เพลิงพ่าย
ภาคต้น
บทที่ 5
“ความจริง คุณเดี่ยวก็หน้าตาดีนะ แต่ชอบทำหน้าบึ้งเลยหมดหล่อรู้ไหม”
ผมก้มลงมองตามนิ้วมือเคลือบน้ำยาทาเล็บสีฉูดฉาดค่อยๆ ลูบไล้อยู่ตรงซอกคอของผม
อยากจะรู้เหมือนกันว่ารัศมีจะมาไม้ไหน
“แล้วไง”
“ก็ถ้าคุณเดี่ยวยิ้มสักนิด รับรองว่าหล่อบาดใจสาวๆแน่”
มุมปากของผมกระตุกเหยียดหยัน อกอวบอิ่มที่เบียดชิดเข้ามาไม่มีผลต่อผมเลยสักนิด
“ผมจะยิ้มให้กับคนที่คู่ควรเท่านั้นแหละ”
รัศมีชะงัก ดวงตาที่แต่งด้วยมาสคาร่าบอกถึงความไม่พอใจอยู่ในนั้น
“จะบอกว่าฉันไม่คู่ควรงั้นสิ”
“ก็คงงั้น”
“คุณเดี่ยว!”
ริมฝีปากสีแดงสดเม้มอย่างขัดใจ มือที่ลูบไล้อยู่แถวหน้าอกเลื่อนมากระชากที่ปกเสื้อนักเรียนของผม
“ยังไม่ทันจะโตเต็มตัวก็หยิ่งผยองเสียแล้ว”
เจ้าหล่อนเริ่มเกรี้ยวกราดใส่ผม
“ให้เกียรติกันบ้าง ถึงยังไงฉันก็เป็นแม่เลี้ยงของคุณ”
“เกียรติก็มีไว้ให้สำหรับคนที่ควรจะได้รับเหมือนกัน”
ผมตอบเสียงเย็น ยิ่งเรียกความคุกรุ่นให้กับผู้หญิงตรงหน้า
ไม่เคยนึกเหมือนกันว่าความโกรธจะบั่นทอนความงามของผู้หญิงไปได้มากถึงเพียงนี้ เพราะเมื่อรัศมีโมโห
หน้าตาของหล่อนช่างดูพิลึกพิลั่นในสายตาของผม
ดูเหมือนว่ารัศมีพยายามจะควบคุมอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง ปากสดฝืนยิ้มออกมาพร้อมกับปล่อยมือจาก
คอเสื้อของผมแต่กลับเปลี่ยนไปคล้องคอผมแทน
แขนเกี่ยวคอผมไปจนใบหน้าเกือบจะชนกัน กลิ่นหอมจากน้ำหอมชั้นดีรวยรินเข้าจมูก
“ไม่เอาน่า เราอย่ามาทะเลาะกันเลย ญาติดีกันไว้ดีกว่าเพราะเราคงต้องอยู่ร่วมกันไปอีกนาน”
มุมปากของผมยกยิ้มหยัน
“เหรอ ในฐานะอะไรล่ะ”
ผมลองเดินตามเกมส์แม่เลี้ยง รัศมีคลี่ยิ้มหวานจนผมเอียน
“จะในฐานะอะไร ก็แล้วแต่คุณเดี่ยวต้องการ”
จมูกโด่งชิดอยู่ตรงใกล้จมูกของผม ปากแทบจะชนกันอยู่แล้ว เสียงสั่นหลุดออกมาจากลำคอบอกให้รู้ถึง
ความต้องการของแม่เลี้ยงผม
