Not Fat
{CH38 ความชัดเจนของเจ้าหมู}
“เดี๋ยวนะ แล้วปังก็พูดออกไปแบบนั้น ?” ผมเม้มปากก้มหน้าพยักหน้าช้าๆ …
น้อมรับความผิดทุกประการ งื้ออออ ก็ตอนนั้นมันคิดไม่ทันนี้ ผมเหลือบมองดูตัวเล็กที่ทำหน้าเหมือนอยากจะบิดเนื้อผมให้หลุด ตัวเล็กหายใจเข้าลึกก่อนจะทิ้งตัวลงไปพิงพนักโซฟาด้านหลังกอดอกมองผมอย่างอ่อนใจ …
“อื้ม … ตัวเล็กจะไม่ดุปังปัง แต่จะถามว่าถ้าพี่ใหญ่โดนชะนีพวกนั้นจีบปังจะทำยังไง!” ผมย่นคอเมื่อตัวเล็กเสียงดังแว๊ดขึ้นมา และคว้าเอาน้ำบลูเบอร์รี่ปั่นมาดูดแก้เครียด … ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่ผมไม่อยากให้ใครจีบพี่ใหญ่ กลัว เพราะยังไงพวกนั้นก็เป็นผู้หญิงที่มีพร้อมทุกอย่างอย่างคนปกติ งื้อ ผมควรทำยังไงดี
ผมไม่ได้เจอพี่ใหญ่มาจะสัปดาห์แล้วเพราะพี่ใหญ่ไปต่างจังหวัดกับทางบริษัทฝึกงานเพื่อดูตัวอย่างบ้านจัดสรร ผมไม่อยากให้ไปเลย แต่ไม่อยากจู้จี้ขี้บ่นกลัวพี่ใหญ่จะรำคาญ สุดท้ายก็ช่วยเขาเก็บกระเป๋าซะเอง วันนี้เป็นกำหนดที่พี่ใหญ่จะกลับมา แต่ตัวเล็กกลับมาก่อนเมื่อวานเลยนัดผมออกมาที่ร้านกาแฟหน้าใกล้ๆมหาลัยของพี่คนรู้จักและที่ชินโดทำงานอยู่ ผมเลยต้องสารภาพต่อความผิดทุกประการที่ผมได้ก่อเอาไว้ …
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมผมเป็นคนแบบนี้ ผมไม่ชอบ ผมก็ไม่บอก ผมเกรงใจพี่ใหญ่กลัวพี่ใหญ่จำรำคาญ กลัวพี่ใหญ่จะไม่รัก แต่ไม่เคยคิดถึงจิตใจของพี่ใหญ่จริงๆ เลย ความจริงนะ ความจริงผมเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากเลย คนรักกันต้องประคับประคองกัน แต่นี้ … ผมโยนให้พี่ใหญ่ประคองผมคนเดียวเลย … งื้อออออออ ผมรู้สึกผิด อยู่คนเดียวถึงได้รู้ว่าผมมันงี่เง่าไม่เอาถ่านแค่ไหน … ถ้าพี่ใหญ่ไม่รักผม โกรธผมเกลียดผม ก็เป็นเพราะตัวผมคนเดียวเลย
“บานอฟฟี่กับเค้กส้มได้แล้วครับ”
“ชินโดดูนายดูดีขึ้นนะ”ตัวเล็กหันไปพูดกับชินโดที่ตอนนี้กลายเป็นพนักงานประจำของร้านนี้เต็มตัว
ผมหันไปมองชินโดที่ยืนยิ้มให้อยู่ในชุดเด็กเสริฟดูน่ารักพอๆกับตัวเล็กเลยต่างกันที่ตัวเล็กดูแบ๊วๆเหวี่ยง แต่ชินโดดูเรียบร้อยน่ารักซะมากกว่า แถมยังดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีกถม ดูดีขึ้นเยอะเลยละ ผมกับชินโดพอปิดเทอมก็ไม่ค่อยได้เจอกันมากนัก เพราะส่วนมากเวลานี้ผมจะนอนอยู่ห้องซะมากกว่า งื้ออออ ทำไมดูชินโดดูมีความสุขจัง แต่ตอนนี้ผมไม่มีเลย เฮ้อ …
“ตอนนี้อะไรดีขึ้นหลายอย่างเลยละ ขอบคุณปังมากนะที่ช่วยเราเอาไว้”
“ไม่เป็นไร เราเพื่อนกัน” ผมยิ้มให้ชินโดจากนั้นพี่หลังร้านก็ตะโกนเรียกให้ชินโดเข้าไปช่วยอะไรสักอย่าง พอชินโดไป ผมถึงจะหันมานั่งเอาคางเกยกับแก้วน้ำมองตัวเล็กที่กินเค้กส้มอยู่หมับๆ … รอบนี้ตัวเล็กไม่ช่วยผมเลย
