มาต่อแล้วค่ะ ถึงเรื่องนี้ตัวเอกจะเกี่ยวพันกับมาเฟีย แต่อย่าได้หวังหาความสมจริง โหด ต่อสู้ บู๊ล้างผลาญในเรื่องนี้เลยค่ะ
อย่างที่บอกไว้แต่แรก เรื่องนี้เขียนคั่นเวลา เน้นสบาย ๆ ง่าย ๆ ไร้พล็อตซับซ้อน อ่านเอายิ้ม ไม่ซีเรียส จริงจังค่ะ ใครที่ชอบอ่านหรืออยากอ่านอะไรเพลิน ๆ ก็เชิญอ่านกันได้เรื่อย ๆ เลยนะคะ
p.s. ช่วงนี้ไม่ค่อยได้แต่งอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนหรือบู๊ล้างผลาญเลยค่ะ(ปกติก็ไม่ได้แต่งบ่อยอยู่แล้ว) เสพติดแต่ความหวานเลี่ยน + ไร้สาระอย่างเดียวเลย ใครรออ่านอะไรเข้ม ๆ หน่อย ก็คงต้องรอไปก่อนนะคะ แหะ ๆ ขออภัยเอาไว้ด้วยค่ะ
บทที่ 3
ทางด้านเวหาหลังจากนิ่งอึ้งตกตะลึงไปอยู่ครู่ใหญ่ เด็กหนุ่มก็พยายามรวบรวมสติให้มั่นคง แล้วดึงมือของตนที่รวีจับไว้อยู่กลับมา ก่อนจะเอ่ยตอบไปด้วยสีหน้าที่ยังคงมึนงงสับสนอยู่ให้เห็น
"เอ่อ...ผมว่า เรื่องนี้ผมคงตกปากรับคำคุณไม่ได้หรอกครับ...คือ...ผมยังไม่อยากคิดเรื่องแต่งงานในตอนนี้"
มีนาและเมฆาเหลือบมองคนพูดตาปริบ ๆ สำหรับมีนาแล้ว เด็กหนุ่มก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกว่า พี่ชายคงกำลังตกใจจนคิดหาคำพูดอื่นมาปฏิเสธออกไปตรง ๆ เลยไม่ได้
ส่วนเมฆาพอได้ยินคำตอบของเวหา เขาก็ลอบถอนหายใจเบา ๆ เพราะเชื่อว่าเพื่อนสนิทคงต้องคิดเข้าข้างตัวเองว่า ตนไม่ได้ถูกเด็กหนุ่มปฏิเสธเป็นแน่
"หรือครับ...ไม่เป็นไรครับ งั้นเราก็หมั้นกันไว้ก่อนก็ได้พี่รอน้องฟ้าได้เสมอ...สิบห้าปีก็ยังรอมาได้แล้วเลยนี่ครับ"
ท้ายประโยคเจ้าตัวยิ้มหวานทั้งใบหน้าและนัยน์ตา ชวนให้คนมองชะงักเพราะพอจะดูออกว่าชายหนุ่มนั้นพูดจากใจจริง จึงทำให้ยากที่จะเอ่ยสวนปฏิเสธแย้งกลับไปตรง ๆ อันจะเป็นการทำลายน้ำใจของอีกฝ่ายไปนัก
"เอ่อ...คือ...ผม..."
