ตอนที่ 17
เหมือนเดิม (ครึ่งหลัง)
เมื่อไปถึงห้องรับแขกก็พบว่าประมุขของบ้านกำลังนั่งอ่านหนังสือรออยู่เงียบๆ คนเดียว
“คุณพ่อรอนานไหมฮะ” ปลายฝันตรงเข้าไปนั่งข้างๆ ทันที
“มากันแล้วหรือ เป็นไง อร่อยกันหรือเปล่า” ถามยิ้มๆ
“อร่อยอะไรกันล่ะคะคุณพี่ ทำไมไม่บอกน้องว่ามันเค็มล่ะ ปล่อยให้ดีใจอยู่ตั้งนาน” เอ็ดสามีตัวเองไป
“ก็ผมไม่อยากให้คุณหญิงเสียใจไง เห็นตั้งใจทำ” ตอบด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
ปฐพีกับอัคนีมองพ่อตนเองก็ส่ายหัวอย่างระอา ถ้าถามว่าพวกเขาสองคนเอาเยี่ยงอย่างการวางตัวมาจากใคร ก็มาจากคนเป็นพ่อนี่แหละ ทีต่อหน้าพวกเขาและลูกน้องนะ เงียบขรึม น่าเกรงขาม แต่พออยู่กับผู้เป็นแม่ทีไรหลุดมาดทุกที
ไม่ต่างกันกับคนเป็นลูกเท่าไหร่ เวลาอยู่หน้าลูกน้องน่ะก็เป็นอีกอย่าง พออยู่กับปลายฝันก็กลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ
“พ่อกับแม่อย่าเพิ่งจีบกันได้ไหม อิจฉานะเนี่ย” อัคนีขัดเล่น
“ก็จีบหนูดรีมให้ติดสิ จะได้เป็นเหมือนกับพวกฉัน” คนเป็นพ่อว่า
“คุณพ่อ พูดอะไรก็ไม่รู้” ปลายฝันเอ่ยอย่างขัดเขินที่ประมุขของบ้านพูดแบบนั้น
“ก็จีบอยู่นะพ่อ” ปฐพีบอก แต่มองหน้าปลายฝันเขม็ง
“เรอะ! ก็ดีแล้ว”
พูดบ้าบออะไรกันเนี่ย! ช่วยพูดอะไรที่ไม่ทำให้เราต้องอายสักเรื่องจะได้ไหม
“แต่ลูกสะใภ้ของพ่อแม่งไม่ยอมใจอ่อนสักที” อัคนีสมทบ
“เออน่า พวกแกก็จีบไปเรื่อยๆ นั่นแหละ” อิสระพูด
นี่มันคืออะไรกัน ทำไมพวกพี่เขาต้องโกหกคุณพ่อด้วยว่ากำลังจีบเรา หรือเพื่อหลอกให้ท่านสบายใจ ว่าทำตามที่ท่านต้องการแล้ว…
คิดมากอีกแล้วสิเรา...
“คุณพ่อมีอะไรจะพูดกับพวกเราหรือครับ” ปฐพีถาม
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก”
“เรื่องงานหรือครับ” อัคนีถามต่อ
“ไม่ใช่หรอก มันก็ไม่มีอะไรมาก แค่จะชวนไปทำบุญน่ะ เรายังไม่เคยได้ทำบุญร่วมกันเลยนี่”
ทุกคนขมวดคิ้วสงสัย ยกเว้นเพียงมารดาที่นั่งยิ้มแย้มเพราะรู้อยู่แล้ว
“ที่ไหนหรือครับ วัด?”
