที่ผมเองก็รับรู้ได้  อย่าลืมว่ามันอยู่กับผมมานานขนาดไหน  แล้วการเปลี่ยนไปของมันก็สร้างความรู้สึกเจ็บปวดให้กับผม

   มันนั่งอ่านหนังสือเหมือนเคย . . .

   . . . แต่มันคุยโทรศัพท์ไปด้วย

   อ่านรู้เรื่องได้อย่างไร . . .

   หรือมันเก่งสามารถแยกโสตประสาทได้  มันมีสมองที่แยกส่วนได้แบบนั้นจริงหรือ  ผมเคยเห็นมันตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือดึก ๆ  ผมยิ้มที่มันขยัน

   แต่ . . . ตอนนี้  ผมเกลียดภาพนี้จัง

   ภาพที่เริ่มเข้ามาชินตาสำหรับผม . . .

   โกเมศวร์คุยไป  เปิดหนังสือหน้าโน้นที  หน้านี้ที  สิ่งที่มันเป็นอยู่ตอนนี้มีหรือที่ผมจะไม่รู้  ผมได้แต่รู้สึกน้อยใจกับสิ่งที่มันทำ  ต้นไม้ที่ผมปลูก  เริ่มมีแมลงมาชอนไชอย่างนั้นหรือ

   สิ่งที่ผมทำได้ในเวลานั้น . . .

   . . . ผมเงียบ . . .

   ไม่พูดไม่จากับมันเลย  ผมคิดว่า  การที่ผมไม่พูด  อาจจะทำให้มันสนใจผมบ้าง  มันอาจจะอยากรู้บ้าง  ว่าผมเป็นอะไรที่ไม่ยอมพูด  ทั้ง ๆ  ที่มันพูดกับผม  แต่ผมจะนิ่งเงียบทุกครั้ง  . . .

   ถ้า . . . 

   . . . มันคิดสักนิด

   สิ่งที่ผมทำอยู่  เขาอาจมีอะไรในใจ ถ้ามันรักผมมันคงถามผมตั้งแต่อาทิตย์แรกที่ผมไม่พูดไม่จา  มองมันเหมือนสิ่งแปลกหน้า  หากมันไม่เคยเฉลียวใจ  มันได้แต่ปล่อยให้ผมที่น้อยอกน้อยใจ  จนนอนน้ำตาไหล

   บางคืน . . .   

   . . . เจ็บปวดรวดร้าวกับสิ่งที่ได้ยิน

   “คิดถึงนะ  ดูแลตัวเองด้วยนะ”

   ผมนอนน้ำตาไหลพราก มันไม่รู้จะพูดออกมาอย่างไร  คนที่นอนอยู่กับผม  คุยโทรศัพท์ครั้งละสองสามชั่วโมง  ก่อนจากมีห่วงใย  นี่ผมเป็นตัวอะไร  ทำไมผมถึงทนอะไรได้ขนาดนี้  ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน  อาจเพราะว่า

   ผมรักมันมาก . . .

   มากเกินไปกว่าจะจะทนเห็นมันเดินออกไปจากผมได้  ถ้ามันแค่คืนสองคืน  ผมจะไม่เจ็บปวด  แต่ตอนนี้มันทุกคืน  ตั้งแต่หลังจากวันเกิดผม  ทุกคืนที่ผมนอนหลับทั้งน้ำตา  ทุกคืนที่ผมต้องทนได้ยิน

   “คิดถึงหน่อยนะ  ดูแลตัวเองนะ”

   ผมได้แต่นอนกอดหมอนเอาไว้  ยึดหมอนเอาไว้  เป็นเพื่อนแท้ที่คอยซับน้ำตาผม  มันเกิดอะไรขึ้น  มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่  ผมไม่เข้าใจ  ขนาดมันไม่เคยบอกรักคนนั้นให้ผมได้ยิน  ผมก็เจ็บเจียนขาดใจ  แล้วหากวันใด . . .

   ผมไม่อยากจะคิด . . .

   . . . คนที่ผมรักยิ่งชีวิตจะทำร้ายผม

   มันฆ่าผมช้า ๆ  อย่างเลือดเย็นที่สุด . . .   

   คนที่ผมรักมากที่สุด  ค่อย ๆ  กรีดมีดลงในหัวใจผมช้า ๆ  เลือดในกายเหมือนค่อย ๆ  ไหล  มันไม่รวดเร็ว  แต่มันค่อย ๆ  ซึม  และในไม่ช้า  มันคงไหลจนหมดจากร่างกายของผมเอง      

. . . หน่อย . . .

   ชื่อนี้ผมจารจำไปจนวันหมดลม




   “พี่อาร์ม  เป็นไรหรือเปล่า  ข้าวปลาไม่ค่อยกิน  ซูบไปนะเนี่ย”  ไอ้แดนมันมองผมด้วยความห่วงใย

   “เปล่า  นอนไม่ค่อยหลับ”

   “ทะเลาะกับโกหรือ”


   “ไม่นี่  ไม่ได้ทะเลาะ” 

   ผมไม่ได้โกหก . . .

   ผมไม่ได้ทะเลาะกับมันจริง ๆ  นี่หว่า  ผมแค่น้อยใจกับสิ่งที่มันทำลงไป    มันเริ่มห่างหายไปทีละน้อย  จนผมเองก็รู้สึกได้  ผมได้แต่เก็บความน้อยใจเอาไว้กับผมคนเดียว

   ของบางอย่างผมต้องค่อย ๆ  เรียนรู้ . . .

   . . . ใกล้ตัว  ไกลใจ . . .

   “พี่อาร์ม  ผมไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไร  แต่ผมห่วงพี่นะ”

   ผมหันไปมองหน้าไอ้แดน  ผมยิ้มให้มัน  แม้จะเป็นยิ้มที่ขัดต่อความรู้สึกในตัวเองตอนนั้นก็เถอะ  แต่ผมก็อยากจะยิ้มให้มัน  คนที่มันห่วงผม  ผมจะทำร้ายน้ำใจคนที่เขาห่วงผมได้อย่างไร

   “กินเหล้าดีกว่าพี่คืนนี้  เดี๋ยวโทรบอกพี่โอ๋”

   เหล้า . . .

   สิ่งเดียวเท่านั้นมั้งที่ทำให้ผมลืม ๆ  ภาพอะไรบางอย่างได้  ภาพที่ผมเองก็ไม่อยากเห็น   ภาพที่แม้แต่วันนี้ผมเองก็เคยลบเลือน 

   เหมือนแผลเป็น . . . ตรงกลางหัวใจผม

   เสียงเพลงในยามค่ำ  ยังเป็นเพลงฟังนุ่ม ๆ  สบาย ๆ  วันนี้วันศุกร์ในร้านคนค่อนข้างมาก  โต๊ะผมมีกันแค่สามคนเอง  ผม  ไอ้เพื่อนรัก  ไอ้แดน  ผมนั่งกินเบา ๆ  หากเพลงแต่ละเพลงมันเสียดแทนความรู้สึกของคนที่กำลังสูญเสีย

   นักร้องนั่นเล่นกีตาร์โปร่งไปด้วย ร้องไปด้วย  ส่วนอีกคน  มีอะไรในมือไม่รู้  คอยเขย่าให้จังหวะ    ผมนั่งโซฟาเล็ก ๆ  สองที่นั่ง  ผมนั่งติดกับไอ้เพื่อนรัก  เพราะมันน่ะชอบมอมเหล้าคนอื่น  การนั่งไกลมันอันตราย

   “มึงเป็นอะไรมั้ยนี่”  มันกระซิบที่ข้างหูผม

   “ไม่มีไรนี่”

   “หมาเหอะ  เห็นเงียบ  ตั้งหน้าตั้งตาแดก  มึงจะรีบไปไหน  ยังอีกนานคืนนี้เพิ่งสี่ทุ่มกว่าเอง”

   “อ้าวมากินเหล้า”

   “เออ  อย่าแดกมาก  ขับรถอีก  กูห่วง”

   “ใครบอกกูขับ  มึงขับ”  ผมมองหน้ามันก่อนยกแก้วชนไอ้แดน  แล้วทำสัญญาณมือก้นแก้ว   ผมเริ่มตึงแล้วล่ะครับ  เหล้าหมดไปตั้งเกือบขวด  ก็คนมันอยากเมานี่หว่า  กินเหล้าก็ต้องกินให้เมาสิ  ไม่งั้นไปกินนมร้านมนต์ที่เสาชิงช้าไม่ดีกว่าหรือ

   “ครับผม  ต่อไปขอเชิญนักร้องรับเชิญนะครับ  คุณแดนสรวงครับ”   นักร้องนั้นผายมือมาที่โต๊ะผม

   ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ  . . . 

   เพราะปกติ  มันก็จะแจมเป็นประจำ  เสียงตบมือเกรียวกราว   ร้านนี้ส่วนมากมีแต่แขกประจำทั้งนั้น  แล้วเสียงมันก็ระดับออกเทปได้สบายเสียด้วย

   “มันไปนั่งประจำที่กลางเวที  แสงไฟสาดส่อง . . .

   “เพลงนี้ครับ  มอบให้ทุกคนนะครับ  พิเศษสุดสำหรับคนที่รู้ตัวว่าอกหักนะครับ”  ลูกเล่นมันแพรวพราว  เรียกเสียงตบมือเกรียวกราวอีกครั้ง

   เสียงกีตาร์เบา ๆ    ก่อนที่เสียงมันจะสะกดคนทั้งร้าน

   “ . . . เจอะเธอ  ทุก ๆ  ครั้ง  พร้อมรอยน้ำตากับความทุกข์ที่มีมาเพื่อมาระบาย  เมื่อคนที่เธอรักเขาไม่เคยแคร์  และเหมือนโดนเขารังแกอยู่ร่ำไป . . .

“    มันทอดสายตามาทางผม  ผมยิ้มให้มัน  ก่อนยกแก้วนั้น  ชูให้มัน  แล้วหมดแก้ว

   “เหี้ยนี่  เบา ๆ เดี๋ยวเมาตาย”  ไอ้เพื่อนรักปราม  แต่ยังเสือกเอาแก้วไปชงต่อ  มันรักกูจัง ปากห้ามมือช่วยส่งลงนรก

   “. . . ไม่อยากจะถามเธอ  ให้เสียบรรยากาศ  ว่ารักตัวเขามากมายสักเพียงไหน  มีเพียงคำถามเดียวที่ฉันไม่เข้าใจ  สิ่งที่ฉันนั้นห่วงใยและอยากรู้ . . .”  มันจะบอกอะไรผมอีก  มันชอบบอกผมผ่านเสียงเพลง

   มันรู้ไหม

   . . . ตอนนี้  หัวใจผมมันเต้นแรง  มันสั่นไปหมด 

   หัวตาผมมันร้อนผ่าว  ผมมองมันผ่านแสงสีหลากหลาย  กลางเวที  มันหล่อนะ  เสียงมันก็ดี  มันห่วงผม  ผมรู้ ผมสัมผัสได้  จากทุก ๆ  อย่างที่มันมีให้ผม

   “. . . เหนื่อยมั้ยสิ่งที่เธอทำอยู่  สิ่งที่ฉันได้คอยเฝ้าดู  ยิ่งรู้ยิ่งห่วงใย  เหนื่อยมั้ยกับที่ต้องร้องไห้  ให้กับเขาที่เธอปักใจ  แต่เขาไม่เคยรับรู้เลย . . .”

   ผมยิ้มทั้งน้ำตา . . .  ก่อนยกแก้วที่ไอ้โอ๋ชงให้ใหม่

   “พอเหอะ . . .  แก้วต่อแก้วแบบนี้เดี๋ยวเมาอ้วกหรอกมึง”  มันดึงมือผมเอาไว้  มันจ้องหน้าผม 

   มันเห็นแววตาผมมั้ย . . .

   ไอ้เพื่อนรักจะมองเห็นอะไรในตาผมหรือปล่าว     ความอ่อนแอที่มันถาโถมจู่โจมหัวใจผมอย่างรวดเร็ว  และตอนนี้มันมารออยู่ที่ดวงตา

   . . . แววตาที่เอ่อล้นด้วยอะไรบางอย่าง   

   “มึงเป็นอะไรนักหนาว่ะ  กินเบา ๆ”

   ผมไม่ตอบมันโผกอดมันเอาไว้แน่น   ผมเหมือนคนหมดแรงต้านทาน  กอดมันเอาไว้  ก่อนปล่อยสิ่งที่มันหนักหน่วงอยู่ในหัวใจตอนนี้  ดูมันตกใจ 

   “เฮ้ยมึงเป็นอะไร”

   ยิ่งมันพูด  ผมยิ่งห้ามตัวเองไม่ได้  ภาพที่ผมเห็นมันตามมาหลอนผม  เสียงที่มันเคยบอกคิดถึงคนอื่นมาตลอดสองเดือน  มันเจ็บ . . .

   หัวใจคล้ายถูกบีบ . .   

   มันเกินกว่าที่ผมจะเก็บเอาไว้ได้  ผมไม่อายเลย  ผมอายไม่เป็น  ตอนนั้น  ผมรู้แค่ว่า  มีแต่เพื่อนเท่านั้น

   ผมไม่หวังให้มันมาเข้าอกเข้าใจผม . . . 

   แต่ . . .มันคือเพื่อนผม 

   มันคือคนเดียวที่ผมรู้ว่ามันไม่ทิ้งผม  ผมกอดมันเอาไว้  ยึดมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมมี  ผมกลัวมาก  กลัวที่จะสูญเสียมันไป    น้ำตาน้ำมูกผมเลอะมันไปหมด  แต่มันไม่รังเกียจผม  มันกอดผมเอาไว้ 

   ไอ้โอ๋ได้แต่ลูบหัวผมเบา ๆ  เหมือนผมเป็นเด็ก

   “เอาน่า  มึงมีอะไร  ก็บอก  พูดสิว่ะ  กูเพื่อนมึงนะโว้ย”

   “ไม่มี  ไม่มี”  ผมกัดฟันบอกมัน 

   ทั้ง ๆ  ที่หัวใจผมมันโหยหา  ผมแค่อยากร้องไห้  หรือผมอ่อนแอกันแน่    ผมไม่รู้  ห้ามตัวเองไม่ได้ ผมห้ามสิ่งที่ผมเก็บเอาไว้ไม่ได้  ผมรู้  ต่อจากนี้  ผมต้องเจอกับการสูญเสีย

   การสูญเสียที่ผมเองก็เริ่มทำใจเอาไว้ . . .

   แต่ผมยังหวัง  ยังเข้าข้างตัวเอง  มันไม่ใช่  มันไม่ทิ้งผมหรอก  สิ่งที่ผมคิด  มันเข้าข้างตัวเองเสมอ  ผมอ่อนแอเกินกว่าที่จะยอมรับความเป็นจริงได้  ผมเหนื่อยเพราะร้องไห้เสียจนตัวโยน  สิ่งที่ผมเก็บกดมาสองเดือนโดนปลดปล่อย  เหมือนเขื่อนที่แตก  น้ำไหลบ่าเต็มไปหมด

   “เก็บอาการหน่อยมึง  คนมองใหญ่แล้ว”

   “เรื่องของกู  กูไม่ใช่เพื่อนมึงเหรอ”

   “เออ  งั้นมึงร้องไปจนกว่ามึงจะพอใจ  กูกอดมึงไว้แบบนี้ก็ได้”

   “พี่อาร์ม”  ไอ้แดนเอามือมาแตะไหล่ผมเอาไว้เบา  หลังจากที่มันทำหน้าที่ของมันบนเวทีเรียบร้อย  มันแน่มาก  เรียกน้ำตาผมกลางร้าน

   แล้วไอ้เวลาที่เริ่มเมา . . .

   เสียงเพลงมันบริ้วอารมณ์ขนาดนั้น   คนที่มันไปทำหน้าที่ตรงกลางเวที  มันอยากสื่ออะไรให้ผม   ทำกไมผมจะไม่รู้   มีหรือที่บ่อน้ำตาผมจะไม่แตก 

   “ไหวมั้ยพี่”  น้ำเสียงมันห่วงใยผม 

   แต่ . . .

   . . . ยิ่งมีคนแสดงความห่วงใยมากแค่ไหน 

   มันยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดให้ผมมากเท่านั้น

   บางที  หากไม่มีใครเลย  ผมอาจจะเข้มแข็งมากกว่านี้    ผมเกลียดจริง ๆ  กับความอ่อนแอในตัวเอง  ทำไมผมไม่เข้มแข็งบ้างก็ไม่รู้  ผมอยากยืนได้  ยิ้มได้กับทุก ๆ  เรื่องราวที่มันผ่านเข้ามา

   แต่ดูเหมือนว่า . .

   ผมอ่อนแอเสียเหลือเกิน . . .

   ผมไม่รู้เหมือนกันว่าวันนั้น  ผมร้องไห้ไปนานแค่ไหน  ผมรู้แค่ว่า  เมื่อได้ปลดปล่อยมันออกไป ผมรู้สึกโล่งออกมา  แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะหายมิใช่หรือ . . .

   “โก  มาแล้วนั่ง ๆ”    ไอ้โอ๋บอกให้คนมาใหม่

   ผมมองหน้ามัน . . . ทั้ง ๆ  ที่ไม่อยากมอง  ผมเคยรักมันสุดหัวใจ  แม้แต่เวลานี้ก็ยังรัก  แต่ความน้อยอกน้อยใจ  ทำให้ผมไม่อยากที่จะมองหน้ามันเลย

   “ใครบอกว่าอยู่นี่”  ผมถามมัน

   “พี่แดนโทรไปบอกว่าพี่เมา”

   ผมหันไปมองหน้าไอ้แดน  มันยิ้มเจื่อน ๆ  “พี่โอ๋บอกให้โทรตาม”

   มันโยนกันไป  โยนกันมา  เห็นเป็นเรื่องสนุกนักหรือมึง . . .

   “ก็กูขับรถไม่ไหว  เพราะกูจะเมาเป็นเพื่อนมึงไง”  มันยกแก้วมันชนที่แก้วผม ก่อนกระดกหมดแก้ว 

   “ต้องรีบตามเพื่อนให้ทัน เพื่อนเมาล่วงหน้าไปแล้ว”   มันเทเหล้าไปอีกเกือบครึ่งแก้ว   ก่อนยกขึ้นซ้ำ

   “มองอะไร  มึงอยากเมาไม่ใช่เหรอ  เอาดิ กูเมาเป็นเพื่อน  แต่แดกมิกซ์  เปลือง ออนเดอะร๊อคแม่งเลย”    มันเทลงอีกค่อนแก้วก่อนยกอีกรอบ

   “พอเหอะมึง”    ผมบอกมันเสียงอ้อแอ้

   “สัสนี่  ทีเมื่อกี้  ใครแดกยังก๊ะน้ำ  เอาดิ มึงเมากูก็เมา”

   ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี 

   . . . สิ่งที่มันทำ  มันประชดผม  หรือว่ามันรักผม  แต่สิ่งที่ผมรู้  ช่วงเวลาที่ดี มันอยู่กับเราไม่นานหรอก  เราควรที่จะเก็บมันเอาไว้  รักษามันเอาไว้ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป

   สายเกินไป . . . 

   . . . ผมเกลียดคำนี้เหลือเกิน

   แต่ยิ่งเกลียด . . . เราก็ต้องยิ่งเจอมิใช่หรือ

   โกขับรถไปส่งไอ้โอ๋ที่บ้าน  มันดื้อไม่ยอมไปค้างที่บ้านผม  ส่วนไอ้แดนไม่เมา  แล้วคอนโดมันก็ใกล้ร้านเหล้ามากที่สุด  ผมเมานะวันนั้น  เมามาก  ตอนเดินเข้าบ้านแทบจะประคองตัวเองไม่อยู่  เหมือนบ้านหมุนติ้ว ๆ 

   เกือบตีสอง . . .

   ผมแหงนดูเวลา  ก่อนที่จะล้มตัวลงนอน

   โกเมศวร์เข้ามาเปลี่ยนเสื้อให้ผม  มันถอดเสื้อผมออก  ก่อนเช็ดตัว  ทำไมมันต้องทำแบบนี้ด้วย  ผมไม่เข้าใจตัวเองกับสิ่งที่มันทำ

   เสียงโทรศัพท์มันดัง  หลังจากที่มันเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมเรียบร้อยแล้ว . . .

   ผมยังไม่หลับ . . .

   ผมยังนอนอยู่  ยังหายใจ . . .

   ผมยังมีชีวิต  มีเลือดเนื้อ  เพราะหัวใจผมมันทำด้วยเนื้อ  ถึงแม้ตอนนี้ผมจะเมา  มันคุยกันกระหนุงกระหนิงบีบหัวใจผมเหลือเกิน  มันจะรู้บ้างมั้ย  ทุกวันนี้  มันกำลังฆ่าผมอย่างเลือดเย็นมากที่สุด

   มันสุดจะทนทาน  ผมโผเข้าหามันกอดมันเอาไว้  ผมร้องไห้หนักกว่าตอนที่ผมกอดเพื่อนรักผมเอาไว้อีก   

   “พี่อาร์ม เป็นอะไร”  มันเขย่าตัวผม 

   “แค่นี้ก่อนนะหน่อย  คิดถึงนะ”

   จนเวลานี้แล้วมันยังไม่รู้  มันยังไม่รู้อีกหรือ  ผมได้แต่ปล่อยความอ่อนแอของตัวเองออกมา  มันกอดผมเอาไว้  แต่ยิ่งมันกอดผมเอาไว้มากเท่าไหร่  ผมยิ่งอ่อนแอมากเท่านั้น  ผมเหมือนคนที่หยุดตัวเองไม่ได้  ผมห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้  ความน้อยเนื้อต่ำใจมันประเดประดังเข้ามา  ผมไม่มีอะไรอีกแล้ว  ผมไม่เหลืออะไรอีก 

   แม้แต่ . . .

   คนที่นอนกอดผม  เช็ดน้ำตาผมอยู่ตอนนี้

   มันไม่ใช่ของผม . . .

   . . .ไม่ใช่อีกแล้วนะไอ้อาร์ม  ท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจนะมึง

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 22-05-2008 00:49:42
ดีกันแล้ว น่ารักจริง ๆ  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 22-05-2008 03:38:48
ดีจังคืนดีแล้ว ดูท่าทางจะหึงแรงนะพี่อาร์ม
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 22-05-2008 08:59:55
มีตอนนี้ละมั้งที่ไม่เศร้า
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 22-05-2008 13:42:26
ยังไงก็รักอ่ะนะ
พี่อาร์มสู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 22-05-2008 14:28:09
เอ่อ.." . . . รักหมดใจ  รักหมดชาม  " ..เนี่ย..มาม่าป่ะ..อิ.อิ. :เตะ1:
เง้อ..ล้อเล่นอ่ะ.... :pig4:
ไปแร่ะ.. :m32:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 22-05-2008 14:58:25
มีตอนนี้ละมั้งที่ไม่เศร้า

ครายบอก

เศร้ายิ่งกว่า

สงสารทั้งหมดเลย

 :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 22-05-2008 16:03:37

ตอนที่  ๒๐



ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผม . . .

   คงจะผ่านไปแล้ว  ต่อจากนี้  ชีวิตที่เหลือของผมต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร  ผมเองยังไม่รู้  ผมไม่รู้ตัวเอง  ไม่รู้อะไรเลย  ผมรู้แค่  ผมอ่อนล้า หัวใจผมมันเจ็บปวดทุกครั้งยามเห็นหน้ามัน . . .

   แปลกจัง . . .

   . . . ทำไมผมเจ็บที่มันบอกว่าคิดถึงคนอื่น


   แล้ว . . .

   ถ้าวันนึง . . .

   . . . เปลี่ยนจากคำว่าคิดถึงเป็น ?

   ผมสลัดความคิดเหล่านั้นทิ้ง  จะอย่างไรก็แล้วแต่  ผมก็ต้องเรียนรู้ และก้าวข้ามผ่านเวลาเหล่านี้ไปให้ได้

   ผมตื่นมาตอนเช้า  หัวมันหนักอึ้งด้วยอาการเมาค้าง  ผมพยายามลืมตา  คนแรกที่ผมเห็น . . .

   . . . ผมน้ำตาไหล

   มันจะรู้บ้างไหม . . . ผมเจ็บ

   เจ็บจนทนจะไม่ไหวอยู่แล้ว  ผมจะอยู่แบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน  ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน  ชีวิตที่ไม่รู้อะไรเลยมันทรมาน  ผมคงต้องเรียนรู้กับความทรมานที่ผมเองก็ไม่ได้อยากเจอมันเลย

   ผมมองมัน จารจำมันผ่านม่านน้ำตา . . .

   “ไปดูหนังกันมั้ย”   ผมบอกมันหลังจากที่นอนหลับต่อไปอีกหนึ่งวันเต็ม ๆ   มันเป็นเวลามากพอที่ผมจะหายจากอาการเมาค้าง 

   “ไม่อยากไป”

   “พรุ่งนี้ก็กลับบ้านแล้วไม่ใช่เหรอ  กว่าจะได้เจอกันอีกตั้งนาน”  เสียงผมสั่น ๆ 

   นาน . . .

   . . . หรือ . . .

   . . . อาจจะไม่ได้เจอกันอีกเลยก็เป็นได้  มันสอบเสร็จแล้ว  มันจะกลับไปหาคนของมันแล้วกระมัง

   ถ้าไม่เจอกันอีกตั้งแต่คราวนั้นก็คงจะดี  ผมคงไม่ต้องจากลี้หนีหน้าไปไกลสุดขอบฟ้าเช่นนี้    หากสิ่งที่เราเลือกมักจะเดินสวนทางกับสิ่งที่เราต้องการเสมอ ผมทำใจไว้แล้วสักวันมันต้องไป

   แต่ . . . หลังมันเรียนจบ 

   เส้นทางเดินจากนั้นเป็นของโกเมศวร์

   ส่วนผม . . .

   โลกใบใหญ่ใบนี้  มีสักที่ไหมให้ผมซุกลี้หนีความเจ็บปวด  สิ่งที่รวดร้าวที่สุดในตอนนี้คือหัวใจ   มันเหมือนอ่อนระโรยโรยแรงลงทุกวัน  ลมหายใจผมอ่อนลงอย่างนั้นหรือ 

   “ไปก็ไป  แต่ตัดผมก่อนได้ไหม”

   “ก็เอาดิ   ของพี่ก็ยาวแล้ว”

   “งั้นพี่ไปอาบน้ำ  เดี๋ยวออกไปเลย”

   ผมเดินไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย . . . 

   เข้าใจตัวเองดีว่า  เวลาต่อจากนี้   ไม่ใช่เวลาของผมแล้ว  เพราะหลังจากปีใหม่จนกระทั่งมันสอบเสร็จ  มันเปลี่ยนไปแล้ว  มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

   “ขับให้ด้วย”   ผมส่งกุญแจรถ  ก่อนล๊อคประตูบ้าน

   ผมมานั่งในรถ  มันขับออกมายังไม่ทันพ้นหน้าหมู่บ้าน . . .

   เสียงโทรศัพท์ของมันดัง  มันรับสาย  เสียงมันคุยบาดแทงไปในหัวใจของผม    ผมพยายามหนีหน้าออกไปนอกกระจก  ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว 

   . . . ผมกลายเป็นพวกหวาดระแวงเสียงโทรศัพท์

   มันคิดอะไรบ้างมั้ย  มันจะรู้สึกบ้างมั้ย  ว่าคนที่นั่งมากับมันจะรู้สึกอย่างไร  ที่มันเอาแต่คุยโทรศัพท์จนกระทั่งมาถึงร้านตัดผม  . . .

   . . . มันคงไม่รู้สึกอะไรหรอก . . 

   แต่ . . .

   ผมล่ะ . . .

   . . . ใครก็ไม่รู้มาควักหัวใจผมออกไปแล้ว

   ตอนนี้ผมมันเหมือนตัวอะไรสักอย่างกระมัง . . .

   . . . มีแค่ชีวิตกับลมหายใจ 

   . . . หากแต่ . . . ไร้วิญญาณ

   “ไปตัดก่อนไป๊”  ผมไล่มันไปตัดผม  เพื่อว่ามันจะได้วางหูจากคนนั้น

   หาก . . . เมื่อมันตัดเสร็จ  ผมต้องตัดต่อจากมัน

   มันหยิบโทรศัพท์มากดออกทันที . .  .

   ผมมองมันผ่านกระจกเงา ที่สะท้อนความเศร้าของตัวเอง  ผมอิจฉาปลายสาย  ผมอิจฉาทั้ง ๆ  ที่ผมยังไม่เคยเห็นหน้าฝ่ายโน้นด้วยซ้ำ

   นี่คือ . . .

   . . . ความหึง . . .

   . . . เหรอ . . .

   ผมหึงมัน  เพราะผมรักมันมากอย่างนั้นหรือ  ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม  ผมถึงต้องเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นมันคุยโทรศัพท์นาน ๆ  อาจเพราะว่ามันไม่เคยคุยกับผมนาน ๆ  ก็เป็นได้

   ช่างจะตัดทรงไหน . . .

   สำหรับผมมันไม่สำคัญหรอก  เพราะผมไม่ได้สนใจว่ามันจะออกมาดูดี  หรือไม่ถูกใจ  แต่สิ่งที่ผมมอง  มันคุยไปยิ้มไปต่างหาก . . . 

   . . . รอยยิ้มมันเหมือนมีดที่กรีดลึกเข้าไปในหัวใจของผม . . .   

   มันเจ็บปวดเหลือเกินที่จะทนได้    ใครก็ได้  ช่วยเสกผมให้หายลับไปจากโลกนี้ได้ไหม ผมเหมือนคนหน้ามืดตามัว . . .

   ทั้ง ๆ  ที่ก่อนหน้านั้นสักเจ็ดปี  ผมเคยยิ้มตามมันยิ้มมิใช่หรือ ?

   แล้ว . .  .

   ทำไมตอนนี้ผมเจ็บปวด . . .

   . . . เพราะรักใช่ไหม  เพราะความรักนำพาความเจ็บปวดมาให้ผมอย่างนั้นหรือ    ผมมองมันหัวเราะ  มันยิ้ม เหมือนเข็มที่ทิ่มแทงเนื้อ  มันเจ็บเหลือเกิน

   ผมตัดผมเสร็จ . . . เดินมาที่รถ

   โกเมศวร์  เดินตามา  มันเปิดล๊อคแต่มันไม่วางสาย  ผมน้อยใจสุดกำลัง  พรุ่งนี้มันก็จะกลับแล้ว  แต่ทำไม  มันทำเหมือนไม่มีผมอยู่ตรงหน้าของมันเลย  มันยังไม่วางสาย  ยังคงคุยมาเรื่อย ๆ  จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้าลานจอดรถ  นั่นแหล่ะ  มันถึงได้หยุดคุย . . .

   “หาไรกินก่อนหิว”

   “ตามใจพี่สิ”

   ยังดีที่มันยังพูดคำนี้  แค่ก้าวเท้าเข้าห้าง  มันรับโทรศัทพ์อีก 

   . . . ผมหรือ  แทบจะก้าวขาไม่ออกอีกแล้ว  มันเจ็บปวดไปทุกก้าวที่ผมย่างเท้า  ผมแทบยืนอยู่บนโลกใบนี้ไม่ไหวอีกแล้ว

   หากความรัก . . .

   . . . คือความเจ็บปวดขนาดนี้

   ผมจะทนอยู่อีกหรือ . . .

   ผมเดินนำมันมาที่ร้านซิสเลอร์  พยายามมองมัน  อยากให้มันรู้ถึงความรู้สึกของผมในตอนนี้  ผมไม่พอใจ  ไม่พอใจเป็นที่สุดแล้ว  หากแต่ผมจะทำอย่างไรได้  ในเมื่อสายตาที่ผมส่งไป  มันไม่เคยมอง . . .

   ผมสั่งรายการของผม . . .

   . . . มันสั่งของมัน

   ผมเดินไปตักสลัดบาร์ . . .

   . . . มันตักของมัน

   หาก . . . มันไม่เคยวางสายโทรศัพท์

   . . . ผมเป็นตัวอะไรว่ะ . .  .

   ผมจะนั่งทนอยู่แบบนี้เพื่ออะไร  นี่ผมยังเป็นคนอยู่อีกหรือเปล่า  ผมไม่รู้เวลามันผ่านไปนานแค่ไหน  ผมรู้แค่อาหารมื้อนั้น  ผมกลืนไม่ลง  มันติดอยู่แค่ลำคอเท่านั้น . . .

   เพราะ . . .

   . . . น้ำตาผมท่วมหัวใจเสียแล้วกระมัง . .

   สิ่งที่พนักงานเอามาวางเสิร์ฟ  ผมแค่เขี่ยไปเขี่ยมา . . .

   ผมหยิบบิลก่อนเดินมาที่เคาน์เตอร์  เมื่อเห็นมันกินเสร็จ  มันเก่งมาก  กินไปคุยไปได้  หากเป็นผม  ผมคงทำไม่ได้หรอก  ผมไม่เก่งขนาดนั้น  และผมไม่สามารถที่จะฆ่าคนที่เขาดีกับผมได้ลงคอ

   ผมไม่แข็งแกร่งพอขนาดนั้น . . .

   “อ้าว  ไหนบอกว่าหิวทำไมไม่กิน”    มันบอกเมื่อเดินออกมานอกร้าน

   “กินไม่ลง”  ผมเดินออกจากร้าน

   มันไม่รู้ตัวเลยหรือว่าทำไม  ทำไมผมถึงกินไม่ลง  ที่ผ่านมา  มันไม่เคยรู้เลยหรือว่าผมรู้สึกอย่างไร มันไม่เคยเรียนรู้คนใกล้ตัวแบบผมเลยใช่ไหม  ผมเดินออกมาจากร้าน  ผมอยากกลับบ้าน

   ผมคิดถึงหมอน . . .

   หมอนที่มันคอยซับรับน้ำตาผมมาตลอดสองเดือนกว่า  ตอนนี้ผมอยากซบหน้ากับหมอน  ผมอ่อนล้าเหลือกำลัง

   “ดูเรื่องอะไร”

   “กลับบ้าน”

   “อ้าวทำไม”

   “ไม่มีอารมณ์”  ผมมองหน้ามัน  จ้องมันนาน  สายตาผมตอนนั้นคงประมาณอยากจะฉีกร่างมันออกมาเป็นชิ้น ๆ  เสียกระมัง

   “แค่นี้ก่อนนะ”    เสียงมันบอกไปตามโทรศัพท์

   มันอาจจะรู้ตัวแล้ว . .  .

   ช่างเหอะ. . .  ตอนนี้ผมไม่มีหัวจิตหัวใจทำอะไรทั้งนั้น  ผมอยากนอน  อยากอยู่เงียบ ๆ  มากกว่า   

   . . . ผมอาจรักมันมาก  มากจนลืมมองตัวเอง 

   ลืมนึกถึงตัวเอง . . . 

   และที่สำคัญที่สุด . . .

   . . . ลืมรักตัวเอง . . .

   บางที . . . มันถึงเวลาที่ผมควรจะหันมารักตัวเองบ้างก็ได้  หากเราไม่รักตัวเอง  ไม่รู้คุณค่าของตัวเอง  ใครจะมารักเรา  และเห็นคุณค่าในตัวเรา

   “ไหนบอกว่าอยากดูหนัง  มาถึงแล้วก็ไปดูสิ”  มันบอก

   “ไม่มีอารมณ์ก็ไม่มีอารมณ์สิ  กลับบ้าน” 

   ผมหันไปตะคอกใส่มัน  ก่อนเดินตัวปลิวไปที่รถ  อารมณ์ส่วนต่ำผมคงมีมาก  มากเกินกว่าที่ผมจะควบคุมมันเอาไว้ได้  เพราะอะไรนะหรือ  ผมหึง  ผมหวง  ผมกลัวเสียมันไป  ทุก ๆ  อย่างที่แปลว่า  มันกับผม  กำลังจะจบลง

   “พี่อาร์ม” มันเรียกเสียงละห้อย

   ผมยืนรอที่รถ  ทันทีที่มันกดล๊อค  ผมเข้าไปนั่งในรถทันที  ก่อนที่จะปรับเบาะเอน  ผมฝากแก้มไว้แนบกระจก  ปล่อยสิ่งที่อัดอั้นออกมา  มันมีแค่น้ำตาที่ไหนริน  อย่าหวังเลยจะได้ยินเสียง 

   หาก . . .  ยิ่งกดเก็บไว้มันยิ่งเจ็บ

   “พี่อาร์มเป็นอะไร”

   “เป็นควาย” 

   “เอ้า  พูดดี ๆ  สิครับ”

   ผมเป็นอะไรได้ . . . เป็นคนดีอย่างนั้นเหรอ ผมคงได้แต่ยิ้มเยาะตัวเอง

   สิ่งที่คนดีได้รับคือน้ำตาใช่ไหม ?

   แล้วผมจะเป็นคนดีไปอีกมั้ย  ผมจะอยู่แบบนี้ไปอีกนานขนาดไหน  ผมไม่อยากพูด  เพราะถึงพูดไป  มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น  สิ่งที่ทำได้  คือการนิ่งเงียบ

   พร้อมกับความคิดวกไปวนมา . . .

   ผมเจ็บ . . .

   เจ็บจนพูดไม่ออกอยู่แล้ว  พรุ่งนี้มันจะกลับบ้าน  วันนี้น่าจะเป็นวันที่มันให้เวลากับผม  น่าจะเป็นวันที่เรากินข้าวกันแล้วยิ้มสบายใจที่สุด  แต่ทำไมมันกลับกลายเป็นวันที่ผมรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งตัว . . .

   แล้วมันก็ลามไปถึง . . .

   . . . หัวใจ . . .

   น้ำตา . . .

   คือสิ่งเดียวที่อยู่ใกล้ผมที่สุดตอนนี้  ยิ่งคิดมันยิ่งเจ็บ มันแน่นมาถึงหน้าอก  แล้วสิ่งที่ผมพยายามกดเก็บมันเอาไว้  ก็หมดแรงต้านทาน  ผมร้องไห้ออกมาอย่างเสียงดัง   มันคงไม่ไหวแล้ว  ถ้าผมไม่ได้ปลอดปล่อยผมคงแย่  ตอนนี้มันอัดแน่นเหมือนจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

   “พี่อาร์มเป็นอะไร”

   เสียงของมัน  ทำให้ผมหมดความต้านทาน  มันไม่เคยรู้  ไม่เคยสนใจผมเลย  ถ้ามันสนใจผมมันจะถามผมมั้ยว่าเป็นอะไร  มันไม่รู้จริง ๆ  เลยหรือ  คนที่นอนกับมันมาหกปีเป็นอะไร

   ผมไม่ตอบ . .  .

   สิ่งเดียวที่ผมต้องการตอนนี้  การกลับถึงบ้านให้เร็วที่สุด . . .

   ผมเข้าไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วเมื่อไปถึงบ้าน  ห้องนอนคือที่ของผม  มันคงเหมาะที่สุดสำหรับคนแบบผม  ผมกอดหมอนเอาไว้แน่น  ยึดมันเอาไว้เป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมมี

   ต่อจากนี้ . . .

   . . . ผมควรหัดรักตัวเอง . . .

   “พี่อาร์มเป็นอะไร”  มันเข้ามากอดผมเอาไว้

   ทำไม . .  . ทำไมมันต้องมาทำดีกับผมแบบนี้  ผมไม่อยากอ่อนแอ 

   “เป็นอะไร  ทำไมโกไม่ถามตัวเองล่ะว่าพี่เป็นอะไร”

   “อ้าว  พี่เอาแต่ร้องแล้วผมจะรู้มั้ย  บอกอยากดูหนังผมพาไปแล้วไง  พอไปถึงก็ไม่ดู” 

   ผมร้องหนักไปอีก . .  .

   “ดูเหรอโก  โกไม่รู้จริง ๆ  เหรอว่าพี่รักโกมากกว่าน้อง  พี่รักมาตั้งนานแล้ว”

   “ผมรู้”

   “โกรู้  แต่โกยังทำกับพี่ได้  โกทำกับพี่แบบนี้ได้อย่างไรกัน”  ผมสะอื้น  กอดหมอนข้างเอาไว้แน่น

   “ผมทำอะไร  ไม่เข้าใจ  งงไปหมดแล้วพี่”

   “โก  โกกำลังทำอะไรอยู่  พรุ่งนี้โกจะกลับบ้าน  แล้วอีกนานขนาดไหนที่จะได้เจอกันอีก  โกไม่คิดเหรอว่าพี่มีเรื่องจะคุยกับโก”

   “แล้วทำไมพี่ไม่คุย”

   “คุยตอนไหนล่ะโก  ตั้งแต่ออกไม่ทันพ้นหมู่บ้าน  โกก็เอาแต่คุยโทรศัพท์  ไปถึงร้านตัดผม  โกยังไม่วางเลย  ขนาดออกมาจากร้านตัดผม  ขับมาถึงเดอะมอลล์  ถ้าสัญญาณไม่ขาดไปโกจะวางมั้ย”   ผมสะอื้น

   ผมเจ็บ  มันปวดไปหมดแล้ว

   . . . เนื้อ . . .

   กระดูก . . . เหมือนมีใครมาสับ 

   มาฉีก  ผมแทบไม่อยากหายใจอีกแล้ว  มันทรมานเหลือเกิน  ทรมานอย่างที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต

   “ไม่วางหรอก  เพราะอะไรพี่คิดแบบนั้น  เพราะพี่เห็นไงโก  พี่เห็นมาตลอด  ขนาดเดินไปกินข้าว  โกยังไม่วางเลย   โกไม่วางไม่เคยวางโทรศัทพ์จากคนนั้นเพราอะไรเหรอ  เพราะโกไม่อยากคุยกับพี่ . . .”   ผมสะอื้นหนักกว่าเดิม  ยิ่งคิดมันยิ่งเจ็บ  หัวใจผมทานทนอะไรได้ขนาดนี้เลยหรือ 

    “. .  พี่ไม่ว่าอะไรหรอก  แต่โกไม่รู้จักมารยาทบนโต๊ะอาหาร  ไม่ให้เกียรติคนที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยเลย  ทำไมเหรอโก  คนนั้นเขาสำคัญมากเลยเหรอ  โกรักเขามากเลยเหรอ”    ผมหยุดตัวเองไม่ได้  ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับสิ่งที่ได้รับ  มันมากมายมหาศาล

   “เพื่อนกันพี่”

   “โกหก  อย่ามาโกหกอีกเลย”

   “จริง ๆ พี่”

   “ไม่จริง  อย่าหลอกตัวเองเลยโก  ไม่มีเพื่อนที่ไหนเขาคุยกันยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอก  เพื่อนที่ไหนเขาจะโทรมาตอนตีสองตีสาม  เพื่อนมันควรรู้เวลาไหนควรโทรหา  เวลาไหนควรวางสาย  คนที่สามารถโทรหากันได้ตลอดเวลา  มันมากกว่าเพื่อนแล้ว  โกไม่ต้องหลอกตัวเองหรอก  ไม่ต้องหลอกพี่”

   ผมสะอื้นหนักกว่าเดิมอีก  ถ้ามันยอมรับ  ผมคงไม่เจ็บปวดขนาดนี้  อย่างน้อยผมจะได้รู้  และมีเวลาทำใจ 

   แต่นี่ . . . 

   มันโกหกผม  มันโกหกอย่างหน้าด้าน ๆ  ที่สุด  ผมมีความรู้สึกมากพอว่านี่คือคำโกหกที่ผมได้รับ

   “เพื่อนกันจริง ๆ  นะครับพี่”

   “เหรอ  จะให้พี่เชื่อจริง ๆ  ว่านั่นคือเพื่อนหรือโก”

   “เพื่อนพี่  เพื่อนจริง ๆ ครับ”

   ผมคงไม่มีอะไรที่จะต้องพูดอีกแล้ว . . .

   . . .ทุกอย่างมันแน่น   

   มันอัดอั้น . . .

   ผมได้แต่นอนนิ่ง ๆ  ปล่อยน้ำตาไหลเป็นทางยาว  บางครั้งที่ผมสะอื้นมันจะมากอดผมเอาไว้  ผมอยากสลัดจากอ้อมแขนมัน  แต่ผมทำไม่ได้ในเมื่อหัวใจของผมยังอยากได้อ้อมแขนของมัน  ในเมื่อผมยังบอกว่านี่คือความสุขที่ผมมีจากมัน

   ความสุขเล็กน้อยที่ผมพอจะหาได้จากมัน . . .

   “โก โกไปเสียเหอะ  ออกไปจากชีวิตของพี่  ก่อนที่พี่จะเกลียดโก ก่อนที่พี่จะเกลียดตัวเองมากกว่านี้  แค่นี้พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว  พี่ไม่รู้จะทำไงแล้วโก”

   “พี่อาร์ม  ผมไม่มีอะไรนะพี่  มันแฟนไอ้ชัยไงพี่  มันทะเลาะกันแล้วโทรมาหาผม  ผมก็คุยปลอบมันเฉย ๆ  พี่”   มันกอดผมเอาไว้  มันค่อย ๆ  บอกออกมา

   “แฟนเพื่อน  โอโห  ไอ้ชัยมันก็นามสกุลเดียวกันกับโก  หนักกว่าเพื่อนอีก”

   “มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิด”

   “อย่าเลยโก  อย่าหลอกตัวเอง  โกบอกพี่มาตลอดว่าโกรักพี่แบบที่พี่รักโกไม่ได้  วันนี้โกมีคนอื่นเข้ามาในชีวิต  คนที่เป็นเพศที่โกไม่รังเกียจ  พี่ไม่ว่าอะไรโกหรอก  ถ้าโกจะเดินออกไปจากชีวิตของพี่  ไม่ต้องห่วงหรอกโก  พี่อยู่ได้ . . .”  ผมสะอื้นหนักกว่าเดิม

   “. . . พี่ต้องอยู่ได้”   

   มันพลิกตัวผมให้หันมาหามัน  จมูกมันแตะที่ปลายจมูกของผม

   “ไม่นะพี่อาร์ม  พี่อาร์มไม่ไล่ผมนะ  ผมบอกว่าเพื่อนก็เพื่อนไงพี่    ทำไมพี่ไม่เชื่อผม  ทำไมพี่ไม่เชื่อใจผมล่ะครับ  ไหนพี่อาร์มบอกว่าอยากเห็นผมใส่ครุยแดงไง  ผมต้องทำได้พี่  ผมจะทำให้พี่เห็นให้ได้”    มันเองก็สะอื้น

   เรา . . . มีแต่ความเจ็บปวด

   ผมไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว . . . 

   . . .  ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของมัน . . . 

   ผมไม่อยากเห็นมันเจ็บ . . . 

   แล้วผมก็ไม่อยาก . . .

   . . . เจ็บ . . . 

   ทางที่ดีที่สุดคือหยุดทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ตรงนี้  . . .

   แล้วต่างฝ่ายต่างเดินออกไปจากชีวิตของกันและกัน  นี่น่าจะเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับคนสองคน  ที่ตอนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าจะคงอยู่ในสถานะไหนกันแน่  มันยุ่งเหยิงไปเสียหมด

   เรากอดกันกลมราวกับจะประสานให้เป็นเนื้อเดียวกัน . . .

   . . . หรือ . . .

   ตอนนี้เรากำลังประสานกันอยู่  โดยมีตัวเชื่อมคือ . . .

   น้ำตา . . .

   เพราะทั้งมันและผมสภาพคงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่  ต่างฝ่ายต่างมีน้ำตาทั้งคู่  แต่คนที่อาการหนักน่าจะเป็นผม  เพราะผมเก็บมันเอาไว้มาตลอดตั้งแต่หลังปีใหม่  ผมไม่อยากเจ็บอีก

   “จะให้พี่เชื่อหรือโก  ในเมื่อสองหูที่พี่ได้ยินมาตลอดสองสามเดือนก่อนนอน  คิดถึงนะ  ดูแลตัวเองนะ  แล้วพี่จะเชื่อมันได้อีกหรือโก  ในเมื่อทุกคืน  พี่ต้องหลับทั้งน้ำตา  บางคืน . . .”    ผมหอบตัวโยน 

   เพราะผมร้องไห้ออกมามากเกินไปแล้ว . . .

   ผมร้องไห้ทุก ๆ  ครั้งที่นึกถึงเรื่องที่ผมเจอมา  คำพูดที่ออกมา  มันออกมาจากส่วนน้อยเนื้อต่ำใจอย่างที่สุด 

   “. . . บางคืนพี่ต้องนอนสะดุ้งตื่นมา  ทั้ง ๆ  ที่น้ำตามันไม่แห้งไปจากแก้ม  มันเป็นฝันร้ายที่ยาวนานตลอดเลยโก  ถ้าพี่ย้อนเวลาได้  พี่รับร้องโกไม่มีวันได้กลับไปบ้านเมื่อตอนปีใหม่  แต่มันไม่ใช่โก  เราย้อนเวลาไม่ได้  สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้  คือทำยังไงก็ได้  ให้พี่ยืนบนโลกนี้ได้โดยไม่เจ็บปวดอีก”

   “พี่อาร์ม . . .”

   “แล้ววันนี้  มันที่สุดของพี่แล้วไงโก  มันถึงที่สุดแล้ว วันสุดท้ายที่คนที่พี่รักอยู่กรุงเทพฯ  พี่อยากกินข้าวอยากดูหนัง  แต่สิ่งที่พี่ได้รับคือน้ำตา  โกไม่รู้  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  พี่ต้องทนเจ็บปวดขนาดไหน  จากโกคนเดิมที่อ่านหนังสือด้วยความตั้งใจ  แล้วเป็นไงล่ะ  สองสามเดือนมานี้  โกเคยสนใจตำราเรียนเหมือนเมื่อก่อนมั้ย  ตั้งแต่มีผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในชีวิต  ทุกอย่างมันแปรเปลี่ยนไปหมด  มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว  โกเชื่อพี่เหอะ  เทอมนี้  โกสอบได้ไม่เท่าเทอมก่อนหรอก”

   “แล้วถ้าได้ล่ะ”

   “ไม่มีทางโก  ไม่มีวัน  ไม่มีวันที่โกจะได้เท่า”

   เกือบสามชั่วโมงแล้ว  ที่มันกอดผมเอาไว้ . . .

   . . . เกือบสามชั่วโมงที่ผมยังไม่สามารถหยุดตัวเองได้ 

   ผมมีแต่ความอัดอั้นอย่างที่สุด  ผมคิดแค่ว่า  ถ้ามันจะจบ  ผมยินดี  หนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร  ผมไม่รู้ 

   แต่ . . .

   สิ่งที่ผมทำ  มันดีที่สุดแล้วสำหรับคนแบบผม  ผมไม่เรียกร้องให้มันต้องมารับผิดชอบความรู้สึกของผม เพราะความรู้สึกที่ผมได้รับมา  มันไม่สามารถเรียกคืนได้อีก

   แก้วของผม . . .

   . . . ร้าว . . . ยากเกินจะประสานเสียแล้ว

   เสียงโทรศัพท์มันดัง . . . 

   ผมรังเกียจเสียแล้ว  ดิ้นเพื่อให้ตัวเองหลุดรอดจากพันธนาการของมัน  มันปล่อยให้เสียงเรียกเงียบหายไปเอง . . .

   . . . เพียงไม่นาน เสียงนั้นเรียกกลับเข้ามาใหม่

   หากเจ้าของเครื่องยังทำเช่นเดิม . . .

   มันเป็นอยู่แบบนั้นร่วมสิบครั้ง . . .

   “รับ ๆ  ไปสักที  โทรแบบนี้ไม่ได้นอน”   ผมบอกมัน  น้ำเสียงเย็นชา

   “ฮัลโล  นอนแล้วแค่นี้นะ”  มันกดวางสายทิ้ง

   เพียงแค่ชั่วอึดใจ . . . มันโทรเข้ามาอีก  คราวนี้เสียงโกมันตะคอกกลับไป   

   “บอกว่านอนแล้วไง  แค่นี้”

   หาก . . .

   . . . อีกฝ่ายความพยายามสูงส่ง  โทรเข้ามาอีก 

   ผมรู้ได้ . . .

   . . .  ไม่ใช่เพื่อนอีกแล้ว . . . 

   มากกว่าที่มันบอก  สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้  มันมีอีกคนแทรกเข้ามาในหัวใจ อย่างช้า ๆ  กว่าที่มันจะรู้หัวใจตัวเองก็เมื่อสายเกินไป

   สายเกินไป . . .

   . . . ผมเกลียดคำนี้จับหัวใจ   

   มันทำร้ายหัวใจผมขนาดนี้เชียวหรือ . . .

   สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือสมน้ำหน้าตัวเอง  ผมร้องไห้อีก  หลังจากที่นิ่งเงียบไปพักใหญ่  ร้องมันเสียให้พอ  ให้สมกับความเจ็บปวดที่มีอยู่  ให้วันนี้อ่อนแอที่สุด  ก่อนจะลุกมายืนใหม่ในวันพรุ่งนี้นะอาร์ม

   “บอกว่านอนแล้ว นอนแล้ว  ไม่รู้เรื่องหรือไง  โทรมาทำไมนักหนา”    มันตะโกนกลับไป  ก่อนปิดเครื่อง

   มันมานอนกอดผมเอาไว้ . . .

   . . .  ผมหลับไปในอ้อมกอดของมัน . . .

   ผมหลับทั้ง ๆ  ที่น้ำตาอาบแก้ม  แล้วผมก็สะดุ้งตื่นอย่างไม่มีสาเหตุ  เหมือนฝันร้าย  หากแต่สิ่งเดียวที่ทำให้ผมหายกลัวในตอนนั้น  มันนอนหลับสนิท  ทั้ง ๆ  ที่ยังกอดผมอยู่

   ผมหยิบโทรศัพท์มันมา . . .

   . . . ถือวิสาสะเปิดเครื่อง

   ๔๓   สายที่โทรเข้ามาตอนมันปิดเครื่อง . .  .

   ผมแกะแขนมันที่กอดผมอยู่ . . .

   . . . ต่อจากนี้ไป . . .

   ผมต้องเรียนรู้ในการอยู่คนเดียว  เวลาที่ผมมีอยู่  มันค่อย ๆ  หมดลงไปทุกที  ผมรู้ตัวดี    อีกไม่นานหรอก  โกมันก็ต้องเดินไปในเส้นทางที่มันอยากเดิน

   เส้นทางที่ผมกลัวมาตลอดตั้งแต่ที่เริ่มมีอะไรกับมัน . . .
   


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 22-05-2008 16:14:26
   :a6: :a6: :a6: :a6:
ทำมายถึงเป็นอย่างงี้ได้
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 22-05-2008 16:32:37
อานุภาพของความรัก ยิ่งใหญ่จริงๆๆเลยนะ   อย่างที่ว่าทุกอย่างมันมีสองด้าน

ถ้าความรักเรายังคงดีอยู่มันก็จะยิ่งใหญ่ และดูดีไปหมดซะทุกอย่าง  แต่เมื่อวันใดความรักเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง มันก็หันกลับมาทำร้ายเราได้อย่างเจ็บปวดที่สุด
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 22-05-2008 16:34:39
บีบใจเหลือเกิน  :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 22-05-2008 16:52:37



สิ่งที่เขียนมาตั้งแต่ต้น . . . มันยากจัง

แต่ . . .

. . . สิ่งที่จะเขียนต่อจากนี้ล่ะ . . .  มันจะไหวหรือ

ผมมานั่งอ่านซ้ำอีกรอบตั้งแต่ตอนแรก  ทุก ๆ  อย่าง  มันยังเหมือนเดิม  มันไม่ได้หายไปไหนเลย  ทุกภาพยังคงแจ่มชัด   เวลาที่นิ้วจิ้มลงไปที่แป้นพิมพ์  เหมือนเอานิ้วไปจิ้มปลายเข็มที่แหลมคม   มันเจ็บปวด  ทั้ง ๆ  ที่มันคือสิ่งที่ผ่านมาแล้ว

เวลาที่เหลือต่อจากนี้ . . . ผมมองไม่เห็นทางเลยจริง ๆ


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 22-05-2008 17:15:54
 :เตะ1:    บอกแล้วว่าไม่เอาเพลงนี้ มันเศร้า    :angry2:

 :o12: :o12: :o12:  จะใหเศร้าไปไหน

แค่ย้อนอดิต กลับไปเขียนก้อ จะเเย่แล้ว   ยังมาเพิ่มน้ำตาอีกคนเรา   :sad2:


.................


ซินไม่รู้ว่า การที่พี่เขียนย้อนกลับไป มันจะทำให้พี่เจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า

แต่ถ้าคิดอีกทางนึง การที่เราเดินย้อนรอย กลับไปทางเดิม ที่ๆเคยเดินผ่านมา

มันก้อเหมือนเป็นการวัดใจอีกอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ

"ความเจ็บปวดทำให้ใจคนเราอ่อนแอ"

"แต่ความเจ็บปวดอีกนั่นแหล่ะ ก้อทำให้ใจเราเข้มแข็งขึ้นได้เช่นกัน"



ป๋อล๋อ*..แต่ก่อนพี่เอาแต่วิ่งหนีมัน  ..แต่ตอนนี้ พี่กลับเดินเข้าไปหามันเอง    :a2:   สู้ๆนะพี่  
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 22-05-2008 17:43:05
อ่านมาถึงตอนนี้ เจ็บตามจนพูดไม่ออก จะปลอบก้อไม่กล้า เพราะถ้าเปนตัวเอง ยังไม่รู้ว่าจะผ่านมันไปได้มั๊ย
รู้อย่างเดียวมันเหมือนใจจะสลาย อ่านไปน้ำตาไหลไป ทำไมถึงอินได้ขนาดนี้นะ แล้วคนที่เจอกะตัวล่ะ....
แรกอ่านเคยคิดอยากให้อาร์มคืนดีกับโกนะ แต่ตอนนี้ ชักไม่แน่ใจแล้วสิ...
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 22-05-2008 18:06:03
อ่านแล้วแปล๊บด้วยคนไงเป็นกำลังใจให้น๊าค๊าบบ  อยากรู้จังที่โกกลับมาเพื่อขอโอกาสนั้นแบบน้องรึต้องการเป็นแฟน ถ้าต้องการเป็นแฟนหนึ่งก็อยากให้ลองเสี่ยงดูน๊า เพราะเขาอาจจะรู้แล้วก็ได้ว่าเขาต้องการอะไร แต่ก็นะ สู้ๆๆน๊าค๊าบบจะมารออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 22-05-2008 19:02:33
หมดคำพูด   แต่ขอเป็นกำลังใจให้ละกัน :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 22-05-2008 19:23:28
 
"ความเจ็บปวดทำให้ใจคนเราอ่อนแอ"

"แต่ความเจ็บปวดอีกนั่นแหล่ะ ก้อทำให้ใจเราเข้มแข็งขึ้นได้เช่นกัน"



ป๋อล๋อ*..แต่ก่อนพี่เอาแต่วิ่งหนีมัน  ..แต่ตอนนี้ พี่กลับเดินเข้าไปหามันเอง    :a2:   สู้ๆนะพี่  




น้องซินคิดเยี่ยม  o13

กลับมาอ่านเรื่องนี้แบบจริง ๆ  อีกรอบ

น้ำหูน้ำตาไหล . . . เจ็บหัวใจจังเลย  o7 o7 o7

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 22-05-2008 19:27:17
จริงค่ะ

ไม่แปลกใจ....

บางคนว่าอกหักไม่ตาย  แต่ถ้าเขาไม่เคยเจอประสบการณ์แบบเรา

บางทีเค้าอาจจะไม่รู้ว่า

"อกหักไม่ทำให้ตาย ...แต่ความเจ็บปวดนั้นต่างหาก ที่ทำให้คนอยากตาย..."

สิ่งมีชีวิตมักหาทางหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดทั้งทางกายและใจ 

พอเราเจ็บปวดทางใจมากๆ ก็อยากหาวิธีหยุดมัน  แต่มันห้ามกันได้ง่ายๆซะที่ไหน

ถ้าผ่านไปไม่ได้  ก็คง....
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 22-05-2008 21:58:28
 :m1: :m1:

ได้ใจจริง ๆ นะครับ ไม่ได้เข้ามานานไปนิด แต่ได้ครบรสเลย ครับ
เป็นกำลังใจให้ นะครับ
 :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 22-05-2008 22:38:34

 
ประกาศ


หากเรื่องที่ผมเล่าจบลง . .  . ผมขอลบข้อความบางส่วนบางตอนภายใน ๓๐ วันนะครับ

สำหรับคนที่ชอบ  ก็เซฟเก็บไว้นะครับ  แต่กรุณาอย่านำไปโพสต์ที่อื่น  เพราะผมตั้งใจเขียนไว้ในเล้านี้ที่เดียวเท่านั้น  สำหรับคนที่เข้ามาหลังที่ผมเขียนจบ ๓๐ วัน  อาจได้เรื่องไม่ครบสมบูรณ์นะครับ

ขออนุญาตทำตามนี้นะครับ . .
 
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 22-05-2008 22:59:59
ขอทำใจก่อนอ่านนะ หวังว่าคงทันภายใน 30 วัน  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 23-05-2008 10:48:03
โกมีแฟนเหรอ งี้โกก็ไม่รักษาสัญญาที่บอกว่าจะไม่มีใครก่อนเรียนจบอ่ะจิ  มันน่านัก o12 o12

ป.ล. สงสารแดน จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังรอเหรอ รักมั่นจริง ๆ เสียดาย ที่เรื่องของหัวใจบังคับกันไม่ได้  o7 o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 23-05-2008 11:07:17


ตอนที่ ๒๑


สิ่งที่ผมกลัวมาตลอด . . .

   ผมน่ะเข้าใจดี  ว่าเพศที่ไร้สถานะทางสังคม  มันไม่มีสิทธิ์ที่จะยืนมองหน้าคนอื่นอย่างเต็มภาคภูมิหรอก  ไม่มีใครหรอกที่จะเดินไปข้าง ๆ  เรา  เป็นทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนที่เราเป็น  สิ่งนี้ผมเข้าใจดี

   ผมถึงได้ขีดเส้นตัวเองเอาไว้ . .  .


   แค่มันเรียนจบเท่านั้น . . .

   . . . อีกแค่ปีเดียวเอง . . .

   หาก . . .

   บางที  มันอาจจะไม่มีวันนั้นก็ได้  วันที่ผมส่งมันถึงฝั่ง    ตอนนี้ผมพายเรือให้มันนั่ง เห็นฝั่งรำไร  แต่ดูเหมือนว่าจะเจอคลื่นลมขนาดใหญ่ จนเรือโคลงไปโคลงมา  ผมต้องประคองเรือเอาไว้  รักษาเรือเอาไว้ให้ดีที่สุด

   มันต้องไปถึงฝั่ง . . .

   ส่วนผม . . .

   ผมยอมที่จะจมน้ำตายหากเรือล่ม  แต่ผมไม่มีวันยอมให้มันจมน้ำไปกับผมด้วยหรอก  สิ่งที่ผมทำมาทั้งหมด  จะสูญเปล่า  ผมไม่มีวันยอม  ไม่ยอมให้มันมีวันนั้นเด็ดขาด 

   โกเมศวร์ . . . ความหวังของทุกคนในบ้าน

   ผมไม่มีวันยอมให้ใครมาทำลายความหวังของคนแก่ ๆ  อีกหลาย ๆ  คนเด็ดขาด

   “พี่อาร์มลาพักร้อนหรือ”  แดนมันถาม  มันมองหน้าผมในเย็นวันที่ผมบอกมันว่าผมลาพักร้อนห้าวัน  รวมวันหยุดหัวท้ายก็เก้าวันเต็ม ๆ

   “อืม”

   “มีอะไรมั้ยพี่  ตั้งแต่คืนนั้น  พี่เงียบหนักกว่าเดิมอีก”

   “ไม่มีอะไรหรอก แค่เบื่อ ๆ  พักร้อน  กลับไปหาหลวงพ่อ  แล้วจะเลยไปปายด้วย”

   “ดีจริ๊ง อยู่กันที่กรุงเทพฯ  ไม่พอ  ยังต้องตามไปถึงปายอีก”  น้ำเสียงมันคล้ายคนน้อยใจ     หรือมันกำลังตัดพ้อผมอยู่กลาย ๆ

   “เย้ย  ไม่ใช่  แค่อยากรู้อะไร  เลยต้องไป”

   “ทะเลาะกันอีก”

   ผมมองหน้ามัน . . .

   เห็นแววตามัน  ผมไม่อาจปิดบังแววตามันได้เลย  ผมน่าจะดีใจที่มีคนที่รักและห่วงใยผม  แต่ทำไม  ผมไม่อยากใกล้มันมากกว่านี้ก็ไม่รู้  ผมได้แต่ยิ้มบาง ๆ  ให้มัน

   “มีบ้าง  แต่ช่างเหอะ  อีกแค่ปีเดียวเอง”

   “ปีเดียว”  แดนเลิกคิ้วสูง

   “ก็สัญญากับมันเอาไว้  มันเรียนจบเมื่อไหร่  จะไม่ยุ่งกับมันอีก  ถอยออกมาเป็นพี่เป็นน้องกันเหมือนที่เคยมา”

   “โอโห  พ่อพระ”

   “เหรอ  แต่บางทีนะ  อยากเป็นพระเพลิงว่ะ  เผาทุกอย่างให้มอดไหม้ไปกับไฟ  ไม่ต้องให้เหลือความรู้สึกอะไรไว้อีก”

   “ร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือพี่”

   “ไม่รู้เหมือนกัน  ยังบอกอะไรไม่ได้  เจ็ดปีแล้วล่ะแดน  มันนานมาก  นานจนบางทีเหมือนกับว่ามันคือส่วนหนึ่งในชีวิต  ที่ขาดเสียมิได้”

   “มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะพี่”

   “ไม่เป็นไร  ยังไหวอยู่”

   “พี่ก็แบบนี้ทุกที”  มันน้อยใจผมเรื่องไรหว่า

   “อะไร”

   “มีอะไรไม่เคยบอกผม  ขนาดคืนนั้น  ผมนั่งอยู่ยังไม่เห็นผมเลย  ทีกับพี่โอ๋  กอดพี่โอ๋เสียแน่นเลย”

   ผมยิ้ม . . . 

   เอ็นดูมันนะ  มันเหมือนเด็กที่ขาดอะไรสักอย่าง  เหมือนมันจะอิจฉาเพื่อนผมที่ผมไม่เคยทำแบบนั้นกับมันสักครั้ง

   “อ้าว  ก็เพื่อนรัก”

   “แล้วผมล่ะ”

   “น้องรัก”

   “แล้วทำไมไม่กอดผมมั่งว้า”

   “กลัวไง”

   “กลัวอะไร”

   “กลัวอดใจไม่ไหว  พอกอดแล้วจะเลยเถิดมากไปกว่ากอด  เพราะแกกับไอ้โอ๋  มันคนละความรู้สึกกันไง  แต่ไม่ได้หมายว่าจะไม่รักไม่ห่วงแดนนะ  พี่รักแดน  และไม่อยากให้แดนต้องคิดแบบนั้น”

   “ครับ  ผมรู้”

   “เจ็บมั้ยล่ะ”

   “เรื่อง ?”  มันเลิกคิ้วมองหน้าผม

   “ก็เวลาที่เห็นพี่  แล้วเข้าใกล้ไม่ได้”

   “เมื่อก่อนอาจมีน้อยใจนะ  ทำไมพี่เขาไม่มองเราบ้าง  แต่หลัง ๆ  ผมบอกตรง ๆ  นะ  ผมนับถือน้ำใจพี่มากกว่า  ไม่รู้สิพี่  ถ้าผมมีพี่ชาย  ผมอยากมีพี่ชายแบบพี่นะ  พี่ห่วงใยคนรอบตัวเสมอ”

   ผมยิ้มให้กับมัน  เวลาเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ

   “ผมบอกจริง ๆ  นะพี่  สมัยเรียน  ผมอาจมีฝัน  อยากมีคนที่เราใช้ชีวิตร่วมด้วย  ผมชอบพี่นะ  แต่พอได้อยู่กันนาน ๆ  ผมว่า  ผมไม่ได้อยากรักพี่แบบนั้นมากกว่า  ผมมองพี่ด้วยความห่วงมากกว่า”

   “ห่วงอะไร”

   “ไม่รู้สิพี่  พี่เชื่อเรื่องลางสังหรณ์มั้ย”

   “ซิกส์เซ้นน์เหรอ”

   “ประมาณนั้นพี่”

   “เป็นไรมากมั้ยนี่”  ผมเอามือแตะหน้าผากไอ้แดน

   “เป็นการเป็นงานพี่  สบายดี  พี่ไม่เชื่อก็ตามใจ  แต่ผมกลับรู้สึกนะ  อีกไม่นานเราคงห่างกัน  ผมรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ  นะพี่”

   “เฮ้ย  จะมีเมียแล้วเหรอแก”

   “บ้าดิพี่  ผมนะเฉย ๆ  อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว  เวลาเห็นพี่ยิ้มมาทำงาน  ผมก็มีความสุขแล้ว  แต่เวลาเห็นพี่ทำหน้าอย่างกะแบกโลกมาทำงานนี่สิ”

   “ขนาดนั้นเลยเหรอ  แกเห็นขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “ป่าวหรอกพี่  ผมไม่เห็นหรอก”

   “อ้าว”

   ผมงง  มองหน้ามัน  มันไม่เห็น  แล้วมันพูดออกมาเป็นวรรคเป็นเวรได้ขนาดนั้นนี่นะ  แล้วที่มันเห็น มันเห็นอะไรหรือ  ผมหมดฟอร์ม  ไร้การเก็บอาการได้ขนาดนี้เลยหรืออย่างไร

   “ก็พี่โอ๋นะสิพี่  พี่เขาสั่งเอาไว้”

   “ไอ้โอ๋เกี่ยวไร”  ผมเลิกคิ้วสูง

   “พี่โอ๋บอกผม  พี่มีอะไรในใจแน่ ๆ   ให้ผมคอยดูแลให้ดี  พี่เขาห่วงพี่นะ  ผมยังนึกอิจฉาเลย  ทำไมผมไม่มีเพื่อนที่ห่วงผมแบบที่พี่โอ๋มันห่วงพี่มั่งนะ”

   ผมมองมัน . . .

   มีความสุขนะสิ่งที่มันบอก  อย่างน้อยที่สุด  ในเวลาที่ผมเจ็บปวด  ผมยังมีคนที่ห่วงผม  แม้มันจะไม่เคยพูดกับผมโดยตรง  แต่สิ่งที่แดนเล่ามา  ผมรู้  มันคิดอะไร  เพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตผม

   “เลยต้องทำตามคำสั่งมันว่างั้น”

   “ไม่ใช่พี่    คิดโน่น  ผมนะห่วงพี่น่า”

   “เออ  รู้ เอาน่า  ถ้าเป็นเรื่องไอ้โก  พี่ไม่ไหวเมื่อไหร่  พี่จะเล่าให้แดนฟังเป็นคนแรกแล้วกัน”

   “ยินดีมากครับพี่  ที่พี่เห็นผมมีประโยชน์บ้าง”

   “ถุย”

   “กลับบ้านเหอะพี่  เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าใครมาส่งสนามบิน”

   “ไอ้โอ๋มันจะไปค้างด้วยคืนนี้    พรุ่งนี้มันจะได้เอารถพี่ไว้ใช้”  ผมยิ้มให้แดน  ถึงผมจะรู้สึกแย่  แต่สิ่งที่ผมคุยกับมัน  ทำให้ผมมองมันมากกว่าเดิม

   ความรู้สึกที่ถอยเพื่อรักษาระยะห่างเริ่มหายไป . . .

   ผมให้มันเข้าใกล้ผมมากขึ้น . . .  เหมือนที่ไอ้เพื่อนรักผมเคยได้จากผม  ความรู้สึกที่ผมมีให้ไอ้แดน  ไม่แตกต่างกัน




   ทันทีที่ลงจากเจ้านกตัวเล็กใบพัดหกเฉก  ของสายการบินที่ผมทำงาน  ผมก็ตรงดิ่งไปที่วัด  หากแต่พระบอก  หลวงพ่อออกธุดงค์หลายอาทิตย์แล้ว  ผมเลยจับรถไปปาย   ผมเจอชัยบนรถ  เพิ่งรู้  มันมาเรียนที่เชียงใหม่ได้ปีนึงแล้ว  หากแต่  เรื่องนั้นผมไม่ได้ถาม  ผมแค่แลกเบอร์กับมันเอาไว้  กว่าจะถึงปายก็เกือบเย็น

   ที่นั่นเปลี่ยนไปมาก . . .


   ผมเหมือนคนแปลกหน้าเลย  ที่ท่ารถตู้  ทุกอย่างมันเจริญขึ้นอย่างผิดหูผิดตา  ผมเดินลัดเลาะมายังรีสอร์ทของอา   ถนนทุกเส้นผมจำได้ดี . . .

   หลังจากที่เก็บของเรียบร้อย  ผมเอาของฝากที่หิ้วติดมือมาไปฝากป้าภา . . .

   “น้องอาร์ม  มาเมื่อไหร่”  ป้าภายิ้มกว้าง  เมื่อเห็นผม

   “เพิ่งมาถึงครับ  เอาของมาฝาก”

   “ลำบากเปล่า ๆ    วันนี้กินข้าวที่นี่นะ”

   “ไว้พรุ่งนี้ดีกว่าครับ  พอดีอาปูทำของอร่อยรอเอาไว้  เดี๋ยวแกน้อยใจอีก  บ่น ๆ  อยู่  เวลามาไม่ค่อยเจอหน้า  มาขลุกอยู่บ้านป้าภา”

   “อ้าว  ก็ลูกป้าอีกคน”  แกกอดผมเบา ๆ

   “สบายดีมั้ยครับ”

   “เรื่อย ๆ  น้องอาร์มล่ะ  ผอมไปนะ”

   “ครับ   เอวสามสิบสี่แล้ว  เดี๋ยวที่ทำงานไล่ออก  ต้องลด ๆ  หน่อย  เดี๋ยวตกงาน”

   “ใครมาหรือภา”  เสียงจากด้านหลัง  ผมต้องหันไปมอง   

   ผมยกมือไหว้ด้วยความเคยชิน . . .

   หาก . . .

   . . . หน้าตาคุ้นเคย . . .

   “น้องอาร์ม  มาเมื่อไหร่”   ผู้ชายคนนั้นมานั่งติดกับป้าภา 

   ภาพชายคนนั้น . . .

   สมองผมแปลได้อย่างเดียว . . . คนคุ้นเคย

   “เพิ่งมาถึงครับ”  ผมตอบ  แต่ยังมองหน้า  เหมือนเคยเห็นที่ไหน  หน้าตาคุ้นมาก    เหมือนเคยเห็นที่ไหน  สักแห่ง

   “สบายดีนะ  มองอะไร  เหมือนไม่เคยเจออย่างนั้นแหละ”  ชายคนนั้นยิ้ม

   “ดีครับ  สบายดี” 

   ผมใจหายวาบ . . .

   . . . ภาพนักบวช  คนนั้น

   เหมือนใครเอาหินมาทุบหัวผม . . .

   ผมยิ้มค้างเอาไว้  หากแต่หัวใจผมมันหวิว ๆ    ชายคนนี้นักบวชในวันก่อน  สมองผมประมวลผลอย่างรวดเร็ว . . .

   สิ่งที่ผมคิด . . . ในวันก่อน

   กับความจริงตรงหน้าในเวลานี้ . . .

   . . . คนสองคน . . .

   ผมได้ยิ้มค้างเอาไว้  ตั้งแต่เมื่อไหร่  หลากหลายคำถามที่ยังค้างยังคาในหัวใจของผม  ผมนั่งอยู่ที่นั่นอีกเพียงครู่เดียว  ครู่เดียวเท่านั้น  ผมยังไม่พร้อมที่จะรับกับความจริงกระมัง

   ผมเดินกลับมาที่บ้านหลังเล็ก . . . เรือนพักที่อาสร้างเอาไว้  ผมไม่รู้เหมือนกัน  ว่าผมเดินมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ 

   ภาพป้าภา . . .

   . . . ชายคนนั้น . . . นักบวช 

   ทำไมคนรอบตัวผมต้องเป็นแบบนี้ด้วย  สิ่งที่ผมคิดในวันก่อน  มันเกิดขึ้นแล้ว  มันเกิดขึ้นจริง ๆ 

   ผมเคยแต่อ่านข่าวเจอ . . .

   สีกาสึกเจ้าอาวาส . . . แต่งงานเอิกเกริก 

   ขนาดในข่าว  ผมยังไม่ชอบ  ข่าวทำนองนั้น  ผมเกลียดมาก  ศาสนาต้องมามัวหมอง  สิ่งที่ผมรังเกียจมากที่สุด . . . เกิดกับคนที่ผมรัก   

   “ไปไหนมา”  อาถามเมื่อผมเดินมาที่เรือนพักของอาด้านหน้ารีสอร์ท

   “ไปบ้านป้าภามา”

   “เห็นอะไรมั้ย”

   ผมพยักหน้ารับแทนคำตอบ  มองหน้าอา  แบบที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี  สิ่งที่เห็นที่ได้เจอมา  มันยังติดตาผมอยู่เลย

   “เวรกรรม อาร์มเอ้ย  คนพูดกันทั้งบางทำอะไรไม่นึกถึงลูกมั่งเลย  สงสารโกมัน”   อาถอนหายใจ

   “ครับ”

   “น้าอาร์ม  น้าอาร์ม”  เสียงที่ดีใจ  ก่อนวิ่งมากอดเอาไว้  จนผมแทบล้ม

   “ไอ้ทัช  โตขึ้นเยอะเลยเรา  ไปไหนมานี่”

   “ไปกับพ่อมา”

   “แล้วพ่อไปไหน”

   “ไปอบต.”

   “น้าอาร์ม  เปิดเทอมทัชขึ้น ป.๑  แล้วน๊ะ”  มันยิ้ม  ผมลูบหัวมันด้วยความเอ็นดู  ลูกชายคนโตของอา  โตเร็วมาก

   “อาปูมาอยู่นี่เจ็ดปีแล้วเหรอ”

   “แปดปีอาร์ม  แปดแล้ว”

   “นานจัง”  ผมบอกตัวเองเบา ๆ 

   “น้าอาร์ม  ทัชอยากกินแครป  น้าอาร์มพาไปหน่อยสิ”

   “เอางั้นหรือ  ได้เลย  ไป๊”  ผมจับมันขึ้นขี่คอ  ตัวมันใหญ่กว่าคราวก่อนที่ผมมาเยอะเลย 

   จับมันนั่งที่หน้ามอเตอร์ไซด์คันเก่ง  ก่อนขับไปที่ร้านขนม  ผมจอดรถไว้ที่หน้าร้านหนังสือ  ฝั่งตรงกันข้ามกับร้านแครป

   “ไปสั่งก่อน  เดี๋ยวน้าอาร์มดูหนังสือแปบ  ดูรถดี ๆ นะ”

   “คร๊าบ”  มันมองซ้ายมองขวาก่อนวิ่งปรู้ดไปที่ร้านฝั่งตรงกันข้าม

   ผมเดินไปดูหนังสือในร้าน  ก่อนที่จะข้ามไปอีกฝั่ง 

   สายตาผมเห็น . . . ผมแทบก้าวขาไม่ออก

   โต๊ะที่อยู่หลังเตาแครปนั่น  เป็นโต๊ะหินขัด  คนที่นั่งหันหลังให้ผม  ผมรู้จัก  รู้จักดีเป็นที่สุด . . .

   หาก . . . ผู้หญิงที่นั่งตรงกันข้าม

   ผมสูดลมหายใจเข้าปอด  พยายามเดินให้ตรงเข้าไว้   ภาพที่ผมเห็น  ผู้หญิงคนนั้น  กำลังป้อนอะไรบางอย่างให้อีกคน  มันบาดลึก  หัวใจคล้ายใครควักอกไปแล้วขยี้จนมันไม่มีชิ้นดี

   “น้าอาร์ม  ยี่สิบ”  ทัชบอก  ผมล้วงกระเป๋าเอาธนบัตรให้หลานชาย

   คนที่นั่งหันหลังให้ผมคล้ายชะงัก . . .

   มันหันกลับมา  หลักฐานยังคาปาก   แววตามัน . . .

   . . . คล้ายตกใจ  ก่อนที่จะหม่นหมอง

   หัวใจผมล่ะ . . .

   . . . เงียบงัน

   “พี่อาร์ม  หวัดดีค่ะ”  ผู้หญิงคนนั้นยกมือไหว้ผม  ผมต้องรับไหว้

    รอยยิ้มของผมมันยังค้างไว้ริมฝีปาก  ผมรู้แล้ว  ผมแจ้งแก่หัวใจของตัวเอง  มันชาวาบไปทั้งตัวแล้ว  คล้าย ๆ  ตอนที่บาดเจ็บครั้งก่อน  ยังไม่นานเลยอาร์ม ทุก ๆ  อย่างมันยังแจ่มชัดเสมอ  ทุก ๆ  คำพูดที่ฝังในหัวของผม

   .... คิดถึงหน่อยจัง  ดูแลตัวเองนะ . .   

   ผมเคยมีบทเรียน  สมองมันสั่ง . . .

   . . . ยิ้ม . . .

   . . .  เอ็งต้องยิ้มนะโว้ย  อย่าให้เขารู้ว่าที่เป็นอยู่มันเจ็บปวด

   ผมยังไม่กล้ามองหน้าไอ้โก . . . 

   คอยเดี๋ยวนะ . . .

   คอยให้ความจริงที่อยู่ข้างหน้าในตอนนี้ค่อย ๆ  ซับลงในหัวใจก่อน    ให้มันซับลงให้เต็มหัวใจกับสิ่งที่เจอ  อย่ากลัวเลยอาร์ม  อย่ากลัวความจริง

   ความจริง . . .

   . . . มันโหดร้ายเสมอ

   “หน่อยสบายดีหรือ”  ในเมื่อมันรู้จักชื่อผม  ผมเองก็ควรที่จะรู้จักเอาไว้

   “ค่ะพี่  มาเมื่อไหร่  ได้ยินชื่อมานานเพิ่งเจอตัวจริง”

   คราวนี้มันแจ่มชัดแจ้งในหัวใจ . . . 

   ต้องพยายามอย่างมากที่จะเก็บบางอย่างไว้ในแววตา  ปรับแววตาเศร้าของตัวเองให้เป็นปกติเสียก่อน   ผมเดาเก่งนะ  เดาเรื่องราวเก่งเสมอ

   “มาเมื่อไหร่”  เสียงมันดุ ๆ  ยังไงไม่รู้  มันเดินออกมาจากโต๊ะ  มองหน้าผม

   “ไม่โทรมาบอกก่อน”

   ”เสร็จยังทัช . .  .”   ผมมองเจ้าตัวเล็ก 

   “. . .ไปก่อนนะหน่อย  ไว้เจอกัน”  ผมบอกลาเมื่อเห็นหน่อยเดินมา  คล้องหมับที่แขนไอ้โก

   . . .   ต่อจากนี้มันก็มีห่วงผูกคอแล้ว 

   มันจะสะบัดไม่หลุดหรอก 

   . . . จะสะบัดไปทำไมฟ้าสร้างชายมาคู่กับหญิงนี่  เหมือนเชือก

   . . . ตัดได้ . .

   แต่ . . .บ่วงดวงใจ

   . . . มันยากเหลือเกิน

   ผมยิ้มให้ผู้หญิงของมันอย่างเต็มตา  แต่ผมไม่กล้ามองหน้าโกเมศวร์

   แค่หันหลัง . . .

   ผมก็หมดความเข้มแข็งอีกต่อไป . . .

   . . . รู้แค่แก้มผมมันอุ่น    ผมต้องฝืนเดินให้ตรงที่สุด  ทั้ง ๆ  ที่แทบจะตายอยู่ตรงนั้น  ยังหรอก  ผมต้องไม่อ่อนแอ  ที่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ของผม  จะแสดงความอ่อนแอออกมาได้อย่างไรกัน 

   ผมไปส่งทัชที่บ้าน  ก่อนเดินไปที่ด้านหลังของรีสอร์ท  ยามหน้าแล้ง  น้ำในลำธารแห้ง  สามารถเดินข้ามไปอีกฝั่งได้สบาย  ผมเดินย่ำ . . . ไปบนทรายริมแม่น้ำ

   ฝากไว้แค่รอยเท้า . . .

   . . . รอยเท้าบนพื้นทราย . . .

   ที่นี่ . . . จุดเริ่มต้นของหัวใจผม

   แต่ตอนนี้ . . .

   ผมเดินไปช้า ๆ  ย่ำไปบนริมตลิ่งที่มันเคยพาผมเดินไปไกล  ผมย่ำไปบนหัวใจตัวเองช้า ๆ     ย่ำไปบนหัวใจที่โดนฉีกชขาด  หาร่องรอยไม่เจออีก   

   ผมรู้สึกหนาวจับจิตเลยทีเดียว   ได้แต่กอดอกตัวเองเอาไว้  มันหนาวเหน็บ  จะเพราะอากาศหนาวหรือ ?  ผมถามตัวเอง

    . . . .  เดือนเมษาแบบนี้อากาศจะหนาวได้อย่างไรกัน  ?   เสียงผมตอบตัวเอง

   หรือที่หนาวเหน็บอยู่ตอนนี้คือ . . .

   . . . หัวใจ . . . อีกเสียงบอกผม

    แปลกนะ . . .  ผมยังเดินได้

   . . .  ทั้ง ๆ  ที่หัวใจมันยับเยินหมดแล้ว 

   ซากชีวิต . . . 

   ตอนนี้ผมมีแค่ลมหายใจ . . .  กับซากชีวิต 

   ดวงตามันกลับร้อนผ่าว ไม่มี . . .

   . . . อย่าว่าแต่น้ำตาเลย

   . . . ไม่มีแม้ละอองน้ำตาด้วยซ้ำ . . .

   ผมรู้ตอนนี้โลกกว้างเป็นอย่างไร  แต่ตอนนี้ผมอยากซุกที่ไหนของโลกก็ได้  ที่พอจะให้ความอบอุ่นได้. . . แต่ไม่มีเลย  ไม่มีแม้ที่เพียงน้อยนิดที่จะให้ผมนั่งซบหลบซ่อนตัวจากโลก

   รอบ ๆ  ตัวผมน่ากลัว . . .

   ผมเดินลัดจากลำน้ำปายออกสู่ถนน . . .   

   ถนนสายนี้ . . .

   ยาว . . .

   . . . ไกลแค่ไหนผมไม่รู้หรอก 

   เพราะร่างที่เดินริมถนนตอนนี้มันมีสมองซะที่ไหน  คนที่นั่งหันหลังอ้าปากรับการป้อนตามมาหลอกหลอนผมอยู่เลย  โชคดีที่ถนนไม่มีรถวิ่งมากมาย   ช่วยให้ผมเดินได้เร็วขึ้น  ผมเดินเร็ว ๆ  เร็วเท่าที่จะเร็วได้

   ผมกำลังหนี...

   . . . หนีหัวใจตัวเอง . . .

   อย่างนั้นหรือ ?

   แล้วข้างในอกซีกซ้ายมันมีหัวใจหรือปล่าวหว่า   ผมตอบตัวเองไม่ได้เช่นกัน      ทำได้แค่  เอามือข้างขวา  มาทาบไว้กับอก   

   อากาศที่นี่หนาวเสียเหลือเกิน . . . มันหนาวแปลก ๆ   

   ทั้ง ๆ     ที่ตอนนี้ใกล้สงกรานต์  หน้าร้อนที่สุดของปี  แต่ทำไมผมหนาวอย่างนี้ก็ไม่รู้คล้าย ๆ  มีใครเอาน้ำแข็งมาแช่หัวใจผมไว้ ! 

   ผมเดินริมฝีปากสั่นระริก . . . 

   เดินย้อนกลับไปตามถนนที่ตอนนี้เริ่มมืด  แสงดารานับหมื่นเริ่มกระพริบพรายบนฟากฟ้าสวยนั่น  ผมกอดอกไว้เพราะรู้สึกหนาวเหน็บ  ความหนาวใจเป็นอย่างไรผมรู้แล้วล่ะ 

   หากแต่มันรู้สึกอุ่นที่ดวงตา . . . 

   . . . ก่อนที่จะอุ่นลงมาเป็นทางตามแก้มของผม เสียงรถจากด้านหลังไกล ๆ 

   หรือ . .

   โกเมศวร์จะตามหา . . .   

   . . . แต่เป็นใครก็ช่างหัวมันเถอะ    ในตอนนี้ผมต้องการอยู่คนเดียวกับความเหงาที่เป็นเพื่อนแท้ของผม   ผมหลบไปในซอยเล็ก ๆ    ฟ้ามืด  แสงไฟสองข้างทางรำไร  เหมือนหัวใจผมตอนนี้ที่หม่น ๆ  ยังไงไม่รู้  สมองมันเริ่มคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา  สิ่งที่ผมเห็น

   ชัดเจนกว่าคำพูดใด ๆ  ทั้งหมด . . .

   ท้องฟ้ามืดความหนาวเหน็บค่อย ๆ  เกาะกินเนื้อทีละน้อย   ผมต้องเดินต่อ   เกสต์เฮ้าน์อาอยู่แค่เอื้อม . . .

   แค่เอื้อมจริง ๆ  เพราะคนที่อยู่หน้าเกสต์เฮ้าน์ผมจำได้ดี 

   ผมต้องรีบปรับสีหน้า . . .

   . . . จะให้มันเห็นร่องรอยบาดเจ็บได้อย่างไร  . . .

   โกวิ่งมาหาผม   แววตามันรวดร้าวไม่แตกต่างจากผม  ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ  แต่ผมเห็นแบบนั้นจริง ๆ 

   “หายไปไหนมา  เป็นห่วงแทบแย่  มาคอยนานแล้วนะ”   มันถามเสียงละห้อยแบบครั้งก่อน

   ผมไม่ได้ตอบ  เดินตรงไปที่ห้อง  ก่อนไขกุญแจเข้าไป  อย่าหวังเลยจะได้เข้ามา  ผมปิดประตูล้อคกลอนอย่าแน่นหนา   

   ขอเวลาหน่อยได้ไหม . . . 

   . . . ขอผมได้อยู่คนเดียว  ให้ผมได้ทบทวนกับทุก ๆ  อย่างที่ผ่านมา  ผมเอาหูฟังจากเครื่องเล่นเสียบเข้าหู  ก่อนเปิดเสียงดังที่สุด

   ตอนนี้ผมไม่อยากได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น . . .

   ผมหลับไป . . . ทั้ง ๆ  ที่สองหู  อัดแน่นด้วยเสียงเพลง  ผมหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้  รู้แค่มาสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย  ฝันร้ายที่หลอกหลอนผมมาสามเดือนกว่าแล้ว  ผมนอนนิ่ง ๆ  ปรับสายตากับสิ่งภายในห้อง  ข้างในห้องไม่ได้เปิดไฟสักดวง

   หาก . . . แสงภายนอกลอดมา

   ผมกดไฟที่นาฬิกาข้อมือ . . . ตีสองกว่าแล้ว

   ผมหลับไปนานขนาดนั้นเลยหรือ  อาจเพราะผมเสียน้ำตาไปมาก  ร้องไห้จนหลับไป  ผมทำร้ายตัวเองได้ขนาดนี้เลยหรือ  ผมไม่กิน เพราะไม่หิว  หรือเพราะผมกินอะไรไม่ลงกันแน่

   จะอะไรก็ตามแต่ . . . ผมควรต้องกินมิใช่หรือ ?

   อย่างน้อยที่สุด  เพื่อตัวผมเอง  บางทีผมควรที่จะหันมามองตัวเองได้แล้ว  หลังจากที่ผมไม่เคยดูแลตัวเองมานาน 

   แต่เวลาขนาดนี้ . . . ร้านอะไรก็คงปิดหมดแล้ว

   ผมนอนไม่หลับ  และคงไม่หลับอีกแน่ ๆ  มันนอนมานานเสียขนาดนั้น  ผมอยากออกไปดูดาว  ฟ้าที่นี่สวย  มันเคยพาผมไปนอนดูดาวนี่หว่า  แต่ตอนนี้ไม่มีมันแล้ว  ผมไปดูคนเดียวก็ได้ 

   คงไม่ยากหรอก  ถ้าจะลองทำอะไรคนเดียวบ้าง

   ผมเปิดประตูบ้านพักออกไป  ลมอ่อน ๆ  โชยมาปะทะผิวหน้าที่แห้งกรังด้วยน้ำตา

   “พี่อาร์ม”  เสียงนั้นละห้อย

   ผมหันไปตามเสียง   คนที่นั่งกอดเข่าอยู่นั่น . .

   ผมมองหน้ามัน  แม้ไฟสลัว  แต่ทุกอณูของใบหน้ามันผมจำได้  มันนั่งแบบนี้นานแค่ไหนแล้ว  คงตั้งแต่ค่ำที่ผมกลับมากระมัง  ก็มันยังอยู่ในชัดเดิม

   “ทำไมมองผมแบบนั้นล่ะพี่  พี่เกลียดผมหรือ”

   ผมนี่นะเกลียดมัน . . .

   แม้แต่คิดยังไม่เคย  ผมยืนนิ่งจะเอาอย่างไรกับชีวิตต่อดี  จะเดินกลับเข้าห้อง  ปล่อยให้เรื่องราวมันคาราคาซังแบบนี้หรือ

   “ขอคุยได้มั้ย”  น้ำเสียงมัน  ทำผมหัวใจอ่อนยวบ

   ผมนั่งลงตรงกันข้ามมัน  ผมเจ็บนะ  เจ็บเหลือเกิน แต่ผมอยากจะรู้  มันจะทำร้ายผมอีกหรือ  หากมันอยากทำร้ายผมอีก  ผมยอม  ผมยินดีที่มันฆ่าผม  อย่างน้อยที่สุด ให้ผมตายเพราะคนที่ผมรัก  ผมยินดี

   “สิ่งที่พี่เห็นอาจจะไม่ใช่อย่างที่พี่คิด”

   ผมมองหน้ามัน  คนเราเห็นแก่ตัว  หรือจะหาคำแก้ตัวหรู ๆ  ที่ดีกว่านี้ไม่ได้หรือ  สิ่งที่เห็นมาด้วยสองตา  มันจะไม่ใช่แบบที่ผมคิดได้หรือ

   “เลิกกับพี่เหอะ  กลับไปคราวนี้  เราต่างคนต่างเดิน”  ผมบอกมันด้วยน้ำเสียงที่เรียบที่สุดแล้ว

   “ทำไมล่ะพี่”

   “เพราะเราไม่ใช่ไงโก  เราอย่าทำร้ายกันอีกเลย”

   ผมมองหน้ามัน   แววตาผมตอนนั้น  พร้อมที่จะให้มันเดินไปจากผม  เพราะผมไม่อาจที่จะทนได้อีกต่อไปแล้ว  ผมไม่อยากเจ็บ  ไม่อยากที่จะอยู่ในสภาพแบบที่เป็นอยู่  เวลาผมเจ็บ  มันเจ็บกับผมด้วยหรือ . . .

   ผมเจ็บของผมอยู่คนเดียว

   “พี่จะให้ผมทำยังไง”

   “ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น  โกก็ทำอย่างที่โกอยากทำ  เพราะอย่างไร  โกก็ทำแบบที่พี่อยากให้ทำไม่ได้  แล้วพี่ก็ไม่อยากดึงใครเอาไว้”

   “พี่จะให้ผมทำอะไร”

   “โกกลับมาเป็นคนเดิมได้มั้ย  กลับมาเป็นคนที่ตั้งใจเรียนแบบเดิมได้หรือ”

   “ถ้าผมทำได้ล่ะ”

   “แล้วถ้าทำไม่ได้ล่ะ  เราเดินมาไกลแล้วโก  ไกลเกินกว่าที่จะกลับไปเริ่มต้นอีกแล้ว  สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้    สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนสองคน  เราต่างคนต่างอยู่”

   “แต่ . . .”

   “ดีที่สุดแล้ว    ที่ผ่านมา  ขอบใจ  ขอบใจที่ทำให้พี่รู้ว่าความสุขมันมีอยู่จริง  แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ  แต่พี่ก็มีมัน”  ผมยิ้ม  ก่อนลุกขึ้นจะกลับเข้าห้อง

   มันลุกมากอดผมเอาไว้จากด้านหลัง . . .

   “พี่อาร์ม  ผมจะเป็นคนเดิม  เป็นน้องคนเดิมของพี่นะ”

   “อย่าเลยมันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกโก  เพราะถ้าโกกลับไปอยู่กับพี่  แล้วโกเอาแต่คุยโทรศัพท์อีก  พี่ก็ไม่มีความสุข แล้วพอพูด  เราก็ต้องทะเลาะกัน   ให้มันจบลงที่วันนี้  วันที่เรายังมีความรักให้กัน  พี่ไม่อยากให้เราจบกันด้วยความรู้สึกเกลียด”  ผมบอกมัน 

   แก้มผมอบอุ่นด้วยสิ่งที่ไหลมาจากภายในของผม   ผมเจ็บปวด  เจียนตาย  ไม่อยากเจ็บอีกแล้ว  ไม่อยากทรมานตัวเองด้วยความรักอีก

   “มันไม่มีทางเลยหรือพี่”  เสียงมันสะอื้น 

   ผมรู้ . . .

   ทั้งมันทั้งผมเจ็บไม่แตกต่างกัน  หากแต่ผมไม่อยากจะเจ็บอีกกระมัง  บางที  การที่เราห่างกัน  อาจทำให้เรารู้จักหัวใจตัวเองมากขึ้น  เราจะได้รู้ความต้องการที่แท้จริงของตัวเองได้เสียที

   “เลิกกับเขาได้หรือ  ไม่คุยกับเขาได้หรือ”

   มันเงียบ . . .

   . . . ผมรู้แล้ว  มันรักเขาไปแล้ว

   ผมเข้าใจดี . . .

   ผู้หญิงกับผู้ชาย  เกิดมาคู่กัน  ผมห้ามใครไม่ได้หรอก  หากใครจะรักกันผมควรยินดีมิใช่หรือ  โลกสร้างสิ่งที่ถูกต้องมาคู่กัน

   ส่วนผม . . .

   . . . มนุษย์ที่ถูกสาป

   ไม่รู้เพศตัวเอง . . .

   “ปล่อยเถอะ”  ผมแกะมือมันออกจากตัว

   “พี่อาร์ม  งั้นผมขออะไรสักอย่างได้มั้ย”

   “อะไร”

   “ผมเลิกกับเขาก็ได้  ผมขอแค่ให้เขาเป็นแค่เพื่อนผมเท่านั้น  นะพี่อาร์ม”

   “ไม่เข้าใจ”

   “ผมผิดเองมั้งพี่  แต่ผมจะเลิกกับเขา  ผมจะบอกเขาว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน  พี่อาร์มอย่าทิ้งผมไปนะ  ผมขอแค่เพื่อนเท่านั้น  พี่อาร์มจะให้ผมทำอะไรผมก็ยอม”

   ผมหันกลับมามองหน้ามัน . . .

   “ผมขอคบเขาแค่เพื่อนนะพี่อาร์ม”

   มันน้ำตาร่วงริน  หากหัวใจผมล่ะ  ท่วมไปด้วยน้ำตา  ผมรักมันมาก  มากกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก  สิ่งที่มันขอ  ถ้าผมบอก . . .

   . . . ไม่ได้ . . .

   ผมคงเห็นแก่ตัวเกินไป

   หาก . . . ผมลืมคิด

   ถ้าวันนั้น . .  .

   ผมใจแข็งกว่านี้ . . .

   วันนี้ผมคงไม่เจ็บปวดเฉกเช่นนี้  ผมให้อภัยคนที่ผมรักเสมอ  ผมไม่เคยคิดจะโกรธหรือเกลียดคนที่ผมรัก  คนที่ผมบอกเสมอ  มันคือหัวใจของผม  ผมรักมัน รักมันมากมาย  ผมรักมันและยอมมันทุก ๆ  เรื่อง  แต่มีอยู่สิ่งนึงผมลืมไป

   ผมลืมให้อภัยตัวเอง . . .


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 23-05-2008 12:15:07
เซฟเรียบร้อยละครับ
ได้ 217 หน้า  o2 o2
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 23-05-2008 12:49:18
เซฟเรียบร้อยละครับ
ได้ 217 หน้า  o2 o2

เยอะขนาดนั้นเลยเหอรครับ

ขอมั้งจิครับ

แบบว่าขี้เกียจอะ

 :m13:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 23-05-2008 12:59:42
อยากได้ไฟล์เรื่องนี้ด้วยจัง เดี่ยวเสาร์อาทิตย์ว่างๆต้องมาตามเซฟแล้ว อิอิ

อ่านแล้วมันปวดหัวใจดีจิงๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 23-05-2008 13:01:00
เซฟเรียบร้อยละครับ
ได้ 217 หน้า  o2 o2

เยอะขนาดนั้นเลยเหอรครับ

ขอมั้งจิครับ

แบบว่าขี้เกียจอะ

 :m13:





ถ้า . . . ตั้งค่าหน้ากระดาษ ให้เท่าพ็อกเก็ตบุคก็ ๒๓๑  หน้าแล้วล่ะ

แบบว่า . . . ถ้าส่งโรงพิมพ์  ไม่ต้องตั้งค่าอะไรใหม่  พิมพ์รวมเล่มได้ทันที ขนาดเท่า ๆ  นิยายที่ขายตอนนี้เลย  หนาขนาดนั้นอ่ะ



ปล.  ไม่ได้ส่งโรงพิมพ์  เขียนเพราะอยากเอามาเล่าในเล้า . . . จบแล้วค่อย ๆ  ทยอยลบ  ถึงโรงพิมพ์สนใจก็ไม่ขาย  แบบหวง  

ปล๒.  ใครอยากได้ฉบับจริง  ทิ้งเมล์ไว้ใน PM ก็ได้ครับ  จบบริบูรณ์เมื่อไหร่  จะส่งให้ทุกคนเลยครับ

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 23-05-2008 13:17:50
 เริ่มเศร้าอีกละ :sad2: :sad2: :sad2:

ป.ล. แต่จากที่เห็น โกเขาก็เลือกคุณอาร์มมากกว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เหรอ อย่างนี้ก็พอจะแสดงให้เห็นว่าอาร์มมีความสำคัญกับโกอยู่นะ แต่โกอาจจะยังสับสนอ่ะ ไม่กล้ายอมรับความจริง น่าจะค่อย ๆ พูดกันนะ

ป.ล2 ส่งให้จริงเหรอ งั้นเขาส่ง PM ไปเลยนะ :m13:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 23-05-2008 15:11:47
เห็นด้วยเลยล่ะครับ โกเขาคงสับสน เพราะถ้าโกเขาไม่สับสนเขาคงไม่ใส่ใจความรู้สึกพี่ขนาดนี้แน่ๆ ขนาดมีคนมาทุ่มให้ทั้งเงินทั้งรถ เขายังเชื่อพี่เลย ยังไงมีโอกาสก็ให้โอกาสโกเขาบ้างนะพี่เพื่อตัวของพี่และโก
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 23-05-2008 15:31:20
สรุปง่ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เชื่อใจตัวเองและการตัดสินใจของตัวเองดีที่สุด

 :a2: :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 23-05-2008 15:42:21
ทำเพื่อตัวเราเอง ดีที่สุดแล้ว  ยืนให้ได้ด้วยตัวของเราเอง  เข้มแข็งเข้าไว้แม้ข้างในไม่ใช่ก็ตาม
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 23-05-2008 15:43:12
ง่า...เศร้าตามพี่อาร์มเลยอ่ะตอนนี้เจ็บได้ใจค่ะ
เห็นด้วยกับรีบนนะคะ เชื่อในความรู้สึกของตัวเอง
รัก มากับคำว่า อภัย นะคะ
พี่อาร์มยังรักโกเห็นอยู่ชัดๆ...
ไม่ว่ายังงัยก็ขอให้พี่อาร์มมีความสุขกับสิ่งที่พี่เลือกแล้วกันค่ะ
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 23-05-2008 16:47:19
 :sad2: +  :a6: = อารมณ์หลังอ่านตอนนี้
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 23-05-2008 17:08:43
เฮ้อ ตั้งแต่อ่านเรื่องนี้มา บ่อน้ำตาได้ทำงานตลอดเลยแฮะ หึหึ o7
ว่าแต่เราชอบความคิด การตัดสินใจของอาร์มมากเลย ลุกขึ้นสู้ใหม่นะอาร์ม เราต้องยืนคนเดียวได้สิ ถึงไม่มีเค้า เราต้องอยู่ได้ โกพูดมาได้ไงนะ เราไม่อยากเชื่อนะว่าโกสับสน โกรู้ตลอดเวลานี่ว่าอาร์มรักโก แต่โกก้อยังทำแบบนั้น แล้วบอกว่าเปนแค่เพื่อนนี่นะ เอาไปหลอกควายเหอะ อย่าหาว่าเราใจร้ายเลยนะ เราเกลียดคนแบบนี้จริงๆ พอเราจะไปก้อมายื้อเราไว้ ทำเปนเหมือนว่าแคร์เรา ถ้าแคร์จริงๆจะไม่รู้เลยหรอว่าสิ่งที่ตัวเองทำมาตลอดน่ะ มันทำร้ายเราแค่ไหน ของแบบนี้น่ะ หากใส่ใจสักนิดก้อรู้แล้วล่ะ แต่นี่อยุ่ด้วยกันมาหกปี จะมาบอกไม่รุ้งั้นหรอ พูดไปได้เนอะ อ่านมาถึงตรงนี้ บอกตรงๆ เราไม่เสียใจกับการกระทำของอาร์มเลยที่หนีไปอยู่ไกลบ้าน ถ้าเปนเราเราก้อทำ เข้มแข็งไว้นะอาร์ม เราเปนกำลังใจให้ :L2:

ว่าแต่ปัจจุบันไปถึงไหนแล้วอ่า อ่านเรื่องราวในอดีตจนเพลิน ได้ไปทะเลกับโอ๋รึเปล่า หนุกมั๊ย?? มาเล่าให้ฟังด้วยน้า อยากฟังมากมายจ้า :m1:

ปล.เราPMไปแล้วน้า ต้นฉบับๆๆ อย่าลืมล่ะ อิอิ :m4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 23-05-2008 17:47:42
หกปีที่อยูด้วยกัน ทั้ง ๆ รู้ว่าพี่อาร์มรัก
น้องโก ทำมายทำอย่างนี้   :angry2:

พี่อาร์มคะ   :m1:
เป็นกำลังใจให้นะคะ ไม่ว่าพี่อาร์มจะตัดสินใจยังไง
แก้วคิดว่า คงเป็นทางออกที่พี่อาร์มเห็นว่าดีที่สุดแล้วค่ะ  :กอด1:

 
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 23-05-2008 17:59:08
 :m15:      :m15:      :m15:     :m15:    :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Entaneer#30 ที่ 23-05-2008 19:05:34
อ่านอีกครั้งก็ยังน้ำตาซึม
 :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 23-05-2008 22:07:37
 o7  ...อ่านช่วงเย็นไปหน่อย..ไม่จบตอนฮะ..
หยุดพัก...ปรับอารมณ์...ก่อน :m15:
จนค่ำ...อ่านต่อครับ... :o12:
มันก้อยัง..เศร้า..บีบคั้นใจอ่ะ....(ม่ายเน่านะ)
ลองถามตัวเองว่า....เปนเรา.. :serius2:
..จะผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นได้มั้ย.....
...ม่ายกล้าตอบฮะ.... :sad2:.
อืมห์...ส่งกำลังใจให้คุณ.....ผ่านเรื่องต่างไปได้... :กอด1:
ปล...แล้วมันก้อจะผ่านพ้นไป.... :L2:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 24-05-2008 05:07:18
 :m15:  :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

เศร้า บอกได้คำเดียวครับ เศร้า

 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 24-05-2008 08:13:37

ตอนที่ ๒๒




   ผมไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวมากขนาดนั้น . . .

   สิ่งที่เขาขอมันคงไม่มากเกินไป  แต่ผมลืมไป  ผมลืมนึกไป  อะไรก็ตามแต่ที่ผมคิดไปแล้ว  มันมักจะเกิดขึ้นมาเสมอ  ผมมักจะคิดเรื่องที่มันยังไม่เกิด  แล้วมันจะเกิดตามมาอีกไม่ช้า . . .


   นักบวช . . .  ป้าภา  หรือ  อาจเป็นโกเมศวร์ 

   แต่ . . .  มาเจอที่ป้าภา

   โกเมศวร์ กับหน่อย  มันบอก  แฟนเพื่อน  โทรมาปรึกษา  แต่ผมบอกมันเอง  ว่ามันรักเขาไปแล้ว  มันรักไปแล้ว  ผมลืมเอาสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตมาเป็นบทเรียน  เพราะผมเชื่อใจมัน 

   ความรัก . . .

   . . . ความหลง

   สองอย่างนี้เคยแยกกันออกหรือ  เหมือนผมที่รักมัน  หรือเพราะที่จริงแล้วผมหลงมัน  ผมหลงในสิ่งที่ผมวาดเอาไว้  มันจะต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ . . .

   หากผมลืมที่จะมองมันให้แน่ใจ . . .

   . . . ขอคบเขาแค่เพื่อนได้มั้ยพี่อาร์ม . . .

   ในเมื่อคนที่ผมรักที่สุดเอ่ยปากขอ 

   ผมก็กล้าให้  ทั้ง ๆ  ที่ผมเองก็รู้อยู่เต็มอก  ว่ามันไม่ใช่แค่นั้นหรอก  มันไม่ใช่  เรื่องทุกอย่างมันไม่ได้จบง่าย ๆ  แต่ผมยังอยากที่จะเอาตัวเข้าไปพันผูก  หรือเพราะความเป็นจริงแล้ว  ผมมันเป็นแค่พวกที่ไม่รู้จักเจ็บรู้จักจำ  ไม่เคยเรียนรู้กับหยาดน้ำตาที่เสียไป 

   ไม่มีใครไม่เคยสูญเสีย . . .

   “กลับบ้านเหอะ  ดึกมากแล้ว”  ผมมองหน้ามัน

   “ไม่  ผมไม่กลับ  ให้ผมนอนกับพี่อาร์มนะ”   มันมองหน้าผม

   “อยากอยู่คนเดียว”

   “แสดงว่ายังไม่หายโกรธผม   ผมไม่กลับหรอก  เพราะผมตั้งใจไว้แล้ว  ถ้าพี่ไม่ยกโทษให้ผม  ผมจะอยู่ที่นี่  ผมนั่งรอมาเกือบทั้งคืน  ถ้าผมจะนั่งไปถึงเช้ามันก็ไม่แปลกอะไร”

   เห็นมั้ย . . .

   มันนั่งตั้งแต่ตอนค่ำ    ไอ้พวกดื้อตาใส  มันยอมนั่งตากยุงทั้งคืน  มันทำแบบนี้ทำไม  ผมไม่เข้าใจมัน  ในตอนนั้นผมรักมัน  น้อยใจมันสารพัด  สิ่งที่มันทำ  ผมเจ็บปวด  แต่ความรักที่ผมมีให้มันมาก 

   ผมอาจจะเคยเสียใจที่มันทำ . . .

   . . . น้อยใจที่มันโกหกผม . . .

   แต่ . . .

   ผมไม่เคยเกลียดมัน  ไม่เคยเกลียดมันเลยสักครั้งเดียว

   “ตามใจ”  ผมเดินกลับเข้าห้อง  แต่เปิดประตูทิ้งเอาไว้

   ผมไม่ใช่คนใจแข็งแบบที่ผมเคยเล่ามา   ผมใจอ่อน  และออกจะเป็นคนขี้แยเสียด้วยซ้ำ  ผมไปนอนครึ่งตัวบนเตียง หากสายตายังมองไปที่ประตู  ห่วงมันสารพัด  ยุงกัดมันบ้างมั้ย  เพราะรีสอร์ทอาต้นไม้เยอะ 

   “ถ้าอยากนอนข้างนอก  ปิดประตูด้วย  ไม่อยากนอนตากยุง”  ผมตะโกนออกไป  พ่ายแพ้ต่อความรู้สึกของหัวใจตัวเอง

   มันรีบเข้ามาในทันที  ก่อนที่จะมานอนขดตัวนิ่งใกล้ ๆ  ผม 

   “หนาว”  มันบอกตัวมันสั่นเหมือนลูกนกเจอฝน

   อาการของมัน  ผมอดยิ้มไม่ได้  มันเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต 

   แม้ผมจะเจ็บสักแค่ไหน  แต่ผมไม่อยากเสียมันไป ผมยังอยากเห็นมันอยู่ใกล้ ๆ  ผม  ก็มันสัญญากับผมเอง  ว่ามันจะเลิกกับเขา 

   ผมค่อย ๆ  คลี่ผ้าห่มไปห่มให้มัน  นอนมองมันที่หลับไปแล้ว . . .

   มันนั่งรอผมทั้งคืน  รอเพื่อที่จะได้คุยกับผม  แค่มันมานอนนิ่ง ๆ  ใกล้ ๆ  ผม  ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ผมมีมันก็หายไป  ทิ้งไว้แค่ร่องรอยของความเจ็บปวดเท่านั้น . . .

   ผมโง่ . . .

   . . . ไม่ฉลาดเอาเสียเลย

   ผมน่าจะรักด้วยสมอง . . .

   . . . ไม่ใช่รักด้วยหัวใจแบบนี้

   ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมหลับไปตอนไหน  แต่ผมมารู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อสายพอสมควร   มันนอนตะแคงมาทางผม  มันลืมตามองผมตาใสแจ๋ว . . .

   “ตื่นแล้ว”  มันยิ้ม

   ผมก็เขินเป็นนะครับ  ถึงจะตื่นมาเจอมันเกือบทุกเช้า  แต่ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน

   “มองอะไร”

   “ถ้าเราเป็นพี่น้องกันจริง ๆ  ก็ดีสินะ” 

   คำพูดมัน  . . .

   ผมรู้  มันแปลได้สถานเดียวเท่านั้น   มันย้ำเสมอมา  สถานะของมันกับผม  ที่จริงผมน่าจะเข้าใจ  เพราะหากเป็นแบบที่มันพูด  เราก็คงไม่มีใครเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้น

   “คงงั้น”

   “พี่อาร์ม”

   “เรียกทำไม”

   มันมากอดผมเอาไว้ . . .

   มันแทบจะไม่เคยทำแบบนี้เลย    ผมได้แต่นอนนิ่งสิครับ  มันเกิดอะไรขึ้นอีก    มันซุกตัวเข้ากับผม  จนผมต้องกอดมันตอบ    ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาจากรสสัมผัส  ไม่สามารถที่จะบอกออกมาเป็นคำบรรยายใด ๆ  ได้  ผมรู้  เวลานั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน  แทบหายสนิท . . .

   “เป็นอะไร”  ผมลูบหัวมันเบา ๆ 

   “อยากกอด”

   “เดี๋ยวเหอะ”

   “อะไร”

   “ถามอะไรโกได้มั้ย”   ผมจูบที่กระหม่อมมันเบา ๆ

   “ถามดิ”

   “เคยมีไรหรือยัง”    ผมไม่อยากเอ่ยชื่อนั้นให้มันเป็นรอยด่างในใจของผม  ชื่อที่ผมไม่อยากจดจำเอาไว้แม้แต่น้อย

   “เคย” 

   ผมเจ็บแปล๊บเลย . . .

   ต้องค่อย ๆ ปล่อยมันออกจากอ้อมกอด  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม  ผมต้องรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่มันพูด  ถึงก่อนหน้าที่ผมจะเจอมันผมจะมีอะไรมามากก็ตาม  แต่ผมทำใจไม่ได้มั้งที่ต้องใช้ของร่วมกับคนอื่น

   “เป็นอะไรไปอีก”    มันกอดผมเอาไว้

   “อย่าทำอย่างนี้เลย  ไม่ดี”    ผมพยายามแกะมันออก

   “ทำไมอีก”

   “ก็ไม่อยากมีอะไรกับคนที่ไปมีอะไรกับคนอื่น”

   “ใครมีอะไร”

   “ก็โก”

   “ผมทำไม”  มันทำหน้าได้ไร้เดียงสาขนาด  ผมอยากบีบคอมันจริง ๆ  เลย  มันไม่รู้เหรอ  บางเรื่องที่ตอบมา  มันปวดร้าวนะ

   เราจะทนได้หรือ . . .

   หากรับรู้ว่าคนที่เรารักไปมีอะไรกับคนอื่น  แล้วเราจะทนได้อย่างไร  เมื่อเรารับฟังคำพูดเหล่านั้นออกมาจากปากคนที่เรารักจริง ๆ  ความจริงที่มันแสนจะทรมาน  แต่เราก็ต้องรับให้ได้

   . . . ไม่มีใครหรอกหนีความจริงได้พ้น . . .

   “มีอะไรกันแล้วไง”

   “ก็มีแล้ว”

   “แล้วมากอดพี่ไว้ทำไม  ไม่รู้หรือ  ว่ามันเจ็บตรงนี้”  ผมเอามือแตะที่หัวใจ

   “รู้ครับ”

   “รู้แล้วยังทำอีก  ไปทำแบบนั้นทำไม”

   “ทำอะไร”

   “ก็ไปมีอะไร”

   “อ้าว  ก็มีออกบ่อย”

   ผมเจ็บหนักเข้าไปอีก  แค่รู้ว่ามันรักเขา  มันก็เจ็บปวดจะแย่อยู่แล้ว  แล้วยิ่งได้ฟังจากปากของมันอีก

   “โก . . .”  ผมเริ่มมีอารมณ์  มันไม่รู้หรือ  ช่างยั่วผมเสียจริง ๆ

   “คร๊าบบบบบบบ”

   “มีตั้งแต่เมื่อไหร่”

   “เดี๋ยวนะ . . .”  มันมองหน้าผม  ก่อนเอามือมานับ   

   “. . . หกปีกว่า  หรือเจ็ดปีนี่แหละ”

   “อย่ามานียน . . . เมื่อไหร่”

   “จริง ๆ”

   “งั้นถามใหม่  มีอะไรกับผู้หญิงครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”  ผมมองหน้ามัน  จ้องตามันเอาไว้ 

   “แปดปีมาแล้ว”

   “โอ้ย  วกไปวนมาน่ารำคาญ” 

   “อ้าว  จริง ๆ  นะ”

   “ตั้งแต่นอนกับพี่  ยังไม่เคยนอนกับผู้หญิงคนอื่นอีกเลย  ไม่เคยนอนแล้วจะไปมีอะไรกับใครได้ไง”  มันมองหน้าผม

   “แล้วกับหน่อย”  ผมไม่อยากเอ่ยชื่อนี้เลย

   “แค่จับมือ . . .มีหอมแก้มด้วยนิดนึง” 

   ผมเจ็บจิ้ดเลย . . .

   มันพัฒนาเร็วจัง  แต่ในความเจ็บ  มันมีอะไรที่ดีใจลึก ๆ  อย่างน้อยมันยังไม่ได้เลยเถิดขนาดนั้น

   “สาบานดิว่าจริง”

   “สาบาน  ไม่เคยได้นอนกับใครจริง ๆ”

   คำตอบนี้มั้งที่ทำให้ผมยิ้มได้  ผมจูบมันอีกครั้ง  หลังจากที่ผมไม่เคยมีอะไรกับมันมาเกือบสี่เดือน  เพราะที่ผ่านมา  ผมมีความรู้สึกเจ็บที่มันทำแบบผม  แต่ครั้งนี้  พอผมได้คุยกับมัน  ทำไมผมถึงรู้สึกโล่ง

   มันโล่ง . . .

   . . . แบบไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ติดตัวกันทั้งสองคน . . .




   สิ่งที่ผมทำลงไป . . .

   ผมเชื่อ  คนที่มีความรัก และรักคนอื่น ๆ  มาก  ย่อมทำแบบเดียวกับที่ผมทำในเวลานั้น  ผมเองก็ไม่ได้แตกต่างไปจากคนอื่น ๆ  เท่าไหร่  ผมมีเลือดเนื้อ  ผมมีหัวใจ  และในหัวใจของผมก็บอกเองว่าผมรักมัน . . .

   เราให้อภัยคนที่เรารักได้เสมอ . . .


   ความรัก . . .

   . . . คือการให้อภัยกัน 

   เหมือนที่ผมเคยอ่านเจอ . . .

   การให้อภัยคนอื่น  เป็นเมตตาอันสูงสุด  หากแต่การให้อภัยตัวเองเรื่อย ๆ  เป็นการเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด

   ผมแน่แก่ใจ . . .

   . . .  ผมเป็นคนดีพอ  เป็นคนดคนนึง

   เพราะผมไม่ให้อภัยตัวเอง  ผมเลือกที่จะให้คนอื่นก่อนเสมอ  ทั้ง ๆ  ที่ในเวลานั้นคนที่เจ็บเจียนตายคือผม  น้ำตาแทบเป็นสายเลือดก็ผม  ส่วนมัน  แค่ตาแดง ๆ  มาร้องให้แล้วกอดผมเอาไว้  ผมก็ใจอ่อนยวบ

   ผมอยากเห็นแก่ตัวบ้างจัง !

   หากความรักที่ผมมี  ที่ผมคิดเอาไว้  คือการเข้าอกเข้าใจ  ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน  แล้วเคยมีใครบอกผมบ้างมั้ย  สิ่งที่เจ็บปวดเพราะความรัก  เราควรนำมาเป็นบทเรียน    บทเรียนที่เราไม่สามารถหามันได้จากตำราที่ไหน  ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดจากสิ่งที่เราเจอทั้งนั้น

   โกกลับไปก่อนห้าโมงเล็กน้อย . . .

   ผมมานอนคิด ๆ  ดู  รู้สึกตลกตัวเองเหมือนกัน  ทำไมผมไม่ถามมัน  หรือคุยกับมันเสียตั้งแต่ทีแรก  ถ้ามันอยากไปมีอะไรกับใครบ้าง  ผมคิดว่าผมจะยอมมัน  เพราะอย่างน้อย  ผมไม่มีสิ่งนั้นที่จะให้มัน  หากมันอยากมี . . .

   แต่ . . .

   ผมคงเจ็บปวด  แค่นึกว่ามันจะไปมีอะไรกับคนอื่น  เชื่อมั้ย  วันนั้นความคิดผมสับสน  ไม่สามารถที่จะควบคุมสติตัวเองให้ดีแบบเมื่อก่อนเลย  ผมไม่อยากให้มันอยู่ที่นี่  ไม่อยากให้มันอยู่เลยจริง ๆ

   กว่าผมจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เกือบบ่าย . . .

   แน่นอนที่สุดจุดหมายปลายทาง . . . บ้านป้าภา

   คนที่เพิ่งจะปรับความเข้าใจกันได้  ก็อยากที่จะอยู่ใกล้ ๆ  กันมิใช่หรือครับ  ผมเลยต้องไปหามัน  เพราะผมรู้ดี  เวลานี้  ผมอยากอยู่ใกล้ ๆ  มันอย่างที่สุด  อยากไปขี่รถเล่นนอกเมือง  อยากไปไหนต่อไหนที่เคยไปเมื่อตอนแรก ๆ  ที่ผมมาที่นี่ . . .

   มันกำลังซักผ้าอยู่ . . .

   ก็เครื่องแบบสองถัง  ปั่นน้ำผงซักฟอกถังนึง ปั่นหมาดอีกถัง  แต่วิธีการที่มันทำเป็นประจำก็คือ  ปั่นผงซักฟอก  แล้วปั่นหมาด  ก่อนเอามาซักน้ำที่กะละมังข้างนอก  ซึ่งก็ต้องใช้มือช่วยอยู่ดี . . .

   หาก . . . มันมีแค่มือเดียว

   อีกมือ . . .

   . . . มันคุยโทรศัพท์แนบหู

   ผมมองหน้ามัน  เพราะระแวง  และเกลียดที่มันใช้โทรศัพท์แบบนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  สีหน้าที่มันคุยอยู่ค่อนข้างเครียด  มันพยายามหลบไม่ให้ผมได้ยินว่าคุยอะไรกันบ้าง

   ผมนะรู้ในทันที . . .

   . . . คนนั้น

   มันเลิกไม่ได้หรอก  ผมคงโดนมันหลอกอีกครั้ง  หากแต่  การพูดไปก็ไม่มีอะไรที่ดีขึ้น  ผมเลยได้แต่มองมันเงียบ ๆ  รอเวลา  ว่าเมื่อไหร่ที่มันจะพูดจบสักที  เพื่อว่าผมจะได้พูดบ้าง

   สีหน้ามันเครียดขึ้นเป็นลำดับ . . .

   หัวใจผมล่ะ . . . รุ่มร้อนขึ้นเหมือนน้ำที่ใกล้เดือด

   บางที . . .

   มันคงหมดเวลาของผมแล้วก็ได้  ผมคงไม่มีความอดทนมากพอที่จะทนอยู่กับความเจ็บปวดอีกต่อไป  ความเจ็บปวดที่ผมเองก็ไม่อยากเจอ

   ผมเดินเข้าไปหามัน . . . แบมือ

   มันมองหน้าผม . . .

   “อะไร”

   ผมไม่ตอบ  เอามือไปจับโทรศัพท์ที่มันคุย   ผมเหมือนคนที่ไร้สติ  ทำอะไรโดยไม่คิด  หรือเพราะว่านั่นคือความคิดที่กลั่นกรองออกมาแล้วว่าผมจะต้องทำแบบนั้น  ในเมื่อมันไม่เข้าใจความหมายของการ . . . แบมือ   

   ผมเลยต้องเอาโทรศัพท์มาจากมัน

   . . . หน่อย . . .

   . . . คือชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอ 

   ไม่ต้องบอกก็รู้  ผมรู้สึกอย่างไรในตอนนั้น  มันเหมือนน้ำที่เดือดพล่านเพราะความร้อน  ในเมื่อมันบอกกับผมเอง  บอกมาไม่ถึงครึ่งวัน  แต่สิ่งที่มันทำอยู่ตอนนี้  ตรงกันข้ามกับสิ่งที่มันพูด

   ผมกดวางสาย . . .  02:15:46  เวลาที่โชว์หน้าจอ  คงตั้งแต่ที่มันออกมาจากผม  คนเรามีเรื่องที่ต้องคุยกันนานขนาดนี้เลยหรือ

   “หมายความว่างัย”  ผมมองหน้าขอคำตอบ

   “เขาโทรมา”

   “คุยอะไรนักหนาตั้งสองชั่วโมงกว่า  คุยไปทำงานไป  คุยอ่านหนังสือไป  มันจะรู้เรื่องเหรอ  คนเราทำอะไรทีละอย่างสิ”

   โทรศัพท์ดังขึ้นอีก . . .

   ผมมองหน้ามัน  ก่อนกดสายทิ้ง  ผมเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวเขามากไปแล้ว  เสียมารยาท  แต่ตอนนั้นผมยอม  เพราะสิ่งที่ผมจะคุยกับมันสำคัญไม่น้อยไปว่าที่คนของมันอยากคุยเหมือนกัน

   “ก็เขาโทรมา”

   “ก็บอกไปสิ  ทำงานอยู่  ไม่สะดวกคุย พูดไม่เป็นใช่ไหม  เพื่อนที่ไหนจะคุยกันนานขนาดนี้”

   “มันต้องให้เวลากันบ้างนะพี่”

   ผมไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยจริง ๆ  สิ่งที่มันพูดกับผม  แค่คำพูดที่สวยหรู  ไม่มีความจริงแม้แต่น้อย  สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าต่างหากคือความจริง  ผมไม่น่าหลงเชื่อในคำพูดของมันเลย 

   “ให้เวลาที่จะสนิทกันมากกว่า . . “  ผมยิ้มให้มัน  ยิ้มเยาะหัวใจตัวเองที่หลงเชื่ออะไรง่าย ๆ   

   “. . . ให้เวลาที่จะทำร้ายกันมากกว่านี้นะหรือโก  พอเหอะ  พอเสียที . . .”  ผมมองหน้ามัน

   ผมเจ็บ . . . มันจะรู้มั้ย

   “. . . ถ้าการเดินออกจากชีวิตเขามันยากมา    เดี๋ยวพี่จะทำให้มันง่ายเอง”  ผมมองหน้ามัน  ผมตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว

   “พี่จะทำอะไร  อย่านะ”  แววตามันตกใจ

   “ไม่ต้องกลัวหรอก  เรื่องระหว่างเรา  จะไม่มีใครรู้  ตราบใดที่เขาไม่มาวุ่นวายกับพี่  เรื่องที่เราเป็นอะไรกันก็ไม่มีใครรู้”

   “พี่จะทำบ้าอะไร” 

   “เอาคืนไป . . .”  ผมส่งโทรศัพท์ให้มัน   

   “. . . พี่จะเดินจากไปเอง  มีความสุขกับสิ่งที่เลือกไปก็แล้วกัน”   ผมมองหน้ามันนิ่งก่อนหันหลังกลับ

   ไม่มีคำรั้งเอาไว้ . . .

   . . . ถ้ามันเรียกผมเอาไว้

   ผมไม่รู้เหมือนกัน  ว่าวันนั้น  ผมจะหันกลับไปหรือเปล่า . . .

   ผมเดินกลับมาที่ห้องอย่างรวดเร็ว  มันหมดเวลาของผมแล้วจริง ๆ 

   แปลกจัง . . . 

   ผมเจ็บปวด  แต่ไม่มีน้ำตา  อย่าว่าแต่น้ำตาเลย  แค่อยากร้อง  ผมยังไม่อยากร้อง  บางที  ที่ผมเจอมาเมื่อวานมันทำให้น้ำตาผมหมดไปแล้วก็เป็นได้

   ผมรู้แค่ . . .

   . . . มันเจ็บ

   เจ็บตรงที่หัวใจ . . .

   “อะไรกัน  มาเมื่อวาน  จะกลับแล้ว  ยังไม่หายเหนื่อยเลย  อยู่อีกสองสามวันก่อน”  อาพยายามที่จะรั้งผมเอาไว้

   “กลับเหอะ  เด็กที่วัดโทรมาบอก  หลวงพ่อกลับมาเมื่อเที่ยง  ต้องรีบไป  เดี๋ยวท่านไปอีก”  ผมโกหก

   ผมเกลียดตัวเอง . . .

   . . . เพราะผมเกลียดการโกหกเป็นที่สุด

   แต่ครั้งนี้ . . .

   ผมจำต้องทำ  มันจำเป็น  จะให้คนอื่นรู้ได้อย่างไร  ว่าผมพ่ายแพ้  ผมแพ้กับใครก็ไม่รู้ ผมไม่อยากแพ้หรอก  ความพ่ายแพ้  มันไม่น่าพิสมัยมากมายนัก

   “อ้าวเหรอ   แล้วเมื่อไหร่จะมาอีก”

   “ถ้าว่างครับ  ไปก่อนนะครับอา”  ผมไหว้ร่ำลา

   ผมเดินมาตามทางที่ผมเดินมาเมื่อวาน   แต่วันนี้ผมกำลังเดินสวนทางกับเมื่อวาน  ก่อนมา  ผมหวังดีใจลึก ๆ  เก้าวันนี้จะเป็นเวลาที่ดีที่สุดอีกปีที่ผมได้อยู่กับมัน

   หาก . . .

   . . . มันไม่ใช่

   แต่ . . . กลับเป็นเวลาที่ผมจดจำไว้ชั่วชีวิต

   ถ้า . . .

   . . . เมื่อวานผมใจแข็งกว่านี้  วันนี้ผมคงไม่ต้องเดินคอตก  ในสภาพของคนที่ไร้ชีวิตเช่นนี้  หรือในความเป็นจริงแล้ว  ชีวิตผมมันหมดลมไปตั้งแต่เมื่อวาน  ตอนที่ผมเห็นภาพนั้นคาตา

   คนที่ยืนอยู่ท่ารถ . . .

   . . . มันคงมาส่งผม

   . . . ส่งให้ผมออกไปจากชีวิตของมันเสียที . . . 

   ผมต้องเดินขึ้นเวทีอีกแล้ว  ผมสูดลมหายใจเข้าปอด  อย่าหวังได้เห็นน้ำตาผมอีกเลย  ผมจะไม่มีวันยอมให้เขามาทำร้ายผมอีกแล้ว  ทุกสิ่งทุกอย่าง  มันควรจะจบลงได้แล้ว  สิ่งที่ผ่านมาทั้งหมด  ผมเริ่มเองทั้งนั้น

   ผมหลอกล่อให้มันอยากเรียนต่อ . . .

   . . . แล้ว . . .

   ถ้าวันนี้ผมจะจบมันด้วยมือของผม ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทุก ๆ  อย่าง  มันถลำลงมาลึกมากเหลือเกินแล้ว  มันลึกเกินกว่าที่เราจะรับมันได้อีก

   “จะกลับจริง ๆ  เหรอ”

   ผมหันไปมองหน้ามัน . . .

   ผมจ้องหน้ามัน  จารจำมันไปให้ติดตาผมเอาไว้  หลังจากนี้  คงไม่มีคำพูดดี ๆ และมีวันเวลาดี ๆ  กันอีกแล้ว

   ผมพยักหน้ารับเบา ๆ

   “อยู่ต่อไม่ได้เหรอพี่อาร์ม”

   อยู่ทำไม . . .

   อยู่เพื่อให้มันได้ทำร้ายผมหรือ  อยู่เพื่อให้มันเห็นผลงานที่มันฝากเอาไว้กับผมใช่ไหม  ผมคงไม่ยอมโง่กลับไปอีกแล้ว  สิ่งที่เกิดขึ้นมาตอนนี้ผมเกินจะทนทาน

   “ผมรู้ว่าผมผิด  แต่เขาโทรมาเองนะ  ผมไม่ได้โทรไป”

   ผมยิ้มให้มัน  ยิ้มอย่างอ่อนโยนที่สุดแล้ว  มันจะพูดตอกย้ำผมเพื่ออะไร   ในเมื่อตอนนี้  ผมมันไม่มีหัวใจ  ไม่มีสมองที่จะรับรู้อะไรอีกแล้ว  ผมอยากกลับ  กลับไปในที่ที่ผมมา  อย่างน้อยที่สุดที่นั่นผมยังมีเพื่อน  เพื่อนที่มันไม่เคยทำร้ายผมเลย 

   “พี่อาร์ม”  มันจับข้อมือผมเอาไว้

   “อย่าไปเลยนะ . . .”  แววตามัน  ผมเกลียดแววตาแบบนี้ของมัน  เพราะทุกครั้งที่ผมเห็น  ผมอดใจอ่อนไม่ได้  ผมยิ้มให้มันอีก 

   “. . .ไม่ไปแล้วใช่มั้ย”

   “ลา . . . ก่อนนะ”    เหมือนมีก้อนแข็ง ๆ  มาจุกที่ลำคอของผม     

   ความหมายของคำพูด . . .

   ผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้  ต่อจากนี้  ผมจะไม่มีมันอีกแล้ว  ชีวิตของผม  ไม่มีทางไปบรรจบกับมันได้อีก   

   ลาก่อน . . .

   ผมเดินไปซื้อตั๋วที่คนขาย . . .

   ตั๋วใบนี้ . . . จะพาผมออกไปจากที่นี่

   ถนนสายชีวิตที่ผมเดินมากับมัน . . .    

   กำลังจะจบลง เพราะมันมีถนนสายใหม่ที่ต้องร่วมเดินไปกับอีกคน  ผมควรจะยิ้มยินดีกับมันถึงจะถูก  เพราะมันคือชายคนแรกที่ผมรัก  แล้วในเมื่อมันเลือกที่จะไปเดินบนเส้นทางของความเป็นชาย  ผมจะดึงมันมาเดินบนเส้นทางที่ถูกสาปได้อย่างไร

   “พี่อาร์ม . . .”  เสียงมันเว้าวอน  เมื่อผมจะเดินขึ้นรถ 

   “อย่าไปเลยนะ”

   ผมหันมามองหน้ามัน . . .น้ำตามันไหล  หากมันเก่ง  เอามือปาดทิ้งเสียรวดเร็ว  บางที  สายใยที่ใกล้ขาด  อาจตัดด้วย

   . . .น้ำตา

   ผมเจ็บปวดยิ่งกว่ามันเสียอีก  ที่เห็นน้ำตาของมัน 

   หากแต่ . . .  ผมไม่อาจที่จะทนดู  และอยู่กับสิ่งที่ผ่านมาได้อีกแล้ว  ผมมองหน้ามันเต็มตา  ก่อนที่จะขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังสุด  นักท่องเที่ยวฝรั่งทยอยขึ้นรถ    ก่อนที่รถจะค่อย ๆ  ออกจากสถานี . . .

   ผมหันกลับไปมองมัน . . . ภาพสุดท้ายที่ผมจะจดจำเอาไว้

   . . . น้ำตาผมไหล . . .

   มันยืนที่เดิม . . .   มันมองรถที่ค่อย ๆ  ห่างมันออกไปเรื่อย ๆ  ร่างมันเล็กลง 

   แล้วภาพต่อมาที่ผมเห็น  มันวิ่งไปที่มอเตอร์ไซด์  แล้วมันก็ขับตามรถมา  มันตามผมมา  มันเร่งเครื่องตามมาอย่างกับพายุ

   มันขับรถตามผมมาเหมือนเมื่อเจ็ดปีก่อน . . .

   ภาพเก่าผมจำได้ดี  . . .

   ตอนนี้ผมรู้แล้วที่อบอุ่นที่สุด  แก้มผม . . .

   . . . ผมยิ้มทั้ง ๆ  ที่หัวใจผมแตกสลายหมดแล้ว   มันคงมาส่งผมออกจากชีวิตของมันจริง ๆ  และมันคงตามมาดู  ว่าผมไม่ได้ลงกลางทางเป็นแน่   รถตู้เพิ่มความเร็ว  เมื่ออกสู่เส้นทางหลัก  ภาพที่ผมเห็นค่อย ๆ  เลือนราง

   ผมหยิบโทรศัพท์ . . .

   “หวัดดีครับพี่อาร์ม”  ปลายสายบอกมา

   “แดน . .ไม่ไหวแล้ว   ไม่ไหวแล้วแดน” 

   ผมพูดได้แค่นั้น  ก่อนที่จะปล่อยโฮ  ผมไม่ไหวแล้ว  ตอนนี้ผมหมดความเข้มแข็งในตัวเอง  ผมเก็บสิ่งที่อยู่ในหัวใจไม่ได้  ผมปล่อยความอ่อนแอเกาะกุมหัวใจผมนานเกินไปแล้ว

   “พี่อาร์ม  เป็นอะไรครับ  พี่อาร์มอย่าร้องพี่  อย่าร้อง”

   ผมไม่ตอบได้แต่ร้องไห้  ผมร้องไห้ ไม่อายสายตาใครอีกแล้ว  ผมไม่มีอะไรอีก  ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

   “อยู่ไหนพี่”

   “กำลังกลับ . . . เชียงใหม่”   เสียงปนสะอื้น

   “โอเคครับพี่  พี่รอผมที่นั่นนะ  ผมจะหาทางไปเชียงใหม่  ผมจะไปให้เร็วที่สุด”    

   มันกดตัดสาย . . .

   ผมหันไปมองด้านหลังรถ . . .

   คนที่ขับมอเตอร์ไซด์ตามมา ทำให้ผมร้องดังกว่าเดิมอีก  มันทำแบบนั้นทำไม   มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าผมเป็นตัวอะไรสักอย่าง   

   ผมไม่ไหวแล้ว . . .

   . . . พลังชีวิตอ่อนล้าอย่างที่สุด   

   ตอนนี้ผมต้องการใครสักคน  ใครก็ได้ที่เข้าใจผม  และนั่งใกล้ ๆ  ผม   ผมต้องการแค่นั้น  แค่นั้นจริง ๆ . . .

   ผมไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวบนโลกนี้ใช่ไหม ?



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 24-05-2008 08:22:40



สำหรับคนที่ทิ้งเมล์เอาไว้ . . . ผมสัญญา

เขียนจบผมจะส่งต้นฉบับให้นะครับ . . .

. . . ผมว่ามันยากนะ  กับการที่เราเดินย้อนกลับไปเขียนตรงจุดเดิม . . . ผมรักมันนะ  แม้ตอนนี้ผมก็ยังรัก  เพราะนั่นคือผู้ชายคนแรกที่ผมรัก   ไม่มีอะไรที่มาทำให้ผมเปลี่ยนใจไปได้หรือ . . .

แต่ . . . บางที่

คนเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่กับคนที่เรารักมิใช่หรือ . . . แล้วการให้อภัย  ก็มิได้แปลว่าเราต้องกลับไปเดินด้วยกันอีก

ผมเขียนมาถึงตอนหลัง ๆ  . .  . ต้องซัดพาราทุก ๆ  หกชัวโมงเลยละครับ  มันปวดหัวมาก  คล้าย ๆ  ผมเพิ่งเจอเรื่องร้าย ๆ มาเมื่อสักครู่นี้เอง ทุกอย่างมันยังไม่ลืม  ลืมไม่ได้ . . .


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 24-05-2008 09:05:24
เศร้ามากมาย  ฮือ.....ฮือ   :m15:


อยากจะพูดคุยกับพี่อาร์ม แต่เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกคอ พูดไม่ออก
ทำได้เพียงยืนข้าง ๆ เกาะปลายเสื้อพี่อาร์มนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 24-05-2008 09:59:17
 :o12: :sad2: :o12:
บอก กับฉัน ถ้าหาก เธอต้องการ จะไป
ตัวฉัน เข้าใจ จะไม่เหนี่ยว จะไม่รั้ง หรือดึงดัน ขัดขวาง
ในหนทาง ของเธอ นั้นต้องการ เรียกร้อง
แต่ขอ อย่าทำดี หยุดสงสาร ฉันเสียที
จบสิ้นกัน ในวันนี้ ฉันเจ็บ มาพอแล้ว
รอยยิ้ม ที่เหมือนห่วง เป็น แค่ เพียงกลลวง แกล้งทำ เป็นว่าหวง
แต่ สายตา เธอฟ้อง
น้ำตาที่ไหล แม้ว่าฉันจะต้องเสียใจ เพราะเธอ
ได้โปรด จงไป เมื่อใจฉัน ไม่อยากรับไว้
ปล...เรียกน้ำตา...สุด... สุด
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 24-05-2008 14:33:11
เศร้าเกินบรรยาย....
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 24-05-2008 15:21:44


7 ปี มันนานโข แถม + เข้าไปอีก 2 ปี  ก้อเป็น 9 ปีเข้าไปแล้ว

อ่านแล่ะนึกถึงตอนนั้น ...  :เฮ้อ:

ไม่มีใครอยากจะเดิน ย้อนอดีต กลับไปหาควมเจ็บปวด

ซินเชื่ออย่างนั้น  แต่ คุณ พี่ทำได้นะเค่อะ   และก้อทำไปแล้ว

หรืออาจจะเป็นเพราะว่า คนในอดีตนั้น เขาย้อนกลับ มาหาเราหรือเปล่า ?

แต่ทีนี้มันขึ้นอยู่ว่า

-  กลับไปเพื่อตอกย้ำ
-  กลับไปเพื่อหาคำตอบให้แน่ชัด อีกครั้ง


.
.


แล้วเมื่อไหร่ ที่หัวใจรู้คำตอบ...ทุกอย่างคงจะกระจ่างกว่านี้ชิมิ


...................................................................




ป๋อล๋อ*...ซินเอาด้วยนะ  เพราะว่า ซินไม่ขยันเซฟ ฮ่าๆ 
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 24-05-2008 15:30:57


 
-  กลับไปเพื่อตอกย้ำ
-  กลับไปเพื่อหาคำตอบให้แน่ชัด อีกครั้ง


.
.


แล้วเมื่อไหร่ ที่หัวใจรู้คำตอบ...ทุกอย่างคงจะกระจ่างกว่านี้ชิมิ


...................................................................




ป๋อล๋อ*...ซินเอาด้วยนะ  เพราะว่า ซินไม่ขยันเซฟ ฮ่าๆ 




. . . . ตั้งแต่ครั้งนั้นที่เธอไม่อยู่  ชีวิตดูเปลี่ยนไป . . . . แต่วันนี้มันว่าเปล่าเหงาจับใจ  คิดถึงเธอรู้ไหม . . . คิดถึง SIN ทุกทีที่อยู่คนเดียว


กลับเพื่อ . . . ค้นหามั้ง   "คำตอบของหัวใจ"

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 24-05-2008 15:55:24
ร้องไห้ไปกับอาร์มอีกแล้ว ไมเราอ่อนไหวงี้นะ :o12:
ว่าแต่อาร์มอย่าทำร้ายตัวเองนะ รักตัวเองให้มากๆ เหนว่าต้องพึ่งยา เปนห่วงจัง ทำใจให้สบาย
ไม่รู้จะพูดไงดี พูดได้แค่เปนกำลังใจให้เสมอนะ สู้ๆจ้ะ :L1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 24-05-2008 15:58:40
พูดไม่ออก  มันตื้อไปหมดเลย  ร้องไห้ดีกว่า สู้ๆๆนะคับ


ปล ผมส่ง PM ขอต้นฉบับด้วยคนคับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 24-05-2008 17:03:10
มาให้กำลังใจละกันครับ ไม่รู้จะพูดอะไร อ่านเรื่องนี้แล้วก็แอบกลัวความรักจัง
ปล. อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงเพลงๆนึงของพี่กบ เสาวนิตย์เลย ที่เนื้อเพลงบอกว่า อยู่กับคนไม่รักกันถึงจะใกล้กันเท่าไร สุดท้ายกลับเหงาหัวใจยิ่งกว่า :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 24-05-2008 17:14:12
พี่อาร์ม........T_T
พี่อาร์ม........................
..................ตอนนี้มีแต่น้ำตา....................
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 24-05-2008 18:50:09
เง่อ พี่อาร์มรักษาสุขภาพด้วยนะ

เศร้าเกินจะบรรยาย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 24-05-2008 19:02:31
กว่าจะอ่านตอนที่ 17 จบ อ่านไปแล้วก็หยุดอ่านทำใจก่อน

แล้วก็ค่อยอ่านต่อ  สุดท้ายก็น้ำตาไหลอยู่ดี :o12: :o12:


*-----*-----*-----*-----*-----*

ต่อจากนี้ไปเริ่มแล้วสินะ  แก้วเริ่มร้าว  รอวันแตก





มันเศร้ามากเลยเหรอครับ . . .

ตอนเขียนนี่  มันบอกไม่ถูกอะครับ  เหวง ๆ  ลอย ๆ  จุกที่หน้าอกอะครับ  ไม่อยากนึก  แต่ถ้าเราไม่เอาชนะสิ่งที่เราเป็นอยู่  เราก็คงเจ็บแบบนี้อีกนาน  ไม่อยากเจ็บมั่งครับ  เลยต้องเขียน



เศร้ามากสิคับ  เพราะผมก็เคยเสียบุคคลอันเป็นที่รักมากคนหนึ่งไป

แบบว่า  ตอนนั้นต้องบวชให้ท่านด้วย  แล้วพอวันเผา  วันนั้นเป็นวันอะไรจำไม่ด้าย

ฆราวาสไม่สามารถวางไฟได้  แล้วเขาจิงให้ผมเป็นคนวาง

ตอนวางไฟ  ผมก็คิดแบบว่า  ตอนเราเจ็บแม้เพียงนิดเดียว  ท่านรีบหายามาทาให้

คอยดูแล  คอยเป็นห่วงเรา  แต่เรากลับเป็นคนที่จุดไฟเผาท่าน

ผลก็เลยห้องไห้จนเป็นลมไปเลย  หลังจากนั้นก็ไม่เคยร้องให้ให้ใครเห็นอีกเลย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Entaneer#30 ที่ 24-05-2008 19:15:34
ดูเหมือนว่าโกจะได้รับโอกาสไปแล้ว(รึเปล่า??)
อยากรู้ว่าที่โกบอกว่าขอโอกาสครั้งสุดท้ายน่ะ
โกทำอะไรเอาไว้
 :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 24-05-2008 21:23:41
เอ่อ  :m22: มองซ้าย มองขวา

ขอสารภาพเลยว่า ตอนแรกเห็นชื่อเรื่องนี้รู้สึกว่าไม่อยากอ่าน เพราะเรื่องต้องเศร้าแน่นอน เง้อ  :m15:

เข้า ๆ ออก ๆ บอร์ด ก็ทำเป็นมองไม่เห็น เพราะกลัวว่าอดใจไม่ไหวจะคลิกเข้ามาอ่าน

และแล้ววันนี้  o7 ก็อดใจไม่ไหวจริง ๆ ค่ะ คลิกเข้ามาจนได้

เริ่มอ่านตั้งแต่ประมาณทุ่มกว่า ๆ จนถึงตอนนี้ สามทุ่มกว่า ๆ  :sad2:

ในที่สุดก็อ่านจนทันตอนล่าสุดแล้วค่ะ เศร้ามากเลยค่ะ ไม่มีตอนไหนที่ไม่กดดัน ไม่เศร้า และไร้น้ำตา

ขอบคุณมากนะคะที่เล่าเรื่องนี้ให้ได้อ่าน อย่างน้อยก็เป็นสิ่งย้ำเตือนตัวเอง

บางครั้งความรักก็ไม่จำเป็นต้องครอบครอง ขอให้คนที่เรารักมีความสุขก็เพียงพอแล้ว ถึงแม้เราจะเจ็บก็ตาม

ขอเป็นกำลังใจให้คุณคนเล่าเรื่องนะคะ  ทุกความทรงจำมีค่าเสมอค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 24-05-2008 21:29:24
คนบ้า

คนพี่ทะเล

เศร้ามากมาย

ไปกินเหล้าให้คลายเศร้าดีกว่า

อิอิิ

เด๋วค่อยกลับมาให้หนึ่งบวก  ถ้าไม่เมาจนหลับไปซะก่อน :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ปั่ น ป่ ว น ที่ 24-05-2008 23:40:12
ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ ให้พี่อาร์มผ่านพ้นมันไปได้นะค่ะ  o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 25-05-2008 01:10:04
เศร้า

แต่จะกลับมาอีกไม่ว่าเพื่ออะไรก็ตามมันก็เจ็บ

รออ่านต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: birdy ที่ 25-05-2008 03:56:44
เป็นกำลังใจให้ด้วยคนนะคะ ขอให้สู้ต่อไป กับความทรงจำที่ผ่านมา กับชีวิตในวันนี้ และ กับอนาคตที่จะต้องก้าวต่อไป  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 25-05-2008 06:06:23

ตอนที่  ๒๓



   ถนนสายนี้ทอดยาวไปสิ้นสุดที่ไหนผมไม่รู้  ผมรู้เพียงแค่ว่า  ตอนนี้ผมเจ็บปวดไปหมด  ผมไม่อยากอยู่บนโลกนี้เสียด้วยซ้ำ  มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของผม  คนที่ผมรัก  ค่อย ๆ  หายไปจากชีวิตของผมทีละคน . . .


   แม่ . . .

   . . . คนที่ผมรักมากที่สุด  จากผมไปโดยไม่มีวันกลับ

   คนที่ผมรักรองจากแม่ . . .

   . . . พ่อ  เข้าสู่ร่มเงาของพระศาสนา

   โกเมศวร์ . . . ผู้ชายที่ผมรัก  กำลังจะจากผมไป

   ความพลัดพราก . . . 

   . . . มรดกที่บรรพบุรุษมนุษย์ทิ้งเอาไว้ . . . 

   ทุกคนล้วนเจอกับความพลัดพรากตลอดเวลา  ผมเองก็หนีไม่พ้นข้อนั้นเช่นกัน  ที่ผ่านมาผมได้รู้จักกับการพลัดพราก . . .

   แม่ . . . พรากจากด้วยความตาย

   วันนี้ . . .

   โกเมศวร์  กำลังสอนให้ผมรู้จักกับการต้องลาจากอีกรูปแบบหนึ่ง  และผมรู้เองก็ได้รู้ว่ามันทรมานกว่าการจากแบบแรก . . . การจากเป็น

   การจากลาที่สร้างความเจ็บปวดอย่างที่สุดในหัวใจ . . .

   แล้ว . . .

   ผมยังต้องจากอะไรอีกในวันข้างหน้า  ยังมีใครอีกที่ผมต้องสูญเสีย  ในเมื่อคนที่ผมรัก  ค่อย ๆ  หายไปจากชีวิตของผม . . .

   ผมเปิดเครื่องอีกครั้งเมื่อเมื่อรถตู้มาถึงที่แยกแม่มาลัย  หลายสิบสายที่โทรเข้ามา ผมมองเครื่องในมือ . . .

   . . . ถ้าเราเลือกที่จะเดินแล้ว  เราจะถอยกลับไม่ได้มิใช่หรือ  ผมสูดลมหายใจเข้าปอดช้า ๆ    เลือกที่จะโทรไปหาบางคน

   หากแต่ . . .

   ผมยิ้ม  เมื่อสายที่ผมอยากโทรหา  โทรเข้ามาพอดี . . .

   “แดน”   ผมกรอกเสียงไปตามสาย

   “พี่อาร์ม  พี่อาร์มอยู่ไหน  ผมเพิ่งลงจากเครื่อง กำลังหารถเช่า”

   ผมหลับตา . . .

   . . . ความรู้สึกมันตื้นตัน  ผมไม่คาดคิดว่ามันจะทำตามที่มันพูด  แต่สิ่งที่มันทำ  ผมไม่แน่ใจ  ว่าผมกำลังทำร้ายคนดี ๆ  อีกคนหนึ่งอยู่อีกมั้ย 

   “แยกแม่มาลัย  มาทำไมก็ไม่รู้” 

   “เอาน่า  ไหน ๆ  ก็มาแล้วถือเสียว่ามาเล่นสงกรานต์เลยไง  พี่อาร์มรถจอดที่อาเขตหรือปล่าว”

   “อืม”

   “โอเค  งั้นผมไปรอที่อาเขตแล้วกันนะพี่”

   “ขอบใจนะแดน  ขอบใจ”

   ผมไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่านั้น  เพราะสิ่งที่มันอัดอั้นมาตลอดทางคือในสมองของผมจะมีแต่คำว่า . . .ทำไม

   ทำไมมันต้องทำแบบนี้กับผม . . .

   . . . ทำไมมันต้องโกหกผม

   ทำไม . . . มันต้องขับรถตามผมมาด้วย

   ทำไม . . . ทำไม . . . ทำไม

   สารพัดคำถาม  ที่ผมเองก็ไม่สามารถที่จะตอบเองได้  ผมน่าจะคิดอะไรให้มากกว่านั้น  น่าจะหาเหตุผลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมา  มันคืออะไร  แต่ในเวลาแบบนั้น  ผมคงไม่สามารถหาเหตุผลนั้นได้ . . .

   เพราะ . . .

   กิเลส . . . ความอยาก  มันมาบดบังผมเอาไว้เสียหมด  ผมรู้แค่ว่า  ผมต้องเสียมันไปแล้ว  ผมจะทำยังไง . . . จะเอายังไงกับชีวิตต่อดี

   สิ่งที่ผมเกลียดที่สุด . . . การโกหก

   ผมเหมือนคนที่โดนโกหกซ้ำ ๆ  . . .   แล้วไอ้หัวใจที่เป็นก้อนเนื้ออ่อน ๆ  ของผม  มันจะทานทนได้ไหวหรือ  ผมไม่ใช่คนเข้มแข็ง  เมื่อเจอแรงกระทบแบบนี้  ผมแทบจะไม่อยากหายใจอยู่แล้ว

      

   ทันทีที่รถจอที่อาเขต  ผมเจอหน้า . . . แดน

   มันมาช่วยรับกระเป๋าจากผม  มันเดินโอบไหล่ผมเอาไว้โดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ  แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว  อย่างน้อยที่สุด  ในเวลานี้ผมไม่ต้องเดินคนเดียว  ผมยังมีอีกคนที่เขาจะเดินเคียงข้างผม


   “ไปไหนเหรอ”  ผมถามเมื่อเห็นแดนมันเลี้ยวขวามาทางถนนสุเทพ  ที่แยกชลประทาน

   “เอาน่า  อ่าเพิ่งถามเลย”

   ในเมื่อมันบอกไม่ให้ถาม  ผมก็ไม่ถาม  ผมนั่งมองลอดออกไปหน้ากระจก  ที่รถแล่นผ่านหน้า มช.  ผ่านสวนรุกขชาติ  แล้วก็ผ่านสวนสัตว์เชียงใหม่   ก่อนที่แดนจะมาจอดที่ตีนดอยสุเทพ . . .

   “ครูบา”  ผมมองหน้า

   “ไหว้พระกัน”  แดนยิ้ม  ก่อนลงจากรถไปซื้อดอกไม้ธูปเทียน

   ผมมองมัน  ทำไมหนอ  ทำไมผมถึงรักแดนมันไม่ได้  ทำใมผมต้องรักคนที่เขาทำให้ผมต้องเจ็บปวดหัวใจอยู่เสมอ 

   ถ้าผมรักแดน . . .

   . . . อย่าคิดแบบนั้น . . .

   เหมือนมีอีกเสียงในร่างกายผมเตือน  อย่าลืมสิ  ว่าเมื่อก่อนก็เคยมีความสุขกับคน ๆ  นั้นมิใช่หรือ  ทุกอย่างมันมีทั้งสุขและทุกข์เสมอ   ไม่มีอะไรยืนยงตลอดกาลหรอก

   นั่นนะสิ . . .

   . . . จุดจบ  มันมาจากจุดเริ่มต้นทั้งนั้น

   แล้ว . . .

   ถ้าเราเริ่มต้นใหม่ . . .

   เราคิดหรือว่ามันจะไม่มีจุดจบ   ทุกสิ่งทุกอย่างที่เริ่มต้น  ล้วนต้องเดินไปข้างหน้า  แล้วมันก็จะจบลงทั้งนั้น

    “คิดอะไรอยู่”  แดนเดินมาสะกิดผมจากสิ่งที่คิดไปวนมา

   “ป่าว”  ผมรับดอกไม้พื้นเมือง  กับธูปเทียน  ก่อนเดินไปที่อนุสาวรีย์รูปปั้นนักบุญล้านนา

   ผมท่องคำไหว้คำบูชาครูบาที่นั่น  ผมมองหน้าท่าน  เหมือนท่านยิ้ม  ใบหน้าท่านมีแต่ความเมตตา ผมนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นนาน  ที่นั่นสงบร่มเย็น . . .

   “ไปกันเหอะ  จะห้าโมงแล้ว”  มันบอกผม

   ผมเดินตามมันเหมือนคนว่าง่าย . . . 

   ต่อจากนี้  มันจะพาผมไปไหน  ผมไปทั้งนั้น  ผมรู้ดี  คนที่นำทางผมอยู่ตอนนี้เขาไม่มีวันทำอันตรายผมเด็ดขาด   ดูเหมือนมันจะเงียบกว่าที่เคย  มันไม่ถามผมเลยว่าเกิดอะไรขึ้น

   ผมมีความสุขที่มันไม่ได้ถาม . .  .

