“อะไรหรอ”
“ก็อีตากาจพลน่ะสิ ต้องคิดเล่นอะไรแผงๆกับชินโดแน่ๆ คนอย่างหมอนี้น่ะนะจะมาทำใจเย็นอย่างงี้” นั้นสินะ ถึงพี่กาจพลคนเก่าของผมจะหล่อและดูใจเย็น แต่พี่กาจพลคนที่ผมรู้จักคนนี้เขาค่อนข้างจะเป็นคนฉุนเฉียวสุดๆ
“มาแล้ว!”
ตัวเล็กร้องเตือนขึ้น ผมกับตัวเล็กรีบทำตัวเล็กกันทันที โดยคิดไม่ทันว่าจะหนีไปไหน แต่โชคดีที่พี่เขาเดินไปอีกทางนึงผมกับตัวเล็บลอบถอดหายใจกันเฮือกใหญ่ และต่างหันมามองหน้ากัน หัวเราะออกมาอย่างตลกอย่างกับอยู่ในหนังสืบสวนสอบสวน ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรเลย
“ไปหาชินโดกันเหอะ”ตัวเล็กพูดออกมาอย่างร่าเริงและเราก็พากันเดินหอบถุงขนมกันพะรุงพะรัง ผลักประตูร้านเข้าไปเสียงกระดิกกรุ้งกริ้งดังขึ้นในทันที ยังไม่ทันที่ผมจะได้กล่าวทักทายชินโดเพื่อนของผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัว
“ทำไมต้องก่อกวนฮะ!!!!! … อ้าว ปัง เล็ก ขอโทษๆ เข้ามาก่อนสิ” ผมปรับอารมณ์แทบไม่ทันเพราะอยู่ๆชินโดที่ล้างแก้วน้ำอยู่หลังเคาเตอร์ก็หันมาตะคอกใส่พวกผมตาขวางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ตัวเล็กก็ปลุกสติผมด้วยการเอาของไปวางไว้ที่โต๊ะที่ใกล้ที่สุด ก่อนจะเดินไปเกาะหน้าเคาเตอร์ที่ชินโดยืนยิ้มแห้งๆฟองสบู่เต็มมือไปหมด ชินโดมีอารมณ์แบบนี้ด้วยแหะ…
“ไอ้บ้านั้นมาทำอะไรที่นี้เหรอ” ตัวเล็กไม่บอกไม่กล่าวยิงเข้าประเด็น
“ก่อกวนน่ะสิ บ้าบอมาก วันๆไม่ทำอะไรวนเวียนไปมาอยู่แถวนี้เนี้ยแหละ เฮ้อ ดีแล้วนะที่ปังไม่เอาไอ้บ้าเป็นแฟนไม่งั้นประสาทตายแน่ๆ”
ชินโดพูดอย่างหงุดหงิดขณะที่หันไปล้างแก้วเสร็จสรรพ ก่อนจะหันมาเช็ดมือกับผ้าที่วางไว้ข้างๆเครื่องปั่นและปรับอารมณ์ยิ้มให้กับพวกผมถามขึ้นในน้ำเสียงที่แตกต่างออกไป ไม่ทันสังเกตเห็นว่าตัวเล็กหันมาทำหน้าเจ้าเล่ห์เหมือนเวลาที่พี่ใหญ่รู้อะไรดี แต่ไม่พูด