พอเห็นเวหาอึกอักลำบากใจ มีนาจึงตัดสินใจช่วยพี่ชาย โดยการมายืนขวางหน้าเวหา แล้วพูดกับคนที่กำลังเผชิญหน้าแทน
"ขอโทษที่ต้องเสียมารยาทขัดการสนทนานะครับ...แต่พี่ชายของผมปกติดี เอิ่ม...ผมหมายถึงว่าเขาชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชายน่ะ"
รวีเลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนจะตอบสวนกลับไปพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ
"พี่เองก็ชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเหมือนกันครับ แต่ชอบน้องฟ้ามากที่สุดเพราะฉะนั้นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรสำหรับความรักระหว่างพี่แล้วก็น้องฟ้า...น้องมีนว่าจริงไหมล่ะครับ"
เจอแบบนี้มีนาก็แอบอึ้งไปเล็กน้อย ส่วนเมฆาถอนหายใจเบา ๆ อย่างเอือมระอาต่อนิสัยเสีย ๆ ของเพื่อนสนิทที่มักชอบคิดเข้าข้างตัวเอง และไม่สนความลำบากใจของคนอื่นเช่นนี้
"ตะ...แต่ว่าพี่ชายของผมไม่ได้ชอบคุณนี่ครับ! เขาจำคุณยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้าอย่างนั้นเรื่องหมั้นหมาย แต่งงานอะไรนั่น ก็ต้องถือเป็นโมฆะไปสิครับ จริงไหม!"
มีนาเถียงกลับ ซึ่งก็ทำให้รวีชะงักนิ่ง ส่วนเมฆากลืนน้ำลายลงคอ เพราะถึงเพื่อนจะยังดูนิ่งเฉย และยังมีรอยยิ้มน้อย ๆ ประดับบนใบหน้าหล่อเหลานั่น แต่คนที่สนิทกันก็พอจะมองออกว่า รอยยิ้มเช่นนั้นมันบ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวกำลังไม่สบอารมณ์อยู่มากทีเดียว
"เอ่อ...ซัน น้องเขาก็พูดไปตามเรื่องจริงนี่นา..."
เมฆาบอกกับเพื่อนของเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็หันมายิ้มเย็นยะเยือกส่งให้ ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเด็กหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง
"พี่เข้าใจเรื่องนั้นดีครับ...แต่พี่ก็อยากให้น้องมีนช่วยเข้าใจความรู้สึกของพี่ด้วย...พี่มั่นคงและจริงจังต่อคำสัญญาระหว่างพี่กับน้องฟ้ามาตลอดแล้วจู่ ๆ น้องมีนจะมาบอกว่าให้พี่ยกเลิกและทิ้งทุกอย่างที่พี่คาดหวังและฝันเอาไว้ เพียงเพราะพี่ชายของน้องลืมพี่แล้ว ...น้องมีนว่ามันจะดูใจร้ายกับพี่ไปไหมครับ"
มีนาชะงักพลางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เพราะแม้อีกฝ่ายจะยิ้มแย้มและพูดจาคล้ายจะชวนให้น่าสงสาร แต่มันก็ช่างแสนจะกดดันกันเสียจนเหมือนว่าเขากำลังจะถูกอีกฝ่ายเล่นงานเอาเสียอย่างนั้น
"น้องฟ้าครับ...น้องฟ้าอยากให้พี่ยกเลิกสัญญาระหว่างเราและจากไปจริง ๆ หรือครับ...น้องฟ้ารังเกียจพี่มากขนาดนั้นเลยหรือครับ"
รวีหันมาสบตากับเวหาแทน พลางออดอ้อนด้วยน้ำเสียงและแววตาน่าสงสารผิดเป็นคนละคนก่อนหน้านั้น จนมีนาที่มองอยู่ถึงกับต้องกะพริบตาปริบ ๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนท่าทางได้ไวขนาดนี้
"คือ...ผมก็ไม่ได้ถึงกับรังเกียจ...แต่ว่า..."
"ถ้าน้องฟ้าไม่รังเกียจพี่ น้องฟ้าจะให้โอกาสกับพี่อีกสักครั้งได้ไหมครับ"
รวีรีบแทรกขัดขึ้นมา ทำเอาเวหาชะงัก ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินผ่านร่างเล็กของน้องชาย ตรงเข้ามาเผชิญหน้ากับตน
"นะครับ...ให้โอกาสกับพี่ ให้พี่จีบน้องฟ้าอีกครั้งและถ้าน้องฟ้ายังยืนกรานรับรักพี่ไม่ได้อีก...พี่ก็จะขอไปจากชีวิตของน้องฟ้าเอง...นะครับ"
เวหาจ้องมองคนที่อ้อนวอนขอร้องตนอย่างเอาเป็นเอาตาย ด้วยความลำบากใจและนึกสงสารอีกฝ่าย เขาจึงตัดสินใจตอบในบางสิ่งที่ทำให้คนฟังแต่ละคนนิ่งอึ้ง ตกตะลึงกันไปคนละแบบ
"ก็ได้ครับ...แต่ถ้าผมยังคงรู้สึกกับคุณแบบนั้นไม่ได้คุณก็ต้องตัดใจจากผมในแง่นั้นให้ได้นะครับ"
"พี่ฟ้า! ไปรับปากเขาแบบนั้นได้ไง!"
มีนาโวยวายขึ้นแต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อรวีหันหลังกลับมายิ้มเย็นแล้วจับบ่าอีกฝ่ายบีบเบา ๆ
"น้องมีนครับ...ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ พี่เป็นคนรักษาสัญญา และพูดคำไหนคำนั้นเสมอ ถ้าพี่ชายของน้องมีนไม่สนพี่จริง ๆ พี่ก็จะตัดใจให้ได้ครับ"
บอกจบเจ้าตัวก็ปล่อยบ่าอีกฝ่าย แล้วหันมายิ้มหวานให้กับเวหาที่มองอยู่อย่างวิตก แต่พอเด็กหนุ่มได้ยินคำพูดและเห็นรอยยิ้มของรวี ก็ทำให้เขาเผลอยิ้มน้อย ๆ ตอบอย่างโล่งอก ทำเอารวีนั้นยิ่งยิ้มกว้างด้วยความดีใจยกใหญ่ ส่วนมีนานั้นพูดอะไรไม่ออก เพราะสายตาที่รวีใช้กับเขาเมื่อครู่ มันแสนจะประกาศออกมาให้เห็นชัดเจนว่า ขืนเขาเข้ามาขวางคงได้เจอดีบางอย่างเป็นแน่
"อืม...ยังไงวันนี้พี่คงต้องขอตัวกลับก่อนล่ะครับจะไปจัดเตรียมอะไรบางอย่างสักหน่อย ไว้ถ้าเรียบร้อยแล้ว พี่จะกลับมาหาน้องฟ้าอีกครั้งนะครับ"
จู่ๆ รวีก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้จากนั้นจึงขอตัวกลับ ทำเอาเมฆาหันขวับมามองเพื่อนอย่างประหลาดใจ ส่วนมีนาและเวหานั้นค่อนข้างโล่งอกที่ชายหนุ่มกลับไปได้เช่นนี้
"ไปนะครับ แล้วเจอกัน"
รวีบอกพร้อมส่งยิ้มหวานให้กับเวหา ก่อนจะหันมายิ้มน้อย ๆ ให้กับมีนา แล้วเดินจากไป ส่วนเมฆานั้นเอ่ยลาเด็กหนุ่มทั้งคู่เช่นกัน แล้วจ้ำพรวดตามเพื่อนสนิทที่ดูเหมือนจะไม่คิดอยู่รอหากเขาตามไปไม่ทัน
หลังจากชายหนุ่มทั้งสองกลับขึ้นรถคันหรูขับจากไปแล้ว มีนาก็หันขวับมาเล่นงานพี่ชายของตนทันที
"ทำไมพี่ไปเปิดโอกาสให้เขาง่าย ๆ แบบนั้น หมอนั่นมองตาก็รู้แล้วว่าเป็นพวกไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ แน่ พี่อยากจะกลายเป็นพวกนิยมไม้ป่าเดียวกันนักหรือไง พี่ฟ้า!"
