ตอนที่ 3
สุดท้ายมันก็เอาแต่ตามติดผม หวังจะงาบผม
เสียงเพลงบนรถที่มันเปิดดังคลอในระดับฟังสบายทำให้ผมกลับหงุดหงิด ดวงตาที่ไม่จัดว่าโตมากของผมมองออกไปนอกรถดูวิวข้างถนนก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์หวีดร้อง มองกลับมาเห็นเป็นของคนขับทีวางทิ้งไว้บนคอนโซลรถ มันหันมามองผมก่อนจะพยักเพยิดให้เอื้อมไปหยิบ มือของผมก็ทำงานพร้อมกับยื่นไปให้มันไปด้วย
“ก็กดรับสิไม่เห็นรึไงว่ากูขับรถอยู่” มันว่า ผมขมวดคิ้วเป็นคำตอบ
“เรื่องมาก” ว่าทั้งกดรับแล้วเปิดลำโพงยื่นไปทางมัน
มันมองหน้าผมที่ขมวดคิ้วมองไปทางอื่นด้วยก่อนจะทำเป็นไม่สนใจพูดกับคนในสายแทนว่า
“เออ ว่าไง”
“เชี่ยปอ พรุ่งนี้วันหยุดพวกมึงจะไปเที่ยวกับพวกกูไหมเนี่ย เอาให้มันแน่นอน”
พวกมึง อย่าบอกนะว่าเหมารวมกูด้วย ผมเงยหน้ามองไอ้คนขับรถก่อนจะส่ายหน้าเมื่อเห็นว่ามันละจากถนนมามองผมอยู่เหมือนกัน
“ไปๆ ไอ้ภีมโคตรอยากไปเลย”
“เชี่ยปอ!” ผมร้องว่า
“แม่งเร่งกูให้รีบไปเก็บเสื้อผ้าใหญ่เลยเนี่ย” มันว่าพลางยกยิ้มเหนือกว่าให้ เสียงหัวเราะของเพื่อนมันตอบกลับมาพร้อมกับว่า
“มึงบอกเมียมึงใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวได้สนุกแน่ กูจะจัดแจงห้องให้พวกมึงเป็นพิเศษเลยไม่ต้องห่วง”
“ไม่เอา!” ผมว่าอย่างสุดทนพลางแหงนมองหน้าไอ้ปอที่ทำเหมือนสนุกที่เห็นผมเป็นแบบนี้
“ทำไมครับน้องภีม รึเราชอบแบบผจญภัย?”
“กูไม่ไป” ผจญพง ผจญภัยบ้าบออะไรของมัน
“ไอ้ธาม มึงล้อมันจนมันโมโหแล้วนะ ถ้ามันเปลี่ยนใจไม่ไปกูก็อดสิ” อดเชี่ยอะไร ด้วยความงงและอยากรู้ ผมมองหน้ามันหาความจริงก่อนเบิกตาตัวเองจนโตนึกอะไรขึ้นได้ แม่งวางแผนจะเอาผมงั้นเหรอ
“โอเคๆ สรุปพวกมึงจะไป เมียมึงนี่อายแล้วน่ารักสัส ฮ่าๆๆ”
“ไม่ได้อายโว้ย”
“เงียบ!” สายตาคนขับหันมาว่า ผมขมวดคิ้วตัวเองพร้อมทั้งหันไปมองทางอื่นด้วยความขัดใจ ได้ยินแต่เสียงมันตอบเพื่อน “พวกมึงจะไปก็ไปกันก่อนได้เลย กูจะขับรถตามไปเอง”
“เออ เอาเป็นว่าเข้าใจแล้ว บอกเมียมึงเตรียมหลายๆ ชุดหน่อยละกัน เวลามึงหื่นแม่งรุนแรงเกินไป ฮ่าๆๆ”
“มึงหุบปากไปเลย” มันยิ้ม ยิ้มที่ถูกเพื่อนแซวแบบนั้น ผมกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นมองหนีออกไปทางอื่นทั้งยื่นมือที่ถือโทรศัพท์ให้มันเหมือนเดิม
“งั้นแค่นี้แหละ กูจะพามันไปเก็บเสื้อผ้า”
“เออ ได้ๆ เจอกันพรุ่งนี้เว้ย”
ผมกดวางสายแม่งไม่ให้ไอ้ปอได้ต่อความยาวสาวความยืดกับเพื่อนต่อ โยนโทรศัพท์ของมันกลับไปยังที่เดิมโดยที่ไม่กลัวว่ามันจะพัง ช่างแม่ง บ้านมันมีตังค์นี่ จะซื้อมาไว้กี่เครื่องก็ได้
“กูบอกว่าไม่ไป มึงจะไปก็ไปคนเดียวสิ” ผมเริ่ม
“มึงอย่ากวนโมโหกูนะภีม”
“มึงนั่นแหละ ไม่เคยฟังกูเลย”
“มึงขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนกู กูอยู่ไหนก็ต้องมีมึงอยู่ที่นั่น แค่กูไม่เดินควงมึงหรือตัวติดกันแจเหมือนคนก่อนๆ มันก็แปลกมากพอแล้ว มึงอย่ามาเรียกร้องเอาความพิเศษให้ตัวเองมีค่าเพราะแค่มึงไม่ได้เป็นเมียกูหน่อยเลย”
โธ่เว้ย!
