ตอนที่ ๕๑ เบาะๆ
“ตกลงว่ารู้ตัวแล้วเหรอว่าใครเอาขวดไปขายน่ะ”ผู้หมวดถามหลังจากที่ผมกอดจูบลูกคลำขยำขยี้แกจนพอใจ
“อือ ลูกน้องไอ้เหี้ยอาร์ตน่ะ เห็นไอ้บังมันบอกมา”ตอบคำถามไปด้วย ฟัดหมวดบูมไปด้วย น่ารักอ่ะ อยากมากกว่านี้ รอจนจวยเหี่ยวแล้วเหี่ยวอีก
“พอแล้วมั้งบอมบ์ มึงเครียดทีไรกูช้ำทุกทีวะ สัส”
“หือ ก็คนมันรักนี่นา”
“รักแบบนี้กูก็ชีช้ำกะหล่ำปลีพอดีดิวะ เฮ้ยๆ อูย ไอ้สัส เอามือออก”ล้วงไปบีบหน้าอกผู้หมวด มันมือดีครับ ฮ่าๆๆๆ
“ก็ผมกำลังทำตามสโลแกน รักใครให้บี้หัวนมนี่ครับ ผมรักผู้หมวดผมก็ต้องบี้หัวนมผู้หมวด”
“เขารณรงค์ว่า รักใครให้ดื่มนมไม่ใช่เหรอ มึงนี่นะ ของเขาดีๆไปทำให้เสียไปหมด”
“อ่ะๆ งั้นเลิกชายเสื้อมา ผมจะดูดนม”
“ไอ้เหี้ย ความคิดมึงแต่ละอย่างเนี่ย เอาให้มันดีๆหน่อยได้ป่ะวะ”
“แฮะๆ ก็คนมันรักอ่ะ จุ๊บๆๆๆ”ไล่จูบแม่งให้เต็มใบหน้าจนพอใจ จากนั้นก็มานั่งทำงานให้ผู้หมวดต่อ ทั้งงานในกองพันกับงานส่วนตัว ช่วงนี้บางวันผู้หมวดแกก็จะไปสอบไฟนอลซึ่งทางมหาลัยได้เลื่อนไปนะครับ เพราะน้ำแห้งแล้วเลยเปิดให้มีการจัดสอบให้เสร็จให้เร็วที่สุด
ล็อกแรกได้กลับบ้านแล้วพักผ่อนกันอย่างเต็มที่แล้ว ก็กลับมารายงานตัวกันที่กองร้อย บางคนก็ไปเพลินครับไม่กลับมาวันนี้ แต่ส่วนใหญ่กลับมาหมดผู้กองเลยใจดีปล่อยพวกที่จะได้ลาล็อกที่ ๒ ทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไอ้คนกลับบ้านมามันก็โม้กันเต็มที่ไปกินเหล้าที่นั่นไปปี้หญิงที่นี่ บางคนก็หนีเมียไปหากิ๊ก บางคนก็หนีกิ๊กไปหากิ๊กคนใหม่ แบบนี้แหละครับผู้ชาย วันๆมันไม่ค่อยคิดอะไรมาก เรื่องหญิง เรื่องเหล้า กับเรื่องแต่งรถ
“โอ๊ย คิดฮอดบ้านเด้วะ อยากเมือบ้าน”
“อยากเมือกะเมือติล่ะ หนีไปโลด”
“ฮู้ กึดดอล ประปวน”
เสียงบ่นเบาๆจากเพื่อนร่วมชะตากรรมที่กำลังนั่งรอล็อกลา กองร้อยผมมันมีคนหลากหลายครับ พูดเขมรได้ อีสานได้ เหน่อๆก็มีครับ ส่วนใหญ่เป็นทหารมาจากต่างจังหวัด วันนี้มีงานกันครับ พวกเราตัดหญ้ากัน ไม่มีอะไรทำก็รบกับหญ้าฆ่ากับมด เปลี่ยนมือกันไปตัดหญ้า เมื่อกี้ผมตัดไปแล้ว ๑ ชั่วโมง เพื่อนมาช่วยเปลี่ยนมือบ้าง ผมมานั่งหลบที่ใต้ต้นไม้
ว่างๆก็โทรไปคุยกับแม่ ตอนนี้ลูกชายผมนั่งได้แล้วละครับ ซนซะด้วย แต่เลี้ยงง่าย อากาศที่บ้านก็หนาวแล้วตอนนี้ หน้าหนาวแบบนี้ทำให้คิดถึงเมื่อตอนยังเด็กๆ จะมีแก๊งเด็กแถวๆบ้านผมนี่แหละครับ ที่อยู่ในซอยเดียวกัน พอวันหยุดเสาร์อาทิตย์เมื่อไหร่ ดูการ์ตูนจบปุ๊บก็จะเอาว่าวไปวิ่ง พ่อผมจะสอนทำว่าวขนาดใหญ่ เอาไม้ไผ่มาเหลาแล้วมัดเป็นโครง คล้ายๆรูปเรื่องบิน จากนั้นเอาถุงปูนมาแปะกาวจนเสร็จเรียบร้อยเป็นตัวว่าวขาดใหญ่มาก สูงเกือบๆ ๒ เมตรเห็นจะได้ นอกจากทำว่าพ่อจะสอนทำแอกว่าว หรือบางที่จะเรียกว่าสะนู หรือธนู พอได้แอกว่าวเสร็จก็จะเอาไปติดกับหลังว่าว จากนั้นก็ทำหางว่าว เอาถุงพลาสติกสีขาวๆที่อยู่ในถุงปุ๋ยมาตัดให้มันเป็นหางยาวๆ แล้วว่าวขนาดใหญ่ก็เตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ตอนเอาว่าวไปวิ่งมีเด็กในหมู่บ้านหลายคนไปรวมกลุ่มกันดูอย่างตื่นเต้น ทุ่งนากว้างเป็นลานบินของว่าวอย่างดีที่สุด ลมเหนือพัดผ่านทุ่งนากลิ่นฟางข้าวโชยมาพอได้จังหวะ พ่อก็จะเป็นคนจับตัวว่าว ผมเป็นคนเตรียมวิ่ง เชือกไนล่อนสีเขียวอย่างดีที่มัดตรึงกับว่าวตัวใหญ่เอาไว้ พอได้สัญญาณจากพ่อผมก็วิ่งทันที ลมที่พัดปะทะเข้ามาจากทางทิศเหนือ ผมวิ่งสวนทางกับลม ตอนนี้ว่าวทะยานขึ้นท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว วิ่งไปด้วยปล่อยเชือกว่าวไปด้วยจนว่าวมันเริ่มไปติดอยู่ที่ลมล่างผมก็วิ่งๆไปแล้วชักให้ว่าวมันเริ่มขึ้นสูง ลมที่พัดมาอีกหลายระลอกทำให้ว่าวทะยานขึ้นสูงจนไปติดอยู่กับลมบน กว่าว่าวจะไปติดลมบนได้ก็ใช้เวลาพอสมควร ลมบนเป็นลมที่นิ่ง เป็นลมที่พัดอยู่ตลอดเวลาเราไม่ต้องวิ่งและชักอีกแล้ว ผมเอาเชือกว่าวไปผูกกับกระท่อมกลางทุ่งนาและนั่งมองว่าวบนท้องฟ้า เสียงแอกที่ติดอยู่หลังว่าวดังเสนาะหู ดังตือออออออออออออ ตืดดดดดดดดดด เสียงจะสูงและต่ำ ฟังดีๆเหมือนเพลงอันแสนไพเราะจากสวรรค์
“พ่อ น้ามีเอาว่าวมาวิ่งด้วยพ่อ”ผมพูดอย่างตื่นเต้นที่น้ามีคนในหมู่บ้านผมเอาว่าวขนาดใกล้เคียงกับว่าของผมมาวิ่งบ้าง