“กำลังโตเป็นหนุ่มแบบนี้ กำลังต้องการใช่ไหมล่ะ เคยกับของจริงหรือยัง ถ้ายัง แม่เลี้ยงอย่างฉันจะได้สอน
ให้ไงล่ะ”
พอพูดจบปากสีแดงก็พุ่งมาประกบกับปากของผม รัศมีไม่ยอมให้ผมหนีไปไหนด้วยแขนที่คล้องไว้รอบคอ
ล็อคให้ผมยืนรับจูบเร่าร้อนที่หล่อนเป็นคนเริ่ม
ผมผลักรัศมีอย่างแรงจนกระเด็นหงายหลังไปนั่งกับพื้นอย่างไม่ค่อยสวยงามนัก หล่อนเงยหน้ามามองผม
ด้วยโทสะ
“ไอ้เด็กบ้า ทำงี้ได้ไง”
เสียงตวาดแว้ดทำให้ผมส่ายหน้า และยกท่อนแขนมาเช็ดปากที่เต็มไปด้วยน้ำลายและลิปสติกอย่างรังเกียจ
แม้ว่ารัศมีจะเป็นแม่ของป้อง แต่กลับไม่ได้ทำให้ผมใจสั่นแม้แต่สักนิด
“ผู้หญิงอย่างคุณนี่ทำให้ประชากรเพศหญิงทั้งโลกต้องอดสูนะ รู้ตัวหรือเปล่า”
ยอมรับว่าเป็นผู้ชายปากจัดนะผมน่ะ
“ทำตัวแบบนี้จะสอนลูกให้ทำตัวดีได้ไง คนแบบคุณเนี่ยนะที่เป็นแม่ของน้องชายผม”
“ไอ้เด็กปากหมา”
รัศมียันตัวขึ้นมาจากพื้นแล้วโผเข้ามาจะทุบตีผม ผมเลยใช้มือคว้าแขนเจ้าหล่อนแล้วเหวี่ยงไปกับพื้นจน
รัศมีหน้าคว่ำลงไปนอนกรี๊ด
“แม่ เป็นอะไรครับ”
เสียงเล็กดังขึ้นจากมุมหนึ่ง ผมหันขวับไปมองก็เห็นป้องกำลังดิ้นยุกยิกอยู่ในอ้อมกอดของพี่เลี้ยงจนต้อง
ปล่อยให้วิ่งถลาเข้ามาหาแม่
สีหน้าเทวดาตัวน้อยของผมดูตกใจที่เห็นแม่ร้องลั่นขนาดนั้น
“พี่เด่วแกล้งแม่ป้องเหรอ”
สีหน้าของป้องกลับทำให้ผมเจ็บจี๊ด
“พี่เด่วทำแม่ร้องทำไม”
“พี่เดี่ยวไม่ได้ทำแบบนั้นนะป้อง”
“ไม่จริง ก็แม่ร้องไห้”
น้ำตาไหลลงมาเปื้อนแก้ม สายตาไร้เดียงสาที่มองมาอย่างเจ็บปวด มันทำให้ผมอึ้ง
ป้องกำลังเข้าใจผมผิด
“ใช่ ป้อง พี่เดี่ยวทำแม่เจ็บ เขาแกล้งแม่เห็นไหม”
“นี่คุณ!”
ผมเดือด
“คุณกำลังใส่ไฟผมให้ป้องเข้าใจผิด”
รัศมียิ้มอย่างเป็นต่อ
“ดูพี่ชายของหนูทำกับแม่สิป้อง เขาผลักแม่ล้มจนหัวเข่ากระแทกพื้นเป็นแผลเลย”
“รัศมี!”
ผมตะโกนลั่น สติขาดกระจุยเมื่อโผเข้าหาคนที่กำลังปั้นหน้าหลอกเด็กพลางยกมือขึ้นสูงแล้วฟาดลงไป
“โอ๊ย!!! แง….”
