- 2 - “ขอประทานอภัยขอรับ กระผมไม่รู้เป็นคุณชายท่านใด บังอาจล่วงเกินออกไป อย่าได้ถือสาหาความคนแก่หูหนวก ตาบอดเลยนะขอรับ”
เสียงแหบพร่าติดประหวั่นพรั่นพรึง เปลวถึงกับยิ้มเอ็นดู ก่อนหน้าจับมือซึ่งเลอะไปด้วยดินมาจับไหล่ก็ไม่นึกรังเกียจ
แค่คิดว่านี่คือหนทางสื่อสารวิธีเดียว เห็นแบบนี้ก็เลยเอามือซ้ายไปจับมือเหี่ยวย่นแล้วใช้มือขวาตบปลอบแกเบาๆ
ชายชราถึงกับก้มหัวต่ำ เปลวใช้การสื่อสารผ่านสัมผัสสื่อให้แกรู้ว่าไม่ได้ถือโทษอะไร
“คุณชายขอรับ ไม่ทราบมีอะไรให้กระผมรับใช้หรือเปล่าขอรับ” ชายชราเมื่อเข้าใจว่าเปลวไม่ถือโทษ
ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างสำรวมนอบน้อม เปลวยิ้มไม่หุบ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้แกเข้าใจว่าไม่มีอะไร
เพราะถ้าจะใช้ภาษามือแกก็มองไม่เห็น จึงได้จับมือแกโบกเบาๆ เป็นการปฏิเสธว่าไม่มี
ทุกการกระทำเปลวทำอย่างอ่อนโยนระมัดระวัง ชายชราคงสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้
จึงได้แสดงสีหน้าตื้นตันอย่างจับความรู้สึกได้ ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า
“คุณชายช่างกรุณาต่อกระผมยิ่งนัก ลดตัวลงมาแบบนี้กระผมไม่รู้จะตอบแทนอันใด
กระผมเก็บดอกคำฝอยเอาไว้ ปลูกอยู่หลังตำหนักดอกคำฝอยตากแห้งชงชาดื่ม หอมชื่นใจนะขอรับ
หากคุณชายไม่รังเกียจผมขอมอบให้ไว้ไปดื่มเพื่อสุขภาพนะขอรับ
นายท่านตำหนักนี้ชอบดื่มแทนชาในยามบ่ายประจำขอรับ” เปลวพอฟังชายชราเอ่ยอย่างสำนึกขอบคุณ
ถึงกับยิ้มละไมทั่วหน้าสวย ก่อนกระชับมือชายชราเขย่าเบาๆ ลักษณะเช็คแฮนด์แทนการตอบตกลง
ชายชราเผยยิ้มเหี่ยวย่นแต่ดูอบอุ่นออกมาเช่นกัน
“รอกระผมสักครู่นะขอรับ กระผมจะไปเอาดอกคำฝอยให้ขอรับ” ชายชราบอกกับเปลว
แต่เปลวกลับฉุดชายชราลุกยืนด้วยกัน แล้วกระตุกมือเป็นการขอตามไปด้วย ชายชรายิ้มพราวทั่วหน้า
ค่อยก้าวขาออกเดินนำ โดยเปลวจับมือประคองอยู่ข้างๆ เป็นภาพของคนต่างวัยที่ดูอบอุ่นยิ่งนัก
>
>
“เป็นยังไงบ้าง ถืออะไรมาด้วยล่ะนั่น”
คุณหญิงมุกทักทันทีที่เปลวโผล่เข้าไปยังห้องพักผ่อน สนิมเองก็มองมาอย่างสนใจใคร่รู้เช่นกัน
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับพี่หญิงมุก หม่อมเธอให้เปลวไปรับของสำคัญของท่านพ่อครับ
อยู่ในกล่องใบนี้ที่พี่หญิงถามนั่นแหละ ส่วนห่อนี้เป็นดอกคำฝอยสำหรับชงดื่ม ผมได้มาโดยบังเอิญนะครับ”
เปลวพูดโดยมีรอยยิ้มทั่วหน้าบ่งบอกถึงความสุขใจอย่างไม่ต้องสงสัย
“จริงหรือ ไหนเอามาโชว์พี่หญิงดูหน่อยสิ ของสำคัญท่านอาย่อมไม่ธรรมดาแน่ๆ
แสดงว่าหม่อมอาเปิดใจให้เปลวแล้วสินะ ถึงได้มอบสิ่งนี้ให้เองกับมือเลย”
หญิงมุกเองก็พลอยรู้สึกดีใจไปกับเปลวด้วยเช่นกัน
“ไม่รู้สิครับ เท่าที่ได้คุยกันวันนี้ ดูเป็นมิตรกับผมมากกว่าครั้งแรกและครั้งหลังๆ เสียอีก
คงเห็นว่าผมได้รับการยอมรับเป็นมณีรมย์สมบูรณ์เรียบร้อยอย่างที่พี่หญิงว่ากระมังครับ
มาดูพร้อมกันเลยเนอะ หนิมเองก็คงอยากรู้สิว่าข้างในเป็นอะไร” เปลวบอกหญิงมุกเสร็จ
ไม่ลืมหันไปสัพยอกเพื่อนรักทิ้งท้ายต่างหาก สนิมค้อนใส่แลน่ารักมากกว่า
สนิมขณะนี้หน้าตาหมดจดสดใส เปล่งออร่าวิ้งค์ๆ เหมือนคนที่อินเลิฟ..
