ยกที่ 6 : ยังทำไม่ได้ http://www.youtube.com/watch/v/Qkbh5q3IS4A ฟังเพลง ยังทำไม่ได้
“ จ๊อบค่ะ”
“.....”
“ จ๊อบ”
“.....”
“ จ๊อบค่ะจ๊อบ”
เสียงเรียกครั้งที่สามพร้อมกับแรงสะกิดตรงบ่าเบาๆเรียกสติผมให้กลับมาอีกครั้ง ภาพตรงหน้าคือใบหน้าสวยหวานของแฟนสาวซึ่งตอนนี้เธอกำลังทำหน้านิ่วมองผมด้วยความแปลกใจ อ่อ คงจะแปลกใจที่พักนี้ผมมักจะเหม่อลอยแบบนี้เวลาที่อยู่กับเธอบ่อยๆ
“ จ๊อบค่ะ”
“ ครับ”
“ จ๊อบเป็นอะไรรึเปล่า”
“ เปล่าครับ”
“แน่ใจเหรอค่ะ หน้าจ๊อบดูซีดๆนะ”
“ ไม่เป็นไรครับ ตาลอย่าห่วงเลย”
เธอลูบใบหน้าผมอย่างแผ่วเบาพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยจนผมอดจะยิ้มตามไม่ได้ ผมไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านี้เธอชวนผมพูดคุยในเรื่องอะไร ผมยอมรับว่าช่วงนี้ผมเหมือนกับจิตใจไม่อยู่กับตัวทุกครั้งที่ว่างเว้นจากงานผมมักปล่อยความคิดให้หลุดลอยไป เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน ...เรื่องราวที่ถือเป็นเรื่องร้ายแรงที่สุดในชีวิตของผม... เรื่องของเต้ย ‘เพื่อนสนิท’ ของผม
ผมกับไอ้เต้ยเราสนิทมาตั้งแต่ม.หนึ่งแล้วเพราะพ่อแม่ผมต้องย้ายไปประจำอยู่ที่โรงพยาบาลจังหวัดบ้านเกิดไอ้เต้ย ผมซึ่งเป็นคนเชียงใหม่แต่กำเนิดจึงต้องตามบิดามารดาซึ่งเป็นแพทย์ไปอยู่ด้วยกัน แรกๆที่ผมย้ายมาเรียนโรงเรียนประจำจังหวัดที่นั่นผมไม่ค่อยสนิทกับใครด้วยซ้ำ แต่มีคนๆหนึ่งไอ้เด็กหน้าขาวโต๊ะข้างๆที่ถึงมันจะไม่ค่อยพูดแต่ยังอุตส่าห์มีน้ำใจหยิบยื่นอุปกรณ์การเรียนให้ผมซึ่งไม่ใคร่จะสนใจการเรียนนัก มันเป็นคนเงียบๆไม่เคยพูดโดยเฉพาะกับไปพวกเกเรในห้องที่ชอบมาหาเรื่องมัน ไอ้พวกนั้นด่ามันเสียๆหายๆแต่ก็ไม่เคยเห็นมันตอบโต้เห็นแต่กำหมัดหน้าตาเอาเรื่อง จนถึงวันหนึ่งมันคงจะอดไม่ไหวตอบโต้ไอ้พวกนั้นกลับไป ก็เป็นจังหวะที่ผมลุกขึ้นล้มโต๊ะและกระโจนเข้าใส่พวกมัน ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเกิดบ้าดีเดือดอะไรขึ้นมาถึงทำกร่างทั้งๆที่ย้ายมาใหม่ แต่ก็นั่นแหล่ะเหตุการณ์วันนั้นทำให้ผมกับมันเป็นเพื่อนกันและจากเพื่อนสนิทก็กลายเป็นเพื่อนรัก
มันเป็นคนที่ชอบอยู่นิ่งๆไม่ชอบอะไรที่โลดโผนหรือเสี่ยงอันตรายออกจากเงียบๆไม่ค่อยพูด แต่ถ้าสนิทกับมันจะรู้ว่าจริงๆ
