Title : At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 17แผลลึกเชียวครับ ถึงกับต้องเย็บแผลกันเลยทีเดียว
หัวไหล่ที่คิดอยู่คนเดียวว่าขยับยาก ก็ได้ข้อสรุปว่ากระแทกพื้นโดยเอาหัวไหล่ลงเลยช้ำ
ผมถูกเอ็กซเรย์ทั้งตัวเลยครับ นายมือโปรไม่ใช่หมอ ไม่ใช่คนเจ็บ แต่กลับสามารถบรรยายความเสียหายของร่างกายผมให้หมอฟังได้ และสามารถชักจูง ไม่สิ บังคับให้ผมยอมเอ็กซเรย์ดูว่ามีอะไรภายในที่เคลื่อนที่อีก บางที เขาอาจคิดว่าม้ามผมจะเขยื้อนมาเบียดปอดล่ะมั้ง
ตอนนี้ก็นอนรอเวลาครับ
ทั้งรอหมอมาตรวจอีกรอบหลังจากผลเอ็กซเรย์ออกแล้ว กับทำความสะอาดแผลที่เย็บรอบบ่าย
นายมือโปรยังอยู่กับผมแม้ว่าผมจะจัดการเรื่องเอกสารประกันอุบัติเหตุของผมได้ก็ตาม เขาส่งลุงสมานไปบอกข่าวกับคุณสุชาดาที่น่ายำเกรง ผมก็เลยได้แต่นอนลุ้นว่า ถ้าป้าสุมาเห็นผมในสภาพที่ป้าไม่ชอบใจที่สุดอนาคตมผจะไปรุ่งโรจน์อยู่ในกรงไหน
แล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง ผมได้ยินเสียงคุยกันที่หน้าห้อง หนึ่งในเสียงนั้นคือเสียงป้าสุของผมแน่นอน อีกเสียงน่าจะเป็นเสียงหมอนั่นแหละ
นายมือโปรละจากไอแพดที่เขาใช้ทำงานนั่นนี่อยู่ร่วม 2 ชั่วโมง เขาเดินมาจับขอบเตียงไว้แล้วมองหน้าผม
“จะตอบคุณอาสุว่ายังไงล่ะวิน”
“พี่โป๊ะให้ลุงสมานไปบอกว่าอะไรล่ะครับ”
“บอกความจริงทั้งหมด”
“งั้นวินก็คงต้องพูดความจริงทั้งหมด”
“พี่จะไม่ช่วยวินโกหกนะ แต่ถ้ามีอะไรที่อยากให้ช่วย ก็บอก” ผมคิดตาม คาดเดาเอาเองว่าเขาเองก็น่าจะเดาได้ว่าคุณสุชาดาจะทำยังไงกับหลานชายอย่างผม
“งั้น ถ้าป้าสุจะบังคับให้วินรักษาตัวจนหาย แล้วก็อยู่ง่อยๆ งานการไม่ต้องทำรอป้าหาเลี้ยง พี่โป๊ะต้องช่วยนะ”
“......”
“พี่โป๊ะต้องบอกว่าเชื่อมั่นในตัววิน เชื่อว่าวินทำได้ มองเห็นความพิเศษในตัววิน แล้วพี่โป๊ะก็ต้องคิดว่าวินไม่ใช่เด็กขี้แพ้ที่ป้าต้องอุ้มทุกครั้งที่สะดุดล้ม”“แผลนี่ก็เหมือนกัน มันเล็กนิดเดียวใช่มั้ยล่ะ”
“ไม่เลยวิน แผลลึก”
“แต่ว่า”
“โอเค พี่เข้าใจแล้ว”
“ตามแผนพี่ก็แล้วกัน”
ปึก!
ประตูห้องเปิดอ้าออก ผู้หญิงคนเดียวในโลกที่รักผมก้าวฉับๆ เข้ามา เมื่อได้ระยะมองก็หยุดครับ ป้าสุมองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็มองย้อนขึ้นมาใหม่ พอเช็คสภาพผมจนพอแล้วก็เดินมาหาใกล้ๆ
“เจ็บมั้ยลูกตาวิน”
“แม่ล่ะใจจะขาด”
“นิดเดียวเองครับ”
“วินไม่เป็นอะไรมาก แผลจริงจังแค่ที่เดียวเอง”
“แล้วไปยืนรับมีดทำไมลูก”
“มันไม่มีที่ให้หนีนี่ครับ นี่ก็เบี่ยงสุดๆ แล้ว”
“โจรมันยังต้องกระโดดลงน้ำเลย ถ้าวินเลือกหลบโดยการกระโดดน้ำ วินคงไม่ได้มาพูดกับป้าสุตรงนี้หรอก”
“จ้า จ้า คนเก่ง คนรับมือกับทุกสถานการณ์ได้”
“แล้วนี่....คุณโปร อยู่ด้วยตลอดเลยหรอคะ ขอบคุณมากนะคะ” ในที่สุด ส่วนสูงและความหนาของร่างกายนายมือโปรก็ได้รับความสนใจจากป้าผมเสียที ผมเห็นเขายิ้มให้ป้าผมอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไรครับอาสุ ผมต้องดูแลพนักงานอยู่แล้ว”
“อา จริงสิ”
“ขอโทษทีนะ เรื่องที่ตาวินไม่ยอมไปทำงาน อายังไม่ได้ไล่เลียงอะไรให้เลย”