“โอ้โห! นี่มันของใช้ประจำตัวท่านอา ไม่คิดว่าหม่อมอาจะยอมยกให้เปลวอย่างง่ายดาย
แสดงว่าคงยอมรับเปลวแล้วล่ะพี่มุกคิดว่านะ ไม่งั้นไม่มีทางเป็นไปได้
ของที่เห็นอยู่ตรงนี้นับมูลค่าก็ไม่ธรรมดาแล้ว สำคัญเป็นของใช้ที่ท่านอาโปรดปรานเป็นที่สุด”
หญิงมุกดาตาโตหลังเห็นสิ่งที่อยู่ในกล่องไม้ว่าเป็นอะไร ทำให้สนิมพลอยออกอาการตื่นเต้นตามไปด้วย
ยิ่งฟังสรรพคุณของสิ่งเหล่านี้ ว่ามีอิทธิพลต่อท่านชายทองเกล้ามากแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้ทั้งเปลวและสนิมรู้สึกดีใจขึ้นไปอีก
“เสียงดังตื่นเต้นดีใจอะไรกันอยู่หรือครับ” เสียงทุ้มนุ่มฟังดูอบอุ่นดังให้ได้ยิน
ก่อนเจ้าของเสียงจะปรากฏตัวให้เห็น ตามด้วยคุณนิลที่พากันเดินเข้ามาในห้องพักผ่อน
ซึ่งคุณหญิงมุก เปลว สนิมกำลังดีใจของขวัญที่เปลวได้รับมอบจากหม่อมรำไพกันอยู่นั้น
“พี่ชายมาได้จังหวะเชียวค่ะ มาดูของสำคัญที่หม่อมอามอบให้เปลวในโอกาสที่เปลวกำลังจะเป็นนิสิตปีหนึ่งสิค่ะ
ว่าน่ายินดีมากแค่ไหนกับของขวัญล้ำค่าชุดนี้” หญิงมุกเอ่ยจบ คุณชายเพชรกับคุณนิลดิ่งมาดูของ
ที่อยู่ในกล่องไม้บนโต๊ะทันที โดยไม่ต้องรอให้ใครเอ่ยชวนซ้ำอีก
“โห!!..นี่ปากกาสุดโปรดกับนาฬิกาของรักของหวงท่านชายนี่นา” คุณนิลตาโตไปแล้ว
ส่วนคุณชายเพชรพอเห็นของในกล่องก็นิ่งงัน ไม่ได้ออกความเห็นแต่อย่างใด สีหน้าดูจะแปลกใจเล็กน้อยด้วยซ้ำ
“นั่นสินิล มุกก็คิดไม่ถึงว่าหม่อมอาจะยอมยกให้เปลว ของเหล่านี้ท่านอารักและหวงมาก
ทุกคนเห็นชินตายิ่งคนใกล้ชิดด้วย ไม่ว่าท่านอาไปไหนต้องเห็นปากกาสองด้ามกับนาฬิกาเรือนนี้ติดตัวเสมอ
กลายเป็นโลโก้ประจำตัวไปแล้วด้วยซ้ำ” หญิงมุกเพิ่มเติมคำพูดคุณนิล ขยายความขึ้นอีก
“นอกจากของในกล่องยังมีอะไรอีกไหม..ที่หม่อมอารำไพมอบให้”
คุณชายเพชรหันมาถามเปลว ทำเอาทุกคนรอฟังอย่างสนใจตามด้วย
“ไม่มีครับ แต่หม่อมอนุญาตเปลวเข้าออกตำหนักขวาตามสะดวก วันไหนอยากไปดูห้องบรรทมท่านพ่อก็ไปได้
จะขอดูอะไรเกี่ยวกับท่านพ่อก็อนุญาตนะครับพี่ชาย เปลวยังคิดไม่ถึง นึกว่าฝันไปด้วยซ้ำ”
“บางทีหม่อมอาคงจะเปิดใจให้แล้ว ถึงหม่อมอาจะเษกสมรสกับท่านอาแต่ก็ไร้ทายาท..
