**(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|  (อ่าน 99322 ครั้ง)

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม


6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


********************************************************



 
1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ

เมื่อเท้าของผมแกว่งไปหาเสี้ยน

แต่เป็นเสี้ยนอภิมหาเสี้ยนจอมเสี้ยนที่หวังจะนอนกับผมตลอดเวลาที่ยอมคบกับมัน

ระยะเวลา 1 เดือน ผมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้หลุดรอดจากเงื้อมมือของ

"ไอ้ปอรายเดือน"

 

นี่ให้ได้!







***ตอนแรกจะเอามาลงในรีพลายนะคะเพราะตัวอักษรเกิน

ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยน้า
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2014 22:40:31 โดย noonaaRP »

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

1 month --1



ตอนที่ 1

คุณเคยเชื่ออย่างสนิทใจไหม

คิดว่าบางเรื่องมันเป็นสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ มันอาจจะไม่เกิดขึ้นกับคุณได้เลยใช่ไหม เช่นคุณกำลังคลั่งไคล้ใครสักคนที่เป็นเป้าสายตาของอีกหลายๆ คน ไม่คิดใช่ไหมว่าเขาจะหันมามองเราที่ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรเลย เหมือนกันกับผมตอนนี้ ผมคิดว่าตัวเองแสนจะธรรมดา ไม่ได้น่าค้นหาเลยสักนิด แต่ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตทำให้ความคิดของผมเปลี่ยนไป เมื่อได้พบกับใครคนนั้นพร้อมคำตอบที่แท้จริง

คำตอบที่ผมเคยถามคุณ

เสียงกลองรับน้องดังระรัวเป็นเพลงขึ้น มันเป็นจังหวะปลุกใจแต่ไม่ได้ช่วยให้ผมสนุกสนานขึ้นมาเลยสักนิด ผมเกาหัวตัวเองที่ถูกจับมัดแกละสองข้างเป็นต้นมะพร้าวชี้เด่บนหัวแล้วแสดงถึงความไม่สบอารมณ์ของตัวเองตอนนี้
ทำไมกูต้องมาทำอะไรกับพวกรุ่นพี่บ้าๆ พวกนี้ด้วยวะเนี่ย!

ร่างของผมนั่งภายในแถวซึ่งเป็นสายวิทย์ในชั้นปีใหม่ๆ มีผมรวมอยู่ด้วยในโรงเรียนแห่งนี้ เป็นเด็กปีหนึ่งที่ใสสุดๆ กำลังถูกรับน้อง

ที่สนุกแต่รุ่นพี่ฝ่ายเดียว

“ไอ้น้องคนนั้นน่ะ ทำหน้าไม่มันเลย ไหนออกมาทำหน้าให้มันๆ หน่อยซิ”

ผมสะดุ้งเมื่อทุกสายตาหันมามองตัวเองเป็นตาเดียว อะไรอีกวะเนี่ย ผมนั่งกลืนน้ำลายเมื่อเห็นคนรุ่นเดียวกันหัวเราะคิกคัก ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปท่ามกลางสายตาเด็กใหม่ทั้งสาย อายไหมล่ะมึง

“ชื่ออะไร”

“ชื่อ ชื่อภีมครับ” ผมตอบ

“ตอบให้มันดังๆ”

“ชื่อภีมครับ”

“ดังกว่านี้”

“ชื่อภีมครับ!” ผมร้องว่า

“สัส ตุ๊ดยังตะโกนดังกว่านี้” มันว่าพลางยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงคนหัวเราะกับคำที่มันว่า ไอ้รุ่นพี่เชี่ย! กูจะจำหน้ามึงไว้เลย เดินผ่านหน้าห้องกูจะเอาแปรงลบกระดานปาหัวแตกแม่ง

“ชื่อภีมครับ!” ผมตอบ

“มึงกวนตีน ไปวิ่งรอบสนามฟุตบอลสิบรอบ”

ไอ้เชี่ย!

เสียงหัวเราะเพื่อนร่วมชั้นตามหลังมาในขณะที่ผมยังไม่รู้ว่านี่กูทำผิดอะไร ไปกวนตีนมันตอนไหน แต่จำต้องยอมทำตามคำสั่ง วิ่งรอบสนามสิบรอบ สนามฟุตบอลที่มีขนาดกว้าง ผมใช้เวลาวิ่งนานมาก ขนาดมันแยกย้ายกันแล้วผมยังวิ่งได้แค่ห้ารอบเท่านั้นเอง

ไม่เอา คือกูไม่ไหวละ!

ผมแอบวิ่งมาพักใต้ร่มไม้ มองออกไปไม่เห็นพวกรุ่นพี่ยืนเฝ้าริมขอบสนามหรือแถมอาคาร มันอาจจะเข้าเรียนหรือไปหาที่อู้แล้วก็ได้ ได้ทีแล้วผมก็ใส่เกียร์หมาวิ่งขึ้นอาคารเรียนตัวเองทันที ยังดีหน่อยที่โรงเรียนนี้เรียนได้สองเดือนแล้วค่อยมารับน้อง เด็กใหม่ทำความสนิทกันแล้วและกล้าแสดงออกด้วยกันมากขึ้นรวมถึงรุ่นพี่ แต่ผมน่ะสิ ไม่มีใครยอมคบเลย มีแต่ตุ๊ดที่จะมาหวังฟัน
โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนช่างชายล้วน แต่ก็ยังรับสายวิทย์

ผมเดินคนเดียวตั้งแต่เรียนวันแรกจนถึงวันนี้ จะว่าไป ผมมันไม่ค่อยจะน่าคบเท่าไรละมั้ง นี่มันโรงเรียนคนมีตังค์ ฐานะคนพอจะมีกินอย่างผมก็เลยไม่น่ามองเท่าไรนัก

ผมดึงยางที่มันผมเป็นหูแกละสองข้างขอตัวเองออกจากหัว มันคงจะตลกดี ทำกูได้นะพวกมึง คิดแล้วผมก็เปิดน้ำล้างเหงื่อตัวเองออกจากตัวในห้องน้ำ วันนี้ไม่มีคาบเรียนเพราะถูกเว้นไว้จัดงานรับน้อง ช่วงบ่ายน่าจะมีคอนเสิร์ตพวกวงดนตรีโรงเรียนมาประชับมิตรพี่น้อง

ว่าแล้วนั้นผมไปแอบงีบที่ห้องพยาบาลดีกว่า

แต่เมื่อเดินไปถึง ผมชะงักนิ่งเมื่อพบแต่คนที่มีใจตรงกันกับผมเป็นสิบคนนอนเรียงระเนระนาดอยู่บนเตียงสี่เตียงที่มีอยู่ในห้อง น่าจะเป็นพวกรุ่นพี่ พวกมันลืมตามามองผมที่ยืนตัวแข็งมองพวกมันอยู่ เชี่ย! ไอ้รุ่นพี่คนนี้ที่ลงโทษผมก็อยู่ด้วยนี่หว่า

“มึงวิ่งครบแล้วเหรอ กูมองเห็นจากตรงนี้นะ” มันว่า ผมอึกอัก

“ครบแล้ว พี่จะเห็นได้ไง นอนอู้อยู่บนเตียงแบบนี้น่ะ”

“ไอ้เด็กนี่แม่งปากดีเว่ย” เพื่อนมันว่าพร้อมกับหัวเราะ

“มึงนี่กวนตีนจริง เดี๋ยวสั่งไปไปวิ่งอีกรอบแม่ง”

“ไม่ต้องๆ” เสียงอีกคนว่าพลางเงยหน้าจากหมอนมามองผม “วิ่งลงไปซื้อน้ำมาให้กูกินซิ”

ผมอ้าปากค้าง “อะไรนะ”

“กูบอกว่าปซื้อน้ำมาให้กูแดก เร็วๆ” มันว่าพลางล้วงกระเป๋าควักเงินออกมาให้ อะไร มันเห็นผมเป็นลูกเมียน้อยคนรับใช้บ้านมันรึไงวะ

รู้จักไอ้ภีมน้อยไปซะแล้ว

“ทำไมกูต้องไปด้วยวะพี่ เป็นง่อยเหรอ ก็ไม่ได้เป็นนี่หว่า” ผมว่าพลางมองมัน เพื่อนในกลุ่มหัวเราะกันร่า

“ไอ้เท็น มึงโดนแล้ว”

“ของน้องเขาแรงจริง” อีกคนว่า

“กูไม่ได้เป็นแต่อีกหน่อยมึงจะโดนตีนกูจนจะได้เป็น” มันว่า

“มึงก็ลุกมาไล่เตะกูดิ ถ้าไม่ขี้เกียจวิ่งตามกูนะ” ผมว่าพลางยักไหล่แล้วเดินออกจากห้องด้วยใบหน้าเหนือกว่า ใจหายใจคว่ำกับความปากดีของตัวเองแล้วรีบสาวเท้าเดินออกห่างจากห้องกลัวมันวิ่งออกมาจริงๆ

ถึงเวลาแล้วบังคับปากตัวเองไม่ได้ทุกทีเลยสิน่า


ดวงตาของผมมองไปยังบอร์ดที่มีรูปภาพของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมองจากภาพภายนอกและเท่าที่เห็นแล้วนั้น ก็น่าจะเป็นคนซึ่งกำลังถูกสายตาคนทั้งโรงเรียนจับจ้องอยู่ เท่าที่ดูมา ภาพเห็นตั้งแต่มันเดินควงคนในโรงเรียน ภาพในอากัปกริยาต่างๆ ที่ทั้งสวมชุดนักเรียนและชุดลำลอง ราวกับเป็นนายแบบโดยไม่รู้ตัว

มันใครวะ ผมเกาหัวตัวเองไล่สายตามองไปเรื่อย

แต่ละคนที่หมอนี่ควงทั้งหมดเป็นผู้ชาย ซึ่งที่นี่คือโรงเรียนช่างชายล้วน ผมจึงค่อนข้างจะไม่รู้สึกแปลกอะไร แต่แปลกตรงภาพตอนที่หมอนี่ควง มันเป็นผู้ชายรายเดือนที่ไม่ซ้ำหน้า ราวกับกำลังรวบรวมคอลเลคชันผู้ชายหน้าตาดีเป็นของตัวเอง

ดวงตาของผมกวาดไปยังรูปสุดท้าย ที่มีชื่อและรายละเอียดบอกอย่างดี

บอย

คนล่าสุดงั้นเหรอ ผมมุ่นคิ้วมองไอ้คนนี้ มันเข้าเรียนห้องเดียวกับผมนี่

เดาได้ว่าไอ้ปออะไรนี่มันคงจะไม่ได้เล่นๆ

แต่เจ้าชู้จริงๆ

อย่างที่บอกไป ผมชื่อภีม เข้ามาเรียนที่นี่เมื่อสองเดือนก่อน เป็นเด็กรุ่นน้องเฟรชชี่ซึ่งยังไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับโรงเรียนอะไรมาก เดินทางไปกลับโรงเรียนด้วยรถเมล์และยังไม่มีเพื่อนสนิท มีตัวคนเดียว

ตอนนี้สังเกตเห็นได้เลยว่าเด็กใหม่ทุกคนที่เห็นแบบนี้บนบอร์ดก็คงจะอยากเห็นไอ้พี่ปออะไรนี่ เพียงแต่น้อยครั้งที่จะเห็นมัน ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าความหล่อมันจะกินใจผมรึเปล่า แล้วสตอรี่ที่คบรายเดือนของมันจะถูกใครทำลายไหม

แล้วทำไมพวกตากล้องโรงเรียนต้องถ่ายมันด้วยวะ ไร้สาระจริง ตามแต่กระแสอยู่นั่น ผมมุ่นคิ้วแล้วส่ายหัวเดินละเข้าไปกินข้าวในโรงอาหาร ทว่า พอเข้าไปเท่านั้นแหละก็ถูกชนเปรี้ยงเข้ากับร่างของใครสักคนที่วิ่งมาจากด้านหลัง

แอ่ก!

ร่างของผมล้มไปกองกับพื้นแล้วหันไปมองตามแรงกระแทกด้านหลัง น่าจะเป็นรุ่นพี่ซึ่งถือหนังสือปิดหน้าไว้อยู่ มึงจะปิดทำไม ปิดไว้มันก็มองไม่เห็นน่ะสิวะ

“เดินยังไงวะพี่?” ผมว่าพลางลุกขึ้นยืนขมวดคิ้วมองหน้ามัน มันโบกมือหยอยๆ ว่า

“ขอโทษๆ พี่รีบ”

อะไร แค่บอกว่ารีบก็จบ ผมค้ำเอวตัวเองเงยหน้าหาเรื่อง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งมองผมอยู่แล้วก็ละสายตาไปทางอื่นเมื่อเห็นผมจับได้ ทำแบบนี้ซ้ำไปมาเมื่อเห็นว่าผมเงยไปมอง

มันยกยิ้มกับตัวเองแล้วค่อยๆ ก้าวเท้าถอยหลัง หันหน้าไปทางในโรงอาหาร

ผมไม่เห็นหน้ามันเพราะมันเอาหนังสือปิดหน้าตัวเอง เห็นแค่ริมฝีปากที่กำลังยกยิ้มเพราะตอนที่ผมเงยมองหน้ามัน มันจะหันหน้าหนีแล้วยกหนังสือปิดทันที อะไรของมัน หวงหน้าตัวเองมากนักรึไงวะ

หล่อตายละ!

ดวงตาของผมมองตามร่างสูงๆ นั่นวิ่งไปด้านในสุดของโรงอาหารแล้วก็ไปทรุดตัวนั่งบนโต๊ะเดียวกันกับพวกรุ่นพี่ที่สวมชุดช่างปวส. กลุ่มใหญ่นั้นด้วยความรวดเร็ว ซึ่งสังเกตดีๆ มีไอ้บอยซึ่งไม่ได้อยู่ชั้นเดียวกันนั่งร่วมหัวเราะคิกคักอยู่ด้วย นี่อย่าบอกนะว่านี่คือกลุ่มของไอ้พี่ปอนั่น

ผมเพ่งสายตามองเข้าไปในกลุ่ม คนแล้วคนเล่าทว่าไม่เห็น จนกระทั่งสายตากวาดไปเห็นไอ้คนที่มันชนผมล้มที่เผยใบหน้าออกจากออกจากหนังสือในมือแล้ว ประกายอะไรสักอย่างฉายมาสะกดให้ผมนิ่งมอง

ก็ไม่ได้หล่ออะไรมาก แค่สูง ขาว จมูกโด่ง ยิ้มสวย ก็แค่นั้นเอง

ผมส่ายหัวไล่ความคิด หล่อไม่หล่อก็ไม่ใช่กงการอะไรของผมสักหน่อย พาร่างตัวเองไปสั่งอาหารที่ร้าน ทว่าความเร็วของเท้าผมถูกชะงักลงเมื่อร้านข้าวก็ดันไปตรงกับโต๊ะที่พวกมันนั่งพอดี

ผมกลืนน้ำลาย ช่างแม่ง! ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งในโรงเรียน มันก็แค่คนดังที่พอไม่สนใจก็ทำอะไรไม่ได้นี่ ที่สำคัญผมหล่อกว่ามันเยอะ

“วี้ดวิ้ว กินข้าวเหรอครับ ให้พี่เลี้ยงไหม?” ผมหันขวับไปมองกลุ่มเพื่อนของมัน นี่กูอุตส่าห์ไม่สนแล้วยังจะมาหาเรื่องอีก

“โห่ น้องเขาดุเว่ย” อีกคนว่า

“ดุแต่ก็ยังน่ารัก” แล้วไปนั่งน่ารักบนหัวพ่อพวกมึงเหรอครับพี่

ผมข่มใจสั่งอาหารไปไม่สนใจคนด้านหลัง นิ้วมือเคาะโต๊ะเล่นเพื่อฆ่าเวลาก่อนจะจ่ายเงินและรับจานข้าว หันมาอีกทีก็ชนกับใครสักคนเข้า

“เอ้า ตายละวา!”

เสียงกลุ่มคนร้องว่า ดวงตาของเด็กผู้ชายที่ไม่มีใครอย่างผมเงยขึ้นไปสบกับสายตาของใครสักคนบนโต๊ะราวกับจะสั่งให้พวกมันหุบปาก ทว่ากลับเหลือบไปเจอสายตาของไอ้นั่น

ไอ้ปอ

“ขอ ขอโทษนะ” ผมละสายตามาว่ากับคู่กรณีทันที ไม่ได้กลัวหรืออะไรเว้ย แค่ไม่ชอบสบตาคนไม่สนิทเท่านั้นแหละน่า

“ไม่เป็นไร”

“นายเป็นอะไรไหม เลอะหมดเลย” ผมว่าพลางมองเสื้อของเด็กอีกคนที่ก้มลงช่วยเก็บจาน ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าเอื้อมไปช่วยมันด้วยความหวังดี มือมันก็ผลักมือของผมออกไม่ให้เช็ดให้

“เราไม่เป็นไร ขอโทษนะเราเองที่ซุ่มซ่ามเดินมาเอง”

“อย่าว่าแบบนั้นสิ เราเดินไม่ดูเอง” ผมว่า ดวงตาเงยมองคู่กรณี อีกฝ่ายยิ้มให้ น่าแปลกใจที่มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมสบายใจและรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก มันจึงทำให้อดที่จะยิ้มตามไม่ได้

“ถ้างั้นก็ถือว่าซุ่มซ่ามกันทั้งคู่ละเนอะจะได้เจ๊ากัน” ผมว่า อีกฝ่ายยิ้มและพยักหน้ารับ

“เราชื่อกรีน”

น่าแปลกที่ผมยอมที่จะเข้ากับคนง่ายสักวัน ได้แต่ยิ้มรับและตอบ “เราชื่อภีม”

“น้องภีม”

“ไอ้สัสชื่ออย่างน่ารักอะ”

ดวงตาของเราชะงักและหันไปมองพวกก้างขวางคอที่คอยจะแซว คือผมอยากทราบมากว่าที่บ้านพวกมันไม่เคยสอนวิชามารยาทเลยงั้นเหรอถึงได้คอยพูดแทรกเวลาคนอื่นเขาคุยกันแบบนี้ ร่างผมเดินไปวางจานที่มีเหลือแค่เศษข้าวหน้าโต๊ะของคนทั้งกลุ่มด้วยความสุดทนไม่สนเสียงของกรีนที่ร้องตาม

 “ว่าไง มีไรมากมายปะพี่?” ผมว่าพลางไล่สายตามองทุกคน ทว่าคนพวกนี้กลับหัวเราะกันร่า

“แม่งอวดเก่งจริงไอ้เด็กนี่”

“ไม่เท่าไหร่หรอก สู้ความน่ารักแม่งไม่ได้” อีกคนว่า

“อวดดีจังนะ”

“ผมเปล่า แต่พวกพี่เล่นให้มันรู้ซะบ้างว่าผมไม่ใช่เพื่อนเล่น ไม่ใช่ของเล่น ไม่ใช่ของระบายอารมณ์ใคร”

“กูเกลียดคนแบบนี้”

ผมชะงัก มองไปยังคนพูดที่ว่าพลางถอนใจ ความจริงมันก็ไม่ได้กล่าวแซวอะไรกับผมเหมือนคนอื่นหรอกเพราะแฟนของมันก็นั่งอยู่ทนโท่ ไอ้บอยมันหลุดยิ้มและเงยหน้ามาสบตากับผม

“ไอ้นี่มันเอ๋อจะตาย ไม่มีคนคบมันหรอก”

“กูว่าละ นิสัยอย่างงี้…” ผมกลืนน้ำลายมองมันที่ว่า มันชักจะดูถูกกูมากเกินไปแล้วนะ!

“ไหนว่าสเปควะ” เพื่อนอีกคนว่า ผมมุ่นคิ้วแล้วดึงแขนกลับเมื่อกรีนมันเดินเข้ามาดึงแขนให้ถอยออกไป ไม่ทันแล้วเว้ย

“สเปคแค่หน้าตา แต่นิสัยกูรับไม่ได้ว่ะ”

“เอ้า คบกับผมยังไม่ครบเดือนเลยมีสเปคใหม่แล้วเหรอ?”
ผมมองคนพูด พูดแบบนี้แสดงว่าไอ้บอยมันยอมไปเป็นของเล่นให้ไอ้นี่เองงั้นเหรอ

“ไม่ใช่แล้วบอย แบบนี้ไม่เอาหรอก คบเป็นแฟนกูคงได้นั่งฟังเทศน์ทั้งเดือน”

“แล้วใครบอกว่ากูอยากจะไปเป็นแฟนมึงอะพี่” ผมว่าอย่างสุดทน

“โห่ แรงว่ะ แต่พี่โคตรชอบอ่ะ” ผมกลืนน้ำลายเมื่อเพื่อนๆ ของไอ้ปอร้องว่า

“กูก็ไม่ได้อยากได้มึงเป็นแฟนหรอก กูหาได้ดีกว่ามึงตั้งเยอะ”

“มัวแต่มาตัดสินว่าใครดีกว่าใคร เคยดูตัวเองบ้างไหมวะ ไม่ใช่เอดส์กินแล้วรึไง?”

“เอดส์เหรอ?” มันว่าพลางขมวดคิ้วตัวเอง “ไปถามหากับพวกคนทำไม่เป็นโน่น ส่วนมึงก็อ่อยแทบตาย สุดท้ายก็ไม่มีใครอยากเอาให้ติดเอดส์หรอก”

ผมเบิกตาหันไปมองมันด้วยความโมโห แต่ไม่ได้ ถ้าผมขึ้นมันจะชนะ ว่าแล้วนั้นก็ผ่อนปรนอารมณ์ตัวเองแล้วว่า

“กูจะเป็นเอดส์หรือไม่เป็น แต่กูก็ไม่ได้เอาใครไปทั่วแล้วทำเป็นพูดดีว่าตัวเองทำเป็นรึไม่เป็นนี่ แค่เอาหลายคนไม่ใช่สิ่งที่จะมาวัดนี่ว่าทำเป็นจริงๆ หรือเปล่า ไอ้มั่ว…”

ผมทำท่ารำพึงก่อนจะเดินเบ้ปากออกมา หางตามองมันด้วยความเหยียดหยาม ซึ่งนั่นแหละเป็นสาเหตุให้แขนของผมถูกกระชากกลับ เรียกว่ากระชากน่ะถูกแล้วที่สุด เพราะร่างของผมปลิวว่อนกลับมาตามแรงให้หันไปมองมัน

ใจผมหายเมื่อมันไม่ได้หน้าเสีย แต่รอยยิ้มเผยมาแต่งแต้มแทน

“ปากดีแบบนี้ มึงจะลองไหม”

ผมไม่ทันได้ตอบอะไร ร่างกายถูกดึงไปตามแขนของมัน เรี่ยวแรงของผมหายไปไหนไม่อาจทราบ คงเพราะว่ากำลังงงมากกว่า

“อ้าวพี่ แล้วบอยล่ะ”

“เราเลิกกัน โอเคนะ” เสียงมันว่ากับร่างไอ้บอยที่นั่งเอ๋อ

ผมเบิกตาเมื่อเห็นความเลวของไอ้พี่ปอนี่เต็มตา มันไม่เคยรักใครเลย แล้วนี่ผมเป็นอะไรวะ ไม่ยอมเรียกร้องเอาอิสระกลับมาให้ตัวเอง หรือความท้าทายจากแววตาตอนที่มันยิ้มส่งมา ไม่อาจยอมให้ผมกล่าวปฏิเสธมันได้
ผมอยากเอาชนะมัน

“กูอยากลองมึงนัก” มันว่าแล้วพาผมขึ้นรถ ซึ่งมันหรูไม่น้อยสำหรับคนอายุเท่ามัน พาผมออกมาจากโรงเรียน ใจผมหายเมื่อเห็นว่ามันพาผมเข้าโรงแรม เมื่อรถจอด ใจผมที่ว่าอวดดีเมื่อกี้ก็อ่อนยวบลงเมื่อเห็นมันดับเครื่องยนต์และหันมามอง

“กูให้เวลามึงคิด ถ้ามึงขอโทษกูดีๆ มึงจะได้กลับไปแบบซิงๆ” ผมหันไปมองมัน มันยิ้มเมื่อเห็นว่าหน้าผมสีตก ก็ความซิงผมจะถูกเปิดเพราะปากตัวเองนี่หว่า

แต่จะให้ยอมไอ้เลวอย่างมันก็ไม่อยากทำ!

“ทำไมกูต้องขอโทษมึงวะพี่” ผมย้อนว่าพลางส่ายหน้าระอานิสัยเฮียๆ อย่างมัน

“นี่มึงไม่ยอมขอโทษ แสดงว่ามึงอยากเป็นเมียกูจนตัวสั่นล่ะสิ”

“หึ ใครอยากจะติดเอดส์” ผมเบ้ปากพลางกอดอกมองออกนอกกระจก

“มึงคิดว่ามึงเก่งมาจากไหน ได้…ถ้ากูพูดดีๆ แล้วมึงไม่ยอม แสดงว่ามึงทำเป็นกร่างมาทำไม่สนใจกู ที่แท้กะจะอ่อยให้กูมองเพื่อมาเป็นของเล่นของกูน่ะสิ”

“โถ่ ความคิดมึงนี่เก่งเนอะพี่ ไปเป็นผู้กำกับหนังไป คงจะรุ่ง” ผมส่ายหน้าว่า

“มึงนี่มัน…”

“อะไร?” ผมย้อนแล้วหันไปว่า ทว่าได้ยินเพียงเสียงประตูปิด เห็นร่างมันอ้อมมาถึงประตูพร้อมเสียงเปิดมากระชากแขนผมให้ออกไป ใจที่ว่าเพิ่งชื้นก็หายไปอีกเมื่อเห็นมันปิดประตู พาร่างของผมเดินเข้ามาด้านใน

“ปล่อยกู จะพากูไปไหน!?” ผมร้องว่า ดวงตามองตามคนที่มองพวกเราว่าเขาจะเข้ามาช่วยไหม ไอ้พวกแล้งน้ำใจ มองเป็นดูละครหลังข่าวไปได้

“จะพามึงไปห้องสวีทไง ทีนี้มึงจะได้เลิกปากดีสักที”

“กูจะร้องให้คนช่วยจริงๆ นะ ช่วยด้วย! ช่วยกูด้วย!” ผมว่าพลางยื้อแขนกลับ ร้องตะโกนแบบไม่ต้องรอให้มันอนุญาตแม่ง

“ร้องให้ตายก็ไม่มีคนมาช่วยหรอก ที่นี่ถิ่นกู”

ผมเบิกตาเมื่อมันพาเข้าไปในลิฟท์ พยายามดิ้นให้มันปล่อยมือที่กำไว้จนเจ็บ ทันทีที่ลิฟท์เปิด ร่างของผมก็ถูกลากออกมาจากลิฟท์ คนอะไรไม่รู้แรงควายจริงๆ

เชี่ยปอ ไอ้พี่เลว!

มันพาผมไปยังห้องที่มี่พนักงานชายยืนรออยู่ ไอ้หมอนี่มันก็มองผมที่สู้กับไอ้ปอโดยที่ไม่ยอมทำอะไรเลย มองด้วยความงงแล้วยังยื่นคีย์การ์ดให้มันเปิดประตูอีก ไม่คิดจะช่วยคนจะถูกข่มขืนรึไงวะ

ร่างของผมถูกผลักเข้ามาด้านในก่อนประตูจะปิดลงพร้อมกับมันที่หันมาทำหน้าตาที่ผมอดที่ยันฝ่าเท้าใส่ไม่ได้

ไม่ต้องมายิ้ม กูไม่สนุก!

ผมกลืนน้ำลายพร้อมพยายามหอบ สูบเอาลมเพื่อให้ได้พลังกลับคืนมาเพื่อสู้กับไอ้เวรนี่ต่อไป ใครจะไปยอมมันกันเล่า
“ปล่อย อะ!”

ร่างของผมถูกผลักลงบนเตียงด้วยแรงคนต่อหน้า ก่อนมันจะทรุดตัวลงมากดมือทั้งสองข้าง ดวงตาของผมเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าของมันแสยะยิ้ม ลำขาของผมยกขึ้นตั้งชันเข่าทั้งสองข้างไม่ให้มันลุกลามไปมากกว่านี้
แม่งท่าโคตรล่อแหลมเลย เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น

“ยังจะอวดเก่งอีกไหม?” มันว่า บอกได้เลยว่าไม่ ผมมองมือของมันที่กดข้อมือผมไว้แล้วเม้มปากแน่น ไอ้หื่นเอ๊ย!

“พี่จะข่มขืนผมรึไง?” ผมร้องว่า มือพยายามดิ้นใหเหลุดรอด

“หึ กลัวรึไงถึงได้พูดเพราะขึ้นมาเชียว”

“ไม่ได้กลัว แต่คนอย่างพี่จะมาข่มขืนคนอย่างผมทำไม ใครๆ ก็ยอมพี่ง่ายๆ ทั้งนั้น” ผมว่า

“ก็มึงอยากมาลูบคมกูเองนี่”

“ก็มึงมากวนตีนกูก่อนนี่!” ผมย้อนทันทีด้วยความโมโห ก่อนจะเบิกตาเมื่อนึกได้ว่าในสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำ คือกูต้องพูดเพราะๆ กับมึงใช่ไหมตอนนี้

“หมายถึงเพื่อนพี่อ่ะ มันกวนตีนผมก่อน”

“พี่จะบอกอะไรให้นะ” มันว่าพลางจ้องตา ก่อนจะกล่าวออกมาเสียงเรียบแบบวอนส้นเท้าสุดๆ ว่า “คนแบบมึงกูเจอมาเยอะแล้ว ที่มึงทำหวงตัวอยู่เนี่ยกูก็เคยเจอมาแล้ว ตั้งใจทำเป็นไม่เคยแต่ท่าทางโคตรอ่อยแบบนี้ ห้องที่ว่าเก็บเสียงดีๆ เสียงครางยังดังไปถึงห้องข้างๆ เลยแหละ”

“กูไม่ได้อยากนอนกับมึง!” มึงเข้าใจที่กูจะสื่อไหม นี่มึงเอาสมองส่วนไหนมาคิดวะเนี่ย!

“แล้วจริงๆ มึงต้องการอะไร”

“กูอยากกลับไปกินข้าว ไปเรียนวิชาต่อไป” ไอ้เชี่ย กูหิว กูเหนื่อยที่ต้องรบกับมึงเนี่ย

“มึงอย่ากวนตีนกูได้ไหมวะ เมื่อไหร่จะเลิกปากดี รึมึงต้องเป็นเมียกูก่อนหา?”

“ก็กูบอกว่าไม่ได้อยากเป็นเลย กูไม่ได้อยากเป็นเอดส์”

“คำก็เอดส์สองคำก็เอดส์”

ผมเบิกตา เมื่อมันโน้มหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับแนบปากประกบกับผมเป็นการสั่งสอน ใช่! โคตรสั่งสอนเลยเพราะผมไม่เคยโดนจูบมาก่อน สิ่งแรกที่ต้องทำคือเม้มปากให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ร่างของมันโน้มลงมาทับผมจนหนักมือก็ดึงข้อมือทั้งคู่มารวบ รู้สึกร้อนวูบเมื่อเอวถูกล้วงเข้าไปด้านในดึงชายเสื้อที่ไม่ได้อยู่ในกางเกงขึ้น

“ไอ้…”

ผมอ้าปากร้องปรามไม่ให้มันล้วงมือเข้ามา ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยถูกมือใครแตะต้องส่วนนี้มาก่อน พร้อมกันนั้นก็เปิดโอกาสให้มันแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปาก มือของมันล่วงล้ำเข้ามากลางลำตัวจนผมสะดุ้งด้วยความประหลาดในสัมผัสแรก

ผมหลับตาปี๋กับความรู้สึกที่กำลังถูกกระทำ พยายามเบี่ยงใบหน้าไปมาเมื่อลิ้นของไอ้ปอมันไล่ตามลิ้นของผมที่ส่ายหนี เม้มดูดริมฝีปากล่างผมรุนแรง บางครั้งฟันก็กระทบกัน ผมเลิกส่ายหน้าหลบทันทีเพราะกลัวเลือดออก รู้สึกถึงอารมณ์แปลกๆ แล่นเข้าสู่ร่างจากการปลุกอารมณ์ของมัน พร้อมกันนั้นมือที่ล้วงในกางเกงยกมากุมมืออีกข้างกลับไปที่เดิม นิ้วมือทั้งสองข้างมันประสานกับนิ้วของผม บีบและกดลงเตียงแน่น

ผมทำอะไรอยูวะเนี่ย

ได้แต่พริ้มตา หอบหายใจไปกับจูบของมันที่ตักตวงเอาจากปากโดยที่เลี่ยงไม่ได้ มือที่กำข้อมือผละมาช้อนเอวของผม ลูบไล่บนหน้าขา เสียงปากเราดูดเม้มกันดังขึ้นเรื่อยๆ เป็นระยะ ผมสูดลมเข้าปอดเมื่อร่างต่อหน้าผละออก พร้อมกับรู้สึกถึงน้ำตาที่อาบลงใบหู

ผมเห็นใบหน้าของมัน มันหล่อ ดวงตาโตๆ ของมันจ้องปากของผมซึ่งคงจะบวมเพราะจูบอย่างไม่ละ และสุดท้ายก็โน้มลงมาเล่นลิ้นอวดลวดลายกับปากผมอีกครั้ง คราวนี้มันไม่รุนแรงเมื่อรู้ว่าผมยอมแพ้มันแล้ว กูสู้แรงมึงไม่ได้แล้ว

“อื้อ…”

ผมเกลียดอารมณ์ตัวเองตอนนี้ เมื่อมันผละใบหน้ามายิ้มราวกับว่าต้องการเยาะเย้ยถากถาง ผมหันไปทางอื่นระงับความอายที่แล่นเข้าสู่ใบหน้าจากการถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง ดันไปตอบสนองมันเอาเสียได้!

“ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ร้องไห้แล้ว”

ผมยกมือมาปิดตาตัวเองไม่ให้มันเห็นน้ำตา ผมไม่ได้โกรธมัน ผมเกลียดอารมณ์ตัวเอง ร่างกายสะดุ้งเมื่อความร้อนมาของลิ้นมัน
แตะที่ลำคอ สัญชาติญาณบอกว่าต้องย่นคอให้ปลอดภัย

ไม่ได้ ทำมากกว่านี้ไม่ได้!

“อย่า…” ผมร้อง

“อย่าอะไร เก่งนักไม่ใช่รึไงน้องภีม เก่งให้มันตลอดรอดฝั่งสิ” มันว่าพลางยกยิ้มเยาะ ผมมุ่นคิ้วตัวเองเมื่อได้ยินดังนั้น

“ผมจะยอมคบกับพี่แทนไอ้บอยก็ได้ เอ่อ…จะยอมนอนกับพี่ แต่ไม่ใช่วันนี้” ผมกลืนน้ำลายว่า

“หึ ใครเชื่อก็บ้าละ”

“กูพูดจริงๆ” ผมตะโกน มือก็ทุบมันระบายอารมณ์ตัวเอง “มึงดูหน้ากูสิกูได้ยิ้มอยู่ไหมเล่า!”

“งั้นพรุ่งนี้” มันว่า

“ไม่ ภายในหนึ่งเดือนนี้”

“ไม่มีทาง หลังจากกูนอนกับมึงกูถึงจะยอมคบกับมึง ไม่ใช่มึงยอมคบกับกู แล้วก็ช่วยดูหน้ากูด้วยว่ากูก็ไม่ได้ยิ้ม”

โอ…

ผมผ่อนอารมณ์ตัวเองไม่ให้โมโหในสิ่งที่ไอ้พี่ปอมันว่า ก่อนจะหันไปว่ากับมันด้วยเสียงเหนื่อยอ่อนจากการรบกับมัน

“มึงเคยข่มขืนใครไหมปอ มึงบังคับให้กูนอนกับมึงแล้วมึงจะมีความสุขไหม ทุกครั้งคนอื่นเขาเต็มใจนอนกับมึงไม่ใช่รึไง?”

ใช่ มันนิ่ง แสดงว่ายอมรับ ผมปรับสีหน้าจากเหนื่อยมาแสดงความจริงจัง

“งั้นมึงก็รอให้กูยอมมึงดีๆ เพราะตอนนี้มึงกำลังจะข่มขืนกู” แต่กูไม่ยอมมึงง่ายๆ หรอกนะ

“ความจริงกูไม่ได้อยากจะคบกับมึงหรอกนะ เพราะนิสัยมึงโคตรไม่ใช่ กูแค่อยากจะสั่งสอนมึงพอทำแล้วก็ไม่ต้องมายุ่งอะไรกันอีก แต่ในเมื่อมึงขอ กูก็จะยอม”

ผมเม้มปากเมื่อเห็นมันว่า ผมขออย่างนั้นเหรอ!

ผมไม่เถียง เดี๋ยวเรื่องยาว

“ก็ได้ ถือว่ากูขอก็ได้ งั้นปล่อยกูสิ”

ผมชะงักเมื่อเห็นมันจ้องตาด้วยสายตาพิฆาต ก่อนจะอ้อมแอ้มว่าต่อ “งั้นพี่ก็ปล่อยผมสิ”

รุ่นพี่อย่างมึงไม่อยากนับถือหรอก

ร่างของผมลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเม้มปากตัวเองแน่น รู้สึกถึงเลือดลมที่วิ่งพล่านบนปากเพราะการถูกไอ้ปอกระหน่ำจูบ ดวงตาผมละ

ไปมองทางอื่นเมื่อหันไปทีไรก็เห็นแต่แววตาเย้ยหยันของมันที่ส่งมา

ใช่! ผมแพ้แล้ว แต่สักวันผมจะเอาชนะมันให้ดู เชื่อผมเถอะน่ะ!





ทำแบบนี้ถูกต้องตามกฏหรือยังคะ เล่นเวบนี้ไม่ค่อยเป็นแต่อยากเอานิยายมาแบ่งให้ได้อ่านกันค่ะ
ปกติลงอยู่อีกสองเวบ ลงไปหลายตอนแล้ว ถ้าอยากอ่านล่วงหน้าพิมพ์ชื่อเรื่องใน Google ก็เจอเลยค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2014 18:11:41 โดย noonaaRP »

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
 
1 MONTH--2



ตอนที่ 2

 

ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลย

 

หลังจากวันนั้น รูปผมกับไอ้ปอก็ถูกเอามาติดบอร์ดเป็นการป่าวประกาศว่าผมกำลังจะเสียซิงให้มันถึงคนในโรงเรียนรับรู้ ผมกลายเป็นเหยื่อคนล่าสุดของมันอย่างไม่น่าเชื่อ และไอ้บอยก็กลายเป็นคนที่ถูกบอกเลิกเร็วที่สุดในประวัติกาลไป ผมว่ามันคงจะเจ็บใจไม่น้อย

 

สมน้ำหน้าอยากว่ากูดีนัก

 

จากนั้น สายตาเพื่อนๆ ในห้องที่มองมายังผมก็เปลี่ยนไป มีคนเข้ามาคุย ทักทายมากขึ้น ทำเหมือนผมโดดเด่นและน่าค้นหาในสายตาพวกนั้น

 

ผมไม่ยอมไปไหนมาไหนตามใจไอ้ปอเลยสักครั้งตั้งแต่ยื่นข้อเสนอให้มันไป ผมว่ามันคงไม่ยอมแน่ๆ หากครบเดือนแล้วผมยังไม่ยอมนอนกับมันตามสัญญา ยังไงมันต้องตามผมไม่ยอมหยุดแน่

 

หลายคนมองว่าการคบกันครั้งนี้ดูแปลก ก็คงใช่เพราะผมไม่ยอมสวีทหวานกับมันเหมือนคู่อื่นๆ ถ้ายอมนอนกับไอ้ปอตั้งแต่วันแรกมีหวังโดนเขี่ยทิ้งแบบไอ้บอยน่ะสิ ใครจะไปยอมโดนฟันง่ายๆ แล้วถูกเขี่ยทิ้งง่ายๆ กันเล่า ยิ่งเป็นไอ้ปอยิ่งแล้วไปใหญ่

 

มันต้องเจอผม

 

นอกจากนั้นแล้ว มันก็ไปมีข่าวคราวกับรุ่นพี่ซึ่งเรียนรุ่นเดียวกันกับมัน ทำให้มีคนล่าสุดถัดจากผมซึ่งยังไม่มีข่าวว่าเลิกกับมัน มันคือความโชคดีในโชคร้ายของผม พอมันอยากก็ไล่ให้มันไปนอนกับแฟนใหม่มัน ความคิดผมโคตรดี

 

ร่างของผมเดินมาเข้าห้องน้ำด้วยคิดว่ามาคนเดียวคงไม่มีอะไร ทว่าเสร็จธุระแล้วเดินออกมา ดวงตาต้องเงยมองขึ้นไปเมื่อเห็นว่ามีใครมายืนดักหน้า เมื่อเห็นชัดแล้วก็จำได้ คนที่ขึ้นรูปถัดไปจากผมนั่นเอง ถะแด๊น! น่าตกใจไหมล่ะ แล้วมันก็มาพร้อมกับเพื่อนอีกห้าถึงหกคนรุมล้อมผม

 

“มองแบบนี้หาเรื่องกูเหรอ?” มันว่าพร้อมกับผลักไหล่ มันต่างหากที่จงใจจะหาเรื่องผมตั้งแต่แรก ผมส่ายหน้าปฏิเสธ

 

“เปล่านี่”

 

“แต่กูเห็นเมื่อกี้ มึงหัวเราะเยาะเพื่อนกู” ตอนไหนวะ

 

“อะไร ตอนไหน?”

 

“มึงอย่ามาย้อน กวนตีนนี่หว่า”

 

“ไม่ได้กวน” ผมทำท่าจะเดินหนีทว่าร่างถูกดึงกลับ

 

“แบบนี้ไง!”

 

ร่างของผมล้มลงกับพื้นพร้อมกันนั้นก็ไม่รู้ว่ามือใครเท้าใคร มือตัวเองพยายามป้องกันหัวและใบหน้าที่สุด นานเท่าไรไม่รู้ที่ร่างกายถูกรุมทำร้ายจนแทบไม่รู้สึกอะไร มีหลายครั้งที่ถูกเตะเข้ามาที่ช่องท้องให้จุก กระทั่งได้ยินเสียงคนร้องห้ามมาแต่ไกล ใจที่หายก็ชื้นขึ้น

 

“ภีม เป็นไรไหม!”

 

ผมไอออกมาพร้อมกับสูดหายใจทั้งที่ยังนอนกองกับพื้น มองเพื่อนที่มาเรียกให้มีสติ ผมตอบรับทุกอย่างแต่สนองกลับไปไม่ได้ รู้สึกชาไปทั้งตัว พร้อมกันนั้น ผมเห็นไอ้ปอที่วิ่งมาจับตัวผม เรียกผม และอุ้มร่างของผมวิ่งไปที่ไหนสักแห่ง

 

เสียงของมันก้องในหัว ปอมันเรียกชื่อผมด้วยเสียงที่ตกใจมาก

 

เมื่อผมตื่นขึ้นมา ผมเห็นมันเป็นคนแรกที่ยังนั่งเฝ้า มันยิ้มให้ผมพร้อมกับผมที่ยิ้มตอบ รู้สึกเจ็บที่มุมปากจนต้องละรอยยิ้มลง เพราะมึงนั่นแหละไอ้ปอ

 

“ไปทำอีท่าไหนให้เขารุมกระทืบ?”

 

ผมส่ายหน้า “สงสัยหน้าตาจะกวนตีน แฟนใหม่มึงเลยรุมยำกู”

 

“อะไรของมึง?” มันว่าพลางส่ายหน้าไม่เชื่อ

 

“ตามใจ” ผมว่า ก่อนจะพริ้มตากลับ

 

“จริงเหรอ ไอ้น้ำมันเป็นคนกระทืบมึงเหรอภีม?”

 

“เดี๋ยวมันก็หาว่ากูฟ้องมึงอีก ทีนี้ขึ้นเมรุเผาเลย” ผมว่า

 

“มันมาหาเรื่องมึงกี่ครั้งแล้ว?”

 

“จะรู้ไปทำไม?” ผมว่าปัด ก็ต้องหลายรอบอยู่แล้วถ้ากูยังไม่เลิกกับมึงสักที

 

“ทำไมไม่ยอมบอกกู มึงเห็นกูเป็นใครวะภีมถึงทำเป็นเก็บเงียบแบบนี้ แล้วทีนี้ใครเขาก็จะมองว่ากูคบซ้อนจนดูแลมึงไม่ได้น่ะสิ”

 

ผมเม้มปากที่ห่อเลือดไว้แน่นพลางมองมันที่นั่งหน้าเสีย “มึงห่วงภาพพจน์มึงมากนักใช่ไหม?”

 

“กูก็ห่วงมึงนะ ไม่ชอบเลยที่มันมาทำกับมึงแบบนี้ หยามกูมากเกินไปแล้ว” ผมมองมันที่กำหมัดตัวเองแน่น

 

“มึงขาดมันไม่ได้หรอก เชื่อกูดิ” ผมว่าดักคอมัน

 

“ทำไมก็จะขาดมันไม่ได้”

 

“ถ้าเลิกยุ่งกับมันแล้วมึงจะนอนกับใคร” ผมว่า

 

“ก็นอนกับมึงไง นี่มันก็หลายวันแล้วนะ” มันว่า ผมถอนใจ

 

“ไปกันเย็นนี้เลยดีไหมล่ะ?”

 

“กูไม่ตลก กูยอมคบกับมึงแล้ว กูจะไม่ยอมเสียเวลาฟรีๆ”

 

“แต่มึงคบกับกูแล้วไปนอนกับคนอื่น มึงไม่ได้เสียเวลาไปฟรีๆ มึงจะปฏิเสธไหมว่าที่มันทำกับกูแบบนี้ต้นเหตุไม่ได้มาจากมึง?” ผมย้อน และนั่นทำให้มันเถียงไม่ออก

 

ปอมันถอนใจกับตัวเอง

 

“โธ่เว้ย!”

 

ได้แต่สบถแล้วลุกเดินออกจากห้องพยาบาลไปเสียเฉยๆ เสียงออดบอกเวลาเรียนบ่ายดังมาพอดี ผมผ่อนอารมณ์และพริ้มตาหลับให้ใจตัวเองเย็นลงเมื่อรับรู้เหตุผลว่าที่มันยอมคบๆ มา เหตุผลหลักๆ คือเพราะต้องการนอนกับผมเท่านั้น

 

ใครจะไปยอมมันง่ายๆ

 

ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นไอ้ปอนั่งอยู่ข้างเตียง มันมองผมแล้วทำท่าหันไปมองทางอื่นเมื่อเห็นผมตื่นเต็มตาราวกับกำลังยังโกรธ ดวงตาผมมองออกไปยังนาฬิกาที่แขวนบนผนังห้องบอกเวลาห้าโมง ทำไมเวลามันเดินเร็วนักวะ คิดแล้วนั้นก็พยายามตะเกียกตะกายพาตัวเองลุกนั่ง

 

“จะรีบทำไม?” มันร้องว่า

 

“จะไปเอากระเป๋า”

 

“เพื่อนมึงฝากมาให้แล้ว นี่ไง” ไอ้ปอมันว่า ผมก้มมองมือมันที่ถือกระเป๋าในมือนั้นก่อนจะพยายามเอื้อมไปหยิบ ทว่ามือของมันยื้อเอาไว้

 

“เอามา” เอ๊ะไอ้นี่!