“ไม่ต้องมามองเล็กแบบนี้เลย รอบนี้เล็กจะไม่ช่วยแล้ว เพราะปังปังทำตัวเอง อย่าว่าแต่พี่ใหญ่เลยปังปังถ้าเล็กเป็นพี่ใหญ่ เล็กก็โกรธเหมือนกัน คิดดูให้ดี ตอนนี้ปังมีพี่ใหญ่อยู่แล้ว แต่ปังจะเสียพี่ใหญ่ไปเพราะความ งี่เง่าของตัวเองแบบนี้” หมดคำจะเถียงแล้ว จะว่าเล็กใจร้ายก็ไม่ได้ เพราะผมก็ทำผิดจริง … ทำยังไงดีอะ ผมควรจะทำยังไง T^T
“คนนั้นน่ะเหรอ”
ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์สบายๆ ใบหน้าคมผิวกายขาวสะอาดอย่างลูกผู้ดีที่ทั้งหมดที่ปังปังเคยหลงรัก นั่งไขว่ห้างจิบกาแฟอยู่ในมุมที่ปังปังและตัวเล็กมองไม่เห็น ริมฝีปากเรียวนั้นเหยียดยิ้มอย่างคาดเดาความหมายไม่ได้ จับจ้องไปที่ร่างของเจ้าหมูที่นั่งเอาหน้าฟุบกับโต๊ะอย่างหมดอาลัยตายอยาก ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนปังปังอาจจะคอยมองหาแต่เขา แต่ตอนนี้ในใจของเจ้าหมูปังนั้นมีเพียงเรื่องของพี่ใหญ่อยู่เต็มไปเสียหมด
“ไม่คิดว่าไอ้ใหญ่จะเปลี่ยนไปขนาดนี้นะเนี้ย … น่าสนุกดีนี้”
“ครับ ?ต้องการอะไรเพิ่มเหรอครับคุณลูกค้า” ร่างบางของชินโดที่อยู่ใกล้ๆ หันมามองกาจพลก่อนจะเดินเข้ามาหากาจพลที่นั่งมองปังปังอยู่
“ผมไม่ได้เรียกครับ” กาจพลยังคงไม่ละสายตาจากปังปัง แต่ก็ตอบชินโดไปแบบส่งๆ
“เอ่อ ขอโทษนะครับผมเห็นพูดอะไรพึมพำนึกว่าเรียก ผมไม่รบกวนแล้วครับผม” ชินโดหันหลังจะเดินออกมาอย่างงงๆ
“เดี๋ยว”
“ครับ ?” ชินโดหันขวับไปมองร่างสูงที่มีแววตาที่ทำให้ร่างบางไม่ถูกชะตาอย่างประหลาด แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปเพื่อเทคแคร์ลูกค้าตามนโยบายของร้าน
“นายรู้จักสองคนนั้นสินะ”
“ครับ”
“ผมให้ สองพัน เล่าเกี่ยวกับคนตัวใหญ่มาให้ผมฟังให้หมด”
“ไม่ครับ”
“ห้าพัน”
“ไม่ครับ”
“ทำไมวะ” พลกระชากเสียงอย่างหงุดหงิด
“ไม่คือไม่ครับ ผมเตือนไว้ก่อน แฟนเค้าโหดสุดๆครับ คุณลูกค้าจะสั่งอะไรไหมครับ ถ้าไม่ผมขอตัว” ชินโดหันหลังกลับเดินออกมาให้ไกลจากคนไม่น่าไว้วางใจมาอยู่อีกฝั่งของร้านไม่สนใจกาจพลที่มองตามอย่างหงุดหงิดใจ ปกติเขาเนื้อหอมในหมู่ทั้งหญิงแท้และหญิงเทียม ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ แต่ไม่ใช่ที่นี้ ถึงอย่างงั้นเขาเองก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ สำหรับเขา อยากได้อะไรก็ต้องได้ และเพื่อนรักอย่างไอ้ใหญ่ของเขาก็ยอมให้ทุกที รอบนี้คงไม่คณามือเขาสักเท่าไหร่หรอก
มือแกร่งหยิบกาแฟร้อนขึ้นมาจิบตาคมก็มองไปยังปังปังที่นั่งอยู่ในลักษณะเดิมไม่เปลี่ยน ด้วยแววตาที่เหมือนได้ของเล่นใหม่ใรขณะที่ชินโดก็ลอบมองอยู่ห่างๆอย่างไม่ไว้วางใจ ถ้าเกิดมีอะไรเกิดขึ้นขึ้นมาก็พร้อมที่จะคว้าไม้เบสบอลหลังเคาเตอร์ฟาดได้ทันการเป็นแน่
.
.
.
-ใหญ่- กรอดดดดด “เอ็งจะกัดฟันแบบนั้นทำไมวะ ฉันกลัวนะไอ้ใหญ่” ผมไม่สนใจอาเจ้ที่นั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้พาลสติกกินลอดช่องสิงคโปร์ อยู่ตรงหน้า
ในใจคิดถึงแต่หน้าไอ้ปัง ที่กำลังนั่งกลุ้มใจอยู่ที่หอ ผมนึงหน้ามันตอนบอกกับใครๆว่าผมไม่มีแฟนได้ดี นั้นเลยทำให้ผมไม่รู้สึกที่จะโกรธเคืองมัน แต่ไอ้ความผิดหวังมันคงห้ามกันไม่ได้ เฮ้อ … เพราะรู้จักดีไงผมเลยตัดใจโกรธไอ้ห่าหมูเมียรักไม่ลง
หลังจากที่ผมมาต่างจังหวัดได้เกือบอาทิตย์และเตรียมตัวกลับ ก็ถึงว่าก่อนมาไอ้ปังมันทำท่าทีแปลกๆ สาวๆที่บริษัทก็พากันแห่มาก้อล้อก้อติกอย่างประหลาดๆ จนถึงวันสุดท้ายที่พี่แพตแอบมากระซิบบอกผมเอง … ถ้าเตะอาเจ้เลสเบี้ยนขี้แกล้งประจำออฟฟิต ให้สลบจะเป็นอะไรไหม เตะอีเจ้เอาไว้ก่อนเอาไอ้ปังก่อนผมจะลงโทษยังไงให้มันจำดี โทษฐานพูดจาปากไม่ดีแบบนี้
โกรธไหมแม่ง โกรธไม่ลง เพราะผมรู้ดีว่าไอ้หมูมันนิสัยยังไง และไม่ได้คิดจะทะเลาะหรือเลิกกันด้วยเรื่องแค่นี้ ถึงจะมีผมเพียงคนเดียวที่ออกตัวประคับประครองความรักตรงนี้ ผมก็จะทำให้ดีที่สุด เพราะยังไงไอ้ปังก็คงไม่หนีผมไปมีผัวใหม่เหมือนเมียเก่าผมหรอก มันแค่ปากไม่ดีขี้นอย บลาๆๆๆๆ ข้อเสียในเรื่องนิสัยมันเยอะแยะ แต่ข้อดีมันก็มีเยอะกว่า
“สรุปนี้ยังไง แกกับน้องปัง … ” พี่แพตที่นั่งกินลอดช่อง สดโฮกๆ
เจ้แกค่อนข้างสนิทกันพอสมควรเพราะเป็นพี่ที่สอนงาน ในระหว่างที่ผมถูกลากมานั่งชิวพวกพี่ๆคนอื่นๆก็คงวุ่นวายเก็บของเตรียมกลับกันนั้นแหละ เจ้แพตก็ดูเหมือนจะเรียบร้อยนะ แต่เท่าที่ผมสัมผัสมาเจ้แกจัดว่าสร้างภาพเล่นละครโคตรเก่ง
“มันบอกพี่ว่าอะไรละ” ผมกอดอกถาม เจ้แกเงยหน้าขึ้นมาและย่นจมูกเบ้ปากใส่ผมอย่างหมั่นไส้
“เพื่อนนะสิยะ แต่ฉันก็ไม่ค่อยจะเชื่อหรอกนะ อีกอย่างแกล้งแกฉันก็สนุกได้เห็นแกหัวหมุนน้ำท่วมปากและตล๊กตลก” ผมไม่พูด
อะไรปล่อยให้เจ้แกพล่ามไป
“และสรุปลื้อเป็นอะไรกับอีหนูปังๆอาตี๋หญ่ายยยยยย” เจ้แกเอาหลอนมาจิ้มๆจมูกผม ผมปัดทิ้งก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้เจ้แกและพูดออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ผัวครับพี่”
“อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย หนูปังของเจ้ ตั๊ลล๊ากกกกกก ฉันดูคนไม่ผิดจริงๆ หึหึ” แล้วเจ้แกก็ไม่สะทกสะท้านยื่นมือมาหยิกแก้มผมซะอีก … เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกอย่างเตะพี่ฝึกงานที่เป็นผู้หญิง
พอเฝ้าเจ้แกกินลอดช่องเสร็จแกก็ตะลอนไปหาของกินต่อส่วนผมหลบสูบบุหรี่แถวๆห้องน้ำ อย่าไปบอกไอ้ปังมันละว่าผมกลับมาสูบอีกแล้วแค่นานๆครั้งไว้แก้เครียดนิดหน่อยไม่เหมือนเมื่อก่อนที่วันละซองแล้ว ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ที่ค้นเคยโทรออกไป
“ครับ” ผมขมวดคิ้วเมื่อเสียงปลายสายดังขึ้นจอแจเหมือนไม่ได้อยู่ในห้อง ปกติเวลานี้ไอ้ปังต้องนอนอืดอยู่ห้องไม่ใช่หรือไง ออกไปไหนของมันวะ
“อยู่ไหน”
“ออกมาหาอะไรกินครับ พะ พี่ใหญ่ครับ คือ … จะกลับหรือยังครับ”
“ดึกๆ”
“ผม … ผมมีเรื่องจะคุยด้วย ผม … ผมไม่รู้จะเริ่มยังไง ผมขะ” แค่นี้เท่านั้นเอง แค่คำพูดไร้เดียงสาและสับสนแบบนั้นก็ทำให้ความเคืองโกรธที่มีอยู่หน่อยๆหายไปซะอย่างงั้น โคตรน่าสมเพชเลย เป็นผมเองที่หลงมันมากกว่ามันหลงผม หึหึ
“เดี๋ยวค่อยคุยกัน ”
“พี่หะ …” ผมกดวางสายก่อนที่เสียงหง่อๆหน้าสงสารของมันจะทำร้ายผมให้ทรมานใจไปมากกว่านี้ ไอ้เด็กเวรนี้ต้องโดนเอาคืนซะบ้าง เอาให้ร้องให้เข็ดจะได้เลิกทำร้ายจิตใจผมสักที
ครืดดดดดดดดดดดดดด
โทรศัพท์ในมือผมสั่นอีกรอบ คิดว่าไอ้ปังโทรกลับมาทำท่าจะรับแต่เมื่อดูจอแล้วไม่ใช่ไอ้ปังเลยปล่อยมันให้สั่นอยู่อย่างงั้น หันมาสนใจบุหรี่ในมือ พ่นควันคิดวิธีแก้เผ็ดไอ้ปังต่อไป รอบนี้อยากให้มันเข็ดและพึงระลึกไว้ว่า มันสำคัญกับผมแค่ไหน ผมก็อยากสำคัญกับมันเท่าๆที่ผมรู้สึก แต่ไม่รู้ไอ้หมูห่าจอมคิดมากนั้นจะยอมเข้าใจไหม ไม่เข้าใจก็จับปล้ำเดี๋ยวก็คงเข้าใจเอง หึหึ ก็ภาวนาไม่ให้มันเข้าใจแล้วกัน
ครืดดดดดดดดดดดดด
ผมขมวดคิ้วก้มลงมองที่โทรศัพท์ไอ้เบอร์เดิมยังคงโทรมาอย่างไม่ลดละ เลยตัดสินใจบี้บุหรี่ลงที่เขี่ยที่ตั้งอยู่ข้างๆ ก่อนจะถอนหายใจและกดรับสายเผื่อเป็นธุระปะปังด่วนจริงๆ
“สวัสดีครับ”
“ใหญ่ค่า~~~~~~~” ผมเอาโทรศัพท์ออกจากหูเพราะทนเสียงแสบแก้วหูนั้นไม่ไหวจริงๆ
ตัดสายทิ้งอย่างไม่ต้องคิดมากปิดเครื่องเก็บใส่กระเป๋ากางเกงอย่างเดิม กับผู้หญิงที่ทำลายชีวิตผมแบบนั้น ผมไม่เก็บมาคิดใส่ใจอะไรมากมาย ณ ตอนนี้แค่ไอ้ปังคนเดียวจะปวดหัวจะตายห่าละ
.
.
.
อีกด้านหนึ่ง ปังปังยืนนิ่งสงัดมองน้ำแครอทปั่นเจ้าอร่อยหน้าหอพักของตัวเองราวกับว่าจะให้มันดูดตัวเองเข้าไปในขวดเพื่อลี้ภัยอันใหญ่หลวงที่กำลังกลับมาจากต่างจังหวัด หลังจากที่แยกกับตัวเล็กที่ไม่ดูดำดูดีเพื่อนรักเหมือนแต่ก่อน ปังก็ได้แต่ตื่นคอตกกลับมาที่หอ อากาศร้อนทำให้เหงื่อไหลชุ่มหน้า ถึงอย่างงั้นก็ไม่มีกลิ่นตัวให้คนรอบข้างรังเกียจเหมือนแต่ก่อน ผิวที่ขาวขึ้นทำให้ดูผ่องเมื่อเจอกับแสงแดด ร่างกายที่เคยอ้วน พอง ย้วย กลับดูเฟริมขึ้นจนชุดนอนตัวเก่าและย้วยสุดรักที่ใส่มานานแสนนานต้องหันมาใช้หนังยางช่วยรัดไว้ ถึงจะไม่ผอมเพรียวเหมือนคนอื่น แต่ปังปังก็มรพัฒนาการที่ดีขึ้นจนทุกคนตกใจ เพราะการออกกำลังในช่วยเย็นอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3 ครั้งและการทำงานหนักในตอนกลางคืน รวมถึงความมีวินัยในการกินที่ชินเอาซะแล้ว
“พี่ใหญ่โกรธแล้วจริงๆด้วย” ปากที่คาบหลอดนั้นบ่นพึมพำออกมาอย่างเหม่อลอย เมื่อนึกถึงคำพูดที่แสนจะเย็นชาของแฟนตัวเองเมื่อกี้ ทั้งดีใจที่พี่ใหญ่จะกลับมาและกลัวพี่ใหญ่จะกลับมาทำโทษตนเอง ถึงอย่างงั้นปังก็รู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิที่จะงอแง เพราะผิดก็คือผิด มีแฟนที่ไหนทำกันแบบนี้ … กลับมาก็ต้องขอโทษก่อนละนะเป็นอย่างแรก
เจ้าหมูถอนหายใจ ทำท่าจะเดินขึ้นหอพักด้านหน้าของตนเอง แต่ก็ต้องตกใจเมื่อมืออุ่นๆของใครบางคนมาจับที่ต้นแขนเนื้อนิ่มของเขา
“ขอโทษนะครับ น้องชื่ออะไรครับ” ทันทีที่หันไปมอง โลกทั้งโลกของปังปังก็หยุดหมุนลงในฉับพลัน … ใบหน้าขาว คมสัน ดวงตาที่ดูอ่อนโยนราวกับคนทั้งโลกจะยอมศิโรราชให้ จมูกโด่งได้รูป รับกับปากเรียวสีส้มธรรมชาติที่ปังปังเคยหลงรักมันยิ่งกว่าสิ่งใด มืออุ่นๆนั้นเป็นสัมผัสแรก จากคนที่เคยรักข้างเดียว มันทั้งอบอุ่นและชวนให้รู้สึกคิดถึง
“น้องครับ”
“…” ปังปังสะดุ้งหน้าตาตื่นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับอดีตที่เคยหลงหัวปักหัวปำ แต่แล้วเมื่อสติกลับคืนใครบางคนที่มีดวงตาอันดุดันก็เข้ามาในความคิด
การกระทำไวเท่าความคิด ปังปังสะบัดมืออุ่นที่จับต้นแขนของตัวเองทิ้ง ก่อนจะรีบวิ่งไม่สนใจเสียงเรียกของกาจพลที่ตะโกนและพยายามวิ่งตามเข้ามา แต่ปังปังไวกว่าวิ่งเข้ามาหอพักที่ห้ามคนนอกเข้า ทิ้งให้ร่างสูงยืนอยู่หน้ากระจกนิรภัยอยู่อย่างงั้น ตัวเองรีบเข้าไปในลิฟต์ที่เปิดออกมารับพอดีและรัวนิ้วให้ลิฟต์ปิดไวที่สุด ราวกับว่ากำลังหนีตัวเองให้พ้นๆไป
ปัง! ประตูห้องปิดลงเสียงดังสนั่นไปทั้งห้องก่อนที่ร่างกลมจะล้มตุบลงบนเตียง เจ้าตัวแก้มยุ้ยซบหน้าลงกับหมอนจนได้ยินเสียงหายใจหืดหาดดังออกมาเสียงดัง ก่อนที่จะเงียบหายไป และเสียงสะอื้นน้อยๆก็ดังลอดออกมาภายในห้องที่ปิดม่านทึบแสงอาทิตย์ยามบ่ายเข้ามาไม่ถึง … ความสับสนและผิดหวังกับตัวเองประเดประดังเข้ามาจนห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ … ปังปังเคยคิดว่าลืมอดีตทุกสิ่งได้แล้วเพราะอยู่กับจอมเผด็จการที่ขโมยหัวใจหมูน้อยไป แต่ตอนนี้ … ความรู้สึกเก่าๆมันกลับมา ในเวลาที่ไม่สมควร จะไปโทษใครถ้าไม่ใช่หัวใจของตัวเอง
เจ้าปังนอนซบอยู่อย่างงั้นนานเท่าไหร่ไม่รู้ จนตัวเองเผลอหลับไป พอสะดุ้งตื่นขึ้นมาก็ต้องตกใจเมื่อทั้งห้องมืดสนิท กุลีกุจอวิ่งไปเปิดม่านดู ปรากฏว่าพระอาทิตย์ได้ตกดินไปนานแล้วและทั่วทั้งซอยก็มืดสงัด มืออวบยกขึ้นเคาะหัวตัวเองโป๊กใหญ่ก่อนจะวิ่งไปเปิดไฟและควานหาโทรศัพท์ที่ซ้อนอยู่ที่ไหนสักที่บนที่นอน
“โอ้ย … แย่แล้วๆๆๆๆ”
ปังปังนั่งลงกับเตียงกุมขมับเมื่อเห็นสายที่ไม่ได้รับ เบอร์พี่ใหญ่ 60 กว่าสาย กับเบอร์ที่ร้านอีก 2 สาม เบอร์ตัวเล็กอีก 40 กว่าสาย … มันเป็นความผิดของเจ้าตัวอีกที่เปิดระบบสั่นเอาไว้ ที่ร้านกับตัวเล็กเอาไว้มอบตัวที่หลังแต่ตอนนี้ต้องโทรไปหาเสือร้ายซะก่อนที่จะโดนโกรธไปมากกว่านี้
ครืดดดดดดดดดดดดดดดดดดด โทรศัพท์เครื่องสวยที่พี่ใหญ่บังคับให้ใช้เกือบหลุดมือเมื่อปรากฏสายเรียกเข้าปังปังกลื่นน้ำลายเอื๊อกลงคอก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตัดใจกดรับสาย
“ตายแล้วหรือไง!!!!!!!” เสียงเหมือนฟ้าถล่มทำให้ปังย่นคอ เบี้ยวหน้าและพึมพำขอโทษคนปลายสาย
“ผมขอโทษครับ พอดีผมหลับไป ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะครับ” น้ำตารื้นๆที่หน่วงตาอยู่ทำให้เสียงขึ้นจมูกเล็กๆ ปลายสายนิ่งเงียบนั้นทำให้ปังปังใจเสียมากขึ้น จะโกรธก็ได้ แต่อย่าเกลียดกันเลยได้ไหม
“เปิดประตู” พอพี่ใหญ่ตัดสายทิ้งเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นในทันที ปังปังน้ำหน้าเอ๋อก่อนจะรีบกระเด้งตัวไปส่องตาแมว และก็ต้องตกใจเมื่อเสือร้ายกำลังจ้องกลับมา ใบหน้าดูเฉยเมยแต่มีรังศรีอำมหิตปกคลุมอยู่ …
แก๊ก “สะ สะ สวัสดีครับ”
ปังปังยกมือขึ้นไหว้อย่างลืมตัวแต่เสือร้ายไม่ได้สนใจเดินสะพายเป้เข้ามาก่อนจะเป้ลงโครมใหญ่กับพื้นห้องจนเจ้าหมูสะดุ้งรีบปิดประตูและค่อยๆกระดืบเข้าไปนั่งข้างๆพี่ใหญ่ที่กำลังถอดถุงเท้าอยู่บนเตียง แก้มยุ้ยดันขึ้นเป็นลูกเพราะเจ้าตัวเม้มปาก และก้มหน้าอย่างน่าสงสาร จะพูดอะไรก็เหมือนน้ำท่วมปากเพราะดูพี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดีเอาซะมากๆ
“หิวไหมครับ”
“…”
“ร้านข้าวกลางซอยยังเปิดอยู่เดี๋ยวผมลงไปซื้อให้นะครับ”
ปังลุกขึ้นยืนหยิบเสื้อคลุมมาใส่และเดินออกมาจากห้องไม่วายหันกลับไปมองเสือร้ายที่ไม่แม้แต่จะสนใจตัวเองเอาแต่ก้มหน้าก้มตารื้อเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าอยู่ แต่เจ้าปังก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากปิดประตูและเดินคอตกลงมาจากหอที่ทั้งซอยมืดสนิทมีไฟเป็นย่อมๆมีนักท่องราตรีที่กอดคอลากเพื่อนขึ้นหออยู่บ้าง แต่ถึงทั่วซอยดูเงียบสงบ ถึง ในใจไม่มีความสงบอยู่เลย
พอซื้อเสร็จ ปังก็รีบกลับขึ้นมาบนห้อง ไขกุญแจเข้าไปก็พบว่าทั้งห้องมืดสนิท แอร์ถูกเปิดไว้เย็นฉ่ำไปทั่วเสียงหายใจสม่ำเสมอของพี่ใหญ่ดังขึ้นทำให้ปังรู้ว่าเสือร้ายนอนแล้ว เลยค่อยๆย่องเอาผัดกะเพราะไก่ไข่ดาววางไว้บนหลังตู้เย็นก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำอย่างรวดเร็วพี่ใหญ่จะได้ไม่เหม็น เมื่อเสร็จภารกิจก่อนนอนเจ้าหมูน้อยก็ค่อยๆนอนลงข้างๆเสือร้ายขี้โมโหอย่างเบาที่สุด เอาแก้มเย็นๆกับตัวหอมๆแนบชิดกับซีกซ้ายของพี่ใหญ่ หลับตามไปอย่างช้าๆ
โดยไม่สังเกตเลยว่า ตาคมนั้นกำลังลืมมองเพดานอยู่เงียบๆ เสือร้ายถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างอ่อนใจ ก่อนจะหันไปกอดร่างของปังเอาไว้ในทันทีเหมือนที่อัดอั้นเอาไว้ทะลุอกแกร่งออกมา จมูกโด่งหอมเบาๆไม่ให้เจ้าหมูขี้เซารู้ตัวที่แก้มกลิ่นแป้งเด็ก และค่อยๆพักผ่อนได้อย่างเต็มตาสบายใจในรอบหลายวัน … ยังไงเสือร้ายก็ไม่มีวันโกรธเจ้าหมูได้ลงแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าตอนนี้ในฝันของปังฝันถึงใครเขาไม่รู้ แต่ตอนนี้รู้เพียงว่าร่างกายนี้ยังอยู่ในอ้อมกอดของเขา …
-ปัง-ตื่นเช้ามาพี่ใหญ่ก็หายไปแล้ว วงจรเดิมๆก็เริ่มกลับมาอีกแล้วสินะ ผมนั่งกดเปลี่ยนช่อง TV ดูไปเรื่อยๆ ในมือก็ถือโทรศัพท์ไว้ตลอดเวลาเผื่อพี่ใหญ่จะโทรหรือไลน์มาบ้างแต่ก็ไม่มีเลย … ผมอยากง้อพี่ใหญ่แต่เค้าเป็นคนที่เข้าถึงยากจนผมไม่รู้จะแทรกเข้าไปตรงไหน ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่ยอมเปิดทางให้ผม ผมถึงจะเข้าไปหาเขาได้ แต่ตอนนี้ ทางตรงนั้นมันถูกปิดไปแล้ว เวลาของเราไม่ตรงกันเลย … ผมควรจะเสียสละลาออกจากที่ทำงานไหมเพื่อเราจะได้มีเวลาให้กันมากกว่านี้ คิดไปคิดมา … พี่ใหญ่ก็เสียสละมามากแล้วนี้นะ อีกอย่างก็เหลืออีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะเปิดเทอมแล้ว เงินก็พอจะมีเก็บบ้างแล้วถึงจะไม่มาก ผมควรที่จะเลิกเอาแต่ใจและหันมาให้ความสำคัญกับเสือร้ายสักที เพราะอย่างน้อยเขาได้สบายใจบ้าง
วันนี้ทำวันสุดท้ายแล้วกันตอนเลิกงานค่อยบอกพี่สอง พี่สองคงจะเข้าใจละนะ เฮ้อ … พี่พลยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะ แต่ตอนนี้ผมจะชอบพี่เขาไม่ได้อีกแล้ว ผมต้องแคร์พี่ใหญ่ให้มากๆ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่บอกว่ารักผมจากตัวตนของผมจริงๆ และผมก็รักเขาด้วยกับพี่พลแค่ปลื้ม ผมไม่ได้ชอบเขาขนาดนั้นสักหน่อย แต่ทำไม เขาถึงเข้ามาถามผมแบบนั้นกันนะ … ทั้งๆที่เขาไม่เคยชายตามองเด็กอ้วนๆดำๆที่วิ่งตามเขาอยู่ข้างหลังเลย
“เฮ้ออออออออออออ” ผมถอนหายใจออกมาเสียงดังก่อนจะฟุบลงหมอนของพี่ใหญ่ที่มีกลิ่นของเจ้าตัวติดอยู่ ตั้งแต่กลับมาเขายังไม่ยอมพูดกับผมดีๆเลย … ทำยังไงดี
ผมนอนคิดแบบนั้นจนหลับไปตื่นขึ้นมาก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้อาบน้ำอาบท่าลงมาที่ฟิตเนสของพี่มายส์ ออกกำลังกายทั้งๆที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ พอเสร็จก็เข้าไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำอีกรอบ แต่งตัวไปทำงานที่ผับอีกซอยนึงทุกอย่างก็ดูเหมือนปกติดีนะ เฮ้อ ทำงานวันสุดท้ายแล้วเหรอเนี้ย ก็ดีเหมือนกันผมจะได้นอนอืดได้ทั้งวันถือว่าพักผ่อนแล้วกันเนอะ
“ไอ้ขนมปังมีคนมาหา”
“ใครครับ” ผมวางสก๊อตไบท์ในมือหันไปถามพี่สองที่เดินหน้ามึนๆเข้ามาในครัวก่อนจะหันมาล้างฟองน้ำยาออกอย่างลวกๆ
“ไม่รู้เหมือนกัน” เอ๊า! แล้วผมจะรู้กับพี่แกไหมเนี้ย เฮ้อ … อึน ซึน มึน ไม่เปลี่ยนจริงๆ
“เอ๋อ พี่สองครับ ผมมีเรื่องจะบอก”
“อะไร ? จะลาออกเหรอไง”
“ค ครับ พี่รู้ได้ยังไง”
“เปล่าเดา และเสือกถูก ตามใจเอ็งแล้วกัน ว่างๆก็มาทำต่อไปตลอด ไว้ค่อยคุยกันไปหาเพื่อนเอ็งก่อนเถอะ” พี่แกพูดปลงๆก่อนจะเดินมาตบบ่าสองสามทีและเดินออกไปจากห้องครัว ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินตามแกออกมา
รู้ฉันรู้ยังไงก็คงไม่ต่าง
รู้ฉันรู้ยังไงเธอก็เลือกเขาเสียงเพลงบรรเลงสดจากนักร้องบนเวทีทำให้ผมชะงักก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมอง ทันใดนั้นแววตาอันอบอุ่นของคนที่ผมไม่อยากจะเจอตอนนี้ … พี่กาจพล
รู้ถึงฉันขอร้องยังไง เธอคงต้องลืมเรื่องของเรา
เพราะว่าเขาดีกว่า เพราะเขาสำคัญกว่า
รู้เธอมีเหตุผลอะไรสักอย่าง
ที่ทำให้เธอไม่คิดจะอยู่กับฉัน
อาจเป็นเพราะเธอแค่เหงาใจในวันที่เราพบกัน
เธอแค่มีความสุข แต่ว่าเธอไม่ได้รักกัน
เคร้ง!! “ว้ายเจ้าปัง!”
“ขอโทษครับ ขอโทษ เดี๋ยวผมเก็บให้นะครับ”
ผมถอยหลังอย่างอัตโนมัติ เอามือกุมที่หัวใจ แต่แล้วก็ถอยไปชนกับพี่นิตที่ยกถาดมาพอดี เสียงอบอุ่นของพลก็ยังอยู่คลออยู่ตลอดเวลา
แต่ฉันรัก รักเธอไปแล้วทั้งใจ
รู้ฉันรู้ว่าเธอต้องไป
แต่อยากจะขอร้องเธออีกครั้ง
โปรดรักฉันรักฉันเถอะนะ จะไม่ทำให้เธอเสียใจ
รู้ฉันสู้เขาไม่ไหว เทียบกับใครที่เธอมี
แต่เลือกฉันเลือกฉันได้ไหม ฉันจะดูแลเธอให้ดี
โปรดถามใจเธออีกที เพราะทั้งใจฉันมันยังมีแค่เธอ “ไม่เป็นไรนะครับ” ผมที่ก้มเก็บแก้วด้วยหน้าที่ร้อนผ่าวอยู่ล้มลงไปนั่งกับพื้นเมื่อตอนนี้เขาวาบลงมาอยู่ข้างๆผม เสียงเพลงที่ดังคลออยู่บรรเลงดนตรีซ้ำไปมาอยู่ในทอนรอจังหวะ ตาของเขาอ่อนโยนมากราวกับว่ากำลังสะกดจิตของผมอยู่
รู้ว่าระหว่างเรานั้นมีบางอย่าง
ฉันรู้ว่าใจหนึ่งเธอก็ยังมีฉัน
รู้ทุกครั้งที่เรามองตา
ยังทำให้ใจของเธอสั่น
ทุกอย่างที่ผ่านมานั้นมันคือเรื่องจริง
“เรารู้จักกันใช่ไหมครับ” ไม่… ผมไม่รู้จักเขา ผมลุกขึ้นยืนและทำท่าจะเดินเข้าไปในที่ปลอดภัยไม่สนเสียงโฮ่ร้องของคนรอบข้าง … ผมไม่ใช่ตัวตลกนะ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวไปไหน มืออุ่นๆก็สัมผัสเข้าที่ทอนแขนของผม
เพราะฉันรัก รักเธอไปแล้วทั้งใจ
รู้ฉันรู้ว่าเธอต้องไป
แต่อยากจะขอร้องเธออีกครั้ง “ปล่อยผมเถอะครับ ผะ ผมไม่รู้จักคุณ” ผมพยายามดึงแขนตัวเองออก เบือนหน้าหนีสัมผัสและความรู้สึกที่ล้นอกของตัวเองจนแทบจะบ้า แต่ก็ต้องตาค้างเมื่อถูกกระชากเข้าไปชิดอก และเสียงนุ่มๆของเขาก็กระซิบข้างหูของผมจนแทบบ้า
โปรดรักฉันรักฉันเถอะนะ จะไม่ทำให้เธอเสียใจ
รู้ฉันสู้เขาไม่ไหว เทียบกับใครที่เธอมี
แต่เลือกฉันเลือกฉันได้ไหม ฉันจะดูแลเธอให้ดี
โปรดถามใจเธออีกที เพราะทั้งใจฉันมันยังมีแค่เธอ
ยังมีแค่เธอ…
“เพราะทั้งใจฉันมีแค่เธอ” ลมหายใจอุ่นๆของเขาวาบที่แก้มซ้ายของผมก่อนที่ผมจะสะดุ้งและผลักพี่เขาออก … ที่ตรงนี้เป็นของพี่ใหญ่ คนๆนี้ไม่มีสิทธิ คนๆนี้ไม่เคยมองผมในวันที่ผมไล่ตามเขา ไม่ว่าผมจะปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าหรือข้างหลังเขาก็ไม่เคยเห็น แล้วทำไม ทำไมตอนนี้ถึง …
.
.
.
ต่อด้านล่าง