   มันขับรถขึ้นไปบนดอยสุเทพ  แดนปิดแอร์  ก่อนเปิดให้ลมลอดผ่านกระจกที่ลดต่ำลง  ใกล้ค่ำ  แม้จะช่วงปีใหม่เมือง  แต่อากาศไม่ร้อน  ยิ่งขึ้นไปด้านบนมาเท่าไหร่  อากาศยิ่งเย็นสบาย

   “ไปไหว้พระธาตุก่อน”

   “จะดีเหรอ”  ผมมองหน้า

   “ทำไมจะไม่ดีล่ะ” 

   “ก็ใจมันไม่สงบ มันร้อนรุ่มอยู่แบบนี้  กลัวจะทำให้ศาสนามัวหมอง”

   “พี่อาร์ม  วัดนะที่พึ่งทางใจนะครับ  เป็นที่สงบ เป็นที่มีแต่น้ำเย็น  ในเมื่อร้อนมา  เราก็ควรไปไหว้พระ  ไปดับร้อนในใจที่มีไงพี่”

   “แดนว่างั้นเหรอ”

   “ครับไปน่าพี่  แล้วเดี๋ยวลงมาค่อยบอกผมว่ามันสงบลงกว่าตอนนี้มั้ย”

   ผมเดินตามมันไป  ที่นี่บ้านผมแท้ ๆ  แต่ผมกลับให้คนกรุงเทพฯ  แบบมันเป็นคนนำทาง  นึกแล้วยังอดที่จะขำตัวเองไม่ได้  มันพาผมเดินไปขึ้นลิฟท์   ปลายทาง . . . พระธาตุดอยสุเทพ

   ใกล้ค่ำหากแต่คนยังมาก  . . .

   หลังไหว้พระธาตุ  ผมนั่งอยู่นาน  นั่งมองพระธาตุที่เป็นสีทองทั้งองค์ หากด้านหลัง ท้องฟ้าเริ่มมืด  ขับองค์พระธาตุโดดเด่น  น่าแปลกที่ผมรู้สึกสงบแบบที่แดนบอก  ใต้ร่มเงาใดคงไม่เย็นเท่าร่มเงา . . .

   . . . พระศาสนา

   มิน่า . . .

   . . . หลวงพ่อถึงไม่ยอมสึก . . .

   คนเรามีถนนสายชีวิตที่แตกต่างกันออกไป  ทุกคนล้วนเป็นไปตามกรรม  ผมนั่งทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างผมกับโกเมศวร์ . . .

   ผมแยกเขามา . . .  จากคนของเขาเมื่อเจ็ดปีก่อน

   คนของเขาคงเจ็บปวด  กับสิ่งที่โกเมศวร์ไม่เคยบอกให้เขาตั้งตัว   เขาคงทรมานที่ต้องสูญเสียของรักไป   ไม่มีใครยากสูญเสีย  แต่ความสูญเสียคือส่วนหนึ่งในชีวิตของมนุษย์

   มาวันนี้ . . .

   . . . กรรม . . .  ที่ผมเคยกระทำในครั้งนั้นมันย้อนมาทวงคืน

   ผลจากการที่ผมแยกเขามา  วันนี้มีอีกคนมาแยกเขาไป  กรรมที่เราได้กระทำลงไปในวันก่อนมันย้อนกลับมาหาเราแล้ว  กรรมใดที่เราก่อเอาไว้มันเริ่มตอบสนอง  เราไม่ควรวิ่งหนีกรรม

   หาก . . .

   . . . ควรยิ้มรับกับสิ่งที่เราเองหว่านเอาไว้

   เหมือนการหว่านพืช . . .

   . . . หว่านพืชชนิดใด  ย่อมให้ผลชนิดนั้น . . .

   กรรมที่แยกเขามา . . .

   ต้องรับกรรม โดยการที่เขาถูกแยกไป  ผมค่อย ๆ  เรียนรู้กฎแห่งกรรม  สิ่งเดียวที่ทำให้ผมค่อย ๆ  สบายใจ  และมีรอยยิ้ม  สิ่งที่ดีที่สุดมันผ่านมาแล้ว  สิ่งที่ผมทำลงไปนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว . . .

   “ขอบใจนะแดน”  ผมยิ้มให้มัน  หลังจากที่รู้ตัวว่า  อะไรที่ไม่ใช่ของ ๆ  เรา  สักวันนึงเขาก็ต้องไปจากเรา

   “ขอบใจทำไม”

   “ก็อยากขอบใจ  ที่ไม่ทิ้งกัน”

   “ทิ้งได้ไง  พี่ผมทั้งคน”

   ผมหันไปมองหน้ามัน   

   “. . . พี่ผมทั้งคน  หมายความว่างัย”

   “ก็พี่ไงครับ  พี่ชายผมเจ็บปวด  ผมก็ต้องคอยดูแลสิครับ”

   “แน่ใจเหรอ”

   “แน่นอนที่สุดพี่  ยิ่งผมเห็นพี่เจ็บปวดกับเรื่องที่พี่ทำลงไปมากเท่าไหร่  ผมยิ่งไม่อยากให้ตัวเองเดินไปหาพี่มากกว่านั้น  ระยะห่างบางทีมันก็ดีนะพี่  มันทำให้เราไม่ต้องเจ็บปวด”

   มันคิดอะไรมากกว่าที่ผมมอง  หรือเพราะว่าในความเป็นจริงตลอดเวลาที่ผมดูแลโกเมศวร์ผมไม่เคยมองสิ่งเหล่านั้น  พอถึงเวลาที่ควรมอง  ผมถึงรู้ว่า  ความจริงมันเป็นสิ่งที่เราหนีไม่ได้

   “ถ้าวันก่อนพี่ไม่เดินไปหามันมากกว่านี้ก็ดี”

   “เราเปลี่ยนอะไรไม่ได้พี่  อดีตที่ผ่านมาแล้วเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนได้  แต่อดีตใหม่  เราทำมันให้ดีได้”

   “อดีตใหม่”  ผมงงกับคำที่มันสรรหามา

   “ครับ อดีตใหม่นับจากนี้  ก็คือวันนี้  เมื่อใดก็ตามที่เราทำวันนี้ให้ดีที่สุด  ทำสิ่งที่เหมาะสมและถูกต้อง  พอถึงวันพรุ่งนี้  วันนี้ก็จะกลายเป็นอดีตของวันพรุ่งนี้  เห็นมั้ย  อดีตใหม่มันก็ดี  และสวยงาม  เพราะเราทำวันนี้ให้มันดีไง”

   “เออ คิดแปลกดี”

   “ผมก็งี้แหละพี่ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย  บางครั้งดูออกจะไร้สาระเสียด้วยซ้ำ”

   “ไม่นะ  พี่ว่าดีเสียอีก  ต่อไปนี้  พี่ควรจะเริ่มทำอดีตใหม่ให้ดี  หรือไม่ก็ ทำให้มันเลวสุดโต่งไปเลย”

   “พี่อาร์ม”

   “เอาน่า  เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลานะแดน  พี่อยู่กับมันมาตั้งหกเจ็ดปี  จะให้พี่เดินสะบัดตูดออกมา  แล้วบอกว่า  พี่ไม่ได้คิดอะไรนะหรือ  มันจะหลอกตัวเองเกินไปหรือเปล่า”

   “ผมไม่บอกนี่ครับว่าให้พี่ลืม”

   “แล้วที่พูด”

   “ก็หมายถึงทำทุก ๆ  วันต่อจากนี้ให้ดีที่สุด  หากวันไหนเหงา  นึกถึงสิ่งที่ผ่านมา  มันก็อาจอ่อนแอได้  แต่พี่ต้องลุกมาจากช่วงเวลาตรงนั้นให้ได้  ลุกมาเดินในช่วงเวลาเดิมของพี่ที่เป็นปัจจุบันให้เร็วที่สุด”

   “จะพยายามนะ”

   “ผมเชื่อว่าพี่ต้องทำได้  แม้มันจะยาก  แต่พี่อย่าลืมนะ  พี่ยังมีผม  มีพี่โอ๋  ไม่มีใครเขาทิ้งพี่หรอก”

   “เออ  ขอบใจ”    ผมยิ้มให้มัน 



   แดนขับรถมาจอดที่ลานจอดรถหน้าโรงแรมริมถนนซุปเปอร์ไฮเวย์  เพราะบ้านที่เชียงใหม่  ผมให้ฝรั่งเช่าเป็นรายปีไปแล้ว    ในเมื่อไม่มีใครอยู่ปล่อยร้างไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร

   “พี่อาร์ม อยู่คนเดียวก่อนได้มั้ย”

   “จะไปไหน”  ผมมองมัน  เมื่อมันมาส่งผมถึงห้องพัก


   “ว่าจะไปหาซื้อเสื้อผ้า  ไม่ได้เอามาสักชุด”  ผมมองมัน  มันยังอยู่ในชุดทำงานเสียด้วยซ้ำ    ผมลืมไปเสียสนิท  ตอนผมโทรหามัน  ยังเป็นเวลางานมันเลย  มันทิ้งงานมาเพื่อผมนี่นะ 
   
“ใส่ของพี่ก็ได้”

   “เสื้อผ้านะได้  กางเกงในอีก  แปรงสีฟัน  โอ้ยหลายอย่าง  เดี๋ยวมา  อยู่คนเดียวนะพี่  แล้วอย่าคิดสั้นนะ  ชั้นสิบสองแบบนี้  ลงไปไม่สวย”

   “ไอ้บ้า ยังไม่ขนาดอยากตาย”

   “อ้าวรู้ได้เหรอ  บอกเอาไว้ก่อน  สัญญานะอย่าทำไรแบบที่ผมคิด”

   “เออ  รอแดกงานแต่งมึงก่อนค่อยตาย”  ผมยิ้ม 

   มันทำหน้าทะเล้นใส่ก่อนที่จะเดินกลับลงไป  ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเล็ก ๆ  ที่ปูด้วยผ้าสีขาวสะอาดตา

   เบอร์ที่โทรเข้ามา . . .

   . . . ไอ้เพื่อนรัก

   “ว่าไงมึง  สบายดีมั้ย”  ผมทักทายไป

   “กูนี่ . . . ควรถามมึงมากกว่าไอ้คำถามนั้น”

   “อ้าว อะไรของมึง”

   “ปิดเครื่องทำบ้าไร  โทรไปไม่มีสัญญาณตลอด”

   “มึงบ้ามั้ยนี่  จากปายมาเชียงใหม่มีสัญญาณกี่จุดกัน  แล้วมึงไม่ต้องมาเนียนกับกู  ถ้ามึงโทรมากูเห็นแล้วสิ  แต่เบอร์ที่โทรเข้ามา  ไม่มีเบอร์มึงว่ะเพื่อน  อย่ามาอำ”  ผมบอกหากหัวใจแวบนึกไปถึงอีกคน

   หรือ . . .

   . . . มันจะโทรหาไอ้เพื่อนรักผม . . .

   “เออ  อยู่ไหนนะมึง”

   “เชียงใหม่”

   “อยู่กับใคร ?”

   “ซักอย่างก๊ะกูเป็นเมีย  เมื่อกี้อยู่กับไอ้แดน  แต่ตอนนี้อยู่คนเดียว  ไอ้แดนไปซื้อของเดี๋ยวคงมามั้ง  พอใจยัง”

   “ไหนบอกไปปาย”

   “ไปแล้ว . . . กลับมาแล้ว”

   “มีอะไร  ทำไมรีบกลับ  มีเรื่องอะไรทำไมไม่คุยให้เคลียร์ว่ะ  ต้องรอให้เกิดเรื่องจนได้สิน่า”

   ผมรู้แล้ว  สิ่งที่มันพูดแบบนี้ . . .

   ไม่ต้องตีความหมาย  มันอาจได้รับสัญญาณอะไรบางอย่างมา  ใช่สิ  ผมลืมไป  มันสองคนสนิทกัน   บางที   สนิทกันแบบที่ผมอยากให้มันรู้ว่า  นี่คือเพื่อนที่ผมรักที่สุด  และนี่  คือ . . . หัวใจของผม 

   “เรื่องบ้าอะไร  ถ้ามึงเพื่อนกูก็เงียบปากซะ  ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น  กูยังไม่อยากคุยเรื่องที่มึงกำลังจะพูดกับกู  กูเหนื่อยอยากอยู่เงียบ ๆ  เข้าใจมั้ย”

   “ไม่เข้าใจโว้ย    ถ้ารักกูอย่างที่ปากบอก  อย่าเสือกตัดสายกูทิ้ง  ก่อนที่กูจะพูดกับมึงรู้เรื่อง  เข้าใจมั้ยไอ้อาร์ม  มึงทำไรลงไปรู้ตัวบ้างมั้ย”

   มันคล้ายต่อว่าผม . . .

   ผมน้ำตาคลอ  มันเพื่อนผมแท้ ๆ  แต่มันไม่ฟังผมสักคำ  มันน่าจะฟังผมก่อน  ก่อนที่มันจะฟังอะไรมาจากใคร 

   . . . ผมน้อยใจมันนะ

   น้อยใจมันเป็นที่สุด  ที่วันนี้มันไม่ได้อยู่ข้าง ๆ  ผมแบบเมื่อวันก่อน ๆ

   “รู้ดิ  กูรู้”    เสียงผมสั่น

   “รู้อะไร  มึงก็ดีแต่เอาแต่ใจตัวเอง  มึงไม่เคยมองคนอื่นบ้าง  มึงหัดเข้าใจคนอื่นบ้างก็คงจะดี”

   “ทำไมว่ะไอ้โอ๋  มึงเพื่อนกูนะโว้ย  แล้วทำไมมีเรื่องอะไรมึงถึงโทรมาว่ากูฉอด ๆ  มึงถามกูบ้างมั้ย   มันเกิดอะไรขึ้นกับกู   มึงฟังเองเออเองตลอด  ถ้ามึงไม่
รู้อะไรมึงเงียบไปเลย  กูอยากอยู่คนเดียว”   ผมไม่ไหวแล้ว  บอกมันไป  ร้องไปพลาง  ผมเสียใจ  น้อยใจ  มันทำอะไรกับผมแบบนั้น 

   “ไอ้อาร์ม เป็นไร  เฮ้ยมึง  เป็นไรไป”

   “มึงบอกกูเอง  กูเอาแต่ใจ  มึงจะมาสนใจกูทำไม  อย่ามาวุ่นวายกับกู  ตอนนี้กูไม่อยากคุยกับใคร  ไม่อยากคุยทั้งนั้น  ถ้ามึงไม่มีอะไรแล้วแค่นี่นะ”

   “เดี๋ยว . . . กูมีเรื่องจะบอก”

   “อะไรของมึงอีก  แค่นี้ยังไม่สาแก่ใจมึงอีกเหรอ  ที่โทรมาด่ากูปาว ๆ  นี่ยังไม่พอใช่มั้ยไอ้เหี้ย”  สุดท้ายก็ปล่อยสัตว์ใส่มันอีก

   “ไอ้โก . . . น้องมึงอ่ะรถมอเตอร์ไซด์แหกโค้ง  ตอนนี้แม่มันพามาเชียงใหม่ราม  กูอยากบอกมึงแค่นี้  ส่วนเรื่องอื่นมึงคงรู้เรื่องดีกว่ากูนะ”

   มันวางหูไปแล้ว . . .

   แต่ผมล่ะ  น้ำตายังไหล 

   . . . สิ่งที่มันบอก  เพราะผมหรือ  ผมทำให้มันเกิดเรื่องขึ้นหรือ  ในเมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด  ผมเป็นฝ่ายเริ่มใช่ไหม  ผมอยากให้มันเป็นแบบนั้นหรือ

   ถ้าผมไม่กลับมา . . .

   . . . มันคงไม่เจ็บ

   ถ้ามันไม่ขับตามผมมา . . .

   . . . มันคงไม่เกิดอะไรขึ้น . . .

   เพราะผมคนเดียว . . .

   ผมทำให้คนที่ผมรักต้องเจ็บ  ผมน่าจะอยู่ตรงนั้น  ถึงผมจะเจ็บ  แต่ผมทนได้นะ  ทนได้กว่าตอนนี้ที่ผมรู้ว่ามันเจ็บเสียอีก  ตอนนี้ผมเจ็บปวด  เจ็บปวดกับข่าวที่ไอ้เพื่อนรักมันโทรมาบอกผม

   ผมได้แต่ล้มตัวลงนอน . . .

   . . . ปล่อยน้ำตาไหลรินเป็นทาง



   ผมเกลียดมันหรือ . . .

   ไม่ใช่แน่ ๆ  สิ่งที่เพื่อนบอกมา  ผมควรจะทำอย่างไรดี  ในใจยอมรับว่าห่วงมันสารพัด  มันจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า . . .

   เสียงเคาะปรพะตูหน้าห้อง . . . 


   ผมรีบปาดหยาดน้ำตาทิ้ง  เริ่มมืดแล้ว นี่ผมร้องไห้ไปร่วมชั่วโมงแล้วอย่างนั้นหรือ  ทำไมความอ่อนแอมันเกาะกุมหัวใจผมได้มากมายขนาดนี้

   “พี่อาร์ม  ไปกัน”  มันลุกลน

   “ไปไหน”

   “เอาน่า  อย่าเพิ่งถามเลย”    มันลากผมออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว  นี่เกิดไฟไหม้โรแรมหรือไง  มันถึงได้รีบร้อนขนาดนี้

   โทรศัพท์ผมเข้ามาอีกเมื่อลงมาถึงล้อบบี้ของโรงแรม . . .

   “สวัสดีครับ  อาร์มครับ”

   “พี่อาร์ม  ชัยเองนะครับ”

   “ว่าไง  มีอะไร”

   “ก็ไปหาพี่  น้าปูบอกพี่กลับแล้ว”

   “มีธุระนิดหน่อย  ชัยมีอะไรป่าว”

   “ไอ้โกรถแหกโค้ง  ป้าภาเอาไปโรงพยาบาลที่เชียงใหม่ . . .”  เสียงมันบอกมา  ตอกย้ำให้ผมรู้  เรื่องนี้ผมผิด . . .   

   “. . . พี่อาร์ม  ฟังอยู่มั้ย”

   “ฟัง ๆ  มีอะไร”

   “ถามอะไรพี่สักนิดได้มั้ย”

   “ถามมา”

   “โกอยู่กรุงเทพฯ  มีแฟนมั้ย”

   “ไม่รู้เหมือนกัน  ทำไมเหรอ”

   “ป่าวพี่  แค่อยากรู้”

   “เรื่องหน่อยเหรอ”

   “พี่รู้ด้วยเหรอ . . .”

   “ก็เดาเอา  ว่าแต่เรื่องเป็นมายังไงเหรอ”

   “ก็ผมอยู่กันมาสองปี  คนแถวนั้นก็รู้  แต่แม่แกไม่ค่อยชอบหน่อยเท่าไหร่   แกบอกมันไม่เรียน  ไม่มีอนาคต  แล้วอีกอย่าง  มันค่อนข้างจะสนิทกับผู้ชายคนอื่นง่ายด้วย  แม่เลยยิ่งไม่ชอบใหญ่”

   “อือ”

   “แล้วทีนี้เมื่อปีที่แล้ว  ผมมาเรียนต่อที่เชียงใหม่  แต่ก็ยังกลับบ้านเกือบทุกอาทิตย์  พอดีตอนปีใหม่  เจอโกมันที่บาร์เบียร์  ผมไปกับหน่อย  เลยนั่งคุยกัน  พออีกวันผมเริ่มทะเลาะกับหน่อยมัน  แล้วมันก็เปลี่ยนไป”

   “เห็นโกบอกพี่    ชัยเจ้าชู้ไปอยู่เชียงใหม่มีคนอื่น”

   “โกบอกพี่แบบนั้นหรือ”

   “ก็ใช่  มันบอกว่าหน่อยบอกมันแบบนั้น  พี่ไม่ได้สนใจอะไร  เพราะไม่ใช่เรื่องอะไรของพี่”  ผมโกหกอีกแล้ว  ผมจะบอกคนอื่นได้อย่างไร  ว่าผมกับโกมีอะไรกัน 

   เรื่องแบบนี้  มันจะมองหน้าคนทั้งหมู่บ้านได้อย่างไร  ถ้ามีอะไรกับผู้ชาย . . .

   “ไม่ใช่แล้วพี่  ผมอาจจะทะเลาะกันก็จริง  แต่เราก็อยู่กันได้  แต่พอผมรู้ว่าโกมันแทรกเข้ามา  ผมก็คิดว่าผมควรจะถอย  จะแย่งผู้หญิงคนเดียวกันให้เสียเพื่อนทำไม  อีกอย่างมันกับผมก็นามสกุลเดียวกันอีก  พี่ว่ามั้ย”

   “อืม  แล้วไงต่อ”

   “ไม่รู้สิพี่  เมื่อคืนผมไปนอนบ้านหน่อย  เช้ามาเขามาขอเลิกกับผม”

   ผมยิ้มเยาะตัวเอง . . .

   สมเพช  บางคนทำอะไรได้ขนาดนั้นเลยหรือ  ทำไมคนอย่างมันจะหาคนที่ดีกว่านี้ไม่ได้หรือ  ในขณะที่คบอยู่กับอีกคน  แต่กลับไปนอนอยู่กับผู้ชายอีกคน

   คนแบบนี้ . . . ผมไม่อยากข้องแวะด้วย

   หาก . . . ผมจะปล่อยคนที่ผมรักต้องอยู่กับคนแบบนี้หรือ

   ผมเอามันไปจากชีวิตของหญิงบาร์เมื่อเจ็ดปีก่อน  แล้ววันนี้มันจะกลับมาเพื่อคว้าผู้หญิงแบบนี้ทำเมียอีกหรือ  ผมจะทำยังไงดี  ในเมื่อตอนนี้ผมเองก็รู้  ผมไม่เคยโกรธ  หรือเกลียดมันเลย  ผมจะยอมให้มันเจอกับผู้หญิงแบบนี้หรือ ?

   “แล้วชัยว่าไง”

   “เมียผมทั้งคนนะพี่  ผมเจ็บเป็นนะ  ผมว่าจะไปคุยกับโกมัน  แต่มันขับรถแหกโค้งเสียก่อน ถ้ามันอยากได้  ผมก็จะยกให้”

   “เอาน่า  อย่าคิดมาก  ของทุกอย่างมีทางแก้เสมอ  แค่นี้ก่อนนะ  เดี๋ยวว่าง ๆ พี่โทรกลับ”  ผมบอกเมื่อรถเลี้ยวมาในที่จอดรถของโรงพยาบาล

   “ทำอะไร”  ผมหันไปถามแดน

   “พี่โอ๋โทรบอกผมตอนที่ผมออกไปซื้อของ  ผมเลยคิดว่า. . .”  แดนมองหน้าผม 

   “. . .พี่อาร์ม  อย่าฐิทิเลยพี่”

   “เรื่องอะไร”

   “แล้วแต่พี่จะตัดสินใจแล้วกัน . . .“   มันจอดรถนิ่ง  มองหน้าผม

   “. . .แต่ถ้าเป็นผม  ผมจะไม่รีรออะไรเลย    ผมจะไปทันทีที่ผมรู้ว่าคนที่ผมรักเจ็บ”  มันจ้องหน้าผม

   “ขอบใจนะ  ขอบใจ”  ผมโผเข้ากอดมัน  เป็นกอดแรกที่ผมกอดมันด้วยความรู้สึกอยากกอด

   ผมเดินเข้าไปในโรงพยาบาลด้วยหัวใจที่กลัว  ผมกลัวไปหมด    หลายสิ่งหลายอย่างมันเหมือนตีกันอยู่ในตัวผมเอง . . .

   ผมมาหยุดที่ป้ายชื่อหน้าห้อง . . .

   . . . โกเมศวร์   โชติช่วงชรินทร์ . . .

   ผมมองราวกับว่าจะให้ทะลุไปในห้อง  ถ้าผมเปิดประตูเข้าไป  แล้วมีคนของมันอยู่  ผมจะยังทำใจได้หรือ  แล้วถ้ามันเจ็บหนัก  ผมจะยังยืนมองมันได้หรือ  แดนมันเอามือมาแตะที่ไหล่ผม  มันบีบเบา ๆ 

   น่าแปลก . . .

   . . . ผมสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่มันมีให้ผม . . .

   ผมสูดลมหายใจเข้าปอด . . .ก่อนเคาะประตู

   “น้องอาร์ม”   ป้าภา  แกยังร้องไห้อยู่เลย  แกโผเข้ามากอดผมเอาไว้

   ผมมองไปที่ร่างที่นอนอยู่บนเตียง  ขาข้างหนึ่งหมอดามเอาไว้ด้วยเฝือกอ่อน  ผมกวาดสายตามองไปยังส่วนที่สูงขึ้นของร่างกาย  แขนมันมีรอยถลอกเป็นทาง  ผมแทบจะกลั้นความรู้สึกของตัวเองไม่อยู่แล้ว  มันอุ่น ๆ  ที่หางตา

   ผมมองมาที่ใบหน้า  ผิวที่ไถไปกับพื้นเหมือนมีรอยไหม้  หากบนศรีษะมันโพกไว้ด้วยผ้าขาวคล้ายมัมมี่  แววตามันที่มองผม  มีแต่น้ำตาคลอหน่วย . . .

   ผลงานของผม . . .

   “พี่อาร์ม  ผมนึกว่าพี่จะไม่มาหาผมอีกแล้ว”    เสียงมันเรียกน้ำตามันไหลอาบแก้ม

   ผมหมดความเข้มแข็งในตัวเอง  เดินไปกอดมันเอาไว้  ผมเสียใจ น้ำตาผมไหล  ผมรู้มันสะอื้นอยู่แนบอกของผม  มันร้องไห้  แต่หัวใจผมจะขาด  มันต้องมาเจ็บทั้งกายทั้งหัวใจ  มันเจ็บนะผมรู้  เพราะปกติมันจะไม่ร้องมันเก็บความรู้สึกเก่งจะตายไป

   “พี่ขอโทษ  ขอโทษ”  ผมลูบที่ท้ายทอยของมันเบา ๆ

   ในเวลานั้น  ผมหายโกรธ หายน้อยใจมันทุกเรื่อง  ผมได้หัวใจมัน  ผมควรยินดีไม่ใช่หรือ 

   “ผมผิดเองพี่  ผมผิดเอง”   มันสะอื้นเหมือนเด็กเล็ก ๆ

   หาก . . . มันจะรู้มั้ย  ยิ่งมันเจ็บ  ผมเจ็บกว่ามันเป็นร้อยเท่า  ผมเกลียดตัวเองที่บุ่มบ่ามใจร้อน  ถ้าวันนี้ผมเลือกที่จะกลับไปพร้อมกับมันที่ท่ารถ  ผมคงไม่เห็นมันเจ็บปวดแบบนี้

   มันเจ็บ . . .

   . . . แต่ผมแทบขาดใจอยู่แล้ว

   นี่ผมกำลังทำร้ายหัวใจผมเองอยู่หรือ ?


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 25-05-2008 09:18:39

ฮือ....  อ่านตอนหลังๆ เสียนำตาทุกตอนTT__TT :m15:

พี่อาร์มเลือกทางเดินของตัวเองได้แล้ว  หนูก็เห็นด้วย เพราะถ้ามันยิ่งเรื้อรังก็ยิ่งเจ็บ  ขอเจ็บเลยทีเดียวคงจะดีกว่า

แต่ว่า   แล้วทางเดินของพี่ตอนนี้ล่ะคะ.... พี่จะเลือกเดินไปทางไหน....?
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 25-05-2008 09:23:01
ว่าจะไม่ร้องแล้วนะ แต่อดไม่ได้ :sad2:
เศร้านะ แต่ดีใจลึกๆที่อาร์มตัดใจเดินออกมา ดีกว่าจมอยู่กะสภาพเดิมๆ
ไม่คิดเลยว่าโกจะเปนคนแบบนี้ “ผมรู้ว่าผมผิด  แต่เขาโทรมาเองนะ  ผมไม่ได้โทรไป”
พุดปัดความรับผิดชอบ เหมือนคนเหนแก่ตัวไงไม่รุ้....เฮ้อ...... :เฮ้อ:

เปนกำลังใจให้เสมอนะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 25-05-2008 10:23:06
 :เฮ้อ:จะรักทำไมให้เจ็บให้ช้ำ.. รักกันไปให้เหนื่อยให้ล้า
อยู่กันไปก็เปลืองเวลา...ก็มีแต่ทุกข์ในใจ
ที่เค้าดีๆทำไมไม่รัก..... รักทำไมแต่คนไม่ดี
จะมัวทนอย่างนี้ทำไม ทำไมอยู่
....จะทนเพื่ออะไรมีแต่เสียใจ  :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 25-05-2008 11:02:59
ให้อภัยเสมอกับคนที่เรารัก แต่เค้าก็ทำให้เราเจ็บแทบตายได้เสมอเหมือนกัน

ความรักและความผูกพันเป็นสิ่งที่ดีและสวยงามค่ะ

แต่อ่านตอนนี้แล้ว อยากให้คุณอาร์มรักตัวเองให้มากกว่าโกจริง ๆ เลย  :m15:  o7

ปลื้มคุณแดนจังเลยค่ะ เอาใจใส่คุณอาร์มดีจัง ถึงแม้จะไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับเรา แต่เค้าก็รักเราเนาะ  :m1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 25-05-2008 11:28:10
เจ็บ...เจ็บมากเลยพี่อาร์ม อ่านตอนนี้เจ็บมากๆ
ถ้าเค้าไม่คิดว่าจะทำได้ในสิ่งที่พูดก็ไม่ควรพูดตั้งแต่แรกเลย
 :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 25-05-2008 11:42:52
อ่านแล้วหงุดหงิด โก อ่ะ
ไอ้คำว่า "ก็เขาโทรมา" เนี่ยะฟังม่ายขึ้น ไม่เด็ดขาดเลย  o12
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Entaneer#30 ที่ 25-05-2008 13:13:08
แล้วก็เรียกน้ำตาได้เหมือนเดิม
 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 25-05-2008 13:14:16
เพื่อน ๆ  เคยบอกว่า "อกหักเป็นเรื่องธรรมดา"
แต่แก้วก็ยังทำใจไม่ได้ซักที     :เฮ้อ:


-----------------------------------
พี่อาร์มสู้ ๆ  :m12:


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 25-05-2008 16:03:30
ชื่อตัวละคร เปลี่ยน

ฉากในท้องเรื่องเปลี่ยน

แต่ทำไม สเต็ป ของเรื่องเหมือนเดิมเปี๊ยบ

ฮาๆๆๆ

แต่ก็บีบหัวใจดี   o13
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 25-05-2008 16:17:19
ชื่อตัวละคร เปลี่ยน

ฉากในท้องเรื่องเปลี่ยน

แต่ทำไม สเต็ป ของเรื่องเหมือนเดิมเปี๊ยบ

ฮาๆๆๆ

แต่ก็บีบหัวใจดี   o13






แร่ดดดดดดดดดดดดดดดดดด


เมื่อคืนเมาเละเด่ะ . . . ได้กินไส้กรอกยัง


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 25-05-2008 16:48:47
ก็เขาโทรมา    ถ้าเราไม่รับหรือคุยด้วย ก็ไม่น่าจะมีอะไรถ้า เราไม่ได้คิดไรกับเขาจริงๆๆ

พูดมาได้เนอะ 

เศร้าได้อีกตอนนี้ น้ำตาไหลพรากอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 25-05-2008 16:59:19
พี่โกนิสัยไม่ดี  :a14:

ยังดีที่พี่อาร์มมีความรับผิดชอบ

ถ้าผมนะ  ไม่อยู่นานแระ  :เตะ1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 25-05-2008 17:20:50
เข้ามารอ....... แม้จะรู้ว่าจะต้องเสียน้ำตาอีก แต่ก้อยังจะรอ เฮ้อ เปนไรไปเนี่ยเรา o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 25-05-2008 18:14:57


ตอนที่  ๒๔



   ไม่มีใครรู้อนาคต . . .

   แม้กระทั่ง . . . หมอดู 

   ทุกอย่างที่เกิดขึ้น  เราไม่สามารถรู้ได้ล่วงหน้า   สิ่งที่เกิดขึ้น  บางทีมันทำให้เรารู้ว่า  แท้จริงแล้วมนุษย์ยังมีอะไรมากมายที่ต้องเจออีก  ไม่มีใครหลีกหนีมันได้พ้น


   ผมเชื่อ . . .

   . . . ความรักเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด . . .

   ถ้าคุณเป็นผม . . . ในเวลานั้น

   คุณจะตัดสินใจอย่างไร ? . . .

   . . . ความรักที่ไม่มีการอภัยเรียกว่าความรักได้หรือ . . .

   ผมเลยเลือกที่จะให้อภัยกับคนที่ผมรัก  สิ่งที่มันทำให้ผมเจ็บปวด  คงเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้  คนที่นอนเจ็บอยู่บนเตียง . . .

   ผมรักมัน . . .

   . . . โดยลืมรักตัวเอง

   “กลับก่อนนะ”  ผมบอกเมื่อมันดึกแล้ว

   “พี่อาร์ม . . .  นอนที่นี่ได้มั้ย”  แววตามันมองผม  ผมมองหน้ามัน  ก่อนหันมองหน้าแดน  และป้าภา . . .

   แกมองผมกับลูกชายคนเดียวของแก . . .

   สายตาคล้ายมีคำถาม . . . หรือป้าภากำลังสงสัยอะไรอยู่หรือเปล่า  ผมหันมายิ้มกับมันอีกครั้ง

   “แดนเปิดห้องไว้แล้ว”

   “ให้แม่ไปนอนที่โรงแรมได้มั้ย  แล้วพี่นอนที่นี่ . . .”     มันอ้อนเหมือนเด็ก   

   “. . . ได้มั้ยแม่  แม่นอนที่โรงแรมได้มั้ย”

   “เอาแบบนั้นหรือลูก  แม่นะยังไงก็ได้  ลูกอาร์มว่าไง”

   “แดน . . .”  ผมหันไปหามัน

   “เอาแบบนั้นก็ได้  งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งแม่ที่โรงแรมก่อนนะโก    แล้วเลยอาบน้ำสักหน่อย   เด๋วพี่มานอนเป็นเพื่อนด้วยอีกคน . . .”  แดนมันยิ้ม 

   “. . . พี่อาร์มจะเอาอะไรมั้ย”  แดนมันหันมาถามผม

   ผมส่ายหน้า . . .

   ทั้งห้องเหลือแค่ผมกับมัน . . .

   . . . ความเงียบเข้ามาปกคลุม  มีเรื่องอะไรมากมายที่มันเกิดขึ้นกับผม  ผมได้แต่มองหน้ามันเงียบ ๆ  นั่งกุมมือมันเอาไว้  มันจะรู้ได้มั้ย  ว่าผมเจ็บกว่าที่มันเห็นเสียด้วยซ้ำ

   “เจ็บมั้ย”  ผมจับที่รอยถลอกบนใบหน้า

   “ตึง ๆ  ยังไม่เท่าไหร่  คืนนี้สิน่าจะเจ็บ”

   “ไม่น่าเลย  หัวแตกด้วยหรือ”  ผมเอามือแตะที่ผ้าพันแผลคล้ายมัมมี่ของโกเบา ๆ  มันมีแผลเต็มไปหมดตามตัว  แผลที่เกิดจากการดื้อของผมเอง

   โกเมศวร์พยักหน้ารับ   

   “. . . แค่แปดเข็ม  ไกลหัวใจ”

   “ตั้งแปดเข็ม  เจ็บมากมั้ย”    ก็แผลที่ผมผ่าตัดเพิ่งเย็บไปห้าเข็มเอง  แล้วนี่มันมากกว่าที่ผมเจอมาเสียอีก

   “ดี  เอาเลือดชั่ว ๆ  ออกเสียบ้างน่าจะดี”

   “ทำไมพูดแบบนั้น”  ผมมองหน้ามัน  แววตามันเศร้า

   “ก็มันจริง  ผมทำให้พี่ต้องเจ็บ  ต้องเดือดร้อน  ผมรู้  ผมมันเลว  ที่จริงผมน่าจะตาย ๆ  ไปเสียให้พ้น ๆ  พี่จะได้ไม่ต้องมาร้องไห้เพราะผมอีก”   น้ำตามันไหล  ผมใจอ่อนยวบอีกแล้ว  ถ้ามันเป็นนักแสดง  มันคงจะเป็นนักแสดงที่เล่นได้อย่างสมบทบาทที่สุด

   ผมเอามันมากอดเอาไว้ . . .

   “ไม่นะ  ไม่เลย  โกไม่ได้ทำ  ไม่ได้ทำอะไรเลย”   ในอ้อมกอดผม  มีมันอยู่  ผมลูบหลังมันเบา ๆ 

   “พี่อาร์ม” 

   “ครับ”  ผมปล่อยมันจากอ้อมกอด  มองหน้ามันเอาไว้

   “พี่รู้มั้ย  ตอนที่ผมขับตามพี่มา  ผมรู้  พี่ไปแล้ว  พี่ไปจากผมแล้ว  ผมไม่ยอมหรอก  ผมไม่ให้พี่ไปหรอก  ผมบิดไม่กลัวเลยนะ  ตอนนั้นตาผมมันมองไม่เห็น  ผมไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกเสียใจขนาดนั้น”

   “โก”  ผมจับมือมันเอาไว้

   “ผมตามพี่ไม่ทันแล้ว  ถ้าผมตายพี่คงได้รู้ว่าผมตามพี่  ผมไม่ได้อยากให้พี่กลับ”  มันมองหน้าผม  น้ำตามันไหลริน

   ผมได้แต่เอามือเช็ดน้ำตามันเบา ๆ

   “ทำไมต้องทำขนาดนั้น”  ผมเจ็บแปลบในหัวใจ  นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่  ผมทำร้ายหัวใจตัวเองได้ขนาดนี้เลยเชียวหรือ

   ผมเชื่อ . . .

   . . .  มันไม่ได้โกหกผม . . .

   “ก็พี่บอก . . . ลาก่อน”

   “แล้วไง”

   “ผมรู้พี่อาร์ม . . . ผมรู้สิ่งที่พี่พูด  สิ่งที่พี่คิด  ไม่มีวันหรอกพี่อาร์ม  ไม่มีวันที่ผมจะยอม”   มันดื้อตาใสจริง ๆ 

   “อะไร”  ผมถาม เมื่อมันยื่นมือมาให้ผม

   “เขาโทรมา” 

   “รับสิ”

   มันส่ายหน้า  “ไม่หรอก  พี่ไม่ชอบ ผมไม่อยากให้พี่ไม่สบายใจ”

   “ทำไม”

   “เดี๋ยวพี่หนีผมไปอีก  เมื่อตอนเที่ยงเขาโทรมา . . .”   มันกลืนน้ำลายลงคอช้า ๆ  มันคงเจ็บปวดกับเรื่องที่มันจะเล่า 

   “. . . ผมบอกเลิก  ว่าเราเป็นเพื่อนกันเถอะ  แต่เขาถามผมทำไม  มันเกิดอะไรขึ้น  เขาพยายามพูดให้ผมกลับไปเป็นแบบเดิม  แต่ผมบอก  ผมคงทำไม่ได้  เป็นเพื่อนกันดีแล้ว”

   ผมหลับตานิ่ง . . . มิน่าสีหน้ามันตอนนั้นดูเครียดเสียเหลือเกิน

   ทำไมนะ  ทำไมตอนนั้นผมถึงไม่เข้าใจมัน  ในเวลาที่มันมีทุกข์  ผมน่าจะอยู่ข้าง ๆ  มัน  แต่ทำไมผมกลับเอาปัญหาไปให้มัน  หรืออาจเพราะว่า  ผมรักมันมาก  มากจนลืมความถูกต้องทั้งหมด

   “พี่ก็รู้  ผมไม่เคยวางสายใครก่อน  ผมพยายามบอกให้เขาวางแล้ว  แต่เขาไม่ยอม  เขาถามว่าเขาไม่ดีตรงไหน  และอีกหลาย ๆ  อย่างที่เขาพยายามให้ผมกลับไปเหมือนเดิม  จนกระทั่งพี่มาคว้าโทรศัพท์  ผมโล่ง  แต่สายตาที่พี่มองผม . . . พี่โกรธผม”

   “แล้วทำไมไม่บอก  ทำไมไม่พูดตั้งแต่ตอนนั้น”

   “ก็พี่เปิดโอกาสให้ผมมั้ย  พี่พูดเอา ๆ  แล้วพี่ก็เดินกลับไป  พี่ไม่รู้หรือ  ผมก็เจ็บเป็นนะพี่”  ผมกอดมันเอาไว้

   ผมเกลียดตัวเอง  ผมเหมือนคนโง่ที่ไม่ยอมรับฟังอะไรเลย  เอาแต่ใจ  เอาแต่ความรู้สึกของตัวเอง  ถ้าผมใจเย็นกว่านั้นสักนิด  ยอมรับฟังอะไรจากมันบ้าง  ผมคงไม่เจ็บปวดกับการเห็นแล้วคิดไปเอง

   “ผมไปที่บ้านน้าปู . . .”  มันหยุด  มองหน้าผม

   “. . . น้าปูบอกพี่กลับไปเมื่อกี้  พี่รู้มั้ยในตอนนั้นผมรู้  พี่ไม่กลับมาอีก  ผมไม่ได้เจอพี่อีกแน่ ๆ  ผมเลยไปรอที่ท่ารถ  ผมขอนะพี่  ขอให้ได้เจอพี่  ผมรู้ผมรั้งพี่เอาไว้ได้   เพราะไม่มีวันที่พี่จะโกรธผม  ผมรู้พี่ไม่ทิ้งผมแน่ ๆ   แต่มันไม่ใช่แบบที่ผมคิด  พี่ไม่ฟังอะไร  พี่ไม่ยอมถามอะไรผมเลย  จนกระทั่งรถออก . . .”  มันเอามือปาดน้ำตาของมัน   

   “. . .  พี่รู้ไหม  มันเจ็บปวดจนที่สุดแล้ว  ผมยืนมองรถที่ออกไปช้า  มันเหมือนใครมาเฉือนหัวใจผมไปแล้ว   ตอนนั้นผมบอกตัวเองเลย  ผมไม่ยอมอีก ผมไม่ยอมให้พี่ไปหรอก   ผมต้องตามพี่กลับมา”

   “โก”   ผมได้แต่ครางเท่านั้นจริง ๆ  วันนี้มันพูดยาว  สิ่งที่มันเก็บเอาไว้ในหัวใจกระมัง  สิ่งที่มันไม่เคยพูดออกมาให้ผมได้รับรู้เลย

   “ผมขับรถตามไป  พยายามโทรหาพี่  แต่พี่ปิดเครื่อง  หรือไม่มีสัญญาณ  ผมไม่แน่ใจ  จนรถมาถึงโค้ง ผม . . .” 

   “พอแล้ว  พอแล้ว  ไม่ต้องเล่าแล้ว”   ผมดึงมันมากอดเอาไว้

   นี่ถ้าผม . . . ไม่ใจร้อน

   ถ้าผมมีเหตุผลมากกว่านี้ . . .

   ผมไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นเขาเรียกว่าอะไร  แต่สำหรับผม  นี่คือวันที่เลวร้ายที่สุด  และดีที่สุด  ในวันนั้นผมได้รู้หัวใจที่แท้จริงของมัน  ผมรู้ชีวิตผม  ผมรักคนไม่ผิด  ผมดีใจที่ได้ตามหาหัวใจตัวเองจนเจอ

   “พี่รักโก  พี่ขอโทษ  ขอโทษที่ทำให้มันต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย”

   “ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง  แต่ผมรู้  มือผมกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น  จนคนมาเจอ  เขาโทรบอกแม่  ผมเจ็บ  แต่ผมบอกแม่เอง  มาโรงพยาบาลที่เชียงใหม่  ผมเจ็บนะพี่  แต่ผมทนได้  ผมต้องมาเชียงใหม่”

   “ทำไมโก  ทำไม”   คราวนี้เป็นผมที่เจ็บ  เจ็บกับสิ่งที่มันเล่ามาให้ผมฟัง

   “เพราะถ้าช้ากว่านี้  ผมจะไม่มีวันได้เจอพี่อีก  พี่ไปแล้ว  ผมไม่ยอมหรอก  ผมไม่ยอมให้พี่ไปหรอก  ผมบอกแม่โทรหาพี่ตลอดทาง  แต่พี่ไม่เปิดเครื่อง   “

   ผมกอดมันนิ่งเหมือนคนที่ถูกสาป  เรื่องที่มันเล่าให้ผมฟังจะจริงเท็จอย่างไร  ผมไม่รู้  แต่สิ่งที่มันอยู่เป็นหลักฐานในตัวมัน  ผมรู้แล้ว  ผมทำร้ายมัน  ผมทำร้ายมันอย่างที่ผมไม่อยากให้อภัยตัวเอง

   “ผมเลยต้องโทรหาพี่โอ๋  ผมบอกว่าผมแหกโค้ง ติดต่อพี่ไม่ได้  ให้พี่โอ๋โทรหาพี่หน่อย เพราะพี่อยู่เชียงใหม่”

   ผมหลับตานิ่ง  ปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด . . .

   สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าเสียอีก  มันรักผมมากขนาดนั้นเลยเชียวหรือ  ทำไมที่ผ่านมา  ผมเองที่รู้สึกว่าผมรักมัน  แต่ผมไม่เคยได้ความรักจากมันเลย  แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกอีกแบบ

   วันนี้ผมรู้สึกหัวใจผมอิ่ม . . .

   . . . ความรักที่ผมตามหามาตลอด . . .

   หัวใจมันอยู่กับผม . . .

   . . . อยู่กับผมตลอดเวลา

   มันอยู่กับผม  อยู่ข้าง ๆ  ผมไม่ได้ไปไหน  ความรักที่มันมีให้ผม  แม้มันไม่พูดผมจะรู้มั้ย  แต่วันนี้  ผมรู้แล้ว  มันรักผม  จะเป็นรักแบบไหน  ผมไม่สนใจ ผมรู้แค่มันรักผมแค่นั้นเป็นพอ 

   ถึงผมจะเสียมันไปอีก . . . ผมก็ไม่เสียใจ 

   . . . เพราะผมรู้ครั้งหนึ่งผมได้หัวใจมันแล้ว




   สำหรับผม  เรื่องที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด  มันทำให้ผมต้องทบทวนตัวเองอีกครั้ง  มันเกิดอะไรขึ้นกับผม  ผมรักมันนะ  สุดหัวใจอยู่แล้ว  ถ้ามันสั่งให้ผมไปตาย  ผมไม่รีรอเลยนะ  ผมจะทำให้มันทันที

   ผมโง่มาก . . . ที่ยึดความรักเอาไว้เป็นสรณะแบบนั้น


   ก็ . . . มันคือด้ายเส้นบาง ๆ  เส้นเดียวที่ผมมี 

   . . . มันไม่ใช่น้อง  แต่เป็นยิ่งกว่าน้อง 

   ไม่ใช่ครอบครัว . . .

   . . .  แต่ยิ่งกว่าสายเลือดเดียวกัน

     มันอยู่กับผมจนเราแทบจะเป็นชีวิตเดียวกันอยู่แล้ว  พอมีเรื่องที่เหมือนกระทบใจ  ผมจึงเจ็บปวด

   และ . .  .

   นึกโมโหตัวเองทุกครั้งที่ผมทำลงไปแบบนั้น . . .

   . . . ถ้าผมมีสติกว่าที่เป็นอยู่  ผมคงจะไม่ต้องเสียอะไรที่ผมไม่อยากเสีย  อาจเพราะบางที  เวลาของคนบางคนมีมาแค่นั้นก็เป็นได้

   เมื่อก่อน . . .

   ผมรักมันทั้งหัวใจ . . .

   . . . ด้วยหัวใจผมเอง

   หากแต่ . . . วันนี้

   ผมยังรักมัน . . . ด้วยหัวใจผมเอง  แต่ที่มีเพิ่มเข้ามา คือ ความหวาดระแวง  เพราะผมไม่สามารถรักมัน  โดยไม่มีข้อแม้แบบครั้งก่อนได้อีกแล้ว . . .

   บทเรียน . . . ที่ผมแลกมาด้วยน้ำตา

   มันคือบทเรียนที่ผมจะต้องเรียนรู้  และนำมาแก้ไขในสิ่งที่เคยผิดพลาด  จะไม่ยอมให้เกิดการผิดพลาดกับตัวเองอีก  เพราะถ้าผิดอีก  นั่นเท่ากับว่า  ผมได้ฆ่าตัวเองอีกครั้ง  ที่เอาตัวเองไปเจ็บปวดกับเรื่องความรัก

   ในขณะที่ผมหลับสนิท  ผมรู้สึกเหมือนมีใครมาตบกบาล . . .

   “ไอ้เหี้ย”  ผมงัวเงียเมื่อเห็นหน้ามัน  ไอ้เพื่อนรัก  มันเดินเข้ามาพร้อมไอ้แดนที่บอกว่าออกไปส่งป้าภาตั้งแต่ตอนดึก

   “เจอหน้ากันไม่ได้นะมึง  อวยพรกูเรื่อย  ง่วงโว้ย  ให้กูนอนด้วย”   มันโยนกระเป๋าใบเขื่อง  ไปที่ปลายเตียงคนเฝ้าไข้

   ผมมองเวลาตีหนึ่งกว่าเข้าไปแล้ว . . .

   “โกเป็นไงบ้าง  เจ็บมากมั้ย”  มันเดินไปที่เตียงนอนของโก

   “ก็เจ็บพี่  เริ่มปวดที่แผล”

   “เอายาแก้ปวดมั้ย”    ผมหันไปมองหน้า

   “ไม่ต้องพี่  แล้วพี่โอ๋มายังไง”

   “ถึงพี่จะไม่ทำงานอยู่บูติคแอร์ไลน์แบบไอ้สองตัวนั่น . . .”   โอ๋มันบุ้ยปากมาที่ผมและแดน   

   “. . . วาสนาของพี่ทำได้แค่นั่งนกฮูกเท่านั้นน้องเอ้ย”

   “นกฮูก”  โกมันทำหน้าประหลาดใจ

   “ก็จองไว้นานแล้ว  ก็ไอ้นี่ดิ  บอกจะมาปาย  พี่กับไอ้แดนเลยจองนกไฟลท์ดึกหลังเที่ยงคืนไว้ สี่ร้อยกว่าก็นั่งเครื่องได้  แต่รายนั้นหนีมาก่อนเมื่อบ่าย”   มันยิ้ม  ไปทางไอ้แดน

   “จริงดิพี่”

   ผมหันไปทางแดน  มันยิ้มเก้อ ๆ   เกาหัวแกรก ๆ

   “เอ้า  พูดเล่นที่ไหนกัน  เฉพาะห้าวันช่วงสงกรานต์เท่านั้นน้องเอ้ย  ไม่งั้นมะมีปัญญาหรอก  ทีแรกนึกว่าจะได้เจอที่ปาย  แต่ก็ดี  พรุ่งนี้ได้เล่นสงกรานต์ริมคูเมือง” 

   “ผมอดเลย”  มันทำหน้าเซ็ง

   “กะจะไปเซอร์ไพรซ์เพื่อนมัน   ที่ไหนได้  เพื่อนดันเซอร์ไพรซ์ซะก่อน . . .”   มันหันมาทางผม

    “. . . ไอ้อาร์ม  มึงไปนอนบนเตียงกับน้องมึงไป  เดี๋ยวกูนอนกับไอ้แดน”

   “ไม่เอา  เขาถือ”

   “ถือเหี้ยไร”

   “คนไม่เจ็บนอนเตียงคนป่วยจะเจ็บ”

   “เป็นไรไป  มึงเคยนอนแล้ว  ไม่เจ็บอีกหรอก”

   “เอางั้นเหรอ”

   “เออเด่ะ  ไปเลยไป”  มันไล่อีกครั้งนั่นแหละ  ผมถึงได้ไปนอนเบียดที่เตียงคนเจ็บ 

   ฟ้าหลังฝน . . .

   หรือ . . . ฟ้าสว่างก่อนพายุใหญ่กันแน่

   


   ตอนที่ผมเข้าโรงพยาบาลมันดูแลผมเป็นอย่างดี  แต่ตอนนี้กลับกัน  มันเป็นคนเข้าโรงพยาบาล  แล้วผมดูแลมัน . . .

   ผมดูแลมันได้ไม่เท่าที่มันดูแลผม . .

   อาจเป็นเพราะ . . .


    เรื่องผู้หญิงคนนั้นยังรบกวนหัวใจผมอยู่ ตลอดเวลา  แม้มันจะไม่รับโทรศัพท์  แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของผู้หญิงคนนั้นจะมีมากกว่าที่ผมคิด  นอกจากจะส่ง SMS  ข้อความหวาน ๆ  มาแล้ว  หล่อนถึงกับลงทุนโทรเข้าเครื่องผม . . .

   “สวัสดีครับ  อาร์มครับ” 

   “พี่อาร์มหรือค่ะ  หน่อยเองค่ะ”

   ผมหน้าตึงทันที . . . 

   . . . เพราะผมไม่อยากเสวนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  แล้วนี่เจ้าตัวกล้าหาญขนาดที่โทรเข้ามาถึงเครื่องผมเสียอีก  แบบนี้ผมยิ่งว้าวุ่นใจหนักเข้าไปอีก

   “มีอะไรหรือครับ”   ผมต้องพยายามเป็นอย่างมากในการปรับน้ำเสียงให้ฟังดูเป็นปกติมากที่สุด

   “พี่โกเป็นไงบ้างพี่  หน่อยโทรหาเขาไม่รับสายเลย”   

   ดีจังเลย เจ้าหล่อนตรงไปตรงมาดีแท้ ๆ    บอกความต้องการที่แท้จริงให้มาเสียด้วย  ไอ้อารมณ์ดีที่มีมีสองสามวันเริ่มพุ่งปรี๊ด . . .

   “ไม่รู้สิครับ    โทรศัพท์ก็อยู่กับมันนี่ครับ”

   “หน่อยขอคุยกับพี่เขาได้มั้ยค่ะ”

   “พี่อยู่ข้างนอกกับเพื่อนครับ    ไม่รู้จะเข้าไปโรงพยาบาลตอนไหนเหมือนกัน”  ผมไม่ได้โกหกนะ  เพราะตอนนี้ผมออกมาซื้อของที่ร้านเซเว่นใกล้ ๆ  กับโรงพยาบาลนั่นแหละ

   “จริง ๆ  เหรอพี่”

   “โกหกได้ตังค์มั้ยครับ”

   “ปล่าวพี่  แค่หน่อยเป็นห่วงเค้า  คิดถึงเค้า”

   นี่ตกลงกูเป็นตัวอะไรไปแล้วหว่า  ทำไมต้องมาคุยมาต่อความยาวสาวความยืดกับคนแบบนี้ด้วย  ทั้ง ๆ  ที่บอกตรง ๆ  ไม่ชอบ  หรือจะเรียกว่าเกลียดก็น่าจะได้  แต่ผมยังคุยกับเขาอยู่ได้  อาจเพราะผมยังระแวงอยู่ก็ได้

   การผูกมิตรเพื่อหาความลับอะไรบางอย่างมันก็ดีกว่าตัดไปเลยมิใช่หรือ ?

   “ธรรมดาครับ  เรื่องคิดถึงห่วงหา  ใคร ๆ  ก็พูดได้  ทำได้ครับ”

   “พี่หมายความว่าไงค่ะ”

   “ก็คิดถึงไงครับ  พี่เองเคยเป็น  คิดถึงคนที่เรารัก  อยากเจอ  อยากคุยด้วย  วันไหนไม่ได้เจอ  มันเหมือนขาดอะไรบางอย่าง”

   “หน่อยก็รู้สึกแบบนั้นแหละพี่”

   “ชัยสบายดีเหรอ”

   “อะไรนะค่ะ”  เสียงหล่อนเหมือนตกใจ

   “พี่ถามว่าชัยสบายดีหรือ . . .”

   “พี่รู้จักชัยด้วยหรือ”

   “รู้จักสิ  รู้จักดี   รู้จักกับมันก่อนรู้จักโกเสียอีก”

   “อ้าว  พี่ไม่ได้เป็นพี่น้องกับพี่โกหรือ”

   “เขาบอกแบบนั้นหรือ”

   “ใช่  พี่โกบอกอยู่กับพี่ชายที่กรุงเทพฯ  หน่อยเลยนึกว่าเป็นพี่น้องกัน”  คงใช่ในสายตาของมันผมเป็นได้แค่นี้กระมัง  มากกว่านี้  ผมเป็นไม่ได้  และไม่มีทางเป็นได้ 

   ผมเข้าใจมันนะ สถานะที่ดีที่สุดในการบอก . . .

   . . . เพื่อน 

   พี่ . . . 

   แต่จะเป็นเพื่อนได้อย่างไร  ในเมื่ออายุมันห่างกันขนาดที่ดีที่สุดก็คือ . . .พี่

   “งั้นพี่ก็เป็นพี่น้องกับชัยเหมือนกัน”

   “พี่อาร์มพูดถึงชัยบ่อย”

   “อืม  เพราะพี่เข้าใจคนที่จะเสียของรักเป็นยังไง”

   “เรื่องอะไรพี่  หน่อยไม่เข้าใจ”

   “ไม่ต้องเข้าใจก็ได้  แค่อยากให้รู้  ถ้าเรารักอะไรมาก ๆ  เราจะทนได้หรือ  ถ้าเราต้องเสียสิ่งนั้นไปให้คนอื่น  แล้วเราจะทนได้อีกหรือ  ถ้าคนที่ได้ไปไม่ใช่คนที่คู่ควร  หรืออาจเป็นคนที่ด้อยค่ากว่าของที่เรารัก”

   “ไม่รู้เหมือนกันพี่  หน่อยไม่รู้พี่พูดเรื่องอะไร”

   “ก็อาจหมายถึงนกสักตัวที่เราเจอตอนที่มันหนาวสั่นใกล้ตาย  เราเอามาประคบประหงม  เฝ้าถนอมเลี้ยงดูให้มันเติบใหญ่ สีขนงดงาม  แล้วทีนี้พอมันหลุดจากกรง  ใครก็ไม่รู้จับเอาไว้  เลี้ยงดูแบบทิ้ง ๆ  ขว้าง ๆ  ถ้าเราไปเจอ  เราจะทนได้หรือ  กับสิ่งที่เราดูแลมาต้องเป็นแบบนั้น”

   “หน่อยงง  พี่พูดอะไรพี่อาร์ม”

   “เรื่องทั่ว ๆ  ไปไง”

   “หน่อยไม่รู้พี่หมายความว่าอย่างไร แต่ถ้าเป็นหน่อย  หน่อยคงไม่ยอมเสียของรักให้ใครง่าย ๆ  หรอก”

   “แม้กระทั่งเจ้าของเดิมเขาทวงคืนแบบนั้นหรือ”

   “ใช่พี่  ถ้าหน่อยรักใคร  หน่อยจะทำให้เขามาเป็นของหน่อยให้ได้” 

   ผมเงียบไปชั่วครู่ . . .

   ผู้หญิงแบบนี้ผมบอกได้คำเดียวว่าน่ากลัว  หากแต่ผมยังจำเป็นที่ต้องเสวนาด้วย  เพราะอย่างน้อยที่สุด  ผมว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะให้ผมได้รู้อะไรที่ผมยังไม่รู้  หล่อนไม่ใช่คนที่เก็บความรู้สึกได้ดี  เพราะฉะนั้น  การค่อย ๆ  หลอกล่อเพื่อจะถามอะไรไม่ใช่เรื่องยาก

   “วันก่อนชัยโทรมาหาพี่”

   “เกี่ยวไรกับหน่อย”

   “ไม่รู้   ก็เห็นว่าเพื่อนกันเลยบอกให้ฟัง  มันโทรมาปรับทุกข์  เรื่องจะโดนทิ้งอะไรแบบนี้”

   “หน่อยกับชัยจบไปแล้วพี่  เราจบกันตั้งนานแล้ว”

   “บางทีเราอาจคิดว่าจบ  แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมจบมันก็แย่เหมือนกัน  จะทำอย่างไรดี  ให้มันจบได้โดยสมบูรณ์  นอกจากมาคุยกันทั้งสองฝ่าย  ยอมที่จะเดินคนละทางกันทั้งสองฝ่าย”

   “พี่หมายความว่างัย”

   “ก็ไม่นี่  สำหรับพี่  ถ้าคนที่พี่รักเขาไม่ต้องการพี่แล้ว  พี่จะไม่รั้งเขาเอาไว้หรอก  การที่เรารั้งเขาเอาไว้มันทรมานเสียเปล่า ๆ  ยกเว้น. . .”

   “ยกเว้นอะไรหรือพี่”

   “. . . อยู่เพื่อการแก้แค้น”

   “น่ากลัวจัง”

   “ก็ว่าอยู่  แต่มันแว่บ ๆ  มาเท่านั้น  ถ้าเป็นหน่อย  หน่อยจะทำยังไง  ถ้าคนที่เรารัก  เขานอนกับเรา  แต่ปากเขาบอกว่าคิดถึงคนอื่น”

   “หน่อยทนไม่ได้หรอกพี่  ต้องให้รู้ดำรู้แดงไปเลย”

   “นั่นสิ  ขอบใจนะ”

   “ขอบใจเรื่องอะไร”

   “ก็ไม่รู้เหมือนกัน  ขอบใจที่โทรมาคุย  โทรมาหา  บางเรื่องที่คิดไม่ออก  ตอนนี้พอจะเริ่มคิดออกมั่งแล้ว  บางที  พี่ว่า  ความรักมันอาจจะไม่จำเป็น  คนที่นอนกับเราตอนนี้น่าจะเป็นคนที่เราแคร์ให้มากที่สุด”

   “พี่หมายความว่างัยค่ะ”

   “คนนอนคุยกัน  ยังไงเสียก็สำคัญกว่าคนที่โทรคุยแหละมั้ง”

   “แน่ล่ะพี่”

   “แค่นี้ก่อนนะชัยมันโทรมา  บางทีพี่อาจจะให้มันมาเชียงใหม่วันนี้”

   “มีไรพี่ ทำไมต้องให้พี่ชัยไปที่นั่น”

   “เปล่าไม่มีไรหรอก  แค่อยากเจอมัน   ไว้พี่โทรหานะ” 

   ผมตัดสายทิ้ง  ไม่มีใครโทรมาหรอก  แต่การที่เราจะขึ้นหลังเสือมันต้องมีลีลากันบ้างเล็กน้อย  ผมรู้ผู้หญิงคนนี้ไม่เลิกราง่าย ๆ  แน่ ๆ  แล้วที่ผมไม่รู้  ระหว่างผู้หญิงคนนี้กับโกเมศวร์จะถึงขั้นนอนคุยกันหรือยัง 

   ถึงโกจะบอกผมว่ายัง  แต่ผมจะเชื่อหรือ . . .

   ทางเดียว . . .

   ต้องเอามาเป็นพวกก่อนฆ่าทิ้ง  หรือบางทีเราก็ได้ที่อาจเป็นคนโดนฆ่า  ผมยิ้มกับตัวเอง    บางทีเกมส์นี้มันอาจเพิ่งเริ่มก็เป็นได้   เกมส์ที่ผมไม่อยากจะลงเล่นเลยแม้แต่นิดเดียว

   หาก . .  . โกเมศวร์  มันเปิดเกมส์

   แล้ว . . .

   มันปิดเกมส์เองไม่ได้  ถ้ามันปิดไม่ได้  ผมนี่แหละที่จะปิดให้มันเอง  เกมส์ที่เดิมพันด้วยชีวิตของผมเอง  ผมยินดีเอาตัวเข้าไปพัวพันหาก . . .

   จะต้องสกัดผู้หญิงคนนี้ออกไปจากชีวิตโกเมศวร์ให้ได้  เพราะปลายทาง . . .

   . . . มันแค่เอื้อม

   ผมไม่ยอมให้ใคร . . . มาขวางเส้นทางที่มันต้องการหรอก  โดยเฉพาะผู้หญิงที่ไร้สมองแบบนั้น

   ผมสรุปเอาเลย . . .

   . . . ผู้หญิงคนนี้โง่  ไร้สมอง  ขนาดผมหลอกด่าแบบกลาย ๆ  เจ้าหล่อนยังไม่รู้  หรืออาจแกล้งทำไม่รู้

   ส่วน . . . 

   จริต  มารยา  ผมไม่รู้  คงมากพอตัวกระมัง   ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าสับรางให้กับผู้ชายที่ใช้นามสกุลเดียวกันได้หรอก . . .

   ผู้หญิงแบบนี้หรือ . .  .

   โกเมศวร์ . . . มันรักมันชอบเข้าไปได้อย่างไร


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . กŭ
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 25-05-2008 18:25:41
เง่อ  ไม่พูดดีก่าอ่านอย่างเดียว  :o12: :o12:



แต่แค่อยากบอกว่า  ถ้าผมเป็นพี่อาร์มผมก็จะทำแบบเดียวกับที่พี่อาร์มทำ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 25-05-2008 19:15:22
ร้องไห้ต่ออีกตอนT^T    :m15:

ฮือ.... :m15: :m15: :o12:

แต่ว่าพี่คะ  พี่ถามตัวเองว่ากำลังทำร้ายหัวใจตัวเองอยู่หรือเปล่า? 

....มันก็ใช่... แต่ ถ้าพี่ไม่ตัดสินใจให้เด็ดขาดตั้งแต่ตอนแยกออกมา พี่เองก้จะยังต้งมานั่งเสียใจกับสิ่งที่โกทำ...

ใช่ไหมคะ...?   :m15:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 25-05-2008 19:20:35
การจากเป็น กับ การจากตาย
อย่างไหนเจ็บปวดกว่ากัน
 .
.
.
.
.

.

.ผมแปลกปะที่อ่านตอนนี้กับตอนคืนรถแล้วไม่ร้องไห้
...แค่มันเศร้าๆๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 25-05-2008 19:21:21
เฮ้อ...โชคชะตาหนอโชคชะตา สุดท้ายอาร์มก้อหนีไปไหนไม่พ้น ขนาดตัดสินใจหนีออกมาได้ถึงขนาดนี้ แต่สุดท้ายก้อถูกดึงกลับไปที่เดิม ไม่รู้จะโทษอะไรดีแล้ว เฮ้อ... :sad2:
เพราะรักคำเดียวจริงๆ เราเจ็บแค่ไหนก้อทนได้เสมอ แต่เหนคนที่ตัวเองรักเจ็บ มันเหมือนจะขาดใจตายให้ได้จริงๆ เพราะรักอีกนั่นแหล่ะเหนี่ยวรั้งเราไว้ให้ไปไหนไม่รอด เฮ้อ.... :เฮ้อ: กลับมาคราวนี้อาร์มจะเจ็บเพราะสาเหตุไหนอีกหนอ :m15: เปนกำลังใจให้เสมอนะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 25-05-2008 19:28:16
มันต้องมีเรื่องอีกแน่ๆ 
เวลาโกทำไรคิดถึงใจคนที่รักตัวเองมั่งไหมนั่น (ทั้งแม่ทั้งพี่อาร์ม) = ='
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 25-05-2008 19:55:26
 :m15: :m15:ตัดยังไงก็ตัดไม่ขาด คนรักทั้งคน  ทำยังไงก็ไม่ลืม เพียงแต่บางคนเมื่อจากกันไปแล้วเลือกที่จะไม่คิดถึงมันมากว่า
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 25-05-2008 21:14:43
ทุกตอนของเรื่องที่พี่เขียน ผมอ่านตอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า  บางตอนอ่าน 3-4 รอบ
บางวันเก็บไปฝันว่าเป็นเรื่องของตัวเอง(เป็นเอามาก)
สำหรับพี่  จากเป็น
สำหรับผม  จากตาย
เศร้าคนละแบบ
สำหรับพี่ยังดีที่มีเพื่อนและน้องที่ดีคอยเป็นที่ผึ่งยามที่พี่ลำบาก 
แต่..............ผมไม่มีใครที่พูดด้วยด้ายเลย
เรื่องของผมเกิดมาตั้งแต่ปี42 และผมก้อเสียเขาไปปีที่แล้ว
เชื่อปะไม่มีใครรู้เรื่องของผมกะเขาเลย......เศร้าว่ะ
แค่นี้นะ..................... :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 25-05-2008 22:02:30
 :sad2: เศร้าอีกแล้วค้าบ...
P.S. พี่ค้าบ...รักตัวเองให้มาก...พักผ่อนบ้างนะค้าบ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 25-05-2008 22:36:50
ทุกตอนของเรื่องที่พี่เขียน ผมอ่านตอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า  บางตอนอ่าน 3-4 รอบ
บางวันเก็บไปฝันว่าเป็นเรื่องของตัวเอง(เป็นเอามาก)
สำหรับพี่  จากเป็น
สำหรับผม  จากตาย
เศร้าคนละแบบ
สำหรับพี่ยังดีที่มีเพื่อนและน้องที่ดีคอยเป็นที่ผึ่งยามที่พี่ลำบาก 
แต่..............ผมไม่มีใครที่พูดด้วยด้ายเลย
เรื่องของผมเกิดมาตั้งแต่ปี42 และผมก้อเสียเขาไปปีที่แล้ว
เชื่อปะไม่มีใครรู้เรื่องของผมกะเขาเลย......เศร้าว่ะ
แค่นี้นะ..................... :sad2: :sad2: :sad2:

เอ่อ..ไม่รู้จะพูดไงดี ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ.....
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-05-2008 00:19:28
ชื่อตัวละคร เปลี่ยน

ฉากในท้องเรื่องเปลี่ยน

แต่ทำไม สเต็ป ของเรื่องเหมือนเดิมเปี๊ยบ

ฮาๆๆๆ

แต่ก็บีบหัวใจดี   o13





แร่ดดดดดดดดดดดดดดดดดด เมื่อคืนเมาเละเด่ะ . . . ได้กินไส้กรอกยัง


ไม่เมา  เลยได้กินไส้กรอก  เพราะถ้าวันไหนเมา ยืนเต้นหลับตาทุกที

เลยไม่รู้ว่า มีใครรอสบตากะเราบ้าง

พอเมื่อวานไม่เมา ก็เลยแอ๊บสวย  ปรากฏว่าเลือกไม่ถูกเลย   จิกตูจัง  อิิอิ

ปล. น้ำตาปรื่มเลยเคอะตอนนี้  ก่อนอ่านต้องโปรแกรมตัวเองให้ลืมเรื่องเดิมๆ ไปซะก่อน

เศร้าได้ใจเคอะคุณพี่  o13
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 26-05-2008 05:58:04
:impress: :impress: :impress:

อ่าครับเพิ่งมาอ่านใหม่ครับสนุกดี

อ่านได้หน้าเดียวอยู่เลยครับ

แล้วจะมาอ่านต่อนะครับ อิอิ

:impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 26-05-2008 11:03:22

ตอนที่  ๒๕



   ผมว่าการกระทำบางอย่างมันไม่มีเหตุผล . . . 

   . . . หรือ . . .

   เพราะว่าความจริงแล้ว รักมันไม่จำเป็นที่จะต้องมีเหตุผลรองรับ  คนที่มีความรัก  ไม่ว่าใคร  ต่างอยากที่จะได้มาในสิ่งที่ตัวเองรักทั้งนั้น  ผมไม่โทษใครทั้งสิ้นกับทุก ๆ  เรื่องที่ผ่านมา . . .


   สิ่งใดก็ตามที่ผมทำลงไปแล้ว  ผมไม่คิดที่จะย้อนเวลาเพื่อกลับไปเปลี่ยนแปลงมันอีก  ไม่ว่าสิ่งที่ทำลงไปมันจะดีหรือเลวก็ตามแต่

   เหมือนกับเรื่องนี้ . . .

   ใครจะมองว่าผมโง่  ที่ตัดสินใจเดินออกมาแล้ว  เดินกลับเข้าไปใหม่  แต่ในสถานการณ์ของคนที่รักเต็มหัวใจแบบผม  การหักใจลาจาก . . .

   มันคงไม่สามารถที่จะทำได้ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง . . .

   ผมมีหัวใจ . . .

   . . . มีเลือดเนื้อ

   . . . มีความรู้สึก . . .

   และที่แน่ ๆ  ผมมีรักให้คน ๆ  นึง

   แล้วเมื่อ . . .

   . . . คนที่เรารักเจ็บปวด . . .

   ในเวลาที่เรายังตัดใจไม่ได้  เราจะไม่หันกลับไปหาเขาเลยหรือ  ผมไม่ใช่เป็นคนใจแข็งได้ขนาดนั้น  แล้วยิ่งมารับรู้ . . .

   ที่มันต้องเจ็บตัวแบบนี้ . . .

   มันจะพูดจริงหรือปั้นเรื่องก็ตามแต่   หากผมยอมที่จะให้อภัยมันโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย  บางทีอาจจะเป็นผมเองก็ได้ที่ไม่ยอมรับรู้  หรือรับฟังอะไรเลย  ถ้าผมยอมที่จะฟังอะไร  และใจเย็นมากกว่านี้ . . .

   รู้แบบนี้ . . .

   . . . แปลว่าแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

   สายเกินไป . . . ที่จะกลับไปแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด

   ผมคงได้แต่เก็บเอาความผิดพลาดมาไว้กับตัวเอง  เก็บมันเอาไว้เป็นบทเรียน  เพื่อที่ว่าจะไม่ให้มันต้องผิดพลาดอีกในเวลาข้างหน้า  คนเราจะผิดพลาดได้สักกี่ครั้งในชีวิต  ไม่มีใครบอกได้ . . .

   แต่สำหรับ . . . คนแบบผม

   จะไม่ยอมให้มันผิดเกิดความผิดพลาดเกินสามครั้งเป็นแน่  ใครจะมองอย่างไร  ผมไม่รู้  ผมรู้แค่หัวใจตัวเองเท่านั้นในเวลานี้

   . . . ผิดครั้งแรก . . .

   เป็นครู . . .

   ผิดครั้งที่สอง . . .

   . . . เป็นบทเรียนที่จะแก้ไข

   ผิดซ้ำครั้งที่สาม . . . คือโง่

   หากผมจะโง่ . . .

   คงมีแค่เรื่องเดียวในชีวิต  เรื่องที่ผมรักคนอื่นมากกว่าตัวเอง  แล้วหากวันนึง  ผมเลือกที่จะรักตัวเองบ้าง   จะมีใครว่าผมมั้ย

   “แดน . . . อยู่ไหนว่ะ”  ผมโทรหามัน  หลังจากที่มันกลับไปกรุงเทพฯ  ได้สองวันแล้ว

   มันกลับไปพร้อมไอ้เพื่อนรักของผม . . .

   “ที่ทำงานดิพี่  จะกลับไฟลท์วันนี้ไม่ใช่เหรอ”

   “อืม”

   “แล้วมีอะไรมั้ยพี่  แขกเยอะนะวันนี้  กำลังยุ่ง”

   “มีตังค์เท่าไหร่  ตอนนี้พอมีมั้ย”

   “ก็มีอยู่  จะออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอ”

   “อืม”

   “แม่เขาไม่มีเลยเหรอ”  เสียงมันเหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่  ผมเข้าใจดี  เพราะเรื่องเงินทอง  มีหลายครั้งแล้วที่ผมยื่นมือเข้าไป  เป็นมือที่มันเองไม่เคยมองเห็นเสียด้วยซ้ำ

   “ไม่พอ  ขาดอีกราวหมื่นนึง”

   “มันไม่มีประกันหรือ”

   “มีแต่ที่ประกันมหาวิทยาลัย  แต่ต้องทดรองจ่ายก่อนอยู่ดีแหละ   ได้มั้ยนี่  ไม่ได้จะไปหาที่อื่นอีก”  ผมเริ่มหงุดหงิดกับน้ำเสียงของไอ้แดน

   ทำไมหรือ . . .

   ผมผิดใช่ไหม  ที่ทำแบบนั้น  ผมเลือกโทรหามัน  เพราะคิดว่ามันจะเข้าใจผม  แต่มันซักอย่างกะผมเป็นผู้ต้องหาของมันก็มิปาน

   “ได้ ๆ  อีกสิบนาทีพี่ไปกดเอาเองแล้วกัน  ทำไมไม่ทำประกันชีวิตนะ  เกิดอุบัติเหตุยังพออุ่นใจ  ปีนึงหมื่นเดียวเอง”  มันบ่นมาตามสาย

   “บ่นเป็นคนแก่ไปได้คนเรา”

   “ผมไม่ได้บ่นนะพี่  พูดจริง ๆ  คนเราไม่ค่อยวางแผนล่วงหน้าหรอก  เอาเหอะ พูดไปเดี๋ยวพี่เสียมากกว่านี้อีก  แค่นี้ก่อนนะพี่อาร์ม  เดี๋ยวผมมจัดการให้”

   ผมรู้  มันบ่นไปแบบนั้นเองแหละ  เพราะถึงอย่างไร   อีกไม่เกินสิบนาทีต่อมาผมก็ไปกดเงินที่มันโอนมา  แล้วไปเคลียร์ที่การเงินของโรงพยาบาล  ก่อนที่จะขึ้นกลับไปที่ห้อง . . .

   หาก . . . เสียงที่ลอดออกมาจากห้อง

   ผมยืนนิ่ง . . .

   “ทำไมไม่กลับบ้านเรา  โกจะลงไปกรุงเทพฯ  เลยหรือ  แล้วจะอยู่ยังไง  ขายังใส่เฝือกแบบนี้”  เสียงป้าภาดังลอดมาผมได้ยินถนัด

   “อยู่ได้น่าแม่”

   “โก . . .  แม่ถามลูกจริง ๆ นะ  ลูกกับพี่อาร์ม  มีอะไรมากกันกว่าพี่น้องธรรมดาหรือเปล่า”

   ผมยืนนิ่งเหมือนถูกสาป . . . 

   ไม่เคยคิด  จะได้ยินเรื่องแบบนี้   แม้พยายามทำใจเอาไว้บ้าง  แต่ไม่นึกว่า  พอได้ยินจริง ๆ  มันยิ่งกว่าการนึกไปเองเสียอีก   ผมเข้าใจป้าภา  เข้าใจแกดี  แกคงห่วงลูกชายของแก  คงไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกที่อยากจะเห็นลูกตัวเองเป็นอย่างที่ผมกำลังเป็น

   เสียงในห้องเงียบอยู่พักใหญ่ . . .

   . . . ผมจะทำยังไงดี

   อยู่ที่เดิมตรงนี้ . . .

   หรือ  เดินเข้าไป  แต่สุดท้าย  ผมเลือกที่จะอยู่เงียบ ๆ  นิ่ง ๆ  คอยฟังอย่างเดียว  และจะต้องเข้าใจกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น  เพราะอย่างไรเสีย  สิ่งที่เป็นอยู่  กับสิ่งที่คนอื่นมองด้วยความสงสัย  มันก็เรื่องราวเดียวกัน

   ความจริง . . .

   . . . สักวัน  คนอื่นก็ต้องรู้

   “แม่ . . .”

   “ทำไมต้องตกใจ  ถ้าไม่มีอะไรก็บอกไม่มี  แม่นะเป็นแม่เรานะ  ทำไมแม่จะไม่สังเกต  มันอยู่ที่ว่าแม่จะพูดหรือไม่พูดก็เท่านั้น  ตั้งนานแล้วที่แม่มองเราสองคน  แต่แม่ไม่แน่ใจ  จนเมื่อวันที่เข้าโรงพยาบาล . . .”

   “ทำไมเหรอแม่”

   “. . . แม่ว่าแม่คิดไม่ผิด  พอลูกอาร์มมาเท่านั้น  แม่เห็นนะโก  แม่เห็น  มันอยู่ที่ว่าแม่จะคิดไปขนาดไหน  แม่ถึงถามโก  ว่าโกมีอะไรมากกว่าพี่น้องกับลูกอาร์มหรือ”

   “ไม่มีหรอกแม่  แม่คิดมากไป  แม่อย่าลืมนะ  พี่อาร์มไม่มีใครนะแม่  พี่เขาตัวคนเดียว   แล้วเขาก็เอาผมไปเรียน  อยู่กันมาตั้งหลายปี  ถ้ามีก็มีไปนานแล้วแม่  คนที่เขาไม่มีใครอยู่บนโลกนี้โดยไม่มีพ่อแม่  มันเหงาขนาดไหน  เขาก็มีแต่ผมนี่แหละ”

   มันบอกแม่มัน . . .

   หัวใจผมอิ่มเอม  แบบที่มันเป็นอยู่  น่าจะดีที่สุด  แต่ทำไม  ผมกลับไม่รู้สึกว่าอยากได้แบบที่โกบอก  ผมอยากให้มันบอกแม่ไปตามตรงมากกว่า  ผมคิดแต่สิ่งที่ตัวเองได้  ไม่มองสิ่งที่คนอื่นต้องสูญเสีย . . .

   “โกแน่ใจหรือลูก”

   “แน่ใจเรื่องอะไร”

   “ที่ไม่มีอะไรกัน”

   “ทำไมเหรอแม่ เรื่องนี้มันสำคัญมากขนาดไหนหรือ”

   “สำคัญสิโก  สำคัญมาก  โกอย่าลืมนะ  ว่าผู้หญิงนะ เกิดมาคู่ผู้ชาย  แล้วมาผิดเพศผิดคู่แบบนี้  มันดีหรือ  รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น”

   “อายหรือแม่ . . . อย่างผมมีอะไรน่าอายอีก”

   “ทำไม”

   “พ่อแม่เลิกกัน  พ่อได้เมียอีกเป็นสิบ  ผมมีเมียเด็กบาร์มาก่อน  แล้วแม่ . .”

   “หยุดเลยนะโก . . .ใครสั่งใครสอนให้โกพูดกับแม่แบบนี้”  ป้าภาเสียงสั่น  เรื่องที่น่าอายของตัวเอง  ไม่อยากให้ลูกพูดกระมัง

   “ได้แม่  ถ้าแม่เห็นว่าโกทำเลว  แม่คอยดูต่อไปแล้วกัน  แต่ผมขอกลับกรุงเทพฯ  ผมบอกตรง ๆ  ผมรักแม่รักมากกว่าใครทั้งหมด   แต่ผมรังเกียจคนที่บ้าน”

   “ทำไมพูดแบบนี้”

   “ผมบอกตามที่ผมคิด  แต่ความสุขของแม่ผมยอม”

   ความสุขของแม่ . . .

   . . . ผมยอม . . . 

   มันแทงหัวใจผม  มันจะแตกต่างอะไรจากที่มันเคยพูดกับผมเมื่อหลายปีก่อน

   . . . ความสุขของพี่ . . . ผมยอม

   ถ้า . . . ผมไม่เคยทำอะไรเพื่อตัวผมเอง

   แล้ว . . .

   โกเมศวร์ . . . มันเคยทำอะไรเพื่อตัวมันเองบ้างกระนั้นหรือ  ผมถึงบอก  ผมไม่โกรธมัน  ไม่เคยเลยสักครั้งที่ผมจะโกรธหรือเกลียดมัน  ผมเข้าใจ  มันมีเหตุผลในการกระทำเสมอ  เพียงแต่ว่ามันจะบอกเหตุผลนั้นให้ใครฟังหรือเปล่า . . .

   ผมยืนนิ่ง . . .

   สมองผมคิดนะ  ตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ผมไม่แน่ใจ  แต่ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ผมมีส่วนทำให้แม่กับลูกต้องมีปากเสียงกันกระมัง  นี่ผมกำลังทำอะไรลงไป  สิ่งที่ผมทำ  มันดีที่สุดอยู่แบบนั้นหรือ

   บางที . . . น่าจะถึงเวลาที่ผมจะส่งต้นไม้คืนเจ้าของ

   แต่ . . .

   ผมจะคืนอย่างไร  ในเมื่อหัวใจผมรักต้นไม้ที่ผมปลูก  รักจนยากที่ผมจะถอยออกมาง่าย ๆ  ผมจะทำอย่างไรกับความพันผูกที่ผมถักทอมันขึ้นมา  ผมจะแก้ไขสิ่งที่ผมทำได้อย่างไร

   “ผมยอมให้แม่  เพราะแม่คือแม่  แต่สำหรับ คนที่บ้าน  ผมไม่ยอม  ยังไงผมก็ไม่มีวันยอมรับ  แม่เข้าใจมั้ย  ผมไม่ยอมรับ”  เสียงมันดังขึ้น  เหมือนคนที่ร้องไห้ด้วย

   ผมเจ็บปวด . . .

   เจ็บเกินกว่าที่จะยืนฟังอยู่ได้อีก  ผมค่อย ๆ  หลบออกมาอย่างเงียบ ๆ  ความจริงหากผมไม่หลบออกมา  บางที  ผมอาจจะไม่รู้สึกอะไรมากมาย  แต่ผมไม่กล้าพอที่จะยอมรับความจริงในเวลานี้  ความจริงที่ผมเองก็รู้

   มันเจ็บปวด . . .




   ผมคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นจะทำให้มันกับผมเข้าใจกันมากขึ้น  แต่ผมคิดผิด  เพราะความเป็นจริงแล้ว   มันเพิ่งเป็นแค่จุดเริ่มต้น   เป็นจุดเริ่มต้นที่จะพาให้ผมและมันเดินไปสู่จุดที่แตกหัก . . .

   เพราะความคิดที่แตกต่างกันกระมัง


   “ทำไมติด F   เรียนยังไงถึงตก”

   “ก็มันยาก”

   “ไม่มีอะไรยากเกินไปกว่าความพยายามของเราหรอกโก  ที่คิดว่ายากนะ  มันยากขนาดไหน  ทำไมเพื่อน F  กันทั้งห้องหรือไง”

   “ก็ตกเยอะ”

   “แต่ไม่ได้แปลว่าทั้งห้อง”

   “ไม่กี่คน”

   “ทำไมเหรอโก  ทำไมเราไม่เป็นคนในส่วนน้อยนั่นหละ  ทีนี่โกรู้แล้วใช่ไหม  ทำไมพี่ถึงบอกว่า  ถ้าการมีแฟนมันจะกระทบต่อการเรียน  ถ้าก่อนหน้านี้  โกเอาใจใส่กับการเรียนมากกว่านี้  มันคงไม่ตกหรอก  โกเคยเต็มที่กับมันมั้ยที่ผ่านมา  พอพี่พูดก็หาว่าเอาเรื่องที่ผ่านมาแล้วมาพูดอีก  แต่เพราะเรื่องที่ผ่านมาไม่ใช่หรือที่มันทำให้เกิดผลแบบนี้  ถ้าวันนั้นเชื่อพี่  จะออกมาแบบนี้มั้ย”  ผมเทศน์มันแล้วล่ะ

   สิ่งที่ผมเคยเฝ้าบอกมัน  มาตอบสนองมันแล้ว . . .

   “มันตกกันได้พี่”

   “พูดง่าย ๆ  ถ้าคนเรา  ไม่มองที่ผ่านมา  แล้วคิดแต่จะแก้ปัญหา  มีหวังตามแก้กันไม่รู้จบ  ทำไมไม่หัดคิดว่า  ถ้าทำแบบนี้จะเกิดแบบไหน  ถ้าทำแบบนั้นจะเกิดแบบนี้มั้ย  เวลาทำอะไรทำไมไม่ลองหัดคิดดูบ้าง”

   “เอาน่าแค่ตัวเดียวเอง”

   “ตัวเดียวก็มีผล  ทำให้จบช้าได้เหมือนกัน”

   “แต่ก็จบ”

   “จบแบบนั้นจะภูมิใจเหรอ  จบแบบที่เราเองก็รู้ว่าตรงไหนมีรอยด่าง  กับการจบแบบยืดอก  ความรู้สึกต่างกันว่ะ   ถ้าโกคิดแค่ว่า  เรียนเพื่อให้จบ  ลองใช้สมองคิดอีกรอบดูมั้ยว่ามันใช่แบบที่คิดตอนนี้หรือไม่”

   “ยังไงพี่ก็ได้เห็นผมใส่ครุยแดง”

   “ขอบใจ  ที่ยังจำได้  และจะขอบใจอีก  ถ้าทำตามสัญญาที่ให้ไว้  เพราะจะเห็นหรือไม่มันไม่สำคัญ  ถ้าก่อนหน้าวันใส่ครุยแดงโกมีคนอื่น”

   “หาเรื่องเหรอ  พูดอะไร  เรื่องมันผ่านมาแล้ว”

   “ก็เตือนให้จำไง  ว่าอย่าให้มีอีก  เพราะความรู้สึกบางอย่างมันไม่สามารถเรียกคืนได้ทุกครั้ง”  ผมมองหน้ามันนิ่ง

   ผมยอมรับ . . .

   หลังจากลับมาจากเชียงใหม่  ผมเริ่มห่างเหินกับมัน  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร  แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ป้าภาพูดกับมันจะมากระทบต่อความรู้สึกของผมอยู่ตลอดเวลา  ผมอยากถอยห่างออกมา  ให้มากกว่าที่เป็นอยู่  ทั้ง ๆ  ที่ในเวลานั้น

   ผมมีแต่ความหวาดระแวง . . .

   . . . กลัวมันเรียนไม่จบตามกำหนด . . .

   กลัวมันกลับไปหาผู้หญิงคนนั้นอีก

   ทำไมนะหรือครับ . . . ก็คนเคยมีประวัติ

   มันเคยโกหกผมเอาไว้  แล้วถ้ามันจะโกหกผมอีก  ผมจะทนได้หรือ  ที่จะให้ใครมาโกหกผมซ้ำ ๆ  ซาก ๆ  ในเมื่อที่ผ่านมา  ผมเจ็บขนาดนั้น  ถ้าผมต้องเจ็บอีก  ผมจะทนได้หรือ  ผมเลยมีแต่ความระแวงในตัวของโกเมศวร์

   สิ่งที่ผมหวานระแวงมากที่สุด . . .โทรศัพท์

   เพราะนั่นคือทางเดียวที่คนห่างไกลจะสามารถติดต่อกันได  มันอยู่กับผม  เรื่องที่มันหายไปนอนที่อื่นผมรู้แน่ ๆ  แต่เรื่องโทรศัพท์  มันไม่ได้อยู่กับผมตลอดเวลา . . .

   อย่างที่ผมบอกมาเสมอ . . .

   ผมก็มนุษย์ธรรมดา  รู้จักเจ็บ รู้จักปวด  แล้วผมก็ทำสิ่งที่ไม่น่ากระทำ  ผมเอาโทรศัพท์มันมาดู  เมื่อมันเข้าไปอาบน้ำ

   เช็ควัน . . .

   . . . ผมขมวดคิ้ว  เดี๋ยวนี้วันของมันใช้ได้ไปถึงปีหน้า

   ผมยืนนิ่ง . . .

   . . . คล้ายตัดสินใจ  อะไรที่จะเห็นต่อจากนี้ต้องยอมรับให้ได้  เพราะไม่มีอะไรที่จะเลวร้ายกว่าเรื่องที่ผ่านมาอีกแล้ว  ถ้าจะมีอะไรต่อจากนี้เข้มแข็งไว้ได้มั้ย  ผมถามตัวเอง  ถ้าคิดว่าเข้มแข็งพอ  ก็เลือกที่จะทำต่อไป

   หาก . . . คิดว่าอ่อนแอ

   วางมันเอาไว้ที่เดิม  แล้วคิดเสียว่า มันไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย  มันไม่เคยเกิดขึ้นมาเลย  ลืมเรื่องวันที่มีในโทรศัพท์ของมันซะ

   มือผมคล้าย ๆ  จะไม่มีแรงมองเครื่องที่อยู่ในมือ  ก่อนกดไปดู . . .

   เบอร์ที่โทรเข้าโทรออก  ผมเช็คทุกเบอร์ . . .

   ข้อมูลการใช้ . . . 

   . . . โทรออก

   โทรเช้าวันไหน  แต่ละครั้งใช้เวลานานเท่าไหร่ . . .

   เทคโลยี่เดี๋ยวนี้ก้าวหน้า  หากมันก็เหมือนหอกดาบที่กลับมาทำร้ายเราดี ๆ  นี่เอง  การที่เราเห็นอะไร  มันทำให้เราอดคิดไม่ได้  ผมไม่น่าอยากรู้เลย  ไม่น่าอยากรู้ว่ามีอะไรในโทรศัพท์ของคนอื่น  ของที่ไม่ใช่ของผมเอง

   . . . นิด . .  .

   มีชื่อนี้ที่มันใช้บ่อยมาก  ทั้งโทรออกและโทรเข้ามา  และที่สำคัญ  ใช่แต่ละครั้งนานเกินชั่วโมง

   ผมโง่ . . .

   . . . ฉลาดแต่ไม่เฉลียว

   “แดน  โทรเบอร์นี้ให้หน่อยดิ  แต่บอกขอสายอ้อมนะ”  ผมบอกไอ้แดนในวันรุ่งขึ้นเมื่อกลับมาจากกินข้าวตอนพักเที่ยง

   “เบอร์ใครเหรอพี่”

   “ไม่รู้”

   “อ้าว . . .”  มันมองหน้าผม 

   “. . . อ๋อ  เดียวนี้หัดเช็คคนที่บ้านแล้วเหรอ  ไม่ไว้ใจว่างั้น”

   “รู้ดีอีกนะมึง”

   “มันจะดีหรือพี่”

   “ทำไม”

   “พี่คิดว่า  ถ้าพี่รู้ว่าปลายสายคือใคร  พี่จะสบายใจแบบนั้นหรือ  พี่อยากรู้จริง ๆ  ว่าปลายสายเป็นใคร  ถ้าเป็นคนที่พี่คิดอยู่  พี่จะทนได้หรือ”  มันมองหน้าผม

   สิ่งที่มันพูดก็ถูก . . .

   . . . ผมจะทนได้หรือ . . .

   “ไม่รู้เหมือนกัน  แต่มันอึดอัด  อยากรู้”

   “ถ้ารู้แล้วไม่สบายใจพี่จะยังอยากรู้อีกมั้ย”

   ผมนิ่งไปนาน . . .

   จะเอาอย่างไรต่อไปดี  บางทีที่มันเป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้วมิใช่หรือ  เพราะผมกลับไปก็เห็นคนที่บ้าน  แม้มันจะโทรศัพท์บ้าง  แต่ไม่นานเท่าเมื่อก่อน 

   “อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดว่ะแดน  ถ้ามันยังอยู่ด้วยความโกหกกันอีก  เราก็ควรที่จะเดินจากไปตามทางชีวิตของแต่ละคน”

   “แล้วพี่จะทนได้หรือถ้าไม่มีมัน”

   นั่นสิ . . . ผมจะทนได้หรือ  ถ้าต้องอยู่โดยไม่มีคนที่ผมรัก

    แล้วผมจะทนได้หรือ . . . 

   . . . ถ้าหัวใจของคนที่ผมรัก . . .

   ไม่ได้อยู่กับผม  ผมไม่เคยอยู่ในสายตาของมันเลย  อย่างไหนจะเจ็บปวดมากกว่ากันล่ะ

   “แดน  ที่ผ่านมามันก็เจ็บจนเกินกว่าเจ็บอยู่แล้ว  ถ้าต้องเจ็บอีก  มันก็ไม่ตายหรอก  ลองโทรเหอะ  อยากรู้ว่าใคร  แต่อย่าลืมนะ  ขอสายอ้อม  ถ้าเขาบอกไม่มีหลอกล่อถามว่าใคร”

   ผมบอกมันตัดสินใจแล้ว . . .

   . . . สิ่งใดที่ตัดสินใจแล้ว . . .

   ผมจะต้องยอมรับมันให้ได้  ไม่ว่าผลของการตัดสินใจจะก่อให้เกิดความสุขหรือความเจ็บปวดขนาดไหนก็ตาม  ผมขอรับผิดชอบกับสิ่งที่ได้ตัดสินใจมันไป  โดยไม่มีข้อโต้แย้ง . . .

   ผมนั่งมองโทรศัพท์ที่แดนโทรออกด้วยความกระวนกระวาย  เสียงมันเปิดลำโพง  ทำให้ผมได้ยินถนัด

   “สวัสดีค่ะ”

   ผมชัดแจ้ง . . . 

   . . .หัวใจชาวาบ . . . 

   เสียงนั่นผมเคยได้ยิน  มันเหมือนเสียงที่พิพากษาสิ่งที่ผมอยากรู้  ผมตัวเย็นเยียบ  ขนลุกเกรียว  เข้าใจดี  และจะต้องเรียนรู้การอยู่คนเดียวเสียแล้ว  เสียงที่ประหารผม . . .

   “อ้อมหรือป่าวครับ”

   “ไม่ใช่ค่ะ”

   “แล้วอ้อมไปไหนครับ”

   “ไม่ใช่เบอร์อ้อมนะค่ะ”

   “ขอโทษครับ  ไม่ใช่เบอร์อ้อม  แล้วนั่นเบอร์ใครล่ะครับ  พอดีเมื่อก่อนอ้อมใช้เบอร์นี้น่ะครับ”  ไอ้แดนมันกะล่อนได้ใจผมจริง ๆ

   “หน่อยค่ะ”

   “งั้นขอโทษนะครับ  ไม่ทราบคุณหน่อยอยู่ที่ไหนครับ  พอดีผมว่าเบอร์นี้เบอร์อ้อมนะครับ”

   “หน่อยอยู่ปายค่ะ”

   ชัดเจนในหัวใจของผม . . .

   . . . นิด . . .

   ความหมายเดียวกัน . . .  หน่อย

   ผมไม่น่าโง่เลย . . .

   ผมโดนมันแทง  มันลอบทำร้ายผมอีกครั้ง  เรื่องมันยังไม่จบ  ได้  ในเมื่อมันยังไม่จบ  ผมจะเล่นกับมันด้วย 

   “ขอโทษนะครับ  ขอโทษที่โทรผิด”  แดนกดวางสายมันมองหน้าผมนิ่ง

   “พี่อาร์ม”

   “ขอบใจนะ”

   “ไหวมั้ยพี่”

   “เรื่องอะไร”    

   “เสียงสั่นขนาดนั้น  ผมบอกแล้ว  อย่าโทร”

   “โทรสิดี  ในเมื่อมันทำพี่เจ็บ  ในเมื่อมันทำร้ายความรู้สึกพี่  ต่อจากนี้  พี่จะเอาคืน  มันต้องได้รับบทเรียน  พี่ไม่ยอมให้มันทำกับพี่ฝ่ายเดียวแบบนี้แน่ ๆ  มันต้องเจ็บ  เจ็บกว่าที่พี่เจ็บ”  แววตาผมเปลี่ยนไป

   สิ่งไหนที่ผมเจ็บ  ผมขอทวงคืน  ผมจะตอบแทนมันให้สาสมกับที่มันทำร้ายหัวใจของผม  ผมไม่ยอม  จะไม่มีวันยอมอีกแล้ว

   “พี่อาร์ม  อย่าทำเลยพี่  ทำร้ายคนที่เรารัก  คนที่เจ็บปวดยิ่งกว่าคือพี่เองนะพี่”

   “อย่าห้ามเลยแดน . . . มันต้องชดใช้ สิ่งไหนที่มันทำไงไว้กับพี่พี่ขอทวงคืน”   ผมแค้นจนไม่รู้จะแค้นอย่างไรแล้ว   

   “ผมไม่อยากเชื่อว่านี่คือพี่อาร์ม  พี่อาร์มคนที่ผมเคยรู้จัก”  แดนมันมองหน้าผม 

   “แกเชื่อเหอะแดน    ว่าคนอย่างอาร์มรักใครเท่าชีวิต  ใครที่มันทรยศ  อาร์มจะเอามันคืนเท่าชีวิตเหมือนกัน”  ผมมองหน้าแดน  น้ำตาคลอหน่วย

   “พี่อาร์ม”  มันมองหน้าผม  อย่างคนที่คาดไม่ถึง

   “อย่าห้ามให้ยากเลยแดน  บทเรียนครั้งนี้  พี่จะเอามาเก็บ  เอามากอดเอาไว้  แล้วพี่จะคืนให้มัน  ให้คนที่ทำให้พี่เจ็บปวดอย่างที่สุดแล้ว”

   “พี่อาร์ม . . . ผมไม่อยากเชื่อ  ว่าคนที่นั่งตรงหน้าผมจะใช่พี่อาร์มที่ผมรู้จัก  พี่อาร์มคนที่ทำอะไรเพื่อความรัก  แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ . . .”  แววตาแดนผิดหวัง

   “. . . ไม่ใช่พี่อาร์ม  ไม่ใช่เลย”  มันค่อย ๆ  ลุกออกไปอย่างช้า

   ผมมองตามแดน . . . บางที  มันอาจเดินออกไปจากชีวิตของผมอีกคน  แต่จะอะไรก็ตาม  ในเวลานี้  หัวใจของผมมีแต่ไฟแค้น  มันพร้อมที่จะเผาไหม้ทุก ๆ  อย่างที่อยู่ข้างหน้า

   หากตอนนั้น . . .

   . . .ผมเหมือนคนที่หมดทุกอย่างแล้ว  คนที่หมดศรัทธา  ย่อมไม่มีสมองมาคิดถึงเรื่องใด ๆ  อีกแน่ ๆ 

   ผมเจ็บซ้ำด้วยสิ่งเดิม ๆ  มันทำอย่างไรไว้กับผม . . . 

   ผมไม่ยอม  ไม่มีวันที่ผมจะยอมเสียน้ำตาคนเดียวอีกแล้ว  มันจะต้องได้รับการสั่งสอน  ที่มันทำกับผมแบบนี้  มันทำแบบนี้กับผมได้อย่างไร  ในเมื่อผมนี่แหละที่ให้มันทุกอย่าง  ผมสร้างมันมาด้วยมือของผมเอง 

   แล้ว . . .

   . . . ถ้าตีนผมจะเหยียบจะย่ำ  ก็คงไม่แปลก . . .

   ผมกำมือเอาไว้แน่น . . .

   กรามขบกันจนนูนที่แก้ม    แค้นอย่างที่สุดแล้ว  ในเวลานี้ไม่มีอะไรมาหยุดผมได้อีก  เพราะสิ่งเดียวที่เข้ามาอยู่ในตัวผมตอนนั้น  ผีร้าย . . .

   สิ่งที่ผมคิด . . .

   ต้องทำให้มันเจ็บปวดอย่างที่สุด  ให้สาสมกับที่มันทำเอาไว้กับผม . . .

   มันดูถูกผม . . . 

   . . . มันทำร้ายหัวใจผม 

   . . . มันเห็นน้ำตาผมไม่ค่า . . . 

   ต่อจากนี้  มันจะได้รับการตอบแทน  สิ่งที่มันทำไว้กับผม  ผมขอทวงคืน  ผมจะทวงคืนน้ำตาทุกหยาดหยดที่ผมเสียไป  ผมไม่ยอมให้ผมเสียน้ำตาไปฟรี ๆ



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 26-05-2008 11:09:30
เฮ้อ กรูว่าแล้ว

ความหวานที่เสม็ด หายไปหมด

ไม่น่าอ่านเล้ยยยย

 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-05-2008 11:56:14
แน่ใจหร้อ  พ่อพระเอก

ว่าหัวใจเค้าอยู่ที่ตัวเอง  อิอิ

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 26-05-2008 16:39:06
เฮ้ออออออออออออ   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 26-05-2008 17:13:28
เฮ้อออออออออออออออ :เฮ้อ:

นานาจิตตัง สัตว์โลกย่อมเปนไปตามกรรม :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 26-05-2008 17:38:52
ทำดีที่สุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆแล้ว

ในเมื่อเค้าอยากให้เราร่วมเล่น  ก็เล่นกับเค้าหน่อย  เพื่ออะไร  ตอกย้ำตัวเองงั้นเหรอ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 26-05-2008 17:53:31
:o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 26-05-2008 18:09:14
จัดการเล้ยยยยยยยยยยยยยยยย :เตะ1: :เตะ1: :a11: :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 26-05-2008 20:14:15
 :m13: :m13: :m13:   จำมิได้ อ่านกี่ตอนรวดง่ะ

 :serius2: จะเร่งให้จบปายหนายยยยยยยยยยยยยยย......ย

สติหลุด อยู่ พี่จ๋า...ครือแว่.. นุ้งซินเสียตังค์เพราะผะชาย อีกแล้นนนนนนน...น กรี๊ดดดดดดด....ด   :oni2:



.............................


เอาวุ้ย เสือ พบ ยุง (?) งานนี้ ใครจะอยุ่ ใครจะไป

แต่เขาบอกว่านะพี่ ยุงร้ายกว่าเสือ นะ  เอิ้กๆ

ฉะน้าน.... o12  ฆ่ามัน ฆ่ามัน...ให้ตายไปเลยยยยย...ย ( อันนี้ก้อออกแนวโหดไปนิ๊ดดด อิอิ)

แล้วใคร จะเป็น ยุง แล้วใคร จะเป็น เสือ   ล่ะ...?    :a3:


ป๋อล๋อ*1... ก้อบอกแว้ว น้องพี่สติหลุด .. เม้นมันเลย รั่วๆ แบบนี้แล่ะ  ฮ่าๆ   :m20:

.......................................................

ป๋อล๋อ* 2  ชอบความคิดของแดนจัง ^^ ไม่แปลกหรอกพี่  เราสร้างอดีตที่ดีได้
                เพียงแค่ เราทำปัจจุบัน ให้ดีที่สุด เท่านั้นเอง

ป๋อลล๋อ*3  เจ็บมากมั๊ยพี่(หัวใจ) ตอนรู้ว่าโก รถแหกโค้งอ่ะ
                 แล้วตอนนี้ ยังเจ็บอยู่หรอเปล่า ...???  (ถามอะไรไปวุ้ย)

-เจ็บเพราะยึดตึด...กับอดีต
-เจ็บเพราะผูกใจเจ็บ...ปล่อยวางไม่ได้
.
.
.

อ๊ากกกกกส์   :serius2: 
...................วิ่งตามตุดพูห์ไปดีกว่า คิคิ   :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 26-05-2008 21:24:11
 o7เฮ้อ...ตูกะแล้ว :o12: :o12:
เด๋ว..ขอเวลาไปหาอก.....ซับน้ำตาหน่อยฮะ...อิ.อิ. :m32: :m32:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 26-05-2008 21:34:10

ตอนที่  ๒๖




   สิ่งเดียวที่มันอยู่ในตัวผม  มันคือ . . .ไฟ 

   ไฟที่ร้อนรน  ไฟที่อยากเอาชนะ  อยากแก้แค้น  ไฟที่มันเผาผลาญใจตัวผมเอง  ผมไม่สามารถควบคุมให้ตัวเองเป็นคนดีได้ต่อไป  เพราะความหึงหวงมันเข้ามาบดบังตา  มันเข้ามาครอบงำความรู้สึกที่ดีของผมหมดสิ้น


   ผมลืมไป . . .

   . . . ลืมบางอย่าง

   เพราะ . . .

   กว่าผมจะรู้ตัวมันก็สายเกินกว่าที่ผมจะให้อภัยตัวเอง . . .

   สิ่งที่ผมทำลงไป ไม่แตกต่างอะไรจากคนที่ขาดสติ  ผมไม่มีสติมากพอที่จะควบคุมตัวเอง  เพราะถ้าผมรักมันแบบที่ปากผมบอก . . . ผมคงไม่ทำร้ายมัน

   ตอนนั้น . . .

   . . . ทั้งรักทั้งเกลียด . . .

   ผมรักมันนะ  รักมันมาตลอดตั้งแต่รู้จักมา . . .

   . . . . ส่วนเกลียด  คงจะเพิ่งเริ่มวันนี้แหละ  วันที่ผมรู้ว่ามันกำลังโกหกผมอยู่  ผมเกลียดการโกหกมาตั้งนานแล้ว    พอมาเจอเรื่องโกหกซ้ำ ๆ  ผมรับไม่ได้  ผมไม่สามารถที่จะรับการโกหกแบบที่มันทำได้อีกแล้ว

   ผมมานั่งทบทวนดู . . .

   . . . เจ็ดปีที่ผ่านมา

   ผมไม่เคยทำอะไรเพื่อตัวเองเลย  ทุกสิ่งผมทำเพื่อมันทั้งนั้น  ผมทำให้มันได้นะ  ขอแค่ให้มันเรียน  ผมยินดี  หลังจากมันเรียนจบ  มันจะทำอะไรเรื่องของมัน  ผมคงไม่สามารถไปบังคับเขาได้ 

   เมื่อถึงวันที่มันจบ . . .

   ผมจะเดินออกมาเอง  ถึงผมจะเจ็บเจียนตายผมก็ยอม  ยอมที่จะเดินออกมา  เพราะผมตั้งใจเอาไว้แบบนั้น  และผมไม่เคยที่จะทรยศต่อความตั้งใจของตัวเอง  ผมจำทำให้ได้ในสิ่งที่ผมตั้งใจ

   แต่ . . .

   . . . ตอนนี้  . . .

   มันไม่ใช่แล้ว . .  .

   ทุกอย่างมันพังหมด  สิ่งที่ผมคิดเอาไว้มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว   ผมไม่เข้าใจ  ผมทำมาให้มันได้ตลอด  แค่ปีเดียวเอง  ปีเดียวที่ผมจะปล่อยให้มันได้เป็นอิสระ  ทำไมมันทำให้ผมไม่ได้  มันทำร้ายหัวใจผมได้อย่างไร

   ผมพายเรือมาให้มันนั่ง . . . 

   . . . เห็นฝั่งรำไร

   หาก . . .

   . . . มันถีบผมลงจากเรือ  ปล่อยผมไหลไปตามท้องนทีที่เชี่ยวกราก 

   มันทำร้ายผม  มันทำลายทุกอย่างที่ผมเคยหวัง ความหวังที่ไม่มีผมอยู่เลยด้วยซ้ำ  ไม่ใช่เพื่อตัวผมเอง แบบนี้จะให้ผมยอมหรือ  ผมไม่ยอมหรอก  ไม่มีวันที่ผมจะยอม

   ผมขอเอาคืน . . .

   . . . สิ่งใดที่มันทำไว้ . .  .

   จักตอบแทนมันอย่างสาสมเช่นกัน . . .

   . . . ผมสัญญา

   ผมจะตอบแทนทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องอย่างสาสมที่สุด  ผมทำให้เขารู้จักกับความเจ็บปวด  เหมือนกับที่ผมได้รับมา  ทุก ๆ  คนจะเจ็บเหมือนที่ผมเคยเจ็บ

   “หน่อยหรือ”

   “พี่อาร์ม”  เสียงจากปลายสายคงแปลกใจ  เพราะผมโทรเข้าเบอร์ใหม่ของเจ้าตัว

   “รู้เบอร์นี่ได้ไงค่ะ”

   “รู้แล้วกัน  ไม่มีอะไรที่พี่อยากรู้แล้วไม่รู้”

   “พี่มีอะไรหรือเปล่า”

   “ยุ่งเหรอครับ”

   “ก็นิดนึงแต่คุยได้”

   ในเมื่อเจ้าตัวบอกว่าคุยได้  ผมก็จะคุย  ถึงเขาจะบอกว่าคุยไม่ได้  ผมก็จะต้องคุยอยู่ดี  เพราะสิ่งเดียวที่ผมจะทำตอนนี้  ทำอย่างไรก็ได้ให้เจ็บ  เจ็บกันทุก ๆ  ฝ่าย  อย่าหวังเลยว่าใครจะมีความสุข

   ความพยาบาทในใจผมมันมากมาย

   เหมือนสุภาษิตญี่ปุ่นบอกไว้ . . .

   . . . ความพยาบาทคือขนมหวาน

   ของหวาน  ยิ่งกินยิ่งติด  ผมค่อย ๆ  ซึมซับเอาความพยาบาทที่ผมมีช้า ๆ  ผมลืมความรักความหวังดีที่มีต่อคน ๆ  นึงไปหมดสิ้น  เพราะตอนนี้หัวใจผม  มันมีแต่ความอาฆาตแค้น

   ไฟ . . .

   ที่มันแผดเผาใจผมอยู่ตลอดเวลา  มันร้อนรุ่มสุมอก  ยากที่จะดับลงได้ง่าย ๆ ในช่วงเวลาที่หัวใจมีแต่ความเจ็บปวดกับสิ่งทีได้รับ

   “คุยกับโกบ้างมั้ย”

   “ไม่ได้คุยกันตั้งนานแล้ว”

   สันดานพวกลักกินขโมยกิน . . .

   ผมยิ้มเยาะจับไม่ได้คาหนังคาเขามีหรือจะยอมรับ  ถ้าไม่ได้คุยมีหรือที่ผมจะโทรหามันได้  ในเมื่อเบอร์นี้  ผมก็เอามาจากเครื่องไอ้โก  มันฉลาดกว่าที่ผมคิด  ดี  ยิ่งเจอคนที่ฉลาดมากเท่าใด  ผมจะยิ่งหาทางที่ตอบแทนอย่างสาสม

   ให้สมกับที่มันแทรกเข้ามา . . .

   . . . มันแทรกเข้ามาทั้ง ๆ  ที่มันยังมีคนอื่นอยู่  มันทำร้ายคนที่รักมัน  มันทำร้ายผม  มันทำร้ายคนของผม  ผมจะต้องตอบแทนให้มากกว่าที่มันทำเอาไว้  คอยดูผมบ้าง  ผมไม่ยอมให้มันเสวยสุขบนหยาดน้ำตาผมเด็ดขาด . . .

   มารยาหญิง . . .

   . . . ห้าร้อยเล่มเกวียน

   หาก . . . มารยาคนที่เสียของรักแบบผมล่ะ  ผมรับรองได้  มากกว่าที่คนแบบนั้นจะคิดถึงเป็นแน่  ผมไม่ยอมเจ็บอยู่ฝ่ายเดียวหรอก

   “แหม  แฟนกันไม่โทรหากันแปลกล่ะ”

   “จริง ๆ นะพี่”

   “ก็มันบอกพี่เองว่าคุยกันทุกวัน”

   “พี่ . . .”   เสียงมันคงคาดไม่ถึง

   “เห็นมั้ย  เรื่องแค่นี้  มันยังเล่าเลย  หน่อย  พี่ไม่อยากบอกหรอกนะ  ผู้ชายนะ  เหมือนกันหมดแหละ  ไม่มีใครพูดความจริงทั้งร้อยหรอก”

   “หน่อยคิดว่าพี่ไม่ชอบหน่อยที่โทรหาพี่โกบ่อย ๆ  หน่อยกลุ้มใจนะพี่  ไม่รู้จะคุยกับใคร  มีแต่พี่เขานั่นแหละที่ห่วงหน่อย”

   “ไม่ชอบแล้วพี่จะโทรหาเหรอ”  ผมรู้เวลาไหน  ควรเดินไปฟาดฟัน  เวลาไหน  ควรเลี้ยงเอาไว้ใช้งาน 

   ยังหรอก . . .   

   มันยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะฆ่าเขา  มันทำผมเจ็บเจียนตาย  ผมต้องเอาคืนก่อนสิ  จะยอมให้เรื่องมันจบแบบง่าย ๆ  หรือ  ไม่มีทาง  ไม่มีวันที่ผมจะจบเรื่องนี้แบบง่าย ๆ  มันไม่สาสมกับสิ่งที่ผมได้รับ

   การฆ่าในทันทีทันใดไม่สนุกหรอก 

   สิ่งที่ผมเจอมา . . .

   . . . ผมไม่ยอมให้เขาตายในดาบเดียวเป็นแน่  ในเมื่อผมได้เจอกับความทุกข์ทรมานเพราะความรักที่โดนทรยศ คนที่ทุรยศต่อหัวใจของผมจะได้รับความเจ็บปวดมากกว่าเป็นร้อยเป็นพันเท่า  ผมไม่ยอมหรอก  ไม่มีวันยอมอีกต่อแล้ว

   ของแบบนี้ต้องค่อย ๆ . . . ฆ่า 

   ผมสัญญา ผมจะลงมือทำอย่างละเมียดให้สวยที่สุด  ให้สมกับที่มันได้สิ่งที่ผมรักมากที่สุดไปทีเดียว   โศกนาฏกรรมครั้งนี้  ผมจะทำให้งดงามที่สุดเลย  คอยดูสิ  คนแบบผมทำได้  ผมทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว

   “พี่โกบอกพี่ไม่ชอบให้คุยโทรศัพท์”

   “ก็ถูก  แต่มันเข้าใจอะไรผิดไปมั้ง  พี่ไม่อยากให้มันคุยในตอนกลางคืนดึก ๆ  เพราะมันจะต้องเรียน  แล้วปีนี้ปีสุดท้าย  มันต้องเรียนหนัก   แล้วมันน่ะ  ความหวังของคนทั้งบ้านมันเลยนะ  หน่อยรู้มั้ย”    ผมยอมรับในสิ่งที่เขาสงสัย 

   แต่เชื่อเหอะ . . . 

   คนแบบผม ไม่ยอมรับทั้งหมดหรอก  มันไม่ใช่เรื่องที่ผมจะยอมรับว่าสิ่งที่โกเมศวร์บอกมันคือเรื่องจริง 

   “ก็พอรู้ หน่อยเองก็อยากให้เขาเรียน”

   ผมยิ้ม . . . 

   . . . เข้าทาง . . . 

   เนื้อทรายตัวน้อย ๆ  กำลังเดินมาให้ผมฆ่า  มันเดินเข้าสู่กับดักผมอย่างว่าง่าย  รออีกสักประเดี๋ยวนะ  จะค่อย ๆ  ทำให้เห็นว่ากรงที่นายพรานสร้างไว้มันงามขนาดไหน  กรงที่ลวงตาสวยงามนะ  ค่อย ๆ  เดินมาเถอะ  มาช้า ๆ 

   “เทอมที่แล้วมันเรียนตกวิชานึง”   น้ำเสียงผมเศร้า  หากแววตาวาว

   รักมาก . . .

   . . . แค้นมาก 

   ถ้าไม่มีมันเข้ามาในชีวิต  ผมคงไม่ต้องเจอเรื่องโกหก  เหมือนที่โกมันบอก  เขาเป็นฝ่ายขอเบอร์ก่อน  เขาโทรมาหาเองก่อน  ผู้ชายลองผู้หญิงทอดสะพานขนาดนี้  ไม่เดินข้ามไป  ก็คงโดนตราหน้า

   ในเมื่อตบมือข้างเดียวไม่ดัง . . .

   . . . ผมจะสอนบทเรียนความเจ็บปวดนี้ให้เอง 

   บทเรียนที่ผมเองก็แทบเอาชีวิตมาไม่รอด  คอยดูเถิด  บทเรียนครั้งนี้จะต้องจดจำไปจนลมหายใจสุดท้าย  ในเมื่อผมไม่ได้  อย่าหวังเลยว่าเขาจะเอามันไปได้ง่าย ๆ 

   ผมไม่มีวันปล่อยให้ทุกอย่างง่ายแบบที่คิดหรอก

   “จริงหรือพี่  หน่อยไม่รู้เลย”  เสียงเหมือนตกใจ

   “จริง  พูดกันตรง ๆ  ตั้งแต่ที่หน่อยเข้ามาในชีวิตของมัน  มันเอาแต่คุยโทรศัพท์  ไม่เป็นอันอ่านหนังสือ  พี่เคยเตือนมันแล้ว  แต่มันบอกมันทำได้  แล้วผลออกมา  มันตก  หน่อย . . .”    ผมถอนหายใจ ทำเสียงให้ดูน่าสงสาร

   “ค่ะพี่”

   “ถ้าหน่อยเป็นพี่  หน่อยจะรู้สึกอย่างไร  คนที่เรียนดีแถวหน้า  จู่ ๆ  เรียนตก  หน่อยจะรู้สึกอย่างไร . . .”  ผมเงียบรอฟังท่าที

   “ค่ะพี่อาร์ม”

   “. . . แล้วถ้าที่บ้านเขารู้ว่าตั้งแต่หน่อยเข้ามาในชีวิตของมัน  แล้วทำให้ผลการเรียนมันตกต่ำ  ที่บ้านมันจะยอมรับหน่อยมั้ย”

   ระเบิดที่ผมทุ่มไป . . .

   มันต้องได้ผลบ้างสิน่า  เรื่องแบบนี้  ผู้หญิงคนนั้นคิดไม่ทันผมหรอก  ผมเชื่อว่าการศึกษามันสอนให้คนคิดซับซ้อน  แล้วผู้หญิงที่จบแค่ประถมหกแบบนั้น . . .

   ชั้นเชิงมันต่างกัน . . .

   “ทำไมเขาไม่บอกว่าเขาตก  ถ้าหน่อยรู้  หน่อยคงไม่คุยกับเขาแบบนั้นหรอก”

   “ไม่มีใครรู้อนาคตหรอกหน่อย  ตอนนี้มันเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะเอายังไงต่อ  พี่ห่วงหน่อยนะ  เพราะเท่าที่เจอมาหน่อยก็ดี รู้จักสัมมาคารวะ  พี่ไม่อยากให้คนที่บ้านมันมองหน่อยไม่ดี  ถ้าหน่อยจะเดินไปเป็นสะใภ้บ้านนั้น  พี่ก็อยากให้คนที่บ้านมัน  ญาติพี่น้องมันยอมรับหน่อย . . .”   เห็นมั้ย  ผมพูดดีใส่ตัวก็ได้  ทั้ง ๆ  ที่ภายในใจผมมันอยากจะฉีกเนื้อเขาออกเป็นน้อย ๆ

   “. . . แต่ถ้ามันเรียนไม่จบ  หน่อยคิดหรือว่าคนที่บ้านของมันจะมองหน่อยได้เต็มตา  ในเมื่อคนที่ทำให้มันเป็นแบบนั้น . .”

   “เขาคงคงคิดว่าเป็นหน่อย”  เสียงนั้นรับมา

   ผมยิ้มกับตัวเอง . . .

   . . . ของทุกอย่างบนโลกมีศิลปะ

   ศิลปะ . . . สร้างโลก

   ผมกำลังใช้ศิลปะในการทำลาย  ผมรับรองด้วยนี่จะเป็นงานศิลป์ที่สวยสด  หายาก  มันจะเป็นชิ้นเดียวในโลก  เป็นงานชิ้นเดียวที่ผมจะทำมันด้วยหัวใจ

   หาก . . .

   เป็นหัวใจที่สุมไปด้วยไฟแค้น . . .

   ความแค้น . . . ที่มันเกาะกินหัวใจผมอยู่   แล้วมันค่อย ๆ  กินหัวใจผมเองช้า ๆ  โดยที่ผมเองก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าสิ่งที่ผมกระทำ

   ผมไม่ได้ไร้สติที่จะออกไปโวยวาย . .  .

   บทเรียนที่ผ่านมา  มันสอนผม

   น้ำตา . . .

   . . . อาจใช้กับคนแบบโกเมศวร์ไม่ได้  เพราะน้ำตาของผมมันไม่มีค่าพอ  มันไม่มีความหมายสำหรับคนแบบโกเมศวร์ 

   สัญชาตญาณของสัตว์โลกเพศผู้ . . .

     ถ้ายังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ มันจะไม่ยอมเบื่อหน่าย  จะต้องทำจนกว่าจะได้    มิแตกต่างอะไรไปจากโกเมศวร์แน่ ๆ   ผมแน่ใจว่ามันยังไม่ได้สิ่งที่มันต้องการ

   “มันคือคนแรกของตระกูลที่จะรับปริญญานะหน่อย  แต่ตอนนี้มันตกวิชานึง  ซึ่งนั่นอาจหมายความว่า  ความหวังของคนที่บ้านจะช้าไปอีกหนึ่งปี”

   “พี่อาร์ม  หน่อยจะต้องทำไง  หน่อยไม่อยากให้พี่โกจบช้า”

   เห็นมั้ย . . . 

   ท้ายที่สุดแล้ว  มันก็เข้ามาในกรงที่ผมดักเอาไว้ . . . 

   ผมยิ้ม    รอยยิ้มเหี้ยมกว่าทุก ๆ  คราวที่ผ่านมา  เกมส์นี้สนุกกว่าที่ผมคิดเสียอีก  แบบนี้ค่อยน่าเล่น  มันคงคุ้มกับการที่เราเล่นเกมส์  ผมไม่ยอมเสียอะไรไปง่าย ๆ  หรอก  อยากได้ของที่ผมรักด้วยหัวใจ  ต้องแลกกัน

   แลก . . . ด้วยอะไรดี

   หากมันจะพรากหัวใจผมไป

   . . . ผมขอน้ำตาคนสองคนเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน

   “ไม่รู้เหมือนกัน  ไว้พี่คิดก่อนนะ  แต่สัญญากับพี่สักอย่างได้มั้ย”

   “อะไรเหรอพี่”

   “เรื่องที่คุยกันวันนี้  อย่าบอกโกมันนะ  แล้วไม่ต้องถามมันเรื่องที่มันสอบตก  ไว้พี่จะคิดดูก่อนว่าจะช่วยมันยังไงได้”

   “ค่ะพี่  สัญญา  หน่อยไม่พูดกับเขาหรอก”

   “เดี๋ยวพี่ถ่ายเอกสารผลการเรียนของมันแฟกซ์ไปที่ร้านหน่อยนะ  เอาไปให้ป้าภาแกด้วย”   ผมรู้  การทำวิธีนี้  มันจะได้เห็นว่าสิ่งที่ผมพูดคือเรื่องจริง 

   “ได้ค่ะพี่  เย็น ๆ  หน่อยจะเอาไปให้”

   “สัญญานะที่คุยกันวันนี้ความลับ”

   “ค่ะพี่  หน่อยสัญญา  หน่อยไม่อยากให้เขาจบช้าเหมือนกัน  แต่ช่วงนี้หน่อยควรทำอย่างไรดีล่ะพี่”

   “ก็คุยกับมันเฉพาะกลางวันก็ได้  บอกมันว่ากลางคืนยุ่ง  มันจะได้มีเวลาอ่านหนังสือไง  ไม่ต้องให้มันคิดว่าเราหายไปเลยไง”    ของบางอย่างต้องรู้จักการผ่อนสั้นผ่อนยาว

   “อ้อ  มีอะไรโทรหาพี่ได้  ไม่ต้องเกรงใจ”

   “ค่ะพี่  พี่อาร์มดีจังเลย  ดีเหมือนที่พี่โกเล่าให้ฟังเลย  ดีใจจังที่พี่อาร์มเข้าใจ  งั้นเดี๋ยวพี่ส่งมาแล้วกัน  หน่อยจะรอ”

   ผมยิ้ม . . .

   ยกนี้ผมชนะแน่ ๆ  เพราะลวดลายและชั้นเชิงมันแตกต่างกัน  คู่ต่อสู้ที่อ่อนชั้นกว่ามีหรือจะทันเกมส์  ผมมั่นใจ  มั่นใจอย่างที่สุดถึงชัยชนะ

   ชัยชนะที่ต้องแลกมาด้วยหยดเลือดและหยาดน้ำตา

   หาก . . .

   หลังจากผมส่งแฟกซ์ไปให้ผมโทรไปอีกครั้งหลังจากนั้นไม่เกินสิบนาที  ผมบอกหล่อนว่า  อย่าเอาให้ป้าภาเลย  เดี๋ยวแกไม่สบายใจ . . .

   ทำไมนะหรือ . . .

   เพราะผมต้องการแค่ให้หล่อนรู้ที่ผมพูด . . .

   . . . ความจริง  ความจริงที่ว่ามันเรียนตก  ตกตั้งแต่ที่มันมีอีกคนเข้ามาในหัวใจ  ผมรู้ที่ของผมในหัวใจของมันค่อย ๆ  เล็กลง ๆ ตามวันเวลา  ผมไม่มีค่า ไม่มีความหมายกับมัน  มากเท่ากับคนที่มันเจอ  มากกว่าคนที่มันปิดบังซ่อนเร้นผมเอาไว้

   เชื่อเหอะ . . .

   . . . คนอย่างอาร์ม

   . . . เมื่อลงมือฆ่า . . .

   เลือดสักหยดจะไม่ให้ตกต้องพื้น

   . . . น้ำตาที่มันเคยท่วมหัวใจผม 

   ผมจะเอาคืน  ผมจะเรียกมันคืนทุกหยาดหยดน้ำตาที่ผมเสียไป  ผมไม่มีวันเสียน้ำตาไปฟรี ๆ  เด็ดขาด  ผมสัญญากับตัวเอง  ถึงต้องแลกด้วยการจากลาทั้งชีวิต . . . ผมยอม

   ผมมีอะไรที่จะต้องเสียอีกหรือ . . .





   ผมรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก  ผมเจ็บปวดเจียนตายกับสิ่งที่ผมเจอ  ผมอยากเอาคืน  เอาคืนทุก ๆ  คนที่มันทำกับผม  ผมไม่สนหรอกใครจะว่าอย่างไร  ในเมื่อสิ่งที่ผมทำลงไป  เคยมีใครมองเห็นค่าของมันบ้างมั้ย

   ในเมื่อ . .  . ไม่มีใครมองเห็นความดี

   ผมนี่แหละ . . .


   จะทำเลวให้เขาดู  ผมจะเลวให้เขาคาดไม่ถึงเลยทีเดียว   ผมกลับไปบ้าน  พกเอาความแค้นไปเต็มหัวอก  ความแค้นที่มันสุมอยู่ในหัวใจผม   พลังความรักที่เคยมีมากแค่ไหน  ไม่สามารถมายับยั้งความเจ็บปวดที่ผมมีได้อีกต่อไป

   มันอาจจะยังไม่รู้เรื่องที่ผมคุยกับคนของมัน  เพราะมันไม่มีท่าทีใด ๆ  ผมก็เฉยทำเหมือนไม่มีอะไรที่เกิดขึ้น 

   แปลกนะ . . .

   ผมไม่อยากมองหน้ามัน  ผมเริ่มมีความรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นมัน  ผมถามตัวเอง  นี่หรือ  คนที่ผมรักกว่าชีวิตผมเอง  เขาตอบแทนผมแบบนี้ได้อย่างไร  เขาทำกับผมได้อย่างไรกัน 

   ถ้า . . .

   เขาเดินมาบอกผมสักคำ . . .

   . . . พี่อาร์มผมขอมีใครได้มั้ย . . .

   ผมไม่ใจดำพอหรอกกระมัง  เพราะผมรู้  สิ่งที่ผมมี  เทียบไม่ได้กับสิ่งที่เขาอยากมี  ผมมันก็แค่มนุษย์ที่ถูกสาป  ผมคงยอมให้ตามที่เขาขอ

   แต่ . . .

   ในเมื่อเขารู้ทั้งรู้

   . . .ว่าผมรักเขา . . . 

   รักมากมายขนาดไหน  และมันเองก็รู้หัวใจรักของผมที่มีต่อมัน  เป็นแบบที่ผิดแปลกแตกต่างไปจากธรรมชาติ  แม้มันจะไม่รักผมสักนิด  หากมันบอก  ผมจะไม่ว่าอะไรมันเลย  แต่มันรู้ทั้งรู้  มันเห็นแววตาเวลาที่ผมเจ็บปวด    มันยังทำกับผมได้  มันทรยศกับผมได้ขนาดนี้  ผมอยากที่จะเดินกับมันอีกหรือ

   ไม่ . . .

   . . . ไม่มีทาง  ผมบอกตัวเองแบบนั้นในเวลานั้น

   หาก . . .

   การปล่อยให้เขาไปแบบสบายมันจะง่ายเกินไปมั้ง

   ผมจะต้องสอนบทเรียนให้เขา  บทเรียนที่ผมได้รับมา  มันจะกลับคืนไปให้เขา  น้ำตาที่ผมเสียไป  มันจะชดใช้ด้วยความเจ็บปวดทั้งชีวิต

   ผมนอนนิ่ง ๆ  บนเตียงเดิม  ไฟไม่เปิด  หากแต่ผมไม่หลับ  ผมเหมือนเสือที่จ้องตะครุบเหยื่อ  รอเวลานั้นของผม  มันเดินเข้ามานอนลงใกล้ ๆ  ผมเหมือนเคย แต่วันนี้มันจะได้รู้ . . .

   ผมพลิกตัวขึ้นทับมันเอาไว้ . . .

   จูบไปที่หน้าผากมัน  ก่อนที่จะลามมาที่ซอกคอ  หากวันนี้  ผมทำไปด้วยความอยากแก้แค้น    บทรักหรือ  ไม่ใช่หรอก  ผมรู้สิ่งที่ผมเกลียดมันหยิบยื่นให้ผม  เพราะฉะนั้นสิ่งที่มันเกลียด  ผมจะยัดเยียดให้กับมัน  ผมแค่อยากระบาย  ผมไม่อยากมีอะไรกับมันด้วยความรักหลงเหลือแม้แต่นิดเดียว . . .

   “นอนเหอะพี่  ขายังไม่หายเลยนะ”

   เสียงมันบอก  หากเป็นเมื่อก่อน  ผมคงจะหยุด  เพราะนั่นคือคนที่ผมรัก 

   แต่ตอนนี้ . . .

   วันนี้อะไรก็คงมาหยุดผมไม่ได้อีกแล้ว  ความรู้สึกชิงชังกับการโดนโกหกมันเต็มอยู่ในหัวใจผม  ผมเหมือนคนที่หยุดตัวเองไม่ได้  ผมไม่ฟังคำของมัน  ระดมจูบมัน  อย่างกับคนที่ไม่เคยเจอ

   เสื้อมันหลุดจากร่างกาย  ผมละเลงลิ้นมาที่อกของมัน  ก่อนที่จะเม้มไปที่หน้าอกที่ตรงนั้น . . .

   “โอ้ย  เบา ๆ  สิเจ็บ”

   เหรอ  เจ็บเป็นด้วยเหรอ  ตรงนี้ที่แกบอกเจ็บมันแค่ภายนอกนะโกเมศวร์ 

   แต่ . . .

   ที่เดียวกับที่แกบอกเจ็บที่ตรงนั้น  ที่ก้อนเนื้อขนาดกำปั้นมันฝังอยู่ของอีกคน  มันเจ็บยิ่งกว่าที่แกเจ็บตอนนี้เสียอีก  มันเจ็บจนไม่รู้จะเจ็บอย่างไรเสียแล้วด้วยซ้ำ

   ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น  ผมรู้แค่ว่า  ผมจะเอา  จะทำให้มันรู้ว่าสิ่งใดก็ตามถ้าผมจะเอา  ผมต้องเอา . . . หัวใจของผมมันมาล้อเล่นไม่ได้

   ผมไม่ใช่คนที่มันจะมาย่ำยีได้ง่าย ๆ

   เพียงไม่นาน   เราสองคนไร้ซึ่งเสื้อผ้าติดกาย  บทรักที่ผมเคยถนอมในวันก่อน  ไม่มีหลงเหลืออีกเลย  ตอนนี้ผมเหมือนคนละคน  มีแต่ความเร่าร้อน  รุนแรง  ผมดูดเสียจนที่คอมันเป็นรอยแดงจ้ำ

   รอยนี้จะติดตัวมันไปอีกหลายวัน . .  .

   สะใจชะมัด  มันคงต้องดึงคอเสื้อมาปิดรอยที่ผมฝากเอาไว้ตอนไปเรียนแน่ ๆ  หากมันไม่อยากตอบคำถามเพื่อน ๆ  ของมัน  ยังหรอก  แค่นั้นมันยังน้อยไป  น้อยไปเหลือเกินหากเทียบกับความเจ็บปวดที่ผมได้รับ

   ผมเกลียดตัวเองเหลือเกินในเวลานั้น . . .

   จริง ๆ  นะผมทั้งสะใจ  ทั้งเกลียดตัวเองที่ทำลงไปแบบนั้น

   เหมือนมีสองคนที่อยู่ในร่างเดียวกัน  แต่ดูเหมือนว่าสิ่งชั่วร้ายที่อยู่ในตัวผมมันจะชนะ มันควบคุมความรู้สึกส่วนดีเอาไว้สิ้น  ผมโหมเข้าหามัน  โดยที่ไม่สนใจว่ามันจะรู้สึกอย่างไร  ผมว่าคืนนั้น . . .

   มันคงจารจำไปชั่วชีวิต . . .

   คืนที่เลวร้ายที่สุดตั้งแต่ที่มันรู้จักกับผมมา  และมันไม่ใช่คืนแรกที่มันจะต้องโดน  เพราะไอ้ความชั่วในตัวผมบอกเอาไว้ . . .

   . . . ทุกวันที่มันคุยโทรศัพท์กับหน่อย  กลางคืนมันต้องเจอแบบที่มันเจอตอนนี้   ถ้ามันมีสุขตอนกลางวัน  กลางคืนจะเป็นเวลาที่มันทรมานอย่างที่สุด . . .

   ในเมื่อมันพูดเอง . . .

   . . . ความสุขของพี่ผมยอม

   นี่แหละ . . . ความสุขของการได้แก้แค้น

   ผมรู้สึกหอบตัวโยน  เมื่อน้ำอะไรบางอย่างมันเคลื่อนออกจากร่างกาย  ผมไม่สนหรอกว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร  เพราะเมื่อผมได้ในสิ่งที่ผมปรารถนา  ผมก็นอนหันหลังให้กับร่างนั้น . . .

   หาก . . .

   ผมรู้สึกร้อนผ่าวที่ดวงตา  ก่อนที่มันจะไหลลงซับกับหมอนของผม

   ผมเจ็บปวดกับสิ่งที่ผมทำลงไป  ผมทำไปเพื่ออะไร  มันดีแล้วหรือ  มันใช่แล้วหรือ  ผมได้แต่ถามตัวเอง  ผมไม่รู้  ผมรู้แต่ว่า  มันต้องเจ็บ  ต้องเจ็บแบบที่ผมเจ็บ  หากผมไม่รู้ตัวเองเลย . . .

   ผมต่างหากที่เจ็บ . . .

   ไฟแค้นมันกำลังเผาหัวใจผม  มันค่อย ๆ  ไหม้ไปในตัวผมโดยที่ผมไม่รู้ตัว  สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้  มันเลวร้าย  และยากที่ผมจะแก้ไขให้คืนดีดังเดิมได้ . . .

   ผมทำลายทุก ๆ  อย่าง   ด้วยสองมือของผมเอง


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 26-05-2008 21:51:31
กรรม   :เฮ้อ: รักมากก็แค้นมาก

พี่อาร์มจะเป็นนางมารร้ายเหรอ  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 26-05-2008 21:54:14
ตามอ่านมาทันจนได้ ชอบมากๆ เลยครับ  :oni2:

พอจบแล้ว ช่วยส่งให้ผมด้วยนะครับ


แต่พี่อาร์มก็มีช่วงเวลาที่มีความสุขมากนะครับ
จะรออ่านต่อนะครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 26-05-2008 22:07:59
ผู้หญิงที่คิดอย่างงี้ ..น่าเกลียดน่ากลัวจิงๆ บรึ๋ยๆ o21
ส่วนโก...น่าตบกบาล สมองส่วนสามัญสำนึก จะได้กลับเข้าที่เข้าทาง
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 26-05-2008 23:57:09
อ้างถึง
ต้องทำให้มันเจ็บปวดอย่างที่สุด  ให้สาสมกับที่มันทำเอาไว้กับผม . . .


ไม่นะ     :o


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 27-05-2008 00:14:44



เอ้ยยยยยยยยยย

สำหรับคนที่มองว่าผมแสนดี  โปรดทำใจ  แล้วรับสภาพกับสิ่งที่ผมทำต่อไปให้ได้นะครับ  ผมไม่ใช่คนดีอะไรมากมายหรอกนะครับ  ทุกอย่างที่ผมทำไป  เพียงเพราะอยากได้  อยากดี  อยากมี  ผมเองปุถุชนคนธรรมดาครับ

รู้จักเจ็บ . . . การอาฆาตพยาบาทไม่ดีนะครับ  มันเกาะกินใจ  เพราะเมื่อเวลาผ่านไป  คนที่เจ็บปวดคือตัวเราเองครับ  โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านให้มาก ๆ  นะครับ  แล้วไม่ควรกระทำตามโดยเด็ดขาด

เพราะสิ่งนั้นมันติดอยู่ในใจ . . . ลบอย่างไรก็ไม่หมดหรอกครับ

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 27-05-2008 00:34:06
เข้าข้างพี่อาร์มเต็มร้อย


เกลียดอาการใฝ่ต่ำ เอากระหรี่ทำเมีย
จะนอกทั้งที หาดีกว่านี้ไม่ได้


ทำถูกแล้วพี่อาร์ม
ต้องสั่งสอนบ้าง


ทำร้ายใจตัวเองถึงจะเจ็บ
แต่ก็ดีกว่านอนเจ็บโดยที่อีกฝ่ายเริงร่าไม่เห็นหัว
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 27-05-2008 00:51:57
มารออ่านครับลุ้นจิงๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 27-05-2008 01:19:39
ผู้ชายอย่าง"โก"นะเหรอ
คงจะต้องบอกว่า
พอกันทีขอเลิกแค่นี้ดีกว่า อยู่ต่อไปช้ำใจนักหนา

จำไม่ได้แล้ว คนแก่ขี้ลืม
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 27-05-2008 09:30:23
ต่างคนต่างมีเหตุผล

รออ่านตอนต่อไปนะคะ 
รักพี่อาร์ม  :L1:
รักน้องโก  :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 27-05-2008 09:35:19
รัก ผูกพัน โกรธ เกลียด ก็ เจ็บเหมือนกัน

ไม่น่าเชื่อว่าโกจะทำได้

ไม่น่าเชื่อว่าพี่อาร์มจะร้ายได้

วนเวียนไปตามกรรมจริงๆ

 :a5:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 27-05-2008 09:45:24
 :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:

อ่านมาถึงพาร์ทนี้แล้วยอมรับเลยว่า นี่แหล่ะชีวิตของคนเรา

ไม่มีใครที่จะทำตัวเป็นพระเอกนางเอกได้ตลอดชีวิตหรอก

ใครบ้างที่จะทนให้ตัวเองถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

บางครั้งสิ่งที่เราทำไป คนอื่นอาจตัดสินว่ามันผิด แต่บางครั้งเราไม่ได้เป็นเค้าเราไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บแค่ไหน

เรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเราเอง เราไม่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกนั้น ๆ ฉะนั้นเราคงไม่สามารถไปตัดสินคนอื่นได้หรอก

เป็นกำลังใจให้คุณอาร์มนะคะ  :L2:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 27-05-2008 11:48:15

รอตอนต่อไปเน้อ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 27-05-2008 12:07:43
ผีร้ายเข้าสิงแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   

เป็นผมก็อทำ ขอให้ได้ทำถึงแม้ว่าจะเป็นการทำร้ายตัวเราเองก็ตาม
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 27-05-2008 12:11:37
บาดจิตจริง ๆ  o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 27-05-2008 12:13:03
มารยาหญิง หรือ มารยาชาย
สุดท้ายก็พ่ายมารยาเกย์ แต่จะเผาตัวเองหรือเปล่า
อาร์มคิดให้ดีนะ
มันอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองก็ได้
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 27-05-2008 12:45:39
จริงค่ะ

จะมารยาใครที่ไหน สุดท้ายพี่ลองคิดดู... กรรมตามสนอง

มันอาจจะย้อนกลับมาหาตัวเรานะคะ

อ่านตอนนี้แล้วโกรธอ่ะ  ทั้งพี่อาร์มทั้งพี่โก  อะไรเนี่ย  ทำกันลับหลัง

ทั้งคู่เลยอ่ะ  แบบนี้สู้มาต่อยกันเลยดีกว่ามั้ยคะ? เรื่องมันจะได้จบๆ

เป็นแผลที่ร่างกายแค่นี้ไม่ตายหรอก  แต่แผลที่ใจที่ตามมาจากการแก้แค้นของพี่น่ะ 

มันคงไม่ได้ทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี  จริงไหมคะ?

แล้วเราก็ยิ่งทรมาน คิดโน่นคิดนี่ โทษนู่นโทษนี่  ผิดกันทั้งคู่แหละค่ะพี่ :sad2: :เฮ้อ:

แต่ยังไงก็ตาม   ก็ดับๆไฟแค้นลงไปบ้างนะคะ  เข้าวัดเข้าวาเสียหน่อย  เผื่อจะดีขึ้นนะพี่นะ o2 o13
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 27-05-2008 13:25:06
โกหก...เกลียดคนอย่างงี้จัง
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 27-05-2008 13:31:15
ว้อยยยย

เครียดวุ้ย

เผาผลาญกันเข้าไป

เอาให้แหลกกันไปข้างหนึ่ง

สุดท้ายคนที่เจ็บ...
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 27-05-2008 13:34:33
เกลียดคนโกหก โดนแบบนี้ก็สมควรแล้ว
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 27-05-2008 13:49:53
แผลที่กายรักษาได้ แต่แผลที่ใจยากเกินจะเยียวยา

 :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :a6:  :a6:  :a6:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: DEK-JANGRAI™ ที่ 27-05-2008 14:28:09
เพราะคำพูด  คำสัญญาทั้งนั้น  ที่ทำให้อาร์มต้องมาเป็นแบบนี้


เอาใจช่วยอาร์มนะ


ถึงแม้ว่ามันจะชั่วร้ายไปหน่อย  แต่โก ก็ต้องเจอแบบนี้บ้าง


อะรัยที่มันเป็นเหมือนเดิม ไม่มีความเปลี่ยนแปลง มันก็จะเบื่อเร็ว


แต่อะรัยที่มันเปลี่ยนแปลง  อยู่ตลอดเวลา ย่อมจะทำให้ไม่มีวันเบื่อ




หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 27-05-2008 14:39:36
ผมว่าผมเข้าใจนะครับว่าทำไม พี่อาร์มถึงทำไปแบบนั้น

แต่มันก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีในความเห็นของผมอยู่ดีนะครับ

เพราะคนสุดท้ายที่เจ็บก็คือพี่อาร์ม แต่อยากรู้จังว่าพี่อาร์มจะทำอย่างไรต่อไป
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 27-05-2008 15:14:21
เฮ้อ....... รักมากก้อแค้นมาก o7
ไม่รู้จะสงสารรึสมน้ำหน้าโกดีที่โดนอาร์มทำแบบนั้น :เฮ้อ:
อยากให้เรื่องคลี่คลายเร็วๆจัง ปวดใจจนเกินจะทนแล้ว ฮือๆ :sad2: อาร์มทนมาได้ยังไง :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 27-05-2008 15:42:19
just let it be  :เฮ้อ:


รักพี่อาร์มและน้องโกค่ะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 27-05-2008 18:17:41
ไฟแค้น..ดับยาก....
ทุรนทุรายใจเรานะฮะ
รักตัวเอง...ให้มากนะครับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 27-05-2008 18:44:28
ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็เข้าข้างพี่อาร์มอ่ะ


ต่อให้พี่อาร์มฆ่าโกกับหน่อยตายก็เข้าข้างพี่อาร์มอยู่ดี



การแก้แค้นนั้นเป็นสิ่งที่หอมหวาน

มันจะสะใจสุดๆเมื่อได้ทำถึงแม้จะรู้สึกผิดไปบ้างก็ตาม

เพราะมันยังดีกว่าการนั่งเฉยๆให้เขาทำร้ายเราฝ่ายเดียว

ทำดีให้ตาย มันก็ไม่เห็นค่าการกระทำของเราหรอก

แต่ความสะใจจากการแก้แค้นมันเป็นเหมือนสิ่งหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณคนเราไม่ให้แตกเป็นเสี่ยงๆจากการโดนทำร้ายอย่างแสนสาหัส

การแก้แค้นถึงใครจะมองว่าไม่ดีเป็นสิ่งที่ผิดผิด แต่มันก็ทำให้ใครบางคนจำเราไปจนตาย และ  รู้จักสำนึกกับสิ่งที่มันได้ทำลงไป

คนบางคนถ้าไม่โดนเอาคืนซะบ้าง ไม่ว่าจะชาตินี้ชาติหน้าก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าตัวเองมันเลว...
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 27-05-2008 19:00:10
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

ยิ่งรักมากเท่าไร ก็ยิ่งเกลียดมากเท่านั้นครั

แต่สุดท้ายทุกคนเจ็บหมด ครับ

 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 27-05-2008 19:27:59



   “ไตรลักษณ์” 

   หลายคนอึ้งดิ๊  ไม่คุ้น  แต่อาจจะเคยได้ยิน  ศาสนาพุทธแบบนี้แหละสอนให้คนเดินสายกลาง  จนในที่สุด  คนไม่รู้แก่นของศาสนาเสียด้วยซ้ำ   เรื่องไตรลักษณ์  ก็เป็นหลักสำคัญอีกแนวหนึ่ง  มีหัวข้อสั้น ๆ  ว่า  “อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา”

    “อนิจจัง”
  คือ  สิ่งทั้งปวงเปลี่ยนแปลงเรื่อย  ไม่มีอะไรเป็นตัวเองที่หยุดอยู่แม้ชั่วขณะ  มีรักได้  ก็เลิกรักได้  ฉันไดก็ฉันท์ข้าวแหละ  เอาน่า  ถือว่ามาอ่านเรื่องคนบ้า  บ่นแร่ะกันเผื่อมันประเทืองสมองขึ้นมาบาง  อ่านแต่เรื่องงอนกัน  ดีกัน  เอากัน  มาอ่านธรรมะสักนิดก็ดีนะ  เพื่อน ๆ

   “ทุกขัง”   หมายความว่า  สิ่งทั้งหลายทั้งปวงมีลักษณะเป็นความทนทุกข์ทรมาน  อยู่ในตัวเอง  มีลักษณะดูแล้วน่าชัง น่าเบื่อหน่าย  น่าระอาอยู่ในตัวมันเองทั้งนั้น  มีรักก็มีทุกข์แหละ  รักมากก็ทุกข์มากเป็นธรรมดา

   “อนัตตา”   คือ  การบอกให้รู้ว่า  บรรดาสิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่มีอะไรที่เราควรจะไปยึดมั่นถือมั่นด้วยจิตใจว่า  เป็นตัวเราหรือเป็นของเรา  ถ้าไปยึดถือก็ต้องเป็นทุกข์  และยังบอกให้รู้ว่าสิ่งทั้งปวงนั้นยิ่งกว่าไฟ  เพราะว่าไฟนั้นเราสามารถมองเห็นว่ามันลุกโชติช่วง  เราไม่ควรไปเข้าใกล้  แต่สิ่งทั้งปวงนั้นมันเป็นไฟที่มองไม่เห็น  เราจึงเข้าไปกอดกองไฟด้วยความสมัครใจ  แล้วมันก็เลยเป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา  นี่คือการบอกให้รู้ว่าสิ่งทั้งปวงคืออะไร





ปล.  แต่ก็มิได้นำพา


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 28-05-2008 00:17:45
ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็เข้าข้างพี่อาร์มอ่ะ


ต่อให้พี่อาร์มฆ่าโกกับหน่อยตายก็เข้าข้างพี่อาร์มอยู่ดี



การแก้แค้นนั้นเป็นสิ่งที่หอมหวาน

มันจะสะใจสุดๆเมื่อได้ทำถึงแม้จะรู้สึกผิดไปบ้างก็ตาม

เพราะมันยังดีกว่าการนั่งเฉยๆให้เขาทำร้ายเราฝ่ายเดียว

ทำดีให้ตาย มันก็ไม่เห็นค่าการกระทำของเราหรอก

แต่ความสะใจจากการแก้แค้นมันเป็นเหมือนสิ่งหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณคนเราไม่ให้แตกเป็นเสี่ยงๆจากการโดนทำร้ายอย่างแสนสาหัส

การแก้แค้นถึงใครจะมองว่าไม่ดีเป็นสิ่งที่ผิดผิด แต่มันก็ทำให้ใครบางคนจำเราไปจนตาย และ  รู้จักสำนึกกับสิ่งที่มันได้ทำลงไป

คนบางคนถ้าไม่โดนเอาคืนซะบ้าง ไม่ว่าจะชาตินี้ชาติหน้าก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าตัวเองมันเลว...




น่ากลัวครับ . . .


อย่าจองเวรดีแล้วมังครับ . . .

ปล.  ช่วงนี้จิตตก  ซึมเศร้ากับเรื่องที่เขียน  สงสัยต้องหาอะไรใหม่ ๆ  ให้ลืมสิ่งเดิม ๆ


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 28-05-2008 00:22:42

ตอนที่ ๒๗




   ความแค้นที่เกาะกุมหัวใจ  มันไม่ได้ทำให้ผมมีความสุขเลยแม้แต่น้อย  ตรงกันข้ามมันทำให้ผมเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส  ทุกครั้งที่ผมมีอะไรกับโก  หัวใจผมเจ็บปวด  เพราะนั่นไม่ใช่ความรักอีกต่อไปแล้ว

   มันคือ . . .

   . . . ความแค้น  คือไฟที่สุมในหัวใจ  มันยากที่จะดับลงได้ง่าย ๆ  ไฟมันจะเผาหัวใจผมอย่างช้า ๆ  และยากเกินกว่าที่ผมจะถอนตัว

   การอยากเอาชนะ . . .


   . . . อยากได้อยากมี  ความอยากที่เป็นกิเลสทั้งหลาย  ผมเหมือนคนบ้าที่ทำอะไรไปโดยที่ไม่เคยตรองดู  ความดีที่ผมเคยมีมันหายไปหมด  มันหายไปโดยที่ผมเองก็ไม่รู้ตัว   เพราะในหัวของผมมีแต่ความรู้สึกว่าผมโดนทรยศ 

   ในเมื่อผมเจ็บ . . .

   . . . คนที่หยิบยื่นความเจ็บมาให้ผมต้องเจ็บปวดยิ่งกว่า

   “เฮ้ย  ไอ้อาร์ม  มึงไปทำไรมา”    ไอ้เพื่อนรักมันทักผม    หลังจากที่ไม่ได้เจอกันหลายวัน 

   “ทำไร”  ผมมองหน้ามัน

   “ทำไมมึงโทรมแบบนี้”  มันเอามือมาจับคางผม  พลิกไปพลิกมา  แววตาที่มันมองมา  มันมีแต่ความแปลกใจ  กับสภาพร่างกายที่ผมปล่อยปละ  แทบไม่เอาใจใส่ดูแลมันสัยเลย  ผมจะเอาเวลาไหนมาใส่ใจในร่างกาย  ในเมื่อตอนนี้หัวใจผมร้าวระบมเป็นที่สุด

   “ไม่ได้ทำไร”

   “ดูแลตัวเองบ้างสิมึง  ปล่อยตัวโทรมไรขนาดนี้ว่ะ”

   “อือ. . . ”  ผมไม่อยากพูด  ตอนนี้ผมรู้แค่หัวใจผมมันลอย ๆ  เหมือนคนที่ไม่มีชีวิต  ผมมีชีวิตอยู่อีกหรือ

   “. . . คืนนี้ไปหาไรกินมันมะ”   

   “วันพุธนี่นะมึง . . . ใครออกเที่ยวกัน”

   “กูไง. . . “  ผมบอกมัน  มองมันด้วยแววตาออนวอน  ในเวลานี้  ผมมีใครเสียที่ไหน  ผมมีแต่มันคนเดียวเพียงเท่านั้น 

   “ตามใจไม่ไปกูไปคนเดียวก็ได้”

   ผมยักไหล่  ไม่เห็นแปลก  จะมีใครอยู่กับผมหรือไม่อยู่กับผม  มันไม่ใช่สาระสำคัญอีกต่อไป   ผมจะต้องเรียนรู้การที่จะอยู่คนเดียวบนโลกนี้ให้ได้

   ผมมีใคร . . .

   . . . ไม่เห็นมีใคร . . . 

   ทำดีไป  ไม่มีใครเห็น  ทำไปทำไม  เพื่ออะไรกัน

   ในเวลานั้น . . . ผมไม่มีสติพอที่จะดูแลตัวเอง  ไม่มีความรู้สึกพอที่จะรู้สึกดีกับใคร  เพราะในหัวผมมีแต่ความหวาดระแวง  มีแต่จะทำยังไงดี  คืนนี้ผมจะทำยังไงกับคนที่บ้านต่อดี

   แต่ . . .

   อีกความรู้สึกหนึ่ง . . .   

   . . .  ผมเจ็บปวด  ผมไม่อยากเห็นหน้ามัน  ผมอยากอยู่คนเดียว  อยากหนีไปให้ไกล  ไปให้ไกลที่สุด  เพื่อว่าจะได้ไม่ต้องทำร้ายมันอีก  ผมไม่อยากทำร้ายคนที่ผมรัก

   ผมเจ็บปวดทุกครั้งที่เริ่มทำร้ายมัน . .

   และ . . . เจ็บปวดยิ่งกว่าที่เห็นเบอร์หน่อยในเครื่องมัน  เบอร์ที่เพิ่งผ่านการใช้งานมาไม่นาน  มันเจ็บปวดแทบขาดใจ  เพียงแค่เห็นเบอร์โทรเท่านั้นเอง

   มันเคยโทรหาผมหรือ . . .

   ไม่มี  ข้อนี้ผมน้อยใจอยู่เต็มหัวอก . .  .

   แค่เศษเงินไม่กี่บาท . . . ซื้อความรู้สึกของคนแบบผมได้  แต่มันไม่ทำ  มันไม่เคยทำเลย  ผมได้แต่เก็บเอาความน้อยใจที่มีเป็นทุนเดิมเป้นความแค้น  เป็นเชื้อที่พร้อมจะปะทุได้ทุกที่ทุกเวลา

   แดนมันคอยหลบหน้าผมตั้งแต่วันนั้น . . .

   วันที่ซาตานเข้าสิงผม   สายตาที่มันมองผมด้วยความชื่นชมไม่มีอีกต่อไป  มีแต่แววตาว่างปล่าวเสมือนว่าไม่มีผมอยู่บนโลกใบนี้

   ผมรู้ดี . . .

   ผมรู้จักแดนมันดี  มุมมองความรักของมันคือการให้  มันให้ได้ทุกอย่างสำหรับคนที่มันรัก  มันเลี่ยงที่จะคุยกับผม  แววตาที่มันมองผม  มีแต่ความสงสาร  แต่แค่เพียงแว๊บเดียวเท่านั้น  เพราะหลังจากนั้น  แววตาที่แดนม่  จะมีแค่ความว่างเปล่า

   มันวางตัวเฉย  มันไม่ยอมพูด  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้มันจะอยู่ข้าง ๆ  ผมอีกมั้ย  ในเวลานี้จะมีใครสักกี่คนที่ยืนเคียงข้างผม  ไม่มีหรอก  ไม่มีเลย

   แต่ . . .

   ในตอนนั้น  ผมรักแค่ตัวเอง 

   ปมปลอม . . .

   ปมที่ผมสร้างมาเพื่อหลอกตัวเองว่าคือความจริง  แต่มันไม่ใช่  สิ่งที่ผมสร้างเอาไว้  ไม่ใช้ความจริงแต่มันคือปัญหา  ที่จะตามมา    ปมปลอมไม่ได้ช่วยให้สิ่งต่าง ๆ  มันดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย  ผมไม่รู้จักตัวเอง  หลงไปกับมายาที่ผมสร้างเอาไว้

   “เฮ้ยมึง มาจริง ๆ  เหรอนี่”    เกือบห้าทุ่ม  มันมาที่ผมนั่งที่ร้านเดิม   ร้านที่ผมกับเพื่อน ๆ  จะมากันเป็นประจำ

   ไอ้เพื่อนรักมันนั่งลงข้าง ๆ  ผม 

   “ไหนบอกวันพุธใครเขาเที่ยว”  ผมหันไปมองมันก่อนยกกระดกหมดแก้ว

   “ไอ้เหี้ยนี่  เป็นบ้าไร  มีอะไรกลุ้มใจหนักหนาว่ะ”

   “ใครกลุ้ม  ไม่มี”

   “เออไม่มี  กูคิดไปเองมั้ง”

   “ก็ดี”  ผมตอบมันสั้น ๆ  สนใจกับดนตรีที่เล่นอยู่มากกว่า  อาจเพราะผมไม่อยากให้มันเห็นอะไรในตัวผมก็ได้

   “มึงเป็นอะไรมากมั้ยนี่  เห็นไอ้แดนบอกมึงปล่อยตัวโทรม  ทีแรกกูไม่อยากเชื่อหนุ่มเจ้าสำอางค์แบบมึงจะทำได้  จนวันนี้กูมาเห็นกับตา  กูถึงกับช็อคเลยนะมึง”

   “ไม่มีอะไรหรอก  แค่เหนื่อย”

   “งานเหรอ”

   “ก็มีส่วน”

   “อาร์ม  ถึงช่วงที่ผ่านมากูจะไม่ค่อยได้เจอมึง  แต่กูห่วงมึงนะโว้ย  มึงมีอะไรมึงก็พูดสิวะ  มีอะไรมึงก็เล่าให้กูฟังได้  กูไม่ชอบเลยที่มึงทำตัวแบบนี้  กูอยากเห็นมึงสดใสแบบเมื่อก่อนมากกว่า”

   “กูไม่มีอะไรจริง ๆ”    ผมบอกมัน  แต่น้ำตาตกใน

   ผมจะบอกมันได้อย่างไร  ในเมื่อมันเคยรู้เรื่องผมกับโกเมศวร์เสียที่ไหน  ถ้าผมบอกมันแล้ว  มันจะยังเป็นเพื่อนผมอยู่อีกมั้ย  ผมแคร์มัน  เพราะในเวลานี้มันคือเพื่อนคนเดียวที่ผมมีอยู่

   ด้ายเส้นบาง ๆ . . .

   เป็นเพียงด้ายเส้นเดียวเท่านั้นที่ยึดตัวผมให้อยากยืนอยู่บนโลกนี้  เพราะในเวลานี้ผมไม่มีใคร  ไม่มีใครอีกแล้วจริง ๆ  ผมมีมันเป็นเพื่อน  เป็นทุก ๆ  สิ่ง  แล้วผมไม่กล้าที่จะบอกอะไรกับมัน  ผมกลัว  หากผมพูดออกไป  มันจะห่างหาย . . .

   “กูโทรไปหาไอ้โก  มันบอกมึงกลับบ้านดึก  เมาไปทุกคืนเลย  มึงเป็นอะไรนักหนา”   มันจ้องหน้าผม

   ผมยิ้ม . . .

   ยิ้มทั้ง ๆ  ที่น้ำตามันท่วมใจ  มองหน้าเพื่อนรักเอาไว้  ผมอยากจดจำมันเอาไว้ให้มากที่สุด  ให้มากเท่าที่จะมากได้

   ผมพูดกับมันยังไงดี . . . อยากพูดแต่ไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้ว

   “เพื่อนพี่นี่แน่มากเลย  พวกผมยอม”    ไอ้บอลเด็กเสิร์ฟยกน้ำแข็งโซดามาเพิ่ม  มันยกนิ้วหัวแม่โป้งให้ผม

   “ทำไมเหรอน้อง”

   “เล่นเมาติดกันมาวันนี้วันที่แปดแล้ว  ผมพนันกับเพื่อนอยู่เลย  ว่าวันนี้พี่เขาจะมาอีกมั้ย  คนอะไรกินอึดชะมัด”   มันคีบน้ำแข็งใส่แก้วจะชงให้

   “ไอ้บอล  มากไปแล้ว”   ผมปรามมัน 

   “ไอ้อาร์ม  กลับบ้านเหอะ  กูมีเรื่องต้องคุยแล้วว่ะ”   ไอ้โอ๋มองหน้าผม

   “ยังไม่อยากกลับ”   ผมเทเหล้าลงแก้วตัวเอง

   “แต่กูสั่งให้มึงกลับ”

   “พ่อกูเหรอ”    ผมมองหน้ามัน  กวนตีนสุดชีวิต  มันจะแปลกอะไร  ถ้าชีวิตนี้ผมจะไม่มีคนที่ผมรักเหลืออยู่

   จะแปลกหรือ . . .

   . . . ถ้าผมจะอยู่คนเดียวบนโลกนี้

   ยามเกิดมา . . .

   . . . ผมก็เกิดมาคนเดียว

   แม้กระทั่ง . . . ฝาแฝด 

   ยังเกิดมาไม่พร้อมกันเลย  แล้วผมจะกลัวทำไมว่าผมจะอยู่โดยไม่มีคนที่ผมรักเหลืออยู่อีกแล้ว  ในเมื่อตอนนี้  ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว  ผมไม่มีใครที่อยู่กับผมสักคน

   “ไม่ใช่พ่อ  เพื่อน . . .”  มันมองหน้าผม   

   “เพื่อนแท้คนสุดท้ายที่มึงจะมีไง”  มันจ้องหน้าผม

   น้ำตาผมเอ่อ . . .

   . . . เพื่อน . . .

   ผมจำต้องยอมกลับ  ทั้ง ๆ  ที่ไม่อยากจะกลับ  มันขับมาทางพระรามแปด  ก่อนที่จะจอดที่ใต้สะพาน  ผมมองหน้ามัน . . .

   “เดินเล่นดีมั้ย”

   “ตามใจมึงสิ”  ผมบอกมันหากแต่ลงจากรถก่อนมัน 

   ยามดึก  อากาศกลางแม่น้ำลมพัดโชยเย็น  ผมเดินกับมันมาหยุดที่กลางสะพาน  เรายืนเกาะราวสะพานเอาไว้  มองไฟของกรุงเทพฯ  สวย  สะพานที่ใกล้กันมองเห็นชัด  สะพานพระปิ่นเกล้า    เรือข้ามฝากยังคงแล่นอยู่กลางแม่น้ำช้า ๆ  ที่ตรงนั้นยังมิหยุดนิ่งยังคงดำเนินต่อไป

   หาก . . .

   ชีวิตผมล่ะ  ผมยังหายใจ  ยังไม่หยุดนิ่ง  ชีวิตคนก็ไม่แตกต่างจากเรือ  ยามไร้ลมไร้คลื่นก็ราบเรียบ  แต่เมื่อเจอคลื่นใหญ่  เรือจะต้องประคองตัวเอง  เพื่อฟันฝ่ามรสุมไปจนถึงฝั่ง  ผมมองดูเรือ  แล้วย้อนมองดูตัวเอง

   ไม่แตกต่างกับเรือนี่หว่า . . .

   “มึงมีอะไรจะพูดกับกูมั้ย”  เสียงมันถามผม  หากสายตามันทอดยาวไปทางทิศที่ตั้งของโรงพยาบาลศิริราช

   “ไม่มี”

   “อย่าหลอกตัวเองเลยเพื่อน  ไม่เหนื่อยหรือที่ต้องหลอกตัวเอง”

   “ทำไม”  ผมหันไปมองหน้ามัน  หากมันยังคงมองไปที่เดิม  ผมเห็นแค่ใบหน้ามันครึ่งซีก   แต่ผมรู้ได้  มันห่วงผม  เพราะหากมันไม่ห่วงมีหรือที่มันจะทำแบบนี้ 

   “เพราะกูรู้จักมึง”

   “ใครบอกอะไรมึงไอ้โอ๋”   ผมมองหน้ามัน

   “ไม่มี . . .”  มันหันกลับมามองหน้าผม 

   “. .  .ไม่มีใครบอกอะไรกูทั้งนั้น  กูไม่ได้เจอมึงมานานนะ  เพราะตั้งแต่เรียนมา  ไม่เจอกันอย่างมากสองอาทิตย์  แต่นี่  ตอนนี้เกือบเดือนมั้ง  แล้วจะให้กูรู้อะไรล่ะ  กูไม่รู้อะไรเลย  ไม่รู้อะไรจริง ๆ  ถ้าจะมีสักคนที่บอกกู . . .”

   “ใคร”

   “ตัวมึงนั่นแหละไอ้อาร์ม  มึงมีอะไรในใจที่มันพูดออกมาไม่ได้อย่างนั้นหรือ  มึงบ้ามั้ย  ไปกินเหล้าทุกคืน  มึงไปทำงานไหวเหรอ  มึงมีอะไรทำไมมึงไม่บอกไม่พูด  มึงเป็นแบบนี้กูสบายใจหรือ”

   “กูไม่รู้จะพูดยังไง”  ผมหันไปทางสายน้ำที่ไหลลงต่ำ

   สายน้ำไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ

   สายน้ำไหลไปแล้ว . . . ไม่ย้อนคืนกลับ  แล้วชีวิตผมล่ะ  ชีวิตของผมต่อจากนี้จะทำอย่างไรดี  ผมจะให้สิ่งต่าง ๆ  มันย้อนคืนแบบสายน้ำหรือ

   “ก็เริ่มจากที่มึงพูด”

   มันไม่รู้หรือ  ผมอึดอัด  อึดอัดมากกับสิ่งที่ผมต้องเก็บมันเอาไว้ตอนนี้  ผมไม่รู้  ว่าสิ่งที่ผมทำลงไป  มันจะชั่วขนาดไหนในสายตาของเพื่อนที่ผมรักมากที่สุด

   “มึงจะโกรธกูมั้ย”

   “โกรธเรื่องอะไร”

   “ถ้ากูจะบอกมึง  มึงอย่าโกรธกูได้มั้ย”

   “ไม่โกรธ  กูไม่โกรธ  แต่ถ้าวันนี้มึงยังไม่พูดอะไรออกมา  กูโกรธ”   มันหันมายิ้มน้อย ๆ 

   บรรยากาศค่อยดีมานิดนึงเมื่อผมเห็นรอยยิ้มของมัน . .

   รอยยิ้มมันอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง  บางทีมันคงถึงเวลาที่ผมควรจะยอมรับความจริงเสียที  ผมจะกลัวอะไรอีก  ในเมื่อตอนนี้สภาพของผมก็ไม่มีอะไรดีอยู่แล้ว  การจะมีใครหรือไม่มีใครเข้าใจผมตอนนี้  มันไม่แปลกอะไร

   “กูว่ากูชอบผู้ชายวะ”  ผมจะได้แม่น  ประโยคแรกที่ผมพูดออกไป  ผมรวบรวมความกล้าแทบแย่

   “ใครว่ะ  ชอบกูเหรอ”  มันหันมาทางผม

   “สัสสสสส  ไม่ใช่มึงหรอก”

   “แล้วใคร”  มันหันมามองหน้าผม

   “ไอ้โก”

   “กูนึกแล้ว . . .”   มันถอนหายใจ  ก่อนหันกลับไปทางเดิม 

   “. . .ตั้งแต่เมื่อไหร่”

   “ตั้งแต่ที่เจอมัน  กูก็รู้สึกถูกชะตา ก่อนที่มันจะมาเรียนเสียด้วยซ้ำ”

   “ไอ้เหี้ยเอ้ย  กูน่าจะคิดตั้งนานแล้ว”  มันเอามือมาโอบไหล่ผมเอาไว้  มันไม่ได้รังเกียจผม  ในสิ่งที่ผมบอกมัน

   “ทีแรกกูรักมัน  กูแค่ไม่อยากให้มันอยู่กับเมียมัน  เพราะเมียมันเป็นเด็กบาร์  แล้วพอแม่มันมาพูดให้กูพามันมาเรียน  กูเลยทำเพื่อให้มันมาเรียน”  ผมพูดโดยไม่ได้มองหน้ามัน 

   ความทรงจำในวันเก่าของผม . . .

   “มิน่า เลยออกแผนให้พวกกูไปเที่ยว เพื่อมันจะได้มีเงิน  แผนสูงชิบหาย  แล้วเรื่องทองที่กูไปตึ้งอีก  โอ้ยทำไมกูโง่ไม่คิดเสียตั้งแต่ตอนนั้นว่ะ”

   “กูไม่กล้าบอกมึง  กูกลัวมึงจะไม่คบกู”

   “ทำไม”

   “กูเป็นเกย์”

   “แล้วมันเป็นโรคติดต่อเหรอ  ถ้ากูอยู่ใกล้มึงกูจะติดจากมึงเหรอ  แล้วเกย์ที่มึงบอกมันไม่ใช่เพื่อนกูเหรอ”

   ผมน้ำตาไหล . . .

   ผมรักมันนะ  เพื่อนที่ดีที่สุดของผม  ยามที่ผมทุกข์ที่สุดในหัวใจคงมีแต่มันเท่านั้นที่อยู่ข้าง ๆ  ผม   มันอยู่กับผม  ไม่ทิ้งผมไปไหน  มันแบ่งเบาความทุกข์ในหัวใจของผมให้บางเบาลงไม่ได้  แต่มันทำให้หัวใจที่เต็มไปด้วยความทุกข์อบอุ่นได้

   มันเหมือนกระแสน้ำเย็นกลางลาวาอันร้อนรน

   “มึงจะอยู่กับมันไปนานแค่ไหน  จนตายเหรอ”

   “ไม่ใช่  ไม่ใช่เลยเพื่อน  กูขอแค่มันเรียนจบปริญญาตรี  แล้วกูไม่สนหรอกว่ามันจะไปจากชีวิตกูหรือเปล่า”

   “เหรอ  งั้นตอนนี้ก็เจ็บที่ต้องทำใจลาจากสินะ  อีกไม่ถึงปีมันก็จบแล้วนี่”

   “ไม่ใช่  มันมีคนอื่น  มันมีผู้หญิงอื่น”  ผมเหมือนมีอะไรมาจุกที่ลำคอ  มันตีบแน่นเมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนั้น

   “มึงน่าจะดีใจกับมันนะไอ้อาร์ม  อย่างน้อยมันก็ได้ใช้ชีวิตแบบที่มันอยากเป็น”

   “ไม่  กูไม่อยากให้มันมีเมียแบบนั้นแน่”

   “หึงเหรอ  บ้าไปแล้วมึง  ผู้ชายที่ไหนจะอยู่กับผู้ชายไปจนตาย  มันไม่มีจริงหรอก  ขนาดหญิงชายยังเลิกกันเลย  มึงจะรั้งมันไว้ได้อย่างไร”

   “กูไม่รั้ง  ถ้ามันจะมีคนที่ดีกว่านั้น  มึงคิดดูนะโว้ยกูเอามันมาเรียน  มาจากสังคมที่แย่ ๆ  เอามันมาจากหญิงบาร์  แล้วตอนนี้มันจะกลับไปที่จุดเดิม  มันจะกลับไปหาผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเลย  จบแค่ปอหก  แล้วพ่อเขาเอามาฝากคนที่นั่น  ยังไม่ทันเป็นนางสาวก็มีผัวแล้ว  แล้วผัวมันก็นามสกุลเดียวกันกับไอ้โก  ในขณะที่มันยังนอนกับผัวมัน  แต่มันแอบคบไอ้โก  แล้วมึงจะให้กูทำยังไง  ให้กูปล่อยให้มันไปเจอคนแบบนั้นเหรอ  ที่สำคัญ  ทำไมมันต้องโกหกกู  ทำไมมันไม่บอกกูตรง ๆ”  เสียงผมสั่น หากหัวใจผมตีบ  สิ่งที่ผมพูดมันออกมาพร้อมอะไรบางอย่างในร่างกาย

   มันดึงผมไปซบกับบ่ามัน . . .

   “ทำไมชีวิตคนเรามันถึงได้เหี้ยแบบนี้ว่ะ”  ไอ้เพื่อนรักผมมันสบถออกมา

   “กูไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว  แค่ปีเดียวเองเพื่อน  แค่ปีเดียวกูก็จะปล่อยมันแล้ว  แต่มันทำแบบนี้กับกู  กูเจ็บ  กูเจ็บ”  ผมร้องไห้ออกมา  ใช้บ่ามันเป็นที่รองรับซับน้ำตา

   มันไม่พูดออกมา  ไม่มีคำปลอบจากเพื่อนรัก . . .

   . . . มันมีแต่มือที่ลูบไปมาบนหัวผม  หัวที่ซบอยู่กับบ่ามัน

   แค่นี้ . . .

   . . . ยิ่งกว่าคำพูดใด ๆ  ทั้งหมดที่ผมเคยได้ยินจากมัน  สัมผัสอันอบอุ่นจากปลายนิ้วของมันแล่นผ่านมาสู่หัวใจของผมอย่างช้า ๆ   มันเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุด  และเป็นเวลาที่ผมจะจดจำเอาไว้มากที่สุดเช่นเดียวกัน

   “กูแค้นมัน  กูเกลียดมัน  กูเลยโทรหาผู้หญิงของมัน  แต่มันไม่รู้  กูอยากแก้แค้น  ที่มันทำกูเจ็บ  กูเลยต้องเมา  เพราะเวลากูเมา  กูกลับไปบ้าน  กูจะได้แก้แค้นมัน  กูทำกับมันเหมือนมันไม่ใช่คน  กูอยากทำอะไร  กูก็ทำ  ก็ไม่สนหรอก  มันจะคิดยังไง  กูรู้แค่ว่าถ้ากูเจ็บ  มันต้องเจ็บ”

   “ไอ้อาร์ม . . .”  เสียงมันตกใจ   

   “. . . มึงทำบ้าอะไรไป  มึงทำได้ไง น้องมึงทั้งคน”

   “กูไม่รู้  กูไม่รู้ตัวเหมือนกัน  กูรู้แต่กูแค้น  กูเจ็บ  กูทำไงก็ได้”

   “แล้วมันหายมั้ย  มันหายมั้ยมึง”

   ผมอ่อนแอ . . .

   ตัวตนที่แท้จริงของผม  ผมร้องไห้ออกมาโดยที่มันยืนให้ผมใช้ไหล่มันแทนที่พัก  ยามที่ผมอ่อนล้าที่สุดแล้ว  ขาผมแทบยืนไม่ไหว  หัวใจผมบอบซ้ำอย่างที่สุด  เมื่อผมสารภาพถึงความสารเลวในตัวเองที่ผมได้ทำลงไป 

   “ไม่เลย  ไม่มีครั้งไหนเลยที่กูมีความสุข  กูสะใจ  แต่กูเจ็บยิ่งกว่าตอนที่กูรู้ว่ามันโกหกกูเสียอีก  กูทำมันเจ็บ  มันต้องเสียใจ”

   “เอาน่าเพื่อน  เอาน่า  ไม่ต้องทำอีกแล้ว  ไม่ต้องทำอีก  น้องมึงทั้งคนนะโว้ย  มันรักมึงเหมือนกันแหละ  ไม่อย่างนั้น  มันคงไม่ยอมให้มึงทำกับมันแบบนั้นหรอก”  มันกระชับไหล่ผมเอาไว้  เอาปลายนิ้วตบที่ไหล่ผมเบา ๆ

   “มึงจำตอนวันเผาแม่ได้มั้ยไอ้โอ๋  วันนั้นมึงก็อยู่กับกูแบบนี้  วันนั้นกูรู้แล้ว  กูไม่มีใคร  ไม่มีใครอีกแล้ว  มึงบอกไม่ทิ้งกู ไอ้โกบอกไม่ทิ้งกู  แล้วไง  ตอนนี้  มันทิ้งกู  มันทิ้งกูไปแล้ว  มันฆ่ากูอย่างเลือดเย็นที่สุด  คนที่กูรัก  และหวังว่าเราน่าจะเป็นพี่น้องที่ดีกันได้  มันฆ่ากูแล้ว  มันฆ่ากูทั้งเป็นไอ้โอ๋”  ผมร้องไห้ไม่หยุด  ตอนนี้คงไม่มีอะไรที่จะมาหยุดผมเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว

   สิ่งที่ผมเจอ สิ่งที่อัดแน่นในหัวใจ . . .

   “แต่กูไม่ทิ้งมึงหรอก  มึงจะเป็นยังไง  กูไม่มีวันทิ้ง” 

   ผมรู้ . . .

   ผมรู้  มันไม่ได้ปลอบผม  แต่นั่นคือความเป็นจริงที่สุดในสิ่งที่มันพูด  คำพูดของมัน  มันรักษาคำพูดเสมอ  มันเคยทิ้งผมเสียที่ไหน

   “เอาน่า  ยังไงมันก็น้องมึง”

   “แต่กูทำลายมัน  กูทำร้ายมัน กูเกลียดตัวเอง  ถ้ากูไม่ทำมัน  ถ้ากูไม่ทำร้ายมัน  ถ้ากูรักมันเหมือนที่กูรักมึง  มันก็คงไม่เจ็บ  กูก็ไม่เจ็บ  แต่กูมันเลวไง  กูเลวที่ทำมันได้  กูไม่มีความสุขเลยตั้งแต่ที่กูรู้ว่ามันมีคนอื่น  ตั้งแต่ปีใหม่กูไม่เคยได้นอนเต็มตา  บางคืนกูต้องสะดุ้งตื่นมากลางดึก  ทั้ง ๆ  ที่กูหลับ  แต่ทำไมน้ำตากูไหล  กูเลวนะ  กูเลว  กูไม่มีวันให้อภัยตัวเองที่กูทำให้มันเจ็บ”  ผมร้องไห้ออกมาอีก

   ความแค้นที่ผมหลอกตัวเอง . . .

   . . . ว่ามันเป็นความสุข  คือสิ่งที่ผมต้องทำ

   แท้จริง แล้ว . . . มันมีแต่ความเจ็บปวด

   “เอาน่าเพื่อน  เริ่มใหม่นะ  เริ่มใหม่  สิ่งที่ผ่านมาอย่าเก็บไปคิด  มึงเริ่มทำสิ่งที่ดีใหม่  ท่องเอาไว้นะ  มันคือน้อง  มันเป็นน้องไง”

   ผมไม่รู้วันนั้น . . .

   ผมร้องไปมากขนาดไหน  ผมรู้แต่ว่าสิ่งที่ผมพูด  สิ่งที่ผมระบายออกมา  ผมเกลียดตัวเองจับหัวใจ  ผมทำลงไปได้อย่างไร  ผมทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดให้กับคนที่ผมรักมากที่สุดได้อย่างไรกัน

   ไฟที่สุมอยู่ในอก . . .

   . . . คือนรกดี ๆ  นี่เอง






   ไม่รู้มีใคร  บอกว่าโลกมีอยู่   ๒  ใบ

   ใบแรก . . .

   . . . โลกแห่งความจริง

   ใบที่สอง . . .

   . . . โลกแห่งความฝัน


   ความฝันไม่เคยทำร้ายใคร  แต่ความจริงมันอาจจะเจ็บปวดบ้าง  เพราะมันคือลูกอมฮอลล์  รสชาติของชีวิตไง  เพราะแต่ละคนสัมผัสโลกต่างแง่  ต่างมุม  ต่างทัศนคติ โลกเปลี่ยนไปตามมุมมองที่คนจะมองว่าเป็นเช่นไร  มีทั้งสุข ทุกข์ สมหวัง ผิดหวัง  มันขึ้นอยู่กับโลก

   หัวใจไม่ได้มีไว้เพื่อเจ็บ . . .

   แต่ . . . หัวใจมีไว้เพื่อรัก

   แล้วผมก็รักมันมากเสียด้วยสิครับ  มากจนเรียกว่า  หวง  หลง  หรืออะไรอีกร้อยแปด  ที่อยากผูกมันเอาไว้กับผมเสียด้วยซ้ำ  อ้าว  ก็คนเราเห็นแก่ตัวเพราะความรักด้วยกันทุกคนมิใช่เหรอครับ

   สิ่งที่ผมทำลงไป 

   ผมรู้  ไม่ได้ทำให้ผมมีความสุขขึ้นมาเลย  ตรงกันข้าม  มันมีแต่ความทุกข์  ไฟมันเผาหัวใจผมช้า ๆ  กว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว

   สายเสียแล้ว . . .

   . . . ผมเกลียดคำนี้จับหัวใจ

   บางที . . .

   ผมอาจจะต้องทำอะไรสักอย่าง  สิ่งที่ผมไม่เคยทำมาเลยตลอดชีวิต  สิ่งที่ผมหลอกตัวเองเสมอ . . . ว่าผมทำเพื่อมัน

   หรือ . . .

   . . . แท้จริงแล้ว  ผมทำเพื่อตัวเองกันแน่

   “QR  รับลูกเรือต่างชาติร่วมร้อย ต้อนรับโดฮาเกมส์  2006”    ไอ้แดนมันอ่านเสียงดัง  ก่อนเหลือบมามองผม

   “พี่น้อย  ไม่อยากเป็นแอร์หรือพี่  ไฟว์สตาร์แอร์ไลน์นะพี่  หรูด้วย”  มันหันไปบอกพี่อีกคนที่ในออฟฟิศ  หากผมรู้  หางตามันมองมาที่ผม

   “ไหนแก  รับจริงหรือ  พี่อยากไปสมัคร”

   “นี่ไงพี่  ข่าวในเวปประชาชาตินี่ไง”  มันเอี้ยวตัวหลบให้รุ่นพี่ที่ลุกมาดู

   “รับเยอะนะเนี่ย  แบบนี้รอไม่ได้แล้วล่ะ  แต่ภาษาขนาดพี่นี่จะไหวมั้ยนี่  ถ้าแบบน้องอาร์มนี่หายห่วง  ได้แน่ ๆ”

   ผมนั่งนิ่ง . . .

   คิดหาทางว่า  ผมควรจะทำอย่างไรดี  กับการเดินออกไปจากชีวิตของมัน  ผมไม่อาจทนเห็นมันเจ็บได้อีกแล้ว  ผมไม่อยากทำร้ายมันอีก  ถึงแม้ว่ามันจะโกหกผมเอาไว้  แต่สิ่งที่ผมตอบแทนให้มัน

   คงล้างความดีที่ผมทำให้มันหมดสิ้นแล้ว . . .

   “น้องอาร์มว่าไง  นั่งใจลอยเชียว”    พี่น้อยหันมาทางผม

   “ว่าไงนะครับพี่”  ผมยิ้มเก้อ ๆ

   “แน่ะใจลอยจริง ๆ  ด้วย  QR  รับลูกเรือต่างชาติไง  แดนมันเปิดเวปอยู่นี่  น้องอาร์มไม่สนใจเหรอ  เงินดีนะ  ดีกว่าทีจีอีก”

   “เหรอพี่  แล้วต้องประจำที่ไหน”

   “DOHA  จ๊ะ  ลองไปสมัครดูมั้ย”

   “DOHA”    ผมได้แต่ท่องชื่อนี้เอาไว้ในใจ  บางทีวิถีชีวิตของผม  อาจจะต้องหันเหก็ได้ 

   “โอ้ย  พี่อาร์มไม่ไปหรอกพี่  ผมเอาหัวเป็นประกัน  เขาไม่ไปไหนจากเมืองไทยหรอก  เงินดีก็ไม่มีทางไป  คนมีห่วงขนาดนั้น”

   เสียงแดนมันเหมือนกระตุ้นอะไรผมบางอย่าง . . . 

   ผมหันไปมองหน้ามัน  ยิ้มให้มัน  ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน หลังจากที่ผมรู้สึกว่าระหว่างมันกับผมมีม่านบาง ๆ  คอยกั้นเราอยู่  สิ่งที่มันพูด  น่าจะกระตุ้นให้ผมลุกยืนอีกครั้ง  บางที . . . การตัดสินใจของผมครั้งนี้  น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้ว

   เส้นทางชีวิต . . .

   . . . มีถนนอีกเส้นที่ผมมองเห็น

   ตอนนี้มันเหลืออยู่แค่ว่า  ผมจะเดินไปบนถนนเส้นนั้นหรือไม่  ถนนที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเดินเข้าไปเลย . . .

   . . . ลูกเรือ . . .

   QR  ไฟว์สตาร์แอร์ไลน์

   ชื่อนี้ . . . มันติดอยู่ในความทรงจำของผมตลอดไป . . .


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 28-05-2008 00:38:44
พี่อาร์มทำแบบนี้ก็เจ็บปวดแย่สิครับ

แต่นี่คงเป็นเหตุผลที่พี่อาร์มไปจากพี่โกสิครับ

ทำร้ายคนอื่นไม่พอ ยังทำร้ายตัวเองด้วย

ถ้านี่เป็นเรื่องจริงก็เป้นเรื่องที่ไม่มีใครมีความสุขเลยนะครับ

ชีวิตคนเรา ถ้ามันไม่สุข ก็ไม่ควรจะจมกับความทุกข์ หรือความแค้นได้มากขนาดนั้น

บางครั้ง ความผูกพัน มันอาจซื้อความรักไม่ได้ แต่มันอาจจะมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าความรักรออยู่ก็ได้นะครับ

พรุ่งนี้มาต่อเร็วๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 28-05-2008 00:54:24
พี่อาร์มทำแบบนี้ก็เจ็บปวดแย่สิครับ

แต่นี่คงเป็นเหตุผลที่พี่อาร์มไปจากพี่โกสิครับ

ทำร้ายคนอื่นไม่พอ ยังทำร้ายตัวเองด้วย

ถ้านี่เป็นเรื่องจริงก็เป้นเรื่องที่ไม่มีใครมีความสุขเลยนะครับ

ชีวิตคนเรา ถ้ามันไม่สุข ก็ไม่ควรจะจมกับความทุกข์ หรือความแค้นได้มากขนาดนั้น

บางครั้ง ความผูกพัน มันอาจซื้อความรักไม่ได้ แต่มันอาจจะมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าความรักรออยู่ก็ได้นะครับ

พรุ่งนี้มาต่อเร็วๆ นะครับ





เป็นเรื่องจริงประมาณ . . . ๘๐ %

ทรมานเนาะ  แต่ก็ต้องผ่านมันให้ได้

ปล.  แล้วเรื่องนี้เขียนจากมุมมองมุมเดียวนะครับ   มุมมองความคิดอีกฝ่ายเราไม่สามารถรู้ว่าเขาคิดอะไรในตอนนั้น ๆ  โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน  อิอิอิอิ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 28-05-2008 00:59:14
พี่โอ๋ เป็นเพื่อนที่ประเสริฐมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 28-05-2008 03:56:52
พี่โอ๋เป็นเพื่อนที่ดีมากๆๆเลย รักจังพี่โอ๋ จุ๊บๆๆอิๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 28-05-2008 05:00:03
 :L2:มาให้กไลงใจค่ะ :L2:


 :a2: :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 28-05-2008 05:03:17
:L2:มาให้กำลังใจค่ะ :L2:


 : :

 :a2: :a2: :a2:
[/quote]
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 28-05-2008 08:56:14
เสียใจกับพี่อาร์มเรื่องพี่โก


แต่ดีใจกับพี่อาร์มเรื่องเพื่อนตายอย่างพี่โอ๋ค่ะ


ดีจังเลยนะคะ...


อย่างน้อย พี่อาร์มก็รู้มายังมีพี่โอ๋คอยอยู่ข้างๆนะคะพี่!


สู้ๆนะคะ!  :o8:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 28-05-2008 08:57:26

บางที การหลบไปจากสถานที่ที่ทำให้เราเจ็บปวดและค่อย ๆ จมไปกับความทุกข์แค้น.....น่าจะเป็นทางออกที่ดี  
หลบเพื่อหยุดบางสิ่งบางอย่าง ให้ความคิดอ่านค่อย ๆ ตกตะกอน
ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ


แก้วคิดว่า พี่อาร์มตัดสินใจถูกต้องแล้วค่ะ  :a2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 28-05-2008 09:35:34
รักพี่โอ๋ เชียร์พี่โอ๋

ขอเป็นน้อยพี่โอ๋ได้มั้ยจ๊ะ

กร้ากกกก

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 28-05-2008 09:57:54
ถึงแม้จะต้องมีเพื่อนเพียงแค่คนเดียวในโลก ขอแค่เพื่อนแบบโอ๋ก็คงพอ  o13

เป็นกำลังใจให้คุณอาร์มนะคะ   :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 28-05-2008 10:24:43
สู้ๆน่ะคับ..................รอติดตามน่ะคับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 28-05-2008 11:37:41
เข้ามาสนับสนุนพี่อาร์มอีกคนนนนนน

บางครั้งเวลาและความห่างไกล

มันช่วยเยียวยาให้ความบอบช้ำมันจางลงได้จริงๆ

ผมก็เป็นหนึ่งที่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้

นี่ก็ปาเข้าไป 7 ปีแล้วม้างที่ไม่ได้เจอกานอีกเลย

แต่พอกลับไปคิดถึงสิ่งดีๆที่เราเคยทำร่วมกันแล้ว

มันก็สุขใจดีนะ.........

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 28-05-2008 12:33:23
นี่เรื่องกำลังเดินทางมาถึงทางแยกแล้วสินะ o7
อยากรู้จังว่าอาร์มจะเดินออกมายังไง ตอนนี้รู้แค่อาร์มเดินออกมาด้วยวิธีนี้แน่นอน.....
รออยู่นะคะ เปนกำลังใจให้เหมือนเดิมค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 28-05-2008 12:57:59
อย่างน้อยก็ยังมี โอ๋ แดน เป็นคนดีๆอยู่ข้างกาย(ใจ)เสมอ
เจ้าโกห่วยแตกก็ช่างมันเหอะ :bye2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 28-05-2008 13:10:24


ตอนที่  ๒๘





   ถ้าคนเราจะทำอะไรผิดพลาด การที่เราแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่ถูกต้องที่สุด  ผมมองเห็นถนนอีกเส้น  ถนนที่ผมจะเดินมันไปได้  หากแต่ สิ่งที่พันธนาการผมเอาไว้  ผมจะตัดได้หรือ . . .

   ผมตัดได้ . . .


   . . . หาก . . .

   มันล่ะ  มันจะตัดได้หรือ ?

   การลาจาก . . .

   . . . ระหว่างมัน . . .

   และผม . . . 

   ไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องจาก  แต่มันอยู่ที่ว่าจะจากกันด้วยความเจ็บปวด  หรือจากกันด้วยรอยยิ้มมันก็อีกเรื่องหนึ่ง  แต่สิ่งที่ผมเห็นตอนนี้  ผมจะต้องทำให้มันออกจากชีวิตของผมโดยเร็วที่สุด . . .

   ผมตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว . . .

   . . . ผมจะตัดมันเอง . . .

   ตัดแบบที่ไม่ให้มีเหลือเยื่อใยเลยสักนิดเดียว    ผมจัฟันให้ขาดในดาบเดียว  แววตามุ่งมั่น หากแต่หัวใจผมมันสั่น ๆ 

   . . . อย่ากลัวไปเลย . . . อาร์ม 

   ไม่วันนี้ก็วันหน้า  สู้เจ็บเสียตั้งแต่ตอนนี้  เผื่อวันหน้า  จะได้ไม่ต้องเจ็บมากกว่านี้  รักตัวเองให้มาก ๆ  ก่อนนะอาร์ม . . . ผมบอกตัวเอง

   “โก . . .”   ผมเรียกเมื่อมันล้มตัวลงนอนข้าง ๆ  ผม

   “ครับ”

   ผมเงียบ . . . . ได้แต่ถอนหายใจ  ต่อจากวันนี้  มันคงจะจบลงแล้ว   หลังจากนี้อีกไม่กี่ชั่วโมง  ระหว่างมันกับผม  คงไม่มีอะไรที่หลงเหลือกันอีก

   การจากลา . . .

   . . . คงจะสมบูรณ์เสียที

   ผมสัญญา . . . จะทำตามสัญญาที่ผมให้มันไว้   ผมจะไม่อยู่ให้มันต้องเจ็บปวดเพราะผมอีกต่อไปแล้ว    ละครฉากนี้จะสวยสดและงดงาม  เป็นการส่งท้ายด้วยน้ำตา  ผมรับรอง  ผมจะรังสรรค์มันให้งดงามมากที่สุด

   ให้งามเท่า ๆ  ที่หัวใจผมอยากให้เป็น

   “เรียกแล้วเงียบ  มีอะไรหรือพี่”

   “โกมีอะไรที่ยังโกหกพี่อยู่อีกมั้ย”

   “ไม่มีนี่พี่”

   “แล้วยังมีเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้บอกพี่อีกหรือเปล่า”

   “ไม่มีนะ ผมบอกพี่ทุกเรื่องอยู่แล้ว  พี่อยากรู้อะไร  ผมก็บอก”

   “ยังติดต่อกับหน่อยอีกหรือเปล่า”  ผมไม่อยากหันไปมองมัน  เพราะผมคิดว่าคำตอบน่าจะเป็นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ตั้งแต่ต้นนั่นแหละ

   “ไม่มีนี่ครับ”

   ผมหันไปกอดมันเอาไว้ . . .

   คนในอ้อมกอดผมนี่มันหัวใจของผม  แต่ทำไม  ผมต้องเจอกับการโกหกซ้ำ  อย่างไม่มีวันจบสิ้นแบบนี้ก็ไม่รู้

   “พี่รักโก  รักมากกว่าตัวพี่เองเสียอีก”

   “พี่อาร์ม”  มันกอดผมเอาไว้  มันใช้นิ้วมันเช็ดน้ำตาของผมที่เริ่มไหล 

   “. . . อย่าร้องสิพี่  พี่ร้องทำไม”

   วันนี้ผมคงจากลากับมันด้วยน้ำตา . . .

   “ยืมโทรศัพท์ได้มั้ย”

   “เอาดิ”  มันหยิบโทรศัพท์ของมันที่หัวเตียงยื่นมาให้ผม

   ผมรับมาด้วยมือสั่นระริก  บางทีนี่อาจเป็นการเอาตัวเองขึ้นสู่ลานประหารก็เป็นได้  ไม่ใช่มันหรอกที่จะเจ็บ  หากคนที่เจ็บปวดคือผมต่างหาก  แต่ผมไม่กลัว  ในเมื่อผมตัดสินใจที่จะเดินเข้าสู่หลักประหาร  ผมก็ต้องเดินไปอย่างมั่นใจมากที่สุด


   อย่าให้ใครรู้ว่าเราหวาดกลัว . . .

   “โก . . . รักพี่มั้ย”

   “ก็พี่เป็นพี่ผม”

   “ถามว่ารักหรือไม่รัก  ไม่ได้ถามว่าเป็นอะไรกัน”

   “รัก . . . แบบพี่ชาย”

   “ทำไมต้องมีต่อท้ายอยู่เรื่อย  รักแบบไหนก็ตามแต่  พี่ขอ  ให้พี่โทรศัพท์เสร็จก่อน  แล้วเราค่อยคุยกัน  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามในขณะที่พี่ยังไม่วางสาย  โกไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น  สัญญาได้มั้ย”

   “ได้”

   “อย่าลืมนะ สัญญาแล้วนะ  ถ้าที่ผ่านมาไม่เคยทำตามสัญญา  หรืออาจจะลืมไปว่าสัญญาอะไรไว้  แต่ครั้งนี้  พี่ขอครั้งเดียว”

   “ครับพี่”

   ผมกดทิ้งเมื่อมีเสียงตอบรับจากปลายสาย . . .

   เขาคงโทรกลับมา . . .

   เที่ยงคืนแบบนี้  เขาคงยังไม่หลับ  ไม่หลับแน่ ๆ  ผมมั่นใจ  เพราะเสียงที่รับเมื่อครู่ยังสดใสอยู่  เป็นดังที่ผมคาด . . .

   ผมกดรับสายพร้อมเปิดเสียงลำโพง . . .

   “พี่โก . . . พี่โก . . . ได้ยินมั้ย”   ปลายเสียงนั่นบาดหัวใจผมพิลึก

   “พี่อาร์มเอง  ไม่ใช่พี่โก”  ผมพยายามอย่างมากในการทำน้ำเสียงให้อยู่ในระดับปกติ  มันเจ็บจนไม่รู้จะเจ็บอย่างไรแล้ว 

   “ทำไมเอาเครื่องพี่โกโทรมาล่ะพี่  หน่อยเพิ่งเลิกคุยกับพี่โกไปสักพักนี้เอง”

   “พอดีเครื่องพี่ตังค์หมดลืมเติมตังค์”

   “นอนดึกจัง  แล้วพี่โกหลับไปแล้วหรือ”

   “หน่อยพี่ถามอะไรหน่อยสักข้อได้ไหม”

   “ถามสิพี่  หลายข้อก็ได้”

   “ข้อเดียวเอง  ข้อเดียวเท่านั้น”   เสียงผมสั่น  แต่อย่าหวังเลยว่าผมจะเสียน้ำตา  น้ำตาของผมมันไม่มีวันไหลออกมาอีกแล้ว

   เพราะ . . .

   มันไหลกลับรินรดหัวใจผมหมดแล้ว  หัวใจผมตอนนี้มันคงท่วมไปด้วยหยาดหยดแห่งน้ำตา  มันใกล้ถึงเวลาสุดท้ายของผมแล้วมิใช่หรือ

   “ค่ะพี่”

   “สมมุติว่าคนที่นอนอยู่กับหน่อยทุกคืน  โกหกหน่อย  ปิดบังหน่อยมาตลอด  เขาพูดเท็จตลอด  หน่อยจะรู้สึกอย่างไร  หน่อยจะทำยังไง”

   “พี่อาร์ม”  มันมากอดผมเอาไว้ มันซุกตัวเข้าหาผม 

   แต่ผมรังเกียจ  ผมแกะมันออกจากการเกาะกุม  ในขณะที่มันพยายามจะเกี่ยวรัดผมเอาไว้  แต่มันจะมีประโยชน์อะไร  ในเมื่อสายใจที่เคยห้อมล้อมเราเอาไว้มันไม่มีแล้ว  ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกินกว่าที่หัวใจของผมจะรับได้อีกแล้ว  จะเป็นอ้อมแขนมัน  หรือหัวใจของมันก็ไม่สามารถที่จะเดี่ยวรัดผมเอาไว้ได้อีก เพราะในหัวใจของผมมันบอก . . .

   . . . ผมรังเกียจมันเสียแล้ว

   ผมเกลียดที่สุดการโกหก . . .

   แต่สิ่งที่มันทำกับผม  สิ่งที่คนแบบผมได้รับและเจอมา  มันควรค่ากันอย่างนั้นหรือ  มันเคยพูดความจริงกับผมสักครั้งหรือ?

   “เจ็บสิพี่  เจ็บมาก  ทำไมหรือพี่  ทำไม”

   “ป่าว”  ผมบอกได้แค่นั้น  ก่อนร้องไห้ออกมา . . .

   หาก . . . มิใช่ร้องเพราะอยากร้อง 

   แต่ผมร้องเพราะผมมีเหตุผล . . .

   เชื่อเหอะ  เมื่อผมวางสาย  ปิดเครื่อง  เขาต้องโทรกลับเข้ามาอีก  ไม่เครื่องผมก็เครื่องของโกเมศวร์แน่ ๆ  ผมรู้จักเขาดี  รู้จักดีแล้ว . . .

   เกมส์ . . .

   . . . ที่ผมจะต้องปิดให้ได้เหมือนที่หัวใจผมอยากจะปิด  แม้การปิดเกมส์ครั้งนี้จะทำเอาผมเจียนตาย  แต่ผมก็ยินดี  เพราะผมไม่มีทางอื่นใดเหลืออยู่อีกแล้ว

   หาก . . .  ผลจากการปิด 

   มันจะทำร้ายหัวใจผมอีกแค่ไหน ผมไม่รู้  ผมรู้เพียงแค่  หากผมจะเจ็บปวดอีกครั้ง  ครั้งนี้น่าจะเพียงพอ  ไม่น่าจะมีการเจ็บปวดให้อีกแล้วกับคนที่ผมรักแต่เขายังสามารถโกหกผมได้

   “พี่อาร์ม”   เสียงมันใกล้ ๆ  หูผม

   หากแต่ . . .

   ผมล่ะ  ผมไม่ทนเจ็บอีกแล้ว  คราวนี้  ผมจบจริง ๆ  จบแบบที่ควรจะจบ  ให้มันจบทุก ๆ  อย่างลง    ผมทำร้ายเขามามาก  ทำร้ายตัวเอง  ถ้านี่จะเป็นการทำร้ายเราสองคนครั้งสุดท้าย  ผมจะยินดี

   ยินดีเป็นที่สุด . . .

   “ผมขอโทษ  ผมขอโทษ”

   “อย่าเลยโก  อย่าทำร้ายกันเพียงแค่คำว่าขอโทษ  อย่าทำร้ายกันอีกกับคำว่าขอโทษ แล้วไม่เคยทำให้อะไรมันดีขึ้นมา  โกก็รู้  อีกแค่ปีเดียวเท่านั้น  ปีเดียวเอง  แต่โกทำไม่ได้  โกทำให้พี่ไม่ได้” 

   มันกอดผมเอาไว้ . . .

   ผมยอม . . . 

   เพราะต่อจากนี้  มันคงไม่มีโอกาสได้กอดผมอีกแล้ว  ผมจะไม่มีวันยอมให้ตัวเองเจ็บเพียงเพราะต้องการอ้อมกอดของมันอีกแล้ว  ผมเจ็บมามากแล้ว  และผมทำร้ายมันมามากเช่นเดียวกัน

   เรา . . . ถึงเวลาแห่งการจากโดยสมบูรณ์

   โทรศัพท์ผมสั่น . . .

   ผมรู้ . . .

   ถึงเวลาจริง ๆ แล้ว  เวลาแห่งการจากลามันทรมาน  ผมพยายามแล้ว  ที่จะจากลากันด้วยรอยยิ้ม  แต่หัวใจที่แหลกละเอียดแบบผมจะมีรอยยิ้มอีกหรือปล่าว

   “สวัสดีครับ” 

   “พี่อาร์ม  พี่อาร์มร้องทำไม”

   “หน่อย . . .”  ผมเรียกได้เท่านั้น  ก่อนที่จะร้องไห้ออกมาอีก   

   “. . . รักโกมั้ย”  เสียงถามผมแหบแห้งอยู่ในลำคอ  เหมือนหัวใจผมที่แห้งผากเหมือนทุ่งนาหน้าแล้งก็มิปาน

   “รักพี่ รักสิ”

   “ถ้ารัก  ดูแลมันด้วยนะ  อย่าทำร้ายมันนะ  อย่าให้มันต้องเจ็บปวดอีกนะ”

   “พี่อาร์ม  มีอะไรพี่  พี่อาร์ม”

   “พี่คงทำได้แค่นี้  พี่คงส่งมันได้แค่นี้  ต่อจากนี้    พี่คงไปส่งมันไม่ได้อีกแล้ว   หน่อยรักมันให้มากนะ    อย่าทำร้ายมันเหมือนที่พี่เคยทำ”

   “พอเหอะพี่อาร์ม  พอเหอะ”  โกมันพยายามแย่งโทรศัพท์จากผม

   “พี่โก  พี่อาร์มพี่โกร้องทำไม  เกิดอะไรขึ้นหรือพี่อาร์ม”

   “ปล่าวไม่มีอะไร”

   “พี่ บอกมาเหอะ  บอกมาสิ  อย่าร้องพี่อาร์ม  พี่อย่าร้องนะ”

   ผมไม่รู้เหมือนกัน  ตอนนั้นผมร้องเพราะเสียใจ  หรือผมร้องเพราะต้องการเล่นละครตบตาใครกันแน่  ผมรู้เพียงแต่ว่า  ทำอย่างไรก็ได้  ให้มันจบ ๆ  ไม่ต้องเจ็บปวดกันอีกทั้งสองฝ่าย  หรือ  อาจจะสามฝ่าย

   “อย่าให้พูดเลย  แค่นี้นะ”

   ผมตัดสายทิ้ง . . .   ผมคงไม่ไหวอีกแล้ว

   เพียงแค่อึดใจเดียว . . .

   . . . เขาโทรเข้ามาอีก

   “พี่อาร์ม  บอกสิพี่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเกิดอะไรขึ้น”

   “หน่อย  หน่อยคิดว่า  มีผู้ชายที่ไหน  เขาหวงผู้ชายอีกคนที่ไปจีบผู้หญิงอื่นมั้ย  แล้วจะมีผู้ชายที่ไหน  จะโทรไปหาผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่แฟนมั้ย”   มันตีบมันตันหัวใจของผม

   ดาบนี้แหละ . . .

   . . . ผมจะฟันมันให้เต็มแรง

   แรง . . .

   . . . พอที่ผมจะตายจากไปจากหัวใจของโกเมศวร์

   “พี่หมายความว่าไง”

   “ไม่มีผู้ชายคนไหน  โทรไประรานผู้หญิงของผู้ชายอีกคนหรอกหน่อย  ถ้าเขาสองคนไม่มีอะไรกัน” 

   ผมฟันลงไปแล้ว  ผมฟันเสียเต็มแรงเกิด  เลือดมันคงค่อย ๆ  ไหลออกจากร่างกายอย่างช้า ๆ  ต่อจากนี้  ผมกับมันค่อย ๆ  ขาดลง  มันจบลงด้วยคำพูดที่ผมเตรียมเอาไว้  ผมอยากให้เป็นแบบนี้  ทางออกที่ดีที่สุดในการให้มันออกไปจากชีวิตของผมเอง

   “พี่กับพี่โก . . . พี่โก  มันจริงหรือพี่  มันจริงหรือพี่โก  บอกหน่อยสิพี่  พี่สองคน  ไม่ใช่พี่น้องกันเหรอ  พี่อาร์มมันเรื่องจริงหรือเรื่องหลอก”

   “อย่าไปถามเขาเลยหน่อย  จริงหรือไม่  มันจะสำคัญตรงไหน  ในเมื่อตอนนี้สิ่งที่มันทำกับพี่  มันเกินที่จะทนอยู่แล้ว  พี่ต้องนอนน้ำตาไหลทุกคืน  เพราะคำที่มันบอกรักคนอื่นก้องอยู่ในหัว  มันเจ็บ  เจ็บจนเกินที่จะทนแล้วหน่อย”

   “ทำไมพี่ไม่บอกหน่อย  ถ้าพี่บอกแต่แรก  หน่อยก็จะถอยออกมาเอง”

   “มันไม่ได้อยู่ที่หน่อย  มันอยู่ที่เขา”

   “พี่อาร์ม  ขอคุยกับพี่โกได้มั้ย”

   “อย่าเลย  ตอนนี้เราเจ็บกันทุกคน  มันเองก็คงไม่มีความสุขหรอกที่พี่พูดเรื่องนี้  แต่พี่เองก็ไม่มีความสุขหรอก  ถ้ามันนอนอยู่กับพี่  แต่มันรักอีกคน  สิ่งที่พี่ทำ  ทางออกที่ดีที่สุดแล้วหน่อย  หน่อยดูแลมันให้ดีนะ  ให้สมกับที่มันรักหน่อย”   ผมไม่ไหวแล้ว  การบอกยกคนที่เรารักให้คนอื่นมันยิ่งกว่าการทรมาน

   “ไม่นะพี่อาร์ม  หน่อยดูแลเขาได้ไม่ดีเท่าพี่หรอก  พี่ดูเขาเหอะ  พี่ดูแลเขาเหมือนเดิม  หน่อยถอยมาเองพี่  หน่อยถอยออกมาเอง”

   “พอเหอะ  เลิกคุยเรื่องนี้เหอะ  พี่ไม่ไหวแล้ว  ปวดหัวเหลือเกิน”  ผมตัดสายทิ้งไป  ก่อนปิดเครื่อง

   หาก . . . คนที่นอนกอดผมอยู่นี่สิ  มันสะอื้นอยู่เลย

   “พี่คืนให้โกแล้วนะ  อิสระที่โกต้องการ”  ผมบอกมัน  แต่ทำไมหัวใจผมเจ็บ  เจ็บอย่างที่สุดแล้ว  ผมอยากร้องไห  แต่ไม่ใช่ตอนนี้  ผมจะอ่อนแอให้มันหัวเราะเยาะผมอีกไม่ได้  ผมต้องไม่ร้อง  ไม่ร้อง  ผมได้แต่สั่งหัวใจตัวเอง

   “ทำแบบนี้ทำไมพี่อาร์ม  พี่ทำแบบนี้ทำไม”

   “มันดีที่สุดแล้ว  โกไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเรา  ในขณะที่พี่ไม่อยากให้โกกับหน่อยคบกัน  ในเมื่อเราเดินมาตรงกลางไม่ได้  แบบนี้ดีที่สุดแล้ว  ต่อจากนี้  เราต่างคนต่างอยู่อย่างสมบูรณ์  เราไม่ได้เป็นอะไรกันอีกแล้วนะโก”

   “พี่อาร์ม  ทำไม  ทำไม”  มันกอดผมเอาไว้

   หากแต่ตอนนั้น . . .

   ผมไม่มีหัวใจอีกแล้ว  หัวใจผมตายไปแล้ว  ไม่มีอำรที่เหลือหัวใจรักไว้อีก  ที่ยังเต้นอยู่  มันคือหน้าที่  หน้าที่ของหัวใจที่คอยสูบฉีดโลหิตเท่านั้น   

   ส่วนหัวใจรัก  ผมไม่มีหัวใจที่จะรั้งมันเอาไว้  ไม่แม้แต่อยากจะเห็นหน้าของมัน

   “ถ้าอยากอยู่ ได้ . . .  ต่อไปพี่จะอยู่  แต่รับรองเราจะอยู่กันด้วยความเกลียดชัง  เราจะไม่มีความรู้สึกที่ดีกันอีกแล้ว”  ผมแกะมันออกจากอ้อมกอด

   หัวใจผมล่ะ . . .

   ยับเยินสิ้นดี  ผมไม่รู้เหมือนกันว่านั่นคือสิ่งโง่หรือฉลาดกันแน่  แต่มันมีทางไหนที่ดีกว่าทางนี้หรือ  มันไม่มีเลย  ไม่มีหนทางสำหรับคนสามคน  บนถนนสายชีวิตจะมีแค่คนสองคนเท่านั้น

   และผมรู้ . . .

   . . .  ผมคือส่วนเกิน
   


   ผมว่านั่นน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้ว  ทางที่จะแยกคนสามคน  มันยากมากสำหรับการทำใจจากลา  แต่ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกล้วนมีคู่ . . .

   . . . สิ่งที่เกินมาต้องออกไปจากระบบ

   ผมเลือกที่จะออกมาเอง. . .


   หาก . . .

   มันเจ็บปวดสิ้นดี  กับการตัดสินใจแบบนั้น  ผมไม่รู้ ตอนนี้ในสายตาโกเมศวร์ผมจะเป็นตัวอะไร   ผมรู้แค่ว่า  ทำยังไงก็ได้  ให้มันเกลียดผม  ให้มันเกลียดมากที่สุด

   ถ้า . . .

   ผมไม่ใช่คนที่มันรักที่สุด

   . . . ผมขอเป็นคนที่มันเกลียดที่สุดก็ได้

   หลังเหตุการณ์วันนั้น . . . มันหายหน้าไป

   ผมไม่ได้โทรหามัน  แต่ผมห่วงมัน  เจ็บปวดที่มันหายไป    มันเองก็ไม่ได้โทรหาผม  สิ่งเดียวที่ผมทำได้ . . . ผมแอบไปหามันที่มหาวิทยาลัย

   . . . มันยังมาเรียน

   ผมยิ้มกับตัวเอง  อย่างน้อยมันก็ยังมาเรียน  มันไม่ทิ้งสิ่งที่ผมหวังเอาไว้  ผมดีใจที่ต้นไม้ของผม  มันยืนหยัดได้  มันยืนยงได้แม้พายุที่พัดจะแรง  แต่มันก็ไม่ล้มไปตามแรงลม

   ยังหรอก . . . มันยังไม่ได้ออกไปจากชีวิตผมอย่างสมบูรณ์ในเมื่อข้าวของมันยังอยู่เต็มบ้านผมเลย

   คราวนี้ . . . 

   ผมโทรกวนมัน  ป่วนมัน ยามดึก  ผมโทรหา  แกล้งเมา  โวยวายที่มันไม่กลับบ้าน  ผมบอกให้มันกลับมา  กลับมาเคลียร์กัน  จะเอาอย่างไรก็บอกมา  ไม่ต้องอยู่กันคาราคาซังแบบนี้

   “พี่อาร์ม”  มันกลับมาตอนดึก  หลังจากมันเลิกเรียนกระมัง

   ผมมองหน้ามัน . . .

   แววตามันเจ็บปวด  สีหน้ามันไม่มีความสุขเอาเสียเลย  หากแต่ตัวผมล่ะ  มีความสุขดีอยู่หรือ  ผมเจ็บปวดเจียนตายกว่ามันเสียอีก

   ผมทำร้ายมัน . . . 

   . . . ผมทำลายมัน  ผมทำร้ายตัวเอง  ทำลายตัวเอง  ความรักที่ผมบอกเคยมีให้มัน  กลับมาเป็นแรงที่ทำร้าย  ทำลายเราลงทั้งสองฝ่าย  ต่อจากนี้คงมีแค่ . . .

   . . . ความทรงจำ  . . .

   หรือ . . . อาจไม่มีความทรงจำใด ๆ  ในหัวใจของมันเลยก็ได้

   ผมคงเจ็บปวดหากผมไม่เคยมีตัวตนสำหรับมัน  แค่ในความทรงจำของมันผมยังไม่เคยมี  แต่ผมยินดี  ยินดีรับความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นมาทั้งหมด

   “ผมจะย้ายไปอยู่กับเพื่อน”

   “ไม่ให้ไป  ยังเรียนไม่จบ”   ผมรู้จักมัน 

   หากผมบอกยอม . . . 

   . . . มันจะไม่ยอม 

   เพราะฉะนั้น  ทำอะไรก็ได้ที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่อยากให้มันทำ  แล้วผมจะได้สิ่งที่ผมต้องการ

   ผมต้องการ . . .

   . . . หรือ . .  .

   เขาบังคับให้ผมต้องการแบบนั้นกันแน่ . . .

   “พี่จะรั้งผมไว้อีกทำไม  ในเมื่อพี่อยากให้ผมออกไปจากชีวิตพี่  แล้วพอมาถึงตอนนี้  ตอนที่ผมอยากให้พี่ไป  พี่ยังจะมารั้งผมเอาไว้อีกเพื่ออะไร”

   มันพูดถูก . . .

   หาก . . . หัวใจผมหายวาบ    ก็ในเมื่อสิ่งนี้มิใช่หรือที่ผมคิดว่ามันจะหยุดการทำร้ายของผมกับมัน  ถึงเวลาแล้วสินะ  เวลาแห่งการจากลา

   “เรื่องอะไร  สัญญาอะไรไว้”

   “เรียนจบ”

   “ตอนนี้ยังไม่จบ  แต่ผมมีคนอื่นแล้ว  พี่ก็ควรทำตามสัญญาเหมือนกัน  ในเมื่อผมทำตามที่พี่บอกไม่ได้  แล้วพี่ละทำตามที่บอกได้มั้ย”   มันมองหน้าผม

   “เรามาคุยกันดี ๆ  ได้มั้ย  โกเลิกกับหน่อยได้มั้ย”   ผมบอกมัน  แต่หัวใจกลัวว่ามันจะบอกว่าได้  เพราะถ้าแบบนั้นหมายความว่าผมจะต้องลงไปอยู่กับการโกหกอีก 

   แต่ . . . เชื่อเหอะ  ผมรู้จักมัน 

   มากกว่าที่มันรู้จักตัวมันเอง . . .

   “ไม่ได้หรอกพี่  เขาเป็นแฟนผม”

   เจ็บจัง . . . ทำไมผมเจ็บแบบนี้ก็ไม่รู้   สองหูผมได้ยินชัดเจน  หูผมไม่ได้ฝาด  สิ่งที่มันพูดชัดเจนแล้ว

   “ไหนบอกเพื่อนกันไง  แฟนเพื่อนไม่เอาหรอก สุดท้ายกลืนน้ำลายตัวเอง”  ผมรู้  ยิ่งยั่วมันมากเท่าไหร่  ยิ่งขับมันออกไปจากชีวิตผมมากขึ้น

   ผมต้องการแบบนั้นมิใช่หรือ . . .

   “เมื่อก่อนเพื่อนแต่ตอนนี้แฟน  ทำไมเหรอพี่”  มันมองหน้าผม

   ทำไมหัวใจผมเย็นเยียบแบบนี้  ผมนะทั้งอยากให้มันไปพ้นหูพ้นตา  ทั้งอยากให้มันอยู่ใกล้ ๆ  รอวันที่มันจะจบ  อีกไม่ถึงปีเท่านั้น  ความรู้สึกผมตอนนั้นยิ่งกว่าสับสนเสียอีก  ไม่รู้จะบอกว่าอย่างไรดี . . .

   “นะพี่อาร์มนะ  ให้ผมไปนะ”  มันจับมือผมเอาไว้

   ผมมองหน้ามัน 

   พยายามค้นหาว่ามันซ่อนอะไรในแววตาคู่นั้นเอาไว้บ้าง 

   หาก . . .

   มันเก่งกระมัง  มันซ่อนเอาไว้มิดชิด  ผมไม่รู้  ไม่รู้อะไรเลย  มันไม่มีอะไรให้ผมรู้เลยว่ามีผมอยู่  มันคงลืมผม  และตัดผมออกไปจากหัวใจมันได้แล้ว

   “ผมทำร้ายพี่มามากแล้ว  พี่อย่าให้ผมต้องทำร้ายพี่อีกเลย  ที่ผ่านมาผมโกหกพี่มาตลอด  พี่อาร์มปล่อยผมไปนะ”

   . . . พี่อาร์มปล่อยผมไปนะ . . . .

   เสียงของมันเสียดแทงลึกในหัวใจของผม  ทีแรกมันเฉย ๆ  แต่แค่เพียงครู่เดียวเท่านั้นมันเจ็บ  ร้าวลึก  คล้ายหัวใจจะหยุดเต้น  ความเจ็บปวดเพราะความรัก
มันเป็นแบบนี้นี่เอง

   น้ำตาผมเอ่อ . . . หากมันตาแดง ๆ

   “พี่อาร์มปล่อยผมให้ผมมีชีวิตที่ผมอยากเป็นนะพี่อาร์ม  ผมขอ  ผมขอนะพี่อาร์ม  ปล่อยผมไป”

   ผมพยักหน้าช้า ๆ  ครั้งที่สามแล้วที่มันขอให้ผมปล่อยมัน  ให้ผมปล่อยมันไป  แบบนี้ใช่ไหมที่ผมต้องการ  ผมได้แต่นิ่งเหมือนหุ่นที่ถูกสาป  สิ่งเดียวที่ผมทำได้ . . .

   พยักหน้าช้า ๆ . . . .

   คำตัดสินที่รู้ว่า  ต่อจากวันนี้  ผมไม่มีวันอีกแล้ว  ต่อจากวันนี้ผมไม่มีมันแล้ว  ผมต้องปล่อยมันไปตามที่มันอยากจะไป . . .

   มันเก็บของใช้ส่วนตัว . . .

   ผมมองภาพนั้นไม่ได้หรอก  ผมได้แต่ขึ้นกลับไปบนห้องนอน  ห้องนี้ผมอยู่ร่วมเรียงกับมันมานาน  ทุก ๆ  อย่างมีแต่อุ่นไอของมัน  ผมเจ็บจนแทบทนไม่ไหว  อยากจะไปกอดมันเอาไว้  อยากขอร้องมันที่ผมทำไปทั้งหมด  ผมผิดเอง

   ผมอยากบอกมัน . . . 

   . . . เรากลับมาเหมือนเดิมได้ไหม?

   กลับมาอยู่เหมือนเดิมนะ  แล้วโกจะคบกับใครพี่ไม่ว่า  แต่ผมทำไม่ได้  ผมไม่อาจทนทำร้ายตัวเองได้อีก  และผมไม่อาจทำร้ายมันได้อีกแล้วเช่นกัน  ที่ผ่านมามันเจ็บปวด 

   ผมสะดุ้ง . . . เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูหน้าบ้าน

   ผมแอบมองมันทางหน้าต่าง . . .

   . . . มันเดินออกไปแล้ว  หัวใจผมล่ะ  แทบจะแตกสลายอยู่แล้ว  ผมไม่มีอะไรแล้ว  สิ่งที่ผมทำ  ผมไม่โทษมันแม้แต่นิดเดียว  เป็นผมเองที่เริ่มต้นเรื่องนี้มาทั้งหมด  วันนี้ผลลงเอยแบบนี้  ผมต้องยิ้มรับกับมัน  และรับสภาพว่าต่อจากนี้ ผมไม่มีมันอีกแล้ว

   ไม่มีวันนั้นอีก . . .

   ผมลงมาจากบนห้องนอน . . .

   ข้าวของกองใหญ่  มันเก็บกองเอาไว้หน้าบ้าน . .

   ขาผมแทบไม่มีแรงจะยืนอยู่  น้ำตาผมไหลรดใบหน้า  สิ่งที่เห็นคือสิ่งที่ผมต้องการใช่ไหม  ผมต้องกลับขึ้นห้องอีกครั้ง  สิ่งที่ผมเห็นชัดเจนทั้งหมด  ทุกอย่างมันชัดแจ้งไม่ต้องมีคำพูดใด ๆ  อีก

   เพียงครู่ใหญ่  เสียงรถแท็กซี่มาจอดหน้าบ้าน  ผมเห็นมันลงมาจากรถ  แค่นี้น้ำตาผมก็โรยรินอีกครา   ผมกลับมาล้มตัวบนที่นอนอย่างช้า ๆ   ผมจะทนได้หรือ  หากผมเห็นภาพที่มันขึ้นรถจากผมไปแบบนั้น

   ประตูห้องนอนมีคนเปิด . . .

   “พี่อาร์ม”  มันเดินมาจับปลายเท้าผมเอาไว้

   แค่สัมผัสจากมัน . . . 

   น้ำตาผมไหลพราก  นี่คงเป็นวินาทีสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่กับมัน  หลังจากนี้  ผมต้องรับกับความเป็นจริงให้ได้  ว่าผมไม่มีมันอีกแล้ว  ไม่มีอีกแล้วนะ  ผมกับมันเราเดินมาสุดทางแล้วจริง ๆ

   . . .  ถนนที่เราเดินด้วยกัน  มาสุดทางแล้วจริง ๆ . . .

   “ผมไปแล้วนะ  พี่อาร์มดูแลตัวเองดีนะ ๆ  รักตัวเองให้มาก  ทำเพื่อตัวเองนะพี่  ต่อจากนี้ผมไม่เป็นภาระให้พี่อีกแล้ว”  มันบีบที่ขาผม

   “โก”  เสียงผมสั่นน้ำตาผมไหล

   ผมโผเข้าหามัน . . .

   . . . กอดมันเอาไว้ . . . 

   เหมือนวันก่อน  ผมกอดมันเอาไว้แน่น  คนที่ผมรักยิ่งกว่าตัวเอง  ผมไม่นึกเลย  ภาพสุดท้ายระหว่างมันกับผมจะจบลงแบบนี้  จบลงที่ความเจ็บปวดเจียนตายเช่นนี้

   “ผมต้องไปแล้วละพี่”

   “พี่ขอโทษ  พี่รักโกนะ  พี่รักมากกว่าชีวิตพี่เสียอีก”  ผมกอดมัน  หอมไปที่แก้มซ้ายทีขวาที 

   ต่อจากนี้ . . .

   ผมควรเรียนรู้และรับสภาพกับความเป็นจริงให้ได้ . . . .

   . . . ผมปล่อยมันแล้ว . .  .

   ปล่อยไปตามทางที่มันอยากจะเดิน . . . 

   . . . ต่อจากนี้ระหว่างมันและผม  จบสิ้นกันแล้ว 

   ผมมาแอบมองมันที่หน้าต่าง  มันหันมามองทางห้องผม  ก่อนที่มันจะขึ้นรถไป  รถหายไปแล้ว  หากผมล่ะ  ผมได้แต่ทรุดตัวลงช้า ๆ  ขาที่เคยหยัดยืนไร้เรี่ยวแรง  ผมค่อย ๆ  พยายามยันกาย  กระเสือกกระสนไปหาซอกแคบ ๆ  ของห้อง

   ผมได้แต่กระเถิบตัวไปในมุมที่เรียกได้ว่า . . .

   . . . แทบจะเป็นเนื้อเดียวกับผนังห้อง

   ผมเหมือนคนบ้าเลยในเวลานั้น . . .   

   มีแต่น้ำตาที่มันไหลออกมา  ผมร้องไห้จนหลับไป  แล้วผมสะดุ้งตื่นมา  มองไปยังที่นอนที่เคยนอนด้วยกัน  หวังว่านั่นคือฝันร้ายของผม  แต่มันไม่ใช่  ทุกอย่างมันคือความจริง 

   . . . ความจริงที่อยู่ตรงหน้า

   ไม่มีมันอีกแล้ว . . .

   ผมไม่รู้ว่าคืนนั้น  ผมร้องไห้จนหลับไปกี่รอบ . . .

   แต่สำหรับผมนั่นคือห้วงเวลาที่ผมไม่อยากหายใจเลย   ผมหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง  หมดสิ้นความรัก  หมอสิ้นความศรัทธาในการกระทำทั้งหมด . . .

   หรือ . . .

   . . . จะเรียกว่า

   ตั้งแต่วันนั้น . . . ผมไม่มีอะไรอีกแล้ว  ผมเหลือแค่ลมหายใจในร่างกายที่เหมือนจะเป็นซากลงทุกวัน 

   ผมจะยืนหยัดบนโลกนี้ได้อย่างไร ?

   . . .  คำตอบ . . .

   ผมต้องพยายามเรียนรู้ กับสิ่งที่เกิดขึ้นมา และค้นหาคำตอบมันให้ได้  ผมจะต้องอยู่ . . . อยู่รอวันใหม่

   พรุ่งนี้ . . . อาจจะเป็นวันของผม

   หาก . . .

   วันนี้ผมอ่อนแอ  ผมอ่อนแอจนสุดกำลัง  ผมรอแค่พรุ่งนี้เท่านั้น  พรุ่งนี้  ชีวิตของผมจะต้องดีกว่าวันนี้  เพราะวันนี้ผมไม่มีใครอีกแล้ว  คนที่ผมคิดจะฝากชีวิตเอาไว้  เขาเพิ่งเดินออกไปจากชีวิตของผม

   จะโทษใครได้ . . . ในเมื่อผมทำลายมันด้วยสองมือของผมเอง


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 28-05-2008 13:33:33
ยังไมาด้ายอ่านแต่จิิ้้้้มไว้ก่อน :oni2: :oni2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 28-05-2008 14:00:09
พยายามเข้านะคะพี่อาร์ม

ถ้าจ็บวันนี้เรานได้

วันพรุ่งนี้เราก็ต้องทนได้เหมือนกัน!

มันจะเบาบางลง

แต่ต้องใช้เวลา  และเวลาที่ว่านั้นของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน...

นี่เป้นผลลัพย์ ที่พี่บอกว่าพี่ทำลายมันด้วยตัวพี่เอง

มันก็จริง

แต่... มันก็เป็นผลลัพย์  จากที่พี่โกทำลายตัวเองเหมือนกัน!

ใจเย็นๆนะคะ    ยังมีพี่โอ๋อยู่นะพี่นะ  :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 28-05-2008 14:18:40
การตัดใครซักคนที่เรารักมากว่าชีวิตเรา เอง  นี้ทำไมมันยากเย็นซะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 28-05-2008 14:55:17
ตอนนี้เศร้าได้อีก ฮืออ ไม่ไหวแล้ว :o12: o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 28-05-2008 15:26:20
เศร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา  :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 28-05-2008 15:31:05
 :m15: :m15:
พี่อาร์มใจร้าย....ทั้งกับโก...และตัวเอง....
ได้แต่หวังว่าพี่อาร์มจะเข้มแข็งได้ในที่สุด
เข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจนะคะ
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 28-05-2008 16:07:40
 :m15: :m15: :m15: :m15:

เวลา ครับ เวลา จะเป็นยารักษาที่วิเศษที่สุด

เมื่อตัดสินใจแล้ว จงเดินไปข้างหน้า ครับ

อย่าหันหลังกลับ เพียงเพื่อพบกับความผิดหวัง

  :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 28-05-2008 16:09:19
นั่งเฝ้าเลยนะเนี่ย เช้า กลางวัน เย็น

ทำไม พี่อาร์มใจร้ายจังเลยครับ

ใจร้ายกับพี่โก แล้วยังใจร้ายกับตัวเองด้วย

พี่อาร์มให้โอกาสพี่โกอีกครั้งนะครับ ครั้งสุดท้ายน้า

เศร้า  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 28-05-2008 16:45:46


แก้วคิดว่า ความรักของพี่อาร์มถอดแบบมาจาก(หลวง)พ่อแน่ ๆ เลย
ถ้าได้เข้าไปกราบท่าน พูดคุยกับท่าน
น่าจะช่วยให้พี่อาร์มผ่านวันเวลาผ่านไปอย่างง่าย ๆ
แทนที่จะจมไปกับความเศร้าที่ผ่านไปช้า ๆ ทั้งวัน


รักพี่อาร์มและน้องโกค่ะ   :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 28-05-2008 16:49:19
 :a5: :a5: และแล้วก็มาถึงทางแยก  :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 28-05-2008 17:14:11



เหมือนชีวิตกรูเล้ยยยยยยยยยยยยย . . .

. . . เน่าได้อีก . . .

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: HURAHURA ที่ 28-05-2008 17:28:04
จะมาต่ออีกไหม    เห็นบอกว่ามี 30 ตอน
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 28-05-2008 17:34:14
เฮ้อ...นางเอกนอกจอร้องตามนางเอกในจอ จนน้ำตาจะท่วมคอมแล้ว  o7
แอบเจ็บกะตอนสุดท้ายลึกๆ นึกว่าอาร์มจะเปนคนเดินออกมา แต่กลับกลายเปนโกเดินจากไปซะนี่ :เฮ้อ:
เสียดเข้าไปทั้งใจเลยแฮะ เหมือนศักดิ์ศรีโดนย่ำยีอ่า :sad2:
แต่ถึงวินาทีนั้น คงไม่มีใครมีเวลามานั่งนึกถึงศักดิ์ศรีหรอกเนอะ :m29:เจ็บปางจะตายแบบนี้ :m15:
แต่ก้อแอบดีใจลึกๆแฮะ ที่โกไปจากอาร์มซะได้ ถึงมันจะไม่ดีกะคนทั้งคู่ก้อเหอะที่คิดแบบนี้ แต่เราก้อคิดแบบนี้จริงๆ
เพราะไม่งั้นอาร์มก้อคงเจ็บซ้ำเจ็บซาก ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดไปตลอดชาติแหล่ะเราว่า :เฮ้อ:
บอกได้คำเดียวตอนนี้...เกลียดโกมากมาย :sad2:

ปล.วันนี้ขออีกสักตอนได้มั๊ย คาไว้แบบนี้นอนไม่หลับแน่เรย ฮือๆๆ :m15: อยากให้ถึงตอนอาร์มไปต่างประเทศเร็วๆจัง ไม่อยากให้อาร์มยืนบนผืนแผ่นดินเดียวกะโกแล้ว เว่อร์ไปมั๊ย :m29:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 28-05-2008 18:00:30
เฮ้อ...นางเอกนอกจอร้องตามนางเอกในจอ จนน้ำตาจะท่วมคอมแล้ว  o7
แอบเจ็บกะตอนสุดท้ายลึกๆ นึกว่าอาร์มจะเปนคนเดินออกมา แต่กลับกลายเปนโกเดินจากไปซะนี่ :เฮ้อ:
เสียดเข้าไปทั้งใจเลยแฮะ เหมือนศักดิ์ศรีโดนย่ำยีอ่า :sad2:
แต่ถึงวินาทีนั้น คงไม่มีใครมีเวลามานั่งนึกถึงศักดิ์ศรีหรอกเนอะ :m29:เจ็บปางจะตายแบบนี้ :m15:
แต่ก้อแอบดีใจลึกๆแฮะ ที่โกไปจากอาร์มซะได้ ถึงมันจะไม่ดีกะคนทั้งคู่ก้อเหอะที่คิดแบบนี้ แต่เราก้อคิดแบบนี้จริงๆ
เพราะไม่งั้นอาร์มก้อคงเจ็บซ้ำเจ็บซาก ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดไปตลอดชาติแหล่ะเราว่า :เฮ้อ:
บอกได้คำเดียวตอนนี้...เกลียดโกมากมาย :sad2:

ปล.วันนี้ขออีกสักตอนได้มั๊ย คาไว้แบบนี้นอนไม่หลับแน่เรย ฮือๆๆ :m15: อยากให้ถึงตอนอาร์มไปต่างประเทศเร็วๆจัง ไม่อยากให้อาร์มยืนบนผืนแผ่นดินเดียวกะโกแล้ว เว่อร์ไปมั๊ย  :m29:





วันนี้สองตอนแล้วนะครับ . . . คนนะไม่ใช่เครื่องจักร  แต่ผมเขียนเร็ว

ใกล้จบแล้วหรือเปล่า . . . ไม่แน่ใจ    ไม่บอกดีกว่า


กล้าขอ อีกตอน . . .กล้าให้นะครับ


ปล.  บางทีตอนนี้อาจจะจุกจนไม่อยากจะพูดอะไรอีกก็ได้ 

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 28-05-2008 18:10:03


ตอนที่  ๒๙



   การหักดิบ . . .

   มันทรมาน  แต่ผมจะเขียนให้รู้อย่างไร  ให้เห็นภาพความทรมานอย่างไรนั่นนะสิยาก  คนที่ไม่มีความรัก  ไม่มีวันรู้ถึงความสุขของการได้รัก  ไม่มีวันสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียของที่เรารัก

   ทุก ๆ  อย่างเหมือนหยุดนิ่ง . . .


   . . .ที่ได้ยินคือความเงียบ

   สิ่งที่เย็นเฉียบ . . .

   คือ . . . หัวใจ

   ทุกซอกของบ้านที่สายตามองไป . . .  มีแต่ความเจ็บปวด  ที่พร้อมจะระบายออกมาเป็นน้ำตา  ที่ตรงนั้นเคยมีมัน . . .

   . . . ณ ตรงนี้มันนอนเล่น  

   ทุกอย่างเหมือนยังอยู่  หากมันเหมือนอะไรบางอย่างที่วิ่งเข้าสู่หัวใจอย่างรวดเร็ว  ก่อนที่มันจะแผ่กระจายเข้าเต็มหัวใจ

   มันบีบ . . . เหมือนใครมากำหัวใจเอาไว้

   สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนั้น . . . นอนกอดตัวเองเอาไว้  ทั้ง ๆ  ที่เตรียมใจกับการหักดิบ  แต่มันยังเจ็บปวดเจียนนี้ . . .

   แล้ว . . . โกเมศวร์  มันจะเจ็บแบบที่ผมเจ็บมั้ย

   สุดท้ายผมยังอดห่วงมันไม่ได้อยู่ดี . . .

   . . . แล้วสิ่งที่ผมหักดิบไป  มันจะมีประโยชน์อะไร  

   . . . อดทนนะอาร์ม  อดทนเอาไว้  แกทำดีที่สุดแล้ว  แกทำดีที่สุดแล้ว ถ้าไม่มีใครรักแก  แต่แกมีฉันไง  ฉันอยู่กับแก . . .  

   สิ่งที่ผมปลอบตัวเองยามอ่อนแอ   ผมกอดตัวเองเอาไว้  และใช้อีกมือลูบศรีษะตัวเอง  ทั้ง ๆ  ที่น้ำตาอาบแก้ม

   ในเวลานั้น . . .

   บ้านหลังนี้  ผมอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว  ที่ตรงนี้  มันมีแต่ความเจ็บปวดแสนสาหัส  ผมจะไม่ทนอยู่  จะต้องมีสักที่  สำหรับผม  แต่ไม่ใช่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว  ในเมื่อผมเลือกที่จะเดินไปข้างหน้า . . .

   อะไรที่อยู่ข้างหลัง . . .

   . . . ตัดทิ้งเสียให้หมด

   แต่ . . .

   ผมไปทำงานนะ  ผมไปทำงานตลอดทั้งสามวันที่เป็นช่วงที่ทรมานที่สุดในการหักดิบ  อย่างน้อยที่สุด  ผมได้เจอเพื่อน  และที่สำคัญ  ผมไม่อยากให้เพื่อนต้องมาทุกข์ใจที่ผมเป็นแบบนี้  แรก ๆ  มันอาจจะสงสาร

   หาก . . . ยิ่งนานวัน  ถ้าผมไม่หายล่ะ

   มันจะมานั่งทุกข์ใจกับผมอีกมั้ย  หรือมันเบื่อผมที่ผมไม่สามารถจะลุกขึ้นเดินได้เสียที  สิ่งเดียวที่ผมคิด  ผมต้องเข้มแข็ง  ผมต้องลุกให้ได้โดยเร็วที่สุด    แต่จะลุกมาเดินอย่างไรนี่สิ . . .

   ผมยังมองไม่เห็นทางเลยจริง  ๆ

   ผมผ่านสามวันแห่งความเป็นความตายมาได้ . . .

   เวลาที่ผ่านมามันสอนผม    เวลาเยียวยาความรู้สึกทั้งหมดที่ผมมี . . .  

   . . . ตอนนี้ผมเดินได้  แม้แข้งขาจะยังอ่อนแรงอยู่  แต่ผมก็อยู่ได้  โดยไม่มีมันมาเป็นเดือนแล้ว  ถึงจะคิดถึงมัน  แต่ผมบอกตัวเองเสมอ . . .

   . . . นั่นคือทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย

   โดยเฉพาะมัน . . .

   . . . คนที่ผมรัก . . .  

   จะได้ไม่เจ็บปวดกับความรักที่เห็นแก่ตัวของผมอีก  ผมไม่ได้รักมันด้วยหัวใจ  แต่ผมรักมันด้วยข้อแม้  หลาย ๆ  เรื่องที่ผมพยายามบอกตัวเองว่าผมแย่  เพราะมันจะทำให้ผมทำใจได้เร็วมากขึ้น

   ผมคิดเสมอ . . .

   . . . ความสุขของมัน  มาก่อนความสุขของผมนะ

   “แดน . . . คืนนี้ไปหาอะไรกินกันมั้ย”    ผมเลื่อนเก้าอี้ของตัวเองมาที่โต๊ะทำงานของมัน ที่นั่งติดกัน   ในขณะที่มันง่วนอยู่กับงานเอกสารหน้าคอม

   ความนิ่งเงียบ . . .

   . . . เฉยชา

   ผมเกลียดอาการนี้ของมัน  เกลียดจับหัวใจเลยทีเดียว  เพราะผมไม่ได้มองหน้าแล้วยิ้ม  หรือคุยกับมันเหมือนก่อนมานานแล้ว  ตั้งแต่ที่มันสิ้นศรัทธากับสิ่งที่ผมทำลงไปกระมัง

   “ไม่พอใจอะไรกูหนักหนาว่ะ  พูดด้วยไม่ยอมพูด”  

   “ผมอยากรู้จักพี่อาร์มคนเดิม  ผมไม่ชอบพี่อาร์มที่อยู่กับความแค้น”  มันพูด  หากแต่สายตามันไม่หันมามอง

   “ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป  ยังเหมือนเดิม”

   นิ้วมันหยุดคีย์งาน  สายตามันหันมามองผม  ผมยิ้มให้มันบาง ๆ  

   “พี่อาร์ม พี่อาร์มลองหยุด  แล้วมองในมุมที่พี่ไม่เคยมองบ้างก็ได้    บางทีพี่อาจจะเจออะไรในนั้น  ผมไม่อยากเห็นพี่แบบนี้หรอก  พี่ลองดูสภาพตัวเองตอนนี้เหอะ  ดูได้เสียที่ไหน . . .”

   “หยุดเรื่องอะไร  หยุดแล้วจะเอาอะไรกินเข้าไป”  ผมพยายามจะเบี่ยงประเด็นที่มันพยายามจะโยงเข้ากับเรื่องที่ผมคุยกับมันก่อนหน้านี้  เรื่องที่เต็มไปด้วยการแก้แค้น  เพราะเรื่องที่ผมกับโกจบกัน  ยังไม่มีใครรู้  ผมยังไม่ได้บอกใครกับเรื่องนี้

   สามวันแรก . . .

   . . . เจ็บเจียนตาย

   หาก . . . พ้นช่วงนั้นมา

    ผมพยายามอยู่กับตัวเองช้า ๆ  ค่อย ๆ  ประคองตัวเองให้ลุกมาให้ได้  ตอนนี้เดือนกว่าแล้ว  ที่ผมอยู่ได้  แม้จะมีอาการทุรนทุรายอยู่บ้าง  แต่มันไม่นานเท่าเมื่อก่อน

   ผมได้แต่หวัง . . .

   . . . แผลที่เกิดจะหายสนิทในไม่ช้า

   ผมเลือกที่จะไม่เปิดโทรศัพท์ . .  .

   หากใครโทรมา  ถ้าเป็นคนที่ควรโทรกลับผมโทร  แต่มีบางเบอร์ที่ผมมอง  แล้วพยายามลบมันทิ้งไป  ไม่อยากจดจำเอาไว้อีกแล้ว  ที่ผ่านมาเพียงพอกับความเจ็บปวด

   เทคโนโลยี่ลบออกได้ . .  .

   หาก . . . ที่ติดในหัวใจลบมันอย่างไร ?

   “. . . มันไม่ตลกนะพี่  พี่อาร์มถ้าใครบนโลกนี้เขาไม่ต้องการเรา  มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกนะพี่  แต่หากว่าเราไม่ต้องการตัวเรานี่สิ  เราจะยืนหยัดอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร  พี่ลองถามตัวเอง  พี่ยังต้องการตัวเองอีกมั้ย”

   “พูดอะไร้   ไม่เห็นรู้เรื่อง . .  .”    ผมยานคง  

   “. . . มาชวนเพราะรู้ว่ารัก  มีคนที่พี่รักไม่กี่คนหรอกบนโลกนี้  และคนที่เห็นเป็นคนแรก ๆ  ก็มีแกอยู่ด้วย  แต่ถ้ารำคาญก็ขอโทษ  อีกหน่อยเหอะจะไม่อยู่ให้รำคาญอีกแล้ว”  ผมบอกก่อนที่จะเลื่อนเก้าอี้กลับไปที่โต๊ะของผม  

   “จะไปไหน”

   “ทำงานดิ . . .”   ผมหันกลับมามองมัน

   “ไม่ใช่ตอนนี้ที่บอกว่าจะไม่อยู่ให้ รำคาญ”  มันจ้องหน้าผมเอาไว้  สายตามันอ่อนลงมากว่าหลาย ๆ  วัน

   “ไม่รู้ . . .”   ผมยักไหล่    

   “. . . ถ้าอยากไปก็ตามไปร้านเดิมแล้วกัน”   ผมเอี้ยวตัวมาบอกมัน  ก่อนที่จะกลับไปสนใจกับงานตัวเองอีกครั้ง  

   “น้องอาร์ม”     เสียงพี่รัตน์  ผู้จัดการคนสวยของผม  วันนี้ลงทุนเดินมาหาผมถึงที่โต๊ะ

   “ครับพี่”

   “ยุ่งอยู่มั้ย . . .”

   “ก็ไม่นะครับ”

   “พี่อยากให้น้องอาร์มคิดดูอีกรอบดีมั้ย”   พี่รัตน์  ชูซองในมือแกว่งไปมา   

   “คิดมาแล้วพี่    นั่งคิดนอนคิด  ตีลังกาคิดก็แล้ว  เลยออกมาแบบที่พี่เห็นไง  เอาน่าพี่  ไม่เปลี่ยนใจ”  ผมยิ้มให้พี่รัตน์

   “โอเค  งั้นพี่จะเซ็นต์ส่งให้ผู้ใหญ่แล้วกัน”

   “อะไรเหรอพี่รัตน์”  เสียงไอ้แดนถาม

   “อ๋อ  จดหมายลาออกจ๊ะ  น้องอาร์มลาออก”

   “พี่อาร์ม . . .”  ไอ้แดนหันมามองหน้าผม

   “. . . จะบ้าเหรอ  ลาออกไปทำอะไร  แล้วทำไมไม่เห็นบอกกันเลย”  สีหน้ามันสงสัย

   ผมยิ้มให้มัน . . .  

   คำถามนี้ ผมยังไม่ตอบมันได้ใหม ?     ผมหันกลับมาที่หน้าจอคอมผมยังเปิดค้างอยู่ . . .

   . . . เมล์ตอบรับการรับเข้าทำงานจากสายการบินริมทะเลอาระเบียน . . .




   ร้านประจำที่เรานั่ง  เป็นร้านริมถนนแถววัดเสมียนนารีที่จะทุลุมาริมคลองประปา  ร้านติดสี่แยก  ฝั่งตรงกันข้ามีร้านสะดวกซื้อ  แม้จะเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์แต่ลมหนาวยังมิจางหาย  อากาศสบายแบบนี้  นั่งนอกร้านก็เหมือนติดแอร์   เพราะการจัดร้านมีที่นั่งเอนหลัง  มองรถที่แล่นผ่านไปมา


   “เดือนหน้ากูจะบวชนะโว้ย”  ไอ้เพื่อนรักบอก

   “ห๊า  จะเอาเมียแล้วเหรอ”    ผมยิ้มให้มัน

   “เออดิ . . . จะสามสิบอยู่แล้ว  แต่พวกมึงสองตัวไม่ต้องไปก็ได้มันไกล”  ไอ้คนใกล้เข้าวัด  ยกแก้วขึ้นดื่ม

   “บวชที่ไหนหรือพี่โอ๋”   แดนถาม

   “บ้านพ่อ . . . ธาตุพนม”

   “โหย . . . ริมโขง”

   “ถึงบอกไงว่าไกล  ไปก็หยุดหลายวันอีก  ไม่อยากให้เสียงาน  บวชสิบห้าวันเอง  ไม่ต้องไปก็ได้  แต่บอกให้รู้ว่าจะบวช”

   “วันที่เท่าไหร่”

   “ยี่สิบ”

   “อีกตั้งเดือนกว่าแน่ะพี่  ไปกันนะพี่อาร์มผมว่าง”   แดนมันหันมาชวน

   . . . ยี่สิบ . . .  ส่วนงานใหม่ผมเดินทางยี่สิบสาม  ยี่สิบสองถึงกรุงเทพฯ  เตรียมตัวเอาไว้ก่อนก็คงทัน . . .

   “ไปสิ ไปได้  ไม่ใช่สิ . . . ต้องไป  ถึงอยู่กันครึ่งฟ้าก็ต้องมา  ต้องบินกลับมา”    ผมบอกมันยิ้มให้มัน

   “โห  พ่อสำบัดสำนวน  ต่อให้ครึ่งฟ้า  ก็ต้องบินมา”  มันยิ้ม

   มันไม่เข้าใจที่ผมบอกมันเลยหรือ . . .

   . . . ก็ดีเหมือนกัน  อีกหน่อยมันก็คงจะเข้าใจกับสิ่งที่ผมกระทำลงไปทั้งหมด

   “เออ  คอนโดแต่งเสร็จแล้วนะมึง  ย้ายเข้าได้เลย . . .”    ไอ้เพื่อนรักมันหันมาบอกผม  

   “. . . คนบ้าอะไรมีบ้านอยากอยู่คอนโด”

   “ไอ้เหี้ยนี่  ทีกูถามว่าดีมั้ย  บอกดี ๆ  เอาดิ  ซื้อเลย  กูจะได้ขอมึงห้องนึง  พอทีแบบนี้ทำมาบ่น”

   เรื่องธรรมดาครับ  มันกับผม . . . เถียงกันได้เป็นกิจวัตร  แต่เวลาที่มันทำซึ้ง  เล่นเอาผมพูดอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

   “พี่อาร์มซื้อคอนโดเหรอ”  แดนมองหน้า

   “อืม”

   “มันอยากได้มาก  เร่ง ๆ  ยิก ๆ  ไปดูห้องที่เขาบอกขาย  แล้วมันนัดโอนรุ่งขึ้นเลย  ไม่รู้ว่ามันจะรีบทำไมนักหนา”

   “อ้าว  ทำซะให้เสร็จ ๆ  จะได้หายห่วงไง”   ผมยิ้มให้พวกมัน  

   “พ่อคนห่วงเยอะ  มีอะไรอีกมั้ยที่ยังห่วงอยู่”

   “น่าจะหมดแล้วมั้ง . . . อ้าวชนหน่อย  ถือว่าเลี้ยงส่ง . . .”   ผมยิ้ม   พวกมันมองหน้า  หากผมกลบเกลื่อนทันทีเหมือนกัน

   “. . .ส่งเพื่อนเข้าวัด”  

   ความหมายผม . . .

   . . . พวกมันไม่รู้กันหรอก  ผมเจอความทุกข์มามากต่อมาก  ต่อจากนี้ผมจะเล่นซ่อนหากับความทุกข์  จะไม่ยอมให้ใครได้รู้อย่างเด็ดขาด

   “หมดห่วงแล้วดิ๊  เลยลาออกซะงั้น”

   “ใครลาออกว่ะไอ้แดน”

   “พี่อาร์มนะดิ    ผมเพิ่งรู้วันนี้เอง  พี่รัตน์เดินมาถามที่โต๊ะ  ไม่อย่างนั้นผมไม่รู้หรอก  ก็ดีที่รู้  ผมเลยลาออกตามเลย  พี่รัตน์ด่ามาชุดใหญ่เลย แกโวยวายตายแน่ ๆ  จะหาใครทำงานแทนทันลาออกทีเดียวสองคนเลย”

   “เฮ้ย  มึงจะลาออกทำไม”  ผมมองหน้ามัน  แต่นึกภาพพี่รัตน์ออก  เวลาที่แกโวยวาย  ภาพนั้นผมยิ้มได้ทุกครั้ง  เพราะแกจะจริงจังกับงานเสมอ

   “จริง ๆ  พี่  ไหน ๆ  ก็ไหน ๆ  แล้ว  ทำไปก็ไม่รวย  แถมแม่เร่งให้ไปช่วยงานส่งออกที่บ้านอีก  นี่ถ้าผมไม่ติดว่าพี่อาร์มทำที่นี่ผมลาออกนานแล้ว”  

   ความจริงที่มันทำงานที่นี่ . . .

   . . . ไม่ใช่เพราะงาน

   “ไอ้แดนมีที่ไปแล้ว  ทีนี้มึงไอ้อาร์ม  ทำไรต่อ”  เพื่อนรักมันห่วงผมมั้ง

   “ก็ไปหาหลวงพ่อก่อน . . . ไปลา”  ผมพูดอะไรออกไปว่ะ  

   “เฮ้ย  ไปขอพร  ให้มีความสุข  กับการเริ่มต้นชีวิตใหม่  สนุกกับงานที่จะทำใหม่  แล้วก็คงมางานมึง”

   “จากกรุงเทพฯ  ไปเชียงใหม่   ลงมากรุงเทพฯ  แล้วไปธาตุพนมนี่นะ  อย่าไปเลยมึง  ลำบากตายห่า  กูไม่อยากให้มึงเหนื่อย”  แววตามันห่วงผมจริง ๆ  

   “ไปดิมึง  บอกแล้วถึงอยู่ครึ่งฟ้า  มึงบวชกูก็ต้องบินกลับมา . . .”   ผมยิ้มให้มัน

   ความหมายของผม   มันไม่เข้าใจจริง ๆ ด้วย

   แต่ก็ดีเหมือนกัน  เพราะถ้ามันรู้ตั้งแต่วันนั้น  บางที  ผมอาจจะต้องใจอ่อนกับลูกอ้อนของมันอีก  เอาไว้ก่อน  ไปลาหลวงพ่อ  แล้วค่อยกลับไปบอกมัน  ถึงเวลานั้น  มันก็รั้งผมเอาไว้ไม่ได้แล้วล่ะ  

   ”. . . แปบมีสายเข้า”  เบอร์แปลก ๆ  อีกแล้ว  ไม่ค่อยอยากรับเท่าไหร่หรอก  แต่ก็ต้องรับเพราะไม่อยากให้มันสั่นเรื่อย ๆ  ทำลายบรรยากาศในวงเหล้าหมด

   “สวัสดีครับ”  

   “พี่อาร์ม  ถามอะไร  เล่ามาจริง ๆ  ได้มั้ย”    เสียงนั่น  เสียงที่หายไปนานมากแล้ว  สีหน้าผมเริ่มเปลี่ยนเป็นเครียด

   เกลียดชิบไอ้คำถาม ประมาณนี้

   “ถามมาตอบได้ก็ตอบ  ตอบไม่ได้ก็ไม่ตอบ”    คำตอบที่ผมบอกไป   มันก็กั๊กแหละ  มีหรือที่คนอย่างผมจะยอมจนมุมง่าย ๆ    

   เสียงอีกฝ่ายอึกอัก  เหมือนละล้าละลัง . . .  

   นั่นแหละสิ่งที่ผมกลัวมาตลอด    กลัวคำถามนั้นแหละ  มันคงจะถึงเวลาแล้วล่ะ  ที่ผมจำต้องตอบคำถาม  

   แม้จะรู้ . . .  ว่าเมื่อตอบไปแล้วผลมันจะตามมาเช่นไร  

   “พี่อาร์ม  พี่กับพี่โก มีอะไรกันปล่าว”

   เห็นมั้ยล่ะ . .  .

   น้องชะนีน้อยเล่นไม่เลิก  ผมปวดจิ้ด  ขึ้นมา  มันจะถามผมเพื่ออะไร  ในเมื่อตอนนี้ผมไม่อยู่ในสถานะใดอีกแล้ว      เอาเหอะ  น้องชะนี  เมื่อน้องด้านที่จะถาม  พี่ก็ด้านที่จะตอบแล้วกัน  

   . .  . ให้มันรู้กันไป  ใครมันจะด้านกว่าใครกัน . . .

   เพราะในเวลานี้  ผมไม่มีมันให้ต้องแคร์อีกแล้ว  อยากรู้อะไรถามมาเลย  แม้วันก่อนจะบอกไปแล้ว  แต่เข้าใจว่ารอยหยักในสมองเขาคงน้อย  เขาเลยปล่อยเวลาผ่านมาเป็นเดือนแล้วค่อยโทรมาถาม

   “น้องครับ  น้องลองคิดดูนะครับ  มีผู้ชายที่ไหนบ้างที่จะเข้าไปยุ่งกับเรื่องของผู้ชายอีกคน  ถ้าเขาสองคนไม่มีอะไรกัน  แล้วผู้ชายที่น้องคบ  ทำไม  มันถึงต้องเดินออกมาจากบ้านน้องเมื่อพี่บอกให้มันออกมา  มันเดินออกมาทันที  เรื่องแบบนี้  น้องยังคิดไม่ได้อีกหรือ  สมองนะมีไว้คิดนะครับไม่ได้มีไว้กั้นหู”    ผมพูดแบบเดิม  หากมีแอบด่าน้องชะนีไปเล็ก ๆ  

   แมร่งชะนีตัวนี้โง่น่าดู  ไม่เหมาะกับการเอามาสืบพันธุ์ . . .

   เป็นได้แค่ . . .

   . . . เครื่องบำบัดความใคร่

   “ก็หนูไม่เคยคิดไง  หนูคิดว่าพี่อาร์มเป็นพี่ชายคนนึง  หนูไม่เคยคิดว่าพี่จะมีอะไรกับพี่โก”

   โถ . . . โถ   ชะนีน้อย  

   น่าสงสารเสียเหลือเกิน . . .  

   ทำตัวได้ไร้เดียงสาชะมัด  นี่ถ้าผมไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าหล่อนไปนอนแบให้เพื่อนผมอีกคนขย่มตั้งแต่ก่อนเป็นนางสาว   ผมจะคิดว่ามันบริสุทธิ์ผุดผ่อง  ไม่ผ่านเรื่องร้าย ๆ  มาเป็นแน่  

   แต่ . . .

   บังเอิ๊ญ บังเอิญ

   เพื่อนผม  ที่มันถอยออกมาทั้งน้ำตา  เมื่อแม่ชะนีน้อยทะเลาะกันตอนหลังปีใหม่  แล้วมันค่อย ๆ  แทรกเข้ามาในชีวิตไอ้โก  

   เพื่อนผม . . .  

   . . . มันก้อนามสกุลเดียวกับไอ้โก  

   มันบอกผม    “ถ้าโกมันอยากได้ผมถอยพี่  ผมไม่อยากมีปัญหากับพี่น้อง”

   รักแท้คือการเสียสละจริง ๆ  พ่อคุณ . . .  

   . . . ถ้าวันนั้นมันไม่เสียสละ  

   วันนี้ผมจะมานั่งเอาหัวแม่ตีนเขี่ยหน้าผากแบบนี้มะนี่  แต่ช่างเหอะ  ตอนนี้ผมอยากถอยมั่งแร่ะ  ผมมะใช่เสียสละหรอก  เพียงแต่ผมรู้สึกว่ามันควรถอยออกมา  ไม่ควรทำร้ายคนที่เรารักอีกต่อไป . . .

   “นี่น้อง  พี่จะบอกให้  ไอ้โกมันมาอยู่กับพี่ตั้ง ๗ ปี  ล่อกันน้ำเป็นขวดโค้กแล้ว  ขนาดตอนที่มันคบกับน้องมันยังนอนเอากับพี่ได้ทุกคืน  พี่ไม่อยากพูดตรง ๆ  พยายามให้น้องได้รู้ด้วยตัวเอง  ถ้าน้องไม่คิดก็หัดคิดซะ  แล้วมันก็ออกไปจากชีวิตพี่แล้วด้วย  มันจบลงแล้ว  ถึงมันจะกลับมา  ก็ไม่ได้มีอะไรให้พี่ต้องนึกถึงมันอีก  เพราะคนแบบพี่ไม่อยากใช้ของร่วมกับคนอื่น  แค่นี้นะครับ”

   ผมกดวางสายทิ้งไป . . .

   สะใจอยู่ลึก ๆ  กระมัง   ในเมื่อมันออกไปจากชีวิตผมแล้ว  ผู้คนรอบ ๆ  ตัวของมัน  ก็ไม่มีความหมายอะไรกับผมอีก  แล้วผมจะต้องแคร์ทำไม  ว่าใครจะรู้สึกอย่างไร  ในเมื่อผมกับมัน

   เรา . . . คนละชีวิต  คนละวิญญาณ

   “พี่อาร์ม”  ไอ้แดนมองหน้าผม  สายตามันตำหนิผมอยู่ในที

   ผมยิ้ม . . .

   ผมผิดหรือที่บอกไปแบบนั้น  ในเมื่อผมไม่ได้เป็นฝ่ายโทรไประรานเขา  เขาต่างหากที่เดินเข้ามา  และดูเหมือนว่าจะไม่ยอมออกไปจากชีวิตของผมสักที  ผมก็ต้องปกป้องหัวใจผมเอง  ไม่อยากให้ใครเดินมาทำร้ายตัวผมได้อีก

   “ใจเย็นสิมึง”  ไอ้โอ๋  กุมมือผมเอาไว้

   หากแต่ . . .

   . . . อีกฝ่ายเหมือนยังไม่จบ  

   ผมกดรับอีกครั้งเมื่อเขาโทรเข้ามา

   “พี่อาร์ม  คือ  อย่าโกรธนะถ้าหนูจะถามอะไรอีกสักอย่าง”    นั่น  น้องชะนีไม่เลิก  เดี๋ยวเหอะมึง   เตรีมตัวรับพระเพลิงเหอะ  ตอนนี้ความเดือดในใจมันพุ่งถึงร้อยองศาแล้วกระมัง  

   “มีอะไรอีก”

   “คือ...คือ  ...”  เสียงอีกฝ่ายคล้ายลังเล

   “ถามมาเหอะ  อยากรู้อะไรวันนี้ตอบหมด”  ผมบอกไปห้วน ๆ  จะต้องมีอะไรที่ผิดบังกันอีก  มันคงไม่มีอะไรอีกแล้วล่ะ  เพราะตอนนี้ผมว่า  ผมเหลือสุดที่จะทานกับคนของไอ้โกมันแล้ว

   “ตอนพี่อาร์มมีไรกับพี่โก  พี่อาร์มทำไรกันยังไงเหรอ”

   เอาล่ะดิ๊ . . .  

   น้องชะนี  กล้ามาก . . .  

   ผมอายเลยนะ  ผมอายทุกครั้งนะที่ต้องเล่าว่าผมมีอะไรกับมันยังไง  แต่นี่ผมได้ยินเต็มรูหู  ไอ้ความร้อนในร่างกายมันพุ่งจิ้ดขึ้นจุดสูงสุดในบัดดล

   “นี่  แล้วตอนที่น้องนอนให้ไอ้ชัยมันเอา  น้องทำไรกันบ้างล่ะครับ  พี่ไม่เคยถามน้องเลยนะครับว่าน้องเอากันท่าไหนบ้าง  ส่วนพี่  พี่เอากับไอ้โกตั้งแต่นมน้องยังไม่แตกพานเลยมั้งครับ  แล้วน้องจะอยากรู้ทำไม  ว่าพี่เอาท่าไหน  เอายังไง  เพราะถึงยังไง  พี่ก็ไม่จำเป็นต้องบอกน้องหรอกว่าพี่เอากับมันยังไงบ้าง  ถ้าน้องอยากรู้ทำไมน้องไม่ถามไอ้โกมันเองล่ะครับ”    แมร่ง  มาถามกูแบบนี้ได้ไง  เรื่องแบบนี้  มันควรเอามาถามกันมั้ย  ผมไม่รู้นะ  มันกินในที่ลับจะมาไขในที่แจ้งได้ไง

   การศึกษา . . .

   . . . ผมเชื่อสอนให้คนรู้จักอายด้วย  ผมอายเป็น

   “ถามแล้ว  แค่อยากรู้  ว่าพูดตรงกันมั้ย”

   โห  กล้ามากน้องชะนี  ผมนี่โครตที่อายเลยนะนี่ มองหน้าไอ้แดนพลาง  ไอ้โอ๋พลาง  ไอ้สองคนนั้นก็จ้องอยู่เสียด้วย   มันด้านกว่ากระหรี่สงครามโลกแฮะ

   “น้องอยากโดนมันเอา  ก็เชื่อมันเหอะ  แต่พี่ขอบอก  บทเซ็กส์มันห่วยแตกมาก  ถึงไอ้นั่นมันจะใหญ่คับปาก   แต่มันเอาไม่ทน  ไม่ต้องมาถามพี่หรอกว่าเอากันท่าไหน  ในเมื่อน้องอยากได้  พี่ยกให้ไปแล้วไง  พี่ไม่มีวันทวงคืนเด็ดขาด   ไม่ต้องกลัวหรอก   คอยดูแล้วกันว่าพี่ทำได้ตามที่พูดมั้ย  เพราะพี่ไม่กินของที่ผิดกลิ่น  มันแสลง  พี่บอกให้อย่างนึงนะน้อง  ผู้ชายลองมันมีอะไรกับผู้ชาย  มันไม่มีวันกลับไปนอนกับผู้หญิงได้สนิทใจหรอก  แค่นี้นะ”

   สะจายยยยยยยยยยยยยยย  แมร่งอยากรู้ไร  อีกหน่อยคงถามมั้ง  หมอยพี่มีกี่เส้น  ของพี่โกมีกี่เส้น  อีดรอกกกกกกกกก  

   ผมปิดเครื่อง  ก่อนยกแก้วกระดกหมดแก้ว . . .

   “เวรชิบหาย  กล้าถามกูละอายเลย”    ผมยิ้มเยาะตัวเอง  ไม่กล้าสบตาไอ้เพื่อนรัก  เสียบรรยากาศการกินเหล้าหมด . . .

   “มึงนี่สุดยอดเลยว่ะ  ทำไปได้ไง”   ไอ้เหี้ยโอ๋โอบบ่าผมเอาไว้

   “ก็กูทำแบบที่อยากทำ  แบบที่มึงบอกไง  ถอยมาแค่พี่  แต่ในเมื่อมันไม่เก็บคนของมันเอาไว้  มาระรานกู  กูไม่ถอยเหมือนกัน  ใครจะยอมก็ยอม  แต่ไม่ใช่กูแน่ ๆ  ถ้ากูผิดกูจะรับคำพิพากษา  แต่ถ้ากูไม่ผิด  อย่าหวังเลย  หน้าไหนจะมาบังคับให้กูรับ”  ผมมองหน้าแดน

   ผมว่ามันคงเข้าใจที่ผมพูด มากกว่าตอนที่มันหายไปจากชีวิตผมสองสามเดือน . . .

   มันทำให้ผมจิ้ดขึ้นมาอีก   คืนนั้นเหล้าเลยไหลลงคอผมมาก  มากกว่าที่ผมตั้งใจแค่ว่าไปกินกับเพื่อน  ไปคุยกันสนุกสนานเฮฮา  แต่สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นโทรเข้ามา  มันรบกวนหัวใจผมเหลือเกิน





หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 28-05-2008 18:39:44
ง่า...ขออีกซักตอนได้ไหมคะยังเศร้าค้างอยู่อ่ะ :sad2:
โชคดีนะที่พี่อาร์มกับโกไม่เป็นอะไร
โกรักพี่อาร์มนะไม่ว่าแบบไหนก็คือรัก พี่เคยพอใจเท่านี้ไม่ใช่หรือคะ
พี่อาร์มก็ยังคงรักโกมาก มากกว่าตัวเองเหมือนเดิม
 

สิ่งที่ผมมีแค่น้ำตา . . . ผมตั้งใจเด็ดขาด  ชาตินี้ผมจะไม่มีวันทำร้ายมันอีก  ผมจะไม่ยอมทำร้ายมันอีกแล้ว  ผมจะออกไปจากชีวิตของมัน  ไปให้สุดขอบฟ้า  ที่ผ่านมาผมทำร้ายมันฝ่ายเดียวมาโดยตลอด

   ผมจะไม่ยอม  จะไม่มีวันยอมทำร้ายคนที่ผมรักอีกแล้ว . . .


เพราะอย่างนี้รึเปล่าคะพี่อาร์มถึงไม่ให้โอกาสโกเข้ามาในชีวิตของพี่อีกครั้งง่า...... :sad2:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: DEK-JANGRAI™ ที่ 28-05-2008 19:04:35
อ่านทีรัยบีบหัวใจทุกที  โครตเศร้า

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: DEK-JANGRAI™ ที่ 28-05-2008 19:06:07
เอาอีกตอนได้หมดอ่ะคร้าบ


กำลังมัน  ขาดตอนซะมั้น


หัวใจผมยังไม่หายตื่นเต้นเลยคร้าบ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 28-05-2008 19:10:10
เวลาพี่อาร์มสติหลุดนี่ น่ากลัวจิงๆ  :m29:

ตอนนี้ยังคงเศร้าเหมือนเดิม  :a6:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 28-05-2008 19:11:09
 :m15: :m15: :m15:

ไม่ทำร้ายคนที่เรารัก แต่เลือกทำร้ายใจตัวเอง
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 28-05-2008 19:16:07
โชคดีจริง ๆ ค่ะที่ปลอดภัย    :เฮ้อ:
แก้วเคยได้ยินคนพูดว่า




"  ตายน่ะ..เรื่องง่าย    ชีวิตหลังความตายนี่สิ  นรกชัด ๆ  "


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 28-05-2008 19:17:49
เข้ามาอ่านแล้วออกไป พร้อมกับน้ำตา

ไปดีกว่า  :o12: :o12:

พี่อาร์ม  รักษาสุขภาพด้วยน้า

อย่ากินยามากไปน้า
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: iloveyou ที่ 28-05-2008 19:35:46
สุดท้าย.....มันก็คงเป็นตราบาปที่อยู่ในใจเราตลอด
.
.
.
แล้วจะทำอย่างไงเพื่อชดใช้หนี้นั้น หนี้ที่รู้ว่าไม่สามารถขดใช้ให้หมดได้
.
.
.
ควรจะทำอย่างไงกับมันดีล่ะกับความรู้สึกที่ติดตัวเราตลอดไป
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 28-05-2008 20:12:56
เป็นอีกตอนที่เสียน้ำตา :o12: :o12: :o12:
ทำไมนะคนอกหักต้องฆ่าตัวตาย (ผมก้อเคยคิด แต่ทำมะด้าย คิดถถึงแม่)
แต่ก้อนะชีวิต
เศร้าได้อีก เศร้าได้อีก
.
.
.
.
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 28-05-2008 20:20:20
พี่อาร์มโทษตัวเองตลอดเลยนะคะที่อ่านมา

พี่เป็นคนดีนะ...^^  :กอด1:

พี่รู้ไหมคะ  ว่าที่พี่เจ็บ พี่โกอาจจะไม่ได้ถึงครึ่งของพี่  เพราะเขาไม่ใช่ฝ่ายถูกหลอกลวง...

เราทำร้ายเขา เขาเจ็บ แต่เราน่ะเจ็บกว่า

บาดแผลนี้มันหายยาก  เพราะทุกครั้งที่มันกำลังจะหาย พี่จะกรีดมันลงไปให้ลึกขึ้นกว่าเดิม...

อย่าทำร้ายตัวเองเลยนะคะพี่อาร์ม

พักบ้างก็ดีนะคพ... หนูห่วงพี่มากๆเลย

มา... ขอกอดให้กำลังใจค่ะ ^-^  :กอด1:  :L1:  :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 28-05-2008 20:39:16
พรุ่งนี้ 7 โมงเช้าเจอกัน


.
.
ตอนต่อไปกุจะร้องไห้ลั่นออฟฟิตเลย
.
.

.

ราตรีสวัสนะคืนนี้.................บาย
ฝันดีนะครับ
..
.
. :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 28-05-2008 20:56:55
เฮ้อ...ขออาร์มให้มาต่ออีกตอน เพราะคิดว่าตอนนี้อาร์มคงจะอยู่เหนือน่านฟ้าแล้ว แต่....
ความจริงยังวกให้มาเจอกะโกอีกจนได้ :เฮ้อ: จะเปนไรมะ ถ้าจะบอกว่าขออีกตอน แห่ะๆๆ :m23:
ขอให้อาร์มออกไปให้พ้นๆจากโกซะที ทรมานจนจะทนไม่ไหวแล้ว :m15:

อ้อ เหนด้วยกะโอ๋นะ คนตายน่ะไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่คนที่อยู่ข้างหลังนี่สิ ต้องแบกรับความเจ็บปวดไปชั่วชีวิต

ปล. "ผมจะไม่ยอม จะไม่ยอมทำร้ายคนที่ผมรักอีกแล้ว"
แน่ใจหรออาร์ม ว่าที่เปนอยู่ตอนนี้ อาร์มไม่ได้กำลังทำร้ายใคร.......
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 28-05-2008 21:30:08


ตอนที่ ๒๙  (ต่อ)



   คืนนั้น . . . ผมเมา 

   . . .เมามากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้   

   เพราะผมตั้งใจ  หลังจากนี้  ผมจะกลับมาเป็นคนเดิม  ดูแลเอาใจใส่ตัวเองสักที  งานใหม่ที่ผมจะเริ่ม  มันทำให้ผมต้องดูแลรักษาตัวเอง  รักษาหน้าตา  รักษาสุขภาพ

   หากผมไม่พร้อมทุก ๆ  ด้าน . . . 

   . . . ผมจะดูแล  และคอยบริการคนอื่น ๆ  ได้อย่างไร

   “ไอ้โกมาแล้ว  มีคนมารับแล้ว”   ไอ้เพื่อนรักมันชี้ไปที่ร้านเซเวนฝั่งตรงกันข้ามกับร้านที่ผมนั่งอยู่

   ผมหันไปตามที่มันบอก . . .

   คนที่ยืนรอสัญญาณไฟอยู่  ผมจำได้ดี  ผมไม่เคยลืมมันออกไปจากหัวใจผมเลย  จะว่าดีใจที่เห็นมันก็ดีใจ  แต่มันไม่ใช่  ในเมื่อตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอมัน

   “มึงโทรไปเหรอ”

   “เออดิ  บอกว่ามึงเมามาขับรถกลับไม่ได้”

   “มึงทำอะไรลงไป  กูกับมันจบกันแล้ว  มันย้ายออกไปจากที่บ้านกูเป็นเดือนแล้ว  กูไม่อยากเจอมัน  กูไม่อยากเจอ”  ผมมองมัน  ไม่รู้สิ  ผมไม่พร้อม

   “เฮ้ย  กูไม่รู้  มึงไม่บอกกูว่ะ  อาร์ม”  มันจับมือผมเอาไว้

   ผมหันไปอีกฝั่งถนน   

   คนที่เดินใกล้เข้ามา . . .

   . . . ใกล้เข้ามา . . .

   ผมเห็นหน้ามัน  แต่แปลกจัง  หัวใจผมเจ็บ  ทำไมหัวใจผมเจ็บแบบนี้ก็ไม่รู้  เหมือนใครมาบีบหัวใจผมเอาไว้  มันแน่นอยู่ในหัวอก

   “กูขอโทษ”  มันบอก  เมื่อเห็นแววตาผม

   “หวัดดีพี่โอ๋  พี่แดน”  มันยกมือไหว้เพื่อนผม   

   “. . . พี่อาร์ม”

   เสียงมันเรียกผม . . .

   ผมนั่งก้มหน้า  รอเดี๋ยวนะ  ขอรวบรวบความรู้สึกทั้งหลายสักครู่ได้ไหม  ตอนนี้มันยังไม่พร้อมที่จะมองหน้าใครทั้งนั้น    แต่ยิ่งพยายามสร้างความเข้มแข็ง  เหมือนตัวเองยิ่งอ่อนแอ

   “เมาอีกแล้ว  จะกลับยัง”   มันจับไหล่ผม

   ผมสะบัด  แหงนหน้ามองมัน  แววตามันทำไมมองผมแบบนี้  ผมไม่ชอบแววตาที่มองผมด้วยความสงสาร   ผมอยู่ได้  จะมามองเย้ยผมอีกทำไม   ผมเจ็บปวดกับสายตาที่มันมอง 

   ทำไมหรือ ? 

   ทำไมผมต้องมาเจอมันอีก ในเมื่อตอนนี้  ผมกำลังอยู่ในช่วงที่ทำใจ ว่าผมไม่มีมันแล้ว   ในเวลาที่ผมไม่อยากจะเจอ

   ผมพร้อมที่จะเจอหรือ . .  .

   “มาทำไม  มาดูผลงานเหรอ  ยังไม่ตาย  ยังหายใจอยู่นี่ไง”    ผมจ้องหน้าโก  ผมอยากรู้เหมือนกัน  คนเราจะไม่เจ็บปวดเลยหรือ

   มันใจดำกับผมขนาดนั้นเลยหรือ . . .

   . . . แววตามันสลด . . .

   “ไอ้อาร์ม . . .”  โอ๋มันตบไหล่ผม 

   “. . . พูดดี ๆ  กับน้องมันหน่อย”

   “ดีที่สุดแล้ว  คงอยากรู้สินะ  ผลงานชิ้นโบว์แดงที่ฝากเอาไว้มันจะเป็นอย่างไร . . .”  ผมยิ้มเยาะตัวเอง   

   “. . .  ก็ได้นะ  ถ้าเห็นมาก  จะทำให้ดู  จะตายให้ดูเดี๋ยวนี้”   

   ในตอนนั้นผมเหมือนคนบ้า . . .

   . . . ผมวิ่งออกจากร้านอย่างรวดเร็ว . . .

   “ไอ้อาร์ม  ทำบ้าไรมึง”  เสียงเพื่อนผมร้องเรียกดังลั่นไปหมด

   “โกอย่า”  เหมือนเสียงไอ้แดนร้องห้าม

    . . . ผมวิ่งไปหยุดกลางถนน . . . 

   เสียงแตรรถบีบดังสนั่นไปหมด  หูผมอื้อสายตาผมพร่าไปหมด . . . 

   เสียงเบรกพร้อมกลิ่นเหม็นไหม้ของดอกยางลอยมาปะทะจมูก  เสียงทุกอย่างมันดังอยู่รอบ ๆ  ตัวผม  บางที  อาจมีรถสักคันมาปะทะร่างผม  แล้วผมก็คงลอยละลิ่วตามแรงปะทะ  ก่อนที่ผมจะหมดลมก็เป็นได้  มันจะได้เห็นภาพนั้น ภาพที่น่าจะสวยงามที่สุดสำหรับมัน

      เสียงคนหวีดร้องดังลั่นไปหมด เสียงแตรรถ  เสียงอะไรต่ออะไรไม่รู  ผมฟังไม่รู้เรื่องเลย  ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วเพียงแค่สายลมพัดผ่านเท่านั้น   ผมรู้แค่ว่า  ตอนนั้น  มีอีกร่างที่มากอดผมเอาไว้ที่กลางถนน   

   . . . อ้อมกอดนั้นกอดผมเอาไว้แน่น 

   ไม่มีการขยับตัวหนีจากคนที่กอดผมเอาไว้   สองมือที่กอดผมเอาไว้  เหมือนอะไรสักอย่างที่คอยปกป้องสิ่งที่ตัวเองรัก  . .  . ผมแปลได้อย่างเดียว 

   . . . มีคนอยากตายพร้อมกับผม . . .

   อ้อมกอดที่ผมคุ้นเคย . . .

   . . . หัวใจผมอบอุ่นอย่างประหลาด

   รถคันแรกเฉี่ยวผมไปแค่คืบ   เหมือนมีวัตถุอะไรผ่านร่างผมไป  เร็วเหลือเกิน  แรงมันทำให้ผมยืนสั่น. . . หากผมยังหลับตานิ่งในอ้อมกอดนั้น 

   มันทำแบบนั้นทำไม . . . 

   มันมากอดผมเอาไว้แบบนี้ทำไม   รถคันหลังตั้งสติได้กระมัง  เขาชะลอ  หากผมได้ยินเสียงด่า  หลาย ๆ  เสียง

   “อยากตายห่าหรือไง . . . ไฟเขียววิ่งมาทำบ้าไร”

   หาก . . .

   ผมไม่รับรู้ . . 

   ผมรู้แค่ว่า  ตอนนั้นผมร้องออกมาดังมาก  ร้องมากกว่าทุก ๆ  ครั้ง  มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตผม  ทำไม  มันไม่เดินออกไปจากผมสักที  มันมาทำกับผมแบบนั้นไว้ได้อย่างไร 

   ผมเจ็บนะ . .  .

   . . . เจ็บมากเหลือเกิน

   “ขอโทษครับพี่  ขอโทษครับ  เพื่อนผมเมา”  เสียงที่ตามมา  เสียงไอ้โอ๋   กับไอ้แดน   ผมรู้แล้วตอนนี้ผมอยู่ในพันธนาการของใคร

   ผมมันเหมือนคนที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว . . . 

   . . . ผมปล่อยโฮออกมากลางถนนแบบนั้น    สองขาไร้เรี่ยวแรงจะหยัดยืนบนโลกนี้อีกแล้ว  ผมปล่อยตัวเอง  ให้อีกร่างประคองผมเอาไว้

   ผมเจ็บ . .  .

   . . .  เจ็บมากกว่าวันที่มันเดินออกไปจากชีวิตของผมเสียอีก  มันทำแบบนี้ทำไม  มันกอดผมไว้ทำไม  ถ้าเมื่อสักครู่  มันไม่อยากตายพร้อมผม  ก็หมายความว่าตอนนี้ . . .

   . . . ผมเป็นหนี้ชีวิตมัน . . .

   หนี้รัก . . .

   ยังไม่ชดใช้

   . . . หนี้ชีวิต  ผมจะใช้คืนอย่างไรกัน

   “อย่าทำแบนนี้เลยพี่  อย่าทำ  ถ้าพี่ตายผมตายด้วย  ให้ผมตายกับพี่ก็ได้”     มันร้องไห้  มันกอดผม  มันได้แต่บอกคำนั้นออกมาที่ข้าง ๆ  แก้มผม

   . . . น้ำตามัน  รดรินที่ข้างแก้มผม

   ผมรู้แล้ว . . .

   ผมร้องออกมาเหมือนคนบ้า  ผมทำอะไรลงไป  ผมทำสิ่งที่คนดี ๆ  เขาไม่ทำกันหรอก  อารมณ์ชั่ววูบที่ผมตัดสินใจ  มันเกือบทำลายทุก ๆ  อย่าง 

   มันไม่ใช่แค่ผม . . .   แต่มันหมายถึงคนอื่น ๆ  อีก

   เพื่อนผม . . .

   . . . น้องผม . . .

   แล้วยังมีคนที่ขับรถอีก  ถ้าตอนนั้นเขาชนผมจริง ๆ  ลูก  เมีย  ญาติพี่น้องเขาอีก  ผมได้แต่ยืนร้องไห้  ในอ้อมกอดของมัน  คนที่เดินไปจากชีวิตผมเมื่อเดือนที่ผ่านมา  มันกลับเข้ามาหาผมอีกทำไมกัน

   มันกลับมาทำร้ายผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนั้นหรือ ?

   “เป็นเหี้ยไรมึง  มีสติหน่อย  นึกถึงใจกูบ้าง  นึกถึงคนรอบ ๆ  ตัวบ้างก็ได้   ไม่ใช่แต่มึงนะที่จะตาย  คนอื่น ๆ  อีกล่ะ  . . .”    ไอ้โอ๋ตบกบาลผมเต็มแรง  แรงพอที่จะเรียกเอาความฉลาดมาหาผมได้บ้าง     

   “. . . เกือบตายทั้งคู่แล้วมั้ยล่ะ  ไป ๆ    กลับบ้านเลยไป  อยู่ก็อายเค้า  เอาโกกุญแจรถ   ไปส่งถึงบ้าน  แล้วนอนเป็นเพื่อนมันด้วย  เดี๋ยวมันคิดสั้นอีก  อย่าทิ้งมันนะ  เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่เข้าไป”

   “ครับพี่”  มันรับคำ  ก่อนดึงผมไปที่รถ

   คนโง่ที่ทำร้ายตัวเอง . . . 

   . . . จะอยู่บนโลกนี้ให้เปลืองอากาศหายใจทำไมก็ไม่รู้  ผมเกลียดตัวเองจับใจเลยในตอนนั้น

   เพราะอารมณ์อยากประชดมัน . . . 

   . . . อยากให้มันรู้ . . .   

   ความรักของผม  มากกว่าที่มันคิด  ถ้าความตายแปลว่าผมรักมันในสายตาของมัน  ผมก็จะตายให้มันดู

   ผมฆ่ามันด้วยการกระทำ . . . เมื่อวันก่อน

   วันนี้ . . . ผมเกือบฆ่าอีกแล้ว

   สิ่งที่ผมมีแค่น้ำตา . . .

   ผมตั้งใจเด็ดขาด  ชาตินี้ผมจะไม่มีวันทำร้ายมันอีก  ผมจะไม่ยอมทำร้ายมันอีกแล้ว  ผมจะออกไปจากชีวิตของมัน  ไปให้สุดขอบฟ้า  ที่ผ่านมาผมทำร้ายมันฝ่ายเดียวมาโดยตลอด

   ผมจะไม่ยอม  จะไม่มีวันยอมทำร้ายคนที่ผมรักอีกแล้ว . . .

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 28-05-2008 21:44:19
อืมมม บีบหัวใจกันเข้าไป

ใกล้ถึงเวลาแล้วนิ

รอดูชะตากรรม

 :serius2:





ลป.

สีตัวหนังสือมันเพี้ยนนะจ๊ะ

เด่วก็มีเฮหรอก

เอิ๊กๆๆ

 :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 28-05-2008 23:22:44
ทรมานสุดๆ พี่อาร์ม
นีั่ผมทำงานไป ใจลอยไปเลยนะครับ พูดไป ก็นึกถึงเรื่องนี้ไป
ถ้าจบแล้วผมขอเก็บด้วยคนนะครับ

ผมไม่เคยรักใครเท่านั้น และก็ไม่เคยมีใครรักแบบนั้น

ผมก็มีความสุขเสมอเวลาเห็นคนรักกัน แต่ต้องไม่ได้เป็นแบบนั้นนะครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 28-05-2008 23:54:42
  พี่เอามีดมาเฉือนเนื้อ ซินเลยมา     :sad2:

 :o12:   จำความรู้สึกครั้งแรกได้เลย ที่ได้อ่าน ตอนนั้นได้อยู่เลยนะพี่

กลับมาอ่านอีกครั้ง.... ความรู้สึกนั้น มันก้อไม่จางหาย เหมือนตอกย้ำว่ะ    :a6:


กรี๊ดดดดดดดดดดด....ซินล่ะเชื่อเลย   คนเขียน ใจร้าย >>  "ใจร้ายกับความรู้สึกตัวเอง"     :angry2:


แต่พี่กลับเขียนมันออกมาได้อีกครั้ง   o13  ยกนิ้วให้  

ป๋อลล๋อ*..เป็นซิน ซินคงสะบัดตูด เปิดเเท่แล่....ไม่หลังหลังกลับไปเขียนมันหรอก  ...(อ้าว.... ยังไง)    :m23:

ป๋อล๋อ2*... สีเหมือนเดิมแย้วพี่  ฮ่าๆ    :m20:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kaporzung ที่ 29-05-2008 02:44:57
 :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 29-05-2008 06:24:42

ตอนที่ ๓๐
   


   ผมไม่เคยเข้าใจมัน  หรือเพราะผมไม่เคยมองไปให้ถึงหัวใจของมันกันแน่ ผมทำอะไรอยู่  ผมได้แต่ร้องไห้  ทำไมผมต้องเป็นแบบนี้ด้วย  ผมไม่เข้าใจ  ไม่เข้าใจตัวเอง  หรือเพราะตอนนั้น  ผมไม่เคยรักตัวเอง

   ที่ผมบอกว่ารักมัน . . .

   . . . ผมเคยรักมันจริง ๆ  หรือเปล่า ?


   ผมได้แต่ถามตัวเอง . . .

   หากแต่ไม่มีคำตอบหรอก  จะมีได้อย่างไร  คนทีสติแบบผมมีสติหรือ  ผมมีสติ  คงไม่คิดจะทำแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง

   เมื่อรถข้ามสะพานพระนั่งเกล้ามา  มันเหยียบด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น  เพราะดึกแบบนี้แทบจะไม่มีรถ  ตอนนั้นผมรู้แค่ว่า  ทำไมหัวใจผมมันเจ็บปวดแบบนี้ก็ไม่รู้  มันเจ็บเหลือเกินแล้ว

   ผมเปิดประตู  ในขณะที่รถมันแล่นไปข้างหน้าอย่างกับพายุ . . .

   “พอเหอะพี่อาร์ม  อย่าทำอะไรแบบนี้อีกเลย”    มันดึงเสื้อผมเอาไว้  พร้อม ๆ  กับที่มันลดความเร็วลง   มันจอดรถไว้ข้างทาง 

   มันกอดผมเอาไว้ . . .

   . . . มันร้องไห้ . . . 

   แต่ตอนนั้น . . .   

   ผมมันสติแตกไปแล้ว  ผมจะทนอยู่กับมันได้อีกหรือ  ในเมื่อผมเองพยายามที่จะทำตัวเองให้เข้มแข็ง แต่ดูเหมือนกับว่ามันยิ่งทำ  ยิ่งตอกย้ำให้ตัวเองรู้ว่า  ผมไม่มีความเข้มแข็งหลงเหลืออยู่อีกแล้ว  ผมมันแค่คนอ่อนแอคนนึงเท่านั้น

   “อย่าทำแบบนี้เลยพี่   อย่าทำร้ายตัวเองอีกเลยพี่อาร์ม”

   “แล้วพี่จะอยู่ไปเพื่ออะไร  อยู่ไปทำไม  มันเจ็บ  มันทรมาน”    ผมนะหรือ  หนักกว่ามันด้วยซ้ำ  ร้องไห้กับมัน

   มันดึงผมไปกอดเอาไว้  แล้วมันขับกลับไปบ้านอย่างช้า ๆ . . .

   “ทำอะไร”  ผมถามมันเมื่อมันเดินตามผมเข้ามาในห้อง

   “นอนไง”

   “ไปนอนห้องโน้นเหอะ  อยากอยู่คนเดียว”

   “ไม่ได้  พี่โอ๋สั่งไว้  เดี๋ยวพี่ทำแบบเมื่อกี้อีก  สองรอบแล้วนะพี่  ผมไม่ยอมให้พี่ห่างตาผมจนกว่าพี่โอ๋จะกลับมา”  มันบอกผม

   ผมจ้องหน้ามันนิ่ง

   “แค่นั้นใช่มั้ย  แค่คำสั่งไอ้โอ๋ใช่มั้ย  ในความรู้สึกที่แท้จริงของโก  เคยห่วงพี่บ้างมั้ย  เคยอยากที่จะทำอะไรเพื่อพี่บ้างมั้ยโก”  ผมเขย่าตัวมัน

   “ไม่ตอบ  แปลว่าไม่มี  ใช่  ที่ผ่านมา  มันไม่เคยมีค่าอะไรเลย  มันไม่มีค่าอะไรสำหรับคนแบบโก”

   “พี่อาร์ม  เมามากแล้ว  นอนเหอะ”

   “เมาเหล้าไม่เท่าไหร่มั้ง  แต่เมาชีวิตนี้สิ  ที่ผ่านมาพี่คิดตลอด  พี่ไม่เคยโกหกคนที่พี่รัก  พี่ไม่เคยทรยศต่อเขา  พี่ไม่คิด  ไม่เคยคิดว่าเขาจะทรยศพี่ได้  ตอนนี้เป้นไงล่ะ  สาสมใจหรือยัง  สาสมกับที่อยากเห็นหรือยัง  ที่เป็นแบบนี้สมแก่ใจที่พี่ทำเอาไว้หรือยัง  เอาดิ  ถ้ายังไม่พอ  เอาเลย . . .”  ผมเอามือไปจับมือมัน

   ผมจับมือมัน  ตบหน้าผม  ตบมันแรง  ๆ  ให้สมกับความโง่ที่ทำอะไรลงไป  ถ้าผมไม่เดินล้ำเส้นไปตั้งแต่คราวนั้น  มันคงไม่มีใครต้องมาเจ็บปวดกับเรื่องแบบนั้น  มันขัดขืน 

   “ไม่ตบเหรอ  ได้  ไม่ทำ  พี่ทำเอง” 

   ผมเอามือตบแก้มผมสุดแรง . . .

   ไม่รู้กี่ครั้งที่ต่อกี่ครั้งที่แก้มผมโดนแรงตบจากมือตัวเอง  มันเจ็บ  มันชาไปหมด    ผมทำไปเพื่ออะไรในตอนนั้น  ทำไมผมไม่รักตัวเองเลย  ทำไม่ศรัทธาตัวเองเลย  ผมทำไปเพื่ออะไรกันก็เมื่อผมเองเลือกที่จะจบลงแบบนี้เอง  แล้วผมจะทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน 

   ผมไม่รู้ . . . ผมไม่รู้   

   ผมรู้แต่ว่า . . . ทุกสิ่งที่ผ่านมา  ผมผิด  ผมผิดเอง  ผมผิดตั้งแต่แรก  ผิดตั้งแต่ที่รักมัน  ผิดตั้งแต่ที่ไม่ห้ามหัวใจตัวเอง

   “พอเหอะพี่อาร์ม  พอ”  มันมากอดผมเอาไว้ 

   ตอนนั้นผมเสียใจ . . .   

   . . . แล้วมันล่ะ . . .

   มันเคยร้องไห้เหรอ  ที่ผ่านมา  มันเก็บความรู้สึกเก่งจะตาย  แต่ที่มันกอดผมอยู่ตอนนี้มันร้องหนักกว่าผมเสียอีก  มันกอดผมเอาไว้แน่น  ราวกับว่า  ผมจะจากมันไปตั้งแต่ตอนนั้น

   ผมแยกไม่ออกหรอกว่าอันไหนคือน้ำตาของผม . . .

   . . . หรือ . . .

   ส่วนไหนกันแน่  น้ำตาของมัน  มันปนเปกันไปหมด  ใบหน้ามันจดอยู่บนใบหน้าผม  แบบนี้หรือ . . . ความรัก

   มันมีแต่ความเจ็บปวดทรมานแบบนี้เอง

   “โกกลับมาอยู่บ้านนะ กลับมาอยู่กับพี่”

   ส่วนลึกที่สุดในตัวของผม  ความปรารถนาที่ผมมี  สิ่งนี้กระมัง  ผมบอกกับมัน  ในตอนที่เรานิ่งเงียบกันนาน  ผมนอนซุกในอ้อมกอดของมัน   

   ถ้า . . .

   วันนั้นมันกลับมา . . .

   . .  . ถ้า . . . มันมาตามคำเรียกร้องของผม

   วันข้างหน้าผมคงไม่เดินมาไกลขนาดนี้ . . .

   ผมพร้อมที่จะทิ้งทุก ๆ  อย่างที่ผมมี  จะแปลกอะไร  ในเมื่อผมรู้หัวใจตัวเอง  มันอยู่ในหัวใจผมตลอดเวลา   

   เวลาที่ห่างกันผมรู้  ผมเจ็บ . . . 

   แต่ . . . พอผมเจอมัน    ผมเจ็บยิ่งกว่า 

   ตอนนี้ . . .

   ผมไม่อยากเสียมันไป  ไม่อยากให้มันต้องจากผมไปอีกแล้ว  ผมเจ็บเกินที่จะทนแล้ว  มันเกินหัวใจดวงน้อย ๆ  ของผมที่จะรับมันไหวอีก

   “คืนนี้ได้  พรุ่งนี้ได้  แต่หลังจากนั้น  พี่ต้องอยู่ให้ได้นะพี่อาร์ม  พี่ต้องทำได้”  มันกอดผมเอาไว้ 

   มันเองก็แต่ทำไมเจ็บ . . .

   แล้วทำไม . . .

   . . . มันไม่กลับมาหาผม

   “พี่ขอโทษนะโก  พี่ขอโทษ  กลับมาได้มั้ย  กลับมาอยู่กับพี่  แล้วโกจะทำอะไรก็ได้  พี่ยอม  ยอมทั้งนั้น”

   “พี่อาร์ม  อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย  นอนเถอะนะ”

   “ไม่ . . . ไม่อยากนอน  ไม่อยากหลับ  กลัวว่าตื่นขึ้นมา  แล้วพี่จะไม่ได้เห็นหน้าโกอีก  พี่ไม่อยากตกใจตื่นมาโดยไม่มีโกแบบที่ผ่านมาอีก  โกรู้มั้ยมันทรมานขนาดไหน  เมื่อก่อน  ก่อนนอนคนที่นอนตรงนี้  มีโก  เวลาพี่ตื่นตอนเช้า  คนที่พี่เห็นคือโก  แล้วเดือนกว่าที่ผ่านมา  พี่ตื่นมาพร้อมคราบน้ำตาทุกเช้า”     ผมร้องไห้  เมื่อนึกถึงสิ่งที่ผ่านมา

   “พี่อาร์ม  เข้มแข็งไว้นะพี่  พี่ต้องผ่านช่วงนี้ไปให้ได้  ต้องผ่านมันไปให้ได้”  มันกอดผมเอาไว้  มันเองก็ไม่แตกต่างไปจากผมหรอก 

   ผมไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นระหว่างผมกับมัน . . .

   . . . ใครเจ็บปวดมากกว่ากัน

   “โกช่วยพี่ได้มั้ย  ช่วยกลับมาอยู่กับพี่ได้มั้ย”

   “อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลยพี่อาร์ม  เรื่องบางอย่างมันต้องใช้เวลานะพี่  ตอนนี้ผมอยากให้พี่เข้มแข็ง  อยากให้พี่ยืนให้ได้”

   “พี่จะอยู่ได้อย่างไรถ้าไม่มีโก”

   “ต้องได้พี่  ต้องได้  พี่ต้องอยู่ได้”   มันซุกหน้าเข้ากับอกผม  มันร้องเหมือนเด็ก ๆ  ที่เสียใจอย่างมาก 

   สิ่งที่มันทำ  ผมไม่เข้าใจเลย  ไม่เข้าใจมันจริง ๆ  . . .

     ผมบอกตัวเองเสมอ . . .

   . . . ผมรู้จักมันดี 

   แต่แท้จริงแล้ว  ผมไม่รู้จักมันเลย  ไม่รู้จักมันสักนิดเดียว  ถ้าวันนั้นผมมองมันให้ลึกกว่านั้น  ผมจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเรื่องที่มันเกิดขึ้นมาทั้งหมด . . .

   ใครกันแน่ที่ผิด . . .

   คืนนั้น . . .

   . . . มันนอนกอดผมเอาไว้ทั้งคืน . . .

   หากรุ่งเช้า . . .

   ผมปวดหัวแทบลุกไม่ขึ้น  มันเหมือนคนเมาค้าง  ทุกอย่างหนักไปหมด  คล้าย ๆ  มีใครเอาลูกตุ้มเหล็กมาวางทับไว้บนหัว   มันปวดจนหัวแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ  แล้วผมก็หนาว . .

   แปลก . . . ไม่เปิดแอร์  หนาวได้ไงหว่า

   “พี่อาร์ม  กินข้าวเร็ว  ทำกับข้าวเสร็จแล้ว มียำหมูยอด้วย  ผมไปซื้อมายำเองเลยนะ  อร่อยจริง ๆ  รับรอง”      มันมาเรียกผม  ก่อนเที่ยงเล็กน้อย

   “ไม่หิว”   ผมส่ายมือไปในอากาศ

   “ลุกกินสักหน่อยค่อยนอนต่อ”

   “ไม่อ่ะ  เมาค้างแน่เลย  ขอนอนก่อนนะ  แล้วไม่ต้องเรียก  เดี๋ยวเย็น ๆ ตื่นมา คงหาย”  ผมบอกกับมัน  ก่อนหลับตาลงอีก

   “เอางั้นหรือพี่”

   “อือ”

   “ก็ได้  งั้นพี่นอนนะ  เดี๋ยวผมลงไปซักผ้าให้พี่นะ  ใส่ไว้ไม่ยอมซักเลย  กางเกงในมีเหลือแค่สองตัวแล้ว  เดี๋ยวก็ไม่มีใส่หรอก”

   เสียงมันบ่น  หากผมน้ำตาไหล . . . 

   ทุกอย่างที่เคยผ่านมา  มันกำลังกลับมาอีกครั้งกระนั้นหรือ  หากแต่อาการเมาค้าง  กับที่ผมร้องไห้เกือบทั้งคืน  ทำเอาผมหลับไป  ผมหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้ . . .   

   . . . รู้เพียงแต่ว่ามารู้สึกตัวอีกทีบนเตียงแคบ ๆ

   ผมพยายามปรับสายตา . . .

   โรงพยาบาล . . . ผมบอกตัวเองช้า ๆ      ที่หลังมือข้างซ้ายคล้ายมีอะไรฝังอยู่ในเนื้อ  ผมมองดู  สายน้ำเกลือ . . .  นี่ผมเป็นอะไร

   “โอ้ย . . .”  ผมขยับตัว  แต่รู้สึกมึนหนักไปอีก

   “ฟื้นแล้ว พี่โอ๋  พี่อาร์มฟื้นแล้ว”    มันมาประชิดผมที่เตียง

   “กูเป็นอะไร”  ผมไอ  เหมือนคอแห้งเสียเหลือเกิน

   “ไงล่ะมึง  แม่งต้องให้กูกับน้องมึงแบกมาโรงพยาบาลเลยนะ. . .”  มันยิ้มให้ผม  ก่อนเอาน้ำใส่แก้วมาให้ 

   “. . .เบา ๆ นะมึง  อย่าเพิ่งสำลักน้ำตายไปเสียก่อน”  ไอ้เพื่อนรักมันเอาน้ำให้ผมกินช้าๆ

   “ไอ้เหี้ยยังไม่อยากตาย”

   “ปากดี  ทีเมื่อคืนอยากตายซะงั้น   เล่นเอากูใจหายแว๊บ  หัวใจแทบหยุดเต้น”

   “ไม่ใช่กูแล้วที่มึงเห็นนะ”  ผมยิ้มให้มัน  เพื่อนที่ไม่เคยทิ้งผมไปเลย   

   “เออ  ปากดีให้พอเหอะมึง  ดีนะที่กูแวะไปเมื่อบ่าย  ไอ้โกมันบอกมึงเมาค้าง กูติด ๆ  ในใจเลยขึ้นไปดู  สัสเอ้ย  ตัวร้อนอย่างกะไฟ  แถมเพ้อ  เรียกหาแต่
แม่  กูงี้หัวใจหล่นตาตุ่ม  ไอ้โกเลยช่วยกูแบกมานี่ไง”

   มันเล่าให้ฟัง . . . ผมมองหน้ามัน  อำกูหรือนี่  ผมเป็นอะไรไปขนาดนั้นเลยเหรอ  ผมมองหน้ามันอีกครั้ง  เพื่อให้มันบอกว่า  แน่ใจในสิ่งที่มันพูด

   “กูพูดจริง  สาบาน  ตกใจชิบหายเลย”

   “แล้วหมอบอกเป็นไร”

   “อ่อนเพลีย  พักผ่อนน้อง แอลกอร์ฮอร์ในเลือดมาก  เครียดหมอให้ยาคลายเครียดไปแล้ว  ห้ามเครื่องดื่มที่มีแอลกอร์ฮอร์  ให้นอนดูอาการคืนนึงก่อน”

   “ขอบใจนะโว้ย”

   “เออ  ไม่เป็นไร  แต่ถ้าให้ดี  ขอบใจคนแบกมาดีกว่า”  มันหันไปทางโกเมศวร์

   ผมมองหน้ามัน . . .

   ไม่รู้สิ  ผมไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี    ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นในชีวิตของผม  ความจริงหรือความฝันกันแน่ . . .   

   ยิ่งมันดีกับผมมากเท่าไหร่ . . . 

   . . .  ผมยิ่งเจ็บปวดที่ทำแย่ ๆ  กับมัน



   หลังจากเหตุการณ์ในครั้ง ไอ้เพื่อนรัก  มันไม่ปล่อยให้ผมคลาดสายตาอีกเลย  มันคุมแทบจะเรียกว่าทุกฝีก้าวก็ได้  เพราะถ้าวันไหน  มันเข้ากะที่ไม่ตรงกับผม  มันก็จะให้ไอ้แดนมานอนเป็นเพื่อนผม

   มันกลัว . . .

   . . . กลัวว่าผมจะคิดสั้นอีก 


   แต่สำหรับผม  คงไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นอีกแล้ว  เพราะผมเมื่อผมหายเมา  ผมมานั่งทบทวนดู  ผมขนลุกเกรียว 

   . . .  ผมไม่อยากเชื่อว่าผมทำแบบนั้นลงไปได้อย่างไร

   ส่วนโกเมศวร์ . . .

   มันค่อย ๆ  หายไปจากชีวิตผมช้า ๆ  เหมือนตะกอนที่ค่อย ๆ  นอนลงเมื่อน้ำเริ่มนิ่ง   มันไม่โทรมา  และผมเองก็ไม่ได้โทรไปหามัน    ทั้ง ๆ  ที่ผมคิดถึงมันใจแทบขาด 

   แต่ . . .

   ผมไม่เจ็บปวดแบบที่ผ่านมา  ไม่เจ็บปวดเหมือนตอนวันที่มันเดินออกไปจากบ้าน . . .

   ผมควรหยุด . . .

   . . . หยุดทำร้ายคนที่ผมรักได้แล้วกระมัง

   . . . และ . .

   เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้น . . .

   ทำให้ผมรู้ . . .

   . . . ความรักมันอยู่รอบๆ  ตัวเรานี่แหละ

   คนที่รักกัน . . . ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ด้วยกัน  แต่เราคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ  ที่จะลืมมัน  สิ่งที่ผ่านมามันเกิดจากการใช้เวลา  การที่เราจะลืมอะไรสักอย่าง  ก็ต้องให้เวลาเหมือนกัน

   บางที . . .

   . . . การห่างหาย

   อาจจะทำให้เรารู้จักหัวใจของตัวเองได้ดีขึ้นก็เป็นได้ . . .

   อีกไม่นาน . . .

   ผมก็ห่างจากคนที่ผมรักแล้ว  บางทีการเดินจากไปของผมคราวนี้  อาจจะทำให้เรื่องร้าย ๆ  มันดีขึ้นมาก็ได้  ทุกคนต่างได้รู้ในสิ่งที่ตัวเองเป็น    ผมคงจะไปทำงานอย่างมีความสุข  อย่างน้อยสิ่งที่ติดในหัวใจผม  มันก็น้องลง

   ผมรู้แค่ . . . ผมต้องเดินไป  เพื่อตัวผมเองในวันข้างหน้า

   “พี่อาร์ม”   

   “อืม  พี่โอ๋จะบวชนะ  วันที่ยี่สิบนี้  รู้หรือยัง”  ผมกรอกเสียงไปตามสาย

   “ยังเลยครับ”

   “บวชที่ธาตุพนม  ไกลอยู่  แต่บอกเอาไว้  เดี๋ยวหาว่ามีอะไรไม่บอก”  ผมโทรหามัน    หลังจากที่พยายามหาเรื่องที่จะคุยกับมัน  แต่ไม่รู้จะคุยกับมันเรื่องอะไรดี

   “ครับ . . .”   มันตอบมา

   แปลก . . .

   ตอนนี้มันเหมือนคนแปลกหน้าของผมไปแล้ว มันไม่ใช่คนที่รู้จักกันอีกแล้ว 

   ไม่ใช่พี่ . . . 

   . . . ไม่ใช่น้อง  หรืออาจเพราะเวลาเดือนกว่า ๆ  มันทำให้ผมลืมสิ่งที่เคยทำกันมาหมดไปแล้ว  เวลาสั้น ๆ  ทำให้เราลืมกันได้ง่าย ๆ  หรือ

   ไม่ใช่หรอก . . .

   เพียงแต่เหมือนว่าตอนนี้ทั้งมันและผมมีอะไรในใจมากกว่า  สิ่งที่ทั้งมันและผมถอยมายังจุดที่จะมองอีกฝ่ายมากกว่า   

   สำหรับผม . . .

   ผมรู้แค่  ไม่อยากทำร้ายมันอีกแล้ว  ผมเหนื่อยเกินกว่าที่จะทำร้ายคนที่ผมรักได้อีก  ไม่อยากได้  อยากมี  อยากดึงมันมาอยู่ใกล้ ๆ  ผมเหมือนเมื่อก่อนอีก  อาจเพราะผมต้องทำใจให้เย็นลง เพราะผมมีเวลาอีกไม่นาน

   หาก . .  . ผมตัดมันไม่ได้

   . . . ไกลสุดฟากฟ้า . . .

   ก็ทรมานเจียนตาย  แล้วผมจะอยู่กับความทรมานไปจนตายได้หรือ

   “กินข้าวหรือยัง”

   “เรียบร้อยแล้วครับ  พี่อาร์มละครับ”

   “กินมาจากที่ทำงานแล้ว  จะนอนแล้วล่ะ  พรุ่งนี้มีธุระแต่เช้า  อย่านอนดึกมากนักล่ะ  แค่นี้นะ”

   “เดี๋ยว . . .”

   “อะไรหรือ”

   “อย่ากินเหล้าอีกนะ  มันไม่ดีพี่”

   “อือ”

   ผมวางสายจากมัน  ผมยิ้ม  ผมไม่ได้ทุรนทุรายที่ไม่มีมันอยู่ใกล้ ๆ  ผมมีความสุขกับการได้คุยกับมัน  ได้ยินเสียงของมัน 

   เวลา . . .

   . . . . เป็นสิ่งที่สอนให้รู้

   ของบางอย่าง . . .  อยู่ที่ระยะเวลาของมัน 

   สิ่งใดก็ตามแต่  มีระยะเวลา  บางทีในตอนที่มันร้อนเราไม่ควรเข้าไปจับ  หากแต่ต้องใช้เวลาสักระยะ  ให้มันค่อย ๆ  เย็นลงก่อน  แล้วเราค่อยแตะ

   เวลามันสอนให้ผมรู้จักความหมาย . . .

   . . . ใกล้ใจ  แม้ไกลตัว . . .




   ตอนนี้ผมไม่ได้ไปทำงานที่เดิมแล้ว    เพราะผมลาออกเรียบร้อยแล้ว  ผมมีเวลาอีกไม่มากในเมืองไทย    ผมยังไม่ได้ตระเตรียมข้าวของอะไรเลย  ผมรู้เพียงแต่ว่า  มีอะไรบ้างที่ผมควรจะเอาไป  สิ่งที่ขาดไม่ได้  แลปท้อป  เพราะบริษัทแจ้งเอาไว้แล้วตั้งแต่ต้น  ว่ามีการสั่งงานผ่านเน็ท   และ  หากมีการเปลี่ยนแปลงก็จะแจ้งผ่านมือถือ


   ตอนนี้ผมยืนอยู่ริมตึกใหญ่แถวสุขุมวิท . . . 

   . . . บริษัทเรียกเข้ามาเซ็นสัญญา

   ผมสูดลมหายใจเข้าปอด  ชีวิตผมเมื่อเดินก้าวเข้าไปในตึกแห่งนี้  ผมจะเปลี่ยนไปแล้ว  ทุกอย่างที่กรุงเทพฯ  จะกลายเป็นอดีตไปหมด  ผมจะเริ่มชีวิตใหม่  เริ่มชีวิตการทำงานที่หลายคนใฝ่ฝัน

   แต่ . . .

   ไม่ใช่ผม . . . ไม่ใช่งานที่ผมฝันเอาไว้แน่ ๆ    ถึงไม่ใช่งานที่ผมใฝ่ฝัน  แต่ผมก็ตั้งใจแล้ว  ทำมันให้ดีที่สุด

   หน้าที่ . . .

   . . . ทุกคนมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบแตกต่างกัน . . .

   ผมเพียงแค่ . . . อยากเดินออกไปจากชีวิตของใครบางคน

   ผมรู้ดี . . .

   ผมทำร้ายเขามามาก  ที่ผ่านมาทั้งหมด  ผมที่เริ่มเองทั้งนั้น    แล้วเมื่อวันหนึ่ง  ผมจะเดินจากไป  ก็มิใช่เรื่องแปลกอะไร  ผมเดินก้าวเข้าไปในตึกนั่น  อย่างมั่นใจที่สุดกับการตัดสินใจ

   เส้นทางที่เปลี่ยนชีวิตของผม . . .

   ผมนั่งอ่านเอกสารปึกใหญ่  ที่เจ้าหน้าที่เอามาให้อ่าน  และถ้าตกลงใจก็เซ็นชื่อ  และมีเอกสารบางชุดที่ผมต้องกรอก . . .

   สัญญาการทำงาน . . .ปีต่อปี

   ผมยอมรับได้  ไม่เป็นไร  แค่ปีเดียวเอง  ต้องฝึกสามเดือน  ที่ฐานการบินของสายการบิน  ไม่ใช่ปัญหา  ผมยอมรับได้  เพราะผมตัดสินใจแล้ว  ไม่เห็นจะแปลกอะไรก็ผมไม่ได้ทำงานกับบริษัทในเมืองไทยนี่หว่า

   . . .  ได้สิทธิ์กลับบ้าน ๑๕ วัน ในทุก ๆ  ๖ เดือน  . . . ไม่กลับหรอก  มีไว้ก็เท่านั้น  กลับมาทำไมตั้งสิบห้าวัน  ไปแล้วจะกลับมาอีกทำไม  สู้เปิดหูเปิดตาบินเที่ยวยุโรป  หรืออเมริกาดีกว่า  ก็ราคาตั๋วถูกดี

   . . . พนักงานมีสิทธิ์ได้ตั๋วราคา   0%  10%  หรือ  20% . . .  และ  ฯลฯ    ของราคาตั๋ว  ขึ้นอยู่กับอายุของงาน  เห็นมะ  สวัสดิการดีจะตาย  ถ้าราคาตั๋วร้อย  จ่ายสิบเอง  มิน่าใคร ๆ  ถึงอยากเป็นนางฟ้ากันจัง . . .

   . . . มีรูทบินกลับประเทศบ้านเกิด (ในกรณีที่บริษัทมีรูทในประเทศท่าน)  เดือนละ  ๑ ครั้ง  หวาย . . . ขอแลกได้มั้ย  ไม่อยากกลับเลย  เบื่อเมืองไทย  อากาศร้อน  แถมรถติด  โอ้ย  สารพัดข้ออ้างที่ผมไม่อยากกลับ

   . . . บริษัทมีที่พักให้เป็นคอร์ท   แต่ละห้องมีสองห้องนอน  พนักงานอยู่ห้องละหนึ่งคน   ไม่อยากพักรวมสัญชาติไหน  ให้ระบุ . . . กลัวมีการเหยียดเชื้อชาติแหง ๆ  ผมระบุไปแล้ว  THAILAND . . .

   กลัวมาก . . .

   กลัวเจอใครที่เป็นคนชาติเดียวกัน  แล้วต้องเสวนากัน  สนิทกัน  แล้วถ้ารักมันเข้าอีก . . . เพราะเหตุนี้  ไม่ขอร่วมห้องกับคนที่เขียนกรอกไปข้างต้น . . .

   มิน่า . . . ใคร ๆ  อยากมาทำกันจัง  ไอ้ไฟว์สตาร์ห้าดาวนี่  ผมไม่กังขากับสิ่งที่อ่านเลยแม้แต่น้อย . . .

   ทุกอย่างดูดีไปหมดเลย    ผมเซ็นไปในเอกสารฉบับแรกในทันทีโดยไม่มีข้อสงสัยแม้แต่น้อย . . .

   ทุกอย่าง . . . ดีไปหมด

   หากเอกสารฉบับที่สอง . . .

   . . . กรมธรรม์ประกันชีวิต . . .  มันจะแปลกอะไร  การทำงานแบบผม  อัตราความเสี่ยงสูงจะตาย  แต่บริษัทประกันนี่สิ . . . อังกฤษ

   โอ้โห . . .

   บริษัทประกันอันดับหนึ่งของอังกฤษเสียด้วย  ผมอ่านดู  ความคุ้มครอง  วงเงินประกันที่บริษัทจ่ายให้หากเสียชีวิต . . .ห้าแสนปอนด์

   ห้าแสนปอนด์ . . .

   เวอร์โครต ๆ  ไอ้สายการบินนี้    ลืมไป บ้านมันขายน้ำมัน  ทองคำเหลวใต้พื้นดินทั้งนั้น  มันจะเนรมิตอะไรก็ย่อมได้อยู่แล้ว  แถมพวกนี้  ไม่ชอบงานบริการอีก  เพราะมันเห็นว่า  บ้านมันรวยกระมัง  ไม่อยากทำงานที่ต้องมารองรับอารมณ์คนมากมาย  หลากหลายชาติพันธุ์

   ปอนด์นึง . . .  หกสิบกว่าบาท 

   . . . ห้าแสนปอนด์  สามสิบกว่าล้าน . .   

   ชาตินี้จะหาได้ที่ไหนว่ะ . . . สามสิบล้าน

   ผมว่าผมน่าจะตัดสินใจถูกต้องแล้วล่ะที่เลือกที่นี่ . . . 

   เพราะ . . .

   ไอ้บูติคแอร์ไลน์ของผม  แม้จะจ่ายโบนัสหกเดือน  แต่ยังมีการทยอยจ่ายอีกนะ  ไม่ได้รวดเดียวหกเดือน  แต่ให้เป็นงวดหกงวด  แถมใครลาออกไม่ได้ด้วย . . .

   นี่ . . .

   ผมขาดทุนโบนัสจากบูติกแอร์ไลน์อยู่หลายเดือน   ทั้ง ๆ  ที่ปีที่ผ่านมา  ผมทำงานทั้งปี  แต่พอมาลาออกปีนี้  ยังได้โบนัสไม่ครบเลย  เซ็งสายการบินในประเทศเลย  พอมาเจออะไรที่เจริญหูเจริญตาแบบนี้

   ผมอ่านมาถึงช่อง . . .

   . . . ผู้รับผลประโยชน์ในกรรมธรรม์ 

   ผมกรอกไปทันทีด้วยความเคยชิน  หากพอรู้ตัวอีกที  ก็ยิ้มกับตัวเอง  ทำไมนะ  ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน  สมองผมมันสั่งการได้รวดเร็วขนาดนั้นเลยหรือ

   1. KOMESE   CHOTCHUNGCHARIN

   2. AKEKARAT  KEAWKANHA

   ใช่!. . .   

