ยกที่ 9 : เวลาไม่เคยพอ https://www.youtube.com/watch/v/gIXtYhy2Xj0 “ คบกับกูมั้ย”
...ผมน่าจะรู้ว่าหนึ่งนาทีของคนเรามันไม่เท่ากันจริงๆ...
...ผมมาช้า แม้จะช้าไปแค่เสี้ยววินาทีเดียว แต่ยังไงผลที่ออกมาคือ “ ช้าเกินไป” ...
...ผมมาทัน ทันได้เห็นแผ่นหลังของพี่รหัสมัน บอกคำบางคำกับมัน...
...ผมรู้ตัวช้า ช้าเกินไป เพราะมาช้าเลยต้องสูญเสีย...
เคยมีคนบอกผมว่า “ของใกล้ตามักอยู่ไกลจากสายตาเสมอ” และ”ความเคยชิน” ที่สักวันหนึ่งมันไม่มีไม่เกิดขึ้น สิ่งนั้นจะเรียกว่า “สิ่งที่หายไป”
มันหายไปแล้วจริงๆ มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ ทั้งๆที่มีคนเคยบอกเคยเตือน แต่ผมยังเพิกเฉย ละเลย และไม่เคยหันกลับไปใส่ใจ เหมือนที่ใครคนนั้นได้บอกผมไว้ว่า “ ถ้าไม่สูญเสียจะไม่รู้ตัวว่ามีของมีค่าที่กำลังหายไป”
...รู้แล้ว ‘ผม’ รู้แล้วว่า แม่ง ‘เจ็บเหี้ยๆ’
ผมมองขวดยาคูลย์ในมือแล้วค่อยๆกระดกมันเข้าปาก ไม่รู้รส ไม่รู้เลย รู้แต่ว่า “เค็ม” เค็มน้ำตาของตัวเอง
........
........
“ จ๊อบ”
“.....”
“ จ๊อบค่ะ”
ลูกตาลถอนหายใจเบาๆมองใบหน้าของแฟนหนุ่มเพียงสองเดือนซึ่งบัดนี้ดูจะเหม่อลอยไปเบื้องหน้า หล่อนไม่รู้หรอกว่าแฟนตัวเองมีเรื่องไม่สบายใจอะไร รู้แค่ว่าทุกๆครั้งที่เกี่ยวกับเรื่องของ ‘เพื่อนสนิท’ ชายหนุ่มมักจะนิ่งขรึมและดูเหม่อลอยเสมอ
บางครั้งการอยู่ด้วยกัน ก็เหมือนคนไม่รู้จัก เหมือนไร้ตัวตน เหมือนอากาศ เหมือนว่าเราแค่ใช้เวลาร่วมกันแต่หัวใจของเขานั้นหลุดลอยไปไกล ไกลมาก ไกลจนไม่สามารถตามไปสัมผัสได้
“ จ๊อบ”
ผมสะดุ้งทันทีที่มือบางเอื้อมมาลูบแขนผมเบาๆ ผมกระพริบตาเรียกสติแล้วก็เห็นภาพแฟนสาวตรงหน้ากำลังมีใบหน้าเศร้าหมอง นัยน์ตาคู่สวยของเธอกำลังคลอไปด้วยน้ำใสๆจนผมอดแปลกใจไม่ได้ ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความมึนงงสับสันยิ่งเมื่อผมยื่นมือเข้าไปใกล้ๆหมายจะเกลี่ยรอยน้ำตาของเธอ แต่แฟนสาวของผมเธอก็เบี่ยงหน้าหลบ
“ ตาลเป็นอะไรครับ”
“.....”
“ ตาลร้องไห้ทำไม” ผมถามเธอออกไปอย่างร้อนรน แต่เธอก็เพียงแค่เงียบ
“.....”
“ ตาล โกรธอะไรจ๊อบรึเปล่า ตาลครับ จ๊อบทำอะไรให้ตาลไม่พอใจรึเปล่า”
" จ๊อบ...” เสียงเธอสั่น “ เป็นอะไรรึเปล่า”
ผมเป็นอะไรเหรอ เปล่านี่ คนที่เป็นน่าจะเป็นเธอมากกว่า แต่ทำไมเธอถึงถามผมออกมาแบบนั้น
“ เปล่า แต่ตาล” เธอใช้มือปิดปากผมเบาๆแล้วยิ้มเศร้า “...จ๊อบรู้มั้ย”
“.....”
“ ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันจ๊อบจะชอบนั่งนิ่งๆ เหม่อมองไปเบื้องหน้าเหมือนมีเรื่องให้ขบคิด”
“....”
“ และทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น เพราะจ๊อบกำลังคิดถึงใครบางคน”
“..ผม” คำพูดของผมติดอยู่ตรงลำคอ เมื่อเธอเพียงแค่ยิ้มบางๆ “ ผมแค่..”
“ จ๊อบมีแฟนมากี่คนแล้ว”
อยู่ๆเธอก็ถามคำถามแบบนั้น ทั้งที่เมื่อก่อนเธอไม่เคยถามหาอดีต ไม่เคยอยากรู้เรื่องราวของคนในอดีต แต่วันนี้ ทำไม เกิดอะไรขึ้น ผมขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ มือนุ่มของเธอเลื่อนมากุมมือผมไว้ รอยยิ้มอ่อนหวานนั่นดูจริงใจจนผมไม่กล้าคิดไปในทางไม่ดีว่าเธอกำลังจะชวนทะเลาะเพราะหึงหวงแต่อย่างใด มีแต่ใบหน้าที่เฝ้ารอคำถามตอบ
“ แฟนเหรอ”
“ อืม”
“ สามคนมั้ง”
“ เหรอ..” ลูกตาลยิ้มมุมปาก “ แล้วแต่ละคนคบกันได้นานที่สุด นานแค่ไหน” คำถามต่อมาเหมือนถามเรื่องดินฟ้าอากาศ จนผมอดที่จะสำรวจใบหน้าตรงๆไม่ได้ แล้วก็ไม่พบความผิดปกติใดๆเช่นเคย คำถามนี้ทำให้ผมนิ่งคิดอยู่นาน เพราะกำลังทบทวนเรื่องราวในอดีต ผมเริ่มขอผู้หญิงเป็นแฟนจริงๆก็ตอนม.ปลาย ซึ่งแต่ละคนที่ผมคบอย่างจริงจังมีเพียงสามคน และแต่ละคนก็คบกันไม่เกินสองเดือนด้วยซ้ำ
“ สองเดือน”
“ สองเดือนงั้นเหรอ” ลูกตาลทวนประโยคนั่นเสียงแผ่ว
...ไม่เกินสองเดือนเหรอ...
ผมนึกฉุกในใจ นั่นสิ ทั้งๆที่ผมคบใครก็คบที่ละคน ถึงจะมีนอกกายบ้าง แต่ผมก็ทุ่มเทให้พวกเธอหมดทุกอย่าง ทั้งความรักและความห่วงใย ไม่เคยคิดนอกใจพวกเธอเลยด้วยซ้ำแต่ ทำไมทั้งสามคนที่ผ่านมาถึงจบกันตั้งแต่สองเดือนแรกทุกราย เพราะอะไรกัน
“ จ๊อบรู้มั้ยว่าทำไมความสัมพันธ์กับแฟนเก่าของจ๊อบถึงไม่ยืดยาว”
“ ไม่รู้สิ” นั่นสิ ทำไมถึงไม่รู้
ลูกตาลหันมามองหน้าผมตรงๆ “..ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนได้หรอกที่เห็นแฟนตัวเองห่วงใยคนอื่นมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนๆนั้นเป็นเพื่อนสนิทของแฟนตัวเอง”
“ ลูกตาลพูดอะไร”
“ จ๊อบ”
“....”
“ ยอมรับเถอะ...” คราวนี้น้ำตาเธอค่อยๆไหลออกมาจนผมตกใจนึกอยากจะคว้าร่างน้อยๆนั่นมาปลอบโยน แต่เธอก็แค่โบกมือปฎิเสธแล้วฝืนยิ้มให้อีกครั้ง “ ทุกเรื่องที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเต้ย...จ๊อบร้อนรนเสมอ”
ผมตาเบิกโพรงเมื่อได้ยินคำๆนั้นจากปากของแฟนสาวตนเอง ผมกำลังส่ายหน้าไปมา
“ เต้ยชอบกินยาคูลย์ ชอบมาก ชอบขนาดนี้ที่กินจนติดเป็นนิสัย และทุกๆวันจ๊อบจะต้องซื้อนมเปรี้ยวแบบนั้นไปให้เต้ย...”
ผมนั่งอึ้งไปถ้อยคำจากปากลูกตาลแล้วนิ่งคิดตาม ภาพเหตุการณ์เกี่ยวกับเรื่องนั้นฉายวาบเข้ามาในสมอง “...เต้ยเป็นโรคกระเพาะ และทุกกลางวันจ๊อบต้องโทรไปเตือนให้เขากินข้าวให้เป็นเวลา เวลาที่ออกไปไหนกับเพื่อนหรือกับตาล จ๊อบมักจะมีของฝาก ไม่ก็แวะไปหาเต้ยที่หอก่อนกลับคอนโดตัวเองเป็นประจำ”
“ วันนั้นตอนที่เจอเต้ยหน้าวิทยา ถ้าไม่ใช่เพราะกำลังจะพาตาลที่ไปกิน จ๊อบคงตามเต้ยไปแล้วเพียงแค่ใบหน้าเศร้าๆของเพื่อนสนิทตัวเองจริงรึเปล่า”
ใช่งั้นเหรอ ใช่รึเปล่า วันนั้นที่ผมหยิบซองยาทัมใจใส่มือมัน หน้ามาเศร้าแปลกๆจน ต้องหาข้ออ้างซื้อยาคูลย์ไปให้มันที่คณะ เพียงแค่อยากเห็นหน้ามัน อยากรู้ว่ามันตอนนั้นจะเป็นยังไง
“ เต้ยหกล้มตอนแข่งบาสกีฬาเฟรชชี่ จ๊อบเป็นแรกที่ขยับตัวเข้าไปดู จ๊อบรู้มั้ยว่าสีหน้าตอนนั้นของตัวเองเป็นยังไง จ๊อบตกใจหน้าซีดตอนที่เห็นเต้ยล้มลงไป”
“.....”
“ และที่ชัดที่สุด...” ลูกตาลสะอื้นเบาๆ จนความรู้สึกผิดกระแทกตรงกลางใจ หัวใจผมชาวาบ มือไม้เย็นเฉียบและละอายเกินกว่าจะอาจเอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้เธอ “...วันที่ตาลกับเต้ยตกเก้าอี้ตอนไปติดบอร์ด ฮึก คนแรกที่จ๊อบเรียกหาก็คือเต้ย...”
คราวนี้ความรู้สึกบางอย่างแตกโพล๊ะในหัวสมอง ภาพเหตุการณ์ระหว่างผมกับเพื่อนรักตั้งแต่อดีตฉายวาบเรียงลำดับขั้นตอนร้อยรัดเป็นเรื่องราว
“ จริงอยู่ที่จ๊อบไปส่งตาลที่บ้านหลังจากไปหาหมอแล้ว ทั้งๆที่วันนั้นจ๊อบอาหารเป็นพิษ แต่...” แววตาของหล่อนจ้องมองใบหน้าผมแล้วยิ้มให้กว้างๆ ทั้งๆที่รอยยิ้มนั้นดูฝืดฝืนเสียเหลือเกิน “ จ๊อบยังไปหาเต้ยคืนนั้น”
เธอกำลังฝืน ฝืนกลั้นน้ำตา จนผมรู้สึกชั่วช้าที่สุดที่ไม่อาจถนอมหัวใจของเธอเอาไว้ได้
“ ตาล ผม..”
“....”
“ ขอโทษตาล ผมขอโทษ” น้ำตาผมไหลเอื่อยๆ ผมรู้สึกถึงแรงกอดที่กระชับร่างกายผมไว้ เธอใช้มือข้างหนึ่งลูบแผ่นหลังผมเบาๆ แล้วถ้อยคำปลอบโยนที่กรีดกกลางดวงใจผมเต็มๆ
“ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
“ ผมขอโทษ ผมมันงี่เง่า ผมมันเลว ผมมันซื่อบื้อ ผมมันไม่เอาไหน ผม...” เธอเลื่อนมือมาปิดปากผมเอาไว้ทำให้คำพูดดูถูกตัวเองต้องหยุดชะงักไป
“ ไม่เป็นไร จ๊อบไม่ผิด ในเมื่อไม่รู้สึกก็คือไม่รู้สึก แต่ถ้ารู้สึกแล้วก็ขอให้ทำความรู้สึกนั้นให้ชัดเจน”
“ ตาลดีใจนะที่จ๊อบรู้แล้ว”
“ ผม”
“ จ๊อบตั้งสตินะ ค่อยๆคิด” เธอลูบบ่าผม
“ แต่ผม..” ผมถอนหายใจกับความรู้สึกหนังอึ้งในใจ มันคือความจริงหรือ มันใช่รึเปล่า ความจริงที่ผมปฏิเสธมาตลอด
“ ขอบคุณนะที่ทำให้ตาลมีความสุขตลอดสองเดือน”
“ ตาลเดี๋ยว...”
“ ให้เราเจ็บกันวันนี้ดีกว่า ความผูกพันจะทำให้เราเจ็บยิ่งกว่านี้”
พูดจบเธอก็สวมกอดผมอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินจากไป ตอนที่เห็นเธอเดินจากไป ผมบอกตัวเองว่าทำอะไรไม่ถูกเหมือนผมมองเห็นภาพอดีตแฟนทั้งสามคนซ้อนทับกับแผ่นหลังของลูกตาล
...ผมเลิกกับแฟนคนแรก เพราะผมไปเฝ้าไข้ไอ้เต้ยเป็นสัปดาห์ แต่พอชวนเธอไปไหนผมก็ไม่ไปเพราะเป็นห่วงมัน...
...ผมเลิกกับแฟนคนที่สอง เพราะช่วงนั้นซ้อมบาสหนักเป็นเพื่อนไอ้เต้ย สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหวเดินจากผมไป...
...ผมเลิกกับแฟนคนที่สาม เพราะเธอยื่นคำขาดว่าให้เลือกระหว่างเธอกับไอ้เต้ย เหตุเพราะทุกที่ที่ผมไปมักมีมันไปด้วยเสมอจนเธอคนนั้นรู้สึกว่าเธอดูไม่มีความหมายกับผม ผมเปล่าเลือกมันเพียงแต่ผมเอ่ยปฏิเสธที่จะเลือกเธอ...
“ ตาล”
ผมเดินไปคว้ามือเธอทันตอนที่เธอกำลังไปถึงร้านกาแฟยี่ห้อหรูหน้าคณะผม เธอเลิกคิ้วมองผม
“ ฟังผมอธิบายก่อนได้มั้ย”
“ จ๊อบ”
อยู่ๆเธอก็โน้มใบหน้ามากดจูบที่แก้มสากของผมเบาๆ พอดีกับที่สายตามองบังเอิญไปสบกับสายตาของมันซึ่งนั่งติดกระจกในร้านกาแฟนั่น มันยิ้มให้ผมถึงจะดูเป็นรอยยิ้มที่ปั้นแต่ง แต่ก็เป็นรอยยิ้มจากใจของมัน ก่อนที่มันจะเดินออกจากร้านไป ตอนนั้น
ผมไม่รู้ว่าปฏิกิริยาร่างกายตัวเองเป็นยังไง
ผมตกใจ ผมใจหาย ผมไม่อยากให้มันร้องไห้
ผมร้อนรนเพียงแค่มันกำลังเข้าใจผิด
ผมอยากอธิบายให้มันฟัง
ผมแคร์ความรู้สึกของมันที่สุด แคร์มาก ห่วงมาก ผมรู้แล้ว ผมเข้าใจถูกแล้ว
เพราะผม....มัน
รู้ตัวอีกทีผมก็วิ่งตัดหน้ารถที่เบรกเสียงดังเอี๊ยดเพื่อไปถามมันว่ามันร้องไห้ทำไม และได้คำตอบจากมันว่า
“ ไม่เป็นไร” ก่อนที่มันจะเดินไปตามแรงฉุดของพี่รหัสมัน
ผมถอนหายใจก่อนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมวิ่งข้ามฝั่งมาโดยทิ้งแฟนสาวของตัวเองไว้หน้าร้านกาแฟนั่น ผมหันกลับไปมองเธอเห็นเธอยืนร้องไห้เงียบๆ
ผมมันชั่ว ผมมันเลว ผมทำให้ผู้หญิงที่เคยรักผมหมดหัวใจต้องร้องไห้
ผมไม่คู่ควรกับน้ำตาของเธอจริงๆ
ผมสวมกอดเธอ เรากอดกันแน่นและนาน ผมน้ำตาซึมเมื่อเห็นเธอพยายามฝืนยิ้มให้ก่อนจะตบบ่าผมเบาๆ
“ เส้นผมมันมีขนาดเล็กก็จริง แต่มันทำให้เกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์ได้ คนเรามักไปหาสาเหตุที่กว้างใหญ่จนลืมมองข้ามสิ่งเล็กๆไป แสดงให้เห็นว่าของใกล้ตัวมักถูกมองข้ามเสมอ อย่าให้เส้นผมที่บังภูเขาต้องบังหัวใจด้วยเลย”
...ผมเลิกกับแฟนคนที่สี่ เพราะผมรู้ตัวเองว่าผมชอบผู้ชาย ผู้ชายที่เป็นเพื่อนสนิทของผม...
...ผมเลิกกับแฟนคนที่สี่ เพราะผมรู้ตัวว่าคิดไม่ซื่อเพื่อนตัวเองมานานแล้ว...
...ผมเลิกกับแฟนคนที่สี่ เพราะผมยอมรับหัวใจของตัวเองว่าผมชอบมัน ผมชอบไอ้เต้ย
‘กูชอบมึงหว่ะเต้ย’
.
.
.
.
และผมกำลังจะอกหักเป็นครั้งที่ห้า เพราะ
“ คบกับกูมั้ย”
“ พี่ที คือผม...”
ผมหันหลังกลับจากภาพการขอคบกันหน้าเซเว่นแถวคอนโดนั่น
‘ แม่ง เจ็บเหี้ยๆ สำหรับความรักครั้งที่ห้าซึ่งยังไม่ได้เริ่มก็จบลงแล้ว’
หึ ผมปาดน้ำตาออกจากใบหน้าก่อนจะดูดยาคูลย์แล้วหัวเราะทั้งน้ำตา
*** แหะๆ หายไปนานจริงๆ 5555 มีเรื่องนิดหน่อยค่ะ
แต่ตอนนี้แก้ไขได้แล้วจ้า
เชิญนักอ่านรุมด่า สมน้ำหน้า เห็นใจ เมตตา และสงสาร
อิจ๊อบกันได้เลยจ้า

สมชื่อตอนป่ะ ฮ่าๆ (ปล.คนเขียนโรคจิตป่ะ ให้ทาย)
ตอนหน้าเจอน้องเต้ยและพี่ที(สรรพนามสองมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัด)นะจ๊ะ
หน่วงต่อไปและจงทายไปเถอะว่าใครเป็นพระเอก เอ๊ะๆ หรือไม่มีน้า

ปล. เรื่องนี้ไม่มี 3p นะค่ะ คอมเฟริ์ม คริคริ ( โดยส่วนตัวเค้าเชื่อว่าความรักที่แท้จริง
ต้องเกิดกับคนๆเดียว และอย่างน้อยมันต้องเกิดขึ้นสักครั้งในชีวิต) ดูมีสาระ

เจอกันตอนหน้าจ้า