“ไม่ใช่หรอกตาดิน พ่อจะพาไปมูลนิธิ ‘บ้านอุ่นใจ’ หนูดรีมรู้จักดีใช่ไหม” อิสระหันมาถามปลายฝัน
“ฮะ ดรีมเคยอยู่ที่นั่น”
ถึงจะบอกว่าทำงานเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่อายุ 13 ปี แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของกฎหมาย ซึ่งปลายฝันทำงานได้แค่นิดๆ หน่อยๆ ในช่วงหลังเลิกเรียนเท่านั้น และต้องกลับเข้าบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งก็คือที่ที่อิสระว่ามานั่นเอง
และถามว่าทำไมตอนนั้นถึงได้ทำงาน ทั้งๆ ที่มีคนช่วยเหลือแล้ว คำตอบเดียวที่ปลายฝันให้ไว้ก็คือ
เพื่อประคับประคองบ้านที่เขาและแม่ใช้อาศัยอยู่ก่อนที่แม่จะติดหนี้เพื่อนำเงินที่ได้มาส่งเสียเขาเรียน แต่ก็ถูกยึดไปเนื่องจากไม่มีเงินจะคืน แม่ของเขาเลยพามาอยู่ห้องเช่าเก่าๆ แล้วเมื่อแม่ของปลายฝันเสียไป ตัวของเขาจึงถูกส่งตัวเข้าบ้านอุ่นใจ แต่เมื่อเรียนจบแล้ว ปลายฝันจะต้องออกมาตามกฎของบ้าน
และตอนนี้เองที่ปลายฝันจำได้ เรื่องที่เขาลืมเลือนไป ก็คือเรื่องที่ตนเองทำงานเพื่ออะไร
ถ้าไม่ใช่เพื่อส่งตัวเองเรียนกับซื้อบ้านหลังนั้นกลับมา...
“หนูดรีม เป็นอะไรทำไมเงียบไป รู้สึกไม่ดีตรงไหนหรือเปล่า” ประมุขของบ้านถาม เมื่อปลายฝันเงียบไป
“ป่ะ เปล่าฮะ ดรีมก็แค่คิดถึงที่บ้านน่ะฮะ คิดถึงแม่ๆ” ปลายฝันบอกยิ้มๆ
“ทนคิดถึงหน่อยนะ เพราะพ่อไม่ได้พาเราไปพรุ่งนี้เลย ประมาณต้นเดือนหน้าน่ะ มหาลัยฯ ปิดเทอมแรกพอดีใช่ไหม มีงานต้องทำหรือเปล่า”
“ก็ไม่มีหรอกฮะ ต้นเดือนหน้าก็ดีฮะ”
“พ่อไม่คิดจะถามพวกผมหรือ ว่าว่างกันหรือเปล่า” อัคนีถาม
“ฉันบอกพัฒน์กับธีร์ไว้แล้ว วันนั้นถ้ามีงานก็ให้เลื่อน”
พ่อพวกเขานี่มัดมือชกเก่งจริงๆ เลย
“แล้วทำไมพ่อไม่พาไปพรุ่งนี้แทนล่ะครับ” ปฐพีถามอย่างสงสัย
ยังไงพรุ่งนี้ก็ว่างอยู่แล้วนี่
“ก็ตั้งแต่พรุ่งนี้จนถึงสิ้นเดือน ฉันกับแม่แกจะไปเที่ยวต่างประเทศน่ะ”
“อ้าว? พ่อกับแม่เดินทางตอนไหน”
“เย็นๆ หน่อย”
“แม่อยากพาหนูดรีมไปเดินเที่ยวห้างฯ ช่วยแม่เลือกของไปฝากป้าๆ ที่นั่นน่ะจ้ะ” คุณหญิงพูด
“แม่จะไปอังกฤษหรือครับ”
“ใช่แล้วลูก”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปซื้อของกับแม่นะจ้ะ” คุณหญิงหันไปชวนปลายฝันที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ดวงตาเหม่อลอย
“ฮะ” คนตัวเล็กตอบสั้นๆ
อิสระ อัญมณี ปฐพีและอัคนี สังเกตเห็นความเงียบผิดปกติจากร่างบาง ที่เผยสีหน้าเศร้าสร้อยออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่อยากซักถามอะไรมาก เพราะรอให้เจ้าตัวพร้อมกว่านี้ดีกว่า พร้อมเล่าออกมาเองว่า เศร้าใจเรื่องอะไร แต่คนที่อยู่ไม่สุขสุดๆ เห็นทีว่าจะเป็นสองฝาแฝด
ที่อยากจะถามเหลือเกินว่าคนตัวเล็กเป็นอะไร
“ดรีมลูก เอาไงดีจ้ะ” คุณหญิงถาม
“เอ่อ...อะไรหรือฮะ คุณแม่” ปลายฝันถาม
“แม่ถามว่าเย็นนี้ทำอะไรทานกันดี แต่สีหน้าหนูไม่ดีเลย เอาแบบนี้ วันนี้ดรีมไม่ต้องทำอาหารเองนะคะ เดี๋ยวให้แม่ครัวเขาทำไป หนูพักผ่อนเถอะ”
“แบบนั้นก็ได้ฮะ งั้นดรีมขอตัวพักผ่อนหน่อยนะฮะ รู้สึกปวดหัว”
“ตายแล้ว ถ้างั้นรีบขึ้นไปนอนเลยนะ เดี๋ยวจะเป็นไข้เอา”
“ฮะคุณแม่ ดรีมขอตัวนะฮะคุณพ่อ พี่ดิน พี่เพลิง” ร่างบางเอ่ยขออนุญาตสามหนุ่ม ก่อนจะพาร่างที่กำลังไร้ความรู้สึกของตัวเองขึ้นห้องนอนไป
ปลายฝันกำลังเสียใจ ที่ลืมคำสัญญาของตนที่ให้ไว้กับแม่ว่าจะต้องเอาบ้านกลับคืนมา
เขาลืมความตั้งใจสูงสุดของตัวเองได้ยังไง เพราะนอกเหนือการเป็นหมอแล้ว สิ่งที่ปลายฝันอยากทำมากที่สุดก็คือ ซื้อบ้านที่เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ตัวเองเคยมีกลับคืนมา
แกร๊ก!
