ตอนที่ ๕๓ บำๆ
ปีเก่าผ่านไป ปีใหม่เข้ามา วันที่ ๑ ผมต้องไปเข้าเวรกลองปีใหม่ ปีใหม่ปีนี้ทางกองพันไม่ได้หยุดเพื่อให้ทหารได้ลาพักผ่อนนะครับ ปีนี้มีงานเลยไม่ได้มีใครลา ผมเองก็ไม่ได้อะไรมากอยู่แล้วกับปีใหม่หรือปีเก่า ไปเข้าเวรจ่าแกก็พูดมาว่า ปีใหม่แล้วให้คิดใหม่ทำใหม่ อะไรที่ไม่ดีทิ้งไว้ที่ปีเก่า ผมเองก็งงๆนะ สมมติว่าผมทำชั่วช่วงเดือนตุลา ก็ต้องรออ่ะดิ กว่าจะปีใหม่เพื่อที่จะคิดใหม่ทำใหม่ แล้วทิ้งสิ่งที่ชั่วไปที่ปีเก่า แบบนี้ผมว่าไม่เวิร์คเท่าไหร่ ผมว่าเรามาคิดใหม่ทำใหม่ตอนที่เรารู้ตัวว่าเราทำไม่ถูกต้องดีกว่าไหม รู้ตัวว่าทำไม่ดีเมื่อต้นเดือนตุลา ก็ให้รีบปรับปรุงตัวตอนต้นเดือนตุลา รู้ตัวว่าทำไม่ได้ตอน ๓๑ ธันวา ก็ให้เลิกทำชั่วในวันนั้น ไม่จำเป็นต้องรอปีใหม่ แบบนี้ถ้าเกิดคิดชั่วแต่ต้นปีล่ะ ต้องรอปีหน้า มันนานเกินไปครับ เอาวันที่เรารู้ตัวว่าเราทำไม่ดีดีกว่า ปีใหม่ปีเก่ามันเป็นแค่ตัวเลข
ฟังจ่าพูดเสร็จแล้วพวกผมที่ต้องเข้าเวรผลัด ๑ ต้องเดินแถวไปเปลี่ยนจุด ไม่ได้เข้าเวรมานานแล้ว ครั้งนี้ผมก็ยืนอยู่ที่เดิมคือตึกกระสุน ยังจำได้ตอนที่ผมมาเข้าเวรกองรักษาการณ์ครั้งแรกไหมครับ ที่ผมเกือบโดนกะเทยโม๊คน่ะ ผมมายืนจุดนี้นี่แหละ ลมหนาว ยืนเข้าเวรด้วยอารมณ์เงียบเหงา ใบไม้ร่วงโรยเหลือไม่กี่ใบ ลมเย็นๆพัดมาเอื่อยๆ ไม่ต้องถามหาความหนาวเหน็บในเมืองหลวง หายากเหลือเกิน ยืนเข้าเวรมองต้นไม้ใบหญ้าผู้คนที่สัญจรไปมาภายในกองพัน ยืน ๒ ชั่วโมงพอเมื่อยขาก็มีคนมาเปลี่ยนจุด ได้พักผ่อนซะทีเรา กินข้าวมื้อเที่ยงเสร็จแล้วก็นอนพักผ่อน ช่วงนี้นอนได้นอนเพราะช่วงกลางคืนมันจะไม่ได้นอนเต็มที่ บ่าย ๓ ก็มานั่งหนุน ก็คือมานั่งที่กองรักษาการณ์นะครับ เขาเรียกว่านั่งหนุน หนุนผลัดละ ๒ ชั่วโมง แล้วไปยืนตามจุดอีก ๒ ชั่วโมง รวมเป็น ๔ ชั่วโมง จากนั้นก็มาพักผ่อน ๔ ชั่วโมง หรือที่เขาเรียกกันว่า เข้า ๔ พัก ๔ ทั้งหมดก็ ๓ ยก รวมเป็น ๒๔ ชั่วโมงพอดีที่เราต้องเข้าเวรกองรักษาการณ์
