**(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|  (อ่าน 99249 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ยังไงก็ให้ภีมฉี่ก่อนนะ 55555

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
 

ตอนที่ 19

 

“ไอ้ปอ!”

 

มันมาได้ไง ตามมาทำไม

 

ชั่วโมงนี้ผมโคตรอยากที่จะกลายร่างเป็นขอมดำดิน ดำหนีมันออกมาซะจริง

 

มันเดินตามผมเข้ามาโดยที่ตอนนี้ผมเดาอะไรไม่ออกเลยจากใบหน้าของมัน ซึ่งก็กำลังขมวดคิ้วตัวเองเป็นเส้นเดียวกัน ผมเงยหน้าไปมองมันตอนนี้ที่ยังจ้องตาไม่ละ ผมเองแหละที่จำต้องผละดวงตาออกเพื่อหาทางหนีทีไล่ว่าพอมีทางไหนที่จะหลุดรอดออกมาจากมันได้ไหม ปวดฉี่ก็ปวดเว้ยแม่ง!

 

“ออกไปเลย มึงเข้ามาทำไมเนี่ย?” แกล้งถาม ผมพยายามลุกขึ้นยืนมือเกาะขอบอ่างล้างหน้า ใจหนึ่งก็กลัวมันจะขย้ำ

 

มันย่างเข้ามาหา เอื้อมมือมาจะแตะตัว ผมผลักมือของมันออกห่างทันทีที่เห็นแบบนั้น สีหน้าของมันเหมือนจะเจ็บแต่ผมคงจะตาลาย เมาแล้วเห็นภาพหลอน ชักงงแล้วว่านี่เมาเหล้ารึเมากาววะ

 

“ออกไป อย่ามาแตะ!”

 

“เลิกทำแบบนี้ภีม”

 

ทำอะไร

 

“กูจะเข้าห้องน้ำ ไม่ให้กูฉี่แล้วจะให้กูทำอะไรวะ?” เออ จริงของผม

 

“กูหมายถึงสิ่งที่มึงจะทำอยู่ตอนนี้”

 

“ทำบ้าอะไร กูกำลังจะแก้ผ้าเนี่ย”

 

“มึงตั้งใจจะยั่วกูเรื่องไอ้นั่นใช่ไหม?”

 

ผมชะงัก หายเมาเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้ยินมันว่า ดวงตาเงยไปสบกับมันที่ยังยืนอยู่ตรงหน้า แถมขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิมอีกต่างหาก ทำไงดีวะเนี่ย

 

“อะไรของมึง พูดเรื่องอะไร?”

 

ผมทำใจดีสู้เสือ ทั้งที่เหงื่อไหลเต็มหลังมีพิรุธสุดๆ ไม่เคยโกหกมันได้เลย

 

“มึงตั้งใจจะทำให้กูโมโห ใช่…กูโมโหมาก แต่กูรู้…”

 

ตัวผมชาเมื่อมันขยับตัวมากระชั้นชิดเข้ามาจ้องเขม็ง เข้ามาอยู่ใกล้ๆ อยู่ตรงหน้ากันเนี่ย อะไรของมันวะ เหมือนผมผิดที่คิดจะไปมีคนใหม่ เหมือนผมต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ โคตรไม่มีเหตุผลเลย

 

“กูเปล่า แล้วกูกับพี่เขาก็ไม่ได้มีอะไร” แก้ตัวทำไมของมึงวะภีม ทำอย่างกับกลัวมันเข้าใจผิด มันพยักหน้ารับเบาๆ

 

“กูดูก็รู้…”

 

มันลากเสียง วางมือกับผนังกั้นตัวผมให้ลีบลง ไอ้นี่มันเป็นอะไรของมันชอบปากว่ามือถึง

 

“ระ รู้อะไร?”

 

“รู้ว่ามึงแสดงละครไง”

 

“กูเปล๊า…”

 

“แผนมึงก็ดีอยู่หรอก แต่แผนมันแตกแล้ว”

 

“มะ ไม่ใช่แบบนั้น…”

 

“สีหน้าตอนมึงอยู่ข้างๆ มันบอกกูหมดแล้วภีมว่ามึงไม่ได้ชอบมัน ถึงมันจะชอบมึงหรือไม่ก็ตาม แต่กูไม่ชอบที่มึงทำแบบนี้เลย”

 

ผมก้มหน้ามองพื้นทันทีที่มันว่า แม่งโดนจับได้เพราะตัวเอง ทำพลาดเพราะตัวเอง

 

ทำไมกูมันโง่แบบนี้วะ

 

“เลิกทำซะ ถ้าจุดประสงค์แค่อยากให้กูโมโหน่ะ”

 

“มันไม่ได้เกี่ยวกับมึง กูแค่อยากลองมีคนใหม่ แล้วกูก็จะหาไปเรื่อยๆ ไม่ใช่พี่อิฐกูก็จะหาจนกว่าจะเจอนั่นแหละ!”

 

นี่ผมพูดบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย

 

“อย่านะภีม กูขอร้อง อย่าทำแบบนั้น กูเจ็บ…”

 

ผมชะงัก เงยหนาขึ้นไปมองมันที่กำลังแสดงถึงดวงตาเว้าวอนส่งมาขอร้อง เมื่อกี้ผมไม่ได้เมาแล้วเห็นภาพหลอนหรอกเหรอ มันนิ่งมองตา ใจผมหายและหลุบตาลงพื้นมาตั้งหลัก สงสัยคงจะตาลายและหูคงฝาด ไม่จริงหรอกไม่จริง!

 

“เจ็บเหรอ?”

 

“ใช่ โคตรเจ็บ” มันตอบเสียงดังจนตัวผมลีบ มาเสียงดังกับกูทำไมวะ

 

“ทำไม…เพราะกูทิ้งมึงไปเอาคนใหม่เหรอ?” ผมก้มหน้าว่า หัวโงนเงนไปตามความตึงของเหล้า รู้สึกถึงมือมันที่จับผมขึ้นไปจ้องตา

 

“อืม…ใช่” มันตอบเสียงเบา มุ่นคิ้วตัวเอง “แล้วก็ยอมไม่ได้ด้วยถ้ามึงจะไปคบกับใคร กูไม่อยากถูกทิ้งแบบนั้น”

 

เสียงของมันสั่นไหว พร้อมกับใจของผมที่กระตุก ใจมันอยากจะให้อภัยปอมันเสียเต็มประดาเมื่อเห็นมันเดินเข้ามาบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการให้ผมรู้ โมโห เจ็บเหรอ เพราะอะไร บอกกูมาสิปอว่าเหตุผลที่มึงรู้สึกแบบนั้นเพราะอะไร

 

“มึงยังไม่เข็ดใช่ไหม?” ผมว่าเสียงเรียบ ผมกำกำปั้นขู่มันไปด้วย กูเอาจริงนะ ถ้าพูดต่อไปกูต่อยแน่

 

“ไม่ ไม่มีทางเข็ด”

 

ตอบมาแบบนั้นไอ้ผมก็ต้องจัดให้ ผมกำหมัดแน่นทุบตัวมันสุดแรง มือข้างขวาทุบไปยังตรงหัวใจให้มันรู้สึกว่าผมเจ็บขนาดไหน ในระหว่างที่ทำมัน ผมได้ยินเสียงตัวเองเจ็บปวดแทน มือหนาๆ มันกำข้อมือผมแน่น ใบหน้าก้มมาบอกเสียงแผ่วเบา มันมีแววสั่นไหวจนผมใจสั่น

 

“จะทุบจะตีพี่ยังไงก็ได้ ตามสบายเลย พี่ยอม…ถ้าทำให้ภีมหายโกรธ”

 

ผมละมือออก ถ้ามึงยอมแบบนี้กูจะไม่ตีมึง ไม่ทำมึงอีก ใบหน้าผมยกยิ้มให้มันแววเยาะ

 

“เหอะ แค่นั่นไม่พอหรอก”

 

“งั้นภีมต้องการอะไร?”

 

มันว่าตามหลัง ผมไม่ตอบ พาร่างตัวเองเดินเซไปยังโถ “หันไป ห้ามตามมากูจะฉี่”

 

“เห้ยภีม! มันยังไม่ถึงโถ”

 

“เฮ้ยอย่ามายุ่งกับกู ไอ้ปอกูบอกให้ออกไป”

 

“แล้วจะแดกทำไมวะเหล้า กินก็ไม่เป็นยังจะทำอวดเก่งอีกแม่ง ดูสิไม่เหลือสภาพเลยน่ะ เมาอย่างกับหมาทีนั้นมาว่าแต่กู”

 

“อย่ามาเสือก!”

 

ผมขยับมือปลดปางเกงพลางดิ้นไม่ยอมให้มันกุมตัวเดินต่อไป เสียงมันบ่นในคอด่าว่าผมแดกเหล้าทำไมเมาเหมือนหมา กินไม่เป็นแล้วเสือกอยากกิน เสียงมันบ่นซ้ำๆ อยู่ข้างๆ หูจนรู้สึกถึงลมร้อนๆ มากระทบให้ขนลุก พยุงตัวผมพร้อมกับจับตัวให้ยืนตั้งตรง สติของผมหลุดลอยไปไกลกับเสียงนั้น

 

ผมพริ้มตาหลับ อยากนอน แก้ผ้าฉี่ไม่อายจู๋ตัวเอง

 

“อายไหม?”

 

เสียงมันว่าอยู่ข้างหู ผมพริ้มตาพลางส่ายหน้า รู้สึกถึงของร้อนๆ แนบมาบนแก้มอยู่เรื่อยๆ ไอ้สัดแอบลักหลับกู

 

“อายทำไม ก็ผัวเห็นหมดละนี่”

 

นี่ปากกูเรอะ!

 

เสียงมันหัวเราะในหัวของผมที่อยู่ในอารมณ์กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น จากนั้นมันก็จัดแจงกางเกงให้อย่างรู้งาน บ่นอยู่ข้างๆ หู และจับผมเดินออกมาจากห้องน้ำ เสียงเพลงดังโหวกเหวกทว่าผมทิ้งสติตัวเองลงกับไอ้ปอตรงนั้น คิดไว้ว่าถ้าผมหลับตอนอยู่กับมัน ผมจะปลอดภัยและไม่ถูกใครรังแกแน่ๆ

 

เสียงคนคุยกันเข้ามาในความฝัน เป็นเสียงพี่ธามทะเลาะกับไอ้ต้น พี่พี เสียงปอมันบอกให้พี่อิฐออกห่างจากตัวผม ไม่รู้ทำไมวินาทีนั้นตัวเองถึงได้ปล่อยยิ้มออกมา

 

ไม่บอกก็เดาออกหรอก

 

ว่ามันกำลังหึง

 

สติผมขาดผึงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จะว่ามีสติก็มี แต่บางทีก็สลึมสลือไม่รู้สึกตัว

 

“นั่งดีๆ เลย”

 

“โอย กูเจ็บ…” ผมร้องว่าพลางพยายามจะขยับตัวลุก มีแรงกดที่ไหนสักที่กดทับ ตัวผมร้อนอยากถอดเสื้อผ้าเต็มแก่ มือก็ทำงานปลดกระดุมตัวเอง

 

“อย่าปลดกระดุม ไปปลดที่บ้าน ไอ้นี่…”

 

“ปลดให้กูด้วยนะ”

 

เดี๋ยวๆ กูพูดกับใครอยู่

 

ผมขยับตัวเข้าไปมองหน้ามัน ตอนนี้กูอยู่ไหนเหอะ “ปอ มึงจะพากูไปไหน?”

 

“ไปห้อง”

 

มันตอบพลางจับตัวผมที่ดิ้นขืน “ขับเร็วๆ หน่อยไอ้นี่ เดี๋ยวมันก็แก้ผ้ากลางทางหรอก”

 

มันพูดกับใครวะ “เออน่ะทำใจร้อนอะไรนักวะปอ แก้จะทำไม ไม่กูเห็นจะอยากดูเลย”

 

ผมหันไปมองคนขับข้างหน้า เสียงแม่งคุ้นๆ แต่ไอ้คนที่นั่งข้างๆ มันกวนตีน จับมือจับแขนไม่ให้ดิ้นผมขยับตัวเข้าไปกอดคอมัน ซบหน้า ตาปรือมองหน้ามันแล้วก้มลงจะหลับ มือมันกอดจับตัวผมไว้ไม่ให้ดิ้นแบบนั้นตลอดทางสงสัยเมาแล้วดื้อไปหน่อย

 

ตัวผมโอนเอนไปตามแรงของยานพาหนะ แต่ไม่ล้ม เพราะร่างกายถูกกอดไว้ อบอุ่น ผมรู้แค่นี้และวางใจที่จะปล่อยตัวให้มันดูแล แม้จะเคยถูกทำร้ายมาก่อน แต่เดี๋ยวนี้ผมมั่นใจแล้วว่ามันจะไม่รังแกอีก

 

กระทั่งรู้สึกตัวว่ารถอยู่แล่น ร่างกายถูกดึงออกจากรถ ผมดิ้นแล้วเข่าจะทรุดลงพื้นอย่างเดียว

 

“เอาไงดีวะ?”

 

“มึงก็อุ้มมันไปสิ ตัวกะเปี๊ยกเดียวเอง”

 

“มันดิ้น ภีม อยู่เฉยๆ” เสียงปอมันว่า

 

ผมยื้อแขน คิดว่าถึงเตียงนอน กูง่วง! “ปล่อยกู กูจะนอน”

 

“อย่าดิ้น เดินดีๆ กำลังจะพาไป”

 

“ไม่อาว กูจะนอนตรงนี้”

 

“ฮึ่บ”

 

เอื้ออออ!

 

เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น เหมือนตัวเองได้ตีลังกาสามสิบตลบ ผมลืมตามองอีกทีก็รู้สึกถึงหัวตัวเองกวัดแกว่งไปตามลมรวมถึงแขนที่ห้อยลงไปตามแรงโน้มถ่วง พื้นลายๆ มันทำเอาผมอยากอ้วก แล้วนี่ เท้าใครกำลังเดินอยู่ ทำไมผมอยู่ในท่านี้วะ

 

แต่ลายพื้นแม่งชวนอ้วก

 

“เวียนหัว…” ผมว่าเสียงเบา มือกำกางเกงใครก็ไม่รู้ เห็นแต่ตูดมันน่ะตอนนี้

 

“ทำไมลูกทำกับน้องแบบนั้นน่ะปอ?” เสียงใครสักคนร้องว่า เออ แล้วทำกูอยู่อีท่าไหน

 

“ก็ภีมมันเมานี่ พ่อไม่ต้องมายุ่งผมจัดการได้”

 

“ดูแลน้องดีๆ ละกัน ไปทำอีท่าไหนให้เมาขนาดนั้น”

 

มันก็หลายท่าอยู่เหมือนกันนะ แต่ท่านี้ไม่ไหวว่ะปวดหัว ผมยกมือกุมปาก อยากอ้วก พริ้มตาหลับพร้อมกับสติตัวเองที่ขาดสะบั้นไปเลย รู้สึกถึงร่างกายถูกวางลงบนเตียงนุ่มๆ กลิ่นหอมเดิมๆ ผมพลินกายนอนตะแคง ในฝันรู้สึกถึงใครสักคนที่กำลังทนุถนอมร่างกาย เขากอดผม จูบผม

 

บอกรักผมซ้ำๆ

 

มันทำให้ผมยิ้มตอบได้ไม่ยาก อาจจะเป็นฝันดีที่สุดในช่วงนี้เลยก็ได้

 

“พี่ปอ…”

 

ผมไขว่คว้าหาแต่มัน ดึงรั้งมันเข้ามาให้มอบกอดอย่างเคย เสียงกระซิบพร่าและถ้อยคำแสนหวานเมื่อก่อนแล่นเข้ามายังหัวไม่หยุดหย่อนที่ข้างหู เขาดูแลผม เช็ดตัวให้ผม อยู่ข้างๆ และพร่ำบอกว่ารักอยู่ข้างหูตลอดเวลา

 

ผมได้ยินมันแว่ว เสียงมันละมุนละไมเหมือนสัมผัสอุ่นที่ปลายนิ้วตอนนี้

 

ช่างเป็นฝันที่หวานยิ่งนัก

 

“ภีม…รักพี่ปอเหมือนกัน”

 

ฝันดีที่ทำให้ผมร้องไห้ไปด้วยเช่นกัน

 

 

 

โอย…

 

สาบานว่าต่อไปกูจะไม่ดงไม่แดกเหล้าอีกแล้ว ปวดหัวชิบหาย!

 

แล้ว…ที่นี่มันที่ไหนกันวะ

 

เสียงหายใจของผมแทรกความรู้สึกเข้ามาในหัวตัวเอง ขยับตัวนอนตะแคงจากเตียงนุ่มๆ หันไปอีกฝั่งรับความอบอุ่นจากผ้าห่มนวมบนตัวเพราะความเย็นจากแอร์มันทำให้รู้สึกหนาวนิดๆ พลิกตัวไปมาใต้ผ้าห่ม เอาขาไปก่ายหมอนข้าง ถ้าห้องนี้เป็นห้องผมนะ

 

แต่

 

อะไรอุ่นๆ วะ

 

แข็งด้วย

 

ผมลืมตาตัวเองมองของต่อหน้าแล้วได้แต่เบิกตาเมื่อเห็นอะไร เห็นไอ้ปอกำลังนอนเปลือยอยู่ใต้ผ้าห่มเดียวกันบนเตียง นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ยกูอยากจะบ้า และเมื่อสติเริ่มกลับมา ผมหันซ้ายแลขวากวาดตามองรอบๆ ห้องซึ่งตอนนี้กลายเป็นรังหนูดีๆ นี่เอง แต่ก็จำได้แล้วว่านี่คือถิ่นของมัน

 

ชิบหายละ กูมาได้ไงวะ ไอ้ต้น พี่พีอยู่ไหนวะมารับผิดชอบกูด่วน

 

เออ ตูดกู!

 

ผมกุมตูดตัวเองแล้วหันไปมอง อยากจะร้องไห้ที่ต้องมาเสียตัวให้มันอีกรอบ ว่าแล้วอะไรอุ่นๆ แข็งๆ ที่แท้ก็หมอนข้างมีชีวิต ที่สำคัญหน้าเหมือนผัวเก่าผมเด๊ะๆ เลย ผมพยายามตั้งสติเชคร่างกายตัวเอง เสื้อผ้ากูละ เสื้อผ้ากูอยู่ไหน ตอนนี้ผมเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวปิดตัวนอนอยู่กับมัน

 

เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นวะ

 

พยายามนึกก็นึกไม่ออก แต่ตอนนี้คือผมกับมันเปลือยกันอยู่บนเตียงทั้งคู่แล้วจะให้คิดยังไง ผมลุกขึ้นนั่งมองมันที่นอนหลับสนิทอยู่ใต้ผ้าห่ม เชคก้นตัวเองไปพลาง

 

ไม่เจ็บว่ะ

 

ไม่เสียตัวเหรอ ปอมันไม่ได้ทำอะไรผมเพราะเรื่องเมื่อวานหรอกเหรอ

 

ผมก้มมองใบหน้าที่เรียบนิ่งกับนิทราของมันนิ่งเมื่อเห็นเช่นนั้น เห็นว่ามันไม่ได้ทำอะไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงทำผมไปแล้วถ้าเมาหัวราน้ำมาแบบนี้ ปอมันเปลี่ยนไปมากจริงๆ อดที่จะยิ้มไม่ได้ เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ผมจำได้ว่าปอมันหึง

 

เสียงมันกร่าง ต่อว่าพี่อิฐยกใหญ่

 

แต่…

 

กูยังไม่ควรจะปักใจเชื่อ เพราะมันไม่ได้บอกมากับปากตัวเอง ตอนนี้สิ่งที่ควรทำคือหาเสื้อผ้าแล้วรีบออกไปจากที่นี่ซะไอ้ภีม

 

คิดได้แล้วนั้นผมก็รีบพาตัวเองลุกมาอย่างโป๊ๆ นั่นแหละ ไม่อายใครหรอกเพราะไม่มีใครเห็น มีแต่คนอ่านที่แอบจินตนาการหุ่นผมใช่ไหมละ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ผมตัวสูงสักร้อยแปดสิบห้า ผิวดำเมี่ยม ซิกแพคเป็นลอนๆ ลูกๆ โดยเฉพาะกล้ามหน้าอกนี่ชัดมาก เป้าผมตุงบะเร่อเท่อด้วยที่สำคัญ นึกภาพออกไหมครับ

 

ผมละรอยยิ้มบ้าๆ ตัวเอง

 

แต่ทำไมตอนโดนกระทำชำเราสู้ไอ้ปอไม่ได้ก็ไม่รู้

 

ไม่เอาๆ รีบชิ่งดีกว่า

 

ผมเกาหัวยุ่งๆ ของตัวเองรีบเดินไปหยิบชุดตัวเองที่มีกลิ่นเหล้ากลิ่นอ้วกมาถือ แหวะ เหม็นชิบหาย! ที่แท้กูก็อ้วกใส่มันนี่เอง ผมหยีหน้าทิ้งเสื้อผ้าตัวเองไปค้นเอาชุดที่พอจะใส่ของไอ้ปอมาสวม ออกมาทั้งสภาพแบบนั้นแหละ

 

ก่อนออกมา ผมลอบมองมันที่ยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง แอบมองแล้วก็ยกยิ้มอยู่คนเดียว ขอโทษนะปอไม่ว่าเรื่องเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น กูขอออกมาตั้งหลักก่อน แล้วจะกลับมายิ้มให้มึงเหมือนเดิม

 

อีกอย่าง

 

กูอยากไปเคลียร์กับไอ้ตัวตั้งตัวตีหน่อย!

 

 

 

เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกัน

 

ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาในบ้านของตัวเองเมื่อเห็นว่าไอ้ต้นกับพี่พีไม่ได้มารออยู่ มือค้นหาโทรศัพท์ ใจที่อยู่ดีๆ ก็หายไปเสียเฉยๆ ชิบหายแล้ว แม่งไปลืมไว้ที่ห้องของไอ้ปอ จะทำไงล่ะทีนี้ ผมไม่อยากกลับไปเจอมันอีก มันจับได้ว่าผมทำไปแบบนั้นเพราะวางแผนให้มันหึงมันหวงแล้วจะต้องมาขอคืนดี คงจะคิดว่าผมหน้าด้านมากๆ แน่ มือผมยกกุมใบหน้าตัวเองคิด นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่จะว่าจำได้ก็ได้ แต่จำได้ไม่หมดเรียบเรียงกันไหนก่อนอันไหนหลังไม่ได้

 

สาบานว่าจะไม่แดกอีกละ สาบานเลย

 

ผมกุมหน้า ความอายแล่นเข้ามาเมื่อถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ไอ้ปอแม่งจับจู๋ผม น่าอายชิบหายมายืนจับจู่ให้ผมฉี่ โอ๊ย! ความเมาทำอายจริงๆ เลย

 

ระหว่างที่ผมมุ่นกับตัวเองบนโซฟาและนึกถึงเรื่องของไอ้ปออยู่นั่น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน ใจผมที่ร้อนรนก็ชื้นขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นว่าพี่พีกับไอ้ต้นมาแล้ว ลำขารีบก้าวเท้าวิ่งออกไปด้านนอกเพื่อเอาเรื่องพวกมันทันที ด้วยการแต่งตัวแบบนี้แหละกูไม่อายแม่งละ!

 

จะด่าแม่ง ทิ้งผมไว้ได้ไงวะ

 

ดวงตาผมชะงักเมื่อเปิดประตูออกไปเห็นใครคนหนึ่งขมวดคิ้วตัวเองแน่นรออยู่ เขารีบเปิดประตูให้กว้างแล้วแทรกตัวเดินเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ใบหน้าร้อนรนชอบกล

 

“ต้น! มึงอยู่ไหน มึงหลบกูไม่พ้นหรอก บอกให้ออกมา” พี่ธามร้องว่าพลางเดินหาทั่วบ้าน

 

ผมเกาหัวตัวเอง พี่ธามตามหามันงั้นเหรอ

 

“พี่ธาม ต้นมันไม่ได้อยู่ที่นี่ครับ”

 

“พี่ไม่เชื่อ ภีมกับมันสนิทกันจะตายถ้าไม่อยู่กับภีมแล้วมันจะไปอยู่กับใคร เมื่อคืนพี่ไปรอมันที่บ้านจนเช้ามันยังไม่กลับเลย มันต้องมาที่นี่แน่!”

 

ผมเบิกตา ไอ้ต้นไม่ได้กลับบ้าน นิ่งคิดพลางถึงนึกถึงพี่พีเป็นคนแรก ผมว่ามันน่าจะไปด้วยกัน แต่ตอนนี้ ดวงตาผมจ้องมองพี่ธามที่ดูไม่เป็นตัวเอง ไม่ทำหน้าใจดีเหมือนเมื่อก่อน อย่าบอกนะว่าตามหึงหวงไอ้ต้นตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่หาย ไปรอมันที่บ้าน

 

“แล้วพี่มีสิทธิ์ตามหามันด้วยเหรอ เมียพี่ล่ะ?” ผมรู้สึกหมั่นไส้นิดๆ ถามออกไป เขาหันมามองผม แววตารู้สึกผิด

 

“พี่ต้องการหามัน ต้น! กูบอกให้ออกมา!”

 

จู่ๆ ก็ตะโกนขึ้นมา ตกใจ “มันจะอยู่นี่ได้ยังไง มันก็ต้องออกไปกับผัวมันสิพี่ ต้นมันมีผัวแล้วนะ”

 

กูหมั่นไส้พี่ธาม อยากเห็นพี่ร้องไห้ต่อหน้าผมที่เสียมันไปเหมือนตอนไอ้ต้นมันเป็น คนตรงหน้าชะงักแววตาแห่งความโกรธลง ทำท่าอึกอักแล้วยกมือกุมหน้าตัวเอง

 

”โธ่เว้ย!” เขาสบถพลางพยายามควบคุมตัวเองให้ได้ เหมือนกำลังหาทางคิดว่าทั้งสองคนไปที่ไหน ผมพยายามขัดขวางเต็มที่ อยากให้เขาคิดได้

 

“พี่น่ะเลิกกับมันไปแล้ว พี่ต้องการอะไรจากมันอีก ต่างคนต่างมีใหม่ไปแล้วนะ”

 

“มันไม่ใช่แบบนั้นภีม ไม่ใช่…” เขาลากเสียง ส่ายหน้า “พี่จะไปตามหามัน ยิ่งมันอยู่กับไอ้พีพี่ยิ่งต้องรีบไป!”