สาเหตุนี้กระมังหม่อมอาจึงลดทิฐิไม่ปิดกั้นเปลวอีก อาจต้องการให้ดวงวิญญาณท่านอามีความสุข
อย่างน้อยสายโลหิตของท่านอาโดยตรงก็ได้ใช้ของที่ท่านรัก”
“เปลวรู้สึกสบายใจบอกไม่ถูกครับพี่ชาย” เปลวเผยยิ้มสวย ยืนยันถึงความรู้สึกว่าสบายใจมากแค่ไหน
“แล้วถุงนั้นอะไรครับ” คุณชายเหลือบเห็นถุงอีกใบ จึงเอ่ยถาม
“อ๋อดอกคำฝอย ตอนกลับเปลวบังเอิญพบคุณลุงแกเป็นคนดูแลสวนตำหนักหม่อมเธอ
หูหนวกตาบอดแต่พูดได้ แกมีน้ำใจให้ดอกคำฝอยเปลวไว้ชงดื่มนะครับ”
เปลวยิ้มไปด้วย ขณะพูดถึงชายชราคนสวน
“ลุงชุ่ม..คนเก่าแก่ของหม่อมอา ตามมารับใช้ตั้งแต่เษกสมรสแล้ว
วันแรกที่หม่อมย้ายเข้ามาอยู่ตำหนักขวาตาชุ่มแกก็มาวันนั้น” คุณชายบอกกับเปลว
“เปลวก็ลืมถามชื่อคงใช่คนเดียวกัน แกเก่งนะครับขนาดหูหนวกตาบอดยังดูแลสวนได้
ตอนเปลวเจอแกทึ่งเลยครับพี่ชาย แกกำลังขุดดินนำต้นทานตะวันดอกเบ้อเริ่มลงปลูกอยู่พอดี
ตอนแรกแกล้งส่งเสียงชวนคุย ไม่คิดว่าแกจะหูหนวกไม่ได้ยิน กว่าจะรู้ว่าแกไม่ปกติก็เกือบจะเดินหนีแล้ว
ว่าแต่พี่ชายทำไมกลับแต่วัน ไหนบอกเข้าบริษัทเคลียร์งาน” เปลวเล่าด้วยสีหน้ามีความสุข
“งานเสร็จแล้วครับ พี่ตั้งใจกลับมาทานมื้อเที่ยงร่วมกับพวกเรา เจอนายนิลเข้าพอดี
เห็นบอกมีธุระสำคัญกับเปลว” คุณชายพลอยสุขตาม ยิ้มหล่อแจงเหตุผลให้ฟังอย่างอบอุ่น
“ตกลงได้คำตอบแล้วใช่ไหมครับคุณนิล” เปลวปรับสีหน้าจริงจัง หลังคุณชายพูดจบ..ก็หันไปถามคุณนิลในทันที
“ครับ..พี่ตั้งใจมาเรื่องนี้ ในเมื่อทุกคนพร้อมหน้าขอใช้โอกาสนี้คุยเรื่องที่รับปากเลยดีกว่า จะได้รู้พร้อมกัน”
คุณนิลตอบเปลวสีหน้าแววตาล้วนหนักแน่น คุณชายเพชรไม่เอ่ยอะไรแค่พยักหน้า หญิงมุกส่งสายตา
สนิมสีหน้าบรรยายไม่ถูก ไม่กล้าสบตาคุณนิลด้วยซ้ำ
“ถ้างั้นขอเป็นกิจจะลักษณะดีกว่าครับ” เปลวเสนอ ทุกคนพากันลุกเดินไปห้องหนังสือ
ปิดประตูเรียบร้อยนั่งหันหน้าเข้าหากัน คุณนิลจึงได้เริ่มเปิดการสนทนาคนแรก
“พี่มาพูดเรื่องน้องหนิม” คนโดนพาดพิงมองคุณนิลแล้วหลุบตาหลบจ้องมือตัวเองบนตัก
ไม่มีใครรู้สนิมคิดอะไร เจ้าตัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ควบคุมให้สงบไม่ได้เลยสักนิด
“ครับ..เชิญคุณนิล” เปลวจากที่ยิ้มละไม กลับสุขุมจ้องคุณนิลนิ่ง เปลวถึงแม้มั่นใจคุณนิลคงไม่ทำให้ผิดหวัง
แต่อะไรก็เป็นไปได้ ทางเดียวที่จะชี้ชัดคือรอคำยืนยันจากเจ้าตัวโดยตรงเท่านั้น
“พี่ชายเพชรครับ กรุณาอนุญาตให้ผมคบน้องหนิมในฐานะคนรัก ผมสัญญาจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”
คิดไม่ถึงเลยว่า คนที่คุณนิลจะเอ่ยขอคือประมุขวัง สายตามุ่งมั่นจ้องยังคนที่เจาะจง รอฟังคำอนุญาตแน่วนิ่ง
“ทำไมนายขอพี่..หืม” คุณชายไม่ได้ให้คำตอบ ย้อนถามขึ้นแทน
“ถ้าพี่ชายเพชรอนุญาตผมมีความมั่นใจ ว่าน้องหนิมจะไม่ถูกแยกไปจากผมอีก
ถ้าเกิดอุปสรรคพี่ชายคงไม่แยกน้องเหมือนอดีตที่เคยเกิดขึ้น” คุณนิลจ้องคุณชายดุจเดิม
คำพูดบ่งบอกชัดคนชี้ขาดคือคุณชายเพชรแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ในนี้ไม่มีใครให้ความมั่นใจคุณนิลได้นอกจากคุณชาย
“ถ้าพี่อนุญาตภายหลังนายมีปัญหากับหม่อมน้า จะถือคำพูดพี่เพื่อใช้จัดการเรื่องนี้อย่างนั้นสินะ”
คุณชายเพชรถามน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“นั่นส่วนหนึ่งครับ ผมมั่นใจเกินร้อยถ้าพี่ชายอนุญาตหม่อมแม่จะวุ่นวายแค่ไหน ก็ต้องเห็นแก่หน้าพี่ชาย
คงไม่ทำอะไรให้น้องหนิมลำบากใจจนความสัมพันธ์ของผมกับน้องมีอันต้องยุติลงแน่
เว้นเสียแต่เราสองคนจะเป็นคนยุติมันเสียเอง สำหรับผมแล้วแม้จะไม่กล้ายืนยันถึงอนาคต
ว่าจะมั่นคงยาวนานแค่ไหน..แต่ผมสามารถให้สัจวาจาได้ ผมจะไม่ทำให้น้องผิดหวังเสียใจในตัวผมแน่
จะไม่นอกกายนอกใจ อดีตที่ผ่านมาไม่ว่าจะเคยมีใครมาก่อน ขอให้น้องเชื่อใจผม นับแต่นี้ผมมีน้องเป็นคนรักแค่คนเดียว”
สนิมได้ยินคำพูดเต็มไปด้วยความหนักแน่น ทั้งน้ำเสียงแววตาจากคุณนิล ถึงกับกล้าจ้องหน้าหล่อ
ทั้งที่ตนเองออกอาการหน้าแดงก่ำจนสุกเป็นตำลึงไปแล้ว ไร้คำพูดสอดแทรกแม้แต่น้อย
ทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องของสนิมโดยตรง อกซ้ายกำลังพองฟูฟ่องคับแน่น จนนึกหาคำพูดแม้กระทั่งจะอ้าปากยังไม่กล้า
ไม่คิดว่าผลลัพธ์ตามที่หัวใจปรารถนา จะสร้างความปิติดีใจต่อคำตอบที่ไม่คาดฝัน
จากปากคนที่หลงรักชื่นชมมากมายได้แบบนี้
“ในเมื่อนายมั่นใจพี่อนุญาต เรื่องของนายกับสนิมต้องเป็นเรื่องที่นายสองคนมีความต้องการตรงกัน
ไม่ใช่เกิดจากคิดเหมาเอาเอง หากสนิมเขาประสงค์คบหานายเป็นคนรักด้วยความยินยอมพร้อมใจด้วย
พี่ย่อมไม่ขัดขวางแน่นอน ดีเสียอีกน้องชายซึ่งพี่รักเอ็นดูมีความสุขสมรัก พี่ก็ย่อมมีความสุขและยินดีสนับสนุน
ตกลงว่ายังไงหนิมเต็มใจคบกับนายนิลฐานะคนรักหรือเปล่า..หืม” และแล้วก็ถึงเวลาที่สนิมต้องพูด
ต่อให้ขากรรไกรค้างจากการตื้นตันใจจนพูดไม่ออก ก็ต้องแสดงให้ทุกคนรับรู้ในความรู้สึกด้วย
“คะ..ครับ” สนิมตะกุกตะกักเอ่ยสั้นๆ ยังคงก้มงุดหูขาวแดงแปร๊ด
“ครับเฉยๆ ไม่ได้หนิม พูดให้รู้ด้วยไอ้ที่ครับของหนิมคืออะไรยังไง”
กลับเป็นเปลวจี้สนิมให้เผยความรู้สึกออกมา สนิมนึกเคืองเปลวแอบก่นด่าในใจไปเรียบร้อย
เพราะเปลวรู้ดีกว่าใครสนิมคิดยังไง มีหน้าบี้ถามในภาวะที่กำลังอาย..เขินจนทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้ว
“ชายเปลวพูดถูก สนิมรู้สึกยังไงกับคุณนิล แค่ครับพี่ว่าแค่ยอมรับคำพูดพี่ชายเพชร
ไม่ได้บ่งบอกคิดยังไงกับนิลเสียหน่อย ขอชัดๆ ให้มั่นใจ ว่าหนิมรักใคร่ชอบพอนิลเขาด้วย”
เจอหญิงมุกตอกหมุดอีกคน สนิมสิ้นทางเลี่ยงอีกต่อไป หน้าขาวเปลี่ยนสีเป็นลูกเชอร์รี่
ก้มหลบซ่อนพวงแก้มสุกปลั่งจนคางเกือบชิดอกแล้ว นั่งผงกหัวก่อนเอ่ยคำพูดเสียงสั่น แต่ทุกคนก็ได้ยิน
“ผมรักคุณนิล” คนเอ่ยไม่รู้หรอก คำพูดประโยคนี้ได้เรียกรอยยิ้มหล่อบาดจิตจากเจ้าของชื่อ
ซึ่งนั่งจ้องหนุ่มรุ่นน้องตาหวานฉ่ำดูวาวระยิบ ฉายชัดถึงความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกัน ชนิดไม่ต้องมีคำบรรยายด้วยซ้ำ
“สนิมยอมรับแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาของนิลล่ะ แค่ขอให้พี่ชายเพชรอนุญาตให้คบหากันคงไม่ได้
มุกต้องการฟังความรู้สึกนิลด้วย คิดยังไงถึงขอคบน้องหนิมในฐานะคนรัก”
เป้าหมายเปลี่ยนทิศ คุณนิลกำลังปลื้มปริ่มถึงกับหน้าแดงตามสนิมทันที
“มุก..ล้อเล่นป่าวเนี่ยะ” หันไปแหวหญิงมุกแก้เขิน
“ไม่ล้อเล่นหรอกนิล ถ้านิลแค่คิดเล่นๆ อย่าหวังจะได้คบกับหนิม ต่อให้ไม่มีใครคัดค้าน
มุกนี่แหละขอค้านหัวชนฝา” หญิงมุกเก๊กเสียงเข้มปั้นสีหน้าจริงจัง
หารู้ไม่ในใจกำลังสนุกขบขันอาการไปไม่เป็นของคุณนิล ดูเจ้าตัวขัดเขินไม่ต่างสนิมเลย
ไหงตอนเอ่ยขออนุญาตคุณชายเพชรจริงจังมั่นใจไม่มีหลุดมาดเลยด้วยซ้ำ แต่ขณะนี้ทำเป็นหนุ่มน้อยริรักเสียเช่นนั้น
“ผมก็อยากรู้ครับคุณนิล” เปลวคะยั้นคะยอเสริมหญิงมุกไปอีกคน
คงมีเพียงคุณชายเพชรที่จ้องคุณนิลนิ่งๆ ไม่ได้เอ่ยอะไร
เพียงแค่สายตาก็คงพอจะเดารู้ได้เช่นกัน สั่งให้พูดความรู้สึกไร้หนทางเลี่ยงเสียแล้วคุณนิล
“ก็รักสิครับ” คุณนิลเขินเอามือเกาหัวแกรกๆ แก้เขินไปด้วยขณะที่เอ่ยประโยคบอกความรู้สึกออกมา
“รักใครบอกให้ชัดเจน” หญิงมุกไม่ปล่อยผ่าน คุณนิลอ้าปากเหวอ ไม่คิดว่าจะเจอคุณหญิงจอมเฮ้วไล่บี้
“จะรักใครอีกล่ะมุก นิลขอคบใครก็คนนั่นสิ”
พอตั้งสติได้รีบสวนคุณหญิงมุก แถมค้อนปะหลับปะเหลือกให้อีกต่างหาก
“ได้ที่ไหน ขอใครรักใครสักขีพยานต้องการคำยืนยันนิลก็ต้องเอ่ยชื่อมาให้ฟังชัดๆ จะบ่ายเบี่ยงไม่ได้”
หญิงมุกยังคงเก๊กเข้มไม่เลิกหยอกล้อ
“ฝากไว้ก่อนเถอะมุก ผมรักสนิมครับพี่ชายเพชร ขอผมคบน้องในฐานะคนรักนะครับ”
คุณนิลหันไปเอ่ยกับคุณชายแทน เพื่อปัญหาจะได้ยุติไม่โดนกลั่นแกล้งอีก
“บอกพี่ชายไม่ถูกคนสิครับ คนที่คุณนิลควรบอกคือเพื่อนผมนะ”
เปลวไม่ยอมน้อยหน้าหญิงมุก แกล้งคุณนิลอย่างนึกสนุกขึ้นอีกคน
“รวมหัวแกล้งพี่ใช่ไหมครับ” คุณนิลค้อนเปลวขึ้นบ้างล่ะ
ก่อนจะยอมเอ่ยปากสารภาพรักกับหนุ่มขี้อายม้วนต้วน ต่อหน้าสักขีพยานทั้งหมด
“น้องหนิมครับพี่รักน้องหนิมเข้าเสียแล้ว ขอความกรุณาเป็นแฟนเป็นคนรักของพี่ได้ไหมครับ
พี่จะรักและซื่อสัตย์กับน้องหนิมตลอดไปครับ” พูดจบดึงลมหายใจยาว
แล้วรอฟังสนิมจะพูดอะไรหรือไม่อย่างลุ้นใจจดจ่อ
“ครับ” สนิมผงกหัวไม่กล้าสบตาคุณนิล ตอนนี้แทบละลายหลอมเป็นวุ้นไปแล้ว
คุณนิลพอควบคุมอาการเขินได้ไม่มีอายอีกต่อไป ถือโอกาสยื่นมือเชยคางมนสนิมบังคับให้เงยหน้าสบตาเฉย
แอบส่งความรู้สึกตามที่พูดผ่านลูกตาคมฉ่ำให้ด้วยต่างหาก จนหนุ่มน้อยผู้ไม่เคยคิดว่าตนเองมีดี
จนได้ฐานะนี้จากหม่อมหลวงนิลกาฬ ถึงกับตัวสั่นเป็นลูกนก
ตาโตวาวรื้นเกิดอาการดีใจอธิบายเป็นคำพูดไม่ออก บอกไม่ถูกไปเสียแล้ว..
“แปะๆ..ยินดีจร้าทั้งสองคน ยินดีด้วยนะครับ ดีใจด้วยหนิมขอให้รักดูแลกัน
อย่าให้คนใดคนหนึ่งต้องผิดหวังเสียใจล่ะ” เริ่มทยอยอวยพรและร่วมยินดีในความรักของคุณนิลกับสนิม
บรรยากาศเต็มไปด้วยชื่นมื่นออร่าสีชมพูฟุ้งกระจาย ดูหวานตลบอบอวลไปทั้งห้องสมุดกันเลยทีเดียว
ในที่สุดสนิมก็สมหวังในรัก หลังจากเสียใจดูถูกตัวเองมาก่อนหน้า
ถึงขั้นขอออกจากวังกลับไปอยู่พัทยาใช้ชีวิตเดิมๆ ดีที่เปลวทักท้วงห้ามไว้
แถมยังช่วยวางแผน จนสนิมมีความสุขสมปรารถนาในวันนี้
เปลวรู้ดีว่าสนิมน่ารักมีเสน่ห์ไม่แพ้ใคร ก่อนหน้าไม่คิดสนับสนุนให้สนิมมีแฟนเป็นตัวเป็นตน
เพราะยังมองไม่เห็นใครมีคุณสมบัติเพียงพอที่สามารถดูแลสนิมให้มีความสุขได้
จึงไม่คิดส่งเสริมให้สนิมมีคนรัก สำคัญเปลวไม่อยากให้สนิมผิดหวังเสียใจเหมือนเปลว
ซึ่งเคยมีบาดแผลมาแล้ว แต่ตอนนี้เปลวไม่ขัดขวาง เพราะคุณนิลเป็นสุภาพบุรุษ มีความรับผิดชอบ
มีความรู้การศึกษา รวมทั้งอาชีพก็มั่นคง ซ้ำเปลวยังมั่นใจคนที่เคยผิดหวังบาดเจ็บจากความรักมาแล้วเช่นคุณนิล
เมื่อได้รักครั้งใหม่ย่อมหวงแหนดูแลรักนี้ให้ดีที่สุด เพื่อจะได้ไม่พบความเจ็บปวดผิดหวังดั่งอดีตอีก
คนที่มีหัวอกเดียวกันย่อมเข้าใจ การผิดหวังในความรักนั้นมันรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหน
กว่าจะรักษาบาดแผลต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ เปลวเองก็ไม่คิดที่จะให้รักครั้งใหม่
กับผู้ชายอบอุ่นเช่นคุณชายเพชรหลุดมือเช่นกัน
“ยืนคิดอะไรตั้งนานครับ” คุณชายถามเปลว ร่างโปร่งในชุดคลุมนอนยืนรับลมริมสวนของตำหนัก
ท้องฟ้าคืนนี้แม้ไม่กระจ่างแต่ก็ไม่มืดดับ ลมพัดแผ่วช่วยให้รู้สึกโล่งสบาย
เปลวจึงออกมาเดินรับลม อีกอย่างคือมายืนอ่อยคนรักก็คงได้
“พี่ชายเห็นด้วยหรือครับ ว่าเปลวยืนอยู่นานแล้ว” เปลวถามยิ้มๆ
“เห็นสิครับ พี่มองเปลวตรงระเบียงตั้งนาน ไม่รู้ตัวเลยหรือครับ
แสดงว่าคิดอะไรเพลินอยู่สินะ” คุณชายยิ้มอบอุ่นส่งมาให้
“คงใช่..คิดเรื่อยเปื่อยเพลินไปหน่อย ดีใจกับสนิมที่วันนี้มีคุณนิลคอยดูแล
ถึงเวลาที่หนิมจะมีความสุขเสียที” เปลวพูดความจริงไม่ยกอ้าง หาเรื่องชวนคุยแต่อย่างใด
คุณชายสัมผัสเห็นความเป็นจริงของคำพูดจากดวงตาสวยได้อย่างชัดเจน ย่อมเป็นเรื่องปกติ
ในเมื่อเปลวรักและห่วงสนิมในฐานะพี่น้องคลานตามกันมา มีหรือจะไม่สุขใจอย่างที่พูดด้วยเล่า
“อืม..พี่ดีใจเช่นกัน นายนิลได้พบความสุขเสียที ที่ผ่านมานายนั่นเจ็บปวดกับความรัก
โหยหาสิ่งนี้จนทำให้ตัวเองดูเสเพล ทั้งที่ธาตุแท้เป็นคนยึดมั่นถือมั่นในความรักมาก
ไม่เพราะผิดหวังเรื่องของกล้าเข้าแล้วล่ะก็ นายนิลคงมีความสุขไปนานแล้วด้วยซ้ำ”
คุณชายบอกกับเปลวเสียงทุ้มนุ่ม สายตาแสนอ่อนโยนส่งมาให้อยู่ตลอด
“ครับ..หนิมเองก็คงไม่แตกต่าง จะได้มั่นใจเลิกดูถูกตัวเองได้สักที อย่างน้อยวันนี้หนิมก็เห็นคุณค่าของตัวเอง
ว่าไม่ได้ด้อยจนไม่สามารถขยับมาเป็นคนรักของคุณนิลได้อย่างที่คิด จากนี้คงต้องรอดูกันต่อไปแล้วครับ”
“พูดแต่เรื่องพวกเขาแล้วเรื่องของเราล่ะ ไม่คิดขยับความสัมพันธ์เพิ่มความสนิทสนมของเราให้ก้าวหน้าเลย..หืม”
คุณชายยิ้มกรุ้มกริ่มส่งให้ แทบนึกภาพไม่ออกถ้าไม่เห็นด้วยตา ว่าคุณชายเพชรก็มีมุมนี้
ขึ้นชื่อผู้ชายไม่มากก็น้อยย่อมมีมุมเจ้าชู้เป็นธรรมดา เพียงแต่ขอให้ใช้ให้ถูกคนเท่านั้น โดยเฉพาะคนที่ได้ชื่อเป็นคนรัก
“เปลวรับปากพี่ชายไว้ยังจำได้ครับ หลังงานเลี้ยงพร้อมที่จะขยับฐานะของตัวเองเป็นคนรักที่สมบูรณ์
ว่าแต่พี่ชายถามแบบนี้ หมายความว่าพี่ชายพร้อมให้ความสัมพันธ์ของเราก้าวหน้า แน่ใจแล้วจริงหรือครับ”
เปลวไม่ใช่พวกไก่อ่อน ถึงกับจะมาเขินม้วนต้วน เมื่อเจอคำพูดชวนคิดจากคนหล่อระเบิดระเบ้อ
แทมยังเป็นแฟนกันอีกแบบนี้ด้วย
“พี่พร้อมตั้งนานแล้ว ที่ไม่เริ่มเพราะรออดีตนางโชว์เจ้าเสน่ห์เป็นคนเริ่มก่อนต่างหาก
เห็นถ้าจะไม่คืบหน้าถ้าพี่ไม่เริ่มเสียเอง เขามัวแต่อ่อยเสียร่ำไป ยังไงคืนนี้น่าจะถึงเวลาแล้ว
ไปเถอะเราไปกระชับความสัมพันธ์ให้มันสมบูรณ์เสียที ดีกว่ามายืนตากลมอยู่แบบนี้”
พูดจบคุณชายไม่รอฟังคำตอบรับหรือปฏิเสธ พี่แกฉวยข้อมือขาวจับจูงพาเดินกลับขึ้นตำหนัก
จุดหมายคือห้องประมุขของวังมณีรมย์ไม่ใช่ห้องคุณชายทองเปลวแต่อย่างใด
คืนแรกที่กำลังจะเป็นของกันและกัน คุณชายให้เกียรติเปลวมาก ย่อมต้องใช้ห้องส่วนตัว
เปลวไม่ได้แค่คนรักธรรมดาทั่วไปที่จะหามาประดับ แต่เป็นเจ้าของหัวใจประมุขวังมณีรมย์
คำตอบนี้คุณชายไม่ต้องไปหาจากไหน ระดับสติปัญญาคุณชายย่อมรู้ใจตัวเองดี
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่ฉาบฉวย มันสะสมเพิ่มพูนทีละน้อย นับตั้งแต่ในวันที่สองหนุ่มพบหน้าในสถานการณ์สุดแปลก
ไม่คิดว่าจะได้ประสบพบเจอมาก่อน คุณชายทองเปลว มณีรมย์ ทายาทผู้น้องในอิมเมจของสาวสวยทำให้จำติดตา
หลังจากนั้นรู้สึกทึ่งและชื่นชมต่อสิ่งที่เปลวเป็น ด้านอาชีพ ตัวตน ความสามารถ
มากมายหลากหลายล้วนแต่เป็นสีสันให้ประหลาดใจไม่รู้เบื่อ พิสูจน์เห็นชัดๆ วันงานเลี้ยงต้อนรับทายาทมณีรมย์
เปลวทำให้แขกเหรื่อในงานปรบมือกันสนั่น เสียงชมมีมาไม่หยุดพูดถึงแต่ความงามประทับใจของนางกินรีที่เหินฟ้าตีขิม
กระทั่งเพื่อนที่เชิญมาในงาน รุมขายขนมจีบกันยกใหญ่ ไม่มีใครรังเกียจในเพศสภาพของเปลวกันสักนิด
แล้วยังจะมีสิ่งใดมาเป็นข้อกังหาได้เล่า นับจากนี้ คุณชายเพชร มณีรมย์ จะยกฐานะความสัมพันธ์
ที่พวกเขาต่างต้องการกันและกัน จากคนรักทั่วไปเป็นคนรักลึกซึ้งย่อมไม่แปลก คนของใครย่อมรักและหวงแหนเป็นธรรมดา
ค่ำคืนภายในห้องนอนอันอบอุ่นของประมุขวัน เติมเต็มความสุขระหว่างคนรักผู้มีฐานันดรศักดิ์ถึงหม่อมราชวงศ์
ทายาทแห่งวังมณีรมย์ซึ่งต่างก็ไม่อาจหักห้ามความต้องการภายในไว้ได้อีก เสียงเรียกร้องของหัวใจพวกเขา
ช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้ง โดยคุณชายเพชรก็พร้อมแล้วในการก้าวข้ามม่านประเพณีของสังคมชนชั้น
รักกับทายาทผู้น้องซึ่งเป็นชาย แต่กลับงดงามเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ไม่ว่าใครก็หลงใหล.
เสน่ห์นางโชว์ผู้เป็นคุณชายคนนี้กันทั้งนั้น แล้วเขาหรือจะห้ามใจตัวเองไว้ได้อีกต่อไป
จบแล้วนะคะ ขอโทษที่หายไปนานทีเดียว วุ่นวายมากกับการเตรียมปกใหม่
ทำให้หนังสือที่สั่งจองล่าช้า คนที่โอนจองไม่ต้องกังวลนะคะ หนังสือได้แน่นอนค่ะ
ส่วนเรื่องราวต่อจากนี้ ชีวิตของเปลวกับน้องหนิมจะเป็นยังไง คงต้องไปติดตามกันต่อในหนังสือนะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจ และแฟนนิยายที่มอบความไว้วางใจให้เราด้วยดีเสมอมา
มีข่าวคราวคืบหน้าอะไร จะแจ้งให้ทราบทางเมลล์นะคะ
ขอบคุณอีกครั้ง ด้วยจิตคารวะและรำลึกนึกถึงเช่นกัน
ขอให้โชคดีร่ำรวยในปีใหม่นี้นะคะ
รักคนอ่านทุกคนค่ะ
[/i]