ผมเถียงมันไม่ออกทุกครั้งเลยเวลามันเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างหรือเหตุผลเวลามีปัญหากัน มือของผมยกขึ้นกุมขมับตัวเองปล่อยให้มันพาผมกลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ตามใจมัน นี่เป็นครั้งแรกที่มันขึ้นมาห้องนอนของผมเพราะทุกครั้งมันจะไม่กล้าขึ้นมาและรออยู่แค่หน้าบ้าน ตามันมองหาอะไรแปลกๆ ในห้องก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนเตียง เอนตัวลงนอน
ใครใช้ให้มันทำแบบนั้นวะ “ลุกขึ้นมาเลย กูไม่ให้นอนบนเตียงของกู”
“กลิ่นนี่เหมือนตัวมึงเลย” มันว่าพลางพลิกตัวนอนคว่ำ ไอ้โรคจิต!
“แล้วกูไม่ให้วิพากวิจารณ์เตียงกูด้วย”
“แล้วมึงอยากให้กูทำมึงบนเตียงตัวเองไหม” ผมชะงัก
หันหลบไปกลืนน้ำลายดังเอื๊อกกับสายตาคมๆ ของมันที่ส่งมาให้ ทำไมชอบทำหน้าโหดใส่ผมนักก็ไม่รู้ แต่ละคำว่าที่มันสร้างสรรค์ออกมาด่าแม่งโคตรตั้งตัวไม่ติด ทุกครั้งที่พูดจาหรือทำอะไรลามปามมัน มันก็จะพูดด้วยเสียงเย็นยะเยือกเตือนสติเสมอว่ามันเหนือกว่า
แล้วผมก็ทำอะไรไม่ถูกแบบนี้ไง
ตัวสูงๆ ของมันลุกขึ้นยืนเต็มตัวพร้อมกับเอื้อมมือมาแย่งกระเป๋าผมไปถือ ผมเอื้อมมือจะชักกลับทว่ามันยกหนีไปทางอื่น มันส่งสายตาดุๆ มาให้และนิ่งมองใบหน้าผมจนเป็นตัวของคนถูกมองนี่แหละที่แข็งทื่อไปเอง
“อยู่กับกูห้ามดื้อ” มันว่าเสียงเบา
“อยู่กับกูห้ามดื้อ…” เลียนเสียงของมันแล้วทำท่าทำทางล้อเลียนให้หลังไปด้วย มันหันมามองด้วยสายตาพิฆาตก่อนจะเดินกลับมาดึงแขนพาผมออกไปจากห้อง
แม่งชอบดุ
ในระหว่างเราอยู่บนรถเงียบๆ เสียงโทรศัพท์ของมันดังขึ้น ผมเอื้อมมือไปหยิบและกดรับสายให้มันเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของพ่อมันที่ขึ้นโชว์หราบนหน้าจอทัชสกรีน รับรู้ว่ามันไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ทำแบบนี้เพราะมันไม่คุยและต่อว่าผมเป็นอันดับแรกก่อนสิ่งอื่นใด
“มึงจะรับทำเชี่ยไร”
ผมยักไหล่กวนตีนมันลอยหน้าลอยตาตอบไปด้วย “ก็มึงขับรถอยู่ เอ้า! คุยกับพ่อมึงสิ”
“กูไม่คุย กดวางไปซะ” มันว่าพลางหันหน้าไปสนใจถนนตรงหน้า ผมยกนิ้วกลางให้มันพลางเบ้ปาก พอจะกดวางสาย ทว่ามีเสียงจากปลายสายว่าสวนออกมา
“ปอ…” ผมชะงักหันไปมองมันที่หันมามองโทรศัพท์ เพิ่งจะเคยเห็นมันทำหน้าไม่มั่นใจในตัวเองแบบนี้ครั้งแรกเลย
“ก็บอกให้กดวาง!” มันว่าเสียงอารมณ์เสีย
“ปอ แกอยู่ไหน แกจะทำให้พ่อเป็นห่วงแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่” ผมมองโทรศัพท์เมื่อได้ยินน้ำเสียงของพ่อมันว่าขึ้นมาอีก ชักจะไม่สนุกแล้วสิกู
“กดวางเดี๋ยวนี้!” มันหันมาว่า
มันโมโหอะไรพ่อมันนักหนา
“ทำไม ทำไมไม่คุยกับพ่อหน่อยล่ะ” ผมว่าพลางยื่นโทรศัพท์ไปให้
“กูไม่คุย กูไม่มีอะไรจะคุย พ่อวางไปซะ” ปอมันว่ากับคนในสาย
“อย่าวางนะครับคุณพ่อ ปอมันทำหน้าจะร้องไห้แล้ว” ผมว่า คือผมเห็นจริงๆ ว่ามันมีสีหน้าจะร้องไห้
“หุบปากไปเลยภีม เดี๋ยวกูเตะมึงออกจากรถ”
“พ่อครับ ผมไม่รู้หรอกว่าพ่อไปทำอะไรให้มันโกรธ ผมว่าพ่อเลิกโทรมาเถอะครับ…” ผมว่า อีกฝ่ายเงียบไปพร้อมกับมันที่แย่งมือถือไปจากผม
มันโกรธผมแฮะที่บอกพ่อไปแบบนั้น
“โทรมาทำไมนักหนา” มันว่า
“ฉันอยากรู้ว่าแกออกไปไหนไม่ยอมกลับมาที่ห้อง น่าจะบอกพ่อบ้าง”
“ผมต้องรายงงานตัวตลอดงั้นสิ” ผมส่ายหน้าไม่ไหวกับตัวเองที่มันหาเรื่องพ่อที่เป็นห่วงมันขนาดนี้ ได้ยินอีกฝ่ายในสายถอนใจ ผมจึงแย่งโทรศัพท์ในมือมาถือและกรอกเสียงไปว่า
“เราถึงหน้าโรงแรมแล้วครับพ่อไม่ต้องห่วง อีกอย่างพ่อเลิกโทรมาได้แล้วนะครับ”
ไอ้ปอมันจะตะโกนด่าผมอีกรอบทว่าผมรีบกล่าวต่ออีกว่า “มาหามันเลยดีกว่า…”
“อะไรนะ” ปลายสายว่า
“มันอยากเจอคุณพ่อน่ะครับเลยไม่ยอมรับโทรศัพท์ ถ้าว่างก็แวะมาหามันบ้างนะครับ”
ผมเห็นมันที่แสดงความอายออกมาจากสีหน้าชัดเจนตอนที่เสียงปลายสายหัวเราะกับคำที่ผมกล่าว ปอมันขมวดคิ้วแน่นแต่ไม่เถียงอะไรออกมาสักคำ
มันคงโกรธแต่ไม่รู้จะสรรค์หาอะไรมาด่าผมละมัง
เมื่อมาถึงโรงแรม มันพาผมขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพักที่ผมกับมันพักกันอยู่ มือหนึ่งของมันถือกระเป๋า มือหนึ่งจูงแขนผมไม่ยอมปล่อย คิดว่าจะหลงทางหรือไง มันไม่ยอมหาเรื่องผมอย่างเคย ผมล่ะอยากจะกวนตีนมันจริงๆ
“ปอ มึงงอนพ่อเรื่องอะไร”
“กูไม่ได้งอน มึงเลิกกวนตีนกูได้ละภีม” มันว่าปัด
“จริงหรือเปล่า” ผมล้อ
มันหันมาทำหน้าดุแบบโคตรดุจนผมต้องละร้อยยิ้มลงและยอมเดินตามมันไปเงียบๆ แม่งคนอะไรล้อนิดเดียวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่สมกับตัวโตๆ เป็นควายอย่างมันจริงๆ
แต่พอเดินมาถึงหน้าห้อง ไอ้ปอมันชะงักเท้าเมื่อสิ่งที่ผมพูดเชิญไว้กลับมาปรากฏต่อหน้าของเราทั้งคู่ ร่างที่สวมชุดสูทเต็มยศยืนอยู่หน้าประตูและเงยมองมายังเราด้วยแววใจดี ชายวัยสี่สิบกว่าๆ หันมายกยิ้มกับเราทั้งสองคน นี่พ่อของมันจริงๆ งั้นเหรอเนี่ย
ไอ้ปอมันทำเสียงฮึดฮัดโมโหรีบสาวเท้ามายืนหน้าห้องเตรียมคีย์การ์ดมาเปิดราวกับไม่เห็นร่างที่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวเอง มันเป็นอะไรของมันชอบทำให้พ่อเจ็บปวด เห็นพ่อเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง
“ปอ…” เสียงทุ้มของคนๆ เดียวที่อยู่ในสายบนโทรศัพท์เมื่อครู่นี้ว่าขึ้น ผมเงยมองท่าน หรือท่านยังทำงานอยู่กันนะถึงมาในสภาพแบบนี้ได้ เขาหันละมามองผมก่อนจะยิ้มรับเมื่อผมยกมือไหว้ท่านเป็นการทักทาย
“ปอ พ่อมึงมา”
“อย่ายุ่งได้ไหม?” มันว่าปัด ไอ้ผมก็ยืนเกาหัวตัวเองด้วยความงง
“ปอ ฟังพ่อก่อนสิ”
“เลิกมายุ่งกับผมซักทีได้ไหมพ่อ หน้าที่พ่อแค่ส่งมาเงินให้ใช้แล้วก็บงการชีวิตผมก็พอ ไม่ต้องมาก้าวก่ายชีวิตของผมอีก” มันหันมาว่า ผมกลืนน้ำลายอีกครั้งกับความอึมครึมของบรรยากาศเมื่อเห็นสีหน้าพ่อของมันที่แสดงความลำบากใจ ปอมับเปิดประตูแล้วเดินเข้าห้องไปไม่ว่าอะไรต่อสักคำ
เสียงประตูปิดดังปังพร้อมกับผมที่สะดุ้งเรียกให้เขามองหน้าผม รอยยิ้มประดับบนใบหน้าที่เริ่มมีตีนกาทว่ายังหล่อของพ่อมัน ก่อนเขาจะเอ่ยขึ้นมาว่า “เธอคือคนที่คุยกับฉันเมื่อกี้สินะ”
ผมชะงักก่อนจะยกมือเกาหัว “ครับ ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณพ่อโดนมัน…”
“ไม่เป็นไรหรอก ปอก็เป็นแบบนั้นตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฉันชินซะแล้วล่ะ”
“เป็นแบบนี้นานแล้วเหรอครับ” ผมย้อน ก่อนจะเกาหัวตัวเองเมื่อเริ่มก้าวก่ายมากเกินไป
“ตั้งแต่เด็กๆ นั่นแหละ เขาโกรธที่ฉันหย่ากับแม่เขาน่ะ”
“มันไม่มีเหตุผลเลย” ผมว่า
“นี่เธอคงไม่ใช่ เมีย ที่เขาบอกหรอกใช่ไหม?” จู่ๆ เขาก็ถามพลางยกนิ้วชี้ชี้หน้าผม ผมอึกอักและเสตาหลบ
“อะ คือ ผมไม่ใช่หรอกครับ”
“ปอไม่เคยพาใครมาที่นี่หรอกนะ” เขาว่า
“คุณพ่อทำงานที่นี่เหรอครับ อยู่ใกล้แค่นี้ทำไมไม่หาเวลาแวะมาหามันบ้างละ ผมว่าความจริงมันอาจจะไม่ได้โกรธคุณเรื่องที่คุณหย่ากับแม่ของมันก็ได้”
“ฉันคิดว่าถ้าอยู่ห่างๆ เขาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น”
“จะดีขึ้นได้ยังไงล่ะครับถ้าคุณพ่อไม่คุยกับมัน ไม่เคลียร์กันให้รู้เรื่อง”
อีกฝ่ายเลิกคิ้ว ผมเกาหัวตัวเอง “คือผมก็ไม่ค่อยได้ให้คำปรึกษาใครหรอกนะครับเพราะไม่ค่อยมีคนคบสักเท่าไร แต่ผมอยากให้คุณสองคนกลับมาเข้าใจกันเหมือนเดิม ผมไม่ชอบที่มันทำแบบนี้กับคุณเลย”
“เธอช่วยฉันได้มาก เอาเป็นว่าฉันจะพยายามแวะมาหาเขานะ”
“สู้ๆ นะครับคุรณพ่อ” ผมยกยิ้มเมื่อเขาส่งยิ้มมาให้
“เธอเป็นเด็กที่น่ารักมาก”
ความเขินแล่นเข้ามาบนใบหน้าทันทีเมื่อเขายกมือขึ้นมายีบนหัวผมเบาๆ ราวกับกำลังเอ็นดูและรู้สึกดีต่อผมอยู่ คนอย่างผมไม่ค่อยได้รับการกระทำแบบนี้จากผู้ใหญ่เสียเท่าไรนัก มันจึงเป็นอะไรที่รู้สึกดีไม่น้อย
ดวงตาผมนิ่งมองร่างสุงๆ นั้นเดินเข้าไปในลิฟท์ เมื่อผมเข้าใจแล้วและแน่ใจว่าจะไม่กลับมา ร่างกายเลือกที่จะเดินเข้าไปในห้อง ลอบมองมันว่าจะแสดงถึงความไม่พอใจเมื่อผมไปยุ่มย่ามความเป็นส่วนัวของมันเกินไปไหม แต่ไม่รู้ทำไม
มันไม่ต่อว่าผมสักคำในสิ่งที่ทำกับมัน ทั้งๆ ที่ตอนแรกผมกะจะแกล้งที่มันแกล้งผมเรื่องไปเที่ยวก่อนแท้ๆ
ผมทำท่าไปทรุดตัวนั่งบนเตียงข้างมันที่นอนเล่นเกมบนโทรศัพท์ แอบมองมันที่ไม่ได้กล่าวต่อว่าอะไรสักคำราวกับลืมไปแล้วเมื่อกี้ผมทำอะไรให้มันไม่พอใจ เห็นอย่างนั้นแล้วไอ้ผมก็สบายใจไปเปราะหนึ่ง จึงเดินไปหยิบของส่วนตัวเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายตัวเองสักหน่อย
และพอเสร็จธุระของตัวเองก็ถึงคราวของมัน แต่ถ้าไม่มีปัญหาหรือทำอะไรเงียบๆ แบบดีๆ นี่คือไม่ใช่สันดาน เอ๊ย! นิสัยของไอ้ปอครับ
“ภีม”
“อะไร” ผมขมวดคิ้วพลางทาโลชั่นบนตัวเองไปด้วย เงยมองหน้ามันที่ถือผ้าขนหนูเดินมา
“ไปถูหลังให้กูซิ”
“ทำไมกูต้องไป” ผมว่าพลางเบ้ปาก มันเองก็แสดงความไม่พอใจเช่นกัน
“เพราะกูสั่งให้ไป แล้วก็เดี๋ยวนี้ด้วย”
“ไม่เอาอะ อยากอาบก็ทำเองสิ” จะหาเรื่องทำอะไรผมรึเปล่าก็ไม่รู้ ส่ายหน้าพลางถูเนื้อมครีมลงบนผิวตัวเองทว่ามือถูกดึงออกไป ผมร้องเหวอมองมันที่ลากผมเข้าห้องน้ำ
เชี่ยปอจะทำอะไรเนี่ย!
“ไอ้ปอ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะมึง”
“งั้นมึงก็เข้ามาปรนนิบัติกูซะดีๆ” มันว่าพลางดึงแขนผม
“นี่มึงเป็นเทวดามาจากไหนต้องมีทาสคอยรับใช้น่ะหา!” ผมว่าพลางยื้อแขนตัวเองสู้สุดแรง
“ก็นี่หน้าที่มึงนะ”
“หน้าที่เชี่ยไรกูยังไม่รู้เรื่องเลย” ผมเถียงพลางหอบหายใจ คนอะไรแรงเยอะชิบ
“งั้นรู้ไว้เลยว่ามึงต้อง…”
“กูไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละปอ มึงห้ามมาออกคำสั่งให้กูไปดูแลปรนนิบัติอะไรมึงเด็ดขาดเลยนะ หยุดความคิดเดี๋ยวนี้เลย” ผมยกนิ้วชี้ชี้หน้ามันที่อ้าปากค้างจะเถียง
“นี่มึงกล้าเถียงกูเหรอ”
“เออ ทำไมกูจะเถียงมึงไม่ได้ นี่กูเป็นแฟนมึงนะไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ยที่จะคอยโดนมึงบังคับข่มเหงได้ตามใจน่ะปอ”
“ไอ้ภีม มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ผมเบิกตาเมื่อมันจับตัวผมดันเข้าห้องอาบน้ำ
“ไอ้ปอ!” ผมตะโกนสุดเสียงเมื่อมันรั้งผมเข้าไปด้านใน เปิดม่านแล้วดันตัวผมไปติดกำแพง มันจะทำบ้าอะไรของมันกันวะ
“ก็บอกแล้วว่าอยู่กับกู มึงอย่าดื้อ!” ว่าแล้วนั้นมันก็เปิดน้ำจากฝักบัวทำเอาผมสะดุ้งเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ต้องมาเปียกเพราะทะเลาะกับมันอีกรอบ
“ไอ้เลว! กูเปียกหมดแล้ว” ผมร้องว่าพลางจะเบี่ยงตัวไม่ให้โดนน้ำ มันยกยิ้มแล้วดึงตัวเข้าไปใกล้มัน แทะโลมด้วยการหอมแก้มมาฟอดหนึ่ง
“ฮื๊อออออ”
ผมร้องสุดเสียงเมื่อมันดันทะลึ่งมาดึงกางเกงนอนผมออกจากเอว มือผมตะปบมือมันแล้วดึงออกสุดแรงทันที เชี่ยปอโคตรนิสัยเสีย!
“กูยอมแล้ว พี่ปอ! กูยอมแล้ว กูบอกว่ากูยอมแล้วไง!” ผมทุบหน้าอกมันสุดแรงเมื่อมันแสดงสีหน้าแห่งชัยชนะออกมาทั้งหัวเราะหึหึ คือกูแพ้มึงตลอดน่ะปอ
“หันหลังมา!”
เสียงผมโคตรไม่พอใจมันอะ
มันยกยิ้มแล้วถอดเสื้อที่เปียกน้ำออกจากตัวโยนออกจากผ้าม่าน ถอดกางเกง ผมทุบหลังมันไปทีด้วยความโมโห “มึงห้ามถอดหมดนะ กูไม่อยากเป็นตากุ้งยิง”
“กูรู้ว่ามึงอาย” มันสวน
“อายบ้าไร มึงสิสมควรอาย” มันหันมายกยิ้มเมื่อถูกสวนไปด้วยการหมิ่นประมาท ผมเบ้ปากพร้อมทั้งยกนิ้วก้อยตัวเองให้เป็นการสบประมาทมันแบบสุดๆ ถึงขนาดน้องชายมัน มันดันไม่โกรธ ยักไหล่แล้วตอบกลับมาว่า
“มันยังไม่โตน่ะ” แล้วหันกลับมากำตรงข้อมือของผมที่กำลังยกนิ้วก้อยใส่มันบอกผมว่า “ถ้ามันโตก็ขนาดเท่านี้แหละ”
“หืม ไอ้ขี้โม้!” ผมเบ้ปากว่าพลางมองขนาดข้อมือตัวเอง มันหัวเราะพลางเสยผมตัวเองที่ถูกน้ำไล่ตกมาปรกหน้าผากเงียบๆ คนเดียว
นี่กูทำหน้าตกใจขนาดมึงหัวเราะไม่หงุดเลยเหรอวะ
ผมถูหลังให้มันเงียบๆ ไม่ได้เริ่มหาเรื่องอะไรมันอีกเช่นเคย มันยกมือที่หยาดน้ำระผมตกมาปิดหน้าเพื่อเสยขึ้น น้ำกระเด็นมาถึงผม ไอ้ผมก็ตีมันสุดแรง
“น้ำมันโดนกูเนี่ย”
“โอย แล้วมึงจะตีกูทำไม มันเจ็บ” มันหันมาว่าพลางลูบหลังตัวเอง ผมมองหลังแดงๆ ของมันนิ่งไม่ว่าอะไรต่อ ปล่อยให้เสียงน้ำฝ่าความเงียบของเราทั้งสองคน คือบางทีผมก็เหนื่อยที่จะรบกับมันนะ อยากอยู่ร่วมกับมันอย่างสงบสุขบ้างอะไรบ้าง
ทว่ามันเอ่ยฝ่าความเงียบขึ้นมา
“มึงเป็นคนแรกเลยที่คุยกับพ่อกู” ผมชะงัก เร่งความเร็วในการถูหลังให้มันไปอีกจนมันถึงกับร้อง “นี่มึงจะถลกหนังกูรึไงหาภีม เบาๆ หน่อยสิวะ”
“โทษๆ” ผมว่าพลางก้มหน้า
“มึงโกรธกูเหรอปอ ที่ยุ่งเรื่องของมึงกับพ่อ” มันนิ่ง ก้มหน้าลงมองพื้น ทั้งๆ ที่หันหลังให้ผม ผมกลับรู้สึกอึดอัดทั้งๆ ที่ไม่ได้สบตากับมันสักนิด
“เปล่า ก็แค่…” มันลากเสียง อึกอักเหมือนคนทำตัวไม่ถูก “ก็แค่ ไม่เคยมีใครทำกับกูแบบนี้เท่าไหร่”
“แบบไหน” ผมย้อน
“แบบมึงน่ะ”
ผมยกมือเกาหัวตัวเอง “ถ้าเป็นคนอื่นกูบอกให้เลิกยุ่งพวกมันก็เลิกสนใจกันไปตามที่สั่ง แต่มึงกลับหาทางให้กูกับพ่อเข้าใจกัน”
“นี่มึงได้ยินกูกับพ่อมึงคุยกันเหรอ”
“เออสิ” มันว่าแล้วหันมามองผมด้วยสีหน้าเหมือนกำลังโกรธ ผมเกาหัวตัวเองด้วยความงงก่อนจะละสายตาไปด้านอื่นด้วยความที่รู้สึกผิด
“ก็กูสงสารพ่อมึงนี่ กูไม่ชอบที่มึงพูดกับท่านแบบนั้นเลย”
“มึงไม่ต้องแคร์ขนาดนั้นก็ได้”
“ทำไมล่ะ มึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอที่กูรู้สึกแคร์ท่านกว่ามึงนะ คิดบ้างสิ”
ผมจ้องตามัน มันละสายตาไปด้านอื่นพลางถอนใจ “คนที่มึงต้องแคร์คือกูคนเดียวนะภีม อย่าไปสนใจคนอื่น”
“โกรธเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ผมว่าพลางช้อนตามองมันแบบไม่ค่อยจะกล้าจ้องตาเท่าไร เพราะกำลังทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำกันอย่างที่มันบอกมา
“ใช่…” มันพยักหน้าตอบ
“คิดว่าจะหายโกรธเมื่อไหร่?”
“ก็จนกว่ากูจะได้เป็นตัวเอง จนกว่ากูจะมีอิสระ”
“อะไรคืออิสระสำหรับมึง?” ผมว่าอีกครั้ง มันชะงักกับคำถามที่ผมกล่าวออกไปแล้วนิ่งงัน จ้องตาผม แสดงความไม่สบอารมณ์ที่ผมพ่นคำถามออกไปแบบนี้
“มึงชักจะมากเกินไปแล้วนะภีม ไม่ใช่เรื่องของมึง ออกไปเลยไป”
อะไรของมัน คือบทจะโกรธก็โกรธขึ้นมา มันผลักตัวผมออกมานอกห้องน้ำ ร่างของผมที่เปียกโชกยืนพิงประตูที่เพิ่งถูกปิด ไม่ได้ยินอะไรเลยนอกเสียงจากเสียงน้ำที่สาดมากระทบพื้น
ผมรู้ว่ามันอาจจะเจ็บปวดที่ถูกถาม ถูกสะกิดแผลอะไรสักอย่าง
ผมส่ายหัวไล่ความคิดเกี่ยวกับปัญหาของมันแล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกเป็นชุดใหม่อีกรอบ เดินไปหยิบผ้าขนหนูของตัวเองมาซับผมที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเงียบๆ
เสียงประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงๆ นั้น ดวงตาหันไปมองมันที่เปิดประตูเดินออกมาทั้งยังสวมแค่ผ้าขนหนูผืนเดียว ผมก้มหน้าลงมองพื้นเตียงปล่อยให้มันแต่งตัวเงียบๆ มือเช็ดผมของตัวเอง เอาเข้าจริงผมก็วางตัวไม่ถูกนะเว้ย บรรยากาศแบบนี้ไม่รอดจริงๆ
เสียงมันปิดตู้เสื้อผ้า เดินเอาผ้าขนหนูเช็ดผมมาทางนี้ ผมทำไม่รู้ไม่ชี้เช็ดผมตัวเองใจแข็งต่อไป
ได้ยินมันยกมือเปิดแอร์ในห้องก่อนจะเดินมาทรุดตัวนั่งลงบนเตียง ร่างของผมกระเพื่อมอยู่อีกฝั่งบอกให้ถึงอารมณ์ว่ามันร้อนขนาดไหน ผมลุกขึ้นเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาแทนที่จะนั่งข้างมัน หันหลังให้มัน คือกูจะไม่คุยกับมึงอีกแล้วถ้าเห็นว่าความหวังดีของกูเป็นการเสือกน่ะ
ผมถอนใจ ยกมือเกาศีรษะตัวเองแรงๆ ระบายอารมณ์ ก็กูไปเสือกเรื่องขอมันจริงๆ นี่หว่า แล้วนี่ถ้าต้องให้ผมอยู่กับมันอย่างที่ไม่พูดอะไรกันแบบนี้ผมอยู่ไม่ได้จริงๆ
ผมกลืนน้ำลายหันไปมองมันที่มือหนึ่งถือโทรศัพท์และมือหนึ่งถือผ้าขนหนูเช็ดผมตัวเอง หันมาทำใจอยู่แป๊ปหนึ่งแล้วก็กลั้นใจลุกขึ้นยืน ค่อยๆ ก้าวเท้าเดินเข้าไปหามัน
มันเงยหน้ามามองผม พร้อมกันนั้นใจก็เต้นขึ้นมาเฉยๆ แค่สายตามันมองผมอยู่เท่านั้น “อะ คือ…เมื่อกี้กู…”
“มึงไม่สบายรึเปล่า จมูกแดงขนาดนั้น” มันว่าพลางลุกขึ้นยืน เดินไปหรี่แอร์ ผมมองตามมันพลางยกมือขยี้จมูกที่มันคัดขึ้นมาเฉยๆ
“คือว่า…”
“เอ้อ มากินยาสิ กินดักไว้ก่อน ถ้าพรุ่งนี้ไม่สบายกูก็จะลากมึงไปด้วยเหมือนเดิมนั่นแหละ” มันว่าพลางแกะยาให้ ผมมุ่นคิ้วตัวเองกลางเกาหัวด้วยความหงุดหงิด นี่มึงคิดจะฟังกูบ้างปะวะ
“คือกู…”
“เสร็จแล้วมึงไปจัดกระเป๋าใส่รวมของกูเลยนะ เอาไปหลายใบมันเกะกะว่ะ”
“เชี่ยปอ มึงจะฟังกูบ้างไหม กูไม่ตลกนะ” ผมว่าอย่างสุดทน มุ่นคิ้วที่มันยื่นยากับน้ำส่งมาให้
“กูไม่ตลกเหมือนกัน เห็นไหมกูไม่ได้ยิ้ม แล้วก็รีบแดกซะไม่งั้นกูจะเอากรอกปาก” มันว่า
“มึงเลิกล้อเลียนคำนี้กับกูเหอะ ไอ้…”
อะไรของมันวะสายตาแบบนี้
ผมไม่รู้จะว่าอะไรมันดีเมื่อมันส่งสายตาพิฆาตมาให้ มือผมรีบหยิบยามากินแล้วกระดกน้ำลงคออย่างว่าง่ายทันทีและเลือกที่จะไม่เถียงมันต่อ ทำลืมๆ เรื่องนี้ไปก็แล้วกันเพราะมันก็ไม่ได้แสดงว่าตัวเองกำลังโกรธผมสักนิด
แต่กูไม่ได้กลัวมึงนะปอ แค่เป็นห่วงสุขภาพตัวเองเท่านั้นแหละว่ะ!
สวัสดีค่า มาอีกแล้ว
เอาน้องภีมกับพี่ปอจอมหื่นมาฝากกัน พี่ปอนี่นิดๆ หน่อยๆ ก็เอาน่ะ พอประทังชีวิตเพื่อรอตอนที่น้องยอมง่ายๆ 5555 มีใครชอบกันไหม แต่ตอนนี้มีดราม่าพี่ปอกับพ่อนิดนึง มีใครชอบฉากในห้องน้ำบ้าง ไรต์ฟินคนเดียวก็ได้นะถ้าไม่มีใครชอบ อิอิ
พรุ่งนี้เขาจะไปเที่ยวกันแหละ อย่าลืมเชียร์พี่ปอให้รุกน้อง เชียร์น้องให้รักษาซิงตัวเองให้ได้นะคะ 5555 ตอนไปเที่ยวนี่อยากบอกเลยว่าหว๊านหวาน สำหรับเรื่องนี้มีเรทก็จริง เน้นเรื่องเซ็กก็จริง แต่ถ้าอ่านๆ ไปแล้วจะรู้เลยว่าไรต์เน้นเรื่องความผูกพันธ์ของพี่ปอกับน้องมากกว่าอิอิ
วันนี้อัพแค่นี้พอ คืองงมาก ดึกมาแล้วด้วย ฝันดีค่ะ