แล้วมันคุยเก่งพูดได้ทั้งวัน ส่วนผมก็ได้แต่ฟังมันพูดแล้วยิ้มไปเรื่อยเปื่อย ผมเป็นคนชอบยิ้มไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เวลาอยู่กับมันแล้วผมอมยิ้มได้ตลอดเวลา จะว่ามันตลกรึก็เปล่าหรือมันชอบปล่อยมุขคงไม่ใช่ แต่เวลาอยู่กับมันผมสบายใจทุกครั้ง เพราะเราสามารถพูดคุยแบบเปิดอกพร้อมกับเล่าให้กันฟังได้ทุกเรื่อง ผมกับมันสนิทกันมากจนทำให้ผมมองไม่ออกเลยว่าความรู้สึกของมันที่มีต่อผมเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ เราสองคนสนิทกันขนาดที่ว่าไปไหนต้องไปแบบแพ็คคู่ มีมันต้องมีผมเรียกได้ว่าเป็นคู่หูปาท่องโก๋ได้เลย ผมรู้เรื่องทุกอย่างของมัน มันก็รู้เรื่องทุกอย่างของผมเพราะเราสองคนไม่มีเรื่องอะไรเป็นความลับระหว่าง ...แต่ผมคิดผิด...
ผมไม่รู้ว่าภายในความสนิทสนมแบบถึงเนื้อถึงตัวของพวกเราทำให้มันเริ่มรู้สึกกับผมเกินเพื่อนจึงถึงวันนั้น
“ กูชอบมึงหว่ะ”
อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมาในวันจบการศึกษาตอนที่เราอยู่ด้วยกันตามลำพัง คำพูดของมันทำให้ผมนิ่งอึ้งด้วยความตกใจ ผมยอมรับว่าตกใจและคาดไม่ถึงว่าจะมีคำๆนี้หลุดออกมาจากปากมัน ผมมองหน้ามันตรงๆเพื่อหาข้อเท็จจริงในคำที่มันบอก แววตาคู่นั้นของมันมั่นคงแน่วแน่ไม่มีแววล้อเล่นแต่อย่างใดนั่นทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่มันพูดเป็นเรื่องจริง
“ เต้ยอย่าล้อกูเล่น”
ผมพยายามบอกทั้งตัวเองและตัวมันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่รื่องจริง ผมกับมันสนิทกันมากก็จริงแต่ผมไม่เคยคิดอะไรทำนองนี้กับมันเลย แต่ผมไม่ปฎิเสธหรอกว่าผมห่วงมัน และมันก็เป็นคนแรกที่ผมนึกถึงและแคร์ความรู้สึกมากที่สุดเช่นกัน ผมก็หาสาเหตุไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงแคร์มันมากขนาดนี้ แคร์ขนาดที่เก็บมานั่งคิดและยังวนเวียนกับความรู้สึกผิดตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผมไม่เคยเห็นมันร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมามากสุดมันก็แค่น้ำตาซึมเพราะมันไม่ใช่คนที่อารมณ์อ่อนไหว แต่วันนั้นวันที่มันขอออกไปจากชีวิตผมและร้องไห้ ผมรู้เลยว่านั่นเป็นสิ่งที่ทรมานใจมันมากที่สุด ผมไม่เคยรังเกียจเกย์หรือเพศที่สามเพราะมีเพื่อนและคนรู้จักที่เป็นแบบนั้นก็ไม่น้อย ตรงกันข้ามผมคิดว่าพวกเขาเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับผมทำไมถึงต้องรังเกียจหรือแบ่งแยก แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะเป็นอย่างนั้นและผมไม่เคยมีความรู้สึกว่าจะชอบผู้ชาย ผมรู้ว่าการปฎิเสธความรู้สึกของไอ้เต้ยจะต้องทำให้มันเสียใจ แต่ผมอยากให้มันอยู่กับความเป็นจริง ผมไม่อยากหลอกลวงมันเพื่อนให้ความหวังและสุดท้ายก็ทำให้มันช้ำใจ ผมไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาดถึงจะไม่ได้รักอย่างคนรักแต่ผมก็แคร์มันมากที่สุด
...แต่ทำไมพอเห็นน้ำตาของมัน ทำไมหัวใจผมถึงได้หน่วงแบบนี้...
