ตอนพิเศษ ครั้งที่ ๔
ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงนกหวีดดังขึ้นแต่เช้า ผมสะดุ้งตกใจตื่นตาลีตาเหลือก คิดว่าฝันร้าย ที่ไหนได้ไอ้ลูกชายตัวดีมายืนขำคิกๆหน้าเตียง
“คิกๆๆๆๆ พ่อบอมบ์ตกใจแล้วทำแบบนี้เลย”เจ้าซ่าขำแล้วล้อเลียนท่าทางผมก่อนจะกระโจนมากอดเอว
“แกล้งพ่อแต่เช้านะ ใครให้ทำแบบนี้เนี่ย”
“พ่อน้อยครับ”
“แปรงฟันยังเราอ่ะ”
“ยังครับ ยาสีฟันหมด”
“เออ พ่อลืมซื้อให้ ไปซื้อเองที่ร้านได้ป่ะ”
“ป้าติ๋วจะเหม็นขี้ฟันน้องซ่าหรือเปล่าอ่ะพ่อบอมบ์”
“ไม่เหม็นหรอกมั้ง รีบไปซื้อแล้วรีบกลับไง ไม่ต้องโม้เยอะ โม้เยอะก็จะเหม็น หึหึ”
“น้องซ่าอยากทานเต้าหู้”
“ไปซื้อป่ะ เอามาให้คุณย่าด้วย เดี๋ยวพ่อหยิบเงินแปบ”ผมเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ส่งแบงค์ร้อยให้ลูกชาย ค่ายาสีฟันกับค่าเต้าหู้น่าจะพอดี เต้าหู้แถวบ้านผมนี่ถุงละ ๕ บาทครับ ตอนผมยังเด็กๆอยู่นะ ถุงละ ๑ บาท แต่ตอนนี้อะไรๆแพงขึ้น มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะครับ เมื่อก่อนนี่ร้อยเดียวซื้อข้าวของได้เป็นกระสอบ พอมาสมัยนี้ร้อยเดียวได้มานิดเดียว
ลูกชายไปร้านค้าแล้ว ผมก็ไปเตรียมตัวอาบน้ำอาบท่า เมื่อคืนหมวดบูมก็ไปนอนกองกับพวกมหาพวกฝรั่งน่ะ ไม่ได้มานอนกับผม จริงๆหมวดบูมแกเป็นผู้พันแล้วนะ แต่พวกเราติดปากเรียกผู้หมวดๆมาตั้งแต่แกเป็นร้อยตรี ตอนเป็นร้อยเอกก็ยังผู้หมวดเหมือนเดิม ส่วนเจ้าแสบซ่าชาลี เรียกหมวดเต้ยติดปากว่าแบ๊มตลอด หมวดเต้ยเคยถามว่าทำไมไม่เรียกอาเต้ย เจ้าซ่าบอก มันติดปาก หมวดเต้ยก็เออออไปครับ แบ๊มก็แบ๊ม
ผมเดินไปเปิดประตูห้องแขกที่มานอน ตอนนี้ทุกคนนอนแบบเต็มที่ของเขาอ่ะ หมวดเต้ยนอนกอดไอ้มหา อีหนูเอาขาไปพาดพุงหมวดบูม ฝรั่งก็ลุกขึ้นมาเกาหัวแกรกๆ
“มอนิ่ง”ฝรั่งทักทายยามเช้า มอนิ่งมา ผมก็มอนิ่งไป
“นี่แน่ใจนะว่านอนไม่ ไม่ได้ก่อสงครามสวิงกิ้งอะไรนะ”
“อืม ก็หลายยกอ่ะ หึหึ กูล้อเล่น”
“อีหนู ตื่นเลยมึง วันนี้เข้าเวรกองการณ์รู้หรือเปล่า”
“หืม อะไรนะพี่บอมบ์ เข้าเวรเหรอ”อีหนูเสียงอู้อี้ มันเอาขาลงจากท้องหมวดบูมแล้วกลิ้งมาอีกที่ใกล้ๆกับฝรั่ง “มีใครบ้างอ่ะพี่บอมบ์ หนูยังไม่ได้รีดชุดเลย ยืมชุดใครดีอ่ะที่ตัวเท่าๆหนู แล้วร้อยไหนเป็นหัวอ่ะ”มันมาเป็นตุเป็นตะของมันเลยครับ นี่เลือดทหารซึมอยู่ในจิตใต้สำนึกของมึงเลยเหรอวะหนู