   ผมชินกับการมีชื่อคนสองคนเท่านั้น   

   หรือหากมองอีกแง่  ทำไมไม่มีแดน . . . 

   ผมบอกเลย  แดนมันรวย   คนบ้านมันรวยไม่ลำบากหรอก  แต่คนที่ไม่มีอะไรนี่สิ  มันต้องดิ้นรนขวนขวาย  เพื่อให้ได้มาถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ

   หาก . . .

   อีกสองคน . . .

   ยังไม่รู้เลย  จะหาบ้านใหญ่ ๆ  ไว้เป็นที่พักพิงยามแก่เฒ่าได้หรือเปล่า  ผมยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าของเจ้าของชื่อที่ผมเพิ่งกรอกลงไปในเอกสาร  ผมรวบเอกสารไว้รวมกัน  ก่อนเอาเอกสารทั้งหมดไปยื่นให้เจ้าหน้าที่  ที่รอตรวจความเรียบร้อย

   “คุณอาร์มค่ะ”

   “ครับผม  มีอะไรผิดพลาดหรือครับ”

   “ช่องนี้นะค่ะ  ไม่แน่ใจว่าผิดพลาดหรือเปล่า”  เจ้าหน้าที่  อายุมากกว่าผม  เอาเอกสารมาให้ผมดู

   ผมยิ้ม . . .

   “ไม่ผิดครับ . . . ถูกต้องครับ”

   “คนละนามสกุลกับคุณอาร์มด้วยนี่ค่ะ”

   “ครับผม  ผมไม่มีญาติพี่น้องนี่ครับ  มีแค่เพื่อนสนิทสองคน  ในชื่อที่ผมเขียนไปเท่านั้นเองครับ”

   “อ่อค่ะ  งั้นเรียบร้อยแล้วค่ะ”

   “ครับผม  ผมกลับได้เลยใช่มั้ยครับ”

   “ค่ะ นี่ค่ะตั๋วเครื่อง  ยินดีที่ได้ร่วมงานด้วยกันนะค่ะ  อิจฉาเพื่อนคุณอาร์มจัง  มีเพื่อนน่ารักแบบนี้”

   “ขอบคุณครับ . . .”  ผมรับตั๋วมา 

   “. . . อย่าอิจฉาเลยครับ  แต่ใจผมนะ  อยากให้เครื่องตกตั้งแต่ไฟลท์แรกที่ผมบินเลยนะครับ” 

   “ดูพูดเข้า  ตลกนะคะคุณอาร์ม”

   “จริง ๆ  นะครับ  สามสิบกว่าล้าน  เพื่อนผมมันคงรักผมมากยิ่งขึ้นแน่ ๆ  ที่จู่ ๆ  มีเงินสดมากองตรงหน้า”

   ผมมองหน้าเจ้าหน้าที่  ยิ้มให้หล่อน

   “ไม่ตกหรอกค่ะ  สายการบินเราไม่เคยมีประวัติเรื่องอุบัติเหตุนะค่ะ”  หล่อนยิ้ม

   ผมออกมาจากบริษัท . . .

   ต่อจากนี้  อีกไม่นาน  ผมจะไปจากที่นี่แล้ว  อีกไม่กี่วันผมได้ไปทำงาน  งานที่ผมไม่เคยคิดจะทำมาก่อนในชีวิต 

   ถนนสายชีวิต . . . หักเหเสมอ



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 29-05-2008 08:09:18
อั้กกกกก!!

เจ็บมากเลย!!

ถูกของพี่อาร์ม   ถนนชีวิตหักเหเสมอT^T

 :m15: :m15:

ถ้าพี่สบายใจแล้วก็โอเคล่ะค่ะ สู้ต่อไปนะคะ

ทุกคนในเล้าเป็นกำลังใจให้นะคะพี่^^ :กอด1: :c5: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 29-05-2008 08:18:53
 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:

ดีใจจัง คนแรกเลยครับ

ดีครับ เดินไปข้างหน้าเสมอ เพราะ พระอาทิตย์ ยังมีให้เห็นทุกวัน

วันนี้จะมีอีกตอนไหมครับ

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 29-05-2008 08:23:49
 :m23: :m30: :m30:

Oop!  นึกว่าเม้นต์คนแรก ว้า

แต่มีอีกตอนสำหรับวันนี้ใช่ไหม ครับ คุณอาร์ม

 :m29: :m29: :m29:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 29-05-2008 08:27:25
มารายงานตัวแล้วจร้า :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 29-05-2008 08:51:14
เศร้าอีกแล้วววววววววววววววววววววววววว เศร้าได้อีก  :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 29-05-2008 09:02:15
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 29-05-2008 09:21:49
เตรียมบินแล้ว  :a1:

มีเรื่องอยากถามอ่ะค่ะ
พี่อาร์ม    - ที่ตั้งชื่อว่า อาร์ม เพราะต้องใช้ 2 แขนปลอบใจตัวเองหรือเปล่าคะ
น้องโก    - เป็นเพราะตั้งใจให้ "ไป" หรือเปล่าคะ
เพื่อนโอ๋  - เป็นเพื่อนที่เข้าใจเรา ปกป้องเราตลอดใช่มั้ยคะ

หรือว่า แก้วคิดมากไปเอง   :m23:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 29-05-2008 09:45:25
เตรียมบินแล้ว  :a1:

มีเรื่องอยากถามอ่ะค่ะ
พี่อาร์ม    - ที่ตั้งชื่อว่า อาร์ม เพราะต้องใช้ 2 แขนปลอบใจตัวเองหรือเปล่าคะ
น้องโก    - เป็นเพราะตั้งใจให้ "ไป" หรือเปล่าคะ
เพื่อนโอ๋  - เป็นเพื่อนที่เข้าใจเรา ปกป้องเราตลอดใช่มั้ยคะ

หรือว่า แก้วคิดมากไปเอง   :m23:


เออเนอะ... ไม่ทันสังเกตุเลยค่ะ!!

โห.. จริงอย่างที่คุณแก้วจริงๆด้วยอ่ะ   :m22:

จิ้มเพิ่มคะแนนให้คุณแก้วด้วยความเต็มใจเลยค่า!~   :oni1: :oni2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 29-05-2008 10:06:09
จาไปแล้ว

ทิ้งทุกอย่างแล้วไปงั้นเหรอ  แน่ใจเหรอ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 29-05-2008 10:21:35
ยังเศร้าอยู่  :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 29-05-2008 11:08:52
คุณแก้วเก่งจังครับ ไม่ได้คิดจะสังเกตเลยทีเดียว


เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่อาร์มถึงใจแข็งไม่ให้โอกาสพี่โกง่ายๆ
สงสารจังเลย  :o12: :o12: :o12:

เศร้าจังเลย o7 o7 o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-05-2008 11:10:08
เตรียมบินแล้ว  :a1:

มีเรื่องอยากถามอ่ะค่ะ
พี่อาร์ม    - ที่ตั้งชื่อว่า อาร์ม เพราะต้องใช้ 2 แขนปลอบใจตัวเองหรือเปล่าคะ
น้องโก    - เป็นเพราะตั้งใจให้ "ไป" หรือเปล่าคะ
เพื่อนโอ๋  - เป็นเพื่อนที่เข้าใจเรา ปกป้องเราตลอดใช่มั้ยคะ

หรือว่า แก้วคิดมากไปเอง   :m23:

ไม่คิดมากหรอกครับคุณแก้ว

ชื่อตัวละครมันบอกอะไรได้หลายอย่าง

นิยายมันก็คือภาพสท้อนที่เป็นจริงในสังคม

เหมือนกับที่ว่า ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว

อันนี้ก็ อ่านนิยายแล้วย้อนดูตัว

อะไรในนิยายที่ไม่ชอบก็อย่าทำ อะไรที่ชอบก็เก็บไว้

 :teach:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: DEK-JANGRAI™ ที่ 29-05-2008 11:14:58
ขอบคุณคร้าบ  สำหรับเรื่องดีดีที่น่าเศร้าใจ


อ่านแล้วเจ็บปวดใจเป้นที่สุด   ถ้ามันเกิดกับชีวิตของผม 


ผมคงรับมันไม่ไหวแน่  เหอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 29-05-2008 11:30:49


เย้ยยยยยยยยยย  ไปกันใหญ่แร่ะ . . ง


พี่อาร์ม    - ที่ตั้งชื่อว่า อาร์ม เพราะ . .. ไม่มีเหตุผลจริง ๆ
น้องโก    - พ่อมันชื่อโกเมศ . . .แล้วมันก็เกิดปีฉลองกรุงรัตนโกสินทร์  จะให้ชื่อไรล่ะ
เพื่อนโอ๋  - ไอ้เพื่อนเหี้ย . . . ชื่อนี้มาตั้งแต่เกิดครับ


ปล.  เรื่องนี้คือ . . . เรื่องเล่า . . . ไม่ใช่นิยาย

เพราะนิยายคือความฝัน  จินตนาการ . . . เรื่องเรื่องเล่าคือสิ่งที่ผ่านมา  แม้จะไม่ทั้ง ๑๐๐%  แต่มันก็มากกว่า ๘๐%  ที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง  เพราะฉะนั้นในความคิดของผม 

เรื่องเล่า . . . แตกต่างจากนิยาย


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 29-05-2008 12:11:30
 o6  แหะ แหะ 

ขอโทษค่า
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 29-05-2008 12:21:55
 :sad2: :sad2:ง่า.....ปวดใจ......
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 29-05-2008 12:24:17
อาร์มตื่นเช้าจังเลย มาต่อตั้งแต่หกโมงเช้าแน่ะ เอ๊ะ รึเราตื่นสายเองกันแน่หว่า :m23:
ดีใจนะที่อาร์มก้าวออกมาได้อีกขั้นนึงแล้ว o7
ชอบตรงที่อาร์มทิ้งระยะห่างกะโกได้ "ใกล้ใจ..แม้ไกลตัว" ไม่ได้พยายามยื้อไว้กะตัวเองแบบดันทุรังเหมือนเดิม อ่านจากบทสนทนาทางโทรศัพท์แล้วรู้ได้เลยถึงความสงบ มากกว่าบทสนทนาตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันพักหลัง มันเปนการเชื่อดเฉือนกันซะมากกว่า....

เรื่องเดินทางมาถึงระยะไหนของปัจจุบันแล้วนี่.... วันนี้ยังรออีกตอนอยู่นะ อิอิ  :m13:
เปนกำลังใจให้เสมอจ้ะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-05-2008 12:36:26
เหอเหอ

สงสัยผมจะเข้าใจผิด

ยังงัยก็รอตอนต่อไปนะครับ

 :m23:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 29-05-2008 12:37:17
อ่า

จริงด้วย

ว่าแต่ตอนนี้ พี่อาร์มเดินมาถึงจุดไหนแล้วล่ะคะ?
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 29-05-2008 13:45:53
อ่า

จริงด้วย

ว่าแต่ตอนนี้ พี่อาร์มเดินมาถึงจุดไหนแล้วล่ะคะ?



ผมไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ผมเดินมาถึงจุดไหน . . .

ผมรู้แค่ว่า . . . ผมเองก็ยัง . . . งง . . .

ทำไมชีวิตคนเรามันเน่าได้ขนาดนี้ . . .  ขนาดดูสวรรค์เบี่ยงตอนอวสานผมว่าเน่าสนิทแล้วนะ  แต่พอผมมองย้อนหลังไป  เออ  ชีวิตกูก็เน่า  เน่าได้ดีแบบที่ไม่ต้องหาออกซอเจนเติมลงไป  เพราะมันไม่หายเน่า


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 29-05-2008 14:12:38
เมื่อไรจะมาต่ออ่ะครับ อยากอ่าน  :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 29-05-2008 14:29:07
นั่นสินะ...

พอจะเข้าใจค่ะ

เพราะชีวิตคนเรามันไม่เหมือนกันเลย

พยายามเข้านะคะพี่อาร์ม

หนูเชื่อว่าสักวันพี่จะต้องรู้ได้แน่ๆ  ว่าตัวพี่เอง  เดินปถึงจุดไหนของชีวิตแล้ว...

หนจะเป็นกำลังใจให้นะคะ ^-^  :กอด1: :L2: :L1: :c5:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 29-05-2008 14:47:07


ตอนที่  ๓๑



   เวลาที่ผมมีอยู่ . . .

   ไม่ถึงเจ็ดวัน  นึก ๆ  แล้วก็ใจหาย  ผมเคยจากแผ่นดินเกิดหรือ? 

   แม้แต่เที่ยวเมืองนอก  ผมแทบไม่อยากก้าวเท้าพ้นแผ่นดินไทยเลย  ไม่รู้สิ  ผมมีความรู้สึกว่าแผ่นดินนี้  ร่มเย็นที่สุดแล้ว  จะดิ้นรนไปที่อื่นทำไม

   หาก . . .


   ที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้  ไม่ใช่ . .

   . . . แผ่นดินที่ผมอยู่มันรุ่มร้อน . . 

   ร้อนอย่างกะไฟ  เหมือนยืนอยู่บนกองเพลิงก็ว่าได้

   ผมก้มลงกราบหลวงพ่อ . . . 

   นานทีเดียวที่ผมไม่ได้เจอท่าน  เพราะท่านออกธุดงค์  แต่น่าแปลก  ท่านกลับมาจำวัด  ก่อนผมไปนอกไม่ถึงเดือน    และเหมือนท่านจะรอผมอยู่ด้วยซ้ำ

   “มาแล้วหรืออาร์ม”

   “หลวงพ่อ”

   “รอมาหลายวัน . . .”

   ผมมองหน้าท่าน  บางที  เรื่องบางอย่างเราไม่สามารถที่จะพูดได้  เวลาเท่านั้นที่จะคลี่คลายทุก ๆ  อย่าง

   “แดนสบายดีหรือลูก . . .”  ท่านหันไปทักทายอีกคน

   “ครับหลวงพ่อ”

   “โอ๋ไม่มากันด้วยหรือ . . .”

   “จะบวชอีกสามวันแล้วครับ  ตอนนี้ไปอยู่ที่วัดแล้วครับ”

   “อืม  ทางสงบ  เหลือแต่เราสินะ”  ท่านมองมาทางผม  แววตามีแต่ความสงสาร  เปี่ยมด้วยเมตตา  ใบหน้าท่านสว่าง  มีสง่าราศี

   “จะมาลา . . .”  ผมก้มหน้าต่ำ

   “พี่อาร์ม  พูดอะไร. . .”  แดนกระตุกที่ขาผมเบา ๆ 

   “. . . ใครเขาให้พูดเรื่องลา  มันเป็นลาง” 

   ผมรู้ มันห่วงผม   หากตัวผม . . .

   . . . ผมมาเพื่อลา

   “ผมจะไปอยู่เมืองนอก . . . ได้งานที่โน่น”

   “พี่อาร์ม  เมื่อไหร่”  ดูเหมือนคนที่จะตกใจเป็นไอ้แดน  หากหลวงพ่อมองผมนิ่ง  แววตาไม่เปลี่ยน

   “อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา”   ท่านยิ้ม  แววตาเอื้ออาทร

   “หลวงพ่อ . . .” ผมมองหน้าท่าน  ผมรู้ความหมายเสียที่ไหน  ท่านเมตตาผม  ยิ้มบาง ๆ

   “จงหยุด  แล้วมองโลกด้วยความเป็นจริง  พิจารณาสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์  เพราะทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง  ไม่ใช่ตัวตน  เพราะขณะนี้  เราไม่รู้ไงว่าชีวิตหรือสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เรากำลังหลง รัก ใคร่ ยินดี ล้วนเป็น อนิจจัง  ทุกขัง อนัตตา”    น้ำเสียงสะกดให้ผมต้องคิดตาม

   ธรรมะ . . .

   . . . มาจากธรรมชาติ

   น้ำ . . .

   . . . ต้นกำเนิดสรรพสิ่งของชีวิต

   หาก . . . ธรรมะ  หลักการดำรงชีวิต

   “อนิจจัง  ทุกขัง อนัตตา. . . “   ผมทวนคำ

   “มันคืออะไรหรือหลวงพ่อ   สั่งสอนสัตว์โลกเถิดหลวงพ่อ นึกว่าเมตตา . . .”  ผมมองท่าน  ก้มกราบ ก่อนพนมมือเต้อีกครั้ง  ผมยอมรับ  ไกลวัด  ไกลศาสนา

   ช่องที่มีให้กรอกในเอกสารต่าง ๆ  ศาสนา . . .

   พุทธ . . . สิ่งที่ผมกรอกด้วยความเคยชิน 

   หากแต่ไม่เคยเลยที่จะรู้อะไรมากไปกว่า  พระพุทธองค์เกิดมา  แล้วเดินเจ็ดก้าว   ทรงแต่งงาน แล้วเบื่อหน่ายทางโก  ก่อนหนีออกผนวช  ทรงตรัสรู้  ปรินิพพาน . . .

   ถึงผมจะเคยบวช . . .  แต่แค่เจ็ดวัน  บวชตามประเพณี  หาใช่บวชเพราะอยากศึกษาในธรรมะของพระพุทธองค์

   หลวงพ่อยิ้มที่มุมปาก . . .

   “คืออะไรหรือ  ก็คือ  การหลงรักยินดีติดพัน  ยึดถือ  ครั้นเราจะสลัดมันทำไม่ได้  เราต้องเปิดตามอง  ตามวิธีของศาสนา  คือ  มองให้ชัด  ว่าสิ่งทั้งปวงไม่เที่ยง  เป็นทุกข์  ไม่ใช่ตัวตน  ไม่มีอะไรน่าผูกมัดตัวเราไว้กับสิ่งนั้นจริง ๆ  แล้วจิตมันก็จะเกิดความหลุดพ้นจากอำนาจครอบงำ  ในสิ่งที่เรา ๆ  มักจะบอกตัวเองว่าเสมอว่า . . .  ความรัก”  ท่านกระเอมเบา ๆ  คล้ายมีอะไรติดคอ 

   ผมรินน้ำชาจากในกา  ก่อนเลื่อนให้ท่าน  หลวงพ่อท่านจิบเบา ๆ 

   “อนิจจัง  คือ  สิ่งทั้งปวงเปลี่ยนแปลงเรื่อย  ไม่มีอะไรเป็นตัวเองที่หยุดอยู่แม้ชั่วขณะ  มีรักได้  ก็เลิกรักได้”

   ผมนั่งฟังด้วยหัวใจที่เยือกเย็นลง . . . 

   สิ่งที่หลวงพ่อบอก  ผมคุ้น ๆ  เหมือนเคยเรียนในวิชาพระพุทธศาสนา  หากมันนานมาแล้ว  นานมากเหลือเกิน  แล้วตอนที่ผมบวช  ผมก็เคยอ่านหนังสือแนวธรรมะ 

   แต่ทำไม . . . 

   ตอนที่ผมทุกข์  ผมกลับไม่หันหน้าเข้าหาธรรม  อาจเพราะว่าห่วงผมหนาเกินไป   ผมเลือกไปยึดเอาอะไรมาผูกเอาไว้กับตัวเอง

   “ทุกขัง หมายความว่า  สิ่งทั้งหลายทั้งปวงมีลักษณะเป็นความทนทุกข์ทรมาน  อยู่ในตัวเอง  มีลักษณะดูแล้วน่าชัง น่าเบื่อหน่าย  น่าระอาอยู่ในตัวมันเองทั้งนั้น  มีรักก็มีทุกข์แหละ  รักมากก็ทุกข์มากเป็นธรรมดา”

   ผมทุกข์เจียนตาย . . .

   นั่นเพราะผมรักมันมากกว่าตัวเอง  ผมมันเหมือนคนที่มืดบอด  ไร้สติ  ไร้การตรึกตรอง  หากเปรียบตัวเองเป็นบัว  ผมไม่แตกต่างอะไรจากบัวที่เพิ่งโผล่พ้นโคลนตม  อีกกี่วันก็ไม่รู้ที่จะได้โผล่พ้นน้ำ  รอรับแสงอรุณ  เพื่อที่จะแบ่งบานอวดกลีบดอกของความสวยงาม

   ความรัก . . .

   . . . ทำหัวใจผมบอดสนิท

   “อนัตตา  คือ  การบอกให้รู้ว่า  บรรดาสิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่มีอะไรที่เราควรจะไปยึดมั่นถือมั่นด้วยจิตใจว่า  เป็นตัวเราหรือเป็นของเรา . . .”   หลวงพ่อมองผมด้วยสายตาที่ผมรู้ว่าห่วงใย

   “. . .  ถ้าไปยึดถือก็ต้องเป็นทุกข์  และยังบอกให้รู้ว่าสิ่งทั้งปวงนั้นยิ่งกว่าไฟ  เพราะว่าไฟนั้นเราสามารถมองเห็นว่ามันลุกโชติช่วง  เราไม่ควรไปเข้าใกล้  แต่สิ่งทั้งปวงนั้นมันเป็นไฟที่มองไม่เห็น  เราจึงเข้าไปกอดกองไฟด้วยความสมัครใจ  แล้วมันก็เลยเป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา  นี่คือการบอกให้รู้ว่าสิ่งทั้งปวงคืออะไร”

   ผมนั่งน้ำตาไหลคลอ . . . 

   . . . อยากกอดหลวงพ่อจับใจ

   ทางสว่าง . . .

   ท่านชี้ทางสว่างให้กับผมโดยแท้  สิ่งที่ท่านบอกผม  ท่านไม่ได้คิดมาเอง พระพุทธองค์ตรัสไว้เป็นพัน ๆ  ปีแล้ว   ท่านให้ความร่มเย็นแก่มวลมนุษยชาติ  หากทำไม  คนเราถึงไม่ยึดติดกับกิเลส ตัณหา  กันมากนักก็ไม่รู้

   “สิ่งที่หลวงพ่อบอกว่า  เราเรียกรวม ๆ  ว่า ไตรลักษณ์   ที่นี้เมื่ออาร์มรู้ว่าสิ่งทั้งปวงไม่เที่ยง  เป็นทุกข์  ไม่ใช่ตัวตน  ยึดถือไม่ได้  และไปหลงใหลด้วยไม่ได้  เราก็ต้องปฏิบัติทั้งปวงให้ถูกต้องด้วยความระมัดระวัง  คือ  เว้นจากการทำชั่ว  แค่เราไม่ทำชั่วเท่านั้น จิตใจเราก็สงบเองลูก”

   ผมก้มลงกราบหลวงพ่อ . . . 

   ตอนนี้หัวใจผมโล่งเหมือนโดนปลดปล่อย  ปล่อยจากโซ่ตรวนของพันธนาการที่ผมสร้างมันขึ้นมา  สิ่งที่ผมเรียกมันว่า . . .

   . . . ความรัก

   “จะไปวันไหน”

   “อีกห้าวันครับหลวงพ่อ  อีกนานกว่าจะได้กลับมาเยี่ยมหลวงพ่ออีก”

   “พี่อาร์ม”  แดนมันยังไม่รู้  มันยังไม่ชินกับการจากลากระมัง  แดนจับขาผมเอาไว้  ผมหันไปยิ้มให้มัน  บอกเป็นเชิง  ไว้คุยกัน

   “อย่าห่วงเลย  หลวงพ่อสบายดีใต้ร่มเงาพระศาสนา  อาร์มล่ะลูก  เหนื่อยก็พัก  แล้วคิดที่หลวงพ่อบอกให้มาก  ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจเรานะลูก”

   “ครับหลวงพ่อ”

   “บอกอาเขาหรือยัง”

   “ยังครับ”

   “ยังไม่เพล  ถ้าไปปาย  ยังทันนะลูก  ไปบอกอา  ไปบอกเขาคนนั้นเสีย  บอกทุก ๆ  คนที่ลูกอยากบอก . . .”

   ผมมองหลวงพ่อ . . .

   หลวงพ่อรู้อะไรหรือ  หลวงพ่อเป็นพ่อผม  มีหรือจะไม่รู้จักลูกตัวเอง  เพียงแต่ว่าท่านจะพูดออกมาตรง ๆ  หรือไม่  และในสถานะของท่านตอนนี้  คงไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้มากกว่านี้

   เรื่องของทางโลก . . .

   . . . หาใช่  กิจของสงฆ์ 

   “. . . กรรมแต่อดีตก็เป็นเรื่องของอดีต  เราไม่สามารถแก้ไขอะไรมันได้นะอาร์ม   แต่วันนี้  ปัจจุบันนี้  อาร์มถามตัวเองนะลูก  ตัดได้มั้ย  ไม่ต่อกรรมกันอีกได้มั้ย   ถ้าเราตัดได้  เราก็จะอยู่ร่วมกันบนโลกนี้ได้อย่างสงบ”  น้ำเสียงท่านราบเรียบ  แต่ทำไม  ผมกลับอบอุ่นอย่างที่สุด

   “ครับหลวงพ่อ  งั้นผมจะไปปาย”

   “ดีแล้วลูก  ตัดกรรมซะ เอ้า. . . ว่าง ๆ  ก็อ่านมันซะบ้าง  เดินทางปลอดภัย”  ท่านเลื่อนหนังสื่อเล่มเล็ก ๆ  ให้

   คู่มื่อมนุษย์ . . . พุทธทาสภิกขุ

   แบบนี้แปลว่าท่านไม่อยากให้ผมรบกวนอีกแล้ว  ผมกับผมแดนก้มลงกราบ  ก่อนที่จะออกมาจากวัด

   หัวใจผมเย็นอย่างที่สุดแล้ว . . .

   . . . ผมควรตัดกรรม





   เราแวะเติมน้ำมันเต็มถังก่อนถึงแม่มาลัย  แดนมันอาสาที่จะขับให้  เส้นทางสายนี้มีแต่โค้งกับเขา  แต่มันก็สวยงามมากเส้นทางหนึ่ง  และเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างปลอดภัยกว่าเส้นทางอื่น


   ผมนั่งเงียบ . . .

   คิดตามสิ่งที่หลวงพ่อบอกมา  ก่อนเปิดอ่านหนังสือเล่มเล็ก ๆ  และคิดตามเปรียบเทียบสิ่งที่มีในหนังสือ  กับความเป็นจริงที่ผมเจอ

   . . .  ผมเคยกลัว  กลัวหลายอย่าง

   ตอนเด็ก ๆ  ผมกลัวผี  กลัวความมืด

   . . . ผมกลัวการนอนคนเดียว  ต้องแอบไปนอนกับแม่ 

   ผมโตขึ้นผมมีความรัก . . .   

   . . . ผมก็กลัว  กลัวมันจะไม่รักผม กลัวมันทิ้งผมไป เพราะผมคิดมาตลอด  มันคือส่วนหนึ่งในชีวิตของผม  ผมไม่เคยแยกความรักระหว่างผมกับมัน  เพราะผมรู้  ความรักมันแยกได้เสียที่ไหนเล่า  ความรักมันมีเพศหรือ  มันคงเป็นไอ้ตัวสองเพศตามใต้ทะเลลึกกระมัง

   ใช่แล้ว  . . .

   . . .  ลึกสุดในทะเลแห่งหัวใจไง

   ผมค่อย ๆ  ใช้เวลาพิจารณาถึงคำสอนของท่านพุทธทาส  ก่อนอื่นเลย  ผมมานั่งอยู่ตรงนี้เพราะ?

   “มันไม่รักผมแล้ว  มันมีผู้หญิงเหมือนที่ผมเคยมีมาก่อนมัน”

   ผมถามตัวเองเป็นร้อยรอบ  พันรอบ 

   ทำไมว่ะ . . . 

   . . . กูผิดเหรอ  ผิดตรงไหน 

   ทำยังไงจะเหมือนเดิม . . .   

   แล้วคำตอบมันก็ออกมาเป็นน้ำตา  เป็นก้อนอะไรไม่รู้ที่แล่นขึ้นมาจุกแน่นที่หน้าอก  แล้วลามมาถึงลำคอ  ทำให้กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น  แล้วสายตาที่มองถนัดก็เริ่มพร่ามัวเพราะมีหยาดหยดน้ำตารดรินลงอาบแก้มอย่างช้า ๆ 

   ผมว้าวุ่น  ร้อนรุ่มหัวใจ . . .

   ยามที่มันนอนอยู่กับผม  มันกอดผม  แต่เมื่อใครโทรเข้ามาในเวลาอันดึก  มันต้องรีบรับสาย  มันคุยสนุกสนานมีความสุข  แต่หัวใจผมร้าวราญ  หมอนผมเปียก  มันจะรู้มั้ยว่าผมเจ็บ  แล้วผมเจ็บจนต้อสะอื้นทุกครั้งก่อนที่มันจะวางสายกับคำพูดที่มันกรอกไปตามสาย   

   “รักมากนะ”

   ผมคงไม่ชินกับการที่คนที่ผมรักเท่าชีวิตบอกรักคนอื่นกระมัง  เพราะผมชินกับการที่มันบอกรักผมคนเดียวไง แม้จะมีสร้อยต่อท้าย . .  . แบบพี่

   เห็นมั้ย . . .   

   ผมบอกแล้ว  พอลองพิจารณาดู  ถึงสาเหตุ  ก็จะค่อย ๆ  เห็นภาพว่าจริง ๆ  แล้วที่ผมทุกข์  อยู่ทุกวันนี้เพราะอะไร  ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี  แต่จะมีศาสนาใดบ้างที่สอนให้คนค้นหาสาเหตุแห่งทุกข์  ผมว่าน่าจะไม่มี 

   บาป  กับ  บุญ . . .

   . . . ล้างกันไม่ได้  ผมเชื่อ

   สารภาพบาปแล้วหาย . . .

   . . .  ผมเงียบ  ไม่ขอออกความเห็นแฮะ

   ทำไมต้องทุกข์? 

   . . .  ก็เพราะรักเขาไง

   แล้วก่อนหน้านี้ทำไมถึงสุข? . . . 

   . . . ก็มันรักผมนี่

   เมื่อเราไม่ร้อนรุ่ม  เราเอาคำสอนศาสนามาพิจาณา  เอามาเป็นแนวทาง  ค่อย ๆ  คิด  ค่อย ๆ  ค้น  ค้นไปจนเจอสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์  แล้วเราดับมันที่ต้นเหตุ  เราก็ไม่ทุกข์เองแหละ  ผมหาสาเหตุของทุกข์ 

   ทุกข์เพราะรักมาก  ถ้าไม่รักมันจะทุกข์มั้ย?

   เห็นมั้ย . . . 

   เมื่อเรามีสติ  เราก็จะมองอะไรที่ง่าย  ผมรู้แล้วสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์  แต่ทำอย่างไรถึงจะดับทุกข์นั้นได้เหมือนที่บอกไง 

   . . . บ่วงดวงใจตัดยาก 

   แต่ผมต้องดับมันให้ได้  หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล  เรามีทางเลือกไม่มาก  แล้วแต่ว่าเราจะเลือกทางใดก็เท่านั้น 

   “ตัวกูหรืออัตตา” 

   ผมเริ่มจะรู้จักกับมันแล้ว  ผมจะต้องทำความคุ้นเคยกับมัน  ต้องเรียนรู้กับมันอีกสักระยะ  คนเราเกิดมาพร้อมหน้าที่ 

   หน้าที่ของความเป็นลูก . . . 

   . . . หน้าที่ของคนในชาติ 

   หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อการงาน และอะไรอีกมากมายที่เราเอามันมาสวม  เอามาแบกไว้  ผมต้องค่อย ๆ  ผ่อนคลายหน้าที่  และผมต้องทำความรู้จักกับ  อัตตา  ให้มากขึ้น   และที่สำคัญที่สุดสำหรับผม    “หน้าที่ของหัวใจ”

   ผมต้องปล่อยวางหัวใจเอาไว้ . . .

   . . . โดยที่มันต้องไม่มีหยดเลือดและน้ำตา . . .

   ไม่ว่าจะเป็นจากผมหรือจากมัน . . .

   นี่แหละที่ต้องใช้เวลายากหน่อย  แต่มันคงอนุโมนทาสาธุ  ถ้าถนนสายชีวิตของผม  ผมจะไม่ยอมให้มันเฉียดมาอีกแล้ว  ระหว่างมันกับผม  เราเดินด้วยกันมานาน  นานจนผมไม่คิดว่าจะมีอะไรจะแยกกันได้ 

   แต่ผมลืมไปไง  . . . 

   . . . คนเราเกิดมาคนเดียว  แม้กระทั่งฝาแฝดยังไม่ได้เกิดมาพร้อมกันเลย

   คนเราเกิดมาทำไม ?

   หลายคนอาจเคยเจอคำถามแบบนี้  กิน ขี้ ปี้  นอน  แค่นี้นะเหรอที่เราเกิดมา  ซ้ำ ๆ  ซาก ๆ  แบบนี้นะเหรอในชีวิตของคนเรา ไม่มีแก่นสารเลยว่ะกู   ชีวิตมึงทำดีได้เท่านี้จริง ๆ  หรือ  ผมถามเอง  ผมก็ต้องหาคำตอบเองอีกแร่ะ 

   ถ้าเช่นนั้นคนเราเกิดมาทำไม?

   . . . ทุกวันนี้เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไรกันแน่?

   และอีกมากมายที่มันผุดในสมองกลวง ๆ  ของผม 

   อะไร? 

   . . . ทำไม?

   ทำอย่างไร? 

   มันตอบยาก . . . 

   . . . แต่ผมต้องค้น  ผมต้องหา   คำตอบที่ใครก็ไม่สามารถบอกได้  นอกจากตัวผมเอง   

   เวลาที่ร้อน  เวลาที่ไม่สบายใจ  ทำไมเมื่อเราใกล้พระ  เราใกล้ศาสนา  เราจึงร่มเย็น  แล้วทำไมไม่ลองเข้าไปอยู่ในศาสนาเสียล่ะ 

   เหอะ ๆ ๆ ๆ ตรูยังมะพร้อม . . .

   “ทำไม?”

   ผมกลัว

   “กลัวเหี้ยไรว่ะ”

   ม่ายรู๊เด่ะ

   งั้นคุณมึงลองนึกดูนะไอ้สาดดดดด  ว่าตั้งแต่มีโลกนี้มา  มันมีศาสนามาพร้อมโลกไหม  ไม่มีใช่ไหม  คนสมัยก่อนบรรพบุรุษของมึงนะ  คนป่า คนถ้ำ  มันกลัวเหมือนมึงตอนนี้มะ 

   “กลัว”

   เห็นมะ  คนป่ามันก็กลัว 

   กลัวไร . . . 

   . . . กลัวฟ้าร้อง  ฟ้าผ่า  กลัวความมืด  กลัวพายุ  กลัวช้างแมมมอธ  อันนี้เกี่ยวมะนี่ 

   มะรู้ว่ะเพราะผมเกิดมิทันเหอะ ๆ ๆ ๆ

   . . . ที่เรากลัวนะ  มันกลัวสิ่งที่อยู่เหนือการคาดหมาย  ที่อยู่เหนือความเข้าใจและความต้านทานของคนสมัยนั้นกระมัง  แล้วไงรู้ไหม   บรรพบุรุษของมรึงงงงงงงงงงง  คนป่า  คนถ้ำ  ก็เริ่มพัฒนาความกลัวให้มันน้อยลง  บูชาไฟ  หมอบกราบอ้อนวอน  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 

   เห็นมั้ย . . .   ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากความกลัว  ศาสนาก็เหมือนกันมันเกิดจากความกลัว 

   พระพุทธเจ้าเห็นอะไรถึงทรงหนีผนวช  ทั้ง ๆ  ที่พระองค์มีทุกอย่างในชีวิต 

   มีเมีย . . . 

   . . . มีลูก 

   มีพ่อ . . . 

   . . .มีพระราชวังศ์สามฤดู 

   ยกเว้นดาวกับเดือน  แต่พระองค์ท่านมองเห็น  การเกิด การแก่  การเจ็บ  การตาย   ทุกอย่างมันล้วนวัฏฏะสังขาร  มึงก็เหมือนกันไอ้อาร์ม  เกิด  แก่  เจ็บ  สักวันก็ต้องตาย  มึงโชคดีที่อย่างงน้อยมึงมีคนที่มึงรัก  และเขาก็รักมึง  แค่นี้แล้วมึงยังต้องการอะไรอีก 

   มีรักได้  ก็หน่ายรักได้

   ชายคู่หญิงโว้ยยยยยยย  มะช่าย   ชายคู่ชาย      แบบที่มึงอยากให้อีกคนเป็นแบบมึง

   ผมนั่งคิดในขณะที่ไอ้แดนขับไปเรื่อย ๆ    นานครับ  นานจนผมคิดว่า  ผมจะต้องค่อย ๆ  วางหัวใจของผมให้มันนุ่มที่สุด  ผมจะได้ไม่ทรมาน  และมันคนที่ผมรักก็ไม่ต้องทรมานเช่นเดียวกัน 

   ผมแปลกใจตัวเอง  ผมไม่ร้อนรุ่ม  ไม่คิดว่ามันจะที่ไหน อยู่กับใคร  อาจเพราะ  ผมเริ่มรู้จักเพื่อนแท้ของผมมากขึ้นกระมัง   “ตัวกู”



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 29-05-2008 15:01:37
พี่อาร์มค้นพบที่ยึดเหนี่ยวในจิตใจแล้วนะคะ ^-^

ต่อจากนี้ไปก็พยายามเข้านะคะ 

เพราะเมื่อเรามีที่ยึดเหนี่ยว

ทุกอย่างจะไม่ยากเหมือนเดิมแล้ว

เพราะเรารู้ว่าอะไรคืออะไร 

เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :กอด1: :c5: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 29-05-2008 15:15:20
อาร์มสู้ ๆ  :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 29-05-2008 15:40:48
ดีใจด้วยที่เจอที่ยึดเหนี่ยวทางใจ"อันใหม่"
 
ขอบใจที่มาต่อให้อีกตอนน้า อ่านเรื่องของอาร์มแล้วติดจริงๆนะ ตอนก่อนจะนอน เรื่องราวของอาร์มจะผุดเข้ามาในมโนจิตเสมอ แล้วก้อคิดจินตนาการเอาเองว่ามันจะเปนยังงั้น ยังงี้ นี่เราอินเกินไปมะ??? :m23:

ว่าแต่ตอนนี้อาร์มทำไรอยู่หรอ ทำงานในไทยใช่มะ รึว่างงานอยู่รักษาแผลใจสักระยะ เหนว่ากลับมาวันที่26เดือนที่แล้วนี่นา ได้เดือนกว่าๆแล้วสินะ เหตุการณ์ตอนนี้จะเปนยังไงมั่งนี่ เปนกำลังใจให้เสมอนะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 29-05-2008 16:06:18
 :m13: :m13:สาธุ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 29-05-2008 16:19:55
ธรรมะ เป็นที่พึ่งที่ดีที่สุด :a1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 29-05-2008 16:33:10
สาธุ
มีแทรกธรรมะด้วย ดีจริง ๆ  :m4:

เพื่อนใหม่นอกจาก "เจ้าเหงา"  "เจ้าเศร้า"  ก็มี  "ตัวกู"  เพิ่มอีก  :a3:  :a11:  :a4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 29-05-2008 17:09:16
น่าสงสารจัง แต่ยังไงซะหนึ่งเชื่อใครทำไรได้อย่างงั้นแหละ ไงพยายามเอาโหสิกันเนอะๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 29-05-2008 17:17:15
ใจนิ่ง..ไม่ยึดติด...ปล่อยวาง..
กระทำได้...ก่อเกิดความสงบฮะ..
ป.ล. :กอด1: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 29-05-2008 17:25:40
เข้าทางธรรม ...........................สาธุ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: DEK-JANGRAI™ ที่ 29-05-2008 19:02:22
รัก คืออะไร คำตอบนี้อาจไม่มีที่สิ้นสุด
แต่การที่จะบอกรักใครบางคน
นั่นไม่ใช่การตัดสินใจเพียงอารมณ์ชั่ววูบ
และรักก็ไม่ใช่แค่คำพูด รักคือความรู้สึกที่ออกมาจากใจทุกๆคน

" รัก " คือคำที่ใช้แทนความรู้สึก

บางคนแทนในความหมายที่มากเกินไป
บางคนแทนในความหมายที่ไม่ตรงประเด็น
บางคนแทนในความหมายที่เกินความเป็นจริง
บางคนแทนในความหมายที่เหมือนคิดว่าตัวเองอยู่แต่ในความฝัน

จริงๆ แล้ว คำว่า "รัก" ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย
 
" รัก " ก็แค่ความรู้สึกอันหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ผลของการที่คนๆ หนึ่งมีรักขึ้นมา
มันทำให้เกิดเรื่องราวหลากหลาย ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกและความคิดของแต่ละคน

ที่บอกว่า " รัก " ไม่ยิ่งใหญ่
เพราะว่า เรื่องราวของความรักต่ะหากที่ทำให้คุณรู้สึกขนพอง
ที่ทำให้คุณรู้สึกซึ้ง เศร้า มันเป็นแค่เรื่องราวของชีวิต
มันไม่ใช่ความรัก ที่คุณยิ้มน้ำตาไหล ไม่ใช่เพราะคุณชื่นชมคำว่า "รัก"
แต่คุณชื่นชมเรื่องราวแห่งความรัก ต่ะหาก

ความรักคือการให้
ความรักคือการเข้าใจกัน
ความรักไม่มีที่สิ้นสุด
เพราะมันมีความหมายมากเกินกว่าจะเข้าใจได้
และนี่อาจจะเป็นแค่เศษเสี้ยวของความหมายในคำว่า รัก

"รัก" ไม่มีคำว่าเศร้า ทุกข์ ขมขื่น หรืออะไรที่ทำให้รู้สึกไม่ดี…
"รัก" มีแต่สิ่งดีๆ ให้กันและกัน
สิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจาก "รัก" แต่เกิดจากการคาดหวัง
ที่แต่ละคนคิดว่าหากรักกันแล้ว ... ต้องทำให้ได้ทุกอย่าง
ในความเป็นจริงแล้วใช่อย่างนั้นหรือ ... การคาดหวังเกิดขึ้นได้กับทุกคน...
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสิ่งที่คาดหวังของคนสองคนไม่ตรงกัน...
คุณคงนึกภาพออก...
แล้วถ้ายิ่งคุณทำอะไรให้กับคนที่คุณรักแล้วแต่ไม่ตรงกับที่คนรักคุณคาดไว้สิ่งนั้นก็หมดความหมาย...

คนทำก็หมดกำลังใจ ทำตั้งเยอะไม่ได้อะไร ตอบแทนเลย
จึงกลายเป็นการเรียกร้องเกิดขึ้น
เมื่อคุณเป็นฝ่ายให้แล้วทำไมอีกฝ่ายไม่เป็นฝ่ายให้บ้าง
โดยคุณอาจลืมไปว่าอีกฝ่ายก็ได้ให้คุณเหมือนกัน
เพียงแต่สิ่งนั้นไม่ได้ตรงกับที่คุณคาดไว้ และมันไม่มีความหมายกับคุณเลย
เมื่อคนสองคนคิดไม่ตรงกัน ... ที่ต้องการจะเป็นฝ่ายรับ
หรือเรียกร้องที่จะรับโดยบอกให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายให้...
ความทุกข์ต่างๆ ก็จะตามมา

"รัก" ไม่ต้องคาดหวัง...ทำให้เมื่ออยากทำ...ไม่ต้องรอสิ่งตอบแทน...
และรับในสิ่งที่อีกฝ่ายให้เมื่อเขาอยากให้...ไม่ต้องเรียกร้อง
เป็นตัวของตัวเองในบางครั้ง...โอนอ่อนในบางที...สิ่งดีๆ ก็จะเกิด "รัก" ก็จะปรากฎ


-------------------------------------------------------------------------------------

ผมชอบมากเลยเอามาให้อ่านอ่ะนะ


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 29-05-2008 19:08:29
ชอบจังข้อความข้างบน :กอด1: ขอบคุนสำหรับข้อความดีๆที่นำมาแบ่งปันกันค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 29-05-2008 19:31:26
   :a1:สู้ต่อไป


    ไฮ้ติ้ง :a2:


 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 29-05-2008 22:04:55

ตอนที่  ๓๒



   ความรัก . . .

   . . . ควรจบลง ณ จุดเริ่มต้น

   ผมยืนมองลำน้ำปายที่แห้งแทบจะติดก้นลำธาร  แตกต่างจากเก้าปีก่อนที่ผ่านมา  ในเก้าปีตอนนั้น  ที่นี่มีแต่ความเงียบสงบ  หากแต่ตอนนี้  รีสอร์ท  ล้ำไปอีกฝั่งของลำน้ำปาย  ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด


   เหมือนชีวิต . . .

   มีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา  เพียงแต่ว่าเราจะมองเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้นหรือไม่    สำหรับผม  ผมเห็นมัน  เห็นมันทุก ๆ  ย่างก้าว  ผมไม่ต่อต้านกับการเปลี่ยนแปลง

   แต่จะทำอย่างไร . . .

   ที่จะปรับตัวเองให้อยู่ได้  ในกระแสการเปลี่ยนแปลงที่เชี่ยวกรากเช่นนี้  มันอาจจะยากอยู่สักเล็กน้อย  แต่ก็ไม่ยากเกินไป  สำหรับผม  คำที่หลวงพ่อพร่ำสอน  ทำให้ผมมองโลกกว้างขึ้น

   ผมหาต้นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ได้แล้ว . . .

   เหลือเพียงแต่ว่า . . . ผมจะดับมันได้อย่างไรก็เท่านั้นเอง  ผมไม่ใช่พระนี่ครับ  แล้วการตัดใจ  มันต้องใช้เวลา  มันต้องให้เวลา

   เวลา . . .

   . . . มันเหมือนตัวแปรหลักในเรื่องของความรัก

   คนสองคน . . .

   . . . ก็สมการ  

   เมื่อสมการกับตัวแปรมาเจอกัน  มันก็จะได้ผลลัพท์  แต่จะมีผลออกมาแบบใด  มันก็แล้วแต่ว่า  ใครจะพอใจกับคำตอบนั้นหรือเปล่า  ส่วนผมตอนนี้  ผมเต็มใจ

   การหยุด . . .

   . . . แปลว่าผมมีความสุข

   “น้าอาร์ม  น้าอาร์ม  มีคนฝากของมาให้”  ไอ้ทัช  หลานผม  มันเริ่มโตเกินเด็กแล้ว  ร่างมันสูง  มันดีที่ได้แม่มา  หน้าตาเลยดูดี

   “อะไรเหรอ”

   “ไม่รู้”  มันส่งซองสีน้ำตาลให้ผม

   “น้าแดนไปไหน”

   “ออกไปเดินเล่นมั้ง  เห็นบอกค่ำ ๆ  จะกลับมา  น้าอาร์ม  ทัชไปแตะบอลก่อนนะ  แล้วเดี๋ยวคืนนี้ทัชไปนอนกับน้าอาร์มนะ”

   “เอาสิ”  ผมลูบหัวมันเบา ๆ  ก่อนมองมันวิ่งปรู้ดหายไปทางเดิม

   ชีวิตที่เหมือนผ้าขาว  สดใสไปตามวัย  ไม่ต้องมีเรื่องให้ต้องคิดอะไรมากมาย  ผมยิ้ม  บางที  ผมอยากมีลูกเหมือนกันนะ  ชีวิตน้อย ๆ  ที่เกิดมา  มันคงมีความสุขที่เราได้เลี้ยงดูชีวิตนั้นให้เติบใหญ่  คงจะดีไม่น้อยที่สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากเลือดเนื้อของเราเอง  ค่อย ๆ  เติบใหญ่ตามลำดับ

   แต่ . . . มันก็แค่ความคิด

   ซองเอกสารนั้น  ไม่ได้ปิด  ผมเปิดดู . . .

   “ซีดี”  ผมบอกตัวเองเบา ๆ คิ้วขมวดเข้าหากัน  

   ผมไม่เข้าใจ  ซีดีอะไร  หากแต่  มีจดหมายแนบมา  ลายมือที่เขียนหวัด ๆ  ไม่คุ้นตาผมเลย    ผมต้องค่อย ๆ  อ่านลายมือที่เรียกได้ว่าไก่เขี่ย . . .



   พี่อาร์ม . . .

   ขอโทษนะครับที่ต้องใช้วิธีนี้  แต่ผมไม่กล้าเจอหน้าพี่  มันละอายใจอย่างไรไม่รู้  ผมคิดว่าจะไม่ได้เจอพี่อีก  แต่วันนี้ตอนบ่ายจัด ๆ  ผมเห็นพี่ที่รีสอร์ทน้าปู  ผมดีใจนะ  ดีใจมากที่เห็นพี่  

   พี่ว่าคนเราจะทำผิดได้สักกี่ครั้งกัน . . .

   . . . สำหรับผม

   ผมทำผิดนะ  แต่สำหรับบางคน  ผิดมาก  ผิดมาก ๆ  แต่เพราะความรัก  ผมถึงยอมมองเขาทำผิด    หากแต่เขาไม่เคยมองผมเลย  จนเกิดเป็นความแค้น  ความแค้นมันทำให้ผมทำได้ทุกอย่าง

   ผมเลยต้องทำ . .  .

   ผมไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลย  แต่สิ่งที่ผมทำ  ผมไม่อยากให้คนดี ๆ  ต้องมาแปดเปื้อนกับผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวคนนึง . . .  เขาไม่ได้มีแค่ผม

   เขามีโกเมศวร์ . . .

   แต่เขาไม่เคยพอ  ผมจับได้คาห้องนอน  เขาแอบมีอะไรกับพี่ชายผมเอง . . .  

   ผมถึงรู้  ผมโง่มาตลอด  ผมแค้นจนไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว  ผมถึงต้องทำแบบนี้  พี่ไปเปิดดูในซีดีที่ผมให้พี่ไปนะครับ  มันอาจจะไม่น่าดูเท่าไหร่  แต่ผมคงยอมไม่ได้  ถ้าผู้หญิงคนนี้  มันจะทำร้ายคนอื่นอีก

   ผมอยากขอโทษโกมัน  ที่ดึงให้มันมาเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้น . .

   แต่อย่างที่ผมบอก  ผมไม่กล้า  เห็นจะมีแต่พี่นี่แหละ พี่สนิทกับมัน  พี่อาจจะช่วยมันได้


                                                                                                 ชัย





   ผมมองซีดีในมือ . . .

   มันจะเกี่ยวอะไรกับผมมั้ย  ในเมื่อผมเลือกที่จะวางทุกอย่างแล้ว  ผมไม่จำเป็นที่จะต้องทำอะไรอีก  เรื่องที่มันจบไปแล้วจะมารื้อฟื้นมันอีกทำไม   ผมเหนื่อยเกินกว่าที่จะหาเรื่องใส่ตัวเองอีกแล้ว

   “พี่อาร์ม  ไม่กลับเข้าบ้านอีกหรือ”  แดนมันเดินข้ามมาจากอีกฝั่งของลำน้ำ  ในมือมันมีกล้องตัวใหม่ที่มันเพิ่งถอยมาเมื่อตอนปีใหม่

   “อีกแปบ”

   “ซองอะไรเหรอพี่”

   “ไม่มีอะไร”

   “ดูหน่อยดิ”

   ผมส่งให้มัน   ไม่มีความลับระหว่างมันกับผมนี่หว่า  ผมรู้ที่ผ่านมา  ผมเป็นทั้งความสุขและความทุกข์ของมัน  ตอนนี้เวลามีน้อยมาก  ถ้าเวลาที่เหลือในเมืองไทยตอนนี้ผมจะยกให้มันก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร  ในความเป็นเพื่อน  ไม่มีอะไรดีไปกว่า  ความรู้สึกจริงใจต่อกันมิใช่หรือ  ที่ผ่านมา  มันแสดงให้ผมเห็นแล้ว  ว่ามันดีกับผมขนาดไหน  แม้จะมีช่วงนึงที่ห่างหาย  แต่คงเพราะผมเปลี่ยนไปจนมันไม่กล้าเข้าใกล้ก็ได้      

   “ซีดี  อะไร”

   “ไม่รู้”

   “อ้าว   ก็พี่ถืออยู่  ไม่รู้ได้ไง”

   “ก็เพิ่งได้มา อยากรู้อ่านเองแล้วกัน”  ผมส่งจดหมายที่ใส่มาพร้อมซองซีดีให้มัน  มันดึงผมให้นั่งที่ขอนไม้ริมลำน้ำปาย

   ในเวลาอัสดงที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับ . . .

   “แสดงว่าพี่ยังไม่ได้ดู”

   “อืม”

   “แลปท้อปพี่อยู่ไหน  ไปดูกันมั้ย”

   “อยู่ในห้อง  แต่พี่ไม่ดูหรอก”  ผมมองไปที่ริมขอบฟ้า  ที่กลายเป็นสีทองระเรื่อ  ใกล้มืดเต็มที  เสียงนกร้องเซ็งแซ่  โบยบินเหนือศรีษะ

   “ทำไมว่ะ”

   “ก็พี่วางแล้ว”

   “เฮ้ย”

   “หลวงพ่อบอกเอง  ให้พี่ค้นหาสาเหตุของทุกข์  ทุกข์ของพี่ก็คือพี่รักคนอื่นมากว่าตัวเอง  แล้วเมื่อตอนนี้พี่เลือกที่จะไม่ทุกข์  พี่ก็คิดว่า  มันไม่สำคัญที่จะต้องรู้เรื่องอะไรที่มันเกี่ยวพันกับสิ่งที่จะก่อให้เกิดทุกข์กับหัวใจพี่อีก”  

   “สาธุ  บวชพร้อมพี่โอ๋เลยดีมั้ยพี่”

   “ก็ถ้าไม่บินไปเมืองนอกก็จะบวชอยู่”

   “อีกแล้ว  พูดเรื่องนี้แล้วใจหาย  ไม่บอกผมจริง ๆ  หรือพี่  ว่าจะไปอยู่ที่ไหน  บอกสักทีเหอะพี่”

   “เอาน่า  เดี๋ยวบอกเองแหละ  บอกพร้อมไอ้โอ๋มัน  เดี๋ยวมันน้อยใจอีก  รอมันใส่ผ้าเหลืองก่อน  มันจะได้ห้ามไม่ได้  ขืนบอกมันตอนนี้  มีหวังโดน”  ผมเอานิ้วมาทำท่าเชือดคอตัวเอง

   “รักกันจริ๊ง  เป็นผัวเมียกันเลยดีมั้ย”

   “ได้แบบนั้นก็คงดี  แต่ไอ้มิ้นแหกอกเอาเด่     มันจองไว้ตั้งแต่เรียนแล้ว”  ผมมองหน้าไอ้แดน  ยิ้มให้มัน  รอยยิ้มที่ผมรู้สึกว่า  ผมมีความสุข

   ที่นี่ . . .

   . . . ผมเคยยิ้มกับคน ๆ  นึงแบบนี้

   “ว่าแต่ไม่ดูจริง ๆ  อ่ะซีดีนี้”

   “ไม่ดูหรอก”

   “งั้นผมขอนะ”

   “เอาไปทำไม”  ผมเลิกคิ้วมองหน้ามัน

   “เอ้า  เผื่อมันจำเป็นต้องใช้   เพราะหากมันไม่สำคัญจริงเขาคงไม่เอามาให้พี่หรอก  น่าไหน ๆ  ตัวเองก็ไม่อยากได้  ทิ้งไปก็เท่านั้น  ผมขอแล้วกัน  พี่ไม่เห็นว่าสำคัญ แต่มันอาจจะสำคัญสำหรับคนอื่นก็ได้  เรื่องของพี่  ผมสอดรู้เสมอพี่อาร์ม”  แดนมันหัวเราะเบา ๆ  ทำผมยิ้มได้

   “ตามใจสิ”

   ผมยิ้มให้มัน  

   ต่อจากวันนี้  อะไรก็ตามที่จะทำให้ผมต้องไปเกี่ยวพันกับมันอีก  ผมจะพยายามหลีก  หลีกให้ไกลที่สุด  ที่ผ่านมา  ผมเจ็บอย่างแสนสาหัส  

   แต่วันนี้ . . .  

   . . . ผมไม่อยากเจ็บอีก  ความอยากรู้  อยากเห็น  สร้างความเจ็บปวดให้เราเสมอ  

   แล้วตอนนี้ . . .

   . . . ผมไม่อยากเจ็บอีกแล้ว  

   ผมค่อย ๆ  วางมันลงอย่างเบามือที่สุดแล้ว . . .





   สายมากแล้ว . . .  

   ผมร่ำลาอา  ก่อนที่จะขนของไปใส่ท้ายรถ    ผมกอดไอ้ทัชก่อนลา ลูบหัวมันด้วยความเคยชิน  ผมหันไปมองรอบ ๆ  รีสอร์ท  ที่แห่งนี้  ทำให้ผมรู้จักกับคน ๆ  นึง  ที่แห่งนี้ทำให้ผมรู้จักกับความรัก  ทุก ๆ  อย่างมันยังอยู่ในใจผม  มันไม่ได้หายไปไหนเลย

   “ไปเหอะพี่อาร์ม  สายกว่านี้ร้อน  เดี๋ยวคืนนี้ต้องขับรถทั้งคืนอีก”  แดนมันเร่ง  ผมกอดไอ้หลานชายอีกครั้ง  ก่อนเดินตามแดนไปขึ้นรถ

   คราวหน้า . . .


   ผมอาจเจอมันตอนมันสูงเท่าผมก็เป็นได้  คงอีกนานกว่าที่ผมจะได้มาที่นี่อีก  นานแค่ไหน  ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน  ผมได้แต่เก็บความรู้สึกของวันนี้เอาไว้ให้มากที่สุด

   “พี่อาร์มน่าจะได้ดูซีดีนั่น”

   “ดูทำไม  ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่”

   “ไม่รู้สิ บางที . . .”  มันหันมามองหน้าผม  

   “. . . ช่างเหอะ  ไม่ดูก็ดีไปอย่าง    แต่ถ้าดูก็ดี  บางทีพี่อาจไม่ไปนอก”

   “บ้าแล้ว เอาไงกันแน่  ดูก็ดี  ไม่ดูก็ดี    ไอ้เรื่องไปนอก  ยังไงก็ต้องไป  เซ็นสัญญาไปแล้ว  ไม่ไปโดนฟ้อง  เอาที่ไหนจ่ายว่ะ . . .”    ผมหันไปยิ้มกับมัน  

   “. . . แวะบ้านป้าภาก่อน  ลาแกด้วย”

   “จะแวะทำไมก็ไม่รู้”  มันบ่นหาก  จอดรถเข้าเทียบหน้ารีสอร์ทเล็ก ๆ  

   มันก็บ่นไปตามเรื่องตามราวของมัน  บางทีมันอาจไม่อยากให้ผมเจอกับบรรยากาศแบบเดิม ๆ  ก็ได้  ผมเข้าใจมันดี  มันห่วงผมขนาดไหน  แต่หลวงพ่อบอกให้ผมวาง  บอกให้ผมลา  ทุก ๆ  คนที่ผมอยากลา

   ป้าภา . . .

   . . . ผมรักแกเหมือนแม่คนนึง

   ไปลา . . . มาไหว้  

   ธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ  เมื่อวานผมดูจะเป็นคนแย่ ๆ  ไม่ได้มาไหว้  แต่วันนี้  ผมจะไปแล้ว  อีกไม่รู้นานแค่ไหนถึงจะได้เจอกันอีก  หรือจะไม่เจอกันอีกในชีวิตนี้

   ผมใจหาย . . .

   ต่อจากนี้  ผมห่างคนที่ผมรักทุกคน  ในเมื่อผมเลือกเส้นทางนี้เอง  ผมก็ต้องรับสภาพของมันให้ได้  ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ    ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน

   “ลูกอาร์ม  มาเมื่อไหร่”  แกละจากงานมากอดผมเอาไว้

   “มาเมื่อวานครับ  กำลังจะกลับ”

   “อ้าว  ทำไมรีบกลับ  มาตั้งแต่เมื่อวาน  แต่เพิ่งมาหา”  แววตาแกน้อยใจกระมัง  แกลูบที่ต้นแขนเบา ๆ

   “เดี๋ยวคืนนี้ต้องไปนครพนมอีก  โอ๋บวชครับ  แล้วอีกไม่กี่วันก็บินแล้วครับ  ได้งานใหม่ที่เมืองนอก”

   “อ้าว  เหรอ  น้องละ  น้องอยู่ยังไง”

   ผมเลิกคิ้วสูง . . .

   มันยังไม่บอกแม่มันอีกหรือ  ก็มันย้ายออกไปจากบ้านผมตั้งหลายเดือนแล้วนี่หว่า  ผมไม่เข้าใจมัน  หรือ  ที่ผ่านมา  ผมไม่เคยเข้าใจมันเลย

   “จบแล้วนี่ครับ  ปลายปีรับปริญญาแล้วล่ะ”  ผมยิ้ม

   “อ้าว  พูดถึงก็มาพอดีเลย  ลูกคนนี้ตายยาก”

   ผมหันไปทางสายตาที่ป้าภาบอก  คนที่เดินเข้ามา  บนหลังมันมีเป้ใบเดิม  ใบที่ผมซื้อให้มัน  แววตามันเหมือนดีใจที่เจอผม  

   หากผมล่ะ . . .

   บอกไม่ถูกเหมือนกัน  ไม่ได้เจอกับมันมานานหลายเดือน  ตอนนี้ความรู้สึกของผม  คล้าย ๆ  กับมีอะไรบางอย่างมากดเอาไว้  อาจเป็นความรู้สึกที่ผมไม่อยากให้เกิดก็เป็นได้  

   “แม่หวัดดี  พี่แดนหวัดดี พี่อาร์ม . . .”   มันเดินมาใกล้ผม

   ไอ้แดนเดินมากันเอาไว้ . . .  

   ผมรู้  แดนมันหวงผม  มันกลัวผมต้องเจ็บปวดอีกกระมัง  หากตอนนี้หัวใจผมมันนิ่ง  ผมมองหน้ามันได้เต็มตา  ไม่มีความรู้สึกเจ็บแบบวันก่อนอีกแล้ว

   “โกนหนวดโกนเคราเสียบ้างนะ  ดูแก่ไปเลย”   ผมมองหน้ามัน

   “ช่างมัน . . . พี่อาร์ม  ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”

   “เอาดิ๊”

   “ไปข้างนอกได้มั้ย”

   ผมหันไปมองหน้าไอ้แดน  ดูเหมือนมันไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่  ผมตบไหล่มันเบา ๆ  อยากบอกให้มันรู้  ตอนนี้ผมไหว  ไม่มีอะไรที่จะมาทำร้ายผมได้อีก  ในเมื่อผมเลือกที่จะจากลา . .

   ครั้งนี้ . . .

   . . . ผมจะลาจากมันทั้งชีวิต

   ผมเดินนำหน้ามันออกมานอกบ้าน  เดินไปที่ศาลาเล็ก ๆ  ใกล้ ๆ  กับลำน้ำ  ศาลาที่ผมเคยมานั่งเล่นนอนเล่นเป็นประจำ

   “สอบเสร็จเมื่อวาน  แต่สงสัยเทอมนี้ไม่จบ  โปรเจคยังไม่ผ่าน”

   เสียงมันบอก . . .

   หัวใจผมเย็นยะเยียบ  ความหวังที่ผมมี  มันวูบลง หากแต่จะเป็นอย่างไร  ผมก็ทำดีที่สุดแล้ว  ผมส่งมันได้แค่นั้นจริง ๆ

   “ผมขอโทษที่ทำไม่ได้”

   “ช่างเหอะ  ช้าไปสักปี  ไม่เป็นไรหรอก . . .”     เป็นยิ้มแรกตั้งแต่ที่ผมกับมันเริ่มทะเลาะกันเมื่อปีก่อน  

   “. . . นึกว่าสอบเสร็จจะไปงานบวชพี่โอ๋”

   “ผมอยากไป  แต่มีธุระ”

   “สำคัญมากหรือ”

   ยังไม่ทันที่มันจะตอบอะไร  ผมก็ได้ยินเสียงอื่นแทรกเข้ามา . . .

   “สำคัญสิ    ถ้าเรื่องเด็กในท้องหน่อยไม่สำคัญ  มันจะมีอะไรสำคัญกว่านี้อีกล่ะ”  เจ้าของเสียงคว้าแขนหมับเข้าที่แขนมัน

   ผมมองหน้ามันนิ่ง . . .

   . . . หัวใจผมหายวาบ

   สีหน้ามันเศร้าจัง . . .  

   “พี่โกนะพี่โก  มาถึงก็มาออดอ้อนกัน  อย่ามายุ่งนะ วันนี้ขอเคลียร์กับคนที่ชอบยุ่งครอบครัวคนอื่นหน่อยเหอะ . . .”  มันหันไปตวาดโกแว่ด ๆ  

   “. . . พี่ก็เหมือนกัน  เลิกยุ่งกับชีวิตเราสักที ออกไปจากชีวิตของเราได้แล้ว  คนผิดเพศแบบพี่  อย่ามาทำให้ครอบครัวเขาต้องมีปัญหากันอีกเลย”  เสียงมันด่าผมฉอด ๆ  

   ผมพยายามนับหนึ่งถึงสิบ . . .

   วางทุกสิ่งไว้อาร์ม . . .

   . . . ใครจะเป็นอะไร  ใครจะท้องมันไม่สำคัญหรอก  เราอยู่ในที่ของเรา  ส่วนเขาอยู่ที่ของเขา  มันไม่มีอะไรที่ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีกมิใช่หรือ

   “พี่อาร์ม . . .”   หล่อนเดินมาประชิดผม  

   “. . . พี่มันคนนอก  พี่ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่โกแล้ว พี่น้องก็ไม่ใช่  สายเลือดก็ห่างไกลกัน   หัดจำไว้สิ    คนแบบพี่  เป็นได้แค่กะเทยแก่ ๆ  ผิดเพศ  อย่ามายุ่งกับเราเลย”

   ผมคงยังไม่ถึงธรรมกระมัง . . .

   . . . ไม่สามารถยืนมองใครด่าผมได้  พยายามนับให้ถึงสิบแบบที่ตั้งใจ  แต่ใบหน้าและแววตาที่เหมือนเหยียดผมเอาไว้  มันทำให้ผมหมดความอดทน

   “แล้วไง   ถึงจะเป็นอะไรก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน  คิดว่าตัวเองเป็นใครเหรอถึงได้มาด่าคนอื่นปาว ๆ  แบบนี้  ลองวันนั้นกูไม่ให้มันมาสิ  ลองวันนั้น  กูไม่ยอมให้คบแค่เพื่อนสิ  ป่านนี้มึงก็คงนอนแห้งตะกายข้างฝาต่อไปเหอะ”  ผมเหลืออด  

   ความอดทนผมมีไม่มากเท่าไหร่กระมัง  ผมจ้องหน้าหล่อนนิ่ง

   “ไอ้ทุเรศ  ไอ้กะเทย”  มันด่าผม  พร้อมกับที่ผมรู้ อะไรบางอย่างมันมากระทบหน้าผมอย่างแรง  จนผมรู้สึกชาวาบ    

   ผมเอามือจับแก้ม . . .

   เกิดมาไม่เคยโดนใครตบแบบนี้  ผมจ้องหน้าหล่อนนิ่ง  คนแบบผมใครจะมาหยามไม่ได้  กว่าผมจะรู้ตัวเอง  คนที่มันด่าผมก็ลงไปนั่งกับพื้น  เพราะแรงฟาดที่ผมฟาดไปบนใบหน้าเขาเต็มแรง  

   “กูไม่เคยระรานมึง  ไม่เคยแอบกินของใคร  มึงอย่ามายุ่งกับกู  เพราะกูไม่เคยคิดไปลดตัวยุ่งกับมึง”

   ผมจ้องหน้าหล่อน  ผมเกิดมาไม่เคยทำร้ายเพศแม่  หล่อนเป็นคนแรกที่โดนผมกระทำ  และแค่ฝ่ามือเดียวมันถึงกับล้มลงด้วยแรงเหวี่ยงจากแขนของผม  เจ้าตัวลุกมา  ตอบโต้ผมพัลวัล  ผมได้แต่จับแขนเขาล็อกเอาไว้  

   สารพัดเสียงที่มันร้องด่า  มันกรี๊ดเหมือนผีบ้า  หากผมไม่ตอบโต้ ได้แต่ป้องกันตัวเอง  ไม่มีวันที่ผมจะยอมให้ใครมาทำอะไรผมฝ่ายเดียวเป็นแน่  

   “พี่อาร์มพอเหอะพอ”  

   โกมาดึงผมเอาไว้  ให้แยกออก  จนดูเหมือนว่าจะจับให้ผมเป็นเป้าของอีกฝ่าย  ผมดิ้น  ไม่อยากโดนพันธนาการไว้แบบนี้  แต่คนที่ยิ่งดิ้น  มันเหมือนเข้าทาง  เลยกลายเป็นเหมือนกำลังมีเรื่องกันมากกว่า  ผมทั้งดิ้นเพื่อให้หลุดจากที่โกจับ  และ ดิ้นให้พ้นจากมือของอีกฝ่ายที่พยายามจะตบผม  แต่ดูเหมือนจะเป็นโกเมศวร์  ที่โดนอีกฝ่ายตบ

   มันปกป้องผม . . .

   หรือ . . . กำลังซ้ำเติมผมกันแน่

   เสียงเจ้าหล่อนที่ด่าออกมานั้น . . .

   . . . มีแต่คำหยาบ

   ผมดิ้นจนหลุดจากการกอดรัดของโกเมศวร์  และดูเหมือนว่า  จะกลายเป็นแรงเหวี่ยงที่มากพอที่จะทำให้ผมหลุดจากพันธนาการ  เพราะกว่าผมจะรู้ตัว  ผมก็เซถลาไม่สามารถประคองตัวเองได้  ผมรู้แค่ว่า  ผมไปกระแทกกับอ่างเลี้ยงปลา  

   “โอ้ย”   ผมร้องได้คำเดียว  รู้สึกเหมือนมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น   

   “ทำอะไรกัน . . .”   เสียงแดนร้องมาแต่ไกล   มันปรี่เข้ามาที่ผม

   “หยุดเลย  มาทำอะไรในนี้”  เสียงป้าภา  เดินมาสมทบกับแดน

   “ต๊าย . . . มีคู่ขามาด้วย   แล้วยังมายุ่งกับผัวคนอื่นอีก  ทุเรศ”

   “หยุดปากเน่า ๆ  ของมึงได้แล้ว  กูไม่ใช่พี่อาร์มนะโว้ย  ไอ้โก  มึงทำบ้าอะไรไป  มึงบอกคนของมึงเลยนะ  ถ้ามันพูดอะไรอีกนิดเดียว  กูนี่แหละจะแหกปากมันให้ถึงรูหูเลย  ไม่เชื่อลองดู”  ไอ้แดนปรี่ไปชี้หน้าหน่อยเอาไว้

   “พี่อาร์ม”  โกมันจะเดินมาหาผม  เมื่อผมลุกขึ้นหันหน้าไปทางมัน

   “อย่าเข้ามานะ  มึงเข้ามาอีกก้าวเดียวกูเอามึงตายแน่  มึงไม่มีสิทธิ์  ไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายพี่อาร์มอีก”  ไอ้แดนชี้หน้า

   “แต่พี่อาร์มหัวแตก  พี่อาร์มเจ็บมั้ย”     มันพยายามจะเดินเข้ามา

   “สะใจมึงแล้วใช่มั้ย  สะใจมึงมากใช่มั้ย  มึงมาดู  มาดูให้เต็มตา”  ไอ้แดนลากโกมาใกล้ ๆ  ผม

   ผมยืนนิ่ง . . .  

   มองหน้ามัน  ผมรู้  ที่หน้าผากข้างซ้ายผม  ตอนนี้มีกลิ่นคาว  หยาดน้ำอุ่น ๆ  กระมังไหลผ่านคิ้ว  ลงสู่ตา  ก่อนตกมาถึงแก้มผมแล้ว  

   แต่เชื่อเหอะ . . .  

   ผมไม่เช็ดหรอก  ให้มันไหลออกมาให้พอ  ให้สาสมกับสิ่งเลว ๆ  ที่ผมเคยกระทำลงไป  ผมมองหน้าโกเมศวร์  ราวกับจะจดจำมันเอาไว้เป็นครั้งสุดท้าย

   “อาร์ม  ไปทำแผลก่อนลูก”  ป้าภามาที่ผม

   “ไม่ต้องครับ  ปล่อยให้มันหยุดเองเหอะครับ  ไม่ต้องทำแผล ไม่ต้องเย็บ  ให้มันเป็นรอยแผลเป็น  ไว้เตือนใจ”  ผมบอก  หากสายตาจ้องหน้าโกนิ่ง

   “ก็สมควรแล้ว”  เสียงนั่น  ยังไม่หยุด

   “มึงเงียบไปเลยอีกกะหรี่  อย่างมึงเป็นได้แค่สิ่งบำบัดความเงี่ยนให้ผู้ชายเท่านั้นล่ะว้า  ไม่มีใครหน้าไหนเขาเอามึงมาทำเมียหรอก  ผู้หญิงเน่า ๆ  แบบมึงอย่าว่าแต่นอนเลย  แค่อยู่ใกล้ยังขยะแขยง . . .”  แดนมันด่า  ชี้หน้า  เดินก้าวไปหาหน่อย  

   “. . . ถ้ามึงปากดีอีกคำเดียว  กูเอามึงตายแน่”  ท่าทางแดนตอนนี้น่ากลัว

   แดนเหมือนจงอางที่โดนฉกไข่  มันพร้อมที่จะฆ่าคนที่ทำมันได้ตลอดเวลา  

   ผมได้แต่ยืนนิ่ง  มองหน้าไอ้โก . . .  

   . . . ผมไม่โกรธมันนะ   ไม่โกรธมัมนเลย   สิ่งที่มันทำ  มันอาจไม่ตั้งใจ  มันเองก็คงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นก็ได้

   ส่วนแดน  ตอนนี้มันเหมือนคนบ้า . . .

   แววตามันน่ากลัว  ผมไม่เคยเจอมันโมโหร้ายขนาดนี้มาก่อน  สิ่งเดียวที่ผมทำได้  คือมองมันนิ่ง ๆ  ปล่อยให้มันระเบิดสิ่งที่อยู่ในใจมันมาทั้งหมด

   


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 29-05-2008 22:26:55
 :o12: :o12: :o12:

 :sad2: :sad2: :sad2:

 :m15: :m15: :m15:

 o7 o7 o7

 :sad4: :sad4: :sad4:

 :dont2: :dont2: :dont2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 29-05-2008 22:44:51
 o7เจ็บอีกแล้วตอนนี้
ในที่สุดก็จบกันซะที....
แดนสุดยอดเลย :m4:รักแดนจังแฮะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 29-05-2008 23:03:40
 :serius2: :serius2: ทำไมโกปล่อยให้คนชั้นต่ำอย่างหน่อยมาพูดอย่างนี้ใส่หน้าอาร์มได้ไงอ่ะคับ   :angry2: :angry2: ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงมากๆ 

 :laugh: :laugh:แต่ชอบใจที่แดนทำหน้าที่ได้ดีมากครับ  ยิ่งตอนสุดท้าย  ให้เดาก็คงไม่พลาด  โกคงได้ดูซีดีแผ่นนั้นแล้วแน่นอน  :laugh: :laugh:

มะวานกลับไปอ่านตอนต้นๆใหม่  พอมาถึงตอนล่าสุดก็เลยไม่แน่ใจว่า  ตกลงโกรักแบบไหนกันแน่อ่ะคับ  ต้องการทดแทนบุญคุณหรือว่าเพิ่งรู้ตัวว่ารัก  o12 o12  ถ้าเปนกรณีที่2  รู้สึกตัวช้าไปมั๊ยเนี่ยะ    :o o12 :o
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 29-05-2008 23:11:19
นี่ถ้าพี่แดนไม่มีแฟน ขอสมัครเป็นแฟนพี่แดนได้ไหมครับเนี่ย

มีคนรักมากขนาดนี้ พี่อาร์มคงไม่ทำร้ายใครอีกต่อไปนะครับ

แต่ยังเศร้าอยู่เลยอ่ะ  :m15: :m15: :m15:

พรุ่งนี้มาต่อแต่เช้านะครับ :m12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 29-05-2008 23:13:39



อยากดูซีดี . . .

หาดูได้ที่ไหนว่ะนี่ . . . อยากรู้จัง  มีอะไร



ปล.   พูห์ . . . หาได้ที่ไหนหว่า  สองปีผ่านมาแร่ะ

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 29-05-2008 23:39:45
พระเอกของเรื่องเลยมาสมัครเป็นแฟนคลับด้วยคน
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 29-05-2008 23:56:09
สำหรับผม ตอนนี้คือตอนที่เศร้าที่สุด :o12: :o12: :o12:
แต่ก้อสะใจที่สุด
สำหรับแดน  +10 เลย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 30-05-2008 00:23:49



อยากดูซีดี . . .

หาดูได้ที่ไหนว่ะนี่ . . . อยากรู้จัง  มีอะไร



ปล.   พูห์ . . . หาได้ที่ไหนหว่า  สองปีผ่านมาแร่ะ





^
^
 ดุด้วยจิพี่ต้น  คิคิ   

...............


เหอๆ คิดว่าแดนคงเปิดแผ่นให้โก ก่า หน่อยและ ป้าภาดู ชิมิ  โฮ่ะๆ    o7

แดนระเบิดอารมณ์ได้สุดยอดมาก   ทิ้งระเบิดไว้ลูกเบ้อเริ่มเลยจิ อิอิ   :a2:


....................................

ทำไมเรื่องนี้ ถึงชื่ออารม์ .... อ่าหุๆๆๆ   ( ซินรู้ แต่ม่ายบอก ฮ่าๆ)


เผ่นแน่บ.....ก่อนโดนเจ้าของเรื่องคร่าหมก     : :m32:


ป๋อล่อ*... ตอนนี้  ( จะผิดมั๊ย)  ถ้าซินบอกว่า อ่านแล้ว เบาโล่งโปร่งสบาย   :m23:


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 30-05-2008 00:34:33
อ่านตอนนี้แล้วโล่ง แอนด์ สะจาาาย แดนสุดยอดมากๆ o13
เจ้าโกจะได้รู้ซักที ว่าตัวเองโง่แค่ไหน
ส่วนหน่อย..บรึ๋ยๆ น่าขยะแขยงจิงๆ คนแบบนี้ก็มีด้วย o21
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 30-05-2008 01:55:13
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ขอกรี๊ดดดดดดด ให้สุดใจขาดดิ้นก่อนเหอะ เก็บกดมานาน โอยยยยยยยยยย รักแดน จุฟๆๆๆ ได้ใจมากเลยน้อง :serius2: ได้ใจไปเตมๆเลยแดน o13 ตอนนี้เกลียดโกเข้าไส้ ตอนแรกๆที่อาร์มเอาเรื่องนี้มาลง เราอ่านไปสงสารทั้งอาร์มทั้งโก และยังหวังให้อาร์มกลับไปคืนดีกลับโกอีกครั้ง แต่พอมาถึงตอนนี้ เราย้อนกลับไปอ่านตอนแรกอีกครั้ง มันไม่รู้สึกแบบเดิมอีกแล้ว ความรู้สึกอยากให้อาร์มกลับไปไม่มีเหลือเลย ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน ไม่เสียใจเลยที่อาร์มเดินออกมา หรือเราไม่รู้จักคำว่าให้อภัยนะ เพราะเราคิดว่า ถ้าวันนี้แดนไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดออกไป โกมันจะสำนึกมั๊ย ถ้ามันไม่ได้เหนซีดีนั่น มันจะสำนึกตัวเองได้มั๊ย หน้ามืดตามัวจนวินาทีสุดท้าย ที่โกเสียใจอยู่ตอนนี้มันเปนเพราะอะไร เราติดค้างตรงนี้จนไม่อยากให้อภัย แต่ก้ออย่างที่หลวงพ่อบอก ว่าอย่ายึดติด เฮ้อ ไม่รู้จะทำไงดี ขอให้ทุกคนมีความสุขแล้วกัน :L2:

ปล.อยากได้ซีดีนั่นจังอ่ะอาร์ม หาซื้อได้ที่ไหน ถ้าPMไปจะส่งมาให้มั๊ย แห่ะๆๆ :m23:
เปนกำลังใจให้เหมือนเดิมคร้าบ :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 30-05-2008 04:59:41
แดนได้ใจไปเต็มๆเลย :m13:


 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 30-05-2008 08:01:21
 o2 o2 o2 o2 o2 o2

อึ้ง ครับ อึ้ง หรืออีกอย่างคือ อึ้งแดกครับท่าน

ขอโทษที่ใช้คำไม่สุภาพนะครับ

ชีวิตของคนยิ่งกว่านิยายจริง ๆ นะครับ

ไม่อย่างนั้นคงไม่มีคำว่า

*ดูละครแล้วยอนดูตัว*

นับถือน้ำใจคุณอาร์มจริง ๆ นะครับ ที่อยูมาได้

สุดยอดแล้วครับ


 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 30-05-2008 08:17:52
ดีใจด้วยค่ะที่พี่อาร์มตัดใจได้แล้ว

แต่พอพี่กลับมาพี่ก็ยังเจ็บอยู่ไม่ใช่หรือคะ?...

พี่เลือกทางเดินที่ใช่สำหรับตัวเองได้แล้ว

เหลืออีกอย่างคือทางเดินของหัวใจที่พี่อาจจะยังไขว้เขวไป...

สู้ๆนะคะ ^-^
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 30-05-2008 08:40:13
เมื่อคือฝันแปลก ฝันว่าเป็น จีจ้า กระโดเตะปากอิหน่อย :เตะ1: :เตะ1:
เตะซะเลือดกลบปากเลย



ไม่รู้ว่าเป็นฝันดีหรือฝันร้าย



แต่







สาแกใจกุนัก
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 30-05-2008 08:50:02
สะใจยัยหน่อยปากเน่ามากมาย  :m20:

อ่านตอนนี้รู้สึกโล่งจริง ๆ ค่ะ  คงเป็นเพราะพี่อาร์มตัดสินใจได้เด็ดขาดแล้ว  :L2:

สำหรับแดน  นายยอดมาก  o13
อยากรู้หลังฉากจัง เกิดอะไรขึ้นตอนที่แดนไปคุยกับโก หน่อย และป้าภา



คุณซินอ่ะ บอกแก้วนะค้า.... ทำไมถึงชื่ออาร์ม
ช่วย PM มาบอกหน่อยจิ ตะเอง  :oni3:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 30-05-2008 09:00:31
ตอนนี้ระเบิดอารมณ์สุดๆเลย ให้ไอ้โกรู้บ้างก็ดีแล้ว ว่าคนแบบมันมาถึงจุดนี้ได้เพราะใคร

แต่อยากรู้ว่า แดนเข้าไปทำอะไรอ่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 30-05-2008 09:01:55
  o7 o7 o7
P.S. พี่อาร์มค้าบ :กอด1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 30-05-2008 09:42:39
แดนสุดยอดมากเลยค่ะ  o13 ได้ใจจริง ๆ

อ่าน2ตอนนี้จบแล้วรู้สึกว่าเหมือนได้วางสิ่งที่แบกเอาไว้ทุกอย่างเลย

ขอบคุณอาร์มนะคะ สำหรับเรื่องดี ๆ ที่มาแบ่งปัน รวมไปถึงข้อคิดธรรมด้วย ช่วยได้เยอะจริง ๆ  :กอด1:



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 30-05-2008 10:37:09
เมื่อคือฝันแปลก ฝันว่าเป็น จีจ้า กระโดเตะปากอิหน่อย :เตะ1: :เตะ1:
เตะซะเลือดกลบปากเลย



ไม่รู้ว่าเป็นฝันดีหรือฝันร้าย



แต่







สาแกใจกุนัก


555+  ชอบจังเลยค่ะ   ถูกใจมากมายยยยย   :m20: :m20:

บวก1ไปเล้ยยยยยยยยยย o13
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: DEK-JANGRAI™ ที่ 30-05-2008 11:11:21
สุดยอดเลยอ่านแล้วน้ำตาไหลเปงกาละมัง


เมื่อคืนผมไปเที่ยว  แต่ไปไหงสมองมันไม่สนุกเลยอ่ะคร้าบ


คิดแต่เรื่องนี้  ว่ามันจะเป็นยังงัย  คิดไปมันเจ็บจี๊ด ๆๆ  ดีดี 


คิดเรื่องนี้ทีรัย  คิดถึงแฟนเก่าทุกที ฮ้อ 


แต่เรื่องนี้ทำให้ผมมีความคิดดีดีอีกมากมาย  มันเหมือนป็นบท เรียน


บทเรียนแห่งความรักกระมัง 


การใช้ชีวิตยังงัยไม่ให้เจ็บปวด


5555555555555

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine ที่ 30-05-2008 11:42:43

 o7
 :o12:
 o13
เพิ่งได้มีโอกาส เม้น... หลังจากแอบอ่านมานาน แหะๆ (นิสัยไม่ดี)

ชอบมากกกก.....ถึงมากที่สุดครับเรื่องนี้

 o13
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 30-05-2008 13:33:13
 

ตอนที่  ๓๒  (ต่อ)


ผมรู้ดี . . .

   อะไรที่ค้างในใจ  ถ้าออกมาไม่หมดมันเจ็บปวด  ผมเคยผ่านมาแล้ว  แล้วทำไมผมจะไม่เข้าใจไอ้แดนมัน

   “มึงยังเห็นหรือยังไอ้โก . . . ผลงานของมึง  มึงทำแบบนี้ได้ไง  โน่น . . .”  แดนจับหน้าโก  หันไปทางป้าภา 

   “. . .คนนั้นให้ชีวิตมึง”

   “. . . แต่นี่”    มันหันหน้าโกมาทางผม 

   “. . . คนนี้  คนที่มึงทำอยู่ตอนนี้   พ่อคนที่สองของมึง   ตั้งแต่วันแรกที่มึงเข้ามาในชีวิตเค้า  เค้ามีแต่ความเลวร้าย  คนนี้ไม่ใช่เหรอ  เอามึงไปเรียน  แล้วมึงคิดเหรอ  ว่าวันนั้น  ถ้าแม่มึงไม่มีเงินจากมัน  มึงจะมีหน้าไปเรียนได้ยังไง  ถามแม่สิโก  ถามแก  วินาทีแรกที่มึงไปเรียน  แกเอาเงินมาจากไหน จากที่ไอ้หน้าโง่ตัวนี้  มันหลอกให้พวกกูมาเที่ยว  เพื่อแม่มึงจะได้มีเงินให้มึงไง”    ไอ้แดนมันบ้าไปแล้ว  มันร้องไห้ไป  ระเบิดอารมณ์ไป

   “พอเหอะแดน  พอ”   ผมได้แต่บอกมันเบา ๆ 

   โกยืนนิ่ง  แววตามันมีแต่ความสงสัย มันหันไปมองป้าภา  แกพยักหน้ารับ  นั่นคือการยอมรับ  มันมองมาที่ผม  แววตามันเศร้า น้ำตามันเอ่อ  หากผมล่ะ  ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรมากไปกว่าอย่าเดินอออกไปจากตรงนี้

   “อย่าห้ามผมเลยพี่อาร์ม  วันนี้ผมขอ  ผมเก็บมานานแล้ว  มันอัดในนี้พี่  มันอัดมานานแล้ว”  แดนมันเอามือทุบที่หน้าอกมันเบา ๆ

   “นั่นมันแค่เริ่มต้นไอ้โก . . . มองนะ  มองหน้าคนที่มึงทำร้ายเสียให้พอ  ก่อนที่มึงจะไม่มีสิทธิ์ได้มองอีก  ไอ้นี่  ไอ้พี่คนนี้  มันบ้า  มันโง่ยิ่งกว่าโง่  มึงจำได้มั้ย   เทอมสองพี่โอ๋ไปหามึงที่โรงเรียน  พี่เขาไปทำไม  ถ้าไม่ใช่ไอ้บ้านี่  ที่โทรไปบอกให้พี่โอ๋มันเอาทองไปจำนำ  เพื่อมาจ่ายค่าเทอมให้มึงไง . . .ไอ้บ้านี่  มันทำทำไม  มันทำเพื่ออะไร  บอกกูหน่อยสิโก  บอกกูได้มั้ย”    แดนมันร้องไห้  มันระเบิดออกมา  ผมได้แต่ยืนนิ่ง  บางทีในตอนนั้นถ้าผมทำอะไรบ้างก็คงจะดี

   “มึงทำร้ายมันซ้ำแล้วซ้ำอีก  ทำร้ายคนที่ดีกับมึงได้ยังไง  ใจมึงทำด้วยอะไรว่ะ  มึงจำได้มั้ย  อ้อมกอดสุดท้ายที่มึงได้กอดพ่อมึง  เพราะใครโก  ถ้าไม่ใช่เพราไอ้บ้านั้น  ไอ้พี่บ้าที่ทำเพื่อมึงมาตลอด  ไอ้พี่บ้าที่มันไม่เคยทำอะไรเพื่อตัวเอง . . .”  มันมองหน้าโก  ยิ้มเยาะ

   แต่ดูเหมือนไอ้โกจะช๊อคไปแล้ว . . .   

   มันได้แต่ยืนนิ่งมองหน้าผม  หากอย่าหวังเลยจะได้คำตอบอะไรจากปากผม  ตอนนี้ผมอยากออกไปจากที่นี่  ไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกแล้ว

   “ไอ้คนที่มึงทำร้ายนี่ไง  มันเอาเงินไปให้พ่อมึงไง  เอาไปให้พ่อมึง  เพื่อให้พ่อมึงเอามาให้มึงไง  มันเอาเงินชื้อความรู้สึกที่มึงไม่เคยมีต่อพ่อมึงไง  แล้ววันนั้นมึงได้กอดพ่อมึง  เพราะใครว่ะโก  เพราะใคร    มึงคิดสิ  คนที่มันทำแบบนี้ได้  มีแต่คนบ้าเท่านั้น  กูมองพี่มึง  มองมันทำมาตลอด  มันแอบโอนเงินเข้าบัญชีมึง ในตอนที่แม่มึงทิ้งไปสองปี  มีแต่เงินมันเท่านั้นที่โอนเข้าบัญชีมึงทุกเดือน เพื่อให้มึงได้เรียน มึงนึกเหรอว่าตอนนั้นน้ามึงโอนให้มึง  มีแต่มันเท่านั้นที่อยู่ข้าง ๆ 
มึง มันทำเพื่ออะไร  เพื่อ ให้มึงได้มีโอกาสมายืนทำร้ายมันแบบนี้ไง   อย่างเมื่อสองปีก่อน  มันนั่งทำงานอยู่  แม่มึง . . . เดือดร้อน  โทรไปหามัน  มันทิ้งงานที่มันทำทันทีเพื่อโอนเงินให้แม่มึง  แล้วมึงมาทำแบบนี้กับมันได้อย่างไร  ใจมึงมันทำด้วยอะไรว่ะ  มึงทำมันตายทั้งเป็นยังไม่พอ  มึงยังทำมันเลือดตกยางออกอีก  กูจะเรียกมึงว่ายังไงดีนะ”

   “พี่อาร์ม . . .”  มันเรียกผมเบา ๆ    พยามจะเดินมาหาผม

   หากแดนมันผลักเอาไว้ มันกางปีกปกป้องผม  ไม่ให้โกมันเข้ามาใกล้ผมอีก  ผมได้แต่มองมัน  น้ำตาผมไหล . . .

   “จริงเหรอพี่  แม่ . . .  บอกผมสิ  จริงเหรอแม่”    มันลอย ๆ  มันหันมาทางผมที  ทางแม่มันที 

   ป้าภาก้มหน้านิ่ง  เอาแต่ร้องไห้

   “คนที่ทำเพื่อมึงมาเป็นสิบปี  มึงเคยมองมั้ย  มึงไม่มอง  แต่มึงเห็นอีผู้หญิงแบบนี้ดีหว่าคนที่ทำเพื่อมึง  มันมีอะไรดีหว่าพี่มึงเหรอ  นอกจากไอ้ส่วนน้อยที่เน่าแล้วเน่าอีก  คนโน้นขี่ทีคนนี้ขี่ที”

   “พอเหอะแดน  พอ  กลับเหอะ  กลับได้แล้ว”  ผมดึงแขนมัน

   “พี่อาร์มไม่พูดมาตลอดสิบปีก็เงียบไปเลย”  มันหันมาตะโกนใส่ผม  มันปาดน้ำหูน้ำตาที่มันไหลอาบแก้มของมัน

   “ไอ้คนนี้  ไอ้คนที่มึงทำมันเจียนตายนี้  มันจะไปแล้ว  มันไม่มีที่ในแผ่นดินไทยให้มันยืนแล้ว  เพราะมึง  เพราะมึงคนเดียว”

   “พี่อาร์ม  ไปไหน”  มันน้ำตาไหล  มองหน้าผม

   “ไปไหนพี่อาร์มจะไปไหน . . . ”  มันถามผม  น้ำตามันไหล  ผมหรือสงสารมันจับหัวใจ  แต่ความรู้สึกที่อยากไปมีมากกว่า 

   “. . . ไมไปนะพี่อาร์ม  ผมไม่ให้พี่ไป  ไม่ให้ไป”  มันร้องไห้  ดึงดันจะมาหาผม  หากแต่บ่วงที่มันผูกไว้ยึดมันเอาไว้แน่น 

   และ . . .

   ถึงมันจะไร้ห่วง  มันก็คงผ่าด่านไอ้แดนมาไม่ได้  เพราะไอ้แดนเอามือผลัก  ดันมันให้ห่างผมตลอดเวลา  ผมได้แต่มองมัน  สงสารมันจับหัวใจ

   ผมไม่อยากทำร้ายตัวเอง  ไม่อยากทำร้ายคนที่ผมรักอีกแล้ว

   “คนอย่างมึง  ต้องไม่มีใคร  ต้องไม่เหลือใคร  มึงจำไว้นะไอ้โก  ถ้ามึงยังคิดว่าผู้หญิงคนนี้คือทุกอย่างของมึง  มึงจะไม่มีคนที่มึงรักอยู่รอบ ๆ  ตัวมึงเลย  คนที่ให้กำเนิดมึงแม่  แต่คนที่ให้ชีวิตคนที่สองกับมึง. . .”    แดนหันมาทางผม 

   “. . . โน่น  คนโน้น  คนที่มึงฆ่ามันทั้งเป็น  คนที่มึงผลักมันไปไกล มันจะไปแล้ว  มันไม่มีที่อยู่ที่เมืองไทยแล้วมึงผลักมันไปไอ้โก  มึงผลักมันไป . . .”  แดนระเบิดอารมณ์ใส่หน้าโก

   “พี่อาร์ม  อย่าไปนะ  อย่าไปนะพี่อาร์ม”    มันสลัดบ่วงมันพ้น  แต่ไอ้แดนดันมันเอาไว้

   “อย่านะมึง  อย่าเข้าใกล้พี่อาร์ม  มึงไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้พี่อาร์มอีกแล้วไอ้โก  มึงทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน  มันจะได้จบ ๆ  ซะที”    แดนปาดน้ำตามันร้องไห้ไป  อาละวาดไป

   “พอแล้วแดน  พอแล้ว”  ผมเดินไปโอบมัน

   “กลับนะแดน  กลับนะ  พี่ขอ”   ผมดึงมันมากอดเอาไว้  กดหัวมันเอาไว้แนบอก  ผมรู้  ผมเข้าใจมันและไม่เคยโกรธที่มันทำลงไปแบบนั้น

   “ผมกลับก่อนนะครับป้าภา ขอโทษที่เรื่องมันต้องเป็นแบบนี้”  ผมไหว้ป้าภา

   “ลูกอาร์ม”  แกโผเข้ามากอด   

   “ป้าขอโทษนะลูก  ขอโทษ  ป้าผิดเองอาร์ม  ป้าผิดเองนะลูก”  แกร้องไห้ตัวโยน  ผมได้แต่เดินประคองพาแกมาส่งที่บ้าน 

   “พี่อาร์มไม่ให้ไปนะ  ผมไม่ให้พี่ไป”  เสียงมันร้องไห้  มันพยายามที่จะดึงมือผมเอาไว้ 

   แต่ทุกครั้งที่มันทำ  แดนจะเป็นฝ่ายมารั้งมันออก . . .

   แปลกนะ . . .

   ที่ตอนนี้ผมไม่เจ็บปวดเหมือนกับตอนที่มันลาจากผม  อาจเพราะผมรู้หัวใจตัวเอง  ผมเลือกที่จะเดินไปหาหลวงพ่อก่อน  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าผมไม่มีคำสอนหลวงพ่อยึดหัวใจเอาไว้  วันนั้นผมจะเอาชีวิตรอดมาได้อย่างไร

   “แม่  หน่อยท้อง”    โกมันบอกเบา   เมื่อเดินเข้ามาในบ้าน

   “พอเหอะ  ยังไม่อยากรู้อะไร”   ป้าภายกมือห้าม

   “แม่ . . .” 

   “ชั้นไม่มีลูกสาว  อย่ามาเรียก”   เสียงป้าภาเด็ดขาด

   “ผมลานะครับป้าภา  แล้วกลับมาผมจะมาเยี่ยม”  ผมหันไปไหว้ป้าภา

   “มาจริง ๆ  นะลูกอาร์ม”

   “ครับ  ผมจะมาครับ”  ผมยิ้ม ก่อนรับการสวมกอดจากป้าภา

   “ป้าขอโทษนะลูกอาร์ม  ขอโทษกับทุก ๆ  เรื่อง”

   “ป้าภาทำถูกแล้วครับ  ทำถูกกับทุก ๆ  เรื่องครับ”  ผมกอดเอาไว้แน่น  ก่อนที่จะปล่อยร่างนั้นเป็นอิสระ

   ผมหันไปมองหน้าโกเมศวร์ . . .

   “พี่อาร์มไม่ไปได้ไหม”  มันเอ่ย  น้ำตามันเอ่อ 

   ผมยิ้มให้มัมน  อยากจดจำมันเป็นครั้งสุดท้าย  ผมว่ามันน่าสงสาร  บางที  ชีวิตมันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้  ถ้ามันไม่เจอผม  สิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด  ผมไม่เคยโกรธมันเลย  ผมเข้าใจดี . . .

   ผมตั้งใจแล้ว . . .

   . . . ผมจะทำสิ่งที่ดีที่สุด

   สิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อนเลย . . . 

   . . . . ผมออกมาจากชีวิตมัน

   ผมเดินไปที่มัน . . .

   ผมกอดมันเหมือนที่เคยกอด    ผมอยากให้มันรู้  ความรู้สึกทั้งหมดจากหัวใจของผม  ผมยิ้มให้มัน  นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่ามันคือน้องของผม 

   “ปล่อยพี่ไปตามทางของพี่นะ  ไอ้น้องชาย”  ผมกระซิบข้างหูมันเบา ๆ

   น้อง . . . ที่ผมจะไม่ทำร้ายมันอีกแล้ว

   “แดน  มาพี่ขับเอง”  ผมยืนมือขอกุญแจรถ

   “พี่อาร์มไปรอผมที่รถสักห้านาทีได้ไหม”

   ผมพยักหน้า  ก่อนเดินออกมารอที่รถ  ผมไม่รู้หรอก  ว่าแดนมันจะอยู่ที่นั่นอีกทำไม  มันจะอยู่เพื่ออะไร  แต่สิ่งที่ผมได้ยินหลังจากที่แดนมันเดินมาถึงที่รถ . . .

   เสียงกรีดร้องโหยหวนเหมือนเปรตขอส่วนบุญดังมาจากในบ้าน . . .

   “ไปเถอะพี่อาร์ม  เดี๋ยวตกไฟลท์”   มันหันมายิ้มให้ผม

   ผมขับรถออกมาจากที่นั่น . . . 

   ผ่านศาลาเก่า ๆ  ที่ครั้งหนึ่งเมื่อเกือบสิบปีก่อน  มีคน ๆ นึง  มารอส่งผม    บางครั้งนั่งรอกันนาน   เรายิ้ม  เราหัวเราะ  กับเรื่อง  ที่ต่างฝ่ายต่างเอามาเล่าสู่กันฟัง   รอยยิ้มมันในวันเก่าผมยังจำได้  ภาพนั้นยังแจ่มชัด  เหมือนมันยังไม่ได้ผ่านไปไหน     ภาพที่ คน ๆ  นึงรอรถเมล์ที่จะมาจากแม่ฮ่องสอน  มีเด็กชายอีกคนรอส่งมันในทุกครั้ง  . . .

   บางครั้งเด็กคนนั้นก็ขับรถไล่ตามรถที่มันนั่งมา . . .

   . . . ผมยิ้มกับศาลา  . . .

   ยิ้มกับวันเวลาที่มันผ่านมาแล้ว    ผมขับช้า ๆ  มองกระจกทางหลังเป็นระยะ 

   นั่นไง . . .   

   . . . คนที่ขับตามผมมา  มันยังตามผมมาเหมือนเช่นเคยที่ผ่านมา 

   ภาพนั้นเหมือนเดิม  ไม่มีเปลี่ยนแปลง  วันนี้ผมรู้สึกโล่งในหัวใจ  ถนนสายนี้สวยกว่าที่ผมเคยเจอในทุก ๆ  ครั้ง . . .

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 30-05-2008 13:44:08
จะมาลงตอนต่อไปกี่โมงครับ 
รออยู่ครับ

 :oni2: :oni1: :oni2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 30-05-2008 13:47:28
รออยู่เช่นกันคร้าบบบ :m1:

ปล.แอบอ่านรีพลายข้างบน คนเขียนโหดจัง อิอิ :m12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 30-05-2008 13:49:27
พี่อาร์ม รออ่านอยู่ค่ะพี่ขา
จาลงแดงแหล่วพี่ มาไวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :m31:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: treasure ที่ 30-05-2008 14:45:50
เจ้าของกระทู้เล่นแช่งขนาดนี้ ต้องมาเม้นท์อีกรอบเลย จิ

ถึงยังไม่ใช่บทสรุปของเรื่อง แต่ผมเชื่อว่า คนที่อ่านมาตั้งแต่ต้น

ตอนนี้คงเข้าใจความรู้สึกที่อาร์ม อธิบายตอนเปิดเรื่องได้เป็นอย่างดี

ถ้าเราเป็นอาร์ม เราคงตัดสินใจลำบาก จิง ๆ  ๆ


เ้ค้าว่ากันว่า เจ็บแล้วจำ คือ คน เจ็บแล้วทนคือ ควาย 

แต่บางทีความรักก็ทำให้เราอยากกลายเป็นควายได้เหมือนกัน

เป็นเพื่อน ๆ คนอื่น เลือกที่จะเป็นอะไรกันครับ

ปล. ที่มา เม้นท์เนี่ย กลัวนะ





กลัวจะไม่ได้ผู้ชายดี ๆ 
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Kisses ที่ 30-05-2008 14:55:39

เอ่อคือ เปิดซิงคอมเม้นท์แรกเพื่อเรื่องนี้เลยค่ะ :m23:
โคตรเศร้า :sad2: :sad2: :sad2:
สงสารพี่อาร์ม รักเค้าจริงๆ ทุ่มเททำเพื่อเค้ามากมาย
แต่คนเราก็แบบนี้ คนดีๆอยู่ใกล้ตัวไม่เห็นค่า กลับไปคว้าเอาใครที่ไหนก็ไม่รู้มาทำร้ายใจตัวเอง
เจ็บปวดแบบนี้ให้กลับไปอีกหนคงยาก

ฮื้อ เศร้าอะ น้ำตาซึม

ปอลอ.มาเม้นท์แล้วหวังหนูจะไม่แห้ว และได้เจอผู้ชายดีๆนะคะ 555 :oni2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 30-05-2008 15:20:37



ไหน ๆ  ก็ใกล้จะจากลากันแล้ว . . .   และ  ในฐานะที่ทำเอาทุกคนเครียดกันตาม ๆ  กัน

หาอะไรสนุก ๆ  เล่นกันดีกว่า . . .   ตามล่าหาแฟนพันธุ์แท้


กติกา

๑.  ตอนอวสาน . . .  ผมจะโพสต์  หลังจากที่ลงตอนก่อนหน้านั้น  ๗  วัน  นั่นหมายความว่า  ถ้าผมหายไปห้าวัน  นับวันรออีกสองวันจะมาต่อตอนอวสานให้ครับผม

๒.  เกมส์นี้สำหรับคนที่มีรีพลายก่อนหน้านี้เท่านั้นที่มีสิทธิ์ร่วมสนุก

๓.  ผมจะนับรีพลายตั้งแต่รีพลายแรก  ไปจนถึงตอนก่อนอวสนนะครับ  ใครที่มีรีพลายสามอันดับแรก . . . ผมถือว่านั่นคือ แฟนพันธุ์แท้

๔. หมดเขตร่วมสนุก  ๕ วันหลังจากตอนสุดท้ายนะครับ  นั่นหมายความว่า  ผมจะรู้ว่าใครคือคนพิเศษสำหรับเรื่องที่ผมเล่า  ผมมีอะไรเล็ก ๆ  น้อย  ที่จะให้เขาทั้งสามครับ  ผมจะส่งให้ในวันนั้นเลยครับ



ของรางวัล . . .  

สำหรับคนพิเศษสุดสามคนของผม . . .  ผมจะส่งต้นฉบับจบบริบูรณ์ให้ท่านทางเมล์  นั่นหมายความว่าท่านจะเป็นคนที่ได้อ่านตอนอวสารก่อนคนอื่น ๆ  ในเล้านะครับ

ปล.  หวังว่าไม่โดนข้อหาปั่นกระทู้นะครับ . . .  เพราะคนมีสิทธิ์เล่น  คือคนที่เคยเข้ามาแสดงตัวก่อนหน้านี้เท่านั้น


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 30-05-2008 15:26:11
กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
มาลงรายงานตัวคนแรกค่า :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 30-05-2008 15:30:38
มาไม่ทัน
เซ็ง  อุส่าห์กด เอฟ5 รอ :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 30-05-2008 15:50:44
เศร้าไรมากมาย   แดนแฉแหลกไปเลย

น้ำตาไหลไม่ไหยุดเลย

ว่าแต่ผมจ่ได้ไหมอะของรางวัลอะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 30-05-2008 16:01:24
เง้อ....มาลงทะเบียนเล่นเกมส์ด้วยคน

แล้วจะมีสิทธิ์เป็น 1 ใน 3 เปล่าเนี่ยะ เง้อ เอาล่ะ ไม่ว่ายังไงก็จะพยายาม  :serius2:   o7

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 30-05-2008 16:15:15
มามะทันอะฮืออ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 30-05-2008 16:17:58
น่าสนุกจังเลยคะ......เล่นเกมกานนนน.....^^

เสียดายเราพึ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้เมื่อวานนี้เองคะ.......แต่สนุกมากกกกกกก.......>___<

สงสารอาร์มจังเลย.....สงสารโกด้วยคะ.....แต่ให้คะแนนแดนกับโอ๋มากๆ.....

โอ๋น่ารักมากๆ...ไม่เคยทิ้งอาร์มเลย....(แอบงงว่าโอ๋ไม่แอบรักอาร์มจิงอะ.......555+)

แดนก็น่ารักคะ....นี่ถ้าแดนไม่พูด...โกก็คงไม่รู้ว่าอาร์มเสียสละแค่ไหน....แล้วตอนนี้ก็คงจะไม่มาตามง้ออาร์มอยู่....(แต่ขอบอกว่าแดนด่าหน่อยได้แสบจริงๆคะ... :laugh:..)

ไม่รู้ว่าอยากให้อาร์มคืนดีกับโกรึป่าว....แต่คิดว่าถ้าอาร์มยังรักโกอยู่ก็คุ้มที่จะเสี่ยงน้า....^O^
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: moonoi_sert ที่ 30-05-2008 16:26:17
 :L1อ่านรวดเดียวจบสงสารทั้งอาร์ม โก และแดน นี่แลหะครับชีวิตจริงเน่ายิ่งกว่านิยาย :L1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 30-05-2008 16:30:29
 :m4: :m4: :m4: :m4:

กรี๊ด ดีใจจัง มีเล่นเกมส์ ด้วย

ลงชื่อด้วยคนครับ

 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 30-05-2008 16:41:19
นับไงอ่า??? o2ให้รีพลายชั่วโมงละรีพลายเลยมั๊ยอาร์มจ๋า  :m23: รึยังไง??? :m13:
ว่าแต่ตอนใหม่มะไหร่จะมาอ่า?? รออยู่น้า :m1:อีกกี่ตอนจะอวสานหรอ??  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 30-05-2008 16:48:52



ไหน ๆ  ก็ใกล้จะจากลากันแล้ว . . .   และ  ในฐานะที่ทำเอาทุกคนเครียดกันตาม ๆ  กัน

หาอะไรสนุก ๆ  เล่นกันดีกว่า . . .   ตามล่าหาแฟนพันธุ์แท้


กติกา

๑.  ตอนอวสาน . . .  ผมจะโพสต์  หลังจากที่ลงตอนก่อนหน้านั้น  ๗  วัน  นั่นหมายความว่า  ถ้าผมหายไปห้าวัน  นับวันรออีกสองวันจะมาต่อตอนอวสานให้ครับผม

๒.  เกมส์นี้สำหรับคนที่มีรีพลายก่อนหน้านี้เท่านั้นที่มีสิทธิ์ร่วมสนุก

๓.  ผมจะนับรีพลายตั้งแต่รีพลายแรก  ไปจนถึงตอนก่อนอวสนนะครับ  ใครที่มีรีพลายสามอันดับแรก . . . ผมถือว่านั่นคือ แฟนพันธุ์แท้

๔. หมดเขตร่วมสนุก  ๕ วันหลังจากตอนสุดท้ายนะครับ  นั่นหมายความว่า  ผมจะรู้ว่าใครคือคนพิเศษสำหรับเรื่องที่ผมเล่า  ผมมีอะไรเล็ก ๆ  น้อย  ที่จะให้เขาทั้งสามครับ  ผมจะส่งให้ในวันนั้นเลยครับ



ของรางวัล . . .  

สำหรับคนพิเศษสุดสามคนของผม . . .  ผมจะส่งต้นฉบับจบบริบูรณ์ให้ท่านทางเมล์  นั่นหมายความว่าท่านจะเป็นคนที่ได้อ่านตอนอวสารก่อนคนอื่น ๆ  ในเล้านะครับ

ปล.  หวังว่าไม่โดนข้อหาปั่นกระทู้นะครับ . . .  เพราะคนมีสิทธิ์เล่น  คือคนที่เคยเข้ามาแสดงตัวก่อนหน้านี้เท่านั้น





^
^
 เล่นด้วยดีมะน๊า... คึคึ    :m4:

แต่ คงไม่ทันหรอก เพราะซินขยันเข้าบอร์ด ฮ่าๆ   :laugh:

ป๋อล๋อ*... แอบขำพี่ต่าย ฮ่าๆ เกือบแล้ว พี่ เกือบ โดนแช่ง กร๊ากกกกกก    :m20:
คนเรามีแอบอ่าน โนะ..... เรื่องของพี่ต่ายอ่ะ ( ทวงข้ามกระทู้ ฮ่าๆ) เมื่อไหร่ จะต่อ อิอิ อย่าให้เจอตัวนะ  


ป๋อล๋อ* 2   ว่าตะ หายไป 5 วัน ไปไหนอ่ะคะ   (ไปด้วย คิคิ)
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 30-05-2008 17:30:31
 :m1: :m1: :m1: :m1: :m1:

เอ๊ะ กลับไปอ่านตอนล่าสุดอีกรอบ

รู้สึกว่า โก จะขับรถตามมาอีกใช่มั้ยครับ

รอ ลุ้นอยู่ว่าจะเป็น อย่างที่คิดไว้หรือเปล่านะครับ

รอ ครับ รอ รอ และ รอ

 :a12: :a12: :a12: :a12: :a12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 30-05-2008 17:37:44
ว่าแระ ทำไมทู้มันขึ้นเร็วผิดปกติ

เหอเหอ

จะเล่นด้วยดีมั้ยน้าาาาา

 :laugh:





อยากดูซีดี . . .

หาดูได้ที่ไหนว่ะนี่ . . . อยากรู้จัง  มีอะไร



ปล.   พูห์ . . . หาได้ที่ไหนหว่า  สองปีผ่านมาแร่ะ



เกี่ยวไรกะตรูวะ

มะช่ายเจ้าพ่อหนังโป๊ซะหน่อย

เชอะ

 :a14:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 30-05-2008 17:42:39
555+

พี่อาร์มนี่ล่ะก็

คนยิ่งอยากๆอ่านอยู่นะ  :laugh: :m12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: lucifel ที่ 30-05-2008 18:37:58
พี่อาร์มอยากอ่านต่อแล้วอ่ะ
หายตั้งเจ็ดวันมันค้างคาใจนะพี่ o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 30-05-2008 19:18:05


ตอนที่  ๓๓




   ผมจะบอกยังไงดี . . .

   กับสิ่งที่เกิดขึ้นมากับผมทั้งหมด   มันนานมากแล้วแต่ภาพทุกอย่างมันยังแจ่มชัดในหัวใจผม มันเหมือนเหตุการณ์เพิ่งผ่านมาเมื่อสักครู่นี้เอง  ผมดีใจที่ผมก้าวผ่านเวลาช่วงนั้นมาได้


   ผมยิ้ม . . .

   . . . เมื่อนึกถึงวันเก่า ๆ

   . . . ผมร้องไห้ . . .

   เมื่อโหยหามัน . . .

   แต่นั่น . .  .

   . . . มันคืออดีต มันคือสิ่งที่เราไม่สามารถจะกลับไปแก้ไขอะไรมันได้อีกแล้ว  สิ่งที่ผ่านมา มันเหมือนตะกอนที่ค่อย ๆ  ตกลงสู่ก้นบึ้งทับแน่นกันเป็นชั้น ๆ   อย่าพยายามเอาอะไรไปคนให้ตะกอนนั้นขุ่นมัวอีกเลย  ปล่อยมันตกอยู่ในก้นบึ้งนะดีที่สุดแล้ว

   “แดน . . . โอเคอยู่มะ “  ผมเรียกหามัน

   หากมันเงียบ . . .

   . . . จนผมต้องถามซ้ำ

   “ไหวมะ”

   “ดีแล้วล่ะพี่  ผมขอโทษนะพี่  ที่พูดจาหยาบคาย  แต่มันไม่ไหวจริง ๆ  มันทำร้ายพี่มานาน  ผมทนไม่ได้หรอก . . .”    มันหันมาทางผม 

   “. . . แผลเป็นไงบ้าง”

   “เลือดแห้งแล้วมั้ง”

   “ไม่ไปให้หมอดูหรือ”

   “ช่างเหอะ  อยากมีแผลเป็น”  ผมหันไปยิ้มให้มัน  ของบางอย่างมัน  ไม่สามารถที่จะบอกออกมาได้  ว่าแท้จริงแล้วเราต้องการแบบไหนกันแน่

   “ทำไมพี่”

   “ไว้เตือนความจำไง  ยิ่งแผลที่หน้าอีก  เวลามองกระจก  จะได้รู้  ว่าอันนี้ท่านได้แต่ใดมา”  ผมยิ้ม

   “พี่ไม่โกรธมันเลยเหรอ”

   “ไม่หรอกแดน  เพราะพี่เลือกแล้วที่จะวาง  พี่ไม่อยากทำร้ายกันอีก  ที่ผ่านมามีแต่เราทำร้ายกันไปทำร้ายกันมา  มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย  ตอนนี้เราไม่ทำร้ายกันอีกแล้ว  ต่างคนต่างอยู่  มันคงมีความสุขกว่าที่ผ่านมา”

   “พี่อาร์ม  ผมดีใจนะ  ที่พี่กลับมาเป็นคนเดิม”

   “ยังหรอกแดน  ยังไม่รู้จะกลับมาเป็นคนเดิมได้แค่ไหน  อีกเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้เลย  แต่วันนี้ตอนเห็นแดนอาละวาดนะ  พี่กลัวเลยว่ะ”  ผมหัวเราะเบา ๆ 

   ภาพของมันยังติดตาติดใจผมอยู่เลย . . .

   “นาน ๆ  ผมจะฟิวส์ขาดสักทีพี่  ผมเห็นพี่หัวแตกแล้วมันพุ่งปรี๊ดมาเลย  ผมไม่สนหรอก  ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นตอนนั้น  เพราะถ้าไม่พูด  บางทีมันอาจจะโง่อยู่แบบนั้น  พูดเสียบ้างเผื่อมันจะฉลาดขึ้น”

   “ก็ได้แต่หวังไว้แบบนั้น”    ผมชะลอ  เมื่อรถเริ่มเข้าถนนที่สูงชัน 

   ความจริงผมไม่ชอบขับรถที่ถนนเส้นนี้เท่าไหร่  เพราะสองข้างทางมีแต่เขา  แล้วก็เขา  ผมชอบมองภูเขา  ผมกลัวว่าผมอาจเผลอมองเขามากกว่ามองทางที่รถกำลังเคลื่อนตัวอยู่

   “แล้วแดนไม่กลัวมันโกรธเหรอ”

   “ใคร”

   “ไอ้โก”

   “ไม่หรอกพี่  ตอนผมด่ามัน  มันคงช๊อคมากกว่า  มันอาจจะสงสัยว่าพี่ทำอะไร  แต่มันไม่มีใครยืนยันในสิ่งที่พี่ทำ  วันนี้ทุกคนไม่ปฎิเสธ  เท่ากับว่า  มันมีวันนี้ได้เพราะพี่  แล้วมันทำร้ายพี่อีก  เป็นผมเจอแบบมันก็คงช๊อคไปเหมือนกัน  แต่ผมรู้ . . .”

   มันหันมามองหน้าผม

   “รู้อะไรอีก”

   “มันจะต้องขอบใจผม  มันต้องขอบคุณที่ผมทำไปแบบนั้น”

   “แน่ใจขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “แน่นอนที่สุดเลยพี่ . . . ผมไม่เคยมั่นใจและดีใจกับสิ่งที่ผมทำไปวันนี้เลย  วันนี้ผมดีใจที่สุด  ที่ได้ทำอะไรให้กับพี่” 

   “อืม  ขอบใจ  ถ้าพี่พูดเองกลายเป็นว่าพี่ทวงบุญคุณ”

   “ไม่ใช่เรื่องนั้นพี่”

   “แล้วเรื่องอะไร”  ผมมองหน้ามัน  หากไม่ใช่เรื่องนั้นจะมีเรื่องอะไรอีกหรือ  มันมีอะไรมากไปว่าเรื่องที่มันสติแตกแล้วอาละวาดเสียจนผมเองยังขยาด 

   “ความลับพี่  แต่พี่สบายใจเหอะ  ไอ้น้องรักของพี่มันยังไม่มีลูกหรอก  มันไม่มีแน่นอน”

   แดนมันยืนยันหนักแน่น . . .

   ข่าวดีของผมหรือ . . . แต่มันไม่มีอะไรแล้วนี่หว่า  ในเมื่อตอนนี้  ผมไม่มีอะไรที่ติดค้างกับมันอีกแล้ว  ผมขับรถถึงทางแยก . . .

   ผมเลี้ยวไปทางขวา . . .

   . . . เพื่อมุ่งหน้าสู่เชียงใหม่

   หากบางที . . .

   ทางซ้าย  อาจเป็นทางที่โกเมศวร์ขับไปก็ได้ 

   ถนนสายชีวิตของผมกับมัน  คงหมดสิ้นกันอีก  เพราะอย่างไรเสีย  ผมไม่มีวันที่จะกลับไปสู่เส้นทางที่ผ่านมาอีก   

   ผมรักมัน . . . 

   . . . รักมันเหมือนเดิม 

   ห่วงมัน . . . ก็มีบ้าง 

   แต่ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน  ผมรู้แค่  นับจากนี้  ไม่มีวันที่มันต้องเจ็บปวดเพราะผมอีก  ทางที่ผมคืนให้มัน  สวยงามที่สุดแล้ว
   



   ก่อนหน้านี้ ผมเหมือนคนที่สับสน อะไร ๆ  มันเลยดูมั่ว ๆ  ชุลมุนชุลเกไปเสียหมด  เหมือนห้องที่โดนรื้อนั่นแหละครับ  พอรื้อ ๆ  มันมากอง  คราวนี้มันกระจัดกระจายปนเปกันไปมั่วไปหมด    ไอ้เรามันอยากได้ห้องใหม่  แต่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า  รื้อ ๆ  มาก่อนไงครับ  พอถึงเวลาจะจัดมันเข้าที่เข้าทางมันเลยยังมั่ว ๆ  ซั่ว ๆ ไงครับ


   เอาล่ะ  ตอนนี้มันถึงเวลาที่ผมจะจัดห้องเข้าที่แล้ว . . .

   . . .  ผมรู้แล้ว  ชีวิตผมมีอะไรที่จะทำอีกบ้าง . . . 

   อย่างแรกที่ต้องทำ 

   ผมต้องเอาซิมการ์ดของผมทิ้ง  ผมไม่อยากให้ใครโทรหาผมอีก  นอกจากผมจะเป็นฝ่ายโทรหาเขาเอง  ซึ่งรับรองว่าจะไม่มีวันนั้นเด็ดขาด   และห้ามไปไอ้เพื่อนรัก  กับไอ้แดน  บอกเบอร์ใหม่กับคนอื่น  ไม่อย่างนั้นผมเปลี่ยนเบอร์หนีไปเรื่อย ๆ   แล้วผมจะไม่บอกพวกมันอีก  ที่สำคัญที่สุดห้ามคุยถึงคนชื่อโกเมศวร์อีกเด็ดขาด 

   เพราะผมไม่แน่ใจเหมือนกัน  ว่าผมจะทนได้ขนาดไหน  หากได้ยินชื่อนี้อีก  ผมไม่อยากให้โลกที่ผมเดินเข้าไปใหม่  มีอดีตที่หลงเหลืออยู่  ไอ้แดนนี่พอสั่งได้  เพราะมันรักผม  มันเป็นพวกผมแน่นอน 

   แต่ . . .

   . . . ไอ้เพื่อนรักนี่สิ . . .

   ขานั้น . . . มันชอบค้านผมตะบัน

   ขนาดผมบอกมันว่าผมเกิดวันที่ ๔  มันเถียงผมแทบตายว่าไม่ใช่  มึงเกิดวันที่  ๖  มันจำได้  มันซื้อกางเกงในให้ผมเป็นของขวัญวันเกิดปีที่ผ่านมา  ผมเกิดวันที่ ๖  แน่ ๆ  เล่นเอาผมอึ้ง  ต้องควักบัตรประชาชนมาดู  ถึงรู้  วันที่  ๔  แน่นอน 

   พอส่งบัตรให้มันดู . . .

   . . . แทนที่มันจะยอมรับ

   “ไอ้เหี้ย  ทะเบียนราษฏร์ลงวันผิดแน่ ๆ  มึงเกิดวันที่ ๖  กูจำได้”

   เอากับมันสิครับ . . . 

   สุดท้าย  ผมก็คิดว่าทะเบียนราษฏร์คงลงวันที่ผิด  ตั้งแต่ที่แม่ผมเบ่งออกมาแล้วล่ะ   เอ  หรือว่าแม่ผมรู้ล่วงหน้าว่าจะได้ลูกชาย  เลยไปแจ้งตั้งแต่วันที่  ๔  ก่อนผมเกิดตั้งสองวัน

   แต่ . . . มันก็รักผม

   “ขับรถมาทำไมก็ไม่รู้  อันตราย  ไกลก็ไกล”    ทันทีที่ผมจอดรถที่หน้าบ้านมัน  มันไม่ถามสักคำเหนื่อยมั้ย

   แต่สิ่งที่มันถาม . . . 

   . . . หายเหนื่อยเป็นปลิดทั้ง  มันห่วงใยในตัวผม  มากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมดคือคำตอบ

   “เฮ้ย . . . เดี๋ยว ๆ  ไปโดนอะไรมา”  มันเห็น  ทั้ง ๆ  ที่ผมดึงผมลงมาปิดเอาไว้แล้ว  ไอ้เพื่อนรักมันเห็นทุกอย่างที่เปลี่ยนไป

   “ล้ม  โดนอ่างปลา”

   ผมไม่ได้พูดโกหก  เพียงแต่ว่า  บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องพูดความจริงทั้งหมดก็ได้  หากว่ามันจะทำให้คนรอบ ๆ  ตัวเราสบายใจขึ้นมาบ้าง  ผมยิ้มให้มัน   

   “ . . .ไกลหัวใจน่า  ไม่เป็นไรหรอก”

   “เออ  ทีหลังระวังหน่อยแล้วกัน”

   “อือ”

   “เย็บกี่เข็ม”

   “หือ . . .”  ผมส่ายหน้า

   “. . . บอดว่านิดเดียวไง  ไกลหัวใจ”

   “อาร์ม . . . มามะ มากินข้าวปุ้นก่อน  เดี๋ยวมีหมกไก่อีก  กำลังนึ่งอยู่”   แม่มันละครับ  ใจดี  แถมแกเอ็นดูผมกว่ามันเสียอีก  รู้ว่าผมจะมา  ทำหมกไก่รอเอาไว้เลย  ของชอบของผม

   ผมเข้าไปกอดแม่เอาไว้ . . .

   “สบายดีมั้ยแม่”

   “สบาย  ว่าแต่เราเหอะ  ซูบไปเยอะนะ  ไหนโอ๋บอกว่าไปหาหลวงพ่อที่เชียงใหม่มาเหรอ. . .  เอ๊ะ  หัวไปโดนไรมา” 

   เหมือนกันเป๊ะ  ทั้งแม่ทั้งลูก  จ้องมองที่แผล  แต่ก็น่าจะเป็นที่สนใจอยู่หรอก  แผลบนใบหน้ามันเด่นเสมอ . . .

   “ล้มครับครับแม่นิดเดียวเองครับ    เพิ่งกลับมาจากเชียงใหม่เมื่อวาน  แล้วก็ขับรถมานี่กันเลย  ส่วนพุงนี่ต้องลดหน่อยแม่  เดี๋ยวไม่หล่อ  ที่ทำงานใหม่เขาไม่จ้าง  ”

   “อูย  หล่อ ลูกอาร์มของแม่หล่อ  แดนล่ะลูก  มามา  กินกันก่อน  จะขับรถมาทำไม  ไกล  นั่งรถทัวร์มาก็ได้”   แม่แกกุลีกุจอ  หาของกินมาเต็มโต๊ะ  จนเพื่อนรักผมมันค้อนเสียหลายรอบ

   “จะโกนหัวอยู่แล้ว  ห้ามอิจฉาว่ะ  ทีเมื่อก่อนแม่กูอยู่  ไปยึดตำแหน่งลูกรัก  มาตอนนี้  ทีใครทีมันโว้ยเพื่อน”  ผมได้ทียิ้มยั่วมัน

   “สัสสสสสส  แดก ๆ  ไปเลยปากจะได้ไม่ว่าง. . .”  มันปั้นข้าวเหนียวยัดปากผมซะงั้น  เออดีเหมือนกันมีคนป้อน 

   “. . . ไอ้โกไม่มาเหรอ”

   “สัสสสส   ลองมาเด่ะ กูกลับ”

   “ไอ้อาร์ม  ยังไงก็น้อง. . . ”   มันตบไหล่ผมซะแทบเคล็ด  ก่อนหันไปหาแนวร่วม 

   “. . . ใช่มั้ยแดน”

   “ถุย . . . หาพวกผิดคนแล้วมึง  กูอยากให้มึงเห็นกับตา  เมื่อวานไอ้แดนอาละวาดซะ  จนกูเองยังกลัว”

   “เฮ้ย  อาละวาดอะไร  ที่ไหน”

   “มึงให้มันเล่าเองเหอะ  นึกแล้วยังกลัวม่ายยย . . . หาย”   ผมทำท่าขนลุกขนพอง

   “ความลับเยอะกันจั๊งงงงง   เออแล้วมึงได้งานใหม่ยัง”  มันฉีกไก่ย่างส่งให้ผม

   ผมเหมือนมีอะไรมาติดคอ . . . 

   มันห่วงผม  แล้วทำไม  ผมถึงต้องปิดบังมันจนถึงวันที่เกือบสุดท้ายก็ไม่รู้  ผมอาจเป็นเพื่อนที่ไม่เอาไหนของมันก็เป็นได้  ในขณะที่มันห่วงผม  แต่ผมรู้สึกเหมือนกับว่าปิดบังมันอยู่

   “มึงโกนหัวกี่โมง”

   “สามโมงเย็น”

   “ยังไม่เที่ยงเลย  กินข้าวเสร็จพากูไปไหว้พระธาตุหน่อยดิ”

   “เอาดิ๊    แต่วันนี้ถ่ายรูปให้กูด้วยนะ  ฝีมือมึงหาตัวจับยาก”

   “แน่นอน . . .  ไม่ถ่ายมึงวันนี้  ไม่รู้จะได้ถ่ายอีกเมื่อไหร่”  ผมมองหน้ามัน 

   รับรองมันไม่รู้ความหมายที่ผมพูดหรอก  ตอนนี้ผมแข็งแรงขึ้นมาเยอะ  ชีวิตผมเจออะไรมามาก  มากจนผมรู้ว่าจะเล่นซ่อนหายังไงกับความทุกข์ 

   อย่าว่าแต่น้ำตาเลย . . .

   . . . แค่แววตาแดง ๆ  ผมก็จะพยายามเก็บมันเอาไว้ให้ลึกที่สุด  ไม่อยากให้เพื่อนมันต้องจับได้อีกต่อไป

   องค์พระธาตุสีขาวลายทอง  ที่สูงชะลูดไปบนอากาศ  ยอดฉัตรเป็นทองคำนั้น  เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของผู้คนสองฝั่งโขง  ผมก้มกราบองค์พระธาตุ  วันนี้อากาศเป็นใจ  แม้จะบ่าย  แต่ฟ้าปิด  ไม่ร้อน  ไม่มีแดดแรงกล้า

   “มึงขออะไรพระธาตุ”    ไอ้เพื่อนรักมันถาม  เมื่อมานั่งใต้ต้นพิกุลใหญ่ใกล้อุโบสถ หน้าองค์ธาตุ

   “ขอได้เหรอ”    แดนมันทำหน้าเหรอหรา

   “อย่าไปบ้าตามมัน  ไหว้พระ  ใครเขาขอกัน”

   “ขอได้จริง ๆ  นะมึง  ใคร ๆ  เขาก็ขอกันทั้งนั้น  ว่าแต่มึงไอ้อาร์ม  หางานใหม่ได้ยังว่ะ  ลาออกทำไมว้า  ที่นั่นก็ดีอยู่แล้ว”    มันมองหน้าผม

   ผมยิ้มให้มัน . . .

   . . . มองหน้าไอ้แดน 

   “คุยกับกูเรื่องนี้แล้วห้ามโวยวายนะ  ในวัด”  ผมมองหน้ามัน

   “บ้ามั้ยนี้  ความลับเยอะนะมึง  ทำไมกะอีแค่เรื่องงานใหม่  มันจะมีอะไรให้ต้องโวยวายนักหนา”

   “แบบนี้แปลว่าไม่โวยวาย”

   “เออ  เออ  เล่ามาเหอะ  สมัครที่ไหนยัง”

   “ได้แล้ว  เริ่มงานวันที่ยี่สิบสามนี่แหละ”  ผมยิ้มให้มัน

   “ก็ดีนี่หว่า  ได้งานเร็วดี  วันนี้สิบเก้า อีกสี่วันเอง . . .”   ถ้ามันรู้ทั้งหมด  มันจะดีใจแบบนี้มั้ยหว่า 

   “. . . เป็นไรว่ะแดน  ทำหน้าเศร้า”

   ผมหันไปปรามแดนด้วยสายตา . . .

   “ไม่มีไรพี่”

   “บริษัทไรว่ะ”

   “QR”  บอกแบบนี้  คนที่ทำงานสนามบินก็รู้กันอีก 

   “ดีนี่หว่า  ไฟว์สตาร์แอร์ไลน์  กราวน์เหรอ”

   ผมส่ายหน้า . . .

   “ออฟฟิศที่สุขุมวิท”

   “ไม่ใช่  สจ๊วตโว้ย”  เสียงผมเบาลง  มันเหมือนมาสารภาพบาปยังไงไม่รู้  ผมไม่ค่อยกล้ามองหน้ามันเลย

   “เอ้าจริง  เงินโครตดีเลย. . . “    เสียงมันดังดีใจใหญ่

   หาก . .  .  มันร้องลั่นตกใจเมื่อนึกอะไรบ้างอย่างได้

   “เฮ้ย . . .  มึงพูดใหม่อีกทีดิ”   

   มันเอามือมาแตะปลายคางผมให้มองตามัน   

   คราวนี้ล่ะคุณ ๆ  เอ้ย  ใจผมระส่ำเหลือหลาย  ผมผิดมากมั้ยนี่  ที่ไม่ได้บอกกับมันมาตั้งแต่ต้น  ผมน่าจะคุยกับมันก่อน  แต่ถึงผมคุยกับมันก่อน  บรรยากาศแบบนี้ก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี

   “มึงได้ยินไม่ผิดหรอก  สจ๊วต”

   “ไอ้แดน”  มันหันไปทางไอ้แดน

   “อย่าไปว่ามันเลย  มันเองก็เพิ่งรู้เมื่อสองวันก่อนว่ากูได้งานใหม่ตอนกูไปกราบลาหลวงพ่อ  แถมมันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากูได้งานที่ไหน  มันรู้แค่เมืองนอก”

   “ตั้งแต่เมื่อไหร่”    ทำไมเสียงมันคล้ายน้อยใจ

   ผมละอายใจจริง ๆ  ที่ไม่พูดเรื่องนี้กับมันเสียก่อน . . .

   “เมื่อไหร่ไอ้อาร์ม”  มันตะคอกเสียงดัง   ผมมองหน้ามัน  แววตามัน  โกรธผม  หรือน้อยใจผมหว่า  แต่มันมองผมนิ่ง 

   “ถ้าตอนที่ส่งใบสมัคร  ก็หกเดือนได้มั้ง  แต่รู้ว่าได้แน่ ๆ ต้องไปอยู่ที่โน่น วันที่กูกระโดดให้รถชน”

   “ไอ้เหี้ยอาร์ม  มึงทำบ้าอะไรของมึง  ปิดมามิดชิด  มึงจะหนีเหรอ  ตกลงที่มึงไปนี่เพราะมึงหนี”  มันจ้องหน้าผม  ก่อนดึงผมไปกอดไว้หลวม ๆ

   “ทีแรกก็ว่าหนี  แต่พอเจอหลวงพ่อ  ได้ยาดีทุเลาลงมาหน่อย  ให้กูไปเหอะนะ  ถือเสียว่ากูไปเที่ยวเมืองนอก”

   “ฐานบินอยู่ที่ไหนว่ะ”

   “โดฮา”

   “นานแค่ไหน”

   “สัญญาปีต่อปี”

   “วันหยุด  สวัสดิการเป็นไง”

   “คัมโฮมทุกหกเดือน  สิบห้าวัน  เดือนนึงมีรูทบินเข้ากรุงเทพฯ  ครั้งนึง  มีคอร์ทให้อยู่  มีประกันชีวิตให้ห้าแสนปอนด์”

   “เยี่ยมเลย  เพื่อนกู  ทำอะไรไม่เคยปรึกษา”

   “ก็ตอนนั้นมันไม่อยากอยู่เมืองไทย  แม้กระทั่งตอนนี้ก็เหอะ  ก็ยังรู้สึกว่า  อยากห่าง ๆ  สักระยะ  เวลามันอาจช่วยได้  มึงไม่เข้าใจหรอก  เพราะมึงไม่เคยหลงรักใครนี่หว่า  เอาน่า  ไว้แชทคุยกันก็ได้”  ผมตบไหล่มันเบา ๆ 

   อะไร ๆ  ที่ผมคิดเอาไว้  ไม่น่าจะยาก  โลกเดี๋ยวนี้ใกล้กันแค่ปลายนิ้วสัมผัส  ระยะทางมิใช่ปัญหาสำหรับโลกที่เดินหน้าด้วยเทคโนโลยี่

   “มึงเจ็บขนาดนี้เลยเหรอว่ะไอ้อาร์ม . . . ”  โอ๋มันลูบหัวผม  เหมือนผมเป็นเด็กที่มันต้องคอยปลอบ 

   “ . . . แดน  มึงไม่พูดอะไรหน่อยเหรอว่ะ”

   “ผมพูดจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้วพี่”

   “เรื่องขายบ้าน  ซื้อคอนโดเป็นชื่อกูนี่  ก็เตรียมการเอาไว้  คิดเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่างั้น”

   ผมพยักหน้ารับแทนคำตอบ

   “แม่งเอ้ย . . .”  มันตบกะโหลกตัวเอง 

   “. . . ทำไมกูโง่แบบนี้ว่ะ  ทำไมกูไม่นึกเฉลียวใจเลยว้า  แล้วใครฝากให้มึงว่ะ”

   “ทำไม  คนแบบกูความสามารถไม่พอเหรอ”

   “พอ  แต่กูอยากรู้”

   “มึงจะรู้ไปทำไม”   ผมมองหน้ามัน

   “ก็กูจะไปกระทืบแม่งมันให้จมตีน  หนอยความคิดดีนัก  ที่จริงกูน่าคิดนะโว้ย  คนที่หนีรักทำอะไรก็ได้  แล้วมึงมันก็ลูกบ้าเยอะเสียด้วย  พูดแล้วหงุดหงิด  อยากเห็นหน้าไอ้คนเจ้าความคิด”  มันหัวฟัดหัวเหวี่ยง

   ผมยิ้ม    “ไอ้แดน”

   “เฮ้ย  ผมเกี่ยวไรพี่”

   “ก็วันนั้นมึงอ่านเองนะ  QR  รับลูกเรือต่างชาติร่วมร้อยรับโดฮา 2006  ก็เลยเข้าเวปอ่าน  แล้วก็เลยส่งไปสมัครดู . . .”  ผมมองหน้าไอ้เพื่อนรัก  มันมองหน้าไอ้แดนตาเขียวปั๊ด 

   “. . . อย่าว่ามันเลย  ถ้ามึงจะกระทืบ  ไปกระทืบไอ้น้องรักมึงโน่น  เพราะถ้าไม่ใช่มันกูคงไม่ไปสมัครหรอกวันนั้น”

   “คนใกล้ตัวทำพิษ”   สุดท้ายมันก็ทำอะไรใครไม่ได้

   “โอ๋  มึงว่าขออะไรจากองค์ธาตุได้จริงเหรอ”

   “อืม”

   “งั้นกูขอสัญญาจากมึงข้อนึง”

   “อะไร  บอกมาก่อนว่าให้ได้หรือไม่”  มันมองหน้าผม  แบบคนที่หวาดระแวง  ตกลงนี่กูกลายเป็นคนที่เพื่อนรักมันระแวงไปแล้วหรือนี่ . . .

   “กูขอข้อเดียว  สัญญาจากเพื่อน ต่อหน้าองค์ธาตุ  สัญญากับกู  ต่อจากนี้ ไม่ว่าไอ้โกจะถามว่ากูอยู่ไหน  ห้ามบอกเด็ดขาดว่ากูอยู่โดฮา”  ผมมองหน้ามัน

   “งั้นกูขอสัญญาจากมึงข้อนึงเหมือนกัน”

   “อะไร”

   “ตอนนี้กูยังนึกไม่ออก  ไว้กูนึกออก  กูจะบอกมึง”

   “ได้  แต่ต้องไม่ใช่เรื่องที่ให้กูกลับไปหาไอ้โกอีก  ถ้าเป็นเรื่องนั้น  กูขอคิดด้วยตัวกูเอง  ส่วนเรื่องอื่น  ถ้ามึงขอ  กูให้มึงได้ทุกเรื่อง  แม้แต่ชีวิตกูเอง”  ผมมองหน้ามัน

   “ตกลง  กูจะไม่บอกมันเด็ดขาดว่ามึงทำงานที่โดฮา”

   “ขอบใจเพื่อน”

   “ไม่เป็นไร  แล้วอย่าลืมสัญญาที่ให้กูไว้แล้วกัน”

   “เออ  กูไม่เคยลืมสัญญา”

   หาก . . . ผมพลาดอย่างมหันต์  ผมจำกัดคำอยู่แค่โดฮา   ทำไมเวลานั้น ผมไม่บอกมันว่าตะวันออกกลางก็ไม่รู้  ผมน่าจะจับมันเอาหัวโขกกับกำแพงวัด 

   คำสัญญาที่ผมค้างมันไว้ . . .

   . . . รอเวลามันมาทวงคืน



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 30-05-2008 19:32:51
พี่อาร์มลอยฟ้าไปแล้ว... :m15:

นี่คือการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้วในตอนนั้น

ไปอยู่โน่นอาจจะโฮมซิคบ้าง  แต่หนูเชื่อว่าพี่อยู่ได้เพราะพี่แดนกับพี่โอ๋และหลวงพ่อคอยเป้นกำลังใจให้พี่นะคะ

^--^

ช่วงเวลาปีหนึ่งที่ได้จากแผ่นดินบ้านเกิดของเราไป   

คาดว่าพี่คงได้คิดอะไรหลายๆอย่าง... ไตร่ตรอง ทบทวน และพบทางอีกหลายๆเส้นทางที่จะมีให้พี่เลือกเดินไป

หนูอยากจะถามพี่อีกครั้ง...  และอีกหลายๆครั้งจนกว่าจะจบเรื่อง ว่า...



"ในวันนี้... พี่รู้หรือยังคะ  ว่าตัวพี่เองนั้น... เดินทางถึงจุดไหนของเส้นทางแล้ว....?" 



ยังคงจะเป็นกำลังใจให้พี่อาร์มเสมอนะคะ  สู้ๆค่า^--^!
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 30-05-2008 19:43:58
มาซะที  ปล่อยให้รอตั้งนาน
 ถามหน่อยเดะ เรื่องนี้มีกี่ตอนอะ






 :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 30-05-2008 19:46:08
 :c5:ดีใจกะ K.อาร์ม......ที่ผ่านบททดสอบ...ชีวิตได้
ยินดีกับการเปลี่ยนแปลง....
เชื่อในการตัดสินใจของคุณ...
ความรักอยู่รอบๆ...ตัวคุณ.. :กอด1:
...บนเส้นทางชีวิต....ลองเปิดใจ.
..มองโลกในแง่บวก +++
ภาวนาให้K. เจอสิ่งดี.. ดี
เป็นกำลังใจให้... :L2:
ป.ล. ฝากให้เพื่อนรัก กะ แดน :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 30-05-2008 19:50:01


สารภาพตรง ๆ  นะ . . .

ผมไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ . .  . เพราะไม่มีสต๊อคไว้เลยอ่ะครับ

พูดจริง ๆ  นะครับ


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 30-05-2008 19:57:25
 :a3:อ่ะ...จำเลยรับสารภาพแล้ว...
ศาลพิพากษา...ให้เขียน...ต่อไปฮะ.... :a4:
  :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 30-05-2008 20:01:12


สารภาพตรง ๆ  นะ . . .

ผมไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ . .  . เพราะไม่มีสต๊อคไว้เลยอ่ะครับ

พูดจริง ๆ  นะครับ




ที่ว่าไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

นั่นเป็นเพราะ  เส้นทางสายชีวิตไม่เคยหยุดเดินไงคะ

เพราะนี่คือชีวิตของพี่อาร์ม   ไม่มีใครรู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่

เพราะพี่อาร์มเล่าให้ฟัง  และตอนนี้มันก็อาจจะยังไม่จบการคาราคาซัง

ถึงได้เล่ากันว่า 

เรื่องเล่าแห่งชีวิต.... คือนิรันดริ์  ^-^
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 30-05-2008 20:14:33


สารภาพตรง ๆ  นะ . . .

ผมไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ . .  . เพราะไม่มีสต๊อคไว้เลยอ่ะครับ

พูดจริง ๆ  นะครับ




ที่ว่าไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

นั่นเป็นเพราะ  เส้นทางสายชีวิตไม่เคยหยุดเดินไงคะ

เพราะนี่คือชีวิตของพี่อาร์ม   ไม่มีใครรู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่

เพราะพี่อาร์มเล่าให้ฟัง  และตอนนี้มันก็อาจจะยังไม่จบการคาราคาซัง

ถึงได้เล่ากันว่า 

เรื่องเล่าแห่งชีวิต.... คือนิรันดริ์  ^-^






งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา . . . จบกลับ


ผมเลือกที่จะจบเรื่องที่ผมเล่า ตั้งแต่วันที่ผมหมดเวลาคัมโฮม . . . ของครึ่งปีนี้ครับ


ลองนับดูสิสครับ  ว่าผมจบตั้งแต่เมื่อวันใหน . . . ผมีเวลาคัมโฮมสองสัปดหานะครับ  แล้ววันแรกที่ผมมา  ก็วันที่แก้มได้เดอะสตาร์  ตอนนี้สำหรับผม  มันจบอย่างที่ผมเองก็สบายใจมากที่สุดแล้วครับ

การรอคอย . . .ทรมานเสมอ

หาก . . . ความสุขอยู่ที่เราได้รู้ว่า  คนที่เรารอ  เขารอเราอยู่เช่นกัน

 :o :o :o


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 30-05-2008 20:24:46


สารภาพตรง ๆ  นะ . . .

ผมไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ . .  . เพราะไม่มีสต๊อคไว้เลยอ่ะครับ

พูดจริง ๆ  นะครับ




ที่ว่าไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

นั่นเป็นเพราะ  เส้นทางสายชีวิตไม่เคยหยุดเดินไงคะ

เพราะนี่คือชีวิตของพี่อาร์ม   ไม่มีใครรู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่

เพราะพี่อาร์มเล่าให้ฟัง  และตอนนี้มันก็อาจจะยังไม่จบการคาราคาซัง

ถึงได้เล่ากันว่า 

เรื่องเล่าแห่งชีวิต.... คือนิรันดริ์  ^-^






งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา . . . จบกลับ


ผมเลือกที่จะจบเรื่องที่ผมเล่า ตั้งแต่วันที่ผมหมดเวลาคัมโฮม . . . ของครึ่งปีนี้ครับ


ลองนับดูสิสครับ  ว่าผมจบตั้งแต่เมื่อวันใหน . . . ผมีเวลาคัมโฮมสองสัปดหานะครับ  แล้ววันแรกที่ผมมา  ก็วันที่แก้มได้เดอะสตาร์  ตอนนี้สำหรับผม  มันจบอย่างที่ผมเองก็สบายใจมากที่สุดแล้วครับ

การรอคอย . . .ทรมานเสมอ

หาก . . . ความสุขอยู่ที่เราได้รู้ว่า  คนที่เรารอ  เขารอเราอยู่เช่นกัน

 :o :o :o




อ๋อ  เข้าใจแล้วค่ะพี่อาร์ม :m23:

555+ หนูกะจะให้พี่เล่าไปจนแก่เฒ่าเลยนะที่จริง :oni1: 

แบบว่า  ตามติดชีวิตจริงไงคะ  อัพเดทประจำวัน  อิๆๆ  :o8:

แต่ว่า... พี่อาร์มแอบเฉลยอะไรบางอย่างให้ฟังหรือเปล่าน๊า?...

ถึงจะเจ็บปวดมามาก

แต่หนูก็ดีใจที่พี่อาร์มได้พบกับความสุขที่แท้จริงแล้วนะคะ ^-^

ถึงจะไม่เคยเจอกัน  แต่หนูอยากบอกว่าตอนนี้หนูก็รู้สึกรักพี่อาร์มเหมือนเป็นพี่ชายหนูคนนึงเลยน๊า~

รู้สึกถึงตัวตนของพี่ผ่านเรื่องราวต่างๆมากมายในบอร์ดนี้  ทำให้รู้สึกว่าใกล้ชิดกับพี่ในระดับหนึ่ง   :o8:

อย่างไรก็ตาม  ขอให้พี่มีความสุขยิ่งๆขึ้นไปนะคะ

ถ้ายังงั้น  พี่ก็ตอบหนูได้แล้วใช่ไหมคะ ว่า...


"ตอนนี้  พี่เดินมาถึงจุดไหน....?"   


เรื่องคำตอบยังไงก็ได้ไม่ว่ากันค่ะ   หนูอยากทราบเฉยๆอ่ะ  อิๆๆ o13

ในแผ่นดินบ้านเกิดที่มีผู้คนรอพี่อยู่มากมาย

หนูเชื่อว่าวันที่พี่ก้าวสู่ผืนปฏพีแห่งนี้  และได้รู้ว่ามีใครบ้างที่รอการกลับมาของพี่


....คือวันที่พี่อาร์มมีความสุขที่สุดในชีวิต.....  
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 30-05-2008 20:36:52
ไปแล้ว  ไปในที่ที่เราอยู่แล้วสบายใจ งั้นเหรอ

ไปเพื่อไม่ให้ใครมารบกวนตะกอนที่ตกอยู่ละมั้ง
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 30-05-2008 20:59:11
จะรอเรื่องเล่าของคุณอาร์มน่ะคับ มันต้องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 30-05-2008 21:27:58
เราภาวนานะให้อาร์มไปจากโกซะที เมื่อไหร่จะถึงตอนอาร์มไปต่างประเทศ อาร์มเล่าไม่ถึง เราก้อตื๊อขอให้ลงอีกตอนและอีกตอน แต่พอตอนนั้นมาถึง ไมเราใจหายก้อไม่รู้ เฮ้อ อาร์มจะทำงานได้ไงนะ....ทั้งๆที่ใจยังสับสน?? อาร์มจะเหงามั๊ย...ที่ต้องจากบ้านเมืองไปไกล?? แดนกะโอ๋ล่ะ โกล่ะจะเปนไง ทุกคนเจ็บปวดใช่มั๊ย?? เราคิดไปสารพัดเลยแฮะ แต่ที่แน่ๆคือ วันนี้เราไม่ร้องไห้อ่ะ จะดีใจหรือเสียใจดีแน่น้อ เฮ้อ... :เฮ้อ:

ตามมาให้กำลังใจเช่นเดิม :กอด1: :L2:

ปล.มีเวลาคัมโฮมสัปดาห์ใช่มั๊ย??นี่มันเกินแล้วนี่ งั้นตอนนี้อาร์มอยู่ไหนอ่า??ใช่ไทยมั๊ย?? o2
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 30-05-2008 22:51:34
อ่านแล้วช่างบีบคั้นหัวใจ  o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 30-05-2008 23:04:40
เราภาวนานะให้อาร์มไปจากโกซะที เมื่อไหร่จะถึงตอนอาร์มไปต่างประเทศ อาร์มเล่าไม่ถึง เราก้อตื๊อขอให้ลงอีกตอนและอีกตอน แต่พอตอนนั้นมาถึง ไมเราใจหายก้อไม่รู้ เฮ้อ อาร์มจะทำงานได้ไงนะ....ทั้งๆที่ใจยังสับสน?? อาร์มจะเหงามั๊ย...ที่ต้องจากบ้านเมืองไปไกล?? แดนกะโอ๋ล่ะ โกล่ะจะเปนไง ทุกคนเจ็บปวดใช่มั๊ย?? เราคิดไปสารพัดเลยแฮะ แต่ที่แน่ๆคือ วันนี้เราไม่ร้องไห้อ่ะ จะดีใจหรือเสียใจดีแน่น้อ เฮ้อ... :เฮ้อ:

ตามมาให้กำลังใจเช่นเดิม :กอด1: :L2:

ปล.มีเวลาคัมโฮมสัปดาห์ใช่มั๊ย??นี่มันเกินแล้วนี่ งั้นตอนนี้อาร์มอยู่ไหนอ่า??ใช่ไทยมั๊ย?? o2




กรุณาอ่านย้อนไปตอนที่  ไอ้เพื่อนร๊าก  มันชวนไปทะเล  อิอิอิ 

หรือ

เปิดไปอ่าน  ตอนที่  ๑

เมษายน  ๒๕๕๑

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 30-05-2008 23:08:47


สารภาพตรง ๆ  นะ . . .

ผมไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ . .  . เพราะไม่มีสต๊อคไว้เลยอ่ะครับ

พูดจริง ๆ  นะครับ

เง้อ....เหมือนจาบอกอะไรเป็นนัยๆอ๊ะเปล่าคะ
หวังว่าพี่อาร์มในตอนนี้จะมีความสุข  สุขให้มากๆเลยนะคะ :L2:


ที่ว่าไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

นั่นเป็นเพราะ  เส้นทางสายชีวิตไม่เคยหยุดเดินไงคะ

เพราะนี่คือชีวิตของพี่อาร์ม   ไม่มีใครรู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่

เพราะพี่อาร์มเล่าให้ฟัง  และตอนนี้มันก็อาจจะยังไม่จบการคาราคาซัง

ถึงได้เล่ากันว่า 

เรื่องเล่าแห่งชีวิต.... คือนิรันดริ์  ^-^






งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา . . . จบกลับ


ผมเลือกที่จะจบเรื่องที่ผมเล่า ตั้งแต่วันที่ผมหมดเวลาคัมโฮม . . . ของครึ่งปีนี้ครับ


ลองนับดูสิสครับ  ว่าผมจบตั้งแต่เมื่อวันใหน . . . ผมีเวลาคัมโฮมสองสัปดหานะครับ  แล้ววันแรกที่ผมมา  ก็วันที่แก้มได้เดอะสตาร์  ตอนนี้สำหรับผม  มันจบอย่างที่ผมเองก็สบายใจมากที่สุดแล้วครับ

การรอคอย . . .ทรมานเสมอ

หาก . . . ความสุขอยู่ที่เราได้รู้ว่า  คนที่เรารอ  เขารอเราอยู่เช่นกัน

 :o :o :o







ง่า..แล้วพี่อาร์มอยู่หนายอ่ะตอนนี้

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Donpopper ที่ 30-05-2008 23:24:46
ดีครับ ท่านผู้เขียน

วันนี้เพิ่งเห็นเลยได้เข้ามาอ่าน

เรื่องราวที่เศร้า แต่ก็ยังมีความสุขแฝงอยู่ในนั้น

ผมจะรอตอนจบนะครับ
 รักคนเขียนที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 31-05-2008 00:27:21
เราภาวนานะให้อาร์มไปจากโกซะที เมื่อไหร่จะถึงตอนอาร์มไปต่างประเทศ อาร์มเล่าไม่ถึง เราก้อตื๊อขอให้ลงอีกตอนและอีกตอน แต่พอตอนนั้นมาถึง ไมเราใจหายก้อไม่รู้ เฮ้อ อาร์มจะทำงานได้ไงนะ....ทั้งๆที่ใจยังสับสน?? อาร์มจะเหงามั๊ย...ที่ต้องจากบ้านเมืองไปไกล?? แดนกะโอ๋ล่ะ โกล่ะจะเปนไง ทุกคนเจ็บปวดใช่มั๊ย?? เราคิดไปสารพัดเลยแฮะ แต่ที่แน่ๆคือ วันนี้เราไม่ร้องไห้อ่ะ จะดีใจหรือเสียใจดีแน่น้อ เฮ้อ... :เฮ้อ:

ตามมาให้กำลังใจเช่นเดิม :กอด1: :L2:

ปล.มีเวลาคัมโฮมสัปดาห์ใช่มั๊ย??นี่มันเกินแล้วนี่ งั้นตอนนี้อาร์มอยู่ไหนอ่า??ใช่ไทยมั๊ย?? o2




กรุณาอ่านย้อนไปตอนที่  ไอ้เพื่อนร๊าก  มันชวนไปทะเล  อิอิอิ 

หรือ

เปิดไปอ่าน  ตอนที่  ๑

เมษายน  ๒๕๕๑



หนูไปอ่านมาแล้วนะคะพี่ แต่ก้องงอยุ่ดี o2
ตอนแรกนู๋เหนอาร์มทำตามสัญญาที่ให้โอ๋ไว้ ก้อคิดว่าตอนนี้อาร์มคงอยู่ไทย แต่ระยะหลังๆเหนอาร์มบอกได้คัมโฮมแค่สองอาทิตย์เลยเกิดงงขึ้นมาอีก เพราะที่อาร์มบอกโอ๋ว่าจะไม่ไปน่ะมันอเมริกาใช่มั๊ยคะ แต่ที่แรกที่อาร์มทำอยู่น่ะ มันโดฮานี่ รึนู๋เข้าใจไรผิดน่ะ แห่ะๆๆ ขอคำชี้แจงด้วยคร้าบบบบบ :m23:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 31-05-2008 00:51:25
พี่อาร์มผ่านมาได้ขนาดนี้ สุดยอดแล้วค่ะ  o13

แก้วขอพรจากองค์พระธาตุ ขอให้พี่อาร์มมีความสุขนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 31-05-2008 00:55:03


เท่าที่อ่านมา . . .  เวลาในปัจจุบัน  ไม่มี  อิอิอิ

มีแต่เวลาในเดือน . . . เมษายน    ๒๕๕๑  ในตอนที่  ๑     ๒   และ    ๖  (มั้ง)   เลยเดาเอาว่า  อาร์มน่าจะคัมโฮมช่วงนี้ . . . ๑๔  วัน  แก้มได้เดอะสตาร์  ราว  สิบเก้ายี่สิบเมษา  แปลว่าอาร์ม  อยู่เมืองไทยถึง  ต้นเดือน  พฤษภาคม . . .