ช่วงกลางวันก็ไม่มีอะไรมากมาย ผ่านไปแบบเอื่อยๆ จนมาถึงช่วงสุดท้ายของการเข้าเวรคือตั้งแต่ ๕ ทุ่ม ๕ ทุ่มถึงตี ๑ พวกผมต้องมานั่งหนุน ก็ดูรายการทีวีกับจ่าไปเรื่อยเปื่อย ถึงช่วงไหนที่ใครต้องไปยืนชักล้อก็ไป ตามหน้าที่ไม่มีเอารัดเอาเปรียบกัน บางกองร้อยนี่รุ่นพี่ข่มรุ่นน้องไปยอมไปยืนชักล้อ แต่กองร้อยผมไม่มีครับ ถ้าจะไม่ไปยืนชักล้อก็ต้องจ้าง คนละ ๒๐ หรือ ๕๐ ก็ว่ากันไป แล้วแต่จะตกลงราคากันเอา ใกล้เวลาจะตี ๑ แล้วพวกเราก็เดินแถวไปยืนจุดกัน กลางคืนนี่อากาศเย็นจัดเลยครับ ต้องเบิกเสื้อกันหนาวไป ไปถึงจุดก็หาที่นั่ง ตอนกลางคืนผ่อนคลายได้ครับ แต่ห้ามหลับเท่านั้นเอง ผมเองก็นั่งบ้าง เดินเล่นรอบๆบ้าง ตรงข้ามตึกกระสุนมันก็ถือว่าเปลี่ยวในระดับหนึ่ง แล้วตรงนี้เขว่าผีดุมากๆ ไม่ค่อยมีคนอยากมายืนเท่าไหร่ ผมก็ไม่รู้ว่าผีดุหรือกะเทยดุกันแน่ เดินสวยเช้งมาเชียว ผู้หญิงยังอายเลยครับ มันหลุดมาได้ไงวะ
“ตัวเองไม่ได้ไปฉลองปีใหม่เหรอ”เดินเข้ามาใกล้ๆ หน้าใสๆ ทรวดทรงองค์เองนูนเว้าสวยมากเลยครับแต่เสียงแตกไปนิดหนึ่งเลยรู้ว่าเป็นกะเทยไม่ใช่ผู้หญิง
“ไม่อ่ะ”ผมส่ายหน้า พลางคลำซองปืนว่าอยู่ในกระเป๋าหรือเปล่า เพราะถ้ากะเทยปลดซองปืนเอาไปเป็นของประกันคราวนี้แหละมึงซวยแน่
“เหรอ เค้าก็ไม่ได้ไปฉลองเหมือนกัน เค้าอยากมาฉลองกับทหาร ตัวเองฉลองกับเค้าหน่อยไหม”พูดจาเอียงหน้าเอียงคอทำตัวคิกขุ คือถ้าเป็นคนอื่นนี่ไม่ต้องอาปากพูดเลยมั้ง ลากไปเสยกันแล้วละป่านนี้
“ไปฉลองกับคนอื่นดิ ผมเข้าเวรอยู่”ผมพูดปฏิเสธ ไม่ได้เว้ย ห้ามนอกใจเมีย เมียเรากำลังรอเราอยู่
“ก็แอบๆฉลอง ๒ คนก็ได้ นี่เค้าเอานี่มาด้วย เค้าว่าตัวเองคงจะชอบ”หยิบเหล้านอกมาครึ่งแบน เอ่อ กูเคยกินอยู่นะมันนุ่มลิ้นดี แต่ตอนนี้กูเลิกเหล้าแล้ว
“ไปชวนคนอื่นเหอะ อย่าให้ต้องโมโห”
“ตัวเองไม่สนใจเหรอ นี่ตัวเองรู้ไหมน้อยคนนะที่จะได้ฉลองกับเค้า ตัวเองดูเค้าดิ มีแต่คนอยากฉลองกับเค้า ทำไมตัวเองรีบปิดกันความสุขขงตัวเองจังเลย”เอ่อ ถึงแม้ว่าเมียกูไม่สวยเท่ามึงแต่กูรักเมียว่ะ
“จะต้องให้ต่อยหรือเตะดีถึงจะไป ก็บอกว่าไม่ก็คือไม่ดิ อย่าเข้าใจอะไรยาก ไม่อยากทำร้ายประชาชนนะ เข้าใจป่ะ”
“ตัวเอง เค้าไม่ได้มาบ่อยนะ โอกาสแบบนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ ตัวเค้าอ่ะ มีแต่คนอยากได้ แต่วันนี้เค้ามาเสนอให้กับตัวเอง ตัวเองไม่คิดจะสนองความต้องการบ้างเลยเหรอ เป็นทหารอ่ะ มันเหนื่อยมากเค้าเข้าใจพวกตัวเองดี กว่าจะได้ปลดปล่อยแต่ละทีก็ต้องรอนานแสนนาน ช่วยตัวเองก็ไม่มันส์เท่ากับมีคนอื่นมาช่วย ตัวเองเหน็ดเหนื่อยกับการรับใช้ชาติแล้ว ขอให้เค้าเหน็ดเหนื่อยกับการรับใช้ตัวเองได้ไหม”โห มันพูดซะกูเคลิ้ม กูกำลังห่างเมียซะด้วย เงี่ยนเป็นเหมือนกันนะเว้ย เอาไงดีวะกู มันก็สวยนะ นี่คงไปโมใหม่หมดตัวแน่เลย เอาไงดีวะ หนาวๆแบบนี้ได้ออกเหงื่อสักหน่อยก็คงจะดีล่ะมั้ง ผมกำลังลังเล จะเอายังไงดีวะกู คิดไปคิดมา ตรงนี้ก็เปลี่ยว ไม่มีใครรู้หรอกมั้ง ให้มันโม๊คให้สักหน่อยแล้วมันก็คงจะจากไป เฮ้ย ไม่ได้ๆ หมวดบูมรอกูอยู่ ห้ามคิดเลยเถิดเว้ยไอ้บอมบ์ แค่น้องไปป์เขาไม่โกรธมึง มึงก็น่าจะสำนึกได้แล้ว
“นี่คุณ ขอโทษนะ ผมสนองตอบคุณอะไรไม่ได้หรอก ผมเข้าเวร ถ้าคุณอยากนะ คุณไปหาที่อื่นที่เขาง่ายๆดีกว่า เชิญ อย่าให้ต้องใช้กำลัง”ผมผายมืออย่างสุภาพ ไม่ไปนี่กูเอาจริงนะ
“ตัวเอง”
“นับ ๑”
“ตัวเองกำลังปิดกั้น”
“นับ ๒”
“สวยๆแบบเค้าไม่สนใจเหรอ”
“นับ ๓ นับถึง ๕ นี่กูต่อยนะ อยากฟื้นอีกทีตอนกลางปีไหมล่ะ จะจัดให้”ชูกำปั้นขึ้นขู่กะเทยคนนั้นจึงได้วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว เฮ้อ ทำไงดีวะเนี่ย มันโด่ขึ้นมาแบบนี้ เอาเหอะ อีกไม่กี่วันเราก็จะได้ลาไปพักผ่อนแล้วละ ทนๆเอาเว้ย ผมยืนอีกพักใหญ่ๆ เป็นช่วงที่ทรมานมาก คือกะเทยจะเยอะไปไหน กูมายืนจุดนี้แค่ ๒ ชั่วโมง ปาไปแล้ว ๕ คน โดนกูถีบไป ๒ เอาก้อนทรายเปียกๆปาไปอีก ๒ รวมคนแรกด้วยเป็น ๕ คน โหย อะไรวะ เสน่ห์แรงจริงกู ตี ๓ ออกจุดพวกที่โดนกะเทยจัดการก็โม้กันเต็มที่เลยครับว่าใครโดนอะไรยังไง ใส่ไปท่าไหนท่าบ้าง มาถึงที่กองรักษาการณ์ ถอดปลอกได้รีบถอดคอมแบท ถุงเท้า หามุ้งมากางแล้วหยิบผ้าห่มจากกระเป๋าที่พกมาด้วยนอนห่ม อยากกอดหมวดบูมว่ะ
เช้ามา ๖ โมงครึ่งก็ต้องตื่นมาเตรียมตัวเพื่อที่จะนั่งหุน ลมช่วงเช้าหนาวเย็นพอสมควร แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ไปกวาดถูที่หน้ากองการณ์กันครับ ทำความสะอาดตามที่ได้รับผิดชอบ พวกผมทำเฉพาะด้านหน้า ส่วนผลัดอื่นๆจะรับผิดชอบในโรงนอนและด้านหลังที่เป็นห้องกินข้าว กวาดใบไม้อยู่ร่วมชั่วโมงจึงไปยืนชักล้อ พอครบกำหนดเวลาที่ต้องยืนชักล้อคนอื่นมาเปลี่ยนผมจึงได้ไปนั่ง ฟังจ่าโม้แต่เช้าเรื่องนั่นเรื่องนี่ วันนี้เป็นวันหยุดอีกวันหนึ่งครับ พรุ่งนี้ถึงจะเริ่มทำงานตามปกติราชการ