“ว่าแต่ปังกับเล็กจะกินอะไรไหมอีก 20 นาทีเราจะปิดร้านแล้ววันนี้พี่เจ้าของไม่อยู่เราต้องปิดไวหน่อย”ตัวเล็กไม่พูดพร่ำทำเพลงสั่งนมปั่นของอร่อยทันที ผมก็เลยเดินมานั่งที่เก้าอี้หน้าเคาเตอร์ด้วย ในใจมีคำถามอีกเยอะ แต่ไม่ถามดีกว่าเพราะคงไม่มีอะไรพี่กาจพลคงมาป่วนปกติภาษาคนไม่มีอะไรทำละมั้ง
“แล้วได้ถามอีตานั้นเหรอเปล่าชินโดว่ามาทำไมบ่อยๆ” ตัวเล็กถามชินโดที่ก้มหน้าปั่นน้ำให้อยู่อย่างตั้งใจอย่างไม่มีปรี่มีขลุ่ยก่อนที่เจ้าตัวจะตอบออกมาอย่างไม่สนใจอะไรไปมากกว่านมปั่นในเครื่องตรงหน้า
“อื้อ … ก็ถามนะ แต่ไอ้บ้านั้นก็บอกว่า พอใจจะมาตลอด ไม่น่าเลยตอนนั้น ไม่น่าหิ้วมาจากร้านเหล้าเล้ยยยยย”
“ร้านเหล้า ?” ผมหูผึงทันที แต่ตัวเล็กนี้ออกอาการไปละ ก่อนที่ชินโดจะหันมาพยักหน้าพร้อมทั้งนมปั่นแก้วโตใส่ถุงหิ้วพร้อมเสร็จสรรพ
“ก็นะ วันนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจไปร้านเหล้าหรอก พอดีเดินผ่านและเห็นหมอนี้เมาเป็นแมวอยู่โวยวายหมดลุคมาก เลยทำใจทิ้งไว้ไม่ได้ต้องหิ้วกลับไปที่บ้าน จากนั้นมาก็ 4 วันละ ที่วนเวียนไม่ไปไหน น่าเบื่อมากๆ”
ชินโดทำหน้าเซ็งก่อนจะหัวเราะออกมาแห้งๆ ความจริงผมก็เดาอะไรไม่ถูกหรอก เพราะเหมือนตัวเองก็ไม่ได้รู้จักพี่กาจพลดีพอ
แต่สำหรับชินโดหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นคนนี้ เป็นคนน่ารัก อ่อนโยนและในบางครั้งก็ฉุนเฉียวนิดหน่อย แต่ชินก็ยังน่ารักมากเพราะหน้าตาที่ดูเรียบร้อยกับผิวที่ขาวละเอียดบวกกับส่วนสูงที่รายเฉลี่ยไล่เรี่ยกับตัวเล็ก แต่ชินตัวสูงกว่านิดหน่อยน่าเสียดายที่ทุกอย่างปกปิดอยู่ใต้แว่นหนาและผมดำขลับที่โปะมาเกือบจะปิดตาตี่เรียวสวยน้ำตาลอ่อนเงาคู่นั้น
“ว่าแต่ไปไหนกันมาเหรอ ของเยอะแยะเชียว”
“ปังไปหาหมอมาครับ นี้ปังซื้อนี้มาฝากชินโดด้วยเห็นว่าเหมือนกันดี”
“เอ๊ะ พวงกุญแจมินเนี่ยนหรอเหมือนเรา ฮ่าๆๆๆ ขอบใจนะ อ่ะ นี้ดีเลย พอดีร้านมีขนมเค้กเหลือละ อีก 1 วันจะหมดอายุ พี่เจ้าของเค้าให้ชินโดเอาไปให้น้องกิน แต่ชินเห็นว่ามันเยอะไป ปังผอมไปแล้วนะ ช่วยกันกินหน่อยสิ”
และแล้วผมกับตัวเล็กก็หอบหิ้วเค้กกันกลับมาอีก 4 ชิ้น … จะผอมชาติไหนหนอ …
.
.
.
“ปังปัง ไม่ใช่นะ ต้องตัดแบบนี้ เดี๋ยวเล็กสอน” ผมเม้มปาก ก่อนจะยื่นชิ้นไม้ไปให้ตัวเล็กสอนตัดในขณะที่กำลังดูแบบและตัดชิ้นส่วนของโมเดลประกอบของผม … พี่ใหญ่มองผมอยู่ด้วย ผมไม่เก่งเลย …
“อ้าวหงอยเลย เล็กดุไปหรอ”
.”ปะ เปล่า …”
เล็กไม่ได้ดุหรอก ผมโง่เอง ที่ทั้งพี่ใหญ่ ทั้งเล็กสอน มาตั้งหลายรอบ ผมมันยังทำไม่ได้เลย ก็ผมมันเสร่อไม่มีหัวด้านศิลปะ แล้วยังจะซ่าจนน่ารำคาญพลอยให้คนอื่นลำบากด้วย ตัวเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหยิบขนมเบื้องที่นิ่มแล้วจากตลาดหน้ามหาลัยเมื่อตอนหัวค่ำก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และเอื้อมเอามาป้อนให้ถึงปากของผม ผมเหลือบมองขึ้นก่อนจะค่อยๆแล่มกินเล็กน้อย ฟันหน้าเสี่ยวแปร๊บขึ้นมาทันที
“หึ ลำบากลำบนเนอะ”
เสียงพี่ใหญ่ที่นอนตะแคงเล่นเกมอยู่บนเตียง ดูเหมือนไม่ได้สนใจผมกับตัวเล็กที่นั่งต่องานอยู่ที่พื้นข้างเตียงที่เต็มไปด้วยขนมของกินและแผ่นไม้แผ่นกระดาษเต็มไปหมด แปลนงานกระดาษ A4 ของผมและตัวเล็กถูกวางไว้คู่กันไม่ไกลมากนัก
“พูดมากจังพี่ตัวใหญ่ ตัวเองเจ็บอยู่แท้ๆยังจะพูดมากอีก”
“หึ ไอ้แมวอึ่งอ่าง”
“ว่าเล็กอ้วนเหรอ!”
ตัวเล็ก ผรุทวาสขึ้นเสียงดังจนผมสะดุ้งตื่นจากความเสียวปร๊าบไปทั่วฟัน ก่อนจะรีบห้ามทัพพี่เสือน้องแมวที่กำลังจะห่ำหันกัน ก่อนที่ความสงบสุขจะกลับมาอีกครั้ง ตัวเล็กกลับมาสอนผมเหมือนเดิม และพี่ใหญ่ก็ลุกขึ้นมาทำงานออกแบบในคอมของเขาอยู่ที่โต๊ะคอม ผมอดเป็นห่วงไม่ได้ เลยต้องลุกขึ้นไปหยิบหมอนไปรองหลังให้คนตัวโต และก็ต้องตกใจตาโตเพราะอยู่ๆ พี่ใหญ่ก็เล่นแผลงๆ กระชากผมไปกอดไว้อย่างแรง หอมเหม่งจนหนวดเคราเพิ่งขึ้นใหม่ทิ่มหน้าผากอย่างถนัดถนี่ เง้ออออออออออออ ตัวเล็กจ้องใหญ่แล้วนะพี่ใหญ่!!!
“มันเขี้ยว”
“พี่ใหญ่เล็กอยู่นะครับ”
“อยู่ๆก็อยู่ไปสิ หึหึ เครียดอะไรคิ้วขมวดชนกันหมดแล้วไอ้หมู” นิ้วสากๆของพี่ใหญ่จิ้มเข้าที่หว่างคิ้วของผมอย่างแรง แน่ใจนะว่าแค่มันเขี้ยวไม่ได้มันไส้น่ะ พี่ใหญ่คนบ้า!!!!
“เจ็บนะ” ผมพูดอย่างน้อยใจแต่พี่ใหญ่ไม่สำนึกยังคงก้มลงมาหอมแก้มผมจนน่ายู้ไปหมด งื้ออออออออ
“ไปทำงานต่อได้แล้ว เดี๋ยวตี 1 จะได้เข้านอน พรุ่งนี้เรียนเช้านี้”
ผมพยักหน้าก่อนจะเดินมึนๆกลับมานั่งที่ พยายามไม่สบตาตัวเล็กที่นั่งจ้องใช้แววตาหยอกล้ออยู่ ก่อนที่ผมจะเริ่มทำงานต่อไปเรื่อยๆ พยายามเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ คิดซะว่าไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด การนับหนึ่งใหม่ของผม มันคงไม่เลวร้ายมากนัก อาจจะทำให้ผมเห็นมุมมองที่แตกต่างออกไปก็ได้ ใครจะไปรู้