 

“ไม่ต้อง กูถือให้”

 

“กูถือไหว” ผมว่า

 

“ยกมือตัวเองให้ไหวก่อนเถอะน่า อย่ามาทำอวดเก่งกูไม่ชอบ”

 

มันลุกขึ้นยืน มือก็เอื้อมมาดึงข้อมือของผมให้ลุกขึ้นยืนด้วย ผมค่อยๆ พาร่างตัวเองลุกจากเตียง พยายามทำให้ดูว่าไม่เจ็บตรงไหนเลยแต่ข้างในโคตรสาหัส แล้วกว่าจะเดินไปขึ้นรถเมล์ที่ป้ายได้ ว่าจะถึงบ้าน จะทนไหวไหมวะเนี่ย

 

ทว่าผิดคาด ปอมันไม่ได้จะบอกอะไรสักคำ มันจับผมยัดขึ้นรถมันแล้วก็พาออกมาเฉยๆ วันนี้มันมาส่งผมที่บ้าน ครั้นพอรถจอดหน้าบ้านที่ยังมืดสลัวนั้นมันก็หันมามองหน้าผม

 

พ่อกับแม่ออกไปอีกแล้วแฮะ มันเองก็มองเข้าไปด้านในแล้วเห็นไฟที่มืดมิดไม่ได้เปิดรอผม ก็หันมาถามโดยอัตโนมัติว่า “ไม่มีคนอยู่บ้านเหรอ?”

 

“เออ” ผมครางตอบพลางจัดเสื้อเละๆ ของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะลงจากรถผมมักจะทำทุกครั้ง

 

“มึงอยู่บ้านคนเดียวแล้วใครทำกับข้าวให้กิน?” ผมหันไปมองมันด้วยความอยากรู้ว่าจะถามไปทำไม และมันก็แสดงแค่ใบหน้าอยากรู้ออกมา

 

“ก็ไม่กิน”

 

“กูว่าละ”

 

ว่าอะไรวะ ผมหันไปมองมันที่ว่าอีกว่า “ไปนอนบ้านกูเถอะ”

 

ผมเบิกตา และยังไม่ทันได้ตอบมันก็เหยียบคันเร่งพาผมออกมาเสียแล้ว ผมส่ายหน้าพลางร้องปราม “ไม่ กูจะนอนที่บ้าน กลับไปที่บ้านเดี๋ยวนี้เลย!”

 

“ทำไมกูต้องเชื่อฟังมึง?”

 

“ผมอยากพักผ่อน ไม่อยากเถียงกับพี่ ดูสิสภาพแบบนี้ยังจะมาหาเรื่องอยู่ได้” ผมตัดไฟ พยายามข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้แสดงถึงความเคืองขุ่นให้มันหมั่นไส้ และการพูดเพราะๆ กับมันเป็นวิธิเอาน้ำเย็นลูบที่ดีที่สุด แต่ไหงมันไม่ยอมลดความเร็วของรถเสียทีว้า!

 

ทนไม่ไหวแล้ว “บอกให้หยุดไงไอ้…”

 

มันหันมันยิ้มเยาะ ผมเม้มปากตัวเองแน่นเก็บอารมณ์ตัวเองกล่าวออกไป “พี่ปอ ผมเหนื่อยมามากพอแล้ว ไม่อยากจะรบกับพี่นะ”

 

“ใครบอกว่าพี่จะสู้รบกับภีมล่ะ”

 

“ก็หยุดรถสิ ผมจะกลับบ้าน!”

 

“บอกแล้วไงว่จะพาไปนอนที่บ้าน”

 

“ไม่! ขืนไป…”

 

“ขืนไปจะทำไม กลัวหรือไงไอ้คนเก่ง” ผมมุ่นคิ้วตัวเองมองทางต่อหน้าไม่เถียงกับมันต่อ เห็นรอยยิ้มของมันแล้วหงุดหงิด เถียงไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ เก็บแรงไว้ต่อสู้กับมันตอนมันจะขย้ำผมยังจะดีกว่า

 

“หิวไหม”

 

“ไม่”

 

“แต่พี่หิว”

 

ผมหันไปมองหน้ามันด้วยความขัดใจตัวเองที่สุดในโลก หงุดหงิดที่สุดในโลก เกลียดเวลามันพูดเพราะๆ ดวงตามันกวนตีนที่สุดเลย

 

“มานอนกับกูนี่แหละดีแล้ว กูไม่อยากทิ้งให้มึงนอนอยู่ในบ้านคนเดียว”

 

ผมหันไปมองหน้ามันตอนกล่าว มันยิ้ม ซึ่งทำให้ใจของผมที่กำลังขุ่นนั้นเปิดขึ้นมาอีกนิดหน่อยเมื่อรับรู้ว่ามันแสดงถึงความเป็นห่วงออกมานอกจากจะจ้องแต่เขมือบผมอย่างเดียว

 

ผมไม่ได้ว่าอะไรต่อ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งนั้น

 

มันพาผมเข้าร้านอาหารหรู พาเข้าไปโดยที่ไม่อายอะไรเพราะมันไม่ได้สวมชุดมอมแมมเปื้อนคราบเลือดคราบดินอย่างผมนี่ มันเดินเหมือนเจ้านายมาพร้อมกับขอทาน ผมอายที่คนมองมายังเราทั้งคู่เพราะไอ้ปอมันหล่อเกินไปที่จะมาพร้อมกับผม

 

มันลากเก้าอี้ให้ผมนั่ง ให้ผมสั่งอาหารตามใจตัวเองทว่าผมส่ายหน้า ผมเห็นแววตามันที่มองออกว่าตอนนี้ผมอึดอัดใจที่ต้องมานั่งกินข้าวกับมัน สีหน้ามันไม่สบอารมณ์ มันทำให้ผมกินไม่ลงไปด้วย

 

“ทำไมไม่กิน ของแพงๆ ทั้งนั้น” มันว่า

 

ผมก้มมองเมนูอาหารที่มันสั่งมาให้ ความจริงน่าเสียดายแต่มันก็ทำตัวไม่ถูก อีกทั้งผมไม่ค่อยได้กินข้าวเย็นก็เลยไม่ค่อยหิว กระเพาะเท่าแมวแต่มันดันสั่งมาเสียเต็มโต๊ะ

 

“อิ่มแล้ว”

 

“อิ่มได้ยังไง กูสั่งมาให้มึงกินภีม ไม่ใช่ดม”

 

ผมถอนใจ “ก็บอกแล้วว่าไม่หิว”

 

“กินอีก มึงผอมเกินไปแล้ว”

 

ผมเม้มปาก ทำไมช่วงเวลานี้ผมต้องเกรงใจมัน ทำไมผมต้องกลัวมันด้วย ทำอย่างกับแฟนที่กำลังเชื่อฟังคำสั่งของมัน มือของผมตักอาหารเข้ามาเต็มปากพร้อมกับมันที่ยิ้มออก มันนั่งมองผมกินอยู่ตลอดราวกับว่ามันน่ามองอย่างงั้น

 

ช่างแม่ง ให้กินก็กิน ของฟรีนี่หว่า

 

ผมวางช้อนก่อนจะนิ่งมองมันที่ยังส่งสายตาพิฆาตมาให้ สีหน้าบอกมันว่าตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ผมดื่มน้ำอีกหมดแก้วแล้วก็เรอใส่หน้ามันบอกว่ากระเพาะเต็มแล้ว ยัดใส่อีกมีหวังกระเพาะแตกแน่ๆ คนรอบข้างหันมามองก่อนจะหัวเราะกันคิกคัก จนผมทำหน้าไม่ถูกเพราะลืมตัวหวังแค่จะแกล้งมันอย่างเดียว

 

“เขาคงคิดว่ามึงไปพาขอทานตายอดตายอยากมาสงเคราะห์” ผมว่าเสียงเบา ไอ้ปอมันละรอยยิ้มลงเมื่อได้ยินอย่างนั้น แทนที่จะขำ มันเรียกคนมาคิดเงิน และทั้งหมดก็แพงอย่างที่คิด จากนั้นก็พาผมเดินออกจากร้านด้วยการเดินกอดไหล่ผมออกไปต่างจากขามาลิบลับ อะไรของมัน

 

มาถึงรถ มันผลักผมเข้าไปนั่งบนเบาะทว่าไม่สตาร์ทรถราวกับกำลังโกรธ นี่ผมทำผิดอะไรอีกวะ ผมนิ่งมองมันที่นั่งนิ่งมองพวงมาลัยอย่างกับลืมไปว่ามันขับยังไง

 

“ปอ มึงไหวปะวะ?” ผมว่าผ่านความเงียบและมันก็หันมามองผม

 

อยู่เฉยๆ มันก็ขยับใบหน้าเข้ามาจูบผม มันบังคับจูบผมราวกับคนบ้า ผมผลักมันออกสุดแรงด้วยความไม่รู้ว่ามันทำอะไร หมายความว่ายังไง สุดท้ายก็ต้องยอม ยอมทำตามในสิ่งที่มันต้องการ มันจูบผมรุนแรงแรงจนผมเจ็บแผล นับเป็นจูบแรกหลังจากตกลงเป็นแฟนกัน

 

ใบหน้าที่เรียวยาวของมันผละออกพร้อมกับยังจ้องมามองที่ริมฝีปากผมเหมือนครั้งแรกที่จูบกัน ก่อนจะละมามองตาของผมนิ่ง และก็ขยับเข้ามาจูบอีกครั้งเหมือนถูกดูดเข้ามา แต่เชื่อเถอะไม่ใช่ผมแน่ที่ดูดมันเข้ามา มันไม่ยอมผละออกจนผมต้องร้องครางในลำคอปราม พยายามสูดลมเข้าจมูกเมื่อไม่เห็นท่าว่ามันจะยอมละไปง่ายๆ

 

“อะ…” ผมเจ็บแผละที่ปาก รู้สึกถึงรสชาติเลือด ปอมันรีบละปากออกมามองปากของผมที่มีเลือดซึมออกมาด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย นิ้วหัวแม่มือของมันเช็ดเลือดให้ผม แววตาของมันนิ่งมองแผลบนปากก่อนจะเคลื่อนขึ้นมามองดวงตา

 

“พี่ขอโทษ”

 

ผมเม้มปากพลางเช็ดมันไปด้วย “มึงทำแบบนี้ทำไม?”

 

มันนิ่งมองผมก่อนจะละใบหน้าไปมองทางอื่น โคตรเข้าใจยากเลยไอ้นี่

 

 “ห้ามพูดแบบนั้นกับกูอีก กูไม่ชอบให้มึงแบ่งแยกชนชั้นกับกู”

 

“มันเรื่องจริง”

 

“มึงกับกูก็คนเหมือนกัน มึงเป็นแฟนกูอยู่นะภีม กูไม่ยอมให้ใครมองมึงแบบนั้นแน่ รับรองว่าในระหว่างทีมึงคบกับกูมึงจะไม่ถูกใครดูถูก มึงจะได้รับในสิ่งที่ไม่เคยได้รับ ไม่งั้นไม่มีใครอยากจะมาคบกับกูหรอกถ้าเขาไม่หวังในสิ่งที่กูจะทำให้”

 

ผมนิ่ง ก่อนจะหันมองมันอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “แต่กูไม่อยากได้ ปอ…ก็แค่เซ็กส์ที่มึงหวังจะได้กับเขา มึงจำเป็นต้องให้ทุกอย่างเพื่อแลกงั้นเหรอ?”

 

“ถ้าเป็นมึง จะยอมนอนกับกูฟรีๆ เหรอภีม ถ้ากูไม่หล่อ ไม่รวย ไม่มีอะไรให้มึงตอบแทนเลย”

 

“ถ้ามึงรักกู กูยอม…”

 

นี่ผมพูดอะไรออกไปวะ

 

ดวงตาของมันนิ่งมองผมที่ตอบออกไปแบบนั้น และนั่นเป็นการเถียงคำสุดท้าย ปอมันไม่ได้ว่าอะไรต่อ แค่ขับรถพาออกไปเลย และไม่พาผมกลับบ้าน พาไปโรงแรมที่มันเคยพาผมเข้าวันนั้น

 

 

 

ผมมองโทรศัพท์ของมันที่กำลังกรีดร้องตรงหัวเตียง เห็นขึ้นเบอร์เมมว่าพ่อ มันขมวดคิ้วตัวเองก่อนจะกดรับทำหน้าเหมือนไม่ชอบใจอย่างนั้น

 

“ฮัลโหล โทรมาทำไม?” ผมเงยมองหน้ามันที่นอนบนเตียงแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจนแล้ว

 

“กินแล้ว มีไรรึเปล่า?”

 

ทำไมมันพูดแบบนั้นกับพ่อตัวเองวะ

 

“อยู่กับเมีย อะไร! ก็ห้องเดิมนั่นแหละแต่ไม่ต้องเข้ามา ไม่ได้อยากเจอสักหน่อย” มันว่าพลางละสายตามามองผมที่นิ่งมองมัน “มีอะไรอีกไหม ผมจะวางแล้วนะ”

 

ผมลุกจากเตียงไปจัดที่นอนตัวเอง ทำท่าไม่สนใจ “จะถามทำไม ก็ไม่ได้ทำอะไรเลวๆ ซักหน่อยนี่ หรือจะให้ผมหนีไปจากที่นี่อีกพ่อถึงจะพอใจ ให้ผมไปอยู่กับแม่ไหม?”

 

ใจผมหาย พ่อกับแม่มันไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วอย่างนั้นเหรอ

 

 “ผมเลิกแตะมันแล้ว ก็พ่อบังคับให้ผมเลิกนี่ พอกันทีเลิกโทรมาเซ้าซี้ได้แล้ว ต่างคนต่างอยู่ไปสิ ทำแค่บงการชีวิตผมก็พอแล้ว สนุกมากไม่ใช่เหรอ”

 

ผมห็นสีหน้าของมันหมดอารมณ์ทุกอย่าง กดวางสายและปิดเครื่องก่อนจะพลิกตัวหันไปทางอื่นไม่คุยกับผม มันเองก็คงจะลำบากสินะถึงต้องหนีมาอยู่ที่นี่ เหมือนมันกับพ่อมีปัญหาหนักกันอย่างนั้นแหละ

 

นี่หรือเปล่านะที่ทำให้มันเป็นคนแบบนี้ ผมมองมือมันที่ควานไปหยิบโมเดลรถแข่งคันเล็กสีขาวดำมาถือในมือและจ้องมันไม่ละ ของดูต่างหน้าจากแม่มันงั้นเหรอ

 

อ้าว แล้วมึงโยนทิ้งทำเชี่ยไรวะปอ

 

ผมรีบลุกไปหยิบโมเดลมอเตอร์ไซต์นั้นไปวางบนหัวเตียงมันเหมือนเดิม เผื่อว่าวันหนึ่งมันนึกถึงและยากจะหยิบขึ้นมาดูอีกครั้งจะได้หาเจอ นี่ผมไม่ได้จะสงสารหรือสมเพชอะไรมันหรอกนะ แต่ของชิ้นนี้มันสำคัญมากก็เลยจะช่วยมันเก็บไว้น่ะ

 

ไม่ได้จะเป็นห่วงอะไรมันหรอก

 

และสรุปว่า วันนี้มันไม่ยอมส่งผมกลับบ้าน ท้ายที่สุดผมก็ยอมตามใจมัน ไม่บังคับให้มันไปส่งที่บ้าน พยายามใจเย็นไม่กวนตีนมัน เวลาโดนสั่งอะไรก็ตามใจจะได้ไม่โดนจับกด แต่ความจริงแล้วผมคิดว่ามันคงไม่ทำอะไรผมหรอก มันคงรอให้ผมยอมมันดีๆ มากกว่า

 

แต่วันนั้นมันคงจะไม่มี

 

ใครจะยอมเสียตูดซิงๆ ให้คนเจ้าชู้อย่างมันใช้อย่างไร้ค่าเล่า ฝันไปเถอะ!

 

 

 

ขอฝากนิยายไว้ในใจด้วยนะคะ ชอบไม่ชอบเอ่ย

ลองอัพเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ก็ยังงต่อไปว่ามันอัพยังไง
 :katai1:



 

 

 

 

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2014 18:09:19 โดย noonaaRP »

ออฟไลน์ crystal_on

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-0
    • ไอ้หน้าหวานกับประธานสุดโหด
 :z13: :z13: :z13:  จิ้มๆ

ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
สนุกดีแฮะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
 

ตอนที่ 3

 

สุดท้ายมันก็เอาแต่ตามติดผม หวังจะงาบผม

 

เสียงเพลงบนรถที่มันเปิดดังคลอในระดับฟังสบายทำให้ผมกลับหงุดหงิด ดวงตาที่ไม่จัดว่าโตมากของผมมองออกไปนอกรถดูวิวข้างถนนก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์หวีดร้อง มองกลับมาเห็นเป็นของคนขับทีวางทิ้งไว้บนคอนโซลรถ มันหันมามองผมก่อนจะพยักเพยิดให้เอื้อมไปหยิบ มือของผมก็ทำงานพร้อมกับยื่นไปให้มันไปด้วย

 

“ก็กดรับสิไม่เห็นรึไงว่ากูขับรถอยู่” มันว่า ผมขมวดคิ้วเป็นคำตอบ

 

“เรื่องมาก” ว่าทั้งกดรับแล้วเปิดลำโพงยื่นไปทางมัน

 

มันมองหน้าผมที่ขมวดคิ้วมองไปทางอื่นด้วยก่อนจะทำเป็นไม่สนใจพูดกับคนในสายแทนว่า

 

 “เออ ว่าไง”

 

“เชี่ยปอ พรุ่งนี้วันหยุดพวกมึงจะไปเที่ยวกับพวกกูไหมเนี่ย เอาให้มันแน่นอน”

 

พวกมึง อย่าบอกนะว่าเหมารวมกูด้วย ผมเงยหน้ามองไอ้คนขับรถก่อนจะส่ายหน้าเมื่อเห็นว่ามันละจากถนนมามองผมอยู่เหมือนกัน

 

“ไปๆ ไอ้ภีมโคตรอยากไปเลย”

 

“เชี่ยปอ!” ผมร้องว่า

 

“แม่งเร่งกูให้รีบไปเก็บเสื้อผ้าใหญ่เลยเนี่ย” มันว่าพลางยกยิ้มเหนือกว่าให้ เสียงหัวเราะของเพื่อนมันตอบกลับมาพร้อมกับว่า

 

“มึงบอกเมียมึงใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวได้สนุกแน่ กูจะจัดแจงห้องให้พวกมึงเป็นพิเศษเลยไม่ต้องห่วง”

 

“ไม่เอา!” ผมว่าอย่างสุดทนพลางแหงนมองหน้าไอ้ปอที่ทำเหมือนสนุกที่เห็นผมเป็นแบบนี้

 

“ทำไมครับน้องภีม รึเราชอบแบบผจญภัย?”

 

“กูไม่ไป” ผจญพง ผจญภัยบ้าบออะไรของมัน

 

“ไอ้ธาม มึงล้อมันจนมันโมโหแล้วนะ ถ้ามันเปลี่ยนใจไม่ไปกูก็อดสิ” อดเชี่ยอะไร ด้วยความงงและอยากรู้ ผมมองหน้ามันหาความจริงก่อนเบิกตาตัวเองจนโตนึกอะไรขึ้นได้ แม่งวางแผนจะเอาผมงั้นเหรอ

 

“โอเคๆ สรุปพวกมึงจะไป เมียมึงนี่อายแล้วน่ารักสัส ฮ่าๆๆ”

 

“ไม่ได้อายโว้ย”

 

“เงียบ!” สายตาคนขับหันมาว่า ผมขมวดคิ้วตัวเองพร้อมทั้งหันไปมองทางอื่นด้วยความขัดใจ ได้ยินแต่เสียงมันตอบเพื่อน “พวกมึงจะไปก็ไปกันก่อนได้เลย กูจะขับรถตามไปเอง”

 

“เออ เอาเป็นว่าเข้าใจแล้ว บอกเมียมึงเตรียมหลายๆ ชุดหน่อยละกัน เวลามึงหื่นแม่งรุนแรงเกินไป ฮ่าๆๆ”

 

“มึงหุบปากไปเลย” มันยิ้ม ยิ้มที่ถูกเพื่อนแซวแบบนั้น ผมกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นมองหนีออกไปทางอื่นทั้งยื่นมือที่ถือโทรศัพท์ให้มันเหมือนเดิม

 

“งั้นแค่นี้แหละ กูจะพามันไปเก็บเสื้อผ้า”

 

“เออ ได้ๆ เจอกันพรุ่งนี้เว้ย”

 

ผมกดวางสายแม่งไม่ให้ไอ้ปอได้ต่อความยาวสาวความยืดกับเพื่อนต่อ โยนโทรศัพท์ของมันกลับไปยังที่เดิมโดยที่ไม่กลัวว่ามันจะพัง ช่างแม่ง บ้านมันมีตังค์นี่ จะซื้อมาไว้กี่เครื่องก็ได้

 

“กูบอกว่าไม่ไป มึงจะไปก็ไปคนเดียวสิ” ผมเริ่ม

 

“มึงอย่ากวนโมโหกูนะภีม”

 

“มึงนั่นแหละ ไม่เคยฟังกูเลย”

 

“มึงขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนกู กูอยู่ไหนก็ต้องมีมึงอยู่ที่นั่น แค่กูไม่เดินควงมึงหรือตัวติดกันแจเหมือนคนก่อนๆ มันก็แปลกมากพอแล้ว มึงอย่ามาเรียกร้องเอาความพิเศษให้ตัวเองมีค่าเพราะแค่มึงไม่ได้เป็นเมียกูหน่อยเลย”

 

โธ่เว้ย!

 

ผมเถียงมันไม่ออกทุกครั้งเลยเวลามันเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างหรือเหตุผลเวลามีปัญหากัน มือของผมยกขึ้นกุมขมับตัวเองปล่อยให้มันพาผมกลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ตามใจมัน นี่เป็นครั้งแรกที่มันขึ้นมาห้องนอนของผมเพราะทุกครั้งมันจะไม่กล้าขึ้นมาและรออยู่แค่หน้าบ้าน ตามันมองหาอะไรแปลกๆ ในห้องก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนเตียง เอนตัวลงนอน

 

ใครใช้ให้มันทำแบบนั้นวะ “ลุกขึ้นมาเลย กูไม่ให้นอนบนเตียงของกู”

 

“กลิ่นนี่เหมือนตัวมึงเลย” มันว่าพลางพลิกตัวนอนคว่ำ ไอ้โรคจิต!

 

“แล้วกูไม่ให้วิพากวิจารณ์เตียงกูด้วย”

 

“แล้วมึงอยากให้กูทำมึงบนเตียงตัวเองไหม” ผมชะงัก

 

หันหลบไปกลืนน้ำลายดังเอื๊อกกับสายตาคมๆ ของมันที่ส่งมาให้ ทำไมชอบทำหน้าโหดใส่ผมนักก็ไม่รู้ แต่ละคำว่าที่มันสร้างสรรค์ออกมาด่าแม่งโคตรตั้งตัวไม่ติด ทุกครั้งที่พูดจาหรือทำอะไรลามปามมัน มันก็จะพูดด้วยเสียงเย็นยะเยือกเตือนสติเสมอว่ามันเหนือกว่า

 

แล้วผมก็ทำอะไรไม่ถูกแบบนี้ไง

 

ตัวสูงๆ ของมันลุกขึ้นยืนเต็มตัวพร้อมกับเอื้อมมือมาแย่งกระเป๋าผมไปถือ ผมเอื้อมมือจะชักกลับทว่ามันยกหนีไปทางอื่น มันส่งสายตาดุๆ มาให้และนิ่งมองใบหน้าผมจนเป็นตัวของคนถูกมองนี่แหละที่แข็งทื่อไปเอง

 

“อยู่กับกูห้ามดื้อ” มันว่าเสียงเบา

 

“อยู่กับกูห้ามดื้อ…” เลียนเสียงของมันแล้วทำท่าทำทางล้อเลียนให้หลังไปด้วย มันหันมามองด้วยสายตาพิฆาตก่อนจะเดินกลับมาดึงแขนพาผมออกไปจากห้อง

 

แม่งชอบดุ

 

ในระหว่างเราอยู่บนรถเงียบๆ เสียงโทรศัพท์ของมันดังขึ้น ผมเอื้อมมือไปหยิบและกดรับสายให้มันเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของพ่อมันที่ขึ้นโชว์หราบนหน้าจอทัชสกรีน รับรู้ว่ามันไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ทำแบบนี้เพราะมันไม่คุยและต่อว่าผมเป็นอันดับแรกก่อนสิ่งอื่นใด

 

“มึงจะรับทำเชี่ยไร”

 

ผมยักไหล่กวนตีนมันลอยหน้าลอยตาตอบไปด้วย “ก็มึงขับรถอยู่ เอ้า! คุยกับพ่อมึงสิ”

 

“กูไม่คุย กดวางไปซะ” มันว่าพลางหันหน้าไปสนใจถนนตรงหน้า ผมยกนิ้วกลางให้มันพลางเบ้ปาก พอจะกดวางสาย ทว่ามีเสียงจากปลายสายว่าสวนออกมา

 

“ปอ…” ผมชะงักหันไปมองมันที่หันมามองโทรศัพท์ เพิ่งจะเคยเห็นมันทำหน้าไม่มั่นใจในตัวเองแบบนี้ครั้งแรกเลย

 

“ก็บอกให้กดวาง!” มันว่าเสียงอารมณ์เสีย

 

“ปอ แกอยู่ไหน แกจะทำให้พ่อเป็นห่วงแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่” ผมมองโทรศัพท์เมื่อได้ยินน้ำเสียงของพ่อมันว่าขึ้นมาอีก ชักจะไม่สนุกแล้วสิกู

 

“กดวางเดี๋ยวนี้!” มันหันมาว่า

 

มันโมโหอะไรพ่อมันนักหนา

 

“ทำไม ทำไมไม่คุยกับพ่อหน่อยล่ะ” ผมว่าพลางยื่นโทรศัพท์ไปให้

 

“กูไม่คุย กูไม่มีอะไรจะคุย พ่อวางไปซะ” ปอมันว่ากับคนในสาย

 

“อย่าวางนะครับคุณพ่อ ปอมันทำหน้าจะร้องไห้แล้ว” ผมว่า คือผมเห็นจริงๆ ว่ามันมีสีหน้าจะร้องไห้

 

“หุบปากไปเลยภีม เดี๋ยวกูเตะมึงออกจากรถ”

 

“พ่อครับ ผมไม่รู้หรอกว่าพ่อไปทำอะไรให้มันโกรธ ผมว่าพ่อเลิกโทรมาเถอะครับ…” ผมว่า อีกฝ่ายเงียบไปพร้อมกับมันที่แย่งมือถือไปจากผม

 

มันโกรธผมแฮะที่บอกพ่อไปแบบนั้น

 

“โทรมาทำไมนักหนา” มันว่า

 

“ฉันอยากรู้ว่าแกออกไปไหนไม่ยอมกลับมาที่ห้อง น่าจะบอกพ่อบ้าง”

 

“ผมต้องรายงงานตัวตลอดงั้นสิ” ผมส่ายหน้าไม่ไหวกับตัวเองที่มันหาเรื่องพ่อที่เป็นห่วงมันขนาดนี้ ได้ยินอีกฝ่ายในสายถอนใจ ผมจึงแย่งโทรศัพท์ในมือมาถือและกรอกเสียงไปว่า

 

“เราถึงหน้าโรงแรมแล้วครับพ่อไม่ต้องห่วง อีกอย่างพ่อเลิกโทรมาได้แล้วนะครับ”

 

ไอ้ปอมันจะตะโกนด่าผมอีกรอบทว่าผมรีบกล่าวต่ออีกว่า “มาหามันเลยดีกว่า…”

 

“อะไรนะ” ปลายสายว่า

 

“มันอยากเจอคุณพ่อน่ะครับเลยไม่ยอมรับโทรศัพท์ ถ้าว่างก็แวะมาหามันบ้างนะครับ”

 

ผมเห็นมันที่แสดงความอายออกมาจากสีหน้าชัดเจนตอนที่เสียงปลายสายหัวเราะกับคำที่ผมกล่าว ปอมันขมวดคิ้วแน่นแต่ไม่เถียงอะไรออกมาสักคำ

 

มันคงโกรธแต่ไม่รู้จะสรรค์หาอะไรมาด่าผมละมัง

 

เมื่อมาถึงโรงแรม มันพาผมขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพักที่ผมกับมันพักกันอยู่ มือหนึ่งของมันถือกระเป๋า มือหนึ่งจูงแขนผมไม่ยอมปล่อย คิดว่าจะหลงทางหรือไง มันไม่ยอมหาเรื่องผมอย่างเคย ผมล่ะอยากจะกวนตีนมันจริงๆ

 

“ปอ มึงงอนพ่อเรื่องอะไร”

 

“กูไม่ได้งอน มึงเลิกกวนตีนกูได้ละภีม” มันว่าปัด

 

“จริงหรือเปล่า” ผมล้อ

 

มันหันมาทำหน้าดุแบบโคตรดุจนผมต้องละร้อยยิ้มลงและยอมเดินตามมันไปเงียบๆ แม่งคนอะไรล้อนิดเดียวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่สมกับตัวโตๆ เป็นควายอย่างมันจริงๆ

 

แต่พอเดินมาถึงหน้าห้อง ไอ้ปอมันชะงักเท้าเมื่อสิ่งที่ผมพูดเชิญไว้กลับมาปรากฏต่อหน้าของเราทั้งคู่ ร่างที่สวมชุดสูทเต็มยศยืนอยู่หน้าประตูและเงยมองมายังเราด้วยแววใจดี ชายวัยสี่สิบกว่าๆ หันมายกยิ้มกับเราทั้งสองคน นี่พ่อของมันจริงๆ งั้นเหรอเนี่ย

 

ไอ้ปอมันทำเสียงฮึดฮัดโมโหรีบสาวเท้ามายืนหน้าห้องเตรียมคีย์การ์ดมาเปิดราวกับไม่เห็นร่างที่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวเอง มันเป็นอะไรของมันชอบทำให้พ่อเจ็บปวด เห็นพ่อเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง

 

“ปอ…” เสียงทุ้มของคนๆ เดียวที่อยู่ในสายบนโทรศัพท์เมื่อครู่นี้ว่าขึ้น ผมเงยมองท่าน หรือท่านยังทำงานอยู่กันนะถึงมาในสภาพแบบนี้ได้ เขาหันละมามองผมก่อนจะยิ้มรับเมื่อผมยกมือไหว้ท่านเป็นการทักทาย

 

“ปอ พ่อมึงมา”

 

“อย่ายุ่งได้ไหม?” มันว่าปัด ไอ้ผมก็ยืนเกาหัวตัวเองด้วยความงง

 

“ปอ ฟังพ่อก่อนสิ”

 

“เลิกมายุ่งกับผมซักทีได้ไหมพ่อ หน้าที่พ่อแค่ส่งมาเงินให้ใช้แล้วก็บงการชีวิตผมก็พอ ไม่ต้องมาก้าวก่ายชีวิตของผมอีก” มันหันมาว่า ผมกลืนน้ำลายอีกครั้งกับความอึมครึมของบรรยากาศเมื่อเห็นสีหน้าพ่อของมันที่แสดงความลำบากใจ ปอมับเปิดประตูแล้วเดินเข้าห้องไปไม่ว่าอะไรต่อสักคำ

 

เสียงประตูปิดดังปังพร้อมกับผมที่สะดุ้งเรียกให้เขามองหน้าผม รอยยิ้มประดับบนใบหน้าที่เริ่มมีตีนกาทว่ายังหล่อของพ่อมัน ก่อนเขาจะเอ่ยขึ้นมาว่า “เธอคือคนที่คุยกับฉันเมื่อกี้สินะ”

 

ผมชะงักก่อนจะยกมือเกาหัว “ครับ ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณพ่อโดนมัน…”

 

“ไม่เป็นไรหรอก ปอก็เป็นแบบนั้นตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฉันชินซะแล้วล่ะ”

 

“เป็นแบบนี้นานแล้วเหรอครับ” ผมย้อน ก่อนจะเกาหัวตัวเองเมื่อเริ่มก้าวก่ายมากเกินไป

 

“ตั้งแต่เด็กๆ นั่นแหละ เขาโกรธที่ฉันหย่ากับแม่เขาน่ะ”

 

“มันไม่มีเหตุผลเลย” ผมว่า

 

“นี่เธอคงไม่ใช่ เมีย ที่เขาบอกหรอกใช่ไหม?” จู่ๆ เขาก็ถามพลางยกนิ้วชี้ชี้หน้าผม ผมอึกอักและเสตาหลบ

 

“อะ คือ ผมไม่ใช่หรอกครับ”

 

“ปอไม่เคยพาใครมาที่นี่หรอกนะ” เขาว่า

 

“คุณพ่อทำงานที่นี่เหรอครับ อยู่ใกล้แค่นี้ทำไมไม่หาเวลาแวะมาหามันบ้างละ ผมว่าความจริงมันอาจจะไม่ได้โกรธคุณเรื่องที่คุณหย่ากับแม่ของมันก็ได้”

 

“ฉันคิดว่าถ้าอยู่ห่างๆ เขาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น”

 

“จะดีขึ้นได้ยังไงล่ะครับถ้าคุณพ่อไม่คุยกับมัน ไม่เคลียร์กันให้รู้เรื่อง”

 

อีกฝ่ายเลิกคิ้ว ผมเกาหัวตัวเอง “คือผมก็ไม่ค่อยได้ให้คำปรึกษาใครหรอกนะครับเพราะไม่ค่อยมีคนคบสักเท่าไร แต่ผมอยากให้คุณสองคนกลับมาเข้าใจกันเหมือนเดิม ผมไม่ชอบที่มันทำแบบนี้กับคุณเลย”

 

“เธอช่วยฉันได้มาก เอาเป็นว่าฉันจะพยายามแวะมาหาเขานะ”

 

“สู้ๆ นะครับคุรณพ่อ” ผมยกยิ้มเมื่อเขาส่งยิ้มมาให้

 

“เธอเป็นเด็กที่น่ารักมาก”

 

ความเขินแล่นเข้ามาบนใบหน้าทันทีเมื่อเขายกมือขึ้นมายีบนหัวผมเบาๆ ราวกับกำลังเอ็นดูและรู้สึกดีต่อผมอยู่ คนอย่างผมไม่ค่อยได้รับการกระทำแบบนี้จากผู้ใหญ่เสียเท่าไรนัก มันจึงเป็นอะไรที่รู้สึกดีไม่น้อย

 

ดวงตาผมนิ่งมองร่างสุงๆ นั้นเดินเข้าไปในลิฟท์ เมื่อผมเข้าใจแล้วและแน่ใจว่าจะไม่กลับมา ร่างกายเลือกที่จะเดินเข้าไปในห้อง ลอบมองมันว่าจะแสดงถึงความไม่พอใจเมื่อผมไปยุ่มย่ามความเป็นส่วนัวของมันเกินไปไหม แต่ไม่รู้ทำไม

 

มันไม่ต่อว่าผมสักคำในสิ่งที่ทำกับมัน ทั้งๆ ที่ตอนแรกผมกะจะแกล้งที่มันแกล้งผมเรื่องไปเที่ยวก่อนแท้ๆ

 

ผมทำท่าไปทรุดตัวนั่งบนเตียงข้างมันที่นอนเล่นเกมบนโทรศัพท์ แอบมองมันที่ไม่ได้กล่าวต่อว่าอะไรสักคำราวกับลืมไปแล้วเมื่อกี้ผมทำอะไรให้มันไม่พอใจ เห็นอย่างนั้นแล้วไอ้ผมก็สบายใจไปเปราะหนึ่ง จึงเดินไปหยิบของส่วนตัวเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายตัวเองสักหน่อย

 

และพอเสร็จธุระของตัวเองก็ถึงคราวของมัน แต่ถ้าไม่มีปัญหาหรือทำอะไรเงียบๆ แบบดีๆ นี่คือไม่ใช่สันดาน เอ๊ย! นิสัยของไอ้ปอครับ

 

“ภีม”

 

“อะไร” ผมขมวดคิ้วพลางทาโลชั่นบนตัวเองไปด้วย เงยมองหน้ามันที่ถือผ้าขนหนูเดินมา

 

“ไปถูหลังให้กูซิ”

 

“ทำไมกูต้องไป” ผมว่าพลางเบ้ปาก มันเองก็แสดงความไม่พอใจเช่นกัน

 

“เพราะกูสั่งให้ไป แล้วก็เดี๋ยวนี้ด้วย”

 

“ไม่เอาอะ อยากอาบก็ทำเองสิ” จะหาเรื่องทำอะไรผมรึเปล่าก็ไม่รู้ ส่ายหน้าพลางถูเนื้อมครีมลงบนผิวตัวเองทว่ามือถูกดึงออกไป ผมร้องเหวอมองมันที่ลากผมเข้าห้องน้ำ

 

เชี่ยปอจะทำอะไรเนี่ย!

 

“ไอ้ปอ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะมึง”

 

“งั้นมึงก็เข้ามาปรนนิบัติกูซะดีๆ” มันว่าพลางดึงแขนผม

 

“นี่มึงเป็นเทวดามาจากไหนต้องมีทาสคอยรับใช้น่ะหา!” ผมว่าพลางยื้อแขนตัวเองสู้สุดแรง

 

“ก็นี่หน้าที่มึงนะ”

 

“หน้าที่เชี่ยไรกูยังไม่รู้เรื่องเลย” ผมเถียงพลางหอบหายใจ คนอะไรแรงเยอะชิบ

 

“งั้นรู้ไว้เลยว่ามึงต้อง…”

 

“กูไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละปอ มึงห้ามมาออกคำสั่งให้กูไปดูแลปรนนิบัติอะไรมึงเด็ดขาดเลยนะ หยุดความคิดเดี๋ยวนี้เลย” ผมยกนิ้วชี้ชี้หน้ามันที่อ้าปากค้างจะเถียง

 

“นี่มึงกล้าเถียงกูเหรอ”

 

“เออ ทำไมกูจะเถียงมึงไม่ได้ นี่กูเป็นแฟนมึงนะไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ยที่จะคอยโดนมึงบังคับข่มเหงได้ตามใจน่ะปอ”

 

“ไอ้ภีม มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ผมเบิกตาเมื่อมันจับตัวผมดันเข้าห้องอาบน้ำ

 

“ไอ้ปอ!” ผมตะโกนสุดเสียงเมื่อมันรั้งผมเข้าไปด้านใน เปิดม่านแล้วดันตัวผมไปติดกำแพง มันจะทำบ้าอะไรของมันกันวะ

 

“ก็บอกแล้วว่าอยู่กับกู มึงอย่าดื้อ!” ว่าแล้วนั้นมันก็เปิดน้ำจากฝักบัวทำเอาผมสะดุ้งเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ต้องมาเปียกเพราะทะเลาะกับมันอีกรอบ

 

“ไอ้เลว! กูเปียกหมดแล้ว” ผมร้องว่าพลางจะเบี่ยงตัวไม่ให้โดนน้ำ มันยกยิ้มแล้วดึงตัวเข้าไปใกล้มัน แทะโลมด้วยการหอมแก้มมาฟอดหนึ่ง

 

“ฮื๊อออออ”

 

ผมร้องสุดเสียงเมื่อมันดันทะลึ่งมาดึงกางเกงนอนผมออกจากเอว มือผมตะปบมือมันแล้วดึงออกสุดแรงทันที เชี่ยปอโคตรนิสัยเสีย!

 

“กูยอมแล้ว พี่ปอ! กูยอมแล้ว กูบอกว่ากูยอมแล้วไง!” ผมทุบหน้าอกมันสุดแรงเมื่อมันแสดงสีหน้าแห่งชัยชนะออกมาทั้งหัวเราะหึหึ คือกูแพ้มึงตลอดน่ะปอ

 

“หันหลังมา!”

 

เสียงผมโคตรไม่พอใจมันอะ

 

มันยกยิ้มแล้วถอดเสื้อที่เปียกน้ำออกจากตัวโยนออกจากผ้าม่าน ถอดกางเกง ผมทุบหลังมันไปทีด้วยความโมโห “มึงห้ามถอดหมดนะ กูไม่อยากเป็นตากุ้งยิง”

 

“กูรู้ว่ามึงอาย” มันสวน

 

“อายบ้าไร มึงสิสมควรอาย” มันหันมายกยิ้มเมื่อถูกสวนไปด้วยการหมิ่นประมาท ผมเบ้ปากพร้อมทั้งยกนิ้วก้อยตัวเองให้เป็นการสบประมาทมันแบบสุดๆ ถึงขนาดน้องชายมัน มันดันไม่โกรธ ยักไหล่แล้วตอบกลับมาว่า

 

“มันยังไม่โตน่ะ” แล้วหันกลับมากำตรงข้อมือของผมที่กำลังยกนิ้วก้อยใส่มันบอกผมว่า “ถ้ามันโตก็ขนาดเท่านี้แหละ”

 

“หืม ไอ้ขี้โม้!” ผมเบ้ปากว่าพลางมองขนาดข้อมือตัวเอง มันหัวเราะพลางเสยผมตัวเองที่ถูกน้ำไล่ตกมาปรกหน้าผากเงียบๆ คนเดียว

 

นี่กูทำหน้าตกใจขนาดมึงหัวเราะไม่หงุดเลยเหรอวะ

 

ผมถูหลังให้มันเงียบๆ ไม่ได้เริ่มหาเรื่องอะไรมันอีกเช่นเคย มันยกมือที่หยาดน้ำระผมตกมาปิดหน้าเพื่อเสยขึ้น น้ำกระเด็นมาถึงผม ไอ้ผมก็ตีมันสุดแรง

 

“น้ำมันโดนกูเนี่ย”

 

“โอย แล้วมึงจะตีกูทำไม มันเจ็บ” มันหันมาว่าพลางลูบหลังตัวเอง ผมมองหลังแดงๆ ของมันนิ่งไม่ว่าอะไรต่อ ปล่อยให้เสียงน้ำฝ่าความเงียบของเราทั้งสองคน คือบางทีผมก็เหนื่อยที่จะรบกับมันนะ อยากอยู่ร่วมกับมันอย่างสงบสุขบ้างอะไรบ้าง

 

ทว่ามันเอ่ยฝ่าความเงียบขึ้นมา

 

“มึงเป็นคนแรกเลยที่คุยกับพ่อกู” ผมชะงัก เร่งความเร็วในการถูหลังให้มันไปอีกจนมันถึงกับร้อง “นี่มึงจะถลกหนังกูรึไงหาภีม เบาๆ หน่อยสิวะ”

 

“โทษๆ” ผมว่าพลางก้มหน้า

 

“มึงโกรธกูเหรอปอ ที่ยุ่งเรื่องของมึงกับพ่อ” มันนิ่ง ก้มหน้าลงมองพื้น ทั้งๆ ที่หันหลังให้ผม ผมกลับรู้สึกอึดอัดทั้งๆ ที่ไม่ได้สบตากับมันสักนิด

 

“เปล่า ก็แค่…” มันลากเสียง อึกอักเหมือนคนทำตัวไม่ถูก “ก็แค่ ไม่เคยมีใครทำกับกูแบบนี้เท่าไหร่”

 

“แบบไหน” ผมย้อน

 

“แบบมึงน่ะ”

 

ผมยกมือเกาหัวตัวเอง “ถ้าเป็นคนอื่นกูบอกให้เลิกยุ่งพวกมันก็เลิกสนใจกันไปตามที่สั่ง แต่มึงกลับหาทางให้กูกับพ่อเข้าใจกัน”

 

“นี่มึงได้ยินกูกับพ่อมึงคุยกันเหรอ”

 

“เออสิ” มันว่าแล้วหันมามองผมด้วยสีหน้าเหมือนกำลังโกรธ ผมเกาหัวตัวเองด้วยความงงก่อนจะละสายตาไปด้านอื่นด้วยความที่รู้สึกผิด

 

“ก็กูสงสารพ่อมึงนี่ กูไม่ชอบที่มึงพูดกับท่านแบบนั้นเลย”

 

“มึงไม่ต้องแคร์ขนาดนั้นก็ได้”

 

“ทำไมล่ะ มึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอที่กูรู้สึกแคร์ท่านกว่ามึงนะ คิดบ้างสิ”

 

ผมจ้องตามัน มันละสายตาไปด้านอื่นพลางถอนใจ “คนที่มึงต้องแคร์คือกูคนเดียวนะภีม อย่าไปสนใจคนอื่น”

 

“โกรธเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ผมว่าพลางช้อนตามองมันแบบไม่ค่อยจะกล้าจ้องตาเท่าไร เพราะกำลังทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำกันอย่างที่มันบอกมา

 

“ใช่…” มันพยักหน้าตอบ

 

“คิดว่าจะหายโกรธเมื่อไหร่?”