“ขอโทษแทนด้วยนะคะ ตาวินไม่ยอมโตสักที”
“เอาเป็นว่า คุณโปรไม่ต้องถือน้องเป็นธุระต้องดูแลแล้วล่ะค่ะ อาจะดูแลเอง”
“เอ่ออออ” ผมตาเหลือกอย่างรู้ตัวว่ากำลังจะโดนกักกันในกรงหรู
“คือ วินสำนึกผิดแล้ว จริงๆ ตั้งใจจะกลับไปทำงานกับคุณมือโปรพรุ่งนี้แหละครับ”
“ไม่ต้องแล้วจ้ะ วินไม่พร้อม แม่ควรเชื่อวินตั้งแต่ที่วินบอกแรกๆ แล้ว”
“คืออออ”
“ผมว่าวินก็ทำได้ดีนะครับ”
“หัวไว แล้วเขาก็เรียนมาทางภาพยนตร์อยู่แล้วด้วย ผมน่าจะเป็นฝ่ายต้องอาศัยวินมากกว่าเวลาต้องลงดีเทล” นี่เขาจะช่วยผมใช่มั้ย? นี่คือแผนที่เขายังไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรกับผมเลยใช่มั้ย? ผมไม่ลังเลที่จะฉวยไว้หรอกนะ
“หรอคะ แต่แกเพิ่งหยุดงานร่วมอาทิตย์โดยไม่บอกอะไรนี่คะ”
“วินคงไม่อยากด่าผมให้อาสุฟังล่ะมั้งครับ”
“หือ? นี่มีเรื่องทะเลาะอะไรกันคะ ทำไมหลานอาต้องด่าคุณโปรด้วย อีกอย่าง ตาวินไม่ด่าใครหรอกค่ะ” ครับ แต่คิดเรื่องด่าใครมั้ยนี่ก็อีกเรื่อง
“ครับ” นายมือโปรเหล่มองผมนิดนึง เขาส่งยิ้มให้แล้วค้อมหัวนิดๆ จากนั้นก็เชิญป้าสุไปนอกห้อง ผมไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไร แต่คิดว่าเรื่องที่เขาพูดคงไม่ทำให้ผมเดือดร้อนอะไรนัก เพราะเขาเพิ่งรับปากว่าจะช่วยตอนที่ผมขอให้เชื่อในตัวผม
ผมนอนอยากรู้อยากเห็นอยู่ไม่นานทั้งคู่ก็กลับเข้ามาครับ ป้าสุมีสีหน้าขบขันเล็กน้อย ส่วนนายมือโปรดูเหมือนจะมีเรื่องน่าอายมาระบายให้ใบหูเขาเป็นสีแดงเข้ม
“โถ เรื่องเท่านี้ ตาวินไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ”
“แต่คุณโปรก็ช่างคิดนะ คิดเลอะเทอะด้วย”
“โปรขอโทษอาสุอีกครั้งนะครับ” เขายกมือไหว้ด้วย ผมว่าผมเดาได้แล้วว่าพวกเขาคุยอะไรกัน คงเป็นเรื่องที่ผมไม่ด้บอกว่าเป็นหลานป้าสุ และเรื่องที่เขาคิดว่าป้าสุเป็นแม่ยกเลี้ยงดูผมด้วยการให้เงินไว้ใช้เปล่าๆ เดือนละแสน
“ตาวินก็ไม่พูดอะไรให้ชัดด้วย ช่างเถอะค่ะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว”
“ถ้าไม่ถือโทษน้องแล้วล่ะก็....ช่วยเหลือวินนะคะ”
“ครับ จะถือเป็นธุระตลอดชีพเลย” พูดเล่นล่ะมั้ง ผมส่งสีหน้าไม่อยากจะเชื่อไปให้ทั้งคู่ได้เห็น แล้วพวกเขาก็รุมหัวเราะผมจนน่าหมั่นไส้
“อื้ม ตาวิน”
“นอนพักที่รพ.จนกว่าแผลจะแห้งนะลูก”
“แม่รู้ว่าขาไม่ได้หัก เดินได้ แต่แม่ไม่ไว้ใจอะไรแล้ว”
“พรุ่งนี้จะประกาศขาย ไม่ให้อยู่แล้วที่แบบนั้น”
“ห๊ะ? ขายอะไรครับ” บอกตามตรง ใจผมหายวับเลย
“ก็บ้านนั้นน่ะสิ อย่าคิดว่าแม่จะปล่อยเราไปอยู่ที่แบบนั้นลำพังอีกนะ”
“แหล่งชุมชนไว้ใจใครได้ซะที่ไหน”
“โจรเอย คนติดยาเอย วินจะอยู่ต่อไปยังไง วันนี้โชคดีที่พี่โปรเขาตั้งใจมาหาเลยช่วยไว้ได้ วันหลังเกิดเรื่องอีกแล้วใครไม่รู้พาวินไปหาหมอตำแย อมลมอมน้ำมาเป่าปู้ดแล้วบอกไล่ผีแล้ววินเกิดติดเชื้อตาย แม่จะอยู่ยังไง!” ยาวเหยียดเลย ผมจะเอาอะไรไปสู้ล่ะ
ผมเหล่มองนายมือโปรที่ยืนอึ้งกับความมากเหตุผลของคุณสุชาดา ผมไม่มีตัวช่วยอื่นแล้ว ผมต้องขอร้องเหี้ยให้ทำเรื่องดีๆ ให้ผมหน่อย เขาจะช่วยผมอีกครั้งใช่มั้ย