เวหามองน้องชายที่ต่อว่าเขาตาปริบ ๆ แล้วจึงแย้งกลับไปบ้าง
"ก็พี่สงสารเขานี่นา เขาอุตส่าห์รักษาสัญญามาตลอดแบบนั้นแท้ ๆ"
มีนาจ้องมองพี่ชายที่แสนจะใจดีอ่อนโยนของตน แล้วถอนหายใจตามมาเฮือกใหญ่
"พี่ฟ้าก็อย่างนี้เสมอล่ะ ใจดี ใจอ่อน ขี้สงสาร...แต่งานนี้อย่ามัวแต่ไปสงสารหมอนั่นมากเกินไปนักล่ะ เดี๋ยวก็เสียท่าได้เป็นเจ้าสาวชาวบ้านเขาให้หรอก!"
เวหาฟังแล้วก็นึกขำ ก่อนจะแสร้งทำเป็นพึมพำกับตนเอง
"เจ้าสาวหรือ...ก็ดีไม่ใช่หรือ เป็นเจ้าสาวน่ะ"
"พี่ฟ้า!"
มีนาโพล่งเสียงดัง ทำให้คนที่แกล้งพูดเล่น ต้องรีบง้อน้องชายยกใหญ่
"พี่ล้อเล่นน่า ...มีนอย่าคิดมากสิ พี่ก็ยังไม่อยากไปเป็นเจ้าสาวใครเขาในตอนนี้หรอก อ๊ะ! ว่าแต่วันนี้มีขนมอะไรกินมั่งน่ะ พี่ได้กลิ่นใบเตยหอมจากครัวตอนลงมาจากห้องด้วยนี่"
มีนาขมวดคิ้วนิด ๆ เมื่อคนที่กำลังง้อเขา จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นคุยเรื่องของกินแทนเสียงอย่างนั้น
"มีนทำสังขยาใบเตยไว้ให้น่ะ ถ้าพี่จะกินเลย เดี๋ยวจะไปอุ่นขนมปังให้นะ"
พอได้ยินดังนั้น คนตัวสูงกว่าก็กอดน้องชายของตนอย่างประจบทันที
"รักมีนที่สุดเลย"
"เหอะ...จะรักตอนที่เรามีขนมให้แค่นั้นละสิ"
"ไม่หรอกน่า มีนเป็นน้องชายที่พี่รักมากที่สุดเลยล่ะ"
มีนาอมยิ้มกับตนเอง นอกจากเขาและครอบครัวแล้ว คงไม่มีใครที่จะมีโอกาสได้เห็นเวหาในด้านน่ารัก ๆ แบบนี้เป็นแน่ เพราะด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาล่ำแมนเช่นนี้ คงไม่มีใครที่จะคิดว่า เวหานั้นเป็นคนที่แสนจะโปรดปรานขนมหวานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นขนมไทยหรือต่างประเทศก็ตาม
"ฮึ! ถ้าคนอื่นเอาขนมมาล่อบ้าง หวังว่าคงไม่ไปพูดกับเขาแบบเดียวที่พูดกับมีนหรอกนะ"
เด็กหนุ่มแกล้งทำเป็นพูดประชด ทำให้เวหาหัวเราะเบา ๆ แล้วขยี้ศีรษะน้องชายอย่างเอ็นดู
"ไม่หรอกน่า คงไม่มีใครเขาเอาขนมมาล่อพี่กันหรอก...อีกอย่างพี่ก็ใช่ว่าจะเที่ยวรับของกินคนอื่นเขาพร่ำเพรื่อสักหน่อย"
มีนาถอนหายใจเบา ๆ กับคำพูดของอีกฝ่าย แต่ก็อดไว้วางใจไม่ได้อยู่ดี เพราะดูจากนิสัยของรวีที่เพิ่งได้เจอกันแล้ว ก็ออกจะเข้าข่ายพวกช่างตื๊ออยู่ไม่น้อยและหากอีกฝ่ายจับจุดอ่อนของพี่ชายเขาได้ก็จะยิ่งอันตรายต่อสวัสดิภาพความเป็นโสดของพี่เขาเป็นยิ่งนัก
อีกด้านหนึ่งภายในรถยนต์คันหรูที่กำลังแล่นกลับกรุงเทพฯ เมฆานั้นเหลือบมองเพื่อนสนิทที่ฮัมเพลงระหว่างขับรถด้วยสายตาประหลาดใจปนสงสัยที่เห็นอีกฝ่ายนั้นยอมล่าถอยออกมาง่ายไปสักหน่อยผิดจากอุปนิสัยที่เจ้าตัวเป็น
"ฉันนึกว่านายจะตื๊อขออยู่จีบน้องเขานานกว่านี้เสียอีก"
เมฆาเอ่ยปากถามออกมาในที่สุด ซึ่งก็ทำให้คนฟังหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ พร้อมกับตอบคำถามโดยที่ยังคงมองเส้นทางเบื้องหน้าอยู่ตามเดิม
"ขืนทำแบบนั้นเดี๋ยวน้องฟ้าก็เปลี่ยนใจพอดี ยิ่งน้องชายของเขาคอยกันท่าแบบนั้น ถ้าฉันตื๊อเข้าไปตอนนี้ ยิ่งจะภาพลักษณ์ติดลบเข้าไปใหญ่...เพราะฉะนั้นฉันต้องถอยออกมาตั้งหลัก แล้วศึกษาข้อมูลของอีกฝ่ายให้ทะลุปรุโปร่งก่อน ถึงจะเริ่มต้นแผนการจีบน้องฟ้าอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง"
เมฆามองเพื่อนสนิทตาปริบ ๆ เขานึกสงสารพี่น้องคู่นั้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เพราะดูแล้วเพื่อนสนิทของเขา คงไม่มีวันปล่อยให้เวหาต้องหลุดมือของเจ้าตัวไปได้เป็นแน่
"แต่น้องฟ้าของนายเขาก็น่ารักดีนะ ทีแรกฉันเห็นหุ่นออกจะเท่ล่ำแบบนักกีฬาแบบนั้น ก็นึกว่านายจะโดนน้องเขาต่อยปากแตกตั้งแต่ไปสารภาพรักทีแรกเสียแล้ว...ที่ไหนได้กลับกลายเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย แถมยังใจดียอมให้โอกาสนายอีก...เฮ้ย!"
คนกำลังพูดตะโกนเสียงหลง เมื่อจู่ ๆ รถยนต์ที่กำลังแล่นอยู่ก็เบรกกะทันหัน เคราะห์ดีที่คาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ จึงไม่ทำเอาหัวเขาเกือบทิ่มจิ้มกระจกอย่างที่ควรเป็น
"อะไรของนายวะซัน! ง่า...ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะเพื่อน..."
เมฆาที่หันมาเตรียมตวาดเพื่อนด้วยความโมโหถึงกับชะงัก เมื่อเห็นสายตาคมกริบและใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายที่จ้องมองตนมาเขม็ง
"น้องฟ้าเป็นของฉัน...หวังว่าคงจะจำได้นะเมฆ"
"หา...ก็รู้อยู่แล้วไง...หือ...อย่าบอกนะว่านายคิดว่าฉันจะจีบน้องเขาเหมือนกันเฮ้ย! ฉันถือคติว่า ต่อให้ถูกใจยังไง ก็ไม่คิดแย่งของรักของเพื่อน นายก็รู้นี่นา!"
เมฆารีบแย้ง ทำให้รวีทำปากสบถอุบอิบ ก่อนจะเอ่ยเสียงห้วน พร้อมกับกระชากรถขับออกไปอีกครั้ง
"งั้นก็แล้วไป เห็นพูดชมน้องฟ้าของฉันก็นึกว่านายจะหลงเสน่ห์ของเขาด้วย...จำไว้นะเมฆ ต่อให้เป็นเพื่อนสนิทยังไง ถ้าเกิดล้ำเส้นมายุ่งกับของรักของฉัน ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือนไม่ได้นะ!"
