ยกที่ 7 : ความพยายาม “ โอ้ย”
“ ง่วง”
“ ไม่ไหวแล้ว”
พูดจบไอ้จอมโวยวายตั้งแต่เริ่มติวหนังสือก็ทำท่าหมดเรี่ยวหมดแรงคล้ายกับไม่มีกระดูกแล้วแอบเนียนไหลตัวเอาศีรษะไปพิงกับบ่าเล็กของเพื่อนตัวเล็กเรียกสีแดงก่ำจากคนที่กำลังถูกลวมลาม ผมหรี่ตามองความเนียนของไอ้แท็คที่เนียนจนน่าหมั่นไส้มันแอบเอาหัวไปไถๆแถวบ่าของว่านซึ่งอุทิศตัวเป็นติวเตอร์ให้เพื่อน ส่วนสองสาวพิมพ์กับดาวสบตากันและแอบกรี๊ดเบาๆตามประสาสาววายจนผมขำ
“ เอ่อ”
ว่านเกาแก้มแก้เขินพยายามสะกิดไหล่ไอ้แท็คเบาๆเป็นผมหน่อยไม่ได้จะผลักให้หัวหลุดเลย
“ ตอแหล”
“ อิจฉากูหล่ะสิ”
“ ชิ”
ผมกับไอ้แท็คลอบด่ากันเสียงเบาโดยใช้วิธีอ่านจากปากเพราะพูดเสียงดังไม่ได้เนื่องจากอยู่ “หอกลาง” หรือ “ หอสมุดกลาง” ของมหาวิทยาลัยซึ่งนอนนี้คราคล่ำไปด้วยบรรดานิสิตซึ่งมุ่งหน้ากันมาเพื่อหามุมสงบในการรวบรวมสติสำหรับการอ่านหนังสือเพื่อสู่ศึกการสอบกลางภาคครั้งนี้ ซึ่งหนึ่งในบบรดานิสิตทั้งหลายที่รวมตัวกันอยู่ที่แห่งนี้ก็มีพวกผมซึ่งประกอบไปด้วย ผม ไอ้แท็ค ว่าน พิมพ์และดาว รวมตัวกันเพื่อติวหนังสือสำหรับการสอบครั้งแรกในชีวิตนิสิตในรั้วมหาวิทยาลัย
“ แท็ค”
“ครับ”
“ ลุกขึ้นมาอ่านดีๆ...” ว่านทำหน้ายุ่งใส่ “...เร็ว ว่านจะติววิชาเจนเคม* (General chemistry : เคมีพื้นฐาน) ให้”
“ ไม่ไหวอ่ะว่าน แท็คง่วงจังเลย ขอนอนก่อนนะ” ว่าแล้วก็ซุกใบหน้าไปตรงบ่าเล็กจนปากมันเฉียดแก้มว่านเรียกเลือดฝาดตรงแก้มนวลส่วนผมก็แอบเบ้ปากใส่มัน
“....”
“ เอ้ย”
“ ถอนใจทำไมวะ”
“เฮ้ย”
ไม่ใช่เรียกอุทานตกใจของผมคนเดียวหรอกครับ เรียกได้ว่าทั้งโต๊ะพากันตกใจเพราะพี่รหัสผมซึ่งโผล่มาแบบไม่ให้ซุ้มให้เสียงพร้อมกับยืนยิ้มเผล่ออร่าความหล่อคงจะกระแทกตาสองสาวจนอายม้วนต้วนแทบจะกองกับพื้น
“ สวัสดีครับ/ค่ะพี่ที”
พี่รหัสผมพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มมุมปากแต่เรียกให้ใบหน้าคมคายดูสว่างจ้า
“ อ่ะ พี่ซื้อขนมมาฝากเห็นว่าอ่านหนังสือกันหนัก”
“ โหยกำลังหิวเลยพี่”
ไอ้แท็คตาวาวรีบตะครุบของกินอย่างว่องไว ส่วนผมแค่ยิ้มขำกับท่าทางของมันไม่ต่างจากคนอื่นๆ
“ มึงเป็นไงบ้าง”
“ ผมสบายดีพี่”
ผมตอบก่อนจะยิ้มให้พี่รหัส
“ ดีแล้ว”
ใช่ดีแล้ว มันกำลังจะดีขึ้นแล้ว เกือบสองอาทิตย์แล้วหลังจากที่ไอ้จ๊อบมาหาผมที่หอและเป็นสองอาทิตย์สำหรับการสอบกลางภาค ผมก็เลยวุ่นวายอยู่กับการอ่านหนังสือเตรียมสอบ มันเลยเป็นตัวช่วยให้ผมไม่ต้องหมกมุ่นเรื่องของมันมากนักหรือแท้จริงแล้วมันอาจจะเป็นข้ออ้างให้ในตัวเองในการลืมๆไปว่า ...ผมในตอนนี้เป็นเช่นไร...
ผมรู้ดีว่าการตัดใจหรือการลืมใครสักคนเป็นเรื่องที่ยาก ยากมาก ยากที่สุด ยิ่งคนๆนั้นเป็นรักแรกและรักเดียวมาตลอด เพราะตั้งแต่ที่เริ่มรู้ตัวว่าชอบใคร ผมก็ไม่เคยมีสายตาให้ใครนอกจากมันซึ่งเป็นเหมือนการการตอกย้ำกับตัวเองแล้วว่าผมชอบผู้ชาย และมันก็เป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวมาจนถึงบัดนี้ที่ผมใจเต้นแรงทุกครั้งที่คิดถึง ผมยอมรับว่าแปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเวลามองผู้ชายคนอื่นผมถึงไม่ได้มีท่าทีพิเศษแบบนี้ ออกจะเฉยๆและไร้ความรู้สึกด้วยซ้ำแต่กับมัน มันคนเดียว เฮ้ย
“ เฮ้ย”
ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่ามือหนาของใครบางคนแตะตรงกลางคิ้วทั้งสองข้างแล้วพยายามคลี่คิ้วซึ่งขมวดอยู่ของผมให้กลับคืนสู่ปกติ “ คิ้วมึงจะย่นติดหน้าผากละ”
“....”
พอเสร็จก็หันไปคุยกับไอ้แท็คต่อจนผมต้องมองตา พี่รหัสผมมีบุคลิกที่พิเศษอยู่อย่างนึงคือแกมักไม่ค่อยพูดออกมาตรงๆหรอกว่าเป็นห่วงเป็นใยใครทุกอย่างมักแสดงออกด้วยการกระทำ เหมือนกับใคร ใครคนนั้น
“ อ่ะ”
“ อะไรพี่”
“ ก็เห็นอยู่ว่านม..” พี่ทียักคิ้วกวนๆจนผมยิ้มตาม แปลกเนอะเวลาอยู่ใกล้ๆกับพี่ทีผมรู้สึกสบายใจบอกไม่ถูก มันทั้งปลอดโปร่งทั้งโล่งใจ
“ อ๊ะๆจับนมกูแล้วให้แม่มาขอเลยนะ” คราวนี้เรียกเสียงหัวเราะทั้งโต๊ะจนผมต้องส่ายหัวรีบคว้ากล่องนมในมือพี่ทีมาอย่างรวดเร็วแล้วดึงหลอดออกมาเจาะตรงรูนมพร่องมันเนยแล้วดูดทันทีพร้อมกับลอยหน้าลอยตากวนอารมณ์พี่รหัสตัวเองจนถูกโบกหัวเบาๆทีนึง
“ ป่ะ” อยู่พี่แกก็สะกิดแขนเรียกพร้อมกับชวนผมลุกจนตั้งตัวไม่ทัน
“ ไปไหนพี่”
“ ดูดาว”
“ ห่ะ” ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเองที่บอกเวลาแค่บ่ายแก่ๆเอง “...ตอนบ่ายสองเนี่ยนะ”
“ เออดิ”
ผมยังไม่ทันเข้าใจที่แกพูดก็ต้องรีบลุกขึ้นทันทีพร้อมกับคว้ากระเป๋า ปากก็ดูดกล่องนมเร่งเดินตามไปติดๆ แต่ตรงหัวมุมลิฟต์ที่กำลังรอกันอยู่ ผมเห็นมันเดินมาจากอีกฝั่งหนึ่งเราต่างคนต่างเห็นกันก่อนจะชะงัก
...ผมชะงักเพราะไม่เคยเห็นมันกินยาคูลย์ซึ่งกำลังถือดูดอยู่...
...ส่วนมันคงชะงักที่ไม่เคยเห็นผมกินนมกล่อง... เราสบตากับแวบนึง มันเป็นฝ่ายยิ้มให้ผมก่อนพร้อมกับโคลงศีรษะทักทาย แล้วเดินแยกออกไปอีกทางพร้อมกับเด็กวิศวะฯที่ใส่ช็อปอีกเป็นฝูง ผมควรจะดีใจใช่มั้ย ควรจะรู้สึกอย่างนั้นใช่มั้ยในเมื่อไอ้จ๊อบมันเป็นคนรักษาสัญญาขนาดนี้
...ยังจำกันได้มั้ยที่มันบอกว่าผมจะไม่มาให้ผมเห็นหน้าอีก แล้วมันก็ทำแล้วจริงๆตลอดสองสัปดาห์ผมไม่เคยเจอกับมันตรงๆเลยสักครั้งหรือถ้าบังเอิญเราเห็นกันแต่ไกลๆก็จะเป็นมันที่ส่งยิ้มให้พร้อมกับเดินผละแยกไปอีกทางตลอด มันพยายามหลีกเลี่ยงตลอดเวลาที่เราจำเป็นต้องเจอกันจังๆ
...ผมหลับตานิ่งพร้อมสูดหายใจเข้าลึกๆ ผมต้องทำได้สิไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ผมต้องผ่านมันไปให้ได้ ไม่อย่างนั้นคนอกหักทั้งโลกคงร้องไห้คร่ำครวญจนไม่เป็นอันทำอะไร ในเมื่อคนเหล่านั้นยังผ่านวันคืนอันเลวร้ายได้ ทำไมคนอย่างผมจะทำไม่ได้
“ เต้ย”
“.....”
“ กูอยู่ตรงนี้นะ”
ผมเงยหน้ามองพี่รหัสตัวเองที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ แววตาพี่แกเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยนมือหนานั่นลูบศีรษะผมเบาๆพร้อมกับแตะมือกับศอกผมแล้วพาออกเดินไป จะเป็นการเข้าข้างตัวเองเกินรึเปล่าที่หางตาผมเห็นไอ้จ๊อบมันหันกลับมาแล้วยืนมองพวกผมสองคนอยู่นานก่อนจะผละจากไปแต่เมื่อผมหันกลับไปมองอีกครั้งกลับเห็นแต่ความว่างเปล่า
...คงจะว่างเปล่าเหมือนหัวใจเจ้าของเขาที่มีให้ผมสินะ... “ จ๊อบ”
“.....”
“ ไอ้จ๊อบ”
ผมสะดุ้งกับแรงสะกิดของไอ้เต็ปก่อนจะละสายตาจากภาพตรงหน้า
“ ดูอะไรวะ”
“ เปล่านิ”
“ เออๆงั้นรีบๆเลย เค้าจะเริ่มติวแคลฯกันแล้ว”
“ เออ เดี๋ยวตามไป”
“ เฮ้ย” ผมถอนใจเซ็งๆมองขวดยาคูลย์ในมือซึ่งแตกคามืออีกแล้ว นี่มันอะไรนักหนาวะ ตลอดสองอาทิตย์นี่เขาเผลอบีบยาคูลย์จนมันแตกไปหลายขวดแล้วเนี่ย
“ ได้ข่าวว่าเขาทำออกมาให้กินไม่ใช่ให้มึงบีบเล่นระบายอารมณ์”
ไอ้เต็ปกลับมาอีกครั้งพร้อมกับมองนมเปรี้ยวซึ่งโชคร้ายแตกคามือแล้วถอนใจปลงๆ มันเดินมาตบไหล่ผมเบาๆ “ มึงนี่ก็แปลกเนอะ แต่ไหนแต่ไรไม่เห็นกินสักทีไอ้นมเปรี้ยวเนี่ย พักนี้เป็นอะไรวะเล่นกินแทนน้ำขนาดนี้”
“ กูแปลกไปเหรอ” ผมพึมพำเบาๆ
“ เออ”
ใช่สิ คงจะแปลกไป แปลกไปตั้งแต่เห็นมันร้องไห้ครั้งนั้นแล้ว มันร้องไห้เพราะผมและร้องหนักมากจนตาบวมช้ำไปหมด
...ทำไมผมถึงรู้สึกว่าอยากเช็ดน้ำตาให้มันขนาดนั้น...
***********************************************
“ ตื่นๆ”
“....”
“ เต้ย ตื่นเถอะ ถึงแล้ว”
“....” เสียงเหมือนใครเสียงผมจากที่ไกลๆสักที น้ำเสียงอ่อนโยนกระซิบเบาๆจนชวนให้ยิ้มตาม
“ เต้ย”
“ อื้ม” ผมขานรับคงเป็นเสียงของแม่สินะ แม่สารภีชอบปลุกเขาเสียงแผ่วข้างหู น้ำคำอบอุ่นหวานหูชวนให้รู้สึกสบายใจและปลอดภัย
...แม่จ๋าเต้ยคิดถึงจัง... “ เต้ย”
นทีมองภาพตรงหน้าแล้วยิ้มน้อยๆ ไอ้น้องรหัสเขามันกำลังฝันหวานสินะถึงได้กอดหมอนรองศีรษะเสียแน่น ตามันหลับพริ้มราวกับคนกำลังฝันดี ...ไอ้เด็กนี่ ไหนบอกจะชวนคุยตลอดทาง พอถึงครึ่งทางเท่านั้นแหละดันหลับหนีกันซะได้...
“ ถ้ามึงยังไม่ตื่นก็จะจูบปลุกแล้วนะ” นทีแกล้งกระซิบข้างหูเสียงแผ่วทำเอาคนที่งัวเงียตาลุกโพรงก่อนจะถลาไปเบียดชิดประตูเรียกเสียงหัวเราะจากคนตัวโต
“ พี่แม่ง”
“ ฮ่าๆๆๆ”
ผมอดค้อนใส่พี่รหัสตัวเองไม่ได้ก่อนจะรีบเปิดประตูรถออกมา ตอนที่ผมได้มีโอกาสสังเกตสถานที่รถคันหรูของพี่แกจอดสนิทอยู่ทำเอาผมยืนอึ้ง ถาพตรงหน้าคือบ้านเรือนไทยกึ่งปูนทรงโบราณหลังโอ่อ่าบอกถึงฐานะของเจ้าของ พื้นที่ทั้งหมดมีเรือนไทยตั้งตะหง่านรายล้อมด้วยสวนดอกไม้และต้นไม้ นอกจากนี้ยังมีเรือนไม้รับรองแขกอีกสามหลังตั้งอยู่ในระยะที่ไม่ห่างไกลกันมากนัก ที่สำคัญมีลำคลองขนาดใหญ่ไหลผ่านหลังเรือนชวนให้นึกถึงเรือนรับรองของเจ้านายในอดีต
“ ที่ไหนอ่ะพี่”
“ อยุธยา” ผมหันขวับมองหน้าพี่ทีก็เห็นแกยิ้มๆ พอดีกับที่ร่างของหญิงวัยกลางคนในชุดผ้าซิ่นสวยงามเดินออกพร้อมกับร้องเรียกพี่ทีเสียงดัง
“ คุณที”
“ แม่อ่อน”
ผมยืนมองพี่รหัสตัวเองอ้าแขนกว้างโอบกอดร่างนั้นไว้แล้วหัวเราะเสียงสดใส ไม่ต่างจากอีกฝ่ายมากนักท่าทางคนทั้งคู่ดูสนิทสนมและคิดถึงกันจนลืมผมไปชั่วขณะ แต่แม่อ่อนตามที่พี่ทีเรียกเหมือนจะรู้ตัวเลยดันตัวออกแล้วยิ้มอ่อนๆให้ผมอย่างเอ็นดู
“ แฟนคุณทีเหรอค่ะ” พี่ทียิ้มนิดๆ ส่วนผมถึงกับหน้าเหวอก่อนที่พี่แกจะแก้ไขความเข้าใจผิด “ ไม่ใช่หรอกครับแม่อ่อน นี่เต้ยน้องรหัสผมเอง...เต้ยนี่แม่อ่อน คนสนิทแม่กูเอง”
หลังจากแนะนำให้รู้จักกันทั้งสองฝ่ายแล้ว แม่อ่อนก็ขอตัวไปจัดเตรียมอาหารเย็นเพราะดูจากนาฬิกาข้อมือแล้วปาไปตั้งห้าโมงเย็น ผมจึงมีโอกาสได้มีเดินสำรวจรอบๆบ้านซึ่งจากที่ทราบมาเป็นบ้านของคุณทวดพี่ทีซึ่งสร้างมานานแล้วแต่ไม่มีใครอยู่นอกจากแม่อ่อนกับคนสวนสองสามคนคอยดูแล เพราะพ่อ แม่ คุณปู่ คุณย่าพี่แกอยู่บ้านใหญ่ในกรุงเทพฯ แต่จะแวะมาพักผ่อนที่นี่เดือนละสองครั้ง
ผมยืนมองสายน้ำที่กำลังไหลเอื่อยๆแล้วปล่อยความคิดไปกับมัน ชีวิตคนเราก็เหมือนสายน้ำนั่นแหละ เพราะมันมีแต่เดินไปข้างหน้าไม่มีวันไหลย้อนกลับไปแก้ไข เปรียบได้กับความรู้สึกซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วต่อให้หักห้ามใจแค่ไหนแต่สุดท้ายมันก็ยังตกตะกอนอยู่ในใจเช่นเดิม ........
........
“ สวยมั้ยหล่ะ”
...สวยครับ...
ผมอมยิ้มเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยหมู่ดาวระยิบระยับเปล่งประกายแสงอย่างสวยงาม หลังจากทานข้าวเย็นกันสุดท้ายพี่รหัสผมก็บังคับกึ่งเคี่ยวเข็ญให้ค้างคืนที่นี่ โดยให้เหตุผมว่าพี่แกเหนื่อยขี้เกียจขับรถกลับทั้งๆที่ท่าทางก็ดูกระปรี้กระเปร่าไม่เห็นจะดูเหนื่อยล้าตรงไหนเลย ผมส่ายหัวขำๆ
“ กูว่าก็งั้นๆแหละ”
“ อ้าว” ผมทำหน้างง
“ มึงรู้มั้ยสำหรับกูนะ การนั่งดูดาวคนเดียวแม่งโคตรน่าเบื่อ...” พี่แกอมยิ้มก่อนจะเหม่อมองไปข้างหน้า
“..มันอยู่ที่ว่าดูกับใครมากกว่า” “ พี่ไม่ชอบดูดาวเหรอครับ”
“ เมื่อก่อนชอบแต่เดี๋ยวนี้เฉยๆหว่ะ...” พี่ทีเงียบไปสักพัก “...ที่เคยชอบเพราะคนๆนึงเคยชวนกูดู”
“ แฟนพี่เหรอ..” ผมทำหน้าทำตาสอดรู้สอดเห็นใส่จนพี่ทีแกล้งผลักหัวผมแรงๆ
“ มันเป็นอดีตไปแล้วหว่ะ เขาเรียนม.ปลายห้องเดียวกับกูเอง หึ คบกับตั้งแต่ม.ปลายจนเข้ามหาลัย สุดท้ายเขาก็ขอเลิก เหอะ คนถูกทิ้งก็เงี้ย”
ผมทำตาโตไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเท่าไหร่นัก “...หน้าอย่างพี่นี่ถูกสาวทิ้งเหรอ ผมไม่อยากจะเชื่อ”
“ เชื่อเถอะหว่ะ หน้าอย่างกูนี่แหละที่ถูกทิ้งมาแล้ว” ผมพยักหน้าตามขนาดพี่รหัสผมหนังหน้าดียังมีปัญหาเรื่องความรัก หึ ไม่ต่างจากผมหรอกมั้ง
“ เอาน่าพี่หน้าอย่างพี่ทีนี่สาวเห็นก็วิ่งตามเป็นพรวนแล้ว”
“ กูก็ว่างั้น” พี่แกยืดอกรับคำชมอย่างอารมณ์
...รักเอ๋ยรัก... ...ผมแค่นยิ้มให้กับความมืดที่โรยตัวรอบเรา ...แท้จริงแล้ว.. ความรักก็มีด้านมืดอยู่บ้างเพราะนอกจากด้านสว่างที่เวลาคนเราได้รักมาครอบครองต่างสุขใจและโลกทั้งใบเต็มไปด้วยความสุข แต่ด้านมืดนี่สิเวลาถูกความรักเล่นงานมันก็พาให้หัวใจเจ็บปวดได้เหมือนกัน
...นี่คงเป็นนิยามรักสำหรับคนอกหักมั้ง... “ สำหรับกูนะ การอกหักก็ไม่ได้แย่เสมอไปหรอก..” พี่ทียิ้มนิดๆแต่ทำให้ใบหน้าคมคายดูเจิดจ้าราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า จนผมเผลอจ้องมองด้วยความประหลาดใจ
“ เพราะอย่างน้อยๆมันก็ทำให้เราโตขึ้นและได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น” “ พี่คิดงั้นเหรอ”
“ เออ” ท่าทางดูอารมณ์ดีเวลามองท้องฟ้า “ ไม่มีใครตายเพราะอกหักหรอก แต่ที่คนพวกนั้นทำร้ายตัวเองเพราะความคิดเขาต่างหาก”
“ พี่แม่งเป็นคนคิดบวกดีจัง”
“ หึ แล้วมึงจะคิดอะไรนักหนาหล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่งก็เช้าแล้ว”
...ใช่สิ พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว... พี่ทีลุกขึ้นปัดฝุ่นตรงกางเกงแล้วพยักเพยิดชวนผมเข้าบ้าน ตอนที่ผมยื่นมือไปสัมผัสกับมือหนาที่ยื่นมาให้ผมจับคว้าตอนลุกใบหน้าพี่แกก็เคลื่อนมาใกล้ๆแล้วกระซิบข้างหู
“ มึงควรจะรู้เรื่องพี่รหัสตัวเองให้มากกว่านี้นะ..” พี่ทียิ้มเจ้าเล่ห์จนผมนึกแปลกใจแต่ต้องถึงกับตาถลนตอนที่ได้ยินประโยคถัดมา
“ กูเรียนโรงเรียนชายล้วนมาหว่ะ” ...งั้นแฟนพี่ ก็ เอ่อ...
ผมทำหน้าอึ้งรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้วันนี้จนพี่ทีต้องเหนี่ยวคอผมมากอดไว้แล้วโยกเบาๆพร้อมขยิบตาใส่จนผมหลบสายตาทันไม่ทันด้วยความอายในความโก๊ะของตัวเอง
“ พี่แม่ง”
*** เอาแล้วๆ พี่ทีแกเริ่มละนะจ๊ะ อะไรยังไงดีอิจ๊อบ
เหอะพี่แกดูไนท์ดีเนอะ อิอิ เคลิ้มเลยดิ
จะพยายามอัพบ่อยๆนะ แต่ด้วยภาระงานและมีนิยายที่ต้อง
แต่งในมือเยอะอยู่ เค้าจะพยายามนะจ๊ะตะเอง
ชอบอ่านเม้นท์แต่ละคนอ่ะ ดูอิ้นอินเนอะ อย่างว่าแหละ
มันอิงมาจากความเรียลจ้า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
เจอกันตอนหน้าค่ะ