นอกจากนั้น  อาร์มจะเล่าย้อนไปตั้งแต่ตอนเจอโก . . . .  เล่ามาเรื่อย ๆ   จนไปนอก . . .2006  ใช่มะ  ก็โดฮาเกมส์  เทียบ  พศ ๒๕๔๙      งั้นแปลได้ว่า  อาร์มเล่ามายังไม่ถึงปี    ๒๕๕๑    


ส่วนสัญญา . . . อาร์มขอไม่ให้โอ๋บอกโก่เรื่องที่ทำงานโดฮา  แต่โอ๋มันบอกนึกออกจะขอ    ในตอนที่  ๖  ป่ะ  ตอนที่อาร์มกลับมาเมืองไทย  แล้วเจอโก  มันเลยจะหนีไปเมกาอีก  โอ๋เลยทวงสัญญา . . .ที่ค้างไว้

แปลได้แบบนี้อ่ะ . . .  หรือคนอื่น ๆ  ว่าไงครับ
  
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 31-05-2008 01:21:33
โฮ่โฮ่ ขอคาราวะพี่ต้นสายค่ะ o1
นี่ถ้าให้คิด คำนวนเอง มึนตึ้บ o2
 o13 o13
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ballza ที่ 31-05-2008 01:56:34
เอ๊า  กำละ  ผมคิดมาตลอด ว่า คุณอาร์ม =  ต้นสาย 
รักฤาผูกพัน...ก็เจ็บปวดเท่ากัน  = รอยเท้าในผืนทราย เวอร์ชั่นปรับปรุง
 - -"   ตกลง มานคืออะไรกานนิ 
ง่า ๆๆๆๆ
แต่ ไง  ผมก็ชื่นชมคุณ อาร์ม // และก็เป็นแฟนพันธ์แท้  คุณต้นสายนะครับ
อ่านทุกเรื่องของคุณต้นสาย ที่บอร์ด Palm (ปัจจุบัน ไม่ได้เข้า บอร์ด Palm ละ )
รอตอนต่อไปนะครับ ขอบคุณๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: TAMAKUNG ที่ 31-05-2008 02:15:53
 o13 o13 o13 o13


เยี่ยมมากครับ   


วันนี้ผมดู  หาบของแม่ตอนจบ


ร้องให้ตาบวมเลย


พอมาเปิดเนต อ่านเรื่องนี้ 


ร้องหนักกว่าเดิมอีก


แต่ไม่ใหวแล้ว  ตี 2 ก่าๆๆๆๆ  แล้ว  พรุ่งนี้ทำงานเช้าอีก  เด๋วมาตามอ่านละกัน   ได้  6 หน้า แระ


แล ข้างหน้า  ผมต้อง สียน้ำตากับเรื่องนี้อีกเป็นแน่แท้


 :o12: :o12: :o12:


ชอบจิงๆๆๆๆ นะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 31-05-2008 02:52:02
คุณต้นสายเก่งจัง ไงรอพี่อาร์มมาเฉลย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 31-05-2008 03:32:31
นั่นดิ รออาร์มมาเฉลยอยู่นะ o13
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 31-05-2008 06:40:35
 :a12: :a12: :a12: :a12: :a12:

รอเหมือนกันคร้าบ


 :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 31-05-2008 08:48:18
อย่าบอกนะคะว่า หาย 5 วันนับแต่วันนี้    :serius2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 31-05-2008 09:18:35
>การรอคอย . . .ทรมานเสมอ

>หาก . . . ความสุขอยู่ที่เราได้รู้ว่า  คนที่เรารอ  เขารอเราอยู่เช่นกัน



ประโยคนี้มันคือคำตอบของเรื่องทั้งหมดใช่ปะครับ


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 31-05-2008 09:41:59
 :a1:เห็นด้วยกะรีบนฮะ... :a1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 31-05-2008 10:20:25
ว้อยยยย

ตรูเครียด

ไปแรดดีก่า

 :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 31-05-2008 10:53:03
รอตอนต่อไป  :a12: :a12:

ป.ล.ว่าแต่เราจะมีสิทธิ์ได้รางวัลกะเค้าป่าวน้อ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 31-05-2008 10:53:57

ตอนที่  ๓๔




   เสียงเรียกผู้โดยให้ขึ้นเครื่อง  ผมหัวใจหายวาบ  ต่อจากนี้ผมคงต้องจากแผ่นดินนี้แม่แล้ว  แผ่นดินที่ผมอาศัยมาตลอดยี่สิบกว่าปี  เพียงเพราะคนเพียงคนเดียวเท่านั้น  ผมเดินไปตามอุโมงค์ช้า ๆ  เจ้าเครื่อง AIRBUS  A330  ลายเอเชี่ยนเกมส์สีแดงเพลิง  จอดสงบนิ่งเทียบที่เกท  ผมไม่รู้เหมือนกันว่านี่คือการตัดสินใจถูกหรือผิดกันแน่


   ผมห้ามไอ้แดนเด็ดขาดไม่ให้มาส่งที่ดอนเมือง  เพราะผมรู้ดี  ว่าผมคงไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกแน่ ๆ  ผมไม่อยากเดินจากใครด้วยน้ำตาอีกแล้ว 

   ชีวิตผมหักเหมากพอแล้ว . . .

   สำหรับมัน . . .

   . . . โกเมศวร์

   ผมคิดถึงมันจับใจ  ภาพวันเก่า ๆ  สิ่งดี ๆ   ที่มันทำเอาไว้กับผม  ผมไม่เคยลืม  ผมนั่งนึกถึงมัน  ผมยิ้มทั้งน้ำตา  นี่ผมทำอะไรเอาไว้กับมันมากมายขนาดนี้เลยหรือ  ผมทำเพื่อคน ๆ  นึงเพียงเพราะผมอยากให้เขาอยู่ใกล้ . . .

   หรือ . .

   เพราะอยากเห็นเขามีอนาคตที่ดีกันแน่ . . .

   . . . ผมยังหาคำตอบที่แท้จริงไม่ได้อยู่ดี 

   ป่านนี้ . . .  มันจะกำลังคิดถึงผมอยู่บ้างไหม?

   สุดท้าย . . .

   . . . ผมก็ยังตัดใจไม่ได้ 

   เพียงแต่ว่า  ผมไม่โหยหามันเหมือนตอนที่ผ่านมา   เวลามันทำให้ผมได้รู้จักความรักในอีกมุม  ผมรู้ว่าผมควรรักมันได้แค่ไหน 

   ผมรักมันมาก . . .

   . . . มากเกินกว่าที่ผมจะหวนกลับไปทำร้ายมันได้อีก 

   ผมสัญญา . . . 

   . . . ผมไม่มีวันกลับไปทำร้ายมันอีกแล้ว   มันจะไม่ต้องเจ็บปวดเพราะผมอีก  ผมให้สัญญา

   เครื่องค่อย ๆ  แท็กซี่ไปตามแท็กซี่เวย์ทางด้านทิศเหนือช้า ๆ    ก่อนไปสุดทางเจ้านกยักษ์  ค่อย ๆ  ตีวงขวาเข้าสู่รันเวย์ เมื่อตั้งลำตรง  เครื่องยนต์  ค่อย ๆ  เพิ่มแรงขับ  ก่อนเครื่องจะกระชากตัวพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว    ผมมองออกนอกห้องเคบิน  โบกมือน้อย ๆ  ให้กับอาคารสนามบินดอนเมือง  ก่อนที่เครื่องจะ TAKE  OFF   แล้วทะยานไปในอากาศ

   ผมยกมือไหว้แผ่นดินแม่อีกครั้ง . . .

   . . . เพื่อลา

   ต่อจากนี้ . . .

   . . . ผมคงใช้ชีวิตในที่ใหม่  แต่ไม่รู้ทำไม  ยิ่งเครื่องไต่ระดับมากแค่ไหน  หัวใจของผมกลับคิดถึงใครบางคน . . .

   ผมเอามือลูบที่หน้าผากด้านซ้าย . . .

   . . . แผลยังไม่หายสนิทเลย  กี่วันแล้วนะ  อืม  เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน  ผมไม่โกรธมันนะ  ไม่เคยโกรธมันเลย  ดีเสียอีก  ที่อย่างน้อยที่สุด  ผมมีแผลที่ระลึกยามที่ผมนึกถึงใครคนนั้น

   . . . คนที่ผมไม่เคยลืมไปจากหัวใจได้เลย . . .

ผมปล่อยใจไปตามความนุ่มของอากาศยาน  ที่บัดนี้  เริ่มไต่ระดับเรียบร้อยแล้ว  ลูกเรือต่างประจำหน้าที่ของตัวเอง  ผมมองภาพนั้น  อีกไม่นาน  ผมก็คงไม่แตกต่างอะไรจากเขาเหล่านั้น  บางที  ผมอาจจะได้ร่วมงานกับคนที่กำลังวุ่นอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้

   “Coffee or tea”  เสียงทักทายปลุกผมจากความคิด

   “Tea . .”    ผมหันไปยิ้ม  “ชาก็ได้ครับ”  ผมพูดภาษาไทย  เมื่อเห็นป้ายชื่อลูกเรือคนนั้น   “MEKCHAI   KOSIN  Mr.” 

   “คนไทยหรือครับ”    ลูกเรือหนุ่มยิ้ม  ก่อนรินชาใส่แก้ว

   “ครับผม”

   “ดีจังนาน ๆ  ได้เจอคนไทย   โดฮาหรือทรานซิสต์ครับ”

   “โดฮาครับ . . . ไปทำงาน”

   “ดีจัง  มีคนไทยเพิ่มอีกคนแล้ว  ที่โดฮาคนไทยน้อยมากครับ  บางครั้งก็เลยเหงา . . . ชาได้แล้วครับ”    เจ้าตัวโค้งคำนับก่อนเดินไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ

   เหงา . . .

   ผมเกลียดคำนี้จับหัวใจ   แต่ต้องรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งไป  เพราะหลังจากนี้  ผมจะต้องเดินไปข้างหน้า  จะไม่มีวันย้อนกลับมาทางเดิมอีกแล้ว . . .

   ท่องเอาไว้นะอาร์ม  อะไรที่ผ่านมาแล้ว  อย่าไปหวนคิดถึงมันอีก  อย่าให้มันมาเกาะกินหัวใจเราอีก  เราต้องเดินไปข้างหน้า  แม้จะช้า  แต่ทุกก้าวย่าง  เราต้องเหยียบอย่างมั่นคง

   เหยียบมันให้เต็มตีน !

   หน้าจอทีวีส่วนตัว . . . บอกตำแหน่งของเครื่อง

   หัวใจผมเย็นเยียบ . . .

   . . . หากหัวตาร้อนผ่าว . . .

   ผมใกล้หลุดจากแผ่นดินเกิดเต็มที . . . 

   ต่อจากนี้  ไม่รู้อีกนานแค่ไหนกว่าที่จะได้กลับมา  ผมตั้งใจเอาไว้  อย่างน้อยน่าจะสักสองปี  มันคงนานพอให้ผมได้ลืมอะไรที่เกิดกับชีวิตผมก็เป็นได้ . . .

   ต่อจากนี้ . . .

   . . . เดินไปคนเดียวแล้วนะอาร์ม

   ที่โน่น . . . ไม่มีอดีต

   . . . ไม่มีเพื่อน . . .

   สิ่งที่อาร์มมี . . .

   . . . หน้าที่เท่านั้นนะอาร์ม

   ผมได้แต่บอกตัวเองทั้ง ๆ  ที่หัวใจของผมมันมีแค่ความคิดถึงเมืองไทย  นึกถึงคืนวันที่ผ่านมา  ทั้งยามที่ทุกข์อย่างที่สุด  และยามที่สุขอย่างที่สุด  อย่างไรเสียที่ผมจากมาก็แผ่นดินเกิด  จะไปทางไหน  ผมก็มีรอยยิ้มได้

   หาก . . .

   ที่ผมกำลังไป . . .

   . . . มีอะไรรอผมอยู่บ้างก็ไม่รู้   

   กลัวทำไมว่ะอาร์ม  ในเมื่อที่ผ่านมา  มันเลวร้ายมากที่สุดแล้ว  เวลาที่เหลือต่อจากนี้  เป็นเวลาที่แกควรใช้มันให้คุ้มค่ามากที่สุด  บางทีเวลาเก้าปีที่ผ่านมา  มันอาจเป็นเวลาที่แกเสียไปโดยไร้ประโยชน์

   อดีต . . .

   . . . มีไว้ให้จดจำ

   หาก . . .

   . . . มิได้มีไว้เพื่อเก็บกอดมันเอาไว้ไปจนตายเสียเมื่อไหร่

   ผมยิ้ม  ยิ้มทั้ง ๆ  ที่รู้ว่า  ไม่มีวันที่ผมจะลืมสิ่งที่ผ่านมาได้หรอก  แต่ในเมื่ออยู่ใกล้กันมันเจ็บ  การอยู่เมืองไทย  อาจจะทำให้ผมเจอกับมันบ่อยขึ้น และมันเท่ากับว่า  แผลที่ผมมีมันไม่หายสักที  การที่เดินมาไกลขนาดนี้  บางทีอาจทำให้แผลที่มีหายขาดก็เป็นได้  ไม่มีใครรู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร 

   เราควรมีสติ . . .

   . . . ในการเดินทุกย่างก้าว




   ผมอยู่บนเครื่องมากี่ชั่วโมงแล้วผมไม่รู้  ผมรู้แค่ว่า มารู้สึกตัวเมื่อเสียงเพอร์เชอร์ประกาศเครื่องใกล้แลนด์ดิ้ง  ผมมองลอดออกไปนอกหน้าต่าง  ทุกอย่างเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา  มีแต่ทรายเป็นระลอกคล้ายทะเล   ที่เห็นไกล ๆ  เมืองขนาดใหญ่  ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทราย  และอีกฝั่งของเมืองติดทะเล . . .

   . . . ทะเลอาระเบียน . . .


   ผมตรวจเอกสารขอเข้าเมือง ตั้งแต่ที่เจ้าหน้าที่เอามาให้กรอกตั้งแต่ตอนเครื่องเข้าสู่เขตพม่า  เอกสารทุกอย่างครบถูกต้อง  ผมสูดลมหายใจเข้าปอด  ต่อจากนี้  ผมจะได้เริ่มชีวิตใหม่    นครรัฐอิสระกลางทะเลทราย

   . . . กาตาร์ . . .


   เวลาที่นั่นช้ากว่าประเทศไทยราวห้าชั่วโมง   กว่าผมจะหลุดรอดออกมาจากตรวจคนเข้าเมืองก็แทบแย่  ดีที่มีเจ้าหน้าที่ของสายการบินมารอรับ  และพาไปส่งยังคอร์ทที่พัก

   “ตอนนี้คอร์ทที่ว่างอยู่ เป็นลูกเรือคนไทย  คุณต้องอยู่ร่วมก่อนชั่วคราวนะค่ะ”  เสียงเจ้าหน้าที่คนเดิมที่ผมภายหลังว่าเป็นคนอินโดนีเซียแจ้งให้ผมทราบ  เพราะตามเอกสารที่ผมระบุมา  ไม่อยากอยู่ร่วมกับคนไทย

   ไม่รู้สิ . . . ตอนนี้ผมอยากหนี

   ไปให้ไกลทุก ๆ  อย่างที่เกี่ยวกับเมืองไทย . . .

   “ไม่เป็นไรครับ”  ผมตอบบอกไป  หากสีหน้าผมเซ็งสุดตีน  อากาศเดือนนี้ร้อน  และรู้สึกว่าร้อนมากกว่าเมืองไทยเสียอีก  หากแต่กลางคืนอากาศจะหนาวเหน็บกว่ากลางวัน  อากาศทะเลทรายมักจะเหมือนกัน  กลางวันร้อนจัดกลางคืนหนาวจัด

   “อ้าวมาพอดี  รูมเมทของคุณอาร์ม”    สายตาที่เจ้าหน้าที่มองไปที่ล้อบบี้  ทำให้ผมต้องหันไปมองตาม

   ลูกเรือกลุ่มนั้นหลากหลายเชื้อชาติ . . .

   “คุณโกสินทร์ค่ะ” เจ้าหน้าที่คนเดิมเดินไปที่ลูกเรือกลุ่มนั้น  หล่อนตรงไปยังชายคนที่ผมคุ้นหน้า

   “ครับผม”

   “นี่รูมเมทคนใหม่นะค่ะ  เพิ่งมาจากเมืองไทย”

   “อ้าว . . “  ทั้งผมและรูมเมททักพร้อมกัน

   “เจอกันบนเครื่องแล้วครับพี่   โอเคครับพี่  ไว้ผมดูแลให้เองนะครับ”  โกสินทร์ ยิ้มให้กับเจ้าหล่อนที่ไปรอรับผม

   “งั้นฝากน้องโกสินทร์เลยแล้วกัน  พี่เข้าออฟฟิศก่อนนะค่ะ . . . เจอกันพรุ่งนี้ที่ออฟฟิศนะค่ะ”  เจ้าหล่อนหันมายิ้มกับผม

   “ขอบคุณครับ”

   “ไม่บอกผมตั้งแต่ทีแรกว่าทำงานที่นี่”  โกสินทร์ยิ้ม  รอยยิ้มนั้นดูอบอุ่น  อาจเพราะผมไม่คิดว่าจะเจอคนไทยก็ได้  พอได้มาเจอคนไทยที่ไกลบ้านด้วยกัน  เลยรู้สึกดีตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเจอ

   ต่อจากหนี้ . . .

   ผมต้องหาหน้ากากมาสวมเอาไว้  หน้ากากแห่งความสุข  ที่ฉาบเคลือบสิ่งที่เก็บในหัวใจไว้ทั้งหมด

   “ผมชื่อโกสินทร์  เกิดตอนปีฉลองกรุงเทพ ฯ ๒๐๐ ปี  เรียกสั้น ๆ  ว่าอาร์มดีกว่า”

   “อาร์ม”  ผมยิ้มกว้างนะ   โลกกลมดีจริง ๆ   หากแต่ . . . สิ่งที่ผมมองมันแล้วยิ้ม  มันเกิดปีเดียวกับโกเมศวร์เลย  แถมชื่อมันยังคล้ายกันอีก   

   “ครับยิ้มทำไมครับ  คุณชื่ออะไรนะครับ”

   “อาร์ม”

   “ขี้เล่นนะเนี่ย” 

   “ชื่ออาร์มครับ  จะสั้นจะยาวก็อาร์ม  มีชื่อเดียวครับ”

   “อ้าว  ชื่อเหมือนกันอีก  ขึ้นไปบนห้องดีกว่าครับ  แม่บ้านน่าจะทำความสะอาดไว้ให้แล้ว”

   ผมเดินตามอาร์มไปอย่างว่าง่าย . . .

   เอาว่ะ  ดีเสียอีก  อย่างน้อยก็คุยกันรู้เรื่องกว่าไอ้พวกที่ใช้ภาษาที่สองล่ะว้า  ก็แปลกดี  มาต่างเมืองวันแรก เจอรูมเมทชื่อเดียวกัน  ผมเดินตามอาร์มไปจนถึงห้อง  ท่องเอาไว้นะ  อย่าให้ใครรู้สิ่งที่อยู่ในหัวใจเราเด็ดขาด

   “งั้นพี่แก่กว่าเพราะพี่เกิดก่อนปีฉลองกรุงหลายปี”   ผมบอกไป 

   “อ่ะ  พี่ก็อาร์มแก่  ผมอาร์มอ่อนดิ . . . นี่ครับห้องพี่อาร์ม”  มันหัวเราะเบา ๆ    ก่อนเปิดห้องให้ผม

   “โห  ใครเขาพูดเรื่องอายุกันน้องอาร์ม  ขอบคุณนะครับ”

   “ไม่เป็นไรครับพี่  พักผ่อนตามสบายก่อนนะครับ  เย็น ๆ  ผมจะไป  Souk Waqif  จะไปกันกับผมมั้ย”

   “อะไรเหรอ  Souk Waqif”  ผมเลิกคิ้วสูง 

   “อ๋อ  ลืมไป  ตลาดวาชิฟ  เป็นตลาดพื้นเมืองที่เก่าที่สุดของกาตาร์  คล้าย ๆ  จตุจักรบ้านเรานะครับ  แต่ที่นี่จะแบบเวิ้งนาครนะพี่  เป็นตลาดเก่าที่พ่อค้าเบดูอินสร้างไว้นานแล้ว”

   เบดูอิน . . . ชาวพื้นเมืองดั้งเดิม

   “อืม  ถ้าไม่เหนื่อยมากเกินไปนะครับ  ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเอาของมาครบมั้ย  พี่ขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ”   ผมยิ้มให้อาร์ม

   “อ้อ แล้วมีไวเลสทั้งตึกนะพี่  รถบริษัทจะมารับก่อนเจ็ดโมงเช้า  สำหรับลูกเรือที่ต้องเข้าฝึกหัด  แต่พอพี่บิน  เขาจะมารับตามสเก็ตดวลนะครับ”

   “ขอบคุณนะครับ  น้องอาร์มอ่อน”   ผมยิ้ม  ก่อนที่จะปิดประตู

   ผมยืนพิงประตูอย่างเหนื่อยอ่อน . . .

   มองไปรอบ ๆ  ห้อง  ที่ตรงนี้ โลกของผม  โลกส่วนตัวที่จะไม่มีใครก้าวข้ามมาได้  แต่นอกประตูนี้  เป็นโลกที่ผมมีหน้าที่   มนุษย์เราเกิดมาพร้อมหน้าที่  ผมเองก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

   ที่นี่เพิ่งจะเที่ยง 

   หากแต่ . . .  เมืองไทยคงจะเย็นแล้วล่ะ  ป่านนี้ไอ้โกทำอะไรอยู่หว่า  มันยังอยู่ที่ปายหรือกลับมาถึงกรุงเทพฯ  แล้วนะ 

   เห็นมั้ย . . .  ท้ายที่สุดแล้วผมก็ยังไม่ลืม  ไม่เคยลืมมันสักที

   สิ่งที่อยากลืม . . .

   . . . กลับจำ

   ผมรีบเรียกสติตัวเองกลับมา . . .

   ต้องเริ่มจัดห้องก่อน  ข้างของหลายอย่างผมรื้อมันออกมาจากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่  ก่อนที่จะจัดเรียงลงตู้  ที่นี่ดี  มีของให้ครบทั้ง ตู้ เตียง  ทีวี  เครื่องเสียง  ไม่แตกต่างไปจากโรงแรมเลย

   ผมคงมีความสุขกับการใช้ชีวิตที่นี่ . . .

   . . . ชีวิตที่ผมเลิกมันเอง

   โลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา . . . แล้วใจคนล่ะ

   ผมเคยถาม . . .

   แต่ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน  บางครั้งสิ่งที่เราทำมันกลับย้อนมาสร้างความรวดร้าวให้กับเรามากเหลือคณานับ  แต่นั่นแหละ  คนเราต้องยอมรับในสิ่งที่มันเกิดขึ้น  การเฝ้าโทษตัวเองหรือโทษผู้อื่นมันไม่ได้ให้อะไรมันดีขึ้นมาหรอก

   ผมเลยยิ้ม . . . พยายามที่จะยิ้ม  เพื่อการยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร



   วันนั้นกว่าจะกลับเข้ามาก็ดึกมาแล้ว  โกสินทร์พาผมไปที่ตลาดวาชิฟ  กลางคืนไม่ร้อน  แต่ทำไมผมถึงไม่ชินก็ไม่รู้  ขากลับ มันพาผมไป  คอร์นิช (Corniche)  เป็นทางเลียบแม่น้ำที่เชื่อมทะเลของอ่าวอาระเบียน   ที่นี่สวยมาก  มีพันธุ์ไม้ทะเลทรายประเภทปาล์มเต็มสองข้างถนนไปหมด

   “ขอบใจนะสินทร์  วันแรกได้ตะลุยโดฮาเลย”   ผมเรียกขานชื่อเล่น  ไม่ให้เหมือนกับชื่อผม

   “ไม่เป็นไรพี่อาร์ม  เรื่องเล็ก  ฝันดีนะพี่”

   “เหมือนกัน  ฝันดีนะ”   ผมปิดประตูห้องรวม  เข้าสู่ห้องส่วนตัวของผม  ก่อนทิ้งตัวนอน 

   เมืองนอก . . . มันไม่เหมือนกรุงเทพฯ  ที่เคยอยู่เลยแฮะ 

   แม้จะมีเพื่อนคนแรกเป็นคนไทย . . . แต่ทำไมหัวใจมันระส่ำแบบนี้ก็ไม่รู้  จะว่าคิดถึงเมืองไทยก็ไม่ใช่  เพราะผมคิดถึงไอ้คนที่อยู่ที่เมืองไทยมากกว่า

   ผมหลับไป  เพราะยังไม่ชินกับสภาพเวลาที่แตกต่างกันร่วมห้าชั่วโมง . . . .

   วันที่สองในโดฮา . . .

   หลังจากที่ผมไปรายงานตัวที่สำนักงานใหญ่   มีการปฐมนิเทศการทำงานกันราวครึ่งวัน  กว่าจะกลับมาถึงที่พักก็บ่ายจัดเข้าไปแล้ว  มันร้อนเหลือเกิน  ผมกลับเข้ามาในห้อง  โกสินทร์มันนั่งอยู่ที่ห้องรวมส่วนกลาง . . .

   “กลับมาแล้วเหรอพี่อาร์ม . . . มาดูหนังกันมั้ย  ผมซื้อมาจากเมืองไทยเยอะเลย”  มันชวนผม  ให้มาดูหนังเป็นเพื่อนมัน

   ก็ . . . ทำอย่างไรได้   ในเมื่อเราต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน  แม้  ห้องนอนจะคนละห้อง  แต่  ห้องนั่งเล่น  ห้องกินข้าว  ห้องครัวมันเป็นห้องรวม  แล้วน้องมันก็อยู่มาก่อน  ถือว่าเป็นรุ่นพี่ของการทำงาน  ไอ้จะไม่เสวนาด้วยก็ประหลาดอยู่

   สิ่งที่ผมกลัว . . . 

   . . . มันคงเป็นการอยู่ร่วมกับคนไทยนี่เอง

   ทำไมนะหรือครับ  เพราะสังคมวัฒนธรรมของเรา  สอนและหล่อหลอมให้เราช่วยเหลือกัน  มีอะไรแบ่งปันกัน  เรามีสังคมที่ต้องปฎิสัมพันธ์ต่อกัน  และผมเองก็รู้  ผมมาที่นี่เพราะผมอยากหนีตรงจุดแบบนั้น . . .

   ผมเลยเลือกที่จะไม่อยากอยู่กับคนไทยตั้งแต่ที่เขาให้ผมกรอกรายละเอียด 

   เหตุผลก็อย่างที่ผมบอกมาข้างต้น . . .

   “ขออาบน้ำก่อนได้มั้ยร้อนมากเลย”

   “โอเคพี่  รีบหน่อยนะพี่  ผมเพิ่งเปิดดูไม่ถึงสิบนาทีเลย”   มันบอกแต่ผมแสลงหัวใจพิลึก

   . . . หน่อย . . .   

   ไม่อยากได้ยินเลยให้ตายดิเอ้า  นี่ถ้าได้รูมเมทต่างชาติ  ผมคงไม่ต้องมาคอยเสวนากันแบบนี้ก็เป็นได้  แต่เหมือนจะโดนสวรรค์แกล้งเสียยังไงก็ไม่รู้

   ผมเข้าสู่โลกส่วนตัวของผม  โลกเล็ก ๆ ในเมืองที่ผมมีคนรู้จักแค่คนเดียวในตอนนี้  มันเหวง ๆ  หัวใจอย่างไรไม่รู้  พาลคิดถึงเมืองไทย  ผมเลยต้องรีบอาบน้ำ  ออกไปนั่งดูหนังกับไอ้สินทร์คงจะดีกว่านอนในห้องที่บรรยากาศชวนเสียน้ำตาเช่นนี้

   ถ้าผมรู้ล่วงหน้า . . . .

   ผมจะไม่มีวันก้าวเท้าออกไปดูหนังเลยให้ตายดิ๊ . . . .

   “สินทร์ไม่มีบินหรือวันนี้”    ผมถาม  เมื่อโผล่หน้าไปจากห้อง

   “หยุดสองวันพี่  ของสดในตู้เย็นมีนะพี่  อยากกินอะไรทำกินเลย แต่ซื้อมาใส่ด้วยนะ  โอเคป่ะ”

   “ได้ . . . ดูเรื่องไรอยู่”

   “เพื่อนสนิท  ซันนี่น่ารัก  เรื่องนี้ผมดูที่เมืองไทยแล้ว  แต่พอมีดีวีดี  เลยซื้อมาอีก  ชอบที่สุดเลยไข่ย้อยน่ารัก  โดยเฉพาะตอนตัดผมสกินเฮดนะพี่  หล่อมากเลย”    ผมมองหน้ามัน 

   อิบหายแร่ะ . . . 

   เพศเดียวกับกูอีกหรือนี่  จะดีเหรอ  มีคนเพศเดียวกันอยู่ร่วมกันแบบนี้ 

   มันนะ . . . ไม่น่ากลัวหรอก

   แต่ . . . ผมกลัวหัวใจตัวเอง   เกิดหลงรักมันทำไงหว่า  ยิ่งมีคนบอกอยู่  การที่เราจะลืมรักเก่าได้  เราต้องมีรักใหม่ 

   ผมไม่ใช่คนรักใครง่าย ๆ  หรอกน่า . . .

   แค่นอกกายนิดนึง . . .

   . . . แต่ไม่เคยนอกใจ 

   เอาใหญ่แร่ะกู  ตั้งแต่เกิดเรื่องกับมัน  มีหลุด ๆ  เรื่อย  ไม่มีไรหรอกคราบ  แค่อยากจะปรับตัวเองให้ดูเป็นคนธรรมดาที่สุด  ไม่ใช่เป็นคนที่แบกโลกทั้งโลกเอาไว้เหมือนที่ผ่านมา

   ในขณะที่ผมบอกตัวเองว่า . . .

   . . . ต้องเริ่มต้นใหม่ . . .

   หากแต่  หัวใจผมกลับยังยึดติดกับสิ่ง เก่า ๆ 

   ผมต้องหลุดจากโลกเก่า ๆ  เสียที  ผมได้แต่บอกตัวเอง  แล้วผมก็ตัด  สิ่งที่คิดว่าจะทำให้ผมคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา  ผมไม่ติดต่อใครที่เมืองไทยเลย  ตลอดในการฝึกสามเดือน  มันเป็นช่วงที่ผมเรียกว่าทรมาน . . .

   . . .  ผมไม่ได้ตัดแค่มัน . . .

   แต่ . . .

   หมายถึง . . .  ทุกคนที่เมืองไทย

   . . . ตอนนี้ผมเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก 

   เพราะตลอดสามเดือนในโดฮา  ที่นี่สอนอะไรผมหลายอย่าง  อะไรก็ตามที่เราวิ่งหนี  มันจะยิ่งเจ็บปวด  เวลาที่ผมฝึก  ใจผมอยู่กับงาน  หากเวลาที่กลับมาห้อง  ถ้าโกสินทร์ไม่มีบินก็ดีหน่อย  มีเพื่อนเล่น  เพื่อนคุย  แต่ถ้าวันไหนที่มันมีบิน  ผมก็ต้องอยู่ห้องคนเดียว   ไอ้ที่ต้องอยู่คนเดียวนี่แหละ . .

   มันเจ็บปวด . . .

   . . . รู้จักมั้ยครับ . . .

   ความเหงา

   จะค่อย ๆ  คลืบคลานเข้ามาหาเราช้า ๆ  ในเวลาที่เราคิดถึงใครมาก ๆ  มันลอยมาเหมือนลมหนาว  ที่เข้าโอบคลุมร่างกาย  หากความเหงามันเข้ามาเกาะกุมหัวใจ  จนบางครั้งต้องแอบปาดน้ำตา

   แต่ . . .

   . . . ความเหงา  มันทำให้ผมรู้ว่า . . .

   ผมยังมีลมหายใจอยู่ ผมยังมีชีวิตอยู่

   . . . ไอ้ความเหงามันทำผมหลับทั้งน้ำตาด้วยความคิดถึง . . .

   “สวัสดีครับ” 

   ผมกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น  เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสาย  ที่ผมโทรไปหามัน  ไม่ต้องบอกก็รู้  ผมดีใจขนาดไหน

   “ไอ้โอ๋” 

   “ไอ้สัสสสสส  อาร์ม  หายไปเหมือนตายจากนะมึง  สบายดีมั้ย  แล้วมึงอยู่ที่ไหน  มีรูทบินเข้าไทยเมื่อไหร่”  มันใส่มาเป็นชุด ๆ 

   “ตอบไม่ทันว่ะ . . .”  ผมบอกมัน    วันนี้หัวใจผมพองโตที่สุดในรอบสามเดือนที่ผ่านมา

   “เป็นไงบ้าง  มึงสบายดีมั้ย”

   “อือ”

   “ไอ้โกมาหากูเมื่อวันก่อน . . .”

   “แค่นี้นะ”  ผมตัดสายมันทิ้ง

   ผมไม่อยากรู้เรื่องของมัน  ผมไม่อยากรู้อะไรเกี่ยวกับมันอีก  ที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ผมก็คิดถึงมันจะแย่อยู่แล้ว  ผมคิดถึงทั้ง ๆ  ที่ผมเองก็รู้  ที่ผ่านมา  ความรักที่ผมมีให้มันมีแต่ความเจ็บปวดที่ผมได้รับ  แต่ทำไม  ทำไมผมไม่หายคิดถึงมันสักทีก็ไม่รู้

   พรุ่งนี้ผมมีบินไฟล์ทแรกของชีวิต. . .

   ผมโทรหาเพื่อนที่ผมรักมากที่สุด  ผมอยากบอกมันว่าพรุ่งนี้  ผมจะได้บินแล้ว  ผมมีอะไรมากมายที่อยากจะคุยกับมัน  หากแต่มันกลับพูดถึงอีกคน  ผมพยายามหลีกที่จะได้ยินชื่อนั้น  แต่ดูเหมือนว่า  ชื่อนั้นจะตามมาหลอนผมอยู่ตลอดเวลา

   “เป็นเหี้ยอะไรมึงตัดสายทิ้ง”    มันด่าผม  หลังจากที่ผมโทรไปหามันอีกครั้งในชั่วโมงถัดมา

   “นอนยังมึง”

   “ใกล้แล้วล่ะ    ไอ้อาร์ม”

   “อะไร”

   “ถ้ามึงอยู่ไม่ได้ กลับมาอยู่เมืองไทยก็ได้นะมึง  เดี๋ยวเงินค่าปรับกูช่วยมึงเอง  ไม่ต้องห่วง”   ผมยิ้มกับตัวเอง . .

   เออ . . . มึงจะแดกยังไม่คอยพอเลย  หาให้ผีแดงให้พอแต่ละซีซั่นก่อนก็ได้   หรือไม่ก็  ไม่ต้องมาพึ่งเงินเด็กหงส์แบบกู  ไปจ่ายให้โต๊ะ  กูก็พอใจแร่ะ  แต่ผมดีใจนะ มันห่วงผม  สิ่งที่มันบอก  ผมดีใจชะมัด

   “ได้สิ  ทำไมจะไม่ได้ล่ะ  ตอนนี้ก็ปรับตัวได้แล้วนะ  พรุ่งนี้ได้บินวันแรก  ไปเอเธนส์  แต่เสียดายไปกลับ  ถ้าได้ค้างก็คงดี”

   “เมื่อไหร่มีบินเข้าไทย”

   “ไม่รู้ว่ะ  เดือนแรกยังไม่มีมั้ง”

   จะมีได้อย่างไร  ผมยอมให้เพื่อนแลกไปเรียบร้อยแล้ว  อย่างที่บอก  ผมตั้งใจแล้วไม่กลับเมืองไทยเด็ดขาด  อย่างน้อยที่สุดสักสองปี  แต่ผมก็ไม่บอกมันหรอก  จะบอกมันได้อย่างไร

   มันจะได้ตามมาลากคอผมถึงโดฮาสิ . . .

   “ยังร้องไห้อีกป่าว”

   “เหี้ยนี่  ยิ่งเหวง ๆ  อยู่”

   “เป็นไรอีก”

   “คิดถึงหลวงพ่อ  คิดถึงมึง  วันก่อนไปเดินเล่นที่ห้าง Villaggio  ใกล้ ๆ  กับ Khalifa International Stadium    อ้อ  เป็นสนามกีฬาหลักเอเชี่ยนเกมส์โดฮาปลายปีนี้แหละ  เห็นร้านขายของผีแดงเลยคิดถึงมึงจับใจเลย  อย่าแทงมากนะมึง”   

   “ไอ้บ้า  เลิกแล้ว  ตั้งแต่สึกมาเลิกหมดแล้ว”

   “ดีมาก ไอ้เลว”

   “ชมกูซะงั้น”

   “ด่า”

   “อ้าว  ที่นั่นมึงมีอาหารไทยกินมั้ย  อยากได้อะไรมั้ย  กูส่งไปให้”   

   “มีเยอะเยอะ  ลูกเรือที่เป็นเพื่อนคนไทย  เวลาเขากลับเขาก็หิ้วมา  อยากได้อะไรพิเศษก็ฝากซื้อกันไป  ไม่ต้องห่วงกูหรอก  มาม่าต้มยำกุ้งกูตุนไว้เพียบ”   

   “เออ  หายห่วงหน่อย  มึงโทรหาไอ้แดนมั้งมั้ย”

   “ไม่อ่ะ  ไม่อยากโทรหาใครเลย  กลัวคิดถึงเมืองไทย  อีกอย่าง  ค่าโทรศัพท์แพงมาก”

   “งั้นไม่ต้องคุยก็ได้”

   “คุยได้  เงินในการ์ดเหลืออีกหน่อย”

   “เสาร์นี้กูจะแวะไปหาหลวงพ่อนะ”

   “อืม  ขอบใจนะมึง  กูเป็นลูกที่เลวจริง ๆ  ไม่ค่อยได้ดูแลท่านเลย ลำบากมึงอีก”

   “เอาน่ากูไม่ลำบาก . . . อาร์ม”

   “อะไร”

   “เรื่อง . . .”  มันอ้ำอึ้ง  ผมรู้โดยที่มันไม่ต้องเอ่ยอีกแล้ว  อย่างน้อยมันกับผม  รู้จักกันมากว่าครึ่งชีวิต  ทำไมผมจะไม่รู้  สิ่งที่มันกำลังจะพูด

   “อย่าพูดเลยเพื่อน  เดี๋ยวกูวางหูอีกนะ  ขอร้อง  ขอเวลากูหน่อย  ให้กูได้ทำใจสักพัก  ตอนนี้กูยังไม่พร้อมว่ะ”

   “เออ  ตามใจ  แค่นี้แล้วกัน  เปลืองมึงอีก”

   มันตัดสายทิ้งไปแล้ว   ผมรู้สึกหัวใจชุ่มชื่นเหมือนต้นไม้ที่ได้ฝนแรก  หลังที่ต้องทนกับฤดูแล้งอันยาวนาน  ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมผมไม่อยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับโกเมศวร์  ทั้ง ๆ  ที่หัวใจผมยังรักมัน  และคิดถึงมันทุกครั้งยามอยู่คนเดียว

   อาจเพราะ . . .

   ผมกลัว . . .

   . . .ข่าวคราวของมันจะทำให้หัวใจผมเจ็บปวดอีก
   
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 31-05-2008 11:17:59
ว้อยยยยยยยย

ยิ่งอ่านยิ่งเครียด

เรื่องมันจะพัลวันเพราะอีตาคนชื่อโกอะป่าวเนี้บะ

โกเมศ โกสินทร์ ส่วนโกฮับพันแน่ เพราะขายก๊วยเตี๋ยว

เอิ๊กๆๆ

 :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 31-05-2008 11:31:14
อ่านตอนแล้วนี้แล้วห่อเหี่ยวใจยังไงบอกไม่ถูก :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 31-05-2008 12:00:31
  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ผมเกลียดความเหงามาก ครับ เพราะมัน เหี้ย จริง ๆ

ขอโทษครับที่ใช้คำไม่สุภาพ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ครับ

แต่วันหนึ่งผมก็พบว่า ความเหงาก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดอีกเช่นกันครับ

 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 31-05-2008 12:04:17


สารภาพตรง ๆ  นะ . . .

ผมไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ . .  . เพราะไม่มีสต๊อคไว้เลยอ่ะครับ

พูดจริง ๆ  นะครับ




ที่ว่าไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

นั่นเป็นเพราะ  เส้นทางสายชีวิตไม่เคยหยุดเดินไงคะ

เพราะนี่คือชีวิตของพี่อาร์ม   ไม่มีใครรู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่

เพราะพี่อาร์มเล่าให้ฟัง  และตอนนี้มันก็อาจจะยังไม่จบการคาราคาซัง

ถึงได้เล่ากันว่า 

เรื่องเล่าแห่งชีวิต.... คือนิรันดริ์  ^-^






งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา . . . จบกลับ


ผมเลือกที่จะจบเรื่องที่ผมเล่า ตั้งแต่วันที่ผมหมดเวลาคัมโฮม . . . ของครึ่งปีนี้ครับ


ลองนับดูสิสครับ  ว่าผมจบตั้งแต่เมื่อวันใหน . . . ผมีเวลาคัมโฮมสองสัปดหานะครับ  แล้ววันแรกที่ผมมา  ก็วันที่แก้มได้เดอะสตาร์  ตอนนี้สำหรับผม  มันจบอย่างที่ผมเองก็สบายใจมากที่สุดแล้วครับ

การรอคอย . . .ทรมานเสมอ

หาก . . . ความสุขอยู่ที่เราได้รู้ว่า  คนที่เรารอ  เขารอเราอยู่เช่นกัน

 :o :o :o






18หรือ19-4-51  กลับไทย
02-5-51  กลับกาต้า
20-5-51  ไปหาหลวงพ่อ (เดาเอา)
23-5-51  เจอโกเมศวร์
24-5-51  กลับมานอนร้องไห้ แล้วนั่งพิิมพ์เรื่อง 5 ตอนรวด
26-5-51  พี่โอมมาหาที่ห้อง
05-5-51  เริิ่มโพรสท์ครั่งแรก

ปันจุบัน โกเมศวร์ โชติิช่วงชรินทร์  อายุ 27 ปี 18+7+2=27
          พี่อาร์ม  อายุ 31 ปี 22+7+2=31

          พี่โอ๋ เอกรัฐ  แก้วกาญจน์ (น่าจะใช่นะ)

          พ่อโกชื่อ โกมล ไม่ใช่โกเมศวร์ อย่างที่พี่บอก (จากตอนที่ชัยเรียกว่าลุงมล)
         
          (แก้มเป็นเดอะสตาร์ วันที่ 27-4-51 ครับ พี่จำวันที่กลับมาผิดครับถ้าพี่ได้ดูแก้มคงเป็นวันที่19-4-51  )


ที่กล่าวมาทั้งหมดมิได้เป็นการจับผิิดแต่อย่างใด
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 31-05-2008 12:12:57


สารภาพตรง ๆ  นะ . . .

ผมไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ . .  . เพราะไม่มีสต๊อคไว้เลยอ่ะครับ

พูดจริง ๆ  นะครับ




ที่ว่าไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

นั่นเป็นเพราะ  เส้นทางสายชีวิตไม่เคยหยุดเดินไงคะ

เพราะนี่คือชีวิตของพี่อาร์ม   ไม่มีใครรู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่

เพราะพี่อาร์มเล่าให้ฟัง  และตอนนี้มันก็อาจจะยังไม่จบการคาราคาซัง

ถึงได้เล่ากันว่า 

เรื่องเล่าแห่งชีวิต.... คือนิรันดริ์  ^-^






งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา . . . จบกลับ


ผมเลือกที่จะจบเรื่องที่ผมเล่า ตั้งแต่วันที่ผมหมดเวลาคัมโฮม . . . ของครึ่งปีนี้ครับ


ลองนับดูสิสครับ  ว่าผมจบตั้งแต่เมื่อวันใหน . . . ผมีเวลาคัมโฮมสองสัปดหานะครับ  แล้ววันแรกที่ผมมา  ก็วันที่แก้มได้เดอะสตาร์  ตอนนี้สำหรับผม  มันจบอย่างที่ผมเองก็สบายใจมากที่สุดแล้วครับ

การรอคอย . . .ทรมานเสมอ

หาก . . . ความสุขอยู่ที่เราได้รู้ว่า  คนที่เรารอ  เขารอเราอยู่เช่นกัน

 :o :o :o






18หรือ19-4-51  กลับไทย
02-5-51  กลับกาต้า
20-5-51  ไปหาหลวงพ่อ (เดาเอา)
23-5-51  เจอโกเมศวร์
24-5-51  กลับมานอนร้องไห้ แล้วนั่งพิิมพ์เรื่อง 5 ตอนรวด
26-5-51  พี่โอมมาหาที่ห้อง
05-5-51  เริิ่มโพรสท์ครั่งแรก

ปันจุบัน โกเมศวร์ โชติิช่วงชรินทร์  อายุ 27 ปี 18+7+2=27
          พี่อาร์ม  อายุ 31 ปี 22+7+2=31

          พี่โอ๋ เอกรัฐ  แก้วกาญจน์ (น่าจะใช่นะ)

          พ่อโกชื่อ โกมล ไม่ใช่โกเมศวร์ อย่างที่พี่บอก (จากตอนที่ชัยเรียกว่าลุงมล)
         
          (แก้มเป็นเดอะสตาร์ วันที่ 27-4-51 ครับ พี่จำวันที่กลับมาผิดครับถ้าพี่ได้ดูแก้มคงเป็นวันที่19-4-51  )


ที่กล่าวมาทั้งหมดมิได้เป็นการจับผิิดแต่อย่างใด







สำหรับคนนี้ . . .

ผมจะส่งตอนจบให้คนแรกเลยครับ . . . ผมได้ดูตอนหลังสงกรานต์  แต่ผมจำไม่ได้  ว่าใช่วันสุดท้ายหรือเปล่า  เพราะผมวุ่น ๆ  ไม่ค่อยได้สนใจรายการทีวีเท่าไหร่  กลัวติดนะครับ

ขอบตุณนะครับที่นับวันให้ผม . . . ผมจะได้รู้ว่ามันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 31-05-2008 12:32:08
มัวแต่ไปหาข้อมูล มาไม่ทันเลย :serius2:


ทำไมชื่ิอตัวละครตัวใหม่ เอ่อ,,,,,,,,,,,,ไม่อยากจะโยงเข้ามาหากันเลย :m23: :m23: :m23:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 31-05-2008 13:22:49
เหงาตายเลยพี่อาร์ม :o12: ทนได้ยังงัย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 31-05-2008 14:07:23


สารภาพตรง ๆ  นะ . . .

ผมไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ . .  . เพราะไม่มีสต๊อคไว้เลยอ่ะครับ

พูดจริง ๆ  นะครับ




ที่ว่าไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

นั่นเป็นเพราะ  เส้นทางสายชีวิตไม่เคยหยุดเดินไงคะ

เพราะนี่คือชีวิตของพี่อาร์ม   ไม่มีใครรู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่

เพราะพี่อาร์มเล่าให้ฟัง  และตอนนี้มันก็อาจจะยังไม่จบการคาราคาซัง

ถึงได้เล่ากันว่า 

เรื่องเล่าแห่งชีวิต.... คือนิรันดริ์  ^-^






งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา . . . จบกลับ


ผมเลือกที่จะจบเรื่องที่ผมเล่า ตั้งแต่วันที่ผมหมดเวลาคัมโฮม . . . ของครึ่งปีนี้ครับ


ลองนับดูสิสครับ  ว่าผมจบตั้งแต่เมื่อวันใหน . . . ผมีเวลาคัมโฮมสองสัปดหานะครับ  แล้ววันแรกที่ผมมา  ก็วันที่แก้มได้เดอะสตาร์  ตอนนี้สำหรับผม  มันจบอย่างที่ผมเองก็สบายใจมากที่สุดแล้วครับ

การรอคอย . . .ทรมานเสมอ

หาก . . . ความสุขอยู่ที่เราได้รู้ว่า  คนที่เรารอ  เขารอเราอยู่เช่นกัน

 :o :o :o






18หรือ19-4-51  กลับไทย
02-5-51  กลับกาต้า
20-5-51  ไปหาหลวงพ่อ (เดาเอา)
23-5-51  เจอโกเมศวร์
24-5-51  กลับมานอนร้องไห้ แล้วนั่งพิิมพ์เรื่อง 5 ตอนรวด
26-5-51  พี่โอมมาหาที่ห้อง
05-5-51  เริิ่มโพรสท์ครั่งแรก

ปันจุบัน โกเมศวร์ โชติิช่วงชรินทร์  อายุ 27 ปี 18+7+2=27
          พี่อาร์ม  อายุ 31 ปี 22+7+2=31

          พี่โอ๋ เอกรัฐ  แก้วกาญจน์ (น่าจะใช่นะ)

          พ่อโกชื่อ โกมล ไม่ใช่โกเมศวร์ อย่างที่พี่บอก (จากตอนที่ชัยเรียกว่าลุงมล)
         
          (แก้มเป็นเดอะสตาร์ วันที่ 27-4-51 ครับ พี่จำวันที่กลับมาผิดครับถ้าพี่ได้ดูแก้มคงเป็นวันที่19-4-51  )


ที่กล่าวมาทั้งหมดมิได้เป็นการจับผิิดแต่อย่างใด


แฟนพันธุ์แท้เรื่องนี้ตัวจริง

+1 ให้คร้าบบบบบ

ยังเศร้าได้อีกนะเนี้ยะ

 :serius2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 31-05-2008 15:00:59
เจ๋งจริง ๆ    คุณ uno

+1 เลยค่า 



มาเดินเล่น เผื่อจะชนะกะเขามั่ง คิก คิก  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 31-05-2008 15:25:58
 o13   มีแฟนพันธุ์แท้แบบ uno  ต้อง +1 ให้จินะ  คิคิ


ส่วนซิน อยากอ่าน"ฝากรักไว้ที่โดฮา" ได้มะพี่ ฮ่าๆ   :m20:


 :m32:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 31-05-2008 15:32:15
รู้จักมั้ยครับ . . . ความเหงา

   จะค่อย ๆ  คลืบคลานเข้ามาหาเราช้า ๆ  ในเวลาที่เราคิดถึงใครมาก ๆ  มันลอยมาเหมือนลมหนาว  ที่เข้าโอบคลุมร่างกาย  หากความเหงามันเข้ามาเกาะกุมหัวใจ  จนบางครั้งต้องแอบปาดน้ำตา

   แต่ . . .

   . . . ความเหงา  มันทำให้ผมรู้ว่า . . .

   ผมยังมีลมหายใจอยู่ ผมยังมีชีวิตอยู่

             . . . ที่สำคัญ   ความเหงาทำให้รู้ว่า . . .ผมเป็นคน  ยังมีหัวใจ




ชอบประโยคนี้จังเลยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ว่าคุณ Uno เก่งจริงๆๆๆๆ เราก็ประติประต่อไม่ได้ขนาดนี้เลย ยังมึนๆๆอยู่เลย  ได้คุณ uno ช่วยบอกหายมึนไปเยอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 31-05-2008 15:34:06
 :m31:อิจฉาอ่ะคุณuno ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้อันดับหนึ่ง
อิจฉาว๊อย!!!!!!!!!! :angry2:





สงสัยเอาเองนะว่าพี่อาร์มกับโกจะลงเอยกันด้วยดีแล้ว
หากการรอคอยสิ้นสุดลง การพบเจอจึงเริ่มต้น
 :a3: :a3:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 31-05-2008 17:38:33
โหหหหหหหห

สุดยอดค่ะ!

ได้รู้ยุพี่โกกับพี่อาร์มแล้ว~  555+

พี่อาร์มดูแลตัวเองดีๆนะค๊า

อากาศร้อน เดี๋ยวไม่สบาย ^-^
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 31-05-2008 18:05:16
พี่ยังไม่บอกผมเลยว่าข้อมูลผมถูกป่าวครับ
ถามอีกนิด

ประโยคที่ว่า"ปัจจุบันพี่ไม่ได้ทำร้ายใครแล้ว " มันหมายความว่างัยครับ  หรือว่าสมหวังทุกฝ่าย :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 31-05-2008 18:23:10
อ่านทันแระ บอกตรงๆ ไม่ร้องเลย  :laugh: :laugh: ไม่ใช่แต่งไม่ดีนะ แต่เพราะคิดว่าคนเราทำอะไรย่อมได้รับสิ่งนั้นตอบแทนเสมอ อาร์มเองแม้เจ็บปวด แต่ก็เกิดจากการกระทำของตัวเอง สุขหรือทุกข์เลือกได้ด้วยตนเอง

 :a1: :a1: :a1: :a1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 31-05-2008 18:37:46
เรื่องราวตอนนี้เหงานะ แต่มันไม่ค่อยเจ็บปวดเหมือนตอนก่อนๆแล้ว เพราะมันออกมาจากสภาพเดิมๆแล้วรึเปล่านะ ถึงทำให้ความรู้สึกเราผ่อนคลายลง :เฮ้อ: แล้วอาร์มจะหวั่นไหวกะโกคนใหม่(โกสินทร์)มั๊ยอ่า?? แห่ะๆๆ :m23:

ปล.โหๆๆๆ เจ๋งอ่า นับถือจริงคุน uno  o13 & แอบอิจฉานิดๆที่ได้เปนแฟนพันธ์แท้คนแรก  :m23:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 31-05-2008 18:42:55
ง่า.....แล้ววันนี้พี่อาร์มจะลงอีกตอนมั๊ยอ่า...อยากอ่านต่อ
เนื้อเรื่องยังไม่มาถึงเวลาปัจจุบันเลย
ตอนแรกคิดว่าพี่จะเล่าสลับกันระหว่างอดีตกับปัจจุบัน
แต่ตามอ่านไปเรื่อยๆดันลืมไปเลย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 31-05-2008 18:46:25
โอ๋ก็....อาร์มอุส่าหนีมาตั้งไกล...ยังอุส่าเอาข่าวมาเป่าหูถึงที่.... :laugh:

เหงาแต่ได้เที่ยวน้า...^^....

แต่ว่าถ้าอาร์มเซ้นซิทิฟกับคำว่า"หน่อย" นี่..เราว่าเปลี่ยนรูมเมทดีกว่าคะ....(เพราะคำนี้จะตามมาอีกเพียบ.. :serius2:.)

(แต่คนอ่านฮามากมาย..555+)
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 31-05-2008 18:52:44
 o13 o13 o13 o13 o13 o13

เยี่ยมมากเลยครับ คุณ UNO ถ้าผมเป็นคุณอาร์ม

ผมก็จะยกให้เป็นแฟนพันธุ์แท้เหมือนกัน เก็บทุกรายละเอียดเลยครับ

บอกได้อย่างไม่อาย ครับ นายยอดมาก

แต่ว่าคุณอาร์มจะมาต่อกี่โมง อ่ะครับ จะได้มารอถูก ฮิฮิ

ช่วงนี้งานยุ่งมากครับ (ทำงานแล้วครับ ไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้ว)

แต่ติดเรื่องนี้มากต้องเข้ามาดูบ่อย ๆ ครับ

 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o1
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 31-05-2008 19:04:56
ขอบคุณนะครับที่ให้ผมเป็นแฟนพันธู์แท้คนแรก :m13:
ขอบคุณครับ
แต่อย่าลืมตอบคำถามผมนะ :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Donpopper ที่ 31-05-2008 19:17:18
เศร้ามากมาย


ทำไมอ่ะ



อ่านแล้วร้องไห้เกือบทั้งวันเลยอ่ะ



สู้ๆนะครับพี่อาร์ม
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 31-05-2008 21:14:44
ข้อมูลที่ผมนำมาเสนอ ต้องขอบคุณพี่ต้นสายนะครับ
ที่จุดประกายไอเดียร์ให้ผม
ว่าแต่พี่อาร์มเมื่อไรจะมาตอบคำถามของผม :oni2: :oni2: :oni1:





รอนะครับ :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 31-05-2008 21:37:02
 o13  o13  o13 ยกนิ้วให้คุณ Uno

แต่ยิ่งอ่านยิ่งเครียดเนอะ คุณอาร์ม
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 31-05-2008 22:05:12
วุ๊ย!แวะเข้ามากด+1
ให้กับคุณ uno อ่ะ
แถมจิ้มด้วยหนึ่งที ชิส์ อิจฉาย่ะ :serius2: :serius2:
 :a4: :a4:
จิ้มพี่อาร์มด้วยอีกคนไม่ยอมมาต่ออ่ะ
รอจนดึกแล้วเนี่ย!!!! o2
 :a12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 31-05-2008 23:56:54
พี่ยังไม่บอกผมเลยว่าข้อมูลผมถูกป่าวครับ
ถามอีกนิด

ประโยคที่ว่า"ปัจจุบันพี่ไม่ได้ทำร้ายใครแล้ว " มันหมายความว่างัยครับ  หรือว่าสมหวังทุกฝ่าย :oni1: :oni1:




ถูกครับ . . . แต่ไม่ทุกข้อ


อิอิอิอิ


ไว้อ่านไปคือคำเฉลยทั้งหมดอ่ะ . . .ในตอนจบแก้ทุกปมทุกคำถาม 

น่าจะไม่เกิน  ๕  ตอนจะจบแร่ะครับ

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 01-06-2008 00:02:40


วันนี้เหนื่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก . . .

พรุ่งนี้จะมาโพสต์นะครับ . . . สัญญา

ปล .  งั้นเอามาฉายตัวอย่างสักนิ้ดดดดดดดดดดดดด



พี่อาร์มใหญ่ . . .

   ผมเพิ่งบินกลับมาจากเมืองไทย . . . แต่ต้องบินต่อไปลอนดอนอีกแล้วพี่  เหนื่อยชะมัดเลย    ไม่ได้เจอพี่มาเกือบสิบวันแล้วนี่หว่า . . .

   เหงาอะดิ๊ . . . บอกแล้ว  คนที่มาทำงานแบบเราได้  ต้องอึด

   ผมได้หนังมาหลายเรื่องเลยพี่ . . .  พี่แกะดูก่อนได้เลยนะ  ไม่ต้องเกรงใจ  เพราะผมจะกลับไปเก็บเงิน เรื่องที่พี่แกะ  อิอิอิ

                                                        อาร์มเล็ก . . . แต่หัวใจใหญ่
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 01-06-2008 00:12:30
^
^
^
สบายใจแระ
แล้วเจอกันพรุ่งนี้
 :a12:
 
ปล.ขอโทษพี่อาร์มนะที่รบเร้าเรื่องนิยายแต่ก็เพราะรักดอกหนาอิอิ :m23:
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ :bye2:
 :a12:

ปล.2พรุ่งนี้จะไม่รีให้นะ เพราะวันนี้รีเยอะมากเด๋วจะไม่เป็นธรรมกับคนอื่นๆ :m23:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: TAMAKUNG ที่ 01-06-2008 01:25:57
 :o12: :o12: :o12: :o12:

ตามอ่านทันแล้ว     6-17  เลย   จาตี 2 อีกแล้ว   


พรุ่งนี้ก็ต้องตาแดงไปทำงานอีแระ


งานผมเป็นงานด้าน  บริการลูกค้าน่ะครับ



ไม่ได้หยุด เสาร์-อาทิตย์ เหมือนคอื่นๆๆๆๆๆๆๆ



ไอยากให้จบแบบเศร้าเลย   

เพราะผมร้องให้มาทั้งเรื่องแล้ว   



ตอนจบขอแบบยิ้มได้เถอะนะ


ผมไม่อยากร้องให้  และเอาไป ฝันอีกน่ะ


 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 01-06-2008 02:30:05
รออ่านต่อเลยครับ หวังว่าความเศร้าจะหายไปในตอนจบสมหวังทุกฝ่าย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 01-06-2008 02:48:51
ง่า เอาตัวอย่างมายั่วกันนี่  :loveu: รีบๆมาต่อเลยน้า
อาร์มเล็กก้อดูท่าจะน่ารักนะ :m1: ลุ้นๆๆๆ  :-[
เปนกำลังใจให้เช่นเคยค่ะ :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 01-06-2008 06:04:13
 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:

มายั่วให้อยาก แล้วจากไปอ่ะ

แต่ก็ดียังบอกว่าจะกลับมา ฮิฮิ

แต่ว่า ตอนนี้ ๖ โมงเช้าแล้ว ยังไม่มาต่อ

จะมากี่โมงเหรอ

รอ รอ และ รอ อยู่ครับ


 :a12: :a12: :a12: :a12: :a12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 01-06-2008 06:07:17


วันนี้เหนื่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก . . .

พรุ่งนี้จะมาโพสต์นะครับ . . . สัญญา

ปล .  งั้นเอามาฉายตัวอย่างสักนิ้ดดดดดดดดดดดดด



พี่อาร์มใหญ่ . . .

   ผมเพิ่งบินกลับมาจากเมืองไทย . . . แต่ต้องบินต่อไปลอนดอนอีกแล้วพี่  เหนื่อยชะมัดเลย    ไม่ได้เจอพี่มาเกือบสิบวันแล้วนี่หว่า . . .

   เหงาอะดิ๊ . . . บอกแล้ว  คนที่มาทำงานแบบเราได้  ต้องอึด

   ผมได้หนังมาหลายเรื่องเลยพี่ . . .  พี่แกะดูก่อนได้เลยนะ  ไม่ต้องเกรงใจ  เพราะผมจะกลับไปเก็บเงิน เรื่องที่พี่แกะ  อิอิอิ

                                                        อาร์มเล็ก . . . แต่หัวใจใหญ่


โอ๊ยยยย  พี่อาร์มเล็กไม่ค่อยเลยค่ะ  555+ :m20:

งกเข้าสายเลือดเหมือนกันนะเนี่ยพี่   555555555+ :m20: :m12: :m4: :m20:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 01-06-2008 06:55:18


ตอนที่  ๓๕




   ผมเริ่มทำตัวให้กลมกลืนและชาชินกับความเหงา . . . 

   สิ่งเดียวที่ผมทำได้  คือการเปิดคอม  ดูรูปที่ผมเคยมี และที่สำคัญ  มีมันอยู่ด้วย  ผมไม่เคยลบมันออกไปได้  แม้ว่าจะพยายามมากแล้ว  แต่มันไม่เคยหายออกไปจากใจผมเลย


   ถามว่า . . .

   ผมรักมันขนาดไหน ?

   . . . มันคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมี . . .

   แล้ว . . .

   ผมอยากกลับไปใช้ชีวิตร่วมกับมันอีกมั้ย ?

   อันนี้ผมคงเงียบ . . . 

   และนิ่งงันอยู่นาน  เพราะผมไม่รู้  ว่าผมยังอยากจะกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นอีกมั้ย  ผมมีความสุขมั้ยตอนนั้น  ผมมีนะ  มีมากด้วย  แล้วผมก็มีความทุกข์มากด้วยเช่นเดียวกัน . . .

   หาก . . .

   . . . ตอนนี้  ผมรักมันไม่น้อยไปกว่าตอนนั้น

   แต่ . . .

   . . . ผมมีความสุข  ที่ผมได้รู้ว่า  ในหัวใจของผม  มีแต่มันคนเดียวเท่านั้น    แม้บางครั้ง  ผมจะเหงา  คิดถึงมันอยากกอดมัน  แต่ผมก็มีหมอนไว้กอด  ผมมีรูปมันไว้ดูยามที่ผมคิดถึง 

   ผมมีความทรงจำ . . .

   ความทรงจำที่เป็นของผม  แม้แต่มันก็ไม่มีความทรงจำแบบที่ผมมี  เพราะความทรงจำของผมมันหล่อหลอมรวมเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับวิญญาณของผม  ความทรงจำในส่วนของผมจะอยู่กับผมไปตาบเท่าที่ผมยังมีลมหายใจ

   ความเหงา . . .

   มีบ้าง  แต่ผมไม่ทรมานหัวใจเหมือนตอนที่ผมอยู่ใกล้ ๆ  มัน  แล้วหัวใจมันมีอีกคน  ผมเคยอ่านเจอ . . . จากที่ไหนสักแห่ง

   ใกล้ตัว . . . หากไกลหัวใจ

   เหมือนเมื่อตอนนั้นกระมัง  ตอนที่มันนอนอยู่กับผม  หากแต่หัวใจของมันโหยหาคนอื่น  มันไม่เคยมีผมเลยในหัวใจของมันกระมัง  ผมเป็นได้แค่อะไรที่คุ้นเคยสำหรับมัน  ที่มันคิดว่า  อย่างไรเสีย  มันก็ไม่มีวันเสียผมไป  แต่บังเอิญผมเป็นมนุษย์  มีเลือดเนื้อ  มีชีวิต  ผมเจ็บปวดเป็น  เสียใจเป็น

   ผมเป็นคน . . .

   . . . มีความรู้สึกเหมือนที่คนอื่น ๆ  รู้สึก . .  .

   แต่ตอนนี้ . . .

   . . . เวลานี้  เวลาที่ผมกับมันห่างไกลกันครึ่งขอบฟ้า  ผมกลับรู้สึกว่า  ความรักที่ผมมี  ทำให้หัวใจผมมีความสุข  ผมมีความสุขที่ได้รักมัน  ได้รักคนอย่างมัน  อาจเพราะว่า  ผมรู้ดีถึงการไม่มีใครบนโลกนี้ . . .

   มันเป็นเพียงคนไม่กี่คนที่เข้ามาในชีวิตผม . . .

   ตอนนี้ผมรู้จัก . . .

   ไกลตัว . . . ใกล้ใจ

   

   พี่อาร์มใหญ่ . . .

   ผมเพิ่งบินกลับมาจากเมืองไทย . . . แต่ต้องบินต่อไปลอนดอนอีกแล้วพี่  เหนื่อยชะมัดเลย    ไม่ได้เจอพี่มาเกือบสิบวันแล้วนี่หว่า . . .

   เหงาอะดิ๊ . . . บอกแล้ว  คนที่มาทำงานแบบเราได้  ต้องอึด

   ผมได้หนังมาหลายเรื่องเลยพี่ . . .  พี่แกะดูก่อนได้เลยนะ  ไม่ต้องเกรงใจ  เพราะผมจะกลับไปเก็บเงิน เรื่องที่พี่แกะ  อิอิอิ

                                                                                                        อาร์มเล็ก . . . แต่หัวใจใหญ่




   ผมยิ้มกับโน้ตที่โกสินทร์แปะเอาไว้หน้าห้อง  ถึงจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน  แต่หน้าที่การงาน  ทำให้มีโอกาสเจอกันน้อยมากในแต่ละเดือน  ก็ตอนนี้ผมบินเองมา  ๕  เดือนแล้ว  แถมตอนคัมโฮม  ผมไม่ใช้สิทธิ์หยุดเสียด้วย  ไอ้อาร์มเล็ก โวยวายใหญ่  บอกเป็นมันหน่อยไม่ได้  จะกลับเมืองไทยให้หายคิดถึง

   ผมล่ะ . . .

   . . . คิดถึงเมืองไทยมั้ย

   ไม่รู้ว่ะ . . .

   ผมได้แต่ตอบตัวเองในใจเบา ๆ



   
   ผมเดินไปดูบนโต๊ะ  มีหนังวางอยู่หลายเรื่อง  ผมหยิบมาดู  หากมีเรื่องนึงมันสะดุดตาผม . . .

   ภาพหน้าปก . . .

   . . . ฟิล์ม กับ พอลล่า


   . . .  และ  พี่อื๊ด ลาล่า  ลู่ลู่ . . .   โปงลางสะออนที่ผมชอบ  ผมว่าน่าจะสนุกแน่ ๆ  แค่เห็นหน้าอิ้ดผมก็ขำแล้ว

   . . .  ภาพความทรงจำ  ไม่สำคัญเท่าความทรงจำจากหัวใจ . .

     รักจัง . . . ตัวหนังสือสีส้มตรงกลางหน้าปก

   ผมพลิกไปดูด้านหลัง . . .

   พอลล่ายืนก้มมองหน้าฟิล์มที่แต่งชุดชาวเขา  สงสัยหนังเรื่องนี้ถ่ายที่เมืองเหนือแน่ ๆ     ผมอ่านรายละเอียดที่เหมือนเรื่องย่อเล็ก  ๆ 

   . . . ความผูกพันทางใจของคนสองคน ที่อยู่ตรงกันข้ามกันมา  ก่อตัวขึ้น  ท่ามกลางลมหนาวและสายหมอกบนยอดดอย . . .

   เขาจำเธอไม่ได้ . . . แต่เธอลืมเขาไม่ได้


   ผมไม่รีรออีกแล้ว  คิดถึงเมืองไทยจะแย่อยู่แล้วแปดเดือน  มันทรมานมากสำหรับคนที่อยู่กับความเหงา . . .

   ผมรีบเปิดหนังดูทันที

   หนังตัวอย่าง . . . เพลงสุดท้าย  ผมสะท้อนหัวใจตัวเองลึก ๆ  ผู้ชายต่อให้เราดีกับเขาขนาดไหน  ท้ายที่สุดแล้ว  เขาก็ต้องกลับไปยังโลกใบเดิมของเขา  เราอย่าหวังจะได้เปลี่ยนสิ่งที่เขาเป็นเลย

   เพศอย่างที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ . .  .

   . . . มีที่ว่างบนโลกให้เรามองหน้าคนอื่นอย่างเต็มตาอย่างนั้นหรือ . . .

   หากพอเริ่มหนังจริง ๆ

   . . .  เสียงโทรศัพท์ในหนัง  ฟิล์มหยิบเอาโทรศัพท์ที่ทับอยู่บนกระดาษ . . .

   กระดาษแผ่นนั้นเขียนว่า . . . แม่น้ำปาย

   แค่เห็นเท่านั้น  ผมเหมือนมีอะไรที่มันวิ่งมาจากหน้าท้องก่อนมาตีบอยู่ตรงคอ  ผมมองมองภาพที่เคลื่อน ๆ  ไปในโทรทัศน์  อย่างช้า ๆ  หากหัวใจผม  มันอ่อนระโหยโรยแรงกับภาพในหนัง    ผมนั่งดูด้วยสายตาที่พร่ามัว  ภาพภูเขาที่มันคุ้นเคย   

   อ.ปาย . . .  ป้ายหลักกิโลเมตรที่พระเอกขับผ่าน  น้ำตาผมไหล   ผมคิดถึงวันคืนเก่า ๆ  ที่ผ่านมา . . .

   ผมคิดถึงมันเหลือเกินแล้ว

   จนกระทั่ง . . .

   . . .  ภาพที่พระเอกเดินมาที่ร้านมิตรไทย

   ผมปล่อยเสียงร้องออกมาอย่างไม่อาย  ทุกที่ในหนัง  ผมเคยเดินผ่าน  ผมเคยเดินกับมันมานานมากแล้ว  แต่วันนี้  ผมไม่มีมัน  ไม่มีอีกแล้ว  ยิ่งตอนที่พระเอกขับรถออกมา  ถนนสายนั้น  สายเดียวกับที่ผมเคยขับมา  ผมเหมือนมีอะไรมาจุกที่ลำคอ  มันทนไม่ไหวอีก แล้วความเหงาที่มันก่อกุมหัวใจผมอยู่  มาตอนนี้มันระเบิดออกมาแล้ว 

   ผมหยุดตัวเองไม่ได้ . . .

   ผมรู้แล้ว  ผมไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย  ผมมันแค่คนอ่อนแอคนนึงเท่านั้น  ผมหนีมาไกลถึงที่นี่  แล้วทำไม  ภาพวันคืนเก่า ๆ  มันไม่หายไปจากหัวใจของผมสักที

   . . . รักจัง . . .

   ผมจะทนดูมันจนจบแผ่นหรือ . . .

   หนังตลก . . .เพราะได้แก๊งค์โปงลาง

   แต่ . . .

   ทำไมตลอดทั้งเรื่องที่ผมดู  ผมมีแต่หยาดน้ำตากับความโหยหา . . .

   สิ่งที่มันหายไปจากชีวิตของผม  มันหายไป   หรือเพราะผมทำลายมันไปก็ไม่รู้  ถ้า . .  .ผมไม่มีความจำหลงเหลือแบบอาหลงในเรื่อง ?

   ผมจะยังเจ็บปวดกับหนังที่ผมดูอยู่ตอนนี้มั้ย . .

   ศาลารอรถ . . .

   พอลล่ายืนอยู่มีบุรุษไปรษณีย์  ผมยิ้ม  ยิ้มทั้ง ๆ  ที่หัวใจมันโหยหา  ผมจำได้  ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  ผมเคยนั่งที่นั่น  ผมนั่งรอรถอยู่ตรงนั้น  แล้วมีอีกคน  อีกคนที่มันนั่งรอผม  รอจนมีรถเมล์แดงคันเล็กวิ่งมาจากแม่ฮ่องสอน 

   ผมไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว . . . .

   . . . ผมคิดถึงที่นั่น . . .

   หรือ

   ผมคิดถึงมันกันแน่   ถ้าที่นั่นมันคือชีวิตผม  แล้วตอนนี้ผมมาทำอะไรอยู่ที่นี่   ผมมาเพื่ออะไร  ทั้ง ๆ  ที่หัวใจผม  มันอยู่ที่เมืองไทยตลอดเวลา ผมไม่ได้อยากมาอยู่โดฮาเลยใช่ไหม ?

   น้ำตกนั่น . . .

   ผมก็เคยไป  น้ำตกเล็กๆ  ที่อินทนนท์  แต่คนส่วนมากคิดว่าเป็นที่ปาย  ผมเคยไป  และที่สำคัญที่สุด  ผมไปกับโกเมศวร์

   . . .  ผมยังเคยเล่นน้ำกับมันอยู่เลย  ทุก ๆ  ภาพที่มีในหนังผมเคยผ่านมาแล้วแทบทั้งนั้น  ผมคิดถึง  คิดถึงวันเวลาเหล่านั้น  จนแทบไม่ไหวแล้ว  ผมได้แต่ร้องไห้   กับหนังที่โกสินทร์มันเอามาฝาก . . .

   ผมนั่งดูมันจนจบ . . .หากจบด้วยน้ำตาที่ไหลริน

   ผมนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว . . .

   บนโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้  จะมีสักที่นึงมั้ย  ที่จะให้หัวใจผมหยุดพัก  จะมีสักที่ไหม  ที่ทำให้หัวใจผมไม่เจ็บปวดอย่างที่เคยผ่านมา . .

   ไม่มี . . . ไม่มีมันเลย

   ผมนับนิ้วดู . . แปดเดือน

   ผมมาอยู่ที่นี่แปดเดือนแล้ว  และมันเป็นแปดเดือนที่ผมไม่ได้ร้องไห้  แปดเดือนมาแล้วที่ผมพยายามที่จะลืม  แต่มันไม่เคยเลย  ไม่เคยที่ผมจะลืมมันได้สักครั้ง . . .

   ผมไม่เคยชอบฟิล์ม . . .

   . . . แต่วันนี้ผมรักมันจัง

   ในหนัง . . . มันไม่รู้หัวใจตัวเอง

   ส่วนผม . . .

   . . . พยายามที่จะลืมหัวใจตัวเอง . . .

   ตอนจบของหนัง  . . . คือความสุข  มีเพลงด้วย  ผมอยากรู้เหมือนกัน  ชีวิตของผม  มันจะจบแบบมีความสุขเหมือนในหนังมั้ย 

   คืนนั้น . . .

   . . . ผมดูหนังเรื่องนั้นอีกสามรอบ

   ไม่มีสักรอบ  ที่ผมไม่ร้องไห้เพราะคิดถึง . . . หัวใจผมเอง
   



   ๔ ธันวาคม  ๒๕๔๙

    . . . สองมือของผู้หญิง  สร้างโลก . . .   ผมจารจำวันนี้ไปจนวันตาย . . .  เป็นวันหยุดของผม  และดูเหมือนว่าจะตรงกับอาร์มเล็กเหมือนกัน

   “พี่อาร์ม เย็นนี้ไปดูกีฬากัน”

   “ไม่อยากออกอ่ะ  ไม่อยากไปเลย”


   “น่าพี่  หายคิดถึงเมืองไทยนะ  คนไทยเยอะเลย  ไปนะพี่  ผมจองบัตรไว้แล้วอ่ะ  นะพี่อาร์มนะ”  มันชูบัตรในมือ

   “อือ  ไปก็ได้”

   ผมรับปาก  ทั้ง ๆ  ที่ผมไม่อยากไปเลย  ช่วงนี้มหกรรมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์กำลังมัน  ผมไม่อยากออกไปไหนเลย  ไม่อยากเจอคนไทย  ไม่อยากคิดถึงเมืองไทยอีกแล้ว  แค่นี้ผมก็จะแย่อยู่แล้ว

   “ไอ้โอ๋  ทำไรอยู่”

   “ทำงานดิมึง  ไม่โทรมาหลายวัน  หายไปเลยนะมึง”

   “ก็ยุ่ง ๆ  ช่วงนี้มีกีฬาเอเชี่ยนเกมส์  ไฟลท์พิเศษมันเยอะ  งานเลยเยอะตามเหนื่อย”

   “จบแล้วนะ”

   “อะไร”

   “มันเรียนจบแล้ว  ช้าไปเทอมนึง”

   ผมยิ้ม  ผมดีใจอย่างบอกไม่ถูก  อย่างน้อยที่สุดผมก็ทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคน ๆ  นึง  ผมหมดห่วงไปแล้ว  สิ่งที่ผมทำได้  คงยืนตรงนี้  ดีใจกับมันด้วย

   “ไอ้อาร์ม . . .ไอ้อาร์ม”

   “เออ  ฟังอยู่”

   “ดีใจสิมึง”

   “อือ”

   “แต่รับปีนี้ไม่ทัน  คงปีหน้า”

   “บอกกูทำไม”

   “อ้าว  ก็เผื่ออยากจะมา”

   “ไม่ไปหรอก”

   “ไหนบอกหกเดือนคัมโฮม  นี่ก็จะเก้าเดือนแล้วนะมึง  กลับมามั่งสิว่ะ   กูคิดถึงจะแย่อยู่แล้ว” 

   “เออน่า  เดี๋ยวก็กลับ”

   “เดี๋ยวตลอดนะมึง  ใจคอ  ไม่อยากกลับบ้านเลยเหรอ”

   “เอาน่า  ถึงเวลาก็กลับ  แค่นี้ก่อนนะโว้ย  กูต้องไปข้างนอกแล้ว”  ผมบอกลามัน  เมื่ออาร์มเล็กมันมาเร่งให้ผมรีบไป

   ผมออกมาพร้อมโกสินทร์  กับเพื่อน ๆ  อีกหลายคน  วันนี้คนไทยในโดฮากว่าร้อยไปรวมตัวกันที่นั่น   สถานที่รวมผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ  ต่างสีผิว  ต่างภาษาที่มารวมตัวกันอยู่

   ผมรู้แค่ . . . ตอนนี้หัวใจผมมันพองโต

   ผมแหงนหน้ามองธงทิวชาติต่าง ๆ  ที่ปลิวไสวบนยอดเสา   ผมยิ้มเมื่อเห็นธงสามสี . . . ธงไตรรงค์

   “พี่อาร์ม  ไปเขียนลายธงชาติบนแก้มกัน”

   “เอาดิ”

   ผมรู้สึกฮึกเหิม  เพราะบรรยากาศรอบ ๆ  สนามแข่งขันยกน้ำหนัก  ตอนนี้ครึกครื้น  มีนักแสดงตลกหลายคนที่แต่งชุดทหารไทยโบราณ  สร้างสีสันให้ครึกครื้น  เป็นที่ชื่นชอบของคนต่างชาติ . . .

   ผมคิดถึงเมืองไทยจัง . . .

   แค่เข้าไปในสนามแข่งขัน  ผมยิ้มทั้งน้ำตา  มีคนหลาย ๆ  คนที่ผมรู้จัก  เป็นคนไทยที่ทำงานที่โดฮา  ผมอดที่จะด่าตัวเองไม่ได้  ถ้าวันนั้นผมไม่ออกมา  ผมจะไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต

   ใคร . . . ที่อยู่เมืองไทยไม่มีวันรู้หรอก

   เวลาที่เราเจอคนไทย  ในแผ่นดินที่ไม่ใช่แผ่นดินเกิดของเรา  มันจะรู้สึกดีขนาดไหน  แล้วยิ่งเห็นธงไตรรงค์  ที่กองเชียร์นำเข้ามาในสนามแข่งขันอีก  ผมไม่อยากบอกเลย  ว่าตอนนั้นผมคิดถึงบ้าน  คิดถึงจับหัวใจ

   ภาพ . . . พระบรมฉายาลักษณ์

   ผมแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่  ยกมือไหว้ . . .

   คิดถึงหลวงพ่อจับหัวใจ  และ คิดถึงเมืองไทยอันแสนร่มเย็นภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระองค์  นี่ผมมาทำอะไรที่นี่  ผมมาทำเพื่อตัวเองแบบนั้นหรือ 

   เสียงพิธีกรสนามประกาศ . . . การแข่งขันกีฬายกน้ำหนักรุ่น  ๖๓  กิโลกรัมหญิงกำลังจะเริ่มขึ้น  บรรยากาศในสนามยิ่งคึกคัก . . .

   “พี่อาร์ม  ตื่นเต้นจัง”  โกสินทร์มันกำมือสองมือ  เข่าไปมากลางอากาศ

   “ใจเต้นสุด ๆ  เลย  ไม่อยากดูเลย”

   “น่าพี่  วันนี้ช่วยกัน”

   “อืม  ช่วยกันเพื่อพ่อ”

   . . . พรุ่งนี้  . . .   ๕  ธันวาคม ๒๕๔๙   วันพ่อของพวกเราทุกคน 

   วันนี้ . .  .

   . . . ผู้หญิงไทยคนนึง 

   ผู้หญิงที่มีน้ำหนัก  ๖๓  กิโลกรัม  จะสร้างประวัติศาสตร์  เธอคนนั้นแบกเอาความหวังของคนไทยทั้งประเทศ  ทุกสายตาจ้องมองไปที่สนามแข่งขัน  กองเชียร์ของชาติต่าง ๆ  ส่งเสียงเชียร์นักกีฬาของชาติตัวเอง  ผมไม่รู้ว่าคนที่ไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้จะนึกภาพออกมั้ย

   ผมหัวใจเต้นระรัว . . .

   ตื่นเต้น . . . ทุกสายตาจับจ้องไปที่เวทีการแข่งขัน  เมื่อเธอคนนั้นออกมายืนหน้าเวที  ก่อนพนมมือไหว้  ประกาศความเป็นคนไทย  ผมมองภาพนั้นแทบหัวใจจะหยุดเต้น   ตรงป้ายหน้าอกของเธอ . . . ธงไตรรงค์ผืนเล็ก ๆ

   เธอยืนสงบนิ่ง  เหมือน ๆ  กับหัวใจคนไทยทุกดวงในสนามที่นิ่งเงียบ  ทุกสายตาส่งกำลังใจไปหาเธอ     ก่อนที่เธอจะก้าวมา  กำคานเหล็กเอาไว้ ก่อนที่จะยกมันขึ้นไป    ผมได้แต่เกร็ง  ราวกับว่าไปยกคานน้ำหนักนั้นเอาไว้เอง 

   เธอยกท่าสแน็ทช์  ผ่านที่น้ำหนัก  ๑๑๐  กิโลกรัม . . .

   แต่ . . .ยังน้อยกว่า  โอ หยาง เสี่ยว ฟาง  จากประเทศจีน  ที่สามารถทำน้ำหนักในท่านี้ได้ถึง  ๑๑๕  กิโลกรัม . . .

   หัวใจผมในตอนนั้นมันเริ่มแป้ว . . .

   ก็ . . . เวลาผมเชียร์ใครเมื่อไหร่  มันไม่ถึงดวงดาวสักที

   “อาร์ม  ไม่ไหวแล้วว่ะ”  ผมหันไปทางไอ้โกสินทร์

   “นั่นดิพี่อาร์ม  ผมจะแย่อยู่แล้ว  ตามหลังจีนตั้ง  ๕  กิโลกรัม   จะไหวมั้ยนี่”  มันเองก็สีหน้าไม่สู้ดีนัก

   ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากคนไทยทุกคนในสนาม . . .

   และ . . . คนไทยอีกนับล้านที่เฝ้าหน้าจอทีวี  ที่ถ่ายทอดสัญญาณสด ๆ  จากโดฮา  วันที่ผู้หญิงไทยตัวเล็ก ๆ  แบกเอาความหวังของคนไทยทั้งประเทศ  สิ่งที่เธอแบก  ไม่ใช่แค่น้ำหนักที่เธอยก  แต่มันหมายถึง  น้ำหนักของความหวังที่คนไทยทุกคนเทลงไปที่เธอ . . .

   ความกดดันที่เธอแบกอยู่ . . .

   . . . มากมายเหลือคณานับ . . .

   เสียงเพลงเชียร์เป็นภาษาไทยได้รับการปลุกเร้าตลอดเวลา  จากกองเชียร์ที่บินไปจากเมืองไทย  ผมร้องตาม  และเหมือนกับคนไทยทุก ๆ  คนที่ร้องตาม  ฝ่ายกองเชียร์จีนก็ไม่น้อยหน้า  ฮึกเหิมกว่าพวกเราเสียอีก  เพราะเขาอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบเราอยู่    ผมได้แต่รอเวลาที่จะยกท่าถัดไปด้วยหัวใจระทึก

   แรงกดดันมหาศาล . . . ที่อยู่รอบ ๆ  ตัวผมในตอนนั้น

   เสี่ยว ฟางเรียกน้ำหนักในท่าคลีนแอนด์เจิร์ค  ที่นำหนัก . . . ๑๓๒  กิโลกรัม  แล้วนักกีฬาจากจีนก็ยกผ่านอย่างสบาย

   “เย้ . . .”  เสียงคนไทยเหมือนโล่งเมื่อเธอยกผ่านในน้ำหนักเดียวกันกับนักกีฬาจากประเทศจีน 

   หาก . . .   ถ้าเรายังทำน้ำหนักแบบเท่ากันกับจีน

   เหรียญทอง . . .

   . . . ไม่ใช่ของเรา . . .

   ผมเชื่อ . . .

   ในเวลานั้นคนไทยทุกคน  อยากช่วยเธอยก  แต่มันเหมือนทุ่มความกดดันไปที่เธอ  ผมไม่อยากดูเลย  ผมกลัว . . .  ผมกลัวผิดหวัง

   นักแสดงตลกที่ผมเคยดูในทีวี  ตะโกนร้องเพลงเชียร์  ปลุกใจคนไทยทุกคนในสนามแข่งขันให้รวมตัวกัน  ช่วยกัน  ส่งทุก ๆ  กำลังใจให้กับเธอ . . .

   ในการเรียกน้ำหนักครั้งที่สอง . .

    ๑๓๗   กิโลกรัม . . . 

   เสียงเฮจากคนไทยดั่งลั่นสนาม  เมื่อ  เสี่ยว ฟาง  จากประเทศจีน  ยกไม่ผ่าน  และได้รับบาดเจ็บ  จนต้องขอถอนตัวจากการแข่งขัน  ในเวลานั้น  หัวใจผมเหมือนโล่ง  แบบที่เคยมีคำเปรียบเปรย . . . ยกภูเขาออกจากอก

ต่อจากนี้ . . . อยู่ที่เธอ

   . . .  THAILAND  THAILAND  THAILAND . . .

   เสียงเรียกขานดังลั่นสนามแข่งขันไปหมด  ผมเองก็ไม่แตกต่างไปจากคนไทยเหล่านั้น ร้องเรียกเหมือนที่คนอื่น ๆ  ที่เขาร้องเรียก  ส่งเสียงลั่นไปหมดทั้งสนาม  จนกระทั่งเมื่อเธอคนนั้นปรากฏบนเวทีอีกครั้ง . . .   เสียงเรียกขานเงียบ  ราวกับนัดกันไว้

   ทุกสายตาในสนามจับจ้องไปที่เธอ . . . เธอยกครั้งนี้เพื่อ

   . . . เหรียญทอง . .

   สิ่งที่คนไทยทุกคน . . . เอาใจช่วยเธอ

   เมื่อเธอยกมาคลีนพักเอาไว้ที่อก  ผมเหมือนกับตัวเองหนักอึ้งไปด้วย  ก่อนที่เธอจะเจิร์ก  ขึ้นเหนือศรีษะ    เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณจากกรรมการ  เธอปล่อยคานลูกเหล็กลงกระทบพื้น

   “เหรียญทอง  เหรียญทอง”    ผมตะโกนลั่น  กอดเอาไว้กับไอ้อาร์ม

   ในนาทีนั้น  . .  .

   . .  . ผมดีใจจนน้ำตาไหล    มันเป็นน้ำตาของความสุข  น้ำตาที่ผมไม่เคยไหลแบบนั้นมานานเท่าไหร่แล้ว  ที่ผ่านมา  น้ำตาของผมมีแต่ความเจ็บปวด  แต่ในวินาทีนี้  น้ำตาที่ไหลมา คือน้ำตาที่ผมดีใจอย่างสุดชีวิตแล้ว

   ผมไม่เคยรู้สึกดีใจขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่มาอยู่โดฮา . . .   

   แต่ตอนนี้ . . .   

   . . .  ผมกระโดดดีใจ  ร่วมกับคนไทยอีกนับร้อยในสนามแข่งขัน  เธอทำได้ เธอทำให้ผมยิ้มได้ทั้งน้ำตา  เธอทำให้คนไทยในที่นั้นมีความสุขอย่างที่สุดแล้ว . . .

   สถิติโลกเป็นของ . . .  สเวตลานา  ชิมโคว่า 

   ผมได้ยินเสียงโฆษกสนามประกาศ  การยกต่อจากนี้หมายถึงการเปลี่ยนแปลงโลก  หากคนที่เดินออกมาตอนนี้  จะสร้างสถิติโลกขึ้นมาใหม่  เธอที่หน้าอกมี . . . ธงไตรรงค์

   เธอเรียกน้ำหนักที่ . . . ๑๔๒  กิโลกรัม

   ทั้งสนามเงียบ . . . ให้เธอ

   นาทีนี้ . .  .จะรู้กัน  ว่าเธอจะนำชื่อ . .  . THAILAND  สู่ทำเนียบโลกได้หรือไม่  ผมแทบหัวใจหยุดเต้นอยู่แล้ว

   “สุดยอด . . . สุดยอดเลยอาร์ม” 

   ผมกอดมันไว้อีกครั้ง  เมื่อเธอทำให้หัวใจพองโต  เธอทำได้  เธอทำให้คนไทยหกสิบล้านคนมีความสุขมากที่สุด   ทุกคนในสนามร้องกันระงมด้วยความดีใจ  วันนั้นผมหูอื้อ  ตาพร่ามัว  ด้วยความดีใจอย่างที่สุดแล้ว

    ของขวัญที่เธอหยิบมาก่อน . . .วันพ่อ

   ผมเห็นรอยยิ้มของเธอ  หลังจากที่ภารกิจของเธอสิ้นสุดลง  เธอยิ้มกว้าง  โชว์เขี้ยวสวยที่มุมปาก  เธอสวย สวยที่สุดในวันนั้น

   ผมน้ำตาไหลไม่หยุด . .  .

   จนกระทั่ง . . . พิธีมอบเหรียญทอง  เธอเดินออกมา  ยิ้ม  โบกมือให้กับทุกคนในสนาม  ผมยิ้มกับเธอ  ยิ้มกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า  แล้วมาถึงตอนที่เชิญธงผู้ชนะขึ้นสู่ยอดเสา

   ผมคนไทย . . . ยืนมองธงชาติไทย

   และ . . . ในวันนี้  ร่วมปีที่ผมจากแผ่นดินเกิดมา  ผมกำลังจะได้ยินเสียงเพลงชาติไทย . . .ในแผ่นดินโดฮา

   เพลงชาติไทย . . .

   ผมร้องออกมาเสียงดัง  ภาคภูมิใจที่สุด  ผมร้องให้กอดไอ้อาร์มเอาไว้  ผมคิดถึงบ้าน  คิดถึงเมืองไทย  คิดถึงจนอยากจะกลับไปเดี๋ยวนี้  ผมสัญญากับตัวเอง  ต่อจากนี้  หากผมมีรูทกลับบ้าน  ผมจะไม่หนีอีกแล้ว  ผมจะกลับบ้านของผมที่เมืองไทย

   ไม่มีที่ไหนอบอุ่นเท่าแผ่นดินที่ให้กำเนิดอีกแล้ว

   นอกจากแม่ . . .

   ผมไม่เคยรู้สึกรักผู้หญิงคนไหนเท่ากับเธออีกเลย . . .เธอที่เป็นแรงบันดาลใจทั้งหมด  เธอที่แบกเอาความหวังของคนไทยนับล้าน  วันนี้เธอทำให้ผมอยากกลับบ้าน  เธอทำให้ผมเลิกที่จะหนี . . .

   ผมรักเธอเหลือเกิน . . . นางสาวปวีณา  ทองสุก


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 01-06-2008 07:13:07
หวาดดีครับ
มาแต่เช้าเลยนะครับ
 :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 01-06-2008 07:14:36
บรรยายซะเห็นภาพเลย ตอนโดฮาเกมส์ไม่ได้ดูอ่ะ ตอนนั้นทำอะไรอยู่หว่า  :m23:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 01-06-2008 07:31:53
บรรยายซะเห็นภาพเลย ตอนโดฮาเกมส์ไม่ได้ดูอ่ะ ตอนนั้นทำอะไรอยู่หว่า  :m23:





แอบไปฮันนีมูนกับใครอยู่หรือปล่าว . . . .


อิอิอิอิ   อยากกินทุเรียน . . . . แต่ลดพุงอยู่  ขอแค่ดมได้ป่ะ

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 01-06-2008 07:36:28
อืมห์....ตื่นเช้าเข้ามาอ่านเรื่องนี้.... :m1:
มีความสุขอะค้าบ...
เด๋ว...แว้บไปจิบกาแฟก่อนฮะ...อิ.อิ. :bye2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 01-06-2008 08:01:55
ว่างๆๆไม่มีไรทำมาคุยกันหน่อยนะครับ
 ปาย ผมไปมาเมื่อปีที่แล้ว หนาวมาก 7 องศาสะใจดี
รีสอร์ทของอาพี่ และของป้าภาอยู่ติดแม่น้ำ้ปายป่าวครับ
ที่ๆผมไปพักอยู่บนเขาริมคลองชลประทาน อยู่กลางทุ่งนาเลย
กลางวันร้อนมาก กลางคืนหนาวโคตะระ
 ไป 5วัน เมาทุกวันเลย 555ื
ผมว่าที่นั่นต้องขอบคุณ ฟิลม์ กะ พรหล้า นะผมว่า
เพราะตอนผมไปผมนึกว่าอยู่กรุงเทพ มองไปทางไหนก้อมีแต่คนกรุง
ตอนกลางคืน คนแน่นมาก
มีเรื่องฮามาเล่าให้ฟัง
พี่รู้จักร้านหมนจีนปะที่อยู่เลยร้านมิตรไทยมานิด คนเยอะมาก ผมไป 5คน
พวกเพื่อนมันหาที่นั่งหน้าร้าน แล้วให้ผมไปต่อแถวรอคิว
พอจะถึงคิวผมเพื่อนผมตะโกนถามว่า
"พี่ม่อนเอาน้ำอะไร"
"กุเอาน้ำป่าว"



แล้วก้อมีเสียงหัวเราะตามมาจากพวกมัน คนรอบๆๆผม รวมยัยคนตักน้ำยาด้วย
ผมก้องงขำไรกันวะ แล้วไอ้เพื่อนเวนก้อตะโกนกลับมาว่า
"มืงจะแดรกขนมจีนกะน้ำป่าวหรอวะ"
"สาดกุนึกว่า..."
อยากจะเอาหน้ามุดหม้อน้ำยาตาย

อายมากมีแต่คนมองแล้วหัวเราะ
ผมเลยหัวเราะแก้เขิน หัวเราะกันนานมาก
"นี่น้องขำพอและ" ยัยแม่ค้าด่าเลย
"แหม๋มึงก้อขำแสด " ด่าในใจไม่กล้าออกเสียงกลัวโดนกะบวยตีปาก
ซัดไปคนละ 2ชาม หลับสบายเลย
ทริปนี้มีแต่เรื่องฮาๆๆ ประทับใจสุดๆๆ
ถ้ามีโอกาสจะไปอีก

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 01-06-2008 09:11:16
อ่านตอนนี้แล้วขนลุกตามเลยยยยยยยยยยยย อิอิ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 01-06-2008 09:32:34
อ้างถึง
"พี่ม่อนเอาน้ำอะไร"
"กุเอาน้ำป่าว"

 :m20:  ฮ่าฮ่าฮ่า  น่ารักจริง ๆ


ช่วง 2 ปีแรก พี่อาร์ม(ใหญ่) ติดต่อเฉพาะพี่โอ๋หรือคะ
ได้ติดต่อแดนบ้างหรือเปล่า
แอบเชียร์พี่แดนตั้งแต่กลับจากปายครั้งสุดท้าย อิอิ   :m1:


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 01-06-2008 09:35:36
 o7 เราเองก็เป็นคนที่ดูถ่ายทอดสดในวันนั้นค่ะ ลุ้นจนหน้ามืดเลย แล้วสุดท้ายก็ดีใจจนหัวชนผนังเพราะกระโดดมากไป แต่อารมณ์เดียวกัน ปลาบปลื้มใจมากกกก

ไม่ได้มาอ่านนานเลย แต่จะมาติดตามจนปลายทางด้วยนะคะ  :m4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 01-06-2008 09:57:59
พี่อาร์ม บรรยายเห็นภาพเลย คิดถึงจริง ๆ บรรยากาศช่วงนั้น คึกคักสุด ๆ แต่พี่อาร์มบรรยายใหซึ้งสุด ๆ ได้  o13 o13 o13 ได้อารมณ์คนที่อยู่เมืองนอกเลย ที่ไหนไม่เหมือน 'บ้าน'
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 01-06-2008 11:20:32
จริงอย่างที่พี่อาร์มาว่าเลยค่ะ

บางทีดูเค้าแข่ง  เห็นว่าอาจแพ้  มันสุดแสนจะสะเทือนใจ :sad2:

ต้องเปลี่ยนช่องไป  แต่แล้วก็วกกลับมาอยู่ดี

ก็มันอยากเชียร์ง่ะ o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: treasure ที่ 01-06-2008 12:13:52
คุณอาร์มมมมมมมมมมม  อ่านตอนนี้แย่กว่าทุกตอนอีก

ไม่ใช่แย่ในเรื่องความรักนะ แต่มันเข้าใจความรู้สึกของคนที่ไม่ได้อยู่เมืองไทย

อ่านไปร้องไห้ไป ยิ่งตอนรูปในหลวงนะ ผมบ่อน้ำตาแตกเลยอะ

ยังงัยก็ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่ากับเมืองไทยของเราอีกแล้วหละ

รักกันไว้นะคนไทย


ปล. เลือดรักชาติมันแรง


สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย


Thailand Thailand
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 01-06-2008 12:21:27
ไม่มีที่ไหนอบอุ่นเท่าบ้านเกิด o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 01-06-2008 12:26:28
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

น้ำตาไหลอีกแล้วครับท่าน แต่คนละอารมณ์นะ

ไหลด้วยความปลาบปลื้ม มีความสุข และ ดี้ด้า  ครับ

เคยมีความรู้สึกแบบนี้ครับ ยิ่งช่วงรองเพลงชาติ นะครับ

น้ำหู น้ำตาไหลเป็นทางเลยอ่ะ แต่ไม่คิดที่จะเช็ด นะครับ

ปล่อยให้มันไหล ออกมาให้สมกับความสุขที่ได้รับ ครับผม

 :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 01-06-2008 12:42:18
อ่านเรื่องของอาร์มแล้วคิดถึงตัวเอง เหงาเนอะ เราก้อเหงา มีผู้คนรอบกายแต่ก้อเหมือนอยู่ตัวคนเดียว อยากกลับไทยจัง :sad2: ไม่มีที่ไหนอบอุ่นเท่าบ้านเราอีกแล้ว  :m15:
อ่านมาถึงตอนนี้ นึกว่าจะไม่ร้องแล้ว พอเหนอาร์มร้อง ใจมันก้ออ่อนยวบอีกแระ เฮ้อ หนีหัวใจตัวเอง หนีเท่าไหน่ก้อไม่พ้นเนอะ ทำยังไงถึงจะลบล้างมันออกไปได้นะ :เฮ้อ:

อ้อ อาร์มบรรยายฉากเอเชี่ยนเกมส์ได้ขนลุกสุดๆ เลือดรักชาติมันพลุ่งพล่านในตัวเราเลยอ่า จากที่นอนอ่านอยุ่ดีๆ ผุดขึ้นนั่งเฉย หึหึ o7 อาร์มเขียนเรื่องราวเก่งนะ ทำให้คนอ่านมีอารมณ์ร่วมไปด้วย อาร์มเคยเปนนักเขียนหรอ?? :o8:

ปล.รอตอนต่อไปอยุ่น้า :กอด1: เปนกำลังใจให้เสมอจ้า :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 01-06-2008 13:16:31



ตอนที่ผมเริ่มเขียนเรื่องนี้ . . .

ผมตั้งใจตั้งแต่ต้นแล้วว่าผมจะเขียนตอนนี้ . . .แต่ผมจะเขียนยังไงดีนี่สิ. . .

บางคน . . . อาจอยากรู้เรื่องของผม  แต่สำหรับผม  วันนั้น . . . วันที่ผมยิ้มอย่างมีความสุข  วันที่ผมน้ำตาไหล  เมื่อธงชาติไทย ค่อย ๆ  ขึ้นสู่ยอดเสา  วันที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ  คนนึง  เธอทำให้ผมยิ้มได้ . . .

ผมรู้ทันที . . .เธอคือนางฟ้าในใจของผม

ถ้าไม่มีเธอ  ผมอาจจะยังดันทุรังที่จะหนี  ไม่อยากกลับเมืองไทย  ทั้ง ๆ  ที่ในตอนนั้น  ผมคิดถึงเมืองไทยมาก  แต่ผมคิด  ที่ไหนก็เจ็บ  ที่แปลกหูแปลกตา  มันเจ็บน้อยกว่าแน่ ๆ    ผมไม่รู้นะ  เธอไม่ได้แข่งกับคนต่างชาติต่างภาษา  แต่เธอแข่งกับคนไทยอีกหกสิบล้านคนที่ฝากความหวังไว้กับเธอ

ในฐานะ  . . . แชมป์โลก . . . แชมป์โอลิมปิค 

ถ้าเธอทำไม่ได้ . . . นั่นหมายถึงความผิดหวังของคนไทยทั้งประเทศ  ผมไม่รู้ว่าแรงกดดันเวลาที่มีธงไตรรงค์ติดที่หน้าอกมันมากมายขนาดไหน  ผมเลยต้องเขียน  อย่างน้อย  ผมคนนึง  ที่ไม่ได้มองแค่เหรียญที่เธอได้  แต่ผมมองถึงทุก ๆ  อย่างที่เธอได้มา  เลือดตาแทบกระเด็น  ตอนนี้ผมเลยเขียนออกมาอย่างที่หัวใจผมอยากได้จริง ๆ  ครับ





หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 01-06-2008 13:59:50
รอ........
พูดด้ายคำเดียวว่ารอ
 :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 01-06-2008 14:55:16
แอบเข้ามาอ่านตอน3โมง// จิงๆแหละไม่มีที่ไหนดีกว่าประเทศไทยหรอก อันนี้น้องที่อยู่กาตาร์บอกมาเอง :oni2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 01-06-2008 15:33:36
รอตอนต่อไป  :a12: :a12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 01-06-2008 15:41:46
อ่านตอนนี้แล้ว น้ำตาไหล คิดถึง บ้านจัง  สำหรับใครหลายๆๆคนที่ไม่ได้อยู่บ้าน ไปทำงานหรืออยู่ที่อื่น ได้อ่านตอนนี้ ความรู้สึกคงไม่ต่างกันกับ อาร์มเนอะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 01-06-2008 16:01:32
ไปรับน้องมา 3 วัน เรื่องไปถึงไหนต่อไหนแล้วววววววววววววว :serius2:


ตามอ่านไม่ทัน ไปอ่านก่อนดีกว่า :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 01-06-2008 16:18:06
อ่านตอนนี้แล้ว น้ำตาไหล คิดถึง บ้านจัง  สำหรับใครหลายๆๆคนที่ไม่ได้อยู่บ้าน ไปทำงานหรืออยู่ที่อื่น ได้อ่านตอนนี้ ความรู้สึกคงไม่ต่างกันกับ อาร์มเนอะ

อืม..นั่นสิ อาร์มทำให้เราคิดถึงเมืองไทยมากมาย :กอด1:
รอตอนต่อไปอยู่นะจ๊ะ :m13:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Donpopper ที่ 01-06-2008 20:03:31
อยากอ่านอีกจังเลย

รอ :a5: ต่อไปนะค๊าฟ ท่านผู้เขียน

สู้ๆนะครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 01-06-2008 22:00:44
 :m22: :m22: :m22: :m22:

เข้ามาดูว่ามาหรือยัง เอ๋ ยังไม่มา ไปนอนก่อนนะ

พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้า

 :a12: :a12: :a12: :a12: :a12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 01-06-2008 22:04:46



ตอนที่ผมเริ่มเขียนเรื่องนี้ . . .

ผมตั้งใจตั้งแต่ต้นแล้วว่าผมจะเขียนตอนนี้ . . .แต่ผมจะเขียนยังไงดีนี่สิ. . .

บางคน . . . อาจอยากรู้เรื่องของผม  แต่สำหรับผม  วันนั้น . . . วันที่ผมยิ้มอย่างมีความสุข  วันที่ผมน้ำตาไหล  เมื่อธงชาติไทย ค่อย ๆ  ขึ้นสู่ยอดเสา  วันที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ  คนนึง  เธอทำให้ผมยิ้มได้ . . .

ผมรู้ทันที . . .เธอคือนางฟ้าในใจของผม

ถ้าไม่มีเธอ  ผมอาจจะยังดันทุรังที่จะหนี  ไม่อยากกลับเมืองไทย  ทั้ง ๆ  ที่ในตอนนั้น  ผมคิดถึงเมืองไทยมาก  แต่ผมคิด  ที่ไหนก็เจ็บ  ที่แปลกหูแปลกตา  มันเจ็บน้อยกว่าแน่ ๆ    ผมไม่รู้นะ  เธอไม่ได้แข่งกับคนต่างชาติต่างภาษา  แต่เธอแข่งกับคนไทยอีกหกสิบล้านคนที่ฝากความหวังไว้กับเธอ

ในฐานะ  . . . แชมป์โลก . . . แชมป์โอลิมปิค 

ถ้าเธอทำไม่ได้ . . . นั่นหมายถึงความผิดหวังของคนไทยทั้งประเทศ  ผมไม่รู้ว่าแรงกดดันเวลาที่มีธงไตรรงค์ติดที่หน้าอกมันมากมายขนาดไหน  ผมเลยต้องเขียน  อย่างน้อย  ผมคนนึง  ที่ไม่ได้มองแค่เหรียญที่เธอได้  แต่ผมมองถึงทุก ๆ  อย่างที่เธอได้มา  เลือดตาแทบกระเด็น  ตอนนี้ผมเลยเขียนออกมาอย่างที่หัวใจผมอยากได้จริง ๆ  ครับ









เง้อ...ว่าจะไม่รีแล้ว แต่คำพูดทั้งหมดนี่มันโดนใจ
 o13 o13 o13 o7 o7 o7 :laugh: :laugh: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 01-06-2008 23:00:53
เอิ๊ี๊ก ไปต่างจังหวัดมาสามวัน อ่านตามทันแล้ว

พี่อาร์มอย่าใจแข็งนานนะ อิิอ


ต่อไปขอวันละสองตอนน้า แล้วรอเจ็ดวันค่อยมาโพสต์ตอนจบ แต่ตอนก่อนจบมาโพสต์เร็วๆ อิอิ

ส่วนเกมขอรีพลายรายชั่วโมงได้ป่ะ อยากปั่นกระทู้ซะเลย

อยากอ่านตอนอวสานอ่ะ  :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 02-06-2008 01:42:48


ตอนที่   ๓๖




   ๔  มกราคม  ๒๕๕๐


   เสียงกัปตันประกาศ  ให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัดอยู่กับที่  เมื่อเครื่องกำลังลดระดับพร้อมที่จะแลนด์ดิ้งเหนือน่านฟ้าของบ้านเกิดเมืองนอน  ผมมองลอดออกไปนอกหน้าต่าง  มันแตกต่างจากครั้งที่ผมจากบ้านเกิดไป

   คราวนี้ . . .

   . . . สุวรรณภูมิ


   ความใหญ่โตอลังการของสนามบิน  ทำเอาผมต้องตื่นตาตื่นใจเมื่อมองจากหน้าต่างของเครื่องบิน  ทำไมมันใหญ่แบบนี้  แล้วผมจะไปถูกมั้ยนี่  ประตูลูกเรือไปทางไหน  และอีกสารพัดที่ผมกลัวในตอนนั้น

   แต่ . . .

   น้อยกว่าความอิ่มเอมหัวใจที่ผมมี

   ผมค่อนข้างโชคดีอยู่บ้างตรงที่ได้กลับมาบ้านครั้งนี้ ๓๐ ชั่วโมง  และผมได้ไฟลท์นี้พร้อมไอ้อาร์มเล็ก  เพื่อนที่ดีที่สุดในต่างแดน    แต่ใช่ว่าผมจะคุยทุกเรื่องกับมัน  เพราะผมเองก็ไม่อยากให้มีอะไรที่ต่อความยาวสาวความยืดกันอีก

   เรื่องที่มันอยากรู้บางครั้งผมนิ่งเฉย . . .

   เครื่องแตะรันเวย์ได้กระดอนมาก ๆ  กระดอนมากกว่าสนามบินดอนเมืองเสียอีก  ผมไม่แปลกใจเลยกับข่าวในทางลบของสนามบินแห่งนี้ เมื่อได้แลนด์ดิ้งที่นี่ครั้งแรก  มันไม่มีความประทับใจเท่าดอนเมือง . . .

   . . . เทียบกันไม่ได้เลยจริง ๆ

   “พี่อาร์ม  ไปเชียงใหม่เลยหรือ”

   “อืม  ว่าแต่เช็คอินน์แทนที่โรงแรมได้นะ”

   “ได้สิ ไม่มีปัญหาหรอก  ขอแค่ว่าพรุ่งนี้ตอนมาเช็คเอ้าท์ออกมาให้ทันก็แล้วกัน  ไม่งั้นผมกับพี่โดนสอบแน่ ๆ    โชคดีนะเนี่ย  ช่วงนี้มีสองไฟลท์  เลยได้พักยาวหน่อย  ลองตารางหน้าโลว์ดิ  มีแค่ไฟลท์เช้า  เหนื่อยตายเลยตื่นตั้งแต่ตีสี่”   ผมเดินคุยมากับมัน  เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง

   ภายในอาคารดูโปร่งโล่งสบาย . . .

   หากแต่ผมยังไม่คุ้นอยู่ดี  เพราะนี่คือครั้งแรกในรอบสิบเดือนที่ผมมาเมืองไทย  ตอนไป  ผมไปจากดอนเมือง  หากตอนผมกลับ  มาลงที่นี่ . . .

   . . . สนามบินแห่งความภาคภูมิใจ

   ความภาคภูมิใจที่ได้โกงกินชาติของคนบางตระกูล . . . กระนั้นหรือ

   เขาเป็นคนเซ็นต์อนุมัติ  เร่งรีบก่อสร้าง  ปรับลดขนาดจากเดิมที่รองรับผู้โดยสารได้หกสิบล้านในปีแรก  มาเหลือแค่สี่สิบห้าล้านคน  แถมยังมีหน้ามาบอกว่าประหยัดกว่าเดิมตั้งสามหมื่นกว่าล้าน  

   แต่ . . .

   สิ่งที่หมกเอาไว้ไม่พูด  ผู้โดยสารที่หายไปสิบห้าล้านคน  ต้องมีอะไรเพิ่มบ้าง  เทอร์มินอล  พื้นที่  รันเวย์ที่สามหายไปหนึ่งรันเวย์  แดกได้ใจเลยนะมึง . . .  สัสสสส

   ด้วยหวังว่านี่จะเป็นผลงานที่จะต่ออายุการครองอำนาจ  และในวันเปิดสนามบินที่ภาพข่าวจะออกไปทั่วโลก  เขาจะเป็นคนในข่าวที่ทั่วโลกจับตามอง  

   หาก . . .

   . . . เวรกรรมมีจริง

   จนบัดนี้ . . .

   . . . ยังไม่มีวันหวนคืนแผ่นดิน

   “แยกกันตรงนี้นะพี่อาร์ม  พรุ่งนี้เจอกัน”  

   “คืนนี้ดิ  กลับไฟลท์ดึก  ไปหาหลวงพ่อ  ไม่ได้เจอตั้งสิบเดือนแล้ว  คิดถึงบ้าน  คิดถึงข้าวซอยบ้านคุ้ม”  ผมหมายถึงร้านข้าวซอยที่เชียงใหม่

   “โหพี่  อย่าพูดดิ  อยากกิน  อย่าลืมหมูยอป้าย่นนะ  ค่าปิดปาก  กลับมาพรุ่งนี้เช้าก็ได้  มาเช็คเอาท์ก่อนเที่ยงนะพี่”

   “เออน่า  เดี๋ยวซื้อมาฝาก  เอาแบบลำแต้ ๆ  เลยเจ้า”  ผมยิ้ม  

   “ไม่ต้องรีบพี่  อยู่ค้างกับหลวงพ่อก็ได้  ทางนี้ผมเคลียร์เอง”  มันหันมาทำสัญญาณมือแบบมั่นใจ

   “ดูก่อนนะ  ถ้าไม่เหนื่อยมากกลับคืนนี้ไฟลท์สุดท้าย”  ผมยิ้มอีกครั้ง  ก่อนที่จะเดินไปที่ชั้นสี่ของอาคารผู้โดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลก

   ไอ้อาร์มเล็กบอก  DOM อยู่ประตูแรก . . .

   เดินกันขาลากแน่ ๆ  แต่ดีหน่อยที่กระเป๋าใหญ่  ผมเอาฝากไอ้อาร์มเล็กไปที่โรงแรม  เพื่อยืนยันว่าผมมาแน่ ๆ  ส่วนผมมีแค่กระเป๋าถือ  กับยาบำรุงสำหรับผู้สูงอายุ

   “น้องอาร์ม  ใช่น้องอาร์มมั้ยนี่”  ผมหันไปตามเสียงเรียก

   “พี่รัตน์  สวัสดีครับ”  ผมยกมือไหว้ ผู้จัดการสาวคนเก่งของผมเอง  แต่เป็นที่บริษัทเก่านะ  วันนี้แกลงมาที่หน้าเคาเตอร์เองเลยแฮะ

   “ไปอยู่ไหนมา  ไม่โทรมาเลยนะ”

   “สบายดีมั้ยครับพี่  ผอมลง  สวยด้วย”  ผู้หญิงมีอะไรที่รู้สึกดีกว่านี้อีกหรือ  

   หลับตาชมไปเหอะ  รับรองคนโดนชมยิ้มจนลืมทุกเรื่องที่อยากจะคุยเลยทีเดียว  เป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งของสัตว์เพศเมียกระมัง

   “ดูพูดเข้า  สี่สิบเข้าไปแล้ว”

   เห็นมั้ยล่ะ  ผิดคำเสียที่ไหน  แกอายอย่างกะดรุณีแรกรุ่นสิบแปด . . .

   “ผมพูดจริง ๆ  ไม่ได้ยอ”

   “พอเหอะ ๆ  จะไปไหน  แล้วทำงานที่ไหน”

   “จะไปเชียงใหม่พี่  แต่ไม่ได้บินบูติคนะ  กลัวไฟลท์ดีเลย์  เลยมาหาป้าม่วงเอาอ่ะ  ไฟลท์เพิ่งลงครับพี่  ไม่ได้กลับมาเกือบปีแล้วล่ะครับ  ต้องไปหาหลวงพ่อก่อน”  ผมชี้ที่เข็มกลัด

   “ว๊าย  ไปอยู่ห้าดาวเลยเหรอ  ทำไมไม่มีใครบอก”

   “ก็บังเอิญได้ครับพี่  แล้วฉุกละหุกมากช่วงนั้น  ผมไปก่อนนะครับพี่  ค่ำนี้อาจต้องบินกลับมาโรงแรมอีก  พรุ่งนี้กลับแล้วล่ะครับ”

   นี่ละครับงานของผม  แรก ๆ  ต้องปรับเวลาเสียแทบแย่  กลัวเหมือนกันกับอาการเจทเลท  แต่โชคดีที่ไม่เจอ  อาชีพที่ทุกคนมองว่าสวยหรู  แต่ความเป็นจริงแล้ว  ไม่ใช่  มันมีอันตรายรอบด้าน

   ลองคิดดูนะครับ . . .

   ตอนอยู่โดฮา  เวลามันอยู่อีกโซนหนึ่ง . .

   . . .ถ้า

   บินมาปักกิ่ง  เซี่ยงไฮ้ ความแตกต่างของเวลา  ร่วมหก . . . ถึงเจ็ดชั่วโมงตามแต่ฤดูกาล  และ  การที่เราจะนอนหลับได้  ต้องปรับตัวภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนี่เป็นเรื่องที่ว่ายากพอดู  

   เหมือนตอนนี้  

   ที่เมืองไทย . . . แปดโมงกว่า ๆ  

   แล้วคืนนี้  ห้าทุ่มผมจะต้องนอนเพื่อพรุ่งนี้ผมต้องทำงานต่อ  แต่เวลาที่โดฮาที่ผมจากมาเพิ่งราว ๆ  ห้าหกโมงเย็น  ถามหน่อยเหอะ  จะหลับไปลงได้อย่างไร  เวลาหกโมงเย็นที่ผมเคยชินมาตลอด . . .

   สิ่งที่ลูกเรือกลัว . . .

   . . . อาการเจทเลท

   เป็นอาการที่เกี่ยวกับการปรับสภาพร่างกายไม่ได้หลังการบิน  มันไม่รู้ว่าทรมานขนาดไหน  เพราะผมยังไม่เคยเจอ  ทุกครั้งที่ผมบิน  ผมจะบังคับตัวเอง  เมื่อมาทางโซนอาเซียน  ผมจะต้องขอนอนก่อนสามชั่วโมง . . . เพื่อปรับเวลา

   แต่ . . . วันนี้

   ผมนอนไม่หลับหรอก  คิดถึงหลวงพ่อ . . .




   ทันทีที่ถึงสนามบินเชียงใหม่  ผมหารถเช่าที่สนามบินนั่นแหละ  หัวใจผมนะหรือ  แทบจะกระโจนออกมาจากอก  มันบอกไม่ถูก  ที่นี่คือบ้าน  ทุกตารางนิ้วในด้ามขวานทองนี้คือบ้านของพวกเรา บ้านหลังใหญ่   ถนนหนทางเปลี่ยนไปมากมาย  อาจเพราะเชียงใหม่กำลังมีงานใหญ่  และเดือนนี้เป็นเดือนสุดท้ายของงานราชพฤกษ์

   “หลวงพ่อ”    ผมก้มลงกราบ  มันตื้นตัน  ผมจับปลายเท้าท่านเอาไว้  น้ำตามันไหลออกมา   ท่านชรากว่าที่ผมคิดเอาไว้เสียอีก  

   นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้มาหาท่าน . . .

   สายเลือด . . .  

   . . . ความผูกพัน  

   มันสื่อถึงกัน  ผมดีใจนะ ดีใจอย่างที่สุดในชีวิต  ที่ร้องไห้ออกมาเพราะดีใจที่ท่านอยู่จำวัด  ท่านไม่ได้ไปที่อื่น

   มือท่านวางลงบนศรีษะผมเบา ๆ

   “เหนื่อยมากก็พักนะอาร์ม”

   มันทำให้ผมร้องไห้ออกมาหนักไปอีก  น้ำเสียงท่านยังเมตตาผมเหมือนเคย  ผมนอนลงเบา ๆ  เอาหน้าซบผ่าเท้าท่านเอาไว้  บางทีผมอาจจะเป็นลูกที่ใช้ไม่ได้  ไม่เคยได้มาดูแลท่านเลย

   “เอ๊า  ร้องเข้าไปเหมือนเด็ก ๆ”

   “คิดถึงบ้าน  คิดถึงหลวงพ่อ  หลวงพ่อสบายดีมั้ย”  

   ท่านปล่อยให้ผมร้องจนผมหยุดเอง  แต่ท่านมิได้ขยับตัวหนี  มือท่านวางสัมผัสศรีษะ  เป็นสิ่งเดียวที่ผมสัมผัสได้จากปลายนิ้วของท่านมันผ่านเส้นผม  ก่อนไหลมาที่หัวใจ

   ความรัก . . .

   . . . ของพ่อ

   “คิดถึงก็กลับมา  บ้านเรายังไงก็เป็นบ้านเรา  ไม่มีที่ไหนเหมือนบ้านเราดอก”

   “ลงจากเครื่องก็บินมาเชียงใหม่เลย   ค่ำนี้ก็ต้องบินกลับ หรืออย่างช้าสุดพรุ่งนี้ไฟลท์แรกเพราะ  พรุ่งนี้บ่ายก็ต้องบินกลับที่โน่นแล้ว”

   ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง  เพราะรู้ดีว่า  หากคุยกันถึงเรื่องนั้นอีก  ผมอาจจะใจอ่อนกลับมาอยู่เมืองไทยก็เป็นได้  แต่ตอนนั้นฐิทิในหัวใจมันมีมากเหลือเกิน  ทั้ง ๆ  ที่ผมรู้หัวใจตัวเอง  แต่ผมไม่กลับ . . .ไม่ยอมกลับแน่ ๆ

   “อาทิตย์ก่อน  โกก็แวะมา  เอายามาให้  เห็นว่าจะกลับปาย”  

   ท่านบอกเรียบ ๆ  หากมองมาที่ผม  ไม่รู้เหมือนกันตอนนั้นผมเป็นอะไรรู้สึกหงุดหงิด  ระหว่างมันกับผมจบกันแล้ว  มันจะแวะเวียนมาหาหลวงพ่ออีกทำไม  ในเมื่อไม่น่าจะมีอะไรต้องเกี่ยวพันกันอีก

   “หลวงพ่อเป็นอะไร  ต้องไปหาหมอมั้ย”

   “โรคคนแก่นะอาร์ม    เดือนที่แล้วโกเพิ่งมาพาไปโรงพยาบาล  หมอบอกว่าไม่มีอะไรมากหรอก  ให้ยาบำรุงมา”  แววตาท่านคล้ายบอกอะไรผม

   ผมเหมือนมีอะไรมาจุกที่ลำคอ . . .

   . . . พ่อผม  แต่ทำไมต้องเป็นคนอื่นที่มาดูแล

   “ผมเป็นห่วง”

   “อย่ากังวลเลย  อย่างที่พ่อเคยบอก  เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา  เราอย่าไปยึดติดกับมันเลย  อะไรที่ปล่อยวางได้ก็ปล่อยวางเสีย  ไม่มีอะไรที่อยู่กับเราไปจนตายหรอกอาร์ม”

   “ครับหลวงพ่อ”

   “ทำงานให้สบายใจ  ถ้าคิดว่าเมื่อไหร่หายร้อนก็ค่อยกลับมา  หลวงพ่ออยู่ได้  พวกโอ๋  แดน  ก็แวะเวียนมาบ่อย แต่โกนี่มาทุกเดือน”

   “ครับหลวงพ่อ”

   ผมรับทราบ  แต่ดูเหมือนว่าความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ผมมี  มันจะจุกอยู่ที่คอผมกระมัง  ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคืออะไร  ผมรู้แค่ว่า  บางอย่างที่มันอยู่ในตัวผม  มันบอกผมว่า  ผมไม่เอาไหนเลย

   “หลวงพ่อ . . .  หลวงพ่ออยู่มั้ยครับ”  เสียงที่ร้องเรียกหน้ากุฎิ  ผมจำได้

   เสียงที่ไม่เคยห่างหายไปจากหัวใจผมเลย  จะนานแค่ไหนผมไม่มีวันลืม  เสียงที่ผมคุ้นเคย  จะลืมง่ายดายได้อย่างไรกัน

   ผมมองที่หลวงพ่อ  

   หลวงพ่อยิ้มสงบ  หากแต่ทำไมหัวใจผมมันว้าวุ่นเหลือเกินก็ไม่รู้  หลวงพ่อขยับกายจะออกไปตามเสียงเรียก  

   “หลวงพ่อ . . .”  ผมจับเท้าหลวงพ่อเอาไว้

   ท่านหันมามองหน้าผม . . .

   “อย่าบอกนะครับ  ว่าผมอยู่ที่นี่”  ผมมองหน้าท่าน  ผมไม่รู้สิ  ผมไม่อยากเจอ  หรืออาจเพราะยังไม่พร้อมที่จะเจอ

   ผมกลัว  ความอ่อนแอในตัวเอง  ผมไม่อยากเสียน้ำตาอีก ผมไม่อยากเห็นหน้ามันอีก  อาจเพราะผมรักมันมากเกินไป  มากเกินกว่าที่จะลืมมัน

   “มุสาเป็นบาป . . . ผิดศีล”

   “แต่ถ้าไม่บอก  ก็ไม่บาปไม่ใช่หรือครับ”

   “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”  หลวงพ่อยิ้มให้ผม  ก่อนที่จะเดินออกไปที่ระเบียงนอกกุฏิ  ผมได้แต่กระเถิบตัวเข้าแอบกับผนังกุฎิ  ค่อยแอบมองลอดผ่านร่องไม้กระดานที่ปิดไม่สนิท

   ผมเห็นไม่ชัดหรอกใบหน้านั้น  หลวงพ่อเหมือนจะรู้ความคิดผม  ท่านขยับกายมาใกล้ ๆ  กับผนังอีกด้านที่ผมแอบมองอยู่  ทำให้ผมสามารถมองหน้าคนที่ผมรักได้  แม้จะไม่ชัดเจน  แต่มันชัดในความทรงจำผมเสมอ

   “วันนี้วันเกิดพี่อาร์ม  ผมเลยแวะมาทำสังฆทาน ก่อนบ่ายนี้ต้องเข้ากรุงเทพฯ  พรุ่งนี้ทำงานแล้วล่ะครับหลวงพ่อ  หยุดมาหลายวัน  ผมทำบุญให้พี่อาร์มได้ใช่มั้ยหลวงพ่อ”   มันก้มลงกราบ ก่อนที่จะวางถังสังฆทานไว้ใกล้ตัว . . .

   เอาล่ะสิ . . .

   ความรู้สึกของผม  มันตีกันเอง  ซะแล้ว  มันกำลังทำอะไรของมันอยู่  

   “ได้สิ  การทำบุญ  เราทำให้ได้ทั้งเจ้ากรรมนายเวรที่ตายไปแล้ว  และทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่”  หลวงพ่อบอก  หากแต่  กำลังเอี้ยวตัวเหมือนหาอะไรบางอย่าง

   “ครับหลวงพ่อ  ผมคงทำผิดเอาไว้มาก”

   “ไม่มีอะไรที่ถูกทั้งหมด  และไม่มีอะไรที่ผิดตลอดหรอกโก  . . .  เอ้า   บทสวดมนต์ขอถวายสังฆทาน”   หลวงพ่อส่งหนังสือให้โก

   มันรับไปอย่างว่าง่าย . . .

   “ท่องนะโมสามจบ  อยากจะอุทิศส่วนกุศลให้ใคร  ก็คิดเอาไว้  สัตว์โลกทั้งหลายที่อยู่รอบ ๆ  ตัว  พนมมือแล้วว่าตามนะ”  เสียงสั่งสุดท้ายคล้ายบอกผม . .

   ผมพนมมือตาม  ก่อนท่องนะโมสามจบในใจ . . . .

   แปลกนะ . . .

   ในเวลาที่ทำพิธี  ทำไมหัวใจผมมันไม่ร้อนรุ่มแบบที่ผ่านมา    อาจเพราะว่าที่นี่คือบ้าน  และคนที่ห่างกันแค่ไม้กระดานกั้นคือคนที่ผมรัก  แต่ทำไมผมไม่กล้าออกไปเจอหน้า  ทั้ง ๆ  ที่ผมดีใจที่เห็นหน้ามันจากรอยห่างของแผ่นกระดาน

   แค่รู้ว่ามันมีความสุขดี . . .

   . . . หรือ

   จริง ๆ แล้วมันอาจไม่เคยสุขเลยก็เป็นได้ แต่แค่ผมเห็นมัน  ผมก็ดีใจอย่างที่สุดแล้ว  ผมไม่ต้องการอะไรจากมันอีก

   “เอาล่ะ . . .  เรียบร้อยแล้ว  ส่วนน้ำนั่น  เอาไปเททิ้งใต้ต้นไม้ใหญ่”   หลวงพ่อบอกกับโก  เมื่อเจ้าตัวกรวดน้ำเสร็จ

   มันเดินลงไปจากกุฎิอย่างช้า ๆ . . .

   “คนเราไม่มีใครหนีความจริงได้พ้นหรอก  ถึงเราจะหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว  แต่หากหัวใจเราร้อนรุ่ม  มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราดีขึ้นมาหรอก”

   หลวงพ่อหันมาทางผม . . .

   ท่านคงรู้  ว่าผมแอบฟังอยู่  และแค่ไม้กระดานกั้นมีหรือที่ผมไม่ได้ยิน  ผมนั่งนิ่ง  เหมือนโดนจี้ใจดำ  แต่ทำไงได้  ในเมื่อบทเรียนที่ผ่านมา  ผมยังเจ็บอยู่เลย  มันไม่ได้หายไปจากหัวใจผมเลยนี่หว่า

   ผมแค่อยากรู้ . . .

   . . . เวลาจะทำให้ผมลืมทุกอย่างได้หรือไม่

   มันกลับขึ้นมาอีกครั้ง  และนั่งคุยอยู่กับหลวงพ่อ  จนกระทั่งผมหลับไป  ก็บินมาตั้งนาน  ไม่ได้นอนเลย  ผมเหนื่อยเหลือเกิน . . .

   ผมฝันด้วย . . .  

   . . . ฝันเห็นมัน  มันยืนมองผมอยู่  แต่ทำไมแววตามันเศร้า มันเดินมาใกล้ ๆ  ผม   สายตาที่มันมองผม  ผมไม่ชอบเลย แววตามันหดหู่เหมือนคนแบกโลก  ในฝันมันก้มลเอาจมูกจดที่หน้าผากของผม

   กว่าผมจะตื่นก็เกือบเย็น  ผมหลับไปกี่ชั่วโมงหว่า  ไม่รู้เหมือนกัน  รู้แค่ว่า  วันนี้ผมหลับได้เต็มตา  ตลอดระยะเวลาที่อยู่โดฮา  ไม่เคยได้หลับแบบนี้เลย . . .

   “หิวมั้ยอาร์ม”    หลวงพ่อนั่งสมาธิ  หากทำไมรู้ว่าผมลืมตา

   “ยังครับหลวงพ่อ”   ผมลุกขึ้นนั่งชะโงกหน้ามองไปทางด้านนอกของกุฏิ  อยากรู้เหมือนกันว่าที่ตอนที่ผมหลับไปนะ  ฝันหรือเรื่องจริงกันแน่  มันมายืนมองผม  แล้วมันนั่งลงใกล้ ๆ  ผม

   “ไปแล้วล่ะ  ไม่ต้องหาหรอก”

   ผมแปลกใจอีกครั้ง หลวงพ่อรู้ได้ไงหว่า  ทั้ง ๆ  ที่นั่งหลับตาแบบนั้น  ของบางอย่างพูดยาก

   “หลวงพ่อ”  ผมเรียก

   “จะเรียกทำไม  อยู่กันตรงนี้เอง  ของบางอย่างมันรู้ได้ด้วยตัวเองนะอาร์ม  อย่าไปยึดติดกับมันมาก  แรงฐิทิ  แรงแค้น  มันไม่ได้ทำให้หัวใจเราสงบหรอก”

   “หลวงพ่อ  ผมไม่เข้าใจหรอก”

   “มันอยู่ที่ใจของอาร์ม  ถ้าอาร์มเปิดใจอาร์มอาจเห็นที่ใจอาร์มเปิด  แต่ถ้าอาร์มปิดใจ  อาร์มก็ไม่เห็นอะไรหรอก”

   “ครับหลวงพ่อ”

   “เขารู้มั้ย . . .”  ไม่ทันที่ผมจะถามจบประโยค

   “ไม่รู้หรอก  โยมเขาไม่ได้เข้ามาด้านในหรอก แต่อาจจะสงสัย  รองเท้าหน้ากุฎินั่น  แต่ก็ไม่เห็นถามอะไร”

   “ครับหลวงพ่อ”

   “ครับอะไร ครับน่ะคืออะไร  อาร์ม  หลวงพ่อเป็นห่วง . . .”  ท่านลืมตามามอง

   “ห่วง”  ผมมองท่าน

   “จะหนีอีกนานแค่ไหน  ไม่มีวันที่เราหนีหัวใจตัวเองพ้นหรอก  มนุษย์เราถ้าไม่รู้จักปล่อยวาง  มันก็วิ่งไล่ตามกันแบบนี้ไปตนตายจากนั่นแหละ  ความจริงเท่านั้นนะอาร์ม  อาร์มต้องอยู่กับความจริงให้ได้”  ท่านสอนอะไรผมหว่า

   ทำไมสมองกลวง ๆ  ผมไม่ยอมรับคำสอนจากท่านเลยก็ไม่รู้

   “ผมจะพยายามครับหลวงพ่อ”

   “ดีแล้ว หัดทำให้ได้  ไม่มีอะไรที่ดีเท่ากับการชนะหัวใจตัวเองนะอาร์ม  ชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ  ชนะความรัก  ด้วยความไม่รัก  ชนะความหลง  ด้วยการไม่ยึดติด  ถ้าอาร์มทำได้  อาร์มจะมีความสุข  ไม่ร้อนรุ่มกลุ้มใจแบบที่ผ่านมา”

   “ครับหลวงพ่อ”

   กลับมาบ้านคราวนั้น  ผมมีความสุข  ไม่ได้ทุรนทุรายแบบที่ผ่านมา  ผมรู้ว่าหลวงพ่อห่วงผม  และผมเองก็ห่วงท่าน  แต่ไม่รู้ทำไม  หัวใจผมมันไม่ยอมกลับบ้านสักที ทั้ง ๆ  ที่ผมเองก็เห็นด้วยตา  ได้ยินด้วยหู  

   บ่วง . . . ระหว่างมันกับผม

   . . . ตัดกันยาก . .

   หาก . . .  ผมได้แต่บอกตัวเอง

   . . . ขอเวลาอีกสักระยะนึง . . .

   อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ . . . ที่ผมจะเลิกหนีหัวใจตัวเอง




หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: muyong ที่ 02-06-2008 02:30:27
ดีใจมากๆๆเลยอ่านตอนที 37 จบ ตีสองครึ่ง  จะไปนอนแล้ว

เห็นตอนที่38  กรี๊ดๆๆๆๆๆ

เป็นเรื่องแรกที่อ่าน nonstop 

ขอบคุณนะค่ะสำหรับเรื่องราวดีๆๆๆ

ชอบประโยคนี้ค่ะ 
“ดีแล้ว หัดทำให้ได้  ไม่มีอะไรที่ดีเท่ากับการชนะหัวใจตัวเองนะอาร์ม  ชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ  ชนะความรัก  ด้วยความไม่รัก  ชนะความหลง  ด้วยการไม่ยึดติด  ถ้าอาร์มทำได้  อาร์มจะมีความสุข  ไม่ร้อนรุ่มกลุ้มใจแบบที่ผ่านมา”

กว่าพี่อาร์มจะทำใจได้ ยังต้องใช้เวลาตั้งเกือบสองปีกว่า

อ่านตอนนี้แล้วมีความสุข ที่เห็น โก มาดูแลหลวงพ่อแทนพี่อาร์ม

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ ความรักยังอบอวลอยู่ทุกประโยคของพี่เลย

มีความสุขที่ได้อ่านเรื่องราวความรักของพี่นะค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 02-06-2008 06:02:02
 :m15:ซึ้งมากๆ :m15:


 :L2: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 02-06-2008 06:35:00
 :m15: :m15: :m15: :m15:

น้ำตาไหลอีกแล้วครับท่าน แต่ความรู้สึก คือ

ซึ้ง ซึ้ง และ ซึ้งครับ

ศาสนาช่วยได้จริงนะเนี่ย นะ

ต้องเข้าวัดบ่อยๆ ซะแล้ว

รอคุณอาร์ม อยู่นะครับ

ไปทำงาน แระ

 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 02-06-2008 08:55:00
หวัดเดตอนเช้า :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 02-06-2008 09:33:57
กราบหลวงพ่อก่อนนะคะ _/|\_

แก้วได้กลิ่นอายความผูกพันธ์ระหว่างพี่อาร์มและน้องโก ดูเศร้า ๆ
แต่ยังดีใจที่ทั้งพี่อาร์มและน้องโกยังคงไปกราบหลวงพ่อสม่ำเสมอ

ในความเห็นของแก้วนะคะ  
แก้วไม่รู้ว่าน้องโกอธิษฐานอะไรหลังจากที่ได้ถวายสังฆทานแล้ว
แต่คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับพี่อาร์มแน่ ๆ เพราะถวายสังฆทานเนื่องในวันเกิดของพี่อาร์มเอง

แก้วเคยได้ยินมาว่า
แรงอธิษฐานใดใด ถ้ามีบุญมาเป็นฐานแล้ว แรงอธิษฐานนั้นจะมีกำลังสูง(อันเนื่องมาจากบุญ)
โดยเฉพาะถ้าบุญนั้นเป็นบุญใหญ่+แรงอธิษฐานที่ปักแน่นด้วยแล้ว กำลังของแรงอธิษฐานก็จะมาอย่างเร็วชนิดที่ได้ทันเห็นแน่ ๆ

ในระหว่างความรักความผูกพันธ์ของพี่อาร์มและน้องโก
แก้วขอเรียกว่า กรรม-มา-พัน กันนะคะ (จะโดนพี่อาร์มด่ามั้ยเนี่ย ช้านนนนนน  :m29: )
ถึงจะไม่ผูกพันธ์ทางสายเลือด แต่ก็ผูกพันธ์กันโดยสายใยแห่งหัวใจ
แก้วขอพรจากองค์พระธาตุ ขอให้พี่อาร์มและน้องโกมีความสุขนะคะ

 :L2:  :L2:  :L2:


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 02-06-2008 09:38:05
สาธุ หลวงพ่อสั่งสอนดีจริง ๆ

แต่การที่จะปฏิบัติตามที่หลวงพ่อบอกนั้นมันยากจริง ๆ  o7 o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 02-06-2008 09:48:02
ถ้าทำได้ตามที่หลวงพ่อท่านพูดได้ พี่อาร์มคงไม่ต้องทรมานใจแบบนี้
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: TAMAKUNG ที่ 02-06-2008 11:12:41
 :m15: :m15: :m15: :m15:


ทำมายเรื่องนี้มัน เศร้า  แบบนี้เนี่ย



อ่านทีรัย    :m15: :m15: :m15:



ตลอดเลย   อ่ะ


แต่ทำไมไม่รู้     ชอบจัง



เมื่อหรั่ย จาถึง  ตอนที่  ปรับความเข้ามใจกัน  น่ะ


คงซึ้ง  น่าดูแน่เลย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 02-06-2008 11:21:14
เนทเน่า

เมนท์มะได้ซะงั้นตรู

ยังเศร้าได้อีกครับพี่น้อง

 o7

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 02-06-2008 12:22:36
ชิลๆ สบายๆ  :a3: :a3: :a3: :a3:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 02-06-2008 12:49:12
หลวงพ่อเตือนสติเรื่อยๆ
ของบางอย่างรู้นะว่าที่ถูกต้องเป็นยังงัย แต่ทำม่ายได้ :serius2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 02-06-2008 15:37:36
"อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ . . . ที่ผมจะเลิกหนีหัวใจตัวเอง"

หวังว่าถึงตอนนั้น มันคงไม่สายเกินไปนะอาร์ม :เฮ้อ:

ตามมาเปนกำลังใจให้เหมือนเดิมจ้า :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 02-06-2008 15:58:28
ณ.ตอนนี้พี่อาร์มเลิก หนี หัวใจตัวเองหรือยังคะ
กราบอนุโมทนา สาธุกับคำสอนของหลวงพ่อด้วยคนนะคะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 02-06-2008 15:59:54
มาถึงตอนนี้ เรื่องของพี่อาร์มให้แนวทางดำเนินชีวิตได้เยอะเลย

ขอบคุณนะคับที่เอาเรื่องราวประสบการณ์มาแบ่งปันกัน

ชอบจังเลย  แต่ก็ยังเศร้าได้อีก
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 02-06-2008 17:27:22
จริงงด้วย....มีรองเท้าอยู่หน้ากุฎินี่นา.... :laugh:

โกรู้แล้วจะทำอะไรได้....หลวงพ่อก็อยู่...ยังไงพี่อาร์มก็หนีโกได้อยู่ดีคะ....555+

หลวงพ่อน่าร้ากกกกจังเลย....คราวนี้ทั้งปลอบทั้งให้กำลังใจ....พี่อาร์มสู้ๆ.... :bye2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 02-06-2008 18:38:02
หลวงพ่อพูดเตือนสติได้ดีนะคะ

แต่... มันยังเหมือนไม่เข้าใจเท่าที่ควรอ่ะค่ะ

ประมาณพี่อาร์มเลย   เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่ทั้งหมดอ่ะ  แฮ่ๆๆๆ

รอตอนต่อไปอยู่นะคะพี่อาร์ม

สู้ๆค่า o13
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 02-06-2008 18:44:40


ตอนที่  ๓๗




    หลังจากครั้งนั้น  ผมก็กลับเมืองไทยทุกเดือนตามที่มีรูทบินเข้าใจ  และทุกครั้งที่ผมกลับมา  ผมไปหาหลวงพ่อแทบทุกครั้งเหมือนกัน  เพราะผมรู้  นั่นคือสิ่งเดียวที่ผมควรระลึกถึงมากที่สุด  ผมค่อย ๆ  ทำใจยอมรับว่า  ระหว่างผมกับมัน  จบสิ้นกันไปแล้ว  ไม่มีอะไรเกี่ยวเนื่องต่อกันอีก

   เวลา . . .

   . . . มันค่อย ๆ  หลอมให้ผมชาชิน


   การมีอยู่หรือไม่มีโกเมศวร์ . . .

   สำหรับผมมันไม่สำคัญอีกแล้ว  ผมอยู่มาได้โดยไม่มีมัน  แม้ลึก ๆ  ผมจะคิดถึงมัน  แต่ผมรู้  บนผืนโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้  ไม่ใช่มีแค่ผมคนเดียวหรอกที่เจอเรื่องราวแบบนี้  ยังมีคนอีกมากมายที่เจอ . . .

   บางคนอาจจะหนักกว่าที่ผมเจอเสียอีก . . .

   หากมีใครถามผมว่า . . .

   . . .เสียใจกับสิ่งที่ผ่านมามั้ย

   ไม่ครับ . . .

   ผมไม่เคยเสียในกับสิ่งที่ผมทำ  เพราะผมได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผม  ผมได้ทำในสิ่งที่ผมเองยังไม่เคยคิดว่าผมจะทำมันได้   แต่ผมก็ทำได้  ผมทำให้คน ๆ นึงมีชีวิตที่ดีกว่าที่ควรจะเป็น

   แม้บ้างครั้ง . . .

   . . . ในเส้นทางนั้น

   เต็มไปด้วยหยดเลือดและหยาดน้ำตา . . .



   ๓๑   ธันวาคม  ๒๕๕๐


   “เฮ้ย . . .”    เสียงนั่น  ตกใจใหญ่  เมื่อมันเปิดประตูเข้ามา  ผมยิ้มให้มันเพื่อนที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต

   “มาเมื่อไหร่มึง  ไม่โทรบอกกู”  มันปรี่เข้ามานั่งใกล้ ๆ  ผมที่กำลังนั่งดูทีวีในคอนโดของผม  หรือจะเป็นของมันดี

   “เมื่อเช้า”

   “ไม่เจอตั้งเกือบสองปี  มึงนะมึง”   มันผลักหัวผมเบา ๆ 

   “แล้วดีมั้ยล่ะ  กูหล่อขึ้นมั้ย”

   “สัสสสส  ปากดี  แล้วมากี่วันสองอาทิตย์เหรอ  ดี ๆ  กูจะได้ลาพักร้อน  ได้เวลาเที่ยวมั่งแล้วมั้ง”

   “เสียใจเพื่อน  สามสิบชั่วโมง  คัมโฮมต้องรอเมษายนโน่น อีกหลายเดือน  ไม่ได้มางานแต่งมึงเลย  แต่กูมีของขวัญย้อนหลังนะโว้ยอยู่ในห้องมึงนั่นแหละ”  ผมยิ้ม

   “มึงก็รู้  กูแต่งกันเพราะผู้ใหญ่เขาเห็นดีกัน  มิ้นเองเขาก็ไม่อยากขัดใจที่บ้าน”

   “มาทำปากดี  ไอ้มิ้นมันประกาศจองมึงมาตั้งนานแล้ว  วันสิ้นปีแบบนี้มึงกลับมานี่ทำไม  ไม่ไปอยู่กับเมียมึงว่ะ”

   “ไอ้บูติกอะดิ๊  ส่งไปอยู่ญี่ปุ่นอาทิตย์กว่าแล้ว  คนขาด  ต้องไปแทนเขาที่โน่นเดือนนึง”

   แหม . . .  ทำไมตอนที่กูอยู่  ไม่มีแบบนี้วะ  อย่างไกลสุดก็สนามบินสมุยเอง  แต่อย่างว่าเดี๋ยวนี้เขาเริ่มโตแล้ว  สั่งแอร์บัสเข้าประจำฝูงบินเยอะเสียด้วย  โลกหมุนรอบ ๆ  ตัวเอง  อะไร ๆ  ก็โตขึ้นเรื่อย ๆ

   เวลาเปลี่ยนแปลงทุก ๆ  อย่างจริง ๆ

   “มึงเลยสบายดิ๊”

   “เออ  ไอ้โก . . “  มันเอ่ย  หากช้ากว่าผม

   “คุยเรื่องอื่นได้มั้ย” 

   ผมมองหน้ามัน  แววตาผมบอกมัน  ผมไม่พร้อมกับเรื่องที่มันจะคุย  หรือบางที  ผมยังไม่เลิกที่จะวิ่งหนีหัวใจตัวเองกระมัง

   “อะไรว๊ามึง  เกือบสองปีแล้วนะโว้ย”

   “เรื่องของกู . . .”   ผมเริ่มงอนมันแร่ะ 

   “แม่งเอ้ย . . .  กูกลับมาเมืองไทย  แทนที่จะหาเรื่องสบายหู  แต่ดันเอาเรื่องอะไรที่กูไม่อยากฟังมาพูดอยู่ได้”

   ผมไม่อยากรู้เรื่องราวของมันจริง ๆ  หรือแท้จริงแล้วในส่วนลึกของหัวใจผมอยากรู้  แต่ผมกลัวว่าสิ่งที่ผมรู้มันจะทำให้ผมเจ็บปวดกันแน่

   ความจริงมันน่ากลัว . . .

   . . . และผมมันก็พวกกลัวความเป็นจริง

   “ไอ้แดนถามหา  มันบอก  มึงไม่โทรหามันเลย”

   “ก็คุยเอ็มกันออกบ่อย  แม่งแถมส่งเพลงไปให้กูเรื่อย  แต่ละเพลงจิ้ดหัวใจ  สงสัยยังรอกูมั้ง  แต่ก็แค่ทางเอ็ม  เพราะส่วนมากคนที่กูโทรหาที่เมืองไทยมีแค่คนเดียว  คนเดียวที่กูแน่ใจว่ามันจะไม่ทำร้ายกู”  ผมมองหน้ามัน

   เพื่อนรักของผม . . .

   ความหมายมันคงรู้ไม่ต้องแปลกันอีก  เพราะต่างฝ่ายต่างเข้าใจกับความหมายของมันดีอยู่แล้ว  มันยิ้มให้ผม

   “อยู่ที่โน่นไม่มีใครเลยเหรอ”  ไอ้เพื่อนรักมันถาม 

   มันมองหน้าผม  ผมยิ้มให้มันจะตอบยังไงดีหว่า  แค่งานที่ทำก็เหนื่อยแทบขาดใจอยู่แล้ว  จะมีเวลาไปมองใครเขาอีก  ความรักใช่เดินเข้าซุปเปอร์มาเก็ตแล้วหยิบ ๆ  มาซะที่ไหน

   คนรักกัน . . .

   . . . มันต้องมีเวลาให้กัน

   และที่สำคัญ . . .

   . . . ต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน . . .

   “ไม่อ่ะ  ไม่อยากมี”

   “ทำไม”

   “เอ๊ะไอ้นี่  ไม่อยากมีคือไม่อยากมี  ไอ้ทำไมนะ  ถามเพื่อให้ได้อะไรขึ้นมา  คนไม่อยากมี  ก็ถาม  กูไม่มีไม่ดีเหรอมึง  ขืนกูได้ไอ้โพกหัวที่โน่น  กูไม่กลับมาเมืองไทยนะโว้ย  เอาแบบนั้นมั้ยเพื่อน”

   เวลาที่ผมคุยกับมันเหมือนจะทะเลาะกันมากกว่า  นาน ๆ  ครั้งที่จะได้คุยดี ๆ  กับมันสักครั้ง  แล้วเหมือนมันจะรู้ว่าถ้าผมไม่อยากคุยเรื่องไหน  ผมจะพยายามเบรกมัน  แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย

   “เพิ่งไปหาหลวงพ่อมาเมื่อตอนหยุดรัฐธรรมนูญ  กับกับไอ้แดน  กับอีกคน. . .”   มันเล่า  มองหน้าผม  ผมพยักหน้ารับรู้

   “ขอบใจ  ขอบใจที่ทำหน้าที่ลูกที่ดีแทนกู”

   “ท่านแก่ไปเยอะนะอาร์ม   แต่ดีที่มีคนคอยพาไปหาหมอทุกเดือน”    มันพยายามทอดหางตามาที่ผม

   “รู้แล้ว”

   “รู้ได้ไง”

   “กูก็ไปมาเกือบทุกเดือนเหมือนกัน”

   มันมองหน้าผม  ทำหน้าเหมือนจะไม่เชื่อ  หากแต่ผมมองหน้ามันตอบ  ก่อนยักคิ้วให้มัน  ผมจะโกหกมันทำไม  ในเมื่อผมไปมาจริง ๆ

   “พูดเป็นเล่น”

   “ยากตรงไหน  บินลงสุวรรณภูมิตอนก่อนเคารพธงชาติ  แล้วบินไปเชียงใหม่  แค่เดือนละสามสี่พันค่าเครื่องไปหาพ่อกู  ทำไมกูจะจ่ายไม่ได้   อยู่โน่นก็ไม่ได้ใช้อะไรมากอยู่แล้ว  ลำพังงานก็เหนื่อยแทบตาย  จะให้เที่ยวไหนอีกได้   ถือเสียว่าทำอะไรให้หลวงพ่อสบายใจบ้าง   แล้วกลับค่ำ ๆ  มานอนโรงแรม  รุ่งเช้าก็บินต่อกลับโดฮา  ทำออกบ่อย   อย่างที่มึงไปครั้งล่าสุดมึงไปกับใครกูก็รู้  แถมพาหลวงพ่อไปตรวจที่สวนดอก  เห็นมะ  กูไม่ได้อำ  ไม่เชื่อไปคราวหน้าถามหลวงพ่อดิ๊” 

   “ไอ้เหี้ย  มิน่า  ไม่ค่อยกลับมาคอนโด  แถมมีคนบอกว่าเจอมึง”

   “ใคร”  ผมมองหน้ามัน

   “ใครก็ได้ที่มึงไม่อยากเจอ”  มันเล่นลิ้น

   “ก็ดีแล้ว  ไม่เจอดีที่สุด”

   “หลอกหมาเหอะมึง  ไม่เจอดีที่สุด  ถุย  ไม่เคยได้ยินหรือ  ตัดบัวยังเหลือใย  ตัดหัวใจ . . .”

   “เหลือแต่ความเจ็บปวดไง”  ผมต่อแทนมันเสร็จสรรพ

   “ใช่แต่มึงที่เจ็บ  คนอื่นอาจเจ็บยิ่งกว่ามึงก็ได้”

   “เลิกพูดเหอะ  พูดเรื่องนี้ไม่อยากกลับบ้าน  เบื่อ”

   “ใช่ดิ๊เบื่อ  ทำอย่างกะที่นี่ไม่ใช่บ้าน  มาทีเชียงใหม่ ๆ ๆ  ไม่โผล่หัวมาเลย  ไม่รู้เหรอ  ว่าเวลาคิดถึงเพื่อนมันเป็นยังไง”

   “เอ้า  ที่โน่นบ้านกู แล้วเชียงใหม่กรุงเทพฯ   จะบินเวลาไหนล่ะมึงเดี๋ยวนี้มีเกือบสามสิบไฟล์ต่อวัน   บินได้ตลอด”

   “แม่งเอ้ย  มึงนี้มันจอมวางแผนจริง ๆ  กูละเชื่อ”

   “หลวงพ่อแก่มากนะมึง  กลับมาอยู่บ้านเราเหอะ”

   “ยังไม่หมดสัญญา”

   “แล้วเซ็นใหม่เดือนไหน”

   “ปลายเมษา”

   “อยากกลับมามั้ย”

   “ไม่ . . .  ไม่รู้นะ  รู้แค่ว่าอยู่ที่โน่นสบายจะตาย”   

   เชื่อเหอะ  ไอ้เพื่อนรักมันมองไม่เห็นหรอก  ว่าที่ผมพูดมันสวนทางกับความเป็นจริง  เพราะความจริงแล้ว  ที่โน่นนะสุดยอดของความเหงาเลย  มันทรมานมากที่สุดอยู่แล้ว

   แต่ . . . อย่างว่า

   ผมยังไม่รู้เลยว่าจะเอายังไงต่อดี . . .

   จะบอกมันว่าเพิ่งส่งใบสมัครไปที่อเมริกา  ก็กลัวมันจะขังเอาไว้ แบบน้องอั้มขังน้องแอฟ  ในจำเลยรัก  ที่ยิงสปอร์ตถี่ยิบทางช่องสามตอนนี้ก็นะ  แบบนั้นแย่เลย  ก็เลย  ไม่พูดดีกว่า  อีกตั้งหลายเดือนคิดไปก็ปวดหัวเปล่า ๆ   ยังมีเวลาอีกนาน

   ยังไม่มกราคมเลย . . .

   . . . ก็วันนี้มันเดือนสุดท้ายของธันวาคม

   “ออกไปเคาน์ดาวน์กันมั้ย”   

   “ไอ้เพื่อนเลว    กะมอมกูเหรอยากว่ะ  ตอนนี้กูรู้หน้าที่ของกู  มาก่อนเรื่องอื่นใดทั้งหมด  เมาไป พี่เพอร์เชอร์คงให้กูบินหรอก  อย่ามาวางแผน”

   “ไม่ได้มอม  แค่อยากให้ไปผู้คนบ้าง”

   “จะไปไหนมึง  สองทุ่มกว่าเข้าแล้ว    ที่ไหน ๆ  ก็แน่นทั้งนั้นแหละกูว่า”

   “เอาน่า  สักหน่อยเหอะ  อยู่ทำไมที่ห้อง”

   “มึงจะไปไหน  เซ็นทรัลเวิร์ลเหรอ  ไม่กลัวระเบิดเหรอ”  ผมยิ้ม  ก็ปีที่มีการยึดอำนาจ  เจอตั้งหลายลูกทั่วกรุง 

   “งั้นไปนั่งหาอะไรกินเบา ๆ  มั้ย  เลือกร้านมาเลย  กูเลี้ยงเอง”

   “เลี้ยงกูจริงอ่ะ”  ผมมองหน้ามัน

   “เอ้าจริง ๆ  จะไปไม่ไป  ลีลา”

   “ไปก็ไป . . . ให้กูเลือกร้านใช่มั้ย”

   “อือ”

   ผมยิ้มให้มันแบบมีเล่ห์  เพราะผมนะไม่อยากออกไปเท่าไหร่หรอก  แต่หากมันอยากให้ออก  ก็ไปได้  แต่รับรอง  ถ้าผมเลือกร้าน  มันอาจคิดนาน  และพาลจะไม่ไปเสียด้วยซ้ำ

   “ตกลงคิดได้ยังจะเอาร้านไหน”

   “ร้านเดิม”

   “ร้านไหนว่ะ” 

   “ร้านที่กูกระโดดให้รถชน  อยากไป  ยังไม่เจ๊งใช่มั้ย”   ผมยิ้มให้มัน

   “สัสสสสสสส  นอนเหอะ  ไปร้านนั้นทีไรหวาดหวั่น   ยิ่งไปกับมึงด้วยแล้ว  ไม่เอาหรอก  ไม่อยากไป”

   “ดีมากงั้นนอน . . . เพราะพรุ่งนี้กูมีบินไฟลท์บ่าย ต้องไปเช็คเอ้าท์ที่โรงแรมเที่ยงว่ะ  ไว้คราวหน้าเพื่อน  คัมโฮม  อยากไปไหนไปหมด”

   “ได้ . . . แต่คืนนี้กูนอนกับมึงได้มั้ยว่ะ  อยากนอนคุย  ไม่ได้เจอตั้งเกือบสองปี  คิดถึงชิบหาย”

   “เออ  แต่ถ้าคิดถึงกูแล้วกูชิบหาย  ไม่ต้องคิดถึงกูก็ได้”  ผมยิ้มให้มัน  บางทีผมอาจจะหายกลัวเมืองไทยแล้วก็ได้

   คืนนั้นผมนอนคุยกับมันข้ามปี . . .

   เหมือนที่มีคนบอก . . .   

   เด็ก ๆ  มักจะคิดว่า  พรุ่งนี้ไปไหน  ตื่นมาจะไปวิ่งเล่นกับใคร  ไปเรียน  ไปโน่นไปนี่  หาก  คนที่อยู่ในวัยแบบผม  เริ่มมองถึงสิ่งที่ผ่านมา  สมัยเรียนมหาวิทยาลัยสนุกแบบนั้น  มีเรื่องนี้ให้ยิ้ม  อะไรมากมายที่อยู่ในความทรงจำ  เด็กจะนึกถึงพรุ่งนี้เสมอ . . .

   หาก . . .

   . . . ผู้ใหญ่  ชอบคิดถึงวันเมื่อวาน

   ผมตื่นมาเกือบสิบโมงเช้า   เพื่อเตรียมไปทำงานต่อ  บางทีก็เบื่อนะ  งานที่ทำ  มันไม่ได้สนุกเลย  มันน่าเบื่อหน่าย  ไปถึงก็ประชุมกับลูกเรือทั้งหมด  ทบทวนกฎต่าง ๆ กับพี่เพอร์เชอร์  แล้วพอเข้าไปในเคบิน  ต้องตรวจดูความเรียบร้อย  คอยผสมเครื่องดื่ม  เช็คจำนวนว่ามีพอมั้ย  งานที่น่าซ้ำซากสำหรับผม 

   แต่ . . . ถ้าผมไม่ทำ  จะทำอะไรดี

   “ไอ้อาร์ม . . .”

   ไอ้เพื่อนรักมันเรียก  เมื่อผมแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว  มันมองหน้าผมเหมือนมีความลับที่จะบอก

   “มีบินเข้าไทยอีกเมื่อไหร่”

   “เดือนนี้  ราวยี่สิบกว่า ๆ  มั้ง  ไม่แน่ใจ  ต้องเช็คอีกที”

   “แลกได้มั้ย  แบบถ้ามีธุระที่เมืองไทยอะไรแบบนี้”    เสียงมันเบา ๆ 

   “มึงเป็นอะไร  มีอะไรก็พูดมา  ทำไมจะแลกไม่ได้  บอกก่อนสักอาทิตย์นึง  เขาก็เปลี่ยนตารางให้อยู่หรอก  เพราะถ้ามีธุระ  ก็ได้”

   ทำไมจะไม่ได้ . . . 

   ก็ปีแรกที่ผมมีรูทบินเข้าใจ  ผมประกาศในหมู่ลูกเรือคนไทย  ใครอยากกลับบ้านมาแลกกับผม  มีแต่คนอยากกลับทั้งนั้น  มีแต่ผมนี่แหละ  บ้าหนีเมืองไทยอยู่คนเดียว  แล้วถ้าเกิดผมมีธุระจริง ๆ  ทำไมเขาจะไม่ให้บินกลับล่ะ

   “มางานรับปริญญาได้มั้ย”

   “ใครรับ”

   “ไอ้โก”

   มันมองหน้าผม  เหมือนไม่แน่ใจว่าจะพูดเรื่องนี้ดีมั้ย  หากผมหรือ  ตอนนั้นหัวใจผมพองโต  ดีใจนะที่มันมีวันนั้นจนได้  ถึงแม้จะช้าไปปีนึงก็เหอะ

   “บ้าพระจอมรับไปตั้งแต่ปลายปี”

   “สมเด็จฯ  ติดภารกิจ  มารับยี่สิบเอ็ดมั้ง  ไม่แน่ใจ  เดี๋ยวกูส่งวันที่แน่นอนเข้าเมล์ให้มึงอีกที  มาได้มั้ย”

   “ไม่มา  มาทำไม”  ผมมองหน้ามัน

   “ไอ้อาร์ม . . .”  มันเดินมาจ้องหน้าผมเอาไว้

   “. . . มึงลองคิดถึงหัวใจคนอื่นบ้าง   ลองเอาหัวใจคนที่มึงรัก  มาใส่ในหัวใจมึง  ลองมองในมุมที่มันมองบ้าง  อย่ามองแค่มุมที่หัวใจตัวเองอยากให้เป็น”

   “อะไรของมึง”  ผมหลบสายตามัน

   ใช่ !