...ผมแทบอยากกระชากมันมากอดและปลอบโยนเหมือนทุกครั้งที่มันมีเรื่องไม่สบาย...
...แต่สิ่งที่ผมทำให้มันได้ในตอนนั้น คือถอยออกมาตามคำขอร้องของมัน...
แล้วทำไมผมถึงรู้สึกอยากจะเช็ดตาให้มันขนาดนั้น ทำไมผมถึงรู้สึกว่าใบหน้าของมันไม่เหมาะกับน้ำตาเอาซะเลย ทำไมกันและวันที่มันขอออกไปจากชีวิตผม วันนั้นแหละที่ผมรู้ว่าจริงๆแล้วเต้ยมันเจ็บปวดแค่ไหน เพราะขนาดวันที่มันบอกชอบผมแล้วผมปฎิเสธมัน วันนั้นผมยังไม่เห็นน้ำตาของมันสักหยดด้วยซ้ำ
“..กู ขอออกไปจากชีวิตมึงได้มั้ย”
ใบหน้ามันเศร้ามาก น้ำตามันไหลอาบแก้มไปหมด เนื้อตัวมันสั่นเทาราวกับถูกทำร้าย ซึ่งคนที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ไม่ใช่ใครแต่เป็นผมเอง เป็นเพื่อนรักของมันเอง
“ จ๊อบ”
“.......”
“ จ๊อบ”
เสียงเรียกจากแฟนสาวพร้อมใบหน้ายู่ของเธอทำให้ผมนึกละอายใจที่เธอพยายามชวนพูดชวนคุย แต่ผมไม่ได้ตอบสนองเธอเลย...นี่ผมเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่...
“ ช่วงนี้จ๊อบเหม่อๆนะ ตั้งแต่วันที่อาหารเป็นพิษแล้ว” ลูกตาลทำหน้าจับผิด
“....”
“ เปล่านิครับ”
“ ไม่จริงหรอกตาลรู้สึกว่าจ๊อบกำลังคิดถึงใครบางคนตลอดเวลา...” เธอขมวดคิ้วมอง “...ท่าทางจ๊อบเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างนั้นแหละ จ๊อบมีเรื่องอะไรรึเปล่าค่ะ..”
“ ผม..” ผมถอนใจก่อนจะกุมมือเธอเบาๆ “ ขอโทษนะที่ทำให้ตาลคิดมากนะ แต่จ๊อบไม่มีอะไรจริงๆครับ”
ผมขอโทษเธอในใจสำหรับสิ่งที่โกหกออกไป แต่ผมจะบอกได้อย่างไรว่าขณะอยู่กับเธอผมกำลังคิดถึงเรื่องของเพื่อนสนิทตัวเอง ก็แล้วทำไมผมต้องคิดด้วยหล่ะ
“ จ๊อบทานน้ำปั่นเย็นๆมั้ยค่ะ เผื่อจะได้สดชื่น”
ผมพยักหน้ารับความหวังดีของเธอซึ่งทำหน้าพอใจก่อนจะพุ่งตัวไปยังเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่มร้านค็อฟฟี่ชื่อดังในมหาลัย ผมมองตามเธอไปเรื่อยจนสายตาไปปะทะกับอะไรบางอย่าง
.
.
.
