ตอนที่ ๔๐ ทีใคร
“เลิกเล่นได้แล้วไอ้บอมบ์ ไอ้เหี้ย”ผู้หมวดพยายามดึงมือผมออก กูเงี่ยนอ่ะ ทำไงดี ที่ทางก็ไม่สะดวก ระหว่างใช้ความคิดโทรศัพท์ผมดังขึ้นซะก่อน ใครโทรมานะ ขัดจังหวะกูจริง
“ครับแม่ มีอะไรเหรอ”แม่ผมเอง โทรมาทำไมนะแต่เช้าเชียว
“ลูกแกไม่สบายน่ะ เข้าโรงบาลตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
“อ้าว เหรอแม่ ลูกเป็นไรอ่ะ”ผมนี่ใจหล่นวูบทีเดียวครับ ลูกกูเป็นไรวะ
“ท้องเสีย เป็นไข้ด้วย”
“เป็นคนเดียวหรือเป็นทั้ง ๒ อ่ะแม่”
“น้องแสบน่ะ น้องซ่าไม่เป็นไร แต่แม่กลัวว่าจะติดต่อนี่สิ”
“อืมแม่ งั้นเดี๋ยวผมขอลาผู้กองแล้วกัน”ผมหันหน้ามาคุยกับผู้หมวด “ผู้หมวดผมขอลานะครับ ลูกเข้าโรงบาล”
“ลูกเป็นไรเหรอ”ผู้หมวดถามด้วยสีหน้าที่ตกใจปนห่วงใย
“ท้องเสียเป็นไข้ด้วย”
“อือๆ ไปดิ เดี๋ยวบอกผู้กองให้”
“ครับ แม่เดี๋ยวผมจะไปหานะ ผู้หมวดขอยืมรถหน่อยนะ”
“เออๆ ไปเปลี่ยนชุดไป”ผมออกจากห้องรีบเปลี่ยนเป็นชุดอ่อน จากนั้นจึงลงไปด้านล่าง บอกกับสิบเวรว่าขอลาไปดูลูก สิบเวรไม่ว่าอะไรเพราะผู้หมวดมาบอกก่อนหน้านี้แล้ว จากนั้นจึงรีบขับรถผู้หมวดออกไปเยี่ยมลูกที่โรงพยาบาล
“ลูกเป็นไงบ้างแม่”
“นอนอยู่ แต่ดีกว่าเมื่อวานแล้ว”
“ครับ”มองหน้าลูกที่หลับอยู่บนเตียงแล้วสงสาร ยังเด็กอยู่เลยต้องมาป่วย มองไปอีกคนที่พี่ภาอุ้มอยู่ตายังใสแจ๋วอยู่เลย ดีนะที่ไม่เป็นพร้อมกันทั้ง ๒ คน งั้นแม่กับพี่ภาคงเหนื่อยหนักกว่าเดิมเป็นเท่าตัว “อึ่บ ไงเรา แอบพากันไปเล่นน้ำฝนมาเหรอ แสบถึงได้ไม่สบาย”รับลูกจากพี่ภามาแล้วถามลูกกวนๆ
“อือ”เจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดส่งเสียงพลางยื่นมือมา ผมนั่งลงบนโซฟาแล้วก้มลงหอมแก้มลูกชาย หล่อเหมือนกูจริงๆเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆ “อือ อา”เจ้าตัวเล็กพยายามจะสื่ออะไรกับผมนะ
“ไง คิดถึงพ่อเหรอ”
“อือ”อือ อย่างเดียวเลย น่าฟัดจริงๆ นั่งหยอกกับลูกอยู่พักหนึ่งจนเจ้าแสบตื่นขึ้นมาร้องไห้งอแง แม่ผมรีบเข้าไปอุ้ม ทั้งปลอบทั้งโอ๋ ผมส่งเจ้าซ่าให้พี่ภาอุ้มบ้างแล้วขอแม่อุ้มเจ้าแสบ สงสารลูกจังเลย
“โอ๋ๆ มาๆพ่อมาแล้ว ไมร้องนะคนเก่ง โอ๋”ปลอบลูกไม่กี่คำ หยุดร้องเลยแฮะ
“สงสัยจะคิดถึงพ่อมั้งเนี่ย ใช่ไหมน้องแสบ”พี่ภามองหน้าลูกชายผมยิ้มๆ ผมเองก็อุ้มตลอด ป้อนนมป้อนน้ำ ให้กินยา ฟังหมอพูดเกี่ยวกับอาการของลูกชายตัวน้อย อาการไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ กลับบ้านได้ แต่ผมยังไม่อยากให้กลับ อยากให้อยู่ใกล้ๆหมอ ยังไม่วางใจเท่าไหร่
“ฮัลโหล ยุ่งเหรอมึง”วางลูกนอนบนเตียง ผู้หมวดโทรมาพอดี ที่จริงโทรมาหลายสิบสายแล้วแต่ไม่ว่างรับสาย
“ครับ ลูกเพิ่งหลับน่ะ”
“เหรอ เป็นไงบ้าง เป็นทั้ง ๒ คนหรือแค่คนเดียว”
“น้องแสบอ่ะที่ป่วย ส่วนซ่ายังสบายดีอยู่”
“อือ ไม่เป็นไรมากใช่ไหม”
“ไม่ครับ ดีขึ้นแล้ว ที่จริงหมอให้กลับบ้านได้แล้วละ แต่ผมยังไม่วางใจเท่าไหร่”
“เออๆ ให้นอนสักคืนสองคืน ถ้าเกิดกลับบ้านไปไข้ขึ้นอีกจะเสียเวลา”
“ครับ แล้วนี่ผู้หมวดทำอะไรอยู่”
“ไม่ได้ทำอะไร เพิ่งไปตรวจรอบกองพันมาน่ะ เออ งั้นแค่นี้แล้วกัน ลูกหายดีค่อยกลับมาทำงานต่อก็ได้ ไม่ต้องรีบ กูรับหน้าให้”
“ครับผม จุ๊บก่อนดิ”
“จุ๊บ สัส”แล้วก็วางไป
ทั้งคืนผมแทบไม่ได้นอนเลยครับ เพราะลูกจะงอแงตลอด วางให้นอนบนเตียงได้พักหนึ่งก็จะตื่นขึ้นมาแล้วร้องไห้ สงสารลูกว่ะ เจ้าซ่ากลับไปนอนที่บ้านกับพี่ภา ส่วนผมนอนเฝ้าแสบอยู่ที่โรงพยาบาล ปลอบลูกทั้งคืน ได้นอนจริงๆจังๆตอนตี ๔ นี่เองครับ เผลอหลับไป ๒ ชั่วโลงลูกก็ตื่น ผมต้องตื่นมาทำธุระส่วนตัวให้ลูก ป้อนนมพร้อมยา หมอมาเช็คอาการอยู่พักหนึ่งแล้วก็ออกไป ตอนนี้อาการท้องเสียหายแล้ว เหลือแค่เป็นหวัดที่ยังไม่หายดี
ทั้งวันไม่ได้ทำอะไร อยู่ข้างๆลูกทั้งวัน คอยเช็ดน้ำมูก ทำอะไรต่างๆ โดยมีแม่คอยดูแลใกล้ๆ เจ้าแสบไม่ยอมห่างผมเลยครับ ต้องให้ผมอุ้มตลอด แม่ผมจะมาขออุ้มไม่ยอมให้อุ้มครับ อ้อนพ่อตั้งแต่เด็กเลยว่ะ แล้วถ้าเกิดหายดีกูจะไปทำงานต่อได้ไหมนะ ลูกอ้อนพ่อซะขนาดนี้
วันต่อมา ผมก็พาลูกกลับบ้าน อาการเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับแล้วครับ เกือบเที่ยงวันมีรถมาจอดที่หน้าบ้าน ผมเองจะออกไปต้อนรับแต่ติดที่ว่าลูกยังนอนอยู่บนตักอยู่เลย เลยได้แค่ชะเง้อมองว่าเป็นใคร