“ตัวเล็กกลับก่อนนะ ไอ้เสาร์ไลน์มาบอกให้ไปหิ้วไอ้เสาร์ที่ห้อง … แดกเหล้าเมาให้ไปรับอีกตามเคย”
ตัวเล็กบ่นอย่างหัวเสีย ในขณะที่มองเวลาแล้วเที่ยงคืนกว่าๆ ผมยื่นมือจะไปเป็นเพื่อนแต่ตัวเล็กไม่ให้ไปให้ผมอยู่ทำงานต่อ พี่ใหญ่ก็ทำท่าไม่สนใจ จนตัวเล็กเดินออกไปจากห้องผมถึงหันมามองคนใจร้าย ตัวเองก็ห่วงน้องแทบตายแต่ก็ไม่เห็นการกระทำเป็นอย่างที่คิดเลย คนอะไรแบบนี้ก็ไม่รู้
“พี่ใหญ่” ผมที่นั่งอยู่กับพื้นร้องเรียกคนใจร้ายที่ทำเป็นคอไม่รู้ร้อนอยู่ และก็ยังไม่มีสัญญาณตอบรับอยู่อย่างงั้น … ดูเอาเถอะ เสือร้าย ก็ยังใจร้ายอยู่วันยังค่ำนั้นละ
ผมลุกขึ้นเดินก้าวข้ามกองเศษซากต่างๆ ไปนั่งอยู่ที่เตียงจ้องแผ่นหลังเปลือยที่มีผ้าก๊อตแปะอยู่และพันรอบไว้อย่างแน่นหนา หึ พรุ่งนี้เป็นวันทำแผล ผมจะทำให้เจ็บจนร้องจ๊ากเลยคอยดูสิ ใจร้ายดีนัก ดูสิขนาดส่งสายตาอำมหิตไปแล้วยังไม่สนใจกันอีก ใจหรือหินผากันแน่คนพันธ์นี้
“พี่ใหญ่นี้มันเที่ยงคืนละนะ”
“ง่วงก็นอนไปก่อนเลยที่รัก”
ผมหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที … บ้าจังอยู่ๆมีเรียกกันซะหวานคิดว่าผมจะตกหลุม พลางคำหวานหรือไง ยังไม่ลบความผิดที่ไม่ยอมไปเป็นเพื่อนตัวเล็กหรอกนะ ตัวเล็กน่ะถึงจะแข็งแรงแต่ก็ยังตัวจี๊ดเดียวเองผมน่ะอยากจะไป แต่ตัวเล็กไม่ยอมให้ไปถ้าพี่ใหญ่พูดซะคำเดียวทุกอย่างก็จบแล้ว หึ!
“ไม่ได้ง่วง พี่ใหญ่ตามเล็กไปสิ มันดึกแล้วนะ มันอันตราย”
“อย่างไอ้เด็กต่อให้อ้วนกว่าที่รักเป็น 2 เท่า จับทุ้มทีเดียวก็อยู่หมัดแล้ว”
“แต่ … ”
“เป็นห่วงก็โทรถามเป็นระยะๆแล้วกัน แต่ถ้าไปวุ่นวายกับมันมาก ไอ้เล็กกัดเอาไม่รู้นะ เห็นรอยแผลเป็นตรงนี้ไหม” พี่ใหญ่ยื่นแขนออกมาในขณะที่นั่งหันหลังให้ผมอยู่ ผมชะเง้อไปมอง ที่ท่อนแขนของพี่ใหญ่ที่รอยฟันจางๆเป็นรอยแผลเป็นอยู่ ผมฉงนและเดินเข้าไปยืนมองอย่างตั้งใจ นี้ตัวเล็กเป็นคนทิ้งลอยเอาไว้เหรอ
“ตอนนั้นพี่ทำตัวเป็นพี่ชายที่ดี จะไปซื้อของที่เซเว่นด้วยเพราะกลัวจิ๊กโก๋จะมาทำร้าย มันหงุดหงิดเลยกัดเอา จากนั้นก็เลิกคิดที่จะเป็นห่วงเลยทันที” พี่ใหญ่พูดเหมือนไม่มีอะไร แต่ผมสิขำพรืดออกมา แขนแกร่งข้างนี้ผมจับมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แต่ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีรอยฟันเล็กๆอยู่ตรงนี้ด้วย คิก ไม่รู้จะสงสารหรือตลกดี
“ขำมากไหม”
“คิก ขะ ขอโทษครับ” ผมกลั้นหัวเราะน่าดำหน้าแดง พี่ใหญ่หันมามองผมนิ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาในน้ำเสียงที่กำลังจะพุ่งเข้ามาตะครุบ ผมรีบลุกขึ้นและเดินมานั่งทำงานแบบเดิมทันที ก่อนที่เสือร้ายที่ใกล้จะหายเจ็บจะกินผมเป็นอาหารค่ำ ไม่ลืมที่จะโทรหาเล็กเพื่อเช็กด้วยเป็นระยะๆ
“ถึงไหนแล้ว”
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ พี่ใหญ่เดินตาปรือมาค่อยๆนั่งลงบนเตียงข้างๆผมที่นั่งเอาหัวพิงเตียงเอาไว้ พี่ใหญ่ยังนั่งพื้นไม่ได้เพราะกลัวแผลปริ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะเบะปากเล็กน้อยน้ำตาคลอหน่วยที่ดวงตาจนรู้สึกหนัก … ยังไม่ถึงไหนเลย ผมทำตั้งนานแต่เพิ่งตัดได้ 3 ชิ้น … ผมมันงี่เง่า ที่ผ่านมาได้ทุกครั้งก็เพราะตัวเล็กช่วยทำให้ งานดินงานปั้นงานออกแบบผมยังทำได้ แต่งานต่อโมเดล เห็นทีผมจะไม่สามารถจริงๆ … ผมทำไม่ได้หรอกมันยากไป
“เป็นอะไร”
“ปะ เปล่าครับ ผมแค่ปวดฟัน …ไม่ได้เป็นอะไร” ประโยคหลังผมรีบก้มหน้าไปมองแผ่นไม้อัดแบบบางกลั้นน้ำตาแต่ก็กลั้นไม่ไหวมันหยดแหมะลงกระทบกับพื้นห้องที่รกไปด้วยเศษไม้และถุงขนมพยายามปรับเสียงตัวเองให้ไม่สั่น ผมไม่ได้เป็นอะไร แค่ปวดฟัน … แล้วก็เจ็บใจตัวเองที่ทำไม่ได้สักทีทั้งๆที่เล็กและพี่ใหญ่ก็สอนอยู่อย่างงี้
“ค่อยๆทำก็ได้ไม่เห็นต้องรีบเลย” เสียงพี่ใหญ่กระซิบอย่างอ่อนโยนวางมือหนาบนศีรษะของผมอย่างเอ็นดู เพราะอย่างงั้นผมเลยกลั้นทั้งเสียงสะอื้นและน้ำตาไว้ไม่ได้อีกต่อไป มันไหลออกมาอย่างไม่รู้จักเหน็บจากเหนื่อย ผม … ผมมันโง่เองแหละ ฮึก ทุกเรื่องเลย …
“หึหึ ไหนเงยหน้าขึ้นสิเจ้าอ้วน”
“อย่าขยุ้มแก้มผม มันเจ็บ ฮึก อย่าแกล้งผม”
ผมถูกมือหนาๆของพี่ใหญ่เชยขึ้นไป ในตอนแรกเขาทำเหมือนจะขยุ้มให้เจ็บแต่ก็แค่เสี้ยววินาทีที่เปลี่ยนเป็นลูบเบาๆ และอ่อนโยน ตาต่อตาเราประสานกันก่อนที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นจะบังเกิดตรงหน้าผมและก้มลงมาหอมเบาๆอย่างให้กำลังใจที่แก้มทั้งสองของผม หนวดเล็กๆนั้นทำให้ผมจั๊กกะจี้ แต่ก็ไม่เจ็บเหมือนตอนแรก …
“ไม่ร้องนะปัง เจ็บฟันเหรอเดี๋ยวก็หายนะ เดี๋ยวงานก็เสร็จนะ มีพี่อยู่ทั้งคน เรากลัวอะไร”
เสียงกระซิบนั้นดังไปทั่วกล่องดวงใจน้อยๆของผม … มันตึกตักๆ ประสานกับเสียงของพี่ใหญ่ ก่อนที่จะทันรู้สึกตัวผมก็พลิกตัวคุกเข่ากอดคอพี่ใหญ่เอาไว้ ซบร้องไห้อยู่อย่างงั้นเหมือนเด็กที่ต้องการความอบอุ่น พี่ใหญ่ยังคงไม่ปล่อยผม กอดปลอบเอาไว้ไม่ห่างไปไหน เสียงหัวเราะในลำคอเสียงหยอกล้อที่ดังอยู่ข้างๆหู ในตอนนี้ทำให้ผมมีความสุขลืมความเจ็บ ลืมความเครียดจากงานที่รุมเร้า … ลืมไปหมด เกือบลืมไปแล้วด้วยว่าตัวเองเป็นใคร เขาดีกับผมจังเลย …
“มะ มือพี่ใหญ่ มือ” ผมสำลักบอกเมื่อรู้สึกถึงมือปลาหมึกที่ไต่เข้าไปในเสื้อ สัมผัสกับแผ่นหลังของผมจนสะท้านไปทั้งตัว แต่พี่ใหญ่ไม่หยุด ยังคงหยอกล้อผมต่อไปแบบที่เขาถนัดนักละ กำลังเคลิ้มๆมาทำแบบนี้ ผมปรับอารมณ์ไม่ทันนะและตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมขึ้นมาอยู่บนเตียงเคียงคู่กับเขาแล้ว
“หลังเนียนจัง หอมด้วย” สัมผัสจักกะจี้ที่ลำคอ ทำให้ผมย่นหนี แต่ก็ไปไหนไม่ได้เพราะพี่ใหญ่กอดไว้แน่น ก่อนที่จะจู่โจมผมไปทั้งตัว สัมผัสชื้นๆของริมฝีปากเรียวได้รูปนั้นไปทั่วทั้งหน้าและลำคอของผม จนผมแทบขาดสติ
“ยะ อย่าครับ ตรงนั้น ฮึก พี่ใหญ่”
เสียงของผมขาดท้วงเมื่อมือสากนั้นลูบจากด้านหลังมาด้านหน้าระดมจูบไปทั่วอย่างไม่สนใจ ลิ้นร้อนๆลากไปที่หน้าอกของผม ต่อให้ดันหัวเขาออกเขาก็ไม่ยอมไปไหน ผมอยากจะร้องไห้อีกรอบ แต่ในใจของผมกลับเต้นแรงเกินกว่าจะร้องไห้ออกมาได้เพราะเสียงของลำคอของผมมันตีบตันไปหมดมีแค่เสียงแปลกๆที่ออกมา … ถึงเวลาแล้วเหรอ ผะ ผมยังไม่พร้อมเลย มะ มันน่ากลัว … ผมรักพี่ใหญ่นะ … แต่ ฮึก … มันถึงเวลาแล้วเหรอผมยังไม่ผอมเลยนะ ร่างกายผมตอนนี้ก็ไม่น่ามอง อ้วนก็อ้วนแบบนี้ ฮึก …
“ตัวนิ่มจังเลยที่รักของพี่”
“พะ พี่ใหญ่ครับ ขะ ข้อตกลงของเรา อะ! ผม… ”
“ลืมไปได้ไหมครับ ข้อตกลงบ้าบอแบบนั้น” พี่ใหญ่ละริมฝีปากจากสะดือขึ้นมามองหน้าผมและพูดด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนออเซาะ เหมือนไม่ใช่พี่ใหญ่คนเหี้ยมแบบปกติ … อะไรเข้าสิงอยู่หรือเปล่านะ …
“ตะ แต่ พี่ใหญ่ครับ ผมรักพี่ใหญ่นะ ตะ แต่ …”
“หึหึ จะอ้างอะไร ปวดฟัน งานเยอะ หรือยังไม่ผอม?” รู้ทันเกมผมหมดเลย ดูพี่ใหญ่สิ … หน้าผมร้อนจนแก้มจะแตกแล้วไม่รู้หรือไง
“เฮ้อ … อีกนานแค่ไหนครับที่รัก แค่นี้ยังพิสูจน์ไม่พอเหรอไง”
พี่ใหญ่กอดผมเอาไว้แนบอก ในครั้งนี้ไม่ลวนลามผมอีกแล้ว ผมวางคางเกยไว้ที่ไหล่หนา และลูบเอาๆผ่านบาดแผลที่ต้องการจะปกป้องผมจากอันตรายและจบมันลงไปแล้วด้วยอย่างสวยงาม … ไม่ใช่ยังพิสูจน์ไม่พอ สิ่งที่พี่ใหญ่ทำให้ผมมันมากล้นจนเกินไปซะด้วยซ้ำ … แต่มันเป็นที่ผมเอง ผมเองที่ยังไม่กล้า … ไม่พร้อม ถึงแม้จะต้องการไม่ต่างกันเลยก็ตาม … และต้องขอบคุณพี่ใหญ่ ที่เข้าใจและไม่เคยเกินเลยต่อให้ตัวเองจะมีความต้องการที่มากล้นแค่ไหนก็ตาม
“ผมขอโทษนะครับ รออีกหน่อยได้ไหม รอให้ผมพร้อมนะครับพี่ใหญ่ …. จากนั้นผมจะให้พี่ทั้งกายและใจ ไม่ทำให้พี่ต้องลำบากใจแบบนี้อีก … อีกนิดนะครับ ที่รักของปัง”
ผมพูดเบาๆ ถึงแม้มันจะตะกุกตะกัก แต่ทุกอย่างก็พูดออกมาจากใจ … หมดสิ้นแล้วความในใจของผม หมดสิ้นแล้วสิ่งที่ผมอยากบอกเขา … ขอแค่เวลาเพียงไม่นานเกินไป รอเวลาที่ผมพร้อมและทุกอย่างที่พี่ใหญ่ต้องการ … ผมจะให้แม้แต่ชีวิตของผม
“หึหึ น่ารักจัง งั้นช่วยกันได้ไหมครับ … เหมือนที่เมืองกาญ …”
ผมเม้มปากหลบตาคมที่มองผมตาเป็นมัน ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ พี่ใหญ่ดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้งและขอให้ผมทำให้อย่างที่เขาต้องการ ถึงแม้จะไม่ได้ให้พี่ใหญ่เต็ม 100 แต่หากแค่นี้จะสามารถทำให้เขาพึงพอใจได้บ้าง ผมก็ยอมอดทนเพื่อให้เขามีความสุข
ได้ ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่หนักใจเอาไว้เบื้อหลัง ก่อนที่จะหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน เหมือนทุกคืนของเราที่ผ่านมา …
“ไอ้หมาบ้า!!!”
ผมสะดุ้งตื่นอีกที เมื่อเสียงตัวเล็กดังลั่นมาจากห้องข้างๆ เสียงประตูกระจกหลังห้องดังปังจนผมตกใจ ยันตัวลุกขึ้นในความมืดที่หนาวเหน็บภายใต้อ้อมกอดของพี่ใหญ่และผ้านวมผืนหนา มองไปรอบๆอย่างงงๆ แต่แล้วก็ต้องกระเด้ง ตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อเสียงตะโกนของตัวเล็กดังขึ้นอีก คร่าวนี้เป็นคำหยาบคาย ด่าเสาร์แฟนหนุ่มด้วยความโมโหสุดพลัง โกรธ แล้วก็เงียบหายไป
“จะไปไหน” ผมสะดุ้งและมองพี่ใหญ่ที่นอนตะแคงหลับตาอยู่ในความมืด แสดงว่าพี่ใหญ่ตื่นมาพร้อมๆกับผมแน่ๆ
“ไปดูเล็กครับ”
“ไม่ต้องนอนเถอะ”
แขนหนาคว้าผมเข้าไปกอดก่ายเอาไว้ต่างหมอนข้าง ผมพยายามพูดเพื่อออกจากอ้อมกอดนี้ด้วยความเป็นห่วงตัวเล็กเพื่อนที่ดีที่สุดของผม แต่พี่ใหญ่ไม่อนุญาต เลยได้แต่นอนฟังอยู่อย่างงั้น และหลังจากนั้นก็มีแต่ความเงียบ … จนผมผล่อยหลับไป …
===================
เกือบไปแล้วหมูน้อยของเรา เกือบถูกเสือหื่นกินแล้ว แต่อีกไม่นานหรอก ฮ่าๆๆๆๆ
ขอโทษที่มาช้าคะ ติดโปรเจคอย่างที่ได้แจ้งเอาไว้แล้ว
เจอกันตอนหน้านะคะ ฝากเพจด้วยเด้อออออ
ห้องเก็บนิยาย pa_pa