   ผมกลัวความจริง  เพราะความจริงทั้งหลายที่ผมเจอ  มีแต่ความเจ็บปวด  วันนี้ผมทุเลาลง  แม้มันจะไม่หายสนิท  แต่มันไม่ได้ทุรนทุรายแบบที่ผ่านมา  ผมไม่อยากเจอ  ไม่อยากเจ็บปวดแบบเมื่อวันก่อนอีก

    “ฟังกูหน่อยนะเพื่อน  ฟังกูสักนิด”  มันจับสองมือผใมเขย่า

   ผมมองหน้ามัน  ทำไมมันจริงจังกับเรื่องราวของไอ้โกมากนัก  มันทำอย่างกับว่าเรื่องที่ผ่านมาเป็นเรื่องเล็ก ๆ  ที่ผมจะปล่อยให้อะไรมันผ่านเลยไป  โดยที่ไม่รู้สึกรู้สาว่าหัวใจที่เจ็บปวดมันเป็นอย่างไร

   “มันมีวันนั้นได้เพราะมึง  มันคงอยากเห็นมึงมา  ในวันที่มันเดินมาถึงจุดนี้   มึงลองคิดถึงความรู้สึกของคนที่ยืนปลายทางแล้วมองไม่เห็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตนะอาร์ม   ถ้ามึงไม่มา มันจะเสียใจขนาดไหน  มึงนะโตแล้ว  ลองคิดดูให้ดี”

   “แค่นี้ใช่มั้ย  กูไปแล้วนะ”

   “ไอ้อาร์ม   ใจแข็งนักวะ  ไอ้เพื่อนเหี้ย”  มันด่าผมตามหลัง

   ผมเดินหนีออกมาเลย  ทำไมผมจะไม่คิด  ผมคิดเหมือนกัน  คิดมาตลอด และผมก็รู้ว่ามันยังไม่ได้รับปริญญา  เพราะมันช้าไปเทอมนึง  เลยทำให้ต้องมารับกับปีถัดมา 

   ทุกอย่างไม่ใช่ผม . . .

   . . . แต่เป็นมัน

   มันทำตัวเอง  มันทำตัวของมันเองต่างหาก  ในวันที่ผมอยู่ข้าง ๆ  มัน  มันเคยที่จะมองหัวใจของผมบ้างมั้ย  แล้ววันนี้ . . . 

   . . . จะให้ผมเดินไปหามันหรือ

   “เลิกคุยเรื่องนี้เหอะเพื่อน  ไว้เจอกันคัมโฮม”  ผมหันมายิ้มให้มันก่อนออกมาจากห้อง

   สิ่งที่ไอ้เพื่อนรักพูด  มันรบกวนหัวใจของผมจริง ๆ  เหมือนตะกอนก้นแก้วโดนกวนให้ขุ่นขึ้นมาอีกครั้ง  ผมมาทำงานด้วยหัวใจที่ว้าวุ่น  นี่ผมกำลังทำถูกหรือผิดกันแน่  ผมไม่รู้ว่าที่ผ่านมาผมทำเพื่อนมัน  หรือผมทำเพื่อตัวเอง

   ผมรักมัน . . .

   รักแบบไหน ?

   . . .ที่ผมอยากเห็นมันได้เรียน

   เกี่ยวกันมั้ยกับที่มันต้องรักผม

   หลากหลายคำถามที่มันเกิดขึ้นมากับผม  ผมพยายามทำตัวให้นิ่ง  ให้สงบมากที่สุด  เพื่อคิดเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด

   แล้วผมก็ได้คำตอบ . . .

   . . . คำตอบของหัวใจ 




   ศูนย์แสดงสินค้าไบเทคบางนาคลาคล่ำไปด้วยผู้คน  ที่แน่นขนัด จนดูเหมือนกับว่าที่นี่จะคับแคบลงไปถนัดตา  รถติดตั้งแต่ตอนที่เริ่มเข้ามาทางศูนย์แสดงสินค้า  ผมเหรอ  ใจเต้นตุ่ม ๆ  กลัวเป็นที่สุด

   “อาร์ม  แกแน่ใจนะโว้ย  ว่าไม่เจอแน่ ๆ”  ผมมองหน้าน้องอาร์มเล็ก  ที่ผมลงทุนออกตั๋วเครื่องไปกลับ  สิงคโปร์  กรุงเทพฯ   ก็มันมีรูทบินลงสิงคโปร์  แล้วได้หยุดที่นั่นห้าวัน 

   ที่จริงการออกนอกประเทศแบบนี้ผิดกฎบริษัท  แต่ไอ้อาร์มเล็กมันเชี่ยว  มันหาช่องได้เสมอ  อีกอย่างมันบอก  ไม่แคร์  เบื่อที่นี่จะแย่อยู่แล้ว  ถ้าเขาเรื่องมากก็ออก  เอากับมันดิ๊

   อย่าว่าแต่มันเลย . . .  ผมก็เคย

   สิงคโปร์ . . . เชียงใหม่   บินออกบ่อย อิอิอิ

   “ที่จริงเดินเข้าไปหามัน  ไปถ่ายรูปกับมันก็สิ้นเรื่องแล้ว  ทำแบบนี้ให้ยุ่งทำไม”

   “ไม่กล้านี่หว่า  ไม่เจอกันตั้งสองปี  ไม่รู้มันมีลูกมีเมียหรือยัง  ทะเล่อทะล่าเข้าไป  ไม่รู้หัวใจตัวเองจะรับได้แค่ไหนอ่ะดิ”

   “ครับท่านพี่  เลยต้องแอบมามองมันนี่นะ  ถ้าผมเป็นมันนะ  ผมรักพี่ตายเลย  ทำอะไรมากมายมาตั้งแต่ต้น  แถมที่ปากแข็งบอกไม่มา ๆ  แต่พอไปถึง  ขอแลกไฟลท์ใหญ่เลย คนเรานะคนเรา  ปากแข็งไปได้”

   “เออดิ๊  ทำไงได้    อย่าบ่นได้มั้ย”

   “เอาน่า  ผมก็ลูกพระจอมฯ  นะพี่  รับที่นี่เหมือนกัน   ผมรับรอง ถ้าพี่ไม่อยากให้มันเจอ  มันจะไม่มีวันเจอพี่เด็ดขาด  ผมจะทำทุกวิถีทางที่มันจะไม่สามารถมองเห็นพี่  โอเคมะพี่”  มันพูดจนผมมั่นใจกับมัน

   แต่ . . .

   . . . หัวใจผม  มันเต้นระส่ำ

   กลัว . . . จะเจอมัน

   ทั้ง ๆ  ที่ผมอยากมาเห็นมัน  อยากเห็นครุยแดง  สิ่งที่ผมหวังเอาไว้ตลอดตั้งแต่ต้น  วันนี้  ผมจะได้เห็นมัน  ได้เห็นทั้งสองตา

   เมื่อเข้ามาด้านใน  ผมต้องใส่หมวก  ใส่แว่นดำ  ประมาณว่าพรางตัวเองเอาไว้ก่อน  แถมเวลาเดินก้มหน้าหงุด  ไม่กล้าที่จะมองหน้าใคร  กลัวเจอมัน  กลัวเจอญาติพี่น้องของมัน  ถ้าแบบนั้น  ผมไม่รู้จะตอบคำถามมันยังไงเหมือนกัน

   “ไปพี่รู้แล้วมันอยู่ที่ไหน”

   อาร์มเล็กมันฉลาดเป็นกรด มันเอาเครื่องมันโทรเข้าเครื่องไอ้โก  หลอกถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว  เวลาวุ่น ๆ  แบบนี้  มันบอกว่า  คนรับปริญญาไม่สังเกตหรอกว่าใครโทรเข้ามา  เพราะคนที่มาแสดงความยินดีมากมาย

   มันจูงมือผมเดินแทรกฝ่าฝูงคนมาจนได้ . . .

   . . . คนที่อยู่ในครุยแดง

   ผมเห็น  จำได้ดี  ภาพนั้นอยู่ในหัวใจผมเสมอ  คนที่ผมไม่เคยลืม  คนเดียวกับที่เคยวิ่งตามผมตะรอน ๆ ที่ปาย

   แววตาผมร้อนผ่าว  ผมดีใจอย่างบอกไม่ถูก  ดีใจที่ได้เห็นมัน  วันนี้มันถึงฝั่งแบบที่ผมหวังเอาไว้    รอบ ๆ  ตัวมันมีแต่คนที่ผมรู้จัก  แม่ของมัน  ยายของมัน ตาของมัน  น้า ๆ  ญาติโกโหติกาของมันมารายล้อมมันอยู่เต็มไปหมด

   ที่สำคัญ . . .

   พ่อมันก็มา  หลังจากที่แกหายไปร่วมสามปี

   อย่างน้อยที่สุด . . .

   . . . ผมทำสิ่งที่ดีให้กับมัน  และผมแน่ใจ  ผมจะไม่มีวันทำแบบนี้กับใครอีกเป็นเด็ดขาด  เพราะผมรู้แล้ว

   ความรัก . . .

   . . . ฤๅ

   ความผูกพัน . . .

   หากอยู่กับเรา  มันตัดยาก  มันพร้อมที่จะทำให้เราเจ็บปวดได้ตลอดเวลา  สิ่งที่ผ่านมามันบอกผมเสมอ  อย่าทะลึ่งไปรักใครอีก  เจ็บครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว  หัวใจเป็นก้อนเนื้อนะ  อย่าให้มันบอบช้ำมากว่านี้อีกเลย

   นั่น . . . 

   ไอ้เพื่อนรักของผม  มากับไอ้แดน 

   ผมมองมันเดินไปถ่ายรูปกับไอ้โอ๋น้ำตาผมเอ่อ   ผมอิจฉามันสองคนจังเลย  ไอ้เพื่อนรักของผม  ถ้าวันนั้นไม่มีเรื่องบ้า ๆ  วันนี้  ผมคงได้ไปยืนใกล้ ๆ  มัน  ได้ยิ้มกับวันที่มันเป็นบัณฑิตเต็มตัว  ไม่ต้องคอยมาแอบมองมันแบบนี้

   โกมันหันไปหันมา . . . 

   . . . เหมือนรอใครบางคน

   แต่คงไม่ใช่ผมหรอก . . .

   สำหรับผม  คงเป็นคนนอกของชีวิตมันไปแล้ว  ผมไม่ได้มีความสำคัญกับมันมากขนาดนั้น  ผมยืนมองคนโน้นคนนี้เข้าไปถ่ายรูปกับมัน    แอบอิจฉาเขาลึก ๆ  แต่ก็นะ  ถ้าไม่มีผม  เขาเหล่านั้นไม่มีวันได้ถ่ายรูปกับมันหรอก  ผมได้แต่บอกตัวเอง  ผมยิ้มทั้งน้ำตาเป็นสุขที่สุดแล้ววันนี้

   “พี่อาร์ม  คนนั้นมะ”

   “อืม”  อาร์มเล็กมันเคยเห็น รูปของโกเมศวร์  ผมเคยเอารู้ให้มันดูหลายครั้งแล้ว 

   “แต่คนที่อยู่ใกล้มันคนขาว ๆ  หล่อจังพี่”

   “ไอ้แดน”

   “อูยพี่  หล่อกว่าที่ผมคิดเอาไว้อีก  มีแฟนยังไม่รู้”

   “ยังมั้งก่อนพี่ไป  มันยังโสด  สนใจมั้ยล่ะ  พี่ติดต่อให้นะ”

   “เอาจริง ๆ  นะพี่  ไม่ไหวแล้วพี่  เห็นพี่แดนยิ้มแล้วน่ารัก  โอเคเดี๋ยวผมไปจัดการให้พี่เอง”   มันหันมายิ้ม

   “เฮ้ยทำไร”

   “น่าพี่  เชื่อใจผมเหอะ”  มันหันมายักคิ้ว  ก่อนที่จะเนียน ๆ  เดินไปถ่ายรูปโกเมศวร์  ผมมองภาพนั้น  น้ำตาไหล 

   วันนี้มันหล่อบาดใจเลย  ครุยสีแดงหมากสุก  ทำให้มันหล่อเหลือเกิน  ผมยิ้มเหมือนคนบ้า  มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นมันในชุดนี้  ผมอยากเห็นมันแค่นี้ 

   แค่นี้เท่านั้นมิใช่หรือ . . .   

   วันนี้ . . . วันที่มันเลือกทางที่จะเดินเอง   วันที่มันเดินได้อย่างเต็มภาคภูมิ  ต่อจากนี้  มันจะเลือกอะไร  ผมก็คงหมดห่วงแล้ว

   ผมมาส่งมันถึงฝั่งอย่างปลอดภัย . . .

   . . . แม้ผม

    เกือบตายในกลางน้ำ  แต่มันปลอดภัย  คนที่ผมรักมากที่สุด  ไปถึงฝั่ง  ไปยังสิ่งที่ทุก ๆ  คนในบ้านมันคาดหวัง  ทุกคนคาดหวังกับมันคนแรกของครอบครัวที่ได้รับปริญญา

   ผมไม่รู้เหมือนกัน  คนอื่นเคยเป็นแบบผมมั้ย

   แต่ . . . สำหรับผม

   วันนี้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุด  วันนี้คือวันที่ผมหมดห่วง  สิ่งที่ผมเคยยึดติดเอาไว้  จะได้วางลงอย่างดีที่สุดแล้ว ผมทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแบบที่ผมอยากทำแล้วล่ะ 

   ผมยิ้มนะ . . . 

   หากแต่ . . . มีน้ำตา 

   ไม่ใช่น้ำตาของความเสียใจเหมือนที่ผ่านมา  แต่เป็นน้ำตาที่ผมรู้ว่า  ผมไม่ใช่คนที่อยากดึงมันเอาไว้เพื่ออยู่กับผมตลอดชีวิต  แต่ผมอยากเห็นมันมีชีวิตที่ดี  ที่เป็นของมัน  สิ่งนี้กระมังที่ผมหวังกับมันตั้งแต่ครั้งแรกที่ชวนมันมาเรียน

   “พี่  เดินตามมันมาเรื่อย ๆ  แล้วถ้าผมส่งสัญญาณพี่ไปทางหลังมันนะ”

   ไอ้จอมวางแผน  มันนัดแนะกับผมเอาไว้แล้ว  ว่าจะหาทางถ่ายรูปคู่กับไอ้โกเมศวร์ให้ได้  ผมแปลกใจ  จะทำได้อย่างไร  แบบนั้นมันก็รู้หมดสิ  ว่าผมมา  แล้วในเวลานี้ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอมัน

   “น่าพี่  เชื่อผม  กล้องผมจับโฟกัสได้หลายจุด  พี่ห่างมันสักเมตร  ไม่มีใครสงสัยหรอกน่าคนออกจะเยอะขนาดนี้  ถ้ามันเห็นพี่ก็รีบหลบแล้วแทรกหายไปกับฝูงคน รับรองตามกันไม่เจอหรอก”  มันบอกผมแบบนั้น

   ผมเชื่อมัน . . .

   . . . เพราะผมเองก็อยากมีรูปถ่ายกับมัน

   สนุกดีเหมือนกันนี่หว่า  กับการคอยแอบใคร  มันเนียนมาก  มันสามารถทำตามที่มันบอกได้ตั้งสิบกว่ารูป  โดยที่โกมันไม่รู้ตัวหรือสงสัยแม้แต่น้อย  ผมเดินตามไปเรื่อย ๆ  แถมยังต้องคอยหลบญาติ ๆ  มันกับได้เพื่อนรักผมอีก

   เวลาที่เราแอบทำมันสนุกแบบนี้นี่เอง . . .

   มันตื่นเต้น  คอยลุ้นอยู่ตลอดเวลา  ว่าเขาจะจับได้มั้ย  มิน่า  ที่ผ่านมา  ใครต่อใครมักจะแอบลักกินขโมยกิน  ความสุขมันอยู่ที่การได้แอบไม่ให้เขาจับได้นี่แหละ 

   ผมเดินตามมันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย . .

   จนเขาเรียกมันเข้าหอประชุมนั่นแหละ . . . ไอ้อาร์มถึงมานั่งหอบใกล้ ๆ  กับผม  มันเอากล้องมานั่งดูกับผม  ผมยิ้มกว้าง  เมื่อเห็นภาพคนที่ผมรัก

   . . . ครุยแดง . . .

   ผมทำได้นะ  ผมทำได้  ผมทำในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดว่าจะทำแบบนี้ได้  แต่ผมทำสำเร็จ  วันนี้มันจะนึกถึงผมมั้ยนะ  มันจะคิดถึงคนแบบผมหรือเปล่า . . .

   “ทำไมมีรูปแดนเยอะจัง”  ผมกดเลื่อนรูปไปทีละรูป

   “เยอะที่ไหน  นิดเดียวเอง”

   “ชอบมันมั้ยล่ะ  เดี๋ยวคราวหน้ามีบินมาไทยพร้อมกันจะนัดมันกินข้าว”

   “บ้าพี่อาร์ม  เขาไม่มองผมหรอก  แต่ถ้าได้ก็ดีนะพี่  ฟังจากที่พี่เล่า  ใครได้พี่แดนเป็นแฟนนี่สุดยอดเลย”

   “รูปนี้สวยจัง”  ผมหยุดที่รูปนั้น

   คนที่ยืนขนาบซ้ายขวาของคนใส่ครุยสีหมากสุก . . .ไอ้เพื่อนรักกับไอ้แดน  ทั้งสามคนยิ้มกว้าง  ผมยิ้มกับภาพที่เห็น  เพราะอย่างน้อยที่สุด  คนที่ยืนเด่นหลังไอ้เพื่อนรักไม่ไกลกันเท่าไหร่ . . . ผมเอง

   ภาพที่ผมมองจากทีวีวงจรปิด . . .

   . . . สมเด็จฯ  พระราชทานปริญญาบัตร . . . 

   มันไม่น่าเบื่อเลย  นั่นไง  ผมเห็นแล้ว  เวลาที่ผมรอคอยมาตลอดสิบปี  คนที่ยืนยืนก้มหน้านิ่ง  ต่อหน้าพระพักตร์ก่อนยกมือไปรับใบปริญญาจากพระหัตถ์ของสมเด็จฯ

   ผมยิ้มทั้งน้ำตา . . .

   . . . วันนี้ผมมีความสุขที่สุด  สุขจนแทบทะลักออกมาจากหัวใจอยู่แล้ว 

   วันที่ผมรอคอยสิ้นสุดลงแล้ว . . .


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 02-06-2008 18:49:33



ลืมบอกไป . . .

มาเจอกันอีกครั้ง  ๗  วันข้างหน้านะครับ


เพราะมันคงเดินมาถึงจุดสุดท้ายแล้วจริง ๆ  . . .

สำหรับแฟนพันธุ์แท้เรื่องนี้จะได้รับตอนอวสานภายใน  ๕  วันนี้นะครับ  ใครที่รู้ตัวว่าจะได้  ที่ยังไม่  pm  เมล์เข้ามา  ส่งเมล์มาให้ผมด้วยนะครับ  ไม่อย่างนั้น ผมไม่รู้ส่งไปที่ไหนอ่ะครับ


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . กŭ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 02-06-2008 18:56:30
จิ้ม

ฉึก

ฉีกเลย

55555

 :m20:

เด่วมาเมนท์ แปะไว้ก่อน ติดอีกเรื่องอยู่
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 02-06-2008 18:58:22
ว่าแต่ น้องโก จบพระจอมไหนน้อนี่
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: muyong ที่ 02-06-2008 18:59:43
ตอนที่39 แล้ว

ใกล้จบแล้วเหรอค่ะ   o7

พี่อาร์ม  ทำให้หนูยิ้มได้พร้อมน้ำตา

โก ต้องเห็นรูปพี่อาร์มแน่เลย  ถ้าโกดูรูปที่ถ่ายพร้อมพี่โอ๋ พี่แดน

ขนลุกเลยอ่านถึงตอนนี้ ถึงพี่จะมาแบบแอบซ่อน

แต่หลักฐานมัดตัวแน่นหนานะพี่

ขอhappy ending นะค่ะ เพราะเรื่องจริงบางครั้งก็ยิ่งกว่านิยายอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 02-06-2008 19:01:52
 o7 มาถึงบทสุดท้ายแล้ว...


เจ็ดวัน จะรอคอยค่ะ ไม่ได้อ่านก่อนหรือไรก็จะรอ  :oni2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 02-06-2008 19:09:58
อะไรเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย จะมาถึงจุดจบแล้วเหรออออออออออออออ

ปล.ไม่แน่ใจว่า pm เมลล์ไปยัง เดี่ยวส่งอีกรอบเพื่อความชัวร์ดีกว่า อิอิ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 02-06-2008 19:24:39
โอย...ซึ้งจับจิตเลยพี่ o7



ลืมบอกไป . . .

มาเจอกันอีกครั้ง  ๗  วันข้างหน้านะครับ


เพราะมันคงเดินมาถึงจุดสุดท้ายแล้วจริง ๆ  . . .

สำหรับแฟนพันธุ์แท้เรื่องนี้จะได้รับตอนอวสานภายใน  ๕  วันนี้นะครับ  ใครที่รู้ตัวว่าจะได้  ที่ยังไม่  pm  เมล์เข้ามา  ส่งเมล์มาให้ผมด้วยนะครับ  ไม่อย่างนั้น ผมไม่รู้ส่งไปที่ไหนอ่ะครับ





แล้วจารู้ได้งัยหว่า?????
จะจบแล้วให้กำลังใจกับพี่อาร์มเหมือนเดิม :L2: :L2:อาจจะน้อยนิดแต่ไม่ น้อยค่า จริงไหมคะ
ปล.ขอให้พี่อาร์มมีความสุขมากๆนะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ  :m1:
ปลล.7วันเจอกันพี่ อิอิ :bye2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 02-06-2008 19:31:38
ม่ายยยยยยยยยยย

รออีกทีจันทร์หน้าแน่ะT^T!!

แต่ทำได้ค่ะ

อยากรู้ว่าพี่อาร์มกำลังทำอะไรอยู่ในตอนจบ

เป็นกำลังใจให้พี่น๊า o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Donpopper ที่ 02-06-2008 19:37:12
ไม่อยากให้จบเลยอ่า


บทสุดท้ายจะเป็นยังจะรออ่านนะครับ
 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
ชอบเรื่องนี้จัง
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 02-06-2008 19:46:23
หืม...เรื่องมาถึงตอนก่อนอวสานแล้วหรอ??

ตอนนี้อ่านแล้วอบอุ่นจัง อ่านแล้วคิดถึงพ่อแม่ พ่อแม่เราก้อคงรอวันนี้ของเราเหมือนที่พี่อาร์มรอวันนี้ของโก :กอด1:

พี่คงภูมิใจสุดๆไปเลยเนอะ ที่ชีวิตๆหนึ่งที่เรารักมีวันนี้ได้ก้อเพราะเรา การเปนเรือข้ามฝากมันดียังงี้นี่เอง ถึงตัวเหนื่อย แต่เหนคนที่เราพาข้ามไป ถึงฝั่งโดยดีมันก้อหายเหนื่อยเนอะ :sleep2:

พบกันอีกเจ็ดวันนะคะพี่ รออยู่ค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 02-06-2008 19:53:37
อยากให้เป็นตอนจบที่มีความสุข ทุกคนเลย   :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naja ที่ 02-06-2008 22:12:58
อ่านเมื่อวานวันแรก นั่งอ่านถึงตีสอง ไปทำงานตาปูดเชียว ไหงพอมาวันนี้ก้อจะจบซะแร๊ะ  :a6:

รู้ป่ะ อ่านแล้วเมื่อคืนเครียดไปเรย แต่ชอบนะครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ

และขอกำลัใจให้คนอ่าน ได้รู้สึกว่าโลกนี้น่าอยู่ รักแท้ ยังมีจริง ชีวิตที่มีคนอยู่้ข้ากายยังพอมีหวัง

พูดง่ายๆ กลับมาคืนดีกับนายโกเหอะ  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 02-06-2008 22:16:26
 :m15: จะจบแล้ว...เหรอฮะ
เฮ้อ.....อ่านตอนนี้แล้วแอบอิจฉาโก...อ่ะ...
นับถือน้ำใจพี่อาร์มค้าบ.. o13
ว่าแล้ว :กอด1:
..แว้บ...... :m32:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Black Angel ที่ 02-06-2008 22:19:09
 :m15: :m15: :m15: :m15:

จะจบแล้วเหรอ แล้วคุณอาร์มจะเข้ามาในบอร์ดอีกหรือเปล่าอ่ะ

ไม่รู้นะ รู้สึกผูกพัน ยังไงไม่รู้ อยากให้อยูด้วยกันนาน ๆ อ่ะ

แล้วจะได้ทราบข่าว คราวคุณอาร์มได้ไง อ่ะ

 o2 o2 o2 o2 o2 o2 o2 o2 o2
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 02-06-2008 22:38:05
อิ่มอกอิ่มใจจริงๆๆๆๆ  ที่ได้เห็นคนที่เรารักได้ทำมนสิ่งมี่รอรอมาตลอด แบบนี้

สุขใจจริงๆๆๆ   อย่างที่เค้าว่ากันว่า การที่เรารักใครสักคน  ไม่จำเป็นที่จะต้องครอบครองเค้า 

เพียงเห็นเค้ามีความสุขในสิ่งที่เค้าทำ สิ่งที่เค้าชอบ แค่นี้เราก็สุขใจแล้ว 

ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน  แค่มองดูห่างๆๆ  และคอยเป็นห่วงเป็นใยอยู่ไกลๆ  นี่แหละก็เป็นความสุขได้เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 02-06-2008 23:36:01
ได้ครับ เพื่อพี่อาร์มจะรออีกเจ็ดวัน จะเค้าท์ดาวน์ด้วยดีกว่า อิอิ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 03-06-2008 00:11:54
ถ่ายรูปในงานได้ สุดยอด
งานนี้ยกนิ้วให้อาร์มเล็ก  o13
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 03-06-2008 00:36:30
เอ....แล้วน้องแดนของพี่อาร์มเสร็จน้องอาร์มเล็กไปรึยังเนี่ย o7
 :laugh: :laugh:
รอต่อไปอีกเจ็ดวัน  พี่อาร์มจะมาเฉลยรึเปล่าน้อ......
หวังว่า...จะจบแบบhappyนะ :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 03-06-2008 00:51:15
'ผมรับรอง ถ้าพี่ไม่อยากให้มันเจอ  พี่จะไม่ได้เจอเด็ดขาด'

เอิ่มมม.....มีงี้ด้วยหยอออ....แอบงง......... o2

แต่น้องอาร์มทำได้จิงๆเน้ออ......แถมได้ถ่ายรูปด้วยอีกตะหากก....เนียนสุดๆเลยคะ....... :laugh:

พี่อาร์มจะแนะนำน้องอาร์มกะแดนหรอเนี่ย...

อืมมม......ไม่ดีม้างงง....(.แอบหวงแดน.._).....^^

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 03-06-2008 01:45:12
หวัดเดตอนเช้า :m13: :m13:




น้อง (หรือพี่)  คนนี้ . . .

ส่งเมล์เข้า  PM  ผมด้วยครับ

เพราะท่านจะได้รับฉบับสมบูรณ์ไม่เกินวันพฤหัสบดีครับผม  รับรองว่ามีครบตั้งแต่ตอนแรกยันตอนสุดท้ายเลยนะครับ





หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 03-06-2008 01:45:58
แอบๆมาอ่าน    :m22:


.

.

.

.

 :m32:  แล้วก้อย่องๆออกไป
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 03-06-2008 02:09:08
จะจบไงน๊า ว่าไปเรื่องนี้อีกเพลงที่ควรจะเป็น ซาวน์แทร็กก็เพลง เกิดมาแค่รักกัน ของที่โรสร้องก็น่าจะเข้านะนี่
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 03-06-2008 02:09:33
แอบๆมาอ่าน    :m22:


.

.

.

.

 :m32:  แล้วก้อย่องๆออกไป



อีแอบ . . .


อิอิอิ


. . . สาแก่ใจกูนัก


ปล.  ไปกินโชคดีติ่มซำมา  อร่อยจริง ๆ  อิ่มจังตังค์อยู่ครบ ไอ้เข้มหน้าหวานเลี้ยง

แค่ค่าน้ำมันไปกลับนี่ดิ๊  มากกว่าค่าติ่มซำอีกมะเนี่ย


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 03-06-2008 02:53:23
^
^
^


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด....ด พี่ต้น ว่านุ้งซินคนฉวยได้ไง เช๊อะๆ   :a14:



ว่าตะ พี่ต้น เลี้ยง นุ้งซินด้วยจิ อยากกิน นะๆๆๆ ( ทำตาบ๊องแบ๊ว....  สุดริด )  :impress:



ป๋อล๋อ*  คุนพี่ราชบุตรค๊าบบบ...บ  จะรีบรูดม่าน ปิดไปหนายยยยยย....ย  อิอิ  :haun5:

เขาบอกแว่... "รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อนะพี่ คิคิ"   :give2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 03-06-2008 02:58:10
^
^
^
 :laugh:เมื่อกี้จิ้มพี่ดาวไปสามที

ตอนนี้มาจิ้มพี่ซินมั่งดีก๋า  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 03-06-2008 07:48:07
นับถอยหลังรอตอนจบ  :a4: :a4: :a4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . กŭ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 03-06-2008 09:35:33
เหอเหอ

อ่านแว้วววว

เหมือนเคยทำแบบนี้เลยอะ

แอบไปมองๆ แล้วก็ถ่ายรูปเขาแบบไม่ให้เขารู้

ลุ้นโคดๆ

แต่ก็มีความสุขจิงๆ นะ

 :o8:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 03-06-2008 10:40:12
จะจบแล้ว ยังไม่อยากให้จบเลย  :serius2: อยากอ่านต่อไปเรื่อย ๆ อ่ะ  :m13:

ป.ล. อ่านตอนนี้แล้วชอบอาร์มเล็กมาก เชี่ยวได้ใจ  :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 03-06-2008 14:34:50
เข้ามาทักทาย และก้อแอบรอ :m13:
เพิ่งผ่านไปได้วันเดียวเองรึเนี่ย ใจจะขาด :m15:
ใจนึงก้อไม่อยากให้จบ แต่อีกใจก้ออยากรู้ตอนจบจวนจะทนไม่ไหว o7
เปนกำลังใจให้เช่นเคย :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . กŭ
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 03-06-2008 15:06:45
เหอเหอ

อ่านแว้วววว

เหมือนเคยทำแบบนี้เลยอะ

แอบไปมองๆ แล้วก็ถ่ายรูปเขาแบบไม่ให้เขารู้

ลุ้นโคดๆ

แต่ก็มีความสุขจิงๆ นะ

 :o8:



เคยเป็นอีแอบด้วยหรือ . . .


อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย


สาแก่ใจกูนัก . . . แต่ก็มิได้นำพา

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 03-06-2008 15:18:08
ถึงเวลาต้องจากกันจริงๆแล้ว
โกจบแล้ว หน้าที่ของอาร์มก็ต้องจบไปด้วย
จากกันด้วยดีนะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . กŭ
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 03-06-2008 15:29:21
เหอเหอ

อ่านแว้วววว

เหมือนเคยทำแบบนี้เลยอะ

แอบไปมองๆ แล้วก็ถ่ายรูปเขาแบบไม่ให้เขารู้

ลุ้นโคดๆ

แต่ก็มีความสุขจิงๆ นะ

 :o8:



เคยเป็นอีแอบด้วยหรือ . . .


อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย


สาแก่ใจกูนัก . . . แต่ก็มิได้นำพา



ค้า.....

อีไม่แอบ ไม่เคยแอบเลย

เชอะ

 :a14: :a14: :a14:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kana ที่ 03-06-2008 16:46:11
อ่านตั่งแต่แรก จนจบแล้วค่อยเม้นท์

เข้าใจในความรู้สึก ของพี่อาร์มมากๆ  o7

ยังไงสุดท้าย ดีแล้วที่ยังมีความรู้สึกว่ารัก เพราะรักไง การที่ทำแบบนี้มันไม่ผิด เพราะเราถือว่า เราทำดีที่สุดแล้ว o7

อนาคตของเขาที่ควรจะยินดี ก็ยินดีกับเขาให้ถึงที่สุด o13

แอบทำเหมือนที่เคยทำเล้ย แต่เปลี่ยนจากงานรับปริญญามาเป็นงานรับน้องแทนได้ไหมค่ะ
แค่อยากเจอหน้า ขอให้เห็นซักนิดก็ดีใจแล้ว :o12:

ตอนนี้เรียนเกี่ยวกับงานที่พี่อาร์มทำอยู่ค่ะ อยากไปอยู่โดฮาเหมือนกัน
เคยคิดอยากอยู่กับตัวเอง คนเดียว ที่ๆ ไม่มีใครรู้จัก ไม่ใช่ว่าจะหนี

แต่ไปเพื่อที่จะกลับมาเริ่มใหม่ ไปหาที่ ที่ทำให้หัวใจตัวเองเข้มแข็งมากขึ้น

เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าไม่รัก แต่เราอยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็แค่นั้น สิ่งที่ต้องปรับตัวมันมีมาก
กว่าจะกลับมาคุยกันดีๆ เกือบ 2 ปีกว่า

แต่ตอนนี้ก็คุยกันได้แล้วค่ะ ไม่เป็นไรเเล้ว
เพราะไม่มีใรรู้จักเขาเท่าที่เรารู้จัก จะเลวแค่ไหน หรือจะดีเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้จักเขา เท่าเราแล้วค่ะ

เพราะคนเราไม่มีใครดีไปหมดทุกคน คำว่า ต้องการ กับ อยากได้  ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายในการที่จะยอมรับความเป็นจริง

ดูแลตัวเองด้วยนะค่ะ :bye2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 03-06-2008 19:54:14
Final Countdown

There are six days left.  :oni2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 04-06-2008 10:52:47
5   <====== 

นับถอยหลัง

 :laugh:



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 04-06-2008 11:16:19
ดันไว้ก่อน :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 04-06-2008 11:23:07
โฮะๆ

มีแต่คนไม่อยากให้จบ

จบแล้ว ขอภาคน้องอาร์มเล็กต่อนะค้าบบบบ

คิกคิก

 :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 04-06-2008 12:13:41




อ่า . . . . เอาไงดี

ฉายตัวอย่างเล็ก ๆ  น้อย ๆ  ได้มั้ยครับ . .



**************************************


“อย่าฐิทิ  ไอ้สัสอาร์มอาร์ม  คุยกับกูดี ๆ  ใช้สมองคิด  เอาล่ะ  ตอนนี้กูบอกมึงว่ามันรักมึง  งั้นลองมาคุยเล่น ๆ  ทีละข้อ ๆ  กูถามมึงเป็นข้อ ๆ  แล้วมึงลองคิดเอาเองว่าคำตอบมันคืออะไร”

   มันยิ้มแบบคนที่ถือแต้มต่อในมือ . . .

   แบบนี้กูตายสถานเดียว  มันสองคน  แถมเตรียมการณ์มาไว้ด้วยเป็นอย่างดี  แล้วกูไม่ทันตั้งตัวแบบนี้  จะทำไงได้

   “ผมกับพี่โอ๋  ทำเพื่อนพี่นะพี่อาร์ม  เราไม่อยากเห็นพี่เจ็บอีก  ไม่อยากเห็นพี่ต้องหนีไปตลอดทั้งชีวิต  เพราะอย่างไรเสีย  มันก็หนีกันไม่พ้นนะพี่อาร์ม  พี่อาจจะเลิกรักมันได้  แต่ความผูกพันที่มีกับมัน  พี่ลบไม่ได้  พี่ลบตรงนั้นไม่ได้หรอก”


 . . . . . . . . . . .




“ไอ้อาร์ม  กูยืนยันนะโว้ย  ไอ้โกมันรักมึง”

   “รักแบบพี่เหรอ . . . กูรู้มานานแร่ะ”

   “ถ้าไม่ใช่แบบที่มึงรู้ล่ะ”

   ผมเลิกคิ้ว  มองหน้ามัน    “. . . ไม่มีทาง”

   “จริง”

   “คนรักกัน  เขาไม่หยิบยื่นความเจ็บปวดให้กันหรอก  ในเวลาที่คนที่เรารักเจ็บปวดที่สุด  เราไม่ซ้ำเติมคนที่เรารักหรอกเพื่อน  แค่เราเห็นเขาเจ็บปวด  เราก็เจ็บปวดเจียนตายแล้ว   ไม่มีใครที่ไหนซ้ำเติมคนที่เรารักหรอกไอ้โอ๋  ที่กูพูด  กูเจอมาแล้ว  เจ็บแทบตาย”  ผมมองหน้ามัน 

   ตอนนี้ . . .  สมองผมเริ่มตึง ๆ  อีกแล้ว

   “มึงรักมันหวงมัน  จนมึงลืมนึกถึงหัวใจมัน  บางที  ไม่ใช่แค่มันที่ทำร้ายมึง  อาจเป็นมึงที่ทำร้ายมันเจียนตายก็ได้ มึงไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ  มันในเวลาที่มันเจ็บปวด  แต่มึงกลับทำร้ายมันซ้ำลงไปอีกก็ได้”  มันมองหน้าผมนิ่ง . . .

   มันกำลังจะบอกอะไรผม . . .

   ความรู้สึกเครียดมันเริ่มเข้ามาหาผม  ผมมองหน้ามันนิ่งคล้ายขอคำตอบ  ไอ้เพื่อนรักเอื้อมมือมาแตะที่หลังมือผมเบา ๆ  สัมผัสนี้  ผมแปลได้ว่า  ต่อจากนี้  ผมจะต้องฟังมัน  และยอมรับให้ได้ว่าสิ่งที่มันจะบอกผมต่อจากนี้  ผมจะต้องหยุดฟังและยอมรับในสิ่งที่ไอ้เพื่อนรักมันบอก   



ปล.  ไปแร่ะ  เดี๋ยวจืดหมด . . .



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Kisses ที่ 04-06-2008 12:27:23


อ่า....พี่คะ อารมณ์ของหนูหลังจากอ่านตัวอย่างเรียกน้ำย่อยแย้ว คือ...... :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:

อยากอ่านตอนต่อไปแย้วค๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :oni2:

ขอบคุณมากๆที่แวะมาส่งส่วยเล็กๆน้อยๆให้คนรอ :m13: :m13:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 04-06-2008 13:03:49
เป็นอย่างที่คิดจิงด้วย 55555555 :oni2: :oni2: :oni2:






มีความสุขจัง :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-06-2008 13:38:45
น้าจิ้มร้านไหนเคอะ

เผ็ด แสบ ร้อน  จนถึงร่องติ่ง

 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 04-06-2008 13:53:55
โห................มาอ่อยเหยื่อแบบนี้ ฆ่ากันให้ตายเลยดีกว่า
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 04-06-2008 14:24:48



เอาน่า . . . แก้คิดถึง

ว่าแล้ว . . . .

อีกสักนิ้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด . . .ดีมั้ยอ่ะ


***********************************



“ไอ้อาร์ม  กูไม่คิดมึงจะใจแข็งขนาดนี้  กูเชื่อเลยมึง  ก็คิดว่ามึงจะฟังอะไรบ้าง  แต่มึงไม่ฟังอะไรเลย  กูผิดหวังนะมึง  ผิดหวังตั้งแต่วันที่ไอ้โกรับปริญญาแล้ว”   มันน้อยใจผมแล้ว  อาการแบบนี้ผมรู้ รู้ดี

   “ทำไม”

   “อาร์ม  มึงลองนึกถึงใจมึงสิ  วันที่มึงทำสำเร็จ  คนที่เขาอยู่เบื้องหลังไม่มาให้เห็นมึงคิดมั้ยว่ามันจะรู้สึกแบบไหน  มันโหยหามึง  มันชะเง้อรอมึงตลอดเวลา  แต่มึงมันใจดำ  รู้ทั้งรู้  ว่ามันคอย  แต่มึงก็ไม่มา  หัวใจมึงทำด้วยอะไรว่ะนี่”    ไอ้เพื่อนรักมองหน้าผมเหมือนผมเป็นตัวประหลาด

   “เหรอ”  ผมมองหน้ามัน ก่อนเปิดแลปท้อปอีกครั้ง . . .  แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา

   “แล้วนี่อะไร  ดูเอาเอง”  ผมเปิดกระเป๋าสตางค์ให้มันดู

   คนอยู่ตรงกลางใส่ครุยสีหมากสุข  ส่วนที่ขนาบทั้งซ้ายและขวาไอ้เพื่อนรักของผม  กับไอ้แดน  และที่เห็นด้านหลัง . . . ผมเอง

   รูปนี้ผมพกติดกระเป๋าตลอดเวลา

   “ถ้ายังไม่เชื่อดูนี่”   ผมเปิดไฟล์ในแลปท้อป  ตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมบินจากโดฮา  มาถึงกกรุงเทพฯ  จนกระทั่งเข้าไปในไบเทคบางนา  หลักฐานทุกอย่างมันชัดเจน  มันแทนคำพูดใด ๆ  ทั้งหมดที่ผมโดนกล่าวหา ผมมองหน้ามัน  น้อยใจที่มันไม่รู้จักผม  มันไม่รู้จักคนแบบผมเลยหรือ

   “อาร์ม  กูขอโทษเพื่อน  กูขอโทษ”  มันกอดผมเอาไว้หลวม ๆ

   “ช่างมันเหอะ  แค่มึงเข้าใจกู  กูก็ดีใจแล้ว  กูไม่ใช่คนเข้มแข็ง  กูอ่อนแอเสียด้วยซ้ำ  สิ่งที่กูทำไปทั้งหมด  กูทำไปด้วยหัวใจ  สิ่งที่กูทำ  กูคิดว่ามันดีที่สุดแล้วเพื่อน  ดีที่สุดแล้ว  ขอบใจทั้งมึงทั้งแดนที่ทำอะไรให้กูมาตลอด  ขอบใจที่สุดเพื่อน”

   ผมผละจากมัน

   “จะไปไหน . . .”  มันถามพร้อมกันเมื่อผมลุกขึ้น

   “อยากเดินเล่นว่ะ  ไม่ต้องตามนะ  ขอเดินคนเดียวสักพัก  อ้อ นั่งดูรูปไปแล้วกัน  เกือบห้าร้อยรูปนะมึง”  ผมยิ้มก่อนชี้ไปที่แลปท้อป




หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 04-06-2008 14:30:45
การี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
อยากอ่านเร็วๆๆๆๆๆๆจังเลย พี่อาร์มจ๋า  o9 o9 o9 o9 o9
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 04-06-2008 14:58:43
โอ้โห..................เทศกาลปล่อยของเหรอไงคับเนี่ย

อย่าปล่อยเพลินจนตอนจบไม่เหลืออะไรให้ลุ้นเลยน่ะค้าบบบบบบบบบบบ อิอิ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 04-06-2008 15:51:20
โห................มาอ่อยเหยื่อแบบนี้ ฆ่ากันให้ตายเลยดีกว่า

นั่นดิ โอ๊ยยย จะคลั่งตายแล้วเนี่ย :serius2: เพิ่งผ่านไปได้สองวันเองหรอ?? เหลืออีกห้าวัน :a6:
พี่อาร์มจ๋า นู๋จะไม่ไหวแล้วนะ ยิ่งอ่านแซมเปิลยิ่งจะบร้าตาย :o12: "กักขังฉันเถิด กักขังปายยย ขางตัว อย่าขางหัวจายยดีกว่า" :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 04-06-2008 17:10:17


ตอนที่ ๓๘



    . . . เธอได้สอนให้รู้ว่า  ว่าความผูกพันมันซื้อความรักไม่ได้  ไม่ใช่คนที่ฝันผูกพันแค่ไหน  คงยังไม่ใช่  ผิดที่ใจหวังได้ความรักเธอ . . .

   ผมกลับมาเมืองไทย . . .

   . . . เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน


   วันเดียวกันกับที่ผมได้ดูแก้มร้องเพลงนี้บนเวทีเดอะสตาร์  ผมได้ฟังเพลงข้างบน  นั่นมันทำให้ผมยิ้ม   ยิ้มแรกในรอบสามปี   เพลงที่มันโดนหัวใจผมเข้าอย่างจัง . . .   

   เกือบสองปีที่ผมจากแผ่นดินแม่  ผมไม่เคยได้อยู่บนแผ่นดินแม่มากกว่าสามสิบชั่วโมงเลยสักครั้งในรอบสองปีที่ผ่านมา  แต่ครั้งนี้  หลายวันแล้วที่ผมได้อยู่ในแผ่นดินที่ผมรัก  ที่ครั้งนึงผมเคยหนี . . .

   หนีหัวใจตัวเอง . . .

   . . . ตลกชะมัด  คนเพียงคนเดียวเปลี่ยนชีวิตผมได้ขนาดนี้   เปลี่ยนทุก ๆ  อย่างที่ผมมีและผมเป็น  และยิ่งตลกหนักไปอีก . . .

   วันนี้ . . .

   ผมเจอกับมัน . . .

   “พี่อาร์ม ไปอยู่ไหนมา”    มันเดินเข้ามาทัก  ในขณะที่ผมนั่งรอเพื่อนที่ทรูคอฟฟี่ เซ็นทรัลลาดพร้าว

   ผมหันไปตามเสียงเรียกทักทาย . . .

   หน้าตามันเหมือนเดิม  ไม่มีรอยยิ้ม  ใคร ๆ  ก็บอกมันนะเสือยิ้มยาก  แต่เวลามันยิ้ม  หน้าตามันจะทะลึ่งขึ้นมา  เพียงแต่หน้ามันหมอง ๆ  ไม่ค่อยสดชื่นเหมือนเคย

   ผมได้แต่นั่งนิ่ง ๆ  มองหน้ามันแค่แว๊บเดียว

   แว๊บเดียวเท่านั้น  แต่มันสร้างความรู้สึกแปลกประหลาดในหัวใจของผมอย่างบอกไม่ถูก  จะว่าดีใจก็ไม่ใช่  จะเสียใจก็ไม่เชิง    ความรู้สึกผมนะหรือ  ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจที่เจอมัน  ผมได้แต่เงียบก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ  ในขณะที่มันถือวิสาสะนั่งลงที่เก้าอี้ว่างตรงกันข้ามกับผม

   มึงจะถามกูสักคำมั้ยว่าเต็มใจให้มึงนั่งมั้ย . . .

   แต่ . . .

   . . . ช่างมันเหอะ

   เพราะร้านนี้ไม่ใช่บ้านผม  ร้านมีไว้ต้อนรับแขก ใครอยากนั่งตรงไหนช่างมันเหอะ  ในเมื่อตอนนี้หัวใจของผม  ผมพยายามกดให้หัวใจตัวเองนิ่ง  ต่อให้ใครมาก่อกวนหัวใจมันก็คงไม่มีประโยชน์อันใดหรอก  เพราะชีวิตของผมตอนนี้ มีแต่งาน . . .

   “เฮ้ย  ไอ้อาร์ม โทษทีว่ะรถติด”    ไอ้โอ๋เพื่อนสนิทที่สุดของผมมันกระหืดกระหอบมา  ก่อนมานั่งแหมะใกล้ผม

   “พี่โอ๋  หวัดดีครับ”      ไอ้เสือยิ้มยาก  มันยกมือไหว้เพื่อนผม

   “อ้าว โก  มานานยัง”

   มานานยัง . . . 

   . . . มันทำให้ผมพอจะปะติดป่ะต่อเรื่องราวออก  ผมหันไปมองหน้าไอ้เพื่อนรัก  มีแววว่างานนี้จะนองเลือดซะล่ะมั้ง

   “น้องมันโทรหากู  กูบอกว่านัดมึงไว้ที่นี่  โทษทีไม่ได้บอก”  มันยิ้มแหยง ๆ 

   “โอเค  งั้นมึงคุยธุระให้เสร็จ  เดี๋ยวกูเดินเล่นก่อน”  ผมลุกจากร้านในทันที  ไม่ฟังคำร้องเรียกของใครทั้งนั้น

   “พี่จะหนีไปจนตายไม่ได้หรอก  ยังไงผมก็ต้องเจอพี่อยู่ดี” 

   เสียงมันก้องอยู่ในหัว  ไอ้หัวใจที่ผมคิดว่าแกร่งพอแล้ว  มันคล้ายมีไฟมากระตุก  นี่ผมเข้มแข็งจริงหรือ  หรือว่าแท้จริงแล้ว  ผมกำลังสร้างปมขึ้นมาเพื่อกลบความรู้สึกตัวเอง  ผมรู้ตัวเองดี  ผมไม่ใช่คนที่เข้มแข็งอะไรมากมาย  และออกจะเป็นคนที่ใจอ่อนเสียด้วยซ้ำ

   แต่ . . .

   . . . ผมจะไม่มีวันเอาตัวเองไปเจ็บแบบนั้นอีกแล้ว

   มันผ่านมาแล้ว . . .

   ตอนนี้ . . . ผมแกร่งกว่าวันที่มันฝากความเจ็บปวดเอาไว้  เวลามันเยียวยาให้ผมใจเย็นขึ้น  ให้อภัย . . .

   อภัย . . .

   . . . ไม่ได้แปลว่าผมจะต้องมาเดินร่วมกับมันอีกนี่ครับ

   ผมเสียน้ำตามามากแล้ว   มากพอที่ผมจะไม่ยอมเสียน้ำตาให้กับคนแบบนั้นอีกแล้ว ผมเดินจากร้านทรูคอฟฟี่ มานั่งที่ร้านสตาร์บัค   ในชั้นเดียวกัน  ผมแค่ไม่อยากเจอหน้ามัน . . .

   หรือ . . .

   . . . บางที

   มันอาจจะเป็นคนเดียวที่ซ่อนอยู่ภายในหัวใจของผม . . .

   หัวใจที่ผมรู้สึกเย็นเยียบ . . . เงียบเหงา  ตลอดระยะเวลาเกือบสามปีที่ผ่านมา  ผมพยายามสลัดความรู้สึกเก่า ๆ  ทิ้ง  อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เราเดินมาไกล . . .

   . . . ไกลเกินกว่าที่จะกลับไปเดินเส้นทางเดิมอีกแล้ว

   รักแรก . . .

   . . . มันฝังใจ

   แต่ . . . คนที่ทำให้ลืมรักแรกได้ต่างหาก ที่เราต้องรัก  แล้วมีใครทำให้ผมลืมรักแรกได้กระนั้นหรือ

   ผมได้แต่ยิ้มหยัน ๆ  ตัวเอง   ผมลืมได้ง่ายขนาดนั้นหรือ  ถ้าผมลืมได้  ผมจะต้องหนีไปไกลขนาดนั้นหรือ . . .

   “มึงจะเปลี่ยนร้านหาหอกอะไรว่ะ”   ไอ้เพื่อนรัก  เพื่อนคนเดียวที่ผมติดต่ออยู่เดินมานั่งลงตรงกันข้าม

   “ถ้าจะนัดซ้อนบอกกู  กูจะได้ไม่ต้องมา”

   “เอ้า  มึงทำยังกับมันเป็นคนอื่น”  ไอ้เพื่อนรักนี่  มันเหมือนจะรู้ทุกเรื่องของผมด้วยซ้ำ

   ผมมองหน้ามัน . . . 

   ผมรู้  มันหวังดีกับผม  ในเวลาที่ผมเจ็บปวดแทบตาย  มีมันนี่แหละที่อยู่ข้าง ๆ  ผม  มันไม่เคยทิ้งผมไปไหน  ข้อดีของมันมาก  มากพอที่ผมไม่เคยโกรธมันเลยสักครั้งเดียว

   “คนอื่น”  ผมจ้องหน้ามัน

   “มันเป็นน้อง”

   “ไม่ใช่  ระหว่างมันกับกู  ไม่มีความผูกพันทางสายเลือด  เพราะฉะนั้นมันกับกูก็เหมือนคนอื่นไปแล้ว”  ผมไม่หลบสายตาเพื่อนรัก

   เพราะผมคิดว่าผมคงเข้มแข็งพอ  เรื่องที่มันผ่านมาแล้ว  สำหรับผม  มันก็แค่ความทรงจำ . . .

   ผมไม่กอดความทรงจำไปจนตาย . . .

   . . . เพราะผมเจ็บแล้วจำ

   “แล้วมึงจะกลับไปบินอีกเมื่อไหร่”  ไอ้โอ๋เพื่อนรักคงเห็นสถานการณ์ตึงเครียด  มันเลยเปลี่ยนเรื่องคุย

   “อาทิตย์หน้า  ก็คัมโฮมสองอาทิตย์”

   “ไปหาหลวงพ่อมายัง”    มันหมายถึงญาติคนเดียวของผมที่ยังมีชีวิตอยู่  ผมพยักหน้ารับ

   “แล้วหลวงพ่อว่างัย”    

   “เรื่องอะไร  หลวงพ่อจะว่าอะไร”  ผมงง  ไม่เข้าใจ

   “กลับมาเมืองไทย”    มันเอื้อมมือมาหยิบกาแฟผมไปกินเฉยเลย  ไอ้เพื่อนเลว

   “ก็สัญญาจะกลับทุกคัมโฮม”

   “กูหมายถึงว่ากลับมาอยู่ถาวร”

   “แล้วกูจะเอาอะไรแดกเข้าไป  ทำงานสายการบินห้าดาว  กลับมาทีจีไม่รับหรอก  โน่นต้องไปเมกา”  ผมหลุดบอกมันไป

   “ไอ้เหี้ย  ไกลหนักไปอีก”

   “เออวะ  ส่งรีซูเม่ ไปแล้วด้วย  รอเขาสัมภาษณ์  ถ้าวุ่นวายกับชีวิตกูอีก  คราวนี้จะไปอยู่นรกแล้ว  ไม่ไหวแล้ว  เหนื่อยเกินพอแล้วว่ะเพื่อน”  ผมสารภาพกับมันเสียงอ่อย

   “ไอ้อาร์ม  อย่ามาตีฝีปาก”

   “กูพูดจริง  กูเหนื่อย”

   “มึงจะพอใจและหยุดเมื่อไหร่”

   “เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น  ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ  เงินมันสำคัญเสมอ  และคนที่ไร้ญาติแบบกรู   ต้องเก็บเงินเอาไว้ให้มากที่สุด  วันข้างหน้าจะเป็นยังไงเราไม่รู้ อาชีพแบบกรู  อีกไม่กี่ปีเขาก็ไม่ให้บินแล้ว”

   “มึงจะไปเมกาจริงหรือ  มึงจะหนีไอ้โกอีกหรือ”

   ผมมองหน้ามัน  ไอ้เพื่อนที่ผมรักมากที่สุด  เพื่อนคนแรกที่ผมกัดฟันบอกมันว่าผมเป็นเกย์  แต่มันก็ยิ้มรับ  ไม่รังเกียจผม  แบบที่ผมเคยคิด

   “ไม่หนี  จะหนีทำไม  กูกับมันจบกันนานแล้ว  ไม่มีอะไรที่จะต้องปฎิสัมพันธ์กันอีก  ชีวิตของใครก็ของคนนั้น”  ในขณะที่หัวใจผมมันบอกว่าจบไปแล้ว

   “อีกคำถามยังไม่ได้ตอบ”

   “อะไรอีก”

   “จะไปเมกาจริงหรือ”

   ผมมองหน้ามัน  เพื่อนที่ผมรัก  คนที่รักผมและห่วงผม  แววตามันร้อนรนรอคำตอบ  ผมหลบสายตามัน  เพราะรู้ดีว่าตำเองไม่เข้มแข็งพอ ก่อนพยักหน้ารับช้า ๆ

   “ปากบอกไม่รัก  คนไม่รัก  เขาไม่หนีหรอก  เขาต้องอยู่สู้หน้า  อย่างมึงนะ  ปากแข็งใจอ่อนไอ้สัสอาร์ม  มึงยอมรับเหอะว่ายังไงมึงก็ยังรักมันยังลืมมันไม่ได้”

   “เออ  แล้วไง  ลืมไม่ได้แล้วไง”

   ผมบอกมันมองหน้ามัน  ผมลืมไม่ได้  หรือแท้จริงแล้วผมไม่เคยลืมมันเลยต่างหาก  มีหลายครั้งที่ผมฝันถึงมันบ่อย ๆ

   ความฝัน . . .

   . . . มันอาจเกิดจากมโนสำนึกของหัวใจ

   หาก . . . เป็นแบบนั้น

   มันก็คงยังอยู่ในหัวใจผมตลอดเวลา  เพียงแต่ว่าผมไม่กล้าที่จะยอมรับกับความเป็นจริง  หรืออาจเพราะว่าความเป็นจริงมันโหดร้าย  เกินกว่าที่เราจะรับสภาพมันได้ 

   “มันอยากคุยกับมึง”

   “แต่กูไม่มีอะไรจะคุย  จบแล้วไอ้โอ๋  มึงไม่เข้าใจหรือว่าจบแล้ว”

   “มึงไม่ให้โอกาสมันพูดบ้างล่ะว้า”

   “กูเคยให้มันพูด  ในวันที่กูอยากฟังมากที่สุดมันไม่พูด  วันนี้  กูไม่มีอะไรที่อยากฟัง  ถึงมันจะมานั่งพูด  นั่งร้องไห้ต่อหน้ากู กูก็ไม่มีเรื่องอะไรที่จะพูดกับมัน   กูขอร้อเหอะไอ้เพื่อนรัก  ถ้ารักกูจริง  อย่าให้กูกลับไปเจ็บแบบที่มึงเคยเห็นอีกเลย”  ความเจ็บมื่อสองปีก่อน  ผมจำได้ดี

   ผมไม่ลืม  เจ็บแล้วต้องจำสิ . . .

   “มันตามหามึงมาตลอดสองปี  มันพยายามเข้าใกล้มึง  มันไม่อยากให้เป็นแบบนี้หรอกอาร์ม    มันถามกูตลอดว่ามึงอยู่ที่ไหน”

   ผมมองหน้าเพื่อนรัก . . .

   ข้อมูลใหม่ที่ผมคิดว่า  หูผมคงฝาด  หรือไม่ไอ้เพื่อนรักอาจจะสติเลอะเลือนจำความผิดก็เป็นได้  แต่แววตามันจริงจัง  ผมคบกับมันมากว่าครึ่งชีวิต  เรื่องไหนมันพูดเล่นหรือพูดเล่นผมพอดูออก

   “มึงก็เลยบอกมันไปงั้นสิว่ากูอยู่ที่ไหน”

   ดูเหมือนแววตามันจะพอใจ  ที่ผมต่อเรื่องกับมันอีก  อย่างน้อยมันอาจคิดว่า  ผมสนใจที่จะรับรู้รับฟัง  แต่ในความเป็นจริงแล้ว  ผมแค่อยากรู้  ว่ามันจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผมได้มากขนาดไหนต่างหาก 

   สัญญา . . .

   . . . ที่จะไม่บอกกับใครทั้งนั้นว่าผมอยู่โดฮา

   “กูบอกแค่ตะวันออกกลาง”

   “สัสเอ้ย  โง่เองไอ้อาร์ม  ก็ยังดีที่ไม่บอกว่าอยู่บนแผ่นดินเบดูอินเก่า”

   “อาร์ม  ไอ้โกมันรอมึงอยู่หน้าร้าน  นานแล้วนะ”

   “ไอ้โอ๋  กูบอกแล้วว่ากูไม่อยากเจ็บอีก  ถ้ามึงอยากเห็นกูคัมโฮมคราวหน้า  กูขอร้องมึงเลยนะ  อย่าพูดเรื่องนี้กันอีก  ไม่อย่างนั้นกูไม่กลับ”  ผมเอาไม้ตายขู่มัน

   จะว่าขู่ก็ไม่ถูก  ในเมื่อสองปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าผมไม่ได้คัมโฮมอีกเลย . . .

   ผมมีเวลาอยู่เมืองไทยไม่เคยเกินสามสิบชั่วโมงทุกครั้งที่บินเข้าเมืองไทย  มันเป็นเวลาอันน้อยนิด  และยุ่งเหยิงพอที่ผมไม่มีโอกาสพบปะกับใคร

   “มึงนี่บทใจแข็งขึ้นมานี่  ใครก็ง้างไม่ออกสิน่า”  ไอ้เพื่อนรักมันยอม  มันยอมผม 

   ผมยิ้มให้มัน . . .

   . . . ผมไม่ได้ใจแข็งอะไรมากมายนักหรอก

   ผมยอมรับลึก ๆ  แล้วผมรู้สึกประหลาดใจที่เพื่อนรักมันบอกผมว่าไอ้โกตามหาผมมาตลอดสองปี  คนนิสัยอย่างไอ้โกนี่นะจะตามหาผม  มันค่อนข้างแปลกไปหน่อยสำหรับผม

   หรือมัน . . .

   . . . จะรู้จักผมจริง ๆ

   คนอย่างผมรักใครรักจริง . . .

   . . . รักจนตาย

   เพียงแต่ผมคิดเสมอ . . .

   . . . คนที่รักกัน  ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน  บางที  แค่เรารู้ว่าเรามีคนที่เรารัก  มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ . . .

   ผมอยู่ได้ . . . โดยไม่มีคนที่ผมรัก

   แต่ผมก็ดีใจ . . .

   . . . ที่ผมมีคนที่ผมรัก 

   อย่างน้อยที่สุดในชีวิตนี้  ผมยังรู้จักความรัก  แม้ว่ามันจะผสมปนเปกับหลาย ๆ  สิ่งหลาย ๆ  อย่างก็เหอะ  แต่สำหรับผมแล้ว  ความรักมันคือส่วนผสมหลากหลายอย่าง

   สุข . . .  รอยยิ้ม

   . . . คิดถึง . . . ห่วงหา

   อาทร . . . แบ่งปัน

   และ . . . น้ำตา

   ส่วนผสมทั้งหมดนี้แหละคือ . . .

   . . . ความรัก  ในมุมมองของผม

   “พี่อาร์มผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับพี่  พี่จะหยุดฟังผมพูดสักนิดได้ไหมพี่อาร์ม”   มันเดินมานั่งใกล้ ๆ  ไอ้โอ๋  ท่าทางมันเอาจริง  มันพูดเสียงค่อนข้างดัง

   คนรอบ ๆ  หยุดหันมามองแวบนึง . . .

   . . .ผมเหรอ

   นิ่งครับ . . . ไม่เคยคิดมันจะกล้า  คนอย่างมันปฏิเสธผมมาตลอด  มันยืนกรานมาเสมอ . . . รักเหมือนพี่

   ผมเองที่คิดไปเอง . . . กระทำไปเองฝ่ายเดียว

   “ผมขอโทษ”   มันมองหน้าผม

   ผมยิ้มให้มัน  . . .

   . . . เป็นรอยยิ้มที่ผมคิดว่าอ่อนโยนที่สุดแล้ว  สิ่งที่ผมอยากได้ยินจากมันมาตลอดโดยที่ผมไม่ต้องร้องขอ  วันนี้ผมได้ยินด้วยสองหูของผมเอง  ผมเคยบอกมันเสมอ  คนเราถ้ากล้าทำผิด  เราก็ควรกล้าที่จะยอมรับสิ่งที่เรากระทำ

   ขอโทษ . . .

   . . . พูดไม่ยากหรอก  แค่เราใส่ความรู้สึกผิดลงไปในหัวใจ  คำพูดนั้นมันจะอ่อนโยนคนได้ยินเอง

   “กลับก่อนนะโว้ยไอ้โอ๋”  ผมลุกขึ้น

   “พี่อาร์ม”  มันจับข้อมือผมเอาไว้  ผมได้แต่มองมือที่มันจับผมเอาไว้

   หาก . . . มันทำแบบนี้ก่อนหน้านี้สักสองปี  ผมคงดึงมันมากอดเอาไว้  แต่วันนี้  หัวใจผมมันเจ็บปวด  ด้านชาเกินกว่าความรู้สึกใด ๆ  จะเข้ามาทลายมันลงได้ง่าย ๆ

   “ผมรู้ว่าผมผิด  ผิดมาก  แต่ใครไม่รู้เคยบอกผม  ความรักที่ไม่รู้จักให้อภัยยังเรียกว่าความรักได้หรือ”  มันย้อนผม

   มันเอาคำที่ผมเคยพูดกับมันมาย้อนผม 

   . . .  ผมได้แต่ยืนนิ่ง  ความรู้สึกบางอย่างมันปั่นป่วนอยู่ข้างใน  นี่ผมกำลังต่อสู้อยู่กับอะไรหว่า  ทำไมมันยากอย่างนี้  ความรู้สึกก่อนหน้าที่จะมากลับเมืองไทย  ว่าผมคงใจแข็งพอหากต้องเจอกับมัน

   ขนาดผมเตรียมใจไว้แล้ว . . .

   . . . แค่คำพูดมันไม่กี่คำเล่นเอาหัวใจผมอ่อนยวบ

   หรือที่ผ่านมา  ผมหลอกตัวเองว่าผมลืมมันได้แล้ว 

   “พี่ให้โอกาสผมสักครั้งได้ไหมพี่อาร์ม. . .”  มันบีบมือผมเอาไว้

   “. . . ครั้งสุดท้าย”  น้ำเสียงมันสั่นเครือ  เหมือนคนที่อ่อนแรงเต็มที

   ผมแกะมือมันออกอย่างเบามือที่สุด . .   

   . . . ยิ้มให้มันอีกครั้ง  ก่อนเดินออกมาจากเซ็นทรัล    หัวใจผมเหรอ  เหมือนกำลังต่อสู้กับอะไรอย่างหนักหน่วง  ผมเดินผ่านผู้คนที่วุ่นวาย   แต่แปลกเหลือเกินที่ผมกลับรู้สึกเหมือนผมเดินอยู่คนเดียวในโลก

   ผมเคยเหงา . . .

   แต่ . . .

   . . . ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกเหงายิ่งกว่า

   หาก . . . ผมย้อนเวลาได้

   ผมสัญญาผมจะไม่กลับมาเมืองไทยอีกเด็ดขาด  ตอนอยู่ที่โน่น ถึงผมจะเหงา  แต่ผมยังมีเพื่อนคนไทยที่ทำงานด้วยกัน  คอยพูดคุยไปเที่ยว 

   แต่ที่นี่ . . . เมืองไทย  บ้านเกิดเมืองนอนของผมเอง

   ผมเหมือนตัวคนเดียวในโลก . . .

   . . . ผมเดินอยู่บนโลกนี้เพียงลำพังกับเสียงที่มันยังก้องในหัว

   “พี่ให้โอกาสผมสักครั้งได้ไหมพี่อาร์ม  ครั้งสุดท้าย . . .”

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 04-06-2008 17:29:37
พี่อาร์มอ่ะ 


ฆ่าแก้วให้ตายเลยดีกว่า   :seng2ped:


----------------------------------------

เดินคอตกออกจากเล้า  คิก คิก   :m32:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 04-06-2008 17:34:24


อีกนิ้ดดดดดดดดดดดดดดดดด . . . สำหรับวันนี้


****************************************


ผมพิงตัวกับพนักเก้าอี้  ถอนหายใจยาว ๆ  ทำไมผมไม่คิดว่ะ  ผมมัวแต่คอยหึงหวงมัน  จนลืมไปว่า  คนแบบมันอยากมีใครที่อยู่ใกล้ ๆ  มันสักคน  ในเวลาที่มันเจ็บปวดที่สุด  ผมกลับทุบมันซ้ำลงไปอีก

   ผมน้ำตาไหล . . . มันคงเจ็บกว่าที่ผมเจ็บหลายเท่านัก  ในเมื่อผมบอกมันตลอดว่ารักมันมากกว่าชีวิต  แต่ในเวลานั้น  ผมกลับไม่อยู่ข้าง ๆ  มัน  ผมกลับทำร้ายมันอย่างเลือดเย็นที่สุด

   “อาร์ม . . .”  ไอ้เพื่อนรักมันจับมือผมเอาไว้

   “ตอนที่มันขับรถแหกโค้ง  มันไม่ใช่อุบัติเหตุนะอาร์ม”

   ผมปล่อยโฮออกมาทันที  เมื่อฟังสิ่งที่ไอ้เพื่อนรักบอก  ผมโผเข้ากอดไอ้เพื่อนรักเอาไว้    วันนั้นผมจำได้  ผมจำได้ดีมากที่สุด

   . . . พี่อาร์มอย่าไปได้มั้ย . . . มันบอก  แววตามันเศร้า   มันต้องการจะบอกอะไรผม  ผมเคยมองเสียที่ไหนตอนนั้น  มันขับรถตามผมมา  ผมน่าจะรู้ตั้งแต่วินาทีนั้นเสียด้วยซ้ำ   ทำไมผมไม่มองมันตั้งแต่วันนั้น  ผมบ้าที่มัวหึงมัน  จนหน้ามืดตามัว  หึงจนไม่ลืมหูลืมตา  ไม่มองว่ามีอะไรรอบ ๆ  ตัวบ้างที่มันเกิดขึ้นมาในชีวิต


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 04-06-2008 17:54:31
อยากอ่านด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 04-06-2008 18:07:36
 :a1:รอต่อไป :a1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 04-06-2008 18:46:24
อุตสาห์ทำใจรอให้ถึง 7 วันอยู่แล้วเชียว ไม่นึกว่าจะมีน้ำจิ้มมาเย้ยกันถึงที่  o12
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Bliss_Destiny ที่ 04-06-2008 19:05:19
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง้

มาให้อ่านแล้วจากไปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป

แง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :m15: :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 04-06-2008 19:20:32
แล้วเราก็รอต่อปาาาาย 
หวังว่าจะไม่ลงแดงตายซะก่อน หงิง  :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: DEK-JANGRAI™ ที่ 04-06-2008 19:26:24
พี่อาร์มอย่าทำแบบนี้สิคร้าบ


ผมไม่อยากอ่านนิดเดียว  มันค้างอ่ะคร้าบ


นอนไม่หลับแน่เลยคร้าบ คืนนี้


เซง  พี่อาร์มจังงง


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 04-06-2008 19:50:47
 :a6:...K.อาร์มค้าบ...ช่างทำกัน....ด้ายอ่ะ
เฮ้อ...ยั่ว....ให้อยาก.....แล้วจากไปอ่ะ :a6:
ไปแร่ะ :m32:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 04-06-2008 20:29:56


เหนื่อยจังงงงงงงงงงงงงงง . . .

เอารูปมาฝาก . . .


(http://img166.imageshack.us/img166/3334/0004td0.jpg)


ไปมะมครับ  รถหวานเย็น  นั่งเรื่อยๆ  ชมวิวกัน




(http://img527.imageshack.us/img527/9664/0001tb6.jpg)

แม่น้ำปาย . . .  เขาลิบ ๆ   โอ้ย อยากไปอีก




(http://img237.imageshack.us/img237/2025/0002mm1.jpg)

สะพานรถไฟ . . . ญี่ปุ่นสร้างทิ้งไว้ตอนสงครามโลกครั้งที่ ๒




(http://img237.imageshack.us/img237/15/0003ic3.jpg)

ร้านมิตรไทย . . . ร้านนี้ใครไปปายไม่ไป  ถือว่าไม่ถึง . . . ปาย


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 04-06-2008 21:08:35
ใครคือผู้โชคดีคนนั้น  ที่ได้อ่านคนแรก 
อิอิ



เฮ้ย    เวนฝนตก     เนทเน่าแน่เลย
กุซวยละ



รีบโพลส์รีบไป   เวนแท้ๆๆๆ



 :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:
เด๋วขออ่านก่อนนะครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 04-06-2008 21:21:24
^
^
^
ยังคงอิฉาอยู่ o18 o18
 :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: littlepooh ที่ 04-06-2008 21:24:17
 :m15: :m15: จายจะขาดแล้วอ่ะ รออ่านอย่างใจจดใจจ่อ :call: :call: ขอร้องละ ช่วยมาต่อให้ไวเลยนะคร้าบ ก่อนที่ใครหลายๆ คนจะขาดใจตายแดดิ้น :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 04-06-2008 21:29:00
ไปอ่านมาละ






แต่ -----------------------มะมีคำพูด

ขอบคุณนะครับที่ให้ผมอ่านเป็นคนแรก
ขอบคุณครับ :oni2: :oni2: :oni2: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 04-06-2008 21:32:04
ไปอ่านมาละ






แต่ -----------------------มะมีคำพูด

ขอบคุณนะครับที่ให้ผมอ่านเป็นคนแรก
ขอบคุณครับ :oni2: :oni2: :oni2: :oni1: :oni1:





มันอาจมีตอนจบสองแบบก็ได้นี่ครับ . . .

ในเมื่อยังไม่โพสต์ . . . อะไร ๆ  ก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอใช่มะครับ . . .

ปล.  เพื่อนแดนยังโสดนะครับ  สนใจมั้ยอ่ะ

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Donpopper ที่ 04-06-2008 21:46:53
ลงทีละนิด

คนอ่านจะขาดใจตายแล้ว


อย่าแกล้งคนอ่านอีกเลย


ไม่ไหวแล้วจะลงแดงตายอยู่แล้วนะครับท่านผู้เขียน :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2: :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 04-06-2008 22:17:45
พี่ผมมีไรหลายๆๆอย่างอยากถาม  แต่จะอนุญาตให้ถามปะ
.


ว่าแล้วก้อถามซะเลย

1.ว่างมากชะมะถึงแอบเข้ามาบ่อยๆๆ
2...........................
3...........................
4...........................
5...........................


อีก7 วันจะมาภามต่อ.



สำหรับนายแดนผมขอบาย
กลัวเจ็บเหมือนเพ่  ที่ผ่านมาเรื่องของผมก้อเจ็บปางตาย  กว่าจะหาย


ใครอยากรู้ตอนจบ   




รอต่อไป   อิอิ


ไม่บอก

ไม่ใบ้ด้วย

เพราะตัวเองยังงงอยู่
เบลอ................่




หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 04-06-2008 22:36:49
 โอยยยยยย แอบอิจฉา คุนคนข้างบน :m15:
พี่อาร์มจ๋า อย่าแกล้งกันจิ แอบมาลงทีละนิดๆ หนูลุ้นจนทนไม่ไหวเข้ามาอัพทุกชั่วโมงแระ นอนไม่หลับ อยากรู้ตอนจบเหลือเกิ้นนนน ช่วยที.......... :serius2:

ปล.ขอบคุนพี่ต้นสายนะคะ รูปสวยมากมาย อยากไปปายมั่งจัง ทำไงดี :m13:


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 04-06-2008 23:15:01
ตอนจบเป็นแบบไหนก็ได้ แต่ขอให้มันใกล้ความจริงที่สุดอ่ะครับ

ถ้าพี่แดนยังว่าง ยื่นใบสมัครไว้เลยดีกว่า  :laugh:  :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: TAMAKUNG ที่ 04-06-2008 23:17:46
 :o12: :o12: :o12:


ขอร้องล่ะคับ


ขอมั่งได้ป่ะ


เชื่อป่ะ พี่เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนที่ทำงานฟัง  ด้วย


มนบอกว่ามันอยากอ่านจัง

ขอร้องน้องอาร์มล่ะนะ


ให้พี่ทำรัยก็ยอมแระ

พี่อยากเก็บไว้จิงๆๆๆๆนะ


ถ้าเขียนเป็นหนังสือ  ออกมาขายก็ยินดี อุดหนุน


ขอร้องล่ะ ส่งมาให้พี่ด้วยนะ

ขอร้องๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naja ที่ 04-06-2008 23:20:33
คุณอาร์มใจร้าย มาทำให้อยากแล้วจากไปอีกแร๊ะ :serius2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 04-06-2008 23:36:05
ไม่รุ้จะพูดไงดี นอกจากคำว่าขอบคุน o7 ขอบคุนมากๆค่ะพี่อาร์ม :L2: ประทับใจจริงๆ :กอด1:

ไว้ไงจะมาเม้นความรู้สึกอีกทีหลังจากพี่เอาตอนอวสานมาลงนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน (ตอน อวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑)
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 05-06-2008 08:45:38


ตอนที่  ๓๙



   พี่ให้โอกาสผมสักครั้งได้ไหมพี่อาร์ม  ครั้งสุดท้าย . . .

   ผมรู้แค่ว่า  คำนี้มันก้องอยู่ในหัวผม  ผมต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนนะ  ทำไมผมต้องกลับมาเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วย

   ผมนี่นะ . . .

   . . .จะต้องให้โอกาสมันอีกครั้ง


   ผมต้องให้มันเดินกลับเข้ามาทำร้ายผมอีกหรือ  ในเมื่อบาดแผลในใจคราวก่อนของผมมันยังไม่หายดีด้วยซ้ำ

   แผลหัวใจ . . .

   . . . อาจเยียวยาตลอดชีวิต

   หาก . . .

   ผมจะมีเวลามากขนาดนั้นเลยหรือ  ในเมื่อผมเฝ้าบอกตัวเองเสมอว่าเข้มแข็งพอ  สามารถยืนอยู่บนโลกนี้ได้  แม้ไม่มีมัน  ผมพิสูจน์ตัวเองมาสองปี  ผมว่าผมอยู่ได้  แต่ทำไมวันนี้ . . .

   วันนี้ . . .

   ผมเจอมันผมกลับรู้สึกเจ็บแปลบแบบวันเก่าที่ผ่านมา . . .

   หรือ . . . ตลอดระยะเวลาสองปี  มันไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมาเลย  ผมแค่คิดไปเองว่าผมเข้มแข็งพอ

   “พี่อาร์ม  เฮ้ยกลับมาเมื่อไหร่”  คนที่ปรี่เข้ามาหาผม  ปลุกผมขึ้นจากความคิดวกไปวนมาเรื่องนั้น

   เรื่องนั้น . . . เรื่องของผมกับมัน

   “แดน  กลับมาได้อาทิตย์นึงแล้ว  โทรไปที่บ้านเห็นแม่บอกแดนไปอบรมที่จีน  แล้วกลับมาเมื่อไหร่นี่”  ผมยิ้มกับรุ่นน้อง

   แดนน้องรหัสผมที่มหาวิทยาลัยเก่า . . .

   คนที่ผมรู้ดีมาตลอดว่ามันคิดกับผมยังไง  และเป็นมันนี่แหละที่แนะนำอ้อม ๆ  ให้ผมเตลิดไปไกลค่อนทวีปกับอาชีพที่ผมไม่เคยคิดจะทำมาก่อนในชีวิต

   “เพิ่งมาถึงเมื่อวานพี่  ยังไม่เจอหน้าแม่เลย  เห็นที่บ้านบอกแม่ไปประชุมที่ภูเก็ตสองวันแล้ว  พี่จะไปไหนนี่” 

   ผมหันมองรอบ ๆ  ตัว  นี่ผมลงมาหยุดยืนที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินตั้งแต่เมื่อไหร่  ไอ้ความรู้สึกแบบนั้นมันทำให้ใจผมลอยได้ขนาดนี้เชียวหรือ

   ผมจะไปไหน ?

   ไม่รู้ . . . ก็ผมไม่รู้จะไปไหนนี่หว่า  แต่ผมดันพาตัวเองมาที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินได้ซะงั้น  ผมได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ  ให้มัน

   “แดนล่ะจะไปไหน”

   “สถานทูตจีนพี่  ธุระยังค้างอีกบานเลย”  มันยิ้มแห้ง ๆ  อาชีพมัน  นำสินค้าเข้าจากจีน อาจมีอะไรที่มันต้องแก้ก็ได้กระมัง

   “เหรอ . . . กินอะไรยัง”

   “ยังเลยพี่  ต้องรีบไปเด๋วสถานทูตปิด  เอางี้พี่รอผมที่เอสพละนาดได้ป่ะ  เสร็จธุระไปกินข้าวด้วย”

   “เอสพละนาด”  ผมทวนคำ พร้อมขมวดคิ้ว

   “เออ  ลืมไป  พี่ไปตั้งสองปี  เอสพละนาดที่ปาล์มอัพเก่าพี่ เดี๋ยวนี้เป็นโรงหนัง  ติดกับสถานทูตจีนนั่นแหละ  ผมเสร็จธุระแล้วจะรีบมากินข้าวด้วยตกลงมั้ย”

   ผมยิ้ม . . .

   . . . ก่อนเดินตามมันมาที่ช่องขายตั๋ว  ในเวลานี้  ผมไม่อยากอยู่คนเดียวเท่าไหร่หรอก  เพราะผมรู้ดี  ผมไม่ใช่คนเข้มแข็งมากนัก  หากมีอะไรมากระทบหัวใจ  น้ำตาผมมันจะพาลไหลเอาง่าย ๆ




   เอสพละนาด . . .

   อาคารทรงแปลกตาที่ริมถนนรัชดา  ผมเดินเข้าไปข้างใน  เหมือนเดินในสนามบินเลยแฮะ  ก็เขาใช้ปูนดิบเป็นเสา  ไม่ทาสี อาจเป็นการเล่นลายของเขาก็ได้  ผมเดินเรื่อยเปื่อยมองโน่นมองนี่  และสุดท้ายหยุดที่ร้านกาแฟที่ชั้นสอง


   ผมคงรักมันมาก . . .

   . . . มากจนทำให้ผมจมอยู่กับอดีต . . .   

   สิ่งที่ผมพยายามสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุมในหัวใจ  มันจะง่ายนักหรือที่เราจะลืมคนที่เรารักมาก ๆ  สักคน . . .

   แล้ว . . . การที่เขาเดินกลับเข้ามา

   เราจะไม่ให้โอกาสเขาอีกสักครั้งหรือ . . .

   หลากหลายคำที่มันเข้ามาในหัวผมตอนนั้น  ผมได้แต่ปล่อยสมองให้ว่าง  ไม่สามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้  ผมกลัวคำตอบกระมัง  ผมกลัวว่าคำตอบของผมมันจะหมายความว่าผมต้องเดินกลับไป  ณ  จุดเดิม

   จุดเดิม . . .

   ตรงไหนหรือ? 

   . . . ตรงที่เคยจบ . . .

   หรือ . . . ตรงที่เราเคยเริ่มต้น

   ผมนั่งนิ่ง ๆ  มองรถที่แล่นไปทีละนิดหน้าถนนรัชดา  ที่ตอนนี้ฝนเริ่มตั้งเค้ามา  ลมกระโชกแรงจนต้นไม้เอนแทบถึงพื้น  เสียงฟ้าร้องน่ากลัวมาก . . .

   . . . พายุฤดูร้อนกำลังมา

   แล้ว . . . พายุที่พัดโหมกระหน่ำในหัวใจผมล่ะ

   ฝนเริ่มโปรยเม็ด  ในขณะที่น้ำตาผมเริ่มเอ่อ  ผมไม่ชอบฝนเลยให้ตายสิ  มันดูโดดเดี่ยวยังไงไม่รู้  แต่ก่อนที่ผมจะเสียน้ำตา  แดนพาร่างที่ชื้นเพราะละอองฝนมาในร้าน  การเข้ามาของแดน  หยุดความคิดถึงของผมทั้งหมด . . .

   ผมหยุดคิดถึงคน ๆ นั้น . . .

   “ฝนตกอีกแล้ว  ช่วงนี้ฝนตกบ่อยจังเลยพี่”    แดนสะบัดเสื้อไปมาคล้ายจะไล่ความชื้นให้หายไป

   “จะกินอะไรกันดี”  ผมมองหน้า

   “แล้วพี่อยากกินอะไรล่ะครับ”

   “ได้หมด  ไม่เลือกเท่าไหร่”  ผมยิ้ม  มองไปรอบ ๆ  ร้าน  ก่อนยิ้มให้ตัวเองเล็กน้อย  นี่เป็นร้านกาแฟร้านที่สามในรอบวัน

   ทรูคอฟฟี่ . . .

   . . . สตาร์บัค . . .

   คาลดี้คอฟฟี่ . . .  สงสัยคืนนี้ตาคงค้างแหง ๆ  แต่ก็ดีจะได้นอนดูหน้าขาว ๆ  ของเคน . . . สวรรค์เบี่ยงกำลังสนุก

   “ยิ้มอะไรพี่  กินอุด้งมั้ย ข้างล่างมีอุด้งเส้นสด”

   “ยี้ . . . ไม่อาว . . .”  ผมส่ายหน้าปฏิเสธ   

   “ . . ไม่ชอบเส้น  ตอนอยู่เมืองนอก  กินเส้นซะจนหน้าจะกลายเป็นเส้นอยู่แล้ว สารพัดบะหมี่สารพัดสัญชาติ  บินไปเซี่ยงไฮ้ซื้อบะหมี่จีนมาตุน บินโซลมีสูตรกิมจิ บินโตเกียวก็ได้ญี่ปุ่น  แต่สุดท้ายที่เด็ดสุด  ต้มยำกุ้งมาม่า อร่อยสุดแร่ะ”

   “เออ ลืมไป  ชีวิตนางฟ้าบนเครื่องนี่เนาะ”

   “ทะลึ่ง   ไม่ใช่นางฟ้าขี้ข้าดี ๆ  นี่เอง  ภาพสวย เงินดี  แต่เหอะ ๆ  ไม่อยากให้พูด” 

   ผมไม่อยากสาธยาย  ไอ้อาชีพในฝันของหลาย ๆ  คน  มันไม่ได้สวยหรูเหมือนเครื่องแบบ  งานที่ต้องรองรับอารมณ์ของผู้คนมากหน้าหลายตา  มันไม่ได้สนุกแบบที่เราเห็นในละครทีวี

   เหนื่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกก . . .

   แต่ . . .

   . . . เงินดีมาก

   สิ่งนี้แหละที่ผมมีกำลังใจในการทำงาน  เพราะผมคิดเอาไว้เสมอ  ผมจะเก็บเงินสักก้อน  ไว้ทำอะไรเล็ก ๆ  น้อย ๆ  ในยามที่อายุมากขึ้น  ในยามที่เขาปลดระวาง

   ลูกเรือ . . .

   . . . ก็เหมือนเครื่องบิน

   มีอายุการใช้งานของมัน . . .

   “พี่เจอไอ้โกมั้งป่ะ” 

   อะไรนี่ . . . วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นหว่า  ทำไมมีแต่เรื่องนี้  ผมว่าผมกำลังจะหลุด  จะลืม  แต่กลับมาได้ยินชื่อนี้อีก

   ผมพยักหน้ารับเบา ๆ

   “พี่อาร์ม . . . ไม่ลืมอีกหรือ”  มันมองหน้าผม  แววตามันถามผมด้วยกระมัง  ผมเคยคุยกับแดนบ่อยมากก่อนที่ผมจะตัดสินใจไปอยู่ที่โน่น

   “ไม่รู้เหมือนกัน  เมื่อกี้ก็เจอ  เลยเดินออกมานี่แหละ”

   “อ้าว . . . ไม่คุยล่ะพี่”

   “เหรอ  อยากให้คุยเหรอ”  ผมมองหน้าแดน  ทำไมใคร ๆ  อยากให้ผมคุยกับมันก็ไม่รู้  ทุกคนคล้ายอยากให้ผมกลับไปเจ็บแบบเดิมอีกอย่างนั้นหรือ . . .

   “พี่ . . .” 

   “ไหนบอกรักพี่ไง  แล้วจะผลักพี่ไปหาคนอื่นไม่เจ็บเหรอ”  ผมยักคิ้วกับแดน  เรื่องนี้ผมกับแดนก็เคยพูดกันมาครั้งนึงแล้ว  นานพอ ๆ  กับที่ผมจากเมืองไทยนั่นแหละ 

   “พี่ก็รู้ผมรักเพราะผมอยากรัก  ถึงผมอยากได้พี่มาอยู่กับผม  แต่ถ้าพี่ไม่มีความสุขในการอยู่กับผม  ผมไม่เอามาหรอก  ผมอยากให้พี่รักเพราะรัก  ไม่ใช่รักเพราะพี่สงสาร”  มันทำสายตาละห้อย

   ผมแบนหน้ามองไปดูสายฝนที่กระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง . . .

    . . . มันคิดเหมือนผม

   แต่ผมกักคนที่ผมรักไว้มากเกินไป  ผมทำใจไม่ได้ในการเห็นคนที่ผมรักไปเริงร่ากับคนอื่น  ผมอยากรักไอ้โก  และผมก็อยากให้มันรักผมเหมือนที่ผมรักมัน

   “แดน . . . อย่ารอเลย”   ผมบอกโดยไม่กล้าหันมามองหน้าแดน

   อย่างที่ผมบอก  ผมไม่ใช่คนเข้มแข็งอะไรมากมาย  หากผมมองหน้ามัน  มองลึกในแววตาของมัน  ผมอาจเสียน้ำตาให้มันก็เป็นได้  เพราะบางอย่างในตัวผมบอก  มันกำลังจ้องมองผมอยู่

   “เรื่องของผม  แค่ผมเห็นคนที่ผมรักมีความสุขนั่นคือความสุขของผม  ตอนนี้คนที่ผมรักมีทุกข์  ผมเจ็บแทนไม่ได้  แต่ผมอยากให้เขารู้  ผมทุกข์ใจไม่น้อยกว่าเขาหรอก   ผมอยากให้เขาคิดให้ดี  อย่าหนีอีกเลย  เดินไปหาหัวใจตัวเองดีแล้ว”

   ผมหันกลับมามองหน้า . . . 

   . . . แววตาแดนรวดร้าวนะ

   ทำไมว้า . . .

   . . . ทำไมผมไม่รู้สึกกับมันแบบที่รู้สึกกับอีกคน

   เพราะหัวใจผมให้อีกคนไปหมดแล้ว 

   “พี่อาร์มนะใจร้าย”  มันมองหน้าผม

   “เอ้ย  เรื่องไร”

   “ไม่เคยโทรหาผมเลย  เกือบสองปี”

   “ก็เจอในเอ็มกันบ่อย”

   “มาก็ไม่เคยโทรหา  ใจร้ายชะมัด”  มันมองหน้า  ยิ้ม  บอกให้ผมรู้มากกว่าที่จะคิดจริงจังกับคำพูดของมัน

   “มาที่ไหน”

   “เมืองไทยไง  เชียงใหม่  กรุงเทพฯ  และวันนั้น  ไบเทค  บางนา”  มันจ้องหน้าผม

   “วันไหน”  คิ้วผมขมวดเข้าหากัน

   “พระจอมรับปริญญา”  คราวนี้มันจ้องตาผมเขม็ง

   ผมใจสั่นระรัว  แต่รับรองเหอะ  ผมผ่านความเจ็บปวดมามาก  มากพอที่จะรู้จักซ่อนมันเอาไว้  ไอ้แดนมองไม่เห็นหนอก

   “ตาฝาดแล้ว”

   “ผมว่าใช่แน่ ๆ  ยังเรียกพี่โอ๋กับไอ้โกให้ดูเลย  แต่พอสองคนนั้นหันไป  ไม่มีพี่แล้ว”

   “แปลว่าแดนคิดถึงพี่มาก  มากจนมองเห็นวิญญาณพี่”  ผมยิ้มให้มัน

   “พูดเหมือนพี่โอ๋เลย”

   “เอ้าก็เพื่อนกันนี่เนาะ  ใช้หัวใจเดียวกัน  ก็ต้องพูดเหมือนกันดิ๊”

   พูดไปแล้วผมนิ่งเงียบ  อาจเพราะว่า  กลัวว่าคำพูดบางอย่างจะทำให้ไอ้แดนมันคิดมากก็ได้  ผมปากเร็วเสมอ

   “พี่อาร์ม  ผมอยากให้พี่ดูคลิ้ปนี้”

   มันยื่นโทรศัพท์ให้ผม  ผมรับมาโทรศัพท์รุ่นล่าสุด  ไอ้แดนมันเจ้าพ่อไอที  เปลี่ยนโทรศัพท์ตามรุ่นตลอด

   “คลิ้ปไร”  ผมมองหน้าแดน

   “สัญญาก่อนนะพี่  จะดูจนจบ”

   “ทำไม”

   “ผมไม่รู้พี่  ผมอยากรู้เหมือนกันว่าทำไม  เพราะตั้งแต่ผมรู้จักคนในคลิ้ป  ผมว่ามันไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน  แต่มันทำ  ผมเลยงง  ว่ามันคิดอะไร”

   “แล้วเกี่ยวไรกับพี่”

   “ผมถึงอยากให้พี่ดูว่าเกี่ยวไหม” 

   แดนมันกดเล่น  ภาพนั้นแม้จะไม่ชัดแบบที่ถ่ายด้วยกล้องวีดีโอ  แต่มันก็พอจะรู้ว่าคนในภาพคือใคร  คนที่อยู่หน้าเวทีเล็ก ๆ

   “ตอนงานเลี้ยงรับปริญญาพี่  คนในคลิ้ปมันออกไปร้องเพลง  พี่โอ๋ยังงงเลย  ว่ามันร้องเพลงเป็นด้วยหรือ”

   “ไม่อยากดู”  ผมเอาโทรศัพท์ใส่กลับมือแดน

   “ผมขอพี่  ถ้าคิดว่าผมเป็นน้องอยู่  ถ้าคิดว่าสองปีที่หายไป  ไม่โทรหาผมและรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้น  พี่ดูนะ”  มันจับมือผมเอาไว้  แววตามันเว้าวอน

   ผมจำต้องรับมันมา   ก่อนกดเล่นอีกครั้ง

   “เพลงนี้ผมให้กับคนทุกคนที่ไม่รู้ค่าของความรัก  และผมอยากร้องเพลงนี้ให้กับคนที่ทำให้ผมมีวันนี้  คนเดียวที่ทำเพื่อผมมาตลอด  ผมเสียใจที่ผมไม่มีโอกาสอยู่กับเขาในวันที่ผมยืนอยู่ที่ปลายทางแห่งนี้ . . .”  เสียงมันบอกจากในคลิ้ป  ทำเอาหัวตาผมร้อนผ่าว

   เหมือนมีอะไรแล่นมาจุกที่ลำคอ  ผมพยายามกลืนมันลงไปอย่างยากเย็น    ท่วงทำนองอินโทรลเพลงมันโหยหวนก่อนที่จะมีเสียงร้องของมัน . . .

   “ทุกครั้งที่ฉันคิดถึงเธอ  ใจมันคอยบอกตัวเองอยู่เสมอว่าเธอนั้นเป็นสุขไปแล้ว  ทุกครั้งที่ฉันนั้นเห็นภาพเธอ  วันคืนเก่า ๆ  ก็กลับมาเสมอ  มีแต่เธอที่จะไม่กลับมาแล้ว ยังมีอีกหลายสิ่งที่ฉันยังไม่เคยพูดสักที  และมีอีกหลายอย่างที่ไม่เคยทำจนวันนี้ . . .” 

   เสียงร้องของคนในคลิ้ปสะกดผมนิ่ง

   “รัก . . . . . . รักเธอทั้งหมดของหัวใจ”

   น้ำตาผมตกลงอาบแก้ม  ผมรู้ความหมายของเพลง  ผมรู้ทุก ๆ  อย่าง  ที่แดนมันอยากสื่อให้ผม

   “. . . สิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างใน  เธอได้ยินไหมคนดี   อยากขอ . . .  ให้ความรู้สึกที่ฉันมี ส่งไปถึงเธอที่แสนดี  ว่าชีวิตนี้ฉันมีเธอเป็นความฝัน  จะพบกันอีกได้ไหม”

   ผมปล่อยน้ำตาไหลลงมาเป็นทาง  สายตาของผมมีแต่ม่านน้ำตา  ผมมองภาพนั้น  ภาพที่ไอ้แดนมันอยากสื่ออะไรให้ผม  ผมไม่รู้  ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว 

   มันมีทั้งความสุข  ทั้งความเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน

   “ฉันนั้นรู้ตัว  ก็คงจะไม่มัวเก็บมาจนวันนี้  โอ้คนดีฉันคงได้บอกไปแล้ว  ยังมีอีกหลายสิ่งที่ฉันยังไม่เคยพูดสักที  และมีอีกหลายอย่างที่ไม่เคยทำจนวันนี้   รัก . . .  รักเธอทั้งหมดของหัวใจสิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างใน  เธอได้ยินไหมคนดี   อยากขอ . . . . ให้ความรู้สึกที่ฉันมี ส่งไปถึงเธอที่แสนดี  ว่าชีวิตนี้ฉันมีเธอเป็นความฝัน  จะพบกันอีกได้ไหม . . .”

   ผมหยุดตัวเองไม่ได้ . . .

   ผมยังเจ็บปวด  ผมยังฝังใจ  แค่เสียงเพลงที่มันถ่ายทอดมา  มันทำร้ายหัวใจผมให้อ่อนแอลงอีกครั้ง  ผมได้แต่ปล่อยน้ำตาให้มันไหลออกมา  ให้ออกมาให้สาสมกับความรู้สึกที่ผมเก็บและกดมันเอาไว้ตลอด 

   ผมรักมัน . . . รักมันคนเดียว

   แต่ผมกดเอาไว้  ผมหลอกตัวเองว่า  ผมไม่ได้รู้สึกอย่างไรกับมันแล้ว  ผมมีปมปลอมที่สร้างมาเพื่อกลบปมจริง ๆ 

   “. . . ยังมีอีกหลายสิ่งที่ฉันยังไม่เคยพูดสักที  และมีอีกหลายอย่างที่วันนี้   รัก . . . รักเธอทั้งหมดของหัวใจสิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างใน  เธอได้ยินไหมคนดี   อยากขอ   ให้ความรู้สึกที่ฉันมี ส่งไปถึงเธอที่แสนดี  ว่าชีวิตนี้ฉันมีเธอเป็นความฝัน  จะพบกัน . . .  บอกรัก  รักเธอทั้งหมดของหัวใจ  สิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างใน  เธอได้ยินไหมคนดี  อยากขอ . . . . ให้ความรู้สึกที่ฉันมี ส่งไปถึงเธอที่แสนดี  ว่าชีวิตนี้ฉันมีเธอเป็นความฝัน  และสักวันจะไปหา . . .”

   เสียงเพลงจบลงที่เสียงกีตาร์ . . .

   ผมก้มหน้านิ่งยังหยุดความรู้สึกของตัวเองไม่ได้  ผมปล่อยน้ำตาไหลเป็นทางยาว  ไม่แม้แต่จะยกมือปาดหยาดน้ำตา  ในเมื่อหัวใจผมอ่อนแอ  ผมจะยอมรับความจริง  ความจริงที่ผมรู้  ผมไม่เคยลืมมันไปเลยเสียด้วยซ้ำ

   แต่สิ่งที่ผมเจอมา . . .

   ผมก็เจ็บปวดเกินกว่าจะหันกลับไปเดินบนเส้นทางนั้นอีกครั้ง

   “พี่อาร์ม”  แดนเอามือมาแตะที่มือผมเบาๆ

   ผมยกมือปรามมันเอาไว้  ขอเวลาสักนิดนะแดน  ขอเวลาให้ผมได้ตั้งตัว  ให้ผมได้ซึมซับกับสิ่งที่ผมเห็นก่อน  อย่างน้อยที่สุดตอนนี้หัวใจผมอ่อนแอ  มันสับสนวุ่นวายไปหมด  ขอให้ผมได้สร้างภูมิคุ้มกันความอ่อนแออีกสักครู่ . . .

   วันนั้นผมนั่งคุยกับมันอยู่จนกระทั่งฝนหยุด 

   ค่ำแล้ว  ผมบอกอยากกินส้มตำ  ปากเป็ดทอด  มันใจดี  พาผมมานั่งโซ้ยที่ข้างปั้มใกล้ ๆ  ตึกช้าง   

   ผมรู้ . . . มันมีความสุข  อย่างน้อยก็ในเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน

   ผมหรือ? . . .

   แดนคือคนที่ผมรัก . . .

   . . . แต่ผมรักมันเหมือนน้องจริง ๆ

   ผมกลับมาคอนโดเอาเมื่อดึก . . . คอนโดที่ผมซื้อทิ้งเอาไว้  ก็ไอ้เพื่อนโอ๋มันบอก  คนเราหาภาระใส่ตัวไว้บ้างจะได้มีแรงฮึดในการทำงาน ไอ้ผมก็หลงเชื่อมัน  ยอมจ่ายทุกเดือนแต่ได้อยู่ ไม่เกินสิบสองชั่วโมงต่อเดือน

   คือ . . . งานของผม  มันไม่ได้อยู่เมืองไทยครับ

   ผมเป็นพนักงานบริการบนเครื่องบิน . . . ในแถบตะวันออกกลางครับ  แล้วโปรแกรมบินของผม  ที่ผ่านมา  หากมีเข้าเมืองไทย  ผมจะแลกกับเพื่อนที่เป็นคนไทย  เพราะผมไม่อยากกลับเมืองไทย   ผมยังเจ็บอยู่กระมัง  เลยไม่ค่อยอยากเข้าเมืองไทยเท่าไหร่

   กฎของบริษัท . . .

   ลูกเรือทุกคนต้องนั่งรถของโรงแรมที่บริษัทคอนแท็กส์อยู่เพื่อไปเช็คอินที่โรงแรม  แล้วหลังจากนั้นคุณไปนอนไหนก็เรื่องของคุณ แต่ ต้องมานั่งรถโรงแรมกลับที่สนามบินในอีกวันที่มีไฟลท์กลับ

   ผมเลยต้องไปเช็คที่โรงแรม  นอนสักสามชั่วโมง เพราะการทำงานบนนั้นมันสาหัสจริง ๆ  จาก DOH มา BKK  ร่วมสิบชั่วโมง  ใช้เครื่องแอร์บัส  ซึ่งที่นั่งลูกเรือมันแคบมาก  แทบไม่ได้นอน  เหนื่อยสายตัวแทบขาด

   คอนโดมีไว้เพื่อให้รู้ว่าผมก็มีที่ซุกหัวนอนในประเทศของตัวเอง ก็ได้ไอ้เพื่อนเลวนี่แหละครับที่มาคอยดูแลให้ยามผมไม่อยู่  มันคอยจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ  ค่าส่วนกลาง  และเวลามันทะเลาะกับเมียมัน  มันก็ยึดอีกห้องนอนสบายใจมันล่ะครับ

   “กลับมาดึกเลย  ไปไหนมา”    ผมมองหน้าคนที่มายืนรอผม  แววตามันรวดร้าว  ไม่แตกต่างอะไรกับภาพที่ผมเห็นในคลิ้ปที่แดนให้ผมดู

   มันรอผม . . .

   . . . ผมแปลกใจมาก 

   แปลกใจเป็นที่สุด  เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา  ผมต่างหากที่รอมัน  แต่วันนี้  มันทำได้ขนาดนี้เลยหรือ  ทั้ง ๆ  ที่ผ่านมา  ในเวลาที่ผมเจ็บ  ในเวลาที่ผมร้องขอให้มันกลับมา  แต่มันกลับทิ้งผมไป ผมอยากจะเดินหนี . . .

   เหมือนกับที่ผมทำมาตลอดสองปี . .

   . . . การหนี

   มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย  ผมไม่สามารถทำใจให้ลืมมันได้  ตรงกันข้าม  ในเวลาที่ผมเจอมันแบบนี้  ผมกลับรู้ตัวว่าอ่อนแอ

   ผมอยากกอดมัน . . .

   . . . แต่แรงฐิทิ  ผมไม่ทำ

   ผมอยากพูดกับมัน . . .

   . . . อยากไปนั่งกินข้าว

   อยากดูหนัง . . . อยากนอนหนุนตักมันเหมือนที่เคยทำ

   แต่ผมต้องเก็บเอาไว้ . . .

   . . . สิ่งเหล่านั้นมันผ่านมาแล้วสำหรับผม  ในเมื่อสองปีก่อน  ผมตัดสินใจที่จะจบ . . .

   จบ . . . แปลว่า  ไม่มีอีกแล้ว

   ผมมองหน้ามัน  หัวใจผมเหนื่อยอ่อนเหลือเกิน  มันเหนื่อยล้าจนถึงที่สุดแล้ว  ผมรู้  ผมรักมัน  รักมันมาก

   แต่ . . . อีกความรู้สึก 

   ผมรักตัวเองนะ . . . รักมากเหมือนกัน

   สิ่งที่มันเคยทำกับผม . . . หัวใจผมหรือ  แหลกละเอียดหมดแล้ว  ที่เหลือคือร่างกาย  ร่างกายที่อยู่ได้โดยมีลมหายใจ  เท่านั้นกระมังที่บ่งบอกว่าผมยังมีชีวิตเหลืออยู่  ผมเจ็บจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน

   “พี่อาร์ม . . . มันคงสายไปแล้วใช่ไหม”

   สายไปแล้ว . . . คงใช่กระมัง  ในเมื่อหัวใจผมตอนนี้มันรวนเรไปหมด  มีทั้งอยากรัก  อยากกลับไปเดินร่วมทางกับมัน  และอีกหัวใจ  ผมกลัวเจ็บ  ไม่อยากเจ็บแบบที่ผ่านมาอีก

   ผมคงกลัวมันไปแล้ว . . .

   “ผมรักพี่นะครับ  ผมขอแค่โอกาสจากพี่  ครั้งเดียวเท่านั้น”

   แววตาของโก . . .

   . . . มันมีแววน้ำตา 

   ก่อนที่น้ำตามันจะหยดรินอาบแก้ม  ผมเห็นชัดด้วยสองตาของผมเอง   ผมต้องรีบเดินหนีมัน  ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของมันอีก  แต่ผมเหมือนคนหนีตัวเองไม่พ้น  แค่พ้นสายตามัน น้ำตาผมไหลริน  ผมพยายามเดินให้ตรงที่สุด  คอตั้ง  ไม่อยากให้มันรู้ว่าผมอ่อนแอขนาดไหนที่ได้เห็นน้ำตาของมัน

   มันเจ็บปวด . . .

   . . . แต่ผมเจียนตายอยู่แล้ว

   นี่ผมกำลังทำร้ายตัวเอง . . .

   . . . หรือผมกำลังสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเองหนอ

   ผมพาร่างกลับมาที่ห้อง  ปิดประตูห้อง  ก่อนทรุดลงที่ประตูอย่างช้า ๆ  เหมือนในหนังที่ผมเคยดู  มันเหมือนกับชีวิตผมตอนนี้  ผมได้แต่ฟุบหน้าเอาไว้กับเข่าตัวเอง  สิ่งที่ผมทำตอนนี้ผมไม่รู้ว่ามันผิดหรือถูก  ผมรู้แค่ว่าผมเจ็บปวด  หัวใจคล้ายโดนบีบ 

   ทำไมนะ  ผมน่าจะยิ้มเยาะที่มันเจ็บปวดแบบผมเคยเป็น  ผมน่าจะซ้ำมัน  ให้สามสมกับที่มันทำเอาไว้กับผม

   แต่ . . .

   น้ำตาของมัน . . . ทำเอาผมเจียนตายอีกครั้ง 

   . . . ผมเจ็บเพียงแค่เห็นน้ำตาของมัน . . .

   นี่หรือ . . . ที่ผมบอกว่าผมเข้มแข็งพอแล้ว

   . . . ผมรักพี่นะครับ  ผมขอแค่โอกาสจากพี่  ครั้งเดียวเท่านั้น. . . 

   ผมเอามือบิดหูตัวเองเอาไว้  ดีดดิ้น ทุรนทุราย เกลือกกลั้วไปบนพื้นห้อง  ทำไม  ทำไมผมต้องเจออะไรแบบนี้  ทำไมเสียงนี้มันไม่หายไปจากความรู้สึกของผมสักที

   . . . หรือโลกนี้ไม่ใช่ที่อยู่ของผม . . .

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-06-2008 08:50:16
อิอิ มาจิ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมตอนจบก่อน อิอิ

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: muyong ที่ 05-06-2008 08:56:28
มากรี๊ดดดดดดด

อ่านจบแล้วมาใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 05-06-2008 09:10:06

พีต้นเดินทางมาเหนื่อยๆๆ  มาล้างหน้าก่อน
(http://i259.photobucket.com/albums/hh312/imunich/DSC01119.jpg)
เสร็จแล้วมาดื่มกาแฟก่อน  (ใครไปถ่ายมุมนี้ระวังงูนะครับ)
(http://i259.photobucket.com/albums/hh312/imunich/DSC03950.jpg)
เสร็จแล้วแวะซื้อของฝากก่อน
(http://i259.photobucket.com/albums/hh312/imunich/DSC01110.jpg)




หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 05-06-2008 09:12:24

ตอนที่  ๔๐




   ผมเปิดคลิ้ปที่ส่งมาจากเครื่องโทรศัพท์ของแดน ผมเอามาลงไว้ในเครื่องแลปทอป  คลิ้ปอันนั้น  มันต้องการสื่ออะไร  มันอยากบอกอะไรหรือ  ผมไม่รู้  ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี  ไม่รู้ว่าจะตัดสินเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างไร  ทุกอย่างมันมารวดเร็วราวน้ำป่า  มันหลากไหลมาจนผมตั้งตัวไม่ทัน 

   หรือ . . .

   . . .อาจเพราะสิ่งที่ผ่านมาคือความทรงจำ 


   คือชีวิตของผม . . .

   เมื่อคืนผมหลับไปปล่อยโดยที่เปิดคลิ้ปทิ้งเอาไว้   ตั้งให้มันเล่นซ้ำไปซ้ำมา  สายมากแล้วกระมัง  เพราะแสงแดดส่องลอดม่านเข้ามา  เจ้าแลปทอปยังคงส่งเสียงไปเรื่อย ๆ   ผมงัวเงียตื่นขึ้นมา  บิดความเมื่อยไล่ไอ้ตัวขี้เกียจที่มันมาสิงผมอยู่ในตอนนี้

   ผมปิดเครื่องแลปทอป  ก่อนที่จะคว้ารีโมท  เปิดวิทยุฟัง   คลื่นฮิตของคนกรุงเทพฯ

   ผมนอนลืมตานิ่ง . . .

   . . . เมื่อวานผมเจออะไรมาหว่า 

   มันเข้ามารวดเร็ว  จนผมแทบตั้งตัวไม่ทัน  แค่ไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์บนแผ่นดินแม่  ผมเจอเรื่องที่ผมไม่คิดว่าจะเจออีก     ผมไม่เคยคิดมันจะมารอผม  มันจะตามหาผม  ในเมื่อ . .  .

   ตอนที่ผมโหยหา . . . 

   . . . มันร้างลา

   ผมได้แต่นึกย้อนแล้วยิ้มเยาะตัวเอง

   ตลกดี . . .

   . . . ผมยิ้มกับตัวเอง  หากแต่สมองผมมันคิดนะ  ผมทำอะไรลงไป  สิ่งที่ผมทำมันดีแล้วหรือ . . .

   มันคงยังดีไม่พอ . .

   ผมมีเวลาอยู่เมืองไทยอีกไม่กี่วัน  เพราะอาทิตย์หน้าผมต้องกลับไปทำงาน  งานที่ผมเองก็ไม่เคยคิดว่าผมจะทำได้  แต่ผมทำมันได้   ถึงมันจะไม่ใช่งานที่ผมรักเท่ากับงานแรก  แต่มันก็ทำให้ผมได้เจอสังคมใหม่ ๆ  เจอโลกใหม่ ๆ  ในมุมมองที่แปลกออกไป  อย่างน้อยที่สุดผมทำมาสองปี   มันเลยกลายเป็นความเคยชิน

   เป็นหน้าที่ประจำวัน  ตื่นเช้า  ไปออฟฟิศ  นั่งรถไปสนามบิน  ทำงาน  ถึงสนามบินอีกแห่ง  นั่งรถเข้าโรงแรมที่พัก   เพื่อพักผ่อน  ก่อนตื่นมารอรถ  มาสนามบิน   วันหยุด  นอนอยู่ห้อง  เล่นเน็ท  คุยกับเพื่อนที่เมืองไทย  ออกไปช้อปปิ้ง  เดินเล่น  วัฏจักรของผมมีแค่นี้เองในระยะสองปีที่ผ่านมา

   อาจเหมือนที่ผมอ่านเจอ 

   . . . คนเรามีต้องแยกหน้าที่ออกจากความรัก . . .

   ในเวลางาน . . . สิ่งที่สำคัญที่สุดของผมคือหน้าที่

   แต่ . . .ตอนนี้ช่วงพักของผม  ผมมีสิทธิ์ที่จะมองความรัก  ความรักที่มันยังอยู่รอบตัวผม  มันไม่เคยหนีผมไปไกลเลย  มีแต่ผมกระมังที่หนีมัน  ผมคงแย่  ไม่กล้าเผชิญความเป็นจริง 

   หรือ . . .

   เพราะความจริงมันโหดร้ายเกินไปสำหรับผม

   อินโทรลเพลงจากวิทยุดังขึ้น . . .    

   เพลงที่เรียกน้ำตาผมทุกครั้ง   มันมาได้จังหวะ  มันมาตอนที่ผมกำลังสับสนแบบนี้  ผมเอารีโมทมาเปิดเสียงให้ดังเท่าที่มันจะดังได้  ผมรู้ดี 

   วันนี้ . . . 

   ผมมีน้ำบริสุทธิ์ล้างหน้าล้างตาอีกแน่ ๆ

    . . . เรายังอยู่ด้วยกันอีกนานแสนนานฉันเชื่อตัวเองเช่นนั้น   ถึงได้ปล่อยวันเวลาไปไกลควรจะบอกบางคำก็ทำลืมไป คิดว่าเหลือเวลาเท่าไรก็พอพูดมัน . . .

   . . . กว่าจะบอกตัวเองว่าอย่ามั่นใจก็เมื่อในวันที่สาย  ที่ไม่มีเธอข้าง ๆ  กายกันอยากจะบอกคำเดิมที่เธอรอนาน ฉันก็เหลือแค่เพียงสิทธิ์บอกเธอผ่านสายตา  และทีนี้เวลาที่มีไม่พอสักอย่าง   อยากมีหนทางดึงสิ่งต่าง ๆ  ย้อนมา จะกอดเธอไว้จะทำทุกวันให้มีความหมายให้มีค่า จะไม่ทำให้เธอปวดใจ. . .

   ฉันไม่มีวันได้เธอคืนมา  ฉันขอเวลาแค่บอกคำนั้นที่เธอเคยต้องการมันยังทันใช่ไหม ฉันเสียใจตลอดเวลาที่รักษาเธอไม่ได้  สุดท้ายอยากให้รู้ว่ารัก . . .

   ได้แต่เกลียดตัวเองที่ลืมนึกไปว่าโลกมีคำว่าสาย  ไว้สะกิดใจให้ฉันรีบทำได้แต่กอดตัวเองกับความทรงจำ   ที่ยิ่งย้ำว่าฉันมันผิดที่ชะล่าใจ . . . และทีนี้เวลาที่มีไม่พอสักอย่าง อยากมีหนทางดึงสิ่งต่าง ๆ  ย้อนมา จะกอดเธอไว้จะทำทุกวันให้มีความหมายให้มีค่า จะไม่ทำให้เธอปวดใจฉัน ไม่มีวันได้เธอคืนมา  ฉันขอเวลาแค่บอกคำนั้นที่เธอเคยต้องการมันยังทันใช่ไหม

   ฉันเสียใจตลอดเวลาที่รักษาเธอไม่ได้ . . . สุดท้ายอยากให้รู้ว่ารัก  ฉันขอได้ไหม แค่บอกคำนั้น (แค่บอกคำนั้นจากใจ)  ที่เธอเคยต้องการมันยังทันใช่ไหมฉันรักเธอตลอดเวลา  แต่รักษาเธอไม่ได้เชื่อไหม (สุดท้าย) เวลาไม่เคยพอ . . .



   ผมนอนนิ่ง ๆ  ปล่อยน้ำตามันรินไหลเปื้อนแก้ม  ก็มันน้ำตาของผมเอง  ใครจะมาหวงเอาไว้ทำไม    ผมมีเยอะ  มีบ่อผลิตที่ไม่มีวันหมดเสียด้วย

   น้ำตา  . . . 

   . . . เพื่อนแท้ของผมตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา

   หนึ่งปี . . .

   . . . เพื่อทำใจลาจาก

   สองปี . . .

   . . . ร้าง ห่าง หาย

   ช่วงเวลาที่เหมือนอยู่ในนรกทั้งเป็นของผม   ช่วงเวลาที่มีแต่น้ำตาเท่านั้นที่คลอแก้มผมอยู่ตลอดเวลา

   ตอนผมฟังเพลงนี้ครั้งแรก   เพลงที่ไอ้แดนมันส่งให้ผม . . .

   ไอ้แดน . .  .  คนที่มันบอกเสมอว่ามันรักผม  มันรอผม  แต่มัน . .. เล้ววววว  เลว   ดันส่งเพลงอะไรมาเรียกน้ำตาผมก็ไม่รู้ 

   มันคงคิดว่ามันเป็นแดน D2B  มั้ง  มันคิดอะไรที่ส่งเพลงนี้ให้ผม   มันอาจคิดตรงกันข้ามกับผม  มันส่งให้ตอนที่ผมอยู่ที่ DOH   

   ผมน้ำตาไหลพรากเลยในวันนั้น . . .

   วันแรกที่ผมโหลดเพลงนี้มาฟัง  ฟังครั้งแรกผมนิ่ง . . .

   เหมือนใครเอาอะไรมาทุบหัวผม  มันชา ๆ  จนผมต้องฟังรอบสอง . . .

   . . . รอบสาม

   จนไม่รู้กี่รอบ  ยิ่งฟังยิ่งโหยหา  มันบาดลึกเหลือเกินสำหรับคนแบบผม

   ฉันนนนนนนนนนนน . . .  ไม่มีวันได้เธอคืนมา  . . . 

   เวลาถึงตอนนี้ทีไร  น้ำตาผมเหมือนสั่งได้  มันไหลออกมาเหมือนตาน้ำ  มันไม่ยอมหมด  จนผมต้องโทรลาป่วย ผมบินไม่ได้   ตาผมบวมขนาดนั้น  ผมคิดถึงมัน  คิดถึงมันจับหัวใจ  ผมได้แต่นอนขดตัวในซอกเล็ก ๆ  ของห้อง  เหมือนคนบ้า คนบ้าที่เปิดเพลงเดียวทิ้งไว้  แล้วขดตัวหนีการตามล่าอะไรสักอย่าง     

   และนั่น . . . เป็นครั้งแรกของการทำงานที่ผม  ปล่อยความรักเดินล้ำหน้าที่ของตัวเอง

   ทุกครั้งที่ผมอยากร้องไห้ . . . 

   ผมจะเปิดเพลงนี้ฟังเสมอ  ผมเปิดมันดังสุดเสียง  ใส่หูฟัง  กระตุ้นความรู้สึกที่มันตกตะกอนในใจ  ให้มาปั่นป่วนเต็มหัวใจอีกครั้ง  เพลงที่ผมนึกเอาเองว่า  คนแต่งเขาแต่งมาให้ผม . . .

     เพลงบางเพลงมันสะท้อนหัวใจของเรา  มันตรงกับชีวิตของเราอย่างจัง   ผมปล่อยเวลาของผมให้อยู่กับน้ำตาของผมเอง . . .

   ผมอาจดูตลก เข้มแข็งในหมู่เพื่อนฝูง  แต่ลึกเข้าไปแล้วผมอ่อนแอ  ผมรู้  การที่ผมปล่อยน้ำตาออกมาไม่หมด  ผมอาจเดินเหงา ๆ  อีกวัน  แต่หาก  ผมปลดปล่อยมันไปให้หมดในเช้านี้ . . .

   เหมือนเรากินของอร่อย . . .

   . . . ถ้าชิมเพียงนิด  เราจะหิวอีก

   ผมเลือกที่จะกินจนพุงกาง . . .

   แล้วมันจะอิ่ม  จะเลี่ยนกับของอร่อยนั้น  ไม่อยากกินอีกไปหลายวัน  ผมคิดแบบแปลกกว่าคนอื่นเสมอ . . .

   วันนี้ผมจะสดชื่นอีกทั้งวัน สมองมันคงโปร่งพอที่ผมจะเขียนอะไรได้อีกมาก  ผมจะเก็บเกี่ยววันเวลาที่ขาดหายไปมาถักทอร้อยรัดด้วยความรักทั้งหมดที่ผมมี . . .

   เวลา . . .

   ผมคงมีไม่มากเหมือนในเพลง  ผมต้องเก็บความทรงจำที่เริ่มขาดหาย  มาปะติดปะต่อใหม่  ก่อนที่ผมจะกลับ DOH  ผมต้องรู้หัวใจตัวเองให้ได้  ว่าแท้จริงแล้วตอนนี้ผมยังหนีอยู่อีกไหม . . .

   ผมเลือกที่จะปิดเครื่องมือสื่อสาร . . .

   ผมเดินไปที่มุมครัว  หาของสดในตู้เย็น  มีของสดเหลือเฟือสำหรับวันนี้  วันนี้ผมต้องจมดิ่งตัวเองไปกับอดีตอีกครั้ง . . . 

   ภาพในอดีตแจ่มชัดเสมอสำหรับผม




   สองวันเต็ม ๆ  ผมไม่ได้ออกไปไหน  ผมไม่ได้เปิดเครื่องมือสื่อสารใด ๆ  เวลาส่วนมากผมนั่งหน้าเจ้าแลปท้อป  ไม่รู้สิ  ยิ่งเขียนมันยิ่งแจ่มชัด  มันทำให้ผมอดที่จะรู้สึกเกลียดตัวเองไม่ได้

   เสียงไขกุญแจเข้ามา . . .


   ผมหันไปมอง  ไม่มีใครหรอกน่าจะเป็นไอ้เพื่อนรักนั่นแหละ  ตั้งแต่วันนั้นผมยังไม่ได้คุยกับมันเลย    ไม่รู้เหมือนกัน  มันเป็นเพื่อนผมแท้ ๆ  แต่นับวันมันยิ่งเห็นคนอื่นดีกว่าผม

   คนอื่น . . .

   . . .โกเมศวร์

   สำหรับผม  มันเป็นคนอื่นไปแล้วหรือ ?

   นี่ผมกำลังอิจฉาคนที่ผมรัก . . . หรือเคยรัก

   ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน  ว่าสิ่งที่หลงเหลืออยู่ตอนนี้มันจะเรียกว่าความรักได้หรือไม่  เพราะสิ่งที่ผ่านมามันยังฝังอยู่ในหัวใจของผม  มันยากมากที่ผมจะลืม  ผมไม่เคยพยายามลืม  เพราะนั่นเท่ากับว่าจะทำให้ผมยิ่งจำ  ผมปล่อยมันไว้เฉย ๆ  ให้เวลามันเยียวยาไปเรื่อย ๆ 

   “ไอ้เหี้ย  มีโทรศัพท์ไว้ทำพ่อมรึงเหรอ  มีแล้วไม่เปิดเครื่อง แมร่งโทรมาที่ห้องก็ไม่เสือกรับอีก”    ทันทีที่มันเจอหน้าผม  มันเอามาปล่อยทันที  สิ่งมีชีวิตแถว ๆ  รัฐสภาเมืองไทย  มันคงคิดที่ห้อง . . . สวนสัตว์

   “แบตหมด”

   “สัสสสสสสสส  หลอกหมาไป๊”

   “เออ ก็กูหลอกหมา”

   “ไอ้ห่านี่  วอนซะแร่ะ”   มันคงรู้ตัว  พลาดท่าโดนผมเอาคืน 

   ผมยิ้มให้มันก่อนนั่งตอบเมล์ของผมต่อไป   บางทีการต่อล้อต่อเถียงกับมันเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ผมชอบ  มันเหมือนกับเราได้ย้อนเวลาไปสู่อดีตอีกครั้ง  ระหว่างมันกับผมแทบจะไม่พูดดี ๆ  กัน  ส่วนมากใช้ภาษาแนบแน่นจนคนอื่นมองว่าหยาบคาย

   แปลก . . .

ทั้ง ๆ  ที่เป็นภาษาไทยแท้

   . . . พ่อกูชื่อขุนศรีอินทราทิตย์   แม่กูชื่อนางเสือง . . . รากเหง้าของภาษาแท้ ๆ  แต่คนไทยกลับมองว่าหยาบ  เขาคงลืมไป  หากมิทรงประดิษฐ์อักษรไทยแล้วไซร้  ป่านนี้เราอาจใช้ภาษาพม่า . . . หรือ . . . ขอม

   เราเหยียดรากเหง้าของเราเองกระนั้นหรือ . . .

   “ไอ้ห่าอาร์ม  มรึงทำอะไร  บอกกรูหน่อยสิไอ้เพื่อนร๊ากกกก”    มันพูดเสียงดัง  ก่อนชูสายโทรศัพท์ในมือ 

   ผมมองหน้ามัน   ยิ้มแก้เก้อ   

   “สะดุดหลุดมั้ง”

   “ไอ้เหี้ยนี่  ไม่รู้เหรอ  กูห่วงมรึงนะโว้ย  โทรหามือแทบหงิก  แมร่งเอ้ย  ทำไรเป็นเด็ก ๆ”  มันเอาสายโทรศัพท์เสียบเข้ากับเครื่องรับ

   ผมรู้สึกผิดเล็ก ๆ  ในหัวใจ  อย่างน้อยมันก็ห่วงผม 

   แต่ . . .

   ผมล่ะ  ผมกำลังทำอะไรลงไป   

   “ขอโทษว่ะ  คราวหน้าจะโทรบอกว่าจะปิดเครื่องแล้วนะคร๊าบ  สามวันนะคร๊าบ  จะถอดสายเบอร์ที่ห้องด้วยคร๊าบ  ไม่ต้องโทรมานะคร๊าบ  อยากอยู่คนเดียวคร๊าบบบบบบ”

   “ปากดีอีกนะมรึง  แล้วมรึงกินข้าวยัง”

   “ยังว่ะ”

   “เฮ้ย  โน้ตบุ๊คใหม่เหรอ  เล็กกะทัดรัดดีว่ะ”    มันเดินมาคร่อมหลังผม   

   “เอ้า . . .ห่านี่  ปิดทำเหี้ยไร  หัดมีความลับ”

   “ก็นิดนึง” 

   “ไอ้อาร์ม  เปิดเดี๋ยวนี้”

   “ไม่โว้ย . . .”   

   ผมหันไปทำหน้าทะเล้นใส่มัน   การได้ยั่วมันคือความสุขของผม  และเป็นเพียงช่วงความสุขสั้น ๆ  แต่ผมจะเก็บเกี่ยวเอาไว้  และใช้มันให้นานมากที่สุด   

   “โอ้ย!  ตบกบาลกรูเลยเหรอ”    ผมเอามือคลำไปที่โดนฝ่ามือพิฆาตของมัน

   “กูขอดูหน่อย  อยากดูนะ ๆ  ไอ้เพื่อนเลว”

   “เรื่องของมรึงเหอะ แมร่งอยากดูอะไรเชิญเลย”   ผมตัดบทลุกเดินหนี  เพราะอย่างไรเสีย  มันก็ต้องแสวงความอยากของมันจนได้  ไม่ยอมให้ดู  มันไม่เลิกราแน่ ๆ 

   อีกอย่าง . . .

   . . .  มันต้องรู้อยู่ดี  ไม่ช้าก็เร็ว

   มันนั่งลงที่เดิมที่ผมนั่งเมื่อครู  โปรแกรมหลายโปรแกรมยังเปิดทิ้งเอาไว้  เพราะผมแค่พับหน้าจอลงมาหน่อยเดียวเท่านั้น

   “ไอ้เหี้ยอาร์ม . . . มึงทำบ้าไร” 

   “อยู่แค่ตรงนี้พูดเบา ๆ  ก็ได้”  ผมมองหน้ามัน  ยิ้มเล็กน้อย  ผมคิดอยู่เหมือนกัน  ว่ายังไงก็ต้องบอกเรื่องนี้กับมัน

   “นิวยอร์ค ยูไนเต็ด สเตจ . .  . บริษัทยินดีที่จะได้บุคลากรแบบท่านมาร่วมงาน . . . ไอ้อาร์ม”    มันอ่านเมล์ที่ผมตอบค้างอยู่  เสียงมันเรียกผม

   “ก็หมายความว่ากูเป็นคนมีคุณภาพไง  ใคร ๆ  ถึงอยากได้”

   “ไอ้เหี้ย  หนีแล้วได้อะไร  มึงจะหนีตลอดชีวิตหรือไง  กูนึกว่าพูดเล่นสียอีก”

   “หนี   หนีอะไร  หนีทำไม  ก็พยายามจะบอกมึงแล้วไง  อเมริกานะมึง  ใคร ๆ  ก็อยากไป  โอกาสมันไม่ได้เดินมาหาเราง่าย ๆ  นะมึง”

   “อย่ามาทำเป็นเก่งกับกูไอ้อาร์ม  กูเพื่อนมึง  ไหล่กูนี่รับน้ำตามึงมาเท่าไหร่แล้ว  ทำไมกูจะไม่รู้จักมึง”  มันจ้องหน้าผม

   ผมมองหน้ามัน  แต่ผมไม่กล้าสบตามัน  อย่างที่มันพูดอาจจะใช่  มันรู้จักผม  รู้จักในทุกมุมของผม 

   บางครั้งนะ . . .

   ผมยังอดคิดไม่ได้  มันรู้จักผมดีกว่าตัวผมรู้จักตัวเองเสียอีก   ผมไม่ใช่คนที่กล้ายอมรับสักเท่าไหร่  ผมกลัวตัวเอง  ผมกลัวความเจ็บปวดแบบที่ผ่านมา  มันทรมานมาก  กับการจะยืนหยัดได้อีกครั้ง

   “ไอ้อาร์ม  มึงรู้จักกับกูมานานขนาดไหนว่ะ”

   “ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย”

   “กี่ปีละมึง”

   “สิบกว่าปีมั้ง”

   “มึงรักกูมั้ยไอ้อาร์ม”   มันจ้องหน้าผม

   คำถามมัน . . . 

   ผมไม่ต้องแปลหรอก   ผมรู้  ความหมายของมันดี  เพื่อนที่มองตาก็รู้ใจแบบมัน  ไม่มีนัยยะอื่นแอบแฝง  หากแต่ผมก็คือผม  ชอบแหย่  ชอบพูดจาแบบที่จะเรียกว่าเล่นเสียส่วนมาก

   “ห่านี่  มาคิดไรก๊ะกู  เดี๋ยวเมียมรึงแหกอกกู” 

   “อย่ามาลีลาไอ้อาร์ม  กูซีเรียสนะมรึง”    มันจ้องหน้าผม  ท่าทางมันจริงจัง  จนผมไม่กล้าเล่น

   “เออ  รักสิ  เพื่อนคนเดียว  หรือจะเรียกว่า  คนเดียวที่กูรักมากที่สุดในชีวิต   มึงถามทำไม”

   “ป่าว  กูแค่อยากแน่ใจว่ามึงยังรักกูอีกไหม  ในเมื่อมึงบอกว่ารักกู มึงจำสัญญาที่เคยให้ไว้กับกูไว้เมื่อสองปีก่อนได้ไหม”

   ผมมองหน้ามัน . . .

   ผมจำได้  ผมสัญญาไว้กับมันข้อนึง   สัญญาหน้าองค์ธาตุ  มีหรือที่ผมจะลืม  คนอย่างผมลืมอะไรง่าย ๆ  หรืออย่างไร

   สัญญาที่ผมบอก. . . มันอยากได้อะไร  ผมจะให้มัน

   “กูทวงสัญญา”   มันมองหน้าผม

   “มึงหมายถึง . . .”    ผมมองไปที่แลปท้อป

   อย่างที่บอก . .  . 

   ผมกับมันรู้จักกันมานาน  รู้ใจกันยิ่งกว่าใด ๆ  ทั้งหมด  แววตาของมันบอกผมมาแบบนั้นนี่นา  ผมมองหน้ามันนิ่ง  ไม่อยากได้ยินสิ่งที่มันจะพูดอีกต่อไป  เรื่องบางเรื่องมันลำบากใจ

   “กูไม่อยากทวงหรอก . . .”

   “งั้นก็ไม่ต้องทวง”

   “แต่ที่กูจะพูดกับมึงนี่  กูขอ กูขอมึงงในฐานะที่มึงเป็นเพื่อนที่กูรักมากที่สุด”

   “อะโห  ฟังดูดีนะเนี่ย”

   “สัสนี่  ทำเป็นเล่น”

   “เออ  ว่ามา”

   “เพราะมึงคือเพื่อนกู  กูขอมึงนะไอ้อาร์ม  ถ้ามึงอยากย้ายที่ทำงาน  กูขอให้มึงกลับเมืองไทยและมึงต้องไม่ไปทำที่ต่างประเทศอีก  นี่คือเรื่องเดียวในชีวิตที่กูขอมึง  เรื่องเดียวแล้วไอ้อาร์ม  อย่าหนีอีกนะอาร์ม  อย่าหนีอีก”  เสียงตอนท้ายมันสั่น

   มันพยายามซ่อนความรู้สึกของมันเอาไว้มิดชิดที่สุด

   ผมนิ่งเงียบ  มันเป็นคนที่สนุก  ชอบเทคแคร์คนอื่น  แม้ในบางครั้งมันอ่อนแอ  แต่มันเข้มแข็งกว่าผมเยอะ  มันไม่เคยแสดงให้คนอื่นเห็นความอ่อนแอของมัน  ทั้ง ๆ  ที่มันเจ็บเจียนตาย  แต่มันทำคนอื่นหัวเราะไปกับมัน

   “กูไม่รู้ที่ผ่านมาสองปี  มึงเจออะไรมาบ้าง  สองปีมันนานนะไอ้อาร์ม  สำหรับคนที่ต้องอยู่ด้วยการรอ  แต่กูอยากให้มึงรู้ว่ากูเป็นเพื่อนมึง  กูอยู่กับมึงนะไอ้อาร์ม กูไม่อยากเห็นเพื่อนที่กูรักที่สุดในชีวิตต้องหนีอีก  มันไม่ช่วยให้มึงดีขึ้นเลย  มึงอาจกลัวกับสิ่งที่ผ่านมา   มึงแกล้งทำเป็นเข้มแข็ง  แต่มึงมันอ่อนแอ  กูห่วงมึง นะอาร์ม  ห่วงมาก   มึงไม่รู้หรอกสองปีที่ผ่านมากูเป็นห่วงมึงขนาดไหน”  มันพูดยาว

   ไม่ทิ้งช่องไว้ให้ผมได้พูดเลย 

   ผมฟังมันนะ  เพราะมันคือเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของผม . . .

   “เออกูรู้ไอ้โอ๋  มึงห่วงกู  กูรู้เพื่อน”

   “มากพอที่มึงจะให้กูได้มั้ย”   

   “ลบทิ้งไปเหอะ ไม่ต้องส่งหรอก  หรือไม่ก็พิมพ์ตอบปฎิเสธไป กูให้มึงเพื่อน  กูยอมมึงเพื่อนที่ดีที่สุดของกู  ในชีวิตกูให้มึงได้ทุกเรื่อง  แม้แต่ชีวิตกูเอง”

   ผมเดินจากตรงนั้น  ไปยืนที่ระเบียง  บางทีสิ่งที่เราคิด  มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราหวัง   ผมไม่รู้เหมือนกัน  ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในเวลานี้  ถามว่าเสียใจมั้ยที่ไม่ได้ไปอเมริกา  ผมเฉย ๆ  นะ  เพราะลึก ๆ  แล้วผมไม่อยากไปหรอก

   เมืองนอก . . .

   . . . เหงา

   ยามเจ็บปวด . . .

   . . . ทรมาน 

   ได้แต่นอนกอดหมอนเอาไว้  จะร้องออกมาก็ไม่เต็มเสียง  ไม่มีมือที่คอยมาวางที่บ่า  ไม่มีใครมานั่งใกล้ ๆ  ให้ผมใช้พักพิง  เราเหมือนตัวคนเดียวบนโลกใบนี้

   “เสียใจมั้ยมึง”    มันเดินมายืนใกล้ ๆ

   “ไม่รู้เหมือนกัน   กูแค่อยากออกไปสู่โลกว้าง”   ผมมองไปที่ริมขอบฟ้า  ที่ตอนนี้เริ่มมืด

   ฟ้าในกรุงเทพฯ  ไม่สวยงามเท่าไหร่  แต่มันก็ยังดี  ที่มีฟ้าให้มอง  แม้สายตามันจะสะดุดกับตึกรามบ้านช่องมากมาย  แต่ผมก็ยังชอบที่จะมองฟ้าอยู่ดี  มันสวยในรูปแบบของมัน

   “เหนื่อยมั้ยเพื่อน”  มันเอามือมาวางบนบ่าผม

   ผมหันไปมองหน้ามัน . . .

   หากมันยังมองไปที่ . . . ปลายขอบฟ้า 

   ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไร  แต่ที่ผ่านมา  ผมรู้  มันคือคนเดียวที่อยู่ข้าง ๆ  ผม  ผมยิ้ม  บางทีผมอาจจะโชคดีกว่าคนอื่น ๆ  อยู่บ้าง

   เพื่อนที่อยู่กับผมทุกครั้งที่ผมมีความสุข  หัวเราะ  ยิ้ม  คือคนเดียวกันกับที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  ผม ยามผมเสียน้ำตา . . .

   “ก็เหนื่อยบ้าง”

   “ต้องกลับวันไหน”

   “ศุกร์หน้า วันที่ ๒”

   “อีกหลายวัน  อยากไปทะเลมั้ย”

   “ฮันนีมูนเหรอ”  ผมหันไปมองมัน  ยิ้มยั่ว

   “เหี้ยนี่  เสียรมณ์”

   “อ้าว  นึกไงมาชวนกูไปทะเล”

   “ไม่ได้ไปไหนมาไหนกับมึงนานแล้ว”

   “ถ้าสองคนพอไหว  สองต่อสองกล้าไปกับกูมั้ยล่ะ” 

   ผมหันไปมองหน้ามัน  ไม่ไว้ใจมันสักนิด  กลัวมันจะลากเอาใครไปเซอร์ไพรซ์อีก  หัวใจผมมันรับไม่ไหว    ผมเพิ่งหมดน้ำตาไป  ไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว  ที่ผ่านมา  ผมอ่อนแอจนรู้สึกเกลียดตัวเอง

   ถ้า . .  .

   . . . คนอื่นไม่ต้องการเรา  มันก็คงไม่แปลกอะไร

   แต่ . . .

   . . . ถ้าเราไม่ต้องการตัวเราเองแล้ว  เราจะอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร

   ผมรู้ . . .

   . . . บ่วงดวงใจที่ผมมีกับโกเมศวร์มันตัดยาก   ผมต้องใช้เวลาแทบตายในการตัด  แต่สุดท้าย  ผมยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะตัดได้หรือไม่ . . .

   “กลัวไรมึง  สองคนก็สองคน”

   “มิ้นล่ะ”    ผมหมายถึงเมียมัน

   “อยู่สมุย”

   “อ้าว  ไปกับใคร  ไปเมื่อไหร่”

   “เกือบเดือนแล้ว  กลับมาจากญี่ปุ่นก็ไปสมุย    แดนมันให้แม่มันฝากให้  มึงก็รู้  เส้นแม่มันแรง   ต้องไปประจำที่สนามบินสมุย”

   “ได้  งั้นกูตกลงไปทะเล  มึงว่างวันไหน”

   “จันทร์อังคารกรูว่างวันหยุด”

   “พรุ่งนี้มึงงเลิกกี่โมง”

   “ห้าโมงเย็น”

   “โอเค  งั้นพรุ่งนี้บินสมุย  กูอยากเจอมิ้น . . .”  ผมยิ้มให้มัน  เพื่อนที่ดีที่สุดของผม   

   “. . . แต่ขอร้อง  อย่านัดซ้อนอีก  ไม่อย่างนั้นกูบินกลับกรุงเทพฯ ทันทีที่มีไฟลท์ว่าง”   ผมจ้องตามัน

   “ครับท่าน”

   “และ . . . ถ้ากูต้องเจอมันที่สมุย  กูก็กลับทันทีเหมือนกัน  เพราะกูจะถือว่านั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”

   “ดักกูทุกทางนะมึง  ไปสองคน  กูไม่บอกใครหรอก  แต่ถ้ามันซวยเจอจริง ๆ  กูรับรองกูไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง”

   ผมยิ้มให้มัน . . .

   . . .ผมรักโกเมศวร์

   แม้ตอนนี้ผมก็ยังแน่ใจ  ว่าผมลืมมันไม่ได้  มันเหมือนลมหายใจที่ตามติดตัวผม  แต่เรื่องการเจอกัน

   ถ้า . . .

   . . . ผมเจอมัน

   แล้วผมต้องเสียน้ำตา  ผมจะเจอมันอีกหรือ ?




หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 05-06-2008 09:12:42
เจ้ย....รีบเข้ามาจองที่นั่งแถวหน้าอ่ะครับ..คริ..คริ :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 05-06-2008 09:16:33
แก้แล้วครับ  เมื่อกี้โป๊ะแตก

อายจัง
 

หวาดเดเพ่มาแต่เช้าเลยนะ
ไม่บินหรอ หรือว่าเขาไม่จ้างละ :oni1: :oni2: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 05-06-2008 09:25:39
มาดูทีพักกัน  มีให้เลืก
(http://i259.photobucket.com/albums/hh312/imunich/SS850879.jpg)
(http://i259.photobucket.com/albums/hh312/imunich/DSC04022.jpg)
(http://i259.photobucket.com/albums/hh312/imunich/SS851044.jpg)

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 05-06-2008 09:46:16
อิจฉาวะสองคนนี้

เปงแฟนกันเลยม่ะ

เชอะ

 :a14: :a14:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 05-06-2008 10:48:54
>การรอคอย . . .ทรมานเสมอ

>หาก . . . ความสุขอยู่ที่เราได้รู้ว่า  คนที่เรารอ  เขารอเราอยู่เช่นกัน



ประโยคนี้มันคือคำตอบของเรื่องทั้งหมดใช่ปะครับ

 :laugh: :laugh:






พี่อาร์ม ผมเดาแม่นมะ  :laugh: :laugh:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: TAMAKUNG ที่ 05-06-2008 11:06:05
 :serius2: :serius2: :serius2:


เซง เลย  อุตส่าห์หยุดงานอ่ะนะ


นึกว่าจาได้อ่านตอนจบ แระ


กำ   เจงๆๆๆๆๆๆๆๆ  มานิดเดียว


จายร้าย  เจงๆๆๆๆๆๆๆ เลย  อาร์มนี่ย


ทรมานคนอ่าน  มานบาปนะ    อาร์ม

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 05-06-2008 11:28:40


ตอนที่ ๔๑





   สนามบินสุวรรณภูมิ . . .

   ผมมาสนามบินตั้งแต่บ่ายสามโมงเย็น  เตร่ไปทางโน้นที  ทางนี้ที  ก็มันใหญ่นี่ครับเดินเล่นมันไปเรื่อย ๆ  รอเวลาที่ไอ้เพื่อนเลวมันจะเลิกงาน  แล้วจะได้ไปทะเล  วิ้วววววววว  ไม่ได้ไปทะเลมานานแค่ไหนแล้วหว่า . . .


   ความรู้สึกผมตอนนั้น . . .

   . . . ระแวง

   ผมระแวงว่า  ไอ้เพื่อนรักของผมมันจะเล่นกลอะไรอีก  ก็มันนะขาซี้กับไอ้น้องรักผมเสียด้วย  ขืนมันทะเล่อทะล่า  ให้ไอ้น้องรักโผล่มาตอนนี้ผมจะทำหน้ายังไงดี  ในเมื่อผมเองก็รู้ว่าหัวใจตัวเองพาลอ่อนแอทุกครั้งที่เจอกับมัน

   ผมรักมันมากขนาดนี้เลยหรือ ?

   “ใจคอจะไปกันสองคนเลยเหรอพี่อาร์ม”  เสียงที่ทักมาจากด้านหลัง  ทำให้ผมต้องหันไปมอง

   “ไอ้แดน . .”  

   “เออ  ผมเองพี่อาร์มนะพี่อาร์ม  หายไปสองปี  พอกลับมาชวนแต่พี่โอ๋เท่านั้น  ทีกับผมไม่สนใจเลยนะ”  มันนั่งลงที่โซฟาใกล้ ๆ  ผม

   เล้าจญ์บูติคที่
สุวรรณภูมินี่มีแยกสองระดับด้วยนะ ไอ้เรามันแค่คนผ่านไปผ่านมา  เลยนั่งได้แค่เล้าจญ์ทั่วไป  จะอาจเหิมไปนั่งเล้าจญ์แบบสมาชิกฟลายเออร์ได้กระไรกัน  

   “โทษที  พอดีไอ้เหี้ยนี่ลากไปเที่ยว”  ผมโบ้ยไปที่ไอ้เพื่อนรักทันที  ก่อนคว้าขนมเข้าปาก

   ของกินเพียบในเล้าจญ์

   “สัสสสสส  อย่ามาโยนขี้”

   “หรือไม่จริง  ใครชวนกูไปทะเล”    ผมจ้องหน้ามัน

   “แล้วใครออกตังค์”

   “เหี้ยนี่  กูตามเก็บคอยดู”

   “เสียใจเพื่อน  เมียให้ใช้อาทิตย์ละพัน”

   เอากับมันดิครับพี่น้อง  ไอ้นี่มันมีแววรุ่งเพราะว่ามันกลัวเมียของมัน  ผู้ชายร้อยทั้งร้อยลองกลัวเมีย  ดีทุกราย  

   “พี่สองคนนี่จะทะเลาะกันจนแก่เลยใช่มั้ยครับ . . .”    ไอ้แดนมันยิ้ม  มันชาชินกับที่ผมกับไอ้เพื่อนรักมีเรื่องไร้สาระเถียงกันได้ตลอด

   “. . . พี่อาร์มเอาแลปท้อปไปด้วยเหรอ”

   “อืม  พกตลอด  เดี๋ยวเขาสั่งงาน  ไม่รู้เรื่องซวยอีก  แล้วไอ้เหี้ยนี่สิสั่งจัง  ให้เอาไปด้วย  เครื่องเก่าก็ได้  มันอยากให้เอาไป  ไม่รู้จะให้เอาเครื่องเก่าไปทำไม”

   “ก็อีกเครื่องมันใหม่  ไม่อยากเอาไปเจอไอทะเล”    ไอ้เพื่อนรักมันบอก   มันห่วงใยในสวัสดิภาพของเครื่องใช้ผมด้วยหรือ

   “เครื่องนี้ที่เอาไปปายก่อนไปนอกป่ะพี่”

   “ใช่  ทำไมเหรอ”

   “ป่าว ๆ  พี่ฟอร์เมทมันบ้างป่ะ”  แดนถาม  มันมองผมแปลก ๆ  

   “ไม่มีนี่  ไม่เคยฟอเมท  ไม่มีปัญหาฟอเมททำไม”

   “สาธุ  ขอให้อยู่เหอะ”  มันยกมือไหว้

   “ไอ้นี่ท่าจะบ้า  มีอะไรว่ะ . . .”   ผมมองหน้ามัน  เมื่อเห็นมันหันไปทำท่ามีลับลมคมในกับไอ้เพื่อนรัก  

   “. . .พวกมึงเล่นอะไรกันนี่  เด๋วกูไม่ไปแม่งเลย”

   “เฮ้ย  ไม่มี  กูแค่โทรชวนไปไอ้แดนไป  รับรองไม่มีอีกแล้ว”  ไอ้เพื่อนรักรีบห้าม  ราวกับผมจะออกศึก

   “เอาน่าพี่  คนเดียวหัวหาย  สองคนเพื่อนตาย  สามคนกลับบ้านได้   สามคนกำลังดี  ไม่มีสี่คนให้ระคายเคืองหัวใจแน่นอน”   ไอ้แดนหันมายิ้ม

   “ไปเหอะไป  เครื่องออนบอร์ดแร่ะ”  ไอ้โอ๋  มันเร่ง  ก่อนที่จะให้ไปที่เกทซึ่งก็อยู่ตรงกันข้ามกับเล้าจญ์นั่นแหละ




   วันนี้ได้บินกับแอร์บัส  A319   นึกแล้วอิจฉาพวกบูติกตอนนี้จับใจ  เพราะสมัยที่ผมอยู่  มีแต่เจ้าเครื่องใบพัดกับเจ้าไข่คู่  งง . . . อะดิ๊  อะไรไข่คู่  ก็เครื่อง โบอิ้ง 717  มันมีเครื่องยนต์ที่ท้ายเครื่องสองเครื่องยนต์  หากเอามันจับตั้งตามแนวตั้ง  จะเหมือนกับ . . . ไอ้นั่น

   ที่มาของเจ้าไข่คู่ครับ . . .  แอบลามกนิ้ดนึง


   เจอมิ้นที่สนามบินสมุย  เจ้าตัวรอรับพวกผมอยู่เสียด้วย     ผมไม่เจอมิ้นนานมาก  นานกว่าที่ผมไม่เจอไอ้เพื่อนเลวเสียอีก   เพื่อนผมร้ายเสียด้วย  เพราะเมียมันใส่ชุดคลุมท้อง  มิ้นสวยเหมือนเดิม  ชู ๕ นิ้ว  หมายความว่าอีกสี่เดือนผมจะเป็นลุงแล้วเหรอนี่  กรรมจริง ๆ  ไม่น่าเกิดตอนต้นปีเลย เกิดปีเดียวกัน  แต่ดันแก่เดือนกว่าไอ้เพื่อนเลว  

   ดูเพื่อนผมมันจะเห่อลูกในท้องมันพอดู  เพราะมันยิ้ม  มันกอดเมียมัน  จนผมเองอยากมีมั่งเลย    แต่อย่างว่าของบางอย่าง  มันไม่ใช่ของที่เราจะต้องวิ่งไปหามันมิใช่หรือ

   กว่าจะไปถึงโรงแรมก็เกือบสามทุ่ม  ความหิวมันเข้าจู่โจมทันที  เราพักกันที่เฉวง  ที่เดิมรีสอร์ทเพื่อนแม่ไอ้แดน  แต่สองปีมานี้ปรับปรุงเสียจนแทบจำเค้าเดิมไม่ได้    ไอ้เพื่อนเลวมันลากเมียมันมาด้วย  ดีเหมือนกัน  มันจะได้นอนกับเมียมัน  ผมกับไอ้แดนจะได้หนีเที่ยวสะดวก ๆ  

   แค่คิดเท่านั้นครับ . . .  

   เพราะหลังจากกินข้าวเสร็จก็เกือบห้าทุ่ม  แบบโม้เพลินกันเลย ไม่เจอกันนานขนาด   มิ้นขอตัวไปนอน  เพราะพรุ่งนี้มีงานแต่เช้า  เหลือแต่พวกผมสามคน  เลยไปนั่งดื่มกันที่บาร์ริมหาดของรีสอร์ทนั่นแหละครับ  

   ลมทะเลพัดโชยอ่อน ๆ  เย็นดี . . .

   . . . กลิ่นทรายหอมนะผมว่า   ตอนอยู่โดฮาผมไม่ค่อยได้ออกไปไหน  มาตอนนี้  อยากเก็บเอาความสุขนี้ให้นานที่สุด . . .

   ในเวลาที่ผมมีเพื่อนที่ดีอยู่ใกล้ ๆ  

   หาก . . . ทำไมหัวใจนึกถึงอีกคน

   เบียร์หมดไปคนละสองขวด แค่กรึ่ม ๆ . . .

   “อาร์ม”  ไอ้เพื่อนเลว  มันเรียก  แล้วมองหน้า

   “มีอะไร”

   “รักกูป่าว”

   ผมมองหน้ามัน  

   “ไอ้ห่านี่ . . .  มาไม้ไหนอีก”  

     ลองมันมีท่าทางจริงจังแบบนี้  ผมคงไม่สามารถพูดเล่นหรือเฉไฉอะไรกับมันได้อีก  ผมมองหน้ามันที่มันนั่งคู่กับไอ้แดน  ทำไมผมรู้สึกเหมือนกับกำลังโดนมันสองตัวสอบสวนอยู่ก็ไม่รู้

   ยอมรับครับ . . .

   . .  ตั้งแต่วันที่เจอมันนัดไอ้โกออกมาด้วย  ยังระแวงไม่หายเลย  มันแปล๊บ ๆ  ยังไงไม่รู้คือมันยังไม่พร้อมที่จะเจอไง

   “รัก”

   “ไอ้แดนละ  มึงรักมันมั้ย”

   “ก็รักดิ  ถามไรนี่  กูอายนะโว้ย”   ผมโวยวาย  

   บ้าไปแล้วเพื่อนผม มันมาคาดคั้นอะไรเอากับผมนี่   จะให้มาสารภาพรักริมหาดนี่นะ  นึกว่าโรแมนติคตายห่าล่ะ  ผมอายเป็น    ถ้าอยากบอก  ผมพูดเองได้  ไม่ต้องรอมันถามหรอกน่า

   “โอเคเพื่อน  กูสองคนก็รักมึง”

   “มึงอยากพูดอะไร  พูดมาเลย  อย่าลีลาวะ”  ผมรู้แล้ว  ว่ามันต้องมีเรื่องที่อยากจะพูดกับผมแน่ ๆ  

   “ได้ทุกเรื่องมั้ยพี่อาร์ม”  แดนมันเสียงอ่อยลง

   “เออ  คุยมาเลย  ทั้งคืนก็ได้  ไหน ๆ ก็ไหน ๆ  แล้ว  อีกไม่กี่วันกลับก็ได้กลับโดฮา  ไม่ได้เจอกันอีกนาน   อะไรที่ค้างคาหัวใจอยากถามอยากรู้อะไรถามมาแล้วกัน”

   “ทุกเรื่องแน่นะ”  

   “เออ  ห่านี่ถามไรถามากูรำคาญที่มาลีลาอยู่ได้”

   “เรื่องไอ้โก”  โอ๋มันมองหน้าผม

   ผมนิ่งเงียบ  ความรู้สึกในตัวบางอย่างมันบอกผม  การที่ผมหนีไป มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย  แล้วผมเองก็รู้ว่าผมยังลืมมันไม่ได้    ถ้าตอนนี้เพื่อนมันจะบอกอะไร  เกี่ยวกับคน ๆ  นั้นอีก  ผมว่าคุยกันให้จบ ๆ  ไปเลยก็ดีเหมือนกัน

   ผมนิ่งคล้ายตัดสินใจ . .

   “ว่ามา”

   “มึงยังรักมัน”

   ผมมองหน้ามัน  มันจ้องหน้าผมเอาไว้นิ่ง  ไม่ละสายตาที่มองผมเหมือนกัน  แบบนี้ผมจะโกหกมันได้อย่างไร  ในเมื่อมันทั้งสองจับจ้องอากัปกิริยาผมอยู่แบบนี้   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่

   “เรื่องของหัวใจบางทีพูดยากว่ะ”  ผมบอกเสียงอ่อย

   “กูไม่ได้ถามเรื่องหัวใจ  กูถามว่ายังรักมันมั้ย”

   “รัก”

   “รักแล้วหนีทำหอกอะไร  ทำไมมึงไม่เดินไปหามัน  มึงหนีหาแป๊ะมึงเหรอ”  

   ไอ้เพื่อนเลว  รู้ใจกูไปหมด  แต่เสือกไม่รู้ว่าทำไมผมถึงต้องหนี  คนมันเจ็บนี่หว่า  จะอยู่ซ้ำ ๆ  ที่เดิมให้เจ็บปวดไปอีกทำไม

   “ไม่ได้หนี  ไปทำงาน”

   “ถุย . . . เอาจริง ๆ  เมื่อไหร่จะเลิกวิ่งหนีหัวใจตัวเองสักที  ไม่เหนื่อยหรือมึง  ยิ่งหนียิ่งตามติด”  ไอ้เพื่อนเลว  

   . . . ไม่ต้องมาตอกย้ำ . . .  

   กูรู้  รู้ดีกว่ามึง  เพราะกูเจอมากับตัวเอง  ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ไง  กูยังไม่เลิกที่จะวิ่งหนีเลยเห็นมั้ย . . .

   “มันรักมึง”

   “กูไม่อยากรู้”

   “อย่าทิฐิ  ไอ้สัสอาร์มอาร์ม  คุยกับกูดี ๆ  ใช้สมองคิด  เอาล่ะ  ตอนนี้กูบอกมึงว่ามันรักมึง  งั้นลองมาคุยเล่น ๆ  ทีละข้อ ๆ  กูถามมึงเป็นข้อ ๆ  แล้วมึงลองคิดเอาเองว่าคำตอบมันคืออะไร”

   มันยิ้มแบบคนที่ถือแต้มต่อในมือ . . .

   แบบนี้กูตายสถานเดียว  มันสองคน  แถมเตรียมการณ์มาไว้ด้วยเป็นอย่างดี  แล้วกูไม่ทันตั้งตัวแบบนี้  จะทำไงได้

   “ผมกับพี่โอ๋  ทำเพื่อนพี่นะพี่อาร์ม  เราไม่อยากเห็นพี่เจ็บอีก  ไม่อยากเห็นพี่ต้องหนีไปตลอดทั้งชีวิต  เพราะอย่างไรเสีย  มันก็หนีกันไม่พ้นนะพี่อาร์ม  พี่อาจจะเลิกรักมันได้  แต่ความผูกพันที่มีกับมัน  พี่ลบไม่ได้  พี่ลบตรงนั้นไม่ได้หรอก”

   “เออ  ถามมา”  สุดท้ายผมแพ้มันสองคน

   “มึงรู้จักกับมันมานานแค่ไหน  มึงเคยหยุดและมองในสิ่งที่มันกระทำบ้างหรือไม่  หรือแค่มึงอยากรู้แค่เรื่องที่มึงทำให้มัน”

   “โห  ถามยาว  ตอบยาก”

   ผมเฉไปเรื่อย . . . ยั่วมันเล่น ๆ  อีกอย่าง  ไม่รู้ว่าจะตอบมันอย่างไรด้วยกระมัง  ขอแปบนะเพื่อน  ขอเวลา  จัดระเบียบความรู้สึกในสมองแปบ

   “พี่อาร์ม  เดี๋ยวมานะ”  ไอ้แดนมันบอก  ก่อนลุกออกไป

   “อย่าแดนอย่า  ขอร้องเลย  อย่าลุกไปแล้วกลับมาพร้อมอีกคน  กูยังไม่พร้อม”  ผมระแวงไปหมดแล้วตอนนี้  หัวใจมันเต้นตุ่ม ๆ  

   ไอ้สองตัวนี้  มันกำลังทำอะไร  อย่าพิเรนทร์เอาไอ้โกมาตอนนี้นะมึง  กูยังบอกไม่ได้  เวลานี้  กูจะกล้าเผชิญหน้ากับมันหรือไม่    แค่คุยเรื่องมัน  กูก็ต้องทำใจจะแย่อยู่แล้ว  ขืนเจอหน้ามันตอนนี้  

   ไม่อยากจะคิด . . .

   . . . กูจะทำใจไหวมั้ย

   “ไม่น่า  รับรอง    ไม่เกินห้านาทีพี่”  

   “ไอ้อาร์ม  กูยืนยันนะโว้ย  ไอ้โกมันรักมึง”

   “รักแบบพี่เหรอ . . . กูรู้มานานแร่ะ”

   “ถ้าไม่ใช่แบบที่มึงรู้ล่ะ”

   ผมเลิกคิ้ว  มองหน้ามัน   ดูท่ามันจะรู้จักไอ้น้องผมดีกว่าผมเสียอีก  หรือสองปีที่ผ่านมา  มันมีอะไรที่ผมไม่รู้  

   “. . . ไม่มีทาง”

   “จริง”

   “คนรักกัน  เขาไม่หยิบยื่นความเจ็บปวดให้กันหรอก  ในเวลาที่คนที่เรารักเจ็บปวดที่สุด  เราไม่ซ้ำเติมคนที่เรารักหรอกเพื่อน  แค่เราเห็นเขาเจ็บปวด  เราก็เจ็บปวดเจียนตายแล้ว   ไม่มีใครที่ไหนซ้ำเติมคนที่เรารักหรอกไอ้โอ๋  ที่กูพูด  กูเจอมาแล้ว  เจ็บแทบตาย”  ผมมองหน้ามัน  

   ตอนนี้ . . .  สมองผมเริ่มตึง ๆ  อีกแล้ว

   “มึงรักมันหวงมัน  จนมึงลืมนึกถึงหัวใจมัน  บางที  ไม่ใช่แค่มันที่ทำร้ายมึง  อาจเป็นมึงที่ทำร้ายมันเจียนตายก็ได้ มึงไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ  มันในเวลาที่มันเจ็บปวด  แต่มึงกลับทำร้ายมันซ้ำลงไปอีกก็ได้”  มันมองหน้าผมนิ่ง . . .

   มันกำลังจะบอกอะไรผม . . .

   ความรู้สึกเครียดมันเริ่มเข้ามาหาผม  ผมมองหน้ามันนิ่งคล้ายขอคำตอบ  ไอ้เพื่อนรักเอื้อมมือมาแตะที่หลังมือผมเบา ๆ  

   สัมผัสนี้ . . .  

   ผมแปลได้ว่า  ต่อจากนี้  ผมจะต้องฟังมัน  และยอมรับให้ได้ว่าสิ่งที่มันจะบอกผมต่อจากนี้  ผมจะต้องหยุดฟังและยอมรับในสิ่งที่ไอ้เพื่อนรักมันบอก  

   “เอาดิ๊  ไหน ๆ  ก็ก็แพ้แล้วนี่  มึงมีอะไรจะพูดบอกกูมาเหอะ”

   “กูเพื่อนมึง  รู้จักกับมึงมานาน  เห็นมึงมาตลอด  เวลามึงเจ็บ  กูก็เจ็บนะ  แต่กูเจ็บแทนมึงไม่ได้  มันแน่นอยู่ในอกนี่แหละเพื่อน  ไม่อยากเห็นสิ่งที่ผ่านมา  มันต้องทำร้ายใครอีก”

   “เข้าเรื่องดีกว่าเพื่อน  ความรู้สึกที่มึงมีให้กู  กูมีให้มึง  ไม่จำเป็นต้องพูดกันอีก  กูรู้ดี  รู้ดีมาตลอดว่า  ถ้ามีใครสักคนที่นั่งใกล้ ๆ  เวลาที่กูจะหมดลม  คนนั้นน่าจะเป็นมึง”  ผมยิ้มให้มัน

   อ่อนโยนที่สุดแล้วเพื่อนรัก . . .

   “มึงรู้จักไอ้น้องรักมึงมากแค่ไหน  กูไม่รู้  มึงเริ่มเกลียดเริ่มเจ็บกับมันตอนไหน  กูก็ไม่รู้อีก  แต่ที่กูรู้ . . . มันเคยมีเมีย”

   “ใช่ . . .  มันเคยมีก่อนมันมาเรียน”

   “เพราะอะไร  มันถึงมีเมีย  เพราะมันไม่ได้เรียนต่อ  เพราะพ่อกับแม่มันทะเลาะกัน  แล้วพ่อมันไปมีเมียใหม่เป็นเด็กบาร์  เพราะมันรักแม่มัน  มันเลยคิดแบบเด็ก ๆ  หากมันจะทำอะไรแบบที่พ่อมันทำบ้าง  บางที  ทั้งพ่อทั้งแม่มันอาจจะหันมามองมันบ้าง  แต่ไม่ใช่  ไม่ใช่แบบที่มันคิด  มันมีความสุขหรือที่ทำแบบนั้น . . .”  มันหยุดมองหน้าผม

   “อาร์ม . . . ถ้ามึงเป็นมัน   มึงจะทำแบบที่มันทำมั้ย”

   “ไม่รู้”

   “อาร์ม   แล้วมีมึงที่เดินเข้าไปในช่วงนั้น  มึงเดินเข้าไปในชีวิตมัน  มันเห็นมึงเป็นเพื่อน  เป็นพี่  มึงเป็นทุกอย่างในขณะที่ชีวิตมันหาทางออกไม่ได้  มึงยื่นมือไปหามัน  ในเวลาที่มันทุกข์อย่างที่สุด  มึงลองคิดดูนะอาร์ม  ถ้าเป็นมึงที่ทุกข์แบบนั้น  มีใครยื่นมือเข้าไป  มึงจะรู้สึกอย่างไรอาร์ม”

   ผมมองหน้าไอ้เพื่อนรักนิ่ง . . .

   ไอ้แดนเดินกลับมาพร้อมกับแลปท้อป . . .  ผมมองหน้ามันสองคนนิ่ง  สิ่งที่มันพูด  ผมคิดตาม  ความรู้สึกผมนะหรือ  ไม่ต้องบอกหรอก  วันคืนเก่า ๆ  เหล่านั้น  ผมจำได้ดี  จำได้ไม่เคยลืม

   “มึงไม่จำเป็นต้องตอบกู  แต่มึงตอบหัวใจตัวเองนะไอ้อาร์ม  คำถามที่กูถามมึงไป  มึงตอบหัวใจตัวมึงเองก็ได้  ถ้าเป็นกู  ก็คงบอกได้  มันเป็นความรู้สึกดี  ความรู้สึกที่ดีต่อใครคนนึงที่เราไม่เคยรู้จัก  ไม่ใช่สายเลือดแบบที่มึงบอก  แต่คนที่ไม่ใช่สายเลือดมาทำแบบที่มึงทำ บางครั้งมันผูกพันแน่นหนากว่าสายเลือด”
มันหยุดมองหน้าผม . . .

มันยิ้มให้ผม  มันคงไม่อยากกดดันให้ผมต้องรู้สึกเจ็บปวดมากกว่านี้กระมัง  สิ่งที่มันพูด  ผมรู้คำตอบตัวเอง  ผมตอบตัวเองได้  หากผมเป็นมัน  ทำไมผมจะไม่ยึดเอามือที่ยื่นเข้ามาล่ะ

มือที่มาตอนที่เราแทบจะไร้เรี่ยวแรงยึดเหนี่ยว . . .

“มึงเอามันมาเรียน  มึงว่ามันโง่ขนาดไม่รู้เลยหรือ  ว่าทำไมมีเงินงอกมาในบัญชี  มันเป็นคนนะโว้ย  แล้วยิ่งมึงทำดีกับมันมากเท่าไหร่  มันยิ่งรู้สึกว่ามึงมีบุญคุณกับมันมากเท่านั้น  มากพอที่มันจะยอมนอนให้มึงทำอะไรมันก็ได้”

ทำไมผมรู้สึกเจ็บปวด . . .

. . . ถ้าในทางกลับกัน  ผมเป็นแบบมัน  ผมจะเจ็บปวดแบบนี้มั้ย

“ผู้ชายนะไอ้อาร์ม  ไม่มีใครยอมให้คนอื่นทำอะไรที่เหมือนทำลายเกียรติและศักดิ์ศรีหรอก  มึงย่ำไปบนเกียรติที่มันมี  ด้วยคำว่ารักที่มึงบอกตัวเอง  ว่ามึงรักมัน  มึงหวังดีกับมัน  มึงลองคิดดูนะไอ้อาร์ม  ถ้าใครยื่นมือมาช่วยมึง  แล้วเอาตัวมึง  ถ้ามึงไม่รักมึงจะยอมมั้ย  มึงจะยอมให้เขาทำอะไรกับตัวมึงมั้ย”

   “ไม่มีทาง”  ผมมองหน้ามัน

   “มึงยังไม่ยอม  แล้วทำไมน้องมึงถึงยอม  เพื่อเงินอย่างนั้นเหรอ  มึงคิดนะเพื่อน  ลองคิดดู  แค่พ่อแม่แยกทางกันก็แย่พอแล้ว  มึงโตมาจากความรักของพ่อ  ของแม่   มึงไม่มีวันเข้าใจหัวอกของคนที่เห็นพ่อแม่เดินจากกันหรอกไอ้อาร์ม  ปากที่มึงบอกเสมอว่ารักมัน  แต่มึงกลับทำกับมันแบบนั้น  มันเคยพูดมั้ยอาร์มว่ามันรู้สึกอย่างไร    ถ้ามันเจ็บปวด  มันพูดกับใครได้มั้ยอาร์ม  ไม่ได้  เพราะมึงคือคนที่มีบุญคุณกับมัน  มันไม่สามารถที่จะพูดอะไรได้  แต่มึง . . .”   มันหยุด มองหน้าผมอีก

   ตอนนี้  ผมคล้าย ๆ  อ่อนแรง  ทำไมผมเจ็บปวดกับสิ่งที่ตัวเองทำไป  ผมบอกว่าผมรักมัน  แต่ผมกลับตักตวงเอาความสุขจากมัน  ถ้ามันเป็นผู้ชาย  มันเจ็บปวดน่าดูกับสิ่งที่ผมทำไป  

   “. . กูไม่อยากให้มึงร้องอีกนะอาร์ม  แต่ถ้าวันนี้มึงอยากจะร้อง  กูก็ขอ ให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่มึงจะอ่อนแอแบบนี้อีก  กูไม่อยากเห็นน้ำตาของคนที่กูรัก  ไม่ว่าใครกูก็ไม่อยากจะเห็น”

   “อืม  พูดเหอะ  กูฟังได้”   ทำไมเสียงผมมันสั่นได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้

   “ไหวนะเพื่อน”  มันมองหน้า  ผมพยักหน้ารับมัน  ไหวสิ  ไหน ๆ  มันก็พูดมาแล้ว  จะทนฟังอีกหน่อยจะเป็นไรไป    ฟังให้มันจบกัน  แล้วพรุ่งนี้  อาจเป็นวันที่สดใสของผม เพราะหลังจากนี้  ผมคงไม่มีอะไรที่ต้องพูดเรื่องนี้อีกแล้ว

   “แม่มันหายไปสองปี  มีแต่มึงที่ดูแลมัน  มันรู้  มันรู้มาตลอดเลยไอ้อาร์ม    สิ่งที่มึงทำตลอดมันไม่รักมึงเลยเหรอ  มึงไม่ต้องรู้ว่ารักแบบไหน  มันกับมึง  คงคิดต่างกัน  มึงไม่มีใครในชีวิตที่มึงต้องแคร์  แต่มันมี  มันมีญาติพี่น้องที่มันต้องแคร์  แล้วมึงคิดหรือว่ามันง่ายมาก  ที่จะให้คนอื่น ๆ  รู้ว่ามันรักมึงแบบไหน  มึงบอกมันเองว่าสามีใหม่ของแม่มันจะเข้ามาหาแม่มันหรือหามัน  สิ่งที่มึงพูดก่อนที่มัน จะเกิด แล้วพอมันเกิด  มึงว่ามันช๊อคมั้ยไอ้อาร์ม  ถ้าเป็นมึง  แม่มึงไปสึกเจ้าอาวาสมา  มึงจะทำยังไงอาร์ม  มึงจะรู้สึกยังไง  บอกกูได้มั้ย”

   ผมหลับตานิ่ง   สิ่งที่เพื่อนรักมันพูด  ผมไม่เคยเอาใจตัวเองไปใส่ในหัวใจมันเลย  ผมรู้แค่ว่า  ผมรักมัน  ผมห่วงมัน  ผมทำยังไงก็ได้  ให้มันอยู่กับผม  แต่ในเวลานั้น  ผมไม่เคยที่จะมองถึงหัวใจของมมันเลย

   ถ้า . . .

   . . . แม่ผม  สึกพระ

   แค่คิดผมก็เจ็บปวด  น้ำตาไหล  ออกมาแล้ว  แล้วมันล่ะ  ในเวลานั้น  มันจะเจ็บปวดขนาดไหน  ในเมื่อมันรักแม่ของมันมากที่สุด  ทำไมผมโง่นะ   ผมโง่ที่รักมันจนหน้ามืดตามัว  ไม่มองความเป็นจริงในตอนนั้นเลย . . .

   “ในเวลาที่มันเจ็บที่สุด  มันคงไม่มีสติมากพอที่จะคิดอะไรได้หรอกไอ้อาร์ม  แล้วเมื่อมีคนเข้ามาในชีวิต . . . หน่อย”  ไอ้เพื่อนรักมองหน้าผม

   ผมพยักหน้าช้า ๆ  ยอมรับฟังมันโดยดี

   “พี่อาร์ม  ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในชีวิตของโก  หลังจากที่มันรู้แล้วว่าแม่สึกพระ  พี่อาร์มลองคิดเล่น ๆ  ได้มั้ย  ว่าคนที่เคยมีเมียเพราะประชด  จะทำเรื่องซ้ำ ๆ  แบบนั้นได้อีกมั้ย”

   ผมพิงตัวกับพนักเก้าอี้  ถอนหายใจยาว ๆ  ทำไมผมไม่คิดว่ะ  ผมมัวแต่คอยหึงหวงมัน  จนลืมไปว่า  คนแบบมันอยากมีใครที่อยู่ใกล้ ๆ  มันสักคน  ในเวลาที่มันเจ็บปวดที่สุด  ผมกลับทุบมันซ้ำลงไปอีก

   ผมน้ำตาไหล . . .

   . . . มันคงเจ็บกว่าที่ผมเจ็บหลายเท่านัก  ในเมื่อผมบอกมันตลอดว่ารักมันมากกว่าชีวิต  แต่ในเวลานั้น  ผมกลับไม่อยู่ข้าง ๆ  มัน  ผมกลับทำร้ายมันอย่างเลือดเย็นที่สุด

   “อาร์ม . . .  อาร์มฟังกูนะ  ตอนกูรู้  กูก็อึ้งไปเหมือนกัน  แต่กูขอยืนยันว่านี่เรื่องจริง”    ไอ้เพื่อนรักมันจับมือผมเอาไว้

   “อือ”

   “ตอนที่มันขับรถแหกโค้ง  มันไม่ใช่อุบัติเหตุนะอาร์ม  มันเกิดจากความตั้งใจ . . .”

   ผมปล่อยโฮออกมาทันที  เมื่อฟังสิ่งที่ไอ้เพื่อนรักบอก  ผมโผเข้ากอดไอ้เพื่อนรักเอาไว้    วันนั้นผมจำได้  ผมจำได้ดีมากที่สุด

   “พอเหอะมึง พอแล้ว”  ผมเจ็บปวด  ไม่อยากฟังเรื่องอะไรอีกแล้ว  ทำไมต้องเป็นผมที่ไม่มองในเรื่องที่ผ่านมา  ทำไมผมไม่มีสติในเวลานั้น  ผมแค่คนโง่คนนึงที่ปล่อยความหลงมาบดบังทุกอย่าง  ผมแย่จริง ๆ

   . . . พี่อาร์มอย่าไปได้มั้ย . . .

   มันบอก  แววตามันเศร้า   มันต้องการจะบอกอะไรผม  ผมเคยมองเสียที่ไหนตอนนั้น  มันขับรถตามผมมา  ผมน่าจะรู้ตั้งแต่วินาทีนั้นเสียด้วยซ้ำ   ทำไมผมไม่มองมันตั้งแต่วันนั้น  ผมบ้าที่มัวหึงมัน  จนหน้ามืดตามัว  หึงจนไม่ลืมหูลืมตา  ไม่แม้ที่จะหยุดมองว่ามีอะไรรอบ ๆ  ตัวบ้างที่มันเกิดขึ้นมาในชีวิต

   ไอ้เพื่อนรักมันกอดผมเอาไว้หลวม ๆ  มันไม่เคยทิ้งผม  มันอยู่ใกล้ ๆ ผม  มันเป็นเพื่อนผม  ในขณะที่ผมบอกว่าผมรักโก  แต่ผมกลับทำร้ายมัน  ผมทำลายมันไปแล้ว  ผมเจ็บนะ  เจ็บปวดกับเรื่องที่ผมไม่เคยมองมันเลย

   เพราะสมองผมมีแต่คิดว่า . . .

   . . . มันทรยศผมที่มีคนอื่น  แต่ผมไม่เคยมองสิ่งที่เกิดขึ้นเลย  ว่าเหตุผลของคนเรามันแตกต่างกันอย่างที่สุด  ผมรักมันด้วยหัวใจ  หากแต่มันรักผมด้วยเหตุผล

   เหตุผล . . .

   . . . ที่ผมไม่เคยมองเลย

   “แล้วแม่มันถามมัน  ว่ามันมีอะไรกับมึงมั้ย  อาร์ม  ถ้าเกิดแม่ยังอยู่  แล้วแม่ถามมึง . . . แบบที่แม่มันถามมัน  อาร์มจะกล้าบอกแม่มั้ย”

   “ไม่  ไม่เด็ดขาด”

   “ขนาดพี่อาร์มยังไม่กล้า  แล้วโกมันกล้าหรือพี่อาร์ม  ทางเดียวที่มันคิดได้ตอนนั้น  ต้องดึงใครมาสักคน  เพื่อที่จะให้ที่บ้านคิดว่ามันกับพี่ ไม่ได้มีอะไรกัน  แล้วจะดึงใครในสถานการณ์ตอนนั้น  ไม่มีใครเหมาะเท่ากับผู้หญิงโง่ ๆ  คนนั้นอีกแล้ว”    แดนเอามือมาแตะไหล่ผมเอาไว้

   “หมายความว่าไงแดน”  

   “ถ้ามันมีผู้หญิงที่กรุงเทพฯ  ที่บ้านมันจะรู้มั้ย  แล้วตอนที่มันอยู่กรุงเทพฯ  มันเคยมีคนอื่นหรือพี่  พี่ลองนึกดู    สู้มันยอมคุยกับคนที่บ้าน  ให้ผู้หญิงคนนั้นปล่อยข่าวว่ามันเป็นแฟนโก  ทางนี้คงดีที่สุดแล้ว  มันเลยเลือกที่จะทำแบบนั้นเพื่อให้แม่มันสบายใจ  มันรักแม่มันนะพี่  มันเลยเลือกที่จะทำร้ายหัวใจของพี่  เพราะถ้ามันเลือกพี่  คนที่เจ็บปวดตอนนั้นอาจจะเป็นแม่มันก็ได้  ถ้ามันทำแบบนั้น  เท่ากับมันเป็นคนเนรคุณผู้ให้กำเนิด  มันเลยเลือกที่จะเนรคุณพี่แทน”

   “โอ๋ . . .”   ผมเรียกมันไอ้เพื่อนรัก  มันลุกมานั่งติดกับผม  เอาไหล่มันให้ผมได้พิงแบบที่ผ่านมา

   ผมคอแห้งผาก . . .  

   . . . แทบจะนั่งไม่ไหวอยู่แล้ว  ผมทำร้ายมันซ้ำแล้ว  ซ้ำเล่า  ผมทำร้ายมันมาตลอดเลย  

   “แต่พี่เป็นคนโทรไปบอกหน่อย  ว่าพี่มีอะไรกับมัน  เกมส์แบบนั้นพี่เดินพลาด  เพราะเท่ากับผู้หญิงคนนั้นรู้ความลับ   มันเลยต้องยอมให้ผู้หญิงคนนั้นสั่งมันทำอะไรก็ได้  เพื่อที่จะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนั้นพูดเรื่องมันกับพี่”   แดนมันมองหน้าผมนิ่ง

   “มึงจำวันที่มึงกระโดดให้รถชนได้มั้ยอาร์ม  ทำไมวันนั้นไม่ใช่มีแค่มึงที่อยู่ตรงนั้น    ไม่มีใครโง่พอที่จะตายพร้อมคนอื่นหรอกอาร์ม  ถ้ามันไม่ใช่เพราะความรัก”  ไอ้เพื่อนรักเอามือลูบหัวผมเบา ๆ  มันทำแบบนี้ทุกครั้งที่ผมเจ็บปวด

   “พอเหอะ  พอแล้ว”  ผมยกมือห้าม

   ผมไม่อยากรับฟัง  ไม่อยากรู้ความโง่ของตัวเองอีกต่อไปแล้ว  ถ้าผมไม่หลงมันแบบไม่ลืมหูลืมตา  บางทีผมอาจไม่ต้องเจ็บปวด  และหนีมาไกลขนาดนี้ก็ได้  แต่เพราะวันนั้นผมโง่เองที่ทำไปแบบนั้น  เพียงเพราะว่า  ผมไม่อยากเจ็บปวด

   แล้วมันล่ะ . . .

   . . . มันที่ไม่สามารถพูดกับใครได้  

   ความเจ็บปวดที่มันมี  มันต้องข่มเอาไว้ในหัวใจตลอดเวลา  ผมได้แต่หลับตานิ่ง  ปล่อยน้ำตาไหลเป็นทาง

   “มันต้องยอมทนเก็บเอาไว้คนเดียวนะพี่อาร์ม  จนกระทั่ง . . . วันที่ผมกับพี่ไปปาย วันที่มันทำพี่เลือดตก”

   ผมเอามือข้างซ้ายเลื่อนมาแตะที่หน้าผาก  รอยนั้นยังอยู่  มันไม่หายสนิทหรอก  เป็นรอยขาว ๆ  ที่ไม่กลืนกับเนื้อบนใบหน้า

   “พี่อาร์มเคยดูไอ้นี่ยัง”  แดนหันหน้าจอแลปท้อปมาให้ผม

   ภาพที่เห็น . . .

   . . . ไอ้ชัย  หน่อย  

   ผมมองหน้าแดน . . .  ส่ายหน้า นั่นคือคำตอบ  สิ่งที่มันเปิดให้ผมดู  ทำไมผมไม่เคยดูนะ  ทั้ง ๆ  ที่มันอยู่ในเครื่องของผม  แต่ผมไม่เคยเห็น  ไม่เคยดูมันเลยสักครั้งเดียว

   . . . โอ้ยพี่ชัย  อย่างพี่โกนี่นะ  หน่อยรักเข้าไปไม่ลงหรอก   โง่จะตาย  แค่พูดหวาน ๆ  เข้าก็อ่อนยวบแล้ว  เขาเคยมีอะไรกับหน่อยเสียที่ไหน  วันนั้นน่ะ  แค่มอมเหล้าจนเมา  แล้วลากเข้าห้องนอน  จับถอดเสื้อผ้า  ตื่นมาตอนเช้าแกล้งบีบน้ำตาเข้า  หน้าพี่เขาก็เครียดมาทันที  เรื่องแบบนี้พี่เขาไม่ทันหรอก  โง่เองที่ไม่ยอมเชื่อที่พี่อาร์มเตือนตั้งแต่แรก . . .

   ผู้หญิงคนนี้  ความคิดน่ารังเกียจ  แถมสิ่งที่เขาทำ  ยังทุเรศสิ้นดี  ผมได้แต่สะอิดสะเอียนกับภาพที่เห็น  ร่างเปลือยของคนสองคนที่นอนกอดก่ายกัน . . .

   . . . ยิ่งป้าภายิ่งแล้วใหญ่  หลงผัวใหม่จะตาย  โง่ ทั้งแม่ทั้งลูก  แล้วที่ดินริมน้ำตั้งเท่าไหร่  ลูกโง่แม่โง่  โอ้ยพี่   ไม่รู้ชาตินี้จะหาได้ที่ไหน . . .



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: TAMAKUNG ที่ 05-06-2008 12:03:27
 :o12: :o12: :o12:


หยุดงานวันนี้คุ้ม  จิงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



 :o12: :o12: :o12:


ร้องให้อีกแล้ว




ผมร้องให้ อีกแล้ว


ความเศร้ามันเข้ามาที่หัวใจผม  อีก  แล้ว.........



คงนานมากที่จะลบไปได้........


เพราะเรื่องนี้    ....... เชื่อมั๊ย  ผมเก็บไปฝัน อ่ะ



ตื่นเช้ามารู้สึกหดหู่ใจ มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



ม่ายอยากไปทำงานเลย



 :serius2: :serius2: :serius2:


ผมคงบ้าไปแล้วแน่ๆๆๆเลย


บอกตามตรง นะ


ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆ


 :pig4: :pig4: :pig4:


ขอบคุณ คนเขียนมากๆๆๆเลย  ที่มีเรื่องดีๆๆๆมาให้อ่าน



ถึงแม้ว่า  ผมจะต้องเสียน้ำตาทุกครั้ง  ก็ตาม


ขอบคุณจิงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: TAMAKUNG ที่ 05-06-2008 12:08:19
 :m15: :m15: :m15: :m15:



ถ้ามิเป็นการรบกวนจนเกินไป



รบกวนส่งเมลล์ให้ได้ป่ะคับ



ชอบเรื่องนี้จิงๆๆๆๆนะ



Please ๆๆๆๆๆๆๆๆ...
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 05-06-2008 12:11:00
ฮิ้ววววววววว จบแล้ว

 :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: naja ที่ 05-06-2008 12:29:49
คุณอาร์มปล่อยให้โกรอนานจัง ใจร้ายยย

 :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: muyong ที่ 05-06-2008 13:01:57
พี่อาร์ม  จะมีตอนพิเศษ ไหมค่ะ

อยากรู้เรื่องราวต่อค่ะ เพราะมันผูกพันไปแล้ว

อยากให้โก สมหวังอะพี่อาร์ม 

อยากให้พี่อาร์มมีความสุข ได้อยู่กับคนที่รัก และรักพี่อาร์ม

หนูขอมากไปไหมค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 05-06-2008 13:10:28
 :m1:เข้าใจกันซะที :m1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 05-06-2008 13:18:29
ได้รับเรื่องที่ส่งให้แล้วนะจ๊ะ ขอบคุณมากค่ะ
ตอนจบของเรื่องคงไม่ต้องมีอะไรมากกว่านี้แล้ว
เพราะจบลงด้วยความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อย
อาร์มกับโกจะใช้ชีวิตร่วมกันหรือไม่ในภายหน้าก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
เพราะทั้งสองเข้าใจกันดีแล้วนี่ :L1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 05-06-2008 13:30:54
ในที่สุดก้อมาต่อสักทีนะคะ อยากจะเม้นตั้งแต่มะวานแระ แต่เกรงใจ แห่ะๆ :m23:
นู๋อยากจะบอกว่าพี่จบเรื่องได้ดีมากมาย :กอด1: มันเรียบๆเรื่อยๆ ไม่หวือหวา ตามทำนองของเรื่องนี้ที่พี่เปิดฉากมาแต่ต้น จู่ๆจะให้มารักกันหวานจ๋อยตอนจบคงแปลก :m23: เพราะความเจ็บปวดที่ได้รับมันมากมายเกินไป...พี่กอดความกลัว ความไม่เชื่อใจจากการถูกหักหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงแม้ตอนนี้พี่จะรู้ว่าพี่ตีความข้างเดียว คิดถึงแต่ตัวเอง จนลืมนึกถึงใจโกก้อเหอะ แต่เพราะความละอายใจที่มีเหลือ มันก้อคงยากเกินกว่าจะตีหน้าตายเข้าหากัน นู๋คิดว่าพี่ทำถูกแล้วล่ะ ที่ปล่อยให้เวลาเปนเครื่องช่วยเยียวยา คนเรารักกันน่ะ ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ถ้ารักแล้ว มันก้อยังคงรักอยุ่นั่นแหล่ะ รักที่ไม่ผูกมัด อยู่ด้วยกันเพราะต่างฝ่ายอยากอยู่ ไม่ใช่เพราะสัญญาหรือหน้าที่ นู๋ว่ามันเปนรักที่สงบสุขที่สุดละ

ขอบคุนสำหรับเรื่องราวดีๆที่นำมาแบ่งปันกันนะคะ พี่ทำให้นู๋เฮริทมากมาย ร้องไห้ตามไปกับพี่ทุกวันๆ ดีนะที่อยุ่คนเดียวไม่งั้นโดนล้อแน่เลย นางเอกนอกจอร้องตามนางเอกในจอ :m23: พอมาถึงตอนจบ หัวใจก้อโล่งโปร่งสบาย ที่เรื่องทุกอย่างมันเคลีย จบลงด้วยดี นู๋ระแวงทุกวันเลยกลัวพี่จบเศร้า  :m15:

แวะมาทักทายกันมั่งนะคะ ยังยืนยันเปนกำลังใจให้เสมอค่ะ :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 05-06-2008 13:49:29
ไร้คำบรรยาย

ถึงจะจบแบบมีความสุข

ก็ยังเรียกน้ำตาได้

 :m15:

ขอบคุณ คุณRAJCHABUT สำหรับเรื่องราวดีๆ

ขอบคุณ เรย์ สำหรับที่วิ่งเล่น

ขอบคุณ เซ็งเป็ด ที่ทำใ้ห้เรารู้จักกัน

ขอบคุณ เพื่อนๆ สำหรับมิตรภาพ

ขอบคุณครับ

 :pig4:











ลป.

ยังยืนยัน

ขอเรื่องของอาร์มเล็กด้วย

อิอิ

 :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 05-06-2008 13:58:52
จบแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   ได้เมลล์ต้นฉบับแล้ว ขอตุณมากๆๆนะคับ  แต่ยะงไม่ทันได้อ่านในเมลล์ มาดูในเล้าจบละ


น้ำตาไหลได้อยู่ จนถึงบทสรุป ก็ยังไม่หยุดไหล  เอาให้ได้ทุกตอนเลย

ขอบคุณนะคับที่นำเอาเรื่องราว มาแบ่งปันกันให้ข้อคิดดีๆๆเยอะเลย


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 05-06-2008 14:13:17
ไม่ได้อ่านซะหลายวัน จบซะแล้ว  

วันนั้นนั่งไล่ออ่านตั้งแต่ตอนที่อ่านค้างไว้ จนถึงบรรทัดสุดท้ายของตอนจบของเรื่อง

อิ่มมากค่ะ ครบทุกความรู้สึกจริง ๆ มีทั้งสุข ทั้งเศร้า เหงา และยินดี

ขอบคุณมากนะคะสำหรับเรื่องดี ๆ ที่แบ่งปัน รวมไปถึงข้อคิดดี ๆ ที่แทรกอยู่ในเรื่องนี้ด้วย ขอบคุณจริง ๆค่ะ

มีความสุขทุกวันนะคะ เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ  :L2:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 05-06-2008 14:30:51
 K.อาร์มครับ
:pig4: :pig4: :pig4:
เต็มอื่ม....คร้าบ :m1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 05-06-2008 14:45:07


ตอนที่  ๔๑  (ต่อ)



   ผมปิดแลปท้อปลงทันที . . .

   ไม่อยากดูต่อให้เป็นเสนียดลูกตา  คนแบบนี้ผมไม่อยากอยู่ใกล้แม้แต่วินาทีเดียว  มันเจ็บปวดนะ  กับสิ่งที่ผ่านมา  ถ้าวันนั้น  ผมมีสติมากกว่านี้  วันนี้คงไม่มีใครต้องมาเจ็บปวด

   มิน่า . . . 

   วันนั้น  ที่ปาย


   ผมถึงได้ยินเสียงเปรตขอส่วนบุญดังมาจากในบ้านป้าภา . . .

   “อาร์ม  ตั้งแต่วันนั้น  โกมันก็ตามหามึง  ตามหาตลอด” 

   “อย่ามาพูด  กูไม่มีวันเชื่อ”  ผมมองหน้ามัน

   “งั้นมึงดูนี่”  ไอ้เพื่อนรัก มันเอา  มือถือของมันส่งมาให้ผม

   “รูปกู. . . มีไรเหรอ”  ผมมองหน้ามัน

   “มึงรู้ไหมว่าตอนที่กูได้รูปนี้กูอยู่กับใคร”

   “มึงจะบอกว่าอยู่กับไอ้โกอย่างนั้นเหรอ  ละครช่อง ๗  ชัด ๆ  กูไม่เชื่อหรอก”  ผมมองหน้าไอ้เพื่อนรักที  ไอ้แดนที

   “ถึงมึงจะไม่เชื่อ  กูบอกว่าจริง  กูนั่งกับไอ้โก  มันมาหากูที่สนามบิน  มันบอกว่า  มันไปหาหลวงพ่อ  มันเจอมึงนอนหลับในกุฏิหลวงพ่อ  มันไปทำบุญวันเกิดให้มึง”

   “อย่ามาอำ  อย่าเพื่อน”

   “คนที่รู้มึง  ไอ้อาร์ม  มึงรู้แก่ใจว่าใช่ไหม  เวลานั้นมึงอยู่ที่กุฏิหลวงพ่อหรือเปล่า  กูสองคนบังคับให้มึงเชื่อไม่ได้  แต่กูเชื่อโกมัน”

   “แดน . . .”  ผมหันไปหาพวก

   “พี่อาร์ม  พี่ดูอันนี้ . . .”  แดนยื่นกระดาษที่พับไว้มาให้ผม

   “เฮ้ย  สเก็ตเดือนนี้นี่หว่า”  ผมมองสิ่งที่อยู่ในมือ

   “แล้วอันนี้ละ . . .” แดนส่งกระดาษอีกใบ

   “ไอ้แดน  เอามาได้ไง  ของพี่เมื่อเดือนก่อน  มึงสองคนทำไรกันนี่”  ผมมองหน้ามันสองคน แปลกใจปนดีใจ  ที่มันใส่ใจผมขนาดนี้

   “โกเมศวร์เอามาให้กูกับไอ้แดน”

   “กูไม่เชื่อ”

   “อาร์ม  อย่าหลอกตัวเอง  กูรู้มึงเชื่อ  เชื่อกูสองคนเหอะอาร์ม  ว่าโกเมศวร์ ไอ้โก  มันดิ้นรนหามา  มันเอามาบอกกูกับไอ้แดน”

   “มันจะทำไปทำไม”   

   “อันนี้กูไม่รู้เพื่อน  แต่ที่กูรู้  กูจะเจอมันทุกครั้งที่มึงกลับมาเมืองไทย  วันที่มึงบินกลับก่อนไฟลท์ออก  กูจะเห็นไอ้โกป้วนเปี้ยนแถวประตูลูกเรือตลอด”

   ผมมองหน้ามัน . . .

   มันทำอะไรกันอยู่  แล้วผมล่ะ  ผมกำลังทำอะไรอยู่  ทำไมเรื่องราวมันไม่จบลงเสียที  มันมีอะไรตามมาเรื่อย ๆ  แบบนี้เลยหรือ

   “พี่โอ๋พูดจริง ๆ  พี่อาร์ม  ผมเองยังยอมแพ้กับสิ่งที่ไอโกตามหา”

   “กูสงสารมันนะอาร์ม   แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง  กูพยายามจะหาโอกาสพูดกับมึงหลายครั้ง  แต่มึงตัดบททุกครั้ง  จนกระทั่ง  เมื่อสามสี่วันก่อน  ที่กูนัดเจอมึง  กูโทรบอกโกมัน  กูคิดว่าบางทีมันอาจจะถึงเวลาที่ต้องคุยกันแล้ว  แต่มึงหนีอีกตามเคย . . .”

   “ซึ่งพี่โอ๋ก็คิดไว้แล้ว  ว่าพี่อาร์มจะหนี  เลยให้ผมตามดูพี่ห่าง ๆ  ตั้งแต่ทรูคอฟฟี่  ไปสตาร์บัค  จนกระทั่งพี่เดินมาที่สถานีรถใต้ดิน  ผมถึงปรากฏตัว  เพราะมันเป็นผมที่จะทำหน้าที่ต่อจากพี่โอ๋  ในตอนนั้น  ถ้าเป็นพี่โอ๋  พี่อาจจะหนีไกลกว่านี้  ผมเลยต้องเถเล่นไปตามบท”

   ผมมองหน้ามันทั้งสองคน . . .

   “อาร์ม . . . มีคนฝากมาให้มึง”  ไอ้เพื่อนรักส่งสมุดเล่มบันทึกมาให้ผม

   “ใคร”

   “มึงก็รู้แก่ใจ  มาถามกูทำไมอีกว่าใคร  กูไม่บังคับให้มึงอ่าน  แต่กูรู้ว่ามึงต้องไม่อยากอ่าน  เพราะแรงฐิทิ  มึงไม่อ่านหรอก”

   “กูจะอ่าน”

   ผมลืมไป  มันยั่วผม จนผมลืมคิดไปว่า  มันรู้จักผม  ผมเปิดสมุดเล่มนั้นช้า ๆ  ลายมือคุ้นตา  เป็นลายมือที่เขียนล้วน ๆ    บางตอนมีรอยอะไรเป็นดวง ๆ  หมึกคล้ายจาง ๆ  ผมรู้  รอยที่เกิดขึ้นนั้น  มันคับแน่นในหัวใจอย่างที่สุด



   ๔  มกราคม  ๒๕๕๐
   

   วันนี้ . . .

   วันเกิดของคนที่ผมรักมากที่สุด  และเป็นคนที่ผมทำเขาเจ็บปวดอย่างที่สุดเหมือนกัน  ความผิดที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะบอกอย่างไรเสียด้วยซ้ำ  สิ่งที่ผมทำได้  คือคอยดูแลคนที่เขารักมากที่สุด  เพื่อว่ามันจะชดเชยกับสิ่งที่ผมได้ฆ่าคน ๆ  นึงทั้งเป็น

   คนที่ปั้นผมมากับมือ . . .

   พี่อาร์ม . . . ผมอยากขอโทษ  แต่มันคงไม่เพียงพอกับสิ่งที่ผมได้ทำกับพี่  สิ่งที่ผมทำมันเลวร้ายเกินกว่าที่ผมจะบอกกับพี่ว่าผมรู้สึกอย่างไร  สิ่งเดียวที่ผมทำได้  คือแบ่งเบาสิ่งที่พี่เป็นห่วงตอนนี้ . . . หลวงพ่อ

   ผมรู้ . . .

   . . . หลวงพ่อ  คือสิ่งที่พี่รักและเป็นห่วงมากที่สุด

   และ . . . หลวงพ่อ 

   จะเป็นห่วงที่เกี่ยวรัดผมเอาไว้  ไม่ให้พี่หนีผมไปไกลเกินกว่านี้ 

   สักวันนึง  พี่จะกลับมา  กลับมาหาผม  เหมือนที่ผมอยากจะหาพี่  ผมเชื่อความรักมันมีใย  สายใยบางอย่างเราอาจมองไม่เห็น  หรือเพราะเราไม่เคยมองมันเลยก็เป็นได้ . . .

   “หลวงพ่อ . . .  หลวงพ่ออยู่มั้ยครับ”    ผมตะโกนร้องเรียกทุกครั้งที่เข้ามาที่กุฎิของหลวงพ่อ 

   สายลมพัดอ่อน ๆ  ต้นปีอากาศหนาว  ผมชอบอากาศยามต้นปี  เพราะมันหนาวเหน็บจับหัวใจดี  เหมือนหัวใจของผมตอนนี้  มันหนาว  หนาวตั้งแต่วันที่ไม่มีอีกคน . . .

   “วันนี้วันเกิดพี่อาร์ม  ผมเลยแวะมาทำสังฆทาน ก่อนบ่ายนี้ต้องเข้ากรุงเทพฯ  พรุ่งนี้ทำงานแล้วล่ะครับหลวงพ่อ  หยุดมาหลายวัน  ผมทำบุญให้พี่อาร์มได้ใช่มั้ยหลวงพ่อ”     ผมกราบหลวงพ่อที่นั่งขัดสมาธิหน้าชานกุฎิ

   แปลกจัง . . . วันนี้หลวงพ่อขยับตัวบ่อย

   “ได้สิ  การทำบุญ  เราทำให้ได้ทั้งเจ้ากรรมนายเวรที่ตายไปแล้ว  และทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่”  หลวงพ่อบอกยิ้มอ่อนโยน  เหมือนรอยยิ้มพี่อาร์มมิมีผิดเพี้ยน

   “ครับหลวงพ่อ  ผมคงทำผิดเอาไว้มาก”

   “ไม่มีอะไรที่ถูกทั้งหมด  และไม่มีอะไรที่ผิดตลอดหรือโก  . . .  เอ้า   บทสวดมนต์ขอถวายสังฆทาน”   หลวงพ่อส่งหนังสือให้ให้ผม

   “ท่องนะโมสามจบ  อยากจะอุทิศส่วนกุศลให้ใคร  ก็คิดเอาไว้  สัตว์โลกทั้งหลายที่อยู่รอบ ๆ  ตัว  พนมมือแล้วว่าตามนะ”

   ผมหันมองรอบ ๆ  ตัว  มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น  แล้วหลวงพ่อพูดอะไรแปลกจังเลย  หากแต่ผมไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น  ผมได้แต่พนมมือแล้วค่อย ๆ ท่องนะโมสามจบ  ก่อนอ่านบทสวดสังฆทาน

   “เอาล่ะ . . .  เรียบร้อยแล้ว  ส่วนน้ำนั่น  เอาไปเททิ้งใต้ต้นไม้ใหญ่”  เสียงหลวงพ่อสั่ง  ผมทำตามอย่างว่าง่าย  หยิบขันใบเล็ก ๆ  ก่อนก้าวลงมาที่บันได

   รองเท้าหนังมันเมี่ยม . . .

   พี่อาร์ม . . . ความรู้สึกแรกที่แวบเข้ามาในหัวใจ  พี่อาร์มอยู่ที่นี่หรือ  ผมได้แต่ถามตัวเองในใจ  คำถามที่ผมเองก็ไม่กล้าที่จะถามหลวงพ่อ    หากแต่ผมแน่ใจ  ความรู้สึกของผมไม่ผิดแน่ ๆ 

   ผมเดินกลับมาอีกครั้ง  ก่อนที่จะหยุดที่บันได  ผมได้แต่ก้มมองรองเท้าคู่นั้น

   ขนาด . . . เท้าพี่อาร์มแน่ ๆ  . . .

   . . . ยี่ห้อ . . . ใช่ที่พี่อาร์มใส่เป็นประจำ

   แล้ว . . . พี่อาร์มอยู่ไหน?

   . . . ในกุฎิ . . . คำตอบในหัวสมองของผม 

   แล้วทำไมหลวงพ่อไม่บอกผม . . .

   แม้ผมอยากจะรู้ใจแทบขาด  แต่ผมไม่สามารถที่จะเอ่ยปากถามเรื่องพี่อาร์มจากหลวงพ่อได้  ผมรู้ดี  พี่อาร์มหายไปจากชีวิตผมร่วมปีแล้ว  ตั้งแต่วันนั้น  ผมไม่เคยเจอพี่อาร์มอีกเลย   ที่ทำงานบอกว่าพี่อาร์มลาออกไปแล้ว  ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน

   พี่แดน . . .

   . . . ลาออกตามไปด้วย  และดูจะเมินเฉยกับผมเมื่อไม่มีพี่อาร์มอยู่  สายตาที่พี่แดนมองผม  เหมือนผมเป็นอะไรสักอย่าง  ที่น่ารังเกียจ  ผมอาจทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดกับคนที่พี่แดนรักก็เป็นได้  ผมรู้และดูออก  พี่แดนนะรักและหวงพี่อาร์ม . . .

   ส่วนผม . . . เป็นแค่คนที่ทำร้ายพี่อาร์มซ้ำแล้วซ้ำเล่า

   ผมเคยถามตัวเอง 

   ทำไมผมต้องทำร้ายพี่อาร์ม ? 

   คำตอบที่ได้  คือน้ำตา  เพราะหากผมไม่เลือกที่จะทำร้ายพี่อาร์ม  คนที่จะเจ็บปวดไม่ใช่พี่อาร์ม  แต่หมายถึงคนที่ผมไม่อาจจะทรยศได้  คนเดียวที่ผมไม่มีวันทรยศโดยเด็ดขาด   ไม่ว่าจะเป็นจะตาย  ผมไม่อาจทำร้ายเธอคนนั้นได้แน่ ๆ . . .

   ผมรักพี่อาร์ม . . .

   ผมไม่เคยแยกว่ารักแบบไหน  เพราะความรักของผมคือรัก  จะรักแบบไหนมันสำคัญหรือ  มันสำคัญกว่าความรู้สึกทั้งหมดของหัวใจหรือเปล่า  ผมไม่รู้คนอื่นจะมองอย่างไร  หากแต่ผมรู้ว่าพี่อาร์มดีกับผม  และผมควรจะรักพี่อาร์มให้มาก

   พี่อาร์มอยากให้ผมเป็นน้อง . . . ผมก็เป็นน้อง

   หาก . . . พี่อาร์มอยากให้ผมเป็นคนรัก

   . . . ตามใจพี่อาร์มสิ . . . ผมยอม 

   ผมยอมเพราะผมรู้  ในโลกนี้  นอกจากแม่  คนเดียวที่ไม่มีวันทำร้ายผมคือพี่อาร์ม  แต่ผมกลับเป็นฝ่ายที่เลือกที่จะทำร้ายพี่อาร์ม  เพียงเพราะผมไม่กล้าที่จะสู้หรือยอมรับกับความเป็นจริง

   พี่โอ๋ . . . เป็นเพื่อนที่พี่อาร์มสนิทมากที่สุด  การที่ผมจะขอความจริงจากพี่โอ๋  ไม่มีทางแน่ ๆ  เพราะพี่โอ๋ยืนยันว่าไม่รู้ว่าพี่อาร์มไปอยู่ไหน  เพื่อนรักกันขนาดนั้นไม่รู้  ผมไม่เชื่อหรอก  ผมไม่เชื่อเด็ดขาด

   ทางเดียว . . .

   ทางเดียวที่ผมจะได้เจอพี่อาร์ม  น่าจะทางหลวงพ่อ  เพราะพี่อาร์มรักหลวงพ่อมาก  และผมไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างพี่อาร์มจะตัดขาดทุกคนได้แม้กระทั่งหลวงพ่อ  ผมเลยต้องทำหน้าที่ของลูกที่ดี  อย่างน้อยเพื่อชดเชยความผิดที่ผมทำให้พี่อาร์มเตลิดไปไกล

   ไกล . . . แค่ไหนหรือ

   ผมไม่รู้  ผมไม่รู้จริง ๆ  ว่าพี่อาร์มอยู่ที่ไหนกันแน่    แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว  ผมมองรองเท้านิ่ง  บางทีคนที่ผมตามหาอยู่ใกล้ผมแค่นี้เอง

   ผมยิ้มก่อนเดินขึ้นไปบนกุฎิอีกครั้ง . . .

   “เห็นจะต้องลาหลวงพ่อ  เดือนหน้าจะมารับหลวงพ่อไปหาหมออีกนะครับ”  ผมก้มลงกราบ 

   “เดินทางปลอดภัย  บุญรักษานะลูก”    หลวงพ่อวางมือไว้บนศรีษะที่ผมก้มลงกราบนิ่งทุกครั้ง 

   สัมผัสอบอุ่นที่ผมได้รับ . . . เหมือนน้ำ

   น้ำที่ดับความรุ่มร้อนในหัวใจของผมเสมอมา   ผมหลับตานิ่ง  รู้สึกผิดกับความคิดที่มันมีอยู่ในหัวตอนนี้    ผมแค่อยากรู้  อยากรู้ในสิ่งที่หัวใจตัวเองมันร่ำร้องอยู่ตลอดเวลา  ถ้าผมทำผิด  ครั้งนี้ขอทำผิดเป็นครั้งสุดท้าย

   ผมลงมาจากกุฎิด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่มกว่าเก่า  ผมมองรองเท้าคู่นั้น  ก่อนยิ้มหยันให้ตัวเอง  ลมหนาวปลิดใบไม้แห้งให้ค่อย ๆ  ทิ้งขั้วลง  ปลิวหมุนช้า ๆ  ก่อนจะตกลงสู่พื้น  มันจะแตกต่างอะไรจากชีวิตคนเล่า

   วันนึง . . .

   . . . ต้องลาจาก

   การจากลา . . . ทรมาน

   หาก . . . เราทุกคนต้องได้เจอ  เหมือนที่ผมเจอมาแล้ว  มันเจ็บปวดแสนสาหัส  หากวันนี้ผมขอ  ผมขอมองสิ่งที่ผมจากลานั้นให้เต็มตาอีกสักครั้งจะได้ไหม  ผมสัญญา  ผมจะไม่แตะให้เขาต้องเจ็บปวด  แม้แค่ปลายเล็บ

   ผมรอเวลา . . .

   การรอคอยสำหรับผม  มันเหมือนเพื่อนแท้  ผมรอได้ แม้การรอคอยจะทรมาน  แต่ผมจะรอ  เพราะผมรู้  อีกไม่นานสิ่งที่ผมรอจะสัมฤทธิ์ผล  ไม่มีอะไรนานเกินไปหรอก  สำหรับผม  การรอคอยคือความสุขที่ผมยินดีเปิดรับมันเสมอ

   หลวงพ่อค่อย ๆ  เดินลงมาจากกุฎิเมื่อมีเสียงระฆังส่งสัญญาณได้เวลาเพล  ผมค่อย ๆ  หลบเข้าไปอีกฝั่งของกุฎิอีกหลัง   ผมขอโทษที่ต้องทำแบบนี้  เพราะผมอยากรู้  มีอะไรในนั้น  มีอะไรซ่อนอยู่ในกุฏิของหลวงพ่อ

   ผมมองตามหลวงพ่อที่เดินหายไปทางด้านโรงฉันของวัด . . .

   แววตาผมกระหยิ่ม  ก่อนที่จะเดินมาที่กุฎิของหลวงพ่ออีกครั้ง  ผมก้มมองรองเท้าคู่นั้น  รองเท้าที่ผมเองก็รู้แก่ใจว่าเป็นของใครไปไม่ได้แน่ ๆ   อะไรที่เกี่ยวกับพี่อาร์มผมจำได้  ไม่มีวันลืม

   หาก . . . ทำไมผมลืมหัวใจตัวเองก็ไม่รู้

   ผมก้าวเท้าไปบนกุฎิอย่างช้า ๆ  หัวใจผมเต้นแรงขึ้น  เมื่อมาหยุดที่หน้าประตูกุฎิ  สิ่งที่อยู่ภายในหัวใจผมกำลังเถียงกันอย่างหนักหน่วง  มันดีแล้วหรือที่ผมจะผลักประตูเข้าไปโดยที่หลวงพ่อไม่อยู่  ผมควรทำแบบนั้นหรือ

   ผมเอื้อมมือไปข้างหน้าช้า ๆ

   “เอี๊ยดดดดดดดดด” 

   เสียงบานพับที่ขาดการบำรุง  แสงจากด้านนอกค่อย ๆ  ทอดยาวเข้าไปในกุฎิ    ปลายเท้าคู่นั้น . . . ผมดีใจจนเก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่  ผมจำได้  ไม่มีวันลืม  ผมไม่ลืมเด็ดขาด  ผมค่อย ๆ  ก้าวเท้าผ่านธรณีประตูไปอย่างช้า ๆ 

   คนที่นอนขดตัวนิ่ง . . .

   ผมน้ำตาเอ่อ  ค่อย ๆ  ทรุดตัวลงใกล้ ๆ  ใบหน้านั้นดูซีดเซียวคล้ายคนอดหลับอดนอน  ผมเอื้อมมือสั่นระริก  อยากจับใบหน้านั้น  หากผมต้องรีบดึงมือกลับมา  ไม่ได้หรอกโก   แค่นี้ก็พอแล้ว  ที่ผ่านมา  โกทำร้ายพี่อาร์มมามากแล้ว  อย่าทำร้ายพี่อาร์มอีกเลย  ปล่อยให้พี่เขาได้ไปแบบที่พี่เขาอยากไปนะโก   หากวันนึงพี่เขากลับมา  เราอาจจะมองหน้ากันได้อีก

   บางที . . .

   เวลา . . .  มันอาจจะบอกได้ว่า  สิ่งที่เราสองคนทำมาทั้งหมดมันคืออะไร  ตอนนี้พี่อาร์มเขาเหนื่อย  เขาอยากพัก  โกอย่าไปทำให้พี่เขาเหนื่อยมากกว่านี้นะ  มองพี่อาร์ม  เก็บภาพที่ดีของพี่เขาเอาไว้  เก็บไว้ในหัวใจของโกไง

   ผมได้แต่บอกตัวเองแบบนั้น . . .

   ริมผนังกุฏิ . . .

   มีเสื้อนอกสีเลือดนกแขวนอยู่  ป้ายโลหะที่หน้าอกเป็นรูปหัวแกะหรือแพะหว่า  ไม่แน่ใจ  ตัวอักษรภาษาอังกฤษ ผมอ่านออกสายการบินระดับห้าดาว

   ผมใจหายวาบ . . .

   พี่อาร์มหนีไปไกลขนาดนี้เลยหรือ ?

   ผมมองพี่อาร์ม  แววตาเอ่อ คอผมแห้ง  มันตีบมันตัน  คล้ายใครมาบีบที่หัวใจจนผมแทบหายใจไม่ออก  นี่ผมทำร้ายคนที่ผมรักได้ขนาดนี้เลยใช่ไหม  ผมจำได้  พี่อาร์มเคยบอก 

   “สจ๊วตเหรอ  อี๋  ไม่เอา  ไม่อยากเป็น  เกลียดที่สุดในชีวิต  ถ้าเลือกได้  ไม่ขอเป็น  ไม่เด็ดขาด  ให้มันเป็นทางเลือกสุดท้ายเหอะไอ้อาชีพนั้นน่ะ  อีกอย่าง ไม่อยากห่างโก  ไปบินทีนึงหลายวัน  เป็นห่วงโก”

   ผมหลับตาค่อย ๆ  ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา  สิ่งที่พี่อาร์มเกลียดที่สุด  แต่พี่อาร์มกลับเลือกที่จะเดินไปหามัน  เพราะผม  เพราะผมใช่ไหม  พี่อาร์มถึงได้เดินไปบนเส้นทางที่พี่อาร์มไม่คิดที่จะไป

   “ผมขอโทษ”  ผมบอกเบา ๆ  ก่อนก้มลงจดจมูกที่แก้มพี่อาร์ม

   ผมเดินออกมาจากกุฎิเหมือนคนไม่มีชีวิต  ผมมานั่งที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ไกล้โบสถ์  มันก็สาสมแล้วกับสิ่งที่ผมเคยทำเอาไว้กับพี่อาร์ม  สิ่งที่ผมเจอมันยังน้อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ  ผมรู้  พี่อาร์มทำอะไรมามากมาย  สิ่งที่พี่อาร์มทำเพื่อผม  พี่อาร์มไม่เคยทำอะไรเพื่อตัวเองเลย  เขาทำเพื่อผมทั้งนั้น 

   กางเกงที่ผมใส่อยู่ตอนนี้   พี่อาร์มก็ซื้อให้ตอนวันเกิดปีก่อน  ราคามันนะหรือ  เทียบไม่ได้กับน้ำใจที่พี่อาร์มให้ผมกระมัง  ทำไมนะหรือ  ผมรู้ไง  ผมรู้  พี่อาร์มไม่เคยมีกางกางที่ราคาแพงเท่ากับตัวที่พี่อาร์มซื้อให้ผมตอนวันเกิด

   สิ่งที่พี่อาร์มให้ผม . . .

   . . . ดีที่สุดเสมอ

   ผมเอามือปาดน้ำตาทิ้ง  เสียใจที่สุดแล้ว  แต่ผมแก้ไขอะไรมันได้  ผมย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้วล่ะ  ทุกอย่างมันผ่านมาแล้ว  มันจบลงแล้ว  เพราะผม  ผมทำลายทุก ๆ  อย่างที่พี่อาร์มพยายามที่จะปั้นให้มันสวยที่สุด  ผมได้แต่กอดเข่าตัวเองเอาไว้  เอาเข่าซับน้ำตาตัวเอง  ให้สาสมกับความงี่เง่าที่ผมได้กระทำลงไป

   ผมเจ็บ . . . แต่คงไม่เท่าที่พี่อาร์มต้องเจ็บ

   ผมต้องผ่านมันไปให้ได้  ผมต้องอยู่รอพี่อาร์ม  ผมได้แต่วาดหวังสักวันพี่อาร์มจะอภัยให้ผม  จะกลับมายิ้มให้ผมเหมือนที่เคยผ่านมา  ผมไม่หวังไปถึงอ้อมกอดของพี่อาร์มหรอก  เพราะผมรู้ดี  มันเกินที่จะคาดหวัง

   แค่ . . . รอยยิ้ม

   รอยยิ้มในวันข้างหน้าที่เจอกัน  แค่รอยยิ้มที่พี่อาร์มยิ้มให้ผมเท่านั้น  ผมก็คงมีความสุขแล้ว  ผมไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าสิ่งนี้อีกแล้ว

   พี่อาร์ม . . . ชื่อนี้จรดลึกอยู่ในหัวใจของผมไปจนหมดลมหายใจ




   ผมเงยหน้ามองเพื่อนรักที  มองแดนที  แปลกจัง  ทำไมผมมองมันสองคนไม่ชัด  ในเมื่อตอนนี้  ดวงตาของผมพร่ามัวไปด้วยน้ำตา  น้ำตาที่มันออกมาโดยที่ผมไม่สามารถจะควบคุมมันได้   สิ่งที่ผมเห็นในสมุดเล่มนั้น  มันบีบหัวใจผม  ผมทำร้ายตัวเอง  ผมทำร้ายคนที่ผมรักได้มากขนาดนี้เลยหรือ

   รอยดวง ๆ  เปื้อนกระดาษ . . .

   น้ำตา . . . ผู้ชายแบบโกเมศวร์หากไม่ถึงที่สุด  คงไม่มีน้ำตาให้ใครเห็น  ผมหลับตานิ่งเจ็บปวดอย่างที่สุดแล้ว

   “ไอ้อาร์ม”  เพื่อนรักมันแตะที่เข่าผมเบา ๆ

   “อย่าเพิ่งพูด ขอเวลากูแปบ”  ผมหลับตายกมือห้ามมัน

   อย่าเพิ่งเลยเพื่อน  อย่าเพิ่งมาอะไรในเวลานี้  ตอนนี้มันน่ากลัว  ขอเวลาสักเล็กน้อย  ขอเวลาให้กูปรับความรู้สึกตัวเองอีกสักครู่

   
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: TAMAKUNG ที่ 05-06-2008 15:51:03
 :laugh: :laugh: :laugh:


ยังไม่ได้เลย    ส่งมาด่วนเลยครับ 



อิจฉาคนที่เขาได้แล้ว


นะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   ส่งให้ทีครับ



 :pig4: :pig4: :pig4:



อยากให้มีภาคต่อ  ตามเมลลที่เมลล์ขอไป


นะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


อย่าลืม่สงเรื่องนีให้ด้วยนะ



จะลงแดงตายอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 05-06-2008 16:24:25



อีก  ๓๐  วัน


จะมาลบบางตอนนะครับ . . . ไม่อยากให้คนอื่นอ่านอีกแร่ะ


ผมส่งให้เกือบทุกคนแร่ะ  ใครยังไม่ได้  บอกมานะครับ จะส่งให้  (ถ้าว่างแบบวันนี้)


ปล.  ไปดูหนังดีก่า . . .    สบายดีหลวงพระบาง  




ขอด้วยนะคะ      :oni1:
ส่ง pm แล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 05-06-2008 16:33:39
เป็นอีกเรื่องที่ต้องเปิดหาดูทุกครั้งที่เข้าบอร์ด
ชอบมากๆค่ะ นานๆจะมีอารมณ์ร่วมไปกันเรื่องๆนึงได้ขนาดนี้
:pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 05-06-2008 16:46:40


ตอนที่  ๔๒



   ที่ผมรับรู้ได้ในเวลานี้คือ  ผมรักคนไม่ผิด  แม้ที่ผ่านมา  ผมจะเจ็บปวด  แต่ผมกลับรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าครั้งใด ๆ  ทั้งหมด  ที่ผมได้อ่านสิ่งที่โกเมศวร์เขียนเอาไว้เพียงไม่กี่หน้ากระดาษ  ทำไมมันมีแต่ความเจ็บปวดก็ไม่รู้

   ผมลืมตา  ยิ้มให้กับคนที่นั่งตรงหน้าผมอีกครั้ง . . .

   ผมจะอ่านต่อ  แม้มันจะเจ็บปวดเจียนตาย  ผมขออ่านอีกสักนิดได้ไหม  ลายมือมันสวยกว่าทุก ๆ  ครั้งที่ผมเห็น

   


ถ้าเราย้อนเวลาได้  เราอยากจะย้อนเวลามั้ย ?

   สำหรับผม . . .

   ผมจะย้อน  ผมจะย้อนเวลามันกลับไป  ผมจะไม่ยอมให้เรื่องราวมันเกิดขึ้นแบบที่ผ่านมาเป็นแน่  ผมจะเก็บจะกอดเอาคนที่ผมรักเอาไว้  ผมจะไม่ยอมให้คนที่ผมรักต้องเสียน้ำตาเด็ดขาด  สิ่งที่ผมทำลงไป  มันเลวร้ายที่สุดสำหรับชีวิตของคนสองคน  

   . . . บทเรียนที่ผมไม่มีวันลืมชั่วชีวิต . . . .

   ผมเหนื่อย . . .   

   ทำไมนะหรือครับ  ไม่รู้เหมือนกัน  ผมรู้แค่ว่า  วันเวลามันผ่านไปรวดเร็วมาก  บางครั้งมันผ่านไปทั้ง ๆ  ที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย . . .

   สำหรับผม . . . มีทางเลือกไม่มากนัก

   และดูเหมือนว่าทางที่ผมเลือกมันจะทำให้ผมกลายเป็นคนเลวเสียด้วยซ้ำ  ผมอยากเลือกมันหรือ  ไม่ใช่  ไม่ใช่ผมอยากจะเลือก  และผมไม่เคยที่อยากจะเลือกมันเสียด้วยซ้ำ  หากสิ่งที่ผมเลือกคือการทำร้ายคนที่ผมรัก  ผมยังอยากจะเลือกสิ่งนั้นมันอีกหรือ

   ในทางกลับกัน . . .

   หากผมไม่เลือก . . . ผมต้องกลับทำร้ายอีกคน ?

   คนที่ผมรักสองคน . . . มีเพียงคนเดียวที่สมหวัง  และอีกคนต้องเจ็บปางตาย  ถ้าผมเลือกได้  ผมขอรับเอาความเจ็บทั้งหมดมาไว้ที่ผมคนเดียว

   เวลาที่ผมเจ็บ  ผมได้แต่เก็บมันเอาไว้ในใจ  เก็บมันเอาไว้ให้ลึกที่สุด  ไม่ให้ใครมองเห็น  ไม่มีใครหรอกที่จะเข้าใจกับสิ่งที่ผมกระทำลงไป  ผมจึงเหมือนคนเลว  คนที่โดนตราหน้าว่าเลวมันจะมองหน้าคนอื่นได้อย่างไร

   ผมออกจะโชคร้ายสักหน่อยตรงที่เกิดมาในครอบครัวที่มีแต่ความแตกแยก   ผมโตมาก็เห็นความหมางเมินขอมงพ่อกับแม่  ผมจะทำยังไงได้  ในเมื่อผมเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ  คนนึง  ผมได้แต่มองแม่ที่นั่งจมทุกข์  ผมโตมากับหยาดน้ำตาของแม่ . . .

   ทางเลือกในตอนนั้น . . .

   ผมต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ทั้งพ่อและแม่หันมามองผม  หันมาใส่ใจลูกแบบผม  มากกว่าที่จะเมินหมางกัน  แล้วผมก็ตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อ  ทั้ง ๆ  ที่กำลังจะจบ ม.๓  อยู่แล้ว  การเลือกเส้นทางนั้นของผม  ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย  เพราะปัญหาที่ทางบ้านแบกอยู่  ไม่มีใครหรอกที่จะหันมามองปัญหาของผม  แล้วผมก็ได้รู้  การตัดสินใจของเด็กสิบห้าปีแบบผมไม่ได้ช่วยให้อะไรมันกระเตื้องขึ้นมาเลย  ตรงกันข้าม มันกลับทำให้ผมเป็นคนที่เหมือนไร้อนาคตในทันที  จนกระทั่ง . . .



ก่อนหนาวแรกของปีนั้น . . . นานมาแล้ว

   . . . พี่อาร์ม . .


   คนที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของผม  เขาเป็นหลานของอาสะใภ้     ผมได้แต่มองเขาเงียบ ๆ  พี่เขาค่อนข้างจะเก็บตัว  เวลาที่ว่าง ๆ  ผมจะเห็นพี่เขาสะพายกล้องถ่ายรูป  แล้วหายไปเป็นวัน ๆ  ก่อนจะกลับมายังที่พัก  อายุของพี่เขาน่าจะแก่กว่าผมไม่มากเท่าไหร่  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม  ผมถึงชอบมองพี่เขา  

   ในยามเช้าที่อากาศหนาวเหน็บ  ผมเห็นพี่เขาตามตลาดนัด  แกจะมีความสุขกับการได้ถ่ายภาพวิถีชีวิตความเป็นไปของคนที่บ้านผม  ภาพชาวเขาที่เอาของป่าแปลก ๆ  มาขาย  พี่แกจะหยุดถ่ายภาพ  และจะตอบแทนน้ำใจของเขา  โดยการซื้อสินค้า  ทั้ง ๆ  ที่บางครั้ง  แกไม่ได้ใช้สินค้าที่แกซื้อเสียด้วยซ้ำ

   ผมยิ้มกับสิ่งที่ผมเห็น . . .

   ผมเป็นอะไรไปหว่า . . . ทำไมผมมองผู้ชาย  โดยเฉพาะพี่อาร์ม  ผมอยากมองนะมองโดยไม่เบื่อเลย  แต่ผมไม่อยากมีอะไรแบบที่คนทั่วไปอยากจะมีกัน  ผมรู้อย่างไรเสีย  ผมก็เป็นผู้ชาย  และผมมีความรู้สึกว่า  ผมไม่ได้มองพี่เขาเพราะเรื่องชู้สาวแน่ ๆ    ไม่รู้นะ  เวลาสาย ๆ  บางครั้งผมจะเห็นพี่เขาที่ร้านกาแฟ  เขานั่งอ่านหนังสือ และที่ขาดไม่ได้  บนโต๊ะนั่นจะมีกล้องอยู่ข้าง ๆ  ตัวด้วยทุกครั้ง

   บางครั้งพี่เขาหันมามองผม . . .

   ผมต้องหลบสายตา  จนกระทั่งวันนึง  พี่เขายิ้มให้  แล้วทักทายกับผม  ผมดีใจนะ  พี่เขาเป็นกันเองกับผมมาก  และมักจะมีเรื่องสนุกมากมายมาเล่าให้ผมฟังอยู่เสมอ  และแทบทุกครั้งพี่แกจะถามอยู่เสมอ . . . ทำไมไม่เรียนต่อ

   ผมมักจะนิ่งเพราะตอบคำถามนั้นไม่ถูก  จนพี่เขาจะต้องเปลี่ยนเรื่องคุยไปเอง  ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม  ผมถึงไม่กล้าที่จะตอบคำถามนั้น  หรืออาจเพราะว่าผมไม่กล้า  ผมกลัวจนเกินไปก็เป็นได้  ผมกลัวอะไรนะหรือ ?

   ผมบอกไม่ถูก . . .

   แล้วพี่อาร์มก็กลับไปเรียนต่อ  แต่พี่เขาสัญญากับผมแล้วนี่  ว่าปีใหม่จะกลับมา  พี่อาร์มจากไปพร้อมคำถามที่ถามผมเอาไว้

   สิบปีข้างหน้าทำอะไร ? . . .

    . . . แล้วอีกห้าปีล่ะ ? . . . ปีหน้า ?

   เดือนหน้า . . . แล้วถ้าวันนึงไม่มีนักท่องเที่ยวจะทำอะไรต่อ ?

   ผมไม่รู้หรอกว่าพี่เขาคิดอะไร  ผมรู้เพียงแค่ว่า  ผมต้องหาเวลาไปเรียน กศน.  อย่างน้อยที่สุด  พี่อาร์มกลับมาคราวหน้า  แกอาจจะดีใจที่ผมเรียนจน จบ ม.๓  แล้วก็ได้  ผมอยากเห็นพี่เขายิ้ม  เพราะผมรู้สึกว่าสิ่งเดียวที่ผมคุยกับพี่เขารู้เรื่องมากที่สุดคือเรื่องเรียนต่อของผมนี่แหละ . . .

   หาก . . . ผมพลาด

   ผมพลาดอีก  ที่เลือกจะมีคน ๆ  นึงเข้ามาพัวพันในชีวิต  เมื่อมีผู้หญิงคนนึงเข้ามาติดพัน  และผมเห็นว่า  ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เสียหายอะไร  ผมเลยปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติ  และมันน่าจะทำให้พ่อหันมามองผมบ้าง  ธรรมชาติของคนเป็นพ่อเป็นแม่  ย่อมไม่อยากให้ลูกเดินทางผิด  แต่ทำไม  ความคิดนั้นไม่มีในพ่อและแม่ของผม . . .

   ปีใหม่ . . .

   หนาวจัดเลยทีเดียว  หากผมหนาวในหัวใจยิ่งกว่า  สามวันแล้วที่พี่อาร์มกลับมาที่นี่อีกครั้ง  แต่ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้เจอหน้าพี่อาร์มเลย  ผมไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปหา  ทำไมนะหรือครับ  เพราะห่วงที่พันธนาการผมเอาไว้  ผมจะทำอย่างไร  ในเมื่อมีผู้หญิงอีกคนที่ผมต้องรับผิดชอบ  แล้วผมจะทิ้งคนที่ผมดึงมาในวังวนนั้นได้หรือ

   นั่นไง . . . พี่อาร์ม  

   ผมนั่งจากอีกร้านนั่งมองพี่เขาอยู่นาน  พี่อาร์มเหมือนมีอะไรในหัวใจ  แกนั่งนิ่ง ๆ  คล้ายคนเหม่อลอย  บางครั้งแกเอานิ้ววนไปวนมาที่ปากขวดเบียร์เหมือนคนที่มีอะไรในหัวใจ  บางครั้งเกก็ยกขวดเบียร์ขึ้นกระดกแทบหมดขวด  

   ผมเหมือนคนขี้ขลาดตาขาวที่ไม่กล้าไปหา . . .   ได้แต่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ   จนผมบอกตัวเองว่า  ไปเหอะ  เข้าไปคุยกับพี่เขาเหอะ . . .

     “แม่บอกพี่อาร์มมาตั้งหลายวัน  ไม่เจอหน้าเลย”

   พี่อาร์มเงยหน้ามามองผม  ผมเห็นนะ  แวบเดี่ยวเท่านั้นที่ผมเห็น  แววตาพี่อาร์มเหมือนไม่มีผมในสายตา  แต่มันแค่แว่บเดียวจริง ๆ  เท่านั้น  เพราะเพียงครู่เดียว  แววตาที่พี่อาร์มมองมา  ก็เหมือนเดิม  เป็นพี่อาร์มคนเดิมที่ผมรู้จัก

   “มาก็ไม่ยอมแวะไปหาคนเรา  ผมคอย”  

   “กินเบียร์มั้ย”    

   พี่อาร์มไม่รอคำตอบจากผม  แกยกมือชี้ที่ขวด  ก่อนชูสองนิ้วเป็นสัญญาณขอสองขวด  ผมรู้  ผมต้องนั่งลงแล้ว  มันถึงเวลาที่ผมจะได้คุยกับพี่อาร์มอีก  หลังจากที่ไม่ได้คุยมานาน  นานขนาดไหนนะหรือ . . .

   “เอ้าชน”  พี่อาร์มยกขวดมาค้างเอาไว้

   ผมมองหน้าแก  แกเป็นไรไปหว่า

   “ ใครไม่หมดเป็นหมา”

   พี่อาร์มเอาปากขวดมากระทบที่ขวดผมเบา ๆ  ก่อนที่จะยกขวดเบียร์นั้นไปจนหมดขวด   พี่อาร์มเปลี่ยนไป  แกเปลี่ยนไปแล้ว  ผมได้แต่มองพี่อาร์ม  ที่ดูเหมือนว่า  แกจะพยายามฝืนยิ้มออกมาให้ผม

   “ได้แค่นี้เองเหรอ  นึกว่าจะแน่  ที่แท้ก็อ่อน”

   “ทำไมพี่กินเก่งจัง  อกหักหรือ”    ปากผมหรือ  ถามอะไรออกไปแบบนั้น  ผมมองหน้าพี่อาร์ม  ไม่น่าถามออกไปเลย  ผมก้มหน้าคล้ายคนที่รู้สึกผิด

   “อกหักดีกว่ารักไม่เป็นว่ะ”

   “เอาน่าพี่ . . . เดี๋ยวมันก็หายเอง”

   “เหรอ . . . สงสัยยากว่ะ”     พี่อาร์มแกคว้าขวดเบียร์จากมือผม  ก่อนจะยกจดริมฝีปาก  แล้วกระดกมันจนหมดอีกในเวลาไม่ถึงห้านาทีจากขวดก่อนหน้า  ก่อนส่งสัญญาณขออีก  มันไม่ใช่เหตุการณ์ปกติแบบที่ผมเคยเจอ

   พี่อาร์มไม่เคยดื่มมากขนาดนี้

   “เมาแล้วหายเหรอพี่”

   “ดีกว่าตอนไม่เมาหน่อยนึง”

   “เล่าให้ผมฟังได้มั้ยพี่”

   “เล่าเรื่อง”   คิ้วพี่อาร์มขมวดเข้าหากัน  

   แกอาจไม่พอใจที่ผมล้ำเข้าไป  แต่ผมอยากให้พี่อาร์มพูดออกมา  บางทีสิ่งที่มันอึดอัดในใจพี่อาร์ม  อาจจะหายไปบ้าง

   “ใครทำพี่อกหัก”

   พี่อาร์มเงียบ เงียบจนผมรู้สึกกลัว

   “ขอโทษพี่  ที่ถามแบบนั้น  ที่เข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัว  ผมแค่เป็นห่วงพี่   พี่อาร์ม  ผมไม่อยากให้พี่เป็นแบบนี้เลยรู้มั้ย”    ผมดึงขวดจากมือพี่อาร์ม  แววตาเรามองประสานกัน  พี่เขาจะรู้ไหม  ผมเป็นห่วง  ผมไม่อยากเห็นพี่อาร์มเป็นแบบนี้เลย . . .  ผมไม่อยากเห็นจริง ๆ  

   “พอเหอะพี่  เมามากแล้ว”

   “น่า  ขอเมาคืนนี้คืนเดียว พรุ่งนี้ก็คงหาย”    พี่อาร์มยิ้ม  หน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอร์ฮอ  ผมไม่ชอบเลยที่พี่อาร์มเป็นแบบนี้

   “แน่ใจเหรอพี่  พี่รู้ได้ไงว่าพรุ่งนี้มันจะหาย”

   “เปลี่ยนเรื่องคุยเหอะ  ไม่อยากคุยเรื่องที่มันเศร้า ๆ  ว่ะ”  

   “ก็ได้ . . . ผมบอกให้โทรมาก่อนวันไหนพี่จะมา  จะไปรับ  แล้วทำไมไม่โทรมา ไม่โทรมาคุยกันเลย พี่ผิดสัญญา”

   ผมจ้องมองหน้าพี่อาร์ม  แกปาดน้ำตาทิ้ง  ราวกับกลัวอะไรสักอย่าง  ก่อนที่จะหันมายิ้มให้ผม  แต่มันแค่การฝืนยิ้มเท่านั้น  เพราะผมรู้  พี่อาร์มมีอะไรในหัวใจ  แล้วมันเรื่องอะไร  ทำไมพี่อาร์มบอกผมไม่ได้

   ผมไม่มีค่าพอที่พี่อาร์มมจะเล่าเรื่องราวที่หนักอกหนักใจอย่างนั้นหรือ . . .

   “เออ  ขอโทษ”

   “แล้วพี่อยู่กี่วัน  พรุ่งนี้ไปห้วยน้ำดังกันมั้ยพี่  ผมต้องขับรถพาฝรั่งไปค้างสองคืน  ไปกันนะพี่  ห้วยน้ำดังสวย  ไปกางเต็นท์นอนกัน”

   “กลับพรุ่งนี้แล้ว”

   พี่อาร์มบอก  แต่ทำไมหัวใจผมมันวังเวงแบบนี้ก็ไม่รู้  ผมรู้สึกคล้ายกับว่า  พี่อาร์มจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว  แววตาพี่อาร์มบอกแบบนั้น  มันเกิดอะไรขึ้นหรือ  ในเมื่อคราวก่อนพี่อาร์มยังสนุกกับป่า  กับริมคลองที่ผมพาไปเที่ยวอยู่เลย

   “อ้าว  เพิ่งเจอแปบเดียวเองจะกลับแล้วเหรอ  เสียดายจัง  อยากให้พี่ไปเที่ยวห้วยน้ำดังด้วยกันก่อน  ผมตามหาพี่เสียทั่วเลยตั้งแต่บ่าย  ที่แม่บอกว่าต้องไปห้วยน้ำดัง  ไม่ลองไปชวนพี่อาร์มด้วยล่ะ  ผมนึกว่าแม่อำเสียอีกว่าพี่มา  นะพี่อาร์มนะ  อยู่ต่อสักสองวัน  แล้วค่อยกลับไม่ได้เหรอ”    

   “ไม่ได้หรอก  มหาลัยเปิดเรียน  ไม่อยากขาดเรียน”

   “ถ้างั้น . . . พรุ่งนี้ผมไปส่งพี่ก่อน   เพราะกว่าจะไปห้วยน้ำดังก็เกือบเที่ยง  พี่จะเข้ากรุงเทพฯ  เลยหรือ”   เสียดายพี่อาร์มน่าจะได้ไปกับผมก่อน

   “ก็จะแวะบ้านที่เชียงใหม่ก่อน เดี๋ยวนี้แม่บ่น  มาเป็นลูกปายไปแล้ว  ไม่ค่อยแวะที่บ้าน”

   “เหอะ ๆ ๆ  หลงเสน่ห์ปายหรือหลงเสน่ห์เด็กปาย”

   “หลงทางมากกว่าว่ะ  อย่าพูดถึงมันเลย”  

   “เพิ่งเจอแปบเดียวเองจะกลับแล้วเหรอ  เสียดายจัง”  

   แม้ว่า . . .

   ผมอยากจะรั้งพี่อาร์มเอาไว้ก็เหอะ  แต่พี่อาร์มคงต้องกลับแล้วจริง ๆ  พี่เขาต้องกลับไปเรียนนี่นา  มหาวิทยาลัยพี่อาร์มปิดปีใหม่อาทิตย์เดียวเอง  อีกตั้งนานกว่าพี่เขาจะกลับมาอีก  

   พรุ่งนี้ . . . วันเกิดพี่อาร์ม  

   ผมตั้งใจจะชวนไปห้วยน้ำดังด้วยกัน  แต่พี่อาร์มต้องกลับกรุงเทพฯ  ผมยังไม่ได้มีเวลาคุยกับพี่อาร์มให้หายคิดถึงเลย  แต่พี่อาร์มคงมีเหตุผล  อีกอย่างพี่อาร์มเหมือนคนแบกโลก  แกอาจมีอะไรในใจที่อยากจะคิด  อยากจะตัดสินใจ  ผมไม่ใช่คนสำคัญขนาดที่พี่อาร์มจะเล่าอะไรให้ฟังอยู่แล้วนี่นา

   ผมอยากให้พี่อาร์มรู้ . . . แบบที่พี่อาร์มเป็นตอนนี้  ผมไม่อยากเห็นเลย   ผมอยากเห็นพี่อาร์มคนเดิมที่ร่าเริง  สนุกสนาน  ผมอยากเห็นพี่อาร์มคนนั้นมากกว่า

   “เอ้างั้นให้อีกขวด  ไหน ๆ  ก็จะกลับแล้ว”  ผมเลือขขวดเบียร์ไปให้พี่อาร์ม แกยกมาตะแคงให้ชน

   “โก  กลับบ้านได้แล้ว”  เสียงนั่น

   “เดี๋ยวกลับ  อีกแปบ”

   “ไม่ต้องเดี๋ยวเลย  กลับเดี๋ยวนี้”

   ผมรู้ . . .ผมคงต้องกลับแล้ว  พี่อาร์มยิ้มแปลก ๆ  ก่อนที่จะไล่ให้ผมกลับ  เพราะเจ้าตัวมีแววว่าจะเสียงดังมากขึ้นกว่าเดิม . . .

   “พรุ่งนี้ผมไปส่งนะพี่”




เช้าวันที่ ๔ มกราคม . . .  


   ผมตื่นแต่เช้า . . . มีอะไรไม่รู้มันบอกผมว่าพี่อาร์มจะกลับรถเที่ยวเช้าแน่ ๆ  ผมไม่รีรอ รีบไปที่รีสอร์ทน้าปู  แล้วมันก็เป็นจริงดังที่ผมคิด

   “อ้าว  อาร์มออกไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนี่”  น้าปูบอกไม่ทันจบ  ผมวิ่งออกมาที่รถมอเตอร์ไซด์ทันที  ผมไม่รู้ว่าพี่อาร์มมีอะไรในใจ  แต่ผมรู้ว่า  ผมอาจจะไม่ได้เจอพี่อาร์มอีกแล้ว  ผมไม่เข้าใจตัวเอง  ทำไมอยากที่จะเจอพี่อาร์ม

   รถค่อย ๆ  เคลื่อนออกไปแล้ว  พี่อาร์มไปแล้วจริง ๆ  ด้วย  ผมจำได้  คนที่ก้าวขึ้นรถคนสุดท้าย  

   พี่อาร์ม . . .  

   ผมบิดคันเร่งเพื่อจะไล่ให้ทันรถคันนั้น . . .

   “พี่อาร์ม  พี่อาร์ม”    ผมตะโกนเรียก   เมื่อรถหวานเย็นที่จอดรับคนที่ป้ายถัดไป  ค่อย ๆ  เคลื่อนตัวออกช้า ๆ

   คนที่ชะโงกหน้าออกมา  แววตาแดง  เหมือนคนอดนอนผสมกับเพิ่งเสียน้ำตา  พี่อาร์มเป็นอะไรไป  ทำไมพี่อาร์มไม่ยอมบอกให้ผมฟังบ้าง   ในเมื่อพี่อาร์มไว้ใจผม  และเอ็นดูผม  แล้วเรื่องที่หนักอกหนักใจ  ทำไมพี่อาร์มไม่ยอมพูดให้ผมฟังบ้าง

   “ไหนบอกกลับเที่ยวเดิมไง  ผมไปหาน้าปู  แกบอกพี่ออกมาแล้ว  ทำไมพี่ไม่รอผม”

   “เดี๋ยวไม่ทันรถที่เชียงใหม่ . . .”     เสียงพี่อาร์มตะโกนกลับมา

   โกหก . . . พี่อาร์มโกหกผม

   เมื่อวานบอกว่าจะแวะบ้านพ่อ  แล้วรถจากเชียงใหม่เข้ากรุงเทพฯ   มันตอนค่ำ  แล้วนี่มันเช้าตรู่  ยังไงเสียพี่อาร์มก็ไปถึง  เชียงใหม่ก่อนเที่ยง  พี่อาร์มโกหกผมทำไมกัน  ถ้าบอกว่ามีธุระที่เชียงใหม่ยังดีเสียกว่าอีก

   “สุขสันต์วันเกิดนะพี่  มีความสุขมาก ๆ  นะพี่”    ผมยิ้ม  ผมรู้แค่ว่า  ถ้ามีใครสักคนที่ห่วงผม  ผมจะเห็นพี่อาร์มเป็นคนแรกเสมอ

   “ขอบใจ”    เสียงพี่อาร์มสั่น

   “ผมให้พี่”  ผมยื่นสร้องคอถัก  กับจี้พระครูบาศรีวิชัย  ที่ได้รับจากพ่อให้พี่อาร์ม สิ่งที่ผมรักและหวงแหน  แต่ผมอยากให้พี่อาร์ม  พระจะคุ้มครองพี่อาร์ม  ให้หายจากความทุกข์  ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าพี่อาร์มทุกข์ด้วยเรื่องอะไร

   ผมเห็น  รอยยิ้มในน้ำตาของพี่อาร์ม  

   . . . พี่อาร์มยิ้มทั้งน้ำตา . . .

   เพราะอะไรหรือ  ผมไม่รู้เหมือนกัน  ผมรู้แค่ว่าผมเกลียดแววตาเวลาที่พึ่อาร์มเศร้าเป็นที่สุด  ผมไม่ชอบเลย  ผมไม่อยากเห็นแววตาเศร้าของพี่อาร์ม

   “ปิดเทอมมาอีกนะพี่”

   “ไม่รู้เหมือนกัน  ปีหน้าจะจบแล้วพี่อาจต้องลงเรียนซัมเมอร์”

   พี่อาร์มไม่อยากมา  พี่อาร์มไม่อยากกลับมาแล้วหรือ  

   . . . ไม่มีทาง . . .  

   ผมไม่ยอมหรอก  ผมไม่ยอมหรอกพี่อาร์ม  ยังไงผมจะทำให้พี่กลับมา  กลับมาหาผมอีก  ผมไม่รู้หรอกสิ่งที่ผมทำจะเรียกว่าอะไร  ผมรู้แค่ว่า  เวลาที่ผมอยู่กับพี่อาร์ม  ผมปลอดภัยแน่นอน

   “ไม่เรียนไม่ได้หรือ  ไม่รู้ล่ะ  ผมอยากให้พี่มานะพี่  สัญญาสิพี่  ว่าพี่จะกลับมาหาผม พี่มาคราวหน้าผมจะพาไปปางอุ๋ง”     ผมร้องเรียก  เมื่อรถค่อย ๆ  เคลื่อนตัวออกอีกครั้ง

   “กลับไปเหอะ . . . ต้องไปห้วยน้ำดังไม่ใช่หรือ”  พี่อาร์มตะโกน

   “ไม่กลับ  ถ้าพี่ไม่สัญญาว่าจะกลับมา  ผมจะขับไปแบบนี้แหละ  น้ำมันหมดเมื่อไหร่ค่อยเข็นกลับ”  ผมไม่ยอมหรอก  ไม่มีวันยอม

   ผมรู้  พี่อาร์มไม่กลับมาแน่ ๆ  ถ้าไม่สัญญา  พี่อาร์มรักษาสัญญาเสมอถ้ารับคำเอาไว้  ผมรู้จักพี่อาร์ม  ผมรู้จักพี่อาร์มกว่าหลาย ๆ  คนรู้จักเป็นแน่

   “เออ ๆ    มา ๆ  ปิดเทอมมจะกลับมา”  

   “สัญญาแล้วนะพี่  ถึงกรุงเทพฯ  โทรหาผมด้วยนะ  ผมจะคอย”  ผมตะโกน  ก่อนโบกมือให้พี่อาร์ม

   อากาศหนาวเหน็บจนผมต้องกอดตัวเองเอาไว้  รถคันนั้นค่อย ๆ  กลืนหายไปกับสายหมอกยามเช้า  หากที่ผมไม่รู้  น้ำตาผมไหลออกมาทำไม

   ผมได้แต่ยืนนิ่ง ๆ  

   ปล่อยให้ความรู้สึกภายในมันหายไปให้หมดก่อน  แล้วผมจะเข้มแข็ง  ผมจะกลับไปบ้าน  บ้านที่ผมเกิดและเติบโตมา  ผมไม่รู้หรอก  ว่าน้ำที่อยู่บนใบหน้าผม  อย่างไหนคือน้ำค้างยามเช้าหรือหยาดน้ำตากันแน่

   ผมรู้แค่ว่า . . .

   หัวใจผมมันเย็นเยียบ . . . หรือรถสีแดงเล็ก ๆ  คันนั้นมันมาพรากเอาหัวใจของผมไปแล้ว  ผมเหมือนคนตัวเบา ๆ  เหมือนคนไม่มีความรู้สึกใด ๆ  

   ผมจะรอ . . .

   รอวันที่หัวใจผมกลับคืนมา  แม้มันจะดูเลือนรางเหมือนสายหมอกในตอนนี้  แต่ผมอยากจะรอ . . .

   การรอคอย . . .

   สำหรับผมมีความหมาย . . . เพราะผมรู้  พี่อาร์มไม่มีวันให้ผมคอยโดยไม่มีจุดหมายหรอก  สักวันนึงพี่อาร์มจะกลับมา . . . ผมแน่ใจ  

   แน่ใจอย่างที่สุดแล้ว . . .

   

   ผมเอามือปาดน้ำตาตัวเองทิ้ง  สิ่งที่ผ่านมาแล้วมันย้อนกลับมาในความทรงจำของผมอีกครั้ง  ความทรงจำที่ผมเองก็หวงแหน  ไม่ใช่แค่ผมที่กอดเก็บความทรงจำเอาไว้ มันเองก็เก็บและกอดความทรงจำเอาไว้แน่น

   หาก . . .

   มุมมองความรักของมันกับผมคนละแบบ  มันรักผมด้วยหัวใจขอเด็กที่มองอีกคนเหมือนฮีโร่ของมัน  ผมเองต่างหากที่รักมันแบบที่อยากครอบครอง

   “อาร์ม  พอเหอะ”

   เสียงนั้นผมรู้  มันห่วงใยผม  ห่วงใยผมแบบที่เคยเป็น  ผมมองหน้ามัน  ยิ้มให้มัน  เพื่อนที่อยู่กับผมทุกเวลา

   “มันเขียนดีเนาะ”   เสียงผมสั่น

   “พี่อาร์ม”  แดนมองผม  แววตามันเศร้าเหมือนเคย

   “เป็นไรไป  กูไม่ได้ร้องเพราะเสียใจนะ  แต่กูดีใจ  ที่อย่างน้อยที่สุด  ภาพความทรงจำของกูที่มันเริ่มเลือนราง  มันกลับมาอีกครั้ง  กู . .”  ผมสะอื้น

   “พอเหอะ ไอ้อาร์มพอแล้ว”  ไอ้เพื่อนรักดึงผมไปซบไว้กับไหล่มันเหมือนเคย

   “อ้าว  มึงอยากให้กูรู้ไม่ใช่เหรอ  อยากให้กูอ่านไม่ใช่เหรอ  แล้วทำไมตอนนี้มาสั่งกูพอล่ะ   ให้กูอ่านนะ  กูอยากรู้”   ผมสะอื้น

   ใช่ . . .

   ผมอยากรู้  อยากรู้ความโง่เง่าของตัวเอง  ที่ทำอะไรลงไปแล้วคิดเองเออเอง  โดยไม่เคยหยุดมอง  และคิดถึงหัวใจของคนอื่น


   



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 05-06-2008 17:19:42
ความสุขอยู่ที่เราได้รับรู้ว่า  คนที่เรารอ  เขาก็รอเราอยู่เช่นกัน


^
^

อันนี้ คำตอบจากเรื่องนี้ใช่ป่ะพี่ราชบุตร อิอิ   :m23:


แล้วคำตอบจากเรื่องจริงอยู่ไหนอ่ะ ...ไหนว่ามีจบแบบ สองแบบไง    :serius2:

นุ้งซิน อยากรุ้ ตอนปัจจุบันอ่ะ    :o8:

ไปถึงไหนแล่ะน๊า.... :a3:


.............................................


ป๋อล๋อ*  กินกระท้อนลอยแก้วมะพี่จ๋า...แต่ว่า เอาติ่มซำ มาแลกนะ  คิคิ  :yeb:



............................................

 :จุ๊บๆ: :L2: :จุ๊บๆ: :L2: :L1: :L2: :จุ๊บๆ: :L2: :จุ๊บๆ:

^
^^ "แทนคำขอบคุณทั้งหมดนะพี่ต้น...ราชบุตร" ^^
............................................
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 05-06-2008 17:27:33
^
^
แวะมาจิ้มคนข้างบน

มาเริ่มอ่านรวดเดียวจบครับผ้ม

ปล. +1 คนเขียน

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 05-06-2008 17:48:25
ความสุขอยู่ที่เราได้รับรู้ว่า  คนที่เรารอ  เขาก็รอเราอยู่เช่นกัน


^
^

อันนี้ คำตอบจากเรื่องนี้ใช่ป่ะพี่ราชบุตร อิอิ   :m23:


แล้วคำตอบจากเรื่องจริงอยู่ไหนอ่ะ ...ไหนว่ามีจบแบบ สองแบบไง    :serius2:








อีก ๕ ปี 

ค่อยมาคุยกัน  ตอนนี้เจอกันก้เหมือนลม . . .

หากอีก  ๕  ปี  ให้ไปเจอกันที่ . . . .  ถ้าใครไปแล้วไม่เจอ  แสดงว่าอีกคน  ไม่มีความทรงจำถึงอีกคนแล้ว

ตามนั้น . . . . ตอนนี้เหลือ  ๔ ปี  กว่าแร่ะ  ช่วง  ๔ ปีกว่านี้  ขอแร่ดดดดดดดดดดดด


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: ~NeMeSiS_PURE~ ที่ 05-06-2008 18:08:48
ขอบคุณค๊าบ  ด้ายรับเรื่องแล้วนะค๊าบ


 แต่คิดว่าจะไม่อ่านตอนจบอ่ะ 55555
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 05-06-2008 18:16:27
......อยากรู้ว่า...หน่อย....เป็นยังไง....แล้วลูกล่ะใครเป็นพ่อ.... o2   o2 o2

ส่วน.... โก กลับมาบอกรักกับอาร์ม....ตอนนี้ ไม่กลัว...แม่..ญาติ...ผิดหวังแล้วเหรอ....(ยังเคืองอยู่...555) :laugh: :laugh: :laugh:

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 05-06-2008 18:58:15
ได้รับเรื่องที่ส่งมาแล้วนะคะ ขอบคุณมากมาย
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 05-06-2008 19:43:18
ยังไม่ได้เลย หนึ่งขอด้วย กี๊ตต
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 05-06-2008 20:33:19
ความสุขอยู่ที่เราได้รับรู้ว่า  คนที่เรารอ  เขาก็รอเราอยู่เช่นกัน


^







อีก ๕ ปี 

ค่อยมาคุยกัน  ตอนนี้เจอกันก้เหมือนลม . . .

หากอีก  ๕  ปี  ให้ไปเจอกันที่ . . . .  ถ้าใครไปแล้วไม่เจอ  แสดงว่าอีกคน  ไม่มีความทรงจำถึงอีกคนแล้ว

ตามนั้น . . . . ตอนนี้เหลือ  ๔ ปี  กว่าแร่ะ  ช่วง  ๔ ปีกว่านี้  ขอแร่ดดดดดดดดดดดด




^
^
 โห...พี่  5 ปีเลยเหรอ   ระวัง จะหงอม ก่อนนะ อิอิ  เด๋วจะหาว่าน้องมิเตือน   :m32:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 05-06-2008 20:38:56
 :serius2: ห้าปีมันนานไปนะ ระวังง่อมแบบซินว่านะ เดี่ยวใช้การมิได้  :m14: :m14:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 05-06-2008 21:40:59
พี่อาร์มใจแข็งจังเลย........ :o12:

ตั้งห้าปี.....แง......(ร้องไห้แทนโก........ :sad2:)

ดีกันแล้วแต่อยู่ห่างกันแบบนี้.....เหมือนจะวัดใจกันเลยคะ......

(มีข้อเสนออะคะ.......แนะนำให้โกตามไปอยู่ด้วยเลย.....เป็นนักบินได้ยิ่งดี......555+)

ปล. ถ้าจะขอต้นฉบับด้วยคนจะได้รึป่าวคะ......  :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 05-06-2008 22:11:10

ตอนที่  ๔๒  (ต่อ)

แสงแดดอ่อน ๆ  ยามสายไล่ไอหมอก  ให้ค่อย ๆ  จางไป  แต่ทำไมหัวใจผมมันกลับหวิว ๆ    เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว  ผมยังอยู่ที่เดิม  ริมถนนเส้นนี้  รถเที่ยวที่สองผ่านไปเมื่อสักครู่    มันผ่านไปเหมือนหัวใจผมที่เหงาเงียบ

   ผมถามตัวเอง . . . ทำไม

   หาก . . .


   ไม่มีคำตอบให้ตัวเองเลย  อาจเป็นเพราะว่า  ผมไม่รู้  ไม่รู้อะไรเลยสักอย่างเดียวก็เป็นได้  ชีวิตผมในตอนนี้เหมือนภายเรือในอ่าง  มันวกวนไปมา  ในเวลานั้นผมไม่รู้อะไรเลย  ผมรู้แค่  ผมไม่อยากกลับเข้าไปที่บ้าน

   บ้าน . . . ที่ผมอยู่มาจนถึงวันนี้  ทำไมผมไม่อยากกลับเข้าไปก็ไม่รู้

   ช่วงฤดูหนาวลมค่อนข้างแรง  ยามลมพัดมากระทบผิว  มันหนาวเหน็บ  หนาวจนต้องยกมือมากอดตัวเองเอาไว้  หากแต่ทำไมยามผมนึกถึงพี่อาร์ม  ผมเห็นแววตาที่พี่อาร์มมองมายังผม  ผมรู้ทันที  ความหนาวเหน็บของสายลมมันน้อยมาก  เมื่อเทียบกับสายตาที่พี่อาร์มมองมายังผม 

   ความหนาวเหน็บของหัวใจอย่างนั้นหรือ ?

   ผมไม่ได้ไปห้วยน้ำดัง . . . แม่คงด่า 

   ช่างมัน . . .

   ผมบอกตัวเอง    อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด    ผมไม่อยากไปไหนเลยด้วยซ้ำ  ในเมื่อตอนนี้หัวใจผมมันหวิว ๆ  ลงทุกขณะ  ผมเป็นอะไรไปหว่า  ทำไม  สายตาพี่อาร์มมันมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผมได้มากขนาดนี้ 

   ผมไม่กล้าคิดต่อ . . .

   ความคิดมันน่ากลัว . . .

   ผมไม่สามารถที่จะรับรู้ความคิดและคำตอบที่มันมากกว่านี้ได้  ผมไม่พร้อมที่จะรับรู้ว่าแท้จริงแล้ว  ในความรู้สึกของคนสองคน  มันจะมีอะไรแอบแฝงซ่อนเร้นอยู่หรือไม่  ผมไม่รู้เลย  ไม่รู้จริง ๆ

   “หายไปไหนมาทั้งวัน” 

   เสียงของใครบางคนดังมากระทบความรู้สึก  ผมมองหน้า  ก่อนที่จะนิ่งเงียบแบบเคย  เพราะโดยปกติ ผมไม่ค่อยมีอะไรที่จะพูดกับเขาอยู่แล้ว  เรื่องที่มันเกิดขึ้นและทำให้เราต้องอยู่ด้วยกัน  มันเกิดจากความผิดพลาด

   ความผิดที่ผมเลือกเอง . . .

   “ไปกับพี่คนนั้นมาอีกหรือ  ชอบของปลอมเหรอ  ของแท้ไม่ชอบใช่มั้ย”   เสียงนั้นดังมากกว่าที่จะเหมือนคนที่คุยกันปกติธรรมดา

   ผมเลือกที่จะเดินหนี . . .

   ทำไมผมไม่สู้กับความเป็นจริงก็ไม่รู้   การหนี  มันไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย  ผมเลือกที่จะหนี  ทั้ง ๆ  ที่ผมน่าจะทำอะไรให้มันดีกว่านี้  ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม

   “พูดไม่ได้ใช่มั้ย  พูดแค่นี้จะเป็นจะตาย”

   “เปิดเทอมหน้า  จะไปเรียนต่อแล้วนะ”  ผมเอ่ยเบา ๆ 

   “อะไรนะ”  เสียงนั้นสูงปรี๊ด   เจ้าตัวหันมามองหน้าผม   

   “บอกว่า  เทอมหน้าจะเรียนต่อแล้ว”

   “หมายความว่าไง  ได้แล้วจะชิ่งเหรอ”

   “โอ๋ . . .”  ผมเรียกชื่อนั้นเต็มเสียง  มองหน้าหล่อนให้ชัดขึ้น 

   “เราสองก็รู้  ระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้หรอก  เราไม่ได้รักกัน  การที่เราอยู่ด้วยกันมันแค่อยากสนุกมิใช่หรือ  โอ๋บอกเราเอง  ไม่มีการผูกมัด  แล้วเราจะจากกันเมื่อไหร่ก็ได้  ตอนนี้เราบอกโอ๋  เราอยากเรียนต่อ”

   “ไม่ได้”

   “ได้สิ  มันเป็นชีวิตของเรา  โอ๋เองก็บอกเราเอง  สนุก ๆ  กัน  ไม่ผูกมัด  แล้วเราก็ไม่เคยมีอะไรกันตั้งแต่ครั้งนั้น  ครั้งเดียวเองไม่ใช่หรือโอ๋  การที่เราอยู่กับโอ๋  เราก็รับผิดชอบพอสมควร  ตอนนี้  เรารู้แล้วว่าเราควรจะเรียนต่อ  เพราะอย่างน้อยที่สุด  มันก็หมายถึงวันข้างหน้า  อนาคตไง  เราไม่อยากมีชีวิตอยู่แบบนี้  เราอยากมีอนาคตที่ดี  อยากมีความรู้เหมือนคนอื่น ๆ  เขา”    สิ่งที่พี่อาร์มเคยพูด  มันซึมซับเข้าในสมองผม  ผมรู้แค่ว่า  ผมจะทำยังไงก็ได้  เพื่อการลาจากกับห่วงที่ผมผูกเอาไว้

   ห่วง . . .

   ผมจะสลัดมันอย่างไร  ที่ไม่ให้เจ็บปวด  หากผมรู้สักนิดในวันนั้น  ผมจะไม่มีวันยอมเอาตัวเองให้พันผูกกับอีกคนโดยเด็ดขาด  เหมือนสายเชือกมันตัดได้  ตัดได้ง่าย ๆ  แต่ของบางอย่างมันตัดไม่ได้ง่าย ๆ 

   บ่วงดวงใจ . . .

   หัวใจ . . . ตัด

    . . . หัวใจ . .  .

   ที่เหลือไว้ . . . ซากน้ำตา

   “แล้วโอ๋จะอยู่ยังไง”

   “ไม่รู้”

   “พูดเหมือนคนไม่รับผิดชอบอะไรเลย  ทุเรศมาก”

   “ถ้าจะให้เรารับผิดชอบ  คงต้องให้คนที่เคยนอนกับโอ๋รับผิดชอบด้วยมั้ย  คนที่ผ่านมาในชีวิตโอ๋  โอ๋เคยเรียกให้เขารับผิดชอบมั้ย”  ผมจ้องหน้าหล่อน  ทั้ง ๆ  ที่ไม่อยากจะพูดมันออกมาเลยด้วยซ้ำ

   “ไอ้โก”  เจ้าตัวฟาดมาเต็มใบหน้าผม  ผมได้แต่นิ่ง  เจ็บ แต่ต้องทน  เพราะผมก่อมันเอง  และผมต้องรับมันเอง  ผมยิ้มบาง ๆ  ให้เจ้าตัว  ให้หล่อนรู้  ผมไม่โกรธที่หล่อนทำผมแบบนั้น  ผมไม่อยากให้เราต้องจากกันด้วยความรู้สึกที่แย่ขนาดนี้

   อย่างไรเสีย . . . ผู้หญิงก็เสียเปรียบ

   “จะไปไหน”  หล่อนหันมาตวาดเมื่อผมเดินออกจากห้อง

   “ไปนอนบ้านแม่”

   “บ้านแม่หรือบ้านไอ้นั่น”

   “ไอ้นั่น”  ผมเลิกคิ้วสูง 

   “ไอ้ของปลอมไง  ชอบไม่ใช่เหรอ  มิน่า  ถึงไม่แตะเนื้อของจริง  ที่แท้ชอบของปลอมนี่เอง  ไอ้วิปริตเอ้ย”  เสียงหล่อนด่า

   ผมวิปริตเหรอ  การที่ผมไม่นอนกับคนที่มั่วกับผู้ชายอื่นไปทั่วนี่  หล่อนด่าผมว่าวิปริตหรือ  ผมวิปริตได้อย่างไร  ในเมื่อผมไม่เคยมีอะไรกับพี่อาร์ม  และผมไม่เคยคิดว่าพี่อาร์มจะมีทีท่าอะไรกับผม  เขาไม่เคยปากว่ามือถึงเหมือนไอ้ลินซี่

   ลินซี่ . . . กะเทยในหมู่บ้าน  มันมือไม้ถึงจะตายเวลาอยู่ใกล้ ๆ

   หาก . . . พี่อาร์ม  ไม่เคยแตะ  ไม่เคยต้องเสียด้วยซ้ำ  แล้วผมจะกล้าคิดหรือว่าพี่เขาจะมาอะไรกับผม  เขาเหมือนพี่ผม  เหมือนเพื่อนผมมากกว่า    พี่อาร์มไม่เหมือนลินซี่  ไม่เป็นแบบลินซี่แน่ ๆ ผมรู้

   “แน่ใจหรือสิ่งที่ออกมาจากปากคือคำพูด  กลิ่นมันเหมือนทางระบายของเสียเลยนะ”  ผมมองหน้า  ก่อนเดินจากมา

   นี่ล่ะครับ  นิสัยที่แย่ ๆ  ของผม  ไม่กล้าที่จะพูดความจริง  ผมไม่เคยปกป้องคนที่ผมรักเลย  ผมไม่กล้าที่จะรับความจริงเท่าไหร่  ทั้ง ๆ  ที่ผมเองก็สามารถที่จะแก้ต่างได้  ว่าแท้จริงแล้ว  ผมกับพี่อาร์มไม่มีอะไรกัน  แต่ทำไมผมไม่พูด

   ผมปล่อยให้อีกฝ่ายคิดต่ำ ๆ  กับพี่อาร์มได้อย่างไรก็ไม่รู้ . . .



   ผมยิ้ม . . . . ผมหัวเราะออกมา ผมเกลียดตัวเองจับหัวใจ  สิ่งที่โกเมศวร์คิด  มีแต่สีขาวสะอาดเอี่ยม  แล้วผมล่ะ  ผมไม่ใช่หรือ  ที่เอาสีดำไปละเลง  เอาความสกปรกไปแปดเปื้อน 


   บางที . . .

   สิ่งที่ผมเจอ  สิ่งที่ผมคิดว่าเจ็บปวด  มันอาจแค่น้อยนิดเมื่อเทียบกับสิ่งที่อีกคนต้องเจอ  ผมเอามือปาดน้ำตาตัวเองทิ้ง

   ต่อจากนี้ . . .

   ผมพยายามเข้มแข็งนะ  พยายามฟังความรู้สึกคนอื่นด้วย  อย่ายึดตัวเอง  มองแค่ตัวเอง เพราะชีวิตคนเรา  ไม่ได้มีแค่เรา  แต่หมายถึงคนอื่น ๆ  รอบ ๆ  ตัวเรา  ทุก ๆ  คนเกี่ยวเนื่อยงกัน  และอยู่รอบ ๆ  ตัวเราเช่นกัน


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 05-06-2008 22:30:53
ขอบคุณน่ะค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ ประทับใจมากๆ

แล้วได้รับต้นฉบับแล้วด้วย เดี่ยวไปคิดคำถามก่อน แล้วจะมาถามพี่อาร์ม
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 05-06-2008 23:57:42
พี่จ๋า....จบงี้จริงเหรอ
สงสารโกง่ะ สารภาพรักไปแล้วแต่ก็สายไปเนาะ
แล้วพี่จะให้รอถึงห้าปี...แน่ะ นานจัง....
แต่ถ้าเค้ารอได้จริงๆอ่ะ พี่จะใจอ่อนอ๊ะเปล่า

อ่านจนจบได้สัจธรรมมาข้อนึง
 สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
คนอื่นได้อะไรเค้าไม่รู้ แต่ของหนูได้งี้แหละ :laugh: :laugh:
 :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 06-06-2008 00:15:28
พี่จ๋า....จบงี้จริงเหรอ
สงสารโกง่ะ สารภาพรักไปแล้วแต่ก็สายไปเนาะ
แล้วพี่จะให้รอถึงห้าปี...แน่ะ นานจัง....
แต่ถ้าเค้ารอได้จริงๆอ่ะ พี่จะใจอ่อนอ๊ะเปล่า

อ่านจนจบได้สัจธรรมมาข้อนึง
 สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
คนอื่นได้อะไรเค้าไม่รู้ แต่ของหนูได้งี้แหละ :laugh: :laugh:
 :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:





ลองอ่าน 

๒ พ.ค. ๒๕๕๑

สนามบินสุวรรณภูมิ . . .


ลองอ่านช้า ๆ  แล้วทำความเข้าใจกับมันดีมั้ย . . .เผื่ออาจเจอคำตอบอีกแบบนึงก็ได้ . . .

หลวงพ่อ . . . 

. . . .อย่าปล่อยให้อะไรสายอีกเลยพี่ . . .

กุญแจคอนโด . . .

. . .รูปถ่าย . . . 

ไอ้เพื่อนเลวมากอด    "อย่าไปนานนะ คิดถึง"


บางที . . . คำตอบอาจจะไม่ใช่  ๕ ปี  แบที่เจอในครั้งแรกมังครับ

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 06-06-2008 00:19:59
จบจนได้ เฮ้อ
ลุ้นแทบแย่ ยังไงก็ขอให้วันต่อๆ ไปมีความรักที่ดีนะครับ อย่ามีความรักแบบที่ผ่านๆ มาอีกนะครับ

หลวงพ่อแก้แล้ว อย่าลืมกลับมาดูแลนะครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 06-06-2008 00:21:54
แวะเข้ามาอีกที บอกว่าส่ง PM ให้แล้วนะครับ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: seesee ที่ 06-06-2008 00:59:57
ชอบมากมายครับคุณอาร์ม...ติดตามมาตลอด...ตอนสุดท้ายเเอบลุ้นโกอีกเล็กน้อย...อย่าหนีหัวใจของตัวเองอีกเลยนะครับ...อีกอย่างกลับมาดูแลหลวงพ่อดีกว่านะครับ....อยากได้เรื่องนี้แบบเต็มๆๆด้วยครับ...รบกวนนะครับ :pig4: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 06-06-2008 01:02:19
พี่จ๋า....จบงี้จริงเหรอ
สงสารโกง่ะ สารภาพรักไปแล้วแต่ก็สายไปเนาะ
แล้วพี่จะให้รอถึงห้าปี...แน่ะ นานจัง....
แต่ถ้าเค้ารอได้จริงๆอ่ะ พี่จะใจอ่อนอ๊ะเปล่า

อ่านจนจบได้สัจธรรมมาข้อนึง
 สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
คนอื่นได้อะไรเค้าไม่รู้ แต่ของหนูได้งี้แหละ :laugh: :laugh:
 :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:





ลองอ่าน 

๒ พ.ค. ๒๕๕๑

สนามบินสุวรรณภูมิ . . .


ลองอ่านช้า ๆ  แล้วทำความเข้าใจกับมันดีมั้ย . . .เผื่ออาจเจอคำตอบอีกแบบนึงก็ได้ . . .

หลวงพ่อ . . . 

. . . .อย่าปล่อยให้อะไรสายอีกเลยพี่ . . .

กุญแจคอนโด . . .

. . .รูปถ่าย . . . 

ไอ้เพื่อนเลวมากอด    "อย่าไปนานนะ คิดถึง"


บางที . . . คำตอบอาจจะไม่ใช่  ๕ ปี  แบที่เจอในครั้งแรกมังครับ





ฮะฮะ นั่นสินะ แหม.....พี่ต้องให้ตีความด้วย
ก็หนูไม่ค่อยฉลาดนิ อิอิ :o8:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 06-06-2008 11:29:17
ขอบคุณมากๆนะครับสำหรับเรื่องนี้ก่อนอื่นต้องขอสารภาพก่อนเลยนะครับว่าไม่เคยเข้ามาอ่านเลยตั้งแต่ต้นที่ได้อ่านนี้ก็เพราะพี่ต้นสายนะครับที่ลากลิ้งค์มาให้อ่านผมไม่รู้วาพี่คนเขียนจะได้อ่านที่ผมเม้มไว้รึเปล่านะครับแต่อยากจะขอบบอกว่าตอนแรกก็เฉยๆนะครับพออ่านถึงบทที่5ผมก็อ่านต่อไม่ได้แล้วครับเพราะร้องไห้ตลอดเลยจนอ่านๆไปถึงบทที่22ผมก็ไม่ร้องไห้และไม่รู้สิครับใจผมมันคงตายด้านอย่างพี่อาร์มมั้ง :a5:พออ่านไปเรื่อยพอถึงตรงที่หลวงพ่อท่านสอนมันก็ทำให้ผมรู้จักชีวิตขึ้นนะครับถึงจะไม่มากก็ตามแต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆเลยพอถึงตอนจบรู้สึกว่าไม่อยากให้จบเลยมันรู้สึกเสียดายแทนจังแต่ก็ดีครับที่จบลงแบบนี้ขอบคุณพี่ที่เขียนเรื่องนี้มากๆนะครับขอบคุณจากใจจริงๆเลยจากเด็กคนหนึ่ง
สุดท้ายนี้ขอบคุณพี่คนเขียนกับพี่ต้นสายมากๆนะครับ :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: Ferfa ที่ 06-06-2008 11:57:35
ขอด้วยคนได้ไหมค่ะ

อ่าจแล้วบีบหัวใจจัง ชอบอิอิ ซาดิสหรือปล่าววะเรา  :laugh: :laugh: :laugh:

ไม่รู้ว่าพีเอ็มส่งได้ไหม ถ้าไม่ได้เดี๋ยวเอาเมลล์ให้อีกทีนะคะ

ขอบคุณค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 06-06-2008 13:15:43
คุณน้องรีบนขา

กะคุณพี่คนเขียนเรื่องด้วย  นังผู้ชายสองร่าง  อิอิ

ว่างๆ เราไปกินบุฟเฟ่ต์เค้ก  แถวๆ สุขุมวิทกันไหมเคอะ?

อยากกินมากมายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :oni2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 06-06-2008 13:28:49
ชิส์ คุณต้นสาย  o12
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 06-06-2008 14:26:28
คุณน้องรีบนขา

กะคุณพี่คนเขียนเรื่องด้วย  นังผู้ชายสองร่าง  อิอิ

ว่างๆ เราไปกินบุฟเฟ่ต์เค้ก  แถวๆ สุขุมวิทกันไหมเคอะ?

อยากกินมากมายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :oni2:







เค้ก . . .  ผู้ชาย

หากจำเลือกได้เพียงแค่หนึ่งเดียว . . . อินางจะกินอันไดฤๅ

ปล.  ห้ามตอบว่ากินผู้ชายก่อนแล้วน้องค่อยไปกินเค้ก  หรือ  เพราะน้องโดนปาดหน้าเค้ก  น้องเลยต้องไปหาผู้ชายมากิน  อิอิอิอิอิ

ปล๒.  ไหนเจ้านางน้องบอกลดความอ้วน  ที่เอ่ยมานั่น . . . ตัวเสริมสร้างไขมันทั้งนั้นนนนนนนนนนน

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 06-06-2008 14:52:55
คุณน้องรีบนขา

กะคุณพี่คนเขียนเรื่องด้วย  นังผู้ชายสองร่าง  อิอิ

ว่างๆ เราไปกินบุฟเฟ่ต์เค้ก  แถวๆ สุขุมวิทกันไหมเคอะ?

อยากกินมากมายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :oni2:







เค้ก . . .  ผู้ชาย

หากจำเลือกได้เพียงแค่หนึ่งเดียว . . . อินางจะกินอันไดฤๅ

ปล.  ห้ามตอบว่ากินผู้ชายก่อนแล้วน้องค่อยไปกินเค้ก  หรือ  เพราะน้องโดนปาดหน้าเค้ก  น้องเลยต้องไปหาผู้ชายมากิน  อิอิอิอิอิ

ปล๒.  ไหนเจ้านางน้องบอกลดความอ้วน  ที่เอ่ยมานั่น . . . ตัวเสริมสร้างไขมันทั้งนั้นนนนนนนนนนน



ไปด้วย

ไปกินเค้กกัน

ส่วนผะชาย ช่างแมร่ง

เอิ๊กๆๆ

 :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: nana ที่ 06-06-2008 17:19:44
ลูกพี่โอ๋  ผู้หญิง หรือ ผู้ชายค่ะ :m13:

แดนมีแฟนรึยัง :m13:

แล้วไม่มีตอนพิเศษ หวานๆของพี่อาร์มกับโก แถมหน่อยเหรอค่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 06-06-2008 18:14:34

ตอนที่  ๔๓





บ้าน . . . อย่างไรก็อบอุ่น


   สายตาแม่เหมือนแปลกใจที่จู่ ๆ  ผมกลับมานอนบ้าน  นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่เข้ามานอนบ้าน  มันคงนานพอ ๆ  กับที่มีอีกคนเข้ามาในชีวิตของผม  ชีวิตที่ผมคิดแค่ว่า  หากผมดึงใครเข้ามา ทั้งพ่อและแม่  อาจหันกลับมามองผมบ้าง . . .


   แต่ . . .

   มันไม่เป็นแบบที่ผมคิดเลย  ไม่มีใครมองผมเลย  ทุกคนทำเพื่อตัวเองทั้งสิ้น   พ่อทำทุกอย่างเพื่อความสุขของตัวเอง  แม่ได้แต่ทนอยู่กับสภาวะหน้าชื่นอกตรม  ผมช่วยอะไรใครไม่ได้เลย  ผมได้แต่ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นเงียบ ๆ

   พี่อาร์ม . . .

   . . . ไม่ใช่พี่ . . .

   พี่อาร์มไม่ใช่ญาติพี่น้อง . . .

   หากแต่ผมกลับรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ ๆ  ได้ฟังพี่อาร์มพูด  ได้ยินเสียงพร่ำสอนของพี่อาร์ม  คำสอนที่แม้แต่พ่อและแม่ไม่เคยสอนผมสักครั้ง  ถ้าพี่อาร์มเป็นพี่ของผมจริง ๆ  ก็คงจะดี  อย่างน้อยผมจะมีเพื่อนมีพี่ที่ผมคุยอะไรได้

   แต่ . . . เราไม่ได้เป็นอะไรกัน

   . . . เราไม่มีความผูกพันทางสายเลือด . . .

   หากเวลาต่อมา  ผมถึงได้รู้  ความผูกพันบางอย่างเหนียวแน่นกว่าสายโลหิตเดียวกันเสียอีก  แต่กว่าที่ผมจะรู้  คน ๆ  นั้นเขาไปไกลแล้ว  ไปไกลเกินกว่าที่ผมจะดึงมากอดเอาไว้ได้

   คนที่เคยยกโทษให้ผมตลอด . . .

   . . . คนที่กอดเก็บความเจ็บปวดเอาไว้คนเดียว . . .  

   คนเดียวที่ผมคิดว่าไม่มีวันที่ผมจะสูญเสีย  สิ่งที่ผมคิด มันเข้าข้างตัวเองแทบทั้งสิ้น  เพราะในความเป็นจริงแล้ว  ใม่มีใครหรอกที่จะกอดเก็บเอาความเจ็บปวดไว้จนตาย  ทุกคนต่างดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองหายเจ็บให้เร็วที่สุด . . .

   ป่านนี้พี่อาร์มคงถึงเชียงใหม่แล้ว . . .

   ผมนั่งมองโทรศัพท์  ด้วยหวังว่าพี่อาร์มจะโทรมาบ้าง    แต่มันคงเหมือนกับครั้งที่แล้ว  ครั้งที่พี่อาร์มกลับไป  แล้วหายเงียบไปเลย  ไม่เคยส่งข่าวกลับมาเลย  บางครั้งผมอยากมีใครสักคนใกล้ ๆ  ไว้คอยคุย  คอยปรึกษา  แต่ดูเหมือนสิ่งที่ผมวาดหวังมันจะห่างตัวผมออกไปทุกที  ไม่มีเสียงโทรศัพท์  ตลอดทั้งคืน  และล่วงเลยมาจนเที่ยงอีกวัน . . .

   พี่อาร์มหายไปแล้ว . . .

   หายไปแบบที่เคยหายไปเมื่อครั้งก่อน  ต่อจากนี้  ผมคงจต้องรอเวลา  รอให้พี่อาร์มกลับมาอีกครั้ง  ซึ่งก็คงเป็นช่วงที่มหาวิทยาลัยพี่อาร์มปิดเทอม  มันอีกสามเดือน  มันนานนะ  สำหรับการรอใครสักคน

   การรอคอยมันทรมานเสมอ . . .

   ผมไม่รู้ด้วยซ้ำ  ปลายทางแห่งการรอคอยจะมีพี่อาร์มหรือไม่  หากแต่ผมยังวาดหวังที่จะรอ  เพราะการคิดว่าพี่อาร์มจะกลับมาอีกครั้ง  พี่อาร์มจะกลับมาอีก  เป็นความสุขของคนที่ได้คิดไปเองแบบผม    อย่างน้อยที่สุด  ช่วงเวลาที่ผมได้รู้จักกับพี่อาร์มคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผม  เป็นห้วงเวลาที่ผมไม่เคยลืมมันเลย  

   แม้ . . .

   จะเป็นห้วงเวลาเพียงสั้น ๆ  ก็ตาม

   น่าเสียดาย . . .    

   . . . ที่ต่อมาอีกไม่กี่ปี . .

     เราเลือกที่จะทำลายเหล่านั้น  เวลาที่ทั้งผมและพี่อาร์มช่วยกันทำลาย  จนมันแทบไม่เหลือสิ่งดีไว้ให้เราจดจำเลย

   กว่าที่เราจะสร้างมันขึ้นมา  ใช้เวลามากมาย  และเราทุ่มไปด้วยความรู้สึกหลายหลาก  หากในเวลาที่เราทำลาย  เรากลับทำให้มันหายไปในพริบตา  เหมือนน้ำป่าที่หลากมาอย่างรวดเร็ว  มันกวาดไปหมดทุกอย่างทิ้งไว้เพียงแค่ซาก . . .

   ซาก . . .

   ที่เหลือมันทรมานความรู้สึกเป็นที่สุด   เหมือนคนที่ตายทั้งเป็น  ผมรู้ดีความเจ็บปวดเป็นอย่างไร  ความเจ็บปวดที่ผมไม่อยากจะเฉียดใกล้เข้าไปด้วยซ้ำ  แต่ผมยังเลือกที่จะหยิบยื่นความเจ็บปวดนั้นให้พี่อาร์ม . . .

   และ . . .

   . . . กลืนกินมันเข้าไปเอง . . .

   ผมทำร้ายตัวเอง  ทำร้ายคนที่ผมรัก  เพียงเพราะอะไรบางอย่าง  เหมือนอารมณ์ชั่ววูบที่เราทำลงไป  แล้วเราต้องยอมรับสิ่งที่มันเกิดขึ้น  ผลจากสิ่งที่คิดเพียงชั่ววูบมันทำลายทุกอย่างลงหมดสิ้น

   เสียใจมั้ย ? . . .  

   ยิ่งกว่าเสียใจ

   ยิ่งกว่าทุก ๆ  อย่างทั้งหมดที่ผมเคยเจอมาทั้งชีวิต  ชีวิตผมมีลมหายใจเพราะพ่อกับแม่  หาก . . .

   อนาคต . . .

   . . . อนาคตที่ผมมี . . .

   มาจากหยดเลือดและหยาดน้ำตาของพี่อาร์ม

   สิ่งที่ผมทำได้ . . .

   ในตอนนั้น  ผมได้แต่รอ . . . รอว่าสักวันนึงพี่อาร์มจะติดต่อกลับมา  

   . . .  หากแต่ไม่มี . . . ไม่มีอีกแล้ว

   พี่อาร์มกลับไป . . .

   พร้อมกับลมหนาวระลอกสุดท้ายที่มันเริ่มหายไปจากป่า  ทิ้งไว้แค่ความระลึกถึง  น่าแปลก  ที่ผมกลับอยากเจอพี่อาร์ม  อยากรู้เรื่องเรียนจากพี่อาร์ม  ยิ่งผมคิดถึงพี่อาร์มมากเท่าไหร่  ดูเหมือนพี่อาร์มจะยิ่งหายไปจากชีวิตของผมมากเท่านั้น

   ผมน่าจะรู้จักพี่อาร์ม . . .

   . .  .หากผมโหยหา . . .

   พี่อาร์มจะร้างลา . .  .

   วัฏจักรนั้นมันย้อนกลับมาอีกครั้งในห้วงเวลาไม่ถึงสิบปี  ผมทำร้ายพี่อาร์มอีก แล้วเป็นพี่อาร์มที่ห่างหายผมไปอีก  เกือบครึ่งค่อนโลกที่พี่อาร์มหนีไป    เกือบปีที่ห่างหาย  ผมไม่รู้พี่อาร์มเจออะไรบ้าง

   แต่ . . .

   ผมรู้ . . . สิ่งที่ผมเจอ

   . . . นรกทั้งเป็น . . .  

   อเวจีขุมที่ลึกที่สุดที่ผมเลือกเดินลงไปเอง  ผมทำทุกอย่างมันเองทั้งสิ้น  ถ้าวันนั้น  ผมเลือกที่จะรักษาความรู้สึกของพี่อาร์ม  บางที  ความเจ็บปวดมันอาจจะไม่เกิดขึ้นกับเราก็เป็นได้  แต่ผมพลาด

   ผมทำสิ่งผิดพลาดซ้ำ ๆ  เสมอมา



   สถานีขนส่งเชียงใหม่อาเขต  ค่อนข้างวุ่นวาย  เพราะเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่  วันหยุดยาว  และดูเหมือนว่ายิ่งบ่ายค่อนไปทางตอนเย็น  ผู้คนยิ่งมากหน้า  ผมหรือ  เหมือนคนไร้ลมหายใจ  หรือตอนนี้หัวใจผมมันเต้นช้าลงก็ไม่รู้

   ภาพคนที่นอนขดตัว . . .


   ผมอยากปลุกให้คนนั้นตื่นมา  ตื่นมาเจอหน้ากันอีกครั้ง  แต่ผมไม่กล้า  ผมกลัว  หากเขาตื่นมาเจอผม  แน่นอนผมดีใจ  แล้วพี่อาร์มล่ะ  พี่เขาจะรู้สึกแบบที่ผมรู้สึกหรือเปล่า  แผลที่ผมฝากเอาไว้  มันเลือนหายไปหรือยัง  

   แผลหัวใจ . . .

   . . . หายได้ง่ายดายหรือ

   ผมรู้ดี  ไม่หายหรอก  แผลที่ผมฝากเอาไว้  มันลึกมาก  ลึกเกินกว่าที่มันจะทำให้คน ๆ  นึงยิ้มออกมาได้ในระยะเวลาอันสั้น  เพราะอะไรนะหรือ  คนที่วาดหวังเอาไว้มาก  ยามผิดหวัง  สิ่งเดียวที่เขาทำได้  คือการเดินออกจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด

   และ . . . ไกลที่สุด

   พี่อาร์มเดินเร็ว . . . และไกล

   หาก . . . มันไกลที่สุดแล้วหรือยังล่ะ  ยังหรอก  ยังไม่ไกลพอกระมัง  ถ้าผมเลือกที่จะรอให้พี่อาร์มตื่น  บางที  คราวนี้  พี่อาร์มอาจไปไกลกว่าริมทะเลอาระเบียนก็เป็นได้  ทางเดียวทีผมเลือกได้  เดินออกมาจากตรงนั้น

   เก็บภาพนั้นเอาไว้ . . .

   ที่ผ่านมา  ผมเหมือนคนที่ไม่รู้หัวใจตัวเอง  ไม่ใช่สิ  ผมรู้  รู้มาตลอด  เพียงแต่ผมเลือกที่จะไม่ทำตามหัวใจตัวเอง  คนเรา  มิต้องทำอะไรเพื่อตัวเองเสมอไปมิใช่หรือ ?

   การทำอะไรเพื่อตัวเอง . . . ย่อมก่อให้เกิดความเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด

   หาก . . .

   การทำอะไรเพื่อคนอื่น  การให้ผู้อื่น  คือเมตตาอันประเสริฐที่สุดมิใช่หรือ ?

   และ . . . ความรัก  มันก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถบังคับกันได้  หัวใจคนเรา  เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลามิใช่หรือ  ไม่มีใครผิดที่จะรัก  และผิดที่เป็นผู้ถูกรัก  หากผิดที่ไม่รู้จักยับยั้งขอบเขตของความรักนั้น

   ชีวิตผม . . . มิได้มีแค่ผม

   แต่ . . .

   มันหมายถึงคนอื่น ๆ  รอบตัวผม  คนอื่น ๆ  อีกมากมายที่ผมต้องพบเจอ  ต้องสังคมด้วย  แล้วหากมีสิ่งใดที่ผมเลือก  โดยมิมีพี่อาร์ม

   ผมผิดหรือ ?

   ผมเคยถามตัวเอง  เมื่อวันก่อน  ผมผิดมากใช่ไหม  หากผมบอกตัวเอง  อะไรไม่สำคัญเท่าเรารู้ว่าเรากำลังทำอะไร  คนเรา  มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันออกไป  การเดินบนถนนเส้นเดียวกันก็มิได้แปลว่าเราจะมองเห็นสองข้างทางเหมือนกันมิใช่หรือ

   ถนนของผม . . .  พี่อาร์มแผ้วถางเอาไว้  ไม่ให้ผมเดินไปเจอพงหนาม

   แต่ . . . หากไม่มีหยดเลือด  และบาดแผลฝากเอาไว้  ผมจะรู้ได้อย่างไร  ว่าคนที่รักผม  เขารักผมมากมายสักเพียงไหน

   สิ่งเดียวที่ผมทำได้ในเวลานี้ . . .

   . . . ดูแลสิ่งที่พี่อาร์มรักให้ดีที่สุด . . .






หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: naja ที่ 06-06-2008 20:20:26
ได้รับแล้วค๊าบบ  ขอบคุณค๊าบบ o13 o13

เอ๊ะเมื่อกี้นี้ย้อนกลับไปอ่านตอนที่ 11 มีตอนที่โอ๋ขอให้คุณอาร์มปฏิเสธงานที่อเมริกา และให้กลับมาเมืองไทย ซึ่งคุณอาร์มก็ยอมตามทคุณโอ๋ขอไม่ใช่เหรอครับ

“เพราะมรึงคือเพื่อนกรู  กรูขอมรึงนะไอ้อาร์ม  ถ้ามรึงอยากย้ายที่ทำงาน  กรูขอให้มรึงกลับเมืองไทยและมรึงต้องไม่ไปทำที่ต่างประเทศอีก  นี่คือเรื่องเดียวในชีวิตที่กรูขอมรึง”...
   
   ...“ลบทิ้งไปเหอะ ไม่ต้องส่งหรอก  หรือไม่ก็พิมพ์ตอบปฎิเสธไป กูให้มรึง”

 และตอน 39  คุณอาร์มบอกกะโอ๋ว่า contract ก้อจะหมดสิ้นเดินเมษานี้

       “ยังไม่หมดสัญญา”
   “แล้วเซ็นใหม่เดือนไหน”
   “ปลายเมษา”

แล้วทำไมโก ต้องรออีกตั้ง 5 ปีอ่ะครับ งงอ่ะ  o2


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 06-06-2008 21:22:30
ง๊า!!!!พี่จ๋า ขอตอนพิเศษอ่ะที่พี่เล่ามันจบแล้วแต่คนอ่านอ่ะคาใจ อิอิ(ความจริงอยากอ่านต่อ)


อีกเรื่องที่หนูง๊ง...งง
คุณ  RAJCHABUT กับ คุณต้นสาย เป็นคนเดียวกันรึเปล่าอ่ะคะ o2


ปล.หวังว่าพี่คงมีความสุขกับทุกคนที่พี่รักนะคะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 06-06-2008 22:16:40
ยังไม่ได้เลยครับ ช่วยส่งให้ด้วยนะครับ

iamhappywoodอย่าแสดงเมลบนบอร์ด นะครับ

ส่งมาให้ด้วยนะครับ  :oni2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 06-06-2008 23:03:46


ตอนที่  ๔๓  (ต่อ)



   “โก . . . มีอะไรด่วนมั้ย  มาหาพี่ถึงที่นี่”   พี่โอ๋  เหมือนจะแปลกใจที่ผมก้าวย่างไปหาพี่เขาถึงสุวรรณภูมิ

   ผมยิ้มให้พี่โอ๋ 

   เพื่อนที่พี่อาร์มรักมากที่สุด  และน่าจะเป็นคนเดียวที่รู้ว่าพี่อาร์มอยู่ที่ไหน  หากพี่โอ๋ไม่ยอมที่จะบอกผม  ผมเข้าใจดี  เข้าใจในทุก ๆ  อย่างที่ผมเจอ  เพราะถ้าผมเป็นพี่โอ๋  ผมก็ทำแบบที่พี่โอ๋ทำเหมือนกัน


   “ป่าวพี่  พอดีผมเพิ่งกลับมาจากบ้านเลยเอามาฝาก”  ผมชูถุงของฝากจากเชียงใหม่

   “หลวงพ่อสบายดีมั้ย”   แววตาพี่โอ๋ห่วง  ผมมองหน้า  ค้นหาอะไรสักอย่าง  บางทีพี่โอ๋อาจจะมีอะไรที่ไม่อยากบอกผมก็เป็นได้ 

   “ก็ต้องกำชับให้กินยาตามที่หมอสั่ง  แต่คราวนี้ดีกว่าเดิม  ได้หมอดี”  ผมยิ้ม

   ยิ้มที่หยันตัวเอง  พี่โอ๋ไม่มีวันเข้าใจหรอก . . . หมอดี 

   “กินอะไรยัง  ไปหาอะไรกินกันมั้ย”   

   “เอาสิพี่ . . . ผมกำลังหิวเลย  ตั้งแต่เช้ารีบเคลียร์งาน  พอเลิกก็รีบดิ่งมาที่นี่เลย  เกือบทุ่มแล้ว  เพิ่งรู้ยังไม่กินข้าวเลยตั้งแต่เช้า”

   “ดูแลตัวเองบ้าง  อย่าโหมงานหนัก   พัก ๆ  เสียหน่อย  ไปหาหลวงพ่อทุกเดือนอีก  มีเวลาพักบ้างมั้ยนี่   เอางี้เดี๋ยวพาไปกินข้าว  แล้วนั่งมองเครื่องบิน”

   “แพง”

   “ไม่หรอก  มีคูปองฟรี  กินได้”  พี่โอ๋ยิ้มก่อน  เดินนำผมขึ้นไปชั้นสี่  แล้วเดินไปชั้นสูงสุดของอาคารสนามบินเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก  ผมเดินตามอย่างว่าง่าย

   โต๊ะที่ติดกระจก  มองจากด้านบน เห็นโครงหลังคาเหล็กโค้ง  มีผืนผ้าใบสีขาวสลับกับกระจก  คล้ายกลีบอะไรสักอย่าง  บางเกทมีงวงช้างสองงวงยื่นมาที่ลานจอด   เครื่องบินลำตัวสีขาวยาว ๆ  หากช่วงปลายหางเป็นลวดลายคล้ายใครเอาริบบิ้นสีน้ำเงิน และสีทองมาพันเอาไว้เป็นลวดลายอ่อนช้อย  ตรงแพนหางด้านบนสัญลักษณ์จำปี . . .

   เจ้าบ้านจอดเทียบเกทสงบนิ่ง . . .

   หากที่จอดแซมอยู่เป็นสายการบินอื่น ๆ  อีกมากมาย  แต่ที่สะดุดตาผมที่สุดคงเป็นเจ้าเครื่องสีขาว  ตรงเครื่องยนต์มีรูปมาสคอสต์เอเชี่ยนเกมส์  ที่แพนหางเป็นรูปกีฬาจักรยาน . . .

   ผมอยากมีตาทิพย์    อยากมองให้ทะลุไปในเคบินของเครื่องลำนั้น . . .

   “ชอบเครื่องบินตั้งแต่เมื่อไหร่”  พี่โอ๋หันมาทางผมเมื่อผมปล่อยให้พี่เขาสั่งอาหารเสร็จ

   “เมื่อวาน”  ผมบอก  ทั้ง ๆ  ที่สายตายังจับจ้องไปที่เครื่องลำนั้น  ผมไม่เคยรู้สึกชอบเครื่องบิน  จนกระทั่งเมื่อวาน  เมื่อผมเห็นคนที่นอนหลับเป็นตาย

   ผมรักเครื่องบินขึ้นมาจับหัวใจเลยทีเดียว . .  .

   “มีงี้ด้วย  ชอบเมื่อวาน  วันนี้เลยมาหาพี่ถึงที่นี่”

   “ถ้าภาษาผมเก่งก็ดีสินะ”    เสียงผมคล้ายบ่นกับตัวเอง  มากกว่าที่จะคุยกับอีกฝ่าย

   “ทำไมเหรอ”

   “จะสอบสจ๊วต”  ผมหันมามองหน้าพี่โอ๋

   แววตาพี่โอ๋เป็นปกติ  ไม่มีอาการอะไรเลยสักอย่าง  ผมพยายามหาสิ่งที่ผิดปกติจากแววตา  แต่ดูเหมือนว่า พี่โอ๋จะเก็บความรู้สึกเอาไว้อย่างมิดชิด  มิน่า  พี่อาร์มถึงบอก  พี่โอ๋เหมือนผม  หากไม่พูด  คนอยู่ใกล้ไม่มีวันรู้หรอกว่ารู้สึกอย่างไร

   “ไม่ชอบเป็นวิศวกรแล้วเหรอ”

   “แล้วเขาห้ามวิศวะเป็นสจ๊วตเหรอพี่”  ผมยิ้มบาง ๆ 

   พี่โอ๋  เป็นคนเดียวที่ผมคุยด้วยแล้วมีความสุข  มากกว่าพี่อาร์มเสียอีก  ผมหมายถึงพี่อาร์มคนที่ผมเจอที่กรุงเทพฯ  ไม่ใช่พี่อาร์มคนแรกที่ผมเจอที่ . . . ปาย

   “ไม่ห้าม  แต่นึกไงวันนี้มาแปลกชอบเครื่องบิน  อยากเป็นสจ๊วต” 

   “คนอื่น ๆ  ยังเป็นได้เลย  ทำไมผมอยากเป็นบ้างไม่ได้”

   “ใคร”  คราวนี้  คิ้วพี่โอ๋ขมวดเข้าหากัน 

   ผมยิ้มให้อีกครั้ง  การจะถามอะไรตรง ๆ  คำตอบก็คงเป็นแบบเดิม  พี่โอ๋ไม่มีวันทรยศต่อเพื่อนรักของแกแน่ ๆ  สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือการเลียบ ๆ  เคียง ๆ  แล้วเอามาปะติดปะต่อกันเอง

   “เยอะแยะไปพี่  คนที่เป็นสจ๊วตเพราะต้องการบางอย่าง”  ผมหันไปมองเครื่องบินต่อ  วันนี้ผมเริ่มชอบ  ยามเครื่องลำใหญ่ ๆ  ค่อย ๆ  ถอยจากเกท  ด้วยรถคันเล็ก ๆ  ที่ดันให้มันถอยหลังมาช้า ๆ 

   เครื่องบินไม่มีเกียร์ถอยหลัง . . .

   คงเหมือนหัวใจบางคน . . . แล้วหัวใจผมมันก็เย็นเยียบเมื่อนึกถึงบางคนที่ผมคิดถึง  บางที  สิ่งที่ผมวาดหวังอาจจะอยู่ไกลเกินไปในตอนนี้

   “เช่นอะไรเหรอ  เงิน  ความก้าวหน้าในชีวิต” 

   “ก็แน่นอนพี่  คนเราทำงานต้องการเงินทั้งนั้น  แต่บางคนทำงานเพราะหนีนี่สิ  ผมไม่รู้  เขาทำไปได้ไง  การหนี  มันทำให้เขามีความสุขหรือ  มันทำให้คนรอบ ๆ  ตัวมีความสุขหรือ  ผมไม่รู้นะ  ว่าคนเราจะหนีตัวเองไปได้ตลอดชีวิตหรือเปล่า”

   “พูดอะไรพี่งง”

   “พี่โอ๋ . . . อยากหายงงมั้ย”  ผมหันกลับมามองหน้าพี่โอ๋

   อีกฝ่ายพยักหน้ารับ . . .

   “พี่ตอบคำถามผมมา  คำถามเดียวเท่านั้น”

   “อะไร”

   “พี่อาร์มอยู่ไหน”  ผมจ้องหน้พี่โอ๋นิ่ง  ผมหวัง  บางทีครั้งนี้พี่อโอ๋อาจจะยอมที่จะพูดความจริงกับผมบ้าง  ความจริงที่ผมเจอมาเมื่อวานจากคนที่นอนขดตัวนิ่งด้วยความเหนื่อยอ่อนในกุฎิหลวงพ่อ

   “ก็บอกไปแล้ว”

   “มันกว้างนะพี่  ดินแดนทะเลทรายอย่าง . . . ตะวันออกกลาง . . .”  ผมแค่นเสียงออกมา  คล้ายเยาะตัวเอง

    “. . .  ประเทศไหนหรือพี่  ซาอุฯ  อิมิเรสต์  อิหร่าน  หรือ. . .”    ผมย้ำคำสุดท้าย

      “. . .การ์ต้า” 

   พี่โอ๋มองหน้าผม    แววตาคล้ายหนักอกหนักใจ 

   ผมยิ้มให้  อย่าวาดหวังว่าผมจะพูดอะไรมากกว่านี้อีกเลย เพราะในความเป็นจริงพี่โอ๋น่าจะรู้ดีกว่าผมเป็นไหน ๆ   

   “แล้วพี่อาร์มเขาไปทำงานอะไร    พี่อาร์มต้องไปทำอะไรที่นั่น”

   “พี่ไม่รู้”

   “ผมรู้ว่าพี่รู้”

   ผมจะเชื่อได้อย่างไร  เพื่อนสนิทที่สุดจะไม่รู้  ว่าเพื่อนไปทำงานที่ไหน  ทั้ง ๆ  ที่ผมรู้คำตอบอยู่แล้ว  แต่ผมอยากจะรู้จากปากพี่โอ๋มากกว่า  ผมไม่สามารถที่จะไปบังคับอะไรพี่โอ๋เขาได้หรอก  เพราะเขากับพี่อาร์มมันเพื่อนตายกัน

   . . .  เพื่อนแท้ คนสุดท้าย . . .

   ส่วนผม . . .

   วันนี้ . . .

   ผมมีใครเสียที่ไหน  ชีวิตของผม  ไม่มีอะไรสักอย่าง  ผมทำลายทุกอย่างที่มี  คนดี ๆ  รอบ ๆ  ตัวผม  ค่อย ๆ  หายไปทีละคน  ชีวิตผมเหมือนตัวคนเดียวในโลกเมื่อไม่มี . . . พี่อาร์ม

   กว่าเราจะรู้ค่าของสิ่งที่มี . . .

   ก็เมื่อเราสูญเสียมันไปแล้ว  แต่ผมยังหวัง  สักวัน  ผมจะดึงเขากลับมา  ดึงกลับมาเป็นของผม  ในเมื่อมันเป็นของผมมาตั้งแต่ต้น  ถึงจะหายไป  แต่ความเป็นเจ้าของก็ยังเป็นผมมิใช่หรือ

   “ถ้ารู้ว่าพี่รู้  ก็น่าจะรู้  ว่าไม่มีวันที่พี่จะทรยศเพื่อน”

   เป็นไปตามที่ผมคาดหมาย  เพราะท้ายที่สุดแล้วพี่โอ๋ก็ไม่ยอมที่จะบอกความจริงอยู่ดี  ผมดีใจที่อย่างน้อยพี่อาร์มมีเพื่อนแบบพี่โอ๋   

   “พี่โอ๋ดูเครื่องลำนั้นสิ”  ผมชี้ไปที่เครื่องลายเอเชี่ยนเกมส์

   “ทำไมเหรอ”

   “พี่เห็นใช่มั้ย  เครื่องจากตะวันออกกลาง”  ผมยิ้มกับเครื่อง

   “อืม  ของการ์ตา”

   “พี่อาร์มอยู่ในนั้น”  ผมยิ้ม  ผมมั่นใจ  ความรู้สึกบางอย่างของผมมันบอกแบบนั้น  ผมรู้สึกเหมือนพี่อาร์มอยู่ใกล้ ๆ    ผมมองเครื่องบิน  ผมยิ้มให้เครื่องบิน  ยิ้มให้กับอะไรบางอย่างที่ผมเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร

   ที่ผมมา . . .  ผมแค่หวัง

   . . . ผมอาจเจอพี่อาร์มที่ประตูลูกเรือ . . . 

   ผมหวังได้เสมอมิใช่หรือ   ความหวังก็เหมือนน้ำที่หล่อเลี้ยงหัวใจ ตราบใดที่ผมยังมีหัวใจ  ผมก็อยากรู้ว่าหัวใจผมมันอยู่ที่ไหน

   “เฮ้ย”  พี่โอ๋ตกใจ

   “ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นล่ะพี่  ในเมื่อพี่บอกผมเองว่าไม่รู้ว่าพี่อาร์มอยู่ที่ไหน”   ผมยิ้มอย่างคนเป็นต่อ

   พี่โอ๋เฉมองลงไปที่ลานจอดไม่ยอมพูดอะไรอีก

   “จริง ๆ  นะพี่  ผมว่าพี่อาร์มต้องอยู่ในเครื่องลำนั้นแน่ ๆ”  ผมหันมามองหน้าพี่โอ๋  ผมไม่เคยรู้สึกอุ่นหัวใจเลยตั้งแต่วันที่ผมออกมาจากชีวิตพี่อาร์ม  จนกระทั่งเมื่อวานหัวใจผมยังหนาวเหน็บเมื่อผมมองเห็นคนที่นอนขดตัวในกุฎิ

   หาก . . .

   ตอนนี้

   เมื่อผมบอกออกไปว่าพี่อาร์มอยู่ในเครื่องลำนั้น  ทำไมหัวใจผมมันกลับอุ่น  มันอบอุ่นแบบที่ผมเองก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้  ผมหันไปมองเครื่องลำนั้นอีกครั้ง  ผมเห็นนะ  เครื่องแอร์บัส A330-300  มันสวยกว่าเครื่องทุกลำที่จอดอยู่ที่นั่น

   “มันอาจจะทำงานที่อิมิเรสต์  หรือ เอทิฮัทก็ได้”

   ผมยิ้มอีก  คราวนี้ผมยิ้มกว้าง  โดยที่สายตายังมองผ่านกระจกไปที่เครื่องบิน  ลำที่ผมแน่ใจเป็นที่สุดว่ามีหัวใจผมอยู่  อย่างน้อยตอนนี้ผมรู้แล้วหัวใจผมอยู่ที่ไหน  ทำอะไร  ไม่นานหรอก  ผมจะตามหัวใจผมคืน

   “บอกผมเองนะ    ว่าพี่อาร์มทำงานสายการบินแน่นอนแล้ว”  ผมเอ่ย  แต่ไม่หันมามองพี่โอ๋

   “เฮ้ย  ไอ้นี่” 

   “เอาน่าพี่  อย่างน้อย ๆ  ผมก็ได้นิสัยพี่อาร์มมาบ้างแหละน่า  ตะวันออกกลางทำงานอะไรได้  ถ้าไม่ใช่สจ๊วต  แล้วเหรียญทองแบบพี่อาร์ม  ทำงานกราวน์มาตลอด  จะเลื่อนมาเป็นสจ๊วตมันไม่แปลกหรอก  ถึงพี่อาร์มจะไม่ชอบ แต่มันมีเหตุผลที่อนุมานได้ว่าตอนนี้พี่อาร์มเป็นสจ๊วตอยู่การ์ตา”  ผมมองหน้าพี่โอ๋นิ่ง

   “ทำไมต้องการ์ตา ที่อื่นก็มี”

   “พี่บอกผมเอง  อาจจะที่อิมิเรสต์หรือ  เอทิฮัทก็ได้  อาจจะ . . . แปลว่า  ไม่แน่ใจ  ในเมื่อพี่โอ๋ไม่แน่ใจ    แต่ผมแน่ใจยิ่งกว่าแน่ใจเสียอีกว่าพี่อาร์ม  อยู่ในเครื่องบินลำนั้น”  ผมหันไปชี้อีกที  ที่เครื่องมีแพนหางสีแดงรูปสัญญลักษณ์กีฬา

   ผมไม่เคยแน่ใจอะไรเท่ากับวันนี้มาก่อนเลย . . .

   “เออ  มันไปเป็นจ๊วต  แต่ที่ไหน  พี่ไม่รู้”

   “จริงหรือพี่”

   พี่โอ๋พยักหน้ารับแทนคำตอบ 

   . . . บางที . . .   

   พี่โอ๋อาจไม่อยากพูดโกหกเลยต้องใช้การพยักหน้าแทนคำตอบก็เป็นได้  ผมแน่ใจกว่าเมื่อวาน  พี่อาร์มทำอะไรอยู่ที่ไหน ตอนนี้ผมทำได้แค่รอ  รอให้พี่อาร์มได้อยู่กับความเป็นจริง  หรือ  อาจจะให้แผลที่ผมกรีดเอาไว้หายสนิทเสียก่อน

   แล้ว . . . ต่อจากนั้นตลอดชีวิต

   ผมจะอยู่ให้พี่อาร์มเหม็นหน้าไปจนตาย  ผมไม่ยอมปล่อยให้สิ่งที่ดีมันเดินผ่านผมไปอีก  ผมไม่มีวันยอมทำอะไรแบบที่ผ่านมาอีกแล้ว  บางที บทเรียนแห่งความเจ็บปวดมันอาจจะทำร้ายเราสองคนมามากพอแล้ว

   “งั้นผมบอกพี่นะครับ  พี่อาร์มทำงานที่การ์ตาแน่นอน  ผมเอาหัวเป็นประกัน”

   “ทำไม”

   “ผมเจอพี่อาร์ม”

   “ที่ไหน  มันสบายดีมั้ย  มันผอมลงไปมั้ย  แล้วทำไมไม่พามันมาด้วย”  พี่โอ๋ดูจะตื่นเต้นกับเรื่องที่ผมบอก  บางที  พี่โอ๋อาจจะไม่เจอพี่อาร์มเลยก็เป็นได้

   “ที่กุฎิหลวงพ่อ  เมื่อวาน”

   “แล้วคุยกันหรือยัง”

   ผมส่ายหน้า  ก่อนหันไปมองเจ้าเครื่องลำนั้น   

   ถ้าผมมีเวทย์มนต์  ผมจะเสกให้ตัวเองสามารถเข้าไปในเครื่องลำนั้นตอนนี้  อย่างน้อยที่สุด  สิ่งที่ผมคิดมันเป็นจริงหรือเปล่า  ผมอยากรู้  มันจริงแบบที่ผมคิดใช่มั้ย

   “ทำไม”

   “ผมไม่กล้าปลุกพี่อาร์ม  พี่อาร์มหลับ  แต่เสื้อนอกแขวนอยู่  ป้ายชื่อบอกหราเลย  สายการบินอะไร  คราวนี้พี่ปิดผมไม่ได้แล้วล่ะ  พี่อาร์มเขาอาจเพิ่งบินกลับมา  ถ้าเขามาจากโดฮา  หมายความว่าเขาบินไปเชียงใหม่เลย  พี่เขาคงเหนื่อยกับเวลาที่ไม่เหมือนกัน  ผมเลยไม่ปลุก  ปล่อยให้พี่เขานอน อีกอย่าง . . .”  ผมมองหน้าพี่โอ๋

   “อะไร”

   “ผมกลัว”

   “กลัวอะไร”

   “พี่โอ๋ว่าถ้าพี่อาร์มไม่หายโกรธผม  ถ้าพี่อาร์มไม่หายเจ็บกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ถ้าพี่อาร์มรู้ว่าผมรู้ว่าพี่อาร์มทำอะไรอยู่ที่ไหน  พี่โอ๋คิดว่าพี่อาร์มจะทำยังไงต่อไปหลังจากเจอหน้าผม”

   “หนี”

   “นั่นแหละพี่  ผมไม่กล้าปลุก ถ้าพี่อาร์มหนีอีก  คราวนี้อาจไม่ใช่แค่ตะวันออกกลาง ผมเลยเดินออกมา  แล้ววันนี้ผมเช็คแล้ว  การ์ตาออกสองไฟลท์  เมื่อเช้ากับลำนั้น  จะออกตอนสองทุ่ม”  ผมชี้ไปที่เครื่องแอร์บัส

   “อาร์มอาจมีบินตอนเช้า  เพราะมันบอก  มันบินแต่ละครั้งอยู่ไม่เกินสามสิบชั่วโมง”

   “พี่รู้  รู้มาตลอด  แต่ไม่บอกผมเลยนี่นะ”  ผมยิ้ม

   “พี่มีสัญญากับมัน  แต่ในเมื่อโกเจอเอง  พี่ก็ไม่ผิดสัญญา  แล้วรู้ได้ไงว่ามันบินตอนค่ำ  ตั้งแต่มันไป  พี่ไม่เคยเจอมันเลย  มันไม่เคยแวะหาพี่เลยด้วยซ้ำ”  พี่โอ๋คล้ายน้อยใจ

   “ผมแน่ใจพี่ว่าพี่อาร์มบิน 611  แน่ ๆ  ผมเช็คกับเพื่อนที่ทีจีแล้ว  พี่อาร์มบินกลับมาจากเชียงใหม่เมื่อเช้าไฟลท์แรก  ซึ่งมันบอกกฏการบินต้องพักเกินกว่าจะบินไฟลท์เช้าได้ผมเลยคิดว่าพี่อาร์มไม่มีบินไฟลท์เช้า”

   “เลยมาส่งอาร์มว่างั้น”

   “ครับ  ผมมาส่งพี่อาร์ม  ถ้าผมรู้  พี่อาร์มบินมาไทยวันไหน  ผมสัญญาพี่  ผมจะมาส่ง  มาส่งพี่อาร์มทุกไฟลท์  ทุกครั้ง”  ผมมองหน้าพี่โอ๋

   สิ่งเดียวที่ผมทำได้ในตอนนี้ . . .

   “กินเหอะ . . .  กินให้อิ่มก่อน  อีกเดี๋ยวเครื่องก็จะเทคออฟแล้วล่ะ”  พี่โอ๋เลื่อนจานที่พนักงานเดินเอามาเสิร์ฟ

   “เดือนหน้าผมมีไปดูงานที่ลอนดอน  ผมจะลองขอที่บริษัทบินกับการ์ตา”

   “ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นว่ะโก”  พี่โอ๋มองหน้าผม

   “ผมไม่รู้  แต่ถ้าเป็นพี่  พี่จะทำแบบที่ผมทำเหมือนกันผมแน่ใจ”    ผมมองหน้าพี่โอ๋ 

   ใครก็ตามที่รู้หัวใจตัวเอง  จะไม่มีวันปล่อยโอกาสให้มันหลุดลอยไปอีก  โอกาสมันจะเดินผ่านเราไปเสมอ  หากเรารีรอ  เราจะเสียใจกับสิ่งที่ผ่านเราไปแล้ว 

   บทเรียน . . . สอนให้เราไม่รีรอ

   “อะไร”  ผมมองหน้าพี่โอ๋  เมื่อพี่เขายื่นโทรศัพท์มาให้ผม

   “พี่ว่า  ความรัก  มันเหมือนสายใย  บางอย่างมันเกินที่จะคาดเดา” 

   ผมรับโทรศัพท์จากพี่โอ๋ . . . ข้อความมัลติมิเดีย  เพิ่งได้รับก่อนที่พี่โอ๋จะส่งให้ผมแค่ชั่วลมหายใจเท่านั้น  ผมมองภาพในโทรศัพท์มือถือ  ภาพถ่ายที่เหมือนจะเพิ่งถ่ายในเคบิน . . .

   . . . QR 611  Bye Bye THAILAND  เพื่อนรัก  มาคราวหน้าค่อยเจอกันนะ  . . .

   ผมรีบโทรกลับไปตามเบอร์นั้น . . .

   “สวัสดีครับ  อาร์มครับ  ฝากข้อความไว้นะครับ”

   เสียงพี่อาร์ม  เสียงที่ขาดหายไปจากชีวิตผมนานเหลือเกิน  ผมจำได้  หัวใจผมเต้นแรง  ผมหันไปมองเครื่องลำนั้นอีกครั้ง   ผมอยากแหวกทุกอย่างไปยืนในเคบินของเครื่องแอร์บัสลำที่จอดเทียบเกท

   “ถ้าอาร์มมันรู้  มันคงดีใจ”  พี่โอ๋ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยนที่สุด  เป็นรอยยิ้มที่ผมเพิ่งสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ขาดหายไป  นับตั้งแต่ที่พี่อาร์มหายไปร่วมปี

   เรานั่งกันอยู่จนกระทั่งเครื่องบินลำนั้นค่อย ๆ  เคลื่อนตัวออกจาเกทช้า ๆ  ผมมองเครื่องที่ค่อย ๆ  อุ้ยอ้ายไปตามแทกซี่เวย์  หัวใจผมเย็นเยียบ  คล้ายใครเอาน้ำแข็งมาทาบทับเอาไว้  เมื่อเครื่องไปสุดรันเวย์  แล้วมันค่อย ๆ  เพิ่มความเร็วก่อนที่จะทะยานไปบนฟากฟ้า  หายไปในความมืด  ทิ้งไว้เพียงร่องรอยของหัวใจที่มันหนาวเหน็บ

   หัวใจผมสั่นเหมือนใครมาโยกคลอน . . . 




   ผมปิดสมุดเล่มนั้นลง มันเจ็บปวดเกินกว่าที่ผมจะอ่านมันอีกต่อไป  สิ่งที่โกเมศวร์  มันเขียนเอาไว้  บอกทุก ๆ เรื่องราวได้ดี  ผมรู้จักความทรมาน  และคิดว่าตัวเองทรมานที่โดนทรยศ  แต่ไม่เคยมองอีกฝ่าย

   “อาร์ม” 

   “อะไร  ไหวน่า”  ผมปาดน้ำตาทิ้ง

   “พอแล้ว  พอเหอะ  ไม่อยากรู้  ไม่อยากอ่านอะไรอีกแล้ว  ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย”  ผมมองหน้า  เพื่อนรัก  กับ น้องรัก

   “เพราะทุกคนรักมึงไงไอ้อาร์ม  ไม่มีใครอยากเห็นมึงหนีไปไหนอีกแล้ว  ทุกคนต่างทำร้ายกันมามากแล้วอาร์ม  คนที่เจ็บปวด  ไม่ใช่แค่มึงสองคน  แต่หมายถึงทุก ๆ  คนรอบ ๆ  ตัวมึงนะอาร์ม”

   “เออ  ขอบใจที่ห่วงกู”

   “รู้แบบนี้กลับโดฮาอีกมั้ยพี่อาร์ม”

   “กลับสิ  ต้องกลับไปทำงาน”

   “ไอ้อาร์ม  กูไม่คิดมึงจะใจแข็งขนาดนี้  กูเชื่อเลยมึง  ก็คิดว่ามึงจะฟังอะไรบ้าง  แต่มึงไม่ฟังอะไรเลย  กูผิดหวังนะมึง  ผิดหวังตั้งแต่วันที่ไอ้โกรับปริญญาแล้ว”   มันน้อยใจผมแล้ว  อาการแบบนี้ผมรู้ รู้ดี

   “ทำไม”

   “อาร์ม  มึงลองนึกถึงใจมึงสิ  วันที่มึงทำสำเร็จ  คนที่เขาอยู่เบื้องหลังไม่มาให้เห็นมึงคิดมั้ยว่ามันจะรู้สึกแบบไหน  มันโหยหามึง  มันชะเง้อรอมึงตลอดเวลา  แต่มึงมันใจดำ  รู้ทั้งรู้  ว่ามันคอย  แต่มึงก็ไม่มา    มันรอคอยมึงอย่างใจจดใจจ่อ  เพราะมันบอกว่า  มันแน่ใจ  พี่อาร์มต้องมาพี่โอ๋  พี่อาร์มต้องมา  มันบอกกู  น้ำตามันไหล  มันรอคอยมึง  รอคอยคนที่สำคัญที่ทำให้มันมีวันนั้น  แต่มันต้องผิดหวัง  การรอคอยของมัน  ว่างเปล่าอาร์ม  กูอยากรู้จังหัวใจมึงทำด้วยอะไรว่ะนี่”    ไอ้เพื่อนรักมองหน้าผมเหมือนผมเป็นตัวประหลาด

   “เหรอ”  ผมมองหน้ามัน ก่อนเปิดแลปท้อปอีกครั้ง  ก่อนหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา

   “แล้วนี่อะไร  ดูเอาเอง”  ผมเปิดกระเป๋าสตางค์ให้มันดู

   คนอยู่ตรงกลางใส่ครุยสีหมากสุก   ส่วนที่ขนาบทั้งซ้ายและขวาไอ้เพื่อนรักของผม  กับไอ้แดน  และที่เห็นด้านหลัง . . . ผมเอง

   รูปนี้ผมพกติดกระเป๋าตลอดเวลา

   “ถ้ายังไม่เชื่อดูนี่”   ผมเปิดไฟล์ในแลปท้อป  ตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมบินจากโดฮา  มาถึงกรุงเทพฯ  จนกระทั่งเข้าไปในไบเทคบางนา  หลักฐานทุกอย่างมันชัดเจน  มันแทนคำพูดใด ๆ  ทั้งหมดที่ผมโดนกล่าวหา ผมมองหน้ามัน  น้อยใจที่มันไม่รู้จักผม  มันไม่รู้จักคนแบบผมเลยหรือ

   “อาร์ม  กูขอโทษเพื่อน  กูขอโทษ”  มันกอดผมเอาไว้หลวม ๆ

   “ช่างมันเหอะ  แค่มึงเข้าใจกู  กูก็ดีใจแล้ว  กูไม่ใช่คนเข้มแข็ง  กูอ่อนแอเสียด้วยซ้ำ  สิ่งที่กูทำไปทั้งหมด  กูทำไปด้วยหัวใจ  สิ่งที่กูทำ  กูคิดว่ามันดีที่สุดแล้วเพื่อน  ดีที่สุดแล้ว  ขอบใจทั้งมึงทั้งแดนที่ทำอะไรให้กูมาตลอด  ขอบใจที่สุดเพื่อน”

   ผมผละจากมัน

   “จะไปไหน . . .”  มันถามพร้อมกันเมื่อผมลุกขึ้น

   “อยากเดินเล่นว่ะ  ไม่ต้องตามนะ  ขอเดินคนเดียวสักพัก  อ้อ นั่งดูรูปไปแล้วกัน  เกือบห้าร้อยรูปนะมึง รูปรับปริญญาในมุมที่มึงไม่เคยเห็นแน่ ๆ”    ผมยิ้มก่อนชี้ไปที่แลปท้อป

   ผมยังนึกเลย . . .

   ถ้าในหนัง  ผมออกมาเดินเล่นที่ชายหาดผมจะได้เจอกับมันแน่ ๆ  ผมอยากให้เหมือนในหนัง  แอบหวังเอาไว้ลึก ๆ  ว่าจะมีมัน  แต่ชีวิตคนไม่ใช่หนัง . . .

   . . .  ไม่มีแม้แต่เงาของมัน  แต่ผมไม่เสียใจนะ  เพราะอย่างน้อยที่สุด  ตอนนี้ผมรู้แล้ว  ผมรู้จักมันมากขึ้น 

   ความโง่ที่บดบังตาของผม . . .

   . . . มันจบลงแล้ว  ตอนนี้ผมตาสว่าง  ผมรู้แล้ว  สิ่งทีผมเคยทรมานมันเทียบไม่ได้  กับความสุขที่ผมรู้ว่า  มันรักผม  จะแบบไหนก็เหอะ  ผมก็ได้ความรักจากมันก็แล้วกัน

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 07-06-2008 00:51:47
ว้าวติดตามอ่านมาจนจบครับอิอิ ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆให้แก่ทุกคนในที่นี้นะครับ
ประทับใจมากๆๆ  o13 o13ไ
ได้อ่านเรื่องนี้แล้วมองย้อนไปที่ตัวเอง ก็คิดได้ว่าเทียบไม่ติดเลย ฮ่าฮ่า
ขอให้พี่อาร์มมีความสุขมากๆนะครับ ขอใ้่ความรักที่ยื่งใหญ่นี้อยู่กับพี่ตลอดไปครับ o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 07-06-2008 11:27:12
ได้รับเรื่องแล้ว ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ดี ที่เขียนมาให้อ่าน  :pig4: :pig4: :pig4:

เป็นตอนจบที่อ่านแล้วยิ้มได้จริง ๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 07-06-2008 14:06:56

ตอนอวสาน





สนามบินสุวรรณภูมิ


   ไอ้เพื่อนรักมาส่งผมที่ประตูทางเข้าชั้นสี่  ก่อนที่มันจะขับหายไป  ผมมองไปจนมันลับตา  ไม่รู้อีกนานแค่ไหน  ที่ผมจะได้เจอกับมันอีก  ทั้ง ๆ  ที่ตอนนี้ผมรู้ทั้งหมดแล้ว  และผมก็ทำใจได้แล้ว  

   ความรัก  มันอยู่กับเรานั่นแหละ  ไม่ได้หายจากเราไปไหนเลย  


   ตั้งแต่ที่สมุย   ผมคิดถึงมันมาตลอด อยากเจอมันนะอยากขอโทษมัน  อยากคุยกับมัน   สิ่งที่ไอ้เพื่อนรักมันบอกผม  ผมลองคิดดู  ผมเจ็บปวดนะ  กับสิ่งที่มันทำมา  แต่เทียบกันได้มั้ย  กับสิ่งที่ผมทำกับมันในตอนนั้น  ผมเลือกที่จะคิดว่า  ถ้าผมเป็นมันผมจะทำแบบเดียวกันมั้ย

   . . . แม่ . . . กับคนที่ผมรัก

   ผมเลือก . . . แม่

   ถ้าแบบนี้ . . .  โกเมศวร์ไม่ผิด มันเลือกทำในสิ่งที่ถูก  ผมจะไปโกรธไปเกลียดมันได้อย่างไร  สิ่งที่มันทำถูกต้องที่สุดแล้ว

   ผมรับบอร์ดดิ้งพาสมาถือเอาไว้ พยายามมองรอบ ๆ  ตัว ด้วยหวังว่ามันจะมาหาผม  ผมคงคิดเข้าข้างตัวเองว่าผมสำคัญสำหรับมัน  แล้วผมก็ต้องยิ้มให้ตัวเอง  ปลอบใจกับสิ่งรอบ ๆ ตัวที่ผมเห็น

   ว่างเปล่า . . .

   . . . เฉกเช่นเคยเป็นมา

   ผมกระชับกระเป๋าใบเล็กที่ข้างในมีแลปท้อปเข้ากับบ่า       อีกนานแค่ไหนกว่าผมจะได้กลับมาบ้านอีก  แล้วอีกนานแค่ไหนที่ผมจะได้เจอมันอีก  ถ้าเมื่ออาทิตย์ก่อนผมไม่ทิฐิจนเกินไป  ผมยอมคุยกับมันดี ๆ  ผมคงไม่คิดถึงมันเหมือนตอนนี้

   “พี่อาร์ม . . .”

   ดูสิ ขนาดคิดถึงมัน  ยังได้ยินเสียงมันเลย  ผมคงจะเป็นเอามาก  แต่ผมไม่เจ็บปวดเหมือนครั้งแรกที่ผมจากมันไปแบบนี้  ตอนนั้นที่ดอนเมือง  ผมเดินเข้าไปในอาคารผู้โดยสารทั้งน้ำตา  เพราะผมว่า  มันคงไม่รักผมแล้ว  

   แต่วันนี้ . . .  

   . . . ผมเดินไปโดยที่ผมรู้ว่า  แท้ที่จริงแล้ว . . .

   ความรัก . . .

   . . . มันไม่ต้องการเหตุผลมิใช่หรือ ?

   “พี่อาร์ม”  ข้อมือผมโดนยึดเอาไว้

   ผมก้มลงมองที่ข้อมือ  ที่ตอนนี้มีอีกมือจับกระชับเอาไว้  มือที่ผมคุ้นเคยแต่ก่อนเก่า  เป็นมือที่ผมโหยหามาตลอดเวลาด้วยซ้ำ

   ผมยิ้มกับตัวเอง . . .  

   บางทีตอนนี้ผมอาจจะกำลังฝันอยู่ก็เป็นได้   มือที่จับมือผมเอาไว้  ทำไมผมจะไม่รู้  ว่านั่นคือมือของใคร  ผมค่อย ๆ  เลื่อนสายตาจากข้อมือ ไล่มาเรื่อย ๆ  รออีกนิดนะ  ขอเวลาผมปรับสภาพหัวใจอีกนิดเดียวเท่านั้นเอง  จนผมเห็นชัด  ใบหน้านั้น  มันดูแก่ไปกว่าที่ผมเจอเมื่อสิบกว่าปีก่อน

   ผมยิ้มให้มัน . . .

   . . .  เหมือนวันแรกที่ผมรู้จักมัน

   “พี่อาร์ม  ผมยังมีโอกาสอีกมั้ย”

   คำถามของมัน  น้ำเน่าแท้ ๆ  ผมว่า  คำถามแบบนี้ผมเคยดูในหนังนะ  ตอนที่ศรราม  พูดกับน้องนิ้ง กุลสตรี  ในหนังไทยเรื่องนึง . . .  ฝันติดไฟ  หัวใจติดดิน

   “โกเคยมี  แต่ใช้มันไปหมดแล้ว”  

   ผมพูดประโยคเดียวกับนางเอกเรื่องนั้นเป๊ะ    มันหน้าเศร้าลงเล็กน้อย  เมื่อได้ยินคำตอบ  หากแต่ผมยิ้มให้มัน  

   “จะไปจริง ๆ  หรือ”

   “อือ”  

   เสียงผมมีแค่นั้นจริง ๆ . . .  

   สามปีที่ผมกับมันมีเรื่อง  เราเหมือนคนแปลกหน้า  ถึงผมจะรู้ความจริงทั้งหมด  แต่ผมยังไม่ชิน  ผมชินกับความเหงาที่มันอยู่กับผมมาสามปี  ตอนนี้สิ่งที่อยู่ตรงหน้า  ผมไม่แน่ใจว่ามันจะใช่ความสุขหรือความเจ็บปวดอีก

   “ผมขอโทษ  ทุก ๆ  เรื่องที่ผ่านมา”

   “พี่ก็ขอโทษ  ที่ทำอะไรแย่ ๆ  ลงไป”    ผมแกะมือมันออกจากการเกาะกุม  ไม่อยากเป็นเป้าสายตาของผู้คนอีกมากมายในอาคารผู้โดยสาร

   “ผมรักพี่อาร์ม”

   “แบบพี่ . . .”  

   ผมมองหน้ามัน  ต่อให้มันเสร็จสรรพ  ยิ้มยั่วมันเหมือนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนในชีวิต  บางที  ตอนนี้ผมมีความสุขกว่าตอนไหน ๆ  เสียอีก  ในเวลาที่ผมได้เห็นใบหน้ามันเปลี่ยนสีเข้มขึ้น

   “ทำไมต้องมีต่อท้าย  ผมไม่มีคำต่อท้าย  ผมรักพี่อาร์ม  ได้ยินมั้ยครับ  ผมรักพี่อาร์ม”  

   ผมมองหน้ามันชัด ๆ   ส่ายศรีษะตัวเองไปมา  

   นี่หูผมไม่ฝาด หรือ  โลกหมุนกลับอยู่แน่ ๆ    กับสิ่งทั่มนพูดมา

   แต่ทำไมตอนนี้ ผมไม่ดีใจแบบวันที่ผ่านมา  แบบตอนที่ผมอยากได้ยินในตอนนั้น  ตอนนี้  ผมแค่อยากขอโทษมัน  อยากเห็นหน้ามัน  อยากเห็นมันมีชีวิตที่มันอยากจะเป็น  ถ้ามันแต่งงานผมก็จะดีใจกับมัน

   รอดูหน้าลูกมัน . . .

   . . . จะน่ารักแบบมันมั้ย

   “ขอบใจ”

   “พี่อาร์ม กลับมาอยู่เมืองไทยเหอะ”

   “อีกสักพักแหละ  ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร”

   “รีบมาเหอะพี่  หลวงพ่อแก่มากแล้ว  ต้องไปหาหมอทุกเดือน  ถึงหมอจะไม่บอก  แต่ผมว่าพี่อย่าไปนานเลย”

   “หมายความว่าไง”

   “คนแก่นะพี่  จะไปวันไหนก็ไม่รู้  อย่าปล่อยให้อะไรมันสายเกินไปอีกเลยพี่อาร์ม  ผมไม่อยากเป็นต้นเหตุให้พี่หนี  ถ้าพี่กลับมา  หลวงพ่อดีใจ  เพราะตั้งแต่พี่กลับมา  หลวงพ่อไม่เคยออกธุดงค์อีกเลย”

   “ขอคิดดูก่อนนะ”

   “พี่อาร์ม”

   “หือ”

   “รักผมมั้ย  ผมยังเป็นคนที่พี่รักอีกมั้ย”     ผมมองหน้ามัน  มีแต่ผมที่เคยถามมันแบบนี้  สงสัยงานนี้ผมคงหูฝาดแน่ ๆ  ผมมองหน้ามัน  เลิกคิ้วสูง

   ผมกำลังเป็นต่อมันอยู่หรือ  ได้ยั่วมัน  เหมือนที่มันเคยยั่วผม  คำตอบที่ผมเคยอยากได้มาตลอดเวลา  บัดนี้คนที่อยากได้กลับเป็นมัน

   “ถามไม่ได้ยินหรือไง”

   ผมแน่แก่ใจ  มันถามผมแน่ ๆ  แสดงว่าหูผมไม่ได้ฝาด  ผมยิ้มให้มัน  ได้เวลาที่ผมจะทวงคืนแล้วล่ะ  ขอเล่นอะไรสนุก ๆ  หน่อยนะ

   “รัก . . .”   ผมยิ้มให้มัน  มันยิ้มกว้าง    

   “. . . แบบน้อง”

   สีหน้ามันเปลี่ยนลงทันที    ผมรู้มันเริ่มหงุดหงิด  ปกติมันคุมอารมณ์ ตัวเองเก่ง  แต่วันนี้ท่าทางมันไม่มีสติมากที่จะคุมตัวเอง

   “ทำไมต้องมีต่อท้าย”  น้ำเสียงมันหงุดหงิด

   “ก็มันเป็นสิ่งเดียวที่ไม่เจ็บปวด  อย่างน้อย เราก็ไม่ต้องหลบหน้ากัน  เพราะเรารู้ว่าเรามีคนที่เรารักอยู่บนโลกนี้”

   “ครับ  แต่ยังไง  ผมก็อยากให้พี่รู้  ที่ผ่านมา  ผมรู้สึกยังไง”

   “อะไรที่ผ่านมาแล้ว  อย่าไปขุดคุ้ยมันเลย  ปล่อยมันผ่านไปเหอะ  ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าวันนี้  กับวันพรุ่งนี้  ไปแล้วล่ะ  จะได้เวลาแล้ว”  ผมมองหน้ามัน

   “พี่อาร์ม  ผมรอพี่นะ”  

   ผมกอดมันเอาไว้หลวม ๆ    เป็นกอดที่ผมอยากกอด  ในฐานะที่มันเป็นคนที่สอนให้ผมได้รู้อะไรหลายอย่าง  เพราะหากถามว่าตอนนี้  ผมรู้สึกอย่างไรกับมัน  ผมเองก็ตอบไม่ได้  รู้แค่ว่า  ไม่อยากไปใช้ชีวิตแบบที่ผ่านมาอีก  

   “รอไหวเหรอ”

   “รอพี่  ผมจะรอ”

   “สักห้าปี  ขอเวลาทำใจก่อน  ทำใจให้ความรู้สึกแย่ ๆ  มันหมดไปจากใจ”

   “ผมรอได้  สิบปี  ยี่สิบปี  หรือตลอดชีวิตผมก็ต้องรอแล้วล่ะ  ยอมแล้วกับสิ่งที่ทำไป”

   “อย่าเลย  ไปแต่งงานมีลูกให้พี่เลี้ยงดีกว่า  สอนมันด้วย  นี่ลุง  ตอนสมัยพ่ออยู่กับลุง  ทะเลาะกันบ่อย  เพราะลุงงี่เง่า”  ผมยิ้ม

   “พี่อาร์ม  ผมพูดจริง ๆ  อย่าเล่นดิ๊”

   “พูดจริงเหมือนกัน  บางทีความรัก  ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน  แค่เรารู้ว่าเรามีคนที่เรารัก  และเขาก็รักเราอยู่ ก็ดีมิใช่หรือ  อีกอย่างชีวิตแบบที่พี่เป็นไม่จีรังหรอก  สักวันเราอาจมีเรื่องต้องทะเลาะกันอีก  แล้วจะมองหน้ากันไม่ติดอีก”


   “ไม่มีทางหรอกพี่  ไม่มีเรื่องแบบนั้นอีกแน่ ๆ  ผมมั่นใจ”

   “แต่พี่มั่นใจ  ว่ามันต้องมี  อย่าพยายามทำอะไรที่หัวใจไม่ต้องการเลยโก  ทำในสิ่งที่หัวใจอยากทำไง  เหมือนตอนนี้หัวใจพี่อยากมองหน้าโก  อยากเห็นโกมีความสุข  แม้ว่า . . .”

   “อะไรพี่”  มันถามเมื่อเห็นผมเว้นระยะ

   “แม้ว่าเรื่องที่ผ่านมามันคือบทเรียน  คือสิ่งที่เราสองคนเจอมามันจะฝังรอยเอาไว้ลึก  พี่รู้การพยายามเลิกรัก  ในสิ่งที่ผ่านมามันยาก  แต่พี่จะพยายามรักโกให้เหมือนกับที่พี่รักไอ้โอ๋  ความรักแบบที่พี่มีกับไอ้โอ๋  เป็นความรักที่ดีที่สุดแล้วโก  พี่พยายามจะรักโกให้ได้แบบนั้น  โกว่าพี่พูดถูกมั้ย”

   “ครับ”

   “เพราะฉะนั้น โกเองก็ต้องพยายามรักพี่แบบนั้นให้ได้ อย่าให้ความรักที่ปนเปมากับความหลงใหลครอบงำหัวใจเรา  เพราะมันจะมีแต่ความเจ็บปวดไม่รู้จักจบจักสิ้น”  

   “ครับพี่  ผมจะพยายาม”

   “ไปจริง ๆ  แล้ว”  ผมตบไหล่มันเบา ๆ

   “พี่อาร์ม”  

   มันดึงผมมากอดเอาไว้อีก  นี่คงเป็นครั้งแรกต่อหน้าสาธารณชนที่มันกล้ากอดผม  ผมยิ้ม  มีความสุขที่สุดแล้ว  แค่นี้ก็ดีแล้วสำหรับคนแบบผม

   ผมผละออกจากมัน . . .

   . . . ยิ้มให้มัน  ก่อนหันหลัง

   “อ้อ . . .”  ผมหันกลับมา

   “อะไร”

   ผมล้วงเอาอะไรบางอย่างในกระเป๋าแลปท้อป  ก่อนมาล้วงที่กระเป๋าสตางค์

   “กุญแจห้องที่คอนโด  ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเคยขึ้นไปบนห้องหรือยัง  แต่ถ้าไม่เคยไป  ถามพี่โอ๋แล้วกันว่าอยู่ห้องไหน    เช่าเขาอยู่เปลืองตังค์เปล่า ๆ  ย้ายมาอยู่ที่คอนโดก็ได้  ไอ้พี่โอ๋ห้องนึง  อีกห้อง  เจ้าของห้องเขางี่เง่า  เจ้าอารมณ์  ขี้ใจน้อย  ขี้หึง  ถ้าโกทนเขาได้ก็ย้ายไปอยู่ห้องนั้นแหละ . . .”  ผมเอากุญแจห้องยัดใส่มือมัน

   “. . . ส่วนรูปนี้พี่ให้  เพราะพี่ว่าเจ้าของรูปนะชัด  แถมในชุดนี้หล่อมากเลย”      ผมส่งรูปที่ถ่ายเอาไว้ตอนมันรับปริญญา  รูปเดียวกับที่ไอ้โอ๋เห็นที่สมุย

    ต่อจากวันนี้ . . .

   . . . รูปนี้  คงไม่มีความหมายกับผมอีกแล้ว

   “รูปผมตอนรับปริญญานี่ . . . เฮ้ย  พี่มาด้วยเหรอที่ด้านหลังผม”

   “มาสิ  รอมาตั้งสิบปี  ไม่มาได้ไง  ต่อให้อยู่ไกลกว่านี้ก็ต้องมา  มาให้เห็นกับตา  ว่าพี่มองคนไม่ผิด”  

   ผมยิ้มให้มัน  ดูเหมือนว่ามันจะยิ้มกว้างกว่าที่เคย  เหมือนรอยยิ้มมันเมื่อสิบปีก่อนที่ผมเคยเห็น  บางที  ผมอาจได้มันคนเดิมกลับมาแล้วก็ได้  ผมพยักหน้าให้มัน  

   “ผมเดินไปส่งนะ”

   “อือ”  

   มันเดินตามผมมา  ผมอยากให้ทางเข้าด่านตรวจหนังสือเดินทางยาวไปสักสิบกิโลเมตร  คนที่ยืนตรงหน้าประตูหนังสือเดินทาง

   “ไอ้โอ๋”  

   “เออ  เรียกเหมือนไม่เคยเห็น”

   “แผนมึงอีกงั้นดิ”

   มันยิ้ม  ก่อนเดินมากอดผมเอาไว้  

   “มึงรู้มั้ยกูไม่เห็นมึงยิ้มแบบนี้มานานมาก  นานสักห้าหกปีเลยไอ้อาร์ม”

   “แหม  ช่างสังเกตุนะมึง”

   “เพื่อนกู  กูหวงของกู”

   ผมรู้  มันห่วงผม  ห่วงมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียน  จนกระทั่งวันนี้  มันยังห่วงผม ไม่เปลี่ยนแปลง  ผมอาจจะเป็นคนโชคร้ายที่เกิดมาเป็นแบบนี้  แต่ในความโชคร้าย  ผมก็โชคดีกว่าหลาย ๆ  คนที่ผมยังมีเพื่อนดี ๆ  เพื่อนที่ไม่เคยทิ้งผมเลย

   “อย่ากลับไปนานนะมึง  คิดถึง  ถ้าให้ดีรีบไปรีบมาล่ะ”   มันตบไหล่ผมเบา ๆ

   ผมเข้าใจความหมายที่มันพูด  เข้าใจมันดีอย่างที่สุด  ผมหันมายิ้มให้มันทั้งสองคน    วันนี้ผมมีความสุข   มีความสุขแบบที่ไม่ทุรนทุรายอีกแล้ว

   “พี่อาร์ม  รีบกลับมานะพี่  ผมจะรอ”  

   มันโบกมือให้ผม  เมื่อผมหันหลังกลับมามองมันอีกที  ผมพยักหน้าให้มัน  ก่อนเดินไปยังแถวตรวจหนังสือเดินทาง  

   ผมยิ้ม . . .

   . . . มีความสุขนะ . . .  

   ผมมีความสุขกว่าที่ผ่านมาเสียอีก  มากกว่าตอนที่เจอมันครั้งแรก  มากกว่าตอนที่ได้กอดมันครั้งแรก  มากกว่า . . . มากกว่า

   ทั้งหมดที่ผมเคยมี . . .

   บางครั้งผมยังอดคิดไม่ได้ว่า  บททดสอบที่ผมผ่านมาได้  ผมผ่านมาได้อย่างไรกัน  ตอนนี้ผมพร้อม  พร้อมที่จะเห็นมันเป็นในสิ่งที่มันอยากจะเป็น

   ถ้ามันเรียนจบ . . .

   ทางที่มันเลือกเดิน . . .  ผมจะยอมรับ  ไม่ว่าผมจะเจ็บปวดหรือมีความสุข  ผมก็จะยอมรับในการตัดสินใจของมัน . . . สิ่งนี้มิใช่หรือที่ผมคิดเอาไว้

   ตอนนี้ . . . มันก็จบแล้วนี่หว่า . . .

   บางที . . . นี่อาจจะเป็นคำตอบสุดท้ายที่ผมค้นหามาตลอดชีวิต

   การรอคอย . . .ทรมานเสมอ

   . . . หาก . . .

   ความสุขอยู่ที่เราได้รับรู้ว่า  คนที่เรารอ  เขาก็รอเราอยู่เช่นกัน





   ผมมีความสุข  เหมือนพันธนาการทั้งหมดโดนปลดปล่อย  ตอนนี้ผมอยู่ด้วยความสุข  ความสุขทั้งหมดที่ผมมี  เครื่องมาถึงโดฮาก่อนเที่ยง  ผมตรงดิ่งไปที่บริษัททันที  อย่างน้อยที่สุด  ผมรู้แล้วว่าผมควรจะจัดการอย่างไรกับชีวิตตัวเองต่อไปดี

   ถนนสายนี้ไกลเหลือเกิน . . .


   “พี่อาร์ม  กลับมาแล้วเหรอ”  ไอ้อาร์มเล็ก  ผมเจอมันที่ออฟฟิศตอนที่ผมจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว

   “อืม  เพิ่งมาถึงเมื่อตอนสาย ๆ  เอง”

   “แล้วมาออฟฟิศเลยนี่นะ”

   “มีธุระ  มาคุยเรื่องคอนเทคปีหน้า  อาร์มล่ะ  ไม่มีบินหรือ”  ผมมองเมื่อเห็นมันในชุดสุภาพ  ไม่ใช่ชุดปกติ

   “ลาออกแล้วพี่”

   “อ้าว  เมื่อไหร่”

   “สิ้นเดือนนี้ก็กลับเมืองไทยแล้ว”  มันยักไหล่  เหมือนไม่แคร์  ผมยิ้มกับท่าทางที่มันสาวขึ้นทุกวัน

   “ดีจัง  มีเพื่อนกลับเมืองไทยแล้ว  ไม่เหงา”  ผมยิ้มให้อาร์มเล็ก

   มันขมวดคิ้ว

   “สงสัยอะไร”

   “ที่พี่บอกมีเพื่อนกลับเมืองไทย  ผมไม่เข้าใจ  อย่าบอกนะว่า . . .”

   “อืม  ลงจากเครื่องมานี่เลย  ก็มายื่นลาออกไง  อยู่ทำไมนาน  บ้านเมืองคนอื่น  ที่ไหน ๆ  ไม่สุขใจเท่าเมืองไทยหรอก”

   “เอ้ยจริงดิ”

   “กลับไปคุยที่ห้องดีกว่า  คุยที่นี่ไม่จบแน่ ๆ  เรื่องมันยาว”  ผมยิ้มให้มันอีกรอบ
   
   


   ท้องฟ้าโปร่ง มองเห็นปุยเมฆบางเบา  เครื่องบินมานานแค่ไหนผมไม่รู้  ผมรู้แค่ว่าหัวใจผมมันไป รวดเร็ว  ตอนนี้หัวใจผมคงไปถึงกรุงเทพฯ  แล้ว   หรือที่ผ่านมา  หัวใจผมไม่เคยตามผมมาทำงานที่โดฮาเลยก็ได้   บนฟากฟ้าเมฆสวยงาม  และมันจะคงงดงามตราบเท่าที่หัวใจของคนเรามีความสุขมิใช่หรือ . . .

   การรอคอย . . .ทรมานเสมอ

   . . . หาก . . .

   ความสุขอยู่ที่เราได้รับรู้ว่า . . .  

   . . . คนที่เรารอ  

   เขาก็รอเราอยู่เช่นกัน


   ผมปิดสมุดอัลบั้มภาพที่ผมถ่ายเก็บเอาไว้  สมุดภาพบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ  มากมายที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ผ่านมา  ผมหวงแหนสมุดภาพนั้น  เพราะมันคือทุก ๆ  อย่างในชีวิตของผม  ผมลูบอัลบั้มกระดาษสานั้นเบา ๆ  ถนอมมันเท่าหัวใจตัวเอง  ก่อนที่จะเอามันเก็บในกระเป๋าใบเล็ก ๆ  เหมือนเดิม

   มีสมุดบันทึกเล่มเล็ก ๆ  ติดมากับมือ . . .  

   ผมมองสมุดเล่มนั้น  สมุดเล่มเดียวกันกับที่เพื่อนรักผมให้มา  ผมดึงรูปที่คั่นเอาไว้   สมุดที่อีกคนบันทึกเรื่องราวเอาไว้    น่าแปลกที่ผมไม่ได้อ่านมันอีกเลยตั้งแต่ที่ผมอ่านไว้ที่หน้าสุดท้ายที่สมุย

   บางที . . .

   แค่นั้นก็ทำให้ผมสัมผัสถึงความรักที่มันอยู่รอบ ๆ  ตัวผมได้เป็นอย่างดี  รูปที่คั่นเอาไว้  เป็นรูปที่ผมถ่ายกับโกเมศวร์ที่สมุย  เป็นรูปที่ผมถ่ายคู่กับมันครั้งแรก  มันจงใจใส่รูปนี้เอาไว้ในสมุดเล่มนี้แน่ ๆ  ผมพลิกดูด้านหลังภาพ . . .

   หัวใจ . . . ผูกกัน

   ผมขมวดคิ้ว  ก่อนเปิดดูที่รองปกของสมุดบันทึก  ตัวหนึงสือตัวโต ๆ  กลางหน้ากระดาษ  ใช่อักษรชุดเดียวกันกับในรูป

   หัวใจ . . . ผูกกัน

   บรรทัดต่อมา . . .

   . . . เราไม่ใช่สายเลือด  แต่  ความผูกพันเราสองคนมากกว่าคนในสายโลหิตเดียวกันเสียอีก  ไม่มีใครทำได้เท่านี้อีกแล้ว  คนที่ดีที่สุดในชีวิตของผม  . . .

   . . . คนที่เอาหัวใจผมไปไกล

   ตอนนี้ . . . เขาอยู่ที่ไหนผมรู้แล้ว

   ผมสัญญา . . .

   . . . สัญญาไว้ตรงนี้ผมจะทำทุกอย่าง  ผมจะทำทุกทางเพื่อตามหัวใจผมคืน  ผมจะไม่มีวันปล่อยหัวใจไปไกลตัวของผมอีกเด็ดขาด

   เพราะผมรู้ . . . ไม่ว่าจะไกลกันแค่ไหน

   สักวัน . . .

   . . . เราต้องมาเจอกันอีก

   เพราะอะไรนะหรือครับ . . . .ที่ทำให้ผมมั่นใจ

   . . . . ผมเชื่อ  สายใยแห่งหัวใจมันแน่นเหนียวยากที่จะตัด  ผมผิดมามากแล้ว  จะไม่ยอมผิดซ้ำอีก  บันทึกเล่มนี้เหมือนหนังสือสัญญาที่เราสองคนจะมาลงนามร่วมกัน  เมื่อวันนึงสิ่งที่ผมเขียนตกไปอยู่ในมืออีกคน  ผมถือว่าเป็นการใช้สัญญาร่วมกันอย่างสมบูรณ์  สัญญาที่จะใช้ . . . หัวใจเดียวกัน

   ก็ในเมื่อที่ผ่านมา . . .

   หัวใจ . . .(เรา)  ผูกกัน



                                                                                          ๔ มกราคม  ๒๕๕๐
   



                        จบบริบูรณ์   


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 07-06-2008 14:08:57
เข้ามาทักทายพี่อาร์ม คิดถึงนะคร้าบ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 07-06-2008 14:34:17
หื่นวะ

แถมใจร้ายอีกต่างหาก

 o12
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 07-06-2008 14:54:46
แวะมาทักทาย พี่อาร์ม ว่าแต่ หื่นอะ ทำให้ค้างอะ  ใจร้าย อิอิ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 07-06-2008 15:17:29
อิอิ หื่นแต่ลึกซึ้งด้วยความหมายน่ะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 07-06-2008 18:32:59
เอ๋???? เม้นนู๋หายไปหนายยย ทำไมมันมะมีอ่า o2
นานๆเหนพี่อาร์มหื่นที อิอิ :m25: คนขี้แกล้ง แล้วใครจะช่วยโกล่ะนั่น  :m14:
ตั้งกะอ่านมาตอนนี้แหล่ะที่ไม่ต้องเศร้า หุหุ ยักไว้ก้อไม่บอกกันนะพี่ เอามาลงอีกเลยนะ รอฉากเลิฟซีนอยู่เนี่ย นู๋รู้นะว่ายังมีอีกหลายตอน อิอิ :m12: นะคร้าบบบ พลีสสสส :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: mantdash ที่ 07-06-2008 18:50:27
อ้ะมีตอนเพิ่มมม :m1: ดีใจจังครับ เป็นตอนหื่นตอนแรกเรยนะเนี่ยอิอิ อย่าลืมมาต่ออีกนะครับ แอบหวังอยู่ครับ :oni2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 07-06-2008 19:12:53
พี่อาร์มเอาอารัยมาให้อ่านเนี่ย :o8: :o8:
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: THIP ที่ 07-06-2008 19:14:53
เคยอ่านเจอว่า เวลากลืนกินทุกสรรพสิ่งแม้แต่ความรัก 
แล้วเวลา 5 ปี จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงมั๊ยน้อ  :a1: :a1: :a1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 07-06-2008 21:40:47



ไม่ใช่ตอนพิเศษหรอกครับ . . .  เหมือนหนังไงครับ

ถ่ายเอาไว้มากมาย  แต่มาตัดให้เหลือแค่สองชั่วโมง  อันนี้ก็เหมือนกัน  ตัดเอาเฉพาะที่ผมอยากให้คนสงสารอ่ะครับ




จริง ๆ  แล้ว  มุมหื่น ๆ  ผมก็มีนะครับ . . . เรื่องธรรมดา

แล้ว  มันไม่ใช่ตอนพิเศษอะไรหรอกนะครับ  เพราะว่ามันเป็นตอนที่ผมตัดทิ้งมากกว่า  ผมเลือกที่จะเสนอในมุมที่มันดูให้ผมน่าสงสารมากกว่าที่จะให้คนอ่านหมั่นใส้ผม  อย่างที่ผมเคยบอก  ผมไม่ใช่คนดีมากมาย   ผมทำทุกอย่างเพื่อตัวผมเองทั้งนั้น

ผมไม่เชื่อ . . . ไม่เคยเชื่อเลยนะ

ว่าคนที่มีอะไรกันเป็นปีจะไม่รักกัน . . . อย่างน้อยที่สุด  ในบางเวลา  ผมไม่ใช่คนเริ่มก่อน  ถ้ามันไม่รักผมแบนนั้น  มันก็แค่อยากปลดปล่อยล่ะครับ  แต่คนแบบมัน . . .

มันพวกกามตายด้านครับ . . .

ส่วนผม . . . ชอบเขี่ยไฟอยู่เรื่อย



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 07-06-2008 22:06:23
555 ชอบเขี่ยเหมือนกัน  :o8:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: TAMAKUNG ที่ 07-06-2008 23:23:22
 :oni2: :oni2: :oni2:


จิงๆๆเลยพี่ต้น



อ่ะนะ



แต่ก็ชอบเท่าที่จบเหมือนกานนะครับบ



ติดตามพี่ต้นต่อไปนะค้าบ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 08-06-2008 00:40:06
อ๊ายๆๆๆ   อ่านแล้วอายอะ
ทำไรกัน
น่าอายที่สุด      รับมะด้ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: sun ที่ 08-06-2008 01:29:28
โอ้ววว... มาเป็นน้ำจิ้มๆๆๆ แบบนี้

 ขอให้มีมื้อหนักๆด้วยได้มะคะ พี่ชาย อิอิ    o13
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 08-06-2008 01:32:04
อยากเขี่ยไฟด้วยเหมือนกัน อิๆๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: naja ที่ 08-06-2008 08:09:26
เอาอะไรเขี่ยไฟอ่าาา  :haun1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 08-06-2008 11:18:09
เพิ่งได้อ่านตอนจบไป แล้วตามด้วยคอมโบตอนพิศษอีกสองตอน...

เรื่องนี้ทำให้หัวใจวูบวาปได้จริงๆ ส่วนตัวชอบตอนจบแบบแต่ง เพราะประทับใจจนไม่รู้จะพูดไงดี  o7

เป็นกำลังใจให้คุณอาร์มค่ะ ขอให้ก้าวหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 08-06-2008 15:03:07
อยากเขี่ยไฟมั่งอ่ะพี่อาร์ม สอนหน่อยจิ แห่ะๆ :o8:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 08-06-2008 22:44:17
ขนาดตายได้ยังไฟลุกขนาดนี้ หึหึ

ได้รับต้นฉบับแล้วนะครับ ขอบคุณมาก :m4: แล้วนะครับ

เอาเป็นว่า อย่าใจแข็งนานนะครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: kana ที่ 09-06-2008 00:43:53
ได้ต้นฉบับแล้วค้า ขอบคุณมากๆ
หายกลับบ้านมา พอกลับมาอ่าน เต็มตื้นสุดๆ  o13

ดีแล้วล่ะค่ะ ที่เป็นแบบนี้ การที่เราปล่อยอะไรไปซักอย่าง บางทีรอยยิ้มของเราอาจจะกว้างมากขึ้นกว่าเดิมก็ได้ :m1:

พี่ค้า อยากได้ ภาคพิเศษ ปิดท้ายเล็กๆน้อยๆ มีไหมค่ะ นะๆๆ ถ้าไม่รบกวนมากมาย  :mc4:ถือว่าเห็นใจเด็กน้อยตาดำๆหน่อยเถอะท่าน :oni2: :m1:
นะๆๆๆน๊า :m23:
ฮ่าๆๆ :laugh:

แล้วก็ ขอบคุณนะค่ะ ที่มีเรื่องดีๆ ที่ทำให้เรารู้สึกว่า ความรัก มันมีอะไรที่มากกว่าคำว่ารัก :bye2:



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: hasuzz ที่ 09-06-2008 01:28:39
อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ

T^T

งือออออออ




บีบหัวใจ
ร้องไห้ตามนานอยู่


แต่จบได้สวยงามนะคะ

เรื่องนี้จบลง
แต่ชีวิตมันก็ยังดำเนินต่อไป




สุดท้าย
จะว่าไหมคะ ถ้าจะขอไฟล์เรื่องด้วยคน แหะๆ
เมล์อยู่ด้านใต้ชื่อเลยค่ะพี่
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 09-06-2008 10:37:32
ได้รับไฟล์แล้วนะคะ

ขอบคุณนะคะ  :oni1:

 :pig4:   :pig4:   :pig4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 09-06-2008 11:23:40




ปล.  ไปดูหนังดีก่า . . .    สบายดีหลวงพระบาง  




เรื่องนี้ที่โดฮาเข้าด้วยเหรอพี่

ไปดูกัน

เอิ๊กๆ

 :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกลิงตัวอ้วน ที่ 09-06-2008 13:28:00
พลาดเรื่องนี้ไปได้ไงเนี่ยเรา

ชอบมากครับ ภาษาสละสลวยดีมาก

ใครมีไฟล์ขอหน่อยนะครับ

treenoppอย่าแสดงเมลบนบอร์ด

ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 09-06-2008 14:15:01




ปล.  ไปดูหนังดีก่า . . .    สบายดีหลวงพระบาง  




เรื่องนี้ที่โดฮาเข้าด้วยเหรอพี่

ไปดูกัน

เอิ๊กๆ

 :laugh:





ยังไม่พูดสักคำว่าจะดูที่ . . .  โดฮา


พารากอนก็หรูแร่ะ . .  .

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: Junrai_Hyper™ ที่ 09-06-2008 14:52:05




ปล.  ไปดูหนังดีก่า . . .    สบายดีหลวงพระบาง  




เรื่องนี้ที่โดฮาเข้าด้วยเหรอพี่

ไปดูกัน

เอิ๊กๆ

 :laugh:





ยังไม่พูดสักคำว่าจะดูที่ . . .  โดฮา


พารากอนก็หรูแร่ะ . .  .



เป็นงั้นไป

มะดูพารากอนได้ป่ะ

อยากดูที่เซ็นทรัลเวิร์ลมากกว่าอะ

 :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 09-06-2008 17:45:31
สวัสดีค่า กะลงตามหน้าอยู่ น้ำตาตกใน เศร้าจิงๆและก็ประทับใจ ฝีมือการเขียนของคุณดีมากเลย สละสลวย มันอินอ่า  :sad2:

PMขอไฟล์ไปแล้วนะคะ ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 09-06-2008 19:22:14
  o1 o1 o1 o1 o1 สุดยอด

ไม่ขอ ไม่ก๊อบ ไม่เซฟ

อยากเก็บไว้เป็นความทรงจำดีดี

ว่าได้อ่านเรื่องนี้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 09-06-2008 20:24:11
นี่เพ่ ไหนว่าเจอไอโก 23/5/51 งัย
แล้วไปแอบดูด.....   ของมันตอนมกราคมด้ายงัย


งงงงงงนะ จะบอกหั้ย o2 o2 o2 o2



ป่าวมาป่วนนะ



แค่สงสัย
ป่าวจับผิดด้วย :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 10-06-2008 02:15:04
นี่เพ่ ไหนว่าเจอไอโก 23/5/51 งัย
แล้วไปแอบดูด.....   ของมันตอนมกราคมด้ายงัย


งงงงงงนะ จะบอกหั้ย o2 o2 o2 o2



ป่าวมาป่วนนะ



แค่สงสัย
ป่าวจับผิดด้วย :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:






เสียชื่อแฟนพันธุ์แท้อันดับหนึ่งหมดเลย



กลับไปอ่านใหม่อีกรอบไป๊ . . .

พอเขียนหื่น ๆ  เข้าหน่อย    เป็นอันอ่านไม่รู้เรื่องเชียว

บอกแล้วว่า  มันเป็ตอนที่ผมเลือกที่จะตัดทิ้ง  ตามที่เขียนไว้  มันจบบริบูรณ์ในตัวมันดีแล้ว  ส่วนที่เอามาให้อ่าน มันเป็นตอนที่ตัดทิ้งไป  ไม่ได้เอามาใส่ไว้ในที่ส่งให้  จริง ๆ  แล้วตอนที่ตัดทิ้งมีเยอะมาก  ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ไม่น่าเปิเผยทั้งสิ้น

เพราะ

อย่างที่บอก  ผมเลือกเสนอมุมที่ให้คนอื่นสงสารผมไง


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 10-06-2008 04:46:13
 o7 พี่ต้นสาย ลบจิงอะ อย่าเพิ่งจิ องค์เพิ่งลงอะ กำลังตามอ่าน
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: G_wa ที่ 10-06-2008 07:06:03
 o13 o13 o13
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไม่รู้จะบอกอะไรได้มากกว่าคำขอบคุณ.... o7 o7 o7

อ่านทั้งคืนยันเช้าเลย...ง่วงนอนมากมาย
ถ้ามีตอนพิเศษมาอีกก็ดีนะคะ

ปล.อยากได้ต้นฉบับมั่งอ่ะ :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 10-06-2008 11:25:49
o13 o13 o13
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไม่รู้จะบอกอะไรได้มากกว่าคำขอบคุณ.... o7 o7 o7

อ่านทั้งคืนยันเช้าเลย...ง่วงนอนมากมาย
ถ้ามีตอนพิเศษมาอีกก็ดีนะคะ

ปล.อยากได้ต้นฉบับมั่งอ่ะ :oni2: :oni2: :oni2:


แหม่ อ้ายจี บอกจะอ่านตอนเช้า

ไหงมาอ่านตอนดึกได้เนี่ย

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 10-06-2008 20:29:54
อ่านซ๊ะ
« on: 05 May, 2008, 07:32:48 PM »
ตอนที่ ๑
19 เมษายน  ๒๕๕๑
    . . . เธอได้สอนให้รู้ว่า  ว่าความผูกพันมันซื้อความรักไม่ได้  ไม่ใช่คนที่ฝันผูกพันแค่ไหน  คงยังไม่ใช่  ผิดที่ใจหวังได้ความรักเธอ . . .
   ผมกลับมาเมืองไทย . . . เมื่อวาน  วันเดียวกันกับที่แก้มได้เดอะสตาร์  ผมได้ดู  ได้ฟังเพลงข้างบน  นั่นมันทำให้ผมยิ้ม   ยิ้มแรกในรอบสามปี   เพลงที่มันโดนหัวใจผมเข้อย่างจัง . . .   
   เกือบสองปีที่ผมจากแผ่นดินแม่  ผมไม่เคยได้อยู่บนแผ่นดินแม่มากกว่าสามสิบชั่วโมงเลยสักครั้งในรอบสองปีที่ผ่านมา  แต่ครั้งนี้  หลายวันแล้วที่ผมได้อยู่ในแผ่นดินที่ผมรัก  ที่ครั้งนึงผมเคยหนี . . .
« Reply #38 on: 10 May, 2008, 06:17:31 AM »
ตอนที่  ๖
๒๔  เมษายน ๒๕๕๑
  ผมนั่งพิมพ์ตอนที่ ๕  จบเอาเมื่อใกล้สว่าง  หลังจากที่ผมนอนไม่หลับ  ผมไม่อยากออกไปไหนเลย   หลังจากที่เมื่อวาน   (แสดงว่าเมื่อวาน 23 /4/51 ที่ไปเจอโก  ) ผมเจอเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้  มันทำให้ผมมานั่งพิมพ์อะไรได้ถึง ๕ ตอนรวด  ทุกอย่างมันไหลออกมาเหมือนท่อน้ำแตก
 


   “« Reply #664 on: 07 June, 2008, 02:06:56 PM »
สายน้ำ . . .
11 ม.ค. 2551, 22:16 น.
  ก่อนที่จะนั่งลง  เอาลิ้นระรัว . .
   “ไม่เอา”  เสียงมันบอก พลางจะผลักผมออก
   “น่านะ  ไม่เคยในห้องน้ำเลยน้ะนี่ย”
   ผมมีหรือจะยอม  ในเมื่อในมือผมมีหลักประกัน  ผมระรัวลิ้นลงไปอีก  ก่อนที่จะอ้าปากรับสิ่งแปลกปลอมอันคุ้นเคยให้เข้าไปอยู่ในสถานที่คุ้นเคยของกันและกัน  มันรู้จักกันนานแล้ว  เมื่อมันรู้จักกัน    ผมเลยรู้ว่าสิ่งที่คับแน่นในปากคืออะไร


ไม่ยอมๆๆมาว่าผมด้ายงัย



หลักฐานตำตา 

มีอีกเหตุผล1คือ แอบกินโกมานานแล้ว แต่มะยอมบอกเพื่อน








ขำขำนะ :m14: :m14:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: jay_jay ที่ 10-06-2008 23:45:36
สวัสดีคับ เป็นน้องใหม่ มาอยู่เล้าเป็ดได้ไม่นานคับ เพิ่งได้อ่านเซ็งเป็ด แล้วก็ตามมาถึง board นี้ ได้อ่ะคับ

ป๋มพึ่งได้มาเข้า board story ได้ประมาณ ไม่ถึงอาทิตย์อ่ะคับ

ก็สุ่มเลือกๆเอา

โหะ ไม่นึกว่าจะได้อ่านเรื่องโดนๆ  o7

พี่อาร์ม(ขอยาดเรียกชื่อตามที่แต่งไว้นะคับ) ใช้ภาษาได้สุดยอดมาก ป๋มนับถือคับ เป็นนักเขียนได้สบายๆ ป๋มให้ 1 vote คับ

ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้ แม้ว่ามันจะเจ็บปวด แต่ก็ทำให้ทุกคนในทู้ได้ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ไปตามๆกัน ขณะที่อ่านเรื่องนี้ (ใครกล้าเถียงอ่ะ   :angry2: 5555)

อีกอย่าง มันก็คงกลายเป็นสมบัติ ล้ำค่าที่ประเมินไม่ได้สำหรับพี่อาร์ม (ตามที่พี่ได้ตั้งใจไว้ ว่าทำไมถึงต้องมานั่งเขียน) โดยเฉพาะ เมื่อมันไปถึงมือของ "โก" (ถ้านับตามอายุ คงเป็นพี่ป๋มล่ะคับ)

ป๋มอ่านพรวดเดียว 2 วัน อาจเก็บรายละเอียดได้ไม่หมด (ที่ 2 วันก็เพราะว่ามานนนนน เยอะ มากกกกกกกกก) แล้ว อ่านไปก็จุกไปคับ ไม่กล้าร้องให้มาก ไม่ไหวก็หยุดเลยคับ ไหวแล้วก็ค่อยมาอ่านต่อ เพราะว่าช่วงนี้จิตตกบ่อยๆ สติยังไม่กลับคืนมา (คิดดูดิ่คับ ตั้งแต่อ่านเซ็งเป็ด มาเกือบ 2 อาทิตย์ แล้วอ่ะคับยังไม่หายบ้า มาเจอเรื่องนี้อีก  :sad2: ) แต่ว่างัยๆก็ต้องกลับไปอ่านอีกรอบอยู่ดีล่ะวะ กรู ชอบเข้าแล้วนี่

ไว้ป๋มมีคำถามหลังจากอ่านรอบ 2 แล้วจะมาถามพี่อาร์มนะคับ

ส่วน unoคุง (ชื่อต้นเป่าเ่อ่ย) นายแน่มากๆๆๆ (ขอยาดเรียกนายไปก่อนนะ เพราะว่ามะรู้ว่าใครแก่กว่ากัน 55555)เป็นแฟนพันธ์แท้ อันดับ 1 เอาไปเลย 1 vote   :laugh:

ปล.ถ้าหากว่าไม่เป็นการเสียมารยาท เพราะว่าป๋มมาทีหลังมากๆ ขอยาด PM พี่อาร์ม ไปขอ file นะคับ เรื่องนี้ป๋มขอเก็บไว้เป็นความทรงจำ อยากอ่านจะได้กลัยอ่านอีกรอบคับ :m5: :m5: :m5:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: jay_jay ที่ 11-06-2008 00:03:22



 **คำเตือน** 

เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อสร้างความบันเทิง ไม่เกี่ยวข้องกับ  บุคล  สถานที่  หรือเหตุการณ์ใด ๆ  ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน . . .

นะครับผม . .  .

 


ขอยาดเขียน rely อีกอันนะคับ เพราะว่าของป๋มอันก่อนหน้านี้มันยาวอ่ะคับ :m5:

เอ่อ ขอถามconfirm พี่อาร์มอ่ะคับ พอป๋มเห็นตรงนี้แล้ว ป๋มก็ย้อนกลัยไปอ่าน reply เก่าๆ พี่บอกว่า ประมาณ 80% มาจากเรื่องจริง แล้วเท่าที่ป๋มอ่าน เรื่องสถานที่ การทำงาน โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสายการบินอ่ะคับ มันเป็นจริงทุกอย่าง (มีแต่คนที่ทำงานด้านนี้ หรือไม่ก็พวกบ้าเครื่ิองบินเท่านั้นอ่ัะคับ ที่จะรู้เรื่อง)

แล้วที่สำคัญ ป๋มซูฮกเรื่องจากประสบการณ์มากกว่ามากๆคับ เพราะว่าว่ามันมีค่าประเมินไม่ได้ ส่วนเรื่องแต่ง เราจะเติมแต่งลงไปยังงัยก็ได้ เหมือนที่พี่อาร์มพูดแหละคับ

เอ ว่าแต่พี่อาร์มเขียนประโยคนี้เพื่อไรกันน้า .............. :m17:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 11-06-2008 10:29:55
อ่านซ๊ะ
« on: 05 May, 2008, 07:32:48 PM »
ตอนที่ ๑
19 เมษายน  ๒๕๕๑
    . . . เธอได้สอนให้รู้ว่า  ว่าความผูกพันมันซื้อความรักไม่ได้  ไม่ใช่คนที่ฝันผูกพันแค่ไหน  คงยังไม่ใช่  ผิดที่ใจหวังได้ความรักเธอ . . .
   ผมกลับมาเมืองไทย . . . เมื่อวาน  วันเดียวกันกับที่แก้มได้เดอะสตาร์  ผมได้ดู  ได้ฟังเพลงข้างบน  นั่นมันทำให้ผมยิ้ม   ยิ้มแรกในรอบสามปี   เพลงที่มันโดนหัวใจผมเข้อย่างจัง . . .   
   เกือบสองปีที่ผมจากแผ่นดินแม่  ผมไม่เคยได้อยู่บนแผ่นดินแม่มากกว่าสามสิบชั่วโมงเลยสักครั้งในรอบสองปีที่ผ่านมา  แต่ครั้งนี้  หลายวันแล้วที่ผมได้อยู่ในแผ่นดินที่ผมรัก  ที่ครั้งนึงผมเคยหนี . . .
« Reply #38 on: 10 May, 2008, 06:17:31 AM »
ตอนที่  ๖
๒๔  เมษายน ๒๕๕๑
  ผมนั่งพิมพ์ตอนที่ ๕  จบเอาเมื่อใกล้สว่าง  หลังจากที่ผมนอนไม่หลับ  ผมไม่อยากออกไปไหนเลย   หลังจากที่เมื่อวาน   (แสดงว่าเมื่อวาน 23 /4/51 ที่ไปเจอโก  ) ผมเจอเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้  มันทำให้ผมมานั่งพิมพ์อะไรได้ถึง ๕ ตอนรวด  ทุกอย่างมันไหลออกมาเหมือนท่อน้ำแตก
 


   “« Reply #664 on: 07 June, 2008, 02:06:56 PM »
สายน้ำ . . .
11 ม.ค. 2551, 22:16 น.
  ก่อนที่จะนั่งลง  เอาลิ้นระรัว . .
   “ไม่เอา”  เสียงมันบอก พลางจะผลักผมออก
   “น่านะ  ไม่เคยในห้องน้ำเลยน้ะนี่ย”
   ผมมีหรือจะยอม  ในเมื่อในมือผมมีหลักประกัน  ผมระรัวลิ้นลงไปอีก  ก่อนที่จะอ้าปากรับสิ่งแปลกปลอมอันคุ้นเคยให้เข้าไปอยู่ในสถานที่คุ้นเคยของกันและกัน  มันรู้จักกันนานแล้ว  เมื่อมันรู้จักกัน    ผมเลยรู้ว่าสิ่งที่คับแน่นในปากคืออะไร


ไม่ยอมๆๆมาว่าผมด้ายงัย



หลักฐานตำตา 

มีอีกเหตุผล1คือ แอบกินโกมานานแล้ว แต่มะยอมบอกเพื่อน








ขำขำนะ :m14: :m14:







ก็ยังขอยืนยันว่า . . . เข้าใจไม่ถูกอยู่ดีครับ


19 เมษายน  ๒๕๕๑
    . . . เธอได้สอนให้รู้ว่า  ว่าความผูกพันมันซื้อความรักไม่ได้  ไม่ใช่คนที่ฝันผูกพันแค่ไหน  คงยังไม่ใช่  ผิดที่ใจหวังได้ความรักเธอ . . .
   ผมกลับมาเมืองไทย . . . เมื่อวาน  วันเดียวกันกับที่แก้มได้เดอะสตาร์  ผมได้ดู  ได้ฟังเพลงข้างบน  นั่นมันทำให้ผมยิ้ม   ยิ้มแรกในรอบสามปี   เพลงที่มันโดนหัวใจผมเข้อย่างจัง . . .   


ข้อนี้  วันเดือนปีถูกต้องครับ  ในที่เขียนไว้แป๊ะ




ตอนที่  ๖
๒๔  เมษายน ๒๕๕๑
  ผมนั่งพิมพ์ตอนที่ ๕  จบเอาเมื่อใกล้สว่าง  หลังจากที่ผมนอนไม่หลับ  ผมไม่อยากออกไปไหนเลย   หลังจากที่เมื่อวาน   (แสดงว่าเมื่อวาน 23 /4/51 ที่ไปเจอโก  ) ผมเจอเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้  มันทำให้ผมมานั่งพิมพ์อะไรได้ถึง ๕ ตอนรวด  ทุกอย่างมันไหลออกมาเหมือนท่อน้ำแตก

ไม่ผิดครับเหตุการณ์ต่อเนื่อง 


แต่ . . . . . .




สายน้ำ . . .
11 ม.ค. 2551, 22:16 น.
  ก่อนที่จะนั่งลง  เอาลิ้นระรัว . .
   “ไม่เอา”  เสียงมันบอก พลางจะผลักผมออก
   “น่านะ  ไม่เคยในห้องน้ำเลยน้ะนี่ย”
   ผมมีหรือจะยอม  ในเมื่อในมือผมมีหลักประกัน  ผมระรัวลิ้นลงไปอีก  ก่อนที่จะอ้าปากรับสิ่งแปลกปลอมอันคุ้นเคยให้เข้าไปอยู่ในสถานที่คุ้นเคยของกันและกัน  มันรู้จักกันนานแล้ว  เมื่อมันรู้จักกัน    ผมเลยรู้ว่าสิ่งที่คับแน่นในปากคืออะไร

อย่างที่ผมบอกไว้ในตอนที่โพสต์ . . . .

๑. มันเป็นบางส่วนที่ผมเลือกที่จะตัดทิ้ง  เพราะผมไม่ชอบ

๒.  สายน้ำ  ผมเขียนวันที่  ๑๑ มกราคม  จจริง ๆ  และไม่ใช่  แค่วันที่  ๑๑  ยังมีก่อนหน้านั้น  และหลังจากนั้นอีกเป็นสิบ ๆ  ความรู้สึก  ผมบอกเอาไว้  ว่าผมเขียนเอาไว้ในที่แห่งหนึ่ง  แล้วผมแค่หยิบเอาบางส่วนมาโพสต์ในตอนที่โพสต์ล่าสุดเองครับ  ผมเขียนไว้ใน  HI5

ลองไปอ่านตอนที่คาใจครั้งสุดท้าย  ว่าผมเขียนไว้แบบนั้นหรือเปล่า




หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ตอนอวสาน ๕ มิ.ย. ๕๑ )
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 11-06-2008 10:50:04






   ที่ผ่านมา . . .  ผมมีอะไรให้คิดเยอะเหมือนกันนะครับ    ผมเขียนเอาไว้ในที่นึง . . . แต่ไม่บอกหรอกนะครับ  ว่าที่แห่งไหน   บอกก็กลัวดิครับ . . .




สายน้ำ . . .

11 ม.ค. 2551, 22:16 น.

 

   ตอนนี้นะเหรอ . . . ฟ้ามืดลงทุกที  ไฟถนนเริ่มเปิด  ไฟห้างสว่าง  ไฟจากป้ายโฆษณาอีกมากมาย  ทำให้โลกที่อยู่ตรงนี้มีสีสันขึ้นเยอะเลย  โลกที่ผมไม่อยากอยู่เลยสักนิดเดียว  แผ่นดินนี้ไม่ใช่ที่ของผม  ไม่ใช่แผ่นดินเกิด

   และ . . . ไม่ใช่

   . . . แผ่นดินหัวใจ . . .

   ไฟสว่าง  ผู้คนเริ่มพลุกพล่าน  หากแต่ . . . หัวใจกลับเหงาอย่างประหลาด  ผมนั่งอยู่โต๊ะเดิม  โต๊ะประจำที่มานั่งทุกครั้งในเวลาที่ผมว่าง    ผมชอบที่จะนั่งนิ่ง ๆ  นาน ๆ  เพื่อมองดูสิ่งที่เคลื่อนไหวตรงหน้า    มองลอดกระจกออกไป เห็นผู้คนคนแล้วคนเล่าเดินผ่านไป
คนที่เดินผ่านไปผ่านมา . . . มีสักคนมั้ยที่เหงาเหมือนผม

วันนี้ . . .

ชีวิต . . . ว่างเปล่า

. . .  ไร้รัก . . . ไร้ทุกข์

มีความสุขบ้างในบางเวลา  ตอนนี้คงจะรู้แล้ว  ทุก ๆ  สิ่งทุก ๆ  อย่างในโลกมันต้องใช้เวลา

เวลา . . . พามันให้มาเจอกับผม

เวลา . . . พามันจากไป

แล้ว . . . สุดท้าย  เวลาก็พามันกลับมาเจอกันอีกครั้ง

แต่ . . . ชีวิตมันเหมือนน้ำ  สถานะที่ดีที่สุดของน้ำ  คือไม่ว่าจะอยู่ในภาชะใด  ก็จะคงรูปตามภาชนะนั้น

หาก . . . ข้อที่ดีที่สุดของน้ำ

น้ำ . . . ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเสมอ  อันนี้แหละที่ผมรับเอามาใส่ในสมองกลวง ๆ  ของมัน . . . สายน้ำไหลแล้ว  ไม่ไหลกลับ

ผมค่อย ๆ  เรียนรู้การรักษาแผลใจด้วยกฎธรรมชาติ . . .



เมื่อว่าง . . . ผมมาอ่านสิ่งที่ผมเคยเขียน  ผมยิ้ม  บางทีสิ่งที่เราคิดมันง่ายเนอะ  แต่สิ่งที่เราทำนี่สิ มันยาก  ยากมากกับการที่เราจะทำให้ได้เหมือนกับที่สมองเราคิด  เพราะเราไม่รู้ว่า  วันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง  เพราะเราไม่สามารถล่วงรู้ถึงอนาคตได้นั่นเอง

ผมนั่งยิ้ม . . . เมื่อได้กลับไปอ่านมันซ้ำแล้วซ้ำอีก   ในวันเวลาที่ผ่านมา  มันสอนอะไรมากมายกับชีวิตจริง ๆ    บทเรียนที่ไม่สามารถหาได้จากห้องเรียน   และบทเรียนที่ไม่เหมือนใครกระมัง  ทุกคนล้วนมีบทเรียนชีวิตเป็นของตัวเองมิใช่หรือ ?

กับวันเวลาที่ผ่านมา . . .

   ผมมีความสุขมั้ย . . . มีนะ  ผมก็มีความสุข  มีมุมที่สนุกสนานเหมือนคนอื่น ๆ  นั่ยแหละ  ไม่ได้ทุกข์แบบที่ท่าน ๆ  เคยอ่าน  อาจเพราะผมเลือกที่จะมองในมุมมองของความเจ็บปวด  แต่ใช่ว่าคนเราจะอยู่กับความเจ็บปวดได้ตลอดชีวิตมิใช่หรือ . . .

   ผมมีความสุขกับการได้ทำอะไรให้กับคนที่ผมรัก . . .

   นานมาแล้ว . . . ผมเพิ่งนึกได้นี่หว่า
   “อาบด้วยคนดิ”  ผมมองหน้ามัน  เมื่อมันเดินเข้าห้องน้ำ  ตั้งแต่มันมาอยู่กับผม  ผมยังไม่เคยอาบน้ำกับมันเลยสักครั้ง

   “ไม่เอา  อายไม่เคยอาบกับใคร”

   








หลักฐานมันคาตา . . . .  อิอิอิ  ใครกันแน่อ่านไม่เคลียร์ 

หรือ . . . ผมเขียนไม่เคลียร์หว่า


สายน้ำ . . .

11 ม.ค. 2551, 22:16 น.

 

   ตอนนี้นะเหรอ . . . ฟ้ามืดลงทุกที  ไฟถนนเริ่มเปิด  ไฟห้างสว่าง  ไฟจากป้ายโฆษณาอีกมากมาย  ทำให้โลกที่อยู่ตรงนี้มีสีสันขึ้นเยอะเลย  โลกที่ผมไม่อยากอยู่เลยสักนิดเดียว  แผ่นดินนี้ไม่ใช่ที่ของผม  ไม่ใช่แผ่นดินเกิด

   และ . . . ไม่ใช่

   . . . แผ่นดินหัวใจ . . .

   ไฟสว่าง  ผู้คนเริ่มพลุกพล่าน  หากแต่ . . . หัวใจกลับเหงาอย่างประหลาด  ผมนั่งอยู่โต๊ะเดิม  โต๊ะประจำที่มานั่งทุกครั้งในเวลาที่ผมว่าง    ผมชอบที่จะนั่งนิ่ง ๆ  นาน ๆ  เพื่อมองดูสิ่งที่เคลื่อนไหวตรงหน้า    มองลอดกระจกออกไป เห็นผู้คนคนแล้วคนเล่าเดินผ่านไป
คนที่เดินผ่านไปผ่านมา . . . มีสักคนมั้ยที่เหงาเหมือนผม

วันนี้ . . .

ชีวิต . . . ว่างเปล่า

. . .  ไร้รัก . . . ไร้ทุกข์




ไอ้แบบนี้ . . . หาอ่านได้ตามสมุดบันทึกของเจ้าของ hi5  ซึ่งก็มีเยอะมากที่คนอืน ๆ  เขียนเอาไว้แบบน่าสนใจ  ผมว่าผมเขียนเคลียร์แล้วนะ  เพราะเวลาผมอ่านดู  ผมก็รู้ส่า  มันเป็นเวลาที่ไม่เกียวอะไรกับเรื่องที่ผมเขียนยาว ๆ  เลย 




   ที่ผ่านมา . . .  ผมมีอะไรให้คิดเยอะเหมือนกันนะครับ    ผมเขียนเอาไว้ในที่นึง . . . แต่ไม่บอกหรอกนะครับ  ว่าที่แห่งไหน   บอกก็กลัวดิครับ . . .


แบบนี้แปลว่าผมก็อปมาจากที่แห่งหนึ่งที่ผมเขียนได้ไหม




นานมาแล้ว . . . ผมเพิ่งนึกได้นี่หว่า

งั้นก็แปลว่า  เรื่องนี้ไม่ได้เกิดในวันที่ผมเขียน  อย่างที่บางคนเข้าใจได้มั้ยครับ  ไม่ใช่  ๑๑ มกราคม ๒๕๕๑  แน่นอน

อิอิอิอิ   ผมไม่พลาด  ใครกันแน่ที่พลาด



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 11-06-2008 11:11:34
555555
หน้าแหก  โป๊ะแตกเลย
 :m23: :m23: :m23:

 :o8: :o8: :o8: :o8:

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 11-06-2008 14:14:52




   ผมเคยอ่านเจอ . . . 

   ไม่ใช่สิ  ไม่ใช่ผมเคยอ่าน หากแต่  มีบางคนที่แนะนำมาให้ผมได้อ่าน  และคน ๆ  นั้น  หลาย ๆ  คนรู้จักดี . . .

   . . . อิเจ๊ . . .

   . . . เวลาคิดถึงพี่มันทรมานมาก ๆ  เลย ผมรู้  ถ้าพยายามเลิกคิด สักวันมันก็ต้องเลิกได้ แต่ผมจะไม่เลิก  ถึงทรมานเจียนตาย  ผมก็จะไม่เลิก . . .


   มันอยู่ในนิยายเรื่องนึง . . . ในเล้านี่แหละ  แต่ผมไม่บอกหรอกว่าเรื่องอะไร  เพราะบางครั้งของดี ๆ  มักจะโดนผ่านหูผ่านตาเสมอ 

   . . . คนไม่ค่อยรู้ค่าของสิ่งดี ๆ . . .

   ชีวิตของคนเรา . . . มีอะไรแปลกแตกต่างเสมอ

   ที่ผ่านมา . . . สำหรับผม  มันคือบทเรียนที่ผมคิดว่า  ผมไม่สามารถหาจากที่ไหนได้อีกแล้ว  และผมจะไม่มีวันดิ้นรนเพื่อไปหาบทเรียนใหม่ ๆ  กับใครอีกเช่นกัน

   การห่างกัน . . . คิดถึงวันเวลาที่ผ่านมา  มันทรมานจริง ๆ 

   แต่ . . . ไม่มีสักวันที่ผมจะไม่ทรมาน  ผมรู้  การตอกย้ำความเจ็บปวดให้ตัวเอง  มันเท่ากับการทำร้ายตัวเอง  แต่ผมจะทำ  หากว่ามันจะชดเชยกับสิ่งที่ผมทำไปกับใครบางคน

   ใครบางคน . . . ที่ผมบอกว่าผมรักมัน  รักมันมากกว่าชีวิตของผมเสียอีก

   ผมมานั่งทบทวนมองทุก ๆ  สิ่งที่ผมเริ่มทำมาตั้งแต่ต้น . . .

   ผมไม่ได้รักมันแบบน้อง . . .

   และทุกอย่างที่ผมทำลงไปทั้งหมด  เพียงเพื่อให้ตัวเองมีความสุขมากที่สุดเท่านั้นเอง  ผมไม่รีรออะไรเลย  ที่จะยื้อ  จะดึงมันเอาไว้เพื่อให้มันอยู่ใกล้ ๆ  ผม  ยิ่งเวลาผ่านมากไปเท่าใด  ผมกลับรู้สึกเกลียดตัวเองมากเท่านั้น

   มันรักผม . . . เพราะผมคือพี่ของมัน

   พี่ . . .  แปลได้อย่างเดียว  คือพี่

   หาก . . .

    ผมไม่เคยมองมัน  ไม่เคยมองให้ถึงหัวใจของมัน  กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ผมเดินย่ำไปบนความรู้สึกของมัน  คนที่มันรัก และศรัทธาว่าผมเป็นแสงสว่างในตัวมัน  แสงสว่างในตัวที่ค่อย ๆ  มอดลง ๆ  เพราะการกระทำที่ผมเองไม่รู้จักพอ . . .

   สำหรับมัน . . . ผมเป็นคนที่ดีที่สุดในชีวิตที่มันเจอ

   และ . . .

   ผมอีกนั่นแหละที่เป็นซาตานที่มันเกลียดและกลัวมากที่สุด . . .

   มันต้องทรมานเพราะกลัวว่าผมจะเสียใจ  ในขณะที่ผมได้คืบจะเอาศอก  ผมได้ตัวมัน  ผมอยากได้ใจมัน  ผมอยากได้ทุก ๆ  อย่างที่เป็นของมัน  ผมอยากได้แม้กระทั่งลมหายใจของมัน  เพราะผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำลงไป  คือสิ่งที่มันต้องการ  ทั้ง ๆ  ที่ในบางครั้งมันปฎิเสธผม 

   แต่ . . .

   ผมไม่เคยหยุด . . .

   ไม่เคยมองมันเลย . . . ผมไม่เคยมองมันเลยเสียด้วยซ้ำ

   มันเลยเลือกที่จะตอบแทนในสิ่งที่ผมทำ . . .

   ผมเกลียดที่มันมีคนอื่น . . . แต่มันรั้งที่จะดึงคนอื่นเข้ามา

   ผมเกลียดที่มันคุยโทรศัพท์นาน ๆ 

   แต่ . . . มันคุยแล้วสายตาที่มองมาที่ผม . . . ผมเจ็บปวด

   ครั้งหนึ่ง . . . มันเคยยั่วผม  เราทะเลาะกันเสียงดัง แล้วเป็นผมที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหว  ผมปล่อยหมัดเข้าครึ่งปากครึ่งจมูกมันไปเต็ม ๆ    มันสวนกลับมา  ไม่ใช่สิ  เรียกว่ามันปกป้องตัวเองดีกว่าถึงจะถูก  เพราะมันไม่ได้กำหมัด  มันแค่ปัดหมัดที่ผมปล่อยไปให้พ้นจากร่างกายมันเท่านั้น    แล้วเป็นผมที่สติขาดผึง  เพราะผมหันไปต่อยมันไม่ยั้ง  ผมรู้แค่ว่าตอนนั้น  คนที่ทำไปไม่ใช่ผม  ไม่ใช่ตัวผมเลยสักนิดเดียว

   “หยุดเลยมึง”  ผมชี้หน้ามัน    ผมสะใจที่ได้ปล่อยให้อารมณ์ชั้นต่ำ  ทำไปแบบนั้น

   มันมองหน้าผม  เลือดมันไหลจากจมูก  แววตาที่มันมองผม  ผมรู้ทันที  ไม่มีผมอีกต่อไปแล้ว  สายตามันมองเหมือนผมเป็นอากาศธาตุ  ไม่มีรูปร่าง  ไม่มีอะไรเลยที่ยืนอยู่ตรงหน้ามัน  แววตาแบบนั้นผมเกลียดจับหัวใจ 

   แต่ . . . ผมไม่ได้เกลียดมัน

   ผมเกลียดตัวเอง . . . ขยะแขยงตัวเองเหลือเกินแล้ว

   เลือดมันยังไหลไม่หยุด  มันเดินไปล้างในห้องน้ำ  ผมหรือ  แทบขาดใจเสียให้ได้  หากจะให้ผมตายลงตรงนั้น  ในเวลานั้น  ผมจะยอม  ผมจะยอมอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ  อีกแล้ว  ในเมื่อผมบอกเสมอว่าผมรักมัน  แต่ผมกลับทำในสิ่งที่เลวร้ายที่สุด  ผมไม่เคยทำแบบนั้นกับใครแม้กระทั่งคนที่ผมเกลียดมากที่สุด แต่ทำไมผมถึงกระทำสิ่งเลวร้ายกับคนที่ผมรักมากที่สุดไปได้  ผมทำลงไปแบบนั้นได้อย่างไรกัน

   ผมยังมีความเป็นคนหลงเหลืออยู่อีกมั้ย . . .

   มันเดินออกมาจากห้องน้ำ . . . เลือดยังไม่หยุดไหล

   ผมมองหน้ามัน  ผมอยากย้อนเวลาได้  ผมอยากย้อนเวลาไปก่อนหน้านี้  อามรมณ์ชั่ววูบของผมมันมีมาก  ผมไม่เคยควบคุมสติอารมณ์เลย  สิ่งที่ผมทำ  มันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า  ผมกอดมันเอาไว้  มันยืนนิ่ง ๆ  ไม่มีปฎิกิริยาว่ารังเกียจ . . . หรือ ยอมรับ 

   หากมันแสดงท่าทีรังเกียจ . . . ผมคงไม่รู้สึกอะไร

   แต่ . . . ในเมื่อมันยังยืนให้ผมกอด  มันเท่ากับว่าเป็นการตอกย้ำความรู้สึกผิดลงที่ผม  ผมทำอะไรลงไป  ผมทำเรื่องที่ไม่มีคนรักที่ไหนเขาทำไปหรอก

   ผมปล่อยมันช้า ๆ  ก่อนที่จะเดินเข้าห้อง  ปิดประตู  แล้วผมทำได้แต่การปล่อยให้น้ำตาของความเสียใจมันปล่อยออกมามากที่สุด 

   แผลทางกาย . . . อีกไม่นานก็คงหาย

   หาก . . . แผลที่ติดในหัวใจผม  มันจะยังคงอยู่ในหัวใจของผมตลอดไป  มันยิ่งกว่าแผลเป็น  มันเป็นแผลที่ไม่มีวันที่จะรักษามันได้  เพราะผมเลือกที่จะกรีดซ้ำที่แผลเดิมทุกครั้งที่ผมรู้สึกว่าแผลมันเริ่มทุเลา 

   ผมไม่อยากทำร้ายมัน . . .

   แต่มัน . . . มันตอบแทนในสิ่งที่ผมทำกับมัน  เพราะมันรู้จักผม  เวลาที่มันเจ็บ  คนที่เจ็บปวดกว่ามันคือผม  แล้วมันก็เป็นผู้ชนะบนหยาดเลือดและคราบน้ำตาของมัน  มันทำให้ผมเจ็บปวดเจียนตายในทุก ๆ  เช้าที่ผมตื่นมา  แล้วเห็นรอยเขียวช้ำที่เป้าตาของมัน

   ผมจะไม่มีวันให้อภัย . . .

   ผมไม่ยอมให้อภัยกับสิ่งที่ผมทำมันเจ็บเจียนตายเด็ดขาด  ผมจะไม่ยอมทำร้ายมันอีก  ผมไม่อยากทำร้ายคนที่ผมรักอีกแล้ว  เพราะผมรู้  อารมณ์ส่วนต่ำของผมมันจะแสดงออกมาเป็นสิ่งเด่นชัดทุกครั้งในยามที่ผมควบคุมสติไม่ได้  บาดแผลของมัน  ฝั่งแน่นจรดลึกในความทรงจำของผมเสมอมา

   บาดแผลที่แม้แต่ทุกวันนี้ . . .

   มันหลอกหลอนผมทุกครั้งที่ผมหลับตา . . . ผมไม่อยากทำร้ายมัน  เพราะผมรู้  มันรักผมมากกว่าที่ผมรักมันเสียอีก  มันยอมแม้กระทั่งกลายเป็นคนไร้ศักดิ์ศรีเพื่อผม

   สิ่งที่ผมบอก . . . ผมอยากเห็นมันมีอนาคตที่ดี

   บางที . . . อาจเป็นแค่คำโกหกที่สวยหรู  เพราะแท้จริงแล้ว  ผมอยากเห็นมันมีอนาคตที่ดีหรือ  ผมอยากให้มันมาอยู่ใกล้ ๆ  ผมกันแน่

   สุดท้าย . . . ผมได้คำตอบ

   คำตอบที่ผมเองก็เกลียดตัวเองเหลือเกิน  สิ่งที่ผมทำ  เทียบไม่ได้  กับความเลวร้ายที่คน ๆ  นึงต้องประสพพบเจอ  ผมไม่รู้เหมือนกันว่า  ถ้าแลกกันได้  ระหว่าผมกับมัน  ใครจะเจ็บปวดมากกว่ากัน

   ผม . . .  ทำ  ทุก ๆ  อย่างเพื่อที่จะให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ  ผมยอมทุกอย่างเพียงเพื่อไม่ต้องเสียสิ่งที่ตัวเองรัก 

   มัน . . . ทำทุกอย่างเพื่อคนที่มันรัก  แม้จะเจ็บปวด  แต่มันไม่เคยพูด  ไม่เคยเอ่ยคำพูดนั้นออกมา  มันเก็บเอาความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้อย่างมิดชิดที่สุด  มันทนเจ็บปวดต่อความรู้สุกของตัวเอง  ความเป็นพี่ของผม  ค่อย ๆ  หมดลงช้า ๆ  มันหมดสิ้นศรัทธาที่มันเคยมีจากผม

   อย่าว่าแค่  ปีเลย . . .

   เวลาที่เหลือต่อจากนี้อีกทั้งชีวิต . . . ผมก็ไม่มีวันให้อภัยตัวเอง  ไม่มีวันที่ผมจะเลิกเกลียดและขยะแขยงตัวเอง  กับสิ่งที่ผมได้กระทำลงไป


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: mist ที่ 11-06-2008 14:49:09
คุณอาร์มไม่ให้อภัยตัวเอง แต่โกให้อภัยแล้ว ก็ลืม ๆ มันไปเถอะ ถือว่าเจ๊ากันไปละกัน  :laugh:

ป.ล. 5 ปี สำหรับคนบางคนอาจดูไม่นาน แต่สำหรับบางคนอาจยาวนานเหมือน ร้อยปี  ถ้าเข้าใจกันดีแล้วก็น่าจะคืนดีกันซะดีกว่า เพราะบางที "พรุ่งนี้ก็อาจสายเกินไป" ไม่ได้แช่งนะ แต่เราไม่รู้อนาคตนี่ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เพราะงั้นทำวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่านะ    :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: Kisses ที่ 11-06-2008 14:59:08
ที่เป็นแบบนั้นก็คงเพราะว่าคุณอาร์มรักคุณโกจริงๆ จะเป็นรักดีประเสริฐเลิศเลอ หรือเป็นรักที่น่าเกลียดน่ากลัวในคราวเดียวกันก็ตาม
ถ้าเป็นตัวเรา บอกตามตรง เมื่ออะไรๆมันล่วงเลยไปแล้ว คนๆนั้นตรงเข้ามาบอกกับเราด้วยตัวเองว่าเขาก็รักเราเหมือนกัน ไม่ใช่รักแบบพี่น้อง
มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่จะปรับอารมณ์ จิตใจ ความเชื่อ ให้ทุกๆอย่างกลับไปลงตัว แบบที่เขาก็รักฉัน ฉันก็รักเขา งั้นเราแฮ๊ปปี้เอนดิ้ง อะไรประมาณนี้

มาถึงจุดนี้ก็นึกชมที่คุณอาร์มตั้งชื่อเรื่องว่า 'รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน'
เพราะมันเจ็บปวด ยิ่งสำหรับตัวเรา อดกลัวไม่ได้ว่าเขารักเราแบบเดียวกันจริงหรือ ไม่ใช่แค่สงสาร ไม่ใช่แค่สำนึกผิด ไม่ใช่เยื่อใยที่รัดเราเอาไว้ด้วยกันจนแน่น

การกลับไปอีกครั้งมันจะดีจริงๆหรือเปล่า? ไม่แปลกถ้าจะตั้งคำถาม
โดยส่วนตัวเราเป็นคนยึดติด เป็นคนฝังใจ เรายอมทรมานเพื่อให้แน่ใจในข้อกังขาต่างๆ
และถึงแม้บางครั้งจะโหยหาเจียนตาย แต่เราก็เข้าใจ จะมีใครเข้มแข็งกับคนที่รักได้ เราอยากอยู่กับเขา อยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง
เป็นเพราะว่าเรายังมีหัวใจ คงไม่ผิดมากมายถ้าเราจะขอคิดถึงบ้าง

อืม...ไม่ว่าคุณอาร์มจะตัดสินใจยังไง จะต้องใช้เวลาแค่ไหน เราก็ขอเอาใจช่วยค่ะ
มันไม่มีผิดหรือถูก ในเรื่องของความรักอะไรก็เกิดขึ้นได้ และเท่าที่เห็นมาคนมักเห็นแก่ตัวเสมอ
คุณจะเป็นคนดีหรือซาตาน อย่างน้อยคุณก็รู้ตัวว่าทำร้ายเขา ต่างฝ่ายทำร้ายใครมากกว่ากันไม่มีใครรู้ดีเท่าเจ้าตัว
ถึงยังไงคุณก็มีวันนี้ วันที่เขียนเรื่องราวให้เราอ่าน ขอบคุณมากๆ
หวังว่าความเกลียด ความขยะแขยงที่คุณรู้สึกจะลดทอนลงไปเรื่อยๆ และถ้าได้ตกหลุมรักใครอีกครั้ง ก็ขอให้มีความสุขค่ะ :กอด1:

คอมเม้นท์เครียดไปไหมง่ะ :o8: อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองซาดิส ชอบตอนทำร้ายจิตใจมากกว่าตอนหื่น :o


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: อิง ที่ 11-06-2008 15:01:58
สิ่งที่ผ่านมามันกลับไปแก้ไขไม่ได้ ถึงมันยังเป็นความทรงจำที่เจ็บปวดก็เหอะ

แต่อย่างน้อยเวลานึกถึงมันก็มีทั้งรอยยิ้มและน้ำตาแหล่ะเนาะ แหะ

ห่างหายไปหลายวันจากตอนจบที่คุณอาร์มลงไว้ เพิ่งจะได้มาอ่านอีกครั้ง

ยังไงก็ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณอาร์มนะคะ   :L2:

ปล. ยังไม่ได้ส่ง PM ไปขอเรื่องจากคุณอาร์มเลย ไม่ทราบว่ายังไม่หมดเวลาใช่มั้ยคะ แหะ แอบเอ๋อ   :o8:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: pongsj ที่ 11-06-2008 15:27:54
เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราแก้ไขและทำปัจจุบันให้ดีที่สุดชดเชยอดีตได้น่ะคับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 11-06-2008 16:04:56
อดีตมีไว้จำ อนาคต ต่างหากที่มีไว้ทำ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: ifwedo ที่ 11-06-2008 16:24:29
มาเป็นกำลังใจในทุกๆทางเลือกละกัน เลือกแล้วมีความสุขก็เลือกสิ่งนั้นไปเลย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: jay_jay ที่ 11-06-2008 16:44:49
เหะๆๆ เครียดแฮะ

อ่านแล้วต้องคิดตามอีกแยะ   

ว่าแต่เข้ามาให้กำลังใจเจ้าของทู้คับ เคารพในการตัดสินใจของแต่ละคนคับ

ผลออกมางัย ก็เป็นสิ่งที่เราได้กลั่นกรองออกมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว

สู้ๆคับ พี่
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: ~@มาวินฮับ@~ ที่ 11-06-2008 16:57:54
อยากได้ต้นฉบับเหมือนกันคับพี่ ratchabut รบกวนส่งให้ด้วยคับbankmk2526อย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: TOS ที่ 11-06-2008 17:41:00
ขอขอบคุณที่ส่งต้นฉบับมาให้ ผมได้รับแล้ว ติดตามเรื่องนี้มานาน ชอบมากๆ แต่ไม่ได้คอมเม้นท์เลย ผมคิดว่าคุณอาร์มคงมีการตัดสินใจในการดำเนินชีวิตข้างหน้าของตัวเองไว้เรียบร้อยแล้ว คำแนะนำใดๆที่จะให้เปลี่ยนความคิดคุณอาร์ม ก็คงจะไม่เป็นผล และเราก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วคุณตัดสินใจเช่นไรจะเป็นเหมือนที่แต่ละคนพยายามเดากันอยู่หรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่จะดีไม่น้อยถ้าจะมาบอกถึงการตัดสินใจให้แฟนคลับทราบกันบ้าง นะครับ เวลาเท่านั้นที่จะช่วยเราได้ในกรณีเช่นนี้ แต่ว่าจะนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับที่ว่าเราจะปล่อยว่างได้มากแค่ไหน ไม่ยึดติดกับอดีต ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง ไม่กลัวที่จะต้องผิดหวังอีกครั้งและไม่กลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ เพราะจริงๆแล้วเราทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องเร่ิมต้นกันใหม่ทุกๆวัน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา  ความกลัวทำให้เราไม่กล้าที่จะเดินหน้าออกไป ความคิดของเรามักจะขีดกรอบให้กับเราทำให้เราต้องติดคุกแห่งจิตใจตัวเอง มันล้วนแล้วแต่ทำให้เราเป็นทุกข์  จนกว่าที่เราจะเลิกขีดกรอบให้กับตัวเอง แล้วทลายกำแพงนั้นออกมา เราจึงจะพบกับอิสระภาพที่แท้จริง เป็นกำลังใจให้ครับ    o13       :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 11-06-2008 17:52:07




ขอก๊อปที่ผมอ่านเจอมานะครับ . . .


หนังสือเล่มหนึ่งเคยบอกว่า
สิ่งที่ดีที่สุดของมนุษย์คือความทรงจำ
ไม่ว่าสุข หรือ ทุกข์
เมื่อเวลาผ่านไป
สิ่งเหล่านั้นจะกลายเป็นความทรงจำ
ยามนึกถึงความสุขจะอิ่มเอม
ยามนึกถึงความทุกข์ก็ทำให้ดื่มด่ำ


แต่สำหรับผม...
แค่ความทรงจำไม่เพียงพอ
ผมเคยถามคนที่ผมรักว่า
จะปล่อยเรื่องของเราให้เป็นแค่ความทรงจำหรือ
ทั้งที่เราช่วยกันสานต่อปัจจุบันได้
เขาตอบผมว่า...
เรื่องบางเรื่อง ก็ไม่อยากเก็บไว้แม้แต่ในความทรงจำ
และหนึ่งในเรื่องบางเรื่องนั้นคือ เรื่องของผม.....


ไม่รู้จะพูดยังไงดี . . . เพราะความทรงจำ . . . ลืมยากแฮะ




หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: jay_jay ที่ 11-06-2008 18:16:13
^
^
^
^

โหะ ซึ้งคับ เห็นด้วยยยยยยยย

เอาไปเลยคับ 1 vote

มันยากที่จะลืมจริงๆแหละคับ  o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 11-06-2008 20:01:53
ออกมาแฉด้านมืดขอตัวเองแล้วหรอ


เอาอีก  ชอบๆๆ


 :m4: :m4:


ตอนนี้อยู่ที่ไหนของโลกอะ อยากรู้

 :oni1: :oni1:

ผมว่า 5ปีนานไปนะ
ถ้าพรุ่งนี้คนที่คุณรักจากไปคุณอาจเสียใจนะที่ไม่ด้ายอยู่กะเขา
ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่จงมอบความสุขให้แก่กัน เพราะว่าเราจะด้ายไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง

 :L1: :L1: :L1: :c5: :c5: :c5: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 11-06-2008 20:29:23
ไม่รู้ 5 ปีนานไปไหม แต่สิ่งที่รู้คือ แม้คุณอาร์มยังไม่ให้อภัยตัวเอง แต่โกให้อภัยแล้ว การวิ่งหนีหัวใจตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย ชีวิตคนเราแสนสั้น และไม่แน่นอน อยากให้ใช้เวลาที่มีอย่างมีค่า เรื่องบางเรื่องเราอาจกลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดียิ่งกว่าเดิมได้นะ

 :a1:

ปล. หมดเขตขอไฟล์แล้วเหรอคะ  :sad2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 11-06-2008 20:45:54
เฮ้อ..พี่อาร์ม พอเรื่องราวเคลียรแล้ว ให้อภัยโกแล้ว กลับมาไม่ให้อภัยตัวเองซะง้านนน :เฮ้อ:
แล้วต้องรอถึงเมื่อไหร่ล่ะพี่....น้องฟังแล้วทรมานแทน แห่ะๆๆ :m23:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: jay_jay ที่ 11-06-2008 22:57:18
ออกมาแฉด้านมืดของตัวเองแล้วหรอ


เอาอีก  ชอบๆๆ


 :m4: :m4:


ตอนนี้อยู่ที่ไหนของโลกอะ อยากรู้

 :oni1: :oni1:

ผมว่า 5ปีนานไปนะ
ถ้าพรุ่งนี้คนที่คุณรักจากไปคุณอาจเสียใจนะที่ไม่ด้ายอยู่กะเขา
ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่จงมอบความสุขให้แก่กัน เพราะว่าเราจะด้ายไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง

 :L1: :L1: :L1: :c5: :c5: :c5: :L1: :L1:

โหะะะ reply นี้โดนอ่ะ 5555

เปรี้ยวมากกกกกก

งัยก็เป็นกำลังใจ เอาใจช่วยคับ (สาธุ ขอให้ได้มีโอกาสใช้ QR ไป europe อย่างที่ตั้งใจไว้ แล้วเจอเจ้าของทู้ทีเหอะะะะะ อยากขอลายเซ๊นต์  :o8:)
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 11-06-2008 23:34:45
ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่โกยังรอพี่อาร์มอยู่รึเปล่า แต่ถ้าพี่โกยังรออยู่ ผมว่านะ...

พี่กลับไปเถอะครับ

ผมไม่ได้คิดว่า เรื่องมันควรจะแฮปปี้เอนดิ้ง หรือจบแบบเจ็บปวด แต่...

พี่เองก็ได้บทเรียนแล้วว่า ชีวิตคนเรามันสั้นมาก
ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต
เวลาเดียวที่เรามี คือ "ปัจจุบัน"

ถ้าพี่อาร์มไม่ให้อภัยตัวเอง ก็เท่ากับทรมานพี่โกไปในตัว

พี่แน่ใจแล้วเหรอว่า เวลาที่พี่ไม่อยู่ พี่โกจะมีความสุข
ถ้าเกิดวันหนึ่งพี่โกจากไป โดยไม่ได้ร่ำรา พี่อาร์มจะรู้สึกยังไง
แล้วถ้าเกิดวันที่พี่โก ต้องการพี่อาร์ม แล้วพี่อาร์มไม่อยู่เพื่อเขา ไม่เป็นการทำร้ายเขาทางอ้อมเหรอครับ

ผมว่า การที่มีคนรักเรา และการได้รักใคร มันเป็นเหมือน เรื่องดีๆ ที่เราควรจะเก็บไว้
"เกย์"ที่มีความรักดีๆ มีไม่มากนะครับ และยิ่ง"เกย์"ที่มีคนรักตอบได้ขนาดนี้ ยิ่งมีน้อยใหญ่เลย



ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการคิดแทนไปซะหมด คิดเอง เออเอง เพราะผมไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด
แต่ผมอยากให้มี 'ความรัก' เกิดขึ้นบนโลกทุกวัน
รักตัวเองมากๆ และรักพี่โกด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 12-06-2008 06:09:28
ในที่สุดก็ตามเก็บจนทัน  :a2: :a2: จบแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย แต่เล่นซะใจหายใจคว่ำ

40 ตอน ตอนสุดท้ายที่อ่านแล้วมีความสุข ที่เหลือเศร้าค๊อดๆ  o7 o7




พี่ต้นสายเค้าขอด้วยนะ ส่งมาด้วย  :laugh: :laugh: จะไปเย็บเล่มเอง
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: Tsukasa999 ที่ 12-06-2008 07:18:33
ตอนหลังๆมีแถมมาอีกมากมาย ... :o

แนวทางเหรอคะ..ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วทุกข์ก็ห่างกันก็พอ แต่ขอให้เข้าใจกันดี เราเชื่ออย่างที่คุณพูดนะ รักกัน ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้กัน เพราะหากใกล้กัน มันก็มีแต่ทุกข์

ตอนนี้เราว่าคุณก็ดำเนินมาถูกทางแล้วครึ่งหนึ่ง ถ้าได้กลับไปก็จงมองเขา มองอย่างผู้ให้ มองด้วยความอาทร

กี่คนในโลกใบนี้ที่จะมีคนที่มีแต่การให้ ร่างกายเราไม่ได้ทุกข์ หัวใจเราต่างหากที่ทุกข์
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 12-06-2008 09:05:19




กฎในการอ่านเรื่องนี้ . . .

๑.  ตอนอวสาน  คือคำตอบทั้งหมดของเรื่องนี้  หากไม่เข้าใจคำตอบ โปรดกลับไปอ่านอีกครั้ง

๒.  หากมีตอนอื่นเพิ่มมา  นั่นหมายถึง  สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่อาร์มจะตัดสินใจทุก ๆ  อย่าง  ซึ่งหมายความว่า  มันเกิดก่อนหน้านั้น  ก่อนหน้าตอนอวสาน เพราะมันคือสิ่งที่เขียนเอาไว้  แล้วผมเลือกที่จะตัดทิ้ง  เป็นความรู้สึกตอนนั้น  ตอนที่ผ่านมานานแล้ว  ไม่ใช่ความรู้สึก ณ ปัจจุบันนี้

๓. ด้านมืด  ไม่มีใครอยากมองหรอก  แต่ทุกคนย่อมมีด้านมืดของตัวเอง  ผมเลยเลือกที่ตัดด้านมืดออกไปในฉบับสมบูรณ์ของผม

๔.  ไม่ต้องสงสารอาร์ม  เพราะเท่ากับตอกย้ำว่าสิ่งที่อาร์มทำผิด . . .

๕. ถ้าไม่เข้าใจให้กลับไปอ่านที่ ข้อ ๑.  ทำตามขั้นตอนนั้นอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: zandwizz ที่ 12-06-2008 09:45:47
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คงเป็นการให้อภัยนะครับ

โกรธ เกลียดตัวเองไป ก็เท่านั้นนะ ไม่ได้ช่วยให้สิ่งที่ผ่านมามันดีขึ้นหรอก

อย่าลืมสิคับ เราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะ พอถึงพรุ่งนี้ วันนี้มันก็เป็นอดีต

อย่างที่คุณราชภัฏบอก

อย่าโทษว่าเป็นความผิดตัวเองเลย เนอะ......

เป็นกำลังใจให้คับ

 :m4: :m4: :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: jay_jay ที่ 12-06-2008 15:15:24
รับแซบบบบบ ค้าบบบบบ  :a9:

เคารพในการตัดสินใจของแต่ละคนเสมอค้าบบบบ

ว่าแต่่ มารอตอนพิเศษ   :o8:

กะรอความฝันที่จะบินไป Europe กะ QR แล้วขอลายเซ็นต์เจ้าของทู้  :กอด1: (แล้วตรูจะโดนเค้าเตะมะเนี่ย  :laugh: :laugh: :laugh:)
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: subaru ที่ 12-06-2008 19:53:09
เข้ามาอ่านเรื่องนี้เป็นวันที่สองแล้วเพื่อนแนะนำให้อ่าน  :L2:ยังอ่านไม่จบแต่อยากขอไฟล์บ้างคะ อ่านแรก ๆ ชอบมากแต่เศร้าจัง :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 13-06-2008 00:08:46
o13 o13 o13
 :pig4: :pig4: :pig4:
ไม่รู้จะบอกอะไรได้มากกว่าคำขอบคุณ.... o7 o7 o7
อ่านทั้งคืนยันเช้าเลย...ง่วงนอนมากมาย
ถ้ามีตอนพิเศษมาอีกก็ดีนะคะ
ปล.อยากได้ต้นฉบับมั่งอ่ะ :oni2: :oni2: :oni2:

ตามน้องจีมา

อ่านเรื่องของพี่แล้วน้ำตาคลอตลอดเรื่องเลย
ได้อะไรจากเรื่องพี่มาหลายอย่าง รวมทั้ง
  “อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา” 
+1 ให้กับพี่ที่นำเรื่องดีดีมาแบ่งปัน
+1 ให้กับเพื่อนที่แสนดีอย่างพี่โอ๋
+1 ให้กับแดนน่ารักมาก :o8: :o8: โดยเฉพาะตอนที่ 34
+1 ให้กับโกที่รอคอยพี่มาตลอด
(อันนี้+ไป1แล้ว อีกทุก 12 ชั่วโมงจะมาบวกให้อีกตามจำนวนที่บอก)

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( อีก ๒๘ วันจะลบสิบตอนแรกนะครับ 7/06/08 )
เริ่มหัวข้อโดย: nanalonely ที่ 15-06-2008 14:32:37
มา + ให้พี่อาร์มครบแล้วนะค้าบบบ

ช้าไปนิด อาทิตย์นี้เที่ยวแหลกไปหน่อย


ไปรออ่านเรื่องใหม่ของพี่อาร์มต่อดีกว่า :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: jay_jay ที่ 15-06-2008 17:04:49
เหอะๆๆๆๆ มารอตอนพิเศษตอนต่อไป  :o8:

ร๊อ รอ รอ รอ

แล้วก็รอว่าเมื่อไหร่จะได้บิน QR 5 STAR AIRLINES   :oni2:

เหอะๆๆๆ ว่าแต่ รูป avatar...... รูปพี่อาร์ม ป่ะ เชกชี่...... ที่ซู๊ดดดดดดดด  :m25:

ปล. ไปถ่ายที่ทะเลตะวันออกกลาง หรือว่าที่สมุยคับเนี่ย เหอะๆๆๆๆ
 
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 15-06-2008 21:57:00




เหอะๆๆๆ ว่าแต่ รูป avatar...... รูปพี่อาร์ม ป่ะ เชกชี่...... ที่ซู๊ดดดดดดดด  :m25:

ปล. ไปถ่ายที่ทะเลตะวันออกกลาง หรือว่าที่สมุยคับเนี่ย เหอะๆๆๆๆ
 




มะช่ายผมคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบ

รูปนั้น . . . อาร์มเล็ก

ทะเลประจวบเองอ่ะ  อิอิอิอิ



หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน ( ๕ ปี น้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับคนแบบผม )
เริ่มหัวข้อโดย: jay_jay ที่ 15-06-2008 22:07:13
เง้อออออออ เป็นพี่อาร์มเล็กนั่นเอง (เอ.... :confuse: เรียกพี่ถูกป่ะเนี่ย ตรูก็ 25 ละ)

เอารูปพี่อาร์มเล็กมาแร้ว  แล้วรูป เชกชี่.... ของพี่อาร์ม ใหญ่ อ่ะ where 's it ????  :laugh3: :laugh3:  :laugh3:

ครายอยากเห็น ยกมือด่วนนนนนนน   :oni2:

ปล. ยังรอต่อ ตอนพิเศษอยู่นาก๊าบบบบ  :o8:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Gussohigh ที่ 20-06-2008 02:54:00
 :m15: :m15: :m15: :m15:

อ่านยางไม่จบเลยซึ้งโคตร

พรุ่งนี้มาอ่านต่อ หุหุ

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 27-06-2008 00:06:48




วันนี้ . . . ไม่เหมือนเมื่อวานหรอก

วันนี้ . . . เจอใครบางคน  คนที่ดีคนนึงที่ผ่านมาในชีวิต

คิดถึงวันเวลา . . . คิดถึงอาร์ม

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 27-06-2008 15:36:56


 **คำเตือน** 

เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อสร้างความบันเทิง ไม่เกี่ยวข้องกับ  บุคล  สถานที่  หรือเหตุการณ์ใด ๆ  ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน . . .

นะครับผม . .  .


ผมว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับคนที่โดนพาดพิง . . .ผมขออนุญาตเจ้าของกระทู้แล้ว  ว่าผมอยากรู้ความรู้สึกของโก . . .  และเจ้าตัวก็ยินยอมให้ผมเขียน  มันเลยออกมาเป็นแบบนี้  แบบที่ทุกคนได้อ่าน

ผมไม่รู้ว่าจะแยกอีกกระทู้  หรือต่อกระทู้นี้ดี 

จะเอาไงดีครับ . . .แยกหรือต่อที่นี่




  


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: PRINCE1975 ที่ 27-06-2008 15:45:33
อยากจะถามอ่ะ คือเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าอ่ะ  เพราะเห็นตอนจบเขียนว่าเป็นเรื่องแต่ง เริ่มสับสน
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แก้ว ที่ 27-06-2008 16:43:31
 :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 27-06-2008 22:19:17
เขียน  อีกมุมหนึ่งก็ดีนะ อยากรู้อยู่ว่าเค้าคิดยังไง ต่างจาก อาร์มมากน้อยแค่ไหน
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AidinEiEi ที่ 27-06-2008 23:03:45
คุณต้นสายคะ ขออนุญาตเก็บเรื่องนี้นะคะ :m1:
ความจริงอยากจะขอเป็นต้นฉบับด้วยซ้ำอ่ะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าคุณต้นสายจะให้เหมือนกับคุณ ราชบุตร รึเปล่านะคะ :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 28-06-2008 07:58:35
 

 **คำเตือน** 

เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อสร้างความบันเทิง ไม่เกี่ยวข้องกับ  บุคล  สถานที่  หรือเหตุการณ์ใด ๆ  ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน . . .


ผมไม่แน่ใจ  แต่ผมอยากให้หลายคนรู้ . . . โดยเฉพาะคนที่เคยอ่านเรื่องนี้ . . .

หากตอนนี้มีอีกเรื่อง    อีกมุมมอง  ของตัวละครอีกฝากฝั่ง   หัวใจ . . . ผูกกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=5049.0)

ผมเคลียร์กับ  rajchabut  แล้วนะครับ  อยากเสนออีกมุมมอง  และอาจไม่ยาวเท่า  ไม่มากเท่าที่คนเดิมเขียนไว้นะครับ . . .

ไม่ใช่ตอนที่  ๑ . . . แค่ส่วนหนึ่งในเรื่องเท่านั้นเอง   เอามาให้อ่านเล่น ๆ ในกระทู้นี้ . . .

ปล.  อยากเขียนครับ  แบบมันคาใจกับความรู้สึกตัวเอง




  



ถ้าเราย้อนเวลาได้  เราอยากจะย้อนเวลามั้ย ?

   สำหรับผม . . . ผมจะย้อน  ผมจะย้อนเวลามันกลับไป  ผมจะไม่ยอมให้เรื่องราวมันเกิดขึ้นแบบที่ผ่านมาเป็นแน่  ผมจะเก็บจะกอดเอาคนที่ผมรักเอาไว้  ผมจะไม่ยอมให้คนที่ผมรักต้องเสียน้ำตาเด็ดขาด  สิ่งที่ผมทำลงไป  มันเลวร้ายที่สุดสำหรับชีวิตของคนสองคน 

   . . . บทเรียนที่ผมไม่มีวันลืมชั่วชีวิต . . . .

   
   ก่อนหนาวแรกของปีนั้น . . .

   . . . พี่อาร์ม . .

   ในยามเช้าที่อากาศหนาวเหน็บ  ผมเห็นพี่เขาตามตลาดนัด  แกจะมีความสุขกับการได้ถ่ายภาพวิถีชีวิตความเป็นไปของคนที่บ้านผม  ภาพชาวเขาที่เอาของป่าแปลก ๆ  มาขาย  พี่แกจะหยุดถ่ายภาพ  และจะตอบแทนน้ำใจของเขา  โดยการซื้อสินค้า  ทั้ง ๆ  ที่บางครั้ง  แกไม่ได้ใช้สินค้าที่แกซื้อเสียด้วยซ้ำ

   ผมยิ้มกับสิ่งที่ผมเห็น . . .

   ผมเป็นอะไรไปหว่า . . . ทำไมผมมองผู้ชาย  ผมอยากมองนะ  แต่ผมไม่อยากมีอะไรแบบที่คนทั่วไปอยากจะมีกัน  ผมรู้อย่างไรเสีย  ผมก็เป็นผู้ชาย  และผมมีความรู้สึกว่า  ผมไม่ได้มองพี่เขาเพราะเรื่องชู้สาวแน่ ๆ    ไม่รู้นะ  เวลาสาย ๆ  บางครั้งผมจะเห็นพี่เขาที่ร้านกาแฟ  เขานั่งอ่านหนังสือ และที่ขาดไม่ได้  บนโต๊ะนั่นจะมีกล้องอยู่ข้าง ๆ  ตัวด้วยทุกครั้ง

   บางครั้งพี่เขาหันมามองผม . . .

   ผมต้องหลบสายตา  จนกระทั่งวันนึง  พี่เขายิ้มให้  แล้วทักทายกับผม  ผมดีใจนะ  พี่เขาเป็นกันเองกับผมมาก  และมักจะมีเรื่องสนุกมากมายมาเล่าให้ผมฟังอยู่เสมอ  และแทบทุกครั้งพี่แกจะถามอยู่เสมอ . . . ทำไมไม่เรียนต่อ

   พี่อาร์มจากไปพร้อมคำถามที่ถามผมเอาไว้

   สิบปีข้างหน้าทำอะไร ? . . .

    . . . แล้วอีกห้าปีล่ะ ? . . . ปีหน้า ?

   เดือนหน้า . . . แล้วถ้าวันนึงไม่มีนักท่องเที่ยวจะทำอะไรต่อ ?

   ผมไม่รู้หรอกว่าพี่เขาคิดอะไร  ผมรู้เพียงแค่ว่า  ผมต้องหาเวลาไปเรียน กศน.  อย่างน้อยที่สุด  พี่อาร์มกลับมาคราวหน้า  แกอาจจะดีใจที่ผมเรียนจน

   




   รถค่อย ๆ  เคลื่อนออกไปแล้ว  พี่อาร์มไปแล้วจริง ๆ  ด้วย  ผมจำได้  คนที่ก้าวขึ้นรถคนสุดท้าย  ใช่พี่อาร์ม  ผมบิดคันเร่งเพื่อจะไล่ให้ทันรถคันนั้น . . .

   “พี่อาร์ม  พี่อาร์ม”    ผมตะโกนเรียก   เมื่อรถหวานเย็นจอดรับคนเมื่อวิ่งเลยป้ายที่พี่อาร์มขึ้นมาอีกเกือบสองกิโลเมตร

   คนที่ชะโงกหน้าออกมา  แววตาแดง  เหมือนคนอดนอนผสมกับเพิ่งเสียน้ำตา  พี่อาร์มเป็นอะไรไป  ทำไมพี่อาร์มไม่ยอมบอกให้ผมฟังบ้าง   ในเมื่อพี่อาร์มไว้ใจผม  และเอ็นดูผม  แล้วเรื่องที่หนักอกหนักใจ  ทำไมพี่อาร์มไม่ยอมพูดให้ผมฟังบ้าง

   
   “สุขสันต์วันเกิดนะพี่  มีความสุขมาก ๆ  นะพี่”    ผมยิ้ม  ไม่มีอะไรจะให้พี่อาร์มหรอก  ผมรู้แค่ว่า  ถ้ามีใครสักคนที่ห่วงผม  ผมจะเห็นพี่อาร์มเป็นคนแรกเสมอ

   “ขอบใจ”    เสียงพี่อาร์มสั่น

   ผมเห็น  รอยยิ้มในน้ำตาของพี่อาร์ม  พี่อาร์มยิ้มทั้งน้ำตา  เพราะอะไรหรือ  ผมไม่รู้เหมือนกัน  ผมรู้แค่ว่าผมเกลียดแววตาเวลาที่พึ่อาร์มเศร้าเป็นที่สุด  ผมไม่ชอบเลย  ผมไม่อยากเห็นแววตาเศร้าของพี่อาร์ม

   “ปิดเทอมมาอีกนะพี่”

   “ไม่รู้เหมือนกัน  ปีหน้าจะจบแล้วอาจลงซัมเมอร์”

   อากาศหนาวเหน็บจนผมต้องกอดตัวเองเอาไว้  รถคันนั้นค่อย ๆ  กลืนหายไปกับสายหมอกยามเช้า  หากที่ผมไม่รู้  น้ำตาผมไหลออกมาทำไม

   ผมได้แต่ยืนนิ่ง ๆ 

   ปล่อยให้คงวามรู้สึกภายในมันหายไปให้หมดก่อน  แล้วผมจะเข้มแข็ง  ผมจะกลับไปบ้าน  บ้านที่ผมเกิดและเติบโตมา  ผมไม่รู้หรอก  ว่าน้ำที่อยู่บนใบหน้าผม  อย่างไหนคือน้ำค้างยามเช้าหรือหยาดน้ำตากันแน่

   ผมรู้แค่ว่า . . .

   หัวใจผมมันเย็นเยียบ . . . หรือรถสีแดงเล็ก ๆ  คันนั้นมันมาพรากเอาหัวใจของผมไปแล้ว  ผมเหมือนคนตัวเบา ๆ  เหมือนคนไม่มีความรู้สึกใด ๆ 

   ผมจะรอ . . .

พี่อาร์มไม่มีวันให้ผมคอยโดยไม่มีจุดหมายหรอก  สักวันนึงพี่อาร์มจะกลับมา . . . ผมแน่ใจ 

   แน่ใจอย่างที่สุดแล้ว . . .




หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarin ที่ 28-06-2008 09:07:36
 :m1:..มาจองที่นั่งค้าบ....อิ.อิ.
รอบนี้สื่อจากมุมของโก....รึคร้าบ...
K.ต้นสายคร้าบ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: astral ที่ 28-06-2008 18:59:35
เด๋วดึกๆตามมาอ่านค่า  :oni1:

 :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: TAMAKUNG ที่ 29-06-2008 00:51:43
 :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:


ดีครับพี่ต้นสาย


เป็นกำลังใจ ให้พี่เสมอครับ

โจโจ้ เอง
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 29-06-2008 23:04:17
ดีใจจังที่ได้อ่านทางฝั่งของโกบ้าง

มาต่อเร็วๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: subaru ที่ 01-07-2008 20:07:46
เข้ามารอคะ :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 01-07-2008 22:47:17



อีก  ๔  วัน


จะมาลบนะครับ . . .


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 02-07-2008 04:50:20

•  “พี่อาร์ม  ผมรักพี่จัง  รักเหมือนรักแม่ผมเลย”    มันมากอดผม(คุณแม่)เอาไว้.......ว้าย!

• มันเรียนได้ ๓.๗๖  ผมยิ้มกว้าง  ผมช่วยคนผิด ?

•  “เวลาที่กอดแบบนี้รู้สึกยังไง”

   “ก็อุ่นดีพี่  เหมือนกอดพ่อเลย” อิอิ

•  “อย่ามาทำเป็นเก่งกับกรูไอ้อาร์ม  กรูเพื่อนมึง  ไหล่กรูนี่รับน้ำตามึงมาเท่าไหร่แล้ว  ทำไมกรูจะไม่รู้จักมึง”

ชอบประโยคนี้จังค่ะ

• ทำไมผมไม่รับมันต้องแต่มันขอโอกาส . . .  ผมมีเหตุผลของตัวเองเสมอ.......?

• แต่มุกที่มันเอามาเล่น  มันไม่รู้หรือว่าผมเครียดหนักเข้าไปอีก

มุก  น. ชื่อหอยทะเลกาบคู่ในสกุล Pinctada วงศ์ Pteriidae 
 อาศัยอยู่ตามแนวปะการัง ให้ไข่มุกและมุกซีก เปลือกใช้ทําเป็นเครื่องประดับได้.

มุข, มุข-  [มุก, มุกขะ-] น. หน้า, ปาก; ทาง; หัวหน้า; ส่วนของตึกหรือเรือนที่ยื่นออกมาจากส่วนใหญ่ มักอยู่ด้านหน้า. (ป., ส.).
 
• สิ่งที่มันพูด . . . ทำให้อีกคนมองหน้าผมในอีกไม่กี่ปีต่อมา.......ไม่เข้าใจประโยคนี้ค่ะ

• “โก   เปลี่ยนผ้าให้อาร์มก่อน  มันฉี่เต็มเลย”  ผมได้ยินเสียงไอ้โอ๋บอก  เมื่อมันมาแตะที่ผ้านุ่งของผม

ต๊าย โรงพยาบาลไหนกันนี่ ผ่าตัดไม่ใส่แค้ทฯ( urinary catheter ) 55

• “โห  มิน่า  คบกันได้  มุกแต่ละมุก

• “ไปหาไรกินที่เล้าจ์ก่อน”   ผมบอกมัน  ที่นั่นของกินเยอะมาก  ดีกว่าพี่ใหญ่เสียด้วย  เพราะบางกอก  มีเล้าจ์ส่วนตัวและมีแค่คลาสเดียวชั้นประหยัด

ทำไมไม่ใช้"บูติค"ล่ะคะ.......แปรพักตร์รึคะ ?

• “มันไม่รักผมแล้ว  มันมีผู้หญิงเหมือนที่ผมเคยมีมาก่อนมัน”.......นี่ก็ไม่เข้าใจค่ะ "ผม"เคยมีผู้หญิงมาก่อนรึคะ

• ไอ้โกเหรอ . . . เดินนิ่งเหมือนคนไร้ชีวิต

• นั่นหมายความว่าท่านจะเป็นคนที่ได้อ่านตอนอวสารก่อนคนอื่น ๆ  ในเล้านะครับ

อวสาน  [อะวะ] ก. จบ, สิ้นสุด. น. การสิ้นสุด, ที่สุด. (ป., ส.).

คุณต้นสายแนะให้มาอ่านค่ะ เมื่อคืนนี้เอง

ก็ ม้วนเดียวจบเลยค่ะ มีข้อสงสัยเล็กๆน้อยๆนะคะ

ขอบคุณนะคะ คุณ Rajchabutt
.
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: subaru ที่ 03-07-2008 07:37:26
อ้าวลบ..แล้วโกไม่เขียนต่อเหรอคะ  :m23:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 03-07-2008 08:42:39




กดที่นี่    หัวใจ . . . ผูกกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=5049.0)


ไปอ่านที่กระทู้นั้นนะครับ


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tsuyu ที่ 03-07-2008 16:31:03
พึ่งเข้ามาอ่านค่ะ 2 วันกว่าจะจบ เสียน้ำตาพอสมควร

จะลบแล้วเหรอค่ะ เสียดายเหมือนกัน  o7

แต่ไม่เป็นไรค่ะ จะไว้ในความทรงจำ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: jay_jay ที่ 03-07-2008 21:58:19
เง้ออออ พี่อาร์ม จาลบแ้ล้วเหรอออ

คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ตอนอ่านเรื่องนี้อ่ะ นึกแล้วเสียดาย

กว่าจาควนหาทู้เจอ

ขอบคุณมั่กๆ สำหรับเรื่องราวของพี่อาร์มมา share ให้กันนะคับ  :bye2:

ปล. ช่วงนี้ไม่มี schedule บินเหรอคับ เหง เข้า board เปงว่าเล่น แถมเปลี่ยน avatar เป็ง"แฟนกูหวง ห้ามจีบ"

หรือว่า กลับมาอยู่เมืองไทย แล้วก็คืนดีแร้วคับ  :m1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 03-07-2008 22:25:38


ทุกตารางนิ้วของแผ่นดินไทย . . . บ้าน

ที่ไหน . . . จะสุขใจเท่า

. . .บ้านเรา . . .


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: jay_jay ที่ 03-07-2008 22:59:59
^
^
^
^
จิ้มๆๆๆๆๆ

คิดถึงที่  :กอด1:

ปล. ตกลงว่ายังทำที่ QR อยู่ป่ะพี่ ป๋มยังมะมีโอกาสได้ใช้บริการเลย  :laugh: จาได้เห็นพี่อาร์ม Welcome on board  :m1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: subaru ที่ 04-07-2008 07:24:54
ขอบคุณคะ.. รีบตามไปอ่านความคิดโกเลย :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: artday ที่ 06-07-2008 01:32:32
 :m4: :m4: มารายงานตัวคับว่าอ่านจบแล้วและจะตามอ่านด้านของโกต่อ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mango ที่ 13-07-2008 12:11:00
Thank you, น้องอาร์ม

Thanks for sharing your story.  :กอด1:  :กอด1:

Many thanks to น้องต้นสาย for your introducing.  :L2:  :L2:

It’s took me a long time to finished because after chapter five I couldn’t continue. :m15:  :m15:

After read lots of comments I started read again even its hurt,
so I’m finished the story with tear.

น้องอาร์ม, I respected your decision whatever you do it’ll be for yourself.

Please love yourself,  do for yourself.


I have something to tell you, I’m growing up with a broken family I live with my mother.

I hardly see my father, I always tell myself that I’ll see him some time, next month, next week or next day off but I never make it.

My father passed away twelve years ago but the scar in my heart never healed.
Why I always had an excuse to see him,  what I’m waiting for?

I never have a change to tell him how much I love him.


Last year I was spent three weeks with my mother in the hospital, I told her everything I want to say.

She passed away two days after I left.

Life is too short, we never know what will happen tomorrow.


Today, I’m happy,  working,  spending my spare time with you all.


Take care

P’mango  :bye2:


PS. Farang is in the garden so I can have a long talk, otherwise I may have only a short comment.

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tanutchai ที่ 18-07-2008 00:14:00
อยากได้เรื่องนี้จนถึงตอนอวสานมั่งอะ :pig4: :pig4: :pig4: :oni2: :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: BangAor ที่ 18-07-2008 09:15:24
อยากได้ไฟล์ อะพี่ pm ไปแล้วนะ

อยากได้ อยากได้ o7 o7
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 24-07-2008 20:59:36



คิดถึง . . .

บางคน

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: yaoifan ที่ 05-08-2008 22:13:41
เพิ่งมาเริ่มอ่านเรื่องนี้ แต่บางส่วนโดนลบไปบ้างแล้ว อยากอ่านส่วนที่โดนลบไปด้วย

แต่อ่านแล้ว เศร้ามากๆเลย เป็นกำลังใจให้คุณอาร์มสู้ๆ นะคะ

บางทีมุมมองในเรื่องความรักคงต้องเปลี่ยนไป จะทำให้เจ็บปวดน้อยลง

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 05-08-2008 22:17:52
อยากได้เก็บไว้เหมือนกันค่ะ

ขอด้วยนะคะ ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 16-09-2008 15:54:05



ใครอยากได้ต้นฉบับ . . .

PM.  ทิ้งเมล์ไว้ด้วยนะครับ  จะส่งให้ครับ

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tonsai_2520 ที่ 07-10-2008 18:58:14



ใครอยากได้ต้นฉบับ . . .

PM.  ทิ้งเมล์ไว้ด้วยนะครับ  จะส่งให้ครับ







แปลว่า . . .  จงใจลบเด่ะครับ

คนไม่ได้อ่านอย่าอิจฉา . . . พลาดไปแร่ะ


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: r.anddy ที่ 25-11-2008 23:27:19
ช่วงนี้ เป็น ไรไม่รู้
สงสัยจะเข้าหน้าหนาว (แต่ว่ามันก้อไม่ค่อยหนาว)
แต่ชอบเสพไรที่มันเศร้า ๆ
อย่างไร ขอต้นฉบับด้วยนะคับ
ถึงจะเป็นเรื่องแต่ง แต่ก็  กินใจ
อย่าลืม แบ่งปัน ไรดีดี อย่างนี้อีกนะ

r_anddyอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: bluesky ที่ 09-12-2008 23:48:41
 
     เคยร้องไห้ตามอาร์ม....อ่านกี่ครั้งก็ยังชอบ
  ขอเก็บด้วยคน(ฝากmailแล้ว)...ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: barbieBot ที่ 02-01-2009 01:49:12



ใครอยากได้ต้นฉบับ . . .

PM.  ทิ้งเมล์ไว้ด้วยนะครับ  จะส่งให้ครับ




อยากอ่านอ่ะคับ รบกวนPMให้ผมด้วยคร้าบบบบบบ  :impress3:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ronney ที่ 27-01-2009 16:01:14





ขออนุญาตลบลิ้งค่ะ




 
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mecon ที่ 27-01-2009 16:10:45
ู^
^
^


จิ้มคุณ ronney ขอบคุณมากๆคะ ตามไป


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sakiko ที่ 27-01-2009 16:57:28
   เรื่องเดียวกันเลยครับ  เอามาฝากคนที่อ่านไม่จบ 

ขอบคุรมากค่ะ

ตามไปอ่านด้วย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: barbieBot ที่ 14-02-2009 00:55:47



ใครอยากได้ต้นฉบับ . . .

PM.  ทิ้งเมล์ไว้ด้วยนะครับ  จะส่งให้ครับ




อยากอ่านอ่ะคับ รบกวนPMให้ผมด้วยคร้าบบบบบบ  :impress3:


เอ่อ...

ยังไม่ได้เลยอ่ะคับ สงสัยคนแต่งคงจะลืมผมไปแล้วแน่  :z3:

 :sad4:  อยากอ่านๆ จังเลยคร๊าบบบบบบ~

ใครมีต้นฉบับ ส่งให้ผมมั่งจิค้าบบบบบ barbieBotอย่าแสดงเมลบนบอร์ด

 :impress2: ขอบคุณล่วงหน้าเลยคับ :)
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: barbieBot ที่ 14-02-2009 00:59:41
   เรื่องเดียวกันเลยครับ  เอามาฝากคนที่อ่านไม่จบ 

ขอบคุรมากค่ะ

ตามไปอ่านด้วย

อืมมม อันนี้ก็ตามไปอ่านบ้างแล้วคับ แต่ดูเหมือนมันจะขาดๆบางตอนไป อ่านดูเหมือนมันไม่ค่อยประติดประต่อไงไม่รู้อ่ะคับ
มีใครเป็นมั่งมั้ยคับ?

 :confuse: :confuse:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Jeremy_F ที่ 14-02-2009 09:56:00
Happy Valentine's day นะคร้าบบ พี่  :L1:
 :bye2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: chatkub ที่ 14-02-2009 13:57:02
เรื่องนี้ผมเคยอ่านที่บอร์ดอยู่บอร์ดหนึ่งอ่ะ

คนแต่งคนเด่วกานเลย

ไม่รู้เค้าไปลงเองป่ะ บอร์ด gtc

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: killme ที่ 15-02-2009 18:13:52
irreplazableอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com


ขอด้วยครับบ

มันไม่ติดต่อเลยอ่ะครับบบ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: C2U ที่ 16-02-2009 22:55:18
เหมือนจะเคยขอแล้ว  ขออีกได้มั๊ยคะ

PM เมล์ ไปนะคะ 

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงแห่งเมืองน้ำแข็ง2 ที่ 29-03-2009 17:55:24
ได้อ่านช่วงต้นๆอ่ะค่ะ ชอบจัง แต่เนื้อหาหลังๆหายไปหมดล่ะ อยากได้ต้นฉบับมากค่ะ ทำยังไงดีคะ หมายความว่าให้โพสอีเมลทิ้งเอาไว้เหรอคะ ขอความกรุณาใครช่วยมาไขความกระจ่างทีค่ะ ไม่ไหวแร้ววว
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: converseyut ที่ 30-04-2009 23:25:39
อ่านไปอ่านมาหายไปหมดเลยกำลังอินอ่ะ  แล้วจะใด้อ่านใหมครับนี่   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 02-05-2009 20:30:36


ทิ้งเมล์ไว้หลังไมค์โลดพี่น้อง

หรือ . .

XXXXXแอดmsnดอทcom

หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 06-05-2009 22:58:07
ขอด้วยคนฮะ  พอดีน้ำตาผมมันปริ่มๆจะไหล แต่ไม่ไหลซะที
อึดอัดฮะ  อยากได้ตัวช่วย

XXXXXแอดฮอทเมล์ดอทคอม  (ใครจะแอ๊ด MSN มาคุยกันก็ไม่ว่ากันนะคับ   :bye2:)
^
^
^
ll

กฏ ข้อที่ ๘. ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
ให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่า
แล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ด
เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

พึงจารจำกันให้ถ้วนทั่ว ทุกตัวคน

เจ้สอง  :bye2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: e27cgj ที่ 08-05-2009 01:16:56
ชอบมากครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: นางมารร้าย ที่ 25-06-2009 16:33:11
เพิ่งอ่านจบค่ะ ชอบมาก ๆ เลย อยากอ่านเรื่องจากทางโกบ้าง  หาได้จากไหนอ่ะคะ

ใครมีขอบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: allegracmc ที่ 03-08-2009 22:13:23
 :sad4:

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคัฟ

ชีวิตนี้ มีทั้งสุข และ เศร้า

^ ^

" ถ้ารักทำให้ทุกข์ แล้วสุขคืออะไร ถ้ารักทำให้เสียใจ แล้วเหตุใดใจยังต้องการ"

คำพูดนี้ เป็นคำพูดประจำตัวผมเลยนะคัฟ  ^^
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: CheRRyCaKe ที่ 20-08-2009 09:32:11
เป็นครั้งแรกที่โพสค่ะ... ตามมาอ่านไม่ทัน โดนลบไปซะแล้ว ยังไงขอต้นฉบับด้วยคนนะคะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: keem ที่ 11-09-2009 22:57:53
ยังอ่านได้อู่ไหมหว่า
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: p_bombus ที่ 25-09-2009 19:13:37
อ่านไม่ได้แล้วอะครับ


เสียใจ :sad11: :monkeysad: :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: BiiW ที่ 09-10-2009 18:15:31
ชอบจัง


สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: nicepooh ที่ 25-10-2009 21:41:56
อ่านได้แค่หน้าที่ 5 ก็อ่านต่อไม่ไหวแล้ว มันทรมานมาก อ่านแล้วกดดันความรู้สึกตัวเองมาก ไม่รู้ว่าจะอ่านต่อจนจบได้ไหม
ทำไมมันเศร้าจัง ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงรู้สึกเจ็บปวด ผมอยากอ่านต่อนะ แต่ว่าขอเบรกหน่อย อ่านต่อไปกลัวขาดใจตายไปก่อน
ความเจ็บปวดของคุณผมไม่อาจสัมผัสได้ แต่ผมคิดว่าผมสัมผัสบางส่วนจากเรื่องของคุณได้นะ
เป็นกำัลังใจนะครับ จะกลับมาอ่านต่อเมื่อคิดว่าตัวเองพร้อมจริง ๆ พร้อมที่จะรับรู้ความเศร้า และ ความเจ็บปวดของคุณอาร์มนะครับ  :sad4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: beamfinder ที่ 15-02-2010 02:41:52
 :L3: :L3: :L3:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kingphai ที่ 22-08-2010 18:09:07
ดีคับ
เพิ่งเข้ามาอ่านอ่ะ
เลยพลาดไปหลายๆตอนเลย
ก็เลยงงๆนิดหน่อย
ขอบคุณมากนะครับ
สำหรับเรื่องราวดีๆและการแบ่งปัน
มีความสุขๆมากๆน้าาา
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 10-09-2010 17:39:14
หน้า  ๕    ตอนที่  ๑๕
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: NaTTo ที่ 14-09-2010 18:41:34
อยากอ่านต่อจังเลย ใครมีพอสงเคราะให้หน่อยได้มั้ยครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 15-09-2010 13:51:38
ตอนที่  ๒๑  หน้า  ๗
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 16-09-2010 18:24:01
ตอนที่ ๒๕  หน้า ๙
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 16-09-2010 20:06:21
ตามอ่านแบบรวดเดียวจบ ตั้งแต่ 16.00 - 20.00 ปวดตามากมาย แต่สนุกดีครับ ชอบภาษาเขียนของคุณราชบุตร แต่เสียดาย ที่ได้มาอ่านเวอร์ชั่นหลังจาก edit ไปแล้ว ขอบคุณครับ สำหรับเรื่องราวดีๆ  o13
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 18-09-2010 03:56:08
ขอบคุณอีกครั้งครับ ตามมาอ่านฉบับเต็ม จนจบอีกรอบ ได้อะไรหลายๆอย่างจากเรื่องนี้ครับ ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: armchair2535 ที่ 19-09-2010 15:35:21
ชอบอ่ะ   ภาษาการเล่าเรื่องเหมือนทมยันตีเลย

    อ่านแล้วได้อะไรหลายอย่าง     :pig4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ThyRist ที่ 25-09-2010 23:59:45
เข้ามาอ่านรวดเดียวจบครับ

ทำไมหลาย ๆ คนในบอร์ดร้องตั้งแต่ตอนแรก ๆ

แต่ผมมาร้องรวดเดียวตอนจบเลย ตอนนี้น้ำตายังไม่หยุดไหลเลยงับ

นี่ถ้าเรื่องจบแบบไม่ happy นี้ท่าจะนอนไม่หลับ - -

เสียดาย เป็นคนไม่ค่อยชอบอ่านนิยาย

เพราะว่าเราเลือกไม่ได้ว่า เรื่องไหนบ้างที่เราอ่านแล้วจะประทับใจเหมือนเรื่องนี้


คนเขียน มีความสามารถในการถ่ายทอดสูงมากครับ

อ่านแล้วสามารถทำให้อินได้ง่าย ๆ

แบบนี้น่าจะไปเขียนหนังสือขายนะครับ

ชอบภาษาของคุณมาก

รวมถึงรูปบรรยากาศของเมืองเหนือ

บ้านเกิดของผมที่มีสเน่ห์ (ผมไม่ได้อยู่ปายนะครับ อยู่เชียงใหม่)

ผู้เขียนก็สามารถถ่ายทอดให้เข้าถึงเหมือนได้ไปเที่ยวที่นั่นจริง ๆ ทีเดียว


แล้วผู้เขียนก็ทำให้ผมนึกออกนะครับ เวลาที่จากบ้านมาไกล ๆ

ทำให้ความคิดถึงบ้านของผมเป็นอย่างไร มีความรู้สึกอย่างไร

เมื่อได้ยินเพลงชาติ และได้เห็นพระบรมฉายาลักษณ์

น้ำตามันไหลมาแบบไม่รู้ตัวจริง ๆ ครับ


ขอทิ้งท้ายว่าชอบมาก ๆ ครับ ทั้งเนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่อง

และบทสรุป เสียดาย น่าจะเข้ามาอ่านเร็วกว่านี้

ไม่ทราบว่าผู้เขียนยังพอจะมีต้นฉบับเก่าเหลืออยู่ไหมครับ ผมจะได้ขอเลย



รบกวนด้วยนะครับ

..
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pidoma ที่ 27-09-2010 03:57:25
 o13 o13 o13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: supery ที่ 28-09-2010 01:24:58
ขอบคุณมากนะคะ ที่เข้ามาลงเรื่องเต็มให้ ยังอ่านไม่จบค่ะ น้ำตาท่วมไปแล้ว เขียนได้ดีจริงๆค่ะ เมื่อไหร่เลิกบินก็เขียนเป็นอาชีพเลยเถอะ ไม่เคยอ่านเรื่องของใครแล้วต้องเสียน้ำตาขนาดนี้เลย ยิ่งบอกว่าเป็นเรื่องจริงก็รู้สึกเจ็บปวดไปกับคุณจริงๆ เดี๋ยวจะไปอ่านต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: supery ที่ 01-10-2010 00:39:32
อ่านจบแล้วค่ะ ใช้เวลาค่อยๆอ่านหลายวัน ตาบวมไปทำงานทุกวันขอบคุณอีกครั้งค่ะที่เขียนเรื่องดีๆมาให้อ่าน ประทับใจมากๆ แต่ว่า หัวใจ...ผูกกัน เข้าไปอ่านไม่ได้แล้วค่ะ ช่วยเอามาลงอีกทีได้ไหมคะ จริงๆอยากจะขอไฟล์ต้นฉบับทั้งสองเรื่องเลยค่ะ อยากเก็บเอาไว้
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 06:01:08
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: takkie ที่ 15-04-2011 23:13:55
อ่านรวดเดียว วันเดียวจบเลยครับ

**********..............ก็ไม่ชอบ sad ending อ่ะครับ ยอมเสียน้ำตาตลอดเรื่องแล้วขอรอยยิ้มตอนท้ายยังดีซะกว่า
ขอบคุณสำหรับอารมณ์รักนุ่ม ๆ ครับ


บอกไว้ในกระทู้เรื่องรักเอยฯ ไปทีนึงแล้วว่าไม่ชอบจบเศร้า ๆ
ผมอ่านเรื่องนั้นแล้วไม่ยักเข็ด ยังอุตส่าห์ตาม link ที่คุณราชบุตรไปแปะไว้หลังจากนั้น ไม่น่าเลยผม
ถึงจะยิ้มได้ในตอนท้ายเรื่อง แต่ตาผมก็บวมเป่งไปแล้ว ผมจะจำไว้ว่าคุณชอบเล่น(ร้าย ๆ) กับความรู้สึกคน
คราวหลังจะไม่ตาม link มาอีกแล้ว
*
*
*
*
*
*
*
*
*
*
*
*
*
*
แต่ผมจะเลือกเรื่องที่มีนามนี้ปรากฏ แล้วก็อ่านเอง ไม่พึ่ง link อีกแล้วครับ กระซิก  ๆ ๆ


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Hachi_an1234 ที่ 26-04-2011 00:59:24
เพิ่งเข้ามาอ่านได้สักพักอะ.. พี่อาร์มฮับเข้าในพี่นะ.. รักมากก็เกลียดมาก..
จิงๆๆก็อยากให้แก้แค้นโกแหละ.. แต่ว่าก็นะ.... เหอะๆๆๆ ยิ่งทำร้ายโกมากเท่าไร.. พี่อาร์มเองก็ยิ่งเจ็บมากขึ้นเท่านั้นด้วย...
สงสารพี่อะ.. แต่ไม่เข้าใจจิงๆๆ ทำไมโกต้องโกหกกันขนาดนี้..
ตอนที่ขี่รถแหกโค้งก็แบบให้อภัยโกเต็มที่อะ.. คิดว่าช่วงวัยรุ่นก็แบบนะ.. มีผู้หญิงเข้ามาเยอะ.. อยากลองบ้างไรบ้าง..
แต่หลังจากนั้นคิดว่าโกจะเปลี่ยนแปลงแต่ป่าวเลย.. มันเลวร้ายกว่าเดิมเยอะอะ..
ถึงขนาดเปลี่ยนชื่อผู้หญิงคนนั้นแล้วโกหกพี่อาร์มว่าไม่ได้คุย แต่จิงๆๆแล้วคุยกันอยู่ทุกวัน..
จิงๆๆถ้าเป็นเราก็คงทนแบบนี้ไม่ได้หรอก..อยากให้พี่อาร์มทิ้งโกไปแล้วให้โกรู้สึกว่าการขาดพี่อาร์มเป็นยังไง..
หรือไม่ก็ให้พี่อาร์มประชดไม่สนใจหรือว่าไปคุยกับคนอื่นให้โกรู้สึก..
จิงๆๆแล้วมันเป็นความรู้สึกแบบเด็กๆๆของเราอะ.. แบบก็นะทำไรไม่ค่อยมีเหตุผลอะ..
เหอะๆๆ เดี๋ยวกลับเข้าไปอ่านต่อก่อนนะพี่... อยากรู้ว่าพี่อาร์มจะทำไรกับโกบ้าง..
ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า สงสารพี่อาร์ม อยากให้โกเลิกกับใยหน่อยซักที...
PS. เห็นที่พี่โพสต์ไว้ว่าจะส่งเนื้อเรื่องเต็มให้ด้วยนะฮับ.... อยากให้ส่งให้ด้วยได้ไหมม..
ได้ส่งเมล์เข้าไปใน PM พี่แล้วนะคับบ..
ขอบคุณมากเลยนะพี่....
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Hachi_an1234 ที่ 26-04-2011 11:39:32
อ่านจบแล้วคับ............ประทับใจนะ...
แล้วก็อยากอ่านด้านความคิดของโกด้วย.. (ใครมีขอหน่อยได้ป่าวฮํบ.. )
เพราะไม่ค่อยเคลียร์กับความรู้สึกของโกตอนช่วงที่คบกับหน่อยอะ..
รักพี่อาร์มแต่ว่าทำไมต้องคุยกับหน่อย.. ครั้งแรกๆๆนี่ยังพอเข้าใจแต่หลังจากขับรถแหกโค้งแล้วยังมาโกหกอีก.. รู้สึกแย่อะ...
แต้งส์มากเลยนะฮับพี่.. สำหรับเรื่องดีๆๆแบบนี้...
แต่ยังไงก็ยังอยากได้ส่วนที่พี่ได้ลบไปอะ.. PM ไปหาแล้วนะคับ.. ยังไงช่วยส่งมาให้ด้วยนะพี่.. ขอบคุณมากๆๆๆเลย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: tender ที่ 27-04-2011 04:27:58
อ่านรวดเดียวจบเลย เสียน้ำตาไปเป็นปีปเลยพี่อาร์ม
 ขอบคุณมากคะสำหรับนิยายดีๆ^^
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: BiiW ที่ 24-05-2011 23:09:35
ประทับใจเรื่องนี้มานานมากแล้ว แต่อ่านไม่จบซักที
PM ไม่เป็นอ่ะค่ะ อยากได้ต้นฉบับบ้าง ได้อ่ะเปล่า
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: littleFiNgeR ที่ 16-08-2011 23:34:53
อ่านรวดเดียวจบเลย หันไปมองนาฬิกา อะจ๊ากกก 4 ชั่วโมงแหล่ว 5555+

อ่านเรื่องนี้แล้วมันทำให้เราได้ข้อคิดอะไรหลายๆอย่าง แถมทำเราบ่อน้ำตาเกือบแตกไปหลายตอนอีกตะหาก เฮ้อ! อ่านไปก็คิดไป...ชาตินี้เราจะได้เจอเพื่อนแท้แบบพี่โอ๋บ้างมั้ยเนี่ย

'ประทับใจ'  'ซึ้ง'  'สุข' สามคำนี่ละมั้งที่พอจะจำกัดความความรู้สึกในตอนนี้ได้

ขอบคุณพี่อาร์มที่นำเอาเรื่องราวที่ให้ข้อคิดดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ ยกนิ้วให้! ^_^

ป.ล.อยากอ่านตอนที่ลบไปเหมือนกันค่ะ ขออีกคนจะทันมั้ยคะเนี่ย หุหุ อ้อ! ของโกด้วย ใครมีบ้าง T^T
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ♫~Eristneth~♪ ที่ 21-11-2011 19:55:50
จบเเล้ว  :m15:

เเต่พูดไม่ออก ไม่รู้จะเม้นอะไร  o18

ขอโทษนะ  :monkeysad:

 :laugh: ไม่รู้จะเม้นอะไรจริงๆ บอกไม่ถูก

 :L2:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: A_ay ที่ 21-11-2011 23:45:30
อ่านไปตอนแรกไม่รู้เลยว่า ตอนจบมันจะออกมาแบบแฮปปี้ได้ยังไง :z3:

แต่ตอนนี้
ไม่เสียใจที่ได้อ่าน(ถ้าจะจบแบบเศร้าก็ไม่เป็นไร) :man1:

จบแบบนี้รู้สึกโล่งจัง :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: padid ที่ 08-12-2011 23:41:30
ตอนจบของเลื่องเป็นยังไงครับผมตามอ่านไม่ทันอ่าครับไครมีต้นสะบับก่วขวความกะลุนาส่งให้ผมอ่านด้วยนะครับตามเมลนี้ครับ
kpadidอย่าแสดงเมลบนบอร์ด ขอบพะคุนมากครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 15-12-2011 11:30:03

อ่านจนจบจนได้
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใช้เวลาในการอ่านนานมากๆ
3วัน :o
ปกติยังมากแค่ 2วันก็จบและ
แต่เพราะเรื่องนี้อ่านแล้วบีบหัวใจเหรือเกิน
เลยต้องค่อยๆอ่าน ปวดจิตมากมาย :sad4:
น้ำตาไหลครั้งแรกที่ แม่คุณอาร์มเสีย เรียกได้ว่าฟูมฟายเลยตอนนั้น  :z3:
พออ่านมาหลังๆเริ่มจะงงนิดหน่อยเห้นบอกตัดตอนอะไรไปคงจะไม่มีผลกับเนื้อเรื่องใช่ไหม
อ่านคอมเม้นแต่ละเม้นแล้วงงตัวเอง-*-
แต่ไงๆก็ชอบมากเรื่องนี้ปวดใจดี จบแบบมีความสุข
ปล.จะจำไปทุกอณูหัวใจเลยสำหรับเรื่องนี้
ขอบคุณมากๆที่นำมาไห้ได้อ่านกัน  o13
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kirikiri ที่ 29-01-2012 17:14:12
ตกลงเรื่องนี้ลงครบไหมอะคะ คือได้ยินมาว่าเรื่องนี้แต่งดีมากๆ
เราก็อยากอ่านอะค่ะ แต่ว่าเท่าที่เปิดไล่ๆ ดูก่อนอ่าน
(กลัวมีไม่จบเหมือนกันเลยต้องดูก่อน) เห็นว่าจะลบบางส่วนทิ้ง

คือตกลงเรื่องนี้ลงไม่ครบใช่ไหมอะคะ (แบบว่าลบไปแล้วบางส่วน)
จะได้ไม่อ่านอะค่ะ T_T ทั้งที่อยากอ่านมาก ไม่งั้นคงค้าง คุณราชบุตรอาจจะคิดว่า
อยากให้คนอ่านแค่นั้น (คือแค่ช่วงที่ยังลงอยู่) แต่คนมาช้าๆ แบบเราเอง
ก็อยากอ่านและพร้อมจะคอมเมนท์ฝากกำลังใจไปให้คนเขียนนะคะ
อีกอย่างกระทู้นี้ก็ยังอยู่ในบอร์ด ไม่ได้ถูกลบออก T_T อยู่ในฟอรั่มนิยายจบแล้วด้วยอะ
แอบเสียดายบวกเสียใจนิดๆ ที่ไม่มีฉบับสมบูรณ์ให้อ่านอะค่ะ T^T

เลยไม่รู้จะทำยังไงได้แต่เมนท์ไว้ตรงนี้ล่ะค่ะว่าเราอยากอ่านภาคสมบูรณ์ของเรื่องนี้มาก
ถ้าคุณราชบุตรผ่านท่านอื่นๆที่มีไฟล์ผ่านมาเห็นรบกวนช่วยส่งต่อที
แต่ถ้าไม่มี =""= ก็ไม่เป็นไรค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 04-02-2012 05:15:01
ที่อยู่ตอนนี้แหละสมบูรณ์ที่สุดแล้ว . . .

. . . ดูวันที่แก้ไขก็ได้นี่ครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: obab ที่ 22-06-2012 23:56:52
 :L2: :pig4:
เรื่องราวมีให้ขบคิดตลอด น่าติดตาม สุดท้ายซาบซึ้ง
อ่านไปแล้วมีช่วงหนึ่งรู้สึกว่าพี่อาร์มชอบทะเลาะกับตัวเอง 555

ปล.ตอนเค้าคึกโครมกันตอนนั้น หนูยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย
ไม่รู้ว่าละอ่อนน้อยตอนนั้น จะขอเรื่องแบบเค้าด้วยได้ไหมคะ?

 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Shock_n2n ที่ 27-06-2012 02:40:54
โอ้ยชอบมวากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แบบว่า ขอปรบมือเลย :L2: :L2:
เป็นเรื่องที่เยอะมาก แต่อ่านรวดเดียว จบ 1 วัน เลยนะเนี่ย
แบบว่าชอบมาก อะไรมากจริง เป็นเรื่องที่อ่านแล้วมัน กินใจมาก
โดยเฉพาะช่วงที่แม่เสีย เขียนได้กินใจมาก สะท้อนชีวิตดีแท้ :sad4:
อยากติดตามนะ มีหนทางใดติดตามข่าวสารไดไหมเนี่ย หุหุหุ
ปล.ทำไมนะ อ่านยังไงก็ไม่เศร้า   :กอด1:
 
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Hematol ที่ 02-07-2012 17:31:22
ชอบเรื่องนี้มากๆคับ พึ่งได้อ่านก็อ่านติดกัน 2 รอบเลย น้ำตาซึมตลอดเลยคับ บีบหัวใจมาก ขอบคุณนะคับที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆสู่กันฟัง. รักผู้แต่งมากมายเลยคับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: gummin ที่ 04-07-2012 14:31:41
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่า :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: navintae ที่ 01-08-2012 05:22:32
เพิ่งได้อ่านจนจบ น้ำตาตก หัวอกชาตอนแรกเลย
ชอบมากเลยครับ มีรวมเล่มไม๊ครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 22-08-2012 20:25:42
กำลังไล่อ่านถึงตอนที่21 ...เศร้าไปนะ แต่ยังไงก็จะอ่านให้จบค่ะ  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pae666 ที่ 24-08-2012 02:04:21
ในที่สุดก็อ่านจบจนได้!!!

อยากบอกว่าบางตอนที่อ่านก็ไม่เข้าใจพี่อาร์มว่าทำไมทำตัวงี่เง่าจัง (จริงๆนะ) ..แต่ก็พยายามเข้าใจความรู้สึกค่ะ

เสียน้ำตาเกือบเกือบทุกตอน ไม่เว้นแม้แต่ตอนสุดท้าย 

..ตอนนี้ก็ปี 2012 อ่านช้าไปนะเรา  :เฮ้อ:

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ มีเอามาเล่าให้ได้ฟัง อยากบอกว่าอ่านแล้วมีอารมณ์ร่วมด้วยมากๆเลยค่ะ บีบอารมณ์มากๆ !

สุดท้ายขอให้ทั้งโกและพี่อาร์มมีความสุขนะคะ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ...
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pearnoii ที่ 01-08-2013 22:53:04
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ตอน 2013 เส้าได้จัยเลยพี่
ผ่านมาจะเกือบ 20 ปีแล้วละเนอะ
หวังว่าตอนนี้พี่อาร์มจะมีความสุขกับคนที่พี่รักนะคะ

ปล.ตอนแรกแอบงงกับเนื้อเรื่องและเม้น ดูจะไม่ตรงกันเท่าไร
แต่เข้าจัยละพี่ เพราะพี่แก้ไขให้สมบูรณ์ตอนปี 2010
มันจะตรงกันได้ไงละเนอะ เหะๆ^^"
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: babimild1985 ที่ 08-08-2013 00:09:40
อ่านแล้วรู้สึกไม่เข้าใจคุณอาร์มเลยอ่ะคะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: pee122 ที่ 24-09-2013 22:39:43
Love of my life
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 26-09-2013 22:54:22
เพิ่งมาอ่านหลังจากคุณราชบุตรเอาเรื่องนี้มาลงเมื่อห้าปีที่แล้ว ไม่เคยอ่านนิยายเรื่องไหนต่อเนื่องได้เท่าเรื่องนี้มาก่อน เสียน้ำตาให้ทั้งคุณอาร์มและคุณโก เข้าใจถึงความเจ็บปวด บรรยายได้ถึงรากมากค่ะ เข้าใจว่านิยายเรื่องนี้ยังไม่จบเพราะชีวิตของคุณอาร์มและคุณโกยังต้องดำเนินต่อไป แต่อยากจะมาทวงสัญญาที่บอกไว้ว่าจะมาแต่งต่อหลังจากผ่านไป ๕ ปี อยากรู้ว่าตอนนี้แต่ละคนเป็นอย่างไรกันบ้าง ทั้งคู่จะสานต่อความรักหรือหยุดไว้แค่นั้น ส่วนเรื่อง หัวใจ ผูกกัน คงโดนลบไปแล้วเสียดายไม่ได้อ่าน อย่างไรเสียยังรอคุณราชบุตรนะคะ กลับมาแต่งต่อจะเจ็บปวดหรือสมหวังก็รอค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่ถ่ายทอดให้เราได้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Boonthaptim ที่ 27-09-2013 22:21:29
ช้าไปหลายปีมากมีอยู่ตอนนึงที่รู้สึกว่ามันคุ้นๆฉากนั่งรึกนานมากว่าไปเคยได้ยินประโยคนี้มาจากไหน ที่แท้ก็มาจากเรื่องของพี่เอกับพี่ป่านนั่นเองในฉากตอนที่พี่เอกับพี่ป่านไปบอกรักกันนี่เองถ้าจำไม่ผิด เหมือนเดจาวูอ่านแล้วขนลุก ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นไงกันบ้างแต่แค่อยากบอกว่าตอนอ่านไม่เคยรู้สึกดีกับพี่โกเลย ทำอะไรไม่ปรึกษาพี่อาร์มคิดเองทำเองสุดท้ายก็เจ็บทั้งคู่ อ่านแล้วหงุดหงิดค่ะ แต่มาช้าไปมากเลย กลัววลาชื่อเรื่องเป็นแนวดราม่าค่ะ เวลาอ่านเรื่องทำนองนี้เหมือนคอแห้งหายใจไม่ค่อยสะดวกจริงๆ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: RAJCHABUT ที่ 01-11-2013 23:20:26
 :o8:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: นุ่งหนิง ที่ 07-01-2014 21:47:27
เพิ่งได้เข้ามาอ่านอ่า อ่านช้าไปหลายปี :hao5: คงไม่ตกหล่นเน้อะ
แต่ร้อยากบอกพี่ว่านู๋ร้องไห้ทุกตอน ปวดใจไปด้วยกับทั้ง2คนค่ะ ทุกคนเลย
พี่อาร์มเป็นคนโชคดีมากรู้มั้ยค่ะ
มี ครอบครัวที่อบอุ่น(ก่อนที่จะเสียคุณแม่ ค่ะ)
มีเพื่อนที่ดีอย่าง พี่โอ๋ พี่แดน ซึ่งบางคนมีเพื่อนเยอะ แต่หาความจริงใจไม่ได้

ดีใจและยินดีด้วยความจริงใจจริงๆๆนะค่ะ
ที่พี่อาร์มลดทิฐิ และให้โอกาสพี่โก ซึ่งบางคน ทั้งที่อยากมีคนให้โอกาสแบบนี้บ้างแต่ไม่มี

ขอให้ความรักของพี่ทั้งสองคนมีความสุขมากๆๆนะค่ะและเรื่องร้ายที่ผ่านมาให้ปลิวหายไป

ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันเรื่องราวและข้อคิดดีๆๆนะค่ะ

ปล. ตอนนี้พวกพี่เปนงัยบ้างค่ะ พี่อาร์ม พี่ โก. พี่โอ๋ พี่แดน 
ถึงเราจาไม่รู้จักกันแต่ เหมือนรู้จักกันมานานเลยนะค่ะ


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 08-01-2014 20:14:38
หน่วงหนัก
แต่ก็ประทับใจ :hao5:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: kinly ที่ 28-04-2014 11:38:53
ขอบคุณมากครับ ที่เขียนออกมาได้ซึ้งกินใจจังเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-05-2014 15:10:30
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ ถึงก่อนหน้า
จะเล็ดลอดสายตาเราไปก็เถอะ
แอบเสียดายไม่นิด ที่อ่านช้าไป
เพราะเป็นเรื่องที่เศร้าได้ใจจริงๆ
แถมยังเรียกน้ำตาได้ทุกตอนเลย
ไม่เว้นแม่แต่ตอนจบ ที่เห็นว่าสุข

หวังว่าอาร์มกับโกคงมีความสุขอยู่นะ
ปราถนาอย่างนั้นจริงๆค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sai ที่ 14-06-2014 14:00:41
อยากบอกว่า  พึ่งได้แวะเข้ามาอ่านครับ  หน่วง เศร้า ซึ้ง  จริงๆ   ชอบตัวละครทุกตัว  มีบทบาททำให้เรื่องดำเนินไปได้สุดยอดมาก


ฉากที่ทำให้ น้ำตาซึมครับ  เห็นภาพในหลวง  และเพลง ชาติไทย ที่สนามกีฬายกน้ำหนัก  เป็นฉากที่บรรยาย แล้วเหมือนนั่งอยู่ตรงนั้น
ถึงจะมีความเหงาและเศร้า แต่ก็มีน้ำตาแห่งความภาคภูมิใจ  ไปพร้อมกัน

ขอบคุณที่เขียนผลงานดีๆครับ

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sasaka8 ที่ 15-06-2014 11:47:28
พี่อาร์ม ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องที่น่าประทับใจถึงแม้จะเศร้า
หวังว่าพี่อาร์มคงจะมีความสุขแล้วนะคะ
ขอให้ดูแลความรักที่มีให้ดีๆรักกันมากๆดูแลกันตลอดไป
ถ้ามีโอกาสว่างๆเขียนตอนพิเศษปัจจุบันบ้างนะคะ คิดถึง  :bye2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: InnInn ที่ 06-09-2015 01:39:27
อยากอ่านหัวใจผูกกัน ต้องทำอย่างไร ช้าไปหลายปี  :sad4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: gang ที่ 20-10-2015 16:15:17
ให้ข้อคิดดีมากครับ  ในเรื่องมุมมองความรัก เหตุผลของคนที่รัก และ คนที่ถูกรัก ทุกสิ่งมี2 ด้าน อยู่เรามองด้านไหมมากกว่ากัน
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: autophobia ที่ 24-11-2015 16:40:25
อยากอ่านต่ออะ ไม่รู้เลยว่าโกคิดอะไร :z3:


หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: gatenutcha ที่ 24-11-2015 22:56:55
 o13
บอกตามตรงอ่านรวดเดียวเลย หยุดอ่านไม่ได้ เขาเขียนได้ดีมาก
ชอบมากๆโดนสุดๆ มันทำให้เราได้ รู้ถึงมุมมองความรักของแต่ละด้าน
เรื่องนี้ สุดยอดจริงๆ
 o13
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: phosston ที่ 30-11-2015 15:59:29
อ่านรวดเดียวจบเลยครับ 14ชม เสียน้ำตาไป3ปี๊บ  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sakura05 ที่ 06-12-2015 16:32:15
   เสียดายจังเพิ่งมาอ่าน ช้าไปหลายปีมากก  ตอนนี้เดือน12 ปี 2558
แต่ก็ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ อ่านรวดเดียว 2วันจบเลย เป็นเรื่องที่เศร้าได้ใจจริงๆ น้ำตาไหลได้ทุกตอนเลย
 ขอบคุณ คุณอาร์มสำหรับเรื่องราวดีๆ  ตอนนี้เป็นไงบ้างค่ะสบายดีใช่ไหมทั้ง 2คนเลย


อยากอ่าน  >> "หัวใจ . . . ผูกกัน "  อ่านได้ที่ไหนค่ะ อยากอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 27-12-2015 15:10:02
หน่วงอย่างหนัก แต่ก็ประทับใจจริงๆ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 18-05-2016 00:39:39
สุดยอดค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: patsakon ที่ 19-05-2016 23:29:05
 :L2:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: smog09 ที่ 15-03-2017 15:44:52
มาช้าได้อีกเรา :serius2:

ขอบคุณคุณ RAJCHABUT นะคะที่ได้มาแชร์ประสบการณ์เหล่านี้ให้พวกเราได้อ่านกัน
สำนวนและภาษาที่ใช้ในการเขียนก็ดีมากดึงให้เรามีอารมณ์ร่วมไปกับเหตุการณ์ในเรื่องได้
ทั้งเศร้าและซึ้งไปในเวลาเดียวกัน ขอบคุณมากๆค่ะ

ปล.ตอนนี้ก็ปี 2017 แล้ว อยากทราบจังเลยค่ะว่าปัจจุบันทั้งพี่อาร์มและโกเป็นยังไงบ้างน้ออ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: carenaka ที่ 06-07-2017 23:44:44
 :o12: :o12: ขอบคุณมาก คะ ไม่รู้ว่าข้ามเรื่องนี้ไปได้ยังไง สนุก เศร้า จนปวดในหัวใจเลยคะ แต่ชอบมากคะ อ่านช้าไปหลายปี คงไม่เป็นไรใช่ไหมคะ #2017#
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: miniamanie ที่ 12-07-2017 02:21:52
ขอบคุณ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: gakuen ที่ 15-05-2018 23:59:13
สวยพี่สวย
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 20-12-2019 09:34:19
:pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 20-12-2019 13:55:46
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: terd3232 ที่ 31-01-2020 00:26:59
ขอบคุณค่ะ ชอบเรื่องนี้มากเลย


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 22-07-2020 09:00:37
 :o8:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: Newpsk ที่ 25-09-2020 19:40:04
ถึงไรท์และเพื่อนๆนักอ่านที่รัก ผมเป็นคนคนนึงที่พลัดหลงมาเจอนิยายเรื่องนี้ และรักเรื่องราวมันมากแต่ดันมาช้าไปจนพลาดเรื่องราวที่สมบูรณ์จากต้นฉบับ และถึงแม้มันจะผ่านมาแล้วสิบกว่าปีแล้ว แต่ผมอยากจะฝากถึงไรท์ให้รับรู้ ว่าผมหลงรักนิยายเรื่องนี้ที่คุณแต่งมาก ไม่รู้เลยว่าพอจะมีช่องทางไหนหรือเปล่าที่พอจะให้ผมได้มีโอกาศได้รับรู้เรื่องราวที่เหลือได้ หากความหวังของผมยังพอมี ได้โปรดใครก็ได้ ช่วยทำให้ความหวังผมเป็นจริงที
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 12-04-2021 02:55:19
เพิ่งได้เข้ามาอ่านนะคะ อ่านรวดเดียวจบเลย และตอนนี้ตาบวมเป่งมากๆ

ขอบอกว่าชอบมากๆเลยค่ะ กำลังหาเนื้อเรื่องแบบนี้ ที่มันทั้งหน่วงทั้งเศร้าแบบปวดใจมากๆ แต่ก้อยัง happy ending ในที่สุด

เว้นอ่านเล้าเป็ดไปเกือบปี พอได้กลับมาอ่านก้อเจอเรื่องนี้ แอบเสียดาย ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็น
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: ่่ัืkuminra ที่ 19-04-2021 19:11:00
 :hao5: สนุกประทับใจมากค่ะ
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 21-04-2021 16:09:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รักฤๅผูกพัน . . . ก็เจ็บปวดเท่ากัน
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 22-04-2021 11:08:34
ทรูมูฟ ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 20 เม็ก
https://www.youtube.com/watch?v=d5gLVMnJJL4 (https://www.youtube.com/watch?v=d5gLVMnJJL4)