๘ โมงกว่าๆ มีแถวของกองรักษาการณ์ชุดใหม่เดินแถวมาเปลี่ยน กว่าจะเปลี่ยนเสร็จก็ใช้เวลาร่วม ๑๐ นาที เพราะต้องทำตามระเบียบของทหารครับ มีการชักกระบี่ทำความเคารพ และการเปลี่ยนแถวอะไรต่างๆ พวกผมที่หนุนอยู่ผลัด ๑ กว่าจะได้ออกเวรก็เกือบ ๙ โมงครับ เดินแถวกันกลับกองร้อย ๖ คน พอไปถึงกองร้อยเท่านั้นแหละครับ
“เฮ้ยไอ้พวกออกเวรมา หมอบ”เสียงผู้กองสั่งอยู่ดังมาจากหน้ามุขกลาง พวกผมรีบหมอบลงอย่างรวดเร็วด้วยความตระหนกตกใจ อะไรวะ โดนเล่นแต่ต้นปีเลยกู มองหน้ากันเลิกลัก
“ได้ข่าวมาว่าเมื่อคืนมีคนปี้กะเทย ใครทำ รีบสารภาพ”มองซ้ายมองขวาแหละครับ ไม่มีใครยกสักคน จะให้กูยกก็ไม่ใช่เรื่องเพราะไม่ได้ไปทำอะไรกับเขา “เฮ้ย ที่กูถามน่ะไม่ได้ยินเหรอ ใครปี้กะเทยยกมือขึ้น”ก็ยังไม่มีใครยอมรับอยู่ดี “ไอ้บอมบ์ ว่าไงมึง สายข่าวรายงานมาว่ามึงแอบปี้กะเทยที่ตึกกระสุนจริงไหม”ผู้กองถามผม
“ไม่จริงครับผู้กอง”ผมรีบตอบอย่างมั่นใจ
“เฮ้ย มึงอย่ามาเล่นลิ้นกับกูดิ กูไม่ชอบ ตกลงว่าใช่ไม่ใช่เมื่อคืนกูมึงปี้กะเทยใช่ไหม กูมีหลักฐาน”ผู้กองถามอีกครั้ง กูปี้เมื่อไหร่ครับผู้กอง กูจะเตะกะเทยล่ะไม่ว่า
“ผมไม่ได้ทำครับผู้กอง”
“เฮ้ย ไอ้เหี้ย มึงทำมึงก็รับไปดิ จะไปโกหกผู้กองทำไมล่ะ”รุ่นพี่พูดเบาๆ
“ผมไม่ได้ทำจะให้ผมรับอะไร เมื่อคืนพี่ยังพูดเลยว่าพี่ทำพี่ไม่รับไปล่ะ”ผมถามมันกลับด้วยเสียงพูดที่เบาๆเหมือนกัน
“เฮ้ย มึงไม่ฟังคำพูดผู้บังคับบัญชาเหรอ ไปพุ่งหลังเลยไปคนละ ๑๐๐๐ ยก”ผู้กองสั่ง อะไรวะ กูเพิ่งออกเวรมานะเว้ย เมื่อคืนก็แทบไม่ได้หลับได้นอน ขึ้นกองร้อยมาแทนที่จะได้นอนกลับต้องมาโดนแดกอีก สัสเอ๊ย พวกผมยืนขึ้นแล้วไปพุ่งหลังที่สนามหญ้าในตำนาน พุ่งไปได้ ๒๐ กว่ายกแหละครับ
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู”อ้าว อะไรวะ ผมทำหน้างงๆแต่ยังพุ่งหลังต่อครับ ไอ้ซันเป็นคนถือเค้กมาแล้วเพื่อนๆพี่ๆในกองร้อยก็พากันร้องเพลง
“เฮ้ย พอๆ สุขสันต์วันเกิดว่ะ”ผู้กองสั่งหยุด ผมทำหน้างงๆ วันเกิดอะไร วันเกิดใครวะ มอซ้ายมองขวา เค้กก็ไม่ได้หยุดที่หน้าใครแต่มาหยุดตรงหน้าผม ทุกคนก็ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์กันระงม
“ยังทำหน้างงอีก วันเกิดมึงอ่ะแหละ ไอ้ยักษ์”ผู้หมวดตบที่ไหล่ผม อ้าว วันเกิดกูเหรอ พอคิดไปคิดมา เออ ใช่นี่หว่า เข้าเวรจนเบลอแล้วกู
“เป่าเค้กเลยพี่บอมบ์”เสียงอีหนูพูดด้วยความตื่นเต้น เกิดมาปีนี้ปีที่ ๒๗ เพิ่งจะมีเค้กให้เป่าแบบเป็นกิจจะลักษณะ พอกำลังจะเป่า ผู้กองท้วงให้อธิษฐานก่อน ไม่รู้จะขออะไรหลับตาแล้วพูดเสียงดังไปว่า
“ขอให้เมียจงเจริญ ฟู่ๆๆๆ” เป่าเทียนดับหมดแล้วจากนั้น กูไม่ได้แดกแต่หน้ากูแดกไปหมดแล้ว ไอ้สัส โปะมาซะเต็มเหนี่ยว หน้ากูพังขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ
“วู้ๆๆๆ”ละเลงเต็มหน้ากูเลยจากนั้นพอคว้าใครได้กูก็เอาไปปาดหน้าพวกมันเหมือนกัน หึหึ ฉลองเสร็จแล้วผู้กองปล่อยให้ไปอาบน้ำอาบท่า เย็นนี้ผู้กองจะเลี้ยงหมูกระทะพวกผม เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายของภารกิจที่ทำให้เราไม่ได้ไปลาพักผ่อนกัน พวกผมดีใจกันยกใหญ่ ใครใจกล้าหน้าด้านหน่อยก็แย็บๆขอผู้กองกินเบียร์ ผู้กองบอกว่าค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง
อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วผมก็มานอนที่ห้องดูทีวี หลับไปอย่างรวดเร็วเพราะเหนื่อยกับการเข้าเวรมาทั้งคืน ตื่นอีกทีก็ตอนที่เขาเรียกไปจัดเวรเลี้ยงแล้วครับ แต่ผมไม่ได้ไปกับเขา เดินหน้ามึนๆไปล้างหน้าล้างตา แล้วกลับมานั่งพักผ่อนที่ใต้ถุนกองร้อย ไอ้ภูมิ ไอ้ภีม โทรมาอวยพระวันเกิดผม ส่วนผมโทรไปคุยกับแม่ครับ ขอบคุณแม่ที่ให้ผมเกิดมา เลี้ยงผมไม่พอ ยังเลี้ยงลูกผมอีก
ล่วงเลยมาถึงช่วงเย็น วันนี้ผู้กองเลี้ยงหมูกระทะครับเพราะภารกิจของเราได้เสร็จสิ้นแล้วทหารไม่ได้ไปฉลองที่ไหน ผู้กองเลยใจดีเลี้ยงพวกผมอย่างเต็มที่ ๖ โมงตรงเริ่มตั้งเตากันแล้ว ใครมีหน้าที่อะไรก็ช่วยเหลือกันไปตามหน้าที่ วันนี้หมูเพียบครับ พอได้ที่ก็จัดการปิ้งย่างกันตามอัธยาศัย พวกผมก็นั่งกันเงียบๆตามประสาเพื่อนสนิท มีผม ไอ้ซัน ไอ้มหา อีหนู ไอ้นนท์ กับรุ่นพี่อีกคนครับ นั่งปิ้งย่าง ไอ้มหาไม่เคยกินหมูย่างเกาหลีมันก็ทำแบบงกๆเงิ่นๆ มีอีหนูคอยบริการ อีกส่วนหนึ่งจะเป็นโต๊ะนายสิบกับโต๊ะนายทหาร แบ่งเป็น ๓ โต๊ะ นายสิบที่อาวุโสหน่อยก็จะนั่งโต๊ะเดียวกับผู้หมวดผู้กอง ผู้หมวดกองร้อยผมก็มีอยู่ ๓ นะครับ มีหมวดบูม กับผู้หมวดที่เลื่อนตำแหน่งมาจากนายสิบอีก ๒ คน นาสิบที่อาวุโสรองลงมาจนถึงนายสิบที่มาใหม่ก็จะมานั่งคละเคล้ากันอีก ๒ โต๊ะที่เหลือ ส่วนพวกผมนั่งบนพื้นสนามบาสหน้ากองร้อยครับ นั่งกินสักพักหมวดเต้ยมาร่วมวงด้วย พออีกครู่หนึ่งไอ้แบงค์ พี่หมวดบูมก็มาร่วมวงด้วย
“หล่อทั้งพี่ทั้งน้องเลยอ่ะ”อีหนูมันเพ้ออีกแล้ว
“มึงไม่ถูกใจผัวคนปัจจุบันของมึงเหรอ”ไอ้ซันถามอีหนู
“แหม ซัน ขอเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆของกูเหอะ ว้าย หมวดแบงค์เดินมาทางนี้แล้วพี่บอมบ์”อีหนูทำท่าตกอกตกใจ เฮ้อ กูเพลียกับมึงว่ะอีหนู เห็นผู้ชายนี่อกจะแตกตายให้ได้เลยทีเดียว ไอ้แบงค์เดินมาแล้วมานั่งยองๆจับไหล่ผม
“หยิ่งนะไอ้สัส ไม่เห็นทักกูเลยสักนิดเดียว นี่ถ้ากูไม่มามึงก็ไม่ไปหากูเลยใช่ป่ะ”
“อ้าว ไอ้เหี้ย วอนซะแล้วมึง”
“หึ ไปทักกูบ้างก็ได้ กูไม่ได้แบกยศไปไหนมาไหนตลอด ๒๔ ชั่วโมงหรอกว่ะ วันนี้วันหยุดราชการด้วย กูกับมึงเท่าเทียมกัน”ไม่พูดเปล่ามานั่งขัดสมาธิกับพื้นข้างๆผมแล้วหยิบตะเกียบหยิบจานมา
“เออ เอาก็เอา พูดงี้เอาน้องมึงมาหอมแก้มทีดิไอ้สัส”ผมพูดเบาๆข้างหูไอ้แบงค์
“ถุย ไอ้เวร กูว่าน้องกูเหลือแต่กระดูกแล้วมั้ง มึงเล่นแทะโลมซะน้องกูหมดราคา”ไอ้แบงค์พูดเบาๆพอได้ยินกัน ๒ คน ไอ้ซัน ไอ้นนท์ กับรุ่นพี่ที่นั่งวงเดียวกันทำหน้างงครับ แต่มันก็ยังนั่งปิ้งย่างกันด้วยสีหน้าที่เหนียมๆเหงียมๆ ส่วนไอ้มหากับอีหนูรู้ว่าไอ้แบงค์เป็นเพื่อนผมมันเลยชิวครับ นั่งกินนั่งคุยกับไอ้แบงค์ ส่วนใหญ่จะคุยเรื่องฮาเฮครับ
“พี่แบงค์ไม่ไปนั่งวงนู้นล่ะ”หมวดบูมมาตามแล้วครับ
“เออๆ กินไปเหอะๆ นานๆเจอไอ้บอมบ์มันที พี่ขอโม้กับมันหน่อย ฮ่าๆๆๆ แล้วมันก็เอาลูกปืนค.มาใส่ใช่ป่ะ ไอ้สัส พอนับ ๑ ๒ ๓ มันหยอดลูกค. ลงกระบอกปืน เหี้ย ลูกปืนเด้งมาอยู่ด้านหน้าห่างไม่ถึง ๒ เมตร พวกกูวิ่งหนีแทบเป็นแทบตาย ดีนะที่ลูกปืนด้าน ถ้าลูกยังใช้การได้ละ ไม่มีหมวดแบงค์หน้าหล่อมาทำงานอยู่จนทุกวันนี้หรอก ฮ่าๆๆๆ”กำลังโม้เรื่องที่ไอ้แบงค์ไปฝึกภาคสนามตอนที่มันเรียนอยู่
“แล้วผู้หมวดทำไงต่อ”อีหนูถาม
“วิ่งหนีดิ วงแตกกันกระจุย ต้องให้ครูมากู้ลูกปืนให้ ใจนี่ตุ้มๆต่อมๆ เกือบเอาชีวิตไปทิ้งซะแล้ว”หมวดบูมจากที่ว่ามาตามไอ้แบงค์ก็มานั่งฟังไอ้แบงค์โม้อีกคนครับ
“พี่แบงค์ขี้โม้ว่ะ”หมวดเต้ยมาอีกคนแล้วครับ พอขยับได้ก็ไปนั่งข้างไอ้มหาครับ กลายเป็นวงใหญ่ซะแล้ว
“ฮ่าๆๆ เรื่องจริงเว้ย แล้วมีอีกเรื่องนะ ตอนที่กูไปฝึกกับพวกไอ้ภีม ห่า เดินหลงป่ากันตั้ง ๓ วัน”
“ไอ้ตอนที่มึงจะโดนจับไปเจี๋ยนอ่ะนะ”เรื่องนี้ไอ้ภีมเคยเล่าให้ฟังเหมือนกัน
“เออดิ นี่ถ้าไม่ได้ลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้านช่วยไว้ละก้อ ป่านนี้ไอ้แบงค์คงสิ้นชื่อไปนานแล้ว”วงเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆครับ ไอ้แบงค์มันนั่งเล่าเรื่องให้ฟังหลายเรื่อง ส่วนใหญ่เรื่องที่พวกมันไปฝึกในป่า เล่าไปเล่ามาก็เป็นคิวไอ้มหาอีกแล้ว หมวดเต้ยแกอยากฟังเรื่องผีอีกแล้วครับ แต่ไอ้มหาไม่เล่า แล้วเรื่องมาตกที่ใคร ไอ้บอมบ์ครับ
“มึงเล่าเรื่องผีหน่อยดิบอมบ์”หมวดเต้ยพูด
“เอาอีกแล้วผู้หมวด ระวังนะ ฟังไปมากๆจะเจอดี”
“ถามเรื่องผีไอ้บอมบ์ไม่เคยเล่าหรอก แต่เรื่องหมีเรื่องแ-ด ไอ้บอมบ์ถนัด ฮ่าๆๆๆ”
“กวนตีนแล้วมึงไอ้แบงค์ ความจังไรนี่ไม่มีใครเกินจริงๆเลย มหามึงเล่าสิ ที่พวกเราเห็นเมื่อวันก่อนอ่ะ”ผมโบ้ยไปให้ไอ้มหา
“อ้าว ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ มึงเห็นก่อนมึงก็เล่าดิ”
“เออๆ มึงเห็นอะไรมึงเล่ามาเลยบอมบ์กูอยากรู้”หมวดบูมกระเซ้าผม
“ก็ไม่แน่ใจนะครับว่าใช่หรือเปล่า แต่เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาปีที่แล้วนี่อ่ะครับ ผมกำลังแต่งชุดมาเปลี่ยนเวรโรงกับไอ้มหา หิ้วคอมแบทมานั่งใส่ตรงบันไดหน้าฝั่งคลังอาวุธ นั่งมัดเชือกไปก็มองไปรอบๆ เห็นไอ้มหานั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเขียวๆ แล้วผมก็แหงนหน้าขึ้นไปมองที่หลังคาหน่วยฝึก เอ๊ะ ใครทะลึ่งไปนั่งคนเดียววะ ผมมองอยู่พักหนึ่ง ไอ้มหาก็เดินมาหาผมครับ ผมเลยถามไอ้มหาว่าใครทะลึ่งไปนั่งบนหลังคาวะ ทีแรกไอ้มหามองไม่เห็น พอผมชี้ไปอีกที เขาก็ลุกเดินครับ ที่สำคัญ ไม่มีหัว ผมมองหน้าไอ้มหาเลิกลัก”
“ใช่ๆ ผมกับไอ้บอมบ์ มองหน้ากันไปมา แล้วอยู่ดีๆ หัวเขาก็กลิ้งตกลงมาตามร่องกระเบื้องอ่ะผู้หมวด แล้วตกลงมาตรงนี้นี่แหละ”ไอ้มหาชี้ไปที่ขอบสนามบาส คือที่ที่พวกผมนั่งกินหมูกระทะเป็นขอบสนามบาสพอดีนะครับแล้วตรงจุดนี้นี่เองที่หัวผีมันกลิ้งตกลงมา
“โหย น่ากลัวไอ้สัส ขนาดกองพันอยู่ในกรุงเทพนะขนาดนี้ แล้วพวกมึงทำไง”
“ก็ไม่ทำไง ไอ้มหาเอาเข็มขัดกับนกหวีดโยนให้ผมแล้วเดินหนีเข้าโรงนอน ส่วนผมนั่งอยู่บนนี้พักหนึ่งแล้วลงไปด้านล่าง คราวนี้แหละครับ มาทั้งตัว ทั้งหัว ทั้งกลิ่น ไอ้สัส กลิ่นเหล้าบวกกับกลิ่นเน่าของซากศพ ตลบอบอวล ผมก็เลยกระแอมไปเบาๆ แฮ่ม มีอะไรก็ค่อยๆคุยกัน ใจเย็นๆ”
“แล้วเป็นไงต่อ”ไอ้ซันถาม
“ไม่รู้ กูเดินมานั่งที่หน้าบก.ร้อย”
“เออ เรื่องผีหัวขาดกูเคยได้ยินทหารที่เข้าเวรกองการณ์พูดมาหลายคนแล้วว่ะ เฮี้ยนจริง มหามึงว่าเกิดจากอะไรวะ ทำไมถึงเห็นบ่อย”หมวดเต้ยถาม
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับผู้หมวด มันเดาได้หลายอย่าง ต้องการส่วนบุญบ้าง เป็นผีโดนคำสาปบ้าง ไม่รู้แฮะ ต้องไปถามผีละมั้ง ตะล็อกต๊อกแต๊ก มาทำไม มาซื้อดอกไม้ ดอกอะไร ดอกจำปี ไม่มี ดอกจำปา ไม่มา ดอกกุหลาบ ไม่ทราบ ฮ่าๆๆๆ”
“ตลกแดกแล้วไอ้สัส มึงเคยเล่นด้วยเหรอแบบนี้อ่ะ”ไอ้แบงค์ถาม
“เคยสิครับ ตอนเด็กๆใครไม่เล่นนี่เชยบรรลัย”
“เออ กูอยากรู้ตอนเด็กๆมึงเล่นอะไรบ้างมหา ชีวิตมึงเคยมีวัยเด็กเหมือนคนอื่นเขาไหมวะ”หมวดเต้ยถาม
“ฮ่าๆๆ เคยผ่านสิครับผู้หมวด ถ้าไม่ผ่านวัยเด็กผมจะมีอายุถึงป่านนี้เหรอครับ เด็กในเมืองเขาเล่นเกมส์เล่นการ์ด ส่วนพวกผมเล่นลูกแก้ว โดดยาง ยิงนกตกปลา นึกคึกหน่อยแอบเอาไพ่พ่อมาเล่น ฮ่าๆๆ”
“เหี้ยแต่เด็กนะมึง”หมวดบูมพูด
“อ้าว ก็เห็นมันว่างๆ เพื่อนผมเลยชวน ตอนนั้นจำได้ว่าเพิ่งจะ ๑๐ ขวบมั้ง มานั่งเล่นไพ่ใต้ต้นมะม่วง สอยมะม่วงปรุงพริกเกลือ สับไพ่ไปกินมะม่วงไป จนแม่ผมมาเจอ ไล่ตีผม ผมวิ่งหนีรอบซอย ฮ่าๆๆ”เกรียนแตกแต่เด็กจริงๆ
“กูว่าท่ามึงไม่บวชนี่ กูเดาอนาคตมึงออกเลยว่ะมหา ป่านนี้คงติดพนันงอมแงม”ไอ้ซันเสนอความเห็น
“เออ นี่ถ้ากูไม่ได้บวชป่านนี้กูก็ไม่รู้ทำอะไรอยู่ คงมาทำงานโรงงานหรืองานก่อสร้างหาเลี้ยงตัวไปวันๆ หรือไม่ก็คงจะเป็นขี้เหล้าเมาแอ๋อยู่ตามศาลาข้างทาง เฮ้อ ชีวิตคนเรานี่นะถ้าเดินไม่ถูกทาง ก้าวพลาดแม้แต่นิดเดียวชีวิตก็อาจจะพังได้”
“จะคิดอะไรมากละพี่มหา เดี๋ยวมันก็ดีเองแหละ”อีหนูเอ่ย
“ไม่คิดไม่ได้เว้ยหนู ชีวิตเราต้องมีการวางแผน เราอยากเป็นแบบไหน อยากเป็นอะไร เราต้องคิดวางแผน แต่ก็อย่าเอาความคิดนั้นมาเป็นทุกข์ ชีวิตที่ไม่มีการวางแผนก็เหมือนเรือที่ไม่มีหางเสือ ชีวิตเราทั้งชีวิตอย่าทำเป็นเล่นไป เกิดมาเป็นคนทั้งทีก็ทำดีให้มันคุ้มเว้ย เวลามีแต่จะผ่านไปทุกวัน เราไม่สามารถที่จะเรียกมันกลับคืนมาได้หรอก อายุของเราก็เหมือนกัน มันเพิ่มขึ้นทุกวัน ดูหน้าไอ้บอมบ์ กูก็ไม่รู้นะว่ามัน ๒๗ หรือ ๗๒ กันแน่ ไอ้สัส หน้าโคตรแก่ ฮ่าๆๆๆ”
“วกกลับมากัดกูจนได้นะไอ้สัส ก่อนจะพูดถึงคนอื่นหัดมองตัวเองหน่อยเหอะ ถ้ากู ๗๒ มึง ก็ ๘๐ แล้วละมั้ง หน้าไปก่อนอายุ ฮ่าๆๆๆ”