ปฐพีกับอัคนีเปิดประตูเข้าห้องของปลายฝันโดยไม่ขออนุญาต และห้องก็ไม่ได้ล็อกด้วย พบร่างบางกำลังนอนคว่ำอยู่บนเตียงกว้างแบบไม่รู้สึกว่ามีใครมา
“ไม่สบายหรือ ไปหาหมอไหม” อัคนีถามพลางนั่งลงข้างเตียงใหญ่ ซึ่งปลายฝันได้ยินเสียงก็พลิกตัวหงายขึ้น แต่ไม่ลุกขึ้นนั่ง
“พี่เพลิง” เรียกคนตัวสูงเสียงสั่น ขอบตาร้อนผ่าว
“เป็นอะไร” คนตัวสูงอีกคนถอดรองเท้าผ้าที่ไว้ใส่เดินในบ้านออก แล้วขึ้นไปนั่งบนเตียงใหญ่ถามเสียงอ่อนโยน
“พี่ดิน”
คนตัวใหญ่ทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นคนที่ตามขึ้นมาเพราะเป็นห่วง กำลังจะร้องไห้
“เป็นอะไร บอกพวกพี่ได้ไหม” ถามเสียงอ่อนโยน
“ดรีมลืมสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ ก่อนที่แม่จะเสีย ว่าจะทำงานเก็บเงินเพื่อซื้อบ้านกลับมาคืน แต่ดรีมทำไม่ได้ และ ดรีมก็ลืมมันไป ดรีมเป็นลูกอกตัญญู”
ปลายฝันเป็นคนที่เข้มแข็งเสมอ ขนาดกำลังเสียใจตอนนี้ กลับพยายามกลั้นน้ำตาไว้เต็มที่ แต่เพราะมีสองหนุ่มอยู่ข้างกาย น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้กลับไหลริน
“ชู่ว! ไม่ร้องนะ ทุกคนมีสิทธิลืมกันได้ ดรีมไม่ได้เป็นลูกอกตัญญูเสียหน่อย ที่สำคัญมันอาจจะเป็นความต้องการของแม่ดรีมก็ได้ เขาคงไม่อยากให้ดรีมลำบากน่ะ” อัคนีปลอบอย่างอ่อนโยน
“แต่ว่า”
“เชื่อพี่เถอะ แม่ดรีมท่านไม่โกรธหรอก เดี๋ยวพอดรีมเป็นหมอ ดรีมค่อยเก็บเงินไปซื้อมาคืนก็ได้นี่” ปฐพีเองก็ช่วยปลอบอีกแรง
“อืม อย่างที่ไอ้ดินบอก ตอนนั้นดรีมจะสร้างใหม่หรือตกแต่งก็ทำได้สบายๆ หรือดรีมจะทำเลยก็ได้ เดี๋ยวพี่จัดการให้”
“อย่านะพี่เพลิง เรื่องนี้เป็นเรื่องของดรีม พี่อย่ามายุ่งนะ” คนตัวเล็กลุกขึ้นนั่งสั่งคนตัวใหญ่เสียงแข็ง ลืมไปเลยว่าเมื่อกี้กำลังเศร้าอยู่
โอเค...เปลี่ยนอารมณ์ไวมาก
“ได้ๆ พวกเราไม่ยุ่งหรอก แต่เลิกคิดมากเสียที ตั้งแต่อยู่ด้วยกันนานๆ เข้าเริ่มกลายเป็นคนคิดมากตั้งแต่เมื่อไหร่” ปฐพีถามยิ้มๆ
ก็เพราะพวกพี่นั่นแหละ
วันๆ ก็เอาแต่แกล้ง ในทุกๆ วันเลยต้องคิดว่าวันนี้จะโดนอะไรหรือเปล่า กลายเป็นคนระแวงไปด้วยแล้วเถอะ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ช่างผมเถอะน่า”
“ไง หยุดร้องไห้แล้วหรือ”
“ใครร้อง ไม่มีเถอะพี่ดินมั่ว”
“ปากดี”
“ดีอยู่แล้วแหละ ไม่เชื่อลอง...อื้ม”
นั่นไงปลายฝัน อยู่ดีไม่ว่าดีไปท้าพี่เขาซะงั้น แล้วเป็นไง โดนปิดปากด้วยริมฝีปากหนาของปฐพีไปแล้ว คนตัวสูงบดขยี้ริมฝีปากเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว และเคล้าคลึงจนร่างเล็กเคลิบเคลิ้ม จากต่อต้านเป็นตอบสนอง
ปลายฝันชอบ และรู้สึกดีกับจุมพิตของร่างสูง ที่ไม่ใช่คนเดียว แต่เป็นถึงสอง...
อัคนีส่ายศีรษะไปมาอย่างเบื่อหน่าย ที่ปฐพีเป็นฝ่ายเริ่มก่อนอีกแล้ว แต่ไม่ทันได้เบื่อไปมากกว่า ริมฝีปากของทั้งคู่ก็ผละออกจากกัน มือแกร่งของอัคนีเลยบังคับให้หันมาหาตนบ้าง แล้วบดริมฝีปากกลงไป ไม่รอให้คนตัวเล็กหายใจมากนัก
“อื้อ…อ่ะ” ปลายฝันครางออกมาด้วยอารมณ์วาบหวาม ตอบสนองรสจูบของอัคนีอย่างไม่ยอมแพ้
ปฐพีช้อนตัวอยู่ด้านหลังคนตัวเล็ก ก้มซุกไซร้หลังคอสวยแบบสุดจะห้ามใจ ขบเม้มประทับรอยแสดงความเป็นเจ้าของทั่วหลังคอสวย อัคนีเองก็นั่งหันหน้าเข้าหาร่างบาง ผละจูบร้อนแรงออกมาแล้วซุกซอกคอด้านหน้า ซึ่งปลายฝันพยายามหลบหลีกด้วยการเงยหน้าขึ้น แต่กลับเป็นการเปิดทางให้อัคนีซุกไซร้ได้มากกว่าเดิม
“อ๊ะ...ย่ะ หยุด นะฮะ อ้า” ปลายฝันห้ามไป ครางไป ทำอะไรไม่ได้ เพราะมือข้างซ้ายถูกปฐพีจับไว้ อีกข้างอัคนีก็ควบคุมไว้ ส่วนช่วงล่างก็เป็นท่านั่งที่นั่งทับขาตัวเองอยู่ ไม่มีแรงแม้จะจะลุกขึ้น จึงปล่อยให้ทั้งคู่รุกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
“อืม...หอมมาก” ปฐพีคำรามเสียงต่ำ แทบจะฉุดรั้งอารมณ์ตัวเองไม่ไหว
“เหี้ยเอ้ย!! น่าฟัดสุดๆ” อัคนีสบถรุนแรงก่อนจะขบเม้มทั่วคอขาวให้เป็นรอยรอบคอ ทั้งด้านหน้าและหลังคอ
“อื้อ อ้ะ เจ็บ”
มืออีกข้างของปฐพีลูบไล้ด้านหน้าของปลายฝันจนขนลุกซู่ด้วยแรงอารมณ์ ส่วนมออีกข้างของอัคนีก็ลืบไล้แผ่นหลังบางเช่นกัน
“อื้อ อึก”
ประสบการณ์เรื่องแบบนี้ไม่เคยจะมี พอมีครั้งแรกก็ดันได้ทั้งสองคน...
“พ่ะ พอ อื้อ พอแล้ว อ้ะ ฮะ” คนตัวเล็กเอ่ยห้ามเสียงกระท่อนกระแทน เพราะมือใหญ่ของปฐพีสาละวนอยู่กับเม็ดทับทิมด้านหน้าแบบไม่ยอมทำอะไรสักที
มันทรมานนะรู้หรือเปล่า ทำอะไรสักอย่าที เอ้ย!! ไม่ใช่ หยุดทำเสียที
ก่อนที่ร่างสูงทั้งสองจะทำอะไรเกินไปมากกว่านี้ จิตใต้สำนึก ผิดชอบชั่วดีก็ผุดขึ้นมา เลยหยุดการกระทำแบบที่ค้างอารมณ์ของตัวเองที่แบบสุดๆ ก่อนจะหอมแก้มนุ่มแรงๆ กันคนล่ะข้าง
“ปากดีจริงๆ”
“หวานๆ ชะมัด”
ร่างบางก้มหน้างุดอย่างขัดเขิน ไม่ได้โกรธที่ทั้งคู่ล่วงเกินร่างกายแต่เพียงอย่างใด กลับกันยังรู้สึกดีมากๆ เสียด้วย แล้วไอ้ความรู้สึกเมื่อกี้คืออะไร
อะไรคือความรู้สึกที่ว่า...อยากได้มากกว่านี้
“ทีนี้ก็ลืมเรื่องเศร้าๆ ไปแล้วใช่ไหม แต่ถ้ายังไม่ลืม ยังไม่เลิกคิดมาก พวกฉันก็จะทำอีก” อัคนีถามก่อนจะพูดขู่
“ลืมแล้ว!!” คนตัวเล็กรีบตอบกลับทันที
แต่ก็ไม่ได้ตอบให้ตัวเองรอดจากเงื้อมือของทั้งคู่แต่อย่างใด แต่มันเป็นความรู้สึกที่แท้จริง ปลายฝันเลิกคิดมากแล้วล่ะ หายเศร้าเป็นปลิดทิ้ง อาจเป็นเพราะการปลอบใจของปฐพีกับอัคนีที่แม้จะไม่ได้อ่อนโยนมานัก พูดจาก็ขวานผ่าซาก
แต่มันกลับอบอุ่นที่สุด
‘แม่ฮะ ดรีมสัญญา...ว่าดรีมจะซื้อบ้านของเรากลับคืนมาให้ได้ แต่ดรีมขอเรียนจบ มีงานทำก่อนนะฮะ ดรีมอยากซื้อมันกลับคืนมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เพราะบ้านหลังนั้นคือบ้านที่ดรีมเกิด เป็นสิ่งเดียวที่ดรีมจะรักษาความทรงจำของเราสองแม่ลูกไว้ด้วยกัน และตลอดไป ดรีมรักแม่นะฮะ’
จากที่ไกลแสนไกล หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง เจ้าของใบหน้างดงามราวกับนางฟ้า มองไปยังด้านหน้าด้วยความรู้สึกรักสุดหัวใจ จ้องมองดวงใจของตัวเองอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าเธอจะไม่ได้อยู่ข้างกาย แต่ก็คอมองดูอยู่เสมอ
‘แม่ก็รักดรีมนะ’
‘ขอให้ดรีมมีความสุขนะลูก แม่จะมองดูลูกอยู่ตรงนี้ตลอดไป’ 100%

สวัสดีจ้า เวลานี้ช่างผ่านไปไวเหลือเกินนะคะ แปบเดียวก็วันพุธแล้ว เฮ้อออ...ตั้งแต่พรุ่งนี้จนถึง 5 ธันวาคม ยูกิมีซ้อมบูมพี่บัณฑิตนะคะ ลงนิยายแน่นอน แต่ค่อนข้างจะบอกเวลาแน่ชัดไม่ได้ ยังไงก็ขอบอกไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ
ส่วนตอนนี้ยูกิแต่งแบบแปลกๆ ไปหน่อยก็ขอโทษด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคำติชม และให้กำลังใจยูกินะคะ อย่าลืมติดตามกันต่อไป
พูดคุยกับยูกิได้ที่แฟนเพจเลยจ้า
https://www.facebook.com/sawachiyuki