“ป้าสวัสดีครับ แม่สวัสดีครับ”ผู้หมวดบูมนั่นเอง มาถึงรีบยกมือไหว้พี่ภาและแม่ผม
“สวัสดีค่ะ นั่งก่อนลูก เดี๋ยวแม่ไปเอาน้ำมาให้”แม่ผมจะลุกขึ้น
“ไม่ต้องครับ ไม่เป็นไร แม่นั่งดีกว่านะครับ”ผู้หมวดรีบรั้งตัวแม่เอาไว้ก่อน
“ปล่อยเขาเหอะแม่ เพิ่งออกเวรเหรอ”พูดกับแม่แล้วหันมาคุยกับหมวดบูม
“อืม ออกตั้งแต่ ๙ โมงแล้ว ไปเยี่ยมไอ้เต้ยเลยแวะมานี่ เป็นไงบ้าง”
“แค่เป็นไข้แต่ยังไม่หายดี แสบ ดูสิใครมาหาหนู”ก้มหน้าไปคุยกับลูกชายที่ยังนอนอยู่บนตักไม่ยอมห่าง
“อือ”หมวดบูมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆแล้วทักทาย เจ้าลูกชายตัวดีไม่สนใจเลยครับ
“สงสัยไม่อยากเล่นกับใคร ติดพ่อเหรอ หือ รีบๆหายนะ”หมวดบูมจับที่มือของแสบเขย่าเบาๆแล้วหันไปคุยกับซ่า รายนั้นเขาไม่ป่วย เขาอารมณ์ดีครับ แต่รายนี้ไม่ยอมห่างจากผมเลยแม้แต่นิดเดียว
ตลอดเวลา ๔ วันผมอยู่ดูแลจนลูกหายดี ร่าเริงเป็นปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือลูกติดผมมากขึ้น ทั้ง ๒ คนเลย ต้องอยู่ข้างๆตลอดเวลา ตื่นมาถ้าไม่เจอจะร้องงอแง จนผมมาโอ๋ เฮ้อ ลูกติดพ่อแบบนี้กูจะไปทำงานที่กองร้อยได้ป่าววะ
“ตัวเล็ก พ่อต้องไปทำงานแล้วนะ อยู่กับย่านะลูก”ผมพูดกับลูกชายทั้ง ๒ คน จะรู้ไหมนะ
“อือ”อือแบบนี้จะแปลว่าโอเคหรือเปล่านะ
“อย่างอแงนะ เดี๋ยวพ่อไปทำงานต่อ เดี๋ยววันหยุดพ่อจะมาหา โอเคไหมครับ”นั่งคุยกับลูกสักพัก ป้อนนมกล่อมให้ลูกหลับ แล้วก็เดินทางกลับกองร้อย น้ำตาซึมเลยกู คิดถึงลูก วัยกำลังน่ารัก ไม่รู้จะงอแงไหม ถ้าไม่เจอหน้าผม
กลับมาถึงกองร้อยก็ประมาณ ๔ โมง กว่าๆ หน้ากองร้อยกำลังเตะบอลอยู่เลย เอารถจอดที่โรงรถแล้วเดินไปรายงานตัวกับสิบเวร จากนั้นขึ้นไปเปลี่ยนชุดมาเป็นปกติแล้วลงมานั่งเล่นที่ขอบสนามฟุตซอลหน้ากองร้อย หมู่อาร์ตมันออกจากคุกแล้วนะครับ เตะบอลอยู่กับทหารหน้าตาเฉย ผมนั่งอยู่ครู่หนึ่งเบื่อๆเลยเข้าไปนั่งเล่นที่ใต้ถุนกองร้อย
ถึงเวลา ๖ โมงเย็นก็พากันไปกินข้าว กินข้าวเสร็จมาอาบน้ำ ออกมาจากห้องน้ำกำลังจะเดินขึ้นบันได หมู่อาร์ตมาดักทางผมไว้ก่อน ผมเลยเดินเลี่ยงไปหาที่เงียบ สงสัยเลือดร้อนอยากมีเรื่องกับกู