“จะขายหรอครับ” เขาช่วยล่ะ! ตัวเหี้ยก็ทำเรื่องดีๆ เป็นนะครับ ผมกล้าการันตีเลย
“ขายก็ดีนะครับ” โอเค ผมถอนคำพูด! ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะ ไม่เห็นหรอว่าผมวิงวอนอยู่นี่เพราะผมไม่อยากขายบ้านนั้น
“ขายให้คุณพ่อผมได้มั้ยครับ” ห๊ะ! ยังไงล่ะเนี่ย
“คุณตะวันสะสมที่ดินหรอคุณโปร”
“ครับ พ่อผมชอบที่ดินติดแม่น้ำ จริงๆ จะชอบที่ดินเปล่า แต่บ้านนั้น ผมว่า....” เขาเหล่มองนิดนึงแล้วก็หันไปคุยกับป้าสุต่อ
“ผมว่าอบอุ่นดี ถ้าจะมีคนมาซื้อแล้วทุบมัน ผมว่าน่าเสียดาย”
“ขายพ่อผมดีกว่า พ่อไม่ทุบหรอกครับ”
“งั้น อาจะจัดการเรื่องโฉนด ประเมินราคา แล้วค่อยทำสัญญาซื้อขายกันนะ”
“ดีจังค่ะ จัดการเสร็จไปอีกเรื่อง” ป้าสุหันมองผมด้วยสายตาเฉียบคม ผมรู้ว่าตอนนี้ไม่ควรเรียกร้องอะไรทั้งนั้น ความหวังเดียวตอนนี้ของผมก็คือนายมือโปร
ป้าสุอยู่กับผมจนมืด ส่วนนายมือโปรกลับไปตอนบ่ายแก่ๆ เขาบอกว่าพรุ่งนี้จะมาสอนงานใหม่ เพราะแผนการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนรีรอให้แผลผมหายก่อนไม่ได้ แต่ผู้มีอำนาจตัดสินใจร่วมทุนครั้งนี้ก็ไม่ใช่คนที่ยอมให้หลานชายออกจากโรงพยาบาลในเวลาอันรวดเร็ว
ตกดึกเข้าหน่อยพี่รุตก็โทรมาตามคาด น้ำเสียงนุ่มๆ จังหวะการพูดเนิบๆ ทำให้ผมเปิดปากเล่าเรื่องราวอย่างเมามัน คนฟังทางนั้นส่งเสียงหัวเราะบ้าง ดุบ้าง ตื่นเต้นบ้างให้ได้ยินอยู่ตลอดเวลา
“ตอนนี้ยังเจ็บแผลมั้ยครับวิน”
“เจ็บนิดเดียวแหล่ะครับ”
“แต่เวลาเปิดแผลทำความสะอาดนะพี่รุต แม่งงงง โคตรแสบ!”
“วินนี่ลุ้นฉี่แทบเล็ดเลย กลัวพยาบาลเกี่ยวหนัง อันนี้เจ็บสุดไรสุด”
“เข็ดมั้ยล่ะครับ”
“ไม่เห็นมีอะไรให้เข็ดเลย”
“มันสุดวิสัย ต่อให้เข็ดวินก็ป้องกันอะไรไม่ได้ จะให้วินไปประท้วงใคร หน่วยงานที่คุมกำเนิดประชากรประเทศหรอ”
“หรือกระทรวงพวกเศรษฐกิจอะไรแบบนี้ แบบว่า...บริหารเศรษฐกิจยังไงให้คนจนลงจนต้องมาเป็นโจร งี้หรอ?”
“พี่หมายถึงเข็ดการอยู่คนเดียวต่างหาก”
“มาอยู่กับพี่ที่นี่เถอะ”
“หลับตาขี่จักรยานยังไม่โดนรถเฉี่ยวชนเลย สังคมเขาดีมาก”
“แต่วินรักประเทศไทยนี่นา”
“แล้ววินก็รักบ้านนั้นด้วย”
“พี่ก็อยากให้วินมาอยู่ใกล้มากๆ เหมือนกันนะ”
“วินเอาแต่ใจกว่าพี่รุตอยู่แล้ว พูดยังไงวินก็ชนะ”
“เปลี่ยนเรื่องดีกว่า เรื่องสอนเป็นยังไงบ้างครับ เจอนักศึกษามาจีบบ้างมั้ย” พอโดนโยนคำถามนี้เข้าไป พี่รุตก็อ้ำอึ้ง สุดท้ายก็ยอมบอกว่าก็มีบ้าง แต่รีบห้ามผมเชียวว่าอย่าระแวงเขาเลย เขามีความรักของเขาอยู่แล้ว รอเวลาอยู่เท่านั้น
ผมไม่ถามต่อว่าความรักของเขาคือใครกัน ผมคิดว่าผมรู้ และเขาก็คงรู้ว่าผมรู้
เหตุผลที่เขาไม่พูดชื่อออกมา ก็เพราะว่าผมไม่เคยถามให้เขาได้พูดสักที
#### @ D A W N #####ซู้ดดดดดด
กวนตีนไปแล้วนะ
ผมเหล่มองคนซดซุปมิโซะหอมๆ อย่างหงุดหงิด ก็นั่นมันซุปของผมนี่
“ของวินนะ”
“วินต้องกินอาหารโรงพยาบาล เร็วๆ จะได้กินยาแก้อักเสบ”
“แต่ซุปนั่นของวิน”
“พี่เอามานะ”
“แต่พี่โป๊ะซื้อมาให้วินนี่”
“ก็วินกินไม่ได้ จะงกทำไมเนี่ย”
“ก็มันของวิน แล้ววินก็อยากกินด้วย”
“แต่วินต้องกินอาหารโรงพยาบาลนี่”
“ก็มันไม่อร่อยเท่า!”
“โหยโหย”
“เอาแต่ใจชะมัดเลยไอ้ยุ่ง ทำตามกติกาโลกมันจะตายรึไง”
“ก็ถ้าตาย พี่จะปั้นวินมาคืนป้าสุได้มั้ยล่ะ”
“เอามาแบ่งเลย!” สุดท้ายเขาก็ยอมแบ่ง นายมือโปรก้าวขายาวๆ มาหา ยื่นถ้วยซุปมิโซะให้ผมอย่างยินยอม ปริมาณของมันทำให้ผมแปลกใจนิดหน่อย ก็เสียงซู้ดกวนส้นตีนแบบนั้นน่าจะทำให้ซุปหายไปเกินครึ่งถ้วยนี่หว่า
“ดื่มดิ”
“พี่โป๊ะล่ะ”
“พอแล้ว วินดื่มดิ ของชอบหรอ? พี่ทำเป็นนะ”
“แต่อันนี่พี่โป๊ะไม่ได้ทำเองใช่มั้ย”
“เปล่า แม่ครัวที่บ้านทำ พี่ชอบซดร้อนๆ ให้เขาใส่ถ้วยเก็บความร้อนไว้ตลอดแหล่ะ”
“โอเค งั้นกินได้ แต่พี่ไม่กินแล้วจริงๆนะ”
“อื้อ วินกินเถอะ”
“เร็วครับ จะได้กินยา” สุภาพทำเหี้ยอะไร หน้าตาไม่ให้สุภาพเลยครับคุณมือโปร
ผมซดซุปร้อนกำลังดีเข้าคอ รู้สึกโล่งทั้งสมอง ลำคอ กระเพาะ แล้วก็อารมณ์ ดื่มจนหมดแล้วก็ส่งยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี นายมือโปรรับถ้วยไปแล้วยื่นถ้วยใส่ยาเล็กๆ มาตรงหน้าผม พอผมรับไว้เขาก็ยื่นน้ำมารออีก อืม...คล่องจัง
“พักกระเพาะแป๊บนึงก็แล้วกัน”
“เดี๋ยวค่อยอ่านเอกสารพวกนี้ ตัวเลขเยอะนิดนึงแต่ก็ควรรู้”
“ครับ” ผมรับคำอย่างว่าง่าย แม้ว่าในหัวจะติดใจเรื่องบ้านที่เขาให้พ่อเขามาซื้ออยู่มากกว่าก็ตาม
เอกสารที่เขาเอามาให้เกี่ยวกับภาพรวมอุตสาหกรรมครับ มูลค่าตลาดที่เราจะทำธุรกิจกันนี้ใหญ่พอควรเลย ผมเห็นรายชื่อคู่แข่งแล้วไม่แปลกใจว่าทำไมนายมือโปรถึงต้องปักธงเรื่องการทุ่มลงทุนหลักพันล้าน ก็เพราะรีเทิร์นมันคุ้มค่า จะตกปลาฉลาม คงใช้ปลากัดสวยไปวันๆ เป็นเหยื่อไม่ได้หรอก
“เอ่อออ แล้วก็”
“หือ?”
“อะไรครับ”
“พี่ขอโทษนะ”
“เรื่องที่ทำให้รู้สึกแย่” เขายิ้มแหยอย่างสำนึกผิดพลางฝากสัมผัสเบาๆ ที่ข้างแก้มผม
“ต่อไปจะไม่ทำอีก สัญญาเลย”“เฮ้ย! ไม่เอาหรอก ไม่อยากเจอกันอีกชาติหน้า”
“งั้นชาตินี้ก็เจอกันให้หนักเลยก็แล้วกัน”
“กลัวไม่ได้เจอวินอีกชาติหน้า” แม่งย้อนผม ผมยู่ปากย่นจมูกใส่ผู้ชายตัวสูงที่เดินไปนั่งไขว้ห้างที่โต๊ะริมระเบียง แดดอ่อนยามเช้ากำลังอ้อล้อกับนายมือโปร ถ้าแดดเป็นเพศหญิงก็คงต้องเปรียบว่าระริกระรี้พอประมาณเชียว
“งั้นชาตินี้พี่ก็อย่าหายไปไหนก็แล้วกัน” ผมงึมงำ หวังว่าเขาจะไม่ได้ยิน จะได้ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมผมถึงคิดแบบนี้และพูดแบบนี้ เพราะผมเองก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
เราคุยกันดีขึ้น ผมรู้สึกได้ว่าผมเป็นแค่ไอ้ยุ่งในสายตาเขา และเขาก็เป็นไอ้เหี้ยพี่โป๊ะสำหรับผม
เราต่างไม่ใช่หลานนายแบงก์และพาร์ทเนอร์ร่วมทุนที่เกี่ยวข้องกันเพราะธุรกิจ
สงสัยว่าพอสบายใจแล้วผมก็เลยยิ้มได้ หัวเราะได้ ผมก็เลยยิ้มให้กระทั่งนางพยาบาลที่มาทำความสะอาดแผลให้ แม้ว่าเธอจะจากไปพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอเต็มเบ้าเพราะแสบแผลก็ตาม
“แมนๆ หน่อยไอ้ยุ่ง”
“มานี่ เช็ดน้ำตาให้ เจ็บมากหรอ”
“ลองโดนเองดิ”
“โอ๋ๆๆ นิ่งเตะนิ่งเตะ”
“เตะเตี่ยไรเล่า!”
“ปากนี่นะ!” เขาบี้ปากผมแรงๆ แล้วก็ใช้ 2 มือขยี้แก้มไปมาอย่างมันมือ หนำใจแล้วก็ลูบๆ เป่าๆ ทำราวกับว่าปลอบแบบนี้แล้วผมจะลืมว่าเขาทำอะไรไว้
“ปล่อยเลย! พี่โป๊ะชอบทำวินเจ็บ”
“พี่ไม่ได้ชอบทำวินเจ็บซักหน่อย”
“วินนั่นแหล่ะชอบทำให้พี่ต้องทำวินเจ็บ”
“ตลก สรุปคนเจ็บก็วินทั้งนั้น ไปไกลๆ เลย”
“ไม่เอา อยู่นี่สบายใจกว่าตั้งเยอะ เข้าบริษัทมีแต่เรื่อง”
“เรื่องไรหรอครับ” ต่อมเสือกผมทำงานขึ้นมาทันที นายมือโปรกอดอกใส่ มองหน้า แล้วก็เมินไป เขาไม่บอกอะไรผม ผมเลยได้แต่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับผม หรือไม่ใช่เรื่องที่ผมรู้แล้วจะทำให้อะไรเปลี่ยน
“วันนี้คุณอาสุจะมากี่โมงหรอวิน” เปลี่ยนเรื่องเลยแฮะ สงสัยจะไม่อยากให้รู้จริงๆ นั่นแหล่ะ ผมไม่เสือกแล้วก็ได้
“บอกไว้ว่าค่ำๆ จะมาพร้อมเป็ด เชฟคนนี้ทำอร่อยมาก”
“คิดแต่เรื่องกินใช่มั้ยเราน่ะ แต่ก็ดี กินเยอะๆ จะได้อ้วนหน่อย วินผอมเกินไปแล้ว”
“ซ่อนรูปหรอก”
“หรอ? เจ้าเงาะถอดเปลือกแล้วมีอะไรทำให้พี่ตะลึงได้บ้างมั้ย? ไหนถอดดิ๊”
“บ้า ไม่เอาหรอก ของแบบนี้เขาถอดให้ดูเฉพาะคนที่รักที่ชอบ”
“พี่โป๊ะไม่ใช่รจนาของวินซักหน่อย”
“มีแล้วหรอ? นางรจนาน่ะ”
“มี”
“ใคร”
“ทำไมเสือกล่ะ ไม่เกี่ยวกับพี่โป๊ะนี่”
“ก็....”
“ก็อะไร”
“อ่อ รู้แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้”
“ใคร รู้ว่าใคร ไหนพูด”
“ทำไมเสือกล่ะ พี่จะคิดว่าใครมันก็ไม่เกี่ยวกับวินนี่”
“แม่งงงง” สุดท้ายผมก็เถียงแพ้อยู่ดี เขาหัวเราะใส่แล้วก็ก้มหน้าจ่อไอแพดของเขาต่อไป ดูเหมือนเขาจะสามารถทำงานได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม แบบนี้คุณแนนคงไม่เหนื่อยมากกับตำแหน่งเลขาคุณวารินท์
ราว 5 โมง เขาก็ยุติการกลั่นแกล้งผมระหว่างทำงานกับไอแพดคู่ใจ นายมือโปรดูจนแน่ใจว่าผมกินมื้อเย็นแล้ว กินยาครบทุกเม็ดแล้ว เขาจากไปหลังจากลาผมด้วยคำว่า “พรุ่งนี้พี่มาอยู่เป็นเพื่อนนะ มีไรก็โทรหาได้ ดึกๆ ก็โทรหาได้”
“ครับ” ผมตอบแค่นี้ คำว่าขอบคุณที่ควรพูดก่อนครับ ผมเก็บไว้ในใจ
เพิ่งรู้จากป้าสุนี่แหล่ะว่าเรื่องร่วมทุนมันขลุกขลักเล็กน้อยเพราะผู้ถือหุ้นใหญ่บางส่วนไม่เห็นด้วย และโปรเจคก็อาจจะล่ม
ป้าสุบอกว่าผู้ถือหุ้นในบริษัทเขายังเชื่อในการทำธุรกิจรับจ้างผลิตตอนเทนท์ การโยกไปลงทุนธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์และสตูดิโอสำเร็จรูปทำให้หุ้นใหญ่กังวลว่า ตนทุนบุคลากรที่มีอยู่ในบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายรับที่ทำได้
“แล้ว ป้าสุว่ายังไงล่ะครับ เราเป็นฝ่ายใส่ส่วนทุนด้วยนี่ครับ 49% แน่ะ”
“ป้าโอเคไปแล้วไง แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่าบริษัทแม่ของทางนั้นเขาไม่อยากตั้งร่วมทุนตรงนี้ขึ้นมา พาร์ทเนอร์อย่างเราจะทำอะไรได้”
“งั้น ถ้าเราเป็นฝ่าย 51% แล้วให้พี่โป๊ะเขาหาเงินมาใส่ส่วนทุน 49% ล่ะครับ”
“บริษัทก็กลายเป็นบริษัทในเครือแบงก์เรา”
“คงไม่ไหวหรอกวิน”
“มันไม่ใช่คอร์เรา”
“การถือหุ้น 51% เท่ากับเราได้คุมส่วนบริหาร ใครจะบริหารล่ะลูก วินหรอ? พร้อมแล้วหรอ? โปรเจคใหญ่นะครับ”
“งั้น พี่โป๊ะเขาจะทำยังไงล่ะครับ”
“ป้าก็อยากพิสูจน์ฝีมือเขาเหมือนกัน”
“แล้วป้าสุว่าพี่โป๊ะเขาจะหาทางออกได้มั้ยครับ”
“หือ? ได้อยู่แล้ว คุณโปรเขาเก่ง” คุณสุชาดาผู้น่าเกรงขามยิ้มมุมปาก เธอใช้เวลายามเย็นเล่มแก้มเล่นหัวผม เป่าเบาๆ ที่ผ้าพันแผลแล้วก็ใช้เวลาสั่งสอนหลานรักอย่างผมจนซึ้งในรสแห่งความห่วงใย เค็มปร่าเลยล่ะครับ ขอบอก
ห้าทุ่มแล้วผมยังไม่หลับ พยาบาลที่เข้ามาดูเป็นระยะคงเอือมผมเหมือนกัน เข้ามาวัดไข้ทีไรก็นอนลืมตาแป๋วจ้องผ้าม่านเล่น
เรื่องที่ผมยังเก็บมาครุ่นคิดอยู่ก็เรื่องของนายมือโปรนั่นแหล่ะ ผมอยากรู้ว่าเขาจะทำยังไงต่อ
จะสู้ต่อไปโดยการกรุยทางด้วยมือตัวเองโดยไม่สนบาดแผลแห่งความผิดหวังเดิมๆ หรือจะตัดใจแล้วตั้งหลักเริ่มใหม่
ไหนๆก็อยากเสือกเรื่องของเขาแล้ว โทรหาก็คงได้มั้ง
ผมกดหาเบอร์เขาที่ไอ้โอมเป็นจัดการเมมไว้ให้ เจอชื่อที่มันตั้งให้แล้วอดขำไม่ได้ มันเมมไว้ให้ว่าเฮียโป๊ะ นี่ถ้าออกเสียงไม่ดี นายมือโปรจะถูกความเหี้ยครอบงำตลอดชีวิตแน่ๆ
รอสายไม่นานเขาก็รับสายครับ ฟังจากเสียงรอบข้างแล้วเขาไม่น่าจะอยู่บ้าน อาจจะอยู่ผับของเขานั่นแหล่ะ
“พี่โป๊ะ วินเองครับ”
“อื้อวิน แป๊บนะ ตรงนี้เสียงดัง พีช! รอตรงนี้ก่อนเดี๋ยวผมมา” ผมถือสายรอ เดาๆ เอาเองว่าเขาน่าจะลงมาที่ห้องพักส่วนตัวของเขา ก็ไอ้ออฟฟิศใต้ดินนั่นแหล่ะ
“ครับวิน มีอะไร เจ็บแผลหรอ”
“เปล่าๆ วิน....พอดีมีเรื่องอยากรู้”
“ครับ เรื่องอะไร”
“ทำไมวันนี้พี่พูดเพราะล่ะ”
“อ้าว พูดเพราะก็ไม่ชอบ ไอ้ยุ่งเอ้ย” เออๆ มันต้องแบบนี้แหล่ะถึงจะชิน
“อยากรู้อะไรไอ้ยุ่ง แลกกับชื่อรจนานะ” แม่งยังไม่ลืมอีก ผมหัวเราะนิดหน่อยแล้วก็ลองเชิง
“อยากรู้เรื่องร่วมทุน คืบหน้าถึงไหนแล้วหรอครับ หรือว่าเซ็นเอ็มโอยูแล้วก็คือเสร็จแล้ว”
“ยังหรอก ต้องผ่านมติบอร์ดบริษัทแม่ก่อน นี่กำลังโน้มน้าวอยู่ แต่คนแก่อ่ะ เขาก็คิดอะไรแนวเขานั่นแหล่ะ”
“แล้วคนแก่เนี่ย แกนนำคือใครหรอครับ”
“ถามทำไม?”
“ก็ ถ้าแกนนำคือพ่อพี่โป๊ะ มันก็โน้มน้าวง่าย แต่ถ้าแกนนำเป็นคนอื่นที่ชาตินี้ก็คงพูดกันไม่รู้เรื่อง คงยาก”
“เป็นคนอื่น พ่อพี่เห็นด้วย แต่การเป็นบริษัทมหาชนมันยุ่งตรงต้องทำให้มวลมหาประชาชนแม่งเห็นด้วยทุกชีวิต ดูยากรึยัง”
“งั้น วินช่วยอะไรได้มั้ยครับ”
“ทำไมถึงอยากช่วยพี่ล่ะ?”
“เอาเถอะน่า เดี๋ยวพี่จัดการเอง วินพักผ่อนเยอะๆ”
“อื้อ พี่เพิ่งคุยกับไอ้โอมมา มันจะเดินทางสัปดาห์หน้าแล้วนี่”
“ไปส่งด้วยกันมั้ย”
“อ๋อ ได้สิครับ”
“วินคงออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว จริงๆ ตอนนี้ก็ออกไปซ่าได้แล้ว แต่ป้าสุไม่อณุญาต”
“เชื่ออาสุน่ะดีแล้ว”
“ไว้พี่พาไปส่งโอมเอง”
“คืนนี้วินนอนได้แล้ว อย่าลืมเรื่องไอเอสล่ะ ทิ้งไปนานๆ จะต่อไม่ติด”
“ครับ”
“แล้วก็...รจนาของวินคือใคร”
“ฮ่า วินไม่บอก เก็บไว้ต่อรองไปเรื่อยๆ นี่แหล่ะ”
“วุ! ไอ้ยุ่ง ทำยังกับพี่อยากยุ่งเรื่องเรานัก”
“ก็แล้วไม่อยากรู้หรอครับ”
“ไม่รู้ก็ไม่ตายครับ”
“ฝันดีนะไอ้ยุ่ง”
โธ่เอ้ย! อยากรู้หน่อยก็ไม่ได้
เพราะถ้าเขามีรจนาของเขาเอง ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าคือใคร
วันนี้ก็เหมือนเมื่อวานครับ ผมมีนายมือโปรมาอยู่เป็นเพื่อน จะว่าไป เขาต่างหากที่มายึดพื้นที่ห้องพักของผมในโรงพยาบาลสำหรับทำงาน เพราะว่ามันสงบดี แต่วันนี้ต่างออกไปนิดนึง เพราะว่าเขามีดร.โจ้เคียงกายมาด้วย
ดร.โจ้ดูแลผมดีมากจนพี่พยาบาลเริ่มสับสนในหน้าที่ตัวเองเชียวครับ เรื่องเดียวที่ดร.โจ้ทำแทนพี่พยาบาลไม่ได้ก็คือการล้างแผลครับ แต่เธอก็มายืนบีบหัวไหล่ผมเป็นการให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง
“น้องวินอดทนนะคะ เมื่อกี้พี่โจ้ดูแล อีกนิดก็แห้งสนิทดีแล้ว”
“ตอนนี้ก็อย่าเพิ่งอาบน้ำ เดี๋ยวแผลโดนน้ำ”
“แต่วินแอบอาบน้ำไปแล้วล่ะครับ ทนไม่ไหวจริงๆ เช็ดตัวอย่างเดียวไม่ชิน” เธอมองผมดุๆ แล้วก็ส่งยิ้มให้ ดร.โจ้คนสวยเดินไปนั่งลงข้างๆ นายมือโปรที่วันนี้หิ้วโน๊ตบุ้คมาทำงานด้วย
“กาแฟมั้ยโปร”
“ไม่เอา หลายแก้วแล้วโจ้”
“งั้นโจ้ลงไปซื้อกาแฟของโจ้ก่อนนะ เอาขนมหรืออะไรมั้ย”
“ไม่ โจ้ไปเถอะ ดูแลตัวเองก่อนนะ ผมยุ่งๆ”
“รู้แล้วล่ะน่า” หญิงสาวเป็นฝ่ายตัดพ้อ ผมว่าผมเห็นสายตาเศร้าๆ ของดร.คนสวย และก็เสือกไปโดยไม่ทันได้ยั้งตัวเอง
“วินไปเป็นเพื่อนนะครับ” ทั้งคู่หันมองผม นายมือโปรขมวดคิ้วใส่แล้วก็ลงทุนลุกขึ้นเพื่อก้าวยาวๆ มาหา
“วินจะซื้ออะไร มีอะไรที่หมอห้ามกินแล้วจะแอบกินรึเปล่า”
“โธ่พี่โป๊ะ วินไม่ได้ป่วยเลย แต่มีดฟัน”
“แค่อยากลงไปเดินเล่น”
“งั้นพี่พาไป”
“โหยย เดินกับพี่โป๊ะวินก็เหนื่อยกว่าดิ ขาพี่ยาวกว่าอ่ะ ก้าวก็ฉับๆ ไปกับดร...พี่โจ้ดีกว่า”
“ตามใจ”
“โจ้อย่าตามใจวินมากนะ”
“จ้า ห่วงเวอร์” หญิงสาวสรรพยอกใส่ด้วยใบหน้างามงอน ผมเห็นอาการแล้วยังคิดว่าน่ารัก ฉะนั้นนายมือโปรก็คงคิดว่าน่ารักเหมือนกันนั่นแหล่ะ แต่ผมเดาผิดไป เพราะพอผมมองนายมือโปร เขากลับไม่ได้สนใจดร.สาวนัก เขามองผมแน่วแน่ มองจนผมต้องรับปาก
“วินจะก้าวอย่างระวังที่สุดเลยครับ”
“ดีแล้วไอ้ยุ่ง”
“งั้น วินซื้อเอสเพรสโซ่ให้พี่ด้วยนะ ขอบคุณครับ” ก็เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่เอากาแฟอยู่เลย เอสเพรสโซ่มันเป็นเครื่องดื่มประเภทเดียวกับน้ำมะพร้าวรึไงวะ?
จากที่คิดว่าเราคงค่อยๆ เดินเคียงกันอย่างเงียบๆ ผมก็คิดผิดอีกเหมือนเดิม
ดร.โจ้คุยเก่ง ช่างพูดช่างสรรหาเรื่องราวมาเล่าให้ฟัง เธอนั่งจิบกาแฟในร้านเมื่อถามจนแน่ใจแล้วว่าผมสามารถนั่งดื่มกาแฟกับเธอได้ตราบใดที่พี่พยาบาลรู้ว่าผมไปไหน
“โปรบอกว่าน้องวินเป็นหลานแบงก์ที่โปรชวนมาเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมทุน”
“พี่โจ้นี่ตกใจเลย”
“แฮะๆ วินดูไม่น่าจะเป็นหลานนายแบงก็ได้ใช่มั้ยครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ ตกใจปนเสียดายด้วย”
“ปกติแล้ว โปรเขาไม่คบคนที่น่าจะเอื้อผลประโยชน์กันเป็นเพื่อนหรือคนสนิทหรอก เขาว่ามันแยกความสัมพันธ์ยาก จะรู้จักกันด้วยงานหรือเรื่องส่วนตัวก็ควรนิยามกันตั้งแต่แรก”
“แต่บางทีมันก็เลือกไม่ได้นี่ครับ”
“วินเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่กังวลใจ วินไม่อยากให้ใครมาหาประโยชน์จากตัววิน ป้าวิน”
“นั่นล่ะที่โปรกังวล”
“แต่กว่าจะยอมพูด ง้างปากกันแทบตาย”
“ต้องให้แกงค์เขานั่นแหล่ะเป็นคนง้าง”
“แกงค์หรอครับ”
“อื้ม ก็คุณหนึ่ง คุณหมอนำ คุณพีช แกงค์เขาตั้งแต่ม.ปลายน่ะ” อ๋อ ชื่อพวกนี้ผมเคยได้ยิน แกงค์หัวกะทิปัญญาชน
“โปรเขาคุยกับวินได้สนิทใจอีกครั้งพี่โจ้ก็โล่งใจ กลัวจะน้ำลายบูดซะก่อน”
“แต่วินก็เป็นเด็กน่ารักจริงๆ นั่นแหล่ะ ยิ้มให้โปรบ่อยๆ นะคะ ถือว่าช่วยกัน”
“รายนี้เครียดนิดหน่อยโลกก็รู้ แต่เจ้าตัวไม่ยอมให้ใครช่วยอะไรง่ายๆ หรอก”
“ปากหนัก”
“ปากหมาหนักๆ ด้วยครับ” ผมหยอกเย้า ดร.โจ้เลยหัวเราะร่วน เธอเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ผมฟังอีกหลายเรื่อง ส่วนมากก็เป็นเรื่องที่มีนายมือโปรเอี่ยวด้วยตลอด จนในที่สุด ผมก็ถามคำถามสำคัญออกไป
“พี่โจ้ เป็นแฟนพี่โป๊ะมานานรึยังครับ”
“อา...”
“ดูเหมือนแฟนกันหรอคะ”
“ก็ ไม่รู้จะคิดเป็นอื่นยังไง แล้วก็ดูสมกันด้วยนี่ครับ”
“ถ้าคนพูดเรื่องเดียวกัน 100 คน ทำให้เรื่องที่ถูกพูดถึงเป็นเรื่องจริงได้ พี่ก็คงเป็นแฟนโปรไปแล้วค่ะ”
“แต่เราเป็นแค่เพื่อนกัน”
“พี่เป็นได้แค่เพื่อนเขาเท่านั้นแหล่ะ”
“งั้น รจนาของเขาคือใครล่ะครับ?”
“อะไรนะคะ?”
“อ๋อ เสียดายแทนพี่โป๊ะนะครับ พี่โจ้ดีพร้อมขนาดนี้ ปล่อยให้หลุดมือได้ยังไง”
“ก็เขาไม่เคยกำมือใครไว้เลยนี่”
“ไม่สิ เขาไม่เคยปล่อยมือจากน้องแพร์เลยต่างหาก”
ลูกแพร์เป็นอีกครั้งที่ผมได้ยินชื่อผู้หญิงคนนี้
เธอตายจากไปนานแล้ว แต่ทุกครั้งที่ชื่อเธอถูกเอ่ยถึง บรรยากาศของความหวงแหนที่แสนเศร้าจะฟุ้งขึ้นรอบตัวผม มันทำให้หายใจไม่ออก อึดอัดจนอยากจะระเบิดปะทัดกองใหญ่ในทะลุทะลวงตัวตนที่ไม่มีวันกลับมาให้จากไปตลอดกาล
Cutสาบานได้ว่าอยู่ในช่วงปั่นไอเอส และเตรียมสอบต้นเดือนก.ค. สาบานได้เลย
บางทีนี่ก็คิดนะ ว่านี่ทำไมแบ่งเวลาไม่ถูกไม่ควรเลย โฮวววววววววววววว

เป็นกำลังให้ด้วยนะคะ
สำหรับบ้านพี่หมอนำ-น้องธาม ภาค2 เราว่าเราจะรอให้เคลียร์ไอเอสจบก่อน โครงจะได้แน่น แฮ่
ขอบคุณค่ะ