 

“ก็จนกว่ากูจะได้เป็นตัวเอง จนกว่ากูจะมีอิสระ”

 

“อะไรคืออิสระสำหรับมึง?” ผมว่าอีกครั้ง มันชะงักกับคำถามที่ผมกล่าวออกไปแล้วนิ่งงัน จ้องตาผม แสดงความไม่สบอารมณ์ที่ผมพ่นคำถามออกไปแบบนี้

 

“มึงชักจะมากเกินไปแล้วนะภีม ไม่ใช่เรื่องของมึง ออกไปเลยไป”

 

อะไรของมัน คือบทจะโกรธก็โกรธขึ้นมา มันผลักตัวผมออกมานอกห้องน้ำ ร่างของผมที่เปียกโชกยืนพิงประตูที่เพิ่งถูกปิด ไม่ได้ยินอะไรเลยนอกเสียงจากเสียงน้ำที่สาดมากระทบพื้น

 

ผมรู้ว่ามันอาจจะเจ็บปวดที่ถูกถาม ถูกสะกิดแผลอะไรสักอย่าง

 

ผมส่ายหัวไล่ความคิดเกี่ยวกับปัญหาของมันแล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกเป็นชุดใหม่อีกรอบ เดินไปหยิบผ้าขนหนูของตัวเองมาซับผมที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเงียบๆ

 

เสียงประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงๆ นั้น ดวงตาหันไปมองมันที่เปิดประตูเดินออกมาทั้งยังสวมแค่ผ้าขนหนูผืนเดียว ผมก้มหน้าลงมองพื้นเตียงปล่อยให้มันแต่งตัวเงียบๆ มือเช็ดผมของตัวเอง เอาเข้าจริงผมก็วางตัวไม่ถูกนะเว้ย บรรยากาศแบบนี้ไม่รอดจริงๆ

 

เสียงมันปิดตู้เสื้อผ้า เดินเอาผ้าขนหนูเช็ดผมมาทางนี้ ผมทำไม่รู้ไม่ชี้เช็ดผมตัวเองใจแข็งต่อไป

 

ได้ยินมันยกมือเปิดแอร์ในห้องก่อนจะเดินมาทรุดตัวนั่งลงบนเตียง ร่างของผมกระเพื่อมอยู่อีกฝั่งบอกให้ถึงอารมณ์ว่ามันร้อนขนาดไหน ผมลุกขึ้นเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาแทนที่จะนั่งข้างมัน หันหลังให้มัน คือกูจะไม่คุยกับมึงอีกแล้วถ้าเห็นว่าความหวังดีของกูเป็นการเสือกน่ะ

 

ผมถอนใจ ยกมือเกาศีรษะตัวเองแรงๆ ระบายอารมณ์ ก็กูไปเสือกเรื่องขอมันจริงๆ นี่หว่า แล้วนี่ถ้าต้องให้ผมอยู่กับมันอย่างที่ไม่พูดอะไรกันแบบนี้ผมอยู่ไม่ได้จริงๆ

 

ผมกลืนน้ำลายหันไปมองมันที่มือหนึ่งถือโทรศัพท์และมือหนึ่งถือผ้าขนหนูเช็ดผมตัวเอง หันมาทำใจอยู่แป๊ปหนึ่งแล้วก็กลั้นใจลุกขึ้นยืน ค่อยๆ ก้าวเท้าเดินเข้าไปหามัน

 

มันเงยหน้ามามองผม พร้อมกันนั้นใจก็เต้นขึ้นมาเฉยๆ แค่สายตามันมองผมอยู่เท่านั้น “อะ คือ…เมื่อกี้กู…”

 

“มึงไม่สบายรึเปล่า จมูกแดงขนาดนั้น” มันว่าพลางลุกขึ้นยืน เดินไปหรี่แอร์ ผมมองตามมันพลางยกมือขยี้จมูกที่มันคัดขึ้นมาเฉยๆ

 

“คือว่า…”

 

“เอ้อ มากินยาสิ กินดักไว้ก่อน ถ้าพรุ่งนี้ไม่สบายกูก็จะลากมึงไปด้วยเหมือนเดิมนั่นแหละ” มันว่าพลางแกะยาให้ ผมมุ่นคิ้วตัวเองกลางเกาหัวด้วยความหงุดหงิด นี่มึงคิดจะฟังกูบ้างปะวะ

 

“คือกู…”

 

“เสร็จแล้วมึงไปจัดกระเป๋าใส่รวมของกูเลยนะ เอาไปหลายใบมันเกะกะว่ะ”

 

“เชี่ยปอ มึงจะฟังกูบ้างไหม กูไม่ตลกนะ” ผมว่าอย่างสุดทน มุ่นคิ้วที่มันยื่นยากับน้ำส่งมาให้

 

“กูไม่ตลกเหมือนกัน เห็นไหมกูไม่ได้ยิ้ม แล้วก็รีบแดกซะไม่งั้นกูจะเอากรอกปาก” มันว่า

 

“มึงเลิกล้อเลียนคำนี้กับกูเหอะ ไอ้…”

 

อะไรของมันวะสายตาแบบนี้

 

ผมไม่รู้จะว่าอะไรมันดีเมื่อมันส่งสายตาพิฆาตมาให้ มือผมรีบหยิบยามากินแล้วกระดกน้ำลงคออย่างว่าง่ายทันทีและเลือกที่จะไม่เถียงมันต่อ ทำลืมๆ เรื่องนี้ไปก็แล้วกันเพราะมันก็ไม่ได้แสดงว่าตัวเองกำลังโกรธผมสักนิด

 

แต่กูไม่ได้กลัวมึงนะปอ แค่เป็นห่วงสุขภาพตัวเองเท่านั้นแหละว่ะ!

 

 

 

สวัสดีค่า มาอีกแล้ว

เอาน้องภีมกับพี่ปอจอมหื่นมาฝากกัน พี่ปอนี่นิดๆ หน่อยๆ ก็เอาน่ะ พอประทังชีวิตเพื่อรอตอนที่น้องยอมง่ายๆ 5555 มีใครชอบกันไหม แต่ตอนนี้มีดราม่าพี่ปอกับพ่อนิดนึง มีใครชอบฉากในห้องน้ำบ้าง ไรต์ฟินคนเดียวก็ได้นะถ้าไม่มีใครชอบ อิอิ

พรุ่งนี้เขาจะไปเที่ยวกันแหละ อย่าลืมเชียร์พี่ปอให้รุกน้อง เชียร์น้องให้รักษาซิงตัวเองให้ได้นะคะ 5555 ตอนไปเที่ยวนี่อยากบอกเลยว่าหว๊านหวาน สำหรับเรื่องนี้มีเรทก็จริง เน้นเรื่องเซ็กก็จริง แต่ถ้าอ่านๆ ไปแล้วจะรู้เลยว่าไรต์เน้นเรื่องความผูกพันธ์ของพี่ปอกับน้องมากกว่าอิอิ

วันนี้อัพแค่นี้พอ คืองงมาก ดึกมาแล้วด้วย ฝันดีค่ะ
 :mew1:


ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
น่ารัก




หวังว่าภีมจะรอดนะ

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
 

ตอนที่ 4

Part 1

 

เสียงขลักขลักในห้องดังเข้าหูของผมที่ยังนอนครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่บนเตียงนุ่มๆ และแอร์เย็นๆ ร่างก็พลิกตัวนอนคว่ำสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพร้อมกับเปลือกตาหนักอึ้งของตัวเองที่ลืมไม่ขึ้น ได้ยินแหล่ไม่ได้ยินแหล่กับของในห้องที่ดังอยู่เนืองๆ รู้เลยว่าเป็นฝีมือไอ้ปอ

 

เพราะวันเดินทางมาถึงแล้ว วันนี้ไอ้ปอมันไม่ได้พาผมออกจากโรงแรมเช้านักราวกับไม่รีบร้อน ความจริงมันตื่นก่อนผมนานมากแต่ลุกมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จสรรพคนเดียว เพราะผมเป็นคนขี้เซาและติดเตียงนอนเอามาก เวลาจะตื่นก็ต้องมีนาฬิกาปลุกเท่านั้นหรือนอนจนอิ่มและพอใจถึงจะยอมลุก ถ้าวันไหนเป็นวันหยุดก็จะตื่นสายเป็นพิเศษแบบนี้

 

สรุปว่านี้ตื่นสายมาก และพอตื่นขึ้นมาปอมันก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรสักนิด สั่งให้ไปอาบน้ำเตรียมตัวเดินทาง ไม่ได้เร่งผมด้วยซ้ำ ทำเป็นหยิบโน่นหยิบนี่จัดของไปเรื่อย

 

มันทำเหมือนกำลังตามใจผม เหมือนมันรอให้ผมตื่น เตรียมตัวแบบที่ผมสบายใจที่สุด การเดินทางนี้ขึ้นอยู่กับผมคนเดียวอย่างนั้นเหรอ

 

ทำให้ผมอดที่จะรู้สึกดีที่มันไม่ได้ตั้งอกตั้งใจเอาชนะผมอย่างเดียว ยังเข้าใจผมเป็นบางเรื่อง แต่ว่ากว่าจะได้ออกเดินทางก็ปามาเที่ยง มันพาผมแวะไปกินข้าว วันนี้มันหล่อเป็นพิเศษเพราะแต่งตัวแบบธรรมดาไม่ใช่ชุดฟอร์มหรือช็อปโกโรโกโสที่มันใส่ไปโรงเรียนบ่อยๆ ใครๆ ก็มองมัน ก็ไม่ได้ว่าอะไร มันหล่อย่อมเรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้อยู่แล้ว

 

เราจะไปทะเล ความจริงผมก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดีถึงมันจะบังคับก็เถอะ เพราะนานแล้วที่ไม่ได้ไปที่ที่ผ่อนคลายแบบนั้น หนำซ้ำที่ที่มันจะพาไปผมก็ยังไม่เคยไปเสียด้วย เกาะช้างไง

 

ว่าแล้วก็ตื่นเต้นแฮะ

 

มันพาผมขึ้นเรือข้ามฟากไปยังเกาะ จูงมือผมขึ้นไปยังชั้นบนสุดของเรือโดยไม่อายสายตาของใครที่มองมา เขามองแล้วยิ้มก่อนจะสะกิดกันเรียกให้เพื่อนหันมามอง ไอ้ผมก็อายน่ะสิ

 

ผมมองไปออกไปเห็นเกาะลิบๆ พร้อมกับยกยิ้มกับตัวเองในความสดชื่นที่ได้รับตอนนี้ เรือที่ขึ้นเป็นเรือขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกรถยนต์และผู้โดยสารได้ และรถของเราก็อยู่ด้านล่าง ปอมันยกมือมาเกาะไหล่ผมพักพลางมองออกไปด้านหน้า เราสองคนไม่นั่งติดเก้าอี้เพราะมันมัวแต่เดินตามผมที่เดินดูโน่นนี่นั่น ไปถ่ายรูปดาดฟ้าเรือบ้าง วิวบ้าง สุดท้ายผมก็ขอถ่ายรูปกับมันบนดาดฟ้าเรือ

 

มันพยักหน้ารับพลางหันมองกล้องที่ผมกำลังถือ

 

ภาพที่เห็นคือผมที่กำลังยกมือจับโทรศัพท์ ใบหน้ามีผมซึ่งถูกลมพัดปลิวมาระแก้มที่ออกแดงเพราะแสงแดดอ่อนๆ สาดมายังร่างของเรา ข้างหลังเป็นใบหน้าเรียวยาวของมัน ร่างสูงๆ กำลังยืนพิงราวเหล็กยกมือผ้านเสื้อคอวีสีเทาเรียบมากอดไหล่ผม ดวงตามีแว่นกันแดดปิดแววตานั้นไว้ กำลังมองมายังกล้องด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ท่ามกลางวิวที่งดงามจากแผ่นน้ำด้านหลัง

 

เมื่อเปิดดู ในรูปผมยิ้มจนตาหยีจนอดจะตลกหน้าตัวเองไม่ได้เพราะความหล่อไอ้ปอมันแย่งซีนไปหมด

 

“โหย กูเอ๋อชะมัด” ผมบ่นพลางดูรูปตัวเอง

 

“ไหน หืม…กูหล่อทุกมุมเลยว่ะ” มันว่าพลางก้มมองรูปตัวเอง

 

“แหวะ”

 

“แหวะอะไร ดูสิ ออร่าความหล่อกูบดบังมึงมาก” มันว่าพลางชี้มาที่รูป

 

“ไอ้หลงตัวเอง”

 

“ก็กูหล่อนี่ต้องหลงเป็นธรรมดา ไหนเอาโทรศัพท์มานี่” ว่าแล้วก็ดึงไปจากมือผมเฉย ไอ้ผมก็ยกมือเกาหัวยกให้มันด้วยความหมั่นไส้ ยกนิ้วกลางให้มันไปทีสองที ฝรั่งยืนข้างๆ หัวเราะกันคิกคักเมื่อเห็นไอ้ปอทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่ผมส่งให้

 

มันเอาโทรศัพท์ผมไปกดอะไรสักอย่าง พอยื่นมาให้ ก็เห็นว่ามีคนกดถูกใจบนเฟชบุ้คเกือบๆ ร้อยแล้ว ผมหันไปมองมันด้วยความขัดใจกับคำบรรยายภาพที่มันตั้งใจจะกวนตีนผม

 

รักปอมาก

 

ไม่น่าคิดที่จะขอมันถ่ายรูปจริงๆ ผมหันไปมองวิวด้านหน้ารับลมด้วยความโมโหแต่ว่าไม่พูดอะไร มันดึงผมไปกอดเอวพร้อมกันนั้นก็โน้มหน้ามาจูบแก้ม เสียงกล้องจับภาพดังแชะเรียกให้ผมสะดุ้งผลักตัวมันออก

 

“ทำอะไรวะไอ้นี่ มึงอายไหม?!” ผมว่าพลางจะแย่งโทรศัพท์จากมือมันที่ยืนยิ้มกับตัวเองทั้งกดเล่นไปอย่างคึกคะนอง ก่อนจะยกมาผมดูเป็นการเฉลย

 

“นี่ไง มึงชอบปะ” มันว่า ผมเบิกตาพลางทุบมันด้วยความโมโหเมื่อเห็น

 

“ไม่ชอบ ลบออกเดี๋ยวนี้เลย!”

 

“ทีมึงยังอยากเอากูอวดคนอื่นเลยนี่ ทีกูบ้างไม่เห็นจะเป็นไรเลย” มันว่า แต่แม่ง รูปที่มันถ่ายก็คือตอนที่มันจูบผม แล้วไอ้ถ้อยคำที่บรรยายประกอบทุเรศๆ นั่นอีก

 

“ก็รูปกูน่ะแค่จะถ่ายเก็บไว้ดูเล่นๆ ว่าเคยมาเที่ยวนี่ แต่มึงเป็นคนเอาไปลงเองนี่หว่า”

 

“กูก็จะเก็บไว้ดูเหมือนกัน แต่ก็จะเผื่อเพื่อนกูดูด้วยนี่” มันว่า

 

“งั้นมึงแก้ไขคำบรรยายซะ”

 

“แก้ทำไม ไอ้คำว่ารักเมียมากใครๆ ก็พิมพ์กันได้”

 

“ก็กูไม่ใช่เมียมึงน่ะ”

 

“อ๋อ ที่โมโหนี่อยากให้กูทำหน้าที่ผัวก่อนถึงจะยอมรับเหรอ?”

 

ชิบหายล่ะ!

 

ผมชะงักพูดอะไรต่อไม่ออก เมื่อมันเองก็นิ่งมองผมอยู่เช่นกันว่าจะเถียงอะไรต่อ มองผมด้วยแววตาที่บอกว่าอารมณ์สนุกเมื่อกี้หายไปแล้ว แล้วถ้าพูดก็คือผมผิดอีกนั่นแหละที่ไม่ยอมเป็นเมียของมันอย่างที่คนอื่นเข้าใจ

 

เราใช้เวลาบนเรือประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงลงจากเรือ มันพาผมขับรถโดยที่ไม่ยอมพูดคุยอะไรกันอีกเลย ใจผมสั่นระทึกเมื่อมันพาผมบังคับรถไต่บนหน้าผาสูงชันขึ้นเรื่อยๆ มองลงไปเห็นเป็นทะเลเวิ้งว้าง และปอมันก็ไม่ค่อยๆ ขับเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาด้วย ราวกับว่าคุ้นชินเส้นทางและต้องการให้ผมกลัว แล้วผมกลัวจริงๆ กลัวมันพลาดและหลุดจากโค้งตกลงไป ถ้าตกลงไปสายเบลล์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ร่างของผมคงละเอียดยิบเป็นชิ้นๆ ให้ปลากินโต๊ะจีนเป็นแน่

 

ผมนั่งเกร็ง จนสุดท้ายก็ออกจากหน้าผาได้ เป็นเมืองที่เจริญท่ามกลางเกาะ ราวกับที่นี่ไม่ใช่เกาะเสียอย่างนั้น ผมมองตึกรามบ้านช่อง ร้านอาหาร บาร์ ผับที่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติเสียมากกว่าที่มาเข้าใช้บริการ ดวงตาผมเงยมองรีสอร์ทที่หรูหราต่อหน้าเมื่อปอมันพาผมเลี้ยวเข้าไปด้านใน

 

ครั้นถึง มันผ่อนลมหายใจก่อนจะหันมาบอกผม

 

“โทรหาไอ้ธาม” ไอ้ผมก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มันที่มักจะวางไว้ที่เดิมพร้อมกับกดโทรออกไปด้วย คราวนี้ผมยกแนบหูตัวเองฟังเสียงรอสาย

 

“ฮัลโหล เออ มึงอยู่ไหนแล้ววะปอ” เสียงปลายสายถามทันทีที่รับ ได้ยินเสียงโหวกแหวกของคนอื่นๆ ในสายมาด้วย ผมจึงกรอกเสียงตอบ

 

“พี่ธามอยู่ไหน เราถึงรีสอร์ทแล้ว”

 

“อ๋อ เข้ามากันเลย พวกพี่นั่งเล่นกันอยู่ริมสระว่ายน้ำรีสอร์ทน่ะ เออ บอกไอ้ปอมันยกของลงมาที่เคาน์เตอร์เลยนะ พี่ฝากพนักงานถือกุญแกห้องไว้น่ะ”

 

“ครับๆ” ผมกดวางสายแล้วหันไปมองมันที่ยังติดเครื่องรถอยู่บนลานจอดรถเพราะกลัวข้างนอกอากาศร้อน “พี่ธามให้มึงยกของไปเคาน์เตอร์ เขาฝากกุญแจไว้กับพนักงานแล้ว แล้วให้ไปหาที่สระว่ายน้ำ”

 

“มึงไปสระว่ายน้ำก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูยกของไปจัดการเรื่องห้องเอง”

 

ผมส่ายหน้า “ไม่เอา กูไม่รู้ทาง” ที่สำคัญผมไม่ชอบเดินคนเดียวในสถานที่ที่ไม่คุ้นตาตัวเองด้วย

 

กระเป๋าของใช้ของผมถูกเอาไปจัดรวมในกระเป๋าใบเดียวกับไอ้ปอ มันยกคนเดียวไหวอยู่หรอก ก็มันเป็นคนบังคับให้ผมเอาไปรวมกับมันเองนี่ ให้คำอธิบายว่าถือหลายใบมันเกะกะ มันลากกระเป๋าที่จะอยู่กันเพียงสามวันคล้ายจะอยู่สามปี จัดการเรื่องห้อง เป็นห้องที่สวยใช่เล่น มีอ่างน้ำขนาดใหญ่ในห้องน้ำ มองออกไปเห็นทะเลในระยะใกล้พร้อมกับเสียงเกลียวคลื่นขับกล่อมเวลานอนหลับ

 

โห มีคบเพลิงด้วยแฮะ

 

“ปอ อันนั้นเขาจะจุดตอนกลางคืนไหม” ผมว่าพลางชี้ออกไปยังมันที่ตั้งเป็นไม้เสาอยู่หลายอัน เห็นตั้งอยู่ไว้ตลอดเส้นทางที่เดินตอนขามาแล้ว

 

“ทำไม มึงกลัวผีเหรอถ้าเขาจะไม่เปิดไฟน่ะ” มันว่า ผมมุ่นคิ้วตัวเองไปด่ามันทางสายตา

 

“ถ้าจุดมันคงสวยดี” ผมว่า มือเกาะขอบหน้าต่างพลางเขย่งขาชะโงกหน้าออกไปมองด้านนอกพร้อมกับสูดลมหายใจเข้ารับกลิ่นทะเล

 

โคตรดีเลย อากาศอย่างแจ่มอะ

 

“เดี๋ยวก็ตกลงไปคอหักตาย” มันว่าพลางดึงเอวผมไว้หลวมๆ จากด้านหลัง ผมหันกลับไปว่า

 

“ก็อย่าปล่อยกูดิ”

 

มันนิ่งเมื่อได้ฟังในสิ่งที่ผมกล่าว ทันใดนั้นเองผมรู้สึกถึงขนที่ลุกซู่เมื่อมันก้มลงหอมแก้มจนได้ยินเสียงมันสูดลมหายใจเข้าไปฟอดใหญ่ มือที่ดึงเอวของผมเปลี่ยนเป็นกอดหลวมๆ พร้อมใบหน้าของมันซุกลงที่ซอกคอ รู้สึกถึงความร้อนของจมูกโด่งๆ พ่นลมหายใจมาระใบหู

 

“ปล่อยยาก” ปอมันว่าเสียงเบาและแหบพร่าในคราเดียวกัน  จมูกคลอเคลียอยู่แต่กับใบหูของผม ผมเบี่ยงหน้าหลบ นี่ถ้าผมยอมจะเป็นการยั่วมันไหมวะ

 

“ปอ” ผมลากเสียงปราม

 

พยายามย่นคอหลบมันที่ใช้ปากจูบเสียงดังจุ๊บและละมาว่าเสียงนุ่ม “มองวิวโน่น มาสนอะไรกู เป็นคนบอกว่าอย่าให้กูปล่อยเองนี่”

 

“ไม่ตกแล้ว”

 

“ไม่ต้องออกไปหาไอ้ธาม อยู่กับกูนี่แหละ” ขนผมลุกซู่อีกครั้ง คิดไว้แล้วว่าถ้าผมไม่ต่อต้านมันเหมือนทุกครั้ง มันจะคิดว่าผมกำลังจะสมยอมเป็นเมียมันทุกทีสิน่า มือของมันกอดผมแน่น เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาฝังปากจูบต้นคอ หลังคอ ใบหูที่มันกระตุ้นอารมณ์สยิวกิ้วแปลกๆ ในตัว ผมย่นไหล่แล้วเบี่ยงหน้าไปว่า

 

“ไม่เอา วันนี้ไม่เอา”

 

มันชะงักนิ่งงัน ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นแสดงถึงความหงุดหงิดที่ถูกขัดอารมณ์

 

“อะไรอีกวะภีม!?”

 

“วันนี้กูนั่งรถมาเหนื่อยแล้ว มึงก็คงเหนื่อยเหมือนกันนะพี่ปอ อยากจะนอนพักหน่อยไหม?” ผมว่าทำท่าจะเอาใจมัน เชื่อเหอะนี่คือทางออกสุดท้ายที่จะไม่เสียตัวให้มัน แต่ว่าเอาน้ำเย็นเข้าลูบแบบนี้ ผมเห็นแต่มันโมโหมากกว่าเดิมแทนที่อารมณ์จะเย็นตามน้ำ

 

“ไม่!”

 

ผมอึกอักมองมัน พยายามเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย “งั้น…กินอะไรไหม?”

 

“ไม่” ผมนิ่งมองมันไม่ละ รอยยิ้มนี่เหี่ยวลงไปเลยเมื่อมันไม่ตอบสนองการเอาน้ำเย็นลูบสักติ๊ด!

 

“เอ หรือว่าจะ…”

 

“การผ่อนคลายของกูคือมึงยอมนอนให้กูเอาดีๆ สักที” มันขึ้นเสียง ผมกลืนน้ำลายด้วยความยากเย็นพร้อมรู้สึกถึงเหงื่อที่มันซึมออกจากหลัง พยายามตีหน้าเป็นใจดีสู้เสือไว้

 

“จะ…ใจเย็นๆ นะปอ ปอพาภีมมาเที่ยวแบบนี้เนี่ย ถ้าปอเอาภีมแล้วภีมจะเที่ยวยังไง ไม่เจ็บตูดแย่เหรอ ลองคิดดูบ้างสิถ้าลงเล่นน้ำทะเลน่ะแสบนะ”

 

“มึงมาทำให้กูอยากแล้วก็กวนตีนแบบนี้เนี่ยนะ” มันกอดเอวผมแน่น ผมดันหน้าอกมันพร้อมกับแก้ตัว

 

“ปละเปล่า ก็ในหัวมึงตั้งหน้าตั้งตาจะเอาแต่กู กูทำอะไรมึงก็อยากแต่จะเอาๆ นี่”

 

“แล้วเมื่อไหร่มึงจะยอม”

 

“โหยพี่ปอ ถามแบบนี้กูตอบยาก” ผมว่าเสียงเบาพลางเบี่ยงตัวหลบ

 

“ตอบมาดีๆ ว่าวันไหน ก่อนที่กูจะหมดความอดทนกับมึง”

 

“ไม่เอา อย่ามาเซ้าซี้”

 

“กูบอกให้ตอบ”

 

“ไม่ใช่วันนี้แน่เว่ย!”

 

ผมผลักมันออกจากตัวพร้อมกับเดินออกจากห้องเพื่อเป็นการหนีด้วย ยกมือเช็ดตัวที่ถูกมันทำเมื่อกี้ อยู่ใกล้มันทีไรหาแต่เรื่องแต่จะลากผมขึ้นเตียง ในหัวของมันมีแต่เซ็กส์ เรื่องอย่างว่าเต็มใบหมดไม่รู้จะโดยหาอะไรนักหนา

 

แล้วผมเดินไปไหนวะเนี่ย ยิ่งเดินยิ่งงง

 

ผมเดินหาสระว่ายน้ำอย่างที่พี่ธามบอก แต่รีสอร์ทนี่มันใหญ่เหลือเกิน กว่าจะถามทางพนักงานในรีสอร์ทและเดินแบบงงๆ มา สุดท้ายก็ถึง

 

โอ้โห มิน่าล่ะนั่งกันได้ยังไงตั้งนานสองนาน ฝรั่งนมตู้มสวมบิกินีวาบหวิวนอนอาบแดดสาวๆ สวยๆ กันเต็มไปหมด ไอ้พวกเพื่อนไอ้ปอนี่น่าจะสันดาน เอ๊ย! นิสัยเดียวกันถึงคบกันได้คือ หื่นพอๆ กัน

 

ผมเดินไปตามขอบสระกว้างๆ ก่อนจะชะงักเมื่อถูกใครสักคนมายืนดัก ความสูงของผมอยู่ระดับหน้าอกของเขา มองไปเห็นหัวนมสีชมพูบนกล้ามหน้าอกสวยได้รูปนั่นแล้วตัวผมแข็งทื่อ เงยมองเจ้าของร่างนั้นแล้วอ้าปากค้าง

 

มึงใครวะ

 

ฝรั่งผู้ชายต่อหน้าส่งยิ้มให้ผม ร่างกายสวมกางเกงว่ายน้ำโชว์หุ่นสวยๆ ซิกแพคเป็นลอน นิ้วชี้ยาวๆ แตะเชยคางผมขึ้นไปมองตาเขา

 

“ชื่ออะไรหนุ่มน้อย?” ผมนิ่งมองอีกฝ่ายแบบไม่เข้าใจ อีกฝ่ายใช้ภาษาอังกฤษ คือเข้าใจที่พูดด้วยแต่ไม่เข้าใจว่าเขามาทักผมทำไม

 

ผมอึกอักมองคนตรงหน้า ก็หล่อ เป็นที่จับจองของสาวๆ แถวนี้นะ ดูจากหลายสายตาที่หันมามอง

 

“ขอโทษที เธอพูดอังกฤษไม่ได้ใช่ไหม?”

 

“ได้ ผมพูดได้” ผมว่าพลางเงยมอง เขายกยิ้มราวกับเป็นเรื่องเซอร์ไพร์ส

 

“เธอชื่ออะไร มากจากประเทศไหน?”

 

“ผมชื่อภีม เป็นคนไทย ขอโทษด้วยครับตอนนี้ผมกำลัง…”

 

“เดี๋ยวสิ ฉันหลงรักเธอแล้ว ขอเบอร์ห้องเธอหน่อยได้ไหมรับรองว่าจะตอบแทนให้อย่างงามเลยล่ะ”

 





ขอย้ายตอนท้ายไปไว้พาร์ทสองค่ะเพราะอักษรเยอะเกินอีกแล้ว
ทั้งๆ ที่คิดว่ามันสั้นแล้วนะเนี่ย

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

ตอนที่ 4

Part 2





“เดี๋ยวสิ ฉันหลงรักเธอแล้ว ขอเบอร์ห้องเธอหน่อยได้ไหมรับรองว่าจะตอบแทนให้อย่างงามเลยล่ะ”

 

หลงรักเหรอ ผมนิ่งมองหมอนี่แล้วกวาดสายตาหาทางหนีทีไล่ก็เห็นไอ้ปอนั่งรวมกับกลุ่มเพื่อนอยู่ก่อนแล้ว มันมองมายังผมพร้อมกับยกยิ้มไปด้วย

 

“หมายความว่ายังไง?” ผมถามคนตรงหน้า

 

“ถ้าที่ห้องเธอไม่ได้นอนคนเดียว งั้นมาหาฉันที่ห้องก็ได้”

 

มันหมายความว่า เห็นผมเป็นพวกขายตัวงั้นเหรอ ผมแสดงถึงความโกรธพลางกำหมัดแน่น ไม่กล้าเสยหมัดมันเพราะว่ามันโตกว่า เลือกที่จะทำหน้าเจ้าเล่ห์ให้มันอยากแทน

 

“ผมยังไม่เคยนะ”

 

อีกฝ่ายเบิกยิ้มตัวเองมองไล่ตามตัวผมไปด้วย “อา ฉันชอบเด็กลูกครึ่งแบบเธอจริงๆ”

 

“ผมเป็นคนไทยแท้”

 

“ไม่ใช่ลูกครึ่งจีน ญี่ปุ่นหรือเกาหลีหรอกเหรอ งั้นยกเว้นให้เธอคนหนึ่งแล้วกัน” เขาว่าพลางวางมือไล้ลงบ่า ผมชะงักพลางหันไปมองไอ้ปอกับกลุ่มเพื่อนที่ยังมองมาแล้วยิ้มราวกับเจอเรื่องสนุก แต่กูไม่สนุกเว้ย!

 

“ผมลืมบอกไป…” อีกฝ่ายนิ่งมองตาผมเมื่อได้ยิน รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของผม “ผมมากับสามี แล้วเขาก็เป็นหมาบ้าด้วย”

 

ว่าแล้วก็หันไปมองไอ้ปอยิ้มๆ คนตรงหน้ามองตามไป เห็นกลุ่มไอ้ปอหัวเราะกันร่าก็มีสีหน้าอึ้งนิดๆ ที่ถูกปั่นหัว เขาละรอยยิ้มที่แสดงถึงความเหนือกว่าลงทันที

 

“สามี?”

 

“ใช่ ทั้งหมดนั่นแหละ ของผมคนเดียว”

 

ฮ่าๆๆๆ นี่ผมคิดอะไรอยู่วะเนี่ย อยากจะหลุดหัวเราะก๊ากดังๆ ใส่หน้าจืดๆ ของอีตาฝรั่งนี่จริงเชียว

 

“ดีจริง ฉันชอบคนเก่งและกร้านโลกแบบเธอ”

 

หา? ผมชะงักอารมณ์กระหยิ่มยิ้มย่องของตัวเองทันทีเมื่อเห็นมันตื่นเต้นกว่าเดิม ไอ้ฝรั่งนี่สลัดยากจริง

 

“ไม่เข้าใจหรือไงว่าผมโกหก ใครจะไปมีแฟนทีเดียวเป็นสิบๆ คนได้กัน” ผมว่า อีกฝ่ายหัวเราะก่อนจะตอบ

 

“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ แค่เล่นตามมุกของเธอ”

 

ผมกำหมัดตัวเองเหลืออดกับไอ้นี่

 

“ผมมีสามีอยู่แล้ว แล้วมันก็ขี้หึงเหมือนหมาบ้า ผมนอกใจมันไม่ได้หรอก ขอตัวนะ”

 

ว่าแล้วนั้นผมก็เดินละอีกฝ่ายออกมาพร้อมกับความโล่งอกในใจ เห็นไอ้ปอนั่งซดอะไรในแก้วและมองมายังผมอยู่เช่นกัน

 

“ไปเดินอ่อยใครมาถึงเพิ่งมาได้”

 

ผมยักไหล่เมื่อได้ยินในสิ่งที่มันถาม เสียงเพื่อนมันหัวเราะร่วน ดวงตาผมสังเกตเห็นเด็กผู้ชายรุ่นเดียวกันกับผมนั่งอยู่ติดกันกับมัน ระหว่างกลางของมันกับพี่ธาม น่าจะเป็นแฟนของพี่ธามที่หน้าตาก็โอเคน่ารัก กำลังส่งยิ้มมาให้ ผมยิ้มตอบก่อนจะเดินเข้าไปทรุดตัวนั่ง เมื่อกี้เพิ่งจะเดินหนี แต่ตอนนี้ต้องเดินเข้าไปหา เพราะตอนนี้ผมมีมันคนเดียวนี่

 

“กูถามว่าไปอ่อยใครมา?” มันว่าพลางหันมาทำตาดุใส่ อย่าทำเป็นมองไม่เห็น เมื่อกูเห็นมึงหัวเราะกันใหญ่

 

“ทำไม หวงกูเหรอ?” ผมย้อน มันเลิกคิ้วแล้วตอบทันที

 

“เออ ก็ต้องหวงเป็นธรรมดา” ว่าก่อนจะโน้มหน้ามากระซิบ “ก็กูยังไม่ได้มึงนี่หว่า”

 

อื้อหืม อยากตบกกหูมึงจังปอ ไอ้สร้างภาพ!

 

“หวงอย่างงี้มึงไม่ต้องหวงเหอะ” ผมว่าพลางตีต้นแขนมันไปที

 

“เมียมึงนี่เร้าใจดีนะ เดี๋ยวก็ซัดเดี๋ยวก็เพี้ยะ” เพื่อนในสระมันว่า

 

“มันชอบรุนแรง” ปอมันตอบพลางทำท่าเอื้อมมือมาแตะแก้มผมแซว ผมตีมือของมันเถียง

 

“รุนแรงกับผีอะไร”

 

“ดูมันดีๆ นะมึง หน้าตามันเรียกแขกขนาดนี้เอาไปเอามาเดี๋ยวฝรั่งงาบไปกินไม่รู้ตัว” แต่ละคำเพื่อนมึงพูดนี่ส่อมากปอ กูนับถือความหื่นเพื่อนมึงจริงๆ ปอมันยิ้มมีเลศนัยและหันไปมองเพื่อนที่ทำยักคิ้วหลิ่วตามาให้ อะไรของพวกมัน

 

ผมยกมือปัดผมที่ปลิวมาปรกหน้าแล้วเกาหัวด้วยท่าทางจับผิดกลุ่มเพื่อนมันสุด จะหาว่ากูระแวงเพื่อนมึงก็ได้นะปอ แต่ละคนน่ะ นิสัยอย่างหื่น

 

“เล่นน้ำไหม?” ปอมันว่าพลางยกมือมาจัดทรงผมที่ถูกลมพัดโกรกของผมให้เข้าทรง ดวงตาผมมองไปยังสระว่ายน้ำที่มีร่างของพวกรุ่นพี่กลุ่มเดียวกับไอ้ปอกำลังเกาะขอบสระมองมายังเราพร้อมกับยิ้ม

 

พวกมันยิ้มอะไรนักหนา อีกพวกก็ทำหน้าเหมือนโกรธใครมาอยู่นั่น

 

“ไม่เอา อยากเล่นน้ำทะเลมากกว่า”

 

“หึ…” ได้ยินคำตอบ มันหัวเราะแล้วหันไปทางอื่น

 

“ไม่เอา อยากเล่นน้ำพี่ปอคนเดียว” เสียงคนล้อเลียนแบบทะลึ่งเรียกให้ผมหันไปมอง ไอ้ปอมันหัวเราะหึอีกครั้งพร้อมกับกลุ่มเพื่อน

 

“ไม่ตลก” ผมว่า

 

“พี่ล้อเล่นๆ ไม่ลองเล่นดูหน่อยเหรอ น้ำสระมันสะอาดนะ”

 

ผมส่ายหน้า ก้มหน้ารับมือของมันที่ยกมาจัดทรงผมให้อีกครั้ง มันดูจะเอาใจใส่ผมเกินไปจากความเป็นจริงที่เอาแต่หาเรื่องผมทุกวัน ใจผมสั่นขึ้นมาเฉยๆ

 

“พี่ปอคงรักภีมน่าดูเนอะ เอาใจภีมใหญ่เลย น่าอิจฉาจัง”

 

ผมเงยมองหน้าคนพูดที่ส่งยิ้มมาให้ เป็นแฟนพี่ธามนั่นเอง ความรู้สึกเขินตีรวนเข้ามาที่อกเมื่อเห็นไอ้ปอมันยกยิ้ม ก็ใช่น่ะสิ มันชนะที่ทำให้คนอื่นมองว่ามันแสนดีขนาดไหน แต่มันแม่งชอบรังแกผม

 

“ก็แค่เดือนเดียวนั่นแหละ แต่พี่จะรักต้น เอาใจใส่ต้นตลอดไปเลย ไม่ต้องไปอิจฉาใครเลยเพราะคนอื่นเขาจะอิจฉาต้นเอง” เสียงพี่ธามว่า ใบหน้าผมรู้สึกชาขึ้นมาทันที เพราะทุกคนที่นี่ต่างรู้ว่ามันเป็นเพียงแค่เกม

 

ปอมันไม่ได้รักผมจริงๆ ทุกอย่างที่ทำให้ผมมาอยู่ตรงนี้เกิดจากเกมทั้งสิ้น ใจผมชาวาบและไม่กล้าสู้หน้าเพื่อนของมันเหมือนก่อน

 

“แล้วทำไมมึงพามันมา?” เสียงเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มแทรกขึ้น ผมมองไปยังร่างของพี่เขาที่เรียนต่างโรงเรียน แต่พบหลายครั้งแล้วเพราะปอมันมักจะพาผมออกไปด้วยเวลาพบปะกับเพื่อนเสมอ ไปอวดคนอื่นว่าผมคือรายล่าสุดของมันไงล่ะ

 

“ทำไมมึงถามกูแบบนั้นวะพี?” ปอมันหันไปว่ากับเพื่อนตัวเอง นี่ผมผิดอะไร ทำไมรู้สึกมองหน้าใครไม่ติดเลยวะ

 

“ก็กูแค่อยากรู้ว่าทุกอย่างมันเป็นแค่เกมแล้วมึงพาไอ้นี่มาทำไม แค่พาเที่ยวกันสองคนหรือว่าซื้อของที่มันอยากได้มันให้ก็พอแล้วนี่ แต่นี่กลุ่มเราเป็นกลุ่มเฉพาะ คนที่จะมาด้วยได้ก็ต้องเป็นแค่พวกเราที่สนิทกัน อย่างน้อยต้นก็เป็นเมียไอ้ธามจริงๆ มันก็มีสิทธิ์ แต่ไอ้นี่มันก็แค่ของเล่น กูไม่เข้าใจว่ามึงจะลากมันมาทำหอกอะไร” ผมชะงักพร้อมกับหน้าชาเหมือนถูกต่อยเป็นสิบๆ ครั้งเมื่อได้ยินและเห็นว่าทุกคนเงียบกริบ

 

มีสองสามคนเออออกับคำพี่มันด้วย

 

“ก็น้องมันอยากมา” ไอ้พี่ธามมันว่าพร้อมกับยิ้ม “ไม่เห็นเสียหายเลย มันก็เมียไอ้ปอเหมือนกัน ไม่เห็นต่างกับต้นตรงไหน”

 

“ตรงที่พวกกูไม่ยอมรับ” เสียงพี่คนนั้นว่า สร้างความเงียบให้ทั้งกลุ่ม ผมเงยมองหน้าพี่เขาก่อนจะเห็นสายตาที่ดูแคลนเอามากๆ เหยียดหยามสุดๆ ราวกับผมมันต่ำช้ามากที่ถูกเลือกจากไอ้ปอ ทำไมมันต้องมองผมด้วยสายตาแบบนี้วะ

 

พวกมันคิดว่าผมเป็นคนยังไง เห็นว่าผมอยากเป็นเมียไอ้ปอจนตัวสั่นเหรอ โธ่เว้ย!

 

ผมกระชากมือไอ้ปอออกจากตัวแล้วลุกขึ้นเดินออกมาเสียเฉยๆ เพื่อเก็บกลั้นอารมณ์ตัวเอง เสียงของไอ้ปอร้องตามมา ทว่าผมไม่อยากฟัง ไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกแล้วเพื่อให้มันใช้สายตานั่นมองผม

 

ผมไม่คิดเลยว่าคนในกลุ่มมันจะมองว่าผมเป็นยังไง ไม่เคยคิดเลย แค่มันพาไปไหนก็ตามไปง่ายๆ เพราะไม่อยากเถียงกับมัน แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว

 

ไม่ต่างกับพวกโสเภณีเลยมั้งที่มันมองผม

 

ผมทรุดตัวลงนั่งบนขอนไม้ มองเกลียวคลื่นที่ซัดมายังฝั่งระลอกแล้วระลอกเล่า พยายามเก็บเอาความโมโหเข้าไว้ในใจตัวเองอย่างที่สุด แม้อีกฝ่ายจะมองยังไงก็เรื่องของมัน จะเห็นผมเป็นคนเห็นแก่ได้ยังไงก็ช่างมัน ผมจะหน้าด้านยังไงก็จะไม่สนใจ จะดีจะร้ายก็ช่างมันสิ ขอแค่ผ่านเดือนนี้ไปทุกอย่างมันก็จบ

 

รวมถึงเรื่องของผมกับไอ้ปอด้วย

 

แล้วนี่ผมจะไปแคร์อะไรสายตาคนอื่นนักวะ จะมองยังไงก็ช่างมันสิ

 

 

เสียงฝีเท้าของผมกระทบกับพื้นหินดังกรอบแกรบ มันถูกโรยตามทางเดินที่มีคบเพลิงตั้งอยู่สองข้างทางทว่ายังไม่ถูกจุดเพราะยังไม่มืด ร่างของผมเดินอ้อยอิ่งไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จุดหมาย มารู้ตัวอีกทีก็ถึงหน้าห้องพักของตัวเอง

 

เห้อ คิดมาทำไมวะภีม มึงเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

 

ผมส่ายตัวปัดความคิดตัวเอง มือก็เอื้อมเปิดประตูเข้าไปด้านของห้องพักรีสอร์ทที่ทำเป็นบ้านหลังขนาดพอเหมาะ ร่างของผมลากเท้าเอื่อยๆ เข้ามาด้านใน มองทีวีที่ถูกปิดสนิท และหน้าต่างถูกลมพัดโกรกให้ผ้าม่านพลิวไสวงดงาม

 

ทว่า เสียงของอะไรบางอย่างทำเอาผมชะงักเท้าเบิกตาตัวเองพร้อมกับร่างกายที่ชาไปทุกส่วน ไม่อยากคิดเลยว่าในห้องนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น ผมได้ยินเสียงขลุกขลักในห้องนอน โจรเหรอ เพราะหน้าต่างถูกเปิดทิ้งไว้แบบนั้น เท้าของผมค่อยๆ ย่างเข้าไปยังประตูห้องนอนที่ถูกเปิดทิ้งไว้ แต่ยิ่งเข้าไปใกล้ทุกอย่างก็ห่างไกลจากข้อสันนิษฐานขึ้นไปทุกที

 

มือผมสั่นเมื่อนึกถึงหน้าของไอ้ปอพร้อมกับได้ยินเสียงเตียงสะเทือน เนื้อกายกระทบกันและเสียงร้องครวญครางของใครบางคน  ประกอบกับเสียงทุ้มหนักของไอ้ปอแล้วนั้น ไม่อยากคิดว่ามันเกิดขึ้นเพราะกำลังทำอะไรกันอยู่

 

“เบาๆ หน่อยสะครับพี่ ทำอย่างกับไม่ได้นอนกับเมียมาเป็นปี”

 

ผมใจหายวาบ เสียงมันเหมือนไอ้ต้น ดวงตาผมร้อนผ่าวและก้าวเท้าไปยังประตูห้องนอนที่เปิดค้างไว้นั้นเพราะอยากเห็นกับตาตัวเอง ร่างของผมชาเมื่อเห็นภาพตรงหน้าจนเข่าอ่อน

 

“ก็ใช่น่ะสิ” เสียงของไอ้ปอแหบพร่า ร่างของมันกำลังอยู่บนตัวของไอ้ต้น เสียงของมันครางต่ำโดยที่ไม่รู้เลยว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ กำลังสุขสมกับร่างกายของเมียพี่ธาม

 

“พูดแบบนี้ภีมก็เสียใจน่ะสิ” ผมกุมปากตัวเอง ทั้งๆ ที่มือสั่น เห็นความรุนแรงที่ไอ้ปอมันส่งไปให้ไอ้ต้น แต่เสียงของไอ้ต้นไม่ได้เจ็บปวดเลยสักนิดเดียว มันมีแต่ความพอใจ

 

“หยุดพูดถึงมัน มันจะทำให้พี่หมดอารมณ์”

 

“แต่ถ้าภีมมาได้ยิน มันจะเสียใจนะ อื้อ…”

 

“เก็บปากไว้ครางอย่างเดียวแบบนั้นแหละ” ผมส่ายหน้าเมื่อได้ยินเสียงไอ้ปอมันกล่าว ใจผมหายกับสิ่งที่เห็นต่อหน้า ทนดูไม่ไหวแล้ว ร่างของผมถดถอยเพื่อจะเดินหนีทว่าต้องชะงักเมื่อชนกับอะไรบางอย่าง

 

“อะ!”

 

ผมหันไปมองขอบประตูที่ตนเองชนจนล้มลงพื้น นั่นทำให้คนสองคนที่กำลังสนุกสนานเริงรมย์กันอยู่ได้หันมาเห็น ผมเห็นสายตาของไอ้ปอที่มองมายังผมนิ่งพร้อมกับไอ้ต้นที่ผลักตัวมันออกจากร่างและลุกขึ้นนั่งจะแก้ตัวให้ตัวเอง

 

ผมพยายามลุกขึ้นยืน มองร่างของไอ้ปอที่ลุกขึ้นสวมกางเกงมองมายังผม ยังไม่ทันได้พูดอะไร ไอ้ต้นชิงพูดแก้ตัวก่อน “ภีม ต้นอธิบายได้นะ คือ…”

 

“กูเห็นกูได้ยินกับตา กูเชื่อสายตาตัวเองมากกว่าจะฟังพวกมึง”

 

ต้นมันหน้าเสีย เอื้อมมือหยิบเสื้อผ้าสวมปิดตัวเองพร้อมกับไอ้ปอที่เดินเข้ามา

 

“ภีม มานี่” ผมชะงักเมื่อเห็นว่ามันพูดเสียงเบาเหมือนใจเย็น ผมโคตรขยะแขยงมันเลยตอนนี้ ร่างของผมถอยหลังเดินไปเรื่อยๆ เมื่อมันก้าวเข้ามา

 

“โคตรเลวเลยมึงสองคน” ผมว่า ต้นมันจะแก้ตัวทันที

 

“ออกไปก่อนต้น พี่จะคุยกับภีมเอง”

 

“กูไม่คุย!” ผมตะเบ็งเสียงว่าหลังจากเห็นไอ้ต้นหอบเสื้อผ้าออกไป ตัวผมเองก็พยายามถอยตัวออกห่างไอ้ปอที่สุด

 

“ฟังกูก่อนสิวะ”

 

“มึงเอากับแฟนของเพื่อนตัวเอง มึงโคตรเลวเลยปอ กูไม่รู้จะด่าจะว่ามึงด้วยคำไหน” ผมร้องว่าพลางส่ายหน้าระอา ร่างสูงๆ มันเดินเข้ามาใกล้และเอื้อมมือมา “อย่ามาโดนตัวกู กูจะไม่นอนกับมึงเด็ดขาดเลยปอ มึงโคตรสกปรกเลย เอดส์กินมึงแล้วมั้ง!”

 

“ก็เพราะมึงมัวแต่เล่นตัวอย่างงี้ไงกูถึงต้องทำแบบนี้ เพราะมึง มึงทำให้กูมีอารมณ์แล้วก็บอกกูว่าไม่อยากคำเดียวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มึงไม่เป็นกูมึงไม่เข้าใจหรอกภีมว่าต้องอดทนมันยากขนาดไหน มึงเข้าใจไหมว่ากูเป็นผู้ชาย กูอยากระบาย!”

 

ผมส่ายหน้า “เพราะมึงเอาไม่เลือกมากกว่าว่ะปอ!”

 

“ถ้ามึงยอมกูตั้งแต่แรกมันก็ไม่เป็นแบบนี้แล้ว กูต้องอดทนกับมึงเท่าไหร่ จะมาว่ากูเอาไม่เลือกคำเดียวเนี่ยนะหา!” ผมดันตัวมันออกจากตัว ร่างกายถูกมันผลักลงบนเตียงที่มันนอนเอากับไอ้ต้น ผมพยายามลุกขึ้นนั่ง โคตรขยะแขยงเลย!

 

“กูจะกลับบ้าน!”

 

“กูไม่ให้กลับ”

 

“เพื่อนมึงไม่ได้อยากให้กูมา แล้วกูก็ไม่ได้อยากมาเลยซักนิดเดียว มึงเป็นคนบังคับกูมา ทุกครั้งเลยมึงจะต้องบังคับให้กูตามมึงไปทั้งๆ ที่เพื่อนมึงเห็นกูเป็นแค่คู่ขามึง เห็นกูเป็นแค่ไอ้ตัว มึงจะทำแบบนี้ทำไม!?”

 

“มันชักจะมากเกินไปแล้วนะภีม มึงหุบปากเดี๋ยวนี้!”

 

“ไม่! มึงตอบกูมาสิ ทำไมมึงเลวแบบนี้วะปอ กูจะไม่ให้มึงแตะต้องกูแม้แต่ปลายเล็บ กูจะไม่…” ผมร้องว่า ทว่าทำตัวไม่ถูกเมื่อร่างตัวเองถูกผลักลงนอนบนเตียง

 

“กูจะเอา เพราะมึงเป็นต้นเหตุทุกอย่าง ถ้ามึงไม่เดินหนีกูออกจากห้องก่อนหน้านี้แล้วยอมกูดีๆ ถ้ามึงไม่ทำให้กูอารมณ์ค้างแบบนี้ เรื่องมันก็จะไม่เกิดขึ้นเลยภีม!”

 

“กูไม่ผิด เพราะมึง ในหัวมึงคิดแต่เรื่องใต้สะดือ คิดแต่เรื่องต่ำๆ!”

 

“เออ กูต่ำ แต่มึงเชิญชวนให้กูต่ำไปกับมึงเองนี่ มึงตกลงกับกูทำไมว่าจะยอมนอนกับกู ให้ความหวังกูแล้วจะชิ่งไปดื้อๆ เล่นกับอารมณ์ความรู้สึกกู เล่นกับความต้องการของกูมึงสนุกมากไหม!”

 

ผมชะงักเมื่อมันตะเบ็งเสียงสู้

 

เสียงของมันทุ้มต่ำและเข้มขึ้นพร้อมกันกับผมที่สะดุ้งเมื่อมันเอาจริง ผมไม่ได้ตั้งใจจะเล่นกับความรู้สึกของมันเลยจริงๆ ผมไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น แค่คิดว่ามันกอดจูบเฉยๆ ทดแทนกับสิ่งที่มันไม่ได้ทำ ปรามมันเวลาที่มันเพลี่ยงพล้ำมากเกินไป ไม่คิดว่ามันจะคิดว่าผมทำกับมันเพราะต้องการแกล้ง

 

ผมเปล่าจริงๆ

 

“กู…”

 

ใจผมหายเมื่อแววตาของมันกำลังวาวโรจน์มองมายังผม มือของผมผลักมันออกสุดแรงเกิดเมื่อใบหน้าของมันโน้มมาแนบริมฝีปากจูบ ผมเบี่ยงหนีและออกแรงสุดชีวิตขืนมันเมื่อไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจูบง่ายๆ กำปั้นของผมทับอกมันระรัวขืนจนได้ยินเสียงตุบตับ มันกุมมือสองข้างของผมกดลงที่นอนแน่น

 

“อื้อ…” ผมครางปราม ลมหายใจร้อนผ่าวพร้อมกับความร้อนที่วิ่งแล่นเข้าสู้ดวงตาและใบหน้า มันละปากมาจูบซอกคอ ใช้ฟันกัดรุนแรง “อย่า กูไม่ได้ตั้งใจ! หยุดเดี๋ยวนี้!”

 

ผมกลัว…

 

“ไม่ ทุกอย่างเป็นความผิดมึง ภีม”

 

ผมรู้ ทุกอย่างเกิดจากผม

 

ร่างผมผวาเฮือกเมื่อมันกระชากเสื้อของผมหลุดออกจากตัว ฉีกขาด ซุกใบหน้าลงมาจูบบนตัวของผมรับรู้ถึงความร้อนของอารมณ์มันตอนนี้ ใจผมสั่นด้วยความกลัว พยายามบิดตัวเร่าๆ ขัดขืน ใช้เรี่ยวแรงที่มีดึงมือมันที่จะดึงกางเกงตัวเองออก มันกำข้อมือผมแน่นพร้อมกับดึงปราการชิ้นสุดท้ายออกไปไม่สนคำอ้อนวอนของผม

 

ร่างของผมเย็นวาบพร้อมกับร้องปราม

 

“อย่า!” ดวงตาผมเต็มไปด้วยน้ำเมื่อกายถูกตัวหนาๆ ของมันโน้มมาแนบทับไม้ให้สู้แรง มือของมันสอดมาจับกุมส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของผมพร้อมกับจูบปากแน่นไม่ให้ร้องขัดขืน กัดผมจนรู้สึกเจ็บ

 

“อึก” กลั้นหายใจไปกับจูบแสนรุนแรง ผมสะอื้นและดิ้นสุดแรงที่มี ปอมันไม่สนใจผมเลยตอนนี้ ตั้งหน้าตั้งตาเอาชนะผมด้วยกำลังของมันที่เหนือกว่า ข่มเหงผม มันจะทำได้ตามหวังแน่หากไม่มีใครเดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

 

“ไอ้ปอ เมื่อกี้…”

 

ปอมันต้องชะงักการกระทำเถื่อนๆ นี่ เมื่อจู่ๆ เห็นร่างของเพื่อนมันวิ่งเข้ามาร้องเรียกท่ามกลางเสียงร้องไห้ขัดขืนของผม

 

สิ่งแรกที่รู้สึกคือหน้าผมชาเพราะร่างกายไม่มีอะไรปิดตัวและถูกเห็นตอนที่กำลังโดนมันบังคับข่มขืน ร่างของพี่ธามวิ่งตามเข้ามาอีกคนก่อนจะชะงักนิ่ง ไอ้ปอรีบลุกขึ้นนั่ง สิ่งแรกที่มันทำคือดึงผ้าห่มมาปิดตัวให้ผมซึ่งไม่มีอะไรติดตัวสักชิ้น ใจผมตอนนี้แทบไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนเพราะขวัญผมกระเจิงไปหมดแล้ว

 

ร่างของผมลุกขึ้นนั่งผลักตัวมันออกทันทีพร้อมกับกลั้นสะอื้นและความกลัวของตัวเองไม่ให้ใครเห็น ตัวผมสั่นงกๆ ด้วยความโกรธตนเองที่ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากเช็ดน้ำตาและบังคับไม่ให้สะอื้นเสียงดังท่ามกลางแววตาที่มีเครื่องหมายคำถามของเหล่าเพื่อนๆ ไอ้ปอทั้งกลุ่ม

 

ใจผมหาย ผมไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี






ทำใจนิดนึงนะคะไรต์เป็นคนชอบเขียนแนวดาร์ค มืดๆหม่นๆ ของสังคมหน่อย
เป็นโรคจิตชอบบีบใจคนอ่าน อิอิ ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้มีอะไรหรอก บีบไปเฉยๆ นั่นแหละ

เรื่องนี้มีทั้งหมดสองคู่นะคะ มีคู้พี่ปอน้องภีมแล้วก็คู่พี่ธามน้องต้นและอีกหนึ่งบุคคลปริศนา(3P)ค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2014 13:15:23 โดย noonaaRP »

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ชอบอ่า
นายเอกสู้ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

ตอนที่ 5

Part 1
 

ชั่วโมงนี้บอกเลยผมโคตรกลัว

 

ทุกสายตาของเพื่อนทั้งกลุ่มของมันมองทอดมายังร่างกายเปลือยเปล่าของผมที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มนวม ซึ่งมือสุดแสนสกปรกของมันนั่นแหละเป็นคนเอามาคลุมให้ ไม่บอกก็รู้เพราะตัวผมสั่นและไม่กล้าจะสู้หน้าพวกมันมากแค่ไหนโดยเฉพาะไอ้พี่พี

 

คนที่มันไม่ยอมรับในตัวผม คนที่มันคิดว่าผมอยากเป็นเมียไอ้ปอเสียเต็มประดานั่น

 

“ไอ้ปอ นี่มึงยังไม่เคยนอนกับมันงั้นเหรอ?” เสียงของพี่ธามว่า ผมกำผ้าที่คลุมตัวแน่นพร้อมกับยกหลังมือเช็ดน้ำตา เก็บความกลัวของตัวเองตอนนี้ไว้ไม่ให้ร่างกายสั่นเท่าไปมากกว่านี้ ผมเห็นแววตาของเพื่อนไอ้ปอหลายๆ คนที่มองว่าหมายความว่ายังไง

 

พวกมันรู้แล้วว่าผมไม่เคยเป็นของไอ้ปอ มันคิดยังไงกับผมอีกล่ะ จะหาว่าเล่นตัวเหรอ

 

“พวกมึงออกไปคุยกับกูข้างนอก” ปอมันว่า หันร่างเอื้อมมือขยับผ้าห่มบนตัว ผมปัดมือมันออกทันที

 

“อย่ามาโดนกู!”

 

ปอมันถอนใจเมื่อเห็นกลุ่มเพื่อนมันเดินออกไปแล้ว หันมามองผมนิ่ง ผมไม่รู้ความหมายที่มันออกอาการแบบนี้แต่ก็ไม่อยากจะพยายามเข้าใจมัน คนอย่างมันไม่มีทางคิดอะไรดีๆ ในหัวได้หรอก!

 

โอย ผมควรเรียกไอ้ภีมคนเดิมกลับมาไวๆ ผมไม่ชอบตัวเองในสภาพอ่อนแอแบบนี้เท่าไร คือไม่ชอบเลยด้วยซ้ำ!

 

ผมกลืนเสียงสะอื้นตัวเองลงคอมองตามร่างสูงๆ ของไอ้ปอซึ่งเห็นผมตอบสนองด้วยความรังเกียจก็ลุกขึ้นเดินตามเพื่อนๆ ออกไป มีเพียงสายตาของพี่ธามและไอ้พี่พีนี่อีกคนที่ยังคงยืนมองผมนิ่งไม่ละ ก่อนจะเดินตามไอ้ปอออกไปเงียบๆ

 

โอเคแล้ว ทุกอย่างโอเค

 

ผมยกมือกุมหน้าของตัวเองที่ร้อนผ่าว พยายามทำจิตใจให้สงบที่สุดก่อนจะตั้งสติเมื่อนึกขึ้นได้ มึงต้องออกไปจากที่นี่ภีม มึงอย่าอยู่ต่อเลย คิดแล้วก็รีบลุกไปหาเสื้อผ้ามาสวม ดีแค่ไหนที่วันนี้ผมไม่เสร็จมันอีก

 

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมกลัวไอ้ปอขึ้นมาจับใจและไม่กล้ากวนตีนมันอีก ผมรู้ผมผิดที่ทำให้มันเก็บกดแล้วต้องทำแบบนี้ แต่จะให้ผมยอมมันง่ายๆ ผมก็ทำไม่ได้อยู่ดี เป็นผู้ชายอยู่ดีๆ มีผัวขึ้นมามันรับไม่ได้จริงๆ

 

ผมยกหลังมือเช็ดน้ำตาลืมความกลัวไปก่อน เก็บของเข้ากระเป๋าเตรียมตัวที่จะกลับบ้านทันทีที่คิดได้นั่นแหละ น้ำตาเหือดแห้งแล้วก็ต้องเข้มแข็งเป็นไอ้ภีมคนเดิม ผมเรียกสติตัวเองทั้งยกกระเป๋าขึ้นมาวางบนปลายเตียง เดินไปเปิดประตูหยิบเสื้อผ้ามาวางใส่กระเป๋าลวกๆ

 

ได้ยินเพียงเสียงประตูที่ถูกเปิดออกพร้อมกับฝีเท้า ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือถูกดึงออกจากกระเป๋ารั้งให้ผมหันไปเห็นว่าเป็นใคร

 

“ปล่อยกู!”

 

“ใจเย็นๆ เว้ยไอ้ปอ น้องมันแค่ตกใจ” พี่ธามว่าปรามไอ้ปอ พลางยกมือทั้งสองข้างดึงแขนไอ้ปอห้ามไปด้วย

 

เพื่อนทั้งกลุ่มเดินเข้ามากันหมดหลังจากที่มันเข้าไปคุยอะไรแค่แป๊ปเดียว ผมไม่อาจรู้เพราะตอนนี้กูอยากกลับบ้าน เหลือบไปเห็นไอ้ต้นที่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตา เห็นไอ้พี่พีและคนอื่นๆ ที่ไม่เคยมองผมในทางที่ดีมาก่อนยืนดูอยู่ พวกมึงมาทำไมนักหนา!

 

“ปล่อยกู” ผมรั้งข้อมือตัวเองสุดแรง และเห็นว่ามันเองก็กำไว้แน่นไม่ฟังคำปรามพี่ธามสักนิด

 

“ปอ มึงปล่อยน้องเขาก่อน”

 

“ปล่อย!” ผมร้องว่าพลางสู้สุดแรง บอกมันได้คำนี้คำเดียวจริงๆ

 

“ถ้ามึงยังทำแบบนี้อีกกูจะไม่ใจเย็นแล้วนะภีม”

 

“ปอ มึงปล่อยน้องก่อน มันเจ็บนะนั่น” พี่ธามว่าแทรก ผมแกะมือของมันออกจากข้อมือตัวเอง รู้สึกเหมือนกระดูกจะหักอยู่รอมร่อ

 

“กูไม่ให้มันไปไหนทั้งนั้นธาม!”

 

“กูจะกลับบ้าน กูไม่อยู่แล้ว!” ผมร้องว่าสุดเสียง

 

“ฟังพี่ก่อนภีม อย่ายั่วโมโหไอ้ปอเลยน่า ทำแบบนี้มันไม่ดีหรอกนะเชื่อพี่เถอะ”

 

“ทำแบบไหนมันถึงจะดี ตอบมาสิ แบบมันเหรอ?”

 

“ไม่ใช่ พี่ไม่ได้เข้าข้างมันนะภีม แต่พี่จะบอกว่าใจเย็นๆ ก่อน”

 

“ไม่เอา! เพื่อนพี่มันเลว ผมจะกลับ อย่ามาแตะกู!” ผมดันไหล่ของไอ้ปอออกจากตัว มันขืนแรงของผมดึงเข้าไปหาตัวมันและรัดแน่นไม่ให้ขยับ แรงของผมมีไม่พอที่จะดันผลักมันออกไม่ให้กักขังตัวไว้แบบนี้

 

โถ่เว้ย!

 

ผมหายใจไม่ออก มารู้สึกตัวอีกทีก็หอบแทบจะหายใจไม่ทันกับอารมณ์ตัวเอง กูจะไปก็ปล่อยให้ไปที่ที่กูอยากจะไปเหอะไอ้สัส!

 

“กูบอกให้มึงปล่อยกูไงปอ!”

 

มันไม่ว่าอะไรตอบโต้สักแอะ ปล่อยให้ผมโมโหและดิ้นสู้แรงกอดของมันครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งโมโหยิ่งโกรธก็ยิ่งออกแรงสุดตัว ผมเปร่งเสียงร้องด้วยความสุดทนและสุดเฮือกสุดท้าย มันดีแต่ใช้กำลังกับผมจริงๆ ผมเกลียดมัน!

 

ร่างผมหอบหายใจไม่เป็นท่า เรียกสติให้หวนกลับมาอย่างไวเพราะโมโหเลือดขึ้นหน้าจนแรงของผมหมดไปเสียเอง ผมหอบหายใจ ใบหน้าแนบกับหน้าอกของมัน ยกแขนไม่ขึ้น ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของมัน ผมมองไม่เห็นใคร ไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมด ไม่รู้เหี้ยไรเลยตอนนี้

 

ทำไมมันไม่ว่า ไม่สู้กับผม กูกำลังโคตรงงเลยตอนนี้

 

รู้แค่ว่ามันไม่อยากให้ผมกลับเพราะผมยังไม่เสียตัวให้กับมัน เรี่ยวแรงของผมหมดแทบไม่เหลือ รู้สึกเจ็บคอเพราะใช้เสียงเยอะมาก ผมกลืนน้ำลายและรู้สึกเจ็บมากจนต้องมองหาน้ำ

 

ผมอึดอัด ตั้งตัวทั้งใจเลยตอนนี้ กูอยากกลับบ้าน!

 

ผมเงยหน้าแดงๆ ตัวเองไปสบตามันอยู่ครู่ น้ำหูน้ำตาไหลหน้าตาจะอุบาทว์สักแค่ไหนก็ไม่อาย ผมเห็นสายตามันที่เปลี่ยนไปจากเมื่อชั่วโมงที่ผ่าน ปอมันกำลังใจเย็นกับผม มันไม่ขึ้นเสียงเหมือนแต่ก่อน แค่ยืนกอดผมนิ่ง ผมกลืนน้ำลายเงยมองมันด้วยหลายหลากความรู้สึก แต่ความรู้สึกเดียวตอนนี้คือมันอึดอัดที่จะยืนอยู่แบบนี้

 

ผมเม้มปากบวมๆ ตัวเองบอกกับมันในสิ่งที่ตัวเองต้องการ พยายามใจเย็นที่สุดแล้ว “ปอ…กูไม่อยากอยู่ที่นี่ กูอยากกลับบ้านจริงๆ กูไม่ได้เรื่องมาก”

 

“กูไม่ให้มึงไปไหนทั้งนั้นภีม” ผมมุ่นคิ้วพลางก้มหน้าเมื่อมันตอบกลับมาเสียงเรียบ

 

“แต่ว่า…”

 

“อยู่กับกูที่นี่ กูบอกแล้วไงว่ามึงเป็นแฟนของกู กูจะไม่ปล่อยให้ใครมองมึงแบบลบๆ ได้อีก มึงต้องอยู่กับกูทุกที่ที่กูอยู่”

 

ผมเงยมองมันไม่ละ ก่อนจะกลืนน้ำลายเมื่อมันว่าต่อ มันพยายามปรับสีหน้ามาว่ากับผมเสียงเบา “เออ ครั้งนี้กูผิดเอง มึงจะได้สบายใจ…”

 

ดีที่มึงรู้ตัว

 

ผมไม่ได้ว่าอะไรต่อ ก้มมองหน้าอกมันเพราะไม่รู้จะตอบไปด้วยคำไหน ตอนโกรธผมก็โกรธที่เห็นมันนอนกับไปไอ้ต้น แต่ผมไม่ควรด่ามันต่อหน้าพี่ธาม ผมควรจัดการและเคลียร์กับมันทีหลัง แต่เรื่องที่มันตั้งใจแน่ๆ ว่าจะข่มขืนผมน่ะมันหายโกรธยาก ผมรู้ว่าผมผิดส่วนหนึ่งแต่มันไม่ควรจัดการผมด้วยการข่มเหงแบบนั้นสิ

 

“กู…โมโหไปหน่อย แต่ตอนนี้ก็พยายามใจเย็นแล้วนะ”

 

มันปล่อยวงแขนที่กอดผมแน่นจนแทบหายใจไม่ออกนั้นพลางก้มลงมาจ้องตา ผมเดาไม่ออกแต่เรียกความรู้สึกประหลาดแก่ใจเป็นอย่างมาก เป็นผมเองที่ละหนีไปด้วยเพราะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ฉายมา มันทำใหใจผมสั่น จึงทำได้แค่พยักหน้ารับเท่านั้น

 

ผมไม่รู้ว่ามันไปพูดอะไรกับเพื่อนมันข้างนอก แต่สิ่งที่ผมควรจำไว้ก็คือตัวผมมาที่นี่กับมัน ผมไม่ควรแคร์ว่าใครจะคิดยังไงเพราะที่สุดแล้วผมก็อยู่กับมันแค่สองคน แล้วแต่ว่าใครก็ตามจะคิดว่าผมเป็นตัวอะไร

 

แต่ผมจะไม่เข้าไปร่วมทำอะไรกับเพื่อนๆ ของมันทั้งสิ้น จะอยู่ส่วนของผมเองอย่างนี้ ยังไงปอมันก็ไม่ทิ้งผมแน่ๆ ตราบใดที่ยังไม่ครบหนึ่งเดือน

 

ผมหวังไว้นะ

 

หรือต่อให้ครบหนึ่งเดือนแล้ว ถึงผมจะสนิทกับเพื่อนของปอมันมากขนาดไหน ยังไงก็ต้องเมินกันอยู่ดี สู้เฉยๆ ให้กันแบบนี้น่ะดีแล้ว จะได้ไม่ลำบากภายภาคหน้า

 

เคลียร์แล้ว ถึงผมจะโกรธและกลัวมัน แต่ก็ยังดีที่มันคิดได้ว่าต้องใจเย็นกับผม คราวหลังผมต้องสู้มันให้มากกว่านี้ ต้องไปเข้าฟิตเนสฟิตกล้ามไว้เพื่อมันโดยเฉพาะล่ะ

 

“กูขอโทษ…”

 

มันว่าเสียงเบาพร้อมกันกับผมที่เงยไปมองหน้า เออ เห็นแล้วว่ามึงรู้สึกผิดจริงๆ ไอ้ผมก็ได้แค่ก้มหน้า พยักรับหงึกๆ บอกมันว่าโอเค กูยอมรับคำนั้น

 

 

ค่ำแล้ว

 

หลังจากที่รวบรัดเก็บของเข้าใส่กระเป๋าตัวเองเมื่อบ่ายแก่ๆ นั้น ไอ้ผมต้องกลับมานั่งเก็บเสื้อผ้ายกออกจากกระเป๋าเข้าไว้ในตู้เหมือนเดิมอีกครั้งหลังจากมันชี้นิ้วสั่งให้เก็บของเขาที่ แล้วเสือกไปนั่งกินเหล้าร่วมวงกับเพื่อน

 

ผมถอนใจหยิบของส่วนตัววางไว้ในห้องน้ำ แล้วก็ต้องไปจัดเครื่องสำอางให้มันในห้องตามที่มันวางไว้เป๊ะๆ อีกเพราะเดี๋ยวโดนด่า

 

 ที่มันหล่อได้ก็คงจะเป็นของแพงๆ มียี่ห้อพวกนี้สินะ และของพวกนี้แหละที่ใครๆ ก็อยากให้มันหยิบยื่นให้ เมื่อไหร่มันจะแยกแยะออกได้ว่าความรักกับเซ็กส์มันคนละเรื่องกันแล้วเลิกให้เงินหรือของแพงๆ ตอบแทนแฟนมันซักที แล้วหันมาตั้งใจเอาชนะใจคนที่มันรักนั่นให้ได้

 

ผมมองออกไปไกล มองฟ้าที่มืดรับกับแสงดาวที่มองลอดผ้าม่านออกไป เห็นแสงสว่างรำไรจากมุมใดมุมหนึ่งสาดมา มันสั่นระริกเรียกให้ผมไปมองก่อนจะนึกอะไรได้ ใบหน้าผมมองทอดออกไปนอกหน้าต่างทันที ดวงตาของผมเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นที่เห็นมัน อารมณ์เปลี่ยนโหมดมาสนุกสนานอีกครั้ง

 

กลับมาเป็นไอ้ภีมคนเดิมเถอะ เรียกขวัญตัวเอง

 

คบเพลิงถูกจุดเป็นแสงสว่างรำไรเรียงรายริมทางเดินทั้งสองฝั่งราวกับเสาไฟฟ้า  แม้ตามบ้านพักรีสอร์ทจะมีโคมไฟอยู่แล้วก็ตามที ผมรีบเดินออกไปนอกบ้านรีสอร์ทหลังเล็กของตัวเองพร้อมกับมองทอดออกไป เป็นริมทะเลที่มืดสลัว บนท้องฟ้ามีดาวระยับหลายล้านดวง มันสวยอย่างที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน

 

 ผมพาร่างตัวเองเดินริมหาดพร้อมกับถอดรองเท้าไปด้วย หาดสวย ไม่น่าจะเมีเศษขวดให้เหยียบเท่าไรนัก ผมเตะน้ำที่สาดซัดมาอยู่คนเดียวแล้วเดินลากเท้าเอื่อยๆ มองคู่รักที่เดินจูงมือกันไปด้วย กระทั่งดวงตากวาดไปเห็นเงาของใครยืนอยู่ คนๆ นั้นหันมามองผม

 

ผมกลืนน้ำลายก่อนจะถอยหลังพร้อมยิ้มให้อีกฝ่ายนิดๆ ว่า “โทษทีที่มากวน ไปล่ะ”

 

“เดี๋ยว…” ผมชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงข้างหลัง ฝีเท้าย่างสวบๆ เข้ามาใกล้แล้วพูดขึ้นมาเฉยๆ “ทำไมมึงถึงไม่ยอมนอนกับไอ้ปอ?”

 

มันถามผมทำไมวะ

 

ผมหันกลับไปมองคนว่า สายตาที่มองมายังผมด้วยแววเยาะอย่างเคย แต่ผมไม่สนใจแล้ว เพราะผมว่าผมอยู่เหนือมันที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผมไม่ได้อยากเป็นเมียไอ้ปออย่างที่มันคิดสักหน่อยนี่

 

 “พี่จะอยากรู้ไปทำไม จะช่วยมันจับผมปล้ำเหรอ?”

 

“มันรู้รึเปล่าว่ามึงอวดดีขนาดนี้”

 

“เฮอะ มันรู้อะไรเยอะเลยแหละ” ผมว่า ก่อนจะกอดอกมองทะเลข้างหน้าเชิดคอไปด้วย ให้มันรู้ไปสิว่าไอ้ภีมกลัวที่ไหน

 

“ถ้าไม่อวดดีแบบนี้ ไอ้ปอมันจะตามบังคับให้ผมยอมนอนกับมันรึไง ถ้าผมนอนกับมันง่ายๆ ผมก็ไม่ต่างอะไรกับคนอื่นน่ะสิ”

 

มันหันมามองหน้าผมแล้วเดินมากำต้นแขนให้หันไป “มึงต้องการอะไร?”

 

“ผมต้องการจบเดือนนี้ไปโดยที่ไม่ต้องเอากับมัน” ผมหันไปว่า เขาชะงักนิดหน่อยและละมือออกไปส่ายหน้า

 

“ไม่จริง มึงต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ ที่ทำเล่นตัวเพราะอยากได้สิ่งที่มึงต้องการใช่ไหมล่ะ?”

 

“ผมเล่นตัวเพราะไม่อยากให้ในสิ่งที่มันต้องการต่างหาก เพื่อนพี่มันเลว คิดว่าทุกคนอยากถูกมันควงไปซะหมด บอกเลยว่าผมคนหนึ่งที่แหละที่ไม่” ภาพตอนที่มันเอากับไอ้ต้นยังติดตาผมอยู่ตลอด เลวกันทั้งคู่

 

ผมก็จะไม่เกลียดมันถ้ามันเปลี่ยนตัวเอง ผมคิดไว้แบบนี้ และมันต้องถูกเปลี่ยน

 

“ทั้งๆ ที่มันทำกับมึงต่างจากคนก่อนๆ น่ะเหรอ?”

 

“ต่างกันตรงไหน มันก็บ้าใช้อำนาจ รังแกข่มเหงแต่ผม เอาแต่ใจตัวเองเหมือนเดิม คนอื่นๆ มันทำดีกว่านี้ไม่ใช่รึไง?” ผมว่าอย่างสุดทน มุ่นคิ้วตัวเองระเบิดอารมณ์จนนึกโมโหขึ้นมาอีกรอบ

 

“มึงไม่รู้เหรอ?”

 

ผมหันไปมองคนว่าที่กำลังจะเริ่มเรื่อง “พี่พีครับ…”

 

มารก็มาผจญทันที

 

เราทั้งคู่หันไปมองไอ้ต้นที่วิ่งเข้ามา มันแสดงถึงความอึดอัดหน่อยๆ ที่เห็นว่าผมก็ยืนอยู่ข้างเขาด้วย  และสิ่งที่ผมกำลังสงสัยนั้นถูกกลบหายไปทันทีที่ร่างของพี่เขาเดินละออกไปเงียบๆ ไม่ยอมมาขยายความที่มันเปิดไว้ให้กูอยากรู้เนี่ย

 

ไอ้ต้นวิ่งตามหลังไปติดๆ มันคือตัวขัดจังหวะชั้นยอดเลยไอ้เวรเอ๊ย!

 

ผมถอนใจ ก้มหน้าเอาเท้าที่เปียกน้ำเขี่ยทรายเล่นไปพลาง ไม่อยากกลับไปที่ห้องพัก ผมอึดอัดที่จะอยู่คนเดียว ผมไม่ชอบเพราะมันไม่ใช่บ้านของผมนี่ ใครจะไปทนอยู่คนเดียวได้ ถึงปอมันบอกว่ามาเที่ยวกับผมแต่มันก็ติดเพื่อน อยู่แต่กับกลุ่มของมันจนลืมผมแล้ว





จะเอามาลงเรื่อยๆ ค่ะ ให้รู้ว่ามีนิยายเรื่องนี้อยู่ 555 รู้สึกค้างๆ คาๆ ยังไงไม่รู้เพราะลงได้ทีละครึ่งตอน
ไม่รู้จะแบ่งตรงไหนเดี๋ยวสั้นไปเดี๋ยวยาวไป
ถ้าใครชอบก็ฝากเพจด้วยนะคะ ข้างล่างตอนหรือกดรูปโลกอะค่ะ เดี๋ยวเอามาต่อพาทสองนะคะ
เวบอื่นเขาลงไปหลายตอนแล้วเลยรีบลงหน่อย ถ้าใจร้อนอยากอ่านต่อไวๆ สามารถไปค้นหานิยายเรื่องได้ใน Google นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2014 18:16:23 โดย noonaaRP »

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

ตอนที่ 5

Part 2





เสียงฝีเท้ามาจากด้านหลัง ผมหันไปตามเสียงที่ไอ้ต้นมันเคยวิ่งมา เป็นตัวสูงๆ ของไอ้ปอที่มาหยุดยืนนิ่ง มันมองหน้าผมที่เบ้ปากตัวเองรออยู่ กูยังโกรธมึงอยู่ ยังจะมาลอยหน้าลอยตาอีก อยากจะเอารองเท้าที่ถืออยู่นี่ตบหน้าให้ทรายกระเด็นเข้าตาแม่ง

 

“มาทำอะไรกับไอ้พีตรงนี้?”

 

“ทำไม ไอ้ต้นไปฟ้องว่าอะไรล่ะ?” ผมย้อนเสียงขุ่นบอกบุญไม่รับ มันขมวดคิ้วเดินเข้ามาใกล้

 

“กูถามดีๆ”

 

“ก็แค่คุยกัน กูไม่ได้จะอยู่กับใครสองต่อสองแล้วอ้าขาให้ใครเอาง่ายๆ เหมือนบางคนหรอก”

 

“หึ มึงหึงกูเหรอ?” มันว่าพร้อมกับยกมือขึ้นมายีหัว ผมดึงมือมันออก

 

“ไม่ใช่ กูประชดเว้ย!”

 

“นั่นแหละ ประชดเพราะหึง”

 

“ไม่ ก็มึงมาว่ากูก่อนนี่” ผมว่าพลางขมวดคิ้วกอดอกหันไปมองทะเลต่อหน้าด้วยความขัดใจที่มันล้อแรงๆ แบบนี้ ใจที่อยู่ดีๆ ก็เต้นตึกตักรุนแรงขึ้นมาเสียเฉยๆ

 

“ยอมรับมาเหอะว่ามึงหึง”

 

“หุบปากมึงไปเลย” ผมว่า มันหันมามองหน้าผมนิ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นมาวางแหมะบนหัวผมอีกครั้งพร้อมกับพูดฝ่าความเงียบไปด้วย

 

“มึงจะโมโหกูยังไงก็ได้นะภีม แต่ห้ามเดินหนีกู กูไม่ชอบให้มึงเป็นฝ่ายเดินออกไปก่อนแล้วปล่อยให้กูกลายเป็นคนถูกทิ้ง มันโมโห”

 

“รู้สึกแพ้เหรอ อายเพื่อนรึไง?” ผมเงยหน้าไปว่า รู้สึกเมื่อตอนบ่ายยังบอกว่ากลัวมันอยู่เลย แต่ตอนนี้มันควบคุมปากไม่ได้จริงๆ

 

“เปล่า กูแค่ไม่ชอบที่ถูกคนอื่นมองว่าเป็นของไร้ค่า”

 

ผมนิ่งมองมัน เช่นเดียวกับมันที่มองตาผมอยู่

 

เหมือนครั้งที่มันโกรธตอนที่ผมพูดดูถูกตัวเองเลยแฮะ นิ่งมองมันด้วยความรู้สึกแปลก ลืมคิดไปว่าทำไมมันเป็นคนแบบนี้ เหตุผลต้องมีสิที่ทำให้ไอ้ปอกลายเป็นคนแบบนี้ ลืมคิดไปเสียสนิท มึงขาดความอบอุ่นทางครอบครัวมากใช่ไหม!

 

“ทำไมมึงไม่หาคนที่คบมึงแบบจริงใจ” ผมว่าพลางเงยมองหน้ามัน

 

“ไม่เอาหรอก ใครจะไปทนอยู่ได้กับของเดิมๆ แบบนั้นตลอดปีตลอดชาติ กูคนหนึ่งแหละที่ไม่”

 

ผมเงยมองหน้ามันแบบที่ระอาสุดๆ “แล้วทุกคนที่มึงคบๆ มา มึงไม่เคยรักเขาเลยเหรอ?”

 

“ไม่” มันตอบแทบจะทันที

 

“มึงทำแบบที่ทำกับกูกับทุกคนเลยเหรอปอ มึงไม่ได้รักเขา มึงจะเอาเขาอย่างเดียวเนี่ยนะ” ผมว่าพลางมุ่นคิ้ว

 

“กูก็ให้ของที่มันต้องการไปหมดแล้วไง มันไม่ได้ต้องการให้กูรักซักหน่อย”

 

“มึงถามกูไหมว่าอยากได้อะไร?”

 

“อ๋อ ที่มึงไม่ยอมซักทีเพราะรอกูถามว่าอยากได้อะไรแลกเปลี่ยนเหรอ?” มันยักไหล่ว่า ก่อนจะหันว่ามาว่าต่ออีก “เรื่องที่ทำแบบเดียวกันกับมึงไหมน่ะ กูว่ากูก็ทำดีกับทุกคนที่สุดแล้วนะ จะไม่ประทับใจก็ช่างมันสิ”

 

“ปอ มึงใจร้ายกับกูคนเดียวสินะ” ผมว่าตอบ มันนิ่งชะงัก ก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นไม่ตอบราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ ผมรีบว่าต่อทันที “เออ ถ้ามันเป็นเพราะว่ากูไม่ยอมมึงซักทีมึงถึงทำแบบนี้กับกู…”

 

“กูจำได้ว่ากูไม่เคยทำให้มึงเสียใจเลย กูพยายามใจเย็นกับมึงที่สุด ยกเว้นเรื่องเดียว เรื่องที่มึงกับกูเถียงแบบไม่มีวันจบเนี่ย เพราะมึงไง เพราะมึงไม่ยอมซักที”

 

ผมอึกอัก แม่งเถียงกับมันไม่เคยขึ้นเลยสิ ดวงตาผมจ้องมันก่อนจะละลงพื้นไปเฉยๆ พร้อมกันนั้นก็ได้ยินเสียงไอ้ต้น ซึ่งมันจะเสนอหน้าอยู่กับทุกคนในกลุ่มได้อย่างแนบเนียนที่สุด มันมาตามไอ้ปอ ผมปล่อยให้มันไป จะเดินกลับห้องของตัวเอง ดวงตากวาดไปเห็นร่างของไอ้ต้นที่ยืนยิ้มนิดๆ ส่งมาให้

 

มันแฝงอะไรสักอย่าง

 

มันเป็นคนยังไง มานอนกับเพื่อนของแฟนตัวเอง แล้วมายืนยิ้มให้ผมซึ่งเป็นแฟนของไอ้ปอที่เห็นมากับตาว่ามันเลวกันขนาดไหน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น

 

หรือมันคิดว่าตัวเองน่ะเหนือกว่าผมแล้ว เพราะผมกับไอ้ปอยังไม่มีอะไรกัน ทำไมมันโง่ คิดว่าเซ็กส์จะผูกมัดไอ้ปอได้เหรอ

 

 

นี่ผมเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย วันนี้อยู่ไม่เป็นสุขเลย!

 

ผมทิ้งตัวลงที่นอน ก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่งเมื่อนึกได้ว่าไอ้ปอกับไอ้ต้นมันทำอะไรกันตรงนี้ คงจะสกปรกน่าดู คิดแล้วนั้นมือของผมก็ทำงาน ทำการถลกผ้าปูที่นอนออกด้วยความเร็วพร้อมกับโยนใส่ตะกร้า อยากจะเปลี่ยนไปทั้งที่นอนเลยถ้าทำได้ ผมมุ่นคิ้วตัวเองมองนาฬิกา นี่มันปามาสามทุ่มครึ่งแล้วแต่ไอ้ปอมันก็เอาแต่สังสรรค์กับเพื่อน ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวเนี่ยนะ ว่าแล้วผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที

 

เสียงรอสายดังอยู่ครู่เดียวก็มีเสียงคนกดรับ ผมรีบกรอกเสียงเข้าไปในสายว่า “มึงอยู่ไหน?”

 

เหมือนเมียโทรจิกผัวขึ้นไปทุกวัน

 

“หืม กูก็อยู่กับเพื่อนกูนี่แหละ” เสียงในสายว่า

 

“มึงกินเหล้าเหรอ?”

 

กูซวยอีกและ เดี๋ยวเมาแล้วก็มาหาเรื่องข่มขืนกูอีก

 

“เปล่า แค่จิบๆ” มันตอบ ได้ยินเสียงเพื่อนๆ หัวเราะกันเกรียวกราว “มึงมาสิภีม ยังไม่ได้กินข้าวล่ะสิ ห้ามอดข้าวเย็นนะกูสั่ง”

 

“ไม่เอา มึงมาเรียกให้แม่บ้านมาเปลี่ยนผ้าปูให้กูหน่อยสิ” ผมว่าเสียงเบา ทำอ้อนมันเพราะตอนนี้เริ่มเห็นมันเป็นขี้ข้า

 

“เปลี่ยนทำไม?”

 

“ก็มันสกปรก กูไม่อยากนอนแบบนี้ ขยะแขยง” ผมเน้นประโยคสุดท้าย ได้ยินเสียงมันหัวเราะหึในคอ นี่มึงอยู่ในอารมณ์ไหน

 

“มึงมากินข้าวก่อน กูถึงจะให้แม่บ้านไปทำ” เสียงมันว่า หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงคนโห่แซว ผมอิดออดน้อยๆ พลางถอนใจไม่อยากไป “มาเร็วๆ สิ อย่าต้องให้กูไปตามถึงห้อง”

 

“ปอ สั่งมากินในห้องได้ไหม?” ผมว่าเสียงเบา มันเงียบ ได้ยินแต่เสียงคนรอบข้าง

 

“ถ้ากูไม่เห็นกับตาว่ามึงกิน กูก็จะไม่เชื่อ”

 

“โธ่เว้ย เรื่องมากว่ะปอ มึงก็รู้ว่าเพื่อนมึงไม่ชอบกู”

 

“มึงเป็นแฟนกูไปแคร์อะไรคนอื่น คนที่มึงต้องแคร์คือกู เวลากูพูดมึงต้องเชื่อฟัง” แม่งย้ำอะไรมากมายวะ ผมถอนใจแล้วกล่าวตอบ

 

“ปอ ปอก็สั่งมาให้ภีมกินสิ กลับห้องนะ”

 

กูใช้ไม้นี้ได้ผลชัวร์

 

ผมรู้สึกว่าอยู่คนเดียวแบบนี้มันเปลี่ยวๆ แฮะ ก็มันไม่ใช่สถานที่ที่ผมคุ้นเคยนี่ เสียงมันหัวเราะในลำคอก่อนจะว่า “นี่มึงยั่วกูอีกแล้วนะภีม มึงยังไม่เข็ดอีกใช่ไหม?”

 

“กูเปล่า” ผมรีบเถียง

 

“แบบนี้แหละที่เรียกว่ายั่ว”

 

“ก็กูไม่รู้จะพูดยังไงให้มึงกลับห้องนี่หว่า กูกลัว” ผมว่าพลางมุ่นคิ้ว

 

“เดี๋ยวกูไป อีกแปปเดียวก็จะแยกย้ายไปนอนกันแล้ว”

 

“แล้วมึงไม่กลัวกูโกหกมึงว่ากินข้าวแล้วเหรอ” ผมว่า

 

“ภีม มึงอย่ากวนตีน”

 

“ถ้ามึงมากูให้จูบ”

 

อันนี้กูตั้งใจยั่วมึงละ ผมยกนิ้วมือไขว้กันว่าแล้วรอฟังมันว่าจะกระตือรือร้นมาไหมถ้ามีเซอร์วิสให้ขนาดนี้ ผลปรากฏว่ามัน

 

เฉยๆ

 

“กูจะจูบมึงตอนที่กูอยากจูบ แล้วก็จะจูบตอนไหนก็ได้” ไอ้นี่มันกวนตีนรู้ตัวเองบ้างไหมวะ ผมขมวดคิ้วไม่พอใจพลางร้องว่า

 

“เออ ตามใจมึงเลย!”

 

นิ้วมือผมกดวางสายแล้วโยนโทรศัพท์ลงบนโซฟาด้วยความขัดใจ ไปล้มตัวลงนอนบนโซฟาสีหน้าตอนนี้กูบอกเลยว่าโคตรหงุดหงิด

 

แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู ผมรีบวิ่งไปเปิดเพราะในบางทีแอบคิดว่าอาจเป็นมัน ทว่าผมต้องละยิ้มที่แสดงถึงความชนะเมื่อเห็นว่าคนเคาะคือแม่บ้านที่ยืนยิ้มรออยู่ ผมปล่อยให้เธอเดินเข้ามา จัดการกับเตียงนอนให้เสร็จสรรพ เธอหันมาถามว่าต้องการอะไรอีกไหม ผมยิ้มพร้อมกับให้ธิปเธอ บอกว่าอยากได้อาหารเย็น ซึ่งมันก็ค่อนข้างดึกแล้ว

 

ผมรู้สึกว่าตัวเองต้องกิน ไม่ใช่เพราะเชื่อฟังไอ้ปอนะ แค่ไม่ยังฟังเสียงของมันตอนเทศน์เท่านั้นเอง

 

ครู่หนึ่ง ผมนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟา เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับคนที่เดินเข้ามาพูดว่า “อาหารมาแล้วครับ”

 

ผมหันขวับไปมอง เป็นเจ้าของรูปหน้าเรียวหล่อที่ส่งยิ้มมาให้พร้อมทั้งเดินเข้ามา ผมลุกขึ้นนั่งมองมันที่ตรงมายังผมแล้ววางถาดอาหารให้ตรงหน้า “พอดีเจอพนักงานอยู่หน้าห้อง กูก็เลยอาสาเอามาให้เอง กินสิ”

 

ไอ้ปอมันจัดของให้เสร็จสรรพออกอาการเอาอกเอาใจเต็มที่ นี่มึงกะจะให้กูหายโกรธใช่ไหม ผมยกนิ้วกลางให้มันไปทีก่อนจะหยิบช้อนส้อมที่มันส่งมาให้ อาหารที่สั่งมีไม่กี่อย่าง ผมตักของเข้าปากไม่สนใจมันที่ล้มตัวลงนอนหนุนตักเล่นเกมในโทรศัพท์ของผมอยู่ โทรศัพท์ที่ผมปาทิ้งเมื่อกี้นั่นแหละ

 

หัวแม่งหนักว่ะ

 

“ปอ เดี๋ยวกูจะแกล้งทำกับข้าวหล่นใส่หน้ามึง” ผมว่าพลางผลักหัวมันออกจากตักตัวเอง มันแหงนหน้ามามองก่อนจะยกยิ้ม

 

“ถ้ามึงจะทำคงไม่บอกกูหรอก”

 

“อย่ามาทำรู้ดี” ผมว่า มือวางแหมะบนผมตรงๆ ของมันก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่มแล้วผลักหัวมันออก “ลุกได้แล้ว จะเอาของไปเก็บ”

 

“ไม่ต้องทำ ปล่อยไว้แบบนั้น”

 

“มึงนี่นิสัยเสียจนชินนะ เป็นเทวดารึไงวันๆ ไม่คิดจะทำอะไรสร้างสรรค์สักอย่าง” ผมว่า

 

“มึงเป็นแม่กูเหรอ บ่นอยู่นั่น กูว่าและมีมึงเป็นเมียกูจะต้องได้ฟังเทศน์ทั้งเดือน”

 

“ก็เลิกกับกูสิ” ผมว่า มันละใบหน้ามาเงยมองผม

 

“จริงเหรอ?”

 

“จริง”

 

“เลิกก็โง่สิ ใครจะปล่อยให้เวลาเสียเปล่าวะ อย่างน้อยกูก็มีตักหนุนเวลาเล่นเกมละวะ” มันยักคิ้ว

 

แม่ง

 

แล้วทำไมต้องทำหน้าตาเป็นต่อน่ารักๆ แบบนี้ด้วยวะ เมื่อบ่ายมึงทำไรกูไว้ยังจะมาเนียนอีก ถึงจะบอกรู้สึกผิดแล้วยอมรับก็เถอะ แต่กูลืมยากว่ะ

 

มึงจะรับผิดชอบเสื้อผ้ากูยังไง กูอุตส่าห์เลือกชุดที่ชอบๆ มาทั้งนั้น มึงทำลายมันแบบไม่คิดเลย แถมจะพังตูดกูด้วย คิดแล้วผมก็กำเส้นผมมันกระชากสุดแรง ในความคิดเท่านั้นน่ะนะ

 

ผมย่นหน้าไม่ว่าต่อ แต่จะสุดทนเมื่อมันยังนอนต่อไปไม่สนใจว่าเหน็บจะแดกขากูไหม!

 

ผมเอนตัวพิงพนักโซฟามองมันตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกม จู่ๆ มันก็เอื้อมมือมันดึงต้นคอผมให้ก้มลงไป พร้อมกับแนบปากจูบ ผมเบิกตาด้วยความตกใจก่อนจะทุบอกมันขืนและดึงหน้าออกได้สำเร็จ แม่งผมรู้เลยว่ามันอยากเอาชนะผม เพราะพอมันเห็นผมโกรธก็ลั้นลาเล่นเกมต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

มึงเป็นเด็กมีปัญหารึเปล่าวะปอ เอาแต่ใจตัวเอง เรียกร้องหาแต่เรื่องบนเตียง ถ้ามีซักคนเปลี่ยนมัน ผมนึกไม่ออกเลยว่าปอมันจะเป็นยังไง

 

มันอาจจะน่ารักมากก็ได้ เพราะตอนที่มันไม่กวนตีนก็ดูเป็นคนดีออก ผมยิ้มนิดๆ มองมันที่ยังตั้งอกตั้งใจเล่นเกม ก่อนจะพิงพนักโซฟาไปอีกรอบพลางมองออกไปหน้าต่าง ฟังเสียงเกลียวคลื่นไปพลาง ความร้อนจากที่ไหนสักแห่งซึมซาบมายังมือ ดวงตาผมละมามอง เห็นนิ้วเรียวยาวของมันกำลังสอดประสานเข้ารวมเป็นหนึ่งกับนิ้วผม มันรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป ทำไมมันถึงต้องการความรักมากมายขนาดนี้นะ

 

“มือมึงเล็กจัง ถ้ากูบีบมันแรงๆ ลงแหลกละเอียดแน่” มันว่าฝ่าความเงียบ ผมก้มมองมันก่อนจะพยายามชักมืออกลับทว่ามันรั้งไว้ไม่ยอม

 

กูพอจะเปลี่ยนมึงได้ไหมวะปอ

 

“ถ้ามึงใจดีกับกูมากๆ ทำให้กูไว้ใจมึง กูอาจจะใจอ่อนให้มึงก็ได้นะ” ผมว่า มันเงยมามองหน้า

 

“ตอนนี้กูยังไม่ดีงั้นสิ?”

 

“ปละ เปล่า…” ผมตอบพลางส่ายตาหนีมันไปด้วยแล้วว่าต่อ “กูหมายถึง ให้มึงทำมากๆ มากกว่านี้…”

 

“ถ้ามึงไม่มัวแต่อคติกับกู มึงก็จะเห็นว่าตอนนี้กูก็กำลังทำอยู่ แต่มึงแม่งไม่เคยเข้าใจอะไรเลย มึงเคยเห็นกูทำแบบนี้กับใครที่ไหนไหมก็ไม่ เพราะคนอื่นกูได้เขาตั้งแต่วันแรก กูไม่จำเป็นต้องตามใจเขาหมดไปซะทุกอย่างเหมือนมึง มึงเองต่างหากที่เอาแต่ใจนะภีม รู้ตัวเองบ้างไหม?”

 

“กู คะ คือ…” กูยอมแพ้มึงอีกรอบก็ได้

 

“กูขอโทษ ขอเวลากูหน่อยนะปอ มึงกูรู้ว่าการเสียตูดให้คนอื่นมันไม่ใช่ง่ายๆ นะ”

 

ผมว่าเสียงเบา มันลุกขึ้นนั่งพร้อมกับขยับหน้ามาใกล้ “มันไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก…”

 

โอเคกูซึ้งและเข้าใจ

 

ใบหน้าเรียวยาวสวยได้รูปต่อหน้าขยับเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจ แสดงว่ามันอยากจูบ ผมพริ้มตาตัวเองเป็นฝ่ายขยับเข้าไปจูบมันเอง อ้อนมันหน่อย มันชะงัก ก่อนจะกุมหน้าผมทั้งสองข้างแนบปากกับผมจนสนิทเนื้อ เสียงปากเราสัมผัสกันดูดดื่มดังอยู่เนืองๆ ลมหายใจมันร้อนและรดจมูกผมเป็นกลิ่นหอมแปลกๆ ผมพยายามจะผละปากออกทว่ามันเม้มปากผมแน่น ดูดและตวัดเลียลิ้นของผมอย่างกับขาดมันไม่ได้

 

มันผละออกมามองหน้า ผมหอบหายใจพลางก้มหน้าทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ถูกมันเคลื่อนหน้ามาจูบ หน้าผาก แก้ม คาง จมูก ตา มันจูบผมไปทุกที่ เหมือนจะตีตราจองว่านี้ผ่านกูมาแล้ว

 

ไอ้เชี่ย กูรู้ทันมึงหรอก

 

“อื้อ ปอ พอแล้ว” ผมว่าพลางดันปากมันออก มือก็เช็ดคราบน้ำลายที่ปากไปด้วย

 

“จูบกูอีกสิภีม เมื่อกี้กูโคตรรู้สึกดี”

 

“ไม่ เดี๋ยวก็หาว่ากูยั่วมึงอีก หาเรื่องแต่จะเอากู” ผมว่าพลางกุมปากตัวเอง มันหลุดยิ้มทันทีที่ผมว่าออกไป

 

“มึงพูดดักขนาดนี้กูคงทำหรอก มามะ” มันว่าพลางดึงหน้าผมเข้าหา

 

“ไม่! ของดีมีครั้งเดียว ถ้ามึงอยากได้อีกก็ทำดีกับกูไว้มากๆ แล้วกูจะให้เป็นรางวัล” ผมว่าแล้วลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะไปอาบน้ำและหนีมันด้วย มันยกยิ้มกับตัวเองพร้อมกับพูดตามหลังมา

 

“มึงทำอย่างกับกูเป็นสัตว์เลี้ยงของมึง พอเชื่อฟังมึงก็จะให้รางวัล มึงคิดว่าของแค่นี้จะหลอกล่อกูได้เหรอภีม”

 

“กูลืมไปนี่ว่าถึงกูไม่ให้ ไอ้ต้นก็ให้มึงได้ คนอื่นก็ยอมให้มึงได้ ระหว่างที่รอกูถ้ามึงยังไปนอนกับคนอื่นเรื่อยๆ กูบอกไว้เลยว่าจะไม่ยอมนอนกับมึงเด็ดขาด”

 

มันเบ้ปากตัวเองก่อนจะพยักหน้ารับคำท้า

 

แต่คำท้ามึงนี่แปลกๆ นะปอ

 

“ก็ได้ๆ ต่อไปกูจะไม่นอกใจมึงแล้ว โอเคไหม” มันว่าพร้อมกับยิ้ม ยิ้มอะไรของมัน หรือมันกำลังคิดว่าผมหึงมันอยู่ ผมเบิกตาเมื่อนึกได้แล้วรีบแก้ตัวให้ตัวเอง

 

“มะ ไม่ใช่แบบนั้น กูหมายถึงกูไม่ชอบ…” ไม่ชอบอะไรวะ ไปต่อไม่ถูก ผมกัดฟันแน่นเมื่อมันยิ้มเหนือกว่าส่งมาให้ ในเมื่อจะแก้ตัวก็นึกไม่ออก ผมจึงเลือกที่จะเดินหนีเข้าห้องน้ำไปเฉยๆ เก็บอาการตัวเองไว้ซะบ้าง

 

ที่บอกว่าไม่ชอบ กูไม่ชอบใช้สามีร่วมกับคนอื่น

 

รอยยิ้มมันตอนเอาชนะผมได้โคตรบาดความรู้สึกเลย นี่ผมเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย

 

บางทีเหมือนผมจะควบคุมมันได้แต่บางทีก็เหมือนยากที่จะควบคุม ถ้าผมเป็นคนที่เปลี่ยนมันได้ละก็ หวังว่ามันจะได้เจออะไรใหม่ไม่ใช่ความน่าเบื่ออย่างเคย

 

ผมจะลองเสี่ยงกับมันสักตั้งวะ!

 

 

 

เจอกันตอนหน้านะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์(ที่ไม่คิดว่าจะมี) ขอบคุณค่า
 :bye2: :bye2: :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2014 18:18:49 โดย noonaaRP »

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ปอแม่งเลวว่ะ จัดกลับให้หนักเอาแม่งให้เจ็บ
จะได้หลาบจำ :z6:

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
หนุกๆๆ ตามอ่านอยู่นะครับ  :hao3:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
 :hao5:
ยั่วมันเยอะๆ 55

แต่ว่าเพิ่มวันที่อัพกับชื่อตอนใหม่ด้วยก็ดีนะคะ
เข้าไปอีดิทหัวข้อแรกในแต่ละครั้งอ่ะค่ะ
จะได้รู้ว่ามาแล้ว  o13

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
:hao5:
ยั่วมันเยอะๆ 55

แต่ว่าเพิ่มวันที่อัพกับชื่อตอนใหม่ด้วยก็ดีนะคะ
เข้าไปอีดิทหัวข้อแรกในแต่ละครั้งอ่ะค่ะ
จะได้รู้ว่ามาแล้ว  o13

ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำ เดี๋ยวจะใส่ในตอนถัดไปนะคะ
ความจริงจะมาอัพทุกวันน่ะค่ะ เห็นปุ๊บคือรู้เลยแหละว่ามาอัพแล้ว
 

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ไม่อยากให้ต้นคู่กับธาม.... - -* :katai1:

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
 

ตอนที่ 6

 

หืม…

 

ที่นี่มันที่ไหน เวลาเท่าไร ทำไมผมยังนอนอยู่ตรงนี้อยู่กันนะ

 

เสียงประตูถูกเปิดออกดังเข้าหูผมที่ยังนอนงัวเงียอยู่บนเตียง ผมลืมตาที่ยังหนักเพราะง่วงแล้วยกหัวไปดูนาฬิกา เป็นเวลาแปดโมงกว่า เห็นไอ้ปอกำลังแต่งตัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ มันเป็นคนที่มักตื่นก่อนผมตลอด ผมซุกหน้าลงกับหมอนและพริ้มตาหลับก่อน ได้ยินเสียงมันเดินไปมา รื้อข้าวของ คุยโทรศัพท์กับพ่อ แล้วก็บ่นว่าอากาศไม่ดี

 

ใช่ คงจะจริง เพราะตั้งแปดโมงแล้วฟ้ายังครึ้มบรรยากาศเหมือนเช้ามืดไม่มีผิดมันทำให้ผมขี้เกียจตื่นยังไงล่ะ ผมพลิกตัวนอนตะแคง รู้สึกถึงเตียงกระเพื่อม ร่างของไอ้ปอมาเขย่าตัวปลุกให้ตื่น

 

“ภีม ลุก…”

 

“ไม่เอาจะนอน” ผมว่าเสียงเครือกับหมอน มันล้มตัวลงนอนข้างหลัง เอื้อมมือบีบแก้มแกล้งพร้อมว่า

 

“สายแล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองรึไง?”

 

“เออ…ไปไกลๆ” ผมตอบพลางผลักมือมันออก มันเปลี่ยนจากแกล้งมาโน้มตัวเข้าหา กอดผมแน่น ผมร้องปรามมันเสียงดังเป็นเชิงไล่ ชั่วโมงนี้คือกูจะนอนว่ะ อย่ามารบกวนสมาธิกู

 

“ไอ้ขี้เซา พี่จะพาออกไปขับรถเล่น ขับมอเตอร์ไซต์เที่ยวเกาะน่ะ ไม่มีแดดแบบนี้ขับได้สบายเลยนะ” มันว่าพลางจับมือผมที่นอนหันหลังให้ เอานิ้วชี้นิ้วกลางทำเป็นปู้ไต่ปูไต่ พอเถอะกูไม่ใช่เด็กแล้ว แต่เออ ที่มันบอกมาก็น่าสนุกว่ะ ผมลืมตานิ่งรอฟังมันพูดต่อ

 

“ไม่อยากไปเหรอ ไหนๆ ก็มาเที่ยวด้วยกัน ไปกับพี่แบบสองต่อสองหน่อยก็ดีนะ”

 

ผมส่ายหัว มึงจะหาเรื่องหม่ำกูน่ะสิ “ไม่เอา”

 

“ภีม กูไปเช่ารถมาแล้วนะ มึงอย่ากวนตีน” มันเริ่มออกลายแล้วตามที่ผมเดาไว้ พูดเพราะกับผมไม่ถึงนาทีเหอะ ผมลืมตาแล้วดึงมือมันออกจากตัว

 

“มึงจะหาเรื่องบังคับเอากูปะละ ถ้าจะทำกูก็ไม่ไป” ผมว่า มันเกาหัวตัวเอง

 

“นี่มึงจะระแวงกูเกินไปแล้วนะ”

 

“ก็กูสู้แรงมึงไม่ได้นี่หว่า ถ้าจะให้กูไปขอกูพกมีดไปด้วยนะ” ผมว่า ถ้ามึงทำกูเมื่อไหร่จะจวกแม่งพรุนเลย มันหลุดยิ้มพลางโน้มหน้ามาจูบแก้ม ผมหยีตาทั้งยกมือมาถูแก้มตัวเองด้วยความขัดใจ ไอ้นี่มันปากว่ามือถึง

 

“ถึงขนาดจะฆ่ากูเลยเหรอหืม ไอ้ตัวดี ใครจะไปทำมึงกลางที่สาธารณะขนาดนั้น เห็นกูเอาไม่เลือกแต่กูก็ไม่ได้หน้าด้านขนาดนั้นนะ” ผมหันไปมองหน้ามันก่อนจะเลิกคิ้ว ก็จริงของมันแฮะ

 

“จะไปก็ลุกได้แล้ว” มันว่าพลางบีบแก้มทั้งสองข้างของผมด้วยมือเดียว นี่มึงเป็นอะไรกับแก้มกูมากปะวะ เห็นกูหล่อเข้าหน่อยไม่ได้ อิจฉาอยากทำหน้ากูเสียโฉม

 

“เอามือมึงออก รำคาญว่ะปอ” ผมว่าพางส่ายหน้าพร้อมกับมันที่ปล่อยและจะโน้มมาจูบ

 

“อย่า กูยังไม่แปรงฟันเลย อย่ามาทะลึ่งว่ะไอ้นี่” ผมว่าพลางดันหน้ามันออกไปด้วย

 

“ถ้ามึงยังนอนอยู่อย่างนี้กูก็จะกวนแบบนี้แหละ”

 

“อื้อ โอ้ยมันหนัก!” ขึ้นมาทับได้ ผมดันหน้ามันออกสุดแรงพร้อมกับมันที่หัวเราะที่ได้แกล้ง ไอ้นี่แม่งกวนตีน

 

“ลุกได้แล้วเดี๋ยวฝนจะตกนะ อื้อหือ…” มันว่าพลางกดปากจูบแก้มผมพร้อมกับร้องหน้าหื่นๆ ไปด้วย “แก้มเมียกูนี่หอมใช้ได้”

 

“ไอ้สัส!” ผมทุบไหล่มันว่า

 

“พูดเพราะๆ กับกูหน่อย เดี๋ยวกดแม่ง”

 

“ถ้ามึงทำกูอีกครั้งกูจะหนีไปจากมึง กูจะฆ่าตัวตาย กูจะเขียนใบลาตายลงเน็ตประจานมึงว่ากูตายเพราะมึงข่มขืนกู แม่ง!” ผมว่าพลางผลักมันใส่อารมณ์ตัวเองสุดฤทธ์

 

“ห้ามทำแบบนั้น กูยอมตั้งแต่มึงจะฆ่าตัวตายแล้ว อย่าโหดนักเลย”

 

“กูไม่ทำแน่ถ้ามึงไม่ใช้กำลังกับกูก่อน” ผมว่า

 

“มึงก็อย่าดื้อกับกูสิ มึงเป็นคนผิดนะ”

 

“ก็ได้ กูผิด แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มึงใช้กำลังกับกูมึงผิดนะไม่ว่ากูจะเริ่มก่อนรึไม่ก็ตาม” ผมยกนิ้วชี้ชี้ออกคำสั่งกับมันซึ่งนิ่งจ้องตาผม

 

มันพยักหน้ารับแฮะ

 

“เออๆ ไป…ไปอาบน้ำแต่งตัว” มันว่า ผมหยีหน้าอีกครั้งเมื่อมันฝังจมูกโด่งๆ ลงบนแก้มอีกที ผมทำจะง้างมือไปต่อยมันบอกว่าชักจะลามปามกูมากไปแล้ว ก่อนจะยอมลุกจากที่นอน มองกลับไปเห็นมันกำลังจัดที่นอนเข้าที่ โคตรจะพ่อบ้านไม่เข้ากับหน้าเลยสิน่า

 

ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวเพราะกลัวฝนตกแล้วจะไม่ได้ออกไปเที่ยว เดินออกมาจะแต่งตัวสวมเสื้อผ้าก็ไม่เห็นมันรออยู่ในห้อง ร่างกายรีบร้อนสวมเสื้อผ้าในชุดสบายๆ แล้วสางผมลวกๆ เดินออกจากห้องเพราะกลัวว่ามันจะหนีไปก่อน เห็นมันยืนจัดการเชครถแล้วหันมามองแล้วหลุดยิ้ม

 

ผมสวมรองเท้าแตะเป็นหูหนีบที่เดินไปซื้อเมื่อวานพร้อมกับมัน สวมเสื้อยืดสีดำกางเกงขาสั้น เหมือนกับมันแต่ชุดคนละสีเท่านั้นเอง เพียงแต่แค่มันสวมแว่นกันแดดก็หล่อบาดใจฝรั่งมังค่าแถวนี้แล้ว ทั้งๆ ที่ก็แต่งตัวเหมือนกันกับผมนั้นแหละ

 

ผมเดินไปหามันที่ก้มๆ เงยๆ กับรถแล้วหยุดก้มดูด้วย “ทำอะไรวะ?”

 

“ก็เชครถไง”

 

ผมพยักหน้ารับ มันยิ้มพลางมองหน้า ยกมือหนามาจัดผมให้อย่างเคย “จะรีบอะไรนักหนา ผมเผ้าไม่ยอมหวี กูไม่ทิ้งมึงไปคนเดียวหรอกน่า”

 

ผมแอบยิ้มเมื่อเห็นมันรู้ทัน “ก็กลัวมึงจะแกล้งกูไง หลอกให้กูแต่งตัวแล้วหนีไปเที่ยวกับเพื่อน”

 

“ก็บอกแล้วไงว่ากูไม่ไปกับเพื่อน กูจะไปกับมึง”

 

ผมพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มแก้เขินแล้วก้มมองรถไปด้วย มันเชคลม เชคเบรก เชคคันเร่งเหมือนรู้เกี่ยวด้านนี้ ไม่บอกไม่รู้เลยนะว่ามันเก่งเรื่องรถมอเตอร์ไซต์ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่รถยนต์ของมันที่ขับก็แสนแพง

 

“มึงเชคหมดทุกอย่างแล้วโอเคไม่ว่า แต่อย่าลืมเชคน้ำมันนะกูขอร้อง” ผมว่า ไม่งั้นมึงเข็นนะกูไม่ช่วยด้วยที่สะคัญ เพราะมึงคนชวนกูเอง

 

“เออ กูรู้น่า น้ำมันน่ะมีเต็มถังอยู่แล้ว”

 

“พี่ปอ จะไปไหนกันตั้งแต่เช้าครับ” ผมชะงัก มองไปเห็นไอ้ต้นที่กำลังเดินมาพร้อมกับยิ้มน่ารักๆ ให้ไอ้ปอที่เงยหน้าจากรถ

 

“อ๋อ พี่จะพาไอ้ภีมไปขับรถเล่นน่ะ” มันตอบ ผมเห็นสายตาของไอ้ต้นมันตื่นเต้น

 

“จริงเหรอครับ น่าอิจฉาจังที่พี่ปอตื่นตั้งแต่เช้าพาภีมไปเที่ยวด้วย ยอมตามใจภีมไปหมดเลย พี่ปอคงจะรักภีมมากแน่เลย” ผมกลืนน้ำลายและส่ายหน้า ทำไม่สายตามันเหมือนสมเพชผมอยู่ก็ไม่รู้ หรือกูเป็นคนมองคนในด้านลบมากไปวะ

 

ผมเกาหัวตัวเอง คงต้องปรับทัศนะคติหน่อยแล้วละมั้ง

 

“พี่เป็นคนปลุกชวนมันเองน่ะ อยากไปเที่ยวกับมันบ้าง” ผมมองไอ้ปอที่ว่าพลางยกยิ้มให้ไอ้ต้นอย่างเคย “เอ้อ แล้วไอ้ธามล่ะต้น?”

 

“อ๋อ พี่ธามยังไม่ตื่นเลยครับ คงสายๆ นั่นแหละ รายนั้นน่ะไม่เคยตื่นแต่เช้าซักทีหรอก ผมไม่มีเพื่อนคุยก็เลยกะจะมาหาภีม ทีนี้ภีมไม่อยู่คงเหงาแย่เลย” มันว่า

 

“อ้อ…” ไอ้ปอลากเสียงแล้วหันมาทางผม

 

“งั้น ต้นขอไปด้วยได้ไหมครับ?”

 

“คงไม่ได้หรอกต้น เราจะขับมอไซต์ไปกันน่ะ ถ้านั่งสามคนมันเบียดแล้วจะอันตราย ถ้าต้นอยากไปจริงๆ ก็ไปชวนพี่ธามแล้วขับตามเราไปนะ” ผมว่า

 

มันละรอยยิ้มตัวเองนิดหน่อยมองผม

 

“กะ ก็ได้”

 

เสียงมันผิดหวัง ละสายตาลงก้มมองพื้นแล้วเดินจากไป นี่ผมจะบาปไหมวะเนี่ย ดวงตาผมมองตามมัน รู้สึกผิดนะแต่ไม่อยากอึดอัดเวลาอยู่ใกล้มัน ผมยืนมุ่นคิ้วตัวเองพร้อมกันนั้นมือของไอ้ปอก็เอื้อมมาเขย่าหัวผมแกล้ง ผมหันขวับไปมองมันพร้อมกับว่า

 

“มึงจะชวนมันไปด้วยใช่ไหม?” มันเลิกคิ้วพร้อมกับแก้ตัว

 

“เปล่า กูจะชวนมันไปขัดจังหวะทำไม มาๆ ขึ้นรถได้แล้ว” มันว่าพลางยักไหล่ ดึงตัวผมมานั่งบนรถแล้วนั่งซ้อนท้าย เอ๊ะ หมายความว่าไง

 

ผมหันไปมองมันที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้แล้วถาม “มึงจะให้กูขับเหรอพี่ปอ?”

 

“ใช่ที่ไหน พี่จะขับเอง” มันว่าแล้วยกรถตั้งตรง ขาตั้งลอยขึ้นพร้อมกับความงงของผม เห้ยๆๆๆ ไม่เอานะเว้ย

 

เมื่อรับรู้ว่าตัวเองต้องมาอยู่ในท่าอันล่อแหลมแบบนี้ ผมหันไปร้องว่าโวยวายทันที “ไม่เอา กูจะนั่งข้างหลัง!”

 

คือมึงจะหื่นหัดเลือกเวลาและสถานที่ซะบ้าง กูอยากร้องไห้!

 

“ไม่ให้นั่ง จะให้นั่งกตรงนี้”

 

โอยแม่งจะได้ไปไหมวะวันนี้

 

ผมตีแขนมันด้วยความขัดใจเมื่อมันสตาร์ทรถซึ่งเป็นเกียร์ออโตเมติกแล้วพาผมออกมา ท่ามกลางหลายสายตาของคนที่มองมายังร่างของเรา คิดดูสิว่าผมต้องนั่งข้างหน้ามันที่เป็นคนขับ ผู้ชายสองคนนั่งถูกันบนรถมอเตอร์ไซต์ ผมโคตรอายเลยเว้ย!

 

“ห้ามเบรกแรงๆ นะมึง ไอ้ทะลึ่ง” ผมก้มหน้าตัวเองว่าด้วยความที่หนังหน้าบางไม่ด้านเหมือนมันที่ลอยหน้าลอยตาสบายใจเฉิบไง เสียงมันหัวเราะจากด้านหลัง

 

“หึ แบบนี้เหรอ” ว่าแล้วมันก็เบรก ผมร้องปรามมันเสียงดังเมื่อหน้าอกของมันชนหลัง แถมข้างล่างก็เบียดแนบเนื้อขนาดนี้ โอยขนลุกเลยสัส!

 

“บอกว่าอย่าเบรก!”

 

“ไม่ให้เบรกเหรอ หรือให้เบรกอีก?” มันว่าพลางทำอีกรอบตั้งใจจะกวนตีนแน่แหละแบบนี้ ผมรีบหันไปร้องว่า

 

“ไอ้ปอ! ไอ้นิสัยเสีย กูบอกว่าอย่าเบรก”

 

“เบรกอีกเหรอ ทะลึ่งนะเราเนี่ย” ผมเก็บความโมโหตัวเองไม่ให้มันสนุกมากไปกว่าเดิม มือก็ตีแขนมันระบายอารมณ์ไปด้วย คิดได้ไงว่ากูอยากให้มึงเบรกเอาไอ้นั่นมาเบียดก้นซิงๆ ของตัวเอง ไอ้หื่นเอ๊ย!

 

“เออ เบรกอีก เบรกมาแรงๆ เลยไอ้…” ผมว่าประชด

 

“จะยั่วกูเหรอ?”

 

ไอ้เวรเอ๊ย ผมยกมือปัดผมที่ลมพัดมาระหน้า ไม่เถียงกับมันแล้ว เปลืองน้ำลาย เก็บไว้อมให้มันบูดยังจะดีกว่าอีก

 

สักพัก มันพาผมออกนอกเมืองมาได้ เริ่มจะไม่อายคนแล้วเพราะไม่มีใครเห็น จากที่ผมก้มหน้าก็เงยมามองวิวด้านนอก ก่อนจะว่ากับมัน “ห้ามขับเร็วนะปอ เกิดเป็นอะไรขึ้นมากูแหลกเลยนะ” ก็นั่งท่านี้อะ

 

“อืม กูรู้น่า” มันตอบพลางปล่อยมือข้างหนึ่งมากอดเอวผม ผมเงยไปมองหน้ามันด้วยความขัดใจ “นี่มึงฟังกูบ้างไหมเนี่ย!”

 

“ก็นี่ไง สายเบลล์” มันว่าพร้อมกับยิ้มแล้วก้มหน้ามาจูบแก้มผมอีก จะหื่นแม่งไม่รู้เวลาเลย ผมขมวดคิ้วตัวเองมองทางต่อหน้า ใบหน้าของมันตอนลมพัดผมจนเปิดกว้างห็นโครงหน้าชัดเจน

 

ยอมรับเลยมันโคตรหล่อ

 

“ภีมหัวเถิก” มันว่าฝ่าความเงียบ ผมเงยมองหน้ามันก่อนจะเถียง

 

“ไม่เห็นเถิก เนี่ยๆ” ผมชี้หน้าผากตัวเอง “เขาเรียกว่าหน้าผากรับทรัพย์”

 

“อ้อเหรอ เห็นอยู่ชัดๆ” มันว่า

 

“แหม ไอ้หล่อ ไอ้เทพบุตร” ผมว่าแขวะพลางยกยิ้ม

 

“ของมันแน่นอนอยู่แล้ว กูไม่หล่อมึงคงไม่หึงกูหรอก” ผมเงยไปมองมันอีกด้วยความขัดใจ หยิกต้นขามันไปที

 

“เฮ้ย! เดี๋ยวรถก็ล้มหรอก” มันร้องว่า

 

ผมแอบยิ้มก่อนจะมองออกไปด้านหน้ารับลม มันขับไม่เร็วทว่าลมตีหน้าแทบชาไม่รู้สึกอะไร กลายเป็นคนหน้าด้านขึ้นมาทันที ก็ลมทะเลมันเย็นและแรง

 

แต่ไม่เถียงเลยว่าโคตรสดชื่น

 

ปอมันพาผมมาริมหาดนอกเมืองที่ไม่มีใครเลย มันจอดรถแล้วพาผมเดินลงไปเล่นน้ำที่ซัดมายังทรายสีขาวละเอียด ผมเดินย่างเท้าไปเรื่อยๆ แล้วก้มมองน้ำที่ใสสะอาดไปด้วยความตื่นเต้น ไม่เคยออกมาเที่ยวนอกสายตาพ่อแม่เท่าไร

 

“ปอ นั่นแมงกะพรุนใช่ไหม เห้ยแมงกะพรุนตัวเองเสียงจริงเลยว่ะ” ผมร้องว่าพลางรีบวิ่งไปดู

 

“อย่าไปจับมันนะ มันมีพิษ”

 

ผมก้มลงเอาไม้เขี่ย มันเป็นตัวที่น่าจะตายใหม่ๆ แล้วมาเกยตื้นที่นี่ ว่าแล้วผมก็วิ่งออกไปมองในน้ำ อยากเห็นตัวเป็นๆ ของมัน ท่ามกลางสายตาของไอ้ปอที่ยืนเฝ้าควบคุมอยู่นั่นแหละ แต่ผมคิดเสมอว่าวันนี้มันน่าจะตามใจผม เพราะมันบอกเองว่าจะพาผมมาเที่ยวนี่นา

 

วันนี้กูปล่อยผีสุดๆ ละ

 

“นั่นๆ ปอ มันยังไม่ตาย” ชี้ไปยังตัวแมงกะพรุนที่ว่ายอยู่ในน้ำ พอหาไปอีกทีก็มีเยอะไปหมด ผมได้แต่มองด้วยความตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นมันแบบใกล้ชิด รีบวิ่งไปขอโทรศัพท์มาถ่ายรูปไว้ทันที

 

“ขอยืมโทรศัพท์หน่อย” ผมว่าพลางแบมือ มันล้วงแล้วหยิบให้ ผมยิ้มร่ารีบวิ่งไปจับภาพแมงกะพรุนในน้ำแล้ววิ่งเอามาอวดมันทันที

 

“มึงห้ามทำของกูตกน้ำนะ” มันร้องตาม เอาซะอยากแกล้งทำตกให้รู้แล้วรู้รอดไปแม่ง

 

“มึงว่าสวยมั้ย กูไม่หล่ออย่างเดียวนะโคตรเก่งอะถ่ายมาได้ด้วย” ผมว่าพร้อมกับยิ้มและมองรูปที่ตัวเองเป็นคนถ่าย ใบหน้าเอียงไปเล็กน้อยเมื่อถูกคนข้างๆ โน้มหน้ามาหอมแก้ม ผมลืมไปเสียสนิท ลืมด่า ลืมต่อว่าเวลามันกอดหอม จูบ ผมลืมขัดขืนมันไปเลย เพราะมันเองก็ไม่ได้จะทำมากไปกว่านี้

 

มันพาผมขับรถออกไปอีก ดวงตาผมพริ้มรับลมต่อหน้าพลางเอนหัวพิงหน้าอกของคนขับ มือของมันยังกอดผมไว้แน่น วันนี้ผมกับมันยังไม่ได้ทะเลาะกันเลย(ถ้าไม่นับตอนก่อนมานะ หึหึ) ผมเงยหน้ามองมันขณะที่มันมองถนน ทำไมมุมนี้มันหล่อจังวะ

 

แม่งโคตรน่ารัก ไอ้หล่ออย่างเดียว ไม่มีไรดีสักอย่าง หล่อไปวันๆ ไม่ทำบ้าอะไรเลย หล่อจนกูอิจฉา

 

 

ใจผมหายเมื่อมันพาเลาะหน้าผาสูงชัน สายตาที่มองชัดๆ เริ่มพร่าเลือนและดูลายตาชวนมึนหัวไปหมด ผมหลับตาตัวเองไม่กล้ามองลงไปด้านล่างและไม่กล้าบอกมันว่าตัวเองกลัวความสูงสักแค่ไหน นี่มึงจะพากูมาฆาตรกรรมอำพรางคดีเหรอมาซะสูงขนาดนี้ ตกไปกูเละแน่

 

ผมกลัวมันหัวเราะที่รู้ว่าผมกลัวความสูงและแกล้งผลักผม พยายามอวดเก่งลืมตาเมื่อมันจอดรถ ขาที่ว่าดีๆ มันสั่นและไม่มีแรงขึ้นมาเสียเฉยๆ เมื่อมันพามายังตรงนี้ ยอดบนสุดของหน้าผา

 

ปอมันลงจากรถและดึงมึอผมให้ลงไปเช่นกัน เข่าผมทรุดมานั่งกับพื้น ตาลายและใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ลมจะโชยให้ใจเย็นก็ตาม แต่ภาพความสูงเบื้องหน้าไม่ทำให้ผมหายกลัวได้เลย

 

“มาสิภีม ไม่ต้องกลัว มันออกจะสวยนะมึง”

 

ผมส่ายหน้า กลัวตัวเองตาลายแล้วเดินเซตกไปจากหน้าผา ผมเห็นไอ้ปอเดินนำออกไปสูดอากาศริมตรงนั้น ใจก็หายไปเฉยๆ มันยืนเหมือนไม่รู้สึกรู้สา ก่อนจะหันมายิ้มให้และเดินเข้ามาจับมือผมดึงให้ลุกขึ้น

 

“มาเร็ว มาถ่ายรูปสิ ที่นี่สวยนะ” มันว่า ผมส่ายหน้า

 

“ไม่เอา น่ากลัวจะตาย”

 

“ไม่เลยภีม พี่จะจับมือภีมไว้เอง” ผมส่ายหน้าพลางดึงมือกลับ

 

“มึงชอบแกล้งกู”

 

“ไม่แกล้งจริงๆ มา พี่จะพาไปดู” ผมส่ายหน้า ปอมันไม่จับมือเหมือนเมื่อครู่ มันกอดเอวผมจากด้านหลัง ดันตัวผมให้ค่อยๆ ก้าวออกไป “ถ้าภีมตกพี่ก็ตกไปด้วย”

 

เออ ค่อยโล่ง กูตายมึงก็ตายพร้อมกู จะได้เจ๊ากัน

 

ผมพยักหน้ารับและกอดแขนที่มันกอดเอวผมไว้แน่น รู้สึกถึงความเชื่อใจที่มันส่งมา ดวงตาพยายามลืมออกไปและมองภาพต่อหน้า

 

เชี่ย! ใจผมหายและสะดุ้งเฮือกเมื่อมันยังไม่หายจากอาการตาลาย ผมกอดแขนปอแน่นพร้อมกับหันหน้าไปซุกหน้าอกใจเต้นตุบๆๆๆ แทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว

 

“ปอ อย่าปล่อยกูนะ ห้ามปล่อยกู!” ผมร้องว่าสุดเสียง

 

มันนิ่งฟังผมและก้มลงจูบแก้ม แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงรู้สึกได้ว่ามันเป็นคำตอบของมัน ผมละใบหน้ามาด้านหน้าของตัวเอง ค่อยๆ ลืมตาและกระพริบให้มันหายพร่าเลือน และมันก็หายจริงๆ ดวงตานิ่งมองภาพต่อหน้าก่อนจะผวาเมื่อมันปล่อยมือ ผมกำมือมันดึงมาโอบรัดเอวเหมือนเดิมพร้อมร้องว่ามันไปด้วย

 

“บอกว่าอย่าปล่อยไง!”

 

ใจกูหายเลยนะเมื่อกี้

 

“พี่แค่จะเอาโทรศัพท์มาถ่ายรูป มือนี้ก็กอดอยู่เห็นไหม?” มันว่าแล้วละมือหนึ่งข้างไปล้วงกระเป๋า ยกโทรศัพท์ขึ้นมากด ผมก้มลงไปด้านล่างมองลายน้ำที่ถูกลมพัด กระชับมือมันมากอดตัวเองให้แน่นที่สุด หันมาอีกทีมันก็ถ่ายแล้ว ถ่ายตอนที่ผมบังคับให้มันกอดผมไว้นั้นแหละ

 

ผมเงยมองมันด้วยความขัดใจ ก่อนจะชะงักเมื่อมันโน้มมาจูบปากพร้อมกับกดโทรศัพท์ถ่ายรูป ได้หลายชอตเลยเหอะ ผมไม่กล้าดื้อเดี๋ยวแม่งถีบผมตกหน้าผา

 

“น่ารักมาก” มันว่าพลางมองโทรศัพท์

 

“อย่าเอารูปนี้ให้ใครดูนะปอ ลบออก”

 

“แต่กูชอบรูปนี้” มันว่า ผมส่ายหน้าไม่ยอม มันยกยิ้มพลางมองรูบตอนที่ผมบังคับให้มันกอดผมแน่นๆ ด้วยใบหน้าที่ผมยังไม่เคยเห็นตัวเองทำมาก่อน

 

ราวกับคนเอาแต่ใจ

 

“รูปนี้มึงเหมือนบังคับให้กูรักมึงคนเดียวเลย” มันว่าแล้วก็กดแชร์ ผมเบิกตาพลางส่ายหน้า

 

“ไม่เอารูปนี้ ห้ามๆๆๆ” มันยิ้มและไม่ฟังผม ก้มมาจูบแก้มซ้ำๆ ราวกับจะแกล้ง ผมยกมือเช็ดแก้มตัวเองพลางขมวดคิ้วกับตัวเองที่สิ้นฤทธิ์ไปเฉยๆ เมื่อไหร่มันจะพาผมออกไปจากตรงนี้วะเนี่ย

 

ผมกอดมือมันแน่นพร้อมกับใจที่เต้นตึกตัก แหงนหน้ามองมันที่ก้มลงมามองผมอยู่เช่นกัน ผมไม่เข้าใจความหมายในแววตาของมัน เพียงแค่รู้ว่าสึกว่า

 

“พากูกลับเข้าไปได้ยัง?” ผมถามเงียบๆ มันส่ายหน้า

 

“จูบกูก่อนสิ”

 

“ไม่” มึงอย่ามามีข้อแม้กับกู ผมตอบคำเดียวแล้วละสายตาหนีใบหน้าอยากเอาชนะของมัน ก่อนจะรู้สึกถึงแรงดันของสมองที่อยากจะเป็นลมกับความสูงตรงหน้า

 

ผมเขย่งเท้าขึ้นไปจูบแก้มมันทีหนึ่งแล้วขมวดคิ้วแน่นเมื่อมันส่ายหน้า “ไม่ใช่จูบแบบนี้ จูบที่ปาก”

 

“เรื่องมากว่ะปอ” ผมว่าพลางเขย่งเท้าขึ้นไปจูบปากมันแล้วละหน้าออก

 

“ไม่ใช่จูบแบบนี้ จูบแบบเมื่อวานน่ะ”

 

“โอ๊ยปอ ถ้าจะเอาแบบนั้นมึงมาเล่นท่ายากบนนี้เลยเหอะ” ผมร้องว่าด้วยความขัดใจ มันพยักหน้าตอบแบบที่กวนตีนที่สุดในโลก

 

แม่งเอ๊ย! ผมเม้มปากตัวเองแน่นแล้วดึงค้นตอมันลงมาหา อ้าปากตัวเองแนบปากจูบกับมันด้วยความเบา เสียงริมฝีปากเราบดเบียดกันนานอยู่ครู่ก่อนผมจะละต้นคอนั้นและหยุดขยับริมฝีปากตัวเองผละใบหน้าออกมามองตามัน

 

“พอยัง?” เชี่ย ทำไมกูต้องถามมึงด้วยคำแบบนี้ด้วยวะเนี่ย!

 

“โคตรพอเลย” ว่าแล้วก็ถอยหลังตามหลังมันที่พาผมเดินกลับมายังรถเหมือนมันถูกรีโมทคอนโทรลอย่างนั้น มันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับมือถือตัวเอง ผมมองไปยังมันก่อนจะมองท้องฟ้าที่เริ่มจะครึ้มขึ้นเรื่อยๆ

 

“ปอ กลับกันเถอะ”

 

“เดี๋ยวสิ กินแซนวิชที่กูเอามาก่อน” มันว่า

 

“ไหนล่ะ”

 

“อยู่ใต้เบาะรถ เอามากินสิ นี่มันเที่ยงแล้วนะ” มันว่าพลางก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ตัวเอง ผมหยิบของออกมาจากรถ มีผ้าสำหรับปุนั่งและกล่องแซนวิชขนาดพออิ่มของเราสองคน นี่ไอ้ปอมันเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนได้เลยนะเนี่ย

 

เดี๋ยวๆๆ แม่งไม่ได้ทำเองชัวร์

 

ผมจัดการของเสร็จสรรพ ร่างของมันก็เดินมาทรุดตัวนอนหนุนตักเหมือนเคย ผมก้มมองมันก่อนจะกัดแซนวิชกินไปด้วยความหิวเพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง มี่อารมณ์ด่ามัน และความหิวมันทำให้ผมแน่นหน้าอก ผมกลืนทุกอย่างลงคอแล้วรู้สึกหายใจไม่ออก

 

“ปอ น้ำอยู่ไหน?” ผมว่าพลางทุบหน้าอกตัวเอง มันเงยมามองแล้วหัวเราะ

 

“ไอ้ตะกละเอ๊ย!”

 

“น้ำอยู่ไหนเล่า!” ผมร้องว่า มันลุกไปหยิบมาพร้อมกับแกะให้เสร็จสรรพ ผมยกขึ้นกระเดือกพร้อมกับสูดหายใจด้วยความโล่งอกที่ไม่ขาดใจตาย ไม่สนไอ้ปอที่นั่งขำกับสีหน้าตอนนี้

 

“โห แฟนกูเกือบตายเพราะหิวข้าว” มันว่า ผมมุ่นหน้าตัวเองเถียง

 

“ก็ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่หว่า”

 

มันยกยิ้มกับตัวเองพลางยกมือขึ้นมากสอดนิ้วมือกับผมอีกครั้ง เป็นความประหลาดใจที่มันมักจะแสดงท่าทีกับผมแบบนี้เสมอ ไม่รู้ว่ากับคนก่อนๆ มันทำไหม แต่มันเรียกความน่าประหลาดแก่ใจให้ผมมาก

 

“วันนี้สนุกไหม?” มันถาม ผมละสายตาไปทางอื่น

 

“ก็ งั้นๆ แหละ”

 

เปล่าเลยกูเก๊กเฉยๆ

 

“งั้นๆ เหรอ กูเห็นมึงยิ้มหน้าบานอยู่คนเดียวเลย” มันว่า ผมอ้าปากค้างเถียง แต่เถียงไม่ออก เพราะวันนี้ผมสนุกมากจริงๆ ปอมันไม่หาเรื่องจะนอนกับผมและผมกับมันก็ไม่ได้ทะเลาะกัน

 

แต่กลัวกลับไปมันจะเป็นเหมือนเดิมน่ะสิ คิดได้แล้วอย่างนั้น ผมว่าผมควรพูดอะไรซักอย่างกับมันหน่อย

 

“พี่ปอ…”

 

ผมว่าฝ่าความเงียบ มันเงยหน้ามามองนิ่งราวกับเป็นการตอบว่ากำลังตั้งใจฟัง ผมละสายตาไปทางอื่นแก้เขินก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณนะที่พาภีมมา”

 

มันยิ้ม “เออ รู้จักขอบคุณแบบนี้ค่อยอยากพาไปไหนมาไหนหน่อย”

 

“มึงแม่งชอบกวนตีนว่ะ” กูอุตส่าห์ทำใจพูดตั้งนานมึงตอบกูมาแบบนี้ มันยกยิ้มเมื่อเห็นผมต่อว่ามันออกไปแบบนั้น แววตามันไม่เหมือนเมื่อก่อน ตอนที่ผมเจอมันแรกๆ เลย

 

รึมึงสร้างภาพเฉยๆ หาไอ้ปอ!

 

“ตอนที่มึงบอกกูว่าอย่าปล่อย กูรู้สึกเหมือนมึงขอร้องกูเรื่องอื่นเลย” มันว่า ผมเลิกคิ้วหันไปมองมัน

 

“เรื่องไหน?”

 

“เหมือนมึงไม่อยากให้กูเลิกกับมึง มึงไม่อยากให้กูปล่อยมึงไปเหรอ?” มันว่า พลางเอื้อมมือมาแตะแก้มของผม ผมชะงักนิ่งมองใบหน้าของมันที่แสดงถึงความจริงจัง ก่อนที่จะเลือกละสายตาหนีไปทางอื่น

 

“อะไรของมึงวะปอ เล่นมุกโคตรจะฝืด” ผมว่าพลางแสร้งยิ้ม

 

“มึงดูหน้ากูสิว่าเล่นอยู่เหรอ?”

 

ผมละรอยยิ้มมองมัน ก่อนจะอึกอัก “กูเปล่าซะหน่อย กูก็แค่กลัวตกแล้วขอให้มึงจับกูไว้แน่นๆ แค่นั้นเองนะ ก็แค่กลัวมึงจะแกล้งกู ถ้ากูไม่พูดแบบนั้นมึงก็ถีบกูตกหน้าผาตายน่ะสิ”

 

มันพยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ปะ กลับกันเถอะลมแรงแล้ว ฝนกำลังจะตก”

 

ผมลุกขึ้นยืนเก็บของใส่ใต้เบาะรถกลัวฝนตกมากลางทางแล้วจะเปียก อยากตบกบาลตัวเอง ความจริงผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนที่ตัวเองพูดคำเมื่อกี้ออกมามันรู้สึกอย่างไรแน่ แต่สิ่งเดียวที่เป็นอยู่คือผมไม่อยากให้มันปล่อยมือจากตัวผมอย่างเช่นที่ตะโกนบังคับมัน

 

อย่างอื่นนึกไม่ถึงเลย

 

ผมควรบอกมันตรงๆ ว่าผมกำลังจะเล่นของใส่มัน กำลังจะทำให้มันรักมันหลงแล้วก็เปลี่ยนมัน

 

เออว่ะ ถ้าบอกมันก็ไม่ยอมทำตามความต้องการกูนี่หว่า นี่กูคิดบ้าไรอยู่วะเนี่ย!

 

 

 

 

เป็นไงบ้างสนุกกันไหมเอ่ย ที่มาลงสองตอนไม่ใช่อะไรหรอก อยากให้อ่านโมเม้นต์นี้ของอิพี่ปอว่ามันก็มี ว่ามันก็เออน่ะ ไม่สักแต่เจ้าชู้อย่างเดียว มันเอาใจเมียก็เป็นอยู่ นี่ขนาดน้องยังไม่ตกถึงท้องนะเนี่ย 55555 แล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงชิลๆ ด้วย ไม่ได้ค่อยมีปมมา ออกแนวตอนเซอร์วิสแฟนขลับมากกว่า เรียกได้ว่าเป็นตอนกระชับความสัมพันธ์พระเอกนายเอกแล้วกัน เนอะๆ


คิดไหมว่าปอมีอะไรอยู่ในใจ แต่ใจภีมเรารู้แล้ว มันแอบหวั่นไหวและอยากเอาชนะไปพร้อมกัน เอาล่ะ หนูนาจะมาบอกว่าคราวหน้าเรื่องก็จะเริ่มแล้ว เริ่มอินุงตุงนังนิดนึง ชอบนักล่ะทำรีดเดอร์ปวดหัวน่ะ อิอิ

ปล คู่ต้นธาม3P นะคะ ยังไม่เปิดตัวอีกหนึ่งคน



 

 

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อย่างนี้รับไม่ไหวแน่ๆ อะไรกันเอากันให้เห็นต่อหน้าแล้วก็ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเนี่ยน่ะ แถมแฟนของเพื่อนตัวเองอีกต่างหาก เลวทั้งคู่!!!

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ชอบตอนถ่ายรูป55
โคตรปลาหมึกเลยปอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
 

ตอนที่ 7

Part 1

 

เสียงรถมอเตอร์ไซต์ดังมาตามทาง

 

ลมแรงขึ้นจริงๆ ฟ้าเริ่มมืดสลัวขึ้นมา ปอมันให้ผมนั่งกอดมันจากด้านหลังเพราะจะได้ขับถึงรีสอร์ทไวๆ อีกทั้งผมตั้งใจจะนั่งอยู่แล้ว ขืนนั่งท่านั้นกลับไปมีหวังได้อายอีกรอบ ผมกอดมันแน่นเมื่อหยาดฝนปรอยลงมาพร้อมกับลมกรรโชกแรง ยังดีที่ปอมันพาลงจากผาสูงๆ มาได้แล้ว เหลือแค่ทางนอกเมืองที่ต้องขับเข้าไป และทางก็ลาดยางไว้ใหม่เอี่ยมขับรถได้ง่าย

 

ดวงตามองออกไปเห็นฟ้าสว่างวาบตามมาด้วยเสียงดังครืนๆ ขู่พวกเรา หยาดฝนใหญ่น้อยสาดลงมาพร้อมกับลมแรงที่แทบจะพัดผมกับมันลอยได้ น่ากลัวชิบ!

 

มือข้างหนึ่งของมันยกมาป้องเม็ดฝนที่ตกมากระทบใบหน้า ดูขนาดของเม็ดน้ำแล้วมันเจ็บนะ ส่วนไอ้ผมก็ยกผ้าที่ใช้ปูนั่งตอนกินข้าวมาคลุมหัว ก็สงสารมันอยู่หรอกแต่มันก็ตัวโต ก็แค่เม็ดฝนเล็กๆ จะไปทำอะไรผู้ชายตัวถึกๆ อย่างมันได้ อีกทั้งเป็นเป็นคนออกคำสั่งให้ผมเอาคลุมหัวไว้เองอีกต่างหาก

 

มันใจดีแบบนี้ผมคงขัดใจไม่ได้ มือกำผ้าและแนบหน้ากับหลังอุ่นๆ ของมัน เสียงลม เสียงฝน เสียงฟ้าดังระลอกแล้วระลอกเล่า ผมมองไม่เห็นทางทว่ารู้สึกว่าปอมันคงช่วยพาผมให้ไปที่ปลอดภัยได้

 

ผมเชื่อมันนะ

 

“อา แม่งฝนตกแรงแล้ว”

 

มันร้องว่า รู้สึกถึงความเปียกที่ไหลซึมมาจากผ้าบนหัว เสียงฟ้าร้องทำเอาผมสะดุ้ง ร่างกายรู้สึกเย็นวาบเมื่อน้ำซึมเข้ามาจากด้านหลัง ไม่ต้องถามถึงไอ้ปอว่ามันเปียกไหม ตัวมันเปียกไปหมดแล้ว

 

เสียงฟ้าร้องครืนใหญ่ ผมกำเสื้อมันแน่น ไม่ชอบช่วงท้องฟ้าคึกคะนองแบบนี้เลยวุ้ย

 

“ปอ แวะหลบก่อนไหม?” ผมร้องว่า

 

“หลบไม่ได้ ไม่มีร่มเลย มีแต่ต้นไม้”

 

“กูกลัวฟ้า” ผมว่าพลางซุกบนหลังอุ่นๆ ของมันที่ยังไม่ทันได้เปียก

 

“รอหน่อยนะภีม เดี๋ยวก็ถึง”

 

ก็บอกว่ากลัว ขับรถตอนฝนตกแบบนี้มันอันตรายนะเว้ย ถึงจะบอกว่าเชื่อใจมันก็เหอะ

 

“จอดก่อนปอ”

 

“ไม่ได้ เดี๋ยวมึงตากฝนนานๆ ก็ไม่สบายอีก”

 

ห่วงแต่กูอยู่นั่นแหละ ผมหลับตาผ่อนปรนอารมณ์ไม่งี่เง่ากับมันให้โดนรำคาญอีก ความหนาวเย็นเข้ามาสู่ร่างกาย ไม่ต้องบอกเลยว่าปอมันจะหนาวไหม ห่วงแต่ผม ดูสภาพมันตอนนี้สิ เห็นแบบนี้ผมก็รู้สึกผิดนะถ้ามันเกิดไม่สบายขึ้นมา

 

“ถึงหาดแล้วภีม…”

 

เปรี้ยง!

 

“เฮ้ย!”

 

ผมสะดุ้งภายใต้ผ้า พร้อมกันนั้นรู้สึกถึงรถที่มันถไลเสียการทรงตัวจนร่างของผมหลุดกลิ้งหลุนๆ ลงพื้นถนนหลายรอบ รู้สึกเจ็บขามาก แต่ยังดีเพราะผ้าคลุมหัวตัวส่วนบนอยู่ ร่างกายผมจึงไม่ถลอกนัก ใจผมหายวาบพร้อมกับพยายามลุกขึ้นนั่งแต่รู้สึกเจ็บขา มือก็ดึงผ้าที่คลุมหน้าออกด้วยความเจ็บปวด ดวงตาผมมองขาซึ่งมีเลือดอาบลงไปจนถึงข้อเท้า แผลใหญ่เอาการเลย โคตรเจ็บ!

 

ผมรู้สึกตาลายเพราะเห็นเลือดอาบขาตัวเองเยอะมาก โอย…รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ อารมณ์อยากงี่เง่าก็เริ่มขึ้น นี่จะมาร้องไห้งอแงอะไรตอนนี้วะ

 

ปอมันขับรถยังไงของมันวะ

 

“ปอ ทำไมมึงขับรถแบบ…” ผมเงยมองมัน เห็นควันลอยออกมาจากรถที่ชนกับต้นไม้ซึ่งล้มลงมาขวางทาง

 

ใจหายเมื่อไม่เห็นร่างของมันอยู่ที่รถ ที่เกิดขึ้นมันคืออุบัติเหตุและทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผมไม่ควรโทษมัน แต่ว่าปอมันอยู่ไหน ตอนนี้มันอยู่ไหน!

 

“ปอ…”

 

ผมร้องว่า ใจหายขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงมัน ผมพาร่างของตัวเองลุกขึ้นเดินกระเผลกไปยังรถที่ล้มหน้าต้นไม้ต้นใหญ่นั้น เจ็บขาแต่สิ่งที่ทำให้ผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่เพราะมัน

 

ผมหามันไม่เจอ!

 

“ปอ! อยู่ไหน” ผมร้องว่า น้ำตาอาบแก้มของผมเมื่อเห็นร่างของมันนอนอยู่ฝั่งตรงข้ามของรถ อีกฝั่งของต้นไม้ เลือดอาบหน้าและแขนของมันก็หักไปผิดรูปด้วย

 

ใจผมสั่นหวิวเมื่อเห็นมันหลับตาเลือดอาบไปทั้งหน้า อย่าตายนะมึง!

 

“พี่ปอ! พี่ปอ!”

 

ผมลืมไปเลยว่าตัวเองเจ็บขา เมื่อตอนนี้ได้เห็นว่ามันเจ็บมากกว่าผมหลายเท่า น้ำตาผมไหลไม่หยุดพร้อมกับวิ่งข้ามต้นไม้ไปหามันอย่างลืมเจ็บและทุลักทุเลไม่น้อย มือสั่นระริกผมขยับกอดคอพยุงมันขึ้นนั่ง ให้ตายสิผมกลัวแขนมัน อารมณ์อยากเป็นลมก็ตีอกขึ้นมาอยากจะอาเจียนเพราะเลือดคาวๆ ที่ฟุ้งเข้าจมูก เป็นห่วงมันก็เป็นห่วง

 

ใจผมเต้นตึกๆๆๆ แทบจะทะลุออกจากอก

 

“อั่ก…ภีม” มันร้องว่าพลางแสดงถึงความเจ็บที่แขน ตัวผมสั่นไปหมดไม่เคยเห็นเลือดเยอะขนาดนี้มาก่อน

 

อย่าเป็นอะไรนะปอ

 

ผมกลัว…

 

“ปอ ทนก่อนนะ” ผมกลั้นสะอื้นว่า มือยกผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเลือดที่เปื้อนหน้าให้ มองแผลที่เหวอะบนตีนผมของมันแล้วน้ำตาก็ไหลไม่หยุด สงสารมันจับใจ

 

“พี่ขอโทษนะ เจ็บตรงไหนไหม?”

 

“ไม่ต้องมาพูดเลย!” ผมร้องว่าพลางกอดมันแน่น ทำหน้าเหมือนโกรธมันจะตายแต่โคตรเป็นห่วง “ตัวเองเจ็บอยู่ยังจะมาพูดดีอีก รอก่อนนะปอ กูจะไปตามคนมาช่วย”

 

มันยิ้มนิดๆ ว่า “กูแค่แขนหักภีม กูห่วงว่ามึงจะเจ็บ อะ…”

 

“ไม่เอา เลิกพูดเลยปอ กูได้ยินเสียงรถมาเดี๋ยวจะไปขอให้เขามาช่วย รอตรงนี้นะ”

 

มันพยักหน้ารับนิดๆ ก่อนจะหยีหน้าเมื่อผมวางมันลงกับพื้นอย่างเดิม ร่างที่เปรอะไปด้วยเลือดของผมวิ่งไปยืนดักรอรถคันนั้น หันกลับไปมองมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความร้อนรน ผมไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ไม่เคยห่วงใครขนาดมาก่อนเลยในชีวิต

 

ข้างหน้าที่รถแล่นมาช้าๆ เป็นรถปิ๊กอัพที่แล่นตรงมายังฝั่งในเมือง ผมกระโดดโบกมือและร้องขอให้เขาช่วยไปด้วย

 

“ช่วยด้วยครับพี่ ช่วยด้วย…” เมื่อรถจอด เขาเปิดกระจกออกมา เป็นผู้หญิงอายุเกือบๆ สามสิบแสดงความตกอกตกใจ

 

“น้องเป็นอะไรรึเปล่าคะ!”

 

“ต้นไม้ล้มใส่เราครับ”

 

“ตายจริง ไหนๆ เป็นอะไรกันรึเปล่า”

 

“ผมแค่เจ็บขา แต่เพื่อนผมเขาแขนหัก ช่วยพาเพื่อนผมไปโรงพยาบาลหน่อยนะครับพี่ ผมขอร้อง” ผมยกมือไหว้พาลงหันหลังกลับไปมองไอ้ปอที่นอนอยู่ เธอพยักหน้ารับก่อนจะตอบ

 

“อย่าไหว้พี่เลยค่ะ พี่ต้องช่วยน้องอยู่แล้ว แต่บนเกาะไม่มีโรงพยาบาลใหญ่นี่สิคะน้อง จะลองไปคลินิกที่พี่รู้จักดูไหม หมอที่นั่นเห็นว่าใส่เฝือกได้”

 

“ไปที่ไหนก็ได้ครับพี่ขอให้มันถึงมือหมอ ช่วยมันด้วยเถอะครับ”

 

“ไปพาเพื่อนมาขึ้นรถเลยค่ะ”

 

“ขอบคุณครับพี่”

 

“ไหวรึเปล่า ให้พี่ออกไปช่วยไหม?” เธอว่าพลางมองไปยังต้นไม้

 

“ผมไหวครับ”

 

ผมกล่าวตอบแล้ววิ่งไปช่วยพยุงตัวปอขึ้นนั่ง มันร้องโอยทั้งขยับตัวลุกแล้วก้าวขากระเผลกเหมือนจะเจ็บเข่าด้วย มองออกไปฝนเริ่มซา ผมพามันขึ้นข้างหลังพยุงให้มันพิงตัวผมไว้ ผมกอดมันจากด้านหลัง ความอบอุ่นจากมือของผมนั้นกุมมันไว้แน่นพร้อมกับมันเองที่กุมผมอยู่เช่นกัน

 

ผมไม่อาจปล่อยให้มันรู้สึกกลัวคนเดียวได้อีกแล้ว

 

 

ถึงมือหมอแล้วและมันทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาเยอะ ยกมือไหว้ขอบคุณพี่สาวที่มาช่วย เธอยิ้มใจดีและให้ยืมโทรศัพท์โทรเข้าไปในรีสอร์ท ยังดีที่รีสอร์ทมีเบอร์ที่จำง่าย ผมติดต่อไปยังพี่ธามให้ทราบข่าว ก่อนพี่สาวใจดีจะขอตัวกลับเพราะมีธุระต้องจัดการ

 

หลังจากทำแผลเสร็จผมเห็นกลุ่มพี่ธามวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ ข้อศอกของผมถลอก หัวเข่ากระทุ้งกับพื้นจนปวดและถูกไม้ขูดเป็นรอยแผล ความเจ็บกลับคืนสู่ร่าง ผมเดินกระเผลกอยู่หน้าห้องทำแผลเข้าไปหาทั้งกลุ่ม

 

“เป็นไงบ้าง ปอเป็นอะไรมากไหม?” พี่ธามถาม ผมกลืนน้ำลายด้วยความยากเย็น เห็นสายตาไอ้ต้นมันกำลังสมเพชอีกแล้ว

 

“แขนหักครับ ไม่รู้ว่ามันเจ็บที่อื่นด้วยรึเปล่า” ผมตอบพลางนึกถึงมันไปด้วย

 

“ตอนจะไปภีมไม่รู้เหรอว่าฝนจะตก ยังดีนะที่ต้นเห็นเลยไม่ชวนพี่ธามออกไป”

 

ผมมองหน้ามันตอนที่ว่า นี่มึงคงจะรอทับถมกูแก้แค้นเรื่องเมื่อเช้าอยู่แน่ๆ ไอ้ต้น ผมถอนใจพูดไม่ออกเมื่อเสียงของเพื่อนในกลุ่มก็ว่าขึ้นมาอีกและเห็นด้วยกับไอ้ต้น

 

“เออ นั่นสิ คิดแค่อยากจะออกไปอย่างเดียว เอาแต่ใจคอยให้มันตามใจจนชินน่ะสิ เลยไม่รู้ว่ามันอันตรายรึเปล่า”

 

“เปล่านะ” ผมว่าก่อนจะก้มหน้าแก้ตัว “ปอมันเป็นคนชวนผมออกไป”

 

“มึงจะบอกว่ามันหลงมึงจนไม่รู้หน้ารู้หลังเลยงั้นสิ หึ…” ไอ้พี่พีมันว่าแทรก

 

ก็ปอมันบอกว่าไม่มีแดดน่าจะขับรถสบาย ผมเองก็ไม่นึกถึงเรื่องนี้มาก่อน

 

“พอเถอะน่า ไม่ใช่เวลาที่จะมาโทษว่าใครผิด น้องมันก็เจ็บเหมือนกันไม่เห็นเหรอ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาหรอก มารอดูว่าไอ้ปอจะเป็นยังไงดีกว่า”

 

ผมแม่งโคตรขอบคุณพี่ธามเลย จะคนดีเกินไปแล้ว รู้แล้วว่าทำไมถึงโดนคนเหี้ยๆ แบบไอ้ต้นสวมเขาได้น่ะ

 

เสียงหมอเปิดประตูออกมาเรียกเราทั้งกลุ่มหันไปสนใจ ด้านหลังเป็นไอ้ปอที่นั่งบนรถเข็นซึ่งมีพยาบาลอยู่ด้านหลัง ผมเดินเข้าไปหามันแทบจะทันที น้ำตาที่เพิ่งจะเหือดก็พาลจะไหลออกมาอีกรอบ กูยังตกใจไม่หาย นึกว่าจะตายซะแล้ว

 

“ปอ มึงเป็นไงบ้าง เจ็บไหม?” ผมว่าเสียงเบา มันเงยหน้ามามองผมนิ่งก่อนจะส่ายหน้า

 

“ไม่เป็นอะไรหรอก หมอใส่เฝือกให้แล้ว มึงอะเป็นไรไหม?” ผมส่ายหน้าเป็นการตอบ คือตอนนี้กูเจ็บแผลมากแต่มึงเจ็บกว่าไง กูเลยไม่สำออย กูยอมอดทน

 

มันมองหน้าผม และผมก็มองหน้ามัน แบบที่เดากันไม่ออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ท่ามกลางเสียงหมอที่กำลังคุยกับพวกพี่ธามบอกว่าอาการไม่น่าห่วง เชคสมองแล้วไม่มีการกระทบกระเทือน เข่าที่เจ็บก็ให้กินยา

 

ยังดีที่นี่เป็นคลินิกใหญ่ ส่วนใหญ่รักษาพวกเจ็บแบบฉุกเฉินจึงสามารถช่วยปอมันได้ทัน หนำซ้ำหมอก็เป็นชาวต่างชาติซึ่งรักความเป็นอยู่เรียบง่ายที่เมืองไทย มีภรรยาเป็นสาวไทยและมีเด็กน้อยลูกครึ่งหน้าตาน่ารักวิ่งเล่นรอบคลินิก

 

ใจผมชื้นขึ้นมา เออ โล่งเลยเหอะ!

 


ตอนหน้าต่อพาท 2 นะคะ

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa


ตอนที่ 7

Part 2

เสียงฝนเม็ดเล็กๆ ปรอยลงบนหลังคา ผมพยุงมันที่เดินกระเผลกมานั่งลงปลายเตียงในห้องเมื่อเดินทางมาถึงบ้านพักในรีสอร์ท ซึ่งผมเองก็เดี้ยงไม่แพ้กัน มองเห็นของอยู่บนเตียงที่ถูกวางทิ้งไว้ พี่ธามเอาของที่อยู่ใต้เบาะรถซึ่งล้มมาให้หลังจากเดินทางไปเอารถเช่า มือผมพามันทรุดตัวลงนั่งก่อนจะหันมามองผมที่ยังทำหน้ารู้สึกผิดอยู่

 

รู้สึกถึงความอบอุ่นเมื่อมือมันยกมากุมแก้มหนึ่งข้างของผมเบามือ ก่อนจะว่าเสียงเบาที่สุดแทบเป็นกระซิบ

 

“ไม่ต้องสนใจคนอื่น อยู่กับกูก็แคร์แต่กู” ผมรู้สึกว่ามันเป็นการปลอบ ได้แต่พยักหน้ารับ มันกอดผมเข้าไปซุกอยู่ในตัวราวกับกลัวว่าผมจะหนาว ใจผมสั่นขึ้นมาเฉยๆ เมื่อถูกสัมผัสที่เบามือเช่นนี้

 

“กูเชื่อมึงนะปอ” ผมว่าตอบ รู้สึกถึงความร้อนของกลีบปากมันที่แนบบนหน้าผาก

 

ผมพริ้มตารับความร้อนนั้นและค่อยๆ ลืมตา เห็นดวงตามันกำลังมองกิริยาตอบสนองที่ทำไปเมื่อกี้ด้วยรอยยิ้มแล้วก็รู้สึกเขินขึ้นมาแปลกๆ นี่ผมไปตอบสนองมันแบบนั้นให้มันเห็นได้ไง เดี๋ยวแม่งก็ได้ใจ

 

“ปล่อยกูเลย มึงนี่เก่งแต่ฉวยโอกาสนะปอ” ผมว่า เฮ้ยๆๆๆ เสียงจะงอนไปไหน ไอ้ภีมตัวจริงมึงอยู่ไหนกลับเข้าร่างด่วน นี่ไม่ใช่กู! ไอ้ภีมแอ๊บแบ๊วนี่ไม่ใช่กูแน่!

 

“ก็มึงน่ารักนี่ภีม ทำหน้าแบบนี้เหมือนกลัวกูตายเลยนะ ยอมกูเลยเชียว กลัวกูไม่ใช้สิทธิ์ก่อนว่างั้น?”

 

“สิทธิ์อะไรของมึงวะ?”

 

“สิทธิ์ความเป็นสามีไง”

 

ไอ้หื่น ทำไมมึงยังไม่ตายวะ ต้นไม้น่าจะทับมึงให้ไส้ไหลไปเลยนะปอ!

 

ผมมุ่นคิ้วตัวเองมองหน้ามัน รู้สึกขัดใจ รู้สึกโหวง เห็นมันละรอยยิ้มตัวเองลงเมื่อผมไม่นึกสนุกกับสิ่งที่มันพูด มือข้างไม่หักก็เริ่มทำงาน เชยคางผมให้เงยไปจ้องตาคมเฉียบตรงหน้านิ่งงัน

 

“ที่กูยิ้มแบบนี้ เพราะกูดีใจที่มึงไม่เป็นอะไรมาก”

 

ผมหลบตาหันไปมองด้านอื่น ทำไมมันทำหน้าซึ้งแบบนั้นกับผมกันวะ เขินวุ้ยเขินๆๆๆ แต่ไม่รู้รึไง ผมรู้สึกไม่ดีที่มันเอาแต่ห่วงผมไม่ห่วงตัวเอง ทำไมไม่เหมือนที่ผมจินตนาการไว้เลยวะ ไอ้ปอในจินตนาการโคตรเลวโคตรเฮี้ย โคตรไม่รักษาน้ำใจ โคตรชอบทำร้ายจิตใจคนอื่น

 

แต่ตอนอยู่กับผมมันคนละเรื่อง นอกจากความเจ้าชู้เอาไม่เลือกแล้ว มันดีกับผมทุกอย่าง

 

ผมสะบัดความคิดออกจากหัว มองตามันและควรจะละทิ้งความคิดมากนี่ออกไปซะ นี่ผมเป็นอะไรวะเนี่ย ในหัวมีแต่เรื่องมัน อะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็เอามาคิด ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเราตัวเปียกกันทั้งคู่

 

“เออ เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะปอ เสื้อมึงเปื้อนแต่เลือด” ผมว่าเสียงเบา มันพยักหน้าพลางยกมือถูหน้าตัวเองที่เหนียวด้วยคราบเลือด

 

“อืม กูโคตรอยากอาบน้ำเลย”

 

“เออๆๆ เดี๋ยวกูพาไปอาบ” ผมว่า มือก็พยุงมันลุกขึ้นยืน

 

น่านๆๆ สายตามึงน่ะ

 

พาไปอาบน้ำแล้วมึงอย่าคิดกดกูเชียวนะเว้ย! ผมมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของมันที่จู่ๆ ก็ยกยิ้มอยู่คนเดียว มึงอย่าแอบจินตนาการล่วงหน้าว่าจะทำกูท่าไหนเพราะแขนหักอยู่นะ กูสู้นะคราวนี้

 

“ใช้งานได้อยู่เหมือนกันนี่หว่า ไม่ได้ทำหน้าที่เมียแต่ก็รักษาการเมียได้อยู่นะ” มันว่าพลางโน้มหน้ามาจะจูบ ผมดันหน้ามันเบือนออกพร้อมกับว่า

 

“อย่าเล่นน่ะปอ ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้!” คือกูทำหน้าจริงจังมากนะแต่ทำไมมันหลุดยิ้มก็ไม่รู้

 

“คร้าบๆ คุณเมีย”

 

เรียกกูแบบนี้ โคตรอ้อนส้นเท้าเลยนะพี่ปอ

 

ผมปัดความเขินตัวเองออกเมื่อมันเรียกผมแบบนี้ มือเอื้อมไปโอบเอวของมันที่ยกมือมากอดไหล่ พาตัวเองเข้าห้องน้ำ มันก้มมามองผมก่อนจะฝังริมฝีปากมาจูบแก้ม ไอ้ผมก็ได้แต่เงยหน้าไปเอ็ดมันในใจ ตั้งใจจะฉวยโอกาสกูตลอด อารมณ์อยากมึงนี่มีทุกห้านาที เอะอะกอดเอะอะจูบ นี่แค่กูรู้สึกผิดหรอกถึงทำแบบนี้ไม่งั้นมึงไม่ได้แอ้มหรอก

 

จริงเหรอวะ

 

 คือตัวกูเองยังขัดแย้งตัวเองเลย นี่ท่าจะสับสนมากไปนะมึง

 

ผมถอดเสื้อให้มันด้วยความว้าวุ่นในสมอง พยายามเขย่งเต็มส่วนสูงจนมันต้องก้มโน้มตัวมาให้ถอด เปิดน้ำอุ่น ชุบน้ำ เช็ดหน้า เช็ดตัวให้ ทำหน้าที่เมียให้มึงเต็มที่ขนาดนี้แล้วจะมาบังคับข่มขืนกูอีกละกูตบหูหลุดแน่ ผมเม้มปากคิดในใจ หลบสายตาที่มันทั้งยิ้มทั้งยักคิ้วส่งมาให้ มันคิดว่ามันเหนือกว่าผมอยู่แน่ๆ

 

ตอนนี้กูเหนือกว่ามึงนะ มึงมันเหมือนเด็กเกิดใหม่ที่ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากปากหมา…

 

“เอ้า ถอดกางเกงด้วยสิครับเมีย มันก็เปียกอยู่นะ เปียกถึงโคนไข่เลยแหละ”

 

กูว่าแล้วไงว่าปากมันหมา ผมอ้าปากค้างจะว่ามัน เห็นเพียงรอยยิ้มกรุ่มกริ่มชวนลมตีแล้วได้แต่ละใบหน้าหนีไปทางอื่นเฉยๆ

 

ไอ้ทะลึ่งเอ๊ย!

 

“ไม่ต้องมาบอกกูก็ได้หรอก” ผมปลดกางเกงให้มัน โล่งใจที่เห็นบ๊อกเซอร์ มือก็ดึงมันออกจากเอวก่อนจะยกมือชูนิ้วกลางให้ มันยิ้มแล้วว่า

 

“บ๊อกเซอร์กูก็เปียก ถอดออกด้วย”

 

หน้าผมขึ้นสี แล้วแทบจะปรี๊ด มันเห็นสีหน้าของผมแล้วรู้เลยว่าแม่งมีความสุข ผมเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูมาพันเอวให้มันก่อนจะพ่นลมหายใจ นี่กูแฟนหรือขี้ข้าวะเนี่ย

 

“พันดีๆ นะภีม ถ้าหลุดล่ะสนุกเลยนะ”

 

“สนุกกับผีไรล่ะ” ผมว่า มือก็สั่น แม่งจะล้วงลงไปถอดยังไงวะไม่ให้โดนไอ้ปอน้อยได้วะ ผมมุ่นคิ้วตัวเองเมื่อเห็นคนตรงหน้ายิ้มราวกับว่ากำลังสนุก มือมันจับขอบผ้าพลางพยักหน้าส่งซิกให้ถอดออกไวๆ

 

เอาวะ ผมก้มลงไปล้วงมือดึงตรงชายกางเกง ทำไมมันดึงยากจังวะ แม่งใหญ่มากนักเหรอ!

 

เอวมันนะครับ

 

“ก็ดึงตรงขอบมันสิภีม มึงไม่เคยถอดกางเกงเหรอ เขาต้องรั้งตรงขอบกางเกงไม่ใช่ขากางเกง”

 

“หุบปากไปเลย!” มึงไม่ต้องคิดมาสอนกู เดี๋ยวปั๊ดบิด…แขนเขียวเลยนี่ อย่าทะลึงคิดว่าผมจะบิดไข่มันเขียวนะครับ เห็นผมแบบนี้ก็ไม่ใจร้ายขนาดทำร้ายมันได้ขนาดนั้น ยกเว้นวันไหนที่อดทนไม่ไหวจริงๆ

 

เอาละนอกเรื่องไปตั้งไกล ผมควรมาโฟกัสตรงน้องชาย เอ๊ย! บ๊อกเซอร์ไอ้ปอว่าควรจะถอดมันออกยังไงดีกว่า ใบหน้าผมครุ่นคิด ถอนใจ มือก็ดึงมันสุดแรง กางเกงบ๊อกเซอร์หล่นมากองกับพื้นทว่าขอบผ้าขนหนูร่นจนหลวม ผมร้องเหวอพลางเอื้อมมือไปจับเพื่อจะพันให้อีกรอบ แต่ว่า…

 

ชะอุ่ย! โดนกลางลำ

 

ขอเวลากูทำใจแป๊ป

 

ผมนับหนึ่งสองสามในใจ ได้ยินเสียงไอ้ปอหัวเราะร่วนกับมือผมที่ตะครุบน้องชายมันไว้ เงยขึ้นไปเห็นผ้าขนหนูหลุดออกมาแต่ปิดตรงที่ผมเอามือสองข้างปิดไว้นั่นแหละ มันโป๊อยู่แต่หัวเราะชอบใจขนาดนี่เนี่ยนะ หนังหน้ามึงหนาไปนะปอ

 

ใจผมเต้นมองผ้าส่วนที่เหลือที่กองอยู่บนพื้น อีกส่วนคือที่ที่ผมตะปปไว้ปิดไอ้ปอเบอร์สองแบบหมิ่นแหม่ คือกูจะเอาขึ้นยังไงไม่ให้มันหลุดมาหมดทั้งผืนวะ!

 

“เงียบเลยนะปอ! ช่วยกูจับผ้าเลย” ผมว่าพลางเงยมองมันที่กลั้นขำเมื่อได้ยิน

 

“เออๆ อืม…เอามาพันเอวดิ” มันว่าพลางจับผ้าขึ้นมาปิด มือสองข้างของผมก็เริ่มทำงาน พันเอวไว้ให้มันก่อนจะลุกขึ้นยืน

 

ฝันร้ายแน่กูคืนนี้

 

เกือบเห็นหนอนน้อยแล้วไหมละ ผมปาดเหงื่อพลางเดินออกไปเอาชุดมาให้มันใส่ ช่วงถอดที่ว่ายาก ช่วงใส่นี่โคตรยากเลยเหอะ แต่มันไม่ดื้อกับผมเลย อาสาใส่กางเกงเอง ผมหยิบบ๊อกเซอร์มันมาวางอ้าเอวไว้กับพื้นเหมือนใส่ให้กับเด็ก มันค่อยๆ ขยับขายกขึ้นสวมทีละข้าง มือข้างที่ไม่เป็นอะไรเกาะไหล่ผม เมื่อใส่ได้ ผมดึงมันขึ้นไปถึงชายผ้าขนหนูที่พันเอวและให้มันใช้มือที่ใช้ได้ดึงขึ้นไปจนถึงเอว

 

มันลอบมองผมอยู่บ่อยครั้ง เชื่อเหอะกูไม่แกล้งอะไรมึงหรอก ดวงตาผมมองมันที่ก้มหน้าก้มตามองมือผมที่กำลังติดกระดุมให้ด้วยความเงียบ ใส่เสื้อยืดธรรมดามันใสยาก ยังดีที่มันเอาชุดที่มีกระดุมมาด้วย

 

“ภีม”

 

 มันว่าผ่านความเงียบ ผมเงยขึ้นมองมันนิ่งเมื่อมันไม่ได้จะยิ้มจะแกล้งอย่างเคย หน้ามันดูซีเรียส ก่อนจะละไปมองด้านอื่นไม่ยอมมองคาอย่างเคย ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่ามันกำลังรวบรวมความกล้า ไม่จริงหรอก มันน่ะเก่งกาจไปหมดซะทุกอย่าง

 

คนแบบมันพูดอะไรออกมาได้ง่ายๆ ไม่ใช่คนขี้อายสักนิด จัดว่ากล้าแสดงออกมากไปจนหน้าด้าน

 

เออ สรุปคือมันเป็นคนหน้าด้านนั่นแหละ

 

“ใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วไปนอนพักหน่อยไหมปอ” ผมว่า หลังจากจัดเสื้อมันให้เข้ารูป มันพยักหน้ารับน้อยๆ ไม่อิดออดพร้อมกันนั้นก็ขยับตัวตามผมที่ช่วยพยุง ไม่พูดอะไรอีกเลย ไม่หยอกไม่แกล้งผมสักนิด ล้มตัวลงนอนและหลับไปอย่ารวดเร็ว มีกรนด้วย ผมหลุดยิ้มและละลงมองแขน

 

คงเจ็บมากสินะ

 

ดวงตาผมมองมันนิ่ง ตอนที่มันเรียกชื่อผม สายตาของมันเองก็สับสนไปไม่ต่างจากผมตอนนี้สักนิด ผมไม่อาจอธิบายว่าตอนนี้เป็นอะไร

 

แต่ปอแม่ง โคตรปากไม่ตรงกับใจเลย ทีตอนอยากจะเอากูยังกล้าทวงอย่างหน้าด้านๆ ทีงี้มาทำเป็นไม่มีอะไร จะพูดอะไรทำไมไม่พูดออกมาตรงๆ ทำท่าทางแบบนี้แล้วกูอึดอัด

 

กูอยากรู้ในสิ่งที่มึงจะพูดจะตายแล้วเนี่ย!

 

ผมก้มมองมันพลางยกมือไปกุมนิ้วมือเรียวๆ ยาวๆ ของมัน จำได้ตลอดเวลาว่าตอนที่มันเจ็บ มันจับมือผมไว้แน่นเหมือนกำลังกลัว กลัวว่าผมจะปล่อยมือไปจากมัน นิ้วมือของผมไล่ไปตามเส้นผมตรงของมันที่กำลังแนบใบหน้ากับหมอนสีขาวสะอ้าน มันเป็นคนที่ดีคนหนึ่งเลย ถ้าไม่เจ้าชู้และเจ้าอารมณ์แบบนี้

 

ใบหน้าตอนมันหลับ มันสิ้นฤทธิ์ เหมือนเด็กน้อยจอมงอแงที่ต้องการความรักจากพ่อแม่ เหมือนเจ้าแมวเหมียวจอมออดอ้อนที่ทำให้เจ้าของตกหลุมรักได้ไม่ยาก

 

ผมทิ้งตัวลงนอนข้างมันพร้อมกับเอื้อมมือไปกอดตัวอุ่นๆ ของมันใต้ผ้าห่มนวมผืนเดียวกัน ยอมรับว่าหลายคืนแล้วที่รู้สึกดีที่มีมันนอนแนบเบียดมอบความอุ่นมาให้ กอด ออดอ้อนขอร่างกายผมด้วยความเอาแต่ใจนั้น

 

ดวงตาพริ้มตาหลับพร้อมกับความร้อนพุ่งเข้ามา อารมณ์ความรู้สึกขึ้นมาสูงสุดเมื่อนึกเห็นภาพชั่วโมงที่ผ่านมา ผมตกใจจริงๆ

 

วินาทีแรกที่รู้และได้เห็นมันว่าเจ็บขนาดไหน ผมรู้เลยว่าผมเจ็บกว่าหลายเท่า รู้สึกเจ็บและปวดแทนมันไปทุกอณูความรู้สึก กลัวจนต้องร้องไห้ออกมา  และครั้นนึกถึงวันข้างหน้าหลังจากวันนี้ หากถึงวันที่ผมกับมันต้องเมินหน้ากัน

 

ผมคงจะเจ็บปวดมากไปกว่านี้

 

ผมว่า ผมหลงรักปอเข้าแล้วละครับ

 

 

สรุปแล้ว

 

เราต้องกลับและพาปอมันไปอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม มันแสดงถึงความไม่พอใจหน่อยๆ ที่เพื่อนๆ เปลี่ยนแผนเพราะมันเป็นต้นเหตุ แต่คงจะค้านคนอื่นไม่ได้ด้วยเพราะใครๆ ก็ลงความเห็นว่ามันต้องกลับบ้านไปพักผ่อน ดังนั้นพี่ธามกับไอ้ต้นจึงตามติดมาด้วยเพื่อขับรถให้ ผมกับปอนั่งข้างหลัง มันทำท่าทำทางออดอ้อนผมเหมือนทุกวัน จับนิดจับหน่อยพอหอมปากหอมคอของมันไปเรื่อยๆ ท่ามกลางสายตาของไอ้ต้นพี่ธาม

 

ผมเห็นพี่ธามลอบมองผ่านกระจกมามองเราอยู่บ่อยๆ หรือเขารู้ว่าผมคิดอะไรกับไอ้ปอ ผมก้มหน้าก้มตาเล่นเกม ขี้เกียจฟังไอ้ต้นที่คอยมาเซ้าซี้ไอ้ปอตลอดทาง

 

เมื่อถึงโรงแรมที่เราพัก ผมเห็นพ่อของปอมันมายืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาพยายามจะเข้ามาช่วยพยุงร่างมันเข้าไปในห้องทว่ามันก็ยังรั้นเหมือนเดิม ไม่ยอมรับการช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิน อวดเก่งชิบหาย

 

และเมื่อถึงห้องมันก็นอนพักอย่างเดียวราวกับอิดโรยจากการเดินทาง ก่อนหลับก็งี่เง่าเซ้าซี้บังคับผมอยู่ใกล้ๆ ตัวให้มันกอดจูบตลอด จับผมนอนบนเตียงให้มันกอด บังคับจูบปาก ลิ้นนี่แทบจะจุกคอตาย แทบจะดูดวิญญาณออกไปทางปากได้อยู่แล้ว พอไม่ยอมก็งอแงราวกับเด็กน้อยอ้อนกินนม ไอ้ผมก็ต้องยอมตามใจ จนมันพอใจคล้อยหลับไปเอง

 

ผมเดินออกมาเล่นข้างนอก เห็นว่าคนในโรงแรมเดินเข้าออกตลอด รู้ว่าไม่ควรมาเดินเกะกะเขาแต่ก็อยากออกมาสูดอากาศบ้าง เห็นพ่อของปอมันเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มใจดีอย่างเคย ผมรีบสาวเท้าเพื่อพูดคุยกับพ่อของมัน เขาพาผมเดินไปเรื่อยๆ แต่แววตาดูแปลกใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอผมมาพร้อมกับปอ เขามองผมนิ่งและจู่ๆ ก็กล่าวฝ่าความเงียบขณะที่เราเดินไปเรื่อยๆ ว่า

 

“เธอทำได้ยังไง ปอไม่เคยคิดจะแตะรถมอเตอร์ไซต์ที่ตัวเองรักมาสองปีแล้ว ทำให้เขากลับมาขับมันอีกได้ยังไง” เขาว่าพลางมองหน้าผม ผมอึกอักและคิดไม่ออกเหมือนกันว่ามันคิดอะไรอยู่

 

ผมคิดว่าเมื่อวานมันแค่อยากทำดีไถ่โทษผม พาผมไปเที่ยวเท่านั้นจริงๆ นะ

 

“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” ผมตอบเสียงเบา ไม่อาจเข้าข้างตัวเองได้

 

“ตั้งแต่แม่เขาไป ไม่ได้ตามติดเขาในสนามแข่งรถเหมือนเมื่อก่อนเขาก็เลิกขับรถไปด้วย ฉันขอให้เขากลับไปแข่งรถที่เขารักเหมือนเดิมแต่เขาไม่เคยคิดจะกลับไปเลย”

 

“ทำไมล่ะครับ?”

 

“เขาคิดว่าถ้าไม่มีแม่ของเขาคอยเชียร์อยู่ริมสนามมันก็ไม่มีความหมาย ไม่มีใครคอยแสดงความดีใจที่เขาประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขารัก…”

 

“คุณพ่อไม่ไปแทนคุณแม่เหรอครับ”

 

เขาเบิกตามองผมที่ว่าแทรก “เพราะฉันงานยุ่งน่ะ”

 

“เพราะแบบนี้ไงละครับปอมันถึงได้โกรธคุณน่ะ” ผมว่า “คุณต้องเข้าหาเขาสิครับ เพราะคุณไม่ให้เวลากับเขาไงล่ะมันถึงได้เป็นแบบนี้ เงินน่ะแก้ปัญหาไม่ได้หรอก”

 

“ปอก็บอกฉันแบบนี้เหมือนกัน” เขายกยิ้มพลางเอื้อมมือยีผมอีกครั้ง ผมเกาหัวตัวเองก่อนจะแย้มยิ้มเมื่อคิดแผนได้

 

“งั้น เย็นนี้คุณพ่อมาทานข้าวกับเราสิครับ” เขาได้ยินจึงเลิกคิ้วตัวเองมองมายังร่างของผม

 

“ฉันไม่ได้กินข้าวพร้อมลูกชายนานมากแล้ว”

 

“นั่นไง มาเถอะนะครับคุณพ่อ” ผมยิ้มพลางว่า

 

“แล้วฉันต้องทำยังไงบ้าง?”

 

“เอาใจมันหน่อยก็ดีนะครับ ปอมันชอบให้คนเอาใจ ถ้ามีคนเอาใจมันจะใจอ่อนขึ้นมาง่ายๆ เลย” ผมแสดงความคิดเห็น อีกฝ่ายหัวเราะกับสิ่งที่ผมกล่าว

 

“แสดงว่าเธอคงจะเอาใจเก่งน่าดูสินะ หมอนั่นถึงดิ้นไม่หลุดแบบนี้” ผมเกาหัวตัวเองเมื่อได้ยิน ความเขินแล่นเข้ามาประดับบนใบหน้า คุณพ่อเขาคงจะเห็นแล้วแน่ๆ

 

“ผมเปล่าสักหน่อย” ดวงตาละลงมองพื้นว่าอีกครั้ง “ลูกชายคุณต่างหากที่เอาแต่ใจ ผมนี่อยากทุบกะโหลกมันวันละสิบรอบ”

 

“งั้นเหรอ แต่เขาเป็นดีใช่ไหมล่ะ ลูกชายฉันน่ะ”

 

ผมหันไปสบตากับเขาพร้อมกับเลือดวิ่งขึ้นสู่ใบหน้าอีกครั้ง แม่งจะสูบฉีดดีไปไหน ยกมือเกาหัวตัวเองแก้เก้อไปพลางเดินไปเรื่อยๆ ไม่กล่าวตอบอะไร

 

“ปอเป็นเด็กน่ารักมาก เขาใจดีมากและชอบที่จะมาเล่าเรื่องการแข่งขันให้ฉันฟังบ่อยๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งเขามาชวนไปดูวันที่จะต้องแข่งระดับประเทศ แต่ฉันไม่ได้ไปน่ะ แล้วเขาก็ไม่ไปลงแข่งวันนั้นด้วยเพราะฉันไม่ได้ไปดูเขา ผิดนัดกับเขา ฉันโกรธตัวเองที่ทำให้เขาตัดสินใจประชดฉันไปแบบนั้น”

 

โห ปอมันไม่น่าดับอนาคตตัวเองแบบนั้นเลย ผมก้มหน้ามองพื้นพลางสาวเท้าเดินไปเงียบๆ ไม่กล้าออกความเห็น

 

“แต่เพราะเธอนะ ถึงทำให้ฉันคิดได้ว่าควรจะใส่ใจเขามากขึ้น แล้วดูเขาจะเปลี่ยนไป ทุกวันจะออกไปกลับมาก็รุ่งสาง ฉันโทรตามไม่เคยจะกลับสักที แต่พอมีเธอทุกอย่างเหมือนอยู่ในรอบขึ้นมาอย่างที่ควรจะเป็น”

 

ผมหันไปมองเขานิ่ง เปลี่ยนเหรอ คำว่าเปลี่ยนที่ผมนั่งคิดมาตลอดนั่นเหรอ

 

“เรื่องความรักของเขาฉันไม่เคยเคยห้าม ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวให้ลิทธิ์ขาดในการเลือกการตัดสินใจว่าจะมีแฟนแบบไหนยังไงก็ได้ เขาไม่เคยพามาที่นี่ มีแต่พามาเจอแบบบังเอิญ แต่ไม่มีใครเหมือนเธอเลยสักคน ฉันล่ะนับถือคนแบบเธอจริงๆ”

 

“คุณพ่อ…” ไม่ได้ทำบ้าอะไรเลยนะ ผมยกมือสองข้างส่ายไปมาด้วยความเขินเมื่อเขาหลุดยิ้มว่าต่อกับผมด้วยเสียงใจดี “อยู่กับเขานานๆ นะภีม ฉันขอร้อง”

 

ดวงตาผมชะงักนิ่งมองเขาตอนที่กล่าว ใบหน้าจริงจัง ชายวัยสี่สิบกว่าปีนี้ดึงแขนผมให้หยุดก้าวเดินและกล่าวออกมาด้วยแววตาจริงจังกว่าที่เคยเพื่อย้ำอีกว่า

 

“ฝากปอด้วยนะ ช่วยไปยืนเชียร์เขาที่ขอบสนามแข่งแทนพ่อที”

 

เขาแทนตัวเองว่าพ่อ

 

ผมนิ่งมองตาของคุณพ่อไม่ละ ไม่รู้อะไรทำให้ดวงตาของผมแดงขึ้นมาแม้เขาจะละเดินนำไปแล้ว ความรู้สึกเต็มตื้นที่เขาแสดงความหวังที่มีไว้กับผมนั้น มันจริงจังจนผมแทบจะนึกไม่ถึงในวันที่ผมกับปอต้องแยกจากกัน

 

เขาเชื่อมันในผมกว่าผมที่เชื่อมันตนเองเสียอีก




 

ตอนหน้าเป็นพาร์ทพิเศษ พาร์ทของพี่ปอนะคะ


 เรื่องนี้พระเอกเลวแทบจะทุกคนค่ะ แต่ว่าเราตั้งใจจะเขียนให้มีพัฒนาการขึ้นมาเรื่อยๆ

 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ทำไมต้องเลว ทำไมต้องชอบ
ทำไมต้องอ่าน ทำไมต้องรอ :เฮ้อ:
หลงรักเรื่องนี้ซะแล้ววววว

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
เง้ออ ชอบจัง
เอาใจช่วยคุณพ่อ คนเรามันเปลี่ยนกันได

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
 

ตอนที่ 8

 

-P’ Por Part-

 

ตั้งแต่ขับรถล้มจนแขนหักใช้การห่าเหวอะไรไม่ค่อยจะได้ สิ่งที่เดียวที่ทำได้คือแม่งอยู่นิ่งๆ

 

เสียงตะกุกตะกักจากหัวเตียงปลุกให้ผมที่กำลังพักผ่อนต้องลืมตาไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังนั่งขัดสมาธิค้นของๆ ผมบนหัวเตียง เจ้าของใบหน้าใสๆ นั้นหันมายิ้มให้ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเสือกเรื่องของผมต่อไป มันจะหาอะไรของมันนักหนารบกวนกูจัง

 

“เสียงดังเหรอ?” มันหันมาว่า มือก็จับโน่นนี่ หยีหน้าแล้วโยนขวดเจลหล่อลื่นมาทางผมเมื่ออ่านแล้วรู้ว่าในมือเป็นอะไร พร้อมกันนั้นกล่องถุงยางนับสิบก็ถูกเหวี่ยงมาทางนี้

 

“เชี่ยปอ นี่มึงหมกมุ่นอะไรนักหนาเนี่ยหะ อื้อหืม…นี่มึงเอาไว้เป็นของประจำห้องแบบขาดไม่ได้คล้ายๆ ยาสามัญประจำบ้านเลยเหรอวะเนี่ย” ผมหันไปมองมันบ่นคนเดียวพลางรื้อลิ้นชักไปด้วย

 

ซองบุหรี่ที่เพื่อนทิ้งไว้สองสามกล่องถูกโยนมาหาผมอีกครั้ง

 

ร่างของมันควานหาไปเรื่อยๆ ก้มหน้าก้มตารื้อของรกๆ ออกมา เพราะผมไม่ค่อยให้แม่บ้านมายุ่งย่ามตรงเตียงเท่าไรนอกจากเปลี่ยนผ้าปูที่นอน แล้วนี่มึงเป็นใครวะหะ! ถึงมารื้อข้าวของกูกะจัดกระจายแบบนี้

 

“มึงทำอะไร?” ผมว่าพลางมองมือขาวๆ น่ากัดของมัน มันตกใจที่หยิบเจอกุญแจมือออกมาได้ หันมามองผม

 

“นี่มึงซาดิสม์ด้วยเหรอ!” มันว่า

 

“ลองไหมล่ะ”

 

“ไม่ลอง ไม่ชอบ เอ๊ย! ไม่เอา” มันว่า ผมหลุดขำ ทำอย่างกับมึงนี่เคยลองมาแล้วนะ

 

ไอ้เด็กนี่

 

มันคือเมียผมครับ ไอ้เด็กตัวเล็กๆ ปากดีนี่ชื่อภีม หน้าตาน่ารักน่าถีบ นิสัยกวนตีน แต่ก็ขี้เอาใจในแบบของมันแหละ แต่อยากรู้เหลือเกินว่ามันทำอะไรของมันอยู่

 

“กูถามว่ามึงทำอะไรกับของๆ กู”

 

“ก็ของมึงมันรก กูเห็นแล้วเกะกะลูกตาจะจัดของเข้าที่ดีๆ ให้ แต่ไม่คิดว่าจะเจออะไรพวกนี่เลยแม่ง เชี่ย! ปอ นี่มึงเป็นโรคจิตปะวะ”

 

มันร้องว่าพลางโยนซีดีหนังโป๊ลงแหมะมากองรวมกับของก่อนหน้านี่ ทำหน้าตางอไม่พอใจแต่มือก็ทำไม่ยอมหยุด เมียผมมันก็มีดีแค่นี้แหละ แม่งบ่นก็เก่ง เทศน์มาแต่ละทีนี่หูแทบชา บางทีนี่คิดว่าได้แม่คนที่สองมานอนเตียงเดียวกัน

 

แต่ก็ยังทนฟังไปทุกวัน ทนเห็นมันตอนทำหน้าบึ้ง งอนๆ แบบนี้ ไม่รู้ทำไมต้องทนเหมือนกันว่ะ

 

อยากกวน อยากแกล้ง อยากอยู่ใกล้ๆ

 

“อืม เมียกูนี่แม่บ้านแม่เรือนใช้ได้ มาๆ กูให้รางวัล”

 

ผมยกมือถูหน้ามันๆ ของตัวเองแล้วควานไปดึงมันมาใกล้ เสียงมันร้องครวญบอกว่ารำคาญผมมากที่เอาแต่ดึงมันมากอดจูบ ก็ใช่สิ เป็นเมียที่ไม่ใช่เมียเต็มตัว อะไรที่ทำให้ผมพออยู่แบบมีกำลังใจได้ผมก็จะทำ

 

“ปอ โอ๊ยกูเจ็บขาอยู่ ไม่เอา!” มันร้องว่าพลางซุกหน้าบนหน้าอกของผมที่กอดมันแน่นด้วยแขนข้างเดียว ก็อีกข้างมันหักนี่

 

“เจ็บมากไหม?” มือผมลูบหัวมันป้อยๆ

 

“อืม”

 

“ไม่ต้องดูแลกูมากก็ได้ มึงเองก็พักผ่อนด้วย”

 

“กูไม่ได้เป็นอะไรมากซักกะหน่อย” มันว่าเสียงเบาอู้อี้บนอกผม แม่งจะทำเสียงน่ารักไปไหน

 

“ไหน มาให้กูดูหน่อย”

 

ผมลืมไปแล้วว่าเราไม่ใช่ผัวเมียกันจริงๆ ผมห่วงมันจริงๆ ตอนต้นไม้ล้มมาใส่ผมกระโจนใส่ต้นไม้เป็นอันดับแรก ร่างของมันลุกขึ้นนั่งชันเข่าขึ้นมาให้ดู มือของผมลูบแผลมันเบาๆ พร้อมกับมันที่นั่งอยู่บนที่นอนนิ่ง ไม่ดื้อกับผมเหมือนเมื่อก่อน

 

ทั้งๆ ที่เจอกันครั้งก่อนที่คบกันนี่ไม่น่ารักเหมือนตอนนั้นเลย

 

ผมจำมันได้ วันแรกที่เจอกันนั้น มันไม่รู้จักผม

 

วันสถาปนาก่อตั้งโรงเรียนถูกจัดขึ้นเมื่อเปิดภาคเรียนแรกของทุกปี เดือนแรกที่เปิดพวกนักเรียนส่วนใหญ่จะวุ่นช่วยกันจัดการเกี่ยวกับการแสดงชมรมของตัวเองยกเว้นเด็กปีหนึ่งทุกช่วงชั้นที่เป็นแขกรับเชิญในงาน ผมเองก็เช่นกัน เป็นโลโก้ของชมรม

 

ผมไม่บอกใครว่าจะใส่ชุดมาสคอตออกมาให้น้องๆ ถ่ายรูป ผมเห็นมันเดินมาคนเดียว ไม่มีใครเลย ดวงตามองโน่นนี่นั่นไม่ตื่นเต้นเหมือนเด็กคนอื่นๆ มันทำให้ผมสงสัย

 

มาสคอตที่ผมสวมเป็นเสือหัวโตตัวสีส้มสวมชุดกีฬาเพราะชมรมผมคือรวมกีฬาทุกชนิด พยายามหารุ่นน้องเข้าชมรมให้ได้ ผมเห็นร่างเล็กๆ นั่นเดินอ้อยอิ่งมาเรื่อยๆ จนมาถึง ร่างของผมกางแขนดักหน้ามันไว้ ดวงตาเล็กๆ เบิกขึ้นมาตกใจ ขยับตัวไปทางซ้ายพร้อมกับผมที่ขยับตาม มันเงยหน้ามามองผมงงๆ พร้อมเกาหัวทำหน้าตาน่ารักไม่รู้ตัว

 

ผมยกใบสมัครพลางชี้ใส่เป็นการเชิญชวนเข้าร่วม ผมอยากให้มันเข้าชมรมด้วยใจจะขาด

 

“ไม่เอา เล่นกีฬาไม่เป็น”

 

ไม่ต้องห่วง ผมวิ่งไปหยิบพู่มาสะบัดแล้วเต้นตลกๆ ให้มันดูไปด้วย มันหลุดยิ้มขำพลางส่ายหน้า

 

“ไม่เอา เชียร์ไม่เป็น”

 

ตอนยิ้มมันยิ่งน่ารัก แต่แม่งไม่ให้อารมณ์ร่วมกับผม ผมจับไหล่มันดันเข้าไปนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะสมัครหยิบปากกาให้มันเขียนชื่อ มันส่ายหน้าลูกเดียว ไอ้ผมก็ยกมือไหว้เป็นการขอร้อง พูดด้วยไม่ได้

 

“ไม่เอา ไม่ชอบเล่นกีฬา” มันว่า ผมถอนใจมองมันที่ยิ้มมาด้วย

 

“ขอบคุณนะที่ชวน น่ารักจัง”

 

ผมที่ร้อนแทบตายในชุดมาสคอตหายเป็นปลิดทิ้ง มันกอดผมแน่นโดยที่ไม่รู้ว่าใครอยู่ข้างใน แวบแรกที่เห็นวันนั้นมันน่ารักมาก คิดมาเสมอว่ามันเรียนอยู่ห้องไหนเพราะผมจะจีบมัน จะให้เป็นหนึ่งในคอลเลคชันที่สะสมมา มันคือหนึ่งในไม่กี่คนแน่ที่ผมจะไม่ลืม

 

ผมถ่ายรูปตอนมันเดินละออกไป มันไม่รู้ตัว มองของรอบๆ ตัวไม่มีชีวิตชีวา ไม่มีเพื่อน

 

แต่พอมาเจอมันตอนนั้น วันที่ผมวิ่งชนมันหน้าโรงอาหาร ในที่สุดผมก็เห็นมัน แอบยิ้มชอบใจที่มันมีสีหน้าบอกบุญไม่รับเพราะโดนวิ่งชน ใจหนึ่งก็ไม่อยากให้มันเห็นหน้า กลัวถูกจับได้ว่าจะยิ้มอะไรนักหนา ก็ภีมมันน่ารักเง้างอด ถ้าได้มาไว้ข้างๆ ออดอ้อนทุกวันคงจะดี

 

แต่

 

ทุกอย่างก็ผิดถนัดเพราะปากมัน ความน่ารักแรกๆ หายไปทันที

 

ตอนแรกก็แค่อยากเอาชนะมัน เห็นแววตาตอนมันกวนตีนแล้วหมั่นไส้ อยากแกล้งให้มันร้องไห้ ทำไปทำมา ผมอยากแกล้งมันทุกวันเลยเพราะมันเองก็ไม่ได้เอาแต่ปากเสียกับผมอย่างเดียว เรื่องดีๆ อย่างอื่นมันเยอะกว่า แล้วรอยยิ้มตอนที่ผมเจอมันครั้งแรกก็ผุดขึ้นมาเรียกให้ผมหยุดมองหลายครั้ง

 

อดที่จะเอาใจให้มันยิ้มแบบนั้นอีกไม่ได้

 

ความจริงผมก็เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร ผมเอาใจคนเป็นยิ่งกว่าอะไร แต่กับมันเอาใจเท่าไรผมก็ไม่เคยชนะสักที กลายเป็นว่าต้องทำกับมันเป็นกิจวัตรไปแล้ว ภีมมันแปลกและแตกต่างจากคนอื่นมาก ผมคิดเสมอถึงคำพูดของมันเมื่อตอนอยู่บนรถครั้งนั้น

 

ถ้าผมรักมัน มันก็จะไม่มีข้อแม้กับผม

 

มันทำอย่างกับต้องการให้ผมหลงรักมัน ใจของผมที่ว่าแข็งก็อ่อนขึ้นมาเสียเฉยๆ เมื่อเจอความแตกต่างระหว่างมันกับคู่ขาคนอื่น มันสั่งสอนผมทั้งๆ ที่มันเองก็ไม่ได้มีผลพลอยได้อะไรสักอย่าง กอดผมแน่นตอนที่เห็นผมเจ็บ

 

นิ้วมือเล็กๆ ของมันกุมมือผมแน่น มือที่ผมเคยคิดจะทำให้มันแหลกละเอียดนั่น มันอุ่นมากตอนที่ผมหนาว กุมมือผมไว้แน่นแม้จะเล็กกว่ามือผมขนาดไหน

 

มันทำให้ผมยิ่งมันใจเลยว่าผมต้องแคร์มันมากขึ้นกว่าเดิม ผมต้องปกป้องมัน

 

“ปอ ไปอาบน้ำไปจะได้กินข้าวกินยา” มันว่าเสียงอู้อี้น่ารักบนหน้าอกของผมที่ดึงมากอด

 

“ก็อาบให้กูสิ”

 

“แค่แขนหักไม่ได้เป็นง่อย” แต่เรื่องเถียงคำไม่ตกฟากนี่ยอมให้ไม่ได้เลย ผมยกมือยีหัวมันว่า

 

“เป็นเมียหัดปรนนิบัติผัวดิวะ มาทำรู้สึกผิดกับกูแค่วันเดียวเองนะมึงน่ะ”

 

มันเงยหน้ามาขมวดคิ้วตัวเองแบบที่ชอบทำบ่อยๆ ผมชอบมันตอนที่ทำหน้าแบบนี้สุดๆ ดูมันขี้งอนและเอาแต่ใจตัวเองดี

 

“ก็ได้ๆ มา ลุกขึ้นมา” มันว่าพลางดึงแขนผมให้ลุกขึ้นนั่ง ตัวเล็กๆ ของมันน่ะเห็นแบบนี้ช่วยเหลือผมดีนะ มันทำแม้แต่ถอดกางเกงในให้

 

ผมไม่เคยเจอคนแบบมันมาก่อน จะบ่นจะเถียงก็จริงแต่ไม่เคยอิดออดที่จะทำ

 

ผมกอดไหล่มันแล้วก้มไปจูบแก้มมันทีเป็นการขอบคุณ ไม่ใช่หรอก เพราะอยากจูบ มันแสดงถึงความเขินออกมาทางใบหน้าและกลบเกลื่อนด้วยการทำร้ายร่างกายผมประจำ

 

“อย่ามากวนตีนนะ เดี๋ยวกูจับกดโถส้วมแม่ง” มันว่า

 

“อ้อ เหรอ” ว่าแล้วก็ก้มลงไปจูบมันตรงปากเลย ผมชอบนัก ชอบกวนประสาทและเห็นมันเขินทำตัวไม่ถูก ขึ้นชื่อว่าเมีย จะกอดจะหอมไม่ใช่เรื่องแปลก แต่แปลกก็คือมันไม่ยอมผมสักทีน่ะสิ

 

ผมต้องอดทนเท่าไรตอนมันจูบผม ตอนมันยั่วผมโดยที่ไม่รู้ตัว มันไม่เคยคิดเลย คิดเพียงว่าผมจ้องแต่จะเอาเปรียบมัน จะจับมันปล้ำ ลองเป็นมันบ้างจะรู้สึกยังไงเมื่อถูกยั่วให้มีอารมณ์แล้วก็ถูกปฏิเสธง่ายๆ แบบนั้น ผมยอมรับว่าอาจจะมีหลุดไปบ้างเพราะต้องการหาที่ระบายอารมณ์ตัวเอง แต่ถึงยังไงคนที่ผมรอจะนอนด้วยก็คือมัน

 

แต่มันจะเล่นตัวไปถึงเมื่อไร ยังดีที่มันรู้จักยอมให้ผมกอดจูบได้ ช่วยผ่อนปรนอารมณ์อยากของผมได้ดีทีเดียว ถ้ามันห้ามผมแตะต้องตัวมันแม้แต่ปลายก้อย ผมว่าผมคงได้ตบะแตกตั้งนานแล้ว

 

ผมมองมันที่ถือผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ ดวงตามันมองมายังร่างกายของผม เงียบ ไม่ได้คุยอะไรกัน หน้าตาของมันน่ารัก แก้มใสและค่อนข้างมีเนื้อทั้งๆ โครงหน้าเรียวและผอม มันยั่วให้ผมก้มลงไปหอมได้ไม่ยากเลย

 

จะว่าผมหลงแก้มมันก็ได้ ความจริงก็หลงทั้งหน้านั่นแหละ สังเกตดีๆ มันไม่มีตรงไหนที่น่าติเลยสักนิด คิ้วไม่ได้หนามากแต่เรียงกันโก่งสวย จมูกเล็กนิดเดียวและรั้น ปากเล็กและมีเนื้อ อยู่ในโทนสีส้มอ่อนและมักจะเม้มกันแน่นเสมอ ผมเห็นไฝเม็ดเล็กๆ ของมันตรงกลางแก้มซ้าย ไม่ได้ทำให้มันดูแย่ลงเลยสักนิด น่ามองไปกว่าเดิมอีกต่างหาก

 

แถมดวงตามันเล็กก็จริง แต่แฝงแววอะไรสักอย่าง โคตรน่าค้นหา

 

“หันหลัง” มันว่า ผมหมุนตัวหันหลังให้มัน ความเย็นของผ้าแตะบนตัวพร้อมกับมันที่ออกแรงถูให้

 

“ไม่เอาแบบถลกหนังนะ”

 

“เออ รู้แล้ว” มันว่า “ก็เบาสุดๆ แล้วเนี่ย”

 

“ครับ คุณเมีย” ผมว่าพลางหลุดยิ้ม ชอบแซวมันแบบนี้

 

“กูจะหมดอารมณ์ทำให้เพราะงี้แหละ”

 

“ทำไม ก็มึงเป็นเมียกูจริงๆ นี่ หรือจะบอกว่ายังไม่ได้เป็นแบบเต็มตัว” ผมว่า ถ้าตอบมาแบบนี้จะจับกดแม่ง

 

“เปล่า แต่มึงอย่าย้ำนักสิ” มันว่าเสียงเบา ทำอย่างกับยอมแพ้ผม

 

“มึงเขินเหรอ” ผมว่าพลางยิ้มกับตัวเอง

 

“เปล่าซักหน่อย เขินทำไม ไม่มีไรน่าเขินซักนิดเดียว” มันรีบตอบมา จะแก้ตัวก็ว่ามาเหอะ

 

“ถ้าไม่อยากเขินก็ยอมเป็นเมียก็แบบเต็มตัวสิ จะได้ไม่อายปากเวลาพูดว่าตัวเองเป็นเมียกู”

 

“หึ ฝันไปเหอะ”

 

ผมหันไปมองมันที่ส่งนิ้วกลางมาให้พร้อมกับหน้ากวนส้นเท้าที่สุด นี่ผมทำอะไรอยู่วะเนี่ย ไม่เคยมองผ่านความร้ายกาจของใครเลย แต่สำหรับมัน มันจะทำอะไร จะแสดงออกกับผมยังไงก็ได้โดยไม่มีความผิด

 

“ส่งมาให้จังนิ้วกลางน่ะ อยากได้มากใช่ไหม” ผมว่าดุ แต่มันกลัวผมที่ไหน

 

“ไอ้ค…”

 

“เดี๋ยวจับยัดปากเอาให้ปากดีไม่ออก มึงจะเอาไหม?”

 

“ถามมาได้ไม่คิด ลองควักออกมาสิจะเอามีดฟันให้ขาดไม่มีไปใช้นอนกับเมียชาวบ้านเลยคอยดู” มันว่าเสียงเข้ม ขนลุกเลยสัส!

 

“นี่มึงเอาจริงเอาจังไปปะวะ โกรธกูทีไรขุดเรื่องเก่าๆ มาด่ากูทุกที” ชักจะเหมือนเมียแก่ๆ ไปทุกวันแล้ว ผมยกยิ้มก่อนจะหันไปมองหน้ามันพร้อมกับว่าต่อ

 

“จะหึงน่ะได้ แต่อย่าทำร้ายไอ้ปอเบอร์สองก็พอ”

 

“ไอ้…” ในที่สุดมันก็เถียงไม่ออก ใช้กำลังถูกหลังซะผมต้องร้องร้องปราม

 

“เบาๆ หลังจะขาด”

 

“เออ ดี” มันว่า

 

ผมยกยิ้มกับตัวเองกับนิสัยของมันก่อนจะหันกลับไป เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดฝาดของมันที่ส่งมา มันกำลังเขินที่โดนแกล้งอย่างเห็นได้ชัดเพราะหน้าแดง หูเหอแดงไปหมด ผมยกยิ้มพร้อมกันนั้นก็ดึงมันไปเข้ามากอดในอก

 

“กูขอบใจนะภีม”

 

ขอบใจสำหรับทุกอย่างที่มันทำให้ผม มันนิ่งเหมือนจะยอมรับในสิ่งที่ผมทำก่อนจะเงยขึ้นมามองหน้าของผมราวกับต้องการค้นหาอะไรสักอย่าง ผมไม่ได้โกหก ผมรู้สึกขอบใจมันจริงๆ

 

มันคงงง เพราะร้อยวันพันปีผมไม่เคยพูดคำนี้กับมัน

 

มันไม่เถียง แค่พยักหน้ารับและช่วยผมสวมเสื้อผ้า พาผมไปนั่งทาครีมดูแลผิวหน้า มาโลชันให้ ถึงคราวมันปรนนิบัตินี่แทบจะล้างเท้าให้ผมแล้ว

 

ผมมองไปยังโมเดลรถที่เคยโยนทิ้งไว้ มันถูกวางลงที่เดิม ดวงตาผมมองเมียที่เดินจัดของในห้องรกๆ ให้แล้วหยิบโมเดลนั้นมาดูเงียบๆ นึกถึงผู้ชายที่ผมไม่มีวันจะยกโทษให้ คนที่ภีมมันพยายามเจรจาให้ผมยอมยกโทษนั่นแหละ

 

เขาทำตัวเอง ถ้าเขาไม่ทิ้งแม่และให้ผมทำตามใจ ให้ผมไปอยู่กับแม่ ผมคงต้องไม่ใช้วิธีแบบนี้หรอก

 

จะรั้งผมให้อยู่กับเขาทำไม ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นค่าในตัวผมเหมือนแม่

 

ค่าในตัวผมสำหรับเขามันน้อยกว่าไอ้ภีมอีก มันยังรู้จักดูแลผม เหลียวแลผม คิดแล้วก็พาลหงุดหงิด ผมลุกขึ้นยืนและกวาดตามองหาโทรศัพท์ไม่รู้ว่าเมียเก็บเอาไปไว้ไหนจะโทรชวนเพื่อนแดกเหล้าสักหน่อย ขาก็กระเผลกเดินออกจากห้องนอนมายังด้านนอกซึ่งเห็นภีมมันยืนกดโทรศัพท์ยิกๆ อยู่เลย

 

ผมยกนิ้วชี้เป็นการเตือน “มึงทำอะไรกับโทรศัพท์กูน่ะหา!”

 

มันเงยมองหน้าผมก่อนรีบกดใหญ่ ผมรีบสาวเท้าไปแย่งโทรศัพท์ออกจากมือมันพร้อมกับเสียงร้องของมันไปด้วย “แม่งเอ๊ย…”

 

สงสัยไม่ทัน

 

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วเลิกคิ้วตัวเองที่มันพยายามกดรหัสโทรศัพท์ให้ได้ แต่ใจไม่ตรงกับผมก็เท่านั้นเอง นี่มันตั้งใจจะทำอะไรกับของๆ ผมวะเนี่ย ผมผละหน้ามาจ้องตามันเค้นเอาความจริง

 

“นี่มึงจะทำอะไร?”

 

มันอึกอักครับ ทำท่าทำทางมีพิรุธสุดๆ “ก็…พี่ปอ ขอรหัสหน่อยสิ”

 

“ยังจะมาหน้าด้านขออีกไอ้นี่” ผมยกมะเหงกจะเขกหัวมันที่ย่นคอหลบ

 

“ไม่ขอแล้วจะรู้ไหมล่ะ” มันสวนพลางลูบหัวตัวเองหน้ายุ่ง น่ารักสัส ใจผมนี่กระตุกเลย

 

“แล้วมึงจะเอาทำไม” แล้วทำไมกูต้องใจเย็นกับมึงขนาดนี้ด้วยวะเนี่ย

 

“กูแค่จะลบรูปที่มึงถ่ายแบบอุบาทว์ๆ ออกเอง จะเก็บไว้ทำไมวะปอ โดยเฉพาะรูปที่มึงจูบกูอะจะให้ใครเห็นไม่ได้” มันว่าเสียงดัง หน้าตานี่ขอร้องสุดๆ ไอ้ผมก็ยกยิ้มแล้วกดรหัสเปิดวอลเปเปอร์ให้มันดูในสิ่งที่ทำไว้รอวันนี้ที่มันมาถามหา

 

“แบบนี้เหรอ?”

 

ผมตั้งไว้เป็นวอล์เปเปอร์เรียบร้อยแล้ว กดรหัสเสร็จปุ๊บภาพมันกับผมดูดปากกันโผล่ออกมาปั๊บ มันเบิกตาโตเท่าไข่ห่านมองมายังหน้าจอตกอกตกใจ

 

“เอาออกเลย มึงจะให้กูอายไปถึงไหนวะเนี่ย!” มันเกาหัวตัวเองบ่นทั้งจะแย่งโทรศัพท์ในมือ ผมชูขึ้นเหนือหัวตัวเองอีกทั้งสะใจและสนุกสนานกับหน้าแดงๆ ของมันไปด้วย แกล้งแม่งอีกรอบ

 

“เพื่อนกูรู้รหัสโทรศัพท์กูทุกคนเลยว่ะ” มันตกใจทุบตัวผมระรัวเพราะทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้ หน้านี่งอจนแทบจะร้องไห้

 

“ปอ เอาออก!” มันว่าพลางทุบผมตุบตับ นี่มึงคิดไหมว่ากูป่วยอยู่ สภาพกูดูสบายดีลั้นลาขนาดจะรองรับมือตีนมึงได้เหรอภีม

 

มันเงยหน้ามามองผม มุ่นคิ้ว ทำดราม่าน่าสงสารสัส น่าแกล้งเพิ่มขึ้นไปอีก แต่ผมเลือกที่จะโอ๋มันมากกว่า มันจะได้ไม่เกลียดไปมากกว่านี้

 

“จูบพี่ก่อนสิ” แต่คนอย่างกูต้องมีข้อแม้ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเมื่อภีมมันตอบสนองตอนที่ผมบอกมา มันส่ายหน้าระรัวแล้วลังเล

 

สุดท้ายก็ยอม ยกมือสองข้างมารั้งคอผมให้โน้มลงไปรับจูบมัน

 

เหมือนมันรู้งาน รู้ว่าผมต้องการแบบไหนหลังจากเคยเจรจาแล้วว่าต้องให้มันจูบเหมือนเดิม ปากที่มีเนื้อของมันนุ่มนิ่ม เรียกความกระหายให้อยากจูบได้ตลอดเวลา มองทีไรก็นึกอยากจูบตลอด ไม่แปลกที่ผมขอให้มันทำบ่อยๆ ใช่ไหม

 

อยากจูบแม่งทุกห้านาที

 

แต่ตอนที่มันจูบผม ผมรู้สึกดีกว่าเท่านั้นเอง เพราะภีมมันไม่ได้เก่งอะไร นำจูบแบบเงอะๆ งะๆ ท่าทางตอบสนองตอนผมรับจูบก็น่ารัก ลิ้นเล็กถูกผมส่งไปพันรัวนัวเนียเล่นไม่หยุด เสียงตอนมันหอบหายใจแรงๆ เรียกความต้องการคนฟังได้ไม่ยาก เกมต่อไปกับมันน่ะเกิดขึ้นง่ายนิดเดียว

 

จูบมันรสชาติดีที่สุดแล้วสำหรับผมน่ะ ผมผละปากออกมาเม้ม มือก็เช็ดคราบน้ำลายตรงมุมปากเมียตัวเองไปด้วย

 

โคตรยั่ว

 

แล้วจะให้อดทนกับมันได้นานขนาดไหนวะ ผมนิ่งมองมันที่เงยหน้ามาช้อนตามอง ปากเม้มกัน บวมเพราะรอยจูบ ผมโน้มลงไปฝังจมูกลงบนแก้มมันอีกทีด้วยความหมั่นเขี้ยว จะอดทนไม่ไหวแล้วสัส!

 

“อื้อ หอมอะไรแรงนักหนา!” ภีมมันผลักแก้มผมบ่นเสียงเบาทว่ากระแทกอารมณ์ ทำหน้างอหงุดหงิดมาด้วย

 

ถ้ากูฟัดมึงได้กูฟัดแล้ว ยังจะมาบ่นอีก ทนได้ขนาดนี้ก็ดีแค่ไหน

 

มันผลักหน้าผมร้องว่าไปด้วย “ไหนล่ะบอกว่าจะให้รหัส จะลบออกไปได้รึยังรูปอะ กูไม่ยอมนะถ้ามึงจะให้เพื่อนดูน่ะ”

 

“กูล้อเล่น ไม่มีใครรู้รหัสหรอก”

 

มันเบิกตาชี้หน้าผม

 

ตลกจริงไอ้เด็กนี่ น่าแกล้งชะมัด ผมดึงแขนมันเข้ามาหาเมื่อเห็นว่ามันไม่เลิกหน้างอ จะง้อมันยังไงดี ดวงตามันละมองลงพื้นอย่างขัดใจตัวเอง ก็มันเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองนี่นะ

 

เมียกูโคตรดราม่า

 

“งั้นมึงเอารหัสไป แล้วห้ามลบรูปเด็ดขาดเพราะไม่เคยมีใครมายุ่งกับโทรศัพท์กูเลยซักคน ถ้าอะไรในโทรศัพท์หายไปนั่นเพราะมาจากฝีมือมึง” ผมชี้หน้ามันว่าไปด้วยเป็นเชิงออกคำสั่ง มันย่นหน้าว่าสวนมาทันทีทั้งที่ยิ้มอวดว่าตัวเองเหนือกว่าที่ได้รหัสมา

 

“กูไม่ลบคลิปมึงหรอกน่า”

 

ผมมองหน้ามันที่กำลังหลุดหัวเราะดึงโทรศัพท์ไปถือเมื่อได้รหัส ปากก็บ่นกับตัวเองด้วยความรั้นเอาแต่ใจว่า “ไหนดูซิมีกี่ร้อยคลิป มึงนี่ทั้งหื่นทั้งโรคจิตกูว่าแม่งเยอะกว่าที่คิดชัวร์เลย”

 

“แบบกูไม่ต้องพกในโทรสัพท์หรอก โน่นแผ่นที่มึงรื้อออกมาน่ะจะดูไหมละ” ผมตอบ มันละหน้ามาขมวดคิ้วตัวเองเมื่อได้ยิน เลยอดที่จะแกล้งไม่ได้

 

“เอ หรือว่า…มึงอยากจะเล่นเป็นนางเอกของกูเองซะเลยล่ะ” ผมว่ากระซิบข้างหูมันที่ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ มันเปลี่ยนจากหน้าระรื่นเงยมาหยีหน้า

 

“ไอ้ทะลึ่ง ไปเลยปอมึงจะไปไหนก็ไป ไอ้หื่น ไอ้ลามกจกกะเปตร”

 

ผมหยุดหัวเราะ เออว่ะ ไอ้นี่มันยุง่ายดี

 

ผมยิ้มก่อนจะโน้มหน้าลงไปยิ้วยั่วโมโหมันเงียบ ไม่พูดอะไร

 

มันเงยหน้าแดงๆ มามองผมก่อนจะละสายตาไปเสียเฉยๆ ไม่ยอมจ้องตา นี่วันนี้จะยอมแพ้ผมง่ายๆ งั้นเหรอ มือผมดึงมันเข้ามาก่อนจะจูบหัวเหม่งๆ มันไปที ไอ้หน้าผากรับทรัพทย์ของมันน่ะ

 

ผมคิดเองหรือเปล่าว่ามันรั้นกับผมน้อยลง เถียงเก่งอยู่ก็จริงแต่ก็ใช้เหตุผลทุกครั้ง แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมเอาใจมันได้ยังไง ก็มันไม่ดื้อกับผมนี่ ตัวผมยิ่งใจอ่อนกับเด็กดีเอาใจเก่งอยู่ด้วย

 

ก๊อกๆ

 

เสียงคนเคาะประตูเรียกให้ผมหันมองเพราะเมียที่มันสนใจแต่โทรศัพท์ ร่างของผมผละเดินไปยังตาแมวเพื่อส่องดูแล้วหันไปมองไอ้ภีมที่มันเดินไปทรุดตัวนอนเล่นบนโซฟาไม่ได้สนใจห่าเหวอะไรเลย มันสั่งอาหารมาทำไมเยอะแยะวะ

 

ผมยกมือที่ไม่ได้หักบิดเปิดประตูเพื่อเปิดต้อนรับ มองพนักงานเข็นเอาอาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะ มีแม้กระทั่งเครื่องดื่มด้วย นี่มันจะฉลองอะไรของมัน

 

“ภีม มึงสั่งอะไรมา?” ผมว่าพลางมองพนักงานทำตามหน้าที่ จัดแจงอาหาร สังเกตเห็นว่าจานถูกจัดมาสามชุด คิ้วของผมก็เริ่มขมวดกันด้วยความสงสัยผสมอารมณ์ที่จะมีน้ำโหกับมันนิดๆ ที่มันเมินกับคำถามของผม

 

“ภีม กูถามไม่ได้ยินเหรอ!”

 

พนักงานหันมามองหน้าผม มันคงตกใจ แต่ไอ้ที่นอนบนโซฟาไม่กระดิก ไม่รู้สึกกลัวผมสักนิด มันแหงนหน้ามามองแล้วว่าเสียงรำคาญสุดๆ

 

“เสียงดังทำไมวะปอ?”

 

ผมกำหมัดตัวเองอยากทุบกะโหลกมันจริงๆ “ก็กูถามมึงหลายรอบแล้วว่ามึงสั่งอาหารมาทำไม?”

 

“เอ้า ก็สั่งมากินไง”

 

“ของใครอีกชุด?” ผมว่าพลางชี้ไปอีกจานที่เกินมา มันรีบลุกขึ้นเดินมา ทำหน้าตาอึกอักแล้วก้มลงมองจานข้าวตอบเสียงเบา ถึงเวลากลัวกูได้แล้วเหรอหา!

 

“ของพ่อ…มึง”

 

“นี่มึงด่ากูเหรอ” ผมว่า

 

“เชี่ย! กูเปล่า ก็จานนี้ของพ่อมึงอะ!” มันเงยมาพร้อมทั้งเสียงดังสู้

 

“ใครให้เขามากิน กูไม่ได้เชิญ!” ผมร้องว่าพลางชี้จานนั้นด้วยอารมณ์ที่พุ่งขึ้นเมื่อเห็นว่ามันไปตกลงอะไรกับผู้ชายคนนั้นว่าจะมาทั้งๆ ที่ไม่ได้ถามความเห็นกูสักคำว่าต้องการให้เป็นอย่างนั้นไหม

 

ชั่วโมงนี้กูไม่สนพนักงานที่มันมองด้วยสายตาตื่นกลัวแล้ว กูโมโหที่มันก้าวก่ายเกินไปเพราะเห็นว่าถูกตามใจ

 

“ออกไปได้แล้ว ไม่ต้องจัด เอาของออกไปทั้งหมด!” ผมหันไปว่ากับพนักงาน พยายามทำใจเย็นๆ ไว้ที่สุด ผมไม่อยากใจร้อนกับไอ้ภีม

 

“ไม่ต้องออก จัดต่อไปครับ” มันว่าแทรก ผมกำมัดตัวเองแน่นมองมันที่เงยมาจ้องตา

 

“มึงเลิกยุ่งเรื่องนี้สักที กูไม่ชอบ”

 

“ทำไม มึงโกรธอะไรพ่อนักหนา” มันว่า

 

“มันไม่ใช่หน้ามึงที่จะต้องมาถาม ทีเรื่องอื่นไม่เห็นมึงรู้จักคิดบ้างวะ” ผมว่าพลางมองไปยังพนักงาน “ออกไปเดี๋ยวนี้! ฉันไม่ต้องการให้ทำอะไรต่อทั้งนั้น แล้วก็ไม่ต้องไปเชื่อฟังมันเพราะฉันคือคนจ้างนาย!”

 

“ไอ้ปอ!” ผมเห็นว่ามันโกรธที่อารมณ์ผมพลุ่งพล่าน ผมก็โกรธที่มันทำอะไรไม่ถามความรู้สึกของผม ผมโกรธที่มันเข้าข้างผู้ชายคนนั้นมากกว่าผม!

 

ผมไม่ชอบ ผมต้องการให้มันแคร์แค่ผมเท่านั้น มันต้องอยู่ข้างผมไม่ใช่คนที่ทำร้ายผม!

 

“หน้าที่มึงคือยอมเป็นเมียกู ไม่ต้องคิดจะหาทางทำอะไรช่วยกูทั้งนั้นเพราะกูไม่ได้ขอร้อง ไอ้ที่กูขอไม่เห็นจะอยากให้สักที แค่นอนให้กูเอาตามใจน่ะ!”

 

“มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ!” มันว่าพลางยกมือจัดแจงของบนโต๊ะเองเมื่อพนักงานเลือกที่จะเดินละออกไป ร่างของผมสั่นเพราะทำอะไรมันไม่ได้ ชักจะขัดใจเกินไปแล้ว

 

“หยุดทำเดี๋ยวนี้”

 

“ไม่ มึงไม่มีสิทธิ์มาสั่ง”

 

“ไม่เชื่อกูใช่ไหม!?” ผมมองตามันให้ทราบถึงความขุ่นใจที่สุด มือกระชากผ้าปูโต๊ะออกสุดแรง ข้าวของกระจัดกระจายพร้อมกับมันที่สะดุ้งมองของต่อหน้าร่วงลงพื้นสภาพไม่เหลือเค้าเดิม

 

“จะมากเกินไปแลวนะปอ!”

 

“มึงนั่นแหละมากเกินไป อย่ามาก้าวก่ายเรื่องของกูเพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับมึงเลย”

 

มันกำหมัดแน่นมองมายังผม แววตามันไม่ได้โกรธมากขนาดจะโวยวาย แต่ขมวดคิ้วตัวเองแน่นและละไปทางอื่นไม่ได้ต่อว่าอะไรอีก แค่เงียบไปเฉยๆ ไม่ต่อว่า ไม่ขยับมาตีมาทุบผมอย่างเคย ใจผมที่ว่าโมโหอยู่ก็เข้าสู่สภาวะคิดได้เมื่อเห็นเช่นนั้น

 

ผมโมโหจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ชิบหาย! ผมอยากเดินออกไปจากสายตาดูแคลนของมัน

 

“ก็ได้ เออ กูเสือกเอง…กูพอก็ได้” มันว่าเสียงเบาก่อนจะเดินออกจากห้องเฉยๆ ไม่เถียงหรือต่อปากต่อคำกับผมอีก ใจผมหายเมื่อนึกเห็นแววตาของมัน

 

มันผิดหวัง มันเสียใจที่ผมทำลายความตั้งใจทั้งหมดของมัน

 

ใจของผมวูบหายไปดื้ออย่างไม่รู้สาเหตุทั้งๆ ที่มันไม่ได้ด่า ไม่ได้ต่อว่า ไม่ได้ทุบตี เชื่อเถอะว่าผมอยากให้มันทำอย่างนั้นมากกว่าการแสดงออกแบบนี้ มันเดินหนีผมเป็นรอบที่เท่าไรแล้ววะ หนำซ้ำครั้งนี้หนีไปด้วยสีหน้าและแววตาที่ผมไม่ชอบเลย ไม่อยากเห็นเลยสักนิด

 

มึงกลับมานี่เดี๋ยวนี้เลยนะไอ้ภีม!

 

กูขอร้อง…

 

ผมยกมือทุบหัวสั่งสอนตัวเองที่ทำอะไรด้วยอารมณ์เป็นที่ตั้งกับมัน พยายามใจเย็นแล้วแต่มันอดไม่ได้จริงๆ ทำอะไรไม่รู้จักคิดหน้าคิดหลังแล้วค่อยมารู้สึกเมื่อมันระงับอะไรไม่ได้แล้ว

 

เหลือบมองไปเห็นแจกันดอกไม้สวยๆ ที่ตั้งไว้ อารมณ์ผมไม่ดีพอที่จะมองว่ามันสวย เกะกะขัดตากูชิบหาย มือผมปัดมันลงไปกระแทกพื้นแตกระบายอารมณ์ตัวเองตอนนี้

 

บ้าชิบ!

 

 

 

เป็นไงบ้างเอ่ย ชอบกันรึเปล่า นี่พาร์ทพี่ปอที่เปิดใจครั้งแรก เข้าใจมันเพิ่มมากขึ้นมั้ยรึไม่เลย

คุณสำหรับคอมเม้นนะคะ อ่านตลอด แต่บางทีมันก็หาไม่เจอนะ คือยังงงๆ อยู่ 555

เจอกันตอนหน้านะคะ บ๊ายบาย... ตอนหน้ากลับมาพาร์ทน้องภีมนะ นางจะงอนอิปอให้มันง้อค่ะ มาช่วยกันเชียร์นะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รออ่านในด้านของปอว่าจะทำให้ความรู้สึกด้านบวกเพิ่มขึ้นมาได้ไหม
เม้นต์ปุปตอนใหม่มาปั๊ปดีจริง อ่านๆไปก็ว่าจะดีขึ้นมาหน่อยแล้วเชียว อาการหนักกว่าเดิมอีก โกรธเธอมากเลยปอทำน้องเสียใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2014 03:04:06 โดย B52 »

ออฟไลน์ rogerr

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 834
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ฉันยังไม่อยากยกภีมให้แก หรอกนะปอ
ทำตัวให้ดีๆเหอะ คิดว่าตัวเองดีเลิศแค่ไหนเชียว
(ทำตัวเป็นแม่ยกน้องภีม กร้ากกก)
เกลียดแกนะปอ แต่อยากให้น้องปอมีความสุข ก็แคนั้น

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
สมน้ำหน้า

โดนพาไปรถล้ม

ยังต้องมาคอยดูแล

หวังดีด้วยก็โดนด่า

มึงอยู่กับเพื่อนแสนดี

กับเด็กต้นผู้น่ารักที่สุดในโลกเถอะ

บางทีก็คิดนะ...น่าจะเกิดอุบัติเหตุ

ทำให้ไอ้ปอน้อยไม่ตั้ง คงสาแก่ใจอิฉันยิ่งนัก 555555

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa
 

ตอนที่ 9

Part 1
 

-N’ Peam Part-

 

เชี่ยปอ ไอ้นิสัยเสีย

 

ผมควบคุมอารมณ์พาร่างของตัวเองเดินออกจากห้องด้วยหลายหลากความรู้สึก แต่ที่แน่ๆ ผมผิดหวังในตัวของมัน ผมคิดว่ามันจะฟังในสิ่งที่ผมจะบอกบ้าง แต่ไม่เลย มันย้ำกับผมว่าผมก็เป็นแค่คนนอกที่เข้าไปเสือกเรื่องของมันมากเกินไป ผมมีหน้าที่แค่ต้องนอนกับมัน

 

มันโคตรดูถูกผมเลย ให้ตายสิ ทำไงผมจะเปลี่ยนความคิดงี่เง่านี่ของมันได้วะ

 

ความหวังดีของผมถูกมันทำเสียพังยับเยินง่ายๆ แค่ไม่กี่วินาทีพร้อมกับคำพูดเสียดสีแรงๆ ผมโคตรรู้สึกไม่ดี พยายามเก็บอารมณ์ไม่โวยวายทั้งที่ก็โกรธ แต่ใช่ที่ผมก้าวก่ายมันเกินไปแต่มันควรจะพูดดีๆ เลิกใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งแบบนี้สักที

 

ผมพาร่างตัวเองตรงไปยังลิฟท์ด้วยใจที่สับสน เจ็บแต่พูดไม่ออก ทว่าเมื่อลิฟท์เปิดออกมาเผยคนที่อยู่ข้างใน ใจผมที่กำลังขุ่นมัวนั้นเพิ่มทวีขึ้นมาอีกเมื่ออีกฝ่ายเดินออกมาพร้อมแววตาสงสัยที่เห็นผมกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด

 

ผมทำพลาดแล้ว ผมจะมองหน้าเขายังไง

 

“คุณพ่อครับ…” ผมว่าเสียงเบา มันสั่นเครือจนเขาจับได้

 

“มีอะไรรึเปล่า ทะเลาะกันเหรอ?” เขาเข้ามาว่า มือวางบนตัวผมปลอบ ผมเงยขึ้นมองตาเขานิ่ง หน้าเขาเหมือนไอ้ปอมาก เหมือนแทบอยากจะต่อย

 

“ผมขอโทษนะครับ ไอ้ปอมัน…”

 

“ไม่เป็นไรๆ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องไม่ยอมแน่ ฉันทำใจไว้แล้ว”

 

ถึงจะปลอบใจผมแบบนั้นก็เถอะ แต่ผมก็ไม่หายโกรธมันหรอก “ผมพยายามที่สุดแล้ว”

 

“โอเค ไม่เป็นไรๆ”

 

ต้องเป็นสิ ผมก็บอกว่าโกรธมัน มันดูถูกผม!

 

ผมก้าวเท้าเข้าไปในลิฟท์พร้อมกับเขา แสดงให้รู้อารมณ์ตอนนี้ด้วยใบหน้าที่ซึม ซังกะตาย ไร้วิญญาณ ยืนนิ่งปล่อยให้คุณพ่อเป็นคนกดลิฟท์ เขาพาผมลงไปชั้นล้อบบี้ นั่งกันอยู่ตรงนั้น ผมเห็นดวงตาเขาเหม่อลอยมองออกไปที่ไหนสักแห่ง ไม่อาจเดาใจเขาได้ เพราะผมเองก็วุ่นวายสับสนตัวเองเหมือนกัน ก็คนที่ผมรักนั้นใช้คำที่รุนแรงทำร้ายจิตใจผมจนเกินไป ไม่รู้สึกเจ็บยังไงไหว!

 

“มันไม่ควรทำตัวแบบนี้เลย มันน่ะนิสัยเสีย” ผมว่าขึ้นฝ่าความเงียบ คอยดูเถอะผมจะไม่ยกโทษให้มัน ต่อให้มันรู้ตัวว่าตัวเองผิดยังไงผมก็จะไม่ยอมจนกว่ามันจะยอมคืนดีกับพ่อของมัน

 

แล้วมันรู้จักที่จะรู้สึกผิดไหม นั่นแหละปัญหา

 

“มันยากที่เขาจะยอมทำแบบนั้นนะ” พ่อของมันว่า ผมหันไปมองเขา สงสารว่ะที่ถูกปอมันทำแบบนั้นใส่

 

“ผมไม่เข้าใจไอ้ปอเลยจริงๆ”

 

“พยายามเข้าใจหน่อยละกัน ปอเขาเองก็มีเหตุผลของเขานั่นแหละนะ”

 

“เหตุผลอะไรก็ไม่เท่ากับสิ่งที่คุณพ่อให้มันหรอกครับ พ่อเองก็ควรจะต่อว่ามันซะบ้าง สั่งสอนมันบ้าง…”

 

ผมนิ่งมองคนตรงหน้าที่จ้องตาผม แม่งลามปามไปสอนผู้ใหญ่ เดี๋ยวหาว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนอีก แต่ไอ้ปอน่ะไม่มีใครสอนมันชัวร์ โตมานิสัยเสียแบบนี้ คงมีแต่คนเอาใจมาแน่ๆ

 

“ขอโทษครับพ่อ ผมอยากให้พ่อดุมันให้มันอยู่ในกรอบบ้างน่ะครับ” ผมหัวเราะแห้งๆ พลางเกาหัว แม่งรู้สึกแสบสีข้างนิดๆ ที่หน้าด้านแถมาแบบนี้ อายว่ะ!

 

“ภีม”

 

ผมชะงักพลางละรอยยิ้มตัวเองลง หันไปมองตามเสียงเห็นร่างของมันเดินกระเผลกๆ มาด้วยใบหน้าบึ้งตึง หน้านิ่วคิ้วขมวด กูล่ะเบื่อคนเอาแต่ใจแบบมึงจริง พอนึกถึงแม่งก็มาทันที

 

ปอมันชะงักเมื่อเห็นพ่อตัวเองนั่งอยู่ด้วย พร้อมกันนั้นพ่อของมันก็เริ่มกล่าวขึ้นฝ่าความเงียบ “คุยกันดีๆ แล้วกันนะ ฉันจะกลับไปทำงานต่อ”

 

“ไม่ได้นะครับ คุณพ่อยังไม่ได้ทานข้าวเย็น” ผมเอื้อมมือไปดึงเขาไว้ หันไปมองไอ้ปอที่ค่อยๆ เดินกระเผลกๆ เข้ามาด้วยสีหน้าที่ยังเข้าข้างว่าตัวเองถูกเต็มที

 

แต่มึงผิดนะปอ กูไม่สน

 

“อีกอย่าง คุณพ่อไม่จะเป็นต้องหนีมัน”

 

เขามองหน้าผมนิ่งแสดงถึงความประหลาดใจ ก่อนจะยกยิ้มในสิ่งที่ผมพูดออกมา มันน่าขำหรือไงคุณพ่อ คอยดูเถอะผมจะทำในสิ่งที่คุณนึกไม่ถึง

 

แต่กูยังนึกไม่ออกนี่แหละว่าจะทำอะไร เออ ช่างแม่ง แค่ไม่พูดกับมันก็หมดเรื่อง ให้มันรู้ว่ากูโกรธ

 

และเมื่อปอมันเดินมาถึง ผมขยับตัวนั่งไกลๆ กอดอกแสดงท่าทางบอกมันไปเลยว่าตอนนี้กำลังโกรธมันพร้อมกับพ่อของมันที่ยังนั่งยิ้มกับท่าทางของผมไม่เลิก ยิ้มเข้าไป

 

คอยดูเถอะผมจะกำราบลูกคุณให้ดู!

 

“ใครให้มึงลงมาเพ่นพ่านแถวนี้?” มันว่าพลางหยุดขึ้นข้างๆ ผมเงยหน้ามองมันพลางมุ่นคิ้ว

 

“ทำไมกูจะลงมาไม่ได้ นี่ เห็นไหมกูคุยธุระกันอยู่” ผมว่าพลางพยักเพยิดหน้าไปทางพ่อของมัน

 

“อ๋อ มึงคิดว่ารู้จักกับเจ้าของโรงแรมแล้วเส้นจะใหญ่มากนักสิ”

 

“เจ้าของโรงแรม”

 

ผมเบิกตาหันไปมองคุณพ่อของมันที่นั่งยิ้มรออยู่ นะ นี่หมายความว่าผมกำลังคุยกับผู้บริหารโรงแรมตัวจริงเสียงจริงเลยอย่างนั้นเหรอ พ่อของมันเป็นเจ้าของโรงแรมนี้ มิน่าล่ะทำงานอะไรดึกๆ ดื่นๆ ได้ไม่ยอมพัก

 

เขาหลุดหัวเราะตาผมที่โตเท่าไข่ห่าน “ฉันนึกว่าเธอจะรู้ตั้งนานแล้ว”

 

“ผมไม่รู้”

 

ผมส่ายหน้าว่า โอ้ บ้านไอ้ปอมันรวยขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย มิน่าละนอนในโรงแรมได้อย่างกับบ้านของตัวเอง มีของในห้องครบครันทุกอย่าง แต่ในระหว่างที่ผมฝันเฟื่องถึงความร่ำรวยมันนั้น ไอ้ปอมันก็ว่าเสียงเข้มขัดมโนของผมที่ลอยบนหัวอย่างไม่ใยดี

 

“กลับไปห้องเดี๋ยวนี้”

 

สั่งกูจัง ทำอย่างกับเมียมาตามผัวที่หนีเที่ยวคาเฟ่ แต่นี่กูโกรธมึงอยู่มึงรู้ตัวบ้างไหม ยังจะกล้ามาตีหน้าขึงขังใส่แบบนี้อีก

 

“ทำไมกูต้องเชื่อฟังมึง” ผมหันไปว่ากับมันแล้วขยับไปตีสนิทกับพ่อของมันด้วยการนั่งข้างๆ

 

“ว่าแต่คุณพ่อครับ เราจะทานข้าวกันเลยไหม ตรงนี้แหละ” ผมพยักหน้าชวน เขาหลุดยิ้มมองลูกชายตัวเอง แหม คุณก็อยากยั่วมันเหมือนกันนั่นแหละ

 

“อ้ะ ได้สิ ได้ๆ”

 

เขาว่าพลางกวักมือเรียกพนักงานพร้อมกับสั่งอาหาร เราเลิกสนใจไอ้ตัวดีที่มันยืนค้ำเอวส่งสายตาพิฆาตมาให้ แต่ผมไม่ยอมหันไปสนใจมันเลยไง มันก็เลยยืนทำตัวฮึดฮัดฟึดฟัดให้หันไปมอง สุดท้ายมันก็เดินมาทรุดตัวนั่งด้วยใบหน้าไม่ค่อยจะพอใจเท่าไร

 

“ว่าแต่โรงแรมนี้ที่ต่างจังหวัดก็มีไม่ใช่เหรอครับ” ผมว่า เซ้าซี้พ่อมันทั้งยิ้มตื่นเต้นไปด้วย

 

“ใช่ ที่นั่นก็เป็นอีกหนึ่งสาขาน่ะ”

 

ผมเบิกตาหันไปมองไอ้ปอที่นั่งหน้าบูดอยู่คนเดียวบอกว่ากูกำลังตื่นเต้นกับความรวยของพ่อมึงมาก มันหน้านิ่ว ปล่อยให้พนักงานจัดโต๊ะแบบเล็กๆ ให้เรา สุดท้ายแม่งก็กวนตีน มันบอกให้พนักงานจัดของมันเพิ่มอีกที่พร้อมกับรอยยิ้มของพ่อมันที่ส่งมา ไหนบอกไม่อยากกินข้าวร่วมโต๊ะกับพ่อ มึงจะตามมาหาพะแสงอะไรหา!

 

กูโมโหนะมึง ตอนกูจัดโต๊ะให้กินที่ห้องแม่งพังทิ้งอย่างไม่คิด ทีงี้เสือกมานั่งเสนอหน้าข้างๆ ถ้ากูตบกบาลมึงได้กูตบละ ถ้าแม่งไม่กลัวมึงเอาคืนน่ะ!

 

ผมรู้สึกหมั่นไส้เลยหันไปแขวะทันทีเพราะรู้สึกคันปากยิบๆ อยากกัดมันเสียเต็มประดา

 

“ความจริงมึงไม่ต้องมานั่งกินตรงนี้ก็ได้ถ้าไม่สบายใจจะนั่ง กลับไปห้องไปกินคนเดียวโน่น”

 

มันหันมามองผมพร้อมกับขมวดคิ้วตัวเอง “ทำไม ก็เมียกูอยู่นี่”

 

ผมอ้าปากค้าง เมียเมออะไรของมัน แม่ง! หันไปมองหน้าพ่อที่ยิ้มกับคำของมันแล้วความอายก็แล่นขึ้นมาทันที พ่อก็ยิ้มอย่างเดียว เดาใจอะไรไม่ออกเลยสิน่า

 

“แต่ภีมเขาบอกว่าไม่ได้เป็นเมียลูกนะ พ่อถามแล้ว” คุณพ่อว่ากับมัน พร้อมกันนั้นมันก็หันมาเหลือกตาใส่ผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

 

“มึงบอกไปแบบนั้นเหรอ?”

 

ผมอึกอัก ซวยแล้วไง “อะ กะ…ก็มันความจริงนี่หว่า แล้วนี่ก็พ่อมึง รู้ก็ไม่เห็นเสียหายอะไร”

 

“เดี๋ยวมึงก็ได้เป็นอยู่แล้ว ปากมึงนี่ชักจะลามปามไปทุกทีนะภีม” มันชี้หน้าผมครับ

 

นี่ คือกูกำลังผิดเหรอ

 

ผมอึกอักแล้วละสายตาหลบมันไปด้วย ทำไมเกมพลิกมาเป็นกูที่ผิดได้วะ ผมกลืนน้ำลายเกาหัวตัวเองหาเรื่องโยนความผิดให้มันรู้สึกบ้าง

 

แม่ง ไหงเป็นงี้วะ เชี่ยปอมึงนี้เนียนได้ตลอดเลย

 

“มึงไปให้พ้นเลย กูไม่อยากคุยกับมึง”

 

ผมว่าเสียงเบาพลางก้มหน้ามองจานอาหาร มันชะงัก บรรยากาศเงียบกริบลงทันทีเมื่อผมว่าออกแบบนั้น กระทั่งเสียงของพ่อมันเอ่ยฝ่าความเงียบขึ้นมา

 

“กินข้าวเถอะเดี๋ยวจะเย็นหมด เธอน่ะกินมากๆ นะภีม ตัวผอมแห้งแบบนี้”

 

ผมพยักหน้ารับกับเขา รับอาหารที่เขาตักมาให้มากินเงียบๆ ไม่พูดอะไรกับปอมันอีกให้มากความจากการปรามทางอ้อมของพ่อมัน แต่ยิ่งกินยิ่งวางตัวลำบาก ผมขัดใจที่ตอนนี้รู้สึกว่ามันเอาแต่หันมามอง เอาแต่หาเรื่องจะคุยด้วย แต่กูไม่คุย กูงอน!

 

ผมตักอาหารกินเงียบๆ และละสายตาไปมองมันบ้าง มือของมันตักของกินเข้าปากดูเก้งก้าง แขนเดี้ยงแต่เสือกสั่งสเต๊กมากินแล้วจะได้กินง่ายๆ ไหม สมองมึงนี่คิดได้นะ

 

มันถอนใจกับของกินตรงหน้าเพราะไม่มีทางกินได้ ผมไม่หันไปช่วยพร้อมกับมันที่หันมาส่งสายตาให้ช่วย มาวางก้ามกับกู ไม่มีกูมึงก็อดตายละวะ

 

“มานี่ พ่อจะหั่นให้” ผมเงยมองพ่อของมันที่ดึงจานไปหาตัว แววตาของมันมองพ่อนิ่งไม่โต้เถียงอะไร เขาบรรจงหั่นเป็นชิ้นพอดีคำให้และยื่นกลับไปที่เดิม เห็นไหม เขาทำเหมือนมันยังเป็นเด็ก ดูแลเอาใจขนาดนี้

 

มึงเข้าใจคำว่าพ่อไหม คนที่ทำมึงเกิดมาน่ะปอ มึงเข้าใจรึยัง!

 

ผมอยากตะโกนใส่หูมัน ยิ่งมองหน้ามันยิ่งหงุดหงิด ความโกรธก็เล่นเข้ามาในอกเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อกี้ โกรธผม โมโหผม ต่อว่าผม แล้วเสือกเดินตามมานั่งร่วมวงกินข้าวสบายใจเฉิบ ไม่ให้โมโหได้ไงวะ

 

แล้วดูพ่อมันสิใจดีขนาดไหน มันลืมไปแล้วรึไง

 

มันลืมแล้วเหรอว่าใครที่สอนมันพูด ใครกันที่สอนมันอ่านหนังสือ สอนจับช้อนจับส้อม สอนปั่นจักรยาน ผมโคตรสงสารพ่อมันเลยที่ถูกมันทำตัวแบบนี้ใส่ นึกแล้วใจก็สั่นขึ้นมาเฉยๆ

 

ทำไมกูต้องแคร์มึงมากขนาดนั้นวะปอ ทำไมกูอยากให้มึงเจอแต่สิ่งดีๆ วะ

 

แต่มึงมันไม่เห็นค่า ไม่เห็นความหวังดีกูเลย ให้ตายเหอะ!

 

มือผมสั่นพร้อมกับขอบตาที่ร้อนผ่าว พยายามกระพริบตาไล่น้ำออก รีบตักของเข้าปากแล้วยกน้ำดื่มเงียบๆ ผมอิ่มแล้ว ผมกินไม่ลงหรอกถ้าต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ผมทนเห็นไอ้ปอทำนิสัยเสียๆ แบบนี้ไม่ได้

 

“หืม ทำไมกินน้อยจัง ต้องกินเยอะๆ นะ” นิสัยปอมันได้มาจากพ่อเต็มๆ เลย ผมยกมือไหว้

 

“ขอบคุณนะครับแต่ผมอิ่มแล้ว”

 

ว่าแล้วมองจานข้าวของตัวเองพลางถอนใจ สายตาของปอมันละมาออกคำสั่งอย่างเคย แต่ไม่จำเป็นนี่ที่ผมจะต้องเชื่อฟังมันไปเสียหมด ในเมื่อมันเห็นผมเป็นแค่คู่ขาของมัน หน้าที่ผมแค่อ้าขาให้มันตักตวงเอาความสุขอย่างเดียว ค่าของผมมีแค่นั้นจริงๆ

 

ผมไม่ควรไปก้าวก่ายเรื่องของมันอย่างที่มันบอกนั่นแหละ

 

ที่สำคัญ กูอยากกวนตีนมึง นี่อะประเด็นหลัก

 

 “งั้น…ผมขอตัว…”

 

“เดี๋ยว กูไม่อยากอยู่ตรงนี้กับพ่อแค่สองคน” มันขัดขึ้น

 

“งั้นมึงก็ไม่ต้องกิน กูไม่ได้ขอให้มึงมาสักนิดแล้วก็ไล่ไปแล้วด้วย แต่มึงก็หน้าด้านมานั่งเองนี่”

 

มันเอื้อมมือมากุมมือผมไม่ให้ลุกขึ้นยืน ผมส่ายหน้าให้มันพลางดึงมือตัวเองออกพร้อมกับมันที่ลุกขึ้นยืนตามผม ดวงตาที่จ้องมันไม่พอใจละไปมองคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะที่แสดงถึงความนิ่งเฉยออกมาราวกับไม่รู้สึกอะไร ใจของผมแป้วเมื่อคนที่ต้องทนกับเราคือพ่อของมันเพราะรู้ดีว่ายังไงเขาต้องรู้สึกไม่ดีแน่

 

ผมสงสารเขา แล้วเขาจะทานอะไรลงถ้าเห็นคนทะเลาะกันตรงหน้า ผมพยายามผ่อนปรนอารมณ์ตัวเองอย่างที่สุดกับไอ้ปอแล้วอดทนทรุดตัวนั่งต่อให้เขาทานให้เสร็จ เดี๋ยวค่อยจัดการมันใหม่

 

“คุณพ่อทานต่อนะครับ ผมขอโทษทีเสียมารยาท”

 

“อ้อ ไม่เป็นไร ฉันชินแล้ว” เขาว่าพลางหัวเราะเสมือหยอยๆ หยิบไวน์ขึ้นมาจิบสบายใจเฉิบพลางยิ้มเมื่อได้สบตากับผม เขาคิดอะไรอยู่กันวะทำตัวไม่ถูก ผมนั่งนิ่งปล่อยให้ทั้งคู่ทานอาหารไปเรื่อย และดูท่าทีไม่มีใครรีบเลยสักคน

 

“เธอเรียนที่เดียวกับปองั้นเหรอภีม?” เขาว่าฝ่าความเงียบ

 

“อะ ครับ แต่เป็นรุ่นน้อง”

 

“ทำไมไม่เรียกพี่ปอเขาว่าพี่ล่ะ”

 

“ก็มันปากหมาไง” ไอ้ปอมันแทรกขึ้นมา ไอ้ผมก็อ้าปากจะเถียงแล้วอึกอักตอบแก้ตัวให้ตัวเองดูดีขึ้นมานิดหน่อย แม่งฟ้องพ่อเหรอ

 

กูต้องตั้งใจแถ เอ๊ย! แก้ตัว เอ่อ…หมายถึงอธิบายให้พ่อมันฟังซะแล้ว

 

“ก็ปอมันทำตัวไม่น่าเคารพเองน่ะ ปกติรุ่นพี่คนอื่นผมก็เรียกพี่นั่นแหละครับแต่ยกเว้นมัน มันนี่พิเศษกว่าใครเลยนะ” ผมว่าพลางยกนิ้วกลางให้มันไปด้วย พ่อมันหลุดหัวเราะกับกิริยาท่าทางของผม

 

เออว่ะ ลืมไปว่าอยู่ต่อหน้าพ่อมัน ลืมให้เกียรติลูกชายเขานิดหนึ่ง

 

“ไม่ค่อยมีคนทำกับเขาแบบนี้เท่าไรเลยนะ” เขาว่า เสียงไอ้ปอร้องปราม

 

“เงียบไปเลยน่ะพ่อ”

 

“ก็จริง ปกติเจอแต่คนเอาอกเอาใจ เจอคนเอาแต่ใจกว่านี่เล่นเอาลำบากเหมือนกัน แต่ก็เอาเขาได้อยู่หมัดละนะ”

 

ผมเงยหน้ามองตอนเขาพูดพร้อมกับยิ้มใจดี นี่คงจะชมผมอยู่แน่เลย

 

“ก็แค่เดือนเดียวแหละครับ” ผมตอบเสียงเบาพร้อมกับมันที่หันมามองหน้าของผม รอยยิ้มผมยกขึ้นให้พ่อของมันทีนทีไม่สนสายตาเหี้ยมๆ ของไอ้ปอที่ส่งมาให้ กูเลิกกลัวมึงแล้วปอ

 

“คนแบบมันใครจะไปบงการอะไรได้ มันต่างหากที่บังคับตัวเองให้เป็นแบบนี้ ผมไม่ได้เก่งอะไรเลย น่าสมเพชจะตายไป”

 

“ภีม!” มันหันมาว่าเสียงดัง ผมก้มหน้าลงพื้น

 

“แต่ฉันชอบคนแบบเธอนะภีม ฉันหวังเธอจะได้อยู่ข้างเขาแบบนี้ไปนานๆ…”

 

“ไม่ครับ ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอก…”

 

“ทำไมล่ะ?”

 

“เพราะมันกับผมน่ะก็แค่…”

 

“เงียบ!” มันหน้ามาว่าพร้อมทั้งกระชากแขนผมเดินออกมาอย่างลืมเจ็บขา ใจผมหายพร้อมกับเท้าที่เดินตามมันขึ้นไป ร่างผมสาวเท้าไปเรื่อยๆ เมื่อหยุดในลิฟท์ ความเงียบบังเกิดขึ้นทันที

 


ต่อพาทสองจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2014 14:03:40 โดย noonaaRP »

ออฟไลน์ noonaaRP

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 262
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-1
    • fanpage Noonaa

ตอนที่ 9

Part 2


มันโกรธอะไรผมอีกวะ ผมผิดตรงไหน!

 

ก็ผมพูดความจริงนี่ เพราะผมก็คบกับมันแบบคนก่อนๆ ที่ผ่านมา เป็นของเล่นของมันให้ระบายความต้องการ มันเข้าใจอะไรผิดไปจากข้อตกลงของผมกับมันรึเปล่า รึมันไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองสำส่อน

 

ผมเกลียดนิสัยนี้ของมัน

 

แต่แม่งก็โคตรรักนิสัยดีๆ ของมันเลย

 

เมื่อลิฟท์เปิด ผมรีบก้าวเท้าเดินนำมันมาก่อนเพราะไม่อยากจะเถียงอะไรกับมันอีก ผมอยากจะงี่เง่าอยากจะเอาแต่ใจกับคนที่ตัวเองรักบ้าง ผมหลอกตัวเองว่าบางทีมันอาจจะรู้สึกผิด อาจจะมาขอโทษผม อาจจะมาทำดีกับผมสักครั้งเพราะคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด

 

แต่ไม่เลย มันไม่เคยรู้สึกผิด ผมคิดแบบนั้นเสมอ ผมพาตัวเองเข้าห้อง มองสิ่งของที่มันโวยวายแล้วทำลายทิ้ง โต๊ะ แจกัน กองหนังสือเละกระจัดกระจาย ทำไมมันเป็นคนแบบนี้วะ

 

“ภีม!” มันเดินตามมาเปิดประตู ผมทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ไม่อยากฟังมัน “กูไม่ชอบเลยที่มึงพูดแบบนั้น มึงคิดอะไรอยู่หา?”

 

“แล้วมึงคิดอะไรอยู่ถึงถามกูออกมา กูพูดความจริงทุกอย่างนี่”

 

“กูรู้ว่ามึงโกรธกูเรื่องเมื่อกี้ แต่มันสมควรไหมที่มึงจะพูดกับพ่อกูแบบนั้น”

 

ผมเงยหน้ามองมัน ก่อนจะพยักหน้ารับ “เออ กูขอโทษ มึงพอใจรึยัง?”

 

คำว่าขอโทษพูดง่ายๆ แบบนี้ คิดจะพูดบ้างไหม

 

มันมุ่นคิ้วตัวเองพูดไม่ออกเมื่อผมสงบศึกขึ้นมาเฉยๆ ด้วยการขอโทษมัน ใบหน้าของมันมองผมไม่ละก่อนจะเดินมาทรุดตัวนั่งข้างๆ เราเงียบไปทั้งคู่พร้อมกับมันที่เป็นฝ่ายอดทนไม่ไหวก่อน

 

มันแน่นอนอยู่แล้วที่ต้องเป็นมันที่ต้องเป็นแบบนั้น

 

“กูไม่ได้ตั้งใจ…”

 

มันว่าเสียงเบา มองหน้าผมที่ก้มลงมองพื้น ผมไม่กล่าวตอบอะไรมันเลย ไม่เถียงให้มันสนุกปาก มันยิ่งแสดงถึงอารมณ์ที่ร้อนตัวเองออกมา “เออ กูเองก็ผิด แต่มึงไม่มีสิทธิ์ที่จะ…”

 

มันลากเสียง “…มึงไม่มีสิทธิ์ที่จะจัดการเรื่องพ่อกู กูไม่ต้องการ”

 

ผมเงียบฟังในสิ่งที่มันกล่าว ก้มหน้ารับฟังอย่างไม่คัดค้าน มันคงคิดว่าผมกำลังจะกวนตีนมันละมั้งถึงได้พยายามเก็บอารมณ์ตัวเองแบบนั้น ผมกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นทนรับฟังต่อไป ทั้งที่ใจอดทนไม่ไหว

 

“กูไม่ได้ตั้งใจจะว่ามึงนะภีม กูแค่โมโห กูบังคับตัวเองไม่ได้” มันว่าแล้วเงียบไปสักพัก “กูรู้ว่ากูทำกับมึงแรงเกินไป แต่มึงก็เกินไปสำหรับกูเหมือนกันนะภีม”

 

ผมดึงมือที่ถูกดึงไปกุมออกจากมือมันทันที เงยมองมันแล้วส่ายหน้าปฏิเสธที่จะยอมรับในสิ่งที่มันพูดออกมา ผมไม่ได้ผิดสักหน่อยนี่

 

“อย่ามาแตะกูอีก” ผมว่า ไม่คุยเรื่องพ่อของมันต่ออย่างที่มันต้องการ

 

“ภีม…” มันลากเสียง มือก็มายุ่งย่ามแต่กับตัวผม อะไรของมันนักหนา

 

“บอกว่าอย่ามาแตะ ไปให้พ้นเลย!” ผมขึ้นเสียงพลางผลักมือมันออกจากร่าง คราวนี้แสดงให้เห็นจะๆ ไปเลยว่ากูกำลังโกรธ กำลังโมโหในสิ่งที่มันได้ทำลงไป

 

มือผลักมันออกจากตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมกับมันที่พยายามสัมผัสตัว ผมไม่ชอบเลยที่มันพยายามสื่อสารด้วยร่างกายแบบนี้ ดวงตาสำนึกผิดแบบนี้ ใบหน้าเว้าวอนแบบนี้ ใจผมที่แข็งมันดื้ออยากจะยกโทษให้เสียเต็มที

 

“มึงมันเหี้ย ปอ มึงโคตรเหี้ย…” ผมว่าอย่างสุดพลางผลักมือมันออกจากตัว เสียงแม่งจะสั่นทำไม

 

“ภีม พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่…” ผมทุบมันสุดแรง

 

“ไม่ได้ตั้งใจแล้วมึงทำทำไม ในหัวมึงนี่คิดแต่จะเอาความสะใจใช่ไหม”

 

“เปล่า” มันส่ายหน้า สีหน้าและน้ำเสียงแสดงถึงความสำนึกตอนกล่าว ผมไม่กล้ามอง กลัวใจตัวเอง ทั้งๆ ที่จะไม่ยอมยกโทษให้ง่าย แต่ใจสั่นตัวสั่น ถูกมันยอมง่ายๆ แบบนี้ เป็นคุณไม่หวั่นไหวเหรอ

 

“พี่ขอโทษ”

 

“อย่ามาขอโทษ กูไม่รับ” ผมว่าพลางพลักตัวมันออก มันจะมารู้สึกอะไรตอนนี้ ตอนทำทำไมถึงไม่ยอมคิด แล้วดูสิ ข้าวของที่มันทำไว้ มันจะทำยังไง

 

 “อย่าดื้อสิ” มันว่า

 

“มึงนั่นแหละ กูเกลียดมึงว่ะ กูโคตรเกลียดเลย ขนาดพ่อมึงยังไม่รักแล้วมึงจะไปรักใครดูแลใครได้วะ ออกไปจากตัวกูเลย มึงมันไอ้คนอกตัญญู”

 

“กูขอโทษ”

 

“ไปขอโทษพ่อมึงโน่น ฮึก!”

 

ผมผลักมันสุดแรงออกจากตัวก่อนจะยกมือกุมหน้า เก็บอารม์ตัวเองไม่อยู่ ใจมันกระเจิงกับคำว่าขอโทษของมันไปแล้ว น้ำอุ่นๆ ไหลลงเปื้อนมือผมที่ไม่อาจเงยไปให้มันเห็นได้ เมื่อผมรู้ว่ามันกล้าที่จะมาขอโทษ กล้ายอมรับผิดง่ายๆ

 

ใจผมที่แข็งๆ ก็อ่วนยวบลง

 

ผมสะอื้นสุดแรงพร้อมกับยกมือกุมหน้าตัวเองไม่ให้มันเห็นความอ่อนแอ มือของมันดึงผมไปกอดให้ซุกหน้ากับอกของมัน ให้น้ำตาซึมลงบนเสื้อของมันไปเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่ามันทำแบบนี้กับใครมาบ้าง แต่มันทำให้ผมรู้สึกดีและเข้าข้างตัวเองเกินไป

 

หลงตัวเองว่ามันแคร์ผม ยอมอ่อนข้อให้ผม

 

“ภีม อย่าร้อง…” มันลูบหัวผมว่า น้ำเสียงเบา จูบผมไปทุกที่ แต่ยิ่งได้ยินเสียงมัน ผมยิ่งเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้นไปอีก

 

ทำไมมันทำแบบนี้กับผม ผมไม่เข้าใจเลย

 

“พี่จะไม่ทำให้ภีมโกรธอีก พี่ขอโทษ”

 

เสียงมันอ่อนนุ่มผสานความสำนึกผิด ไอ้พี่ปอ ผมอยากให้มันหยุดพูด แต่ละคำของมันบาดลึกลงหัวใจผมจนไม่สามารถบังคับตัวตนของตัวเองให้เข้มแข็งได้อีกต่อไป

 

ผมอยากอ่อนแอให้มันปลอบแบบนี้ไปนานๆ

 

อยากโกรธให้มันง้อแบบนี้ไปนานๆ

 

แต่ไม่รู้มันจะนานไปได้แค่ไหน

 

 

เฮ้อ…

 

ผมเดินลงจากอาคารเรียนมาพร้อมกับถอนใจ ตาบวมเป่งเพราะร้องไห้เมื่อคืน อย่างกับเขื่อนแตกเพราะเสียงของไอ้ปอมันอยู่ใกล้หู แต่ละคำของมันทำให้ผมหยุดร้องได้ยาก เมื่อคืนน่ะเหรอ มันเอาแต่ง้อผม กอดผมไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย มันเหมือนพวกขาดความรัก ไอ้เด็กมีปัญหาทางบ้านเอ๊ย!

 

ร่างของผมเดินสวนกับคนที่ลงมาหาของทานช่วงพักเบรก เห็นรอยยิ้มจากเพื่อนคนหนึ่งที่ส่งมาให้ ผมจำมันได้เพราะเคยเดินชนกับมัน ถ้าจำไม่ผิดมันน่าจะเชื่อกรีน

 

“กินข้าวเหรอ?” มันทัก ผมพยักหน้ารับ

 

“อื้อ แล้วนายล่ะ”

 

“กินเสร็จแล้ว กำลังจะขึ้นไปรอเรียนน่ะ”

 

“โห อีกตั้งครึ่งชั่วโมงนะ” ผมว่า

 

“ภีม ไปกินข้าวพร้อมกับกูมะ อีสองตัวนั้นมันหนีไปก่อนแล้วอะ” ผมหันไปมองตุ๊ดร่วมห้องที่วิ่งมาหา มันยิ้มให้ไอ้กรีนก่อนจะสะกิดยิกๆ ให้ไปด้วย ไอ้ผมก็ทนมันเร้าหลือไม่ไหว

 

“เออ งั้นไปก่อนนะกรีน ไว้เจอกัน”

 

“อืมๆ เจอกัน”

 

ผมยิ้มให้มันพลางเดินไปพร้อมกับเพื่อนร่วมห้อง โรงเรียนช่างอะไรตุ๊ดเยอะชิบ แต่มันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรแถมช่วงนี้ผมเห็นมันเป็นอะไรที่น่ารักดี สร้างสีสันให้ชีวิตผมมาก พวกมันมักจะเข้ามาหลอกถามความคืบหน้าผมกับไอ้ปอบ่อยๆ แล้วก็ไปกระจายข่าวต่อ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าปกปิดเท่าไรนี่ ยกเว้นเรื่องผมยังไม่เสียซิงให้มันนะ

 

ผมไม่ได้แต่มีเพื่อนสาวๆ เท่านั้นหรอก ความจริงไม่ใช่เพื่อนเลย มีแค่คนรู้จัก คนรุ่นพี่ก็ยังรู้จัก คบกันไปแบบเผินๆ ใช่…ก็ผมเป็นเมียไอ้ปอนี่ ใครๆ ก็รู้จักผม

 

ซึ่งผมไม่ชอบชีวิตแบบนี้เท่าไร

 

ผมเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับสาวๆ อีกสามคนที่เดินวี้ดว้ายกระตู้ฮู้มาตามฉบับของมัน สนุกสนานเฮฮา รักสวยรักงามแต่พอมัน มีบางทีมันลามปามจะมาแต่งหน้าให้ผมด้วย ผมนี่แทบจะสวนหมัดใส่มันไปแล้ว

 

“เฮ้ยๆๆๆ พวกมึงเงียบแป๊ป”

 

เราชะงัก เมื่อยัยซันนี่ ที่ชื่อจริงๆ ของมันคือไอ้สันติยกมือป้องปากบอกให้หรี่เสียงลง ดวงตาผมเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อพวกมันหลุดยิ้มกับสิ่งที่เราได้ยิน คงมีแต่ผมนี่แหละที่อายอยู่คนเดียว

 

เสียงอู้อ้าในห้องน้ำ

 

“โหย อย่างถึงพรกถึงขิงเลยว่ะมึง” มันว่าพลางหัวเราะคิกคักกันเมื่อพวกเราได้ยินเสียงคนหอบหายใจแบบที่กระเส่าสุดๆ ในห้องน้ำ มีเสียงขลุกขลักขึ้นเป็นระยะ มันไม่ได้ยินเสียงคนมารึไงถึงยังไม่หยุดช่วยตัวเองเนี่ย

 

ผมส่ายหน้าพลางเดินเข้าห้องน้ำ ที่นี่เป็นห้องกว้างใหญ่มากเพราะไม่ต้องแบ่งเป็นฝั่งของชายหญิง เป็นห้องรวมที่มีหลายสิบห้อง ประตูหันหากันและมีหลายแถวเพราะงั้นเลือกเข้าไปตามสบาย

 

ขณะที่ผมเสร็จธุระ ผมคิดว่าพวกนี้มันน่าจะได้ยินหรือเห็นเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติในโรงเรียน พวกมันหัวเราะกันคิกคักสนุกปาก แต่ผมไม่ชินด้วยเลยสักนิดเดียว พาร่างตัวเองออกมาล้างมือ นึกว่าไอ้โรคจิตนั่นออกไปแล้ว ระหว่างที่รอเพื่อนเข้าห้องน้ำให้ครบ เสียงประตูห้องหนึ่งเปิดขึ้นหร้อมพวกที่พวกเราหันไปชะงักมอง

 

เชี่ย!

 

คนที่เปิดออกมามันชะงักเท้าตกใจเมื่อเห็นผม มือก็จัดระเบียบเครื่องแต่งกายตัวเองไปด้วย เหงื่อมันผุดออกเต็มหน้าก่อนจะเดินมาเปิดน้ำล้างหน้าแดงๆ นั่นบนอ่างล้างหน้า ลำคอมันมีแต่รอยจูบ

 

ไอ้ต้น

 

มันเอากับคนอื่นนอกจากพี่ธามอีกแล้ว

 

ผมหันไปมองมันที่ยืนล้างหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพร้อมกับมองตามตัวสูงๆ ของรุ่นพี่คนหนึ่งเดินออกไป เสื้อเขาหลุดลุ่ยพร้อมทั้งยกมือมาติดกระดุมตัวเอง ผมกับสาวๆ มองหน้ากันเมื่อมันทั้งสองเดินออกไปแล้ว ไปด้วยใบหน้าที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ

 

นึกว่าคนช่วยตัวเอง ที่ไหนได้ มันมากินตับกันในห้องน้ำโรงเรียนเนี่ยนะ!

 

“ไอ้ต้นนี่มันแรงนะมึงว่าปะอีซันนี่ กูได้ยินข่าวจากเพื่อนห้องเดียวกับมันว่ามันนอนกับคนอื่นไม่ซ้ำหน้า มีคนเห็นมันเอากับพี่วีเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับพี่ธามผัวมันด้วยนะมึง”

 

ผมหน้าชาเมื่อนึกถึงไอ้ปอ ไอ้เวรปอ!

 

“มันไม่น่าทำตัวอย่างงี้เลยนะ ทั้งที่บ้านก็ไม่ได้ยากจนข้นแค้นถึงขั้นจะมาขายตัว มันน่ะลูกคุณหนูแถมเรียนก็เก่งแต่เสียอย่างเดียวมันร่านอะ กูล่ะสงสารผัวมันจัง ไม่รู้กิตติศัพท์เมียตัวเองเล้ยว่าได้คนแทบจะหมดโรงเรียนแล้ว”

 

ผมหันไปมองหน้าสาวๆ ที่มันออกความเห็นพลางนึกถึงไอ้ต้น มันทำแบบนี้ทำไมวะ เอาเข้าจริงนี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะเว้ย

 

คิดแล้วปวดหัว ปอมันรู้รึเปล่าว่าไอ้ต้นมันเอาไม่เลือกอย่างนี้ หรือมันรู้อยู่เต็มอกถึงได้กล้านอนกับมัน คิดแล้วก็โมโห ป่านนี้มันไม่ติดเอดส์ไอ้ต้นแล้วรึไง

 

มึงเจอกูแน่ปอ ไอ้เชี่ย ไอ้เลว ไอ้หื่นเอาไม่เลือก ไอ้เอดส์ ไอ้โรคจิต!

 

 

คิดได้แล้วนั้น เมื่อเลิกเรียนผมก็บึ่งไปขึ้นแท็กซี่ตรงดิ่งไปยังโรงแรม วันนี้มันไม่ได้มาโรงเรียนเพราะยังเดินขากะเผลกอยู่ผสมกับความขี้เกียจในตัวของมันด้วย ผมว่าผมต้องจัดการมันเพราะคิดแล้วมันก็โมโห

 

ประตูเปิดออกพร้อมกับผมที่เดินกระแทกเท้าเข้าไปด้านในเห็นมันนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาสบายใจสุดๆ  เดี๋ยวมึงได้เจอกูแน่ ผมเหวี่ยงกระเป๋าลงบนโซฟาแล้วทิ้งตัวไปทุบมันสุดแรงด้วยความหมั่นไส้ มันทำแบบนั้นทำไม กับเพื่อนตัวเองแทนที่จะเตือนไอ้ต้นให้ไม่ออกนอกลู่นอกทาง แต่กลับทำตามความอยากของไอ้ต้นลงไปเสียได้!

 

“อะไรภีม มึงเป็นไร?” มันหันมาว่าด้วยความตกใจที่ผมมุ่งไปทำร้ายมัน ผมทุบมันสุดแรงจนตัวเองเหนื่อยไปเอง “นี่กูผิดอะไรอีกวะเนี่ย”

 

มันร้องว่าพลางหลบไปทั้งตัวเมื่อเห็นผมยกมือที่หวังจะทุบไปอีกรอบ จับมือผมด้วยความงงสุดๆ

 

“มึงนอนกับมันกี่ครั้งแล้วปอ!?”

 

“อะไร นอนกับใคร?” มันร้องพลางจับมือผมที่สู้แรง ทางนี้ก็พยายามดิ้นให้หลุดจะตีมันอีกรอบด้วยความหมั่นไส้

 

“พรุ่งนี้มึงไปตรวจเลือดเลย ถ้าผลเลือดมึงเป็นบวกกูจะไม่นอนกับมึง ไอ้ชั่ว ไอ้เลว!”

 

“เฮ้ยนี่กูทำอะไรผิดวะ มันร้ายแรงขนาดนั้นเลย?”

 

“มึงรีบตื่นตั้งแต่เช้าเลยนะปอ พรุ่งนี้ไปโรงพยาบาลกับกู ไอ้…”

 

ไม่รู้จะสรรค์คำไหนมาด่ามันเว้ย!

 

ผมทรุดตัวหอบด้วยความเหนื่อยพลางก้มมองพื้นด้วยความโมโห นึกถึงหน้าตอนไอ้ต้นมองผมที่ชายหาดแล้วอารมณ์แทบจะปะทุมาอีกรอบ

 

“ภีม นี่มึงเป็นอะไรกูงงนะ” มันว่าบ่นพลางลูบรอยที่ผมตีมัน “มึงช่วยขยายความให้กูเข้าใจหน่อยสิวะ อยู่ๆ เดินเข้ามาซัดเอาซัดเอาไม่ให้กูรู้เลยว่ากูทำผิดเชี่ยไรมา นี่กูเลวขนาดนั้นเลยเหรอ?”

 

“มึงเอากับมันกี้ครั้งแล้ว!” ผมหันไปว่า ทำท่าจะง้างมือไปตีมันอีกรอบ มันยกมือบังตัวเองร้อง

 

“เอากับใครเล่า?”

 

“ก็ไอ้ต้นไง เมียเพื่อนมึงอะ พี่ธามอะ เพื่อนสนิทมึงนั่นไง!” ลองร้องกรอกหูให้มันเข้าใจใหม่ดูซิว่าจะเข้าใจไหมไอ้คำว่าเมียของเพื่อนน่ะ เมียเพื่อนมึงน่ะ!

 

“ครั้งเดียวๆ”

 

“กูไม่เชื่อ!”

 

“จริงๆ”

 

มันว่าพลางดึงมือผมไว้ นี่มึงคิดจะสู้กูเหรอ ช่วงนี้ผมเป็นต่อมันบ่อยเพราะมันใช้กำลังกับผมไม่ได้ มีแต่ผมนี่แหละที่ใช้กำลังกับมันเพราะเครียดกับการต้องปรนนิบัติมัน ความเจ้าอารมณ์มัน แถมถูกมันแทะโลมอีกต่างหาก ได้ทีเมื่อไหร่ซัดเอาๆ อย่างที่มันพูด มันก็สะใจดี แถมมันหน้าหงอด้วยตอนที่ถูกผมทำ

 

จะว่าไปมันนี่เหมือนพวกกลัวเมียเลย ผมขึ้นเสียงใส่หน้านี่เหลือแค่สองนิ้วเอง

 

ไม่ใช่ๆ ผมแค่ยกตัวอย่าง ยังไม่ทันเป็นเมียมันสักหน่อย

 

“ก็วันนั้นไง ที่มึงเดินเข้ามาน่ะ วันนั้นวันเดียวกูก็ไม่ได้ยุ่งกับมันอีกเลย” มันว่า ผมส่ายหน้า

 

“มึงต้องแอบกินตับมันก่อนหน้านั้นไม่งั้นมันไม่ยอมมึงง่ายๆ หรอก” ว่ามันพลางยกนิ้วชี้คาดโทษไปด้วย

 

“เป็นกู ใครก็ยอมทั้งนั้นแหละยกเว้นมึง”

 

“พรุ่งนี้มึงไปตรวจเอดส์เลย อย่ามาแตะกู!” ผมว่าพลางผลักมือมันออกไปด้วย มันถอนใจพร้อมกับแก้ตัวให้ตัวเองไปพลาง

 

“กูก็ป้องกันอยู่ แถมยังไม่ทันได้ถึงครึ่งทางเลยมึงก็มาขัดจังหวะ”

 

“อ๊อ นี่กูไปขัดจังหวะพวกมึงเหรอ” ผมหันไปว่า

 

“ภีม มึงหัดมีเหตุผลหน่อยดิวะ กูนอนกับมันไม่ถึงครึ่งครั้งด้วยซ้ำ ไม่นับเป็นครั้งเลยด้วยแหละเพราะกูยังไม่เสร็จเพิ่งจะใส่เข้าไป เสียวไม่ถึงห้านาทีเลย”

 

ผมอยากตบปากมันมากเลยตอนนี้ มึงสาธยายออกมาได้อย่างหน้าด้านๆ นะ

 

“กูป้องกันอยู่แล้วทุกครั้ง มึงนี่อย่าหึงจนหน้ามืดสิวะ” มันว่าเสียงเบาพลางยักไหล่เสียงอ่อน ผมขออึ้งมันแป๊ป

 

นี่กูหึงมึงอยู่เหรอ

 

“กะ กูไม่ได้หึง” ผมว่าพลางผ่อนอารมณ์ตัวเองทันที

 

“เห็นไหม มึงหึงกูชัวร์เลย พอกูพูดแล้วทำร้อนตัว” มันชี้หน้าจับผิด ผมอึกอักพลางหลบสายตาที่จับผิดของมัน ที่ผมโมโหมัน ทุบตีมันเพราะหึงงั้นเหรอวะ

 

มะ ไม่จริง! ไม่จริงหรอก นี่ท่าจะบ้าจริงๆ

 

“อย่าโกรธนะภีม แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวจริงๆ ไม่คิดจะนอนกับมันอีกแล้ว” มันว่าเสียงเบา

 

นี่ผมรู้ไม่ทันอารมณ์ของตัวเองได้ถึงขนาดนั้นเลยงั้นเหรอวะเนี่ย

 

ได้แต่นิ่งจ้องตามันเงียบๆ เพราะไม่รู้จะทำตัวยังไงเมื่อมันจ้องหน้าแบบนี้ มือของมันดึงตัวผมเข้าหาพร้อมกับยกยิ้มด้วยความเหนือกว่า โน้มหน้ามาใกล้พร้อมกับเบี่ยงให้ได้องศา ใจที่เต้นดีๆ ก็ดังตึกตักจะทะลุออกจากอก ไม่ชินกับการถูกมันจูบสักทีสิน่า

 

ปอมันขยับเข้ามาใกล้ ใบหน้าอยู่แค่คืบและสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆ

 

“ฝันไปเลย! มึงไปตรวจเลือดก่อนกูถึงจะให้แตะต้องตัว” ผมว่าพลางผลักหน้ามันออก ทำให้มันอยากแล้วก็เดินจากไปให้สะใจ เสียงมันร้องครวญตามหลังเมื่อผมผละเดินเข้ามายังห้องนอนเพื่อหาชุดไปอาบน้ำ

 

รอยยิ้มผุดมาประดับบนใบหน้าของผมหลังจากไม่ได้อยู่ในสายตามันทันที ไอ้บ้าเอ้ย! ทำไมต้องทำเหมือนผมมีสิทธิพิเศษคนเดียวแบบนี้ด้วย มันหลอกให้ผมรักไปถึงไหน ทั้งๆ ที่วีรกรรมก็เยอะแยะมากมายที่จะต้องเจอ แต่เชื่อเถอะ

 

แม่งทำหน้าหงอๆ โคตรน่ารักเลยตอนผมตีมันเมื่อกี้

 

มันเป็นคนที่ดีคนหนึงเลยทีเดียว ถ้าไม่ได้เจอแบบผม คุณคงจะไม่เข้าใจความรู้สึกหรอก ตอนมันทำหน้างงๆ อ้อนๆ ให้ผมเข้าใจมันน่ะ

 

 

 

มาแล้วจ้า เอาพี่ปอน้องภีมมาส่งแล้ว อิ่มหนำกันมั้ยเอ่ย

วันนี้ใจดีอัพให้อ่านยาวๆ เลย จะคุยได้เม้าธ์กันมันส์ปาก เอิ่ม…ฉากพี่ปอง้อน้องมุ้งมิ้งปะ น้องพยายามเอาแต่ใจให้มันง้ออะ เราว่าปอมันเริ่มจะโตขึ้นเวลาถูกคนเอาแต่ใจกว่าใส่ ก็เลยใช้มุกนี้กับมันอ่ะ 5555 พอเจอภีมเอาแต่ใจกว่ามันก็ต้องยอมเลิกเอาแต่ใจตัวเอง ไปเอาใจเมียแทน อิอิ

ส่วนน้องต้นนี่ ไม่มีคำบรรยายค่ะ แต่ว่า นางดราม่านะคะ บอกก่อนเลย เค้าชอบต้นอ่ะ นิสัยเหมือนสไปร์ฮอร์โมน อิอิ นางดูตรงๆ ดี เดี๋ยวพอเข้าเรื่องบทนางจะมากกว่านี้นะคะอย่าเพิ่งด่ามาก อุบอิบไว้ก่อน

มันดูหน่วงๆ นะว่าปะรึคิดไปเอง คนเขียนยิ่งชอบเผลอเขียนบีบหัวใจคนอ่านอยู่ด้วย คือตั้งใจเขียนแนวสบายๆ ไหงมางี้ ก็ไม่รู้ ขอแรงเชียร์ให้เรื่องจบสวยๆ หน่อยเร้ววววว

เรื่องนี้น่ะเน้นมาทางด้านอารมณ์มาก เราเขียนเอง น้ำตาไหลหลายถังอยู่นะคะ :hao5:

 งั้นก็ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ

เดี๋ยวๆๆๆ ตอนหน้ามี NC ไม่ทราบว่าที่นี่ลงแบบดิบๆ เลยได้ไหมคะเนี่ย จะโดนลบไหม ถ้าลงได้จะได้เอามาลง
ช่วยตอบที่นะคะ
 o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด