“ เต้ย”
“.....”
“ เต้ย”
“ เต้ย”
เสียงเรียกพร้อมกับความเย็นจากกระป๋องแอลกอฮอลที่แนบแก้มผมอยู่จนสะดุ้งสุดตัว ผมยิ้มแหยๆหันมามองเจ้าของห้องที่ยืนยิ้มชูกระป๋องเบียร์ไปมาเป็นการเชิญชวน
“ สักกระป๋องเปล่า”
“ ขอบคุณครับพี่”
ผมรับมันมาแล้วเปิดฝาเกลียวก่อนจะยกดื่มไปอึกหนึ่ง
“ มีเรื่องไม่สบายใจรึเปล่า”
“ ทำไมเหรอ”
“ วันนี้มึงแปลกๆ ตอนกูติวให้เมื่อกี้ก็ดูไม่มีสมาธิ”
“ ขอโทษครับ”
ผมก้มหัวลงแต่มีมือหนานุ่มที่บรรจงลูบศีรษะผมอยู่ สัมผัสที่แผ่วเบานั่นทำเอาผมน้ำตาซึมจริงอย่างที่พี่รหัสผมพูดว่าวันนี้ผมดูไม่มีสมาธิเลยทั้งๆที่คนตรงหน้าอุตส่าห์ตั้งใจติววิชาที่จะมีสอบย่อยอาทิตย์หน้าให้พร้อมเพื่อนๆผมอีกสี่คน ตลอดเวลาเกือบสามชั่วโมงที่พวกเราคร่ำเคร่งกับตำราทุกคนดูตั้งอกตั้งใจต่างกับผมที่เหม่อลอยไปไกล และพี่รหัสผมคงจะสังเกตได้แต่รุ่นพี่หน้าหล่อก็ยังคงนิ่งอยู่จนครบสามชั่วโมงจนเพื่อนทั้งสี่ขอลากลับ จึงเหลือแค่ผมกับพี่รหัสที่ยืนมองหน้ากันอยู่แบบนี้
“ มีอะไรอยากเล่าให้กูฟังมั้ย”
“ พี่ที”
“ หืม”
“ ผม..” ผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยความสับสนยิ่งเห็นแววตาจริงใจของคนตรงหน้าผมยิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองแย่มากแค่ไหน
“ เรามาเล่นเกมยี่สิบคำถามกันมั้ย”
“ อะไรครับพี่” ผมทำหน้างงงวย
“ ผมกับกูผลัดกันถามคำถามทีละข้อ มึงถามกูตอบ และถ้ากูถามมึงก็ตอบ แต่ขอให้คำตอบที่พวกเราตอบเป็นเรื่องจริงเท่านั้น” “ พี่...” ผมครางเสียงแผ่วเห็นแววตาอ่อนโยนทอดมองอย่างให้กำลังใจ
“ กูเริ่มก่อนนะ”
“ พี่...” ผมกระตุกมือหนาเบาๆ “ เอาจริงเหรอครับ” พี่ทีไม่ตอบแต่แค่ยิ้มๆก่อนจะยิงคำถามใส่ผมทันที
“ มึงมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ใช่มั้ย”
“ คะครับ” ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่พี่เขาจะพยักหน้าให้เป็นเชิงให้ผมถามกลับ
“ พี่รู้สึกยังไงกับรักครั้งแรกครับ”
พี่ทีทำหน้าคิดๆก่อนจะมองผมตรงๆ “ ครั้งแรกของกูเหรอ ก็ดีนะจำได้ว่ากูปิ๊งสาวคอนแวนต์คนหนึ่งตอนอายุ 16 เขาเป็นดรัมฯไม้หนึ่งสวยดี เสียดายตอนนั้นกูไม่กล้าจีบเค้า”
“ งั้นรักครั้งแรกกับแฟนคนแรกก็ไม่ใช่คนเดียวกันนะสิครับ”
“ ....” พี่ทีไม่ตอบแต่โบกมือปฏิเสธ ก่อนจะพูดเชิงล้อเลียนใส่ผม “ ถามได้ทีละข้อโว้ย และนี่เป็นตากูแล้ว”
“ ครับ” ผมเกาหัวแก้เก้อจนพี่รหัสผมหัวเราะเบาๆ
“ เต้ย”
“ ครับ”
“ ตอนนี้มึงรู้สึกอะไรอยู่ บอกกูได้มั้ย”
“ ผม” คำถามตรงๆที่อีกฝ่ายเอ่ยถามทำเอาผมยืนนิ่ง “ ผมเป็นกังวล ผมไม่สบายใจเลยครับ”
“ กังวลเพราะมึงห่วงใครอยู่ใช่มั้ย” คราวนี้ผมพยักหน้ารับ
“ ไอ้จ๊อบมันไม่สบายครับ”
“ เหรอ”
ผมสายตากับพี่รหัสผมตรงๆ แต่นอกจากแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงหาไม่มีอย่างอื่นเคลือบแครงอยู่เลย เพราะแบบนี้ไงถึงทำให้ผมรู้สึกผิดที่นึกถึงคนอื่นในขณะที่พี่ทีดีกับผมขนาดนี้
“ ตามึงแล้วสินะ” พี่ทีเปลี่ยนเรื่องก่อนจะกระดกกระป๋องเบียร์เข้าปากอึกใหญ่
“ ที่มึงถามกูเมื่อกี้รักครั้งแรกกับแฟนคนรักกูไม่ใช่คนเดียวกันหรอก กูมีแฟนคนแรกตอนอยู่ม.สี่ เขาเป็นเพื่อนกูเอง คบกันเกือบสามปีและเลิกกันตอนกูเข้ามหาลัย” “ ทำไมเลิกกันหล่ะครับ”
พี่ทียิ้มๆส่วนผมรีบยกมือปิดปากที่ละเมิดกฎอีกครั้งด้วยการถามติดๆกันอีกคำถาม แต่พี่ทีเหมือนไม่จริงจังแค่มองผมแล้วยิ้มก่อนจะตอบคำถาม “ ไม่รู้สิ เขาขอเลิกกับกูเอง กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”
“ ขอโทษครับพี่ผมไม่ได้ตั้งใจจะสะกิดแผลพี่เลย”
“ ไม่เป็นไรมันนานแล้ว”
“ ถ้าเป็นมึงหล่ะ ถ้าวันหนึ่งคนที่มึงรักเขากลับบอกรักมึงบ้างมึงจะรู้สึกยังไง” ...กูรักมึง... เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ คำถามนี้ของพี่รหัสช่างตรงกับถ้อยคำที่ดังวนเวียนอยู่ในหัวตั้งแต่บ่ายจนถึงบัดนี้ ผมหรุบสายตามองพื้นเบื้องหน้าปล่อยให้ความนึกคิดล่องลอยไปไกล
“ ถ้าให้ตอบตามตรงผมตรงรู้สึกสับสันไม่น้อย แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามันมีความรู้สึกดีใจเหมือนหัวใจฟูฟ่อง ขณะเดียวกันก็คล้ายกับที่อะไรเสียดแทงลงกลางใจเพราะใจผมอดหวาดระแวงไม่ได้ว่าสิ่งที่มันพูดเป็นเรื่องจริงรึเปล่า” “ งั้นเหรอ”
ผมไม่เห็นหรอกว่าแววตาของพี่ทีสั่นระริกและดูเลื่อนลอย
“ พี่ทีทำไมพี่ถึงชอบผมหล่ะครับ”
“ กูเหรอ..” พี่ทีเอื้อมมือมากุมมือผมไว้
“...กูอยู่กับมึงแล้วสบายใจมั้ง มึงมีอะไรหลายๆอย่างที่กูประทับใจ มึงเป็นตัวของตัวเอง มึงมีความกล้าที่จะรักทั้งๆที่ไม่รู้เส้นทางเบื้องหน้า แต่มึงยังกล้าหาญที่จะเสี่ยงต่างกับใครบางคนที่หันหลังให้กับกูโดยไม่บอกแม้แต่เหตุผลว่าทำไม” “ กูจะถามมึงเป็นข้อสุดท้ายนะ”
“.....”
ผมทำหน้าแปลกใจเพราะมันยังไม่ถึงยี่สิบคำถามด้วยซ้ำ แต่พี่ทีแกแค่ยิ้มๆก่อนจะหันมามองผมตรงๆ
“ กูจะถามมึงข้อนี้เป็นข้อสุดท้ายแล้ว ขอให้มึงตอบมันด้วยความสัตย์จริง ขอให้มึงซื่อสัตย์กับคำตอบของตัวเอง” ผมพยักหน้ารับ
“ มึงยังรักเพื่อนสนิทมึงอยู่ใช่มั้ย” จบคำถาม
ผมไม่ตอบแต่น้ำตาคลอเบ้า มือพี่ทีที่เกลี่ยน้ำตาให้ผมดูสั่นเทา ยิ่งทำให้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวต้องปล่อยให้มันไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
“ ผมขอโทษ”
ผมยังรักมันอยู่จริงๆ “ ฮือ ขอโทษครับ” ผมยึดชายเสื้อพี่ทีไว้แล้วกำแน่น พี่ทีไม่พูดอะไรแต่โอบกอดผมไว้แล้วโยกตัวไปมา
“ ผมเหมือนคนเห็นแก่ตัว ผมเห็นแก่ตัว ขอโทษ ขอโทษครับ ทั้งๆที่รับปากกับพี่ไว้ว่าจะให้โอกาสเราได้เรียนรู้กัน ผมพยายามแล้ว ผม ผม ฮือ”
“ มึงทำไม่ได้”
“ พี่จะด่าจะว่าผมยังไงก็ได้ผมมันเห็นแก่ตัวจริงๆ แต่ผมไม่อยากโกหกตัวเอง ผมไม่อยากให้ใครต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้อีกแล้ว มันเกินพอแล้วมันมากไปแล้ว”
“ ไม่หรอก...” พี่ทีดันใบหน้าผมออกจากอกเพื่อที่เราจะได้มองกันในระยะใกล้ๆ
“ ถ้าจะมีใครเห็นแก่ตัวคนๆนั้นก็ต้องเป็นกูด้วย ทั้งๆที่กูรู้ว่ามันยากที่มึงจะตัดใจจากเพื่อนมึงได้แต่กูยังดันทุรังให้ความหวังตัวเอง กูปิดหูปิดตาไม่ยอมรับความจริง มึงไม่ผิดหรอกที่ไม่รักกูในเมื่อมึงไม่ได้บังคับให้กูรัก แต่เป็นกูเองที่ฝืนจะรักทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นไปได้ยาก” “ กูน่าจะรู้ว่าสี่ปีกับสองเดือนมันต่างกันมากแค่ไหน” ผมร้องไห้โฮซุกอกกว้างที่ยืดให้ผมได้ซุกซบด้วยความเต็มใจ “ กูเชื่อว่าถ้าเราเจอกันเร็วกว่านี้ หรือถ้ามึงยังไม่มีใครในใจกูจะทำให้มึงรักกูให้ได้”
“ ฮือ พี่ที ขอโทษ ฮือ ผมขอโทษ”
ทำไมผมถึงกล้าทำร้ายผู้ชายดีๆแบบนี้ ทำไมกัน
“ ขอโทษ ขอโทษที่ผมทำร้ายจิตใจพี่แบบนี้”
“ เปล่าเลย มึงไม่ได้ทำร้ายกูเลย มึงแค่ไม่รักกู ก็แค่นั้นเอง” พี่ทีจูบซับน้ำตาให้ผมเบาๆ แต่ทุกถ้อยคำทีหลุดออกมาบ่งบอกถึงความทุกข์ทรมานของคนพูดจนผมนึกละอายใจ
“ เลิกโทษตัวเองได้แล้ว เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้” น้ำเสียงพี่ทีดูสั่นเทา
“ ทำไมถึงดีกับผมอย่างนี้ ฮือ ทำไมผมถึงไม่รักคนดีๆอย่างพี่ ทำไมกัน”
“ .....”
“ พี่ดีกับผมมาก ดีมากจริงๆจนผมไม่มีอะไรจะตอบแทนได้ ถ้าหากว่ามีอยากได้อะไรแม้ร่างกายผมก็ให้พี่ได้” ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะตอบแทนความดีงามของผู้ชายที่แสนดีคนนี้ ผู้ชายที่ไม่คิดหวังสิ่งใดจากผมตรงกันข้ามมีแต่ความปรารถนาดีที่ยากทดแทน
เราสบตากัน
พี่ทีแค่ยิ้มก่อนจะรวบผมไปโอบกอด และผมก็กอดพี่เขากลับด้วยความเต็มใจ
“ ถ้ากูใจอ่อนอีกสักนิด ความสัมพันธ์ระหว่างเราคงไม่หยุดอยู่แค่พี่น้องหรอก...” พี่ทีคลี่มือไปตามดวงตาของผม
“...แต่จำไว้ว่ามึงมีคุณค่ามากกว่านั้นเต้ย มึงคุณค่ามากกว่าเรื่องพวกนั้น” ยิ่งคนตรงหน้าทำดีแค่ไหน ผมยิ่งร้องไห้หนักมากเท่านั้น ผมร้องอยู่อย่างนั้น ร้องสะอึกสะอื้นทั้งน้ำหูน้ำตาไหลโดยไม่คิดที่จะเช็ด มีเพียงบ่ากว้างที่ยังตั้งตรงให้ผมได้พึ่งพิง พี่ทีคงรู้ว่ายังไงผมคงไม่หยุดร้องไห้ง่ายๆจึงอุ้มผมเข้าไปห้องในห้อง พี่ทีค่อยๆวางผมลงเตียงแล้วห่มผ้าห่มให้อย่างแผ่วเบา ก่อนจะบรรจงไล่หอมตั้งแต่หัวคิ้วจนมาหยุดอยู่ริมฝีปากผม
เราจูบกัน
จูบที่นิ่งและนาน
พีทีผละออกไปก่อนจะล้มตัวลงข้างๆ แต่เพราะผมยังไม่หยุดสะอื้นรุ่นพี่แสนดีจึงตวัดเอวผมให้มาซุกซบอยู่ตรงอกกว้าง แผ่นอกที่รองรับน้ำตาของผม ผมรับรู้ได้ถึงอาการสั่นเทาของพี่ทีและในความมืดผมมองเห็นน้ำใสๆบนใบหน้าคมคาย
เรานอนกอดกัน
กอดที่อบอุ่นแต่ชวนให้เหน็บหนาวเพราะผมรู้ดีว่าการที่พี่ทีต้องมานอนกอดคนที่ไม่มีใจมันเจ็บปวดขนาดไหน
“ ขอโทษครับ ผมขอโทษที่ตอบแทนพี่ไม่ได้เลย ผมขอโทษจริงๆ”
ผมยังคงสะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น พี่ทีไม่พูดอะไรแต่อ้อมแขนที่รัดรึงให้ความอบอุ่นมือพร้อมกับที่หนาลูบศีรษะผมอย่างแผ่วเบา
........
........
“ กลับเถอะ”
“......”
“ มันดึกแล้วนะจ๊อบ มึงจะนั่งตากน้ำค้างอยู่แบบนี้ทั้งคืนรึไง” พี่เบียร์ทำหน้ายุ่งๆพร้อมกับส่ายหน้าในความดื้อรั้นของผม ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงหอบสังขารมานั่งอยู่ลานจอดรถหน้าคอนโดที่ผมไม่คุ้นเคยแบบนี้
“ มึงยังไม่หายไข้นะ กลับเถอะ”
“ ผมจะรอ”
“ อย่ารอเลยจ๊อบนี่มันดึกมากแล้ว มึงควรจะกลับไปพักผ่อน”
“ มันอาจจะกำลังลงมาก็ได้” ผมเงยหน้าขึ้นมองไปยังแสงไฟจากระเบียงห้องพักด้านหนึ่งที่ยังสว่างไสว และรอคอยการปรากฏตัวของใครบางคน
“ รอทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้เนี่ยนะ” “.....”
“ มึงรู้ดีกว่าใครว่ารอไปก็เท่านั้น เขาไม่ลงมาหรอก”
“ ผมจะรอ” พี่เบียร์ส่ายหน้าก่อนจะถอนใจอย่างระอา “ ถ้ามึงบอกจะรอกูก็จะรอเป็นเพื่อน”
“ ขอโทษที่ทำให้พี่ต้องลำบากไปด้วย”
“ อืม”
“ พี่ว่าผมบ้ารึเปล่าที่ไม่ไว้ใจมันแบบนี้ ไม่ใช่ผมไว้ใจมันจนเป็นกังวลที่มันค้างกับคนอื่น แต่ผมไม่ไว้ใจพี่รหัสมันต่างหาก”
พี่เบียร์ถอนหายใจก่อนจะเหม่อมองไปไกล
“ วางใจเถอะทีไม่ใช่คนฉวยโอกาสหรอก” น้ำเสียงมั่นใจทำเอาผมุงนงงก่อนจะเกิดความสงสัยอะไรบางอย่าง
“ พี่รู้จักกับพี่รหัสเต้ยด้วยเหรอ”
“ อืม” พี่เบียร์พยักหน้าเนือยๆ “ กูรู้จัก รู้จักดีด้วย” คำตอบนี้ยิ่งทำเอาผมแปลกใจ
“ กูกับทีเคยเป็นมากกว่าคนรู้จักกัน” “ แล้ว”
“ มึงอย่าอยากรู้อะไร รู้แค่ว่าตอนนี้กูกับมันเป็นอดีตกันไปแล้ว”
ผมถอนหายใจกับข้อมูลใหม่ก่อนจะก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง อากาศวันนี้ค่อนข้างเย็นและผมมีแค่เสื้อคลุมตัวบางๆติดตัวมา แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคในการรอคอยหรอก ผมรู้ดีว่ามันไม่ชอบไปนอนค้างอ้างแรมกับคนอื่นหรอก ผมรู้ดีว่ามันต้องกำลังติวหนังสือใกล้จะเลิกแล้วเพราะแสงไฟจากระเบียงห้องนั้นยังสว่างไสวอยู่
ผมเริ่มไอ
ผมฝืนยิ้มเงยหน้ามองแสงไฟนั้น
ไฟระเบียงห้องนั้นดับลง ผมแค่นยิ้ม เดี๋ยวมันก็ลงมา อีกสักพักมันคงลงมา
ผ่านไปเกือบชั่วโมง ไฟระเบียงห้องต่างๆเริ่มทยอยดับลง จนสุดท้ายเหลือแต่ไฟทางเดินและไฟบริเวณโถงชั้นล่าง ผมเงยหน้าขึ้นมองระเบียงนั้นอีกครั้ง และครั้งนี้ผมเห็นแต่ความมืดมิด
น้ำตาผมไหล
ผมกอดอกยืนมองความมืดมิดตรงระเบียงนั้นแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลเงียบๆ ผมอยากรู้จริงๆว่าในค่ำคืนนี้มีใครบ้างที่กำลังร้องไห้เสียใจกับความรักแบบผมบ้าง มีคนอีกกี่คนที่กำลังร้องไห้ให้กับเรื่องรักๆใคร่ๆนี่ไปพร้อมกับผม แต่ผมก็ไม่อาจรู้ ผมไม่รู้เลยข้างๆกันนั้นอย่างลุงรหัสผมก็ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินโดยไม่คิดเช่นเดียวกับผม
***** มาแล้วๆหายไปเป็นอาทิตย์เลยจัดให้แบบยาวๆหน่อย ให้สมกับการลอยรอ เอ้ย รอคอย
ตอนนี้มาแบบสดๆร้อนๆนะ ยังไงเช็คคำผิดให้ด้วยเพราะเพิ่งปั่นเสร็จเมื่อกี้เลย ฮ่าๆๆๆ
ยังคงหน่วงและเศร้าเช่นเดิมป่าว อิอิ
บอกไว้ก่อนนะคะว่าถึงเต้ยมันยังรักอิจ๊อบ แต่ก็ใช่ว่าเรื่องราวมันจะราบเลื่อนหรอกนะ
แม่ยกทีมอิจ๊อบเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ
สงสารพี่ทีเนอะ แม่ยกทีมพี่ทีเช็ดน้ำตาให้สุภาพบุรุษคนนี้ที ถึงเค้าจะไม่รักไม่เป็นไรนะพี่
ไม่แน่หรอกว่า ความดีสักวันมันต้องชนะทุกอย่าง แค่อดทนรอเท่านั้นเอง
มีคนทายถูกเรื่องพี่เบียร์กับพี่ทีเค้ามีอดีตกัน ส่วนจะเซโนหรือรีเทริ์นคงต้องตามกันไป
แต่บอกก่อนว่าคนเขียนใจร้ายนะ ธีมเรื่องมันหน่วงคงไม่มีทุกอย่างสุขสมหวังหรอก ฮ่าๆๆๆ
หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
เจอกันตอนหน้านะค่ะ