 

“พี่พีรักมันจะตาย พี่ธามไม่ต้องห่วงหรอก ผมยังไม่รู้สึกห่วงเลย” ผมว่าพลางยักไหล่กวน เขาขมวดคิ้วตัวเอง

 

“คนเลวๆ แบบไอ้พี…”

 

“ไอ้ต้นมันก็เลว เหมาะสมกันดีนี่ครับ”

 

เขาจ้องตาผม จะโกรธก็ได้นะพี่ธาม ผมอยากให้พี่รู้ใจตัวเอง ทำตามที่ใจพี่ต้องการ เขาผละเดินออกไป เสียงประตูปิดดังปังบ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกคนปิดได้เป็นอย่างดี

 

ใจผมหายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับไอ้ต้น ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีคนเจ็บ

 

เลือกดีๆ นะต้น พี่ธามก็ดีแสนดี พี่พีก็รักมึงแทบจะถวายหัว หากตัดสินใจผิดนิดเดียวอาจจะเสียใจมากกว่าตอนนี้ก็ได้ แต่ทำไมกันนะ ทำไมคนอย่างผมไม่เจอคนที่รักผมมากมายขนาดนั้นสักคนบ้าง

 

ผมยกมือกุมหน้า ปวดหัวกับปัญหาว่ะ

 

เสียงรถคันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าบ้านผมอีกครั้ง เอาล่ะวะ พวกมันมากันแล้ว ผมรีบวิ่งออกไปบอกข่าวมันว่าแผนของพวกมันสำเร็จต่างจากผม ครั้นวิ่งออกไปเปิดประตู ตาผมเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่มายืนอยู่ตรงหน้า

 

ใจผมหายลงไปกองตาตุ่มเมื่อเห็นว่าไม่ใช่พี่พีกับไอ้ต้นอย่างที่เคยคิดไว้

 

“มึงลืมโทรศัพท์”

 

ผมอยากเป็นลมเมื่อเห็นโทรศัพท์ของตัวเองในมือคนตรงหน้า เลือดลมแล่นเข้ามาสูบฉีดเมื่อเห็นรอยยิ้มผุดขึ้นมาประดับใบหน้าหล่อของมันราวกับรู้อะไรอยู่อย่างนั้น ผมกุมหน้าตัวเอง เขินก็เขิน โมโหตัวเองก็โมโห

 

เมื่อคืนผมพูดอะไรทำอะไรลงไปบ้างวะ!

 

 

 

 
 :katai4: :katai4:
ขอโทษนะคะที่ช้า พอมาก็อัพเลยยังไม่ทันได้เชคคำผิดดีๆ ถ้าผิดตรงไหนรบกวนบอกด้วยนะคะ ตอนนี้ก็ เหมือนจะหวานก็ไม่หวาน เหมือนจะซีเรียสก็ไม่ซีเรียส จะฮาก็ไม่ฮา หลายอารมณ์ปนกันไป

ประเด็นคือพี่ปอได้ยินน้องบอกรักใช่ปะ เขินแทนแปป :-[

เอาล่ะค่ะ ตอนหน้า หนูนาจะมาอัพช่วงหัวค่ำแบบนี้นะคะ มาตามเวลาบ้าง เลทบ้าง แต่ก็ไม่นานหรอกค่ะ รออ่านนะคะถ้าไม่เบื่อซะก่อน อิอิ

ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจที่มอบให้หนูนา

อัพเร็ว อัพไว อัพถี่ ต้องหนูนานะค๊า 55555 ขอบคุณสโลแกนที่สาวก(อีกเวบ)ตั้งให้ ฮามากเลย

แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
 :hao3:

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
แผนล่ม หรือตามแผน ชักไม่แน่ใจ :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
 :hao6:  เจิมที่นี่ด้วย เย้ๆ

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
:hao6:  เจิมที่นี่ด้วย เย้ๆ

 :-[ :-[
จำได้เลย ขาประจำ เม้นตลอด อิอิ ขอบคุณจ้า
 o13

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ชื่อหนูนาเหมือนกันเลย *จับมือ

ตอนนี้ป่วนๆนะเนี่ย

แอบโสน้าน่าพี่ธาม คริๆ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
 :m20:  พี่ธามยังไม่เคลียร์อีก!!

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
ชื่อหนูนาเหมือนกันเลย *จับมือ

ตอนนี้ป่วนๆนะเนี่ย

แอบโสน้าน่าพี่ธาม คริๆ


จับมือๆ ชื่อโหลเหมือนกันนะเรา
 o13

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะดีกันแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
 

ตอนที่ 20

 

-P’ Por Part-

 

ทุกคนคงกำลังงงกันอยู่ล่ะสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงมาอยู่ต่อหน้าไอ้ภีมตรงนี้ได้

 

ผมจะอธิบายให้เข้าใจคร่าวๆ

 

อันที่จริงมันไม่มีอะไรน่างงเลยสักนิดนะผมว่า เมื่อคืนผมไปงานเลี้ยงแล้วเห็นไอ้ตัวดีตรงหน้าเนี่ย เข้ามาในงานพร้อมกันกับไอ้ต้น บอกตรงๆ ว่าจะไม่มีน้ำโหเลยถ้ามันไม่ไปนั่งเบียดกับไอ้ถึกเจ้าของวันเกิดเมื่อวาน ผมโมโห ผมอยากจะกระโจนเข้าไปต่อยไอ้นั่นที่มันแตะต้องเมียผม ลวนลามเมียผมด้วยสายตากระลิ้มกระเลี่ยนั่น

 

แต่ยังดี ที่ภีมมันไม่ได้มีสายตาพิศวาสไอ้นี่เลยแม้แต่น้อย ถึงจะทำทีเป็นสวีทกัน แต่แววตามันก็ยังบอกได้เสมอว่ารังเกียจไอ้นี่ซะเต็มประดา จะเล่นละครก็เล่นไม่สมบทบาท

 

แต่ถึงยังไงก็หึงอยู่ดี ก็เมียผมนี่หว่า

 

ภีมมันคิดว่าตอนนั้นอยู่เหนือ ต้องการจะสั่งสอนผม ผมจึงตามมันไปยังห้องน้ำเพื่อจะบอกว่าผมรู้ว่ามันกำลังหลอกผม แต่แม่งยิ่งคุยยิ่งพูดกันไม่รู้เรื่องก็เลยลากมันออกมาทั้งแบบนั้น

 

ระหว่างที่นั่งอยู่นั่น ผมไม่ยอมให้ไอ้อิฐอะไรนั่นแตะต้องเมียผมเป็นครั้งที่สอง ภีมมันอยู่ในสายตา ในอ้อมกอดผมตลอดเวลา ส่วนพวกไอ้ต้นน่ะเหรอ พอรู้ว่าผมรู้ทันก็ขอร้องว่าอย่าบอกไอ้ธามไง เมื่อคืนไอ้พีมันเป็นคนขับรถออกมาส่งผมพร้อมๆ กับไอ้ต้นนั่นแหละ

 

เป็นไง ซ้อนแผนเลยสิ

 

แล้วตอนนี้พวกมันคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วเพราะผมเองก็อยากจะให้เรื่องไอ้ธามมันเคลียร์เช่นกัน ก็เลยปล่อยพวกมันสองคนหนีไป

 

 

ส่วนตอนนี้…

 

ดวงตาผมมองไอ้ตัวเล็กตรงหน้าที่มองมายังร่างของผมด้วยความตกใจ บนตัวของมันสวมเสื้อเชิ้ตของผมที่ตัวออกจะโต ส่วนล่างขโมยบ๊อกเซอร์ผมไปสวมเสียอย่างนั้น ถึงจะเป็นผัวเมียกันก็เถอะ แต่นั่นมันของใช้ส่วนตัวนะครับเมีย

 

ผมหลุดยิ้ม และมันเองก็คงจะรู้ทัน มันดึงเสื้อเชิ้ตให้ร่นมาปิดแล้วเงยขึ้นมาว่า “หยุดใช้สายตานั่นกับกูนะ!”

 

ผมชะงัก สายตาแบบนั้นนี่แบบไหนวะ คิดแล้วยกยิ้มกับใบหน้าของมันตอนนี้ คงกำลังอาย “เอ้านี่โทรศัพท์ เอามาคืน ยังจะมาทำเป็นเก๊กใส่อีก”

 

มันตีหน้าเข้มใส่ “ก็ดีแล้วที่เอามาให้ งั้นก็เอามาสิ!”

 

ว่าพลางจะแย่งออกจากมือ นี่มันจำได้รึเปล่าว่าเมื่อคืนบอกผมว่าอะไร

 

“เชิญกูเข้าไปข้างในก่อน”

 

มันขมวดคิ้วตัวเองว่า “กูไม่ต้อนรับ”

 

“ไม่เอาน่า กูอยากคุยดีๆ”

 

“กูไม่อยากคุย เอ๊ะ บอกให้ออกไป!” มันตีมือผมดังเพียะ เอะอะใช้กำลังเมื่อเห็นว่าผมทำท่าจะเดินเข้าไป ผมยกยิ้มเมื่อเห็นใบหน้ามันเขิน แก้มยุ้ยๆ ของมันพองโดยไม่รู้ตัว

 

เมื่อคืนผมจูบมันทั้งคืน ถึงจะเหม็นอ้วกนิดๆ ก็เหอะ

 

“บอกให้ออกไปพูดไม่รู้เรื่องรึไงไอ้นี่ กูไม่อยากเห็นหน้ามึงเข้าใจไหม?”

 

“เมื่อคืนมึงไม่ได้พูดกับกูแบบนี้” ผมว่า

 

ภีมมันเบิกตามองผม “เมื่อคืน?”

 

“ใช่ เมื่อคืนน่ะ…”

 

มึงบอกว่ามึงรักกู

 

ผมนิ่งจ้องดวงตาของมันที่เงยมาจ้องไม่ละ สีหน้าของมันแลดูกังวลกับสิ่งที่ตัวเองทำไว้เมื่อคืนมาก แต่ในความคิดของผมไม่ว่ามันจะทำอะไรก็ไม่น่าถือสาสักนิด ผมไม่คิดจะถือสาความดื้อของมันอีกแล้ว ตั้งแต่ผมรู้ใจตัวเองว่า

 

ผมก็รักมัน

 

เมื่อคืน ผมเฝ้ามันไว้ตลอดเวลาไม่ละสายตาไปไหน ตอนที่ภีมมันนอนหลับ ร่างกายซุกอยู่ในอกผม กอดผม ร้องไห้เรียกแต่ชื่อของผม ผมรู้ว่ามันเจ็บที่เราต้องห่างกันไม่ต่างจากผมเลยและอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป ทำให้เวลานั้นผมคิดได้ว่าตัวเองมันโคตรเลวเลยที่กล้าปล่อยภีมมันไว้คนเดียวแบบนี้ ห่วงแต่ความรู้สึกตัวเอง กลัวตัวเองเจ็บปวด เดินหนีมันมาแบบนี้ได้ยังไง

 

ผมเสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ เฝ้ามองมัน บอกรักมันทั้งคืน และวิงวอนขอให้เวลามันเดินช้าๆ

 

คิดได้ว่าไม่ควรมาบอกรักมันในสภาพแบบนี้ ผมควรบอกให้มันรู้ชัดๆ ว่าผมรักมัน รักมันมากจนไม่อาจรักใครคนไหนได้อีก

 

“ปอ…” มันเขย่าร่างของผม

 

อดที่จะตกใจตัวเองไม่ได้ ผมตกอยู่ในภวังค์เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ผมละสายตาไปจ้องตามมันนิ่ง และตอนนี้ผมมีหนึ่งอย่างที่จะต้องทำ ผมตัดสินใจแล้วว่าผมต้องบอกมันให้ได้

 

“ขอพี่เข้าไปนะภีม พี่มีเรื่องจะคุยกับภีมจริงๆ”

 

จะบอกว่ารักมากขนาดไหน

 

“ไม่ ไม่ให้เข้า ถ้ามาเพื่อเอาโทรศัพท์มาให้ก็ควรจะให้มา แล้วก็กลับไปได้แล้ว”

 

“ไม่…”

 

“เอ๊ะ มึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องงั้นเหรอ กูบอกว่าออกไป”

 

“มึงนั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง กูอยากจะคุยกับมึงนะภีม”

 

“กูกับมึงไม่มีอะไรต้องคุยนานแล้ว” มันว่าพลางผลักตัวผมออก

 

“มีสิ เรื่องเมื่อคืน เรื่องที่มึงแสดงละครหลอกกูไง”

 

มันชะงักเงยหน้ามามองผมแววตกใจอีกครั้ง ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าทำหน้ากับมันยังไงภีมมันถึงเอาแต่จ้องตา มันแสดงถึงความอายออกมาด้วยในเวลานี้ ทั้งโกรธทั้งอาย ทั้งตกใจ มันผสมกันไปหมดในแววตาของมัน

 

“กะ กู…” มันลากเสียง

 

“บอกเหตุผลมา ว่าจริงๆ ทำไปทำไม อยากให้กูหึงหวงมึงเหรอ?” ผมถามไปตรงๆ ใช่ และผมก็หึงมันมาก

 

“มะ ไม่ใช่ ไม่ใช่เว่ย!” มันก้มหน้า ยกมือปิดหน้าตัวเองไม่เงยมามอง

 

“ภีม…เงยมามองกู” มือของผมจับบ่าเล็กๆ ของมัน พยายามพูดคุยด้วยความใจเย็นและใช้เหตุผลที่สุดกับมัน “มามองตากูสิ…”

 

“ไม่!”

 

“มองตาพี่นะ พี่อยากรู้จริงๆ ว่าทำไปทำไม ถ้าภีมอยากให้พี่หึง ใช่…พี่หึงภีม โคตรหึงเลยรู้รึเปล่า?”

 

มันก้มหน้าส่ายไปมาอย่างเดียว ทำราวกับกำลังเขินแลดูโคตรน่ารัก มือผมดึงข้อมือมันออกจากใบหน้าตัวเอง อีกข้างเชยคางขึ้นมาสบตา ใบหน้าของมันแดงระเรื่อ แววตาตื่นกลัวเล็กๆ พยายามละไปมองด้านอื่น

 

ผมยกยิ้ม ให้ภีมเห็นว่าตอนนี้ไอ้ปอมันไม่ใช่คนเดิมแล้ว

 

“ให้พี่เข้าไปคุยกับภีมดีๆ นะ เมียจ๋า…”

 

มันเบิกตาตัวเองยกมือทุบอกผม

 

“ใครเมียมึง ออกไปเลย บอกแล้วไงว่าเราสองคนหมดเรื่องที่จะพูดกันนานแล้ว”

 

“ไม่ได้ ต้องคุยกัน…”

 

ผมดันประตูเข้าไปทันทีเมื่อเห็นว่าภีมมันตั้งใจจะรั้นและไล่ผมท่าเดียว มันคงเป็นเพราะความอาย วางตัวไม่ถูก มันแสดงถึงความตกอกตกใจถอยกรูดจนล้มลงก้นกระแทกพื้น ใบหน้าใสๆ นั้นหยีออกมาด้วยความเจ็บปวดและร้องโอดโอย มันคงกลัวผมมากสินะถึงลนลานได้ขนาดนี้

 

“ภีม ไม่เห็นต้องตกใจ…”

 

ผมชะงักเมื่อมองไปเห็นร่างของมัน ไม่ๆๆๆ อยากนอกเรื่องไอ้ปอ

 

ได้แต่ลอบกลืนน้ำลายมองกางเกงที่มันสวม บ๊อกเซอร์ของผมมันคงตัวใหญ่ไปสำหรับมัน ขามันเลยกว้าง พอภีมมันนั่งลงแล้วชันเข่าขึ้นมาขาก็ร่นลงจนเห็นขาอ่อนขาวๆ ของมัน รวมถึงกางเกงในตัวเมื่อคืนด้วย นี่มันตั้งใจจะยั่วใช่ไหมนะ

 

ผมนิ่งมองอยู่แบบนั้น นึกถึงตอนที่ตัวเองได้จับ ได้แตะต้องตัวมัน

 

“ไอ้เหี้ยปอ! มึงอย่ามาทำหน้าหื่นมองกูแบบนั้นนะ”

 

“อะไร?” ผมยิ้มมองหน้ามันที่กำลังเขิน มือก็ปิดตัวเองไปด้วย

 

“ออกไป! เพราะมึงนิสัยแบบนี้ไงกูถึงไม่อยากให้เข้ามา”

 

อ๋อ เข้าใจแล้ว เพราะกลัวว่าผมจะทำเรื่องทะลึ่งๆ กับมันนี่เอง

 

ผมละดวงตาออกจากขากางเกงเมื่อมันเดาใบหน้าออก รีบเดินเข้าไปหา พยายามจะช่วยพยุง “ไม่ อย่ามาแตะกู มึงจะมาวุ่นวายกับกูทำไมนัก กูกับมึงน่ะต่างคนต่างอยู่ไปสิ!”

 

“ไม่ได้หรอกภีม ทำไม่ได้”

 

มันยกมือกุมหัวตัวเองเหมือนจะปวดประสาทก็ไม่ปาน “โอ๊ย…ทำไมจะทำไมได้!?”

 

“เพราะกูรักมึง!”

 

“มึงก็ไปแจ้งตำรวจสิ ออกไป…” เสียงมันหายไปในลำทันทีเมื่อรั้งสติตัวเองได้ มือที่ดันตัวผมออกชะงัก ใบหน้าใสๆ ที่ก้มหน้าก้มตาขัดขืนค่อยๆ เงยมามองตาผมที่ยิ้มรออยู่แล้ว

 

แววตามันตกใจมาก จากนั้น…

 

ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ความรู้สึกของผมมันไหลออกมาหมดแล้วและรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด ยิ่งเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของมันแล้ว มันยิ่งทำให้ผมดูมีหวังขึ้นมาบ้าง จากความตกใจ แปรเปลี่ยนมาเป็นความดีใจระคนเศร้า จริงๆ ก็เดาไม่ออกว่ามันหมายความว่ายังไง

 

แต่ผมขอเข้าข้างตัวเอง ว่ามันน่าจะดีใจที่ผมเองก็รักมันเช่นกัน

 

“รัก…” มันว่าเสียงเบา สั่นไหว

 

“ใช่ รัก รักภีม…” ผมก้มลงใบจูบแก้มมันซ้ำเป็นเครื่องยืนยัน

 

“โกหก!” มันเงยขึ้นมาว่า มือก็ทุบอกผมสุดแรง

 

“ไม่ได้โกหก รักภีมคนเดียว ไม่เคยรักใครเลย”

 

มันเม้มปากตัวเองที่กำลังสั่นระริก เหมือนกำลังจะร้องไห้ ดูไม่เป็นไอ้ภีมขี้ดื้อคนเดิมเลยสักนิด มันอาจจะยังตกใจ ยังวางตัวไม่ถูก มือเล็กๆ ของมันสั่นราวกับกำลังหนาว ผมกอดมัน จูบซับลงบนเส้นผมเพื่อยืนยัน ผมยอมที่จะยืนยันว่าสิ่งที่ตัวเองกล่าวออกมาเป็นความจริงทุกอย่างตอนนี้

 

“ทำไมถึงรัก?” ภีมมันว่าเสียงเบา ผมนิ่งคิด

 

มันต้องการคำตอบแบบไหนกัน

 

“เพราะคนๆ คนที่เหมาะกับคำว่ารักนั่น เป็นภีม คนเดียวนะ แค่ภีมคนเดียว”

 

มันนิ่ง เงยมามองตาแล้วส่ายหน้าไม่เชื่อ ผมยินดีที่จะตอบคำถามมันทุกคำตอบ ยินดีที่จะอธิบายกับมันทั้งวันทั้งคืนว่าทำไมผมถึงได้รักมันและหวงแหนมันขนาดนี้ ถ้ามันยินยอมที่จะนั่งฟังข้างๆ ผมไปทุกวัน

 

“สอนพี่ ดูแลพี่อีกได้ไหม?”

 

มันมุ่นคิ้วตัวเองละไปด้านอื่น ทำไมต้องทำหน้าตาน่ารักขนาดนี้ด้วยวะ ผมอดที่จะโน้มหน้าเข้าไปจูบไม่ได้ เสียงมันปรามและเบี่ยงหน้าหนี

 

“ออกไป กูยังไม่ได้บอกว่าจะเชื่อหรือจะยกโทษอะไรให้มึงนะปอ” มันว่า

 

“ก็ภีมน่ารัก”

 

รอยยิ้มของผมยกขึ้น มันชะงักตัวเองราวกับต้องมนต์สะกดจากดวงตาของผมเมื่อเห็น ริมฝีปากเจ้าเนื้อเม้มติดกันเน้น เรียกร้องให้ผมเข้าไปแนบปากจูบได้ไม่ยาก อย่าทำให้มันบวมช้ำแบบนั้นเลย พี่อุตส่าห์เฝ้ามองมันมาตั้งนานนะภีม

 

“อื้อ…” เสียงทุบตัวผมดังตุบตับ มือเล็กๆ นั้นถูกผมเข้าไปประสานนิ้วรวมเป็นหนึ่ง ภีมกำมันไว้แน่นรับจูบ ถึงไม่เต็มใจนัก แต่มันอาจรับรู้ว่าผมต้องการมัน โหยหาและรักมันจริงๆ

 

ผมไม่เสียเวลาผละปากออกไปเลยสักวินาที นานเท่าไรที่ผมไม่ได้จูบมันแบบนี้ พริ้มตาไล้ลิ้นตามลิ้นเล็กๆ ของมันที่พยายามหลบ เสียงมันหอบหายใจไม่ตรงจังหวะ ขาดอากาศหายใจ หรือกำลังรู้สึกดี ผมเท่านั้นที่รู้

 

รัก…

 

ตอนนี้ผมสะกดได้แค่คำนี้

 

แล้วก็สะกดออกก็ต่อเมื่ออยู่กับภีมเท่านั้น

 

แกร๊ก…

 

“ภีม…อุ๊ย!”

 

ผมผละใบหน้าไปมองคนที่จู่ๆ ก็เปิดประตูเข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย มองมือตัวเองที่กำลังล้วงเข้าไปลูบขาอ่อนเมียเพลินๆ แล้วกลัวภีมมันจะอาย รีบชักมือออก เห็นไอ้ต้นซุกหน้าไปปิดตาตัวเองเองบนอกของไอ้พีร้องว่า

 

“ทำบ้าอะไรกันนี่มันพื้นบ้านนะเว้ย!”

 

“พวกมึงนี่ไม่มีที่เอากันแล้วรึไงหา เสียลูกตาว่ะแม่ง”

 

“หุบปากไปเลยทั้งสองคน มันไม่ใช่แบบที่เห็นนะ” ภีมมันส่ายหน้าว่า สีหน้าแสดงถึงความเขินออกมา มือเอื้อมมาหยิบโทรศัพท์ไปถือ มืออีกข้างก็เอื้อมมาฟาดหน้าผมฉาดหนึ่ง

 

“ออกไปเลย กูยังไม่ได้บอกว่าจะยกโทษให้มึง!”

 

“แต่…”

 

“ออกไปปอ ออกไป!” มันว่าพลางผลักตัวผมออก ตอนแรกคิดไว้ว่ามันจะใจอ่อนแล้วแท้ๆ ผมถอนใจเมื่อเห็นดวงตามันมีแววสั่นไหวออกมาอย่างชัดเจน ทำแบบนี้ทำไม ทิฐิอีกแล้วงั้นเหรอภีม

 

“ขอโทษนะที่เข้ามาขัดจังหวะ ถ้าพวกกูมาช้ากว่านี้ภีมมันอาจจะยอมคืนดีด้วยก็ได้” ไอ้พีมันว่า ผมมองดวงตาของเมีย ใช่…ผมรู้

 

มันเสียใจตอนที่ไล่ผม

 

ผมไม่อยากให้มันปากแข็ง ทำร้ายใจตัวเองเพราะตั้งใจจะสั่งสอนผม เราควรหันมาคุยกันดีๆ ในเมื่อต่างรู้แล้วว่าเราใจตรงกัน เรารักกัน ควรจะเข้าใจกันให้เร็วที่สุดเพราะไม่รู้ว่าจะอยู่ด้วยกันไปได้นานสักแค่ไหน

 

“ถ้าภีมมันเสียตัวให้พี่ปออีกสักครั้งมันอาจจะยอมคืนดีง่ายๆ นะ”

 

“หุบปากไปต้น” ไอ้พีมันว่า

 

ผมก้มหน้าลงมองตา เอื้อมมือไปแตะมือของเมียตัวเองที่กำลังสั่นไหว มันไม่ได้ผลักไสผมออก

 

“พี่จะรอนะภีม…”

 

ใช่ ผมจะรอจนกว่ามันจะเชื่อมัน เชื่อว่าผมรักมันจริงๆ อย่างที่ผมเชื่อมัน แม้มันจะไม่มีสติตอนที่บอกรักผมก็ตามที

 

 

ผมพาร่างตัวเองเดินเอื่อยๆ มายังห้องพักของตัวเอง รอยยิ้มผุดขึ้นมาตกแต่งได้ใบหน้าเรื่อยๆ เมื่อนึกถึงตอนภีมมันแสดงถึงความตกใจในสิ่งที่ผมพูด คิดว่าไอ้สารเลวคนนี้ไม่มีหัวใจรักใครไม่เป็นล่ะสิ แต่ก็ควรจะขอบคุณมันจริงๆ ที่เป็นคนสอนผม จะไม่ให้ผมรักผมรอมันได้ไง

 

มือเปิดประตูห้องและก้าวเท้าเดินเข้าไป พบว่ามีเสียงทีวีเปิดอยู่ก็เดาได้เลยว่าเป็นใคร เดินไปเห็นร่างมันกำลังยกเหล้าทั้งขวดขึ้นมาดื่มด้วยสีหน้าเจ็บปวด ใจจริงก็สงสารแต่อีกใจหนึ่งก็สมเพช สีหน้าตอนมันกระวนกระวายตอนตามหาไอ้ต้นน่ะ ผมอยากให้ไอ้ต้นได้เห็นจริงๆ

 

“มาเมาอะไรตั้งแต่หัววันวะ?” ว่าพลางเก็บขวดเหล้าบนโต๊ะ เท่านี้ห้องกูไม่เป็นรังหนูพอรึไง

 

“กูหาต้นไม่เจอ…”

 

สมน้ำหน้าไอ้พ่อนักรัก

 

“ไอ้โอ๊คนั่นไงเมียมึง เมียตัวเองไม่ไปหาไปตามหาเมียชาวบ้านเขาทำไม?”