“ ครึ่งโหลครับ”
ผมยื่นตังค์แลกกับขวดยาคูลย์ที่พนักงานขายสะพายกระเป๋าผ่านมาแถวนี้พอดี คนขายยิ้มให้ผมทีนึงก่อนจะกล่าวขอบคุณและเดินจากไป ส่วนผมซึ่งนึกยังไงไม่รู้ว่าเดินออกมาซื้อนมเปรี้ยวชนิดนี้ได้แต่มองของในมือ ผมรู้ดีว่าซื้อไปผมก็ไม่กินเพราะไม่เคยชอบกินนมเป็นทุนเดิมแล้วผมจะซื้อทำไมหรือจะซื้อไปให้ใครกันแน่วะ
“ ของที่ชอบสักวันหนึ่งอาจจะไม่ชอบแล้วก็ได้นะ”
ผมนึกถึงคำพูดของไอ้เต็ปเพื่อนสนิทในคณะตอนที่มันทำหน้าเบื่อๆใส่เพราะผมฝากยาคลูย์ไปให้ไอ้เต้ยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงมันจะขอออกไปจากชีวิตผมแต่ผมยังเป็นห่วงมัน มันจะอยู่ยังไง จะกินอะไร ยิ่งช่วงนี้ใกล้สอบกลางภาคมันคงไม่มีเวลาดูแลตัวเองเท่าไหร่ ดังนั้นเมื่อมันไม่อยากจะเจอผมก็เลยใช้วิธีนี้คือดึงดันซื้อนมเปรี้ยวไปฝากมันโดยผ่านทางไอ้เต็ปซึ่งเป็นเพื่อนกับรูมเมทหอในของไอ้เต้ยที่ชื่อ “ แฮม”
“ มึงจะพูดอะไร” วันนั้นผมถามมันไปด้วยความไม่เข้าใจ
“ มันก็เหมือนกับความรู้สึกของคนไง ‘รักได้ ก็มีวันเลิกรักได้’ เหมือนกัน” ไอ้เต็ปทำหน้ากวนๆใส่ผม
“ กูไม่เข้าใจ”
“ เหอะเปิดใจให้กว้างบ้างเถอะจ๊อบ แล้วมึงจะเห็นอะไรหลายๆอย่างรอบตัวที่เปลี่ยนไป มึงเคยได้ยินมั้ยว่าของใกล้ตามักดูห่างไกลเสมอ”
“...ไม่มีใครที่จะไปทนรักก้อนหินได้ตลอดชาติหรอกวะ..”ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจที่มันพูดสักเท่าไหร่ “ คนที่รักเรายังมีอีกมากมายจะทนทำไมกับก้อนหินที่ไม่มีหัวใจให้ตัวเอง”
“ มึงหมายความว่าไงวะเต็ป”
ผมพึมพำด้วยกับข้อความสุดท้ายที่เต็ปฝากไว้ในวันนั้นอย่างไม่เข้าใจ พอดีกับที่ในเลนส์สายตาผมเห็นเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เลยกันจังๆเลยตลอดสัปดาห์ มันกับเพื่อนสนิทที่ชื่อไอ้แท็คกำลังเดินมาทางนี้ แต่ยังไม่ทันถึงดีไอ้เพื่อนสนิทในคณะมันก็กระชากแขนมันจนไอ้เต้ยเซถลาหน้าไปซุกอยู่กับอกมัน พร้อมกับพึมพำอะไรไม่รู้ข้างหูไอ้เต้ย ซึ่งเพื่อนรักของผมก็ตัวสั่นน้อยๆก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ และสองคนนั้นก็เดินหายไปลับไปอีกทาง
ผมไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างมันเกิดได้รวดเร็วมากจนผมไม่ทันตั้งตัว พอรู้ตัวอีกทียาคูลย์ทั้งแพ็คก็ถูกผมบีบจนบางขวดแตกบู้บี้ทำให้นมเปรี้ยวไหลนองเปื้อนเต็มมือไปหมด .......
.......
“ อย่าหันไปมอง”
ไอ้แท็คกระซิบข้างหูผมหลังจากกระชากให้ใบหน้าผมมาซุกอยู่กับอกมัน ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอบรับมันยังไง หัวสมองผมมึนงงไปหมดทำได้แต่พยักหน้าใจผมเต้นระรัวมือไม้ดูอ่อนแรงเจ็บชาไปหมด ผมหลับตานิ่งตอนที่หางตาหันไปเห็นมัน มันยืนอยู่ตรงนั้นอยู่อีกฟากของหัวมุมถนนในมหาลัยวิทยาลัย
...ผมหลับตาลงเพราะไม่อยากเห็น ไม่อยากเห็นว่ามันถือยาคูลย์อยู่... “ ไม่เป็นไรนะมึง”
“ อืม”
ไอ้แท็คโอบบ่าผมเบาๆก่อนจะดันให้เดินไปอีกทางหนึ่งเพื่อมุ่งเข้าสู่ตึกเรียน
“ ไหวมั้ย”
“....”
ผมยิ้มบางๆให้มันทั้งๆที่ใบหน้าผมดูกันข้ามกับความเป็นจริง ไอ้แท็คมันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมเมื่ออาทิตย์ก่อน เพราะวันต่อมาผมมีเรียนแต่เช้าจึงต้องแบกใบหน้าซีดเซียวดวงตาบวมฉึ่งเพราะร้องไห้ทั้งคืน พอมันเห็นเท่านั้นแหละซักไซ้ผมอยู่นานจนต้องเปิดปากเล่าให้มันฟังถึงจะไม่ละเอียดข้ามๆไปบ้าง ซึ่งพอมันรู้ก็ไม่ว่าอะไรเพียงแต่ตบบ่าผมเบาๆอย่างให้กำลังใจ แค่ที่มันทำทุกวันนี้ผมก็ซาบซึ้งมากแล้วในวันที่ผมทุกข์ใจอย่างน้อยก็ยังมีไอ้แท็คคอยอยู่เคียงข้างผม
ผมผ่านวันนั้นมาด้วยความยากลำบากแค่ไหน ภาพนั้นยังติดตรึงใจอยู่ในใจ ผมร้องไห้หนักหน้าตาเปรอะเปรื้อนไปด้วยน้ำตามีแค่พี่ทีพี่รหัสของผมนั่งอยู่ใกล้ๆ พี่แกไม่ได้พูดอะไรแค่ส่งผ้าเช็ดหน้าให้พร้อมกับนั่งนิ่งๆอยู่ใกล้ๆ ผมไม่รู้ว่าเรานั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน บรรยากาศภายนอกมืดครึ้มรอบกายเราเต็มไปด้วยความมมืดแต่สิ่งที่เป็นแสงสว่างในวันที่ผมล้มลงคือรอยยิ้มตรงมุมปากของพี่รหัส ผมรู้ดีว่าถึงเราจะไม่ได้พูดกันได้พี่ผมกำลังให้กำลังใจผมอยู่
“ เต้ย”
“ หืม”
“ อ่ะ”
“ อะไรวะ” ผมมองของในมือไอ้แท็คแล้วทำหน้างงๆมันคือนมจืดพร่องมันเนยกล่องหนึ่งพร้อมกับขนมปังมียี่ห้ออีกชิ้นหนึ่ง
“ พี่ทีฝากมาให้”
“.....”
“ บางที่มึงควรจะเปลี่ยนไปกินอะไรที่แปลกใหม่บ้างนะ...” มันคงหมายถึงนมพร่องมันเนยในมือ
“...ถึงจะเป็นรสชาติแปลกใหม่ ถึงจะทำให้มึงท้องเสีย แต่ก็ยังดีกว่ากินอะไรซ้ำซาก” คราวนี้มันคงหมายถึงยาคูลย์ที่ผมชอบกินเป็นประจำ และตอนนี้ยังมีอยู่ขวดนึงซึ่งนอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าผม เป็นหนึ่งในขวดที่รูมเมทผมคะยั้นคะยอให้พกติดกระเป๋ามากิน
“ งั้นเหรอวะ”
“ ของใหม่อาจจะดีไม่เท่าของที่เคยกินจนชินปาก แต่กูว่ามันคงอร่อยไม่แพ้กันหรอก..” มันมองผมตรงๆก่อนจะยิ้มให้
“...ยกเว้นแต่ว่ามึงจะชินกับรสชาติที่กินอยู่ทุกวันแล้ว” “....”
“ งั้นเหรอวะ ลองดูคงไม่เสียหาย”
“ บางทีลองรสชาติใหม่ๆอาจจะดีเหมือนกัน” ผมพูดยิ้มๆตอนที่ยกขวดนมพร่องมันเนยขึ้นจรดริมฝีปากแล้วดื่ม ส่วนไอ้แท็คแค่ส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะเหนี่ยวคอผมมาใกล้ๆเพื่อกระซิบอะไรบางอย่าง “ เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นเปรตกินนมนี่แหล่ะวะ” มันยังอุตส่าห์แซวความสูงผมซึ่งไม่เข้ากับนมที่ดื่มผมจึงหัวเราะไปกับมัน
........
........
วันนี้ผมมีเรียนเสร็จตั้งแต่บ่ายสามหลังจากนั้นก็แยกย้ายกับเพื่อนแล้วเดินเตร็ดเตร่มาเรื่อยเปื่อยมาจนถึงหอใน ช่วงใกล้สอบกลางภาคบรรดานิสิตทั้งหลายจึงไปรวมตัวอยู่แถวห้องสมุด ทำให้บริเวณทางเดินภายในมหาลัยดูเงียบเหงา และนอกจากตึกสำหรับอ่านหนังสือแล้วสถานที่คราคลั่งไปด้วยคนอีกทีหนึ่งคือร้านซีร็อกซึ่งบรรดาคนที่มุงอยู่แถวหน้าร้านนั้นก็มีรูมเมทของผมกำลังทำหน้ายุ่งอยู่กับเต็ปเพื่อนสนิทของไอ้จ็อบ ผมพอจะรู้มาบ้างว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนกัน แต่ไม่รู้ว่าสนิทกันขนาดไหนเพราะดูเหมือนที่
‘แฮม’ รูมเมทผมชอบทำหน้ายุ่งใส่เต็ปเป็นประจำ บ้างก็ทะเลาะกันเสียงดังลั่นและดูเหมือนว่ารูมเมทผมจะยั่วขึ้นด้วย หึ ไอ้เต็ปมันแค่ทำหน้ากวนใส่เท่านั้นเองอีกฝ่ายก็พ่นคำด่าใส่ละ ต่อล้อต่อเถียงกันอย่างนี้ประจำแต่พวกมันก็คบเป็นเพื่อนกันมานานพอสมควรจากคำบอกเล่าของแฮม
ผมอมยิ้มภาพตรงหน้าแต่พอเห็นหน้าเต็ปแล้วมันทำให้ผมอดนึกถึงเพื่อนสนิทของตัวเองไม่ได้ ไอ้หมอนั่นก็ไม่ต่างจากเจ้านี่เท่าไหร่มันชอบยิ้ม ชอบเอาใจเวลาผมโกรธมัน มันมักจะทำแบบนั้นเสมอ ผมหลับตาแล้วถอนหายใจพยายามที่จะไม่คิดถึงเรื่องราวในอดีตในเมื่อผมเป็นคนที่เอ่ยบอกว่าจะออกจากชีวิตมัน ดังนั้นก็ไม่ควรจะอาลัยอาวรณ์กับจากกันครั้งนี้ เราไม่ได้จากกันด้วยความเกลียดชัง ผมบอกตัวเองเสมอว่าผมไม่มีทางเกลียดมันหรอกแต่ผมต้องการเวลา ต้องการพื้นที่ของหัวใจเพื่อให้วันหนึ่งที่ผมเข้มแข็งแล้ว ผมจะกลับเข้าไปหามันและมองมันในฐานะเพื่อนได้เต็มตาอีกครั้ง
....ก็ได้แต่คิดเวลาเอาเข้าจริงไม่รู้ว่าผมจะทำเมินเฉยมันได้สักกี่น้ำ ในเมื่อหัวใจผมมันยังเป็นแผลสดอยู่แบบนี้... “ เต้ย”
เสียงนั้น...ผมสะดุ้งสุดตัวลืมตาขึ้นแล้วภาพที่ผมไม่อยากเห็นก็ปรากฎตรงหน้า
...คนที่ผมนึกถึงมาปรากฎอยู่ตรงหน้า...
“ เกลียดกูขนาดที่ไม่อยากมองหน้าเลยเหรอวะ”
...ไม่เลย ไม่เคยเกลียด แต่กูกลัวว่าถ้าหันไปมองมึง กูกลัวหัวใจตัวเอง...
“ มึง...”
“.....”
“ อย่าร้อง”
ห่ะ ผมร้องไห้งั้นเหรอ นั่นสิถึงว่ารู้สึกเปียกๆตรงแก้ม
“ อย่าเสียน้ำตาให้คนอย่างกูเลย”
“.....”
ผมเบี่ยงตัวหนีฝ่ามือมันที่กำลังจะกรีดไล่น้ำตาบนใบหน้า ไอ้จ๊อบชะงักฝ่ามือไปก่อนจะถอนหายใจแรงๆพร้อมกับยื่นกระปุกขวดแยมจากสวนบ้านผมและยาคูลย์อีกครึ่งโหล มันจะผิดอะไรมั้ยถ้าผมจะหยิบมาแต่ขวดแยมแล้วคืนนมเปรี้ยวให้มันไป ผมพึมพำขอบคุณมันก่อนจะเดินเลี่ยงไป เส้นทางแคบๆตรงทางเดินข้างๆโรงอาหารหอในกำลังจะแคบลงกว่าเดินเพราะผมกำลังจะเดินสวนเข้าไปในหอ ส่วนมันกำลังจะเดินออกไปมือมันคว้าข้อมือผมไว้ เราไม่ได้มองหน้ากันแต่ผมก็รับรู้ถึงแรงสั่นของมือมันที่คว้าข้อมือผมไว้อยู่
“ ขอโทษที่ทำตามที่มึงขอไม่ได้ ดึงดันมาให้มึงเห็นหน้าจนได้..” น้ำเสียงมันดูแปร่งๆ “...ถ้ามึงจะเกลียดนมเปรี้ยวเพราะกู กูคงรู้สึกแย่ไปตลอด เพราะมันเป็นสิ่งที่มึงชอบมากอย่าให้คนอย่างกูต้องทำลายในสิ่งที่มึงชอบมาทั้งชีวิตเลย”
“...”
“ กูสัญญาว่าจะไม่มาให้มึงเห็นหน้า แต่มึงต้องดูแลตัวเองดีๆนะ”
มันไปแล้ว....ไปพร้อมกับความเข้มแข็งของผม
แต่ผมยังยืนนิ่ง ผมไม่ได้เกลียดมันหรอกไม่ได้รังเกียจสิ่งของที่มันให้ด้วย แต่ผมเกลียดหัวใจตัวเองต่างหาก เกลียดที่มันกำลังร่ำร้องให้กับคนที่เขาไม่อยากจะครอบครอง
***มาแว้วๆ กะจะลงตอนค่ำๆนี่ปาไปซะค้ำค่ำเลยค่ะมัวแต่ทะเลาะกันอินเตอร์เน็ต
แบบว่าหลุดได้หลุดดี โมโหสุดๆเลย (นางขอบ่น) เก็บเราซะแพงแต่ปล่อย
เน็ตให้กากมาเลยชิชิ ไม่สมกับที่โฆษณาว่าครอบคลุม 3G เล้ย เหอะ

นอกเรื่องพอสมควร อิอิ ระบายเพื่อความสบายใจค่ะ สำหรับตอนนี้ไม่มีอะไร
จะกล่าว แค่จะบอกว่าตอนหน้าพี่ทีแกออกฉายด้วยนะเออ สำหรับคนที่ถาม
หาพระเอกนั้นเราไม่บอกว่าใครให้เอาเดา ฮา
สุดท้ายบางทีเค้าอาจมาช้าบ้างไรบ้างเพราะเขียนนิยายหลายเรื่องพร้อมกัน
บางทีนางก็เบลอ ทั้งยังงานราษฎร์งานหลวงอีก เหยย เข้าใจกันเนอะ
ปล. กรุณาอ่านไปพร้อมกับการฟังเพลงที่เค้าเอามาโพสด้วย รับรองความหน่วง
ด้วยกานเอง คริคริ