“ป้อง”
ผมตกใจเมื่อร่างเล็กผวามากั้นร่างของคนเป็นแม่จนรับฝ่ามือของผมเข้าเต็มๆที่กลางหลัง
“พี่เดี่ยวไม่ได้ตั้งใจ พี่เดี่ยวขอโทษ”
“พี่เด่วใจร้าย เกลียดพี่เด่ว ฮือ”
“โอ๋ ป้อง มาหาแม่ เห็นไหมล่ะว่าพี่ชายเราน่ะร้ายแค่ไหน”
รัศมีคว้าร่างป้อมของป้องไปกอด ดวงตาที่มองมาทางผมเยาะเย้ยจนผมแทบคลั่ง
“ป้อง เชื่อพี่เดี่ยวนะ พี่เดี่ยวไม่ได้ตั้งใจ”
“ฮือ ไม่เชื่อ พี่เดี่ยวใจร้าย”
ผมกัดปากแทบแตก เสียใจสุดๆ กับคำว่าเกลียดจากปากเล็ก รัศมีที่กอดร่างเล็กที่ยังร้องไห้จ้ามองผมอย่าง
คนได้รับชัยชนะ ผมทนไม่ไหวจนต้องวิ่งหนีขึ้นห้องตัวเอง
ผมนั่งลงข้างเตียง ทิ้งตัวไปนอนแผ่อย่างหมดอาลัยตายอยากก่อนที่จะเผลอหลับไปทั้งชุดนักเรียน
กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็ปาเข้าไปสี่ทุ่ม ผมงัวเงียขึ้นมาอาบน้ำพอแต่งชุดนอนเสร็จผมก็ได้ยินเสียงอะไร
บางอย่างข้างนอกห้องก็เลยเปิดประตูเดินออกไป
เดินออกไปจนเกือบถึงห้องพ่อก็เห็นพ่อของผมกำลังดึงร่างอวบของรัศมีเข้ามาและซุกหน้าลงกับหน้าอก
อวบใหญ่ทั้งที่แทบจะยืนไม่อยู่ กลิ่นเหล้าบุหรี่ลอยอบอวลออกมาถึงในจุดที่ผมยืนอยู่ พ่อคง “อยาก” จนลืม
ปิดประตู
ผมโกรธ
โกรธที่พ่อทำตัวแบบนี้ ทำตัวกักขฬะบนเตียงที่แม่เคยนอน ในบ้านที่แม่เคยอยู่ รูปของแม่ยังแขวนอยู่ตรง
ข้างฝาดวงตาสวยคู่นั้นราวกับจะจ้องมาที่พ่อแล้วร้องไห้
พ่อถอดชุดนอนของรัศมีออกอย่างรวดเร็วแล้วเหวี่ยงไปตรงกลางที่นอน ร่างสูงใหญ่ของพ่อเซไปมาเมื่อ
รีบร้อนถอดเสื้อผ้าตัวเองแล้วกระโจนตามขึ้นเตียง
ผมเห็นแต่ความหื่นกระหายจากผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของผม
ผมแค้น
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหายไปหมดแล้ว
ผมจะทนทำดีเพื่อใครกันอีก
แค้นจนแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง แค้นที่ต้องระบายออก
จะมีที่ไหนดีไปกว่า เหยื่อแห่งความแค้นของผม
แค่คิดเท้าก็ก้าวไป ก้าวไป แล้วมือก็กระชากประตูห้องเล็กที่อยู่ติดกับห้องของผม ร่างเล็กนอนหลับสนิทอยู่
บนเตียง หลับอย่างไร้เดียงสา
ก้าวขึ้นไปแล้วคุกเข่าคร่อมร่างเล็ก ใบหน้าหวานราวเด็กผู้หญิงทำให้ความรักความแค้นตีกันยุ่งเหยิง
แต่ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกไหน มันก็ดึงดูดให้ผมก้มหน้าลงไปแล้วกดจูบไปกับปากเล็กหนักหน่วง
“อื้มม”
ป้องลืมตาอย่างตกใจและพยายามดิ้น ผมกดแขนเล็กทั้งสองไปกับที่นอนอย่างง่ายดายและมือก็ฉีกเสื้อผ้า
เด็กน้อยขาดวิ่น
“พี่เด่ว ป้องเจ็บ ฮือ”
เมื่อผมถอนจูบป้องก็ร้องลั่น เสียงร้องเรียกสติของผมกลับมาได้ ผมชะงักงันไปครู่ใหญ่กับความบ้าบอของ
ตัวเอง
“ชวู่ ป้องอย่าร้องครับ พี่เดี่ยวไม่ทำอะไรแล้ว”
แม้พยายามปลอบแต่ป้องก็ยังร้อง จนกระทั่งได้ยินเสียงประตูเปิดผลัวะเข้ามา
“คุณเดี่ยว ทำอะไรป้อง”
เสียงรัศมีดังพอจะทำให้ผมตกใจจนกระโจนลงจากเตียง มายืนประจันหน้ากับหล่อนที่ยืนอยู่ตรงประตู
แม่ของป้องสีหน้าหงุดหงิดอยู่ในเสื้อคลุมรุ่ยรายผมเผ้ากระเซิง ดวงตาที่มองผมดูวาววับเมื่อผมอยู่ในสภาพ
ที่กระดุมชุดนอนหลุดลุ่ยจนเห็นเนื้อหนังข้างใน
“แม่…ฮือออ”
ป้องร้องไห้ คลานตุ้บตั้บจากกองผ้าห่มออกมาอย่างไม่ถนัดนัก ในขณะที่รัศมีไม่มีแม้แต่จะปรายตามอง
ป้องแต่กับหรี่ตามองผมอย่างจับผิด
“นี่อย่าป้องนะว่าเข้ามาปล้ำไอ้ป้อง”
เสียงหัวเราะเสียดสีดังขึ้นจากผู้หญิงตรงหน้า มันทำให้ผมอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีแต่ก็ทำได้
เพียงยืนกำหมัดฟังเสียงบาดแก้วหูนั่น
“ถ้าอยากมากทำไมไม่บอกกันเล่า ก็บอกแล้วว่าจะสอนให้”
รัศมีกระชากผมเข้าไปจูบโดยที่ผมตั้งตัวไม่ทัน
“จะบ้าหรือไง คุณเพิ่งจะนอนกับพ่อมาหยกๆ”
ผมยกแขนเช็ดปากอย่างรังเกียจ
“พ่อแกน่ะเหรอ โธ่ไอ้เดี่ยว นอนล่มปากอ่าวอยู่บนเตียงโน่นแหละ”
รัศมีแผดเสียงอย่างหงุดหงิด
“ผัวงี่เง่าอะไรไม่ได้เรื่อง ปล่อยให้เมียนอนค้างอยู่ได้ มานี่สิเป็นลูกมันก็มาทำแทนมันหน่อย”
แม้ว่าจะทำตัวเข้มแข็งเพียงไหน ผมก็ยังเป็นแค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ยังไม่ประสากับเรื่องอย่างว่า เมื่อผู้หญิง
อย่างรัศมีดึงตัวผมเข้าไปและกระชากเสื้อคลุมจนเห็นร่างเปลือยผมก็ตกใจไม่น้อย พยายามที่จะเบี่ยงร่าง
หนีแต่ก็ไม่สำเร็จเมื่อผู้หญิงที่กำลังเต็มไปด้วยความต้องการดึงผมเข้าไปซุกกับหน้าอกหน้าใจอวบอิ่ม
โดยไม่สนใจลูกที่ยังนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียง
“แม่ แม่จ๋า”
“อยากก็ทำเข้าสิ ให้ฟรีแล้วยังโง่อยู่อีก”
เสียงแหบพร่าดังอยู่ตรงหูนี่เอง ผมตกใจกับการกระทำของรัศมี แต่ก็ยังไม่เท่ากับตกใจเสียงบานประตูที่ถูก
ผลักกระแทกกับผนังห้องดังปัง!
รัศมีและผมหยุดนิ่งไปในทันทีต่างคนก็หันขวับไปมอง เห็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ตรงประตู
“พ่อ”
“พี่ปัญญา”
ชายคนที่เป็นพ่อผมก้าวดุ่มๆ มากระชากผมออกจากเมียของเขา
“พ่อฟังเดี่ยวก่อน โอ๊ย!”
ผมถูกเหวี่ยงเข้าหาข้างฝา
รัศมียืนตัวสั่นที่เดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคือใบหน้านั้นกลับเต็มไปด้วยน้ำตาก่อนที่จะโผเข้าไปกอดป้อง
“ลูกของพี่มันบ้า มันกลัดมัน มันเห็นฉันนอนกอดป้อง อยู่ๆ ก็เข้ามาจะปล้ำฉัน”
“โกหก”
ผมชี้หน้ารัศมีด้วยปลายนิ้วสั่นเทา
“หน้าด้านที่สุด”
“ไม่เชื่อก็ถามป้องสิ เมื่อตอนเย็นก็แกล้งฉันกับป้อง ใช่ไหมป้อง ตอบพ่อไปเร็ว”
ผมเห็นป้องสะดุ้ง เมื่อมือหนึ่งของรัศมีหยิกลงกับเอวในจุดที่พ่อมองไม่เห็น
“ไอ้ลูกเลว นี่มึงจะปล้ำเมียกูหรือ”
พ่อก้าวทีเดียวก็ถึงตัวผม เงื้อมือใหญ่ขึ้นสูงและฟาดแหวกอากาศลงมาอย่างรวดเร็ว
หน้าชาดิกเมื่อฝ่ามือปะทะกับใบหน้า ผมลมคว่ำไปกับพื้นมองเห็นดาวระยิบระยับไปหมด ช่องปากมีคาว
เลือดไหลลงมาช้าๆ
ผมอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพลงจ้องหน้าพ่ออย่างไม่เชื่อสายตา
มองเห็นร่องรอยเสียใจอยู่ในแววตานั้นแวบหนึ่ง แวบเดียวเท่านั้นก่อนที่จะกลับมาร้อนดังไฟสุม
หากจะบอกว่าความรักระหว่างผมกับพ่อมันจบไปนานแล้วตั้งแต่แม่ตายก็ได้นะ แต่มันก็ยังมีสายใยบางๆ
เชื่อมเราสองคนอยู่ด้วยคำว่าพ่อกับลูก
แต่มาบัดนี้ สายใยบางๆ นั้นมันขาดสะบั้นลงแล้ว ด้วยมือของพ่อที่เลือกที่จะทำแบบนี้
ผมซมซานใช้มือไต่ผนังห้องขึ้นมา ดวงตาแห้งผากเมื่อหันกลับไปสบตากับเขา
คนที่ผมจะไม่ถือว่าเป็นพ่ออีกต่อไป
ไม่มีแม้แต่คำพูดร่ำลาเมื่อผมเซซังออกจากห้องนั้น ตามมาด้วยเสียงร้องไห้ดังลั่นของป้อง
หัวใจของผมแตกสลายไม่มีชิ้นดี
“มึงจะไปไหนไอ้เดี่ยว”
พ่อตะโกนไล่หลังเมื่อเห็นผมก้าวลงบันไดบ้าน
“จะไปไหนก็ไป ไอ้ลูกหัวแข็ง”
ผมเดิน เดิน และเดิน ทุกย่างก้าวผมเจ็บ แต่ผมก็จะไป
ไปจากที่นี่ แม้จะไม่มีอะไรติดตัวไปสักอย่างนอกจากชุดนอนชุดนี้
พ่อยังตะโกนด่าไล่หลังตามมา และคงนึกว่าผมจะอ่อนข้อให้
แต่ผมรู้ว่าไม่มีวันนั้นอีกแล้ว เมื่อผมเปิดประตูรั้วและก้าวออกไปจากบ้านหลังนี้
ผมเดินไปตามถนนเพียงลำพังยามดึก โดยที่ไม่หันกลับมามองบ้านหลังใหญ่หลังนั้นอีกเลย