 

“มึงแม่งพูดเหมือนไอ้ภีมเปี๊ยบเลย” มันมุ่นคิ้วตัวเอง พิงตัวบนพนักว่าต่อ “จะมีคนทนกับกูซักกี่คนเชียววะ โอ๊คน่ะ มันวิ่งหนีตอนจะนอนกับกูเมื่อวันก่อน มันบอกว่าทนเจ็บไม่ไหวแล้ว…”

 

ผมมองมันพล่ามไปเงียบๆ เสียงมันสั่น “กูคิดถึงต้น ถ้าเป็นมันกูจะทนุถนอมจะไม่ทำมันเจ็บเลย ทำไมกูมันควายแบบนี้วะไปยกให้ไอ้พีได้ยังไง ปอ มึงบอกกูทีว่าต้นอยู่ไหน กูต้องการมันจริงๆ”

 

มันหันมาเขย่าแขนผม ซึ่งมันทำให้ผมพูดไม่ออก “กู…ไม่รู้”

 

“มันเกลียดกูสมที่กูต้องการแล้ว ทำไมกูไม่ดีใจเลย ทำไมวะ คิดถึงแต่มัน กูรู้ที่กูผิด กูไม่ยอมเปิดใจคุยกับมัน เพราะสิ่งที่กูกลัวคือการวิ่งหนี เหมือนไอ้โอ๊ค มันบอกว่ารักกูยอมกูทุกอย่าง แต่ท้ายที่สุด…เหอะ มันก็วิ่งหนีจากกูไปด้วยความตื่นกลัว มึงเข้าใจก็ไหม ถ้าคนๆ นั้นเป็นต้น กูเจ็บปวด กูผิดใช่ไหมที่เลือกไม่แตะต้องมันเพราะกลัวว่ามันจะทนกับกูไม่ไหวเหมือนไอ้โอ๊ค”

 

“มึงกับไอ้โอ๊ค…” อย่าบอกน่ะว่ามันเลิกกันแล้ว

 

“มันขอเลิกกับกูแล้วว่ะ หึ…กูมันโคตรน่าสมเพช เพิ่งจะมาเห็นค่าต้นมันก็ตอนที่ตัวเองไม่เหลือใคร”

 

มันว่าพลางขมวดคิ้วตัวเอง ยกเหล้าขึ้นมากรอกปากให้ลืมเจ็บ ใจของผมโหวงเหวงอย่างน่าประหลาดเมื่อนึกถึงตอนที่ต้นมันอยู่กับไอ้พีเมื่อเช้า การถูกปล่อยให้อ่อนแอและถูกไอ้พีปลอบใจอย่างนั้นมานาน ป่านนี้ต้นมันอาจจะเผลอใจกับไอ้พีไปแล้วก็ได้ ดูจากการแสดงท่าทีที่มันตกใจเมื่อเช้า มันพุ่งเข้าหาไอ้พีอย่างไม่รีรอ

 

มันสองคน…รักกัน

 

ผมเห็นไอ้พีกอดไอ้ต้น และไอ้ต้นเองถ้าไม่มีใจให้ก็คงไม่วางตัวแบบนั้นกับมันแน่ๆ คิดแล้วก็ปวดหัวว่ะ ผมจะจัดการเรื่องนี้ได้ยังไง เมื่อยิ่งแก้ไขเรื่องราวทุกอย่างกลับพันกันมั่วจนแทบจะแก้ไม่ออก

 

ผมควรจะเข้าไปคุยกับไอ้ต้นอีกครั้งแล้วล่ะ

 

“มึงไม่ต้องห่วงไอ้ธาม ก็จะจัดการให้มันเคลียร์เอง”

 

ใช่…

 

เพราะผมคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี่ เมื่อผูกแล้ว ผมก็ต้องพยายามแก้ ไม่เลือกที่จะใช้ทางลัดด้วยการใช้มีดตัดให้มันขาด ภีมมันสอนผมให้รู้จักคิดอะไรแบบนี้

 

สักวัน ผมจะแก้ปัญหาที่อยู่ในใจตัวเองบ้าง อย่างที่ภีมมันต้องการ

 

 

ผมพาร่างตัวเองเดินขึ้นตึกเรียนหลังจากล้างไม้ล้างมือจากงานช่างในช็อปที่ต้องเปื้อนสีเปื้อนน้ำมันเครื่องเพื่อจะเรียนวิชาต่อไป ในใจตอนนี้น่ะเหรอ ผมคิดถึงเมีย คิดว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ กำลังนึกถึงคำที่ผมบอกมันไปเมื่อวานไหม

 

แต่ด้วยความรีบไปหน่อยไม่ทันได้มองเห็นคนที่เดินสวนออกมา มันกับผมชนกันจนข้าวของที่ขนมันด้วยหล่นลง เป็นหนังสือกองใหญ่ที่ท่าจะหนักน่าดู

 

“ขอโทษทีว่ะไม่ทันได้มอง” มันน่าจะเป็นรุ่นน้อง พอเงยมาเท่านั้นก็รู้เลยว่าเป็นใคร

 

“ผมก็ไม่ทันได้มองเหมือนกันครับ ขอโทษนะพี่ปอ” มันยกยิ้ม

 

“มึง…เพื่อนไอ้ภีมนี่”

 

ผมชี้หน้า มันยิ้มรับพลางก้มลงเก็บหนังสือ

 

“มาๆ เดี๋ยวกูช่วย”

 

“ไม่เป็นไรครับพี่ พี่ไปเรียนเหอะผมทำเองได้”

 

“น่า กูบอกจะช่วยคือให้กูช่วยเข้าใจไหม?”

 

มันละมาเงยมองหน้าผม ก่อนจะปล่อยยิ้มออกมาด้วยความใสซื่อ มันก็น่ารักดีแฮะ ไม่รู้ไอ้ภีมมันไปคบด้วยได้ยังไง แบบมันน่าจะคบพวกนักเลงๆ หน่อยนะ

 

“แล้วนี่จะขนไปไหน?”

 

“อ้อ จะเอาไปไว้ห้องสมุดครับ”

 

“นั่นมันชั้นสี่ไม่ใช่เหรอ มึงขนไหวแน่นะ?”

 

“ไหวพี่ ไหวอยู่แล้ว” มันยิ้ม เออ เอาแต่ยิ้ม

 

“เดี๋ยวกูช่วย”

 

มันทำท่าจะห้าม แต่คงเพราะประโยคเมื่อกี้ที่ผมบอกไปก่อนหน้านั้นมันจึงชะงักห้ามปากตัวเองไว้ได้ทัน คนจะช่วยมาปฏิเสธแบบนี้มันเสียความรู้สึกน่า ผมยกหนังสือด้วยมือสองข้างเดินไปพร้อมกับมันที่ยังเดินไปเงียบๆ ไม่พูดไม่จา

 

“มึง สนิทกับภีมได้ไง?” อดที่จะถามไม่ได้ มันละใบหน้มามองผมก่อนจะกล่าว

 

“คงเพราะผมชอบมันมั้ง มันดูมีอะไรสักอย่างเรียกให้อยากจะสนิทกันน่ะ”

 

“เหมือนกันเลย ภีมมันมีอะไรสักอย่าง…” ที่ยังไม่รู้เลยว่าอะไร

 

“แล้วก็ช่วงที่มันเสียใจ ผมแวะไปคุยกับมันบ่อย”

 

ผมชะงักเมื่อมันว่า ตอนที่เลิกกันกับผมแรกๆ งั้นเหรอ

 

“ขอบใจนะ”

 

“อะไรครับ?” มันละใบหน้มามองพลางสาวเท้า ผมเห็นแววเขินแปลกๆ จากดวงตามันตอนที่ผมกล่าวออกไป รอยยิ้มผุดขึ้นมาประดับบนใบหน้าผมก่อนจะตอบ

 

“ขอบใจที่อยู่กับไอ้ภีมมัน มันดีนะที่มีเพื่อนดีๆ แบบนี้”

 

ไอ้เด็กนี่มันยิ้มกับตัวเอง ทำใบหน้าน่ารักล่อคนเดินสวนไปมาและสาวเท้าเดินต่อไปเรื่อยๆ ผมยกยิ้มกับตัวเองพลางนึกถึงหัวข้อสนทนาของเราตอนนี้ นึกถึงภีม และเฝ้าหวังว่าต่อไปจะไม่มีคนที่จะต้องคอยปลอบใจมัน อยู่ข้างๆ มันนอกจากผมคนเดียว

 

ผมจะเป็นคนอยู่ข้างๆ ตัวมัน บอกรักมันไปทุกๆ วัน

 

สัญญา…

 

 

 
 :katai5:
มาแล้วๆๆ จะพยายามมาอัพทุกวัน ก่อนเวลาบ้างเลทบ้างก็ไม่ว่ากันนะคะ แห่ะๆ แล้วดูตอนนี้ปอมันน่ารักไหม แลดูหล่อขึ้นมาเชียว ภีมน่ารักเหมือนเดิม รักนางงงง อิอิ
 :z1:
เรื่องต้นเริ่มจะดราม่าแล้วน้า นางจะเลือกใครอ่ะ พี่พีก็รักมาก พี่ธามก็แสนดี เชียร์ใครเอ่ยบอกมา แต่ไรต์ใจจริงๆ อะอยากให้ได้ทั้งสองนะ อิอิ

ส่วนใครที่ถามหากรีน ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวได้เจอจนไม่อยากเจอแหละ ไม่ได้สปอยให้คิดมากนะคะ 5555 มาดูตอนหน้ากันว่าน้องภีมจะมีปฏิกิริยาตอบพี่ปอยังไงเมื่อถูกบอกรักแบบงงๆ

เจอกันตอนหน้าค่ะ :laugh:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
พูดออกไปแล้ว เย้ๆๆๆๆ

คราวนี้ก็แสดงออกชัดๆพูดตรงๆง้อหนักๆ


ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
รู้สึกว่ากรีน น่าจะมีอะไรสักอย่าง

แต่ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่านะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ออกแนวยิ่งแก้ยิ่งยุ่งนะคู่นั้น

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตอนหน้าจะได้ฟิน กันถ้วนหน้าแล้วสินะ  :-[

ออฟไลน์ bangkeaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-4
พี่ปอน่ารักฝุดๆ

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
 

ตอนที่ 21

 

กูรักมึง

 

กูรักมึง

 

กูรักมึง

 

“นี่ ชั่วโมงเขียนป้ายไม่ใช่ชั่วโมงจ้องป้ายนะยะ”

 

เสียงไอ้สันติร้องว่าจากอีกมุมโต๊ะหวีดเสียงให้แหลมๆ แสบแก้วหู ผมขมวดคิ้วเองเมื่อได้ยินมันว่าก่อนจะละมาจ้องงานตรงหน้าตัวเอง ชิบหาย! สีหยดเต็มป้ายเลย ลืมไปว่าจิ้มสีไว้แล้ว มัวแต่นั่งเหม่อ นึกถึงเรื่องเมื่อวาน

 

กูรักมึง

 

โอย นี่กูเป็นอะไรของกูเนี่ย นึกถึงแต่ตอนที่มันพูดคำนี้

 

ผมส่ายหัวตัวเองไล่เสียงของมันที่ตามหลอกหลอนในหัว ดวงตาตอนมันพูดบอกผมจริงจัง ทำไมวะ ทำไมใจผมสั่น ทำไมผมต้องบังคับให้ตัวเองไม่เชื่อมันด้วย

 

ผมก็รักมัน โคตรรักเลย ทำไมถึงยังใจแข็งอยู่ได้อีกในเมื่อปอมันเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ ผมทำใจยกมือจับแปรงเขียนป้ายจ่อไปยังตัวหนังสือที่ร่างไว้แล้ว แต่มือผมกลับชะงัก

 

ป้ายยิ้มให้กู ยิ้มให้กูทำไม

 

เมาทินเนอร์ เมากลิ่นสี ภาพหลอน!

 

“โอย…” ผมเหวี่ยงมันออกห่างจากตัวเอง ป้ายแม่งหน้าตาเหมือนไอ้ปอเปี๊ยบเลย

 

ออกไปจากหัวกูได้แล้ว ไอ้บ้า ไอ้เวรตะไล!

 

“เป็นอะไรวะภีม?” ไอ้สันติเดินมาว่า ผมส่ายหน้ายิ้มให้พวกมัน

 

“เปล่า น่าเบื่อว่ะ”

 

“น่าเบื่อ?” ไอ้สมปองมันย้อนก่อนจะหัวเราะคิกคักกัน “ก็เพิ่งเห็นมึงจะพูดว่าเบื่อครั้งแรกนะ มีอะไรรึเปล่า?”

 

พวกมึงนี่ ทำอย่างกับกูไม่รู้ทันว่าพวกมึงตั้งใจจะมาหลอกถามความลับกูอีก มีเหรอว่าจะยอมบอกมึงง่ายๆ โดยเฉพาะเรื่องไอ้ปอที่มัน…

 

บอกว่ารักผม

 

โอ๊ย! มันเขิน

 

“ภีมะ”

 

“อะ ครับ…” ผมละสายตาไปมองอาจารย์ที่ร้องเรียก

 

“เธอช่วยเดินไปบอกอาจารย์นทีที่ห้องเก็บของให้ได้ไหม ว่าหยิบทินเนอร์ให้อาจารย์ที อาจารย์เขารู้ว่ามันอยู่ตรงไหน”

 

“ได้ครับ”

 

ผมว่าพลางพยักหน้าตอบแล้วรีบลุกขึ้นเดิน ดีแล้วที่ไม่นั่งจับเจ่าอยู่ในห้องแล้วก็มองป้าย จุ่มสี เหม็นสีเหม็นทินเนอร์แล้วก็เมาจนจะอ้วกอยู่แล้ว ผมถอนใจเดินลงอาคารมาตัวคนเดียว ทั้งๆ ที่เรื่องเมื่อวานแม่งสุมหัวเหมือนคนบ้า ไอ้ปอ ไอ้เลวแม่งมึงเล่นของใส่กูใช่ไหม!

 

 มึงนะมึง ตอนกูรอให้พูดจะตายไม่ยอมพูด พอกูตัดใจคิดว่ามึงไม่มีทางจะรักกูได้ทำไมมาพูดเอาป่านนี้ ผมส่ายหัวพยายามไล่ความคิดพลางรีบสาวเท้าเดินไปยังห้องเก็บของที่อาคารสี่ชั้น

 

ห้องเก็บของ ห้องเก็บของ กูรักมึง กูรักมึง

 

กูรักมึง เฮ้ย! มาได้ไง ออกไปจากหัวกูเดี๋ยวนี้

 

ผมรีบเดินไปยังห้องเก็บของที่อยู่ริมสุดของอาคารเพื่อไปเอาของให้อาจารย์ เมื่อเดินไปถึงก็ชะโงกหน้าเข้าไปดูว่ามีอาจารย์นทีอยู่ในห้องรึเปล่า เห็นคนตัวสูงๆ กำลังก้มๆ เงยๆ จัดของอยู่ผมก็วางใจ รีบเดินเข้าไป

 

“อาจารย์ครับ”

 

อีกฝ่ายละจากของตรงหน้ามาตามเสียงผมที่ค่อยๆ เดินเข้ามาด้านใน ผมมองของในห้องที่วางเรียงกันเยอะแยะนิดๆ แล้วรีบกล่าว

 

“อาจารย์จี…” จี้

 

เกือบแล้วกู เกือบเผลอเรียกชื่อที่แอบตั้งให้แล้ว

 

“อาจารย์จี…ระศักดิ์ ให้ผมมาบอกว่า…”

 

กูรักมึง

 

“กูระ…เอ้ย! ชะ ช่วยหยิบทินเนอร์ให้หน่อยได้ไหมครับ?”

 

ชิบหายแล้ว! ตอนนี้ผมโคตรเสียความเป็นตัวเองเลยสิพับผ่า

 

“ได้สิ รออาจารย์ตรงนี้นะ” เขาว่าแล้วเดินผละไป ผมยกมือกุมหน้าตัวเองโคตรอับอายเลยว่ะ เสียงของมันเอาแต่หลอกหลอนผมอย่างกับดูหนังบ้านผีปอบ น่ากลัวชิบ!

 

ทำผมเสียความเป็นตัวเอง โคตรเสียเลย

 

“เอ้านี่ ถือดีๆ ล่ะอย่าเหม่อลอยแบบนี้เดี๋ยวหล่นแตก”

 

“ครับ”

 

ผมยกมือเกาหัว นี่อาการกูออกขนาดนั้นเลยเหรอวะเนี่ย

 

ผมยกมือไหว้อาจารย์แล้วเดินละออกมาจากห้อง เดินลากขาเป็นซอมบี้ไม่ได้แดกเนื้อคน คือโคตรซังกะตาย พยายามบอกตัวเองว่ามึงสมควรจะดีใจซะมากกว่านะไอ้ภีม ปอมันบอกว่ารักมึงนะเว้ย คำที่มึงรอที่จะฟังนั่นไงไม่ดีใจอย่างนั้นเหรอ

 

จะว่าดีใจแม่งก็ดีใจ จะว่าช็อคก็ช็อค

 

แต่ผมแม่งคิดมาก คิดว่ามันเข้าใจคำว่ารักพอไหม คิดว่ามันอาจจะพลั้งปากพูดออกมาก็ได้ คิดว่ามันแค่จะแกล้งเล่นเท่านั้น ทั้งๆ ที่คิดว่าเคยอยากฟังมันแท้ๆ แต่พอมาได้ยินแล้วผมเกิดแต่คำถามใจในมากมาย

 

ผมขอเวลากับตัวเองสักพักเถอะ ถ้าปอมันรักผมจริงๆ มันต้องรอผมได้สิ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนมันต้อรอได้ เหมือนที่ผมรอมันไง

 

มึงคิดดีๆ นะภีม คนแบบไอ้พี่ปอ มันสมควรจะน่าเชื่อถือไหม

 

ผมไม่ควรคิดแบบนั้นสิ คำว่าเชื่อใจของคนที่รักกัน เขาไม่ใช้สมองเชื่อนี่ เขาใช้ใจเชื่อ ไม่งั้นมันจะเรียกว่าเชื่อใจได้งั้นเหรอ

 

ปอ…

 

ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน

 

เชี่ย! นอกเรื่องไปไกลเลย

 

ผมเกาหัวตัวเองพลางขมวดคิ้วหมกมุ่นเดินไปเรื่อยๆ กระทั่งเห็นร่างของใครสักคนเดินลงบันไดอาคารมาจากชั้นบน มันชะงักรอยยิ้มที่ยิ้มกับตัวเองนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ ใบหน้าของมันที่เปื้อนยิ้มนั้นได้ละลงเมื่อเห็นผมงั้นเหรอ ผมไม่อยากให้ระหว่างเราเป็นแบบนี้เลย ผมอยากกลับมาเป็นเหมือนเดิมกับมัน ผมยกยิ้มพร้อมยกมือทักทาย

 

“ไง กรีน ไปไหน…”

 

มันยกยิ้มกับผมนิดๆ แล้วเดินผละออกไปเฉยๆ สีหน้าบอกว่าไม่สู้ดีนักที่จะคุยกับผม ไอ้ผมก็มองหน้ามันด้วยความงง “ไปไหนมา?”

 

เสียงผมแผ่วเบามองตามหลังของมัน จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วงั้นเหรอวะ กรีน

 

ผมไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ อย่างมันไปเลยสักนิด

 

เพราะเรื่องวันนั้นเหรอ ที่ทำให้เรามองหน้ากันไม่ติด มันโกรธผมที่ทำกับมันแบบนั้นอย่างนั้นเหรอ หรือมีอย่างอื่นที่ทำให้มันต้องตีตัวออกห่างจากผม อะไรล่ะ ผมไม่เข้าใจกรีนเลย

 

ผมอยากคุย อยากเปิดใจกับมัน แต่ถ้ามันเดินหนีผมแบบนี้ทุกครั้งคงจะไม่ไหว

 

 

ผมจะบ้าตายว่ะ ผมอยากจะบ้า

 

ออกจากโลกความเป็นจริงนี่ซะ ออกมาอยู่ในโลกส่วนตัว โลกแห่งความเพ้อฝันของตัวเอง เป็นคนบ้าน่าจะมีความสุขมากกว่าผมตอนนี้ว่ะ แม่ง!

 

“อะไร เป็นอะไรของมึง ประจำเดือนมาไม่ปกติรึไง?”

 

เสียงของเจ้ากรรมนายเวรว่าขึ้นขณะที่ผมทิ้งก้นตัวเองลงนั่งในชั่วโมงชมรม ผมไม่เข้าร่วมอย่างเคยและไอ้นี่เองก็เหมือนกัน ก็เลยมานั่งด้วยกันใต้ร่มไม้หลังอาคารเรียนนี่ ผมเกาหัวไม่รู้จะเริ่มอธิบายยังไงให้ไอ้ต้นมันเข้าใจ

 

“กูไม่ตลก ดูหน้ากูด้วย” ผมว่า มันหลุดหัวเราะ

 

“เรื่องพี่ปอล่ะสิ แหม…สงสัยโกรธกูกับพี่พีที่มาขัดจังหวะแน่ๆ”

 

“ใครบอกมึงหา กูไม่ได้เหมือนมึงนะที่หนีตามผัวไปอี๋อ๋อกันสมใจทั้งคืนน่ะ”

 

ไอ้ต้นมันชะงักพลางโยนของๆ มันใส่ผมแก้เขิน ทำหน้าบึ้งแต่แก้มนี่แดงอย่างกับลูกตำลึง อย่าบอกนะว่าที่ผมกะจะสวนมันไปเล่นๆ น่ะเป็นความจริง เอาแล้วไงล่ะ

 

“มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้นะต้น” ผมชี้นิ้วคาดโทษ มันก้มหน้าตัวเอง “คืนนั้นมึงกับพี่พีไหนกันมา แล้วทำอะไรกันบ้าง?”

 

“ถามแบบนี้จะให้กูตอบยังไงวะ?” มันรีบย้อน หน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ

 

“มึงเสียท่าให้พี่พีอีกแล้วใช่ไหม?”

 

มันรีบเบิกตา อ้าปากค้างจะเถียงทว่าผมเค้น “ใช่ไหม!?”

 

ไอ้ต้นมันหน้าหงอลงพลางก้มหน้าตัวเองคล้ายรู้สึกผิด ก้มหน้าพยักขึ้นลงหงึกๆ ยอมรับ มือก็ยกขึ้นมากุมหน้าด้วยความอับอาย เอาแล้วไงล่ะ “มึงเมางั้นเหรอ?”

 

“เปล่า แค่ตึงๆ” มันตอบ ยกมือกุมหน้าตัวเอง “กูไม่รู้ว่ากูคิดอะไรอยู่ว่ะภีม พี่พีมันพากูออกไปเที่ยว ขับรถหนีพี่ธามไปเรื่อยๆ พอมันดึกเข้าก็เลยพาก็เข้าไปนอนพักในโรงแรม…”

 

“มึงก็เลยได้เสียกัน”

 

“ไอ้บ้า มึงนี่…” มันเงยขึ้นมาว่า สีหน้าเหมือนกำลังคิดหนัก สับสนใจตัวเอง มันแสดงถึงความหงุดหงิดที่ตัวเองทำอะไรลงไปไม่ได้คิด ตอนนี้มานั่งนึกๆ ดูแล้วผมก็คิดว่าถ้าอยู่ในสถานการณ์เหมือนมันคงตัดสินใจยาก

 

“มึงเข้าใจไหมภีม กูคิดว่ากูน่ะรักพี่ธามมาก ตอนเขาทิ้งกูไปกูโคตรเสียใจเลย แต่กับพี่พี ไม่รู้ทำไมกูถึงใจเต้นตอนอยู่กับเขา ไม่เหมือนตอนที่กูอยู่กับพี่ธามเลย”

 

มันว่าพลางขมวดคิ้ว ดวงตาแดงพลางมองตาผม

 

“มึงว่ากูเลวปะวะภีม ทั้งที่กูรักพี่ธามแต่กลับยอมนอนกับพี่พี กูยอมพี่พีง่ายๆ พี่พีไม่ได้บังคับกูเลย” ผมนิ่งมองมันที่ว่าเสียงเบาราวกับบ่นให้ตัวเองฟัง ดวงตาไม่ได้มองผม มันหม่น และเอ่อไปด้วยน้ำตา

 

“มึงเคยคิดถึงวันที่มึงต้องเลือกไหมต้น?” ผมว่าเสียงเบา ต้นมันพยักหน้า น้ำตาหยดแหมะลงบนโต๊ะหลายหยด

 

“กูหาเหตุผลต่างๆ นาๆ มาตั้ง แต่ไม่มีใครดีไปกว่าใครเลย กูเลือกไม่ได้จริงๆ”

 

“มึงก็รู้ว่ามันทำแบบนั้นไม่ได้ ยังไงก็ต้องเลือก”

 

ผมมุ่นคิ้วตัวเองคิด ยกมือสั่นๆ กุมหน้าแล้วส่ายไปมา “ไม่เอาน่า ไม่คุยเรื่องของกูแล้ว มันซีเรียสเกินไป”

 

“แต่มึงจะเก็บไปคิดแล้วก็เครียดคนเดียวนี่นะ มึงเห็นกูเป็นเพื่อนมึงปะวะ?”

 

ต้นมันละใบหน้าแดงๆ มามองผม “ไอ้สัด กูแค่ไม่อยากพูดถึงเรื่องเครียดๆ แบบนี้นี่ ว่าแต่มึงเหอะ มึงก็เก็บไว้คนเดียวเหมือนกันไม่เห็นปรึกษากู มึงเห็นกูเป็นเพื่อนมึงปะล่ะ”

 

มันย้อนครับ ผมนี่อยากเอามะเหงกลงหัวมันไปที แต่คำถามของมันน่ะทำเอาผมสตั๊นไปก่อนหน้านี้แล้ว ผมหลบตามันลงมองพื้นก่อนจะยกยิ้ม

 

“ปอมันบอกว่ารักกู”

 

สาบานว่าคุณจะตกใจกับหน้าไอ้ต้น ผมไม่ขออธิบายว่าสีหน้ามันเป็นยังไงและตกใจแค่ไหน คือมึงจะอินอะไรนักหนาวะ กูเป็นคนถูกบอกรักไม่ใช่มึง

 

“แล้วทำไมมึงไม่ทำอะไรสักอย่าง มัวแต่เล่นตัวอยู่นั่นแหละ” มันร้องว่า นี่มึงจะด่ากูใช่ไหม

 

“กูก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่ทำให้มันเคลียร์ กูคงกลัวมั้ง”

 

“กลัวอะไร ในเมื่อพี่ปอมันรักมึง”

 

ผมนิ่ง นึกถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วถอนใจ “กลัวมันเป็นแบบเดิม กูอยากให้มันเห็นค่าในการรอแล้วก็ดูแลกูให้ดีที่สุด ถ้ากูไปง่ายๆ เหมือนตอนกูยอมคบกับมันแรกๆ มันก็คงคิดว่าจะทำยังไงกับกูก็ได้ เหมือนตอนนั้น”

 

“แต่อย่าเล่นตัวนานนะมึง”

 

“กูไม่ได้เล่นตัว มึงเข้าใจที่กูอธิบายไหมหาไอ้นี่!” ผมรีบว่า ต้นมันหลุดหัวเราะ

 

“กูว่าพี่ปอเห็นค่าในตัวมึงนานแล้ว ตั้งนานแล้วที่พี่พีมาเล่าให้กูฟังเรื่องที่พี่เขาร้องไห้ง๊องแง๊งคิดถึงเมียตัวเอง” ต้นมันว่าแล้วทำท่าแอบขำ

 

“อะไรนะ มึง…ว่าใหม่ซิ” กูได้ยินไม่ถนัด ได้ยินแค่อะไร ง๊องแง๊งๆ เนี่ยแหละ

 

“พี่ปอร้องไห้คิดถึงเมียไง!” มันร้องว่าเสียงดัง ผมปิดปากมันพร้อมกับความอายแล่นเข้ามาใส่หน้าเมื่อคนโต๊ะข้างๆ หันมามองตามเสียงมัน

 

“ไอ้ห่า เบาๆ ก็ได้” มันมุ่นคิ้วตัวเองกับเสียงหัวเราะของมัน ทั้งๆ ที่ห้านาทีก่อนมึงยังดราม่าอยู่เลยต้นกูจำได้

 

มึงนี่ ทำยิ้มกลบเกลื่อนกู รู้ทันหรอก

 

ทำเป็นร่าเริงหัวเราะ แต่พออยู่คนเดียวนอนร้องไห้ ผมสงสารมันว่ะ

 

บางทีตอนที่มันมาค้างกับผม ผมแสร้งนอนหลับ

 

นอนฟังเสียงสะอื้นของมัน ผมว่าเป็นคนแบบไอ้ต้นใครว่าดี ถึงจะยิ้มจะหัวเราะร่าเริง แต่ภายในใจใครจะรู้ว่ามันเจ็บปวดสักแค่ไหน คิดมากขนาดไหน ผมโคตรสงสารมันเลย ใครที่คิดว่าผมน่าสงสารแล้ว ถ้าคุณเป็นคนใกล้ตัวมันจะรู้ว่ามันน่ะน่าสงสารกว่าใครทั้งสิ้น

 

ผมก้มลงมองมือตัวเองที่กุมกันแน่น หวังว่าต้นมันจะเลือกทางที่ถูกให้กับตัวเอง

 

 

ผมยืนถอนใจเป็นรอบที่ร้อย ทั้งเรื่องเพื่อน ทั้งเรื่องผัว…เก่า

 

สุมหัวกูแทบจะระเบิด

 

ผมยืนนิ่งมองพื้นถนน แล้วคนก็มองมาด้วยความไม่ชอบใจ ใช่ คงเพราะผมเอาแต่ยืนถอนใจแบบนี้เป็นร้อยกว่ารอบได้ ได้ยินเสียงรถคันหนึ่งแล่นมาจอดตรงหน้า คิดว่าเป็นรถเมล์ ผมเดินลงไปเพื่อเตรียมตัวจะขึ้น คิดไว้แล้วเชียวทำไมเสียงรถเมล์มันเงียบๆ แบบนี้วะ

 

“ขึ้นมาสิ” เสียงคนขับว่า ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง เชี่ย!

 

หน้าเหมือนไอ้ปอเด๊ะๆ ราวกับโคลนนิ่ง ผมรีบถอยกลับขึ้นไปยืนบนฟุตบาทอีกรอบพลางส่ายหน้าตอบมันไปด้วย ดูรถแล้ว มันคงจะใช่ไอ้ปอนั่นแหละว่ะ

 

“ขึ้นมาเดี๋ยวไปส่ง ไม่ให้ขึ้นรถเมล์หรอกนะ”

 

มึงกล้ามาบังคับกูเรอะ!

 

“ไม่ กูก็ขึ้นของกูทุกวัน มึงรีบไปเลย”

 

“มึงจะให้คนอื่นเขาด่ามึงใช่ไหม รีบขึ้นมา”

 

ผมมองสายตาคนรอบข้างที่มันเริ่มไม่พอใจ ที่เขาจะด่าน่ะคงจะด่ามึงนั่นแหละไอ้ปอ มาจอดตรงรถเมล์จอด ไอ้เวรตะไล งานเลยเข้ากูไง ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อมันบีบแตรเรียก รีบเดินไปยังประตูรถเพื่อเปิดขึ้นไปทรุดตัวนั่งอย่างไม่พอใจ แต่ดีกว่านั่งถูกคนอื่นด่าในใจแหละ

 

มันยกยิ้มหันมามอง เคลื่อนรถออกจากป้าย คงคิดว่าชนะกูแล้วงั้นสิ

 

แค่เกรงใจคนอื่นเท่านั้นเองแหละ

 

“แวะกินข้าวกันก่อนไหม มึงชอบร้านนั้นไม่ใช่เหรอ?” มันว่าเสียงเบา

 

“ใครบอกมึงหะ?”

 

“สังเกตเอา” มันว่าพลางหันมาทำหน้านิ่งๆ ใส่ ผมขมวดคิ้วตัวเองคิดในสิ่งมันเดา ถ้ามันสังเกตน่ะมันถูก ผมชอบและวางตัวสบายตอนที่อยู่กันในร้านนั้น ไม่มีใครคอยจ้องผมกับมันเหมือนที่อื่น

 

“กิน…ก็ได้”

 

ผมว่าเสียงเบา ในใจเต้นตึกตักฟังเสียงมันหัวเราะหึในคอ หันไปมองหน้ามันที่ยังมองถนนเงียบๆ

 

ขอโทษ…

 

จะขอโทษที่ตบมันไปวันดีไหมนะ ผมนิ่งคิดกับตัวเอง ทันใดนั้นความรู้สึกร้อนกับสัมผัสที่มือของผมก็แผ่ขยายขึ้น ปอมันเอื้อมมือมากุมมือผมด้วยหน้านิ่งๆ ของมันนั่นแหละ

 

ทำไมต้องทำตัวน่ารักกับกูขนาดนี้วะ ผมก้มลงมองมือตัวเองนิ่ง เขินว่ะ

 

“กูคิดถึงมึงทั้งวันเลย”

 

หน้าผมร้อนขณะที่มันว่า พยายามไล่ความร้อนออกจากหน้าหันไปด้านอื่นไม่มองหน้ามันด้วยกลัวว่าจะถูกจับได้ว่ากำลังเขิน อยากยิ้ม โคตรอยากยิ้มเลยเหอะ

 

มึงจะรู้ไหม ไม่มีเวลาไหนเลยที่กูไม่นึกถึงมึง ปอ

 

ผมก้มหน้าเก็บความอายตัวเอง แม่งเหมือนสาวน้อยอินเลิฟเลยไอ้สัด

 

มันบีบมือผม ผสานมือกันและขับรถช้าๆ ให้ตายเหอะ ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งเห็นว่ามันน่ารักขึ้นไปอีก มือผมถูกยกขึ้นไปทั้งๆ ที่ยังผสานกัน หลังมือรู้สึกร้อนด้วยสัมผัสจากปากของมัน มันจูบซ้ำๆ แบบนั้นเรียกอารมณ์แปลกๆ ให้แก่ใจของผม

 

“เดี๋ยวก็ตายห่ากันพอดี ปล่อยมือกูได้แล้ว”

 

ผมว่าเสียงเบา ไม่ดึงมือกลับ โคตรสวนทางกันอ่ะ มันยกยิ้มกับตัวเองมองทางตรงหน้าไปด้วยไม่ยอมพูดยอมเถียงกับผม “เอามือกูมา…”

 

“มึงจำคืนนั้นได้ไหม คืนที่มึงแสดงละครหลอกกูน่ะ” มันว่าแทรกขึ้นมา ผมเบิกตาหันไปมองหน้ามันทันทีมองหาว่ามันหมายถึงอะไร

 

“ทำไม?” ว่าพลางดึงมือตัวเองออกจากมือมัน

 

“มึงจำไม่ได้ใช่ไหมว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง?”

 

ผมขมวดคิ้วตัวเอง “จะ…จำได้เป็นบางอย่าง”

 

“ตอนฉี่จำได้ไหม?”

 

“ไม่ได้เว่ย!”

 

ถ้าบอกว่าจำได้นี่อายนะ ยืนให้มันจับจู๋ให้ฉี่อย่างหน้าด้านๆ แถมเรียกมันว่าผัวให้มันได้ยินด้วย ถ้าบอกว่าจำได้โคตรหน้าด้านเลยเหอะว่ะ ผมรีบก้มหน้าลงมองตักตัวเองหลบตามันไม่ให้รู้

 

“ตอบแบบนี้มึงจำได้ชัวร์เลยภีม จำได้ก็ดี…” มันว่า

 

“หมายความว่าไง?”

 

“มึงจะได้รู้ไง ว่ามึงเห็นกูเป็นผัวมึง เหมือนที่กูเห็นมึงเป็นเมีย”

 

โอ๊ย! ตอนนี้บอกเลยว่าอายแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเหอะ ตอนที่มันพูดนี่สีหน้าเหมือนมันนี่อยู่เหนือผมมาก ใช่ เหนือผมมากไอ้เชี่ยปอ

 

ผมนิ่งคิดคนเดียวแล้วเก็บความอาย เบี่ยงหน้าหนีมือมันที่เอื้อมมือมาจะยีหัวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ๆ แบบนี้ ดวงตามันมองถนนแต่มือนี่ถึงตัวผม พอเถอะกูยังไม่อยากตาย

 

“แต่กูไม่ดีใจเท่าตอนที่มึงบอกว่ารักกูหรอกนะ”

 

เออ ก็ดี…

 

“หา?” ผมเบิกตาหันไปตะโกนใส่หน้ามัน เสียงมันหัวเราะชอบใจกับสีหน้าตกใจของผมตอนนี้ มะ…มึงตั้งใจจะอำกูแน่ กะ..กู ม…ไม่เคยบอกรักมึงเลย ตอนที่กูเมากูจำ…ไม่ได้

 

เชี่ย!

 

ชิบหาย!

 

โคตรพ่อโคตรแม่!

 

อ๊ากกกก!

 

กูไม่รู้จะสบถคำไหนแล้ว เพราะไอ้เหล้านั่นแท้ๆ ทำกูอายได้สุดติ่งขนาดนี้ ตอนนี้น่ะเหรอ ผมโคตรอยากจะเอาหน้าทุบคอนโซลรถให้สมองเสื่อมแล้วแกล้งเอ๋อเดินออกจากรถ ทำเหมือนไม่รู้จักไอ้นี่ไปเลยตลอดชีวิต แต่เสียอย่างเดียวแม่งกลัวเจ็บ

 

ไอ้ปอ ไอ้เวร มึงรู้ตั้งนานแล้วแต่ปล่อยให้กูเล่นตัวตั้งนานเนี่ยนะ!

 

อ๊ากกกก ผมอยากตาย ผมอาย โคตรอาย!

 

ผมนิ่ง นิ่งจ้อมันตาค้างแทบจะหยุดหายใจ กัดลิ้น กัดลิ้นให้ตายไปเลยแม่งไอ้เชี่ย! กูไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้ว

 

“เฮ้ยภีม มึงช็อคขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” มันหันมาว่าพลางยิ้ม

 

มึงลองมาเป็นกูดิไอ้สัด ผมกุมหน้าตัวเองส่ายไปมา

 

“ภีม ไม่เห็นเป็นไรเลย มึงบอกรักกู กูบอกรักมึงเจ๊ากันแล้ว มาๆ กินข้าวกันถึงร้านแล้ว”

 

“ไม่! ไม่กิน กูอยากกลับบ้าน” ผมว่าพลางก้มหน้ากุมหน้าตัวเอง

 

“ไม่เอาน่า ลงมาๆ” มันดับเครื่องรถ มือขยับมาเขย่าไหล่ผม โอย ใครจะไปหน้าด้านนั่งไม่รู้สึกรู้สาได้ขนาดนั้นวะ บอกรักเขาแล้วมานั่งยิ้มหวานส่งให้กันเนี่ยนะ มันเขินนะเว่ย

 

“ภีม…เมียจ๋า กินข้าวกัน”

 

ไอ้สัด อย่ามาปากหวาน แค่นี้ผมก็เขินจะแย่

 

ผมส่ายหน้ากับตัวเอง แต่ว่าแม่งไอ้นี่มันพวกปากว่ามือถึง พอไม่พูดกับมัน มันก็เอื้อมมาดึงตัวผมยกไปนั่งบนตัก ผมตกใจดันตัวออก ขาทั้งสองข้างก็พาดกับเกียร์รถ ดีนะแม่งดับเครื่องแล้วไม่งั้นตายแน่ หลังก็ติดกับพวงมาลัยขยับออกห่างจากมันไม่ได้

 

“ไอ้ปอ ทำเชี่ยไรเนี่ยหะ?” ผมร้องว่า ดิ้นให้มันปล่อยเอวทั้งสองข้าง

 

“ไปกินข้าวกัน” ว่าแล้วขยับหน้ามาจูบแก้มผม

 

“อื้อ…” ผมเอียงหน้าหนี หันซ้ายแลขวาอายถ้าคนจะมาเห็น นี่มันหน้าร้านอาหารคนเดินไปผ่านไปมาเยอะแยะ ถึงจะมืดสนิทเพราะฟิล์มกรองแสงก็เถอะ แต่รถที่สะเทือนขนาดนี้มีหวังคนคงคิดว่ากำลังเล่นท่ายากกันอยู่แน่

 

โอย ปอมึงยังหน้าด้านไม่หายเลยรึไงหา!

 

“ปล่อยกู ไอ้ปอ มึงเลิกฉวยโอกาสกับกูซักที” ผมร้องว่า

 

“อะไร ผัวกับเมียกอดจูบกันไม่เห็นแปลก”

 

“ใครเมียมึงหา?”

 

“กูเป็นผัวมึง แล้วไหงมึงไม่เป็นเมียกูล่ะหืม?” มันว่า ขยับเบาะถอยออกห่างจากพวงมาลัย ไม่เอา! ไม่เอาแบบนี้เว่ย

 

“เลิกล้อเลียนกูได้แล้ว อื้อ ปล่อย”

 

ไอ้หื่น ไอ้เวร ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลย ผมเบี่ยงใบหน้าหนีมันที่ฝังปากลงบนแก้มผม พรมไปทั่วใบหน้ากะว่าจะไม่ให้มีที่ว่างเลยเหรอวะ

 

“ถ้าปล่อยจะยอมไปกินข้าวดีๆ ไหม?” มันว่า แล้วก็ก้มลงจูบปากผม ลิ้น แม่งลิ้น!

 

“อื้อ อ่อย เอาออกไอ…” เอ่อ ถ้าแปลไม่ได้ก็ไม่ต้องแปล ชั่วโมงนี้ผมไม่ขออธิบายอะไรทั้งสิ้น ผมทุบหน้าอกมันระรัวให้ผละปากออก มันบดขยี้ปากผมมือก็กดท้ายทอยไว้แบบนี้ไม่ให้หนี ผมพริ้มตา ยอมรับว่าจูบมันน่ะโคตรโหยหา ต้องการเรียกร้องให้ผมเข้าใจมัน

 

ผมนิ่ง ไม่ดื้อกับมันอีกต่อไป

 

ก็แค่ จูบของคนรักกัน

 

ไม่เห็นเป็นไร

 

เราผละปากออกจากกัน ดวงตาของมันจ้องมาที่ผมไม่ละ นิ้วหัวแม่มือไล้ริมฝีปากที่บวมเจ่อของผมเบาๆ ราวกับกำลังหวงแหน ผมเม้มปากตัวเองละหนีไปมองด้านอื่นพร้อมกันนั้นปอมันก็ดึงรั้งตัวผมเข้าไปกอดแน่น

 

ผมตกใจ ดวงตาผมเบิกกว้างเมื่อเห็นมันทำแบบนั้น

 

เดาใจปอไม่ออก มันจูบหลังคอผม มือสองข้างกอดผมแน่น

 

 

“รักภีมนะ…”

 

 

เสียงมันเบาหวิว แหบพร่า แต่ช่างละมุนละไมจนใจผมพุ่งทะยานสู่ดินแดนเวิ้งว้างห่างไกลที่ไหนสักแห่ง จมลึกไปกับคำว่ารักที่มันพร่ำบอก ผมได้แต่นิ่งฟัง  ซุกใบหน้าบนบ่าของมันนิ่งเงียบฟังเสียง ฟังคำที่มันพร่ำบอกว่ารักอย่างนั้นซ้ำๆ

 

รอยยิ้มผุดขึ้นมาประดับบนใบหน้าผมที่ยังซุกอยู่อย่างนั้น

 

ผมเชื่อ เชื่อมันแล้วครับ

 

เชื่อว่ามันรักผม ด้วยเพราะตอนนี้ที่ผมเลือกที่จะใช้หัวใจ ฟัง มัน ไม่ใช่สมองและความกลัวอีกแล้ว

 

“พี่ปอ…

 

รักพี่ปอเหมือนกัน”

 

ผมจำได้แล้ว คืนนั้นผมบอกมันไปแบบนี้

 

 

 
 :o8: :o8:
ตัดจบแบบสวยๆ ซึ้งๆ นิดนึง มีใครเขินกันบ้างไหมนะ


มาที่เรื่องของต้น กรีดร้องเบาๆ นางมีใจให้กับพี่พี สงสารพี่ธามเบาๆ บอกแล้วว่าอย่างงี้ต้องสามพีจะได้ไม่เสียใจสักคนไม่เชื่อเค้า มโนแล้วฟินแปป 5555 ให้นางเลือกมันยากนะเออ คนหนึ่งก็คือคนที่รักมาก เคยเจ็บมากเพราะเขา คนหนึ่งก็ผูกพันกันทางร่างกาย ดีด้วยทุกอย่าง ขนาดให้เค้าเลือกยังเลือกไม่ได้เลย

 

พอแล้วๆ หลังจากนี้ก็จะกลับมาน่ารักมุ้งมิ้งกันเหมือนเดิมแล้ว แต่ปมอีกหลายอย่างยังไม่เคลียร์ไรต์จะเน้นเรื่องปมนั่นก่อนนะคะ บอกไว้เลย แล้วเจอกันน้า บ๊ายบาย
 :bye2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
เข้ามาให้กำลังใจคนแต่งค่ะ

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
 

ตอนที่ 22

 

ผมขมวดคิ้วตัวเองนั่งบนเก้าอี้ มองอาหารที่มากมายละลานตาตรงหน้า แต่แม่งโคตรอายโคตรเสียความมั่นใจเลย ก็ตอนลงรถอะ ไอ้ปอมันแม่งบังคับให้ลงไปตรงประตูคนขับ ประตูเดียวกับมันซึ่งคนในร้านก็นั่งมองกันตั้งนานแล้ว แล้วก็หัวเราะกันคิกคักยกใหญ่เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่นั่งเบาะเดียวกัน ผมมียางอายนะเว้ยไม่ได้หน้าด้านเหมือนไอ้ปอ

 

อายชิบ!

 

ส่วนมันน่ะเหรอ แม่งเดินยิ้มลอยหน้าลอยตาเข้าไปอย่างหน้าด้านๆ อาศัยเอาความหล่อกลบเกลื้อน เอ๊ย! กลบเกลื่อน

 

“กินสิภีม” มันว่าพลางตักกับข้าวมาให้ ถึงไม่ใครจ้องเพราะโต๊ะถูกกั้นเป็นล๊อกๆ ให้พอนั่งก็เถอะ ผมก็ยังอายอยู่ดีนั่นแหละ

 

“เขินกูจนอิ่มอกอิ่มใจกินไม่ลงขนาดนั้นเลย?” มันว่า

 

“มึงหลงตัวเองมากไปปะวะปอ แหวะ!”

 

“ไหนเรียกพี่ปอซิ”

 

“ไม่!” ผมเบ้ปาก ยกมือตักของกินเข้าปากเต็มคำมาเคี้ยวตุ้ยๆ

 

“เวลาไหนที่มึงจะทำตัวน่ารักๆ กับกูวะภีม เดาใจแม่งไม่ออก” มันว่าพลางตักของกินเข้าปาก ทำท่าจะยกมาป้อนด้วย

 

“แดกของมึงไปเหอะ กูมีมือไม่ได้เป็นง่อย”

 

“ให้ผัวป้อนเมียนะ”

 

ผมจ้องตามันด้วยความไม่พอใจ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ

 

ผมอาย เขินจะตายแม่ง

 

ผมหลบตาทำเนียนเป็นคนหน้าด้าน อ้าปากรับของกินที่มันยกมาให้ด้วยมือเปล่า ปากผมแตะกับนิ้วของมันก่อนที่มันจะเอากลับไปเลียต่อ อื้อหืม…ไอ้ผมก็เขินสิครับ

 

 ทำไมแม่งทำน่ารักอย่างนี้วะ กูเขินนะเว่ย

 

ผมละดวงตางุดลงนิ่งเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำไปก่อนหน้านี้

 

ผมรุนแรงกับมันเกินไป

 

“ปอ…”

 

มันละมามองหน้าขณะที่ตั้งหน้าตั้งตาแกะกุ้งต่อหน้าตัวเอง ผมพยายามทำใจที่จะกล่าวคำว่าขอโทษ เคยคิดว่ามันเป็นสิ่งที่พูดง่ายแต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไมถึงพูดไม่ออก

 

โอ๊ย อยากตบปากตัวเองไม่ให้ปากแข็งแบบนี้ ได้แต่กลั้นใจเปร่งเสียงออกมา

 

“ขอ…”

 

ผมกลืนน้ำลายมองมันที่กำลังตั้งใจฟัง

 

เหงื่อไหลครับท่านผู้ชม มันจะจ้องอะไรนักหนา ไอ้ผมก็ทำใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วรวบรวมความกล้าร้องออกมาว่า

 

“ขอกินกุ้งตัวนั้นนะ”

 

ไอ้เชี่ย!

 

เสียงปอมันหัวเราะเมื่อได้ยินดังนั้น ผมยกมือกุมหน้าแม่ง กูไม่ได้อยากพูดคำนี้เลย กูอยากพูดคำอื่น ได้แต่นั่งหน้าหงอยมองของที่มันส่งมาวางในจานก่อนจะกลืนน้ำลาย ไม่ได้อยากกินเลย

 

กูอยากขอโทษ อยากพูดคำนั้นจริงๆ

 

“เอ่อ…”

 

“อะไรอีก กินก่อนค่อยคุยได้ไหม?” มันว่า

 

“ไม่ กินไปคุยไป…ก็ได้”

 

มันเงยมามองหน้าผมตอนนี้ที่ยังไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ก่อนจะขยับมาทรุดตัวนั่งข้างๆ หันมามองหน้าผมที่ก้มหน้าตัวเองมองจานข้าวราวกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ มันคงรู้แหละ เมื่อมือมันขยับมาจับบ่าให้ผมหันไปมอง

 

“อย่าคิดมากนะภีม” ขยับมาจูบแก้มผม

 

“แหวะ เหม็น”

 

“เหม็นอะไรกลิ่นกุ้ง” มันว่า ผมยกมือถูแก้มตัวเองหันไปมองหน้ามันค้อน หยีหน้าทำท่าทำทางรังเกียจสุดๆ แต่ไหงมันถึงได้นั่งยิ้มแล้วมองผมแบบนี้ก็ไม่รู้

 

ยิ้มอะไรวะ จ้องแล้วก็ยิ้มอยู่นั่น

 

“ขะ โทษนะปอ” ผมก้มหน้าว่า

 

“หืม ขอโทษเรื่อง?”

 

“ที่กูตบหน้ามึงไปวันนั้น แล้วก็เอาหนังสือ…”

 

“สะใจไหม ถ้าทำให้มึงสะใจแล้วคิดว่าทำให้กูเจ็บก็ไม่ต้องขอโทษ กูทำมึงเจ็บกว่านั้น คำขอโทษกูเป็นพันครั้งก็ไม่สามารถเทียบความเจ็บมึงได้”

 

ผมหันไปมองหน้ามันนิ่ง ภูมิใจในตัวมันว่ะว่าคนอย่างมันเปลี่ยนไป มีความคิดอ่านมากยิ่งขึ้น รอยยิ้มผุดขึ้นมาตกแต่งบนใบหน้าของเราสองคนที่หันมองกันแบบนั้น

 

อะ เดี๋ยวๆๆๆ ผมนิ่งมองหน้ามันที่จะขยับเข้ามาใกล้

 

นี่มึงเพิ่งจูบกูบนรถไปนะ

 

“หยุด ไอ้ปอ มึงหยุด!”

 

“อะไร กำลังซึ้ง”

 

“ซึ้งบ้าไร แดกข้าวไปเลยไม่ต้องมาลามปาม” ว่าพลางจับกุ้งที่มันแกะนั่นแหละยัดปากมันไปด้วย มันนิ่งจ้องมายังผมที่ยังกลบเกลื่อนความเขินด้วยการทำร้ายร่างกายไปมันไปด้วย ก้มหน้าก้มตาหลบสายตามันไปด้วย

 

เรารักกันครับ ตอนนี้เรารักกัน

 

แต่ผมยังไม่โอเคหรอกนะ

 

เพราะมันยังไม่ขอร้องให้ผมกลับไปคบกับมันเหมือนเดิม มันบอกว่ารักผมก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรยืนยันว่าเราจะกลับไปเป็นแฟนกัน เป็นคนรักกันในสายตาคนอื่น เป็นเจ้าของของกันและกันอย่างเต็มตัว ผมต้องการให้มันทำแบบนั้นและหยุดนิสัยเจ้าชู้อยู่ที่ผมคนเดียว

 

ขอผมทวงค่าความเป็นคนของผมคืนเถอะ

 

 

หลังจากกินข้าว ปอมันพาผมกลับมายังบ้านที่ตอนนี้พ่อแม่ของผมก็กลับมาพักผ่อนที่บ้านพอดี ปอมันมองเข้าไปข้างในเหมือนจะรู้เพราะมีแสงไฟสาดออกมา มันยกเบรกมือขึ้นก่อนจะหันมามองหน้า

 

“ขอกูเข้าไปไหว้พ่อแม่มึงได้ปะวะ?” มันว่าพลางมองเข้าไปด้านในอีกรอบ

 

ผมเตรียมจะส่ายหน้าแล้วเชียวเพราะไม่ชอบเลย แต่พ่อของผมที่ไม่รู้มายืนอยู่หน้าบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่เดินมาเคาะกระจกรถเรียก ใจผมหายเมื่อปอมันเปิดกระจกรถหันไปยกมือไหว้ทักทาย พ่อยิ้มไม่เหมือนพ่อของผมสักนิด

 

“นั่นปอนี่ ว่าแล้วรถคุ้นๆ หายไปไหนตั้งนานน่ะ?”

 

พ่อว่า ผมถอนใจไม่ยากให้พ่อเจอไอ้ปอจริงๆ

 

“ครับ ผม…ไม่ค่อยว่างน่ะ” มันตอบแล้วหันมามองหน้าผม

 

“เข้ามาคุยในบ้านสิ กินอะไรมารึยังล่ะ?”

 

“อะ ทานมาแล้วครับ แต่ว่า…ทานอีกก็ได้”

 

ผมหันขวับไปหามันที่ยกยิ้มคุยกับพ่อ ไอ้ปอ มึงตั้งใจจะกวนตีนกูใช่ไหมหา มันยกยิ้มพลางดับเครื่องยนต์หันมาจับหัวผมโยกไปมาขณะที่กำลังจัดแจงเสื้อผ้าดีๆ ผมไม่ชอบให้มันไปคุยกับพ่อ ไม่ชอบสถานการณ์แบบนั้นเลย

 

ผมเดินลงจากรถนำหน้ามันไปก่อน พร้อมกับมันที่เดินเข้าบ้านมาพร้อมกับพ่อคุยกันมาตามทางเรื่อยๆ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย หน้าผมบึ้งบางเดินมาถอดรองเท้าไว้ที่ชั้นก่อนจะเดินขึ้นไปเห็นแม่กำลังจัดโต๊ะอาหารพอดี

 

ผมยกมือไหว้พลางทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาในตัวบ้าน

 

“เป็นอะไรล่ะลูกคนนี้ เดินหน้างอมาแต่ไกล”

 

“เปล่าหรอก แค่เบื่อๆ”

 

“งั้นเหรอ อ้าว! นั่นปอนี่ ทานอะไรมารึยังจ๊ะ?”

 

“เอ้อ จัดเพิ่มให้ปออีกชุดนะคุณ ภีม ลูกจะเอาด้วยไหม?”

 

“ไม่เอา” ผมร้องว่าตอบ

 

อะไรๆ ก็ปอ ใช่สิก็บ้านมันรวยนี่

 

“เอ้อ แล้วอย่าลืมเรื่องที่คุยๆ กันไว้ล่ะ ถ้าพ่อว่างเมื่อไหร่ก็เชิญมาดินเนอร์กันบ้างนะ”

 

ผมหันไปมองปอที่ละยิ้มตัวเองลงทันทีเมื่อยินพ่อผมว่า

 

ผมอายว่ะ โคตรอาย

 

“ถ้าพ่อไม่ว่างก็ไม่ต้องมา ท่านงานยุ่งมากขนาดนั้น” ผมว่าขึ้น มันหันมามองผมเหมือนจะเดาความคิดออกแล้วตอบ

 

“ครับ เดี๋ยวจะชวนให้”

 

อื้อหืม…มึงจะล่าแต้มพ่อกูไปถึงไหน

 

“ว่าแต่ว่า ที่ที่เราไปดูมาเมื่อวันก่อนนี่ผมยังนึกเสียดายจริงๆ นะคุณ ถ้ากว้านซื้อมาทำรีสอร์ทหรูๆ สักโครงการนี่ผมว่ารุ่งแน่ ตรงนั้นสถานที่ท่องเที่ยวเยอะคนก็ต้องอยากมีที่เลือกพักบ้างไม่ใช่โรงแรมร้างๆ ผีดุๆ เสียดายจริงๆ ที่ตรงนั้นแพงหูฉี่เลย”

 

“เราทำของเราก็พอมีแล้วนี่คะ”

 

“โธ่คุณ คนเราต้องหาความก้าวหน้าให้แก่ตัวเองถึงจะถูก มัวแต่ย่ำอยู่กับที่ไม่คิดจะพาลูกเมียเจริญมันไม่เรียกว่าหัวหน้าครอบครัวหรอก”

 

“แค่นี้เราก็ไม่มีเวลาดูแลลูกแล้วนะคะ แล้วก็พอที่จะอยู่แบบไม่ลำบากแล้วด้วย”

 

“คุณไม่ได้เป็นหัวหน้าครอบครัวเหมือนผมก็ไม่คิดแบบผมนี่”

 

ผมปวดหัวว่ะ พ่อน่ะคิดอะไรของเขาอย่างนั้น

 

“อย่าทำงานหักโหมมากเลยนะครับ พ่อผมน่ะทำแต่งานจนไม่มีเวลาให้ผมให้แม่จนต้องแยกทางกัน บางทีเงินมันก็ไม่ใช่คำตอบของทุกอย่างหรอกครับคุณพ่อ”

 

ผมมองไปยังไอ้ปอที่ว่า ได้แต่นิ่งฟังคนทั้งสามที่นั่งยิ้มส่งให้กัน ตอนที่ผมบอกให้พ่อเลิกคิดเรื่องงานตอนกินข้าวไม่เห็นพ่อจะทำตาม มีแต่ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ทีไอ้ปอล่ะชอบใจใหญ่

 

“เป็นคนที่มีความคิดดีนะ แต่ว่าต้องรู้จักขวนขวายรู้ไหม ถ้าเธอไม่ทำอะไรเลยเขาจะว่าเกาะพ่อแม่กินเพราะที่บ้านที่น่ะมีสมบัติมากมายอยู่แล้ว ไม่ทำก็ยังได้”

 

“ผมรู้ครับ”

 

“งั้น จะรังเกียจไหมถ้าฉันจะชวนเธอมาร่วมหุ้นกับฉันทำรีสอร์ท”

 

ผมเบิกตาตัวเองมองพ่อ มองไอ้ปอที่ตอนนี้นิ่งมองตาพ่อผมด้วยยิ้มที่ค้าง ไม่ลืมที่จะหันมามองผมซึ่งส่ายหน้ารออยู่แล้ว ปอมันนิ่งคิดก่อนจะว่าขึ้น

 

“ผมยังตัดสินใจอะไรไม่ได้หรอกครับ แล้วก็ยังไม่มีเงินขนาดนั้น”

 

“งั้นก็วานเอาโครงการนี้ไปเสนอกับพ่อของเธอดูได้ไหม?”

 

“ดะ ได้ครับ”

 

“ปอ! รีบไม่ใช่เหรอ กลับบ้านไปซะ”

 

ผมว่าพลางเดินไปดึงแขนมันยกขึ้นมา มันตกใจกับท่าทีผมหน่อยๆ แล้วสาวเท้าตามผมที่ดึงมันเดินออกมาจากบ้าน ตอนแรกเหมือนจะบอกว่ารีบ แต่ประโยคสุดท้ายไล่มันอย่างเห็นได้ชัด

 

“ภีม เดี๋ยวสิ”

 

“กลับไปซะ มึงขำมากสินะ”

 

มันส่ายหน้า “เปล่า กูไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกครอบครัวมึง แต่…”

 

“พ่อกูก็เป็นแบบนี้มึงก็รู้ ยังจะอยากเข้าไปคุยด้วยอีก คงตลกคงสมเพชกูมาสินะ”

 

“เปล่า ฟังกูก่อน”

 

“กลับไป อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก มึงดูถูกกูตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วปอ ตั้งแต่ที่มึงจะเอาเงินมาฟาดหัวพ่อกูแล้ว”

 

มันนิ่งมองผม

 

“ไม่ใช่ ตอนนั้นกูแค่พูดไปเพราะความโกรธ”

 

“แต่มึงคิดอยู่ใช่ไหมล่ะ มึงกลับบ้านไปเลยแล้วไม่ต้องมาหากูอีก”

 

ผมว่าพลางเดินเข้ามาในบ้าน รีบวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง ผมไม่ชอบให้ใครเห็นว่าครอบครัวผมเป็นแบบไหนและดูถูกดูแคลนขนาดนี้

 

ส่วนพ่อน่ะ ตั้งใจจะหาความสุขให้คนในครอบครัว ด้วยเงินงั้นเหรอ คิดเหรอว่าผมต้องการมันจริงๆ ผมฟุบหน้าลงกับหมอน ความร้อนแล่นเข้ามายังใบหน้าเรียกหยดน้ำตาเอ่อซึมลงไป

 

ผมอายมัน ถ้าต้องกลับไปคบกับมันแล้วต้องมาเจอพ่อของผมเป็นแบบนี้ ไม่กลับไปดีกว่า

 

คนบ้างาน บ้าเงินไม่ฟังใครทั้งสิ้นแบบนั้นน่ะ อยู่กับใครก็เอาแต่จะทำให้ผมอายตลอดเวลา เห็นแก่เงินเกินไปไหม

 

ผมไม่กล้าสู้หน้ามัน ไม่ใช่ว่าโกรธ ผมอายและไม่กล้ามองหน้ามัน

 

พ่อผมตั้งใจจะสูบเงินจากครอบครัวมัน

 

หลังจากวันนั้นผมหลบหน้ามัน ไม่อยากกลับไปอยู่ในสถานะไหนทั้งนั้น ถ้าผมกลับไปคบกับมันพ่อของผมก็คงจะตั้งหน้าตั้งตาสูบเลือดสูบเนื้อมันแน่ๆ ผมอาย ถ้าเกิดพ่อได้เงินมันไปจริงๆ ผมจะไม่มีวันให้อภัยปอมันเลย

 

ไม่กล้าแม้แต่จะมองตา ผมรักมันอยากกลับไปอยู่กับมันเหมือนเดิม แต่กลัวว่าถ้ากลับไป อะไรๆ จะดูเลวร้ายลง โดยเฉพาะเรื่องพ่อ

 

จากหลายวันเป็นอาทิตย์ จากอาทิตย์เป็นเดือน 

 

 

 

 

ผมปวดหัว สองจิตสองใจ

 

ผมลากขาเข้ามาเข้าแถวเคารพธงชาติยามเช้า เข้าตามลำดับที่ตัวเองเคยอยู่ ดวงตากวาดไปมองเพื่อนร่วมห้องที่หัวเราะคิกคักชี้ไปยังชั้นเรียนของปวส เห็นปอมันยืนนิ่งมองมายังผม ใจผมหาย ละสายตาไปมองด้านอื่นด้วยความแปลกใจ

 

วันนี้มันมาเข้าแถว มันไม่เคยคิดเข้าร่วมกิจกรรมโรงเรียนตอนเช้าเลยสักนิด แล้วทำไมวันนี้มัน…

 

ผมสะบัดหัวไล่ความคิด เลิกสนใจมัน แต่กลับรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องตลอดเวลา ผมทำตัวไม่ถูก เมื่อแถวถูกปล่อยผมจึงรีบสาวเท้าเดินเพื่อไปเตรียมเรียนทันที เสียงคนคุยกัน เสียงเท้าเดินประสาน ใจผมว้าวุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนจะหันขวับไปตามแรงดึงด้านหลัง

 

ร่างผมชาเมื่อเห็นว่าเป็นมัน

 

“ทำอะไร!?” ผมว่าพลางพยายามสะบัดมือ มันละมือออกทันที

 

“คุยกันก่อนสิภีม” มันว่าเสียงเรียบนิ่งมองผม

 

“เฮอะ ไม่คิดว่าคนอย่างไอ้ปอรายเดือนจะเป็นเด็กดี มาเข้าแถวตั้งแต่เช้ากับเขาด้วยนะ”

 

“ถ้ากูไม่มาเข้าแล้วจะเห็นมึงเหรอ มึงหลบหน้ากูทำไมภีม?”

 

“ทำไมกูจะทำไม่ได้ ก็กูไม่อยากเห็นหน้ามึง เรื่องง่ายๆ ทำไมมึงถึงคิดไม่ได้ ทีไอ้เรื่องที่มันซับซ้อนมึงยังแต่งขึ้นมาเองได้” ผมว่า หางเสียงตั้งใจจะบอกว่าประชด

 

มันนิ่งมองหน้าผม แววตาดูเปลี่ยนไปนิดๆ เอื้อมือจะแตะอีก “อย่ามาแตะ”

 

“กูแค่…อยากคุยกับมึงนะ” มันอึกอัก ละสายตาไปมองด้านอื่น ดูเหมือนจะสับสน

 

“ก็คุยมาสิ”

 

“อย่าหลบหน้ากูแบบนี้ โธ่ภีม ทำไมไม่คุยกันดีๆ” มันว่าพลางเอื้อมมือมาแตะ ดึงมือผมเข้าไปหา ผมมุ่นคิ้วตัวเอง คงเพราะผมกำลังกลัว

 

ตกลงผมต้องการอะไรจากมันกันแน่

 

“กูไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งอะไรมึง วันนั้นกูแค่อยากเข้าไปคุย ทักทายพ่อแม่มึง เพราะท่านเป็นพ่อแม่ของมึงเท่านั้นเอง มึงเข้าใจที่กูพยายามจะบอกไหม?” มันว่าเสียงเบา บีบมือผมเพื่อสื่อความหมาย ใจผมสั่นก่อนจะก้มมองมือตัวเอง มองสายตาที่สื่อความหมายของมัน

 

“กูไม่ชอบที่มึงคุยเรื่องนั้นกับพ่อ กูอาย”

 

“กูรู้ภีม กูเข้าใจ มึงมีศักดิ์ศรีของมึงแล้วกูก็ไม่ควรทำลายมัน” มันว่าพลางเดินเข้ามาใกล้

 

ผมนิ่ง นิ่งฟังมัน หัวใจอ่อนไหวไปกับคำที่มันพยายามบอกให้เข้าใจความหมายแท้จริง ความจริงมันนานเกินไปแล้วที่ผมรอให้มันเห็นค่าในตัวของผม

 

ผมเชื่อแล้วว่ามันเห็นค่าในตัวของผมจริง

 

มันพยายามที่จะเข้ามาพูดให้ผมเข้าใจมัน ให้ผมเห็นใจในสิ่งที่มันกำลังคิดและกระทำ

 

“นี่พวกเธอ แยกย้ายกันไปเข้าห้องเรียนได้แล้ว”

 

เสียงอาจารย์ประกาศผ่านไมค์โรงเรียนเรียกให้ผมสะดุ้งดึงมือกลับ รีบเดินละออกจากมันมา ได้ยินเพียงเสียงร้องเรียกของมันที่ยังร้องตามไม่ยอมหยุด

 

ใจผมหาย

 

แต่ถึงยังไงผมก็เชื่อมั่นในมันแล้ว

 

ผมจะไม่กลัวว่าจะต้องเจออะไร ถ้าปอมันยังเข้าใจผมอยู่แบบนี้

 

แต่ว่าทั้งวัน ปอมันยังตามเร้าหลือผมด้วยการโทรหาซ้ำๆ ส่งข้อความมา แถมยังมีเดินผ่านหน้าห้องเรียนที่ชั้นเรียนของมันไม่มีเรียน ผมนี่ขนลุกเลยพอเห็นสาวๆ ในห้องร้องกรี๊ดกร๊าดวิ่งไปดูมันที่เดินยิ้มหล่อๆ ผ่านสามสี่รอบ

 

ไอ้เวร!

 

ที่ร้ายที่สุด มันเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องเรียน เรียกชื่อผมในชั่วโมงพักเบรก แล้วก็ยิ้มอยู่หน้าประตูแอ๊กท่าเท่ๆ ให้พวกสาวถึกๆ แถวนี้มันกระชุ่มกระชวย

 

สายตาไอ้บอยมันลุกเป็นไฟพร้อมกับไอ้สันติสมปองนั่งกระแนะกระแหนมันอยู่ข้างๆ ผม เมื่อรู้ว่าปอมันมาทำแบบนี้หมายความว่ายังไง ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันหมายความว่าไงหรอก พวกมันคงคิดกันเอาเอง

 

ผมรู้สึกแค่อายเท่านั้นแหละ

 

และพอเลิกเรียน

 

 ผมพยายามรีบสาวเท้าเดินออกจากโรงเรียนเพื่อจะไปยังป้ายรถเมล์ก่อนที่ไอ้ปอจะขับรถออกมา ทันใดนั้นเอง เสียงแตรรถจากด้านหลังดังขึ้นพร้อมกับทุกคนที่สะดุ้งหันไปมองเป็นตาเดียว ตัวผมชาเมื่อเห็นว่าเป็นรถของใครเคลื่อนมาจอด ใจผมหายเมื่อมันเดินลงจากรถมาหยุดต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน เอื้อมมือมาดึงมือผมจะบังคับให้ขึ้นรถให้ได้ ผมขืนแรงตัวเองสู้ทันที ใครจะไปยอมง่ายๆ

 

“จะทำอะไร ปล่อย” ผมร้องว่าพลางพยายามดึงแขนกลับ

 

“มานี่”

 

“กูไม่ไป เลิกบังคับกู ปอ”

 

“มึงก็ยอมไปกับกูดีๆ สิภีม”

 

“ไม่!” ผมรีบตอบพลางถึงข้อมือกลับ มันกระชากลากถูผมอยู่นาน

 

“ไปกับกูภีม กูไม่ได้จะมาหาเรื่องนะ”

 

“กูไม่ไป!”

 

“ไปดีๆ” มันว่าเสียงเย็น

 

“ทำไม มึงจะทำอะไรกู” ผมว่า ขืนแรงสูงมัน “กูไม่ของเล่นมึงนะปอ หรือมึงจะจ่ายกู เอาเงินมาฟาดหัวกูสิ รวยนักไม่ใช่ไง!?”

 

“เงียบ บอกแล้วไงว่ามันไม่ใช่”

 

ผมแค่จะประชด จะเอาแต่ใจ

 

ผมไม่ชอบที่มันทำแบบนี้กับผม ดีกับผมทุกอย่างแต่ไม่ชัดเจนสักที

 

“พอได้แล้วปอ มึงทำแบบนี้ทำไม?” ผมยื้อแขน

 

“อย่าดื้อน่า มานี่!” มันว่าแล้วกระชากร่างผมสุดแรงให้เขาไปหา พร้อมกันนั้นตัวผมกระเด็นไปกระทบกับรถของมันจนทรุดมากองกับพื้น

 

มือของผมคลายแรงตัวเองลงพร้อมกับเข่าที่อ่อนไปเฉยๆ ผมกลัวที่มันชอบรุนแรงกับผมแบบนี้ ถึงจะประชดมันออกไปก็เถอะ

 

ถึงก่อนหน้านี้มันจะเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปอีกคน มีเหตุผลมากขึ้นก็ตาม

 

ถึงจะดีใจและภูมิใจในส่วนนั้น

 

แต่ผมก็ยังกลัว ตัวผมสั่นและนั่งนิ่งไม่ขืนแรงมันอีก พร้อมกับมันที่ละมือก้มลงมาจับตัวผมพลิกซ้ายขวากล่าวว่า “เป็นอะไรไหม พี่ขอโทษภีม พี่ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ…”

 

มันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

 

มันทำให้ผมอ่อนไหว ปอมันจับตัวผมพลิกไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมก้มหน้านิ่งไม่อาจแสดงความกลัวให้มันเห็น ไม่ตอบ ไม่หือไม่อืออะไรกับมันทั้งนั้น มันยิ่งลนเข้าไปใหญ่

 

“ภีม เจ็บเหรอ ไหนดูหน่อย ตรงไหนบอกพี่มาสิ”

 

ผมสะบัดมันออกสุดแรง กูเจ็บตรงหัวใจ!

 

“เลิกมายุ่งกับกู” ผมว่าเสียงเบาพลางก้มหน้า ยกมือสั่นๆ ตัวเองมากุมใบหน้าที่ร้อนผ่าว ผมเกลียดที่มันคอยโอ๋เอาใจผมแบบนี้

 

พอเสียที

 

“กูบอกไปแล้วไงว่าไม่อยากเห็นหน้ามึง” เสียงผมสั่น

 

ใช่ ผมแม่งเจ็บตอนพูดคำนี้เพราะรู้ดีว่าความจริงเป็นยังไง

 

ตรงข้ามกับสิ่งที่พูดสิ้นเชิง

 

“ภีม จะไม่ให้กูเห็นหน้ามึง…กูทนไม่ได้ว่ะ” มันว่าเสียงเบา มือจับตัวผม

 

เหอะ ผมเม้มปากตัวเองกลั้นใจไม่ให้ร้องทั้งส่ายหน้า

 

“ภีม…” เสียงของมันราวกับลังเล “กูไม่เคยกลับไปยุ่งกับแฟนเก่าตัวเองเลยซักครั้ง กูแค่…”

 

“งั้นมึงก็ไปอยู่ส่วนมึงสิ มึงฮอตจะตาย แปปเดียวมึงก็ไปหลงแฟนใหม่ของมึงแล้ว ไม่ต้องมาสงสารกู!” ผมรีบว่า ผมไม่อยากฟังมันอีกต่อไป

 

“มึงก็รู้ว่ากูรักมึง เลิกพูดดูถูกตัวเองได้ไหมภีม กูไม่ชอบ”

 

“ไม่ชอบก็เรื่องของมึงสิ กูไม่แคร์”

 

“แต่กูแคร์ กูไม่อยากให้ใครมองมึงไม่ดีแม้แต่ตัวมึงเอง” ผมนิ่ง ก้มหน้าลงกับพื้นเมื่อมันพยายามจะเชยคางผมขึ้น

 

“ภีม กูมาคิดดีๆ แล้ว เวลากูอยู่กับมึงก็โคตรรู้สึกว่าตัวเองมีค่า แล้วมึง…มึงเองก็โคตรมีค่าสำหรับกูเลย ที่กูกลับมาหามึงอย่างนี้ กูมีเหตุผลนะ”

 

ผมส่ายหน้าบอกตัวเองว่าไม่จริง “มึงก็แค่พูดให้ตัวเองดูดีเท่านั้นแหละปอ การกระทำมึงสวนทางกับคำพูด มึงเห็นกูเป็นแค่ของระบายอารมณ์เวลามึงอยาก ตั้งแต่วันแรกที่คบกัน”

 

“งั้นกูขอโอกาสอีกครั้งได้ไหมภีม?”

 

ผมชะงัก ได้ยินผิดไปใช่ไหม ผมส่ายหน้าพลางเงยมาจ้องตามัน น้ำตาหยดแหมะลงพื้นพลางทุบตัวมันสุดแรง “กูไม่ตลกนะปอ!”

 

“กูก็ไม่ตลก ไม่ขำ ไม่ฮา กูเอาจริง”

 

ผมจ้องตามันไม่ละก่อนจะนิ่งเมื่อมันเอื้อมมือเช็ดน้ำตาให้ “คนแบบมึงนี่น้า ขาดกูไม่ได้หรอก ไม่มีกูคอยดูแลคงจะหัวอ่อนโดนแกล้งอีกเหมือนเดิม”

 

“ไม่ต้องมาพูดดี กูอยู่ของกูเหมือนเดิมได้” ผมว่า

 

“แต่กูอยู่ไม่ได้ กูอยู่ในห้องคนเดียวไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่มีมึง ภีม…”

 

มันว่าเสียงเบา แววตาเว้าวอนอย่างไม่เป็นมาก่อน ผมดึงมือตัวเองที่ถูกกุมออกมาจากมือไม่ตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น ได้แต่ก้มหน้าก้มตาคิดทบทวน

 

ควรจะพอแล้วหรือยังในการลองใจมัน

 

ผมควรพอรึยัง

 

“ไม่” ผมว่าเสียงเบา “กูไม่รู้ว่ามึงจะกลับไปทำนิสัยแบบนั้นอีกเมื่อไหร่ กูไม่รู้ว่ามึงจะทำให้กูร้องไห้แล้วก็เจ็บตัวแบบนี้ไปถึงไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทนไปทำไมขนาดนั้น”

 

“ภีม…”

 

“พอได้แล้วปอ กูยังไม่ลืมที่มึงทำกับกู กูยกโทษให้มึงง่ายๆ ไม่ได้จริงๆ เพราะกูบอกมึงไปแล้วว่าถ้ามึงทำร้ายกูเมื่อไร กูจะไม่ทนกับมึงอีก”

 

มันจ้องหน้านิ่งงัน สับสน เหมือนงุนงงอะไรสักอย่างและพยายามจะไม่ฟังในสิ่งที่ผมกล่าว

 

 “กลับมาคบกับกูเหมือนเดิมนะภีม กูผิดจริงๆ แต่มึงก็ควรฟังกูบ้าง ที่ผ่านมากูก็เชื่อใจมึงมาตลอด ถึงจะหัวแข็งไปบ้างแต่กูยอมเชื่อมึง ทำตามในสิ่งที่มึงขอในที่สุด กูซื่อสัตย์กับมึงมาตลอด แต่แล้ววันหนึ่งกูดันรู้ว่าสิ่งที่กูหวังและตั้งใจรอมันจะไม่มีอยู่จริง มึงคิดสิว่ากูจะรู้สึกยังไง”

 

“มึงก็เลยทำตามใจตัวเอง ไม่ฟังคำขอร้องของกู มึงเห็นเลือดของกูที่ไหลออกมาตลอด มึงสะใจ มึงชอบใจ ทำซ้ำแล้วซ้ำอีกเพราะเห็นว่ากูเจ็บปวด” ผมว่า ปอมันยกมือมากุมแก้มผมนิ่งและจ้องตา

 

“กูขอโทษ จะให้กูทำยังไง แต่อย่าบอกเลยว่าไม่ให้เห็นหน้ามึงอีก กูไม่ยอมหรอก” มันว่า รั้งร่างของผมที่สะอื้นฮึกไปกอด

 

“ภีม ตอนนี้กูก็เจ็บไม่ต่างอะไรกับมึง เราดีกันนะ พี่ขอโทษ พี่สัญญาจะไม่ทำอีก”

 

มันกอดผมแน่น จูบลงผมหน้าผากเบาๆ ขอร้อง “นะไอ้เหม่ง ถ้าลองพี่ได้สัญญาอะไรกับใครไว้แล้ว พี่ไม่มีทางที่จะกลับไปทำอีกแน่ นะ…พี่กลับบ้านไปไม่ได้ถ้าภีมยังไม่ยกโทษให้”

 

ผมส่ายหน้าขืน ความรู้สึกดีตีตื้นมายังอกอย่างประหลาด

 

มันมาขอผมกลับไปคบกับมันจริงๆ

 

ค่าของผมเพิ่มขึ้นมาทีละนิดแล้ว

 

“พี่จะกลับไปได้ยังไงถ้าเมียไม่ไปช่วยเก็บกวาดห้องให้ ตอนนี้โคตรรก รอเมียไปเก็บกวาดเช็ดกูอยู่” มันกล่าวเสียงเบา จูบแก้มผมเว้าวอน ออดอ้อดอย่างเคย

 

“กูไม่ใช่ทาส มึงทำเองไปสิ”

 

“เมียทำเถอะนะ ผัวขอโทษ เอาเป็นว่าคราวนี้ยอมให้กดขี่ข่มเหงได้ตามสบายเลย โอเคไหม?” มันว่าเสียงเบาง้อ ผมกลืนน้ำลายตัวเองพยายามผลักมันที่กอดตัวอยู่แน่น

 

“ไม่!”

 

“พี่ยอมแล้ว ยอมทุกอย่างเลยนะภีม กลับไปอยู่กับพี่นะ”

 

“ไม่…” ผมใช้หลังมือเช็ดน้ำตาแล้วตอบไปด้วย ปอมันวางคางไว้บนไหล่ผมว่าเสียงเบา

 

“ให้เอาคืนให้สมใจเลย จะทุบจะตียังไงก็ได้ จะห้ามออกไปหาเพื่อน ห้ามกินเหล้าก็ได้ พี่จะยอมเชื่อฟังทุกอย่างเลย นะภีม นะ…” มันลากเสียงเบาๆ ข้างหู เว้าวอนผมซ้ำแล้วซ้ำอีก เอาหลายอย่างมาแลก ไม่คิดว่ามันจะยอมผมขนาดนี้

 

“ไม่เอา…” ผมตอบไปเสียงเบา

 

“ถ้ากลับไปพี่จะรื้อเอาชุดแข่งมาใส่ให้ดู พาไปสนามกับพี่ เอาไหม?” ผมชะงัก ข้อเสนอนี่น่าสนใจ ผมพยายามใจแข็งปล่อยผ่านคำขอนี่ไป

 

“ไม่”

 

“รับเถอะน่า…”

 

ผมชะงักเมื่อเห็นว่าเหล่าสาวถึกยืนมองแล้วกรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ชายแท้ๆ หลายคนยืนมองเราทั้งคู่ว่าผมจะยอมตกลงคบกับมันไหม

 

ตะ ตั้งแต่เมื่อไหร่

 

อายครับ ผมโคตรอายที่มานั่งร้องไห้งอแงแบบนี้

 

“พี่จะเลิกคบรายเดือน พี่จะไม่เจ้าชู้ จะเลิกนอกใจเมีย กลับมาคบกันเหมือนเดิมนะภีม พี่ขอร้องล่ะ นะ พ่อพี่ก็ถามถึงแต่ภีม อยากคุยกับภีม พี่โมโหนะที่ตื่นมาไม่เจอเมียตัวเองนอนข้างๆ พี่อยากกลับไปรู้สึกแบบเดิม”

 

ผมเองก็เหมือนกัน ดวงตาผมงุดลงพื้น ท่ามกลางแรงเชียร์ของคนที่โรงเรียน

 

“ตกลงเลย รออะไรอยู่ล่ะ” เสียงใครบางคนร้องยุ ใบหน้าของผมคงแดงด้วยความอายแน่ๆ

 

“อีกเดือนเหรอ”

 

 ผมว่าถาม เพราะมันคบคนรายเดือนเท่านั้น ผมเกรงว่าจะไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำก็กลับมาเบื่อตามเดิม ยังไงคนเจ้าชู้อย่างมันก็ดัดนิสัยยาก มันเป็นคนบอกผมเองนี่

 

“เปล่า…” มันลากเสียง

 

“เป็นแฟนเหรอ?”

 

“ไม่ ไม่มีทาง!” มันว่าเสียงดัง ผมผลักตัวออกจากมันมุ่นคิ้ว

 

“ของเล่นเหรอ!?”

 

มันเลิกคิ้วตัวเอง มองตาผมที่แดงก่ำรออยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะหลุดยิ้มว่า “โอ้โห หน้าแบบนี้ ฟันเหยินๆ แบบนี้ หัวเหม่งๆ แบบนี้น่ะ เป็นได้อย่างเดียว…”

 

ผมมองมันค้อน ยกมือเตรียมทุบมันละ “อะไร!?”

 

“เมียไง”

 

ผมนิ่งมองมันตรงหน้าที่ว่าพลางขยับมือมาเช็ดดวงตาและแก้มที่ยังเปื้อนคราบน้ำตาให้ เสียงคนยุให้ผมยอมตกลงดังสนั่นหน้าประตูโรงเรียน พร้อมดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักของปอที่ส่งมาให้ผม ผมคิดไม่ตกเลย

 

ขอถามอีกคำถามนะ

 

“จะให้กลับไปนานเท่าไหร่?”

 

มันนิ่งมองดวงตา จับแก้มผมมองไว้เนิ่นนานด้วยความจริงจัง

 

 

 

“ตลอดไป….”

 

 

 

ตลอดไป…

 

เป็นคำตอบที่ผมพึงพอใจที่สุด ไม่กลัวเลยที่จะตอบตกลงไป

 

กลับมารักกันเหมือนเดิมนะปอ

 

กลับมาใช้เวลาของเราที่เฝ้ารอด้วยกันอีก

 

 

 

 


 :-[
นางสองนางเขาคืนดีกันแล้วน้ารู้ยางงงงง อิอิ ตอนนี้ไม่ได้แทรกเรื่องของต้นกับกรีนหรอกนะเพราะเป็นตอนของพระนายเขา กว่าจะยอมคืนดีนะแหม่ ลองใจพี่ปออยู่ตั้งนาน แถมตอนขอคืนดีนี่จัดหนักยอมเมียทุกอย่าง ทั้งโปรโมชั้นเสริมโปรโมชั่นหลักจัดเต็มจริง อิอิ บางทีแอบขำตอนนางง้อกันเหมือนกันนะ ทำไมเขียนออกมางี้ก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าคืนดีกันแล้วแหละ ชอบไม่ชอบก็บอกกันหน่อยเน่อ


เจอกันตอนหน้าจ้า

 :bye2:

 

 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
เข้ามาให้กำลังใจคนแต่งค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ
 :impress3:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ยอมทุกอย่างจริงๆ

สมาคมเกลียมัวยินดีต้อนรับจ้า555

คนเขียนเก่งมากลงย้าวยาว

อ่านจุใจเลย :)

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
ค่อนข้างแปลกใจที่คนเม้นท์น้อย ทั้งที่สนุกมาก เดาว่าเป็นเพราะชื่อเรื่อง555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
กว่าจะเข้าใจกันได้เนอะ

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
งอนง้อกันจนเหนื่อย  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
ค่อนข้างแปลกใจที่คนเม้นท์น้อย ทั้งที่สนุกมาก เดาว่าเป็นเพราะชื่อเรื่อง555

คิดเหมือนกันค่ะ แต่เซ้นตั้งชื่อห่วยมาก 5555

แต่บางคนบอกชื่อเรื่องแปลก เพราะเรื่องอื่นเขาจะดิบๆ เถื่อนๆกัน แล้วมันก็ซ้ำ

เลยตั้งแบบนี้เลย อิอิ

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
 

ตอนที่ 23

 

หึหึ

 

หึหึ

 

รู้จักไอ้ภีมน้อยไปซะแล้ว

 

เสียงคนจัดของ จับโน่นหยิบนี่ปนกับเสียงแอร์ดังขึ้นอยู่เนืองๆ เข้ามาในหัว แต่ตอนนี้ผมไม่สน ขอนั่งขำสักแปปได้ไหม

 

รู้ไหมครับที่นี่ที่ไหน

 

ผมยืนนิ่งมองไอ้คนตัวสูงที่กำลังเก็บกวาดเช็ดถูภายในห้องที่เดินเข้ามาคราวแรกนึกว่ากำลังหลงป่าดงดิบ กลัวเหยียบคองูเห่าจริงๆ เพราะมันรกเกินจะบรรยายน่ะสิ เสื้อผ้ากองพะเนินเทินทึก ของใช้ส่วนตัววางระเนระนาด แบบนี้มันยังมีหน้าจะมาชวนให้ผมมาอยู่ด้วยอีกนะ ดูสิสภาพห้อง มันกล้านอนเข้าไปได้ไงวะ

 

ยิ่งกว่ารังหนู

 

แต่ไม่เป็นไรให้อภัยได้ครับ

 

เพราะสิ่งที่มันน่าภูมิใจสุดๆ คือไอ้หมอนี่มันคุกเข่าคลานมาขอขมาผมเพื่อให้กลับไปคบกับมันอยู่หน้าโรงเรียน นี่ผมไม่ได้ใส่ไข่นะครับ ผมเห็นสองตาว่าไอ้ปอมันเข่าทรุดน้ำตาคลอเบ้ากอดเข่าผมอ้อนวอนใหญ่เลย เชื่อดิผมไม่ได้ใส่ไข่หรือโม้สักนิด

 

ได้ข่าวว่าใครไม่รู้ร้องไห้เข่าทรุดข้างรถมัน สำออยชิบหายเลย แต่ไม่ใช่ผมนะ ผมน่ะเหนือมันจะตาย ออกจะแมนขนาดนี้

 

คิดแล้วก็ขำจริงๆ ผมน่าจะเล่นตัว เอ้ย! เรียกร้องเอาคุณค่าของตัวเองให้มากกว่านี้สักหน่อยนะถ้าเห็นว่ามันยอมเทหน้าตักให้ขนาดนี้ ศักดิ์ศรีเยอะเกินไปแฮะ

 

แต่ไม่เป็นไร แค่นี้มันก็จะกราบแทบเท้าอ้อนวอนผมละ ถ้าไม่ยอมตกลงก็คงจะดูใจร้ายไปนิด

 

หึหึ ไอ้ปอเอ๊ย สุดท้ายมึงก็พ่ายมนต์ดำและเสน่ห์ยาแฝดกูจนได้ ไอ้เด็กน้อย

 

มึงน่ะตามไม่ทันเกมกูหรอก วะฮะฮ่า

 

ผลั่ก

 

“โอ๊ย!”

 

ผมหันไปมองตามเสียงพลางยกมือลูบหัวตัวเองที่มีความเจ็บแล่นตุบๆ อยู่ เห็นมันยืนคำเอวต่อหน้าขมวดคิ้วตัวเองเป็นก้อนชี้หน้าผมว่า “ไปจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เดี๋ยวนี้ มามัวยิ้มบ้าอะไรอยู่คนเดียวหา!”

 

อื้อหืม

 

ผมยิ้มแห้งๆ ให้มัน มึงนี่ก็ปล่อยให้กูมโนหน่อยก็ไม่ได้นะ

 

ฮึ่ย เจ็บหัว!

 

“มึงตบมาได้ เจ็บนะเว่ย!” ผมว่าพลางทำน้างอใส่มัน เกาหัวตัวเองเดินออกมาทำตามคำสั่งโดยดีครับ ไม่ได้กลัวเลยนะจริงๆ พอหันกลับไปเห็นมันยิ้มๆ แล้วส่ายหน้า ทำไม รึมึงจะมีปัญหากับกู

 

“รีบจัดเลย ถ้าห้านาทีไม่เสร็จมึงโดน”

 

“มึงจะขู่ทำไม กูก็ทำอยู่” ผมว่าพลางเปิดกระเป๋าตัวเองทำตามที่มันว่า มึงจะมาโหดทำไมนักหนากับกูเนี่ย

 

“กูเปล่าสักหน่อยนี่”

 

“จะหาเรื่องกูตั้งแต่ย้ายเข้ามาเลยรึไง?” ผมว่าเย้า มันหันมาขมวดคิ้วใส่บ่งบอกว่าไม่ชอบคำนี้

 

“มึงเลิกเดาใจกูเถอะ”

 

“แล้วจะให้ทำยังไง?”

 

“ก็ถามมาตรงๆ สิ มึงน่ะนิสัยชอบสังเกตแล้วก็เดา พอเดาแล้วก็เอาเก็บไปคิดโน่นนี่นั่น ไม่พอใจอะไรก็ไม่บอกกันตรงๆ ทีนี้ก็ไม่เข้าใจกันสักที”

 

ผมก้มหน้ามองเสื้อผ้าตัวเองพลางยกยิ้ม ปอมันรู้จักคิดด้วยนะ

 

“เอาเป็นว่าตกลง ไหนๆ ก็จะอยู่ด้วยกันแล้วนี่”

 

พอจะเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อยนะปอ น่ารักชิบ

 

เสียงมันเงียบไปพร้อมกับผมที่ก้มหน้าก้มตายกเสื้อผ้าไปแขวนบนตู้เสื้อผ้า คิดว่ามันคงกำลังตั้งหน้าตั้งตากวาดเอากองขยะกองเท่าตึกสิบชั้นไปทิ้งอยู่ ทว่าร่างกายผมชะงักไปอยู่ครู่เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วแผ่นหลัง ลมหายใจอุ่นๆ ระแก้มจนต้องผละจากสิ่งที่ตัวเองสนใจหันไปมองคนที่วางคางไว้บนบ่าราวกับกำลังเหนื่อยอ่อน ทำไมล่ะ จะอ้อนเอาอะไรอีก รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าของผมก่อนจะว่าดักคอมัน

 

“อะไรมึง อย่ามากวนกูนะ เมื่อกี้บอกให้รีบ เนี่ยจะครบห้านาทีละ”

 

มันถอนใจ “จะมาย้ำ ว่าอย่าเก็บทุกอย่างไว้ในใจ มึงกับกูต้องอยู่ด้วยกันนานๆ นะภีม อะไรข้องใจก็ขอให้บอกกูมาตรงๆ เข้าใจไหม?”

 

“กูไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นหรอกน่า” ผมว่า

 

“กูแค่อยากบอกเอาไว้เพราะเราต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน เมียก็คือผัว ผัวก็คือเมีย กูเองก็จะพยายามเข้าใจแล้วก็ฟังมึงให้มากขึ้นนะภีม ขึ้นชื่อว่าอยู่ด้วยกัน การไว้ใจซึ่งกันและกันเป็นเรื่องที่สำคัญ กูไม่รู้ว่ามึงเชื่อใจกูมากน้อยขนาดไหน แต่กูก็จะพยายามที่จะยอมอ่อนข้อแล้วก็รับฟังมึง ส่วนมึง…อย่าเอาแต่ใจให้มันมากนัก เข้าใจไหม?”

 

“เอ๊ะ ใครเอาแต่ใจ มีแต่มึงนั่นแหละที่เอาแต่ใจ” ผมหันไปว่า

 

“มึงนั่นแหละเอาแต่ใจ ภีม”

 

“มึงนั่นแหละปอ”

 

“มึงนั่นแหละ” มันรีบว่า

 

เออ จะเถียงกูใช่ไหม!

 

“กูไม่เคยเอาแต่ใจ แต่ถ้ากูจะเอาแต่ใจขึ้นมาก็เพราะเห็นมึงเอาแต่ใจนั่นแหละ ถ้ามึงรักกูจริงมึงก็ต้องยอมกู” ผมหันไปว่าพลางเบ้ปาก เอื้อมมือเอาเสื้อชุดสุดท้ายขึ้นไปแขวนบนตู้ มันจะกอดกูแบบนี้ไปอีกนานไหมวะเนี่ย

 

“ก็ได้ พี่เอาแต่ใจเอง แต่ก็ต้องยอมเลิกเอาแต่ใจมาเอาใจเมียแทนนั่นแหละ”

 

“สุดท้ายมึงก็หาเรื่องโบ้ยมาใส่กู” ผมหันไปว่า ใบหน้าอยู่ในระยะแค่คืบ เห็นปอมันยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว แล้วนี่มึงจัดห้องหับเสร็จแล้วงั้นเหรอมาลามปามลวนลามกูเนี่ยหา!

 

“ปล่อยเลย”

 

“เดี๋ยว…” มันกระซิบข้างหูเรียกผมให้เกิดความรู้สึกอยากรู้ขึ้นมา แล้วมึงจะยิ้มอะไรของมึงนักหนาวะ “ไหนเมียบอกรักพี่ชัดๆ ซิ”

 

เชี่ย!

 

ผมหันไปเบิกตาขึงขังใส่มัน บอกเลยว่าตอนนี้กูยังไม่กล้าพูดต่อหน้ามัน ตอนมันหลับ ตอนที่พูดอยู่ในใจน่ะทำเป็นเก่ง แต่เชื่อเหอะพออยู่ต่อหน้ามันแบบนี้แล้วผมปากแข็ง รู้ตัวเลยเหอะว่าตัวเองแม่งปากแข็งน่ะ

 

ทำไงดีวะ

 

“มึงก็รู้อยู่แล้วนี่ จะฟังอะไรอีก” ผมว่าเสียงเบาบ่ายเบี่ยง ในใจนี้เขินม้วนจะตายละ

 

“น่า ขอพี่ฟังอีกทีเถอะนะ”

 

“อะ เอ่อ…ไม่เอา” กูเขิน!

 

“ทำไม?”

 

ผมเม้มปากตัวเอง ก้มหน้าลงมองพื้นเก็บใบหน้าและความอายที่แล่นเข้ามา ทั้งๆ ที่รู้ๆ กันอยู่ว่าเรารักกัน แต่การพูดล้อเลียนคนที่ไม่รู้สึกอะไรด้วยคำว่ารักน่ะมันพูดออกมาง่าย แต่สำหรับคนที่รักจริงๆ ความรู้สึกมันเอ่อล้นจนไม่กล้าพูดออกมาเป็นคำให้เขารู้

 

ผมทำใจอยู่นานก่อนจะตอบมันเสียงเบา

 

“กูอาย…”

 

สิ้นคำ ปอมันหัวเราะ “อายทำไมวะ บอกรักคนที่ตัวเองรักน่ะ”

 

ผมก้มหน้า โธ่ มันเหนือผมอยู่

 

“เอาไว้วันหลังละกันนะ”

 

“ไม่ได้…จะฟังวันนี้เดี๋ยวนี้ ทีกูยังพูดได้เลย” มันยิ้มว่า คงชอบใจที่ผมเขินและไม่เป็นตัวเองแบบนี้ มันขยับเข้ามาจูบแก้ม กอดผมและบอกว่ารักผมอีกครั้ง ทำไมกันวะ ทำไมปอมันถึงได้กล้าบอกคำนี้กับผม

 

ต่างกับผมสิ้นเชิง ผมอายจนไม่กล้าแม้แต่จะจ้องตามัน

 

แต่เสียงสวรรค์ก็มาโปรด เสียงโทรศัพท์ของมันกรีดร้องอยู่บนหัวเตียง ไอ้ผมก็รีบเนียนเดินไปหยิบมาให้มัน แต่ดวงตาหยุดนิ่งที่รูปเจ้าของเบอร์บนหน้าจอทัชสกรีนตรงหน้า

 

แม่งโคตรน่ารัก มันเมมไว้ว่าเพื่อน ชื่อเพื่อน หรือเพื่อนจริงๆ วะ

 

ผมนิ่งมองมันอยู่แบบนั้นจนต้องใจหายวาบ เมื่อมันดึงโทรศัพท์ออกจากมือไป “มัวมองอะไร คนโทรมาก็รอตายสิวะ”

 

ว่าแล้วหยุดชะงักมองโทรศัพท์ มึงชะงักทำไม เห็นเบอร์เห็นรูปเขาแล้วชะงักเนี่ยนะ!

 

นี่มึงเพิ่งบอกให้กูไว้ใจมึงนะปอ ไอ้เวรตะไล!

 

มันกดรับแล้วละสายตามามองผม ทำท่าทางมีพิรุธแล้วเดินละออกไปคุย นี่คุยต่อหน้ากูไม่ได้ด้วย หมายความไงปอมึงอธิบายมาให้กูเข้าใจพอสังเขปดิ!

 

ผมเกาหัวมองตามตัวสูงๆ ของมันที่ออกไปคุยอยู่ระเบียงโรงแรม เออ ก็มันเพิ่งจะบอกว่าให้เชื่อใจมันนี่หว่า ผมไม่ควรไปคิดกับมันแบบนั้น

 

หลังจากมันคุยเสร็จก็เดินกลับมา รายงานก่อนเลยว่าเป็นเพื่อน เหมือนพวกกลัวเมียยังไงยังงั้น ผมไม่ได้ตั้งใจจะเบ่งใส่มันหรอกนะ แต่รายงานแบบนี้บ่อยๆ ก็ดีจะได้ไม่ต้องคิดมากและไม่ต้องถามมันก่อนด้วย

 

หึหึ

 

บอกแล้วว่ารู้จักไอ้ภีมน้อยไป

 

วันนี้ทั้งวัน ผมกับมันช่วยกันเก็บกวาดห้องที่แลดูจะรกเป็นรังหนู นี่ไม่บวกกับขวดเหล้าของพี่ธามที่มากินทิ้งไว้หรอกนะ ไม่รู้ไอ้ปอมันจะเก็บไว้ทำไมไม่เอาลงไปทิ้งสักที จะทำความสะอาดสักทีเลยต้องเกณฑ์แม่บ้านหลายคนมาช่วยกันหอบหิ้วไปชั่งกิโลขาย

 

ปอมันแสดงความน่ารักกับผมขึ้นทุกวันที่อยู่ด้วยกัน หน้าที่การปลุกผมไปโรงเรียนยังไม่เปลี่ยน ทุกเช้ามันมักจะมาปลุกด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งกอด ทั้งจูบ ทั้งกด…

 

ปุ่มเสียงนาฬิกาเรียกให้ผมตื่น

 

อะแน่!

 

อย่าคิดว่าผมจะยอมโดนมันฉีดยาแล้วล่ะ ผมยังไม่ได้ยอมมันเลยตั้งแต่กลับมาคืนดีกัน คืนดีกันแล้วไม่จำเป็นต้องหันมาตั้งใจฟีตเจอริ่งกันปะวะ อีกอย่าง ปอมันไม่เคยขอผมนอนด้วยเลยสักครั้ง บางทีผมก็คิดว่ามันผิดสันดาน เอ้ย! วิสัยผู้ชายอย่างมันไปหน่อย อยากจะถามอยู่หรอกแต่หน้าด้านไม่พอว่ะ

 

หรือมันแอบมีเล็กมีน้อยวะ

 

คิดแล้วขึ้นนะ ขึ้นไปชั้นบนจัดห้องนอนรอผัวก่อน จะถามดีๆ

 

ผมไม่ใช่คนหัวรุนแรงหรอก ทุบตีคน ลงไม้ลงมือน่ะไม่ใช่ผมเลย คนแบบผมไม่เคยใช่วิธีการอันป่าเถื่อนแบบนั้น ผมเป็นคนมีอารยธรรม พ่อแม่สอนให้พูดคุยกันด้วยสตินะครับ ที่จะทุบตีทำร้ายร่างกายสามีนี่ไม่เคยคิด ก่อนนอนผมกราบเท้าสามีทุกวันครับ

 

ส่วนคำพูดคำจาผมนี่มีหางเสียงตลอด พูดจ๊ะจ๋าให้สามีรักสามีหลง เรื่องงานบ้านงานเรือนของผมนี่ผู้หญิงต้องชิดซ้าย ไม่มีผู้ชายคนไหนที่โชคดีเท่าพี่ปอสุดหล่อของผมแล้ว เชื่อผมดิ

 

อันนี้ไม่ได้จะพรีเซ้นตัวเองนะครับ

 

แค่อยากบอกมันว่าถ้ามึงพลาดกูไปน่ะจะเสียดายไปตลอดชีวิต

 

พอๆๆ เลิกโม้สักแปปเถอะ

 

 

ผมอยากถามคุณว่า เคยดูหนังแขกไหมครับ

 

ถ้าคุณเคย คุณลองจินตนาการถึงแนวตนตรีแนวโจ๊ะๆ และเสียงนักร้องผู้หญิงแหลมๆ กระดกลิ้นพันกัน กับพระนางที่วิ่งไปจับกันไปมา ไปเกาะต้นไม้ต้นโน้นทีต้นนี้ทีให้พระเอกไปขยับซ้ายขยับขวาตาม ไล่จับ ทั้งๆ ที่พวกมึงก็อยู่คนละฝั่งต้นไม้เนี่ย!

 

ไม่ใช่ว่าผมจะอินกับเพลงหรอกนะ แต่ผมเห็นแล้วรำคาญ เมื่อไอ้พระเอกนางเอกมันเห็นผมเป็นต้นไม้แล้วขยับเข้าขยับออกหลบกันไปมาแบบนี้

 

“มาคุยกับกูเดี๋ยวนี้ต้น”

 

คนตรงหน้าผมว่าพลางจะเอื้อมมือไปจับ ไอ้คนข้างหลังก็เบี่ยงตัววิ่งวนมาอยู่ข้างหน้าผมร้องว่า “ไม่ เราไม่มีอะไรคุยกัน”

 

“มีสิ เรื่องไอ้พีไง ตกลงจะเอาไงหา?” พี่ธามว่าพลางวิ่งมาอยู่ตรงหน้าผมพร้อมไอ้ต้นวิ่งที่วิ่งหลบไปซ่อนตัวด้านหลัง

 

ชั่วโมงนี้ผมอยากอ้วกครับ เวียนหัวชิบหาย

 

“พี่ตกลงกับผมไปแล้วไง ลืมอะไรไปรึเปล่า?”

 

“มันไม่ใช่แบบนั้น นี่แหละที่พี่อยากคุยด้วย”

 

ถ้าพวกมึงยังคิดจะเล่นหนังแขกมันอยู่แบบนี้ ขอกูเดินออกไปจากวงจรชีวิตพวกมึงก่อนจะได้ไหมหา! กูอยากจะอ้วก โอยตาลายชิบหายเลยแม่ง ไอ้ต้นนี่ก็อะไรมากมาย เขามาขอเคลียร์ด้วยทำเป็นเล่นตัว พอเขาไม่สนใจก็ทำเป็นมาร้องไห้เศร้าสลด

 

“อะ ภีม ช่วยกูด้วย!” มันร้องว่าพลางดึงข้อมือตัวเองเมื่อพี่ธามจับตัวได้

 

“เออ โชคดี”

 

กูช่วยได้แค่อวยพรมึงละ

 

ผมได้แต่นิ่งมองตามร่างสูงๆ สวมชุดช็อปของพี่ธามที่ฉุดกระชากลากถูไอ้ต้นไปตามทางเดินแล้วส่ายหัว ยังมีหน้ามาขอให้กูช่วย ก่อนจะให้กูช่วยมึงหายาพารามาให้กูแดกแก้ปวดหัวก่อนสองเม็ด สร้างแต่เรื่องให้กูปวดหัวซะจริงเลยไอ้นี่

 

ผมส่ายหน้ากับตัวเองน้อยๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปคนเดียวเงียบๆ นึกถึงไอ้ต้น มึงตัดสินใจดีๆ นะ

 

ผิดนิดเดียวนี่บอกเลยว่าพลาดไปตลอดชีวิต

 

ดวงตากวาดไปเห็นร่างของใครสักคนกำลังเดินสวนขึ้นมา ผมนิ่งมองมันด้วยการวางสีหน้าตัวเองไม่ถูกเมื่อเราทั้งสองสบตากัน ความรู้สึกตั้งแต่ตอนนั้นตีตื้นขึ้นมาทำให้รู้สึกผิดแม้แค่มองตากัน ตั้งแต่คืนดีกับปอ ผมกับมันห่างเหินไปทุกที ผมอยากได้เพื่อนของผมกลับมาเหมือนเดิม พยายามยิ้มให้มันที่กำลังมองมายังผมอยู่เหมือนกัน และมันก็ยิ้มตอบอย่างเคย

 

ผมควรจะชวนมันคุย ปรับความเข้าใจกันตอนนี้ไหม หรือค่อยๆ ให้ทุกอย่างมันหายไปเอง

 

ไม่ ไม่เอา…

 

เราควรที่จะเปิดใจคุยกันได้แล้ว ผมไม่อยากเสียกรีนไป

 

“เดี๋ยว…”

 

ว่าพลางเดินไปดึงต้นแขนให้มันหันกลับมา ใจผมว้าวุ่นเมื่อเห็นแววตาของมัน มันเองก็คงกำลังคิดมากและลังเล ผมรวบรวมคำพูดกล่าวต่อ “ขอเราคุยด้วยได้ไหมกรีน อย่าเดินหนีเราอีกเลย”

 

มันนิ่ง ก้มมองมือของผมที่กุมมันไว้ น้อยครั้งที่ผมกับมันแตะถึงเนื้อถึงตัวกัน มันคงกำลังรู้สึกแปลกๆ ก่อนจะยกยิ้มแล้วกล่าวตอบเสียงโคตรปกติ “ได้สิ…”

 

“กรีนโกรธเราใช่ไหม เราขอโทษนะสำหรับเรื่องวันนั้น” ผมว่าเสียงเบา ทว่าเห็นท่าทีที่ลนลานส่ายหน้าส่ายมือปฏิเสธของมันแล้ว ความรู้สึกอึดอัดของผมมันหายไป

 

“ไม่ ไม่ใช่หรอก”

 

ผมนิ่งมองหน้ามัน “อย่ามามัวรักษาน้ำใจกันอยู่เลย บอกเรามาตรงๆ เถอะ”

 

มันส่ายหน้า สีหน้าเหมือนลำบากใจ

 

“งั้นทำไมล่ะ ทำไมต้องหลบหน้าเรา?”

 

มันเกาหัวตัวเองละสายตาไปมองด้านอื่น ไม่กล้าจะสบตาผมตรงๆ ตอนกล่าว “เราไม่กล้ามองหน้าภีมน่ะ เพราะเรารู้ว่าตัวเองไม่มีเหตุผล”

 

ผมนิ่งมองมันที่กล่าวออกมา

 

“เราไม่ควรจะแสดงอาการตอบภีมไปแบบนั้นเลย ทั้งๆ ที่ภีมบอกว่าขอโทษ”

 

“ทำไมทำงี้ เราคุยกันดีๆ ปรับความเข้าใจกันก็ได้”

 

มันละรอยยิ้มตัวเองลง หันมามองตาผม

 

“เพราะภีมคืนดีกับพี่ปอแล้ว ภีมคงไม่มีเวลาเจอเราเหมือนเดิม เราก็เลยคิดว่าแบบนี้มันจะง่ายกว่า”

 

“คิดเองเออเอง!”

 

มันเบิกตาตัวเอง “งะ งั้นเหรอ เราขอโทษ”

 

“รู้ไหมเราคิดมากขนาดไหน ทำไมนายถึงทำแบบนี้นะ”

 

“เราขอโทษนะ เราไม่รู้จริงๆ ว่าภีมจะเก็บไปคิดแล้วรู้สึกไม่ดีขนาดนี้ เราขอโทษนะที่เอาแต่ใจ…”

 

ก็ดีแล้ว ยังไงก็ตามเราก็กลับมาเข้าใจกันจนได้ กลับมาเหมือนเดิมเถอะ “อย่าหลบหน้าเราอีกนะกรีน”

 

มันยกยิ้ม เกาหัวตัวเองละสายตาไปมองด้านอื่น

 

ราวกับว่ากำลังเขิน

 

แต่ช่างเถอะ ชั่วโมงนี้ผมโล่งใจอย่างน่าประหลาดเมื่อเห็นว่ากรีนมันไม่ได้โกรธหรือเคืองเรื่องที่ผมแสดงอาการแบบนั้นกับมัน โล่งใจไปเปราะหนึ่ง แต่มันคิดได้ยังไงว่าคบกับไอ้ปอแล้วผมจะไม่มีเวลาว่างที่จะพบเจอมัน ผมยังเป็นผมเหมือนเดิมนั่นแหละ

 

แค่ทุกเวลาของความคิดเท่านั้น ที่มักมีมันแทรกเข้ามาในหัวเรียกรอยยิ้มได้เสมอ

 

ก็เราถือไปว่าคบกันอย่างเป็นทางการแล้วนี่นะ

 

ไม่รู้ว่าจุดจบของการเคลียร์ปัญหาของไอ้ต้นมันเป็นยังไง ผมเอาใจช่วยให้มันเต็มที่ จะพยายามช่วยมันอย่างถึงที่สุดก็แล้วกัน

 

พาร่างตัวเองเดินเอื่อยๆ ไปเรื่อยอย่างไม่มีจุดหมาย ตอนนี้อยู่ในช่วงพักเบรกและกว่าจะถึงเวลาเรียนก็อีกครึ่งชั่วโมง พอมาอยู่คนเดียวแล้วสมองผมโล่งเลยแฮะ ไม่ได้คิดมากแบบนี้ก็ดีแล้ว

 

แต่

 

ก็อดจะคิดมากเรื่องไอ้ปอไม่ได้อยู่ดี ก็มันแปลกนี่ คนแบบมันจะอดทนได้ง่ายๆ ขนาดนั้น โดยที่ไม่ได้นอนกับใครมาตลอด ช่วงที่เลิกกับผม มันง่ายไปไหม

 

คิดแล้วก็นึกทำให้ตัวเองหงุดหงิด จะจับผิดมันทำไมวะเนี่ย อยู่กันดีๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว

 

ไม่ได้ๆ กูยอมมันง่ายๆ ไม่ได้ มันจะนอกใจกูไม่ได้ จะต้องเคลียร์กันให้เข้าใจ ถ้าอยู่เฉยๆ แบบนี้มันต้องได้ใจและคิดว่าการนอกใจเมียเป็นเรื่องปกติ

 

โอ๊ย! แต่มันสัญญาไว้แล้วนี่ว่าจะไม่นอกใจ มันยิ่งบอกให้เชื่อมั่นในมันอยู่ด้วย

 

แม่ง คิดแล้วปวดหัว

 

“ทำอะไร!?

 

เฮ้ย!

 

ผมยกกำปั้นเตรียมจะต่อยคนที่จู่ๆ ก็ตะโกนใส่หน้าขณะที่กำลังครุ่นคิด มันยกมือบังหน้าเมื่อเห็นว่าการตอบสนองของผมคือจะใช้กำลังพลางร้องว่า “เฮ้ยๆๆๆ อย่าต่อย ตกใจขนาดนั้นเลยรึไง?”

 

ผมขมวดคิ้วตัวเองมองมันที่ยกมือป้องกันตัวเองอดที่จะยิ้มไม่ได้ คิดถึงปุ๊บก็มาปั๊บเลยนะ

 

“ใครใช้ให้มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงวะ?” ว่าพลางคลายกำปั้นตัวเองมองมันที่คลายความกลัว ใช่ แม่งกลัวผมว่ะ

 

ไอ้อ่อนเอ๊ย!

 

“เห็นมึงเดินอยู่คนเดียวก็เลยจะมาแกล้ง แล้วนี่เป็นอะไรเดินใจลอยขนาดนี้น่ะ”

 

คิดเรื่องมึงไงไอ้สัด

 

ผมขมวดคิ้วมองมันที่ถามหน้านิ่งๆ จู่ๆ ความคิดแปลกๆ ก็แล่นเข้ามา พยายามส่ายสายตาสังเกตตัวมัน บนคอมันมีรอยจูบไหมแม่งสงสัย เผื่อมันแอบไปนอนกับใครมา แต่มองหายังไงก็ไม่มี ไหนดูซิแขนมีรอยข่วนไหม ผมจับมือมันมาพลิกซ้ายพลิกขวาทั้งสองข้างมองสำรวจ ถลกแขนเสื้อดูก็ไม่เห็น เห็นแต่น้ำมันเครื่องติดเล็บดำปี๋อย่างเดียว

 

โอย แม่งคิดมากว่ะ

 

“นี่ทำอะไรของมึงเนี่ย?” มันว่า

 

เอ่อ กูออกอาการมากไปปะวะ ผมเกาหัวแล้วยิ้มแห้งๆ ให้มันไปด้วย ทำท่าจับมือมันมาชี้นิ้วบอกว่า “เล็บดำจังเลยนะปอ ทำความสะอาดมั่งก็ดี”

 

“ก็ช่วงนี้กูยุ่งนี่หว่า ไม่มีเวลาคิดเรื่องไหนเลย” มันว่าพลางจับมือผมเดินไปทรุดตัวนั่งร่มไม้ เอามือขี้เล็บดำๆ นั่นแหละมาจัดทรงผมให้ ไอ้ผมก็ขยะแขยงอยู่หรอก แต่ถ้าแสดงอาการออกไปเดี๋ยวมันได้โกรธอีก ทำเป็นนิ่งๆ ไปก่อนแล้วกัน

 

“ถ้าช่วงนี้กูไม่ว่างก็อย่าโกรธนะ ต้องคิดงานโครงการก่อนจบไปเสนออาจารย์ ไหนจะวิจัยเป็นรูปเล่มอีก แต่ก็จะพยายามอยู่กับมึงแล้วกัน”

 

มันถึงกับออกปากแบบนี้ ผมนี่โคตรงี่เง่าเลยว่ะที่ไปคิดว่ามันจะนอกใจ ยังไงก็ควรจะลองเชื่อมันก่อนที่จะเกิดปัญหา มองและจับตาดูให้มันเข้าที่เข้าทางก่อน ผิดปกติยังไงก็ค่อยว่ากันอีกที

 

รู้สึกผิดว่ะ

 

มือผมเอื้อมไปแตะมือของมันที่วางทิ้งไว้บนตัก แววตามันสงสัยก่อนจะยกยิ้มให้ แต่ผมแม่งละอายแก่ใจว่ะ “กูจะไม่เอาแต่ใจละกัน ตั้งใจด้วยนะ”

 

“รู้แล้วน่า แล้วนี่เพื่อนๆ มึงไปไหน?” มันว่าพลางส่ายตาไปมองหา

 

“ไม่ต้องมองหาหรอก ไอ้ต้นมันเพิ่งจะถูกพี่ธามลากไปเมื่อกี้ พูดแล้วก็ปวดหัวไม่รู้ว่าจะเอายังไงแน่”

 

“เลิกคิดมากเรื่องคนอื่นได้แล้ว”

 

ก็นั่นมันเพื่อนกูนี่

 

ผมไล่ความคิดที่หมกมุ่นเรื่องของมันออกไปจากหัว มาอยู่กับมันแบบนี้อารมณ์เขินแปลกๆ เล่นเอาซะไม่กล้าสบตามันแฮะ ไม่เหมือนไอ้ภีมคนก่อนๆ เลย

 

“พี่ปอ”

 

เสียงของผมเบาหวิว ชอบนักที่จะเรียกมันว่าพี่แบบที่มันยังไม่ทันได้ตั้งตัว ไอ้ที่บังคับอยากให้เรียกว่าพี่น่ะจะไม่ยอมเรียก หมั่นไส้มัน คงเหมือนตอนมันพูดเพราะๆ กับผมนั่นแหละ พูดตอนที่อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจและเหมือนอ้อนวอนจริงๆ

 

มันละใบหน้ามามอง ดวงตามีแต่คำถามมากมาย

 

“ขอบใจที่นะพยายามเข้าใจภีมมาตลอด”

 

มันยกยิ้ม “มาทำซึ้งอะไรของมึงเนี่ย?”

 

“แล้วมึงจะไม่ทำซึ้งตอบกูเลยรึไง”

 

แม่ง ชอบพูดจากวนตีน มันหลุดหัวเราะดึงหน้าผมที่หันไประงับอารมณ์ด้านอื่นไม่หันไปสบตามัน นี่ไม่ได้งอนนะ กูแค่โมโหมึงที่แม่งไม่เข้าใจกูเลย

 

“โอ๋ๆๆ อย่างอน”

 

“กูไม่ได้งอน ถอยไปเลยอย่ามาแตะกู”

 

“อะแหนะ งอนจริงๆ ด้วยเว้ยเมียกู” มันว่าเย้า นิ้วชี้ชี้หน้าล้อผม “นี่ภีม เป็นผู้ชายเขาไม่ให้งอนมากหรอกนะเว้ย ผัวจะหลงตามง้อตามงอนตลอด”

 

อื้อหืม กูขึ้นเลย

 

“หุบปากมึงไปเลย กูไม่ได้งอน”

 

“ถึงงอนก็ยังรักเหมือนเดิมนั่นแหละ ยอมรับมาก็ได้ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่ ผัวบอกแล้วไงว่าจะยอม อะๆ นี่ให้ตีทีหนึ่ง”

 

ว่าแล้วก็ยื่นแขนมาแล้วก็ยิ้มล้อเลียนผมใหญ่ ไอ้นี่มันก็เป็นซะแบบนี้ พอกูจริงจังทีไรทำเสียเรื่องตลอด แล้วจะไปเดาใจห่าอะไรได้วะไอ้นี่ บทจะโมโหอาละวาดก็ตามอารมณ์ไม่ทัน

 

แต่แม่งก็เขิน ให้กูตีกูก็จะตี คิดแล้วผมก็ฟาดแขนมันไปสุดแรง นั่นแหละจะได้หลาบจำไม่กล้ามาหือกับกูอีก มันร้องซี๊ดพลางลุบแขนตัวเองน้ำตาคลอเบ้า จริงๆ นะผมเห็นแวบๆ

 

“เจ็บนะเว้ย!”

 

“ใครใช้มึงบอกให้กูตีล่ะ?” ผมว่า สมน้ำหน้าแม่ง

 

“ใครคิดว่ามึงจะตีจริงๆ วะ มานี่กูจะเอาคืน”

 

เหวอ!

 

ร่างผมลอยไปนั่งบนตักมัน นั่นตักนะเว้ย แถมกลางโรงเรียนมึงคิดว่ากูจะหน้าด้านเหมือนมึงไหมหะไอ้ปอ ผมดันตัวออกสุดแรงมองว่าจะมีใครแอบดูไหมเดี๋ยวแม่งเอาไปนินทาว่าร้ายกูอีก

 

“อย่าปอ ไอ้ปอ!” ผมว่าพลางทุบบ่ามันไปที โอ๊ย มือปลาหมึก

 

“จูบกูก่อนสิ แลกเปลี่ยนกัน” มันว่าพลางยักคิ้วล้อ

 

“มึงจะบ้าเหรอ นี่มันที่โรงเรียนเดี๋ยวใครจะมาเห็นเข้า”

 

“ผัวเมียกอดจูบกันไม่เห็นแปลก”

 

มึงเข้าใจไหมว่านี่มันโรงเรียนไอ้เวรตะไลเอ๊ย ผมดันหน้ามันออกพลางเบี่ยงหนีไม่ยอมง่ายๆ แม่งตั้งใจจะแกล้งผมชัวร์เลย พอผมทำหน้าไม่พอใจมันที่ยิ้มแก้มปริชอบอกชอบใจใหญ่ เดี๋ยวกูขอเอาคืนบ้าง มึงจะต้องร้องไห้

 

“นี่มันโรงเรียน กูขอ…” ว่าพลางตีหน้าน่าสงสาร ปอมันเห็นใจผมมากครับ มันตอบสนองมาอย่างสำนึกผิด ด้วยการกอดเอวผมแล้วขยับมือมากดท้ายทอยให้ลงไปจูบ

 

เชี่ย! มีใครเห็นกูไหม!

 

แค่จูบ แค่จุ๊บไปทีเดียวบนริมฝีปากไม่ถึงหนึ่งวินาที เลือดแล่นเข้ามาบนใบหน้าของผมทันทีเมื่อละออกมาเห็นแววตาของมัน เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แหงนมองผมนิ่งงันอยู่แบบนี้ราวกับสายตาของมันสาปให้ผมไม่อาจะกระดุกกระดิกตัวไปไหน

 

ทำไมเท่จังวะ

 

ปอตอนอบอุ่นโคตรเท่เลย

 

นี่แหละคือพี่ปอที่ผมหลงรัก

 

คนที่ยอมเชื่อฟังคำขอร้องของผม คนที่อดทนกับความงี่เง่าของผม

 

ผมยกมือกอดบ่ามันนิ่งพร้อมรอยยิ้ม ยิ้มรับมันที่ยังจ้องตากันเนิ่นนานราวกับพร่ำบอกว่ารักด้วยดวงตา เราเข้าใจความหมายของกันและกันดี อยู่อย่างนี้เถอะนะปอ อยู่ข้างๆ กูไปแบบนี้นานๆ

 

“พี่รักภีมนะ”

 

คนตรงหน้าผมว่าเสียงเบาเป็นกระซิบ เน้นการจ้องตาสื่อความหมาย ผมละดวงตาไปมองด้านอื่นเมื่อรู้สึกถึงความร้อนแล่นเข้ามายังดวงตา

 

ผมอยากร้องไห้

 

โคตรรู้สึกดีตอนที่มันใช้สายตาประกอบกับคำพูดนี้ออกมา ความหมายมันช่างดีเหลือเกิน ผมยกยิ้มกับตัวเอง วางคางไว้บนเส้นผมของมันและกอดปอไว้ในอกให้ได้ยินเสียงของหัวใจที่เต้นระรัวถี่ ฟังหัวใจนะปอ ฟังหัวใจตอนที่กูอยู่กับมึง

 

รู้ไหมกูไม่เคยหายตื่นเต้น ทุกๆ ครั้งที่ได้ยินมึงบอกว่ารัก

 

และทุกๆ ที ที่คิดว่าจะบอกกลับคืนไปบ้าง หัวใจดวงนี้ก็เต้นรัวและโหวงเหวงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

 

 

“รักปอเหมือนกัน…”

 

 

มันเองก็คงตอบสนองมึง เพราะรัก รักมากๆ

 

รักมาโดยตลอด

 

และจะรักต่อไป

 

ตลอดกาล…

 

 

 

 

 
 :mc4:
มาอัพแล้วค่ะ ขอโทษที่ช้านะคะ  ไม่รู้จะชวนคุยอะไรอ่ะ

เรื่องเม้นแล้วกันเนอะ คือ ตอนนี้ไม่ได้กังวลเรื่องเม้น เริ่มกังวลตรงชื่อเรื่องละ

มันเป็นยังไงอะ ไม่เหมาะกับนิยายแนวนี้เหรอคะ คิดมากนะเนี่ย อิอิ
 :ling1:

 

 

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
 

ตอนที่ 24

 

เรื่องมันน่าเศร้าครับ

 

คุณคงงงว่าเอ๊ะ ไอ้นี่มันเริ่มตอนมาแบบแปลกๆ ทั้งที่เพิ่งจะคืนดีกับผัวไป แล้วมึงมาพร่ำเพรื่ออะไรให้เปลืองหน้ากระดาษ แต่ผมอยากให้คุณๆ เข้าใจนะครับว่ามันน่าเศร้า

 

ชีวิตผมมันรันทดยิ่งกว่าพจมานสว่างวงศ์ที่ต้องเข้าไปอยู่ในบ้านทรายทองเสียอีก ทั้งชีวิตเจอแต่มารมาผจญ จะอยู่แบบดีๆ กับเขาก็ไม่ได้

 

วันนี้ผมเห็นมันเดินหยอกล้อกับไอ้คนที่โทรมาหามันเมื่อวาน เดินกันสองต่อสองเลย สงสัยนิสัยผมจะเป็นเหมือนที่ไอ้ปอมันบอกครับ ชอบเก็บเอามาคิดคนเดียว ตอนนี้ก็เลยทำเป็นนอนอ่านหนังสือไม่คุยกับมัน มันพูดด้วยก็ไม่คุยด้วย

 

นี่ง้อด้วยการจูบผมไปทีแล้วนะ ใครต้องการวะ ผมตอบมันไปทันทีด้วยการชูนิ้วกลางให้ครับ ปอมันก็เลยมีจุดจบในห้องน้ำ เลิกง้อเพราะไม่รู้ตัวเองผิดห่าเหวอะไร หนีไปอาบน้ำเฉยเลย

 

ชีวิตผมรันทดไหม

 

มีผัว ผัวแม่งก็หล่อ หล่อไม่พอเสือกรวย แถมเลวอีก แม่งใครๆ ก็ชอบ!

 

ขอผมซุกหมอนนอนร้องไห้แปป คิดดูว่าผมต้องเจออะไรบ้างครับคุณผู้อ่านที่ต้องเป็นตัวละครนี้ ทำไมต้องเขียนให้ผมเป็นคนที่แสนดีอะไรอย่างนี้ด้วย บางทีผมก็อยากเลวบ้างอะไรบ้าง วันนี้ขอผมลาพักร้อนหนึ่งวันได้ไหมครับ หรือไม่ก็ขอเขียนใบลาออกจากการเป็นพระเอกถาวรเลย ได้ไหมครับ

 

หะ อะไรนะ ผมไม่ใช่พระเอกเหรอ

 

ผะ ผมเป็นนางเอก! บ้าไปแล้ว!

 

ขอผมกลับเข้าโหมดเศร้าแปปนะครับ นอกเรื่องไปตั้งไกล เมื่อกี้คุยกันถึงเรื่องมีผัวใช่ไหม ว่าแล้วทำไมพระเอกมีผัวได้ผมก็ลืมคิดไปนะ

 

เอ่อ มาว่าถึงเรื่องผัวผมดีกว่า มันยังไม่ยอมมาง้อเลย!

 

จะว่าไป ผมว่าควรหยุดคำว่าผัวแต่เพียงเท่านี้ครับ เพราะผมเริ่มทนไม่ไหวแล้ว

 

“ภีม มาถูหลังให้ผัวหน่อย”

 

คุณได้ยินไม่ผิด

 

วันนี้ทั้งวันผมได้ยินแต่คำว่าผัวๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ต้องคิดไปไกลว่าผมไปเที่ยวสวนสัตว์เปิดแล้วเจอชะนีนะครับ มุกมันแป้ก

 

นี่เป็นเสียงจากสัมพเวสีแถวนี้กำลังร้องโหยหวนขอส่วนบุญจากผมครับ นี่ผมคิดผิดใช่ไหมที่บอกว่าผมรักมันไปวันนั้น คราวนี้มันเอาใหญ่ ชักจะลามปามกับผมมากขึ้นไปเรื่อยๆ ไอ้ผมที่นอนอ่านหนังสือเรียนอยู่ต้องละสายตาไปขมวดคิ้วมองประตูห้องน้ำ นี่มึงจะเอาอะไรจากกูนักหนาวะ!

 

แล้วไอ้คำว่าผัวๆ เมียๆ นี่ขอร้องมันจนจะกราบแทบเท้าแล้วว่าให้เลิกพูดสักที กูอายชาวบ้านชาวช่องเขา ไปเดินห้างแม่งตะโกนเรียกเมียจ๋ามาดูนี่สิ ผมนี่วิ่งเลยครับ ไม่ได้วิ่งไปหามันนะ วิ่งหนีมันน่ะแหละที่หน้าด้านผิดมนุษมนาเขา

 

“ภีมครับ…ได้ยินผัวเรียกไหม?” เสียงมันครับ เสียงมันจากห้องน้ำ

 

ผมข่มใจนอนจ้องตัวหนังสือ สตินะภีม มึงต้องขันติไว้อย่าเพิ่งถึงขั้นลงไม้ลงมืออะไรกันเลย คิดแล้วนั้นสายตาก็กวาดอ่านหนังสือเรียนที่จะต้องสอบวันนี้พรุ่งนี้ให้เข้าหัว

 

“ภีม นอนหลับเหรอ?” เสียงมัน รบกวนผมอยู่ตลอดเลยสิพับผ่า

 

ผมกำหมัด อยากจะซัดมันไปซักทีสองที พยายามก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ “เมียจ๋า…”

 

“ไอ้ปอ! มึงจะหุบปากไหม?”

 

ว่าพลางเดินไปเปิดประตูห้องน้ำกำหมัดตัวเองคาดว่าจะได้ซัดมันไปทีสองที แต่ภาพที่เห็นทำเอาชะงัก ไอ้เชี่ยปอแม่งโป๊อยู่ ลืมไปเลย!

 

ผมยกมือปิดตา เห็นไอ้ปอน้อยเต็มสองตาเลยแม่ง!

 

มือที่เปียกน้ำดึงผมให้เข้าไปข้างในจนตัวแทบจะเปียกจากน้ำที่กระเซ็นมา ผมก้มหน้าก้มตาลืมความโมโหเมื่อกี้ไปเลยแม่งมัวแต่ตกใจ ตื่นเต้น และหลอนไปในคราวเดียวกัน ไม่ให้หลอนได้ไงเห็นบ้องข้าวหลามเต็มตาขนาดนั้น

 

ไม่เอาไม่คิดภีม สติมึงต้องมา สติเว้ยสติ!

 

“มาๆ ถูสิ” มันว่าเสียงเบาแล้วหันหลังให้

 

เดี๋ยวๆๆๆ มึงนี้คิดจะอายกูบางไมวะปอ หา!

 

ยะ ยอมครับ

 

ยอมง่ายมาก ยอมรับเลยว่าใจง่าย บอกแล้วไงเรื่องปรนนิบัติผัวของผมน่ะเก่ง

 

ผมยกมือไปจับหลังมันออกแรงถู ไม่ได้จะว่าอะไรมันอย่างที่ใจคิดหรอก ขี้เกียจมีปัญหาด้วย อีกอย่างตอนนี้ผมไม่กล้าหือกับมันเท่าไร เดี๋ยวหันหน้ามานี่รู้ว่าผมกำลังอายแทนมัน นี่มันสมควรจะอายมากกว่านะผมว่า

 

ไอ้กระบอกปืนข้างหน้านี่เห็นเท่าไรก็ไม่ชินครับ บอกตรงๆ

 

ผมมองหลังของมันที่เป็นรอยจากมือตัวเอง แดงแค่เพราะถูกถู ถ้ามันโดนคนจิกข่วนคงเป็นรอยมากกว่านี้และถูกจับได้ นี่กูยังไม่เลิกคิดเหรอวะ

 

ก็มันสงสัยนี่ว่าปอมันจัดการยังไง

 

หลังคอของปอแม่งเซ็กซี่ ตอนผมเปียกๆ ระต้นคอ แต่ไม่มีรอยแดงก็ถือว่าโอเค

 

เดี๋ยวๆๆ นี่ผมคิดเรื่องทะลึ่งกับมันงั้นเหรอ ตายละแม่ง! ติดนิสัยหื่นมาจากมันได้ไง ไม่เอาๆๆ หยุดคิดได้แล้วแม่งเอ๊ย!

 

“โอ๊ยๆ เจ็บภีมเจ็บ โกรธอะไรกูอีกเนี่ย?” มันร้องว่า รั้งสติให้ผมกลับมา หลังมันเป็นรอยข่วนฝีมือของผมครับ เมื่อกี้ใช้อารมณ์มากเกินไป มันหันมามองหน้าก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือผม

 

“เป็นอะไร?”

 

ผมอึกอักมองหน้ามัน ถ้ามันรู้ว่ากำลังถูกจับผิดอยู่คงโกรธมากแน่ๆ

 

“เปล่า…” แต่นึกถึงหน้าเพื่อนของมัน

 

ทำไมน่ารักขนาดนี้วะ แล้วปอมันไม่หวั่นไหวเลยรึไง

 

“บอกแล้วไงว่าให้บอกพี่ตรงๆ” มันหันมาทั้งตัว แต่ผมไม่กล้าก้มลงไปหลบตามันหรอกนะ เดี๋ยวแม่งไปเจอหนอนยักษ์ข้างล่าง ยอมเผชิญหน้ากับมันดีกว่าต้องจ้องตากับไอ้ปอเบอร์สองเหอะ

 

“กู คงจะงี่เง่าเหมือนเดิมนั่นแหละปอ”

 

ยิ้มให้มันหน่อยเพื่อความสบายใจ มันยกยิ้มตอบ จ้องตาและขยับใบหน้าเข้ามาแนบปากจูบ ผมรับแต่โดยง่ายและไม่อิดออด แค่จะบอกว่ารักกันน่ะ

 

ดะ เดี๋ยวก่อน!

 

ผมเม้มปากตัวเองย่นคอเมื่อมันละลงมาซุกไซ้ อย่าบอกนะว่าจะมาอยากตอนอาบน้ำ ถึงจะเคย…เอ่อ ใช่แล้ว เคยครับผมเคยมีอะไรกับมันในห้องน้ำ

 

ตะ แต่ว่าตอนนั้นผมไม่ได้ตั้งใจ ปอมันเอาแต่ใจนะครับ อย่างน้อยนะ….ในอ่างอาบน้ำ

 

ก็เคยนี่หว่า

 

“เดี๋ยวปอ เดี๋ยวๆๆๆ” ผมร้องว่าพลางผลักตัวมันออก

 

“อะไรภีม น่า…คืนนี้พี่ขอนะ”

 

เชี่ย ขอได้หน้าด้านมาก!

 

“มะ ไม่ได้ พรุ่งนี้กูไม่อยากเดินขาถ่างไปสอบ เดี๋ยวไม่มีสมาธิมัวแต่เจ็บตูดเนี่ย!”

 

มันเลิกคิ้ว “ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง”

 

“ขนาดนั้นแหละ มึงดู มันไม่ใช่เล็กๆ ไอ้สัด! จะทำก็ทำตอนที่มีวันหยุดพอให้กูนอนพักสบายๆ บ้างสิวะ” ผมว่าใส่อารมณ์พลางชี้ลงไปยังไอ้ปอน้อยที่เสือกผงกหัวรับ เดี๋ยวกูตัดทิ้งแม่ง

 

“ก็ได้ กูก็ไม่ได้จะเถียงอะไรซักหน่อยนี่” มันเกาหัวยิ้มรับ

 

หมายความว่าไง

 

ผมเบิกตาเมื่อเห็นว่ารอยยิ้มที่มันยิ้มอยู่นั่นมันยิ้มด้วยความเหนือกว่า พยายามนึกทบทวนสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาเมื่อกี้ก่อนจะชะงักอ้าปากค้าง

 

ดะเดี๋ยว นี่กู…

 

กูอนุญาตมันให้นอนด้วยไปแล้วงั้นเหรอ ชิบหายละ!

 

อายครับทีนี้ พอมองตามันอีกทีนี่อายถึงขั้นจะแทรกผ่านดินหนี

 

“กะ กูไม่ได้หมายความแบบนั้นนะปอ กูหมายถึง…” ผมกลอกตาคิด อะไรวะพอที่จะแถมันได้ “กูแค่อยากให้ตัวเองพร้อมก่อนน่ะ”

 

“มึงเป็นอะไรภีม บอกว่าไม่ก็คือไม่ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย”

 

ดันไปร้อนตัวอีกกู ลืมไปว่าปอมันมันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ตั้งหน้าตั้งตาบังคับเพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงผมก็ต้องยอมมันเข้าสักวัน ก็แม่งนิสัยน่ารักแบบนี้ไง

 

ผมขยับตัวเข้าไปกอดมันนิ่ง ไม่กลัวเปียก ไม่แก้ตัวห่าอะไรแล้ว

 

ยิ่งแก้ยิ่งเกิดแต่ปัญหา

 

“เป็นอะไรเนี่ยหะ?” มันว่า จับหัวผมและจูบซับเบาๆ

 

“กอดไม่ได้รึไงเล่า”

 

“ก็ได้ แต่มันแปลกๆ นะ” มันว่า “ร้อยวันพันปีเมียไม่เคยจะกอดผัวก่อนสักที”

 

“พอเลย เลิกเรียกกูแบบนี้สักทีน่า…” ผมลากเสียงทุบหลังมันไปด้วย

 

“ดีออกนะ จะได้รู้อยู่เสมอว่าเราเป็นของกันและกัน”

 

อย่าย้ำนักเลย ในใจผมรู้เสมอ

 

มันคงอยากจะบอกให้ผมเข้าใจว่ามันกำลังจริงจังกับผมมากและระลึกอยู่เสมอว่ามันน่ะรักผม ผมยอมรับว่าเป็นสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเพราะคำว่ารัก เพราะคำที่มันเรียก แต่ผมไม่อยากให้มันตอกย้ำและทุ่มเทแต่แรกๆ ของแบบนี้มันต้องดูกันนานๆ สิมันถึงจะถูก

 

ช่างมัน มีความสุขกับช่วงนี้และเต็มที่ก็พอ

 

 

 

 

 

“เอ้าๆ เดี๋ยวจะลืมบัตรนึกศึกษาไม่ได้เข้าห้องสอบกันพอดี”

 

มันว่าพลางยื่นให้ผมที่ทำท่าจะลุกจากเบาะหลังจากรถจอดลานจอดรถในโรงเรียน เออว่ะลืมไปเสียสนิทมัวแต่ตื่นเต้น ผมยิ้มรับแล้วเอื้อมไปหยิบจากมือมันมาใส่ในกระเป๋าเสื้อ วันนี้พี่ปอของผมน่ะหล่อเป็นพิเศษ เพราะผมเพิ่งจะเคยเห็นมันสวมชุดนักศึกษาครั้งแรก สวมเสื้อสีขาวและผูกเนคไทสวมรองเท้าคัชชูตามระเบียบเป๊ะ ถ้าไม่ใส่ทางโรงเรียนจะไม่ให้เข้าสอบน่ะ

 

วันนี้เมียเลยหน้าบานมาก ผัวหล่อ นี่ชวนเดินไปไหนยอมไปด้วยหมดเลยเหอะ

 

นี่ไม่ได้เห่อมันนะ จริงๆ

 

“ยิ้มอะไร?” มันว่าพลางยกยิ้ม คงรู้ทันแหละว่าผมยิ้มทำไม

 

“ก็มึงดูดี แต่งอย่างนี้ก็ออกจะน่ามอง ไปสวมไอ้ชุดช็อปนั่นอยู่ได้” ว่าแล้วจัดชุดให้มัน  เอาใจหน่อย พอทำท่าเอาใจออดอ้อนมันก็ยิ้มครับ มันเป็นคนหลงตัวเองชอบให้คนเอาใจ

 

“ชุดนี้มันชุดใส่สอบเท่านั้นแหละ จะให้ใส่มาลุยงานได้ไง ติดน้ำมันเครื่องพอดี” ว่าแล้วก็จับมือผมที่จัดเนคไทให้ไปด้วย

 

“ขอกำลังใจสอบหน่อยสิ”

 

ผมเลิกคิ้ว กำลังใจ…

 

“งั้นโชคดีนะ ตั้งใจสอบล่ะ” ว่าพลางลูบหัวมันเบาๆ เหมือนหมาครับทำแบบนั้นเลย มันนิ่งมองหน้าเหมือนกับอยากบอกอีกนัยน์ว่ากูไม่ได้อยากได้อันนี้ เอ้า แล้วมึงอยากได้อันไหน แต่ไม่รู้ทำไม สมองผมนึกถึงสิ่งหนึ่ง

 

เพราะสันดานมันหื่นไง

 

“อะไร” แกล้งย้อนขำๆ ไปครับ มันขมวดคิ้วรีบว่า

 

“กูหมายถึงจูบ”

 

กูว่าละไม่มีผิดว่ามึงจะหาเรื่องจูบ

 

ฝันไปเหอะ

 

 

ก๊อกๆๆ

 

 

เสียงเคาะประตูเรียกให้ทั้งผมและไอ้ปอหันไปมองไปตาเดียวกัน ใจผมหายเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ยืนยิ้มรออยู่ข้างกระจกคนขับ เขาคือคนที่โทรหาไอ้ปอวันนั้น ยิ่งเห็นใกล้ๆ แล้วยิ่งชัดเลย หน้าตาน่ารักเหมือนอยู่รุ่นเดียวกันกับผม แต่สวมชุดชั้นปีเดียวกับไอ้ปอ เขายิ้มเมื่อเห็นว่าไอ้ปอมันรีบเปิดกระจกรถตอบรับทันดี ของกูนี่ขึ้นเลย

 

“ไปได้ยังวะปอ มัวแต่อ้อนเมียอยู่นั่นแหละ” เขาว่า

 

“เออ รอกูแปป” มันดับเครื่องทันที นี่มึงจะติดเพื่อนมากไปปะ

 

“ลงสิเพื่อนกูมารอแล้ว โน่นๆ ไอ้กรีนเพื่อนมึงยืนรออยู่”

 

ผมหันไปตามที่มันบอกแล้วขมวดคิ้ว เออ จะไล่กูใช่ไหม กูไปก็ได้ คิดแล้วนั้นก็เปิดประตูรถลงมาเฉยๆ ไม่บอกมันสักคำ คิดแล้วขึ้นจริงๆ แม่งพอเพื่อนมานี่ไล่กูเลย ไอ้บ้าเอ๊ย!

 

ว่าแต่ว่า คิดแล้วจะมางอนอะไรมันไร้สาระขนาดนี้วะ ทำอย่างกับตัวเองเป็นสาวน้อยอ้อนแอ้นน่ารักน่าทนุถนอมอย่างนั้น ดีแล้วแม่งงอนแล้วปอมันไม่หลังแหวนมาสักทีด้วยความหมั่นไส้ ถ้าอาการกูจะออกขนาดนี้เตรียมปล่อยผมยาวไว้ได้เลย

 

คิดแล้วขนลุกตัวเองนะบางที

 

ผมเดินไปหากรีนที่ยกมือทักทาย ทำเป็นยิ้มตอบเป็นปกติที่สุดเพราะอันที่จริงแล้วในใจผมรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นคืนนั้น รู้ดีว่าทำไมกรีนมันถึงได้มีท่าทีตอบกลับมาหลังจากเกิดเรื่อง

 

เพราะคืนนั้นมันมีอะไรมากกว่านั้น

 

คืนที่กรีนชิ่งหนีไปนั่น

 

ผมจำได้ว่าวันนั้นรอไอ้ต้นอาบน้ำ เผลอหลับไปและรู้สึกตัวว่ามีใครมาเบียด ความรู้สึกแรกตอนที่ตัวเองเปิดตาตื่นขึ้นมา ริมฝีปากผมกำลังถูกจาบจ้วงจากปากของกรีนที่กำลังแนบจูบ ผมตกใจ เมื่อได้สติ มือของผมก็ผลักมันออกจากตัวสุดแรงจนมันล้มกองไปลงกับพื้นและรีบลุกขึ้นนั่งทันที

 

กรีนมันคงตกใจที่ตอนนี้ผมรู้สึกตัวตื่น ผมไม่รู้ว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมาที่ได้นอนด้วยกัน มันทำอะไรกับผมบ้าง เมื่อรับรู้ว่ามันได้ทำเรื่องแบบนี้กับผม สีหน้ามันบอกว่ารู้สึกผิดและพยายามขอโทษผมที่นิ่งจ้องตามันนิ่ง อารมณ์สับสนวิ่งวนอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

“ภีม เราขอโทษนะ”

 

ผมนิ่งมองมัน เม้มปากตัวเองแน่น มันไม่ได้แค่สัมผัส จูบของมันเต็มไปด้วยความโหยหาและบดขยี้ปากผมราวกับต้องการสื่ออะไร

 

“หมายความว่าไงกรีน?” ผมว่าเสียงเบาจ้องตามันที่นิ่งมองผมอยู่บนพื้น

 

“เราขอโทษนะภีม เรา…” มันว่าเสียงเบา เอื้อมมือมาจะแตะตัว ผมผลักมันออกพลางส่ายหน้าตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่รู้จะสนองตอบมันไปยังไง ยังคงงงๆ มึนๆ ต่อไป

 

“เราชอบภีม เราชอบภีมนะ”

 

ผมนิ่งอึ้ง

 

กรีนมันชอบผม…

 

“ชอบ?” ผมย้อนพลางชี้หน้าตัวเอง

 

“ใช่ เราชอบภีม ชอบมาตั้งนานแล้วด้วย”

 

ผมนิ่งมองมันที่ขยับเข้ามานั่งตรงหน้าใกล้ๆ ใจผมหายเมื่อเห็นว่าแท้จริงแล้วมันกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้เดินเข้ามาหาผมก่อน มันไม่ได้อยากจะเป็นเพื่อนกับผมตั้งแต่แรก

 

“คบกับเรานะภีม คบกับเราเถอะ สัญญาว่าจะไม่ทำให้ภีมเสียใจเลย”

 

ผมนิ่งมองมัน ก่อนจะส่ายหน้า

 

“ไม่ได้หรอกกรีน”

 

“ทำไม! พี่ปอทำกับภีมขนาดนั้น ต้องร้องไห้ทุกวันขนาดนั้น เขาไม่มีอะไรดีเลย ไม่มีอะไรเหมาะสมที่ภีมจะต้องรักเลย!”

 

ก็เพราะผมรักมัน ผมไม่ได้รักกรีน

 

“เราเห็นกรีนไปแค่เพื่อนนะ แค่เพื่อนจริงๆ”

 

“แต่เราไม่เคยเห็นภีมเป็นเพื่อนเลย เราอยากเป็นมากกว่านั้น!” มันจับมือผมร้องว่าเสียงดัง ใจผมหายพยายามจะดึงมือออกไม่ตอบตกลง

 

“นะภีม เปิดโอกาสให้เรา”

 

“ไม่! เราทำไม่ได้ เราเห็นกรีนเป็นอย่างอื่นนอกจากเพื่อนไม่ได้จริงๆ!”

 

มันนิ่งเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเงียบไปเมื่อถูกปฏิเสธด้วยคำว่าเพื่อนนี้ เงยมองหน้าผมราวกับกำลังโกรธอย่างนั้น

 

“ที่ภีมวางตัวกับเราแบบนี้เพราะเห็นเราเป็นแค่เพื่อนอย่างนั้นจริงๆ งั้นเหรอ ภีมปล่อยตัวต่อหน้าเรา ทำตัวเหมือนให้ความหวังเรา”

 

“เราทำเมื่อไหร่?” ผมย้อนทันที

 

“ทุกครั้งที่ภีมพูด ทุกครั้งที่ภีมยิ้ม ถ้าไม่คิดอะไรกับเราทำไมไม่คิดจะทำให้เราไม่หลงตัวเองบ้างว่าตอนนี้ภีมกำลังโอนอ่อนมาหาเรา”

 

ผมนิ่งมองมัน พยายามคิดว่าตัวเองไปวางตัวกับมันยังไงถึงทำให้มันคิดว่าผมกำลังให้ความหวัง การที่ผมปล่อยเนื้อปล่อยตัวกับมันก็เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีต่อเพื่อน ผมไม่คิดเลยว่ากรีนมันจะคิดเกินเลยกับผมแบบนี้

 

ถ้อยคำนั้นเป็นคำสุดท้าย

 

ก่อนมันเดินหนีผมออกไป ถึงผมจะคิดว่าตัวเองถูก แต่มันเป็นเพื่อนคนเดียวที่คอยให้คำปรึกษาช่วงที่ผมอ่อนแอ หรือเพราะตอนนั้นผมเปิดรับมันมากเกินไปมันถึงได้คิดแบบนี้กับผม ผมอยากให้เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แม้มันจะวางตัวด้วยลำบากก็ตาม

 

หลังจากกรีนมันขึ้นรถไป ผมกลับมาภายในบ้าน เห็นไอ้ต้นเดินออกมาจากห้องน้ำ

 

ร่างของผมทรุดตัวนั่ง วิญญาณลอยไปไกลเมื่อได้รู้เรื่องที่ชวนช๊อคขนาดนี้ หันไปมองไอ้ต้นที่เดินมายังร่างของผม มันทรุดตัวนั่งข้างๆ ให้โซฟายุบ มือก็ยกขึ้นมาแปะบ่ากล่าวเสียงเรียบๆ ไปด้วย

 

“ไม่ใช่แค่มึงที่ปวดหัวเรื่องของกูนะ กูเองก็ปวดหัวเรื่องของมึงเหมือนกัน ขอโทษนะภีม กูเป็นคนบอกกรีนให้มันบอกมึงเองแหละ มันเอาความไว้ใจของมึงเพื่อเข้าใกล้มึงแบบนี้มันไม่แฟร์”

 

ตัวผมชาครับ เมื่อรู้ว่าไอ้ต้นมันรู้ความจริงตั้งนานแล้ว ผมหันไปมองมันนิ่ง “ตั้งแต่เมื่อไรวะ?”

 

“ตั้งแต่ตอนที่นัดติวกันครั้งนั้นน่ะ กูกลับมาเห็นกรีนมัน…กำลังจูบมึง”

 

ผมนิ่งนึกถึงวันนั้น

 

สัมผัสที่ผมเคยคิดว่าเป็นของไอ้ปอ ฝันที่ผมนึกถึงมัน น้ำเสียงที่พูดคุยด้วยความอ่อนโยนในฝันครั้งนั้นเป็นเสียงของไอ้กรีนงั้นหรอกเหรอ

 

หน้าผมชา ได้แต่ยกมือมากุมไว้

 

“วันนั้นกูเป็นคนไล่มันกลับห้องไปเอง พยายามทำให้มึงไม่ตกใจที่สุด กูอยากให้มึงไม่ต้องเครียดเรื่องของไอ้กรีนอีก อยากให้มันชัดเจนกับมึงไม่ใช่เล่นลับหลัง”

 

อา…

 

มิน่าล่ะไอ้ต้นมันไม่ถามถึงไอ้กรีนสักคำตั้งแต่เกิดเรื่อง เพราะมันเป็นคนรู้เรื่องทั้งหมดนี่เอง ผมยกมือกุมหน้าตัวเองเมื่อทราบความจริงแล้ว

 

นึกถึงใบหน้าน่ารักๆ ซื่อๆ ของมันที่ส่งยิ้มมาให้ทุกครั้งเวลาเจอหน้ากัน ถ้อยคำปลอบโยนที่มันมอบให้ในวันที่ผมเสียใจแล่นเข้ามาในหัว ความดีของมันทับถมสิ่งที่ผมไม่ชอบไปหมดสิ้น ผมรู้สึกว่าไม่ควรจะเสียเพื่อนคนนี้ไปและอภัยให้แก่ความไม่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของมันที่มีต่อผม เพราะผมเองก็คงจะผิดในส่วนหนึ่งที่เปิดใจรับมัน

 

มันคงจะเสียใจมากที่ถูกปฏิเสธออกมาแบบนั้นถึงได้เดินหนีออกไป

 

แต่วันนี้มันจะกลับมาเหมือนเดิม ผมกับมันเข้าใจกันดีแล้วและไม่ต้องห่วงว่าผมจะเผลอวางตัวไม่ดีกับมันอีกเพราะตอนนี้ผมกับพี่ปอก็คืนดีกันแล้ว

 

แค่กรีนยังเป็นเพื่อนที่ดีกับผมแบบนี้มันก็โอเค

 

ถึงมันจะเจ็บปวดบ้าง และไม่รู้ว่าต้องทำใจอีกนานไหม ผมว่าระหว่างผมกับมัน อาจจะเป็นแค่ความผูกพันธ์ฉันท์เพื่อนมากกว่า ที่ยิ่งคบนานไปก็ยิ่งสนิทจนจะกลายเป็นคนพิเศษ เรารักกัน เราห่วงใยกัน ให้คำปรึกษา แต่ก็มีแค่เส้นบางๆ แยกด้วยคำพูดเท่านั้นว่าใครคือเพื่อน ใครคือแฟน นอกนั้นมันก็ไม่ต่างกันสักนิด

 

ผมหวังไว้อย่างนั้นนะ

 

ว่ากรีนจะกลับมาเหมือนเดิม

 

 

 

 
 :hao6:
เอามาอัพแล้วจ้า

ไม่รู้เป็นไง หนูนาว่าสองนี้มันฮานะ แต่แอบคันๆ ฉากสุดท้าย ฉากกรีน มีใครคิดว่าจะหน่วงข้างหน้าบ้างเนี่ย ไม่เอาไม่ต้องคิดมาก นิยายของหนูนาเปลี่ยนผันได้ตลอดเวลา อิอิ

สำหรับคนที่ถามว่าสรุปพี่ปอน้องภีมเรียนอยู่โรงเรียนหรือมหาลัยกันแน่ มันมีบอกตั้งแต่อ่านต้นเรื่องเลยนะว่าโรงเรียนนี้มันโรงเรียนช่าง(ชายล้วน) ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนค่ะ จะเรียกกันสองช่วงชั้นแยกคือ ปวช มี3 ชั้นปี และ ปวส มี 2 ชั้นปี ซึ่งน้องภีมเรียนอยู่ปีหนึ่งเทียบเท่าม. 4 ค่ะ ส่วนพี่ปอเรียนอยู่ ปวส ปี2 เทียบเท่ามหาลัยปีที่สอง ที่พี่พีเรียนก็คือมหาลัยค่ะแต่ปีที่สองรุ่นเดียวกับพี่ปอ ซึ่งน้องภีมเรียนสายวิทย์จะสามารถย้ายไปเรียนกับรัฐบาลได้เท่านั้นเอง มาซะวิชาการเลย 5555

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ จะติจะติงได้หมดค่ะ แรงแค่ไหนก็รับได้ถ้าพูดถึงเรื่อง เนื้อหาของนิยายจริง555 เพราะแสดงให้เห็นว่าคุณผู้อ่านได้อ่านจริงๆ ครบถ้วนทุกตัวอักษรถึงคิดต่างออกมาได้ แล้วสองตอนนี้มีความเห็นยังไงบ้างนะ บางฉากก็ขำนะ บางฉากก็หน่วงสลับกันไป


ยังไงก็ขอบคุณที่คอมเม้นนะคะ เจอกันตอนหน้าน้า
 :bye2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หลงมาอ่านรอบดึกจนได้รู้ความลับของกรีน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด