พิมพ์หน้านี้ - **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: noonaaRP ที่ 30-10-2014 01:40:34

หัวข้อ: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 30-10-2014 01:40:34
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม


6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


********************************************************



 
1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ

เมื่อเท้าของผมแกว่งไปหาเสี้ยน

แต่เป็นเสี้ยนอภิมหาเสี้ยนจอมเสี้ยนที่หวังจะนอนกับผมตลอดเวลาที่ยอมคบกับมัน

ระยะเวลา 1 เดือน ผมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้หลุดรอดจากเงื้อมมือของ

"ไอ้ปอรายเดือน"

 

นี่ให้ได้!







***ตอนแรกจะเอามาลงในรีพลายนะคะเพราะตัวอักษรเกิน

ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยน้า
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 30-10-2014 01:56:40

1 month --1



ตอนที่ 1

คุณเคยเชื่ออย่างสนิทใจไหม

คิดว่าบางเรื่องมันเป็นสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ มันอาจจะไม่เกิดขึ้นกับคุณได้เลยใช่ไหม เช่นคุณกำลังคลั่งไคล้ใครสักคนที่เป็นเป้าสายตาของอีกหลายๆ คน ไม่คิดใช่ไหมว่าเขาจะหันมามองเราที่ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรเลย เหมือนกันกับผมตอนนี้ ผมคิดว่าตัวเองแสนจะธรรมดา ไม่ได้น่าค้นหาเลยสักนิด แต่ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตทำให้ความคิดของผมเปลี่ยนไป เมื่อได้พบกับใครคนนั้นพร้อมคำตอบที่แท้จริง

คำตอบที่ผมเคยถามคุณ

เสียงกลองรับน้องดังระรัวเป็นเพลงขึ้น มันเป็นจังหวะปลุกใจแต่ไม่ได้ช่วยให้ผมสนุกสนานขึ้นมาเลยสักนิด ผมเกาหัวตัวเองที่ถูกจับมัดแกละสองข้างเป็นต้นมะพร้าวชี้เด่บนหัวแล้วแสดงถึงความไม่สบอารมณ์ของตัวเองตอนนี้
ทำไมกูต้องมาทำอะไรกับพวกรุ่นพี่บ้าๆ พวกนี้ด้วยวะเนี่ย!

ร่างของผมนั่งภายในแถวซึ่งเป็นสายวิทย์ในชั้นปีใหม่ๆ มีผมรวมอยู่ด้วยในโรงเรียนแห่งนี้ เป็นเด็กปีหนึ่งที่ใสสุดๆ กำลังถูกรับน้อง

ที่สนุกแต่รุ่นพี่ฝ่ายเดียว

“ไอ้น้องคนนั้นน่ะ ทำหน้าไม่มันเลย ไหนออกมาทำหน้าให้มันๆ หน่อยซิ”

ผมสะดุ้งเมื่อทุกสายตาหันมามองตัวเองเป็นตาเดียว อะไรอีกวะเนี่ย ผมนั่งกลืนน้ำลายเมื่อเห็นคนรุ่นเดียวกันหัวเราะคิกคัก ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปท่ามกลางสายตาเด็กใหม่ทั้งสาย อายไหมล่ะมึง

“ชื่ออะไร”

“ชื่อ ชื่อภีมครับ” ผมตอบ

“ตอบให้มันดังๆ”

“ชื่อภีมครับ”

“ดังกว่านี้”

“ชื่อภีมครับ!” ผมร้องว่า

“สัส ตุ๊ดยังตะโกนดังกว่านี้” มันว่าพลางยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงคนหัวเราะกับคำที่มันว่า ไอ้รุ่นพี่เชี่ย! กูจะจำหน้ามึงไว้เลย เดินผ่านหน้าห้องกูจะเอาแปรงลบกระดานปาหัวแตกแม่ง

“ชื่อภีมครับ!” ผมตอบ

“มึงกวนตีน ไปวิ่งรอบสนามฟุตบอลสิบรอบ”

ไอ้เชี่ย!

เสียงหัวเราะเพื่อนร่วมชั้นตามหลังมาในขณะที่ผมยังไม่รู้ว่านี่กูทำผิดอะไร ไปกวนตีนมันตอนไหน แต่จำต้องยอมทำตามคำสั่ง วิ่งรอบสนามสิบรอบ สนามฟุตบอลที่มีขนาดกว้าง ผมใช้เวลาวิ่งนานมาก ขนาดมันแยกย้ายกันแล้วผมยังวิ่งได้แค่ห้ารอบเท่านั้นเอง

ไม่เอา คือกูไม่ไหวละ!

ผมแอบวิ่งมาพักใต้ร่มไม้ มองออกไปไม่เห็นพวกรุ่นพี่ยืนเฝ้าริมขอบสนามหรือแถมอาคาร มันอาจจะเข้าเรียนหรือไปหาที่อู้แล้วก็ได้ ได้ทีแล้วผมก็ใส่เกียร์หมาวิ่งขึ้นอาคารเรียนตัวเองทันที ยังดีหน่อยที่โรงเรียนนี้เรียนได้สองเดือนแล้วค่อยมารับน้อง เด็กใหม่ทำความสนิทกันแล้วและกล้าแสดงออกด้วยกันมากขึ้นรวมถึงรุ่นพี่ แต่ผมน่ะสิ ไม่มีใครยอมคบเลย มีแต่ตุ๊ดที่จะมาหวังฟัน
โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนช่างชายล้วน แต่ก็ยังรับสายวิทย์

ผมเดินคนเดียวตั้งแต่เรียนวันแรกจนถึงวันนี้ จะว่าไป ผมมันไม่ค่อยจะน่าคบเท่าไรละมั้ง นี่มันโรงเรียนคนมีตังค์ ฐานะคนพอจะมีกินอย่างผมก็เลยไม่น่ามองเท่าไรนัก

ผมดึงยางที่มันผมเป็นหูแกละสองข้างขอตัวเองออกจากหัว มันคงจะตลกดี ทำกูได้นะพวกมึง คิดแล้วผมก็เปิดน้ำล้างเหงื่อตัวเองออกจากตัวในห้องน้ำ วันนี้ไม่มีคาบเรียนเพราะถูกเว้นไว้จัดงานรับน้อง ช่วงบ่ายน่าจะมีคอนเสิร์ตพวกวงดนตรีโรงเรียนมาประชับมิตรพี่น้อง

ว่าแล้วนั้นผมไปแอบงีบที่ห้องพยาบาลดีกว่า

แต่เมื่อเดินไปถึง ผมชะงักนิ่งเมื่อพบแต่คนที่มีใจตรงกันกับผมเป็นสิบคนนอนเรียงระเนระนาดอยู่บนเตียงสี่เตียงที่มีอยู่ในห้อง น่าจะเป็นพวกรุ่นพี่ พวกมันลืมตามามองผมที่ยืนตัวแข็งมองพวกมันอยู่ เชี่ย! ไอ้รุ่นพี่คนนี้ที่ลงโทษผมก็อยู่ด้วยนี่หว่า

“มึงวิ่งครบแล้วเหรอ กูมองเห็นจากตรงนี้นะ” มันว่า ผมอึกอัก

“ครบแล้ว พี่จะเห็นได้ไง นอนอู้อยู่บนเตียงแบบนี้น่ะ”

“ไอ้เด็กนี่แม่งปากดีเว่ย” เพื่อนมันว่าพร้อมกับหัวเราะ

“มึงนี่กวนตีนจริง เดี๋ยวสั่งไปไปวิ่งอีกรอบแม่ง”

“ไม่ต้องๆ” เสียงอีกคนว่าพลางเงยหน้าจากหมอนมามองผม “วิ่งลงไปซื้อน้ำมาให้กูกินซิ”

ผมอ้าปากค้าง “อะไรนะ”

“กูบอกว่าปซื้อน้ำมาให้กูแดก เร็วๆ” มันว่าพลางล้วงกระเป๋าควักเงินออกมาให้ อะไร มันเห็นผมเป็นลูกเมียน้อยคนรับใช้บ้านมันรึไงวะ

รู้จักไอ้ภีมน้อยไปซะแล้ว

“ทำไมกูต้องไปด้วยวะพี่ เป็นง่อยเหรอ ก็ไม่ได้เป็นนี่หว่า” ผมว่าพลางมองมัน เพื่อนในกลุ่มหัวเราะกันร่า

“ไอ้เท็น มึงโดนแล้ว”

“ของน้องเขาแรงจริง” อีกคนว่า

“กูไม่ได้เป็นแต่อีกหน่อยมึงจะโดนตีนกูจนจะได้เป็น” มันว่า

“มึงก็ลุกมาไล่เตะกูดิ ถ้าไม่ขี้เกียจวิ่งตามกูนะ” ผมว่าพลางยักไหล่แล้วเดินออกจากห้องด้วยใบหน้าเหนือกว่า ใจหายใจคว่ำกับความปากดีของตัวเองแล้วรีบสาวเท้าเดินออกห่างจากห้องกลัวมันวิ่งออกมาจริงๆ

ถึงเวลาแล้วบังคับปากตัวเองไม่ได้ทุกทีเลยสิน่า


ดวงตาของผมมองไปยังบอร์ดที่มีรูปภาพของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งมองจากภาพภายนอกและเท่าที่เห็นแล้วนั้น ก็น่าจะเป็นคนซึ่งกำลังถูกสายตาคนทั้งโรงเรียนจับจ้องอยู่ เท่าที่ดูมา ภาพเห็นตั้งแต่มันเดินควงคนในโรงเรียน ภาพในอากัปกริยาต่างๆ ที่ทั้งสวมชุดนักเรียนและชุดลำลอง ราวกับเป็นนายแบบโดยไม่รู้ตัว

มันใครวะ ผมเกาหัวตัวเองไล่สายตามองไปเรื่อย

แต่ละคนที่หมอนี่ควงทั้งหมดเป็นผู้ชาย ซึ่งที่นี่คือโรงเรียนช่างชายล้วน ผมจึงค่อนข้างจะไม่รู้สึกแปลกอะไร แต่แปลกตรงภาพตอนที่หมอนี่ควง มันเป็นผู้ชายรายเดือนที่ไม่ซ้ำหน้า ราวกับกำลังรวบรวมคอลเลคชันผู้ชายหน้าตาดีเป็นของตัวเอง

ดวงตาของผมกวาดไปยังรูปสุดท้าย ที่มีชื่อและรายละเอียดบอกอย่างดี

บอย

คนล่าสุดงั้นเหรอ ผมมุ่นคิ้วมองไอ้คนนี้ มันเข้าเรียนห้องเดียวกับผมนี่

เดาได้ว่าไอ้ปออะไรนี่มันคงจะไม่ได้เล่นๆ

แต่เจ้าชู้จริงๆ

อย่างที่บอกไป ผมชื่อภีม เข้ามาเรียนที่นี่เมื่อสองเดือนก่อน เป็นเด็กรุ่นน้องเฟรชชี่ซึ่งยังไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับโรงเรียนอะไรมาก เดินทางไปกลับโรงเรียนด้วยรถเมล์และยังไม่มีเพื่อนสนิท มีตัวคนเดียว

ตอนนี้สังเกตเห็นได้เลยว่าเด็กใหม่ทุกคนที่เห็นแบบนี้บนบอร์ดก็คงจะอยากเห็นไอ้พี่ปออะไรนี่ เพียงแต่น้อยครั้งที่จะเห็นมัน ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าความหล่อมันจะกินใจผมรึเปล่า แล้วสตอรี่ที่คบรายเดือนของมันจะถูกใครทำลายไหม

แล้วทำไมพวกตากล้องโรงเรียนต้องถ่ายมันด้วยวะ ไร้สาระจริง ตามแต่กระแสอยู่นั่น ผมมุ่นคิ้วแล้วส่ายหัวเดินละเข้าไปกินข้าวในโรงอาหาร ทว่า พอเข้าไปเท่านั้นแหละก็ถูกชนเปรี้ยงเข้ากับร่างของใครสักคนที่วิ่งมาจากด้านหลัง

แอ่ก!

ร่างของผมล้มไปกองกับพื้นแล้วหันไปมองตามแรงกระแทกด้านหลัง น่าจะเป็นรุ่นพี่ซึ่งถือหนังสือปิดหน้าไว้อยู่ มึงจะปิดทำไม ปิดไว้มันก็มองไม่เห็นน่ะสิวะ

“เดินยังไงวะพี่?” ผมว่าพลางลุกขึ้นยืนขมวดคิ้วมองหน้ามัน มันโบกมือหยอยๆ ว่า

“ขอโทษๆ พี่รีบ”

อะไร แค่บอกว่ารีบก็จบ ผมค้ำเอวตัวเองเงยหน้าหาเรื่อง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งมองผมอยู่แล้วก็ละสายตาไปทางอื่นเมื่อเห็นผมจับได้ ทำแบบนี้ซ้ำไปมาเมื่อเห็นว่าผมเงยไปมอง

มันยกยิ้มกับตัวเองแล้วค่อยๆ ก้าวเท้าถอยหลัง หันหน้าไปทางในโรงอาหาร

ผมไม่เห็นหน้ามันเพราะมันเอาหนังสือปิดหน้าตัวเอง เห็นแค่ริมฝีปากที่กำลังยกยิ้มเพราะตอนที่ผมเงยมองหน้ามัน มันจะหันหน้าหนีแล้วยกหนังสือปิดทันที อะไรของมัน หวงหน้าตัวเองมากนักรึไงวะ

หล่อตายละ!

ดวงตาของผมมองตามร่างสูงๆ นั่นวิ่งไปด้านในสุดของโรงอาหารแล้วก็ไปทรุดตัวนั่งบนโต๊ะเดียวกันกับพวกรุ่นพี่ที่สวมชุดช่างปวส. กลุ่มใหญ่นั้นด้วยความรวดเร็ว ซึ่งสังเกตดีๆ มีไอ้บอยซึ่งไม่ได้อยู่ชั้นเดียวกันนั่งร่วมหัวเราะคิกคักอยู่ด้วย นี่อย่าบอกนะว่านี่คือกลุ่มของไอ้พี่ปอนั่น

ผมเพ่งสายตามองเข้าไปในกลุ่ม คนแล้วคนเล่าทว่าไม่เห็น จนกระทั่งสายตากวาดไปเห็นไอ้คนที่มันชนผมล้มที่เผยใบหน้าออกจากออกจากหนังสือในมือแล้ว ประกายอะไรสักอย่างฉายมาสะกดให้ผมนิ่งมอง

ก็ไม่ได้หล่ออะไรมาก แค่สูง ขาว จมูกโด่ง ยิ้มสวย ก็แค่นั้นเอง

ผมส่ายหัวไล่ความคิด หล่อไม่หล่อก็ไม่ใช่กงการอะไรของผมสักหน่อย พาร่างตัวเองไปสั่งอาหารที่ร้าน ทว่าความเร็วของเท้าผมถูกชะงักลงเมื่อร้านข้าวก็ดันไปตรงกับโต๊ะที่พวกมันนั่งพอดี

ผมกลืนน้ำลาย ช่างแม่ง! ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งในโรงเรียน มันก็แค่คนดังที่พอไม่สนใจก็ทำอะไรไม่ได้นี่ ที่สำคัญผมหล่อกว่ามันเยอะ

“วี้ดวิ้ว กินข้าวเหรอครับ ให้พี่เลี้ยงไหม?” ผมหันขวับไปมองกลุ่มเพื่อนของมัน นี่กูอุตส่าห์ไม่สนแล้วยังจะมาหาเรื่องอีก

“โห่ น้องเขาดุเว่ย” อีกคนว่า

“ดุแต่ก็ยังน่ารัก” แล้วไปนั่งน่ารักบนหัวพ่อพวกมึงเหรอครับพี่

ผมข่มใจสั่งอาหารไปไม่สนใจคนด้านหลัง นิ้วมือเคาะโต๊ะเล่นเพื่อฆ่าเวลาก่อนจะจ่ายเงินและรับจานข้าว หันมาอีกทีก็ชนกับใครสักคนเข้า

“เอ้า ตายละวา!”

เสียงกลุ่มคนร้องว่า ดวงตาของเด็กผู้ชายที่ไม่มีใครอย่างผมเงยขึ้นไปสบกับสายตาของใครสักคนบนโต๊ะราวกับจะสั่งให้พวกมันหุบปาก ทว่ากลับเหลือบไปเจอสายตาของไอ้นั่น

ไอ้ปอ

“ขอ ขอโทษนะ” ผมละสายตามาว่ากับคู่กรณีทันที ไม่ได้กลัวหรืออะไรเว้ย แค่ไม่ชอบสบตาคนไม่สนิทเท่านั้นแหละน่า

“ไม่เป็นไร”

“นายเป็นอะไรไหม เลอะหมดเลย” ผมว่าพลางมองเสื้อของเด็กอีกคนที่ก้มลงช่วยเก็บจาน ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าเอื้อมไปช่วยมันด้วยความหวังดี มือมันก็ผลักมือของผมออกไม่ให้เช็ดให้

“เราไม่เป็นไร ขอโทษนะเราเองที่ซุ่มซ่ามเดินมาเอง”

“อย่าว่าแบบนั้นสิ เราเดินไม่ดูเอง” ผมว่า ดวงตาเงยมองคู่กรณี อีกฝ่ายยิ้มให้ น่าแปลกใจที่มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมสบายใจและรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก มันจึงทำให้อดที่จะยิ้มตามไม่ได้

“ถ้างั้นก็ถือว่าซุ่มซ่ามกันทั้งคู่ละเนอะจะได้เจ๊ากัน” ผมว่า อีกฝ่ายยิ้มและพยักหน้ารับ

“เราชื่อกรีน”

น่าแปลกที่ผมยอมที่จะเข้ากับคนง่ายสักวัน ได้แต่ยิ้มรับและตอบ “เราชื่อภีม”

“น้องภีม”

“ไอ้สัสชื่ออย่างน่ารักอะ”

ดวงตาของเราชะงักและหันไปมองพวกก้างขวางคอที่คอยจะแซว คือผมอยากทราบมากว่าที่บ้านพวกมันไม่เคยสอนวิชามารยาทเลยงั้นเหรอถึงได้คอยพูดแทรกเวลาคนอื่นเขาคุยกันแบบนี้ ร่างผมเดินไปวางจานที่มีเหลือแค่เศษข้าวหน้าโต๊ะของคนทั้งกลุ่มด้วยความสุดทนไม่สนเสียงของกรีนที่ร้องตาม

 “ว่าไง มีไรมากมายปะพี่?” ผมว่าพลางไล่สายตามองทุกคน ทว่าคนพวกนี้กลับหัวเราะกันร่า

“แม่งอวดเก่งจริงไอ้เด็กนี่”

“ไม่เท่าไหร่หรอก สู้ความน่ารักแม่งไม่ได้” อีกคนว่า

“อวดดีจังนะ”

“ผมเปล่า แต่พวกพี่เล่นให้มันรู้ซะบ้างว่าผมไม่ใช่เพื่อนเล่น ไม่ใช่ของเล่น ไม่ใช่ของระบายอารมณ์ใคร”

“กูเกลียดคนแบบนี้”

ผมชะงัก มองไปยังคนพูดที่ว่าพลางถอนใจ ความจริงมันก็ไม่ได้กล่าวแซวอะไรกับผมเหมือนคนอื่นหรอกเพราะแฟนของมันก็นั่งอยู่ทนโท่ ไอ้บอยมันหลุดยิ้มและเงยหน้ามาสบตากับผม

“ไอ้นี่มันเอ๋อจะตาย ไม่มีคนคบมันหรอก”

“กูว่าละ นิสัยอย่างงี้…” ผมกลืนน้ำลายมองมันที่ว่า มันชักจะดูถูกกูมากเกินไปแล้วนะ!

“ไหนว่าสเปควะ” เพื่อนอีกคนว่า ผมมุ่นคิ้วแล้วดึงแขนกลับเมื่อกรีนมันเดินเข้ามาดึงแขนให้ถอยออกไป ไม่ทันแล้วเว้ย

“สเปคแค่หน้าตา แต่นิสัยกูรับไม่ได้ว่ะ”

“เอ้า คบกับผมยังไม่ครบเดือนเลยมีสเปคใหม่แล้วเหรอ?”
ผมมองคนพูด พูดแบบนี้แสดงว่าไอ้บอยมันยอมไปเป็นของเล่นให้ไอ้นี่เองงั้นเหรอ

“ไม่ใช่แล้วบอย แบบนี้ไม่เอาหรอก คบเป็นแฟนกูคงได้นั่งฟังเทศน์ทั้งเดือน”

“แล้วใครบอกว่ากูอยากจะไปเป็นแฟนมึงอะพี่” ผมว่าอย่างสุดทน

“โห่ แรงว่ะ แต่พี่โคตรชอบอ่ะ” ผมกลืนน้ำลายเมื่อเพื่อนๆ ของไอ้ปอร้องว่า

“กูก็ไม่ได้อยากได้มึงเป็นแฟนหรอก กูหาได้ดีกว่ามึงตั้งเยอะ”

“มัวแต่มาตัดสินว่าใครดีกว่าใคร เคยดูตัวเองบ้างไหมวะ ไม่ใช่เอดส์กินแล้วรึไง?”

“เอดส์เหรอ?” มันว่าพลางขมวดคิ้วตัวเอง “ไปถามหากับพวกคนทำไม่เป็นโน่น ส่วนมึงก็อ่อยแทบตาย สุดท้ายก็ไม่มีใครอยากเอาให้ติดเอดส์หรอก”

ผมเบิกตาหันไปมองมันด้วยความโมโห แต่ไม่ได้ ถ้าผมขึ้นมันจะชนะ ว่าแล้วนั้นก็ผ่อนปรนอารมณ์ตัวเองแล้วว่า

“กูจะเป็นเอดส์หรือไม่เป็น แต่กูก็ไม่ได้เอาใครไปทั่วแล้วทำเป็นพูดดีว่าตัวเองทำเป็นรึไม่เป็นนี่ แค่เอาหลายคนไม่ใช่สิ่งที่จะมาวัดนี่ว่าทำเป็นจริงๆ หรือเปล่า ไอ้มั่ว…”

ผมทำท่ารำพึงก่อนจะเดินเบ้ปากออกมา หางตามองมันด้วยความเหยียดหยาม ซึ่งนั่นแหละเป็นสาเหตุให้แขนของผมถูกกระชากกลับ เรียกว่ากระชากน่ะถูกแล้วที่สุด เพราะร่างของผมปลิวว่อนกลับมาตามแรงให้หันไปมองมัน

ใจผมหายเมื่อมันไม่ได้หน้าเสีย แต่รอยยิ้มเผยมาแต่งแต้มแทน

“ปากดีแบบนี้ มึงจะลองไหม”

ผมไม่ทันได้ตอบอะไร ร่างกายถูกดึงไปตามแขนของมัน เรี่ยวแรงของผมหายไปไหนไม่อาจทราบ คงเพราะว่ากำลังงงมากกว่า

“อ้าวพี่ แล้วบอยล่ะ”

“เราเลิกกัน โอเคนะ” เสียงมันว่ากับร่างไอ้บอยที่นั่งเอ๋อ

ผมเบิกตาเมื่อเห็นความเลวของไอ้พี่ปอนี่เต็มตา มันไม่เคยรักใครเลย แล้วนี่ผมเป็นอะไรวะ ไม่ยอมเรียกร้องเอาอิสระกลับมาให้ตัวเอง หรือความท้าทายจากแววตาตอนที่มันยิ้มส่งมา ไม่อาจยอมให้ผมกล่าวปฏิเสธมันได้
ผมอยากเอาชนะมัน

“กูอยากลองมึงนัก” มันว่าแล้วพาผมขึ้นรถ ซึ่งมันหรูไม่น้อยสำหรับคนอายุเท่ามัน พาผมออกมาจากโรงเรียน ใจผมหายเมื่อเห็นว่ามันพาผมเข้าโรงแรม เมื่อรถจอด ใจผมที่ว่าอวดดีเมื่อกี้ก็อ่อนยวบลงเมื่อเห็นมันดับเครื่องยนต์และหันมามอง

“กูให้เวลามึงคิด ถ้ามึงขอโทษกูดีๆ มึงจะได้กลับไปแบบซิงๆ” ผมหันไปมองมัน มันยิ้มเมื่อเห็นว่าหน้าผมสีตก ก็ความซิงผมจะถูกเปิดเพราะปากตัวเองนี่หว่า

แต่จะให้ยอมไอ้เลวอย่างมันก็ไม่อยากทำ!

“ทำไมกูต้องขอโทษมึงวะพี่” ผมย้อนว่าพลางส่ายหน้าระอานิสัยเฮียๆ อย่างมัน

“นี่มึงไม่ยอมขอโทษ แสดงว่ามึงอยากเป็นเมียกูจนตัวสั่นล่ะสิ”

“หึ ใครอยากจะติดเอดส์” ผมเบ้ปากพลางกอดอกมองออกนอกกระจก

“มึงคิดว่ามึงเก่งมาจากไหน ได้…ถ้ากูพูดดีๆ แล้วมึงไม่ยอม แสดงว่ามึงทำเป็นกร่างมาทำไม่สนใจกู ที่แท้กะจะอ่อยให้กูมองเพื่อมาเป็นของเล่นของกูน่ะสิ”

“โถ่ ความคิดมึงนี่เก่งเนอะพี่ ไปเป็นผู้กำกับหนังไป คงจะรุ่ง” ผมส่ายหน้าว่า

“มึงนี่มัน…”

“อะไร?” ผมย้อนแล้วหันไปว่า ทว่าได้ยินเพียงเสียงประตูปิด เห็นร่างมันอ้อมมาถึงประตูพร้อมเสียงเปิดมากระชากแขนผมให้ออกไป ใจที่ว่าเพิ่งชื้นก็หายไปอีกเมื่อเห็นมันปิดประตู พาร่างของผมเดินเข้ามาด้านใน

“ปล่อยกู จะพากูไปไหน!?” ผมร้องว่า ดวงตามองตามคนที่มองพวกเราว่าเขาจะเข้ามาช่วยไหม ไอ้พวกแล้งน้ำใจ มองเป็นดูละครหลังข่าวไปได้

“จะพามึงไปห้องสวีทไง ทีนี้มึงจะได้เลิกปากดีสักที”

“กูจะร้องให้คนช่วยจริงๆ นะ ช่วยด้วย! ช่วยกูด้วย!” ผมว่าพลางยื้อแขนกลับ ร้องตะโกนแบบไม่ต้องรอให้มันอนุญาตแม่ง

“ร้องให้ตายก็ไม่มีคนมาช่วยหรอก ที่นี่ถิ่นกู”

ผมเบิกตาเมื่อมันพาเข้าไปในลิฟท์ พยายามดิ้นให้มันปล่อยมือที่กำไว้จนเจ็บ ทันทีที่ลิฟท์เปิด ร่างของผมก็ถูกลากออกมาจากลิฟท์ คนอะไรไม่รู้แรงควายจริงๆ

เชี่ยปอ ไอ้พี่เลว!

มันพาผมไปยังห้องที่มี่พนักงานชายยืนรออยู่ ไอ้หมอนี่มันก็มองผมที่สู้กับไอ้ปอโดยที่ไม่ยอมทำอะไรเลย มองด้วยความงงแล้วยังยื่นคีย์การ์ดให้มันเปิดประตูอีก ไม่คิดจะช่วยคนจะถูกข่มขืนรึไงวะ

ร่างของผมถูกผลักเข้ามาด้านในก่อนประตูจะปิดลงพร้อมกับมันที่หันมาทำหน้าตาที่ผมอดที่ยันฝ่าเท้าใส่ไม่ได้

ไม่ต้องมายิ้ม กูไม่สนุก!

ผมกลืนน้ำลายพร้อมพยายามหอบ สูบเอาลมเพื่อให้ได้พลังกลับคืนมาเพื่อสู้กับไอ้เวรนี่ต่อไป ใครจะไปยอมมันกันเล่า
“ปล่อย อะ!”

ร่างของผมถูกผลักลงบนเตียงด้วยแรงคนต่อหน้า ก่อนมันจะทรุดตัวลงมากดมือทั้งสองข้าง ดวงตาของผมเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าของมันแสยะยิ้ม ลำขาของผมยกขึ้นตั้งชันเข่าทั้งสองข้างไม่ให้มันลุกลามไปมากกว่านี้
แม่งท่าโคตรล่อแหลมเลย เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น

“ยังจะอวดเก่งอีกไหม?” มันว่า บอกได้เลยว่าไม่ ผมมองมือของมันที่กดข้อมือผมไว้แล้วเม้มปากแน่น ไอ้หื่นเอ๊ย!

“พี่จะข่มขืนผมรึไง?” ผมร้องว่า มือพยายามดิ้นใหเหลุดรอด

“หึ กลัวรึไงถึงได้พูดเพราะขึ้นมาเชียว”

“ไม่ได้กลัว แต่คนอย่างพี่จะมาข่มขืนคนอย่างผมทำไม ใครๆ ก็ยอมพี่ง่ายๆ ทั้งนั้น” ผมว่า

“ก็มึงอยากมาลูบคมกูเองนี่”

“ก็มึงมากวนตีนกูก่อนนี่!” ผมย้อนทันทีด้วยความโมโห ก่อนจะเบิกตาเมื่อนึกได้ว่าในสถานการณ์เพลี่ยงพล้ำ คือกูต้องพูดเพราะๆ กับมึงใช่ไหมตอนนี้

“หมายถึงเพื่อนพี่อ่ะ มันกวนตีนผมก่อน”

“พี่จะบอกอะไรให้นะ” มันว่าพลางจ้องตา ก่อนจะกล่าวออกมาเสียงเรียบแบบวอนส้นเท้าสุดๆ ว่า “คนแบบมึงกูเจอมาเยอะแล้ว ที่มึงทำหวงตัวอยู่เนี่ยกูก็เคยเจอมาแล้ว ตั้งใจทำเป็นไม่เคยแต่ท่าทางโคตรอ่อยแบบนี้ ห้องที่ว่าเก็บเสียงดีๆ เสียงครางยังดังไปถึงห้องข้างๆ เลยแหละ”

“กูไม่ได้อยากนอนกับมึง!” มึงเข้าใจที่กูจะสื่อไหม นี่มึงเอาสมองส่วนไหนมาคิดวะเนี่ย!

“แล้วจริงๆ มึงต้องการอะไร”

“กูอยากกลับไปกินข้าว ไปเรียนวิชาต่อไป” ไอ้เชี่ย กูหิว กูเหนื่อยที่ต้องรบกับมึงเนี่ย

“มึงอย่ากวนตีนกูได้ไหมวะ เมื่อไหร่จะเลิกปากดี รึมึงต้องเป็นเมียกูก่อนหา?”

“ก็กูบอกว่าไม่ได้อยากเป็นเลย กูไม่ได้อยากเป็นเอดส์”

“คำก็เอดส์สองคำก็เอดส์”

ผมเบิกตา เมื่อมันโน้มหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับแนบปากประกบกับผมเป็นการสั่งสอน ใช่! โคตรสั่งสอนเลยเพราะผมไม่เคยโดนจูบมาก่อน สิ่งแรกที่ต้องทำคือเม้มปากให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ร่างของมันโน้มลงมาทับผมจนหนักมือก็ดึงข้อมือทั้งคู่มารวบ รู้สึกร้อนวูบเมื่อเอวถูกล้วงเข้าไปด้านในดึงชายเสื้อที่ไม่ได้อยู่ในกางเกงขึ้น

“ไอ้…”

ผมอ้าปากร้องปรามไม่ให้มันล้วงมือเข้ามา ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยถูกมือใครแตะต้องส่วนนี้มาก่อน พร้อมกันนั้นก็เปิดโอกาสให้มันแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปาก มือของมันล่วงล้ำเข้ามากลางลำตัวจนผมสะดุ้งด้วยความประหลาดในสัมผัสแรก

ผมหลับตาปี๋กับความรู้สึกที่กำลังถูกกระทำ พยายามเบี่ยงใบหน้าไปมาเมื่อลิ้นของไอ้ปอมันไล่ตามลิ้นของผมที่ส่ายหนี เม้มดูดริมฝีปากล่างผมรุนแรง บางครั้งฟันก็กระทบกัน ผมเลิกส่ายหน้าหลบทันทีเพราะกลัวเลือดออก รู้สึกถึงอารมณ์แปลกๆ แล่นเข้าสู่ร่างจากการปลุกอารมณ์ของมัน พร้อมกันนั้นมือที่ล้วงในกางเกงยกมากุมมืออีกข้างกลับไปที่เดิม นิ้วมือทั้งสองข้างมันประสานกับนิ้วของผม บีบและกดลงเตียงแน่น

ผมทำอะไรอยูวะเนี่ย

ได้แต่พริ้มตา หอบหายใจไปกับจูบของมันที่ตักตวงเอาจากปากโดยที่เลี่ยงไม่ได้ มือที่กำข้อมือผละมาช้อนเอวของผม ลูบไล่บนหน้าขา เสียงปากเราดูดเม้มกันดังขึ้นเรื่อยๆ เป็นระยะ ผมสูดลมเข้าปอดเมื่อร่างต่อหน้าผละออก พร้อมกับรู้สึกถึงน้ำตาที่อาบลงใบหู

ผมเห็นใบหน้าของมัน มันหล่อ ดวงตาโตๆ ของมันจ้องปากของผมซึ่งคงจะบวมเพราะจูบอย่างไม่ละ และสุดท้ายก็โน้มลงมาเล่นลิ้นอวดลวดลายกับปากผมอีกครั้ง คราวนี้มันไม่รุนแรงเมื่อรู้ว่าผมยอมแพ้มันแล้ว กูสู้แรงมึงไม่ได้แล้ว

“อื้อ…”

ผมเกลียดอารมณ์ตัวเองตอนนี้ เมื่อมันผละใบหน้ามายิ้มราวกับว่าต้องการเยาะเย้ยถากถาง ผมหันไปทางอื่นระงับความอายที่แล่นเข้าสู่ใบหน้าจากการถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง ดันไปตอบสนองมันเอาเสียได้!

“ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ร้องไห้แล้ว”

ผมยกมือมาปิดตาตัวเองไม่ให้มันเห็นน้ำตา ผมไม่ได้โกรธมัน ผมเกลียดอารมณ์ตัวเอง ร่างกายสะดุ้งเมื่อความร้อนมาของลิ้นมัน
แตะที่ลำคอ สัญชาติญาณบอกว่าต้องย่นคอให้ปลอดภัย

ไม่ได้ ทำมากกว่านี้ไม่ได้!

“อย่า…” ผมร้อง

“อย่าอะไร เก่งนักไม่ใช่รึไงน้องภีม เก่งให้มันตลอดรอดฝั่งสิ” มันว่าพลางยกยิ้มเยาะ ผมมุ่นคิ้วตัวเองเมื่อได้ยินดังนั้น

“ผมจะยอมคบกับพี่แทนไอ้บอยก็ได้ เอ่อ…จะยอมนอนกับพี่ แต่ไม่ใช่วันนี้” ผมกลืนน้ำลายว่า

“หึ ใครเชื่อก็บ้าละ”

“กูพูดจริงๆ” ผมตะโกน มือก็ทุบมันระบายอารมณ์ตัวเอง “มึงดูหน้ากูสิกูได้ยิ้มอยู่ไหมเล่า!”

“งั้นพรุ่งนี้” มันว่า

“ไม่ ภายในหนึ่งเดือนนี้”

“ไม่มีทาง หลังจากกูนอนกับมึงกูถึงจะยอมคบกับมึง ไม่ใช่มึงยอมคบกับกู แล้วก็ช่วยดูหน้ากูด้วยว่ากูก็ไม่ได้ยิ้ม”

โอ…

ผมผ่อนอารมณ์ตัวเองไม่ให้โมโหในสิ่งที่ไอ้พี่ปอมันว่า ก่อนจะหันไปว่ากับมันด้วยเสียงเหนื่อยอ่อนจากการรบกับมัน

“มึงเคยข่มขืนใครไหมปอ มึงบังคับให้กูนอนกับมึงแล้วมึงจะมีความสุขไหม ทุกครั้งคนอื่นเขาเต็มใจนอนกับมึงไม่ใช่รึไง?”

ใช่ มันนิ่ง แสดงว่ายอมรับ ผมปรับสีหน้าจากเหนื่อยมาแสดงความจริงจัง

“งั้นมึงก็รอให้กูยอมมึงดีๆ เพราะตอนนี้มึงกำลังจะข่มขืนกู” แต่กูไม่ยอมมึงง่ายๆ หรอกนะ

“ความจริงกูไม่ได้อยากจะคบกับมึงหรอกนะ เพราะนิสัยมึงโคตรไม่ใช่ กูแค่อยากจะสั่งสอนมึงพอทำแล้วก็ไม่ต้องมายุ่งอะไรกันอีก แต่ในเมื่อมึงขอ กูก็จะยอม”

ผมเม้มปากเมื่อเห็นมันว่า ผมขออย่างนั้นเหรอ!

ผมไม่เถียง เดี๋ยวเรื่องยาว

“ก็ได้ ถือว่ากูขอก็ได้ งั้นปล่อยกูสิ”

ผมชะงักเมื่อเห็นมันจ้องตาด้วยสายตาพิฆาต ก่อนจะอ้อมแอ้มว่าต่อ “งั้นพี่ก็ปล่อยผมสิ”

รุ่นพี่อย่างมึงไม่อยากนับถือหรอก

ร่างของผมลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเม้มปากตัวเองแน่น รู้สึกถึงเลือดลมที่วิ่งพล่านบนปากเพราะการถูกไอ้ปอกระหน่ำจูบ ดวงตาผมละ

ไปมองทางอื่นเมื่อหันไปทีไรก็เห็นแต่แววตาเย้ยหยันของมันที่ส่งมา

ใช่! ผมแพ้แล้ว แต่สักวันผมจะเอาชนะมันให้ดู เชื่อผมเถอะน่ะ!





ทำแบบนี้ถูกต้องตามกฏหรือยังคะ เล่นเวบนี้ไม่ค่อยเป็นแต่อยากเอานิยายมาแบ่งให้ได้อ่านกันค่ะ
ปกติลงอยู่อีกสองเวบ ลงไปหลายตอนแล้ว ถ้าอยากอ่านล่วงหน้าพิมพ์ชื่อเรื่องใน Google ก็เจอเลยค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 30-10-2014 02:23:57
 
1 MONTH--2



ตอนที่ 2

 

ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลย

 

หลังจากวันนั้น รูปผมกับไอ้ปอก็ถูกเอามาติดบอร์ดเป็นการป่าวประกาศว่าผมกำลังจะเสียซิงให้มันถึงคนในโรงเรียนรับรู้ ผมกลายเป็นเหยื่อคนล่าสุดของมันอย่างไม่น่าเชื่อ และไอ้บอยก็กลายเป็นคนที่ถูกบอกเลิกเร็วที่สุดในประวัติกาลไป ผมว่ามันคงจะเจ็บใจไม่น้อย

 

สมน้ำหน้าอยากว่ากูดีนัก

 

จากนั้น สายตาเพื่อนๆ ในห้องที่มองมายังผมก็เปลี่ยนไป มีคนเข้ามาคุย ทักทายมากขึ้น ทำเหมือนผมโดดเด่นและน่าค้นหาในสายตาพวกนั้น

 

ผมไม่ยอมไปไหนมาไหนตามใจไอ้ปอเลยสักครั้งตั้งแต่ยื่นข้อเสนอให้มันไป ผมว่ามันคงไม่ยอมแน่ๆ หากครบเดือนแล้วผมยังไม่ยอมนอนกับมันตามสัญญา ยังไงมันต้องตามผมไม่ยอมหยุดแน่

 

หลายคนมองว่าการคบกันครั้งนี้ดูแปลก ก็คงใช่เพราะผมไม่ยอมสวีทหวานกับมันเหมือนคู่อื่นๆ ถ้ายอมนอนกับไอ้ปอตั้งแต่วันแรกมีหวังโดนเขี่ยทิ้งแบบไอ้บอยน่ะสิ ใครจะไปยอมโดนฟันง่ายๆ แล้วถูกเขี่ยทิ้งง่ายๆ กันเล่า ยิ่งเป็นไอ้ปอยิ่งแล้วไปใหญ่

 

มันต้องเจอผม

 

นอกจากนั้นแล้ว มันก็ไปมีข่าวคราวกับรุ่นพี่ซึ่งเรียนรุ่นเดียวกันกับมัน ทำให้มีคนล่าสุดถัดจากผมซึ่งยังไม่มีข่าวว่าเลิกกับมัน มันคือความโชคดีในโชคร้ายของผม พอมันอยากก็ไล่ให้มันไปนอนกับแฟนใหม่มัน ความคิดผมโคตรดี

 

ร่างของผมเดินมาเข้าห้องน้ำด้วยคิดว่ามาคนเดียวคงไม่มีอะไร ทว่าเสร็จธุระแล้วเดินออกมา ดวงตาต้องเงยมองขึ้นไปเมื่อเห็นว่ามีใครมายืนดักหน้า เมื่อเห็นชัดแล้วก็จำได้ คนที่ขึ้นรูปถัดไปจากผมนั่นเอง ถะแด๊น! น่าตกใจไหมล่ะ แล้วมันก็มาพร้อมกับเพื่อนอีกห้าถึงหกคนรุมล้อมผม

 

“มองแบบนี้หาเรื่องกูเหรอ?” มันว่าพร้อมกับผลักไหล่ มันต่างหากที่จงใจจะหาเรื่องผมตั้งแต่แรก ผมส่ายหน้าปฏิเสธ

 

“เปล่านี่”

 

“แต่กูเห็นเมื่อกี้ มึงหัวเราะเยาะเพื่อนกู” ตอนไหนวะ

 

“อะไร ตอนไหน?”

 

“มึงอย่ามาย้อน กวนตีนนี่หว่า”

 

“ไม่ได้กวน” ผมทำท่าจะเดินหนีทว่าร่างถูกดึงกลับ

 

“แบบนี้ไง!”

 

ร่างของผมล้มลงกับพื้นพร้อมกันนั้นก็ไม่รู้ว่ามือใครเท้าใคร มือตัวเองพยายามป้องกันหัวและใบหน้าที่สุด นานเท่าไรไม่รู้ที่ร่างกายถูกรุมทำร้ายจนแทบไม่รู้สึกอะไร มีหลายครั้งที่ถูกเตะเข้ามาที่ช่องท้องให้จุก กระทั่งได้ยินเสียงคนร้องห้ามมาแต่ไกล ใจที่หายก็ชื้นขึ้น

 

“ภีม เป็นไรไหม!”

 

ผมไอออกมาพร้อมกับสูดหายใจทั้งที่ยังนอนกองกับพื้น มองเพื่อนที่มาเรียกให้มีสติ ผมตอบรับทุกอย่างแต่สนองกลับไปไม่ได้ รู้สึกชาไปทั้งตัว พร้อมกันนั้น ผมเห็นไอ้ปอที่วิ่งมาจับตัวผม เรียกผม และอุ้มร่างของผมวิ่งไปที่ไหนสักแห่ง

 

เสียงของมันก้องในหัว ปอมันเรียกชื่อผมด้วยเสียงที่ตกใจมาก

 

เมื่อผมตื่นขึ้นมา ผมเห็นมันเป็นคนแรกที่ยังนั่งเฝ้า มันยิ้มให้ผมพร้อมกับผมที่ยิ้มตอบ รู้สึกเจ็บที่มุมปากจนต้องละรอยยิ้มลง เพราะมึงนั่นแหละไอ้ปอ

 

“ไปทำอีท่าไหนให้เขารุมกระทืบ?”

 

ผมส่ายหน้า “สงสัยหน้าตาจะกวนตีน แฟนใหม่มึงเลยรุมยำกู”

 

“อะไรของมึง?” มันว่าพลางส่ายหน้าไม่เชื่อ

 

“ตามใจ” ผมว่า ก่อนจะพริ้มตากลับ

 

“จริงเหรอ ไอ้น้ำมันเป็นคนกระทืบมึงเหรอภีม?”

 

“เดี๋ยวมันก็หาว่ากูฟ้องมึงอีก ทีนี้ขึ้นเมรุเผาเลย” ผมว่า

 

“มันมาหาเรื่องมึงกี่ครั้งแล้ว?”

 

“จะรู้ไปทำไม?” ผมว่าปัด ก็ต้องหลายรอบอยู่แล้วถ้ากูยังไม่เลิกกับมึงสักที

 

“ทำไมไม่ยอมบอกกู มึงเห็นกูเป็นใครวะภีมถึงทำเป็นเก็บเงียบแบบนี้ แล้วทีนี้ใครเขาก็จะมองว่ากูคบซ้อนจนดูแลมึงไม่ได้น่ะสิ”

 

ผมเม้มปากที่ห่อเลือดไว้แน่นพลางมองมันที่นั่งหน้าเสีย “มึงห่วงภาพพจน์มึงมากนักใช่ไหม?”

 

“กูก็ห่วงมึงนะ ไม่ชอบเลยที่มันมาทำกับมึงแบบนี้ หยามกูมากเกินไปแล้ว” ผมมองมันที่กำหมัดตัวเองแน่น

 

“มึงขาดมันไม่ได้หรอก เชื่อกูดิ” ผมว่าดักคอมัน

 

“ทำไมก็จะขาดมันไม่ได้”

 

“ถ้าเลิกยุ่งกับมันแล้วมึงจะนอนกับใคร” ผมว่า

 

“ก็นอนกับมึงไง นี่มันก็หลายวันแล้วนะ” มันว่า ผมถอนใจ

 

“ไปกันเย็นนี้เลยดีไหมล่ะ?”

 

“กูไม่ตลก กูยอมคบกับมึงแล้ว กูจะไม่ยอมเสียเวลาฟรีๆ”

 

“แต่มึงคบกับกูแล้วไปนอนกับคนอื่น มึงไม่ได้เสียเวลาไปฟรีๆ มึงจะปฏิเสธไหมว่าที่มันทำกับกูแบบนี้ต้นเหตุไม่ได้มาจากมึง?” ผมย้อน และนั่นทำให้มันเถียงไม่ออก

 

ปอมันถอนใจกับตัวเอง

 

“โธ่เว้ย!”

 

ได้แต่สบถแล้วลุกเดินออกจากห้องพยาบาลไปเสียเฉยๆ เสียงออดบอกเวลาเรียนบ่ายดังมาพอดี ผมผ่อนอารมณ์และพริ้มตาหลับให้ใจตัวเองเย็นลงเมื่อรับรู้เหตุผลว่าที่มันยอมคบๆ มา เหตุผลหลักๆ คือเพราะต้องการนอนกับผมเท่านั้น

 

ใครจะไปยอมมันง่ายๆ

 

ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นไอ้ปอนั่งอยู่ข้างเตียง มันมองผมแล้วทำท่าหันไปมองทางอื่นเมื่อเห็นผมตื่นเต็มตาราวกับกำลังยังโกรธ ดวงตาผมมองออกไปยังนาฬิกาที่แขวนบนผนังห้องบอกเวลาห้าโมง ทำไมเวลามันเดินเร็วนักวะ คิดแล้วนั้นก็พยายามตะเกียกตะกายพาตัวเองลุกนั่ง

 

“จะรีบทำไม?” มันร้องว่า

 

“จะไปเอากระเป๋า”

 

“เพื่อนมึงฝากมาให้แล้ว นี่ไง” ไอ้ปอมันว่า ผมก้มมองมือมันที่ถือกระเป๋าในมือนั้นก่อนจะพยายามเอื้อมไปหยิบ ทว่ามือของมันยื้อเอาไว้

 

“เอามา” เอ๊ะไอ้นี่!

 

“ไม่ต้อง กูถือให้”

 

“กูถือไหว” ผมว่า

 

“ยกมือตัวเองให้ไหวก่อนเถอะน่า อย่ามาทำอวดเก่งกูไม่ชอบ”

 

มันลุกขึ้นยืน มือก็เอื้อมมาดึงข้อมือของผมให้ลุกขึ้นยืนด้วย ผมค่อยๆ พาร่างตัวเองลุกจากเตียง พยายามทำให้ดูว่าไม่เจ็บตรงไหนเลยแต่ข้างในโคตรสาหัส แล้วกว่าจะเดินไปขึ้นรถเมล์ที่ป้ายได้ ว่าจะถึงบ้าน จะทนไหวไหมวะเนี่ย

 

ทว่าผิดคาด ปอมันไม่ได้จะบอกอะไรสักคำ มันจับผมยัดขึ้นรถมันแล้วก็พาออกมาเฉยๆ วันนี้มันมาส่งผมที่บ้าน ครั้นพอรถจอดหน้าบ้านที่ยังมืดสลัวนั้นมันก็หันมามองหน้าผม

 

พ่อกับแม่ออกไปอีกแล้วแฮะ มันเองก็มองเข้าไปด้านในแล้วเห็นไฟที่มืดมิดไม่ได้เปิดรอผม ก็หันมาถามโดยอัตโนมัติว่า “ไม่มีคนอยู่บ้านเหรอ?”

 

“เออ” ผมครางตอบพลางจัดเสื้อเละๆ ของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะลงจากรถผมมักจะทำทุกครั้ง

 

“มึงอยู่บ้านคนเดียวแล้วใครทำกับข้าวให้กิน?” ผมหันไปมองมันด้วยความอยากรู้ว่าจะถามไปทำไม และมันก็แสดงแค่ใบหน้าอยากรู้ออกมา

 

“ก็ไม่กิน”

 

“กูว่าละ”

 

ว่าอะไรวะ ผมหันไปมองมันที่ว่าอีกว่า “ไปนอนบ้านกูเถอะ”

 

ผมเบิกตา และยังไม่ทันได้ตอบมันก็เหยียบคันเร่งพาผมออกมาเสียแล้ว ผมส่ายหน้าพลางร้องปราม “ไม่ กูจะนอนที่บ้าน กลับไปที่บ้านเดี๋ยวนี้เลย!”

 

“ทำไมกูต้องเชื่อฟังมึง?”

 

“ผมอยากพักผ่อน ไม่อยากเถียงกับพี่ ดูสิสภาพแบบนี้ยังจะมาหาเรื่องอยู่ได้” ผมตัดไฟ พยายามข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้แสดงถึงความเคืองขุ่นให้มันหมั่นไส้ และการพูดเพราะๆ กับมันเป็นวิธิเอาน้ำเย็นลูบที่ดีที่สุด แต่ไหงมันไม่ยอมลดความเร็วของรถเสียทีว้า!

 

ทนไม่ไหวแล้ว “บอกให้หยุดไงไอ้…”

 

มันหันมันยิ้มเยาะ ผมเม้มปากตัวเองแน่นเก็บอารมณ์ตัวเองกล่าวออกไป “พี่ปอ ผมเหนื่อยมามากพอแล้ว ไม่อยากจะรบกับพี่นะ”

 

“ใครบอกว่าพี่จะสู้รบกับภีมล่ะ”

 

“ก็หยุดรถสิ ผมจะกลับบ้าน!”

 

“บอกแล้วไงว่จะพาไปนอนที่บ้าน”

 

“ไม่! ขืนไป…”

 

“ขืนไปจะทำไม กลัวหรือไงไอ้คนเก่ง” ผมมุ่นคิ้วตัวเองมองทางต่อหน้าไม่เถียงกับมันต่อ เห็นรอยยิ้มของมันแล้วหงุดหงิด เถียงไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ เก็บแรงไว้ต่อสู้กับมันตอนมันจะขย้ำผมยังจะดีกว่า

 

“หิวไหม”

 

“ไม่”

 

“แต่พี่หิว”

 

ผมหันไปมองหน้ามันด้วยความขัดใจตัวเองที่สุดในโลก หงุดหงิดที่สุดในโลก เกลียดเวลามันพูดเพราะๆ ดวงตามันกวนตีนที่สุดเลย

 

“มานอนกับกูนี่แหละดีแล้ว กูไม่อยากทิ้งให้มึงนอนอยู่ในบ้านคนเดียว”

 

ผมหันไปมองหน้ามันตอนกล่าว มันยิ้ม ซึ่งทำให้ใจของผมที่กำลังขุ่นนั้นเปิดขึ้นมาอีกนิดหน่อยเมื่อรับรู้ว่ามันแสดงถึงความเป็นห่วงออกมานอกจากจะจ้องแต่เขมือบผมอย่างเดียว

 

ผมไม่ได้ว่าอะไรต่อ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งนั้น

 

มันพาผมเข้าร้านอาหารหรู พาเข้าไปโดยที่ไม่อายอะไรเพราะมันไม่ได้สวมชุดมอมแมมเปื้อนคราบเลือดคราบดินอย่างผมนี่ มันเดินเหมือนเจ้านายมาพร้อมกับขอทาน ผมอายที่คนมองมายังเราทั้งคู่เพราะไอ้ปอมันหล่อเกินไปที่จะมาพร้อมกับผม

 

มันลากเก้าอี้ให้ผมนั่ง ให้ผมสั่งอาหารตามใจตัวเองทว่าผมส่ายหน้า ผมเห็นแววตามันที่มองออกว่าตอนนี้ผมอึดอัดใจที่ต้องมานั่งกินข้าวกับมัน สีหน้ามันไม่สบอารมณ์ มันทำให้ผมกินไม่ลงไปด้วย

 

“ทำไมไม่กิน ของแพงๆ ทั้งนั้น” มันว่า

 

ผมก้มมองเมนูอาหารที่มันสั่งมาให้ ความจริงน่าเสียดายแต่มันก็ทำตัวไม่ถูก อีกทั้งผมไม่ค่อยได้กินข้าวเย็นก็เลยไม่ค่อยหิว กระเพาะเท่าแมวแต่มันดันสั่งมาเสียเต็มโต๊ะ

 

“อิ่มแล้ว”

 

“อิ่มได้ยังไง กูสั่งมาให้มึงกินภีม ไม่ใช่ดม”

 

ผมถอนใจ “ก็บอกแล้วว่าไม่หิว”

 

“กินอีก มึงผอมเกินไปแล้ว”

 

ผมเม้มปาก ทำไมช่วงเวลานี้ผมต้องเกรงใจมัน ทำไมผมต้องกลัวมันด้วย ทำอย่างกับแฟนที่กำลังเชื่อฟังคำสั่งของมัน มือของผมตักอาหารเข้ามาเต็มปากพร้อมกับมันที่ยิ้มออก มันนั่งมองผมกินอยู่ตลอดราวกับว่ามันน่ามองอย่างงั้น

 

ช่างแม่ง ให้กินก็กิน ของฟรีนี่หว่า

 

ผมวางช้อนก่อนจะนิ่งมองมันที่ยังส่งสายตาพิฆาตมาให้ สีหน้าบอกมันว่าตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ผมดื่มน้ำอีกหมดแก้วแล้วก็เรอใส่หน้ามันบอกว่ากระเพาะเต็มแล้ว ยัดใส่อีกมีหวังกระเพาะแตกแน่ๆ คนรอบข้างหันมามองก่อนจะหัวเราะกันคิกคัก จนผมทำหน้าไม่ถูกเพราะลืมตัวหวังแค่จะแกล้งมันอย่างเดียว

 

“เขาคงคิดว่ามึงไปพาขอทานตายอดตายอยากมาสงเคราะห์” ผมว่าเสียงเบา ไอ้ปอมันละรอยยิ้มลงเมื่อได้ยินอย่างนั้น แทนที่จะขำ มันเรียกคนมาคิดเงิน และทั้งหมดก็แพงอย่างที่คิด จากนั้นก็พาผมเดินออกจากร้านด้วยการเดินกอดไหล่ผมออกไปต่างจากขามาลิบลับ อะไรของมัน

 

มาถึงรถ มันผลักผมเข้าไปนั่งบนเบาะทว่าไม่สตาร์ทรถราวกับกำลังโกรธ นี่ผมทำผิดอะไรอีกวะ ผมนิ่งมองมันที่นั่งนิ่งมองพวงมาลัยอย่างกับลืมไปว่ามันขับยังไง

 

“ปอ มึงไหวปะวะ?” ผมว่าผ่านความเงียบและมันก็หันมามองผม

 

อยู่เฉยๆ มันก็ขยับใบหน้าเข้ามาจูบผม มันบังคับจูบผมราวกับคนบ้า ผมผลักมันออกสุดแรงด้วยความไม่รู้ว่ามันทำอะไร หมายความว่ายังไง สุดท้ายก็ต้องยอม ยอมทำตามในสิ่งที่มันต้องการ มันจูบผมรุนแรงแรงจนผมเจ็บแผล นับเป็นจูบแรกหลังจากตกลงเป็นแฟนกัน

 

ใบหน้าที่เรียวยาวของมันผละออกพร้อมกับยังจ้องมามองที่ริมฝีปากผมเหมือนครั้งแรกที่จูบกัน ก่อนจะละมามองตาของผมนิ่ง และก็ขยับเข้ามาจูบอีกครั้งเหมือนถูกดูดเข้ามา แต่เชื่อเถอะไม่ใช่ผมแน่ที่ดูดมันเข้ามา มันไม่ยอมผละออกจนผมต้องร้องครางในลำคอปราม พยายามสูดลมเข้าจมูกเมื่อไม่เห็นท่าว่ามันจะยอมละไปง่ายๆ

 

“อะ…” ผมเจ็บแผละที่ปาก รู้สึกถึงรสชาติเลือด ปอมันรีบละปากออกมามองปากของผมที่มีเลือดซึมออกมาด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย นิ้วหัวแม่มือของมันเช็ดเลือดให้ผม แววตาของมันนิ่งมองแผลบนปากก่อนจะเคลื่อนขึ้นมามองดวงตา

 

“พี่ขอโทษ”

 

ผมเม้มปากพลางเช็ดมันไปด้วย “มึงทำแบบนี้ทำไม?”

 

มันนิ่งมองผมก่อนจะละใบหน้าไปมองทางอื่น โคตรเข้าใจยากเลยไอ้นี่

 

 “ห้ามพูดแบบนั้นกับกูอีก กูไม่ชอบให้มึงแบ่งแยกชนชั้นกับกู”

 

“มันเรื่องจริง”

 

“มึงกับกูก็คนเหมือนกัน มึงเป็นแฟนกูอยู่นะภีม กูไม่ยอมให้ใครมองมึงแบบนั้นแน่ รับรองว่าในระหว่างทีมึงคบกับกูมึงจะไม่ถูกใครดูถูก มึงจะได้รับในสิ่งที่ไม่เคยได้รับ ไม่งั้นไม่มีใครอยากจะมาคบกับกูหรอกถ้าเขาไม่หวังในสิ่งที่กูจะทำให้”

 

ผมนิ่ง ก่อนจะหันมองมันอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “แต่กูไม่อยากได้ ปอ…ก็แค่เซ็กส์ที่มึงหวังจะได้กับเขา มึงจำเป็นต้องให้ทุกอย่างเพื่อแลกงั้นเหรอ?”

 

“ถ้าเป็นมึง จะยอมนอนกับกูฟรีๆ เหรอภีม ถ้ากูไม่หล่อ ไม่รวย ไม่มีอะไรให้มึงตอบแทนเลย”

 

“ถ้ามึงรักกู กูยอม…”

 

นี่ผมพูดอะไรออกไปวะ

 

ดวงตาของมันนิ่งมองผมที่ตอบออกไปแบบนั้น และนั่นเป็นการเถียงคำสุดท้าย ปอมันไม่ได้ว่าอะไรต่อ แค่ขับรถพาออกไปเลย และไม่พาผมกลับบ้าน พาไปโรงแรมที่มันเคยพาผมเข้าวันนั้น

 

 

 

ผมมองโทรศัพท์ของมันที่กำลังกรีดร้องตรงหัวเตียง เห็นขึ้นเบอร์เมมว่าพ่อ มันขมวดคิ้วตัวเองก่อนจะกดรับทำหน้าเหมือนไม่ชอบใจอย่างนั้น

 

“ฮัลโหล โทรมาทำไม?” ผมเงยมองหน้ามันที่นอนบนเตียงแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจนแล้ว

 

“กินแล้ว มีไรรึเปล่า?”

 

ทำไมมันพูดแบบนั้นกับพ่อตัวเองวะ

 

“อยู่กับเมีย อะไร! ก็ห้องเดิมนั่นแหละแต่ไม่ต้องเข้ามา ไม่ได้อยากเจอสักหน่อย” มันว่าพลางละสายตามามองผมที่นิ่งมองมัน “มีอะไรอีกไหม ผมจะวางแล้วนะ”

 

ผมลุกจากเตียงไปจัดที่นอนตัวเอง ทำท่าไม่สนใจ “จะถามทำไม ก็ไม่ได้ทำอะไรเลวๆ ซักหน่อยนี่ หรือจะให้ผมหนีไปจากที่นี่อีกพ่อถึงจะพอใจ ให้ผมไปอยู่กับแม่ไหม?”

 

ใจผมหาย พ่อกับแม่มันไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วอย่างนั้นเหรอ

 

 “ผมเลิกแตะมันแล้ว ก็พ่อบังคับให้ผมเลิกนี่ พอกันทีเลิกโทรมาเซ้าซี้ได้แล้ว ต่างคนต่างอยู่ไปสิ ทำแค่บงการชีวิตผมก็พอแล้ว สนุกมากไม่ใช่เหรอ”

 

ผมห็นสีหน้าของมันหมดอารมณ์ทุกอย่าง กดวางสายและปิดเครื่องก่อนจะพลิกตัวหันไปทางอื่นไม่คุยกับผม มันเองก็คงจะลำบากสินะถึงต้องหนีมาอยู่ที่นี่ เหมือนมันกับพ่อมีปัญหาหนักกันอย่างนั้นแหละ

 

นี่หรือเปล่านะที่ทำให้มันเป็นคนแบบนี้ ผมมองมือมันที่ควานไปหยิบโมเดลรถแข่งคันเล็กสีขาวดำมาถือในมือและจ้องมันไม่ละ ของดูต่างหน้าจากแม่มันงั้นเหรอ

 

อ้าว แล้วมึงโยนทิ้งทำเชี่ยไรวะปอ

 

ผมรีบลุกไปหยิบโมเดลมอเตอร์ไซต์นั้นไปวางบนหัวเตียงมันเหมือนเดิม เผื่อว่าวันหนึ่งมันนึกถึงและยากจะหยิบขึ้นมาดูอีกครั้งจะได้หาเจอ นี่ผมไม่ได้จะสงสารหรือสมเพชอะไรมันหรอกนะ แต่ของชิ้นนี้มันสำคัญมากก็เลยจะช่วยมันเก็บไว้น่ะ

 

ไม่ได้จะเป็นห่วงอะไรมันหรอก

 

และสรุปว่า วันนี้มันไม่ยอมส่งผมกลับบ้าน ท้ายที่สุดผมก็ยอมตามใจมัน ไม่บังคับให้มันไปส่งที่บ้าน พยายามใจเย็นไม่กวนตีนมัน เวลาโดนสั่งอะไรก็ตามใจจะได้ไม่โดนจับกด แต่ความจริงแล้วผมคิดว่ามันคงไม่ทำอะไรผมหรอก มันคงรอให้ผมยอมมันดีๆ มากกว่า

 

แต่วันนั้นมันคงจะไม่มี

 

ใครจะยอมเสียตูดซิงๆ ให้คนเจ้าชู้อย่างมันใช้อย่างไร้ค่าเล่า ฝันไปเถอะ!

 

 

 

ขอฝากนิยายไว้ในใจด้วยนะคะ ชอบไม่ชอบเอ่ย

ลองอัพเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ก็ยังงต่อไปว่ามันอัพยังไง
 :katai1:



 

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ
เริ่มหัวข้อโดย: crystal_on ที่ 30-10-2014 02:41:21
 :z13: :z13: :z13:  จิ้มๆ

ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 30-10-2014 02:51:30
สนุกดีแฮะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 3
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 30-10-2014 02:55:27
 

ตอนที่ 3

 

สุดท้ายมันก็เอาแต่ตามติดผม หวังจะงาบผม

 

เสียงเพลงบนรถที่มันเปิดดังคลอในระดับฟังสบายทำให้ผมกลับหงุดหงิด ดวงตาที่ไม่จัดว่าโตมากของผมมองออกไปนอกรถดูวิวข้างถนนก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์หวีดร้อง มองกลับมาเห็นเป็นของคนขับทีวางทิ้งไว้บนคอนโซลรถ มันหันมามองผมก่อนจะพยักเพยิดให้เอื้อมไปหยิบ มือของผมก็ทำงานพร้อมกับยื่นไปให้มันไปด้วย

 

“ก็กดรับสิไม่เห็นรึไงว่ากูขับรถอยู่” มันว่า ผมขมวดคิ้วเป็นคำตอบ

 

“เรื่องมาก” ว่าทั้งกดรับแล้วเปิดลำโพงยื่นไปทางมัน

 

มันมองหน้าผมที่ขมวดคิ้วมองไปทางอื่นด้วยก่อนจะทำเป็นไม่สนใจพูดกับคนในสายแทนว่า

 

 “เออ ว่าไง”

 

“เชี่ยปอ พรุ่งนี้วันหยุดพวกมึงจะไปเที่ยวกับพวกกูไหมเนี่ย เอาให้มันแน่นอน”

 

พวกมึง อย่าบอกนะว่าเหมารวมกูด้วย ผมเงยหน้ามองไอ้คนขับรถก่อนจะส่ายหน้าเมื่อเห็นว่ามันละจากถนนมามองผมอยู่เหมือนกัน

 

“ไปๆ ไอ้ภีมโคตรอยากไปเลย”

 

“เชี่ยปอ!” ผมร้องว่า

 

“แม่งเร่งกูให้รีบไปเก็บเสื้อผ้าใหญ่เลยเนี่ย” มันว่าพลางยกยิ้มเหนือกว่าให้ เสียงหัวเราะของเพื่อนมันตอบกลับมาพร้อมกับว่า

 

“มึงบอกเมียมึงใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวได้สนุกแน่ กูจะจัดแจงห้องให้พวกมึงเป็นพิเศษเลยไม่ต้องห่วง”

 

“ไม่เอา!” ผมว่าอย่างสุดทนพลางแหงนมองหน้าไอ้ปอที่ทำเหมือนสนุกที่เห็นผมเป็นแบบนี้

 

“ทำไมครับน้องภีม รึเราชอบแบบผจญภัย?”

 

“กูไม่ไป” ผจญพง ผจญภัยบ้าบออะไรของมัน

 

“ไอ้ธาม มึงล้อมันจนมันโมโหแล้วนะ ถ้ามันเปลี่ยนใจไม่ไปกูก็อดสิ” อดเชี่ยอะไร ด้วยความงงและอยากรู้ ผมมองหน้ามันหาความจริงก่อนเบิกตาตัวเองจนโตนึกอะไรขึ้นได้ แม่งวางแผนจะเอาผมงั้นเหรอ

 

“โอเคๆ สรุปพวกมึงจะไป เมียมึงนี่อายแล้วน่ารักสัส ฮ่าๆๆ”

 

“ไม่ได้อายโว้ย”

 

“เงียบ!” สายตาคนขับหันมาว่า ผมขมวดคิ้วตัวเองพร้อมทั้งหันไปมองทางอื่นด้วยความขัดใจ ได้ยินแต่เสียงมันตอบเพื่อน “พวกมึงจะไปก็ไปกันก่อนได้เลย กูจะขับรถตามไปเอง”

 

“เออ เอาเป็นว่าเข้าใจแล้ว บอกเมียมึงเตรียมหลายๆ ชุดหน่อยละกัน เวลามึงหื่นแม่งรุนแรงเกินไป ฮ่าๆๆ”

 

“มึงหุบปากไปเลย” มันยิ้ม ยิ้มที่ถูกเพื่อนแซวแบบนั้น ผมกลืนน้ำลายอย่างยากเย็นมองหนีออกไปทางอื่นทั้งยื่นมือที่ถือโทรศัพท์ให้มันเหมือนเดิม

 

“งั้นแค่นี้แหละ กูจะพามันไปเก็บเสื้อผ้า”

 

“เออ ได้ๆ เจอกันพรุ่งนี้เว้ย”

 

ผมกดวางสายแม่งไม่ให้ไอ้ปอได้ต่อความยาวสาวความยืดกับเพื่อนต่อ โยนโทรศัพท์ของมันกลับไปยังที่เดิมโดยที่ไม่กลัวว่ามันจะพัง ช่างแม่ง บ้านมันมีตังค์นี่ จะซื้อมาไว้กี่เครื่องก็ได้

 

“กูบอกว่าไม่ไป มึงจะไปก็ไปคนเดียวสิ” ผมเริ่ม

 

“มึงอย่ากวนโมโหกูนะภีม”

 

“มึงนั่นแหละ ไม่เคยฟังกูเลย”

 

“มึงขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนกู กูอยู่ไหนก็ต้องมีมึงอยู่ที่นั่น แค่กูไม่เดินควงมึงหรือตัวติดกันแจเหมือนคนก่อนๆ มันก็แปลกมากพอแล้ว มึงอย่ามาเรียกร้องเอาความพิเศษให้ตัวเองมีค่าเพราะแค่มึงไม่ได้เป็นเมียกูหน่อยเลย”

 

โธ่เว้ย!

 

ผมเถียงมันไม่ออกทุกครั้งเลยเวลามันเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างหรือเหตุผลเวลามีปัญหากัน มือของผมยกขึ้นกุมขมับตัวเองปล่อยให้มันพาผมกลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ตามใจมัน นี่เป็นครั้งแรกที่มันขึ้นมาห้องนอนของผมเพราะทุกครั้งมันจะไม่กล้าขึ้นมาและรออยู่แค่หน้าบ้าน ตามันมองหาอะไรแปลกๆ ในห้องก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนเตียง เอนตัวลงนอน

 

ใครใช้ให้มันทำแบบนั้นวะ “ลุกขึ้นมาเลย กูไม่ให้นอนบนเตียงของกู”

 

“กลิ่นนี่เหมือนตัวมึงเลย” มันว่าพลางพลิกตัวนอนคว่ำ ไอ้โรคจิต!

 

“แล้วกูไม่ให้วิพากวิจารณ์เตียงกูด้วย”

 

“แล้วมึงอยากให้กูทำมึงบนเตียงตัวเองไหม” ผมชะงัก

 

หันหลบไปกลืนน้ำลายดังเอื๊อกกับสายตาคมๆ ของมันที่ส่งมาให้ ทำไมชอบทำหน้าโหดใส่ผมนักก็ไม่รู้ แต่ละคำว่าที่มันสร้างสรรค์ออกมาด่าแม่งโคตรตั้งตัวไม่ติด ทุกครั้งที่พูดจาหรือทำอะไรลามปามมัน มันก็จะพูดด้วยเสียงเย็นยะเยือกเตือนสติเสมอว่ามันเหนือกว่า

 

แล้วผมก็ทำอะไรไม่ถูกแบบนี้ไง

 

ตัวสูงๆ ของมันลุกขึ้นยืนเต็มตัวพร้อมกับเอื้อมมือมาแย่งกระเป๋าผมไปถือ ผมเอื้อมมือจะชักกลับทว่ามันยกหนีไปทางอื่น มันส่งสายตาดุๆ มาให้และนิ่งมองใบหน้าผมจนเป็นตัวของคนถูกมองนี่แหละที่แข็งทื่อไปเอง

 

“อยู่กับกูห้ามดื้อ” มันว่าเสียงเบา

 

“อยู่กับกูห้ามดื้อ…” เลียนเสียงของมันแล้วทำท่าทำทางล้อเลียนให้หลังไปด้วย มันหันมามองด้วยสายตาพิฆาตก่อนจะเดินกลับมาดึงแขนพาผมออกไปจากห้อง

 

แม่งชอบดุ

 

ในระหว่างเราอยู่บนรถเงียบๆ เสียงโทรศัพท์ของมันดังขึ้น ผมเอื้อมมือไปหยิบและกดรับสายให้มันเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของพ่อมันที่ขึ้นโชว์หราบนหน้าจอทัชสกรีน รับรู้ว่ามันไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ทำแบบนี้เพราะมันไม่คุยและต่อว่าผมเป็นอันดับแรกก่อนสิ่งอื่นใด

 

“มึงจะรับทำเชี่ยไร”

 

ผมยักไหล่กวนตีนมันลอยหน้าลอยตาตอบไปด้วย “ก็มึงขับรถอยู่ เอ้า! คุยกับพ่อมึงสิ”

 

“กูไม่คุย กดวางไปซะ” มันว่าพลางหันหน้าไปสนใจถนนตรงหน้า ผมยกนิ้วกลางให้มันพลางเบ้ปาก พอจะกดวางสาย ทว่ามีเสียงจากปลายสายว่าสวนออกมา

 

“ปอ…” ผมชะงักหันไปมองมันที่หันมามองโทรศัพท์ เพิ่งจะเคยเห็นมันทำหน้าไม่มั่นใจในตัวเองแบบนี้ครั้งแรกเลย

 

“ก็บอกให้กดวาง!” มันว่าเสียงอารมณ์เสีย

 

“ปอ แกอยู่ไหน แกจะทำให้พ่อเป็นห่วงแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่” ผมมองโทรศัพท์เมื่อได้ยินน้ำเสียงของพ่อมันว่าขึ้นมาอีก ชักจะไม่สนุกแล้วสิกู

 

“กดวางเดี๋ยวนี้!” มันหันมาว่า

 

มันโมโหอะไรพ่อมันนักหนา

 

“ทำไม ทำไมไม่คุยกับพ่อหน่อยล่ะ” ผมว่าพลางยื่นโทรศัพท์ไปให้

 

“กูไม่คุย กูไม่มีอะไรจะคุย พ่อวางไปซะ” ปอมันว่ากับคนในสาย

 

“อย่าวางนะครับคุณพ่อ ปอมันทำหน้าจะร้องไห้แล้ว” ผมว่า คือผมเห็นจริงๆ ว่ามันมีสีหน้าจะร้องไห้

 

“หุบปากไปเลยภีม เดี๋ยวกูเตะมึงออกจากรถ”

 

“พ่อครับ ผมไม่รู้หรอกว่าพ่อไปทำอะไรให้มันโกรธ ผมว่าพ่อเลิกโทรมาเถอะครับ…” ผมว่า อีกฝ่ายเงียบไปพร้อมกับมันที่แย่งมือถือไปจากผม

 

มันโกรธผมแฮะที่บอกพ่อไปแบบนั้น

 

“โทรมาทำไมนักหนา” มันว่า

 

“ฉันอยากรู้ว่าแกออกไปไหนไม่ยอมกลับมาที่ห้อง น่าจะบอกพ่อบ้าง”

 

“ผมต้องรายงงานตัวตลอดงั้นสิ” ผมส่ายหน้าไม่ไหวกับตัวเองที่มันหาเรื่องพ่อที่เป็นห่วงมันขนาดนี้ ได้ยินอีกฝ่ายในสายถอนใจ ผมจึงแย่งโทรศัพท์ในมือมาถือและกรอกเสียงไปว่า

 

“เราถึงหน้าโรงแรมแล้วครับพ่อไม่ต้องห่วง อีกอย่างพ่อเลิกโทรมาได้แล้วนะครับ”

 

ไอ้ปอมันจะตะโกนด่าผมอีกรอบทว่าผมรีบกล่าวต่ออีกว่า “มาหามันเลยดีกว่า…”

 

“อะไรนะ” ปลายสายว่า

 

“มันอยากเจอคุณพ่อน่ะครับเลยไม่ยอมรับโทรศัพท์ ถ้าว่างก็แวะมาหามันบ้างนะครับ”

 

ผมเห็นมันที่แสดงความอายออกมาจากสีหน้าชัดเจนตอนที่เสียงปลายสายหัวเราะกับคำที่ผมกล่าว ปอมันขมวดคิ้วแน่นแต่ไม่เถียงอะไรออกมาสักคำ

 

มันคงโกรธแต่ไม่รู้จะสรรค์หาอะไรมาด่าผมละมัง

 

เมื่อมาถึงโรงแรม มันพาผมขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพักที่ผมกับมันพักกันอยู่ มือหนึ่งของมันถือกระเป๋า มือหนึ่งจูงแขนผมไม่ยอมปล่อย คิดว่าจะหลงทางหรือไง มันไม่ยอมหาเรื่องผมอย่างเคย ผมล่ะอยากจะกวนตีนมันจริงๆ

 

“ปอ มึงงอนพ่อเรื่องอะไร”

 

“กูไม่ได้งอน มึงเลิกกวนตีนกูได้ละภีม” มันว่าปัด

 

“จริงหรือเปล่า” ผมล้อ

 

มันหันมาทำหน้าดุแบบโคตรดุจนผมต้องละร้อยยิ้มลงและยอมเดินตามมันไปเงียบๆ แม่งคนอะไรล้อนิดเดียวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่สมกับตัวโตๆ เป็นควายอย่างมันจริงๆ

 

แต่พอเดินมาถึงหน้าห้อง ไอ้ปอมันชะงักเท้าเมื่อสิ่งที่ผมพูดเชิญไว้กลับมาปรากฏต่อหน้าของเราทั้งคู่ ร่างที่สวมชุดสูทเต็มยศยืนอยู่หน้าประตูและเงยมองมายังเราด้วยแววใจดี ชายวัยสี่สิบกว่าๆ หันมายกยิ้มกับเราทั้งสองคน นี่พ่อของมันจริงๆ งั้นเหรอเนี่ย

 

ไอ้ปอมันทำเสียงฮึดฮัดโมโหรีบสาวเท้ามายืนหน้าห้องเตรียมคีย์การ์ดมาเปิดราวกับไม่เห็นร่างที่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวเอง มันเป็นอะไรของมันชอบทำให้พ่อเจ็บปวด เห็นพ่อเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง

 

“ปอ…” เสียงทุ้มของคนๆ เดียวที่อยู่ในสายบนโทรศัพท์เมื่อครู่นี้ว่าขึ้น ผมเงยมองท่าน หรือท่านยังทำงานอยู่กันนะถึงมาในสภาพแบบนี้ได้ เขาหันละมามองผมก่อนจะยิ้มรับเมื่อผมยกมือไหว้ท่านเป็นการทักทาย

 

“ปอ พ่อมึงมา”

 

“อย่ายุ่งได้ไหม?” มันว่าปัด ไอ้ผมก็ยืนเกาหัวตัวเองด้วยความงง

 

“ปอ ฟังพ่อก่อนสิ”

 

“เลิกมายุ่งกับผมซักทีได้ไหมพ่อ หน้าที่พ่อแค่ส่งมาเงินให้ใช้แล้วก็บงการชีวิตผมก็พอ ไม่ต้องมาก้าวก่ายชีวิตของผมอีก” มันหันมาว่า ผมกลืนน้ำลายอีกครั้งกับความอึมครึมของบรรยากาศเมื่อเห็นสีหน้าพ่อของมันที่แสดงความลำบากใจ ปอมับเปิดประตูแล้วเดินเข้าห้องไปไม่ว่าอะไรต่อสักคำ

 

เสียงประตูปิดดังปังพร้อมกับผมที่สะดุ้งเรียกให้เขามองหน้าผม รอยยิ้มประดับบนใบหน้าที่เริ่มมีตีนกาทว่ายังหล่อของพ่อมัน ก่อนเขาจะเอ่ยขึ้นมาว่า “เธอคือคนที่คุยกับฉันเมื่อกี้สินะ”

 

ผมชะงักก่อนจะยกมือเกาหัว “ครับ ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณพ่อโดนมัน…”

 

“ไม่เป็นไรหรอก ปอก็เป็นแบบนั้นตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฉันชินซะแล้วล่ะ”

 

“เป็นแบบนี้นานแล้วเหรอครับ” ผมย้อน ก่อนจะเกาหัวตัวเองเมื่อเริ่มก้าวก่ายมากเกินไป

 

“ตั้งแต่เด็กๆ นั่นแหละ เขาโกรธที่ฉันหย่ากับแม่เขาน่ะ”

 

“มันไม่มีเหตุผลเลย” ผมว่า

 

“นี่เธอคงไม่ใช่ เมีย ที่เขาบอกหรอกใช่ไหม?” จู่ๆ เขาก็ถามพลางยกนิ้วชี้ชี้หน้าผม ผมอึกอักและเสตาหลบ

 

“อะ คือ ผมไม่ใช่หรอกครับ”

 

“ปอไม่เคยพาใครมาที่นี่หรอกนะ” เขาว่า

 

“คุณพ่อทำงานที่นี่เหรอครับ อยู่ใกล้แค่นี้ทำไมไม่หาเวลาแวะมาหามันบ้างละ ผมว่าความจริงมันอาจจะไม่ได้โกรธคุณเรื่องที่คุณหย่ากับแม่ของมันก็ได้”

 

“ฉันคิดว่าถ้าอยู่ห่างๆ เขาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น”

 

“จะดีขึ้นได้ยังไงล่ะครับถ้าคุณพ่อไม่คุยกับมัน ไม่เคลียร์กันให้รู้เรื่อง”

 

อีกฝ่ายเลิกคิ้ว ผมเกาหัวตัวเอง “คือผมก็ไม่ค่อยได้ให้คำปรึกษาใครหรอกนะครับเพราะไม่ค่อยมีคนคบสักเท่าไร แต่ผมอยากให้คุณสองคนกลับมาเข้าใจกันเหมือนเดิม ผมไม่ชอบที่มันทำแบบนี้กับคุณเลย”

 

“เธอช่วยฉันได้มาก เอาเป็นว่าฉันจะพยายามแวะมาหาเขานะ”

 

“สู้ๆ นะครับคุรณพ่อ” ผมยกยิ้มเมื่อเขาส่งยิ้มมาให้

 

“เธอเป็นเด็กที่น่ารักมาก”

 

ความเขินแล่นเข้ามาบนใบหน้าทันทีเมื่อเขายกมือขึ้นมายีบนหัวผมเบาๆ ราวกับกำลังเอ็นดูและรู้สึกดีต่อผมอยู่ คนอย่างผมไม่ค่อยได้รับการกระทำแบบนี้จากผู้ใหญ่เสียเท่าไรนัก มันจึงเป็นอะไรที่รู้สึกดีไม่น้อย

 

ดวงตาผมนิ่งมองร่างสุงๆ นั้นเดินเข้าไปในลิฟท์ เมื่อผมเข้าใจแล้วและแน่ใจว่าจะไม่กลับมา ร่างกายเลือกที่จะเดินเข้าไปในห้อง ลอบมองมันว่าจะแสดงถึงความไม่พอใจเมื่อผมไปยุ่มย่ามความเป็นส่วนัวของมันเกินไปไหม แต่ไม่รู้ทำไม

 

มันไม่ต่อว่าผมสักคำในสิ่งที่ทำกับมัน ทั้งๆ ที่ตอนแรกผมกะจะแกล้งที่มันแกล้งผมเรื่องไปเที่ยวก่อนแท้ๆ

 

ผมทำท่าไปทรุดตัวนั่งบนเตียงข้างมันที่นอนเล่นเกมบนโทรศัพท์ แอบมองมันที่ไม่ได้กล่าวต่อว่าอะไรสักคำราวกับลืมไปแล้วเมื่อกี้ผมทำอะไรให้มันไม่พอใจ เห็นอย่างนั้นแล้วไอ้ผมก็สบายใจไปเปราะหนึ่ง จึงเดินไปหยิบของส่วนตัวเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายตัวเองสักหน่อย

 

และพอเสร็จธุระของตัวเองก็ถึงคราวของมัน แต่ถ้าไม่มีปัญหาหรือทำอะไรเงียบๆ แบบดีๆ นี่คือไม่ใช่สันดาน เอ๊ย! นิสัยของไอ้ปอครับ

 

“ภีม”

 

“อะไร” ผมขมวดคิ้วพลางทาโลชั่นบนตัวเองไปด้วย เงยมองหน้ามันที่ถือผ้าขนหนูเดินมา

 

“ไปถูหลังให้กูซิ”

 

“ทำไมกูต้องไป” ผมว่าพลางเบ้ปาก มันเองก็แสดงความไม่พอใจเช่นกัน

 

“เพราะกูสั่งให้ไป แล้วก็เดี๋ยวนี้ด้วย”

 

“ไม่เอาอะ อยากอาบก็ทำเองสิ” จะหาเรื่องทำอะไรผมรึเปล่าก็ไม่รู้ ส่ายหน้าพลางถูเนื้อมครีมลงบนผิวตัวเองทว่ามือถูกดึงออกไป ผมร้องเหวอมองมันที่ลากผมเข้าห้องน้ำ

 

เชี่ยปอจะทำอะไรเนี่ย!

 

“ไอ้ปอ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะมึง”

 

“งั้นมึงก็เข้ามาปรนนิบัติกูซะดีๆ” มันว่าพลางดึงแขนผม

 

“นี่มึงเป็นเทวดามาจากไหนต้องมีทาสคอยรับใช้น่ะหา!” ผมว่าพลางยื้อแขนตัวเองสู้สุดแรง

 

“ก็นี่หน้าที่มึงนะ”

 

“หน้าที่เชี่ยไรกูยังไม่รู้เรื่องเลย” ผมเถียงพลางหอบหายใจ คนอะไรแรงเยอะชิบ

 

“งั้นรู้ไว้เลยว่ามึงต้อง…”

 

“กูไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละปอ มึงห้ามมาออกคำสั่งให้กูไปดูแลปรนนิบัติอะไรมึงเด็ดขาดเลยนะ หยุดความคิดเดี๋ยวนี้เลย” ผมยกนิ้วชี้ชี้หน้ามันที่อ้าปากค้างจะเถียง

 

“นี่มึงกล้าเถียงกูเหรอ”

 

“เออ ทำไมกูจะเถียงมึงไม่ได้ นี่กูเป็นแฟนมึงนะไม่ใช่ทาสในเรือนเบี้ยที่จะคอยโดนมึงบังคับข่มเหงได้ตามใจน่ะปอ”

 

“ไอ้ภีม มันจะมากเกินไปแล้วนะ” ผมเบิกตาเมื่อมันจับตัวผมดันเข้าห้องอาบน้ำ

 

“ไอ้ปอ!” ผมตะโกนสุดเสียงเมื่อมันรั้งผมเข้าไปด้านใน เปิดม่านแล้วดันตัวผมไปติดกำแพง มันจะทำบ้าอะไรของมันกันวะ

 

“ก็บอกแล้วว่าอยู่กับกู มึงอย่าดื้อ!” ว่าแล้วนั้นมันก็เปิดน้ำจากฝักบัวทำเอาผมสะดุ้งเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ต้องมาเปียกเพราะทะเลาะกับมันอีกรอบ

 

“ไอ้เลว! กูเปียกหมดแล้ว” ผมร้องว่าพลางจะเบี่ยงตัวไม่ให้โดนน้ำ มันยกยิ้มแล้วดึงตัวเข้าไปใกล้มัน แทะโลมด้วยการหอมแก้มมาฟอดหนึ่ง

 

“ฮื๊อออออ”

 

ผมร้องสุดเสียงเมื่อมันดันทะลึ่งมาดึงกางเกงนอนผมออกจากเอว มือผมตะปบมือมันแล้วดึงออกสุดแรงทันที เชี่ยปอโคตรนิสัยเสีย!

 

“กูยอมแล้ว พี่ปอ! กูยอมแล้ว กูบอกว่ากูยอมแล้วไง!” ผมทุบหน้าอกมันสุดแรงเมื่อมันแสดงสีหน้าแห่งชัยชนะออกมาทั้งหัวเราะหึหึ คือกูแพ้มึงตลอดน่ะปอ

 

“หันหลังมา!”

 

เสียงผมโคตรไม่พอใจมันอะ

 

มันยกยิ้มแล้วถอดเสื้อที่เปียกน้ำออกจากตัวโยนออกจากผ้าม่าน ถอดกางเกง ผมทุบหลังมันไปทีด้วยความโมโห “มึงห้ามถอดหมดนะ กูไม่อยากเป็นตากุ้งยิง”

 

“กูรู้ว่ามึงอาย” มันสวน

 

“อายบ้าไร มึงสิสมควรอาย” มันหันมายกยิ้มเมื่อถูกสวนไปด้วยการหมิ่นประมาท ผมเบ้ปากพร้อมทั้งยกนิ้วก้อยตัวเองให้เป็นการสบประมาทมันแบบสุดๆ ถึงขนาดน้องชายมัน มันดันไม่โกรธ ยักไหล่แล้วตอบกลับมาว่า

 

“มันยังไม่โตน่ะ” แล้วหันกลับมากำตรงข้อมือของผมที่กำลังยกนิ้วก้อยใส่มันบอกผมว่า “ถ้ามันโตก็ขนาดเท่านี้แหละ”

 

“หืม ไอ้ขี้โม้!” ผมเบ้ปากว่าพลางมองขนาดข้อมือตัวเอง มันหัวเราะพลางเสยผมตัวเองที่ถูกน้ำไล่ตกมาปรกหน้าผากเงียบๆ คนเดียว

 

นี่กูทำหน้าตกใจขนาดมึงหัวเราะไม่หงุดเลยเหรอวะ

 

ผมถูหลังให้มันเงียบๆ ไม่ได้เริ่มหาเรื่องอะไรมันอีกเช่นเคย มันยกมือที่หยาดน้ำระผมตกมาปิดหน้าเพื่อเสยขึ้น น้ำกระเด็นมาถึงผม ไอ้ผมก็ตีมันสุดแรง

 

“น้ำมันโดนกูเนี่ย”

 

“โอย แล้วมึงจะตีกูทำไม มันเจ็บ” มันหันมาว่าพลางลูบหลังตัวเอง ผมมองหลังแดงๆ ของมันนิ่งไม่ว่าอะไรต่อ ปล่อยให้เสียงน้ำฝ่าความเงียบของเราทั้งสองคน คือบางทีผมก็เหนื่อยที่จะรบกับมันนะ อยากอยู่ร่วมกับมันอย่างสงบสุขบ้างอะไรบ้าง

 

ทว่ามันเอ่ยฝ่าความเงียบขึ้นมา

 

“มึงเป็นคนแรกเลยที่คุยกับพ่อกู” ผมชะงัก เร่งความเร็วในการถูหลังให้มันไปอีกจนมันถึงกับร้อง “นี่มึงจะถลกหนังกูรึไงหาภีม เบาๆ หน่อยสิวะ”

 

“โทษๆ” ผมว่าพลางก้มหน้า

 

“มึงโกรธกูเหรอปอ ที่ยุ่งเรื่องของมึงกับพ่อ” มันนิ่ง ก้มหน้าลงมองพื้น ทั้งๆ ที่หันหลังให้ผม ผมกลับรู้สึกอึดอัดทั้งๆ ที่ไม่ได้สบตากับมันสักนิด

 

“เปล่า ก็แค่…” มันลากเสียง อึกอักเหมือนคนทำตัวไม่ถูก “ก็แค่ ไม่เคยมีใครทำกับกูแบบนี้เท่าไหร่”

 

“แบบไหน” ผมย้อน

 

“แบบมึงน่ะ”

 

ผมยกมือเกาหัวตัวเอง “ถ้าเป็นคนอื่นกูบอกให้เลิกยุ่งพวกมันก็เลิกสนใจกันไปตามที่สั่ง แต่มึงกลับหาทางให้กูกับพ่อเข้าใจกัน”

 

“นี่มึงได้ยินกูกับพ่อมึงคุยกันเหรอ”

 

“เออสิ” มันว่าแล้วหันมามองผมด้วยสีหน้าเหมือนกำลังโกรธ ผมเกาหัวตัวเองด้วยความงงก่อนจะละสายตาไปด้านอื่นด้วยความที่รู้สึกผิด

 

“ก็กูสงสารพ่อมึงนี่ กูไม่ชอบที่มึงพูดกับท่านแบบนั้นเลย”

 

“มึงไม่ต้องแคร์ขนาดนั้นก็ได้”

 

“ทำไมล่ะ มึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอที่กูรู้สึกแคร์ท่านกว่ามึงนะ คิดบ้างสิ”

 

ผมจ้องตามัน มันละสายตาไปด้านอื่นพลางถอนใจ “คนที่มึงต้องแคร์คือกูคนเดียวนะภีม อย่าไปสนใจคนอื่น”

 

“โกรธเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ผมว่าพลางช้อนตามองมันแบบไม่ค่อยจะกล้าจ้องตาเท่าไร เพราะกำลังทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำกันอย่างที่มันบอกมา

 

“ใช่…” มันพยักหน้าตอบ

 

“คิดว่าจะหายโกรธเมื่อไหร่?”

 

“ก็จนกว่ากูจะได้เป็นตัวเอง จนกว่ากูจะมีอิสระ”

 

“อะไรคืออิสระสำหรับมึง?” ผมว่าอีกครั้ง มันชะงักกับคำถามที่ผมกล่าวออกไปแล้วนิ่งงัน จ้องตาผม แสดงความไม่สบอารมณ์ที่ผมพ่นคำถามออกไปแบบนี้

 

“มึงชักจะมากเกินไปแล้วนะภีม ไม่ใช่เรื่องของมึง ออกไปเลยไป”

 

อะไรของมัน คือบทจะโกรธก็โกรธขึ้นมา มันผลักตัวผมออกมานอกห้องน้ำ ร่างของผมที่เปียกโชกยืนพิงประตูที่เพิ่งถูกปิด ไม่ได้ยินอะไรเลยนอกเสียงจากเสียงน้ำที่สาดมากระทบพื้น

 

ผมรู้ว่ามันอาจจะเจ็บปวดที่ถูกถาม ถูกสะกิดแผลอะไรสักอย่าง

 

ผมส่ายหัวไล่ความคิดเกี่ยวกับปัญหาของมันแล้วเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกเป็นชุดใหม่อีกรอบ เดินไปหยิบผ้าขนหนูของตัวเองมาซับผมที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำเงียบๆ

 

เสียงประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงๆ นั้น ดวงตาหันไปมองมันที่เปิดประตูเดินออกมาทั้งยังสวมแค่ผ้าขนหนูผืนเดียว ผมก้มหน้าลงมองพื้นเตียงปล่อยให้มันแต่งตัวเงียบๆ มือเช็ดผมของตัวเอง เอาเข้าจริงผมก็วางตัวไม่ถูกนะเว้ย บรรยากาศแบบนี้ไม่รอดจริงๆ

 

เสียงมันปิดตู้เสื้อผ้า เดินเอาผ้าขนหนูเช็ดผมมาทางนี้ ผมทำไม่รู้ไม่ชี้เช็ดผมตัวเองใจแข็งต่อไป

 

ได้ยินมันยกมือเปิดแอร์ในห้องก่อนจะเดินมาทรุดตัวนั่งลงบนเตียง ร่างของผมกระเพื่อมอยู่อีกฝั่งบอกให้ถึงอารมณ์ว่ามันร้อนขนาดไหน ผมลุกขึ้นเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาแทนที่จะนั่งข้างมัน หันหลังให้มัน คือกูจะไม่คุยกับมึงอีกแล้วถ้าเห็นว่าความหวังดีของกูเป็นการเสือกน่ะ

 

ผมถอนใจ ยกมือเกาศีรษะตัวเองแรงๆ ระบายอารมณ์ ก็กูไปเสือกเรื่องขอมันจริงๆ นี่หว่า แล้วนี่ถ้าต้องให้ผมอยู่กับมันอย่างที่ไม่พูดอะไรกันแบบนี้ผมอยู่ไม่ได้จริงๆ

 

ผมกลืนน้ำลายหันไปมองมันที่มือหนึ่งถือโทรศัพท์และมือหนึ่งถือผ้าขนหนูเช็ดผมตัวเอง หันมาทำใจอยู่แป๊ปหนึ่งแล้วก็กลั้นใจลุกขึ้นยืน ค่อยๆ ก้าวเท้าเดินเข้าไปหามัน

 

มันเงยหน้ามามองผม พร้อมกันนั้นใจก็เต้นขึ้นมาเฉยๆ แค่สายตามันมองผมอยู่เท่านั้น “อะ คือ…เมื่อกี้กู…”

 

“มึงไม่สบายรึเปล่า จมูกแดงขนาดนั้น” มันว่าพลางลุกขึ้นยืน เดินไปหรี่แอร์ ผมมองตามมันพลางยกมือขยี้จมูกที่มันคัดขึ้นมาเฉยๆ

 

“คือว่า…”

 

“เอ้อ มากินยาสิ กินดักไว้ก่อน ถ้าพรุ่งนี้ไม่สบายกูก็จะลากมึงไปด้วยเหมือนเดิมนั่นแหละ” มันว่าพลางแกะยาให้ ผมมุ่นคิ้วตัวเองกลางเกาหัวด้วยความหงุดหงิด นี่มึงคิดจะฟังกูบ้างปะวะ

 

“คือกู…”

 

“เสร็จแล้วมึงไปจัดกระเป๋าใส่รวมของกูเลยนะ เอาไปหลายใบมันเกะกะว่ะ”

 

“เชี่ยปอ มึงจะฟังกูบ้างไหม กูไม่ตลกนะ” ผมว่าอย่างสุดทน มุ่นคิ้วที่มันยื่นยากับน้ำส่งมาให้

 

“กูไม่ตลกเหมือนกัน เห็นไหมกูไม่ได้ยิ้ม แล้วก็รีบแดกซะไม่งั้นกูจะเอากรอกปาก” มันว่า

 

“มึงเลิกล้อเลียนคำนี้กับกูเหอะ ไอ้…”

 

อะไรของมันวะสายตาแบบนี้

 

ผมไม่รู้จะว่าอะไรมันดีเมื่อมันส่งสายตาพิฆาตมาให้ มือผมรีบหยิบยามากินแล้วกระดกน้ำลงคออย่างว่าง่ายทันทีและเลือกที่จะไม่เถียงมันต่อ ทำลืมๆ เรื่องนี้ไปก็แล้วกันเพราะมันก็ไม่ได้แสดงว่าตัวเองกำลังโกรธผมสักนิด

 

แต่กูไม่ได้กลัวมึงนะปอ แค่เป็นห่วงสุขภาพตัวเองเท่านั้นแหละว่ะ!

 

 

 

สวัสดีค่า มาอีกแล้ว

เอาน้องภีมกับพี่ปอจอมหื่นมาฝากกัน พี่ปอนี่นิดๆ หน่อยๆ ก็เอาน่ะ พอประทังชีวิตเพื่อรอตอนที่น้องยอมง่ายๆ 5555 มีใครชอบกันไหม แต่ตอนนี้มีดราม่าพี่ปอกับพ่อนิดนึง มีใครชอบฉากในห้องน้ำบ้าง ไรต์ฟินคนเดียวก็ได้นะถ้าไม่มีใครชอบ อิอิ

พรุ่งนี้เขาจะไปเที่ยวกันแหละ อย่าลืมเชียร์พี่ปอให้รุกน้อง เชียร์น้องให้รักษาซิงตัวเองให้ได้นะคะ 5555 ตอนไปเที่ยวนี่อยากบอกเลยว่าหว๊านหวาน สำหรับเรื่องนี้มีเรทก็จริง เน้นเรื่องเซ็กก็จริง แต่ถ้าอ่านๆ ไปแล้วจะรู้เลยว่าไรต์เน้นเรื่องความผูกพันธ์ของพี่ปอกับน้องมากกว่าอิอิ

วันนี้อัพแค่นี้พอ คืองงมาก ดึกมาแล้วด้วย ฝันดีค่ะ
 :mew1:

หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 30-10-2014 08:29:10
น่ารัก




หวังว่าภีมจะรอดนะ
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 4 Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 30-10-2014 11:34:42
 

ตอนที่ 4

Part 1

 

เสียงขลักขลักในห้องดังเข้าหูของผมที่ยังนอนครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่บนเตียงนุ่มๆ และแอร์เย็นๆ ร่างก็พลิกตัวนอนคว่ำสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพร้อมกับเปลือกตาหนักอึ้งของตัวเองที่ลืมไม่ขึ้น ได้ยินแหล่ไม่ได้ยินแหล่กับของในห้องที่ดังอยู่เนืองๆ รู้เลยว่าเป็นฝีมือไอ้ปอ

 

เพราะวันเดินทางมาถึงแล้ว วันนี้ไอ้ปอมันไม่ได้พาผมออกจากโรงแรมเช้านักราวกับไม่รีบร้อน ความจริงมันตื่นก่อนผมนานมากแต่ลุกมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จสรรพคนเดียว เพราะผมเป็นคนขี้เซาและติดเตียงนอนเอามาก เวลาจะตื่นก็ต้องมีนาฬิกาปลุกเท่านั้นหรือนอนจนอิ่มและพอใจถึงจะยอมลุก ถ้าวันไหนเป็นวันหยุดก็จะตื่นสายเป็นพิเศษแบบนี้

 

สรุปว่านี้ตื่นสายมาก และพอตื่นขึ้นมาปอมันก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรสักนิด สั่งให้ไปอาบน้ำเตรียมตัวเดินทาง ไม่ได้เร่งผมด้วยซ้ำ ทำเป็นหยิบโน่นหยิบนี่จัดของไปเรื่อย

 

มันทำเหมือนกำลังตามใจผม เหมือนมันรอให้ผมตื่น เตรียมตัวแบบที่ผมสบายใจที่สุด การเดินทางนี้ขึ้นอยู่กับผมคนเดียวอย่างนั้นเหรอ

 

ทำให้ผมอดที่จะรู้สึกดีที่มันไม่ได้ตั้งอกตั้งใจเอาชนะผมอย่างเดียว ยังเข้าใจผมเป็นบางเรื่อง แต่ว่ากว่าจะได้ออกเดินทางก็ปามาเที่ยง มันพาผมแวะไปกินข้าว วันนี้มันหล่อเป็นพิเศษเพราะแต่งตัวแบบธรรมดาไม่ใช่ชุดฟอร์มหรือช็อปโกโรโกโสที่มันใส่ไปโรงเรียนบ่อยๆ ใครๆ ก็มองมัน ก็ไม่ได้ว่าอะไร มันหล่อย่อมเรียกความสนใจจากคนรอบข้างได้อยู่แล้ว

 

เราจะไปทะเล ความจริงผมก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดีถึงมันจะบังคับก็เถอะ เพราะนานแล้วที่ไม่ได้ไปที่ที่ผ่อนคลายแบบนั้น หนำซ้ำที่ที่มันจะพาไปผมก็ยังไม่เคยไปเสียด้วย เกาะช้างไง

 

ว่าแล้วก็ตื่นเต้นแฮะ

 

มันพาผมขึ้นเรือข้ามฟากไปยังเกาะ จูงมือผมขึ้นไปยังชั้นบนสุดของเรือโดยไม่อายสายตาของใครที่มองมา เขามองแล้วยิ้มก่อนจะสะกิดกันเรียกให้เพื่อนหันมามอง ไอ้ผมก็อายน่ะสิ

 

ผมมองไปออกไปเห็นเกาะลิบๆ พร้อมกับยกยิ้มกับตัวเองในความสดชื่นที่ได้รับตอนนี้ เรือที่ขึ้นเป็นเรือขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกรถยนต์และผู้โดยสารได้ และรถของเราก็อยู่ด้านล่าง ปอมันยกมือมาเกาะไหล่ผมพักพลางมองออกไปด้านหน้า เราสองคนไม่นั่งติดเก้าอี้เพราะมันมัวแต่เดินตามผมที่เดินดูโน่นนี่นั่น ไปถ่ายรูปดาดฟ้าเรือบ้าง วิวบ้าง สุดท้ายผมก็ขอถ่ายรูปกับมันบนดาดฟ้าเรือ

 

มันพยักหน้ารับพลางหันมองกล้องที่ผมกำลังถือ

 

ภาพที่เห็นคือผมที่กำลังยกมือจับโทรศัพท์ ใบหน้ามีผมซึ่งถูกลมพัดปลิวมาระแก้มที่ออกแดงเพราะแสงแดดอ่อนๆ สาดมายังร่างของเรา ข้างหลังเป็นใบหน้าเรียวยาวของมัน ร่างสูงๆ กำลังยืนพิงราวเหล็กยกมือผ้านเสื้อคอวีสีเทาเรียบมากอดไหล่ผม ดวงตามีแว่นกันแดดปิดแววตานั้นไว้ กำลังมองมายังกล้องด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ท่ามกลางวิวที่งดงามจากแผ่นน้ำด้านหลัง

 

เมื่อเปิดดู ในรูปผมยิ้มจนตาหยีจนอดจะตลกหน้าตัวเองไม่ได้เพราะความหล่อไอ้ปอมันแย่งซีนไปหมด

 

“โหย กูเอ๋อชะมัด” ผมบ่นพลางดูรูปตัวเอง

 

“ไหน หืม…กูหล่อทุกมุมเลยว่ะ” มันว่าพลางก้มมองรูปตัวเอง

 

“แหวะ”

 

“แหวะอะไร ดูสิ ออร่าความหล่อกูบดบังมึงมาก” มันว่าพลางชี้มาที่รูป

 

“ไอ้หลงตัวเอง”

 

“ก็กูหล่อนี่ต้องหลงเป็นธรรมดา ไหนเอาโทรศัพท์มานี่” ว่าแล้วก็ดึงไปจากมือผมเฉย ไอ้ผมก็ยกมือเกาหัวยกให้มันด้วยความหมั่นไส้ ยกนิ้วกลางให้มันไปทีสองที ฝรั่งยืนข้างๆ หัวเราะกันคิกคักเมื่อเห็นไอ้ปอทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่ผมส่งให้

 

มันเอาโทรศัพท์ผมไปกดอะไรสักอย่าง พอยื่นมาให้ ก็เห็นว่ามีคนกดถูกใจบนเฟชบุ้คเกือบๆ ร้อยแล้ว ผมหันไปมองมันด้วยความขัดใจกับคำบรรยายภาพที่มันตั้งใจจะกวนตีนผม

 

รักปอมาก

 

ไม่น่าคิดที่จะขอมันถ่ายรูปจริงๆ ผมหันไปมองวิวด้านหน้ารับลมด้วยความโมโหแต่ว่าไม่พูดอะไร มันดึงผมไปกอดเอวพร้อมกันนั้นก็โน้มหน้ามาจูบแก้ม เสียงกล้องจับภาพดังแชะเรียกให้ผมสะดุ้งผลักตัวมันออก

 

“ทำอะไรวะไอ้นี่ มึงอายไหม?!” ผมว่าพลางจะแย่งโทรศัพท์จากมือมันที่ยืนยิ้มกับตัวเองทั้งกดเล่นไปอย่างคึกคะนอง ก่อนจะยกมาผมดูเป็นการเฉลย

 

“นี่ไง มึงชอบปะ” มันว่า ผมเบิกตาพลางทุบมันด้วยความโมโหเมื่อเห็น

 

“ไม่ชอบ ลบออกเดี๋ยวนี้เลย!”

 

“ทีมึงยังอยากเอากูอวดคนอื่นเลยนี่ ทีกูบ้างไม่เห็นจะเป็นไรเลย” มันว่า แต่แม่ง รูปที่มันถ่ายก็คือตอนที่มันจูบผม แล้วไอ้ถ้อยคำที่บรรยายประกอบทุเรศๆ นั่นอีก

 

“ก็รูปกูน่ะแค่จะถ่ายเก็บไว้ดูเล่นๆ ว่าเคยมาเที่ยวนี่ แต่มึงเป็นคนเอาไปลงเองนี่หว่า”

 

“กูก็จะเก็บไว้ดูเหมือนกัน แต่ก็จะเผื่อเพื่อนกูดูด้วยนี่” มันว่า

 

“งั้นมึงแก้ไขคำบรรยายซะ”

 

“แก้ทำไม ไอ้คำว่ารักเมียมากใครๆ ก็พิมพ์กันได้”

 

“ก็กูไม่ใช่เมียมึงน่ะ”

 

“อ๋อ ที่โมโหนี่อยากให้กูทำหน้าที่ผัวก่อนถึงจะยอมรับเหรอ?”

 

ชิบหายล่ะ!

 

ผมชะงักพูดอะไรต่อไม่ออก เมื่อมันเองก็นิ่งมองผมอยู่เช่นกันว่าจะเถียงอะไรต่อ มองผมด้วยแววตาที่บอกว่าอารมณ์สนุกเมื่อกี้หายไปแล้ว แล้วถ้าพูดก็คือผมผิดอีกนั่นแหละที่ไม่ยอมเป็นเมียของมันอย่างที่คนอื่นเข้าใจ

 

เราใช้เวลาบนเรือประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงลงจากเรือ มันพาผมขับรถโดยที่ไม่ยอมพูดคุยอะไรกันอีกเลย ใจผมสั่นระทึกเมื่อมันพาผมบังคับรถไต่บนหน้าผาสูงชันขึ้นเรื่อยๆ มองลงไปเห็นเป็นทะเลเวิ้งว้าง และปอมันก็ไม่ค่อยๆ ขับเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาด้วย ราวกับว่าคุ้นชินเส้นทางและต้องการให้ผมกลัว แล้วผมกลัวจริงๆ กลัวมันพลาดและหลุดจากโค้งตกลงไป ถ้าตกลงไปสายเบลล์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ร่างของผมคงละเอียดยิบเป็นชิ้นๆ ให้ปลากินโต๊ะจีนเป็นแน่

 

ผมนั่งเกร็ง จนสุดท้ายก็ออกจากหน้าผาได้ เป็นเมืองที่เจริญท่ามกลางเกาะ ราวกับที่นี่ไม่ใช่เกาะเสียอย่างนั้น ผมมองตึกรามบ้านช่อง ร้านอาหาร บาร์ ผับที่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติเสียมากกว่าที่มาเข้าใช้บริการ ดวงตาผมเงยมองรีสอร์ทที่หรูหราต่อหน้าเมื่อปอมันพาผมเลี้ยวเข้าไปด้านใน

 

ครั้นถึง มันผ่อนลมหายใจก่อนจะหันมาบอกผม

 

“โทรหาไอ้ธาม” ไอ้ผมก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มันที่มักจะวางไว้ที่เดิมพร้อมกับกดโทรออกไปด้วย คราวนี้ผมยกแนบหูตัวเองฟังเสียงรอสาย

 

“ฮัลโหล เออ มึงอยู่ไหนแล้ววะปอ” เสียงปลายสายถามทันทีที่รับ ได้ยินเสียงโหวกแหวกของคนอื่นๆ ในสายมาด้วย ผมจึงกรอกเสียงตอบ

 

“พี่ธามอยู่ไหน เราถึงรีสอร์ทแล้ว”

 

“อ๋อ เข้ามากันเลย พวกพี่นั่งเล่นกันอยู่ริมสระว่ายน้ำรีสอร์ทน่ะ เออ บอกไอ้ปอมันยกของลงมาที่เคาน์เตอร์เลยนะ พี่ฝากพนักงานถือกุญแกห้องไว้น่ะ”

 

“ครับๆ” ผมกดวางสายแล้วหันไปมองมันที่ยังติดเครื่องรถอยู่บนลานจอดรถเพราะกลัวข้างนอกอากาศร้อน “พี่ธามให้มึงยกของไปเคาน์เตอร์ เขาฝากกุญแจไว้กับพนักงานแล้ว แล้วให้ไปหาที่สระว่ายน้ำ”

 

“มึงไปสระว่ายน้ำก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูยกของไปจัดการเรื่องห้องเอง”

 

ผมส่ายหน้า “ไม่เอา กูไม่รู้ทาง” ที่สำคัญผมไม่ชอบเดินคนเดียวในสถานที่ที่ไม่คุ้นตาตัวเองด้วย

 

กระเป๋าของใช้ของผมถูกเอาไปจัดรวมในกระเป๋าใบเดียวกับไอ้ปอ มันยกคนเดียวไหวอยู่หรอก ก็มันเป็นคนบังคับให้ผมเอาไปรวมกับมันเองนี่ ให้คำอธิบายว่าถือหลายใบมันเกะกะ มันลากกระเป๋าที่จะอยู่กันเพียงสามวันคล้ายจะอยู่สามปี จัดการเรื่องห้อง เป็นห้องที่สวยใช่เล่น มีอ่างน้ำขนาดใหญ่ในห้องน้ำ มองออกไปเห็นทะเลในระยะใกล้พร้อมกับเสียงเกลียวคลื่นขับกล่อมเวลานอนหลับ

 

โห มีคบเพลิงด้วยแฮะ

 

“ปอ อันนั้นเขาจะจุดตอนกลางคืนไหม” ผมว่าพลางชี้ออกไปยังมันที่ตั้งเป็นไม้เสาอยู่หลายอัน เห็นตั้งอยู่ไว้ตลอดเส้นทางที่เดินตอนขามาแล้ว

 

“ทำไม มึงกลัวผีเหรอถ้าเขาจะไม่เปิดไฟน่ะ” มันว่า ผมมุ่นคิ้วตัวเองไปด่ามันทางสายตา

 

“ถ้าจุดมันคงสวยดี” ผมว่า มือเกาะขอบหน้าต่างพลางเขย่งขาชะโงกหน้าออกไปมองด้านนอกพร้อมกับสูดลมหายใจเข้ารับกลิ่นทะเล

 

โคตรดีเลย อากาศอย่างแจ่มอะ

 

“เดี๋ยวก็ตกลงไปคอหักตาย” มันว่าพลางดึงเอวผมไว้หลวมๆ จากด้านหลัง ผมหันกลับไปว่า

 

“ก็อย่าปล่อยกูดิ”

 

มันนิ่งเมื่อได้ฟังในสิ่งที่ผมกล่าว ทันใดนั้นเองผมรู้สึกถึงขนที่ลุกซู่เมื่อมันก้มลงหอมแก้มจนได้ยินเสียงมันสูดลมหายใจเข้าไปฟอดใหญ่ มือที่ดึงเอวของผมเปลี่ยนเป็นกอดหลวมๆ พร้อมใบหน้าของมันซุกลงที่ซอกคอ รู้สึกถึงความร้อนของจมูกโด่งๆ พ่นลมหายใจมาระใบหู

 

“ปล่อยยาก” ปอมันว่าเสียงเบาและแหบพร่าในคราเดียวกัน  จมูกคลอเคลียอยู่แต่กับใบหูของผม ผมเบี่ยงหน้าหลบ นี่ถ้าผมยอมจะเป็นการยั่วมันไหมวะ

 

“ปอ” ผมลากเสียงปราม

 

พยายามย่นคอหลบมันที่ใช้ปากจูบเสียงดังจุ๊บและละมาว่าเสียงนุ่ม “มองวิวโน่น มาสนอะไรกู เป็นคนบอกว่าอย่าให้กูปล่อยเองนี่”

 

“ไม่ตกแล้ว”

 

“ไม่ต้องออกไปหาไอ้ธาม อยู่กับกูนี่แหละ” ขนผมลุกซู่อีกครั้ง คิดไว้แล้วว่าถ้าผมไม่ต่อต้านมันเหมือนทุกครั้ง มันจะคิดว่าผมกำลังจะสมยอมเป็นเมียมันทุกทีสิน่า มือของมันกอดผมแน่น เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาฝังปากจูบต้นคอ หลังคอ ใบหูที่มันกระตุ้นอารมณ์สยิวกิ้วแปลกๆ ในตัว ผมย่นไหล่แล้วเบี่ยงหน้าไปว่า

 

“ไม่เอา วันนี้ไม่เอา”

 

มันชะงักนิ่งงัน ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นแสดงถึงความหงุดหงิดที่ถูกขัดอารมณ์

 

“อะไรอีกวะภีม!?”

 

“วันนี้กูนั่งรถมาเหนื่อยแล้ว มึงก็คงเหนื่อยเหมือนกันนะพี่ปอ อยากจะนอนพักหน่อยไหม?” ผมว่าทำท่าจะเอาใจมัน เชื่อเหอะนี่คือทางออกสุดท้ายที่จะไม่เสียตัวให้มัน แต่ว่าเอาน้ำเย็นเข้าลูบแบบนี้ ผมเห็นแต่มันโมโหมากกว่าเดิมแทนที่อารมณ์จะเย็นตามน้ำ

 

“ไม่!”

 

ผมอึกอักมองมัน พยายามเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย “งั้น…กินอะไรไหม?”

 

“ไม่” ผมนิ่งมองมันไม่ละ รอยยิ้มนี่เหี่ยวลงไปเลยเมื่อมันไม่ตอบสนองการเอาน้ำเย็นลูบสักติ๊ด!

 

“เอ หรือว่าจะ…”

 

“การผ่อนคลายของกูคือมึงยอมนอนให้กูเอาดีๆ สักที” มันขึ้นเสียง ผมกลืนน้ำลายด้วยความยากเย็นพร้อมรู้สึกถึงเหงื่อที่มันซึมออกจากหลัง พยายามตีหน้าเป็นใจดีสู้เสือไว้

 

“จะ…ใจเย็นๆ นะปอ ปอพาภีมมาเที่ยวแบบนี้เนี่ย ถ้าปอเอาภีมแล้วภีมจะเที่ยวยังไง ไม่เจ็บตูดแย่เหรอ ลองคิดดูบ้างสิถ้าลงเล่นน้ำทะเลน่ะแสบนะ”

 

“มึงมาทำให้กูอยากแล้วก็กวนตีนแบบนี้เนี่ยนะ” มันกอดเอวผมแน่น ผมดันหน้าอกมันพร้อมกับแก้ตัว

 

“ปละเปล่า ก็ในหัวมึงตั้งหน้าตั้งตาจะเอาแต่กู กูทำอะไรมึงก็อยากแต่จะเอาๆ นี่”

 

“แล้วเมื่อไหร่มึงจะยอม”

 

“โหยพี่ปอ ถามแบบนี้กูตอบยาก” ผมว่าเสียงเบาพลางเบี่ยงตัวหลบ

 

“ตอบมาดีๆ ว่าวันไหน ก่อนที่กูจะหมดความอดทนกับมึง”

 

“ไม่เอา อย่ามาเซ้าซี้”

 

“กูบอกให้ตอบ”

 

“ไม่ใช่วันนี้แน่เว่ย!”

 

ผมผลักมันออกจากตัวพร้อมกับเดินออกจากห้องเพื่อเป็นการหนีด้วย ยกมือเช็ดตัวที่ถูกมันทำเมื่อกี้ อยู่ใกล้มันทีไรหาแต่เรื่องแต่จะลากผมขึ้นเตียง ในหัวของมันมีแต่เซ็กส์ เรื่องอย่างว่าเต็มใบหมดไม่รู้จะโดยหาอะไรนักหนา

 

แล้วผมเดินไปไหนวะเนี่ย ยิ่งเดินยิ่งงง

 

ผมเดินหาสระว่ายน้ำอย่างที่พี่ธามบอก แต่รีสอร์ทนี่มันใหญ่เหลือเกิน กว่าจะถามทางพนักงานในรีสอร์ทและเดินแบบงงๆ มา สุดท้ายก็ถึง

 

โอ้โห มิน่าล่ะนั่งกันได้ยังไงตั้งนานสองนาน ฝรั่งนมตู้มสวมบิกินีวาบหวิวนอนอาบแดดสาวๆ สวยๆ กันเต็มไปหมด ไอ้พวกเพื่อนไอ้ปอนี่น่าจะสันดาน เอ๊ย! นิสัยเดียวกันถึงคบกันได้คือ หื่นพอๆ กัน

 

ผมเดินไปตามขอบสระกว้างๆ ก่อนจะชะงักเมื่อถูกใครสักคนมายืนดัก ความสูงของผมอยู่ระดับหน้าอกของเขา มองไปเห็นหัวนมสีชมพูบนกล้ามหน้าอกสวยได้รูปนั่นแล้วตัวผมแข็งทื่อ เงยมองเจ้าของร่างนั้นแล้วอ้าปากค้าง

 

มึงใครวะ

 

ฝรั่งผู้ชายต่อหน้าส่งยิ้มให้ผม ร่างกายสวมกางเกงว่ายน้ำโชว์หุ่นสวยๆ ซิกแพคเป็นลอน นิ้วชี้ยาวๆ แตะเชยคางผมขึ้นไปมองตาเขา

 

“ชื่ออะไรหนุ่มน้อย?” ผมนิ่งมองอีกฝ่ายแบบไม่เข้าใจ อีกฝ่ายใช้ภาษาอังกฤษ คือเข้าใจที่พูดด้วยแต่ไม่เข้าใจว่าเขามาทักผมทำไม

 

ผมอึกอักมองคนตรงหน้า ก็หล่อ เป็นที่จับจองของสาวๆ แถวนี้นะ ดูจากหลายสายตาที่หันมามอง

 

“ขอโทษที เธอพูดอังกฤษไม่ได้ใช่ไหม?”

 

“ได้ ผมพูดได้” ผมว่าพลางเงยมอง เขายกยิ้มราวกับเป็นเรื่องเซอร์ไพร์ส

 

“เธอชื่ออะไร มากจากประเทศไหน?”

 

“ผมชื่อภีม เป็นคนไทย ขอโทษด้วยครับตอนนี้ผมกำลัง…”

 

“เดี๋ยวสิ ฉันหลงรักเธอแล้ว ขอเบอร์ห้องเธอหน่อยได้ไหมรับรองว่าจะตอบแทนให้อย่างงามเลยล่ะ”

 





ขอย้ายตอนท้ายไปไว้พาร์ทสองค่ะเพราะอักษรเยอะเกินอีกแล้ว
ทั้งๆ ที่คิดว่ามันสั้นแล้วนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 4 Part 2
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 30-10-2014 11:59:46

ตอนที่ 4

Part 2





“เดี๋ยวสิ ฉันหลงรักเธอแล้ว ขอเบอร์ห้องเธอหน่อยได้ไหมรับรองว่าจะตอบแทนให้อย่างงามเลยล่ะ”

 

หลงรักเหรอ ผมนิ่งมองหมอนี่แล้วกวาดสายตาหาทางหนีทีไล่ก็เห็นไอ้ปอนั่งรวมกับกลุ่มเพื่อนอยู่ก่อนแล้ว มันมองมายังผมพร้อมกับยกยิ้มไปด้วย

 

“หมายความว่ายังไง?” ผมถามคนตรงหน้า

 

“ถ้าที่ห้องเธอไม่ได้นอนคนเดียว งั้นมาหาฉันที่ห้องก็ได้”

 

มันหมายความว่า เห็นผมเป็นพวกขายตัวงั้นเหรอ ผมแสดงถึงความโกรธพลางกำหมัดแน่น ไม่กล้าเสยหมัดมันเพราะว่ามันโตกว่า เลือกที่จะทำหน้าเจ้าเล่ห์ให้มันอยากแทน

 

“ผมยังไม่เคยนะ”

 

อีกฝ่ายเบิกยิ้มตัวเองมองไล่ตามตัวผมไปด้วย “อา ฉันชอบเด็กลูกครึ่งแบบเธอจริงๆ”

 

“ผมเป็นคนไทยแท้”

 

“ไม่ใช่ลูกครึ่งจีน ญี่ปุ่นหรือเกาหลีหรอกเหรอ งั้นยกเว้นให้เธอคนหนึ่งแล้วกัน” เขาว่าพลางวางมือไล้ลงบ่า ผมชะงักพลางหันไปมองไอ้ปอกับกลุ่มเพื่อนที่ยังมองมาแล้วยิ้มราวกับเจอเรื่องสนุก แต่กูไม่สนุกเว้ย!

 

“ผมลืมบอกไป…” อีกฝ่ายนิ่งมองตาผมเมื่อได้ยิน รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของผม “ผมมากับสามี แล้วเขาก็เป็นหมาบ้าด้วย”

 

ว่าแล้วก็หันไปมองไอ้ปอยิ้มๆ คนตรงหน้ามองตามไป เห็นกลุ่มไอ้ปอหัวเราะกันร่าก็มีสีหน้าอึ้งนิดๆ ที่ถูกปั่นหัว เขาละรอยยิ้มที่แสดงถึงความเหนือกว่าลงทันที

 

“สามี?”

 

“ใช่ ทั้งหมดนั่นแหละ ของผมคนเดียว”

 

ฮ่าๆๆๆ นี่ผมคิดอะไรอยู่วะเนี่ย อยากจะหลุดหัวเราะก๊ากดังๆ ใส่หน้าจืดๆ ของอีตาฝรั่งนี่จริงเชียว

 

“ดีจริง ฉันชอบคนเก่งและกร้านโลกแบบเธอ”

 

หา? ผมชะงักอารมณ์กระหยิ่มยิ้มย่องของตัวเองทันทีเมื่อเห็นมันตื่นเต้นกว่าเดิม ไอ้ฝรั่งนี่สลัดยากจริง

 

“ไม่เข้าใจหรือไงว่าผมโกหก ใครจะไปมีแฟนทีเดียวเป็นสิบๆ คนได้กัน” ผมว่า อีกฝ่ายหัวเราะก่อนจะตอบ

 

“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ แค่เล่นตามมุกของเธอ”

 

ผมกำหมัดตัวเองเหลืออดกับไอ้นี่

 

“ผมมีสามีอยู่แล้ว แล้วมันก็ขี้หึงเหมือนหมาบ้า ผมนอกใจมันไม่ได้หรอก ขอตัวนะ”

 

ว่าแล้วนั้นผมก็เดินละอีกฝ่ายออกมาพร้อมกับความโล่งอกในใจ เห็นไอ้ปอนั่งซดอะไรในแก้วและมองมายังผมอยู่เช่นกัน

 

“ไปเดินอ่อยใครมาถึงเพิ่งมาได้”

 

ผมยักไหล่เมื่อได้ยินในสิ่งที่มันถาม เสียงเพื่อนมันหัวเราะร่วน ดวงตาผมสังเกตเห็นเด็กผู้ชายรุ่นเดียวกันกับผมนั่งอยู่ติดกันกับมัน ระหว่างกลางของมันกับพี่ธาม น่าจะเป็นแฟนของพี่ธามที่หน้าตาก็โอเคน่ารัก กำลังส่งยิ้มมาให้ ผมยิ้มตอบก่อนจะเดินเข้าไปทรุดตัวนั่ง เมื่อกี้เพิ่งจะเดินหนี แต่ตอนนี้ต้องเดินเข้าไปหา เพราะตอนนี้ผมมีมันคนเดียวนี่

 

“กูถามว่าไปอ่อยใครมา?” มันว่าพลางหันมาทำตาดุใส่ อย่าทำเป็นมองไม่เห็น เมื่อกูเห็นมึงหัวเราะกันใหญ่

 

“ทำไม หวงกูเหรอ?” ผมย้อน มันเลิกคิ้วแล้วตอบทันที

 

“เออ ก็ต้องหวงเป็นธรรมดา” ว่าก่อนจะโน้มหน้ามากระซิบ “ก็กูยังไม่ได้มึงนี่หว่า”

 

อื้อหืม อยากตบกกหูมึงจังปอ ไอ้สร้างภาพ!

 

“หวงอย่างงี้มึงไม่ต้องหวงเหอะ” ผมว่าพลางตีต้นแขนมันไปที

 

“เมียมึงนี่เร้าใจดีนะ เดี๋ยวก็ซัดเดี๋ยวก็เพี้ยะ” เพื่อนในสระมันว่า

 

“มันชอบรุนแรง” ปอมันตอบพลางทำท่าเอื้อมมือมาแตะแก้มผมแซว ผมตีมือของมันเถียง

 

“รุนแรงกับผีอะไร”

 

“ดูมันดีๆ นะมึง หน้าตามันเรียกแขกขนาดนี้เอาไปเอามาเดี๋ยวฝรั่งงาบไปกินไม่รู้ตัว” แต่ละคำเพื่อนมึงพูดนี่ส่อมากปอ กูนับถือความหื่นเพื่อนมึงจริงๆ ปอมันยิ้มมีเลศนัยและหันไปมองเพื่อนที่ทำยักคิ้วหลิ่วตามาให้ อะไรของพวกมัน

 

ผมยกมือปัดผมที่ปลิวมาปรกหน้าแล้วเกาหัวด้วยท่าทางจับผิดกลุ่มเพื่อนมันสุด จะหาว่ากูระแวงเพื่อนมึงก็ได้นะปอ แต่ละคนน่ะ นิสัยอย่างหื่น

 

“เล่นน้ำไหม?” ปอมันว่าพลางยกมือมาจัดทรงผมที่ถูกลมพัดโกรกของผมให้เข้าทรง ดวงตาผมมองไปยังสระว่ายน้ำที่มีร่างของพวกรุ่นพี่กลุ่มเดียวกับไอ้ปอกำลังเกาะขอบสระมองมายังเราพร้อมกับยิ้ม

 

พวกมันยิ้มอะไรนักหนา อีกพวกก็ทำหน้าเหมือนโกรธใครมาอยู่นั่น

 

“ไม่เอา อยากเล่นน้ำทะเลมากกว่า”

 

“หึ…” ได้ยินคำตอบ มันหัวเราะแล้วหันไปทางอื่น

 

“ไม่เอา อยากเล่นน้ำพี่ปอคนเดียว” เสียงคนล้อเลียนแบบทะลึ่งเรียกให้ผมหันไปมอง ไอ้ปอมันหัวเราะหึอีกครั้งพร้อมกับกลุ่มเพื่อน

 

“ไม่ตลก” ผมว่า

 

“พี่ล้อเล่นๆ ไม่ลองเล่นดูหน่อยเหรอ น้ำสระมันสะอาดนะ”

 

ผมส่ายหน้า ก้มหน้ารับมือของมันที่ยกมาจัดทรงผมให้อีกครั้ง มันดูจะเอาใจใส่ผมเกินไปจากความเป็นจริงที่เอาแต่หาเรื่องผมทุกวัน ใจผมสั่นขึ้นมาเฉยๆ

 

“พี่ปอคงรักภีมน่าดูเนอะ เอาใจภีมใหญ่เลย น่าอิจฉาจัง”

 

ผมเงยมองหน้าคนพูดที่ส่งยิ้มมาให้ เป็นแฟนพี่ธามนั่นเอง ความรู้สึกเขินตีรวนเข้ามาที่อกเมื่อเห็นไอ้ปอมันยกยิ้ม ก็ใช่น่ะสิ มันชนะที่ทำให้คนอื่นมองว่ามันแสนดีขนาดไหน แต่มันแม่งชอบรังแกผม

 

“ก็แค่เดือนเดียวนั่นแหละ แต่พี่จะรักต้น เอาใจใส่ต้นตลอดไปเลย ไม่ต้องไปอิจฉาใครเลยเพราะคนอื่นเขาจะอิจฉาต้นเอง” เสียงพี่ธามว่า ใบหน้าผมรู้สึกชาขึ้นมาทันที เพราะทุกคนที่นี่ต่างรู้ว่ามันเป็นเพียงแค่เกม

 

ปอมันไม่ได้รักผมจริงๆ ทุกอย่างที่ทำให้ผมมาอยู่ตรงนี้เกิดจากเกมทั้งสิ้น ใจผมชาวาบและไม่กล้าสู้หน้าเพื่อนของมันเหมือนก่อน

 

“แล้วทำไมมึงพามันมา?” เสียงเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มแทรกขึ้น ผมมองไปยังร่างของพี่เขาที่เรียนต่างโรงเรียน แต่พบหลายครั้งแล้วเพราะปอมันมักจะพาผมออกไปด้วยเวลาพบปะกับเพื่อนเสมอ ไปอวดคนอื่นว่าผมคือรายล่าสุดของมันไงล่ะ

 

“ทำไมมึงถามกูแบบนั้นวะพี?” ปอมันหันไปว่ากับเพื่อนตัวเอง นี่ผมผิดอะไร ทำไมรู้สึกมองหน้าใครไม่ติดเลยวะ

 

“ก็กูแค่อยากรู้ว่าทุกอย่างมันเป็นแค่เกมแล้วมึงพาไอ้นี่มาทำไม แค่พาเที่ยวกันสองคนหรือว่าซื้อของที่มันอยากได้มันให้ก็พอแล้วนี่ แต่นี่กลุ่มเราเป็นกลุ่มเฉพาะ คนที่จะมาด้วยได้ก็ต้องเป็นแค่พวกเราที่สนิทกัน อย่างน้อยต้นก็เป็นเมียไอ้ธามจริงๆ มันก็มีสิทธิ์ แต่ไอ้นี่มันก็แค่ของเล่น กูไม่เข้าใจว่ามึงจะลากมันมาทำหอกอะไร” ผมชะงักพร้อมกับหน้าชาเหมือนถูกต่อยเป็นสิบๆ ครั้งเมื่อได้ยินและเห็นว่าทุกคนเงียบกริบ

 

มีสองสามคนเออออกับคำพี่มันด้วย

 

“ก็น้องมันอยากมา” ไอ้พี่ธามมันว่าพร้อมกับยิ้ม “ไม่เห็นเสียหายเลย มันก็เมียไอ้ปอเหมือนกัน ไม่เห็นต่างกับต้นตรงไหน”

 

“ตรงที่พวกกูไม่ยอมรับ” เสียงพี่คนนั้นว่า สร้างความเงียบให้ทั้งกลุ่ม ผมเงยมองหน้าพี่เขาก่อนจะเห็นสายตาที่ดูแคลนเอามากๆ เหยียดหยามสุดๆ ราวกับผมมันต่ำช้ามากที่ถูกเลือกจากไอ้ปอ ทำไมมันต้องมองผมด้วยสายตาแบบนี้วะ

 

พวกมันคิดว่าผมเป็นคนยังไง เห็นว่าผมอยากเป็นเมียไอ้ปอจนตัวสั่นเหรอ โธ่เว้ย!

 

ผมกระชากมือไอ้ปอออกจากตัวแล้วลุกขึ้นเดินออกมาเสียเฉยๆ เพื่อเก็บกลั้นอารมณ์ตัวเอง เสียงของไอ้ปอร้องตามมา ทว่าผมไม่อยากฟัง ไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกแล้วเพื่อให้มันใช้สายตานั่นมองผม

 

ผมไม่คิดเลยว่าคนในกลุ่มมันจะมองว่าผมเป็นยังไง ไม่เคยคิดเลย แค่มันพาไปไหนก็ตามไปง่ายๆ เพราะไม่อยากเถียงกับมัน แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว

 

ไม่ต่างกับพวกโสเภณีเลยมั้งที่มันมองผม

 

ผมทรุดตัวลงนั่งบนขอนไม้ มองเกลียวคลื่นที่ซัดมายังฝั่งระลอกแล้วระลอกเล่า พยายามเก็บเอาความโมโหเข้าไว้ในใจตัวเองอย่างที่สุด แม้อีกฝ่ายจะมองยังไงก็เรื่องของมัน จะเห็นผมเป็นคนเห็นแก่ได้ยังไงก็ช่างมัน ผมจะหน้าด้านยังไงก็จะไม่สนใจ จะดีจะร้ายก็ช่างมันสิ ขอแค่ผ่านเดือนนี้ไปทุกอย่างมันก็จบ

 

รวมถึงเรื่องของผมกับไอ้ปอด้วย

 

แล้วนี่ผมจะไปแคร์อะไรสายตาคนอื่นนักวะ จะมองยังไงก็ช่างมันสิ

 

 

เสียงฝีเท้าของผมกระทบกับพื้นหินดังกรอบแกรบ มันถูกโรยตามทางเดินที่มีคบเพลิงตั้งอยู่สองข้างทางทว่ายังไม่ถูกจุดเพราะยังไม่มืด ร่างของผมเดินอ้อยอิ่งไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จุดหมาย มารู้ตัวอีกทีก็ถึงหน้าห้องพักของตัวเอง

 

เห้อ คิดมาทำไมวะภีม มึงเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน

 

ผมส่ายตัวปัดความคิดตัวเอง มือก็เอื้อมเปิดประตูเข้าไปด้านของห้องพักรีสอร์ทที่ทำเป็นบ้านหลังขนาดพอเหมาะ ร่างของผมลากเท้าเอื่อยๆ เข้ามาด้านใน มองทีวีที่ถูกปิดสนิท และหน้าต่างถูกลมพัดโกรกให้ผ้าม่านพลิวไสวงดงาม

 

ทว่า เสียงของอะไรบางอย่างทำเอาผมชะงักเท้าเบิกตาตัวเองพร้อมกับร่างกายที่ชาไปทุกส่วน ไม่อยากคิดเลยว่าในห้องนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น ผมได้ยินเสียงขลุกขลักในห้องนอน โจรเหรอ เพราะหน้าต่างถูกเปิดทิ้งไว้แบบนั้น เท้าของผมค่อยๆ ย่างเข้าไปยังประตูห้องนอนที่ถูกเปิดทิ้งไว้ แต่ยิ่งเข้าไปใกล้ทุกอย่างก็ห่างไกลจากข้อสันนิษฐานขึ้นไปทุกที

 

มือผมสั่นเมื่อนึกถึงหน้าของไอ้ปอพร้อมกับได้ยินเสียงเตียงสะเทือน เนื้อกายกระทบกันและเสียงร้องครวญครางของใครบางคน  ประกอบกับเสียงทุ้มหนักของไอ้ปอแล้วนั้น ไม่อยากคิดว่ามันเกิดขึ้นเพราะกำลังทำอะไรกันอยู่

 

“เบาๆ หน่อยสะครับพี่ ทำอย่างกับไม่ได้นอนกับเมียมาเป็นปี”

 

ผมใจหายวาบ เสียงมันเหมือนไอ้ต้น ดวงตาผมร้อนผ่าวและก้าวเท้าไปยังประตูห้องนอนที่เปิดค้างไว้นั้นเพราะอยากเห็นกับตาตัวเอง ร่างของผมชาเมื่อเห็นภาพตรงหน้าจนเข่าอ่อน

 

“ก็ใช่น่ะสิ” เสียงของไอ้ปอแหบพร่า ร่างของมันกำลังอยู่บนตัวของไอ้ต้น เสียงของมันครางต่ำโดยที่ไม่รู้เลยว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ กำลังสุขสมกับร่างกายของเมียพี่ธาม

 

“พูดแบบนี้ภีมก็เสียใจน่ะสิ” ผมกุมปากตัวเอง ทั้งๆ ที่มือสั่น เห็นความรุนแรงที่ไอ้ปอมันส่งไปให้ไอ้ต้น แต่เสียงของไอ้ต้นไม่ได้เจ็บปวดเลยสักนิดเดียว มันมีแต่ความพอใจ

 

“หยุดพูดถึงมัน มันจะทำให้พี่หมดอารมณ์”

 

“แต่ถ้าภีมมาได้ยิน มันจะเสียใจนะ อื้อ…”

 

“เก็บปากไว้ครางอย่างเดียวแบบนั้นแหละ” ผมส่ายหน้าเมื่อได้ยินเสียงไอ้ปอมันกล่าว ใจผมหายกับสิ่งที่เห็นต่อหน้า ทนดูไม่ไหวแล้ว ร่างของผมถดถอยเพื่อจะเดินหนีทว่าต้องชะงักเมื่อชนกับอะไรบางอย่าง

 

“อะ!”

 

ผมหันไปมองขอบประตูที่ตนเองชนจนล้มลงพื้น นั่นทำให้คนสองคนที่กำลังสนุกสนานเริงรมย์กันอยู่ได้หันมาเห็น ผมเห็นสายตาของไอ้ปอที่มองมายังผมนิ่งพร้อมกับไอ้ต้นที่ผลักตัวมันออกจากร่างและลุกขึ้นนั่งจะแก้ตัวให้ตัวเอง

 

ผมพยายามลุกขึ้นยืน มองร่างของไอ้ปอที่ลุกขึ้นสวมกางเกงมองมายังผม ยังไม่ทันได้พูดอะไร ไอ้ต้นชิงพูดแก้ตัวก่อน “ภีม ต้นอธิบายได้นะ คือ…”

 

“กูเห็นกูได้ยินกับตา กูเชื่อสายตาตัวเองมากกว่าจะฟังพวกมึง”

 

ต้นมันหน้าเสีย เอื้อมมือหยิบเสื้อผ้าสวมปิดตัวเองพร้อมกับไอ้ปอที่เดินเข้ามา

 

“ภีม มานี่” ผมชะงักเมื่อเห็นว่ามันพูดเสียงเบาเหมือนใจเย็น ผมโคตรขยะแขยงมันเลยตอนนี้ ร่างของผมถอยหลังเดินไปเรื่อยๆ เมื่อมันก้าวเข้ามา

 

“โคตรเลวเลยมึงสองคน” ผมว่า ต้นมันจะแก้ตัวทันที

 

“ออกไปก่อนต้น พี่จะคุยกับภีมเอง”

 

“กูไม่คุย!” ผมตะเบ็งเสียงว่าหลังจากเห็นไอ้ต้นหอบเสื้อผ้าออกไป ตัวผมเองก็พยายามถอยตัวออกห่างไอ้ปอที่สุด

 

“ฟังกูก่อนสิวะ”

 

“มึงเอากับแฟนของเพื่อนตัวเอง มึงโคตรเลวเลยปอ กูไม่รู้จะด่าจะว่ามึงด้วยคำไหน” ผมร้องว่าพลางส่ายหน้าระอา ร่างสูงๆ มันเดินเข้ามาใกล้และเอื้อมมือมา “อย่ามาโดนตัวกู กูจะไม่นอนกับมึงเด็ดขาดเลยปอ มึงโคตรสกปรกเลย เอดส์กินมึงแล้วมั้ง!”

 

“ก็เพราะมึงมัวแต่เล่นตัวอย่างงี้ไงกูถึงต้องทำแบบนี้ เพราะมึง มึงทำให้กูมีอารมณ์แล้วก็บอกกูว่าไม่อยากคำเดียวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มึงไม่เป็นกูมึงไม่เข้าใจหรอกภีมว่าต้องอดทนมันยากขนาดไหน มึงเข้าใจไหมว่ากูเป็นผู้ชาย กูอยากระบาย!”

 

ผมส่ายหน้า “เพราะมึงเอาไม่เลือกมากกว่าว่ะปอ!”

 

“ถ้ามึงยอมกูตั้งแต่แรกมันก็ไม่เป็นแบบนี้แล้ว กูต้องอดทนกับมึงเท่าไหร่ จะมาว่ากูเอาไม่เลือกคำเดียวเนี่ยนะหา!” ผมดันตัวมันออกจากตัว ร่างกายถูกมันผลักลงบนเตียงที่มันนอนเอากับไอ้ต้น ผมพยายามลุกขึ้นนั่ง โคตรขยะแขยงเลย!

 

“กูจะกลับบ้าน!”

 

“กูไม่ให้กลับ”

 

“เพื่อนมึงไม่ได้อยากให้กูมา แล้วกูก็ไม่ได้อยากมาเลยซักนิดเดียว มึงเป็นคนบังคับกูมา ทุกครั้งเลยมึงจะต้องบังคับให้กูตามมึงไปทั้งๆ ที่เพื่อนมึงเห็นกูเป็นแค่คู่ขามึง เห็นกูเป็นแค่ไอ้ตัว มึงจะทำแบบนี้ทำไม!?”

 

“มันชักจะมากเกินไปแล้วนะภีม มึงหุบปากเดี๋ยวนี้!”

 

“ไม่! มึงตอบกูมาสิ ทำไมมึงเลวแบบนี้วะปอ กูจะไม่ให้มึงแตะต้องกูแม้แต่ปลายเล็บ กูจะไม่…” ผมร้องว่า ทว่าทำตัวไม่ถูกเมื่อร่างตัวเองถูกผลักลงนอนบนเตียง

 

“กูจะเอา เพราะมึงเป็นต้นเหตุทุกอย่าง ถ้ามึงไม่เดินหนีกูออกจากห้องก่อนหน้านี้แล้วยอมกูดีๆ ถ้ามึงไม่ทำให้กูอารมณ์ค้างแบบนี้ เรื่องมันก็จะไม่เกิดขึ้นเลยภีม!”

 

“กูไม่ผิด เพราะมึง ในหัวมึงคิดแต่เรื่องใต้สะดือ คิดแต่เรื่องต่ำๆ!”

 

“เออ กูต่ำ แต่มึงเชิญชวนให้กูต่ำไปกับมึงเองนี่ มึงตกลงกับกูทำไมว่าจะยอมนอนกับกู ให้ความหวังกูแล้วจะชิ่งไปดื้อๆ เล่นกับอารมณ์ความรู้สึกกู เล่นกับความต้องการของกูมึงสนุกมากไหม!”

 

ผมชะงักเมื่อมันตะเบ็งเสียงสู้

 

เสียงของมันทุ้มต่ำและเข้มขึ้นพร้อมกันกับผมที่สะดุ้งเมื่อมันเอาจริง ผมไม่ได้ตั้งใจจะเล่นกับความรู้สึกของมันเลยจริงๆ ผมไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น แค่คิดว่ามันกอดจูบเฉยๆ ทดแทนกับสิ่งที่มันไม่ได้ทำ ปรามมันเวลาที่มันเพลี่ยงพล้ำมากเกินไป ไม่คิดว่ามันจะคิดว่าผมทำกับมันเพราะต้องการแกล้ง

 

ผมเปล่าจริงๆ

 

“กู…”

 

ใจผมหายเมื่อแววตาของมันกำลังวาวโรจน์มองมายังผม มือของผมผลักมันออกสุดแรงเกิดเมื่อใบหน้าของมันโน้มมาแนบริมฝีปากจูบ ผมเบี่ยงหนีและออกแรงสุดชีวิตขืนมันเมื่อไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจูบง่ายๆ กำปั้นของผมทับอกมันระรัวขืนจนได้ยินเสียงตุบตับ มันกุมมือสองข้างของผมกดลงที่นอนแน่น

 

“อื้อ…” ผมครางปราม ลมหายใจร้อนผ่าวพร้อมกับความร้อนที่วิ่งแล่นเข้าสู้ดวงตาและใบหน้า มันละปากมาจูบซอกคอ ใช้ฟันกัดรุนแรง “อย่า กูไม่ได้ตั้งใจ! หยุดเดี๋ยวนี้!”

 

ผมกลัว…

 

“ไม่ ทุกอย่างเป็นความผิดมึง ภีม”

 

ผมรู้ ทุกอย่างเกิดจากผม

 

ร่างผมผวาเฮือกเมื่อมันกระชากเสื้อของผมหลุดออกจากตัว ฉีกขาด ซุกใบหน้าลงมาจูบบนตัวของผมรับรู้ถึงความร้อนของอารมณ์มันตอนนี้ ใจผมสั่นด้วยความกลัว พยายามบิดตัวเร่าๆ ขัดขืน ใช้เรี่ยวแรงที่มีดึงมือมันที่จะดึงกางเกงตัวเองออก มันกำข้อมือผมแน่นพร้อมกับดึงปราการชิ้นสุดท้ายออกไปไม่สนคำอ้อนวอนของผม

 

ร่างของผมเย็นวาบพร้อมกับร้องปราม

 

“อย่า!” ดวงตาผมเต็มไปด้วยน้ำเมื่อกายถูกตัวหนาๆ ของมันโน้มมาแนบทับไม้ให้สู้แรง มือของมันสอดมาจับกุมส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของผมพร้อมกับจูบปากแน่นไม่ให้ร้องขัดขืน กัดผมจนรู้สึกเจ็บ

 

“อึก” กลั้นหายใจไปกับจูบแสนรุนแรง ผมสะอื้นและดิ้นสุดแรงที่มี ปอมันไม่สนใจผมเลยตอนนี้ ตั้งหน้าตั้งตาเอาชนะผมด้วยกำลังของมันที่เหนือกว่า ข่มเหงผม มันจะทำได้ตามหวังแน่หากไม่มีใครเดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

 

“ไอ้ปอ เมื่อกี้…”

 

ปอมันต้องชะงักการกระทำเถื่อนๆ นี่ เมื่อจู่ๆ เห็นร่างของเพื่อนมันวิ่งเข้ามาร้องเรียกท่ามกลางเสียงร้องไห้ขัดขืนของผม

 

สิ่งแรกที่รู้สึกคือหน้าผมชาเพราะร่างกายไม่มีอะไรปิดตัวและถูกเห็นตอนที่กำลังโดนมันบังคับข่มขืน ร่างของพี่ธามวิ่งตามเข้ามาอีกคนก่อนจะชะงักนิ่ง ไอ้ปอรีบลุกขึ้นนั่ง สิ่งแรกที่มันทำคือดึงผ้าห่มมาปิดตัวให้ผมซึ่งไม่มีอะไรติดตัวสักชิ้น ใจผมตอนนี้แทบไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนเพราะขวัญผมกระเจิงไปหมดแล้ว

 

ร่างของผมลุกขึ้นนั่งผลักตัวมันออกทันทีพร้อมกับกลั้นสะอื้นและความกลัวของตัวเองไม่ให้ใครเห็น ตัวผมสั่นงกๆ ด้วยความโกรธตนเองที่ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากเช็ดน้ำตาและบังคับไม่ให้สะอื้นเสียงดังท่ามกลางแววตาที่มีเครื่องหมายคำถามของเหล่าเพื่อนๆ ไอ้ปอทั้งกลุ่ม

 

ใจผมหาย ผมไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี






ทำใจนิดนึงนะคะไรต์เป็นคนชอบเขียนแนวดาร์ค มืดๆหม่นๆ ของสังคมหน่อย
เป็นโรคจิตชอบบีบใจคนอ่าน อิอิ ทั้งๆ ที่มันก็ไม่ได้มีอะไรหรอก บีบไปเฉยๆ นั่นแหละ

เรื่องนี้มีทั้งหมดสองคู่นะคะ มีคู้พี่ปอน้องภีมแล้วก็คู่พี่ธามน้องต้นและอีกหนึ่งบุคคลปริศนา(3P)ค่ะ
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 30-10-2014 15:20:41
ชอบอ่า
นายเอกสู้ๆ
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 5 Part 1 30.10.57
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 30-10-2014 16:46:14

ตอนที่ 5

Part 1
 

ชั่วโมงนี้บอกเลยผมโคตรกลัว

 

ทุกสายตาของเพื่อนทั้งกลุ่มของมันมองทอดมายังร่างกายเปลือยเปล่าของผมที่อยู่ภายใต้ผ้าห่มนวม ซึ่งมือสุดแสนสกปรกของมันนั่นแหละเป็นคนเอามาคลุมให้ ไม่บอกก็รู้เพราะตัวผมสั่นและไม่กล้าจะสู้หน้าพวกมันมากแค่ไหนโดยเฉพาะไอ้พี่พี

 

คนที่มันไม่ยอมรับในตัวผม คนที่มันคิดว่าผมอยากเป็นเมียไอ้ปอเสียเต็มประดานั่น

 

“ไอ้ปอ นี่มึงยังไม่เคยนอนกับมันงั้นเหรอ?” เสียงของพี่ธามว่า ผมกำผ้าที่คลุมตัวแน่นพร้อมกับยกหลังมือเช็ดน้ำตา เก็บความกลัวของตัวเองตอนนี้ไว้ไม่ให้ร่างกายสั่นเท่าไปมากกว่านี้ ผมเห็นแววตาของเพื่อนไอ้ปอหลายๆ คนที่มองว่าหมายความว่ายังไง

 

พวกมันรู้แล้วว่าผมไม่เคยเป็นของไอ้ปอ มันคิดยังไงกับผมอีกล่ะ จะหาว่าเล่นตัวเหรอ

 

“พวกมึงออกไปคุยกับกูข้างนอก” ปอมันว่า หันร่างเอื้อมมือขยับผ้าห่มบนตัว ผมปัดมือมันออกทันที

 

“อย่ามาโดนกู!”

 

ปอมันถอนใจเมื่อเห็นกลุ่มเพื่อนมันเดินออกไปแล้ว หันมามองผมนิ่ง ผมไม่รู้ความหมายที่มันออกอาการแบบนี้แต่ก็ไม่อยากจะพยายามเข้าใจมัน คนอย่างมันไม่มีทางคิดอะไรดีๆ ในหัวได้หรอก!

 

โอย ผมควรเรียกไอ้ภีมคนเดิมกลับมาไวๆ ผมไม่ชอบตัวเองในสภาพอ่อนแอแบบนี้เท่าไร คือไม่ชอบเลยด้วยซ้ำ!

 

ผมกลืนเสียงสะอื้นตัวเองลงคอมองตามร่างสูงๆ ของไอ้ปอซึ่งเห็นผมตอบสนองด้วยความรังเกียจก็ลุกขึ้นเดินตามเพื่อนๆ ออกไป มีเพียงสายตาของพี่ธามและไอ้พี่พีนี่อีกคนที่ยังคงยืนมองผมนิ่งไม่ละ ก่อนจะเดินตามไอ้ปอออกไปเงียบๆ

 

โอเคแล้ว ทุกอย่างโอเค

 

ผมยกมือกุมหน้าของตัวเองที่ร้อนผ่าว พยายามทำจิตใจให้สงบที่สุดก่อนจะตั้งสติเมื่อนึกขึ้นได้ มึงต้องออกไปจากที่นี่ภีม มึงอย่าอยู่ต่อเลย คิดแล้วก็รีบลุกไปหาเสื้อผ้ามาสวม ดีแค่ไหนที่วันนี้ผมไม่เสร็จมันอีก

 

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมกลัวไอ้ปอขึ้นมาจับใจและไม่กล้ากวนตีนมันอีก ผมรู้ผมผิดที่ทำให้มันเก็บกดแล้วต้องทำแบบนี้ แต่จะให้ผมยอมมันง่ายๆ ผมก็ทำไม่ได้อยู่ดี เป็นผู้ชายอยู่ดีๆ มีผัวขึ้นมามันรับไม่ได้จริงๆ

 

ผมยกหลังมือเช็ดน้ำตาลืมความกลัวไปก่อน เก็บของเข้ากระเป๋าเตรียมตัวที่จะกลับบ้านทันทีที่คิดได้นั่นแหละ น้ำตาเหือดแห้งแล้วก็ต้องเข้มแข็งเป็นไอ้ภีมคนเดิม ผมเรียกสติตัวเองทั้งยกกระเป๋าขึ้นมาวางบนปลายเตียง เดินไปเปิดประตูหยิบเสื้อผ้ามาวางใส่กระเป๋าลวกๆ

 

ได้ยินเพียงเสียงประตูที่ถูกเปิดออกพร้อมกับฝีเท้า ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือถูกดึงออกจากกระเป๋ารั้งให้ผมหันไปเห็นว่าเป็นใคร

 

“ปล่อยกู!”

 

“ใจเย็นๆ เว้ยไอ้ปอ น้องมันแค่ตกใจ” พี่ธามว่าปรามไอ้ปอ พลางยกมือทั้งสองข้างดึงแขนไอ้ปอห้ามไปด้วย

 

เพื่อนทั้งกลุ่มเดินเข้ามากันหมดหลังจากที่มันเข้าไปคุยอะไรแค่แป๊ปเดียว ผมไม่อาจรู้เพราะตอนนี้กูอยากกลับบ้าน เหลือบไปเห็นไอ้ต้นที่ยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตา เห็นไอ้พี่พีและคนอื่นๆ ที่ไม่เคยมองผมในทางที่ดีมาก่อนยืนดูอยู่ พวกมึงมาทำไมนักหนา!

 

“ปล่อยกู” ผมรั้งข้อมือตัวเองสุดแรง และเห็นว่ามันเองก็กำไว้แน่นไม่ฟังคำปรามพี่ธามสักนิด

 

“ปอ มึงปล่อยน้องเขาก่อน”

 

“ปล่อย!” ผมร้องว่าพลางสู้สุดแรง บอกมันได้คำนี้คำเดียวจริงๆ

 

“ถ้ามึงยังทำแบบนี้อีกกูจะไม่ใจเย็นแล้วนะภีม”

 

“ปอ มึงปล่อยน้องก่อน มันเจ็บนะนั่น” พี่ธามว่าแทรก ผมแกะมือของมันออกจากข้อมือตัวเอง รู้สึกเหมือนกระดูกจะหักอยู่รอมร่อ

 

“กูไม่ให้มันไปไหนทั้งนั้นธาม!”

 

“กูจะกลับบ้าน กูไม่อยู่แล้ว!” ผมร้องว่าสุดเสียง

 

“ฟังพี่ก่อนภีม อย่ายั่วโมโหไอ้ปอเลยน่า ทำแบบนี้มันไม่ดีหรอกนะเชื่อพี่เถอะ”

 

“ทำแบบไหนมันถึงจะดี ตอบมาสิ แบบมันเหรอ?”

 

“ไม่ใช่ พี่ไม่ได้เข้าข้างมันนะภีม แต่พี่จะบอกว่าใจเย็นๆ ก่อน”

 

“ไม่เอา! เพื่อนพี่มันเลว ผมจะกลับ อย่ามาแตะกู!” ผมดันไหล่ของไอ้ปอออกจากตัว มันขืนแรงของผมดึงเข้าไปหาตัวมันและรัดแน่นไม่ให้ขยับ แรงของผมมีไม่พอที่จะดันผลักมันออกไม่ให้กักขังตัวไว้แบบนี้

 

โถ่เว้ย!

 

ผมหายใจไม่ออก มารู้สึกตัวอีกทีก็หอบแทบจะหายใจไม่ทันกับอารมณ์ตัวเอง กูจะไปก็ปล่อยให้ไปที่ที่กูอยากจะไปเหอะไอ้สัส!

 

“กูบอกให้มึงปล่อยกูไงปอ!”

 

มันไม่ว่าอะไรตอบโต้สักแอะ ปล่อยให้ผมโมโหและดิ้นสู้แรงกอดของมันครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งโมโหยิ่งโกรธก็ยิ่งออกแรงสุดตัว ผมเปร่งเสียงร้องด้วยความสุดทนและสุดเฮือกสุดท้าย มันดีแต่ใช้กำลังกับผมจริงๆ ผมเกลียดมัน!

 

ร่างผมหอบหายใจไม่เป็นท่า เรียกสติให้หวนกลับมาอย่างไวเพราะโมโหเลือดขึ้นหน้าจนแรงของผมหมดไปเสียเอง ผมหอบหายใจ ใบหน้าแนบกับหน้าอกของมัน ยกแขนไม่ขึ้น ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของมัน ผมมองไม่เห็นใคร ไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมด ไม่รู้เหี้ยไรเลยตอนนี้

 

ทำไมมันไม่ว่า ไม่สู้กับผม กูกำลังโคตรงงเลยตอนนี้

 

รู้แค่ว่ามันไม่อยากให้ผมกลับเพราะผมยังไม่เสียตัวให้กับมัน เรี่ยวแรงของผมหมดแทบไม่เหลือ รู้สึกเจ็บคอเพราะใช้เสียงเยอะมาก ผมกลืนน้ำลายและรู้สึกเจ็บมากจนต้องมองหาน้ำ

 

ผมอึดอัด ตั้งตัวทั้งใจเลยตอนนี้ กูอยากกลับบ้าน!

 

ผมเงยหน้าแดงๆ ตัวเองไปสบตามันอยู่ครู่ น้ำหูน้ำตาไหลหน้าตาจะอุบาทว์สักแค่ไหนก็ไม่อาย ผมเห็นสายตามันที่เปลี่ยนไปจากเมื่อชั่วโมงที่ผ่าน ปอมันกำลังใจเย็นกับผม มันไม่ขึ้นเสียงเหมือนแต่ก่อน แค่ยืนกอดผมนิ่ง ผมกลืนน้ำลายเงยมองมันด้วยหลายหลากความรู้สึก แต่ความรู้สึกเดียวตอนนี้คือมันอึดอัดที่จะยืนอยู่แบบนี้

 

ผมเม้มปากบวมๆ ตัวเองบอกกับมันในสิ่งที่ตัวเองต้องการ พยายามใจเย็นที่สุดแล้ว “ปอ…กูไม่อยากอยู่ที่นี่ กูอยากกลับบ้านจริงๆ กูไม่ได้เรื่องมาก”

 

“กูไม่ให้มึงไปไหนทั้งนั้นภีม” ผมมุ่นคิ้วพลางก้มหน้าเมื่อมันตอบกลับมาเสียงเรียบ

 

“แต่ว่า…”

 

“อยู่กับกูที่นี่ กูบอกแล้วไงว่ามึงเป็นแฟนของกู กูจะไม่ปล่อยให้ใครมองมึงแบบลบๆ ได้อีก มึงต้องอยู่กับกูทุกที่ที่กูอยู่”

 

ผมเงยมองมันไม่ละ ก่อนจะกลืนน้ำลายเมื่อมันว่าต่อ มันพยายามปรับสีหน้ามาว่ากับผมเสียงเบา “เออ ครั้งนี้กูผิดเอง มึงจะได้สบายใจ…”

 

ดีที่มึงรู้ตัว

 

ผมไม่ได้ว่าอะไรต่อ ก้มมองหน้าอกมันเพราะไม่รู้จะตอบไปด้วยคำไหน ตอนโกรธผมก็โกรธที่เห็นมันนอนกับไปไอ้ต้น แต่ผมไม่ควรด่ามันต่อหน้าพี่ธาม ผมควรจัดการและเคลียร์กับมันทีหลัง แต่เรื่องที่มันตั้งใจแน่ๆ ว่าจะข่มขืนผมน่ะมันหายโกรธยาก ผมรู้ว่าผมผิดส่วนหนึ่งแต่มันไม่ควรจัดการผมด้วยการข่มเหงแบบนั้นสิ

 

“กู…โมโหไปหน่อย แต่ตอนนี้ก็พยายามใจเย็นแล้วนะ”

 

มันปล่อยวงแขนที่กอดผมแน่นจนแทบหายใจไม่ออกนั้นพลางก้มลงมาจ้องตา ผมเดาไม่ออกแต่เรียกความรู้สึกประหลาดแก่ใจเป็นอย่างมาก เป็นผมเองที่ละหนีไปด้วยเพราะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ฉายมา มันทำใหใจผมสั่น จึงทำได้แค่พยักหน้ารับเท่านั้น

 

ผมไม่รู้ว่ามันไปพูดอะไรกับเพื่อนมันข้างนอก แต่สิ่งที่ผมควรจำไว้ก็คือตัวผมมาที่นี่กับมัน ผมไม่ควรแคร์ว่าใครจะคิดยังไงเพราะที่สุดแล้วผมก็อยู่กับมันแค่สองคน แล้วแต่ว่าใครก็ตามจะคิดว่าผมเป็นตัวอะไร

 

แต่ผมจะไม่เข้าไปร่วมทำอะไรกับเพื่อนๆ ของมันทั้งสิ้น จะอยู่ส่วนของผมเองอย่างนี้ ยังไงปอมันก็ไม่ทิ้งผมแน่ๆ ตราบใดที่ยังไม่ครบหนึ่งเดือน

 

ผมหวังไว้นะ

 

หรือต่อให้ครบหนึ่งเดือนแล้ว ถึงผมจะสนิทกับเพื่อนของปอมันมากขนาดไหน ยังไงก็ต้องเมินกันอยู่ดี สู้เฉยๆ ให้กันแบบนี้น่ะดีแล้ว จะได้ไม่ลำบากภายภาคหน้า

 

เคลียร์แล้ว ถึงผมจะโกรธและกลัวมัน แต่ก็ยังดีที่มันคิดได้ว่าต้องใจเย็นกับผม คราวหลังผมต้องสู้มันให้มากกว่านี้ ต้องไปเข้าฟิตเนสฟิตกล้ามไว้เพื่อมันโดยเฉพาะล่ะ

 

“กูขอโทษ…”

 

มันว่าเสียงเบาพร้อมกันกับผมที่เงยไปมองหน้า เออ เห็นแล้วว่ามึงรู้สึกผิดจริงๆ ไอ้ผมก็ได้แค่ก้มหน้า พยักรับหงึกๆ บอกมันว่าโอเค กูยอมรับคำนั้น

 

 

ค่ำแล้ว

 

หลังจากที่รวบรัดเก็บของเข้าใส่กระเป๋าตัวเองเมื่อบ่ายแก่ๆ นั้น ไอ้ผมต้องกลับมานั่งเก็บเสื้อผ้ายกออกจากกระเป๋าเข้าไว้ในตู้เหมือนเดิมอีกครั้งหลังจากมันชี้นิ้วสั่งให้เก็บของเขาที่ แล้วเสือกไปนั่งกินเหล้าร่วมวงกับเพื่อน

 

ผมถอนใจหยิบของส่วนตัววางไว้ในห้องน้ำ แล้วก็ต้องไปจัดเครื่องสำอางให้มันในห้องตามที่มันวางไว้เป๊ะๆ อีกเพราะเดี๋ยวโดนด่า

 

 ที่มันหล่อได้ก็คงจะเป็นของแพงๆ มียี่ห้อพวกนี้สินะ และของพวกนี้แหละที่ใครๆ ก็อยากให้มันหยิบยื่นให้ เมื่อไหร่มันจะแยกแยะออกได้ว่าความรักกับเซ็กส์มันคนละเรื่องกันแล้วเลิกให้เงินหรือของแพงๆ ตอบแทนแฟนมันซักที แล้วหันมาตั้งใจเอาชนะใจคนที่มันรักนั่นให้ได้

 

ผมมองออกไปไกล มองฟ้าที่มืดรับกับแสงดาวที่มองลอดผ้าม่านออกไป เห็นแสงสว่างรำไรจากมุมใดมุมหนึ่งสาดมา มันสั่นระริกเรียกให้ผมไปมองก่อนจะนึกอะไรได้ ใบหน้าผมมองทอดออกไปนอกหน้าต่างทันที ดวงตาของผมเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นที่เห็นมัน อารมณ์เปลี่ยนโหมดมาสนุกสนานอีกครั้ง

 

กลับมาเป็นไอ้ภีมคนเดิมเถอะ เรียกขวัญตัวเอง

 

คบเพลิงถูกจุดเป็นแสงสว่างรำไรเรียงรายริมทางเดินทั้งสองฝั่งราวกับเสาไฟฟ้า  แม้ตามบ้านพักรีสอร์ทจะมีโคมไฟอยู่แล้วก็ตามที ผมรีบเดินออกไปนอกบ้านรีสอร์ทหลังเล็กของตัวเองพร้อมกับมองทอดออกไป เป็นริมทะเลที่มืดสลัว บนท้องฟ้ามีดาวระยับหลายล้านดวง มันสวยอย่างที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน

 

 ผมพาร่างตัวเองเดินริมหาดพร้อมกับถอดรองเท้าไปด้วย หาดสวย ไม่น่าจะเมีเศษขวดให้เหยียบเท่าไรนัก ผมเตะน้ำที่สาดซัดมาอยู่คนเดียวแล้วเดินลากเท้าเอื่อยๆ มองคู่รักที่เดินจูงมือกันไปด้วย กระทั่งดวงตากวาดไปเห็นเงาของใครยืนอยู่ คนๆ นั้นหันมามองผม

 

ผมกลืนน้ำลายก่อนจะถอยหลังพร้อมยิ้มให้อีกฝ่ายนิดๆ ว่า “โทษทีที่มากวน ไปล่ะ”

 

“เดี๋ยว…” ผมชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงข้างหลัง ฝีเท้าย่างสวบๆ เข้ามาใกล้แล้วพูดขึ้นมาเฉยๆ “ทำไมมึงถึงไม่ยอมนอนกับไอ้ปอ?”

 

มันถามผมทำไมวะ

 

ผมหันกลับไปมองคนว่า สายตาที่มองมายังผมด้วยแววเยาะอย่างเคย แต่ผมไม่สนใจแล้ว เพราะผมว่าผมอยู่เหนือมันที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผมไม่ได้อยากเป็นเมียไอ้ปออย่างที่มันคิดสักหน่อยนี่

 

 “พี่จะอยากรู้ไปทำไม จะช่วยมันจับผมปล้ำเหรอ?”

 

“มันรู้รึเปล่าว่ามึงอวดดีขนาดนี้”

 

“เฮอะ มันรู้อะไรเยอะเลยแหละ” ผมว่า ก่อนจะกอดอกมองทะเลข้างหน้าเชิดคอไปด้วย ให้มันรู้ไปสิว่าไอ้ภีมกลัวที่ไหน

 

“ถ้าไม่อวดดีแบบนี้ ไอ้ปอมันจะตามบังคับให้ผมยอมนอนกับมันรึไง ถ้าผมนอนกับมันง่ายๆ ผมก็ไม่ต่างอะไรกับคนอื่นน่ะสิ”

 

มันหันมามองหน้าผมแล้วเดินมากำต้นแขนให้หันไป “มึงต้องการอะไร?”

 

“ผมต้องการจบเดือนนี้ไปโดยที่ไม่ต้องเอากับมัน” ผมหันไปว่า เขาชะงักนิดหน่อยและละมือออกไปส่ายหน้า

 

“ไม่จริง มึงต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ๆ ที่ทำเล่นตัวเพราะอยากได้สิ่งที่มึงต้องการใช่ไหมล่ะ?”

 

“ผมเล่นตัวเพราะไม่อยากให้ในสิ่งที่มันต้องการต่างหาก เพื่อนพี่มันเลว คิดว่าทุกคนอยากถูกมันควงไปซะหมด บอกเลยว่าผมคนหนึ่งที่แหละที่ไม่” ภาพตอนที่มันเอากับไอ้ต้นยังติดตาผมอยู่ตลอด เลวกันทั้งคู่

 

ผมก็จะไม่เกลียดมันถ้ามันเปลี่ยนตัวเอง ผมคิดไว้แบบนี้ และมันต้องถูกเปลี่ยน

 

“ทั้งๆ ที่มันทำกับมึงต่างจากคนก่อนๆ น่ะเหรอ?”

 

“ต่างกันตรงไหน มันก็บ้าใช้อำนาจ รังแกข่มเหงแต่ผม เอาแต่ใจตัวเองเหมือนเดิม คนอื่นๆ มันทำดีกว่านี้ไม่ใช่รึไง?” ผมว่าอย่างสุดทน มุ่นคิ้วตัวเองระเบิดอารมณ์จนนึกโมโหขึ้นมาอีกรอบ

 

“มึงไม่รู้เหรอ?”

 

ผมหันไปมองคนว่าที่กำลังจะเริ่มเรื่อง “พี่พีครับ…”

 

มารก็มาผจญทันที

 

เราทั้งคู่หันไปมองไอ้ต้นที่วิ่งเข้ามา มันแสดงถึงความอึดอัดหน่อยๆ ที่เห็นว่าผมก็ยืนอยู่ข้างเขาด้วย  และสิ่งที่ผมกำลังสงสัยนั้นถูกกลบหายไปทันทีที่ร่างของพี่เขาเดินละออกไปเงียบๆ ไม่ยอมมาขยายความที่มันเปิดไว้ให้กูอยากรู้เนี่ย

 

ไอ้ต้นวิ่งตามหลังไปติดๆ มันคือตัวขัดจังหวะชั้นยอดเลยไอ้เวรเอ๊ย!

 

ผมถอนใจ ก้มหน้าเอาเท้าที่เปียกน้ำเขี่ยทรายเล่นไปพลาง ไม่อยากกลับไปที่ห้องพัก ผมอึดอัดที่จะอยู่คนเดียว ผมไม่ชอบเพราะมันไม่ใช่บ้านของผมนี่ ใครจะไปทนอยู่คนเดียวได้ ถึงปอมันบอกว่ามาเที่ยวกับผมแต่มันก็ติดเพื่อน อยู่แต่กับกลุ่มของมันจนลืมผมแล้ว





จะเอามาลงเรื่อยๆ ค่ะ ให้รู้ว่ามีนิยายเรื่องนี้อยู่ 555 รู้สึกค้างๆ คาๆ ยังไงไม่รู้เพราะลงได้ทีละครึ่งตอน
ไม่รู้จะแบ่งตรงไหนเดี๋ยวสั้นไปเดี๋ยวยาวไป
ถ้าใครชอบก็ฝากเพจด้วยนะคะ ข้างล่างตอนหรือกดรูปโลกอะค่ะ เดี๋ยวเอามาต่อพาทสองนะคะ
เวบอื่นเขาลงไปหลายตอนแล้วเลยรีบลงหน่อย ถ้าใจร้อนอยากอ่านต่อไวๆ สามารถไปค้นหานิยายเรื่องได้ใน Google นะคะ
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 5 Part 2 30.10.57
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 30-10-2014 17:02:03

ตอนที่ 5

Part 2





เสียงฝีเท้ามาจากด้านหลัง ผมหันไปตามเสียงที่ไอ้ต้นมันเคยวิ่งมา เป็นตัวสูงๆ ของไอ้ปอที่มาหยุดยืนนิ่ง มันมองหน้าผมที่เบ้ปากตัวเองรออยู่ กูยังโกรธมึงอยู่ ยังจะมาลอยหน้าลอยตาอีก อยากจะเอารองเท้าที่ถืออยู่นี่ตบหน้าให้ทรายกระเด็นเข้าตาแม่ง

 

“มาทำอะไรกับไอ้พีตรงนี้?”

 

“ทำไม ไอ้ต้นไปฟ้องว่าอะไรล่ะ?” ผมย้อนเสียงขุ่นบอกบุญไม่รับ มันขมวดคิ้วเดินเข้ามาใกล้

 

“กูถามดีๆ”

 

“ก็แค่คุยกัน กูไม่ได้จะอยู่กับใครสองต่อสองแล้วอ้าขาให้ใครเอาง่ายๆ เหมือนบางคนหรอก”

 

“หึ มึงหึงกูเหรอ?” มันว่าพร้อมกับยกมือขึ้นมายีหัว ผมดึงมือมันออก

 

“ไม่ใช่ กูประชดเว้ย!”

 

“นั่นแหละ ประชดเพราะหึง”

 

“ไม่ ก็มึงมาว่ากูก่อนนี่” ผมว่าพลางขมวดคิ้วกอดอกหันไปมองทะเลต่อหน้าด้วยความขัดใจที่มันล้อแรงๆ แบบนี้ ใจที่อยู่ดีๆ ก็เต้นตึกตักรุนแรงขึ้นมาเสียเฉยๆ

 

“ยอมรับมาเหอะว่ามึงหึง”

 

“หุบปากมึงไปเลย” ผมว่า มันหันมามองหน้าผมนิ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นมาวางแหมะบนหัวผมอีกครั้งพร้อมกับพูดฝ่าความเงียบไปด้วย

 

“มึงจะโมโหกูยังไงก็ได้นะภีม แต่ห้ามเดินหนีกู กูไม่ชอบให้มึงเป็นฝ่ายเดินออกไปก่อนแล้วปล่อยให้กูกลายเป็นคนถูกทิ้ง มันโมโห”

 

“รู้สึกแพ้เหรอ อายเพื่อนรึไง?” ผมเงยหน้าไปว่า รู้สึกเมื่อตอนบ่ายยังบอกว่ากลัวมันอยู่เลย แต่ตอนนี้มันควบคุมปากไม่ได้จริงๆ

 

“เปล่า กูแค่ไม่ชอบที่ถูกคนอื่นมองว่าเป็นของไร้ค่า”

 

ผมนิ่งมองมัน เช่นเดียวกับมันที่มองตาผมอยู่

 

เหมือนครั้งที่มันโกรธตอนที่ผมพูดดูถูกตัวเองเลยแฮะ นิ่งมองมันด้วยความรู้สึกแปลก ลืมคิดไปว่าทำไมมันเป็นคนแบบนี้ เหตุผลต้องมีสิที่ทำให้ไอ้ปอกลายเป็นคนแบบนี้ ลืมคิดไปเสียสนิท มึงขาดความอบอุ่นทางครอบครัวมากใช่ไหม!

 

“ทำไมมึงไม่หาคนที่คบมึงแบบจริงใจ” ผมว่าพลางเงยมองหน้ามัน

 

“ไม่เอาหรอก ใครจะไปทนอยู่ได้กับของเดิมๆ แบบนั้นตลอดปีตลอดชาติ กูคนหนึ่งแหละที่ไม่”

 

ผมเงยมองหน้ามันแบบที่ระอาสุดๆ “แล้วทุกคนที่มึงคบๆ มา มึงไม่เคยรักเขาเลยเหรอ?”

 

“ไม่” มันตอบแทบจะทันที

 

“มึงทำแบบที่ทำกับกูกับทุกคนเลยเหรอปอ มึงไม่ได้รักเขา มึงจะเอาเขาอย่างเดียวเนี่ยนะ” ผมว่าพลางมุ่นคิ้ว

 

“กูก็ให้ของที่มันต้องการไปหมดแล้วไง มันไม่ได้ต้องการให้กูรักซักหน่อย”

 

“มึงถามกูไหมว่าอยากได้อะไร?”

 

“อ๋อ ที่มึงไม่ยอมซักทีเพราะรอกูถามว่าอยากได้อะไรแลกเปลี่ยนเหรอ?” มันยักไหล่ว่า ก่อนจะหันว่ามาว่าต่ออีก “เรื่องที่ทำแบบเดียวกันกับมึงไหมน่ะ กูว่ากูก็ทำดีกับทุกคนที่สุดแล้วนะ จะไม่ประทับใจก็ช่างมันสิ”

 

“ปอ มึงใจร้ายกับกูคนเดียวสินะ” ผมว่าตอบ มันนิ่งชะงัก ก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นไม่ตอบราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ ผมรีบว่าต่อทันที “เออ ถ้ามันเป็นเพราะว่ากูไม่ยอมมึงซักทีมึงถึงทำแบบนี้กับกู…”

 

“กูจำได้ว่ากูไม่เคยทำให้มึงเสียใจเลย กูพยายามใจเย็นกับมึงที่สุด ยกเว้นเรื่องเดียว เรื่องที่มึงกับกูเถียงแบบไม่มีวันจบเนี่ย เพราะมึงไง เพราะมึงไม่ยอมซักที”

 

ผมอึกอัก แม่งเถียงกับมันไม่เคยขึ้นเลยสิ ดวงตาผมจ้องมันก่อนจะละลงพื้นไปเฉยๆ พร้อมกันนั้นก็ได้ยินเสียงไอ้ต้น ซึ่งมันจะเสนอหน้าอยู่กับทุกคนในกลุ่มได้อย่างแนบเนียนที่สุด มันมาตามไอ้ปอ ผมปล่อยให้มันไป จะเดินกลับห้องของตัวเอง ดวงตากวาดไปเห็นร่างของไอ้ต้นที่ยืนยิ้มนิดๆ ส่งมาให้

 

มันแฝงอะไรสักอย่าง

 

มันเป็นคนยังไง มานอนกับเพื่อนของแฟนตัวเอง แล้วมายืนยิ้มให้ผมซึ่งเป็นแฟนของไอ้ปอที่เห็นมากับตาว่ามันเลวกันขนาดไหน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น

 

หรือมันคิดว่าตัวเองน่ะเหนือกว่าผมแล้ว เพราะผมกับไอ้ปอยังไม่มีอะไรกัน ทำไมมันโง่ คิดว่าเซ็กส์จะผูกมัดไอ้ปอได้เหรอ

 

 

นี่ผมเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย วันนี้อยู่ไม่เป็นสุขเลย!

 

ผมทิ้งตัวลงที่นอน ก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่งเมื่อนึกได้ว่าไอ้ปอกับไอ้ต้นมันทำอะไรกันตรงนี้ คงจะสกปรกน่าดู คิดแล้วนั้นมือของผมก็ทำงาน ทำการถลกผ้าปูที่นอนออกด้วยความเร็วพร้อมกับโยนใส่ตะกร้า อยากจะเปลี่ยนไปทั้งที่นอนเลยถ้าทำได้ ผมมุ่นคิ้วตัวเองมองนาฬิกา นี่มันปามาสามทุ่มครึ่งแล้วแต่ไอ้ปอมันก็เอาแต่สังสรรค์กับเพื่อน ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวเนี่ยนะ ว่าแล้วผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที

 

เสียงรอสายดังอยู่ครู่เดียวก็มีเสียงคนกดรับ ผมรีบกรอกเสียงเข้าไปในสายว่า “มึงอยู่ไหน?”

 

เหมือนเมียโทรจิกผัวขึ้นไปทุกวัน

 

“หืม กูก็อยู่กับเพื่อนกูนี่แหละ” เสียงในสายว่า

 

“มึงกินเหล้าเหรอ?”

 

กูซวยอีกและ เดี๋ยวเมาแล้วก็มาหาเรื่องข่มขืนกูอีก

 

“เปล่า แค่จิบๆ” มันตอบ ได้ยินเสียงเพื่อนๆ หัวเราะกันเกรียวกราว “มึงมาสิภีม ยังไม่ได้กินข้าวล่ะสิ ห้ามอดข้าวเย็นนะกูสั่ง”

 

“ไม่เอา มึงมาเรียกให้แม่บ้านมาเปลี่ยนผ้าปูให้กูหน่อยสิ” ผมว่าเสียงเบา ทำอ้อนมันเพราะตอนนี้เริ่มเห็นมันเป็นขี้ข้า

 

“เปลี่ยนทำไม?”

 

“ก็มันสกปรก กูไม่อยากนอนแบบนี้ ขยะแขยง” ผมเน้นประโยคสุดท้าย ได้ยินเสียงมันหัวเราะหึในคอ นี่มึงอยู่ในอารมณ์ไหน

 

“มึงมากินข้าวก่อน กูถึงจะให้แม่บ้านไปทำ” เสียงมันว่า หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงคนโห่แซว ผมอิดออดน้อยๆ พลางถอนใจไม่อยากไป “มาเร็วๆ สิ อย่าต้องให้กูไปตามถึงห้อง”

 

“ปอ สั่งมากินในห้องได้ไหม?” ผมว่าเสียงเบา มันเงียบ ได้ยินแต่เสียงคนรอบข้าง

 

“ถ้ากูไม่เห็นกับตาว่ามึงกิน กูก็จะไม่เชื่อ”

 

“โธ่เว้ย เรื่องมากว่ะปอ มึงก็รู้ว่าเพื่อนมึงไม่ชอบกู”

 

“มึงเป็นแฟนกูไปแคร์อะไรคนอื่น คนที่มึงต้องแคร์คือกู เวลากูพูดมึงต้องเชื่อฟัง” แม่งย้ำอะไรมากมายวะ ผมถอนใจแล้วกล่าวตอบ

 

“ปอ ปอก็สั่งมาให้ภีมกินสิ กลับห้องนะ”

 

กูใช้ไม้นี้ได้ผลชัวร์

 

ผมรู้สึกว่าอยู่คนเดียวแบบนี้มันเปลี่ยวๆ แฮะ ก็มันไม่ใช่สถานที่ที่ผมคุ้นเคยนี่ เสียงมันหัวเราะในลำคอก่อนจะว่า “นี่มึงยั่วกูอีกแล้วนะภีม มึงยังไม่เข็ดอีกใช่ไหม?”

 

“กูเปล่า” ผมรีบเถียง

 

“แบบนี้แหละที่เรียกว่ายั่ว”

 

“ก็กูไม่รู้จะพูดยังไงให้มึงกลับห้องนี่หว่า กูกลัว” ผมว่าพลางมุ่นคิ้ว

 

“เดี๋ยวกูไป อีกแปปเดียวก็จะแยกย้ายไปนอนกันแล้ว”

 

“แล้วมึงไม่กลัวกูโกหกมึงว่ากินข้าวแล้วเหรอ” ผมว่า

 

“ภีม มึงอย่ากวนตีน”

 

“ถ้ามึงมากูให้จูบ”

 

อันนี้กูตั้งใจยั่วมึงละ ผมยกนิ้วมือไขว้กันว่าแล้วรอฟังมันว่าจะกระตือรือร้นมาไหมถ้ามีเซอร์วิสให้ขนาดนี้ ผลปรากฏว่ามัน

 

เฉยๆ

 

“กูจะจูบมึงตอนที่กูอยากจูบ แล้วก็จะจูบตอนไหนก็ได้” ไอ้นี่มันกวนตีนรู้ตัวเองบ้างไหมวะ ผมขมวดคิ้วไม่พอใจพลางร้องว่า

 

“เออ ตามใจมึงเลย!”

 

นิ้วมือผมกดวางสายแล้วโยนโทรศัพท์ลงบนโซฟาด้วยความขัดใจ ไปล้มตัวลงนอนบนโซฟาสีหน้าตอนนี้กูบอกเลยว่าโคตรหงุดหงิด

 

แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู ผมรีบวิ่งไปเปิดเพราะในบางทีแอบคิดว่าอาจเป็นมัน ทว่าผมต้องละยิ้มที่แสดงถึงความชนะเมื่อเห็นว่าคนเคาะคือแม่บ้านที่ยืนยิ้มรออยู่ ผมปล่อยให้เธอเดินเข้ามา จัดการกับเตียงนอนให้เสร็จสรรพ เธอหันมาถามว่าต้องการอะไรอีกไหม ผมยิ้มพร้อมกับให้ธิปเธอ บอกว่าอยากได้อาหารเย็น ซึ่งมันก็ค่อนข้างดึกแล้ว

 

ผมรู้สึกว่าตัวเองต้องกิน ไม่ใช่เพราะเชื่อฟังไอ้ปอนะ แค่ไม่ยังฟังเสียงของมันตอนเทศน์เท่านั้นเอง

 

ครู่หนึ่ง ผมนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟา เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับคนที่เดินเข้ามาพูดว่า “อาหารมาแล้วครับ”

 

ผมหันขวับไปมอง เป็นเจ้าของรูปหน้าเรียวหล่อที่ส่งยิ้มมาให้พร้อมทั้งเดินเข้ามา ผมลุกขึ้นนั่งมองมันที่ตรงมายังผมแล้ววางถาดอาหารให้ตรงหน้า “พอดีเจอพนักงานอยู่หน้าห้อง กูก็เลยอาสาเอามาให้เอง กินสิ”

 

ไอ้ปอมันจัดของให้เสร็จสรรพออกอาการเอาอกเอาใจเต็มที่ นี่มึงกะจะให้กูหายโกรธใช่ไหม ผมยกนิ้วกลางให้มันไปทีก่อนจะหยิบช้อนส้อมที่มันส่งมาให้ อาหารที่สั่งมีไม่กี่อย่าง ผมตักของเข้าปากไม่สนใจมันที่ล้มตัวลงนอนหนุนตักเล่นเกมในโทรศัพท์ของผมอยู่ โทรศัพท์ที่ผมปาทิ้งเมื่อกี้นั่นแหละ

 

หัวแม่งหนักว่ะ

 

“ปอ เดี๋ยวกูจะแกล้งทำกับข้าวหล่นใส่หน้ามึง” ผมว่าพลางผลักหัวมันออกจากตักตัวเอง มันแหงนหน้ามามองก่อนจะยกยิ้ม

 

“ถ้ามึงจะทำคงไม่บอกกูหรอก”

 

“อย่ามาทำรู้ดี” ผมว่า มือวางแหมะบนผมตรงๆ ของมันก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่มแล้วผลักหัวมันออก “ลุกได้แล้ว จะเอาของไปเก็บ”

 

“ไม่ต้องทำ ปล่อยไว้แบบนั้น”

 

“มึงนี่นิสัยเสียจนชินนะ เป็นเทวดารึไงวันๆ ไม่คิดจะทำอะไรสร้างสรรค์สักอย่าง” ผมว่า

 

“มึงเป็นแม่กูเหรอ บ่นอยู่นั่น กูว่าและมีมึงเป็นเมียกูจะต้องได้ฟังเทศน์ทั้งเดือน”

 

“ก็เลิกกับกูสิ” ผมว่า มันละใบหน้ามาเงยมองผม

 

“จริงเหรอ?”

 

“จริง”

 

“เลิกก็โง่สิ ใครจะปล่อยให้เวลาเสียเปล่าวะ อย่างน้อยกูก็มีตักหนุนเวลาเล่นเกมละวะ” มันยักคิ้ว

 

แม่ง

 

แล้วทำไมต้องทำหน้าตาเป็นต่อน่ารักๆ แบบนี้ด้วยวะ เมื่อบ่ายมึงทำไรกูไว้ยังจะมาเนียนอีก ถึงจะบอกรู้สึกผิดแล้วยอมรับก็เถอะ แต่กูลืมยากว่ะ

 

มึงจะรับผิดชอบเสื้อผ้ากูยังไง กูอุตส่าห์เลือกชุดที่ชอบๆ มาทั้งนั้น มึงทำลายมันแบบไม่คิดเลย แถมจะพังตูดกูด้วย คิดแล้วผมก็กำเส้นผมมันกระชากสุดแรง ในความคิดเท่านั้นน่ะนะ

 

ผมย่นหน้าไม่ว่าต่อ แต่จะสุดทนเมื่อมันยังนอนต่อไปไม่สนใจว่าเหน็บจะแดกขากูไหม!

 

ผมเอนตัวพิงพนักโซฟามองมันตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกม จู่ๆ มันก็เอื้อมมือมันดึงต้นคอผมให้ก้มลงไป พร้อมกับแนบปากจูบ ผมเบิกตาด้วยความตกใจก่อนจะทุบอกมันขืนและดึงหน้าออกได้สำเร็จ แม่งผมรู้เลยว่ามันอยากเอาชนะผม เพราะพอมันเห็นผมโกรธก็ลั้นลาเล่นเกมต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

มึงเป็นเด็กมีปัญหารึเปล่าวะปอ เอาแต่ใจตัวเอง เรียกร้องหาแต่เรื่องบนเตียง ถ้ามีซักคนเปลี่ยนมัน ผมนึกไม่ออกเลยว่าปอมันจะเป็นยังไง

 

มันอาจจะน่ารักมากก็ได้ เพราะตอนที่มันไม่กวนตีนก็ดูเป็นคนดีออก ผมยิ้มนิดๆ มองมันที่ยังตั้งอกตั้งใจเล่นเกม ก่อนจะพิงพนักโซฟาไปอีกรอบพลางมองออกไปหน้าต่าง ฟังเสียงเกลียวคลื่นไปพลาง ความร้อนจากที่ไหนสักแห่งซึมซาบมายังมือ ดวงตาผมละมามอง เห็นนิ้วเรียวยาวของมันกำลังสอดประสานเข้ารวมเป็นหนึ่งกับนิ้วผม มันรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป ทำไมมันถึงต้องการความรักมากมายขนาดนี้นะ

 

“มือมึงเล็กจัง ถ้ากูบีบมันแรงๆ ลงแหลกละเอียดแน่” มันว่าฝ่าความเงียบ ผมก้มมองมันก่อนจะพยายามชักมืออกลับทว่ามันรั้งไว้ไม่ยอม

 

กูพอจะเปลี่ยนมึงได้ไหมวะปอ

 

“ถ้ามึงใจดีกับกูมากๆ ทำให้กูไว้ใจมึง กูอาจจะใจอ่อนให้มึงก็ได้นะ” ผมว่า มันเงยมามองหน้า

 

“ตอนนี้กูยังไม่ดีงั้นสิ?”

 

“ปละ เปล่า…” ผมตอบพลางส่ายตาหนีมันไปด้วยแล้วว่าต่อ “กูหมายถึง ให้มึงทำมากๆ มากกว่านี้…”

 

“ถ้ามึงไม่มัวแต่อคติกับกู มึงก็จะเห็นว่าตอนนี้กูก็กำลังทำอยู่ แต่มึงแม่งไม่เคยเข้าใจอะไรเลย มึงเคยเห็นกูทำแบบนี้กับใครที่ไหนไหมก็ไม่ เพราะคนอื่นกูได้เขาตั้งแต่วันแรก กูไม่จำเป็นต้องตามใจเขาหมดไปซะทุกอย่างเหมือนมึง มึงเองต่างหากที่เอาแต่ใจนะภีม รู้ตัวเองบ้างไหม?”

 

“กู คะ คือ…” กูยอมแพ้มึงอีกรอบก็ได้

 

“กูขอโทษ ขอเวลากูหน่อยนะปอ มึงกูรู้ว่าการเสียตูดให้คนอื่นมันไม่ใช่ง่ายๆ นะ”

 

ผมว่าเสียงเบา มันลุกขึ้นนั่งพร้อมกับขยับหน้ามาใกล้ “มันไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก…”

 

โอเคกูซึ้งและเข้าใจ

 

ใบหน้าเรียวยาวสวยได้รูปต่อหน้าขยับเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจ แสดงว่ามันอยากจูบ ผมพริ้มตาตัวเองเป็นฝ่ายขยับเข้าไปจูบมันเอง อ้อนมันหน่อย มันชะงัก ก่อนจะกุมหน้าผมทั้งสองข้างแนบปากกับผมจนสนิทเนื้อ เสียงปากเราสัมผัสกันดูดดื่มดังอยู่เนืองๆ ลมหายใจมันร้อนและรดจมูกผมเป็นกลิ่นหอมแปลกๆ ผมพยายามจะผละปากออกทว่ามันเม้มปากผมแน่น ดูดและตวัดเลียลิ้นของผมอย่างกับขาดมันไม่ได้

 

มันผละออกมามองหน้า ผมหอบหายใจพลางก้มหน้าทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ถูกมันเคลื่อนหน้ามาจูบ หน้าผาก แก้ม คาง จมูก ตา มันจูบผมไปทุกที่ เหมือนจะตีตราจองว่านี้ผ่านกูมาแล้ว

 

ไอ้เชี่ย กูรู้ทันมึงหรอก

 

“อื้อ ปอ พอแล้ว” ผมว่าพลางดันปากมันออก มือก็เช็ดคราบน้ำลายที่ปากไปด้วย

 

“จูบกูอีกสิภีม เมื่อกี้กูโคตรรู้สึกดี”

 

“ไม่ เดี๋ยวก็หาว่ากูยั่วมึงอีก หาเรื่องแต่จะเอากู” ผมว่าพลางกุมปากตัวเอง มันหลุดยิ้มทันทีที่ผมว่าออกไป

 

“มึงพูดดักขนาดนี้กูคงทำหรอก มามะ” มันว่าพลางดึงหน้าผมเข้าหา

 

“ไม่! ของดีมีครั้งเดียว ถ้ามึงอยากได้อีกก็ทำดีกับกูไว้มากๆ แล้วกูจะให้เป็นรางวัล” ผมว่าแล้วลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะไปอาบน้ำและหนีมันด้วย มันยกยิ้มกับตัวเองพร้อมกับพูดตามหลังมา

 

“มึงทำอย่างกับกูเป็นสัตว์เลี้ยงของมึง พอเชื่อฟังมึงก็จะให้รางวัล มึงคิดว่าของแค่นี้จะหลอกล่อกูได้เหรอภีม”

 

“กูลืมไปนี่ว่าถึงกูไม่ให้ ไอ้ต้นก็ให้มึงได้ คนอื่นก็ยอมให้มึงได้ ระหว่างที่รอกูถ้ามึงยังไปนอนกับคนอื่นเรื่อยๆ กูบอกไว้เลยว่าจะไม่ยอมนอนกับมึงเด็ดขาด”

 

มันเบ้ปากตัวเองก่อนจะพยักหน้ารับคำท้า

 

แต่คำท้ามึงนี่แปลกๆ นะปอ

 

“ก็ได้ๆ ต่อไปกูจะไม่นอกใจมึงแล้ว โอเคไหม” มันว่าพร้อมกับยิ้ม ยิ้มอะไรของมัน หรือมันกำลังคิดว่าผมหึงมันอยู่ ผมเบิกตาเมื่อนึกได้แล้วรีบแก้ตัวให้ตัวเอง

 

“มะ ไม่ใช่แบบนั้น กูหมายถึงกูไม่ชอบ…” ไม่ชอบอะไรวะ ไปต่อไม่ถูก ผมกัดฟันแน่นเมื่อมันยิ้มเหนือกว่าส่งมาให้ ในเมื่อจะแก้ตัวก็นึกไม่ออก ผมจึงเลือกที่จะเดินหนีเข้าห้องน้ำไปเฉยๆ เก็บอาการตัวเองไว้ซะบ้าง

 

ที่บอกว่าไม่ชอบ กูไม่ชอบใช้สามีร่วมกับคนอื่น

 

รอยยิ้มมันตอนเอาชนะผมได้โคตรบาดความรู้สึกเลย นี่ผมเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย

 

บางทีเหมือนผมจะควบคุมมันได้แต่บางทีก็เหมือนยากที่จะควบคุม ถ้าผมเป็นคนที่เปลี่ยนมันได้ละก็ หวังว่ามันจะได้เจออะไรใหม่ไม่ใช่ความน่าเบื่ออย่างเคย

 

ผมจะลองเสี่ยงกับมันสักตั้งวะ!

 

 

 

เจอกันตอนหน้านะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์(ที่ไม่คิดว่าจะมี) ขอบคุณค่า
 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 30-10-2014 17:10:48
ปอแม่งเลวว่ะ จัดกลับให้หนักเอาแม่งให้เจ็บ
จะได้หลาบจำ :z6:
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 30-10-2014 17:56:59
หนุกๆๆ ตามอ่านอยู่นะครับ  :hao3:
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 30-10-2014 18:01:07
 :hao5:
ยั่วมันเยอะๆ 55

แต่ว่าเพิ่มวันที่อัพกับชื่อตอนใหม่ด้วยก็ดีนะคะ
เข้าไปอีดิทหัวข้อแรกในแต่ละครั้งอ่ะค่ะ
จะได้รู้ว่ามาแล้ว  o13
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 30-10-2014 18:06:53
:hao5:
ยั่วมันเยอะๆ 55

แต่ว่าเพิ่มวันที่อัพกับชื่อตอนใหม่ด้วยก็ดีนะคะ
เข้าไปอีดิทหัวข้อแรกในแต่ละครั้งอ่ะค่ะ
จะได้รู้ว่ามาแล้ว  o13

ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำ เดี๋ยวจะใส่ในตอนถัดไปนะคะ
ความจริงจะมาอัพทุกวันน่ะค่ะ เห็นปุ๊บคือรู้เลยแหละว่ามาอัพแล้ว
 
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 30-10-2014 18:57:00
ไม่อยากให้ต้นคู่กับธาม.... - -* :katai1:
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ UPตอนที่ 6 **30/10/57**
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 30-10-2014 23:08:32
 

ตอนที่ 6

 

หืม…

 

ที่นี่มันที่ไหน เวลาเท่าไร ทำไมผมยังนอนอยู่ตรงนี้อยู่กันนะ

 

เสียงประตูถูกเปิดออกดังเข้าหูผมที่ยังนอนงัวเงียอยู่บนเตียง ผมลืมตาที่ยังหนักเพราะง่วงแล้วยกหัวไปดูนาฬิกา เป็นเวลาแปดโมงกว่า เห็นไอ้ปอกำลังแต่งตัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ มันเป็นคนที่มักตื่นก่อนผมตลอด ผมซุกหน้าลงกับหมอนและพริ้มตาหลับก่อน ได้ยินเสียงมันเดินไปมา รื้อข้าวของ คุยโทรศัพท์กับพ่อ แล้วก็บ่นว่าอากาศไม่ดี

 

ใช่ คงจะจริง เพราะตั้งแปดโมงแล้วฟ้ายังครึ้มบรรยากาศเหมือนเช้ามืดไม่มีผิดมันทำให้ผมขี้เกียจตื่นยังไงล่ะ ผมพลิกตัวนอนตะแคง รู้สึกถึงเตียงกระเพื่อม ร่างของไอ้ปอมาเขย่าตัวปลุกให้ตื่น

 

“ภีม ลุก…”

 

“ไม่เอาจะนอน” ผมว่าเสียงเครือกับหมอน มันล้มตัวลงนอนข้างหลัง เอื้อมมือบีบแก้มแกล้งพร้อมว่า

 

“สายแล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองรึไง?”

 

“เออ…ไปไกลๆ” ผมตอบพลางผลักมือมันออก มันเปลี่ยนจากแกล้งมาโน้มตัวเข้าหา กอดผมแน่น ผมร้องปรามมันเสียงดังเป็นเชิงไล่ ชั่วโมงนี้คือกูจะนอนว่ะ อย่ามารบกวนสมาธิกู

 

“ไอ้ขี้เซา พี่จะพาออกไปขับรถเล่น ขับมอเตอร์ไซต์เที่ยวเกาะน่ะ ไม่มีแดดแบบนี้ขับได้สบายเลยนะ” มันว่าพลางจับมือผมที่นอนหันหลังให้ เอานิ้วชี้นิ้วกลางทำเป็นปู้ไต่ปูไต่ พอเถอะกูไม่ใช่เด็กแล้ว แต่เออ ที่มันบอกมาก็น่าสนุกว่ะ ผมลืมตานิ่งรอฟังมันพูดต่อ

 

“ไม่อยากไปเหรอ ไหนๆ ก็มาเที่ยวด้วยกัน ไปกับพี่แบบสองต่อสองหน่อยก็ดีนะ”

 

ผมส่ายหัว มึงจะหาเรื่องหม่ำกูน่ะสิ “ไม่เอา”

 

“ภีม กูไปเช่ารถมาแล้วนะ มึงอย่ากวนตีน” มันเริ่มออกลายแล้วตามที่ผมเดาไว้ พูดเพราะกับผมไม่ถึงนาทีเหอะ ผมลืมตาแล้วดึงมือมันออกจากตัว

 

“มึงจะหาเรื่องบังคับเอากูปะละ ถ้าจะทำกูก็ไม่ไป” ผมว่า มันเกาหัวตัวเอง

 

“นี่มึงจะระแวงกูเกินไปแล้วนะ”

 

“ก็กูสู้แรงมึงไม่ได้นี่หว่า ถ้าจะให้กูไปขอกูพกมีดไปด้วยนะ” ผมว่า ถ้ามึงทำกูเมื่อไหร่จะจวกแม่งพรุนเลย มันหลุดยิ้มพลางโน้มหน้ามาจูบแก้ม ผมหยีตาทั้งยกมือมาถูแก้มตัวเองด้วยความขัดใจ ไอ้นี่มันปากว่ามือถึง

 

“ถึงขนาดจะฆ่ากูเลยเหรอหืม ไอ้ตัวดี ใครจะไปทำมึงกลางที่สาธารณะขนาดนั้น เห็นกูเอาไม่เลือกแต่กูก็ไม่ได้หน้าด้านขนาดนั้นนะ” ผมหันไปมองหน้ามันก่อนจะเลิกคิ้ว ก็จริงของมันแฮะ

 

“จะไปก็ลุกได้แล้ว” มันว่าพลางบีบแก้มทั้งสองข้างของผมด้วยมือเดียว นี่มึงเป็นอะไรกับแก้มกูมากปะวะ เห็นกูหล่อเข้าหน่อยไม่ได้ อิจฉาอยากทำหน้ากูเสียโฉม

 

“เอามือมึงออก รำคาญว่ะปอ” ผมว่าพางส่ายหน้าพร้อมกับมันที่ปล่อยและจะโน้มมาจูบ

 

“อย่า กูยังไม่แปรงฟันเลย อย่ามาทะลึ่งว่ะไอ้นี่” ผมว่าพลางดันหน้ามันออกไปด้วย

 

“ถ้ามึงยังนอนอยู่อย่างนี้กูก็จะกวนแบบนี้แหละ”

 

“อื้อ โอ้ยมันหนัก!” ขึ้นมาทับได้ ผมดันหน้ามันออกสุดแรงพร้อมกับมันที่หัวเราะที่ได้แกล้ง ไอ้นี่แม่งกวนตีน

 

“ลุกได้แล้วเดี๋ยวฝนจะตกนะ อื้อหือ…” มันว่าพลางกดปากจูบแก้มผมพร้อมกับร้องหน้าหื่นๆ ไปด้วย “แก้มเมียกูนี่หอมใช้ได้”

 

“ไอ้สัส!” ผมทุบไหล่มันว่า

 

“พูดเพราะๆ กับกูหน่อย เดี๋ยวกดแม่ง”

 

“ถ้ามึงทำกูอีกครั้งกูจะหนีไปจากมึง กูจะฆ่าตัวตาย กูจะเขียนใบลาตายลงเน็ตประจานมึงว่ากูตายเพราะมึงข่มขืนกู แม่ง!” ผมว่าพลางผลักมันใส่อารมณ์ตัวเองสุดฤทธ์

 

“ห้ามทำแบบนั้น กูยอมตั้งแต่มึงจะฆ่าตัวตายแล้ว อย่าโหดนักเลย”

 

“กูไม่ทำแน่ถ้ามึงไม่ใช้กำลังกับกูก่อน” ผมว่า

 

“มึงก็อย่าดื้อกับกูสิ มึงเป็นคนผิดนะ”

 

“ก็ได้ กูผิด แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มึงใช้กำลังกับกูมึงผิดนะไม่ว่ากูจะเริ่มก่อนรึไม่ก็ตาม” ผมยกนิ้วชี้ชี้ออกคำสั่งกับมันซึ่งนิ่งจ้องตาผม

 

มันพยักหน้ารับแฮะ

 

“เออๆ ไป…ไปอาบน้ำแต่งตัว” มันว่า ผมหยีหน้าอีกครั้งเมื่อมันฝังจมูกโด่งๆ ลงบนแก้มอีกที ผมทำจะง้างมือไปต่อยมันบอกว่าชักจะลามปามกูมากไปแล้ว ก่อนจะยอมลุกจากที่นอน มองกลับไปเห็นมันกำลังจัดที่นอนเข้าที่ โคตรจะพ่อบ้านไม่เข้ากับหน้าเลยสิน่า

 

ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวเพราะกลัวฝนตกแล้วจะไม่ได้ออกไปเที่ยว เดินออกมาจะแต่งตัวสวมเสื้อผ้าก็ไม่เห็นมันรออยู่ในห้อง ร่างกายรีบร้อนสวมเสื้อผ้าในชุดสบายๆ แล้วสางผมลวกๆ เดินออกจากห้องเพราะกลัวว่ามันจะหนีไปก่อน เห็นมันยืนจัดการเชครถแล้วหันมามองแล้วหลุดยิ้ม

 

ผมสวมรองเท้าแตะเป็นหูหนีบที่เดินไปซื้อเมื่อวานพร้อมกับมัน สวมเสื้อยืดสีดำกางเกงขาสั้น เหมือนกับมันแต่ชุดคนละสีเท่านั้นเอง เพียงแต่แค่มันสวมแว่นกันแดดก็หล่อบาดใจฝรั่งมังค่าแถวนี้แล้ว ทั้งๆ ที่ก็แต่งตัวเหมือนกันกับผมนั้นแหละ

 

ผมเดินไปหามันที่ก้มๆ เงยๆ กับรถแล้วหยุดก้มดูด้วย “ทำอะไรวะ?”

 

“ก็เชครถไง”

 

ผมพยักหน้ารับ มันยิ้มพลางมองหน้า ยกมือหนามาจัดผมให้อย่างเคย “จะรีบอะไรนักหนา ผมเผ้าไม่ยอมหวี กูไม่ทิ้งมึงไปคนเดียวหรอกน่า”

 

ผมแอบยิ้มเมื่อเห็นมันรู้ทัน “ก็กลัวมึงจะแกล้งกูไง หลอกให้กูแต่งตัวแล้วหนีไปเที่ยวกับเพื่อน”

 

“ก็บอกแล้วไงว่ากูไม่ไปกับเพื่อน กูจะไปกับมึง”

 

ผมพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มแก้เขินแล้วก้มมองรถไปด้วย มันเชคลม เชคเบรก เชคคันเร่งเหมือนรู้เกี่ยวด้านนี้ ไม่บอกไม่รู้เลยนะว่ามันเก่งเรื่องรถมอเตอร์ไซต์ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่รถยนต์ของมันที่ขับก็แสนแพง

 

“มึงเชคหมดทุกอย่างแล้วโอเคไม่ว่า แต่อย่าลืมเชคน้ำมันนะกูขอร้อง” ผมว่า ไม่งั้นมึงเข็นนะกูไม่ช่วยด้วยที่สะคัญ เพราะมึงคนชวนกูเอง

 

“เออ กูรู้น่า น้ำมันน่ะมีเต็มถังอยู่แล้ว”

 

“พี่ปอ จะไปไหนกันตั้งแต่เช้าครับ” ผมชะงัก มองไปเห็นไอ้ต้นที่กำลังเดินมาพร้อมกับยิ้มน่ารักๆ ให้ไอ้ปอที่เงยหน้าจากรถ

 

“อ๋อ พี่จะพาไอ้ภีมไปขับรถเล่นน่ะ” มันตอบ ผมเห็นสายตาของไอ้ต้นมันตื่นเต้น

 

“จริงเหรอครับ น่าอิจฉาจังที่พี่ปอตื่นตั้งแต่เช้าพาภีมไปเที่ยวด้วย ยอมตามใจภีมไปหมดเลย พี่ปอคงจะรักภีมมากแน่เลย” ผมกลืนน้ำลายและส่ายหน้า ทำไม่สายตามันเหมือนสมเพชผมอยู่ก็ไม่รู้ หรือกูเป็นคนมองคนในด้านลบมากไปวะ

 

ผมเกาหัวตัวเอง คงต้องปรับทัศนะคติหน่อยแล้วละมั้ง

 

“พี่เป็นคนปลุกชวนมันเองน่ะ อยากไปเที่ยวกับมันบ้าง” ผมมองไอ้ปอที่ว่าพลางยกยิ้มให้ไอ้ต้นอย่างเคย “เอ้อ แล้วไอ้ธามล่ะต้น?”

 

“อ๋อ พี่ธามยังไม่ตื่นเลยครับ คงสายๆ นั่นแหละ รายนั้นน่ะไม่เคยตื่นแต่เช้าซักทีหรอก ผมไม่มีเพื่อนคุยก็เลยกะจะมาหาภีม ทีนี้ภีมไม่อยู่คงเหงาแย่เลย” มันว่า

 

“อ้อ…” ไอ้ปอลากเสียงแล้วหันมาทางผม

 

“งั้น ต้นขอไปด้วยได้ไหมครับ?”

 

“คงไม่ได้หรอกต้น เราจะขับมอไซต์ไปกันน่ะ ถ้านั่งสามคนมันเบียดแล้วจะอันตราย ถ้าต้นอยากไปจริงๆ ก็ไปชวนพี่ธามแล้วขับตามเราไปนะ” ผมว่า

 

มันละรอยยิ้มตัวเองนิดหน่อยมองผม

 

“กะ ก็ได้”

 

เสียงมันผิดหวัง ละสายตาลงก้มมองพื้นแล้วเดินจากไป นี่ผมจะบาปไหมวะเนี่ย ดวงตาผมมองตามมัน รู้สึกผิดนะแต่ไม่อยากอึดอัดเวลาอยู่ใกล้มัน ผมยืนมุ่นคิ้วตัวเองพร้อมกันนั้นมือของไอ้ปอก็เอื้อมมาเขย่าหัวผมแกล้ง ผมหันขวับไปมองมันพร้อมกับว่า

 

“มึงจะชวนมันไปด้วยใช่ไหม?” มันเลิกคิ้วพร้อมกับแก้ตัว

 

“เปล่า กูจะชวนมันไปขัดจังหวะทำไม มาๆ ขึ้นรถได้แล้ว” มันว่าพลางยักไหล่ ดึงตัวผมมานั่งบนรถแล้วนั่งซ้อนท้าย เอ๊ะ หมายความว่าไง

 

ผมหันไปมองมันที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้แล้วถาม “มึงจะให้กูขับเหรอพี่ปอ?”

 

“ใช่ที่ไหน พี่จะขับเอง” มันว่าแล้วยกรถตั้งตรง ขาตั้งลอยขึ้นพร้อมกับความงงของผม เห้ยๆๆๆ ไม่เอานะเว้ย

 

เมื่อรับรู้ว่าตัวเองต้องมาอยู่ในท่าอันล่อแหลมแบบนี้ ผมหันไปร้องว่าโวยวายทันที “ไม่เอา กูจะนั่งข้างหลัง!”

 

คือมึงจะหื่นหัดเลือกเวลาและสถานที่ซะบ้าง กูอยากร้องไห้!

 

“ไม่ให้นั่ง จะให้นั่งกตรงนี้”

 

โอยแม่งจะได้ไปไหมวะวันนี้

 

ผมตีแขนมันด้วยความขัดใจเมื่อมันสตาร์ทรถซึ่งเป็นเกียร์ออโตเมติกแล้วพาผมออกมา ท่ามกลางหลายสายตาของคนที่มองมายังร่างของเรา คิดดูสิว่าผมต้องนั่งข้างหน้ามันที่เป็นคนขับ ผู้ชายสองคนนั่งถูกันบนรถมอเตอร์ไซต์ ผมโคตรอายเลยเว้ย!

 

“ห้ามเบรกแรงๆ นะมึง ไอ้ทะลึ่ง” ผมก้มหน้าตัวเองว่าด้วยความที่หนังหน้าบางไม่ด้านเหมือนมันที่ลอยหน้าลอยตาสบายใจเฉิบไง เสียงมันหัวเราะจากด้านหลัง

 

“หึ แบบนี้เหรอ” ว่าแล้วมันก็เบรก ผมร้องปรามมันเสียงดังเมื่อหน้าอกของมันชนหลัง แถมข้างล่างก็เบียดแนบเนื้อขนาดนี้ โอยขนลุกเลยสัส!

 

“บอกว่าอย่าเบรก!”

 

“ไม่ให้เบรกเหรอ หรือให้เบรกอีก?” มันว่าพลางทำอีกรอบตั้งใจจะกวนตีนแน่แหละแบบนี้ ผมรีบหันไปร้องว่า

 

“ไอ้ปอ! ไอ้นิสัยเสีย กูบอกว่าอย่าเบรก”

 

“เบรกอีกเหรอ ทะลึ่งนะเราเนี่ย” ผมเก็บความโมโหตัวเองไม่ให้มันสนุกมากไปกว่าเดิม มือก็ตีแขนมันระบายอารมณ์ไปด้วย คิดได้ไงว่ากูอยากให้มึงเบรกเอาไอ้นั่นมาเบียดก้นซิงๆ ของตัวเอง ไอ้หื่นเอ๊ย!

 

“เออ เบรกอีก เบรกมาแรงๆ เลยไอ้…” ผมว่าประชด

 

“จะยั่วกูเหรอ?”

 

ไอ้เวรเอ๊ย ผมยกมือปัดผมที่ลมพัดมาระหน้า ไม่เถียงกับมันแล้ว เปลืองน้ำลาย เก็บไว้อมให้มันบูดยังจะดีกว่าอีก

 

สักพัก มันพาผมออกนอกเมืองมาได้ เริ่มจะไม่อายคนแล้วเพราะไม่มีใครเห็น จากที่ผมก้มหน้าก็เงยมามองวิวด้านนอก ก่อนจะว่ากับมัน “ห้ามขับเร็วนะปอ เกิดเป็นอะไรขึ้นมากูแหลกเลยนะ” ก็นั่งท่านี้อะ

 

“อืม กูรู้น่า” มันตอบพลางปล่อยมือข้างหนึ่งมากอดเอวผม ผมเงยไปมองหน้ามันด้วยความขัดใจ “นี่มึงฟังกูบ้างไหมเนี่ย!”

 

“ก็นี่ไง สายเบลล์” มันว่าพร้อมกับยิ้มแล้วก้มหน้ามาจูบแก้มผมอีก จะหื่นแม่งไม่รู้เวลาเลย ผมขมวดคิ้วตัวเองมองทางต่อหน้า ใบหน้าของมันตอนลมพัดผมจนเปิดกว้างห็นโครงหน้าชัดเจน

 

ยอมรับเลยมันโคตรหล่อ

 

“ภีมหัวเถิก” มันว่าฝ่าความเงียบ ผมเงยมองหน้ามันก่อนจะเถียง

 

“ไม่เห็นเถิก เนี่ยๆ” ผมชี้หน้าผากตัวเอง “เขาเรียกว่าหน้าผากรับทรัพย์”

 

“อ้อเหรอ เห็นอยู่ชัดๆ” มันว่า

 

“แหม ไอ้หล่อ ไอ้เทพบุตร” ผมว่าแขวะพลางยกยิ้ม

 

“ของมันแน่นอนอยู่แล้ว กูไม่หล่อมึงคงไม่หึงกูหรอก” ผมเงยไปมองมันอีกด้วยความขัดใจ หยิกต้นขามันไปที

 

“เฮ้ย! เดี๋ยวรถก็ล้มหรอก” มันร้องว่า

 

ผมแอบยิ้มก่อนจะมองออกไปด้านหน้ารับลม มันขับไม่เร็วทว่าลมตีหน้าแทบชาไม่รู้สึกอะไร กลายเป็นคนหน้าด้านขึ้นมาทันที ก็ลมทะเลมันเย็นและแรง

 

แต่ไม่เถียงเลยว่าโคตรสดชื่น

 

ปอมันพาผมมาริมหาดนอกเมืองที่ไม่มีใครเลย มันจอดรถแล้วพาผมเดินลงไปเล่นน้ำที่ซัดมายังทรายสีขาวละเอียด ผมเดินย่างเท้าไปเรื่อยๆ แล้วก้มมองน้ำที่ใสสะอาดไปด้วยความตื่นเต้น ไม่เคยออกมาเที่ยวนอกสายตาพ่อแม่เท่าไร

 

“ปอ นั่นแมงกะพรุนใช่ไหม เห้ยแมงกะพรุนตัวเองเสียงจริงเลยว่ะ” ผมร้องว่าพลางรีบวิ่งไปดู

 

“อย่าไปจับมันนะ มันมีพิษ”

 

ผมก้มลงเอาไม้เขี่ย มันเป็นตัวที่น่าจะตายใหม่ๆ แล้วมาเกยตื้นที่นี่ ว่าแล้วผมก็วิ่งออกไปมองในน้ำ อยากเห็นตัวเป็นๆ ของมัน ท่ามกลางสายตาของไอ้ปอที่ยืนเฝ้าควบคุมอยู่นั่นแหละ แต่ผมคิดเสมอว่าวันนี้มันน่าจะตามใจผม เพราะมันบอกเองว่าจะพาผมมาเที่ยวนี่นา

 

วันนี้กูปล่อยผีสุดๆ ละ

 

“นั่นๆ ปอ มันยังไม่ตาย” ชี้ไปยังตัวแมงกะพรุนที่ว่ายอยู่ในน้ำ พอหาไปอีกทีก็มีเยอะไปหมด ผมได้แต่มองด้วยความตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นมันแบบใกล้ชิด รีบวิ่งไปขอโทรศัพท์มาถ่ายรูปไว้ทันที

 

“ขอยืมโทรศัพท์หน่อย” ผมว่าพลางแบมือ มันล้วงแล้วหยิบให้ ผมยิ้มร่ารีบวิ่งไปจับภาพแมงกะพรุนในน้ำแล้ววิ่งเอามาอวดมันทันที

 

“มึงห้ามทำของกูตกน้ำนะ” มันร้องตาม เอาซะอยากแกล้งทำตกให้รู้แล้วรู้รอดไปแม่ง

 

“มึงว่าสวยมั้ย กูไม่หล่ออย่างเดียวนะโคตรเก่งอะถ่ายมาได้ด้วย” ผมว่าพร้อมกับยิ้มและมองรูปที่ตัวเองเป็นคนถ่าย ใบหน้าเอียงไปเล็กน้อยเมื่อถูกคนข้างๆ โน้มหน้ามาหอมแก้ม ผมลืมไปเสียสนิท ลืมด่า ลืมต่อว่าเวลามันกอดหอม จูบ ผมลืมขัดขืนมันไปเลย เพราะมันเองก็ไม่ได้จะทำมากไปกว่านี้

 

มันพาผมขับรถออกไปอีก ดวงตาผมพริ้มรับลมต่อหน้าพลางเอนหัวพิงหน้าอกของคนขับ มือของมันยังกอดผมไว้แน่น วันนี้ผมกับมันยังไม่ได้ทะเลาะกันเลย(ถ้าไม่นับตอนก่อนมานะ หึหึ) ผมเงยหน้ามองมันขณะที่มันมองถนน ทำไมมุมนี้มันหล่อจังวะ

 

แม่งโคตรน่ารัก ไอ้หล่ออย่างเดียว ไม่มีไรดีสักอย่าง หล่อไปวันๆ ไม่ทำบ้าอะไรเลย หล่อจนกูอิจฉา

 

 

ใจผมหายเมื่อมันพาเลาะหน้าผาสูงชัน สายตาที่มองชัดๆ เริ่มพร่าเลือนและดูลายตาชวนมึนหัวไปหมด ผมหลับตาตัวเองไม่กล้ามองลงไปด้านล่างและไม่กล้าบอกมันว่าตัวเองกลัวความสูงสักแค่ไหน นี่มึงจะพากูมาฆาตรกรรมอำพรางคดีเหรอมาซะสูงขนาดนี้ ตกไปกูเละแน่

 

ผมกลัวมันหัวเราะที่รู้ว่าผมกลัวความสูงและแกล้งผลักผม พยายามอวดเก่งลืมตาเมื่อมันจอดรถ ขาที่ว่าดีๆ มันสั่นและไม่มีแรงขึ้นมาเสียเฉยๆ เมื่อมันพามายังตรงนี้ ยอดบนสุดของหน้าผา

 

ปอมันลงจากรถและดึงมึอผมให้ลงไปเช่นกัน เข่าผมทรุดมานั่งกับพื้น ตาลายและใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ลมจะโชยให้ใจเย็นก็ตาม แต่ภาพความสูงเบื้องหน้าไม่ทำให้ผมหายกลัวได้เลย

 

“มาสิภีม ไม่ต้องกลัว มันออกจะสวยนะมึง”

 

ผมส่ายหน้า กลัวตัวเองตาลายแล้วเดินเซตกไปจากหน้าผา ผมเห็นไอ้ปอเดินนำออกไปสูดอากาศริมตรงนั้น ใจก็หายไปเฉยๆ มันยืนเหมือนไม่รู้สึกรู้สา ก่อนจะหันมายิ้มให้และเดินเข้ามาจับมือผมดึงให้ลุกขึ้น

 

“มาเร็ว มาถ่ายรูปสิ ที่นี่สวยนะ” มันว่า ผมส่ายหน้า

 

“ไม่เอา น่ากลัวจะตาย”

 

“ไม่เลยภีม พี่จะจับมือภีมไว้เอง” ผมส่ายหน้าพลางดึงมือกลับ

 

“มึงชอบแกล้งกู”

 

“ไม่แกล้งจริงๆ มา พี่จะพาไปดู” ผมส่ายหน้า ปอมันไม่จับมือเหมือนเมื่อครู่ มันกอดเอวผมจากด้านหลัง ดันตัวผมให้ค่อยๆ ก้าวออกไป “ถ้าภีมตกพี่ก็ตกไปด้วย”

 

เออ ค่อยโล่ง กูตายมึงก็ตายพร้อมกู จะได้เจ๊ากัน

 

ผมพยักหน้ารับและกอดแขนที่มันกอดเอวผมไว้แน่น รู้สึกถึงความเชื่อใจที่มันส่งมา ดวงตาพยายามลืมออกไปและมองภาพต่อหน้า

 

เชี่ย! ใจผมหายและสะดุ้งเฮือกเมื่อมันยังไม่หายจากอาการตาลาย ผมกอดแขนปอแน่นพร้อมกับหันหน้าไปซุกหน้าอกใจเต้นตุบๆๆๆ แทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว

 

“ปอ อย่าปล่อยกูนะ ห้ามปล่อยกู!” ผมร้องว่าสุดเสียง

 

มันนิ่งฟังผมและก้มลงจูบแก้ม แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงรู้สึกได้ว่ามันเป็นคำตอบของมัน ผมละใบหน้ามาด้านหน้าของตัวเอง ค่อยๆ ลืมตาและกระพริบให้มันหายพร่าเลือน และมันก็หายจริงๆ ดวงตานิ่งมองภาพต่อหน้าก่อนจะผวาเมื่อมันปล่อยมือ ผมกำมือมันดึงมาโอบรัดเอวเหมือนเดิมพร้อมร้องว่ามันไปด้วย

 

“บอกว่าอย่าปล่อยไง!”

 

ใจกูหายเลยนะเมื่อกี้

 

“พี่แค่จะเอาโทรศัพท์มาถ่ายรูป มือนี้ก็กอดอยู่เห็นไหม?” มันว่าแล้วละมือหนึ่งข้างไปล้วงกระเป๋า ยกโทรศัพท์ขึ้นมากด ผมก้มลงไปด้านล่างมองลายน้ำที่ถูกลมพัด กระชับมือมันมากอดตัวเองให้แน่นที่สุด หันมาอีกทีมันก็ถ่ายแล้ว ถ่ายตอนที่ผมบังคับให้มันกอดผมไว้นั้นแหละ

 

ผมเงยมองมันด้วยความขัดใจ ก่อนจะชะงักเมื่อมันโน้มมาจูบปากพร้อมกับกดโทรศัพท์ถ่ายรูป ได้หลายชอตเลยเหอะ ผมไม่กล้าดื้อเดี๋ยวแม่งถีบผมตกหน้าผา

 

“น่ารักมาก” มันว่าพลางมองโทรศัพท์

 

“อย่าเอารูปนี้ให้ใครดูนะปอ ลบออก”

 

“แต่กูชอบรูปนี้” มันว่า ผมส่ายหน้าไม่ยอม มันยกยิ้มพลางมองรูบตอนที่ผมบังคับให้มันกอดผมแน่นๆ ด้วยใบหน้าที่ผมยังไม่เคยเห็นตัวเองทำมาก่อน

 

ราวกับคนเอาแต่ใจ

 

“รูปนี้มึงเหมือนบังคับให้กูรักมึงคนเดียวเลย” มันว่าแล้วก็กดแชร์ ผมเบิกตาพลางส่ายหน้า

 

“ไม่เอารูปนี้ ห้ามๆๆๆ” มันยิ้มและไม่ฟังผม ก้มมาจูบแก้มซ้ำๆ ราวกับจะแกล้ง ผมยกมือเช็ดแก้มตัวเองพลางขมวดคิ้วกับตัวเองที่สิ้นฤทธิ์ไปเฉยๆ เมื่อไหร่มันจะพาผมออกไปจากตรงนี้วะเนี่ย

 

ผมกอดมือมันแน่นพร้อมกับใจที่เต้นตึกตัก แหงนหน้ามองมันที่ก้มลงมามองผมอยู่เช่นกัน ผมไม่เข้าใจความหมายในแววตาของมัน เพียงแค่รู้ว่าสึกว่า

 

“พากูกลับเข้าไปได้ยัง?” ผมถามเงียบๆ มันส่ายหน้า

 

“จูบกูก่อนสิ”

 

“ไม่” มึงอย่ามามีข้อแม้กับกู ผมตอบคำเดียวแล้วละสายตาหนีใบหน้าอยากเอาชนะของมัน ก่อนจะรู้สึกถึงแรงดันของสมองที่อยากจะเป็นลมกับความสูงตรงหน้า

 

ผมเขย่งเท้าขึ้นไปจูบแก้มมันทีหนึ่งแล้วขมวดคิ้วแน่นเมื่อมันส่ายหน้า “ไม่ใช่จูบแบบนี้ จูบที่ปาก”

 

“เรื่องมากว่ะปอ” ผมว่าพลางเขย่งเท้าขึ้นไปจูบปากมันแล้วละหน้าออก

 

“ไม่ใช่จูบแบบนี้ จูบแบบเมื่อวานน่ะ”

 

“โอ๊ยปอ ถ้าจะเอาแบบนั้นมึงมาเล่นท่ายากบนนี้เลยเหอะ” ผมร้องว่าด้วยความขัดใจ มันพยักหน้าตอบแบบที่กวนตีนที่สุดในโลก

 

แม่งเอ๊ย! ผมเม้มปากตัวเองแน่นแล้วดึงค้นตอมันลงมาหา อ้าปากตัวเองแนบปากจูบกับมันด้วยความเบา เสียงริมฝีปากเราบดเบียดกันนานอยู่ครู่ก่อนผมจะละต้นคอนั้นและหยุดขยับริมฝีปากตัวเองผละใบหน้าออกมามองตามัน

 

“พอยัง?” เชี่ย ทำไมกูต้องถามมึงด้วยคำแบบนี้ด้วยวะเนี่ย!

 

“โคตรพอเลย” ว่าแล้วก็ถอยหลังตามหลังมันที่พาผมเดินกลับมายังรถเหมือนมันถูกรีโมทคอนโทรลอย่างนั้น มันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับมือถือตัวเอง ผมมองไปยังมันก่อนจะมองท้องฟ้าที่เริ่มจะครึ้มขึ้นเรื่อยๆ

 

“ปอ กลับกันเถอะ”

 

“เดี๋ยวสิ กินแซนวิชที่กูเอามาก่อน” มันว่า

 

“ไหนล่ะ”

 

“อยู่ใต้เบาะรถ เอามากินสิ นี่มันเที่ยงแล้วนะ” มันว่าพลางก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ตัวเอง ผมหยิบของออกมาจากรถ มีผ้าสำหรับปุนั่งและกล่องแซนวิชขนาดพออิ่มของเราสองคน นี่ไอ้ปอมันเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนได้เลยนะเนี่ย

 

เดี๋ยวๆๆ แม่งไม่ได้ทำเองชัวร์

 

ผมจัดการของเสร็จสรรพ ร่างของมันก็เดินมาทรุดตัวนอนหนุนตักเหมือนเคย ผมก้มมองมันก่อนจะกัดแซนวิชกินไปด้วยความหิวเพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง มี่อารมณ์ด่ามัน และความหิวมันทำให้ผมแน่นหน้าอก ผมกลืนทุกอย่างลงคอแล้วรู้สึกหายใจไม่ออก

 

“ปอ น้ำอยู่ไหน?” ผมว่าพลางทุบหน้าอกตัวเอง มันเงยมามองแล้วหัวเราะ

 

“ไอ้ตะกละเอ๊ย!”

 

“น้ำอยู่ไหนเล่า!” ผมร้องว่า มันลุกไปหยิบมาพร้อมกับแกะให้เสร็จสรรพ ผมยกขึ้นกระเดือกพร้อมกับสูดหายใจด้วยความโล่งอกที่ไม่ขาดใจตาย ไม่สนไอ้ปอที่นั่งขำกับสีหน้าตอนนี้

 

“โห แฟนกูเกือบตายเพราะหิวข้าว” มันว่า ผมมุ่นหน้าตัวเองเถียง

 

“ก็ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่หว่า”

 

มันยกยิ้มกับตัวเองพลางยกมือขึ้นมากสอดนิ้วมือกับผมอีกครั้ง เป็นความประหลาดใจที่มันมักจะแสดงท่าทีกับผมแบบนี้เสมอ ไม่รู้ว่ากับคนก่อนๆ มันทำไหม แต่มันเรียกความน่าประหลาดแก่ใจให้ผมมาก

 

“วันนี้สนุกไหม?” มันถาม ผมละสายตาไปทางอื่น

 

“ก็ งั้นๆ แหละ”

 

เปล่าเลยกูเก๊กเฉยๆ

 

“งั้นๆ เหรอ กูเห็นมึงยิ้มหน้าบานอยู่คนเดียวเลย” มันว่า ผมอ้าปากค้างเถียง แต่เถียงไม่ออก เพราะวันนี้ผมสนุกมากจริงๆ ปอมันไม่หาเรื่องจะนอนกับผมและผมกับมันก็ไม่ได้ทะเลาะกัน

 

แต่กลัวกลับไปมันจะเป็นเหมือนเดิมน่ะสิ คิดได้แล้วอย่างนั้น ผมว่าผมควรพูดอะไรซักอย่างกับมันหน่อย

 

“พี่ปอ…”

 

ผมว่าฝ่าความเงียบ มันเงยหน้ามามองนิ่งราวกับเป็นการตอบว่ากำลังตั้งใจฟัง ผมละสายตาไปทางอื่นแก้เขินก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณนะที่พาภีมมา”

 

มันยิ้ม “เออ รู้จักขอบคุณแบบนี้ค่อยอยากพาไปไหนมาไหนหน่อย”

 

“มึงแม่งชอบกวนตีนว่ะ” กูอุตส่าห์ทำใจพูดตั้งนานมึงตอบกูมาแบบนี้ มันยกยิ้มเมื่อเห็นผมต่อว่ามันออกไปแบบนั้น แววตามันไม่เหมือนเมื่อก่อน ตอนที่ผมเจอมันแรกๆ เลย

 

รึมึงสร้างภาพเฉยๆ หาไอ้ปอ!

 

“ตอนที่มึงบอกกูว่าอย่าปล่อย กูรู้สึกเหมือนมึงขอร้องกูเรื่องอื่นเลย” มันว่า ผมเลิกคิ้วหันไปมองมัน

 

“เรื่องไหน?”

 

“เหมือนมึงไม่อยากให้กูเลิกกับมึง มึงไม่อยากให้กูปล่อยมึงไปเหรอ?” มันว่า พลางเอื้อมมือมาแตะแก้มของผม ผมชะงักนิ่งมองใบหน้าของมันที่แสดงถึงความจริงจัง ก่อนที่จะเลือกละสายตาหนีไปทางอื่น

 

“อะไรของมึงวะปอ เล่นมุกโคตรจะฝืด” ผมว่าพลางแสร้งยิ้ม

 

“มึงดูหน้ากูสิว่าเล่นอยู่เหรอ?”

 

ผมละรอยยิ้มมองมัน ก่อนจะอึกอัก “กูเปล่าซะหน่อย กูก็แค่กลัวตกแล้วขอให้มึงจับกูไว้แน่นๆ แค่นั้นเองนะ ก็แค่กลัวมึงจะแกล้งกู ถ้ากูไม่พูดแบบนั้นมึงก็ถีบกูตกหน้าผาตายน่ะสิ”

 

มันพยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ปะ กลับกันเถอะลมแรงแล้ว ฝนกำลังจะตก”

 

ผมลุกขึ้นยืนเก็บของใส่ใต้เบาะรถกลัวฝนตกมากลางทางแล้วจะเปียก อยากตบกบาลตัวเอง ความจริงผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนที่ตัวเองพูดคำเมื่อกี้ออกมามันรู้สึกอย่างไรแน่ แต่สิ่งเดียวที่เป็นอยู่คือผมไม่อยากให้มันปล่อยมือจากตัวผมอย่างเช่นที่ตะโกนบังคับมัน

 

อย่างอื่นนึกไม่ถึงเลย

 

ผมควรบอกมันตรงๆ ว่าผมกำลังจะเล่นของใส่มัน กำลังจะทำให้มันรักมันหลงแล้วก็เปลี่ยนมัน

 

เออว่ะ ถ้าบอกมันก็ไม่ยอมทำตามความต้องการกูนี่หว่า นี่กูคิดบ้าไรอยู่วะเนี่ย!

 

 

 

 

เป็นไงบ้างสนุกกันไหมเอ่ย ที่มาลงสองตอนไม่ใช่อะไรหรอก อยากให้อ่านโมเม้นต์นี้ของอิพี่ปอว่ามันก็มี ว่ามันก็เออน่ะ ไม่สักแต่เจ้าชู้อย่างเดียว มันเอาใจเมียก็เป็นอยู่ นี่ขนาดน้องยังไม่ตกถึงท้องนะเนี่ย 55555 แล้วตอนนี้ก็เป็นช่วงชิลๆ ด้วย ไม่ได้ค่อยมีปมมา ออกแนวตอนเซอร์วิสแฟนขลับมากกว่า เรียกได้ว่าเป็นตอนกระชับความสัมพันธ์พระเอกนายเอกแล้วกัน เนอะๆ


คิดไหมว่าปอมีอะไรอยู่ในใจ แต่ใจภีมเรารู้แล้ว มันแอบหวั่นไหวและอยากเอาชนะไปพร้อมกัน เอาล่ะ หนูนาจะมาบอกว่าคราวหน้าเรื่องก็จะเริ่มแล้ว เริ่มอินุงตุงนังนิดนึง ชอบนักล่ะทำรีดเดอร์ปวดหัวน่ะ อิอิ

ปล คู่ต้นธาม3P นะคะ ยังไม่เปิดตัวอีกหนึ่งคน



 

 
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ UPตอนที่ 6 **30/10/57**
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-10-2014 23:52:08
อย่างนี้รับไม่ไหวแน่ๆ อะไรกันเอากันให้เห็นต่อหน้าแล้วก็ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเนี่ยน่ะ แถมแฟนของเพื่อนตัวเองอีกต่างหาก เลวทั้งคู่!!!
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ UPตอนที่ 6 **30/10/57**
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 31-10-2014 00:10:40
ชอบตอนถ่ายรูป55
โคตรปลาหมึกเลยปอ
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 7 Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 31-10-2014 13:34:45
 

ตอนที่ 7

Part 1

 

เสียงรถมอเตอร์ไซต์ดังมาตามทาง

 

ลมแรงขึ้นจริงๆ ฟ้าเริ่มมืดสลัวขึ้นมา ปอมันให้ผมนั่งกอดมันจากด้านหลังเพราะจะได้ขับถึงรีสอร์ทไวๆ อีกทั้งผมตั้งใจจะนั่งอยู่แล้ว ขืนนั่งท่านั้นกลับไปมีหวังได้อายอีกรอบ ผมกอดมันแน่นเมื่อหยาดฝนปรอยลงมาพร้อมกับลมกรรโชกแรง ยังดีที่ปอมันพาลงจากผาสูงๆ มาได้แล้ว เหลือแค่ทางนอกเมืองที่ต้องขับเข้าไป และทางก็ลาดยางไว้ใหม่เอี่ยมขับรถได้ง่าย

 

ดวงตามองออกไปเห็นฟ้าสว่างวาบตามมาด้วยเสียงดังครืนๆ ขู่พวกเรา หยาดฝนใหญ่น้อยสาดลงมาพร้อมกับลมแรงที่แทบจะพัดผมกับมันลอยได้ น่ากลัวชิบ!

 

มือข้างหนึ่งของมันยกมาป้องเม็ดฝนที่ตกมากระทบใบหน้า ดูขนาดของเม็ดน้ำแล้วมันเจ็บนะ ส่วนไอ้ผมก็ยกผ้าที่ใช้ปูนั่งตอนกินข้าวมาคลุมหัว ก็สงสารมันอยู่หรอกแต่มันก็ตัวโต ก็แค่เม็ดฝนเล็กๆ จะไปทำอะไรผู้ชายตัวถึกๆ อย่างมันได้ อีกทั้งเป็นเป็นคนออกคำสั่งให้ผมเอาคลุมหัวไว้เองอีกต่างหาก

 

มันใจดีแบบนี้ผมคงขัดใจไม่ได้ มือกำผ้าและแนบหน้ากับหลังอุ่นๆ ของมัน เสียงลม เสียงฝน เสียงฟ้าดังระลอกแล้วระลอกเล่า ผมมองไม่เห็นทางทว่ารู้สึกว่าปอมันคงช่วยพาผมให้ไปที่ปลอดภัยได้

 

ผมเชื่อมันนะ

 

“อา แม่งฝนตกแรงแล้ว”

 

มันร้องว่า รู้สึกถึงความเปียกที่ไหลซึมมาจากผ้าบนหัว เสียงฟ้าร้องทำเอาผมสะดุ้ง ร่างกายรู้สึกเย็นวาบเมื่อน้ำซึมเข้ามาจากด้านหลัง ไม่ต้องถามถึงไอ้ปอว่ามันเปียกไหม ตัวมันเปียกไปหมดแล้ว

 

เสียงฟ้าร้องครืนใหญ่ ผมกำเสื้อมันแน่น ไม่ชอบช่วงท้องฟ้าคึกคะนองแบบนี้เลยวุ้ย

 

“ปอ แวะหลบก่อนไหม?” ผมร้องว่า

 

“หลบไม่ได้ ไม่มีร่มเลย มีแต่ต้นไม้”

 

“กูกลัวฟ้า” ผมว่าพลางซุกบนหลังอุ่นๆ ของมันที่ยังไม่ทันได้เปียก

 

“รอหน่อยนะภีม เดี๋ยวก็ถึง”

 

ก็บอกว่ากลัว ขับรถตอนฝนตกแบบนี้มันอันตรายนะเว้ย ถึงจะบอกว่าเชื่อใจมันก็เหอะ

 

“จอดก่อนปอ”

 

“ไม่ได้ เดี๋ยวมึงตากฝนนานๆ ก็ไม่สบายอีก”

 

ห่วงแต่กูอยู่นั่นแหละ ผมหลับตาผ่อนปรนอารมณ์ไม่งี่เง่ากับมันให้โดนรำคาญอีก ความหนาวเย็นเข้ามาสู่ร่างกาย ไม่ต้องบอกเลยว่าปอมันจะหนาวไหม ห่วงแต่ผม ดูสภาพมันตอนนี้สิ เห็นแบบนี้ผมก็รู้สึกผิดนะถ้ามันเกิดไม่สบายขึ้นมา

 

“ถึงหาดแล้วภีม…”

 

เปรี้ยง!

 

“เฮ้ย!”

 

ผมสะดุ้งภายใต้ผ้า พร้อมกันนั้นรู้สึกถึงรถที่มันถไลเสียการทรงตัวจนร่างของผมหลุดกลิ้งหลุนๆ ลงพื้นถนนหลายรอบ รู้สึกเจ็บขามาก แต่ยังดีเพราะผ้าคลุมหัวตัวส่วนบนอยู่ ร่างกายผมจึงไม่ถลอกนัก ใจผมหายวาบพร้อมกับพยายามลุกขึ้นนั่งแต่รู้สึกเจ็บขา มือก็ดึงผ้าที่คลุมหน้าออกด้วยความเจ็บปวด ดวงตาผมมองขาซึ่งมีเลือดอาบลงไปจนถึงข้อเท้า แผลใหญ่เอาการเลย โคตรเจ็บ!

 

ผมรู้สึกตาลายเพราะเห็นเลือดอาบขาตัวเองเยอะมาก โอย…รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ อารมณ์อยากงี่เง่าก็เริ่มขึ้น นี่จะมาร้องไห้งอแงอะไรตอนนี้วะ

 

ปอมันขับรถยังไงของมันวะ

 

“ปอ ทำไมมึงขับรถแบบ…” ผมเงยมองมัน เห็นควันลอยออกมาจากรถที่ชนกับต้นไม้ซึ่งล้มลงมาขวางทาง

 

ใจหายเมื่อไม่เห็นร่างของมันอยู่ที่รถ ที่เกิดขึ้นมันคืออุบัติเหตุและทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผมไม่ควรโทษมัน แต่ว่าปอมันอยู่ไหน ตอนนี้มันอยู่ไหน!

 

“ปอ…”

 

ผมร้องว่า ใจหายขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงมัน ผมพาร่างของตัวเองลุกขึ้นเดินกระเผลกไปยังรถที่ล้มหน้าต้นไม้ต้นใหญ่นั้น เจ็บขาแต่สิ่งที่ทำให้ผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่เพราะมัน

 

ผมหามันไม่เจอ!

 

“ปอ! อยู่ไหน” ผมร้องว่า น้ำตาอาบแก้มของผมเมื่อเห็นร่างของมันนอนอยู่ฝั่งตรงข้ามของรถ อีกฝั่งของต้นไม้ เลือดอาบหน้าและแขนของมันก็หักไปผิดรูปด้วย

 

ใจผมสั่นหวิวเมื่อเห็นมันหลับตาเลือดอาบไปทั้งหน้า อย่าตายนะมึง!

 

“พี่ปอ! พี่ปอ!”

 

ผมลืมไปเลยว่าตัวเองเจ็บขา เมื่อตอนนี้ได้เห็นว่ามันเจ็บมากกว่าผมหลายเท่า น้ำตาผมไหลไม่หยุดพร้อมกับวิ่งข้ามต้นไม้ไปหามันอย่างลืมเจ็บและทุลักทุเลไม่น้อย มือสั่นระริกผมขยับกอดคอพยุงมันขึ้นนั่ง ให้ตายสิผมกลัวแขนมัน อารมณ์อยากเป็นลมก็ตีอกขึ้นมาอยากจะอาเจียนเพราะเลือดคาวๆ ที่ฟุ้งเข้าจมูก เป็นห่วงมันก็เป็นห่วง

 

ใจผมเต้นตึกๆๆๆ แทบจะทะลุออกจากอก

 

“อั่ก…ภีม” มันร้องว่าพลางแสดงถึงความเจ็บที่แขน ตัวผมสั่นไปหมดไม่เคยเห็นเลือดเยอะขนาดนี้มาก่อน

 

อย่าเป็นอะไรนะปอ

 

ผมกลัว…

 

“ปอ ทนก่อนนะ” ผมกลั้นสะอื้นว่า มือยกผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเลือดที่เปื้อนหน้าให้ มองแผลที่เหวอะบนตีนผมของมันแล้วน้ำตาก็ไหลไม่หยุด สงสารมันจับใจ

 

“พี่ขอโทษนะ เจ็บตรงไหนไหม?”

 

“ไม่ต้องมาพูดเลย!” ผมร้องว่าพลางกอดมันแน่น ทำหน้าเหมือนโกรธมันจะตายแต่โคตรเป็นห่วง “ตัวเองเจ็บอยู่ยังจะมาพูดดีอีก รอก่อนนะปอ กูจะไปตามคนมาช่วย”

 

มันยิ้มนิดๆ ว่า “กูแค่แขนหักภีม กูห่วงว่ามึงจะเจ็บ อะ…”

 

“ไม่เอา เลิกพูดเลยปอ กูได้ยินเสียงรถมาเดี๋ยวจะไปขอให้เขามาช่วย รอตรงนี้นะ”

 

มันพยักหน้ารับนิดๆ ก่อนจะหยีหน้าเมื่อผมวางมันลงกับพื้นอย่างเดิม ร่างที่เปรอะไปด้วยเลือดของผมวิ่งไปยืนดักรอรถคันนั้น หันกลับไปมองมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความร้อนรน ผมไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ไม่เคยห่วงใครขนาดมาก่อนเลยในชีวิต

 

ข้างหน้าที่รถแล่นมาช้าๆ เป็นรถปิ๊กอัพที่แล่นตรงมายังฝั่งในเมือง ผมกระโดดโบกมือและร้องขอให้เขาช่วยไปด้วย

 

“ช่วยด้วยครับพี่ ช่วยด้วย…” เมื่อรถจอด เขาเปิดกระจกออกมา เป็นผู้หญิงอายุเกือบๆ สามสิบแสดงความตกอกตกใจ

 

“น้องเป็นอะไรรึเปล่าคะ!”

 

“ต้นไม้ล้มใส่เราครับ”

 

“ตายจริง ไหนๆ เป็นอะไรกันรึเปล่า”

 

“ผมแค่เจ็บขา แต่เพื่อนผมเขาแขนหัก ช่วยพาเพื่อนผมไปโรงพยาบาลหน่อยนะครับพี่ ผมขอร้อง” ผมยกมือไหว้พาลงหันหลังกลับไปมองไอ้ปอที่นอนอยู่ เธอพยักหน้ารับก่อนจะตอบ

 

“อย่าไหว้พี่เลยค่ะ พี่ต้องช่วยน้องอยู่แล้ว แต่บนเกาะไม่มีโรงพยาบาลใหญ่นี่สิคะน้อง จะลองไปคลินิกที่พี่รู้จักดูไหม หมอที่นั่นเห็นว่าใส่เฝือกได้”

 

“ไปที่ไหนก็ได้ครับพี่ขอให้มันถึงมือหมอ ช่วยมันด้วยเถอะครับ”

 

“ไปพาเพื่อนมาขึ้นรถเลยค่ะ”

 

“ขอบคุณครับพี่”

 

“ไหวรึเปล่า ให้พี่ออกไปช่วยไหม?” เธอว่าพลางมองไปยังต้นไม้

 

“ผมไหวครับ”

 

ผมกล่าวตอบแล้ววิ่งไปช่วยพยุงตัวปอขึ้นนั่ง มันร้องโอยทั้งขยับตัวลุกแล้วก้าวขากระเผลกเหมือนจะเจ็บเข่าด้วย มองออกไปฝนเริ่มซา ผมพามันขึ้นข้างหลังพยุงให้มันพิงตัวผมไว้ ผมกอดมันจากด้านหลัง ความอบอุ่นจากมือของผมนั้นกุมมันไว้แน่นพร้อมกับมันเองที่กุมผมอยู่เช่นกัน

 

ผมไม่อาจปล่อยให้มันรู้สึกกลัวคนเดียวได้อีกแล้ว

 

 

ถึงมือหมอแล้วและมันทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมาเยอะ ยกมือไหว้ขอบคุณพี่สาวที่มาช่วย เธอยิ้มใจดีและให้ยืมโทรศัพท์โทรเข้าไปในรีสอร์ท ยังดีที่รีสอร์ทมีเบอร์ที่จำง่าย ผมติดต่อไปยังพี่ธามให้ทราบข่าว ก่อนพี่สาวใจดีจะขอตัวกลับเพราะมีธุระต้องจัดการ

 

หลังจากทำแผลเสร็จผมเห็นกลุ่มพี่ธามวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ ข้อศอกของผมถลอก หัวเข่ากระทุ้งกับพื้นจนปวดและถูกไม้ขูดเป็นรอยแผล ความเจ็บกลับคืนสู่ร่าง ผมเดินกระเผลกอยู่หน้าห้องทำแผลเข้าไปหาทั้งกลุ่ม

 

“เป็นไงบ้าง ปอเป็นอะไรมากไหม?” พี่ธามถาม ผมกลืนน้ำลายด้วยความยากเย็น เห็นสายตาไอ้ต้นมันกำลังสมเพชอีกแล้ว

 

“แขนหักครับ ไม่รู้ว่ามันเจ็บที่อื่นด้วยรึเปล่า” ผมตอบพลางนึกถึงมันไปด้วย

 

“ตอนจะไปภีมไม่รู้เหรอว่าฝนจะตก ยังดีนะที่ต้นเห็นเลยไม่ชวนพี่ธามออกไป”

 

ผมมองหน้ามันตอนที่ว่า นี่มึงคงจะรอทับถมกูแก้แค้นเรื่องเมื่อเช้าอยู่แน่ๆ ไอ้ต้น ผมถอนใจพูดไม่ออกเมื่อเสียงของเพื่อนในกลุ่มก็ว่าขึ้นมาอีกและเห็นด้วยกับไอ้ต้น

 

“เออ นั่นสิ คิดแค่อยากจะออกไปอย่างเดียว เอาแต่ใจคอยให้มันตามใจจนชินน่ะสิ เลยไม่รู้ว่ามันอันตรายรึเปล่า”

 

“เปล่านะ” ผมว่าก่อนจะก้มหน้าแก้ตัว “ปอมันเป็นคนชวนผมออกไป”

 

“มึงจะบอกว่ามันหลงมึงจนไม่รู้หน้ารู้หลังเลยงั้นสิ หึ…” ไอ้พี่พีมันว่าแทรก

 

ก็ปอมันบอกว่าไม่มีแดดน่าจะขับรถสบาย ผมเองก็ไม่นึกถึงเรื่องนี้มาก่อน

 

“พอเถอะน่า ไม่ใช่เวลาที่จะมาโทษว่าใครผิด น้องมันก็เจ็บเหมือนกันไม่เห็นเหรอ ไม่มีใครอยากให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาหรอก มารอดูว่าไอ้ปอจะเป็นยังไงดีกว่า”

 

ผมแม่งโคตรขอบคุณพี่ธามเลย จะคนดีเกินไปแล้ว รู้แล้วว่าทำไมถึงโดนคนเหี้ยๆ แบบไอ้ต้นสวมเขาได้น่ะ

 

เสียงหมอเปิดประตูออกมาเรียกเราทั้งกลุ่มหันไปสนใจ ด้านหลังเป็นไอ้ปอที่นั่งบนรถเข็นซึ่งมีพยาบาลอยู่ด้านหลัง ผมเดินเข้าไปหามันแทบจะทันที น้ำตาที่เพิ่งจะเหือดก็พาลจะไหลออกมาอีกรอบ กูยังตกใจไม่หาย นึกว่าจะตายซะแล้ว

 

“ปอ มึงเป็นไงบ้าง เจ็บไหม?” ผมว่าเสียงเบา มันเงยหน้ามามองผมนิ่งก่อนจะส่ายหน้า

 

“ไม่เป็นอะไรหรอก หมอใส่เฝือกให้แล้ว มึงอะเป็นไรไหม?” ผมส่ายหน้าเป็นการตอบ คือตอนนี้กูเจ็บแผลมากแต่มึงเจ็บกว่าไง กูเลยไม่สำออย กูยอมอดทน

 

มันมองหน้าผม และผมก็มองหน้ามัน แบบที่เดากันไม่ออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ท่ามกลางเสียงหมอที่กำลังคุยกับพวกพี่ธามบอกว่าอาการไม่น่าห่วง เชคสมองแล้วไม่มีการกระทบกระเทือน เข่าที่เจ็บก็ให้กินยา

 

ยังดีที่นี่เป็นคลินิกใหญ่ ส่วนใหญ่รักษาพวกเจ็บแบบฉุกเฉินจึงสามารถช่วยปอมันได้ทัน หนำซ้ำหมอก็เป็นชาวต่างชาติซึ่งรักความเป็นอยู่เรียบง่ายที่เมืองไทย มีภรรยาเป็นสาวไทยและมีเด็กน้อยลูกครึ่งหน้าตาน่ารักวิ่งเล่นรอบคลินิก

 

ใจผมชื้นขึ้นมา เออ โล่งเลยเหอะ!

 


ตอนหน้าต่อพาท 2 นะคะ
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 7 Part 2
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 31-10-2014 13:37:27


ตอนที่ 7

Part 2

เสียงฝนเม็ดเล็กๆ ปรอยลงบนหลังคา ผมพยุงมันที่เดินกระเผลกมานั่งลงปลายเตียงในห้องเมื่อเดินทางมาถึงบ้านพักในรีสอร์ท ซึ่งผมเองก็เดี้ยงไม่แพ้กัน มองเห็นของอยู่บนเตียงที่ถูกวางทิ้งไว้ พี่ธามเอาของที่อยู่ใต้เบาะรถซึ่งล้มมาให้หลังจากเดินทางไปเอารถเช่า มือผมพามันทรุดตัวลงนั่งก่อนจะหันมามองผมที่ยังทำหน้ารู้สึกผิดอยู่

 

รู้สึกถึงความอบอุ่นเมื่อมือมันยกมากุมแก้มหนึ่งข้างของผมเบามือ ก่อนจะว่าเสียงเบาที่สุดแทบเป็นกระซิบ

 

“ไม่ต้องสนใจคนอื่น อยู่กับกูก็แคร์แต่กู” ผมรู้สึกว่ามันเป็นการปลอบ ได้แต่พยักหน้ารับ มันกอดผมเข้าไปซุกอยู่ในตัวราวกับกลัวว่าผมจะหนาว ใจผมสั่นขึ้นมาเฉยๆ เมื่อถูกสัมผัสที่เบามือเช่นนี้

 

“กูเชื่อมึงนะปอ” ผมว่าตอบ รู้สึกถึงความร้อนของกลีบปากมันที่แนบบนหน้าผาก

 

ผมพริ้มตารับความร้อนนั้นและค่อยๆ ลืมตา เห็นดวงตามันกำลังมองกิริยาตอบสนองที่ทำไปเมื่อกี้ด้วยรอยยิ้มแล้วก็รู้สึกเขินขึ้นมาแปลกๆ นี่ผมไปตอบสนองมันแบบนั้นให้มันเห็นได้ไง เดี๋ยวแม่งก็ได้ใจ

 

“ปล่อยกูเลย มึงนี่เก่งแต่ฉวยโอกาสนะปอ” ผมว่า เฮ้ยๆๆๆ เสียงจะงอนไปไหน ไอ้ภีมตัวจริงมึงอยู่ไหนกลับเข้าร่างด่วน นี่ไม่ใช่กู! ไอ้ภีมแอ๊บแบ๊วนี่ไม่ใช่กูแน่!

 

“ก็มึงน่ารักนี่ภีม ทำหน้าแบบนี้เหมือนกลัวกูตายเลยนะ ยอมกูเลยเชียว กลัวกูไม่ใช้สิทธิ์ก่อนว่างั้น?”

 

“สิทธิ์อะไรของมึงวะ?”

 

“สิทธิ์ความเป็นสามีไง”

 

ไอ้หื่น ทำไมมึงยังไม่ตายวะ ต้นไม้น่าจะทับมึงให้ไส้ไหลไปเลยนะปอ!

 

ผมมุ่นคิ้วตัวเองมองหน้ามัน รู้สึกขัดใจ รู้สึกโหวง เห็นมันละรอยยิ้มตัวเองลงเมื่อผมไม่นึกสนุกกับสิ่งที่มันพูด มือข้างไม่หักก็เริ่มทำงาน เชยคางผมให้เงยไปจ้องตาคมเฉียบตรงหน้านิ่งงัน

 

“ที่กูยิ้มแบบนี้ เพราะกูดีใจที่มึงไม่เป็นอะไรมาก”

 

ผมหลบตาหันไปมองด้านอื่น ทำไมมันทำหน้าซึ้งแบบนั้นกับผมกันวะ เขินวุ้ยเขินๆๆๆ แต่ไม่รู้รึไง ผมรู้สึกไม่ดีที่มันเอาแต่ห่วงผมไม่ห่วงตัวเอง ทำไมไม่เหมือนที่ผมจินตนาการไว้เลยวะ ไอ้ปอในจินตนาการโคตรเลวโคตรเฮี้ย โคตรไม่รักษาน้ำใจ โคตรชอบทำร้ายจิตใจคนอื่น

 

แต่ตอนอยู่กับผมมันคนละเรื่อง นอกจากความเจ้าชู้เอาไม่เลือกแล้ว มันดีกับผมทุกอย่าง

 

ผมสะบัดความคิดออกจากหัว มองตามันและควรจะละทิ้งความคิดมากนี่ออกไปซะ นี่ผมเป็นอะไรวะเนี่ย ในหัวมีแต่เรื่องมัน อะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็เอามาคิด ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเราตัวเปียกกันทั้งคู่

 

“เออ เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะปอ เสื้อมึงเปื้อนแต่เลือด” ผมว่าเสียงเบา มันพยักหน้าพลางยกมือถูหน้าตัวเองที่เหนียวด้วยคราบเลือด

 

“อืม กูโคตรอยากอาบน้ำเลย”

 

“เออๆๆ เดี๋ยวกูพาไปอาบ” ผมว่า มือก็พยุงมันลุกขึ้นยืน

 

น่านๆๆ สายตามึงน่ะ

 

พาไปอาบน้ำแล้วมึงอย่าคิดกดกูเชียวนะเว้ย! ผมมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของมันที่จู่ๆ ก็ยกยิ้มอยู่คนเดียว มึงอย่าแอบจินตนาการล่วงหน้าว่าจะทำกูท่าไหนเพราะแขนหักอยู่นะ กูสู้นะคราวนี้

 

“ใช้งานได้อยู่เหมือนกันนี่หว่า ไม่ได้ทำหน้าที่เมียแต่ก็รักษาการเมียได้อยู่นะ” มันว่าพลางโน้มหน้ามาจะจูบ ผมดันหน้ามันเบือนออกพร้อมกับว่า

 

“อย่าเล่นน่ะปอ ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้!” คือกูทำหน้าจริงจังมากนะแต่ทำไมมันหลุดยิ้มก็ไม่รู้

 

“คร้าบๆ คุณเมีย”

 

เรียกกูแบบนี้ โคตรอ้อนส้นเท้าเลยนะพี่ปอ

 

ผมปัดความเขินตัวเองออกเมื่อมันเรียกผมแบบนี้ มือเอื้อมไปโอบเอวของมันที่ยกมือมากอดไหล่ พาตัวเองเข้าห้องน้ำ มันก้มมามองผมก่อนจะฝังริมฝีปากมาจูบแก้ม ไอ้ผมก็ได้แต่เงยหน้าไปเอ็ดมันในใจ ตั้งใจจะฉวยโอกาสกูตลอด อารมณ์อยากมึงนี่มีทุกห้านาที เอะอะกอดเอะอะจูบ นี่แค่กูรู้สึกผิดหรอกถึงทำแบบนี้ไม่งั้นมึงไม่ได้แอ้มหรอก

 

จริงเหรอวะ

 

 คือตัวกูเองยังขัดแย้งตัวเองเลย นี่ท่าจะสับสนมากไปนะมึง

 

ผมถอดเสื้อให้มันด้วยความว้าวุ่นในสมอง พยายามเขย่งเต็มส่วนสูงจนมันต้องก้มโน้มตัวมาให้ถอด เปิดน้ำอุ่น ชุบน้ำ เช็ดหน้า เช็ดตัวให้ ทำหน้าที่เมียให้มึงเต็มที่ขนาดนี้แล้วจะมาบังคับข่มขืนกูอีกละกูตบหูหลุดแน่ ผมเม้มปากคิดในใจ หลบสายตาที่มันทั้งยิ้มทั้งยักคิ้วส่งมาให้ มันคิดว่ามันเหนือกว่าผมอยู่แน่ๆ

 

ตอนนี้กูเหนือกว่ามึงนะ มึงมันเหมือนเด็กเกิดใหม่ที่ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากปากหมา…

 

“เอ้า ถอดกางเกงด้วยสิครับเมีย มันก็เปียกอยู่นะ เปียกถึงโคนไข่เลยแหละ”

 

กูว่าแล้วไงว่าปากมันหมา ผมอ้าปากค้างจะว่ามัน เห็นเพียงรอยยิ้มกรุ่มกริ่มชวนลมตีแล้วได้แต่ละใบหน้าหนีไปทางอื่นเฉยๆ

 

ไอ้ทะลึ่งเอ๊ย!

 

“ไม่ต้องมาบอกกูก็ได้หรอก” ผมปลดกางเกงให้มัน โล่งใจที่เห็นบ๊อกเซอร์ มือก็ดึงมันออกจากเอวก่อนจะยกมือชูนิ้วกลางให้ มันยิ้มแล้วว่า

 

“บ๊อกเซอร์กูก็เปียก ถอดออกด้วย”

 

หน้าผมขึ้นสี แล้วแทบจะปรี๊ด มันเห็นสีหน้าของผมแล้วรู้เลยว่าแม่งมีความสุข ผมเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูมาพันเอวให้มันก่อนจะพ่นลมหายใจ นี่กูแฟนหรือขี้ข้าวะเนี่ย

 

“พันดีๆ นะภีม ถ้าหลุดล่ะสนุกเลยนะ”

 

“สนุกกับผีไรล่ะ” ผมว่า มือก็สั่น แม่งจะล้วงลงไปถอดยังไงวะไม่ให้โดนไอ้ปอน้อยได้วะ ผมมุ่นคิ้วตัวเองเมื่อเห็นคนตรงหน้ายิ้มราวกับว่ากำลังสนุก มือมันจับขอบผ้าพลางพยักหน้าส่งซิกให้ถอดออกไวๆ

 

เอาวะ ผมก้มลงไปล้วงมือดึงตรงชายกางเกง ทำไมมันดึงยากจังวะ แม่งใหญ่มากนักเหรอ!

 

เอวมันนะครับ

 

“ก็ดึงตรงขอบมันสิภีม มึงไม่เคยถอดกางเกงเหรอ เขาต้องรั้งตรงขอบกางเกงไม่ใช่ขากางเกง”

 

“หุบปากไปเลย!” มึงไม่ต้องคิดมาสอนกู เดี๋ยวปั๊ดบิด…แขนเขียวเลยนี่ อย่าทะลึงคิดว่าผมจะบิดไข่มันเขียวนะครับ เห็นผมแบบนี้ก็ไม่ใจร้ายขนาดทำร้ายมันได้ขนาดนั้น ยกเว้นวันไหนที่อดทนไม่ไหวจริงๆ

 

เอาละนอกเรื่องไปตั้งไกล ผมควรมาโฟกัสตรงน้องชาย เอ๊ย! บ๊อกเซอร์ไอ้ปอว่าควรจะถอดมันออกยังไงดีกว่า ใบหน้าผมครุ่นคิด ถอนใจ มือก็ดึงมันสุดแรง กางเกงบ๊อกเซอร์หล่นมากองกับพื้นทว่าขอบผ้าขนหนูร่นจนหลวม ผมร้องเหวอพลางเอื้อมมือไปจับเพื่อจะพันให้อีกรอบ แต่ว่า…

 

ชะอุ่ย! โดนกลางลำ

 

ขอเวลากูทำใจแป๊ป

 

ผมนับหนึ่งสองสามในใจ ได้ยินเสียงไอ้ปอหัวเราะร่วนกับมือผมที่ตะครุบน้องชายมันไว้ เงยขึ้นไปเห็นผ้าขนหนูหลุดออกมาแต่ปิดตรงที่ผมเอามือสองข้างปิดไว้นั่นแหละ มันโป๊อยู่แต่หัวเราะชอบใจขนาดนี่เนี่ยนะ หนังหน้ามึงหนาไปนะปอ

 

ใจผมเต้นมองผ้าส่วนที่เหลือที่กองอยู่บนพื้น อีกส่วนคือที่ที่ผมตะปปไว้ปิดไอ้ปอเบอร์สองแบบหมิ่นแหม่ คือกูจะเอาขึ้นยังไงไม่ให้มันหลุดมาหมดทั้งผืนวะ!

 

“เงียบเลยนะปอ! ช่วยกูจับผ้าเลย” ผมว่าพลางเงยมองมันที่กลั้นขำเมื่อได้ยิน

 

“เออๆ อืม…เอามาพันเอวดิ” มันว่าพลางจับผ้าขึ้นมาปิด มือสองข้างของผมก็เริ่มทำงาน พันเอวไว้ให้มันก่อนจะลุกขึ้นยืน

 

ฝันร้ายแน่กูคืนนี้

 

เกือบเห็นหนอนน้อยแล้วไหมละ ผมปาดเหงื่อพลางเดินออกไปเอาชุดมาให้มันใส่ ช่วงถอดที่ว่ายาก ช่วงใส่นี่โคตรยากเลยเหอะ แต่มันไม่ดื้อกับผมเลย อาสาใส่กางเกงเอง ผมหยิบบ๊อกเซอร์มันมาวางอ้าเอวไว้กับพื้นเหมือนใส่ให้กับเด็ก มันค่อยๆ ขยับขายกขึ้นสวมทีละข้าง มือข้างที่ไม่เป็นอะไรเกาะไหล่ผม เมื่อใส่ได้ ผมดึงมันขึ้นไปถึงชายผ้าขนหนูที่พันเอวและให้มันใช้มือที่ใช้ได้ดึงขึ้นไปจนถึงเอว

 

มันลอบมองผมอยู่บ่อยครั้ง เชื่อเหอะกูไม่แกล้งอะไรมึงหรอก ดวงตาผมมองมันที่ก้มหน้าก้มตามองมือผมที่กำลังติดกระดุมให้ด้วยความเงียบ ใส่เสื้อยืดธรรมดามันใสยาก ยังดีที่มันเอาชุดที่มีกระดุมมาด้วย

 

“ภีม”

 

 มันว่าผ่านความเงียบ ผมเงยขึ้นมองมันนิ่งเมื่อมันไม่ได้จะยิ้มจะแกล้งอย่างเคย หน้ามันดูซีเรียส ก่อนจะละไปมองด้านอื่นไม่ยอมมองคาอย่างเคย ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่ามันกำลังรวบรวมความกล้า ไม่จริงหรอก มันน่ะเก่งกาจไปหมดซะทุกอย่าง

 

คนแบบมันพูดอะไรออกมาได้ง่ายๆ ไม่ใช่คนขี้อายสักนิด จัดว่ากล้าแสดงออกมากไปจนหน้าด้าน

 

เออ สรุปคือมันเป็นคนหน้าด้านนั่นแหละ

 

“ใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วไปนอนพักหน่อยไหมปอ” ผมว่า หลังจากจัดเสื้อมันให้เข้ารูป มันพยักหน้ารับน้อยๆ ไม่อิดออดพร้อมกันนั้นก็ขยับตัวตามผมที่ช่วยพยุง ไม่พูดอะไรอีกเลย ไม่หยอกไม่แกล้งผมสักนิด ล้มตัวลงนอนและหลับไปอย่ารวดเร็ว มีกรนด้วย ผมหลุดยิ้มและละลงมองแขน

 

คงเจ็บมากสินะ

 

ดวงตาผมมองมันนิ่ง ตอนที่มันเรียกชื่อผม สายตาของมันเองก็สับสนไปไม่ต่างจากผมตอนนี้สักนิด ผมไม่อาจอธิบายว่าตอนนี้เป็นอะไร

 

แต่ปอแม่ง โคตรปากไม่ตรงกับใจเลย ทีตอนอยากจะเอากูยังกล้าทวงอย่างหน้าด้านๆ ทีงี้มาทำเป็นไม่มีอะไร จะพูดอะไรทำไมไม่พูดออกมาตรงๆ ทำท่าทางแบบนี้แล้วกูอึดอัด

 

กูอยากรู้ในสิ่งที่มึงจะพูดจะตายแล้วเนี่ย!

 

ผมก้มมองมันพลางยกมือไปกุมนิ้วมือเรียวๆ ยาวๆ ของมัน จำได้ตลอดเวลาว่าตอนที่มันเจ็บ มันจับมือผมไว้แน่นเหมือนกำลังกลัว กลัวว่าผมจะปล่อยมือไปจากมัน นิ้วมือของผมไล่ไปตามเส้นผมตรงของมันที่กำลังแนบใบหน้ากับหมอนสีขาวสะอ้าน มันเป็นคนที่ดีคนหนึ่งเลย ถ้าไม่เจ้าชู้และเจ้าอารมณ์แบบนี้

 

ใบหน้าตอนมันหลับ มันสิ้นฤทธิ์ เหมือนเด็กน้อยจอมงอแงที่ต้องการความรักจากพ่อแม่ เหมือนเจ้าแมวเหมียวจอมออดอ้อนที่ทำให้เจ้าของตกหลุมรักได้ไม่ยาก

 

ผมทิ้งตัวลงนอนข้างมันพร้อมกับเอื้อมมือไปกอดตัวอุ่นๆ ของมันใต้ผ้าห่มนวมผืนเดียวกัน ยอมรับว่าหลายคืนแล้วที่รู้สึกดีที่มีมันนอนแนบเบียดมอบความอุ่นมาให้ กอด ออดอ้อนขอร่างกายผมด้วยความเอาแต่ใจนั้น

 

ดวงตาพริ้มตาหลับพร้อมกับความร้อนพุ่งเข้ามา อารมณ์ความรู้สึกขึ้นมาสูงสุดเมื่อนึกเห็นภาพชั่วโมงที่ผ่านมา ผมตกใจจริงๆ

 

วินาทีแรกที่รู้และได้เห็นมันว่าเจ็บขนาดไหน ผมรู้เลยว่าผมเจ็บกว่าหลายเท่า รู้สึกเจ็บและปวดแทนมันไปทุกอณูความรู้สึก กลัวจนต้องร้องไห้ออกมา  และครั้นนึกถึงวันข้างหน้าหลังจากวันนี้ หากถึงวันที่ผมกับมันต้องเมินหน้ากัน

 

ผมคงจะเจ็บปวดมากไปกว่านี้

 

ผมว่า ผมหลงรักปอเข้าแล้วละครับ

 

 

สรุปแล้ว

 

เราต้องกลับและพาปอมันไปอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม มันแสดงถึงความไม่พอใจหน่อยๆ ที่เพื่อนๆ เปลี่ยนแผนเพราะมันเป็นต้นเหตุ แต่คงจะค้านคนอื่นไม่ได้ด้วยเพราะใครๆ ก็ลงความเห็นว่ามันต้องกลับบ้านไปพักผ่อน ดังนั้นพี่ธามกับไอ้ต้นจึงตามติดมาด้วยเพื่อขับรถให้ ผมกับปอนั่งข้างหลัง มันทำท่าทำทางออดอ้อนผมเหมือนทุกวัน จับนิดจับหน่อยพอหอมปากหอมคอของมันไปเรื่อยๆ ท่ามกลางสายตาของไอ้ต้นพี่ธาม

 

ผมเห็นพี่ธามลอบมองผ่านกระจกมามองเราอยู่บ่อยๆ หรือเขารู้ว่าผมคิดอะไรกับไอ้ปอ ผมก้มหน้าก้มตาเล่นเกม ขี้เกียจฟังไอ้ต้นที่คอยมาเซ้าซี้ไอ้ปอตลอดทาง

 

เมื่อถึงโรงแรมที่เราพัก ผมเห็นพ่อของปอมันมายืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาพยายามจะเข้ามาช่วยพยุงร่างมันเข้าไปในห้องทว่ามันก็ยังรั้นเหมือนเดิม ไม่ยอมรับการช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิน อวดเก่งชิบหาย

 

และเมื่อถึงห้องมันก็นอนพักอย่างเดียวราวกับอิดโรยจากการเดินทาง ก่อนหลับก็งี่เง่าเซ้าซี้บังคับผมอยู่ใกล้ๆ ตัวให้มันกอดจูบตลอด จับผมนอนบนเตียงให้มันกอด บังคับจูบปาก ลิ้นนี่แทบจะจุกคอตาย แทบจะดูดวิญญาณออกไปทางปากได้อยู่แล้ว พอไม่ยอมก็งอแงราวกับเด็กน้อยอ้อนกินนม ไอ้ผมก็ต้องยอมตามใจ จนมันพอใจคล้อยหลับไปเอง

 

ผมเดินออกมาเล่นข้างนอก เห็นว่าคนในโรงแรมเดินเข้าออกตลอด รู้ว่าไม่ควรมาเดินเกะกะเขาแต่ก็อยากออกมาสูดอากาศบ้าง เห็นพ่อของปอมันเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มใจดีอย่างเคย ผมรีบสาวเท้าเพื่อพูดคุยกับพ่อของมัน เขาพาผมเดินไปเรื่อยๆ แต่แววตาดูแปลกใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอผมมาพร้อมกับปอ เขามองผมนิ่งและจู่ๆ ก็กล่าวฝ่าความเงียบขณะที่เราเดินไปเรื่อยๆ ว่า

 

“เธอทำได้ยังไง ปอไม่เคยคิดจะแตะรถมอเตอร์ไซต์ที่ตัวเองรักมาสองปีแล้ว ทำให้เขากลับมาขับมันอีกได้ยังไง” เขาว่าพลางมองหน้าผม ผมอึกอักและคิดไม่ออกเหมือนกันว่ามันคิดอะไรอยู่

 

ผมคิดว่าเมื่อวานมันแค่อยากทำดีไถ่โทษผม พาผมไปเที่ยวเท่านั้นจริงๆ นะ

 

“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” ผมตอบเสียงเบา ไม่อาจเข้าข้างตัวเองได้

 

“ตั้งแต่แม่เขาไป ไม่ได้ตามติดเขาในสนามแข่งรถเหมือนเมื่อก่อนเขาก็เลิกขับรถไปด้วย ฉันขอให้เขากลับไปแข่งรถที่เขารักเหมือนเดิมแต่เขาไม่เคยคิดจะกลับไปเลย”

 

“ทำไมล่ะครับ?”

 

“เขาคิดว่าถ้าไม่มีแม่ของเขาคอยเชียร์อยู่ริมสนามมันก็ไม่มีความหมาย ไม่มีใครคอยแสดงความดีใจที่เขาประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขารัก…”

 

“คุณพ่อไม่ไปแทนคุณแม่เหรอครับ”

 

เขาเบิกตามองผมที่ว่าแทรก “เพราะฉันงานยุ่งน่ะ”

 

“เพราะแบบนี้ไงละครับปอมันถึงได้โกรธคุณน่ะ” ผมว่า “คุณต้องเข้าหาเขาสิครับ เพราะคุณไม่ให้เวลากับเขาไงล่ะมันถึงได้เป็นแบบนี้ เงินน่ะแก้ปัญหาไม่ได้หรอก”

 

“ปอก็บอกฉันแบบนี้เหมือนกัน” เขายกยิ้มพลางเอื้อมมือยีผมอีกครั้ง ผมเกาหัวตัวเองก่อนจะแย้มยิ้มเมื่อคิดแผนได้

 

“งั้น เย็นนี้คุณพ่อมาทานข้าวกับเราสิครับ” เขาได้ยินจึงเลิกคิ้วตัวเองมองมายังร่างของผม

 

“ฉันไม่ได้กินข้าวพร้อมลูกชายนานมากแล้ว”

 

“นั่นไง มาเถอะนะครับคุณพ่อ” ผมยิ้มพลางว่า

 

“แล้วฉันต้องทำยังไงบ้าง?”

 

“เอาใจมันหน่อยก็ดีนะครับ ปอมันชอบให้คนเอาใจ ถ้ามีคนเอาใจมันจะใจอ่อนขึ้นมาง่ายๆ เลย” ผมแสดงความคิดเห็น อีกฝ่ายหัวเราะกับสิ่งที่ผมกล่าว

 

“แสดงว่าเธอคงจะเอาใจเก่งน่าดูสินะ หมอนั่นถึงดิ้นไม่หลุดแบบนี้” ผมเกาหัวตัวเองเมื่อได้ยิน ความเขินแล่นเข้ามาประดับบนใบหน้า คุณพ่อเขาคงจะเห็นแล้วแน่ๆ

 

“ผมเปล่าสักหน่อย” ดวงตาละลงมองพื้นว่าอีกครั้ง “ลูกชายคุณต่างหากที่เอาแต่ใจ ผมนี่อยากทุบกะโหลกมันวันละสิบรอบ”

 

“งั้นเหรอ แต่เขาเป็นดีใช่ไหมล่ะ ลูกชายฉันน่ะ”

 

ผมหันไปสบตากับเขาพร้อมกับเลือดวิ่งขึ้นสู่ใบหน้าอีกครั้ง แม่งจะสูบฉีดดีไปไหน ยกมือเกาหัวตัวเองแก้เก้อไปพลางเดินไปเรื่อยๆ ไม่กล่าวตอบอะไร

 

“ปอเป็นเด็กน่ารักมาก เขาใจดีมากและชอบที่จะมาเล่าเรื่องการแข่งขันให้ฉันฟังบ่อยๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งเขามาชวนไปดูวันที่จะต้องแข่งระดับประเทศ แต่ฉันไม่ได้ไปน่ะ แล้วเขาก็ไม่ไปลงแข่งวันนั้นด้วยเพราะฉันไม่ได้ไปดูเขา ผิดนัดกับเขา ฉันโกรธตัวเองที่ทำให้เขาตัดสินใจประชดฉันไปแบบนั้น”

 

โห ปอมันไม่น่าดับอนาคตตัวเองแบบนั้นเลย ผมก้มหน้ามองพื้นพลางสาวเท้าเดินไปเงียบๆ ไม่กล้าออกความเห็น

 

“แต่เพราะเธอนะ ถึงทำให้ฉันคิดได้ว่าควรจะใส่ใจเขามากขึ้น แล้วดูเขาจะเปลี่ยนไป ทุกวันจะออกไปกลับมาก็รุ่งสาง ฉันโทรตามไม่เคยจะกลับสักที แต่พอมีเธอทุกอย่างเหมือนอยู่ในรอบขึ้นมาอย่างที่ควรจะเป็น”

 

ผมหันไปมองเขานิ่ง เปลี่ยนเหรอ คำว่าเปลี่ยนที่ผมนั่งคิดมาตลอดนั่นเหรอ

 

“เรื่องความรักของเขาฉันไม่เคยเคยห้าม ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวให้ลิทธิ์ขาดในการเลือกการตัดสินใจว่าจะมีแฟนแบบไหนยังไงก็ได้ เขาไม่เคยพามาที่นี่ มีแต่พามาเจอแบบบังเอิญ แต่ไม่มีใครเหมือนเธอเลยสักคน ฉันล่ะนับถือคนแบบเธอจริงๆ”

 

“คุณพ่อ…” ไม่ได้ทำบ้าอะไรเลยนะ ผมยกมือสองข้างส่ายไปมาด้วยความเขินเมื่อเขาหลุดยิ้มว่าต่อกับผมด้วยเสียงใจดี “อยู่กับเขานานๆ นะภีม ฉันขอร้อง”

 

ดวงตาผมชะงักนิ่งมองเขาตอนที่กล่าว ใบหน้าจริงจัง ชายวัยสี่สิบกว่าปีนี้ดึงแขนผมให้หยุดก้าวเดินและกล่าวออกมาด้วยแววตาจริงจังกว่าที่เคยเพื่อย้ำอีกว่า

 

“ฝากปอด้วยนะ ช่วยไปยืนเชียร์เขาที่ขอบสนามแข่งแทนพ่อที”

 

เขาแทนตัวเองว่าพ่อ

 

ผมนิ่งมองตาของคุณพ่อไม่ละ ไม่รู้อะไรทำให้ดวงตาของผมแดงขึ้นมาแม้เขาจะละเดินนำไปแล้ว ความรู้สึกเต็มตื้นที่เขาแสดงความหวังที่มีไว้กับผมนั้น มันจริงจังจนผมแทบจะนึกไม่ถึงในวันที่ผมกับปอต้องแยกจากกัน

 

เขาเชื่อมันในผมกว่าผมที่เชื่อมันตนเองเสียอีก




 

ตอนหน้าเป็นพาร์ทพิเศษ พาร์ทของพี่ปอนะคะ


 เรื่องนี้พระเอกเลวแทบจะทุกคนค่ะ แต่ว่าเราตั้งใจจะเขียนให้มีพัฒนาการขึ้นมาเรื่อยๆ

 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: **(31.10.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 7 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 31-10-2014 23:40:29
ทำไมต้องเลว ทำไมต้องชอบ
ทำไมต้องอ่าน ทำไมต้องรอ :เฮ้อ:
หลงรักเรื่องนี้ซะแล้ววววว
หัวข้อ: Re: **(31.10.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 7 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 01-11-2014 00:04:54
เง้ออ ชอบจัง
เอาใจช่วยคุณพ่อ คนเรามันเปลี่ยนกันได
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 01-11-2014 02:25:36
 

ตอนที่ 8

 

-P’ Por Part-

 

ตั้งแต่ขับรถล้มจนแขนหักใช้การห่าเหวอะไรไม่ค่อยจะได้ สิ่งที่เดียวที่ทำได้คือแม่งอยู่นิ่งๆ

 

เสียงตะกุกตะกักจากหัวเตียงปลุกให้ผมที่กำลังพักผ่อนต้องลืมตาไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังนั่งขัดสมาธิค้นของๆ ผมบนหัวเตียง เจ้าของใบหน้าใสๆ นั้นหันมายิ้มให้ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเสือกเรื่องของผมต่อไป มันจะหาอะไรของมันนักหนารบกวนกูจัง

 

“เสียงดังเหรอ?” มันหันมาว่า มือก็จับโน่นนี่ หยีหน้าแล้วโยนขวดเจลหล่อลื่นมาทางผมเมื่ออ่านแล้วรู้ว่าในมือเป็นอะไร พร้อมกันนั้นกล่องถุงยางนับสิบก็ถูกเหวี่ยงมาทางนี้

 

“เชี่ยปอ นี่มึงหมกมุ่นอะไรนักหนาเนี่ยหะ อื้อหืม…นี่มึงเอาไว้เป็นของประจำห้องแบบขาดไม่ได้คล้ายๆ ยาสามัญประจำบ้านเลยเหรอวะเนี่ย” ผมหันไปมองมันบ่นคนเดียวพลางรื้อลิ้นชักไปด้วย

 

ซองบุหรี่ที่เพื่อนทิ้งไว้สองสามกล่องถูกโยนมาหาผมอีกครั้ง

 

ร่างของมันควานหาไปเรื่อยๆ ก้มหน้าก้มตารื้อของรกๆ ออกมา เพราะผมไม่ค่อยให้แม่บ้านมายุ่งย่ามตรงเตียงเท่าไรนอกจากเปลี่ยนผ้าปูที่นอน แล้วนี่มึงเป็นใครวะหะ! ถึงมารื้อข้าวของกูกะจัดกระจายแบบนี้

 

“มึงทำอะไร?” ผมว่าพลางมองมือขาวๆ น่ากัดของมัน มันตกใจที่หยิบเจอกุญแจมือออกมาได้ หันมามองผม

 

“นี่มึงซาดิสม์ด้วยเหรอ!” มันว่า

 

“ลองไหมล่ะ”

 

“ไม่ลอง ไม่ชอบ เอ๊ย! ไม่เอา” มันว่า ผมหลุดขำ ทำอย่างกับมึงนี่เคยลองมาแล้วนะ

 

ไอ้เด็กนี่

 

มันคือเมียผมครับ ไอ้เด็กตัวเล็กๆ ปากดีนี่ชื่อภีม หน้าตาน่ารักน่าถีบ นิสัยกวนตีน แต่ก็ขี้เอาใจในแบบของมันแหละ แต่อยากรู้เหลือเกินว่ามันทำอะไรของมันอยู่

 

“กูถามว่ามึงทำอะไรกับของๆ กู”

 

“ก็ของมึงมันรก กูเห็นแล้วเกะกะลูกตาจะจัดของเข้าที่ดีๆ ให้ แต่ไม่คิดว่าจะเจออะไรพวกนี่เลยแม่ง เชี่ย! ปอ นี่มึงเป็นโรคจิตปะวะ”

 

มันร้องว่าพลางโยนซีดีหนังโป๊ลงแหมะมากองรวมกับของก่อนหน้านี่ ทำหน้าตางอไม่พอใจแต่มือก็ทำไม่ยอมหยุด เมียผมมันก็มีดีแค่นี้แหละ แม่งบ่นก็เก่ง เทศน์มาแต่ละทีนี่หูแทบชา บางทีนี่คิดว่าได้แม่คนที่สองมานอนเตียงเดียวกัน

 

แต่ก็ยังทนฟังไปทุกวัน ทนเห็นมันตอนทำหน้าบึ้ง งอนๆ แบบนี้ ไม่รู้ทำไมต้องทนเหมือนกันว่ะ

 

อยากกวน อยากแกล้ง อยากอยู่ใกล้ๆ

 

“อืม เมียกูนี่แม่บ้านแม่เรือนใช้ได้ มาๆ กูให้รางวัล”

 

ผมยกมือถูหน้ามันๆ ของตัวเองแล้วควานไปดึงมันมาใกล้ เสียงมันร้องครวญบอกว่ารำคาญผมมากที่เอาแต่ดึงมันมากอดจูบ ก็ใช่สิ เป็นเมียที่ไม่ใช่เมียเต็มตัว อะไรที่ทำให้ผมพออยู่แบบมีกำลังใจได้ผมก็จะทำ

 

“ปอ โอ๊ยกูเจ็บขาอยู่ ไม่เอา!” มันร้องว่าพลางซุกหน้าบนหน้าอกของผมที่กอดมันแน่นด้วยแขนข้างเดียว ก็อีกข้างมันหักนี่

 

“เจ็บมากไหม?” มือผมลูบหัวมันป้อยๆ

 

“อืม”

 

“ไม่ต้องดูแลกูมากก็ได้ มึงเองก็พักผ่อนด้วย”

 

“กูไม่ได้เป็นอะไรมากซักกะหน่อย” มันว่าเสียงเบาอู้อี้บนอกผม แม่งจะทำเสียงน่ารักไปไหน

 

“ไหน มาให้กูดูหน่อย”

 

ผมลืมไปแล้วว่าเราไม่ใช่ผัวเมียกันจริงๆ ผมห่วงมันจริงๆ ตอนต้นไม้ล้มมาใส่ผมกระโจนใส่ต้นไม้เป็นอันดับแรก ร่างของมันลุกขึ้นนั่งชันเข่าขึ้นมาให้ดู มือของผมลูบแผลมันเบาๆ พร้อมกับมันที่นั่งอยู่บนที่นอนนิ่ง ไม่ดื้อกับผมเหมือนเมื่อก่อน

 

ทั้งๆ ที่เจอกันครั้งก่อนที่คบกันนี่ไม่น่ารักเหมือนตอนนั้นเลย

 

ผมจำมันได้ วันแรกที่เจอกันนั้น มันไม่รู้จักผม

 

วันสถาปนาก่อตั้งโรงเรียนถูกจัดขึ้นเมื่อเปิดภาคเรียนแรกของทุกปี เดือนแรกที่เปิดพวกนักเรียนส่วนใหญ่จะวุ่นช่วยกันจัดการเกี่ยวกับการแสดงชมรมของตัวเองยกเว้นเด็กปีหนึ่งทุกช่วงชั้นที่เป็นแขกรับเชิญในงาน ผมเองก็เช่นกัน เป็นโลโก้ของชมรม

 

ผมไม่บอกใครว่าจะใส่ชุดมาสคอตออกมาให้น้องๆ ถ่ายรูป ผมเห็นมันเดินมาคนเดียว ไม่มีใครเลย ดวงตามองโน่นนี่นั่นไม่ตื่นเต้นเหมือนเด็กคนอื่นๆ มันทำให้ผมสงสัย

 

มาสคอตที่ผมสวมเป็นเสือหัวโตตัวสีส้มสวมชุดกีฬาเพราะชมรมผมคือรวมกีฬาทุกชนิด พยายามหารุ่นน้องเข้าชมรมให้ได้ ผมเห็นร่างเล็กๆ นั่นเดินอ้อยอิ่งมาเรื่อยๆ จนมาถึง ร่างของผมกางแขนดักหน้ามันไว้ ดวงตาเล็กๆ เบิกขึ้นมาตกใจ ขยับตัวไปทางซ้ายพร้อมกับผมที่ขยับตาม มันเงยหน้ามามองผมงงๆ พร้อมเกาหัวทำหน้าตาน่ารักไม่รู้ตัว

 

ผมยกใบสมัครพลางชี้ใส่เป็นการเชิญชวนเข้าร่วม ผมอยากให้มันเข้าชมรมด้วยใจจะขาด

 

“ไม่เอา เล่นกีฬาไม่เป็น”

 

ไม่ต้องห่วง ผมวิ่งไปหยิบพู่มาสะบัดแล้วเต้นตลกๆ ให้มันดูไปด้วย มันหลุดยิ้มขำพลางส่ายหน้า

 

“ไม่เอา เชียร์ไม่เป็น”

 

ตอนยิ้มมันยิ่งน่ารัก แต่แม่งไม่ให้อารมณ์ร่วมกับผม ผมจับไหล่มันดันเข้าไปนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะสมัครหยิบปากกาให้มันเขียนชื่อ มันส่ายหน้าลูกเดียว ไอ้ผมก็ยกมือไหว้เป็นการขอร้อง พูดด้วยไม่ได้

 

“ไม่เอา ไม่ชอบเล่นกีฬา” มันว่า ผมถอนใจมองมันที่ยิ้มมาด้วย

 

“ขอบคุณนะที่ชวน น่ารักจัง”

 

ผมที่ร้อนแทบตายในชุดมาสคอตหายเป็นปลิดทิ้ง มันกอดผมแน่นโดยที่ไม่รู้ว่าใครอยู่ข้างใน แวบแรกที่เห็นวันนั้นมันน่ารักมาก คิดมาเสมอว่ามันเรียนอยู่ห้องไหนเพราะผมจะจีบมัน จะให้เป็นหนึ่งในคอลเลคชันที่สะสมมา มันคือหนึ่งในไม่กี่คนแน่ที่ผมจะไม่ลืม

 

ผมถ่ายรูปตอนมันเดินละออกไป มันไม่รู้ตัว มองของรอบๆ ตัวไม่มีชีวิตชีวา ไม่มีเพื่อน

 

แต่พอมาเจอมันตอนนั้น วันที่ผมวิ่งชนมันหน้าโรงอาหาร ในที่สุดผมก็เห็นมัน แอบยิ้มชอบใจที่มันมีสีหน้าบอกบุญไม่รับเพราะโดนวิ่งชน ใจหนึ่งก็ไม่อยากให้มันเห็นหน้า กลัวถูกจับได้ว่าจะยิ้มอะไรนักหนา ก็ภีมมันน่ารักเง้างอด ถ้าได้มาไว้ข้างๆ ออดอ้อนทุกวันคงจะดี

 

แต่

 

ทุกอย่างก็ผิดถนัดเพราะปากมัน ความน่ารักแรกๆ หายไปทันที

 

ตอนแรกก็แค่อยากเอาชนะมัน เห็นแววตาตอนมันกวนตีนแล้วหมั่นไส้ อยากแกล้งให้มันร้องไห้ ทำไปทำมา ผมอยากแกล้งมันทุกวันเลยเพราะมันเองก็ไม่ได้เอาแต่ปากเสียกับผมอย่างเดียว เรื่องดีๆ อย่างอื่นมันเยอะกว่า แล้วรอยยิ้มตอนที่ผมเจอมันครั้งแรกก็ผุดขึ้นมาเรียกให้ผมหยุดมองหลายครั้ง

 

อดที่จะเอาใจให้มันยิ้มแบบนั้นอีกไม่ได้

 

ความจริงผมก็เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร ผมเอาใจคนเป็นยิ่งกว่าอะไร แต่กับมันเอาใจเท่าไรผมก็ไม่เคยชนะสักที กลายเป็นว่าต้องทำกับมันเป็นกิจวัตรไปแล้ว ภีมมันแปลกและแตกต่างจากคนอื่นมาก ผมคิดเสมอถึงคำพูดของมันเมื่อตอนอยู่บนรถครั้งนั้น

 

ถ้าผมรักมัน มันก็จะไม่มีข้อแม้กับผม

 

มันทำอย่างกับต้องการให้ผมหลงรักมัน ใจของผมที่ว่าแข็งก็อ่อนขึ้นมาเสียเฉยๆ เมื่อเจอความแตกต่างระหว่างมันกับคู่ขาคนอื่น มันสั่งสอนผมทั้งๆ ที่มันเองก็ไม่ได้มีผลพลอยได้อะไรสักอย่าง กอดผมแน่นตอนที่เห็นผมเจ็บ

 

นิ้วมือเล็กๆ ของมันกุมมือผมแน่น มือที่ผมเคยคิดจะทำให้มันแหลกละเอียดนั่น มันอุ่นมากตอนที่ผมหนาว กุมมือผมไว้แน่นแม้จะเล็กกว่ามือผมขนาดไหน

 

มันทำให้ผมยิ่งมันใจเลยว่าผมต้องแคร์มันมากขึ้นกว่าเดิม ผมต้องปกป้องมัน

 

“ปอ ไปอาบน้ำไปจะได้กินข้าวกินยา” มันว่าเสียงอู้อี้น่ารักบนหน้าอกของผมที่ดึงมากอด

 

“ก็อาบให้กูสิ”

 

“แค่แขนหักไม่ได้เป็นง่อย” แต่เรื่องเถียงคำไม่ตกฟากนี่ยอมให้ไม่ได้เลย ผมยกมือยีหัวมันว่า

 

“เป็นเมียหัดปรนนิบัติผัวดิวะ มาทำรู้สึกผิดกับกูแค่วันเดียวเองนะมึงน่ะ”

 

มันเงยหน้ามาขมวดคิ้วตัวเองแบบที่ชอบทำบ่อยๆ ผมชอบมันตอนที่ทำหน้าแบบนี้สุดๆ ดูมันขี้งอนและเอาแต่ใจตัวเองดี

 

“ก็ได้ๆ มา ลุกขึ้นมา” มันว่าพลางดึงแขนผมให้ลุกขึ้นนั่ง ตัวเล็กๆ ของมันน่ะเห็นแบบนี้ช่วยเหลือผมดีนะ มันทำแม้แต่ถอดกางเกงในให้

 

ผมไม่เคยเจอคนแบบมันมาก่อน จะบ่นจะเถียงก็จริงแต่ไม่เคยอิดออดที่จะทำ

 

ผมกอดไหล่มันแล้วก้มไปจูบแก้มมันทีเป็นการขอบคุณ ไม่ใช่หรอก เพราะอยากจูบ มันแสดงถึงความเขินออกมาทางใบหน้าและกลบเกลื่อนด้วยการทำร้ายร่างกายผมประจำ

 

“อย่ามากวนตีนนะ เดี๋ยวกูจับกดโถส้วมแม่ง” มันว่า

 

“อ้อ เหรอ” ว่าแล้วก็ก้มลงไปจูบมันตรงปากเลย ผมชอบนัก ชอบกวนประสาทและเห็นมันเขินทำตัวไม่ถูก ขึ้นชื่อว่าเมีย จะกอดจะหอมไม่ใช่เรื่องแปลก แต่แปลกก็คือมันไม่ยอมผมสักทีน่ะสิ

 

ผมต้องอดทนเท่าไรตอนมันจูบผม ตอนมันยั่วผมโดยที่ไม่รู้ตัว มันไม่เคยคิดเลย คิดเพียงว่าผมจ้องแต่จะเอาเปรียบมัน จะจับมันปล้ำ ลองเป็นมันบ้างจะรู้สึกยังไงเมื่อถูกยั่วให้มีอารมณ์แล้วก็ถูกปฏิเสธง่ายๆ แบบนั้น ผมยอมรับว่าอาจจะมีหลุดไปบ้างเพราะต้องการหาที่ระบายอารมณ์ตัวเอง แต่ถึงยังไงคนที่ผมรอจะนอนด้วยก็คือมัน

 

แต่มันจะเล่นตัวไปถึงเมื่อไร ยังดีที่มันรู้จักยอมให้ผมกอดจูบได้ ช่วยผ่อนปรนอารมณ์อยากของผมได้ดีทีเดียว ถ้ามันห้ามผมแตะต้องตัวมันแม้แต่ปลายก้อย ผมว่าผมคงได้ตบะแตกตั้งนานแล้ว

 

ผมมองมันที่ถือผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้ ดวงตามันมองมายังร่างกายของผม เงียบ ไม่ได้คุยอะไรกัน หน้าตาของมันน่ารัก แก้มใสและค่อนข้างมีเนื้อทั้งๆ โครงหน้าเรียวและผอม มันยั่วให้ผมก้มลงไปหอมได้ไม่ยากเลย

 

จะว่าผมหลงแก้มมันก็ได้ ความจริงก็หลงทั้งหน้านั่นแหละ สังเกตดีๆ มันไม่มีตรงไหนที่น่าติเลยสักนิด คิ้วไม่ได้หนามากแต่เรียงกันโก่งสวย จมูกเล็กนิดเดียวและรั้น ปากเล็กและมีเนื้อ อยู่ในโทนสีส้มอ่อนและมักจะเม้มกันแน่นเสมอ ผมเห็นไฝเม็ดเล็กๆ ของมันตรงกลางแก้มซ้าย ไม่ได้ทำให้มันดูแย่ลงเลยสักนิด น่ามองไปกว่าเดิมอีกต่างหาก

 

แถมดวงตามันเล็กก็จริง แต่แฝงแววอะไรสักอย่าง โคตรน่าค้นหา

 

“หันหลัง” มันว่า ผมหมุนตัวหันหลังให้มัน ความเย็นของผ้าแตะบนตัวพร้อมกับมันที่ออกแรงถูให้

 

“ไม่เอาแบบถลกหนังนะ”

 

“เออ รู้แล้ว” มันว่า “ก็เบาสุดๆ แล้วเนี่ย”

 

“ครับ คุณเมีย” ผมว่าพลางหลุดยิ้ม ชอบแซวมันแบบนี้

 

“กูจะหมดอารมณ์ทำให้เพราะงี้แหละ”

 

“ทำไม ก็มึงเป็นเมียกูจริงๆ นี่ หรือจะบอกว่ายังไม่ได้เป็นแบบเต็มตัว” ผมว่า ถ้าตอบมาแบบนี้จะจับกดแม่ง

 

“เปล่า แต่มึงอย่าย้ำนักสิ” มันว่าเสียงเบา ทำอย่างกับยอมแพ้ผม

 

“มึงเขินเหรอ” ผมว่าพลางยิ้มกับตัวเอง

 

“เปล่าซักหน่อย เขินทำไม ไม่มีไรน่าเขินซักนิดเดียว” มันรีบตอบมา จะแก้ตัวก็ว่ามาเหอะ

 

“ถ้าไม่อยากเขินก็ยอมเป็นเมียก็แบบเต็มตัวสิ จะได้ไม่อายปากเวลาพูดว่าตัวเองเป็นเมียกู”

 

“หึ ฝันไปเหอะ”

 

ผมหันไปมองมันที่ส่งนิ้วกลางมาให้พร้อมกับหน้ากวนส้นเท้าที่สุด นี่ผมทำอะไรอยู่วะเนี่ย ไม่เคยมองผ่านความร้ายกาจของใครเลย แต่สำหรับมัน มันจะทำอะไร จะแสดงออกกับผมยังไงก็ได้โดยไม่มีความผิด

 

“ส่งมาให้จังนิ้วกลางน่ะ อยากได้มากใช่ไหม” ผมว่าดุ แต่มันกลัวผมที่ไหน

 

“ไอ้ค…”

 

“เดี๋ยวจับยัดปากเอาให้ปากดีไม่ออก มึงจะเอาไหม?”

 

“ถามมาได้ไม่คิด ลองควักออกมาสิจะเอามีดฟันให้ขาดไม่มีไปใช้นอนกับเมียชาวบ้านเลยคอยดู” มันว่าเสียงเข้ม ขนลุกเลยสัส!

 

“นี่มึงเอาจริงเอาจังไปปะวะ โกรธกูทีไรขุดเรื่องเก่าๆ มาด่ากูทุกที” ชักจะเหมือนเมียแก่ๆ ไปทุกวันแล้ว ผมยกยิ้มก่อนจะหันไปมองหน้ามันพร้อมกับว่าต่อ

 

“จะหึงน่ะได้ แต่อย่าทำร้ายไอ้ปอเบอร์สองก็พอ”

 

“ไอ้…” ในที่สุดมันก็เถียงไม่ออก ใช้กำลังถูกหลังซะผมต้องร้องร้องปราม

 

“เบาๆ หลังจะขาด”

 

“เออ ดี” มันว่า

 

ผมยกยิ้มกับตัวเองกับนิสัยของมันก่อนจะหันกลับไป เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดฝาดของมันที่ส่งมา มันกำลังเขินที่โดนแกล้งอย่างเห็นได้ชัดเพราะหน้าแดง หูเหอแดงไปหมด ผมยกยิ้มพร้อมกันนั้นก็ดึงมันไปเข้ามากอดในอก

 

“กูขอบใจนะภีม”

 

ขอบใจสำหรับทุกอย่างที่มันทำให้ผม มันนิ่งเหมือนจะยอมรับในสิ่งที่ผมทำก่อนจะเงยขึ้นมามองหน้าของผมราวกับต้องการค้นหาอะไรสักอย่าง ผมไม่ได้โกหก ผมรู้สึกขอบใจมันจริงๆ

 

มันคงงง เพราะร้อยวันพันปีผมไม่เคยพูดคำนี้กับมัน

 

มันไม่เถียง แค่พยักหน้ารับและช่วยผมสวมเสื้อผ้า พาผมไปนั่งทาครีมดูแลผิวหน้า มาโลชันให้ ถึงคราวมันปรนนิบัตินี่แทบจะล้างเท้าให้ผมแล้ว

 

ผมมองไปยังโมเดลรถที่เคยโยนทิ้งไว้ มันถูกวางลงที่เดิม ดวงตาผมมองเมียที่เดินจัดของในห้องรกๆ ให้แล้วหยิบโมเดลนั้นมาดูเงียบๆ นึกถึงผู้ชายที่ผมไม่มีวันจะยกโทษให้ คนที่ภีมมันพยายามเจรจาให้ผมยอมยกโทษนั่นแหละ

 

เขาทำตัวเอง ถ้าเขาไม่ทิ้งแม่และให้ผมทำตามใจ ให้ผมไปอยู่กับแม่ ผมคงต้องไม่ใช้วิธีแบบนี้หรอก

 

จะรั้งผมให้อยู่กับเขาทำไม ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นค่าในตัวผมเหมือนแม่

 

ค่าในตัวผมสำหรับเขามันน้อยกว่าไอ้ภีมอีก มันยังรู้จักดูแลผม เหลียวแลผม คิดแล้วก็พาลหงุดหงิด ผมลุกขึ้นยืนและกวาดตามองหาโทรศัพท์ไม่รู้ว่าเมียเก็บเอาไปไว้ไหนจะโทรชวนเพื่อนแดกเหล้าสักหน่อย ขาก็กระเผลกเดินออกจากห้องนอนมายังด้านนอกซึ่งเห็นภีมมันยืนกดโทรศัพท์ยิกๆ อยู่เลย

 

ผมยกนิ้วชี้เป็นการเตือน “มึงทำอะไรกับโทรศัพท์กูน่ะหา!”

 

มันเงยมองหน้าผมก่อนรีบกดใหญ่ ผมรีบสาวเท้าไปแย่งโทรศัพท์ออกจากมือมันพร้อมกับเสียงร้องของมันไปด้วย “แม่งเอ๊ย…”

 

สงสัยไม่ทัน

 

ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วเลิกคิ้วตัวเองที่มันพยายามกดรหัสโทรศัพท์ให้ได้ แต่ใจไม่ตรงกับผมก็เท่านั้นเอง นี่มันตั้งใจจะทำอะไรกับของๆ ผมวะเนี่ย ผมผละหน้ามาจ้องตามันเค้นเอาความจริง

 

“นี่มึงจะทำอะไร?”

 

มันอึกอักครับ ทำท่าทำทางมีพิรุธสุดๆ “ก็…พี่ปอ ขอรหัสหน่อยสิ”

 

“ยังจะมาหน้าด้านขออีกไอ้นี่” ผมยกมะเหงกจะเขกหัวมันที่ย่นคอหลบ

 

“ไม่ขอแล้วจะรู้ไหมล่ะ” มันสวนพลางลูบหัวตัวเองหน้ายุ่ง น่ารักสัส ใจผมนี่กระตุกเลย

 

“แล้วมึงจะเอาทำไม” แล้วทำไมกูต้องใจเย็นกับมึงขนาดนี้ด้วยวะเนี่ย

 

“กูแค่จะลบรูปที่มึงถ่ายแบบอุบาทว์ๆ ออกเอง จะเก็บไว้ทำไมวะปอ โดยเฉพาะรูปที่มึงจูบกูอะจะให้ใครเห็นไม่ได้” มันว่าเสียงดัง หน้าตานี่ขอร้องสุดๆ ไอ้ผมก็ยกยิ้มแล้วกดรหัสเปิดวอลเปเปอร์ให้มันดูในสิ่งที่ทำไว้รอวันนี้ที่มันมาถามหา

 

“แบบนี้เหรอ?”

 

ผมตั้งไว้เป็นวอล์เปเปอร์เรียบร้อยแล้ว กดรหัสเสร็จปุ๊บภาพมันกับผมดูดปากกันโผล่ออกมาปั๊บ มันเบิกตาโตเท่าไข่ห่านมองมายังหน้าจอตกอกตกใจ

 

“เอาออกเลย มึงจะให้กูอายไปถึงไหนวะเนี่ย!” มันเกาหัวตัวเองบ่นทั้งจะแย่งโทรศัพท์ในมือ ผมชูขึ้นเหนือหัวตัวเองอีกทั้งสะใจและสนุกสนานกับหน้าแดงๆ ของมันไปด้วย แกล้งแม่งอีกรอบ

 

“เพื่อนกูรู้รหัสโทรศัพท์กูทุกคนเลยว่ะ” มันตกใจทุบตัวผมระรัวเพราะทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้ หน้านี่งอจนแทบจะร้องไห้

 

“ปอ เอาออก!” มันว่าพลางทุบผมตุบตับ นี่มึงคิดไหมว่ากูป่วยอยู่ สภาพกูดูสบายดีลั้นลาขนาดจะรองรับมือตีนมึงได้เหรอภีม

 

มันเงยหน้ามามองผม มุ่นคิ้ว ทำดราม่าน่าสงสารสัส น่าแกล้งเพิ่มขึ้นไปอีก แต่ผมเลือกที่จะโอ๋มันมากกว่า มันจะได้ไม่เกลียดไปมากกว่านี้

 

“จูบพี่ก่อนสิ” แต่คนอย่างกูต้องมีข้อแม้ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเมื่อภีมมันตอบสนองตอนที่ผมบอกมา มันส่ายหน้าระรัวแล้วลังเล

 

สุดท้ายก็ยอม ยกมือสองข้างมารั้งคอผมให้โน้มลงไปรับจูบมัน

 

เหมือนมันรู้งาน รู้ว่าผมต้องการแบบไหนหลังจากเคยเจรจาแล้วว่าต้องให้มันจูบเหมือนเดิม ปากที่มีเนื้อของมันนุ่มนิ่ม เรียกความกระหายให้อยากจูบได้ตลอดเวลา มองทีไรก็นึกอยากจูบตลอด ไม่แปลกที่ผมขอให้มันทำบ่อยๆ ใช่ไหม

 

อยากจูบแม่งทุกห้านาที

 

แต่ตอนที่มันจูบผม ผมรู้สึกดีกว่าเท่านั้นเอง เพราะภีมมันไม่ได้เก่งอะไร นำจูบแบบเงอะๆ งะๆ ท่าทางตอบสนองตอนผมรับจูบก็น่ารัก ลิ้นเล็กถูกผมส่งไปพันรัวนัวเนียเล่นไม่หยุด เสียงตอนมันหอบหายใจแรงๆ เรียกความต้องการคนฟังได้ไม่ยาก เกมต่อไปกับมันน่ะเกิดขึ้นง่ายนิดเดียว

 

จูบมันรสชาติดีที่สุดแล้วสำหรับผมน่ะ ผมผละปากออกมาเม้ม มือก็เช็ดคราบน้ำลายตรงมุมปากเมียตัวเองไปด้วย

 

โคตรยั่ว

 

แล้วจะให้อดทนกับมันได้นานขนาดไหนวะ ผมนิ่งมองมันที่เงยหน้ามาช้อนตามอง ปากเม้มกัน บวมเพราะรอยจูบ ผมโน้มลงไปฝังจมูกลงบนแก้มมันอีกทีด้วยความหมั่นเขี้ยว จะอดทนไม่ไหวแล้วสัส!

 

“อื้อ หอมอะไรแรงนักหนา!” ภีมมันผลักแก้มผมบ่นเสียงเบาทว่ากระแทกอารมณ์ ทำหน้างอหงุดหงิดมาด้วย

 

ถ้ากูฟัดมึงได้กูฟัดแล้ว ยังจะมาบ่นอีก ทนได้ขนาดนี้ก็ดีแค่ไหน

 

มันผลักหน้าผมร้องว่าไปด้วย “ไหนล่ะบอกว่าจะให้รหัส จะลบออกไปได้รึยังรูปอะ กูไม่ยอมนะถ้ามึงจะให้เพื่อนดูน่ะ”

 

“กูล้อเล่น ไม่มีใครรู้รหัสหรอก”

 

มันเบิกตาชี้หน้าผม

 

ตลกจริงไอ้เด็กนี่ น่าแกล้งชะมัด ผมดึงแขนมันเข้ามาหาเมื่อเห็นว่ามันไม่เลิกหน้างอ จะง้อมันยังไงดี ดวงตามันละมองลงพื้นอย่างขัดใจตัวเอง ก็มันเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองนี่นะ

 

เมียกูโคตรดราม่า

 

“งั้นมึงเอารหัสไป แล้วห้ามลบรูปเด็ดขาดเพราะไม่เคยมีใครมายุ่งกับโทรศัพท์กูเลยซักคน ถ้าอะไรในโทรศัพท์หายไปนั่นเพราะมาจากฝีมือมึง” ผมชี้หน้ามันว่าไปด้วยเป็นเชิงออกคำสั่ง มันย่นหน้าว่าสวนมาทันทีทั้งที่ยิ้มอวดว่าตัวเองเหนือกว่าที่ได้รหัสมา

 

“กูไม่ลบคลิปมึงหรอกน่า”

 

ผมมองหน้ามันที่กำลังหลุดหัวเราะดึงโทรศัพท์ไปถือเมื่อได้รหัส ปากก็บ่นกับตัวเองด้วยความรั้นเอาแต่ใจว่า “ไหนดูซิมีกี่ร้อยคลิป มึงนี่ทั้งหื่นทั้งโรคจิตกูว่าแม่งเยอะกว่าที่คิดชัวร์เลย”

 

“แบบกูไม่ต้องพกในโทรสัพท์หรอก โน่นแผ่นที่มึงรื้อออกมาน่ะจะดูไหมละ” ผมตอบ มันละหน้ามาขมวดคิ้วตัวเองเมื่อได้ยิน เลยอดที่จะแกล้งไม่ได้

 

“เอ หรือว่า…มึงอยากจะเล่นเป็นนางเอกของกูเองซะเลยล่ะ” ผมว่ากระซิบข้างหูมันที่ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ มันเปลี่ยนจากหน้าระรื่นเงยมาหยีหน้า

 

“ไอ้ทะลึ่ง ไปเลยปอมึงจะไปไหนก็ไป ไอ้หื่น ไอ้ลามกจกกะเปตร”

 

ผมหยุดหัวเราะ เออว่ะ ไอ้นี่มันยุง่ายดี

 

ผมยิ้มก่อนจะโน้มหน้าลงไปยิ้วยั่วโมโหมันเงียบ ไม่พูดอะไร

 

มันเงยหน้าแดงๆ มามองผมก่อนจะละสายตาไปเสียเฉยๆ ไม่ยอมจ้องตา นี่วันนี้จะยอมแพ้ผมง่ายๆ งั้นเหรอ มือผมดึงมันเข้ามาก่อนจะจูบหัวเหม่งๆ มันไปที ไอ้หน้าผากรับทรัพทย์ของมันน่ะ

 

ผมคิดเองหรือเปล่าว่ามันรั้นกับผมน้อยลง เถียงเก่งอยู่ก็จริงแต่ก็ใช้เหตุผลทุกครั้ง แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมเอาใจมันได้ยังไง ก็มันไม่ดื้อกับผมนี่ ตัวผมยิ่งใจอ่อนกับเด็กดีเอาใจเก่งอยู่ด้วย

 

ก๊อกๆ

 

เสียงคนเคาะประตูเรียกให้ผมหันมองเพราะเมียที่มันสนใจแต่โทรศัพท์ ร่างของผมผละเดินไปยังตาแมวเพื่อส่องดูแล้วหันไปมองไอ้ภีมที่มันเดินไปทรุดตัวนอนเล่นบนโซฟาไม่ได้สนใจห่าเหวอะไรเลย มันสั่งอาหารมาทำไมเยอะแยะวะ

 

ผมยกมือที่ไม่ได้หักบิดเปิดประตูเพื่อเปิดต้อนรับ มองพนักงานเข็นเอาอาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะ มีแม้กระทั่งเครื่องดื่มด้วย นี่มันจะฉลองอะไรของมัน

 

“ภีม มึงสั่งอะไรมา?” ผมว่าพลางมองพนักงานทำตามหน้าที่ จัดแจงอาหาร สังเกตเห็นว่าจานถูกจัดมาสามชุด คิ้วของผมก็เริ่มขมวดกันด้วยความสงสัยผสมอารมณ์ที่จะมีน้ำโหกับมันนิดๆ ที่มันเมินกับคำถามของผม

 

“ภีม กูถามไม่ได้ยินเหรอ!”

 

พนักงานหันมามองหน้าผม มันคงตกใจ แต่ไอ้ที่นอนบนโซฟาไม่กระดิก ไม่รู้สึกกลัวผมสักนิด มันแหงนหน้ามามองแล้วว่าเสียงรำคาญสุดๆ

 

“เสียงดังทำไมวะปอ?”

 

ผมกำหมัดตัวเองอยากทุบกะโหลกมันจริงๆ “ก็กูถามมึงหลายรอบแล้วว่ามึงสั่งอาหารมาทำไม?”

 

“เอ้า ก็สั่งมากินไง”

 

“ของใครอีกชุด?” ผมว่าพลางชี้ไปอีกจานที่เกินมา มันรีบลุกขึ้นเดินมา ทำหน้าตาอึกอักแล้วก้มลงมองจานข้าวตอบเสียงเบา ถึงเวลากลัวกูได้แล้วเหรอหา!

 

“ของพ่อ…มึง”

 

“นี่มึงด่ากูเหรอ” ผมว่า

 

“เชี่ย! กูเปล่า ก็จานนี้ของพ่อมึงอะ!” มันเงยมาพร้อมทั้งเสียงดังสู้

 

“ใครให้เขามากิน กูไม่ได้เชิญ!” ผมร้องว่าพลางชี้จานนั้นด้วยอารมณ์ที่พุ่งขึ้นเมื่อเห็นว่ามันไปตกลงอะไรกับผู้ชายคนนั้นว่าจะมาทั้งๆ ที่ไม่ได้ถามความเห็นกูสักคำว่าต้องการให้เป็นอย่างนั้นไหม

 

ชั่วโมงนี้กูไม่สนพนักงานที่มันมองด้วยสายตาตื่นกลัวแล้ว กูโมโหที่มันก้าวก่ายเกินไปเพราะเห็นว่าถูกตามใจ

 

“ออกไปได้แล้ว ไม่ต้องจัด เอาของออกไปทั้งหมด!” ผมหันไปว่ากับพนักงาน พยายามทำใจเย็นๆ ไว้ที่สุด ผมไม่อยากใจร้อนกับไอ้ภีม

 

“ไม่ต้องออก จัดต่อไปครับ” มันว่าแทรก ผมกำมัดตัวเองแน่นมองมันที่เงยมาจ้องตา

 

“มึงเลิกยุ่งเรื่องนี้สักที กูไม่ชอบ”

 

“ทำไม มึงโกรธอะไรพ่อนักหนา” มันว่า

 

“มันไม่ใช่หน้ามึงที่จะต้องมาถาม ทีเรื่องอื่นไม่เห็นมึงรู้จักคิดบ้างวะ” ผมว่าพลางมองไปยังพนักงาน “ออกไปเดี๋ยวนี้! ฉันไม่ต้องการให้ทำอะไรต่อทั้งนั้น แล้วก็ไม่ต้องไปเชื่อฟังมันเพราะฉันคือคนจ้างนาย!”

 

“ไอ้ปอ!” ผมเห็นว่ามันโกรธที่อารมณ์ผมพลุ่งพล่าน ผมก็โกรธที่มันทำอะไรไม่ถามความรู้สึกของผม ผมโกรธที่มันเข้าข้างผู้ชายคนนั้นมากกว่าผม!

 

ผมไม่ชอบ ผมต้องการให้มันแคร์แค่ผมเท่านั้น มันต้องอยู่ข้างผมไม่ใช่คนที่ทำร้ายผม!

 

“หน้าที่มึงคือยอมเป็นเมียกู ไม่ต้องคิดจะหาทางทำอะไรช่วยกูทั้งนั้นเพราะกูไม่ได้ขอร้อง ไอ้ที่กูขอไม่เห็นจะอยากให้สักที แค่นอนให้กูเอาตามใจน่ะ!”

 

“มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ!” มันว่าพลางยกมือจัดแจงของบนโต๊ะเองเมื่อพนักงานเลือกที่จะเดินละออกไป ร่างของผมสั่นเพราะทำอะไรมันไม่ได้ ชักจะขัดใจเกินไปแล้ว

 

“หยุดทำเดี๋ยวนี้”

 

“ไม่ มึงไม่มีสิทธิ์มาสั่ง”

 

“ไม่เชื่อกูใช่ไหม!?” ผมมองตามันให้ทราบถึงความขุ่นใจที่สุด มือกระชากผ้าปูโต๊ะออกสุดแรง ข้าวของกระจัดกระจายพร้อมกับมันที่สะดุ้งมองของต่อหน้าร่วงลงพื้นสภาพไม่เหลือเค้าเดิม

 

“จะมากเกินไปแลวนะปอ!”

 

“มึงนั่นแหละมากเกินไป อย่ามาก้าวก่ายเรื่องของกูเพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับมึงเลย”

 

มันกำหมัดแน่นมองมายังผม แววตามันไม่ได้โกรธมากขนาดจะโวยวาย แต่ขมวดคิ้วตัวเองแน่นและละไปทางอื่นไม่ได้ต่อว่าอะไรอีก แค่เงียบไปเฉยๆ ไม่ต่อว่า ไม่ขยับมาตีมาทุบผมอย่างเคย ใจผมที่ว่าโมโหอยู่ก็เข้าสู่สภาวะคิดได้เมื่อเห็นเช่นนั้น

 

ผมโมโหจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ชิบหาย! ผมอยากเดินออกไปจากสายตาดูแคลนของมัน

 

“ก็ได้ เออ กูเสือกเอง…กูพอก็ได้” มันว่าเสียงเบาก่อนจะเดินออกจากห้องเฉยๆ ไม่เถียงหรือต่อปากต่อคำกับผมอีก ใจผมหายเมื่อนึกเห็นแววตาของมัน

 

มันผิดหวัง มันเสียใจที่ผมทำลายความตั้งใจทั้งหมดของมัน

 

ใจของผมวูบหายไปดื้ออย่างไม่รู้สาเหตุทั้งๆ ที่มันไม่ได้ด่า ไม่ได้ต่อว่า ไม่ได้ทุบตี เชื่อเถอะว่าผมอยากให้มันทำอย่างนั้นมากกว่าการแสดงออกแบบนี้ มันเดินหนีผมเป็นรอบที่เท่าไรแล้ววะ หนำซ้ำครั้งนี้หนีไปด้วยสีหน้าและแววตาที่ผมไม่ชอบเลย ไม่อยากเห็นเลยสักนิด

 

มึงกลับมานี่เดี๋ยวนี้เลยนะไอ้ภีม!

 

กูขอร้อง…

 

ผมยกมือทุบหัวสั่งสอนตัวเองที่ทำอะไรด้วยอารมณ์เป็นที่ตั้งกับมัน พยายามใจเย็นแล้วแต่มันอดไม่ได้จริงๆ ทำอะไรไม่รู้จักคิดหน้าคิดหลังแล้วค่อยมารู้สึกเมื่อมันระงับอะไรไม่ได้แล้ว

 

เหลือบมองไปเห็นแจกันดอกไม้สวยๆ ที่ตั้งไว้ อารมณ์ผมไม่ดีพอที่จะมองว่ามันสวย เกะกะขัดตากูชิบหาย มือผมปัดมันลงไปกระแทกพื้นแตกระบายอารมณ์ตัวเองตอนนี้

 

บ้าชิบ!

 

 

 

เป็นไงบ้างเอ่ย ชอบกันรึเปล่า นี่พาร์ทพี่ปอที่เปิดใจครั้งแรก เข้าใจมันเพิ่มมากขึ้นมั้ยรึไม่เลย

คุณสำหรับคอมเม้นนะคะ อ่านตลอด แต่บางทีมันก็หาไม่เจอนะ คือยังงงๆ อยู่ 555

เจอกันตอนหน้านะคะ บ๊ายบาย... ตอนหน้ากลับมาพาร์ทน้องภีมนะ นางจะงอนอิปอให้มันง้อค่ะ มาช่วยกันเชียร์นะ
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-11-2014 02:43:48
รออ่านในด้านของปอว่าจะทำให้ความรู้สึกด้านบวกเพิ่มขึ้นมาได้ไหม
เม้นต์ปุปตอนใหม่มาปั๊ปดีจริง อ่านๆไปก็ว่าจะดีขึ้นมาหน่อยแล้วเชียว อาการหนักกว่าเดิมอีก โกรธเธอมากเลยปอทำน้องเสียใจ
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 01-11-2014 03:14:37
ฉันยังไม่อยากยกภีมให้แก หรอกนะปอ
ทำตัวให้ดีๆเหอะ คิดว่าตัวเองดีเลิศแค่ไหนเชียว
(ทำตัวเป็นแม่ยกน้องภีม กร้ากกก)
เกลียดแกนะปอ แต่อยากให้น้องปอมีความสุข ก็แคนั้น
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 8
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 01-11-2014 08:14:12
สมน้ำหน้า

โดนพาไปรถล้ม

ยังต้องมาคอยดูแล

หวังดีด้วยก็โดนด่า

มึงอยู่กับเพื่อนแสนดี

กับเด็กต้นผู้น่ารักที่สุดในโลกเถอะ

บางทีก็คิดนะ...น่าจะเกิดอุบัติเหตุ

ทำให้ไอ้ปอน้อยไม่ตั้ง คงสาแก่ใจอิฉันยิ่งนัก 555555
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 9 Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 01-11-2014 13:58:52
 

ตอนที่ 9

Part 1
 

-N’ Peam Part-

 

เชี่ยปอ ไอ้นิสัยเสีย

 

ผมควบคุมอารมณ์พาร่างของตัวเองเดินออกจากห้องด้วยหลายหลากความรู้สึก แต่ที่แน่ๆ ผมผิดหวังในตัวของมัน ผมคิดว่ามันจะฟังในสิ่งที่ผมจะบอกบ้าง แต่ไม่เลย มันย้ำกับผมว่าผมก็เป็นแค่คนนอกที่เข้าไปเสือกเรื่องของมันมากเกินไป ผมมีหน้าที่แค่ต้องนอนกับมัน

 

มันโคตรดูถูกผมเลย ให้ตายสิ ทำไงผมจะเปลี่ยนความคิดงี่เง่านี่ของมันได้วะ

 

ความหวังดีของผมถูกมันทำเสียพังยับเยินง่ายๆ แค่ไม่กี่วินาทีพร้อมกับคำพูดเสียดสีแรงๆ ผมโคตรรู้สึกไม่ดี พยายามเก็บอารมณ์ไม่โวยวายทั้งที่ก็โกรธ แต่ใช่ที่ผมก้าวก่ายมันเกินไปแต่มันควรจะพูดดีๆ เลิกใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งแบบนี้สักที

 

ผมพาร่างตัวเองตรงไปยังลิฟท์ด้วยใจที่สับสน เจ็บแต่พูดไม่ออก ทว่าเมื่อลิฟท์เปิดออกมาเผยคนที่อยู่ข้างใน ใจผมที่กำลังขุ่นมัวนั้นเพิ่มทวีขึ้นมาอีกเมื่ออีกฝ่ายเดินออกมาพร้อมแววตาสงสัยที่เห็นผมกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด

 

ผมทำพลาดแล้ว ผมจะมองหน้าเขายังไง

 

“คุณพ่อครับ…” ผมว่าเสียงเบา มันสั่นเครือจนเขาจับได้

 

“มีอะไรรึเปล่า ทะเลาะกันเหรอ?” เขาเข้ามาว่า มือวางบนตัวผมปลอบ ผมเงยขึ้นมองตาเขานิ่ง หน้าเขาเหมือนไอ้ปอมาก เหมือนแทบอยากจะต่อย

 

“ผมขอโทษนะครับ ไอ้ปอมัน…”

 

“ไม่เป็นไรๆ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องไม่ยอมแน่ ฉันทำใจไว้แล้ว”

 

ถึงจะปลอบใจผมแบบนั้นก็เถอะ แต่ผมก็ไม่หายโกรธมันหรอก “ผมพยายามที่สุดแล้ว”

 

“โอเค ไม่เป็นไรๆ”

 

ต้องเป็นสิ ผมก็บอกว่าโกรธมัน มันดูถูกผม!

 

ผมก้าวเท้าเข้าไปในลิฟท์พร้อมกับเขา แสดงให้รู้อารมณ์ตอนนี้ด้วยใบหน้าที่ซึม ซังกะตาย ไร้วิญญาณ ยืนนิ่งปล่อยให้คุณพ่อเป็นคนกดลิฟท์ เขาพาผมลงไปชั้นล้อบบี้ นั่งกันอยู่ตรงนั้น ผมเห็นดวงตาเขาเหม่อลอยมองออกไปที่ไหนสักแห่ง ไม่อาจเดาใจเขาได้ เพราะผมเองก็วุ่นวายสับสนตัวเองเหมือนกัน ก็คนที่ผมรักนั้นใช้คำที่รุนแรงทำร้ายจิตใจผมจนเกินไป ไม่รู้สึกเจ็บยังไงไหว!

 

“มันไม่ควรทำตัวแบบนี้เลย มันน่ะนิสัยเสีย” ผมว่าขึ้นฝ่าความเงียบ คอยดูเถอะผมจะไม่ยกโทษให้มัน ต่อให้มันรู้ตัวว่าตัวเองผิดยังไงผมก็จะไม่ยอมจนกว่ามันจะยอมคืนดีกับพ่อของมัน

 

แล้วมันรู้จักที่จะรู้สึกผิดไหม นั่นแหละปัญหา

 

“มันยากที่เขาจะยอมทำแบบนั้นนะ” พ่อของมันว่า ผมหันไปมองเขา สงสารว่ะที่ถูกปอมันทำแบบนั้นใส่

 

“ผมไม่เข้าใจไอ้ปอเลยจริงๆ”

 

“พยายามเข้าใจหน่อยละกัน ปอเขาเองก็มีเหตุผลของเขานั่นแหละนะ”

 

“เหตุผลอะไรก็ไม่เท่ากับสิ่งที่คุณพ่อให้มันหรอกครับ พ่อเองก็ควรจะต่อว่ามันซะบ้าง สั่งสอนมันบ้าง…”

 

ผมนิ่งมองคนตรงหน้าที่จ้องตาผม แม่งลามปามไปสอนผู้ใหญ่ เดี๋ยวหาว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนอีก แต่ไอ้ปอน่ะไม่มีใครสอนมันชัวร์ โตมานิสัยเสียแบบนี้ คงมีแต่คนเอาใจมาแน่ๆ

 

“ขอโทษครับพ่อ ผมอยากให้พ่อดุมันให้มันอยู่ในกรอบบ้างน่ะครับ” ผมหัวเราะแห้งๆ พลางเกาหัว แม่งรู้สึกแสบสีข้างนิดๆ ที่หน้าด้านแถมาแบบนี้ อายว่ะ!

 

“ภีม”

 

ผมชะงักพลางละรอยยิ้มตัวเองลง หันไปมองตามเสียงเห็นร่างของมันเดินกระเผลกๆ มาด้วยใบหน้าบึ้งตึง หน้านิ่วคิ้วขมวด กูล่ะเบื่อคนเอาแต่ใจแบบมึงจริง พอนึกถึงแม่งก็มาทันที

 

ปอมันชะงักเมื่อเห็นพ่อตัวเองนั่งอยู่ด้วย พร้อมกันนั้นพ่อของมันก็เริ่มกล่าวขึ้นฝ่าความเงียบ “คุยกันดีๆ แล้วกันนะ ฉันจะกลับไปทำงานต่อ”

 

“ไม่ได้นะครับ คุณพ่อยังไม่ได้ทานข้าวเย็น” ผมเอื้อมมือไปดึงเขาไว้ หันไปมองไอ้ปอที่ค่อยๆ เดินกระเผลกๆ เข้ามาด้วยสีหน้าที่ยังเข้าข้างว่าตัวเองถูกเต็มที

 

แต่มึงผิดนะปอ กูไม่สน

 

“อีกอย่าง คุณพ่อไม่จะเป็นต้องหนีมัน”

 

เขามองหน้าผมนิ่งแสดงถึงความประหลาดใจ ก่อนจะยกยิ้มในสิ่งที่ผมพูดออกมา มันน่าขำหรือไงคุณพ่อ คอยดูเถอะผมจะทำในสิ่งที่คุณนึกไม่ถึง

 

แต่กูยังนึกไม่ออกนี่แหละว่าจะทำอะไร เออ ช่างแม่ง แค่ไม่พูดกับมันก็หมดเรื่อง ให้มันรู้ว่ากูโกรธ

 

และเมื่อปอมันเดินมาถึง ผมขยับตัวนั่งไกลๆ กอดอกแสดงท่าทางบอกมันไปเลยว่าตอนนี้กำลังโกรธมันพร้อมกับพ่อของมันที่ยังนั่งยิ้มกับท่าทางของผมไม่เลิก ยิ้มเข้าไป

 

คอยดูเถอะผมจะกำราบลูกคุณให้ดู!

 

“ใครให้มึงลงมาเพ่นพ่านแถวนี้?” มันว่าพลางหยุดขึ้นข้างๆ ผมเงยหน้ามองมันพลางมุ่นคิ้ว

 

“ทำไมกูจะลงมาไม่ได้ นี่ เห็นไหมกูคุยธุระกันอยู่” ผมว่าพลางพยักเพยิดหน้าไปทางพ่อของมัน

 

“อ๋อ มึงคิดว่ารู้จักกับเจ้าของโรงแรมแล้วเส้นจะใหญ่มากนักสิ”

 

“เจ้าของโรงแรม”

 

ผมเบิกตาหันไปมองคุณพ่อของมันที่นั่งยิ้มรออยู่ นะ นี่หมายความว่าผมกำลังคุยกับผู้บริหารโรงแรมตัวจริงเสียงจริงเลยอย่างนั้นเหรอ พ่อของมันเป็นเจ้าของโรงแรมนี้ มิน่าล่ะทำงานอะไรดึกๆ ดื่นๆ ได้ไม่ยอมพัก

 

เขาหลุดหัวเราะตาผมที่โตเท่าไข่ห่าน “ฉันนึกว่าเธอจะรู้ตั้งนานแล้ว”

 

“ผมไม่รู้”

 

ผมส่ายหน้าว่า โอ้ บ้านไอ้ปอมันรวยขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย มิน่าละนอนในโรงแรมได้อย่างกับบ้านของตัวเอง มีของในห้องครบครันทุกอย่าง แต่ในระหว่างที่ผมฝันเฟื่องถึงความร่ำรวยมันนั้น ไอ้ปอมันก็ว่าเสียงเข้มขัดมโนของผมที่ลอยบนหัวอย่างไม่ใยดี

 

“กลับไปห้องเดี๋ยวนี้”

 

สั่งกูจัง ทำอย่างกับเมียมาตามผัวที่หนีเที่ยวคาเฟ่ แต่นี่กูโกรธมึงอยู่มึงรู้ตัวบ้างไหม ยังจะกล้ามาตีหน้าขึงขังใส่แบบนี้อีก

 

“ทำไมกูต้องเชื่อฟังมึง” ผมหันไปว่ากับมันแล้วขยับไปตีสนิทกับพ่อของมันด้วยการนั่งข้างๆ

 

“ว่าแต่คุณพ่อครับ เราจะทานข้าวกันเลยไหม ตรงนี้แหละ” ผมพยักหน้าชวน เขาหลุดยิ้มมองลูกชายตัวเอง แหม คุณก็อยากยั่วมันเหมือนกันนั่นแหละ

 

“อ้ะ ได้สิ ได้ๆ”

 

เขาว่าพลางกวักมือเรียกพนักงานพร้อมกับสั่งอาหาร เราเลิกสนใจไอ้ตัวดีที่มันยืนค้ำเอวส่งสายตาพิฆาตมาให้ แต่ผมไม่ยอมหันไปสนใจมันเลยไง มันก็เลยยืนทำตัวฮึดฮัดฟึดฟัดให้หันไปมอง สุดท้ายมันก็เดินมาทรุดตัวนั่งด้วยใบหน้าไม่ค่อยจะพอใจเท่าไร

 

“ว่าแต่โรงแรมนี้ที่ต่างจังหวัดก็มีไม่ใช่เหรอครับ” ผมว่า เซ้าซี้พ่อมันทั้งยิ้มตื่นเต้นไปด้วย

 

“ใช่ ที่นั่นก็เป็นอีกหนึ่งสาขาน่ะ”

 

ผมเบิกตาหันไปมองไอ้ปอที่นั่งหน้าบูดอยู่คนเดียวบอกว่ากูกำลังตื่นเต้นกับความรวยของพ่อมึงมาก มันหน้านิ่ว ปล่อยให้พนักงานจัดโต๊ะแบบเล็กๆ ให้เรา สุดท้ายแม่งก็กวนตีน มันบอกให้พนักงานจัดของมันเพิ่มอีกที่พร้อมกับรอยยิ้มของพ่อมันที่ส่งมา ไหนบอกไม่อยากกินข้าวร่วมโต๊ะกับพ่อ มึงจะตามมาหาพะแสงอะไรหา!

 

กูโมโหนะมึง ตอนกูจัดโต๊ะให้กินที่ห้องแม่งพังทิ้งอย่างไม่คิด ทีงี้เสือกมานั่งเสนอหน้าข้างๆ ถ้ากูตบกบาลมึงได้กูตบละ ถ้าแม่งไม่กลัวมึงเอาคืนน่ะ!

 

ผมรู้สึกหมั่นไส้เลยหันไปแขวะทันทีเพราะรู้สึกคันปากยิบๆ อยากกัดมันเสียเต็มประดา

 

“ความจริงมึงไม่ต้องมานั่งกินตรงนี้ก็ได้ถ้าไม่สบายใจจะนั่ง กลับไปห้องไปกินคนเดียวโน่น”

 

มันหันมามองผมพร้อมกับขมวดคิ้วตัวเอง “ทำไม ก็เมียกูอยู่นี่”

 

ผมอ้าปากค้าง เมียเมออะไรของมัน แม่ง! หันไปมองหน้าพ่อที่ยิ้มกับคำของมันแล้วความอายก็แล่นขึ้นมาทันที พ่อก็ยิ้มอย่างเดียว เดาใจอะไรไม่ออกเลยสิน่า

 

“แต่ภีมเขาบอกว่าไม่ได้เป็นเมียลูกนะ พ่อถามแล้ว” คุณพ่อว่ากับมัน พร้อมกันนั้นมันก็หันมาเหลือกตาใส่ผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

 

“มึงบอกไปแบบนั้นเหรอ?”

 

ผมอึกอัก ซวยแล้วไง “อะ กะ…ก็มันความจริงนี่หว่า แล้วนี่ก็พ่อมึง รู้ก็ไม่เห็นเสียหายอะไร”

 

“เดี๋ยวมึงก็ได้เป็นอยู่แล้ว ปากมึงนี่ชักจะลามปามไปทุกทีนะภีม” มันชี้หน้าผมครับ

 

นี่ คือกูกำลังผิดเหรอ

 

ผมอึกอักแล้วละสายตาหลบมันไปด้วย ทำไมเกมพลิกมาเป็นกูที่ผิดได้วะ ผมกลืนน้ำลายเกาหัวตัวเองหาเรื่องโยนความผิดให้มันรู้สึกบ้าง

 

แม่ง ไหงเป็นงี้วะ เชี่ยปอมึงนี้เนียนได้ตลอดเลย

 

“มึงไปให้พ้นเลย กูไม่อยากคุยกับมึง”

 

ผมว่าเสียงเบาพลางก้มหน้ามองจานอาหาร มันชะงัก บรรยากาศเงียบกริบลงทันทีเมื่อผมว่าออกแบบนั้น กระทั่งเสียงของพ่อมันเอ่ยฝ่าความเงียบขึ้นมา

 

“กินข้าวเถอะเดี๋ยวจะเย็นหมด เธอน่ะกินมากๆ นะภีม ตัวผอมแห้งแบบนี้”

 

ผมพยักหน้ารับกับเขา รับอาหารที่เขาตักมาให้มากินเงียบๆ ไม่พูดอะไรกับปอมันอีกให้มากความจากการปรามทางอ้อมของพ่อมัน แต่ยิ่งกินยิ่งวางตัวลำบาก ผมขัดใจที่ตอนนี้รู้สึกว่ามันเอาแต่หันมามอง เอาแต่หาเรื่องจะคุยด้วย แต่กูไม่คุย กูงอน!

 

ผมตักอาหารกินเงียบๆ และละสายตาไปมองมันบ้าง มือของมันตักของกินเข้าปากดูเก้งก้าง แขนเดี้ยงแต่เสือกสั่งสเต๊กมากินแล้วจะได้กินง่ายๆ ไหม สมองมึงนี่คิดได้นะ

 

มันถอนใจกับของกินตรงหน้าเพราะไม่มีทางกินได้ ผมไม่หันไปช่วยพร้อมกับมันที่หันมาส่งสายตาให้ช่วย มาวางก้ามกับกู ไม่มีกูมึงก็อดตายละวะ

 

“มานี่ พ่อจะหั่นให้” ผมเงยมองพ่อของมันที่ดึงจานไปหาตัว แววตาของมันมองพ่อนิ่งไม่โต้เถียงอะไร เขาบรรจงหั่นเป็นชิ้นพอดีคำให้และยื่นกลับไปที่เดิม เห็นไหม เขาทำเหมือนมันยังเป็นเด็ก ดูแลเอาใจขนาดนี้

 

มึงเข้าใจคำว่าพ่อไหม คนที่ทำมึงเกิดมาน่ะปอ มึงเข้าใจรึยัง!

 

ผมอยากตะโกนใส่หูมัน ยิ่งมองหน้ามันยิ่งหงุดหงิด ความโกรธก็เล่นเข้ามาในอกเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อกี้ โกรธผม โมโหผม ต่อว่าผม แล้วเสือกเดินตามมานั่งร่วมวงกินข้าวสบายใจเฉิบ ไม่ให้โมโหได้ไงวะ

 

แล้วดูพ่อมันสิใจดีขนาดไหน มันลืมไปแล้วรึไง

 

มันลืมแล้วเหรอว่าใครที่สอนมันพูด ใครกันที่สอนมันอ่านหนังสือ สอนจับช้อนจับส้อม สอนปั่นจักรยาน ผมโคตรสงสารพ่อมันเลยที่ถูกมันทำตัวแบบนี้ใส่ นึกแล้วใจก็สั่นขึ้นมาเฉยๆ

 

ทำไมกูต้องแคร์มึงมากขนาดนั้นวะปอ ทำไมกูอยากให้มึงเจอแต่สิ่งดีๆ วะ

 

แต่มึงมันไม่เห็นค่า ไม่เห็นความหวังดีกูเลย ให้ตายเหอะ!

 

มือผมสั่นพร้อมกับขอบตาที่ร้อนผ่าว พยายามกระพริบตาไล่น้ำออก รีบตักของเข้าปากแล้วยกน้ำดื่มเงียบๆ ผมอิ่มแล้ว ผมกินไม่ลงหรอกถ้าต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ผมทนเห็นไอ้ปอทำนิสัยเสียๆ แบบนี้ไม่ได้

 

“หืม ทำไมกินน้อยจัง ต้องกินเยอะๆ นะ” นิสัยปอมันได้มาจากพ่อเต็มๆ เลย ผมยกมือไหว้

 

“ขอบคุณนะครับแต่ผมอิ่มแล้ว”

 

ว่าแล้วมองจานข้าวของตัวเองพลางถอนใจ สายตาของปอมันละมาออกคำสั่งอย่างเคย แต่ไม่จำเป็นนี่ที่ผมจะต้องเชื่อฟังมันไปเสียหมด ในเมื่อมันเห็นผมเป็นแค่คู่ขาของมัน หน้าที่ผมแค่อ้าขาให้มันตักตวงเอาความสุขอย่างเดียว ค่าของผมมีแค่นั้นจริงๆ

 

ผมไม่ควรไปก้าวก่ายเรื่องของมันอย่างที่มันบอกนั่นแหละ

 

ที่สำคัญ กูอยากกวนตีนมึง นี่อะประเด็นหลัก

 

 “งั้น…ผมขอตัว…”

 

“เดี๋ยว กูไม่อยากอยู่ตรงนี้กับพ่อแค่สองคน” มันขัดขึ้น

 

“งั้นมึงก็ไม่ต้องกิน กูไม่ได้ขอให้มึงมาสักนิดแล้วก็ไล่ไปแล้วด้วย แต่มึงก็หน้าด้านมานั่งเองนี่”

 

มันเอื้อมมือมากุมมือผมไม่ให้ลุกขึ้นยืน ผมส่ายหน้าให้มันพลางดึงมือตัวเองออกพร้อมกับมันที่ลุกขึ้นยืนตามผม ดวงตาที่จ้องมันไม่พอใจละไปมองคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะที่แสดงถึงความนิ่งเฉยออกมาราวกับไม่รู้สึกอะไร ใจของผมแป้วเมื่อคนที่ต้องทนกับเราคือพ่อของมันเพราะรู้ดีว่ายังไงเขาต้องรู้สึกไม่ดีแน่

 

ผมสงสารเขา แล้วเขาจะทานอะไรลงถ้าเห็นคนทะเลาะกันตรงหน้า ผมพยายามผ่อนปรนอารมณ์ตัวเองอย่างที่สุดกับไอ้ปอแล้วอดทนทรุดตัวนั่งต่อให้เขาทานให้เสร็จ เดี๋ยวค่อยจัดการมันใหม่

 

“คุณพ่อทานต่อนะครับ ผมขอโทษทีเสียมารยาท”

 

“อ้อ ไม่เป็นไร ฉันชินแล้ว” เขาว่าพลางหัวเราะเสมือหยอยๆ หยิบไวน์ขึ้นมาจิบสบายใจเฉิบพลางยิ้มเมื่อได้สบตากับผม เขาคิดอะไรอยู่กันวะทำตัวไม่ถูก ผมนั่งนิ่งปล่อยให้ทั้งคู่ทานอาหารไปเรื่อย และดูท่าทีไม่มีใครรีบเลยสักคน

 

“เธอเรียนที่เดียวกับปองั้นเหรอภีม?” เขาว่าฝ่าความเงียบ

 

“อะ ครับ แต่เป็นรุ่นน้อง”

 

“ทำไมไม่เรียกพี่ปอเขาว่าพี่ล่ะ”

 

“ก็มันปากหมาไง” ไอ้ปอมันแทรกขึ้นมา ไอ้ผมก็อ้าปากจะเถียงแล้วอึกอักตอบแก้ตัวให้ตัวเองดูดีขึ้นมานิดหน่อย แม่งฟ้องพ่อเหรอ

 

กูต้องตั้งใจแถ เอ๊ย! แก้ตัว เอ่อ…หมายถึงอธิบายให้พ่อมันฟังซะแล้ว

 

“ก็ปอมันทำตัวไม่น่าเคารพเองน่ะ ปกติรุ่นพี่คนอื่นผมก็เรียกพี่นั่นแหละครับแต่ยกเว้นมัน มันนี่พิเศษกว่าใครเลยนะ” ผมว่าพลางยกนิ้วกลางให้มันไปด้วย พ่อมันหลุดหัวเราะกับกิริยาท่าทางของผม

 

เออว่ะ ลืมไปว่าอยู่ต่อหน้าพ่อมัน ลืมให้เกียรติลูกชายเขานิดหนึ่ง

 

“ไม่ค่อยมีคนทำกับเขาแบบนี้เท่าไรเลยนะ” เขาว่า เสียงไอ้ปอร้องปราม

 

“เงียบไปเลยน่ะพ่อ”

 

“ก็จริง ปกติเจอแต่คนเอาอกเอาใจ เจอคนเอาแต่ใจกว่านี่เล่นเอาลำบากเหมือนกัน แต่ก็เอาเขาได้อยู่หมัดละนะ”

 

ผมเงยหน้ามองตอนเขาพูดพร้อมกับยิ้มใจดี นี่คงจะชมผมอยู่แน่เลย

 

“ก็แค่เดือนเดียวแหละครับ” ผมตอบเสียงเบาพร้อมกับมันที่หันมามองหน้าของผม รอยยิ้มผมยกขึ้นให้พ่อของมันทีนทีไม่สนสายตาเหี้ยมๆ ของไอ้ปอที่ส่งมาให้ กูเลิกกลัวมึงแล้วปอ

 

“คนแบบมันใครจะไปบงการอะไรได้ มันต่างหากที่บังคับตัวเองให้เป็นแบบนี้ ผมไม่ได้เก่งอะไรเลย น่าสมเพชจะตายไป”

 

“ภีม!” มันหันมาว่าเสียงดัง ผมก้มหน้าลงพื้น

 

“แต่ฉันชอบคนแบบเธอนะภีม ฉันหวังเธอจะได้อยู่ข้างเขาแบบนี้ไปนานๆ…”

 

“ไม่ครับ ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอก…”

 

“ทำไมล่ะ?”

 

“เพราะมันกับผมน่ะก็แค่…”

 

“เงียบ!” มันหน้ามาว่าพร้อมทั้งกระชากแขนผมเดินออกมาอย่างลืมเจ็บขา ใจผมหายพร้อมกับเท้าที่เดินตามมันขึ้นไป ร่างผมสาวเท้าไปเรื่อยๆ เมื่อหยุดในลิฟท์ ความเงียบบังเกิดขึ้นทันที

 


ต่อพาทสองจ้า
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 9 Part 2
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 01-11-2014 14:09:44

ตอนที่ 9

Part 2


มันโกรธอะไรผมอีกวะ ผมผิดตรงไหน!

 

ก็ผมพูดความจริงนี่ เพราะผมก็คบกับมันแบบคนก่อนๆ ที่ผ่านมา เป็นของเล่นของมันให้ระบายความต้องการ มันเข้าใจอะไรผิดไปจากข้อตกลงของผมกับมันรึเปล่า รึมันไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองสำส่อน

 

ผมเกลียดนิสัยนี้ของมัน

 

แต่แม่งก็โคตรรักนิสัยดีๆ ของมันเลย

 

เมื่อลิฟท์เปิด ผมรีบก้าวเท้าเดินนำมันมาก่อนเพราะไม่อยากจะเถียงอะไรกับมันอีก ผมอยากจะงี่เง่าอยากจะเอาแต่ใจกับคนที่ตัวเองรักบ้าง ผมหลอกตัวเองว่าบางทีมันอาจจะรู้สึกผิด อาจจะมาขอโทษผม อาจจะมาทำดีกับผมสักครั้งเพราะคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด

 

แต่ไม่เลย มันไม่เคยรู้สึกผิด ผมคิดแบบนั้นเสมอ ผมพาตัวเองเข้าห้อง มองสิ่งของที่มันโวยวายแล้วทำลายทิ้ง โต๊ะ แจกัน กองหนังสือเละกระจัดกระจาย ทำไมมันเป็นคนแบบนี้วะ

 

“ภีม!” มันเดินตามมาเปิดประตู ผมทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา ไม่อยากฟังมัน “กูไม่ชอบเลยที่มึงพูดแบบนั้น มึงคิดอะไรอยู่หา?”

 

“แล้วมึงคิดอะไรอยู่ถึงถามกูออกมา กูพูดความจริงทุกอย่างนี่”

 

“กูรู้ว่ามึงโกรธกูเรื่องเมื่อกี้ แต่มันสมควรไหมที่มึงจะพูดกับพ่อกูแบบนั้น”

 

ผมเงยหน้ามองมัน ก่อนจะพยักหน้ารับ “เออ กูขอโทษ มึงพอใจรึยัง?”

 

คำว่าขอโทษพูดง่ายๆ แบบนี้ คิดจะพูดบ้างไหม

 

มันมุ่นคิ้วตัวเองพูดไม่ออกเมื่อผมสงบศึกขึ้นมาเฉยๆ ด้วยการขอโทษมัน ใบหน้าของมันมองผมไม่ละก่อนจะเดินมาทรุดตัวนั่งข้างๆ เราเงียบไปทั้งคู่พร้อมกับมันที่เป็นฝ่ายอดทนไม่ไหวก่อน

 

มันแน่นอนอยู่แล้วที่ต้องเป็นมันที่ต้องเป็นแบบนั้น

 

“กูไม่ได้ตั้งใจ…”

 

มันว่าเสียงเบา มองหน้าผมที่ก้มลงมองพื้น ผมไม่กล่าวตอบอะไรมันเลย ไม่เถียงให้มันสนุกปาก มันยิ่งแสดงถึงอารมณ์ที่ร้อนตัวเองออกมา “เออ กูเองก็ผิด แต่มึงไม่มีสิทธิ์ที่จะ…”

 

มันลากเสียง “…มึงไม่มีสิทธิ์ที่จะจัดการเรื่องพ่อกู กูไม่ต้องการ”

 

ผมเงียบฟังในสิ่งที่มันกล่าว ก้มหน้ารับฟังอย่างไม่คัดค้าน มันคงคิดว่าผมกำลังจะกวนตีนมันละมั้งถึงได้พยายามเก็บอารมณ์ตัวเองแบบนั้น ผมกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นทนรับฟังต่อไป ทั้งที่ใจอดทนไม่ไหว

 

“กูไม่ได้ตั้งใจจะว่ามึงนะภีม กูแค่โมโห กูบังคับตัวเองไม่ได้” มันว่าแล้วเงียบไปสักพัก “กูรู้ว่ากูทำกับมึงแรงเกินไป แต่มึงก็เกินไปสำหรับกูเหมือนกันนะภีม”

 

ผมดึงมือที่ถูกดึงไปกุมออกจากมือมันทันที เงยมองมันแล้วส่ายหน้าปฏิเสธที่จะยอมรับในสิ่งที่มันพูดออกมา ผมไม่ได้ผิดสักหน่อยนี่

 

“อย่ามาแตะกูอีก” ผมว่า ไม่คุยเรื่องพ่อของมันต่ออย่างที่มันต้องการ

 

“ภีม…” มันลากเสียง มือก็มายุ่งย่ามแต่กับตัวผม อะไรของมันนักหนา

 

“บอกว่าอย่ามาแตะ ไปให้พ้นเลย!” ผมขึ้นเสียงพลางผลักมือมันออกจากร่าง คราวนี้แสดงให้เห็นจะๆ ไปเลยว่ากูกำลังโกรธ กำลังโมโหในสิ่งที่มันได้ทำลงไป

 

มือผลักมันออกจากตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมกับมันที่พยายามสัมผัสตัว ผมไม่ชอบเลยที่มันพยายามสื่อสารด้วยร่างกายแบบนี้ ดวงตาสำนึกผิดแบบนี้ ใบหน้าเว้าวอนแบบนี้ ใจผมที่แข็งมันดื้ออยากจะยกโทษให้เสียเต็มที

 

“มึงมันเหี้ย ปอ มึงโคตรเหี้ย…” ผมว่าอย่างสุดพลางผลักมือมันออกจากตัว เสียงแม่งจะสั่นทำไม

 

“ภีม พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่…” ผมทุบมันสุดแรง

 

“ไม่ได้ตั้งใจแล้วมึงทำทำไม ในหัวมึงนี่คิดแต่จะเอาความสะใจใช่ไหม”

 

“เปล่า” มันส่ายหน้า สีหน้าและน้ำเสียงแสดงถึงความสำนึกตอนกล่าว ผมไม่กล้ามอง กลัวใจตัวเอง ทั้งๆ ที่จะไม่ยอมยกโทษให้ง่าย แต่ใจสั่นตัวสั่น ถูกมันยอมง่ายๆ แบบนี้ เป็นคุณไม่หวั่นไหวเหรอ

 

“พี่ขอโทษ”

 

“อย่ามาขอโทษ กูไม่รับ” ผมว่าพลางพลักตัวมันออก มันจะมารู้สึกอะไรตอนนี้ ตอนทำทำไมถึงไม่ยอมคิด แล้วดูสิ ข้าวของที่มันทำไว้ มันจะทำยังไง

 

 “อย่าดื้อสิ” มันว่า

 

“มึงนั่นแหละ กูเกลียดมึงว่ะ กูโคตรเกลียดเลย ขนาดพ่อมึงยังไม่รักแล้วมึงจะไปรักใครดูแลใครได้วะ ออกไปจากตัวกูเลย มึงมันไอ้คนอกตัญญู”

 

“กูขอโทษ”

 

“ไปขอโทษพ่อมึงโน่น ฮึก!”

 

ผมผลักมันสุดแรงออกจากตัวก่อนจะยกมือกุมหน้า เก็บอารม์ตัวเองไม่อยู่ ใจมันกระเจิงกับคำว่าขอโทษของมันไปแล้ว น้ำอุ่นๆ ไหลลงเปื้อนมือผมที่ไม่อาจเงยไปให้มันเห็นได้ เมื่อผมรู้ว่ามันกล้าที่จะมาขอโทษ กล้ายอมรับผิดง่ายๆ

 

ใจผมที่แข็งๆ ก็อ่วนยวบลง

 

ผมสะอื้นสุดแรงพร้อมกับยกมือกุมหน้าตัวเองไม่ให้มันเห็นความอ่อนแอ มือของมันดึงผมไปกอดให้ซุกหน้ากับอกของมัน ให้น้ำตาซึมลงบนเสื้อของมันไปเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่ามันทำแบบนี้กับใครมาบ้าง แต่มันทำให้ผมรู้สึกดีและเข้าข้างตัวเองเกินไป

 

หลงตัวเองว่ามันแคร์ผม ยอมอ่อนข้อให้ผม

 

“ภีม อย่าร้อง…” มันลูบหัวผมว่า น้ำเสียงเบา จูบผมไปทุกที่ แต่ยิ่งได้ยินเสียงมัน ผมยิ่งเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้นไปอีก

 

ทำไมมันทำแบบนี้กับผม ผมไม่เข้าใจเลย

 

“พี่จะไม่ทำให้ภีมโกรธอีก พี่ขอโทษ”

 

เสียงมันอ่อนนุ่มผสานความสำนึกผิด ไอ้พี่ปอ ผมอยากให้มันหยุดพูด แต่ละคำของมันบาดลึกลงหัวใจผมจนไม่สามารถบังคับตัวตนของตัวเองให้เข้มแข็งได้อีกต่อไป

 

ผมอยากอ่อนแอให้มันปลอบแบบนี้ไปนานๆ

 

อยากโกรธให้มันง้อแบบนี้ไปนานๆ

 

แต่ไม่รู้มันจะนานไปได้แค่ไหน

 

 

เฮ้อ…

 

ผมเดินลงจากอาคารเรียนมาพร้อมกับถอนใจ ตาบวมเป่งเพราะร้องไห้เมื่อคืน อย่างกับเขื่อนแตกเพราะเสียงของไอ้ปอมันอยู่ใกล้หู แต่ละคำของมันทำให้ผมหยุดร้องได้ยาก เมื่อคืนน่ะเหรอ มันเอาแต่ง้อผม กอดผมไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย มันเหมือนพวกขาดความรัก ไอ้เด็กมีปัญหาทางบ้านเอ๊ย!

 

ร่างของผมเดินสวนกับคนที่ลงมาหาของทานช่วงพักเบรก เห็นรอยยิ้มจากเพื่อนคนหนึ่งที่ส่งมาให้ ผมจำมันได้เพราะเคยเดินชนกับมัน ถ้าจำไม่ผิดมันน่าจะเชื่อกรีน

 

“กินข้าวเหรอ?” มันทัก ผมพยักหน้ารับ

 

“อื้อ แล้วนายล่ะ”

 

“กินเสร็จแล้ว กำลังจะขึ้นไปรอเรียนน่ะ”

 

“โห อีกตั้งครึ่งชั่วโมงนะ” ผมว่า

 

“ภีม ไปกินข้าวพร้อมกับกูมะ อีสองตัวนั้นมันหนีไปก่อนแล้วอะ” ผมหันไปมองตุ๊ดร่วมห้องที่วิ่งมาหา มันยิ้มให้ไอ้กรีนก่อนจะสะกิดยิกๆ ให้ไปด้วย ไอ้ผมก็ทนมันเร้าหลือไม่ไหว

 

“เออ งั้นไปก่อนนะกรีน ไว้เจอกัน”

 

“อืมๆ เจอกัน”

 

ผมยิ้มให้มันพลางเดินไปพร้อมกับเพื่อนร่วมห้อง โรงเรียนช่างอะไรตุ๊ดเยอะชิบ แต่มันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรแถมช่วงนี้ผมเห็นมันเป็นอะไรที่น่ารักดี สร้างสีสันให้ชีวิตผมมาก พวกมันมักจะเข้ามาหลอกถามความคืบหน้าผมกับไอ้ปอบ่อยๆ แล้วก็ไปกระจายข่าวต่อ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าปกปิดเท่าไรนี่ ยกเว้นเรื่องผมยังไม่เสียซิงให้มันนะ

 

ผมไม่ได้แต่มีเพื่อนสาวๆ เท่านั้นหรอก ความจริงไม่ใช่เพื่อนเลย มีแค่คนรู้จัก คนรุ่นพี่ก็ยังรู้จัก คบกันไปแบบเผินๆ ใช่…ก็ผมเป็นเมียไอ้ปอนี่ ใครๆ ก็รู้จักผม

 

ซึ่งผมไม่ชอบชีวิตแบบนี้เท่าไร

 

ผมเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับสาวๆ อีกสามคนที่เดินวี้ดว้ายกระตู้ฮู้มาตามฉบับของมัน สนุกสนานเฮฮา รักสวยรักงามแต่พอมัน มีบางทีมันลามปามจะมาแต่งหน้าให้ผมด้วย ผมนี่แทบจะสวนหมัดใส่มันไปแล้ว

 

“เฮ้ยๆๆๆ พวกมึงเงียบแป๊ป”

 

เราชะงัก เมื่อยัยซันนี่ ที่ชื่อจริงๆ ของมันคือไอ้สันติยกมือป้องปากบอกให้หรี่เสียงลง ดวงตาผมเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อพวกมันหลุดยิ้มกับสิ่งที่เราได้ยิน คงมีแต่ผมนี่แหละที่อายอยู่คนเดียว

 

เสียงอู้อ้าในห้องน้ำ

 

“โหย อย่างถึงพรกถึงขิงเลยว่ะมึง” มันว่าพลางหัวเราะคิกคักกันเมื่อพวกเราได้ยินเสียงคนหอบหายใจแบบที่กระเส่าสุดๆ ในห้องน้ำ มีเสียงขลุกขลักขึ้นเป็นระยะ มันไม่ได้ยินเสียงคนมารึไงถึงยังไม่หยุดช่วยตัวเองเนี่ย

 

ผมส่ายหน้าพลางเดินเข้าห้องน้ำ ที่นี่เป็นห้องกว้างใหญ่มากเพราะไม่ต้องแบ่งเป็นฝั่งของชายหญิง เป็นห้องรวมที่มีหลายสิบห้อง ประตูหันหากันและมีหลายแถวเพราะงั้นเลือกเข้าไปตามสบาย

 

ขณะที่ผมเสร็จธุระ ผมคิดว่าพวกนี้มันน่าจะได้ยินหรือเห็นเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติในโรงเรียน พวกมันหัวเราะกันคิกคักสนุกปาก แต่ผมไม่ชินด้วยเลยสักนิดเดียว พาร่างตัวเองออกมาล้างมือ นึกว่าไอ้โรคจิตนั่นออกไปแล้ว ระหว่างที่รอเพื่อนเข้าห้องน้ำให้ครบ เสียงประตูห้องหนึ่งเปิดขึ้นหร้อมพวกที่พวกเราหันไปชะงักมอง

 

เชี่ย!

 

คนที่เปิดออกมามันชะงักเท้าตกใจเมื่อเห็นผม มือก็จัดระเบียบเครื่องแต่งกายตัวเองไปด้วย เหงื่อมันผุดออกเต็มหน้าก่อนจะเดินมาเปิดน้ำล้างหน้าแดงๆ นั่นบนอ่างล้างหน้า ลำคอมันมีแต่รอยจูบ

 

ไอ้ต้น

 

มันเอากับคนอื่นนอกจากพี่ธามอีกแล้ว

 

ผมหันไปมองมันที่ยืนล้างหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพร้อมกับมองตามตัวสูงๆ ของรุ่นพี่คนหนึ่งเดินออกไป เสื้อเขาหลุดลุ่ยพร้อมทั้งยกมือมาติดกระดุมตัวเอง ผมกับสาวๆ มองหน้ากันเมื่อมันทั้งสองเดินออกไปแล้ว ไปด้วยใบหน้าที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ

 

นึกว่าคนช่วยตัวเอง ที่ไหนได้ มันมากินตับกันในห้องน้ำโรงเรียนเนี่ยนะ!

 

“ไอ้ต้นนี่มันแรงนะมึงว่าปะอีซันนี่ กูได้ยินข่าวจากเพื่อนห้องเดียวกับมันว่ามันนอนกับคนอื่นไม่ซ้ำหน้า มีคนเห็นมันเอากับพี่วีเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับพี่ธามผัวมันด้วยนะมึง”

 

ผมหน้าชาเมื่อนึกถึงไอ้ปอ ไอ้เวรปอ!

 

“มันไม่น่าทำตัวอย่างงี้เลยนะ ทั้งที่บ้านก็ไม่ได้ยากจนข้นแค้นถึงขั้นจะมาขายตัว มันน่ะลูกคุณหนูแถมเรียนก็เก่งแต่เสียอย่างเดียวมันร่านอะ กูล่ะสงสารผัวมันจัง ไม่รู้กิตติศัพท์เมียตัวเองเล้ยว่าได้คนแทบจะหมดโรงเรียนแล้ว”

 

ผมหันไปมองหน้าสาวๆ ที่มันออกความเห็นพลางนึกถึงไอ้ต้น มันทำแบบนี้ทำไมวะ เอาเข้าจริงนี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะเว้ย

 

คิดแล้วปวดหัว ปอมันรู้รึเปล่าว่าไอ้ต้นมันเอาไม่เลือกอย่างนี้ หรือมันรู้อยู่เต็มอกถึงได้กล้านอนกับมัน คิดแล้วก็โมโห ป่านนี้มันไม่ติดเอดส์ไอ้ต้นแล้วรึไง

 

มึงเจอกูแน่ปอ ไอ้เชี่ย ไอ้เลว ไอ้หื่นเอาไม่เลือก ไอ้เอดส์ ไอ้โรคจิต!

 

 

คิดได้แล้วนั้น เมื่อเลิกเรียนผมก็บึ่งไปขึ้นแท็กซี่ตรงดิ่งไปยังโรงแรม วันนี้มันไม่ได้มาโรงเรียนเพราะยังเดินขากะเผลกอยู่ผสมกับความขี้เกียจในตัวของมันด้วย ผมว่าผมต้องจัดการมันเพราะคิดแล้วมันก็โมโห

 

ประตูเปิดออกพร้อมกับผมที่เดินกระแทกเท้าเข้าไปด้านในเห็นมันนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาสบายใจสุดๆ  เดี๋ยวมึงได้เจอกูแน่ ผมเหวี่ยงกระเป๋าลงบนโซฟาแล้วทิ้งตัวไปทุบมันสุดแรงด้วยความหมั่นไส้ มันทำแบบนั้นทำไม กับเพื่อนตัวเองแทนที่จะเตือนไอ้ต้นให้ไม่ออกนอกลู่นอกทาง แต่กลับทำตามความอยากของไอ้ต้นลงไปเสียได้!

 

“อะไรภีม มึงเป็นไร?” มันหันมาว่าด้วยความตกใจที่ผมมุ่งไปทำร้ายมัน ผมทุบมันสุดแรงจนตัวเองเหนื่อยไปเอง “นี่กูผิดอะไรอีกวะเนี่ย”

 

มันร้องว่าพลางหลบไปทั้งตัวเมื่อเห็นผมยกมือที่หวังจะทุบไปอีกรอบ จับมือผมด้วยความงงสุดๆ

 

“มึงนอนกับมันกี่ครั้งแล้วปอ!?”

 

“อะไร นอนกับใคร?” มันร้องพลางจับมือผมที่สู้แรง ทางนี้ก็พยายามดิ้นให้หลุดจะตีมันอีกรอบด้วยความหมั่นไส้

 

“พรุ่งนี้มึงไปตรวจเลือดเลย ถ้าผลเลือดมึงเป็นบวกกูจะไม่นอนกับมึง ไอ้ชั่ว ไอ้เลว!”

 

“เฮ้ยนี่กูทำอะไรผิดวะ มันร้ายแรงขนาดนั้นเลย?”

 

“มึงรีบตื่นตั้งแต่เช้าเลยนะปอ พรุ่งนี้ไปโรงพยาบาลกับกู ไอ้…”

 

ไม่รู้จะสรรค์คำไหนมาด่ามันเว้ย!

 

ผมทรุดตัวหอบด้วยความเหนื่อยพลางก้มมองพื้นด้วยความโมโห นึกถึงหน้าตอนไอ้ต้นมองผมที่ชายหาดแล้วอารมณ์แทบจะปะทุมาอีกรอบ

 

“ภีม นี่มึงเป็นอะไรกูงงนะ” มันว่าบ่นพลางลูบรอยที่ผมตีมัน “มึงช่วยขยายความให้กูเข้าใจหน่อยสิวะ อยู่ๆ เดินเข้ามาซัดเอาซัดเอาไม่ให้กูรู้เลยว่ากูทำผิดเชี่ยไรมา นี่กูเลวขนาดนั้นเลยเหรอ?”

 

“มึงเอากับมันกี้ครั้งแล้ว!” ผมหันไปว่า ทำท่าจะง้างมือไปตีมันอีกรอบ มันยกมือบังตัวเองร้อง

 

“เอากับใครเล่า?”

 

“ก็ไอ้ต้นไง เมียเพื่อนมึงอะ พี่ธามอะ เพื่อนสนิทมึงนั่นไง!” ลองร้องกรอกหูให้มันเข้าใจใหม่ดูซิว่าจะเข้าใจไหมไอ้คำว่าเมียของเพื่อนน่ะ เมียเพื่อนมึงน่ะ!

 

“ครั้งเดียวๆ”

 

“กูไม่เชื่อ!”

 

“จริงๆ”

 

มันว่าพลางดึงมือผมไว้ นี่มึงคิดจะสู้กูเหรอ ช่วงนี้ผมเป็นต่อมันบ่อยเพราะมันใช้กำลังกับผมไม่ได้ มีแต่ผมนี่แหละที่ใช้กำลังกับมันเพราะเครียดกับการต้องปรนนิบัติมัน ความเจ้าอารมณ์มัน แถมถูกมันแทะโลมอีกต่างหาก ได้ทีเมื่อไหร่ซัดเอาๆ อย่างที่มันพูด มันก็สะใจดี แถมมันหน้าหงอด้วยตอนที่ถูกผมทำ

 

จะว่าไปมันนี่เหมือนพวกกลัวเมียเลย ผมขึ้นเสียงใส่หน้านี่เหลือแค่สองนิ้วเอง

 

ไม่ใช่ๆ ผมแค่ยกตัวอย่าง ยังไม่ทันเป็นเมียมันสักหน่อย

 

“ก็วันนั้นไง ที่มึงเดินเข้ามาน่ะ วันนั้นวันเดียวกูก็ไม่ได้ยุ่งกับมันอีกเลย” มันว่า ผมส่ายหน้า

 

“มึงต้องแอบกินตับมันก่อนหน้านั้นไม่งั้นมันไม่ยอมมึงง่ายๆ หรอก” ว่ามันพลางยกนิ้วชี้คาดโทษไปด้วย

 

“เป็นกู ใครก็ยอมทั้งนั้นแหละยกเว้นมึง”

 

“พรุ่งนี้มึงไปตรวจเอดส์เลย อย่ามาแตะกู!” ผมว่าพลางผลักมือมันออกไปด้วย มันถอนใจพร้อมกับแก้ตัวให้ตัวเองไปพลาง

 

“กูก็ป้องกันอยู่ แถมยังไม่ทันได้ถึงครึ่งทางเลยมึงก็มาขัดจังหวะ”

 

“อ๊อ นี่กูไปขัดจังหวะพวกมึงเหรอ” ผมหันไปว่า

 

“ภีม มึงหัดมีเหตุผลหน่อยดิวะ กูนอนกับมันไม่ถึงครึ่งครั้งด้วยซ้ำ ไม่นับเป็นครั้งเลยด้วยแหละเพราะกูยังไม่เสร็จเพิ่งจะใส่เข้าไป เสียวไม่ถึงห้านาทีเลย”

 

ผมอยากตบปากมันมากเลยตอนนี้ มึงสาธยายออกมาได้อย่างหน้าด้านๆ นะ

 

“กูป้องกันอยู่แล้วทุกครั้ง มึงนี่อย่าหึงจนหน้ามืดสิวะ” มันว่าเสียงเบาพลางยักไหล่เสียงอ่อน ผมขออึ้งมันแป๊ป

 

นี่กูหึงมึงอยู่เหรอ

 

“กะ กูไม่ได้หึง” ผมว่าพลางผ่อนอารมณ์ตัวเองทันที

 

“เห็นไหม มึงหึงกูชัวร์เลย พอกูพูดแล้วทำร้อนตัว” มันชี้หน้าจับผิด ผมอึกอักพลางหลบสายตาที่จับผิดของมัน ที่ผมโมโหมัน ทุบตีมันเพราะหึงงั้นเหรอวะ

 

มะ ไม่จริง! ไม่จริงหรอก นี่ท่าจะบ้าจริงๆ

 

“อย่าโกรธนะภีม แค่ครั้งนั้นครั้งเดียวจริงๆ ไม่คิดจะนอนกับมันอีกแล้ว” มันว่าเสียงเบา

 

นี่ผมรู้ไม่ทันอารมณ์ของตัวเองได้ถึงขนาดนั้นเลยงั้นเหรอวะเนี่ย

 

ได้แต่นิ่งจ้องตามันเงียบๆ เพราะไม่รู้จะทำตัวยังไงเมื่อมันจ้องหน้าแบบนี้ มือของมันดึงตัวผมเข้าหาพร้อมกับยกยิ้มด้วยความเหนือกว่า โน้มหน้ามาใกล้พร้อมกับเบี่ยงให้ได้องศา ใจที่เต้นดีๆ ก็ดังตึกตักจะทะลุออกจากอก ไม่ชินกับการถูกมันจูบสักทีสิน่า

 

ปอมันขยับเข้ามาใกล้ ใบหน้าอยู่แค่คืบและสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆ

 

“ฝันไปเลย! มึงไปตรวจเลือดก่อนกูถึงจะให้แตะต้องตัว” ผมว่าพลางผลักหน้ามันออก ทำให้มันอยากแล้วก็เดินจากไปให้สะใจ เสียงมันร้องครวญตามหลังเมื่อผมผละเดินเข้ามายังห้องนอนเพื่อหาชุดไปอาบน้ำ

 

รอยยิ้มผุดมาประดับบนใบหน้าของผมหลังจากไม่ได้อยู่ในสายตามันทันที ไอ้บ้าเอ้ย! ทำไมต้องทำเหมือนผมมีสิทธิพิเศษคนเดียวแบบนี้ด้วย มันหลอกให้ผมรักไปถึงไหน ทั้งๆ ที่วีรกรรมก็เยอะแยะมากมายที่จะต้องเจอ แต่เชื่อเถอะ

 

แม่งทำหน้าหงอๆ โคตรน่ารักเลยตอนผมตีมันเมื่อกี้

 

มันเป็นคนที่ดีคนหนึงเลยทีเดียว ถ้าไม่ได้เจอแบบผม คุณคงจะไม่เข้าใจความรู้สึกหรอก ตอนมันทำหน้างงๆ อ้อนๆ ให้ผมเข้าใจมันน่ะ

 

 

 

มาแล้วจ้า เอาพี่ปอน้องภีมมาส่งแล้ว อิ่มหนำกันมั้ยเอ่ย

วันนี้ใจดีอัพให้อ่านยาวๆ เลย จะคุยได้เม้าธ์กันมันส์ปาก เอิ่ม…ฉากพี่ปอง้อน้องมุ้งมิ้งปะ น้องพยายามเอาแต่ใจให้มันง้ออะ เราว่าปอมันเริ่มจะโตขึ้นเวลาถูกคนเอาแต่ใจกว่าใส่ ก็เลยใช้มุกนี้กับมันอ่ะ 5555 พอเจอภีมเอาแต่ใจกว่ามันก็ต้องยอมเลิกเอาแต่ใจตัวเอง ไปเอาใจเมียแทน อิอิ

ส่วนน้องต้นนี่ ไม่มีคำบรรยายค่ะ แต่ว่า นางดราม่านะคะ บอกก่อนเลย เค้าชอบต้นอ่ะ นิสัยเหมือนสไปร์ฮอร์โมน อิอิ นางดูตรงๆ ดี เดี๋ยวพอเข้าเรื่องบทนางจะมากกว่านี้นะคะอย่าเพิ่งด่ามาก อุบอิบไว้ก่อน

มันดูหน่วงๆ นะว่าปะรึคิดไปเอง คนเขียนยิ่งชอบเผลอเขียนบีบหัวใจคนอ่านอยู่ด้วย คือตั้งใจเขียนแนวสบายๆ ไหงมางี้ ก็ไม่รู้ ขอแรงเชียร์ให้เรื่องจบสวยๆ หน่อยเร้ววววว

เรื่องนี้น่ะเน้นมาทางด้านอารมณ์มาก เราเขียนเอง น้ำตาไหลหลายถังอยู่นะคะ :hao5:

 งั้นก็ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ

เดี๋ยวๆๆๆ ตอนหน้ามี NC ไม่ทราบว่าที่นี่ลงแบบดิบๆ เลยได้ไหมคะเนี่ย จะโดนลบไหม ถ้าลงได้จะได้เอามาลง
ช่วยตอบที่นะคะ
 o13
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 9 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-11-2014 16:08:47
เห็นแววว่าจะกลัวเมียแน่ๆ
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 9 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 01-11-2014 16:22:06
อ่านเรื่องนี้แล้วชอบจัง
ชอบนายเอกนิสัยแบบภีม ชอบอารมณ์ของเรื่องมากกก
ปล.ที่นี่สามารถลงฉากเรทได้จ้า แต่ไม่ควรจั่วหัวกระทู้ว่าเป็นตอนที่มี NC นะคะ
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 9 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: kcwndy1980 ที่ 01-11-2014 20:29:54
เมื่อไรจะลงตอนที่ 18 อะอยากอ่านจะคอยดูว่าเหล่าบรรดาเมียๆจะลองใจสามีแบบไหน
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 9 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 01-11-2014 20:39:13
เมื่อไรจะลงตอนที่ 18 อะอยากอ่านจะคอยดูว่าเหล่าบรรดาเมียๆจะลองใจสามีแบบไหน

ไปอัพมาแล้วจ้า ลองเข้าไปดูใหม่น้า
 o13
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 9 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 01-11-2014 20:56:42
ยังไม่ทันได้เป็นเมีย ก็หงอแล้ว
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 9 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 01-11-2014 22:19:32
ขอจบสวยๆเถอะ

ถ้าจบแบบเศร้าก็ขอแนวพระเอกตายไรงี้
555 ล่อเล่นนนน

เรทลงได้แต่ไม่ต้องลงไว้หัวกระทู้ว่ามีNC
จะแรงแค่ไหนก็ลงมา กิกิกิกิกิ
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 9 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 01-11-2014 22:39:11
สนุกมากเลยค่ะอ่านรวดเดียวเลย กลายเป็นติดไปซะแล้วอ่านที่นี่แล้วใจร้อนไปอ่านอีกที่ต่อ แถมมีกลับมาอ่านในเล้าใหม่ เป็นเอามากละ
บางทีก็คิดว่าน้องภีมดูมุ้งมิ้ง อารมณ์ผู้หญิงมากเกินไปค่ะ แต่มันก็ทำให้เราเอ็นดูปนหมั่นน้องนิดๆ 
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 9 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 01-11-2014 22:49:07
สนุกมากเลยค่ะอ่านรวดเดียวเลย กลายเป็นติดไปซะแล้วอ่านที่นี่แล้วใจร้อนไปอ่านอีกที่ต่อ แถมมีกลับมาอ่านในเล้าใหม่ เป็นเอามากละ
บางทีก็คิดว่าน้องภีมดูมุ้งมิ้ง อารมณ์ผู้หญิงมากเกินไปค่ะ แต่มันก็ทำให้เราเอ็นดูปนหมั่นน้องนิดๆ 
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ ชื่นใจเลยค่ะ
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 10 Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 01-11-2014 22:51:22


ตอนที่ 10

Part 1

 

ช่วงที่มันไม่ค่อยสบาย มันเป็นช่วงโปรโมชั่นของไอ้ปอจริงๆ จากที่มันคอยตามผมตลอด ผมต้องคอยปรนนิบัติพัดวีมันสารพัดราวกับเป็นลูกเมียน้อย ผมไม่ได้ค้างที่บ้านบ่อยนัก จะกลับไปก็ช่วงที่พ่อกับแม่มา หรือบางทีก็บอกท่านว่านอนบ้านเพื่อน ท่านมักจะฝากฝังผมให้อยู่กับเพื่อนเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องเดิอนทางหลายรอบ ผมว่ามันก็ดีเหมือนกัน พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องห่วง กลับมาหาผมบ่อยๆ

 

ก็อย่างที่ว่ามานั่นแหละ ผมยังไม่เสร็จไอ้ปอด้วยเพราะร่างกายตอนนี้เป็นต่อ แล้วก็ไม่มีทางที่จะต้องเสียแน่ๆ เพราะตราบใดที่มันยังใส่เฝือกอยู่แบบนี้ ถึงแม้มันจะคอยแทะโลมด้วยการกอดจูบ ผมว่ามันก็ดีกว่าเสียไปทั้งตัว อีกอย่าง มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีที่มันต้องการความรักต่อผม ก็ผมชอบมันไปแล้วนี่

 

แต่ใช่ว่าผมจะใจอ่อนยอมนอนให้มันเอาเพราะชอบมันนะ

 

มันหายปวดเข่า หัวที่แตกก็ตัดไหมแล้ว เดินได้คล่องปร๋อ มือข้างที่หักก็ขยับนิ้วได้สบาย จัดการธุระส่วนตัวได้แล้ว แต่มันก็ยังหาเรื่องเอาเปรียบให้ผมช่วยอยู่ดี จากที่ชอบพาผมออกไปกับมันข้างนอก มันเลือกที่จะชวนเพื่อนเข้ามาสังสรรค์ข้างใน ผมเกลียดที่ไอ้ต้นต้องมาด้วย ยิ่งในห้องแบบนี้แล้วยิ่งไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่

 

สายตาของพี่พีและเพื่อนของมันก็ยังไม่เปลี่ยน ผมไม่สน คนที่ผมต้องสนคือไอ้ปอ แบบที่มันบอกผมไว้หลายต่อหลายครั้ง ไม่รู้ทำไมผมกลายเป็นคนเชื่อมั่นมันไปแล้ว

 

“ภีม มึงไปหยิบเหล้ามาให้เพื่อนกูซิ”

 

เสียงมันกวักมือเรียกผมที่นั่งปลีกตัวคนเดียวอยู่หน้าทีวีเพราะไม่กินเหล้ากับพวกมันทั้งกลุ่ม อีกอย่างผมไม่ชอบอยู่ร่วมวงกับเพื่อนมันด้วย ไม่ชอบสายตา ถึงจะมีบางคนชอบและแซวบ้าง แต่สายตาพี่พีกับเพื่อนมันนี่ผมรับไม่ได้ว่ะ

 

“จะแดกกันก็ไปหยิบเองดิ” ผมร้องกลับไปพลางกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีแสนซ้ำซากไปด้วย เสียงเพื่อนหัวเราะคิกคักกัน

 

“นี่มึงมีแม่มาเพิ่มแล้วเหรอวะ”

 

“มึงหุบปากไปเลยไอ้ภัทร ไอ้ภีม มึงจะลุกมาดีๆ หรือให้กูลุกไปจัดการ” มันว่ากับเพื่อนแล้วหันมามองผม

 

อะไรวะ ชอบมายุ่งกับกูจัง

 

“จะกินแล้วยังเรื่องมากกันอีก”

 

ปากของผมบ่นแต่ว่าตัวนี่ลุกขึ้นเดินแล้วครับ ความจริงผมไม่ได้กลัวมันซักนิดเดียว ผมสู้มันได้นะตอนนี้แต่เลือกที่จะไม่สู้มันมากกว่า ต่อหน้าเพื่อนมันผมอยากเป็นคนดีหน่อยเท่านั้นเอ๊ง นี่ไม่ได้เสียงสูงนะ

 

“เอ้า คราวหลังห้ามใช้กูอีก” ผมว่าพลางยื่นให้มัน ส่วนมันก็ยิ้มรับแล้วยื่นไปให้เพื่อน

 

“นี่น้อง เป็นเมียต้องรู้จักเอาอกเอาใจผัวถึงจะถูก ผัวใช้อะไรนิดอะไรหน่อยก็อย่าบ่นนักเลย เดี๋ยวเขาจะเบื่อเอาได้”

 

นี่มึงเทศน์อะไรวะพี่ คือกูเป็นผู้ชายไม่ใช่แม่บ้านแม่เรือนจะเอาอะไรกับกูมากมายวะ ผมขมวดคิ้วตัวเองมองมันที่ยกแก้วดื่มทั้งที่แขนยังอยู่ในเฝือก ตาละมามองผมก่อนจะดึงผมเข้าไปหา อะไร…อะไรของมึงเนี่ย!

 

“ปอ กูอายเขา เมาแล้วก็อยู่ส่วนเมาสิวะ” ผมว่าพลางตีขามันเมื่อร่างกายถูกรั้งให้ไปนั่งบนตัก ใบหน้ามันแดงเพราะฤทธิ์สุราและยกยิ้ม

 

“คิดว่ากูเมาเหรอ หืม?”

 

ไม่เมาได้ไงกลิ่นเหล้าหึ่งขนาดนี้  ผมขมวดคิ้วใส่ไอ้ปอ ดึงมือมันที่กอดเอวออกจากตัวผมแต่แม่งทำไมมันแข็งแรงจังวะ มือของผมเองก็ขืนแรงปอมันสู้ต่อหน้าเพื่อนที่หัวเราะคิกคักกันยกใหญ่ กูไม่ขำ คือกูอาย!

 

“ไม่เมาก็ปล่อย กูจะไปดูทีวีต่อ” ว่าพลางชี้ไปทางโซฟาหน้าทีวี มันเลิกคิ้วถาม

 

“มึงสนุกเหรอ กูเห็นมึงดูแล้วก็หน้างออย่างกะพระจันทร์เสี้ยว”

 

ที่หน้าก็งอเพราะมึงแดกเหล้าไอ้สลัด

 

“เรื่องของกูน่า”

 

ผมส่ายตาหลบมัน คือมันไม่เมาจริงๆ ทั้งๆ พูดออกมากลิ่นเหล้ากระจายจนรับไม่ได้ มือผมบีบจมูกตัวเองกับควันบุหรี่และกลิ่นเหล้า ใบหน้าหยีแสดงถึงความรังเกียจที่มีให้ทั้งกลุ่มมันต่างจากไอ้ต้นที่นั่งชิลร่วมแดกกับกลุ่มแฟนตัวเองด้วย

 

“เหม็นเหรอ?”

 

“ก็เออดิ” ผมรีบตอบเมื่อถูกถามจากคนที่กอดเอว “ปล่อยได้แล้ว กูอายคนอื่นเขา กูไม่ได้หน้าด้านเหมือนมึงนะปอ”

 

“เออ ถูก” เพื่อนมันว่าเออออแล้วหัวเราะกันใหญ่

 

ผมอยากจะเดินหนีออกไปตั้งหลักสักสิบเมตร แค่นั่งใกล้ๆ กับพวกมันก็แทบจะเมาไปกับกลิ่นและควันบุหรี่ ยังดีที่ปอมันไม่สูบเหมือนคนอื่นเขา เรียนโรงเรียนช่างแต่ไม่จำเป็นต้องเสเพลเสมอไปนี่ แต่หันมาเจ้าชู้แบดบอยแทนน่ะนะ

 

 ผมปัดมือพร้อมทั้งถลึงตาใส่ปรามมันเต็มที่เมื่อมือหนาๆ ที่เกาะเอวลามปามมาหน้าท้อง

 

“ไอ้ปอ!”

 

“เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ เกรงใจพวกกูบ้าง”

 

“ถึงจะน่ากินยังไงก็อดใจหน่อยปอ มึงอะอย่าหื่นเกินเหตุพวกกูอิจฉา” นี่พวกมึงจะห้ามหรือจะยุกันวะพี่ ผมหันไปมองพวกมันพลางดึงมือไอ้ปอออกจากตัวเอง

 

“ปอ มึงเมาแล้ว” ผมว่ากับมัน มือหนึ่งก็บีบจมูกมือหนึ่งก็ดึงมือหนวดปลาหมึกมันออก

 

“อยู่เฉยๆ”

 

ใครมันจะไปอยู่เฉยได้วะ ผมหลบหน้าของมันที่โน้มจะมาจูบ พอเบี่ยงหลบแม่งก็ซุกลงบนคอแล้วก็จูบๆ เลียๆ อยู่นั่น ผมนี่ย่นคอหลบไม่ทัน หูเหอโดนมันทำหมด โอย กูทำหน้าไม่ถูก ทั้งรู้สึกดีกับลมหายใจอุ่นๆ ของมันทั้งอายเพื่อนมันไปด้วย

 

เมาแล้วหื่นไอ้นี่

 

ทำไงจะออกไปได้วะ

 

“ปอ มาเปายิงฉุบกัน ถ้ามึงแพ้มึงปล่อยกู” ผมร้องว่าพลางเบี่ยงคอหลบจมูกมันที่ซุกลง มันชะงักและฝังปากลงงับหูผมอีกครั้ง สัด! แม่งสยิวขนลุกชันเลย

 

มันเงยมาจ้องตา “ถ้ากูชนะล่ะ?”

 

เออว่ะ กูยังไม่ได้คิด ผมกลอกตามองเพื่อนมันที่ยิ้มและพูดคุย บางคนเลิกสนใจและหันไปคุยกันเอง บางคนก็ละสายตามามองหนังสด เอ๊ย! ความหื่นของมัน

 

แล้วมันก็ว่าต่อ “ถ้ากูชนะ คืนนี้มึงออนท็อปให้กูไหม?”

 

“ไม่อย่างแน่นอน!” ผมร้องว่าทันทีเรียกให้เพื่อนมันหันมาอีกครั้ง ไอ้ปอมันหลุดยิ้ม

 

“งั้นมาเป่าสิ ถ้ามึงชนะก็จะปล่อย ถ้ากูชนะเดี๋ยวค่อยคุยกัน”

 

ได้ กูรอมานานแล้ว

 

ผมพยักหน้ารับ เมาๆ แบบนี้ผมชนะชัวร์ ว่าแล้วนั้นผมก็กำมือของตัวเองเป็นการเริ่ม มันเองก็ยกมือขึ้นมาเหมือนกัน ดังนั้น ไอ้ผมก็รีบลุกขึ้นยืนทันทีตามแผนที่วางไว้พร้อมกับรอยยิ้มที่เหนือกว่าให้มันที่เงยมองอึ้งๆ

 

“ใครจะไปท้าโดยที่จะมีโอกาสชนะแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์วะปอ เพราะยังไงกูก็ชนะร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ไอ้โง่ แบร่…”

 

ผมแล่บลิ้นให้มันที่อ้าปากค้างพลางชี้หน้าจะต่อว่าแต่ไม่ทัน เพราะตัวผมเดินลอยหน้าลอยตาออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะของเหล่าเพื่อนๆ ที่ทับถมมันยกใหญ่กับการพ่ายแพ้และถูกหลอกครั้งนี้

 

รู้จักกูน้อยไปล่ะสิปอ มึงประเมินกูต่ำไป ฮ่าๆๆๆ

 

ดวงตาผมละไปมองไอ้ต้นที่นิ่งมองผมเงียบราวกำลังคิดอะไรอยู่เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ของผมกับไอ้ปอ ดวงตามันเหมือนจะไม่ได้คิดอะไร แต่ใบหน้าตอนที่มันถูกพี่ธามกอดจูบไม่มีความสุขสักนิด มือมันผลักไสเขาออกราวกับกำลังลำบากใจ คนแบบมันต้องการคนมากอดสักกี่คนกันนะ เท่าไรถึงจะพอใจให้มันหยุดได้ หรือมันร่านผู้ชายขนาดที่กี่คนกี่คนก็ยังไม่ถึงใจ

 

กูไม่อยากคิดกับมึงร้ายๆ หรอกนะต้น แต่มึงทำตัวเอง ทำให้กูคิดกับมึงแบบนั้นเองจริงๆ

 

มันนิ่งมองผมที่นั่งมองมันจากโซฟาตัวนี้ท่ามกลางคนอื่นๆ ที่กำลังสนุกสนานเฮฮา ตั้งแต่ผมเห็นมันมีอะไรกับไอ้ปอก็ถือว่าสุดที่จะทนแล้ว ทว่าตอนนั้นผมยังไม่ได้รักไอ้ปอไงเลยไม่ทันได้ถือสา โทษไอ้ปอที่เจ้าชู้เอง แต่นี่มันไม่ได้แอบนอนกับไอ้ปอคนเดียว มันนอกใจพี่ธามหลายต่อหลายครั้ง ผมไม่อาจทราบว่ามันทำแบบนี้ทำไม อยากรู้แต่ไม่อยากถามและไม่อยากเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

 

ช่างมันเถอะ ผมไม่อยากคิดแล้ว มันจะเป็นอะไรนอกใจใครก็ตามใจมัน ผมไม่เกี่ยว

 

 

ผมทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนอนในห้องซึ่งหลบความวุ่นวายเข้ามาพักผ่อน ง่วงนอน วันหยุดทั้งทีต้องมาเจอกับพวกขี้เหล้าเมายาตั้งแต่บ่ายๆ ตาที่ไม่ได้จัดว่าโตมากของผมแหงนไปเห็นโมเดลรถมอเตอร์ไซต์คันเดิมวางอยู่บนหัวเตียงของปอแล้วเอื้อมไปหยิบมันมาพิศ นี่มันเรียกว่าอะไรนะ CBR เหรอ ถ้าปอมันขับคงเท่น่าดู

 

ให้มันกินกันไปเถอะ อย่างน้อยคืนนี้ปอมันก็ไม่มาหาเรื่องปล้ำผมเพราะเมาแอ๋นั่นแหละ ผมนอนมองเพดานห้องต่อหน้าแล้วถอนใจพลิกตัวนอนตะแคง นี่ผมคบกับมันผ่านมากี่วันแล้วนะ มือของตัวเองทั้งสิบก็ยกขึ้นมาไล่นิ้วนับตั้งแต่วันแรกที่ตกลงคบกับมัน ตาที่จะพริ้มหลับของผมเลื่อนลอยออกไกลเมื่อนับจบถึงวันนี้ เหลืออีกแค่สองอาทิตย์อย่างนั้นเหรอ

 

ปอมันถอดเฝือกวันไหนนะ มันไม่ได้บอกผมเลย จะทันได้เห็นมันถอดรึเปล่า

 

ไม่เอา ต้องคิดว่าเหลือตั้งสองอาทิตย์สิ

 

วันเวลามันผ่านมาไว กลัวตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเป็นวันสุดท้ายที่ต้องคบกับมัน ใจผมสั่นหวิวแปลกๆ มือยกกำที่อกข้างซ้าย ทุบมันรัวๆ อย่าเต้นแรงนัก

 

 

โอย ปวดหัวชิบ

 

ความมืดมิดในห้องและความเงียบเชียบภายในหัวนี่มันคืออะไร ผมยกมือกุมหัวดวงตากวาดไปมองหน้าต่างที่มีแสงไฟสาดเข้ามาสลัวๆ แล้วมองออกไปยังประตูที่ปิดสนิท ทำไมข้างนอกมันเงียบ มือควานหานาฬิกามาดู บ่งบอกเวลาว่าเป็นเวลาถึงสองทุ่มกว่าๆ แล้ว นี่ผมหลับไปตอนไหนวะเนี่ย ปวดหัวก็ปวด

 

ร่างของผมลุกขึ้นจากเตียงนอนไปเปิดประตูหาคนข้างนอก เหลือบไปเห็นขี้เมาหลายคนนอนเอกเขนกกองกันเป็นกองศพเหม็นๆ อยู่ ตาผมกวาดหาไอ้ปอ เห็นร่างมันนอนอยู่บนโซฟา ยังดีที่ไม่ไปกองรวมกับคนอื่นไม่งั้นกูปล่อยมึงนอนท่านี้ยันเช้าแน่ มือผมเอื้อมไปสะกิดมันให้ลุกขึ้นมาอาบน้ำอาบท่าหาข้าวหาปลากิน

 

มันเออออห่อหมกแล้วก็นอนต่อ ปล่อยให้ผมยืนเกาหัวมองมันไปด้วยความอยากถีบให้ตกโซฟา พอเมาล่ะเหมือนหมาเชียวนะมึง

 

ร่างของผมทรุดตัวนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับที่มันนอนอยู่ ก้มลงไปแอบจูบแก้มมันทีหนึ่งด้วยความหมั่นเขี้ยว ตอนมันหลับน่ะน่ารักนะ ผมยิ้มแล้วหันมองสภาพห้องไปด้วย นี่มันรังหนูชัดๆ เลย สกปรกจริงๆ คิดแล้วนั้นก็เดินตามเก็บของ เศษขวดเหล้าเศษบุหรี่ แก้วเหล้าและที่เขี่ยบุหรี่รวมถึงยกผ้าห่มในห้องมาคลุมตัวพวกพี่ๆ ที่นอนก่ายกันอยู่นี่ด้วย

 

ผมถอนใจจะเดินเอาพวกจานไปเก็บทว่ากลับได้ยินเสียงอะไรสักอย่างในห้องน้ำที่อยู่นอกห้องนอน เออว่ะ ไอ้ต้นกับพี่พีมันหายไป ใจผมที่ว่าดีก็ตกลงมาชาวาบและมองประตูที่เปิดออกมา มันสองคนเดินออกมาพร้อมจัดเครื่องแต่งกายตัวเองไปด้วย เท้าที่ว่าเดินอย่างเบาตัวออกมาชะงักเมื่อเห็นผมยืนมองอยู่ทั้งคู่

 

เหอะ โคตรมั่วเลยว่ะ ผมส่ายหน้าระอากับมันสองคนเต็มที โดยเฉพาะไอ้พี่พีที่เห็นว่าผมรู้เรื่องของมัน หน้าเปลี่ยนสีราวกับกำลังทำตัวไม่ถูกในสิ่งที่ถูกจับได้

 

ผมไม่ว่าอะไร เดินเอาของมาเก็บเงียบๆ บนโต๊ะอาหาร เดี๋ยวให้แม่บ้านมาเก็บพรุ่งนี้ ว่าแล้วก็เดินกลับมาปลุกให้ไอ้ปอมันลุกขึ้นไปนอนเตียง

 

“ภีม…” เท้าของผมชะงักเมื่อใครสักคนเรียก ร่างหันขวับไปมองคนที่ตัวสูงกว่าเดินมาหยุดต่อหน้า

 

“ห้ามบอกไอ้ธาม”

 

เหอะ นี่มาสั่งกูเหรอ พวกมึงเล่นขายของอะไรกันอยู่วะพี่ ผมหันไปมองไอ้ต้นที่ยืนอยู่หลังมันก่อนจะหลุดหัวเราะ หัวเราะแบบไม่เชื่อในหูตัวเอง แบบประมาณว่า นี่กูกำลังเผชิญกับเรื่องอะไรอยู่วะเนี่ย

 

บ้าจริงๆ

 

“เอาเลย จะทำอะไรก็เชิญเลย” ผมว่าพลางยักไหล่ไม่สนใจ

 

มันมองตาผมเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง “หมายความว่าไง?”

 

“เอ้า หรือจะให้บอกพี่ธามล่ะ” ผมว่าเมื่อพี่พีมันสวน มองด้วยหน้างงๆ

 

“มึงคงจะไม่ตลบหลังกูนะ”

 

“พวกพี่น่ะอย่าเอาผมไปเกี่ยวด้วยแล้วกัน ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นแค่ผ่านมาเห็นเฉยๆ”

 

“ขอบใจ”

 

“ถ้าพี่ธามรู้ความจริง พี่น่ะไม่ผิดหรอก” ผมว่าพลางละสายตาไปมองอีกคน

 

“กูต่างหากไปยุ่งกับมันก่อน”

 

นี่พี่พีมันไม่รู้เหรอว่าไอ้ต้นไม่ได้มีมันแค่คนเดียว ผมส่ายหัวกับเรื่องวุ่นๆ ต่อหน้าแล้วเดินเลี่ยงออกมาเฉยๆ คือกูทนดูไม่ได้แล้วกับความมั่วของพวกมัน ตัวผมก้มไปปลุกไอ้ปอให้ตื่นทว่ามันสองคนเดินตามมา

 

“มึงต้องมาคุยกับกูให้รู้เรื่องก่อน ไม่งั้นกูจะบอกไอ้ปอ”

 

“บอกเรื่องอะไร?” ผมหันไปว่า

 

“เรื่องที่มึงจะไม่ยอมนอนกับมันไง มึงรู้ไหมมันรอมึง รอให้ถึงวันนั้นใจจะขาด ถ้ามันรู้ว่ามึงไม่มีวันที่จะยอมมันล่ะก็นะ…”

 

ผมเบิกตาตัวเองในสิ่งที่มันขู่

 

“เอาสิ คิดว่าปอมันจะสนใจเหรอเพราะทุกวันนี้ผมก็ไม่ได้ยอมมันง่ายๆ อยู่แล้ว”

 

“มึงลองดูไหมล่ะ คนแบบกูทำให้มันเปลี่ยนใจทำมึงได้ก็แล้วกัน” มันเดินมาว่ากับผมเสียงเบา ทำให้ผมรู้สึกขัดใจตัวเองกับรอยยิ้มแห่งความชนะของมันที่เห็นว่าผมกำลังกลัว ถ้าปอมันใช้กำลังกับผมเหมือนวันนั้นอีกผมสู้มันไม่ได้แน่

 

“เก็บความลับไว้ให้มันดีๆ ก็แล้วกัน”

 

ผมว่าเสียงเบา มือเขย่าไหล่ของปอให้มันตื่นเมื่อสองคนนั้นเดินละออกไปอยู่อีกมุม ปอมันเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสีหน้างัวเงียพลางลุกขึ้นนั่ง ทำหน้าแบบนี้โคตรเหมือนเด็กเลย ไอ้เด็กน้อย



ต่อพาทสองค่า
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 10 Part 2
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 01-11-2014 22:55:55

ตอนที่ 10

Part 2




ผมกอดเอวพยุงมันท่ามกลางสายตาของทั้งสองคนนั้น พามันเข้าห้องไปนอนบนเตียงดีๆ เสียงมันหายใจติดขัดมือข้างไม่หักก็กอดคอผม


“มึงคุยอะไรกัน?” มันว่าเสียงเบา ผมปล่อยให้มันทิ้งตัวลงนั่งบนปลายเตียง นี่มันได้ยินด้วยเหรอวะเนี่ย

 

“เปล่าหรอก นั่งด่าที่มึงเมาเหมือนหมานี่แหละ” ผมปัด

 

“เหมือนหมาอะไร”

 

“ชิวาวามั้งไอ้นี่ จะนอนก็นอนไป” ผมว่าพลางผลักจะให้มันล้มตัวลง แต่แม่งมันกอดเอวรั้งให้ผมลงทับตัวมันไปด้วย ผมร้องเหวอมองหน้ามันที่ลืมตาสลึมสลือมองมายังใบหน้าของผม ร่างของผมชะงักนิ่งเมื่อมันเอื้อมมือมาดึงคอผมเข้าไปจูบ

 

แต่แหวะ แม่งเหม็น

 

“ไม่เอา กูเหม็นเหล้า”

 

“น่า นิดเดียวนะเมียจ๋า”

 

“ใครเมียมึง?” ผมว่า พร้อมกับความร้อนแล่นขึ้นมาบนใบหน้าฉับพลันกับคำอ้อนน่ารักๆ ที่มันหลุดออกมาจากปาก บนใบหน้าหล่อเหลาของมันพอพูดอะไรแบบนี้แล้วทำผมเขินได้ไม่ยาก ปอมันยกมือมาแตะปากที่เม้มติดกันเบาๆ ของผมพร้อมกับกล่าวไปด้วยว่า

 

“ก็คนนี้ไง เมีย…”

 

เห้ย!

 

“อื้อ…”

 

ดวงตาของผมลุกวาวเมื่อมันเคลื่อนมือไปท้ายทอยและรั้งผมเข้าไปจูบแบบกะทันหัน ปากมันร้อนและนุ่ม แต่ละสัมผัสที่มันทำให้โคตรรู้สึกดี ทำให้ดวงใจของผมกระตุกวูบกับความอ่อนโยนและร้อนแรงในคราวเดียวกัน ดวงตาเคลิ้มหลับลงรับจูบและตอบสนองมัน จูบด้วยอารมณ์ที่ก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ยากที่จะดับได้แล้ว ผมไม่ได้รังเกียจมันเหมือนเมื่อก่อน มีแต่ความโหยหาเช่นเดียวกับมัน

 

มันดูดปากผมแน่น เบาและแรงผสมกันไป ก่อตัวเป็นความรู้สึกแปลกที่วิ่งวนในท้อง ขนผมลุกซู่เรียกอารมณ์อื่นตามหลังมาด้วย เสียงปากเราสัมผัสกันดังอยู่ในหัว เนิ่นนานจนผมต้องส่งเสียงปรามในลำคอตัวเอง

 

ปอมันผละปากออกมาจ้องตาผม มองริมฝีปากของผมที่เม้มกัดกันแน่นจ้องตามันตอบด้วยความไม่รู้ว่าความหมายของมันคืออะไร มันหยีหน้าตัวเองเบี่ยงหลบไปทางอื่นเก็บกลั้นอารมณ์ ใช่ มันเมา เข้าใจว่าควบคุมความต้องการตัวเองเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้

 

“ปอ…” ผมมองมันที่นอนตาฉ่ำกอดเอวรั้งผมไว้แน่น จะดิ้นยังไงก็ไม่ยอมหลุด

 

กลีบปากนิ่มๆ มันจูบแก้มผมพร้อมเสียงหายใจติดขัดตัวเอง มือขยับเคลื่อนมาไล้เอว ผมสะดุ้งมองหน้ามันไม่ให้หลุดครางกระตุ้นอารมณ์อยากของมันไปด้วย จะลุกก็ไม่ได้ ได้แต่จ้องตาหาความหมายที่แท้จริงของมัน

 

“ภีม กูทนไม่ไหว” มันว่าผ่านความเงียบ ดวงตาผมเบิกขึ้นกว้างรู้ถึงความหมายแล้ว

 

“เอ่อ คือว่า…”

 

มันลุกขึ้นนั่ง ดึงมือผมเข้าไปกุมแน่นและแนบปากจูบอีกระลอก ลิ้นไล่เกี่ยวกระหวัดลิ้นผม ลมหายใจผมติดขัดกับความร้อนและการผ่อนปรนอารมณ์ของคนที่กระทำ มือมันซุกซน แม้จะมีใช้ข้างเดียวแต่ไล่จับไปแต่ละส่วนที่ทำให้ผมขนลุกซู่ กระหน่ำจูบผมซึ่งแทบจะรับไม่ไหว

 

“ทนไม่ไหว…แล้วว่ะ” มันสั่น มือสอดเข้าชายเสื้อลูบไล้หลังและเอวผมเบาๆ กลืนน้ำลายตัวเองดับอารมณ์ไปพลาง

 

ผมสงสารมันว่ะ

 

“นะภีม…”

 

มันกำลังขอผม…

 

เสียงมันพร่าแหบและเบาหวิว แนบปากจูบหลังหูผมและขยับมางับติ่งหู ปากมันนุ่มนิ่มและไม่สากเลยสักนิด พรมจูบแก้มผมเบาๆ ราวกับกลัวมันเป็นรอย ผมเม้มปากเก็บอารมณ์ตัวเอง จากสงสารกลายเป็นตอบสนองมือของมันที่เคลื่อนมาไล้ตรงหน้าอก เลื่อนลงมาหน้าท้อง บั้นเอว วนอยู่แบบนั้น

 

“จูบก็พอแล้ว” ผมว่าเสียงเบา ปอมันกดปากลงบนคอผม เม้มแน่นจนเกิดเสียง กอดรั้งผมเข้าหาพร้อมเสียงหายใจที่ดังกระเส่าบอกอารมณ์ตัวเอง

 

“พี่ทำไม่ได้แล้วภีม โธ่!” มันกัดผมระบายอารมณ์ ผมหยีหน้ากับความเจ็บทั้งยกมือจับเส้นผมมันไปด้วย กอดมัน ลูบหัวมันปลอบใจ

 

ในใจผมสั่น พอเห็นมันพยายามอดทนต่อความต้องการตัวเองแล้วสงสาร

 

ก็ผมรักมัน เห็นมันเป็นแบบนี้ผมเองก็เจ็บปวดเหมือนกัน

 

“พี่อยาก…นอนกับภีมจะแย่” มันว่าเสียงเบา เคลื่อนหน้ามาจูบแล้วล้วงมือเข้าไปในกางเกง ผมสะดุ้งเพราะตัวเองก็ตอบสนองมันไปแล้ว ยิ่งโดนมืออุ่นๆ ของมันแล้วผมกลับรั้งสติตัวเองไม่อยู่

 

“อย่า ปอ…”

 

มันเลียคอ เลียหู เสียงกระเส่า “อย่าดื้อ…นะครับ”

 

ผมไม่เห็นสีหน้ามันเลยตอนพูดคำนี้ออกมา เพราะทุกครั้งมันจะทำหน้าดุๆ ใส่และบังคับ วางอำนาจเต็มที่ แต่ครั้งนี้น้ำเสียงมันเว้าวอนผม ผมดันหน้ามันออกจากคอตัวเอง มันกอดเอวดึงรั้งเข้าหาตัวเองแล้วพรมจูบไปทั่วใบหน้าเหมือนจะบอกว่ามันจะคลั่งแล้วตอนนี้

 

“ภีม พี่อยากครอบครองภีมไปทั้งตัว จะบ้าตายแล้วเนี่ย…”

 

เออ กูก็จะคลั่ง แต่ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเลย

 

“ใจเย็นๆ นะปอ…”

 

“ไม่ มันหยุดไม่ได้แล้วภีม มันเจ็บจะตายอยู่แล้ว นะภีม นะครับคนเก่ง”

 

ผมส่ายหน้ากับเสียงเว้าวอนน่าสงสารของมันไม่ให้ใจอ่อน โอย ปอมันน่าสงสาร เสียงมันสั่นและหายใจติดขัด

 

อารมณ์มันกำลังจะปะทุ ไม่ต่างอะไรจากผมที่กำลังตื่นตัวจากมือของมันกำลังช่วย ผมกลืนน้ำลายเก็บน้ำเสียงแห่งความสุขที่จะออกมา อดที่จะดึงมันไปจูบและครางในลำคอตัวเองไม่ได้ ปอขยับมาแนบปากจูบ เล่นลิ้นไล่ตวัดลิ้นผม มือก็ไม่ยอมหยุดช่วยปรนเปรอให้

 

นุ่มนวล เก่งกาจ ผมพริ้มตาเชิดคอรับความรู้สึกนี้

 

“อื้อ อื้อ…” ยอมรับเลยว่ามีความสุขสุดๆ กับมือของมัน เสียงของมันก้มเข้ามากระซิบเสียงพร่าบอกว่า

 

“ทำให้พี่ด้วยสิ ทำไปพร้อมๆ กัน” มือหนาๆ ละมาจับมือผมให้เอื้อมไปแตะของมันบ้าง ล้วงเข้าไปในกางเกงนอน ใจผมหายวาบกับความร้อนข้างในกางเกงของมันก่อนจะร้องครางเมื่อมันกลับมาจับและช่วยสาวให้ความสุขอีกครั้ง

 

เราจูบกัน เสียงริมฝีปากสัมผัสกันดังอยู่ในหัวเนืองๆ เอาไงดีวะ สมองผมตื้อเบลอมองมือตัวเองที่ซุกอยู่ในกางเกงของมัน เสียงปอมันหอบหายใจดังข้างหู ลมร้อนๆ โดนหู ขนผมลุก โคตรเสียวเลย เสียงมันร้องเมื่อผมแค่จะขยับมือออก

 

เอาวะ

 

แลกเปลี่ยนความสุขกัน ไม่ได้เสียตัวให้มันแล้วมันจะได้ไม่มาบังคับขอนอนด้วย ผมมองตามันนิ่งก่อนจะจูบปากมันขอร้อง

 

“ห้ามขอมากกว่านี้นะพี่ปอ ถ้าทำให้น่ะ…”

 

มันมองหน้าผมพลางก้มลงซุกมาในคอครางตอบ

 

“ครับ…”

 

ให้ตายเหอะ ตอนมันควบคุมตัวเองไม่ได้นี่โคตรน่ารักเลย มือของมันไม่ได้ละไปจากน้องชายของผมที่กำลังถูกกุมไว้เช่นกัน ผมขยับมือไปแตะของมันก่อนจะรู้สึกถึงขนาดที่โตเต็มที่ ทั้งร้อนและแข็งแรง มันโผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงจนถึงสะดือแล้วด้วย

 

ทำไมผมตื่นเต้นวะ

 

ปอมันครางต่ำข้างๆ หู เมื่อผมใช้มือกำ นิ้วหัวแม่มือบี้และไล้ส่วนหัวลื่นๆ บนแท่งกายของมัน ทำให้คนทำอย่างผมอดที่จะฮึกเหิมไปด้วยไม่ได้ เพราะมือของผมเองที่สามารถทำให้มันเป็นแบบนั้น รู้สึกถึงชัยชนะของตัวเองที่ควบคุมมันได้ แต่เชื่อเหอะมันก็ควบคุมผมอยู่ เราจูบปากกันเพราะอารมณ์ตอนนี้ครุกรุ่นกับรสมือของแต่ละฝ่าย

 

ทำไมผมรู้สึกเมื่อยมือเร็วกว่านะ ก็ขนาดมัน…เท่านิ้วก้อยนี่นะ

 

ไม่ใช่ละ เต็มไม้เต็มมือขนาดนี้

 

“อืม แบบนั้นแหละภีม…”

 

มันกระซิบ ละมือมาถลกเสื้อผมขึ้นแล้วก้มหน้าลูบไล้ลิ้นยอดอก ผมสะดุ้งกับอารมณ์ตอนนี้ รู้สึกเหมือนจะถึงจากการโดนลิ้นมัน ผมกลั้นหายใจตัวเอง พอจะถึงมันก็ละมือออกมาใช้ปากจูบ ลิ้นเลียมาบนตัวให้ผมเล่นสนุกกับมันอย่างเชี่ยวชาญ ผิดกันกับผมที่อยากให้มันเสร็จไวๆ ได้แต่เร่งมือสาวท่อนไม้ เอ่อ…สาวหนอนยักษ์ให้ มันแค่ทำเสียงพึงพอใจแต่ไม่เสร็จสักที

 

“ปอ อะ…อื้อ” ผมจะร้อง ปอมันแนบปากมาจูบเก็บเสียง ลมหายใจสั่นไหว

 

ผมเชิดหน้ากับความเสียวสะท้านในร่างกายขณะที่มันสาวมือระรัวและผละมาใช้ลิ้นเลีย ขบกัดยอดอกของผม ดูดเม้มสลับกัน ตัวผมเกร็งอยากผลักมันออกบอกให้พอเพราะแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้

 

“อื้อ ปอ…ปอ…” ผมทำได้แค่ร้องเรียกแต่ชื่อของมันเมื่ออารมณ์ตัวเองพุ่งทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ มือก็สู้ให้มันสนองผมบ้าง มันหอบหายใจเหมือนคนใกล้ตายและครางต่ำขณะที่เราจูบกัน ริมฝีปากสัมผัสกันอยู่ๆ มันก็ผละมากล่าวด้วยว่า

 

“แบบนั้นแหละ แบบนั้น อะ!” มันกัดปากผมแล้วจูบแน่น ลิ้นละเลงกับลิ้นผมรุนแรง มือเร่งส่งผมขึ้นสวรรค์ ตัวผมร้อนรุ่มเร่งมือตัวเองขึ้นให้ไปพร้อมกันกับมัน

 

ผมรู้สึกดี มีความสุขที่มือนี้เป็นของมัน ของพี่ปอที่ผมรัก ไม่ใช่ไอ้ปอจอมหื่น

 

มืออีกข้างเอื้อมไปกอดตัวมันแน่นและกระตุกเร่าๆ รับมือมัน ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาแต่หาใช่เพราะความเจ็บปวดไม่ ในตัวผมกำลังจะพ่นความสุขออกมา

 

“อะ ปอ ปอ…”

 

ผมยกมือทั้งสองข้างมากำเสื้อมันแน่นพลางเชิดคอขึ้นสูดลมหายใจเข้าร่างตัวเองมากที่สุดพร้อมกับเกร็ง ลาวาร้อนพวยพุ่งออกจากร่างกายมาเปื้อนหน้าท้องและมือของมัน ร่างกายผมหอบหายใจเหมือนวิ่งรอบสนามสิบรอบเพราะมือของมันที่สาวรีดเอาน้ำกามออกมาพร้อมกับจูบปากผมแน่น

 

ผมละมือข้างหนึ่งออกจากตัวมันมาแตะบนร่างตัวเอง หลักฐานแห่งความสุขเกาะเต็มตัวอย่างไม่น่าเชื่อ มันสุดๆ แบบนี้นี่เอง

 

ผมจ้องตามันทั้งหอบหายใจ ตัวกระตุกรับซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

“ตาพี่แล้ว ช่วยพี่นะครับเมี่ยจ๋า…”

 

ปากหวานจังนะ

 

มันจูบลงขมับผม จับมือผมไปทำให้มันต่อ ผมกลืนน้ำลายรับจูบ พอไม่ได้หมกมุ่นกับอารมณ์ตัวเองแล้ว ฟังเสียงปอมันดีๆ โคตรเซ็กซี่เวลาผมทำให้กับมัน ต้องรีบทำให้เสร็จไม่งั้นได้ตื่นตัวอีกรอบแน่

 

ผมก้มมองของร้อนที่กำลังแข็งมือสู้ขนาดใหญ่ของมันพลางช่วยให้มันพอใจไปเรื่อย เร่งความเร็ว อดจะครวญไปกับปากมันที่ดูดเฟ้นบนลำคอ ใบหู และวนมาแนบจูปปากที่คงบวมเจ่อตอนนี้ไม่ได้

 

“อะ เร็วอีกภีม เร็วอีก!”

 

มันว่าน้ำเสียงกระเส่าข้างหู กอดผมแน่น ฝังปากมากัดไหล่ราวกับกำลังจะคลั่ง ตอบสนองผมอย่างคาดไม่ถึงจนอยากเห็นตอนมันถึงฝั่งฝันบ้าง ปอมันดึงเอวผมเข้าหาตัวไปกอดแน่น ซุกหน้าลงบนซอกคอหอบหายใจรุนแรงและเกร็งตัวปล่อยน้ำร้อนๆ ออกมาจนถึงหน้าท้องและกางเกงนอนของผมเช่นกัน

 

มันหอบตัวโยน กอดผมออดอ้อน ขยับมือตัวเองไปรีดน้ำออกให้หมดจากไอ้ปอเบอร์สองที่พองตัวผงาดชี้หน้าผม หน้าตามันโคตรเซ็กซี่ตอนกำลังใช้มือสาวของตัวเองมองตาผม ขนาดมันกุมเองด้วยมือตัวเองแทบจะไม่มิด คิดดูถ้าเข้าไปในตัวผมด้วยขนาดเท่านั้น โอย ขนลุก

 

ตูดพังแน่…

 

แล้วกูมาคิดอะไรตอนนี้วะเนี่ย

 

ก็…เห็นแล้วมันยิ่งทำใจไม่ได้นี่หว่า มันใช่จะเท่านิ้วก้อยอย่างที่แกล้งว่ามันเสียเมื่อไหร่ ผมเองก็เป็นผู้ชาย พอเห็นแล้วอดที่จะคิดไปไกลไม่ได้นี่หว่า

 

ผมละตาหนีก้มมองตัวเอง มือผมเลอะ ตัวเปื้อนไปด้วยน้ำของมันและของตัวเองเพราะขี้เกียจเปลี่ยนชุดให้มันจึงให้ไอ้ปอน้อยปล่อยมาใส่ตัวเอง ปอมันนั่งหายใจหอบต่อหน้าและกอดผม

 

“นอนนะปอ…” ผมว่าเสียงเบา กอดมันตอบ

 

ปอมันละมือออกแล้วกดจูบผม จูบไปทั่วหน้า ลำคอผมคงมีแต่รอยมันจูบเต็มไปหมดแน่ๆ ผมคลายมือที่กำเสื้อมันแน่นออกพร้อมกับตัวที่เบาหวิวโล่งแบบแปลกๆ

 

นี่ละมั้งที่ทำให้คนติดเซ็กส์กระชุ่มกระชวยอยากทำนัก

 

มือผมเอื้อมไปหยิบทิชชูมาเช็ดหน้าท้องตัวเองที่เต็มไปด้วยนำกามของตัวเองและมันที่ยังกอดจูบผมอยู่ เช็ดทำความสะอาดให้มันแล้วจับร่างของปอลงบนเตียง จัดแจงกางเกงของมันไปด้วย นี่ผมเป็นเมียที่โคตรจะดูแลมันดีเลย โอ๊ยคิดแล้วอายขึ้นมาตงิดๆ พอเห็นตัวเองที่เปื้อนด้วยไอ้เนี่ย

 

ไอ้น้ำขาวๆ ขุ่นๆ เหนียวๆ เนี่ย

 

แต่แม่ง โคตรมีความสุข มิน่าล่ะมันถึงเรียกร้องอยากได้นัก อารมณ์ตอนเสร็จมันแบบนี้นี่เอง มันเสพติดได้ง่ายขนาดนี้นี่เอง ผมได้แต่ยืนมองมันที่นอนหลับตานิ่ง ลมหายใจสม่ำเสมอ

 

หลับปุ๋ย คงจะเบาตัวเลยล่ะสิมึง

 

โอ๊ย แต่กูอาย ตื่นมาจะมองหน้ามันยังไงวะเนี่ย

 

ตายๆๆๆ กูตายแน่!

 

เมื่ออารมณ์มาปกติ ผมยกมือกุมขมับตัวเองด้วยความปวดหัวว่าไปทำแบบนี้กับมันได้ยังไงวะ เพียงเพราะสีหน้ามันเว้าวอนน่าสงสาร เสียงของมันรบเร้า ท่าทางของมันทำให้ผมอยากตอบสนอง หรือความอยากลองของผมด้วย

 

มันคงปนๆ กันไป คนที่ผิดน่ะผม เพราะผมไม่ได้เมาไง!

 

ร่างของผมเดินไปเปลี่ยนชุดที่เปรอะเปื้อนนั้นแล้วเดินกลับมามองมันที่นอนบนเตียงเงียบสงบ ตัวผมล้มลงนอนข้างมันแล้วถอนใจ ชอบหลอกล่อให้กูยอมนัก

 

ถ้าทำให้ความต้องการของมันลดลงบ้าง ผมก็ยอมว่ะ แล้วปอมันออกจะดี น่ารักแบบนี้ เชื่อฟังไม่บังคับขอผมไปมากกว่านี้

 

มือผมแตะไปที่หน้าเรียวยาว ผิวเนียนจากการดูแลอย่างดีตรงหน้า ใบหน้าของมันที่พริ้มหลับลุ่มหลงในนิทรา ขนาดตอนนอนยังหล่อเลยว่ะไอ้นี่ ผมได้แต่ยกยิ้มกับตัวเองมองมัน

 

เปลี่ยนตัวเองเถอะนะปอ ถ้ามึงเปลี่ยนกูยอมทอดกายให้มึงง่ายๆ เลย 

 

มือของผมเอื้อมไปหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวแล้วกลิ้งไปนอนข้างมัน เอาขาก่ายตัวมันครั้งแล้วครั้งเล่า ยังไงก็นอนไม่หลับสักทีเพราะมันยังไม่ถึงเวลานอนทุกวัน และทุกวันมันมักจะกอดผมให้ได้ไออุ่นของมันโดยที่ไม่ต้องร้องขอ

 

มือผมกอดมันนิ่งพร้อมกับจ้องมองใบหน้านี้ น้อยครั้งนักที่จะมีโอกาสได้มองเพราะทุกครั้งก็นอนก่อน และตื่นทีหลัง นิ้วมือทำงาน ไล้จมูกโด่งๆ ของมันพร้อมรอยยิ้ม ดวงตาที่พริ้มหลับสนิทพร้อมกับเสียงกรนหน่อยๆ ต่อหน้า

 

ผมโน้มเข้าไปจูบปากที่ปิดสนิทของมันด้วยความเบาและนุ่มนวลที่สุดที่เคยจูบกันมา

 

“ฝันดีนะปอ กูรักมึงนะ”

 

กูรักมึงมาก มากเกินไปแล้ว…

 

ผมกล่าวเสียงเบาแทบเป็นกระซิบกับมันที่ยังคงกรนไม่รับรู้ต่อไป แบบนี้น่ะดีแล้วอย่าได้ยินเลย รอยยิ้มผุดขึ้นมาประดับบนใบหน้าของผมที่ทิ้งหัวหนุนหมอนเดียวกันกับมัน ใบหน้าอยู่แค่คืบ มือยกกอดมันพร้อมกับจ้องใบหน้าที่หลับใหลอยู่อย่างนี้

 

โคตรอยากหยุดเวลาเลย เดินช้าๆ นะเวลา

 

กูขอร้อง…

 

 

 

 
 :m20:
จบตอนแบบซึ้งๆ


แต่ว่า ขอโทษนะคะ ไรต์ไม่ค่อยเก่งฉากเสียเลือดเท่าไหร่ พอไปวัดไปวาได้มั้ยตอบด้วย :katai2-1:

อีกอย่าง มีหรือไรต์และน้องภีมจะใจอ่อนให้พี่ปอมันได้กินน้องง่ายๆ ของแบบนี้มันต้องค่อยๆ เพิ่มเลเวลความร้อนแรงขึ้นไปสิมันถึงจะสนุก 55555 

ไว้รอลุ้นต่อไปนะคะว่าน้องจะเสียตัวตอนไหน แต่ไอ้ฉากเลือดสาดแบบนี้มีมาบ่อยค่ะ มีเซอร์วิสเยอะ แต่ชอบฉากมุ้งมิ้งกันกว่าใช่ปะ?

เอาล่ะมาดูกันว่าตื่นมาสองคนมันจะทำตัวยังไงต่อกัน

ส่วนต้นก็นะ นางก่อเรื่องอีกแล้ว จุดประเด็นเม้าธ์ไว้แค่นี้

ไปละจ้า อิอิ :bye2:

 

 
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 10 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 02-11-2014 00:11:39
อ่าน 10 ตอนจบรวดเดียว รู้สึกเกลียดต้นแต่บางทีก็สงสาร แต่สิ่งที่กลัวที่สุดคือวันครบรอบ 1 เดือน หลังจากนั้นถ้าเมินกันจริงๆคงเจ็บกันทั้งคู่
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 10 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 02-11-2014 01:46:56
 :z1:
โอเคมากกก  ค่อยๆ เพิ่มเลเวลนี่แหละ เร้าอารมณ์ยิ่งนัก
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 10 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: vivisama ที่ 02-11-2014 15:52:41
อ่านสิบตอนรวด สนุกมาเลย จะรอติดตามนะ ขอสมัครเป็น fc ปอภีมจ้า :mew1:
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 10 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 02-11-2014 18:12:31
ถ้าเรื่องนี้ต้นเป็นคนเล่าคงไม่มีใครเกลียดและมีแต่คนสงสาร

แต่เรืรองนี้เป็นเรื่องของภีม ภีมเห็นแค่ไหน เราก็รู้แค่นั้น

เบื้องลึกเบื้องหลังนางคงเยอะอยู่

ว่าแต่จะครบเดือนแล้ว เตรียมต้มน้ำทำมาม้า
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 10 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: honny ที่ 02-11-2014 18:55:11
อยากให้ได้กินน้องภีม หลังวันที่ครบ 1 เดือนไปแล้ว 1 อาทิตย์ โฮ๊ะๆ เอาแบบ นันสต๊อปไปเลย
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 10 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-11-2014 20:39:06
หวานๆซึ้งๆแต่ปวดหน่วงๆในใจ :ling2:
หัวข้อ: Re: **(01.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 10 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: army_van ที่ 02-11-2014 21:20:16
เรื่องนี้สนุกมากกกกก สนุกจังงงงงง 

ชอบๆๆๆ 

ขอถามนิ้ดดดนึง ดราม่าจะหนักมากไหมคะคนเขียนนนน กลัววว

รอติดตามนะคะ คนแต่งสู้ๆ
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 11 Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 02-11-2014 21:57:20

ขอโทษนะคะอัพผิดตอนเฉยเลย ช่วงนี้มึนๆ โดนกระแสอีกเวบหนึ่งมา
 :hao5: :hao5:

 

ตอนที่ 11

Part 1

 

วิวรอบข้างทางยามอยู่บนรถเรียกให้ผมสนใจทั้งๆ ที่ก็มองเหมือนอย่างนี้ทุกวัน แต่ก็ไม่อยากหันไปมองหน้าไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ มันนิ่งมองผมแบบแปลกๆ มานานแล้วแต่ไม่พูดอะไรเพราะต่างฝ่ายต่างทำตัวไม่ถูก ผมจัดคอเสื้อดีๆ เพราะกลัวมันเห็นรอยจูบที่มันทำไว้เมื่อคืนเพราะเมื่อเช้ามันตื่นขึ้นมาทำหน้ากระลิ้มกระเลี่ย แล้วก็บอกผมว่ามันฝัน

 

ย้อนกลับไปเมื่อเช้า ผมน่ะเสียวสันหลังไม่หาย

 

ตอนตื่นขึ้นมาน่ะเหรอ

 

ไอ้ผมก็งัวเงียตื่นเพราะมันขยับแขนมากอด ลืมตาดูตัวเองที่กำลังนอนตะแคงหันหลังให้มันกอด ลมออกจากจมูกมันระต้นคอแบบสยิวๆ เรียกผมให้ตื่นแบบเต็มตา พอจะขยับตัวลุกเท่านั้นแหละ

 

อะไรวะ!

 

อะไรแข็งๆ ดุนหลังกูอยู่วะ ไม่อยากคิดเลยแม่ง กูนอนท่าล่อแหลมให้มันถูไถตูดนานขนาดไหนแล้ววะ ไอ้เชี่ยปอ ไอ้มักมาก เมื่อคืนแม่งไม่พอรึไง ตื่นมายังให้น้องชายมาทักทายกูแต่เช้าอีก!

 

โอย กูไม่กล้าขยับตัวเลยเนี่ย มึงตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะปอ!

 

ผมหันไปมองมันที่เอาแขนในเฝือกแข็งๆ มากอดตัว หน้าอกถูกับหลัง ไม่ต้องคิดนะว่าตูดผมพรุนไปแล้วรึยัง ผมไม่เจ็บตูดเพราะยังไม่เสียตัว

 

แค่เสียว…เพราะกลัวเสียตูดไง

 

เอ่อ เซ็นเซอร์ด้วยนะ เด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดห้ามดู ยิ่งตอนมันเอาน้องชายมาถูกก้นผมก็ห้ามดูนะ เอารูปโดเรม่อนมาเซ็นเซอรไว้ด้วยรู้เปล่า แต่อันที่ทำกันเมื่อคืนอะดูได้ เพราะผมกับมันแค่เล่นว่าวในห้องกันเท่านั้นเอ๊ง

 

 

คิดไรอยู่วะเนี่ย อายนะ

 

ทั้งๆ ไม่มีใครแอบดูอยู่ มีแต่คนอ่านที่โรคจิตรอผมเสียตูดให้มัน ใครมันจะไปยอมง่ายๆ วะ ยอมก็บ้าแล้วถึงจะรักมันก็เหอะ อยากให้ผมเอากับมันพวกคุณเอามันไปแต่งงานด้วยเลยไป คนใจร้าย พวกคุณไม่ห่วงว่าผมจะเจ็บตูดขนาดไหนเลยรึไง ชิ!

 

ผมถอนใจ ปอแม่งเมาค้างแล้วยังจะมาแข็งแรงตื่นแต่เช้าอีก เดี๋ยวก่อนๆ ขอกูกระเถิบแปป แต่แม่งพอขยับตัวมันก็ดึงเข้าไปหามันอีก เอาขาก่าย ทีนี้ล่ะคุณเอ๊ย คุณปอน้อยสนุกสนานใหญ่ ขนนี่ลุกเลยเหอะ!

 

ทนไม่ไหวละ

 

“ปอ ลุกเดี๋ยวนี้เลย!” ผมว่าเสียงดังดันเอวมันออก

 

“เดี๋ยว กำลังเสียวเลย”

 

ไอ้สัด แสดงว่ามึงกำลังมีอารมณ์อยู่งั้นดิ เชี่ย ไอ้มักมาก ไอ้หื่นกาม ไอ้โรคจิตวิปริต!

 

“มึงลุกเดี๋ยวนี้เลย เลิกเอามาถูกูได้แล้ว เชี่ย!”

 

“พูดเพราะๆ หน่อยสิภีม” มันว่าพลางซุกหน้านอนต่อกับหลังผม เหม็นเหล้าชิบหาย อารมณ์หลงมึงเมื่อคืนหายหมดแล้ว มีแต่ความรังเกียจขยะแขยง ไอ้ปอ ไอ้เวรตะไล!

 

“ไม่พงไม่เพราะอะไรแม่งแล้ว! เอาน้องมึงออกไปเดี๋ยวกูลุกไปหยิบมีดมาตัดทิ้งแม่งให้ไม่ได้ใช้เลย!”

 

“ไม่เอาน่า นอนต่อเถอะนะที่รัก จุ๊บ”

 

อื้อหืม มันบ่นอู้อี้แล้วจูบหลังคอผมอ้อน  ผมนี่ขึ้นเลย ขึ้นไปด่ามันเนี่ย

 

“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วไม่ไปโรงเรียนน่ะหา มานอนแข็งอยู่ได้ ไปปลุกเพื่อนมึงไปโรงเรียน” ผมร้องว่าพลางทุบไหล่มัน ทีนี้ล่ะกลัวกูนะมึง

 

มันเกาหัวตัวเองตื่น แต่แม่งไม่ยอมปล่อย ผมผลักตัวมันด้วยสีหน้าที่บอกว่ากูรังเกียจมึงมากอะปอ มันงัวเงียพลิกตัวนอนหงาย ข้อศอกสองข้างดันพื้นแล้วยกหัวขึ้นมามองผมที่นั่งทำหน้ายักษ์ใส่มันอยู่ มันเบ้ปากแล้วก้มมองตัวเอง

 

“อา มาทักทายพ่อตั้งแต่เช้าเลยน้า” ว่าแล้วมันก็หัวเราะยกผ้านวมเปิดกางเกงตัวเองดู ยิ้มใบหน้าหล่อๆ หัวฟูๆ แบบนั้นน่ะแหละ

 

แม่งไม่ทักทายมึงคนเดียวดิสัด ทักทายกูด้วย ขนลุกเลย

 

“ออกไปไกลๆ” ลามปามจะดึงผมไปกอดอีกแล้ว ไอ้ผมก็ต้องไล่มันออกจากตัว มันก้มมองระหว่างขาตัวเองสีหน้าแม่งปกติสุดๆ มึงเคยคิดจะอายไหมในชีวิตนี้หาปอ! หน้านี่ฉาบด้วยปูนซีเมนต์กี่ชั้นวะ

 

มันทำหน้านิ่วก้มมองของตัวเองเรื่อยๆ นี่มึงอย่าบอกนะว่า

 

“เมื่อคืนแม่ง…”

 

มันว่าเสียงเรียบพลางทำหน้าครุ่นคิด อย่าบอกนะว่ามึงนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ทำกับกู เวรแล้วไง ไอ้ผมก็ขนลุกเมื่อมันครางบ่นๆ ในคอพังไม่ได้ศัพท์ฝ่าความเงียบ ก่อนจะหันมายิ้ม

 

“ฝันอย่างดีเลย สุดๆ เลยว่ะแม่ง” มันว่าพร้อมกับหลุดหัวเราะหน้าตายๆ

 

ใจกู ลอยหายไปตั้งแต่มึงทำหน้าซีเรียสแล้วปอ ไอ้บ้า!

 

ขอกูแอบปาดเหงื่อแปป ใจหายใจคว่ำนึกว่าจะจำได้ แต่แม่งไม่จบไง มันกลับมานั่งคิดนอนคิดอยู่นั่นแหละแล้วก็บ่นๆ ว่าไปด้วยตลอดทาง

 

ย้ำอยู่นั่น กูอาย!

 

“ภีม เมื่อคืนกูจำได้ว่ากูเสร็จนะ มันเหมือนความจริงมาก”

 

“มะ มึงฝันรึเปล่า?”

 

“กูก็ว่างั้นเพราะดูกางเกงในแล้วไม่เห็นหลักฐานเลย สงสัยแม่งฝันจริง” มันว่ากลางเกาหัวงงๆ ตัวเอง แต่ตอนนี้เหมือนมันกำลังนึกอะไรออกอย่างนั้นแหละ ผมล่ะทำหน้ากับมันไม่ถูกจริงๆ

 

ปอตอนแรกมันก็ดูอารมณ์ดีที่คิดว่าตัวเองฝันได้สุดท้องพุ่งปรี๊ดขนาดนั้น แต่พอนานไปเห็นแต่ทำหน้าหงุดหงิดที่นั่งคิดยังไงก็คิดไม่ออก ไอ้ผมที่รู้ทุกอย่างอะ เหงื่อแม่งอาบหลังละ ไม่ได้ร้อนตัวอะไรเลย จริงนะเชื่อผมดิ

 

“คันแขนว่ะ” มันบ่น

 

วันนี้มันมาเรียนแล้วก็สวมชุดช็อปโกโรโกโสของมันมาน่ะแหละ ทั้งๆ ที่ใส่แล้วก็หล่อชิบแต่สภาพชุดมันนี่ไม่คิดจะเปลี่ยนเลยรึไง ส่วนผมสวมชุดนักศึกษา ผูกเนคไทคและเสื้อแขนยาวเพราะเรียนสายวิทย์ ความจริงกฎโรงเรียน ชั้นของมันต้องสวมชุดนักศักษาและสวมชุดช็อปวันที่มีเรียนงานช่างเท่านั้น แต่มันสวมมาทุกวันจนเก่า

 

ข้างในเป็นเสื้อยืดคอกลมธรรมดาแล้วมันก็ไม่ติดกระดุมเสื้อช็อปข้างนอก ดูเท่นะแต่ผิดกฎ

 

“มึงถอดเฝือกวันไหน?” ผมหันไปว่า วันนี้มันไม่ได้ขับรถเองเพราะอย่างที่ว่า แขนมันหัก พ่อของมันจึงให้รถโรงแรมมารับมาส่งทุกวัน เป็นลูกคนรวยมันดีงี้แหละ

 

“อีกอาทิตย์กว่า ทำไม?” มันย้อน

 

“เอ้า กูถามไม่ได้เหรอ”

 

“มันก็ได้ แต่มึงกลัวว่ากูผ่าเฝือกแล้วจะไปทำอะไรมึงถนัดได้กว่าเดิมใช่ไหม หืม?”

 

สลัด!

 

ผมหลบตาไม่มองหน้า ดันมารู้ทันกูอีก

 

ผมหันไปถอนใจพูดไม่ออกและเบี่ยงไปมองทางข้างหน้าเมื่อรถแล่นมาจอดในที่จอดรถโรงเรียน รีบเปิดประตูเดินลงมาทันทีเพราะไม่อยากเถียงกับมัน มองหน้ามันแล้วเขิน ภาพตอนมันมองตาแล้วทำหน้าเสียวๆ สาวน้องชายตัวเองลอยมาแทบทุกครั้ง

 

อ๊ากกกกก อยากจะบ้า กูกลายเป็นไอ้หื่นตามมันไปแล้ว แม่งเอ๊ย!

 

“สัสภีม มึงเห็นไหมแขนกูไม่ดีคิดจะช่วยไหมหา” มันร้องตาม

 

“เอ้า ก็มึงลงมาได้แล้วไงจะบ่นอะไรวะ”

 

“แต่มึงเป็นเมียต้องคอยดูแลกูสิ”

 

“เหอะ เหตุผลมึงนี่อุบาทว์ชิบ มาๆ กูจะไปส่งที่ห้อง” แม่งเอาแต่ใจตัวเองอีกแล้ว ผมเอื้อมมือไปดึงแขนมันเดินข้างๆ พร้อมกับมันที่ทำหน้าหงุดหงิดผมไปด้วย นี่คือกูผิดตลอดสินะ ดูแลปรนนิบัติยังไงก็ไม่ดีสักอย่างเลยสิน่า ผมเดินพามันเข้าโรงเรียนท่ามกลางสายตาคนในโรงเรียนนั่นแหละ

 

ดวงตาหันไปเจอะไอ้กรีนที่เดินเข้ามาพอดีก็ยิ้มทักทาย “ว่าไงกรีน เพิ่งมาถึงเหรอ?”

 

“เออ แล้วนายล่ะ”

 

“เหมือนกัน กินข้าวยัง ไปกินด้วยกันปะ?” ผมว่าชวนพร้อมพยักหน้าเรียกแต่ไอ้ปอแม่งขัดก่อน

 

“ไหนบอกจะไปส่งกู”

 

“เออ ไปส่งมึงก่อนแล้วกูจะลงมากินข้าวกับเพื่อนกู” ผมหันไปว่า กรีนมันยิ้มแล้วกล่าว

 

“ไม่เป็นไรก็ได้ นายไปกับแฟนเหอะ”

 

“เห้ย ได้ไง เดี๋ยวเรามานะ ไปรออยู่โรงอาหารก็ได้” ผมว่าพลางโบกมือ มันยิ้มรับพร้อมกับผมพาไอ้ปอเดินละมาขึ้นอาคาร มันไม่ค่อยจะพอใจกับผมเท่าไรนักแต่ก็ไม่พูดต่อว่า เดินเข้าห้องตัวเอง ผมมองไปเห็นร่างของพี่ธามที่นั่งรอปอมันอยู่ จึงชี้บอก

 

“พี่ธามมาแล้ว นั่นไง”

 

“รู้น่ะ” มันว่าเสียงเบาพลางเดินเข้าห้องเรียนตัวเอง คนในห้องหันมามองพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร ผมยิ้มรับก่อนจะโบกมือลาเมื่อปอมันหันมามอง มันพยักหน้ารับพร้อมทั้งหันไปคุยกับเพื่อนในห้องต่อ แต่คนๆ เดียวที่ไม่ยิ้มเลยสักนิดก็คือพี่ธาม

 

ผมเห็นเขาไม่เหมือนเดิม ดวงตานั้นเหมือนกำลังเครียดอะไรอยู่อย่างนั้น

 

ใจผมนึกถึงเรื่องของไอ้ต้นเป็นอันดับแรก

 

ผมทรุดตัวนั่งต่อหน้าไอ้กรีนพลางถอนใจ มันเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้าแห่งความประหลาดใจก่อนจะส่งยิ้มแล้วเอ่ยถามขึ้นมาเฉยๆ ว่า “เป็นอะไรรึเปล่า ถอนใจซะดังเชียว”

 

ผมมุ่นคิ้วตัวเองจ้องตามัน “มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย แต่ช่างมันเหอะ”

 

“ยิ้มหน่อยสิ ตอนภีมยิ้มน่ารักจะตาย” มันว่าพลางชี้หน้า มันเองก็น่ารักแหละน่า

 

“ชมกันแบบนี้จะเอากี่บาท” ผมว่าทำท่าล้วงกระเป๋า

 

“พูดความจริงนะ ภีมออกจะน่ารัก แต่…” มันลากเสียงพลางละรอยยิ้ม

 

“อะไร?” ผมย้อนแววสงสัยเมื่อมันยกยิ้มนิดๆ ยกมือส่ายปฏิเสธ

 

“ไม่มีอะไรหรอก แต่เราคิดว่าแฟนภีม…ไม่เหมาะกับภีมเลย”

 

ผมละรอยยิ้มตัวเองลงทันที ใช่…

 

“มันรวยนะ ต่างกับเรามากเลย”

 

“ไม่ใช่ เราว่าเขาไม่มีอะไรดีพอที่ภีมจะไปคบด้วยต่างหาก” ผมเลิกคิ้วเมื่อมันว่ายิ้มๆ กับผมซึ่งละรอยยิ้มลงมองมันด้วยความแปลกประหลาดใจ นานๆ จะเจอคนคิดแปลกๆ แบบนี้

 

กรีนมันเป็นคนแปลกเอาการแฮะ ใครๆ ก็รู้จักไอ้ปอ อยากเป็นแฟนมันทั้งนั้น

 

“เล่นมุกใช่ไหม?” ผมว่า

 

“พูดจริงๆ” ผมกระเดือกข้าวที่เพิ่งตักเข้าปากไม่ลงแฮะ ดวงตาที่เหลือบมองผมอยู่ต่อหน้านั้นนิ่งก่อนจะที่ผมจะทำอะไรไม่ถูกเพราะเดาใจไม่ออก

 

“แต่เขาหล่อนะ” มันว่าพลางหลุดยิ้ม

 

“ฮ่ะๆๆๆ” ผมหัวเราะ

 

แต่ใจนี่คิดตามที่กรีนมันพูดไปแล้ว

 

เราเข้ากันได้ดีแต่เสียงออดเข้าแถวก็ดังขึ้นเสียก่อน ผมกับมันเดินแยกกันไปเข้าแถวคนละทางเพราะอยู่คนละห้อง ดวงตาของผมมองหาร่างของไอ้ปอทว่าไม่เห็น ทั้งๆ ก็รู้อยู่แล้วว่ายังไงมันก็ไม่มาเข้าแถวหรือร่วมทำกิจกรรมเหมือนทุกวัน แต่ไม่รู้ทำไมผมก็มองหาเผื่อจะเจอมันทุกวันนั่นแหละ

 

อยู่แบบนี้น่ะดีแล้ว ทุกวัน มีทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็ไม่เป็นไร เป็นสีสันไป

 

 

“มึงๆๆ กูมีข่าวจะมาเม้าธ์”

 

เสียงตุ๊ดนางหนึ่งวิ่งเข้ามาและหวีดเสียงเรียกไอ้สันติหรือน้องซันนี่ที่นั่งข้างผมให้หันกลับไปมองเก้าอี้พวกมันที่นั่งอยู่ด้านหลัง สาวๆ หันขวับไปตามเสียง มีเพียงแค่ผมคนเดียวที่นั่งจัดของในเก๊ะไม่ได้หันไปเพราะยังไงพวกมันก็พูดเสียงดังและนินทาชาวบ้านอย่างเคย

 

“ไรวะอีสมปอง” ไอ้สันติหันไปว่า

 

“แหม อีนี่ กูบอกกูชื่อน้องปิงปอง”

 

เออ กูแนะนำให้มึงเปลี่ยนอย่างไว ผมส่ายหัวกับพวกมันไปด้วย “เออย่ะ ว่าแต่ว่ามึงได้ข่าวอะไรมาหาถึงได้วิ่งหางจุกตูดมาเนี่ย”

 

“กูต้องมีแน่ๆ พวกมึงจำไอ้ต้นได้ไหม?” มันว่า ผมเบิกตาเมื่อได้ฟัง

 

“ต้นไหนวะมีหลายต้น?”

 

“ก็ต้นที่มันแรดๆ น่ะ ที่เราเห็นแอบกินตับกับพี่พอร์ชผัวเก่ากูวันนั้นไง”

 

“อีนี่ก็แรง เขาไปกินมึงตอนไหน?”

 

“ในฝันเว้ย…” มันลากเสียงก่อนจะหัวเราะคิกคัก

 

“แล้วไอ้ต้นทำไมยะ เร็วๆ ฉันอยากรู้”

 

“มันทะเลาะกับสามีคนปัจจุบันกูเว่ย คือแบบเหมือนจะเลิกกันแล้วล่ะกูเห็นมากับตา พี่ธามนี่ตบกกหูไปเพี้ยะใหญ่ๆ เลยแหละ แถมลงไปต่อยซ้ำอีกทีด้วยคงจะโกรธน่าดู ผัวกูนี่ซาดิสม์ชิบหาย”

 

เห้ย!

 

ผมหันไปมองไอ้สมปองด้วยความไม่เชื่อหูตัวเอง “ทำไมวะ พี่ธามทำมันทำไม?”

 

ตุ๊ดสามนางมองมายังผมที่มองไอ้สมปองแบบตาแทบถลนออกจากเบ้าเมื่อได้ยิน สายตานี่แบบคือมึงหน้าตาอยากเสือกเรื่องของชาวบ้านมาก

 

“เออว่ะพี่ธามเพื่อนพี่ปอผัวมึงนี่หว่า” ไอ้สันติมันว่าพลางชี้หน้าผม

 

เชี่ย กูยังไม่ตกเป็นของมันเว่ย

 

ไม่เอากูไม่คิดเรื่องเมื่อคืน ขันติไว้ ใจเย็นๆ ไอ้ภีม

 

ผมสูดลมหายใจละความสนใจมายังไอ้สมปองทันทีแล้วว่า “พี่ธามตีไอ้ต้นทำไมวะไอ้ปอง”

 

“มึงเรียกกูงี้กูไม่ตอบย่ะ” มันว่าพลางเบ้ปาก แหมอยากตบคว่ำจริงๆ

 

“เออน้องปิงปอง มึงจะตอบกูได้ยัง?”

 

“กูไม่รู้ จบนะ กูเห็นแค่ทะเลาะกันแล้วพี่ธามก็ซัดไอ้ต้นแค่นั้นแหละ”

 

“โอยอีเหี้ย!”

 

กูรอฟังตั้งนาน

 

ขอบใจมึงมากซันนี่ที่ด่าแทน กูรักมึงก็คราวนี้แหละ

 

ผมเกาหัวแล้วหันกลับไปนึกถึงหน้าคนใจดีๆ แบบพี่ธาม เขาจะทำกับไอ้ต้นที่เขารักขนาดนั้นได้ยังไง ดวงตาผมเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อนึกออกถึงเรื่องราวทั้งหมด เชี่ย! อย่าบอกนะว่าพี่ธามรู้ความจริงหมดแล้ว ใจผมหายเมื่อนึกถึงคำสัญญาว่าจะไม่บอกความจริงกับพี่ธามระหว่างผมที่มีให้พี่พี แต่ผมไม่ได้บอกเขานะ เขาไปรู้มาจากไหน

 

คงไม่ใช่เรื่องนี้มั้ง เขาจะไปรู้ได้ไง

 

แต่ไอ้ต้นมันก็แรงนะ ในโรงเรียนใครๆ ก็เห็นมันบ่อยว่าไปแอบกินตับใครมาบ้าง ข่าวมีหลุดไปถึงหูพี่ธามบ้างคงไม่แปลก โอย นี่มันปัญหาระดับบิ๊กบึ้มนะเนี่ย

 

กูจะบอกไอ้ปอดีปะวะ เพราะมันเองก็รู้ดีว่าเมียพี่ธามเป็นคนยังไง ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวโดนมันด่าแล้วหาว่าหึงมันอีก ผมส่ายหน้าพลางคิดกับตัวเอง คิดได้แล้วนั้น ผมว่าผมไปแอบถามเขาด้วยตัวเองดีกว่า ครั้นชั่วโมงพักเบรกมาถึง ผมรีบเดินลงบันไดไปตึกของชั้นเรียนปวส. ทันที


เดี๋ยวต่อพาทสองน้า
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re:1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 11 Part 2
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 02-11-2014 22:01:44
 
ตอนที่ 11

Part 2


ห้องของไอ้ปอ ห้องของไอ้ปอ

 

ผมท่องในใจแล้วเดินไปหยุดหน้าห้องที่เคยเดินขึ้นมาเมื่อเช้า หลายสายตาหันมามองผมก่อนจะยิ้มให้

 

“ไอ้ง่อย”

 

ผมหันขวับไปมองหน้ามัน อ๋อ ไอ้ที่มันใช้ผมไปซื้อน้ำให้แล้วผมดันไปกวนตีนมันวันรับน้องนี่เอง ผมเงยมองมันแล้วเลิกคิ้วตอบด้วยแววสงสัย “อะไร?”

 

“มึงมาตึกนี้ทำไม มาหาผัวเหรอ?” มันว่า

 

“เกี่ยวไรด้วย?” ผมย้อนพลางยักไหล่ มันเลิกคิ้วทำท่าทำทางมองตัวผมทั้งแต่หัวจรดเท้า ผมปิดคอตัวเองที่อาจจะเห็นรอยที่ไอ้ปอทำไว้ทันที

 

“ไอ้ปอมันตาถึงนะเนี่ย ขนาดกูยังมองผ่านเลย” มันว่าพลางพยักหน้าเหมือนพอใจอะไรสักอย่างแววตาโคตรกวนตีน “ข้างในคงซ่อนรูปว่ะ”

 

“ซ่อนรูปพ่อง…” ผมว่า

 

“หึ ปากนี่แน่ใจนะว่าไม่ได้อมหมามาด้วย เห่าจังนะมึง”

 

“ก็หมามันเห่ามาเลยเห่าตอบ”

 

ไอ้ตรงหน้าเริ่มเดือดเมื่อผมว่าตอบไป ทว่าคนจากด้านหลังเดินมาจับต้นแขนผมให้หันไปมอง เป็นคนที่ผมกำลังตามหา เขารั้งให้ผมไปมองพร้อมยกนิ้วชี้เรียวไว้ที่ปากตัวเองเป็นเชิงบอกให้เงียบ แต่ไอ้คนที่ยืนตรงหน้าผมดันไม่ร่วมด้วย มันหันไปในห้องแล้วตะโกน

 

“ไอ้เชี่ยปอ สัสธามมันฉุดเมียมึงไปแล้ว!”

 

ไอ้เวร! ปากมึงน่ะหมาเยอะกว่ากูอีก

 

ผมรีบเดินตามพี่ธามที่เดินนำลงมายังด้านล่างซึ่งเป็นต้นไม้ร่มรื่นหลังอาคารเรียน ตรงนี้มีคนก็จริงแต่นั่งห่างกันมากเพราะโต๊ะถูกจัดไว้ห่างกันเพื่อสะดวกในการอ่านหนังสือมากกว่า ผมทรุดตัวนั่งลงข้างเขาพร้อมกับหันไปมอง

 

พี่ธามหันมายิ้มก่อนจะละมันลงไปเสียเฉยๆ

 

“มาหาไอ้ปอใช่ไหม?” เขาว่า ผมหันไปส่ายหน้า

 

“เปล่า มาหาพี่นั่นแหละ”

 

เขาหันมามองผมด้วยแววสงสัย “มาหาพี่ทำไม?”

 

“พี่ธามกับต้นทะเลาะกันเหรอ ภีมเห็นพี่ช่วงนี้ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย” ผมว่าเสียงเบา นี่กูถามตรงเกินไปรึเปล่าวะเนี่ย

 

“หึๆ เปล่า ยังรักกันดี”

 

อะไรของพี่เขาวะ แล้วที่ไอ้สมปองมันเห็นหมายความว่าไง ผมนิ่งมองพี่เขาที่ดูไม่สดใสเหมือนเก่า รู้เลยว่าใครโกหก ดวงตาผมละไปมองคนที่วิ่งเล่นบอลกันในสนามเล็กๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาให้กำลังใจและเตือนสติเขาไปในคราเดียวกัน

 

“ภีมเข้าใจอารมณ์พี่ธามตอนนี้นะ ว่าพี่ธามยังไม่อยากบอกใคร ยังไงก็อย่าใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลก็แล้วกัน รู้ไหม”

 

พี่ธามหันมามองผมก่อนจะยกยิ้ม “ขอบใจนะ”

 

“ปรึกษาภีมได้นะ” ผมหันไปว่า

 

“ที่พี่พาภีมออกมานี่…” พี่ธามลากเสียงตัวเองและจ้องมาที่ดวงตาผม เขาลังเลและไม่เป็นตัวของตัวเองเลย “พี่รู้ว่าต้นมันนอกใจพี่น่ะ พี่ถามมันดีๆ แล้วมันก็…มันก็ขอเลิกขึ้นมาเฉยๆ หาเรื่องพี่ให้พี่เลิกกับมัน”

 

อะไรของมันวะ ไหนบอกให้ผมเก็บเป็นความลับไงไอ้พวกนี้

 

“แล้วพี่ไปรู้ได้ไง?” ผมว่าเสียงเบา หลอกถามแบบนี้แหละแม่งดีที่สุดละ

 

“ไอ้ปอมันบอกพี่”

 

เห้ย เอาแล้วไง!

 

ผมมองพี่ธามพลางถลึงตาตัวเองนึกถึงหน้าไอ้ปอว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ถึงบอกเพื่อนตัวเองไปแบบนั้น จะว่าไปมันก็เป็นคนสอยเมียพี่ธามด้วยเหมือนกันนี่ ผมว่าไอ้นี่มันเลวเข้าขั้นโคตรเลวเลยล่ะ หื้ม อย่าให้ผมเจอหน้ามันนะ

 

จะก้มกราบบอกว่าเลิกทำนิสัยเฮียๆ แบบนี้เหอะ ก็…ทำอะไรมันไม่ได้อยู่แล้วนี่หว่า ใช้น้ำเย็นลูบเอาแล้วกัน ถึงแม้จะลูบมันแล้วร้อนกว่าเดิมก็เหอะนะ

 

“มันเดาคนเก่งจะตายไม่เหมือนกันกับพี่ ตามนิสัยต้นมันไม่ทัน พี่รักมันแทบจะก้มกราบตีนมันทุกวันยังทำกับพี่ได้”

 

พี่ก็เลยตบและต่อยไปผัวะสองผัวะหรอ

 

เอ่อ ผมพยักหน้ารับฟังพลางนึกถึงหน้าไอ้ปอ ไอ้นี่มันร้ายลึก คราวนี้ผมชักจะกลัวมันแล้วสิ เห็นหน้าตากวนตีน พูดจาหมาไม่แดกแต่ในใจคิดอะไรเดาไม่ออก แล้วมันทำแบบนี้ทำไม เพราะรู้ทันไอ้ต้นเหรอ

 

“แล้วยังรักกันดีอยู่เหรอ?” ผมถามย้ำไปอีกรอบเอาให้แน่ใจว่าเลิกไหม เขาเงยมามองหน้าแบบว่าไอ้นี่หน้าตาขี้เสือกจัง ผมเกาหัวตัวเองทันทีเถียงไม่ออก

 

“พี่ยอมเลิกกับมันแล้วว่ะ ขี้เกียจเจ็บ”

 

เห้ย เลิกง่ายๆ อะนะ

 

“จริงดิพี่ ทำไมมันง่ายแบบนั้นน่ะ คบมากันตั้งเท่าไหร่มาเลิกกันง่ายๆ เนี่ยนะ”

 

“พี่ถูกมันสวมเขานะภีม” พี่ธามหันมาว่า เออว่ะ ผมเกาหัว “แบบไอ้ปอมันเจ้าชู้ใครๆ ก็รู้ แต่แบบต้นนี่ ข้างนอกดูเงียบ พี่ไม่รู้จริงๆ ว่ามันเป็นคนยังไง ทำไมมันทำลับหลังพี่แบบนั้นวะ คิดแล้วแม่งก็โมโห”

 

“ทำไมพี่เชื่อไอ้ปอว่ามันพูดความจริง” ผมว่า

 

“ปอมันไม่เคยโกหกพี่ ภีมรู้รึเปล่าว่าก่อนหน้าที่ภีมจะเข้าห้องแล้วโดนไอ้ปอยำน่ะ พี่เห็นต้นมันวิ่งออกมาจากห้อง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย”

 

“พี่เห็นเหรอ?” ผมเบิกตาตัวเองมอง

 

“พี่ไม่ได้โง่นะภีม เมื่อวานก็ด้วย พี่ได้ยินหมดทุกอย่าง!”

 

ตัวผมชาพลางมองหน้าพี่ธามที่ว่าอย่างใส่อารมณ์พลางจ้องตา แววเศร้าหมองจนผมจับได้ ตัวผมลอบกลืนน้ำลายพร้อมกับเหงื่อที่ซึมออกมาจากอาการร้อนตัวอย่างเห็นได้ชัด มิน่าล่ะถึงได้ลากผมลงมาเพราะเขารู้ว่าผมเองก็เห็น

 

แล้วไอ้ปอมันต้องการอะไร ผมอยากถามมัน ตอนนี้โคตรอยากรู้เลยว่ามันทำแบบนี้ทำไม

 

“พี่จะจบกันมันละ ถึงพี่จะรักมันขนาดไหนแต่พี่ก็เข็ดกับมันจริงๆ”

 

 

พี่ธามแม่งเอาจริงว่ะ

 

ผมเดินทอดน่องขึ้นอาคารเรียนของตัวเองช้าๆ พร้อมดวงตาที่เลื่อนลอยออกไปแสนไกล นึกถึงตอนปอมันมองมายังผม ทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรแต่ไม่อาจนึกได้ว่าตอนนั้นมันกำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมมันถึงเดาใจยากจังวะ ลำขาผมก้าวไปเรื่อยๆ ไร้จุดหมายกระทั่งเจอร่างของใครสักคนเดินอยู่ขั้นด้านบนตัวเอง ผมเงยหน้ามองมัน มันมาทำไมวะ

 

ผมนิ่งมองมันที่ก้มมาจ้องตา เดาไม่ว่าไม่ได้อารมณ์ดีแน่ตอนนี้

 

“มึงทำแบบนี้ทำไม?” มันเริ่มเรื่อง แล้วที่มันว่าน่ะหมายความว่ายังไงของมัน ผมไม่ค่อยเข้าใจ

 

“อะไร?”

 

“มึงไม่ต้องมาทำไขสือ มึงเกลียดที่กูเอากับพี่ปอใช่ไหม เอาแบบที่มึงไม่สามารถเอาได้ใช่ไหม?” มันว่า

 

“เห้ย นี่มึงเข้าใจอะไรผิดไปปะวะ” ผมว่าด้วยสีหน้างง

 

อย่าบอกนะว่ามันคิดว่าผมเป็นคนคาบข่าวไปบอกพี่ธามให้เลิกกับมัน

 

“มึงเป็นคนขอเลิกกับพี่เขาเองไม่ใช่รึไง?” ผมว่า

 

“มึงยอมรับแล้วใช่ไหมว่ามึงเป็นคนเอาเรื่องนี่ไปบอกพี่ธาม เขาไม่เคยทำนิสัยแบบนี้กับกู เขาเอาใจกู ง้อขอสารพัดเวลากูขอเลิก…มึงดูสิ รอยที่มันทำกับกู”

 

ผมชะงักมองหน้ามัน รอยแผลฟกช้ำนั่นมันทำให้ผมใจหาย

 

แต่มันเองที่ผิดไม่ใช่รึไง

 

“บางทีคนเราก็มีขีดจำกัดปะวะต้น มึงโทษสิ่งที่มึงทำดีกว่าไหม?”

 

ไอ้เชี่ย คิดว่าเขาจะตามง้อเหรอ มันเรื่องใหญ่นะนอกใจเขาน่ะ ผมล่ะปวดประสาทกับความเอาแต่ใจของมัน มันยิ่งกว่าผมที่งี่เง่าสิบคนและยิ่งกว่าไอ้ปอที่เอาแต่ใจอีกร้อยคนรวมกันเลยไอ้นี่เนี่ย แยกแยะไม่ออกเลยเหรอระหว่างเรื่องที่มันทำน่ะอันไหนเลวหรือไม่เลว

 

โอยผมปวดตับกับเรื่องที่มันเริ่มจะยุ่งเหยิงนี่ว่ะ

 

“ทุกอย่างเพราะมึงภีม ถ้ามึงไม่ไปยุพี่ธาม เขาก็ยังเชื่อใจกูเหมือนเดิม ยังรักยังตามใจกูเหมือนเดิม”

 

“ต้น แล้วมึงรักพี่เขาไหม?” ผมว่า มันนิ่งมองผม

 

“กูก็รักของกูสิ ไม่รักกูจะคบกับเขาทำไม!”

 

“แล้วมึงไปนอนกับคนอื่นทำไม?”

 

“ก็มันไม่นอนกับกู!”

 

ชิบหายล่ะ!

 

ผมตาค้างมองมันที่ร้องว่าพร้อมกับดวงตาเริ่มแดง กลับกลายมาเป็นฝั่งมันดราม่าแล้วซะงั้นเมื่อนึกถึงหน้าพี่ธาม ไอ้เชี่ย พี่เขายังเวอร์จิ้นเหมือนกันกับผมเลย

 

แต่เอ่อ มันไม่ใช่ประเด็นตอนนี้ปะวะ

 

ประเด็นคือพี่ธามมันไม่ยอมนอนกับไอ้ต้น

 

แม่ง คิดแล้วคือกูอยากเอาความดีงามของพี่ธามซักครึ่งมาแบ่งมึงมากเลยว่ะปอ นี่มึงทนคบพี่ธามได้ไงวะไม่ละอายใจบ้างเหรอที่มีเพื่อนเป็นพ่อพระแบบนี้

 

“กูก็เห็นเขากอดเขาจูบมึงนี่ แต่มึงไม่ยอมเขาเอง” เรื่องนี่เริ่มจะคล้ายผมแล้วสิ เพียงแต่ผมต่างจากพี่ธามคือต้องเป็นคนเสียตูดเท่านั้นเอง

 

อย่าเพิ่งนอกเรื่อง สมาธิอยู่กับไอ้ต้น อย่าเพิ่งมานะภาพตอนไอ้ปอกำลังเสียวอย่าเพิ่งมา

 

“มึงเข้าใจไหมว่ากูอยู่ใกล้มันแล้ว…คือกูรักมัน กูก็ไม่อยากโดนมันทำน่ะสิ เพราะตอนกูยอม กูมีอารมณ์แต่มันไม่สนองกู ไม่ช่วยกู มึงจะให้กูเอาตูดสีกับต้นเสาให้หายอยากรึไง ใครจะไปทนทรมานให้มันทำแค่นั้นละหา!”

 

อารมณ์มันมาเต็มครับ น่าจับมันไปคู่กับไอ้ปอจริง นิสัยแบบเดียวกับไอ้ปอเป๊ะ เพียงแต่ไอ้ปอมันไม่ได้รักผมแล้วมีอารมณ์ เพราะมันมีอารมณ์ของมันเองทุกห้านาทีอยู่แล้ว เหอะๆ

 

“แต่มันใช่เหตุผลที่มึงต้องไปนอนกับคนอื่นปะวะ”

 

“ทำไมจะไม่ใช่ ถ้ามันไม่รักกูแล้วจะแกล้งกูแบบนี้ทำไม มึงรู้ไหมกูหน้าด้านขอมันกี่ครั้งแล้ว” ต้นมันว่า หลังมือเช็ดน้ำตา “กับคนอื่นกูก็แค่ทำกับเขาภายนอก ยกเว้นพี่พีเมื่อวาน…กับพี่ปอ แต่ว่า”

 

มันเงยมองหน้าผม “กับพี่ปอกูไม่ได้ตั้งใจ ผัวมึงน่ะยั่วกู ขอกูให้นอนกับเขาเพราะมันเห็นกูถูกพี่ธามแกล้งแบบนั้นบ่อยๆ มันดูกูออกว่ากูลน ว่ากูกำลังอยาก มันรู้ใจกูทุกอย่างกูจะไม่ใจอ่อนได้ไง พี่ปอน่ะเป็นคนแรกของกู!”

 

ตัวผมชา มันยกมือขึ้นมากุมหน้า มือมันสั่น

 

“กูโคตรดีใจเลย วันนั้นที่มึงเดินเข้ามาขัดกูกับมัน กูต้องทำหน้าไม่รู้สึกอะไรเดินเข้าหามึง อยากคุยกับมึง อยากเป็นเพื่อนกับมึง แอบมองมึงทั้งๆ ที่รู้ว่ายังไงมึงก็ต้องเกลียดกู กูนี่โคตรบ้า เหอะ!”

 

“ต้น…” ผมพูดอะไรไม่ออก นึกถึงตอนที่มันขอไปเที่ยวด้วยรอยยิ้ม แต่ผมก็แกล้งมันปฏิเสธ ตอนที่มันผิดหวังอล้วเดินไป ผมใจเสียว่ะ คิดไม่ออกว่ามันเสียใจขนาดไหน

 

“มึงไม่ต้องมองกูด้วยสายตาสมเพชแบบนั้นก็ได้” มันหัวเราะ แม่งแต่น้ำตาไหลอาบแก้ม

 

“กูเปล่า กู…” ผมเม้มปากแน่น

 

ผมไม่ได้ผิด แต่ผมอยากขอโทษ

 

“กูขอโทษ…”

 

ผมโกรธตัวเองที่คิดอคติกับมันเกินไป ผมจำเมื่อวานได้ ที่พี่พีบอกว่าเขาเป็นคนเข้าหาไอ้ต้นก่อน เขาปกป้องมันและผมต่างหากที่มองมันในแง่ร้ายมาตลอด

 

“มันพังแล้ว ความรักของกูกับพี่ธามมันจบลงแล้วภีม ฮึก!”

 

ใจผมโหวงเหวงอย่างน่าประหลาด

 

พี่ธามไม่ยอมแตะต้องมัน คบกันแต่ไม่ได้ผูกพัน ไม่ได้ผูกมัดกันที่ร่างกายแต่ผูกมัดกันด้วยจิตใจ พี่พีคงแอบรักไอ้ต้นแหงๆ แต่ผมปวดหัวกับเรื่องที่ไอ้ปอก่อ

 

ยกมือกุมหัวด้วยกลัวว่าเลือดในสมองจะแตก

 

แล้วกูจะทำไง ไปบอกพี่ธามเหรอ พี่ธามเอาจริงเอาจังซะขนาดนั้น แถมพูดออกมาเหมือนจะไม่คืนดีกับไอ้ต้นอีกแล้วด้วย

 

เอาละวา ทุกอย่างมันมะรุมมะตุ้มซะแทบหัวจะระเบิดออกมาแล้ว ผมพยายามนั่งไล่เหตุการณ์ออกมาทั้งหมดที่ละเหตุการณ์ที่ตัวเองได้เจอมา สรุปได้คือว่า ผมโกรธเพื่อนไอ้ปอแล้วเดินหนีออกมาจากวงเหล้ามัน พอกลับมาที่ห้องเห็นไอ้ปอนอนกับไอ้ต้นซึ่งพี่ธามก็ดันเห็นเหตุการณ์นี้ด้วยแต่ไม่ได้บอกใคร

 

ไอ้ต้นมันนอกใจพี่ธาม แอบนอนกับเพื่อนพี่ธามแต่แท้จริงแล้วมันรักพี่ธามมากแต่พี่ธามกลับไม่คิดจะนอนกับมัน ผมไม่เข้าใจว่าพี่ธามคิดอะไรอยู่ แต่ ไอ้เวรปอมันนอนกับเมียเพื่อน แล้วดันไปบอกเพื่อนตัวเองเสียเองว่าถูกเมียสวมเขา นี่แหละปัญหา!

 

แล้วพี่ธามก็โกรธมากอีก ยังไม่รวมเรื่องที่ผมเดาใจไอ้ปอไม่ออกนะว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ ผมถอนใจยกมือกุมขมับตัวเองปวดหัว มีใครแบกโลกไว้ทั้งใบเหมือนกูบ้างวะเนี่ย!

 

“มึงจะถอนหายใจอะไรนักหนา กูรำคาญ”

 

ผมหันขวับไปมองอีกคนที่นั่งหน้าหงิกอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันหน้าทีวี ร่างมันสวมชุดช็อปโรงเรียนข้อศอกข้างไม่หักค้ำบนพนักโซฟาหันมามอง เออ ตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียนผมก็นั่งคิดเรื่องนี้ตลอดเลยนี่นะ คิดมากจนลืมว่านั่งข้างมันแฮะ

 

“มึงรู้เรื่องพี่ธามเลิกกับไอ้ต้นยัง” ผมหันไปว่า จะหลอกถามมันดีไหมวะ

 

“รู้แล้ว ก็กูเป็นคนบอกให้มันเลิกเอง”

 

“ทำไมมึงทำแบบนั้น! ทำไมมึงไม่โดนต่อยซักทีสองทีตอนที่บอกพี่ธามว่ะ มึงอ่ะเป็นคนทำเขาแตกแยก”

 

“ไหนมึงเกลียดไอ้ต้นนักอะ ทำไมคราวนี้เข้าข้างมัน” มันหันมาว่า

 

“ก็มันไม่แฟร์ ไอ้ต้นโดนตบโดนตีส่วนมึงสมควรโดนกระทืบให้จมพื้นเลย เลวมาก เฮ้ย…” ผมร้องเหวอเมื่อมันดึงผมเข้าไปกอดรัดแน่นพร้อมกับถามเสียงต่ำๆ ไปด้วยว่า

 

“แล้วมึงสมควรโดนอะไร?”

 

กูใสๆ ไม่สมควรโดนอะไรทั้งนั้น

 

ผมยักไหล่ตัวเองเบ้ปากให้มันรู้ถึงความคิดตัวเอง มันยกนิ้วชี้แสดงถึงความไม่สบอารมณ์ของตัวเองบอกมากับผม อ้าว…นี่กูจะเดามึงออกไหมว่าเล่นรึไม่เล่น

 

“คนมักง่ายแบบมันเลิกกับไอ้ธามอะดีที่สุดแล้ว กูแค่ลองใจมัน เดินไปเล้าโลมหน่อยเดียวมันก็อ่อนปวกเปียกยอมให้กูเอาง่ายๆ กูจะบอกให้ที่กูนอนกับมันเพราะมึงหรอก กูอารมณ์ค้างมาจากมึงเฉยๆ แค่นั้นแหละถึงยอมนอนกับมัน”

 

อ้าว กูผิด

 

ผมมองหน้ามันก่อนจะหลบตาลงพื้นเฉยๆ เมื่อมันตอกย้ำความผิดที่ยังไม่ยอมรับของผม ถ้าไอ้ต้นมันรู้คงโมโหตายเลย

 

“ปอ…”

 

มึงเข้าใจไอ้ต้นผิดไปนะเว้ย

 

มึง…ตอนทำกับมันไม่รู้เหรอว่ามันยังซิง

 

หรือด้านหลังมันแน่นๆ แบบนี้กันหมดทั้งซิงและไม่ซิง โอย กูไม่อยากติดไม่อยากจินตนาการ

 

“อะไรล่ะ?” มันหันมาว่า

 

ผมหลบตามัน

 

“กูว่ามึงน่าจะเข้าใจไอ้ต้นที่สุดในโลกเลย ว่างๆ มึงโทรหามันเรียกมานั่งจับเข่าคุยขุดคุ้ยเรื่องปัญหาชีวิต ต้นสายปลายเหตุของนิสัยพวกมึงด้วยกันเลยนะเผื่อจะเจอจุดไหนที่ทำให้มึงกลายเป็นคนแบบนี้แล้วจะได้แก้ไขให้ทันท่วงทีก่อนที่เอดส์จะกินพวกมึงทั้งคู่ กูหวังดีว่ะ”

 

มันมองหน้าผม

 

“ไอ้สัด…”

 

ว่าแล้วมันก็โน้มมาขอบคุณด้วยการเบิ๊ดกะโหลกเจิมหัวให้ผมไปที ขอบคุณมาก

 

ไอ้นี่พูดไม่เพราะเลย กูอายุต่ำกว่าสิบแปดนะมึง ทีขอเอากูเรียกเมียจ๋าๆ ถุย…

 

กูหมั่นไส้มึงมากเลยว่ะปอ

 

 

คือพอสรุปได้ว่าที่มันนอนกับไอ้ต้นก็เพราะลองใจว่ามันง่ายไหม แล้วพอรู้ว่ามันง่าย ไอ้ปอมันก็เอาไปบอกพี่ธามเพราะกลัวเพื่อนตัวเองจะเสียใจภายหลัง แต่ไม่รู้เลยว่าตัวเองน่ะได้ซิงเมียเพื่อนไป ทุกคนที่ทำไปเพราะมีเหตุผลกันทั้งสิ้น

 

แต่ผมรู้นะว่าไอ้ปอมันรู้ดี ก็ตัวมันเองน่ะแหละที่อยากแล้วมาทำพูดสร้างภาพให้ตัวเองดูดี มาโทษว่าเป็นเพราะผม

 

นึกแล้วโมโห คิดว่าผมจะเชื่อมันรึไงวะ ชิ!

 

 

ใครกล้าด่าน้องต้นของพี่//ดึงนางมากอดในอก เสียใจหลายมาเป็นสามีพี่แทนเถอะ อิอิ

เค้าบอกว่าต้นดราม่าก็ไม่ยอมฟังๆ ด่าน้องอยู่นั่นแหละ ร้องไห้แปป บอกว่าอย่าเพิ่งด่าๆ จัดมาชุดใหญ่กันทั้งนั้น เนี่ยโดนทั้งตบทั้งต่อย ถูกจับไปเป็นของเล่นคนโน้นคนนี้ อิพี่ปอมันรู้มากเกินไปจนเข้าใจผิด ภีมก็เข้าใจผิดเห็นมะมันน่าสงสาร สามีก็มิรักมันแล้ว ตอนนี้มันเหลืออิพี่พีคนเดียว(เหลือเค้าด้วย)

เดี๋ยวนางจะดราม่ากว่านี้ตอนพี่ธามไม่รัก//กัดผ้าเช็ดหน้าร้องไห้แปป ทั้งเตะทั้งต่อยมาเต็ม อีพี่ธามมันซาดิสม์แต่นางยังคงรักมั่นคงค่า ส่วนภีมกับปอก็นั่นแหละ ยิ่งกัดกันก็ยิ่งรักกัน แต่ปอปากแข็งเนอะ อิอิ

สปอยคู่ธามต้นและพี(อ้าวนี่3P เหรอ อิอิ)

มารอลุ้นกันนะคะ เดี๋ยวบางทีจะมีพาร์ทต้นธามออกมาด้วยถ้ามีใครอินแบบเค้าอะนะ

ส่วนคนที่กลัวว่าเรื่องนี้จะดราม่า ขอบอกมันจะดราม่าแค่ช่วงพีคของเรื่องค่ะ แต่ก็เสียน้ำตาพอควร ฟังจากนักอ่านเขาบอกมา
 o13 o13   

 

 
หัวข้อ: Re: **(02.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 12 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 02-11-2014 22:30:00
Ncกำลังจะมา !!!!!!!!
หัวข้อ: Re: **(02.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 11 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-11-2014 00:00:44
 :z2:  แต่ก็ไม่ชอบ  นางยอมง่ายไป
หัวข้อ: Re: **(02.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 11 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 03-11-2014 00:44:18
3P  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **(02.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 11 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 03-11-2014 00:54:29
ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้งมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: **(02.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 11 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-11-2014 02:50:17
ใครจะดีจะเลวยังไงช่างเถอะ รู้แค่ว่าฉันรักฉันหลงน้องภีมคนเดียว
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 12 Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 03-11-2014 19:30:02

ตอนที่ 12

Part 1

 

เสียงนักพากย์ภาษาอังกฤษประกอบกับเสียงเครื่องรถที่ถูกบิดดังแข่งกันเรียกให้ผมหงุดหงิด มือผมยกผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดหัวที่เปียกหลังจากอาบน้ำและโกรธที่มันทิ้งมะเขกขอบคุณผมเมื่อกี้ มองออกไปเห็นมันนอนบนโซฟาดูรายการแข่งรถมอเตอร์ไซต์ ผมเห็นหน้ามันดูสนอกสนใจจนไม่ได้ยินเสียงผมเปิดประตูออกมาอย่างนี้

 

มันสนใจมากจนผมอดที่จะยิ้มไปกับมันไม่ได้ว่าจะละทิ้งสิ่งที่ตัวเองรักไปได้นานเท่าไร ผมเดินอ้อมไปเกาะโซฟามองมันที่มองไปยังรถที่บิดเต็มความเร็ว สองคันเบียดกันสูสีกันไปมาพร้อมกับเสียงพากย์สุดมันของนักพากย์ที่ชวนลุ้น

 

“โค้งสุดท้ายไม่เนียนมึงแพ้แล้วไอ้สัส กูอุตส่าห์เชียร์มาตกม้าตายซะงั้น” มันบ่นพลางยกมือกดรีโมทปิดทีวีก่อนจะเงยมามองผมที่ยืนยิ้มมองมันอยู่ก่อนแล้ว

 

“อะไรมึง?” มันว่า ผมยักไหล่

 

“เปล่า ดูเหมือนมึงจะชอบรถนะว่ามะ?” ผมว่าพลางมองหน้ามัน

 

“กูไม่ได้ชอบ ดูฆ่าเวลารอมึงน่ะแหละ”

 

รอกู ผมเลิกคิ้วมองมันแสดงถึงความสงสัยในเรื่องที่มันว่า “จะมารอกูทำไม?”

 

“มาต่อเรื่องเมื่อคืนให้จบ”

 

เรื่องเมื่อคืน

 

อ๋อ…

 

เรื่องที่กูกับมึงช่วยกันเล่นว่าวน่ะเหรอ ผมพยักหน้ารับเข้าใจในสิ่งที่มันสื่อก่อนจะชะงักหันไปมองหน้ามันอีกทีด้วยความงงว่ามึงรู้ได้ไง มันมองมายังผมพร้อมกับขมวดคิ้วตัวเองแทบจะรวมเป็นเส้นเดียวกัน

 

อะ เอ่อ… ทำไงดีวะ เชี่ยแม่งเดาใจไม่ออกจริงๆ

 

“มึง มึงเอาอะไรมาพูด กูไม่รู้เรื่อง!” ใช่ กูไม่รู้เรื่องมาก ดูจากเหงื่อที่ซึมออกมาจากหน้ากูสิ กูใสสุดๆ คือไม่เห็นจะรู้เรื่องซักนิด!

 

“แต่หลักฐานกูเต็มคอมึงเลยนะภีม”

 

หา หลักฐาน?

 

ผมยกมือกุมคอตัวเอง ชิบหายล่ะ! คอเสื้อชุดนอนแม่งกว้าง

 

“อะ ยะ…ยุงกัด”

 

“ยุงที่ไหน ยุงชื่อไอ้ปอใช่ไหม! กูนี่แหละกัด มึงคิดว่าจะหลอกกูได้เหรอภีม กูนึกออกแล้ว จำได้แล้วทุกอย่าง ทุกตอน ทุกสำเนียงตอนที่มึงครางเลยแหละ”

 

เชี่ยปอ!

 

ผมอ้าปากค้างมองมันที่ว่า ยกมือกุมหน้าด้วยตัวเองความอับอายประกอบกับมือมันเอื้อมมาดึงผมหน้าทิ่มลงมาหามัน นี่มึงไม่กลัวคอกูหักเลยใช่ไหมปอ นี่มันพนักพิงโซฟาสูงถึงเอวกูเลยนะเว่ยไอ้นี่ ผมผลักมันออกทั้งขยับตัวนั่งบนโซฟาดีๆ ก้มหน้า อายชิบ!

 

“ทำไมมึงยอมตอนกูเมาวะภีม ตอนกูขอมึงดีๆ ทำไมมึงไม่ยอม?” มันว่าเสียงเบา ผมรู้สึกถึงลมที่รดใบหู ผมไม่รู้จะตอบมันว่ายังไงดี

 

“ตอบกูมาซิภีม กูถามมึงดีๆ ไม่ได้หาเรื่องนะ”

 

เสียงมันไม่ได้โมโหโวยวาย พูดแบบคนใจเย็นแต่เหงื่อผมซึมเต็มตัวเลย “กูไม่ได้ตั้งใจจะยอมซักหน่อย”

 

“บอกมาว่าทำไม ตอบให้ตรงคำถาม”

 

ไอ้ปอ จะให้กูตอบยังไงวะ คิ้วผมคงขมวดแน่นกันแน่ มันถอนใจแล้วละไปมองด้านอื่นเมื่อได้เห็นสีหน้าของผมตอนนี้ ผมลอบกลืนน้ำลาย เพิ่งอาบน้ำเสร็จทำไมมันรู้สึกหงุดหงิดจังวะ

 

หน้ามันตอนนี้โคตรจะเสียเซลฟ์สุดๆ กับสิ่งที่ผมทำลงไป

 

แล้วเป็นไง กูแคร์มึง เห็นมึงเป็นแบบนี้ก็ใจไม่ดีไงล่ะ!

 

กูรักมึง กูสงสารมึง แต่กูอยากให้มึงเห็นค่าในตัวกูกว่านี้ไม่ใช่ตัวระบายความใคร่เหมือนตอนทำกับไอ้ต้น ผมอยากกอดมัน อยากโอ๋มันตอนนี้เหลือเกิน โคตรจะสับสนเลย ไม่เป็นผมไม่มีใครรู้หรอกว่ามันเจ็บขนาดไหนที่ต้องต่อสู้กับใจตัวเอง มันเหนื่อย

 

นี่คงเป็นสาเหตุที่มันทำหน้าหงิกๆ แบบนี้สินะ

 

มือเรียวยาวของผมเอื้อมไปแตะบนหัวของมันพร้อมกับมันที่มองมาผมด้วยแววตาฉงน ผมชะงักมือตัวเองเมื่อสายตามันมีแต่เครื่องหมายคำถามมองมา ยอมรับเลยว่าตัวผมอ่อนใจกับมันมากเพราะความรัก

 

 แต่พอเจอเรื่องที่มันก่อไว้หลายอย่างก็ต้องทำใจให้แข็งไว้ ผมรู้ดีว่ามันแปลกที่ผมไม่โกรธมันเรื่องไอ้ต้น นั่นเป็นเพราะผมยังคบกับมันได้ไม่กี่วันและตอนนั้นผมก็ยังไม่ได้รักมัน ยังไม่รู้ใจตัวเอง อีกอย่างตอนนั้นปอมันไม่ได้เป็นคนแบบนี้ ไม่ได้เชื่อฟังผมแบบนี้ มันหัวรั้นและขี้โมโหต่างจากตอนนี้จะตาย

 

หรือมันกำลังจะเปลี่ยน

 

ผมไม่อาจโกรธมันได้ สิ่งที่ทำได้คือรู้สึกผิดแทนปอต่อไอ้ต้น ทำได้แค่หึงเท่านั้นเพราะตัวผมเองก็ไม่มีสิทธิ์ถึงขนาดขนาดจะครอบครองมันไว้ตลอดไป ลืมไปแล้วหรือไงว่าผมน่ะยื่นข้อเสนอให้มันว่ายังไง จะยอมคบกับมัน ยอมนอนกับมันภายในหนึ่งเดือน

 

สิทธิ์ของผมในตัวมันไม่มีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมต้องยอมรับในข้อนี้

 

แต่ก่อนที่จะเสียตัวให้มัน ผมต้องทำทุกอย่างที่จะต้องเอาชนะใจมันให้ได้ กูต้องเปลี่ยนมึงให้ได้ก่อนปอ เพื่อที่สิทธิ์ของกูในตัวมึงจะเพิ่มขึ้น และเป็นเจ้าของมึงจริงๆ

 

และถ้ากูได้เป็นเจ้าของมึงแล้ว ถ้ามึงยังทำนิสัยแบบเดิมกับกูอีก

 

นั่นแหละจะถึงเวลาของกู มึงได้จะรับรู้รสชาติความเจ็บปวดว่าเป็นไง

 

มันทิ้งหัวลงนอนบนตักผมไม่บอกไม่กล่าว ไม่พูดอะไรต่อ มือขยับมากุมประสานกับนิ้วของผมหลวมๆ พร้อมทั้งแหงนมามอง

 

“มึงเข้าใจทั้งหมดแล้ว เลิกหึงกูกับไอ้ต้นรึยัง?”

 

ผมก้มลงมองมัน ขมวดคิ้วอารมณ์เสียกับความคิดมันด้วย มันรู้ทันผมไปหมดทุกอย่าง “กูไม่เคยหึง”

 

“กูไม่เชื่อมึงหรอกภีม วันนั้นมาซัดกูใหญ่” มันว่า มือดึงมือที่ประสานกับผมจะจูบ ผมชักมือตัวเองกลับมาทันทีไม่ให้มันแม่งฉวยโอกาส

 

“กูแค่โมโหกับความเอาไม่เลือกของมึง เข้าใจไหมว่ากูขยะแขยงหาไอ้ปอ”

 

ดึงเรื่องไอ้ต้นมาให้กูคิดมากอีกละ

 

“ขยะแขยงแล้วเมื่อคืนมึงยอมกูทำไม”

 

“ก็แค่ใช้มือแหละน่า” ผมว่า ความร้อนแล่นเข้าใบหน้ามาเฉยๆ

 

“มึงบอกมาเหอะว่ามึงก็อยากแต่ทำเป็นเล่นตัว”

 

“มึงเลิกทำนิสัยหยาบคายกับกูให้ได้ก่อนสิ” ผมตอบพลางกำเส้นผมมันแน่น มันหยีหน้าร้อง

 

“กูเจ็บ!”

 

แต่มันไม่ทำผมคืน ไม่สู้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงไม่ยอมผมแบบนี้ ผมคลายมือออกผ่อนปรนอารมณ์ตัวเองบอกมันไปด้วย “ลุกออกไปเดี๋ยวนี้เลย”

 

“ไม่”

 

เมื่อตอบมาแบบนี้ ผมออกกำลังผลักหัวผลักไหล่ให้มันลุกออกจากตัก ร่างของมันลุกขึ้นนั่งแล้วหันมารั้งเอวผมเข้าหา โอย ไอ้นี่มันมือปลาหมึกรึไงวะ ผมเบี่ยงตัวหลบมือมันยกตัวขึ้นไปนั่งบนตัก ท่าล่อแหลมนี่อีกแล้ว เพียงแต่มันไม่ได้ทำต่อหน้าเพื่อนและไม่ได้กำลังเมา ตอนนี้เวลานี้อยู่กันสองต่อสอง ผมมุ่นคิ้วก้มลงมองหน้ามันอย่างขัดใจ และมันรับรู้ แทนที่จะคลายแขนที่กอดเอวแน่นแม่งกระชับเข้าหามากขึ้นกว่าเดิมจนรู้สึกอึดอัด

 

ถ้าสิงร่างกูได้คงสิงละ

 

“อยู่เฉยๆ”

 

ใครเชื่อก็บ้าละไอ้นี่

 

หน้าก็หื่น ร่างผมรู้สึกถึงขนที่ลุกไปทั่วเมื่อมันงับมายังยอดหน้าอกผ่านเสื้อนอนของผม ดวงตามองตามร่องรอยที่มันทำเองเมื่อคืนด้วยความภาคภูมิใจตัวเองนัก เคลื่อนใบหน้าก้มมาฝังปากจูบประทับบนรอยนั้นดังจุ๊บๆ อยู่หลายจุ๊บ

 

สยิวแฮะ ผมวางมือบนบ่ามันพลางเคลื่อนไปกุมที่คอของมัน ผมมันตกมาระต้นคอ เส้นตรง สวยว่ะ

 

แล้วนี่กูมาหลงใหลอะไรกับผมมันวะ สนใจไอ้ปอนี่ มันจะกินมึงไปทั้งตัวแล้วไอ้ภีม ไอ้โง่ อยู่ใกล้มันแล้วแม่งติดเชื้อหื่นมา วันนี้ทั้งวันแม่งภาพไอ้ปอนั่งเสียวช่วยตัวเองลอยมาในหัวแทบไม่เป็นอันเรียน นี่กูคงจะเข้าขั้นโคม่าแล้วแน่ๆ กูจะไปหาทางเลิกนิสัยนี่อยู่ไหนดีวะ

 

ถ้ำกระบอกนี่จะรับกูไหม

 

เดี๋ยวๆ เข้าเรื่องแปป

 

“ปอ…” ผมเคลื่อนมือไปเขย่าไหล่มัน

 

“อืม…”

 

“ถ้ากูบอกว่าอย่านี่จะโกรธไหม”

 

มันละปากออกจากลำคอของผมมามองตา มุ่นคิ้วตัวเองพร้อมกับตอบว่า “กูฟังมาตลอดแล้วภีม”

 

“มึงสัญญากับกูแล้วตอนอยู่ที่เกาะว่าจะไม่บังคับกูจำได้ไหม เมื่อคืนมึงพูดเข้าใจง่ายๆ ไม่ได้คอยบังคับแล้วก็ไม่สนคำขอร้องกูแบบนี้”

 

มันเงยหน้ามามองผมพร้อมกับยกมือกุมหน้าตัวเอง ตัวมันสั่นเหมือนโกรธมากแต่ไม่ว่าอะไรเลยนอกจากทิ้งหัวลงแหมะบนหน้าอกผมราวกับอ่อนแรง คงได้ยินเสียงหัวใจผมเต้นระรัว ผมกลัวมันไม่ฟังคำขอหรือสิ่งที่ผมบอก

 

แต่มันก็ยอมหยุด เชื่อฟังผม

 

ผมยกมือกอดมันไว้ทั้งตัวราวกำลังปลอบใจเด็กน้อยที่กำลังตกอยู่ในฝันร้าย ใบหน้าเรียวยาวของมันซุกอยู่ในอกรับนิ้วมือเรียวๆ ของผมที่ลุบหัวมันเบาๆ ชีวิตมึงขาดอะไรไปปอถึงทำให้มึงต้องการความรักขนาดนี้

 

กูไม่เข้าใจมึงเลย

 

 

 

“เป็นอะไรวะ ทำไมหน้าหงิกอีกแล้ว”

 

ผมชะงักพลางหันหลังไปมองตามเสียง ไอ้กรีนเดินมาทรุดตัวนั่งบนโต๊ะข้างๆ ก็เพราะไอ้ปอนั่นแหละ ก็เมื่อคืนมันอะแทนที่จะโกรธ จะโมโหจะโวยวายอะไรสักอย่างกับผมที่ไม่ยอมมัน มันกลับอาการแปลกๆ และเชื่อฟังผมง่ายๆ ผิดสันดานของมันที่อยากเอาชนะผมนัก แล้วก็ผมก็ต้องมานั่งคิดมากแบบนี้ไงเล่า!

 

“เปล่าหรอกกรีน แล้วนายไปไหนมาอะ” ผมว่า

 

“ไปเข้าชมรมมา นี่อย่าบอกนะว่านายโดด?” มันชี้หน้า ผมยิ้มพยักหน้ารับ

 

“ก็มันน่าเบื่อนี่หว่า”

 

“เอ้อ เราเห็นแฟนภีมแขนหัก ไปโดนอะไรมา?” ทำไมชั่วโมงนี้มีแต่ชื่อไอ้ปอเต็มหัวผมไปหมดนะ

 

“รถมอเตอร์ไชต์ล้มน่ะ”

 

“อ๋อ…” มันพยักหน้ารับก่อนจะหันมายิ้มๆ ว่า “ภีมสนิทกับเขามากไหม ตอนที่เจอกันครั้งแรกเห็นทะเลาะแล้วก็เข้ากันแทบจะไม่ได้นะ”

 

“อ๋อ สบายมากกรีนไม่ต้องห่วง ปอมันเอาเข้าจริงเก่งแต่ปากอะ ที่สำคัญของมันเท่านี่…” ว่าแล้วผมก็ยกนิ้วก้อยให้นินทาไอ้ปอไปด้วย รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าไอ้กรีนทันที

 

“ภีมยอมเขาเหรอ?” มันว่าฝ่าเสียงเราะเอาซะผมอ้าปากค้างกับคำถาม จะตรงไปตรงมาไปไหนวะ

 

“เอ่อ คือ…” จะตอบยังไงดีวะ ไอ้ผมก็ยิ้มแห้งๆ “ใครบอกว่าเรายอมมัน นี่กรีนยังไม่รู้ใช่ไหมว่าตัวมันควายๆ หน้าแมนๆ แบบนั้นที่จริงมันน่ะรับนะจะบอกให้ ลับหลังคนอื่นนี่อื้อหืม…สาวแตกมาก ทีแรกเราก็ยังรับไม่ได้หรอกเพราะหน้ามัน…”

 

“ภีม!”

 

ชะอุ่ย!

 

นินทาซะเพลิน ลืมไปว่ากูนั่งรอมันอยู่นี่หว่า ผมหันไปยิ้มไม่รู้เรื่องให้คนที่ตัวเองกล่าวถึงซึ่งสวมชุดช็อปอันโสโครกเปื้อนน้ำมันเครื่องเดินออกมาจากห้องช็อป แขนเป็นแบบนี้ยังจะมาเรื่องมากให้ผมพามาอีก จะไปช่วยเขาลุยงานอะไรได้วะ

 

แล้วแม่ง ได้ยินกูนินทาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้

 

มันเดินออกมาหน้านี่เหี้ยมอย่างกับโจรพร้อมเอาสันหนังสือทิ้งลงบนหัว ย้ำว่าสันหนังสือนะครับไม่ใช่ธรรมดา มันแข็งนะเว้ย! ผมหยีหน้ารับพร้อมกับยกมือลูบป้อยๆ ด้วยความเจ็บ

 

“สัสปอ!” ว่าแล้วเงยส่งค้อนไปให้มัน

 

“นินทาอะไรกูได้ยิน มึงอย่าๆ” มันว่าพลางชี้หน้า ผมกลืนน้ำลายตัวเองก้มหน้าลูบหัวโนๆ ไปพร้อมรอยยิ้มไอ้กรีนไปด้วย เออว่ะสองคนนี้มันไม่รู้จักกัน

 

“เพื่อนกู ชื่อกรีน” ผมชี้ไปทางไอ้กรีน ไอ้กรีนมันเงยไปมองก่อนจะยิ้มยกมือไหว้ อยากบอกว่าไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองอะไรกับไอ้นี่มากหรอก เดี๋ยวสักพักตบหัวกันเล่นกระจาย เห็นไหมผมยังไม่นับถือมันเลย แต่ถ้าไม่ทำตามก็ดีนะ

 

“กูผัวมัน ไม่ต้องเรียกชื่อก็ได้ เรียกว่าผัวไอ้ภีมก็จบละ”

 

หืม มึงจะเกทับอะไรหัดเห็นใจกูบ้าง ผมเหล่ตาแสดงถึงความไม่พอใจให้มันเห็น มันรู้สึกสำนึกผิดเป็นอย่างมากที่ทำกับผมแบบนี้ จึงแสดงความรับผิดชอบด้วยการกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกผิดในตัวเองว่า “ผัวรักผัวหลงมันเลยล่ะ”

 

ผมสูดลมหายใจไล่ความอายตัวเองออกก่อนที่จะไม่เหลือยางอาย ผมว่าผมควรจะกลับบ้านพร้อมกับมันดีกว่าก่อนที่จะขายขี้หน้าไปกว่านี้ คิดได้แล้วนั้น ไอ้ผมก็ลุกขึ้นยืนหันไปลาไอ้กรีนทันที

 

“ไปก่อนนะ ไปเอาตะกร้อมาครอบปากมันก่อน”

 

“ไอ้ภีม!” ไอ้ปอมันว่าแทรกพร้อมกับผมที่หลุดหัวเราะ กรีนทันพยักหน้ารับพร้อมกับโบกมือลาไปด้วย

 

“ไว้เจอกัน”

 

“เออ ไว้เจอกัน” ผมว่าพลางเดินนำ ไม่รอไอ้ปอที่สาวเท้าตามมายังรถของโรงแรมที่ยังจอดรออยู่ หน้าไอ้ปอมันหงิกบ่งบอกอารมณ์ที่เสีย เสียงโทรศัพท์ของมันดังขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่โทรมา ทำไมมันยิ้มเหมือนไม่เคยยิ้มมาก่อนแบบนี้

 

“แม่…”

 

แม่เหรอ ผมมาอยู่กับมันนานเท่าไหนแล้วนะแต่เห็นแค่พ่อของมันโทร.มา ไม่เคยเห็นมันได้คุยกับแม่เลยสักครั้ง

 

“กำลังจะกลับครับ ทำไมแม่ถึงโทรมาได้ล่ะ?” ปอมันยิ้มตลอดเวลาที่คุยกับแม่ มันละสายตามามองผมก่อนจะชี้ให้ขึ้นรถ ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งเงียบฟังที่มันคุย อย่าหาว่าเสือกนะ ก็เสือกจริงๆ นั่นแหละ

 

“อ่า ผมเห็นแล้ว มันแพ้ใช่ไหม?”

 

มันว่า อะไรแพ้ๆ

 

“มันอ่อนซ้อมรึไง มัวแต่มั่วผู้หญิงไม่ยอมซ้อมล่ะสิ” ปอมันหลุดยิ้ม “อะ ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้แขนหักอยู่”

 

มันว่า ทำไมตอนอยู่กับแม่เป็นเด็กดีจัง อยู่กับกูแม่งใช้แต่อำนาจบาทใหญ่

 

“รถล้ม…เปล่าไม่ได้ล้มในสนามแข่ง ผมไม่ได้แข่งนานแล้ว” ปอมันละรอยยิ้ม “บอกไอ้เปรมด้วยนะว่ามันอ่อนมาก แข่งสนามใหญ่ทั้งทีได้แค่รองแชมป์”

 

“พ่อเหรอ…” มันลากเสียงแล้วละรอยยิ้มลง “ก็เหมือนเดิม คงสบายดีมั้ง”

 

มันละหันมามองผมแล้วโน้มหน้ามาจูบแก้มแบบกะทันหัน ผมหันขวับไปผลักหน้ามันแล้วต่อว่าด้วยความหงุดหงิดที่แม่งไม่อายคนขับรถ “ไอ้ปอ ไอ้นี่!”

 

ผมทำท่าจะตีมันปรามไปด้วย ลามปามนักไอ้นี่ แต่มันหลุดยิ้ม “อ้อ เสียงลูกแมวติดสัดน่ะ”

 

หืม มึงเห็นกูเป็นแบบนั้นเหรอ ผมหยิกแขนมันด้วยความหมั่นไส้ มันสะดุ้งหันหน้ามาคาดโทษทว่ากลับละไปสนใจคนอยู่ปลายสาย

 

“อะไรนะแม่ เดี๋ยวสิ แม่จะบินมาไหมเทอมนี้” มันรีบว่าก่อนจะยิ้มกว้าง  เอาแขนที่ว่าหักมากอดผมแน่น “จริงเหรอ ผมจะรอนะ ห้ามลืมสัญญานะรู้ไหมอย่าให้ไอ้เปรมมาคนเดียว”

 

เปรม พี่ หรือน้อง ผมนิ่งคิดตามมันที่วางสายแล้วกอดผมนิ่งด้วยรอยยิ้มที่มันดูจะมีความสุขเอาเสียมาก ผมซุกหน้าลงบนไหล่ของมันนิ่ง เออ มึงดีใจขนาดนี้เลยเหรอ

 

คิดแล้ว อยากรู้จริงว่าระหว่างมันกับพ่อเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ปอมันวางสายและยิ้มอย่างอารมณ์ดี หันมามองผมที่ยังนั่งพิงไหล่ของมันมองออกนอกรถไป มือมันข้างไม่หักขยับมาจับผม จับแก้ม จับคางเชยให้หันไปมองมันตอนนี้

 

“แม่โทรมาเหรอ?” อดที่จะเสือกไม่ได้

 

“อืม”

 

“มึงมีพี่น้องด้วยเหรอ?” ผมว่าอีก มันเลิกคิ้วตัวเองมองตามผมก่อนจะโน้มหน้ามาใกล้ จะหาเรื่องจูบอีกละ ผมขยับตัวหนีเองและหลบมันไปด้วยเพราะอายคนขับรถ

 

“พี่ชายกูเป็นสิงห์บิดน่ะ” มันว่า แล้วมึงจะเขยิบตามกูมาทำไมเนี่ย

 

“พี่มึงท่าจะเท่นะ”

 

มันละมาจ้องตา ทำหน้าเข้มแล้วกระชากเอวเข้าไปหา นี่มาอารมณ์ไหนอีกวะเนี่ย ผมดันไหล่มันออกพร้อมเบี่ยงหน้าหลบมันไปด้วย นี่อย่าบอกนะว่าโกรธที่กูแค่ชมพี่ชายมันนิดเดียวเอง

 

“กูเท่กว่าเยอะ” เสียงมันว่าข้างหู กลีบปากร้อนๆ งับติ่งหูเบาๆ แต่ผมนี่สะดุ้งเลย มาทำต่อหน้าคนอื่นได้ไงวะ

 

“อย่าปอ…” ผมผลักมันออก ก้มหน้าก้มตาสงบเสงี่ยมขึ้นมาทันทีทันใด “ก็มึงไม่ได้เป็นนักแข่งเหมือนพี่มึงนี่หว่า ไม่ได้สวมชุดเท่ๆ ใส่แต่ไอ้ช็อปเหม็นๆ น้ำมันเนี่ย”

 

“กูก็มีหรอก ทำไมไม่บอกว่าอยากเห็นละเดี๋ยวกูไปรื้อมาใส่ให้มึงดูก็ได้ กูไม่ชอบเลยนะที่มึงชมมันแบบนั้นน่ะภีม”

 

“อะ กูยอมแล้วๆ” ผมว่าเสียงเบาไม่อยากเถียงต่อ อายคนขับรถ แม่งเห็นตามันละมาจ้องในกระจกหลายครั้งแล้วเนี่ย

 

“ยอมอะไร ยอมตามใจกูเหรอ?” มันว่า ผมกลืนน้ำลายขยับหน้าเข้าไปว่าเสียงเบาเป็นกระซิบ

 

“อายเขา”

 

“อายทำไม ไม่เห็นมีใครเลย?”

 

ที่ขับรถให้มึงนั่งน่ะหมารึไงวะ



ต่อพาทสองจ้า
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 12 Part 2
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 03-11-2014 19:32:25

ตอนที่ 12

Part 2

ผมถอนใจยกมือกุมหน้ากับความหน้าด้านของมันที่ไม่รู้จะแก้ยังไงดี พร้อมกันกับมันที่ขยับตัวเองมาจะออดจะอ้อนอีกครั้ง จมูกมันเคลียคลอกับต้นคอผมไม่ห่างก่อนจะผละไปมองคนขับรถ เออ มึงเห็นแล้วว่าถูกมองก็ควรจะหยุดได้แล้ว

 

“มึงขับรถไป แล้วก็ไปบอกพ่อด้วยว่าถึงจะตามดูกูยังไงก็ไม่สน!”

 

ผมชะงักดึงหน้ามันมาจ้องตา “มึงไปพูดแบบนั้นกับพี่เขาทำไม?”

 

“เงียบ!” มันชี้หน้าว่าเสียงเข้ม ดวงตาจ้องผมไม่ละแล้วหันไปพูดอีกทีว่า

 

“อย่ามาเสือกเรื่องของกูให้มันมากนัก ไม่งั้นมึงกับพ่อไม่อยู่สุขแน่ไอ้เศษขยะ!”

 

“ปอ…” ผมยกมือกุมปากมัน ทำไมแม่งปากหมาจังวะไอ้นี่ หุบปากไว้เลย แต่มันแม่งสะบัดมือผมออกไปว่ากับคนขับรถต่อ

 

“กูบอกว่ากูเอาจริง ถ้ากูรู้ว่ามึงเอาความเคลื่อนไหวไปบอกพ่อแล้วพ่อโทรมาหากูอีก กูจะตามไปจัดการแม่มึง น้องมึง…”

 

“ปอ หยุด!” อะไรของมัน จะโมโหอะไรนักหนากับแค่คนขับรถมอง

 

“มึงนั่นแหละหยุดภีม กูจะเคลียร์กับไอ้นี่ให้แม่งเข้าใจว่าแม่งอย่าเสือก ถ้ากูเสือกมึงบ้างแล้วมึงจะไม่ได้อยู่ดีแน่”

 

“พอแล้ว”

 

“กูต้องจัดการให้มันรู้แล้วว่ามันกับกูน่ะสถานะแม่ง…”

 

ฮึ่บ

 

มันชะงักพูดไม่ได้ จะพูดได้ยังยังล่ะก็ผมเอาตัวเองเข้าแลกกับความปากหมาน่ารำคาญของมันแบบนี้ มันนิ่งและตอบรับแทบจะทันทีที่ผมพุ่งเข้าไปประกบปากจูบมัน มือข้างที่ใช้ได้กอดเอวผมตอบและเบี่ยงหน้าให้ได้องศา บดขยี้ปากของผมแลกความหวาน ไล่ลิ้นวนและพัวพันกับลิ้นของผมไม่ยอมหยุด ผมหอบหายใจ ผละปากออกขณะที่ลิ้นยังพันรัวนัวเนียกันอยู่มาสูดลมหายใจ เสียงปากมันดูดเฟ้นกลีบปากล่างของผมด้วยความกระหาย เร่าร้อนและอ่อนโยนในคราเดียวกัน

 

ผมถอนใจหลังจากเราผละออกจากกัน หลบตาของมันที่จ้องมอง จะขยับหน้ามาจูบอีกครั้งทว่าผมเบี่ยงหนี ปากมันจรดลงแก้มและเคลื่อนมาใบหูแทน ตัวเคลื่อนเมื่อรถเบรก เข้าโค้ง ร่างผมไม่เสียหลักเลยเพราะปอมันกอดผมไว้แน่นและกอดหอมไม่ยอมละ ทั้งที่วันนี้แดดก็ร้อน เหงื่อก็ไหล ตัวมีแต่เกลือเต็มไปหมด

 

ปากปอมันร้อน ฝังลงบนคอ ผมไม่อาจขัดขืนมันได้อีกเพราะเมื่อวานทำท่าทางตอบสนองผมอย่างที่ไม่เคยเป็น ไม่โกรธที่ถูกผมปฏิเสธซึ่งทำให้ผมคิดมากทันที มือผมแตะบนบ่ามันเบาๆ เคลื่อนไปต้นคอ แตะเรือนผมสีดำของมันที่กำลังบรรจงฝังรอยไว้บนลำคอ นี่จะมาทำอะไรตอนนี้วะเนี่ย

 

แทนที่จะตอบรับ กูควรขัดขืนบ้างให้รู้ว่ากูไม่ง่ายหน่อยสิ ผมบิดตัวหนีเมื่อมันเคลื่อนมือมาล้วงกางเกง อันนี้คือไม่ได้แล้ว!

 

“ปอ หยุด” ผมว่า มันชะงักจูบ ขยับใบหน้าที่กำลังซุกอยู่แถวๆ ลำคอออกมาจ้องตา ผมเม้มปากตัวเองพยายามเก็บกลั้นความอาย “กูบอกว่า พอแค่นี้…”

 

มันนิ่งจ้องตา ไม่ขยับตัวทำอะไรต่อ

 

ผมเห็นมันถอนใจแล้วละออกไปเฉยๆ มองรถเคลื่อนเข้าโรงแรมแล้วก็รู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด การเดินทางกลับมาที่นี่วันนี้มันช่างยาวนาน กูล่ะลุ้นว่ามันจะถึงไหมเพราะความปากหมาขอไอ้ปอ เราเดินลงจากรถพร้อมกันนั้นผมก็เพิ่งได้สังเกตว่าคนขับรถนั้นสวมชุดพนักงานโรงแรมมารับ ไม่ใช่คนขับรถ ไม่แก่เลยด้วย เขามองตามเรานิ่งและรู้ว่ากำลังถูกผมมองอยู่

 

เออ มันน่าสงสัยว่ะ

 

 

 

อีกไม่กี่วันก็จะครบเดือนแล้วสินะ

 

ในใจมันโหวงๆ แฮะ

 

ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งกับเรื่องของพี่ธามมากนัก รู้แต่ว่าไอ้ต้นมันรักพี่ธามมากแต่ก็ยังคงความเอาแต่ใจอย่างลูกคุณหนูเหมือนเดิมไม่ยอมไปง้อ อันที่จริงมันก็โดนเสียเจ็บตัวขนาดนั้นก็คงต้องมีตั้งหลักกันบ้าง หลายวันแล้วที่มันเลิกกันและไม่ยอมกลับเข้าไปเคลียร์กันให้เข้าใจ ผมสงสารทั้งสองฝ่ายและสงสารตัวเองด้วย ก็ผมขอไอ้ปอกลับบ้านและมันก็ไม่ยอมปล่อยออกมาน่ะสิ ตั้งใจจะขังไว้ให้อยู่ในสายตามัน

 

พ่อแม่ผมกลับมาทั้งทีก็อยากเห็นหน้าบ้าง กลัวลืม

 

แล้วไหงมันจะต้องเสนอหน้าตามมาถึงที่บ้าน มานั่งทำหน้าตาไม่รู้ร้อนรู้หนาวต่อหน้าพ่อกับแม่ผมแบบนี้ด้วยวะเนี่ย ผมล่ะหงุดหงิดจริงๆ

 

“ปอเรียนที่เดียวกับน้องเหรอจ้ะ?” เสียงแม่สอบถามมัน ผมนั่งแอบเงี่ยหูฟังอยู่ห่างๆ แม่งถ้าไปนั่งฟังจริงๆ เดี๋ยวไอ้ปอมันสร้างภาพ

 

“ครับ เป็นรุ่นพี่มัน แล้วก็เป็น…”

 

เชี่ย! ผมหันไปมองหน้ามันที่กำลังยกยิ้มเหนือกว่ามาให้

 

“เป็นคนดูแลมัน เวลามันไปนอนค้างกับผมน่ะครับ”

 

“อ้อ ปอนี่เองที่ให้น้องไปนอนที่บ้านด้วย แม่ขอบใจมากนะจ้ะช่วยได้มากเลย ความจริงอยากจะย้ายให้ไปอยู่เสียที่โน่นแต่ภีมเขาไม่ยอมเพราะยังไงก็ต้องบินกลับมาอยู่ที่นี่อยู่ดี แต่พวกเราใช้เวลากับงานที่โน่นมากกว่าแล้วก็อยากให้น้องอยู่ในสายตาด้วย”

 

ปอมันละยิ้มนิ่งเมื่อได้ยินแม่ว่า “ไม่เป็นไรนะครับ ผมจะดูแลมันเอง”

 

“มีปอแม่ก็หายห่วงจ้ะ ฝากน้องด้วยนะ เอาแต่ใจบ้างก็อย่าโกรธล่ะ”

 

อะไรวะ ผมตีหน้าบึ้งหันมาสนใจทีวีต่อหน้าเมื่อได้ยินเสียงไอ้ปอหัวเราะ

 

“แล้วเราเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันล่ะ?” เสียงพ่อถามขึ้น ปอมันชะงักเสียงหัวเราะมองหน้าเข้มๆ ของพ่อ พ่อกูมีปืนด้วยนะมึง ข่มขืนกูเมื่อไหร่กูให้พ่อมายิงมึงแน่

 

กูโหดนะเว่ย

 

“พ่อผม ทำธุรกิจเกี่ยวกับการโรงแรม ส่วนแม่ก็ เป็นเจ้าของร้านอาหารที่เมืองนอกน่ะครับ”

 

“อ้อ พ่อแม่แยกทางกันนี่เอง”

 

“คุณคะ เสียมารยาท”

 

“โทษทีๆ ว่าแต่เด็กโรงเรียนนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องความร่ำรวยอยู่แล้วนี่นะ พวกเราก็ต้องขยันมากขึ้นหน่อยจะได้เติบโตให้ไวกว่านี้”

 

อีกแล้ว พ่อคิดแต่แบบนี้

 

“ว่าแต่ พ่อเราน่ะ พอจะมีเงินให้กู้มาลงทุนไหมนะ…”

 

“คุณคะ พูดอะไรแบบนั้น”

 

“ก็มันจริงนี่คุณ ดูสิท่าทางทางบ้านเขาน่ะคงจะรวยไม่เบา แค่เห็นรถที่ขับมาส่งก็รู้แล้ว ว่างๆ พาพ่อแวะมาทานข้าวที่บ้านทำความรู้จักกันด้วยก็ได้นะปอ” พ่อว่าพลางยกยิ้ม

 

“ถ้าพ่อว่างเดี๋ยวผมชวนมาน่ะครับ” ปอมันตอบแล้วละรอยยิ้มลงมามองผมที่ยิ้มไม่ออกเช่นเดียวกัน ผมรู้สึกขายขี้หน้า

 

“เราก็เหมือนกันนะภีม ไปอยู่ที่โน่นทำตัวให้พ่อปอเขาเอ็นดูด้วยล่ะรู้ไหม?”

 

ผมอึกอักมองพ่อที่ว่ามา ทำไมถึงคิดแบบนี้วะ “ทำความสนิทสนมกันไว้ คราวหน้าลำบากอะไรพ่อปออาจจะช่วยได้นะ คิดไม่ผิดที่อุตส่าห์ดั้นด้นส่งไปเรียนโรงเรียนนี้จริงๆ”

 

“คุณค่ะ เมาแล้วก็พอเถอะค่ะ”

 

หน้าผมแม่งชา

 

ผมพาร่างตัวเองเดินขึ้นไปชั้นบน เปิดประตูห้องนอนที่ปิดไฟสนิท ความร้อนแล่นมาทาบอยู่กลางหลังเมื่อปิดประตูลง ดวงตาก้มมองมือที่เกาะกุมกันบนท้องของตัวเองแล้วก็อดที่จะเงยขึ้นไปสบตากับมันไม่ได้ ผมถอนใจ อายไอ้ปอว่ะที่เห็นสภาพครอบครัวตัวเองเป็นแบบนี้

 

มันกอดผมนิ่งหลังจากเดินตามขึ้นมาเงียบๆ ด้วยท่าทางปกติทุกอย่าง

 

“มาอยู่กับกูนะภีม ถ้ามึงต้องอยู่แบบนี้คนเดียว” เสียงของมันเบาหวิว ผมก้มหน้าลงพื้นทันที

 

“ไม่ได้หรอก กูอยู่กับมึงได้เท่าที่จะอยู่ได้ เมื่อถึงเวลากูก็ต้องออกมา”

 

มันนิ่ง กอดผมด้วยแขนที่ถูกดามนั่น

 

ผมควรจะซ้อมการอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีมันได้แล้วนะ ควรกลับมานอนที่บ้าน ทำตัวให้เหมือนเดิมได้แล้ว เวลามันใกล้เข้ามาทุกที

 

“พอได้แล้ว กลับบ้านมึงไปเลย”

 

ผมว่าเสียงเบาพลางแกะมือมันออกพร้อมกับความปวดหนึบที่อกเมื่อนึกถึงวันที่ต้องเลิกกัน ยอมรับเลยว่าอยู่กับมันโคตรมีความสุข แต่งงานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา พบแล้วก็ต้องจาก มันเป็นธรรมดาของโลก

 

ผมไม่มีสิทธ์เหี้ยอะไรในตัวมันเลย! ผมพยายามกับมันที่สุดแล้ว

 

ปอมันยืนนิ่งไม่ไหวติง แววตาของมันยังสับสน วุ่นวาย และเหมือนจะหงุดหงิดในตัวเอง พยายามเอื้อมมือมาจะแตะ ใจผมหายไม่ต้องการให้มันสัมผัสเพื่อสื่อความรู้สึก ผมไม่อยากรับรู้ว่ามันรู้สึกยังไง ยิ่งถ้ามันเจ็บผมก็ยิ่งเจ็บกว่า

 

ผมกลัวตัวเองเจ็บเวลาเลิก ผมควรจะทำใจ ปฏิเสธและเลิกให้ความหวังมันตั้งแต่ตอนนี้

 

 “ภีม เดี๋ยวสิ…”

 

เลิกทำร้ายใจตัวเองได้แล้ว

 

“บอกให้กลับไปไง!” ผมว่าพลางผลักมือมันไปด้วย แต่ใจโคตรเจ็บที่ทำอะไรตรงกันข้ามกับปาก มันดูผิดหวังและพยายามไม่เชื่อฟังผมอย่างเคย มันเอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมฟัง นี่ผมเป็นอะไรเนี่ย

 

ยิ่งคิดยิ่งงี่เง่า!

 

“พรุ่งนี้มึงไปนอนกับกูที่โรงแรมนะ”

 

“ไม่ไป กูจะอยู่กับพ่อแม่กูที่นี่” ผมว่า พยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด แต่มันคงจะไม่ปกติแน่ะสำหรับคนฟัง ปอมันแสดงความสงสัยหน่อยๆ มาจากใบหน้า

 

“แต่กูอยากให้มึงไป เหลืออีกไม่ถึงสิบวันนะภีมที่เราจะอยู่ด้วยกัน”

 

ใจผมสั่นแล้วก้มหน้าลงพื้นเก็บความรู้สึก กลัวมันเห็นเหลือเกินว่าผมเจ็บปวดขนาดไหน ทำไมมึงไม่ต่อเวลาให้กูล่ะ มันบอกว่ามันกลัวเวลาที่กำลังจะมาถึง ทั้งๆ ที่มันเปลี่ยนตัวเองได้ มันเลิกที่จะมีแฟนรายเดือนได้

 

มึงบอกกูสิว่าอยากคบกับกูต่อ แค่นั่นเอง กูจะยอมมึงง่ายๆ เลย

 

“กูไม่สน เพราะพ่อแม่กูสำคัญกว่า” ผมเงยขึ้นไปว่า

 

“ทำไมมึงทำแบบนี้วะภีม ทำไมช่วงสุดท้ายมึงไม่ไปอยู่ข้างๆ กู”

 

มันไม่บังคับให้ผมนอนกับมันแล้วเหรอ มันลืมเรื่องนี้ไปแล้วรึไง บังคับให้ผมอยู่ใกล้ตัวเพื่อจะได้ยอมนอนกับมัน ลืมสิ่งที่ตัวเองตั้งใจรอมานานขนาดนั้นลงไปได้

 

มึงเลิกคิดจะนอนกับกูตั้งแต่ตอนไหนวะปอ มันทำให้ใจกูสั่น!

 

ผมสงสารมัน ใบหน้ามันเว้าวอน พยายามเอื้อมมือมาจับมือผมที่สะบัดออกไม่ยอมให้แตะต้อง

 

“ที่นี่มันบ้านกูนะปอ เลิกทำแบบนี้” ผมว่า

 

“เอ่อ กูขอโทษ”

 

มันชะงักมือตัวเองเมื่อนึกขึ้นได้ในสิ่งที่ผมบอก มองตามผมที่ละไปทางอื่น ใจผมหวิวแปลกๆ ที่มันฟังและเข้าใจง่ายๆ มันจับผมเชยขึ้นไปมองหน้ามันตอนนี้ที่ดูเหมือนจะโกรธ เหมือนจะน้อยใจ เหมือนผิดหวัง ตัดพ้อคละเหล้ากันไปหมด ผมได้แต่ขืนแรงสู้

 

“อย่ามายุ่ง…”

 

“มองหน้ากูภีม มองมาที่ดวงตากู บอกกูว่ามึงต้องการอะไร กูจะทำตามที่มึงบอก”

 

กูอยากให้มึงเปลี่ยน! อยากให้มึงรักแค่กู อยากให้แคร์แบบนี้แค่กูคนเดียว!

 

ใจผมก่อนยวบลงทันที ถึงจะคิดแบบนั้นกลับไม่กล้าที่จะบอกมันสักนิด ไม่กล้า ผมกลัวเรื่องนี้เรื่องเดียวที่มันจะไม่ทำตามคำขอ ความร้อนแล่นเข้ามาที่ดวงตาแทบกลั้นไม่อยู่

 

ผมกลัวตัวเองร้องไห้ถ้ามองมันตอนนี้ สีหน้ามันตอนนี้ไม่เหมือนไอ้ปอคนเดิม มันมีแต่ไอ้ปอคนที่ผมรักสุดหัวใจ คนที่แคร์แต่ผม มองแต่ผม ห่วงใยแต่ผม

 

ตอนนี้มันโคตรดีเลย มันห่วงแต่ความรู้สึกของผม

 

ทำไมมันดีกับผมขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ยอมบอกว่ามันรู้สึกยังไง

 

ใจผมมันสั่นไหว รู้สึกดี

 

มือของผมยกขึ้นไปกอดคอของมันสุดแรงจนร่างมันโอนเอนตามลงมา ใบหน้ามันคงตกใจและทำอะไรไม่ถูกเพราะตัวมันชะงักนิ่ง ก่อนจะเคลื่อนมือมากอดผมตอบ ซุกคางลงบนซอกคอและจูบซับครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับรู้ว่าตอนนี้ผมปวดใจขนาดไหน เราไม่ได้พูดอะไรกันเลยเพราะตอนนี้ผมกำลังงี่เง่า ผมกำลังเอาแต่ใจตัวเองไม่สนว่ามันจะรู้สึกยังไง

 

พอคิดดูอีกที ผมมัวแต่กลัวตัวเองเจ็บถ้าถึงวันที่จะต้องเลิกกันจริงๆ

 

จนลืมไปว่าปอมันก็มีหัวใจ มันก็รู้สึกได้เหมือนกัน

 

ผมทำเย็นชาใส่มันโดยที่มันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร 

 

ผมแม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลยว่ะ!

 

“พี่ปอ…อยู่กับภีมที่นี่นะ…” เสียงผมโคตรสั่น ปอเองก็นิ่งฟัง มือของมันลูบหัวผมเบาๆ ปลอบใจอยู่แบบนั้นตลอดเวลา

 

กูรักมึง ปอ…

 

กูรักมึงมาก!

 

“พี่จะอยู่ข้างภีมเอง ไม่ว่าจะยังไง…”

 

ไม่ว่าจะยังไง…

 

หมายความว่าอะไร ผมไม่เข้าใจ

 

ผมกอดมันแน่น ไม่ยอมปล่อย เอาแต่ใจตัวเอง ปอเคลื่อนใบหน้ามาจูบขมับผมซ้ำๆ แล้วผละมาจูบที่ปาก ผมอ้าปากรับและตอบสนองทันที ตอบรับความต้องการของกันและกันตอนนี้อย่างโหยหา เสียงเราหอบหายใจ ผมผละปากออกมามองตามันนิ่ง

 

นิ้วหัวแม่มือไล้ปากผมอ่อนโยน ดวงตาที่แฝงความเศร้าตรงหน้า ผมไม่อาจหลอกตัวเองว่ามันเองก็กำลังใจเสียเหมือนกัน ผมไม่กล้าคิดเลย

 

“งั้น…” ผมเงยมองตาคนตรงหน้า ขยับตัวเข้าไปใกล้ มือเอื้อมไปกดล๊อคลูกบิดประตูที่อยู่ด้านหลังมันพร้อมกับมันที่แสดงถึงความฉงนเมื่อผมทำเช่นนั้น

 

“ไม่ว่าจะยังไง ช่วยตอบทีว่ายังไง…”

 

ผมจ้องตามันที่เบิกตาตัวเองประหลาดใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ เมื่อผมแสดงถึงความจริงจัง ไม่โวยวายไล่มันออกไปอย่างเคย ผมคิดดีแล้ว ช่วงเวลาสุดท้าย ผมไม่ควรทรยศมันที่กำลังรอผม ผมควรตอบสนองและยินยอมมันได้แล้ว แม้มันจะไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อผม

 

แต่ผมจะทำให้มันจดจำผม ให้มันไม่ลืมผม

 

 

จากเซ็กส์…

 

 

 

อะฮือ…

กัดผ้าเช็ดหน้าร้องไห้แปป ไม่ได้เศร้านะ คือเป็นห่วงว่าภีมเอ้ยหนูตัดสินใจแบบนั้นได้ไงอ่า! ไหนบอกว่าจะไม่ยอมง่ายๆ ไงคะลูก เข้าใจนะว่าใกล้จะครบเดือนแล้วเลยยอม ปอมันจะได้ไม่ลืมหนู แต่ว่า…เสียดายซิงหนูมาก เจ๊อยากเป็นคนเปิดซิงหนูเองอะ อะไม่เกี่ยวละ อิอิ

อ่านๆ ไปเห็นความเปลี่ยนแปลงจากตอนก่อนๆ จนมาถึงตอนนี้นี้ไหมว่าปอมันเปลี่ยนนะเอ้อ มีภีมคนเดียวที่ดูไม่ออก คิดอยู่นั่นแหละว่าสามีน่ารักๆ แต่ไม่สังเกตเลย ตอนที่แล้วนี่รุมด่าปอลืมไปแล้วรึไงที่ด่าๆกันเรื่องต้นอะ เป็นสิ่งที่ปอก่อไว้ตั้งแต่อดีตอะนะคะ ตั้งแต่ตอนอยู่ที่เกาะโน่น ตอนที่ภีมยังไม่รู้ใจตัวเองเลย นางบอกนางไม่มีสิทธ์ในตัวสามมี//ปาดน้ำตาแปป

แต่ว่าตอนหน้ามี NC นะคะ 5555 จะถึงขั้นไหนก็อ่านกันเอา ถึงขั้นได้เสียรึเปล่าน้า…

 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 13 Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 03-11-2014 19:36:59
 

ตอนที่ 13

Part 1

 

ผมจะยอมนอนกับมัน

 

ให้มันจำผมไว้

 

เสียงห้องเงียบกริบไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรเลยสักคำ ร่างสูงๆ ของปอมันถูกผมดึงรั้งมาแล้วผลักให้ทรุดตัวนั่งลงปลายเตียงนอน ใบหน้าเรียวได้รูปของมันเงยมามองผมด้วยหลายหลากความรู้สึก แต่สิ่งหนึ่งคือมันตกใจและมีคำถามมากมายในหัวว่าผมจะทำแบบนี้ทำไม

 

“ภีม…”

 

เสียงพี่ปอมันว่าข้างๆ หู เมื่อผมทรุดตัวนั่งบนตักมันเบาๆ อย่างที่มันชอบทำ มือทั้งสองข้างยกขึ้นไปโอบกอดคอมันและจ้องตากันอยู่แบบนี้ มันนิ่ง สีหน้างุนงงและจ้องตาหาความหมาย ความเขินอายแล่นเข้ามาสู่ใบหน้าของผมทันที

 

“จะทำอะไร?” มันพูดเสียงเบา ผมแอบเห็นมันกลืนน้ำลาย ทำหน้าเหมือนกำลังทำตัวไม่ถูก

 

“ไหนบอกว่าอยากทำนักไง?” ผมว่า

 

“แต่นี่มันบ้านมึงนะ”

 

“ช่างมัน มึงไม่ต้องแคร์แล้วพี่ปอ”

 

มันหลุบตาเสไปทางอื่น ผมเห็นมันเหงื่อซึม “แต่ว่า…”

 

“มึงไม่อยากเหรอ ไหนบังคับกูนักหนา” ผมว่า มือกระชับกอดคอมันไปด้วย มันละสายตาไปมองทางอื่นหาทางหนีทีไล่

 

“ก็อยาก…”

 

“เออ ก็อย่าเล่นตัว” ผมว่าพลางก้มลงไปจูบปากที่ปิดสนิทของมันเบาๆ “ทำที่พี่ปออยากทำกับภีมสิ อยากทำอะไรก็ทำตามใจเลย”

 

“ภีม…” มันขมวดคิ้วตัวเองเงยมาจ้องตา “ภีมเป็นอะไร?”

 

จะถามทำไม ถามเหมือนไม่อยากทำ

 

“ก็กำลังจะยอมเป็นเมียจริงๆ ไง ไม่ได้โกหกนะ จริงๆ” ผมว่าพลางขยับไปจูบมันอีกรอบ จูบซ้ำๆ ทั้งที่มันปิดปากสนิทแบบนั้นแหละ มันนิ่งมองหน้าผม นิ่งมองอยู่แบบนี้จนใจผมสั่น

 

“มึงอยากเหรอ?” มันว่าฝ่าความเงียบ ใจผมอยู่ดีๆ ก็สั่นขึ้นมาเฉยๆ เมื่อถูกถาม ผมไม่ได้อยากและร่านขนาดจะยั่วใครง่ายๆ แต่เป็นเพราะคนๆ นั้นคือปอ คนที่ผมรัก ผมอยากให้มันมีความสุข

 

“ครับ…”

 

เสียงผมเบาหวิว

 

มันเงยหน้ามามองและเอื้อมมือมากอดเอวผมให้ขยับเข้าไปแนบชิดกับตัว ดวงตามันเต็มไปด้วยคำถามแต่ไม่ถาม เต็มไปด้วยความสับสนแต่ไม่ยอมรับอะไรทั้งสิ้น

 

“ถ้าอยากจะทำให้”

 

ผมไม่ตอบ แต่ขยับใบหน้าเข้าไปประกบจูบ มันเงยมารับและตอบสนองด้วยการไล่ลิ้นวนเวียนในโพรงปากอวดลวดลาย ดูดเม้มปากของผมรุนแรง ผละออกและประกบเข้ามาจับจองไปทั่วทั้งปาก ผมอ้าปาก ลิ้นถูกดูดดุนด้วยปากของมันเบาๆ ราวกับหยอกล้อ มือก็ไล้ไปตามมบ่ากว้างของมันไม่รู้ตัว

 

ผมเม้มปากที่เลือดกำลังวิ่งพล่านเมื่อผละออก จับหัวมันขยับเข้ามาจูบ ปอมันซุกหน้าลูบเลียลำคอพร้อมกับผมที่จูบขมับ จูบเส้นผมมันตอบสนอง เสียงริมฝีปากมันดูดเม้มลำคอและลมหายใจกระเส่าของเราประสานกันอยู่เนืองๆ

 

ผมพริ้มตา เชิดคอเมื่อมันเคลื่อนต่ำลงมาใช้ปากงับแกะกระดุมเสื้อนักศึกษา ละเลงลิ้นกับยอดอกที่แข็งตัวบ่งบอกอารมณ์ มือก็ล้วงเข้ามาในกางเกง ผมไม่ขัดขืน จิกมือสลับปรับเปลี่ยนเป็นลูบไล้ลงบนไหล่ของมันกับความเสียวที่แล่นในตัวอย่างช่วยไม่ได้

 

“ปอ มึงไม่ได้เมาแล้วนะ” 

 

ผมว่าเสียงเบา ชันเข่าตั้งขึ้นมือกอดคอก้มลงมองน้องชายตัวเองที่ถูกจับออกมาด้วยมือของคนที่ผมรัก มันก้มหน้าก้มตามองอย่างกับไม่เคยเห็นเรียกความอายแล่นเข้ามาได้ไม่ยากเลย

 

“คราวนี้เห็นชัดเลย ภีม น่ารักมาก เสียงภีม…” พี่ปอมันขยับเข้ามากระซิบพลางขยับมือบนภีมน้อยที่ขยายใหญ่ตอบมือมันแล้ว ลิ้นร้อนๆ เลียหูผมจนเปียกไปด้วยน้ำลาย ขนผมลุกบิดตัวรับทันที

 

“อืม…”

 

ผมคงทำหน้าเหมือนจะอยากร้องไห้ เหยเกกับความเสียวในท่อนกายตัวเองตอนนี้ที่กำลังเพิ่มพูนขึ้นด้วยมือของคนทำ ปอมันไล้หัวแม่มือแกล้งผมบนส่วนหัว ก้มมองมันที่กระดกตอบสนอง และกอบกำสาวช้าๆ พลางค่อยๆ เงยมาจ้องตาผมที่เม้มปากตัวเองมองตามันไปด้วย

 

“อย่าทำหน้ายั่วนักสิ”

 

มันว่าเสียงเบา ซุกหน้าลงบนคอ ตอนนี้ผมอยู่บนตักมัน ตัวมันอยู่กลางหว่างขาผมที่กำลังชันเข่าขึ้นและกอดคอมันไว้กันตก เท้าจิกเตียงจากอารมณ์ซ่านเสียวในท้อง มือผมข้างหนึ่งละจากคอมาลูบหน้าท้องตัวเองกับความรู้สึกแปลกๆ อดที่จะกระตุกไปตามความสุขสมไม่ได้

 

“อะ ปอ ขยับเร็วๆ” ผมทุบมือลงบนไหล่มันระบายอารมณ์เอาแต่ใจ มันเงยหน้ามาสบตาและแย้มยิ้ม จูบปาก จูบคางไล่ไปจนถึงหูราวกับต้องการหยอกล้อ

 

“สนุกกันก่อนสิ จะรีบไปไหน หืม?” มันว่า ใบหน้าแดงๆ ผมก้มมองน้องชายตัวเองในมือมันแล้วกลืนน้ำลาย คอแห้งผาก ได้แต่เลียลิ้นบนริมฝีปากตัวเองและกล่าวอ้อนวอน

 

“ภีมอยากเสร็จไวๆ”

 

“อย่าใจร้อน คนเก่ง” พี่ปอมันว่า ผมเอื้อมมือไปกุมมือมันด้วยความขัดใจ เร่งมือของมันให้เร็วขึ้นและปล่อยเสียงครางออกมาอย่างชอบใจและสุขสม

 

มันต้องแบบนี้สิปอ กูอยากได้แบบนี้

 

“ไม่เอาน่ะ เอามือภีมมาทำให้พี่ดีกว่านะ” มันว่าพลางจูบไหล่เปล่าๆ ของผม จูบแล้วจูบอีก ผมละมือออกอย่างว่าง่ายแต่เอื้อมไปกอดคอมันแทน จูบปากมันและก้มลงซบบนไหล่หลุดคราง

 

“เดี๋ยวมึงก็ได้กูแล้ว กูไม่ทำให้หรอก”

 

ผมบ่นในลำคอ เสียงมันหัวเราะหึและไม่ว่าอะไรต่อทั้งสิ้น ตั้งใจค่อยๆ มองตัวผม จ้องสิ่งที่อยู่ในมือตัวเอง ใช้มือลูบไล้บนตัวแก่นกลางความรู้สึกผมปรนเปรอ

 

“อะ อื้อ!”

 

ผมเม้มปาก กอดไหล่มันขมวดคิ้วตัวเองแน่น เมื่อมันค่อยๆ เพิ่มความเสียวขึ้นมาเรื่อยให้ผมสะท้านไปทั้งร่าง ก่อนจะค่อยๆ ละลงให้ผมสนุกสนานกับความรู้สึกนี้นานๆ มันทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความเก่งกาจและผมก็สุขสมอย่างถึงที่สุด

 

“อา…พะ พี่ปอ”

 

ผมจูบแก้มมันเว้าวอนให้ส่งผมขึ้นสวรรค์สักที เสียงผมหอบหายใจอยู่ข้างหูมัน ลมร้อนๆ รดหูมันครั้งแล้วครั้งเล่า มันคงเครื่องติดตั้งแต่ขอให้ผมทำให้ ป่านนี้ไม่เจ็บมากแล้วเหรอ

 

ขานตอบผมที ผมอยากได้ยินเสียงเพราะๆ ของมัน

 

“พี่ปอ…” ผมกัดหูมันไปทีด้วยความหมั่นเขี้ยวกับหน้าหล่อๆ นี่ ปอมันสะดุ้งหันมาขมวดคิ้วตัวเองที่ถูกยั่ว ดึงเอวผมเข้าหาแล้วหันมาแนบปากจูบ

 

“อย่าทำแบบนี้” มันว่าเสียงเข้ม

 

“ทำไม อีกหน่อยพี่ปอก็ได้ปลดปล่อยแล้ว” ผมว่าพลางงับซ้ำไปอีกที ปอย่นคอหลบมผ่อนอารมณ์ตัวเองเต็มที่ ฟังจากเสียงลมหายใจขัดๆ น่ะ

 

“ภีม มันเสียวนะรู้ไหม พี่บอกให้หยุด”

 

“ไม่หยุด อยากล่ะสิ…” ผมว่า งับคอมันแกล้งไปอีกที

 

“อย่าดื้อ พี่บอกดีๆ นะ”

 

“เหรอ อะ อา…โอย…” ผมซี๊ดปากตัวเอง มือลูบหน้าท้องตัวเองกับความเสียว อีกข้างก็กอดไหล่คนทำแน่น ได้กลิ่นน้ำหอมบนเสื้อยิ่งเรียกอารมณ์ไปกันใหญ่ กลิ่นตัวปอโคตรดี ฟีโรโมนเหรอ

 

“อ๊ะ อะ พี่ปอ แบบนั้น…” ผมงับหูมันอีกครั้ง ก็มันนุ่มนิ่มดีนี่ ปอมันครางฮึ่มฮั่มในคอ

 

“พอแล้ว จะยั่วไปถึงไหน?”

 

“เปล่านะ ทีพี่ปอยังชอบทำกับภีมเลย”

 

“มันไม่เหมือนกัน พอได้แล้วเดี๋ยวพี่จะทนไม่ได้แล้วทำภีมเจ็บนะ”

 

มันว่าแล้วเร่งมือตัวเองรุนแรงให้ผมปล่อย ผมอ้าปากปล่อยเสียงครางข้างๆ หู มันคงได้ยินชัดเจนว่าผมเสียวแค่ไหนกับมือของมัน มือข้างหนึ่งกอดไหล่และอีกข้างกุมมือมันที่สาวตัวผมไปด้วย ผมกลืนน้ำลายพยายามเก็บเสียงตัวเองไม่ได้ร้องดังจนเกินไป

 

“อื้ม…มะ ไม่ไหวแล้ว!”

 

ความร้อนในตัวผมพุ่งสูงพร้อมกับผมที่ซุกใบหน้าลงบนไหล่หอบหายใจ ลาวาสีขาวพุ่งออกมาจนเปื้อนทั้งผมและมัน ผมไม่สน แอ่นเอวปล่อยความสุขออกมาจนหยดสุดท้ายพร้อมกับร่างของปอที่นั่งนิ่งมองร่างทั้งหมดของผมไม่ละ

 

มีความสุข ผมมีความสุขมาก

 

เสียงผมหอบหายใจข้างหูมัน ริมฝีปากอุ่นๆ จูบซับลงบนขมับที่มีเหงื่อของผม มันเบี่ยงให้ผมลงนอนบนเตียง ใจผมหล่นวูบทันทีเมื่อเกมต่อไปกำลังจะเริ่ม ดวงตามองละลงไปที่น้ำรักของตัวเองซึ่งเปรอะเปื้อนมันไปทั้งตัว อยากเช็ดให้มันก่อนจะแห้ง อายแทนมัน

 

“พี่ปอ…” ผมว่าเสียงเบาเมื่อมันจะโน้มมาแนบปากจูบ “เสื้อพี่เลอะ”

 

“ช่างมัน”

 

“เช็ดออกก่อน”

 

ปอมันชะงัก แตะมือผม ดึงไปจูบบนหลังมือซ้ำๆ และผละใบหน้าเคลื่อนมาซ้ำลงบนแก้มสองข้าง จูบไปทั่วทั้งตัวรวมดึงตรงที่มีรอยน้ำรักของผมติดอยู่ ผมนอนนิ่ง ปล่อยให้มันทำตามใจ

 

ผมจะทำยังไง อวดลีลาตัวเองบ้างเหรอ หรือทำเป็นนิ่งๆ ยอมให้มันสอนทำต่อไป

 

ใจจริงก็อยากจะกร้านโลก ปรนเปรอมันคืนบ้าง แต่ติดที่ผมไม่มีประสบการณ์ตรงเลยนอกจากคลิป ที่สำคัญมันไม่ใช่คลิปชายชายน่ะสิ ผมควรนอนนิ่งๆ ใช่ไหม

 

ผมควรใช้ปาก เลียไอ้นั่นมัน

 

ผมควรออนท็อปให้มัน ขึ้นขี่มันเพราะแขนมันหัก

 

ใช่ๆ ผมต้องเป็นฝ่ายทำให้มันมีความสุข

 

ผมหลับตาปี๋คิดเมื่อมันเคลื่อนปากลงมาถึงหน้าท้องที่มีก้อนกายของผมนอนราบอยู่ ไล้วนตรงสะดือจนอดที่จะแอ่นเอวรับไม่ได้ ผมไม่ได้ตั้งใจ มันทำเหมือนรู้ว่าจุดเร้าผมอยู่ตรงไหน ปอมันเก่งเกินไปจนผมอ่อนระทวยไปหมด

 

มันจับขาผมชันขึ้น ข้างหนึ่งพาดบนบ่า ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะต้องมันอยู่ในท่านี้ ต้องเป๋นฝ่ายถูกกระทำ แต่ทำไมแม่งรู้สึกดี ผมตอบสนองทุกครั้งทุกที่ที่ถูกสัมผัส ทุกที่ที่ลิ้นมาแตะ

 

เพราะเป็นปอ เพราะๆ คนๆ นั้นคือพี่ปอ

 

ปอเลียขาอ่อนจนเกิดเสียง ผมสะดุ้งกำผ้าปูแน่นกับอารมณ์วาบหวามในท้องทั้งๆ ที่มันไม่ได้แตะน้องชายผมสักนิด โอย…ผมกำลังจะคลั่ง

 

ผมควรทำอะไรนอกจากนอนนิ่งๆ แบบนี้

 

“อะ แม่ง!”

 

มันสบถพลางลุกขึ้นนั่ง ผมชะงักความคิดทั้งหมดเมื่อมันแสดงถึงความเจ็บออกมาและกุมเป้ากางเกงของตัวเองไว้อย่างเดียว ผมรีบลุกขึ้นนั่งตามไปทันที

 

ทุรนทุรายเหรอ อดทนทำไม ผมยอมแล้ว อยากทำอะไรก็ทำสิ

 

“มาสิปอ ปลดกางเกงออก” ผมว่าพลางจะเอื้อมมือ

 

“ไม่!”

 

ดวงตาผมชะงักเมื่อมันปัดมือผมออกพลางก้มลงทรุดตัวฟุบตัวขดบนที่นอน ผมได้แต่นิ่งมองมันที่หยีหน้าตัวเอง

 

“พี่ปอ ภีมจะช่วย”

 

“ไม่ พี่ไม่อยากให้ช่วย” มันพยายามผลักมือผมออกจากตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อเห็นว่าผมจะเอื้อมไปช่วยมัน

 

หมายความว่าไง

 

หมายความว่าไง

 

ตอบหน่อยสิว่ามันทำแบบนี้กับผมหมายความว่ายังไง

 

“ทำไมทำแบบนี้ปอ?” ผมว่าเสียงเบา ผมแม่งอยากร้องไห้

 

“กูกลับก่อนนะ” มันว่าเสียงเบา

 

นี่มันอะไร

 

“นี่กูอยู่ตรงหน้ามึงแล้วนะปอ กูพร้อมแล้วนะ ทำไมมึงทำแบบนี้!”

 

มันละสายตาไปด้านอื่น ทั้งที่อยากจะนอนกับผม กางเกงมันนูนเด่นขึ้นมาและสีหน้าแสดงถึงความต้องการออกมาขนาดนี้ ผมไม่เข้าใจว่ามันปฏิเสธทำไม

 

ไม่ตอบ…

 

“พี่ไปล่ะ ไว้เจอกันนะ”

 

มันเลือกที่จะวิ่งหนี วิ่งออกไปด้วยตัวแบบนั้น ไม่นานก็เห็นรถเคลื่อนออกไปคาดว่าไม่เจอใครข้างล่าง ผมยกมือกุมหน้าไล่ความร้อนออกไปจากดวงหน้า เก็บความเจ็บปวดในใจไม่ให้มันพรุ่งพรูออกมาจากดวงตามากไปกว่านี้

 

ทำไมมันทำผมแบบนี้ ในวันที่ผมคิดว่าจะยอมมันแล้ว มันไมมันถึงคิดปฏิเสธผม

 

ผมแม่งไม่เข้าใจอะไรเลย โคตรสับสันในชีวิตกับสิ่งที่มันเลือกจะทำ

 

ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับ นึกถึงตอนมันโหยหาและสีหน้าเจ็บปวดที่พยายามระงับความต้องการของตัวเองไม่แตะต้องผมมากไปกว่านี้ จะบอกว่าเกรงใจพ่อกับแม่ผมงั้นเหรอ

 

พี่ปอ มึงแคร์กูงั้นเหรอ

 

ผมกุมหน้าตัวเองนอนร้องไห้ สองคืนแล้วที่ผมนอนที่นี่ ผมไม่ยอมไปเจอหน้ามัน ผมอายที่จะต้องหน้าด้านวิ่งหามันทั้งๆ ที่ยื่นตัวให้แต่มันกลับปฏิเสธ

 

ผมเจ็บ โคตรเจ็บเลย

 

 

ต่อพาท2
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 13 Part 2
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 03-11-2014 19:39:09


ตอนที่ 13

Part 2

เข้าวันที่สามแล้วที่ผมหนีหน้าไอ้ปอทั้งๆ ที่ยังไม่เลิกกัน ผมก็มาเรียนตามปกติ แต่เลือกที่จะไปในที่ที่มันคิดว่าจะไม่ไป เลือกที่จะหลบหน้าเพื่อนๆ ของมันด้วย

 

เสียงของเพื่อนๆ พูดคุยกันและตะโกนโหวกเหวกโวยวายตามทางเดินยามออกมาจากโรงเรียนเป็นแบบนี้ทุกวัน ผมเดินเอื่อยๆ มาหยุดยืนอยู่หน้าป้ายรถเมล์ ทำไมถึงไม่รู้สึกชินกับการมายืนรอรถกับคนอื่นแบบนี้นะ ทั้งๆ ก็ไม่ได้ขึ้นมาแค่ไม่กี่วัน ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ

 

ผมคงต้องพยายามทำใจให้ชินซะแล้ว เดี๋ยวก็กลับมาขึ้นรถเมล์เหมือนเดิมแล้ว อีกไม่กี่วัน ไม่ถึงอาทิตย์แล้วนี่ ผมกับปอกำลังจะจบกัน

 

รถคันหนึ่งเคลื่อนมาจอดตรงหน้าแทนรถเมล์ พวกเรามองกันงงๆ กระทั่งมันเปิดกระจกแสดงให้เห็นว่าเป็นใครที่กล้ามาจอดที่ที่รถเมล์จอดได้ ผมมองมันด้วยความสงสัยพร้อมกับดวงตาคมๆ ในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยนั้นมองมายังผมเช่นกัน

 

“ขึ้นมา” มันว่า ผมชี้หน้าตัวเองย้อนถาม “เออ มึงนั่นแหละไอ้ภีม!”

 

เรียกขนาดนี่คงใช่กูแล้วแหละ

 

ผมถอนใจเดินขึ้นไปบนรถท่ามกลางสายตาคนทั้งโรงเรียน นี่แม่งจะเอากูไปนินทาว่าร้ายรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมถอนใจมองคนขับว่ามันต้องการอะไร

 

“พาผมไปส่งที่บ้าน ผมไม่ไปโรงแรม” ผมว่าเมื่อมันพาไปยังแยกไฟแดงที่มันเป็นแยกระหว่างบ้านผมกับโรงแรมว่าไปคนละทาง พลางชี้นิ้วไปอีกฝั่ง

 

กูไม่อยากเจอไอ้ปอ

 

มันเปิดไฟเลี้ยวตามที่ผมบอก ร่างกายมันสวมชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังของจังหวัด ชั้นปีที่สอง รุ่นเดียวกับไอ้ปอ ก็เพื่อนกลุ่มเดียวกันแค่ไม่ได้เรียนที่เดียวกันเท่านั้น

 

“พี่ธามรู้เรื่องพี่ไหม?” ผมว่าผ่านความเงียบ

 

“ไปคุยที่บ้านมึง”

 

“ไม่เอา คุยบนรถ ที่บ้านพ่อกับแม่อยู่”

 

ผมปฏิเสธ ในหัวก็คิดว้าวุ่นในใจว่ามันจะเอาอะไรกันแน่ สีหน้าโคตรเครียด แล้วทำไมผมต้องร้อนรน ก็เพราะกลัวว่ามันจะเข้าใจผิดเหมือนไอ้ต้นไง โยนความผิดมาให้ผมทั้งๆ ที่ความจริงน่ะออกมาจากปากไอ้ปอ

 

“มันไม่โกรธกู มันโกรธไอ้ต้น!” ผมนิ่งมองคนขับ

 

“ก็มันความผิดไอ้ต้นนี่พี่พี ถึงพี่จะเป็นคนเข้าหามันก่อนแต่มันไม่ควรตอบรับพี่”

 

“กูจะเอามันแต่มันไม่ยอม มันรักไอ้ธาม! วันนั้นกูบังคับมันแล้วมันก็สู้แรงกูไม่ไหวมึงเข้าใจไหม!?”

 

ผมอ้าปากค้างมองมันที่ว่า นี่หมายความว่า เป็นไอ้ปอคนเดียวที่ได้ซิงไอ้ต้นไปจากการยินยอมสินะ ทำไมต้นมันยอมไอ้ปอวะ ผมได้แต่สงสัยกับตัวเองใบหน้าเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาเรื่อยๆ 

 

แต่คิดไปคิดมาแล้ว เวลาผมควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ มาได้ยินคำหวานๆ เว้าวอนของไอ้ปอ ใจผมก็กระเจิงไปไหนต่อไหน แทบจะยอมให้มันทำง่ายๆ เหมือนกันแฮะ

 

หรือต้นมันเองก็หลงไปกับความปากหวานออดอ้อนของไอ้ปอนะ แถมแม่งก็ประสบการณ์เยอะ ปอมันอาจมีวิธีที่ทำให้ไอ้ต้นมีความสุขก็ได้ ปอมันคงจะเก่ง เพราะตอนที่ผมเห็นมันสองคน ต้นมันไม่ทำหน้าเหมือนเจ็บเลยนี่นะ

 

รายกาจ ไอ้นี่มันร้ายกาจ

 

“ทุกอย่างเป็นความมผิดมึง ถ้ามึงไม่ไปบอกไอ้ธามมันก็จะไม่เกิด จนกว่าไอ้ธามมันจะเห็นค่าในตัวไอ้ต้น แต่มึงมาเสือกไงภีม”

 

กูว่าแล้วไงงานต้องเข้ากู

 

“ผมไม่เกี่ยวนะเว้ย”

 

“มึงน่ะตัวดี ถ้ามึงไม่บอกเรื่องกูกับไอ้ต้นแล้วหมาที่ไหนมันบอก”

 

หมาในปากไอ้ปอไง ผมล่ะอยากจะตะโกนใส่หน้ามันแบบนี้จริงๆ แต่ไม่อยากจะเป็นต้นเหตุให้มันกับพี่พีต้องทะเลาะกัน แล้วผมเป็นบ้าอะไรวะ ทำไมต้องแคร์ชีวิตมันขนาดนั้นด้วย

 

“แล้วแต่จะคิดก็แล้วกันถ้าไม่ยอมเชื่อที่ผมบอก”

 

“เออ แล้วมึงกับกูจะได้เห็นดีกัน มึงเห็นไหมไอ้ต้นมันเสียใจขนาดไหนที่ไอ้ธามไม่ยอมง้อมัน”

 

“พี่เองก็ผิด ไปตามเซ้าซี้บังคับเขาทำไม!?”

 

“เออ เพราะกูชอบไอต้นไง”

 

ชิบหายละ!

 

ผมหันไปมองหน้ามันที่นั่งหน้าดำคร่ำเครียดมองทางต่อหน้า คนอย่างมึงรักคนเป็นด้วยเหรอ นี่มันอะไรอีกกันวะเนี่ย

 

“มึงจะให้กูอดทนตอนที่ต้นมันอ่อนแอเพราะไอ้ธามเหรอ กูแค่คิดว่าอยากจะช่วยมัน อยากปลดปล่อยมัน แต่มึงก็ดันเอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้ธาม มึงเป็นอะไรไปวะภีม”

 

“ผมเปล่า พี่เลิกคิดว่าตัวเองทำแบบนี้แล้วมันถูกซักทีเถอะ พี่เป็นเพื่อนพี่ธามไม่ควรไปบังคับมันแบบนั้น! ถ้ามันไปทำกับคนอื่นค่อยว่ากันอีกที”

 

มันหันมามองหน้า “ไอ้ภีม มึงอย่าปากหมา”

 

“จริงๆ ผมว่าจะไม่พูดแล้วนะแต่พี่ไม่ได้เรียนอยู่ที่เดียวกันกับมัน พี่คิดได้ไงว่ามันยอมพี่คนเดียว”

 

“มึงหุบปาก!”

 

ผมกลั้นสิ่งที่ต้องการว่าทันทีเมื่อรู้ตัวว่าพูดมากเกินไป แต่ผมไม่อยากทนถูกกล่าวหาโดยที่ไร้การตอบโต้ออกไปแบบนี้ จะบอกว่ารักไอ้ต้นแต่ก็ยังเห็นแก่ตัวเอาความผิดมาโยนให้ ไม่ยอมรับว่ามันผิดจริงๆ

 

“กูไม่นึกเลยว่ามึงจะเป็นคนแบบนี้ภีม มึงเป็นเมียไอ้ปอได้ไงวะ เชี่ยเอ๊ย!”

 

ผมหันไปมองมันสบถหน้าถมึงทึง “เพราะพี่มันไม่รู้เรื่อง คิดแก้ไขปัญหาแบบเด็กๆ ไง”

 

“มึงหุบปาก!”

 

มันหันมามองหน้าผม เบรกรถกะทันหันแล้วเดินลงมากระชากตัวผมออกจากรถ ร่างของมันโน้มตัวลงไปหยิบหนังสือที่ผมถือติดมือมาโยนให้ รวมทั้งกระเป๋าเหวี่ยงมาใส่หน้า ผมยกมือป้องใบหน้าและหัวก่อนจะก้มลงมองสิ่งของของตัวเองนิ่งใจหายกับความเจ้าอารมณ์ของมันที่หันมาจ้องตาด้วยความเคียดแค้น

 

“แล้วมึงจะได้เห็นดีกับกู!”

 

เสียงปิดประตูรถดังปังพร้อมกับเคลื่อนออกไปด้วยความรวดเร็ว

 

ผมกลืนน้ำลายเก็บของมาถือไว้ มองทางรอบตัวที่เป็นป่ารก ใจสั่นอย่างตั้งตัวไม่ติด ตรงนี้มีรถวิ่งเข้าออกเพราะเป็นเส้นทางใหญ่ แต่ใจของผมหวิวเมื่อร่างกายตัวเองยืนโดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพัง กลัวโจร กลัวคนโรคจิต ผมจะทำยังไงดี ผมจะไปต่อยังไงดี

 

ดวงตามองหาแท็กซี่ทว่าไม่มีเลย ผมยืนกอดกระเป๋าตัวเองนิ่งด้วยความใจหายกับสิ่งที่ต้องเจอและไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหายังไง รอรถเมล์วิ่งผ่านก็ยังไม่เห็นมาเพราะมาตามเวลา มือยกกุมหน้า มันสั่นระริกด้วยความกลัวผมรู้ดี

 

ในช่วงเวลาหนึ่งของความคิด ผมนึกถึงภาพใครสักคนลอยขึ้นมา ใจมันสั่นไหวและร่างกายไร้เรี่ยวแรงไปเสียเฉยๆ ผมคิดถึงมัน ผมอยากถูกมันปลอบโยนใจจะขาด

 

มือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง กดไล่หาเบอร์บนโทรศัพท์ บ้าชิบหาย! มือผมสั่นจนแทบจะควบคุมไม่ได้

 

ปอ…

 

ผมมองเบอร์มันนิ่ง มองรูปตอนมันยิ้มส่งมาให้

 

ผมต้องการปอ!

 

ก่อนจะยกมือขึ้นเอามาแนบกับหูฟังเสียงรอสาย มันดังอยู่นานสองนาน ผมกดโทรซ้ำๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายสะดุ้งกับเสียงแตรใครบางคนบีบแซว รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างจับใจ

 

รับสิปอ รับสายสิ

 

น้ำตาผมไหล ร่างกายทรุดตัวนั่งยองๆ ไร้เรี่ยวแรงที่จะยืนต่อ มองเงาตัวเองที่ถูกแดดอาบไปทั้งร่าง เจ็บปวดที่สุดเท่าที่เคยมีมา ผมรอมัน ผมหวังว่ามันจะรีบกดรับสาย แต่ไม่เลย มันเป็นสิบสายที่ผมโทรไป

 

ผมฟังเสียงรอสายครั้งแล้วครั้งเล่าและคิดว่าสายนี้เป็นสายสุดท้าย ผมจะเดินกลับไปบ้านเองแบบนี้ ทว่ามีเสียงคนกดรับสาย ใจผมหายและกลั้นสะอื้นรีบกรอกเสียงลงไปทันที

 

“ปอ…มารับกูที”

 

มันฟังเสียงของผม ภายในสายเงียบ

 

“พี่ปอ ฮึก…”

 

หลังมือผมเช็ดน้ำตา ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้เรียกร้องความสนใจมัน แต่มันไม่ตอบผมเลย ผมหลุดสะอื้นและไม่เข้าใจว่าทำไมมันนิ่งกับผม มันเงียบกับผมและไม่ตอบสนองอย่างเคย เฉยชากับผมทำไม

 

ผมเคยทำแบบนี้กับมันและเข้าใจเลยว่าแม่งโคตรเจ็บ

 

“ฮึก…ปอ มารับกูหน่อย กูกลัว…”

 

ผมก้มหน้าลงพื้น ไม่ชอบแบบนี้เลย ไม่สนุกเลย

 

“พี่กำลังออกไป ไอ้พีมันโทรมาบอกแล้ว”

 

ผมนิ่งฟังเสียงมัน ใจชื้นขึ้นมา เงียบฟังเสียงจากสายของมันที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเสียงอากาศหลังจากมันตอบกลับมา คาดว่ามันจะวางทิ้งไว้ที่เดิมและไม่ได้กดวาง ผมก้มหน้าลงมองพื้น ฟังเสียงรถคันแล้วคันเล่าแล่นผ่านด้วยใจที่โหวงเหวง

 

ที่มากกว่าการมารับคือเสียงของมัน ผมอยากได้ยินเสียงของมัน

 

“ฮึก!”

 

เสียงรถที่ผมคุ้นชินแล่นเข้ามาจอดตรงหน้า เสียงปิดประตูและร่างของเจ้าของเดินลงมา กลิ่นน้ำมันเครื่องผสมกลิ่นน้ำหอมโชยมายังผมที่นั่งตัวสั่นอยู่ตรงนี้

 

“ภีม…”

 

ร่างผมกำลังนั่งยองๆ กอดกระเป๋าตัวเองแบบนี้เมื่อได้ยินเสียง ใบหน้าฟุบลงบนกระเป๋าไม่มองหน้ามัน ในที่สุดมันก็มา ในที่สุดพี่ปอก็มา

 

ผมกลัวแทบตาย!

 

“ภีม ไม่เป็นไรนะ”

 

“มึงแม่งใจร้าย! ไอ้เหี้ยปอ!” ผมว่าอย่างสุดทน เงยใบหน้าขึ้นไปต่อว่ามันมือก็ทุบตัวมันระรัวให้สาสมกับความกลัวในใจตอนนี้ เสียงมันดังตุบตับพร้อมกับมือของมันที่พยายามจับแขนผมไว้

 

“มึงมันไม่เคยสงสารกู! โคตรเหี้ยเลยพี่ปอ! ไอ้สัด ไอ้เลว แกล้งกูสนุกไหม ฮึก!?”

 

“กูขอโทษ”

 

“ทำไมไม่ไม่พูดอะไรเลย มึงก็รู้ว่ากูกลัว มึงก็น่าจะบอกกูให้กูสบายใจ พูดกับกู…”

 

มือผมทุบมันระรัวด้วยความเอาแต่ใจ ผมรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองงี่เง่า พยายามเรียกร้องให้มันสนใจมากขึ้นไปอีก ตั้งแต่เริ่มเดิมทีที่ไม่เคยรู้สึกกับมัน เริ่มก่อตัวและมากขึ้นเรื่อย ต่างกันกับมันที่ให้ผมเต็มร้อยและลดลงสวนทางกัน มันลดลงไปจนไม่เหลือในที่สุด

 

“พี่ขอโทษภีม พี่ขอโทษ…”

 

มันจับผมเข้าไปกอด ดึงให้ลุกขึ้นยืน ใบหน้าผมซุกกับอกของมันแน่นพร้อมกับทั้งร้องไห้เสียงดังกว่าเดิมให้มันรู้สึกผิด และการแสดงตอบสนองของมันเป็นแบบนั้น มือมันลูบหัวผมปอยๆ  และจูบลงขมับซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

“ไม่ร้องนะภีม ไอ้เหม่งพี่มันเก่งจะตาย”

 

แต่กูอยากอ่อนแอตอนอยู่กับมึง

 

กับมึงคนเดียวพี่ปอ

 

ผมฟังมันว่าเสียงเบา กอดผมปลอบในคราวเดียวกัน ผมกอดมันแน่น เอาหน้าเช็ดเสื้อมันไปด้วย ตอนนี้คือกูต้องถูกทุกอย่าง ห้ามทำอะไรขัดใจกู

 

“กลับบ้านกัน” มันว่า ผมซบหน้าลงซ่อนความรู้สึกแล้วกอดมันแน่น

 

“กลับบ้านภีมนะ ไม่ไปโรงแรม”

 

มันผละมากุมแก้มผมทั้งสองข้าง ดวงตาผมมองมือที่หักของมัน มันไปผ่าเฝือกมาแล้วและไม่ได้เป็นอะไรมาก ใจผมชื้นขึ้นและเลยมาจ้องตามันผ่านม่านน้ำตา ตอนนี้ผมโคตรอ่อนแอ ผมยอมรับ

 

“พี่อยากให้เราอยู่ด้วยกัน”

 

“ไม่” ผมรีบตอบ

 

มันละหน้าไปมองทางอื่น ราวกับต้องการควบคุมอารมณ์และผมมองไม่ออกว่ามันโมโหไหม มันเลิกโวยวายเอาแต่ใจกับผมตั้งแต่เมื่อไร ผมจำไม่ได้ มารู้ตัวอีกทีปอมันเปลี่ยนไปเยอะมากจริง เป็นฝ่ายผมเองที่งี่เง่ามากขึ้นเรื่อยๆ

 

“ก็ได้ ไปขึ้นรถสิ” มันบอกเสียงเบา ยกมือขึ้นยีหัว โน้มมาจูบหน้าผากและเดินนำไป ใจผมที่ว่าร้อนรนนั้นก็เป็นมากกว่าเดิมที่มันไม่ยอมแสดงท่าทางอะไรเลยนอกจากนิ่ง

 

โอย ผมเดาปอมันไม่ออกอย่างเคย มันเป็นอะไรของมัน

 

มันควรจะบังคับผมสิหลังจากผมไม่ยอมดีๆ มันทำแบบนี้มาตลอดนะ

 

ผมใจสั่นจริงๆ

 

“พรุ่งนี้พ่อกับแม่บิน” ผมว่าผ่านความเงียบ มันหันมามองผมละจากถนน

 

“จะให้ไปรับไหม?”

 

“ยังถามโง่ๆ อีก” ผมหันไปว่ามัน ความขัดใจเกิดขึ้นมาน้อยๆ พร้อมรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของมัน

 

“เออ นั่นสิ ถามอะไรโง่ๆ” มันว่าพลางหันมามอง มืออีกข้างก็ยกขึ้นมาจับแก้มหยอก ผมหันไปมองมันเอ็ดใจด้วยสีหน้า ปอมันยิ้มแล้วกล่าวต่อ “เมียกูมันคิดถึงกูขนาดนี้ จะไม่ไปรับก็กระไรอยู่”

 

“รู้แล้วก็รีบมารับกูด้วย”

 

ไม่ปฏิเสธแม่งหรอก ให้มันรู้ไปสิว่าผมคิดถึงมัน

 

ผมยกแขนกอดอกนิ่งๆ คนเดียววางฟอร์ม ปอมันหัวเราะหึในลำคอและเงียบไปเสียเฉยๆ บรรยากาศแบบนี้ผมไม่ชอบเลย ชอบตอนที่เถียงกับมัน ทะเลาะกับมันมากกว่าอีก

 

ผมอยากถามว่าทำไมถึงทิ้งผมไปแบบนั้น ผมอยากรู้จริงๆ

 

ปอมันไปส่งผมที่บ้าน แวะคุยกับพ่อแม่และท่านก็ฝากผมไว้กับมันตามเคย ก่อนไปมันจูบผมซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธมันเลยสักครั้ง เพราะไม่ถึงอาทิตย์เราก็ต้องแยกจากกัน ทำราวกับพรุ่งนี้ผมกับมันจะไม่ได้เจอกันอย่างงั้นแหละ มันทำให้ผมรู้สึกกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นมา

 

ผมกลัวจริงๆ

 

 

อีกครั้งที่ตอนนี้ผมนั่งเหม่อ ชามข้าวที่อยู่รงหน้ายั่วยวนจนไอ้สันติกับสมปองเอร็ดอร่อยไม่พูดไม่จา ทว่าผมกินไม่ลง อีกไม่กี่วันเท่านั้นที่ผมกับมันจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาเห็นมันเป็นคนแรก จะไม่ถูกมันปลุกให้ตื่นมาโรงเรียน นึกแล้วน้ำตาก็พาลจะไหลออกมา ผมยกน้ำเปล่าขึ้นดื่มก่อนจะเงยหน้ามองคนที่วางชามข้าวแรงๆ ต่อหน้าด้วยความตกใจ

 

ไอ้บอย

 

มันยิ้มเหยียดๆ มายังผมก่อนจะทรุดตัวนั่งต่อหน้า

 

“มึงมาทำไมอีบอย ใครจุดธูปเชิญมึงยะ?” สันติมันว่า บอยมันยกยิ้มแล้วว่าเสียงเรียบ

 

“กูมาทำความรู้จักกับว่าที่อดีตเมีย ที่สุดท้ายจะเป็นเมียเก่าพี่ปอด้วยกันน่ะ”

 

ใจผมหายมองหน้ามันไม่ละ มันยกยิ้มกับแล้วทำหน้าแสแสร้งประหลาดใจว่า “อ้าว! ก็ไหนว่าเป็นคนปากดีอวดดีจังเลยล่ะ ไม่เห็นตอบโต้อะไรสักอย่าง เสียใจที่ผัวกำลังจะทิ้งเหรอจ๊ะพ่อคุณ”

 

“มึงเงียบไปเลยอีนี่ โดนเขาทิ้งแล้วมาพาล” สมปองมันว่า

 

“มึงน่ะไม่เหมือนภีมหรอกเว้ยเพราะพี่ปอเขาคบกับมันครบเดือน ไม่ใช่โดนเขี่ยทิ้งตั้งแต่สองอาทิตย์แรก อิอิ” สันติมันว่าเสริมพร้อมทั้งหัวเราะไปด้วย บอยมันขบกรามตัวเองแน่นหันมามองหน้า

 

“มึงไม่มีใครคบด้วยสินะถึงมาคบพวกอีตุ๊ดปากหมานี่ เหอะ!”

 

“โหยอีบอย มึงน่ะดีตายแหละ อีขี้อิจฉา อีนางร้ายไม่มีทะเบียน อีกสังคเวศ” สันติมันว่า ผมเบิกตา

 

“มึงนั่นแหละอีตุ๊ดสัมพเวศี อีพวกหูรูดเสื่อม!”

 

“หนอย มึงว่าเหมารวมเลยเหรอหา มึงอยากโดนตุ๊ดตบไหมละหา!” สันติมันร้องว่าพลางง้างมือ ผมรีบลุกขึ้นห้าม

 

“จะทะเลาะกันทำไมวะ ทะเลาะกันให้ได้อะไร?” ผมว่า

 

“กูก็ไม่ได้อยากทะเลาะกับอีกตุ๊ดหัวโปกนี่นักหรอก”

 

“อีบอย!” ไอ้สันติมันว่า “มึงมาหาเรื่องภีมแล้วมาด่าพวกกูก่อนนะอีนี่ อีขี้อิจฉา”

 

“พอเถอะซันนี่ กูไม่ได้เป็นอะไร มันพูดถูก ยังไงกูก็ต้องเลิกกับไอ้ปออยู่ดี”

 

“แต่พี่ปอยังไม่ได้ว่าจะเลิกนะ”

 

“ยังไงมันก็ต้องเลิก มันไม่เลิกกูก็จะเลิก กูอยากจบ!” ผมว่าเสียงเบาพลางผละเดินกระแทกเท้าออกมาท่ามกลางคนรุมมุงดูกลุ่มเรา ผมแหวกคนเดินออกมาด้วยหลายหลากความรู้สึก สิ่งหนึ่งคือเจ็บปวดที่พูดออกมาแบบนั้น

 

ดวงตาผมชะงักเมื่อเห็นใครยืนอยู่ตรงหน้า

 

ปอ…

 

ใจผมหายและอ่อนยวบเมื่อเห็นสีหน้า แววตาของมัน แต่ผมไม่อยากแสดงท่าทีที่อาลัยอาวรณ์มันให้มันได้ใจและให้คนอื่นนินทาขนาดนั้น ผมอยากปกป้องความรู้สึกตัวเองไม่ให้เจ็บไปกว่านี้อีกแล้ว ร่างผมชาดิกเมื่อกะว่าจะเดินสวนมันออกไปแต่กลับถูกมืออุ่นๆ นั้นรั้งไว้

 

มันไม่ได้พูดอะไรฝ่าความเงียบตอนที่เราหันมาสบตา ท่ามกลางคนทั้งโรงเรียนที่หันมามอง ผมไม่ชอบเลย ไม่ชอบแบบนี้เลย

 

“มาคุยกับกูให้รู้เรื่อง” มันว่าเสียงเบา ลากผมเดินแท่ดๆๆ ออกไปท่ามกล่างสายตาคนอื่น ทำไมช่วงนี้ผมหาเรื่องมันบ่อยจังวะ

 

“พอแล้ว คุยกันตรงนี้” ผมว่าพลางดึงมือกลับ คือหน้าโรงอาหาร มันยกมือสองข้างเท้าสะเอวหันมามองผมนิ่ง

 

“ไปพูดแบบนั้นทำไม!”

 

มึงโกรธอะไรปอ กูพูดความจริง

 

“มันคือเรื่องจริงไง กูพูดไปตามใจที่ตัวเองคิด”

 

“มึงคิดอะไรอยู่หาภีม?” มันเอื้อมมือมาแตะ ดวงตามองผมนิ่ง ตัดพ้อ แลดูน่าสงสาร

 

“ก็คิดว่าอีกไม่กี่วันกูกับมึงจะได้เลิกกันไง”

 

“แต่มันยังไม่ถึงวันนั้น”

 

“ถึงหรือไม่ถึงมันก็เหมือนเดิมปะวะ ยังไงกูกับมึงก็เลิกกันอยู่ดี กูพูดออกมามันจะเป็นไร”

 

“มึงอยากเลิกขนาดนั้นเลยใช่ไหม!?” ผมชะงักเมื่อมันตะเบ็งเสียงใส่ มันไม่เคยทำแบบนี้ตั้งแต่สองสามวันแรกที่คบกับผม คราวนี้ดูมันเหมือนกำลังโกรธจริง

 

ผมนิ่งเมื่อหลายสายตาหันมามองตามเสียง

 

“ทำไมมึงต้องเสียงดังขนาดนั้นด้วยวะ”

 

“กูถามว่ามึงอยากเลิกกับกูมากขนาดนั้นเลยเหรอ!” มันว่าพลางเอื้อมมือมาแตะ ผมนิ่งมองมัน ไม่กล้าตอบ เพราะผมไม่คิดอยากเลิกกับมันเลยไง แต่ผมไม่อยากรู้สึกเจ็บ ผมพูดไม่ออกว่าไม่อยากเลิก แต่ก็ไม่กล้ากล่าวคำว่าอยากจะเลิกกับมันเช่นกัน

 

เสียงออดเข้าเรียนช่วงบ่ายดังขึ้นคั่นกลางระหว่างเรา

 

ผมถอยตัวออกจากมันนิ่งพร้อมกับมันที่ส่ายหน้าว่า “ห้ามไป ตอบกูมาก่อน”

 

“ไม่” ผมว่า ส่ายหน้าตอบมันไปด้วย

 

“มาคุยกับกูให้รู้เรื่องก่อน!”

 

ไม่เอา กูตอบมึงไม่ได้ปอ กูรักมึง กูอยากอยู่ข้างๆ มึงตลอดไป แต่กูไม่อาจบอกมึงได้

 

“ภีม…ตอบพี่สิ!”

 

และนั่นเป็นเสียงร้องของมันที่ตามหลังมา ผมวิ่งไม่คิดชีวิตหนีมันออกมาดื้อๆ อย่างไม่กลัวใครว่าเลยว่าเป็นไอ้ขี้แพ้ ไอ้อ่อนแอ ผมยอมโดนครหาทุกอย่าง

 

ผมทนมองหน้ามันต่อไปไม่ได้แล้ว

 

กลัวที่ตัวเองจะร้องไห้

 

 

 

อิอิ แอบหัวเราะเบาๆ

เรื่องฉาก NC คงมีทั้งคนสมใจและไม่สมใจ นิยายเรื่องนี้มีคนเชียร์สองฝั่ง เชียร์ให้ยอมแล้วได้กัน กับเชียร์ว่าอย่ายอมต้องดัดนิสัยพี่ปอก่อน ไรต์เขียนไว้อยู่แล้วไงคะไม่ได้เขียนสด แต่งจนจะจบแล้วไง ผลก็เลยออกมาเป็น น้องภีมยอมแต่ปอไม่ยอม กร๊ากกกกกก แต่ก็นะ ฉากนี้ก็ถือว่าเรียกเลือดได้อยู่ละน่า หยวนๆกันไปเหอะ น้องเขาอุตส่าห์ถวายตัวขนาดนี้เพื่อรีดที่น่ารักน้า

ประเด็นคือพี่ปอทำไมไม่ทำอย่างที่ตัวเองอยากทำ พี่ปออดทนทำไม เหมือนพี่ธามเหรอ จงเดามาคนละหนึ่งข้อหรือสิบข้อก็ได้เดามาเหอะ 5555 เรื่องเข้มข้นขึ้นแล้วนะคะ เริ่มจะดราม่า แต่สอดแทรกความฮาความน่ารักของภีมมาอยู่หรอกไม่ต้องกลัว


ตอนหน้าก็ NC ค่ะ รอบไฟนอลล่ะ
 :o8: :o8:

 

 
หัวข้อ: Re: **(03.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 12-13
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 03-11-2014 20:41:22
สนุกค่าาาาา

ลุ้นสุดๆ

ตกลงยังไม่ได้กันนะ

โอเครอตอนหน้า 555
หัวข้อ: Re: **(03.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 12-13
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 03-11-2014 21:59:38
อารมณ์ค้างทั้งภีม ทั้งปอ และคนอ่าน  :serius2:
หัวข้อ: Re: **(03.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 12-13
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-11-2014 23:10:11
 :L3:
หัวข้อ: Re: **(03.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 12-13
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-11-2014 01:33:52
รู้สึกโกรธทุกคนแทนภีมจริงๆ(ด้วยความพาลส่วนตัว)
หัวข้อ: Re: **(03.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 12-13
เริ่มหัวข้อโดย: Wannida ที่ 04-11-2014 10:03:12
มองข้ามไม่ได้เลยนิยายเรื่องนี้ สนุกมากจร่า า อัพถี่โดนใจมาก
ภีมน่าจะบอกไปเลยว่ารักปอ เงียบอยู่แบบนี้ก็เจ็บปวดสะป่าวๆ ขนาดอีพี่ปอยังไม่อาย
ที่จะถาม แสดงความเจ็บปวดที่หนูภีมพูดแบบนั้นเลย อย่างน้อยก็ได้บอกความจริง นะเออ  :hao5:
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 14 Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 04-11-2014 21:52:29
 

ตอนที่ 14

 Part 1

 

ปวดประสาทว่ะ

 

โอย ปอแม่ง!

 

ตอนนี้ผมเหมือนซ้อมบี้ พาร่างอันไร้วิญญาณตัวเองเดินโยกเยกไปอย่างไร้จุดหมายหลังจากประตูโรงเรียนเปิด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นและสั่นไหวดึงให้วิญญาณเข้ามาอีกครั้ง มือก็ล้วงกระเป๋าตัวเองยกมาดูเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอทัชสกรีน เป็นรูปของไอ้ปอที่มันมือบอนมาตั้งไว้เองพร้อมเมมไว้เสร็จสรรพว่า ผัว ผมเพิ่งสังเกตเห็น ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยหรือผมชินกับคำนี้ของมันไปแล้ว

 

“เออ” ผมว่าหลังจากกดรับ พยายามลืมเรื่องเมื่อกลางวันแล้วคุยกับมันดีๆ

 

“รออยู่หน้าโรงเรียนนั่นแหละกูจะไปรับ” ผมนิ่งเมื่อได้ยินมันบอก จำได้ว่าเมื่อวานบอกให้มันรีบมารับ แต่ไหงวันนี้ถึงไม่อยากจะไปกับมันเลย

 

“ไม่เอา” ผมตอบ

 

“อย่ากวนตีน กูบอกให้รอก็คือรอ”

 

“อาจารย์สั่งงานไว้เยอะ กูรีบไปเคลียร์ แค่นี้นะ”

 

“ถ้ามึงวางกูจะตามไปลากมึงออกมาจากบ้านเลย มึงรู้ใช่ไหมว่ากูทำได้ ภีม” เสียงมันเย็นขึ้นมาทันทีเวลาไม่ได้ดั่งใจ นิสัยเดิมๆ นี่แฟนหรือว่าพ่อกันแน่วะ

 

ดวงตาผมมองหาทางหนีทีไล่เห็นศาลาหน้าโรงเรียนก็รีบกล่าวตอบไปทันทีว่า

 

“เออ กูรอตรงศาลา” คือกูไม่ได้กลัวมึงหรอกนะปอ แต่เหนื่อยที่จะมีปัญหา อีกอย่าง ผมอยากกอดมัน ให้มันนอนกอดไว้ทั้งคืนเผื่อจะเลิกนิสัยงี่เง่าสับสนนี่ซักทีถ้าถูกมันกอดจูบขอความรักบ้าง

 

ผมเป็นอะไรวะเนี่ย

 

“เชื่อฟังแบบนี้ค่อยรื่นหูหน่อย”

 

“ไอ้สัสอย่าลีลา กูขี้เกียจรอ” ผมบ่น

 

“กูกำลังขับออกไป มึงพูดไม่เพราะกับกูแบบนี้อยากโดนรึไงวะภีม มึงนี่จะพูดเพราะกับกูได้ก็ตอนจะโดนเท่านั้นใช่ไหม” ผมเบิกตาตัวเองนึกถึงหน้าตอนมันพูด นี่มึงจะเหี้ยมไปไหน

 

“มายัง” เปลี่ยนเรื่องดีกว่า

 

“แค่นี้แหละ” แต่แม่งไม่ยอมเปลี่ยนกับกู

 

ผมถอนใจฟังเสียงมันตัดสายก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง เป็นช่วงที่มันขับรถออกมาจอดตรงหน้าพอดี พอเงยขึ้นมามันก็บอกให้ขึ้นรถ ใจผมหายเมื่อเห็นสีหน้าของมัน ไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่

 

ก็ใช่ เพราะตอนกลางวันผมไม่ยอมเคลียร์กับมันให้รู้เรื่อง วิ่งหนีแล้วมาทำหน้าระรื่นไม่รู้ร้อนรู้หนาวแบบนี้ไง เป็นใครคงต้องขึ้นบ้างละ

 

ผมนั่งเงียบบนรถไม่ได้ถามว่ามันจะพาไหนก่อนรึเปล่า เพราะถึงรู้แล้วแย้งยังไงถ้ามันจะพาไปผมก็เถียงอะไรไม่ได้อยู่ดี ชอบพาผมเข้าไปอยู่กับกลุ่มเพื่อน ไปโชว์ว่าเป็นหนึ่งในคอลเลคชันของมัน แต่น่าจะเลิกทำแบบนั้นแล้วแหละเดี๋ยวก็มีของเล่นอันใหม่แล้ว

 

 

ผมถอนใจมองมือตัวเองที่กุมกันในความเงียบนี้

 

“มึงคิดยังไง จนถึงตอนนี้” ผมหันไปมองมันจากด้านข้าง หลังจากเสียงของมันฝ่าความเงียบขึ้นมา น้ำเสียงของมันเรียบและไม่รู้สึกรู้สา

 

“อะไร?” บอกตรงๆ ไม่เข้าใจความหมายที่มันว่า

 

“มึงตั้งใจจะรอให้ครบเดือนแบบที่ไม่ต้องเอากับกู”

 

ผมหันไปมองมันอย่างตกใจที่รู้ทัน “ปละ เปล่า”

 

“มึงรู้มั้ยทำไมกูถึงต้องไปเอากับคนอื่นทั้งๆ ที่ได้ชื่อว่ายังคบกับมึงอยู่ ก็เพราะว่ามึงไม่คิดจะเคยให้กูไง”

 

รู้ ผมรู้แล้วและรับผิดทุกอย่าง ตั้งแต่มันบอกผมคราวนั้น แตผมก็คิดจะยอมมันแล้ว แล้วมันวิ่งหนีผมไปทำไม

 

“แล้วมึงรู้ไหม อะไรที่ทำให้ความอดทนของกูสิ้นสุดวันนี้…” ปอมันว่าเสียงเรียบ

 

 “ปอ กูอยากกลับบ้าน” ผมว่าเสียงเบา เมื่อเห็นมันเลี้ยวเข้าโรงแรม ผมคิดว่ายังไงมันต้องฟังผม

 

“มึงต้องฟังกูก่อนที่จะขัดขึ้นมา” มันหันมาว่า ร่างของผมสะดุ้งสุดตัวหันไปมองดวงตากร้าวๆ นั่น

 

“ปอ เป็นอะไร โกรธอะไรมา?”

 

“ยังจะมาถามอีกนะ เพราะมึงไงที่ทำให้กูโกรธ มึงคิดว่าจะมีใครทำให้กูโมโหได้ขนาดนี้งั้นเหรอ?!”

 

มันหันมาก่อนจะดับเครื่อง เดินมาลากผมเข้าไปข้างในท่ามกลางสายตาของพ่อมันที่มองตามร่างของผมกับลูกชายตัวเองไม่ละ ใจผมสั่นด้วยหลายหลากความรู้สึก แต่สิ่งเดียวในใจคือกลัว

 

“ปอ…” ผมว่าเสียงเบาให้มันหันมาสนใจความรู้สึกบ้าง มันโมโหขาดสติ ไม่สนเลยสักนิด มันเป็นอะไร มันโกรธเหรอที่รู้ว่าผมไม่เคยคิดจะยอมมัน

 

ใจผมหายไปดื้อ คนๆ นี้ไม่ใช่ปอที่ผมรัก

 

มันไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นเหมือนตั้งใจโทรบอกให้ผมยืนรอเพื่อให้มันพาตัวเองมาโดนมันทำแบบนี้ ร่างของผมถูกดึงเข้าไปภายในห้องเดิมๆ ด้วยความไม่เต็มใจนัก ท้ายที่สุดมันก็ผลักผมให้ทรุดตัวลงนั่งบนปลายเตียง ผมมองหาทางหนีทีไล่ทั้งขมวดคิ้วเป็นก้อนบอกว่าตอนนี้ไม่เต็มใจ

 

“จะทำอะไร มันเจ็บนะ!”

 

“เออ จะได้เข้าใจกูไง”

 

“เข้าใจอะไร มึงมัวแต่โมโหไม่ฟังเหตุ…”

 

“ที่กูโมโหเพราะจนแล้วจนรอดมึงก็ไม่ยอมบอกกูว่าจริงๆ แล้ว มึงไม่คิดจะยอมนอนกับกูตั้งแต่แรก! มึงสนุกมากไหมภีม เล่นกับความรู้สึกของกู เล่นกับความหวังของกู!”

 

“ไม่ได้เล่น” ผมรีบตอบ ดวงตาจ้องมันไม่ละ รับรู้ถึงความเจ็บที่มันมองให้จากมือทั้งสองข้างที่กำต้นแขนและเขย่าร่างผมจนสั่นคลอน

 

“ปอ อย่าทำแบบนี้”

 

ผมกลัวมัน

 

“ทำไม ไหนบอกจะยอมกู หา!” มันว่า ผมยกมือกุมหน้าตัวเอง

 

“ภีมขอโทษ แต่ภีม…”

 

ผมตั้งใจจะยอมมันแล้ว ผมกลั้นน้ำตาตัวเองไม่อยู่ไม่อยากร้องไห้ให้มันเห็น

 

“เลิกสำออยได้แล้วภีม ก็ไม่หลงกลมึงอีกแล้ว มึงสนุกมากไหมที่กูยอมทุ่มทุกอย่างให้กับมึงไม่ห่วงแม้แต่ตัวกูเอง มึงคงภูมิใจมากล่ะสิที่ปั่นหัวไอ้สารเลวอย่างกูได้ ควบคุมกูได้!”

 

ผมรีบส่ายหน้า

 

“กูอุตส่าห์รู้สึกผิดตอนที่มึงขอให้กูทำ กูอุตส่าห์ทนหันหลังวิ่งหนีมึงมา กูนอนทรมานคิดถึงมึงบนเตียงตัวเองทั้งคืน! ให้เกียรติมึงทุกอย่าง! มึงละอายใจบ้างไหมที่หลอกกูแบบนี้!” มันจ้องตาผมนิ่ง

 

ใจผมหายที่ได้ยินมันบอกถึงเหตุผลที่ทิ้งผมไปวันนั้น

 

น้ำตาผมไหลไม่หยุดไม่คิดว่ามันจะให้เกียรติผมในวันที่ผมสับสน

 

แต่ตอนนี้ แววตาของมันโกรธ มันแค้น

 

“เปล่านะปอ ภีมแค่คิดตอนแรก แต่…”

 

“แต่มึงก็เปลี่ยนใจ มึงคิดมากกูรู้ แต่กูไม่เข้าใจว่าทำไมมึงไม่บอกกู แต่กลับไปบอกไอ้พี เหอะ! ชอบใช่ไหมที่ทำกูขายขี้หน้าภีม!”

 

ผมได้แต่ส่ายหน้ามองมันที่กล่าวต่อ “ก่อนเลิกมึงคงคิดแล้วล่ะสิว่าอยากให้กูซื้ออะไรให้ ไหนล่ะลิสต์รายการที่อยากได้ เอาออกมาสิ กูจะเอาไปซื้อมาฟาดหน้ามึง รึมึงอยากได้เงิน เอาไปให้พ่อมึงใช่ไหม เอาไปสิมึงอยากได้เท่าไ…”

 

ผมตวัดมือฟาดหน้ามันสุดแรงทั้งสะอื้น

 

“มากเกินไปแล้วนะปอ!”

 

“มึงไม่มีสิทธิ์ทำกูแบบนี้ภีม!”

 

ใบหน้ามันก้มมาจูบ รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ อารมณ์ฉุนเฉียวต้องการให้ผมรับความเจ็บ ผมเม้มปากไม่ยอมให้ทำตามใจง่ายๆ ส่ายหน้าหนี ซึ่งรู้แล้วว่าเป็นการยั่วโมโหมันอย่างมาก มือหนาของมันยกมาล้อคแก้มผมทั้งสองข้างและพยายามใช้ลิ้นแทรกเข้ามา

 

“อะ…”

 

มือของมันหยิกเอวผมเจ็บแสบ ร่างกายผมสะดุ้ง อีกไม่นานมันคงเป็นรอยช้ำขึ้นมาเพราะวัดจากความเจ็บ ในระหว่างที่เปร่งเสียงร้องมันก็แทรกลิ้นเข้ามาไล่ตามลิ้น ดูดเลียลิ้นของผมราวกับมันหอมหวานเหมือนเยลลี่ที่น่ากัดกิน

 

ตัวผมสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผมกลัวมันตอนนี้ ผมได้แต่ร้องไห้ โอดครวญและเปร่งเสียงอ้อนวอนให้มันหยุดการกระทำที่ใจร้ายแบบนี้ ผมอยากได้พี่ปอคนเดิมกลับมา พี่ปอที่แคร์ผม ฟังคำขอของผมทุกอย่าง

 

แต่มันไม่มีทางเป็นแบบนั้น

 

ปอเกลียดและโกรธผมมาก ผมรู้ผมผิดที่ไม่บอกมัน

 

“พะ พอได้แล้วปอ”

 

“มึงทำตัวเองภีม ถ้ามึงบอกกูตั้งแต่แรก ไม่ปั่นหัวให้กูปวดหัวมาตลอดมึงคงไม่มีจุดจบอย่างนี้หรอก”

 

ลมหายใจมันระจมูกผม ความร้อนจากริมฝีปากที่บดขยี้เข้ามา ความกลัวของผมไม่ได้จางหายออกไป ยอมรับว่าเรื่องแบบนี้มันเก่งเชี่ยวชาญมาก แต่ถึงอย่างไรผมก็รู้สึกกลัวอยู่ดี เพราะจูบของมันไม่ลดความรุนแรงลงเลยสักนิด

 

ผมบ่ายหน้าหนีไม่ให้มันจูบต่อ มือข้างหนึ่งมันล้อคคางผมไว้อีกครั้งพร้อมกับแนบความร้อนชื้นเข้าสู่ปากผม เสียงมันจูบผมดังไม่หยุด แต่ละครั้งที่แนบปากกันราวกับว่ามันได้ดูดเอาพลังที่มีในกายของผมไปด้วย ร่างกายผมอ่อนยวบพร้อมกับใจที่สั่น ใจผมหายเมื่อมันละใบหน้ามาแสยะยิ้มด้วยความสะใจ

 

“กูจะทำให้มึงไม่ลืมกูไปตลอดชีวิต”

 

ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่เอา ผมไม่ชอบพี่ปอที่เป็นแบบนี้ ได้แต่คิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

“คราวนี้ถึงมึงร้องไห้ยังไงกูก็ไม่หยุด”

 

มันว่าพลางมองมาที่ปากของผม ก่อนจะขยับหน้าเข้ามาใกล้อย่างที่ใจคิด จมูกโด่งชนเข้ากับจมูกของผม มันเอียงใบหน้าให้ได้องศาก่อนจะทำตามสิ่งที่ตัวเองบอก

 

จูบ กัดริมฝีปากจนเลือดซึมได้กลิ่นคาว อะไรทำให้มันทำผมแบบนี้ ผมได้แต่กลั้นสะอื้นให้ตัวเองเข้มแข็ง

 

ผมเช็ดคราบน้ำลายและเลือดที่เลอะปากหลังจากที่มันละออกแล้วหันไปอีกทาง เสียงสบถว่ารสชาติห่วยแตก ผลักร่างผมนอนลงบนเตียง ใช้สองเข่ากดร่างผมไว้ไม้ให้ขืน

 

มือของมันแกะกระดุมเสื้อเผยให้เห็นร่างกายที่ขืนสู้ของผม ใบหน้าของมันก้มโน้มลงมาใช้ลิ้นเลียที่ซอกคอ ลากลงมาจนถึงยอดอก ผมเม้มปากแน่นพร้อมกับลมหายใจที่สั่นระริกกับความร้อนของลิ้นสากๆ นั้น ดวงตามองเส้นผมตรงสลวยของมันก่อนจะหลับตาปี๋เมื่อมือไล่ไปทั่วทั้งตัว ระบายอารมณ์เกี้ยวกราดมาบนร่างกาย

 

ผมกุมมือมันแน่น

 

“อย่า ภีมเจ็บ!”

 

มันละมามองตาผมที่ฉ่ำไปด้วยน้ำ น้ำตาอาบมาจนถึงไปหู ละไปมองด้านอื่นอย่างไม่ใยดี ผมผิดอะไรถึงทำให้เขาเมินผมได้ถึงขนาดนี้ พี่ปอไม่เคยทำกับผมแบบนี้

 

ผมได้แต่ส่งเสียงร้องไห้ แม้หลายครั้งมันจะก้มลงมาแนบปากจูบให้เงียบ ออกคำสั่งให้เลิกร้องไห้ ผมต้องการให้มันกอดและโอ๋ผมอย่างเคย ผมต้องการมันแบบนั้นจริงๆ แต่มันเอาแต่ทุบผมไหล่ผม จิกหัวผมให้เงยไปรับจูบ

 

แต่ผมเจ็บที่ใจมากกว่า

 

มือของมันกุมมือของผมแน่น เพราะมันกลัวผมจะหนี ผมรู้ อีกข้างก็ทำงาน ล้วงเข้าทางขากางเกง ร่างกายผมกระตุกพร้อมกับเบี่ยงหน้าหนีเมื่อมันเงยขึ้นมามองกับการตอบสนองของผม

 

“อย่า…”

 

“ทำไม! อย่างกับไม่เคย” มันว่า ใช่ผมไม่เคย ไม่เคยถูกมันสัมผัสรุนแรงแบบนี้มาก่อน ผมขมวดคิ้วตัวเองด้วยหลายหลากความรู้สึกที่มีตอนนี้ ทั้งกลัว ทั้งเกลียดตัวเอง ทั้งรู้สึกดี แต่ความเจ็บปวดมากกว่า ร่างกายผมไม่ตอบรับกับมือที่รุนแรงของมัน บิดหนีและดันไหล่มันออกจากตัว

 

มันเองก็คงไม่พอใจที่ผมไม่ตอบสนองอย่างเคย ไม่ร่วมมือและไม่รู้สึกอะไรกับมือของมัน มีแค่ต่อต้าน มันผละมาฝังจูบบนขมับ กัดหู ผมสะดุ้งที่มันรู้ว่าจะทำยังไงให้ผมตอบสนองมัน

 

“หยุด พอได้แล้ว เลิกทำแบบนี้ได้แล้ว!” ผมร้องว่า เบี่ยงไปหน้าหนีมันที่เปลี่ยนมาเร้าอารมณ์ด้านอื่นแทน  มันละใบหน้ามามองผมนิ่ง

 

“แล้วมึงจะทำไม?”

 

“คนแบบมึงไม่มีวันทำให้ใจกูอ่อนได้เหมือนวันนั้นอีกแล้วปอ ฮึก…กูจะไม่ใจอ่อนคิดจะยอมนอนกับมึงเหมือนวันนั้นอีก ไม่มีทาง มึงมันเลว มันสกปรก มึงคิดแต่จะให้กูเป็นที่ระบายของมึง มึงอยากนักก็เอาเลย!”

 

ผมตะเบ็งสุดเสียง มือยกทุบไหล่มันสู้ มันเองก็ไม่แพ้กัน จับข้อมือผมกดไว้กับเตียงทั้งสองข้าง

 

 “จะไม่ขัดขืนแล้วใช่ไหม เอางั้นก็ได้!”

 

“ใช่ เอาตัวกูไปเลยให้สมใจมึง ปอ แต่มึงรู้ไว้เลย ฮึก! กูเกลียดมึง!”

 

“ได้ ยอมกูทุกอย่างสินะ ไหน เกลียดกูมากไหม!?”

 

ผมชะงักเมื่อเห็นแววตาของมัน ร่างกายตัวเองถูกกระชากขึ้นมานั่งพร้อมกันนั้นเห็นมันกำลังถอดเข็มขัด ปลดซิบกางเกง ดวงตาละไปมองทางอื่นทันทีที่มันเผยสิ่งที่ซ่อนเร้นในกางเกงบ๊อกเซอร์ออกมาอย่างไม่อาย อันที่จริงขนาดของมันไม่น่าอาย เป็นฝ่ายผมที่ไม่กล้ามองไปเองทั้งๆ ที่ไม่ได้เพิ่งจะเห็นครั้งแรก

 

“มัวรออะไรอยู่?” ผมชะงักเมื่อมือของมันเชยคางของผมให้หันไปมอง มันกดหัวของผมลงไปพร้อมกับกล่าวเสียงเรียบว่า “รีบๆ ให้มันเสร็จซะ!”

 

ดวงตาผมเบิกกว้างมองมันไม่ละ ดวงตามันเผยแววเย้ยหยันมาและดูถูก เหยียบย่ำผมจมดิน ต้องการความสะใจเป็นที่ตั้ง มือมันกำเส้นผมบนหัวกระชากให้ก้มลง ผมยกมือกุมหัวตัวเองร้องไห้พลางส่ายหน้าไปด้วย

 

ไม่มีทาง!




ต่อพาท 2 น้า
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 14 Part 2
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 04-11-2014 21:55:50


ตอนที่ 14

Part 2


ผมรู้สึกถึงความร้อนที่แล่นเข้ามาสู้ใบหน้า ดวงตา ผมร้องไห้จนแทบน้ำหมดไปทั้งตัว พยายามส่ายหน้าบอกมัน ผมอยากยุติเรื่องทั้งหมดไวๆ

 

“ไม่เอา หยุดเถอะปอ ขอร้อง!”

 

“หยุดยังไงละภีม มึงตอบกูมาสิว่าหยุดยังไง!” มันจับหัวผมก้มลงเข้าไปหาแก่นกลางที่ตั้งชูของมัน พยายามขืนแรงสู้ไม่กลัวจะเจ็บหัว

 

“กูไม่ทำ”

 

“มึงต้องทำ ในเมื่อกูตั้งใจทำกับมึงดีๆ มึงยั่วโมโหกูก่อนเอง งั้นมึงก็เอาแบบทรามๆ ไปก็แล้วกัน แค่ครั้งเดียวเลย กูเอามึงเสร็งจะเลิกกับมึงเลยสมกับที่มึงอยากเลิกไง!”

 

ไม่ต้องการ ผมไม่อยากเลิกเลย!

 

“ปอ…อะ” ความรู้สึกจุกถึงคอหอยเมื่อมันกดคอผมลงไปพอดี ดวงตาของผมตอนนี้มีแต่น้ำตาเมื่อความอ่อนโยนของมันไม่มีเหลือ ปอมันใช้แต่อารมณ์กับผม

 

“อึก…” ผมพยายามจะคายมันออกพร้อมกันกับมันที่กดหัวผมลง ตัวผมสั่นไปหมดด้วยความกลัว

 

“ภีมพี่บอกให้ทำ อยากเจ็บตัวไหมหา!” ผมขืนแรงสู้ พยายามดันตัวเองออกพร้อมกับมันที่กดหัวลง ผมร้องไห้ สะอื้นสุดเสียง

 

“ทำให้ทุกอย่างมันจบอย่างที่มึงต้องการ ทำ!” เสียงของมันข้างบนว่า บังคับข่มเหงให้ยอม ใจผมอ่อนล้าเต็มที หลอกตัวเองว่าพี่ปอของผมจะกลับมา เรียกร้องความสนใจกี่ครั้งมันก็ไม่คิดจะสนใจ

 

ผมไม่ขืนแรงตัวเอง จะยอมทำตามที่มันต้องการ จะได้ออกจากนรกขุมนี่สักที!

 

ลมหายใจของมันติดขัดพลางโยกหัวผมขึ้นลง ผมพยายามผ่อนปรนอารมณ์ตัวเองไม่ให้สะอื้นเมื่อมันละมือออกจากหัวเพราะเห็นผมไม่ขัดขืน ผมคายมันออกก่อนจะยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี ไม่มองตามัน เก็บกลั้นเสียงสะอื้นตัวเอง บังคับน้ำตาให้เหือดแห้งและไม่มองหน้า ก้มหน้าก้มตาปรนเปรอแบบที่มันต้องการ

 

ทุกอย่างจะได้จบ

 

ลิ้นของผมแตะไล่ไปทั่วแก่นกลางความรู้สึกของมัน เป็นหรือไม่เป็นทำแค่เลียๆ ไป ใช้มือช่วย ปรนเปรอให้ปออย่างที่สุด เสียงลมหายใจของมันดังราวกับเพ้อจากพิษไข้ มือหนาๆ โยกหัวของผมขึ้นลงไปตามจังหวะ ไม่ยอมให้ผมละออกมาหายใจ พยายามตักตวงเอาความสุขจากปากของผมอย่างไม่ลืมหูลืมตา

 

ปอมันคิดบ้างไหมว่าผมรู้สึกยังไง เจ็บปวดแค่ไหน หรือคิดแค่อยากจะสะใจ น้ำตาผมไหลลงแหมะบนน้องชายของมันทั้งยังทำตามใจมันไม่ละ ปากร้อนและสั่น เมื่อมือของมันแตะหัวของผมเบาๆ และแปรเปลี่ยนมาจิกรั้งเส้นผมอีกครั้ง

 

ผมกลั้นหายใจเมื่อมันเร่งความเร็วและรุนแรงไปพร้อมกันก่อนจะผลักผมออกไปจากตัว ใช้มือมาจับมือของผมไปช่วยให้มันถึงขั้นสุดท้าย มันเม้มปากแน่นและเชิดคอสูดลมหายไปใจพร้อมกับใช้มือของผมกอบกุมร่างกายตัวเองไปถึงฝั่งฝัน

 

เสียงมันครางต่ำและเกร็งตัว มือของผมเปื้อนไปด้วยธารน้ำที่สาดออกมาไม่ยั้ง

 

ก่อนที่ร่างของผมจะถูกผลักให้นอนลงบนเตียง ความกลัวแล่นเข้ามาอีกครั้งเมื่อเห็นมันหยิบถุงยางจากหัวเตียงมาเตรียมไว้ คร่อมร่างของผม ใบหน้าของมันไม่แม้แต่จะมองผมสักนิดว่ามีสีหน้ายังไง เจ็บปวดขนาดไหน มันดึงกางเกงของผมออกอย่างไม่ใยดีพร้อมกันนั้นก็ชะโลมเจลใส่นิ้ว จัดการกับร่างกายของผม ผมร้องไห้ไม่หยุดแม้แต่วินาทีเดียว

 

“ปอ เจ็บ ฮึก…” ผมกัดปากตัวเองจนรู้สึกถึงเลือดที่มันซึมออกมา มันกระชากข้อเท้าให้ร่างขยับเข้าหาพร้อมกับว่าเสียงขรึม

 

“จำไว้ คนที่กล้าดื้อกับกูต้องเจอแบบนี้”

 

ผมร้องไห้ เมื่อมันสอดสอดส่วนหัวเข้ามา มันคับแน่น เข้ามาอย่างยากลำบาก ความเจ็บปวดทุกครั้งที่เคยโดนมันจางหายไปหมดเพราะครั้งนี้ผมไม่รู้จะขอร้องให้มันหยุดยังไง

 

“พี่ปอ พี่ปอ…เอาออกไป ฮึก…มันเจ็บ ภีมเจ็บจริงๆ!” ผมดันตัวมันออกจากร่างสุดแรง มันไม่แม้แต่จะเขยื้อน

 

“มึงจะได้รู้ไงว้ากูรู้สึกยังไง!”

 

มันว่าพลางโน้มตัวมาเท้าแขนสองข้างกับพื้นเตียงขณะที่ใส่ส่วนหัวเข้าไปได้ พยายามดันตัวเข้ามาให้สุดลำ ความเจ็บและความยากตอนใส่เข้ามาอธิบายได้ถึงขนาดของมันเป็นอย่างดี มันมุ่นคิ้วตัวเอง หยีหน้าเหมือนเจ็บมองหน้าผมที่เปื้อนเปรอะไปด้วยน้ำตาและคงบวมเป่งเพราะมือรุนแรงของมัน

 

“พี่ปอ เจ็บจริงๆ มันเจ็บจริงๆ” ผมกลั้นสะอื้น ดันหน้าท้องของมันที่สอดตัวเข้ามาระหว่างขา มันจับขาผมอ้าออก จับหัวเข่าทั้งสองข้างลงกับเตียงจนก้นลอยขึ้น ก้มหน้ามองส่วนที่ผมกำลังเจ้บและดันเข้ามาเรื่อยๆ เจลลื่นๆ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

 

“อีกนิดเดียว”

 

“ไม่เอา พอแล้ว”

 

“พอห่าอะไร อ้าขาดีๆ มันยังไม่สุด” มันว่าเสียงเข้ม กัดริมฝีปากล่างดันตัวเข้ามาพร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บของผม หัวเหน่ามันแตะก้นผมแล้ว ตัวเองเกร็งไม่หยุดกับความรู้สึกในสิ่งแปลกปลอมข้างในตัว

 

มือผมกำผ้าปูเตียงแน่นเม้มปากไม่ให้ร้องเสียงดัง พยายามควบคุมลมหายใจไล่ความเจ็บพร้อมกับเสียงกระเส่าของคนบนตัว ปอมันขยับตัวโน้มมาเท้าแขนบนเตียงอีกครั้ง มองหน้าผมที่อยู่ใต้ร่าง เอวมันค่อยๆ ขยับตัวเข้าออกในร่างกายผมส่งผลให้ร่างสะเทือน ผมเบี่ยงหน้ายกมือสองข้างเกาะต้นแขนมัน เม้มปากตัวเองไม่ให้ร้อง

 

“เอามันออกไป เจ็บ!” ผมผ่อนเสียงตัวเองว่า

 

มันกดไหล่ผมแนบพื้นเตียง “อย่าเกร็ง กูก็เจ็บเหมือนกันนะ!”

 

“เอาออกไป” ผมว่าพลางดันหน้าท้องมันสุดแรง

 

ทั้งเจ็บ ทั้งจุก ทั้งแน่น อะไรร้อนๆ คับๆ ครูดอยู่ข้างในครั้งแล้วครั้งเล่าไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เสียงของมันครางต่ำในซอกคอ ไม่มีสัมผัสที่อ่อนโยนและเพิ่มความรุนแรงไม่ละ แต่ละครั้งที่กระแทกกระทั้นเข้ามา ร่างกายผมแทบจะแหลกเป็นผุยผง ครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายที่อยู่ระหว่างขาของผมนั้นก็ทำร้ายผมโดยที่ไม่เงยมามองใบหน้าของผมสักนิด

 

“เป็นไงล่ะ หืม?” มันว่าเสียงเบา มองร่างกายของผม

 

ผมรู้ว่าเมื่อก่อนที่มันทำดีกับผมเพราะแค่อยากนอนกับผมเท่านั้นแหละ มันไม่เห็นเห็นใจผมตั้งแต่แรก มันเกลียดผม แววตามันสะใจที่เห็นผมร้องครางอย่างบ้าคลั่ง

 

“หึ นี่กูไงอยู่ในตัวมึง นี่ไงที่มึงหลอกกู ตอนนี้มันเข้าไปในตัวมึงแล้ว รู้สึกยังไง หา?”

 

“พี่ปอ อะ! พี่ปอ” ผมร้องพลางดันหน้าอกมัน

 

“ปากบอกว่าไม่ แต่ดูมึงสิภีม นอนยั่วกูแบบนี้ หืม…มึงพอใจใช่ไหม?”

 

“พี่ปอ…พี่ปอหยุ…”

 

“อย่าคิดให้กูหยุดเพราะกูบังคับตัวเองไม่ได้แล้ว นอนครางอย่างเดียวก็พอ”

 

มันว่า มือข้างหนึ่งสอดใต้เอวไม่ให้ร่างผมถอยออกห่างและดึงเอวเข้าไปหาร่างของมันที่กระแทกเข้ามาไม่กลัวเครื่องผมพัง ไม่กลัวผมจะฉีกขาด เสียงมันครางและฟัดตัวผมราวกับคนคลั่งที่ได้ปลดปล่อยความดิบเถื่อน

 

มันจูบผมบ่อยเหลือเกิน นับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่ที่เราคบกัน แต่ตอนนี้ ปากของผมมันสกปรก มันไม่คิดที่จะจูบผมอีกแล้ว ผมได้แต่ร้องไห้ รอให้ชั่วโมงนี้ผ่านไป

 

ความรุนแรงของปอถาโถมเข้ามาไม่หยุดยั้งและทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างของผมกระเด็นกระดอนจนจุกจนร้องแทบไม่เป็นภาษา อย่าถามหาอารมณ์สนองเลยเพราะมันไม่มีความรู้สึกนั้นจริงๆ มีแต่ความเจ็บปวด

 

กระทั่งมันถึงขีดสุด ทั้งรุนแรงและป่าเถื่อนกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า มันพาตัวเองขึ้นสวรรค์ท่ามกลางความเจ็บปวดและเสียงร้องไห้ของผม

 

เสร็จกิจแล้ว มันก็ถอนกายออกและหันไปทำความสะอาด ถอดถุงยางแล้วม้วนทิชชู่ลงถังขยะ เอื้อมไปหยิบอีกอันมาสวม ใจผมวูบหายเมื่อไม่ทันได้หายเจ็บก็ถูกดึงขึ้นไปนั่ง

 

“ใครบอกว่าจะจบง่ายๆ”

 

จับผมขึ้นนั่งบนตักแล้วสอดแก่นกายเข้ามาทีเดียวทั้งลำ ตัวผมสะดุ้งกับขนาดผิดธรรมาชาติที่กระแทกเข้ามาในตัว น้ำตาอาบลงแก้มเมื่อถูกจับนั่ง มันบีบเนื้อบั้นท้ายผมรุนแรงและจับยกขึ้นลง ร่างกายที่เชื่อมต่อกับมันเสียดสีกันภายในท้อง มือผมกอดคอมัน ร่างกายไร้เรี่ยวแรง

 

“อะอื้อ…มะ ไม่…”

 

ทำไมครั้งนี้ผมรู้สึก

 

ปอมันจูบและส่งเสียงครางในลำคอ ตัวผมสั่นไปกับความเจ็บทางด้านหลัง แต่ความรู้สึกหนึ่งแผ่ซ่านขึ้นมาเรื่อยๆ เข้ามาช้าๆ ร่างกายตื่นตัวตอบสนองเมื่อพี่ปอมันจูบ ใช้ลิ้นเลีบนลำคอและจับผมโยกขึ้นลงไปพร้อมกัน

 

เสียงเนื้อกระทบเนื้อ จับผมนอนหันหลังให้และกระแทกเข้ามาแรงๆ หูผมได้ยินแต่เสียงผั่บๆๆๆ กับเสียงร้องของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีทางจะหยุดทำง่ายๆ มันพาผมทำตามใจตัวเองเนิ่นนานและอยู่อย่างนั้นแทบจะทั้งคืน ไม่สาสมใจสักครั้งแม้ร่างกายผมจะเหนื่อยอ่อนสักแค่ไหน

 

ร่างของผมล้มตัวลงนอนบนเตียงเมื่อมันผลักมา ไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลยแล้วเพราะมันเจ็บไปทั่วตัวและไม่มีความเจ็บไหนมาแทรกอีก มันทิ้งถุงยางลงถังขยะก่อนจะหันมามองร่างของผมที่ยังนอนนิ่งอยู่ท่าเดิม ร่างกายผมชาไปทุกส่วน ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับขาเปลี่ยนจากท่าแสนน่ารังเกียจนี่มานอนดีๆ

 

ผมพริ้มตาไล่หยดน้ำให้ไหลอาบไปถึงหู ความรู้สึกจากความร้อนของมือหนาๆ นั้นแล่นเข้ามา มันกุมมือผมแน่นก่อนจะยกผ้าห่มมาคลุมตัวให้แล้วก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว ผมพยายามรวบรวมแรงไปไว้ที่ขาสั่นๆ พร้อมกับพาร่างตัวเองลุกขึ้นนั่ง

 

ผมอยากไปนอนพักคนเดียวสักสองสามวัน

 

“ภีมจะกลับบ้าน”

 

มันหันมามองทั้งยังสวมเสื้อผ้า ใช่ อีกไม่นานจะเช้าแล้ว มันทำกับผมทั้งคืนโดยที่ไม่คิดจะสงสาร

 

 “นอนอยู่นี่แหละ”

 

“ไหนบอกจะแยกย้าย ไหนบอกจะเลิก” ผมเงยไปมองมันพร้อมกับยกมือเช็ดคราบน้ำตา คราบน้ำลายตอนที่มันจูบบนใบหน้าออก

 

“กูไม่ให้มึงไป รึมึงจะเอาอีกยกให้ลุกไม่ขึ้นถึงจะฟังกู”

 

น้ำตาผมหล่นแหมะลงเตียงอีกครั้งพร้อมกับก้มหน้า มันเดินเข้ามาผลักผมให้นอนลงบนเตียงเหมือนเดิมพร้อมออกคำสั่ง “นอน อย่ามาทำอวดเก่งกับกู กูไม่ชอบ”

 

“แต่…”

 

“กูเปลี่ยนใจแล้ว ช่วงสุดท้ายกูจะใช้ให้มึงคุ้มสุดๆ เลยภีม สมกับที่กูต้องอดทนถูกมึงปั่นหัวมานานไงล่ะ”

 

“ปอ… ไหนบอกแค่ครั้งเดียว”

 

“ตอนนี้ก็อยู่เหนือมึง มึงเป็นของๆ กูแล้ว แล้วอย่าหวังว่าจะเดินไปจากกูง่ายๆ”

 

มันชี้หน้าว่า ผมนิ่งมองมันก่อนจะละใบหน้าไปทางอื่น ปล่อยให้น้ำตาไหล เพราะโทษคนที่ผิดก็ต้องโทษตัวเองที่ไปตกลงกับมันเอง ไปหลอกมันเอง หลอกตัวเองว่าจะเปลี่ยนมันให้ได้

 

ผมน่าจะยอมมันตั้งแต่วันนั้นเสียก็ดี เจ็บตัวตอนนั้นยังดีกว่าเจ็บทั้งสองอย่างแบบนี้ ทั้งตัวทั้งใจ และยิ่งเห็นว่าปอโกรธเรื่องที่ผมหลอกมัน ใจผมสั่นไหวไม่หยุดจากตอนที่มันบอกว่าตั้งใจจะให้เกียรติผม ผมจำใบหน้าตอนมันทุรนทุรายกุมกางเกงตัวเองได้ ทรมานและอยากปลดปล่อยใจจะขาดแต่กลับเลือกจะปกป้อง ไม่ทำร้ายด้วยการวิ่งออกไป ผมภูมิใจในตัวมันตรงข้อนั้น

 

ผมรังเกียจตัวเองตอนนี้ ปอมันเปลี่ยนแล้วก็จริง แต่สิ่งที่ผมทำก็เรียกนิสัยดิบของมันออกมาอีกเหมือนกัน

 

มันยังโกรธผมอยู่ ผมรู้ ถึงแม้จะได้ระบาย ได้โต้เถียงกับผม

 

ผมไม่ควรโกรธมัน ปอมันโตขึ้นแล้วจริงๆ

 

ผมนอนฟังเสียงฝีเท้าของมันที่เดินออกไปจากห้องพร้อมกับน้ำตาที่ยังไหลไม่หยุด และไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนตื่น ดวงตาผมมองออกไปยังนาฬิกา บางบอกเวลาทุ่มกว่าของวันถัดมาแล้ว และเห็นร่างของไอ้ปอที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

 

มันโน้มตัวมาแตะหน้าผาก ดวงตามองมายังผม สีหน้าเดาไม่ออกเลยว่าคิดอะไรอยู่ แต่ดูรู้ว่ามันใจเย็นลง

 

“กินยาก่อนสิ มึงนอนหลับนานมากจนกูตกใจนึกว่าตายแล้ว”

 

ผมเม้มปากที่สั่นระริกของตัวเอง กลั้นน้ำตาเต็มที่กล่าวตอบมัน “กูไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องกินก็ได้”

 

“อย่าดื้อ บอกให้กินก็กิน กินเสร็จแล้วจะได้มากินข้าว ยาแก้อักเสษนี่มึงต้องกินไม่งั้นมันไม่หายเจ็บ” ผมมองปอตอนมันออกคำสั่ง

 

มันรู้ด้วยเหรอว่าผมเจ็บ

 

เสียงของมันเย็นลงกว่าเมื่อวานตอนเย็นมาก ผมอ้าปากรับมายากินโดยง่ายพร้อมกับช้อนตามองมันที่กำลังป้อนน้ำไปด้วย คิดตบหัวแล้วลูบหลังเหรอ

 

หรือกำลังรู้สึกผิดจริงๆ

 

“กินข้าวซะ” มันว่าพลางยกข้าวต้มกลิ่นหอมมาให้ ผมรับมาถืออย่างไม่อิดออด แต่ถึงอย่างนั้นก็กินได้เพียงไม่กี่คำ เห็นสายตาที่ออกคำสั่งของมันรออยู่ก่อนแล้ว

 

“อิ่มแล้ว”

 

“กินอีก”

 

ผมส่ายหน้าพลางล้มตัวลงนอนเสียเฉยๆ รับมือของมันมือเอื้อมมาอังหน้าผากอีกครั้ง ไม่ได้จะบังคับผมให้ทำตามใจตัวเองอีกต่อไป ผมกลืนน้ำลายมองมันก่อนจะละใบหน้าไปทางอื่นไม่อยากร้องไห้ ไม่เข้าใจว่าจะมาโอ๋ผมทำไม ทั้งๆ ที่ตอนผมร้องปากแทบจะฉีกมันกลับไม่สนใจสักนิด แถมสะใจเสียด้วยซ้ำ

 

มันคิดว่าผมสนุกมากที่แกล้งมัน ตอนนี้มันก็คงสนุกมากเหมือนกันที่ได้เอาคืน!

 

ผมไม่ได้ไปเรียนในวันถัดไปเพราะตื่นขึ้นม่ารางกายก็ยังระบมไปทุกส่วนเหมือนเดิม ผมเห็นรอยเลือดของตัวเองแล้วใจหาย พยายามพาร่างที่ไม่มีแรงดึงผ้าปูเตียงออกให้ไม่มีรอยของตัวเองบนเตียงนี้ ผมทำความสะอาดมันนานเท่าไรไม่รู้แต่มันไม่ลบออกไปสักที

 

ดวงตาผมเอ่อไปด้วยน้ำ พร้อมกันนั้นร่างของไอ้ปอที่เพิ่งจะเลิกเรียนก็เดินตึงตังมากระชากผมให้หันไปหา “มาทำอะไรตรงนี้ ทำไมไม่ไปนอน”

 

ผมมองไปยังคราบเลือดที่ติดบนผ้าปูที่นอนบนอ่างล้างหน้าก่อนจะก้มหน้า และปอเองก็มองไปเช่นกัน มันละความรุนแรงออกจากข้อมือของผมและจ้องมองผมไว้แบบนี้ตลอดเวลา มือของมันยกขึ้นมาลูบผมของผมเบามือ เป็นครั้งแรกที่ทำแบบนี้หลังจากเกิดรื่อง

 

ผมไม่อยากคิดว่ามันกำลังรู้สึกผิด

 

“ไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวแม่บ้านก็มาเปลี่ยนใหม่” มันว่าเสียงเบา ราวกับกำลังปลอบโยน

 

“แต่มันเป็นรอย”

 

“เป็นรอยแล้วไง โยนทิ้งแล้วเอาผืนใหม่มาปูก็สิ้นเรื่อง!”

 

“อ๋อ มึงทำแบบนี้จนชินสินะ!”

 

ผมเงยขึ้นไปว่า ยกหลังมือปาดน้ำตา พาร่างที่สุดแสนระบมของตัวเองออกจากห้องน้ำ เสียงเท้าของมันเดินเข้ามาพร้อมกับดึงผมเข้าหา

 

“มึงเดินหนีกูอีกแล้วนะภีม!”

 

“ไม่ กูไม่อยากคุยกับมึงแล้วปอ”

 

“ได้ คุยด้วยภาษาพูดไม่ได้ก็คุยด้วยภาษากายก็แล้วกัน” มันก้มลงมาแนบปากจูบพร้อมกับผลักให้ล้มลงนอนใต้ตัวมันบนโซฟา ผมดิ้นสู้พร้อมกับส่ายหน้าไม่ยอมให้มันจูบ

 

“ไม่!”

 

ขาผมถูกจับอ้าออกจากกันพร้อมกับมันที่แทรกเข้ามากอดทับ แม้จะขืนแต่สู้แรงไม่ได้ ปอมันใช้แรงตัวเองและเอาเปรียบด้วยการรูดซิบกางเกงของตัวเองไม่ถอดเสื้อผ้า

 

ผมเจ็บ ทั้งเจ็บและปวดไปหมด

 

และเป็นอีกครั้งที่มันเอาเปรียบผมด้วยพละกำลัง ขนาดของร่างกาย และอารมณ์ความรู้สึก ผมสูญเสียให้ปอครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างช่วยไม่ได้ ผมไม่ได้ไปโรงเรียนเลยเพราะมันวุ่นอยู่แต่กับตัวของผม ทั้งวัน ทั้งคืน

 

ผมทิ้งร่างเปลือยเปล่าของตัวเองลงบนพรมขนสัตว์อย่างอ่อนแรงหลังจากถูกปอระบายอารมณ์ มันสอนผมทำทุกอย่างแบบที่ผมไม่ต้องการรู้ บังคับให้ทำในสิ่งที่มันต้องการ เปลี่ยนสถานที่ไปทั่วทั้งห้อง ใจที่ชื้นก็หล่นตุบเมื่อร่างถูกยกขึ้นเหนือพื้นไปวางลงบนเตียงอีกครั้ง

 

“อีกครั้งนะ” เสียงทุ้มของปอกระซิบข้างหูผม และแน่นอนว่าผมทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตามคำสั่งของมันราวกับบ่าวผู้รอคำสั่งอย่างใจจดใจจ่อ

 

ร่างกายมันกับผมผสานกันอยู่แบบนั้นเนิ่นนาน เสียงมันพร่ำบอกกล่าวโทษผมด้วยน้ำเสียงกระเส่า น้ำตาผมไหลไม่หยุดพร้อมกับถูกจูบซับไปด้วย ไม่รุนแรงเหมือนครั้งแรก มันเรียกอารมณ์ความรู้สึกสนองตอบกลับไปได้ทั้งที่ตัวเองร้องไห้ ผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้

 

“ครั้งสุดท้าย…” มันว่าเสียงแผ่ว

 

ผมพริ้มตาหลับและขอให้มันเป็นเช่นนั้น แล้วผมจะลืมมันไปทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมด

 

 

ใช่…

 

 

ทั้งหมดนี้

 

 

 

 

 :m25: :m25: :m25:
ปอนางเก็บกดมาสักพักแล้วแหละ ทีนี้นางจัดเต็มไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน อะฮือ เช็ดเลือดแปป

ตอนหน้าเขาจะเลิกกันแล้วนะ สปอยอีกละ ไม่ขอพูดอะไรมากเศร้าอยู่ แต่เสียใจเลยจบกันไม่สวย ร้องไห้แปปนะ :hao5:

แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ ไปแอบร้องไห้คนเดียวก่อน ไม่ใช่อะไรกลัวเขียนไม่ทันจบ ไปเขียนต่อก่อนนะ แต่ตอนหน้ามีแล้วยังไม่ทันรีไรต์ อ่านละรีบๆ เม้นเลยน้า บ๊ายๆบาย
 :bye2: :bye2:
 

 
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 15 Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 04-11-2014 22:05:46
 

ตอนที่ 15

Part 1
 

ครั้งสุดท้าย

 

ใช่ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ

 

จากนั้นปอก็ไม่ได้แตะต้องร่างกายของผมอีกเลย มันพาผมไปส่งที่บ้านและเจอกันที่โรงเรียนตามปกติ แม้จะเจ็บปวดตามร่างกายแค่ไหนก็พยายามไปเรียนให้ได้เพราะกลัวไม่ทันเพื่อน ผมคิดว่ามันจบแล้ว ทุกอย่างที่ผ่านมามันกำลังจะผ่านไปอย่างเงียบสงบ ถึงมันจะเหลืออีกหนึ่งวันผมก็ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว

 

ก่อนจะครบเดือน ปอมันยังเดินขึ้นมาชวนผมลงไปกินข้าวด้วยกันราวกับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อาจจะเป็นเพราะร่างกายของผมมันคงจะน่าเบื่อจำเจสำหรับมันไปแล้วก็ได้ ถึงได้เลือกทำอะไรแบบนี้เพื่อรอการจบกัน

 

แววตาของมันตอนมองผมกินข้าวยังดูปกติ มีแต่ผมที่ไม่ปกติ ตั้งแต่ที่มีอะไรกัน ตั้งแต่ที่มันรุนแรงกับผม ผมรู้สึกกลัวมากจนทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าทำอะไรผิดใจมันสักนิด

 

“หิวเหรอ” มันว่าฝ่าความเงียบ ผมเงยมองมัน

 

“อือ”

 

มันยกยิ้มพลางว่า “นานๆ จะเห็นมึงเจริญอาหารแบบนี้ซักทีนะ”

 

“ก็มึงไม่ใช่เหรอที่ชอบบังคับให้กูกิน กูก็ต้องกินเยอะๆ สิ” ผมว่าพลางก้มหน้าลงมาจานข้าว มันละรอยยิ้มลง

 

“เออ ก็ดี” ว่าสั้นๆ แต่ก็ไม่วายว่าต่อมาอีก “จะมาเชื่อฟังตอนนี้มันก็สายไปแล้วแหละ คราวหลังพกพวกแซนวิชรึไม่ก็ขนมปังไว้กินช่วงบ่ายๆ ด้วยก็ดี จะได้อ้วนกว่านี้”

 

เลิกทำแบบนี้ เลิกทำกับกูแบบนี้เถอะ!

 

“อืม…”

 

ผมครางตอบ มันนิ่งมองผมว่าจะกล่าวอะไรต่อไหม แต่คงจะไม่อีกแล้ว ผมไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องหนึ่งเดือนที่ผ่านมาร่วมกับมัน มันเจ็บปวด

 

“เกลียดกูมากเลยใช่ไหม?” ผมชะงัก เมื่อจู่ๆ มันก็ว่าผ่านความเงียบ ผมละสายตาไปมองด้านอื่นไม่สบตากับมัน “บอกตรงๆ นะ กูเพิ่งคิดได้ว่าตอนที่มึงพูดจากวนตีนกูแบบเมื่อก่อนมันรู้สึกดีกว่าตอนนี้มากเลย กูไม่ชอบเลย มึงกลัวกูมากใช่ไหมภีม?”

 

ผมเงยมองหน้ามัน “เปล่า”

 

“แต่ก็ช่างมันเหอะ อีกหน่อยก็คงไม่ค่อยเจอกันแล้ว มึงมีอะไรที่อยากจะได้เป็นของขวัญไหม?”

 

“ไม่…” ผมตอบ มันนิ่งมองผมไม่ละ

 

“เมื่อวานกูไปเที่ยวมา เห็นไอ้นี่ก็เลยนึกถึงมึง” ผมนิ่งมองมันทีว่างพลางยกตุ๊กตาตัวหนึ่งมาวางต่อหน้า ขนาดเท่ากำปั้นทว่าตัวมันผอม ขายาว แขนยาว เป็นกระต่ายในการ์ตูน ตาโต หูยาวยิ้มน่ารัก

 

ปอมันเคยบอกว่าฟันผมเหมือนกระต่าย ผมเบือนหน้าหนีไปไม่มองไม่อยากเห็น

 

“ไม่เอา”

 

“ทำไม?”

 

“ก็บอกว่าไม่อยากได้” ผมว่าเสียงเบา มันเหมือนจะเริ่มมีอารมณ์ที่ถูกปฏิเสธทันทีที่เห็น ก่อนจะว่า

 

“เพราะมันไม่มีค่าใช่ไหม!?”

 

“อะไร” ผมว่าพลางจะลุกขึ้นยืน มันดึงมือผมไม่ให้ลุก

 

“มึงอยากได้เท่าไหร่ บอกกูมา!”

 

“มึงเลิกหยาบคายกับกูสักทีเถอะปอ” ผมว่าเสียงดัง ลืมไปเสียสนิทว่าอยู่กลางโรงอาหาร เหล่านักเรียนโรงเรียนเดียวกันต่างหันมามองและซุบซิบกันยกใหญ่ ร่างของมันดึงข้อมือของผมไม่ให้ลุกขึ้นเดินหนีอีกครั้ง

 

“ปล่อย”

 

“ไม่”

 

“บอกให้ปล่อย จะไปก็ไปสิ ไม่ต้องเอาอะไรมาให้กู กูไม่ต้องการ!” ผมว่าเสียงดัง มันกระชากข้อมือผมเข้าไปใกล้

 

“มึงจะเอาไปแล้วก็ไปโยนทิ้งที่ไหนก็เรื่องของมึงนี่”

 

“แต่กูไม่อยากได้ อะไรที่เป็นของมึงกูไม่อยากได้เก็บไว้ซักอัน!”

 

มันขบกรามแน่น เอื้อมมือมากระชากแขนผมแล้วยัดมันใส่มือ ผมเหวี่ยงมันลงบนโต๊ะแล้วจะเดินหนีทว่าถูกรั้งกลับ

 

“ไอ้ภีม มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ!”

 

“พอกันทีปอ เลิกบังคับกู อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก!” ผมดึงข้อมือกลับก่อนจะเดินละออกมาเฉยๆท่ามกลางสายตาเหล่านักเรียนในโรงเรียนนั้นแหละ

 

ผมไม่อยากได้มาเป็นตัวแทนมัน มันเจ็บ!

 

แต่นั่นทำให้ผมรู้สึกผิดพลาด

 

เมื่อข่าวกลับตาลปัตรว่าผมเป็นฝ่ายขอเลิกกับปอก่อน ทำให้ชื่อของผมเป็นคนแรกที่ทิ้งคาสโนวาตัวพ่อแห่งโรงเรียนนี้ ซึ่งนั่นทำให้ปอมันโมโหมาก มันโทรหาผมครั้งแล้วครั้งเล่าทว่าผมก็พยายามจะหลบมัน แต่ยังไงก็ยังหนีไม่พ้นเพราะเรียนโรงเรียนที่เดียวกัน สุดท้ายก็ต้องเจอกันอยู่ดีไม่ว่าในกรณีไหน

 

ผมภาวนาว่าอย่าให้ถึงวันนั้น

 

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ผมก็ได้ข่าวว่ามันมีแฟนใหม่ พาควงไปไหนต่อไหน ผมหลบหน้าไอ้ต้น หลบหน้าพี่ธาม นอนร้องไห้อยู่บ้านทุกคืนโดยที่ไม่กลัวหมอนจะขึ้นรา ผมมองรูปที่อยู่ในโทรศัพท์ซ้ำๆ รูปตอนที่ผมบังคับให้มันกอดผมไว้แน่น มันยิ้มใจดีพร้อมกับใบหน้าของผมที่กำลังเอาแต่ใจ ผมอยากให้มันกลับมาแต่ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว

 

ผมอยากหายไปจากโรงเรียนนี้ ไม่อยากรับรู้อะไรกับมันอีกแล้ว

 

วันเวลาผ่านไป ถึงจะเจ็บแต่ก็ควบคุมมันได้แล้ว แอบไปมองบอร์ดที่มีรูปตัวเองขึ้นโชว์หราอยู่ว่าเป็นคนทิ้งมัน แอบมองแฟนมันว่าคบไปกี่คนแล้ว

 

ข่าวว่ามันบอกเลิกแฟนที่คบๆ กันมาได้แค่อาทิตย์เดียวแล้วก็คบคนใหม่ พักหลังๆ มันไม่คบใครเป็นตัวเป็นตน ควงๆ ไปแบบไม่ซ้ำหน้า ผมโคตรเจ็บโคตรคิดถึงมันแต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย

 

 

ผมพาร่างตัวเองเดินเอื่อยๆ ริมสนามฟุตบอลหน้าตึกเรียนหลังใหญ่ เดินสวนกับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่มองมาอย่างสมเพชหลังจากเลิกกับปอ ผมมองลงพื้นและสาวเท้าตัวเองเงียบๆ กระทั่งได้ยินเสียงคนหัวเราะโหวกเหวกวิ่งมาจากชั้นสอง ร่างของใครไม่รู้วิ่งทะเล่อทะล่ามาชนผมจนก้นกระแทก เสียงกลุ่มเพื่อนหัวเราะกับความสะเพร่าของพวกรุ่นพี่ปวส. ดังมาจากขั้นบรรได

 

“เห้ยมึงเป็นอะไรรึเปล่าวะ?” มันว่า พยุงตัวผมลุกขึ้นยืนเพราะล้มไปตูดกระแทกพื้น ผมปัดฝุ่นออกจากตัวก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่ากลุ่มคนที่เดินลงมาเป็นกลุ่มของใคร

 

“ไอ้ภีมนี่หว่า” คนชนผมว่า ผมเงยมองหน้าเขาที่ตะโกนดังสุดเสียงแล้วละสายตาก้มลงมองพื้น “ปอ เมียเก่ามึง!”

 

เลือดผมวิ่งเข้ามาสู่หน้า

 

“ภีม หายไปไหนมาไม่ค่อยเห็นหน้าเลย” ผมมองพี่ธามที่รีบเดินเข้ามาทัก อึกอักเมื่อเขาทุกคนทำตัวกับผมราวกับว่าผมยังไม่เลิกกับไอ้ปอ สายตาคมๆ ที่ผมจำได้มองผมนิ่งไม่ได้ว่าอะไรขณะที่พี่ธามเข้ามาคุยด้วย

 

“เจอหน้าคนทิ้งมึงแล้วว่ะปอ ทำไงดีวะ?” เพื่อนคนที่มักจะร่วมมือกับพี่พีว่าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

 

“อย่าไปสนใจไอ้วีเลย ไปกินข้าวกับพวกพี่ไหม ผอมลงรึเปล่าเนี่ย?” พี่ธามว่าพลางก้มตัวลงมองผม

 

คงใช่ เพราะถึงบ้านเมื่อไหร่ผมก็เอาแต่นอนร้องไห้

 

“ไม่ครับภีมไม่หิว ไปนะครับ” ผมว่าเสียงเรียบ

 

“จะรีบไปไหนล่ะ แล้วนี่เพื่อนไปไหนหมดล่ะหืมไอ้ตัวเล็ก” เขาว่าใจดีอย่างเคย ผมยิ้มน้อยๆ

 

“ไม่รู้ครับ ไปนะ”

 

ผมว่าพลางก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่สนคำที่พี่ธามร้องตามมาอย่างใจดี ผมกลัวตัวเองกลั้นน้ำตาไม่ได้ ทุกวันนี้นั่งกินข้าวพร้อมกับเพื่อนก็จริง แต่ผมกลับเข้าไม่ถึงในสิ่งที่พวกมันพูดเลยสักนิด แล้วจึงเลือกที่จะเดินหนีออกมาเงียบๆ ท่ามกล่างความสนุกสนานในการพูดของพวกมัน

 

คนๆ เดียวที่ทำให้ใจผมชื้นขึ้นมาคือกรีน มันมักมาหยุดนั่งเล่น หรือคุยกับผมเวลาว่าง ทุกๆ วันมันมักจะเดินมาหาเมื่อเห็นผมอยู่คนเดียว ชวนคุย ชวนเล่นไปต่างๆ นาๆ

 

 

เสียงเพื่อนคุยเล่นหยอกล้อกันดังมาข้างหู ผมเดินไปเรื่อยๆ ชะงักเท้าเมื่อเห็นกลุ่มเพื่อนๆ ไอ้ปอเดินหัวเราะหยอกล้อกันมา ร่างของผมรีบหลบเข้ามุมอาคาร ปล่อยให้มันเดินไปพร้อมกับใจที่หายวาบของตัวเอง

 

มันเดิน ยิ้ม พูดเล่นหัวเราะร่วนกับเพื่อนได้อย่างสบายใจ ผมคิดไว้อยู่แล้วว่ามันต้องลืมผมได้เพียงไม่กี่วัน ทันทีที่มีคนที่มันอยากนอนด้วยขึ้นมาทับภาพของผม มันก็ลืมได้แล้ว

 

ผมยกมือกอบกุมหัวใจที่เต้นแรงของตัวเอง จิกรั้งให้มันเลิกเจ็บปวด ยิ่งจิกมือไปเท่าไรนอกจากเป็นแผลแล้วก็ไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะหลายครั้งที่บังเอิญเจอมันที่อยู่ด้วยความสุข ผมเจ็บปวดเสมอที่มันไม่ร้องไห้คร่ำครวญเหมือนผม

 

อยากให้มันเจ็บ อยากให้มันร้องไห้ โหยหาผมทุกคืนอย่างที่ผมเป็นอยู่

 

อยากให้มันน้ำตาไหลก่อนนอนที่นึกถึงผม แต่ไม่เลย ทุกๆ คืนมันมีแฟนใหม่ของมันนอนเคียงข้าง ไม่เหมือนผม อยากให้มันตื่นมาร้องไห้ ที่ไม่เห็นผม แต่ไม่เลย มีเพียงผมฝ่ายเดียวที่เจ็บจะเป็นจะตาย

 

น้ำตาผมไหลทุกครั้งที่นึกถึงมัน มันยากที่จะลืม นิ้วมือที่มันสัมผัสแก้ม ปากของมันที่พรมจูบไปทั่วหน้า อ้อมกอดของมันที่ปลอบโยน ทุกอย่างไม่เหลือเลย มันหายไปเพียงแค่คืนเดียว!

 

หรือผมจะทำเหมือนมันบ้าง ทำไม่แคร์ไม่รู้สึก ไม่เจ็บปวด ให้มันเห็นว่าผมเองก็อยู่ได้ถ้าไม่มีมันแล้ว มันจะได้หันมาเห็นผมบ้าง หันมาแคร์ผมบ้าง

 

ผมคิดบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย!

 

“ภีม มึงเป็นไรไหม?” เสียงใครสักคนรั้งให้ผมหลุดจากความเจ็บนี้ ผมพยายามเรียกสติตัวเองเงยหน้ามอง

 

“ต้น…”

 

“มึงโอเคไหมภีม?” มันว่าพลางจับบ่าสีหน้าตกใจ ผมส่ายหน้าตอบเหนื่อยใจ

 

“หน้าตากูดูเหมือนกูเคมากเลยสินะ”

 

“เหอะ ช่วงแรกๆ ก็งี้แหละ กูเองก็กินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวัน แต่เดี๋ยวนานๆ ไปก็ชินเอง” มันว่า หัวเราะเยาะตัวเองไปด้วยรอยยิ้มที่ผมดูออก เสียงมันขมขื่นขนาดไหน

 

“กูไม่ชินง่ายๆ หรอก” ผมว่าเสียงเบา

 

“กูขอโทษนะ กูเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้พี่พีฟังเอง”

 

“ช่างมันเหอะมันผ่านมาแล้ว ยังไงมันก็ต้องถึงวันนี้ปะวะ” ผมว่า ยังไงผมก็ต้องเลิกกับมันอยู่ดี

 

“ถ้ากูไม่ทำแบบนี้ มึงกับพี่ปอคงจบสวยกว่านี้”

 

“หึ มึงไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก กูผิดเองที่ไปหลอกมันแบบนั้น กูผิดเอง”

 

ใช่ ผมพยายามจบและไม่คิดต่อ ทั้งที่ใจก็โกรธปอที่มันทำแบบนั้น ข่มเหงผม บังคับผม เลือดผมไหลออกมาต่อหน้าต่อตามันมากมาย มันไม่สงสารผมสักนิด มองด้วยความสะใจอีกต่างหาก

 

“มึงกับพี่ธามเป็นไงบ้างล่ะ?” ผมหันไปว่ามันที่นั่งก้มหน้านิ่ง มันเองก็ยังเศร้าละมั้ง เรื่องถูกทิ้งใครมันจะเลิกเจ็บง่ายๆ ถูกสะกิดนิดๆ น้ำตาแม่งก็จะไหลแล้ว

 

“พี่ปอพยายามหาแฟนใหม่ให้มันอยู่”

 

“แล้วมึงก็ยอมน่ะเหรอ?”

 

“เป็นมึง มึงหน้าด้านเข้าไปด่าว่ามันนอกใจปะละ เรื่องนี้กูผิดเต็มๆ มันคงจะเกลียดกูมาก” มันว่าเสียงไม่สบอารมณ์

 

“แล้วพี่พีล่ะ รายนั้นเขาจริงจังกับมึงนี่”

 

ตัวเลือกเยอะนะมึงน่ะ

 

มันหันมาว่าเสียงเบา “กูรักพี่ธามไม่ใช่มัน กูไม่ยุ่งกับมันแล้วถึงมันจะพยายามมาตื๊อกูก็เหอะ”

 

“ถ้าพี่ธามคบกับคนที่ไอ้ปอหามาจริงๆ มึงจะทำไง”

 

ผมว่าเสียงเบา มันหันมามองด้วยแววตาเศร้าสร้อยกว่าเดิม งุดหน้าลงมองพื้นเงียบๆ “ถ้าพี่ธามมันเลิกรักกูแล้วไปคบกับคนอื่นจริงๆ กูก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากร้องไห้…”

 

ใจผมสลายเมื่อได้ยินเสียงสั่นๆ ของมัน อย่าทำหน้าแบบนั้นดิวะกูจะร้องตาม

 

มือผมยกไปกุมมันแน่น มึงกับกูอารมณ์เดียวกันเลย ทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้

 

ไม่รู้ผมไปสนิทกับไอ้ต้นมันได้ยังไง มันมักจะมาจับเจ่าอยู่กับผมเวลาที่ผมอยู่คนเดียวนอกจากกับไอ้กรีน มักมานั่งทำหน้าเหงาๆ เป็นพระเอกเอ็มวีกันสองคน มานั่งเหงาเป็นเพื่อนกันแบบนี้ทุกวันจนชิน ถึงจะนั่งด้วยกันแต่ไม่รู้สึกว่าอยู่ด้วยกัน ใจผมกับมันลอยไปไกลอย่างไม่มีวันกลับมาได้

 

เพราะรัก

 

ผมเลิกหลบหน้าไอ้ปอแล้ว เพราะทุกวันนี้ก็ไม่ได้เรียนห้องเดียวกัน โรงเรียนตั้งกว้างใหญ่ เจอก็แค่เดินสวนกัน ไม่ได้คุย ไม่มองหน้า เดินผ่านราวกับไม่รู้จักกัน

 

ถึงเจ็บแต่ก็ทน เพื่อที่จะได้ชินอย่างที่ไอ้ต้นมันบอก



ต่อพาทสองจ้า
หัวข้อ: Re:1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 15 Part 2
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 04-11-2014 22:09:12

ตอนที่ 15

Part 2



ผ่านมาหลายวัน

 

แม่งเอ๊ย

 

ฝนตกซู่ซ่ามาท่ามกลางคนที่วิ่งหลบ ร่างของผมสาวเท้าตัวเองพลางยกกระเป๋าปิดหัววิ่งไปด้วย ไม่ทันได้มองทางต่อหน้า ชนกับใครก็ไม่รู้จนล้มลง กระเป๋าหล่นมากองกับพื้นพร้อมกับเจ้าของ โธ่เว้ย! ทำไมมันซวยแบบนี้ ผมกล่าวขอโทษคู่กรณีแล้ววิ่งเข้าไปยังป้ายรถเมล์ ตัวเปียกโชก พยายามเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดตัวที่เปื้อนช่วยเหลือตัวเองพลางหอบหายใจ

 

ทำไมผมมันน่าผมเพชจังวะ อยู่คนเดียวแบบนี้

 

ผมวางกระเป๋าแล้วยืนเช็ดเสื้อเปียกๆ ของตัวเอง หลบลมที่ซัดฝนสาดมาใส่จนรู้สึกหนาว พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรถคันหนึ่งแล่นออกมา คันเดิมที่ผมนั่งกลับไปด้วยทุกวัน ตอนนี้ผมต้องกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมแล้ว ไม่ต้องเป็นเจ้าชายที่ต้องมีของหรูๆ มาคอยรองรับเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

 

ดวงตาผมก้มลงเช็ดร่างกายตัวเอง ไม่มองมันอีก ไม่มองให้เจ็บปวดอีก

 

พอแล้วภีม มึงพอได้แล้ว

 

 

ผมพาร่างตัวเองเดินลงไปยังโรงอาหารคนเดียว ตอนนี้ต่างไม่มีทั้งไอ้กรีนและไอ้ต้นมาอยู่ข้างๆ พวกมันเองก็คงจะมีเรื่องส่วนตัวของมันที่ต้องจัดการนั่นแหละ ผมเองก็เหมือนกัน ต้องมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง ถึงแม้มันจะเหงาก็เหอะ

 

เสียงคนเดินคุยกันยามพักเบรกที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ไม่ตรงกับชั้นเรียนอื่นเพราะจะได้ไม่แย่งกัน คนในโรงอาหารน้อย ต่างจากตอนพักเที่ยง นี่ก็บ่ายแล้วผมเพิ่งจะคิดที่จะลงมากินเพราะยังไงก็ต้องมีพักเบรกครึ่งชั่วโมงของทุกคาบเรียนอยู่แล้ว โรงเรียนเอกชนก็ดีอย่างงี้ แต่ไม่ดีคือเวลาเรียนนี่เรียนหนักทั้งนั้น ผมสะบัดไล่เรื่องเรียนออกจากหัว ปวดหัวจะแย่ พาตัวเองเดินมาสั่งข้าว เดินมากินเงียบๆ

 

อะ กินไม่ลงแฮะ

 

เสียงคนหัวเราะโหวกเหวกแบบนี้เป็นประจำเพราะเป็นโรงเรียนชายล้วน โรงเรียนสอนลิง โคตรดื้อโคตรมึนกันล่ะ ห้ามยากเสียด้วย ผมส่ายหน้าหนวกหูตัวเองพลางตักของกินมาอ้าปากจะกิน ดวงตาเงยขึ้นไปมองสบเห็นว่ามีคนกำลังจ้องมาอยู่ ใจผมหล่นหายลงพื้นเมื่อเห็นว่าใครกำลังสบตา

 

ปอ…

 

ผมอ้าปากค้าง ก่อนจะหลบตางับช้อนที่ถือ ไม่คิดว่ามันจะมองเห็นผมด้วยซ้ำ ใบหน้าผมก้มลงมองจานข้าวตักกินเงียบๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แบบนี้ดีแล้วภีม มึงเริ่มจะเก่งขึ้นแล้ว

 

“ภีม กินข้าวเหรอ” คนๆ หนึ่งว่าเสียงใจดีและร่าเริงมาทักทาย ทิ้งตูดมานั่งยิ้มต่อหน้า

 

 

“อื้ม ว่าแต่พี่ธามก็มาเหรอ ช่วงนี้ปวส. เรียนนี่” ผมว่าพลางมองนาฬิกา ไม่สนใจกลุ่มเพื่อนพี่เขาที่เดินเลยกันไปด้านหลัง ไปยังที่ที่พวกมันชอบนั่งกันคือโต๊ะติดร้านก้าวแกง พอให้ได้แซวคนที่เดินผ่านเล่นๆ

 

“ขี้เกียจเข้าอะ เลยโดดกันมา” คนตรงหน้าว่า

 

“จะจบแล้วยังจะมาขี้เกียจ เดี๋ยวได้แก้ มส จนขี้เกียจแก้”

 

“อย่าแช่งๆ พวกพี่น่ะถึงจะโดดบ่อยแต่ตามงานนะครับ เห็นแบบนี้พวกพี่สู้ตายนะแลกกับเกรดน่ะ”

 

ผมหลุดยิ้ม ก่อนจะละมันลงเมื่อเห็นพี่ธามยิ้มราวกับไม่มีไรเกิดขึ้น

 

“เป็นอะไรไป หืม?”

 

ผมเงยขึ้นมามองตาพี่เขานิ่ง ก่อนจะส่ายหัว “เปล่า…”

 

พี่ธามเองก็เคยรักไอ้ต้นมันมาก เขาเองก็ยังลืมมันมายิ้มและมีความสุขได้ง่ายๆ ต่างอะไรกับไอ้คนที่นั่งข้างหลังผมที่ไม่เคยรักผมเลย ผมแม่งโคตรหลอกตัวเองเลยว่ะ มโนมาตั้งนานสองนาน

 

หึ ผมยกยิ้มกับตัวเอง

 

“ภีม เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ?” คนตรงหน้าเอื้อมมือแตะ สีหน้าดูตกใจ “จริงด้วย ทำไมไม่ดูแลตัวเองเลย กินข้าวแล้วไปกินยาซะนะ”

 

“ครับ” ผมพยักหน้ารับยิ้มๆ

 

“ดูแลตัวเองดีๆ นะไอ้ปอเป็นห่วง”

 

ใจผมวูบมองคนตรงหน้า เขาคงเห็นผมที่ละรอยยิ้มลง “ไม่ขำนะพี่ หึ…”

 

“ใครว่าให้ขำกันล่ะ งั้นพี่ไปแล้วนะ หิวข้าว”

 

เขายกมือลูบหัวผมแรงๆ ก่อนคนใจดีอย่างพี่ธามจะละเดินออกไปยังกลุ่มที่นั่งรออยู่ด้านหลัง เสียงดังหัวเราะโหวกเหวกกันเกิดขึ้นเป็นระยะ

 

ก่อนไปเขายิ้มด้วยความใจดีให้เหมือนเคย ยีหัวผมด้วยมือแสนอุ่นบอกให้ดูแลตัวเองซ้ำๆ ใจผมกระตุกวูบ นึกคิดว่าทำไมถึงไม่สบายได้กันนะ คงเป็นเพราะวิ่งตากฝนไปรอรถเมล์เมื่อวาน

 

มือผมยกกุมหัวเมื่อรู้สึกปวดขึ้นมาเฉยๆ แล้วสะบัดมันออก คงต้องหายากินแล้วจริงๆ ละว่ะ เมื่อวานกลับไปก็เพลีย นอนทั้งๆ ที่ไม่ได้สระผม ผมละเลยการดูแลตัวเองจนโทรมไปจริงๆ คิดได้แล้วนั้นก็รีบตักข้าวกิน ยกน้ำดื่มแล้วลุกขึ้นยืน

 

อา แม่งตาลายขึ้นมาเฉยๆ

 

ผมกลืนน้ำลายฝืดคอ กระพริบตาตัวเองถี่ๆ ควบคุมสติ

 

ร่างผมโซเซพร้อมกันกับเสียงในหูที่ดังอื้ออึงมือพยายามยกกุมหัวไม่ให้ภาพมันหมุนเวียนชวนอ้วก เสียงของพวกรุ่นพี่ร้องมาและรับรู้ถึงมือใครสักคนวิ่งมารับตัว ในหูได้ยินใครสักคนร้องเรียกชื่อก้องกังวานข้างๆ หู ร่างกายถูกเขย่า ผมขมวดคิ้วกระพริบตาตัวเองถี่ให้ภาพมัวๆ ต่อหน้าชัดเจนขึ้น แต่ยิ่งทำเท่าไรสติผมกลับเลือนราง

 

และหายไปในที่สุด

 

อ่อนแอจังกู

 

 

 

อา ใครวะ…

 

เสียงใครคุยกัน

 

เสียงแอร์

 

ผมรู้สึกหนาวไปทั้งตัว ควานหาอะไรมาคลุมตัวไว้ก็ไม่เจอสักอย่าง รู้สึกตัวที่สั่นไหวสะท้าน ทันใดนั้นความอบอุ่นก็แผ่ซ่านไปทั่วตัวเมื่อมีใครนำผ้าห่มมาคลุมตัวให้

 

มือผมรับรู้ถึงสัมผัสที่อบอุ่น สัมผัสที่ผมโหยหาจากนิ้วมือใครสักคนที่สอดผสานกัน

 

ปอ พี่ปอ…

 

มันไม่มีจริงอีกต่อไปแล้ว

 

แรงบีบในมือผมรุนแรงจนผมรู้สึกถึงสัมผัส ผมพยายามลืมตาที่มันหนักอึ้งให้เห็นว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหน ผมหันไปมอง เห็นต้นมันนั่งกุมมือผมไว้นิ่งมองมายังใบหน้าของผมตอนนี้ ผมพริ้มตาพร้อมกับกระพริบตาให้น้ำตาอาบแก้มลงไป มันเย็นวาบจนถึงใบหู ในห้วงความคิดนึกถึงใครสักคน คิดว่าอาจเป็นมันที่กำลังนั่งกุมมือไว้แบบนี้ ผมหลอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะเป็นจริง

 

เป็นพี่ปอ

 

ต้นมันหันมามองตาผม ส่งยิ้มให้ ผมยิ้มตอบแล้วมองรอบตัว นี่มันห้องพยาบาลไม่ผิดแน่ ผมคงจะเป็นลม

 

“อย่าลืมรักตัวเองสิภีม ดูแลตัวเองหน่อย” มันว่าเสียงเบา

 

ใช่ ผมทำอะไรอยู่วะ เมื่อวานผมควรกินยา ดูแลตัวเอง ไม่ควรเหม่อลอยแบบนั้น

 

“ถ้ามันเจ็บนักก็ระบายมันออกมาบ้าง มึงดูตัวมึงตอนนี้สิ ไม่เหมือนภีมคนเดิมเลย”

 

“ใครพากูมาวะต้น?”

 

ผมว่าสวนมันเมื่อนึกขึ้นได้ ก็ตอนนั้นผมอยู่ในโรงอาหาร ข้างๆ ผมเป็นกลุ่มของไอ้ปอ ผมลุกขึ้นจากโต๊ะจะเดินออกมาแต่ว่าเป็นลมก่อน ตอนนั้นรู้สึกว่ามีใครมารับ เรียกชื่อผม แต่สติตอนนั้นแยกไม่ออกว่าใครที่พาผมมาห้องพยาบาล

 

“กูก็ไม่รู้ มีคนบอกกูมาอีกทีว่ามึงนอนอยู่ห้องพยาบาลกูก็เลยมา พอดีเห็นมึงกำลังนอนร้องไห้ กูก็เลยจับมือมึงไว้ให้มึงอุ่นใจเนี่ย” มันว่า ผมคลายมือตัวเองออกมาเช็ดน้ำตาตัวเอง

 

ถึงขั้นเก็บไปนอนร้องไห้

 

“ใครวะ พี่ธามละมั้ง คนดีที่สุดแล้ว” ผมว่าเสียงเบาพลางคิดพร้อมกับไอ้ต้นที่ยกยิ้ม นี่มันคิดว่าผมชมมันอยู่เหรอ ผมชมแฟนเก่ามันต่างหากเว่ย

 

“พี่ธามละมั้ง เขาใจดีจะตาย” มันว่า ผมพยักหน้าเออออ

 

“ก็เพราะตอนกูอยู่ พวกมันก็อยู่แถวนั้น ใกล้ๆ กันเลย”

 

“เก่งนี่…”

 

อืม โคตรเก่ง

 

ผมยกยิ้มกับตัวเองและมองไปยังไอ้ต้นที่หลุดยิ้มเมื่อผมเบ้ปากใส่มันตอนที่ชม เรานิ่งเงียบไปเรื่อยๆ กระทั่งได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาเปิดประตู เราสองคนหันไปมองตามเสียงนั้นทันที

 

นั่นมัน…

 

ใจผมที่อยู่ดีกระตุกวูบ เต้นระรัวราวกับกลองชุดถูกกระหน่ำซัดมาเมื่อพบเห็นร่างคนเปิดเดินเข้ามา  ดวงตาคมๆ นั้นมองมายังผมนิ่งพร้อมกับแววตาสงสัยของผมกับไอ้ต้นว่ามันหมายความว่ายังไง ไอ้ปอมันมาทำไม ต้องการอะไร

 

แววตามันมองมายังร่างกายของผม เคลื่อนมามองตา ผมละตาที่มองหน้ามันไปยังด้านอื่นทันทีด้วยกลัวว่าจะถูกจับได้จากแววตาว่าผมยังรักมันหมดหัวใจ

 

ทั้งที่ใจเต้นเป็นระส่ำว่ามันมาทำไม

 

“มาทำไม?” เสียงไอ้ต้นมันว่า เอื้อมมากำมือผมแน่น มันเดินเข้ามาหยุดข้างเตียงก้มมองผมนิ่ง

 

“เป็นไงมั่ง?”

 

ผมพูดไม่ออก เมื่อดวงตานั้นงุดลงมามอง

 

ก็ได้…

 

ในเมื่อมึงต้องการแบบนี้กูก็จะจัดให้ มึงอยากให้กูกลับไปเป็นเหมือนเดิม พูดคุยกับมึงเหมือนเดิม ไม่รู้สึกเจ็บไม่รู้สึกรู้สาเหมือนเดิม กูก็จะทำให้

 

ผมมองหน้ามันนิ่ง รับรู้ไว้เลย กูจะไม่รู้สึกเจ็บปวดต่อหน้ามึงอีกแล้วปอ

 

“ก็ดี…” ผมกล่าวตอบ

 

“ผอมลงไปนะ บอกแล้วไงว่าห้ามอดข้าวเย็น”

 

“หึ กูกินทุกวัน” กินน้ำตา “แต่ไม่ใช่เพราะมึงหรอกนะ กูกินเพราะตัวกูเอง”

 

มันก้มมองตาผมนิ่ง ทรุดตัวลงมานั่งข้างเตียง มองร่างกายผม ไม่ชอบเลยที่มันใช่แววตาแบบนี้ ทำเหมือนกำลังรู้สึกผิด ถึงจะไม่ชอบและผมเจ็บขนาดไหน แต่อยากให้มันลองรู้สึกซะบ้าง

 

“ให้กูแวะมารับมึงกลับบ้านไหม ช่วงนี้ฝนมันตกตอนเย็นบ่อยๆ”

 

มันเห็นผมเมื่อวานสินะ “หึ…ไม่เอาล่ะ รบกวนเวลามึง อีกอย่างกูก็เกรงใจมึงไง เวลามึงมันมีค่า”

 

“ภีม มึงเลิกประชดกูนะ”

 

“กูเปล่า กูจะประชดมึงทำไมวะ” ผมมุ่นคิ้วตัวเองว่า “แล้วมึงก็ต้องมาก็สมเพชกูด้วย กูอยู่ของกูเองได้ตั้งนานแล้วไม่ต้องมาเสือก เพื่อนกูก็มี”

 

“ใช่ อยู่ของตัวเองไปนั่นแหละดี ต่างคนต่างอยู่ไปสิ”

 

ต้นมันว่าเออออพร้อมทั้งจ้องตามันนิ่งงัน ปอมันละไปมองหน้าไอ้ต้นแล้วหันมาว่า “กูไม่ได้สมเพช แค่เป็นห่วง”

 

เหอะ ผมอยากหัวเราะ

 

“กูไม่ต้องการหรอกปอ กูอยู่ของกูได้ เมื่อวานกูตากฝนแล้วไม่ได้กินยาดักก็เลยไขขึ้น กูไม่ได้สำออยขนาดนั้นหรอก”

 

“เดี๋ยวกูกับไอ้กรีนไปนอนที่บ้านมึงนะคืนนี้” ต้นมันว่า เป็นครั้งแรกที่มันเอ่ยปากขอ

 

“แต่ว่า…”

 

“เอาน่ากูเป็นห่วงมึง เดี๋ยวกูดูแลมึงเอง มึงไม่มีใครแต่ก็มีกูกับไอ้กรีนอยู่”

 

ผมรู้หรอกว่าต้นแม่งประชดไอ้ปอ และปอมันเองก็ตอบสนองไอ้ต้นเสียด้วย มันขมวดคิ้วตัวเองแน่นและลุกขึ้นยืน

 

“โอเค ไม่เป็นไรก็โอเค”

 

“งั้นขอบใจนะ” ผมว่าเสียงเบา ยกยิ้มนิดๆ ให้มัน

 

มันกลับไม่ยิ้มตอบ ยิ่งขมวดคิ้วตัวเองแน่น

 

ใช่ กูต้างการให้มึงไม่พอใจปอ ให้มึงรู้สึกไม่ดีบ้างที่กูยังยิ้มได้

 

ผมนิ่งมองตามมันที่เดินละออกไป พร้อมเสียงถอนหายใจของไอ้ต้น

 

“เลิกกันแล้ว ทำไมมันไม่ยอมจบวะ”

 

ผมกลั้นน้ำตาให้ตัวเองเข้มแข็ง

 

ไม่เป็นไร แบบนี้แหละดี มาลองดูสิใครจะทรหดกว่ากัน

 

กูน่ะชินแล้ว

 

มึงน่ะจะรับได้ไหมปอ มาลองกันสักตั้งสิ!

 

 

 


 :katai1: :katai1:
เอามาเสิร์ฟแล้ว มาถึงแล้วอัพเลยไม่ได้ตรวจทานเพราะกลัวจะช้านะคะ เรื่องเริ่มดราม่าทรหดแข่งกันแล้ว พี่ปอเป็นห่วงน้อง รู้สึกผิดนะแต่ปากแข็งกันทั้งคู่ โอยยยย ปวดตับ ส่วนต้นก็นะ น่ารักขึ้นทุกวัน สมเป็นเด็กปั้นที่เจ๊จะมอบสามีให้สองคนจริงๆ

นางเก่งค่ะ นางจะจัดการพี่ปอให้ภีมเองไม่ต้องห่วง แถมตอนนี้ภีมนึกจะเอาคืนปอบ้างแล้ว คอยดูตอนหน้านะคะว่าจะเป็นยังไง ส่วนเรื่องของพี่ธาม พี่พี น้องต้น ไรต์ว่าจะทำเป็นเรื่องใหม่มาเลยดีกว่า น่าจะสนุกดี นางเป็นลูกรักของไรต์ค่ะ แต่โดนกระทำย่ำยีเยอะมาก สามีฝั่งซ้ายก็ซาดิสม์ชอบทุบตี สามีฝั่งขวาก็เลือดร้อน แค่จิ้นก็ฟินได้ 5555

 :bye2: :bye2:



 

 
หัวข้อ: Re: **(04.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 14-15
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 04-11-2014 22:33:20
โกรธเพราะโดนหลอกว่าจะให้เอา

อย่าไปง้อมันลูกกกกกก

หาผัวใหม่ดีกว่า

แบร่ :P
หัวข้อ: Re: **(04.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 14-15
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-11-2014 23:33:06
ถามจริงเรื่อนี้ภีมผิดอะไร ตั้งแต่ตอนแรกเลยเป็นปอเองไม่ใช่หรือที่บังคับเอา แล้วภีมที่ต้องปกป้องตัวเองนี้ผิดมากหรือ ถึงตอนนี้แล้วเราก็ยังไม่หายเกลียดปอและเพื่อนบางคนเลยน่ะ
หัวข้อ: Re: **(04.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 14-15
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 05-11-2014 01:09:39
ตามง้อให้ตายไปเลย
หัวข้อ: Re: **(04.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 14-15
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 05-11-2014 01:41:46
เอาให้หนักเลยภีม คนเอี้ยๆแบบนั้น :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 16 Part 1
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 05-11-2014 22:08:44
 

ตอนที่ 16

Part 1
 

-P’ Por Part-

 

ผมพาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำ เปิดน้ำแรงๆ และวักหน้าล้างหน้าให้ใจที่ร้อนรุ่มลดลง เมื่อสิ่งที่เจอที่ผ่านยอมรับว่าทำให้โมโห

 

ผมไม่ได้เจอมันนานมากแล้ว พอเห็นมันอีกทีใจผมที่ว่าอวดดีก็กระตุก มันสั่นอย่างเห็นได้ชัด

 

เห็นว่าภีมมันโทรมมากขนาดไหน ถึงจะไม่ได้สังเกตยังไงก็เห็นว่ามันเปลี่ยนไปจริงๆ หลังจากที่จากกันแบบไม่เคลียร์ ตอนที่เอาคืนมันผมสะใจที่เห็นใบหน้าอันบิดเบี้ยว เจ็บปวดนั่น สนุกกับเสียงร้องไห้ของมันให้สมกับความรู้สึกที่เสียไป

 

ผมโกรธ จำได้ว่าวันที่วิ่งหนีมันออกมา ผมนอนทรมานบนเตียง นึกถึงแต่หน้ามัน ผมอยากกอดอยากจูบมันแต่สิ่งที่ทำได้คือนอนบิดตัวไปมา เพราะผมไม่ได้อยากเอากับมือตัวเอง คนที่ผมอยากนอนด้วยคือมัน!

 

ผมอดทน ผมรอ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการโกหก ให้ความหวังและไม่คิดที่จะบอกความจริงผมมาสักคำ ถึงวันนั้นมันคิดจะยอม แต่ผมกลับคิดไว้แล้วว่าจะนอนกับมันในวันที่ผมรักมัน มารู้ทีหลังว่ามันไม่เป็นความจริง สิ่งที่มันพูดออกมาก็แค่จะปัดความรับผิดชอบให้ผม ไม่ยอมรับที่จะนอนกับผม มันน่าโมโหสมควรไหมที่จะต้องทำแบบนั้น

 

มันทำตัวเองนี่

 

แต่วันนี้แม่ง ใจผมมันร้อนขึ้นอย่างน่าประหลาด มันมองหน้าผมโดยไร้ซึ่งความหมายดีๆ อย่างเคย ใจที่โอหังดีๆ ของผมสลายลงที่เคยคิดว่าตัวเองชนะมัน

 

ไม่เลย ผมแพ้ภีมตั้งแต่วันที่ทำร้ายมัน

 

ผมเห็นมันเจ็บปวด มันควรเลิกกับผมเพราะผมไม่มั่นใจว่าผมจะดีกับมันได้นานเท่าไร มันคงเกลียดและกลัวผมมาก ใจผมมักจะหายเวลาเลิกกับแฟนแต่ละเดือนแบบนี้เสมอ กับภีมก็เช่นกัน เพียงแต่ภีมมันแตกต่างกับคนอื่นตรงที่มันผ่านอะไรกับผมมาหลายอย่าง นอกจากบนเตียง มันพบอะไรร้ายๆ ที่ผมพบด้วย แต่เลือกอยู่ข้างๆ ผมตลอด

 

นี่ผมเป็นเหี้ยอะไรวะเนี่ย!

 

 

ร่างของผมเดินเข้าห้องมาพร้อมกับเพื่อนที่ยังอวดเก่งไม่แพ้กัน ซึ่งตอนนี้มันเองก็สภาพไม่ได้ต่างกันกับผมสักนิด มันเดินหน้าซึมเป็นหมาเหงาตามหลังมา พอผมเปิดประตูห้อง ร่างของมันก็เดินนำเข้าไปเลยไม่พูดไม่จา ต่างจากผม แม่งไม่อยากเข้าห้องของตัวเองเลย มีแต่ภาพเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา ผมไม่อยากอยู่ในห้องอีกต่อไปแล้ว

 

เคยคิดจะพาคนอื่นมานอนบนเตียง แต่ก็ทำไม่ได้ ผมไม่เคยพาใครเข้ามาเลยจริงๆ และไม่อาจทนให้ใครมานอนทับรอยนี้ กลิ่นนี้

 

กลัวแม่งจะหายไป

 

“มึงจะค้างกับกูไหม?” ผมว่ากับมันซึ่งเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าหาชุดเปลี่ยนอย่างรู้งาน ตัวผมพอๆ กันกับมันและเสื้อผ้าเยอะอยู่แล้ว อะไรที่มันหยิบจับได้ก็ไม่เคยหวง

 

“เออ ขอกูนอนห้องมึงละกัน”

 

“โซฟานะ”

 

มันหันมามองผม มองมายังเตียงผมแล้วก็ละสายตาออกไปอย่างกับรู้ความคิด ว่าผมไม่อยากให้ใครมาทับรอยของเมียตัวเอง หวงแหนขนาดไหน ไอ้ธามมันหันหลังไปถอดเสื้อตัวเองแต่ไม่หยุดปากพูด

 

 “คิดถึงมันมากทำไมไม่ไปง้อมันวะ”

 

แม่ง อาการกูออกขนาดนั้นเลยรึไง

 

“กูเปล่าสักหน่อย” ผมว่าพลางหลบตาทั้งๆ ที่มันไม่ได้จะหันมาจับพิรุธสักนิด ดันร้อนตัวไปเอง

 

“งั้นเหรอ?” มันหันหน้ามา หยิบเสื้อมาสวม “งั้นมึงก็เลิกทำตาละห้อยมองตามตูดเมียก่อนสิกูถึงจะยอมเชื่อ”

 

“ใครมองตาละห้อยวะ มึงอย่ามารู้ดีหน่อยเลยน่ะ”

 

“ก็มึงไงปอ มึงแม่งอย่ามาทำเป็นอวดดีไม่รู้สึกรู้สาอะไรหน่อยเลย กูเห็นมองตามมันขนาดนั้น ตอนภีมเป็นลมขนาดกูอยู่ใกล้ๆ ยังวิ่งไม่ทันมึงเลย ถ้าไม่อยากปล่อยมันไปมึงรอเชี่ยอะไรอยู่วะปอ ตอบกูมาซิ”

 

ผมกลืนน้ำลายยกมือกุมหน้าตัวเอง แม่งทำไมมันร้อนวะ ใจผมมันไม่รักดี พยายามทำเมินไอ้ธามที่ยืนบ่นๆ ขณะแก้ผ้าเปลี่ยนชุด

 

“อย่าปล่อยให้มันสายจนถึงขนาดแก้ไม่ได้เหมือนกูเลย รักแม่งแต่ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ภีมมันอ่อนแออยู่มึงกลับไปดูแลมันเถอะ ถึงมันจะโกรธแต่กูรู้ว่ามึงน่ะทำให้มันหายโกรธได้ง่ายๆ บอกรักมันสิวะ บอกว่ารักมันแค่คนเดียว”

 

มือแม่งสั่น ผมก้มหน้าลงพื้น คงเพราะคิดตามในสิ่งที่ไอ้ธามมันบอก ผมเดินเข้าไปหามัน เป็นห่วงมันในห้องพยาบาล อยากเห็นว่ามันโอเค แต่ผมต่างหากที่ไม่โอเค

 

กว่าจะตัดสินใจเดินเข้าไปแม่งโคตรยาก

 

ตอนเดินออกมาแม่งยากกว่า

 

“ยอมมันซะปอ มึงน่ะ ห้ามทิ้งเด็กคนนี้เด็ดขาดเลยนะ กูดูออกว่าภีมน่ะรักมึงเหมือนกัน มันเสียใจไม่ต่างจากมึงหรอก มึงร้องไห้ออกมาซะปอ ถ้าร้องไม่พอที่ผ่านมา”

 

“พอ…มึงจะบิ๊วอะไรนักหนาไอ้สัด หึ!” ผมยกยิ้มกับตัวเองกับสิ่งที่มันว่า แต่น้ำตาแม่งไหลแล้ว เพราะพยายามทำอวดดีไงเลยต้องจบแบบนี้ โคตรเสียท่าให้ไอ้ธามเลย

 

ผมใช้หลังมือยกเช็ดน้ำตาพลางบ่นกับตัวเองไปด้วย “แค่นี้กูก็คิดถึงแม่งจะแย่”

 

“เหอะ มึงนี่สมควรสำนึกแล้วก็ขอบคุณมันมากๆ เลยนะที่อุตส่าห์สั่งสอนมึงให้รู้จักความรัก ให้มึงโตขึ้นขนาดนี้ ถ้ามึงทิ้งมันไปกูก็ไม่รู้ว่ามึงจะมีความสุขตอนอยู่กับใครขนาดนั้นได้อีก คิดถึงมันก็กลับไปหามันซะปอ กูสงสารน้อง”

 

“มึงเลิกเกลี้ยกล่อมกูซักที จะให้กูกลับไปมองหน้ามันยังไงหา!?” ผมว่าเสียงเบาทว่าใส่อารมณ์ นึกถึงตอนภีมมันร้องไห้ เรียกแต่ชื่อของผม

 

ชั่วโมงนั้นทั้งโมโหทั้งโกรธ ทั้งสงสาร อารมณ์ตีรวนปนเปกันไปหมดจนต้องเดินหนีมันออกมาจากห้อง ออกมาแล้ว ตัวผมสั่น ใจหายเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของมันในห้องนอน

 

มันไม่รู้หรอกว่าผมยืนเฝ้ามันอยู่หน้าประตูนั่นกี่ชั่วโมง ยืนรอเงียบๆ จนไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของมันแล้วถึงได้เดินจากมา มันคงมีแต่ความโกรธความเกลียดที่มีต่อผม

 

ผมทุบตีตัวเองหลายรอบที่ทำร้ายมันไปแบบนั้น แต่แม่งไม่สาสมกับสิ่งที่ทำต่อมันจริง ผมยังไม่เจ็บเท่ามัน ผมควรจะเดินหนีออกจากชีวิตมันซะ นั่นเป็นการทำให้ผมเจ็บปวดที่สุด สาสมที่สุดแล้ว

 

แต่ถึงจะคิดอย่างนั้นผมกลับลืมภีมไม่เคยลง ทุกวัน ผมนึกถึงมันก่อนนอน เอากับใครก็ไม่ได้ ภาพมันหลอนผม เพราะทั้งชีวิตไม่เคยข่มขืนใครเลยสักครั้ง มีแต่คนยอมทอดกายให้เอาง่ายๆ อารมณ์ผมตายไปตั้งแต่เลิกกับมัน นกเขาไม่ยอมขัน ทางเดียวที่ดีคือการอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่ช่วยผ่อนปรนอารมณ์เครียดได้บ้าง ได้หัวเราะได้ยิ้มบ้าง เพราะเวลาอยู่คนเดียวผมยิ้มไม่ออกจริงๆ

 

“กูมันเลว ภีมมันคงเกลียดกูแล้ว”

 

“มึงรู้ได้ไง ถามมันรึเปล่าก็ไม่ ห้ามคิดแทนมันเด็ดขาดนอกจากจะได้ยินมันบอกมึงออกมาจากปากมันเอง ถึงได้ยินออกมาจากปากแล้วก็ต้องตามขอโทษน้องมัน ขอโทษแม่งจนมันใจอ่อน เข้าใจไหม!”

 

“แล้วมึงจะมาโหดอะไรกับกูเนี่ย”

 

ผมขมวดคิ้วตัวเองทิ้งตัวลงนอน ไอ้ธามมันเดินไปหยิบขวดเหล้ามาเทซดพรวดๆ อย่างกับน้ำ ผมไม่มีอารมณ์อยากกินเหล้าเหมือนมันสักนิด ในหัวแม่งมีแต่ภาพเมียเต็มไปหมด

 

“เอาไหม?”

 

“ไม่” กระเดือกไม่ลง ผมตอบแล้วพลิกตัวนอนตะแคง เชี่ยธามมันคงกำลังเจ็บปวดไม่ต่างกันหรอกที่ถูกเมียหักหลัง มันขอให้ผมหาแฟนให้มันใหม่เพื่อที่จะได้ลืมไอ้ต้น

 

ส่วนไอ้ต้น

 

ผมคิดว่ามันร่านนัก ยั่วนัก ท่าทางลนลานและอยากปลดปล่อยจากไอ้ธาม แต่ไม่คิดว่ามันจะยังบริสุทธิ์ ผมคิดว่ามันเคยนอนกับใครมาก่อนที่จะมาคบกับไอ้ธามด้วยซ้ำ มันถึงได้อยากนักหนาเวลาถูกไอ้ธามกอดจูบ

 

แต่ไม่จริงเลย ผมตัดสินใจพลาด ตอนเอากับมัน ตัวมันเล็กนิดเดียว หน้าเหยเกและน้ำตาไหลแต่กลับบอกว่ารู้สึกดี ทำท่าทำทางเหมือนเก่งแต่กลับเป็นแค่ความอวดดีเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรมันก็ใจง่ายมักง่ายเกินไปไม่สมควรกับเพื่อนผมอยู่ดี ถ้าคบๆ กันไปแล้วไปแอบนอกใจไอ้ธาม เพื่อนผมน่ะจะเป็นฝ่ายเสียใจ

 

“กลับไปหาภีมซะปอ อย่าทรมานตัวเองเลย”

 

ผมมุ่นคิ้วตัวเองนอนฟังไอ้ธามว่า ปากมันพูดแต่ซดเหล้าลงคอไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าคิดถูกรึเปล่าที่ให้มันมานอนด้วยที่ห้อง ผมคงจะคิดถึงเมียทั้งวันเพราะไอ้ธามเอาแต่พูดถึงแบบนี้ “ร้องไห้แล้วได้อะไร ได้เจ็บปวดเหรอ?”

 

“ก็มึงเป็นคนบิ๊วกูนี่ไอ้สัด หุบปากไปเลย” ผมหันไปว่า

 

ผมไม่ได้สะอึกสะอื้นฟูมฟาย แค่อารมณ์มันหลั่งไหลออกมาจากดวงตาเงียบๆ เจ็บที่ใจแต่ตัวไม่เป็นอะไรเลย มันทำให้ผมจดจำว่าคนๆ เดียวเท่านั้นที่ทำให้ผมเจ็บปวดเพราะความรักได้

 

คนๆ เดียวเท่านั้นที่ทำให้ผมมีสุขเพราะรักได้

 

คือภีม

 

เสียงเคาะประตูดังตึงตังเรียกให้ทั้งผมกับไอ้ธามหันไปมอง มันดังโหวกเหวกราวกับคนอารมณ์ร้อน ถ้าจะให้เดามีไม่กี่คนหรอกที่กล้าทำอะไรแบบนี้ น่าจะเป็นคนกันเอง

 

ผมใช้มือเช็ดน้ำตาตัวเองลวกๆ รีบลุกเดินไปเปิดประตูทันทีกลัวประตูห้องจะพังเสียก่อน เห็นคนตรงหน้ายืนหน้านิ่วคิ้วขมวดรออยู่ พร้อมกับคนข้างๆ ห้องหลายห้องเปิดประตูมาดู เห็นแววตาของมันตรงนี้แล้วก็พากันปิดไป เอาละวะงานงอกแล้วไหมล่ะ!

 

“มึงร้องไห้เหรอ?”

 

ผมอึกอักมองหน้ามันที่นิ่งจ้องตา แม่งเอ๊ยชีวิตลูกผู้ชายมาร้องไห้คิดถึงเมีย โคตรบัดซบเลย “สมน้ำหน้า รู้แล้วล่ะสิว่ารักเป็นไง”

 

ผมเถียงแม่งไม่ออก ถามมันบ่ายเบี่ยง “มึงมาทำไม?”

 

“มึงให้กูเข้าไปก่อนไหม กูจะเข้าไปคุยกับไอ้สัดธาม”

 

“เดี๋ยว…”

 

มันผลักประตูเดินนำเข้าไปก่อนด้วยความอารมณ์ร้อน เดี๋ยวไปเจอะให้ธามในห้อง มีหวังห้องนอนผมได้พังพอดี

 

“อยู่กันพร้อมหน้าก็ดีกูจะได้เคลียร์ให้จบๆ”

 

มันว่าพลางเดินไปเรื่อยๆ  ผมปิดประตูแล้วเดินตามหลังมันไปยังห้องนอนตัวเอง เห็นไอ้พีมันกระชากแก้วเหล้าจากมือไอ้ธามไปวางไว้ที่อื่น

 

“เลิกแดกแล้วมาคุยกัน ถ้าเมามันจะคุยไม่รู้เรื่อง”

 

“สัด เอาของกูมา” ธามมันว่า

 

“มึงอยู่เฉยๆ ไอ้ธาม มาคุยกับกู”

 

“กูไม่คุยเหี้ยอะไรทั้งนั้น ทำไมไม่ไปหาเมียมึงล่ะ?” มันว่าประชดประชันแล้วหัวเราะหึหึกับสีหน้าไอ้พี

 

“อะไรวะ ทำไมมึงทำแบบนั้นกับต้นหา ทิ้งมันทำไม?” ผมเดินเข้าไปทรุดตัวนั่งตรงกันข้ามกับไอ้พี ข้างเดียวกันกับไอ้ธามมองสีหน้าตอนนี้ ไอ้พีมันโคตรคร่ำเครียด มองมายังไอ้ธามพยายามระงับอารมณ์ ใช่ มันอารมณ์ร้อนมากกว่าผมเยอะ

 

“มึงยังจะกล้าถามกูอีกนะว่าทำไมกูเลิกกับมัน เป็นมึงจะทนคบต่อไปไหมที่คนที่รักแม่งไปเอากับเพื่อนสนิทตัวเอง มันร่านมันอยากมากรึไง?”

 

“ไอ้ธาม!” ผมรีบเอื้อมมือไปดันตัวไอ้พีไว้ก่อนที่มันจะซัดถึงตัวไอ้ปากหมาข้างๆ

 

“ใจเย็นๆ ไอ้พี มึงเองก็คุยกับมันดีๆ ซิธาม”

 

“เหอะ คุยอะไร กูไม่มีอะไรจะคุยแม่ง กูเริ่มใหม่ของกูเรียบร้อยแล้ว กูมีแฟนใหม่แล้วด้วย”

 

ผมมองหน้ามันที่ยกยิ้มกับตัวเอง เอื้อมมือไปยกเหล้ามากระดกพรวดๆ ปากบอกไม่แคร์แต่แม่งพยายามกินเหล้าลืมเจ็บ

 

“มึงหมายความว่ายังไง?” ไอ้พีมันว่า มันขบกรามตัวเองกับการยั่วประสาทของไอ้ธามครั้งนี้อย่างไม่ตั้งใจ เป็นผมก็คงโมโหเหมือนกัน

 

“กูบอกว่ากูไม่เอามันแล้ว มึงอยากได้นักก็เอาไปสิ กูหาใหม่ดีๆ กว่ามันก็ได้”

 

“ไอ้เหี้ย! ต้นมันไม่ได้ผิดอะไร มันรักมึง กูเป็นคนบังคับมันเข้าใจไหม!”

 

ไอ้พีมันว่าเสียงดัง ผมเบิกตาตัวเองมองมันที่ดวงตาแดงก่ำเพราะความโกรธ ความอัดอั้นตันใจอยากจะคุยกับไอ้ธามดีๆ แต่ไอ้นี่ไม่ยอมฟัง

 

“แต่มันยอมไอ้ปอ มึงรู้เรื่องนี้ไหม!?”

 

ผมนิ่งมองไอ้พี มันที่ชะงักหันมามองเมื่อรู้ว่าไอ้ต้นไม่ได้ยอมนอนกับมันแค่คนเดียว แต่กลับไม่โวยวาย พีมันกลับใจเย็นลงหันไปมองหน้าไอ้ธาม ผมรู้ว่ามันเปลี่ยนไปมาก ไอ้พีมันไม่เคยต้องง้อใครขนาดนี้ ที่สำคัญ มันง้อให้ไอ้ธามเข้าใจไอ้ต้น ผมได้แต่มองสีหน้าของไอ้พี มันคงเจ็บใจที่ต้องทำแบบนี้

 

“กูยอมรับก็ได้ว่าต้นมันอาจจะไม่ได้มีกูที่ยอมคนเดียว แต่มึง ไอ้ธาม ไอ้ปอ ปากพวกมึงน่ะว่ากูเหี้ย ว่ากูสารเลว พวกมึงแม่งไม่ได้ดีไปกว่ากูเลย!”

 

มันยืนขึ้นมองพวกผมสองคนไม่ละ “มึงนอนกับเมียมันทั้งๆ ที่ยังมีเมียของตัวเอง”

 

ผมนิ่งเงียบเมื่อมันชี้หน้า ยกมือขึ้นกุมหน้าตัวเอง ใช่ ตอนนั้นกูโคตรเลวโคตรเหี้ย แต่กูจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว กูสาบาน

 

กูมีของกูแล้วและไม่คิดว่านกเขากูจะไปขันกับใครอีก

 

“ส่วนมึง มึงทำเป็นพูดดีว่ามีแต่ไอ้ต้น ทำเป็นรักมันเทิดทูนมัน พอมันติดความสกปรกนิดหน่อยก็เขี่ยมันทิ้ง นี่เหรอที่มึงบอกว่ารักมันนักหนา!?”

 

“มึงหุบปากไปเลย มึงไม่เข้าใจกูหรอก”

 

“เออ กูโคตรไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมึงไม่แตะต้องตัวมัน ทำให้มันโหยมันอยากทำไม ที่มันต้องเป็นแบบนั้นเพราะมึงไม่ใช่รึไง!”

 

“เพราะกูให้เกียตริมัน กูรักมัน…”

 

“แต่พอมันมีรอยเปื้อนมึงก็กลับผลักมันออกจากชีวิตมึงแล้วก็ทุบตีมันงั้นเหรอ เหอะ! ไอ้คนดี”

 

ไอ้พีมันคงโกรธมากถึงกับตัวสั่น ขบกรามแน่น ผมไม่คิดว่าคนอารมณ์ร้อนๆ แบบมันจะรักใครได้ มันรู้จักความรักก่อนผม เจ็บปวดก่อนผมสินะ

 

ไอ้ธามมันส่ายหน้า ทำเหมือนไม่มั่นใจ “กูไม่อยากทำร้ายมัน กูแค่…”

 

“มึงคิดว่าตัวเองดีเลิศเลอสินะถึงทำแบบนั้น ใช่…แต่มันคงจะดีเกินไปจนต้นมันต้องเจ็บไง แล้วกูบอกเลยว่ากูไม่ยอมมึงอีกต่อไปแล้วธาม ถึงกูจะเลวขนาดไหนแต่กูก็รักมันแคร์มัน มึงเลิกกับมันแล้วใช่ไหม มีใหม่แล้วใช่ไหม ได้…ต่อไปนี้กูก็เป็นผัวต้นอย่างเต็มตัวแล้วสินะ”

 

“อ๋อ ที่มึงมานี่จะมาขอให้กูยกให้มันสินะ เหอะ!”

 

“เออ! ถือว่ากูมาขอก็ได้ถ้ามึงอยากคิดแบบนั้น ถ้างั้น ตอนนี้กูเป็นผัวของมันเรียบร้อย แล้วคราวนี้มึงก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวของเมียกูอีกต่อไป ห้ามมาแตะต้องเมียกูแม้แต่ปลายเล็บ จำไว้!”

 

มันยกนิ้วชี้ชี้หน้าไอ้ธามที่ชะงักกับสิ่งที่ได้ยิน ไอ้พีมันพูดถูกทั้งหมด

 

ถ้ารักกันจริง เรื่องแค่นั้นทำไมจะลืมไม่ได้

 

เสียงประตูปิดดังปังพร้อมกับไอ้ธามที่ยังนั่งนิ่งไม่ไหวติงในประโยคสุดท้าย ผมยกมือไปแตะบ่ามันเป็นเชิงปลอบทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังถูกมันทั้งด่าทั้งปลอบฝ่ายผมอยู่เลย

 

นี่ผมกับมันเป็นอะไรไปวะ ทำไมช่วงนี้แม่ง

 

โคตรเจ็บตรงหัวใจ

 

“อยากได้มันนักก็เอาไป กูจะควงคนใหม่” ไอ้ธามมันว่าเสียงเบา

 

ผมส่ายหน้าไม่เห็นด้วย ทั้งๆ ที่พยายามบอกกับผมว่าอย่าปล่อยให้เวลาผ่านไป แต่มันเองที่ยังทำไม่ได้ เป็นคนที่เก่งแต่ปากจริงๆ

 


ต่อพาทสองน้า
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 16 Part 2
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 05-11-2014 22:11:41


ตอนที่ 16

Part 2



มือหนาๆ ของผมยกกุมหน้าตัวเองเดินลากขาไร้เรี่ยวแรงมาในห้องนอน สภาพไม่ต่างจากรังหนูเท่าไหร่ ใจผมหวิวเมื่อนึกถึงร่างเล็กๆ ที่เดินเก็บของในห้องพร้อมกับเสียงบ่นในลำคอด้วยเสียงงอนๆ นั้น ดวงตาเล็กมองมาอย่างจิกกัด มือคู่เล็กๆ ที่ทั้งกอดทั้งทุบตีเตือนสติ

 

ผมมองที่มือตัวเองข้างนี้ มันเคยเปื้อนเลือดและถูกกุมด้วยมือเล็กๆ นั้นอย่างอบอุ่น

 

ผมคิดถึงภีม

 

ใจผมมันโหยหาแต่เมียคนนี้คนเดียว

 

“พี่…รักภีม”

 

คิดถึงเมียจะแย่

 

มือผมกอดหมอนอันเดิมแน่นที่มันเคยหนุน กลิ่นหอมของเส้นผมนุ่มๆ มันเริ่มจะจางหายไปแล้ว ปากผมสั่นระริกรู้สึกถึงความร้อนที่แล่นเข้าดวงตา ผมเกลียดที่มันทำให้ผมกลายเป็นคนอ่อนแอ ผมเกลียดตัวเองเมื่อนึกถึงเวลาตอนที่มีความสุขร่วมกับมันในห้องนี้ คิดแล้วเอาแต่จะร้องไห้

 

เสียงมันทะเลาะกับผมดังก้องหู ตอนมันร้องเพลงสำเนียงไม่ได้เรื่องเวลาอาบน้ำ เสียงอู้อี้ในหมอนตอนที่ผมปลุก

 

ผมอยากกลับไปทำแบบเดิมอีก กับมันคนเดียว

 

ผมอยากใช้ช่วงเวลาที่ดีแบบนี้มากขึ้นไปอีก

 

 

แต่ผมทำไม่ได้

 

 

ก็ผมมันเลว มันคือสิ่งเดียวที่ค้ำคอ แม่งละอายใจตอนที่มองหน้ามัน ไม่กล้ามองมันด้วยสีหน้าปกติ ถึงจะรู้ว่าตัวเองไม่เหมือนเดิม ผมเคยพยายามปัดความรู้สึกนี้ทิ้งหลายต่อหลายครั้ง

 

มานอนๆ คิดอยู่คนเดียวแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ผมเองก็รู้ว่ามันใช่และอยากสร้างความสัมพันธ์ ติดอยู่ที่ตรงผมเป็นคนเลวในสายตาคนอื่น ผมคบใครนานๆ ไม่ได้ มันเป็นแบบนี้มาตลอด ผมไม่รู้ว่าถ้าหยุดแล้วมันเกิดอะไรขึ้น เสียใจไหม แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว ขืนยังทำต่อไปก็เจ็บ ไม่ต่างจากหยุดเท่าไร เพราะคนๆ นั้นคือภีม

 

คนที่ผมสามารถแสดงความรักให้ได้ด้วยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ในสายตาผมมันคือสิ่งที่น่ารักน่าดูแลมากที่สุด มารู้ตัวอีกที ผมก็กลายเป็นคนที่คลั่งมันไปแล้ว

 

ผมไม่เคยคิดจะกอดจะหอมแฟนคนไหนได้ทั้งวันแบบนั้น ไม่เคยคิดจะมองใบหน้าและสังเกตสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ได้แบบนั้น ผมน่าจะรู้ตัวเองได้เร็วกว่านี้ ผมจะได้รักษามันไว้ให้ดีที่สุด

 

ผมจะบ้า ผมจะคลั่งตาย คิดถึงเมีย อยากกอดเมีย อยากจูบหัวเหม่งๆ ของมัน อยากฟังเสียงมันบ่น อยากนอนหนุนตัก

 

และผมคงจะคลั่งมากขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าผมไม่ทำตามในสิ่งที่ไอ้ธามมันบอก

 

ผมควรกลับไปหามัน ไปขอโทษมัน

 

ร่างของผมลุกขึ้นนั่ง หลังมือเช็ดความรู้สึกของลูกผู้ชายที่ท่วมท้นออกมาจากอกแล้วมองไปยังตุ๊กตากระต่ายที่วางบนหัวเตียง ผมนึกถึงมันตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นอยู่ในร้าน

 

หน้าตามันเหมือนกับเมียผมเลย

 

ตาเล็กๆ ขนตางอนๆ ฟันภีมมันเป็นฟันกระต่ายรับกับปากเจ้าเนื้อและแก้มยุ้ยๆ ไม่เข้ากับโครงหน้าผอม หน้ามันเหมือนกันเลย มองแล้วอดที่จะยิ้มไม่ได้

 

รอพี่ก่อนนะภีม พี่จะไปบอกว่าพี่รักภีม

 

ดวงตาผมมองตุ๊กตาต่อหน้าไม่ละ ก่อนจะยกยิ้มราวกับเห็นภีมมันยิ้มตอบรับ ผมหวังว่ามันจะทำแบบนี้กับผมเหมือนเจ้าตุ๊กตาตัวนี้นะ

 

กลับมารักกันอีกนะภีม

 

 

แต่จนแล้วจนรอดผมก็ยังไม่กล้าที่จะเดินเข้าหามันอยู่ดี ได้แต่แอบมองมันจากตรงนี้ ผมกลัวว่ามันจะรู้ว่าผมมองแล้วหลบหน้าหายไปอีก แอบมองตอนที่มันไม่รู้ตัวอย่างนี้ดีที่สุด

 

กระทั่งไอ้ธามมันเอาจริงอย่างที่ตัวเองบอก ผมไม่ได้ไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวมันมากนักเพราะมัวแต่คิดเรื่องเมียตัวเอง มันคบกับคนที่ผมติดต่อให้และเลื่อนขั้นมาเป็นแฟนกันแล้ว วันนี้มันพากันมานั่งร่วมกลุ่มแทนไอ้ต้นซึ่งตอนนี้ผมไม่รู้ว่าคิดยังไง ยังเจ็บอยู่ไหมหรือตกลงยอมคบกับไอ้พีแล้วหรือยัง

 

ผมกับพวกเพื่อนๆ พากันเดินลงมากินข้าว เสียงพวกมันหัวเราะแซวใครๆ ไปทั่ว เจอคนน่ารักหน่อยก็แซวไปพอหอมปากหอมคอชวนให้ผมหัวเราะได้บ้าง ไอ้ธามกอดคอแฟนตัวเองยิ้มหน้าระรื่นเดินอี๋อ๋อยั่วโมโหผมตอนนี้ที่ไม่เข้าใจมันเลย

 

ก็ผมแม่งไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกไง

 

“พี่ธาม!”

 

ผมชะงักเท้า เมื่อเห็นไอ้คนตัวเล็กยืนต่อหน้ากลุ่มเรา ดวงตามันโกรธแค้นและกำหมัดแน่น พองแก้มป่องมองไปยังคู่กรณีที่ยังส่งยิ้มหวานให้กัน ไอ้ธามมันละไปมองคนตรงหน้าก่อนจะหุบรอยยิ้มตัวเองลงเมื่อเห็นว่าเป็นเมียเก่า

 

“อะไรมึง?” มันว่า ผมกับเพื่อนๆ นิ่งเมื่อเห็นว่าต้นมันเริ่มตาแดง

 

“พี่ทำแบบนี้ทำไมวะ?”

 

“กูทำอะไร?”

 

ไอ้ธามเลิกคิ้วมองคนตรงหน้า มือกอดคอแฟนใหม่กระชับขึ้น แววตาไอ้ต้นที่ละไปมองนั้นสั่นไหว ผมเองก็เจ็บแทนมันเหมือนกัน รู้ดีว่าถูกทำแบบนี้ใส่มันไม่น่าพิสมัยจริงๆ โคตรเจ็บปวด

 

“ที่ผ่านมาพี่แม่งไม่เคยรักต้นจริงๆ ใช่ไหม?” มันว่า ผมยกมือไปแตะบ่ามัน

 

“ใจเย็นๆ ต้น ค่อยๆ คุย”

 

“ไม่!” มันสะบัดมือผมออกหันมาจ้องตา “ก็เพราะพี่ไม่ใช่รึไง มันเกลียดผมสมใจพี่แล้ว ดีไหมล่ะ!?”

ผมโคตรเสียความรู้สึกที่มันว่าแบบนี้เลย

 

“มึงหุบปากไปต้น ที่กูทำแบบนี้เพราะมึงทำตัวมึงเอง ออกไปจากชีวิตกูซะแล้วอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก ไปหาผัวมึงโน่นมันรอปลอบใจมึงอยู่”

 

ผมไม่เข้าใจมันจริงๆ จะทำไอ้ต้นเจ็บทำไม เพราะทิฐิงั้นเหรอ

 

แบบผมกับภีมรึเปล่า รู้ว่าผิดแต่ไม่อยากเข้าไปขอโทษ เหมือนตอนนี้ยืนดูตัวเองทะเลาะกับเมีย โคตรสะท้อนใจผม แทงใจดำผมแบบเต็มๆ

 

“พี่ธาม ต้นไม่ได้รักพี่พี…” มันว่าเสียงเบาพลางสะอื้น เดินมาจะแตะตัวไอ้ธาม

 

“ออกไป มึงหัดเกรงใจแฟนใหม่กูบ้าง”

 

“แต่ต้นรักพี่ธามคนเดียวจริงๆ นะ ต้นขอโทษ ยอมแล้ว ต้นยอมรับผิดแล้วนะ”

 

ใจผมสั่นมองคนตัวเล็กที่ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นท่ามกลางสายตาคนทั้งโรงเรียนที่มองมา ไอ้ธามมันผลักตัวเมียเก่าออกจากตัวไม่ให้เข้ามาแตะต้อง

 

“ออกไป อย่ามาแตะกูต้น กูกับมึงไม่เหมือนเดิมแล้วมึงไม่เห็นรึไง?”

 

“อย่าประชดต้นแบบนี้เลย”

 

“ใครประชดมึงน่ะหา กูจริงจังกับน้องเขา กูกับน้องเขาน่ะมีอะไรกันแล้ว แล้วกูก็จะรับผิดชอบมันด้วย”

 

ผมนิ่งมองมันที่ว่าเสียงจริงจัง เรียกเสียงร้องไห้จากไอ้ต้นได้ไม่ยาก กำปั้นเล็ก           ๆ ทุบตัวไอ้ธามสุดแรงร้องไห้คร่ำครวญเหมือนคนบ้า เป็นภาพที่ชวนหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก ครั้งนี้เป็นครั้งหนึ่งที่ผมไม่เห็นด้วยกับการกระทำของไอ้ธาม

 

คงเหมือนครั้งที่แล้วที่มันไม่เห็นด้วยกับการกระทำของผม แล้วบอกให้ผมไปง้อภีมซะ

 

ผมว่า ความรักมันใช้แค่อารมณ์อย่างเดียวไม่ได้จริงๆ

 

มันต้องมีเหตุผลประกอบไปด้วยเสมอ

 

ผมนี่เพิ่งมาคิดอะไรได้ก็เมื่อสายไปนะ

 

หึ…

 

โคตรน่าสมเพช

 

“เอาไอ้เหี้ยนี่ออกไปซะ น่ารำคาญว่ะ”

 

“มึงก็เหี้ยเหมือนกันนั้นแหละ! อยู่กับกูคบกับกูไม่เคยคิดจะแตะต้อง แต่คบกับมันมึงทำทุกอย่าง มันมีดีอะไรนักหนาหา! เก่งเหรอ มึงบอกมาสิว่าอยากได้อะไรพี่ธาม กูยอมทำให้มึงหมดไม่ต่างจากมันหรอก แต่มึงแม่งไม่บอกกู ไม่เชื่อมั่นในตัวกู ไอ้เหี้ย!”

 

ผมมองร่างเล็กๆ ของไอ้ต้น มันคงจะเอาจริง เสียงมันน่าสงสารพยายามเข้าไปหาคนที่ไอ้ธามมันกอดไว้ ปกป้องไว้ แต่ภายใต้อ้อมกอดไอ้ธามผมรู้ดีมันหมายความว่ายังไง

 

“บอกมาสิว่ามันดียังไงมึงถึงทิ้งกู”

 

“มึงพูดดีๆ ใครทิ้งมึง มึงบอกเลิกกูเองนะ กูก็เลิกแล้วไงมึงจะเอาอะไรกับกูอีกหา อย่ามายุ่งกับเมียกู!”

 

ต้นมันชะงักกับคำนี้ ยืนตัวสั่นเทา ผมได้แต่เดินไปจับบ่าเล็กๆ ที่สั่นไหวด้วยแรงสะอื้นข้องมัน

 

“เมีย….”

 

ดวงตาไอ้ธามจ้องมันที่ก้มหน้าร้องไห้กับคำนี้ มันเองก็เจ็บผมรู้ แต่ผมไม่รู้ว่ามันจะทำแบบนี้ทำไม “เมีย…เหอะๆ เมียมึง ใช่สิ…มึงมีเมียแล้วนี่นะ คนอย่างกูที่ไม่มีอะไรลึกซึ้งกับมึงมันจะไปสำคัญอะไร”

 

“ต้น ไอ้ธามมันแค่…” ผมกล่าวอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของมัน ผมไม่คิดว่าสิ่งที่ผมทำจะทำให้มันสองคนทรมานแบบนี้ ไอ้ธามถึงมันจะทำเป็นไม่สนใจ กลับบ้านไปมันก็กินเหล้าให้ลืมเจ็บจนเมาสลบไปทุกวัน

 

“มึงรู้แบบนั้นก็ดีแล้ว ห้ามมาแตะต้องเมียกูอีก มึงไม่มีสิทธิ์ในตัวมัน ถ้ากูรู้ว่ามึงตามไปรังควานมันอีก มึงเจ็บแน่ ผัวมึงก็ช่วยอะไรไม่ได้”

 

ผมมองคนที่อยู่ในอ้อมกอดไอ้ธาม ไอ้นี่ก็ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ มันมองไอ้ต้นด้วยแววหวาดกลัว

 

“ไปกันเถอะโอ๊ค กลัวมากใช่ไหม?”

 

“ตะ แต่ว่า…”

 

มันมองมายังร่างไอ้ต้น แววตาสงสาร ผมรู้จักมันดีเพราะมันเป็นคนที่อ่อนไหวง่าย “ไม่ต้องไปสนใจไอ้นี่หรอก ก็แค่หมาหวงก้าง เมื่อกี้บอกพี่ว่าหิวใช่ไหม ไปกินข้าวกันเถอะนะครับ”

 

ไอ้ต้นมันหันมากอดผมแน่น เมื่อร่างสูงๆ ของไอ้ธามพาน้องชายคนนั้นเดินจากไปพร้อมกับกลุ่มเพื่อนที่ยังมองกลับมายังผมไม่ละ ไอ้ผมก็พยักหน้าให้พวกมันเดินนำไปก่อนเพราะยังมีเรื่องที่จะต้องจัดการอีก มือผมยกแตะหัวไอ้ต้นเบาๆ เป็นการปลอบ

 

แปลกใจตัวเองเหมือนกัน นี่มันเป็นการปลอบใจคนอื่นเป็นครั้งแรกของผม

 

ไม่รู้เหมือนกันว่าคนอื่นคิดยังไง แต่ผมแค่อยากให้ต้นมันหายร้องไห้ อยากให้มันเข้าใจเพื่อนผมในทางที่ดีกว่านี้

 

“ต้น…”

 

“ไม่เหลือแล้ว ความรักของมันไม่เหลือให้ต้นแล้วพี่ปอ!” มันทุบอกผมรุนแรง

 

อืม…ถ้าพอจะทำให้มันรู้สึกสะใจและดีขึ้นมาบ้าง

 

ผมยอมว่ะ…

 

“เพราะพี่นั่นแหละ เพราะพี่คนเดียว!”

 

ผมโคตรเจ็บกับคำนี้ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจอะไรกับคำของใครเลย

 

“พี่…”

 

ผมพูดไม่ออกจริงๆ

 

ผมส่ายหน้าตัวเองพลางจับแขนมันดึงมานั่งคุยกันดีๆ ร่างมันเดินสาวเท้ามาพร้อมกับเสียงสะอื้นเล็กๆ ก่อนจะตามมานั่งข้างๆ ตัวพลางยกมือเช็ดน้ำตา

 

มันยกมือกุมหน้าตัวเอง คงกำลังพยายามให้หยุดร้องไห้ แต่ยิ่งบังคับตัวเองก็ยิ่งร้อง ทำให้ตัวเองเข้มแข็งเท่าไรก็ยิ่งอ่อนแอ ผมเคยพยายามแล้วแต่มันยากเหลือเกิน

 

“พี่เคยคิดนะว่าต้นไม่เหมาะกับมันเลย ก็เลยบอกให้มันเลิกกับเรา” ผมว่าฝ่าความเงียบ มันนิ่งฟังผมไม่โต้เถียงเพราะคงรู้อยู่แล้ว “แต่วันนี้ เรื่องมันยุ่งเหยิงมากเกินไปจนพี่อยากจะแก้ให้มันดีกว่าเดิม พี่อยากให้ต้นเข้าใจนะ เข้าใจไอ้ธามใหม่”

 

“ไม่เข้าใจ ต้นไม่เข้าใจ” มันว่า

 

“มันเองก็เจ็บนะ”

 

“เจ็บเหี้ยอะไร มันสะใจที่เอาคืนได้”

 

ต้นมันเหมือนกระจกสะท้อนผมจริงๆ ผมหันไปมองหน้าแดงๆ ของมัน “ที่มันไม่ยอมแตะต้องต้นมากไปกว่านี้ พี่เองก็เพิ่งจะรู้จากมันเหมือนกัน พี่ไม่เคยรู้เลยว่ามันกับต้นยังไม่มีอะไรกัน ก็…เห็นสวีทกันขนาดนั้น”

 

ผมว่าเสียเรียบ “ต้นยอมรับว่าต้นก็ผิดที่ยอมพี่ปอ เพราะตอนนั้นพี่ธามมันทำให้ต้นไม่เป็นตัวเอง ทำให้ต้นต้องการมันแต่ไม่ยอมสนอง พี่ปอทำให้เซ็กส์ครั้งแรกของต้นไม่น่ากลัว แต่ต้นก็คิดได้ว่ามันผิด ต้นถึงร้องไห้”

 

“อวดดีจังนะตอนนั้น”

 

ผมหมายถึงเราทั้งสองคนนั่นแหละ แต่ตอนนี้หมดสภาพกันทั้งคู่

 

“อืม โคตรอวดดี โคตรอวดเก่งเลย” มันตอบมาเสียงเรียบ

 

“แต่…พี่ขอโทษนะ ดีนะที่ไม่ทำไปมากกว่านั้น ดีนะที่ภีมมันเข้ามาเสียก่อน”

 

ต้นมันพยักหน้ารับ มันรับคำขอโทษแล้วสินะ

 

รู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด ผมยกยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงหน้าของใครสักคนที่เคยสั่งสอนผม เป็นแรงบันดาลใจให้ผมยอมที่จะกล่าวคำว่าขอโทษออกมาเมื่อตัวเองผิด ผมโคตรคิดถึงมันเลย

 

“นี่เราพูดเรื่องนอนด้วยกันได้หน้าด้านดีนะ” มันว่าพลางเงยหน้ามามอง มือยกเช็ดน้ำตาที่ไหล

 

“เรื่องของไอ้ธาม พี่อยากให้เรารู้นะว่ามันปกป้องต้นน่ะ”

 

ทั้งๆ ที่มันขอร้องว่าห้ามบอกทั้งไอ้ต้นและคนอื่น ถึงเรื่องรสนิยมความสุขบนเตียงของมัน แต่ผมทนต่อไปไม่ไหว ผมไม่เคยคิดว่าไอ้ธามมันเป็นคนชอบอะไรแบบนี้

 

“ไอ้ธามมัน….ชอบ มีเซ็กส์แบบรุนแรงน่ะ”

 

ผมว่าเสียงเบาพร้อมกับไอ้ต้นที่มันหันมาเบิกตาตัวเอง

 

“ซะ ซาดิสม์เหรอ!”

 

ผมยกมือปิดปากมันที่ร้องตะโกนพร้อมกับจ้องตา ถึงจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็เหอะแต่ผมอุตส่าห์พูดแบบอ้อมค้อมที่สุดแล้วนะ ถึงความชอบส่วนตัวเรื่องบนเตียงของมัน ผมเพิ่งรู้ตอนมันเปิดใจคุยกันว่าที่ไม่ยอมนอนกับไอ้ต้นเพราะมันกลัวว่าไอ้ต้นจะกลัวมัน จะเกลียดมัน

 

สิ่งเดียวที่ดีที่สุดคือไม่แตะต้องมันเลย

 

ไอ้เด็กที่ไอ้ธามนอนด้วยมันคงอึดไม่เบา ตัวก็เล็กนิดเดียว ภายนอกไอ้ธามดูสุขุมใจดี ร่าเริงและอ่อนโยนยังไง แต่บนเตียงมันหยาบกระด้างและรุนแรงป่าเถื่อน มันคงคิดว่าต้นจะรับตัวตนจริงๆ ของมันไม่ได้

 

ตอนผมทำกับภีม ผมเห็นแล้วว่าสีหน้าตอนโดนทำน่ะบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บนั่นมันไม่น่าทำให้ผมสุขสมเลย ถึงมันจะรู้สึกสะใจก็เถอะ แต่มันเป็นเพราะตอนนั้นผมโมโห ถ้าต้องทำแล้วมีความสุขไปด้วย ผมคิดภาพไอ้ธามไม่ออกเลย

 

“เพราะงั้นมันถึงไม่ยอมแตะต้องต้นไง”

 

ต้นมันเงยมามองตา แล้วก็ยกมือกุมหน้าตัวเองอีกรอบ “ไอ้พี่ธาม ฮึก!”

 

“มันคงรักต้นมาก ถึงจะอยากนอนด้วยยังไงแต่ก็ไม่อยากทำให้ต้นเจ็บ”

 

ต้นมันยกมือกุมหน้าตัวเองร้องไห้ หันมากอดตัวผมแน่น

 

“พี่ธามมันบ้า ต้นรักมัน ทำไมมันไม่เชื่อใจต้น ถ้ามันรักต้นจริงทำไมไม่บอกต้นมาตรงๆ”

 

ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะก็เพิ่งจะได้รู้

 

“ต้นยอมทุกอย่างเพื่อมัน เจ็บขนาดไหนก็ยอม ฮึก!”

 

มันต้องแบบนี้สิวะไอ้ต้น

 

ผมยกมือกอดมัน ลูบหัวมันปลอบ แต่นับว่าบรรลุในสิ่งที่ต้องการจะสื่อ ที่เหลือคือกลับไปเลี้ยกล่อมให้ไอ้ธามเข้าใจในตัวของไอ้ต้น ทั้งที่ลึกๆ ก็สงสารคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างไอ้ตัวเล็กคนนั้น แต่ผมอยากจัดการให้มันเด็ดขาด ให้ไอ้ธามมันลองตัดสินจากใจตัวเองอีกทีว่าต้องการใครกันแน่

 

ทั้งๆ ที่เรื่องของตัวเองยังทำไม่ได้แต่ดันไปเสือกเรื่องของชาวบ้าน

 

น่าสมเพชว่ะ

 

 

 

 

มาอัพให้แล้วนะคะ//ปาดน้ำตา :impress3:

มีใครสงสารพี่ปอเหมือนเค้ามั้ยอ่า สงสารต้นด้วย สงสารพีด้วย สงสารทุกนางเลย แต่ภีมเริ่มจะดีขึ้นแล้วเพราะปอมันกำลังรู้สึกเจ็บไง ตอนหน้านางคงได้กลับมาลั้นลาสบายใจละแหละเพราะเห็นสามีเจ็บป๊วดดดดด! ส่วนพี่ธามก็นะ เท่อ่า อิอิ เค้าชอบแนวนี้อ่าคนปากไม่ตรงกับใจ ถ้าตรงกับใจคงเขียนจบไปนานละ 5555
 :katai2-1: :katai2-1:
พี่พีเป็นสามีหนูต้นเต็มตัวแล้วน้ารู้ย๊างงงงง ไรต์ดูจะกระดี๊กระด๊าเป็นพิเศษ ชอบฉากสามีทั้งสองของนางฟาดฟันกันมาก คิดถึงพลอตแล้วฟินเองค่ะ ยังไงรอติดตามเรื่องพี่ธามน้องต้นพี่พีนะคะ

อย่าลืมเม้นเป็นกำลังใจเค้าน้า ไปละจ้า
 :bye2: :bye2:
 

 

 

 
หัวข้อ: Re: **(05.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 05-11-2014 22:37:10
 :L1: 

:pig4: :pig4: :pig4:

เข้ามารออ่านตอนใหม่ทุกวันเลยค่ะ  น้ำตาซึมไปกับน้องๆ

พีนี่เข้าใจอะไรมากกว่าที่คิดนะ  อยากอ่าน NC ของธามกับต้นไวๆ  สงสัยงานนี้ธามตายคาอกต้นแน่  ยอมขนาดนี้

ว่าแต่น้องต้นคางจะไม่เหลึองเอาหรือ? ไหนจะ 3P แถมมาเจอเอสตัวพ่อแบบธาม  แม่เอาใจช่วยนะคะ น้องต้น

ปอกับภึม  รอเมนท์ความหน้าแล้วกัน จะดูว่าปอจะทำยังไงต่อไป   เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือควาย เจ็บแล้วไม่แก้ไขก็ยิ่ง

กว่าโคตรของควายแล้วปอเอ๊ย
หัวข้อ: Re: **(05.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 05-11-2014 23:01:19
ไม่สงสารไอ่ปอสักกะติ๊ด

สมน้ำหน้าปนสมเพชมากกว่า

ภีมอย่าใจอ่อนง่ายๆนะ

เรื่องต้นธามพี โนคอมเมนท์ค่าา

จะสงสารก็เออ...มันก็สมควร

รออ่านตอนหน้าละกัน จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: **(05.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 05-11-2014 23:08:23
 :hao3:   เวลาอยู่บนเตียงนี่ พีกับธามคงตีกัน ธามก็ได้อารมณ์พอดี เห็นมั้ย เหมาะเจาะมาก
หัวข้อ: Re: **(05.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-11-2014 23:49:51
โคตรๆๆๆสะใจเลย เจ็บลึกเจ็บนานนะเพื่อความสะใจของคนอ่าน ทำกับปอและคนอื่นไว้มากจงสำนึกผิดซะ
หัวข้อ: Re: **(05.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 06-11-2014 13:29:23
ตามอ่านวันเดียวรวดเลยค่ะ!!!
กลัวอย่างเดียว จบแบดเอน
ขอร้องงงง อย่าทำอย่างนั้นเลยนะนะะะะะ
รอตอนต่อไปนะคะ หวังว่าทั้งสองคนจะเข้าใจกันเร็วๆ
เลิกปากแข็งไง!!!
หัวข้อ: Re: **(05.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 06-11-2014 23:10:30
อึดอัดแทน
หัวข้อ: Re: **(05.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 16
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 07-11-2014 01:03:01
ใครจะว่ามั้ย เรายังสมน้ำหน้าปออยู่ ตอนทำแล้วไม่คิด
พอเสียเค้าไปแล้วเพิ่งจะรู้สึก เจ็บแล้วกรุณาจำด้วย
รอซ้ำเติมธามอีกคน ท่าเยอะเจงๆ  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:

หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 07-11-2014 12:38:24
 

ตอนที่ 17

 

ทำไมช่วงนี้อะไรก็หม่นๆ นักนะ

 

ผมทิ้งก้นลงนั่งในกลุ่มเมื่อเห็นเห็นว่าพวกมันสองคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว คนหนึ่งก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือไม่สนใจใคร อีกคนก็เอาแต่เหม่อลอยไปไกลถึงดาวอังคาร ทำเป็นพระเอกเอ็มวีเพลงเศร้าอยู่นั่นแหละ ต้องแบบผมนี่ เลิกกับแฟนไม่เห็นจะเจ็บอะไรเลยสักนิด

 

จริงเหรอ

 

ช่างมันเหอะ แต่ว่ามันก็ดีขึ้นแล้วแหละ คงเป็นเพราะใจผมชื้นขึ้นมาละมั้งเมื่อเห็นว่าปอมันกำลังรู้สึกผิด ความเจ็บปวดที่เคยมีมันเริ่มมลายหายไปทีละนิด จนเรียกได้ว่าจะหายดีแล้ว มีแค่บางอารมณ์ที่อยู่คนเดียวถึงได้คิดถึงมันบ้าง ก็มันผ่านมาหลายวันแล้วนี่นะ ไม่ได้จะเป็นจะตายเหมือนเมื่อก่อน

 

สมน้ำหน้า ยิ่งคิดแล้วใจที่ว่าเสียก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเห็นปอมันไม่เป็นตัวเองเท่าไรผมยิ่งสะใจ

 

มึงเจอกูแน่ปอ

 

“ต้น…” ผมเรียกไอ้ตัวดีที่นั่งหน้าละห้อยข้างๆ มันละสายตามามองผม

 

“อะไร?”

 

มันเพิ่งจะโดนพี่ธามตัดขาด แต่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันอาลัยอาวรณ์นัก เหมือนผมตอนแรกๆ เลย ทิ้งเหตุผลทุกอย่างนอนร้องไห้อย่างเดียว แค่เสียตูดให้มันแล้วจะอาลัยอะไรนักหนาก็ไม่รู้ ยิ่งกลับไปมองตัวเองแต่ก่อนแล้วผมได้แต่นึกด่า โคตรจะบ้า

 

นี่กูเป็นสาวอินโนเซ้นโดนผัวฟันแล้วทิ้งเหรอ เป็นผู้ชายยังไงก็ไม่เสียหายอยู่แล้ว ยังไปร้องไห้ฟูมฟายอีก ไม่สมเป็นไอ้ภีมเลยสิน่า

 

ก็ใช่สิ ทำใจได้แล้วนี่ ถ้าไอ้ปอมันไม่ทำหน้าหงอเดินมาหาวันนั้นป่านนี้ก็ยังคงร้องไห้อยู่นั่นแหละ

 

“กูถามจริงๆ นะต้น มึงไม่คิดจะเปิดใจให้พี่พีบ้างเลยงั้นเหรอ?”

 

มันก็ดีของมันนะ มันน่ะรักไอ้ต้นจะตาย ไอ้ต้นมันละดวงตาเศร้าสร้อยมามองผมพร้อมกับส่ายหน้า “ถ้ามันยังซื่อสัตย์แต่กับกู กูคงมีอ่อนไหวให้มันอยู่หรอก แต่ตอนนี้ยังทำไมได้ว่ะ”

 

“กูไม่อยากเชียร์มึงกับพี่ธามต่อแล้วว่ะ พี่เขาทำกับมึงเกินไปจริงๆ ไหนบอกว่ารักมึงทำไมทำกันได้”

 

“ใจจริงกูก็คิดแบบนั้น แต่…” ต้นมันลากเสียงเหมือนอึดอัดที่จะเล่าอีกรอบ

 

“ช่างมันเถอะกูไม่พูดถึงอีกแล้วก็ได้ มึงคงมีเหตุผลของมึง”

 

“ก็เหมือนมึงมีเหตุผลที่ยังรักพี่ปอนั่นแหละน่า”

 

อารมณ์ผมจุกคอ

 

“คะ คือ…”

 

“ความจริงใช่ไหมล่ะ?”

 

มันว่า ไอ้กรีนละจากหนังสือมามองหน้าผมนิดๆ ก่อนจะขมวดคิ้วตัวเองแน่นละไปอ่านหนังสือในมือตัวเองต่อ มันทำท่าเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างเลยแฮะ

 

“กูว่าเราพูดเสียงดังไป ไอ้กรีนมันจะอ่านหนังสือ” ผมว่าเสียงเบา

 

“เราก็ควรจะอ่านบ้างนะจะสอบแล้วเนี่ย อย่ามาเป็นภาระให้ไอ้กรีนมาติวบ่อยๆ เหอะ”

 

“ก็ดีแล้วนี่หว่าไอ้กรีนมันชอบสอนอยู่แล้ว เนอะกรีนเนอะ”

 

ผมยกยิ้มกับมันที่ละมามองแล้วยิ้มนิดๆ ตอบ เป็นอะไรของมันวะ เวลามันทำหน้าเงียบๆ ขรึมๆ นี่ก็เท่ไม่หยอก แต่ผิดกับหน้าตาน่ารักๆ อย่างมันซะจริง

 

มันน่ะตัวสูงกว่าผมนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ ถึงจะหน้าตาน่ารักแต่แมนอย่าบอกใคร หรือมันไม่ชอบให้ผมพูดเรื่องรักๆ ใครๆ ต่อหน้ามันกันวะ รังเกียจเหรอ

 

เออ ต่อไปจะระวังมากขึ้นวะ

 

“อืม…” ผมก้มหน้าเคาะโต๊ะคิด วันนี้ขี้เกียจอ่านหนังสือซะจริง “กูขอนอนนะ”

 

ผมว่าแล้วยิ้มให้ไอ้สองตัวต่อหน้า ไอ้ต้นมันรีบว่า “มึงหยุดคิดเลยไอ้ภีม นี่นัดเพื่อนมาติวไม่ใช่รึไง มึงอะเป็นตัวตั้งตัวตีแล้วจะมานอนหลับทับสิทธิ์ได้ไง ไอ้กรีนมันไม่มีเวลาสอนมึงทั้งวันนะเว้ย!”

 

“งั้นคืนนี้ก็มาบ้านกูสิ กูจะไม่นอนหลับก่อนใคร สัญญาเลย”

 

ผมว่าพลางก้มลงฟุบหน้าบนโต๊ะ เอียงหน้าไปมองพวกมันด้วย

 

“มึงจะเชื่อมันไหมกรีนว่ามันจะไม่หลับก่อนใคร?” ไอ้ต้นว่า พักนี้พวกมันเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

 

“ภีมน่ะขี้เซาจะตาย ทำไมนอนได้ทั้งวันก็ไม่รู้”

 

เห็นไหม รุมกูจัง

 

“โหยก็มันง่วงนี่ อืม…” ผมลากเสียงตัวเองกล่อมไปเรื่อยๆ ไอ้กรีนมันยกยิ้มมามองเมื่อได้ยินอย่างนั้น คงเพราะรำคาญนั่นแหละ ก็มันรู้สึกเพลินกับเสียงตัวเองนี่นะ

 

“เออว่ะกูลืมเลย อาจารย์เรียกให้ไปคุยเรื่องงบชมรมนี่กว่า เดี๋ยวกูมานะ”

 

ผมพริ้มตาหลับได้ยินเสียงไอ้ต้นคุยกับไอ้กรีน ลมเย็นๆ พัดโชยได้ยินเสียงร่มไม้กวัดแกว่งเป็นทำนองไพเราะ ฉุดให้เข้าไปในนิทราที่หวานหอม

 

“ขี้เซาจังนะ…”

 

เสียงของใครไม่อาจทราบ ช่วงเวลานั้นกำลังลุ่มหลงอยู่ในความฝันอันอ่อนละมุน ความเย็นของลมพัดเข้ามาสู้ร่างกายทั้งๆ ที่ไม่ได้ไปนั่งใกล้พัดลม ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่อ่อนนุ่มในความฝันนั้น

 

จากใครสักคนที่กำลังมอบมาให้ ใครสักคนที่กำลังอ่อนโยนต่อผมเป็นที่สุด

 

เฝ้าฝันเสมอว่าบางที ขอให้เป็นใครคนนั้น

 

กลิ่นน้ำหอมเดิมๆ ของคนเดิมๆ ที่ผมซุกอยู่ในตัว ในอ้อมกอดอุ่นนั่น ความร้อนที่ครอบคลุมไปทั่วร่างกายเมื่อถูกรั้งเข้าไปกอด ใบหน้ารู้สึกถึงความร้อนของริมฝีปากที่โน้มเข้ามาแนบจูบ สัมผัสเดิมๆ นั่นแหละที่ผมกำลังเรียกร้องและโหยหา

 

พี่ปอ พี่ปอ…

 

ผมรักพี่ปอ

 

 

“ภีม ภีม…”

 

หา

 

อะไรกัน ฝันหรอกเหรอ

 

ผมลืมตาตัวเองยกมือขยี้ตาเงยไปมองแสงที่สาดมาใส่ตา เห็นไอ้ต้นนั่งหัวเราะมองหน้าผมทั้งชี้นิ้วมาใส่หน้า

 

“ดูหน้ามันยับหมดแล้ว นี่มึงนอนได้ทุกสถานการณ์จริงๆ นะ”

 

อะไร หน้ายับ

 

ผมยกมือลูบหน้าตาเอง สงสัยนอนทับหนังสือหน้าก็เลยเป็นรอย ทำให้หน้าหล่อๆ ของผมเสียโฉมไอ้ต้นมันถึงขำพรืดแบบนั้นออกมาได้ ผมอ้าปากหาว อ้ากว้างจนแมลงวันแทบจะบินเข้ามาไข่ในท้องได้ ไม่ห่วงภาพพจน์ เออ คนหล่อทำอะไรก็ดูไม่น่าเกลียดปะวะ

 

หันไปมองคนที่นั่งตรงข้ามทว่าไม่เห็น ผมจึงหันไปมองไอ้ต้นถาม “ไอ้กรีนไปไหนวะ?”

 

มันหันมาว่าพลางเก็บของ “ก็ไปเรียนน่ะสิ นี่กูปลุกให้มึงไปเข้าเรียนบ่ายนะเนี่ย”

 

“ห้องมึงมีเรียนเหรอ?”

 

“ก็เออดิ กูมีแนะแนววิชามารยาทไทยของอาจารย์แมว ไม่ไปกูไม่ได้สอบจริงๆ อ่ะ”

 

“กูก็เห็นเจ๊แกพูดแบบนั้นตลอดล่ะ”

 

“มึงจะลองท้าทายอำนาจปะล่ะ?” มันว่า

 

“กูน่ะศิษย์รักแก เมื่อวานยังไม่ให้กูเรียนเลย ให้ไปนั่งคุกเข่าคลานทั้งคาบ”

 

“เหอะ! ศิษย์รักมาก งั้นคาบนี้ถ้ากูเข้าช้าก็คงได้คุกเข่าคลานเหมือนมึงนั่นแหละครับไอ้คุณภีม”

 

“เออ กลัวนักก็ไปเหอะไป อ่อนว่ะมึง”

 

ผมว่าพลางเสมือไล่มันพลางลุกขึ้นยืนเก็บหนังสือของตัวเองไปด้วย กะว่าจะมาอ่านหนังสือดันเอาหนังสือมาหนุนหัวนอน ตัวหนังสือคงไหลใส่สมองเองได้หรอก หน้าตาแม่งก็เหมือนคนตื่นใหม่ๆ ไปหาล้างหน้าล้างตาก่อนก็ดีเหมือนกันนะ สภาพนี้นึกว่าเพิ่งสร่างเมาเหอะ

 

ไอ้คนตรงหน้ารีบเก็บของแล้วเงยมาว่า “กูไปนะ”

 

ผมพยักหน้ารับไอ้ต้น เดินลากขาพร้อมกับถือหนังสือที่ตัวเองถือมาเตรียมจะอ่าน พอถึงเวลาเสือกง่วงขึ้นมา มีใครเป็นไหมเวลาจะสอบ ไอ้เราก็ฮึดทำหน้าตามุ่งมั่นคิดไว้ว่าพรุ่งนี้กูจะตั้งใจอ่านหนังสือแล้ว แต่พอมาเจอกองหนังสือนี่สลบก่อนแล้วค่อยบอกว่า ค่อยอ่านต่อพรุ่งนี้ละกัน

 

ผมเป็นอยู่

 

ร่างของผมเดินเข้าห้องน้ำคนเดียวเพราะคิดว่าคงไม่มีใครมาหาเรื่องหรอก ก็เพราะว่าเลิกกับไอ้ปอก็เลิกมีคู่กรณีแล้วไง ยกเว้นเรื่องที่เขาหมั่นไส้ที่ไปทิ้งมัน ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นทำไมเกิดขึ้นได้ก็ไม่รู้ คิดแล้วก็นึกถึงแต่มัน

 

เหงาอีกแล้วว่ะ

 

มือยาวๆ วางหนังสือไว้บนขอบอ่างล้างหน้าแล้วเปิดน้ำวักมาใส่หน้าให้ชุ่ม ผมยกหัวหนักๆ ขึ้นมามองกระจกตรงหน้าแล้วเบิกตา เชี่ย! นึกว่าโดมมาเอง คนอะไรหล่อทุกมุม

 

รอยยิ้มผมละลงเมื่อนึกถึงคนที่พูดคำนี้

 

กูหล่อทุกมุมเลยว่ะ

 

คิดแล้วก็ขำขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อก่อน ตลกดีนะ  ได้แต่คิดแล้วยิ้มพลางวักน้ำล้างหน้าตัวเองไปเรื่อยๆ ให้สดชื่นขึ้นบ้าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองตัวเองในกระจกอีกที เชี่ย!

 

ไม่ใช่โดม ปกรณ์

 

ผมรีบหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังด้วยความใจหาย นึกว่าผีหลอกที่แม่งมาไม่ให้สุ้มให้เสียง มันยืนมองผมนิ่งแล้วละสายตาไปทางอื่นเมื่อเราสบตากัน ทำตัวไม่ถูกว่ะ จะให้ทำตัวเหมือนไม่รู้สึกเจ็บปวดงั้นเหรอ

 

ไอ้ปอ ปกรณ์(ชื่อจริงมัน)

 

“อะ…”

 

มันยื่นของที่อยู่ในมือมาให้ ผมละไปมองของสิ่งนั้นด้วยความประหลาดใจพลางลูบหน้าที่เปียกไปด้วยหยดน้ำ ใจของผมสั่นไหวเมื่อทราบว่าเป็นอะไร นิ้วมือของผมเอื้อมไปหยิบรับมามองนิ่ง ก่อนจะยกขึ้นมาเช็ดหน้าตัวเอง

 

ผ้าเช็ดหน้าของผม ตอนที่เช็ดเลือดให้มันคราวนั้น

 

“ขอบใจ…” ผมว่าฝ่าความเงียบเมื่อมันมองใบหน้าของผมนิ่ง แต่ยิ่งมองกันมันก็ยิ่งไม่มีอะไรจะพูดว่ะ คือมันไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรกันตอนไหนดี

 

หนีเหอะ

 

“งั้นกูไปเรียนนะ”

 

ผมว่าพลางละเดินออกมา ร่างกายชาเมื่อถูกรั้งกลับให้หันไปสบตามันอีกครั้ง ใจผมเต้นตึกตักแทบจะทะลุออกมาจากอกด้วยความตื่นเต้น เห็นว่าปอมันได้แต่ขมวดคิ้วตัวเองแน่น จ้องตาแล้วก็ละไปทางอื่น

 

ไม่มั่นใจในตัวเองงั้นเหรอ

 

“ปล่อย เดี๋ยวกูเข้าสายแล้วโดนด่าอีก…” ใจจริงแค่ไม่อยากอยู่ใกล้มันเท่านั้นแหละ คาบนี้เรียนทฤษฎีพละ

 

“คุยกับกูก่อนสิภีม กูมีเรื่องจะคุยด้วย”

 

“ไม่เอา เดี๋ยวไม่ทัน”

 

“เดี๋ยวเดินไปส่ง ถ้าด่าเดี๋ยวกูด่าคืนเอง”

 

“ไม่ขำไอ้สัด”

 

“กูก็ไม่ขำ ไม่ได้ยิ้มเลยเห็นหน้ากูไหม?” มันว่า ขอผมแอบขำแปป นี่มันติดไอ้สำนวนนี้จากผมไปเมื่อไร ฟังแล้วมันตลกทั้งๆ ที่หน้ามันนิ่งขนาดนี้

 

“ปล่อยมือกูก่อน” ผมว่าพลางดึงมือออก

 

พอมันละออกแล้วดวงตาผมก็หาทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง แต่แม่งพอขยับเท้ามันก็เดินมาดักหน้า ขยับซ้ายก็ตามขยับขวาก็ตามทำเป็นหนังแขกไปได้ มึงไม่เปิดเพลงเลยล่ะไอ้สัดจะเต้นให้ดู!

 

เอาไงดีวะ

 

“อะไรก็พูดมาสิวะ”

 

ผมเงยขึ้นไปว่า มือกำผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือแน่น ความชินและชาของไอ้ต้นมันทำให้ผมเข้มแข็งจริงๆ อย่างน้อยผมก็เข้มแข็งกว่ามันตอนนี้ล่ะวะ

 

“กูคิดถึงมึงว่ะ”

 

ผมชะงัก เงยหน้าไปมองหน้ามันที่แสดงถึงความจริงจัง ดวงตามันวูบไหวตอนกล่าวเรียกความรู้สึกประหลาดแล่นเข้ามา ใจผมมันสั่น แต่ไม่! ปอมันทำกับผมไว้เยอะ มันยังไม่สาสมหรอก!

 

“ไม่ตลก…”

 

“ไม่ได้พูดให้ตลก กูพูดให้มึงรู้ แล้วกูก็รู้ด้วยว่ามันยากที่มึงจะเชื่อแล้วเข้าใจกู มึงคงเกลียดคงกลัวกูมากเลยสินะ แต่นั่นแหละกูถึงมาบอกมึง ให้มึงลดความเกลียดที่มีให้กูนิดหนึ่งก็ยังดีภีม”

 

ใครบอกผมเกลียดมัน ที่บอกไปตอนนั้นแค่จะให้มันหยุด

 

“แค่นี้ใช่ไหม?”

 

“ไม่ ยังมีอีก” มันว่า ผมเงยขึ้นไปสบมองตัวสูงๆ ของมัน

 

“กูขอโทษ”

 

โอ…

 

มือของผมสั่นไปหมด ไม่คิดเลยว่ามันจะยอมเดินเข้ามาขอโทษง่ายๆ แบบนี้ ผมไม่คิดว่าคนอย่างมันจะกล้ายอมรับผิดได้ ทั้งที่ตอนนั้นมันทำร้ายผม กล่าวโทษว่าผมทำตัวเอง ผมหลอกลวงมันและผมเองก็ยอมรับไปแล้วว่าตนเองผิดจริงๆ

 

ปอมันเปลี่ยนไปมากจริงๆ

 

“มึงจำตอนที่กูสัญญากับมึงได้ไหม มึงเป็นคนบอกกูเอง ถ้ากูเกิดทำร้ายมึงเมื่อไหร่และต่อให้มึงจะผิดยังไง ถ้ากูเผลอทำร้ายมึงกูต้องรับผิดทุกอย่างเพราะได้สัญญาว่าจะไม่ทำมึงแล้ว” มันว่าเสียงเบา

 

ผมจำได้ ผมแค่พูดไปด้วยอารมณ์เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจสัญญากับมันจริงๆ

 

“แล้วที่พูดมา จุดประสงค์มึงต้องการอะไร?” ผมเงยขึ้นไปว่า มันนิ่งมองตา

 

“ยกโทษให้กูได้ไหม?”

 

ผมส่ายหน้าแทบจะทันที “หน้าด้าน!”

 

ว่าแล้วก็หยิบหนังสือที่ลืมไว้อยู่ในอ่างฟาดหน้ามันไปอีกทีซ้ำกับคำที่พูด “หายด้านรึยังหา รู้สึกไหม!?”

 

มันไม่สู้ ไม่หือไม่อือ เห็นแค่เลือดกำเดาไหลออกมา ใจผมหล่นวูบเมื่อมันใช้หลังมือเช็ดเลือดที่ยังไม่หยุดหลยดลงเสื้อ ใจที่ว่าแข็งอ่อนยวบลง

 

ไม่ได้!

 

“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกปอ เหมือนที่มึงทำกับกูไง!”

 

“ภีม พี่ขอโทษ…”

 

“ไปให้พ้น อย่ามาให้กูเห็นหน้า!”

 

แค่จะพูดว่าขอโทษแล้วให้ผมยกโทษให้มันง่ายไป ผมปาผ้าเช็ดหน้าใส่หน้ามันไปแรงๆ ก่อนจะเดินผละออกมาด้วยใจที่สั่นหวิว พอออกมาได้ ใจที่ว่าอวดเก่ง ที่ว่าแข็งแรงก็อ่อนลง ทำให้เข่าแทบจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น ผมสงสารมัน

 

ได้ยินเสียงมันเปิดน้ำล้างหน้า ผมพยายามพาตัวเองที่ไม่มีเรี่ยวแรงเดินหลบออกมาเกรงว่ามันจะรู้ว่าผมเป็นห่วง พยายามทำใจให้เข็มแข็งไม่ร้องไห้

 

ทำแบบนี้ทำไมวะ ทำให้ตัวเองเจ็บ

 

มันเจ็บผมเจ็บกว่า

 

กูแม่งบ้า เท่ากับทำร้ายตัวเองชัดๆ

 

 

“ไหน ไอ้กรีนมันบอกว่ารออยู่ตรงไหน?”

 

ผมเดินลากขาไม่มีชีวิตตามไอ้ห่าต้นที่มันพาผมเดินแทบจะทั่วห้าง หลังจากเมื่อวานผมฟาดไอ้ปอไปทีเพื่อระบายอารมณ์และโกรธแค้นที่สุมอก

 

เอ่อ…มากไปมั้ง แค่โกรธแล้วยกโทษให้ไม่ได้เท่านั้นแหละ วันนี้พอไอ้ต้นชวนออกมาก็เลยยอมตกลงเผื่อจะได้ไม่คิดมาก มาเดินตามหาไอ้กรีนที่มันยังไม่ยอมมาสักที โทรหาก็ไม่รับสาย

 

“มึงช่วยไปรอเป็นที่ ที่ทำให้มันเดินมาหาเราง่ายๆ ได้ปะวะ มันคงรู้และน่า แล้วนี่มึงไปลืมไปไหมว่าเรามาก่อนเวลานะเว้ย!” ผมว่าพลางดึงข้อมือที่ไอ้เวรต้นมันลากเดินเหมือนจูงควายโง่ๆ อยู่

 

“เออว่ะ งั้นไปหาไรกินรอกันไหมแล้วค่อยไปเลือกว่าจะดูเรื่องอะไร”

 

แล้วแม่งก็เนียนได้อีกไอ้นี่ แต่ก็ไม่ปฏิเสธนะ

 

“เออ”

 

ผมตอบเสียงเบา ขณะที่หันตัวกลับก็ไปเจอะกับผู้ชายวัยรุ่นสองคนที่เดินเข้ามาหา รอยยิ้มดูเป็นมิตรแต่ท่าทางจะเพลย์บอยไม่เบา พอจะเดินหลบแม่งก็เดินมาดัก ต้องการอะไรจากผมวะ

 

“ขอทางหน่อย” ไอ้ต้นมันว่า คนตรงหน้ายิ้มพลางล้วงกระเป๋ายกโทรศัพท์ขึ้นมา

 

“ให้เบอร์พี่ก่อนถึงจะให้ไปได้”

 

“พ่อพี่มาสร้างไว้รึไง?” ผมสวน ยังไม่เลิกปากหมา

 

“โอ้โห น้องมันก็แรงไม่เบา น่า…ขอเบอร์หน่อยนะครับ”

 

ตื๊อว่ะ น่ารำคาญ

 

ผมมุ่นคิ้วตัวเองแล้วหันไปสายหลบไปทางอื่นด้วยความรำคาญ ทว่าสายตากลับไปเจอะร่างสูงๆ ของคนที่สองคนที่เดินอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนม รอยยิ้มนั้นคล้ายผัวเก่าผมมาก เอ่อ…หมายถึงไอ้ปอน่ะ เขามาที่นี่พร้อมกับผู้ชายที่อายุน้อยกว่ามากๆ เลย

 

จำได้แล้ว พี่คนนั้น

 

คนที่ขับรถรับส่งผมกับไอ้ปอ ที่ถูกไอ้ปอด่าวันนั้นไง!

 

“ไม่ให้ ออกไปไกลๆ” ไอ้ต้นว่าเสียงรำคาญ

 

ผมได้แต่มองตามร่างนั้นไม่สนว่าพวกมันพูดอะไรกัน ใจผมเต้นตึกตักตอนที่เห็นคนสองคนนั้นหันไปสบตากันแล้วยิ้ม มันไม่เหมือนเจ้านายกับลูกน้องเลยสักนิด ทำเหมือน…

 

คนรักกัน

 

ไม่จริง พ่อไอ้ปอน่ะเหรอ ผมส่ายหัวไล่ความคิดชั่วๆ ออก จะเป็นแบบนั้นได้ไงวะ กระทั่งสายตาคมๆ ของเขาละหันมาเจอผม รอยยิ้มร่าเริงของเขาละลงทันที ทั้งสองร่างชะงักยืนมองมายังผม และผมเองไม่ได้หลบตา แสดงถึงเครื่องหมายคำถามไปยังเขาอย่างชัดเจน ผมหวังว่าเขาจะอธิบายอะไรให้ผมเข้าใจ ไม่ได้คิดไปเอง

 

กระทั่งเข้าตัดสินใจ

 

“ภีม…”

 

เลือกที่จะเดินเข้ามาหาผม

 

ไอ้สองตัวที่ขอเบอร์เบิกตาตัวเองเมื่อเห็นร่างสูงๆ สายตาคมดุจเหยี่ยวเดินมาด้วยสีหน้าเข้มขรึมต่างจากเมื่อกี้ก็ส่ายหน้าว่า

 

“แม่ง เด็กเสี่ยเหรอวะ?”

 

เสี่ยเหี้ยไร!

 

มันว่ากันแล้วก็เดินจากไป ไอ้ต้นหันมามองคนที่เดินมาหยุดตรงหน้า เขายกยิ้มนิดๆ ให้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเงยขึ้นไปสบกับพี่ชายที่ตอนนี้ไม่ได้สวมชุดพนักงานโรงแรมแล้ว ตัวเขาสูงพอๆ กันกับพ่อของปอ แต่ใบหน้าบ่งบอกว่าเพิ่งอายุยี่สิบกว่ายังไม่ถึงสามสิบแน่

 

ที่สำคัญ ทั้งคู่สนิทสนมกันได้ขนาดนี้เลยเหรอ

 

มองจากมือที่จับกันแบบนั้น

 

 

ร่างของผมทรุดตัวนั่งลงข้างๆ คนที่ผมตั้งคำถามมากมายเงียบๆ ไม่ได้เริ่มพูดอะไร เราสองคนขอเวลามานั่งคุยกันเป็นการส่วนตัวจากทั้งพี่ชายคนนั้นและไอ้ต้น ดูสายตาเพื่อนผมคงจะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมาจากการละมามองผมด้วยแววตาเป็นห่วงจากข้างนอก ผมเงยหน้าไปมองเขาที่ยังนั่งนิ่ง พอกำลังจะกล่าวขึ้นเขาก็ว่าขึ้นมาก่อนว่า

 

“พ่อเป็นเกย์”

 

ผมชะงักเบิกตาตัวเอง หันมองเขาที่อายุสี่สิบแล้ว แต่ว่าเกย์มันห้ามอายุได้ที่ไหนเล่า แถมตอนนี้เขาก็ยังหล่อยังดูดีด้วย แต่เป็นรุกหรือรับเนี่ยสิ

 

ไม่เอาผมไม่คิด

 

“อะ คะ…คือ ว่า…”

 

พูดไม่ออก ไม่รู้จะเริ่มอะไรตรงไหนจริงๆ

 

“นั่นแหละที่ทำให้ปอเกลียดพ่อ เขารู้ว่าพ่อเป็นเกย์แล้วก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เราหย่ากัน ทำให้เขาไม่ได้อยู่กับแม่เพราะพ่อเป็นคนเลือกให้เขาอยู่ในการดูแลของพ่อ”

 

ใจผมชา อย่างงี้นี่เองที่ทำให้มันไม่ยอมรับพ่อ แต่ปอมันก็เป็นเกย์นี่

 

ใจผมหาย นี่เหรอที่มันไม่ยอมรักใครที่คบกับมันสักคน ที่แท้มันก็ใช้เกย์เป็นเครื่องระบายอารมณ์จากพ่อของมัน ใจจริงมันอาจจะไม่ได้รักเกย์ไม่พิศวาสเกย์เลยก็ได้ แค่คบๆ ให้ได้ระบายอารมณ์ไปแค่นั้น

 

โคตรเจ็บเลยว่ะ

 

“งั้นเหรอครับ งั้น…”

 

“แต่พ่อก็หวังนะ ว่าภีมจะเปลี่ยนใจเขาได้”

 

ผมก้มหน้า ไม่ได้แล้วแหละ

 

“ผมเลิกกับเขาแล้วครับ ผมขอโทษที่ทำให้คุณพ่อผิดหวังจริงๆ”

 

เขายกยิ้มแล้วยกมือขึ้นมาลูบหัวเป็นการปลอบ ยิ้มเหมือนกำลังรู้อะไรสักอย่างและกล่าวกับผมด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นอย่างเคย “พ่อไม่เคยผิดหวังในตัวเราเลยนะ จากตอนนี้และวันนั้นข้างหน้า จะรอให้กลับมานะภีม กลับมาสร้างรอยยิ้มให้ลูกชายพ่อเหมือนเดิม”

 

ตอนนี้มันก็ยังยิ้มนี่!

 

ผมมุ่นคิ้วตัวเองก้มหน้ามองตัก มิน่าล่ะ ผมลืมคิดไปเสียสนิท่าทำไมพ่อของปอมันใจดีเกินไปขนาดนั้น ใจดีแม้กระทั่งยอมให้ลูกชายคบได้แม้กระทั่งกับเพศเดียวกัน

 

โง่จริงๆ เลยว่ะกู

 

 
 :a5: พ่อเป็นเกย์!

55555  o13
เอามาส่งแล้วจ้า เป็นยังไง ยังหน่วงๆ กันอยู่ไหม บอกแล้วว่าภีมมันดีขึ้นละ พอจะลั้นลาได้บ้างเหมือนปอนั่นแหละ แอบสงสารตอนนางโดนหนังสือตบหน้าเบาๆ อิอิ ส่วนตอนหน้า น้องต้นจะชวนน้องภีมลองใจสามีทั้งสองนะคะ พลาดไม่ได้
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **(05.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: Oo๐FosfoggY๐oO ที่ 07-11-2014 12:52:50
บางทีเราก็ว่าน้องภีมเล่นตัวเกินไปจนนน่าหมั่นไส้เล็กๆ แต่เราก็ยังรักนางน้า 55555

แต่เรางงเรื่องพ่อปอเป็นเกย์แล้วปอไม่ชอบแต่ตัวเองก็เป็นนี่นา
หัวข้อ: Re: **(05.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 07-11-2014 13:18:30
ยังไม่สะใจอ่ะแค่หนังสือเอง

ทีหลังเอารองเท้าตบนะ 55555
หัวข้อ: Re: **(05.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 07-11-2014 14:06:50
บางทีเราก็ว่าน้องภีมเล่นตัวเกินไปจนนน่าหมั่นไส้เล็กๆ แต่เราก็ยังรักนางน้า 55555

แต่เรางงเรื่องพ่อปอเป็นเกย์แล้วปอไม่ชอบแต่ตัวเองก็เป็นนี่นา

อ่านดูดีๆ นะ ปอไม่ได้โกรธที่พ่อเป็นเกย์ แต่โกรธที่การเป็นเกย์แล้วเลิกกับแม่ ทำให้แม่ต้องไปจากปอจ้า
หัวข้อ: Re: **(05.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 07-11-2014 16:02:43
ตอนแรกก็สงสัยพ่ออยู่นะ ใช่จริงๆด้วย :a5:
ภีมอย่าเพิ่งใจอ่อนนะ เอาให้หลาบจำ
คราวหลังจะได้ไม่กล้าหือ กล้าชั่วอีก
หัวข้อ: Re: **(05.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 07-11-2014 17:24:38
 :heaven     พ่อได้ใจง่ะ  555
หัวข้อ: Re: **(05.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 07-11-2014 21:07:28
อ่านรวดเดียวเลย
หัวข้อ: Re: **(05.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 17
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 08-11-2014 01:57:42
 :katai1:
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 08-11-2014 22:36:07
 

ตอนที่ 18

 

พ่อไอ้ปอเป็นเกย์

 

พ่อไอ้ปอเป็นเกย์

 

นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย!

 

ผม ไอ้ต้น ไอ้กรีน เดินเข้าบ้านมาต่างจากขาไปที่แลดูเสี้ยนและกระดี๊กระด๊าเป็นปลากระดี่ได้น้ำกันมาก ตอนนี้น่ะเหรอ เหอะ! พากันหมดอาลัยตายอยากตามผมไปกันหมดแล้ว พอพวกมันเห็นผมไม่มีอารมณ์ หลังจากดูหนังเสร็จก็ชวนกลับมาตั้งหลักที่บ้านผมก่อน

 

ไอ้กรีนมันเป็นคนที่อยู่ติดบ้านแล้วก็ขยันเรียน ไอ้ต้นเป็นพวกคุณหนู จะออกไปไหนพ่อแม่ตามใจตลอด ส่วนผม ทั้งจนทั้งโง่แล้วก็พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาว่างให้

 

รู้สึกกูนี่ไม่มีอะไรดีเลย

 

ผมทรุดตัวเอาร่างนอนคว่ำพักบนโซฟาพักร่างกายอ่อนล้า แต่ใจล้ากว่า นึกถึงหน้าพ่อไอ้ปอแล้วหลับไม่ลงว่ะแม่ง นึกเห็นแต่ภาพตอนที่ปอมันแสดงถึงความเอาแต่ใจกับพ่อ ไม่แคร์พ่อเพราะเป็นแบบนี้นี่เอง

 

พอๆๆ หยุดคิดเรื่องของมัน หยุดเป็นห่วงมันได้แล้ว

 

จะแคร์อะไรมันมากมายวะเนี่ย!

 

ผมถอนใจ ดวงตามองนาฬิกาเป็นเวลาสี่โมงเย็น พวกไอ้ต้นมันยังไม่คิดจะกลับบ้าน เปิดทีวีแล้วก็นั่งคุยกันสองคนเหมือนไม่ได้คุยกันมาเป็นชาติ ไม่ใช่อะไรหรอกมันไม่ยอมมานั่งคุยให้ผมได้ยินด้วย มือผมยกโทรศัพท์เปิดดูไทม์ไลน์เฟชบุ้คตัวเอง เห็นรูปของมันเด้งขึ้นมาเป็นคนแรก

 

หล่อเหมือนเดิม

 

ดวงตาไปสะดุดกับคำบรรยายของมันที่เขียนไว้สั้นๆ ว่า

 

 

ขอโทษ

 

 

ผมสตั๊นนิ่งมองตัวหนังสือนั้นนานไปหลายนาทีก่อนจะเลื่อนไปเรื่อยๆ เห็นคนที่เข้าไปแสดงความคิดเห็นมากมาย บ้างก็สมน้ำหน้า บ้างก็ตอบรับคำขอโทษของมัน

 

รู้ตัวว่าผิดก็ดีแล้ว รีบมาง้อผมซะดีๆ ไอ้บอยเมียเก่ามันแสดงความคิดเห็นพร้อมกับหัวเราะลงท้าย ผมเบ้ปากก่อนจะปิดมันลงไปด้วยความไม่อยากรู้อะไรอีกต่อไป วางโทรศัพท์แล้วฟุบหน้าลงกับโซฟา

 

ภาพตอนเลือดมันไหล ใบหน้ามันดูไม่เจ็บเลย ต่างจากผมไปโดยสิ้นเชิง

 

เจ็บชิบหายตอนที่ทำมัน

 

“โอ๊ย เบื่อ!”

 

ผมร้องขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย ไอ้สองตัวที่นั่งอยู่หันขวับมามองหน้าตาตกใจคิดว่าผมอาจจะเสียสติไปเพราะเลิกกับผัวแล้วก็ได้ เหอะ พักนี้ชักจะชินกับคำว่าผัวเต็มแก่แล้วสินะ

 

เสียงไอ้ต้นมันลุกขึ้นมาทรุดตัวนั่งต่อหน้า

 

“เบื่อ งั้นหาอะไรทำกันดีไหม?” ว่าแล้วยิ้มกริ่มแปลกๆ จะชวนกูเล่นอะไรอีกล่ะ

 

“ทำอะไรวะ?”

 

“ก็…” มันลากเสียงทำกรอกตาคิด “แกล้งคนดีกว่าว่ะ”

 

ผมยกมือขึ้นพลางขยับนั่งทำท่าเกาหัวตัวเองมองตามสายตาไอ้ต้น เมื่อวานนี่มึงเพิ่งจะเศร้าน้ำตาคลอเบ้าอยู่เลยนะกูจำได้ แต่ไม่ได้อัดเป็นวิดิโอมาให้มึงดู ส่วนไอ้กรีนเดินเข้ามาแล้วมองตามรอยยิ้มอันโคตรจะมีเลศนัยของไอ้ต้น

 

แต่แม่งก็โคตรจะอยากรู้เลยเหอะ

 

“แกล้งใคร อะไรยังไง?” ผมว่า

 

ไอ้ต้นมันยิ้มกับตัวเองเมื่อได้ยินเสียงคำถามของผมที่ถามออกไป แววตาคิดออกไปไกลแสนไกลก่อนจะทำหน้ามุ่งมั่น หันมาตอบด้วยความชัดถ้อยชัดคำว่า

 

“มีผัวใหม่กันเถอะ!”

 

เชี่ย!

 

ความคิดมึงนี่สร้างสรรค์มาก ผมล้มตัวลงนอนบนโซฟาอย่างเดิมกับความคิดของไอ้ต้นพร้อมกับเสียงหัวเราะของไอ้กรีน ทำเป็นไม่สนใจเสียงไอ้นี่ไปด้วย

 

“มึงเอาอะไรคิดวะ?” ผมบ่น ฟังเสียงมันว่าไปด้วย

 

“มันเวิร์คนะมึง ถ้ามึงมีผัวใหม่ ไอ้เชี่ยพี่ปอจะได้หึง พอหึงมันก็ตามมายุ่งกับมึงอีก พอยุ่งมากๆ เข้าเราก็บีบให้มันทนไม่ไหวมาขอคืนดีมึงไง”

 

“ไม่เวิร์ค แล้วใครบอกว่ากูอยากไปคืนดีกับมัน”

 

“สายตามึงบอกกู”

 

เชี่ย มาทำรู้ดี

 

ผมหันตาไปมองทางอื่นไม่สบตากับมัน กลัวมันรู้ทันอีก

 

“ฟัคยู!” หันหน้าหนีว่าพลางชูนิ้วกลางไปให้ทีหนึ่ง

 

ผมฟุบหน้าลงกับหมอนนอนคิดตามในสิ่งที่มันว่า

 

ให้ทำแบบนั้น เพื่อที่มันจะได้มาง้องั้นเหรอ

 

แล้วใจจริงๆ ของผม ต้องการแบบนั้นไหม ผมอยากกลับไปหามันไหม

 

วันนั้นฟาดหน้ามันไปแล้ว แล้ววันนี้จะมาทำอะไรบ้าๆ บอ ให้มันมาง้อ นี่แม่งเข้าข้างตัวเองเกินไปปะวะว่ามันจะกลับมาจริงๆ คนดีๆ ที่มันคบมาก่อนหน้าผมก็มีเยอะแยะไป สู้ไปคืนดีกับพวกนั้นไม่ดีกว่าเหรอ

 

“นะภีม จะได้รู้ไงว่าพี่ปอคิดยังไงกับมึงแน่ มึงไม่เห็นตอนที่เขามาพูดกับกู ไม่เหมือนคนเดิมเลยนะเว่ย” มันว่าพลางเอื้อมมือมาดึงแขนผม

 

“ไม่เอา”

 

เรื่องนั้นผมรู้นานแล้วว่ามันไม่เหมือนเดิม มันเก่ง แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้โว้ย!

 

“นะภีม เดี๋ยวกูเอาด้วย กูจะทำให้พี่ธามมาขอคืนดีกับกู”

 

“นี่มึงอยากทำเองนี่หว่าแล้วมาบอกให้กูทำ ไอ้นี่!” ผมเงยขึ้นไปว่า มันยกยิ้มเขินๆ

 

“กูเพิ่งรู้ความจริงบางอย่างมา อยากจะลองใจพี่ธามอีกสักครั้งว่ายังรักกูอยู่รึเปล่า”

 

ผมชะงัก เห็นไอ้กรีนมันกำลังยิ้มไม่ออกพร้อมไอ้ต้นที่ยิ้มนิดๆ กับสิ่งตัวเองกำลังนึกถึง ผมรีบลุกขึ้นนั่งไปมองมันเหมือนตัวเองตกข่าวอะไรบางอย่าง แต่ว่า…ถือว่าช่วยเพื่อนก็ได้วะ

 

“เออ ก็ได้”

 

ผมว่าพลางพยักหน้ารับนิดๆ

 

ไม่ถึงสิบนาที ไอ้พี่พีก็มานั่งเสนอหน้าร่วมวงด้วยราวกับสนิทกับผมมาเป็นชาติ ตอนนี้มันไม่ได้จะกวนตีนหรือตั้งใจจะแกล้งผมแล้ว เพราะผมเป็นเพื่อนกับเมียมันไง แล้วผมแม่งก็ดันเอนเอียงไปทางพี่พีมากกว่าพี่ธามแล้วด้วย ลูกตื๊อมันเยอะไง

 

ทำไมแผนมันต้องใช้คนเยอะขนาดนี้ด้วยวะ คิดแล้วอาย วางแผนให้ผัวมาง้อขอคืนดี บัดซบชิบ!

 

“กับไอ้ปอไม่เห็นต้องทำอะไรสักอย่าง” พี่พีว่าเสียงเบาพร้อมยกยิ้มกับตัวเองราวกับรู้อะไรอยู่

 

ทำไมวะ ทำหน้ามีเลศนัยชิบหายไอ้พี่นี่

 

ผมอึกอักแล้วกล่าวเสียงเบา “ก็ไม่ได้อยากจะทำอะไรหรอก รู้อยู่ว่ามันไม่ได้อยากจะคืนดีตั้งแต่แรก”

 

“ใครบอก?” เขาหันมาถาม ผมหลบตางุดลงพื้น

 

“สังเกตเอาเอง”

 

“เหอะ!” เขาหัวเราะแล้วหันไปทางอื่น ตัวสูงๆ ขยับไปมองหน้าไอ้ต้นที่ตอนนี้ทำหน้าบึ้งใส่ ทั้งๆ ที่มึงเป็นคนโทรเรียกไอ้พี่พีมันมากูจำได้ ถ่ายวิดิโอไว้แล้วด้วย

 

“แล้วเรียกพี่มามีอะไร?” ถามเหมือนเป็นคนใช้ หรือขี้ข้าอะไรทำนองนั้น หรือมันคิดไว้ว่าตัวเองเป็นแบบนั้นในสายตาไอ้ต้นจริงๆ

 

มันน่าสงสารนะผมว่า

 

“ก็…” ไอ้ต้นลากเสียง “พอจะมีเพื่อนที่ไม่สนิทกับพี่ปอพี่ธามสักสองคนไหมล่ะ?”

 

“กับไอ้ภีมกูหาให้ได้ แต่ของมึงกูไม่ยอม มึงเป็นเมียกูอยู่”

 

ผมกลืนน้ำลายมองหน้าไอ้ต้นที่เงยขึ้นไปว่า “ไม่! ไม่เอาพี่พี พี่ยังไงก็ไม่ยอมให้ผมคืนดีกับพี่ธามอยู่แล้ว ผมรู้หรอก”

 

พี่พีหันไปสบตากับมัน ทำเสียงเบาราวกับไม่รู้สึกรู้สา “ใครบอก กูยอมหมดแหละไม่ว่ามึงต้องการอะไร”

 

ตัวผมชาไปเลยแฮะเมื่อได้ยินพี่มันว่า ผมไม่คิดว่าพี่เขาจะยอมถอยให้พี่ธามง่ายๆ แล้วปล่อยให้ตัวเองเจ็บแบบนั้น ผมเคยคิดมาตลอดว่ามันเป็นคนเห็นแก่ตัวเองมากๆ แต่คราวนี้ผมคงต้องมองมันใหม่ มันเลือกที่จะเป็นคนเห็นแก่ตัวในสายตาคนอื่นเพื่อไอ้ต้น

 

ต้น จะมีสักกี่คนที่ยอมเพื่อมึงขนาดนี้วะ

 

ไอ้ต้นเอง มันแสดงถึงความอึดอัดใจน้อยๆ เมื่อได้ยินแบบนั้น คงจะวางตัวลำบากแน่ๆ เพราะทั้งคู่ที่ว่ามาก็เป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน

 

“เดี๋ยวกูจะโทรเรียกมันมา ไอ้นี่มันชอบคนน่ารักๆ อยู่แล้ว” พี่พีว่าพลางยกโทรศัพท์ขึ้นเมื่อพูดถึงไอ้คนที่จะมาแสดงเป็นแฟนใหม่ผม

 

ใจหายชิบ

 

“แค่มาแสดงละครไม่ได้ให้มาจีบจริงๆ!” ไอ้ต้นมันร้องว่า ผมมองสายตาไอ้กรีนแล้วมันบอกเลยว่าไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่กำลังจะทำ

 

“เออ กูรู้น่า ถ้าจีบจริงๆ ไอ้ปอมันเอากูตาย!” พี่พีว่า

 

มันชอบพูดเหมือนรู้อะไรอยู่เลยไอ้พี่พี

 

จะทำไง ไปอี๋อ๋อกับผู้ชายนอกจากไอ้ปอเนี่ยนะ คิดแล้วขนก็ลุกขึ้นมาเสียเฉยๆ เพราะผมไม่คิดว่าตัวเองจะไปมีอารมณ์หวานแหววกับผู้ชายด้วยกันคนไหนได้อีกนอกจากไอ้ปอคนเดียว

 

ทำไงดีวะ

 

ผมลอบมองพี่พีน้อยๆ แล้วว่า“แค่แสดงจริงๆ ไม่เอาถึงเนื้อถึงตัวด้วย”

 

“ไม่ถึงเนื้อถึงตัวไอ้ปอมันจะเชื่อได้ไง?” ไอ้พี่พี แบบนั้นก็เปลืองตัวแย่สิวะ

 

“ไม่ได้! แค่เดินควงกัน คุยกันก็พอ”

 

“นี่กูกะจะให้มึงเข้าโรงแรมกับมันเลยนะ”

 

ไอ้เชี่ย!

 

“ไม่เอา!” ผมรีบว่าพลางส่ายหน้า แค่จะมองตาแล้วยิ้มหวานๆ ให้ผู้ชายด้วยกันกูก็จะอ้วกแล้ว นี่มึงกะจะให้มันพากูเข้าโรงแรมเนี่ยนะ ไอ้บ้า มึงเอาสมองส่วนไหนคิด!

 

“เลิกกวนตีนมันซักทีเถอะพี่ ผมวางแผนไว้แล้วพี่ไม่ต้องมายุ่ง”

 

“ไม่ให้ยุ่งได้ไงก็กูอยู่ในแผนด้วย มึงต้องถึงเนื้อถึงตัวนะภีม ถ้าไม่โดนตัวกันเลยไอ้ปอมันจะเชื่อได้ไง  ดูนะทำแบบนี้…”

 

มันลากตัวไอ้ต้นมานั่งบนตัก ใจผมเจ็บจี๊ด ตูดกูคงนั่งตักใครไม่ได้นอกจากตักของไอ้ปอ ไอ้ต้นมันดิ้นขลุกขลักพร้อมกับแสดงถึงความโมโห แต่แก้มนี่แดงอย่างกับกำลังเขิน เหมือนผมเลยว่ะ เวลาเขินชอบทำโมโหกลบเกลื่อน

 

“อย่า ไอ้พี่พี ไอ้นี่! ปล่อยผม!”

 

“มึงขัดขืนแบบนี้ไอ้ธามมันจะเชื่อได้ไง?”

 

“ไม่เอา อย่ามาจับ!”

 

“แต่มึงจะให้ผู้ชายคนอื่นจับว่างั้น จะให้คนเขาแตะต้องมึงง่ายๆ แค่เพราะเขาไม่ใช่กูงั้นเหรอ สมกับที่มันว่ามึงง่ายนะ”

 

“ไอ้พี่พี!” ต้นมันร้องว่า “เพราะผมรังเกียจพี่ไง สกปรก”

 

“ใครกันแน่ที่สกปรกกว่า กูน่ะเอากับมึงคนเดียว แต่มึงน่ะเอากับกูคนเดียวรึเปล่า กูรู้นะว่ามึงกับไอ้ปอ…”

 

“เงียบ ก็ได้ๆ ยอมก็ได้!”

 

ต้นมันยกมือปิดปากคนพูดแล้วหันมามองผมเหมือนจะกลัวว่าผมโกรธ ผมส่ายหน้าเพราะรู้ดีว่ามันผ่านมานานมากแล้ว ผมไม่ทีทางโกรธมันได้ กลับรู้สึกผิดแทน ส่วนพี่พี ไอ้นี่มันก็ชอบขู่ดีจัง ปากก็จัด ใครเป็นเมียนี่เวลาทำผิดคงโดนด่าเจ็บแสบน่าดู ไอ้ผมก็ได้แต่ยกมือกุมหน้าไม่ไหวกับมันสองคน

 

มันจะรอดรึเปล่าเหอะ

 

“เราจะออกไปเที่ยวกลางคืนกัน แล้วทีนี้ พี่พีไม่ต้องไปหรอก ไปอยู่ห้องพี่ปอกับพี่ธาม พอผมโทรไปตามให้มารับ บอกว่าผมเมาแอ๋ไอ้ภีมก็เมามากกลับเองไม่ได้ พี่ทำยังไงก็ได้ให้ทั้งสองคนนั้นรู้ให้ได้ว่าพวกเราอยู่ไหน ให้มาเจอผมกับไอ้ภีมอยู่กับคนอื่น โอเคไหม?”

 

พี่พีส่ายหน้า “มึงใช้อะไรคิดวะต้น พวกมึงยังไม่ถึงสิบแปดจะเข้าไปเที่ยวที่แบบนั้นได้ยังไงหา อีกอย่างเหมือนกูนี่พิศวาสห้องไอ้ปอมาก ร้อยวันพันปีนอกจากนัดกินเหล้ากูก็ไม่เคยคิดจะไปห้องมันด้วย ถ้าไปวันนั้นน่ะผิดปกติชัวร์”

 

ผมยกยิ้มกับสิ่งที่พี่พีว่า ต้นมันกลอกตาไปมาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เออว่ะ แล้วเอาไง”

 

ปวดสมองว่ะกู ขอเข้าห้องน้ำไปปลดทุกข์แปปเหอะ

 

“เอาแผนกู ให้กูเป็นคนวางแผน” พี่พีว่า

 

“ไม่เอา ไม่ๆๆ”

 

“ฟังกูนะ กูรู้จักพวกมันดีแล้วก็รู้ว่าทำยังไงมันถึงจะเนียนโอเคไหม แผนคือพวกมึงมาบ้านกู เดี๋ยวกูจะจัดให้ จะทำเป็นว่างานวันเกิดแฟนใหม่ไอ้ภีมแล้วกัน แล้วจะชวนพวกมันไปด้วย ถ้าพวกมันไม่ไปกูก็จะทำทีให้พวกมันรู้ละกันว่าไอ้นั่นมันเป็นแฟนใหม่ไอ้ภีม โอเคไหม?”

 

ไอ้ต้นที่คัดค้านตอนแรกพยักหน้ารับพลางยกนิ้วโป้งให้ “เรื่องเลวๆ นี่โคตรเก่งอะ”

 

“เออ โดยเฉพาะกับมึง กูวางแผนอย่างดี”

 

ผมยกรอยยิ้มกับตัวเอง มองไปยังไอ้กรีนที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์กับแผนนี้เมื่อมันไม่ได้ร่วมด้วย จากนั้น พี่พีก็ชวนไอ้ต้นกลับบ้านแต่มันยังยืนยันว่าจะอยู่และขอค้างกับผมในที่สุด ไอ้กรีนเช่นกัน

 

เวลาบนนาฬิกาบอกเวลาทุ่มกว่า ผมนอนฟุบหน้าลงบนโซฟา วันนี้มาเที่ยวและเดินทั้งวันทำเอาผมเพลีย นอนรอไอ้ต้นที่กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันเป็นคนที่อาบน้ำนานเป็นชั่วโมง ไม่รู้จะถูอะไรนักหนา ก็เลยง่วงๆ พริ้มตาหลับพักผ่อนรอมันไปพลาง

 

ในบ้านเย็นสบาย ผมเคลิ้มหลับไม่รู้ตัว

 

ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน มารู้สึกตัวก็ตอนที่มีคนมานั่งเบียด ลืมตาเห็นว่าเป็นไอ้กรีนที่โน้มหน้ามาทำท่าจะปลุก ผมพยายามลืมตา แต่ด้วยความตกใจผมผลักมันออกจากตัวสุดแรงจนร่างของมันเซล้มไปกองกับพื้นเมื่อเห็นในระยะแค่คืบ

 

มันแสดงถึงความตกใจน้อยๆ เมื่อผมลุกขึ้นนั่งมองมัน

 

ดวงตาของมันมองผมด้วยความไม่เข้าใจ

 

“ขอโทษนะกรีน เราไม่ได้ตั้งใจ”

 

มันส่ายหน้า แสดงถึงความไม่พอใจแล้วเดินหนีออกจากบ้านไปเงียบๆ ไม่บอกไม่กล่าวอะไรสักคำ ผมไม่ชอบเลยที่มันทำแบบนี้เพราะตอนที่ผมเศร้าก็มีแค่มันที่เดินเข้ามาปลอบ ร่างของผมรีบสาวเท้าตามมันไปยังหน้าบ้าน วิ่งตามหลังร่างของมันพยายามยื้อแขน

 

“กรีน เราขอโทษ”

 

“พอกันทีภีม ปล่อยให้เราไป” มันว่าพลางเรียกแท็กซี่

 

“เราไม่ได้…”

 

“ช่างมันเถอะ เรากลับนะ”

 

มันมองผมนิ่งก่อนจะเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง ตัวผมสั่นได้แต่มองตามรถคันนั้นด้วยใจที่เบาหวิวแปลกๆ ไม่อาจจะทำใจในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แค่ผมกำลังตกใจเท่านั้นไม่คิดว่ามันจะโกรธผมขนาดนั้น

 

ก็ไหนว่ามันไม่ได้เป็นเกย์ มันรังเกียจคนที่แสดงความรักต่อกันจะตาย ผมตกใจที่มันเข้ามาใกล้ก็เท่านั้นเอง ผิดเหรอที่ทำไปแบบนั้น

 

ผมจะเสียเพื่อนดีๆ อย่างมันงั้นเหรอวะเนี่ย

 

 

เวลาผ่านล่วงเลยไปสองสามวัน ผมกับไอ้ต้นและพี่พีก็วางแผนเริ่มเรื่องที่จะแกล้งไอ้ปอกับพี่ธามได้สำเร็จ แต่ใจจริงผมกลัวตัวเองมากกว่าที่จะเจ็บถ้ามันไม่รู้สึกอะไรเลยในสิ่งที่ผมยอมลงทุนทำ

 

“มึงพร้อมยังเนี่ย?”

 

เสียงของไอ้ต้นที่ว่าย้ำกับผมซึ่งวิญญาณล่องลอยไปที่ไหนสักแห่ง ร่างของพวกเรายืนอยู่หน้าบ้านหลังโตหลังหนึ่งซึ่งกำลังอึกทึกครึกโครมจากเสียงเพลงด้านใน ภายในบ้านมีรถหรูๆ หลายคันจอดอยู่น่าจะเป็นรถของแขก ก็โรงเรียนที่ผมเรียนมันเป็นที่ที่รวมคนมีกะตังค์นี่นา

 

ว่าแต่ว่า นี่บ้านพี่พีงั้นเหรอเนี่ย

 

รวยไม่หยอกเหมือนกัน ผมกลืนน้ำลายมองรอบๆ บ้านแล้วหันไปมองหน้าไอ้ต้นที่จ้องเขม็งจับผิด ก่อนจะอึกอักรวบรวมความกล้า

 

“เออ พร้อมละน่า” ผมว่าปัด

 

ใจนี่ร่วงลงมากองตาตุ่มเมื่อเห็นไอ้ต้นพาเดินนำเข้าไป ได้แต่สาวเท้าเดินตามร่างของมันที่ถือกล่องของขวัญมาพร้อมกับใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง มันดูจะตื่นเต้นมากเหมือนกับไม่เคยไปงานวันเกิดใครมาก่อนงั้นแหละ

 

แต่ว่า นี่งานวันเกิดแฟนใหม่ผม ท่องไว้ก่อนเดี๋ยวผิดคิวละตายแน่ แผนแตกน่ะสิ

 

โอย คิดแล้วการทำแบบนี้ นี่มันบ้าชัดๆ

 

เราสองคนเดินเข้าไปในบ้านที่ตอนนี้มีกลุ่มวัยรุ่นประมาณหนึ่งนั่งอยู่ ใจผมหายเมื่อเห็นว่าพี่ธามกับไอ้ปอนั่งรวมกลุ่มอยู่กับพี่พีและเพื่อนๆ หน้าเดิมๆ ในกลุ่ม พี่พีเห็นแล้วดังนั้นจึงทำท่ากวักมือเรียกพร้อมร้องให้ไอ้ปอพี่ธามหันมามองด้วย ใจผมนี่สั่นแทบจะออกจากอกกับความกดดันจากไอ้ต้น มันกลัวผมทำแผนแตก

 

ผมทำเพื่อมันหรอก เพราะยังไงซะปอมันก็ไม่ได้รักผมอยากคืนดีกับผม

 

แล้วทำไมใจต้องหายด้วยวะ

 

“ภีม มาๆ มานั่งข้างพี่ครับ ดีใจจังนึกว่าจะไม่มาพี่อุตส่าห์ชวน”

 

ไอ้เชี่ยนี่แหละครับ แฟนใหม่ผม หน้าตาก็ ไม่จัดว่าหล่อมาก ตัวสูงผิวเข้มเพราะกร้านแดด มาดนักกีฬา เป็นเพื่อนของพี่ธามที่ดูจะ…ไม่น่าจะมาคบกับมันได้ แต่เอาเหอะ มันก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไร

 

ได้มีโอกาสคุยกับพี่เขามาสองสามครั้ง พี่พีมันพามา มันรู้เรื่องของผมดีเลยซึ่งดูยังไงก็โคตรจะน่าอายยังไงก็ไม่รู้ที่จะต้องมาทำอะไรบ้าๆ นี่เพื่อทดสอบใจไอ้ปอ

 

ผมเบิกตาเมื่อมันแม่งปากว่ามือถึงเอื้อมมือมากุมมือผมเดินเข้าไป มันชื่อพี่อิฐ เรียนที่เดียวกันกับพี่พี ดูออกเป็นคนขำขัน ร่าเริง ขี้เอาใจด้วยนะจากสายตามันน่ะ ผมแอบหลบสายตาไอ้ปอเมื่อพี่อิฐมันจับผมทรุดตัวนั่งบนโซฟาข้างๆ ตัวพี่เขา ส่วนไอ้ต้นก็เหมือนกัน ไอ้นี่ก็เล่นสมบทบาท ทรุดตัวนั่งลงบนตักพี่พีท่ามกลางสายตาโหดๆ ของพี่ธาม

 

พี่ธามหึงมันแฮะ ทำหน้าไม่สบอารมณ์เหมือนปวดขี้

 

“ดื่มไหม?” พี่อิฐว่พลางยิ้ม ทำทีโน้มหน้ามาใกล้แล้วยักคิ้วเป็นเชิงส่งอะไรสักอย่างมา

 

“อ้อ ดื่มก็ได้”

 

“ทำเหมือนพี่บังคับเลย เอาโค้กไปๆ” พี่อิฐว่า

 

“ไม่เอา เอาแบบพวกพี่น่ะแหละผมดื่มได้ ไม่เป็นไรหรอก”

 

“เอางั้นเหรอ ไหนบอกไม่ดื่มไง ถ้าเมาพี่ไม่หามกลับนะ” มันทำหน้ายิ้มเผล่ตอนว่า

 

ไอ้ผมก็แสร้งยิ้มหวานสุดๆ ให้ “งั้นพี่อิฐก็ค้างที่นี่กับผมสิ ได้ไหม?”

 

มันกำลังจะตอบตกลงครับ ไอ้ผมก็รีบเข้าไปกระซิบหน้าหวานๆ แต่…“กูโกหก”

 

มันชะงักนิดๆ ก่อนจะเบิกยิ้ม มือนี่เลื่อนมากอดบ่าผมแล้ว ใจของผมนี่กระตุกด้วยความเขินและทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นแววตาคนนั่งตรงข้าม มือหยิบเครื่องดื่มมาดื่มไล่ความร้อนออกจากตัว เวลาโกหกใครนี่ผมโคตรจะไม่เนียนเลยเหอะ

 

แหวะ!

 

กินไปยิ่งร้อนคอกว่าเดิมอีก ผมรีบหยิบโค้กเย็นๆ มาดื่มให้หายร้อนพลางสูดลมหายใจเข้า ผู้ชายอะไรวะแดกเหล้าไม่เป็นไอ้สัด

 

“ไม่ๆ ใครเขาดื่มเพียวๆ นี่ๆ เอาแบบผสมของพี่ไปกินก็ได้”

 

“แล้วของพี่ล่ะ?” ผมหันไปว่า

 

“ก็กินแก้วเดียวกับภีมไง”

 

มันยิ้ม ผมยิ้มตอบแล้วเอียงบ่าหลบให้มือมันตกออกจากตัวอย่างเนียนที่สุด ขยะแขยงไอ้สัด!

 

ตลอดเวลา ผมเอาแต่หลบตาไอ้ปอและไม่หันไปมองมันเลย คิดอยู่ตั้งนานสองนานว่าจะหันไปสบตา ไปทักทายอะไรมันสักหน่อยไหม แต่ตอนนี้ผมแม่งเหมือนผู้ร้าย เหมือนนักโทษแหกคุกที่ทำอะไรก็โดนจับจ้องตลอดเวลาจากมัน

 

ผมเงยไปสบตามันที่นั่งนิ่งจากตรงหน้า ระหว่างกลางเป็นโต๊ะเครื่องดื่ม ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ดวงตาอันเขียวปัดของไอ้ปอมันส่งมายังผมโดยที่ไม่พูดอะไร

 

เคยฟังเพลงไหม ไม่พูดก็ได้ยิน แต่กูนี่

 

เชี่ย!

 

ไม่พูดก็เสียวแล้ว

 

ผมได้แต่หยิบเหล้ามากระดก แล้วก็ร้อนคอ รสชาติห่วยแตกแต่ก็ดื่มแก้กระหายไปเรื่อย แต่แม่งผมว่าพอได้แล้วเดี๋ยวจะเมา แค่นี้ก็ตึงจนจะทำอะไรไม่ถูก คิดแล้วก็ปวดฉี่ขึ้นมาเสียเฉยๆ ว่าแต่ว่าห้องน้ำไปทางไหนวะแม่ง

 

หันหน้าไปหาไอ้ต้น มันโดนพี่พีเซ้าซี้อยู่ข้างๆ ไอ้นี่มันคอแข็งอยู่แล้วเรื่องอยู่ในวงเหล้าไม่ต้องห่วง ที่น่าห่วงคือกลัวว่าผมจะฉี่ราดกลางวงเถอะ โอย ผมยกมือเกาหัวตัวเองแล้วหันไปเจอะสายตาคนที่จ้องมาตลอด อะไรวะยังไม่เลิกจ้องอีก มึงจะเอาให้กูท้องให้ได้เลยปะวะ

 

ผมยิ้มยั่วๆ ส่งให้มันไปนิดๆ ยกมือทักทาย เออว่ะเมาแล้วหน้าด้านดี

 

ขยับเข้าไปถามทางเข้าห้องน้ำกับพี่ธาม มันละมามองผมแล้วยกยิ้มบอก

 

“เดินตรงไป เลี้ยวซ้ายนะ ตรงขวาจะมีรูปวิวอยู่ก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย จำได้ไหม?” มันว่า ผมพยักหน้ารับหงึกๆ

 

“รูปวิวฝั่งขวาตรงไปแล้วเลี้ยวซ้าย เออ โคตรง่ายเลยพี่”

 

เยี่ยม ระดับกูไอสไตน์เรียกพ่อ

 

ผมพยักหน้ารับหงึกๆ แล้วลุกขึ้นเดิน ไม่สนไอ้พวกข้างหลังที่ร้องตามมา เดินตัวโยกเยกเกาะเฟอร์นิเจอร์บ้านพี่พีเดินไปเรื่อยๆ นิ้วมือชี้พลางมองออกไปด้านหน้า เมื่อกี้มันบอกว่าอะไรบ้างวะ

 

“ตรงไป…” ว่าพลางลากเท้าเดินสลึมลือไปด้วย ปวดหัวก็ปวด ดวงตาหาทางเดินไปเรื่อยกระทั่งเจอบันไดทางขวา ผมหันไปทางซ้ายที่เป็นทางแยก เซ้นส์ผมมันฉลาด

 

“เลี้ยวซ้าย…รูป รูป… รูปเชี่ยอะไร ไม่เห็นมี” ผมว่าพลางเดินต่อไป มองหารูปก่อนจะถึงบางอ้อ

 

สาวน้อยนั่งขยับขาเป็นรูปตัวเอ็ม

 

“วิวมึงนี่หมายถึงผู้หญิงโป๊เหรอ?”

 

ไอ้หื่นเอ๊ย แต่จะว่าไปวิวก็สวยใช้ได้นะ ผมนี่ยืนมองเพลินไปหลายนาทีเลยเหอะ

 

"เออ ลืมว่าปวดฉี่..." ผมบ่นอู้อี้งึมงำในคอหันมองหาประตูห้องน้ำ อยู่ไหนวะ

 

“เหี้ย!”

 

ขอประทานโทษที่ต้องอุทานคำไม่สุภาพทั้งๆ ที่จริงแล้วเป็นคนที่สุภาพนอบน้อมมาก เพราะตอนนี้โคตรตกใจเลย หัวยังมึนๆ อยู่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อร่างถูกลากเข้าไปในห้องห้องหนึ่งที่มีอ่างล้างหน้า ม่าน แล้วก็ชักโครก

 

ห้องน้ำนี่หว่า

 

เดี๋ยวๆ ขอผมประมวลผลในหัวสมองแปป เมื่อกี้ยืนดูวิวสวยๆ อยู่หน้าห้องน้ำ แล้วจู่ๆ ตัวก็ถูกกระชากเข้ามา…ข้างใน

 

ชิบหายละ!

 

ผมรีบเงยหน้าไปมองคนที่พาผมเข้ามา นี่มันจะจับกูข่มขืนปะวะ

 

“ไอ้ปอ!”

 

ผมอ้าปากค้างมองมันที่ยืนขมวดคิ้วตัวเองเข้มจ้องมายังร่างของผมซึ่งนั่งกองอยู่กับพื้น พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนแต่โลกมันเอนเอียงจนแทบจะยืนไม่ได้

 

ปอมันมา มันตามผมเข้ามาในห้องน้ำ!

 

ผมจะทำไงดี ไม่มีใครห้ามมันเลยเหรอตอนที่เดินลุกออกมาจากกลุ่มแบบนั้น หรือพี่พีเห็นด้วยครั้งนี้เพราะคิดว่ามันยังเป็นแผน ใจผมเต้นตึกตักสูบฉีดดีเกินไป อาการมึนเมาหายไปชั่วขณะ อยากจะบอกทุกคนเลยตอนนี้ว่า

 

ช่วยกูด้วย!

 

 

 

มาแล้วจ้า มาอัพให้แล้ว



ตอนนี้เรื่องเริ่มหลุดออกมาจากความดราม่าแล้วนะคะ จะกลับมาร่าเริงอย่างเคย ใครที่คิดว่าเรื่องนี้ดราม่าน่ะ มันจะดราม่าแค่ช่วงพีคของเรื่องเท่านั้น หนูนาอยากให้อ่านแล้วดูพัฒนาการของพระนายมากกว่าค่ะ ซึ่งตอนนี้ พวกนางๆสองนางก็พากันเล่นกับความรู้สึกของพระเอกทั้งคู่

มาดูกันว่าที่พี่ปอตามมานั่น จะมาทำอะไรระหว่างมาบอกว่ากูหึงมึงนะ หรือมาบอกว่าแผนมึงแตกแล้ว 5555

 
 :katai4: :katai4:
เจอกันตอนหน้าจ้า

 

 
หัวข้อ: Re: **(08.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 09-11-2014 00:19:44
เดี๋ยวๆๆๆ ปล่อยให้ภีมมันฉี่ก่อนนะค่อยคุย
หัวข้อ: Re: **(08.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-11-2014 00:32:40
ตลกภีม
หัวข้อ: Re: **(08.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 18
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 09-11-2014 06:47:55
ยังไงก็ให้ภีมฉี่ก่อนนะ 55555
หัวข้อ: Re:1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 09-11-2014 21:45:26
 

ตอนที่ 19

 

“ไอ้ปอ!”

 

มันมาได้ไง ตามมาทำไม

 

ชั่วโมงนี้ผมโคตรอยากที่จะกลายร่างเป็นขอมดำดิน ดำหนีมันออกมาซะจริง

 

มันเดินตามผมเข้ามาโดยที่ตอนนี้ผมเดาอะไรไม่ออกเลยจากใบหน้าของมัน ซึ่งก็กำลังขมวดคิ้วตัวเองเป็นเส้นเดียวกัน ผมเงยหน้าไปมองมันตอนนี้ที่ยังจ้องตาไม่ละ ผมเองแหละที่จำต้องผละดวงตาออกเพื่อหาทางหนีทีไล่ว่าพอมีทางไหนที่จะหลุดรอดออกมาจากมันได้ไหม ปวดฉี่ก็ปวดเว้ยแม่ง!

 

“ออกไปเลย มึงเข้ามาทำไมเนี่ย?” แกล้งถาม ผมพยายามลุกขึ้นยืนมือเกาะขอบอ่างล้างหน้า ใจหนึ่งก็กลัวมันจะขย้ำ

 

มันย่างเข้ามาหา เอื้อมมือมาจะแตะตัว ผมผลักมือของมันออกห่างทันทีที่เห็นแบบนั้น สีหน้าของมันเหมือนจะเจ็บแต่ผมคงจะตาลาย เมาแล้วเห็นภาพหลอน ชักงงแล้วว่านี่เมาเหล้ารึเมากาววะ

 

“ออกไป อย่ามาแตะ!”

 

“เลิกทำแบบนี้ภีม”

 

ทำอะไร

 

“กูจะเข้าห้องน้ำ ไม่ให้กูฉี่แล้วจะให้กูทำอะไรวะ?” เออ จริงของผม

 

“กูหมายถึงสิ่งที่มึงจะทำอยู่ตอนนี้”

 

“ทำบ้าอะไร กูกำลังจะแก้ผ้าเนี่ย”

 

“มึงตั้งใจจะยั่วกูเรื่องไอ้นั่นใช่ไหม?”

 

ผมชะงัก หายเมาเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้ยินมันว่า ดวงตาเงยไปสบกับมันที่ยังยืนอยู่ตรงหน้า แถมขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิมอีกต่างหาก ทำไงดีวะเนี่ย

 

“อะไรของมึง พูดเรื่องอะไร?”

 

ผมทำใจดีสู้เสือ ทั้งที่เหงื่อไหลเต็มหลังมีพิรุธสุดๆ ไม่เคยโกหกมันได้เลย

 

“มึงตั้งใจจะทำให้กูโมโห ใช่…กูโมโหมาก แต่กูรู้…”

 

ตัวผมชาเมื่อมันขยับตัวมากระชั้นชิดเข้ามาจ้องเขม็ง เข้ามาอยู่ใกล้ๆ อยู่ตรงหน้ากันเนี่ย อะไรของมันวะ เหมือนผมผิดที่คิดจะไปมีคนใหม่ เหมือนผมต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ โคตรไม่มีเหตุผลเลย

 

“กูเปล่า แล้วกูกับพี่เขาก็ไม่ได้มีอะไร” แก้ตัวทำไมของมึงวะภีม ทำอย่างกับกลัวมันเข้าใจผิด มันพยักหน้ารับเบาๆ

 

“กูดูก็รู้…”

 

มันลากเสียง วางมือกับผนังกั้นตัวผมให้ลีบลง ไอ้นี่มันเป็นอะไรของมันชอบปากว่ามือถึง

 

“ระ รู้อะไร?”

 

“รู้ว่ามึงแสดงละครไง”

 

“กูเปล๊า…”

 

“แผนมึงก็ดีอยู่หรอก แต่แผนมันแตกแล้ว”

 

“มะ ไม่ใช่แบบนั้น…”

 

“สีหน้าตอนมึงอยู่ข้างๆ มันบอกกูหมดแล้วภีมว่ามึงไม่ได้ชอบมัน ถึงมันจะชอบมึงหรือไม่ก็ตาม แต่กูไม่ชอบที่มึงทำแบบนี้เลย”

 

ผมก้มหน้ามองพื้นทันทีที่มันว่า แม่งโดนจับได้เพราะตัวเอง ทำพลาดเพราะตัวเอง

 

ทำไมกูมันโง่แบบนี้วะ

 

“เลิกทำซะ ถ้าจุดประสงค์แค่อยากให้กูโมโหน่ะ”

 

“มันไม่ได้เกี่ยวกับมึง กูแค่อยากลองมีคนใหม่ แล้วกูก็จะหาไปเรื่อยๆ ไม่ใช่พี่อิฐกูก็จะหาจนกว่าจะเจอนั่นแหละ!”

 

นี่ผมพูดบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย

 

“อย่านะภีม กูขอร้อง อย่าทำแบบนั้น กูเจ็บ…”

 

ผมชะงัก เงยหนาขึ้นไปมองมันที่กำลังแสดงถึงดวงตาเว้าวอนส่งมาขอร้อง เมื่อกี้ผมไม่ได้เมาแล้วเห็นภาพหลอนหรอกเหรอ มันนิ่งมองตา ใจผมหายและหลุบตาลงพื้นมาตั้งหลัก สงสัยคงจะตาลายและหูคงฝาด ไม่จริงหรอกไม่จริง!

 

“เจ็บเหรอ?”

 

“ใช่ โคตรเจ็บ” มันตอบเสียงดังจนตัวผมลีบ มาเสียงดังกับกูทำไมวะ

 

“ทำไม…เพราะกูทิ้งมึงไปเอาคนใหม่เหรอ?” ผมก้มหน้าว่า หัวโงนเงนไปตามความตึงของเหล้า รู้สึกถึงมือมันที่จับผมขึ้นไปจ้องตา

 

“อืม…ใช่” มันตอบเสียงเบา มุ่นคิ้วตัวเอง “แล้วก็ยอมไม่ได้ด้วยถ้ามึงจะไปคบกับใคร กูไม่อยากถูกทิ้งแบบนั้น”

 

เสียงของมันสั่นไหว พร้อมกับใจของผมที่กระตุก ใจมันอยากจะให้อภัยปอมันเสียเต็มประดาเมื่อเห็นมันเดินเข้ามาบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการให้ผมรู้ โมโห เจ็บเหรอ เพราะอะไร บอกกูมาสิปอว่าเหตุผลที่มึงรู้สึกแบบนั้นเพราะอะไร

 

“มึงยังไม่เข็ดใช่ไหม?” ผมว่าเสียงเรียบ ผมกำกำปั้นขู่มันไปด้วย กูเอาจริงนะ ถ้าพูดต่อไปกูต่อยแน่

 

“ไม่ ไม่มีทางเข็ด”

 

ตอบมาแบบนั้นไอ้ผมก็ต้องจัดให้ ผมกำหมัดแน่นทุบตัวมันสุดแรง มือข้างขวาทุบไปยังตรงหัวใจให้มันรู้สึกว่าผมเจ็บขนาดไหน ในระหว่างที่ทำมัน ผมได้ยินเสียงตัวเองเจ็บปวดแทน มือหนาๆ มันกำข้อมือผมแน่น ใบหน้าก้มมาบอกเสียงแผ่วเบา มันมีแววสั่นไหวจนผมใจสั่น

 

“จะทุบจะตีพี่ยังไงก็ได้ ตามสบายเลย พี่ยอม…ถ้าทำให้ภีมหายโกรธ”

 

ผมละมือออก ถ้ามึงยอมแบบนี้กูจะไม่ตีมึง ไม่ทำมึงอีก ใบหน้าผมยกยิ้มให้มันแววเยาะ

 

“เหอะ แค่นั่นไม่พอหรอก”

 

“งั้นภีมต้องการอะไร?”

 

มันว่าตามหลัง ผมไม่ตอบ พาร่างตัวเองเดินเซไปยังโถ “หันไป ห้ามตามมากูจะฉี่”

 

“เห้ยภีม! มันยังไม่ถึงโถ”

 

“เฮ้ยอย่ามายุ่งกับกู ไอ้ปอกูบอกให้ออกไป”

 

“แล้วจะแดกทำไมวะเหล้า กินก็ไม่เป็นยังจะทำอวดเก่งอีกแม่ง ดูสิไม่เหลือสภาพเลยน่ะ เมาอย่างกับหมาทีนั้นมาว่าแต่กู”

 

“อย่ามาเสือก!”

 

ผมขยับมือปลดปางเกงพลางดิ้นไม่ยอมให้มันกุมตัวเดินต่อไป เสียงมันบ่นในคอด่าว่าผมแดกเหล้าทำไมเมาเหมือนหมา กินไม่เป็นแล้วเสือกอยากกิน เสียงมันบ่นซ้ำๆ อยู่ข้างๆ หูจนรู้สึกถึงลมร้อนๆ มากระทบให้ขนลุก พยุงตัวผมพร้อมกับจับตัวให้ยืนตั้งตรง สติของผมหลุดลอยไปไกลกับเสียงนั้น

 

ผมพริ้มตาหลับ อยากนอน แก้ผ้าฉี่ไม่อายจู๋ตัวเอง

 

“อายไหม?”

 

เสียงมันว่าอยู่ข้างหู ผมพริ้มตาพลางส่ายหน้า รู้สึกถึงของร้อนๆ แนบมาบนแก้มอยู่เรื่อยๆ ไอ้สัดแอบลักหลับกู

 

“อายทำไม ก็ผัวเห็นหมดละนี่”

 

นี่ปากกูเรอะ!

 

เสียงมันหัวเราะในหัวของผมที่อยู่ในอารมณ์กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น จากนั้นมันก็จัดแจงกางเกงให้อย่างรู้งาน บ่นอยู่ข้างๆ หู และจับผมเดินออกมาจากห้องน้ำ เสียงเพลงดังโหวกเหวกทว่าผมทิ้งสติตัวเองลงกับไอ้ปอตรงนั้น คิดไว้ว่าถ้าผมหลับตอนอยู่กับมัน ผมจะปลอดภัยและไม่ถูกใครรังแกแน่ๆ

 

เสียงคนคุยกันเข้ามาในความฝัน เป็นเสียงพี่ธามทะเลาะกับไอ้ต้น พี่พี เสียงปอมันบอกให้พี่อิฐออกห่างจากตัวผม ไม่รู้ทำไมวินาทีนั้นตัวเองถึงได้ปล่อยยิ้มออกมา

 

ไม่บอกก็เดาออกหรอก

 

ว่ามันกำลังหึง

 

สติผมขาดผึงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จะว่ามีสติก็มี แต่บางทีก็สลึมสลือไม่รู้สึกตัว

 

“นั่งดีๆ เลย”

 

“โอย กูเจ็บ…” ผมร้องว่าพลางพยายามจะขยับตัวลุก มีแรงกดที่ไหนสักที่กดทับ ตัวผมร้อนอยากถอดเสื้อผ้าเต็มแก่ มือก็ทำงานปลดกระดุมตัวเอง

 

“อย่าปลดกระดุม ไปปลดที่บ้าน ไอ้นี่…”

 

“ปลดให้กูด้วยนะ”

 

เดี๋ยวๆ กูพูดกับใครอยู่

 

ผมขยับตัวเข้าไปมองหน้ามัน ตอนนี้กูอยู่ไหนเหอะ “ปอ มึงจะพากูไปไหน?”

 

“ไปห้อง”

 

มันตอบพลางจับตัวผมที่ดิ้นขืน “ขับเร็วๆ หน่อยไอ้นี่ เดี๋ยวมันก็แก้ผ้ากลางทางหรอก”

 

มันพูดกับใครวะ “เออน่ะทำใจร้อนอะไรนักวะปอ แก้จะทำไม ไม่กูเห็นจะอยากดูเลย”

 

ผมหันไปมองคนขับข้างหน้า เสียงแม่งคุ้นๆ แต่ไอ้คนที่นั่งข้างๆ มันกวนตีน จับมือจับแขนไม่ให้ดิ้นผมขยับตัวเข้าไปกอดคอมัน ซบหน้า ตาปรือมองหน้ามันแล้วก้มลงจะหลับ มือมันกอดจับตัวผมไว้ไม่ให้ดิ้นแบบนั้นตลอดทางสงสัยเมาแล้วดื้อไปหน่อย

 

ตัวผมโอนเอนไปตามแรงของยานพาหนะ แต่ไม่ล้ม เพราะร่างกายถูกกอดไว้ อบอุ่น ผมรู้แค่นี้และวางใจที่จะปล่อยตัวให้มันดูแล แม้จะเคยถูกทำร้ายมาก่อน แต่เดี๋ยวนี้ผมมั่นใจแล้วว่ามันจะไม่รังแกอีก

 

กระทั่งรู้สึกตัวว่ารถอยู่แล่น ร่างกายถูกดึงออกจากรถ ผมดิ้นแล้วเข่าจะทรุดลงพื้นอย่างเดียว

 

“เอาไงดีวะ?”

 

“มึงก็อุ้มมันไปสิ ตัวกะเปี๊ยกเดียวเอง”

 

“มันดิ้น ภีม อยู่เฉยๆ” เสียงปอมันว่า

 

ผมยื้อแขน คิดว่าถึงเตียงนอน กูง่วง! “ปล่อยกู กูจะนอน”

 

“อย่าดิ้น เดินดีๆ กำลังจะพาไป”

 

“ไม่อาว กูจะนอนตรงนี้”

 

“ฮึ่บ”

 

เอื้ออออ!

 

เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น เหมือนตัวเองได้ตีลังกาสามสิบตลบ ผมลืมตามองอีกทีก็รู้สึกถึงหัวตัวเองกวัดแกว่งไปตามลมรวมถึงแขนที่ห้อยลงไปตามแรงโน้มถ่วง พื้นลายๆ มันทำเอาผมอยากอ้วก แล้วนี่ เท้าใครกำลังเดินอยู่ ทำไมผมอยู่ในท่านี้วะ

 

แต่ลายพื้นแม่งชวนอ้วก

 

“เวียนหัว…” ผมว่าเสียงเบา มือกำกางเกงใครก็ไม่รู้ เห็นแต่ตูดมันน่ะตอนนี้

 

“ทำไมลูกทำกับน้องแบบนั้นน่ะปอ?” เสียงใครสักคนร้องว่า เออ แล้วทำกูอยู่อีท่าไหน

 

“ก็ภีมมันเมานี่ พ่อไม่ต้องมายุ่งผมจัดการได้”

 

“ดูแลน้องดีๆ ละกัน ไปทำอีท่าไหนให้เมาขนาดนั้น”

 

มันก็หลายท่าอยู่เหมือนกันนะ แต่ท่านี้ไม่ไหวว่ะปวดหัว ผมยกมือกุมปาก อยากอ้วก พริ้มตาหลับพร้อมกับสติตัวเองที่ขาดสะบั้นไปเลย รู้สึกถึงร่างกายถูกวางลงบนเตียงนุ่มๆ กลิ่นหอมเดิมๆ ผมพลินกายนอนตะแคง ในฝันรู้สึกถึงใครสักคนที่กำลังทนุถนอมร่างกาย เขากอดผม จูบผม

 

บอกรักผมซ้ำๆ

 

มันทำให้ผมยิ้มตอบได้ไม่ยาก อาจจะเป็นฝันดีที่สุดในช่วงนี้เลยก็ได้

 

“พี่ปอ…”

 

ผมไขว่คว้าหาแต่มัน ดึงรั้งมันเข้ามาให้มอบกอดอย่างเคย เสียงกระซิบพร่าและถ้อยคำแสนหวานเมื่อก่อนแล่นเข้ามายังหัวไม่หยุดหย่อนที่ข้างหู เขาดูแลผม เช็ดตัวให้ผม อยู่ข้างๆ และพร่ำบอกว่ารักอยู่ข้างหูตลอดเวลา

 

ผมได้ยินมันแว่ว เสียงมันละมุนละไมเหมือนสัมผัสอุ่นที่ปลายนิ้วตอนนี้

 

ช่างเป็นฝันที่หวานยิ่งนัก

 

“ภีม…รักพี่ปอเหมือนกัน”

 

ฝันดีที่ทำให้ผมร้องไห้ไปด้วยเช่นกัน

 

 

 

โอย…

 

สาบานว่าต่อไปกูจะไม่ดงไม่แดกเหล้าอีกแล้ว ปวดหัวชิบหาย!

 

แล้ว…ที่นี่มันที่ไหนกันวะ

 

เสียงหายใจของผมแทรกความรู้สึกเข้ามาในหัวตัวเอง ขยับตัวนอนตะแคงจากเตียงนุ่มๆ หันไปอีกฝั่งรับความอบอุ่นจากผ้าห่มนวมบนตัวเพราะความเย็นจากแอร์มันทำให้รู้สึกหนาวนิดๆ พลิกตัวไปมาใต้ผ้าห่ม เอาขาไปก่ายหมอนข้าง ถ้าห้องนี้เป็นห้องผมนะ

 

แต่

 

อะไรอุ่นๆ วะ

 

แข็งด้วย

 

ผมลืมตาตัวเองมองของต่อหน้าแล้วได้แต่เบิกตาเมื่อเห็นอะไร เห็นไอ้ปอกำลังนอนเปลือยอยู่ใต้ผ้าห่มเดียวกันบนเตียง นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ยกูอยากจะบ้า และเมื่อสติเริ่มกลับมา ผมหันซ้ายแลขวากวาดตามองรอบๆ ห้องซึ่งตอนนี้กลายเป็นรังหนูดีๆ นี่เอง แต่ก็จำได้แล้วว่านี่คือถิ่นของมัน

 

ชิบหายละ กูมาได้ไงวะ ไอ้ต้น พี่พีอยู่ไหนวะมารับผิดชอบกูด่วน

 

เออ ตูดกู!

 

ผมกุมตูดตัวเองแล้วหันไปมอง อยากจะร้องไห้ที่ต้องมาเสียตัวให้มันอีกรอบ ว่าแล้วอะไรอุ่นๆ แข็งๆ ที่แท้ก็หมอนข้างมีชีวิต ที่สำคัญหน้าเหมือนผัวเก่าผมเด๊ะๆ เลย ผมพยายามตั้งสติเชคร่างกายตัวเอง เสื้อผ้ากูละ เสื้อผ้ากูอยู่ไหน ตอนนี้ผมเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวปิดตัวนอนอยู่กับมัน

 

เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นวะ

 

พยายามนึกก็นึกไม่ออก แต่ตอนนี้คือผมกับมันเปลือยกันอยู่บนเตียงทั้งคู่แล้วจะให้คิดยังไง ผมลุกขึ้นนั่งมองมันที่นอนหลับสนิทอยู่ใต้ผ้าห่ม เชคก้นตัวเองไปพลาง

 

ไม่เจ็บว่ะ

 

ไม่เสียตัวเหรอ ปอมันไม่ได้ทำอะไรผมเพราะเรื่องเมื่อวานหรอกเหรอ

 

ผมก้มมองใบหน้าที่เรียบนิ่งกับนิทราของมันนิ่งเมื่อเห็นเช่นนั้น เห็นว่ามันไม่ได้ทำอะไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงทำผมไปแล้วถ้าเมาหัวราน้ำมาแบบนี้ ปอมันเปลี่ยนไปมากจริงๆ อดที่จะยิ้มไม่ได้ เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ผมจำได้ว่าปอมันหึง

 

เสียงมันกร่าง ต่อว่าพี่อิฐยกใหญ่

 

แต่…

 

กูยังไม่ควรจะปักใจเชื่อ เพราะมันไม่ได้บอกมากับปากตัวเอง ตอนนี้สิ่งที่ควรทำคือหาเสื้อผ้าแล้วรีบออกไปจากที่นี่ซะไอ้ภีม

 

คิดได้แล้วนั้นผมก็รีบพาตัวเองลุกมาอย่างโป๊ๆ นั่นแหละ ไม่อายใครหรอกเพราะไม่มีใครเห็น มีแต่คนอ่านที่แอบจินตนาการหุ่นผมใช่ไหมละ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ผมตัวสูงสักร้อยแปดสิบห้า ผิวดำเมี่ยม ซิกแพคเป็นลอนๆ ลูกๆ โดยเฉพาะกล้ามหน้าอกนี่ชัดมาก เป้าผมตุงบะเร่อเท่อด้วยที่สำคัญ นึกภาพออกไหมครับ

 

ผมละรอยยิ้มบ้าๆ ตัวเอง

 

แต่ทำไมตอนโดนกระทำชำเราสู้ไอ้ปอไม่ได้ก็ไม่รู้

 

ไม่เอาๆ รีบชิ่งดีกว่า

 

ผมเกาหัวยุ่งๆ ของตัวเองรีบเดินไปหยิบชุดตัวเองที่มีกลิ่นเหล้ากลิ่นอ้วกมาถือ แหวะ เหม็นชิบหาย! ที่แท้กูก็อ้วกใส่มันนี่เอง ผมหยีหน้าทิ้งเสื้อผ้าตัวเองไปค้นเอาชุดที่พอจะใส่ของไอ้ปอมาสวม ออกมาทั้งสภาพแบบนั้นแหละ

 

ก่อนออกมา ผมลอบมองมันที่ยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง แอบมองแล้วก็ยกยิ้มอยู่คนเดียว ขอโทษนะปอไม่ว่าเรื่องเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น กูขอออกมาตั้งหลักก่อน แล้วจะกลับมายิ้มให้มึงเหมือนเดิม

 

อีกอย่าง

 

กูอยากไปเคลียร์กับไอ้ตัวตั้งตัวตีหน่อย!

 

 

 

เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกัน

 

ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาในบ้านของตัวเองเมื่อเห็นว่าไอ้ต้นกับพี่พีไม่ได้มารออยู่ มือค้นหาโทรศัพท์ ใจที่อยู่ดีๆ ก็หายไปเสียเฉยๆ ชิบหายแล้ว แม่งไปลืมไว้ที่ห้องของไอ้ปอ จะทำไงล่ะทีนี้ ผมไม่อยากกลับไปเจอมันอีก มันจับได้ว่าผมทำไปแบบนั้นเพราะวางแผนให้มันหึงมันหวงแล้วจะต้องมาขอคืนดี คงจะคิดว่าผมหน้าด้านมากๆ แน่ มือผมยกกุมใบหน้าตัวเองคิด นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่จะว่าจำได้ก็ได้ แต่จำได้ไม่หมดเรียบเรียงกันไหนก่อนอันไหนหลังไม่ได้

 

สาบานว่าจะไม่แดกอีกละ สาบานเลย

 

ผมกุมหน้า ความอายแล่นเข้ามาเมื่อถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ไอ้ปอแม่งจับจู๋ผม น่าอายชิบหายมายืนจับจู่ให้ผมฉี่ โอ๊ย! ความเมาทำอายจริงๆ เลย

 

ระหว่างที่ผมมุ่นกับตัวเองบนโซฟาและนึกถึงเรื่องของไอ้ปออยู่นั่น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน ใจผมที่ร้อนรนก็ชื้นขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นว่าพี่พีกับไอ้ต้นมาแล้ว ลำขารีบก้าวเท้าวิ่งออกไปด้านนอกเพื่อเอาเรื่องพวกมันทันที ด้วยการแต่งตัวแบบนี้แหละกูไม่อายแม่งละ!

 

จะด่าแม่ง ทิ้งผมไว้ได้ไงวะ

 

ดวงตาผมชะงักเมื่อเปิดประตูออกไปเห็นใครคนหนึ่งขมวดคิ้วตัวเองแน่นรออยู่ เขารีบเปิดประตูให้กว้างแล้วแทรกตัวเดินเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ใบหน้าร้อนรนชอบกล

 

“ต้น! มึงอยู่ไหน มึงหลบกูไม่พ้นหรอก บอกให้ออกมา” พี่ธามร้องว่าพลางเดินหาทั่วบ้าน

 

ผมเกาหัวตัวเอง พี่ธามตามหามันงั้นเหรอ

 

“พี่ธาม ต้นมันไม่ได้อยู่ที่นี่ครับ”

 

“พี่ไม่เชื่อ ภีมกับมันสนิทกันจะตายถ้าไม่อยู่กับภีมแล้วมันจะไปอยู่กับใคร เมื่อคืนพี่ไปรอมันที่บ้านจนเช้ามันยังไม่กลับเลย มันต้องมาที่นี่แน่!”

 

ผมเบิกตา ไอ้ต้นไม่ได้กลับบ้าน นิ่งคิดพลางถึงนึกถึงพี่พีเป็นคนแรก ผมว่ามันน่าจะไปด้วยกัน แต่ตอนนี้ ดวงตาผมจ้องมองพี่ธามที่ดูไม่เป็นตัวเอง ไม่ทำหน้าใจดีเหมือนเมื่อก่อน อย่าบอกนะว่าตามหึงหวงไอ้ต้นตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่หาย ไปรอมันที่บ้าน

 

“แล้วพี่มีสิทธิ์ตามหามันด้วยเหรอ เมียพี่ล่ะ?” ผมรู้สึกหมั่นไส้นิดๆ ถามออกไป เขาหันมามองผม แววตารู้สึกผิด

 

“พี่ต้องการหามัน ต้น! กูบอกให้ออกมา!”

 

จู่ๆ ก็ตะโกนขึ้นมา ตกใจ “มันจะอยู่นี่ได้ยังไง มันก็ต้องออกไปกับผัวมันสิพี่ ต้นมันมีผัวแล้วนะ”

 

กูหมั่นไส้พี่ธาม อยากเห็นพี่ร้องไห้ต่อหน้าผมที่เสียมันไปเหมือนตอนไอ้ต้นมันเป็น คนตรงหน้าชะงักแววตาแห่งความโกรธลง ทำท่าอึกอักแล้วยกมือกุมหน้าตัวเอง

 

”โธ่เว้ย!” เขาสบถพลางพยายามควบคุมตัวเองให้ได้ เหมือนกำลังหาทางคิดว่าทั้งสองคนไปที่ไหน ผมพยายามขัดขวางเต็มที่ อยากให้เขาคิดได้

 

“พี่น่ะเลิกกับมันไปแล้ว พี่ต้องการอะไรจากมันอีก ต่างคนต่างมีใหม่ไปแล้วนะ”

 

“มันไม่ใช่แบบนั้นภีม ไม่ใช่…” เขาลากเสียง ส่ายหน้า “พี่จะไปตามหามัน ยิ่งมันอยู่กับไอ้พีพี่ยิ่งต้องรีบไป!”

 

“พี่พีรักมันจะตาย พี่ธามไม่ต้องห่วงหรอก ผมยังไม่รู้สึกห่วงเลย” ผมว่าพลางยักไหล่กวน เขาขมวดคิ้วตัวเอง

 

“คนเลวๆ แบบไอ้พี…”

 

“ไอ้ต้นมันก็เลว เหมาะสมกันดีนี่ครับ”

 

เขาจ้องตาผม จะโกรธก็ได้นะพี่ธาม ผมอยากให้พี่รู้ใจตัวเอง ทำตามที่ใจพี่ต้องการ เขาผละเดินออกไป เสียงประตูปิดดังปังบ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกคนปิดได้เป็นอย่างดี

 

ใจผมหายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับไอ้ต้น ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีคนเจ็บ

 

เลือกดีๆ นะต้น พี่ธามก็ดีแสนดี พี่พีก็รักมึงแทบจะถวายหัว หากตัดสินใจผิดนิดเดียวอาจจะเสียใจมากกว่าตอนนี้ก็ได้ แต่ทำไมกันนะ ทำไมคนอย่างผมไม่เจอคนที่รักผมมากมายขนาดนั้นสักคนบ้าง

 

ผมยกมือกุมหน้า ปวดหัวกับปัญหาว่ะ

 

เสียงรถคันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าบ้านผมอีกครั้ง เอาล่ะวะ พวกมันมากันแล้ว ผมรีบวิ่งออกไปบอกข่าวมันว่าแผนของพวกมันสำเร็จต่างจากผม ครั้นวิ่งออกไปเปิดประตู ตาผมเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่มายืนอยู่ตรงหน้า

 

ใจผมหายลงไปกองตาตุ่มเมื่อเห็นว่าไม่ใช่พี่พีกับไอ้ต้นอย่างที่เคยคิดไว้

 

“มึงลืมโทรศัพท์”

 

ผมอยากเป็นลมเมื่อเห็นโทรศัพท์ของตัวเองในมือคนตรงหน้า เลือดลมแล่นเข้ามาสูบฉีดเมื่อเห็นรอยยิ้มผุดขึ้นมาประดับใบหน้าหล่อของมันราวกับรู้อะไรอยู่อย่างนั้น ผมกุมหน้าตัวเอง เขินก็เขิน โมโหตัวเองก็โมโห

 

เมื่อคืนผมพูดอะไรทำอะไรลงไปบ้างวะ!

 

 

 

 
 :katai4: :katai4:
ขอโทษนะคะที่ช้า พอมาก็อัพเลยยังไม่ทันได้เชคคำผิดดีๆ ถ้าผิดตรงไหนรบกวนบอกด้วยนะคะ ตอนนี้ก็ เหมือนจะหวานก็ไม่หวาน เหมือนจะซีเรียสก็ไม่ซีเรียส จะฮาก็ไม่ฮา หลายอารมณ์ปนกันไป

ประเด็นคือพี่ปอได้ยินน้องบอกรักใช่ปะ เขินแทนแปป :-[

เอาล่ะค่ะ ตอนหน้า หนูนาจะมาอัพช่วงหัวค่ำแบบนี้นะคะ มาตามเวลาบ้าง เลทบ้าง แต่ก็ไม่นานหรอกค่ะ รออ่านนะคะถ้าไม่เบื่อซะก่อน อิอิ

ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจที่มอบให้หนูนา

อัพเร็ว อัพไว อัพถี่ ต้องหนูนานะค๊า 55555 ขอบคุณสโลแกนที่สาวก(อีกเวบ)ตั้งให้ ฮามากเลย

แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
 :hao3:
หัวข้อ: Re: **(09.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 09-11-2014 23:33:26
แผนล่ม หรือตามแผน ชักไม่แน่ใจ :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: **(09.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 09-11-2014 23:37:26
 :hao6:  เจิมที่นี่ด้วย เย้ๆ
หัวข้อ: Re: **(09.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 09-11-2014 23:44:36
:hao6:  เจิมที่นี่ด้วย เย้ๆ

 :-[ :-[
จำได้เลย ขาประจำ เม้นตลอด อิอิ ขอบคุณจ้า
 o13
หัวข้อ: Re: **(09.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 10-11-2014 00:04:13
ชื่อหนูนาเหมือนกันเลย *จับมือ

ตอนนี้ป่วนๆนะเนี่ย

แอบโสน้าน่าพี่ธาม คริๆ
หัวข้อ: Re: **(09.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 10-11-2014 00:06:29
 :m20:  พี่ธามยังไม่เคลียร์อีก!!
หัวข้อ: Re: **(09.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 10-11-2014 00:30:58
ชื่อหนูนาเหมือนกันเลย *จับมือ

ตอนนี้ป่วนๆนะเนี่ย

แอบโสน้าน่าพี่ธาม คริๆ


จับมือๆ ชื่อโหลเหมือนกันนะเรา
 o13
หัวข้อ: Re: **(09.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 19
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-11-2014 11:26:38
จะดีกันแล้ว
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 10-11-2014 19:42:05
 

ตอนที่ 20

 

-P’ Por Part-

 

ทุกคนคงกำลังงงกันอยู่ล่ะสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงมาอยู่ต่อหน้าไอ้ภีมตรงนี้ได้

 

ผมจะอธิบายให้เข้าใจคร่าวๆ

 

อันที่จริงมันไม่มีอะไรน่างงเลยสักนิดนะผมว่า เมื่อคืนผมไปงานเลี้ยงแล้วเห็นไอ้ตัวดีตรงหน้าเนี่ย เข้ามาในงานพร้อมกันกับไอ้ต้น บอกตรงๆ ว่าจะไม่มีน้ำโหเลยถ้ามันไม่ไปนั่งเบียดกับไอ้ถึกเจ้าของวันเกิดเมื่อวาน ผมโมโห ผมอยากจะกระโจนเข้าไปต่อยไอ้นั่นที่มันแตะต้องเมียผม ลวนลามเมียผมด้วยสายตากระลิ้มกระเลี่ยนั่น

 

แต่ยังดี ที่ภีมมันไม่ได้มีสายตาพิศวาสไอ้นี่เลยแม้แต่น้อย ถึงจะทำทีเป็นสวีทกัน แต่แววตามันก็ยังบอกได้เสมอว่ารังเกียจไอ้นี่ซะเต็มประดา จะเล่นละครก็เล่นไม่สมบทบาท

 

แต่ถึงยังไงก็หึงอยู่ดี ก็เมียผมนี่หว่า

 

ภีมมันคิดว่าตอนนั้นอยู่เหนือ ต้องการจะสั่งสอนผม ผมจึงตามมันไปยังห้องน้ำเพื่อจะบอกว่าผมรู้ว่ามันกำลังหลอกผม แต่แม่งยิ่งคุยยิ่งพูดกันไม่รู้เรื่องก็เลยลากมันออกมาทั้งแบบนั้น

 

ระหว่างที่นั่งอยู่นั่น ผมไม่ยอมให้ไอ้อิฐอะไรนั่นแตะต้องเมียผมเป็นครั้งที่สอง ภีมมันอยู่ในสายตา ในอ้อมกอดผมตลอดเวลา ส่วนพวกไอ้ต้นน่ะเหรอ พอรู้ว่าผมรู้ทันก็ขอร้องว่าอย่าบอกไอ้ธามไง เมื่อคืนไอ้พีมันเป็นคนขับรถออกมาส่งผมพร้อมๆ กับไอ้ต้นนั่นแหละ

 

เป็นไง ซ้อนแผนเลยสิ

 

แล้วตอนนี้พวกมันคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วเพราะผมเองก็อยากจะให้เรื่องไอ้ธามมันเคลียร์เช่นกัน ก็เลยปล่อยพวกมันสองคนหนีไป

 

 

ส่วนตอนนี้…

 

ดวงตาผมมองไอ้ตัวเล็กตรงหน้าที่มองมายังร่างของผมด้วยความตกใจ บนตัวของมันสวมเสื้อเชิ้ตของผมที่ตัวออกจะโต ส่วนล่างขโมยบ๊อกเซอร์ผมไปสวมเสียอย่างนั้น ถึงจะเป็นผัวเมียกันก็เถอะ แต่นั่นมันของใช้ส่วนตัวนะครับเมีย

 

ผมหลุดยิ้ม และมันเองก็คงจะรู้ทัน มันดึงเสื้อเชิ้ตให้ร่นมาปิดแล้วเงยขึ้นมาว่า “หยุดใช้สายตานั่นกับกูนะ!”

 

ผมชะงัก สายตาแบบนั้นนี่แบบไหนวะ คิดแล้วยกยิ้มกับใบหน้าของมันตอนนี้ คงกำลังอาย “เอ้านี่โทรศัพท์ เอามาคืน ยังจะมาทำเป็นเก๊กใส่อีก”

 

มันตีหน้าเข้มใส่ “ก็ดีแล้วที่เอามาให้ งั้นก็เอามาสิ!”

 

ว่าพลางจะแย่งออกจากมือ นี่มันจำได้รึเปล่าว่าเมื่อคืนบอกผมว่าอะไร

 

“เชิญกูเข้าไปข้างในก่อน”

 

มันขมวดคิ้วตัวเองว่า “กูไม่ต้อนรับ”

 

“ไม่เอาน่า กูอยากคุยดีๆ”

 

“กูไม่อยากคุย เอ๊ะ บอกให้ออกไป!” มันตีมือผมดังเพียะ เอะอะใช้กำลังเมื่อเห็นว่าผมทำท่าจะเดินเข้าไป ผมยกยิ้มเมื่อเห็นใบหน้ามันเขิน แก้มยุ้ยๆ ของมันพองโดยไม่รู้ตัว

 

เมื่อคืนผมจูบมันทั้งคืน ถึงจะเหม็นอ้วกนิดๆ ก็เหอะ

 

“บอกให้ออกไปพูดไม่รู้เรื่องรึไงไอ้นี่ กูไม่อยากเห็นหน้ามึงเข้าใจไหม?”

 

“เมื่อคืนมึงไม่ได้พูดกับกูแบบนี้” ผมว่า

 

ภีมมันเบิกตามองผม “เมื่อคืน?”

 

“ใช่ เมื่อคืนน่ะ…”

 

มึงบอกว่ามึงรักกู

 

ผมนิ่งจ้องดวงตาของมันที่เงยมาจ้องไม่ละ สีหน้าของมันแลดูกังวลกับสิ่งที่ตัวเองทำไว้เมื่อคืนมาก แต่ในความคิดของผมไม่ว่ามันจะทำอะไรก็ไม่น่าถือสาสักนิด ผมไม่คิดจะถือสาความดื้อของมันอีกแล้ว ตั้งแต่ผมรู้ใจตัวเองว่า

 

ผมก็รักมัน

 

เมื่อคืน ผมเฝ้ามันไว้ตลอดเวลาไม่ละสายตาไปไหน ตอนที่ภีมมันนอนหลับ ร่างกายซุกอยู่ในอกผม กอดผม ร้องไห้เรียกแต่ชื่อของผม ผมรู้ว่ามันเจ็บที่เราต้องห่างกันไม่ต่างจากผมเลยและอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป ทำให้เวลานั้นผมคิดได้ว่าตัวเองมันโคตรเลวเลยที่กล้าปล่อยภีมมันไว้คนเดียวแบบนี้ ห่วงแต่ความรู้สึกตัวเอง กลัวตัวเองเจ็บปวด เดินหนีมันมาแบบนี้ได้ยังไง

 

ผมเสียใจที่เกิดเรื่องแบบนี้ เฝ้ามองมัน บอกรักมันทั้งคืน และวิงวอนขอให้เวลามันเดินช้าๆ

 

คิดได้ว่าไม่ควรมาบอกรักมันในสภาพแบบนี้ ผมควรบอกให้มันรู้ชัดๆ ว่าผมรักมัน รักมันมากจนไม่อาจรักใครคนไหนได้อีก

 

“ปอ…” มันเขย่าร่างของผม

 

อดที่จะตกใจตัวเองไม่ได้ ผมตกอยู่ในภวังค์เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ผมละสายตาไปจ้องตามมันนิ่ง และตอนนี้ผมมีหนึ่งอย่างที่จะต้องทำ ผมตัดสินใจแล้วว่าผมต้องบอกมันให้ได้

 

“ขอพี่เข้าไปนะภีม พี่มีเรื่องจะคุยกับภีมจริงๆ”

 

จะบอกว่ารักมากขนาดไหน

 

“ไม่ ไม่ให้เข้า ถ้ามาเพื่อเอาโทรศัพท์มาให้ก็ควรจะให้มา แล้วก็กลับไปได้แล้ว”

 

“ไม่…”

 

“เอ๊ะ มึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องงั้นเหรอ กูบอกว่าออกไป”

 

“มึงนั่นแหละที่พูดไม่รู้เรื่อง กูอยากจะคุยกับมึงนะภีม”

 

“กูกับมึงไม่มีอะไรต้องคุยนานแล้ว” มันว่าพลางผลักตัวผมออก

 

“มีสิ เรื่องเมื่อคืน เรื่องที่มึงแสดงละครหลอกกูไง”

 

มันชะงักเงยหน้ามามองผมแววตกใจอีกครั้ง ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าทำหน้ากับมันยังไงภีมมันถึงเอาแต่จ้องตา มันแสดงถึงความอายออกมาด้วยในเวลานี้ ทั้งโกรธทั้งอาย ทั้งตกใจ มันผสมกันไปหมดในแววตาของมัน

 

“กะ กู…” มันลากเสียง

 

“บอกเหตุผลมา ว่าจริงๆ ทำไปทำไม อยากให้กูหึงหวงมึงเหรอ?” ผมถามไปตรงๆ ใช่ และผมก็หึงมันมาก

 

“มะ ไม่ใช่ ไม่ใช่เว่ย!” มันก้มหน้า ยกมือปิดหน้าตัวเองไม่เงยมามอง

 

“ภีม…เงยมามองกู” มือของผมจับบ่าเล็กๆ ของมัน พยายามพูดคุยด้วยความใจเย็นและใช้เหตุผลที่สุดกับมัน “มามองตากูสิ…”

 

“ไม่!”

 

“มองตาพี่นะ พี่อยากรู้จริงๆ ว่าทำไปทำไม ถ้าภีมอยากให้พี่หึง ใช่…พี่หึงภีม โคตรหึงเลยรู้รึเปล่า?”

 

มันก้มหน้าส่ายไปมาอย่างเดียว ทำราวกับกำลังเขินแลดูโคตรน่ารัก มือผมดึงข้อมือมันออกจากใบหน้าตัวเอง อีกข้างเชยคางขึ้นมาสบตา ใบหน้าของมันแดงระเรื่อ แววตาตื่นกลัวเล็กๆ พยายามละไปมองด้านอื่น

 

ผมยกยิ้ม ให้ภีมเห็นว่าตอนนี้ไอ้ปอมันไม่ใช่คนเดิมแล้ว

 

“ให้พี่เข้าไปคุยกับภีมดีๆ นะ เมียจ๋า…”

 

มันเบิกตาตัวเองยกมือทุบอกผม

 

“ใครเมียมึง ออกไปเลย บอกแล้วไงว่าเราสองคนหมดเรื่องที่จะพูดกันนานแล้ว”

 

“ไม่ได้ ต้องคุยกัน…”

 

ผมดันประตูเข้าไปทันทีเมื่อเห็นว่าภีมมันตั้งใจจะรั้นและไล่ผมท่าเดียว มันคงเป็นเพราะความอาย วางตัวไม่ถูก มันแสดงถึงความตกอกตกใจถอยกรูดจนล้มลงก้นกระแทกพื้น ใบหน้าใสๆ นั้นหยีออกมาด้วยความเจ็บปวดและร้องโอดโอย มันคงกลัวผมมากสินะถึงลนลานได้ขนาดนี้

 

“ภีม ไม่เห็นต้องตกใจ…”

 

ผมชะงักเมื่อมองไปเห็นร่างของมัน ไม่ๆๆๆ อยากนอกเรื่องไอ้ปอ

 

ได้แต่ลอบกลืนน้ำลายมองกางเกงที่มันสวม บ๊อกเซอร์ของผมมันคงตัวใหญ่ไปสำหรับมัน ขามันเลยกว้าง พอภีมมันนั่งลงแล้วชันเข่าขึ้นมาขาก็ร่นลงจนเห็นขาอ่อนขาวๆ ของมัน รวมถึงกางเกงในตัวเมื่อคืนด้วย นี่มันตั้งใจจะยั่วใช่ไหมนะ

 

ผมนิ่งมองอยู่แบบนั้น นึกถึงตอนที่ตัวเองได้จับ ได้แตะต้องตัวมัน

 

“ไอ้เหี้ยปอ! มึงอย่ามาทำหน้าหื่นมองกูแบบนั้นนะ”

 

“อะไร?” ผมยิ้มมองหน้ามันที่กำลังเขิน มือก็ปิดตัวเองไปด้วย

 

“ออกไป! เพราะมึงนิสัยแบบนี้ไงกูถึงไม่อยากให้เข้ามา”

 

อ๋อ เข้าใจแล้ว เพราะกลัวว่าผมจะทำเรื่องทะลึ่งๆ กับมันนี่เอง

 

ผมละดวงตาออกจากขากางเกงเมื่อมันเดาใบหน้าออก รีบเดินเข้าไปหา พยายามจะช่วยพยุง “ไม่ อย่ามาแตะกู มึงจะมาวุ่นวายกับกูทำไมนัก กูกับมึงน่ะต่างคนต่างอยู่ไปสิ!”

 

“ไม่ได้หรอกภีม ทำไม่ได้”

 

มันยกมือกุมหัวตัวเองเหมือนจะปวดประสาทก็ไม่ปาน “โอ๊ย…ทำไมจะทำไมได้!?”

 

“เพราะกูรักมึง!”

 

“มึงก็ไปแจ้งตำรวจสิ ออกไป…” เสียงมันหายไปในลำทันทีเมื่อรั้งสติตัวเองได้ มือที่ดันตัวผมออกชะงัก ใบหน้าใสๆ ที่ก้มหน้าก้มตาขัดขืนค่อยๆ เงยมามองตาผมที่ยิ้มรออยู่แล้ว

 

แววตามันตกใจมาก จากนั้น…

 

ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ความรู้สึกของผมมันไหลออกมาหมดแล้วและรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด ยิ่งเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของมันแล้ว มันยิ่งทำให้ผมดูมีหวังขึ้นมาบ้าง จากความตกใจ แปรเปลี่ยนมาเป็นความดีใจระคนเศร้า จริงๆ ก็เดาไม่ออกว่ามันหมายความว่ายังไง

 

แต่ผมขอเข้าข้างตัวเอง ว่ามันน่าจะดีใจที่ผมเองก็รักมันเช่นกัน

 

“รัก…” มันว่าเสียงเบา สั่นไหว

 

“ใช่ รัก รักภีม…” ผมก้มลงใบจูบแก้มมันซ้ำเป็นเครื่องยืนยัน

 

“โกหก!” มันเงยขึ้นมาว่า มือก็ทุบอกผมสุดแรง

 

“ไม่ได้โกหก รักภีมคนเดียว ไม่เคยรักใครเลย”

 

มันเม้มปากตัวเองที่กำลังสั่นระริก เหมือนกำลังจะร้องไห้ ดูไม่เป็นไอ้ภีมขี้ดื้อคนเดิมเลยสักนิด มันอาจจะยังตกใจ ยังวางตัวไม่ถูก มือเล็กๆ ของมันสั่นราวกับกำลังหนาว ผมกอดมัน จูบซับลงบนเส้นผมเพื่อยืนยัน ผมยอมที่จะยืนยันว่าสิ่งที่ตัวเองกล่าวออกมาเป็นความจริงทุกอย่างตอนนี้

 

“ทำไมถึงรัก?” ภีมมันว่าเสียงเบา ผมนิ่งคิด

 

มันต้องการคำตอบแบบไหนกัน

 

“เพราะคนๆ คนที่เหมาะกับคำว่ารักนั่น เป็นภีม คนเดียวนะ แค่ภีมคนเดียว”

 

มันนิ่ง เงยมามองตาแล้วส่ายหน้าไม่เชื่อ ผมยินดีที่จะตอบคำถามมันทุกคำตอบ ยินดีที่จะอธิบายกับมันทั้งวันทั้งคืนว่าทำไมผมถึงได้รักมันและหวงแหนมันขนาดนี้ ถ้ามันยินยอมที่จะนั่งฟังข้างๆ ผมไปทุกวัน

 

“สอนพี่ ดูแลพี่อีกได้ไหม?”

 

มันมุ่นคิ้วตัวเองละไปด้านอื่น ทำไมต้องทำหน้าตาน่ารักขนาดนี้ด้วยวะ ผมอดที่จะโน้มหน้าเข้าไปจูบไม่ได้ เสียงมันปรามและเบี่ยงหน้าหนี

 

“ออกไป กูยังไม่ได้บอกว่าจะเชื่อหรือจะยกโทษอะไรให้มึงนะปอ” มันว่า

 

“ก็ภีมน่ารัก”

 

รอยยิ้มของผมยกขึ้น มันชะงักตัวเองราวกับต้องมนต์สะกดจากดวงตาของผมเมื่อเห็น ริมฝีปากเจ้าเนื้อเม้มติดกันเน้น เรียกร้องให้ผมเข้าไปแนบปากจูบได้ไม่ยาก อย่าทำให้มันบวมช้ำแบบนั้นเลย พี่อุตส่าห์เฝ้ามองมันมาตั้งนานนะภีม

 

“อื้อ…” เสียงทุบตัวผมดังตุบตับ มือเล็กๆ นั้นถูกผมเข้าไปประสานนิ้วรวมเป็นหนึ่ง ภีมกำมันไว้แน่นรับจูบ ถึงไม่เต็มใจนัก แต่มันอาจรับรู้ว่าผมต้องการมัน โหยหาและรักมันจริงๆ

 

ผมไม่เสียเวลาผละปากออกไปเลยสักวินาที นานเท่าไรที่ผมไม่ได้จูบมันแบบนี้ พริ้มตาไล้ลิ้นตามลิ้นเล็กๆ ของมันที่พยายามหลบ เสียงมันหอบหายใจไม่ตรงจังหวะ ขาดอากาศหายใจ หรือกำลังรู้สึกดี ผมเท่านั้นที่รู้

 

รัก…

 

ตอนนี้ผมสะกดได้แค่คำนี้

 

แล้วก็สะกดออกก็ต่อเมื่ออยู่กับภีมเท่านั้น

 

แกร๊ก…

 

“ภีม…อุ๊ย!”

 

ผมผละใบหน้าไปมองคนที่จู่ๆ ก็เปิดประตูเข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย มองมือตัวเองที่กำลังล้วงเข้าไปลูบขาอ่อนเมียเพลินๆ แล้วกลัวภีมมันจะอาย รีบชักมือออก เห็นไอ้ต้นซุกหน้าไปปิดตาตัวเองเองบนอกของไอ้พีร้องว่า

 

“ทำบ้าอะไรกันนี่มันพื้นบ้านนะเว้ย!”

 

“พวกมึงนี่ไม่มีที่เอากันแล้วรึไงหา เสียลูกตาว่ะแม่ง”

 

“หุบปากไปเลยทั้งสองคน มันไม่ใช่แบบที่เห็นนะ” ภีมมันส่ายหน้าว่า สีหน้าแสดงถึงความเขินออกมา มือเอื้อมมาหยิบโทรศัพท์ไปถือ มืออีกข้างก็เอื้อมมาฟาดหน้าผมฉาดหนึ่ง

 

“ออกไปเลย กูยังไม่ได้บอกว่าจะยกโทษให้มึง!”

 

“แต่…”

 

“ออกไปปอ ออกไป!” มันว่าพลางผลักตัวผมออก ตอนแรกคิดไว้ว่ามันจะใจอ่อนแล้วแท้ๆ ผมถอนใจเมื่อเห็นดวงตามันมีแววสั่นไหวออกมาอย่างชัดเจน ทำแบบนี้ทำไม ทิฐิอีกแล้วงั้นเหรอภีม

 

“ขอโทษนะที่เข้ามาขัดจังหวะ ถ้าพวกกูมาช้ากว่านี้ภีมมันอาจจะยอมคืนดีด้วยก็ได้” ไอ้พีมันว่า ผมมองดวงตาของเมีย ใช่…ผมรู้

 

มันเสียใจตอนที่ไล่ผม

 

ผมไม่อยากให้มันปากแข็ง ทำร้ายใจตัวเองเพราะตั้งใจจะสั่งสอนผม เราควรหันมาคุยกันดีๆ ในเมื่อต่างรู้แล้วว่าเราใจตรงกัน เรารักกัน ควรจะเข้าใจกันให้เร็วที่สุดเพราะไม่รู้ว่าจะอยู่ด้วยกันไปได้นานสักแค่ไหน

 

“ถ้าภีมมันเสียตัวให้พี่ปออีกสักครั้งมันอาจจะยอมคืนดีง่ายๆ นะ”

 

“หุบปากไปต้น” ไอ้พีมันว่า

 

ผมก้มหน้าลงมองตา เอื้อมมือไปแตะมือของเมียตัวเองที่กำลังสั่นไหว มันไม่ได้ผลักไสผมออก

 

“พี่จะรอนะภีม…”

 

ใช่ ผมจะรอจนกว่ามันจะเชื่อมัน เชื่อว่าผมรักมันจริงๆ อย่างที่ผมเชื่อมัน แม้มันจะไม่มีสติตอนที่บอกรักผมก็ตามที

 

 

ผมพาร่างตัวเองเดินเอื่อยๆ มายังห้องพักของตัวเอง รอยยิ้มผุดขึ้นมาตกแต่งได้ใบหน้าเรื่อยๆ เมื่อนึกถึงตอนภีมมันแสดงถึงความตกใจในสิ่งที่ผมพูด คิดว่าไอ้สารเลวคนนี้ไม่มีหัวใจรักใครไม่เป็นล่ะสิ แต่ก็ควรจะขอบคุณมันจริงๆ ที่เป็นคนสอนผม จะไม่ให้ผมรักผมรอมันได้ไง

 

มือเปิดประตูห้องและก้าวเท้าเดินเข้าไป พบว่ามีเสียงทีวีเปิดอยู่ก็เดาได้เลยว่าเป็นใคร เดินไปเห็นร่างมันกำลังยกเหล้าทั้งขวดขึ้นมาดื่มด้วยสีหน้าเจ็บปวด ใจจริงก็สงสารแต่อีกใจหนึ่งก็สมเพช สีหน้าตอนมันกระวนกระวายตอนตามหาไอ้ต้นน่ะ ผมอยากให้ไอ้ต้นได้เห็นจริงๆ

 

“มาเมาอะไรตั้งแต่หัววันวะ?” ว่าพลางเก็บขวดเหล้าบนโต๊ะ เท่านี้ห้องกูไม่เป็นรังหนูพอรึไง

 

“กูหาต้นไม่เจอ…”

 

สมน้ำหน้าไอ้พ่อนักรัก

 

“ไอ้โอ๊คนั่นไงเมียมึง เมียตัวเองไม่ไปหาไปตามหาเมียชาวบ้านเขาทำไม?”

 

“มึงแม่งพูดเหมือนไอ้ภีมเปี๊ยบเลย” มันมุ่นคิ้วตัวเอง พิงตัวบนพนักว่าต่อ “จะมีคนทนกับกูซักกี่คนเชียววะ โอ๊คน่ะ มันวิ่งหนีตอนจะนอนกับกูเมื่อวันก่อน มันบอกว่าทนเจ็บไม่ไหวแล้ว…”

 

ผมมองมันพล่ามไปเงียบๆ เสียงมันสั่น “กูคิดถึงต้น ถ้าเป็นมันกูจะทนุถนอมจะไม่ทำมันเจ็บเลย ทำไมกูมันควายแบบนี้วะไปยกให้ไอ้พีได้ยังไง ปอ มึงบอกกูทีว่าต้นอยู่ไหน กูต้องการมันจริงๆ”

 

มันหันมาเขย่าแขนผม ซึ่งมันทำให้ผมพูดไม่ออก “กู…ไม่รู้”

 

“มันเกลียดกูสมที่กูต้องการแล้ว ทำไมกูไม่ดีใจเลย ทำไมวะ คิดถึงแต่มัน กูรู้ที่กูผิด กูไม่ยอมเปิดใจคุยกับมัน เพราะสิ่งที่กูกลัวคือการวิ่งหนี เหมือนไอ้โอ๊ค มันบอกว่ารักกูยอมกูทุกอย่าง แต่ท้ายที่สุด…เหอะ มันก็วิ่งหนีจากกูไปด้วยความตื่นกลัว มึงเข้าใจก็ไหม ถ้าคนๆ นั้นเป็นต้น กูเจ็บปวด กูผิดใช่ไหมที่เลือกไม่แตะต้องมันเพราะกลัวว่ามันจะทนกับกูไม่ไหวเหมือนไอ้โอ๊ค”

 

“มึงกับไอ้โอ๊ค…” อย่าบอกน่ะว่ามันเลิกกันแล้ว

 

“มันขอเลิกกับกูแล้วว่ะ หึ…กูมันโคตรน่าสมเพช เพิ่งจะมาเห็นค่าต้นมันก็ตอนที่ตัวเองไม่เหลือใคร”

 

มันว่าพลางขมวดคิ้วตัวเอง ยกเหล้าขึ้นมากรอกปากให้ลืมเจ็บ ใจของผมโหวงเหวงอย่างน่าประหลาดเมื่อนึกถึงตอนที่ต้นมันอยู่กับไอ้พีเมื่อเช้า การถูกปล่อยให้อ่อนแอและถูกไอ้พีปลอบใจอย่างนั้นมานาน ป่านนี้ต้นมันอาจจะเผลอใจกับไอ้พีไปแล้วก็ได้ ดูจากการแสดงท่าทีที่มันตกใจเมื่อเช้า มันพุ่งเข้าหาไอ้พีอย่างไม่รีรอ

 

มันสองคน…รักกัน

 

ผมเห็นไอ้พีกอดไอ้ต้น และไอ้ต้นเองถ้าไม่มีใจให้ก็คงไม่วางตัวแบบนั้นกับมันแน่ๆ คิดแล้วก็ปวดหัวว่ะ ผมจะจัดการเรื่องนี้ได้ยังไง เมื่อยิ่งแก้ไขเรื่องราวทุกอย่างกลับพันกันมั่วจนแทบจะแก้ไม่ออก

 

ผมควรจะเข้าไปคุยกับไอ้ต้นอีกครั้งแล้วล่ะ

 

“มึงไม่ต้องห่วงไอ้ธาม ก็จะจัดการให้มันเคลียร์เอง”

 

ใช่…

 

เพราะผมคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี่ เมื่อผูกแล้ว ผมก็ต้องพยายามแก้ ไม่เลือกที่จะใช้ทางลัดด้วยการใช้มีดตัดให้มันขาด ภีมมันสอนผมให้รู้จักคิดอะไรแบบนี้

 

สักวัน ผมจะแก้ปัญหาที่อยู่ในใจตัวเองบ้าง อย่างที่ภีมมันต้องการ

 

 

ผมพาร่างตัวเองเดินขึ้นตึกเรียนหลังจากล้างไม้ล้างมือจากงานช่างในช็อปที่ต้องเปื้อนสีเปื้อนน้ำมันเครื่องเพื่อจะเรียนวิชาต่อไป ในใจตอนนี้น่ะเหรอ ผมคิดถึงเมีย คิดว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ กำลังนึกถึงคำที่ผมบอกมันไปเมื่อวานไหม

 

แต่ด้วยความรีบไปหน่อยไม่ทันได้มองเห็นคนที่เดินสวนออกมา มันกับผมชนกันจนข้าวของที่ขนมันด้วยหล่นลง เป็นหนังสือกองใหญ่ที่ท่าจะหนักน่าดู

 

“ขอโทษทีว่ะไม่ทันได้มอง” มันน่าจะเป็นรุ่นน้อง พอเงยมาเท่านั้นก็รู้เลยว่าเป็นใคร

 

“ผมก็ไม่ทันได้มองเหมือนกันครับ ขอโทษนะพี่ปอ” มันยกยิ้ม

 

“มึง…เพื่อนไอ้ภีมนี่”

 

ผมชี้หน้า มันยิ้มรับพลางก้มลงเก็บหนังสือ

 

“มาๆ เดี๋ยวกูช่วย”

 

“ไม่เป็นไรครับพี่ พี่ไปเรียนเหอะผมทำเองได้”

 

“น่า กูบอกจะช่วยคือให้กูช่วยเข้าใจไหม?”

 

มันละมาเงยมองหน้าผม ก่อนจะปล่อยยิ้มออกมาด้วยความใสซื่อ มันก็น่ารักดีแฮะ ไม่รู้ไอ้ภีมมันไปคบด้วยได้ยังไง แบบมันน่าจะคบพวกนักเลงๆ หน่อยนะ

 

“แล้วนี่จะขนไปไหน?”

 

“อ้อ จะเอาไปไว้ห้องสมุดครับ”

 

“นั่นมันชั้นสี่ไม่ใช่เหรอ มึงขนไหวแน่นะ?”

 

“ไหวพี่ ไหวอยู่แล้ว” มันยิ้ม เออ เอาแต่ยิ้ม

 

“เดี๋ยวกูช่วย”

 

มันทำท่าจะห้าม แต่คงเพราะประโยคเมื่อกี้ที่ผมบอกไปก่อนหน้านั้นมันจึงชะงักห้ามปากตัวเองไว้ได้ทัน คนจะช่วยมาปฏิเสธแบบนี้มันเสียความรู้สึกน่า ผมยกหนังสือด้วยมือสองข้างเดินไปพร้อมกับมันที่ยังเดินไปเงียบๆ ไม่พูดไม่จา

 

“มึง สนิทกับภีมได้ไง?” อดที่จะถามไม่ได้ มันละใบหน้มามองผมก่อนจะกล่าว

 

“คงเพราะผมชอบมันมั้ง มันดูมีอะไรสักอย่างเรียกให้อยากจะสนิทกันน่ะ”

 

“เหมือนกันเลย ภีมมันมีอะไรสักอย่าง…” ที่ยังไม่รู้เลยว่าอะไร

 

“แล้วก็ช่วงที่มันเสียใจ ผมแวะไปคุยกับมันบ่อย”

 

ผมชะงักเมื่อมันว่า ตอนที่เลิกกันกับผมแรกๆ งั้นเหรอ

 

“ขอบใจนะ”

 

“อะไรครับ?” มันละใบหน้มามองพลางสาวเท้า ผมเห็นแววเขินแปลกๆ จากดวงตามันตอนที่ผมกล่าวออกไป รอยยิ้มผุดขึ้นมาประดับบนใบหน้าผมก่อนจะตอบ

 

“ขอบใจที่อยู่กับไอ้ภีมมัน มันดีนะที่มีเพื่อนดีๆ แบบนี้”

 

ไอ้เด็กนี่มันยิ้มกับตัวเอง ทำใบหน้าน่ารักล่อคนเดินสวนไปมาและสาวเท้าเดินต่อไปเรื่อยๆ ผมยกยิ้มกับตัวเองพลางนึกถึงหัวข้อสนทนาของเราตอนนี้ นึกถึงภีม และเฝ้าหวังว่าต่อไปจะไม่มีคนที่จะต้องคอยปลอบใจมัน อยู่ข้างๆ มันนอกจากผมคนเดียว

 

ผมจะเป็นคนอยู่ข้างๆ ตัวมัน บอกรักมันไปทุกๆ วัน

 

สัญญา…

 

 

 
 :katai5:
มาแล้วๆๆ จะพยายามมาอัพทุกวัน ก่อนเวลาบ้างเลทบ้างก็ไม่ว่ากันนะคะ แห่ะๆ แล้วดูตอนนี้ปอมันน่ารักไหม แลดูหล่อขึ้นมาเชียว ภีมน่ารักเหมือนเดิม รักนางงงง อิอิ
 :z1:
เรื่องต้นเริ่มจะดราม่าแล้วน้า นางจะเลือกใครอ่ะ พี่พีก็รักมาก พี่ธามก็แสนดี เชียร์ใครเอ่ยบอกมา แต่ไรต์ใจจริงๆ อะอยากให้ได้ทั้งสองนะ อิอิ

ส่วนใครที่ถามหากรีน ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวได้เจอจนไม่อยากเจอแหละ ไม่ได้สปอยให้คิดมากนะคะ 5555 มาดูตอนหน้ากันว่าน้องภีมจะมีปฏิกิริยาตอบพี่ปอยังไงเมื่อถูกบอกรักแบบงงๆ

เจอกันตอนหน้าค่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: **(10.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 10-11-2014 20:39:49
พูดออกไปแล้ว เย้ๆๆๆๆ

คราวนี้ก็แสดงออกชัดๆพูดตรงๆง้อหนักๆ

หัวข้อ: Re: **(10.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 10-11-2014 21:16:18
 :really2:
หัวข้อ: Re: **(10.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 10-11-2014 21:31:15
รู้สึกว่ากรีน น่าจะมีอะไรสักอย่าง

แต่ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่านะ
หัวข้อ: Re: **(10.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-11-2014 21:47:36
ออกแนวยิ่งแก้ยิ่งยุ่งนะคู่นั้น
หัวข้อ: Re: **(10.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 11-11-2014 17:15:19
ตอนหน้าจะได้ฟิน กันถ้วนหน้าแล้วสินะ  :-[
หัวข้อ: Re: **(10.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: bangkeaw ที่ 12-11-2014 15:10:09
พี่ปอน่ารักฝุดๆ
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 21
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 12-11-2014 21:14:59
 

ตอนที่ 21

 

กูรักมึง

 

กูรักมึง

 

กูรักมึง

 

“นี่ ชั่วโมงเขียนป้ายไม่ใช่ชั่วโมงจ้องป้ายนะยะ”

 

เสียงไอ้สันติร้องว่าจากอีกมุมโต๊ะหวีดเสียงให้แหลมๆ แสบแก้วหู ผมขมวดคิ้วเองเมื่อได้ยินมันว่าก่อนจะละมาจ้องงานตรงหน้าตัวเอง ชิบหาย! สีหยดเต็มป้ายเลย ลืมไปว่าจิ้มสีไว้แล้ว มัวแต่นั่งเหม่อ นึกถึงเรื่องเมื่อวาน

 

กูรักมึง

 

โอย นี่กูเป็นอะไรของกูเนี่ย นึกถึงแต่ตอนที่มันพูดคำนี้

 

ผมส่ายหัวตัวเองไล่เสียงของมันที่ตามหลอกหลอนในหัว ดวงตาตอนมันพูดบอกผมจริงจัง ทำไมวะ ทำไมใจผมสั่น ทำไมผมต้องบังคับให้ตัวเองไม่เชื่อมันด้วย

 

ผมก็รักมัน โคตรรักเลย ทำไมถึงยังใจแข็งอยู่ได้อีกในเมื่อปอมันเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ ผมทำใจยกมือจับแปรงเขียนป้ายจ่อไปยังตัวหนังสือที่ร่างไว้แล้ว แต่มือผมกลับชะงัก

 

ป้ายยิ้มให้กู ยิ้มให้กูทำไม

 

เมาทินเนอร์ เมากลิ่นสี ภาพหลอน!

 

“โอย…” ผมเหวี่ยงมันออกห่างจากตัวเอง ป้ายแม่งหน้าตาเหมือนไอ้ปอเปี๊ยบเลย

 

ออกไปจากหัวกูได้แล้ว ไอ้บ้า ไอ้เวรตะไล!

 

“เป็นอะไรวะภีม?” ไอ้สันติเดินมาว่า ผมส่ายหน้ายิ้มให้พวกมัน

 

“เปล่า น่าเบื่อว่ะ”

 

“น่าเบื่อ?” ไอ้สมปองมันย้อนก่อนจะหัวเราะคิกคักกัน “ก็เพิ่งเห็นมึงจะพูดว่าเบื่อครั้งแรกนะ มีอะไรรึเปล่า?”

 

พวกมึงนี่ ทำอย่างกับกูไม่รู้ทันว่าพวกมึงตั้งใจจะมาหลอกถามความลับกูอีก มีเหรอว่าจะยอมบอกมึงง่ายๆ โดยเฉพาะเรื่องไอ้ปอที่มัน…

 

บอกว่ารักผม

 

โอ๊ย! มันเขิน

 

“ภีมะ”

 

“อะ ครับ…” ผมละสายตาไปมองอาจารย์ที่ร้องเรียก

 

“เธอช่วยเดินไปบอกอาจารย์นทีที่ห้องเก็บของให้ได้ไหม ว่าหยิบทินเนอร์ให้อาจารย์ที อาจารย์เขารู้ว่ามันอยู่ตรงไหน”

 

“ได้ครับ”

 

ผมว่าพลางพยักหน้าตอบแล้วรีบลุกขึ้นเดิน ดีแล้วที่ไม่นั่งจับเจ่าอยู่ในห้องแล้วก็มองป้าย จุ่มสี เหม็นสีเหม็นทินเนอร์แล้วก็เมาจนจะอ้วกอยู่แล้ว ผมถอนใจเดินลงอาคารมาตัวคนเดียว ทั้งๆ ที่เรื่องเมื่อวานแม่งสุมหัวเหมือนคนบ้า ไอ้ปอ ไอ้เลวแม่งมึงเล่นของใส่กูใช่ไหม!

 

 มึงนะมึง ตอนกูรอให้พูดจะตายไม่ยอมพูด พอกูตัดใจคิดว่ามึงไม่มีทางจะรักกูได้ทำไมมาพูดเอาป่านนี้ ผมส่ายหัวพยายามไล่ความคิดพลางรีบสาวเท้าเดินไปยังห้องเก็บของที่อาคารสี่ชั้น

 

ห้องเก็บของ ห้องเก็บของ กูรักมึง กูรักมึง

 

กูรักมึง เฮ้ย! มาได้ไง ออกไปจากหัวกูเดี๋ยวนี้

 

ผมรีบเดินไปยังห้องเก็บของที่อยู่ริมสุดของอาคารเพื่อไปเอาของให้อาจารย์ เมื่อเดินไปถึงก็ชะโงกหน้าเข้าไปดูว่ามีอาจารย์นทีอยู่ในห้องรึเปล่า เห็นคนตัวสูงๆ กำลังก้มๆ เงยๆ จัดของอยู่ผมก็วางใจ รีบเดินเข้าไป

 

“อาจารย์ครับ”

 

อีกฝ่ายละจากของตรงหน้ามาตามเสียงผมที่ค่อยๆ เดินเข้ามาด้านใน ผมมองของในห้องที่วางเรียงกันเยอะแยะนิดๆ แล้วรีบกล่าว

 

“อาจารย์จี…” จี้

 

เกือบแล้วกู เกือบเผลอเรียกชื่อที่แอบตั้งให้แล้ว

 

“อาจารย์จี…ระศักดิ์ ให้ผมมาบอกว่า…”

 

กูรักมึง

 

“กูระ…เอ้ย! ชะ ช่วยหยิบทินเนอร์ให้หน่อยได้ไหมครับ?”

 

ชิบหายแล้ว! ตอนนี้ผมโคตรเสียความเป็นตัวเองเลยสิพับผ่า

 

“ได้สิ รออาจารย์ตรงนี้นะ” เขาว่าแล้วเดินผละไป ผมยกมือกุมหน้าตัวเองโคตรอับอายเลยว่ะ เสียงของมันเอาแต่หลอกหลอนผมอย่างกับดูหนังบ้านผีปอบ น่ากลัวชิบ!

 

ทำผมเสียความเป็นตัวเอง โคตรเสียเลย

 

“เอ้านี่ ถือดีๆ ล่ะอย่าเหม่อลอยแบบนี้เดี๋ยวหล่นแตก”

 

“ครับ”

 

ผมยกมือเกาหัว นี่อาการกูออกขนาดนั้นเลยเหรอวะเนี่ย

 

ผมยกมือไหว้อาจารย์แล้วเดินละออกมาจากห้อง เดินลากขาเป็นซอมบี้ไม่ได้แดกเนื้อคน คือโคตรซังกะตาย พยายามบอกตัวเองว่ามึงสมควรจะดีใจซะมากกว่านะไอ้ภีม ปอมันบอกว่ารักมึงนะเว้ย คำที่มึงรอที่จะฟังนั่นไงไม่ดีใจอย่างนั้นเหรอ

 

จะว่าดีใจแม่งก็ดีใจ จะว่าช็อคก็ช็อค

 

แต่ผมแม่งคิดมาก คิดว่ามันเข้าใจคำว่ารักพอไหม คิดว่ามันอาจจะพลั้งปากพูดออกมาก็ได้ คิดว่ามันแค่จะแกล้งเล่นเท่านั้น ทั้งๆ ที่คิดว่าเคยอยากฟังมันแท้ๆ แต่พอมาได้ยินแล้วผมเกิดแต่คำถามใจในมากมาย

 

ผมขอเวลากับตัวเองสักพักเถอะ ถ้าปอมันรักผมจริงๆ มันต้องรอผมได้สิ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนมันต้อรอได้ เหมือนที่ผมรอมันไง

 

มึงคิดดีๆ นะภีม คนแบบไอ้พี่ปอ มันสมควรจะน่าเชื่อถือไหม

 

ผมไม่ควรคิดแบบนั้นสิ คำว่าเชื่อใจของคนที่รักกัน เขาไม่ใช้สมองเชื่อนี่ เขาใช้ใจเชื่อ ไม่งั้นมันจะเรียกว่าเชื่อใจได้งั้นเหรอ

 

ปอ…

 

ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน

 

เชี่ย! นอกเรื่องไปไกลเลย

 

ผมเกาหัวตัวเองพลางขมวดคิ้วหมกมุ่นเดินไปเรื่อยๆ กระทั่งเห็นร่างของใครสักคนเดินลงบันไดอาคารมาจากชั้นบน มันชะงักรอยยิ้มที่ยิ้มกับตัวเองนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ ใบหน้าของมันที่เปื้อนยิ้มนั้นได้ละลงเมื่อเห็นผมงั้นเหรอ ผมไม่อยากให้ระหว่างเราเป็นแบบนี้เลย ผมอยากกลับมาเป็นเหมือนเดิมกับมัน ผมยกยิ้มพร้อมยกมือทักทาย

 

“ไง กรีน ไปไหน…”

 

มันยกยิ้มกับผมนิดๆ แล้วเดินผละออกไปเฉยๆ สีหน้าบอกว่าไม่สู้ดีนักที่จะคุยกับผม ไอ้ผมก็มองหน้ามันด้วยความงง “ไปไหนมา?”

 

เสียงผมแผ่วเบามองตามหลังของมัน จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วงั้นเหรอวะ กรีน

 

ผมไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ อย่างมันไปเลยสักนิด

 

เพราะเรื่องวันนั้นเหรอ ที่ทำให้เรามองหน้ากันไม่ติด มันโกรธผมที่ทำกับมันแบบนั้นอย่างนั้นเหรอ หรือมีอย่างอื่นที่ทำให้มันต้องตีตัวออกห่างจากผม อะไรล่ะ ผมไม่เข้าใจกรีนเลย

 

ผมอยากคุย อยากเปิดใจกับมัน แต่ถ้ามันเดินหนีผมแบบนี้ทุกครั้งคงจะไม่ไหว

 

 

ผมจะบ้าตายว่ะ ผมอยากจะบ้า

 

ออกจากโลกความเป็นจริงนี่ซะ ออกมาอยู่ในโลกส่วนตัว โลกแห่งความเพ้อฝันของตัวเอง เป็นคนบ้าน่าจะมีความสุขมากกว่าผมตอนนี้ว่ะ แม่ง!

 

“อะไร เป็นอะไรของมึง ประจำเดือนมาไม่ปกติรึไง?”

 

เสียงของเจ้ากรรมนายเวรว่าขึ้นขณะที่ผมทิ้งก้นตัวเองลงนั่งในชั่วโมงชมรม ผมไม่เข้าร่วมอย่างเคยและไอ้นี่เองก็เหมือนกัน ก็เลยมานั่งด้วยกันใต้ร่มไม้หลังอาคารเรียนนี่ ผมเกาหัวไม่รู้จะเริ่มอธิบายยังไงให้ไอ้ต้นมันเข้าใจ

 

“กูไม่ตลก ดูหน้ากูด้วย” ผมว่า มันหลุดหัวเราะ

 

“เรื่องพี่ปอล่ะสิ แหม…สงสัยโกรธกูกับพี่พีที่มาขัดจังหวะแน่ๆ”

 

“ใครบอกมึงหา กูไม่ได้เหมือนมึงนะที่หนีตามผัวไปอี๋อ๋อกันสมใจทั้งคืนน่ะ”

 

ไอ้ต้นมันชะงักพลางโยนของๆ มันใส่ผมแก้เขิน ทำหน้าบึ้งแต่แก้มนี่แดงอย่างกับลูกตำลึง อย่าบอกนะว่าที่ผมกะจะสวนมันไปเล่นๆ น่ะเป็นความจริง เอาแล้วไงล่ะ

 

“มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้นะต้น” ผมชี้นิ้วคาดโทษ มันก้มหน้าตัวเอง “คืนนั้นมึงกับพี่พีไหนกันมา แล้วทำอะไรกันบ้าง?”

 

“ถามแบบนี้จะให้กูตอบยังไงวะ?” มันรีบย้อน หน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ

 

“มึงเสียท่าให้พี่พีอีกแล้วใช่ไหม?”

 

มันรีบเบิกตา อ้าปากค้างจะเถียงทว่าผมเค้น “ใช่ไหม!?”

 

ไอ้ต้นมันหน้าหงอลงพลางก้มหน้าตัวเองคล้ายรู้สึกผิด ก้มหน้าพยักขึ้นลงหงึกๆ ยอมรับ มือก็ยกขึ้นมากุมหน้าด้วยความอับอาย เอาแล้วไงล่ะ “มึงเมางั้นเหรอ?”

 

“เปล่า แค่ตึงๆ” มันตอบ ยกมือกุมหน้าตัวเอง “กูไม่รู้ว่ากูคิดอะไรอยู่ว่ะภีม พี่พีมันพากูออกไปเที่ยว ขับรถหนีพี่ธามไปเรื่อยๆ พอมันดึกเข้าก็เลยพาก็เข้าไปนอนพักในโรงแรม…”

 

“มึงก็เลยได้เสียกัน”

 

“ไอ้บ้า มึงนี่…” มันเงยขึ้นมาว่า สีหน้าเหมือนกำลังคิดหนัก สับสนใจตัวเอง มันแสดงถึงความหงุดหงิดที่ตัวเองทำอะไรลงไปไม่ได้คิด ตอนนี้มานั่งนึกๆ ดูแล้วผมก็คิดว่าถ้าอยู่ในสถานการณ์เหมือนมันคงตัดสินใจยาก

 

“มึงเข้าใจไหมภีม กูคิดว่ากูน่ะรักพี่ธามมาก ตอนเขาทิ้งกูไปกูโคตรเสียใจเลย แต่กับพี่พี ไม่รู้ทำไมกูถึงใจเต้นตอนอยู่กับเขา ไม่เหมือนตอนที่กูอยู่กับพี่ธามเลย”

 

มันว่าพลางขมวดคิ้ว ดวงตาแดงพลางมองตาผม

 

“มึงว่ากูเลวปะวะภีม ทั้งที่กูรักพี่ธามแต่กลับยอมนอนกับพี่พี กูยอมพี่พีง่ายๆ พี่พีไม่ได้บังคับกูเลย” ผมนิ่งมองมันที่ว่าเสียงเบาราวกับบ่นให้ตัวเองฟัง ดวงตาไม่ได้มองผม มันหม่น และเอ่อไปด้วยน้ำตา

 

“มึงเคยคิดถึงวันที่มึงต้องเลือกไหมต้น?” ผมว่าเสียงเบา ต้นมันพยักหน้า น้ำตาหยดแหมะลงบนโต๊ะหลายหยด

 

“กูหาเหตุผลต่างๆ นาๆ มาตั้ง แต่ไม่มีใครดีไปกว่าใครเลย กูเลือกไม่ได้จริงๆ”

 

“มึงก็รู้ว่ามันทำแบบนั้นไม่ได้ ยังไงก็ต้องเลือก”

 

ผมมุ่นคิ้วตัวเองคิด ยกมือสั่นๆ กุมหน้าแล้วส่ายไปมา “ไม่เอาน่า ไม่คุยเรื่องของกูแล้ว มันซีเรียสเกินไป”

 

“แต่มึงจะเก็บไปคิดแล้วก็เครียดคนเดียวนี่นะ มึงเห็นกูเป็นเพื่อนมึงปะวะ?”

 

ต้นมันละใบหน้าแดงๆ มามองผม “ไอ้สัด กูแค่ไม่อยากพูดถึงเรื่องเครียดๆ แบบนี้นี่ ว่าแต่มึงเหอะ มึงก็เก็บไว้คนเดียวเหมือนกันไม่เห็นปรึกษากู มึงเห็นกูเป็นเพื่อนมึงปะล่ะ”

 

มันย้อนครับ ผมนี่อยากเอามะเหงกลงหัวมันไปที แต่คำถามของมันน่ะทำเอาผมสตั๊นไปก่อนหน้านี้แล้ว ผมหลบตามันลงมองพื้นก่อนจะยกยิ้ม

 

“ปอมันบอกว่ารักกู”

 

สาบานว่าคุณจะตกใจกับหน้าไอ้ต้น ผมไม่ขออธิบายว่าสีหน้ามันเป็นยังไงและตกใจแค่ไหน คือมึงจะอินอะไรนักหนาวะ กูเป็นคนถูกบอกรักไม่ใช่มึง

 

“แล้วทำไมมึงไม่ทำอะไรสักอย่าง มัวแต่เล่นตัวอยู่นั่นแหละ” มันร้องว่า นี่มึงจะด่ากูใช่ไหม

 

“กูก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่ทำให้มันเคลียร์ กูคงกลัวมั้ง”

 

“กลัวอะไร ในเมื่อพี่ปอมันรักมึง”

 

ผมนิ่ง นึกถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วถอนใจ “กลัวมันเป็นแบบเดิม กูอยากให้มันเห็นค่าในการรอแล้วก็ดูแลกูให้ดีที่สุด ถ้ากูไปง่ายๆ เหมือนตอนกูยอมคบกับมันแรกๆ มันก็คงคิดว่าจะทำยังไงกับกูก็ได้ เหมือนตอนนั้น”

 

“แต่อย่าเล่นตัวนานนะมึง”

 

“กูไม่ได้เล่นตัว มึงเข้าใจที่กูอธิบายไหมหาไอ้นี่!” ผมรีบว่า ต้นมันหลุดหัวเราะ

 

“กูว่าพี่ปอเห็นค่าในตัวมึงนานแล้ว ตั้งนานแล้วที่พี่พีมาเล่าให้กูฟังเรื่องที่พี่เขาร้องไห้ง๊องแง๊งคิดถึงเมียตัวเอง” ต้นมันว่าแล้วทำท่าแอบขำ

 

“อะไรนะ มึง…ว่าใหม่ซิ” กูได้ยินไม่ถนัด ได้ยินแค่อะไร ง๊องแง๊งๆ เนี่ยแหละ

 

“พี่ปอร้องไห้คิดถึงเมียไง!” มันร้องว่าเสียงดัง ผมปิดปากมันพร้อมกับความอายแล่นเข้ามาใส่หน้าเมื่อคนโต๊ะข้างๆ หันมามองตามเสียงมัน

 

“ไอ้ห่า เบาๆ ก็ได้” มันมุ่นคิ้วตัวเองกับเสียงหัวเราะของมัน ทั้งๆ ที่ห้านาทีก่อนมึงยังดราม่าอยู่เลยต้นกูจำได้

 

มึงนี่ ทำยิ้มกลบเกลื่อนกู รู้ทันหรอก

 

ทำเป็นร่าเริงหัวเราะ แต่พออยู่คนเดียวนอนร้องไห้ ผมสงสารมันว่ะ

 

บางทีตอนที่มันมาค้างกับผม ผมแสร้งนอนหลับ

 

นอนฟังเสียงสะอื้นของมัน ผมว่าเป็นคนแบบไอ้ต้นใครว่าดี ถึงจะยิ้มจะหัวเราะร่าเริง แต่ภายในใจใครจะรู้ว่ามันเจ็บปวดสักแค่ไหน คิดมากขนาดไหน ผมโคตรสงสารมันเลย ใครที่คิดว่าผมน่าสงสารแล้ว ถ้าคุณเป็นคนใกล้ตัวมันจะรู้ว่ามันน่ะน่าสงสารกว่าใครทั้งสิ้น

 

ผมก้มลงมองมือตัวเองที่กุมกันแน่น หวังว่าต้นมันจะเลือกทางที่ถูกให้กับตัวเอง

 

 

ผมยืนถอนใจเป็นรอบที่ร้อย ทั้งเรื่องเพื่อน ทั้งเรื่องผัว…เก่า

 

สุมหัวกูแทบจะระเบิด

 

ผมยืนนิ่งมองพื้นถนน แล้วคนก็มองมาด้วยความไม่ชอบใจ ใช่ คงเพราะผมเอาแต่ยืนถอนใจแบบนี้เป็นร้อยกว่ารอบได้ ได้ยินเสียงรถคันหนึ่งแล่นมาจอดตรงหน้า คิดว่าเป็นรถเมล์ ผมเดินลงไปเพื่อเตรียมตัวจะขึ้น คิดไว้แล้วเชียวทำไมเสียงรถเมล์มันเงียบๆ แบบนี้วะ

 

“ขึ้นมาสิ” เสียงคนขับว่า ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง เชี่ย!

 

หน้าเหมือนไอ้ปอเด๊ะๆ ราวกับโคลนนิ่ง ผมรีบถอยกลับขึ้นไปยืนบนฟุตบาทอีกรอบพลางส่ายหน้าตอบมันไปด้วย ดูรถแล้ว มันคงจะใช่ไอ้ปอนั่นแหละว่ะ

 

“ขึ้นมาเดี๋ยวไปส่ง ไม่ให้ขึ้นรถเมล์หรอกนะ”

 

มึงกล้ามาบังคับกูเรอะ!

 

“ไม่ กูก็ขึ้นของกูทุกวัน มึงรีบไปเลย”

 

“มึงจะให้คนอื่นเขาด่ามึงใช่ไหม รีบขึ้นมา”

 

ผมมองสายตาคนรอบข้างที่มันเริ่มไม่พอใจ ที่เขาจะด่าน่ะคงจะด่ามึงนั่นแหละไอ้ปอ มาจอดตรงรถเมล์จอด ไอ้เวรตะไล งานเลยเข้ากูไง ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อมันบีบแตรเรียก รีบเดินไปยังประตูรถเพื่อเปิดขึ้นไปทรุดตัวนั่งอย่างไม่พอใจ แต่ดีกว่านั่งถูกคนอื่นด่าในใจแหละ

 

มันยกยิ้มหันมามอง เคลื่อนรถออกจากป้าย คงคิดว่าชนะกูแล้วงั้นสิ

 

แค่เกรงใจคนอื่นเท่านั้นเองแหละ

 

“แวะกินข้าวกันก่อนไหม มึงชอบร้านนั้นไม่ใช่เหรอ?” มันว่าเสียงเบา

 

“ใครบอกมึงหะ?”

 

“สังเกตเอา” มันว่าพลางหันมาทำหน้านิ่งๆ ใส่ ผมขมวดคิ้วตัวเองคิดในสิ่งมันเดา ถ้ามันสังเกตน่ะมันถูก ผมชอบและวางตัวสบายตอนที่อยู่กันในร้านนั้น ไม่มีใครคอยจ้องผมกับมันเหมือนที่อื่น

 

“กิน…ก็ได้”

 

ผมว่าเสียงเบา ในใจเต้นตึกตักฟังเสียงมันหัวเราะหึในคอ หันไปมองหน้ามันที่ยังมองถนนเงียบๆ

 

ขอโทษ…

 

จะขอโทษที่ตบมันไปวันดีไหมนะ ผมนิ่งคิดกับตัวเอง ทันใดนั้นความรู้สึกร้อนกับสัมผัสที่มือของผมก็แผ่ขยายขึ้น ปอมันเอื้อมมือมากุมมือผมด้วยหน้านิ่งๆ ของมันนั่นแหละ

 

ทำไมต้องทำตัวน่ารักกับกูขนาดนี้วะ ผมก้มลงมองมือตัวเองนิ่ง เขินว่ะ

 

“กูคิดถึงมึงทั้งวันเลย”

 

หน้าผมร้อนขณะที่มันว่า พยายามไล่ความร้อนออกจากหน้าหันไปด้านอื่นไม่มองหน้ามันด้วยกลัวว่าจะถูกจับได้ว่ากำลังเขิน อยากยิ้ม โคตรอยากยิ้มเลยเหอะ

 

มึงจะรู้ไหม ไม่มีเวลาไหนเลยที่กูไม่นึกถึงมึง ปอ

 

ผมก้มหน้าเก็บความอายตัวเอง แม่งเหมือนสาวน้อยอินเลิฟเลยไอ้สัด

 

มันบีบมือผม ผสานมือกันและขับรถช้าๆ ให้ตายเหอะ ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งเห็นว่ามันน่ารักขึ้นไปอีก มือผมถูกยกขึ้นไปทั้งๆ ที่ยังผสานกัน หลังมือรู้สึกร้อนด้วยสัมผัสจากปากของมัน มันจูบซ้ำๆ แบบนั้นเรียกอารมณ์แปลกๆ ให้แก่ใจของผม

 

“เดี๋ยวก็ตายห่ากันพอดี ปล่อยมือกูได้แล้ว”

 

ผมว่าเสียงเบา ไม่ดึงมือกลับ โคตรสวนทางกันอ่ะ มันยกยิ้มกับตัวเองมองทางตรงหน้าไปด้วยไม่ยอมพูดยอมเถียงกับผม “เอามือกูมา…”

 

“มึงจำคืนนั้นได้ไหม คืนที่มึงแสดงละครหลอกกูน่ะ” มันว่าแทรกขึ้นมา ผมเบิกตาหันไปมองหน้ามันทันทีมองหาว่ามันหมายถึงอะไร

 

“ทำไม?” ว่าพลางดึงมือตัวเองออกจากมือมัน

 

“มึงจำไม่ได้ใช่ไหมว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง?”

 

ผมขมวดคิ้วตัวเอง “จะ…จำได้เป็นบางอย่าง”

 

“ตอนฉี่จำได้ไหม?”

 

“ไม่ได้เว่ย!”

 

ถ้าบอกว่าจำได้นี่อายนะ ยืนให้มันจับจู๋ให้ฉี่อย่างหน้าด้านๆ แถมเรียกมันว่าผัวให้มันได้ยินด้วย ถ้าบอกว่าจำได้โคตรหน้าด้านเลยเหอะว่ะ ผมรีบก้มหน้าลงมองตักตัวเองหลบตามันไม่ให้รู้

 

“ตอบแบบนี้มึงจำได้ชัวร์เลยภีม จำได้ก็ดี…” มันว่า

 

“หมายความว่าไง?”

 

“มึงจะได้รู้ไง ว่ามึงเห็นกูเป็นผัวมึง เหมือนที่กูเห็นมึงเป็นเมีย”

 

โอ๊ย! ตอนนี้บอกเลยว่าอายแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเหอะ ตอนที่มันพูดนี่สีหน้าเหมือนมันนี่อยู่เหนือผมมาก ใช่ เหนือผมมากไอ้เชี่ยปอ

 

ผมนิ่งคิดคนเดียวแล้วเก็บความอาย เบี่ยงหน้าหนีมือมันที่เอื้อมมือมาจะยีหัวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ๆ แบบนี้ ดวงตามันมองถนนแต่มือนี่ถึงตัวผม พอเถอะกูยังไม่อยากตาย

 

“แต่กูไม่ดีใจเท่าตอนที่มึงบอกว่ารักกูหรอกนะ”

 

เออ ก็ดี…

 

“หา?” ผมเบิกตาหันไปตะโกนใส่หน้ามัน เสียงมันหัวเราะชอบใจกับสีหน้าตกใจของผมตอนนี้ มะ…มึงตั้งใจจะอำกูแน่ กะ..กู ม…ไม่เคยบอกรักมึงเลย ตอนที่กูเมากูจำ…ไม่ได้

 

เชี่ย!

 

ชิบหาย!

 

โคตรพ่อโคตรแม่!

 

อ๊ากกกก!

 

กูไม่รู้จะสบถคำไหนแล้ว เพราะไอ้เหล้านั่นแท้ๆ ทำกูอายได้สุดติ่งขนาดนี้ ตอนนี้น่ะเหรอ ผมโคตรอยากจะเอาหน้าทุบคอนโซลรถให้สมองเสื่อมแล้วแกล้งเอ๋อเดินออกจากรถ ทำเหมือนไม่รู้จักไอ้นี่ไปเลยตลอดชีวิต แต่เสียอย่างเดียวแม่งกลัวเจ็บ

 

ไอ้ปอ ไอ้เวร มึงรู้ตั้งนานแล้วแต่ปล่อยให้กูเล่นตัวตั้งนานเนี่ยนะ!

 

อ๊ากกกก ผมอยากตาย ผมอาย โคตรอาย!

 

ผมนิ่ง นิ่งจ้อมันตาค้างแทบจะหยุดหายใจ กัดลิ้น กัดลิ้นให้ตายไปเลยแม่งไอ้เชี่ย! กูไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้ว

 

“เฮ้ยภีม มึงช็อคขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” มันหันมาว่าพลางยิ้ม

 

มึงลองมาเป็นกูดิไอ้สัด ผมกุมหน้าตัวเองส่ายไปมา

 

“ภีม ไม่เห็นเป็นไรเลย มึงบอกรักกู กูบอกรักมึงเจ๊ากันแล้ว มาๆ กินข้าวกันถึงร้านแล้ว”

 

“ไม่! ไม่กิน กูอยากกลับบ้าน” ผมว่าพลางก้มหน้ากุมหน้าตัวเอง

 

“ไม่เอาน่า ลงมาๆ” มันดับเครื่องรถ มือขยับมาเขย่าไหล่ผม โอย ใครจะไปหน้าด้านนั่งไม่รู้สึกรู้สาได้ขนาดนั้นวะ บอกรักเขาแล้วมานั่งยิ้มหวานส่งให้กันเนี่ยนะ มันเขินนะเว่ย

 

“ภีม…เมียจ๋า กินข้าวกัน”

 

ไอ้สัด อย่ามาปากหวาน แค่นี้ผมก็เขินจะแย่

 

ผมส่ายหน้ากับตัวเอง แต่ว่าแม่งไอ้นี่มันพวกปากว่ามือถึง พอไม่พูดกับมัน มันก็เอื้อมมาดึงตัวผมยกไปนั่งบนตัก ผมตกใจดันตัวออก ขาทั้งสองข้างก็พาดกับเกียร์รถ ดีนะแม่งดับเครื่องแล้วไม่งั้นตายแน่ หลังก็ติดกับพวงมาลัยขยับออกห่างจากมันไม่ได้

 

“ไอ้ปอ ทำเชี่ยไรเนี่ยหะ?” ผมร้องว่า ดิ้นให้มันปล่อยเอวทั้งสองข้าง

 

“ไปกินข้าวกัน” ว่าแล้วขยับหน้ามาจูบแก้มผม

 

“อื้อ…” ผมเอียงหน้าหนี หันซ้ายแลขวาอายถ้าคนจะมาเห็น นี่มันหน้าร้านอาหารคนเดินไปผ่านไปมาเยอะแยะ ถึงจะมืดสนิทเพราะฟิล์มกรองแสงก็เถอะ แต่รถที่สะเทือนขนาดนี้มีหวังคนคงคิดว่ากำลังเล่นท่ายากกันอยู่แน่

 

โอย ปอมึงยังหน้าด้านไม่หายเลยรึไงหา!

 

“ปล่อยกู ไอ้ปอ มึงเลิกฉวยโอกาสกับกูซักที” ผมร้องว่า

 

“อะไร ผัวกับเมียกอดจูบกันไม่เห็นแปลก”

 

“ใครเมียมึงหา?”

 

“กูเป็นผัวมึง แล้วไหงมึงไม่เป็นเมียกูล่ะหืม?” มันว่า ขยับเบาะถอยออกห่างจากพวงมาลัย ไม่เอา! ไม่เอาแบบนี้เว่ย

 

“เลิกล้อเลียนกูได้แล้ว อื้อ ปล่อย”

 

ไอ้หื่น ไอ้เวร ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลย ผมเบี่ยงใบหน้าหนีมันที่ฝังปากลงบนแก้มผม พรมไปทั่วใบหน้ากะว่าจะไม่ให้มีที่ว่างเลยเหรอวะ

 

“ถ้าปล่อยจะยอมไปกินข้าวดีๆ ไหม?” มันว่า แล้วก็ก้มลงจูบปากผม ลิ้น แม่งลิ้น!

 

“อื้อ อ่อย เอาออกไอ…” เอ่อ ถ้าแปลไม่ได้ก็ไม่ต้องแปล ชั่วโมงนี้ผมไม่ขออธิบายอะไรทั้งสิ้น ผมทุบหน้าอกมันระรัวให้ผละปากออก มันบดขยี้ปากผมมือก็กดท้ายทอยไว้แบบนี้ไม่ให้หนี ผมพริ้มตา ยอมรับว่าจูบมันน่ะโคตรโหยหา ต้องการเรียกร้องให้ผมเข้าใจมัน

 

ผมนิ่ง ไม่ดื้อกับมันอีกต่อไป

 

ก็แค่ จูบของคนรักกัน

 

ไม่เห็นเป็นไร

 

เราผละปากออกจากกัน ดวงตาของมันจ้องมาที่ผมไม่ละ นิ้วหัวแม่มือไล้ริมฝีปากที่บวมเจ่อของผมเบาๆ ราวกับกำลังหวงแหน ผมเม้มปากตัวเองละหนีไปมองด้านอื่นพร้อมกันนั้นปอมันก็ดึงรั้งตัวผมเข้าไปกอดแน่น

 

ผมตกใจ ดวงตาผมเบิกกว้างเมื่อเห็นมันทำแบบนั้น

 

เดาใจปอไม่ออก มันจูบหลังคอผม มือสองข้างกอดผมแน่น

 

 

“รักภีมนะ…”

 

 

เสียงมันเบาหวิว แหบพร่า แต่ช่างละมุนละไมจนใจผมพุ่งทะยานสู่ดินแดนเวิ้งว้างห่างไกลที่ไหนสักแห่ง จมลึกไปกับคำว่ารักที่มันพร่ำบอก ผมได้แต่นิ่งฟัง  ซุกใบหน้าบนบ่าของมันนิ่งเงียบฟังเสียง ฟังคำที่มันพร่ำบอกว่ารักอย่างนั้นซ้ำๆ

 

รอยยิ้มผุดขึ้นมาประดับบนใบหน้าผมที่ยังซุกอยู่อย่างนั้น

 

ผมเชื่อ เชื่อมันแล้วครับ

 

เชื่อว่ามันรักผม ด้วยเพราะตอนนี้ที่ผมเลือกที่จะใช้หัวใจ ฟัง มัน ไม่ใช่สมองและความกลัวอีกแล้ว

 

“พี่ปอ…

 

รักพี่ปอเหมือนกัน”

 

ผมจำได้แล้ว คืนนั้นผมบอกมันไปแบบนี้

 

 

 
 :o8: :o8:
ตัดจบแบบสวยๆ ซึ้งๆ นิดนึง มีใครเขินกันบ้างไหมนะ


มาที่เรื่องของต้น กรีดร้องเบาๆ นางมีใจให้กับพี่พี สงสารพี่ธามเบาๆ บอกแล้วว่าอย่างงี้ต้องสามพีจะได้ไม่เสียใจสักคนไม่เชื่อเค้า มโนแล้วฟินแปป 5555 ให้นางเลือกมันยากนะเออ คนหนึ่งก็คือคนที่รักมาก เคยเจ็บมากเพราะเขา คนหนึ่งก็ผูกพันกันทางร่างกาย ดีด้วยทุกอย่าง ขนาดให้เค้าเลือกยังเลือกไม่ได้เลย

 

พอแล้วๆ หลังจากนี้ก็จะกลับมาน่ารักมุ้งมิ้งกันเหมือนเดิมแล้ว แต่ปมอีกหลายอย่างยังไม่เคลียร์ไรต์จะเน้นเรื่องปมนั่นก่อนนะคะ บอกไว้เลย แล้วเจอกันน้า บ๊ายบาย
 :bye2:
หัวข้อ: Re: **(10.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-11-2014 21:19:19
เข้ามาให้กำลังใจคนแต่งค่ะ
หัวข้อ: Re:1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 22
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 12-11-2014 21:20:56
 

ตอนที่ 22

 

ผมขมวดคิ้วตัวเองนั่งบนเก้าอี้ มองอาหารที่มากมายละลานตาตรงหน้า แต่แม่งโคตรอายโคตรเสียความมั่นใจเลย ก็ตอนลงรถอะ ไอ้ปอมันแม่งบังคับให้ลงไปตรงประตูคนขับ ประตูเดียวกับมันซึ่งคนในร้านก็นั่งมองกันตั้งนานแล้ว แล้วก็หัวเราะกันคิกคักยกใหญ่เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่นั่งเบาะเดียวกัน ผมมียางอายนะเว้ยไม่ได้หน้าด้านเหมือนไอ้ปอ

 

อายชิบ!

 

ส่วนมันน่ะเหรอ แม่งเดินยิ้มลอยหน้าลอยตาเข้าไปอย่างหน้าด้านๆ อาศัยเอาความหล่อกลบเกลื้อน เอ๊ย! กลบเกลื่อน

 

“กินสิภีม” มันว่าพลางตักกับข้าวมาให้ ถึงไม่ใครจ้องเพราะโต๊ะถูกกั้นเป็นล๊อกๆ ให้พอนั่งก็เถอะ ผมก็ยังอายอยู่ดีนั่นแหละ

 

“เขินกูจนอิ่มอกอิ่มใจกินไม่ลงขนาดนั้นเลย?” มันว่า

 

“มึงหลงตัวเองมากไปปะวะปอ แหวะ!”

 

“ไหนเรียกพี่ปอซิ”

 

“ไม่!” ผมเบ้ปาก ยกมือตักของกินเข้าปากเต็มคำมาเคี้ยวตุ้ยๆ

 

“เวลาไหนที่มึงจะทำตัวน่ารักๆ กับกูวะภีม เดาใจแม่งไม่ออก” มันว่าพลางตักของกินเข้าปาก ทำท่าจะยกมาป้อนด้วย

 

“แดกของมึงไปเหอะ กูมีมือไม่ได้เป็นง่อย”

 

“ให้ผัวป้อนเมียนะ”

 

ผมจ้องตามันด้วยความไม่พอใจ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ

 

ผมอาย เขินจะตายแม่ง

 

ผมหลบตาทำเนียนเป็นคนหน้าด้าน อ้าปากรับของกินที่มันยกมาให้ด้วยมือเปล่า ปากผมแตะกับนิ้วของมันก่อนที่มันจะเอากลับไปเลียต่อ อื้อหืม…ไอ้ผมก็เขินสิครับ

 

 ทำไมแม่งทำน่ารักอย่างนี้วะ กูเขินนะเว่ย

 

ผมละดวงตางุดลงนิ่งเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำไปก่อนหน้านี้

 

ผมรุนแรงกับมันเกินไป

 

“ปอ…”

 

มันละมามองหน้าขณะที่ตั้งหน้าตั้งตาแกะกุ้งต่อหน้าตัวเอง ผมพยายามทำใจที่จะกล่าวคำว่าขอโทษ เคยคิดว่ามันเป็นสิ่งที่พูดง่ายแต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไมถึงพูดไม่ออก

 

โอ๊ย อยากตบปากตัวเองไม่ให้ปากแข็งแบบนี้ ได้แต่กลั้นใจเปร่งเสียงออกมา

 

“ขอ…”

 

ผมกลืนน้ำลายมองมันที่กำลังตั้งใจฟัง

 

เหงื่อไหลครับท่านผู้ชม มันจะจ้องอะไรนักหนา ไอ้ผมก็ทำใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วรวบรวมความกล้าร้องออกมาว่า

 

“ขอกินกุ้งตัวนั้นนะ”

 

ไอ้เชี่ย!

 

เสียงปอมันหัวเราะเมื่อได้ยินดังนั้น ผมยกมือกุมหน้าแม่ง กูไม่ได้อยากพูดคำนี้เลย กูอยากพูดคำอื่น ได้แต่นั่งหน้าหงอยมองของที่มันส่งมาวางในจานก่อนจะกลืนน้ำลาย ไม่ได้อยากกินเลย

 

กูอยากขอโทษ อยากพูดคำนั้นจริงๆ

 

“เอ่อ…”

 

“อะไรอีก กินก่อนค่อยคุยได้ไหม?” มันว่า

 

“ไม่ กินไปคุยไป…ก็ได้”

 

มันเงยมามองหน้าผมตอนนี้ที่ยังไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ก่อนจะขยับมาทรุดตัวนั่งข้างๆ หันมามองหน้าผมที่ก้มหน้าตัวเองมองจานข้าวราวกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ มันคงรู้แหละ เมื่อมือมันขยับมาจับบ่าให้ผมหันไปมอง

 

“อย่าคิดมากนะภีม” ขยับมาจูบแก้มผม

 

“แหวะ เหม็น”

 

“เหม็นอะไรกลิ่นกุ้ง” มันว่า ผมยกมือถูแก้มตัวเองหันไปมองหน้ามันค้อน หยีหน้าทำท่าทำทางรังเกียจสุดๆ แต่ไหงมันถึงได้นั่งยิ้มแล้วมองผมแบบนี้ก็ไม่รู้

 

ยิ้มอะไรวะ จ้องแล้วก็ยิ้มอยู่นั่น

 

“ขะ โทษนะปอ” ผมก้มหน้าว่า

 

“หืม ขอโทษเรื่อง?”

 

“ที่กูตบหน้ามึงไปวันนั้น แล้วก็เอาหนังสือ…”

 

“สะใจไหม ถ้าทำให้มึงสะใจแล้วคิดว่าทำให้กูเจ็บก็ไม่ต้องขอโทษ กูทำมึงเจ็บกว่านั้น คำขอโทษกูเป็นพันครั้งก็ไม่สามารถเทียบความเจ็บมึงได้”

 

ผมหันไปมองหน้ามันนิ่ง ภูมิใจในตัวมันว่ะว่าคนอย่างมันเปลี่ยนไป มีความคิดอ่านมากยิ่งขึ้น รอยยิ้มผุดขึ้นมาตกแต่งบนใบหน้าของเราสองคนที่หันมองกันแบบนั้น

 

อะ เดี๋ยวๆๆๆ ผมนิ่งมองหน้ามันที่จะขยับเข้ามาใกล้

 

นี่มึงเพิ่งจูบกูบนรถไปนะ

 

“หยุด ไอ้ปอ มึงหยุด!”

 

“อะไร กำลังซึ้ง”

 

“ซึ้งบ้าไร แดกข้าวไปเลยไม่ต้องมาลามปาม” ว่าพลางจับกุ้งที่มันแกะนั่นแหละยัดปากมันไปด้วย มันนิ่งจ้องมายังผมที่ยังกลบเกลื่อนความเขินด้วยการทำร้ายร่างกายไปมันไปด้วย ก้มหน้าก้มตาหลบสายตามันไปด้วย

 

เรารักกันครับ ตอนนี้เรารักกัน

 

แต่ผมยังไม่โอเคหรอกนะ

 

เพราะมันยังไม่ขอร้องให้ผมกลับไปคบกับมันเหมือนเดิม มันบอกว่ารักผมก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรยืนยันว่าเราจะกลับไปเป็นแฟนกัน เป็นคนรักกันในสายตาคนอื่น เป็นเจ้าของของกันและกันอย่างเต็มตัว ผมต้องการให้มันทำแบบนั้นและหยุดนิสัยเจ้าชู้อยู่ที่ผมคนเดียว

 

ขอผมทวงค่าความเป็นคนของผมคืนเถอะ

 

 

หลังจากกินข้าว ปอมันพาผมกลับมายังบ้านที่ตอนนี้พ่อแม่ของผมก็กลับมาพักผ่อนที่บ้านพอดี ปอมันมองเข้าไปข้างในเหมือนจะรู้เพราะมีแสงไฟสาดออกมา มันยกเบรกมือขึ้นก่อนจะหันมามองหน้า

 

“ขอกูเข้าไปไหว้พ่อแม่มึงได้ปะวะ?” มันว่าพลางมองเข้าไปด้านในอีกรอบ

 

ผมเตรียมจะส่ายหน้าแล้วเชียวเพราะไม่ชอบเลย แต่พ่อของผมที่ไม่รู้มายืนอยู่หน้าบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่เดินมาเคาะกระจกรถเรียก ใจผมหายเมื่อปอมันเปิดกระจกรถหันไปยกมือไหว้ทักทาย พ่อยิ้มไม่เหมือนพ่อของผมสักนิด

 

“นั่นปอนี่ ว่าแล้วรถคุ้นๆ หายไปไหนตั้งนานน่ะ?”

 

พ่อว่า ผมถอนใจไม่ยากให้พ่อเจอไอ้ปอจริงๆ

 

“ครับ ผม…ไม่ค่อยว่างน่ะ” มันตอบแล้วหันมามองหน้าผม

 

“เข้ามาคุยในบ้านสิ กินอะไรมารึยังล่ะ?”

 

“อะ ทานมาแล้วครับ แต่ว่า…ทานอีกก็ได้”

 

ผมหันขวับไปหามันที่ยกยิ้มคุยกับพ่อ ไอ้ปอ มึงตั้งใจจะกวนตีนกูใช่ไหมหา มันยกยิ้มพลางดับเครื่องยนต์หันมาจับหัวผมโยกไปมาขณะที่กำลังจัดแจงเสื้อผ้าดีๆ ผมไม่ชอบให้มันไปคุยกับพ่อ ไม่ชอบสถานการณ์แบบนั้นเลย

 

ผมเดินลงจากรถนำหน้ามันไปก่อน พร้อมกับมันที่เดินเข้าบ้านมาพร้อมกับพ่อคุยกันมาตามทางเรื่อยๆ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย หน้าผมบึ้งบางเดินมาถอดรองเท้าไว้ที่ชั้นก่อนจะเดินขึ้นไปเห็นแม่กำลังจัดโต๊ะอาหารพอดี

 

ผมยกมือไหว้พลางทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาในตัวบ้าน

 

“เป็นอะไรล่ะลูกคนนี้ เดินหน้างอมาแต่ไกล”

 

“เปล่าหรอก แค่เบื่อๆ”

 

“งั้นเหรอ อ้าว! นั่นปอนี่ ทานอะไรมารึยังจ๊ะ?”

 

“เอ้อ จัดเพิ่มให้ปออีกชุดนะคุณ ภีม ลูกจะเอาด้วยไหม?”

 

“ไม่เอา” ผมร้องว่าตอบ

 

อะไรๆ ก็ปอ ใช่สิก็บ้านมันรวยนี่

 

“เอ้อ แล้วอย่าลืมเรื่องที่คุยๆ กันไว้ล่ะ ถ้าพ่อว่างเมื่อไหร่ก็เชิญมาดินเนอร์กันบ้างนะ”

 

ผมหันไปมองปอที่ละยิ้มตัวเองลงทันทีเมื่อยินพ่อผมว่า

 

ผมอายว่ะ โคตรอาย

 

“ถ้าพ่อไม่ว่างก็ไม่ต้องมา ท่านงานยุ่งมากขนาดนั้น” ผมว่าขึ้น มันหันมามองผมเหมือนจะเดาความคิดออกแล้วตอบ

 

“ครับ เดี๋ยวจะชวนให้”

 

อื้อหืม…มึงจะล่าแต้มพ่อกูไปถึงไหน

 

“ว่าแต่ว่า ที่ที่เราไปดูมาเมื่อวันก่อนนี่ผมยังนึกเสียดายจริงๆ นะคุณ ถ้ากว้านซื้อมาทำรีสอร์ทหรูๆ สักโครงการนี่ผมว่ารุ่งแน่ ตรงนั้นสถานที่ท่องเที่ยวเยอะคนก็ต้องอยากมีที่เลือกพักบ้างไม่ใช่โรงแรมร้างๆ ผีดุๆ เสียดายจริงๆ ที่ตรงนั้นแพงหูฉี่เลย”

 

“เราทำของเราก็พอมีแล้วนี่คะ”

 

“โธ่คุณ คนเราต้องหาความก้าวหน้าให้แก่ตัวเองถึงจะถูก มัวแต่ย่ำอยู่กับที่ไม่คิดจะพาลูกเมียเจริญมันไม่เรียกว่าหัวหน้าครอบครัวหรอก”

 

“แค่นี้เราก็ไม่มีเวลาดูแลลูกแล้วนะคะ แล้วก็พอที่จะอยู่แบบไม่ลำบากแล้วด้วย”

 

“คุณไม่ได้เป็นหัวหน้าครอบครัวเหมือนผมก็ไม่คิดแบบผมนี่”

 

ผมปวดหัวว่ะ พ่อน่ะคิดอะไรของเขาอย่างนั้น

 

“อย่าทำงานหักโหมมากเลยนะครับ พ่อผมน่ะทำแต่งานจนไม่มีเวลาให้ผมให้แม่จนต้องแยกทางกัน บางทีเงินมันก็ไม่ใช่คำตอบของทุกอย่างหรอกครับคุณพ่อ”

 

ผมมองไปยังไอ้ปอที่ว่า ได้แต่นิ่งฟังคนทั้งสามที่นั่งยิ้มส่งให้กัน ตอนที่ผมบอกให้พ่อเลิกคิดเรื่องงานตอนกินข้าวไม่เห็นพ่อจะทำตาม มีแต่ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ทีไอ้ปอล่ะชอบใจใหญ่

 

“เป็นคนที่มีความคิดดีนะ แต่ว่าต้องรู้จักขวนขวายรู้ไหม ถ้าเธอไม่ทำอะไรเลยเขาจะว่าเกาะพ่อแม่กินเพราะที่บ้านที่น่ะมีสมบัติมากมายอยู่แล้ว ไม่ทำก็ยังได้”

 

“ผมรู้ครับ”

 

“งั้น จะรังเกียจไหมถ้าฉันจะชวนเธอมาร่วมหุ้นกับฉันทำรีสอร์ท”

 

ผมเบิกตาตัวเองมองพ่อ มองไอ้ปอที่ตอนนี้นิ่งมองตาพ่อผมด้วยยิ้มที่ค้าง ไม่ลืมที่จะหันมามองผมซึ่งส่ายหน้ารออยู่แล้ว ปอมันนิ่งคิดก่อนจะว่าขึ้น

 

“ผมยังตัดสินใจอะไรไม่ได้หรอกครับ แล้วก็ยังไม่มีเงินขนาดนั้น”

 

“งั้นก็วานเอาโครงการนี้ไปเสนอกับพ่อของเธอดูได้ไหม?”

 

“ดะ ได้ครับ”

 

“ปอ! รีบไม่ใช่เหรอ กลับบ้านไปซะ”

 

ผมว่าพลางเดินไปดึงแขนมันยกขึ้นมา มันตกใจกับท่าทีผมหน่อยๆ แล้วสาวเท้าตามผมที่ดึงมันเดินออกมาจากบ้าน ตอนแรกเหมือนจะบอกว่ารีบ แต่ประโยคสุดท้ายไล่มันอย่างเห็นได้ชัด

 

“ภีม เดี๋ยวสิ”

 

“กลับไปซะ มึงขำมากสินะ”

 

มันส่ายหน้า “เปล่า กูไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกครอบครัวมึง แต่…”

 

“พ่อกูก็เป็นแบบนี้มึงก็รู้ ยังจะอยากเข้าไปคุยด้วยอีก คงตลกคงสมเพชกูมาสินะ”

 

“เปล่า ฟังกูก่อน”

 

“กลับไป อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก มึงดูถูกกูตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วปอ ตั้งแต่ที่มึงจะเอาเงินมาฟาดหัวพ่อกูแล้ว”

 

มันนิ่งมองผม

 

“ไม่ใช่ ตอนนั้นกูแค่พูดไปเพราะความโกรธ”

 

“แต่มึงคิดอยู่ใช่ไหมล่ะ มึงกลับบ้านไปเลยแล้วไม่ต้องมาหากูอีก”

 

ผมว่าพลางเดินเข้ามาในบ้าน รีบวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง ผมไม่ชอบให้ใครเห็นว่าครอบครัวผมเป็นแบบไหนและดูถูกดูแคลนขนาดนี้

 

ส่วนพ่อน่ะ ตั้งใจจะหาความสุขให้คนในครอบครัว ด้วยเงินงั้นเหรอ คิดเหรอว่าผมต้องการมันจริงๆ ผมฟุบหน้าลงกับหมอน ความร้อนแล่นเข้ามายังใบหน้าเรียกหยดน้ำตาเอ่อซึมลงไป

 

ผมอายมัน ถ้าต้องกลับไปคบกับมันแล้วต้องมาเจอพ่อของผมเป็นแบบนี้ ไม่กลับไปดีกว่า

 

คนบ้างาน บ้าเงินไม่ฟังใครทั้งสิ้นแบบนั้นน่ะ อยู่กับใครก็เอาแต่จะทำให้ผมอายตลอดเวลา เห็นแก่เงินเกินไปไหม

 

ผมไม่กล้าสู้หน้ามัน ไม่ใช่ว่าโกรธ ผมอายและไม่กล้ามองหน้ามัน

 

พ่อผมตั้งใจจะสูบเงินจากครอบครัวมัน

 

หลังจากวันนั้นผมหลบหน้ามัน ไม่อยากกลับไปอยู่ในสถานะไหนทั้งนั้น ถ้าผมกลับไปคบกับมันพ่อของผมก็คงจะตั้งหน้าตั้งตาสูบเลือดสูบเนื้อมันแน่ๆ ผมอาย ถ้าเกิดพ่อได้เงินมันไปจริงๆ ผมจะไม่มีวันให้อภัยปอมันเลย

 

ไม่กล้าแม้แต่จะมองตา ผมรักมันอยากกลับไปอยู่กับมันเหมือนเดิม แต่กลัวว่าถ้ากลับไป อะไรๆ จะดูเลวร้ายลง โดยเฉพาะเรื่องพ่อ

 

จากหลายวันเป็นอาทิตย์ จากอาทิตย์เป็นเดือน 

 

 

 

 

ผมปวดหัว สองจิตสองใจ

 

ผมลากขาเข้ามาเข้าแถวเคารพธงชาติยามเช้า เข้าตามลำดับที่ตัวเองเคยอยู่ ดวงตากวาดไปมองเพื่อนร่วมห้องที่หัวเราะคิกคักชี้ไปยังชั้นเรียนของปวส เห็นปอมันยืนนิ่งมองมายังผม ใจผมหาย ละสายตาไปมองด้านอื่นด้วยความแปลกใจ

 

วันนี้มันมาเข้าแถว มันไม่เคยคิดเข้าร่วมกิจกรรมโรงเรียนตอนเช้าเลยสักนิด แล้วทำไมวันนี้มัน…

 

ผมสะบัดหัวไล่ความคิด เลิกสนใจมัน แต่กลับรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องตลอดเวลา ผมทำตัวไม่ถูก เมื่อแถวถูกปล่อยผมจึงรีบสาวเท้าเดินเพื่อไปเตรียมเรียนทันที เสียงคนคุยกัน เสียงเท้าเดินประสาน ใจผมว้าวุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนจะหันขวับไปตามแรงดึงด้านหลัง

 

ร่างผมชาเมื่อเห็นว่าเป็นมัน

 

“ทำอะไร!?” ผมว่าพลางพยายามสะบัดมือ มันละมือออกทันที

 

“คุยกันก่อนสิภีม” มันว่าเสียงเรียบนิ่งมองผม

 

“เฮอะ ไม่คิดว่าคนอย่างไอ้ปอรายเดือนจะเป็นเด็กดี มาเข้าแถวตั้งแต่เช้ากับเขาด้วยนะ”

 

“ถ้ากูไม่มาเข้าแล้วจะเห็นมึงเหรอ มึงหลบหน้ากูทำไมภีม?”

 

“ทำไมกูจะทำไม่ได้ ก็กูไม่อยากเห็นหน้ามึง เรื่องง่ายๆ ทำไมมึงถึงคิดไม่ได้ ทีไอ้เรื่องที่มันซับซ้อนมึงยังแต่งขึ้นมาเองได้” ผมว่า หางเสียงตั้งใจจะบอกว่าประชด

 

มันนิ่งมองหน้าผม แววตาดูเปลี่ยนไปนิดๆ เอื้อมือจะแตะอีก “อย่ามาแตะ”

 

“กูแค่…อยากคุยกับมึงนะ” มันอึกอัก ละสายตาไปมองด้านอื่น ดูเหมือนจะสับสน

 

“ก็คุยมาสิ”

 

“อย่าหลบหน้ากูแบบนี้ โธ่ภีม ทำไมไม่คุยกันดีๆ” มันว่าพลางเอื้อมมือมาแตะ ดึงมือผมเข้าไปหา ผมมุ่นคิ้วตัวเอง คงเพราะผมกำลังกลัว

 

ตกลงผมต้องการอะไรจากมันกันแน่

 

“กูไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งอะไรมึง วันนั้นกูแค่อยากเข้าไปคุย ทักทายพ่อแม่มึง เพราะท่านเป็นพ่อแม่ของมึงเท่านั้นเอง มึงเข้าใจที่กูพยายามจะบอกไหม?” มันว่าเสียงเบา บีบมือผมเพื่อสื่อความหมาย ใจผมสั่นก่อนจะก้มมองมือตัวเอง มองสายตาที่สื่อความหมายของมัน

 

“กูไม่ชอบที่มึงคุยเรื่องนั้นกับพ่อ กูอาย”

 

“กูรู้ภีม กูเข้าใจ มึงมีศักดิ์ศรีของมึงแล้วกูก็ไม่ควรทำลายมัน” มันว่าพลางเดินเข้ามาใกล้

 

ผมนิ่ง นิ่งฟังมัน หัวใจอ่อนไหวไปกับคำที่มันพยายามบอกให้เข้าใจความหมายแท้จริง ความจริงมันนานเกินไปแล้วที่ผมรอให้มันเห็นค่าในตัวของผม

 

ผมเชื่อแล้วว่ามันเห็นค่าในตัวของผมจริง

 

มันพยายามที่จะเข้ามาพูดให้ผมเข้าใจมัน ให้ผมเห็นใจในสิ่งที่มันกำลังคิดและกระทำ

 

“นี่พวกเธอ แยกย้ายกันไปเข้าห้องเรียนได้แล้ว”

 

เสียงอาจารย์ประกาศผ่านไมค์โรงเรียนเรียกให้ผมสะดุ้งดึงมือกลับ รีบเดินละออกจากมันมา ได้ยินเพียงเสียงร้องเรียกของมันที่ยังร้องตามไม่ยอมหยุด

 

ใจผมหาย

 

แต่ถึงยังไงผมก็เชื่อมั่นในมันแล้ว

 

ผมจะไม่กลัวว่าจะต้องเจออะไร ถ้าปอมันยังเข้าใจผมอยู่แบบนี้

 

แต่ว่าทั้งวัน ปอมันยังตามเร้าหลือผมด้วยการโทรหาซ้ำๆ ส่งข้อความมา แถมยังมีเดินผ่านหน้าห้องเรียนที่ชั้นเรียนของมันไม่มีเรียน ผมนี่ขนลุกเลยพอเห็นสาวๆ ในห้องร้องกรี๊ดกร๊าดวิ่งไปดูมันที่เดินยิ้มหล่อๆ ผ่านสามสี่รอบ

 

ไอ้เวร!

 

ที่ร้ายที่สุด มันเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องเรียน เรียกชื่อผมในชั่วโมงพักเบรก แล้วก็ยิ้มอยู่หน้าประตูแอ๊กท่าเท่ๆ ให้พวกสาวถึกๆ แถวนี้มันกระชุ่มกระชวย

 

สายตาไอ้บอยมันลุกเป็นไฟพร้อมกับไอ้สันติสมปองนั่งกระแนะกระแหนมันอยู่ข้างๆ ผม เมื่อรู้ว่าปอมันมาทำแบบนี้หมายความว่ายังไง ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันหมายความว่าไงหรอก พวกมันคงคิดกันเอาเอง

 

ผมรู้สึกแค่อายเท่านั้นแหละ

 

และพอเลิกเรียน

 

 ผมพยายามรีบสาวเท้าเดินออกจากโรงเรียนเพื่อจะไปยังป้ายรถเมล์ก่อนที่ไอ้ปอจะขับรถออกมา ทันใดนั้นเอง เสียงแตรรถจากด้านหลังดังขึ้นพร้อมกับทุกคนที่สะดุ้งหันไปมองเป็นตาเดียว ตัวผมชาเมื่อเห็นว่าเป็นรถของใครเคลื่อนมาจอด ใจผมหายเมื่อมันเดินลงจากรถมาหยุดต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน เอื้อมมือมาดึงมือผมจะบังคับให้ขึ้นรถให้ได้ ผมขืนแรงตัวเองสู้ทันที ใครจะไปยอมง่ายๆ

 

“จะทำอะไร ปล่อย” ผมร้องว่าพลางพยายามดึงแขนกลับ

 

“มานี่”

 

“กูไม่ไป เลิกบังคับกู ปอ”

 

“มึงก็ยอมไปกับกูดีๆ สิภีม”

 

“ไม่!” ผมรีบตอบพลางถึงข้อมือกลับ มันกระชากลากถูผมอยู่นาน

 

“ไปกับกูภีม กูไม่ได้จะมาหาเรื่องนะ”

 

“กูไม่ไป!”

 

“ไปดีๆ” มันว่าเสียงเย็น

 

“ทำไม มึงจะทำอะไรกู” ผมว่า ขืนแรงสูงมัน “กูไม่ของเล่นมึงนะปอ หรือมึงจะจ่ายกู เอาเงินมาฟาดหัวกูสิ รวยนักไม่ใช่ไง!?”

 

“เงียบ บอกแล้วไงว่ามันไม่ใช่”

 

ผมแค่จะประชด จะเอาแต่ใจ

 

ผมไม่ชอบที่มันทำแบบนี้กับผม ดีกับผมทุกอย่างแต่ไม่ชัดเจนสักที

 

“พอได้แล้วปอ มึงทำแบบนี้ทำไม?” ผมยื้อแขน

 

“อย่าดื้อน่า มานี่!” มันว่าแล้วกระชากร่างผมสุดแรงให้เขาไปหา พร้อมกันนั้นตัวผมกระเด็นไปกระทบกับรถของมันจนทรุดมากองกับพื้น

 

มือของผมคลายแรงตัวเองลงพร้อมกับเข่าที่อ่อนไปเฉยๆ ผมกลัวที่มันชอบรุนแรงกับผมแบบนี้ ถึงจะประชดมันออกไปก็เถอะ

 

ถึงก่อนหน้านี้มันจะเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปอีกคน มีเหตุผลมากขึ้นก็ตาม

 

ถึงจะดีใจและภูมิใจในส่วนนั้น

 

แต่ผมก็ยังกลัว ตัวผมสั่นและนั่งนิ่งไม่ขืนแรงมันอีก พร้อมกับมันที่ละมือก้มลงมาจับตัวผมพลิกซ้ายขวากล่าวว่า “เป็นอะไรไหม พี่ขอโทษภีม พี่ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ…”

 

มันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

 

มันทำให้ผมอ่อนไหว ปอมันจับตัวผมพลิกไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมก้มหน้านิ่งไม่อาจแสดงความกลัวให้มันเห็น ไม่ตอบ ไม่หือไม่อืออะไรกับมันทั้งนั้น มันยิ่งลนเข้าไปใหญ่

 

“ภีม เจ็บเหรอ ไหนดูหน่อย ตรงไหนบอกพี่มาสิ”

 

ผมสะบัดมันออกสุดแรง กูเจ็บตรงหัวใจ!

 

“เลิกมายุ่งกับกู” ผมว่าเสียงเบาพลางก้มหน้า ยกมือสั่นๆ ตัวเองมากุมใบหน้าที่ร้อนผ่าว ผมเกลียดที่มันคอยโอ๋เอาใจผมแบบนี้

 

พอเสียที

 

“กูบอกไปแล้วไงว่าไม่อยากเห็นหน้ามึง” เสียงผมสั่น

 

ใช่ ผมแม่งเจ็บตอนพูดคำนี้เพราะรู้ดีว่าความจริงเป็นยังไง

 

ตรงข้ามกับสิ่งที่พูดสิ้นเชิง

 

“ภีม จะไม่ให้กูเห็นหน้ามึง…กูทนไม่ได้ว่ะ” มันว่าเสียงเบา มือจับตัวผม

 

เหอะ ผมเม้มปากตัวเองกลั้นใจไม่ให้ร้องทั้งส่ายหน้า

 

“ภีม…” เสียงของมันราวกับลังเล “กูไม่เคยกลับไปยุ่งกับแฟนเก่าตัวเองเลยซักครั้ง กูแค่…”

 

“งั้นมึงก็ไปอยู่ส่วนมึงสิ มึงฮอตจะตาย แปปเดียวมึงก็ไปหลงแฟนใหม่ของมึงแล้ว ไม่ต้องมาสงสารกู!” ผมรีบว่า ผมไม่อยากฟังมันอีกต่อไป

 

“มึงก็รู้ว่ากูรักมึง เลิกพูดดูถูกตัวเองได้ไหมภีม กูไม่ชอบ”

 

“ไม่ชอบก็เรื่องของมึงสิ กูไม่แคร์”

 

“แต่กูแคร์ กูไม่อยากให้ใครมองมึงไม่ดีแม้แต่ตัวมึงเอง” ผมนิ่ง ก้มหน้าลงกับพื้นเมื่อมันพยายามจะเชยคางผมขึ้น

 

“ภีม กูมาคิดดีๆ แล้ว เวลากูอยู่กับมึงก็โคตรรู้สึกว่าตัวเองมีค่า แล้วมึง…มึงเองก็โคตรมีค่าสำหรับกูเลย ที่กูกลับมาหามึงอย่างนี้ กูมีเหตุผลนะ”

 

ผมส่ายหน้าบอกตัวเองว่าไม่จริง “มึงก็แค่พูดให้ตัวเองดูดีเท่านั้นแหละปอ การกระทำมึงสวนทางกับคำพูด มึงเห็นกูเป็นแค่ของระบายอารมณ์เวลามึงอยาก ตั้งแต่วันแรกที่คบกัน”

 

“งั้นกูขอโอกาสอีกครั้งได้ไหมภีม?”

 

ผมชะงัก ได้ยินผิดไปใช่ไหม ผมส่ายหน้าพลางเงยมาจ้องตามัน น้ำตาหยดแหมะลงพื้นพลางทุบตัวมันสุดแรง “กูไม่ตลกนะปอ!”

 

“กูก็ไม่ตลก ไม่ขำ ไม่ฮา กูเอาจริง”

 

ผมจ้องตามันไม่ละก่อนจะนิ่งเมื่อมันเอื้อมมือเช็ดน้ำตาให้ “คนแบบมึงนี่น้า ขาดกูไม่ได้หรอก ไม่มีกูคอยดูแลคงจะหัวอ่อนโดนแกล้งอีกเหมือนเดิม”

 

“ไม่ต้องมาพูดดี กูอยู่ของกูเหมือนเดิมได้” ผมว่า

 

“แต่กูอยู่ไม่ได้ กูอยู่ในห้องคนเดียวไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่มีมึง ภีม…”

 

มันว่าเสียงเบา แววตาเว้าวอนอย่างไม่เป็นมาก่อน ผมดึงมือตัวเองที่ถูกกุมออกมาจากมือไม่ตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น ได้แต่ก้มหน้าก้มตาคิดทบทวน

 

ควรจะพอแล้วหรือยังในการลองใจมัน

 

ผมควรพอรึยัง

 

“ไม่” ผมว่าเสียงเบา “กูไม่รู้ว่ามึงจะกลับไปทำนิสัยแบบนั้นอีกเมื่อไหร่ กูไม่รู้ว่ามึงจะทำให้กูร้องไห้แล้วก็เจ็บตัวแบบนี้ไปถึงไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทนไปทำไมขนาดนั้น”

 

“ภีม…”

 

“พอได้แล้วปอ กูยังไม่ลืมที่มึงทำกับกู กูยกโทษให้มึงง่ายๆ ไม่ได้จริงๆ เพราะกูบอกมึงไปแล้วว่าถ้ามึงทำร้ายกูเมื่อไร กูจะไม่ทนกับมึงอีก”

 

มันจ้องหน้านิ่งงัน สับสน เหมือนงุนงงอะไรสักอย่างและพยายามจะไม่ฟังในสิ่งที่ผมกล่าว

 

 “กลับมาคบกับกูเหมือนเดิมนะภีม กูผิดจริงๆ แต่มึงก็ควรฟังกูบ้าง ที่ผ่านมากูก็เชื่อใจมึงมาตลอด ถึงจะหัวแข็งไปบ้างแต่กูยอมเชื่อมึง ทำตามในสิ่งที่มึงขอในที่สุด กูซื่อสัตย์กับมึงมาตลอด แต่แล้ววันหนึ่งกูดันรู้ว่าสิ่งที่กูหวังและตั้งใจรอมันจะไม่มีอยู่จริง มึงคิดสิว่ากูจะรู้สึกยังไง”

 

“มึงก็เลยทำตามใจตัวเอง ไม่ฟังคำขอร้องของกู มึงเห็นเลือดของกูที่ไหลออกมาตลอด มึงสะใจ มึงชอบใจ ทำซ้ำแล้วซ้ำอีกเพราะเห็นว่ากูเจ็บปวด” ผมว่า ปอมันยกมือมากุมแก้มผมนิ่งและจ้องตา

 

“กูขอโทษ จะให้กูทำยังไง แต่อย่าบอกเลยว่าไม่ให้เห็นหน้ามึงอีก กูไม่ยอมหรอก” มันว่า รั้งร่างของผมที่สะอื้นฮึกไปกอด

 

“ภีม ตอนนี้กูก็เจ็บไม่ต่างอะไรกับมึง เราดีกันนะ พี่ขอโทษ พี่สัญญาจะไม่ทำอีก”

 

มันกอดผมแน่น จูบลงผมหน้าผากเบาๆ ขอร้อง “นะไอ้เหม่ง ถ้าลองพี่ได้สัญญาอะไรกับใครไว้แล้ว พี่ไม่มีทางที่จะกลับไปทำอีกแน่ นะ…พี่กลับบ้านไปไม่ได้ถ้าภีมยังไม่ยกโทษให้”

 

ผมส่ายหน้าขืน ความรู้สึกดีตีตื้นมายังอกอย่างประหลาด

 

มันมาขอผมกลับไปคบกับมันจริงๆ

 

ค่าของผมเพิ่มขึ้นมาทีละนิดแล้ว

 

“พี่จะกลับไปได้ยังไงถ้าเมียไม่ไปช่วยเก็บกวาดห้องให้ ตอนนี้โคตรรก รอเมียไปเก็บกวาดเช็ดกูอยู่” มันกล่าวเสียงเบา จูบแก้มผมเว้าวอน ออดอ้อดอย่างเคย

 

“กูไม่ใช่ทาส มึงทำเองไปสิ”

 

“เมียทำเถอะนะ ผัวขอโทษ เอาเป็นว่าคราวนี้ยอมให้กดขี่ข่มเหงได้ตามสบายเลย โอเคไหม?” มันว่าเสียงเบาง้อ ผมกลืนน้ำลายตัวเองพยายามผลักมันที่กอดตัวอยู่แน่น

 

“ไม่!”

 

“พี่ยอมแล้ว ยอมทุกอย่างเลยนะภีม กลับไปอยู่กับพี่นะ”

 

“ไม่…” ผมใช้หลังมือเช็ดน้ำตาแล้วตอบไปด้วย ปอมันวางคางไว้บนไหล่ผมว่าเสียงเบา

 

“ให้เอาคืนให้สมใจเลย จะทุบจะตียังไงก็ได้ จะห้ามออกไปหาเพื่อน ห้ามกินเหล้าก็ได้ พี่จะยอมเชื่อฟังทุกอย่างเลย นะภีม นะ…” มันลากเสียงเบาๆ ข้างหู เว้าวอนผมซ้ำแล้วซ้ำอีก เอาหลายอย่างมาแลก ไม่คิดว่ามันจะยอมผมขนาดนี้

 

“ไม่เอา…” ผมตอบไปเสียงเบา

 

“ถ้ากลับไปพี่จะรื้อเอาชุดแข่งมาใส่ให้ดู พาไปสนามกับพี่ เอาไหม?” ผมชะงัก ข้อเสนอนี่น่าสนใจ ผมพยายามใจแข็งปล่อยผ่านคำขอนี่ไป

 

“ไม่”

 

“รับเถอะน่า…”

 

ผมชะงักเมื่อเห็นว่าเหล่าสาวถึกยืนมองแล้วกรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ชายแท้ๆ หลายคนยืนมองเราทั้งคู่ว่าผมจะยอมตกลงคบกับมันไหม

 

ตะ ตั้งแต่เมื่อไหร่

 

อายครับ ผมโคตรอายที่มานั่งร้องไห้งอแงแบบนี้

 

“พี่จะเลิกคบรายเดือน พี่จะไม่เจ้าชู้ จะเลิกนอกใจเมีย กลับมาคบกันเหมือนเดิมนะภีม พี่ขอร้องล่ะ นะ พ่อพี่ก็ถามถึงแต่ภีม อยากคุยกับภีม พี่โมโหนะที่ตื่นมาไม่เจอเมียตัวเองนอนข้างๆ พี่อยากกลับไปรู้สึกแบบเดิม”

 

ผมเองก็เหมือนกัน ดวงตาผมงุดลงพื้น ท่ามกลางแรงเชียร์ของคนที่โรงเรียน

 

“ตกลงเลย รออะไรอยู่ล่ะ” เสียงใครบางคนร้องยุ ใบหน้าของผมคงแดงด้วยความอายแน่ๆ

 

“อีกเดือนเหรอ”

 

 ผมว่าถาม เพราะมันคบคนรายเดือนเท่านั้น ผมเกรงว่าจะไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำก็กลับมาเบื่อตามเดิม ยังไงคนเจ้าชู้อย่างมันก็ดัดนิสัยยาก มันเป็นคนบอกผมเองนี่

 

“เปล่า…” มันลากเสียง

 

“เป็นแฟนเหรอ?”

 

“ไม่ ไม่มีทาง!” มันว่าเสียงดัง ผมผลักตัวออกจากมันมุ่นคิ้ว

 

“ของเล่นเหรอ!?”

 

มันเลิกคิ้วตัวเอง มองตาผมที่แดงก่ำรออยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะหลุดยิ้มว่า “โอ้โห หน้าแบบนี้ ฟันเหยินๆ แบบนี้ หัวเหม่งๆ แบบนี้น่ะ เป็นได้อย่างเดียว…”

 

ผมมองมันค้อน ยกมือเตรียมทุบมันละ “อะไร!?”

 

“เมียไง”

 

ผมนิ่งมองมันตรงหน้าที่ว่าพลางขยับมือมาเช็ดดวงตาและแก้มที่ยังเปื้อนคราบน้ำตาให้ เสียงคนยุให้ผมยอมตกลงดังสนั่นหน้าประตูโรงเรียน พร้อมดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักของปอที่ส่งมาให้ผม ผมคิดไม่ตกเลย

 

ขอถามอีกคำถามนะ

 

“จะให้กลับไปนานเท่าไหร่?”

 

มันนิ่งมองดวงตา จับแก้มผมมองไว้เนิ่นนานด้วยความจริงจัง

 

 

 

“ตลอดไป….”

 

 

 

ตลอดไป…

 

เป็นคำตอบที่ผมพึงพอใจที่สุด ไม่กลัวเลยที่จะตอบตกลงไป

 

กลับมารักกันเหมือนเดิมนะปอ

 

กลับมาใช้เวลาของเราที่เฝ้ารอด้วยกันอีก

 

 

 

 


 :-[
นางสองนางเขาคืนดีกันแล้วน้ารู้ยางงงงง อิอิ ตอนนี้ไม่ได้แทรกเรื่องของต้นกับกรีนหรอกนะเพราะเป็นตอนของพระนายเขา กว่าจะยอมคืนดีนะแหม่ ลองใจพี่ปออยู่ตั้งนาน แถมตอนขอคืนดีนี่จัดหนักยอมเมียทุกอย่าง ทั้งโปรโมชั้นเสริมโปรโมชั่นหลักจัดเต็มจริง อิอิ บางทีแอบขำตอนนางง้อกันเหมือนกันนะ ทำไมเขียนออกมางี้ก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าคืนดีกันแล้วแหละ ชอบไม่ชอบก็บอกกันหน่อยเน่อ


เจอกันตอนหน้าจ้า

 :bye2:

 

 
หัวข้อ: Re: **(10.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 20
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 12-11-2014 21:22:42
เข้ามาให้กำลังใจคนแต่งค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ
 :impress3:
หัวข้อ: Re: **(12.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 21-22
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 12-11-2014 22:10:39
ยอมทุกอย่างจริงๆ

สมาคมเกลียมัวยินดีต้อนรับจ้า555

คนเขียนเก่งมากลงย้าวยาว

อ่านจุใจเลย :)
หัวข้อ: Re: **(12.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 21-22
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 12-11-2014 23:30:21
ค่อนข้างแปลกใจที่คนเม้นท์น้อย ทั้งที่สนุกมาก เดาว่าเป็นเพราะชื่อเรื่อง555
หัวข้อ: Re: **(12.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 21-22
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-11-2014 02:44:01
กว่าจะเข้าใจกันได้เนอะ
หัวข้อ: Re: **(12.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 21-22
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 13-11-2014 03:18:39
งอนง้อกันจนเหนื่อย  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: **(12.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 21-22
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 14-11-2014 21:44:51
ค่อนข้างแปลกใจที่คนเม้นท์น้อย ทั้งที่สนุกมาก เดาว่าเป็นเพราะชื่อเรื่อง555

คิดเหมือนกันค่ะ แต่เซ้นตั้งชื่อห่วยมาก 5555

แต่บางคนบอกชื่อเรื่องแปลก เพราะเรื่องอื่นเขาจะดิบๆ เถื่อนๆกัน แล้วมันก็ซ้ำ

เลยตั้งแบบนี้เลย อิอิ
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 14-11-2014 22:03:10
 

ตอนที่ 23

 

หึหึ

 

หึหึ

 

รู้จักไอ้ภีมน้อยไปซะแล้ว

 

เสียงคนจัดของ จับโน่นหยิบนี่ปนกับเสียงแอร์ดังขึ้นอยู่เนืองๆ เข้ามาในหัว แต่ตอนนี้ผมไม่สน ขอนั่งขำสักแปปได้ไหม

 

รู้ไหมครับที่นี่ที่ไหน

 

ผมยืนนิ่งมองไอ้คนตัวสูงที่กำลังเก็บกวาดเช็ดถูภายในห้องที่เดินเข้ามาคราวแรกนึกว่ากำลังหลงป่าดงดิบ กลัวเหยียบคองูเห่าจริงๆ เพราะมันรกเกินจะบรรยายน่ะสิ เสื้อผ้ากองพะเนินเทินทึก ของใช้ส่วนตัววางระเนระนาด แบบนี้มันยังมีหน้าจะมาชวนให้ผมมาอยู่ด้วยอีกนะ ดูสิสภาพห้อง มันกล้านอนเข้าไปได้ไงวะ

 

ยิ่งกว่ารังหนู

 

แต่ไม่เป็นไรให้อภัยได้ครับ

 

เพราะสิ่งที่มันน่าภูมิใจสุดๆ คือไอ้หมอนี่มันคุกเข่าคลานมาขอขมาผมเพื่อให้กลับไปคบกับมันอยู่หน้าโรงเรียน นี่ผมไม่ได้ใส่ไข่นะครับ ผมเห็นสองตาว่าไอ้ปอมันเข่าทรุดน้ำตาคลอเบ้ากอดเข่าผมอ้อนวอนใหญ่เลย เชื่อดิผมไม่ได้ใส่ไข่หรือโม้สักนิด

 

ได้ข่าวว่าใครไม่รู้ร้องไห้เข่าทรุดข้างรถมัน สำออยชิบหายเลย แต่ไม่ใช่ผมนะ ผมน่ะเหนือมันจะตาย ออกจะแมนขนาดนี้

 

คิดแล้วก็ขำจริงๆ ผมน่าจะเล่นตัว เอ้ย! เรียกร้องเอาคุณค่าของตัวเองให้มากกว่านี้สักหน่อยนะถ้าเห็นว่ามันยอมเทหน้าตักให้ขนาดนี้ ศักดิ์ศรีเยอะเกินไปแฮะ

 

แต่ไม่เป็นไร แค่นี้มันก็จะกราบแทบเท้าอ้อนวอนผมละ ถ้าไม่ยอมตกลงก็คงจะดูใจร้ายไปนิด

 

หึหึ ไอ้ปอเอ๊ย สุดท้ายมึงก็พ่ายมนต์ดำและเสน่ห์ยาแฝดกูจนได้ ไอ้เด็กน้อย

 

มึงน่ะตามไม่ทันเกมกูหรอก วะฮะฮ่า

 

ผลั่ก

 

“โอ๊ย!”

 

ผมหันไปมองตามเสียงพลางยกมือลูบหัวตัวเองที่มีความเจ็บแล่นตุบๆ อยู่ เห็นมันยืนคำเอวต่อหน้าขมวดคิ้วตัวเองเป็นก้อนชี้หน้าผมว่า “ไปจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เดี๋ยวนี้ มามัวยิ้มบ้าอะไรอยู่คนเดียวหา!”

 

อื้อหืม

 

ผมยิ้มแห้งๆ ให้มัน มึงนี่ก็ปล่อยให้กูมโนหน่อยก็ไม่ได้นะ

 

ฮึ่ย เจ็บหัว!

 

“มึงตบมาได้ เจ็บนะเว่ย!” ผมว่าพลางทำน้างอใส่มัน เกาหัวตัวเองเดินออกมาทำตามคำสั่งโดยดีครับ ไม่ได้กลัวเลยนะจริงๆ พอหันกลับไปเห็นมันยิ้มๆ แล้วส่ายหน้า ทำไม รึมึงจะมีปัญหากับกู

 

“รีบจัดเลย ถ้าห้านาทีไม่เสร็จมึงโดน”

 

“มึงจะขู่ทำไม กูก็ทำอยู่” ผมว่าพลางเปิดกระเป๋าตัวเองทำตามที่มันว่า มึงจะมาโหดทำไมนักหนากับกูเนี่ย

 

“กูเปล่าสักหน่อยนี่”

 

“จะหาเรื่องกูตั้งแต่ย้ายเข้ามาเลยรึไง?” ผมว่าเย้า มันหันมาขมวดคิ้วใส่บ่งบอกว่าไม่ชอบคำนี้

 

“มึงเลิกเดาใจกูเถอะ”

 

“แล้วจะให้ทำยังไง?”

 

“ก็ถามมาตรงๆ สิ มึงน่ะนิสัยชอบสังเกตแล้วก็เดา พอเดาแล้วก็เอาเก็บไปคิดโน่นนี่นั่น ไม่พอใจอะไรก็ไม่บอกกันตรงๆ ทีนี้ก็ไม่เข้าใจกันสักที”

 

ผมก้มหน้ามองเสื้อผ้าตัวเองพลางยกยิ้ม ปอมันรู้จักคิดด้วยนะ

 

“เอาเป็นว่าตกลง ไหนๆ ก็จะอยู่ด้วยกันแล้วนี่”

 

พอจะเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อยนะปอ น่ารักชิบ

 

เสียงมันเงียบไปพร้อมกับผมที่ก้มหน้าก้มตายกเสื้อผ้าไปแขวนบนตู้เสื้อผ้า คิดว่ามันคงกำลังตั้งหน้าตั้งตากวาดเอากองขยะกองเท่าตึกสิบชั้นไปทิ้งอยู่ ทว่าร่างกายผมชะงักไปอยู่ครู่เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วแผ่นหลัง ลมหายใจอุ่นๆ ระแก้มจนต้องผละจากสิ่งที่ตัวเองสนใจหันไปมองคนที่วางคางไว้บนบ่าราวกับกำลังเหนื่อยอ่อน ทำไมล่ะ จะอ้อนเอาอะไรอีก รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าของผมก่อนจะว่าดักคอมัน

 

“อะไรมึง อย่ามากวนกูนะ เมื่อกี้บอกให้รีบ เนี่ยจะครบห้านาทีละ”

 

มันถอนใจ “จะมาย้ำ ว่าอย่าเก็บทุกอย่างไว้ในใจ มึงกับกูต้องอยู่ด้วยกันนานๆ นะภีม อะไรข้องใจก็ขอให้บอกกูมาตรงๆ เข้าใจไหม?”

 

“กูไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นหรอกน่า” ผมว่า

 

“กูแค่อยากบอกเอาไว้เพราะเราต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน เมียก็คือผัว ผัวก็คือเมีย กูเองก็จะพยายามเข้าใจแล้วก็ฟังมึงให้มากขึ้นนะภีม ขึ้นชื่อว่าอยู่ด้วยกัน การไว้ใจซึ่งกันและกันเป็นเรื่องที่สำคัญ กูไม่รู้ว่ามึงเชื่อใจกูมากน้อยขนาดไหน แต่กูก็จะพยายามที่จะยอมอ่อนข้อแล้วก็รับฟังมึง ส่วนมึง…อย่าเอาแต่ใจให้มันมากนัก เข้าใจไหม?”

 

“เอ๊ะ ใครเอาแต่ใจ มีแต่มึงนั่นแหละที่เอาแต่ใจ” ผมหันไปว่า

 

“มึงนั่นแหละเอาแต่ใจ ภีม”

 

“มึงนั่นแหละปอ”

 

“มึงนั่นแหละ” มันรีบว่า

 

เออ จะเถียงกูใช่ไหม!

 

“กูไม่เคยเอาแต่ใจ แต่ถ้ากูจะเอาแต่ใจขึ้นมาก็เพราะเห็นมึงเอาแต่ใจนั่นแหละ ถ้ามึงรักกูจริงมึงก็ต้องยอมกู” ผมหันไปว่าพลางเบ้ปาก เอื้อมมือเอาเสื้อชุดสุดท้ายขึ้นไปแขวนบนตู้ มันจะกอดกูแบบนี้ไปอีกนานไหมวะเนี่ย

 

“ก็ได้ พี่เอาแต่ใจเอง แต่ก็ต้องยอมเลิกเอาแต่ใจมาเอาใจเมียแทนนั่นแหละ”

 

“สุดท้ายมึงก็หาเรื่องโบ้ยมาใส่กู” ผมหันไปว่า ใบหน้าอยู่ในระยะแค่คืบ เห็นปอมันยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว แล้วนี่มึงจัดห้องหับเสร็จแล้วงั้นเหรอมาลามปามลวนลามกูเนี่ยหา!

 

“ปล่อยเลย”

 

“เดี๋ยว…” มันกระซิบข้างหูเรียกผมให้เกิดความรู้สึกอยากรู้ขึ้นมา แล้วมึงจะยิ้มอะไรของมึงนักหนาวะ “ไหนเมียบอกรักพี่ชัดๆ ซิ”

 

เชี่ย!

 

ผมหันไปเบิกตาขึงขังใส่มัน บอกเลยว่าตอนนี้กูยังไม่กล้าพูดต่อหน้ามัน ตอนมันหลับ ตอนที่พูดอยู่ในใจน่ะทำเป็นเก่ง แต่เชื่อเหอะพออยู่ต่อหน้ามันแบบนี้แล้วผมปากแข็ง รู้ตัวเลยเหอะว่าตัวเองแม่งปากแข็งน่ะ

 

ทำไงดีวะ

 

“มึงก็รู้อยู่แล้วนี่ จะฟังอะไรอีก” ผมว่าเสียงเบาบ่ายเบี่ยง ในใจนี้เขินม้วนจะตายละ

 

“น่า ขอพี่ฟังอีกทีเถอะนะ”

 

“อะ เอ่อ…ไม่เอา” กูเขิน!

 

“ทำไม?”

 

ผมเม้มปากตัวเอง ก้มหน้าลงมองพื้นเก็บใบหน้าและความอายที่แล่นเข้ามา ทั้งๆ ที่รู้ๆ กันอยู่ว่าเรารักกัน แต่การพูดล้อเลียนคนที่ไม่รู้สึกอะไรด้วยคำว่ารักน่ะมันพูดออกมาง่าย แต่สำหรับคนที่รักจริงๆ ความรู้สึกมันเอ่อล้นจนไม่กล้าพูดออกมาเป็นคำให้เขารู้

 

ผมทำใจอยู่นานก่อนจะตอบมันเสียงเบา

 

“กูอาย…”

 

สิ้นคำ ปอมันหัวเราะ “อายทำไมวะ บอกรักคนที่ตัวเองรักน่ะ”

 

ผมก้มหน้า โธ่ มันเหนือผมอยู่

 

“เอาไว้วันหลังละกันนะ”

 

“ไม่ได้…จะฟังวันนี้เดี๋ยวนี้ ทีกูยังพูดได้เลย” มันยิ้มว่า คงชอบใจที่ผมเขินและไม่เป็นตัวเองแบบนี้ มันขยับเข้ามาจูบแก้ม กอดผมและบอกว่ารักผมอีกครั้ง ทำไมกันวะ ทำไมปอมันถึงได้กล้าบอกคำนี้กับผม

 

ต่างกับผมสิ้นเชิง ผมอายจนไม่กล้าแม้แต่จะจ้องตามัน

 

แต่เสียงสวรรค์ก็มาโปรด เสียงโทรศัพท์ของมันกรีดร้องอยู่บนหัวเตียง ไอ้ผมก็รีบเนียนเดินไปหยิบมาให้มัน แต่ดวงตาหยุดนิ่งที่รูปเจ้าของเบอร์บนหน้าจอทัชสกรีนตรงหน้า

 

แม่งโคตรน่ารัก มันเมมไว้ว่าเพื่อน ชื่อเพื่อน หรือเพื่อนจริงๆ วะ

 

ผมนิ่งมองมันอยู่แบบนั้นจนต้องใจหายวาบ เมื่อมันดึงโทรศัพท์ออกจากมือไป “มัวมองอะไร คนโทรมาก็รอตายสิวะ”

 

ว่าแล้วหยุดชะงักมองโทรศัพท์ มึงชะงักทำไม เห็นเบอร์เห็นรูปเขาแล้วชะงักเนี่ยนะ!

 

นี่มึงเพิ่งบอกให้กูไว้ใจมึงนะปอ ไอ้เวรตะไล!

 

มันกดรับแล้วละสายตามามองผม ทำท่าทางมีพิรุธแล้วเดินละออกไปคุย นี่คุยต่อหน้ากูไม่ได้ด้วย หมายความไงปอมึงอธิบายมาให้กูเข้าใจพอสังเขปดิ!

 

ผมเกาหัวมองตามตัวสูงๆ ของมันที่ออกไปคุยอยู่ระเบียงโรงแรม เออ ก็มันเพิ่งจะบอกว่าให้เชื่อใจมันนี่หว่า ผมไม่ควรไปคิดกับมันแบบนั้น

 

หลังจากมันคุยเสร็จก็เดินกลับมา รายงานก่อนเลยว่าเป็นเพื่อน เหมือนพวกกลัวเมียยังไงยังงั้น ผมไม่ได้ตั้งใจจะเบ่งใส่มันหรอกนะ แต่รายงานแบบนี้บ่อยๆ ก็ดีจะได้ไม่ต้องคิดมากและไม่ต้องถามมันก่อนด้วย

 

หึหึ

 

บอกแล้วว่ารู้จักไอ้ภีมน้อยไป

 

วันนี้ทั้งวัน ผมกับมันช่วยกันเก็บกวาดห้องที่แลดูจะรกเป็นรังหนู นี่ไม่บวกกับขวดเหล้าของพี่ธามที่มากินทิ้งไว้หรอกนะ ไม่รู้ไอ้ปอมันจะเก็บไว้ทำไมไม่เอาลงไปทิ้งสักที จะทำความสะอาดสักทีเลยต้องเกณฑ์แม่บ้านหลายคนมาช่วยกันหอบหิ้วไปชั่งกิโลขาย

 

ปอมันแสดงความน่ารักกับผมขึ้นทุกวันที่อยู่ด้วยกัน หน้าที่การปลุกผมไปโรงเรียนยังไม่เปลี่ยน ทุกเช้ามันมักจะมาปลุกด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งกอด ทั้งจูบ ทั้งกด…

 

ปุ่มเสียงนาฬิกาเรียกให้ผมตื่น

 

อะแน่!

 

อย่าคิดว่าผมจะยอมโดนมันฉีดยาแล้วล่ะ ผมยังไม่ได้ยอมมันเลยตั้งแต่กลับมาคืนดีกัน คืนดีกันแล้วไม่จำเป็นต้องหันมาตั้งใจฟีตเจอริ่งกันปะวะ อีกอย่าง ปอมันไม่เคยขอผมนอนด้วยเลยสักครั้ง บางทีผมก็คิดว่ามันผิดสันดาน เอ้ย! วิสัยผู้ชายอย่างมันไปหน่อย อยากจะถามอยู่หรอกแต่หน้าด้านไม่พอว่ะ

 

หรือมันแอบมีเล็กมีน้อยวะ

 

คิดแล้วขึ้นนะ ขึ้นไปชั้นบนจัดห้องนอนรอผัวก่อน จะถามดีๆ

 

ผมไม่ใช่คนหัวรุนแรงหรอก ทุบตีคน ลงไม้ลงมือน่ะไม่ใช่ผมเลย คนแบบผมไม่เคยใช่วิธีการอันป่าเถื่อนแบบนั้น ผมเป็นคนมีอารยธรรม พ่อแม่สอนให้พูดคุยกันด้วยสตินะครับ ที่จะทุบตีทำร้ายร่างกายสามีนี่ไม่เคยคิด ก่อนนอนผมกราบเท้าสามีทุกวันครับ

 

ส่วนคำพูดคำจาผมนี่มีหางเสียงตลอด พูดจ๊ะจ๋าให้สามีรักสามีหลง เรื่องงานบ้านงานเรือนของผมนี่ผู้หญิงต้องชิดซ้าย ไม่มีผู้ชายคนไหนที่โชคดีเท่าพี่ปอสุดหล่อของผมแล้ว เชื่อผมดิ

 

อันนี้ไม่ได้จะพรีเซ้นตัวเองนะครับ

 

แค่อยากบอกมันว่าถ้ามึงพลาดกูไปน่ะจะเสียดายไปตลอดชีวิต

 

พอๆๆ เลิกโม้สักแปปเถอะ

 

 

ผมอยากถามคุณว่า เคยดูหนังแขกไหมครับ

 

ถ้าคุณเคย คุณลองจินตนาการถึงแนวตนตรีแนวโจ๊ะๆ และเสียงนักร้องผู้หญิงแหลมๆ กระดกลิ้นพันกัน กับพระนางที่วิ่งไปจับกันไปมา ไปเกาะต้นไม้ต้นโน้นทีต้นนี้ทีให้พระเอกไปขยับซ้ายขยับขวาตาม ไล่จับ ทั้งๆ ที่พวกมึงก็อยู่คนละฝั่งต้นไม้เนี่ย!

 

ไม่ใช่ว่าผมจะอินกับเพลงหรอกนะ แต่ผมเห็นแล้วรำคาญ เมื่อไอ้พระเอกนางเอกมันเห็นผมเป็นต้นไม้แล้วขยับเข้าขยับออกหลบกันไปมาแบบนี้

 

“มาคุยกับกูเดี๋ยวนี้ต้น”

 

คนตรงหน้าผมว่าพลางจะเอื้อมมือไปจับ ไอ้คนข้างหลังก็เบี่ยงตัววิ่งวนมาอยู่ข้างหน้าผมร้องว่า “ไม่ เราไม่มีอะไรคุยกัน”

 

“มีสิ เรื่องไอ้พีไง ตกลงจะเอาไงหา?” พี่ธามว่าพลางวิ่งมาอยู่ตรงหน้าผมพร้อมไอ้ต้นวิ่งที่วิ่งหลบไปซ่อนตัวด้านหลัง

 

ชั่วโมงนี้ผมอยากอ้วกครับ เวียนหัวชิบหาย

 

“พี่ตกลงกับผมไปแล้วไง ลืมอะไรไปรึเปล่า?”

 

“มันไม่ใช่แบบนั้น นี่แหละที่พี่อยากคุยด้วย”

 

ถ้าพวกมึงยังคิดจะเล่นหนังแขกมันอยู่แบบนี้ ขอกูเดินออกไปจากวงจรชีวิตพวกมึงก่อนจะได้ไหมหา! กูอยากจะอ้วก โอยตาลายชิบหายเลยแม่ง ไอ้ต้นนี่ก็อะไรมากมาย เขามาขอเคลียร์ด้วยทำเป็นเล่นตัว พอเขาไม่สนใจก็ทำเป็นมาร้องไห้เศร้าสลด

 

“อะ ภีม ช่วยกูด้วย!” มันร้องว่าพลางดึงข้อมือตัวเองเมื่อพี่ธามจับตัวได้

 

“เออ โชคดี”

 

กูช่วยได้แค่อวยพรมึงละ

 

ผมได้แต่นิ่งมองตามร่างสูงๆ สวมชุดช็อปของพี่ธามที่ฉุดกระชากลากถูไอ้ต้นไปตามทางเดินแล้วส่ายหัว ยังมีหน้ามาขอให้กูช่วย ก่อนจะให้กูช่วยมึงหายาพารามาให้กูแดกแก้ปวดหัวก่อนสองเม็ด สร้างแต่เรื่องให้กูปวดหัวซะจริงเลยไอ้นี่

 

ผมส่ายหน้ากับตัวเองน้อยๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปคนเดียวเงียบๆ นึกถึงไอ้ต้น มึงตัดสินใจดีๆ นะ

 

ผิดนิดเดียวนี่บอกเลยว่าพลาดไปตลอดชีวิต

 

ดวงตากวาดไปเห็นร่างของใครสักคนกำลังเดินสวนขึ้นมา ผมนิ่งมองมันด้วยการวางสีหน้าตัวเองไม่ถูกเมื่อเราทั้งสองสบตากัน ความรู้สึกตั้งแต่ตอนนั้นตีตื้นขึ้นมาทำให้รู้สึกผิดแม้แค่มองตากัน ตั้งแต่คืนดีกับปอ ผมกับมันห่างเหินไปทุกที ผมอยากได้เพื่อนของผมกลับมาเหมือนเดิม พยายามยิ้มให้มันที่กำลังมองมายังผมอยู่เหมือนกัน และมันก็ยิ้มตอบอย่างเคย

 

ผมควรจะชวนมันคุย ปรับความเข้าใจกันตอนนี้ไหม หรือค่อยๆ ให้ทุกอย่างมันหายไปเอง

 

ไม่ ไม่เอา…

 

เราควรที่จะเปิดใจคุยกันได้แล้ว ผมไม่อยากเสียกรีนไป

 

“เดี๋ยว…”

 

ว่าพลางเดินไปดึงต้นแขนให้มันหันกลับมา ใจผมว้าวุ่นเมื่อเห็นแววตาของมัน มันเองก็คงกำลังคิดมากและลังเล ผมรวบรวมคำพูดกล่าวต่อ “ขอเราคุยด้วยได้ไหมกรีน อย่าเดินหนีเราอีกเลย”

 

มันนิ่ง ก้มมองมือของผมที่กุมมันไว้ น้อยครั้งที่ผมกับมันแตะถึงเนื้อถึงตัวกัน มันคงกำลังรู้สึกแปลกๆ ก่อนจะยกยิ้มแล้วกล่าวตอบเสียงโคตรปกติ “ได้สิ…”

 

“กรีนโกรธเราใช่ไหม เราขอโทษนะสำหรับเรื่องวันนั้น” ผมว่าเสียงเบา ทว่าเห็นท่าทีที่ลนลานส่ายหน้าส่ายมือปฏิเสธของมันแล้ว ความรู้สึกอึดอัดของผมมันหายไป

 

“ไม่ ไม่ใช่หรอก”

 

ผมนิ่งมองหน้ามัน “อย่ามามัวรักษาน้ำใจกันอยู่เลย บอกเรามาตรงๆ เถอะ”

 

มันส่ายหน้า สีหน้าเหมือนลำบากใจ

 

“งั้นทำไมล่ะ ทำไมต้องหลบหน้าเรา?”

 

มันเกาหัวตัวเองละสายตาไปมองด้านอื่น ไม่กล้าจะสบตาผมตรงๆ ตอนกล่าว “เราไม่กล้ามองหน้าภีมน่ะ เพราะเรารู้ว่าตัวเองไม่มีเหตุผล”

 

ผมนิ่งมองมันที่กล่าวออกมา

 

“เราไม่ควรจะแสดงอาการตอบภีมไปแบบนั้นเลย ทั้งๆ ที่ภีมบอกว่าขอโทษ”

 

“ทำไมทำงี้ เราคุยกันดีๆ ปรับความเข้าใจกันก็ได้”

 

มันละรอยยิ้มตัวเองลง หันมามองตาผม

 

“เพราะภีมคืนดีกับพี่ปอแล้ว ภีมคงไม่มีเวลาเจอเราเหมือนเดิม เราก็เลยคิดว่าแบบนี้มันจะง่ายกว่า”

 

“คิดเองเออเอง!”

 

มันเบิกตาตัวเอง “งะ งั้นเหรอ เราขอโทษ”

 

“รู้ไหมเราคิดมากขนาดไหน ทำไมนายถึงทำแบบนี้นะ”

 

“เราขอโทษนะ เราไม่รู้จริงๆ ว่าภีมจะเก็บไปคิดแล้วรู้สึกไม่ดีขนาดนี้ เราขอโทษนะที่เอาแต่ใจ…”

 

ก็ดีแล้ว ยังไงก็ตามเราก็กลับมาเข้าใจกันจนได้ กลับมาเหมือนเดิมเถอะ “อย่าหลบหน้าเราอีกนะกรีน”

 

มันยกยิ้ม เกาหัวตัวเองละสายตาไปมองด้านอื่น

 

ราวกับว่ากำลังเขิน

 

แต่ช่างเถอะ ชั่วโมงนี้ผมโล่งใจอย่างน่าประหลาดเมื่อเห็นว่ากรีนมันไม่ได้โกรธหรือเคืองเรื่องที่ผมแสดงอาการแบบนั้นกับมัน โล่งใจไปเปราะหนึ่ง แต่มันคิดได้ยังไงว่าคบกับไอ้ปอแล้วผมจะไม่มีเวลาว่างที่จะพบเจอมัน ผมยังเป็นผมเหมือนเดิมนั่นแหละ

 

แค่ทุกเวลาของความคิดเท่านั้น ที่มักมีมันแทรกเข้ามาในหัวเรียกรอยยิ้มได้เสมอ

 

ก็เราถือไปว่าคบกันอย่างเป็นทางการแล้วนี่นะ

 

ไม่รู้ว่าจุดจบของการเคลียร์ปัญหาของไอ้ต้นมันเป็นยังไง ผมเอาใจช่วยให้มันเต็มที่ จะพยายามช่วยมันอย่างถึงที่สุดก็แล้วกัน

 

พาร่างตัวเองเดินเอื่อยๆ ไปเรื่อยอย่างไม่มีจุดหมาย ตอนนี้อยู่ในช่วงพักเบรกและกว่าจะถึงเวลาเรียนก็อีกครึ่งชั่วโมง พอมาอยู่คนเดียวแล้วสมองผมโล่งเลยแฮะ ไม่ได้คิดมากแบบนี้ก็ดีแล้ว

 

แต่

 

ก็อดจะคิดมากเรื่องไอ้ปอไม่ได้อยู่ดี ก็มันแปลกนี่ คนแบบมันจะอดทนได้ง่ายๆ ขนาดนั้น โดยที่ไม่ได้นอนกับใครมาตลอด ช่วงที่เลิกกับผม มันง่ายไปไหม

 

คิดแล้วก็นึกทำให้ตัวเองหงุดหงิด จะจับผิดมันทำไมวะเนี่ย อยู่กันดีๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว

 

ไม่ได้ๆ กูยอมมันง่ายๆ ไม่ได้ มันจะนอกใจกูไม่ได้ จะต้องเคลียร์กันให้เข้าใจ ถ้าอยู่เฉยๆ แบบนี้มันต้องได้ใจและคิดว่าการนอกใจเมียเป็นเรื่องปกติ

 

โอ๊ย! แต่มันสัญญาไว้แล้วนี่ว่าจะไม่นอกใจ มันยิ่งบอกให้เชื่อมั่นในมันอยู่ด้วย

 

แม่ง คิดแล้วปวดหัว

 

“ทำอะไร!?

 

เฮ้ย!

 

ผมยกกำปั้นเตรียมจะต่อยคนที่จู่ๆ ก็ตะโกนใส่หน้าขณะที่กำลังครุ่นคิด มันยกมือบังหน้าเมื่อเห็นว่าการตอบสนองของผมคือจะใช้กำลังพลางร้องว่า “เฮ้ยๆๆๆ อย่าต่อย ตกใจขนาดนั้นเลยรึไง?”

 

ผมขมวดคิ้วตัวเองมองมันที่ยกมือป้องกันตัวเองอดที่จะยิ้มไม่ได้ คิดถึงปุ๊บก็มาปั๊บเลยนะ

 

“ใครใช้ให้มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงวะ?” ว่าพลางคลายกำปั้นตัวเองมองมันที่คลายความกลัว ใช่ แม่งกลัวผมว่ะ

 

ไอ้อ่อนเอ๊ย!

 

“เห็นมึงเดินอยู่คนเดียวก็เลยจะมาแกล้ง แล้วนี่เป็นอะไรเดินใจลอยขนาดนี้น่ะ”

 

คิดเรื่องมึงไงไอ้สัด

 

ผมขมวดคิ้วมองมันที่ถามหน้านิ่งๆ จู่ๆ ความคิดแปลกๆ ก็แล่นเข้ามา พยายามส่ายสายตาสังเกตตัวมัน บนคอมันมีรอยจูบไหมแม่งสงสัย เผื่อมันแอบไปนอนกับใครมา แต่มองหายังไงก็ไม่มี ไหนดูซิแขนมีรอยข่วนไหม ผมจับมือมันมาพลิกซ้ายพลิกขวาทั้งสองข้างมองสำรวจ ถลกแขนเสื้อดูก็ไม่เห็น เห็นแต่น้ำมันเครื่องติดเล็บดำปี๋อย่างเดียว

 

โอย แม่งคิดมากว่ะ

 

“นี่ทำอะไรของมึงเนี่ย?” มันว่า

 

เอ่อ กูออกอาการมากไปปะวะ ผมเกาหัวแล้วยิ้มแห้งๆ ให้มันไปด้วย ทำท่าจับมือมันมาชี้นิ้วบอกว่า “เล็บดำจังเลยนะปอ ทำความสะอาดมั่งก็ดี”

 

“ก็ช่วงนี้กูยุ่งนี่หว่า ไม่มีเวลาคิดเรื่องไหนเลย” มันว่าพลางจับมือผมเดินไปทรุดตัวนั่งร่มไม้ เอามือขี้เล็บดำๆ นั่นแหละมาจัดทรงผมให้ ไอ้ผมก็ขยะแขยงอยู่หรอก แต่ถ้าแสดงอาการออกไปเดี๋ยวมันได้โกรธอีก ทำเป็นนิ่งๆ ไปก่อนแล้วกัน

 

“ถ้าช่วงนี้กูไม่ว่างก็อย่าโกรธนะ ต้องคิดงานโครงการก่อนจบไปเสนออาจารย์ ไหนจะวิจัยเป็นรูปเล่มอีก แต่ก็จะพยายามอยู่กับมึงแล้วกัน”

 

มันถึงกับออกปากแบบนี้ ผมนี่โคตรงี่เง่าเลยว่ะที่ไปคิดว่ามันจะนอกใจ ยังไงก็ควรจะลองเชื่อมันก่อนที่จะเกิดปัญหา มองและจับตาดูให้มันเข้าที่เข้าทางก่อน ผิดปกติยังไงก็ค่อยว่ากันอีกที

 

รู้สึกผิดว่ะ

 

มือผมเอื้อมไปแตะมือของมันที่วางทิ้งไว้บนตัก แววตามันสงสัยก่อนจะยกยิ้มให้ แต่ผมแม่งละอายแก่ใจว่ะ “กูจะไม่เอาแต่ใจละกัน ตั้งใจด้วยนะ”

 

“รู้แล้วน่า แล้วนี่เพื่อนๆ มึงไปไหน?” มันว่าพลางส่ายตาไปมองหา

 

“ไม่ต้องมองหาหรอก ไอ้ต้นมันเพิ่งจะถูกพี่ธามลากไปเมื่อกี้ พูดแล้วก็ปวดหัวไม่รู้ว่าจะเอายังไงแน่”

 

“เลิกคิดมากเรื่องคนอื่นได้แล้ว”

 

ก็นั่นมันเพื่อนกูนี่

 

ผมไล่ความคิดที่หมกมุ่นเรื่องของมันออกไปจากหัว มาอยู่กับมันแบบนี้อารมณ์เขินแปลกๆ เล่นเอาซะไม่กล้าสบตามันแฮะ ไม่เหมือนไอ้ภีมคนก่อนๆ เลย

 

“พี่ปอ”

 

เสียงของผมเบาหวิว ชอบนักที่จะเรียกมันว่าพี่แบบที่มันยังไม่ทันได้ตั้งตัว ไอ้ที่บังคับอยากให้เรียกว่าพี่น่ะจะไม่ยอมเรียก หมั่นไส้มัน คงเหมือนตอนมันพูดเพราะๆ กับผมนั่นแหละ พูดตอนที่อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจและเหมือนอ้อนวอนจริงๆ

 

มันละใบหน้ามามอง ดวงตามีแต่คำถามมากมาย

 

“ขอบใจที่นะพยายามเข้าใจภีมมาตลอด”

 

มันยกยิ้ม “มาทำซึ้งอะไรของมึงเนี่ย?”

 

“แล้วมึงจะไม่ทำซึ้งตอบกูเลยรึไง”

 

แม่ง ชอบพูดจากวนตีน มันหลุดหัวเราะดึงหน้าผมที่หันไประงับอารมณ์ด้านอื่นไม่หันไปสบตามัน นี่ไม่ได้งอนนะ กูแค่โมโหมึงที่แม่งไม่เข้าใจกูเลย

 

“โอ๋ๆๆ อย่างอน”

 

“กูไม่ได้งอน ถอยไปเลยอย่ามาแตะกู”

 

“อะแหนะ งอนจริงๆ ด้วยเว้ยเมียกู” มันว่าเย้า นิ้วชี้ชี้หน้าล้อผม “นี่ภีม เป็นผู้ชายเขาไม่ให้งอนมากหรอกนะเว้ย ผัวจะหลงตามง้อตามงอนตลอด”

 

อื้อหืม กูขึ้นเลย

 

“หุบปากมึงไปเลย กูไม่ได้งอน”

 

“ถึงงอนก็ยังรักเหมือนเดิมนั่นแหละ ยอมรับมาก็ได้ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่ ผัวบอกแล้วไงว่าจะยอม อะๆ นี่ให้ตีทีหนึ่ง”

 

ว่าแล้วก็ยื่นแขนมาแล้วก็ยิ้มล้อเลียนผมใหญ่ ไอ้นี่มันก็เป็นซะแบบนี้ พอกูจริงจังทีไรทำเสียเรื่องตลอด แล้วจะไปเดาใจห่าอะไรได้วะไอ้นี่ บทจะโมโหอาละวาดก็ตามอารมณ์ไม่ทัน

 

แต่แม่งก็เขิน ให้กูตีกูก็จะตี คิดแล้วผมก็ฟาดแขนมันไปสุดแรง นั่นแหละจะได้หลาบจำไม่กล้ามาหือกับกูอีก มันร้องซี๊ดพลางลุบแขนตัวเองน้ำตาคลอเบ้า จริงๆ นะผมเห็นแวบๆ

 

“เจ็บนะเว้ย!”

 

“ใครใช้มึงบอกให้กูตีล่ะ?” ผมว่า สมน้ำหน้าแม่ง

 

“ใครคิดว่ามึงจะตีจริงๆ วะ มานี่กูจะเอาคืน”

 

เหวอ!

 

ร่างผมลอยไปนั่งบนตักมัน นั่นตักนะเว้ย แถมกลางโรงเรียนมึงคิดว่ากูจะหน้าด้านเหมือนมึงไหมหะไอ้ปอ ผมดันตัวออกสุดแรงมองว่าจะมีใครแอบดูไหมเดี๋ยวแม่งเอาไปนินทาว่าร้ายกูอีก

 

“อย่าปอ ไอ้ปอ!” ผมว่าพลางทุบบ่ามันไปที โอ๊ย มือปลาหมึก

 

“จูบกูก่อนสิ แลกเปลี่ยนกัน” มันว่าพลางยักคิ้วล้อ

 

“มึงจะบ้าเหรอ นี่มันที่โรงเรียนเดี๋ยวใครจะมาเห็นเข้า”

 

“ผัวเมียกอดจูบกันไม่เห็นแปลก”

 

มึงเข้าใจไหมว่านี่มันโรงเรียนไอ้เวรตะไลเอ๊ย ผมดันหน้ามันออกพลางเบี่ยงหนีไม่ยอมง่ายๆ แม่งตั้งใจจะแกล้งผมชัวร์เลย พอผมทำหน้าไม่พอใจมันที่ยิ้มแก้มปริชอบอกชอบใจใหญ่ เดี๋ยวกูขอเอาคืนบ้าง มึงจะต้องร้องไห้

 

“นี่มันโรงเรียน กูขอ…” ว่าพลางตีหน้าน่าสงสาร ปอมันเห็นใจผมมากครับ มันตอบสนองมาอย่างสำนึกผิด ด้วยการกอดเอวผมแล้วขยับมือมากดท้ายทอยให้ลงไปจูบ

 

เชี่ย! มีใครเห็นกูไหม!

 

แค่จูบ แค่จุ๊บไปทีเดียวบนริมฝีปากไม่ถึงหนึ่งวินาที เลือดแล่นเข้ามาบนใบหน้าของผมทันทีเมื่อละออกมาเห็นแววตาของมัน เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แหงนมองผมนิ่งงันอยู่แบบนี้ราวกับสายตาของมันสาปให้ผมไม่อาจะกระดุกกระดิกตัวไปไหน

 

ทำไมเท่จังวะ

 

ปอตอนอบอุ่นโคตรเท่เลย

 

นี่แหละคือพี่ปอที่ผมหลงรัก

 

คนที่ยอมเชื่อฟังคำขอร้องของผม คนที่อดทนกับความงี่เง่าของผม

 

ผมยกมือกอดบ่ามันนิ่งพร้อมรอยยิ้ม ยิ้มรับมันที่ยังจ้องตากันเนิ่นนานราวกับพร่ำบอกว่ารักด้วยดวงตา เราเข้าใจความหมายของกันและกันดี อยู่อย่างนี้เถอะนะปอ อยู่ข้างๆ กูไปแบบนี้นานๆ

 

“พี่รักภีมนะ”

 

คนตรงหน้าผมว่าเสียงเบาเป็นกระซิบ เน้นการจ้องตาสื่อความหมาย ผมละดวงตาไปมองด้านอื่นเมื่อรู้สึกถึงความร้อนแล่นเข้ามายังดวงตา

 

ผมอยากร้องไห้

 

โคตรรู้สึกดีตอนที่มันใช้สายตาประกอบกับคำพูดนี้ออกมา ความหมายมันช่างดีเหลือเกิน ผมยกยิ้มกับตัวเอง วางคางไว้บนเส้นผมของมันและกอดปอไว้ในอกให้ได้ยินเสียงของหัวใจที่เต้นระรัวถี่ ฟังหัวใจนะปอ ฟังหัวใจตอนที่กูอยู่กับมึง

 

รู้ไหมกูไม่เคยหายตื่นเต้น ทุกๆ ครั้งที่ได้ยินมึงบอกว่ารัก

 

และทุกๆ ที ที่คิดว่าจะบอกกลับคืนไปบ้าง หัวใจดวงนี้ก็เต้นรัวและโหวงเหวงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

 

 

“รักปอเหมือนกัน…”

 

 

มันเองก็คงตอบสนองมึง เพราะรัก รักมากๆ

 

รักมาโดยตลอด

 

และจะรักต่อไป

 

ตลอดกาล…

 

 

 

 

 
 :mc4:
มาอัพแล้วค่ะ ขอโทษที่ช้านะคะ  ไม่รู้จะชวนคุยอะไรอ่ะ

เรื่องเม้นแล้วกันเนอะ คือ ตอนนี้ไม่ได้กังวลเรื่องเม้น เริ่มกังวลตรงชื่อเรื่องละ

มันเป็นยังไงอะ ไม่เหมาะกับนิยายแนวนี้เหรอคะ คิดมากนะเนี่ย อิอิ
 :ling1:

 

 
หัวข้อ: Re: **(14.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 23
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-11-2014 23:11:53
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 15-11-2014 00:29:14
 

ตอนที่ 24

 

เรื่องมันน่าเศร้าครับ

 

คุณคงงงว่าเอ๊ะ ไอ้นี่มันเริ่มตอนมาแบบแปลกๆ ทั้งที่เพิ่งจะคืนดีกับผัวไป แล้วมึงมาพร่ำเพรื่ออะไรให้เปลืองหน้ากระดาษ แต่ผมอยากให้คุณๆ เข้าใจนะครับว่ามันน่าเศร้า

 

ชีวิตผมมันรันทดยิ่งกว่าพจมานสว่างวงศ์ที่ต้องเข้าไปอยู่ในบ้านทรายทองเสียอีก ทั้งชีวิตเจอแต่มารมาผจญ จะอยู่แบบดีๆ กับเขาก็ไม่ได้

 

วันนี้ผมเห็นมันเดินหยอกล้อกับไอ้คนที่โทรมาหามันเมื่อวาน เดินกันสองต่อสองเลย สงสัยนิสัยผมจะเป็นเหมือนที่ไอ้ปอมันบอกครับ ชอบเก็บเอามาคิดคนเดียว ตอนนี้ก็เลยทำเป็นนอนอ่านหนังสือไม่คุยกับมัน มันพูดด้วยก็ไม่คุยด้วย

 

นี่ง้อด้วยการจูบผมไปทีแล้วนะ ใครต้องการวะ ผมตอบมันไปทันทีด้วยการชูนิ้วกลางให้ครับ ปอมันก็เลยมีจุดจบในห้องน้ำ เลิกง้อเพราะไม่รู้ตัวเองผิดห่าเหวอะไร หนีไปอาบน้ำเฉยเลย

 

ชีวิตผมรันทดไหม

 

มีผัว ผัวแม่งก็หล่อ หล่อไม่พอเสือกรวย แถมเลวอีก แม่งใครๆ ก็ชอบ!

 

ขอผมซุกหมอนนอนร้องไห้แปป คิดดูว่าผมต้องเจออะไรบ้างครับคุณผู้อ่านที่ต้องเป็นตัวละครนี้ ทำไมต้องเขียนให้ผมเป็นคนที่แสนดีอะไรอย่างนี้ด้วย บางทีผมก็อยากเลวบ้างอะไรบ้าง วันนี้ขอผมลาพักร้อนหนึ่งวันได้ไหมครับ หรือไม่ก็ขอเขียนใบลาออกจากการเป็นพระเอกถาวรเลย ได้ไหมครับ

 

หะ อะไรนะ ผมไม่ใช่พระเอกเหรอ

 

ผะ ผมเป็นนางเอก! บ้าไปแล้ว!

 

ขอผมกลับเข้าโหมดเศร้าแปปนะครับ นอกเรื่องไปตั้งไกล เมื่อกี้คุยกันถึงเรื่องมีผัวใช่ไหม ว่าแล้วทำไมพระเอกมีผัวได้ผมก็ลืมคิดไปนะ

 

เอ่อ มาว่าถึงเรื่องผัวผมดีกว่า มันยังไม่ยอมมาง้อเลย!

 

จะว่าไป ผมว่าควรหยุดคำว่าผัวแต่เพียงเท่านี้ครับ เพราะผมเริ่มทนไม่ไหวแล้ว

 

“ภีม มาถูหลังให้ผัวหน่อย”

 

คุณได้ยินไม่ผิด

 

วันนี้ทั้งวันผมได้ยินแต่คำว่าผัวๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ต้องคิดไปไกลว่าผมไปเที่ยวสวนสัตว์เปิดแล้วเจอชะนีนะครับ มุกมันแป้ก

 

นี่เป็นเสียงจากสัมพเวสีแถวนี้กำลังร้องโหยหวนขอส่วนบุญจากผมครับ นี่ผมคิดผิดใช่ไหมที่บอกว่าผมรักมันไปวันนั้น คราวนี้มันเอาใหญ่ ชักจะลามปามกับผมมากขึ้นไปเรื่อยๆ ไอ้ผมที่นอนอ่านหนังสือเรียนอยู่ต้องละสายตาไปขมวดคิ้วมองประตูห้องน้ำ นี่มึงจะเอาอะไรจากกูนักหนาวะ!

 

แล้วไอ้คำว่าผัวๆ เมียๆ นี่ขอร้องมันจนจะกราบแทบเท้าแล้วว่าให้เลิกพูดสักที กูอายชาวบ้านชาวช่องเขา ไปเดินห้างแม่งตะโกนเรียกเมียจ๋ามาดูนี่สิ ผมนี่วิ่งเลยครับ ไม่ได้วิ่งไปหามันนะ วิ่งหนีมันน่ะแหละที่หน้าด้านผิดมนุษมนาเขา

 

“ภีมครับ…ได้ยินผัวเรียกไหม?” เสียงมันครับ เสียงมันจากห้องน้ำ

 

ผมข่มใจนอนจ้องตัวหนังสือ สตินะภีม มึงต้องขันติไว้อย่าเพิ่งถึงขั้นลงไม้ลงมืออะไรกันเลย คิดแล้วนั้นสายตาก็กวาดอ่านหนังสือเรียนที่จะต้องสอบวันนี้พรุ่งนี้ให้เข้าหัว

 

“ภีม นอนหลับเหรอ?” เสียงมัน รบกวนผมอยู่ตลอดเลยสิพับผ่า

 

ผมกำหมัด อยากจะซัดมันไปซักทีสองที พยายามก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ “เมียจ๋า…”

 

“ไอ้ปอ! มึงจะหุบปากไหม?”

 

ว่าพลางเดินไปเปิดประตูห้องน้ำกำหมัดตัวเองคาดว่าจะได้ซัดมันไปทีสองที แต่ภาพที่เห็นทำเอาชะงัก ไอ้เชี่ยปอแม่งโป๊อยู่ ลืมไปเลย!

 

ผมยกมือปิดตา เห็นไอ้ปอน้อยเต็มสองตาเลยแม่ง!

 

มือที่เปียกน้ำดึงผมให้เข้าไปข้างในจนตัวแทบจะเปียกจากน้ำที่กระเซ็นมา ผมก้มหน้าก้มตาลืมความโมโหเมื่อกี้ไปเลยแม่งมัวแต่ตกใจ ตื่นเต้น และหลอนไปในคราวเดียวกัน ไม่ให้หลอนได้ไงเห็นบ้องข้าวหลามเต็มตาขนาดนั้น

 

ไม่เอาไม่คิดภีม สติมึงต้องมา สติเว้ยสติ!

 

“มาๆ ถูสิ” มันว่าเสียงเบาแล้วหันหลังให้

 

เดี๋ยวๆๆๆ มึงนี้คิดจะอายกูบางไมวะปอ หา!

 

ยะ ยอมครับ

 

ยอมง่ายมาก ยอมรับเลยว่าใจง่าย บอกแล้วไงเรื่องปรนนิบัติผัวของผมน่ะเก่ง

 

ผมยกมือไปจับหลังมันออกแรงถู ไม่ได้จะว่าอะไรมันอย่างที่ใจคิดหรอก ขี้เกียจมีปัญหาด้วย อีกอย่างตอนนี้ผมไม่กล้าหือกับมันเท่าไร เดี๋ยวหันหน้ามานี่รู้ว่าผมกำลังอายแทนมัน นี่มันสมควรจะอายมากกว่านะผมว่า

 

ไอ้กระบอกปืนข้างหน้านี่เห็นเท่าไรก็ไม่ชินครับ บอกตรงๆ

 

ผมมองหลังของมันที่เป็นรอยจากมือตัวเอง แดงแค่เพราะถูกถู ถ้ามันโดนคนจิกข่วนคงเป็นรอยมากกว่านี้และถูกจับได้ นี่กูยังไม่เลิกคิดเหรอวะ

 

ก็มันสงสัยนี่ว่าปอมันจัดการยังไง

 

หลังคอของปอแม่งเซ็กซี่ ตอนผมเปียกๆ ระต้นคอ แต่ไม่มีรอยแดงก็ถือว่าโอเค

 

เดี๋ยวๆๆ นี่ผมคิดเรื่องทะลึ่งกับมันงั้นเหรอ ตายละแม่ง! ติดนิสัยหื่นมาจากมันได้ไง ไม่เอาๆๆ หยุดคิดได้แล้วแม่งเอ๊ย!

 

“โอ๊ยๆ เจ็บภีมเจ็บ โกรธอะไรกูอีกเนี่ย?” มันร้องว่า รั้งสติให้ผมกลับมา หลังมันเป็นรอยข่วนฝีมือของผมครับ เมื่อกี้ใช้อารมณ์มากเกินไป มันหันมามองหน้าก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือผม

 

“เป็นอะไร?”

 

ผมอึกอักมองหน้ามัน ถ้ามันรู้ว่ากำลังถูกจับผิดอยู่คงโกรธมากแน่ๆ

 

“เปล่า…” แต่นึกถึงหน้าเพื่อนของมัน

 

ทำไมน่ารักขนาดนี้วะ แล้วปอมันไม่หวั่นไหวเลยรึไง

 

“บอกแล้วไงว่าให้บอกพี่ตรงๆ” มันหันมาทั้งตัว แต่ผมไม่กล้าก้มลงไปหลบตามันหรอกนะ เดี๋ยวแม่งไปเจอหนอนยักษ์ข้างล่าง ยอมเผชิญหน้ากับมันดีกว่าต้องจ้องตากับไอ้ปอเบอร์สองเหอะ

 

“กู คงจะงี่เง่าเหมือนเดิมนั่นแหละปอ”

 

ยิ้มให้มันหน่อยเพื่อความสบายใจ มันยกยิ้มตอบ จ้องตาและขยับใบหน้าเข้ามาแนบปากจูบ ผมรับแต่โดยง่ายและไม่อิดออด แค่จะบอกว่ารักกันน่ะ

 

ดะ เดี๋ยวก่อน!

 

ผมเม้มปากตัวเองย่นคอเมื่อมันละลงมาซุกไซ้ อย่าบอกนะว่าจะมาอยากตอนอาบน้ำ ถึงจะเคย…เอ่อ ใช่แล้ว เคยครับผมเคยมีอะไรกับมันในห้องน้ำ

 

ตะ แต่ว่าตอนนั้นผมไม่ได้ตั้งใจ ปอมันเอาแต่ใจนะครับ อย่างน้อยนะ….ในอ่างอาบน้ำ

 

ก็เคยนี่หว่า

 

“เดี๋ยวปอ เดี๋ยวๆๆๆ” ผมร้องว่าพลางผลักตัวมันออก

 

“อะไรภีม น่า…คืนนี้พี่ขอนะ”

 

เชี่ย ขอได้หน้าด้านมาก!

 

“มะ ไม่ได้ พรุ่งนี้กูไม่อยากเดินขาถ่างไปสอบ เดี๋ยวไม่มีสมาธิมัวแต่เจ็บตูดเนี่ย!”

 

มันเลิกคิ้ว “ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง”

 

“ขนาดนั้นแหละ มึงดู มันไม่ใช่เล็กๆ ไอ้สัด! จะทำก็ทำตอนที่มีวันหยุดพอให้กูนอนพักสบายๆ บ้างสิวะ” ผมว่าใส่อารมณ์พลางชี้ลงไปยังไอ้ปอน้อยที่เสือกผงกหัวรับ เดี๋ยวกูตัดทิ้งแม่ง

 

“ก็ได้ กูก็ไม่ได้จะเถียงอะไรซักหน่อยนี่” มันเกาหัวยิ้มรับ

 

หมายความว่าไง

 

ผมเบิกตาเมื่อเห็นว่ารอยยิ้มที่มันยิ้มอยู่นั่นมันยิ้มด้วยความเหนือกว่า พยายามนึกทบทวนสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาเมื่อกี้ก่อนจะชะงักอ้าปากค้าง

 

ดะเดี๋ยว นี่กู…

 

กูอนุญาตมันให้นอนด้วยไปแล้วงั้นเหรอ ชิบหายละ!

 

อายครับทีนี้ พอมองตามันอีกทีนี่อายถึงขั้นจะแทรกผ่านดินหนี

 

“กะ กูไม่ได้หมายความแบบนั้นนะปอ กูหมายถึง…” ผมกลอกตาคิด อะไรวะพอที่จะแถมันได้ “กูแค่อยากให้ตัวเองพร้อมก่อนน่ะ”

 

“มึงเป็นอะไรภีม บอกว่าไม่ก็คือไม่ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย”

 

ดันไปร้อนตัวอีกกู ลืมไปว่าปอมันมันเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ตั้งหน้าตั้งตาบังคับเพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงผมก็ต้องยอมมันเข้าสักวัน ก็แม่งนิสัยน่ารักแบบนี้ไง

 

ผมขยับตัวเข้าไปกอดมันนิ่ง ไม่กลัวเปียก ไม่แก้ตัวห่าอะไรแล้ว

 

ยิ่งแก้ยิ่งเกิดแต่ปัญหา

 

“เป็นอะไรเนี่ยหะ?” มันว่า จับหัวผมและจูบซับเบาๆ

 

“กอดไม่ได้รึไงเล่า”

 

“ก็ได้ แต่มันแปลกๆ นะ” มันว่า “ร้อยวันพันปีเมียไม่เคยจะกอดผัวก่อนสักที”

 

“พอเลย เลิกเรียกกูแบบนี้สักทีน่า…” ผมลากเสียงทุบหลังมันไปด้วย

 

“ดีออกนะ จะได้รู้อยู่เสมอว่าเราเป็นของกันและกัน”

 

อย่าย้ำนักเลย ในใจผมรู้เสมอ

 

มันคงอยากจะบอกให้ผมเข้าใจว่ามันกำลังจริงจังกับผมมากและระลึกอยู่เสมอว่ามันน่ะรักผม ผมยอมรับว่าเป็นสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเพราะคำว่ารัก เพราะคำที่มันเรียก แต่ผมไม่อยากให้มันตอกย้ำและทุ่มเทแต่แรกๆ ของแบบนี้มันต้องดูกันนานๆ สิมันถึงจะถูก

 

ช่างมัน มีความสุขกับช่วงนี้และเต็มที่ก็พอ

 

 

 

 

 

“เอ้าๆ เดี๋ยวจะลืมบัตรนึกศึกษาไม่ได้เข้าห้องสอบกันพอดี”

 

มันว่าพลางยื่นให้ผมที่ทำท่าจะลุกจากเบาะหลังจากรถจอดลานจอดรถในโรงเรียน เออว่ะลืมไปเสียสนิทมัวแต่ตื่นเต้น ผมยิ้มรับแล้วเอื้อมไปหยิบจากมือมันมาใส่ในกระเป๋าเสื้อ วันนี้พี่ปอของผมน่ะหล่อเป็นพิเศษ เพราะผมเพิ่งจะเคยเห็นมันสวมชุดนักศึกษาครั้งแรก สวมเสื้อสีขาวและผูกเนคไทสวมรองเท้าคัชชูตามระเบียบเป๊ะ ถ้าไม่ใส่ทางโรงเรียนจะไม่ให้เข้าสอบน่ะ

 

วันนี้เมียเลยหน้าบานมาก ผัวหล่อ นี่ชวนเดินไปไหนยอมไปด้วยหมดเลยเหอะ

 

นี่ไม่ได้เห่อมันนะ จริงๆ

 

“ยิ้มอะไร?” มันว่าพลางยกยิ้ม คงรู้ทันแหละว่าผมยิ้มทำไม

 

“ก็มึงดูดี แต่งอย่างนี้ก็ออกจะน่ามอง ไปสวมไอ้ชุดช็อปนั่นอยู่ได้” ว่าแล้วจัดชุดให้มัน  เอาใจหน่อย พอทำท่าเอาใจออดอ้อนมันก็ยิ้มครับ มันเป็นคนหลงตัวเองชอบให้คนเอาใจ

 

“ชุดนี้มันชุดใส่สอบเท่านั้นแหละ จะให้ใส่มาลุยงานได้ไง ติดน้ำมันเครื่องพอดี” ว่าแล้วก็จับมือผมที่จัดเนคไทให้ไปด้วย

 

“ขอกำลังใจสอบหน่อยสิ”

 

ผมเลิกคิ้ว กำลังใจ…

 

“งั้นโชคดีนะ ตั้งใจสอบล่ะ” ว่าพลางลูบหัวมันเบาๆ เหมือนหมาครับทำแบบนั้นเลย มันนิ่งมองหน้าเหมือนกับอยากบอกอีกนัยน์ว่ากูไม่ได้อยากได้อันนี้ เอ้า แล้วมึงอยากได้อันไหน แต่ไม่รู้ทำไม สมองผมนึกถึงสิ่งหนึ่ง

 

เพราะสันดานมันหื่นไง

 

“อะไร” แกล้งย้อนขำๆ ไปครับ มันขมวดคิ้วรีบว่า

 

“กูหมายถึงจูบ”

 

กูว่าละไม่มีผิดว่ามึงจะหาเรื่องจูบ

 

ฝันไปเหอะ

 

 

ก๊อกๆๆ

 

 

เสียงเคาะประตูเรียกให้ทั้งผมและไอ้ปอหันไปมองไปตาเดียวกัน ใจผมหายเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ยืนยิ้มรออยู่ข้างกระจกคนขับ เขาคือคนที่โทรหาไอ้ปอวันนั้น ยิ่งเห็นใกล้ๆ แล้วยิ่งชัดเลย หน้าตาน่ารักเหมือนอยู่รุ่นเดียวกันกับผม แต่สวมชุดชั้นปีเดียวกับไอ้ปอ เขายิ้มเมื่อเห็นว่าไอ้ปอมันรีบเปิดกระจกรถตอบรับทันดี ของกูนี่ขึ้นเลย

 

“ไปได้ยังวะปอ มัวแต่อ้อนเมียอยู่นั่นแหละ” เขาว่า

 

“เออ รอกูแปป” มันดับเครื่องทันที นี่มึงจะติดเพื่อนมากไปปะ

 

“ลงสิเพื่อนกูมารอแล้ว โน่นๆ ไอ้กรีนเพื่อนมึงยืนรออยู่”

 

ผมหันไปตามที่มันบอกแล้วขมวดคิ้ว เออ จะไล่กูใช่ไหม กูไปก็ได้ คิดแล้วนั้นก็เปิดประตูรถลงมาเฉยๆ ไม่บอกมันสักคำ คิดแล้วขึ้นจริงๆ แม่งพอเพื่อนมานี่ไล่กูเลย ไอ้บ้าเอ๊ย!

 

ว่าแต่ว่า คิดแล้วจะมางอนอะไรมันไร้สาระขนาดนี้วะ ทำอย่างกับตัวเองเป็นสาวน้อยอ้อนแอ้นน่ารักน่าทนุถนอมอย่างนั้น ดีแล้วแม่งงอนแล้วปอมันไม่หลังแหวนมาสักทีด้วยความหมั่นไส้ ถ้าอาการกูจะออกขนาดนี้เตรียมปล่อยผมยาวไว้ได้เลย

 

คิดแล้วขนลุกตัวเองนะบางที

 

ผมเดินไปหากรีนที่ยกมือทักทาย ทำเป็นยิ้มตอบเป็นปกติที่สุดเพราะอันที่จริงแล้วในใจผมรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้นคืนนั้น รู้ดีว่าทำไมกรีนมันถึงได้มีท่าทีตอบกลับมาหลังจากเกิดเรื่อง

 

เพราะคืนนั้นมันมีอะไรมากกว่านั้น

 

คืนที่กรีนชิ่งหนีไปนั่น

 

ผมจำได้ว่าวันนั้นรอไอ้ต้นอาบน้ำ เผลอหลับไปและรู้สึกตัวว่ามีใครมาเบียด ความรู้สึกแรกตอนที่ตัวเองเปิดตาตื่นขึ้นมา ริมฝีปากผมกำลังถูกจาบจ้วงจากปากของกรีนที่กำลังแนบจูบ ผมตกใจ เมื่อได้สติ มือของผมก็ผลักมันออกจากตัวสุดแรงจนมันล้มกองไปลงกับพื้นและรีบลุกขึ้นนั่งทันที

 

กรีนมันคงตกใจที่ตอนนี้ผมรู้สึกตัวตื่น ผมไม่รู้ว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมาที่ได้นอนด้วยกัน มันทำอะไรกับผมบ้าง เมื่อรับรู้ว่ามันได้ทำเรื่องแบบนี้กับผม สีหน้ามันบอกว่ารู้สึกผิดและพยายามขอโทษผมที่นิ่งจ้องตามันนิ่ง อารมณ์สับสนวิ่งวนอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

“ภีม เราขอโทษนะ”

 

ผมนิ่งมองมัน เม้มปากตัวเองแน่น มันไม่ได้แค่สัมผัส จูบของมันเต็มไปด้วยความโหยหาและบดขยี้ปากผมราวกับต้องการสื่ออะไร

 

“หมายความว่าไงกรีน?” ผมว่าเสียงเบาจ้องตามันที่นิ่งมองผมอยู่บนพื้น

 

“เราขอโทษนะภีม เรา…” มันว่าเสียงเบา เอื้อมมือมาจะแตะตัว ผมผลักมันออกพลางส่ายหน้าตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่รู้จะสนองตอบมันไปยังไง ยังคงงงๆ มึนๆ ต่อไป

 

“เราชอบภีม เราชอบภีมนะ”

 

ผมนิ่งอึ้ง

 

กรีนมันชอบผม…

 

“ชอบ?” ผมย้อนพลางชี้หน้าตัวเอง

 

“ใช่ เราชอบภีม ชอบมาตั้งนานแล้วด้วย”

 

ผมนิ่งมองมันที่ขยับเข้ามานั่งตรงหน้าใกล้ๆ ใจผมหายเมื่อเห็นว่าแท้จริงแล้วมันกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้เดินเข้ามาหาผมก่อน มันไม่ได้อยากจะเป็นเพื่อนกับผมตั้งแต่แรก

 

“คบกับเรานะภีม คบกับเราเถอะ สัญญาว่าจะไม่ทำให้ภีมเสียใจเลย”

 

ผมนิ่งมองมัน ก่อนจะส่ายหน้า

 

“ไม่ได้หรอกกรีน”

 

“ทำไม! พี่ปอทำกับภีมขนาดนั้น ต้องร้องไห้ทุกวันขนาดนั้น เขาไม่มีอะไรดีเลย ไม่มีอะไรเหมาะสมที่ภีมจะต้องรักเลย!”

 

ก็เพราะผมรักมัน ผมไม่ได้รักกรีน

 

“เราเห็นกรีนไปแค่เพื่อนนะ แค่เพื่อนจริงๆ”

 

“แต่เราไม่เคยเห็นภีมเป็นเพื่อนเลย เราอยากเป็นมากกว่านั้น!” มันจับมือผมร้องว่าเสียงดัง ใจผมหายพยายามจะดึงมือออกไม่ตอบตกลง

 

“นะภีม เปิดโอกาสให้เรา”

 

“ไม่! เราทำไม่ได้ เราเห็นกรีนเป็นอย่างอื่นนอกจากเพื่อนไม่ได้จริงๆ!”

 

มันนิ่งเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเงียบไปเมื่อถูกปฏิเสธด้วยคำว่าเพื่อนนี้ เงยมองหน้าผมราวกับกำลังโกรธอย่างนั้น

 

“ที่ภีมวางตัวกับเราแบบนี้เพราะเห็นเราเป็นแค่เพื่อนอย่างนั้นจริงๆ งั้นเหรอ ภีมปล่อยตัวต่อหน้าเรา ทำตัวเหมือนให้ความหวังเรา”

 

“เราทำเมื่อไหร่?” ผมย้อนทันที

 

“ทุกครั้งที่ภีมพูด ทุกครั้งที่ภีมยิ้ม ถ้าไม่คิดอะไรกับเราทำไมไม่คิดจะทำให้เราไม่หลงตัวเองบ้างว่าตอนนี้ภีมกำลังโอนอ่อนมาหาเรา”

 

ผมนิ่งมองมัน พยายามคิดว่าตัวเองไปวางตัวกับมันยังไงถึงทำให้มันคิดว่าผมกำลังให้ความหวัง การที่ผมปล่อยเนื้อปล่อยตัวกับมันก็เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีต่อเพื่อน ผมไม่คิดเลยว่ากรีนมันจะคิดเกินเลยกับผมแบบนี้

 

ถ้อยคำนั้นเป็นคำสุดท้าย

 

ก่อนมันเดินหนีผมออกไป ถึงผมจะคิดว่าตัวเองถูก แต่มันเป็นเพื่อนคนเดียวที่คอยให้คำปรึกษาช่วงที่ผมอ่อนแอ หรือเพราะตอนนั้นผมเปิดรับมันมากเกินไปมันถึงได้คิดแบบนี้กับผม ผมอยากให้เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แม้มันจะวางตัวด้วยลำบากก็ตาม

 

หลังจากกรีนมันขึ้นรถไป ผมกลับมาภายในบ้าน เห็นไอ้ต้นเดินออกมาจากห้องน้ำ

 

ร่างของผมทรุดตัวนั่ง วิญญาณลอยไปไกลเมื่อได้รู้เรื่องที่ชวนช๊อคขนาดนี้ หันไปมองไอ้ต้นที่เดินมายังร่างของผม มันทรุดตัวนั่งข้างๆ ให้โซฟายุบ มือก็ยกขึ้นมาแปะบ่ากล่าวเสียงเรียบๆ ไปด้วย

 

“ไม่ใช่แค่มึงที่ปวดหัวเรื่องของกูนะ กูเองก็ปวดหัวเรื่องของมึงเหมือนกัน ขอโทษนะภีม กูเป็นคนบอกกรีนให้มันบอกมึงเองแหละ มันเอาความไว้ใจของมึงเพื่อเข้าใกล้มึงแบบนี้มันไม่แฟร์”

 

ตัวผมชาครับ เมื่อรู้ว่าไอ้ต้นมันรู้ความจริงตั้งนานแล้ว ผมหันไปมองมันนิ่ง “ตั้งแต่เมื่อไรวะ?”

 

“ตั้งแต่ตอนที่นัดติวกันครั้งนั้นน่ะ กูกลับมาเห็นกรีนมัน…กำลังจูบมึง”

 

ผมนิ่งนึกถึงวันนั้น

 

สัมผัสที่ผมเคยคิดว่าเป็นของไอ้ปอ ฝันที่ผมนึกถึงมัน น้ำเสียงที่พูดคุยด้วยความอ่อนโยนในฝันครั้งนั้นเป็นเสียงของไอ้กรีนงั้นหรอกเหรอ

 

หน้าผมชา ได้แต่ยกมือมากุมไว้

 

“วันนั้นกูเป็นคนไล่มันกลับห้องไปเอง พยายามทำให้มึงไม่ตกใจที่สุด กูอยากให้มึงไม่ต้องเครียดเรื่องของไอ้กรีนอีก อยากให้มันชัดเจนกับมึงไม่ใช่เล่นลับหลัง”

 

อา…

 

มิน่าล่ะไอ้ต้นมันไม่ถามถึงไอ้กรีนสักคำตั้งแต่เกิดเรื่อง เพราะมันเป็นคนรู้เรื่องทั้งหมดนี่เอง ผมยกมือกุมหน้าตัวเองเมื่อทราบความจริงแล้ว

 

นึกถึงใบหน้าน่ารักๆ ซื่อๆ ของมันที่ส่งยิ้มมาให้ทุกครั้งเวลาเจอหน้ากัน ถ้อยคำปลอบโยนที่มันมอบให้ในวันที่ผมเสียใจแล่นเข้ามาในหัว ความดีของมันทับถมสิ่งที่ผมไม่ชอบไปหมดสิ้น ผมรู้สึกว่าไม่ควรจะเสียเพื่อนคนนี้ไปและอภัยให้แก่ความไม่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของมันที่มีต่อผม เพราะผมเองก็คงจะผิดในส่วนหนึ่งที่เปิดใจรับมัน

 

มันคงจะเสียใจมากที่ถูกปฏิเสธออกมาแบบนั้นถึงได้เดินหนีออกไป

 

แต่วันนี้มันจะกลับมาเหมือนเดิม ผมกับมันเข้าใจกันดีแล้วและไม่ต้องห่วงว่าผมจะเผลอวางตัวไม่ดีกับมันอีกเพราะตอนนี้ผมกับพี่ปอก็คืนดีกันแล้ว

 

แค่กรีนยังเป็นเพื่อนที่ดีกับผมแบบนี้มันก็โอเค

 

ถึงมันจะเจ็บปวดบ้าง และไม่รู้ว่าต้องทำใจอีกนานไหม ผมว่าระหว่างผมกับมัน อาจจะเป็นแค่ความผูกพันธ์ฉันท์เพื่อนมากกว่า ที่ยิ่งคบนานไปก็ยิ่งสนิทจนจะกลายเป็นคนพิเศษ เรารักกัน เราห่วงใยกัน ให้คำปรึกษา แต่ก็มีแค่เส้นบางๆ แยกด้วยคำพูดเท่านั้นว่าใครคือเพื่อน ใครคือแฟน นอกนั้นมันก็ไม่ต่างกันสักนิด

 

ผมหวังไว้อย่างนั้นนะ

 

ว่ากรีนจะกลับมาเหมือนเดิม

 

 

 

 
 :hao6:
เอามาอัพแล้วจ้า

ไม่รู้เป็นไง หนูนาว่าสองนี้มันฮานะ แต่แอบคันๆ ฉากสุดท้าย ฉากกรีน มีใครคิดว่าจะหน่วงข้างหน้าบ้างเนี่ย ไม่เอาไม่ต้องคิดมาก นิยายของหนูนาเปลี่ยนผันได้ตลอดเวลา อิอิ

สำหรับคนที่ถามว่าสรุปพี่ปอน้องภีมเรียนอยู่โรงเรียนหรือมหาลัยกันแน่ มันมีบอกตั้งแต่อ่านต้นเรื่องเลยนะว่าโรงเรียนนี้มันโรงเรียนช่าง(ชายล้วน) ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนค่ะ จะเรียกกันสองช่วงชั้นแยกคือ ปวช มี3 ชั้นปี และ ปวส มี 2 ชั้นปี ซึ่งน้องภีมเรียนอยู่ปีหนึ่งเทียบเท่าม. 4 ค่ะ ส่วนพี่ปอเรียนอยู่ ปวส ปี2 เทียบเท่ามหาลัยปีที่สอง ที่พี่พีเรียนก็คือมหาลัยค่ะแต่ปีที่สองรุ่นเดียวกับพี่ปอ ซึ่งน้องภีมเรียนสายวิทย์จะสามารถย้ายไปเรียนกับรัฐบาลได้เท่านั้นเอง มาซะวิชาการเลย 5555

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ จะติจะติงได้หมดค่ะ แรงแค่ไหนก็รับได้ถ้าพูดถึงเรื่อง เนื้อหาของนิยายจริง555 เพราะแสดงให้เห็นว่าคุณผู้อ่านได้อ่านจริงๆ ครบถ้วนทุกตัวอักษรถึงคิดต่างออกมาได้ แล้วสองตอนนี้มีความเห็นยังไงบ้างนะ บางฉากก็ขำนะ บางฉากก็หน่วงสลับกันไป


ยังไงก็ขอบคุณที่คอมเม้นนะคะ เจอกันตอนหน้าน้า
 :bye2:
หัวข้อ: Re: **(15.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-11-2014 02:46:05
หลงมาอ่านรอบดึกจนได้รู้ความลับของกรีน
หัวข้อ: Re: **(15.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 15-11-2014 03:24:46
รอลุ้นคู่ ต้น+ธาม+พี ต่อไป เพื่อนปอคงไม่หวังจะงาบเพื่อนกันเองนะ
ประเด็นคือ ไม่ค่อยไว้ใจปอซักเท่าไหร่ ของมันเคยๆ คิดมากแทนภีม
หัวข้อ: Re: **(15.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 15-11-2014 10:51:17
กะแล้วว่ากรีนต้องมีอะไรในใจสักอย่างแน่ๆ
หัวข้อ: Re: **(15.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 15-11-2014 19:04:22
อยากรู้เรื่อง ของต้นแล้วอะ  :m1:
หัวข้อ: Re: **(15.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 24
เริ่มหัวข้อโดย: Ali$a฿eth ที่ 15-11-2014 20:56:20
เรื่องคือแแบบบหนาวง ยุ่งเหยิง อิรุงตุงนังมาก แก้ปมนู้นเสร็จ ปมนี้พัน พอจะเสร็จปมนู้น ปมที่แล้วพัน คือมันยุ่งเหยิงมาก คืออ่านยาวๆแบบอัดที่เดียวนี่อ่านได้ซักสามสี่ตอนพักแปปไปอ่านใหม่ มันปวดตบไตมาก แต่สนุกดีคะ ตัวละครดูมีอะไรดีดูมีที่มาที่ไปเพระาอะไรถึงเป็นอย่างงี้  มาลงต่อนะ :)
หัวข้อ: Re:1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 15-11-2014 23:12:01
 

ตอนที่ 25

 

ผมนิ่งมองบัตรนักศึกษาตัวเองบนรถเงียบๆ ปล่อยให้เพลงในรถบรรเลงไปเรื่อยๆ เมื่อคิดว่าอีกแค่อาทิตย์เดียวก็จะถึงวันเกิดแล้ว ตอนที่ปอมันยื่นบัตรมาให้ ไม่รู้มันสังเกตเห็นหรือเปล่าว่าอีกไม่นานจะถึงวันสำคัญของผม คิดแล้วก็หงุดหงิดกับมัน บทจะรู้เรื่องก็รู้เรื่องเกินไป ไอ้บทรู้ความแบบนี้มันจะทำได้ไหมนะ หาของขวัญให้ผม อวยพรวันเกิดให้ผมโดยที่ไม่ลืมน่ะ

 

มองเห็นมันตอนนี้แล้วบอกเลยว่าหงุดหงิดแม่ง

 

ดวงตามองไปยังโทรศัพท์ที่วางอยู่บนคอนโซลรถ รู้ไหมเมื่อตอนเที่ยงผมแอบเห็นตอนที่มันเดินไปทักไอ้กรีนก่อน ล้วงหยิบโทรศัพท์มาจากกระเป๋าแล้วก็พูดอะไรสักอย่างขึ้นมา อาจจะเป็นขอเบอร์ ขอลายน์  ผมเห็นไอ้กรีนส่ายหน้าปฏิเสธแล้วเดินหนีไป

 

อะไรวะกูอยากรู้

 

แม่ง ไอ้ปอ ภาพตอนมันทำตาละห้อยมองตามหลังไอ้กรีนยังติดตาผมอยู่เลย ผมรู้ผมไม่ควรคิดมากแต่ปอมันทำตัวแปลกไปปะวะ

 

“เออ ภีม สอบเสร็จพรุ่งนี้ใช่ไหม กูเสร็จวันนี้นะ” มันว่าขึ้น

 

“อือ”

 

“แต่กูก็จะไปโรงเรียนเหมือนเดิมนั่นแหละ ปิดเทอมนี้คงต้องไปโรงเรียนทุกวันไม่ได้พักหรอก” มันว่าพลางเปิดไฟเลี้ยวเลี้ยวเข้าโรงแรม

 

“ทำไม?”

 

มันหันมามองหน้าผมก่อนจะขมวดคิ้วตัวเองบอกว่าไม่ชอบใจเหมือนกัน “ก็ต้องรีบทำโครงการไง กลัวไม่ทันจบ ไม่อยากมาทำตอนซัมเมอร์น่ะ”

 

“ซัมเมอร์มึงมีแพลนจะไปไหนล่ะ?”

 

“กูจะบินไปหาแม่” มันว่าพลางก้มลงมองเกียร์ใส่เกียร์ว่าง ดึงเบรกมือหันมามองผมที่ขมวดคิ้วรออยู่

 

“แล้วกูล่ะ?”

 

มันละรอยยิ้มตัวเองลง ทำอึกอักละสายตาไปมองทางอื่น “อย่าบอกนะว่ามึงไม่ได้นึกถึงกูเลย?”

 

“ไม่ใช่ กูอยากบินไปหาแม่กูที่โน่น แต่ยังไงกูก็นึกถึงมึงนะภีม แม่น่ะนานๆ กูได้เจอทีก็เลยอยากไปอยู่ด้วยกันบ้าง”

 

มันว่าเสียงเบา ผมพยักหน้ารับ ก็แม่มันน่ะสำคัญตั้งแต่แรกแล้วนี่ ที่มันโกรธพ่อตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะเรื่องของแม่มัน ผมเองก็ไม่ได้มีความสำคัญพอขนาดนั้นสักหน่อย อีกอย่างแค่สองเดือนผมอยู่ได้สบายอยู่แล้ว

 

“มึงคุยกับพ่อมึงบ้างรึยัง?” ผมว่า มันหันมามองอีกครั้ง

 

“ก็คุยบ้าง”

 

“กูเข้าใจมึงนะปอที่มึงจะโกรธพ่อเรื่องที่ท่านทำให้แม่มึงต้องหนีไปเพราะท่านเป็นเกย์ แต่ยังไงท่านก็เป็นพ่อมึงนะ”

 

มันจ้องตาผมนิ่งอึ้ง คงตกใจที่ผมรู้ “มึงรู้ได้ไง ใครบอกมึง?”

 

“กูรู้เอง ทำไมล่ะปอ ในเมื่อมึงก็ยังติดต่อกับแม่ได้ ทำไมต้องโกรธพ่อขนาดนั้น”

 

“ก็เพราะเขาไม่เคยทำหน้าที่พ่อหน้าที่แม่ให้กูไง เอาเวลาไปอี๋อ๋อกับไอ้หมอนั่นแทนที่จะมาใส่ใจกู”

 

“ท่านก็ใส่ใจมึงดีนี่นา พี่ชายมึงไม่เห็นทำตัวเหมือนมึง งี่เง่ากับแม่เหมือนมึงเลย”

 

“ก็แม่ไม่ได้ผิดอะไรนี่ แม่ต้องอายจนบินหนีไปเมืองนอกเพราะพ่อเป็นเกย์” มันหันมาว่า จับมือผมนิ่งคิ้วขมวดชนกัน แววตามันเศร้าสร้อยพลางดึงมอผมไปแนบแก้ม

 

ทำไมปอมันทำตัวน่าสงสารจังวะ

 

“มึงก็เลยทำให้ท่านเจ็บปวดเพราะการกระทำของมึงเหรอปอ?”

 

มันนิ่ง “เขาจะได้รู้ว่าแม่กู พี่กูและกูจะรู้สึกยังไง”

 

“มึงถามทางนั้นรึเปล่าว่าเขาเจ็บปวดไหม หรือมึงคิดเอง?”

 

มันก้มหน้ากุมมือผมไปแนบแก้มมัน สีหน้าบอกทนไม่ไหว “พอ พอแล้วภีมกูไม่อยากคุยเรื่องนี้”

 

มันคงสุดทนแล้วจริงๆ ตัวมันร้อนรุมไปหมด แก้มร้อนจนหลังมือผมสัมผัสถึง ผมว่าผมต้อนมันจนเกินไปจนไม่มีเวลาคิด มีแต่แววตาที่สับสนแสดงออกมา มันเองก็คงกำลังเจ็บปวดอยู่เหมือนกันที่ต้องทำอะไรแบบนั้นกับพ่อตัวเอง ผมเห็นตอนที่มันมองพ่อ

 

รู้แล้วว่าจะต้องทำไง ต้นเหตุคือมันโกรธที่พ่อมีแฟนแล้วไม่ให้เวลามันสินะ ส่วนเรื่องของแม่ ผมไม่มีโอกาสคุยกับท่านเลย

 

เรื่องของตัวเองยังคิดมากอยู่ แต่ผมเก็บเอาเรื่องของไอ้ปอมาคิดอีกเรื่องแล้ว

 

ผมกับมันพากันเดินเข้าไปเงียบๆ เห็นพ่อของมันยืนยิ้มรออยู่ ผมยิ้มและยกมือไหว้เห็นร่างของลูกชายตัวดีเดินนำออกไปแล้ว ทำนิสัยเอาแต่ใจแบบนี้นี่อยากให้พ่อสนใจแหงๆ

 

“ดื้อซะไม่มี” ผมบ่นกับตัวเองพลางมองตามหลังมันไปด้วย

 

“ดื้อก็ดื้อแต่กับพ่อนี่แหละ กับภีมคงเชื่อฟังเลยล่ะสิ”

 

“เปล่าครับ หัวรั้นน่าดู ถ้าเชื่อฟังผมขนาดนั้นคงยอมมาขอโทษพ่อดีๆ แล้ว”

 

“อย่าไปบังคับเขานักเลย พ่อก็ผิดส่วนหนึ่ง”

 

“แต่พ่อก็ยอมรับแล้วนี่ครับ เดี๋ยวผมจะเกลี้ยกล่อมมันจนยอมใจอ่อนเลย ไปนะครับไม่กวนเวลาทำงานแล้ว”

 

เขายกยิ้มตอบ พร้อมกับร่างของผมที่เดินละไปขึ้นลิฟท์ด้วยความอารมณ์เสีย จะสอนเด็กน่ะสอนได้ แต่เฒ่าทารกแบบไอ้นี่จะสอนยังไงวะ ใช้ไม้ตายไหนถึงจะดัดได้ คิดแล้วก็ปวดหัวขึ้นมาทันทีเลย ผมก้าวเท้าเดินเอื่อยๆ ไปยังหน้าประตูห้องประจำที่พัก เปิดประตูที่มันไม่ได้ล๊อคและเดินลากเท้าไปเรื่อยๆ แทนที่จะปวดหัวเรื่องการสอบแต่ปวดหัวเรื่องผัว นี่ผมจะแรดไปถึงไหนวะ

 

วางกระเป๋าไว้บนโซฟาข้างๆ มันที่กำลังดูทีวี ดูรายการแข่งรถ พอมันเห็นเท่านั้นแหละหันมาโวยผมทันทีเลย “เอาไปเก็บให้เข้าที่ มันรก”

 

แหม ไอ้เวรตะไล พอมึงเป็นคนทำความสะอาดบ้านแล้วเอาใหญ่เลยนะ เห็นไหมมันทำยากแค่ไหน

 

“บ่นอยู่ได้ วางไว้ก่อนก็ได้หรอก” ผมว่า

 

“วางไว้ก่อนก็ได้ แต่กูก็เก็บให้มึงทุกทีนั่นแหละน่า”

 

“เออ เอาไปเก็บให้เลยมันง่ายกว่าจะต้องมาเถียงกับกูไหมวะ”

 

“มึงก็หัดเก็บของให้เป็นที่เป็นทางหน่อยสิวะ”

 

แหม มึงขึ้นวะกับกูเหรอ ผมยกกำปั้นทุบบ่ามันไปทีด้วยความหมั่นไส้

 

“พอเถียงไม่ได้ก็ใช้กำลังกับผัวตลอด” มันว่าพลางขมวดคิ้ว แล้วก็หยิบกระเป๋าเข้าไปแขวนไว้ดีๆ ครับ ไอ้ผมก็หมั่นไส้ถอดถุงเท้าวางไว้อีก

 

“ถุงเท้าด้วยปอ”

 

มันหน้ามุ่ยเดินมาเก็บเงียบๆ ครับ น่ารักดีจริงๆ “ผ้าใส่แล้วเต็มตะกร้าเลย เอาลงไปร้านซักรีดด้วยนะพี่ปอ”

 

พูดเพราะๆ หน่อยเดี๋ยวแม่งไล่เตะตูดผม

 

มันหันมามองหน้าผมแบบว่าหงุดหงิดมาก ทางนี้ก็นั่งยิ้มแดกน้ำส้มที่มันรินไว้กินเอง ซัดของมันหมดแก้วแล้วนอนลงดูทีวี เอ้อ มีผัวไว้รับใช้ก็ดีเหมือนกันนะ

 

ใช่ครับเมื่อครู่คุณอ่านไม่ผิด ตอนนี้ผมไม่ได้มีสามีอย่างเดียวครับ มีคนรับใช้พ่วงตามหลังมาด้วย หลังๆ นี่ผมเป็นเทวดามาก พอมันบ่นผมก็เถียง พอมันเถียงผมก็ใช้กำลังบังคับข่มเหง แบบที่มันบอกจะยอมผมเปี๊ยบเลยแหละ ปอมันทำทุกอย่างให้ทั้งงานบ้านงานเรือน ปัดกวาดเช็ดถูห้องเองทั้งหมด จริงๆ ผมก็เก็บนะแต่ส่วนใหญ่มันเป็นคนทำมากกว่า

 

อย่างเรื่องเสื้อผ้า ถ้าผมบอกว่าไม่อยากข้ามถนน ไม่อยากร้อนแดด ปอมันก็ใจดีเดินลงเอาไปซักให้ตามใจทุกอย่าง ส่วนห้องนี่ช่วยกันดูแล แต่ก็ส่วนใหญ่เป็นปอนั่นแหละที่เก็บของ มักจะมาดุให้เก็บเข้าที่เข้าทาง อยู่ด้วยกันนานๆ ไปก็เริ่มกลับมาทะเลาะกัน เถียงกันแบบนี้บ่อยขึ้น แต่ผมก็เห็นว่ามันรักผมมากขึ้น ความหวานอาจลดน้อยลงบ้าง แต่มันก็หมั่นเติมให้ผมถึงแม้จะบอกว่ายุ่ง

 

ตอนนี้มันโคตรน่ารัก จากที่เคยเลวมากๆ ตอนนี้ถ้าใครแย่งมันไปผมจะตามไปตบ เอ่อ…กระทืบถึงบ้านเลย นี่ไม่ได้ขู่นะ พี่ปอน่ะเป็นของผมคนเดียวไม่ยกให้ใครหรอก

 

เสร็จจากเอาผ้าไปซัก มันถือของกินจากเซเว่นมาเยอะแยะ ผมนี่หันไปมองเลย ส่งสายตาไปบอกประมาณว่าขอกินด้วยดิ มันยักไหล่เดินเอาไปวางไว้บนโต๊ะล่อหน้าล่อตาผมครับ เหงื่อมันผุดตามตัวเพราะมันเป็นคนที่ขี้ร้อนเอามากๆ แค่เดินขึ้นลงไปยังร้านซักรีดที่อยู่ตรงข้ามตากแดดนิดๆ หน่อยๆ นี่เหงื่อเต็มตัว

 

มันถอดเสื้อเดินหันหลังเอาไปใส่ตระกร้า ผมยิ้มมองตามร่างสูงๆ ไปด้วย น่ารักจริงๆ คิดถูกแล้วที่ยอมมาอยู่ด้วย ก่อนจะชะงักสายตา

 

เอ๊ะ รอยอะไรแดงๆ บนหลัง ผมนี่อารมณ์ขึ้นทันทีเมื่อเห็นอย่างนั้น

 

นี่มึงอย่าบอกนะแอบไปนอนกับใครมา!

 

“ปอ!” ผมรีบเดินไปหามันทันที มันหันกลับมาแสดงถึงความสงสัย

 

“อะไร ไม่ต้องใช้แล้วนะ พี่จะอาบน้ำมันร้อนเนี่ย” มันบ่นพลางเปิดประตูตู้จะหยิบผ้าขนหนู

 

ผมซัดมันไปหนึ่งเพี๊ยะ “รอยอะไร?”

 

“หะ?” มันย้อนพลางเลิกคิ้ว

 

“กูถามว่ารอยที่หลังมึงอะ รอยอะไร?”

 

“รอยที่หลัง?” มันย้อนแล้วก็คิด มึงต้องคิดนานขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ กำลังจะห้าข้อแก้ตัวใช่ไหม!

 

“ตอบกูมา มึงแอบไปนอนกับใครใช่ไหมปอ ไอ้เหี้ย ไอ้สัด ไอ้มักมาก โรคจิตสันดานไม่เคยพอ!”

 

“เดี๋ยวๆๆ เปล่า พี่เปล่านะภีม!” มันหันมาจับมือผมที่กำลังจะซัดมันแล้ว มึงไม่ต้องมาแก้ตัวเลย กูคิดไว้แล้วไม่มีผิด

 

“เปล่ายังไง! นั่นมันรอยอะไรล่ะ!?”

 

“มันเป็นรอยยังไงล่ะมองไม่เห็น?”

 

“รอยข่วนนั่นน่ะ ตรงหลังมึงน่ะไม่ต้องมาแก้ตัวเลยปอ”

 

“รอยข่วนอะไรวะ ภีม แม่งเอ๊ย…”

 

มึงด่ากูเหรอ

 

ผมตัวสั่นมองมันด้วยความโกรธ ยกมือมาซัดตัวมันดังตุบตับพร้อมกับมันที่จับข้อมือผมส่ายหน้าบอกว่าไม่ใช่ “เปล่าภีม ฟังก่อน รอยนั่นน่ะ…”

 

“อ๋อ มึงคิดออกแล้วใช่ไหม ไปนอนกับใครมา ไอ้พี่คนนั้นใช่ไหมปอ กูผิดหวังในตัวมึงมากมึงรู้ไว้เลย!”

 

“เปล่าภีม ฟังก่อน”

 

“ไม่! กูไม่ฟังอะไรมึงอีกแล้วปอ กูจะไม่อยู่กับมึงอีกแล้ว!”

 

“ไม่ใช่!”

 

ผมชะงักนิ่ง เมื่อมันตะเบ็งเสียงให้ผมเงียบฟังด้วยดวงตาแข็งราวกับกำลังดุผม ตัวผมชะงักก่อนจะนิ่งมองมันที่จ้องตาผมราวกับลังโมโห อะไรกัน มันต่างหากที่ผิดที่นอกใจผม ร่างกายผมสั่นไปหมดจะโกรธก็โกรธ อยากจะระบายมันก็เอาแต่เถียง

 

ผมนิ่งเงียบจ้องตามัน

 

“จะหึงอะไรก็หัดมีเหตุผลบ้างสิภีม ทำตัวแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ!” มันว่าเสียงดัง กำลังดุผม กำลังบ่นผม นี่ผมทำอะไรผิดวะ

 

“ก็มึงน่ะ…”

 

“ฟังพี่!” มันว่า

 

“จะหึงน่ะได้ แต่ฟังพี่ก่อนได้ไหม ถ้าพี่ผิดจริงๆ ค่อยว่าค่อยตีพี่จะยอมรับ”

 

“ก็มึงผิดจริงๆ นี่ รอยนั่น…”

 

“อย่าเอาแต่ใจ!” มันขึ้นเสียง ผมตัวสั่นกำหมัดจะตีมันอีกรอบ มือมันกำข้อมือผมแน่น

 

ผมได้แต่ดิ้นให้มันปล่อยทั้งร้องว่า “มึงก็เหมือนเดิม จะดีไปได้นานแค่ไหนก็นิสัยเดิม สันดานเดิม!”

 

ผมก้มหน้า น้ำตาแม่งไหลเพราะทำอะไรไม่ได้ ปอมันนิ่ง

 

“ภีม ทำไมไม่ฟังพี่บ้างวะ”

 

“ก็หลักฐานมันชัดขนาดนั้น!” ผมเงยขึ้นไปว่า กลั้นสะอื้น

 

“รอยนั่นภีมเป็นคนทำจำไม่ได้รึไง เมื่อวานตอนถูหลังให้น่ะ”

 

มันว่าเสียงเบา จูบหัวผม “ขอโทษนะที่เสียงดัง แต่ฟังก่อนสิก่อนที่จะโวยวายอะไร”

 

“เมื่อวาน…”

 

“ใช่ เมื่อวานน่ะโกรธอะไรไม่รู้มาข่วนหลังพี่”

 

เออ…

 

ผมนิ่งมองมันก่อนจะกลอกตานึก ใช่นี่หว่า กูผิดเองนี่หว่า

 

กูมันเอาแต่ใจจริงๆ

 

ได้แต่พยักหน้ายอมรับผิดแต่โดยดี ผมแม่งโคตรตกใจที่ปอมันขึ้นเสียงใส่เลย นึกว่ามันจะเถียงอย่างเดียว อยากเอาชนะอย่างเดียว

 

แล้วนี่ดันใส่อารมณ์ใส่ฟีลลิ่งทุบตีซะตัวมันแดงขนาดนี้ ผมก้มหน้าลงมองพื้นยอมรับฟังเทศน์จากมันแต่โดยดีไม่เถียงอะไรอีก ก็มันทำตัวมีพิรุธเองนี่นา

 

“ใครมันจะไปรู้ล่ะ ก็เห็นเป็นรอยเล็บข่วนก็นึกว่า…”

 

“เอาอะไรมาคิดแบบนั้น บอกแล้วไงให้เชื่อใจพี่น่ะหา”

 

ผมก้มหน้าตัวเอง มือมันขยับมาจับหัวผมลูบเบาๆ ราวกำลังปลอบ “ก็เราคืนดีกันเป็นเดือนแล้วนี่ แต่ปอก็ไม่มีอะไรกับภีม ก็เลยคิดว่าอาจจะไปนอนกับใคร…”

 

“บ้ารึไง ใครจะนอกใจภีมได้ พี่สัญญาแล้วแล้วก็เป็นคนรักษาสัญญามากพอน่า”

 

ผมเงยหน้าไปมองตอนมันพูด “ก็ปอขาดเซ็กส์ไม่ได้! งั้นบอกมาสิว่าทำยังไงล่ะถ้าไม่ไปนอนกับคนอื่น คนแบบมึงกูรู้ดี ปอ!”

 

ปอมันยกมือกุมหน้าตัวถอนใจราวกับเหนื่อยอ่อน จับมือผมดึงไปทรุดตัวนั่งบนโซฟาแล้วก็ดึงเข้าไปจูบ แนบปากจูบด้วยความรักที่มันมอบให้ ไล่ลิ้นวนในโพรงปากพร้อมกับเม้มริมฝีปากล่างของผมด้วยความอ่อนโยน ในหัวของผมมีแต่คำถาม ว่าที่ปอกำลังทำหมายความว่ายังไง

 

ผมผละปากออกไปจ้องตามันผ่านม่านน้ำตา จ้องตาหาความหมาย นิ้วมันปาดน้ำตาให้ผมด้วยความใจดีอย่างเคย มันปลดซิบกางเกงตัวเองดึงมือผมให้ไปจับน้องชายของมันผ่านเนื้อผ้าบ๊อกเซอร์ แค่จูบ ทำไมมันตอบสนองไวแบบนี้

 

ผมมองตามันนิ่ง ขยับเข้าไปจูบปากมัน

 

“ขอโทษนะปอ ขอโทษที่ไม่ไว้ใจ”

 

“ไม่เป็นไร ดีใจนะที่หึงขนาดนี้” มันยิ้ม ซุกหน้าลงบนซอกคอของผมแนบจูบ “ไม่มีวันไหนเลยทีแตะต้องตัวภีมแล้วไม่รู้สึก ทรมานนะภีม แต่พี่ก็ต้องรอจนกว่าภีมจะพร้อม…”

 

“พร้อมแล้วปอ พร้อมแล้ว”

 

ผมว่าทันที มือยกขึ้นกอดไหล่ของมันที่กำลังซุกไซ้คอ แนบจูบได้ยินเสียงจุ๊บๆ ยอมรับเลยว่าตอนถูกปอมันกอดจูบบางทีก็อยากให้มันเกินเลยบ้าง อยากให้มันทำมากกว่านั้นเพราะมันทำให้ผมมั่นใจว่ามันจะมีผมแค่คนเดียว

 

ผมคิดมากจริงๆ




ต่อพามสองจ้า
 :haun4:
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 25
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 15-11-2014 23:14:21


ตอนที่ 25

Part 2


 

“ถ้าเจ็บนี่ห้ามบ่นนะ” มันว่า

 

“อืม ก็…ทำเบาๆ ด้วยสิ”

 

ผมว่าพลางก้มจูบมัน งับหูมันไปทีด้วยความหมั่นเขี้ยว อารมณ์วูบไหวตอบสนองเมื่อมันสัมผัสไปทั่วตัว มือผมทำงานด้วยรู้หน้าที่ ถอดเสื้อตัวเองแล้วผลักมันเอนตัวพิงพนักโซฟา เห็นแววประหลาดใจของมันที่ฉายออกมาเมื่อผมขยับไปนั่งบนตัก

 

มันยกยิ้มกับตัวเอง นี่กูไม่ได้อยากนะ แค่จะให้รางวัลมึงเฉยๆ ที่อดทนมาโดยตลอด

 

“ที่ผ่านมาทำยังไง?” ผมว่าพลางมองตามัน มือคล้องคอแล้วก้มลงไปจูบปากมัน ลิ้นพันรัวนัวเนียกันจนเกิดเสียง ผมผ่อนลมหายใจตัวเองผละมาจ้องตามันด้วยความอยากรู้

 

“ทำแบบนี้ไง?”

 

มันว่าพลางปลดกระดุมบ๊อกเซอร์ ดึงไอ้ปอเบอร์สองออกมาตั้งผงาดชี้หน้า ผมไม่เห็นมันแบบนี้นานแค่ไหนแล้ว ได้แต่มองปอที่มันขยับมือเข้าไปกำของตัวเองขยับมือสาวขึ้นลง ดวงตามันมองหน้าผมเม้มปากตัวเองทำหน้าทำตาเซ็กซี่ใส่

 

บอกเลยว่าสยิวกับท่าทางมันมาก มันจะบอกว่ามันใช้มือช่วยตัวเองมาตลอดทั้งๆ ที่ผมนอนอยู่กับมันทุกวันเนี่ยนะ ผมกอดคอมันแน่น ทำไมปอมันน่ารักแบบนี้วะ

 

“ปอ น่ารักว่ะ” ผมว่าเสียงเบา หลุดหัวเราะตามมันที่ดึงผมเข้าไปกอด

 

“รักมากๆ สิ”

 

“อื้ม…รักมากกว่าเดิมอีก รักพี่ปอนะ”

 

ผมว่าเสียงเบา แนบจูบหูมัน จูบคอมันแสดงความรัก ปอมันขยับมือบนก้อนกายตัวเองเสียงครางฮึ่มฮั่มในคอเมื่อถูกผมพรมจูบบนลำคอและใบหูของมัน บอกว่ารักมันตลอดเวลา มันกอดผมและบอกว่ารักตอบเช่นกัน

 

ผมดึงมือมันออกจากก้อนกายตัวเอง ดึงให้มันขยับล้มตัวลงตามมาขณะที่เอนตัวลงนอนหงายบนโซฟา ปอมันมองตัวผม ไล้มือไปตามตัวจนร้อนวูบวาบ ผมเม้มปากตัวเอง แค่มันสัมผัสก็เรียกอารมณ์วาบไหวได้ทั่วทั้งร่าง ได้แต่ช้อนตามองมันที่ก้มมองร่างกายของผมราวกับกำลังโหยหาและอยากจะขย้ำเสียเต็มประดา

 

ขย้ำสิปอ ขย้ำเลย เอาให้พอใจ

 

ผมหลับตาเมื่อมือมันสอดเข้ามาในกางเกงสัมผัส เสียงผมหลุดครางดังออกไปเรื่อยๆ เมื่อมันขยับมืออยู่ข้างใน ผมลืมตาหยีหน้า จับมือมันบอกให้พอ ปอมันลอบกลืนน้ำลาย ดึงขอบกางเกงผมร่นออกจากเอวพร้อมกางเกงใน หน้าผมร้อนวูบวาบกับความเขินอาย เพราะไม่ว่ายังไงก็ยังไม่ชินกับสายตาโลมเลียของมันสักที

 

เสื้อผ้าผมถูกโยนไปไหนสักแห่ง ตัวผมร้อนรุ่มเมื่อปอมันล้มตัวมาทาบทับอีกครั้ง จูบปากผมและขยับมือมาแนบผสานกับผม ความรู้สึกตอนนี้มันไม่รู้จะอธิบายยังไง ลิ้นมันแตะบนยอดอกของผม ดูดเลีย เม้ม กัดหยอกล้อ ลากลงมาหน้าท้อง ลมหายใจผมติดขัดรู้สึกถึงก้อนกายตัวเองที่กระตุกวูบ

 

ผมก้มมอง ปอมันวนลิ้นอยู่แถวสะดือ ลากต่ำลงมา โอย…ผมได้แต่จิกไหล่ของมันด้วยความซ่านในท้องน้อย มือมันจับก้อนกายผมสาวขึ้นลง ผมได้แต่พยายามหลับตาผ่อนอารมณ์ตัวเอง อะไรร้อนๆ แตะบนส่วนปลาย ผมยกหัวขึ้นมอง ความรู้สึกคือเขินมากเมื่อเห็นว่าเป็นลิ้นของมัน มันเลีย เล่นกับส่วนกลางของหัวก่อนจะครอบไปทั้งปากราวกับรู้ว่าผมมองอยู่ ผมสะดุ้งเฮือกใหญ่

 

“ปอ…” ผมหยีหน้า เสียวครับเสียวจริงๆ เมื่อมันขยับหัวขึ้นลงรูดแท่งของผมด้วยปากได้ยินเสียงจุบจับจากปากเมื่อขยับ เหมือนตอนผมใช้ปากให้มัน เพียงแต่ของผมไม่ได้อลังการเหมือนมันเท่านั้นเอง

 

โอย ผมลูบหน้าท้องตัวเอง เหมือนผีเสื้อบินว่อนในท้องเป็นร้อยๆ ตัว

 

มันช้อนตามามองผม มองตาผมใบหน้าเหยเกที่สูดลมหายใจเข้าปาก แอ่นเอวตอบมันอย่างไม่รู้ตัว อารมณ์แบบนี้มันเหมือนตอนมีอะไรกับผู้หญิงหรือเปล่า มันต่างจากใช้มืออย่างสิ้นเชิงเลย มันอุ่นมากๆ นิ่มมากจากปากของปอ

 

“อะ พี่ปอ พี่ปอ!” จะเสร็จแล้ว

 

ผมดันไหล่มัน มันโยกหัวไม่ยอมหยุด มือก็บีบขาอ่อนผม ผมหยีหน้าอยากร้องไห้ อารมณ์ตอนนี้สุดๆ แบบว่าจะลอยขึ้นสวรรค์ให้ได้

 

“เอาปากออกปอ จะเสร็จ!” ผมดันไหล่มันออก ปอมันละออกมาแล้วยิ้ม  แนบปากจูบแล้วใช้มือส่งผมให้ถึงฝั่ง ลิ้นเราพันกันแนบจูบอย่างโหยหา ผมผละไปกัดคอมันเมื่ออารมณ์ถึงขีดสุด ชั่วโมงนี้ผัวน่ารักน่ากัดมาก

 

ตัวกระตุกเกร็งเมื่อมืออุ่นของปอระรัวอย่างเก่งกาจ ผมฉีดน้ำออกจากตัวพร้อมกับสมองตื้อเบลอไปชั่วขณะ กัดปอมันและใช้ลิ้นเลียปลอบ เม้มดูดคอมันและกอดแน่นราวกับกลัวใครมาพรากเราจากกัน มันเองก็กอดผมเช่นกัน กอดด้วยความรักที่มอบให้ผม

 

ผมเชื่อเสมอ

 

เรานิ่งจ้องตากันหลังจากผมเสร็จกิจ ดวงตาผมมองร่างกายที่ไม่มีเสื้อผ้าปกปิด ตอนนี้มันถูกประดับด้วยน้ำกามของตัวเอง ปอมันยิ่งมองด้วยความชอบใจ ลุกไปถอดกางเกงเหลือแต่บ๊อกเซอร์ขยับเข้ามาหา บ้องข้าวหลามมันยังตั้งแข็งแรงเสมอ กระดกบอกว่าอยากปลดปล่อยเต็มที ผมเม้มปากขยับตัวเข้าหา

 

“กูทำให้”

 

ว่าเสียงเบาปนหอบ มันเลิกคิ้วเมื่อถูกผลักให้พิงพนักโซฟาอีกครั้ง ชั่วโมงนี้อยากเซอร์วิสให้รางวัลมัน

 

“ไม่ต้องฝืนก็ได้นะ” มันว่า ขยับมือมาไล้ตัวผมเลื่อนไปยังบั้นท้าย แสดงว่ามันอยากสอดใส่แล้วล่ะสิ ผมมองตามันนิ่ง

 

“เจลอยู่ไหน?”

 

มันเลิกคิ้วตัวเอง ไหนบอกว่ามึงเก่งนักหนาทำไมคราวนี้ไม่เป็นงานเลย “ไปหยิบมาสิมัวรออะไร จะเอาไหม?”

 

“วันนี้มาแปลกนะ”

 

มันว่าพลางเดินไปหยิบทั้งเจลทั้งถุงยางเตรียมพร้อม นี่ผมแปลกขนาดนั้นเลยเหรอ

 

“กูออนท็อปให้นะ”

 

“หา?” มันว่าพลางเบิกตา

 

นี่กูแปลกขนาดนั้นจริงๆ ขนาดมึงต้องตกใจเลยเหรอ

 

ผมหลบตามันด้วยความเขิน ขยับตัวขึ้นไปนั่งบนตัก เมื่อรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อๆ ของมันราวกับกำลังรู้ใจว่าผมตั้งใจจะเอาอกเอาใจเป็นการง้อ

 

ปอมันดึงเอวผมเข้าไปหาไม่รีรอ บีบเจลใส่มือแล้วดันนิ้วเข้าไปในตัวผมทันที แม้มันจะกอดจูบให้คลายความกลัว ด้วยเพราะผมห่างมือมันนานมากแล้วข้างหลังก็เลยกลับมามีหยากไย่เกาะกรังใช้งานไม่ดีแบบนี้ไง ผมรู้สึกถึงความเจ็บ ร้องครางในคอบอกให้มันเบาๆ แค่นิ้วเดียวนะเนี่ย ปอมันจูบผมปลอบ ใช้อีกนิ้วตามไปติดๆ ขยับเข้าออกให้ผมรู้สึก

 

“อะ ปอ…” ผมเม้มปาก ก้มลงไปจูบแลกลิ้น แค่นี้ก็ตื่นตัวเป็นรอบที่สองแล้ว

 

ปอมันเพิ่มนิ้ว ผ่อนคลายอารมณ์ด้วยมืออีกข้างมาสาวข้างหน้า อารมณ์ตอนนี้อยากจะเสร็จอีกรอบมาก ทั้งข้างหน้าข้างหลัง ผมเอื้อมมือไปหยิบถุงยางมาฉีกอย่างรู้งาน แต่ทุลักทุเลไม่น้อยเพราะมัวแต่กระตุก ปอมันได้แต่มองตัวผมเหมือนต้องการจดจำรายละเอียด มองหน้าผมที่ตอนนี้คงแดงมากแน่ๆ

 

ไม่ได้จะแรดจะร่านแบบนี้กับใครหรอกนะปอ กูยอมมึงคนเดียว ผมส่ายหัวให้ตัวเองที่มัวแต่กระตุกตามแรงคนทำ ไม่มีสมาธิ พยายามขยับมือใส่ถุงยางให้มันจนสุด รู้สึกโล่งเมื่อมันถอนมือออกจากด้านหลัง แต่ตัวผมจะแตกให้ได้เหอะ

 

“มาสิ คนเก่ง” มันว่า ขยับมือจับถุงยางหลังจากเทเจลใส่ อีกมือดึงเอวผมเข้าหา

 

ตื่นเต้นครับไม่โดนนาน เอ่อ…นั่นแหละ

 

ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่มันข่มขืนผมแล้วเลิกกัน และถึงจะบอกว่าเมื่อก่อนเคยโดนมันทำมาหลายครั้ง หลายแบบ แต่ก็ยังกลัวนะว่าจะเจ็บ แต่ถ้าปอมันอ่อนโยนใจดีกับผมแบบนี้ บอกเลยว่ายอมให้ง่ายๆ ทุกครั้ง

 

ก็มันทำตัวดีขนาดนี้ แถมครั้งนี้ผมผิดเต็มๆ เลย

 

ให้ผมง้อมันบ้าง

 

ผมขยับตัวเข้าหามันที่สาวมือบนแก่นตัวเอง จับมันตั้งรอให้ผมเข้าไป ดวงตาผมลอบมองมันที่ตอนนี้ก็จ้องไอ้ตรงที่มันกับผมกำลังจะรวมร่างกันนั่นแหละ มันจ้องของผมตาไม่กระพริบ ผมนี่ทำตัวไม่ถูก ได้แต่ค่อยๆ ขยับไปหามัน ช่องทางรักของผมกับแท่งร้อนๆ ของมันบรรจบกัน ปอมันถูๆ ไถๆ อยู่ครู่ ทำเสียงซี๊ดซ๊าดชอบอกชอบใจ

 

ผมเม้มปาก เอาวะ

 

“อย่าเพิ่งนะ ให้ภีมทำเอง” ผมว่า จับของมันตั้งขึ้นแล้วค่อยวางก้นตัวเองลง ยอมรับว่าใส่ยากมาก ปอมันช่วยขยับไปมาเมื่อผมค่อยๆ ทิ้งเอวลง กลั้นหายใจเมื่อแก่นกายมันแทรกเข้ามาในตัวผมช้าๆ เจ็บมาก

 

ผมมองหน้ามันแล้วทำหน้าตัวเองว่าเหมือนจะร้องไห้ แต่เห็นหน้ามันแล้วหยุดไม่ได้ ปอมันกำลังมีความสุข อีกอย่างมันก็คงจะเจ็บแค่ตอนใส่ส่วนหัวเท่านั้นแหละ คิดแล้วนั้นก็พยายามดันตัวเองลงไปจนมิดหัว ผมพักหายใจรู้สึกตึงและร้อนมากข้างใน

 

ปอมันมองตาผม เสียงมันหายใจกระเส่าบีบบั้นเอวผม ตอนนี้มันคงรู้สึกดีมากๆ แน่  ผมขยับตัวเคลื่อนให้มันเข้าไปจนสุด ลึกมากจนรู้สึกว่าท้องผมเต็มไปด้วยตัวอุ่นๆ ของปอ เราเป็นของกันและกันอีกครั้ง

 

“อะ โคตรแน่นเลย”

 

ปอมันครางต่ำเมื่อหัวเหน่ากระทบก้นผม ความรู้สึกดีตีอกผมเมื่อเห็นมันไม่เป็นตัวเอง มือขยับมาทิ้งบนหน้าอกเป็นหลักให้ยึดเกาะ เอวผมค่อยๆ ขยับขึ้นลงข้าๆ โอย ไม่ใช่แค่เจ็บ อารมณ์หลายอย่างผสมปนเปในท้องน้อยผมให้ตัวเองรีบเร่งขยับตัวบนก้อนกายมัน

 

ทั้งเสียวทั้งฮึกเหิม ยิ่งได้ยินเสียงปอมันพึงพอใจผมยิ่งชอบใจ ก้อนกายตื่นตัวเต็มที่แม้มันไม่ได้แตะต้องอะไรเลย ผมหอบคราง ได้ยินแต่เสียงลมหายใจกระเส่าของตัวเองและเสียงเนื้อกระทบกัน ปอมันกระทุ้งเอวสวน ยกมือจับเอวผมดึงลงมาแรงๆ ผมลืมเจ็บรู้เพียงแค่ว่าตอนนี้โคตรเสียว โคตรรู้สึกดี

 

“อื้อ อื้อ…ปอ”

 

ผมจ้องตามัน มองตัวมันที่มีเหงื่อซึมออกมาเต็มตัว มันจับเอวผมขึ้นค้างไว้แล้วสวนขึ้นถี่ๆ ข้างในตัวผมร้อนเป็นไฟ ได้ยินเสียงตัวเองร้องในลำคออย่างบ้าคลั่ง เสียงของปอที่กำลังมีความสุขตอบกลับมา เสียงแห่งความสุขสม ผมไม่ได้ยินมานานแล้ว พอได้ฟังมันยิ่งกระตุ้นอารมณ์มากขึ้นไปอีก

 

“อะ อะ…” เสียงผมขาดหายเมื่อมันกระแทกตัวเข้ามา มือปอกอดผม บีบบั้นเอวบอกว่าตัวเองก็มีอารมณ์ความรู้สึกไม่ต่างกัน ก่อนร่างผมถูกจับนอนหงาย

 

“อ้าขาภีม อ้ากว้างๆ” เสียงปอกระเส่า ทั้งสั่นทั้งไม่มีแรง

 

ผมทำตามอย่างว่าง่าย อ้าขาออกให้มันโน้มตัวเอาแขนมาเท้าพื้นโซฟาขยับเอวกระแทกสวบๆ เข้ามาไม่หยุดยั้ง ตัวผมไหวไปตามแรง จ้องตามันที่กำลังกัดริมฝีปากล่างตัวเองครางอย่างพอใจ โคตรเซ็กซี่เลย เห็นแล้วยิ่งมีอารมณ์ มือผมเกาะคอมันดึงมาจูบ ขยับไปกอดเอวมันที่ยังขยับ ช้าเร็วปะปนกันไปตามอารมณ์

 

ปอมันนิ่งมองตา ยกยิ้มนิดๆ ไอ้ผมก็เขินน่ะสิ มายิ้มให้กันตอนมีเซ็กส์น่ะ

 

“กอดพี่ไว้นะ ตรงนี้มันแคบ”

 

ตัวผมถูกอุ้มลอยขึ้น ขาผมเกาะเกี่ยวเอวปอไว้แน่น มือกอดคอ มันอุ้มพาผมเข้าไปวางไว้บนเตียง ลำขาถูกจับแยกออกจากกันพร้อมร่างหนาๆ ของคนตรงหน้าแทรกตัวมาทาบทับ จูบผม บอกว่ารักผมขณะที่เอวยังทำงาน

 

ผมเชื่ออย่างสนิทใจ ได้แต่ขานรับมันอย่างไม่ได้ศัพท์ ดวงตาเอ่อไปด้วยน้ำตา เพราะทุกครั้งแม้พี่ปอมันจะรุนแรง บ้าคลั่งโหยหาราวกับเสือโหยขนาดไหน มันก็ยังไม่ลืมที่จะขยับเข้ามากระซิบบอกว่ารักผมด้วยความอ่อนโยนเสมอ แม้มันจะขอให้ผมยอมทำตามที่ตัวเองต้องการ ริมฝีปากอุ่นไม่เลยละจากแผ่นหลังของผม มันจูบซับ พรมไปทั่วราวกับลุ่มหลงในตัวผมแม้เหงื่อจะเกาะไปทั้งตัวยังไง จมดิ่งกับความสุขที่ผมสมยอมง่ายๆ

 

ครั้งแรกของเรา มันดีกว่าที่ผมคิดไว้

 

“อะ! พี่ปอ จะ จะเสร็จ!”

 

ผมฟุบหน้ากับหมอน ผมเสร็จรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ตอนนี้อยู่ในท่านอนคว่ำหันหลังให้ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องหู มือปอมันเอื้อมมาสาวก้อนกายให้ผม ร่างผมกระตุกเกร็งอีกครั้ง ตอดรัดตัวมันแน่น ได้ยินเสียงมันซี๊ดหยุดขยับตัวเร่งให้ผมเสร็จ ตัวผมขดกระตุกปล่อยลาวาอุ่นๆ ออกมาอีกครั้ง

 

“อะ ภีมมันรัดแน่น เบาๆ สิ” ปอมันว่า สาวมือรีดน้ำให้ผมเสร็จโดยไว เหงื่อไหลทั้งๆ ที่ห้องเย็นเฉียบ ผมหันไปมองมันที่ขยับตัวจับนอนตะแคงเปลี่ยนท่า

 

“เมื่อยไหม?” มันจูบคางผมถาม ผมส่ายหน้า ชั่วโมงนี้ยอมทุกอย่างแล้ว

 

“อื้อ อื้อ…” ปอมันดึงหน้าผมไปแลกลิ้นจูบ ตัวก็เริ่มขยับอีกครั้ง เดี่ยวผมก็ได้ตื่นตัวมาอีกรอบ ตัวผมสะเทิ้นไปตามแรงกระแทกด้านหลัง ลิ้นพันกันกับปอที่ยังแนบจูบอย่างตะกละตะกลามราวกับกลัวว่าผมจะไม่ยอมนอนกับมันอีกงั้นแหละ

 

มือหนาๆ มันอีกข้างจับข้อพับขาผมไปคล้องกับแขนมันให้ลอยขึ้น ผมร้องสุดเสียงเพราะแม่ง มันลึกแล้วก็ใส่เข้าไปได้สุดๆ

 

ปอมันครางในลำคอ เร่งความเร็วบ่งบอกว่ากำลังจะเสร็จ ตัวผมสะเทิ้นระรัวไปตามแรงก่อนที่มันจะถอนตัวออกมาดึงถุงยางโยนทิ้ง แทรกตัวระหว่างกลางตัวผมใช้มือสาวระรัว ผมขยับตัวไปจูบปากมัน ได้ยินเสียงแห่งความสุขสมในลำคอมันชัดเจน ตัวหนาๆ กระตุกเกร็งแล้วปล่อยน้ำขาวขุ่นๆ ออกมาเกาะบนตัวผม

 

โรคจิต

 

จะให้น้ำของตัวเองเกาะในตัวผมเพื่อจะได้เก็บเอาไว้จำ หรือไม่ก็เป็นหลักฐานว่ามันเสร็จใส่ผมแล้ว ผมเดาใจแม่งออกเมื่อมันจับผมนอนหงายให้มันมองอย่างสมใจ หน้าท้องมันยังเกร็งพยายามรีดออกมาให้หมด สายตากวาดไปทั้งตัวของผม มองรางกายที่มันประทับตราไว้ทั้งหมดด้วยความภาคภูมิใจ

 

แต่ใช่แค่ผมทำคนเดียวเสียเมื่อไรที่ถูกประทับตรา บนตัวมันก็มีรอยของผมเหมือนกัน รอยที่ผมกัดคอมันก็ยังอยู่ รอยจูบปื้นแดงๆ บนลำคอมันก็ยังเหลือ เยอะแยะเลย คราวนี้ไอ้รุ่นพี่คนนั้นมันจะได้รู้สึกทีว่าปอแม่งมีเจ้าของแล้ว

 

ผมมองมันที่ก้มลงมาแนบจูบ นิ้วมือผมยกมือไล้หัวมันเบาๆ ราวกับปลอบเด็กน้อย มันหอบหายใจทิ้งน้ำหนักลงทับตัวผม หนักครับ ตอนทีอะไรกันทับมาได้หมดไม่รู้สึกเลย แต่ตอนนี้บอกเลยแม่งตัวหนัก

 

“อีกยกนะ” มันว่าเสียงเบา ผมหันไปมองมันที่หันมาสบตาเหมือนกัน

 

ไอ้สัดใจอ่อน

 

ยะ ยอมเหมือนเดิมครับ คราวนี้ไม่อวดเก่งแสดงวิชาที่มันสอนแล้ว นอนแหกปากครางอย่างเดียวให้ไอ้ปอเบอร์สองสวนเข้าสวนออกในตัวผม มันไม่ใช่เล็กๆ เลยนะ ปอมันเหมือนเก็บกด ใส่ไม่ยั้ง กว่ามันจะเสร็จผมน่ะขึ้นสวรรค์นำไปสองเท่า

 

แหกครับ ตูดผมแหกแน่แหละ สงสัยผมใช้งานบ้านมันหนักมากเกินไปมันเลยใช้งานหนักผมคืนบ้าง เอาซะผมลุกไม่ขึ้นเลยล่ะ

 

“อีกยกนะ” มันว่าเสียงกระเส่า

 

เดี๋ยวปอ กูเข้าใจแล้วว่ามึงหิวโหยมานาน ไว้ทดวันหลังได้ไหม ขอยามาให้กูกินด่วน!

 

“อีกหลายยกก็ได้” ผมว่า ดันเอวมันออกจากตัว “มายกกูไปอาบน้ำ เสร็จแล้วยกกูไปแต่งตัว พอกูแต่งตัวเสร็จหาข้าวให้กูแดกด้วย!”

 

ผมร้องว่า มันหลุดหัวเราะ

 

“เดี๋ยวกูยกไปต่อในห้องน้ำ เสร็จแล้วยกไปต่อหน้าตู้เสื้อผ้า แล้วสุดท้ายเอามึงขึ้นไปต่อบนโต๊ะอ่านหนังสือ”

 

ดะ เดี๋ยว ไม่ใช้อย่างนั้น!

 

ผมร้องครวญเมื่อมันจับผมอุ้มเข้าไปในห้องน้ำ ผมจะไม่ขอความเห็นใจจากใครๆ บอกเลยว่าจุดจบของผมที่แกล้งใช้งานมันเยี่ยงทาส จบแบบผมตัวซีดตัวผอมถูกมันจับรีดน้ำทั้งคืนครับ คืนนั้นน่ะเหรอ มันเอาผมซะหลับขณะที่มันยังคารูผมอยู่เลย สงสัยนี่จะโหยมากจริงๆ พอได้ทีแล้วจัดชุดใหญ่มาให้ผมเลยทีเดียวด้วยความปรารถณาดีจากพี่ปอ

 

ขยาดพี่ปอเบอร์สองอีกนานครับ

 

ผมว่าผมทำถูกแล้วนะ แต่ไหงสุดท้ายแม่งได้เดินขาถ่างไปสอบวันสุดท้ายก็ไม่รู้ เวลาเดินนี่เจ็บตูดขัดๆ ผมงอนมันครับที่เล่นไม่บันยะบันยังแบบนี้ เมื่อเช้ามันเลยง้อผม ขอผมอีกยกก่อนมาโรงเรียน ไอ้ผมเห็นวิธีง้อของมันแล้วหายงอนเป็นปลิดทิ้งเลย

 

“เห้ยปอ มึงโดนโรคจิตลากไปข่มขืนมาเหรอ?”

 

แถมผมนี่ต้องอายจนไม่รู้จะเอาหัวไปไว้ไหน เมื่อวันนี้เพื่อนมันทั้งกลุ่มมายืนรอที่ลานจอดรถครบครันกันทุกคนอย่างจะต้อนรับนายก ไอ้ปอมันก็เสือกแต่งช็อปมาโรงเรียน เสื้อยืดแล้วก็สวมช็อปทับมาง่ายๆ แล้วก็เห็นไอ้รอยจูบที่ผมทำไว้ไง

 

ผมนี่อายชิบหาย!

 

กลับกันกับผม ปอแม่งไม่ทำไว้เลยเพราะรู้ว่าวันนี้ผมแค่เดินขาถ่างมาโรงเรียนมันก็น่าอายมากพอแล้ว กูซึ้งใจมึงมากปอ กูซึ้งมาก ถ้ามึงดีขนาดนั้นตอนเอากูมึงน่าจะเพลาๆ ลงบ้าง!

 

คิดแล้วขึ้นครับ เดินขาถ่างขึ้นไปสอบต่อ

 

ไอ้นี่แม่งก็หน้าด้าน เดินเข้าไปในกลุ่มเฉยๆ เพื่อนแซวนี่ยิ้มหน้าระรื่นไปหา แต่กูน่ะอาย ดีนะแม่งมันเดินเข้าช็อปเลยไม่มีเรียนหรือต้องเดินเพ่นพ่านในโรงเรียน ไปตั้งใจทำงานอย่างเดียว คนที่เห็นก็แค่เพื่อนของมัน หน้าผมก็พอจะเซฟไว้บ้างจะได้ไม่อายมากไปกว่านี้

 

“แหม เบาตัวเลยดิไอ้สัด” เพื่อนคนหนึ่งว่ามัน

 

“สงสัยเมื่อคืนชุดใหญ่”

 

 หน้าผมร้อนเมื่อไอ้ปอมันหันมาเขย่าหัว

 

“กูไปทำงานนะ สอบเสร็จโทรเรียกด้วย ไม่งั้นก็เดินมาหาที่ช็อปกู มึงรู้ปะเนี่ยว่าอยู่ส่วนไหน”

 

“ไม่รู้กูก็ถามคนอื่นได้หรอกน่ะ ไปสอบแล้วนะ”

 

มันยกยิ้ม ผมเดินละออกมา พยายามเดินให้ปกติที่สุดเดี๋ยวเพื่อนไอ้ปอแม่งหัวเราะ ถึงจะอายขนาดไหนแต่ทำให้ไอ้รุ่นพี่เพื่อนมันเห็นได้ก็นับว่ากูมีชัย ฮึ่ย เดี๋ยวกูตีตราสามีกูทุกวันเลย

 

วะฮะฮ่า

 

อูยเจ็บตูด

ไม่ได้เจ็บขนาดเดินขาถ่างขนาดนั้นหรอก พอจะนอนกับมันได้ ตอนที่ปอมันทำมันใจดีกับผมมาก ถามผมตลอดว่าเจ็บไหม เมื่อยตัวไหม แคร์ผมขนาดนั้น

 

 

โคตรรักมึงเลยปอ

 

ถ้าจะให้กูรักมากกว่านี้มึงช่วยเบาๆ หน่อยก็ดี เพื่อตูดกูเนี่ย!

 



 
 :-[
มาอัพให้แล้วจ้า ตอนนี้เอ็นซีนะรู้ยางงงงง ถึงไม่รู้ก็รู้ไว้เหอะ 5555

นี่เรื่องตะครุบหัวใจฯ นะไม่ใช่สามีตีตราอย่าเพิ่งเปลี่ยนช่องไปไหนนะ 5555 เป็นไง เขินแปป เอ็นซีพอไปวัดไปวาได้ไหม ตอนนี้ภีมแรดอ่ะ อิอิ นางเซอร์วิสสามีนิดนึง ชอบไม่ชอบบอกกันด้วยน้า ตอนแรกอินอ่ะดิน้องมโนว่าพี่ปอนอกใจ พี่ปอนี่ขึ้นเลย

ชอบปอตอนนางเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนนะ เชื่อฟังเมียดี น่ารักๆ

ยังไงถ้าชอบก็อย่าลืมแบ่งปันเพื่อนๆ อ่าน แชร์ความฟินเน่อ ฝากโฆษณานิดนึง อิอิ
 

 เจอกันตอนหน้าจ้า ช่วงนี้เค้ากลับบ้านช้าน้าคงมาอัพได้ประมาณเวลานี้แหละ แต่เค้าจะอัพทุกวันไม่ต้องห่วง เจอกันตอนหน้าจ้า บ๊ายบาย


 :bye2:
หัวข้อ: Re: **(15.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 25 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 15-11-2014 23:39:43
อาว ตอนนี้ NC เหรอ ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย อิอิ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: **(15.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 25 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 16-11-2014 00:00:10
555แรดจริงๆ
หัวข้อ: Re: **(15.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 25 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-11-2014 00:13:45
นางเอก แรงอะตอนนี้ อิอิ :katai1:
หัวข้อ: Re: **(15.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 25 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 16-11-2014 12:04:03
ปอขอเบอร์กรีนทำไม แล้าเพื่อนคนนั้นอีกละ จะนอกใจมั้ยเนี้ยย
หัวข้อ: Re: **(15.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 25 P1-2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-11-2014 14:04:10
สุขกายสบายใจละช่วงนี้
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 26
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 16-11-2014 16:48:10
 

ตอนที่ 26

 

ยังเจ็บอยู่ครับยังไม่หายง่ายๆ

 

หลังจากสอบวิชาสุดท้ายเสร็จเป็นเวลาบ่ายสอง ผมมองโทรศัพท์ตัวเองจะกดโทรหาปอบอกว่าเสร็จแล้ว แต่ไม่เอาดีกว่า มันคงกำลังงานยุ่ง ผมว่าผมเดินเข้าไปหามันที่ห้องช็อปเลยดีกว่า และเมื่อคิดได้อย่างนั้นผมจึงเดินลงไปยังด้านล่างเพื่อที่จะเข้าห้องช็อป เห็นกรีนมันนั่งอยู่ใต้ต้นไม้หน้าตึกคนเดียว ผมว่าผมควรหาคนเข้าร่วมเพื่อที่จะเข้าไปข้างในนะ เดินไปคนเดียวเดี่ยวๆ มันชักจะมั่นใจเกินไปยังไงไม่รู้ เมื่อคิดได้ ผมจึงเดินเข้าไปหามันทันที

 

มันเงยมามองก่อนจะยกยิ้ม “สอบเสร็จแล้วเหรอ?”

 

“เออ แล้วนายล่ะ?”

 

มันพยักหน้าตอบพร้อมยิ้ม “เออ เราว่าจะเข้าไปในช็อป ไปกับเราไหม?”

 

“มะ ไม่ดีกว่า นายไปเถอะ”

 

มันส่ายหน้าปฏิเสธทันที แปลกๆ นะไอ้นี่ หรือมีความลับอะไรปิดบังผมอยู่วะ เห็นแล้วภาพตอนที่มันถูกไอ้ปอเรียกเข้าไปคุย ไปขอเบอร์ขอลายน์อะไรทำนองนั้นเข้ามาในหัว

 

คิดมากอีกแล้วกู

 

“งั้นเราไปกับไอ้ต้นก็ได้” ว่าแล้วผมก็กดโทรศัพท์โทรหามันไปด้วย ฟังเสียงรอสายอยู่ครู่ก่อนที่มันจะกดรับสาย

 

“อะไร?”

 

หืม นี่มึงลืมเพื่อนไปแล้วงั้นเหรอ

 

“ไปช็อปกับกูไหม?” เข้าเรื่องเลยละกัน

 

“ไปทำไม?”

 

เออ ไปทำไมวะ

 

“ไปนั่งให้กำลังใจพวกมัน”

 

“คิดถึงพี่ปอเหรอ?”

 

ผมขมวดคิ้วตัวเอง “เปล่าซักหน่อย จะไปไหมเนี่ยถ้าไม่ไปกูไปคนเดียวก็ได้”

 

“ไปๆ เดี๋ยวกูเดินตามไป มึงอยู่ไหน?”

 

“อยู่หน้าตึกกับกรีนเนี่ย”

 

“เออ รอกูก่อน”

 

เมื่อผมเตรียมไพล่พลเป็นที่เรียบร้อย เอาเพื่อนไปกันหน้าแตกด้วยเพราะผมแม่งอายเพื่อนมันอยู่เลยเรื่องเมื่อเช้า จะให้เดินลั้นลาไปอย่างหน้าด้านๆ ก็คงจะไม่ใช่ ผมไม่ใช่คนแบบไอ้ปอนะครับ

 

ทำไมไอ้กรีนไม่ยอมไป มันมีอะไรในใจรึเปล่า

 

แล้ววันนั้นเห็นมันคุยกันกับไอ้ปอ ไม่อยากหลงตัวเองว่าไอ้กรีนมันไม่ชอบไอ้ปอเพราะผม แต่เพราะอะไรวะ ผมมีแต่คำถามเกิดขึ้นในหัวมากมายและหาเหตุผลมารองรับไม่ได้

 

ผมนิ่งถอนใจกับตัวเอง

 

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่เรากำลังนั่งรอให้ไอ้ต้นเดินลงมาจากตึกเรียน มือผมควานมันขึ้นมาด้วยความสงสัยว่าใครกันที่โทรมาในเวลานี้ ก่อนจะนิ่งจ้องเบอร์ด้วยความสงสัยและแปลกใจเมื่อรู้ว่าเป็นใครที่โทรมา แต่ก็ยอมกดรับสายในที่สุด

 

“ฮัลโหล…”

 

ผมนิ่งฟังปลายสายที่กรอกเสียงกลับมา เป็นแม่ของผมเอง คิดว่าน่าจะกำลังงานยุ่งอยู่เสมอนี่นะ “ภีมลูก หนูสอบเสร็จแล้ใช่ไหมจ๊ะ?”

 

“ครับ ทำไมเหรอ?” ผมย้อน

 

 แปลกๆ ที่แม่จะโทรมา ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดโทรมาสักที จะมาบ้านก็มาเลยนี่นะ

 

“เดี๋ยวพ่อกับแม่จะบินไปจัดการเรื่องเอกสารให้ลูกนะ”

 

เอกสาร เอกสารอะไร ผมไม่เข้าใจ

 

“หมายความว่าไงแม่?” ผมว่า เสียงปลายสายหัวเราะนิดๆ

 

“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกจ้ะแม่รู้ว่าหนูดีใจนะที่จะได้มา พ่อกับแม่ตัดสินใจแล้วที่ทิ้งลูกไว้อยู่บ้านคนเดียวน่ะมันไม่ดีเลย แม่ก็เลยจะให้หนูย้ายมาเรียนที่นี่เลยน่ะจ้ะ”

 

ใจผมหายวาบ

 

“มะ แม่!” ผมว่าเสียงดัง เมื่อกี้ผมได้ยินผิดไปใช่ไหม

 

“อีกสองสามวันแม่จะบินไปนะลูก จัดการเรื่องสอบให้เสร็จนะรู้ไหม?”

 

“ไม่ แม่ครับ…”

 

“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอก แค่สามวันนะลูกแม่จะไปจัดการเรื่องให้เลย ทีแรกพ่อก็ไม่ยอมหรอกนะแต่แม่ขอร้องให้พามา ถึงหนูจะโตแล้วแต่อยู่คนเดียวมันอันตรายนะ”

 

“ภีมอยู่ได้ ภีมไม่ค่อยได้อยู่บ้านแม่ก็รู้ ภีมมาอยู่กับพี่ปอ…”

 

“ตายจริง งานตรงนี้ยังไม่ได้เคลียร์เหรอเนี่ย ขอโทษนะจ้ะภีมเดี๋ยวแม่โทรหาใหม่ทีหลังนะ”

 

“แม่ ฟังภีมก่อน แม่!” ผมชะงักเมื่อปลายสายวางไปด้วยความเร่งรีบ ใจตกลงไปถึงตาตุ่มเมื่อได้รับรู้ในไม่กี่นาทีที่ผ่านมาว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น

 

ไม่จริง จะมารู้สึกผิดอะไรตอนนี้!

 

ตัวผมสั่นนึกถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังจะเจอในอนาคต

 

พี่ปอ…

 

ปอ!

 

ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองท่ามกลางคำถามของกรีนที่คอยถามเสมอด้วยความงุนงงว่าผมกำลังเป็นอะไร ผมกำลังเจ็บปวดเมื่อคิดได้ว่าตัวเองรั้นนานเกินไป ตอนที่ปอมาขอคืนดีกับผม ผมปล่อยให้เวลามันผ่านมาเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้อยู่กับมันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ

 

ผมจะทำไง! ผมจะทำยังไงให้ตัวเองได้อยู่กับมันต่อไป!

 

“ภีม บอกเราสิว่าภีมเป็นอะไร?”

 

ผมก้มลงร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้ผมเกลียดพ่อกับแม่ คนที่พรากความสุขออกไปจากผมครั้งแล้วครั้งเล่า ในตอนนี้ผมกำลังมีความรัก ผมมีความสุขกับคนที่ผมรัก ท่านก็ยังใช้ความเห็นแก่ตัวพรากเราออกจากกัน

 

อีกไม่กี่วัน! อีกไม่กี่วันเท่านั้น!

 

ที่ผมจะได้นอนข้างๆ ปอ ที่ผมจะได้ลืมตาตื่นมาเจอมันเป็นคนแรก

 

มือผมสั่น ไม่มีแรงที่จะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ผมจะเดินไปบอกปอยังไงว่าอีกไม่กี่วันผมกับมันจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ยิ้มเหรอ หัวเราะเหรอ

 

ในเมื่อตัวผมเองที่กำลังกลัวการอยู่ห่างจากมันขนาดนี้

 

“ภีม ภีม!”

 

“ฮึก…ไม่เอา” ผมว่าเสียงเบาพลางเงยหน้ามามองกรีน หน้าตาของผมตอนนี้คงทุเรศมาก ผมร้องไห้เสียงดังและไม่พูดไม่จากับใคร แม้แต่กับไอ้ต้นที่เดินมาหน้างงๆ ว่าผมร้องไห้ทำไม มือมันเขย่าบ่าของผมสุดแรงเรียกให้หันไปมอง

 

“เป็นอะไร อย่าเพิ่งโวยวายนะภีม” มันว่า เรียกสติผม

 

“ต้น กู…” ผมว่าเสียงสั่น มองมันผ่านม่านน้ำตา

 

ปากผมสั่นจนพูดไม่ออก รู้สึกถึงความร้อนของใบหน้าตัวเอง น้ำร้อนๆ ไหลออกมาจากดวงตาไม่ขาดสาย ผมห้ามตัวเองไม่ได้ เมื่อผมเสียใจ ผมเจ็บปวด ผมต้องร้องไห้ระบายมันออกมาจนหมดถึงจะพอ

 

และต้นมันคงเห็นแบบนั้น มันปล่อยให้ผมร้องไห้ ผมร้องไห้เป็นชั่วโมงท่ามกลางเสียงปลอบใจของกรีน แม้มันจะไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรก็ตามที

 

“กูจะไม่ได้อยู่กับพี่ปอแล้วว่ะต้น” ผมว่าเสียงเบา

 

“หมายความว่ายังไง?”

 

“กูจะต้องย้ายโรงเรียน กูจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว”

 

ผมว่าเสียงเบาพลางเงยหน้าไปมองมันทั้งสอนคนผ่านน้ำตาที่เอ่อชื้นรอบดวงตา ผมนิ่งมองพวกมันที่พูดอะไรไม่ออก ต้นมันหน้าถอดสี ทว่ากลับมายกยิ้มขึ้นกับตัวเอง

 

“กูคิดว่ากูจะไปคนเดียวซะอีก…”

 

ผมเงยหน้ามองมัน ถึงจะยิ้มอยู่แต่ตอนนี้ผมกำลังดูออกว่ามันกำลังฝืนยิ้ม มันหมายความว่ายังไงกันแน่ ผมไม่ค่อยเข้าใจ อันที่จริงผมไม่เคยเดาใจไอ้ต้นได้ตั้งแต่ทีแรก

 

“หมายความว่ายังไงต้น หมายความว่าไง?” ผมถามย้ำ มันยกยิ้มนิดๆ

 

“กูว่าหลังสอบ กูจะย้ายไปเรียนที่อื่น อาจจะไปเริ่มใหม่อยู่ต่างประเทศ”

 

“ต้น!” หมายความว่าไง

 

ผมไม่เข้าใจ ได้แต่ส่ายหน้า “แล้วพี่ธาม พี่พีล่ะ มึงตัดสินว่ายังไง”

 

ผมนิ่งมองมันที่เอื้อมมือมาแตะผมเบาๆ ผมปัดมันออกไม่ใยดีด้วยความโกรธที่มันทำอะไรไม่นึกถึงใจคนอื่น ทั้งๆ ที่ตัวเองกำลังเสียใจแต่บอกเลยว่าตอนนี้ผมทนไม่ไหว ผมไม่เข้าใจมันเลยว่าจะทำแบบนี้ทำไม

 

“นี่แหละการตัดสินใจขอกู ตอนที่กูเข้าไปคุยกับพี่ธาม คุยกับพี่พี ทั้งสองดีแตกต่างกัน มีกูคนเดียวทีเลว แล้วพวกเขาก็ไม่สมควรมารักคนเลวๆ แบบกูด้วย กูมันสกปรก กูมันร่านยอมให้คนอื่นเอาง่ายๆ ขอกูไปเถอะ ไปจากพวกมันเงียบๆ”

 

“ไม่!” ผมว่าเสียงดัง

 

“ทำไมจะต้องบอกว่าไม่ พวกพี่เขาน่าจะเจอคนที่ดีกว่ากู ไม่ใจง่ายเหมือนกู กูไม่อยากได้สิทธิ์ที่จะต้องเลือกทั้งๆ ที่ค่าของกูไม่มีพอเลยที่จะได้รับสิทธิ์นั้น กูขอเป็นคนไป ขอเป็นคนที่เจ็บคนหนึ่งร่วมกับพี่ๆ เขา เพราะถึงกูเลือกไป กูก็ต้องเจ็บที่ใครสักคนต้องเสียใจอยู่ดี ถ้ากูยังเลือกไม่ได้แบบนี้ ให้กูไป…”

 

“ไม่…” ผมว่าเสียงเบา “ไม่เอาแบบนี้”

 

“ไม่เอาน่าภีม ยังไงมันก็ต้องถึงวันนี้ปะวะ มึงน่ะไม่ต้องมาคิดมากเรื่องกูหรอก ยังพอมีเวลาอยู่กับพี่ปอ มึงไปเคลียร์กันดีๆ ดีกว่าไหมภีม ดีกว่ามานั่งร้องไห้ นัดกันว่าจะเจอกันยังไง ช่วงปิดเทอมจะเจอกันตอนไหนแล้วก็ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง”

 

ผมเงยมองหน้ากรีน มันส่ายหน้าแสดงถึงความใจหายออกมาอย่างเห็นได้ชัด ผมเองก็เหมือนกัน ไม่ต่างอะไรจากพวกมันสักนิด อาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ

 

มันทั้งสองคนคือเพื่อนที่ผมไม่เคยคิดว่าจะมี ผ่านอะไรหลายๆ อย่างมาด้วยกัน

 

ใจผมหาย มือสั่นระรัวราวกับกำลังหนาว

 

“ร้องไห้ให้พอนะภีม แล้วไปจัดการเรื่องต่างๆ ให้เรียบร้อย เรื่องมันจะเกิดหรือไม่เกิดมึงตัดสินใจเองได้ ถ้ามึงอยากยื้อมึงก็ต้องยื้อให้นานที่สุด อยู่กับพี่ปอให้นานที่สุด ถ้ามึงจะต้องไป มึงก็ต้องไปตกลงว่าจะเอายังไงไม่ใช่มานั่งร้องไห้แบบนี้”

 

“แต่ถ้าเป็นเรา อยู่ห่างกันขนาดไหนก็ยังรอนะ” กรีนมันว่า ขมวดคิ้วตัวเองมองมายังผม “ถึงเราจะไม่ชอบที่ภีมคบกับพี่ปอ แต่ว่าภีมอย่าเลิกกับเขาเลย เราเอาใจช่วยนะ”

 

ผมนิ่งมองมัน ปล่อยน้ำตาไหล

 

ใช่…

 

ผมอาจจะช๊อคไปหน่อย แต่สิ่งที่ผมควรทำเป็นสิ่งถัดไปคือจัดการ ผมต้องจัดการเรื่องผมกับปอให้มันเข้าที่เข้าทางถ้าจะต้องย้ายโรงเรียนกันจริงๆ ผมจะต้องเดินเข้าไปบอกกับปอว่าเราจะต้องห่างกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ถ้าปอรักผมจริงๆ ก็ต้องรอได้

 

ผมเดินไปล้างหน้าล้างตา ทำตัวเองให้เข็มแข็ง ดวงตามองใบหน้าแดงๆ ของตัวเองผ่านกระจกตรงหน้า ถ้าเดินไปหามันแบบนี้มีหวังมันคงรู้แน่ว่าตอนนี้ผมกำลังเป็นอะไร

 

เข้มแข็งก่อนภีม อย่าเพิ่งโวยวาย

 

ไม่แล้ว กูไม่โวยวายแล้ว

 

ผมคิดมากเรื่องของไอ้ต้นแทนนี่สิ มันตัดสินใจแน่แล้วเหรอว่าต้องการแบบนี้ โอย…ผมปวดหัว

 

ต้องกลับไปเป็นไอ้ภีมคนเดิมก่อน กลับมาสิกลับมา อย่าไปร้องไห้ให้ไอ้ปอมันเห็นเด็ดขาดเลย

 

“มึงบอกเรื่องนี้กับพี่ธามพี่พีรึยังต้น?”

 

ผมว่าขณะที่เราสามคนเดินเอื่อยๆ เข้าช็อป กรีนมันเป็นห่วงผม ยอมตามผมมาถึงแม้ตัวเองจะไม่อยากมา ส่วนต้นมันหันมายิ้มกับผมแววตาเศร้าสร้อยบ่งบอกว่ากำลังปวดหัวใจ

 

“ไว้บอกตอนจะไปทีเดียว”

 

“ได้ยังไง?” ทำไมมันคิดจะทำอะไรแบบนี้

 

“กูไม่อยากเปลี่ยนใจว่ะภีม ถ้ารีบบอกพวกพี่ๆ เขาจะต้องทำให้กูเปลี่ยนใจ มึงเองก็อย่าเพิ่งบอกนะกูขอร้อง”

 

ผมหันไปมองหน้ามัน ถ้าตัดสินใจอย่างนี้แล้วผมคงจะทำอะไรไม่ได้ ผมว่ามันค่อนข้างที่จะไตร่ตรองมานานสมควรถึงได้เลือกตัดสินแบบนี้ ผมควรจะเข้าใจมันสิ ไม่ใช่ค่อยเอาแต่ความคิดตัวเองเป็นหลัก ต้นมันน่ะเจ็บปวดมามากพอแล้ว

 

“ภีม!” เสียงคนจากห้องหนึ่งเรียก

 

ที่จริงในช็อปนี้เป็นโรงช่างขนาดใหญ่มากๆ เพื่อรองรับกับนักเรียนหลายสาขางาน แบ่งแยกเป็นสาขาวิชาช่างต่างๆ มากมาย มีทั้งหมดสองชั้นด้วยกันรองรับจำนวนนักเรียนที่เข้ามาเรียน เครื่องไม้เครื่องมือแต่ละห้องครบครันสำหรับใช้งานได้จริง โรงเรียนมีชื่อเสียงเกี่ยวกับงานอาชีพที่สามารถสอนแล้วนำไปใช้งานได้จริง มีโรงงานและบริษัทในเครือมารอรับตัวตั้งแต่ก่อนเรียนจบ

 

เมื่อมีการประกวดแข่งขันอาชีวะระดับประเทศไม่ว่าด้านสาขาไหนมักจะติดท๊อปเสมอ ตั้งแต่งานช่างฝีมือ งานวิชาการ หรือแม้แต่ความหน้าตาดีของนักเรียนที่ติดระดับประเทศทั้งนั้น พ่อแม่ผมจึงดั้นด้นส่งผมเรียนแม้ค่าเทอมจะแสนแพงนี่ยังไงล่ะ

 

ผมคิดว่าเรื่องค่าเทอมเป็นส่วนหนึ่งที่พ่ออยากให้ย้ายโรงเรียนด้วย นี่แค่เทอมเดียวที่มาเรียนเองนะ

 

เรามองไปยังร่างของไอ้ปอที่กวักมือเรียก มันถือแก้วน้ำดื่มยืนรอด้วยรอยยิ้มใจดีอย่างเคย หน้าผมชานิดๆ พยายามตีหน้าให้เป็นปกติยกยิ้มให้มัน ตรงนี้เหมือนเป็นอู่รถยนต์ขนาดย่อม มองๆ ป้ายบอกว่าเป็นห้องของพวกมัน

 

“สอบเสร็จเร็วนะเนี่ย” มันว่าพลางยกมือมาแตะหัว ยกน้ำดื่มแล้วพูดต่อกับผม “พี่เพิ่งจะได้ออกมาพักน่ะ เหนื่อยจริงๆ”

 

ผมพยักหน้ารับ “กินข้าวเที่ยงยังปอ?”

 

“ยังเลย แต่เพิ่งจะกินตอนสิบโมงน่ะเลยไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” มันว่าพลางยกน้ำกินดังอึกๆ คงเพลียน่าดู ผมมองเข้าไปด้านในห้อง เห็นเพื่อนๆ มันขมักขเม้นอยู่บนรถยนต์คันเก่าสนิมเขรอะคันหนึ่งอยู่ เพื่อนห้าหกคนรุมกันจัดการมันด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง แต่ก็คุยกันหัวเราะสนุกสนาน

 

ปอมันคงสนุกเวลาอยู่กับเพื่อนนะ

 

ผมมองไปยังร่างเล็กๆ ของรุ่นพี่คนนั้น คนที่ชื่อเพื่อน พอเห็นใส้ชุดช็อปทำท่าท่างว่องไวจับโน่นจับนี่แล้วบอกเลยว่าต่างกับหน้าตามาก พี่เขาเท่มากเลยว่ะ

 

“จะทำอะไรกับรถคันนี้อ่ะ?” ผมถามมันที่มองไปยังกลุ่มเพื่อน

 

“โมดิฟายทั้งคัน จะเอาให้มันกลับมาโลดแล่นบนถนนได้อีกครั้ง”

 

ผมนิ่งมองแล้วยิ้ม ความฝันของพวกมันสินะ

 

“รถคันนี้เป็นรถเก่าของปู่ไอ้เพื่อน มันอยากทำให้ปู่มัน แต่ปู่มันบริจาคเอาไว้ใช้ในโรงเรียนแล้ว เหมือนกับไอ้เจ้าเนี่ย ที่พวกกูคืนชีวิตให้มันช่วงปวช. 3 ตอนนี้ก็เอาไว้ขี่เล่นๆ ในโรงเรียน ให้อาจารย์ขี่บ้าง เวลามีกิจกรรมโรงเรียนก็เอาไปใช้ได้นะภีม”

 

กูคงไม่มีโอกาสได้ใช้หรอกปอ

 

ผมมองไปยังรถมอเตอร์ไซต์คันเก่าที่มันชี้ให้ไปดู ความสุขของช่างก็คือการซ่อมสินะ ได้มองสิ่งที่ตัวเองซ่อมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งมันทำให้คนซ่อมมีกำลังใจที่จะทำต่อไป ผมยกยิ้มหันไปมองมันก่อนจะชะงักเมื่อไอ้ต้นมันสะกิด

 

จะเอายังไงดี

 

“จะให้นั่งตรงไหน?” ผมเริ่มเรื่อง ปอมันพยักเพยิดหน้าเข้าไปในห้องเครื่องมือข้างใน ความจริงมันมีโต๊ะสำหรับนั่งอยู่ แต่พวกพี่ๆ เขาทำงานแล้วจะให้ผมสามคนไปนั่งดูเนี่ยนะ

 

“พักก่อนมึง ใครหิวกันบ้าง?” ปอมันร้องว่า จูงมือผมเข้าไปข้างใน ไอ้ผมก็เอื้อมไปดึงมือไอ้ต้นที่พร้อมใจขยับไปคว้ามือไอ้กรีนตามเข้ามา

 

“มึงเอาอะไรไหมเพื่อน กูเห็นเมื่อเช้ามึงไม่ได้กินอะไรกับพวกกูเลย”

 

“อ๋อ เออ เอาแบบพวกมันก็ได้ ง่ายๆ สั่งเหมือนกันจะได้ไม่ต้องรอ”

 

“เออดี ไม่เรื่องมาก” ปอมันว่าพลางจดใส่กระดาษ

 

ผมมองคนชื่อเพื่อนที่กำลังเช็ดเหงื่อเดินมาทรุดตัวนั่งยิ้มให้ตรงข้ามกับผม ก็คือนั่งข้างๆ ไอ้ปอตรงข้ามกับไอ้กรีน ใจผมหายเมื่อเห็นมันสองคนมองตากัน ถึงจะมองแบบเพื่อนก็เถอะแต่ผมก็ไม่มั่นใจอยู่ดี ถึงปอมันบอกว่าเชื่อใจ แต่ผมไม่เชื่อใจคนๆ นี้

 

กรีนมันนั่งเงียบ ไม่พูดไม่จาข้างๆ ผม ไอ้ต้นนิ่งมองพร้อมกับยกยิ้มให้ด้วยใบหน้าที่บอกว่ามีเลศนัยสุดๆ เพราะพี่ธามเองก็ไม่ได้จะหาเรื่องหรือพูดอะไรสักอย่างกับมันราวกับพูดคุยเข้าใจกันแล้ว เรานั่งร่วมกลุ่มคุยกันบนโต๊ะซึ่งมีไอ้ปอเป็นคนเริ่มเรื่องมาทุกครั้ง

 

“เพื่อน มึงอยู่เฉยๆ นะห้ามพูดอะไร” ปอมันหันไปว่ากับคนที่นั่งข้างๆ

 

ส่ายตาผมมีแต่คำถามส่งไปให้มันที่พูดแบบมีลับลมคมในอยู่สองคน

 

ผมโกรธนะ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเชื่อใจ

 

“เดี๋ยวๆๆ ขอกูพูดอะไรสักนิดเหอะ” พี่เพื่อนว่า

 

“เดี๋ยวกูจัดการเอง มึงไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวป๋าจัดให้” ปอมันว่าพลางหลุดหัวเราะ

 

“ไอ้ป๋าใหญ่ ก็เมื่อวานเพราะมึงทำป๋าแบบนี้กับกูไง”

 

“เออๆ เอ่อ…มึงจะออกไปสั่งข้าวกับกูไหม?”

 

ปอมันว่า ผมขมวดคิ้วมองมันทั้งคู่แล้วได้แต่ผ่อนอารมณ์ตัวเองไม่ให้โกรธมัน แต่มันไม่สนใจผมเลยสักนิด พออยู่กับเพื่อนแล้วก็ติดเพื่อน

 

“อะ เอ่อ…” พี่เพื่อนละสายตามองไอ้กรีนที่นั่งขรึมเงียบๆ กวาดสายตาไปยังไอ้ต้นที่กำลังจ้องจับผิดพี่เขาจนผมยังรู้สึกได้

 

มองขนาดนี้มึงถามพี่เขาไปตรงๆ เลยเถอะว่ะ

 

“ไป ไปก็ได้…” พี่เขาว่ายิ้มๆ

 

ใจผมหายและทำได้เพียงเงียบมองปอมันเดินไปคุยโน่นคุยนี่กับเพื่อนด้วยความร่าเริง หยอกล้อกันแล้วก็ทวนเมนูที่เพื่อนๆ สั่ง ร่างเล็กๆ ของพี่เพื่อนหัวเราะกับมุกเพื่อนๆ และละมามองทางผมอยู่บ่อยครั้ง บ่อยผมจนรู้สึกได้

 

มองทำไม วางตัวไม่ถูกเหรอ

 

“ปอ…” ผมเรียกมัน มันหันมาส่งยิ้มให้พลางเดินมายกมือแตะหัวอย่างเคย

 

“กูมีเรื่องจะคุยด้วย”

 

“เออ เดี๋ยวมาคุยด้วยนะ ไปสั่งข้าวก่อน”

 

ผมนิ่งมองตามหลังมันที่หยิบกุญแจรถไปเสียบบนรถมอเตอร์ไซต์แล้วก็ขับออกไป ไอ้ผมที่อ้าปากจะร้องเรียกต้องหยุดชะงักลงเมื่อเห็นตัวเล็กๆ ของรุ่นพี่ที่ชื่อเพื่อนนั้นขึ้นนั่งเบาะข้างหลังของมัน เกาะกอดเอวของมันแล้วหันมาส่งยิ้มให้ผม

 

ยิ้มให้ผมทำไม

 

ใจของผมหล่นตุบเมื่อเห็นเช่นนั้น ผมควรจะบอกปอไหมว่าเรากำลังจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมกลัวความห่างเหินระหว่างเราทำให้คนที่อยู่ข้างหลังปอมันคืบคลานเข้าไปจับจองหัวใจมันแทนผม ผมไม่อยากเสียปอไปอีกแล้ว คนแบบปอน่ะ ผมไม่อยากเสียมันเป็นรอบที่สอง!

 

ใจผมหาย มือสั่นมองมันที่ขับรถออกจากช็อปไป ผมเห็นกรีนก้มหน้ามองโต๊ะนิ่ง เมื่อรู้สึกว่าผมกำลังมอง มันเงยมายกยิ้ม

 

“พี่คนนั้นใครวะ?” ไอ้ต้นว่า

 

“ลูกพี่ลูกน้องไอ้ปอ สนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว”

 

ผมมองเพื่อนปอที่ตอบขึ้นมา พี่ธามยกยิ้มให้ผม มองตามไอ้ต้นที่ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผิดกันจากผม ไม่มีวันที่จะกลบเกลื่อนความรู้สึกได้ง่ายๆ คิดแล้วต้นมันเก่งจริงๆ มันคงเข้มแข็งมากแน่ๆ ที่ต้องบังคับใจตัวเองขนาดนี้

 

“มันไม่รู้เหรอว่าพี่ปอมีเมียแล้ว ตามติดตัวพี่ปอแจขนาดนั้น” ต้นมันว่าต่อ

 

“มึงไม่รู้อะไรไม่ต้องมาพูดหรอก ขนาดเมียมันแท้ๆ ยังไม่เห็นหึงเลย”

 

ใครบอกว่ากูไม่หึง

 

“หรือหึงหว่า?” เสียงอีกคนว่า ผมชะงักหันไปมอง

 

“มะ ไม่ได้หึง”

 

“แน่นา…อย่าไปหึงไอ้เพื่อนมันเลย ไอ้นี่มันก็สนิทกับทุกคนแบบนี้แหละ มันใจดีเข้ากับคนง่ายเจอใครก็ยิ้มใส่ท่าเดียว” ผมนิ่งคิด

 

ยิ้มใส่อย่างเดียวเหรอ

 

แบบตอนที่ยิ้มมาให้ผมเมื่อกี้อย่างนั้นเหรอ

 

ยิ้มตอนที่มันกอดไอ้ปออยู่อย่างงั้นเหรอ

 

ทั้งๆ ที่รู้ว่าผมมองตามคนรักของผมอยู่ก็ยังหันกลับมาส่งยิ้มให้

 

ผมก็หวงของผมเป็นนะ

 

ร่างกายผมอ่อนล้า ผมอยากกลับไปพักแล้ว ไม่อาจทำให้ตัวเองเข้มแข็งต่อหน้าใครได้อีก ความร้อนแล่นเข้ามายังดวงตาพร้อมกับผมที่พยายามกระพริบถี่ๆ

 

“กลับก่อนนะ บอกปอด้วยว่าผมจะนั่งแท็กซี่กลับ”

 

“อ้าว เดี๋ยวสิภีม”

 

“ภีม อย่าไปนะภีม!” ผมชะงักขณะที่กำลังจะเดินออกมา ได้ยินเสียงของกรีนร้องตามหลังด้วยความตกใจที่ผมทำแบบนี้

 

ร่างของมันเดินมาดึงแขนให้ผมหันไปมองดวงตาของมันที่นิ่งจ้องอยู่นาน แววตามันสับสนและงุดลงพื้นพยายามรวบรวมความกล้า กรีนมันแปลกๆ ตั้งแต่เดินเข้ามาในช็อปแล้ว ไม่พูดไม่จาเอาแต่นั่งเงียบอยู่คนเดียว

 

อันที่จริงก็แปลกตั้งแต่ชวนมันมานี่นะ มันไม่อยากมาที่นี่

 

“ถ้าภีมหึงพี่ปอเพราะเรื่องรุ่นพี่คนนั้น ฟังเราก่อนนะ ที่พี่เขาต้องออกไปพร้อมพี่ปอไม่ใช่ว่าเขาชอบพี่ปอหรอก มันเป็นเพราะ…”

 

ผมนิ่งมองมันที่ลากเสียงตัวเอง มันไม่เป็นตัวเองเลย ปกติจะกล้าแสดงออกแล้วพูดมาตรงๆ นี่นะ

 

เพราะอะไร บอกเรามาสิ ผมนิ่งจ้องตามันที่ละไปด้านอื้น

 

ผมมองผิดไปหรือเปล่า มันกำลังเขิน หน้าแดง หูเหอแดงไปหมดไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยสักนิด

 

“เพราะพี่เขาชอบเรา เขาไม่กล้าอยู่ต่อหน้าเราน่ะ”

 

อะ อะไรนะ

 

ผมนิ่งมองมันตอนว่า ได้แต่อ้าปากค้างมองกรีน

 

“ระ รุ่นพี่คนนั่นน่ะเหรอ?” ผมแหงนมองหน้ากรีนย้อนถาม

 

“ใช่ เมื่อวานพี่ปอมาขอเบอร์เราให้พี่เขาน่ะ แต่เราปฏิเสธไปเพราะเรายัง…”

 

ยังชอบผมอยู่

 

ผมนิ่งมองกรีนก่อนจะถอนใจ เงยหน้ามองมันที่นิ่งจ้องผมอย่างไม่ละ ทำไมกรีนแม่งเป็นคนดีจังวะ ถ้ามันทำให้ผมเข้าใจปอผิดแล้วก็ทะเลาะกับปอ มันอาจจะทำให้กรีนกับผมมีหวังขึ้นมาบ้าง แต่มันเลือกที่จะบอกว่าความจริง

 

คนแบบกรีนนี่ดีจริงๆ มันยกยิ้มให้ก่อนจะดึงแขนผม

 

“เพราะงั้นอย่ากลับบ้านเลยนะ”

 

ผมยิ้ม ยิ้มให้มันสุดๆ แบบที่ไม่เคยยิ้มให้ใครมาก่อน ยอมเดินกลับไปแต่โดยดี รอตอนที่ปอกลับมาแล้วผมจะกอดมันให้แน่นจนสุดแรง ที่มันไม่คิดจะนอกใจผม ที่มันย้ำเตือนตัวเองว่ารักผม ขอบคุณที่ทำให้ผมได้เชื่อใจว่าสิ่งที่มันทำคือ รักแท้

 

ผมรู้แล้วครับ ว่าผมจะทำยังไง

 

ผมจะไป…

 

ผมจะให้ปอมันไปอยู่กับแม่ได้อย่างที่ฝันในช่วงซัมเมอร์ ผมจะให้มันใช่เวลาในการซ่อมสิ่งของที่มันรักอย่างดีที่สุดอย่างเต็มความสามารถ และ…

 

ผมให้มันเข้าในการรออย่างแท้จริง

 

และผมจะกลับมาในไม่ช้า…

 

แต่ช่วงเวลานี้ ผมต้องใช้กับมันให้คุ้มค่าที่สุด

 

ผมจะบอกรักมันทุกวันเลย

 

 

รัก…

 

 

รักพี่ปอแค่คนเดียว

 

ตลอดไปเลย….

 

 

 

 
 :hao5:
เอาแล้วไง มีงานเข้า!

หลังจากล่อลวงคุณผู้อ่านด้วยฉากฟินๆหวานๆ ไปแล้ว

ก็ถึงตอนฉากเสียเลือด และตามมายังฉากดราม่าที่คืบคลานเข้ามาเรียกน้ำตาคนอ่านอีกครั้งอย่างแนบเนียน อิอิ

งื้อออออ พี่ปอน้องภีมจะต้องจากกันโอ้มายก้อด แล้วจะได้กลับมารักกันไหม รอติดตามนะคะ ช่วงนี้เฉลยเรื่องพี่เพื่อนแล้วนะว่าอะไรยังไง มีคนมาดามใจกรีนแล้วน้า ใครเชียร์นางยกมือขึ้น

ระหว่างสามพีก็ยังเศร้าไม่หาย ต้นตัดสินใจแบบนี้แล้วจะยังไงต่อละเนี่ย พอจะดราม่าก็ดราม่านะ อย่าลืมคอมเม้เป็นกำลังใจหนูนาด้วยน้า ช่วงนี้ติดตามให้ดีๆ ใกล้จะจบเต็มทีแล้ว

 
อัพไม่บ่อยค่ะอัพแค่ทุกวัน เพิ่มตอนใหม่ตลอดด้วย

สโลแกน อัพเร็ว อัพบ่อย อัพถี่ๆ ต้องหนูนานะค๊าาาา อิอิ ขอบคุณสำหรับสโลแกนอีกครั้ง 555

งั้นเจอกันตอนหน้าจ้า บ๊ายบาย
หัวข้อ: Re: **(16.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 26
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 16-11-2014 17:38:06
พี่ปอออออออออออออออออออออออ
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: **(16.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 26
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-11-2014 19:48:01
งานเข้าอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: **(16.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 26
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 16-11-2014 19:57:03
ขอบคุณครับ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **(16.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 26
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 16-11-2014 22:23:21
กลัวระยะทาง และความห่างไกล  :mew2:
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 16-11-2014 23:15:35
 

ตอนที่ 27

 

“มาๆ กินข้าวกันก่อน เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

 

เสียงที่รักของผมว่าพลางยกข้าวกล่องจำนวนหลายกล่องมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ข้างหลังเป็นร่างของพี่เพื่อนที่ถือถุงน้ำหลายชนิดเดินตามหลังมา ตอนนี้สังเกตดีๆ เขาเขินจริงๆ ด้วยแฮะ ต่อหน้าพวกผมกับไอ้กรีน พี่เขาเหมือนจะวางตัวไม่ถูก

 

เหมือนที่ผมรู้สึกตอนแรก ที่วางตัวไม่ถูกเพราะเขินไอ้กรีน ไม่ใช่เพราะเรื่องไอ้ปอ

 

ผมยกยิ้ม โล่งใจอย่างน่าประหลาด

 

ลอบมองไอ้กรีนเองที่ยังเกาคอตัวเองทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นรอยยิ้มมีเลศนัยของไอ้ปอ ไอ้นี่ก็พ่อสื่อแบบที่ไม่ยอมปรึกษาผมสักคำ ปล่อยให้ผมคิดมากจนต้องยอมเสียตูดให้มันทั้งคืน กลับไปผมจะเล่นให้น่วมเลย

 

ซัดมันนะ

 

ปอมันขยับมาทรุดตัวข้างๆ ผมหลังจากยื่นข้าวกล่องให้เพื่อนๆ ผมเงยไปมองหน้ามันด้วยความเขินทันที แม่งน่ารักขึ้นมาทุกวัน อย่างนี้ผมจะทิ้งมันไปไหนได้

 

อยากอยู่ใกล้ๆ ทุกวัน บอกรักมันทุกวัน

 

มือผมเกาะหลังมันพลางเงยไปสบตานิ่ง พร้อมกันกับปอที่ก้มมามองด้วยแววสงสัยกับอาการตอนนี้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือยิ้มหวานๆ ให้ แม้มันจะประหลาดใจก็เถอะ ช่วงสุดท้ายผมจะเอาอกเอาใจมันอย่างเดียว ไม่เอาแต่ใจตัวเองอีกแล้ว

 

จะรักพี่ปอให้มากๆ เลย

 

จะทำให้ปอมีความสุขที่สุดเท่าที่เคยมีมา

 

“เฮ้ยไอ้เพื่อน เอาน้ำให้น้องเขาหน่อยสิวะ บริการนิดหนึ่ง” ปอมันร้องแซวแล้วหลุดยิ้ม ผมมองใบหน้าไอ้กรีนแล้วก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ มันรับขวดน้ำจากมือพี่เพื่อนมาถือพร้อมกับยิ้มรับพี่เขานิดๆ

 

“นั่งเลย นั่งข้างๆ น้องเขาน่ะ”

 

พี่เพื่อนยิ้มแห้งๆ เกาหัวตัวเอง “ไม่ดีมั้ง ตัวกูเหม็นแต่น้ำมันเครื่องเดี๋ยวติดเสื้อน้องเขา”

 

“กล้าๆ หน่อยดิวะไอ้นี่”

 

ไอ้ปอมันเชียร์สุดใจขาดดิ้น ผมหลุดหัวเราะพลางสะกิดไอ้กรีน “ชวนพี่เขานั่งสิ”

 

มันหันมามองหน้าผม หน้ามันเขินแล้วมองพี่เพื่อนงงๆ สงสัยมันคงไม่เคยมีคนมาจีบ อีกอย่างถูกคนน่ารักๆ แบบนี้จีบครั้งแรก เป็นผมก็เขิน

 

พี่เขาน่ารักจริงๆ ยิ้มอย่างเดียว

 

“นั่งครับพี่ ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวผมซื้อใหม่ก็ได้ ปิดเทอมแล้วยังไงก็ไม่ได้ใส่” กรีนมันว่าพลางขยับตัวให้พี่เขานั่ง

 

“เอาๆๆ นั่งเลย”

 

คนทั้งห้องร่วมใจเชียร์มันครับ นับว่าเป็นอะไรที่ลุ้นมาก เพิ่งสังเกตเห็นว่าพี่เพื่อนน่ะเป็นคนออกจะแมนๆ กิริยาท่าทางผู้ชายมาดแมนมาก แต่ไม่ได้ดูแลตัวเองเลย ปล่อยตัวเลอะกับงาน ไม่สำอาง เวลากินก็มูมมามนิสัยผู้ชายมากแต่ตัวเล็กนิดเดียว เห็นแล้วน่ารักดีแฮะ

 

ส่วนไอ้กรีน มันนั่งเงียบๆ ตลอดอย่างพูดไม่ถูก มันตัวสูงกว่าผมนิดเดียว ตอนนี้ก็น่าจะพอๆ กันกับพี่เพื่อนด้วย แต่ผมว่าปีหน้ามันจะสูงขึ้นเยอะมาก ดูจากสัดส่วนของมันน่ะ

 

เย็นนี้ผมก็เลยยิ้มหน้าบานที่ไม่ต้องรู้สึกผิดกับไอ้กรีนอีกต่อไป หวังว่าเมื่อผมกลับมาที่นี่อีกครั้ง มันก็น่าจะคบกับพี่เพื่อนอยู่และสูงขึ้น หล่อขึ้นไปกว่าเดิมนะ

 

 

ผมนึกถึงเรื่องของอนาคต ทั้งๆ ตอนนี้ตัวเองยังเด็กมาก ควรสนุกกับการเรียนอย่างเดียว แต่ผมควรวาดฝันความจริงที่ตัวเองต้องการได้แล้ว ควรบอกสิ่งที่ตัวเองอยากได้อย่างแท้จริงกับพ่อแม่ได้แล้ว ว่ามันไม่ใช่เงินทองและของอำนวยความสะดวกต่างๆ ผมต้องการความอบอุ่นจากพวกเขา เมื่อเขาพรากสิ่งที่มีค่าจากผม เขาควรจะทดแทนมัน

 

แต่ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ

 

“อะ โอย…อืม…”

 

ผมนั่งอยู่บนตักมัน มือลูบหน้าท้องตัวเองเม้มริมฝีปากแล้วก็โยกเอวตัวเองมองใบหน้าของปอ มันกำลังเหยเกด้วยความเสียว ตั้งแต่กลับมาผมก็เอากับมันอย่างเดียว ยอมมันทุกอย่าง มือผมกอดคอมันแน่นยกเอวตัวเองกระแทกลงไปเสียงดัง เนื้อกระทบเนื้อผสานกับเสียงครางของเรา ไม่มีวันเหนื่อย ผมหอบตัวโยนนั่งบนตัวมันที่สูดปากไล้มือเล่นบนยอดอก เคลื่อนมาบีบเนื้อบั้นท้ายเค้นคลึง

 

“ปอ…จะเสร็จ ละ…” มันขยับมาแนบปากจูบ จับเอวผมกระทั้นลงมาด้วยความเร็ว มองผมด้วยสายตาแห่งความเสน่หา โหยหา ต้องการ

 

ทั้งๆ ที่เมื่อคืนมันอิ่มหนำสำราญ

 

ผมแอ่นตัวผ่อนลมหายใจไม่ให้ร้องเสียงดัง ร่างกายเกร็งไปทุกส่วนเมื่อถึงจุดสุดยอด ฉีดน้ำร้อนใส่ตัวของคนตรงหน้าออกมาไม่รู้รอบที่เท่าไร

 

ปอนิ่ง มันเองก็คงจะเสร็จพร้อมกับผม มันจิกหลังผมและหอบตัวโยน แต่เพราะใส่ถุงยางผมถึงไม่รู้สึกตกใจ ดวงตามันเงยมองผมแววฉงน รอยยิ้มผมส่งไปให้มันก่อนจะขยับไปจูบปากกัน แม้ปอมันจะงงว่าผมทำแบบนี้ทำไม แต่ก็ไม่เคยคิดปฏิเสธ

 

ผมนั่งแช่อยู่แบบนั้น กอดปอ บอกว่ารักมัน

 

“ภีม…” มันไล้แผ่นหลัง จูบไหล่เปลือยเปล่าของผม

 

มันกำลังสงสัย กำลังอยากรู้ ผมยิ้มหวานให้มัน จูบคางสากๆ ของมันอ้อน

 

“เอาอีกยกไหม?” ว่าแล้วจูบซ้ำไปอีกที มันก้มมองผม สงสัยจริงๆ อยากรู้จริงๆ

 

“บอกพี่มา…”

 

“อะไร ให้เอาไม่ดีรึไง วันหลังไม่ให้แล้วนะถ้าถามแบบนี้” ผมว่าเสียงค้อน

 

“บอกพี่มาเดี๋ยวนี้”

 

“รักปอนะ”

 

“ไม่ใช่แบบนี้” มันว่าพลางจับตัวผมออกมาจ้องตา ผมละหนี

 

“ไม่อยากได้ยินกูบอกว่ารักแล้วเหรอ?”

 

“เปล่า แต่ภีมปิดบังอะไรพี่?”

 

มันขมวดคิ้วตัวเองเป็นก้อน ถอนแก่นกายตัวเองไปหยิบทิชชู่มาม้วนถุงยางลงถังขยะ ผมกอดมันแน่น ซุกหน้าบนอกของมัน ยังไม่อยากนึกถึง ยังไม่อยากเสียใจ

 

ผมคิดได้ว่าไม่ควรบอกมัน ถ้าปอมันรู้ คงจะเหมือนไอ้ต้นที่เป็นอยู่ จะลำบากใจที่จะต้องไป

 

ดังนั้น ปอยังไม่ควรรู้เรื่องนี้

 

เสียงเคาะประตูเรียกให้เราทั้งคู่หันไปมอง ก่อนที่ปอมันจะละมาจับตัวผมเดินเข้าไปในห้องนอนพร้อมกันด้วยกลัวใครจะเข้ามาเห็น มือหนาขยับถอดกางเกงเปลือยต่อหน้าแล้วเอาผ้าขนหนูพันเอวโชว์หน้าอก หยิบชุดคลุมมาให้ผมสวมด้วยความห่วงใย ทำท่าจะโน้มเข้ามาจูบอีกทีไอ้ผมเลยต้องเบี่ยงหน้าหนี

 

“ไปได้แล้ว คนเคาะเขารอนาน”

 

“รอนานยังไง ถ้าอยากเจอก็ต้องรอ”

 

ผมแทบสะอึกเมื่อได้ยินมันว่าเช่นนั้น ก่อนจะยกยิ้ม มองตามแผ่นหลังกว้างๆ ของคนที่ผมรักที่สุดเมื่อมันละเดินออกไป

 

รอนานยังไง ถ้าอยากเจอก็ต้องรอ

 

รอ…

 

รอภีมนะพี่ปอ

 

ผมก้มลงยกมือกุมอันหน้าร้อนรุ่ม ไล่ความเสียอกเสียใจออกไปจากใบหน้า ถ้าปอเดินกลับมาคงถามผมอีกแน่ว่าเป็นอะไร ผมไม่มีทางที่จะร้องไห้ต่อหน้ามันอีกเป็นอันขาด เสียงมันคุยกับคนข้างนอกดังอยู่เนืองๆ ฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วมันเริ่มจะดังขึ้นเพราะน่าจะเชิญเขาเข้ามา ใครวะ พี่พี พี่ธามเหรอ

 

เสียงผู้หญิงนี่

 

ผมนิ่งฟัง ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู “ไหน ออกมาโป๊ๆ แบบนี้ ซ่อนผู้หญิงในห้องชัวร์เลย”

 

“อย่า…”

 

เสียงปอมันร้องปรามพร้อมกับผมที่ยกผ้าคลุมมาคลุมตัวเองด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าเปิดประตูเข้ามา ผมเห็นคนตัวสูงต่อหน้ายืนตาค้างมองมายังร่างผมด้วยความตกใจไม่แพ้กัน เขามีใบหน้าคล้ายปอมาก ทรงผมคนละทรงและดูท่าจะเป็นพี่ชายของมัน

 

เขามองผม มองร่างที่เกือบเปลือยของผมนิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวออกไป ได้ยินเสียงของผู้หญิงหัวเราะร่วนกับท่าทีของเขาคนนี้ “นี่อึ้งขนาดนี้ น้องซ่อนไว้ทีเดียวสามคนเลยใช่ไหมเปรม?”

 

เธอว่าพลางเดินมาแทรกตัวที่ประตู ใจผมหายวาบ

 

มะ แม่ของปอ!

 

เห็นร่างของปอมันวิ่งดุ่ยๆ มาจัดแจงปิดร่างกายผมให้มิดชิด มองผมพลางขมวดคิ้วเข้มไม่พอใจคนข้างหลังเป็นอย่างมาก

 

“ผู้…ผู้ชาย!” คนที่อยู่หน้าประตูทั้งคู่ร้องว่า

 

ผมอยากร้องไห้ เมื่อการพบกันครั้งแรกระหว่างผมกับแม่มันไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิดไว้ เธอนิ่งมองผมราวกับกำลังช๊อค แต่เมื่อรั้งสติตัวเองได้ เธอรีบผละออกจากประตูอย่างหน้าเสียไปพร้อมกับพี่ชายของปอ

 

ปอมันจับตัวผมให้มิดชิด มองตาแล้วละออกไปด้วยความขุ่นมัว

 

“ไปอาบน้ำแต่งตัวดีๆ นะ คนเก่ง”

 

กูไม่เก่ง

 

ผมก้มหน้าเงยไปมองมัน “แม่ปอจะเกลียดไหม?”

 

ที่มาเห็นตอนเอากันเสร็จใหม่ๆ แบบนี้

 

“อย่าคิดมากน่า…”

 

“ไม่ให้คิดมากได้ไง มาเห็นกับตาแบบนี้น่ะ!”

 

ปอมันเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าแม่ของมันต้องบินหนีไปอยู่ถึงต่างประเทศเพราะความอับอายที่พ่อเป็นเกย์ แม่มันต้องผิดหวังแน่ๆ ที่เห็นมันเป็นเกย์ เอากับผู้ชายด้วยกัน มันยิ่งรักเทิดทูนแม่ของมันขนาดนั้น ผมยกมือกุมหน้าตัวเองสะอื้น

 

“อย่าร้องนะภีม มันอาจไม่เป็นแบบภีมคิดก็ได้”

 

ผมนิ่งมองตามันผ่านม่านน้ำตา เอื้อมมือไปแตะแก้มของมันเบาๆ มือผมสั่นไหวด้วยความกลัว “ถ้าแม่ปอไม่ชอบภีมขึ้นมาจริงๆ ปอจะเลือกใคร ขัดใจแม่รักกับภีมต่อไหม?”

 

มันขมวดคิ้วมองผม มองใบหน้าที่มีน้ำตาอาบแก้ม

 

“ไม่เอา อย่าถามพี่แบบนี้นะภีม”

 

“ตอบมา…” เสียงผมสั่นไหว

 

ปอมันกุมมือที่ผมแตะไปหน้ามันราวกับกำลังเดาใจออก ดวงตาคิดไม่ตกว่าจะเลือกสิ่งไหนดี

 

ผมยกยิ้ม “ยังไงก็ยอมตามใจแม่ รักภีมน้อยว่าอยู่แล้วใช่ไหม?”

 

“ไม่ใช่…”

 

ผมงุดหน้าลงพื้น “งั้นตอบมาสิว่าเลือกอะไร?”

 

“ปอ แม่กับลูกมีเรื่องจะต้องคุยกัน ออกมาทั้งอย่างนั้นแหละ”

 

ปอมันส่ายหน้าบอกว่าสิ่งที่ผมกำลังคิดไม่ใช่สิ่งที่มันต้องการ

 

มันพยายามปฏิเสธ

 

แต่เสียงคนจากด้านนอกว่าผ่านความเงียบของเราทั้งคู่ที่จ้องตากัน ผมกลั้นสะอื้นของตัวเองมองตามัน รับนิ้วมือของมันที่ขยับมาปาดน้ำตาด้วยความรัก ใช่…ปอรักภีม ภีมรักปอ เรารักกัน แต่ทำไมการได้อยู่ด้วยกัน

 

ตลอดไป

 

ของเรามันยากเย็นจังนะ เพราะเราเด็กเหรอ งั้นผมจะไป ผมจะรอจนกว่าเราจะเติบโตและดูแลตัวเองได้

 

แต่ไม่รู้วันนั้นปอจะยังรอผมอยู่ไหม

 

ถ้าอยากเจอ นานแค่ไหนก็จะรอ…

 

ผมเชื่อคำนี้ของพี่ปอ

 

ผมได้แต่ร้องไห้ มองตามแผ่นหลังของปอที่เดินออกไป เขาจูบผม บอกว่ารักผมคนเดียวให้ผมได้เชื่อมั่นในตัวเขาเสมอ พี่ปอที่แสนดีและรักผมยิ่งกว่าใครๆ

 

 

เสียงโทรศัพท์กรีดร้องบนหัวเตียงกลางดึกของคืนนี้ ผมลุกขึ้นมาควานหาด้วยความงัวเงียเพราะเพิ่งจะหลับไป รู้สึกหนักเปลือกตาจากการบวมเพราะเสียน้ำตาเยอะ มองร่างของปอที่นอนหลับสนิทข้างๆ ตัวในความสลัวของห้อง มันเงยมาลืมตามองผมที่นิ่งจ้องมองเบอร์ของไอ้ต้น ใบหน้าของไอ้ต้นมันที่กำลังยิ้มแป้นส่งมาให้บนหน้าจอทำผมใจหาย มันโทรมาทำไมกลางดึกอย่างนี้

 

มือผมกดรับสาย ก้มมองใบหน้าของพี่ปอที่ตอนนี้กำลังกอดเอว นอนฟังข่าวอยู่ข้างๆ “ฮัลโหล…”

 

เสียงปลายสายดังเหมือนกำลังอยู่ที่ไหนสักแห่ง มันเงียบไปสักพัก “ภีม…”

 

“เออ ต้น มีอะ…”

 

“กูไปก่อนนะ”

 

ใจผมกระตุกวูบ หมายความว่าไง “อะไรต้น ไปไหน!?”

 

“เหอะ ก็ไปเมืองนอกไง ตอนนี้กูอยู่สนามบิน กำลังจะขึ้นเครื่องแล้ว”

 

น้ำตาผมไหลอีกครั้ง “ต้น!”

 

“ตกใจอะไรนักหนา ฮ่ะๆๆ แต่ก็…มีเรื่องมากมายที่อยากจะบอกนะ ตอนแรกก็ว่าจะคุยด้วยแต่เห็นมึงคิดมากเรื่องพี่ปอ ก็เลย คิดว่าจะบอกตอนไปเลยดีกว่า ภีม…” ต้นมันว่าเสียงเบา ผมได้แต่ส่ายหน้า มือสั่นๆ ยกมากุมปากตัวเองไม่ให้สั่น

 

“ขอบใจนะเว้ยที่ยอมเป็นเพื่อนกู กูแม่งจำได้ว่าอยากเป็นเพื่อนมึงแทบตายแต่มึงก็หนีกูตลอด บทจะเป็นเพื่อนกันก็…”

 

“ต้น กูยังทำใจไม่ได้ว่ะต้น อย่าไปเลย…” ผมว่าเสียงสั่น ไม่กลั้นสะอื้น ไอ้แต่ร้องไห้โฮออกมาจนปอมันตกใจ

 

“ถ้าพี่ปอรั้งมึงไว้เหมือนมึงรั้งกู มึงจะยอมไหมถ้าได้ลองตัดสินใจไปแล้ว?” มันย้อนถาม ผมได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหล

 

“ภีม เป็นอะไร อย่าร้องสิ”

 

ผมส่ายหน้าเมื่อปอมันกระซิบว่า ใจสั่นฟังเสียงในสาย ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยตอนนี้  ฟังต้นมันแค่นหัวเราะออกมา ภายนอกเข้มแข็งแต่ใจมันกำลังเจ็บปวดผมรู้ “ฝากลาพี่ปอด้วยนะ”

 

“อืม…”

 

“ขอบใจนะที่เป็นห่วงกู” มันว่าเสียงเบา “ถึงแม้กูจะดูเหี้ยในสายตาใครๆ แต่มึงก็ดีกับกู เป็นห่วงกูมาโดยตลอด มึงเหมือนพี่ชายกูเลยว่ะภีม กูเป็นลูกคนเดียว กูเอาแต่ใจตัวเองมานาน ขอบใจนะที่ดูแลกูมาตลอด”

 

“ไม่เอา อย่าพูดแบบนั้นสิ” ผมว่าเสียงสั่น

 

“เหอะ แต่พี่กูนี่แม่งโคตรสำออยเลย ร้องไห้ทำไมเนี่ย?” มันว่าปนหัวเราะ

 

“กูรอมึงนะต้น กูจะใช้เบอร์เดิมนะ ถึงแล้วโทรหากูนะ ทักลายน์มาหากูก็ได้” ผมว่าเสียงสั่น

 

“อือ…”

 

ปลายเสียงมันสั่น จากที่พูดมากถูกย่อมาเหลือแค่ครางตอบในลำคอสั่นๆ ผมรู้ว่ามันกำลังร้องไห้แต่ทำเป็นเข้มแข็ง ปากไม่ตรงกับใจเลย

 

“แค่นี้นะภีม ไว้เจอกันนะ…”

 

ผมครางตอบ ก่อนที่สายจะถูกตัดไป เสียงลมหายใจปลายเสียงมันสั่นเครือจนผมจับได้ว่ามันกำลังร้องไห้และเสียใจกับการลาจากครั้งนี้ ผมวางโทรศัพท์แล้วฟุบตัวลงไปกอดปอสะอื้นร้องไห้ เสียงปอมันกอดปลอบผมเบาๆ แต่ไม่พอ ผมร้องไห้ทั้งคืนกับการลาจาก และผมเองก็เชื่อว่าต้นมันต้องร้องไห้ตลอดเส้นทางการเดินทางนี้แน่

 

ไว้เจอกันนะต้น เพื่อนรัก

 

“มันโอเคแล้วภีม อย่าร้องนะ อย่าร้อง…”

 

พี่ปอกอดผม ดึงเข้าไปกอดในอก เรานอนกอดกันอยู่แบบนั้นรับความอบอุ่นจากกันและกัน จูบของปอแนบลงบนหน้าผากของผมซ้ำๆ กับเสียงหวานๆ ปลอบประโลมด้วยความใจดี

 

“ไอ้เหม่งพี่มันไม่ขี้แยขนาดนี้นี่”

 

มันว่า ผมหลุดหัวเราะทั้งน้ำตา กอดมันแน่น “ก็จะไม่ได้เจอกันแล้วนี่ คงคิดถึงมันแย่เลย”

 

“อืม ความห่างไกลมันจะทำให้คนเรารู้ค่าของความคิดถึง”

 

ผมพยักหน้ารับ

 

ใช่แล้ว…

 

ผมจะคิดถึง

 

ได้แต่นอนกอดปอนิ่งนึกถึงสิ่งที่พูดและคิดออกมาช่วงนั้น เมื่อตอนเย็นที่ผ่านมา ถ้อยคำจากแม่ของปอก้องอยู่ในหัวผมครั้งแล้วครั้งเล่า

 

สำหรับเรื่องเมื่อตอนเย็น มันผ่านมาด้วยดีอย่างไม่คาดคิด ทั้งๆ ที่ใจผมกลัวเหลือเกินว่าแม่ของปอจะเกลียดเราทั้งคู่ หาทางให้เราเลิกกัน แต่ไม่เลย หลังจากที่ปอเดินออกไปจากห้อง ผมลุกพาตัวเองไปอาบน้ำ ทำตัวให้เข็มแข็งกว่านี้ ถ้ามัวมาร้องไห้เขาคงเกลียดไปกว่าเดิม สู้ผมเดินออกไปอธิบายดีกว่า

 

เมื่อผมอาบน้ำเสร็จ ร่างของผมเดินออกมาพร้อมชุดคลุม เท้าชะงักเมื่อเห็นว่าใครนั่งรออยู่บนปลายเตียงพร้อมกับปอที่แต่งตัวแล้ว ใจผมหายและไม่กล้าที่จะสู้หน้าเธอ แม้จะบอกว่าพยายามที่จะเข้าไปอธิบายให้เธอเข้าใจก็เถอะ แต่ผมกลัว

 

เธอนิ่งมองมายังผม สีหน้าดูเป็นคนใจดี

 

ปอเดินมาจับตัวผมเดินเข้าไปทรุดตัวนั่งข้างๆ เธอโดยที่มันเองก็นั่งจับมือ นิ้วผสานให้ผมเชื่อมั่นอยู่ข้างๆ พร้อมกับว่า “แม่ครับ นี่เมียผม”

 

ใจผมหายวาบ อยากจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ ได้แต่แหงนหน้ามองคนพูดที่ยังแสดงถึงความจริงจังออกมา ผมกุมมือปอแน่น ยกมือไหว้ทั้งๆ ที่ยังกุมมือกันแบบนั้น

 

ปอกล้าที่จะบอกใครๆ ว่าผมเป็นของมัน มันเป็นของผม แล้วผมจะทรยศพี่ปอได้ยังไง

 

“ภีมเขากลัวแม่จะไม่ชอบน่ะ”

 

ผมหันไปมองหน้ามัน อึกอักเมื่อคนตรงหน้ายังนิ่ง เธอถอนใจแล้วขยับมือมากุมมือเราทั้งสองคน “ใจจริงฉันก็ไม่เห็นด้วยหรอกนะที่เธอสองคนรักกัน แต่ถ้าลูกชายฉันรักใคร แสดงว่าเขาเลือกมาอย่างดีที่สุดแล้ว ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธเขาหรือโกรธเธอ”

 

ผมกลืนน้ำลายพยักหน้ารับ “ที่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ ก็คงจะผ่านตาของปราชญ์มาอีกทีแล้ว ถ้าทั้งปอและปราชญ์เห็นว่าเธอโอเคและเหมาะสมที่จะรักกันได้ ฉันจะไม่แย้งการตัดสินใจของพวกเธอเด็ดขาด แต่…”

 

ผมนิ่งมองเธอที่จ้องตา

 

“ครอบครัวของเธอล่ะ เขารู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า”

 

ผมส่ายหน้าตอบ เมื่อเห็นเช่นนั้นเธอก็กุมหน้าอกตัวเองมองหน้าของปอ “ลูกจะทำยังไงต่อไปในเมื่อพาลูกเขามาทำแบบนี้โดยที่พ่อแม่ของเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยปอ ถ้าเขาไม่ชอบขึ้นมามันจะยุ่งไปใหญ่”

 

“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ มันจะไม่เกิดขึ้น”

 

ผมว่าฝ่าความเงียบเมื่อปอไม่พูดอะไรสักอย่าง ราวกับกำลังนึกไม่ออก

 

ก็ผมกำลังจะไปจากปอแล้ว

 

“จะแอบคบกันงั้นเหรอ ยังไงทางนั้นก็ต้องได้รู้อยู่ดี ถ้าเขารู้ว่าทางนี้รู้อยู่ก่อนแล้วแต่ไม่บอกก็โดนถอนหงอกแย่น่ะสิ” เธอว่าพลางยกมือกุมอกตัวเองตกใจ

 

ผมส่ายหน้า “พี่ปอเองก็ไปที่บ้านบ้างครับ แล้วพ่อกับแม่ก็ชอบมาก”

 

“แต่เขาไม่รู้นี่ว่าเธอสองคนเป็นคนรักกัน ถ้ารู้ก็คงจะเกลียดลูกชายฉันมากเหมือนกัน”

 

“แล้วคุณเกลียดผมไหม?” ผมย้อนพลางมองตาเธอผ่านม่านน้ำตา เธอชะงักนิ่งมองผม ก่อนจะถอนหายใจละใบหน้าไปด้านอื่น

 

“ฉันไม่เกลียดเธอหรอก เธอไม่ได้ผิดอะไร”

 

“งั้นพ่อกับแม่ผมก็คงไม่เกลียดปอหรอก จริงๆ ท่านก็มีเหตุผลมากพอ แต่ถึงยังไงผมก็ไม่คิดจะบอกท่านอยู่แล้ว”

 

“ถ้าเธอตัดสินใจอย่างนั้นฉันก็ยอมรับ เพราะฉันคิดอยู่แล้วว่ายังไงเสียเรื่องความรักของเพศเดียวกันมันก็ไม่ยั่งยืนอยู่แล้ว พวกเธออาจจะเลิกรักกันก่อนที่พ่อแม่จะรู้ความจริงก็ได้ พวกเธอก็ยังเด็ก อาจจะไม่รู้จริงๆ ก็ได้ว่าความเป็นจริงมันน่ากลัว”

 

ผมนิ่งมองเธอที่มองละออกไปไกลแสนไกล แทบไม่อยากจะเชื่อว่าคนๆ นี้คือคนเดียวกันที่ต้องร้องไห้เสียใจหอบเสื้อผ้าบินไปเริ่มชีวิตใหม่ถึงเมืองนอก ทำไมเธอถึงได้เข้มแข็งและใจกว้างขนาดนี้

 

ผมไม่เข้าใจ

 

“ถ้าเธอโตพอที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรมากกว่านี้ เธอจะรู้ว่าความรักไม่ใช่การบังคับให้เขามารักเรา ความรักคือทั้งเขาและเรารักกัน แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่หัวใจยังคิดถึงเขาตลอดเวลา ร้องเรียกหาเขาตลอดเวลา…ความรักไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาหรอกนะ ตอนนี้เธออาจจะรักกันมาก แต่อีกสองเดือน สามเดือน แน่ใจนะจะรู้สึกเหมือนเดิม?”

 

“ต้องแน่ใจสิ ผมรอภีมมานาน ผมไม่ทำลายมันแน่” เสียงปอว่า

 

“ทั้งสองคนต้องโตกว่านี้นะ” เธอว่า หางเสียงเบาหวิว สายตาเธอดูเหมือนจะไม่มั่นใจในตัวของผมและลูกชายตัวเองเสียเท่าไรนัก ไม่มั่นใจในความรักของเราว่าจะอยู่ได้นาน จะต้องเลิกรากันไปในไม่ช้าเหมือนคู้รักเกย์ทั่วๆ ไป

 

ผมจะแสดงให้เห็นเอง ว่าผมทำได้ และผมเองจะเชื่อมั่นว่าปอเองก็ทำได้

 

ครับ…

 

ผมจะนึกถึงปอตลอดเวลา

 

จะเรียนรู้และเติบโตมา เพื่อที่จะกลับมาหาปออีกครั้ง

 

แต่ช่วงเวลานี้ ผมขอมีความสุขกับปอจนวินาทีสุดท้าย

 

ก่อนเอ่ยลา…

 

 

 

 
 :sad4: :sad4:
มาอัพให้แล้วน้า งือออออ//ปาดน้ำตา น้องต้นของเจ๊ไปแล้ว

อยากบอกว่าใครอ่านแล้วไม่ร้องไห้หนูนาบอกเลยตอนเขียนเสียน้ำตาเยอะมาก ยิ่งฉากต้นลาน้องภีมนี่บอกเลยเศร้ามาก เป็นคนที่ค่อนข้างรับไม่ได้กับเรื่องการจากลา ไม่ว่าจะเป็นใครจาก ไรต์ใจเสียตลอดเลย ก็เลยคิดว่าจะมีบางคนบ่อน้ำตาตื้นเหมือนกัน กับมิตรภาพของภีมกับต้น แล้วพอนึกถึงเรื่องปอกับภีม ไรต์ทนเขียนต่อไปไม่ไหวค่ะ ไรต์ไปนั่งร้องไห้ตั้งนาน รับเรื่องที่ตัวเองเขียนไม่ได้ คือเป็นคนเกลียดการพบแล้วจากมาก :ling1:

ยิ่งคิดยิ่งเสียใจ ยิ่งร้องไห้ ไม่เคยร้องไห้กับนิยายตัวเองมากขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ แต่คิดว่าทุกคนในเรื่องนี้ต้องโตขึ้น ต้องมีพัฒนาการมากขึ้น คนเขียนอย่างเราก็สำเร็จมากขึ้น และคิดว่าถึงยังไงเขาทั้งคู่ก็ต้องมาเจอกันอีกก็เลยมีกำลังเขียนต่อ หวังว่าคนอ่านก็คงจะมีกำลังอ่านต่อนะคะ อิอิ

 

เจอกันพรุ่งนี้นะคะ
 :o12:
หัวข้อ: Re: **(16.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: Ali$a฿eth ที่ 17-11-2014 00:17:19
การจากลาทุกครั้งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนะน่ะคนเรา
หัวข้อ: Re: **(16.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 27
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 17-11-2014 00:36:17
เวลา และความห่างไกล จะพิสูจน์ความรักของคนสองคน  :เฮ้อ: ทรมาณจัง
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 17-11-2014 20:59:52
 

ตอนที่ 28

 

เสียงขลุกขลักบนหัวเตียงเรียกผมให้ที่กำลังหลับสบายลืมตาตื่น รู้สึกหนักเปลือกตาที่ตอนนี้คงบวมเป่งน่าเกลียดอยู่แน่ๆ ผมพยายามเบิกตา แหงนมองขึ้นไปเห็นพี่ปอกำลังจัดหัวเตียงใหม่ เมื่อปอเห็นว่าผมมองเขาก็หันมาส่งยิ้ม ยีหัวและจัดของต่อไป ชั้นหนังสือการ์ตูน กระถางต้นกระบองเพชรจิ๋วที่มันบอกว่าไปเที่ยวแล้วก็ซื้อมา เป็นผมที่คอยรดน้ำทุกวันให้ โมเดลรถมอเตอร์ไซต์ถูกจับวางคู่กับเจ้ากระต่ายฟันเหยินตัวเล็กที่กำลังส่งยิ้มหน้าบาน ปอมันบอกว่าเหมือนผม

 

บนตัวสูงๆ ของมันกำลังสวมชุดช็อป ดวงตาผมตื่นเต็มตาเมื่อเห็นว่ามันกำลังจะไปโรงเรียนแล้ว ไอ้ผมที่กำลังนอนใต้ผ้าห่มนวมผวารีบลุกไปกอดมันจากด้านหลังด้วยความใจหาย

 

“ไม่ให้ไป วันนี้อย่าไปนะปอ” ผมว่าเสียงเบา ซุกหน้าไปบนบ่ากว้างๆ ของมัน

 

“พี่ต้องไปทำงานให้เสร็จนะ ไว้เจอกันตอนเย็นนะภีม”

 

“ไม่เอาปอ อย่าไป หยุดสักสองวันได้ไหม?” ผมกอดมันพูดออดอ้อน

 

“ภีม พี่กินแรงเพื่อนไม่ได้”

 

“นะปอ ขอร้อง อยู่กับกูที่นี่นะ”

 

“ภีม…”

 

“นะพี่ปอ อยู่ด้วยกันเถอะนะ ไม่อยากให้ไปเลย”

 

อยากให้อยู่ใกล้ๆ กันแบบนี้

 

ตอนที่ผมกล่าวออกมานั้น หางเสียงมันคงสั่นจนปอมันจับได้แล้วแน่ มือเรียวยาวผมกอดมันแน่น พยายามยื้อสุดแรงไม่ให้พี่ปอของผมไปจากตรงนี้ ผมอยากให้มาอยู่กับผมตรงนี้จนวินาทีสุดท้าย และความคิดนั่นคงทำให้ความสงสัยของมันยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก เพราะเมื่อวานตอนที่ปอมันถาม ผมไม่ได้ตอบอะไรมันไปเลยสักคำ

 

“ก็ได้ แต่พี่หยุดแค่วันนี้วันเดียวนะ”

 

ผมรีบพยักหน้าหงึกๆ วางแก้มลงบนบ่าของมันแล้วเอ่ยปากชม “น่ารักมาก…”

 

“ไม่ต้องมาพูดดีเลยภีม จะงอแงงี่เง่าอะไรแต่เช้า หืม?”

 

เสียงมันบ่นว่าผมงอแงอะไรตั้งแต่เช้า มือก็ตวัดนิ้วบนจอทัชสกรีนโทรศัพท์หาเบอร์เพื่อนตัวเองไปด้วย ผมไม่ตอบอะไรสักคำ เอาแต่กอดมันแน่นกลัวว่ามันจะหายไป ตอนปออาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ตัวโคตรหอม ผมได้แต่ซุกจมูกไว้ที่ซอกคอแบบนี้จนคนถูกทำต้องย่นคอหลบไป

 

ว่าแต่กู พอโดนเองเป็นไงล่ะ ผมยิ้มมองมันที่นั่งฟังเสียงรอสายด้วยสีหน้าปกติ หันมาเอ็ดผมที่ยังแหย่ด้วยการกัดคอมัน ครั้นเขารับสายทางนี้ก็รีบกรอกเสียงบอกเพื่อนในสายทันที

 

“เออ ธามวันนี้กูไปไม่ได้นะ เมียกูมันงอแงตั้งแต่เช้า”

 

ผมยกยิ้ม คำที่มันว่าผมเหมือนว่าเด็กน้อยเลยนะ คิดแล้วยกหน้าไปจูบแก้มมันออดอ้อน “หา! อะไรนะ มึงก็ไม่ไปเหรอ?”

 

อ้าว พี่ธามเลว

 

“มึงอยู่ไหน หา…ไปทำห่าอะไรพัทยา?”

 

สงสัยพี่ธามเองก็ยังเสียใจเรื่องไอ้ต้น ตอนนี้คงยังเมาค้างแหงๆ

 

“เออ งั้นเดี๋ยวกูโทรไปบอกไอ้เพื่อนก็ได้ มึงบอกมันแล้วรึยัง ถ้ายังก็จะได้บอกให้ อืม…โอเคๆ ไว้เจอกัน มึงไหวปะวะ เออ งั้นขับรถกลับดีๆ นะมึง”

 

ปอมันวางสาย หันมาหาผมที่ยังกอดมันจากด้านหลังอยู่อย่างนี้ ก็ตัวปอมันอุ่น มือหนาๆ มันเอี้ยวมาลูบผม จับจมูก จับแก้ม มืออีกข้างก็ไล่หาเบอร์พี่เพื่อนไปด้วย

 

“ไอ้ธามแม่งทำใจเรื่องไอ้ต้นไม่ได้”

 

ใจผมหาย แล้วปอจะทำใจได้ไหม ได้แต่นิ่งมองมันอย่างนี้ “เอ่อ…ปอ”

 

ควรบอกมันตอนนี้ไหม

 

ผมกลัวว่าปอจะทำใจไม่ได้เหมือนกัน

 

“คุยธุระเสร็จเราต้องคุยกันนะภีม” มันพูดเสียงแผ่วเบา ผมพยักหน้ารับ มือตีหน้าท้องมันขณะที่กอด ปอมันทำหน้าเข้มหันมาดุทั้งฟังเสียงรอสายพี่เพื่อน

 

ผมได้แต่นิ่งคิดกับตัวเอง คิดว่าควรตกลงกับปอว่าจะเอายังไงกันแน่ ไม่ใช่แบบนี้ ปอควรรู้ว่าผมกำลังจะไปและทำใจเพื่อรอผมสิถึงจะถูก ผมไม่ควรตัดช่องน้อยแต่พอตัว ไม่ควรห่วงแต่ความรู้สึกของตัวเองไม่แคร์คนด้านหลัง ถ้าทำแบบนั้นปอคงเลิกที่จะศรัทธาในตัวผมไปเลยแน่ๆ

 

ผมได้แต่คิดซ้ำๆ

 

ครั้นคุยธุระกับพี่เพื่อนแล้ว ปอมันก็แกะมือผมออกแล้วหันมาจ้องตาด้วยความอยากรู้ ผมยกยิ้มให้มัน ผวาเขาไปกอดคอทำเป็นไม่รู้เรื่อง

 

“ในที่สุดก็หาเรื่องให้พี่ปอโดดจนได้ ไปเที่ยวกันไหม ที่ไหนดีน้า?” พยายามทำเสียงตื่นเต้น มันกอดผม มองผมด้วยความสงสัย

 

“พอเลย อย่ามาเฉไฉ คุยกับพี่ก่อน”

 

“ไม่เอา อาบน้ำให้กูหน่อยนะ แล้วก็ไปเที่ยวกัน” เมื่อได้ยิน ปอมันเลิกคิ้วด้วยแววสงสัยอีกครั้ง

 

“อาบน้ำนี่ จำได้ว่าขออาบด้วยกันกี่ครั้งไม่เห็นยอมเลยนะ”

 

“ก็วันนี้อารมณ์ดี จะอาบพร้อมกันไหมล่ะ?”

 

“ไม่เอาอ่ะพี่อาบแล้ว”

 

ผมขมวดคิ้วตัวเองมองหน้ามัน ทุบบ่ามันไปที “นี่กูอ่อยยังไม่รู้ตัวอีก มาๆ อาบน้ำด้วยกัน”

 

ปอมันเกาหัวตัวเอง แล้วก็ยิ้มมองผมอยู่อย่างนั้น ยกมือกอดผม จูบผมด้วยความเอ็นดูและบอกว่ารักกับผม มันทำแบบนี้ทุกๆ เช้า แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าอีกไม่นานจะไม่ได้ยินพี่ปอบอกรักทุกครั้งที่ตื่นนอน คิดแล้ว รอยยิ้มผมละลงไปอย่างไม่สามารถเรียกกลับได้

 

ใจมันหาย มันหวิว มันโหวง

 

“ภีม เป็นอะไร เมื่อกี้ยังยิ้มน่ารักอยู่เลย เป็นอะไรวะ หืม?”

 

ผมชะงัก มองใบหน้าที่อยากรู้ของอีกฝ่าย พยายามฝืนยิ้มอย่างเต็มกลืนทั้งๆ ที่ใจเจ็บปวด “ขี้เกียจเดิน อุ้มไปอาบน้ำหน่อยสิปอ”

 

“ขอเยอะเกินไปแล้ว ถ้าเห็นภีมแก้ผ้าพี่คงทนไม่ไหว ไม่ได้แค่อาบน้ำอย่างเดียว” มันว่ายิ้มๆ มือเชยคางผมให้จ้องตา

 

“อ๋อ ที่ไม่ยอมอาบให้เพราะกลัวอดใจไม่ไหวเหรอ ป๊อดว่ะปอ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ปอมันเลิกคิ้วพลางชี้หน้า

 

“จะยั่วใช่ไหมเนี่ย?”

 

“เปล่านะ” ผมยักไหล่ทำไม่รู้เรื่อง

 

“มานี่เลย จะซัดให้ลุกไม่ขึ้นเลย”

 

ไม่ว่าอย่างเดียว จับตัวผมลอยขึ้นมุ่งสู่ห้องน้ำ เสียงของผมหัวเราะคิกคักเมื่อหลอกล่อมันได้สำเร็จ เราหยอกล้อกันในห้องน้ำกันเป็นเวลาเกือบชั่วโมง แค่กอด แค่จูบ สุดท้ายพี่ปอก็ยอมอาบน้ำพร้อมกัน

 

ผมเคยเล่นตัวตั้งนาน เพิ่งมาคิดได้ว่าเอาเข้าจริงเราเพิ่งจะได้อาบน้ำพร้อมกันแค่ครั้งเดียว ยังมีอีกตั้งหลายอย่างที่ปอขอแล้วผมเอาแต่ดื้อดึง ไม่ยอมตามใจมัน

 

ทั้งๆ ที่มันออกจะสนุกขนาดนี้

 

สลับกันถูหลัง บนตัวเรามีแต่ฟองสบู่ นิ้วมือเรียวๆ ขยับมาเกลี่ยฟองออกจากใบหน้าให้ด้วยความอ่อนโยน ผมได้แต่รู้สึกร้อนใบหน้า กลัวตัวเองร้องไห้

 

สุดท้ายวันนี้ ปอก็ไม่ได้พาผมออกไปไหนอย่างที่ผมขอไว้ว่าอยากออกไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง ใจจริงๆ ผมเองก็อยากใช้เวลาทั้งวันอยู่กับมัน จ้องตา บอกว่ารักกันตลอดทั้งวันอยู่แบบนี้ดีกว่าจะออกไปไหนเสียอีก แม้ปอจะงงและสงสัย กลับไม่ถามอะไรอีกเมื่อผมพยายามบ่ายเบี่ยง มันคงรอตอนที่ผมบอกเอง

 

ใช่…ปอรู้ว่ายังไงผมก็ต้องบอก

 

ผมนิ่งมองร่างหนาๆ ที่นอนพริ้มตาหลับในช่วงบ่ายของวัน ใบหน้าไร้การแต่งแต้มสีหน้าต่างๆ ผมขยับเข้าไปกอดมันแน่น จูบปาก และเฝ้ามองใบหน้านี้ให้ละเอียดเมื่อนึกถึงวันหนึ่งที่จะต้องไม่ได้เจอกัน ผมจะจำใบหน้าหล่อๆ นี้ไว้

 

เฝ้านึกถึง และคิดถึง

 

รอวันที่จะได้กลับมา คิดแล้วผมได้แต่พริ้มตาหลับ เราต้องโตขึ้นนะปอ

 

โตอย่างที่แม่ของปอต้องการ

 

 

ผมพาร่างตัวเองเดินเอื่อยๆ ลงมายังด้านล่างด้วยใจที่เบาหวิวแปลกๆ จะให้คิดหมกมุ่นอยู่แต่ในห้องก็ทำไม่ได้ มัวแต่กลัวการจากลาที่จะต้องเผชิญแล้วผมกลัวตัวเองจะไม่กล้าที่จะเดินจากปอมา

 

เห็นพ่อของปอกำลังนั่งคุยกับใครสักคนอยู่ เขาละมามองผมแล้วส่งยิ้มให้ ผมยกยิ้มตอบท่านทันทีก่อนจะละสายตาหลบเมื่อเห็นว่าคนที่เขาคุยด้วยหันมา เธอส่งยิ้มใจดีพร้อมกันนั้นคุณพ่อท่านก็ลุกเดินมาหา พาร่างผมเดินเข้าไปร่วมวง ใจจริงก็ไม่ชอบเลยที่จะต้องเข้าหาแบบนี้

 

สายตาของพี่ชายปอทำผมลำบากใจ

 

“ปออยู่ในห้องเหรอ?” คุณพ่อถาม

 

“เขานอนครับ ผมเลยออกมาเดินเล่น”

 

“วันนี้ไม่ได้ไปโรงเรียนเหรอ เห็นว่ารีบทำงานนี่” ผู้หญิงคนเดียวบนโต๊ะว่า ผมหลบสายตาตัวเองเมื่อเห็นเธอมองตา แววตาของเธอไม่ได้มีแววโกรธเคืองอะไรแต่ผมกลับรู้สึกผิด

 

“ผม…ขอไม่ให้ไปเองครับ”

 

“ทำไมล่ะ?”

 

“ผม…”

 

“พวกเธอน่ะเด็กกันจริงๆ รู้ไหม เห็นไหมเรื่องแบบนี้ยังชวนทำอะไรที่ทำให้เราดูออกว่ายังเด็กกันมาก ชวนแต่ออกนอกลู่นอกทางแล้วอย่างนี้จะให้ฉันวางใจยังไง?” แม่ของปอว่า ผมก้มหน้ามองมือที่กุมกันแน่น

 

“อีกหน่อยก็เลิกกัน เชื่อผมสิ” พี่ชายปอกล่าว

 

ผมนิ่ง ทำไมผมต้องมานั่งตรงนี้ มาถูกคนวิพากวิจารณ์เรื่องความรักของเรา เพียงเพราะว่าเรายังเด็กอย่างนั้นเหรอ แปลว่าถ้าเราทั้งคู่เป็นผู้ใหญ่และดูแลตัวเองได้แล้ว นั่นหมายความว่าเมื่อเราตัดสินใจทำอะไรลงไปจะไม่ผิดใช่ไหม

 

“อย่าเพิ่งตัดสินเด็กคนนี้เพราะการกระทำเล็กๆ น้อยๆ เลย ที่ปอดีขึ้นมาได้ก็เพราะเขา ฉันชอบที่ภีมฉุดปอให้โตเป็นผู้ใหญ่เมื่อทั้งสองคนได้รักกัน”

 

“เธอไม่รู้อะไรหรอกปราชญ์”

 

“ทำไมฉันจะไม่รู้ ฉันสังเกตพวกเขาเวลาอยู่ด้วยกันตลอด” คุณพ่อพูดขึ้นมา อต่ถึงยังไงผมก็ไม่รู้สึกดีที่เขาจะเถียงแทน

 

“เธอสังเกตก็จริงแต่ไม่เข้าใจวิถีชีวิตจริงๆ เหมือนฉัน”

 

“ทำไมฉันจะไม่เข้าใจ ฉันคิดว่าฉันเข้าใจลูกดีกว่าเธอด้วยซ้ำ”

 

“หมายความว่าไง?” เธอว่า ผมหน้าชายกมือกุมขมับ

 

“พ่อกับแม่ไม่ควรมาเถียงกันเรื่องนี้หรอกครับ มันไม่น่าคิดมากเลย ผมว่าไม่นานพวกเขาก็เลิกกัน เหมือนที่พ่อเลิกกับคู่ขาเก่าของพ่อ ยังไงพวกเกย์มันก็ไม่มีรักแท้อยู่แล้ว”

 

ใจผมหายเมื่อเห็นสายตาคนว่ามองมา “ที่พ่อต้องเลิกเพราะมีเหตุจำเป็น เกย์ไม่ได้รักง่ายหน่ายเร็วขนาดนั้น แค่เราพยายามหาคนที่รักเราและสามารถอยู่ข้างเราได้ แต่อุปสรรคคือมันหาไม่ได้ง่ายๆ ไง”

 

“พ่อเลิกเถียงข้างๆ คูๆ เถอะ ยังไงเสียเกย์มันก็ยึดเรื่องเซ็กส์เป็นหลักอยู่ดี พอไม่ได้ตามใจเดี๋ยวก็เลิกกัน ผมเห็นมานักต่อนักแล้วที่บอกว่ารักกัน อยู่ด้วยกันไม่เห็นถึงปีสักคู่”

 

“เปรม ลูกใช้อคติกับเกย์มากเกินไป”

 

“ก็มันจริงนี่ ถ้าเห็นว่าผมอคติพ่อก็พิสูจน์สิ นายก็ด้วย!”

 

ผมสะดุ้ง เงยมองหน้าคนว่าที่ยังจ้องตาผมเขม็งราวกับกำลังโกรธ ผมไม่รู้เขาโกรธเขาเกลียดเกย์ขนาดไหน แต่สายตาแบบนี้รู้ดีเลยว่าไม่น้อย ผมได้แต่หลบตาและไม่กล้าสู้หน้า

 

ทำไมนะ ทำไมผมต้องมานั่งทนฟังอะไรแบบนี้ด้วย

 

“ผม…จะพิสูจน์”

 

ทั้งสามเงยมามองผมเป็นตาเดียว คนที่ต่อว่าผมเมื่อครู่เปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อยเมื่อเห็น ลูกตาผมถูกกลบด้วยน้ำตา มันเอ่อและหล่นแหมะใส่หลังมือที่สั่น ผมกลัวจริงๆ

 

“ผมจะพิสูจน์เองว่าเรารักกันจริงๆ”

 

“เฮอะ นายฝันอยู่งั้นเหรอ?” คนตรงหน้าว่า

 

“ผมกับปอจะพิสูจน์ว่าเรารักกัน เราอยู่กันได้”

 

“ปอมันบอกว่าจะพิสูจน์เหรอ หรือนายคิดคนเดียว?”

 

“ผมคิดคนเดียว แต่คิดว่าปอคงจะทำด้วยแน่ๆ”

 

“อย่าละเมอนักเลย ฉันรู้จักน้องฉัน ถ้ามันไม่ได้ออกปากอะไรออกมาเอง อย่าฝันว่ามันจะทำให้”

 

คนตรงหน้าว่า น้ำเสียงดูหมิ่นผมที่นั่งตรงนี้

 

“ผมจะเลิกกับปอ ผมจะไปจากที่นี่”

 

ภายในวงสนทนาเงียบกริบเมื่อได้ยินเช่นนั้น ผมไม่รู้ทุกคนรู้สึกอย่างไรแต่มั่นใจแน่ว่าคงมีตกใจที่จู่ๆ ก็พูดคำนี้ขึ้นมา คุณพ่อเงยมามองผมพลางส่ายหน้าปฏิเสธ

 

“ทำแบบนี้หมายความว่าไงภีม พ่อไม่เข้าใจ”

 

เขานิ่งมองตา ส่ายหน้าอย่างไม่มั่นใจในสิ่งที่ผมกำลังจะกล่าว “ผมจะเลิกกับปอครับ”

 

“เหอะ พูดแล้วไง ฉันคิดแล้วไม่มีผิด” พี่ชายของปอกล่าว น้ำเสียงเยาะผมรู้ดี

 

“แต่ที่ผมเลิก เพราะจะรอวันที่เราโตพอ เราจะกลับมา…”

 

“น่าขำ นายมันบ้าไปแล้ว ใครมันจะไปรอ บอกว่ามาสิว่ากว่านายจะโตน่ะอีกกี่ปี ตอนนี้นายอายุเท่าไหร่ สิบห้า สิบหก แล้วกว่านายจะประสบความสำเร็จ กว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่จริงๆ น่ะกี่ปี ห้าปี สิบปี ใครมันจะไปอดทนรอได้”

 

ใจผมหายเมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาว่า

 

นั่นมันก็จริง แต่ถึงปอจะไม่รอ

 

ยังไงฝ่ายผมน่ะต้องรอ

 

มันอาจจะนานมาก ปออาจมีคนรักใหม่ อาจแต่งงานมีลูก ถึงวันนั้นผมอาจเสียใจจนแทบไม่เป็นอันกินอันนอนอีกครั้ง ผมก็ยังจะรอ แม้ปอจะไม่เชื่อมั่นในผมและหนีไปคบใครก่อน ผมจะไม่โกรธเคืองอะไรเขาเลยสักนิด

 

ถ้าปอมีความสุข ถ้าได้เห็นปอในอนาคตมีความสุขผมก็โอเค เพราะตอนนั้นผมคงโตพอที่จะยอมรับได้แล้ว แม้จะเสียใจเพียงไหนก็ตาม

 

“ไม่จริงใช่ไหมภีม?”

 

ผมชะงัก ดวงตาเบิกโพลงเมื่อได้ยินเสียงของใครสักคนกล่าวจากด้านหลัง ใบหน้าผมชาแทบไม่กล้าที่จะหันกลับไป

 

“ปอ…”

 

เสียงฝีเท้ากระแทกมาก พร้อมกับความรู้สึกเจ็บแปลบต้นแขนรั้งให้ผมหันไปหา ใบหน้าของคนถามขึงขังจนผมเป็นฝ่ายหลบส่ายตาไปด้วยความกลัว กลัวใจตัวเอง กลัวปอโกรธ กลัวมันจะจบไม่สวยเหมือนที่ผ่านมา

 

“ตอบกูมา!”

 

ผมเม้มปากให้สั่น ไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา เมื่อดวงตาของคนตรงหน้าจ้องเขม็ง มันโกรธ มันโมโหเมื่อผมไม่คิดที่จะบอกเรื่องนี้กับมัน

 

“ตอบมาสิภีม ตอบกูมา!”

 

มันตะเบ็งเสียง ลากแขนผมให้เดินตามหลังไป ความรู้สึกเจ็บที่ต้นแขนไม่ได้ทำให้ผมร้องไห้ แต่ผมเจ็บตรงที่หัวใจที่ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากร้องไห้ระบายมันออกมา ส่งเสียงแห่งความเจ็บปวดบอกปอไปว่าผมเองก็เจ็บไม่น้อยว่าปอเลย

 

ผมรักปอ ยังไงก็ยอมรับไม่ได้ที่เราต้องจากกันอย่างนี้

 

ร่างของผมถูกผลักลงบนเตียงพร้อมกับปอมันมันจ้องตา มือผมสั่น พยายามเอื้อมไปแตะมันให้เข้าใจว่าตอนนี้ผมเสียใจ มือหนามันปัดผมออก แต่ผมจะไม่ร้องไห้เสียใจเลยเมื่อเห็นแววเศร้าในดวงตาของมัน

 

“ปอ ฟังก่อน…”

 

“มึงทำแบบนี้ได้ไง ทั้งที่กูคิดจะอยู่กับมึงตลอดไปแต่มึงกำลังคิดที่จะทิ้งกู!”

 

ดวงตามันมีแต่ความเจ็บปวดสื่อออกมาระหว่างที่กระแทกกระทั้นเสียงใส่ ผมได้แต่จะเอื้อมมือไปขอร้อง “อย่ามาแตะกู! ทำไมมึงถึงทำแบบนี้วะภีม กูทุ่มเทให้มึงขนาดนี้มึงยังไม่คิดที่จะเชื่อในตัวกู มึงยังคิดที่จะทอดทิ้งกู มึงก็เห็นว่ากูอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมึงอยู่ด้วย กว่ากูจะขอร้องให้มึงกลับมามันยากขนาดไหน มึงยังไม่เห็นค่าแล้วจะทิ้งกูไป…”

 

“ปอ…” ผมกุมหน้าอกตัวเอง มันเจ็บจนต้องหยิกให้มันชา

 

“ขอโทษ…”

 

“กูไม่รับ กูไม่ฟังอะไรทั้งนั้น!”

 

ทันว่าพลางทรุดตัวนั่งหันหลังให้ผมปลายเตียงเงียบๆ คนเดียว พยายามเก็บอารมณ์ความรุ่นรุ่มในอกต่างจากปอคนเดิมอย่างสิ้นเชิง ไม่โวยวาย ไม่อาละวาด ไม่ทำลายข้าวของ น้ำตาผมไหลอาบแก้ม มันพรุ่งพรูออกมาไม่ขาดสายและควบคุมไม่ได้ ไม่คิดว่าปอมันจะเสียใจขนาดนี้ ทำไมผมมันเลวขนาดนี้วะ

 

ดวงตาผมมองแผ่นหลังกว้างๆ ของพี่ปอนิ่ง มันกำลังไหวขึ้นลง

 

ด้วยแรงสะอื้น

 

ใจผมจะขาดเมื่อเห็นเช่นนั้น ตั้งแต่คบกันมา ผมไม่เคยเห็นพี่ปอร้องไห้เพราะผมเลยสักครั้ง นั่นอายจบอกว่ามันกำลังเสียใจมากที่สุดกับสิ่งที่ผมคิดกระทำ

 

“ปอ…ฮึก ขอโทษ…” ผมว่าเสียงเบา คลานไปกอดมันจากด้านหลัง รู้สึกถึงแรงสะอื้นของมันอย่างเต็มที่

 

“ภีมจะทิ้งพี่ไปจริงๆ เหรอ?”

 

ใจผม มันจะขาดเมื่อได้ฟังเสียงสั่นเครือตรงหน้า น้ำตาหยดใส่เสื้อของมันหยดแล้วหยดเล่า ผมรู้ว่าปอมันเสียใจ อาจจะมากว่าผมด้วยซ้ำ

 

“ภีมมีเหตุผลนะ”

 

“ไม่…มึงจะทิ้งกู!” มันกระแทกเสียง ผมได้แต่กอดมันแน่น “มึงจะทิ้งกูไป กูรู้แค่นี้ภีม..”

 

“ไม่ เรายังรักกันเหมือนเดิมปอ เรายังรักกัน ภีมรักปอ ปอรักภีม”

 

“ถ้าภีมไปมันจะไม่เป็นแบบนั้น”

 

มันพูดเสียงสั่นเครือ ดวงตาผมจ้องเสื้อของมัน เก็บเสียงสะอื้น

 

“รอภีมได้ไหมปอ?”

 

“ไม่…”

 

ผมนิ่ง ฟังเสียงสะอื้นของมันและตัวเองผสานกัน “นะ…สัญญานะว่าจะรอ”

 

“ไม่…” มันลากเสียงว่า มือขยับมากุมมือผม มือหนาๆ และแข็งแรงมันกำลังสั่นไหว

 

ปอมันกำลังกลัว โธ่…ปอ

 

“อย่าไปนะภีม พี่ขอร้อง…อย่าไปจากพี่”

 

“อย่ารั้นได้ไหมปอ บอกมาสิว่าจะรอ จนกว่าเราจะโตแล้วดูแลตัวเองได้”

 

“ไม่ภีม ไม่…”

 

ปอมันส่ายหน้า มือกุมมือผมที่กอดมันแน่น มันเอาแต่ส่ายหน้าปฏิเสธ ภายนอกมันดูแข็งแกร่งแต่ภายในมันอ่อนแอและหวาดกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิด ไม่ต่างจากผม เมื่อเห็นปอร้องไห้และเสียใจขนาดนี้ ผมได้แต่ต่อว่าตัวเอง คิดได้ยังไงว่าจะไปแบบไม่บอกปอ

 

“มึงนี่เป็นเหมือนที่พี่มึงว่าไว้จริงๆ ยังไงก็ทำให้กูไม่ได้สินะ”

 

ผมว่าเสียงเบา ขยับไปวางใบหน้าบนบ่ากว้างๆ ไม่กล้าเงยขึ้นไปมองใบหน้าของมัน ใจผมคงแหลกละเอียดถ้าเห็นหน้าของมันเปื้อนไปด้วยน้ำตาเพราะผมเป็นคนทำร้ายมัน

 

“บอกมาสิว่าไม่อยากไป พี่ทำให้ได้”

 

“ไป ยังไงก็ต้องไป ถ้าปออยากอยู่ด้วยกันตลอดไปก็ต้องไป”

 

“ทำไม เราอยู่กันตอนนี้ก็ได้” มันว่าพล่งส่ายหน้า

 

“แล้วจากกันภายหน้าน่ะเหรอ สู้จากกันตอนนี้ แล้วได้อยู่ด้วยกันตลอดไปสิ” ผมว่าเสียงเบา ปอมันเงียบไป ได้ยินแต่เสียงสะอื้น

 

“รักกูไหมปอ?”

 

“รัก รักภีมคนเดียว จะรักตลอดไปเลย” มันว่า

 

“งั้นก็ต้องรอ สัญญานะ รอนะปอ อย่าทิ้งกูนะปอ…ฮึก!” ผมหลุดร้องไห้ เป็นผมที่อ่อนแอ

 

“ไม่อยากเชื่อเลย…”

 

“รับปากมาสิ ว่าจะรอ กูเองก็จะรอ จะรีบโตแล้วรีบมา”

 

“โธ่…” มันลากเสียง ได้แต่เงียบๆ ร้องไห้คนเดียวไม่ยอมตอบ ผมนิ่งกอดมันจากตรงนี้ ร้องไห้และรอฟัง สุดท้ายมันก็ไม่ยอมตอบอะไรมาเลย

 

“สุดท้ายมึงก็ไม่ยอมรับปาก มึงมันรั้น งั้น…เราเลิกกันตลอดไปเลยก็ได้ กูจะไม่ทำร้ายมึง ไม่ต้องรอกูหรอกนะ ถ้ามีใครมาจีบ หรือชอบใครและเห็นว่าเขาใช่มากกว่า ก็อย่าปิดกั้นเข้าใจไหม?”

 

มันนิ่งฟัง ใจผมหายพลางว่าต่อ “อย่าปิดตัวเองรอกู กูไม่รู้ว่ามึงจะมั่นคงกับกูมากแค่ไหน ถ้าคิดว่าจะเจอคนที่มั่นคงมากกว่าก็คบกับเขาซะ ไม่ต้องรอ…”

 

แต่กูจะรอมึง รอมึงคนเดียวและกลับมา

 

“ไม่ต้องรู้สึกผิดกับกูนะถ้ากูกลับมาเห็นมึงมีลูกมีเมีย…”

 

“พอได้แล้ว มึงก็รู้ว่ากูรักใครไม่ได้อีกแล้ว กูไม่คิดจะรักใคร…”

 

ผมใช้หลังมือปาดน้ำตา ยิ้มทั้งๆ ที่กำลังร้องไห้เมื่อได้ฟัง คนที่ถูกกอดหันมามอง ทำให้ใจของผมสั่นแทบจะทะลุออกจากอกเมื่อเห็น ใบหน้าที่กำลังเสียใจของปอ

 

“กลับมาเร็วๆ นะภีม พี่จะรอ”

 

ผมกอดมันแน่น ได้แต่พยักหน้ารับด้วยความดีใจที่ปอยอมตกลงในสิ่งที่ผมเสนอ ใบหน้าผมขยับเข้าไปแนบจากจูบเป็นคำสัญญา รับรู้ว่าปอเจ็บปวดขนาดไหน ริมฝีปากของมันร้อนรุ่ม สั่นเครือ ราวกลับกำลังกลัวว่าผมจะหายไปจากตรงหน้า

 

สัญญาแล้วนะปอ

 

กูจะรอ

 

และเชื่อมึงเสมอว่ามึงจะทำตามที่ตัวเองบอกได้

 

สัญญาว่าเมื่อเราโตพอ เราจะเดินกลับมาหากันดังเดิม

 

ผมยิ้ม ยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อเห็นว่าเราจ้องตากันหลังจากผละปากออก มือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าหล่อๆ นี้ด้วยความห่วงใย อย่าร้องไห้เลยปอ ปอโตขึ้นมาก และอนาคตก็มั่นใจเลยว่าปอจะโตขึ้นไปเรื่อยๆ สามารถดูแลตัวเองและผมได้

 

รักปอนะ จะรอตลอดไป

 

 

 
 :hao5: :hao5:
มาอัพให้แล้วค่ะ//ปาดน้ำตา เศร้าอ่า

น้องกำลังจะไปแล้ว ตอนหน้าเป็นพาร์ทพี่ปอ ไม่อยากสปอยอะไรมาก แค่ตอนหน้าเศร้าแบบทรหดมาก

มีข่าวดีมาบอกว่า นิยายผ่านการพิจารณาแล้วจ้า จะได้ออกมาเป็นรูปเล่มต่อจากปิ๊งรักคุณพ่อลูกติดนะคะ(ดูตรงแบนเนอร์ด้านบนนะ เผื่อใครไม่รู้ว่าคนเขียนคนเดียวกัน อิอิ) มีใครอยากเก็บบ้างป่าวเหอะ เค้าคิดรูปแบบปกไว้แล้วน้า (ฮา) เนื่องจากพอรวมเล่มแล้วเนื้อเรื่องยาวและหนามาก ไรต์ก็เลยทำตอนจบให้มันกระชับขึ้นนะคะ เพราะตอนพิเศษไรต์กะจะจัดเต็ม ให้สี่-ห้าตอนเลย

บ๊ายบายจ้า
 :bye2:
หัวข้อ: Re: **(1.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 17-11-2014 21:12:41
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
ทำไมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
เศร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
อุตสาได้กลับมาคบกันแล้วแท้ๆ ต้องแยกจากกันเพื่อพิสูจน์รักแท้
สู้นะพี่ปอออออออออออออออ :m8: :m8: :m8: :m8: :m8:
หัวข้อ: Re: **(17.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-11-2014 23:07:38
รอ
หัวข้อ: Re: **(17.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 17-11-2014 23:44:39
งืีออออ ร้องไห้เลยง่า :mew4:
หัวข้อ: Re: **(17.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-11-2014 01:12:58
ทำไมไม่พูดกันตรงๆ เฮ้อออ โตไม่โตไม่เกี่ยวเหรอก ความมรักต่อให้สิบขวบถ้ารักกันจังก็อยู่ด้วยกันไปตลอดได้ :katai1:
หัวข้อ: Re: **(17.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 28
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 18-11-2014 02:06:30
 :katai1:  :katai1: เศร้าอะ ความรักหนอความรัก  :hao5:
หัวข้อ: Re:1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 18-11-2014 15:49:38
 

ตอนที่ 29

-P’ Por Part-

 

ผมนอนนิ่งมองคนที่ยังนอนจ้องตากับผมไม่ละ

 

คนๆ นี้…คือคนที่ผมรัก และผมเองคิดว่าจะไม่รักใครอีกแล้ว

 

เรานอนตะแคงบนเตียงมองหน้ากันแบบนี้นานมากแล้ว คงเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงแล้ว ใบหน้าเรียวยาวข้างหนึ่งฟุบแนบกับหมอน ดวงตานั้นยังชุ่มเปียกไปด้วยน้ำตา นัยน์ตาสีดำขลับจ้องมองยังผม เราอาจใจตรงกัน อาจกำลังเก็บใบหน้านี้ไว้เพื่อจำ และเอาไว้คิดถึงกัน

 

นิ้วมือผมเอื้อมไปแตะแก้มของภีม ยอมรับว่าช่วงเวลาเลวร้ายนี้ผมอ่อนแอกว่ามันมาก ภีมมันคอยโอ๋ไม่ให้ผมร้องไห้ตลอดเวลา โอ๋ผมด้วยน้ำตา คิดว่าผมจะหยุดร้องไปได้ยังไงถ้ายังเห็นมันร้องไห้เสียใจแบบนี้

 

แต่ถ้าภีมต้องการให้ผมตอบรับสัญญา ผมยอม ผมทำได้

 

ผมแค่กลัวการตื่นขึ้นมาไม่เจอมัน การทำผิดแล้วไม่ถูกเสียงงอนๆ ของมันต่อว่า รู้และคิดเสมอว่ามันก็เจ็บไปไม่น้อยกว่าผมเลยสักนิดเดียว ถ้ามันเข้มแข็งได้ ผมก็เข้มแข็งได้เช่นกัน ผมจะรอมัน

 

จะรักแค่มัน ผมให้สัญญา

 

ผมรักมันจริงๆ ทุกๆ วันที่พูดบอกออกไป ผมพูดจากใจจริงๆ เชื่อจริงๆ ว่าภีมเองก็รักผมจนหมดหัวใจเช่นกันอย่างที่ผมเป็น

 

รอยยิ้มหวานๆ ผุดขึ้นมาประดับบนใบหน้าตรงหน้า ภีมมันยกยิ้ม ยกมือมาแตะใบหน้าผมเหมือนกัน เรามองตากัน ยกยิ้มและไม่คุยอะไรกันทั้งสิ้น ผมขออยู่แบบนี้ไปสักพัก ได้มองหน้าภีม ได้บอกรักภีมไปแบบนี้สักพักเถอะ

 

และเราก็มองกันแบบนี้แทบทั้งคืน

 

กระทั่งภีมมันง่วง ร่างเล็กขยับตัวเข้ามาซุกกายขอไออุ่นจากผมด้วยความเศร้าหมอง สิ่งเดียวคือทำได้แค่กอดและมอบจูบหวานๆ ให้ ใจผมหายเมื่อคิดว่าอีกไม่นาน บนเตียงนี้จะมีแค่ร่างของผมนอนอยู่เพียงลำพัง

 

ผมอยากร้องไห้มาอีกรอบแบบไม่อายภีม

 

แต่เมื่อสัญญาไว้แล้ว ผมก็ต้องยอมทำใจ

 

 

ภีม…

 

พี่รักภีมว่ะ

 

โคตรรักมึงเลย สิ่งที่กำลังจะเกิดมันยากจะทำใจได้

 

“ปอ ตื่นได้แล้วปอ…”

 

ผมลืมตา เงยมองคนที่นั่งบนเตียงก้มมองมายังผมที่เพิ่งจะหลับลงไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ส่วนมันน่ะหลับก่อนหน้าผมไปตั้งนานแล้ว แค่คิดว่าตัวเองจะไม่ได้เห็นภีมตอนหลับแบบนั้น ผมเอาแต่มอง และเฝ้ารอให้คืนนี้ผ่านไปอย่างช้าๆ

 

ขอให้สิ่งที่ผมกำลังเจอเป็นแค่ฝันร้ายๆ ให้ผมกับภีมอยู่กันแบบนี้อีกต่อไปนานๆ

 

แต่ความจริงช่างตลก เมื่อทุกวันนี้ใจผมปวดหนึบและรู้สึกเสมอเมื่อเห็นหน้าคนรัก อยากให้เป็นความฝันยังไง สุดท้ายมันก็คือความจริง

 

“ภีม กี่โมงแล้ว?”

 

คนตรงหน้าหยิบโทรศัพท์มาดู “หกโมงเช้า”

 

“ทำไมตื่นเช้าจัง ปกติแปดโมงไม่เห็นตื่น” ผมว่าพลางดึงมันเข้ามากอด

 

“อยากอยู่กับปอนานๆ” มันพูดกับผมแผ่วเบา ผมลืมตา ตาสว่างขึ้นมาทันที

 

“พี่ไม่ไปโรงเรียนหรอก มานอนกับพี่ตรงนี้ต่อ” ผมกอดมันแน่น

 

“ถ้าตื่นมาปอต้องอยู่ข้างๆ นะ ห้ามลุกไปไหน”

 

“อืม พี่จะอยู่จนกว่าภีมจะตื่น”

 

ผมว่า ยกหัวไปจูบหน้าผากมันเป็นคำสัญญา ใบหน้าใสๆ ของมันขยับมาใกล้และจรดปากจูบแก้มผม พรมจูบไปทั่วหน้าอย่างที่ผมชอบทำกับมัน บอกว่ารักมันผ่านการกระทำ ก่อนที่ภีมจะวางหัวลงบนต้นแขน ในอ้อมกอดของผมอีกครั้ง

 

อยู่ข้างๆ พี่ไปนานๆ นะภีม

 

อยู่อย่างนี้นานๆ นะ

 

มือผมยกมาเช็ดน้ำตาตัวเองที่อาบลงไปหู ไม่อยากให้ภีมมันเห็นว่าตัวเองอ่อนแอ มันส่งมืออุ่นๆ กอดผมภายใต้ผ้าห่มนวมผืนโต คางถูกคนในอ้อมกอดยื่นหน้ามาจูบครั้งแล้วครั้งเล่า โหยหา ขอความรัก ผมกอดภีมแน่นและพริ้มตารับจูบนั้นซ้ำๆ ด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกัน

 

ไม่ว่าจะนานขนาดไหน สัญญาว่าจะรอ และจะโตขึ้นให้ได้

 

“พี่โทรหาภีมได้ใช่ไหม?” ผมว่าฝ่าความเงียบ

 

“ได้…”

 

ใจผมชื้นขึ้นมาบ้าง

 

“เราจะแชทกันได้ใช่ไหม วิดีโอคอลล่ะ?”

 

ผมพูดต่อ ภีมมันพยักหน้ารับ กอดผมและแนบหน้ากับหน้าอก ตรงหัวใจผมที่กำลังเต้นบอกว่ารักมันคนเดียว ผมพริ้มตาเมื่อรับรู้ว่าเรายังมีทางติดต่อกันได้บ้าง เท่านี้ก็ไม่รู้สึกเจ็บปวด ขอแค่ได้ยินเสียง ได้เห็นหน้าภีมสักนิดก็มีกำลังใจแล้ว

 

“พี่จะรอภีม แค่เห็นรูปภีมพี่ก็รอได้”

 

“จริงนะ?”

 

“จริง” ผมว่าเสียงเบา

 

และนั่น คงเป็นคำมั่นสุดท้ายที่ผมฝากเอาไว้กับภีม

 

เมื่อคนเราได้พบ ต่างก็ต้องยอมรับว่าต้องมีการจาก ผมซึ้งใจกับสัจธรรมคำนี้จนน้ำตาไหลและใจหายทุกครั้ง ภีมสัญญาว่าจะคอยผมและติดต่อมาทุกครั้ง

 

ผมทำใจไม่ค่อยได้ แต่ถึงทำใจไม่ค่อยได้ขนาดไหนก็ต้องมาส่งมันอยู่ดี เรามองตากันนิ่ง ยกยิ้ม โบกมือลาอย่างคนเข้มแข็งแต่หารู้ไม่ว่าหลังจากนั้นผมกลับมานอนร้องไห้ทุกคืน ผมเฝ้าคิดถึงแต่ช่วงเวลาที่อยู่กับมัน ช่วงเวลาตอนนี้ทำใจยากกว่าตอนที่ผมเลิกกับมันเสียอีก

 

ต้องนอนรอวันที่มันจะกลับมา

 

ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่ามันจะมาเมื่อไร อีกนานสักแค่ไหน

 

แต่ใจก็ชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อภีมมันเดินทางถึงอย่างปลอดภัยและโพสต์ข้อความมาบอกผมแล้วว่าถึงที่หมาย บอกว่ารักว่าคิดถึงผม รอยยิ้มของผมที่มองผ่านหน้าจอนั้นเปื้อนไปด้วยน้ำตา

 

ผมพยายามเข้มแข็ง กลับไปตั้งใจทำงานและเรียนให้จบไวๆ

 

แรกๆ ก็เสียใจ เหงาไปบ้าง แต่พอมาเจอเพื่อนๆ ความเหงาก็ทุเลาเบาบางลง ยังมีคนเจ็บปวดกว่าผม ทั้งไอ้ธาม ไอ้พี ต่างเดินเป็นหุ่นยนต์ไม่มีชีวิตชีวาไปตามๆ กัน

 

ผมได้แต่มองรูปวอลเปเปอร์โทรศัพท์ตัวเอง ภาพภีมตอนที่บังคับให้ผมกอดด้วยความเอาแต่ใจ มันเรียกรอยยิ้ม ความหดหู่ใจออกมา แม้จะเจ็บแต่ก็สุขใจทุกครั้งที่ได้มองมัน เฝ้ารอและขอให้มันกลับมา

 

เราคุยกันทุกคืน ก่อนนอน บอกว่ารักว่าคิดถึง ความรู้สึกของผมยังมั่นคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง รักยังไงก็ยังรักอย่างนั้น อาจเพิ่มพูนมากจนอธิบายไม่ได้ด้วยคำพูด ผมรอที่จะบอกภีมด้วยการกระทำ

 

ภีมยังสดใส ร่าเริงชวนยิ้มได้เหมือนเคย เราคุยกันจนกระทั่งผมเรียนจบ แต่ผมเลือกที่จะไปทำในสิ่งที่ตัวเองหยุดฝัน คือการกลับไปแข่งรถอีกครั้ง เพราะเคยสัญญากับภีมไว้ว่าจะพามันไปเชียร์ที่สนามแข่ง แต่ผมมันรั้น ดื้อดึงไม่ยอมฟังมัน จนสายเกินไป ผมพยายามลบคำสบประมาทของคนที่เคยดูถูกจากเรื่องที่ตัวเองเคยก่อในอดีต เรื่องที่ผมหนีการแข่งออกมาดื้อๆ นำมันมาเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองสู้ไม่ถอย พยายามฝึกซ้อมอย่างหนัก ไม่นานผมก็ได้แชมป์มาครองอีกครั้ง

 

ผมก้าวกระโดดมาด้วยความเร็ว พร้อมเวลาที่เราห่างกันมาเดินไวอย่างน่าประหลาด ภีมส่งข้อความมาอวยพรวันเกิดครบ 21 ปีของผมพร้อมกับดีใจที่ผมได้แชมป์ในการแข่ง เรามีความสุขมาก เวลาเดินเร็วไปพร้อมกับความสำเร็จแรกของผมที่กลับมามีชื่อเสียงจากวงการกีฬาอีกครั้ง เมื่อผมซ้อมมากเกินไป จุดพลิกผันของผมกับภีมจึงได้เริ่มต้นขึ้น

 

เข้าสู่ปีที่สองที่ภีมส่งข้อความมาอวยพรวันเกิดผ่านเฟชบุ้ค ผมมีความสุขเมื่อได้อ่านมัน แต่เมื่อส่งข้อความไปอีกครั้ง ภีมก็ไม่ได้ตอบกลับมา ใจผมว้าวุ่นนึกถึงแต่มัน คิดถึงมัน เกิดอะไรขึ้นกับภีมที่ผมรักกันแน่ ผมเฝ้าส่งข้อความไปหามันซ้ำๆ แต่ไร้วี่แววคนที่จะตอบกลับมา ใจผมหายอย่างน่าประหลาด ผมคิดที่จะออกไปตามหามันแต่ติดที่ตัวเองต้องลงแข่ง และผมต้องมีความรับผิดชอบกว่านี้

 

นานเป็นเดือนกว่าภีมจะตอบกลับมา บอกเพียงว่าตัวเองกำลังยุ่ง ผมพยายามติดต่อกลับไปและขอที่จะวิดิโอคอลกับมัน ภีมปฏิเสธ

 

และหายไปอีกครั้ง

 

ท่ามกลางการรอคอยของผม ผมเติบโตและเริ่มจะรู้จักหาความก้าวหน้าให้กับตัวเอง ผมเปิดกิจการเกี่ยวกับอะไหล่รถมอเตอร์ไซต์ที่ตัวเองรักและมันก็ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับการจ้องมองโทรศัพท์ของผม ผมรอภีมที่จะตอบกลับมา

 

ภีมกลับมาอวยพรวันเกิดผมในวัย 23 ปี

 

ใจผมหาย ผมส่งข้อความไปถามว่าตอนนี้ภีมอยู่ไหน ผมโทรหาภีมไม่ติดและไม่ได้ยินเสียงของเขามาเป็นปี ช่วงเวลานั้นผมเครียดและทุ่มเทกับงาน ไม่อยากคิดมาก เอาเวลาไปเข้าฟิตเนสออกกำลังกาย กลับมาจะได้หลับเป็นตายไม่ต้องนอนคิดถึงตอนที่ตัวเองอยู่กับมัน

 

ผมรอที่จะเจอภีมอย่างใจจดใจจ่อ แต่การติดต่อกลับมาคือข้อความอวยพรวันเกิดสั้นๆ ทุกปี ผมมองมันผ่านม่านน้ำตาตัวเอง เฝ้าแต่คิดและหาเหตุผลว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเมียผมกันแน่ ตอนนี้ภีมอยู่ที่ไหน ผมร้องไห้อย่างไม่อายถึงแม้รูปร่างหน้าตาตัวเองเปลี่ยนไป โตขึ้นขนาดไหน แต่ผมอ่อนแอเมื่อนึกถึงมัน ได้แต่มองโทรศัพท์ตัวเองซ้ำๆ

 

นี่ผมบ้าไปแล้วจริงๆ

 

ผมกำลังฝัน กำลังเพ้ออะไรอยู่ ผมมองข้อความอวยพรวันเกิดในวัย 25 ปีของตัวเองด้วยมือสั่นๆ มองข้อความสั้นๆ จากมันและคิดกับตัวเองว่ากำลังรออะไรจากมันกันแน่

 

และสิ่งที่ตัวเองกำลังรอมันมีจริงไหม

 

ภีมที่ผมรักอยู่แห่งหนไหน หรือใครกันแน่ที่ส่งข้อความนี้มาทุกๆ ปี ใครก็ได้ช่วยตอบผมทีว่าภีมยังมีชีวิตอยู่ ยังรออย่างที่ผมเพ้อผมฝันอยู่ ผมได้แต่นอนร้องไห้

 

"ลืมเด็กนั่นไปซะปอ มึงโตจนป่านนี้ยังมาหวังอะไรล้มๆ แล้งๆ อีกวะ ป่านนี้มันไปมีผัวใหม่แล้ว" เสียงพี่ชายของผมบอกขณะที่ยังนั่งมองโทรศัพท์ตัวเอง มองข้อความที่ภีมส่งมาให้

 

"กูจะรอ กูจะพิสูจน์ให้มึงดู"

 

แม้กูจะกลัวแค่ไหนก็ตาม

 

ทิ้งร่างของตัวเองพิงพนักโซฟาบนล้อบบี้กว้างขวางในโรงแรม ตอนนี้ผมมาหาแม่ที่ยังบินกลับมาเยี่ยมเป็นระยะๆ แม้เขาทั้งคู่จะเลิกกันแต่ก็ยังติดต่อ พูดคุยกันเหมือนเดิม ตอนนั้นผมยังเด็ก ยังเอาแต่ใจ จำได้ว่าแม่ตบผมมาทีด้วยความโมโหจากความรั้นไม่เข้าเรื่อง และบอกความจริงมา

 

"แม่เป็นคนผิดเอง แม่เป็นคนขอหย่าเพราะแม่คิดว่าตัวเองไม่สามารถเป็นภรรยาที่ดีให้พ่อของลูกได้ แม่ไม่เคยทำหน้าที่ภรรยาให้กับเขาเลย ไม่เคยอยู่ข้างๆ เขาเวลาที่เขาต้องการแม่ แม่ไม่อยากให้พ่อของลูกเสียใจ แล้วก็แม่น่ะคิดว่าแม่รู้ตั้งนานแล้วว่าพ่อของลูกเป็นเกย์"

 

ผมไม่ค่อยเข้าใจแม่เท่าไรนักตอนพูด แต่แม่โกรธที่พ่อยอมรับเอาความผิดเก็บไว้กับตัวเอง ปล่อยให้ผมเข้าใจเขาผิด

 

"ที่แม่บินไปต่างประเทศเพราะแม่อยากไปทำงาน อยากไปตั้งใจทำงาน แล้วเลือกที่จะพาเปรมไปด้วยเพราะเขาโตพอที่จะเข้าใจแม่ได้ ปอยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจอะไรแบบนี้"

 

ใช่ ผมไม่เข้าใจแม่จริงๆ

 

"ลูกมันโง่ ที่พ่อเขาอยากให้ลูกอยู่กับเขาเพราะเขารักลูก อยากดูแลลูก"

 

แต่ไม่เข้าใจพ่อมากกว่า ผมร้องไห้มองพ่อตัวเองที่เอาแต่ปรามไม่ให้แม่ต่อว่าผม ไม่ให้แม่ดุผมที่ทำตัวแย่กับเขา ผมเสียเวลาเอาแต่ใจมาตลอดทั้งๆ ที่พ่อก็รักผมมากขนาดนั้น

 

แม้เขาจะเป็นเกย์ แต่ผมก็รับรู้ว่าพ่อเสียใจที่แม่จากไป

 

ผมมันเอาแต่ใจ มารู้ทีหลังก็เมื่อสาย ผมกอดท่านและได้แต่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น ได้ยินเพียงเสียงปลอบและคำว่าไม่เป็นไรตลอดเวลา มันทำให้ผมมีกำลังใจ สุขใจที่เข้าใจท่าน

 

กับพี่ชาย ผมไม่มีอะไรต้องคุยกับมัน ผมเฝ้ารอให้ภีมกลับมาเท่านั้นให้มันได้เห็นว่ารักของเกย์ ไม่ได้มีจุดจบแค่เรื่องอย่างว่าอย่างเดียว เราเองก็มีรักแท้ได้เหมือนกัน

 

แต่เมื่อไร ผมไม่รู้...

 

แม้อ่อนแอ ตื่นมาผมต้องเข้มแข็งกลับไปทำงาน ผมซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้แล้ว ย้ายของที่เป็นของตัวเองออกจากโรแรมมาอยู่คนเดียว แต่ก็ยังกลับไปเยี่ยมพ่อบ้าง สิ่งของที่เคยใช้ร่วมกับเมียยังอยู่ดี ตุ๊กตาแฝดภีมยังนั่งยิ้มส่งมาให้ บางทีผมก็คิดว่าผมอาจบ้าไปแล้ว

 

ผมถอดใจครั้งแล้วครั้งเล่า

 

แต่นึกถึงวันที่สัญญา ผมคิดว่าภีมจะไม่จากผมไปไหน จะไม่ผิดสัญญาจนกว่าจะตายจาก หรือภีมอาจตายไปแล้ว มันทำให้ผมร้องไห้และคิดว่าภีมอาจคิดถึงผมมาก ผมคิดอยากตายเลยด้วยซ้ำ

 

แต่มันคงไม่เลวร้ายขนาดนั้น ผมเฝ้าแต่ภาวนาขอให้โชคตะตาไม่เล่นตลกกับผม

 

ไม่ฆ่าไอ้สารเลวอย่างผมด้วยวิธีนี้

 

หลายครั้งที่ผมเจอคนที่ดีเข้ามาในชีวิต ผมเปิดรับอย่างที่ภีมเคยบอก แต่ก็ไม่เคยรักมากกว่าที่ผมรักภีมเลยสักนิด ผมพยายามทำใจให้ตัวเองรักเขา แต่ทำไม่ได้ ถ้าผมต้องนอกใจเมียตัวเอง ผมทำไม่ได้ ถ้าคิดว่าภีมกลับมาต้องเสียใจที่เห็นผมรักคนอื่น

 

เป็นร้อยๆ โพสต์ที่ผมส่งไปหามัน ผมหวังว่าสักวันมันจะตอบกลับมา

 

เฝ้าเปิดดูทุกวัน วันละหลายๆ รอบ แต่ไม่มีสักข้อความ

 

ผมมันบ้า บ้าชิบหาย!

 

 

ผมพาร่างตัวเองเดินเอื่อยๆ ลงบันไดโรงเรียน ตอนนี้ผมรับหน้าที่เป็นอาจารย์พ่วงอีกตำแหน่ง ถึงจะไม่ได้จบสูงแต่เพราะผมสร้างชื่อเสียงให้กับทางโรงเรียนไว้มาก จึงได้รับเกียรติให้มาเป็นวิทยากรกิตติมศักดิ์แก่เด็กๆ

 

มองสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตแล้วหลายอารมณ์ตีอก มองเด็กๆ ที่ผมเคยคิดว่าช่วงเวลานี้ตัวเองโตพอแล้ว คงจริงอย่างที่ภีมบอก เรายังเด็กเกินไปที่จะรักกัน

 

“อาจารย์ครับ”

 

เสียงจากใครสักคนเรียกให้ผมหันกลับไปมอง เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินยิ้มมาหาพร้อมกับสาวเท้าเดินพร้อมๆ กัน “ขอบคุณมากนะครับที่เสียเวลามาสอนพวกเรา ผมชอบคำที่อาจารย์พูดมากๆ ที่บอกให้รู้ค่าของเวลา”

 

ผมหันไปมองคนพูด “ฉันดีใจนะที่เธอชอบ”

 

“อาจารย์คงมีประสบการณ์ตรงสินะครับ ผมคิดว่างั้นนะ คนเราจะไม่เข้าใจอะไรง่ายๆ ไม่ประสบด้วยตัวเอง”

 

“ก็คงใช่…”

 

คนที่เดินข้างผมเงยมามอง ก่อนจะนิ่งเงียบไป “อาจารย์…ดูเศร้าๆ นะครับ”

 

“ทำไมคิดงั้น?”

 

“ก็ดวงตาอาจารย์มันดูหม่นหมองไม่มีชีวิตชีวาเลย”

 

“สบตาฉันแล้วเหรอ?” ผมว่าพลางยกยิ้มกับตัวเอง คิดแล้วยิ้ม “เธอเหมือนใครบางคนเลยแฮะ คนที่ฉันรู้จักดี…”

 

คนที่เดินข้างๆ เงยหน้ามามองพลางเกาหัวตัวเองสงสัย ผมสาวเท้าไปเงียบๆ รออีกฝ่ายถาม “ใครกันนะ?”

 

“ชอบสังเกตแล้วคิดเองเออเองคนเดียว ไม่ไหวเลย…”

 

ผมบ่นกับตัวเอง ดวงตามองออกไปไกลแสนไกลเมื่อนึกถึงคนที่กล่าวออกมา

 

ภีม…

 

ตอบทีว่าภีมอยู่ที่ไหน ตอบทีว่าภีมยังอยู่ดีไหม กินข้าวตรงเวลาไหม ดูแลสุขภาพดีไหม ผมอยากได้ยินคำตอบ ไม่อยากเดาแบบนี้อีกต่อไปแล้ว

 

ผมเสียใจ เมื่อนึกถึงก็พาลให้ผมเศร้า ร่างของผมหยุดชะงักพร้อมกับปวดหนึบที่อก ขาไม่มีแรงขึ้นมาเฉยๆ

 

“อาจารย์ อาจารย์เป็นอะไรครับ?”

 

“เปล่า ฉันโอเค…” ผมว่าพลางเงยขึ้นไปมองนักเรีบนที่ก้มมองด้วยสีหน้าตกใจ ยกมือบอกว่ายังไหว ยังไม่ได้เป็นอะไร

 

เวลาล่วงเลยมากว่าห้าปี ผมพร้อมทุกอย่างแล้ว แล้วเมื่อไรภีมจะพร้อม

 

ผมอยากรู้

 

ช่วงเวลาที่รอนี้ผมเจ็บปวดมากกว่าสุขใจ ผมอยากบอกให้ภีมหยุดมัน หยุดมันที ใจผมทรมานจนแทบไม่เหลือความรู้สึก เมื่อไรภีมจะกลับมาหา มานอนอยู่ข้างๆ อย่างเคย

 

อีกกี่ปี หนึ่งปี สองปี ห้าปี สิบปี ยี่สิบปี

 

หรือตลอดไป…

 

“ผมเคยได้ยินมาว่าอาจารย์เรียนที่นี่ อาจารย์ป๊อบมากเลย” คนที่ยืนข้างๆ ว่า พร้อมกับยกยิ้ม ผมหัวเราะหึในลำคอทั้งส่ายหน้า

 

“ตอนนั้นฉันยังเด็ก”

 

“เท่จะตาย…”

 

“ไม่เห็นเท่ตรงไหน สิ้นคิดเกินไปด้วยซ้ำ” ผมว่า

 

“ทำไมอาจารย์คิดงั้นล่ะ?”

 

“เพราะตอนนั้นฉันใช้เวลาให้เสียเปล่าไปนานเกินไป ทำให้วันนี้ฉัน…”

 

ทรมานขนาดนี้

 

“อะไรครับ?” เด็กที่ยืนข้างๆ ว่าพลางเดินตามผมมายังรถมอเตอร์ไซต์คู่ใจ ผมยกมือล้วงหากุญแจในกระเป๋าพล่างส่ายหน้า

 

“ลาก่อนเจ้าหนู”

 

ผมยิ้มให้เจ้าตัวเล็กที่ยืนเกาหัวตรงหน้า ก่อนจะหยิบหมวกกันน๊อคมาสวม สตาร์ทรถแล้วบิดคันเร่งออกมาบนท้องถนนแสนกว้าง ลมเย็นทว่าแดดร้อนเท่าไร ผมไม่เคยหวั่น พยายามใช้ชีวิตที่ใครๆ ต่างบอกว่าเป็นชีวิตของผู้ใหญ่อย่างว้าเหว่

 

นี่หรือความเป็นผู้ใหญ่

 

ทำไมมันเป็นแบบนี้

 

ท้องถนนแสนกว้าง ผมพาร่างตัวเองไปยังร้านซ่อมขนาดใหญ่ที่ดูจะโอ่อ่าเกินไปสำหรับเจ้าของ ร่างผอมบางของมันเดินออกมันพร้อมกับรอยยิ้มอย่างเคย คนที่เอาแต่ยิ้มอย่างนี้ตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้มันสวมชุดช็อปที่เรียกได้ว่าสุดแสนจะโสโครก เนื้อตัวมอมแมม แถมยังปล่อยหนวดเคราไม่เข้ากับหน้าตา

 

อีกคนเดินออกมาตามหลังพร้อมรอยยิ้ม มันยกมือไหว้ผมเหมือนจะเคารพ แต่ผมรู้ว่ามันเลิกเคารพกันไปตั้งนานแล้ว “เป็นไงพี่ปอ ไปโรงเรียนคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ไหมพี่?”

 

“เออ ใครมันจะสวีทหวานเหมือนพวกมึงวะ” ผมตอบมันไปพลางเบ้ปาก “คบกันตั้งนานยังไม่เบื่ออีก กูเป็นมึงทิ้งมันไม่มีเมียใหม่ตั้งนานแล้วกรีน คนอะไรสกปรกชิบหาย”

 

“เห้ยๆๆ ไอ้ปอ มึงจะมายุแฟนกูทำไม ทำเป็นอิจฉาไปได้ ก็กรีนมันรักมันหลงกูนี่” ไอ้เพื่อนมันหน้าด้านเถียงมาได้

 

“ใครบอกว่าผมหลงพี่?”

 

“เอ้า แล้วกรีนทนคบพี่มาได้ไง?”

 

สมยิ้มพลางส่ายหน้ากับไอ้สองตัวนี่

 

พวกมันหันไปเคลียร์กัน ผมเลือกที่จะเดินเข้าไปด้านในอย่างถือวิสาสะและความคุ้นชิน เห็นมันสองคนหยอกล้อกันเดินตามหลังมา ชั่วโมงนึกถึงความหลังของผมก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ผมเหงา ผมอยากคุยกับเพื่อน อยากหาให้สักคนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

 

ผมคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่เมื่อคิดๆ แล้ว ห้าปีที่ผ่านมามันก็เร็วเหลือเกิน

 

พี่มีเรื่องตื่นเต้นๆ จะเล่าให้ฟังมากมาย เมื่อไรจะกลับมา กลับมาฟังพี่

 

กลับมาเล่าว่าภีมเจออะไรบ้างในเวลาที่เราห่างกัน

 

ผมจำได้ ว่าเคยบอกภีมไป ว่าความห่างไกลทำให้เรารู้ค่าของความคิดถึง ผมรู้แล้ว ผมรู้ซึ้งจริงๆ แล้วเมื่อไรโชคชะตาจะนำพาคนที่ผมรักที่สุดกลับมา

 

อีกกี่ปี…

 

 

 

 
 :heaven :heaven :heaven :heaven
อยากบอกว่าไรต์อ่านทุกบรรทัด ทุกวรรค คืองงว่า ภีมหายไปหนายยยยยยย!

พี่ปอคิดมากงะ คืออ่านแล้วน้ำตาไหลเอง หน่วงเอง สงสารนางงงงง

เจอกันตอนหน้านะคะ พาร์ทภีม แล้วจะได้รู้ว่าภีมหายไปไหน พาร์ทภีม ภีมเล่าตอนอายุเท่าไร แล้วภีมกลับมาไหม อ๊ากกกกก ไปร้องไห้ก่อน!

 
 :hao5: :hao5:
จะไม่สปอยเพราะใกล้ตอนจบลงไปทุกที ฮือออออ T T
 :mew4:
หัวข้อ: Re: **(18.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 18-11-2014 16:08:20
รู้สึกเหมือนปอโดนเอาคืน 555

แต่ที่จริงเราว่าภีมคงคิดถึงมากๆเหมือนกันแหละ
หัวข้อ: Re: **(18.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 18-11-2014 16:56:27
พี่ปออออออออออออออออออออออออออ
 :m2: :m2: :m2: :m2: :m2: :m2: :m2:
 :m8: :m8: :m8: :m8: :m8: :m8: :m8:
ทำไมต้องเป็นแบบนี้น่าสงสารปอ
อดทนไว้นะ
หัวข้อ: Re: **(18.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 18-11-2014 17:32:42
 :z3: :z3: ภีมหายไปไหนอะ  :katai1: หรือภีมได้คืบจะเอาศอก  :hao5:
หัวข้อ: Re: **(18.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 18-11-2014 21:41:29
รู้สึกเหมือนปอโดนเอาคืน 555

แต่ที่จริงเราว่าภีมคงคิดถึงมากๆเหมือนกันแหละ

 :katai5: :katai5: :katai5:
ที่เขียนให้ปอเลวแรก เพื่อรอวันนี่แหละค่ะ ล้างแค้น(ฮา)
หัวข้อ: Re: **(18.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 29
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-11-2014 22:51:53
สะใจดี
หัวข้อ: Re:1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 30
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 19-11-2014 20:10:02
 

ตอนที่ 30

 

-N’ Peam Part-

 

อีกกี่ปี ห้าปี สิบปี ยี่สิบปี

 

หรือตลอดไป

 

สุดท้ายแล้ว มันจะจบยังไง

 

“แล้วคุณปู่กลับไปไหมคะ?”

 

เด็กสาววัยสิบห้าปีตรงหน้าถามพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองเมื่อได้ยินคำบอกเล่าสมัยเด็กๆ ของปู่ มือที่เหี่ยวย่นไปตามเวลานั้นยกรูปภาพเก่าๆ มาดูพร้อมกับยกยิ้ม ดวงตามีน้ำคลอนิดๆ เมื่อนึกถึงภาพเก่าๆ ที่เคยประสบพบเจอ

 

“ปู่อยากให้เขาได้เริ่มชีวิตใหม่…”

 

“ปูไม่ได้กลับไปหรือคะ?” เธอตรงหน้าว่า ยกมือสั่นๆ กุมปากตัวเองใจหายวาบ “ทำไมปู่ใจร้ายจัง แล้วคนรอละคะเขาทำยังไง?”

 

ใจร้ายงั้นหรือ

 

ริมฝีปากที่ปิดสนิทยกยิ้ม มองคนในรูปแล้วได้แต่ละดวงตามองออกไปยังที่ไหนสักแห่ง ไกลแสนไกล ที่ที่เขาเคยรู้สึกดีที่สุด

 

“เขาจะอยู่ในใจปู่ตลอดกาล…”

 

ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตานั้นมองนิ่งออกไป บนเก่าอี้โยกเก่าๆ ที่นั่ง ร่างคนชรามองทอดออกไปด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง ใครเล่าจะรู้ว่าตอนนี้เจ็บปวดขนาดไหน

 

การทอดทิ้ง

 

กับการถูกทอดทิ้ง ใครกันที่เจ็บปวดกว่ากัน

 

อาจวัดไม่ได้ ถ้าไม่ได้สัมผัสเอง…

 

 

 

อวสาน…

 

 

 

“ฮือ…ฉันเกลียดหนังที่จบแบบนี้ที่สุดเลย อีผู้กำกับบ้า ฉันอุตส่าห์เสียน้ำตาเป็นกระติกรอให้คุณปู่กลับไปหาแฟนเขา ฮือ…ไม่น่าดูเลย”

 

เสียงไอ้น้ำ เพื่อนตัวดีที่มันเถียงนักเถียงหนาว่าอยากจะดูหนังเรื่องนี้ร้องขึ้นพลางยกมือปาดน้ำตาตัวเองพิงหัวกับผมขณะดูตอนจบเสร็จ มันเป็นเพื่อนผู้ญิงสมัยที่ผมย้ายมาโรงเรียนใหม่ มันต้อนรับผมเป็นอย่างดี

 

โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ดูหุ่นมัน ทุกวันนี้ผมจะเรียกมันไอ้ช้างน้ำอยู่แล้ว

 

“โอย เป็นคนเถียงว่าจะดูเองยังมาทำเนียนร้องไห้ตัวเองน่าสงสารอีก” เสียงยัยนุ่มนิ่มเพื่อนอีกคนว่า ผมยกยิ้มกับเพื่อนในกลุ่ม

 

“ก็ชื่อเรื่องมันน่าดูนี่หว่า ใครจะไปรู้ว่ามันจะจบหักมุมแบบนี้ล่ะ”

 

“พอเลยๆ เลิกเถียงกันได้แล้วฉันหนวกหู”

 

ระหว่างห้ากว่าปีมานี้ ผมเจออะไรหลายอย่างมากกว่าที่คุณคิด เจอมาเยอะจนแทบอธิบายไม่หมด

 

ตั้งแต่แยกกับปอ ผมคุยกับปอทุกวันและเชื่อมั่นในกันและกันเสมอ

 

จุดพลิกผันก็ตรงสามปีสุดท้าย พ่อของผมทำงานหนักจนเส้นเลือดในสมองแตกและกลายเป็นอัมพาตครึ่งซีก ครอบครัวผมพลิกผันไปเป็นอีกแบบทันที เงินที่เคยเก็บไว้ต้องนำมารักษาพ่อที่ป่วยหนัก แม่ต้องดูแลธุรกิจ ไม่เก่งด้านบริหารจนถูกฉ้อโกง ผมต้องวิ่งวุ่นออกไปแบ่งเบาภาระของครอบครัวด้วยการทำงานพิเศษส่งตัวเองเรียน ถึงแม้จะกู้เงินรัฐก็ยังไม่พอ ผมพยายามปากกัดตีนถีบสู้จนไม่มีเวลาว่างแม้แต่จะนอน พยายามทำให้แม่ลำบากน้อยที่สุด

 

จากความผิดพลาดครั้งก่อนทำให้แม้หลาบจำรู้จักชั้นเชิงของธุรกิจมากขึ้น กลายเป็นนักบริหารที่เก่งกาจแทนพ่อ กลายเป็นหัวหน้าครอบครัวจนกิจการตอนนี้ทรงตัวแล้ว

 

ตอนนี้ผมมีความสุขดี ผมเห็นค่าของเงินมากขึ้น โตขึ้นและเรียนจบแล้ว

 

พ่อของผมจากเคยรับตัวเองไม่ได้ เครียดและเป็นโรคซึมเศร้า ผมต้องพยายามทำให้ท่านรู้สึกดี คอยดูแลท่านจนตอนนี้กลับมาสดใสอีกครั้ง เมื่อเรามีเวลาให้กันมากขึ้น กินข้าวพร้อมกัน เราบอกรักกันทุกวัน

 

ผมมีความสุขเรื่องนั้น แต่ยังวุ่นกับการทำงานอย่างหนักและฝึกสอน ผมจะเป็นอาจารย์ ทางมหาวิทยาลัยขอให้ผมขึ้นดอย ไปสอนเด็กๆ บนเขาที่ห่างไกลไร้สัญญาณโทรศัพท์ ประจวบเหมาะกับไอโฟนตกพื้นแตกจากการเร่งรีบวิ่งไปทำงาน ตอนนี้ผมมีโทรศัพท์รุ่นเก่าๆ ที่โทรเข้าโทรออกได้เท่านั้น ผมติดต่อปอไม่ได้ คิดถึงแต่ปอเพราะถึงมีเบอร์ก็ไม่มีสัญญาณอยู่ดี

 

ผมกลัวที่ปอจะไม่รักษาสัญญา

 

ได้แต่ยืมโทรศัพท์เพื่อนลงมาในเมืองเพื่อโพสต์ข้อความวันเกิดมันทุกๆ ปี หดหู่ใจกับข้อความที่มันบอกว่าเป็นห่วง แต่ชีวิตผมมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย แม้จะคิดถึงมันมากขนาดไหน ชั่วโมงชีวิตผมก็เร่งรีบ กลบเวลาโศกเศร้าคิดถึงมันออกไปจนหมด

 

จนทุกอย่างดีขึ้นเมื่อผมฝึกสอนเสร็จ แม่บอกว่าจะย้ายบ้านกลับเข้าเมือง ได้กลับไปหาปอ ใจผมลิงโลดขึ้นมาอีกครั้ง

 

เราจะได้เจอกันแล้วปอ ยังรอภีมอยู่ไหม

 

ผมได้แต่คิดแล้วยิ้มกับตัวเอง

 

หลังจากดูหนังกับกลุ่มเพื่อนบนบ้านเสร็จเราต่างแยกย้ายมาเก็บเสื้อผ้าเพื่อเตรียมเดินทาง กลุ่มเราจะได้เที่ยวด้วยกันครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ก่อนที่ผมจะย้ายกลับออกจากที่นี่

 

 

รุ่งเช้าในบ้านนอก ผมพาร่างตัวเองที่ตื่นตั้งแต่ไก่โห่วิ่งลงบันไดบ้านพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง เห็นแม่กับเพื่อนบ้านช่วยกันขนของขึ้นรถด้วยใบหน้าที่ร่าเริง ร่างผมของเดินไปยังคนหุ่นอ้วบอ้วนที่นั่งอยู่บนม้าโยกมองหลายๆ คนคุยกันด้วยรอยยิ้ม

 

ผมทรุดเข่าตรงหน้าเขาพร้อมรอยยิ้ม ขยับเข้าไปหอมแก้ม “ภีมไปเที่ยวกับเพื่อนก่อนนะพ่อ”

 

ริมฝีปากบิดผิดรูปยกขึ้นยิ้ม มือซ้ายหงิกงอที่ใช้การได้ยกมาลูบหัวพลางหยักหน้ารับอย่างใจดี อาการของพ่อทรงตัวแล้วและสดใสจนผมไม่ได้ห่วงมากมาย พ่อมีพยาบาลส่วนตัวช่วยแค่พยุงเดิน นอกนั้นเขาก็เหมือนคนปกติ

 

“เดินทางปลอดภัยนะภีม ไว้เจอกันที่บ้านเรา”

 

“พ่อก็เหมือนกันนะ ภีมจะเที่ยวให้เต็มที่แล้วไปเจอกันนะครับ รักพ่อนะ”

 

“พ่อก็รักลูกนะ ไม่ต้องห่วงพ่อ ที่ผ่านมาหนูทำมามากแล้ว”

 

“ไม่เอาน่าพ่อ” ผมว่าพลางจับมือหนาๆ แม้พ่อจะไม่รู้สึกมันก็ตาม “ก็ภีมเป็นลูกนักสู้เหมือนพ่อนี่ อืม…งั้นไปแล้วนะ ไปบอกแม่ก่อน”

 

“อืม ไปบอกหน่อยก็ดี ทางนั้นเป็นห่วงเรามาก”

 

“ครับ”

 

ผมเดินละออกมา กอดผู้หญิงที่เก่งที่สุดในโลกจากด้านหลัง ตอนนี้ผมตัวสูงกว่าเธอมาก เป็นลูกชายที่โตสมวัย มือของเธอดึงกอดผมออกแล้วหันมยกยิ้มใจดีถาม “จะไปแล้วเหรอ?”

 

“ครับ รักแม่นะ”

 

“แม่ก็รักลูกนะ เที่ยวให้สนุกไม่ต้องห่วงทางนี้”

 

“พูดเหมือนพ่อเลย เป็นคู่แท้กันจริงๆ ใจตรงกันจัง” พูดพลางก้มลงไปจูบแก้มคนตรงหน้าอ้อน เธอหลุดหัวเราะพลางตีต้นแขนผมมาทีหนึ่ง

 

“ขอโทษนะที่ภีมไปเที่ยววันนี้ น่าจะไปวันหลัง”

 

“ไม่เอาภีม ลูกโตแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้ว แม่ไม่คิดมากเรื่องนี้หรอก แล้วก็อีกหลายเรื่องที่ลูกอยากคิดอยากทำ เพราะยังไงภีมก็คือคนเก่งของแม่ ขอโทษนะลูกที่ผ่านมาภีมลำบากมาก ไม่ได้ใช้เวลาเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆ”

 

ผมส่ายตาหลบเธอ อันที่จริงผมเคยน้อยใจมาก แต่วันนี้ไม่แล้ว ผมภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในน้ำพักน้ำแรงของครอบครัว ผมไม่ใช่ส่วนเกิน

 

“ภีมไม่คิดเรื่องนั้นแล้วครับแม่ เราอยู่กับปัจจุบัน ต่อไปแม่ก็อย่าเครียดนะ”

 

“จ้ะ งั้นลูกไปเถอะ แม่ดูแลพ่อได้”

 

ผมกอดเธอแน่น “ไว้เจอกันครับแม่ อีกสี่วันนะ”

 

แม่พยักหน้ารับ ขยับมาหอมแก้มฟอดใหญ่ก่อนที่รถตู้คันหนึ่งจะเคลื่อนมาจอดหน้าบ้านพร้อมบีบแตรเรียก รอยยิ้มผมผุดขึ้นมาทันที หลังจากล่ำลาพ่อกับแม่เสร็จแล้วก็หยิบกระเป๋าวิ่งไปยังรถ ก่อนไปยังหันกลับไปส่งยิ้มและโบกมือลา

 

พวกเขาทดแทนความสุขผมได้ค่อนข้างมาก ตั้งแต่ย้ายมาเราก็เจอกัน คุยกัน หัวเราะกันทุกวันจนสนิทเกินคำว่าพ่อแม่ ผมติดครอบครัวมากและคิดว่าสี่วันมันคงนานไปถ้าไม่ได้เห็นพวกเขา แต่ไม่เป็นไร ยังไงเสียเราก็คือครอบครัว เดี๋ยวก็เจอกันอีก

 

ช่วงนี้ผมมีความสุข ยกเว้นเรื่องเดียวที่ค้างคาใจ

 

เรื่องของใครสักคนที่ตรึงใจไปทั้งความทรงจำ

 

ผมมองออกไปยังหน้าผาสูงชันด้วยความเป็นสุขเมื่อรถกำลังเคลื่อนลงไปยังเมืองติดกับทะเล ทอดสายตาไปเห็นปะการังสีสันสวยงาม น้ำใสสะอาดเหมือนเดิม เสียงเพื่อนๆ คุยกันหัวเราะสนุกสนาน มือของผมถือกล้องตัวประจำเพื่อถ่ายวิวด้านล่าง นึกถึงเรื่องเมื่อครั้งที่เคยมาที่นี่ครั้งแรก รอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาเฉยๆ

 

ผมเคยกลัวหน้าผาแทบตาย แต่ปอก็สอนว่ามันสวยงาม

 

ปอเองก็สอนผมหลายอย่างเช่นกัน

 

วันนี้ ผมขอสนุกและผ่อนคลายครั้งสุดท้ายกับเพื่อนในวัยมหาวิทยาลัย ก่อนจะไปใช้ชีวิตเป็นผู้ใหญ่จริงๆ รับผิดชอบตัวเองจริงๆ เมื่อคิดถึงพ่อกับแม่ที่เดินทางไปยังที่นั่น บ้านหลังนั้นก่อนแล้วได้แต่ยกยิ้มกับตัวเอง ผมจะไม่ผิดหวังใช่ไหม

 

ตอบมาสิว่าปอยังรออยู่

 

ปอยังไม่มีใครใช่ไหม

 

ทุกคืนที่นอนในความมืดบนบ้านหลังเล็กๆ ในดอยร่วมกันกับเพื่อน ผมไม่เคยหลับสนิทสักคืน คิดถึงอ้อมกอดที่เคยมอบให้ คิดถึงจูบที่แตะบนหน้าผาก และถ้อยคำว่ารักแสนหวานที่มอบให้ใกล้ๆ หู อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม

 

อยากเจอเขา

 

และเมื่อคิดเช่นนั้น น้ำตาก็อาบลงมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ได้โศกเศร้าเสียใจ ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนแต่ก่อน แต่คิดว่าปอจะเป็นเหมือนกันไหมและเจ็บเหมือนกันไหม แค่นั้นก็หยุดตัวเองให้ปลดปล่อยความทรมานไม่ได้

 

รัก แค่คำว่ารัก…

 

ทำผมแทบบ้า ทำผมอยากคลั่งให้เสียสติไปให้รู้แล้วรู้รอด

 

 

“แก มาเร็วๆ สิยะฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว”

 

“เออน่า จะรีบไปไหน อีภีมมาเร็วจะเดินทอดน่องทำไมเนี่ย”

 

“เออ รีบก็เดินไปกันก่อนฉันไม่หลงหรอกน่า” ผมพูดพลางหลุดยิ้ม มองรอบๆ ตัวเอง

 

“เออ งั้นฉันตามไอ้นิ่มไปนะ นิ่ม รอด้วย!”

 

เสียงเพื่อนๆ ร้องเรียกกันพลางวิ่งไปยังรีสอร์ทที่เดิมที่แสนคุ้นชินสำหรับเพื่อจัดการเรื่องห้อง ที่นี่ถึงจะมีสิ่งปลูกสร้างเหมือนเดิมแต่ถูกปรับปรุงให้ดูหรูหราขึ้นมาก ได้แต่ยิ้มและกวาดสายตามองรอบๆ บรรยากาศเดิมๆ ภาพเดิมๆ ชวนให้ผมคิดถึงใครสักคน

 

ที่ผมรักสุดหัวใจ

 

ผมชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นใครคนหนึ่งกำลังยืนคุยอยู่กับพนักงานรีสอร์ท ร่างนั้นสูงใหญ่เต็มตัว แต่งตัวหรูดูดีและยกยิ้มอยู่เสมอถึงแม้จะคุยกับคนต้อยต่ำกว่า เมื่อถูกจับตามอง อีกฝ่ายเองก็หันมาสบตาผมเช่นกัน มองมายังผมราวกับไม่เชื่อในสายตาตัวเองอย่างนั้น

 

ผมยกยิ้มให้พี่เขาพร้อมกับยกมือไหว้ เห็นร่างสูงๆ เดินดุ่มๆ มาหาราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเองเสียอย่างนั้น ผมมันน่าตกใจขนาดนั้นเหรอวะ

 

“ภีม นี่ภีมจริงๆ ด้วย” เขาตื่นเต้นแฮะ

 

“พี่ธาม โห…” ผมกวาดสายตามองรูปร่างเขา โคตรเท่

 

เขายังยิ้มใจดีเหมือนเคย ดูดีในแบบผู้ใหญ่กว่าเดิม ใบหน้าหล่อคมเข้มกว่าเดิมสมอายุ “ทำไมเหรอ พี่เปลี่ยนไปขนาดนั้นเลยเหรอ?”

 

ผมเกาหัว “ครับ ไม่เจอนาน…”

 

เปลี่ยนไปเยอะ

 

“ภีมเองก็เปลี่ยนไปเยอะนะ”

 

เขามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า มันทำให้รู้สึกเขินน้อยๆ “สงสัยสูงขึ้น แล้วนี่ดูโตขึ้นแต่ว่า…ยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะ”

 

ผมหลุดหัวเราะ “ผมต่างจากเมื่อก่อนมากเลยล่ะ ดูสิพยายามไว้หนวดด้วยนะ”

 

พี่ธามหลุดหัวเราะ “แบบนั้นอย่าไว้เลย กระหยุมกระหยิมสองสามเส้น”

 

นี่พูดถึงหนวดผมอยู่ปะวะ สงสัยต้องไปโกนทิ้งซะละ

 

“ภีม มัวชักช้าอะไรอยู่ แกจัดการห้องเองเลยนะฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเล่นน้ำ”

 

“เออๆ ไปก่อนเลย”

 

ผมร้องว่าตอบเพื่อน สาวๆ ที่คบกันสมัยย้ายไปในโรงเรียนสหศึกษา พวกเธอน่ารักและเข้ากับผมง่ายกว่าที่คิด ไม่นานเราก็สนิทกันและเป็นเพื่อนกันตลอดมาจนจบตรี ผมยิ้มก่อนจะหันมามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วเกาหัวเมื่อพี่เขายิ้มมาให้

 

หนวด คุยกันเรื่องหนวด

 

เป็นการทักทายที่ประหลาดดีว่ะ ผมลอบคิดกับตัวเองแล้ววางตัวไม่ถูก ผมอยากถามถึงปอใจจะขาดว่าพี่ธามพอจะได้ติดต่อกับใครไหม รู้ข่าวปอบ้างไหม

 

“เอ่อ…พี่ธาม มากับใครเหรอครับ?”

 

ทำไมผมไม่ถามไปตรงๆ วะ

 

อีกฝ่ายยักไหล่ “พี่มากับกลุ่มเพื่อนๆ”

 

กลุ่มเพื่อนๆ มีปอไหม!

 

“เอ่อ…” ถามเลย ถามถึงพี่ปอเลย

 

“พี่มาตลอดอยู่แล้ว แค่ตอนนี้ช่วงปิดเทอมพวกเพื่อนเลยมาด้วย ตัวพี่เองมารับช่วงต่อที่นี่น่ะ ภีมคงไม่รู้ว่านี่เป็นของครอบครัวพี่”

 

“จริงเหรอ?” ผมเบิกตาว่า ทำหน้าตื่นเต้นให้พี่เขาดู พี่ธามเมื่อได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้มกับตัวเอง เขาดูหล่อขึ้น ผมปล่อยยาวขึ้นเพราะตอนนี้ก็คงจะอยู่ในวัยที่โตขึ้น ร่างกายเปลี่ยนมาดูแข็งแรงขึ้น

 

แล้วปอจะเป็นแบบไหนกันนะ

 

จะโตมาแบบไหน เป็นนักธุรกิจรูปหล่อเหมือนพี่ธาม เป็นอะไรที่มันฝันอยากเป็น รอยยิ้มผุดขึ้นมาเมื่อนึกถึงมันอีกครั้ง ผมรู้แล้วว่าปอมันคงไม่พ้นเรื่องรถมอเตอร์ไซต์แหงๆ

 

คงเท่มากๆ แน่

 

ใจผม มันเป็นสุขแค่เพียงได้คิด

 

“ว่าแต่ภีมน่ะเป็นไงบ้าง หายไปเลยนะ ไม่ยอมติดต่อกลับมาทางนี้บ้าง”

 

ผมเงยขึ้นไปมองคนกล่าว เห็นแววตาเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “อ๋อ เรื่องมันยาว”

 

ผมตอบได้แค่นี้จริงๆ ถ้าเล่าคงนานมากแน่ๆ “เล่าให้พี่ฟังไม่ได้เหรอ?”

 

“ภีมติดฝึกสอนครับ ขึ้นดอยเลยไม่ได้ติดต่อกับใคร จะเจอก็แต่เพื่อนด้วยกัน”

 

พี่ธามพยักหน้ารับ ไม่เซ้าซี้ต่อ “เห็นภีมสนุกกับเพื่อนใหม่พี่ก็ดีใจด้วยนะ”

 

“ว่าแต่พี่ธามเป็นยังไงบ้างล่ะ ตั้งแต่…” ผมอึกอัก

 

“อ๋อ ตั้งแต่เลิกกับต้นพี่ก็มีแฟนใหม่น่ะ” เขาตอบพร้อมกับยิ้ม

 

“จริงเหรอ นึกว่าจะเฮิร์ทนานซะอีก”

 

“แล้วก็เลิกกันแล้วด้วย พี่คิดว่าคนแบบพี่คงหารักแท้ไม่เจอซะแล้วแหละ ก็เลยเลิกไปจีบใครแล้ว”

 

“พี่อายุแค่นี้เองปลงซะแล้วเหรอครับ?”

 

“แล้วภีมล่ะ เข็ดความรักรึเปล่า?” ผมละรอยยิ้มของตัวเอง ก่อนจะอ้าปากอ้ำอึ้งเมื่อนึกถึงปอ ดวงตาของผมมองพี่ธามก่อนจะค่อยๆ พยายามแย้มยิ้มกับเขา ผมไม่รู้ว่าพี่ธามเข้าใจระหว่างผมกับปอยังไง ไม่รู้ว่าปอเล่าเรื่องผมให้เขาฟังไหมว่าทำไมผมถึงจากปอมา

 

ได้แต่ยิ้มตอบ

 

“ไม่หรอกครับ” สั้นๆ เพราะผมรอเสมอ

 

“แต่ปอมันเฮิร์ทนะ เฮิร์ทนานมาก” ผมชะงักเงยมองหน้าเขา “ปอมันแทบบ้าที่ภีมหายไป ไม่ตอบมัน มันเครียดมากนะรู้ไหม ทำไมไม่ตอบกลับอะไรมันไปบ้าง”

 

ปอ…

 

ปอคิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ

 

อันที่จริงวันนี้ เป็นวันเกิดของปอ เป็นปีที่หกแล้วที่ผมไม่ได้เจอเขา ผมยกยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงในสิ่งที่พี่ธามได้เล่าให้ฟังว่าที่ผ่านมาปอได้รอผมอยู่ตลอด

 

“ภีมยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมครับพี่ธาม”

 

มือผมสั่น เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แต่พี่ธามไม่เอ่ยถามอะไรออกมาสักคำ มือเขาล้วงเข้าไปในกางเกงควักโทรศัพท์ออกมายืนให้ เมื่อเห็นรูปวอลเปเปอร์ ผมหลุดยิ้มเมื่อเห็นหน้ายิ้มแฉ่งสมัยเด็กของไอ้ต้นมันยังอยู่

 

“น่ารักจัง…”

 

พี่ธามหัวเราะ “คนที่ไม่มีวันได้เจออีก”

 

เสียเมื่อไร

 

ป่านนี้ต้นมันคงกลับมาแล้ว แรกๆ มันก็คุยกับผมบ่อย มันรู้ที่มาที่ไปของผมว่าเจออะไรมาบ้างและคอยเอาใจช่วยเสมอ มันบอกว่าจะมาหาผมที่นี่ วันนี้

 

ทั้งสองคนกำลังจะได้เจอกันอีกแล้ว

 

มือผมกดโทรศัพท์ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงปอ ถ้าปอได้เห็น ได้โปรดเถอะนะ ภีมกลับมาที่นี่แล้วนะปอ กลับมาที่ที่เราคุ้นชินแล้ว

 

มาหานะ คิดถึงจะแย่…

 

คิดถึงแค่ปอคนเดียว

 

 

หลังจากขอบคุณพี่ธาม ผมเดินละมาเคาน์เตอร์เพื่อเชคอิน เห็นแววใจดีจากพี่เขาที่มองตามหลังมาอย่างเคย แม้เมื่อก่อนจะเห็นธาตุแท้เขาออกมาก็เถอะ สุขุมแบบนั้นพอเลือดร้อนก็น่ากลัวไม่หยอก นิสัยแบบนี้คงอยู่ในส่วนลึกๆ ของเขาตลอดนั่นแหละ ถ้าใครทำให้โกรธล่ะน่าดู

 

“พี่ลดค่าห้องเอาไหม?”

 

“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องหรอกครับพี่” ผมร้องกลับไปว่า หันกลับมาเห็นพนักงานสาวยกยิ้มขำกันยกใหญ่ ผมส่งยิ้มให้พวกเธอ รู้สึกว่าสาวๆ พวกนี้จะมองมายังผมคนเดียวเลยแฮะ ได้แต่ยิ้ม ยกมือเกาคอตัวเองแก้เก้อก่อนจะเอื้อมไปรับกุญแจ

 

ผมชะงัก เมื่อเบอร์ห้องที่ผมได้มันเป็นห้องเดิมที่เคยมาพัก ผมจำมันได้ดี “อะ เอ่อ…ขอโทษนะครับพี่ ผมขอเปลี่ยนห้องได้ไหม ผมไม่ชอบวิวตรงนั้นน่ะครับ”

 

ผมไม่อยากนึกถึงเรื่องเก่าๆ คนเดียว อยากนึกถึงพร้อมคนที่เคยร่วมเดินทางมาพร้อมกัน

 

“เอ น้องเคยพักห้องนี้แล้วเหรอคะเนี่ย พี่ว่ามุมนั้นวิวสวยที่สุดในรีสอร์ทแล้วนะคะ อีกอย่างช่วงนี้ช่วงปิดเทอม ห้องพักก็เต็มตลอด จะเหลือก็แค่ห้องนี้ห้องเดียวน่ะค่ะ”

 

“อ้าว ถ้าวิวมันสวยขนาดนั้นแล้วทำไมมันเหลือเป็นห้องสุดท้ายล่ะครับ” ผมมุ่นคิ้วถามพลางก้มมองกุญแจกับมือ เธอยิ้มพลางมองไปยังร่างของพี่ธามที่กำลังยืนพูดคุยกับพนักงานด้านนั้น

 

“เจ้านายสั่งไว้ว่าให้ปล่อยเป็นห้องสุดท้ายน่ะค่ะ โชคดีจังเลยนะคะ ไม่ค่อยมีใครได้พักห้องนั้นหรอกค่ะน้อง”

 

ผมยิ้มให้เธอก่อนจะกล่าวขอบคุณ ลากกระเป๋าเดินไปยังห้องพักเพื่อจัดเตรียมข้าวของ เพื่อนของๆ ผมมีเพียงไม่กี่คนที่เคยพักที่รีสอร์ทนี้ บางคนมาก็ครั้งแรก แต่ผมพอจะรู้ทางเพราะที่นี่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก เมื่อเรียบร้อยผมก็เดินออกจากห้องก่อนจะเบิกตาเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ยืนรออยู่

 

“พี่… พี่ธามมาทำอะไรตรงนี้เนี่ย” ผมร้องด้วยความตกใจ อีกฝ่ายยิ้ม

 

“พี่จะมาถามว่าทุกอย่างโอเคไหม?”

 

“ไม่โอเคเลยโดยเฉพาะห้องนี้น่ะ” ผมว่าพลางเดินออกมาจากห้อง ล็อคประตูแล้วมุ่งไปยืนตรงข้ามกับพี่ชายตรงหน้า พี่ธามหลุดยิ้มก่อนยกมือมายีหัว ผมไม่รู้หรอกว่าเราสนิทกันพอที่จะสื่อด้วยการสัมผัสไหม แต่ผมเพียงแค่เงยไปยิ้มให้เขาเท่านั้น

 

“ก็มันเหลือห้องสุดท้ายแล้วนี่ ถ้าเป็นลูกค้าคนอื่นพี่จะให้ปฏิเสธแล้วไปพักที่อื่นนะ แต่นี่เป็นภีมหรอกถึงยอม”

 

“แหม…ปากหวานจริงเชียว ปอมันจ้างพี่กี่บาท?”

 

“ไม่เกี่ยวกับไอ้ปอสักหน่อย ว่าแต่…ภีมติดต่อมันกลับไปบ้างแล้วรึยัง?”

 

ผมหันไปมองหน้าพี่ธามพร้อมรอยยิ้มตัวเองเมื่อถูกถาม นึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ตัวเองทำไปเมื่อครู่ใหญ่ๆ แล้วพยักหน้าตอบ ผมติดต่อไปแล้วครับ หวังว่าปอจะเห็นมัน เห็นในสิ่งที่ผมกำลังจะสื่อ ถ้าปอรักผม ปอคงนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ แห่งนี้ได้

 

ผมเอง ก็โคตรคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ แบบนี้

 

คิดถึงคนเก่าๆ อยู่ในที่แห่งนี้

 

“ภีม นั่นภีมจริงๆ ด้วย เจอแล้วหาเจอแล้ว!”

 

เสียงหนึ่งร้องขึ้นเรียกให้ทั้งผมและพี่ธามหันไปมอง ใจผมวูบไหวเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่วิ่งมาด้วยความเร็ว พาร่างตัวเองพุ่งเข้ามากอดผมสุดแรงจนแทบจะล้ม

 

ผมกระพริบตาตัวเองพริบๆ ฟังเสียงหอบของมัน ยกมือกอดมันตอบ “ไม่ได้เจอนาน แม่งโคตรคิดถึงเลย”

 

ผมยิ้ม มองคนตัวสูงตรงหน้าที่จ้องร่างมันเขม็ง ไม่สิ พี่เขากำลังอึ้ง ตกตะลึง ตาค้าง หลายอย่างรวมๆ กันเลย

 

“กูก็คิดถึงมึง ต้น”

 

ใช่ ไอ้ต้นที่พี่ธามคิดว่าจะไม่ได้เจออีกแล้ว มันได้กลับมาแล้ว เรานัดกันว่าจะเจอกันที่นี่ มารื้อฟื้นความขมขื่นในอดีตที่เกาะแห่งนี้แล้วกลบไปด้วยมิตรภาพ ความรักของเรา และความสุขจนลืมหนึ่งเดือนแรกที่เราเจอกันไปเสีย

 

เมื่อเห็นหน้าพี่ธามมองไอ้ต้นก็พาลให้ผมนึกถึงไอ้ปอ ไอ้พี่ปอ มันจะตกใจไหมที่เห็นผม ทำหน้ายังไง ส่วนผม ไม่บอกคงรู้ว่าต้องร้องไห้แหงๆ

 

ผมคิดถึงปอ

 

ได้โปรดเถอะ ถ้าปอเห็น ขอให้ทำตามสิ่งที่ใจปอต้องการ มาเถอะนะปอ…

 

มาเจอกันอีกครั้ง

 

 

 
 :z2:
มาอัพให้แล้วค่ะ ตอนหน้าจะได้เจอกันแล้วน้า(รู้สึกมีความสุขท่หลอกล่อให้คนร้องไห้ได้ อิอิ)

ตอนนี้ก็อยู่ช่วงสรุปเรื่องไปก่อนโนะ น้องภีมเขาเจอมาเยอะ เจ็บมาเยอะงะ หวังว่าพี่ปอเห็นอะไรสักอย่างที่น้องส่งให้แล้วจะรีบมาไวๆ น้า อิอิ

 :katai5: :katai5:


 
หัวข้อ: Re: **(19.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 30
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 19-11-2014 20:50:08
เกือบจะโกรธคนแต่งแระ ขึ้นต้นมาซะใจแป้วเลย
ร้ายนะ น้ำตาเกือบซึมเลย  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: **(19.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 30
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-11-2014 20:54:22
ตอนใหม่มาเร็วๆ
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 31
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 20-11-2014 22:45:31
 

ตอนที่ 31

 

ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มโอเค เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น

 

“มึงสูงขึ้นปะเนี่ย ดูกูสิ สูงขึ้นไม่กี่เซ็นต์เอง ไปโน่นไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเรียน”

 

ผมยิ้มมองคนตรงหน้าที่ยังตั้งอกตั้งใจจ้อท่าเดียวเหมือนเดิม ทำหน้าทำตาอินกับสิ่งที่ตัวเองเล่ามากๆ ไอ้ต้นมันพูดมากขึ้นมานะ คงเพราะไปอยู่เมืองนอกไม่ค่อยได้ใช้ภาษาตัวเองเท่าไรเลยเก็บกด คิดแล้วก็ขำดี

 

เหมือนเราไม่ได้จากกันเลย สนิทกันเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ตอนมันไป มันทำผมร้องไห้ทั้งคืน

 

“สูงขึ้นนิดหน่อยว่ะ แค่นี้กูก็ดีใจจะแย่” ผมตอบ

 

“มึงสูงกว่ากูอีก” มันว่าพลางมองหน้า จ้องตา ขยับเข้ามาใกล้ๆ แล้วก็ทำท่าขำ

 

“ขำอะไรของมึงวะ?”

 

หน้าผมมีอะไรติดอยู่รึเปล่า ก็ไม่มีนี่ ผมได้แต่ขมวดคิ้วตัวเองมองไอ้ต้นที่ยังหัวเราะไม่เลิก มันยกนิ้วชี้ชี้หน้าร้องว่า “กูเพิ่งสังเกต มึงไว้หนวดเหรอ?”

 

เออว่ะ แม่งเอ๊ย! มันทุเรศขนาดนั้นเลยเหรอ

 

“แย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะต้น?”

 

“ไม่ ไม่เลยจริง ฮ่าๆๆๆ” ไอ้สัด ตอบมาซะน่าเชื่อเลย

 

ผมลูบหนวดตัวเอง สงสัยกูต้องโกนจริงๆ ซะละ

 

“เออๆ กูลืมเอาของฝากให้มึงได้ไง” มันว่าพลางนึกได้ รีบวิ่งไปเปิดกระเป๋าเดินทางที่มันจัดการยกเข้ามาในห้องพักผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราเข้ามานั่งคุยกัน ถามข่าวกันเป็นชั่วโมงแล้ว เจอกันเราต้องคุยให้หนำใจสิถึงจะถูก สามงสามีเอาไว้ทีหลัง

 

คิดแล้วผมก็นึกถึงกรีน มันเป็นยังไงบ้างนะ

 

“นี่…ไปอยู่เมืองน้ำหอมก็ต้องซื้อน้ำหอมมาให้สิถึงจะถูก” มันพูดพลางชูกล่องให้ดู

 

“โห คงแพงน่าดู”

 

ชีวิตที่ผ่านมาทำให้ผมรู้ค่าของเงินมาก ถึงขั้นเรียกว่างกครับ

 

“ไม่แพงอะไรมากหรอกภีม เอาไปสิ อ๊า…อันนี้ของขวัญวันเกิดพี่ปอ ถ้าพี่เขามาหามึงกูฝากด้วยนะ”

 

“มึงก็เอาให้เองสิ” ผมยิ้ม

 

“เออว่ะ แต่พี่เขายี่สิบหกแล้วเนอะ แก่ไวชิบหายเลย” มันพูดกับตัวเองยิ้มๆ มองของที่อยู่ในมือตัวเอง เงยมามองผม

 

ต้นมันยังคิดว่าพี่ปอจะมาหาผมเลย

 

ผมเองก็ต้องรอ รอว่าพี่ปอจะมา

 

แต่ท้ายที่สุด นี่เข้าวันที่สามแล้วที่เรามาเที่ยว ไม่มีข่าวคราวจากปอ ไม่มีร่างของเขาก้าวเข้ามาในรีสอร์ทแห่งนี้ ใจผมหายและเฝ้ารอเขา ผมกลัวว่าพี่ปอจะเปลี่ยนใจไปแล้ว ไม่รักผมแล้ว

 

แม้จะถูกไอ้ต้นและพี่ธามปลอบ แต่ผมกลัวเหลือเกิน ถ้าพรุ่งนี้วันสุดท้ายและปอไม่มา การกลับไปยังบ้านหลังนั้นของผมก็ไม่มีความหมาย

 

ใจผมสิ้นหวัง

 

เจ็บปวดขึ้นมาทันที

 

ทำเป็นยิ้ม เป็นร่าเริงสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อน กับไอ้ต้น ตอนนี้เอาเข้าจริงคิดว่าจะได้มาเที่ยวกับเพื่อนๆ รุ่นมหาวิทยาลัยแท้ๆ แต่น้อยครั้งที่ผมจะเข้าไปร่วมกลุ่ม ได้แต่นั่งเหม่อลอยออกไปไกลแสนไกลอยู่คนเดียวอย่างนี้ตลอด

 

เพื่อนผมที่เป็นผู้ชายก็มาร่วมด้วยอีกสองคน ส่วนสาวๆ มากันถึงหกคน หนุ่มคนหนึ่งมาเป็นช่างภาพ คนหนึ่งมาเป็นคนขับรถ ส่วนผมมาเพราะทุกคนลงความเห็นว่าต้องมา

 

พวกเพื่อนเองก็คงรู้ดีว่าผมกำลังคิดมาก มันชวนผมไปเล่นสนุก ช่วงเวลานั่นพอจะหัวเราะกับพวกมันได้บ้าง แต่เมื่อยู่คนเดียวผมก็ยังคิดมากอยู่ดี ผมเป็นอะไรวะ ต้องเชื่อมั่นในปอสิถึงจะถูก

 

ยังไงถ้าบอกว่าจะรอ ปอต้องรอ

 

น้ำตาผมไหล ยกหลังมือเช็ดน้ำตามองไอ้ต้นที่เดินทะเลาะกับพี่ธามที่ยังเดินตามตูดไม่เลิก เห็นแล้วยิ้มขำกับมันทั้งน้ำตา ร่างของมันวิ่งหนีพี่เขามาหาผมพร้อมกับมุ่นคิ้วโมโห

 

“โอ้ยพี่ ไปทำงานทำการตัวเองโน่น มากวนอะไรลูกค้าวะหา!?” ไอ้ต้นมันร้องว่า พี่ธามหลุดยิ้ม

 

“ลูกค้าอะไร เมื่อคืนก็นอนฟรี”

 

“ก็ตัวเองเป็นคนเชิญผมไปนอนเองนี่”

 

มันว่าพลางทรุดตัวนั่งข้างผม ขยับมาจับบ่า “ใจเย็นนะ พี่ปอคงติดธุระ”

 

ผมกลัว ผมไม่น่าเร่งมันให้มาเลย

 

ผมกลัวว่าปอจะรีบ จะเกิดอุบัติเหตุ จะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับมัน ทำไมตอนนั้นทำแล้วไม่ได้คิดวะ ทำไมผมยังไม่โตพอสักทีที่จะรักกับปอได้

 

“ปอมันติดธุระ เข้าใจมันหน่อยนะภีม”

 

ผมพยายามคิดในแง่ดีแล้ว

 

แต่แง่ไม่ดีมันเยอะกว่า มันกำลังไซโคผมให้คิดถึงแต่พี่ปอ ว่าเขาได้เห็นสิ่งที่ผมส่งไปให้แล้วหรือยังนะ หรือเขาไม่ได้เปิดดู เขาเปิดดูแล้วแต่ไม่อยากมาหรือเปล่า

 

ผมเฝ้าหาเหตุผลให้ตัวเอง

 

ทำไมมันเจ็บแบบนี้วะปอ คืนนี้ทั้งคืนผมนอนปาดน้ำตาตัวเองในห้องนอนเงียบๆ นึกถึงตอนที่ตัวเองกอดกับปอในห้องนี้ ในเตียงนี้ ปอจะไม่มาหาภีมจริงๆ เหรอ ไม่เคยคิดถึงกันบ้างเลยเหรอปอ ตอบมาสิ

 

ผมได้แต่ซุกหน้ากับหมอน ให้น้ำตาซึมลงไป ในเมื่อไม่มีนิ้วเรียวของเขามาซับมันออกให้ ปล่อยให้ตัวเองนอนสะอื้นคิดถึงแต่มัน คิดมากเพราะมัน

 

ทำไม…

 

ในหัวผมมีแต่คำถามว่าทำไม

 

 

รุ่งเช้าของอีกวัน พี่ธามก็ยังมาทักทายผมตามปกติ วันนี้ผมกับกลุ่มเพื่อนๆ นัดขับมอเตอร์ไซต์ออกจากรีสอร์ทไปเที่ยว ผมเป็นคนขับ ยัยนุ่มนิ่มนั่งซ้อนท้ายทำท่ากระดี๊กระด๊าชวนดูโน่นดูนี่สองข้างทางพร้อมกับถือกล้องถ่ายรูปไปด้วย มันกอดแล้วก็เอาดูมๆ ถูหลัง ยังดีนะที่ผมไม่ได้ชอบผู้หญิง ผมมักต่อว่าเวลามันวางตัวสนิทกับผมเกินงามแบบนี้เสมอเพราะรู้ว่าผมเป็นเกย์ แต่หากมันไปทำกับคนอื่นนอกจากผมคงไม่รอดแน่

 

“ภีม ยิ้มหน่อยแก” มันกอดคอผมจากด้านหลังพลางยื่นกล้องออกไปถ่าย คางมันวางบนไหล่ของบนพร้อมกับกดถ่ายในขณะที่เราขับรถ

 

“พวกแก ขับรถน่ะดูทางหน่อยสิยะ” ไอ้ช้างน้ำมันตะโกนมาว่าก่อนจะหัวเราะคิกคัก ออกจากส่วนเมืองทางลาดยางที่ไม่ค่อยมีรถนัก ผมมองออกไปทะเลที่เดิมที่เคยมาเมื่อก่อน มาพร้อมกับปอ

 

ใจมันหาย ก่อนจะผ่อนคันเร่งและแวะลงข้างทางไม่ปรึกษาไอ้พวกที่ขับนำไปก่อน มองไปยังคลื่นแสนสวยที่ซัดสาดมา

 

“เฮ้ย ทำไรวะแก?” ยัยนิ่มตีไหล่ผมสะกิด

 

“เดี๋ยวดิ ทะเลตรงนี้มันสวยดี ขอฉันแวะแป๊ปหนึ่งนะนิ่ม” ผมบิดกุญแจรถแล้วดึงมันออกมาใส่กระเป๋า เดินมายังหาดตรงหน้า มองไปเห็นไอ้พวกเพื่อนๆ มันเลี้ยวกับมาพร้อมทั้งตะโกนต่อว่ากันยกใหญ่ที่ผมทำอะไรไม่ปรึกษา

 

ลมเย็นๆ ซัดมายังร่างของผมพร้อมกับเสียงสวบสาบของนุ่มนิ่มที่เดินตามหลังมาว่า

 

“เออว่ะสวยดี ชวนพวกมันนั่งตรงนี้ดีมั้ย มันไม่ไกลด้วย”

 

“เอางั้นก็ได้ว่ะ ดูไอ้น้ำดิมันหิวจนจะคาบหัวฉันอยู่ละ” ผมว่าพลางหลุดหัวเราะมองมันที่หน้ามุ่ยว่า

 

“แก จะจอดก็ไม่บอก มาทำอะไรตรงนี้กันวะ?”

 

“ตรงนี้ก็สวยดี กินข้าวกันตรงนี้เหอะ มาๆ เอาเสื่อมาปูจัดของเลย” ยัยนุ่มนิ่มว่า เพื่อนๆ มองรอบกายแล้วก็พยักหน้ารับ แถมมีต้นไม้เป็นร่มเงาด้วย ผมเดินออกมายังหาดพลางมองหาอะไรสักอย่าง ใช่สิ ช่วงนั้นมันห่างจากช่วงนี้มาก หลายเดือนเลย

 

ยังไม่มีแมงกะพรุนออกมาเกยตื้นหรอก

 

น้ำก็ใส ทรายสีขาวสะท้อนแสงแดดจนแสบตา มันแวววับจับตาผมให้เดินลงไปแตะเท้ากับความเย็นของเกลียวน้ำที่ซัดสาดเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า สดชื่นจัง

 

ถ้าเดินจูงมือกับปอ คงมีความสุขมากแน่ๆ

 

แต่ปออยู่ไหน คิดแล้วก็พาลให้เศร้าขึ้นมาอีก

 

“ภีม กินข้าว” เสียงเพื่อนๆ ตะโกนเรียก ผมพยักหน้าตอบ หันไปมองทะเลใสๆ สูดลมหายใจให้เต็มปอด ได้ยินเสียงพวกมันเร่งแล้วได้แต่ส่ายหน้า

 

ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปใต้ร่มไม้ ร่างกายทรุดนั่งลงบนเสื่อมองของกินที่ทางรีสอร์ทจัดการให้

 

“พี่ธามของแกนี่ก็ดีนะ จัดการให้หมดทุกอย่าง” ยัยน้ำว่าขึ้นเรียกให้เพื่อนทุกคนเงยหน้ามองมัน ผมที่เคี้ยวตุ้ยๆ ก็นิ่งชะงักเมื่อหลายๆ สายตาเริ่มเบนมาทางยังผมเช่นกัน

 

“อะ อะไร?” ทำเป็นไม่รู้แม่งเลย

 

“ไม่ต้องมาทำไก๋” ยัยน้ำว่า “แกกับพี่เขาเป็นอะไรกัน?”

 

“ก็แค่รุ่นพี่รุ่นน้อง” ยักไหล่ว่า

 

“จริงนะ พี่เขาเดินตามติดแกตลอดเลย”

 

“เขาชอบเพื่อนฉันอีกคนต่างหาก” ผมเถียง

 

“จริงเหรอ แต่ฉันว่าพี่คนนั้นเขาจีบแกนะ ตายจริงเขาทั้งหล่อทั้งรวยแถมตอนยิ้มนี่ดูโคตรใจดีอ่ะ” เพื่อนสาวคนหนึ่งว่าพลางทำหน้าเพ้อฝัน

 

“ไม่ใช่ๆ เขาเป็นรุ่นพี่โรงเรียนเก่า บอกแล้วว่าเขาชอบไอ้ต้น”

 

“แต่ฉันเห็นเขาแตะต้องตัวแกด้วย อีนี่ก็ใจง่ายให้เขาจับ” ยัยน้ำมันว่าพลางชี้หน้ามาทางผมปนยิ้ม

 

“ตอนนั้นฉันงงเว้ย”

 

“บอกตามตรงมาเลย มีอะไรกันรึเปล่า?”

 

“เปล่า เชื่อฉันหน่อยสิ ถ้ามีฉันจะโกหกพวกแกทำไมเล่า”

 

พวกมันนิ่งมองหน้ากันแล้วถอนใจกับสิ่งที่ผมกล่าวออกไป สงสัยข้อแก้ตัวของผมทำให้พวกมันชะงักฝันกันลงได้ เห็นแต่เพื่อนผู้ชายส่ายหน้าไม่ไหวให้ ไอ้ผมก็หลุดยิ้มกับตัวเอง

 

คิดกันไปได้…

 

ทันใดนั้นเอง ก็มีสิ่งหนึ่งที่เรียกให้เราหันไปมองบนท้องถนนทั้งกลุ่ม เมื่อเสียงรถมอเตอร์ไซต์คันแพงคันหนึ่งดังกระหึ่มมาตั้งแต่ไกล เรียกให้พวกเรามองไปว่าคนขับจะมีรูปร่างหน้าตาแบบไหน และรถคันนั้นสวยไหม สิ่งที่เราทั้งกลุ่มเห็นคือร่างหนาๆ นั่นคร่อมบนรถมาด้วยท่าทางงดงาม ใจผมนี่เต้นเลย

 

โคตรดูดี โคตรเท่

 

มันพาลทำให้ผมนึกถึงปอ ถ้าปอขับรถแบบนี้ สวมหมวกกันน๊อคเท่ๆ แบบนี้ ผมโคตรภูมิใจในตัวมันเลย แต่ปอจะกลับไปแตะมันไหมนะ

 

คิดแล้วทั้งดีใจทั้งเสียใจ

 

“กรี๊ด ฉันอยากซ้อนท้ายบ้าง ผู้ชายอะไรเท๊เท่” ยัยนิ่มตะโกนพลางมองออกไปทางถนน

 

“รถแพงสัส” เพื่อนผู้ชายอ้าปากหวอมองตาม

 

“เออต้องแพงมากแน่ๆ” ผมว่าพลางมองตามรถคันนั้นที่วิ่งเลยผ่านรถของเราที่จอดอยู่ริมถนน ผ่านฉิวไปด้วยความเร็ว

 

“ดูเขาแต่งตัวสิโคตรเท่ รถก็แพง ต้องรวยมากแน่” ยัยนิ่มว่าสายตาละห้อยมองตาม ร่างนั้นสวมชุดเพียงแค่เสื้อยืดด้านใน ยีนส์นีดำรับกับแจคเก็ตหนังสีดำและรองเท้า สวมหมวกกันน็อคสีดำสนิท แบบนี้ไอ้พี่ปอมันแต่งออกจะบ่อย

 

ผมชะงัก เมื่อเสียงรถคันนั้นวนมาอีกรอบ พวกเรามองตามเสียงอีกครั้ง เสียงมันใกล้เข้ามาชะลออยู่ตรงรถของพวกผมและปิดคันเร่งเลี้ยวเข้ามา

 

ใจผมหายเมื่อเห็นเช่นนั่น มือที่ถือของกินไร้เรี่ยวแรง

 

“กรี๊ด เขามาทางนี้” ยัยนิ่มร้องว่าพลางสะกิดใหญ่ ตาผมเบิกกว้างเมื่อเห็นรถคันนี้เคลื่อนเข้ามาเรื่อยๆ

 

“ทำไมอะ เขามาทำไม?”

 

ผมนิ่งมองร่างสูงใหญ่ของเขาตรงหน้า กลืนน้ำลายทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าเป็นใคร

 

“ใครวะ รู้จักเราเหรอ?”

 

ยัยน้ำว่า ท่ามกลางเสียงท่อรถที่เคลื่อนมาจอดใกล้ๆ เสื่อเราที่นั่งปูนั้น ผมกลืนน้ำลายมองร่างนั้น เมื่อรถคันนี้จอดให้เห็นเต็มตา ลำขายาวๆ ในชุดนั้นลงแตะพื้นทรายพร้อมกับเสียงกรี้ดกร๊าดของสาวๆ ที่เงยหน้ามอง ใจผมหายเมื่อมือที่สวมถุงมือครึ่งท่อนนั้นบิดกุญแจและยกขึ้นมาถอดหมวกกันน็อคออก

 

“กรี๊ด เขาหล่อชิบหายเลย” ยัยนิ้มว่าพลางสะกิดผมที่นั่งแข่งทื่อ

 

พร้อมกับน้ำตาที่เอ่อ ไหลอาบแก้ม

 

ผมมองใบหน้านั้นพร้อมกับเลือดที่แล่นเข้าสู้ใบหน้า ดวงตาโตๆ นั้นละมามองผมนิ่งงันและตั้งรถ หันหน้ามาทางพวกเรา ใบหน้าเรียวยาวนั้นยิ่งมายังผมไม่ได้กล่าวอะไร ปล่อยให้ผมที่ยาวสลวยถูกลมพัดเรื่อยๆ

 

เขาลุกจากรถยืนอยู่อย่างนั้น ก่อนจะยกยิ้ม

 

ร่างของผมไม่ได้คิดอะไรเลย ลำขามันทำงานเองโดยอัตโนมัติ ไม่ได้ใส่รองเท้า วิ่งออกจากผืนเสื่อที่นั่งด้วยใจที่ปลื้มปริ่มในสิ่งที่อยู่ต่อหน้า ผมมองแต่เขา รอยยิ้มของเขาที่ส่งมาให้ด้วยความใจดีอย่างเคย มันไม่ใช่ฝันอีกต่อไปแล้ว!

 

“อะ!” ไม่ได้มองอะไรเลย ขาผมเหยียบเศษกระเบื้อง

 

แต่ผมไม่สน ผมวิ่งไปกอดร่างสูงๆ ตรงหน้าให้สมกับความคิดถึง เขาเองก็อ้าแขนรับผมเข้าไปซุกกายกอดในอก ใจผมเต้นตึกตัก สัมผัสนี้ กอดนี้ พระเจ้า ผมไม่ได้ฝันจริงๆ

 

นี่คือพี่ปอ พี่ปอที่ผมเฝ้ารอว่าวันใดวันหนึ่งจะต้องได้เจออีกครั้ง

 

“พี่ปอ…ฮึก…” ผมพยายามเรียกชื่อเขาผ่านแรงสะอื้น

 

“เป็นอะไรไหม เจ็บไหม?”

 

ผมส่ายหน้าตัวเอง ไม่เลย ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรนอกจากความดีใจที่ได้เจอ ได้เห็นว่าคนตรงหน้าเปลี่ยนไปขนาดไหน และปอเองก็เหมือนกัน เรานิ่งมองตากันอยู่แบบนั้น มองสิ่งที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้า พี่ปอเปลี่ยนไปเยอะมาก

 

เขาดูเป็นหนุ่มเต็มตัว ร่างกายสูงขึ้น แข็งแรงด้วยกล้ามเนื้อสมอายุขึ้น ใบหน้าเค้าโครงเดิม หล่อแต่ดูน่าค้นหากว่าเดิม มือผมขยับเข้าไปกอดแน่น

 

พี่ปอมาแล้ว มาหาผมแล้ว

 

เรากอดกันอยู่อย่างนั้น มันทำอะไรไม่ได้นอกจากดีใจจริงๆ

 

“ขอโทษนะภีม พี่ติดแข่งเลยมาไม่ได้ พอแข่งเสร็จพี่ก็มาเลย นี่ของฝาก”

 

เขาว่าพลางล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบอะไรออกมาด้วยดวงตาอ่อนโยน เป็นเหรียญทองจากการแข่ง มือหนาๆ ยกขึ้นมาสวมบนคอให้ผมพร้อมทั้งจ้องมองมันด้วยความภาคภูมิใจ ผมเองก็ภูมิใจ

 

ผมคิดถึงปอจะแย่

 

“คิดว่าจะไม่มาซะแล้ว” มือผมเช็ดน้ำตา มองปอที่ขยับนิ้วมาเช็ดให้

 

กลับมาอีกครั้งแล้ว ความรู้สึกเดิมๆ สิ่งเดิมๆ ที่ผมเฝ้ารอมาตลอดหกปี มาพร้อมกับผู้ชายตรงหน้าที่แสนดี ที่รักและห่วงใยผม

 

“ยังไงพี่ต้องมา พี่รอวันนี้มานานมาก รอจนแทบไม่เป็นอันกินอันนอน” ผมนิ่งฟัง ฟังสิ่งที่เขาบอก “พี่กลัวแทบตาย พี่ร้องไห้กลัวภีมหายไป พี่เป็นห่วง อยากถามว่าภีมหายไปไหน กินอะไรบ้างรึเปล่า พี่…”

 

เขากำลังพูดไม่ออก ผมนิ่งมองผ่านม่านน้ำตา

 

“ภีมขอโทษ…”

 

ผมผิดที่ทิ้งเขาตั้งแต่แรก ได้แต่มองแววตาที่สั่นไหวตรงหน้า “กลับมาแล้วนะ มาอยู่ด้วยกันอีกนะปอ มาอยู่กับภีมอีกนะ รักพี่ปอนะ…”

 

“ครับ รักภีมเหมือนกัน รักมาก…”

 

เขากล่าว เสียงสั่นเครือ ผมไม่อายกลุ่มเพื่อนที่จะแสดงความรักกัน เพราะชั่วโมงนี้มันคือสิ่งที่ผมเฝ้ารอมาตลอด เพ้อฝันมาตลอดและเห็นว่ามันเป็นจริงแล้ว พี่ปอรอผมมาตลอด เจ็บปวดมาพร้อมกันกับผม ไม่จะยอมปล่อยให้ความเขินอายทำให้เวลาของเราผ่านไปนานกว่านี้

 

ผมรู้ค่าของเวลาแล้ว

 

“ภีม ภีมหายไปไหนมา?” เขาว่าเสียงเบา จ้องตา

 

“เรื่องมันยาวมาก…” ผมกล่าวแล้วยกยิ้มเมื่อเห้นแววตาของพี่ปอที่ส่งมาให้ กลัวเหรอ เป็นอะไร คิดมากเหรอ หรือกำลังจะร้องไห้ เขาดูโตขึ้นและเดาใจไม่ออกเลย แววตาค้นหายากมาก แทบไม่อยากคิดเลยว่าที่ผ่านมาปอต้องรอ ต้องเสียใจเท่าไร

 

มือสั่นๆ ผมกุมใบหน้าเรียวของเขา ไม่อยากแตะต้องแรงเกินไป กลัวมันสะเทือน กลัวมันหายไปและเป้นแค่ฝันดี ผมไม่อยากเป็นแบบนั้นอีก

 

“เจอกันแล้ว เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าเจออะไรมาบ้าง เล่าทั้งวันเลย” ผมพูดกับปอเสียงเบา มันสั่นไหว อีกคนยกมือกุมหน้าผมด้วยความหวงแหน

 

“สัญญานะ…”

 

เราจะรักษาเวลาแห่งความสุขนี้ไปพร้อมกัน

 

“ครับ สัญญา…”

 

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อๆ ของคนตรงหน้า พร้อมกับเราขยับใบหน้าเข้าไปแนบจูบเป็นตราแห่งคำมั่นสัญญาอีกครั้ง โดยที่ไม่อายเสียงยัยเพื่อนๆ ที่มันร้องกรี๊ดกร๊าดด้วยความอิจฉากันยกใหญ่กับสิ่งที่เราทำ

 

ดีแล้ว

 

เป็นแบบนี้น่ะดีที่สุดแล้ว ในที่สุดผมก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว คนตรงหน้าผมโคตรเข้มแข็งและแสนดี ได้โปรดเถอะปอ โปรดรู้ค่าของความห่างไกล ความคิดถึงของเราครั้งนี้ ให้เราฉุกคิดในช่วงเวลาที่มีปัญหากัน ยอมอ่อนข้อให้กันเพื่อความสุขอีกครั้ง

 

รักปอนะ

 

รักที่สุดเลย

 

ผมได้แต่กอดเขาไว้แบบนั้นอย่างหวงแหน กอดไว้จนสุดแรงท่ามกลางเสียงคลื่นสวยๆ บรรยากาศเดิมๆ รอบตัวที่ทำให้ใจสั่นไหว แต่ไม่มีอะไรที่ทำให้น้ำตาผมไหลได้ นอกจากความดีใจที่ได้พบผู้ชายคนนี้อีกครั้ง

 

พี่ปอ…

 

 

รูปทะเลที่เดิมที่ผมเคยมาร่วมกับมันยามพระอาทิตย์ตก

 

 

พร้อมกับคำอวยพรวันเกิดของพี่ปอวัย 26 ปี ไม่ได้ไร้ความรู้สึกอย่างเคยแล้ว ผมรู้ว่าหากพี่ปอได้เปิดดู เขาจะรู้โดยทันทีว่าผมอยู่ที่ไหน ต้องการสื่ออะไรถึงเขา ปอเข้าใจในสิ่งที่หัวใจผมบอกอย่างดีเยี่ยม เพราะเรารักกัน

 

 

 
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
ปลื้มปริ่มเป็นที่สุด ในที่สุดก็ได้เจอกันแล้ว

 :z1:
พี่ปอโคตรเท่ น้องภีมน่ารัก อร๊ายยยยยย ไว้เจอกันตอนหน้าจ้า
 :bye2: :bye2:

 

 
หัวข้อ: Re: **(19.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 30
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 20-11-2014 23:01:48
เจอกันสักที

สวีทหวานไม่เกรงใจเพื่อน555
หัวข้อ: Re: **(20.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 31
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-11-2014 23:37:37
ดีใจได้เจอกันแล้ว แต่แอบสั้นไปน่ะ
หัวข้อ: Re: **(20.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 31
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-11-2014 23:40:34
อร๊ายยย เจอกันซักที.  :m15:
หัวข้อ: Re: **(20.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 31
เริ่มหัวข้อโดย: mcooky ที่ 20-11-2014 23:43:25
วันเดียวลวดดด  บ่อน้ำตาแคกไปหลาบบ่อ ชอบบบ :hao5:  พี่ปอกับน้องภีม แล้วเมื่อไหร่ ต้นกับพี่ธามพี่พีจะได้กันสักที
หัวข้อ: Re: **(20.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 31
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 21-11-2014 03:34:27
 :hao5:
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 21-11-2014 23:26:08
 

ตอนที่ 32

 

อา…วิเศษมาก

 

ผมได้กลับมาเป็นเทวดาอีกครั้ง เทวดาที่คนคอยดูแลเอาใจใส่และรักผม

 

ผมก้มมองลงไปที่เท้าตัวเอง ตอนนี้มีคนตัวใหญ่ยักษ์ คือปอมันตัวโตมากๆ กำลังก้มหน้าก้มตาพันผ้าพันแผลให้ด้วยความเบามือไม่เข้ากับตัวมันเลย เพราะตอนที่ผมไปหาร่างของมันที่ยืนรออยู่ ผมวิ่งไปแบบไม่คิดชีวิตด้วยกลัวว่าปอมันจะหายจากผมไปอีก เท้าเลยถูกกระเบื้องบาดจนเลือดไหล

 

มองดูดีๆ ทำไมมีแต่ฝ่ายปอที่โตขึ้นฝ่ายเดียวนะ ดูสิ รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปเยอะมาก ก็อายุยี่สิบหกแล้วนี่นะ แต่ก็ยังหล่อเหมือนเดิม ผมยกยิ้มกับตัวเองก่อนจะหยีหน้า

 

“โอ้ย มันเจ็บนะปอ” ว่าพลางจับบ่าคนนั่งด้านล่าง มันเงยขึ้นมา

 

“ขอโทษ เจ็บขนาดนั้นยังทนได้อีก ทำไมดื้อแบบนี้วะ?”

 

ผมมุ่นคิ้วตัวเองคิด เพราะปอนั่นแหละ ทำผมตื่นเต้น ทำให้เลือดสูบฉีดพุ่งปรี๊ดออกมา

 

“มันเจ็บ แต่คิดถึงปอมากกว่านี่”

 

“คิดถึงพี่แต่ก็ต้องห่วงตัวเองบ้างสิ ดูสิเนี่ย”

 

“เลิกบ่นเลย”

 

“ทำไม จะตีเหรอ?” คนตรงหน้าว่าพลางขยับมานั่งข้างบนเตียงด้วยกัน บนใบหน้าหล่อยกยิ้มเมื่อเห็นผมเบิกตาเอ็ดเขาไป

 

“อยากโดนใช่ไหมหะ ไม่โดนนานเสี้ยนเหรอ?”

 

มันจับมือผม “อยากโดนตีทุกวันเลย”

 

ทำหน้าแบบนี้ใส่ เลือดวิ่งเข้าใบหน้าผมไม่ยาก ไม่ว่าจะนานขนาดไหนก็น่ารักเหมือนเดิมเลย ผมหลบตา หันไปเกาหัวตัวเองแก้เขินว่า “ก็กำลังจะไป ทนถูกตีทุกวันให้ได้ก็แล้วกัน”

 

“มาเถอะ อยากโดนตีจะแย่”

 

จะอ้อนอะไรนักหนา ยอมไปตั้งแต่มาหาแล้ว ไอ้บ้าเอ๊ย!

 

“ขอบใจนะ ที่มา…” ผมพูดขณะที่เราจ้องตากัน

 

“พูดอะไรอย่างนั้น พี่ต่างหากที่ต้องขอบใจภีมที่กลับมาหาพี่ มาทำให้พี่มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง”

 

ผมเศร้าเมื่อปอพูดแบบนี้ พูดเหมือนที่ผ่านมาปอไม่เคยมีความสุข ไม่มีชีวิตชีวา ไม่รู้สึกสดใสอะไรทั้งสิ้น หรือมันเป็นแบบนั้นจริงๆ ปออาจเจ็บปวดมากต่างจากผมก็ได้ มือผมยกขึ้นไปแตะใบหน้าเรียวยาวได้รูปของคนตรงหน้าแผ่วเบา หัวแม่มือไล้แก้มบอกว่าผมทนุถนอมปอมาก

 

“ที่ผ่านมาปอคงทรมานมากสินะ”

 

คนตรงหน้าพยักหน้ารับ ผมดึงมันมาซุกที่อกพร้อมรอยยิ้ม ฟังเสียงใจของภีมดีๆ นะว่ามันรักปอมากขนาดไหน รักมากจริงๆ ผมกอดปอแน่น นิ้วมือไล้เล่นเส้นผมตรงเหยียด วางคางบนหัวและจูบซับเป็นการปลอบ

 

“เราเจอกันแล้ว ไม่เป็นไรนะ”

 

ปอพยักหน้ารับ เหมือนผมกำลังโอ๋เด็กน้อยจอมงอแง เพียงแต่ไอ้เด็กคนนี้มันตัวโตเป็นเด็กโข่งเท่านั้นเอง ผมหลุดยิ้ม กอดไอ้จอมเอาแต่ใจไว้อยู่อย่างนี้ “เราจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว ปอไม่ต้องกลัวแล้วนะ”

 

ปอพยักหน้ารับ ผมยิ้มกับตัวเอง เชื่อฟังดีจริงๆ

 

“แบบนี้ค่อยอยู่ในโอวาทเมียหน่อย”

 

มันหลุดหัวเราะ “ก็อยู่ตั้งนานแล้วนี่ ยอมเมียหมดทุกอย่างแล้ว”

 

“เออ ก็ดี รู้อย่างนั้นถ้านอกใจนะ จะตัดน้องชายมึงทิ้ง เอาไปตากแดดแล้วก็มาทอดให้มึงกิน”

 

“ใจร้ายว่ะ” มันว่าเสียงเบา เราหลุดหัวเราะ

 

“พี่ยอมเมียหมดทุกอย่างจริงๆ นะ ยังไงซะ เมียพี่มันก็ต้องถูกเสมอ มาก่อนเสมอ ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ผมฟังมันขยับใบหน้ามาพูด

 

“ให้มันจริงเถอะ คราวนี้ถ้าออกนอกลู่นอกทางล่ะไม่ยอมแน่”

 

“ว่าแต่คนอื่น เมียนั่นแหละ ถ้าไปอ่อยใครล่ะก็ได้ตายไปข้าง รู้ไหมพี่หึงโหดนะ”

 

ผมนิ่งมองตามัน รู้ตั้งนานแล้วว่าโหด

 

“ไม่มีใครหรอกน่า รักปอแค่คนเดียว รักปอที่สุดอยู่แล้ว” ผมว่า นิ้วชี้จิ้มปลายจมูกโด่งๆ ตรงหน้าพร้อมรอยยิ้ม ร่างหนาๆ ขยับมาดึงผมไปกอด ด้วยความคะนึงหา แรงดึงดูดอะไรสักอย่างเรียกให้เราพุ่งเข้ากอดกันทุกครั้ง

 

“รักภีมนะ รักภีม…”

 

ผมพยักหน้า อืม…รู้แล้ว

 

รู้ตั้งนานแล้ว และก็รักปอมากเหมือนกัน

 

ผมย่นคอตัวเองเมื่อถูกสัมผัสอย่างอ่อนโอน ร่างกายเย็นวาบเมื่อใบหูผมถูกจูบ เคลื่อนมายังแก้ม ริมฝีปากหนาและสวยได้รูปนั้นพรมลงทั่วใบหน้า ผมทำได้เพียงแค่ยอมนั่งนิ่งให้กอดและจูบแบบนี้ ใจมันสั่นไหว ปอมันคงคิดถึงผมมากแน่ๆ

 

เสียงจูบแก้มดังข้างๆ หู หน้าผมร้อนเบี่ยงไปหลบตา รอยยิ้มหวานๆ ถูกส่งมาให้ มันสะกดให้ผมขยับใบหน้าเขาไปแนบจูบ มอบความหอมหวานที่ห่างหายกันไปแสนนาน ลิ้มรสจูบหวานๆ ของพี่ปอที่โหยหามาหลายปี มันยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักเช่นเคย

 

เนิ่นนานเท่าไรไม่รู้ สมองผมตื้อเบลอเมื่อเราผละออกจากกัน เห็นแววตาหวานๆ ปลายจมูกโด่งเข้ามาไล้กับจมูกรั้นของผมเบาๆ ได้กลิ่นลมหายใจของปอชัดเจน ก่อนหน้าผากผมจะชื้นไปด้วยรอยจูบอีกครั้ง ผมพริ้มตา รับความรักที่ปอกำลังมอบให้ด้วยความอ่อนโยน แผ่วเบา และตรึงใจ

 

“เมียพี่…”

 

ผมยิ้มกับคำนี้อีกครั้ง “นึกว่าลืมไปแล้วว่ามีเมีย”

 

“ใครจะลืมได้ ไอ้ขี้เหร่ๆ หัวเหม่งๆ ฟันเหยินๆ แบบนี้”

 

“บ้า ไอ้บ้า…” ผมขยับเข้าไปกอดคอ เงยไปจ้องตา “รักกูคนเดียวนะ ขี้เหร่แบบนี้ก็ต้องรักคนเดียวนะ ไม่ยอมให้ใครอีกหรอกนะ รู้ไหม?”

 

“รู้…นอกใจภีมไม่ได้อีกแล้ว” คนตรงหน้าตอบ

 

“ทำไม?”

 

“นกเขาไม่ขัน” มันว่าเสียงเบา “มีเมียใหม่ไม่ได้ เขาไม่เอา”

 

ผมหลุดหัวเราะ “เวอร์ว่ะ”

 

“จริงๆ” มือหนาๆ ดึงมือผมขยับไปจับ ผมไม่ดึงกลับ แค่เงยมาร้องว่า

 

“อะไรวะ เสื่อมเร็วขนาดนั้นเลย อ่อนว่ะปอ”

 

“เปล่า มันสู้เต็มที่แค่กับภีมนั่นแหละ”

 

อื้อ…ผมเบี่ยงหน้าหลบจูบ

 

“อย่า ไม่เอาปอ นี่มันไม่ใช่บ้านเรา”

 

ผมผลักมันออกจากตัว กลบความเขินอายด้วยรอยยิ้มทั้งหันหน้าไปหนีไปทางอื่น “แสดงว่าถ้าเป็นที่บ้านจะยอมง่ายๆ ใช่ไหม ใจง่ายว่ะ เจอแค่ไม่ถึงครึ่งวันยอมซะแล้ว”

 

เพราะเป็นมึงหรอกน่า

 

เพราะเป็นพี่ปอ

 

“ไอ้ทะลึ่ง”

 

ผมหยีหน้าว่าพลางส่ายหน้าไม่ไหว มันหลุดหัวเราะขยับมาจูบแก้ม ดึงผมเข้าไปนั่งบนตักกว้างๆ กะจะอ้อน ดวงตาผมงุดลงไปมองมันก่อนจะยกยิ้ม ขยับเข้าไปแสดงความรัก ทั้งวัน จะกอดจะจูบให้สมกับที่รอมานาน จะจูบแม่งทั้งวันไม่ให้ไปไหนเลย

 

“ปอเครียดมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ผมว่าเสียงเบา

 

“คงงั้นมั้ง ติดต่อภีมไม่ได้เลย ทำงานด้วย ที่จริงก็มีเวลาว่างแต่พี่หาอะไรทำไปเรื่อยๆ ให้วันๆ หนึ่งผ่านไปเร็วๆ น่ะ”

 

“ผ่านเร็วจังนะ หกปี…”

 

“ใช่ เร็วมาก แต่เวลาความสุขของเรามันเดินเร็วกว่า”

 

เรานิ่งมองตากัน เรียกน้ำตาผมเอ่อชื้นขึ้นมาอีกรอบ เมื่อนึกถึงความโหยหาของตัวเองที่เรียกร้องถึงปอมากขนาดไหน เศร้าและคิดถึงคนที่ตัวเองรักขนาดไหน ผมกอดปอร้องไห้อยู่อย่างนั้น ถึงจะบอกว่ามันโอเคแล้ว แต่ผมยังจำรสความเจ็บปวดแห่งความห่างไกลได้ดี

 

ทรมานเกินไป

 

เพราะอย่างนั้น ผมกับปอคงไม่ทะเลาะกันบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว คงรู้ว่าของความรักและเชื่อมั่นในรักแท้ของกันและกันแล้ว ว่ารักสำคัญขนาดไหน

 

เสียงตึงตังหน้าประตูเรียกให้เราที่กำลังมองตากันละไปมอง ใครกันเคาะประตูแบบนี้ ผมยกยิ้มเมื่อนึกถึง จะลุกขึ้นยืนก็เจ็บเท้า เห็นแววตาดุๆ มองมาเอ็ดเมื่อผมพยายามจะเดินออกไปเปิดประตูเองว่าใครเป็นคนมา

 

ปอลุกขึ้นยืนจับผมนั่งลงที่เดิม นิ้วชี้เรียวๆ ออกคำสั่งให้นั่งอยู่เฉยๆ พร้อมกับผมที่ยิ้มแห้งๆ ให้ ก่อนปอจะละเดินออกไป ผมลอบมองตาม เห็นมันกำลังเปิดประตู เมื่อเปิดออกมาเผยให้เห็นคนตรงหน้าตะโกนออกมาว่า

 

“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ย้อนหลังพี่ปอ!”

 

“เห้ยต้น มาได้ไง?” ผมยกยิ้ม เมื่อเห็นว่าปอตกใจ

 

“มาตั้งนานแล้ว เอ้านี่ของขวัญ ภีมล่ะอยู่ไหนเหรอครับ รึว่าจัดชุดใหญ่กันอยู่ อ๊าย…ผมมาขัดจังหวะเหรอวะเนี่ย แย่จริงๆ มาขัดความสุขของไอ้ภีมมันซะได้ แต่ยังไงก็เบาๆ นะพี่เพื่อนผมมันไม่โดนนานแล้ว”

 

“ไอ้ต้น หุบปากไปเลย!”

 

ผมร้องว่าพร้อมกับเสียงหัวเราะของไอ้ปอที่มันทนไม่ไหว คิดมาได้ เจอกันปุ๊บจะให้กูเอากันเลยรึไง ถึงเมื่อกี้ปอมันจะคิดอยู่ก็เหอะ “เอ้า ไม่ได้จัดชุดใหญ่กันอยู่หรอกเหรอ โห่…พี่ปอแม่งป๊อดว่ะ”

 

นี่มึงว่างงานมากนักเหรอ

 

“เปล่า ภีมมันเป็นแผล ถ้าไม่เป็นอะไรพี่คงไม่รอ จัดตั้งแต่อยู่บนหาดแล้ว”

 

“ปอ!”

 

เมื่อกี้ถ้ากูไม่ห้ามมึงก็จัดดูแล้ว เชื่อดิ!

 

ผมร้องต่อว่ามัน ไอ้หื่นปอ ยังไมเลิกนิสัยเดิมอีก

 

“เข้ามาข้างในสิ”

 

“จะดีเหรอ ภีมมันโป๊อยู่รึเปล่า?”

 

“เข้ามา อย่ากวนตีนกูต้น”

 

“อ่า ฮ่าๆๆๆ”

 

ผมร้องออกไป ได้ยินเสียงพี่ปอหัวเราะผสานกันกับไอ้ต้น เห็นว่าผมเขินแล้วพากันเอาใหญ่ แม่งคิดมาได้ว่าจัดชุดใหญ่ แค่ชุดเล็กผมก็เอวจะหักแล้วมั้ง ดูตัวปอเหอะ ไม่เอาไม่คิดถึงพี่ปอเบอร์สอง ป่านนี้จะเติบโตขนาดไหน ไม่เอาไม่คิด

 

ผมขมวดคิ้วตัวเองมองร่างของไอ้ต้นที่เข้ามาทรุดตัวนั่งข้างๆ มันคงมีปัญหากับผมมาก ก้มลงมองเท้าแล้วยกยิ้มกับตัวเองหันไปมองปอยิ้มๆ แล้วก็หันมากล่าวหาผมต่อ

 

“แผลแค่นี้เอง สำออยว่ะ อยากอ้อนผัวก็บอกมา”

 

หมั่นไส้ไอ้ต้นว่ะ ผมอยากเขกมะเหงกมัน

 

“ปอมันห่วงกูเอง ช่วยไม่ได้ ไม่มีแฟนไว้ห่วงก็อย่ามาอิจฉา”

 

ไอ้ต้นมันเบิกตาเถียง “โสดแบบนี้ดีจะตาย”

 

“อ้อ เหรอ?”

 

“เออ ว่าแต่ต้นรู้ข่าวไอ้พีมันบ้างไหมล่ะ?”

 

ผมมองไอ้ต้นที่ยกยิ้มแห้งๆ เกาหัวตัวเองพยักหน้ารับปอ มันรู้ข่าวพี่พีด้วยงั้นเหรอ มีผมคนเดียวที่อยู่หลังเขาไม่ได้รับข่าวสารอะไรเลยสินะเนี่ย

 

“พี่พีเป็นยังไงบ้าง?” ถามไอ้ต้นด้วยความอยากรู้

 

“ก็…หล่อดี”

 

“ไม่ใช่เรื่องนั้น!” แหม ไอ้นี่

 

ต้นมันเงยหน้าที่ยกยิ้มกับตัวเองมามอง มันกำลังเขินแฮะ “พี่พีเป็นคนไปรับกูที่สนามบินว่ะ ก่อนมาเราคุยกันสักพักแล้ว”

 

เห้ย!

 

“จริงดิ?”

 

“อืม…เขาเป็นเจ้าของแบรนด์กีฬา เป็นนายแบบ โคตรหล่อเลย”

 

มึงชักจะออกนอกหน้าเกินไปแล้ว ผมมองมันอึ้งๆ แล้วพี่ธามล่ะ นี่อย่าบอกนะว่าหายไปตั้งนานแต่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะเอาใคร ผมยกมือเกาหัวมองหน้าไอ้ปอที่มันยืนยิ้มอยู่ด้านหลังไอ้ต้น ส่ายหัวให้ไอ้ต้นเหมือนกัน มาช่วยอุ้มกูออกไปจากไอ้นี่ทีปอ

 

อยากอ้อนผัวต่อแล้ว

 

“เหอะ ไอ้หลายใจ”

 

ผมแขวะมันพลางยกยิ้ม เห็นใบหน้าเล็กๆ นั่นแดงระเรื่อด้วยความเขิน เงยมายกยิ้มให้พลางถามสารทุกข์สุขดิบของปอ นึกถึงสมัยก่อนกันแล้วความรู้สึกดีตีตื้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด คงเป็นเพราะเราโตขึ้นมาด้วยความเข้มแข็ง ทำให้ไม่รู้สึกเสียใจแล้ว



ต่อพาทสองจ้า




 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 22-11-2014 00:02:07

ตอนที่ 32 Part 2




The end.



มือปอกุมมือผมไว้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่คุยกันมักจ้องตาสื่อความหมาย จากนั้นต้นมันก็ชวนออกไปข้างนอก ออกไปเดินเล่นกัน พูดคุยกับเพื่อน

 

ผมเขิน เมื่อปอไม่อิดออดที่จะพาผมออกไป

 

ให้ผมขี่หลัง พาเดินวนไปยังสระว่ายน้ำเพื่อทักทายกลุ่มเพื่อน ทักทายพี่ธามที่ไม่ได้เจอกันบ่อยนักหลังจากเรียนจบที่เดียวกัน การลาจากที่ว่าใจหายถูกกลบไปด้วยความรู้สึกเป็นปลื้มเมื่อได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ได้รื้อฟื้นเรื่องราวสนุกๆ มาพูดคุยกัน

 

ปอเล่าให้ผมฟังว่าช่วงนั้นตัวเองเจออะไรมาบ้าง ผมเองก็เช่นกัน เล่าให้ฟังว่าไปเจอปัญหาอะไรในช่วงนั้น ผมถูกปอกอดปลอบใจทั้งคืน

 

เขาเล่าให้ฟังว่าตอนนี้กรีนกำลังต่อโท และกะว่าจะจบด๊อกเตอร์ ก็กรีนมันชอบเรียนนี่นะ ตอนนี้ก็หุ้นเปิดอู่ร่วมกับพี่เพื่อน อยู่กินกันฉันสามีภรรยาแล้ว ผมขำทันทีที่ได้ยินคำนี้ ว่าแต่ใครเป็นผัวใครเป็นเมียกันนะ กรีนมันโตขึ้นมากขนาดไหน อยากกลับไปทักทายมันจะแย่

 

ตอนนี้มันก็ 23 ปี เท่ากับผมแล้ว เราโตขึ้นกันแล้ว

 

ตอนนี้มีความสุขจัง ผมได้แต่มองตาปอ ตอนที่เขาเล่าให้ฟัง ดวงตาปอไม่เศร้าหมองเหมือนช่วงแรกๆ ที่ได้เจอกันเลยสักนิด ถึงจะเล่าตอนที่ตัวเองเจ็บปวด ยังเล่าออกมาพร้อมกับรอยยิ้มใจดี ปอเองก็คงรู้สึกเหมือนผม กำลังอุ่นใจ

 

คืนนี้ทั้งคืน เรามองตากัน เหมือนวันสุดท้ายก่อนเราลาจาก เราก็เคยมองตากันแบบนี้ แต่นี่ ผมกับปอกำลังมองและเก็บรายละเอียดการเจริญเติบโตของเรา ให้กลบภาพในวัยเด็กคืนนั้น ที่เราเจ็บปวดในวันลาจาก แทนที่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขตอนนี้ จากนี้ไป

 

จนตลอดกาล…

 

 

ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเจอความรักในรูปแบบนั้น มาในรูปแบบที่เอาแต่ใจ โหยหาเอาแต่เซ็กส์และหัวรั้น ไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่อยู่ในสายตาของคนอื่น เป็นที่ต้องการของคนอื่นนั่น ยอมสยบและมอบหัวใจให้ผมคนนี้คนเดียวด้วยความซื่อสัตย์

 

เพราะเราไม่เคยรักใคร

 

รักครั้งนี้เกิดจากอะไร ผมไม่ทันได้รู้ อยู่ๆ มันก็ก่อตัวขึ้นมาเองโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ผมรู้แค่ตอนนั้นตัวเองเป็นห่วงเป็นใยปอ คิดถึงปอ ร่ำร้องหาแต่คนที่ทำให้ร้องไห้ และปอเองก็คงจะเหมือนกัน ใจผมสลายเมื่อเห็นเขาร้องไห้

 

ผู้ชายที่ไม่เคยดีในสายตาใคร ร้องไห้เพราะผม

 

ผมก้มลงมองทะเลที่เคยมาเหยียบย่างเมื่อก่อนพร้อมกับยกยิ้ม ดวงตามองออกไปยังเกลียวคลื่นสวยงามที่เราทั้งคู่เคยมา ผมกดโทรศัพท์ถ่ายรูปที่มีใบหน้าตัวเองยิ้มพร้อมกับคนข้างตัวที่กำลังยิ้มน่ารักใส่กล้องเต็มที่ รูปทั้งรูปมันเด่นอยู่คนเดียว ผมมุ่นคิ้วตัวเองอยากลบรูปทิ้ง มันหล่อกว่าผมนี่แย่งซีนตลอด

 

ผมกดแชร์ก่อนจะยกยิ้มกับคำบรรยายแล้วยื่นไปให้มัน เมื่อมันอ่านจบก็หลุดหัวเราะและเอื้อมมือยีหัวผม

 

เมียต้องมาก่อน

 

ผมเดินไปทรุดตัวพิงลงบนเบาะรถคันสวยของมันพร้อมกับมันที่นั่งอยู่บนรถอยู่แล้ว กดๆ เล่นโทรศัพท์ไปด้วย หลายๆ คนที่โรงเรียนเดิมรู้สึกจะตื่นเต้นเป็นพิเศษต่างแสดงความคิดเห็นกันยกใหญ่ แต่คนๆ หนึ่งที่ผมรู้สึกดีคือกรีน

 

เขามาแสดงความยินดีกับผม

 

“ไปกันยังล่ะ?” เสียงปอมันว่าฝ่าความเงียบ ผมลืมบอกว่าวันนี้เราสองคนจะเดินทางไปยังบ้านของผม ที่พ่อกับแม่กำลังรอเราอยู่ เราจะขับรถมอเตอร์ไซต์คันนี้ไป เพื่อขอที่จะไปอยู่กับปอ

 

เราขอใช้ชีวิตคู่แบบนี้ตลอดไป สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยกันตลอดไป

 

 “อื้อ ไปสิ” ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ยกเป้มาสะพายด้านหลังบอกว่าพร้อมเต็มที่ มันยกหมวกกันน็อคสวมให้ก่อนจะสวมของตัวเองและสตาร์ทเครื่อง ผมขึ้นไปซ้อนท้ายและไม่ลืมที่จะกอดมันแน่น

 

มันหันมาส่งยิ้ม มือที่สวมถุงมือแบบครึ่งเดียวกุมมือของผมที่กอดมันก่อนยกขึ้นไปเลื่อนปิดหมวกกันน๊อคทำมาดเท่ๆ และพาผมขับออกไป

 

ผมเชื่อมันแน่ว่ามันจะดูแลผมตลอดเส้นทางอันแสนไกลนี้อย่างดีที่สุด

 

เพราะตอนที่มันสัญญากับผมนั้นมันไม่ได้ยิ้มเลยสักนิด

 

มันไม่ใช่เรื่องตลก

 

ใช่ เพราะไอ้สำนวนนี้แหละทุกอย่างมันถึงมาจบแบบนี้ ผมยกยิ้มกับตัวเองมองทางที่รถแล่นผ่าน ไม่ได้มีแอร์เย็นฉ่ำเหมือนอยู่บนรถหรูแต่มันน่าพึงพอใจที่สุด เพราะคนที่ผมกำลังกอดแน่นอยู่นี้คือคนที่ผมรัก

 

ลาก่อน หนึ่งเดือนแรก ผมจะเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่วันนี้ กับพี่ปอ

 

จนตลอดไป…

 

ตลอดกาล

 

 

 

อวสาน

 

 

 

อ๊ะๆๆๆๆ ยังไม่จบ ไว้พบกันตอนพิเศษในหนังสือนะคะ

 

 
จากใจผู้เขียน สำหรับผู้ที่ติดตามมาตลอด


 หลังจากหลอกล่อคนอ่านให้ซดมาม่ามาหลายตอน

ตอนนี้นางสองนางน่ารักโคตรๆ พี่ปอรู้สึกอยากจะกินน้องซะเต็มประดา อิอิ ไว้ให้นางกินกันในตอนพิเศษน้า ตอนนี้กำลังทำอยู่ กำลังพูดคุยเรื่องเล่มอยู่เลย จะมีตอนพิเศษในเล่มประมาณ 4-5 ตอน มีฉากหวานๆ ฟินๆหลังจากนี้ค่ะ ถ้าถามถึงภาค 2 ก็มีแน่ จะเริ่มลงต้นปีหน้าเพราะหนังสือภาค 1 จะได้ออกช่วงกลางปีหน้าค่ะ พอดีก็ได้อ่านภาคสองรอหนังสือภาค 1ไปพลางๆ เนอะ

แล้วสปอยว่าทุกคนจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในตอนพิเศษ ส่วนต้น ธาม พี แยกเรื่องนะคะ ก็ยังไม่เคลียร์อยู่ดี อิอิ

ขอบคุณสำหรับนักอ่านที่ติดตามน้องภีมพี่ปอ ติดตามหนูนามาตลอดจนจบเรื่องนะคะ ขอบคุณจริงๆ ที่ก้าวเดินทางมาพร้อมๆ กันจนถึงเส้นทางสุดท้าย คงจะใจหายเหมือนกันใช่ไหม หนูนาอ่านทุกคอมเม้น ทุกกำลังใจแล้วชื่นใจมาก ขอบคุณที่ห่วงใยมากจริงๆ ค่ะ

หนูนาหวังว่า ถ้าทุกคนชอบในงานเขียนของหนูนา จะติดตามงานต่อๆ ไปอีก มาร่วมเดินทางไปพร้อมกันอีกเรื่อง และเรื่องต่อไปเรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ ถ้ามีข่าวเรื่องหนังสือแล้วหนูนาจะโพสบอกทางแฟนเพจ แล้วก็ทางตอนใหม่ในเรื่องนะคะ สำหรับคนที่อยากอ่านตอนพิเศษและเก็บพี่ปอน้องภีมไว้อ่านเวลาคิดถึง อยากให้ทั้งคู่ไปเป็นหนึ่งความทรงจำนิยายที่คุณชอบที่สุด สามารถนำไปบอกเล่าให้ฟังได้ว่านี่คือนิยายที่ชอบเรื่องหนึ่งในความจำของคุณ



***ท้ายนี้ เป็นกิจกรรมที่หนูนาจัดขึ้นทุกครั้งหลังจากนิยายจบทุกๆ เรื่อง แต่นี้เป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นในเล้าเป็ด กลัวจังว่าจะไม่มีใครร่วมกิจกรรมT T เพราะยังหน้าใหม่ในเล้าอยู่เลยค่ะ ซึ่งกิจกรรมนี้บอกไว้ก่อนไม่ได้บังคับ แต่เพียงขอความร่วมมือจากผู้ที่ชื่นชอบนิยายเรื่องนี้จริง ออกมาแสดงทัศนคติที่มีต่อนิยายเรื่องนี้(ซึ่งคือครั้งสุดท้าย) ผู้เขียนจะเปิดใจยอมรับฟังทุกอย่าง เพื่อที่จะได้นำไปรีไรต์ให้เหมาะสมมากขึ้น ร่วมกันตอบคำถามในบางข้อหรือจะตอบหมดทุกข้อก็ได้ค่ะ


คำถาม

1 คุณพบนิยายเรื่องนี้ได้ยังไง และชอบใครที่สุดในเรื่องพร้อมเหตุผล ตอบมาหลายคนก็ได้ค่ะ

2 ความรู้สึกแรกที่ได้อ่าน ยังจำได้ไหม

3 คุณได้อะไรจากนิยายเรื่องนี้

4 มีอะไรบอกกับหนูนาไหม(ข้อนี้ตั้งใจรออ่านมาก อิอิ)

ตัวอย่างคำตอบ นี่เป็นทัศนคติจากนักอ่านเวบอื่นที่มีต่อนิยายเรื่องนี้นะคะ

ความคิดเห็นที่ 104  โดย meijing พูดว่า :

1.อืมมม เจอเรื่องนี้ที่ขึ้นว่านิยายยอดฮิตเดือนนี้อ่าา ตัวละครที่ชอบที่สุดคือ ภีม และพี่ปอ ชอบภีมเพราะน้องมีความคิดความอ่าน น้องมีเหตุและผล น้องน่ารักนะที่พยายามจะช่วยคนที่รักให้หลุดจากปัญหาที่มีกับพ่อ คอยเตือนคอยสอนพี่ปอไม่ให้ทำตัวไม่ดีอีก ต้องอย่างนี้สิคนรักกันมันก็ต้องพากันไปในทางที่ดีสิจริงมั๊ย ส่วนพี่ปอ ชอบที่พี่มันรู้จักสำนึก ผิดตัวเองก็ยอมรับผิด เข้าใจน้องผิดและรู้แล้วว่ารักน้องก็พยายามที่จะแก้ไขมัน รู้ว่าเป็นต้นเหตุในหลายๆเรื่องของเพื่อนก็พยายามแก้ไขมัน แต่ที่ประทับใจที่สุดเลยคือทั้งคู่มีความมั่นคงต่อกันและพยายามพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่ารักของเราคือรักแท้ แม้จะเป็นเกย์ก็มีรักแท้ได้
2.ความรู้สึกแรกหรอ อืมมมม บอกตามตรงว่าเฉยๆตอนอ่านตอนแรก แต่ไม่ใช่ว่าไม่น่าสนใจนะเพียงแต่ความรู้สึกมันไม่ได้พุ่งอะไรขนาดนั้น แต่พออ่านตอนที่ 2 3 4 ต่อมาเรื่อยๆมันกลับชอบมากขึ้นๆ อยากอ่านต่อ อยากรู้เรื่องต่อ
3.ความสนุกมันก็ได้แน่นอนอยู่แล้ว ความฟินก็เหมือนกัน แต่อีกอย่างที่เราว่ามันดีมากๆเลยก็คือเราได้ข้อคิดจากความคิดความอ่านของตัวละครอย่างภีม ปอ ที่สุดๆเลยคือ ต้น มันทำให้เรารู้สึกว่าบ้างครั้งบางที่คนเรามันก็ไม่ใช่อย่างที่เห็นภายนอกไปซะทั้งหมด ภายในจิตใจเป็นอย่างไรเราไม่อาจรู้ได้เลยถ้าเราไม่เข้าไปใกล้ชิดหรือได้รับรู้เรื่องราวด้านหลังการแสดงออกที่ดูเหมือนไม่มีอะไรนั่น อีกอย่างได้ในเรื่องของความรักด้วย รักกันอย่างเดียวใช่ว่าจะรอด รักแต่ไม่พยายามปรับตัวเข้าหากัน รักแต่ไม่พยายามทำความเข้าใจกัน รักแต่ไม่ยอมที่จะให้อภัยซึ่งกันและกันมันก็คงไปไม่รอด พี่ปอยอมในเรื่องที่ยอมได้ ยอมปรับตัวในเรื่องที่น้องขอเพราะเห็นว่าน้องสำคัญ(เออ เรื่องนี้ด้วย เห็นความสำคัญของกันและกัน ไม่ดูถูกกันเรื่องนี้พี่ปอได้ใจไปเต็มๆเลย) ภีมเองก็พยายามทำความเข้าใจปอว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ๆและยอมที่จะให้อภัยเมื่อพี่ปอสำนึกผิด และที่สุดของที่สุดเลยคือเรื่องของเวลา เวลามันไม่คอยใคร เรื่องนี้กว่าจะได้อยู่ด้วยกันเสียเวลาไปตั้งเท่าไหร่ ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นเพราะฉะนั้นต้องใช้เวลาที่มีอยู่ตอนนี้ให้ดีที่สุด
4.อยากบอกกับหนูนาว่า บางตอนเราอ่านแล้วสับสนแหะ ว่ามันเหตุการณ์ต่อกันมั๊ย หรือว่าเล่าย้อนความ อยากให้มีตรงส่วนของการบรรยายฉากหรือเรื่องราวที่ชัดเจนกว่านี้(เราก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นมั๊ยนะหรือมีแค่เราคนเดียวหว่าาาา ไม่ว่ากันนะที่บอกแบบนี้) ที่เหลือเราชอบหมดเลย เรื่องนี้สนุกและตอนที่ต้องจากกันมันก็เรียกน้ำตาได้มากทีเดียว อ่านไปร้องไห้ไป สงสารก็สงสาร สุดท้ายนี้เป็นกำลังใจให้เขียนเรื่องราวที่ทั้งน่ารักทั้งสนุกทั้งฟินอย่างนี้ออกมาอีกนะ 
ปล.จะมีโอกาสได้อ่าน ธามต้นพี กับ กรีนเพื่อน มั๊ยคะ อิอิ

20 พ.ย. 2557 03:05น.| ip108.162.208.80| ลบ




ความคิดเห็นที่ 106  โดย thatxxx พูดว่า :

1 เจอนิยายเรื่องหน้าหน้าอัพเดทนิยายบ่อยๆๆคะ ตอนแรกที่เห็นชื่อเรื่อง แอบคิดว่านายเอกเนี้ย คือตัวแทนของแฟนเก่าพระเอกหรือป่าว หรือต้องมาคบกับพระเอกเพื่อแทนใคร... ก็เลย...แบบ อืม...อ่านดีไหมว่ะ (ไรงี้)คือโดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบพล็อคอะไรแบบนี้อ่าคะ แต่พอได้ลองอ่านไปแล้วก็รู้ว่าไม่ใช่แนวอย่างที่คิดเอาไว้ ยิ่งอยากอ่านให้ถึงตอบจบเร็วๆๆ แล้วเริ่มชอบมากขึ้นเรื่อยๆๆคอยลุ้นตลอดว่า วันนี้ภีมจะรอดไหม ?? 555

#ชอบพี่ปอคะ >< 555 คือตอนแรกเขาอาจจะดูน่ากลัว อารมณ์แรงๆๆ พูดจาทำร้ายจริงใจนายเอกตลอด แต่การกระทำของเขาน่ารักน่ะ มันแสดงออกมาตรงๆไม่ต้องสร้างภาพ รู้สึกยังไงก็พูดออกมา ด้วยความที่เค้ามีปม เราเลยให้อภัยในส่วนที่ไม่ดีของเขาได้ ยิ่งเวลาคุยกันหรือแสดงความรักชอบอ้อนภีมอ่ะ รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่ารักจัง จะมีอยู่จริงไหมน่ะคนแบบนี้
#ชอบภีม เวลาที่คุยกับพี่ปอด้วย แบบ... "มึง....พี่ปอ" เวลาอ้อนหรือจะขออะไรก็ใช้ชื่อตัวเองแทนเวลาพูด "ภีม ว่า.... นะ พี่ปอ..." เราว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่เราหลงรักนิยายเรื่องนี้เลยล่ะ <3

2 เราคิดว่าพระเอกคือคนที่สั่งให้ภีมวิ่งรอบสนาม แบบแอบรักเค้าเลยแกล้งไรงี้ พออ่านหลายพาทเข้า อ้าววว พี่ปอ โพล่มาได้ไง 555

3 ความรักเอาชนะทุกวิ่งจริงๆๆคะ ทำให้คนที่มีทิฐิสองคนมารักกันได้ ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาด้วยกัน ต้องห่างไกลกันแต่เพราะความรักอีกนั้นแหละที่ทำให้คนสองคนได้กลับมาเจอกันอีก

4 คือเราก็ไม่รู้น่ะว่าไรท์โดนกระแสอะไรบ้าง เพราะเราเพิ่งเริ่มอ่านเมื่อคืนนี้ และอ่านจบตอนเช้า(คือแบบโต้รุ่งกันเลยทีเดียว) อ่านไปแล้วก็วางไม่ลงอยากอ่านให้จบเร็ว อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป เชื่อว่ารีดเดอร์คนอื่นคงคิดเหมือนกัน แต่ไรท์ก็อดทน เข้มแข็ง เขียนนิยายเรื่องนี้ได้จนจบ ดีใจจริงๆๆที่ได้เข้ามาอ่าน
อยากจะขอบคุณและให้กำลังใจไรท์ ขอบคุณที่แต่งนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา เราเชื่อว่าเรื่องนี้สอนอะไรคนที่ได้อ่านมากเลยล่ะ ทุกคนต้องแฮปปี้กับมันแน่ๆๆ และจะเป็นกำลงัใจให้ไรท์สู้ต่อไปนะคะ ไม่ว่ามีอุปสรรคอะไรก็ให้ผ่านมันไปได้ อย่าท้อ อย่างน้อยก็ให้คิดว่ายังมีอีกหนึ่งกำลังจากเรามอบให้ ^^V

ปล. จะรอติดตามผลงานเรื่องอื่นของไรท์คะ
ปล2. หวังว่าไรท์จะได้อ่านความคิดเห็นนี้น่ะ

16 พ.ย. 2557 13:52น.| ip108.162.208.92| ลบ




ความคิดเห็นที่ 107  โดย kornn พูดว่า :

1.เจอในเล้าเป็ดครับ ตอนกำลังอ่านเรื่องอื่นอยู่ บังเอิญมาเจอในธัญวลัย ซึ่งอัพเร็วกว่ามากกกกก เลยนั่งรีเฟรชทุกวันเลยย
2.รู้สึกว่า โหย พาดดราม่า ดีจัง ชอบแนวนี้ที่สุด (โรคจิตเล็กน้อยถึงปานกลาง 555+) พอเริ่มอ่านก็แอบมีปมสลับไปมา ไม่น่าเบื่อตามพล็อตเดิมๆงับบ
3.บางครั้งสิ่งที่สำคัญของความสัมพันธ์ก็ไม่ใช่ความรักเพียงอย่างเดียวเสมอไปครับ
4.อัพไว อัพดุ แล้วทนทานจริงๆ สัญญาว่าจะมาอัพแล้วก็ไๆม่ทำให้คนอ่านผิดหวังเลย ชื่นชมจุดนี้ที่สุดครับ

ปล.ตอนเห็นชื่อเรื่องนี้แอบไม่เข้าใจเหมือนกันนะครับ แต่พอเข้ามาอ่านดู เอ้อออ มันสนุกจริงๆ ที่ชอบที่สุดคือความใส่ใจของผู้เขียน และเนื้อหาที่มีความซับซ้อน แต่ไม่ยากเกินทำความเข้าใจครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ สัญญาว่าจะแอบตามไปอ่านเรื่องอื่นๆด้วย ขอโทษที่มาตอบโพสนี้ช้า ทั้งๆที่ตอนจบก็ลงมาสักพักแล้ว แต่อยากคอมเม้นท์ในคอมมากกว่า เพราะจะได้พิมพ์ได้อย่างเต็มที่ครับ :)

15 พ.ย. 2557 22:00น.| ip108.162.208.120| ลบ





ความคิดเห็นที่ 107  โดย chioochi พูดว่า :

1.  พบนิยายได้ไง  :  คือปกติอ่านนิยายในธันวลัยอยู่แล้วค่ะ ชอบแนววาย จุดสนใจที่เข้าใจอ่านคือ  ชื่อเรื่องค่ะ  น่าสนุกลองดูๆ
พอมาอ่านคนที่ชอบสุดหรอ...... ไม่เอาที่ชอบดีกว่าเอาที่ตั้งหน้าตั้งตาติดตามอยากรู้ความเป็นไปของชีวิตดีกว่า คือตัวเอกทั้งสองค่ะ
น้องภีมพี่ปอ  แต่ไม่ใช่ว่าคนอื่นไม่ชอบนะคือ ชอบเหมือนกันเพราะทุกคนจึงทำให้มีเรื่องราวให้น่าติดตามค่ะ   
2. ความรู้สึกแรกที่ได้อ่าน :  เออทำไมถึงกดเข้ามาอ่านช้าจัง เสียใจ 5555 จริงๆเห็นมาประมาณอาทิตย์ก่อนที่จะกดอ่าน
พออ่าน สนุกแฮะ ชอบวิธีการเล่าเรื่องการใช้ภาษาเล่าความรู้สึกเพื่อสื่ออารมย์ของตัวละครค่ะ อีกทั้งความฮาความคิดคำพูดของไรท์ด้วย
คือมันตลกอ่านผ่านไปแต่พอย้อนคิดถึงแล้วสามารถหัวเราะได้อยู่เลย นิยายเรื่องนี้ทำเราฟินมาก รูปแบบของเอ็นซีก็เขียนได้ดีค่ะ ไม่ได้อ่านไปแล้ว
กระออักกระอวนไม่สมเห็นสมผล เป็นอีกหนึ่งเรื่องเป็นไรท์อีกหนึ่งคนที่จะติดตามและรอผลงานค่ะ
3.  ได้อะไร  : ได้เจอผลงานที่ดีที่น่าจดจำค่ะ ได้มีไรท์เตอร์ที่เราต้องรอดูผลงานจากเขาอีกคนแล้วนะ อันนี้จากใจ
เป็นคนที่ชอบอ่านในช่วงแรกคือ มีเรื่องไหนมาอ่านหมดแต่บางครั้งการกดเข้าไปแล้วมีความรู้สึกที่ว่า
คือ...ไม่ชวนให้ตรึงใจเท่าไหร่ มีบ้างที่คิดแบบนั้น เลยทำให้หลังๆมาไม่ค่อยที่จะกดเข้าไปอ่านนิยายของไรท์ที่เราไม่เคยรู้จักได้อ่านงานเขา
เหมือนปิดการอ่านนิดๆ อันนี้ต้องขอโทษไรท์ท่านอื่นๆด้วยที่ใจแคบอ่ะเนอะ แต่สำหรับเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ อยู่ในความคิดถึงและทำให้เปบี่ยนความคิดอีกว่า
เราต้องเปิดใจเพื่อรับสิ่งใหม่ๆนะ เปิดเข้าไปแล้ว ไม่ถูกใจก็ไม่เป็นไรนี่ มันไม่ใช่เป็นการเสียเวลา มันเป็นการค้นหาความสุขให้ตัวเอง คึคึ
4. มีอะไรถึงไรท์ : ขอให้รักษามาตรฐานของการเขียนไปแบบนี้ตลอดนะคะ ขอบคุณมากที่มีผลงาน
ที่ตั้งใจที่ใส่ใจในการเขียนที่ในใจรีดเดอร์ขนาดนี่ ที่สละเวลามานั่งแต่งนั้งพิมพ์ให้ได้อ่านกันทุกวันเลย 
ซึ้งใจมากๆค่ะ แต่....รู้สึกแต่ละเรื่องจะสั้นจังเลย ช่วงต้นเป็นการสาวเรื่องราวมาแบบโอเคเลยล่ะ
แต่พอมาช่วงท้ายๆจะเหมือนรวบรับเพื่อที่จะให้จบเร็วเกินไปค่ะ มีแค่เรื่องเดียวที่ เอ....หงิดๆ คือเรื่องของการรวบรัดให้จบ
ส่วนเรื่องภาษาการสื่ออารมย์นี่ ไรท์ทำได้ดีมากๆเลย ชื่นชมๆ  ท้ายนี้....จะมีภาค 2 ไม๊คะแอด 5555555555555555
คิดถึงพี่ปอน้อมภีมอ่าาาาาาาา 
#ขอบคุณไรท์เตอร์   โค้ง 90 องศา ^^

15 พ.ย. 2557 11:00น.| ip103.22.201.153| ลบ






ความคิดเห็นที่ 101  โดย Guest_108.162.222.139 พูดว่า :

1.เจอเรื่องนี้จากเรื่องที่ไรต์เขียนค่ะ ปิ๊งรักคุณพ่อลูกติด ต้องบอกก่อนนะคะ ว่าเรื่องนี้ ปอภีมเนี่ย เราเกือบไม่ได้อ่านละนะ กดเข้ากดออก น่าจะเพราะอยากกดอ่านไปเรื่อยอะ ของใครก็ได้ ชื่อเรื่องก็มีผลนะคะ 555 แต่เรื่องอื่นที่เราไปกดอ่านๆดูมันไม่ถูกใจเราเลยอะค่ะ คือทำให้เราอินแล้วก็ติดไม่ได้ เราก็เลย เอาวะ ลองดู ไหนๆเรื่องแรกที่เราอ่านของไรต์คนนี้ก็โอเคสำหรับเรามากๆเลย ก็เลยเข้ามาอ่านตั้งแต่ต้นจนจบเลยค่ะฟินมาก คือติดเลยอะค่ะ 5555 
ส่วนชอบใครที่สุดในเรื่อง เราว่า เราชอบ "ภีม" ค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าเรื่องนี้เป็นความคิดของภีมส่วนใหญ่เนอะ แบบถึงรู้ว่าภีมคิดอะไรอยู่ อะไรแบบเนี่ย คือทำให้เรารู้สึกว่านางมีความคิดหลายๆอย่างแบบ รู้ดีรู้ชั่วอะค่ะในตัวนาง ถึงบางทีจะคิดมากไปก็เถอะ แบบก็คิดก่อนทำอะค่ะ คือเป็นคนดีอะค่ะ นั่นแหล่ะค่ะ 5555555
2.โห ความรู้สึกแรกที่ได้อ่าน คือลุ้นค่ะ คือตื่นเต้น อินมาก กับแต่ละตอน โดยเฉพาะตอนที่รู้สึกโกรธและเกลียดปอมาก มาก ถึงมากที่สุด คนอะไรจะเห้ กับคนดีอย่างน้องภีมได้ขนาดนี้ เราจำได้แม่นเลยค่ะ คือแบบเราอินมาค่ะ คือตอนนั้นนึกถึงปอทีไร เรานี่โกรธ โกรธจริงๆนะคะทุกทีเลยค่ะ 555555555 ไม่รู้จะโกรธไรนักหนาเหมือนกัน 
3. ได้รู้ว่า เราไม่ควรทำตัวเหมือนปอ ตอนแรกๆค่ะ ทำอะไรไม่คิดดีๆก่อน นึกจะโมโหก็ปล่อยอารมณ์โมโหไปเลยอะ ไม่ฟังอะไรเลย แล้วมาสำนึกเอาตอนที่เกือบสาย เอ๊ะหรือสายไปแล้ว 5555 แต่โชคดีที่ภีมให้โอกาสรึป่ะ 5555 แล้วก็มีอะไรควรบอกค่ะ อย่าเก็บไว้เดี๋ยวจะมโนเข้าใจผิดกันไปเองค่ะ แบบเรื่องที่คนนั้นควรรู้ มันดันไม่รู้ค่ะ อะไรแบบนั้น และสุดท้ายคือ เราได้รู้ว่า ความรักมันก็มีมุมแบบนี้เหมือนกัน ฝ่ายรับคิดยังไง ฝ่ายรุกคิดยังไง ถึงจะเป็นนิยายนะคะ แต่เรารู้ค่ะ ว่าความรู้สึกพวกเนี่ย ว้าวุ่นใจ สับสน เกี่ยวกับความรักอะไรแบบนี้ มันมีจริงๆค่ะ เราก็เคยเจอมากับตัวเองด้วย แล้วก็เป็นคนนึงที่มีความสามารถในการแต่งเรื่องเหมือนกันค่ะ คือหลายๆความรู้สึกในเรื่องนี้ของแต่ละตัวละครมันมีเหตุมีผลมันเมคเซนต์กันจริงๆค่ะ เราชอบตรงจุดนี้มากๆเลย แล้วตัวละครในเรื่องนี้ก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้ทั้งหมด คือมันใช่ค่ะเรารู้ว่ามันใช่
4.อยากจะบอกว่า อยากให้ไรต์ตั้งใจอ่านทุกข้อค่ะ 5555 อยากบอกว่าขอบคุณนะคะที่ทำให้เรารู้สึกว่า นิยายที่บรรยายความรู้สึกได้ครบและเมคเซนต์ขนาดนี้จนทำให้เราอินและกลับมาติดนิยายแบบจริงจังได้หลังจากเลิกอ่านนิยายไปเกือบ 9 ปี เมื่อก่อนนู้นอ่านแต่นิยายชายหญิงด้วยนะคะเรายังจำได้นะ แต่ไม่รู้ว่าอินเท่าเรื่องที่ไรต์เขียนเลยอะ ยังมีอยู่บนโลกใบนี้ให้เราอ่านค่ะ แล้วก็เราเพิ่งเข้ามาอ่านในเว็บธัญวลัยได้ไม่นานค่ะ น่าจะประมาณสองสามเดือนได้ค่ะ ต้องขอบคุณพรหมลิขิตมั้งคะเนี่ยที่ทำให้เราได้สุ่มกดมาเจอเรื่องที่ไรต์เขียนค่ะ คือมันดีมากเลยค่ะไรต์ จริงๆเราเกือบจะเลิกอ่านนิยายไปอีกรอบละ เพราะตามอ่านของเพจอื่นๆในเฟสอะค่ะ แล้วเรารู้สึกว่ามันซ้ำๆเดิมๆ คือคงอาจจะทำให้เราอินตามไม่ได้อะค่ะ สู้ๆนะคะไรต์ อย่าเลิกเขียนนิยายนะคะ ไรต์เขียนสนุกค่ะ ดราม่าก็ดราม่าสุด น่ารักก็สุด คือสุดๆค่ะ คือมีมิติลึกกว่าเรื่องอื่นๆที่เราเคยอ่านมาอะค่ะ ยิ่งเลือกประเด็นของอย่าง ครอบครัว ความเป็นจริง ความเป็นไปได้ มันมีเหตุมีผลของมันที่เมคเซนต์ค่ะ เราชอบมาก ถึงแม้ว่าความเป็นจริงแล้วคู่ชายชายส่วนใหญ่จะ... ก็ช่างมันประเด็นนี้ค่ะ 5555 เราเป็นกำลังใจให้ค่ะ อ้อแล้วก็ เราไม่นึกว่า ไรต์จะชอบแล้วจะเอาเพลงลงในเว็บจริงๆเหมือนกันค่ะ เราดีใจมากๆเลยนะคะ คือตอนนั้นเราดีใจมากจนไม่รู้จะบอกไรต์ยังไงดี 555 เราบอกในนี้เลยละกันเนอะ นึกออกพอดี 555 เราจะบอกว่าเราอารมณ์แบบปลื้มยืนกริ๊ดดาราคนนึงที่เขาหันมายิ้มมาจับมือ ตอบสนองกับเราอะค่ะ เรารู้สึกดีใจมากๆกับไรต์แบบอารมณ์นั้นจริงๆค่ะ...สุดท้ายละค่ะ ..เหนื่อยมั้ยคะ เรารู้สึกว่า ยาวมากเลยอะค่ะ 5555555 ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ และตอนนี้ไรต์เป็นไอดอลนักเขียนนิยายที่เราปลื้มสุดๆของเราคนแรกแล้วนะคะ

15 พ.ย. 2557 02:39น.| ip108.162.222.139| ลบ




ความคิดเห็นที่ 108  โดย Alfa  พูดว่า :

1) รุจักเรื่องนี้เพราะติดตามไรต์ตั้งแต่เรื่องปิ้งรัก ของน้องซูนแล้วจ้า
2)ความรู้สึกแรกที่อ่านเรื่องนี้จำได้ดีคือ มึนๆงงๆนิดนึ่งแต่พออ่านไปเลื่อยๆก้อเข้าใจและอินมากก
3)ถ้าถามว่าได้อะไรจากเรื่องนี้ อันดับแรกเรยคือได้ความสนุก เพลิดเพลินเวลาอ่าน ต่อมาได้ฟิน และที่สำคัญมันทำให้เราเห็นถึงมุมมองอื่นที่แตกต่างออกไป ของคนที่มองพวกเกย์ รึที่ผู้ใหญ่บางคนคิด คือจิงๆเราก้อเปนเกย์อ่ะนะ และทำให้เราได้เหนคำว่ารักแท้แท้จริงแล้วมีหลายรูปแบบ หากว่าเรารักกันจริงและเกิดมาคู่กันเปนของกันและกันไม่ว่าจะเจอกับอะไรเราจะฟ่าฟันมันไปได้
4) ถามว่ามีอะไรจะบอกหนูนามั้ย มี คือ แต่งเรื่องอื่นต่อเน้อออ ชอบอ่ะ อยากฟินอีกกกก

15 พ.ย. 2557 01:30น.| ip108.162.219.140| ลบ


ไม่รู้เจ้าของ คห จะเข้ามาเห็นรึเปล่านะคะที่ถือวิสาสะเอามาลง

ยังไงก็อย่าเป็นหนึ่งในคนที่ร่วมกิจกรรมนะคะ


แล้วพบกันภาค 2 เน่อ

 :bye2:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 22-11-2014 01:20:55
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: ขอบคุณคนแต่งครับ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-11-2014 01:59:00
อย่าว่า ถ้าไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรมากมายในตอนนี้ เพราะมัวแต่ปลื้มใจกับภีมอยู่เลยจัดการกับความคิดทีากระจัดกระจายในตอนนี้ไม่ได้ เอาคำว่า ขอบคุณ   :pig4: ไปก่อนแล้วกัน
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 22-11-2014 03:38:45
ตามอ่านมาตลอดแต่ไม่ค่อยได้เมนท์อะไร

เขียนสนุกอ่านเพลิน ติดเป็นบางส่วนที่อาจจะไม่ค่อยกระจ่างหรือสมเหตุสมผลมากนัก(ตอนท้ายๆก่อนการกลับมาเจอกัน) แต่ก็ถือว่าอ่านได้สนุก

เราชอบมวยรอง อาจจะเป็นไปได้ว่าเรื่องของ ทาม-ต้น-พี เข้ามาจุดประกายความสนใจ จะ 3p หรือธรรมดาก็ไม่เป็นปัญหา แต่น่าสนใจตรงจุดที่ว่าทามเสียต้นไปเพราะว่ารักมากเกินเลยไม่ทำอะไร กับพีที่รักถึงยอมหักหาญแล้วค่อยยอมทุกอย่าง อยากเห็นการเติบโตด้านวุฒิภาวะทางอารมณ์ของต้นต่อไป

ภีมกับปอก็ชอบอยู่แล้ว เห็นความเปลี่ยนแปลงของทั้งสองคน ตอนเริ่มแรกๆก็งงๆอยู่แตาอ่านไปอีกทีก็เอานะยังเด็กทั้งคู่เลย  ชอบอ่านเรื่องที่ตัวละครก้าวข้ามอุปสรรคหลายๆอย่างมาด้วยกัน จนเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ยังอยู่ด้วยกันอยู่  เราชอบสุขนิยมกับ Happily everafter แบบวายๆกระมัง

เดี๋ยวจะมาติดตามเรื่องต่อไปกับข่าวคราวการรวมเล่มนะ คนเขียน  :pig4:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 22-11-2014 09:21:47
เราก็เขียนไม่ค่อยเก่งนะ อิอิ

1.เข้ามาอ่านเพราะเห็นว่าอัพหนัก อัพแน่น อัพถี่มาก
ชอบนายเอกของเราภีมเพราะอึดถึกทนทายาท 55555

2.เราก็อ่านมาเรื่อยๆบางทีก็รู้สึกไม่ค่อยสมเหตุผลหน่อยๆ
เรื่องช่วงที่คบกันแล้วให้เอาไม่ให้เอาอะไรช่วงนั้น
เรารู้สึกว่าอะไรมันจะโกรธขนาดนั้น
พอมาช่วงหลังๆเรื่องก็น่าลุ้นและเข้มข้นขึ้น
พอโตมาตัวละครก็โตขึ้น อืมมคงเป็นเรื่องของช่วงวัย

3.การให้อภัยจากน้องภีม
 การมองคนจากต้นว่าอย่ามองอะไรแค่ภายนอก
บางทีเขาไม่ใช่แบบที่เราเห็นก็ได้
แล้วก็...เวลาไม่เคยรอใคร

4.ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกๆ ขอบคุณค่ะ :)
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32
เริ่มหัวข้อโดย: ρℓuto ที่ 22-11-2014 10:22:28
ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ ที่แต่งนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา   สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-11-2014 11:28:22
 o18   เย้ๆๆๆ จบแว้ว แฮปปี้ ว่าแต่ต้นคู่ใครอะ หรือได้ทั้งสอง อิอิ :katai1:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 10-12-2014 00:17:32
ติดตามมาตลอด  ขอบคุณนะคะ ชอบมาก
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 10-12-2014 03:25:24
ครบทุกรส สนุกมากๆ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 10-12-2014 08:38:14
ชอบเรื่องนี้ค่ะ
 o13 o13 o13 o13 o13 o13
พี่ปอ
แต่บางที่การรอคอยก็ทรมานนะ
แต่รอคอยแล้วสมหวัง
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: k_keenny ที่ 11-12-2014 01:30:33
1 คุณพบนิยายเรื่องนี้ได้ยังไง และชอบใครที่สุดในเรื่องพร้อมเหตุผล ตอบมาหลายคนก็ได้ค่ะ
เพราะเปิดเว็บในหน้านิยายที่โพสจนจบค่ะ เครียดกำลังจะสอบ 5555 ชอบต้นอ่าา แบบดราม่าทรมานได้ใจมาก ฮาาา
2 ความรู้สึกแรกที่ได้อ่าน ยังจำได้ไหม
จะเป็นแนวไหนนะ.. ตบจูบใสๆหรือเอสเอ็ม คิคิ
3 คุณได้อะไรจากนิยายเรื่องนี้
อย่ารั้งรอให้ทุกอย่างสายเกินไปค่ะ เวลามันเดินตลอดเนอะ ไปกดหยุดมันก็ไม่ได้
4 มีอะไรบอกกับหนูนาไหม(ข้อนี้ตั้งใจรออ่านมาก อิอิ)
แต่งนิยายดีๆออกมาอีกนะคะ จะรอชมช็อปชิมค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: ployspy ที่ 11-12-2014 12:03:17
ครบทุกรสชาติจริงๆค่ะเรื่องนี้
บอกได้คำเดียวว่าถ้าอ่านแล้วคุณจะติดงอมแง่มจนต้องอ่านให้จบ
และเมื่ออ่านจบ พวกเขาจะทำให้คุณหลงรักจนถอนตัวไม่ขึ้นค่ะ!!
รับประกันโดยดิชั้นค๊าาาาาาาาา
อายไม่ไหวๆ น่ารักจริงๆ ดีใจด้วยนะค่ะที่ทั้งสองคนได้กลับมารักกัน
รักกันไปนานๆทุกๆคู่เลยนะค่ะ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: akeins ที่ 11-12-2014 13:15:38
 :pig4: :pig4: :pig4: o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: Ningg.Destiny ที่ 15-12-2014 23:24:41
สนุกครบรสมากค่ะ
เวลาผ่านไปอะไรอะไรก็ดีขึ้น
ดีแล้วสองคนนี้โตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น รู้จักคิดมากขึ้น
ตอนจบที่ได้มาเจอกัน ชอบมากกก

ส่วนคู่ต้น พี่พี พี่ธาม อันนี้ต้องลุ้น
( 3p ไปเลยก็ดีนะ  )
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 16-12-2014 18:48:32
ในที่สุดก็จบลงอย่างสวยงาม
ลุ้นนานมากกว่าจะลงตัวได้
อยากอ่านตอนพิเศษเร็วๆจัง
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 20-12-2014 02:30:16
คำถาม

1 คุณพบนิยายเรื่องนี้ได้ยังไง และชอบใครที่สุดในเรื่องพร้อมเหตุผล ตอบมาหลายคนก็ได้ค่ะ

สารภาพว่าหลงเข้ามาค่ะ เห็นชื่อเรื่องตอนแรกคิดว่าแนวทหาร...
ชอบน้องภีมกับน้องต้นค่ะ หลังๆมาชอบพี่พีกับพี่ธามด้วย จริง ๆ ชอบทุกคนยกเว้นบอยค่ะ รู้สึกถึงความrealของตัวละคร เห็นพัฒนาการของตัวละครแล้วหลงรักค่ะ ยิ่งพัฒนาไปในทางที่ดียิ่งปลื้ม

2 ความรู้สึกแรกที่ได้อ่าน ยังจำได้ไหม

"ไอ้พระเอกชั่ว! ไอ้กวนตีน!!" 5555 อ่านแล้วคิดแบบนี้จริงๆนะคะ

3 คุณได้อะไรจากนิยายเรื่องนี้

ได้ฟิน แล้วก็ได้คิดค่ะ เรียนรู้อะไรหลายอย่างเหมือนกัน (โดยเฉพาะความรักของแต่ละคนมันไม่มีถูกผิด กิ้ววว)

4 มีอะไรบอกกับหนูนาไหม(ข้อนี้ตั้งใจรออ่านมาก อิอิ)

ฟินมากค่ะ อิอิ รอผลงานต่อไปนะค้าาา
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 02-02-2015 07:22:47
บางทีนายเอกก็เรื่องเยอะไปนะ ฮ่าๆๆๆ แอบงอนแทนพระเอกที่ภีมไม่ยอมติดต่อมาเลยปล่อยให้คนรอเขาทรมาน (ปอFC)  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 04-02-2015 10:21:04
สนุกมากกกกกกกกกกกก
ไม่เข้าใจว่าพลาดเรื่องนี้ไปได้อย่างไร
ขอบคุณผู้แต่งนะครับ
ชอบไอเดียหลายๆอย่าง
ครอบครัวพระเอกนายเอก ไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนดีเสมอไป

นายเอกเหมือนจะคิดได้มากกว่าพระเอกแต่ก็งี่เง่าขี้งอนในหลายครั้ง
แต่สุดท้าย ทุกคนก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ตรงนี้ละที่ชอบมากครับ

สุดท้ายขอเล่นกิจกรรมด้วยละกัน

1 คุณพบนิยายเรื่องนี้ได้ยังไง และชอบใครที่สุดในเรื่องพร้อมเหตุผล ตอบมาหลายคนก็ได้ค่ะ
   ตอบ.....บังเอิญกดเจอครับ ในหน้านิยายจบแล้ว
              ชอบต้นครับ...เพราะแรงดี ฮ่าๆๆ กล้านอกใจ และกล้ายอมรับผิด เอาแต่ใจบ้างแต่ก็มีเหตุผล

2 ความรู้สึกแรกที่ได้อ่าน ยังจำได้ไหม
   ตอบ....จำไม่ได้แล้วอะ แต่ว่า เนื้อเรื่องตอนแรกๆมันเป็นแบบที่เฉยๆนะ พระเอกเลวงี่เง่า แต่พออ่านไปๆก็สนุกดี ติดเลยละ

3 คุณได้อะไรจากนิยายเรื่องนี้
   ตอบ.....ได้คิดว่า เวลาสำคัญนะ เวลาที่อยู่ด้วยกันดีๆก็ควรจะใช้ให้คุ้มค่า อย่ามางอนงี่เง่าไร้สาระ

4 มีอะไรบอกกับหนูนาไหม(ข้อนี้ตั้งใจรออ่านมาก อิอิ)
   ตอบ.....ขอให้เขียนเรื่องสนุกๆออกมาเรื่อยๆนะครับ จะติดตามผลงานต่อไป
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 04-02-2015 21:24:28
สนุกมากกกกกกกกกกกก
ไม่เข้าใจว่าพลาดเรื่องนี้ไปได้อย่างไร
ขอบคุณผู้แต่งนะครับ
ชอบไอเดียหลายๆอย่าง
ครอบครัวพระเอกนายเอก ไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนดีเสมอไป

นายเอกเหมือนจะคิดได้มากกว่าพระเอกแต่ก็งี่เง่าขี้งอนในหลายครั้ง
แต่สุดท้าย ทุกคนก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ตรงนี้ละที่ชอบมากครับ

สุดท้ายขอเล่นกิจกรรมด้วยละกัน

1 คุณพบนิยายเรื่องนี้ได้ยังไง และชอบใครที่สุดในเรื่องพร้อมเหตุผล ตอบมาหลายคนก็ได้ค่ะ
   ตอบ.....บังเอิญกดเจอครับ ในหน้านิยายจบแล้ว
              ชอบต้นครับ...เพราะแรงดี ฮ่าๆๆ กล้านอกใจ และกล้ายอมรับผิด เอาแต่ใจบ้างแต่ก็มีเหตุผล

2 ความรู้สึกแรกที่ได้อ่าน ยังจำได้ไหม
   ตอบ....จำไม่ได้แล้วอะ แต่ว่า เนื้อเรื่องตอนแรกๆมันเป็นแบบที่เฉยๆนะ พระเอกเลวงี่เง่า แต่พออ่านไปๆก็สนุกดี ติดเลยละ

3 คุณได้อะไรจากนิยายเรื่องนี้
   ตอบ.....ได้คิดว่า เวลาสำคัญนะ เวลาที่อยู่ด้วยกันดีๆก็ควรจะใช้ให้คุ้มค่า อย่ามางอนงี่เง่าไร้สาระ

4 มีอะไรบอกกับหนูนาไหม(ข้อนี้ตั้งใจรออ่านมาก อิอิ)
   ตอบ.....ขอให้เขียนเรื่องสนุกๆออกมาเรื่อยๆนะครับ จะติดตามผลงานต่อไป

ขอบคุณมาค่า อ่านแล้วปลื้มมาก

ตอนนี้มี กลรักดาวเหนือ ลงตามมาแล้ว ถึงตอนที่ 6 แล้วด้วย อย่าลืมติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: poonnana2533 ที่ 05-02-2015 17:17:52
ตอนแรกไม่ชอบปรมากแต่หลังเริ่มอยากตบภีมมาดกว่าเล่นตัวจังแม่คุณ555555 เรื่องนี้ถ้ามีความละเอียดออกเนื้อหามากกว่านี้จะดีนะคะมันดูงง อธิบายมะถูกนอใหผู้รู้มาบอกแล้วกันค่ะ  ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆชอบพระเอกแนวนี้มากกก
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 05-02-2015 18:16:55
ตอนแรกไม่ชอบปรมากแต่หลังเริ่มอยากตบภีมมาดกว่าเล่นตัวจังแม่คุณ555555 เรื่องนี้ถ้ามีความละเอียดออกเนื้อหามากกว่านี้จะดีนะคะมันดูงง อธิบายมะถูกนอใหผู้รู้มาบอกแล้วกันค่ะ  ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆชอบพระเอกแนวนี้มากกก

ขอบคุณที่แนะนำนะคะ จะนำไปปรับปรุงค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 06-02-2015 13:17:12
อ่านจบแล้วขอบอกว่าชอบค่ะ สนุกดี ไม่เคยอ่านนิยายของคนเขียนมาก่อนเจอชื่อเรื่องแปลกเลยเข้ามาอ่าน เรื่องนี้มีทุกรสชาดจริงๆ ชอบตัวละครปอค่ะเป็นคนตรงดีคิดไงทำงั้น ถึงจะนิสัยไม่ค่อยดีแต่ผิดก็ยอมรับผิดรู้จักที่จะเรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเอง อยากบอกว่าสับสนนิดหน่อยตอนเขียนถึงความรู้สึกแต่ละคน นึกว่าจะเขียนต่อเรื่องราวแต่เป็นย้อนเหตุการณ์เลยงงนิดๆในตอนแรก จะไปติดตามอ่านเรื่องอื่นๆต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: Persoulle ที่ 07-01-2016 15:26:05
รักแท้ย่อมต้องผ่านกาลเวลา
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 08-01-2016 04:10:41
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ  ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: dizzalz ที่ 09-01-2016 02:27:42
ชอบเรื่องนี่จัง
พลาดได้ไงเนี่ยย อ่านมาราธอนมาก นั่งน้ำตาซึมทั้งเศร้าทั้งซึ้ง
ได้ข่อคิดโคตรเยอะ  อารมณ์เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลงจริงๆ ต้องมีสติ  เวลาก็เป็นสิ่งที่สำคัญ
ขอบคุณคนแต่งที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ  ;)
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 10-01-2016 14:59:13
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วมีความสุขมากกกกกกกกก  :-[ :-[ :-[

ตอนขึ้นต้นตอนที่ 30 บอกเลย ใจหายมาก นึกว่าเรื่องจะมาแนวนี้ 555 :katai1: :katai1: :katai1:

ขอบคุณสำรับนิยายดีๆ อ่านแล้วมีความสุข ยิ้มเกือบตลอดเรื่อง  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: M@5teR I[K][K]I ที่ 11-01-2016 06:11:15
ตอนอ่านแรก ๆ ป๋มละจี๊ดเลย คิดว่าคงเละไปข้างนึง
แต่ไหง มันมาหน่วง ๆ ตอนที่ความสัมพันธ์ไม่เคลียร์
และหน่วงหนักมากกก ตอนท้าย ๆ (อยากอ่าน 3p จัง 555)
โทนการเล่าตอนท้ายทำให้นึกถึงนิยายเรื่อง จดหมายจากเพื่อนรัก เลย
เคว้งคว้าง เหว่ว้า แต่แฝงไปด้วยความหวัง (เวอร์ไปป่ะ 555)
เสียดายเพิ่งมาจากเรื่องนี้
ขอบคุณนักเขียนนะงับ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 11-03-2017 23:41:04
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: สนุกมากเลยค่ะครบเครื่องครบรส ขอบคุณนักเขียนมากๆ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 12-03-2017 15:42:21
นิยายเรื่องนี้สอนให้รู้ถึงคุณค่าของการรอ ทำให้รู้ว่าบางทีการรอคอยมันก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นถ้าหากมีสิ่งที่เราต้องการรออยู่ปลายทาง แต่คิดอีกแง่ มันต้องอาศัยความเชื่อใจมากๆเลยเหมือนกัน ดีใจที่ทั้งปอและภีมยอมรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เวลาที่เราพร้อมทุกๆด้านที่จะได้รักกันหมดใจ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 13-03-2017 07:48:23
ชอบต้นนะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: MyMine104 ที่ 15-03-2017 01:54:37
ตอนตัดสินใจเข้ามาอ่านเราสตั๊นกับชื่อเรื่องอยู่แป๊ปนึง(ฟีลเหมือนนิยายแจ่มใส5555)แต่พออ่านๆไปชื่่อเรื่องกับตัวเนื้อหานี่มันหนังคนละม้วนเลยตอนท้ายๆนี่ทำเราร้องไห้หนักมากขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมานะคะสนุกมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 10-05-2017 06:22:40
ขอบคุณเรื่องราวดีๆนะคะ....เป็นชีวิตอีกมุมที่น่าสนใจทีเดียว....น้อยคนในชีวิตจริงที่จะรอแบบไร้เงื่อนไขได้.

#เราเองก็เช่นกัน มันท้อตอนที่รอ แต่ทรมานตอนที่รู้ว่าเขาไม่ได้คิดรอเหมือนเรา เขาสามารถมีคนใหม่ได้ชั่วพริบตา. แต่ก็นะ...ชีวิตมันก็เท่านี้. มีลมหายใจเพื่อตัวเองไม่ใช่คนอื่น. ชีวิตต้องเดือนต่อไป
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 10-05-2017 15:18:27
ซึ้งอะตอนจบ แบบว่าฟินจิกหมอนพร้อมน้ำตา :hao5:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 13-05-2017 22:59:19
สนุกดีค่ะ   o13  o13
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: Napa ที่ 14-05-2017 21:47:09
สนุกค่ะ  ชอบๆๆ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: by-mon ที่ 24-09-2017 03:37:29
เป็นเรื่องที่ดีมากๆ เรายกเรื่องนี้ให้เป็น The Best ของเราอีกเรื่องหนึ่งเลย
เสียน้ำตาไปเยอะมาก และรักเรื่องนี้มากเหมือนกัน
สัญญาว่าจะซื้อเก็บไว้ ไม่ว่ายังไง
เรื่องนี้เสนอเรื่องราวความรักได้หลากหลายมุมมอง และช่วงวัย
ความคิด การตัดสินใจในเรื่อง แม้ล้างครั้งแต่ไม่ค่อยเข้าใจ
แต่สุดท้าย ทุกการกระทำมีคำตอบเสมอ

ขอบคุณที่สร้างสิ่งดีๆแบบนี้ขึ้นมานะคะ
ขอบคุณ สำหรับทุกคำสอนที่แฝงไว้
และขอบคุณ ที่แต่งจนจบ ทำให้เรารู้ว่า..
การรอคอย ถึงแม้มันจะยาวนาน
แต่ถ้าเรามีความเชื่อมั่น เราจะผ่านมันไปได้

รักเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 24-09-2017 18:05:47
เป็นเรื่องที่ดีมากๆ เรายกเรื่องนี้ให้เป็น The Best ของเราอีกเรื่องหนึ่งเลย
เสียน้ำตาไปเยอะมาก และรักเรื่องนี้มากเหมือนกัน
สัญญาว่าจะซื้อเก็บไว้ ไม่ว่ายังไง
เรื่องนี้เสนอเรื่องราวความรักได้หลากหลายมุมมอง และช่วงวัย
ความคิด การตัดสินใจในเรื่อง แม้ล้างครั้งแต่ไม่ค่อยเข้าใจ
แต่สุดท้าย ทุกการกระทำมีคำตอบเสมอ

ขอบคุณที่สร้างสิ่งดีๆแบบนี้ขึ้นมานะคะ
ขอบคุณ สำหรับทุกคำสอนที่แฝงไว้
และขอบคุณ ที่แต่งจนจบ ทำให้เรารู้ว่า..
การรอคอย ถึงแม้มันจะยาวนาน
แต่ถ้าเรามีความเชื่อมั่น เราจะผ่านมันไปได้

รักเรื่องนี้
เดี๋ยวพี่ปอน้องภีมจะได้ไปขายในงานหนังสือเดือนตุลาที่จะถึงนี้นะคะ รอซื้อได้เลย ตอนพิเศษ 6 ตอน หวานๆ ทั้งนั้น รายละเอียดจะบอกอีกทีค่ะ แต่ชื่อเรื่องจะเปลี่ยนจากตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ มาเป็น 1month รักนี้ใครกำหนด ค่ะ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 25-09-2017 21:35:31
นิยายชอบเขียนให้มีการรอ ชีวิตจริงมันยากนะ :hao5:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 26-09-2017 07:21:23
 o13
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 26-09-2017 08:19:07
นิยายชอบเขียนให้มีการรอ ชีวิตจริงมันยากนะ :hao5:
ขอบคุณมากค่ะ เจอกันในงานหนังสือเดือนตุลานี้นะคะ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 28-09-2017 23:11:00
คือสนุกนะ แต่เราเบื่อภีมมากเลยอ่ะ มีอะไรก็ไม่ยอมพูดกับปอไปเลย ทำให้เสียใจทั้งสองฝ่าย นี้ก็นอนอ่านแบบลุ้นๆ ว่าเมื่อไหร่จะกลับมารักกันสักที 5555
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 09-10-2017 23:35:25
อ่านจบแล้ววววว เราชอบพล๊อตเรื่องนะคะ ถือว่าวางมาดีเลย แต่แรกที่อาจจะสับสนพฤติกรรมของตัวละครค่อนข้างมาก เนื่องจากเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนเราตามอารมณ์ไม่ทัน เราอยากให้เล่นกับอารมณ์คนอ่านให้มากกว่านี้ แล้วเวลาดราม่าจะพีคสุดๆค่ะ อีกอย่างที่อยากให้ปรับเปลี่ยนคือคำพูดค่ะ เราเข้าใจว่าอยากเขียนให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างสถานะการที่พูดกันอยู่ เช่น ปกติหยาบคาย พอจะโดนปล้ำพูดเพราะทันใด 5555 แต่มันว่องไวมากจนเราก็สับสนค่ะ ยังไงก็จะติดตามผลงานไปเรื่อยๆนะคะ  ให้กำลังใจคนแต่ง :กอด1:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 14-10-2017 09:18:56
อ่านจบแล้ววววว เราชอบพล๊อตเรื่องนะคะ ถือว่าวางมาดีเลย แต่แรกที่อาจจะสับสนพฤติกรรมของตัวละครค่อนข้างมาก เนื่องจากเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนเราตามอารมณ์ไม่ทัน เราอยากให้เล่นกับอารมณ์คนอ่านให้มากกว่านี้ แล้วเวลาดราม่าจะพีคสุดๆค่ะ อีกอย่างที่อยากให้ปรับเปลี่ยนคือคำพูดค่ะ เราเข้าใจว่าอยากเขียนให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างสถานะการที่พูดกันอยู่ เช่น ปกติหยาบคาย พอจะโดนปล้ำพูดเพราะทันใด 5555 แต่มันว่องไวมากจนเราก็สับสนค่ะ ยังไงก็จะติดตามผลงานไปเรื่อยๆนะคะ  ให้กำลังใจคนแต่ง :กอด1:
เรื่องนี้เรื่องแรกค่ะ ยอมรับว่าสำนวนยังไม่ดี ฝากผลงานเรื่องต่ไปด้วยนะคะ 90Days พิสูจน์รักค่ะ เขียนจบแล้ว ไปอ่านฆ่าเวลาได้นะคะ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 24-10-2017 23:11:55
เรื่องนี้สนุกดีค่ะ การดำเนินเรื่องดี อ่านแล้วได้อารม อ่านจนจบเลย แต่เราว่าคู่รักจากกันนานเกินไปนะ อ
นายเอกอยู่ดีๆ จะไปก็ไป ควรอยู่เป็นกำลังใจให้กันยามลำบากมากกว่า เราชอบคาแรคเตอพระเอกนะ มั่นคง รักเดียวใจเดียว  :mew2:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 26-10-2017 10:49:42
เรื่องนี้สนุกดีค่ะ การดำเนินเรื่องดี อ่านแล้วได้อารม อ่านจนจบเลย แต่เราว่าคู่รักจากกันนานเกินไปนะ อ
นายเอกอยู่ดีๆ จะไปก็ไป ควรอยู่เป็นกำลังใจให้กันยามลำบากมากกว่า เราชอบคาแรคเตอพระเอกนะ มั่นคง รักเดียวใจเดียว  :mew2:
ขอบคุณมากเลยค่ะ ฝากนิยายเรื่องต่อไปด้วยนะคะ เขียนจบแล้ว 90Days พิสูจน์รัก ต้นหาได้ในกูเกิลเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: Quasar77 ที่ 27-10-2017 10:26:43
 :hao5: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 28-10-2017 15:18:59
:hao5: :katai2-1:
ขอบคุณค่ะ
 o13
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 30-10-2017 22:35:05
บอกตรง ๆ ว่าหลงมาค่ะ 555

แต่พอได้อ่านยิ่งหลง.. :impress2:

เปิดเรื่องมาคิดว่ารุ่นพี่ต้องพระเอกแน่ แกล้งซะ
แต่เปล่าจ้าาา ตัวประกอบ  // แอบสงสารนิดๆ

โดยรวมชอบค่ะ ภาษาเข้าใจง่าย ไม่สั้นไม่ยาวเกินไป ดำเนินเรื่องดีค่ัะ ไม่ช้าไม่เร็ว
แอบตกใจตอนหนังคุณปู่ ร้องออกมาเลยทีเดียวค่ะ
// จะติดตามผลงานอื่น ๆ นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: noonaaRP ที่ 07-11-2017 10:36:21
บอกตรง ๆ ว่าหลงมาค่ะ 555

แต่พอได้อ่านยิ่งหลง.. :impress2:

เปิดเรื่องมาคิดว่ารุ่นพี่ต้องพระเอกแน่ แกล้งซะ
แต่เปล่าจ้าาา ตัวประกอบ  // แอบสงสารนิดๆ

โดยรวมชอบค่ะ ภาษาเข้าใจง่าย ไม่สั้นไม่ยาวเกินไป ดำเนินเรื่องดีค่ัะ ไม่ช้าไม่เร็ว
แอบตกใจตอนหนังคุณปู่ ร้องออกมาเลยทีเดียวค่ะ
// จะติดตามผลงานอื่น ๆ นะคะ  :mew1:
ขอบคุณค่ะ ตอนนี้นิยายออกมาเป็นเล่มแล้ว หาซื้อได้ที่ เฮอร์มิทนะคะ
ส่วนนิยายเรื่องอื่น ที่เขียนจบแล้วคือ 90Days พิสูจน์รัก และ ซินเดอร์เรลล่าผู้เสียท่าให้เจ้าชายอสูร กำลังอัพเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 15-03-2018 16:07:28
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: nyxca ที่ 22-02-2020 15:42:01
อ่านถึงหน้าสอง งงอิต้นกะอิพี คือไรวะ แบบมันไม่ได้เกี่ยวกับภีมปะ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 26-02-2020 20:55:34
อ่านเรื่องนี้แล้ว ประทับใจในความรักของ พี่ปอ ที่สุด เพราะมีความรักที่แน่วแน่มั่นคง ยืนนาน และรักษาคำพูด ในตอนแรกๆ อาจต้องมีความดาร์ค ร้ายๆ เพราะปมตอนเด็กๆ และยังไม่มีความคิดที่ดีพอ ตามวัยและเพศ
ความประทับใจแรก ไม่มีเพราะเป็นเรื่องที่ปูพื้นมาเรื่อย ไม่ตื่นเต้นหรือหวืหวาอะไร
มาอ่านตอนนี้ ภาค2 น่ามีมาแล้ว แต่ยังไม่รู้จะติดตามได้อย่างไร
จะส่งกำลังใจให้นักเขียนที่มีเรื่องดีๆ ให้อ่านกันเสมอๆนะ
จากใจนักอ่านที่ดี
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 31-08-2020 16:50:01
ดีใจที่ทั้งคู่กลับมาเจอกัน จากวันนั้นแค่เกมส์เด็กๆมาจนเป็นรักที่มั่นคงผู้ใหญ่  :katai2-1: พระเอกเด็กช่าง หล่อรวย สายเจ้าชู้ ไม่รู้จักความรัก มีปมครอบครัว ฟาดผู้หญิงด้วยของนอกกายเงินทอง หื่น อารมณ์ร้าย จนมาเปลี่ยนเป็นพระเอกที่ดี คิดได้คิดเป็นเพราะนายเอกภีมเลย กว่าจะรู้จักรักและต่างคนยอมรับก็เหนื่อยพอดูเลย ช่วงแรกๆไม่เท่าไหร่นะ แต่มันใต่ระดับความหน่วง ความดาร์ก ความเยอะของพระนาย 555 มันเลยทำให้สนุกมากกกกกก 3p ต้นพีธามก็อยากกอ่านนะแต่มีแทรกน้อย  แต่ถึงยังไงเรื่องนี้ก็สนุกจริง ดีใจที่ได้อ่าน ขอบคุณผู้แต่งมากค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 06-09-2020 23:00:21
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ
อ่านแล้ววางไม่ลง
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: **(22.11.57)**1 MONTH ตะครุบหัวใจนายเมียรักษาการ ตอนที่ 32|จบแล้วจ้า|
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำหูู้ปาโก๋ ที่ 05-10-2020 01:04:21
เรื่องนี้ดีจัง  :hao6: