วันที่สามมะรืนนี้เปิดเทอมแล้วล่ะครับ เหมือนจะนาน แต่มันสั้นไป แผนการรับน้องที่ต้องวางล่วงหน้ายังไม่ถึงไหนเท่าไหร่ เอาจริง ๆ คือถกกันมาทั้งสัปดาห์นั่นล่ะ แม่ง ใครสั่งใครสอนให้เอาเมดเทคมาจับคู่กับวิศวะกันวะ บรรลัยชิบ ทำงานชาติไหนจะเสร็จก็ไม่รู้
ยิ่งไอ้เรื่องพนันห่าเหวนั่นอีก...
เชี่ยเอ๋ย ผมไม่ยอมแพ้ง่ายแน่ ยังไงก็ต้องชนะ!!! เรื่องอะไรผมจะต้องไปนอนกับมันด้วย ไม่ใช่เรื่องอย่างแรง แรงโคตร ๆ ด้วย
หมอนั่นมันเป็นเกย์หรือไงกัน!
"นี่ก็ไม่เอา นั่นก็ไม่ดี โน่นก็ไม่โอ แล้วพวกคุณจะเอายังไง"พลอยที่หงุดหงิดสะสมมาเป็นอาทิตย์ตวาดกลางวงห้อง ประชุม เหวี่ยงทั้งคำพูดและสีหน้า "แบบนี้มันจะเสร็จไหม มะรืนนี้ก็จะเปิดแล้ว ยังไม่ถึงไหนเลย ไม่คืบหน้า ไม่ ไม่ ไม่และ ไม่ ไปทุกอย่าง"
"พวกคุณจะเอากฎเกณฑ์มากมายของพวกคุณมากำหนดน้องของพวกผมไม่ได้"โอมพูดเสียงแข็ง ระวังพลอยซัดนะครับ คุณรุ่นน้องต่างคณะ เห็นชีเป็นผู้หญิง ใช่ว่าจะอ่อนนะเออ ซัดโครมกับผู้ชายมาแล้ว เอาซะน่วมโดยที่นางไม่มีรอยแผลเลยสักนิด
"พวกคุณจะเอาความป่าเถื่อนของพวกคุณมาทำร้ายน้องของพวกดิฉันไม่ได้เช่นกัน"พลอยโต้กลับทันที นั่นสิ จะเอาน้องเราไปคลุกดิน ตากแดดครึ่งค่อนวัน แล้วยังลงทุกวันไม่ให้น้องได้หายใจหายคออีกคงไม่ใช่ ผมไม่เห็นด้วย ทะเลาะกันเหมือนเดิมทุกวัน ตั้งแต่มาประชุมด้วยกันจนตอนนี้... ก็ยังไม่ได้ผลเชี่ยอะไรสักอย่าง
แล้วมันจะรอดไหม? ตอบ!
“พอสักที ถ้าจะเถียงกันอยู่แบบนี้มันก็ไม่จบไม่สิ้น ไม่ทันกินแน่”ผมสุดจะทนเลยพูดออกมาเสียงดัง ทุกคนในที่นี้ถึงกับเงียบกริบ “ถ้ามันมีปัญหานักก็ทำทำสองแบบ ผลัดกันคณะละสัปดาห์ จบไหมครับ”
ให้น้องรับภาระหนักไป... ก่อนที่งานจะล่ม
“จบ”ทุกคนประสานเสียงเป็นเสียงเดียวกัน แล้วเริ่มวางแผนในส่วนของกิจกรรมอื่น ๆ ต่อ... และแน่นอนว่าการทะเลาะถกเถียงอันคอเป็นเอ็นก็ยังดำเนินไปเรื่อย ๆ
ผมโคตรปวดกบาลเลย ทำไมวะ ทำไมต้องกับคณะนี้...