“เก๋าเหรอมึง เอารถผู้หมวดไปขับน่ะ รู้ที่ต่ำที่สูงหน่อยดิ”อ่อ คิดว่าเรื่องอะไร
“ก็พอตัวนะ มีปัญหาแค่นี้ใช่ป่ะ”
“มึงระวังตัวให้ดีนะมึง ทำตัวเก๋ามากๆเดี๋ยวเก๋าไม่ออก”
“แค่นี้ใช่ป่ะ ผมไปละนะ จะทำอะไรก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน ยศบนบ่าไม่ได้คุ้มครองคุณตลอดไปหรอกนะ”ผมขึ้นบันไดไปเอาขันสบู่ไปเก็บแล้วเดินเข้าไปหาผู้หมวด
“มีอะไรให้ผมช่วยไหม”ผมถามผู้หมวดที่กำลังนั่งอ่านหนังสือ
“อือ ไม่มี แต่พรุ่งนี้สรุปเล่มนี้ให้ฟังหน่อยนะ เคยเรียนมาแล้วไม่ใช่เหรอ”ผู้หมวดยื่นชีทมาให้ผม ผมจึงรับมาแล้วนั่งอ่านแล้วขีดเส้นใต้เอาไว้ จนถึงเวลาเกือบทุ่มหนึ่งจึงออกมานั่งรวมที่หน้ามุขรอสิบเวรอบรม
สิบเวรพูดเรื่อยเปื่อยจนถึงเวลาเราไปตลาด ชีวิตวนเวียนอยู่เหมือนเดิม หมวดเต้ยตอนนี้เห็นว่าหายดีแล้ว ไอ้มหามันไม่ได้ไปดูนะครับ เพราะมันไม่รู้จะขอลายังไง จะบอกว่าขอลาไปดูเมียป่วย เดี๋ยวเขาตอกหน้าให้ มันเลยไม่ได้ลา แต่เห็นว่าโทรเช็คอาการเป็นระยะ
“เป็นไรพี่บอมบ์ หน้าตาไม่ค่อยสดใสเลย”อีหนูถามผม
“คิดถึงลูกว่ะ”
“อ๋อ เอาน่า เดี๋ยวก็ได้ลาแล้ว”
“เออ กลับไปลูกมันอ้อนกูไง มันกำลังน่ารักเลยนะเว้ย เฮ้อ”ถอนหายใจออกมา ก่อนอาบน้ำโทรไปหาแม่ แม่บอกว่าลูกยังร่าเริง งอแงนิดหน่อย ผมกลัวว่าจะลูกติดผม แต่ถ้าอยู่ได้ผมก็โอเคแล้วละ
วันต่อมาผมก็ไปช่วยช่างทำงาน ทุกอย่างเริ่มโอเคแล้วล่ะครับ ห้องน้ำเกือบจะเรียบร้อยแล้ว เหลืออีกไม่กี่ห้องที่จะต้องปูกระเบื้องที่ผนัง กับทาสีใหม่ ส่วนบนกองร้อยก็เปลี่ยนพัดลมตัวที่พังๆ พื้นกองร้อยก็พากันขัดทั้งวี่ทั้งวันครับ
หลายวันผ่านไปจนสิ้นเดือน สิ้นเดือนนี่เหมือนจะสิ้นใจ เงินไม่มีจะซื้ออะไรกิน สิ้นเดือนหมู่อาร์ตเข้าเวรครับ เข้าสิบเวรวันนี้ซะด้วย ตั้งแต่ ๙ โมงก็เอาแล้วครับ สั่งหมอบสั่งลุก สั่งวิดพื้นอยู่ครึ่งชั่วโมงแล้วก็ด่าห่าเหวอะไรของมันก็ไม่รู้
“วันนี้พวกมึงเตรียมตัวให้ดีนะ พวกมึงนี่ชักจะเอาใหญ่ ลามปาม ไม่มีความเคารพ กูมองมาหลายวันแล้ว วันนี้เวรกู ใครอยู่ไม่ได้ก็หนีไป กูไม่ง้อพวกมึงหรอก”ชี้หน้าว่าพวกผมซึ่งตอนนี้กำลังหมอบอยู่ที่สนามฟุตซอล จนเขาพอใจเขาจึงให้พวกเราไปทำงาน แบ่งเป็นส่วนๆ พวกช่างที่ทำห้องน้ำก็แยกไปทำกันต่อไป พวกที่จะต้องขึ้นไปขัดพื้นก็แยกออกไป และงานอื่นๆอีกไม่กี่อย่าง
“เหี้ยอะไรของมันวะ อย่าให้เจอข้างนอกนะมึง กูไม่เก็บไว้แน่”เพื่อนผมบ่นออกมาอย่างหัวเสีย
“เอาสักหน่อยไหมบอมบ์ กูหมั่นไส้ว่ะ”อีกคนเสนอ
“ปล่อยมันไม่เหอะ ถือซะว่าเราออกกำลังกายแล้วกัน ไม่โดนนานๆมันก็หอบเหมือนกันนะ”ผมพยายามจะไม่สนใจอะไรมากมาย ถือว่าเราออกแรงแล้วกัน คนเราคิดแต่จะจองล้างจองผลาญมันไม่ดี เราไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าไปแลก เหมือนสุภาษิตว่า เอาพิมเสนไปแลกเกลือ แต่ถ้าทนไม่ไหวเราก็ต้องตอบโต้ไป
“ว่างเหรอมึง หน้าคลังไม่มีอะไรทำหรือไง”ไอ้มหามันเดินมาช่วยงานที่ห้องน้ำหลังจากที่มันหายไปพักใหญ่
“เออ วันนี้จ่าบอกว่าไม่มีอะไร มีอะไรให้กูช่วยบ้าง”
“ปูกระเบื้อง มึงทำเป็นป่ะ”เพื่อนอีกคนถาม
“อย่าดูถูกกูนะเว้ย โบสถ์ทั้งหลังกูสร้างมาแล้ว นี่ถ้ากูไม่สึกศาลาการเปรียญกูคงอยู่ช่วยทำจนเสร็จ มาๆทำตรงไหนบ้าง ช่างตวงจะโชว์ฝีมือ”จากนั้นไอ้มหามันก็ลงมือครับ มันทำเป็นทุกอย่างอย่างที่มันคุยเลยครับ
ครึ่งวันที่เราทำงาน คุยตลกโปกฮาไปเรื่อยเปื่อย เหม็นขี้ก็ทนเอา ขี้เราไม่ใช่ขี้ใคร ครึ่งวันเสร็จไปหนึ่งห้องแล้ว ห้องหนึ่งทำกัน ๒ คน ผมกับไอ้มหาอยู่ห้องเดียวกัน อึดอัดฉิบหายตัวใหญ่อย่างควายทั้งคู่ จะลุกจะนั่งทีเบียดกันมัน แต่ก็ทำไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาพักกลางวัน สิบเวรบอกให้ทุกคนเตรียมตัวกินข้าว ไม่มีการจำหน่าย พวกเราจึงล้างไม้ล้างมือเตรียมตัวไปกินข้าว
ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด ปริ๊ด ปริ๊ด ปริ๊ด เฮ้ เสียงตบข้างขาและร้องเฮออกมาเสียงดังจากทั่วสารทิศของกองร้อยแล้ววิ่งไปรวมตัวที่หน้าสนามฟุตซอลของกองร้อย
“หมอบ เฮ้ย กูสั่งให้หมอบไม่ได้ยินหรือไง”หมู่อาร์ตตะคอกเสียงดัง พวกผมต้องหมอบบนพื้นปูนร้อนๆ แดดเปรี้ยงๆ พื้นปูนก็ร้อน ยังมาสั่งกูหมอบอีก
“เหี้ยเอ๊ย ร้อนก็ร้อนยังสั่งหมอบอีก”คนที่หมอบอยู่ใกล้ๆผมบ่นขึ้นมา
“ลุก ตอนเรียง ๔ จัดแถว”