“เออ ก็ร้อยเราอ่ะแหละ วันนี้จ่านิคเป็นผบ.”ผมก็เอาต่อ
“หืม อืม เข้าเวรกองการณ์ ห๊ะ ไอ้พี่บอมบ์ เข้าเวรบ้าบออะไรของพี่อ่ะ ตาบ้า ปลดมาจนจะแก่ละ ยังมาอำหนูอีก”คราวนี้มันตื่นเต็มตาครับ หึหึ
“ไอ้มหา ทหารมารอเบิกปืนอ่ะ”
“อือ อำอีหนูไม่พอยังจะมาอำกูอีก มอนิ่งคิสที่รัก”ไอ้มหามันตอบผมก่อนจะไปจูบปากหมวดเต้ยเบาๆ หวานสัส แล้วหมวดบูมของกูนี่นอนสบายเชียว
“นี่ ตื่นได้แล้วมั้ง เมื่อคืนก็ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยทำไมถึงได้หลับได้หลับดีแบบนี้วะ”
“อืม อากาศดีน่านอนต่อนี่นา อื้อ กี่โมงแล้ว”
“๖ โมงครึ่ง ตื่นๆเลย เด็กๆตื่นกันหมดบ้านแล้ว เหลือแต่พวกแก่ๆนี่ไม่ยอมตื่นสักที”
“มึงจะแก่ก๋แก่คนเดียวไปเลยไอ้บอมบ์”ฝรั่งว่าผม
“แหม่ มึงนี่ก็ไม่แก่เลยนะฝรั่งขี้นก ป่ะๆ ลุกเว้ย ให้เวลาครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวจะพาไปวัด ใครช้าพุ่งหลัง”
“พ่อบอมบ์ครับ”เสียงเจ้าซ่าดังขึ้นขัดจังหวะ คงจะกลับมาแล้วสินะ
“ครับ”
“ตังค์ทอนครับ พ่อบอมบ์ เต้าหูมีแค่ ๗ ถุง น้องซ่าซื้อมาแค่นั้น”
“อืม ไปล้างหน้าแปรงฟังไป เหม็นขี้ฟันแล้วเนี่ย”
“ฮ่าๆ”อ้าปากพ่นลืมใส่ผม ว่าแล้วผมก็ไปลงไปด้านล่างไปช่วยพี่ๆทำกับข้าว แม่ผมไม่ต้องทำอะไรแล้ว แก่แล้วให้อยู่เฉยๆครับ อยากให้พักผ่อนเยอะๆ เหนื่อยมาทั้งชีวิตแล้ว แก่จนมีหลาน มีเหลนแล้ว เข้าครัววันนี้ก็ทำกับข้าวง่ายๆ ข้าวพี่ป่านหุงไปแล้ว เหลือกับข้าว คงจะเป็นน้ำพริก หมูทอด กับแกงปลาทู
แบ่งส่วนหนึ่งไว้ใส่บาตร พอ ๗ โมงหน่อยๆพระก็มาบิณฑบาตผ่านหน้าบ้านครับ เราไปทำบุญยามเช้ากัน แล้วมาตั้งวงกินข้าว
“พ่อบอมบ์ครับ ทำไมไม่มีไข่เจียว วันนี้ชาลีอยากทานไข่เจียว”
“อ้าว ทำไมไม่บอกพ่อก่อนล่ะ”กำลังจะเปิบข้าวเลยครับ ลูกทักขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องเรื่องมากเลยเรา มีอะไรก็ทานไป”บิวดุลูกชาย
“ก็พ่อบอมบ์บอกว่าทุกวันอาทิตย์จะเจียวไข่ให้ทาน ชาลีจำได้”
“โอเค เดี๋ยวพ่อไปเจียวให้แล้วกัน”ผมจะก้าวลงจากแคร่
“ไม่ต้องเลยพี่บอมบ์ ตามใจลูกเกินไป เอาไว้ทานตอนมื้อกลางวันหรือมื้อเย็นก็ได้ ลำบากพ่อจริงๆอ่ะเรา เดี๋ยวไม่ให้ตังค์ทานขนมเลย”
“ไม่ให้ตังค์ชาลีก็จะรับจ้างพ่อน้อย จะเอาผ้าคุณย่าไปซักด้วย คุณย่าก็จะให้ตังค์ชาลีเองแหละ”ไม่ง้อแม่มันเลยสักนิด ผมนั่งยิ้มกับท่าที นี่เขาเรียกว่าเถียงคำไม่ตกฟากป่ะวะ
“ถ้าเก่งขนาดนี้ อย่ามาขอตังค์แม่แล้วกัน”
“ขอสิ ชาลีจะเอาไปหยอดลูกหมู ถ้าแม่บิวไม่ให้ชาลี ลูกหมูมันจะงอแง ลูกหมูเป็นสัตว์พิเศษนะแม่บิว มันไม่กินรำ ไม่กินข้าว แต่มันกินตังค์ คิกๆๆๆ”เออ ก็ช่างคิดนะเอ็ง
“ใครไม่ทานข้าวเดี๋ยวให้ตุ๊กแกจังกินตับเลยนะ”พี่น้อยขู่หลาน
“พ่อน้อย ทำไมแตงกวามันเป็นแบบนี้”เจ้าแสบเอาบ้างครับ แตงกวาที่หันเฉียงๆก็ยังสงสัย “มันจะทานอร่อยเท่ากับหั่นเป็นกลมๆไหมครับ”
“อร่อยเหมือนกัน เพราะมันมาจากลูกเดียวกัน”พี่น้อยตอบ
“แต่น้องแสบว่า แตงกวาหั่นเป็นกลมๆอร่อยกว่า”เออ ก็คิดไปนะเอ็ง หัวกลมๆเป็นแว่นๆ กับหั่นเฉียงๆ อร่อยไม่เท่ากันอีกล่ะ
“ปวดหัวไหมพี่บอมบ์”อีหนูถาม
“แบบนี้ประจำอ่ะ ชินละ”ก็แบบนี้แหละครับลูกชายผมอ่ะ สงสัยนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย ถ้าจะพูดว่าเรื่องมากหรือเปล่า มันก็ส่วนหนึ่งนะ แต่ผมไม่อยากคิดแบบนั้นไง ก็ลูกสงสัยอ่ะ เราต้องตอบเขาให้ได้ แต่บางทีพอเราตอบไป เอ๊ะ กูตอบถูกหรือผิดวะ บางเรื่องที่ลูกถามแล้วผมตอบไปมันคาใจ ผมไปเปิดหาพวกงานวิจัยเรื่องนั้นๆเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ วินวินทั้ง ๒ ฝ่าย
“อาบูมครับ วันนี้อาบูมจะรับจ้างชาลีไหมครับ ชาลีจ้างอาบูม ๒๐๐”
“เดี๋ยวนะ จ้างถูกไปไหมอ่ะ”
“อ้าว อาบูมจะเอากี่บาทอ่ะ ชาลีก็มีตังค์อยู่ ๒๐๐”
“พี่ให้กู้ก่อนก็ได้ชาลี เดี๋ยวรับจ้างได้ค่อยเอามาคืน”เจ้าซ่าเสนอน้อง หัวการค้าตั้งแต่เด็ก นี่ถ้าโตไปเอ็งไม่จนกว่าพ่อนี่พ่อเฉ่งกะบาลเลยละ
“ทานข้าวก่อนแล้วค่อยคุย”บิวพูดเสียงเข้ม
“แม่บิวชอบดุ แม่บิวต้องทานแตงกวาเลย แตงกวาหวานๆจะทำให้คนใจเย็น”ชาลีตักแตงกวาให้แม่ตัวเองแล้วยิ้มแป้น ผมนี่ถึงกับหัวเราะ
“ชาลี ของหวานๆกินแล้วยิ่งดุนะลูก”อีหนูพูดแล้วขำของมันไป
“พี่หนู บิวไม่ใช่หมานะ”บิวเองก็ขำไปด้วย ฮ่าๆๆ
“อ้าวเหรอ พี่ก็คิดว่าใช่ฮ่าๆๆ”
กินข้าวเสร็จแล้วช่วยกับเก็บเอาไปล้าง ไอ้ต้อมไอ้เป้กับเพื่อนๆก็มาถึงบ้าน มาถึงก็อุ้มน้องขึ้นไหล่ขึ้นหลังหยอกเล่น โลดโผนมากเลยครับ เด็กๆเขาชอบใจ ยิ่งไอ้ตัวแสบ ๓ คนบ้านตรงข้ามนี่หัวเราะเสียงดัง แม่ผมก็กลัวจะอันตรายตามประสาคนแก่อ่ะ แต่ผู้ชายอ่ะนะ มันโลดโผนเป็นธรรมดา ตอนเด็กๆเคยเป็นกันไหมล่ะ อยู่กับพ่อนี่พ่อจับโยนขึ้นฟ้าแล้วรับ ทำอะไรแผลงๆ เด็กๆโคตรชอบอ่ะ มันตื่นเต้น และไม่เคยพลาดมือสักครั้งเดียวเลยนะ อันนี้ผมก็เสียวๆอยู่เหมือนกัน แต่เล่นๆไปเถอะ ผู้ใหญ่มันรู้ลิมิตดีว่าจะทำยังไง
“พอแล้ว พี่เหนื่อยแล้ว เดี๋ยวไม่มีแรงขับรถ”ไอ้เป้บ่นออกมา
“อาเป้ อาทิตย์อยากบินอีก”เจ้าอาทิตย์ร้องขอ
“อาหมดแรงแล้ว ไปให้พ่อพาเล่นป่ะ”
“พ่อบอมบ์ครับ อาทิตย์อยากบินได้เหมือนเมื่อกี้”วิ่งมาอ้อนผมละ
“ไม่มีปีกแล้วจะบินได้ได้ยังไงล่ะ หืม ไม่เอา ไปเล่นอย่างอื่นดีกว่าป่ะ”
ผมออกไปดูนาของผมเหมือนเดิมครับ จะไม่ไปก็ต้องไป ไม่ได้เห็นท้องทุ่งแล้วมันรู้สึกแปลกๆ ไปดูสักหน่อย เด็กๆให้อยู่ที่บ้านครับไม่ให้ตามมา วันนี้ผมก็จะให้จัดการดำนาตรงนี้ให้เรียบร้อย ไม่กี่ชั่วโมงคงจะเสร็จส่วนนี้ ช่วงบ่ายจะไปอีกที่ นาผมมี ๕ ที่นะครับ แต่ก่อนมีอยู่ ๓ ที่แต่ว่ามีคนมาเสนอขายให้ผมจึงซื้อเก็บไว้ซะเลย ส่วนไร่แต่ก่อนก็มีอยู่ ๒ มีคนขายอีกผมก็ซื้ออีกจนตอนนี้มีอยู่ ๗ ที่แล้วครับ มีหลากหลายเหตุผลที่เขาขายกันครับ ติดหนี้บ้าง ส่งลูกบ้าง เอาเงินไปรักษาตัวบ้าง มันก็จำเป็นต้องขาย ผมก็เห็นใจเขาเหล่านั้นนะครับ
ดูที่นาเสร็จแล้วก็กลับมาที่บ้าน วันนี้จะทำขนมจีนเลี้ยงสักหน่อย มาถึงก็ลงมือเลยครับ ปอกมะพร้าว ขูดมะพร้าว คั้นกะทิ ต้มไก่ ต้มปลาทู เตรียมเครื่องปรุงทุกอย่าง
“ไปนั่งเลย ไม่ต้องมาป้วนเปี้ยนแถวนี้ น้ำร้อนจะโดนมือเอา ไปหาอะไรเล่นก่อนไป ถ้าสุกแล้วเดี๋ยวพ่อจะเรียก”ผมปรามพวกเด็กๆ ได้กลิ่นขนมจีนหอมๆแล้วคงอยากจะกินมั้งครับ แหม่
“มันจะเผ็ดไหมครับพ่อบอมบ์”
“ไม่เผ็ด พ่อใส่พริกนิดเดียว ไปนั่งเล่นป่ะ ไปอ่านหนังสือ ไปดูการ์ตูนก็ได้”
“เอาไปให้หลวงตาฉันด้วยเนอะพ่อบอมบ์”
“อื้ม เดี๋ยวพาไปปล่อยวัดเรา ป่ะๆ”
รอสักครู่หนึ่งน้ำยาขนมจีนสุกพอดีครับ ผมก็ตักแบ่งส่วนหนึ่งเอาไปวัด ไปถวายเพล ส่วนหนึ่งก็ให้แขกเหรื่อคอยจัดการไป ถึงเวลาไปวัดจากทีแรกว่าจะไปไม่กี่คน ไปๆมาๆก็แทบจะยกบ้านไปเลยครับ
“หลวงตาครับ”เจ้าซ่าเรียกหน้ากุฏิ พวกเราเดินขึ้นไปแล้วเปิดประตู หลวงตานั่งอ่านหนังสืออยู่ครับ “หลวงตาวันนี้น้องแสบทำขนมจีนมาถวายหลวงตา”รายงานก่อนใครเลยครับ
“เอ้า กราบพระก่อน เดี๋ยวค่อยคุย”แม่ผมเตือนเด็กๆ เราก็กราบงามๆ
“กราบใหม่ซิไอ้หนู ค่อยๆกราบงามๆ”ฝรั่งโดนหลวงตาเตือน มันก็เก้ๆกังๆ “อือ อะไรก็แล้วแต่นะลูกนะ ถ้ามันออกจากภายนอกสวยงาม แสดงว่าภายในเขาสวยงามนะ กิริยาอาการภายนอกมันบอกถึงจิตใจได้นะลูก คนกระด้าง ภายนอกดูกระด้างกระเดื่อง ภายใจเขาก็แบบนั้น แต่คนอ่อนโยน ภายใจเขาก็อ่อนโยน ส่วนคนเสแสร้งน่ะ แกล้งทำสวยงามยังไงมันก็รู้ว่าไม่ได้มาจากใจจริง”
“หลวงตา น้องซ่ากราบสวยไหมครับ”
“อืม สวยแล้วลูก ไม่สวยนี่เสียชื่อหลวงตาสอนมากับมือนะ แต่ต้องดีขึ้นทุกวัน อย่าคิดว่าเราดี เดี๋ยวมันจะเหลิง เข้าใจไหมลูก”
“ครับ”
“เอ้า มีอะไรว่ามา”
ว่าแล้วแม่ก็คุยภาษาถิ่นกับหลวงพ่อ เราถวายขนมจีนเสร็จ หลวงตาก็บอกให้ยกไปถวายพระที่กุฏิด้วย ปกติถ้าฉันเช้านี่ฉันที่ศาลาครับ แต่ถ้าฉันเพลระท่านก็จะตามสบาย บางรูปก็ไม่เพลก็มีครับ ปกติของคนแก่ หลวงพ่อท่านฉันนิดเดียว
“พ่อจะทำตะกรุดเหรอครับ ผมขอดอกหนึ่งนะครับพ่อ”ผมเหลือบไปเห็นแผ่นโลหะที่หลวงพ่อเขียนยันต์ไว้
“เขาให้พ่อเขียนให้ เขาจะเอาไปหล่อพระ เอ็งจะเอาไปทำอะไรวะไอ้เสือน้อย ในคอนี่ยังไม่พออีกเหรอ”
“ก็อยากได้อีกนะพ่อ เห็นคนอื่นได้กันตั้งเยอะตั้งแยะ”
“เฮอะ มันได้จากพ่อที่ไหนล่ะ พ่อไม่ได้ทำมานานแล้วนะเรื่องนี้ สอนธรรมะไม่พากันอยากได้ อยากได้แต่ของภายนอก เอ็งมีพระอยู่ในใจเอ็งรึยัง ที่ห้อยคอนี่ไม่ใช่ให้ห้อยโก้ๆนะ นึกถึงท่านบ้าง”
“ครับพ่อ แล้วทำไมพ่อไม่ทำอ่ะ อย่างน้อยให้ลูกหลานได้เอาไว้ป้องกันตัว”
“อือ ยังไม่ถึงเวลา แต่เรื่องป้องกันตัวนี่ข้าก็สอนทุกวันว่า อย่าประมาท มีเงินก็อย่าประมาทว่าเรายังมีเงินจนไม่ทำงาน มีใบขับขี่ก็อย่าประมาทว่าเราขับรถดีแล้วคนอื่นจะไม่ชนเรา มีชีวิตอยู่ก็อย่าประมาทว่าเราจะอยู่ได้ถึงพรุ่งนี้ มีเวลาก็อย่าประมาทว่าเวลาเหลือเยอะ มันผ่านแล้วก็ผ่านไปเราไปแก้ไขอะไรไม่ได้ นี่แหละของป้องกันตัวของพ่อ อย่าประมาท ถ้าทุกคนไม่ประมาท อะไรๆก็ดีแหละ”
“ครับพ่อ”
“อือ ยังไม่กินข้าวกันใช่ไหมล่ะ ไปกินข้าวกินปลาไป เดี๋ยวจะหาว่าพ่อรั้งเอาไว้ กินข้าวกินปลา ทำงานต่อไป”พวกเราจึงกราบลาหลวงพ่อกลับบ้าน มากินขนมจีนกัน