“อือ ว่าวไอ้มีมันสวยนะ ฝีมือพ่อยังสู้มันไม่ได้เลย”
“ตอนเด็กๆพ่อเล่นว่าวไหม”
“เล่นสิ เด็กๆสมัยแต่ก่อนไม่มีอะไรเล่นเหมือนทุกวันนี้หรอก พอถึงหน้าหนาวทีไรหนุ่มๆเขาจะทำว่าวมาแข่งกัน นอกจากแข่งว่าแล้วยังแข่งแอกกันด้วย แอกใครเสียงดังกว่ากัน เสียงเพราะกว่า ต่างคนต่างไปคิดสูตรทำแอกมาติดหลังว่าว พอถึงหน้าหนาวนี่ ในหมู่บ้านเราจะมีว่าวอยู่หลายตัว เอามาวิ่งแข่งกัน ตอนกลางคืนเสียงแอกจะดังไปทั่วหมู่บ้าน”พ่อเล่าเรื่องเก่าๆให้ผมฟัง ตอนเด็กๆผมติดพ่ออยู่พอสมควรนะครับ นิสัยของพ่อเลยถ่ายทอดมาแบบเต็มๆ เหมือนที่ไอ้ภูมิว่าผมนิสัยเหมือนพ่อ นั่งเหม่อดีๆก็มีคนมาขัดจังหวะ
“เฮ้ย เพื่อนมึงตัดหญ้าแล้วมึงมานั่งสบายใจอยู่คนเดียวเลยนะ มึงคิดว่ามึงเก๋าเหรอ”เอาอีกแล้วตัวมาราอีกแล้ว ผมมองหน้ามัน
“เก๋าไม่เก๋าก็กระทืบคนเข้าโรงบาลไป ๓ คนพร้อมกันแล้วนี่ เอาอีกรอบไหม”
“หึ เอาสิ กล้าก็เอาสิ ผู้หมวดไม่ได้ปกป้องมึงตลอดเวลานะ”
“ก็ไม่ได้ให้ใครปกป้อง อยู่ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง เคารพกติกา”ผมไม่สนใจ
“มึงกวนตีนกูเหรอ เดี๋ยวมึงเจอกู”
“อย่าดีแต่ปากเลย ลูกผู้ชายกล้าพูดกล้าทำ นักเลงตัวจริงไม่ไประรานคนอื่นก่อนหรอกนะ”
“พูดงี้มาต่อยกันเลยดีกว่าว่ะ”
“มาสิ”ผมลุกขึ้นยืน
“หึ เดี๋ยวมึงเจอกู”แล้วมันก็ขับมอร์ไซด์หนีไป อ้าว กูคิดว่าจะมาต่อยกับกูจริงๆซะอีก
“จะมาช่วยผมตัดหญ้าเหรอครับผู้หมวด”ผมถามผู้หมวดเมื่อพี่แกมาหยุดรถมอร์ไซด์ใกล้ๆกับใต้ร่มไม้ที่ผมนั่งอยู่
“เปล่า มาดูงานว่าไปถึงไหนแล้ว มาให้กำลังใจลูกน้อง”ผู้หมวดแกยิ้มให้ผม นิสัยดีครับที่รักผม “ว่าแต่มึงแอบอู้เหรอไอ้ยักษ์”
“เปล่าครับผู้หมวด เพื่อนมันเปลี่ยนมือกับผมอ่ะ ผมมานั่งพักบ้าง”
“เหรอครับลูกน้อง”ลงจากรถได้ผู้หมวดก็เดินไปดูพวกที่ตัดหญ้าครับ พวกนั้นก็ส่ายเครื่องร่อนไปเรื่อยๆ เราตัดหญ้ากันจนถึงใกล้เวลาพักกลางวันครับ ประมาณ ๑๑ โมง ก็หยุดงานช่วงเช้าไว้ก่อนแล้วเดินไปซื้อน้ำกินที่ตลาดกัน ตลาดจะอยู่ใกล้กับโรงเลี้ยงครับ พวกที่มาเวรเลี้ยงก็ไปจัดเวรเลี้ยงกันไป ส่วนพวกผมไปหาน้ำเย็นๆกินก่อนครับ แล้วค่อยมาช่วยพวกที่จัดเวรเลี้ยงจัดกับข้าวกับปลา
“เป็นตาซังเว้ย จั๊กอีหยังของมัน”เพื่อนร่วมกองร้อยบ่นออกมาอย่างไม่พอใจ
“เป็นไรวะ”
“หมู่อาร์ตดิ แม่ง ไอ้สัส นี่ขนาดมันไม่เข้าสิบเวรนะมันยังทำตัวกร่างขนาดนี้ ถ้ามันเข้าสิบเวรแล้วมันจะขนาดไหนวะ ไม่เกรงใจป๋าเลยสักนิด”วันนี้ป๋าเข้าสิบเวรครับ ป๋าแกเป็นคนขี้เหล้าแต่แกไม่เคยแดกทหาร แกเป็นคนใจดีครับ แกจะเรียกพวกผมว่าไอ้หนู จะแทนตัวเองว่าป๋า อายุแกเพิ่งจะ ๕๐ ครับ แต่เพราะแกกินเหล้าเยอะแกเลยดูแก่ไปหน่อย แล้ววันไหนที่ป๋าเข้าเวรวันนั้นทหารจะดีใจกันมาที่สุดเพราะจะชิวกันทั้งวัน แต่ว่ามันก็ยังมีตัวเหี้ยที่ทำตัวกร่างก็คือไอ้หมู่อาร์ตนั่นเอง ชอบมาจู้จี้จุกจิกเกินหน้าที่ของตัวเอง และมันมักจะไม่ค่อยให้เกียรติป๋าสักเท่าไหร่ ขนาดว่าป๋านี่รุ่นพ่อมันนะครับพูดจากระทบกระเทียบป๋าไม่ต่างจากตัวอะไรสักอย่าง
๑๑.๓๐น. แถวทหารเดินมาพร้อมหน้าพร้อมตาที่โรงเลี้ยง ไล่ไปตามกองร้อยยืนเป็นแถวหน้ากระดานร้อย ๑ ร้อย ๒ ร้อย ๓ ร้อยสสก. ร้อยสสช. ๕ กองร้อย สิบเวรยืนหน้าแถวทหาร พอมาพร้อมกันแล้วนายทหารเวรพูดอะไรอยู่นิดหน่อยจากนั้นจึงให้พวกผมเข้าโรงเลี้ยง แต่การเข้าไม่เหมือนทหารใหม่นะครับ ก็เดินเข้าแบบชิวกว่าทหารใหม่ เป็นทหารเก่าแล้ว ความเก๋ามีเยอะ
พะโล้กับผัดหน่อไม้ อาหารง่ายๆ เพราะความเหนื่อยผมซัดไปตั้ง ๒ จาน เต็มกระเพาะเลยกู กินเสร็จแล้วป๋าให้พวกผมช่วยกันล้างจานทั้งหมด คนทำก็ทำนะ พวกรุ่นพี่ที่คิดว่าตัวเองใหญ่ก็จะยืนมองแล้วคอยจี้รุ่นน้องว่าใครอู้ใครหลบ ผมไม่ได้พูดอะไร ล้างจานอย่างเดียว พอล้างเสร็จผู้ช่วยสิบเวรซึ่งเป็นรุ่นพี่ใหญ่ใกล้ปลดทำหน้าที่จะพาแถวทหารกลับกองร้อย ส่วนพวกผมที่เป็นคนตัดหญ้าก็เดินไปที่ใต้ร่มไม้ที่เราวางเครื่องตัดหญ้าเอาไว้
“วันนี้แทนที่จะสบายก็ไม่สบาย ไอ้สัสเอ๊ย รู้งี้กูไปเข้าเวรกองการณ์ดีกว่าว่ะ”รุ่นพี่นั่งบ่นหลังจากเดินมานั่งหลบที่ใต้ร่มไม้กับพวกผม
“เป็นไรเหรอพี่”เพื่อนผมมันถามพลางพ่นควันบุหรี่อย่างสบายใจเฉิบ
“หมู่อาร์ตนี่สิ กวนตีนฉิบหาย นี่ถ้าเจอข้างนอกนะกูไม่ปล่อยไว้แน่”พูดด้วยอารมณ์อาฆาตแค้น ทหารในกองร้อยไม่มีใครชอบหรอกครับแต่เราทำอะไรมันไม่ได้ มันเป็นนายสิบ เราแค่พลทหาร แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมทนไม่ไหวผมก็ไม่ไว้หน้ามันแน่
“เอาเลยไหมพี่ คนเหี้ยๆแบบนี้จะเก็บไว้ทำไม”เพื่อนอีกคนพูดอย่างหมั่นไส้
“เอาสักทีดิไอ้บอมบ์ มึงน่ะกล้าที่สุดแล้วในกองร้อย”รุ่นพี่มองหน้าผม
“ยังไม่ถึงขีดสุดผมไม่จัดการหรอกพี่”
“ว่าแต่มึงทำได้ไงวะ กระทืบทีนี่แม่งเล่นซี่โครงหักไปเลย”
“พี่ก็ดูขามันสิ สองขาผมยังไม่เท่าขาขางเดียวของมันเลยพี่”
“เกินไปมึง”ผมพูดพลางมองขาตัวเอง ไม่ได้ใหญ่นะครับ ก็ปกติของคนมีกล้ามเนื้อแข็งแรง ที่ผมกระทืบวันนั้นก็เอาซะเต็มแรง กูแค้นนี่นา ฮ่าๆๆๆ
“ตัดหญ้ากันต่อเหอะ เฮ้อ เมื่อไหร่จะได้ลาวะ กว่าจะผ่านปีใหม่ไปได้อีกตั้งสัปดาห์”รุ่นพี่ลุกขึ้นบิดแข้งบิดขาพลางบ่นเรื่องเปื่อย คิดถึงบ้านเหมือนกันครับแต่ก็ได้แต่รอ มีบ่นบ้างเวลาคุยโทรศัพท์กับแม่ แม่ผมก็ชอบปลอบว่าอย่าคิดมาก ถึงวันเวลาเราก็ได้พัดผ่อนเองแหละ
ตัดหญ้าต่ออีก ๒ ชั่วโมงก็กลับกองร้อยพวกที่มากวาดก็กวาดแล้วเก็บหญ้าไปทิ้ง เป็นอันเสร็จงานของพวกเราในวันนี้ ล้างเนื้อล้างตัวเสร็จก็พากันไปนอนที่ห้องทีวี เปิดทีวีแล้วก็หาพื้นที่เฉพาะตัวหลับนอนกัน
ปริ๊ดๆ “เฮ้ยพวกมึง งานการไม่ทำแล้วแอบมานอนกันแบบนี้เหรอวะ มึงเห็นไหมพวกที่กวาดหญ้าอยู่น่ะ ทำไมไม่ไปช่วยเขา ทั้งหมดวิดพื้นท่าเตรียม”พวกที่มานอนก็เป็นพวกตัดหญ้าทั้งนั้น ผมลืมตาแล้วมองหน้าส่วนคนอื่นวิดพื้นท่าเตรียมกันไปเรียบร้อยแล้วครับ “เฮ้ย มึงเก๋าเหรอ”
“แล้วทำไมกูต้องทำด้วย มึงเข้าสิบเวรเหรอ”เล่นงานผมไม่ได้ก็แดกคนอื่นไปมั่วซั่ว คนเหนื่อยๆจากงานขอพักผ่อนหน่อยไม่ได้ กูตัดหญ้ามาทั้งวัน มานอนไม่ถึงครึ่งชั่วโมงยังเสือกมาแดกอีก ตอนนี้ทุกคนมองหน้าผมประมาณว่า มึงกล้าทำได้ไงวะ
“เฮ้ย พูดแบบนี้ไม่ให้เกียรติกูเลยนี่หว่า มึงเป็นใคร ถึงได้เก๋าแบบนี้ คิดว่าไปอยู่กับผู้หมวดแล้วผู้หมวดจะคุ้มกะลาหัวมึงตลอดเวลาเหรอ”
“แล้วมึงคิดว่าแง่ง ๓ แง่งที่ติดตรงไหล่มึงจะคุ้มกะลาหัวมึงได้ตลอดเวลาเหรอ มึงเก๋าได้แต่กับทหารภายในกองพันนี่แหละ มึงลองออกไปข้างนอกสิถ้ามึงไม่เละ ชื่อมึงก็คงจะอยู่ตามกำแพงวัด คำว่าเกียรติของมึงน่ะไม่ได้มีความหมายอะไรหรอกถ้ายังทำตัวหมาๆแบบนี้”ผมลุกขึ้นมองหน้า
“ได้ๆ เดี๋ยวได้เจอกู”
“พร้อมเมื่อไหร่บอกด้วย เอาแบบพยาบาลป้อนข้าวป้อนน้ำสักครึ่งปีหรือตลอดชีวิตดี”กูไม่ได้พูดแค่ปากนะ กูทำจริง มันเดินออกไปส่วนพวกผมนอนกันต่อ ผมไม่ได้พูดอะไรเพราะถึงเวลาพักผ่อนแล้ว ทำงานทั้งวันขอพักสักแปบจะไม่ได้เลยเหรอ
นอนอยู่พักใหญ่ก็ไปหามหาที่หน้าคลัง ไอ้มหามันยังงานยุ่งอยู่หน้าคลังเหมือนเดิม ผมไม่ได้ช่วยงานอะไรมันครับเพราะว่ามันกำลังขีดเส้นทำตารางอยู่ในสมุดเล่มใหญ่ วันนี้อีหนูกับไอ้ซันไปเข้าเวรกองรักษาการณ์เลยเงียบๆไปหน่อย
“ไม่ไปออกกำลังกายเหรอมึง”
“ไม่รู้ว่ะ วันนี้เหนื่อยๆ”มองดูนาฬิกาที่หน้าคลังตอนนี้ก็ ๔ โมงแล้ว ข้างล่างไอ้เสียงเสียงลูกฟุตบอลกระทบกับเท้าคนนั้นที่คนนี้ที เดาเอาว่ายังไม่มีใครลงไปเล่นสักเท่าไหร่ มีแต่พวกที่วอร์มอยู่แน่ อากาศยังร้อยอยู่เลยครับถึงแม้ช่วงนี้จะปลายธันวาหน้าหนาวแล้วก็ตามที เออ อีกไม่กี่วันกูก็จะแก่แล้วนี่หว่า วันเกิดไอ้ภูมิ ๓๐ ธันวา ไอ้ภีมก็ ๑ มกรา ผมก็ ๒ มกรา จะเข้า ๒๗ แล้วนี่ แก่ตัวลงทุกวัน แปบเดียวก็จะเข้าเลข ๓ แล้ว จะกลายเป็นหนุ่มใหญ่กับเขาแล้วละ
“อือ นี่ดีนะที่พวกเรามาผลัด ๑ ถ้ามาผลัด ๒ นี่คงหนักน่าดู มึงดูสิ ซ้อมสวนสนามกันแทบเป็นแทบตาย”ไอ้มหามองไปที่ลานรวมพลหน้ากองพันซึ่งจะมีทหารใหม่มาฝึกสวนสนามกันครับ ดูไปแล้วก็เหนื่อยแทนพวกมัน พวกผมยังไม่หนักเท่านี้เลย หมวดเต้ยก็โหดใช่ย่อย
“อือ รีบมาจะได้รีบจบๆ”
“แต่ถ้ากูมาผลัด ๒ มันก็คงจะดีนะหมวดเต้ยเป็นผู้ฝึก เผื่อกูจะได้ไปจู๋จี๋แบบมึงที่เคยทำกับหมวดบูม”
“ฮ่าๆๆ มึงคิดว่าง่ายเหรอมหา กว่ากูจะแทะโลมหมวดบูมได้ก็หนักเหมือนกัน”
“เออว่ะ แต่พวกมึงนี่ก็แปลก พบรักกันในห้องน้ำ ช่วยหาสถานที่ที่ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ”
“ใครจะไวไฟเหมือนมึงล่ะสัส ไม่พูดพร่ำทำเพลงเลยนะมึง เห็นอีกทีก็เรียบร้อยโรงเรียนมหาไปแล้ว”
“ฮ่าๆๆๆ อารมณ์มันพาไปเว้ย”
“ครั้งเดียวก็ติดใจเลยนะมึง ไม่อยากได้สัมผัสที่แตกต่างเหรอ เผื่อจะชอบอกฟูๆ”
“อกฟูแต่รูไม่ฟิตกูก็ไม่เอานะเว้ย แบบนี้อ่ะดีแล้ว แฟนนะไม่ใช่เสื้อผ้าที่ใส่แล้วจะเปลี่ยนไปใส่ตัวอื่นได้เรื่อยไป กูไม่เจ้าชู้เหมือนมึง”
“เหอะ กูเจ้าชู้ที่ไหนวะ คู่ซ้อมกูมีเยอะต่างหากเว้ย แต่ตอนนี้เจอจุดลงตัวแล้ว”
“มึงเคยคิดจะมีแฟนผู้ชายมาก่อนไหมวะ”ถามไปก็ขีดเส้นไป พัดลมเย็นๆที่ติดอยู่บนเพดานสะท้านมาถึงทรวง
“ไม่เคยคิด ก็ไม่รู้สิว่าเพราะอะไร เจอหน้ากูก็ชอบทันที ที่จริงหน้าหมวดบูมก็คล้ายไอ้แบงค์นะ แต่กับไอ้แบงค์กูไม่เห็นจะพิศวาสอะไรมันเลย แต่กับหมวดบูมเจอหน้าแล้วแม่ง กูยังแปลกใจตัวเอง”
“อือ เออ พูดไปน้องไปป์ของมึงน่ารักดีว่ะ”
“หมวดเต้ยได้ยินมึงอาจจะหัวแตกได้นะมหา”
“ฮ่าๆๆ ใช่ๆ หึงโหด เห็นยิ้มๆแบบนั้นกูอยากรู้จริงเวลาหึงนี่จะทำหน้าไงวะ”
“มึงยังจำได้ตอนที่เราฝึกหมู่ตอนหมวดในกองพันได้ป่ะล่ะ ที่มึงบอกอยากจะเข้าเวรแล้วให้กะเทยโม๊คให้น่ะ หมวดเต้ยลูบคอมแบททันที กูว่าถ้ามึงยั่วหมวดเต้ยมึงโดนกระโดดถีบขาคู่แน่มหา”
“ฮ่าๆๆๆๆ”ไอ้มหาหัวเราะอย่างถูกใจ เห็นหมวดเต้ยคุยใจดีๆแบบนี้แต่ลึกๆผมเชื่อว่าพี่แกโหดไม่เบา “เฮ้อ พูดไปก็เซ็งว่ะ ได้ลาล็อก ๓ คงไม่ได้ไปเจอหน้าเจอตากันหรอกมั้ง กว่าจะจบหน่วยฝึกก็ตั้ง ๒๐ มกรา กูไปขอผู้หมวดดีไหมวะว่าขออยู่ช่วยจ่าเบิกปืนก่อนพอทหารใหม่ฝึกเสร็จแล้วค่อยลา”
“ไปขอผู้กองเลยดิ ผู้กองน่าจะคุยง่ายอยู่ หรือไม่ก็บอกหมวดบูมให้หมวดบูมช่วย ว่าแต่มึงก็เจ้าเล่ห์นี่หว่า หาข้ออ้างซะนะ”
“เออ มึงดูดิ ทั้งคลังใครมาทำงานบ้าง มีกูอยู่ช่วยจ่าคนเดียว จ่าแกก็งานเยอะอยู่แล้ว ถ้าให้แกต้องมาเบิกปืนเองก็ยังไงอยู่ กูไปขอกับผู้กองดีกว่า ฮ่าๆๆๆ มึงก็ลาไปก่อนก็ได้”
“เออ ผู้กองน่าจะให้อยู่หรอก”นั่งสักพักน้องไปป์โทรตามแล้วครับ มาทุกวันไม่มีเบื่อ ผมเองก็เทรนให้ตามที่มีเวลาว่าง ออกเองบ้างเล็กๆน้อยๆ อยากไปเตะบอลหน้ากองร้อยเหมือนกันแต่เห็นหน้าหมู่อาร์ตแล้วไม่ขอไปข้องแวะดีกว่า อยู่ตามประสาเรา
“อาบอมบ์สวัสดีครับ”ไปป์เป็นเด็กที่ไม่ถือตัวเลยครับ ยกมือไหว้ผมทุกครั้งที่เจอหน้า ไม่สำคัญตัวว่าเป็นลูกคนใหญ่คนโต แบบนี้แหละผมชอบ
“สวัสดีครับ”ผมรับไหว้แล้วชกเบาๆไม่กี่ที ลองฝีมือกันหน่อย เรื่องหมัดเรื่องมวยผมก็พอเป็นอยู่บ้าง พ่อเคยสอนเมื่อตอนเด็กๆ พ่อผมเป็นนักเลงเก่า พอเข้าวัยรุ่นก็เป็นพรานป่าไปล่าสัตว์ตามแนวชายแดน พอเป็นหนุ่มก็เลยไปเป็นทหารพราน พ่อผมอยู่แต่ในป่ามาค่อนชีวิตครับ
“อาบอมบ์ ปีใหม่ไปเที่ยวไหน”
“ไม่รู้สิ คงจะได้เข้าเวรละมั้ง ไปป์ล่ะจะไปเที่ยวไหน”
“ไม่รู้เหมือนกัน ว่าจะไปแถวสยามมั้ง อาไปเป็นเพื่อนไปป์ได้ป่ะ เดี๋ยวไปป์ให้พ่อมาขอกับพี่เชษฐ์ให้”พี่เชษฐ์นี่คือชื่อเล่นของผู้กองผมเองนะครับ
“ไม่ดีหรอกมั้งไปป์ คนอื่นเขาจะมองอาไม่ดี เอาน่า อาปลดเมื่อไหร่เดี๋ยวพาไปฉลอง ปีใหม่ไม่ได้มีแค่ปีนี้ปีเดียวนี่นา ม่ะ ออกกำลังกันดีกว่า”ผมบิดไม้บิดมือ เมื่อยอยู่นะแต่วันนี้คงออกเบาๆ ให้เหงื่ออกพอชื้นกายก็พอ
ถอดเสื้อเปลือยท่อนบนกางเกงเป็ดน้อยหลุดเอวนิดหน่อยเห็นขอบกางเกงในสีดำ ไปป์มองมาที่หน้าอกและหน้าท้องผมด้วยสายตาชื่นชมเอ๊ะ หรือหัวนมกูดำวะ ไม่นะ หัวนมผมสีน้ำตาลอ่อนๆเหอะครับ รอยดำไหม้เป็นรูปตัววีบริเวณลำคอจนถึงหน้าอกบางส่วนเพราะตากแดดตากฝน ส่วนลำตัวผมก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ขาว อยากให้หมวดบูมมากัดหัวนมกูจัง เสียวๆ
“ม่ะ เรามาเริ่มกันดีกว่า”ผมมองหน้าไปป์ เฮ้อ กูอยากแก้ผ้ากับหมวดบูมแล้วผลักหน้าอกหมวดบูมให้หงายลงบนเตียง จากนั้นก็คร่อมแล้วจ้องมองหน้าพี่แกด้วยสายตาที่กูกำลังหื่นกระหาย กูจะจูบที่หน้าผากเบาๆแล้วจูบไล่ลงมาที่ไหปลาร้า กัดบริเวณซอกคอให้เป็นรอยเพื่อคนอื่นจะได้รู้ว่าคนนี้แฟนกู แล้วจะลากลิ้นเบาๆมาที่ยอดอกที่แน่นไปด้วยมัดกล้าม ปลายลิ้นแตะลงอย่าหลงใหล อ้ากกกกกกกกกก เมียจ๋า กูทนไม่ไหวแล้ว
“เอ๊ยอาบอมบ์ หอมแก้มไปป์ทำไม”มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่กูกดจมูกไปเต็มพวงแก้มไปป์ซะแล้ว แล้วก็มาสะดุ้งอีกทีก็ตอนที่
“ไอ้บอมบ์”เอ๊ย ที่รักกู ที่รักครับ ผมเผลอตัว