“เฮ้”เราลุกขึ้นร้องเฮเสียงดังแล้ววิ่งไปจัดแถว ผมตัวสูงใหญ่กว่าใครในกองร้อยเลยต้องอยู่หน้าสุดและลำดับแรกสุดจากนั้นก็ตามด้วยไอ้มหาและคนอื่นๆ
“นิ่ง”ลดมือลงยืนตรงแล้วหายใจหอบๆ งานก็เหนื่อยพอตัวแล้วยังมาเจออะไรแบบนี้อีก “สิ้นเสียงนกหวีดบางคนแม่งยังเดินเอ้อระเหยลอยชายไม่สนใจ กูไม่รู้นะว่าสิบเวรคนอื่นเข้าเวรแล้วเป็นยังไง แต่ถ้าวันไหนกูเข้าสิบเวรพวกมึงต้องกระเตื้อง เห็นจ่าแก่ๆใจดีๆหน่อยพวกมึงก็เดินอ้อยสร้อยมาเข้าแถว กูเห็นพวกมึงแล้วหมั่นไส้ว่ะ เอ้าเฮ้ย ยุกยิกอะไร วินัยในแถวไม่มีเลยว่ะไอ้เหี้ย หมอบ ลุก หมอบ ลุก หมอบ ลุก หมอบ ลุก”เอาอีกแล้วกู ออกกำลังกายตั้งแต่หัววันอีกแล้ว กว่าจะได้ไปกินข้าวเหงื่อก็ท่วมตัว
ไปถึงโรงเลี้ยงก็กินข้าวไม่ค่อยจะลง กับข้าวนี่กูไม่อยากจะบรรยาย คือมึงเอาผักสดๆมาให้กูจิ้มน้ำพริกยังจะดีกว่าที่พวกมึงเอาผักไปแกงแบบนี้เหอะ กินไม่ลงจริงๆยิ่งเห็นหน้าไม่หมู่อาร์ตด้วยแล้วยิ่งกินไม่ลง สงสัยวันนี้คงต้องหาอาหารเสริม
“เฮ้ย ไอ้เหี้ย อิ่มแล้วพวกมึงปล่อยตัวล่อยใจสบายๆแบบนี้เหรอวะ เดินไม่ดูเท้าน่ะ ไอ้คนนำหน้าก็เดินเหมือนควายหาย ไอ้คนตามหลังรู้ตัวว่าเตี้ยก็เดินสะเปะสะปะ หมอบ”เอาอีกแล้วกู โดนเล่นไปอีกพอสมควรครับกว่าจะได้กลับกองร้อยก็ต้องคลานไอ้เข้กลับ แทบอ้วกแตก
ตอนบ่ายเรามาทำงานต่อ จนถึงเวลา ๔ โมงครึ่งจึงได้หยุดงานแล้วล้างเนื้อล้างตัวมานั่งพักผ่อน ช่วงนี้เขาเตะบอลกันหน้ากองร้อยสนุกสนาน ผมนั่งดูนิดหน่อยผู้หมวดก็เรียกเข้าไปพบ ไม่มีอะไรหรอกครับรายนี้ เข้าคิดถึงผมน่ะ ฮ่าๆๆ
“บอมบ์ บูมเข้าใจตรงนี้ ช่วยอธิบายทีสิ”วันนี้มาแปลกแฮะ ไม่มีกูไม่มีมึง สงสัยรู้ว่าผมเหนื่อยเลยอ้อนๆ แต่ขอโทษนะ มึงอ้อนกูกูยิ่งเหนื่อย กูเขินว่ะ ฮ่าๆๆๆ
“อืม โอเค แปบนึงนะ ขอหายใจสักแปบ ฟอด”ยื่นหน้าไปหอมแก้มก่อน เรียกพลังครับ
“ไหนว่าหายใจแล้วมาหอมแก้มทำไม”ผู้หมวดทำหน้างงใส่
“หึหึหึ จุ๊บ”จูบปากเบาๆอีกที จากนั้นจึงเริ่มสอนเนื้อหาไล่ไปเรื่อยๆ เดือนนี้กันยายนแล้วอีกไม่กี่สัปดาห์ผู้หมวดก็ต้องไปสอบแล้วแล้ว เลยต้องเร่งให้หนักหน่อย งานดี กีฬาเด่น วิชาการเป็นเลิศ ที่สำคัญ ผัวหล่ออีกต่างหาก หึหึ