"เหอะ ๆ รู้แล้วน่า ไม่ยุ่งด้วยหรอก...คนอะไรขี้หึงเกินเหตุ ชมก็ไม่ได้ นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟนกันแท้ ๆ นะนั่น"
เมฆาบ่นพึมพำ เรียกเสียงในลำคออย่างหมั่นไส้จากคนขับให้ดังขึ้น
"เหอะ! ถ้าเป็นกับคนอื่นฉันก็ไม่ใส่ใจนักหรอก...แต่สำหรับน้องฟ้าแล้วมันต่างออกไป...ครั้งแรกที่ฉันพบเขา ฉันก็คิดเลยว่า เด็กคนนี้ล่ะ คือคู่แท้ของฉัน เป็นคนที่ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตน่ะ"
เมื่อเอ่ยถึงคนที่ตนตกหลุมรัก ใบหน้าของรวีก็มีรอยยิ้มเคลิ้มฝันให้ได้เห็น ทำให้เมฆาต้องลอบถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยตามมา
"ก็หวังว่าน้องเขาจะรับรู้ได้ถึงความรักร้อนแรงตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมาของนายล่ะนะ"
"ต้องรับรู้ได้อยู่แล้ว! เพราะน้องฟ้าที่ฉันหลงรัก เขาแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่เด็กเลยนี่นะ เคยน่ารักยังไงก็ยังน่ารักอย่างนั้นมาตลอด"
เมฆาชะงักแล้วหันไปมองคนพูดตาปริบ ๆ ซึ่งสังเกตจากสีหน้าและแววตาแล้ว ดูเหมือนว่ารวีนั้นจะไม่ได้พูดประชดอะไรแต่อย่างใด
"อืม...แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยสินะ"
แม้จะพอยอมรับว่า พอเวลายิ้มเวหานั้นแลดูน่ารักมากอยู่ก็ตาม แต่ก็ยังห่างไกลกับตอนเป็นเด็กตุ้ยนุ้ยวัยสามขวบในรูปอยู่มาก จะว่าไปมีนาที่เป็นน้องชายยังคล้ายกับอีกฝ่ายตอนเด็กเสียกว่าด้วยซ้ำ
"ทำเสียงแบบนั้นหมายความว่าไง...เหอะ! จริงอยู่ถึงรูปร่างน้องฟ้าเขาจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย แต่ความน่ารักของเขาไม่เคยเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ไม่เชื่อก็ดูสิ"
รวีที่ฟังน้ำเสียงของเพื่อนแล้วก็พอจะคาดเดาความคิดอีกฝ่ายออก จัดแจงล้วงกระเป๋าเงินในกางเกงส่งให้เพื่อนสนิท ซึ่งเมฆาก็รับมาอย่างงุนงงแต่พอเปิดออกดูเขาก็ได้เห็นภาพของเวหาที่ดูเหมือนกับจะเป็นรูปแอบถ่ายเมื่อเร็ว ๆ นี้ในรูปนั้นเด็กหนุ่มกำลังแย้มยิ้มให้กับมีนาที่อยู่ข้าง ๆ เป็นรอยยิ้มที่น่ารักสะดุดตาเหมือนตอนที่เขาได้เห็นอีกฝ่ายยิ้มครั้งแรกไม่มีผิด
"น่ารักใช่ไหม...ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มที่น่ารัก ความหัวอ่อนไร้เดียงสา... น้องฟ้าของฉันก็ยังคงเป็นเหมือนกับภาพความทรงจำเมื่อก่อนของฉันไม่เปลี่ยนแปลง...เพราะฉะนั้นฉันเชื่อว่า เขากับฉันต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อย่างแน่นอน!"
รวีเอ่ยอย่างเชื่อมั่น ทำให้เมฆาลอบถอนหายใจก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ อย่างนึกเอาใจช่วยเพื่อนของตนอยู่บ้างเช่นกัน
"เออ! จริงสิเมฆ แล้วนายจะอยู่เมืองไทยอีกนานไหม จะกลับอเมริกาเลยหรือเปล่าล่ะ ถ้ากลับเลยฉันจะได้ขับรถไปส่งที่สนามบินให้"
คำถามถัดมาทำให้คนกำลังอมยิ้มสะดุ้งโหยง ก่อนจะย้อนตอบกลับไปอย่างหงุดหงิด
"อะไรกันวะ! พอเจอว่าที่เจ้าสาวก็จะไล่เพื่อนกลับเลยหรือไง!"
รวียักไหล่นิด ๆ ก่อนจะเอ่ยตอบหน้าตาเฉย
"ฉันกลัวนายเสียการเสียงานต่างหาก"
"งั้นไม่ต้องกลัวฉันเสียการเสียงานอะไรนั่นหรอก ฉันเคลียร์งานและขอลาพักร้อนกับพ่อฉันมาเที่ยวพร้อมนายเรียบร้อย อย่างน้อยก็อยู่เกาะติดนายได้อีกเป็นเดือนนั่นล่ะ!"
เมฆาตอบกึ่งประชด ทำเอารวีบ่นอุบอิบเบา ๆ หากแต่สักพักเจ้าตัวก็ยื่นข้อเสนอบางอย่างให้กับเพื่อนของเขา
"ถ้านายจะคอยเกาะติดฉันตลอดอย่างที่ว่า นายก็ต้องช่วยฉันกันท่าน้องมีนออกไปเวลาที่ฉันจีบน้องฟ้า โอเคไหม!"
เมฆาเลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนจะนิ่งคิดถึงใบหน้าหวาน ๆ และรอยยิ้มร่าเริงของมีนา จากนั้นชายหนุ่มก็หลุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น้อย ๆ ที่มุมปาก ก่อนจะพยักหน้าตอบรับตามมา
"ก็ได้...ฉันจะคอยจัดการเรื่องน้องมีนเอง ปล่อยเป็นหน้าที่ของฉันได้เลย"
รวีเหลือบมองสีหน้าของเพื่อนสนิท ก่อนจะหันกลับไปมองเส้นทางถนนเบื้องหน้า แล้วจึงมีรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์แทบจะไม่แตกต่างกับอีกฝ่ายนัก
"ดี! แบบนี้ก็ค่อยอยู่กันได้ยืดหน่อยแล้วอย่าได้เข้ามาเฉียดหรือใกล้ชิดพูดคุยกับน้องฟ้าของฉันเกินจำเป็นด้วยล่ะ"
รวีกำชับตามมาทำให้คนฟังถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง
"เหอะ! เพื่อนเวร เห็นแฟนดีกว่าเพื่อนนี่หว่า"
เมฆาสบถกับตนเอง แต่ก็ทำให้คนข้าง ๆ ที่ได้ยินนั้นหัวเราะเบา ๆ อย่างอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม
"ก็แหงล่ะ! เพื่อนน่ะหาตอนไหนก็หาได้ แต่คนที่เราถูกใจมันหาไม่ได้บ่อย ๆ นี่นา"
"เขามีแต่สลับกันไม่ใช่หรือ"
เมฆาแย้ง แต่รวีนั้นยักไหล่นิด ๆ
"สำหรับฉันถือคติแบบนี้ล่ะนะ"
คนฟังถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเปรยออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
"เออ...ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้มาถูกใจคบนายเป็นเพื่อนล่ะนะ"
"เอาน่า...ในบรรดาเพื่อนฉันที่คบมา นายก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันนั่นล่ะ"
รวีบอกด้วยน้ำเสียงกึ่งขำซึ่งก็ทำให้คนฟังต้องยักไหล่นิด ๆ อย่างเอือมระอา ก่อนที่คนขับจะหันมาสนใจกับการขับรถต่อไปอย่างไม่เร่งรีบอะไรนักส่วนคนนั่งข้าง ๆ ก็นั่งมองวิวไปเงียบ ๆ เช่นเดียวกัน