แบบนี้ชาติไหนงานจะเสร็จ
เหนื่อยว๊อยยยย
สรุปแล้วก็ได้ผลกระประชุมทั้งหมดออกมาในวันก่อนหน้าวันเปิดเรียนเพียงแค่วันเดียว เอาเหอะอย่างน้อยก็ได้ผลสรุปล่ะนะ
โดยการจะเอากิจกรรมหลักของทั้งสองคณะวิชามารวมกันไว้ ให้ดำเนินไปควบคู่กันโดยที่จะไม่ตัดอะไรออก และจะมีการแบ่งพี่ออกเป็นฝ่ายต่าง ๆ คือ พี่สันทนาการ , พยาบาล , สวัสดิการ โดยในคราวนี้คงต้องมีสวัสดิการและพยาบาลเยอะกว่าปกติหน่อย เพราะมีถึงสองคณะต้องทำงานร่วมกัน คนก็มากคนต้องนั่งถกกันว่าจะให้น้องอยู่ที่ไหนได้โดยที่ไม่เป็นอันตราย และตัวน้องไม่ไหม้
ส่วนวินัยอย่างพวกผม จะลงด้วยกันบางวัน และแยกกันลง สลับกันไป ถ้าลงพร้อมกัน วันนั้นแสดงว่าจะลงหนัก แต่ถ้าลงแยกนี่เรียกลองเชิง โดยพวกผมจะคุมเรื่องระเบียบวินัย การแต่งกาย ส่วนพวกวิศวะจะคุมเรื่องกิจกรรมต่าง ๆ เป็นหลัก
ก็ดูเหมือนจะลงตัวดี
ในวันแรกของการรับน้อง น้องปีหนึ่งทุกคนของเมดเทคและวิศวะต้องไปรวมตัวกันที่ห้องเรียนใหญ่บนอาคารเรียนรวมหลังจากปฐมนิเทศในช่วงเช้าเสร็จ ทานข้าวเรียบร้อย ระหว่างนั้นพี่สันทนาการจะออกมาพูดคุย และวินัยจะลงโดยไม่ให้น้องรู้ตัว ก่อนจะเอาน้องปิดตาและพาเดินลงไปที่ลานเกียร์ เพื่อทำพิธีคลอดน้อง ซึ่งเป็นประเพณีของเมดเทคของผม (ต้องใช้ลานเกียร์ เพราะมีพวกวิศวะด้วย ลานเลือดของพวกเราไม่พอใช้)
เอาล่ะ mission ของวันกำลังจะเริ่มแล้ว
เด็กน้อยเฟรชชี่ปีหนึ่งทยอยเดินเข้าไปในห้องเรียนรวมกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง โดยมีพี่ที่ดูแลนำทางเข้าไป และมีพี่ที่เป็นช่างภาพคอยถ่ายรูปเอาไว้อยู่ตลอด ซึ่งกว่าน้อง ๆ จะเข้าไปข้างในกันหมดก็กินเวลากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว
หัวหน้าฝ่ายสันทนาการของปีสองเดินเข้าไปข้างในพร้อมลูกทีมจำนวนไม่เยอะมาก และกลอง เข้าไปสันทนาการเบา ๆ กับแจกสมุดลายเซ็นที่เอาไว้ให้น้องมาขอลายเซ็นพวกพี่ ๆ เพื่อทำให้รู้จักกันมากขึ้น เป็นการเริ่มต้นให้กับน้อง ๆ ทั้งหมด ระหว่างที่พวกผมยังยืนคุยกันอยู่ด้านนอก
น้องเกด ช่างภาพประจำปีสองวิ่งไปวิ่งมา ขึ้นข้างบน ลงข้างล่าง เอาเอกสารที่เขียนชื่อและจังหวัดของน้องให้เพื่อนไปด้วยในตัว ดูน่าสงสารเหมือนกันแหะ เหงื่อออกซกเลย
“ลมหนาว เข้าเลยไหม”พายุเดินมาอยู่ข้างผม แล้วถามขึ้น ตอนนี้ต้องสงบศึกชั่วคราวก่อนล่ะครับ เดี๋ยวจะเสียกันไปหมด
“ไปเลยก็ได้”ผมตอบกลับ แล้วส่งสันญาณให้เพื่อนที่แสตนบายรออยู่ที่ประตูอื่นรับรู้ว่าพวกเรากำลังจะเข้าแล้ว ให้เตรียมเข้าไปข้างใน
และอย่าลืม... ปิดไฟด้านหลังด้วย สร้างบรรยากาศ
ผมเดินเข้าไปด้านในคู่กับคู่ปรับอย่างพายุ พวกสันทนาการด้านในก็พากันวิ่งออกไปจนหมดทันทีในเวลาที่ไม่ถึงสามนาที ต้มมาม่ายังไม่สุกเลย
วินัยกว่าหกสิบชีวิตยืนกระจายรอบห้องกัน ทุกคนตีหน้านิ่งสนิท และไม่ยิ้ม แม้จะแอบขำท่าทีเกร็ง ๆ ของน้องปีหนึ่งที่อีกไม่นานก็จะหายไป
“ก้มหน้าทำไมครับ มองตรงมา”ผมได้เริ่มก่อนคนแรก น้อง ๆ เมื่อได้ยินเสียงผมก็เงยหน้าขึ้นมากันพรึบ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นก้มหน้าจนแทบจะเอาหน้าสมานฝังไปกับโต๊ะเลคเชอร์เล็ก ๆ นั่นแล้ว (อันนี้กลัวหรือง่วงจะหลับผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ)
“ยินดีต้อนรับพวกคุณทุกคน ทั้งคณะวิศวกรรมศาสตร์ และเทคนิคการแพทย์นะครับ”พายุพูดขึ้นบ้าง ดวงตาที่คมกริบของหมอนั่นกวาดมองไปรอบ ๆ “พวกคุณคงรู้กันแล้วว่าพวกผมเป็นใครนะครับ”
“ค่ะ/ครับ”น้องตอบกันเสียงดังฟังชัด
“พวกคุณในที่นี้มีกี่คนครับ”ผมถามขึ้นบ้าง แล้วเดินออกมาตรงทางเดินตัดตรงกลาง ตายังคงจับจ้องที่น้อง ๆ ทุกคนอยู่ “กี่คนครับ”
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
ไม่มีใครตอบคำถามของผมครับ เป็นอันว่าน้องยังปกติ ไม่มีคนประเภทฮีโร่ หรือประเภทปีนเกลียวเข้ามาให้ปวดหัวเล่น
“พี่เขาถามทำไมไม่ตอบคะ”วินัย... พี่ว๊ากคนหนึ่งของฝั่งวิศวะตะโกนขึ้นด้วยเสียงที่ดังลั่นห้อง “ตอบสิคะ จะเงียบทำไม”
“หรือพวกคุณไม่รู้ว่าเพื่อนคุณมีกี่คน”พลอยออกตัวบ้าง คำพูดประจำของวินัยเลยล่ะครับ อันนี้ “ถ้าเพื่อนคุณหายไปคุณจะรู้ไหม”
ก็ยังคงเป็นความเงียบที่ตอบกลับมา แม้ว่าพี่ ๆ คนอื่น ๆ จะพยายามกดดันให้น้องแก้ปัญหาสักเท่าไหร่ก็ตาม ก็ยังคงเงียบ
หรือรุ่นนี้จะเอาความเงียบมาสู้พวกผม?
“ขออนุญาตครับ”มาแล้ว ฮีโร่คนแรก น่าภูมิใจที่สุดเพราะมาจากคณะเทคนิคการแพทย์ของผมครับ “ขออนุญาตนับจำนวนครับ”
“เชิญ”ผมกับพายุพูดขึ้นพร้อมกัน
“1”
“2”
“3”
...
นักศึกษาพันกว่าคน... ให้นับจำนวนทั้งหมดคิดว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ครับ... ครึ่งชั่วโมงจะได้ครบกันไหม
“เร็วค่ะ ชักช้า”เธอคนนี้น่าจะชื่อ พิช ว๊ากปีสามของวิศวกรรมศาสตร์เร่งขึ้น จริง ๆ น้องเขาก็นับกันไวนะครับ ขึ้นหลักร้อยแล้ว แต่คนมันเยอะ คงอีกนานกว่าจะเสร็จ
“พอแล้วครับ ไม่ต้องนับแล้ว เสียเวลา”พายุตัดบทขึ้น เมื่อน้องนับไปได้ถึงคนที่สามร้อยกว่า ๆ ขืนรอให้ครบ 1897 คน (วิศวะ 1543 เทคนิค 354 จำนวนที่แตกต่างกันประมาณห้าเท่า) ก็คงแก่ตายกันไปก่อน
“หลังจากนี้ผมหวังว่าพวกคุณทุกคนจะทำความรู้จักกับเพื่อนของคุณ ไม่ใช่แค่กลุ่มที่อยู่ หรือสาขาที่เรียน แต่เป็นทุกคนนะครับ”ผมกวาดตามองน้อง ๆ อีกรอบ ก่อนจะเขาเรื่องอีกครั้ง “เห็นของที่วางอยู่ตรงหน้าพวกคุณไหมครับ”
“เห็นค่ะ/ครับ”
“หมายเลข ให้พวกคุณเอาผูกกับกระเป๋าของพวกคุณเอาไว้ แล้ววิ่งลงมาเข้าแถวข้างหน้านี้ ไม่ต้องเอากระเป๋าลงมานะครับ ส่วนผ้า ให้พวกคุณผูกปิดตาพวกคุณหลังจากต่อแถวแล้ว ปฏิบัติ”
สิ้นเสียง น้องก็รับเอาป้ายหมายเลขผูกติดกับกระเป๋า แล้ววิ่งกรูกันลงมาโดยไม่ลืมคว้าเอาผ้าเส้นยาวที่พับทบไว้มาผูกปิดตาอย่างรวดเร็วเท่าที่น้องจะสั่งการตัวเองให้ทำได้
“หลังจากนี้พวกผมจะพาคุณลงไปข้างล่าง ห้ามเปิดตาเด็ดขาด จำไว้นะครับ”พายุเดินไปจับมือน้องคนที่อยู่ใกล้ประตูมากที่สุดเอาไว้
“จับมือกันไว้ด้วยนะคะ”พี่ส้ม วินัยปีสี่ของเมดเทคเอ่ยขึ้นบ้าง น้องเลยรีบจับมือกันอย่างรวมเร็ว “ห้ามปล่อยมือเพื่อนนะคะ”
พายุพาน้องเดินออกนอกห้องไปแล้ว ประเพรีนี้อาจจะดูอันตรายเพราะต้องปิดตาลงบันได แต่ไม่ต้องห่วงครับ เพราะตลอดทางที่เดินลงไปนั้นจะมีนักศึกษาปีสองยืนอยู่สองฝั่ง คอยประคองน้องเอาไว้ไม่ให้น้องล้ม
แต่พอไปถึงข้างล่าง พวกที่เตรียมแกล้งน้องจะปฏิบัติการทันที
“บอกเพื่อนด้วยสิครับ เจออะไรน่ะ”ปั๊ม แห่งวิศวะตะโกนขึ้นกลางบันได ทำเอาน้องสะดุ้งกันเป็นแถว น้องจะตกบันไดเพราะเสียงมันไหมเนี่ย
วินัยเมดเทคเดินลงมาอยู่ข้างล่างกันเกือบหมด มีอยู่ไม่กี่คนที่ยังดูน้องอยู่ข้างบน ส่วนพวกวิศวะกระจายกันไปดึงน้องให้แตกแถวออกจากกัน
“อย่าปล่อยมือเพื่อนสิครับ”นนท์พูดเสียงเย็น ในขณะที่ปากกระตุกขำ เมื่อน้องโดนพวกว๊ากของวิศวะ และพี่ของทั้งสองคณะดึงให้แยกออกจากกัน แล้วมือของพวกน้องนั้นพยายามควานหากันอยู่ถ้าเป็นหนังรักก็คงจะเป็นช่วงจมน้ำล่ะครับ ฮ่า ๆ ที่พยายามยื่นมือจับกัน แต่ไม่ถึง
ผมมารอที่ซุ่มคลอดน้อง รอน้องมาลอดผ่านใต้ผ้าเข้าไปข้างใจ เมื่อลอดเข้าไปแล้วจะมีพี่แขวนป้ายชื่อให้ โดยจะไม่ใช่ชื่อของน้องเอง เป็นชื่อของเพื่อนร่วมคณะ (รวมทั้งวิศวะและเมดเทค) ให้น้องหาชื่อเพื่อนให้เจอว่าเป็นใคร และเมื่อถึงวันแลกป้าย ก็ให้เอาไปให้เพื่อนคนนั้น
ปกติพวกผมจะร้องเพลง ให้น้องเอาป้ายไปคืนตามเพลง แต่ปีนี้คงไม่ได้ ไม่งั้นต้องร้องเป็นพันรอบกว่าจะคืนหมกครบทุกคน... ต่างคนต่างคืนนะน้องนะ
แต่จะหากันเจอไหมนี่อีกเรื่อง... คนเยอะขนาดนี้
มาแล้วครับ แถวแรกที่จะมาลอด ฮ่า ๆ น้องต้องลอดทั้งที่จับมือกันไว้ แล้วใครมันผูกผ้าซุ้มซะต่ำเลยว่ะเนี่ย น้องแทบจะกระดึ๊บเป็นหนอนชาเขียวเข้ามาในลาน
พอลอดเข้ามาจนหมดครบแถว น้อง ๆ จะถูกพาไปนั่งเป็นวงกลม รอจนกว่าเพื่อนจะมาหมดถึงจะสามารถเปิดตาได้
“พิธีอะไรของพวกนายว่ะ ยุ่งยากชิบ”เฮดของคณะคู่ปรับเดินมายืนข้างผม มองน้องลอดเข้ามาเรื่อย ๆ “เสียเวลาชะมัด”
“มันเป็นธรรมเนียมของพวกผม ถ้าไม่จับคู่กับพวกคุณ พิธีก็เสร็จไปแล้ว”ผมตอกกลับบ้าง ก็ไอ้ที่เยอะ ๆ น่ะ มันไม่ใช่เด็กคณะผมเลย ของมันทั้งนั้น “ถ้าคุณไม่อยากอยู่ดู ก็สามารถกลับไปได้”
“ไม่ ผมไม่ปล่อยน้องคณะผมไว้กับพวกคุณแน่”สวนกลับมารวมเร็วปานพายุ เหอะ แล้วใครอยากจะคู่กับน้องพวกคุณกันวะครับ
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าบ่น”
ผมกับมันยืนกอดอกมองน้องเข้ามาในลานเรื่อย ๆ จนครบทุกคน มันดูอุ่นหนาฝาคั่งอย่างแรง ก็จะทำไงได้... วิศวะตั้ง 13 สาขาวิชา ถ้าคนน้อยก็คงไม่ใช่
“เปิดตาออกได้ค่ะ”น้องแอ้ม ปีสอง เฮดฝ่ายสันทนาการที่เดินมาถึงคนสุดท้ายเปล่งเสียงอันทรงพลังของเธอบอกน้อง ๆ ลั่นลานเกียร์แห่งนี้ น้องทั้งหมดเปิดตาออกมา ก่อนที่จะยิ้มกว้างกัน
พี่ปีสองทั้งหมด และปีสาม ปีสี่บางคน ยืนล้อมน้องไว้ด้วยรอยยิ้ม ทุกคนมีแววตาที่สดใส ดีใจ ที่ได้พบน้อง ๆ ของพวกเขา
ส่วนพวกผม ได้แต่แอบมองอยู่ห่าง ๆ จนกว่าจะปลดวินัยลง ผมก็ยังเข้าไปทำกิจกรรมเฮฮาอะไรกับน้อง ๆ ไม่ได้ แต่หลังปลดก็แทบจะไม่เหลือกิจกรรมให้ได้ทำร่วมกันแล้วล่ะครับ
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น แค่ได้มองก็มีความสุขแล้วล่ะ... สำหรับวินัยอย่างผม
แต่...
ตอนนี้เริ่มไม่สุขแล้ว
ไอ้ข้อศอกที่มาวางบนไหล่ผมนี่คืออะไร!!
“คุณพายุ ผมเป็นเพื่อนเล่นคุณเหรอครับ!”
#######################3
ตอนที่ 3 มาแล้วค่ะ ><
เรื่องนี้จะใช้เมดเทคเป็นหลักนะคะ วิศวะเยอะแล้ว 5555 (อันที่จริงคือ ม.คนแต่งไม่มีวิศวะ... แต่เกี่ยวไหมนั่น)
ขอให้มีความสุขในการอ่านนะคะ

พบกันตอนหน้าค้า